บทที่ 18
[/b]
“แต่ฉันไม่ยอมรับ!”
“แต่พ่อครับ...” จอมราชันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองหมดเรี่ยวแรงได้ขนาดนี้
“แกกำลังหลงผิดนะราชัน”
“พ่อครับแค่การที่เราสองคนรักกันมันผิดตรงไหนครับ”
“ผิดตรงที่แกเป็นผู้ชายทั้งคู่และนั่นก็น้องของแก” จอมไตรรู้ดีว่าแม้ทั้งสองจะไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาแต่หากเขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของเด็กสองคนจะกลายเป็นแบบนี้ได้ และอีกอย่างทั้งคู้ยังเป็นผู้ชาย เขาไม่ได้รังเกียจเรื่องอะไรพวกนี้แต่บางทีหัวอกคนเป็นพ่อแม่มาเจอกับลูกตัวเองก็แทบจะล้มทั้งยืนเหมือนกัน
“แต่พ่อครับ...” เขาแทบหมดกำลังใจ
“ไม่รู้ล่ะ วันนี้แกไปสงบสติอารมณ์แล้วลองคิดทบทวนดูใหม่ไป” เมื่อบิดาโบกมือไล่เจ้าตัวก็ต้องจำใจออกไปแม้จะยังอยากพูดอะไรอีก แต่เขาไม่ต้องการให้บิดารู้สึกแย่ไปมากกว่านี้แล้ว
คล้อยหลังร่างสูงของบุตรชาย คุณจอมไตรถึงกลับนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้อง น้ำใสๆจากดวงตาคลอออกมา เขารู้ไม่ดีที่ต่อว่าลูกชายขนาดนั้น แต่เขาก็ยังไม่พร้อมที่จะรับฟังเรื่องอะไรอีก เขารู้ดีว่า...พ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัว...เฮ้อเขายังไม่รู้เลยว่าจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับภรรยาและลูกน้องคนสนิทของเขาได้อย่างไร...ว่าลูกชายของทั้งสองครอบครัว...รักกัน!
...เขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี...
ตอนนี้ขาของจอมราชันแทบจะก้าวไม่ออกหลังจากออกมาจากห้องของบิดา ร่างสูงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องไม่ได้ไปไหน มือใหญ่กำมัดแน่นจนข้อขึ้น แต่ใบหน้ากลับเศร้าหมอง เขาไม่อยากเสียน้องไปแต่ก็ไม่อาจเป็นลูกอกตัญญูได้ เขาควรจะเลือกทางไหนระหว่างหัวใจตัวเองหรือความถูกต้อง
“พี่...” เสียงเรียกทุ้มแหบทำให้จอมราชันรู้สึกตัว จอมทัพเดินเข้ามาหาเขา น้องชายคนที่สามไม่ได้พูดอะไรแต่หากทำเพียงจับบ่าและบีบเบาๆ
จอมทัพแม้จะเงียบแต่หากเป็นคนที่เข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ดี และถ้าคิดไม่ผิดชายหนุ่มคงได้ยินเสียงเล็ดลอดออกไปบ้างเพราะเขาชอบนั่งทำงานในห้องของตัวเองที่ห่างไปไม่ไกล
“ทัพ...” จอมราชันพูดอะไรไม่ออก เอื้อมมือไปบีบมือน้องชายคืนอย่างเรียกกำลังใจ
“พี่แค่เลือกในสิ่งที่พี่คิดก็พอ ผมคิดว่าพี่จะเลือกสิ่งที่ดีสุด” ไม่ว่าไรเขาก็ยังนับถือพี่ชายคนโตของเขาคนนี้ จอมทัพคิดว่าพี่ชายคนโตเขาเสียสละมามากพอแล้ว จอมราชันต้องเข้าบริหารบริษัทพร้อมกับบิดาเพื่อให้น้องๆคนอื่นมีโอกาสได้เรียนในสิ่งที่ชอบ บ้านเขาไม่ใช่ว่าเป็นละครน้ำเน่าที่พ่อแม่ฝากความหวังทุกอย่างที่ลูกชายคนโต แต่โชคดีที่พี่ชายของเขาไม่ได้คัดค้านเรื่องที่จะต้องเรียนสาขาบริหารเพื่อเอามาทำงานและปล่อยให้น้องคนอื่นได้เรียนอย่างทีชอบ ก็โชคดีไป แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาทุกคนก็ยังคงรู้สึกขอบคุณพี่ชายคนนี้เสมอไม่ว่าเมื่อไร
จอมราชันคลี่ยิ้มเนือยๆให้ก่อนจะแยกย้ายไปตามห้องของตัวเอง ร่างสูงเดินกลับถึงห้องตัวเองด้วยหัวใจอันหนักอึ้งไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ด้านเจ้าหนูเดินฮัมเพลงอารมณ์ดีตัวหอมฟุ้งออกมาจากห้องน้ำ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนปาป๊าหม่าม้าสังเกตเห็นได้ หลายวันก่อนก็ดูเหมือนวิญญาณออกจากร่าง แต่พอช่วงนี้ก็กลับมาร่าเริงอย่างเคยหรือาจจะมากกว่าเดิมก็ได้ละมั้ง
“วันนี้ดูอารมณ์ดีเชียวนะ” ประสิทธ์พอเห็นเจ้าลูกชายเดินแก้มตุ่ยออกมากก็แซว
“แหะๆๆ” คนถูกทักยิ้มกว้างให้
คนเป็นได้แต่เอามือขยี้ผมนิ่มๆนั่น ดีแล้วที่ลูกชายเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ทำหน้าอมทุกข์แบบนั้นอีก...
“เป็นอะไรไปครับท่านประธาน?” คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองลูกน้องคนสนิท
“คิดอะไรเพลินๆนิดหน่อยน่ะ” จอมไตรปฏิเสธแต่หากก็ไม่สามารถกำจัดความคิดที่อยู่ในหัวตอนนี้ออกไป
“ท่านแน่ใจนะครับ?”
“อืม...ก็นะ...ถ้าแบบว่ามีคนที่เราคาดหวังกับเขามาตลอดกลับมาทำให้เราผิดหวัง นายจะทำอย่างไร?”
“ท่านหมายความว่า...”
“ก็คนคนนั้นเขาเลือกเดินทางที่ฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องน่ะสิ” มาถึงตอนนี้ประสิทธ์เงียบลงไป เขาคิดว่าท่านประธานคงมีเรื่องทุกข์
ใจถึงเอามาปรึกษาเขาแบบนี้เพราะส่วนใหญ่ท่านเป็นคนที่แก้ปัญหาได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พอท่านประธานเห็นลูกน้องคนสนิทเงียบไปเขาก็ตัดบท แต่หากต้องชะงักเมื่อประโยคหนึ่งที่ได้ฟัง
“แม้ว่าทางที่เขาคนนั้นเลือกเดินมันจะไม่ถูกต้องในสายตาท่าน แต่หากทางเดินทางนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ทำไม...ท่านไม่เปิดใจลองให้เขาเดินออกเส้นทางบ้างละครับ บางทีคนเราก็ไม่ได้เดินเป็นเส้นตรงเสมอไป คดเคี้ยวไปบ้างแต่ระหว่างทางมันคือชีวิตที่เขาต้องได้พบเจอไม่ใช่หรือครับ” ประสิทธ์ยิ้มนิดๆให้กับเจ้านาย
จอมไตรนิ่งคิดกับคำพูดของอีกฝ่าย...หรือเขาควรจะทำอย่างที่ประสทิธ์แนะนำ?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พี่ราชันเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” จอมใจถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายนั่งเหม่อผิดปกติ วันนี้จอมราชันอุตส่าห์ไปรับที่มหาลัยแล้วพามานั่งละเอียดไอศกรีมเล่นที่ห้างแต่ดูท่าเจ้าตัวไม่ได้มีกะจิตกะใจจะมานั่งสักเท่าไรเพราะเห็นเอาแต่เหม่อมานานแล้ว
“เปล่าครับ” ปฏิเสธแต่ดวงตาที่อมทุกข์นั้นไม่สามารถปิดเจ้าหนูได้เลย...ก็แน่ละเขาอยู่กับพี่ราชันมาตั้งแต่เกิด รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว
“แน่ใจนะครับ?” ขอเซ้าซี้หน่อยเผื่อได้คำตอบ
“ครับ...” จอมราชันตอบรับและยิ้มให้แต่ดูยังไงก็เป็นยิ้มที่ไม่มีชีวิตชีวาสักนิด จอมใจเอื้อมมือไปกระชับมือแกร่งราวกับจะถ่ายทอดกำลังใจไปให้
“ยิ้มหน่อยสิครับ...นะ” อ้อนนิดหน่อยพี่ราชันก็ยิ้มแล้ว ชายหนุ่มส่ายหัวกับความขี้อ้อนของน้องน้อยสุดที่รัก ก่อนที่ร่างกลมจะกลับไปมีความสุขกับถ้วยขนมตรงหน้าต่อ ปล่อยให้ร่างสูงจ้องมองใบหน้าร่าเริงนั่นแล้วบอกกับตัวเองว่าเขาจะเข้มแข็งและคุยกับบิดาอีกสักครั้งเพื่อความสุขของพวกเขาสองคนและครอบครัว
หลังจากเดินเล่นอีกนิดหน่อยพี่ใหญ่ก็พาน้องกลับบ้าน แต่พอลงจากรถตอนถึงบ้านเท่านั้นละ เขาแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อเห็นร่างสูงสมส่วนของบิดาที่นั่งอยู่บนโซฟาเหมือนว่ากำลังพวกเขาอยู่ ข้างๆมีมารดาเขาที่นั่งหน้านิ่งมองมาที่เขาและน้องด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“สวัสดีครับลุงไตรป้านงค์” จอมใจยกมือไหว้อย่างร่าเริงโดยไม่ได้สังเกตถึงบรรยากาศผิดปกติ
“นั่งก่อนสิทั้งสองคน” คุณจอมไตรเอ่ยเสียงเรียบ เจ้าหนูขมวดคิ้วเล็กๆเมื่อเห็นว่าบรรยากาศแปลกไปแต่ก็นั่งลงข้างๆพี่ใหญ่ แอบเหล่คนข้าตัวที่นั่งทำหน้าเครียดจนน่ากลัว พอมองไปอีกฝั่งก็เจอหน้าขรึมๆของผู้ใหญ่สองคน แล้วลอบถอนหายใจนิดหน่อย...นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
“เอาล่ะ พ่อจะไม่อ้อมค้อมนะ” จอมไตรเปิดประเด็นก่อน “เรื่องระหว่างเราสองคนมันเป็นยังไงมายังไง เล่ามาให้ฟังสิ” จอมราชันเกร็งขึ้นแต่ไม่ได้มีสีหน้าอะไรผิดกับร่างกลมๆที่นั่งอ้าปากค้างไปเรียบร้อยแล้ว
...ที่ลุงไตรถามแบบนี้มันหมายความว่า...
“งั้นผมก็ตอบตามตรงนะครับ เราสองคนรักและผูกพันมานานและเรารู้ตัวแล้วว่าความรู้สึกที่เรามีให้กันมันไม่ใช่แค่พี่น้องครับ...”
เฮ้ย...ทำไมพี่ราชันถึงพูดเรื่องนี้ออกไปละ เขาเคยคุยกันไว้ว่าจะรอเวลาอีกสักหน่อยแล้วจะค่อยๆบอกเรื่องนี้กับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่นี่เห็นทีจะไม่ใช่แล้วแหะ...ตัวกลมๆถึงกับเกร็งตามพี่ชายอย่างห้ามไม่อยู่ รู้สึกว่าร่างกายเย็นเฉียบ พอเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าลุงไตรที่ยังคงมีสีหน้านิ่งไม่หายและหน้าของป้านงค์ที่ก็ดูจะตกใจไม่แพ้กัน
“...” บรรยากาศเริ่มจะแย่ลงเรื่อยๆ
จอมใจเห็นป้านงค์ของตัวเองน้ำตาไหลออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไร จอมราชันก็ยังอึ้ง เขารู้ว่าเรื่องนี้ทำให้พ่อแม่เขาเสียใจมากแค่ไหน แต่เขายังไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร รู้เพียงเลือกที่จะทำอย่างที่ใจตัวเองคิด ในที่สุดร่างสูงก็ขยับลงมานั่งคุกเข่าด้านล่างก่อนจะก้มลงกราบแทบเท้าของบิดามารดา
“ผมรู้ว่าผมเป็นลูกอกตัญญู แต่ได้โปรดเถอะครับ ขอให้เราได้รักกันเถอะครับ” ชายหนุ่มพูดเสียงเครือ ด้านจอมไตรถึงกับนิ่งงันแต่ทางคุณนายของบ้านรีบเข้ามาพยุงตัวลูกชายขึ้น
“ลุกขึ้นมาลูก...แม่ไม่โกรธ ไม่ว่าลูกแม่จะเป็นอย่างไรแม่ก็ยังรักลูกนะ” เธอลูบใบหน้าคมของลูกชาย...มองใบหน้าของคนที่เธอเฝ้าดูฟูมฟักมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่น่าภูมิใจ ความสุขของลูกคือความสุขของพ่อแม่ ถ้าลูกมีความสุขไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรพ่อแม่ควรยินดีและเจือจุน
จอมใจก็รีบลงไปนั่งด้านล่างข้างๆพี่ชายบ้าง “ใจขอโทษครับ...ใจรักพี่ราชัน ใจอยากอยู่กับพี่ราชันครับ” ตากลมโตแดงก่ำพร้อมกับน้ำตาไหลมาไม่ขาดสาย เขาเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าถ้าต้องแยกห่างจากพี่ชายหรือแค่คิดว่าชายหนุ่มจะไม่มาโอ้เอาใจเขาอีกแล้ว ใจมันรู้สึกหน่วงๆไปหมด
ร่างกลมๆสะอื้นอย่างน่าสงสาร สำลักน้ำหูน้ำตาไอค่อกแค่กจนจอมราชันต้องเข้ามาปลอบ “ชู่ว...นิ่งนะเด็กดี หายใจเข้าลึกๆ นิ่งเสีย...” ปลอบเสียงอ่อนโยนข้างหูเล็กพลางกระชับร่างกลมนิ่มเข้าตัวเอง ลูบแผ่นหลังน้องอย่างเบามือ จอมใจเมื่อรู้สึกว่ามีกำลังแล่นเข้ามาก็ค่อยๆหยุด
หนุ่มใหญ่ในห้องนั้นนั่งมองทั้งสองคนก่อนสูดลมหายใจเข้าปอด “ราชัน...สัญญากับพ่อมาอย่างหนึ่ง” น้ำเสียงจริงจังทำให้ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองบิดาแต่หากมือก็ยังกระชับร่างน้องไม่ห่าง ใบหน้ากลมใสที่แดงก่ำก็เงยหน้าขึ้นมาอีกคน
“ถ้า...รักน้อง...ก็ขอให้ดูแลน้องให้ดีและดีกว่าเดิมกว่าที่ผ่านๆมา” ใบหน้าที่มีริ้วรอยตามกลายเวลาแต่ยังแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามคลี่ยิ้มออกมาในที่สุด...เขาว่าการลองเปิดใจอาจจะทำให้หลายๆฝ่ายมีความสุข ไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ และเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มทั้งน้ำของลูกชายและหลานที่เขาเอ็นดูที่ตอนนี้กำลังเลื่อนขั้นมาเป็นลูกสะใภ้?...เอ๊ะ...หรือว่าลูกเขย?...แต่ถ้าทางงคงเป็นอย่างแรกมากกว่ามั้ง...ช่างเถอะคิดไปก็ปวดหัว ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กสองคนเถอะแค่นี้ผมก็จะหงอกอยู่แล้ว
“ข...ขอบคุณมากครับ” ไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาคิดว่าน้ำตาจะหลั่งออกมาได้ขนาดนี้ เขาไม่ใช่ไม่เคยร้องไห้ แต่ด้วยความที่เป็นพี่ชายคนโตจึงต้องทำตัวให้เข้มแข็งที่สุด
จอมราชันหันไปขอบคุณมารดาอีกครั้งก่อนจะหันมามองหน้าน่ารักนั่นที่กำลังคลี่ยิ้มอย่างดีใจ “พี่จ๋า...” จอมใจรู้สึกว่าเขาอยากจะอ้อนพี่ชายขึ้นมาทันที
แขนแข็งแรงกระชับร่างน้องแน่นขึ้นก่อนจะฝังจมูกโด่งสวยลงบนกลุ่มผมสลวย รู้สึกราวกับเขาได้ของสำคัญมาในมือโดยสมบูรณ์ จอมใจกดหน้าตัวเองกับแผ่นอกกว้างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมอ สายตาคมเข้มเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาของบุพการีก่อนจะก้มศีรษะให้อย่างซาบซึ้ง
...พ่อแม่ไม่ได้อยากได้อะไรเลยนอกจากความสุขของลูก...
TBC.