บทที่ 16
[/b]
...เงียบเหงา...
...คิดถึง...
...ห่วงหา อาวรณ์...
จอมใจนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดวงตากลมจับจ้องไปหน้าจอที่กำลังประมวลผลโชว์ แสงไฟจากคอมประทะหน้ากลมใส กี่วันแล้วนะ...สามสี่ห้า...เอ๊ะ...หรือว่าหนึ่งอาทิตย์พอดี เขาไม่ได้คุยไม่ได้กอดไม่ได้เล่นกับพี่ราชันมากี่วันแล้วนะ ร่างกลมเสมองดูเวลาและวันที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์...อา...เพิ่งผ่านไปแค่สามวันเท่านั้น
...แต่ทำไมความรู้สึกเหมือนนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์...
นัยน์ตากลมโตจ้องมองโปรแกรมมิ่งที่ขึ้นเออร์เร่อร์อย่างโหดร้าย การทำโปรแกรมมิ่งวันนี้หัวข้อคือ...”ลูป” หมายถึงการวนลูปไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตรงไหนติดบัค...มันอาจจะกลายเป็นการวนลูปที่ไม่มีที่สิ้นสุด...”เอนเลสลูป” มันให้รู้สึกถึงความเหงาที่ไม่รู้จะจบลงตรงไหนจริง สงสัยเขาจะติดบัคแล้วละ...แล้วมันจะแก้บัคอย่างไรดีละ? โปรแกรมบนหน้าจอยังคงรันต่อไปไม่มีหยุดจนทำให้เครื่องค้าง เจ้าหนูรู้สึกว่ามันช่างเหมือนตัวเองตอนนี้เลย...นิ่งงัน เหมือนจะทำงานปกติแต่มันไม่ปกติ
“ใจ...หนูเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงเรียกจากด้านข้างทำเอาเจ้าหนูสะดุ้ง “คอมมันแฮ้งค์มั้งนะ” เมื่อหม่าม้าเดินเข้ามาพร้อมกับกองหนังสือกองโต สงสัยเอามาอ่านหาแรงบันดาลใจเขียนนิยาย
“อ่า...ครับ”
ช่วงนี้จอมใจพูดน้อย ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่จากที่ได้ยินมาจากบ้านใหญ่...คือ...เจ้าลูกหมูทะเลาะกับพี่ราชัน ออกจะเป็นเรื่องแปลกเพราะสองคนนี้ไม่เคยโกรธหรืองอนกันเกินหนึ่งวัน แต่จากเห็นแล้วคงมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
“หนูทะเลาะอะไรกับพี่เขาหรือเปล่าครับ”
“ป...เปล่าครับ” ตอบอึกอัก แต่ก็ไม่สามารถปิดคนเป็นแม่ได้
“ม้าว่าใจน่าจะคุยกับพี่เขาตรงๆดีกว่านะ เราไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ? อีกอย่างเราเป็นเด็กควรจะเข้าหาผู้ใหญ่ก่อนนะลูก” ถ้อยคำสั่งสอนของหม่าม้าทำให้เจ้าหนูเม้มปาก
ทำไมเขาจะไม่อยากเข้าไปคุย ปรับความเข้าใจ แต่พี่ราชันต่างหากที่หลบหน้าเขา ตอนเช้าก็ออกก่อน ตอนกลับนะ..ถ้าไม่กลับเร็วแล้วอ้างว่าทำงานบนห้อง(อันนี้เขาได้ยินมาจากป้านงค์)ละก็...กลับบ้านดึกดื่นนู่นแนะ...
...เขาไม่ผิดนะ...
คิดถึงตรงนี้จอมใจก็น้อยใจ...แต่พอมาคิดดูอีกที...เขาก็ด้วยที่ทำตัวแบบนี้...ตอนเช้าก็ไปบ้านใหญ่สายหน่อยจะได้ไม่ต้องเจอกันเพราะเขารู้ว่าช่วงนี้พี่ราชันออกเช้า...พอกลับบ้านมาส่วนใหญ่เขาก็ขลุกอยู่ที่บ้านตัวเองไม่ยอมออกไปไหนกินข้าวก็ข้าวบ้านตัวเอง
...ก็สองฝ่ายเป็นแบบนี้แล้วเมื่อไรมันจะได้คุยกัน...
...เขาไม่อยากให้เรื่องมันคาราคาซังอีกแล้ว!...
จอมใจถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งหลังตรงขึ้นมา กดปิดโปรแกรมที่รันค้างเติ่ง คอมพิวเตอร์ที่เสียศูนย์อยู่ครู่หนึ่งก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม...ถ้าอะไรๆมันง่ายเหมือนอย่างนี้โลกนี้คงอยู่ง่ายขึ้นเยอะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทางด้านพี่ชายใหญ่ก็ไม่น้อยหน้า ชายหนุ่มนั่งหลังตรงบนโต๊ะทำงานตัวเขื่อง นัยน์ตาจดจ้องอยู่ที่หน้าเอกสารปึกใหญ่แต่ขอโทษที...อ่านหน้าเดิมมาเกือบชั่วโมงแล้ว จนจักรภพที่เข้ามาเอางานเมื่อครึ่งชั่วโมงหยุดมองอยู่ครู่หนึ่งแต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดและรู้ว่าเพื่อนสนิทมีอะไรอยู่ในใจจึงไม่คิดจะไปซักให้มากความ เพียงแค่ออกมาบอกคุณเลขาว่าให้หาขนมว่างและเครื่องดื่มร้อนๆให้เจ้านายนิดหน่อย
บัดนี้ชาร้อนๆถูกปล่อยจนเย็นชืด ขนมแข็งเพราะโดนลม จอมราชันก็ยังคงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับ
เขาไม่เจอน้องมากี่วันแล้วนะ...สองสามสี่วัน? หรือมากกว่านั้น? ตอนนี้ทางด้านจอมราชันก็อาการหนักไม่แพ้น้องชายเลย อ่า...แต่ทำไมรู้สึกมึนๆแหะ...รู้สึกร้อนๆที่ตา...อย่าบอกนะว่า...
“แกโอเคนะ” เสียงนั้นปลุกภวังค์ชายหนุ่ม ร่างสูงกระพริบตาสองสามทีก่อนเงยหน้าจากกระดาษ ชินกฤตยืนจ้องเขาจากหน้าประตู เพื่อนสนิทที่ปกติมีแต่รอยยิ้มกวนๆ บัดนี้เคร่งขรึม
ชายหนุ่มลูบหน้าตนเองอย่างเหนื่อยล้า นิ้วเรียวยาวนวดที่กระบอกเบ้าตา “ฉันโอเค” บอกแบบนั้นแต่เพื่อนดูแล้วยังไงก็ไม่โอเค
“อืม...” แต่ช่างมันเถอะ “แกอ่านสัญญาเป็นไงบ้าง ฉันมาเอาเอกสาร” ชินกฤตบอกความต้องการ
“...ฉันยังอ่าน...ไม่จบ” คราวนี้เพื่อนรักหน้าเหลอหลาขึ้นมาทันที ไม่มีครั้งใดที่จอมราชันจะทำล่าช้าแบบนี้ แบบนี้ร่างสูงที่ยืนอยู่รีบขยับเข้ามาพลางเอามืออังหน้าผาก อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำเอาเพื่อนสนิทขมวดคิ้ว
“มีตัวรุมๆนี่หว่า” ว่าไปมือก็สำรวจไป “ฉันว่าแกกลับไปพักเถอะวะ”
แม้อยากจะแย้งแต่หากความดื้อดึงของเพื่อนทำเอาจอมราชันยอมแพ้พลางขอโทษเพื่อนและเลขาก่อนจะขอตัวกลับไปพักที่บ้าน
ตอนแรกๆก็ว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ปวดศีรษะธรรมดาๆแต่พอกลับมาถึงที่บ้านแล้วชักรู้สึกว่าตัวเองท่าจะเป็นหนักเพราะนอกจากอาการปวดตุบๆที่ศีรษะจะไม่ทุเลาแล้ว อาการครั่นเนื้อครั่นตัวก็ตามมาอีก ขายาวพาร่างสูงเข้ามาในตัวบ้าน ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาทันที นวดขมับและดวงตาอย่างเหนื่อยล้า จันทร์ที่เห็นชายหนุ่มกลับมาเร็วกว่าปกติเลยเดินเข้า
“ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังเลยค่ะคุณราชัน”
จอมราชันมองหญิงสาวก่อนจะพยักหน้า “ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ จันทร์ช่วยหยิบน้ำอุ่นให้แก้วหนึ่งสิ” พูดเสร็จก็ยันกายลุกเดินไปที่กล่องยาสามัญประจำบ้านค้นหายาแก้ไข้มาหนึ่งแผง ส่วนจันทร์ก็เดินไปหยิบน้ำมาให้พร้อมกับขนมปังสำเร็จรูปที่พอจะมีติดบ้านเอาไว้ยามนักสถาปนิกหนุ่มสุดเซอร์เกิดท้องว่างกลางดึกกะทันหันมาให้เพื่อรองท้อง
หลังจากทานยาเสร็จจอมราชันก็ขึ้นไปพักที่ห้องตัวเอง จัดการกับชุดสูทที่น่าอึดอัดเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆก่อนล้มตัวลงนอน
หลายวันนี้เขารู้สึกอะไรๆมันเปลี่ยนไปเยอะจริง...โดยเฉพาะใจตัวเองเขาเอง...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“นี่ครับ” จอมใจจ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้คนขับ แล้วเดินหายเข้าไปทางบ้านของตัวเอง ช่วงสองสามวันนี้เขาไปค่อยได้ไปขลุกที่บ้านใหญ่เท่าไรนัก ใครถามก็บอกว่าการบ้านเยอะ งานนู่นนี่นั่น แต่เอาเข้าจริงเขารู้ดีที่สุดว่าทำไมถึงเลี่ยงที่จะไม่ไปที่นั่น
หลังจากเข้ามาบ้านเรียบร้อย มองนาฬิกาบ่งบอกว่ายังไม่เย็นมากนัก ที่บ้านคงยังไม่มีใครกลับมา จอมใจเลยว่าจะไปหาป้าอุ่นเสียหน่อยไม่ได้เจอมาหลายวันคิดถึง...เขาคิดถึงป้าอุ่นจริงๆนะ!
น้องน้อยของบ้านเดินข้ามมาอีกฝั่งทันที รีบแจ้นไปที่ครัวดูเผื่อป้าอุ่นจะเตรียมอาหารเย็นอยู่แล้วก็เป็นดังคาดเพราะเจอร่างท้วมของแม่บ้านเก่าแก่แต่ยังคงกระฉับกระเฉง
“สวัสดีครับบบบป้าอุ่น” เจ้าตัวขี้อ้อนรีบประจบประแจสวมกอดร่างท้วมนุ่มนิ่มจากทางด้านหลัง
“โอย...คุณหนูป้าตกใจหมด” หันมาเอ็ดเจ้าตัวดีที่ยิ้มเผล่ให้ก่อนจะหันไปเตรียมของต่อโดยมีลูกหมูกอดอยู่
“ป้าอุ่นทำอะไรนะครับ” เจ้าตัวถามพลางสอดส่องเมนูต่างแต่หากก็ต้องขวมดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเจอกับหม้อใบย่อมที่ป้าอุ่นนำมาใส่ข้าวสารและเติมน้ำเปล่า
“อ้อ...จันทร์บอกว่าคุณราชันไม่ค่อยสบายเลยว่าจะทำข้าวต้มแยกให้เธอนะเพราะคิดว่ากินอะไรย่อยง่ายจะดีกว่า” ว่าพลางมือคนข้าวสารในหม้อรินน้ำทิ้งสองทีแล้วเติมน้ำสะอาดลงไปใหม่และตั้งไฟ
จอมใจพอได้ยินว่าพี่ใหญ่ป่วยก็ตกใจนิดหน่อยเพราะจอมราชันแข็งแรงพอสมควร นานๆทีถึงจะป่วย ถึงตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาเฉยๆ “แล้วพี่เขากลับมาแล้วหรือครับ?”
“จ๊ะ...นอนพักอยู่บนห้องน่ะ”
ร่างกลมบอกนางว่าจะไปดูพี่ชาย แต่...พอเดินมาถึงหน้าประตูห้องกลับไม่มีแม้แต่ความกล้าจะเปิดเข้าไปทั้งที่เมื่อก่อนเข้าออกบ่อยๆ มือขาวเอื้อมมือคว้าลูกบิด สูดหายใจลึกๆ ในหัวกำลังสับสนอย่างหนัก...จะทำหน้าอย่างไรเวลาเจอ...จะเริ่มพูดว่าอะไรดีละ...แค่คิดก็กลัวไปหมด แต่มือก็ยังทำตามคำสั่งโดยการหมุนและดันเข้าไป
ปะทะกลับแสงแดดอ่อนยามเย็นที่สาดผ่านหน้าต่างมุ้งลวด กลิ่นหอมอ่อนที่คุ้นเคยทำเอาเจ้าหนูสูดเข้าเต็มปอด พอเดินเข้าไปใกล้ๆเห็นผ้านวมกองหนึ่งขดอยู่กลางเตียงหลังใหญ่ ค่อยๆแง้มผ้าออกมา ใบหน้าคมแดงเรื่อแต่ริมฝีปากกลับซีดจางลงเล็กน้อย จอมใจเอามืออังหน้าผากแต่หากต้องขมวดคิ้วเมื่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น เม้มปากอย่างขัดใจก่อนจะลุกกลับที่ห้องห้องน้ำและกลับออกมาพร้อมกับกะละมังใบย่อมและผ้าขนหนู
“อือ...” เจ้าหนูชะงักกึกเมื่อเสียงครางแผ่วเบาดังลอดออกมายามที่เจ้าตัวเอาผ้าชุบน้ำเช็ดแผ่วเบาบนใบหน้าพี่ชาย
จอมใจเช็ดอย่างระวัง ลึกๆกลัวว่าถ้าจอมราชันตื่นมาจะว่าอย่างไร แต่ก็ข่มความกลัวเพราะจริงๆแล้วเขานี่แหละห่วงพี่ราชันมากที่สุด ไม่ได้เจอกันหลายดูหน้าพี่ราชันซูบลงไปเลย
“อือ...ใ...ใจ...” ระหว่างที่จอมใจเช็ดตามแขนตามตัวอยู่นั่นเสียงเรียกชื่อตัวเองแผ่วเบาก็ทำให้ตากลมโตรีบมองหน้าคนป่วย ปะทะเข้ากับนัยน์ตาคมกำลังมองเขาอย่างปรือๆ
“พ...พี่ราชัน” ทำไมพี่ชายคนป่วยถึงต้องมาตื่นเอาตอนนี้ด้วยนี้นะ เขาทำหน้าไม่ถูกเลย แถมตอนนี้ร่างสูงค่อยหยัดกายขึ้นมานั่งด้วยแม้ดูจะทุลักทุเลไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก
“เราเข้ามาทำอะไรหรือครับ...” จอมราชันถามแต่อีกฝ่ายกลับตีความไปว่าพี่ราชันไล่
“ใจแค่...เห็นว่าพี่ราชันไม่สบายเลยมาดู แต่ดูแล้วพี่ราชันไม่ชอบใจ ใจไปก็ได้ครับ” นี่หรืพี่ชายที่แสนดีของเขา...ใจร้ายที่สุด...จูบคนอื่นแล้วมาเมินกันแบบนี้!
ความน้อยใจที่พุ่งขึ้นมาทำเอาร่างกลมๆทำท่าจะลุกออกจากเตียงแต่เสียงแหบที่ขัดขึ้นทำเอาคนฟังชะงัก
“เราต่างหากที่ไม่อยากเจอพี่” ใครกันแน่...ที่หนีหน้าเขาทุกวัน ไม่ยอมมาที่บ้านใหญ่ หายหน้าหายตาไปหลายวัน
“พี่ราชันต่างหากที่เมินใจ ตอนเช้าก็ชิ่งไปทำงานก่อน...ทั้งที่ตัวเอง...จ...” จูบคนอื่นไปแล้วแท้ๆ ประโยคที่เหลือถูกกลืนกลับเข้าไปในลำคอ
“เราต่างหากที่โกรธพี่ที่วันนั้นพี่ทำอย่างนั้นไป” เจ้าหนูหน้าแดงระเรื่อเมื่อภาพวันนั้นเข้ามาในหัวรีบแก้ตัวพัลวัน “เป...เปล่าสักหน่อยครับ ใจไม่ได้โกรธ...แค่...แค่” จอมราชันพยายามฝืนตามองหน้าใสๆที่แดงเรื่อ โอย...จะพูดได้ไงว่าเขินอ่ะ
“ไม่โกรธ?...งั้นแสดงว่าเขิ...อุบ...” จอมราชันยังพูดไม่ทันจบเจ้าตัวกลมก็รีบถลาเข้ามาปิดปากเอาไว้แต่ด้วยความที่ไม่ระวังเจ้าหนูกลับล้มทับร่างใหญ่นั้นแทน “เล่นอะไรเนี่ยเราพี่จุกนะ” จอมราชันโดนลูกหมูตัวน้อยๆล้มใส่ถึงกลับร้องโอด
“ก็...ก็พ...พี่ราชันนั่นแหละจะพูดอะไร” เจ้าลูกหมูยังกระแง้วๆใส่ แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อสบกับดวงตาคมปลาบที่จ้องมา น้องถึงกับอ้ำอึ้งไปต่อไม่ถูก
“แล้วเรารู้สึกอย่างไร? รังเกียจ?” เสียงทุ้มเคร่งขรึมขึ้นมาทันที จอมใจเกร็งขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเพียงแค่สบตากับอีกฝ่ายแล้วรู้สึกเหมือนคิดอะไรไม่ค่อยออกเลย
“เปล่าครับ ไม่รังเกียจ” อันนี้เขาตอบความจริง มันไม่ใช่ความรังเกียจ จะเรียกว่าอะไรดีละ...รู้สึกแปลกๆละมั้ง? ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ว่าก็เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย
ร่างสูงพอได้ยินก็ยิ้มอ่อนโยน ขอเพียงแค่น้องไม่รังเกียจเขาก็พอแล้ว “พี่รู้ว่าพี่ไม่ควรทำแบบนั้นแต่ว่าพี่รู้สึกแค่ว่าพี่ไม่อยากเสียเราให้คนอื่นไปก็เท่านั้น...” จอมใจนิ่งงันเมื่อได้ยิน ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งตรง ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังร่างสูงที่ขยับลุกตาม
“พี่ราชันหมายความว่าไงครับ?” เขาไม่อยากตีความไปเอง จอมใจทำหน้าเคร่ง เขายังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองเลยว่าที่เขาทั้งสองคนทำไปทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเพราะความผูกพันหรืออย่างอื่นกันแน่...ที่คนอื่นเขาเรียกว่า...”ความรัก”
“พี่ไม่อยากเสียเราไปให้ใครทั้งนั้น มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่พี่ยอมไม่ได้จริงๆ” จอมราชันสบดวงตากลมโตอย่างหนักแน่น ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเขาไม่มีทางจะเสียจอมใจไปให้ใครทั้งนั้น แค่คิดใจเขาก็เจ็บแปลก เขาอยู่มาจนอายุขนาดนี้รู้ดีว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร “แล้วเราละว่าอย่างไร? ไม่เกลียดพี่ได้ไหมที่พี่คิดกับเราแบบนี้”
“คือ...ใจรักพี่ราชันมากๆนะครับ แต่ใจไม่ค่อยแน่ใจว่ามันคือรักแบบไหนกันแน่?” ความลังเลฉายแววอยู่ในดวงตากลมโตนั่น จอมราชันรั้งร่างกลมเข้ามากอดแล้วโยกเบาๆ
“งั้นเรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันไหมครับ? เรียนรู้ว่าความรู้สึกที่เราสองคนมีให้กันมันเรียกว่าอะไร” เสียงทุ้มนุ่มดังก้องในหูให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เหมือนกับสองสามวันที่จอมใจมัวจมอยู่กับความทุกข์นั่น
...มาเรียนรู้ที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆกัน...
จอมใจพยักหน้ากับอกกว้าง พี่ใหญ่หอมผมสลวยนุ่มๆนั่นเข้าเต็มปอด
...ตอนนี้เขามั่นใจอย่างที่สุดเลยว่า...ที่ไหนมีพี่ราชัน ที่นั้นคือสถานที่พักพิงทั้งกายและใจอันอบอุ่นเสมอ...
TBC.