Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!  (อ่าน 419343 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #60 เมื่อ07-01-2013 23:29:52 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 8


นายคฤณก็เขิน ผมก็เขิน
แล้วแม่งก็ไม่มีใครลุกออกจากเตียงเสียทีไง หรือเรากำลังเล่นเกมใครลุกก่อนแพ้ แล้วผมไม่รู้ตัวว่าเข้าร่วมแข่งขันวะ

“พี่ว่า...เจม ไปอาบน้ำดีกว่านะ”

“พี่หนึ่งล่ะ?” ผมย้อนถาม เขาหน้าแดงเกาแก้มเกาคอตัวเองแล้วยิ้มเขินๆ

“เดี๋ยวพี่...แต่งตัวใหม่แล้ว...สลัดกับยำ...มันก็รอเรานานแล้ว”
“เฮ้อพี่ขอโทษนะ” สุดท้ายเขาก็พูดออกมาอีกรอบ ไอ้คำขอโทษนี่ผมได้ยินประมาณ 5 รอบแล้วครับ ภายในเวลา 1 นาทีที่ประดักประเดิดกันอยู่นี่แหล่ะ
“ขอโทษจริงๆ”
“ฉวยโอกาสเนอะ”

“เจมก็อ่อย ช่างมันเถอะ” ผมบอกแมนๆ แล้วก็กระโดดขึ้นยืนบนเตียงจนตัวเราโคลงเคลง เขาตีขาผมแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำอีกรอบด้วยคำว่า “สิ” ผมก็เลยกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ สารภาพครับว่าทำกลบความเขิน

ผมเขินอะไรน่ะหรอ?
ก็ไอ้เหตุการณ์หลังจากที่ผมกอดเขาก่อนและเราก็จูบกัน เลยเถิดมาถึงล้มแรงๆ ลงบนเตียงแล้วเขาก็ยังจูบไซร้ผมต่อ ผมก็จูบคืนบ้างอ้อนให้จูบนานๆ บ้าง จนกระทั่งถูกเขาถอดเสื้อและนาบท่อนบนที่เปลือยเปล่าเหมือนกันบนตัวผมนั่นแหล่ะ

ผิวเย็นๆ ทำให้ใจผมเต้นแรงไม่เป็นส่ำแล้วตื่นเต้นหายใจหอบจนผลักเขาออกห่างเพื่อหายใจให้ทัน

และเราก็มองหน้ากันนิ่ง นายคฤณหน้าแดง ผมก็หน้าร้อนผ่าวๆ เหมือนใครเอาไฟมาอังไว้ แป๊บเดียวเขาก็พร่ำบอกว่า “พี่ขอโทษครับเจม”

ฮึ่ย!! เกือบเสียตัวแล้วมั้ยกู!!
ผมเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นชโลมร่าง ผมควรสมองปลอดโปร่งกว่านี้แล้วควรควบคุมทั้งความคิดและการกระทำตัวเอง รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากคนอื่นให้อยู่ในระดับที่ผมสามารถยอมรับและใช้ชีวิตอยู่กับมันได้

การที่ผมยอมให้ไอ้แอมจีบ ผมรู้ดีว่าผมทำเพื่อยืดเวลาเสียผู้เสียคนของมันออกไปเท่านั้น ถ้าเวลาช่วยให้ผมหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เวลาก็น่าจะให้ทางออกกับไอ้แอมได้มากกว่าทางที่มันเลือกทำแล้วกลายเป็นไอ้บ้าบอโทรมโคตรพ่อแบบนั้น

ส่วนกับนายคฤณ ผม...ยังไม่เคลียร์เท่าไหร่
จะเรียกว่ารักก็ไม่กล้าพอ ความรู้สึกต่อเขา ผมยอมรับว่ารู้สึกดีมากๆ ที่ได้แบ่งปันเวลากัน ได้อยู่ใกล้กันไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเย็น หรือเพียงแค่คุยโทรศัพท์กันก่อนนอนหรือระหว่างกินข้าวกลางวัน แค่นั้นผมก็มีความสุข

แต่ว่า....แค่นี้ก็รักแล้วหรอ?
ไม่ใช่มั้ง น่าจะแค่ชอบนั่นแหล่ะ

แต่ถ้าแค่ชอบ ผมจะนึกห่วงกลัวว่าเขาจะเป็นแบบไอ้แอมในวันที่ผมรู้ใจตัวเองซักทีว่าไม่มีเขาชีวิตผมก็อยู่ได้ ผมไม่อยากเห็นเขาในสภาพนั้น และหากทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่เป็นแบบไอ้แอมได้คือการเคียงข้างเขาตลอดไป ผมก็เชื่อว่าผมจะทำ และผมทำได้แน่นอน

แบบนี้เรียกว่ารักรึเปล่า?

ก๊อกๆๆ
“เจม เจมครับ เจม”
“สร้างบ้านได้กี่หลังแล้วเจม ตัวเปื่อยแล้วมั้ง ออกมาเถอะ ที่บ้านให้อภัยแล้ว” คงกลบความอายได้แล้วสิถึงได้มาแซวผมที่หน้าห้องน้ำ ผมขานตอบว่า “ครับ ครับ อาบเสร็จแล้ว” และปิดฝักบัว พันตัวด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เดินออกมาป๊ะกันแหมกับเขาที่กำลังใส่เสื้อยืดของผมแทนตัวเดิมพอดี

“อ่า...ยืมหน่อยนะ เสื้อเชิ้ตยับ” ครับ เขาเป็นพวกชอบแต่งตัวเนี๊ยบๆ ไอ้ยับๆพ่อคุณเขาไม่อยากใส่ถ้าไม่จำเป็น

“ไม่เปลี่ยนกางเกงด้วยหรอ? กางเกงเจมพี่หนึ่งก็ใส่ได้ ทรงที่ไม่รัดอ่ะ”

“ไม่เป็นไร เสื้อก็พอ มากินข้าวเถอะ” เขาชักชวนแล้วเดินนำผมออกไปนอกห้องนอน

คืนนี้เขาจะกลับคอนโดเขา สั่งเสียดิบดีเลยว่าให้ผมล็อคห้องให้เรียบร้อยงั้นงี้ ผมก็ตึงใส่ด้วยการบอกว่า “ก่อนเจอพี่หนึ่ง เจมก็ไม่ได้พิการนะครับ เจอกันแล้วเจมพิการงั้นเราอย่าเจอกันดีกว่า” นายคฤณหัวเราะร่าแล้วก็ขยี้หัวผมแบบที่เขาชอบทำ

แต่ก่อนจะลากันตอน 4 ทุ่มกว่าๆ ผมก็ตัดสินใจปรึกษากับเขา เรื่องไอ้แอม

ครับ เป็นครั้งแรกที่ผมปรึกษาเขาในเรื่องส่วนตัว
แม้ผมจะบอกเล่าเรื่องผม เรื่องที่บ้าน เรื่องหมาให้เขารับรู้ แต่มันก็คือการบอกเล่าและเฝ้ารับฟังเสียงหัวเราะของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพอใจแล้ว แต่ครั้งนี้ ผมตัดสินใจปรึกษาเขาเป็นครั้งแรก

ประเด็นที่ปรึกษาก็โคตรจะสุ่มเสี่ยง ผมกังวลเหมือนกันว่าเขาจะคิดว่าผมไม่สนความรู้สึกเขา จนกล้าบอกเล่าว่ามีผู้ชายอีกคนมาชอบผม และผมก็อนุญาตให้เขาจีบ แต่แม้จะกังวลแค่ไหน ผมก็จะบอกเขา


และราวกับผมบอกว่าไอ้แอมคือเขาอีกคน ทันทีที่บอกไปว่า “พี่หนึ่งครับ คือแอม...พี่หนึ่งจำได้ใช่มั้ยว่ามันชอบเจม ทีนี้มันก็...มันก็ขอโอกาส เจมก็เลยให้มันจีบ”

นายคฤณหน้านึ่งมาก ไอ้ยิ้มเย็นๆที่ผมคาดหวังจะเห็นมันโปรยมาก่อนคำแนะนำดีๆ ไม่มีเลยครับ ทั้งห้องเงียบมาก เรียกว่าเงียบขนาดหายใจออกมาก็ยังเสียมารยาท

“พี่หนึ่ง....”

“เจมบอกว่า เจมให้คุณอรินทร์จีบเจมหรอ?” ท่ามาแล้วครับ กอดอกฉับเลย

“ครับ ก็ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจม เต็มใจให้คุณอรินทร์จีบเจม ใช่มั้ย?” กดหน้าถามด้วย นี่กูเริ่มกลัวแล้วนะ

“ก็ไม่ได้เต็มใจ แต่ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจม ได้บอกเขาชัดเจนรึเปล่าว่าขอบข่ายที่เขาจีบเจมได้ มันแค่ไหน” รอบนี้เสยผมแล้วคาวงแขนไว้แบบนั้น ท่านี้โคตรเท่ เดี๋ยวจำไปทำบ้าง

“..............”

“พี่ก็จีบเจมอยู่ ลืมแล้วรึไงครับ?” กลับมากอดอกอีกครั้ง เสียงดุกว่าเดิมด้วย โอเค  ผมสลดเต็มคราบแล้ว

“เจมไม่ลืม ดีกับเจมขนาดนี้จะลืมได้ไงว่ามาจีบ แต่ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจมครับ พี่จูบเจมได้ทั้งที่พี่จีบเจมอยู่ เรายังไม่ได้เป็นอะไร ถ้าอย่างนั้นคุณอรินทร์ก็ทำได้เหมือนกันสินะ”

“ไม่ใช่! เฮ้ย! ไม่ให้ไอ้แอมจูบหรอก”

“งั้น ก็ต้องห้ามเขาจีบ” มาแล้วใช่มั้ย ทางออกที่แสนแยบยล
“ห้ามจีบเจม พี่ไปบอกคุณอรินทร์ให้เอามั้ย?”

“ไม่เอา พี่หนึ่งจะบ้าหรอ”
“ไม่มีทางอื่นหรอกครับ ก็...ก็ปล่อยให้มันได้หวังบ้าง เดี๋ยวมันก็เข้าใจว่ายังไงๆ เจมก็คิดกับมันได้แค่เพื่อน”

“มันไม่ดีกับเขาหรอกเจม”
“คุณอรินทร์เขาต้องเข้าใจว่าเขาคว้าโอกาสได้แล้ว ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขานับวันรอประสบความสำเร็จ”
“เจมเปิดโอกาสได้เขาทำ และในที่สุดคำตัดสินของเจมคือทำไม่ได้ มันล้มเหลวมากสำหรับคนมั่นใจในตัวเองแบบคุณอรินทร์”

“พี่หนึ่งรู้ได้ยังไงว่าไอ้แอมมันเป็นยังไง”

“พี่ก็เป็นแบบเขา”
“ไม่อย่างนั้นพี่จะกล้าจีบเจม และทำตัวเหมือนเราเป็นแฟนกันแล้วแบบนี้หรอ”
“ไม่มีใครที่จีบใครคนหนึ่งอยู่แล้วกล้าจูบโดยไม่กลัวการปฏิเสธหรอก”
“พี่ทำเพราะพี่มั่นใจว่าเจมมีใจให้พี่”
“และเมื่อเจมใหคุณอรินทร์จีบ เขาจะเข้าใจไปว่าเจมมีใจให้เขา” เออว่ะ ไอ้แอมยิ่งเป็นพวกด่วนสรุปอยู่ด้วย ผมทำหน้ากลุ้มคอตก และได้รับสัมผัสจากมือใหญ่ๆมาลูบไล่เส้นผม ผมเงยหน้ามองเขาและยิ้มแห้งๆ พอนึกได้ว่าเมื่อกี้เขาพ่นพูดอะไรออกมา ผมก็เอ่ยแซว

“แต่ว่า...พี่หนึ่งนี่หน้าด้านกว่าที่คิดอีก” ผมตอกหน้าแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่เขาพูดว่าผมมีใจให้

“ครับ พี่หนึ่งหน้าด้าน แล้วเจมมีใจให้พี่รึเปล่า หรือไม่ชอบพี่เลย”

“ก็.....”

“ก็อะไร ตอบให้ชัด เราจะได้หาทางออกเรื่องคุณอรินทร์ด้วยกัน”

“ครับ เจมชอบพี่หนึ่ง” ไอ้เจม ไอ้ปากเบา ไอ้ใจง่าย!

“ขอบคุณครับ แล้วพี่ก็หวงเจมมากด้วย”
“เอาล่ะ... พี่ไม่กลับคอนโดดีกว่า เรามาหาทางออกให้คุณอรินทร์กัน” มึงซวยแล้วว่ะไอ้แอม ผมคิดไม่ออกเลยว่าไอ้แอมจะรับมือกับผู้ชายช่างหลอกล่อคนนี้ยังไง

จิ้งจอกการเงิน เจ้าพ่อผลประโยชน์
ฉายานี้ไม่ได้อุปมากันเองจริงๆ

“เริ่มแรก พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปส่ง แล้วเย็นไปรับ เราจะใกล้ชิดกันให้เขารู้ได้เองในที่สุด”
“และถ้าเขาอยากงัดข้อ ก็ส่งมาให้พี่” อูยยย น่ากลัวอ่ะ นายคฤณมีด้านน่ากลัวแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย คิดว่าเขามีแต่ด้านนุ่มนวลซะอีก แล้วดูท่าฟึดฟัดนั่น ตลกดีแฮะ ท่าทางจะขี้หึงขี้หวงชิบหาย

“อ้อเจมครับ” อะไรอีกล่ะ

“ครับ?”

“พี่ขอเคลียร์งานช่วงเย็นสัก 2-3 วัน พอว่างแล้วจะไปขอเจมกับแม่นะ”

หือออออออออออออออออ เรื่องใหญ่ไปมั้ยครับไอ้พี่หนึ่ง อะไรกัน ขอม่งขอแม่อะไร!

“เฮ้ย! พี่หนึ่ง พี่หนึ่งออกมาคุยกับเจมก่อน พี่หนึ่ง ไอ้พี่หนึ่ง!!” ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายทุบประตูห้องน้ำอย่างหวาดผวา ชีวิตผมจะเจออะไรอีกบ้างล่ะเนี่ย? ไอ้แอมคงจะตั้งหน้าตั้งตาจีบจนพฤติกรรมมันเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือ จากที่เจอหน้าก็กัดผมอาจกลายเป็นเรียกเจมจ๋าเช้าเจมจ๋าเย็น แล้วที่ว่าจะขอผมกับแม่ล่ะ เฮ้ย!! ไอ้นี่แหล่ะที่ผมกลัวที่สุด

เผื่อใครยังไม่รู้ ผมยังไม่ได้บอกแม่เลยว่านายคฤณมาจีบผม แม่รู้แค่ว่า “ตาหนึ่ง” เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่บ้าคลั่งลูกหมาเท่านั้นเอง

ทำไงดีวะกู!!!




นรก...
อยู่ไหน?
มารับผมไปทีก็ดีเหมือนกันนะ
เพราะการมาเยือนเช้าเยี่ยมบ่ายส่งเสบียงเย็นตลอด 1 อาทิตย์ของนายคฤณและไอ้แอม ทำให้ผมแทบทำงานไม่ได้

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ นายคฤณสามารถมีธุระมาที่ออฟฟิศผมได้ 5 วันติด และเขาก็สอยผมมาด้วยทุกเช้า มีคนเห็นบ้างไม่มีคนเห็นบ้าง แต่ไอ้ที่เห็นบ้างเนี่ยก็เอาไปขยายความ ผมจะไม่เต้นตามเลยหากไม่เมาท์กันว่าผมติดหนี้บอลต้องขายรถมินิใช้หนี้ และผมขายโก่งราคาให้นายคฤณที่ตามเล่ห์เหลี่ยมผมไม่ทัน

อ่อหรอ? กูเพิ่งรู้ว่ากูพนันบอล แล้วกูเล่นคู่ไหนวะ? แล้วไอ้พี่หนึ่งนี่น่ะหรอที่ตามกูไม่ทัน
กูนี่! ผมต่างหากที่ตามเขาไม่ทันสักเหลี่ยม ให้ตายเถอะ! เกือบเสียตัวแล้วยังต้องมาเสียชื่อเสียงอีก
อยากจะถามเหมือนกันว่ากระทำการบ้าบิ่นแบบนี้ผมได้อะไร แต่กลัวนายคฤณจะตอบว่า “ได้ใจพี่ไงครับเจม” รับไม่ได้ ใจแม่งเขิน!

วันนี้เป็นวันที่ 5 ที่เขาขลุกอยู่กับพวกผมที่ออฟฟิศ ทั้งอัดรายการทีวีที่ไอ้ต้อมแม่งขอเวลานายคฤณไว้ทั้งหมด 3 รายการ พร่องมึงชื่อไรนะ? ทวนให้กูฟังทีกูจะได้เชื่อว่ามึงสติดีอยู่ ห่า! นายคฤณไม่มึนตายก็บุญชิบหายแล้วครับ พออัดรายการเสร็จเขาก็ออกมาพบกับพี่ปู ที่ก็ลากเขาเข้าไปห้องประชุมและจัดสัมมนาย่อยร่วมกับแหล่งข่าวอีก 3 คนจากวงการอสังหาฯ ซึ่งนัดไว้ล่วงหน้าแล้ว เรียกว่าเอานายคฤณเข้าไปเป็นตัวแถมนั่นแหล่ะ

นี่เขาก็เพิ่งออกมาจากห้องประชุมครับ ใบหน้าเพลียๆ หันมองผมแล้วก็ส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินไปยังหน้าลิฟต์ อืม...หรือวันนี้เขาจะกลับก่อน

ผมสงสัยอยู่แป๊บเดียวโทรศัพท์ก็สั่นครืดๆ นายคฤณโทรฯ หาครับ

“ครับพี่หนึ่ง” ผมทักเสียงเบาหน่อย พยายามมองว่ามีใครอยู่ในรัศมีที่จะได้ยินผมคุยโทรศัพท์รึเปล่า แฮ่ๆ ไม่มีครับ

“เจมยังไม่เสร็จงานเลย วันนี้พี่กลับไปก่อนก็ได้นะ ดูเหนื่อยๆ” ผมตอบคำถามและเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาพูดคำถัดไป “ออกมาส่งพี่หน่อยสิ นะ”

มาอีกแล้ว พฤติกรรมย้ำใจไอ้แอมครับ เขามักเรียกผมไปมีส่วนร่วมอยู่ใกล้ๆ และก็ทำตัวปกติกับผมนะ เรียกเจม แซวผม หัวเราะกับผมทั้งที่ก็มีคนอื่นอยู่ด้วยเขาก็ทำได้อย่างไม่เขินอาย เรียกได้ว่าคนอื่นๆ มองผมกับเขาว่าสนิทกันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะเจอกันบ่อย ทำงานกันบ่อย

“ออกไปหาหรอ? พี่หนึ่งอยู่ไหนล่ะ?” ผมถามพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมไปหาคนที่ทำตัวว่าขาดผมไม่ได้ แต่แล้วไอ้ตัวปัญหาก็โผล่พรวดมาหาพร้อมกับชาเขียวปั่นแก้วมีโล้โก้นังแมงดาวหรา

“เฮ้ย! อะไร ตกใจหมด”

“ซื้อมาฝาก ท่าทางเหนื่อยๆ กินสิ กิน กิน”

“เออ ขอบใจนะแอม”

“กูรู้ว่ามึงชอบ” อื้มมมม กูชอบนะ และน่าจะชอบต่อไปได้ถ้ามึงไม่ซื้อให้กูวันละ 2 แก้ว และให้กูแดกแต่ชาเขียวมา 5 วัน มึงจะย้อมให้ตัวกูเป็นสีเขียวแล้วพากูไปสังเคราะห์แสงใช่มั้ยไอ้เหี้ยแอม

“มึงเปลี่ยนรสชาติให้กูบ้างเถอะแอม แดกจนหนอนชาเขียวแม่งแช่งกูแล้วเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ ได้ๆ เดี๋ยวพรุ่งกูเปลี่ยนเป็นไอติมชาเขียวให้นะ” ไอ้เหี้ย! สโคปห่างกันมาก
“แล้วนี่มึงจะไปไหนหรอเจม ไปเว่นหรอ? กินไร? เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนนะ”
“เออเจม ไอ้คุณคฤณแม่งมาบ่อยไปป่าววะ? ไม่รู้พีเอ็นใช้ให้มึงทำไรเรียกตังค์จากเขารึเปล่า ลำบากใจก็บอกกูนะ” กูควรบอกมึงมั้ยแอมว่ากูลำบากใจ แต่ไม่ใช่กับไอ้คุณคฤณที่มึงคิด แต่ลำบากใจเพราะความไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักแหกตามองอาการหึงของมึงนี่แหล่ะ

“พี่ปูก็ไม่ได้ให้กูทำอะไรนี่ ถ้าให้ทำกูจะโยนให้มึงก็แล้วกัน”

“ไม่เอาหรอก ไม่ถูกชะตาว่ะ” มันว่าแล้วเดินมาดักหน้าผมเมื่อผมขยับจะเดินไปยังประตูออกไปที่ลิฟต์ เฮ้อ ที่ผ่านมาผมเลี่ยงการเผชิญหน้าของมันกับนายคฤณนะ แต่วันนี้กูไม่ช่วยมึงแล้วแอม กูเจอนรกที่โคตรอึดอัด มึงก็ต้องเจอเหมือนกัน ไอ้ควาย ไอ้ไม่มีตา ไม่เห็นหรอว่าเขามาเฝ้ากูเพราะเขารู้ว่ามึงจีบกูไง เท่านี้แม่งก็จะขยับไปขี้เงียบๆ คนเดียวไม่ได้แล้ว โดนซะมั่งเถอะมึง!

“กูว่าเขาก็ดีนี่ ไม่เห็นมีไรน่าหมั่นไส้เลย มึงอคติเหอะ”

“มึงหลงชอบเขาป่ะเนี่ย ชมจัง กูน้อยใจนะ”

“แล้วถ้ากูจะชอบเขา มันเกี่ยวกับมึงตรงไหน?”

“เกี่ยวดิเจม ก็เรากำลังดูใจกันอยู่” อื้อหือ อายปากมั้ยมึง? ผมเป่าปากมองมันเครียดๆ แล้วตั้งท่าจะทำความเข้าใจกับมันใหม่ แต่ไอ้อรินทร์ก็กวนส้นตีนครับ มันยิ้มเผล่แล้วเดินหนีไป บอกไว้แค่ว่า “กูรู้ว่ามึงต้องการเวลา กูจีบมึงตลอดชีวิตก็ได้เจม ไม่ต้องห่วง”

ผมพลาดเอง และนี่คือผลกรรมที่ผมกำลังรับไว้เต็มกะบาล

“เดี๋ยวแอม” ผมตัดสินใจรั้งมันเอาไว้ ไปกับกูเถอะแอม ไปรับกรรมที่กูประวิงเวลาให้มึงไว้แล้วต้องเป็นฝ่ายเซ็งเองมา 5 วันติดๆ ไอ้แอมยิ้มดีใจแล้วรี่มาหาผมทันที ก็รู้สึกแย่นะครับที่จะต้องใช้วิธีนี้ แต่ว่า...ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

การให้จีบ ไม่ได้หมายความว่าให้มันยื่นแขนแหย่ขาเข้ามาในชีวิตผมตลอดเวลาแบบนี้
และตอนนี้ผมก็ชัดเจนแล้วมากๆ ว่าผมชอบนายคฤณมากแค่ไหน เพราะตอนที่เขาจีบผม ทั้งที่ยังไม่เคยบอกว่าจีบ และบอกว่าจีบแล้ว ผมไม่เคยรำคาญเขาแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยรู้สึกว่าเขาก้าวก่าย แต่สัมผัสได้ว่าเขาค่อยๆ มีความสำคัญกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนไอ้แอม มันจะเป็นเพี่อนที่ดีมาก ถ้ามันรักผมในขอบเขตที่ผมยอมรับได้ ซึ่งก็คือ “เพื่อน”

“อะไร? มีไรหรอ หิวอ่ะดิ มึงแม่งก็ไม่มีไรมากหรอก กิน ทำงาน นอน เลี้ยงง่ายชิบหายเลย มามะ ป๋าแอมพาไปนะ”

ผมไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มให้แล้วเดินนำหน้ามันไปที่หน้าลิฟต์ มันแตะบัตรเปิดประตูกระจกพร้อมกับบ่นว่า “อ้าว หมอนี่ยังไม่กลับอีกหรอวะ? เจอทุกวันเลย” ผมได้แต่ยิ้ม และเมื่อคนที่ถูกพูดถึงหันมาเห็นผมกับมันเดินออกมาพร้อมกัน ผมก็ตรงดิ่งไปหาเขาทันที

“จะกลับแล้วหรอครับพี่หนึ่ง” มึงได้ยินมั้ยแอม ได้ยินมั้ยว่ากูเรียกเขาว่าอะไร
“เพื่อนเจมใช้งานพี่หนักมาก ขอกลับไปพักที่คอนโดก่อนนะ เย็นนี้เจมอยากกินอะไร?”
“อืม แล้วแต่พี่หนึ่งเลยครับ เจมกินได้หมด”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ออกมาซื้อของสดไปทำไว้ รีบกลับนะครับ”
“ครับ” ผมเงยหน้ายิ้มให้ใสกิ๊ก พอลิฟต์มาผมก็ก้าวเข้าไปยืนเคียงกับนายคฤณ และค่อยหันมากวักมือเรียกไอ้แอมที่ยืนเป็นใบ้อยู่

“เฮ้ยแอม มาดิ เร็ว”

“เอ่อ...กู...เดี๋ยวกูค่อยตามไป” มันบอกด้วยใบหน้าสับสน แต่สายตาที่มันมองผมสลับกับนายคฤณนั่นทำให้ผมรู้ได้ว่า ผมฆ่ามันแล้วจริงๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2013 23:43:28 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #61 เมื่อ07-01-2013 23:33:34 »


ในลิฟต์เงียบไปมั้ย?
แล้วนายคฤณรู้ใจผมมากเกินไปรึเปล่า
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่จับมือผมไว้ อีกมือก็ลูบหัวเบาๆ
ผมเสียใจมากที่ต้องทำแบบนี้ ผมมันแย่ ผมมันเลว มันมีวิธีอีกมากที่จะทำให้ไอ้แอมรู้ตัวว่าความรู้สึกของมันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมกลับเลือกใช้วิธีที่เอาโคลนสาดหน้าแล้วยื่นน้ำกรดให้มันล้างตา ผมมันเลวจริงๆ

“เจม...ขออยู่คนเดียวสักพักนะครับ”

“แต่พี่จะอยู่กับเจมเสมอ อยู่คนเดียวพอแล้วก็มาหาพี่นะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วเดินออกจากลิฟต์พร้อมกับนายคฤณ เขาเลี้ยวซ้ายไปยังทางเชื่อมไปลานจอดรถ ส่วนผมเลี้ยวขวาไปที่เซเว่น และยื่นนิ่งรอไอ้แอม

ไม่ช้ามันก็ตามลงมา สีหน้าขี้เล่นไม่มีให้เห็นแล้ว มันคงรู้แล้วแหล่ะ น้ำกรดมันแสบตามากเลยใช่มั้ยแอม งั้นก็สาดกูคืนแล้วด่ากูไปวันๆ ต่อไปเถอะ

“ไงมึง”

“อืม” ผมรับคำและเหล่มองมันที่ทักผม หันหน้าประกบผม แต่มองเลยไหล่ของผมไป

“กับเขา มึงเป็นอะไร”

“แฟน” ผมบอกตรงๆ สีหน้ามันบิดเบี้ยวนิดๆ ดูเหมือนมันจะข่มอารมณ์อย่างหนักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา

“กูอกหักใช่มั้ย ไม่ว่าวันไหนมึงก็ไม่มีทางรักกูใช่มั้ยเจม”

“อือ”

“เพราอะไร? ไอ้นั่นมันดีตรงไหน มันรวยใช่มั้ย?”

“สัดแอม มึงดูถูกกูอยู่ และนี่ก็เป็นข้อดีที่เขามีแต่มึงไม่มี พี่หนึ่งไม่เคยดูถูกกูแม้แต่ครั้งเดียว”

“ผงที่ลูกกะตามึงชิ้นใหญ่มากเจม กูเคยบอกมึงแล้วว่าไอ้นี่มันไม่ใช่คนดี”

“กูก็ขอบใจมึงแล้วที่เตือน และบอกไปแล้วด้วยว่ากูไม่มีโล่ให้” ผมเถียงทันใจเลยครับ ผมจะตามืดบอด ตามัว ตาถั่ว ตาอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็คือตาผม มันคือมุมมองของผมที่ผมให้คุณค่ามันไว้แล้ว

“มึงรู้จักเขาดีแค่ไหนเจม”

“กูกับพี่หนึ่งกำลังทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดแทนกูหรือห่วงกูมากนักหรอกแอม กูโตแล้ว กูคิดเป็น กูมองคนออก”

“มึงกำลังหลงไอ้นี่ มึงไม่รู้อะไร”

“และกูก็ไม่อยากรู้อะไรที่มึงรู้”

“ไอ้เจม!” มันขึ้นเสียงใส่แล้วลากผมออกไปนอกตึก ไปยืนตรงไอ้ซอกลมที่ทำให้ตาผมแห้งกว่าเดิม
“มึงฟังกูนะ” พอผมถอนหายใจไป 2 รอบ มันก็เริ่มพูด
“นายคฤณ ธีระเสถียร มันเลือดเย็น มันไม่มีหัวใจเจม มึงเชื่อกูเถอะ มึงเชื่อกู”

“มึงละเมออะไร? การที่กูรับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้แต่กูรับความรู้สึกเขา ทำให้มึงต้องด่าทอเขาแบบนี้หรอวะ!”

“กูไม่ได้อคติ กูถ่ายภาพ กูมีเพื่อน กูมีสังคม แล้วคนพวกนั้นพูดเสียงเดียวกันทั้งที่กูไม่เคยถามอะไรพวกมันเกี่ยวกับไอ้คฤณนี่เลย”
“มันฆ่าคนตายได้อย่างเลือดเย็น มันเลือดเย็น มันไม่รักมึงจริงหรอกเจม มันคงต้องอะไรสักอย่างจากมึง”

“............”

“แฟนมันตาย มันตอบแทนด้วยการเทคโอเวอร์บริษัทพ่อแฟน งานศพยังไม่ไปร่วม น้ำตาสักหยดยังไม่มี”
“ทั้งที่เป็นทั้งแฟน เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท กับเพื่อนแม่งก็ฆ่าได้ทั้งเป็น เอาเงินฟาดหัว คนแบบนี้มึงรักได้หรอ?”

“.............”

“กูไม่ได้นิยายด้วย หลักฐานก็มี ถ้ามึงอยากรู้นะเจม มึงค้นเองเลย มึงไม่ใช่คนโง่ กูไม่ได้บอกว่ามึงกำลังโง่ กูกำลังชี้ให้มึงเห็นว่ามึงไม่ระวังตัว!”
“มึงไปค้นดู หาดู ชื่อพีชญา เรืองกฤติยา หรือลูกแพร”
“ถ้ามันรักมึงจริงอย่างที่มึงเชื่อจนยอมคบกับมัน มึงก็ลองถามให้มันเล่าให้ฟังจากปากสิ”

“...........”

“กูจะไม่เต้นเลย ถ้าคนที่มึงเลือก ไม่ใช่ไอ้คนนี้”

ผมจุกเหมือนโดนมันชกสิบหมัด
ฆ่าคน เลือดเย็น แฟนตาย น้องเพื่อนสนิท ลูกแพร
จู่ๆ ภาพผู้หญิงดูกวนส้นตีนก็แล่นเข้ามาในหัว คำพูดที่ผมได้ยินเลือนรางและคิดว่าลืมเลือนไปแล้วดังแว่วขึ้นมาราวกับใครแกล้ง “ฝันดีครับแพร”

นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ? 



ผมเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัว
แม้จะกลับมาอยู่หน้าโน้ตบุ้คแล้วผมก็ไม่เสิร์ชหาข้อมูลนายคฤณ
นิตยสารเล่มที่ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขาวางอยู่ใกล้ๆ ผมหยิบขึ้นมากางอ่าน อ่านมุมมองของผมที่สะท้อนตัวตนชายคนนี้ เขาเป็นคนดี คนเก่ง รอบรู้ มีน้ำใจ เขาดีไปเสียหมด
เขาจะเคยทำเรื่องที่ไอ้แอมพูดหรอ? อาจมีใครซักคนตั้งตัวเป็นเจ้ากรมข่าวลือมั่วๆ ก็ได้ ไอ้แอมหูเบาเกินไปแล้ว!

งั้นหรอ?

“หึ!” ผมหัวเราะประชดตัวเอง ความคิดเมื่อกี้ทำให้ผมรู้ว่าผมมองเขาในแง่ดีเกินไป อย่างน้อยๆ เมื่อเทียบกับมาตรวัดของคนอื่นแล้ว ผมก็มองเขาดีมากระดับท้อป ทั้งที่คนอื่นมองว่าเขาดีพื้นๆ
นั่นเป็นเพราะเขาดีกับผม และผมชอบเขา
ผมหลงนายคฤณแล้วใช่มั้ย หลงเกินไปด้วยใช่รึเปล่า?

“ไม่ไหวแล้วเว้ย!” ผมสบถกับตัวเองและปิดโน้ตบุ้คเพื่อมุ่งหน้ากลับคอนโดทันที

มันไม่หายสงสัย และตอนนี้วิธีที่ผมคิดออกก็มีแค่ ถามเขาให้รู้เรื่อง!




“เจม เจม!”  ใครเรียกวะ ผมแบกหน้าเหม่อๆ หันไปมอง นายคฤณครับ เขาอยู่ในชุดลำลอง กำลังวิ่งรี่ผ่านล้อบคอนโดบี้มาหาผมที่หน้าลิฟต์ อาการหอบน้อยๆ แสดงถึงความจริงใจในการทะยานมาหาผมมากทีเดียว

“อะไรเยอะแยะครับนั่น”

“ก็ของสด มาทำให้เจมกินไง”
“หรือเบื่อ ไปกินข้างนอกก็ได้นะ พี่ก็ทำอาหารไม่ค่อยเป็นหรอก”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวช่วยกันทำดีกว่าครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้ แค่เห็นรอยยิ้มเย็นๆ ของเขา ผมก็กลืนคำถามที่ท่องมาตลอดทางไปเลย
“แล้วกลับมาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอครับ ทำไมเพิ่งซื้อของเสร็จ นี่เจมกวนเวลาพี่เกินไปรึเปล่า”

“ไม่หรอกน่า คิดมากทำไม”
“พี่เลือกนานไปหน่อย พอดีเจอแม่บ้านคนนึง ท่าทางเชี่ยวชาญมาก พี่ก็เลยหยิบทุกอย่างที่แกหนิบนั่นแหล่ะ แล้วเป็นไงรู้มั้ย? แกหยิบคืนซะเกินครึ่งแล้วก็บ่นๆ อะไรซักอย่าง พี่ก็เลยไม่รู้ว่าควรหยิบอะไรออกบ้าง และไอ้ที่หยิบตามนี่ทำอะไรได้บ้าง” เพลินดีแฮะ ขี้เมาท์เหมือนกันนี่หว่า

“แล้วพี่หนึ่งทำไงต่ออ่ะ แล้วไอ้ที่ซื้อๆ มานี่มันทำอะไรกินจริงจังได้มั้ย?” ผมถามแล้วแทบจะมุดหัวลงไปสำรวจในถุงที่นายคฤณยกขึ้นอวด

“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะทำกินได้ซักอย่าง 2 อย่าง”

“โอเค เดี๋ยวเจมช่วย”

ติ๋ง!
ลิฟต์มาพอดี ผมก้าวไปยืนคู่กับเขาและหันหน้ามองเขาครู่หนึ่ง นายคฤณเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ แล้วโน้มหน้าผมไปซุกรักแร้....เล่นอะไรครับคุณมึง?

“ปล่อยเจมเลย เหม็นด้วย”

“อาบน้ำแล้วนะ เหม็นหรอ ขอโทษ ขอโทษ” ขอโทษทำไม ผมก็บ่นไปงั้นแหล่ะ ไม่เหม็นหรอก ผมหัวเราะนิดนึงแล้วก็หันกลับไปมองประตูลิฟต์ที่ยังคงปิดสนิท

กับข้าวเย็นนี้
ไข่ทอดขอบกรอบๆ ฝีมือผม และ....ต้มยำเต้าหู้หมูสับน้ำข้น ช่วยกันทำๆ ปรุงๆ ครับ
ซดไปอีกแรก อื้อหืออร่อย อึกต่อไปนี่ออกแนวหมดนโยบายยกหางตัวเองแล้ว ยอมรับครับว่าเค็ม แต่ข้าวจืด ไข่จืด เพราะงั้นก็ยังอร่อยอยู่ดี อย่างน้อยคนข้างๆ ผมก็กินอย่างเอร็ดอร่อย

ผมอิ่มก่อนเขา ซึ่งผิดปกติมากและเขาก็สังเกตเห็น
พอถูกถาม ผมก็อ้างว่าเซ็งเรื่องไอ้แอมเลยไม่มีอารมณ์กินข้าว เขาก็ขยี้หัวผมเป็นการให้กำลังใจเหมือนเดิม

ย้ายตูดกันมานั่งดูเอ็มวีเพลินๆ เขาก็ทำงานของเขาต่อไป มีเดินออกไปคุยโทรศัพท์เป็นระยะ ดูเหมือนจะคุยกับคนที่ไซท์ระยอง เพราะเขาตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า “ลุงนายช่างก็กดปุ่มเพิ่มเสียงสิครับ ผมตะโกนดังกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ”

พอเขากลับเข้ามาก็เจอหน้าผมกำลังหาวพอดี นายคฤณเลยเดินมาเปิดโน้ตบุ้คแล้วไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนตัวเขาจะกลับคอนโด พอดีมีเรื่องต้องจัดการและเอกสารที่เกี่ยวข้องก็อยู่ที่คอนโดเขาด้วย

ผมพยักหน้าหงึกๆ และก็รายงานเขาว่าบอกแม่ไปตั้งแต่เย็นแล้วว่านอนคอนโด กำลังจะอาบน้ำตามที่เขากำกับ ผมก็ส่งประโยคระเบิดไปให้เขาลองคิดเล่น

“พี่หนึ่ง”

“ครับ”

“พี่หนึ่ง เคยมีแฟนรึเปล่าครับ”
“เล่าให้เจมฟังบ้างสิ พี่จีบคนอื่นยังไง ต่างจากที่มาตีซี้เจมรึเปล่า” อ้อมโลกมากไปนะบางที ผมยืนรอคำตอบจากเขาที่หน้าห้องน้ำ สีหน้าที่เคยแสดงออกว่ายินดีจะตอบทุกอย่างที่ผมถาม ขำทุกสิ่งที่ผมเล่าไม่มีให้เห็น

มีเพียงสีหน้าเศร้าๆ และอาการทอดสายตามองผมแต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้กำลังใส่ใจผม
นายคฤณลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาจับโน้ตบุ้คบางๆ ไว้ในมือเดียว อีกมือเขาก็คว้ากุญแจรถ เสื้อสูทที่วางอยู่ใกล้ๆ และก็เดินไปยังหน้าประตูห้อง

“ทำไมครับ? มีอดีตที่เป็นความลับหรอ?”

“เปล่าครับ แต่งงว่าทำไมเจมถึงได้ถาม”
“พี่ไม่เคยมีแฟนหรอก คนอย่างพี่ไม่กล้ามีความรักหรอกครับ พี่ถึงได้ขอบคุณเจมเสมอที่ไว้ใจพี่”

“............”

“รักครั้งแรกของพี่ ชื่อชานนท์”


ผมยิ้มนะ แต่ก็แค่ปาก
สิ่งที่เขาพูดมันเหมือนจริงกึ่งหนึ่ง ไม่จริงกึ่งหนึ่ง
มันคือคำพ้อ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาพ้อใคร แต่ที่แน่ๆ คนที่เขาตัดพ้อนั้นไม่ใช่ผม

“กลับแล้วนะครับ ปิดห้องให้ดีล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้เจมสัมภาษณ์นอกออฟฟิศ เดี๋ยวเจมไปเอง ส่วนเรื่องไอ้แอม พี่หนึ่งไม่ต้องเป็นไม้ตีหมาแล้วครับ มันเข้าใจแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน เจมบอกมันแล้ว”

“เขาเข้าใจเจมดีใช่มั้ย?”

“ครับ” ตรงกันข้ามต่างหาก นอกจากจะไม่เข้าใจแล้ว ไอ้แอมยังปูดประเด็นสงสัยใส่สมองผม จนผมไม่สามารถสลัดเรื่องพวกนั้นทิ้งได้เลย

เขายิ้มลาผมและจากไป
ส่วนไอ้ความสงสัยในอดีตของเขาทั้งหลาย มันเข้าไปอาบน้ำกับผมด้วย และคืนนี้มันก็คงนอนเคียงคู่กับผมอย่างแน่นอน


Cut


ชีวิตมันก็ต้องเครียดกันบ้างค่ะ >,<
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2013 23:46:18 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #62 เมื่อ07-01-2013 23:52:52 »

โอ้ยอยากรู้เหมือนเจม เจมถามเลยยย

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #63 เมื่อ07-01-2013 23:57:49 »

ดราม่าจนได้  o22   จะได้กินมาม่าไปอีกกี่วันค่ะเนี้ย

สงสารแอมจัง หาคู่ให้แอมด้วยนะค่ะ :)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #64 เมื่อ08-01-2013 01:00:01 »

โอ้ อยากรู้เหมือนกันแฮะ ตกลงว่าพี่หนึ่งมีแผนป่ะ

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #65 เมื่อ08-01-2013 01:13:27 »

ตอนที่3
ดูไปเร็วมากกับคู่นี้
งงกับพี่หนึ่ง คือแบบ ทำไมต้องนั่งรอไรงี้ งงๆ
ส่วนแอมก็อุตส่าห์คาบข่าวมานะเนี่ย
แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้คนคิดงั้นรึเปล่า

แล้วเจมเริ่มชอบพี่หนึ่งแล้วล่ะสิ อุอุอุ

ชอบที่เจมพูดตรงๆ สงสัยอะไร เป็นยังไงก็พูดตรงๆเลย

ป.ล.ขำมากที่พี่หนึ่งเล่นกับหมาแล้วมาจับหน้าเจม

ตอนที่4
เจมชอบพี่หนึ่งแล้วแน่ๆอ่ะ แต่เรายังไม่รู้ส่วนของพี่หนึ่งเลย
คืออ่านเรื่องอื่น ถ้าพระเอกชอบด้วย มันจะเป็นอีกแบบนึง
นี่มันอึดอัดอ่ะ บอกไม่ถูก มีแค่ส่วนของเจม

ตอนที่5
เฮ้ย พี่หนึ่งแรงงงงง ถามตรงตอบตรง งงเลย
แต่ยังไม่เห็นตัวตนพี่หนึ่งเท่าไหร่เลย เลยทำให้รู้สึกขาดและอึดอัดไป

แอมก็แบบว่านะ เหอๆๆ คราวนี้เอาไงล่ะเนี่ยเจม
แอมจะขึ้นมาหา พี่หนึ่งก็จะกลับมา โอย เครียดแทน

ตอนที่6
เฮ้ย แพรนี่คือใครอะไรยังไงเนี่ย
พี่หนึ่งไม่เคลียร์นะงี้
เอาแล้วไง คงไม่มีให้น้ำตาท่วมนะ หวั่นใจตามประสบการณ์การอ่าน555

พี่หนึ่งร้ายนะ ที่เข้าร้านกาแฟไปนั่งฟังเจมคุยกับแอมด้วย
บอกได้เลยว่าถ้าเจมไม่ได้ชอบพี่หนึ่ง คนแบบพี่หนึ่งโดนด่าแน่ๆอ่ะ

ตอนที่7
หาเรื่องใส่ตัวเองแล้วล่ะเจม ทำงี้เหมือนให้ความหวังแอมนะ
แล้วเรื่องความสัมพันธ์กับพี่หนึ่งอีก จะยังไงดีล่ะเนี่ย
แอบคิดว่าพี่หนึ่งเห็นตอนเจมคุยกับแอมอ่ะ555
อึดอัดกับเรื่องพี่หนึ่งที่เราไม่รู้ประวัติเลยเนี่ย

รูปที่เจมเห็นที่บ้านที่ระยอง เป็นพี่หนึ่ง เพื่อนพี่หนึ่ง
และแฟนเพื่อนพี่หนึ่งที่ชื่อแพรป่าว เดามั่วนะ ฮี่ๆๆ

ตอนที่8
กรี๊ดดด ค้างมาก ไม่ควรเริ่มอ่านแล้วมาค้างตอนนี้เลย
เอาแล้วไง นามสกุลคนที่เจมจะสัมภาษณ์ เหมือนกับคนที่แอมบอกว่าเป็นแฟนเก่าพี่หนึ่งเลย
เป็นพี่ชายลูกแพรแหงๆ คราวนี้ต้องเครียดแน่ๆ หมายถึงเนื้อหานะ
แล้วพี่หนึ่งเป็นแบบนั้น โอยยยย มันพิรุธเกินไป
เรื่องต่อจากนี้คงจะเครียดหนักแน่ งื้อ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #66 เมื่อ08-01-2013 04:55:19 »

สรุปพี่หนึ่งโกหกรึเปล่าเนี่ย เห้ออ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
«ตอบ #67 เมื่อ08-01-2013 08:33:48 »

เขียนดีมากเลยค่ะ ไหลลื่น ชอบมาก
เจม-คฤณ น่ารัก อยากรู้เหมือนกันว่าพระเอกมีประวัติเป็นไง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #68 เมื่อ10-01-2013 01:23:07 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
======

ตอนที่ 9




คนในวงจรชีวิตคนแรกที่ผมเจอในวันนี้คือ ไอ้แอม
ครับ มันโทรฯ มาเช็คที่ห้องก่อน พอผมรับสายมันก็อึกอักใหญ่ แต่พอผมบอกว่า “เออ มีไรก็พูดมาเถอะ เพื่อนกันทั้งนั้น” มันก็หัวเราะหึๆ แล้วก็บอกว่า “ขอคุยด้วยหน่อย รอที่ล้อบบี้นะ” แล้วก็ตัดสายไป โดยที่แม่งไม่ปล่อยโอกาสให้ผมบอกมันเลยว่า ไอ้เหี้ยแอม กูกำลังขี้”

ผมให้มันรอชั่วโมงนึง ไม่ได้แกล้งครับ แต่มันจำต้องรอผมอย่างไร้เงื่อนไข เพราะวันนี้ผมมีสัมภาษณ์นายพิชญะที่ออฟฟิศของเขา เราเป็นเด็กกว่า ด้วยหน้าที่การงานและโอกาสห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ ผมต้องสุภาพเท่าที่ตัวผมจะยอมรับได้

“ช้าชิบ” บ่นทำไมมึง กูจุดธูปเชิญมึงมาหรอ? กูเข้าฝันไปปลุกมึงถึงเตียงงั้นสิ!

“กลับไปนอนดิ มานั่งทำหน้าหมาให้กูมองทำไม”

“ก็ทำให้หมามอง มันก็ต้องหน้าหมาแบบนี้แหล่ะ”

“สัด! แต่เช้าเลย อย่าให้กูกริ้วอ๋อมแอ๋ม” มันหัวเราะหึแล้วลุกขึ้นมาตบหัวผม ก่อนจะนั่งลงไปอีกรอบ เห็นมันยิ้มได้แบบนี้ผมก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย แม้เมื่อคืนจะไม่ได้กลุ้มเรื่องมันมากนักก็เถอะ

“แล้วมึงมีไร” พอก้นแปะเก้าอี้ปากก็เปิด ไอ้แอมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดออกมาพรวดเดียวครับ ดังนี้

“กูอยากขอโทษ กูมาคิดดๆ ดูแล้วกูก็ไม่ควรเอาเรื่องไม่สบายใจมาบอกมึงแบบนั้น จริงๆ กูควรรู้ตัวแล้วว่ากูมันคนนอกที่มึงไม่มีวันคคิดกับกูมากกว่าเพื่อน กูควรเป็นเพื่อนที่ดี ไม่รักกูก็ใช่ว่ากูต้องไม่รักมึงด้วย คือกูไม่ได้ตื๊อนะแต่มึงเข้าใจป่ะ รักมึงก็เรื่องของกู ไม่รักกูก็เรื่องของมึง จากนี้ไปกูจะ...ก็รักมึงแหล่ะ แต่ว่า...แต่กูจะรู้ขอบเขตตัวเองไง คือกูคิดแล้วคิดอีกนะ มึงคงไม่อึดอัดใช่มั้ยที่กูจะยังขอเป็นห่วงมึงอยู่ แบบห่างๆ ก็ได้ หรือมึงจะกำหนดก็ได้ว่ากูเข้าใกล้มึงได้ในระยะกี่เมตรไรงี้ มึงบอกกูมาเลยอัญ”

“กู...” ครับ เมื่อมันให้บอก ผมก็จะบอก
“กูฟังไม่ทัน” ไอ้แอมมองหน้าผมแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง มันยกไอโฟนมันมาจ่อหน้าผมแล้วพูด

“กูรู้ว่าสมองมึงช้า และคนอย่างกูก็รอบคอบ”
“มึงเอาไปเปิดฟังความในใจที่กูอตส่าห์คิดทั้งคืนนะอัญ ไอ้ห่า!”

“แล้วด่ากูทำเป็ดไร! ไหนว่ารักกูไง”

“รักก็ด่าได้ไอ้บ้า” มันยัดไอโฟนใส่มือผมแต่ผมรีบปาคืน ใครจะบ้าเปิดฟังเสียงที่แม่งอัดไว้ และถึงผมจะฟังไม่ทันผมก็ฉลาดพอจะจับประเด็นได้ ใจความของมหากาพย์ไอ้แอมคือ มันขอเป็นห่วงผม ในระยะที่ผมอนุญาต ไอ้อรินทร์เป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก

“เอาเหอะ มึงมาเท่านี้ใช่มั้ย? งั้นไปส่งกูหน่อยได้ป่ะ? ออฟฟิศแหล่งข่าวอยู่แถวศูนย์วัฒนฯ หรือมึงมีธุระ งั้นก็ไม่เป็นไร” พูดจบผมก็ลุกขึ้นแต่ไม่ลืมกาแฟที่มันสั่งไว้ให้ โชคดีชิบหายที่แม่งใส่ถ้วยกระดาษ

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวกูไปส่ง มึงไม่ต้องรีบ เวลานี้รถไม่ติดแล้ว เท่านี้เอง”

“เหรอะ?”

“อือ” เมื่อไอ้แอมย้ำ ผมก็หย่อนตูดนั่งเหมือนเดิมและค่อยๆ จิบกาแฟที่ยังไม่ทอนความร้อนลง ดูมันมีความสุขเล็กๆ ที่ได้ถามผมว่าผมคิดยังไงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แม้แต่หมาขี้เป็นแท่งตรงๆ มันก็เอามาถาม ไม่ได้แหกตาดูเลยว่ากูกำลังยัดปังหมูหยองมายองเนสเข้าปาก กูอิ่มเลย ขอบคุณมาก มึงกลัวกูอ้วนสินะไอ้เหี้ยแอม

มันขับรถพาผมออกจากคอนโดและมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดสัมภาษณ์ของผม ตอนลงมันก็ยังอุตส่าห์กวนส้นตีนผมตามประสาคนที่รักผมจนเก็บงำอารมณ์ไม่ไหวว่า “ชะลอมในรถกูไม่มีนะอัญ แต่ถ้ามึงอยากได้ฟีลพจมาน กูยอมให้มึงถังขยะเดินเข้าบ้านทรายทอง เอาป่ะ”

เชี้ยนี่ จะรักผมหรือไม่รักผม สิ่งที่มันเลิกทำไม่ได้ก็คือการเสียดสีล้อเลียนผมเรื่องชื่อสินะ

ผมชูนิ้วกลางให้มันมองป้องกันตาว่าง แล้วก็วิ่งทึกทักเข้ายังตัวอาคารที่เด่นตระหง่านอยู่ในย่านกลางเมือง


ออฟฟิศของพิชญะอยู่ชั้น 15 ครับ แต่ผมต้องทะยานขึ้นมายังชั้น 30 โดยมีเลขาส่วนตัวเป็นคนนำทาง นี่ถ้าเขาทิ้งผมไว้กลางทางเดินที่แสนงงงวยก่อนถึงลิฟท์ภายในอีกทีตรงชั้น 23 รับรองว่าผมหนีกลับบ้านแน่นอน ไอ้เหี้ย จะเข้าถึงยากไปไหน

เรานัดกัน 11 โมงครับ ผมมีเวลาทำตัวให้หายตะลึงกับห้องชุดส่วนตัวบนชั้น 30 อีก 20 นาที เลขานายพิชญะบอกว่า “คุณพีชติดสายค่ะ แต่ไม่นานหรอกเพราะเป็นสายจากเพื่อนเธอ” ผมก็พยักหน้ารับรู้หงึกๆ และเตรียมไอโฟนมาอัดเสียง นั่งอ่านประวัติและสัมภาษณ์เก่าๆ ของเขาเท่าที่ผมค้นหามาได้จากอินเตอร์เน็ต จริงๆแล้วผมก็อ่านมาแล้วเมื่อคืน แต่ตอนนี้มือมันว่างก็เลยพลิกหน้ากระดาษไปมา

ครืดดดด
ชิบหายล่ะ ใครกันวะ? รู้งี้เปิดโหมดแอร์เพลนดีกว่า
ผมรับสายโดยที่ยังไม่ได้แหง่ะตามองเบอร์ ปลายสายส่งเสียงคุ้นเคยถามผมว่า “คุยได้มั้ยครับเจม”

นายคฤณโทรฯ หาครับ ผมกึ่งดีใจกึ่งยังไม่อยากคุย สิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากที่เขาตอบคำถามแบบกำกวมและให้ผมได้อยู่กับตัวเองก็คือ เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ และผมก็อยากจะรู้เรื่องนั้น ก็ผมมันขี้เสือกอ่ะ ใครจะทำไม?

“เจมกำลังจะสัมภาษณ์พิเศษครับ พี่หนึ่งมีอะไรรึเปล่า? ด่วนมั้ยครับ?” ผมถามด้วยเสียงเรียบๆ เขาตอบมาแค่ว่า “โอเค พี่ขอโทษที่โทรมากวน” แล้วก็ตัดสายไป ผมก็เลย...ใจหนักกว่าเดิมซะอีก

ผมทำเขาโกรธหรอ?
แล้วตอนนี้เราโกรธกันอยู่รึเปล่า?
ผมไม่สบายใจเรื่องที่ได้รู้มา ผมมีสิทธิ์ทวงถามคำตอบจากเขามั้ย?
แล้วที่เขาตอบมาแล้ว ผมมีสิทธิ์ไม่เชื่อและยังรู้สึกกังขารึเปล่า
ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าผมเป็นเดือดเป็นร้อนกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขากลับตัวลอยได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม เพราะผมเลือกจะคุยกับเขาอย่างจริงจังและจริงใจ
แม้แต่เรื่องที่ทำให้ไอ้แอมเสียใจ ผมก็บอกเขา
ผมเป็นคนเดียวในโลกรึเปล่า ที่ถูกรัก แต่กลับรู้สึกหนักในอกเหลือเกิน

“คุณชานนท์คะ คุณพีชมาแล้วค่ะ” แหล่งข่าวของผมมาเสียที ผมยืนขึ้นเพื่อให้เกียรติเขา และเขาก็โค้งให้ผมนิดนึงก่อนจะผายมือให้ผมนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันในห้องรับแขกซึ่งเป็นส่วนที่กินพื้นที่ค่อนข้างมากในห้องชุดสุดหรูนี้

“สวัสดีครับคุณชานนท์”

“ครับ คุณพิชญะ” ทางการมาผมก็ทางการกลับ อีกฝ่ายที่อายุมากกว่าผมหัวเราะนิดเดียวแล้วก็ยื่นนามบัตรให้แล้วบอกเพิ่ม

“เรียกพีชดีกว่าครับ ถ้าเรียกชื่อเต็ม คุณคงเหนื่อยเพราะเราต้องคุยกันยาวเลย”

“ครับ คุณพีช”

“แล้วคุณชานนท์ อืม...ไม่มีชื่อเล่นหรอ? ให้ผมเดานะ ชื่อนนท์ รึเปล่าครับ”

“อ่อ ไม่ค่อยมีใครย่อชื่อจริงผมหรอกครับ” เพราะเพื่อนกูแต่ละคนกวนส้นตีนพอจะเรียกเหี้ยเจม หรือไม่ก็น้องอัญ
“คุณพีชเรียกเจมก็ได้ครับ”

“ครับเจม” เขารับคำแล้วรับนามบัตรที่ผมยื่นให้ไปดู เขาอ่านออกเสียงชื่อและนามสกุลของผม จากนั้นก็เงยหน้ามองและถามว่า “คุณเจมเคยสัมภาษณ์ไอ้ที่หนึ่งใช่มั้ยครับ?”

หน้าผมคงโชว์โง่มาก เขาถึงได้ยกกำปั้นขึ้นปิดรอยยิ้มแล้วถามใหม่ “ผมหมายถึงคฤณนน่ะครับ คฤณ ธีระเสถียร ไอ้ที่หนึ่งมันเพื่อนผมเอง”

“อา....”

“จริงๆ ผมน่าจะรู้ได้นะเนี่ย ก็พี่ปรารถนาก็ออกตัวอยู่แล้วว่าไอ้ที่หนึ่งมันแนะนำผมให้แกรู้จัก ผมถึงได้รับเกียรติออกเล่มหนังสือแบบนี้ไง”

“หรอครับ?”

“ไม่เห็นมันบอกกันมั่งเลยว่าสัมภาษณ์พิเศษกับคุณเจมมาแล้ว ผมจะได้ให้มันแนะนำหน่อยว่าต้องพูดยังไง สัมภาษณ์ถึงจะออกมาดีๆ เหมือนมันบ้าง”

“ที่หนึ่ง..คือชื่อเล่นคุณคฤณหรอครับ?” ผมถามสิ่งที่สะดุดหูเป็นคำแรกๆ

“ครับ ที่หนึ่งนั่นแหล่ะชื่อเล่นมัน มันก็ที่หนึ่งสมชื่อแหล่ะ ที่หนึ่งทุกเรื่อง ไอ้นี่บ้าล่ารางวัลด้วย ท้าอะไรไม่ได้ด้วยนะ แม่งทำหมด”
“นี่ล่าสุดเพิ่งท้าให้มันหารักแท้ ขนาดเป็นนามธรรมแบบนั้นมันยังรับคำท้าเลย มันบ้า” นายพิชญะร่ายเสียยาว แต่ผมสนใจอยู่กับเรื่องท้า และเรื่องหารักแท้

“หรอครับ...แล้ว จะเจอหรอครับ”

“ไม่รู้มันเหมือนกัน ไว้คุณเจมเจอมันครั้งหน้าๆ ก็ถามมันดูสิ มันตอบไงบอกผมด้วยนะ จะเอาไว้แซวมัน ไอ้นี่มันหน้าตาย ยิ้มยาก”

“ครับ..แต่ผมไม่เห็นเขาจะยิ้มยากเลย ก็...เวลาไปที่ออฟฟิศก็เห็นยิ้มแย้มกับพี่ปูประจำ คนในออฟฟิศปลื้มกันทั้งนั้น”

“นั่นน่ะหน้าที่ ปกติที่หนึ่งมันคบยาก โลกส่วนตัวสูงน่ะครับ”

“หรอครับ”
“ผมว่า เราเข้าเรื่องของเราดีกว่า” ผมยังรู้เรื่องของเขาไม่พอหรอกครับ แต่ผมไม่อยากรู้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่อยากรู้ตัวตนของเขาผ่านปากคนอื่น ถ้าผมจะได้รู้จักตัวเขาจริงๆ ผมก็ต้องรู้จักด้วยตัวของผมเอง

นายพิชญะพูดง่าย และก็เป็นคนง่ายๆ ด้วย
เขานั่งเอียงเบี่ยงลำตัวมาทางผม และมองหน้าผมทุกครั้งที่เขาใช้ความคิด
ถามอะไรก็ตอบ แต่ถ้าเป็นเรื่องตัวเลขที่มันเกี่ยวข้องกับบริษัท เขาจะไม่ค่อยพูดชัดเจนเท่าไหร่ แต่ผมชินแล้ว ซีอีโอก็งี้แหล่ะครับ
ผมค่อนข้างพอใจกับเนื้อหาที่เขาบอกกล่าว เป็นอันว่าเซคชั่นแรกที่ผมจัดสรรคำถามมาได้รับคำตอบอย่างเพียงพอจะเอาไปเรียบเรียง และทำให้น่าสนใจ ส่วนเซคชั่นที่สองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัวนิดนึงครับ และตารางนัดของผมและเขา ก็คือเดือนหน้าโน่น

“โอเคเลยครับคุณพีช เดี๋ยวเราคุยกันเรื่องส่วนตัวอีกครั้งเดือนหน้านะครับ ผมจะคอนเฟิร์มเวลากับคุณเลขาก่อนซักอาทิตย์นึง”

“อ้าว แล้ววันนี้พอแล้วหรอครับ โห ผมก็โม้เพลินเลย” ไม่เป็นไรครับคุณแหล่งข่าว กูอัดไว้ ลำบากดินสอกดจดยิกๆ คงไม่ทันเพราะคุณมึงสปีดเหลือเกิน

“ครับ”

“แล้วหัวข้อคุยต่อไปอะไรนะครับ ผมจะได้เตรียมข้อมูลให้เลขาส่งให้คุณเจมก่อน”

“ก็ชีวิตส่วนตัวน่ะครับ ผมหมายถึง” ผมรีบขยายความเพราะสีหน้าเขาดูอึดอัดขึ้นมานิดๆ คงกลัวผมถามละมั่งว่าขี้วันละกี่ครั้ง จะบ้าเรอะ!
“หมายถึง กว่าจะมาเป็นพิชญะ เรืองกฤติยา ในวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง แล้วเคยมีมุมหักเหที่เกือบจะทำให้ไม่มีคุณพีชในวันนี้รึเปล่า ประมาณนี้แหล่ะครับ”

“อืม..ครับได้  ผมจะให้พวกประวัติการศึกษาและประวัติการทำงาน แล้วก็ประวัติบริษัทนี้ไปแล้วกันนะครับ ไกด์ไลน์ เพราะชีวิตผมก็อยู่กับบริษัทนี้มาตลอด”

“ครับ”

“ส่วนเรื่องที่เกือบทำให้ไม่มีผมในวันนี้ มันออกจะเซ้นซิทีฟไปหน่อย ผมอาจจะขอกรองเนื้อหา แล้วก็ขอทบทวนกับตัวเองก่อนว่าพร้อมเล่ารึเปล่า”

“แต่ถ้าเปิดเผยไม่ได้”

“ไม่หรอกครับ เปิดเผยได้ จริงๆ ไม่ต้องเปิดเผยคนเขาก็รู้กันทั่ววงการ”
“ผมเองก็คิดเหมือนคนอื่นนั่นแหล่ะ วันที่ลูกแพรจากไป โลกนี้ก็เหมือนไม่มีผมไปแล้วช่วงเวลานึง”

ลูกแพร
ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าลูกแพรและนายพิชญะนามสกุลเดียวกัน
แล้วนายพิชญะก็เป็นเพื่อนของนายคฤณ
โลกอย่าเพิ่งกลมตอนนี้ได้มั้ย เบี้ยวต่อไปก็ดีอยู่แล้ว

“ลูก...เอ่อ...คุณลูกแพร ชื่ออะไรนะครับ”
“ขอโทษทีครับ ผมไม่เห็นในประวัติที่ผมลองหาเอ่ยถึงเธอเท่าไหร่เลย”

“พีชญาครับ ผมไม่ค่อยพูดเรื่องลูกแพรกับใครหรอกครับ ที่หนึ่งเองก็ไม่อยากพูด”
“แต่เดี๋ยวเราเจอกันครั้งหน้า ผมจะไปทำการบ้านมาว่าผมพูดเรื่องลูกแพรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ขอพูดเท่าที่ผมจะไม่นึกย้อนไปถึงความรู้สึกเก่าๆ แล้วกันนะครับ”

“แต่ผมยืนยันอีกครั้งนะครับ ไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องเล่าครับ ผมเขียนมุมอื่นๆให้ได้ จริงๆนะครับ”

“ครับ แล้วผมจะคิดดูอีกที”
“วันนี้คุณเจมทานข้าวกลางวันกันนะครับ ให้เลขาเขาจองห้องอาหารไว้แล้ว”

“เอ่อ...คือ...” มาอีกแล้ว โดนเลี้ยงข้าวอีกแล้ว ร้านหรูอีกแน่เลย ไม่เอาอ่ะ
“ผมมีงานต่อช่วงบ่ายน่ะครับ”

“เดี๋ยวผมให้รถบริษัทไปส่ง” คุ้นๆ มั้ยครับ ผมคุ้นมาก ผมยิ้มให้นายพิชญะแล้วปฏิเสธจริงจังว่าผมไม่มีเวลาเหลือให้เขาแล้วจริงๆ และเขาก็เป็นคนง่ายๆ อย่างที่ผมมองไว้แหล่ะครับ เขาให้เลขาจัดบ๊อกซ์เซตให้ผมสำหรับนั่งกินบนแท็กซี่ แล้วก็ให้คนมาส่งถึงในรถแท็กซี่ ฟังกูกันบ้างมั้ยว่ากูจะกลับบีทีเอส แม่งงงงงง

พอเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์กลับเป็นปกติ ข้อความก็กรูเข้ามาหาเลยครับ เมลล์ด้วย เฟสบุ้คอีก เกมส์ไม่ค่อยติด แต่มีอีเกมส์ดีดหมีที่ไอ้ต้อมบังคับโหลดไว้เพื่อให้ส่งหัวใจหมีให้มัน

มิสคอล 3 สาย
พี่หนึ่ง ไอ้แอม ไอ้ต้อม
ผมโทรหาไอ้ต้อมก่อน เพราะอยากรู้ว่ามันมีนิมิตอะไรถึงได้โทรหาผม แต่พอมันรับสายผมก็รู้ตัวเลยว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับมันอีกต่อไป เพราะมันบอกผมว่า “อ๋อ ไม่มีอะไรแล้วเจม พอดีกูอยากตีจากสาวแต่ไม่รู้อ้างไร เลยกดโทรศัพท์หามึง กูคุยคนเดียวตั้ง 10 นาทีแน่ะมึง เทพชิบหาย” ไอ้ควาย!

ชื่อไอ้แอมผ่านตาผมไป
ส่วนชื่อพี่หนึ่ง หยุดสายตาผมเอาไว้เสียนาน

คิดๆ ไปแล้ว ผมกับเขาไม่ได้โกรธกัน
เขาบอกรักผม ผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับเขา เรื่องที่ผมรู้จากไอ้แอม ผมยังหาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ความผิดเขา
มันเป็นความผิดผมเองที่เลือกจะแบกอดีตของเขาที่ผมไม่เคยรู้เอาไว้ ไม่ยอมปล่อยใจให้มีควาสุขไปตามประสา
ทางที่จะหายอาการใจหนักมันง่ายมาก คือหาความจริง
แต่วิธีการวิ่งหาความจริงเนี่ย มองทางไหน ผมก็เสี่ยงจะเป็นฝ่ายเจ็บปวด

ถามเขาแล้วเขาไม่ตอบ ผมก็เซ็ง
ถามแล้วเขาตอบ ผมก็อาจจะไม่เชื่อ แล้วก็วิตกจริตต่อไปแบบนี้
ไม่ถามเขาแล้วหาความจริงเอาจากคนอื่น ผมก็ทำไม่ได้
สรุปว่า ยังไงก็ต้องถาม  ส่วนจะเคลียร์มั้ย ใจผมคงจะบอกเอง

ผมโทรกลับไปหาเขา รอสายไม่นานเขาก็รับ น้ำเสียงดูเนือยๆ นิดนึง

“พี่หนึ่ง คุยได้รึเปล่าครับ?” ผมถามคนปลายสาย ฝ่ายนั้นตอบแค่ว่า ได้ครับ แล้วก็เงียบไป ไม่กระตือรือร้นจะเป็นฝ่ายถามนั่นนี่กับผมเหมือนเคย

“เหนื่อยหรือง่วงครับ”

“ทั้ง 2 อย่างเลย เจมอยู่ไหนครับ กินข้าวรึยัง”

“ยังครับ” เอาล่ะนะ ตะล่อมก่อน
“เจมเพิ่งเสร็จจากสัมภาษณ์ เพิ่งรู้ว่าคนที่สัมภาษณ์เป็นเพื่อนพี่หนึ่ง เขาชื่อพิชญะน่ะครับ พี่หนึ่งสนิทมั้ย?”

“..............”

“พี่หนึ่ง”

“ครับเจม”

“เจมถามว่า”

“พี่ได้ยินแล้วครับ”
“อืม พีชมันเพื่อนพี่เอง พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะให้สัมภาษณ์เจม ไม่งั้นจะได้เปิดตัวเจมเลย” เขาส่งเสียงหัวเราะส่งท้ายมาด้วย ผมเลยหัวเราะตามนิดนึงแล้วถามต่อ

“เขาเรียกพี่หนึ่งว่าที่หนึ่ง ชื่อเล่นพี่หนึ่งจริงๆแล้วคือที่หนึ่งหรอ โคตรมงคลเลย”

“ฮ่าๆๆ อืม พี่เลยบ้าถ้วยรางวัล น่าตลกเนอะ” เขาแซวตัวเองแล้วก็ขำ ดูจากน้ำเสียงแล้วเขาน่าจะผ่อนคลายมากขึ้น ผมเลยตัดสินใจตะล่อมต่อ

“อื่ออ แต่ว่า คุยยังไม่จบหรอกครับ ต้องนัดคุยเรื่องส่วนตัวอีกครั้งหน้า”
“ดูเหมือนเขาจะลำบากใจนิดหน่อย แบบไม่อยากพูดถึงเรื่องคุณลูกแพรน่ะครับ”

“............”

“พี่หนึ่งครับ”

“ครับ?”

“ฟังเจมอยู่รึเปล่า เจมบอกว่า คุณพีชเขาเหมือนจะไม่สะดวก”

“ครับ พี่ฟังอยู่ พี่ได้ยินแล้ว”
“เรื่องลูกแพร”

“แล้ว...พี่หนึ่งรู้จักเธอรึเปล่าครับ เจมถามเพราะเห็นว่าพี่เป็นเพื่อนกัน น่าจะรู้เรื่อง ถ้าไม่ควรพูดถึงจริงๆ เจมจะเปลี่ยนมุมเขียนเอา”

“พี่รู้จักลูกแพร รู้จักดีเลย”

“น่ะ! อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเก่าพี่หนึ่งอ่ะ”

“หึ หึงหรอ? คนตายไปแล้วลุกมาแย่งพี่ไปจากเจมไม่ได้หรอกครับ” เหมือนถูกจีบ แต่ก็เหมือนถูกบอกใบ้ว่าอย่าคิดอะไรที่ใจร้ายแบบนั้น ผมเงียบไปเพื่อกลบอาการหน้าเสียนิดๆ เอาไว้ พอสงบใจได้ผมก็บอกลา

เขาไม่ได้ยื้อว่าจะมารับ หรือชวนไปหาไอ้หมู 3 ตัวที่บ้าน ไม่ได้แกล้งผมด้วยการบอกว่าจะไปประจบแม่ เขาก็แค่ยอมให้ผมวางสายไปโดยไม่มีคำรั้งให้รอ

ผม...ทำอะไรให้เขาโกรธอีกงั้นหรอ?
แล้วผม ควรจัดการยังไงกับอาการเหมือนคนไปต่อไม่ได้เพราะสะพานมันขาดกลางทางแบบนี้ดีล่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2013 11:29:18 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #69 เมื่อ10-01-2013 01:25:46 »


ปั่ก!
ก้นแก้วใบนี้คงร้าวแล้วแหล่ะถ้าจะกระแทกมันลงบนโต๊ะทำงานของผมแรงขนาดนี้ ผมเงยหน้ามองตัวต้นเหตุ
ไอ้แอม ของแถมคือไอ้ต้อม อะไรอีกล่ะพวกมึง?

“ว่างยังมึง ต้องรีบทำป่ะ? ไปดูหนังกัน” ไอ้ต้อมชวนก่อน ส่วนไอ้แอมก็ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ไม่ห่างนัก ผมเห็นมันคือแก้วกาแฟชงเองของมันไว้ในมือด้วย งั้นคนที่ประเคนไอ้เสียงที่ทำเอากูร้าวหูเมื่อกี้ก็มึงสินะเหี้ยแอม

“ก็ว่าง จะดูเรื่องไร” พอได้ยินชื่อหนังผมก็เซย์เยส แต่โยนให้มันไปจองตั๋วออนไลน์ไว้ก่อน ส่วนผมขอปั่นงานอีกครึ่งชั่วโมง อย่างน้อยการที่พวกเรา 3 คนเดินออกจากออฟฟิศด้วยคำว่า “กลับแล้ว” แปะกลางหน้าผากก็จะดูไม่น่าเกลียดนักเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 4 โมงครึ่ง

พอเคลียร์งานเท่าที่อยากเสร็จแล้ว ผมก็พร้อมไปดูหนังกับพวกมันเต็มที่ แต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นเมื่อไอ้ต้อมปวดหัว หือ? ร้อยวันพันปีกูเห็นกะบาลมึงแข็งมาก นิมิตไหนสั่งให้มึงเปิดกะโหลกรับเชื้อโรคหรอต้อม

ผมก็รู้ลางๆ แหล่ะว่านี่คงเป็นแผน แต่ก็เดินตามที่ทางที่มันนัดแนะขีดกันเอาไว้ก่อน
พอไอ้แอมขับรถมาถึงห้าง มันก็สารภาพกับผมก่อนที่เราจะลงกันจากรถ
มันบอกว่า “ขอโทษนะเว้ยเจม แต่คือ กูไม่รู้จะปรึกษาใคร ก็เลยบอกต้อม มันก็บอกว่าอยากช่วย เพราะดูๆ แล้วมึงคงไม่คิดจีบใครมาเป็นเมีย มันเลยให้มึงเป็นเมียคนที่มาจีบ ก็คือกูนี่ไง”

“สัดอ๋อมแอ๋ม ปากมาก แล้วไอ้ต้อมมันไม่มองมึงประหลาดหรอ?”

“ไม่ว่ะ กูบอกมันไปแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์ แต่มึงเป็นแล้วมึงส่งเกสรเกย์มาติดกู กูเลยตกหลุมรักมึง”

“สัดแอม!

“กูล้อเล่น กูบอกมันไปว่าแค่ห่วงใยมึงมากกว่าที่เคยรู้สึกห่วงใยผู้หญิงคนไหนที่เคยคบ แล้วก็เห็นหน้ามึงแล้วกูสบายใจที่สุด แค่นั้นแหล่ะ”

“พระเอกนะมึง”

“ขาดนางเอก เป็นป่ะล่ะ”

“อยากตายหรอสัด กูไม่ใช่เกย์!”

“แต่มึงเป็นแฟนกับนายคฤณนั่น”

“กูก็แค่รู้สึกปลอดภัยที่อยู่กับเขา แล้วเห็นหน้าเขากูก็สบายใจที่สุด”
“คุ้นป่ะ?” ผมย้อนคำเท่ๆ ของมันแล้วก็ยิ้มกวนตีน ไอ้แอมเขกหัวผมทีนึงแล้วก็พากันลงจากรถไปดูหนัง

และผมกับไอ้แอมคงจะได้ดูหนังกันจริงๆ ได้กินเย็นร้านอร่อยๆ หากว่าก่อนจะถึงชั้นโรงหนังในพารากอน เราไม่บังเอิญไปเห็นนายคฤณที่ผมเข้าใจว่าเป็นแฟนผม เดินเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิง โดยที่ผู้หญิงคนหนึ่งควงแขนเขาอยู่ตลอดเวลา

นี่เขาเล่นตลกอะไร?
ผมหันมองหน้าไอ้แอมที่มองผมพร้อมกับส่งคำถามมาทางสายตา อายก็อายมันที่คนที่บอกมันเต็มปากว่าเป็นแฟนเสร่อมาเดินควงสาวให้มันเห็น และทำให้ผมเสียหน้า
แต่สิ่งที่มีมากกว่ามันคือความโกรธ

ผมลองโทรเข้ามือถือระหว่างที่เดินตามเขาอยู่ห่างๆ โดยมีไอ้แอมเคยถามอยู่ตลอดเวลาว่า “กูไปชกมันให้เอามั้ย?” เขาไม่รับสาย
ท่าทางที่ผมเห็นคืออาการล้วงกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมอง แล้วก็สอดมันลงกระเป๋าพร้อมกับมือที่เอื้อมลึกลงไป แล้วสายก็ตัด

หึ! นี่มันเหี้ยอะไรกัน?
เขาเล่นตลกอะไรอยู่กับผมรึเปล่า
คำพูดของคนอื่นมากมายประเดประดังเข้ามา ทั้งคำพูดไอ้แอม ทั้งคำวิจารณ์เพื่อนที่นายพิชญะเพิ่งพูดไว้ว่าเขาชอบความท้าทาย และล่าสุดเพิ่งรับคำท้าเรื่องหารักแท้

นี่หาอยู่หรอ?
หากับหลายๆ คนรึเปล่า
ผมเป็นหนึ่งในนั้นใช่มั้ย?

ผมรู้สึกจุกขึ้นมาถึงคอ ระหว่างเดินตามเขาผมก็ต้องพยายามถอนหายใจออกมาถี่ๆ จนไอ้แอมมองอย่างเป็นห่วง และเริ่มถามว่า “มึงไหวมั้ย ไม่ไหวก็กลับเถอะ”

“เฮ้ยเจม! จะไปไหน?” มันรีบรั้งไหล่ผมไว้เมื่อเห็นว่าผมเดินเร็วขึ้น

“ไปถามให้รู้เรื่อง”

“นี่มันกลางห้าง อย่าเลย ร้านแม่มึงก็อยู่ในนี้ เดี๋ยวกูช่วยเอง”

“ไม่ต้องแอม เรื่องนี้กูต้องจัดการเอง”

“มึงใจเย็นก่อน เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูทำเป็นบังเอิญไปเจอเขา แล้วถามเขาก็แล้วกันว่ามากับใคร ดูดิ๊ว่าจะตอบยังไง”

“กูบอกว่าไม่ต้องไง” ผมขึ้นเสียงนิดนึงและหันมองมันอย่างขอบคุณ แล้วก็บอกว่า “มึงรอกูที่รถนะ เดี๋ยวตามไป” ไอ้แอมยอมเข้าใจบทบาทตัวเองแล้วเดินจากไป ส่วนผมก็สาวเท้าเดินเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ

คนคู่นี้หยุดที่หน้าร้านนาฬิกา ฝ่ายผู้หญิงรีรออยู่ว่าจะเข้าไปดูอะไรดีหรือไม่ ส่วนผู้ชายแค่ยืนล้วงกระเป๋าตลอดเวลา และมองนาฬิกาที่ถูกนำมาจัดโชว์ดึงสายตาหน้าร้าน

พลันเขาก็เห็นผมจากในกระจก นายคฤณตกใจแล้วรีบหันมาหาผม

“เจม!”

“ครับ เจมเอง”
“พี่หนึ่งมากับใคร” ผมถามต่อหน้าผู้หญิง เอาให้รู้กันไปว่าเขาจะตอบผมว่าอะไร ผมไม่ได้จี้ ไม่ได้ตามจิกอะไร ไม่ได้เร่งรัดด้วยซ้ำ ผมกำลังเปิดโอกาสให้เขาอธิบายให้ผมเข้าใจ ในเวลาที่ผมต้องการทำความเข้าใจในตัวเขา

ผมผิดรึเปล่าที่อยากเข้าใจเขา คนที่พูดออกมาว่า “รัก” ผม

“นี่คือคุณ...”

“ผมไม่ได้อยากรู้จักชื่อเธอหรอกครับ”
“ผมถามคุณว่าคุณมากับใคร” เขาเข้าใจคำถามผมใช่มั้ย ผมอยากรู้สถานะของเธอคนที่เดินเคียงข้างเขาอยู่นี้

เพื่อน?
เลขา?
น้อง?
พี่?
ป้า?
แม่เลี้ยง? อะไรดีล่ะ ตอบผมสิ

“เพื่อนผม” ผม?...อือ เพราะผมใช้คำแทนตัวเองว่าผมก่อน เขาก็เลยใช้คำนี้บ้างสินะ โอเค หยวนๆ ก็ได้

“ครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ผมลาจากอย่างสุภาพ เรื่องมันคงจบลงด้วยดี หากว่าเธอคนนี้ไม่พูดออกมา

“เพื่อนสนิท หนึ่งไม่บอกน้องเขาไปด้วยล่ะ”
“จริงๆ ต้องแนะนำเปรมว่าคนรู้ใจด้วยซ้ำ น้อยใจได้มั้ยเนี่ย”

“.................” ผมเงียบ
“.................” เขาก็เงียบ

ดีจังที่กะลาของผมเปิดแล้ว โลกนี้แม่งโคตรใหญ่เลย แต่เสือกเจอความจริงที่ไม่คิดว่ามาก่อนว่าจะได้เจอ
ช่วง 3 เดือนที่ผมฝังตัวเองอยู่ใต้กะลาและรู้จักแต่พี่หนึ่งที่ใจดีกับผมมากมาย มันจบแล้วใช่มั้ย?

“แล้ว ไม่แนะนำให้เปรมรู้จักน้องเขาบ้างหรอ? ใครคะ? น้องที่บริษัทหรอ?”

“นักข่าวที่เคยสัมภาษณ์ผมน่ะ”
“ชื่อคุณชานนท์”

“อ๋อ... เล่มที่ทำให้คุณได้โปรเจคยักษ์ที่ดูไบใช่มั้ย”
“ถ้าคุณอาเปรมไม่เห็นบทสัมภาษณ์เล่มนั้น ก็คงไม่เชื่อมือหนึ่งขนาดนี้”
“ต้องขอบคุณคุณชานนท์มากเลยนะคะ แล้วนี่แวะมาทำอะไรที่นี่หรอคะ? พอมีเวลามั้ย ไปทานข้าวกันนะคะ เปรมว่าเรา”

“เปรม!” เขาเอ่ยปรามคนรู้ใจของเขา แล้วก็มองหน้าผมนิ่งๆ ผมมองหน้าเขาอยู่ครู่เดียวก็หลบตาไปมองทางอื่น ผมฝืนยิ้มให้ผู้หญิงคนนี้แล้วก็เอ่ยลาอีกครั้ง

“ผมไม่สะดวก ขอตัวนะครับ” ผมหันหลังใส่คนคู่นี้แล้วก็ก้าวเร็วๆ จากมา

ผมช็อก ช็อกกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ ช็อกกับความโง่ของตัวเอง ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะเป็นคนโง่ขนาดนี้ ใจง่ายขนาดนี้
ทำไมผมถึงได้มองคนพลาดจากหน้ามือเป็นหลังตีนขนาดนี้ แม่เลี้ยงผมมาผิดวิธีรึเปล่า

“เจม!” แรงกระชากทำเอาผมเซไปฟุบกับอกคนที่ตัวใหญ่กว่าผม ผ้าสูทแข็งๆปะทะกับแก้มผมจนได้กลิ่นน้ำหอม ผมดันตัวเองแล้วถอยหลังเพื่อมองหน้าเขาได้ง่ายขึ้น

นายคฤณ ธีระเสถียร
ไอ้เหี้ยนี่เป็นใคร ทำไมมันถึงได้เข้ามาในชีวิตผมแล้วทำให้ผมต้องยืนกลั้นน้ำตา ทั้งที่วันที่เศร้าที่สุดในชีวิตผม ควรมีแค่วันเดียวคือวันที่พ่อตายเท่านั้น
มันเป็นใคร? มันกล้าดียังไงมาทำให้ยืนฝืนน้ำตาตัวเองอยู่แบบนี้!

“เจม”

“พอ! ผมไม่พร้อมฟังคุณ ปล่อยผม!”

“เจม พี่...พี่อธิบายได้”

“คุณอธิบายไปแล้ว เมื่อกี้ ชัดเจนแล้วด้วย”

“เจมครับ”

“ผมไม่อยากฟังเรื่องอะไรจากคุณอีก”
“จะลูกแพร จะเปรม จะใครที่ไหน จะเป็นคนยังไงผมก็ไม่อยากรู้”

“เจม ฟังพี่ก่อนสิ”

“ผมบอกว่าไม่พร้อมไง!” ผมตวาดกลับแล้วรีบเช็ดน้ำตาที่แม่งเสร่อร่วงจากขอบตาตอนที่ผมสะบัดแขน นายคฤณยกมือทำท่ายอมแพ้กลางอากาศ เขาไม่แตะต้องตัวผมแล้ว แต่เขายังไม่ถอยห่างไปไหน

ผมพยายามหยุดหอบหยุดเหนื่อยแล้วก็หยุดสั่น
ผมป้ายน้ำตาลวกๆ ซึ่งมันก็แห้งเหือดไปอย่างง่ายดาย ดีแล้ว ผมไม่ชอบเป็นคนเจ้าน้ำตา

“คุณขอให้ผมฟัง งั้นก็ฟังผมก่อนก็แล้วกัน” ผมเริ่มพูดแล้วเริ่มมองหน้าเขาได้อีกครั้ง
“ที่ผ่านมา ช่างมัน”
“คำที่คุณเคยพูด ผมจะลืมมันซะ คำที่ผมเคยบอกคุณ ก็ลืมมันซะ”
“ผมไม่เชื่อใจคุณอีกต่อไปแล้ว” 

“เจม สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจมคิดหรอกนะ”
“ฟังพี่ก่อนไม่ได้หรอ?”

“ที่ผมจะได้ฟังคืออะไร? ข้ออ้างหรือความจริง หรือเรียงความอีกเรื่องที่คุณเขียนสดๆ”

“พี่จะบอกความจริงกับเจมทุกอย่าง เจมอยากรู้เรื่องอะไร”

“ผมเคยอยากรู้อะไรตั้งมาก อยากรู้เพื่อทำความเข้าใจกับคุณให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้รู้คุณค่าคำว่ารักของคุณให้มากกว่านี้ และเพื่อรักคุณ”
“แต่ตอนนี้ ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว ไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของคุณอีกแล้ว”

“เจม...แค่พี่เดินกับผู้หญิงคนนึง แปลว่าพี่ไม่รักเจมหรอ? ด่วนตัดสินพี่เกินไปรึเปล่า”
“ที่พี่แสดงออกมาตลอด มันไม่มีความหมายเลยหรอ?”

“คุณทำเพื่อประโยชน์ของคุณต่างหาก”
“เธอคนนั้นรู้เรื่องสัมภาษณ์พิเศษ เธอรู้ว่าเพราะงานเขียนชิ้นนั้นทำให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่ม ได้งานใหญ่”
“แล้วตอนนี้ พี่หนึ่ง....” ผมเรียกชื่อเขาตามเดิมและพยายามไม่เบะมากไปกว่านี้
“พี่หนึ่งอยากได้อะไรจากเจมอีกหรอ? ถึงยังต้องยื้อเจมอยู่แบบนี้”
“คำอธิบายสวยหรูของพี่ ต้องการผลตอบแทนเป็นอะไรหรอครับ?”

เขาเงียบไป ผมก็ยืนเงียบและหันหน้าไปทางอื่น ที่ตรงนี้มันใกล้ทางออกลานจอดรถ ก็เลยไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมามากนัก

“โอเค โอเค” เขายกมือยอมแพ้อีกครั้งแล้วถอยห่างออกจากผม เขามองผมนิ่งอีกครั้งแล้วก็พูดกับผมเป็นประโยคสุดท้าย
“พี่คิดว่าถ้าเป็นเจม ต้องเข้าใจแน่ๆ แต่พี่ก็คิดผิดสินะ”
“ไว้เจมอารมณ์ดีกว่านี้ พี่จะเล่าเรื่องเปรมให้ฟัง ทุกอย่าง ทุกอย่างที่เจมสงสัย”

“ขอโทษครับ แม้แต่ความสงสัยในตัวพี่ เจมก็ไม่มีเหลือ”

ผมตัดสินแล้ว ลงดาบแล้ว
นายคฤณโดนโทษสูงสุด ต้องประหารสถานเดียวเท่านั้น

เวลานี้ผมอยากให้เขาหายไป อยากให้เขาไม่เคยมีตัวตนบนโลกแบบนี้ ผมจะได้ไม่ต้องได้บทเรียนเลวร้ายจากความรู้สึกดีๆ ที่คนทั้งโลกเรียกมันว่าความรัก


Cut


แง๊ๆๆๆ ขอโทษนะ หายไปตั้ง 1 วันแน่ะ >*<

จะพยายามไม่ให้เป็นเรื่องยาวมากนะคะ จะได้ไม่เบื่อกัน ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

ลงดึกมากเลย มึน มึน :really2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2013 12:34:02 โดย kajidrid »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
« ตอบ #69 เมื่อ: 10-01-2013 01:25:46 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #70 เมื่อ10-01-2013 02:49:48 »

^
^
^
^
จิ้มจึ้ก แฮ่ อัพดึกๆ ดีนะที่เคายังไม่นอน    o13
แอร๊ยยยย  ทำไมมันลงเอยอย่างนี้  :z3: คุยกันดีๆปรับความเข้าใจกันนะ

เดี๋ยวช่วยตบอิพี่หนึ่งให้  :beat: แกทำอะไรของแกย๊ะะะะะ
แอมแอ๋มน่ารักจุงโบยยย เปลี่ยนมาชอบแอมนะเจม  o18

ปล กดบวกให้แล้วนะค่ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2013 02:54:26 โดย suck_love »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #71 เมื่อ10-01-2013 04:37:51 »

 :เฮ้อ:  งานงอกก

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #72 เมื่อ10-01-2013 07:59:10 »

เป็นเรากะเป็นแบบเจมอะ ไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง ฮือ สงสารเจมอะ

MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #73 เมื่อ10-01-2013 08:07:58 »

เวรกรรม ทำไมพี่หนึ่งไม่พูดตัดหน้าเจมไปเลย จะได้ให้จบๆไป
เจมก็ไม่ฟังพี่หนึ่งเลยนะ รู้ว่าช็อคเเต่เเบบ เฮ้อออ เรื่องยิ่งแย่ลงอะ

เชียร์ให้คืนดีกันเร็วๆนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #74 เมื่อ10-01-2013 11:05:38 »

พี่หนึ่งทำแบบนี้ได้ยังไง.....
จริง-ไม่จริง
อะไรกันเนี้ย.....
อย่าทำเจมเสียใจนะค๊ะ

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
«ตอบ #75 เมื่อ10-01-2013 14:07:21 »


ติดงอมแงม..
สนุกมาก อ่านลื่น ปิดไม่ลง
อ่านมาเรื่อยๆ นั่งอ่านไปยิ้มไปตั้งแต่ตอนที่1-7
พอถึงตอนที่ 8 มันเริ่มหน่วงพิกล
และพอถึงตอนปัจจุบัน ช็อคเลย!
 :a5: :a5:

จริงๆมันก็แบบ โอเคเข้าใจความรู้สึกของเจมนะ
เขารู้เรื่องเราทุกเรื่อง (เพราะเราบอก)
แต่เรื่องของเขาเราแทบไม่รู้เลย
ยิ่งมาเจอท่าทีแบบนี้  อาการอึกอักแบบนั้น
เป็นใครใครก็คิดมาก และแน่นอนเจมคิด
ไม่ได้เข้าข้างเจมนะ แต่พี่หนึ่งต้องเคลียร์ว่ะ
ไม่งั้นไปกันไม่รอดหรอก

อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจตัวเอง การกระทำของตัวเอง
เพราะคนที่กำลังมีความรักมันงี่เง่าหมดล่ะ
เพราะรัก ก็เลยคิดมาก เป็นธรรมดา เข้าใจ ก๊าก

รออ่านต่อค้าบบบ
โอม จงมาๆๆ 555555555

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #76 เมื่อ11-01-2013 01:04:02 »


Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 10


บ้านผมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สมาชิกของเรา 3 ตัวต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วลากเท้าออกจากบ้านครับ ผู้ที่ต้องไปก็คือ ผู้พัน คุณหญิง และไอ้อ้วน หรือตัวเล็กที่เป็นที่โปรดปรานของหม่อมแม่เหลือเกิน

บ้านใหม่ของพวกมันช่างน่าอิจฉา และทำให้ไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองมีปมด้อยทันทีที่ไม่ได้รับการเลือก
บ้านน้ำเพชรครับ ใหญ่มากจนผมเชื่อว่าผู้พันมันจะเป็นโรคเยี่ยวหมดก่อนจะเยี่ยวรอบบ้านสำเร็จแน่ๆ
ผมเลยกลับมาอยู่กับแม่บ่อยขึ้นเพราะเกรงว่าหม่อมแม่เธอจะเป็นโรคซึมเศร้า

“กินข้าวได้แล้วเจม ป้าพิศทำแกงจืดผักกาดขาวกระดูกหมูที่เจมชอบน่ะ”

“กินครับ กิน กิน แม่มาสิ กินพร้อมกัน”
“แล้วจิวล่ะ กลับช้าหรอครับ?”

“อื้อ คืนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าๆ คงถึง”

“งั้นเราตักแบ่งไว้ดีมั้ยแม่”

“อื้อ เอาสิ พี่จิวเขาก็ชอบเหมือนเจมนี่” แม่ผมยิ้มแล้วก็เดินนวยนาดมาตักแกงแบ่งใส่ถ้วยน้อยแล้วปิดฝายัดใส่ตู้เย็นเอาไว้ แล้วก็มานั่งกินข้าวพร้อมกับผม อบอุ่นดีครับ อบอุ่นแม้จะมีแค่แม่ก็เถอะ

ผมมองหน้าหม่อมแม่นิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก็กุลีกุจอตักอาหารให้ รู้สึกซาบซึ้งกับเรื่องธรรมดาแบบนี้ขึ้นมาจนได้ และผมรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร

เวลาที่คนเราเสียศูนย์เพราะสูญเสีย ครอบครัวคือหลักยึดที่หนักแน่นที่สุด คือรั้วและหลังคาที่แข็งแกร่งที่สุด และความอ้างว้างจากจุดด่างในชีวิตที่เราเพิ่งผ่านพ้นมันมา จะย้ำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของครอบครัว ผมก็เลยบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมากช่วงนี้ ก็นะ...เข้าใจกันหน่อยว่าผมมันคนที่เพิ่งผิดหวังจากความรัก นี่! โรคเท่โรคฮิตอินเทรนด์ซะด้วย

พรุ่งนี้ก็จะครบรอบเดือนกว่าแล้วที่เขาและผมไม่ได้ติดต่อกันเลย
ผมไม่ได้จงจำจดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บให้ช้ำหรอกครับ แต่ว่า วันที่เกิดเรื่องคือที่วันที่ผมสัมภาษณ์นายพิชญะ และพรุ่งนี้ผมก็จะต้องไปสัมภาษณ์เขาอีกครั้ง ในประเด็นที่ผมเคยโคตรจะอยากรู้ แต่วันนี้มันเป็นประเด็นที่ผมอยากอยู่ห่างให้มากที่สุด เพราะมันมีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับนายคฤณ ผมไม่อยากรู้!

“อื้อเจม” แม่ครับ เคี้ยวให้ครบ 20 ครั้งต่อคำรึยัง อย่ามาชวนคุยสิ กำลังตั้งใจแทะกระดูกหมูอยู่นะ!

“อื้อ อะไรแม่”

“ตาหนึ่งไม่ค่อยมาเลยนะช่วงนี้”

หึ! โผล่มาก็ผีหลอกแล้ว
ใครเขาจะมากันล่ะนายแม่ เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนบ้านนี้แล้วนี่นา
ผมยิ้มแห้งๆ แล้วก็นั่งกินข้าวต่อเงียบๆ เพื่อฟังแม่เล่านั่นนี่ให้ฟังไปตามประสาคนปากยังว่างแม้ว่าตอนนี้ควรเคี้ยวข้าวก่อน มีเรื่องนึงที่ผมเพิ่งรู้

นายคฤณซื้อของใช้ของหมา อาหารหมา ส่งหมอมาตรวจสุขภาพหมาแล้วจัดการให้จดทะเบียนเป็นหมาในร้านหมอสัตว์ละแวกบ้านผม

ใบตรวจสุขภาพไอ้ 5 ตัวเผือกนั้นแม่เก็บไว้เป็นอย่างดี และตอนนี้ก็แยก 3 ใบไปให้ที่บ้านน้ำเพชรแล้ว เสื้อผ้าวันที่ผู้พัน คุณหญิง และตัวเล็กใส่เดินออกจากบ้านนายคฤณก็เป็นซื้อให้ และสาเหตุที่แม่เลือกจะปล่อยไอ้ 3 ตัวนั้นให้บ้านน้ำเพชรก็เพราะนายคฤณบอกว่า “แยกไปแต่ลูกจะน่าสงสาร เดี๋ยวตัวพ่อตัวแม่จะเหงา ให้เอาลูกไปตัวนึง แล้วก็พ่อแม่ไปด้วย ส่วนลูกอีก 2 ตัวก็ให้อยู่กันเพื่อเรียนรู้ความเป็นพี่เป็นน้อง”

อะไรมันจะเป็นผู้ให้คำปรึกษาสถาบันครอบครัวหมาที่เพอร์เฟคขนาดนี้วะ?

“ตาหนึ่งนี่ดีนะ แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย ที่ร้านก็ไม่แวะไป”

“หือ? เขาเคยไปร้านแม่ด้วยหรอ?”

“ต๊ายยย บ่อยย่ะ” จะเสียงสูงเพื่อ? อยากให้ลูกอิจฉาที่มีผู้ชายไปมาหาสู่หรอเธอ? ผมทำหน้าเบื่อให้แม่แล้วก็หันหนี
“มาซื้อแหวนบ้าง ซื้อสร้อย สั่งทำชุดเครื่องเพชร แถมยังพาลูกค้าใหม่ๆ มาให้ด้วย แม่ไม่ต้องขายราคาโปรโมชั่นด้วยนะเจม” อื้อหือ น้ำเสียงตื่นเต้นมากครับ ผมหัวเราะนิดนึงแต่ก็ยังกินข้าวต่อไป
“เจมต้องดีกับพี่เขานะ ไม่ใช่ว่าแม่งกอยากให้เขาพาลูกค้ามาอีกหรือมาซื้อของร้านเราหรอก แต่แม่เห็นว่าเขาเป็นคนดี คบค้ามิตรดีๆ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แม่อยากให้รอบตัวเจมมีแต่คนดีๆ”

“แม่รู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนดี เจอกันก็ไม่บ่อย หรือถึงจะเรียกว่าเจอกันบ่อยแล้ว แต่แม่เพิ่งรู้จักเขามาราว 3-4 เดือนเองนะ””

“เซ้นส์แม่ดี ไม่บอดเหมือนเจมหรอก” งั้นแม่ก็กำลังจะเซ้นส์บอดเหมือนเจมแล้วแหล่ะ ผมคิดในใจแล้วจ้วงกระดูกหมูข้อสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวงุบๆ แยกเนื้อแยกกระดูกอ่อนแป๊บเดียวก็หมดแล้วก็อิ่มพอดี ผมมีหน้าที่เก็บล้างเพราะแม่นั่งดูบัญชีที่ร้านแล้วก็ออเดอร์ต่ออยู่ที่หน้าทีวี

พอเก็บล้างเสร็จก็เดินมานั่งหน้าโซฟาแล้วหนุนตักแม่ ผมก็งี้แหล่ะ ผมเป็นน้องเจมมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ จะวัยไหน จะอารมณ์ดีหรืออารมณ์เสีย สิ่งที่ผมทำโดยไม่ไตร่ตรองเลยก็คือการอ้อนแม่

“อยากได้อะไรล่ะหมาเจม”

“แหวนเพชร เอาไปล่อสาวมาเป็นสะใภ้แม่ไง”

“งั้นไม่เอาหรอกย่ะ สะใภ้ไม่ต่อยอด”

“งกนะแม่ เดี๋ยวนี้คบคนที่เงินแล้วหรอ?”

“แม่หมายถึงถ้าเจมเอาผู้หญิงเห็นแก่แหวนเพชรเข้าบ้านมาน่ะ แม่ไม่รับ แต่ถ้าจนๆ มาแล้วเจียระไนเพชรเป็น รู้จักทำงานค้าขาย มีสมอง แม่ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว” นี่! หลักการเลิศ แต่ปฏิบัติจริงทำได้รึเปล่าผมไม่การันตีนะครับ

เราอ้อนกันไปมาอยู่ครู่เดียวผมก็เริ่มง่วง แต่ผมรับปากแม่ว่าจะรอจิวให้ผมก็ต้องรอ ส่งแม่เข้านอนไปแล้วผมก็ออกมาเล่นกับหมาที่นอนเหงาๆ กันอยู่ในบ้านใหญ่แค่ 2 ตัว
ตัวหนึ่งกับตัวสอง

พวกมันยกหัวคิ้วเหลือบตามองผมนิดเดียวก็หรี่ตาเตรียมหลับต่อ ผมเลยลากไอ้ตัวสองออกมาเล่นเกาพุง ไอ้นี่ก็เปรมใจเหลือเกิน นอนหงายแบะขาให้ผมลูบไล้ตามอำเภอใจ แล้วไอ้หมาขี้อิจฉาก็โผล่มาทันทีครับ
ตัวหนึ่งมันเดินงัวเงียออกมาแล้วก็ซุกหัวบนตีนผม ไอ้บ้านี่ขนนิ่มดีชิบหาย
ผมลูบหัวมันเบาๆ ยิ่งลูบมันก็ยิ่งซุกแล้วส่งเสียงงี้ดง้าดออดอ้อน ผมเลยหยิบตัวมาขึ้นมาวางบนหัวเข่า แม่งเอากระจู๋ชี้หน้าผมอ่ะ ไอ้ห่า เล็กแล้วยังอวด ดีดแม่งเลย นี่แน่ะ!  กร๊ากกกกก กูก็บ้าทะเลาะกับหมา

พออุ้มตัวหนึ่ง ตัวสองก็ตะเกียกตะกายยกร่างแคระๆ ของมันกรุยขาผม ผมเลยต้องหยิบมันขึ้นมาวางคู่กัน เอาล่ะ วันนึงกูโดนกระจู๋ชี้หน้า 2 อัน แทงเลขไรดีวะ? 72?

เล่นกับมันงุ้งงิ้งไม่นานนักจิวก็กลับมา มันบีบแตร 2 ที คนรับใช้จำเป็นอย่างผมก็วิ่งรี่ไปเปิดกดรีโมทเปิดประตูให้ บีเอ็มคุ้นตาส่งไฟจ้าเข้าตาผมจนต้องหรี่แล้วหันหนี พอไอ้จิวลงจากรถมาทักหมา (ไอ้เหี้ย แล้วกูละจิว) ผมก็อำลามันไปเข้านอน

ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาราวๆ 2 อาทิตย์เห็นจะได้




เช้านี้ผมสวมเชิ้ตลายทางตรงสีขาวเทา กางเกงนี่ขอยืนพื้นด้วยยีนส์เหมือนเดิม เมื่อมั่นใจว่าสุภาพมากแล้วก็ขับรถออกไปยังออฟฟิศนายพิชญะทันที

ระหว่างทางไอ้แอมโทรหาตามเวลาปกติที่มันตื่นแล้วต้องคุยกับผมระหว่างขี้ ไม่สุนทรีย์หรอกครับกับการคุยโทรศัพท์กับใครซักคนแล้วต้องฟังเสียง อึ่ อื่ออออออออ อึ่ และจ๋อม! อยู่ทุกครั้ง ไอ้สัด!

40 นาทีแน่ะกว่าจะถึง
ก่อนขึ้นทางด่วนนี่รถติดถึงขั้นหัวเข่าผมสั่นเพราะเหยียบเบรกอยู่ตลอดทาง
พอถึงก็โทรหาเลขา รายงานตัวว่า “ถึงแล้วครับ” เธอก็ส่งคนมาลงมารับเพื่ออัญเชิญผมขึ้นไปยังชั้น 30 เหมือนเดิม

“คุณพีชมีแขกอยู่ คุณเจมรอสักครู่นะคะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มให้สุภาพ เธอมองผมแบบกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป หึ! ผมรู้ครับว่าผมหน้าตาดี มองตรงๆ ก็ได้ ผมไม่สึกหรอก

แป๊บเดียวนายพิชญะก็เปิดประตูเข้ามาแล้วทักทายผมอย่างดี สีหน้าเขาดูสดใสมากกว่าครั้งแรกที่ผมพบเขาเสียอีก

“สวัสดีครับเจม” อื่อออ ครั้งที่แล้วยังคุณเจมอยู่เลยไม่ใช่หรอ? ผมยิ้มทักทายเขาแล้วก็พูดสวัสดีครับตามปกติ
“มาครับ วันนี้พร้อมมากเพื่อให้เจมทำงานง่ายเลยนะเนี่ย เตรียมเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟังเพียบเลย” เน้นเสียงตรงคำว่าเพียบด้วยครับ อยากรู้ชิบหายว่าอายุ 30 แน่หรอ ผมก็ยิ้มให้ตามเรื่องตามราว การคุยกันครั้งที่แล้วทำให้ผมรู้ว่านายพิชญะพูดเก่งมาก!
“อ้อ!” จู่ๆ นายพิชญะก็ชะงักอาการย่อตัวนั่งแล้วยืดตัวขึ้นใหม่ เขาหันมองผมแล้วพูดเหมือนขออนุญาต
“ผมมีเพื่อนช่วยเล่าด้วย คุยกันแบบสนุกๆ ดีกว่า ผมอยากให้คนอื่นมองผมมุมสนุกๆ มากกว่าน่ะครับ เดี๋ยวไปลากผู้ช่วยเล่าก่อนนะครับ” บอกผมเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอีกรอบ ผมไม่ได้สนใจอะไรจึงนั่งตรวจสอบโทรศัพท์ว่าอยู่ในโหมดพร้อมอัดแบบห้ามใครรบกวนรึยัง เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งผมจึงลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติผู้มาใหม่ และเมื่อหันไปมองหน้า ผมก็เจอกับเขาคนนั้น ในรอบ 1 เดือน

“นี่คฤณครับ เฮ้ย! รู้จักกันแล้วไม่ใช่หรอ? ผมก็โชว์โง่เลย”
“นั่งครับ นั่ง” นายพิชญะพูดไปยิ้มไป เขากดบ่าเพื่อนให้นั่งลงตรงโซฟายาว ตัวเขาก็นั่งลงข้างๆ ส่วนผมนั่งอยู่โซฟาเดี่ยวตั้งแต่แรกแล้ว

สีหน้าของเพื่อนรัก 2 นายนี้แตกต่างกันสิ้นดีจริงๆ

“สวัสดีครับเจม” ชื่อตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมผมใจเต้นกระตุกแล้วก็เจ็บจี๊ดๆวะ

“ครับคุณคฤณ” เขาชะงักไป ดูไม่พอใจที่ผมเรียกเขาแบบนั้น แต่ผมผิดหรอ? ก็นั่นชื่อเขานี่!

“อย่าซีเรียสสิคุณ ผมบอกแล้วไงว่าขอคุยแบบรีแลกซ์หน่อย”
“อย่างที่เจมทิ้งโจทย์ไว้ เรื่องจุดหักเหในชีวิตผม หรือเรื่องที่ผมมีวันนี้ได้เพราะใคร ก็หมอนี่แหล่ะครับ เพื่อนรักผมเอง เนอะที่หนึ่ง”

“ผมไม่คิดว่าผมสำคัญขนาดนั้นหรอก คุณก็ยกผมซะลอย” เขาตอบเพื่อนแล้วก็หันมามองผมนิ่งๆ
“ถ้าผมจะมีความสำคัญกับใครสักคนจริงๆ ก็ขอให้คนคนนั้นคือคนที่ผมให้ความสำคัญไปจนหมดหน้าตักจะดีกว่า”

“แหะๆ” นายพิชญะหัวเราะแห้งๆ แล้วทำท่าเป็นกระซิบผมว่า “หมอนี่ขี้อาย แล้วก็ไม่บ้ายอน่ะครับ”
“งั้น....” คนพูดเก่งก็พูดต่อไป ผมก็ได้แต่เงียบมองหน้าเขาแบบมองทะลุอากาศ ผมพยายามโฟกัสสายตาที่นายพิชญะที่สบตาผมบ้าง หันมองเพื่อนบ้าง และถ้าเขาสังเกตเพื่อนเขาสักนิด ก็จะเห็นว่าเพื่อนของเขาไม่ละสายตาจากหน้าผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว

นายพิชญะเล่าเรื่องของเขาไปเรื่อย สายตาเขาเต็มไปด้วยความสุขยามพูดถึงความทรงจำที่ผ่านมาของตัวเอง ทั้งเรื่องตอนเริ่มต้นเข้าม.1 ขึ้นม.ปลาย เตรียมเอนท์ ไปเรียนต่อโทเมืองนอก และทุกๆ ความทรงจำที่เขาบอกเล่าให้ผมฟัง ไม่มีตอนไหนที่ชีวิตเขาไม่มีนายคฤณ

แม้แต่เรื่องที่ “ผมเสียใจที่สุดในชีวิต ก็คือเรื่องที่เราเสียลูกแพรไป” ชื่อลูกแพรถูกเอ่ยขึ้นครั้งแรก ผมเกร็งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเธอ คนที่มองผมอยู่ก็เช่นกัน

ลูกแพร คงเป็นความทรงจำที่ทำให้นายคฤณทรมานที่สุด ทรมานจนไม่กล้านึกถึงและไม่กล้าจะถ่ายทอดให้ใครฟัง แม้แต่คนที่เขาพูดคำว่ารักให้ฟังข้างหู

“ลูกแพรเป็นน้องสาวคนเดียวของผม เป็นน้องสาวที่ทำให้ผมให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ และก็ตั้งใจจะเป็นคนที่เก่ง เพื่อจะได้ดูแลน้องสาวได้”
“แต่เธอจากพวกเราไปทั้งที่เพิ่งเรียนจบ”
“ก็อายุพอๆ กับเจม เนอะที่หนึ่ง”

“อืม เท่ากัน”

“เป็นเด็กที่น่ารัก ดื้อแต่ก็น่ารักจนเรายอมให้ดื้อ เธอชอบพวกงานศิลป์ ชอบวาดรูป ชอบออกแบบ”
“ที่หนึ่งเองก็สนับสนุนให้เรียนทางที่เขาชอบ แม้ว่าจะขัดใจพ่อกับแม่ผมสุดๆ ก็เถอะ เนอะที่หนึ่ง”

“อืม ดื้อ” ดื้อ! เขาเคยว่าผมแบบนั้นวันที่เราไปเที่ยวสวนเงาะที่มีต้นมังคุดโผล่หน้ามาต้อนรับ ผมพยายามไม่ฟังคำนายคฤณ แต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักในการพูดกับผม

“แล้วเธอ...เอ่อ...จากไป”

“ทำไมถึงตายน่ะหรอครับ?” เขาเปลี่ยนคำถามผมให้ตรงประเด็นราวกับใช้ไม้ทีขีดเส้น
“ก็อารมณ์ล้วนๆ น่ะครับ”
“ลูกแพร....”

“แพรทะเลาะกับผม แล้วก็รีบร้อนขับรถออกไป ประสบอุบัติเหตุ” นายคฤณพูดแทรกขึ้นรวดเดียวแล้วก็นั่งนิ่งเหมือนเดิม คราวนี้คนที่หน้าเครียดขึ้นชัดเจนก็คือนายพิชญะ
“เขาตายเพราะผม” นายคฤณย้ำความจริงจากปากเขาใส่หน้าผม และหน้าผมคงช็อกมาก นายพิชญะถึงได้ไกล่เกลี่ย

“ผมบอกแล้วไงว่าคุณไม่เกี่ยว ที่หนึ่ง เลิกคิดแบบนี้ซักที”
“แพรจากไปเร็วเกินไปก็เพราะแพรใช้อารมณ์ คุณจะผิดได้ยังไง”
“เปลี่ยนกันดีกว่า ดีมั้ยครับเจม”

“อ่อ...ครับ”
“แล้ว เรื่องที่คุณพีชบอกว่าถ้าไม่มีคุณคฤณ ก็ไม่มีคุณพีชวันนี้ล่ะครับ”
“อื้อ เรื่องนี้ดีกว่า” นายพีชเออออกับผมอย่างรวดเร็ว เขามองเพื่อนเขาแล้วก็อมยิ้มก่อนจะพูดให้ผมอึ้งกับความชอบให้ของผู้ชายที่ชื่อคฤณ

“บริษัทผมถูกฟ้องล้มละลาย ตอนนั้นเรายังเรียนโทกันอยู่ที่เมืองนอก คือมันเป็นเรื่องของหุ้นใหญ่ทะเลาะกันแล้วขายหุ้นให้คนอื่น และผู้ถือหุ้นใหม่ก็ไม่ใช่สเปคที่พ่อผมอยากได้ แล้วโครงการที่ทำอยู่ก็เกิดมีปัญหา หนี้ท่วม ที่หนึ่งเลยบอกให้พ่อเขามาซื้อกิจการไปทั้งหมดก่อนรอบนึง แล้วก็ขายหุ้นคืนให้ที่บ้านผมทีหลังเพื่อเกลี่ยสัดส่วนผู้ถือหุ้นก่อน”
“พอบ้านเขาเข้ามาซื้อกิจการ ก็ปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้ชัดเจนขึ้น เขาช่วยเรื่องทำซีเคียวริไทส์เซชั่นเพื่อให้บริษัทผมมีเงินหมุน แล้วก็ให้บริษัทพ่อเขาปล่อยกู้ให้บริษัทพ่อผมมาก่อนเพื่อรันธุรกิจ”
“เรียกได้ว่า ถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย บ้านผมก็จะเป็นบุคคลล้มละลาย”

“หมายถึง คุณคฤณเข้ามาซื้อกิจการทั้งที่บริษัทมีปัญหาเรื่องหนี้ แล้วก็ช่วยปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ออกเงินกู้ให้เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แล้วก็ให้เครื่องมือทางการเงินอย่างซีเคียวริไทส์เซชั่นมาช่วยให้บริษัทมีฐานทุนมากขึ้นใช่มั้ยครับ”

“ครับ ผมกับที่หนึ่งโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน บ้านเราทำธุรกิจคล้ายๆ กัน ไปเรียนต่อก็ไปเรียนด้วยกัน สาขาเดียวกันแต่เขาก็เป็นที่หนึ่งเสมอ”
“เรียกว่า เขาเป็นครูทางธุรกิจของผมเลย”

“คุณอย่าเวอร์ พีช”

“ผมพูดเรื่องจริงนี่นา”
“ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่หนึ่งมาก” นายพิชญะหันมาพูดกับผมต่อ
“ผมยกน้องสาวสุดที่รักให้เลย ถ้าลูกแพรไม่รีบจากไป ก็คงแต่งงานกันแล้วแหล่ะ เนอะที่หนึ่ง” ครั้งนี้นายคฤณเงียบและจ้องหน้าผมมากกว่าเดิม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2013 12:59:07 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #77 เมื่อ11-01-2013 01:09:48 »

โอเค ผมรู้แล้วว่าลูกแพรเป็นใคร และคิดว่าพอจะรู้เลาๆ แล้วว่า “ฝันดีนะครับแพร” พูดด้วยอารมณ์แบบไหน ผมไม่ถามอะไรเขาเพิ่มเพราะนายพีชญะตอบโจทย์ของผมได้ดีเกินคาด จนเที่ยงกว่าเขาก็รู้ตัวเสียทีว่ากูก็มีงานอื่นเหมือนกัน

“กินข้าวกลางวันด้วยกันนะครับเจม” นายพิชญะเอ่ยชวนแล้วยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี เขาหันมองหน้าเพื่อนรักของเขาแล้วก็บอกผมเพิ่ม
“ที่หนึ่งมันบอกว่าเจมชอบกินอาหารญี่ปุ่นร้านเดียวกับมัน เราไปที่นั่นกันก็ได้นะ”

“ขอโทษครับ ผมไม่ว่าง มีงานอื่นต่อน่ะครับ ขอบคุณมากครับ แต่ไม่สะดวกจริงๆ” ผมบอกและผงกหัวขอโทษพลางเก็บสมุดและโทรศัพท์ที่ใช้อัดเสียงลงกระเป๋า

ผมลาขาดโดยไม่ให้ใครได้รั้งผมไว้แล้วก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องทำงานนายคฤณทันที



กึก
ครืดดดดดดดดดดดด
มือมารนี่ยื่นมาบีบบังคับประตูลิฟต์ได้สินะ
ผมเงยหน้ามองคนที่แทรกตัวเข้าลิฟต์มาแล้วก็ก้มหน้าตามเดิม
“พี่ไปส่งนะ”

“ผมเอารถมา”

“พี่ขับให้”

“ผมไม่ได้เป็นง่อย”

“แต่เจมเป็นแฟนพี่ พี่อยากดูแล”

“ไม่ว่าคุณจะดูแลผมดีแค่ไหน คุณลูกแพรก็ไม่ฟื้นมาหรอกครับ อย่าใช้ผมเป็นเครื่องมือล้างบาปในใจคุณเลย” ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ผมจะต้องพูดคำที่โคตรนิยายตบจูบแบบนี้

“ล้างบาปอะไร? จินตนาการเจมกว้างเกินไปนะ” เขากำลังด่าผมว่าเพ้อเจ้อ คิดอะไรบ้าๆ แต่ผมคิดนี่ เขาจะเป็นแบบที่ผมคิดรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมคิดแบบนั้นไปแล้ว มองมุมกลับกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก

“ผมพูดตามที่คิด”

“แล้วคิดอะไรอีก พูดมาสิ พี่จะได้อธิบายเหตุผลของพี่บ้าง ทั้งเรื่องเปรม เรื่องลูกแพรที่พี่ยังไม่รู้เลยว่าเจมไปรู้มาจากไหน”

“เหตุผลคือข้ออ้างของคนทำผิด ผมต้องฟังด้วยหรอครับ”

“ให้ตายเถอะเจม! พี่ผิดอะไร?” เสียงเขาเหมือนจะกระชากแต่ก็ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองได้ดีพอควร

เขาไม่รู้ว่าเขาผิดอะไรหรอ?
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมานี่ผมโกรธลมอยู่หรอ?

ผมส่ายหน้าปฏิเสธการพูดคุยกับเขา เมื่อลิฟต์พาผมลงมาถึงชั้นที่จอดรถเอาไว้ ผมก็ก้าวออกจากลิฟต์ทันที ผมเดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำสปีดได้ เมื่อถึงรถก็กดกุญแจสั่งเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปนั่งทันที

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงเลย นายคฤณดึงประตูรถเอาไว้ไม่ให้ผมปิดได้แล้วก็แทรกตัวเข้ามานั่งทับผม ครับ! เขานั่งทับผม

“พี่หนึ่ง! เจมหนัก!”

“ขยับไปนั่งเบาะข้างๆ” สั่งหรอ? ผมไม่ทำเว้ย! ผมดื้อด้านนั่งที่เบาะคนขับแต่เบี่ยงตักหนีไม่ให้เขาทับผมไว้ทั้งตัว นายคฤณหันมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วบอกเสียงเย็นๆ

“ไปนั่งเบาะข้าง” สั่งอีกครั้งงั้นหรอ? ไอ้เหี้ย! ไปก็ได้! ผมหน้าคว่ำพลางขยับตัวไปนั่งที่เบาะข้างๆ จริงๆแล้วผมเปิดประตูลงจากรถแล้วหนีไปอีกก็ได้ แต่จะหนีไปไหนได้ล่ะ? จะหนีรอดหรอ? แล้วรถผมล่ะ จะทวงคืนจากเขายังไง สุดท้ายผมก็เลยยอมจำนนไอ้คนมากเล่ห์

“มีงานต่อหรอ?”

“ไม่มี”

“กินข้าวแล้วกลับคอนโดนะ”

“จะกลับออฟฟิศครับ นัดแอมไว้” ไม่ได้นัดครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้แอมกับไอ้ต้อมเข้าออฟฟิศรึเปล่าวันนี้ ผมอ้างมั่วๆ ไปงั้นแหล่ะ ที่หยิบชื่อไอ้แอมมาเพราะคิดว่าเอาว่าอกเขาอาจจะเจ็บบ้างเมื่อผมเอ่ยชื่อผู้ชายคนอื่น อูยยย ดูแพศยาชิบหาย

“อยากกินอะไร?”

“เจมบอกว่าจะกลับออฟฟิศ”

“พี่ถามว่าเจมจะกินอะไร?”

“พี่ฟังเจมบ้างสิ!”

“แล้วเจมฟังพี่บ้างรึเปล่า?”
“แล้วก็...ขอเลยนะ คุณอรินทร์นั่น พี่เคยบอกแล้วว่าพี่ขี้หึง”
“และพี่ไม่อยากใช้อารมณ์กับเจม”

“เจมบอกว่า จะกลับออฟฟิศ ถ้าพี่หนึ่งพาเจมกลับออฟฟิศได้ก็ขับรถไป แต่ถ้าไม่ ก็ลงจากรถเจมเดี๋ยวนี้”

“..................”

“คุณคฤณครับ”
 
“หึ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ตกลงแล้วเราโกรธกันเรื่องอะไร?”
“เดือนนึงที่พี่ให้เวลาเจม ให้เวลาตัวเอง มันได้คำตอบว่าเจมไม่อยากฟังพี่ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่แล้วใช่มั้ย?”
“ทั้งที่พี่ทบทวนกับตัวเองแล้ว คำว่ารักที่พี่เคยบอกเจมไป มันก็ไม่เปลี่ยน”

“พี่หนึ่งไม่ได้รักเจม!”

“พี่รักเจม และพี่จะทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองความรักของพี่กับเจม แม้ว่าพี่จะเป็นคนพยายามอยู่ฝ่ายเดียวพี่ก็จะทำ และจะทำให้ได้”

“พี่เอาอะไรมารักเจมหรอ? พี่หนึ่งแน่ใจหรอว่าไม่ได้ทำดีกับเจมเพราะเห็นเจมเป็นตัวแทนคุณลูกแพร รักแรกของพี่”

“พี่ไม่ได้รักแพร ไม่ได้รัก”

“ก็เพื่อนพี่พูดอยู่ ถ้าเธอไม่ตายไปก่อน พี่กับเธอก็แต่งงานกัน”

“ต่อให้ลูกแพรไม่ตาย พี่ก็ไม่รักเขา เพราะถ้าพี่รักเขา ถ้าพี่รับความรู้สึกเขาและตอบแทนความรู้สึกเขาไปในแบบที่เขาต้องการ แพรก็จะไม่ตาย”

“...........”

“เขาตายวันที่บอกว่ารักพี่...” นายคฤณนิ่งไป ผมเห็นเขากลืนอากาศและดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม
“เขาขับรถออกไปตายหลังจากที่พี่บอกว่า ไม่มีวันรักเขาเกินไปกว่าน้องสาวคนนึง”
“พี่ไม่อยากพูดถึงเรื่องลูกแพรเพราะคนตายเถียงไม่ได้ แก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ปกป้องศักดิ์ศรีและคุณงามความดีที่เคยทำไม่ได้”
“มันจะกลายเป็นว่า ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร มันก็จะกลายเป็นเรื่องจริง และพี่ไม่อยากให้ใครมองแพรไม่ได้ดี พี่เลยไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า ใครอยากคิดอยากพูดอะไรก็พูดไป”

“.............”

“พี่ไปงานศพเขาไม่ได้ พีชก็เพื่อนพี่ บ้านเราก็สนิทกัน พี่พูดกับใครไม่ได้เลยว่าแรงจูงใจ หรือเรื่องสะเทือนใจที่ทำให้แพรเตลิดไปแบบนั้นคือพี่”
“พี่ฆ่าแพร”
“คนอย่างพี่ ไม่กล้ารักใครหรอก”
“แต่ทั้งที่เฝ้าโทษตัวเองอยู่แบบนั้น พี่กลับเกิดความรู้สึกว่าถ้าเป็นเจม มันจะเป็นความรักที่พี่สามารถดูแลได้แน่ๆ”

“.............”

“ตกลง พี่ทำผิดอะไร? หรือพี่ผิดตั้งแต่พี่คิดว่าเจมคือคนที่ใช่”

ผมตื้อขึ้นมาดื้อๆ เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากเขา
สิ่งที่ผมคิดว่าใช่ มันไม่ใช่เลย
ผมคิดว่าเขารักลูกแพรมากและเห็นผมเป็นตัวแทน คำว่าฝันดีก็คงไม่ได้อยากพูดกับผม แต่พูดผ่านผมไปสู่เธอคนนั้น
การดูแลผมอย่างดี การบอกว่ารักผมทั้งที่ผมมันก็แค่คนธรรมดาไม่มีอะไรดึงดูด ก็เพราะอยากสร้างความรักที่สวยงามให้กับเธอคนนั้น

แต่มันไม่ใช่
เขาไม่พูด ไม่แก้ตัวแก้ต่างกับสังคมเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีคนตาย
เขารักผม เพราะเชื่อว่าเขากับผมจะสามารถสร้างความรักขึ้นมาได้และจะช่วยกันประคับประคองความรู้สึกดีๆ นั้นไปเรื่อยๆ

เขาคงต้องใช้ความกล้าอย่างมาก ในการเริ่มต้นรักใครซักคนในขณะที่หัวใจเขามีรอยตำหนิจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง

นายคฤณถอยหายใจแล้วเงียบลง ในมินิคันเก่งของผมยังเงียบฉี่เพราะเขายังไม่สตาร์ทเครื่อง ผู้ชายคนนี้หันมาสบตาผมเมื่อผมหันมองเขา

แววตาเขาเศร้าชะมัด

“เจม....”
“เจม......” เคยมั้ยครับ? จู่ๆ ก็ติดอ่าง

นายคฤณก้มหน้ายิ้มแล้วหันมองผมอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวแล้วดึงให้ผมโน้มไปซบที่ซอกคอเขา

“เจมครับ อย่าโกรธพี่แบบนี้อีกนะ ถ้าเจมโกรธ เจมต้องบอกว่าพี่ทำอะไรให้โกรธ”
“พี่โง่ เดาเอาไม่ถูกหรอกว่าเจมโกรธเรื่องอะไร?”

ผมอือเออรับคำเบาๆ และใช้โอกาสนี้หลับตาแล้วไซร้หน้าผากที่ซอกคอเขา ผมไม่รู้ว่าผมโหยหาเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 1 เดือนที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยผมบอกตัวเองเสมอว่าอยู่ได้

แต่วินาทีนี้ ตอนที่สัมผัสกันอีกครั้ง ผมรู้สึกชัดเจนมากว่าที่ข้างๆ เขาคือที่ของผมอย่างแท้จริง

“อื้อพี่หนึ่ง!” จู่ๆ ผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ผมดันตัวเองออกแต่นายคฤณยังดึงตัวผมไปโอบไว้

“ครับ?”

“แล้วเปรมอะไรนั่น ใคร?” หางเสียงผมเขียวเข้ากับนโยบายโลกสีเขียวมากครับ นายคฤณส่งเสียงหึแล้วจับคางผมบี้ไปบี้มา

“หึงหรอครับ”

“หึงไม่ได้หรอครับ” ผมยียวนถาม เขาก็หัวเราะหึอีก ก่อนจะเฉลยว่า “ก็ผู้หญิงทั่วไป ทำงานด้วยกัน มีผลประโยชน์ทางธุรกิจเธอก็เลยคิดต่อยอด ก็หยอดพี่มานานพอควร หลายปีนะ”

“พี่ให้ความหวังเขาหรอ? แล้วทำมาว่าเจมเรื่องไอ้แอม”

“พี่ขอโทษ พี่ไม่พูดให้ชัดเจนเพราะเห็นเขาเป็นผู้หญิง เกรงจะเสียหน้า พี่ก็เลยเกือบเสียเจม”
“แต่พี่เคลียร์หมดแล้วนะ งานหายก็ช่างมัน อาศัยคอนเน็คชั่นเรื่องพรรค์นี้มันก็ไม่เวิร์คแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะตำราไหนก็เถอะ”

“.............”

“พี่บอกหมดแล้ว เจมอยากรู้เรื่องไหนอีกรึเปล่า?”
“หือ? บอกพี่สิครับ ตอนนี้คิดยังไง จะทำโทษพี่เพิ่มอีกกี่วันดี?”
“เจมครับ”

“ครับ...เอ่อเจม...” ติดอ่างอีกแล้วกู ก็ว่าที่เคยไปก็ไม่ได้นวดดีนักหนานะ เอ๊ะ! ไม่ใช่!
“เจมหิวข้าว” นายคฤณหัวเราะนานกว่าครั้งไหนๆ เขาขยี้หัวผมแล้วจับโยกไปโยกมา โยกครั้งสุดท้ายเขาจับให้หยุดตรงหน้าเขาแล้วก็เอียงหน้าโน้มมาจูบผม

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมโหยหาเขาขนาดนี้ เรียกได้ว่าจูบ 5 นาทีกูก็ไม่กลัวขาดใจตาย!


“เจมครับ”

“ครับ?”

“รักพี่หนึ่งมั้ยครับ?”

“รักมั้งครับ”

“ก็โอเค พี่จะถามไปเรื่อยๆ จนกว่าเจมจะพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักพี่”
“ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน” เขาบอกอย่างใจดีแล้วก็ขับรถอย่างนิ่มนวลพาผมไปกินข้าว

อย่าคิดว่าหรูมากมายครับ
มื้อกลางวันเกือบบ่าย 2 ของเราคือ สุกี้น้ำทำเองในคอนโด....ของนายคฤณ!

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้องเขา ยอมรับเลยครับว่าโคตรตื่นเต้น
ผมสำรวจอย่างอยากรู้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร บอกแค่ว่าเดี๋ยวล้างมือแล้วก็มากินได้เลย ผักกำลังดี แต่ผมก็ยังดื้อเดินเปิดห้องนั้นดูห้องนี้ จนเปิดมาเจอเตียงคิงไซส์นั่นแหล่ะ ผมถึงฉุกใจคิด

คืนนี้ กูคงรอดจากการถูกขบหัวนมใช่มั้ย?


Cut


ฮ้าววววววววววววววววว  :t3:
ฝันดีนะคะ จะพยายามไม่เว้นไปนานมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-01-2013 13:23:10 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ akera

  • I love him anymore. but he love him.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #78 เมื่อ11-01-2013 01:57:58 »

อ่านเรื่องนี้มาได้สักพักแล้วคะ สนุกมาก  ได้อ่านแต่ในมือถือ วันนี้ได้คอมเมนท์ สักที

ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลย
ไม่จบดราม่าใช่ไหมคะ
 :L2:

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #79 เมื่อ11-01-2013 03:11:09 »

เย้ๆ ตอนนี้ไม่ค้างแล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่โกรธให้พี่หนึ่งสุดท้ายก็หายไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
« ตอบ #79 เมื่อ: 11-01-2013 03:11:09 »





MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #80 เมื่อ11-01-2013 07:17:06 »

อ๊ากกกกกกหลงรักพีหนึ่งอะ ถึงจะเป็นคนไม่ค่อยเคลียร์ซักเท่าไหร่ แต่พอคืนดีกันเราก็แฮปปี้มากๆ สาธุขอให้คืนนี้เจมเสร็จพี่หนึ่งด้วยเถอะ  :call:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #81 เมื่อ11-01-2013 08:03:20 »

ในที่สุดก้อเปิดเผยแล้ว พี่หนึ่งนี่สุภาพบุรุษจริงจริง อิอิ

ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #82 เมื่อ11-01-2013 08:41:02 »

ไม่รอดแน่เจม อิอิ

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #83 เมื่อ11-01-2013 08:43:15 »

รอดหรือไม่รอด แต่ขอให้ไม่รอดนะ ฮิฮิ  :z1:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #84 เมื่อ11-01-2013 08:56:12 »

ตอนที่9
ฟังจากคำพูดของพีช ดูเรื่อยๆ แบบไม่มีพิรุธน่ะ เรื่องพี่หนึ่ง
หรือเป็นเพราะการที่เจมเป็นนักข่าว มันเลยต้องปั้นเรื่องอยู่แล้วป่ะ
ทำเป็นเนียนๆ เรื่องสวยๆไปเลย

พี่หนึ่ง ทำไมเจมพูดถึงเรื่องพี่ช เรื่องลูกแพร ต้องมีเหม่ออ่ะ(หรืออึ้ง)
ต้องพูดย้ำอีกรอบถึงตอบได้ พิรุธมากๆ

เปรม เราไม่สงสัยอะไรนะ คงทำนองผลประโยชน์ทางธุรกิจน่ะ

แอม ตอนนี้ดูเป็นคนดีนะเนี่ย หุหุหุ

ตอนที่10
ทำยังไงดี อ่านไปก็เหมือนตกหลุมคนเขียนที่ทำดักไว้ แล้วมันปีนไม่ขึ้นอ่ะ
หรือเราจะให้น้ำหนักเรื่องจากปากแอม(ซึ่งก็คงเป็นอารมณ์ว่าข่าวเม้าท์กันให้แซ่ดในวงสังคม)
ดังนั้นถึงแม้พี่หนึ่งจะให้สัมภาษณ์พร้อมพีช มันก็ยังไม่วางใจอ่ะ

แล้วที่พูดว่า ฝันดีครับแพร
คืออยากรู้แรงจูงใจในการพูดอ่ะ อันนี้แอบตะหงิดๆอยู่

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมชีวิตส่วนของพี่หนึ่งมากขึ้นมาอีกหน่อย
ได้บุกคอนโดพี่หนึ่งละ555 แถมพีชก็ถือว่าเป็นเพื่อนคนนึงของพี่หนึ่ง
องค์ประกอบชีวิตพี่หนึ่งค่อยๆโผล่มาละ

รอตอนต่อไปน้า ลุ้นๆๆ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #85 เมื่อ11-01-2013 09:17:47 »

ถ้าวันนั้น นายคฤณพูดแบบนี้ตั้งแต่เจมถาม ก็ไม่ต้องม่าม่ากันเป็นเดือนแล้ว

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #86 เมื่อ11-01-2013 11:52:31 »

พี่หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงโคตรคนดีโคตรสุภาพบุรุษ
เจมแกต้องคว้าไว้นะ ผชแบบนี้หายาก55555555555555555

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #87 เมื่อ11-01-2013 19:43:24 »

มันจะไม่ใช่แตขบหัว...นม นะสิเจม 

อาจจะมีออฟชั่นอื่นเสริมมาด้วย  อาเช่น  จูบ  ดูด  เลียและสุดท้าย โดนกด  อะคริอะคริ  :z1:  :z1:

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #88 เมื่อ11-01-2013 19:59:39 »


โอเค เคลียร์!!!
อันที่จริงหันหน้าคุยกันแต่แรกก็จบ
แต่อารมณ์มันมีมากกว่าเหตุผลนี่เนอะ ตอนนั้น
เรื่องมันก็ผิดทั้งสองคน
แต่คืนดีกันได้ก็ดีมากแล้วววว
ต่อไปก็ต้องคุยต้องบอกกันแล้วเนอะ
เอาครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน จะได้ประคับประครองรักครั้งนี้ไปเรื่อยๆ

รอออ อ่านตอนต่อไปจ้าาา
เป็นกำลังใจให้น้าา
กอดด //

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
«ตอบ #89 เมื่อ11-01-2013 21:33:01 »

เจมน่ารักน่ะ สมควรที่พี่หนึ่งจะรัก
พี่ที่หนึ่งเป็นสุดยอดพระเอกเลย
แสนดี มีน้ำใจ เข้าหาผู้ใหญ่ ฉลาด
เข้าใจกันแล้วและ
คืนนี้เจมจะโดนอะไรบ้างน่ะ   :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด