พิมพ์หน้านี้ - Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 04:12:46

หัวข้อ: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 04:12:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+=+


สารบัญ

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2248638#msg2248638)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2248880#msg2248880)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2249375#msg2249375)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2250445#msg2250445)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2252524#msg2252524)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2253641#msg2253641)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2254181#msg2254181)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2255871#msg2255871)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2257978#msg2257978)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2258903#msg2258903)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2260772#msg2260772)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2262594#msg2262594)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2268874#msg2268874)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2274999#msg2274999)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2282965#msg2282965)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2285911#msg2285911)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2288899#msg2288899)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2289442#msg2289442)
ตอนที่ 19.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2292308#msg2292308)
ตอนที่ 19.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2293728#msg2293728)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2295884#msg2295884)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2297704#msg2297704)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2301016#msg2301016)
ตอนที่  23.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2302617#msg2302617)
ตอนที่ 23.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2303192#msg2303192)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2308569#msg2308569)
ตอนพิเศษ1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2327365#msg2327365)
ตอนพิเศษ2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2329251#msg2329251)
ตอนพิเศษ ความรักของที่หนึ่ง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2348230#msg2348230)
ตอนพิเศษ Forget? Me? Not!! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36379.msg2689931#msg2689931)
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 04:15:39
Hear, Me

=======
If I could, I would
======



คฤณ .... ผมอ่านชื่อนี้ไม่ออก ใช่ว่าเรียนตกภาษาไทยแต่มันเป็นความไม่มั่นใจมากกว่าว่าชื่อประหลาดนี้ควรอ่านว่าอย่างไรถึงจะถูกใจเจ้าของชื่อที่สุด

“เป็นไรวะ งานเครียดมากหรอ? หรือปวดขี้”
“ไปดิ ตอนนี้ยังไม่ประชุมโต๊ะ” เสียงถามข้ามหัวทำให้ผมต้องลำบากหมุนคอไปมองหน้ามันที่ช่างกล้าถาม

“กูยังไม่ได้กินข้าว จะเอาที่ไหนไปขี้”

“อ้าว งั้นกินขี้กูก่อน”

“สัดต้อม กวนส้นตีน” ผมด่ามันแต่ก็ขำตามมันไปด้วย ไอ้ต้อม หรือที่ใครๆ เรียกเสียหรูว่าทอมมี่ ผลักหัวผมเบาๆ แล้วก็หันหน้าหันหลังไปลากเก้าอี้คนอื่นมานั่งข้างๆ ผม

“แล้วตกลงเป็นไร ทำหน้ายุ่ง”

“อ่านชื่อไอ้นี่ไม่ออก” ผมเสือกกระดาษนัดสัมภาษณ์ยับๆ ให้มันดู มันเอียงคออ่านแล้วทำเสียงจึ๊ๆ เป็นจิ้งจก

“มึงโง่หรืออะไรเนี่ย อ่านไม่ออกหรอ?”

“ไม่รู้ว่าที่อ่านแม่งจะถูกปล่าว กูโคตรไม่ชอบทำงานกับคนที่ชื่อพิสดารเลยว่ะ”

“ห่า! ได้ตังค์ก็ทำไปเถอะ เงินเดือนนักเขียนน้อยเท่าเล็บมดตัวอ่อน” อืม กูรู้ว่าเงินเดือนกูน้อย แต่แม่งน้อยขนาดนั้นเลยหรอวะ? ผมถอนหายใจแล้วถามความเห็นมัน เพื่อย้ำความเชื่อมั่นในตัวเอง

“แล้วมึงอ่านว่าไรล่ะคุณทอมมี่”

“คะรึนะ”

“พ่อมึงสิ คะรึนะ คนห่าไรจะชื่อคะรึนะ”

“แล้วมึงอ่านว่าไร”

“คะ....”

“เฮ้ยเจม! ที่นัดไว้มาแล้ว พีเอ็นให้มาตามมึงไปสัมภาษณ์”

“อือๆ” ผมรับคำแล้วคว้าไอโฟน สมุดจดและดินสอกดติดตัวไปทันที ไอ้ต้อมมองตามผมที่โบกมือลามันสองฉึกด้วยสีหน้าละห้อย เพราะการไปสัมภาษณ์ของผม ก็เท่ากับการนั่งน้ำลายหนืดของมันร่วม 2 ชั่วโมง

กองบก.ของผมวันนี้ได้รับเกียรติจากนักธุรกิจหัวนอก อนาคตไกล และไอ้นักธุรกิจหัวหอกชื่ออ่านยากนี่ก็ได้รับเกียรติจากผมในการสัมภาษณ์มันในหัวข้อที่พีอาร์เอเยนซี่มันกำหนดไว้แล้ว

อย่างงนะครับ มันก็คืออัฐยายเหมาขนมยาย
เขาจ้างผมถามสิ่งที่เขาอยากพูด เพื่อให้ผมเขียนและตีพิมพ์ในนิตยสารรายเดือนหัวเศรษฐกิจที่ผมทำงานมาร่วม 4 ปี
นี่แหล่ะ วิถีนักเขียนรับจ้าง อาชีพที่ผมใฝ่ฝันอยากเป็นมาตั้งแต่ชนะประกวดเรียงความเรื่องพ่อตอนป.5

พีเอ็น หรือชื่อเต็มก็คือ พี่ปรารถนา บก.บห.ของผมยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศที่อยู่ในชั้นที่ 27 ของตึกหรูเกือบกลางกรุง สีหน้าเบิกบานของแกถูกส่งมอบให้ผู้ชายคนหนึ่งที่ผมเคยหน้ามาแล้ว แต่เห็นผ่านรูปในคอมพิวเตอร์ และผมก็รู้ประวัติมันดีด้วย แน่นอนว่าผ่านอีเมลล์ที่ทางพีอาร์ส่วนตัวมันเป็นคนส่งมาให้

พอผมโผล่หน้าไปให้พีเอ็นได้เห็น แกก็คว้าแขนเสื้อและแนะนำผมให้มันรู้จักทันที

“นี่เจมค่ะ เข้าใจเรื่องการลงทุนดีพอควร คุณหนึ่งให้ความรู้เพิ่มได้นะคะ เป็นประโยชน์กับผู้อ่านของเราด้วย”

“ได้ครับคุณปู ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณเจม”

“ชานนท์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมไม่ได้ยื่นมือไปจับมือที่ยื่นรอทักทายตามตะวันตกสไตล์ ผมยกมือไหว้ด้วยซ้ำ เพราะดูจากสรรพนามที่พีเอ็นเรียกไอ้คนนี้และผมแล้ว ผมคงเป็นน้องมันแหล่ะ

“อ่อ...ครับชานนท์ ผมคฤณ” ผมหูตั้งเมื่อได้ยินมันเอ่ยนามตัวเอง อ่อ...มันอ่านว่าครินนี่เอง แหม่ะ! เขียนซะไม่มั่นใจหลักภาษาม.3 เชียว

“โอเค เจมไปเตรียมตัวในห้องก่อนนะ พี่จะพาคุณหนี่งดูรอบๆ กองบก.เราก่อน เธออยากรู้จักน่ะ”

“ครับ”

“เร่งแอมเลยนะ จัดแสงในสตูนอกเลย เดี๋ยวพาทัวร์เสร็จจะให้คุณหนึ่งถ่ายรูปก่อนซัก 15 นาที แล้วเจมก็คุยเลย”

“ครับพี่” ผมรับคำตามบัญชาแล้วก็เดินหัวโคลงไปยังห้องช่างภาพเพื่อเรียกหามนุษย์อีกตัวที่ผมไม่ชอบมันเท่าไหร่ เหตุผลก็ง่ายมาก แม่งมุมปากตกอ่ะ! ไม่ถูกชะตา

“อ่าว ไอ้แอมไม่อยู่หรอพี่” พี่กบเป็นเดียวที่เงยหน้ามองผม แม้ว่าทั้งห้องจะประกอบด้วยช่างภาพและคนจัดคิวช่างภาพอีก 4 คน

“อ้าวเจมเองหรอ? หาไอ้แอมมันทำไม จะต่อยกันอีกแล้วหรอ?”

“บ้าพี่! ผมไม่เคยเหอะ เออ แล้วมันอยู่ไหน พี่ปูจะให้มันไปถ่ายรูปแหล่งข่าวที่มาให้สัมภาษณ์ที่กองน่ะ”

“ไปสูบบุหรี่ เจมไปเตรียมงานของเจมเลย เดี๋ยวพี่โทรตามให้เอง”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มทะเล้นให้แกแล้วก็เดินตัวปลิวไปยังห้องประชุมเล็กที่เป็นที่สัมภาษณ์คุณคะรึ ผมขอเรียกชื่อมันแบบนี้ก็แล้วกัน ตลกดี



แอร์เย็นฉ่ำๆ ในห้องสำหรับสัมภาษณ์พิเศษนี่ทำให้ผมแทบหลับ แต่เสียงผลักประตูกระจกดังสวบก็ทำให้ผมสะดุ้งและตาสว่างนิดๆ

“ให้ถ่ายห้องไหน” ไอ้นี่ก็ถามแปลก ถ่าย...ก็ต้องห้องส้วมสิ ฮ่าๆ ผมก็ตอบมันในหัวเล่นๆไปงั้นแหล่ะ จริงๆ ก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

“เฮ้ยไอ้เซื่อง ถามว่าพี่ปูให้ถ่ายห้องไหน”

“ห่า อยากถ่ายก็ไปส้วมสิ”

“แหล่งข่าวมึงเป็นขี้หรอ ให้กูไปถ่ายในส้วมสัด!”

“ก็มึงถามว่าให้ถ่ายห้องไหน บ้านแม่มึงถ่ายที่ห้องครัวหรอ? ควาย”

“ไอ้เจม กวนตีนกูแต่เช้า แม่ง สูบบุหรี่ยังหมดมวนดีก็ต้องรีบทิ้ง เสียดายชิบ เพราะมึงแหล่ะสัด”

“ด่ากูทำเหี้ยไร งานมึงก็งานมึงสิ งานกูก็งานกู มึงรีบไปเซตไฟสตูนอกเลย พี่ปูแกพาแหล่งข่าวทัวร์แล้วจะมาหยอดไว้ตรงนั้น อย่าช้าล่ะมึง กูก็หิวข้าวเป็นเหมือนกัน”

“หร่อะ?” มันเลิกคิ้วถามแล้วมองพุงผม ไอ้เหี้ยนี่กวนส้นตีนจริงๆ สายตามันมองทะลุเสื้อยืดสีน้ำเงินของผมเข้ามาถึงรูสะดือ มันหัวเราะ “หึ” แล้วก็เดินยกส้นเท้าออกจากห้องไป

“ควาย ญาติฝ่ายไหนมึงเป็นเหล็กไหลในร่างกูหรอ มองอยู่ได้ ไอ้เวร!” ผมด่ามันแต่มีแค่ผมนี่แหล่ะที่ได้ยิน เมื่อหมดตัวขัดความง่วงแล้วผมก็ไลน์หาไอ้ต้อม ส่งข้อความไปเล่นกับมันแป๊บเดียว เสียงดรึ๋ง ก็แว่วเข้าหู นี่มึงไม่ทำเหี้ยไรนอกจากนั่งจ้องไลน์ใช่มั้ยต้อม

“อะไรของแม่งว่ะ ฟุฟุฟุ ฟันหน้ามึงมีปัญหารึไง” ผมด่าเสียงหัวเราะที่มันพิมพ์มา ไอ้นี่ท่าจะอาการหนัก ผมไลน์ไปถามว่า กลางวันว่างมั้ย ไปกินข้าวกัน แม่งตอบมาว่า ไรหรอเตง ฟุฟุฟุ ฟุพ่อเมิงสิ

ฟุคือเหี้ยไร ผมถามมันไป กำลังรอเสียงดรึ๋งอีกที ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอีกรอบ

“พร้อมแล้วครับเจม”

“ชานนท์ครับ” ผมย้ำชื่อจริง อาจจะดูเรื่องมากไปหน่อยสำหรับนักเขียนโนแนมที่อยากให้คนทั้งโลกเรียกชื่อจริง แต่ผมก็จะทำตัวเยอะแบบนี้ต่อไป เพราะชื่อจริงผมเพราะดี และที่สำคัญกว่านั้นคือ ชื่อเล่นมันเหมือนผู้หญิงจนผมรับไม่ได้

ชื่อเจม ไม่ใช่เจ เอ เอ็ม อี เอส นะครับ แต่มันมาจาก จี อี เอ็ม เจม แปลเก๋ๆ ว่าแม่อัญมณี มันเป็นเคล็ดที่แม่ผมคิดมาตลอดว่าการมีผมเป็นลูกชายทั้งที่อยากได้ลูกสาวชิบหาย ควรตั้งชื่อให้น่ารักน่าถนอมมากๆ และต้องนำมาซึ่งความมั่งคั่งมากๆ ถึงจะเป็นที่พอใจของบรรบุรุษ

“ครับเจม” ไอ้เชี้ยนี่วอนตีนซะแล้ว ผมยิ้มให้มันแบบที่คิดว่าสุภาพล่ะมั้ง แล้วก็ผายมือให้นั่ง แต่แล้วก็นึกขึ้นได้จึงได้ดีดตัวยืนขึ้นอีกครั้งจนอีกฝ่ายสะดุ้งกับอาการปุบปับของผม

“มีอะไรครับ?”

“นี่คุณคฤณถ่ายรูปรึยังครับ?” ผมถามเรื่องที่เพิ่งนึกได้ มันเร็วเกินไปที่จะเดินทัวร์กองบก. ดูห้องซับ เดินทักทายบก.แต่ละคอลัมภ์ และไปแหง่ะดูสตูดิโอสำหรับอัดรายการป้อนทีวีช่องดาวเทียมที่จ้างบริษัทผมผลิตคอนเทนด์เกี่ยวกับเรื่องราวเศรษฐกิจและการลงทุน แล้วถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้

“พี่ปูบอกว่าเดี่ยวค่อยถ่ายครับ เห็นว่าเซตแสงยังไม่ได้”

“อ่อ...”

“เริ่มกันเลยดีมั้ยครับ? ผมมีประชุมช่วงบ่าย เกรงจะไม่ทัน” สีหน้าผมคงหงิก หมอนี่ถึงได้รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธข้อหาไม่อยากให้เวลาสัมภาษณ์มากนัก
“ผมอยากเลี้ยงข้าวเจมกับพี่ปูมื้อกลางวันนี้ด้วย รีบคุยดีกว่านะ จะได้ไปกินข้าวกัน เรื่องจิปาถะเราคุยกันตอนนั้นก็ได้ เอาเรื่องหลักๆ ก่อน”

“อ่อ ครับ” ผมรับคำแกนๆ แล้วก็เซตไอโฟนให้เป็นโหมดบินอยู่อย่าโทรหากู แล้วก็กดอัดเสียง พร้อมกับป้อนคำถามแรกที่อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าผมต้องถามเพราะเป็นฝ่ายเซตคอนเซปคำถามมาเอง

“คุณคฤณเริ่มต้นเข้าสู่วงการรับเหมาก่อสร้างได้ยังไงครับ”

พ่อทำมาแล้ว ลูกก็สานต่อ
ขลุกอยู่กับธุรกิจนี้แต่เด็ก เห็นมาแต่เล็ก เลยเกิดความรู้สึกเต็มหัวใจว่ายังไงๆ มันก็ต้องเป็นของกูในสักวัน
รอยต่อวัยไม่ใช่ปัญหา ปรับตัวได้
การศึกษาระดับปริญญาตรีและโทก็เอื้อให้ก้าวขึ้นมาเป็นซีเอฟโอตั้งแต่อายุแค่ 29 ปี
ปีหน้าก็จะ 30 แต่ยังไม่คิดว่าตัวเองแกร่งพอ ยังต้องศึกษางานจากพ่ออีกมาก
การลงทุนส่วนตัวก็มีลงทุนหุ้น และกองทุนตราสารหนี้บ้าง ทองคำนี่ไม่เรียกลงทุน เรียกว่าซื้อให้แม่ตามความอยากมากกว่า
ประวัตินายคฤณไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผมเลย
คุยมากี่รายกี่ราย สเตปการก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารบริษัทก็เริ่มไม่ต่างกัน ไม่เป็นลูกเจ้าของเดิม ก็เป็นเด็กเก่งเลิศเลอทรงคุณค่าที่บริษัทเอกชนต่างแย่งตัว
ชีวิตคนพวกนี้มันโรยด้วยกลีบกุหลาบมากๆ ในความคิดผมซึ่งเกิดในครอบครัวไม่จน แต่ก็ไม่ได้รวยล้นฟ้าเอาแบงก์ปาหน้าหมาไม่หมด

“อุปสรรคสำคัญที่รู้สึกว่ามันหินมากๆ มีมั้ยครับ? เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ” ผมถามแล้วเขียนหัวข้อรอจดเมนไอเดีย

“อุปสรรคหรอครับ” ห่า อย่าบอกนะว่ากลีบกุหลาบที่เหยียบเดินนี่เป็นกลีบจากก้านที่ไร้หนาม

“ครับ ไม่เชิงอุปสรรคก็ได้ เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกท้อถอยมากๆ ก็ได้ครับ” ผมพยายามเหวี่ยงแหให้กว้างขึ้นเพราะมันจำเป็นต้องมีเรื่องราวด้านมืด หรือหลุมนิดหน่อยให้อัศวินได้โชว์ความสามารถ จะได้คู่ควรกับการยกย่องสู่ที่สูง หรือที่พวกผมเรียกกันว่าจับขึ้นหิ้ง

“ผมเคยท้อเมื่อตอนที่กลับจากนอกใหม่ๆ ตอนนั้นเข้าทำงานให้คุณพ่อ ก็เจอแรงต้านพอสมควร เพราะผมเป็นลูกชาย คนเลยมองว่าการเข้ามาตรงนี้มันง่าย ไม่ต้องมีความสามารถก็เป็นได้เพราะพ่อเป็นเจ้าของ”
“อุปสรรคที่ยากสำหรับผมเสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่เรื่องนี้ก็เป็นอุปสรรคสำหรับผมเสมอก็คือ คนไม่คิดว่าผมมีสมอง”

“.............”

“สายตาคนมันมองกันง่ายนะครับ”
“เจมส่องกระจกยังรู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วทำไมผมจะมองแล้วไม่รู้ว่าใครกำลังคิดยังไงกับผม”

“............”

“อย่างเจมเอง ก็คงคิดว่าผมกลวงๆ มาตรงนี้ได้เพราะพ่อรวย เกิดมามีพอดีก็เลยทำของที่มีให้มีมากกว่าเดิม”
“แต่มันยากกว่านั้นมากครับ การทำให้คนยอมรับเราให้ได้เนี่ยแหล่ะ ยากที่สุดสำหรับผมแล้ว”

“ยากหรอครับ? ผมว่าคุณคฤณดู...เอ่อ ปรับตัวได้ เข้าใจและยอมรับคนอื่นดีนี่ครับ”

“หน้าที่นี่ครับ ผมก็เข้าใจตามหน้าที่ ปรับตัวตามหน้าที่ แต่ไม่มีหน้าไหนรู้หรอกว่าการฝืนเข้าใจว่าโลกมันเอียงซ้าย ทั้งที่เราชอบที่มันเอียงขวา มันแย่จนอยากเขวี้ยงหน้าที่ทิ้งแล้วไปดำน้ำเล่นซักสามเดือน”

“ฮ่าๆๆ ขนาดกีฬาคลายเครียดยังโรยด้วยกลีบกุหลาบเลยครับ” ผมเหน็บเบาๆ หมอนี่จะรู้ตัวมั้ยว่าอุปสรรคมันก็เท่ากับหางอึ่งเท่านั้น

ผมถามคำถามอื่นตามลำดับประเด็นที่ไล่เลียงไว้ให้ง่ายสำหรับงานเขียนสัมภาษณ์พิเศษของผม 30 นาทีจากนั้น การสัมภาษณ์ของเราก็จบลง แน่นอนว่าผมถูกดึงไปกินมื้อกลางวันกับมันด้วย ผมปฏิเสธในตอนแรก แต่ก็เหมือนกับทุกทีนั่นแหล่ะ พี่ปูไม่เคยปล่อยให้ผมได้สิ่งที่อยากได้ แม้แต่การหนีบไอ้ตัวบ้าฟุฟุไปด้วย ผมก็ทำไม่ได้

ร้านอาหารในโรงแรมใกล้ๆ ออฟฟิศผมคือที่นัดหมายทานมื้อกลางวันกับผู้บริหาร พีเอ็นของผมแต่งหน้าใหม่ซะด้วย ว้าวๆๆ ท่าทางจะปลื้มนายคฤณนี่มากอยู่

“เจมไปจัดผมจัดเผ้าให้ดีสิ”

“เท่านี้ก็หล่อแล้วครับ”

“นี่ได้เวลาให้แม่บ้านขัดกระจกครั้งใหญ่แล้วหรอ? ขอบใจนะจ๊ะ” ด่ากันอีกแล้ว โอเค ผมไม่หล่อ ผมยอมรับ

แต่ผมก็ไม่ขี้เหร่นะ ผมได้ผิวแม่ที่เป็นคุณนายขายอัญมณีจากเมืองเหนือ ส่วนโครงหน้านี่ผสมไทยกับญี่ปุ่น ใช่แล้วครับ คุณปู่ผมเป็นคนญี่ปุ่น 100% เป็นนักโบราณคดีซะด้วย ผมใช้อวดสรรพคุณกับเพื่อนตอนประถมจนเป็นที่รู้จักทั้งโรงเรียน เพราะผมโม้จนทุกคนเชื่อว่าโกโบริมาจริง ปู่ผมมาเจอกับย่าที่ไทยก็เพราะมาขุดซากกระดูโกโบริไปประกอบพิธีกรรม ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าโตขึ้นแล้วจะมีเพื่อนประถมตัวไหนอยากตบหัวผมรึเปล่า

“พี่ปู แบบนี้ด่ากันหยาบๆ ผมจะดีใจซะกว่า”

“จ้าๆ น้องเจมของพี่ ล้างหน้าด้วยก็ดีนะ ไปรถพี่ก็แล้วกัน แต่ขากลับเรากลับเข้าออฟฟิศเองนะ พี่มีนัดอีกที่หนึ่งตอนบ่าย”

“ครับ”

“แล้วคุณคฤณเขาเป็นไงมั่ง โอมั้ย?”

“ก็ดีนี่ครับ พี่ก็เห็นประวัติ”

“แต่พี่ว่าเค้าต่างจากนักธุรกิจหน้าใหม่คนอื่นนะ”

“ยังไงหรอครับ” ผมถามต่อ จริงๆ ไม่ได้อยากรู้นัก แต่อยากเนียนไม่ไปล้างหน้าหรือจัดผมใหม่

“เขาดูเก่งแต่ไม่อยากเก่ง ดูทำได้แต่ไม่อยากทำ”

“นี่ข้อดีหรอพี่? แบบนี้แถวบ้านผมเรียกขัดแย้งกับตัวตนตัวเอง ซักวันก็ทนไม่ไหวแล้วก็หลุดโลก บ้าบอไปเลย”

“บ้าน่าไอ้เจม อย่ามาว่าคุณหนึ่งของพี่นะ”

“แน๊ๆๆๆ กินเด็กหรอครับ”

“ไอ้เจม! เราก็พูดไป สามีชั้นดูนะยะ!”

“ครับ กุญแจมาพี่ เดี๋ยวผมไปเอารถมารับหน้าตึก” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง เบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากแบกงานไว้ในหัว ไม่อยากคิดอะไรต่อทั้งสิ้น ผมหิวข้าวเต็มทนแล้ว

“เออ ดี!” พีเอ็นหยิบกุญแจรถส่งให้ผมแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป แต่ยังมีแก่ใจส่งเสียงมาบอกผมเพิ่มอีกเรื่อง
“เออเจม รอแอมด้วยล่ะ พาไปด้วย จะไปถ่ายรูปคุณหนึ่งที่ห้องทำงานน่ะ”

อะไร? นี่ต้องกินข้าวกับไอ้แอมหรอ? เซ็งกว่าเดินเหยียบขี้หมาอีกขอบอก!


หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 04:18:40


ไอ้ตัวปากคว่ำยืนอยู่หน้าลิฟท์ตอนที่ผมแตะบัตรพนักงานเพื่อออกจากออฟฟิศ มันกระตุกยิ้มให้เป็นการทักทาย ซึ่งผมคิดว่ามันกำลังเหยียดผมไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งในใจมัน

“ไปด้วยหรอมึง”

“อือ ของฟรี ไปแดกซะหน่อย”

“แดกของฟรี ระวังกลายเป็นของฟรีเองล่ะมึง”

“ปากกูกระเพาะกูป่ะ”

“ก็อำเล่น”

“ด่ากู กูรู้นะอัญ”

“อัญพ่อมึงสิ!” นี่แหล่ะที่ทำให้ผมไม่ชอบมัน มันชอบล้อชื่อเล่นแหววๆ ของผม

“อย่าโกรธสิอัญ”

“สัส!”

ติ๋ง
ลิฟท์มาพอดี ยังด่าแม่งไม่สะใจก็ต้องเข้าไปอยู่เงียบๆ กับมันในลิฟท์อีก ตอนนี้ผมคิดถึงไอ้ต้อมมาก อยากให้มันมาฟังเรื่องเซ็งของผมจัง

ผมกับไอ้แอมเดินห่างๆ กันมาถึงรถพีเอ็น มันมองหน้าผมแล้วก็เดินไปจ่อที่ประตูฝั่งคนนั่งด้านหลังผม ผมล่ะฉุนกึก ผมไม่ใช่คนขับรถของมันนะ!

“เปิดสิอัญ”

“อัญอีกรอบมึงร่วงตรงนี้แน่อ๋อมแอ๋ม” ผมล้อชื่อมันบ้าง ไอ้แอมหน้าเป็นตูดไก่เหี่ยวเลย ฮ่าๆ สมน้ำหน้า

“สัส!”

“มึงเล่นกูก่อนป่ะล่ะ ห่า!”

“เปิดดิเจม” ก็เท่านี้แหล่ะ ห่า อัญ อัญอยู่ได้ ควาย! ผมกดรีโมทเปิดประตูให้มันกระแทกตัวเข้าไปนั่งกางเข่ากอดอกเป็นกุ๊ยหลังรถ ส่วนผมก็นั่งทำหน้าที่เป็นพลขับรถยุโรปของพีเอ็นที่แสนสุขุมด้วยการออกตัวที่ทำเอาไอ้แอมหน้าคะมำ ฮ่าๆ สะใจกู!


มื้อนี้ผมได้กินอาหารญี่ปุ่นที่โคตรถูกปาก ร้านนี้ผมชอบมากเพราะอาหารสด เวลาสัมภาษณ์ข้างนอก พีอาร์ที่สนิทกันจนรู้ใจจะชอบพามาเลี้ยงร้านนี้ ถ้างบลูกค้ามีพวกเธอๆ ทั้งหลายก็จะจ่ายให้ แต่ผมก็แฟร์พอนะ บางทีอยากกินแต่ลูกค้าเธอๆ ไม่มีงบ ผมก็กินเองจ่ายเอง เลี้ยงพวกเธอบ้างก็ยังเคย ก็เพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้นแม้จะคนละส่วน ต่างอุดมการณ์กันก็เถอะ
 
เรารอเดินเข้าในห้องส่วนตัวที่นายคะรึเขาจองไว้แล้ว เข้าไปก็มีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟโดยที่ยังไม่ได้เรียกร้องอะไร ชาเขียวร้อนชูควันมาถึงปลายจมูกผม มันหอมหวนจนผมต้องดมแล้วยิ้มอย่างถูกอกถูกใจ

“ถูกใจล่ะสิ นี่ร้านโปรดคุณหนึ่งเขานะ เขาบอกพี่”

“อ่อครับ” ผมรับคำสั้นๆ ส่วนไอ้แอมแค่ยักไหล่แล้วดื่มชาเขียวอุ่นๆ เป็นการกระตุ้นน้ำย่อย

ไม่นานนายคฤณก็เข้ามาในห้องส่วนตัวแห่งนี้ เสื้อสูททางการถูกถอดออกไปแล้ว คงถอดไว้ในรถ ตอนนี้นายคฤณสวมแค่เสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน ใส่แว่นกรอบดำหนา ปลดกระดุมบนสุดและคลายเนคไทด์ ซ้ำยังอม...เอ่อ...จุ๊บปาจุ๊บมาอีกต่างหาก

“หายากมั้ยครับพี่ปู”

“ไม่ค่ะ ร้านประจำเจมเค้า ใช่มั้ยเจม”

“อ่อ...ครับ แต่ก็ไม่ประจำมากหรอกครับ แพงเกิน”

“เจมชอบมาร้านนี้หรอครับ ไม่เคยเจอเลย”
“สั่งเลยนะครับ เมนูโปรดน่าจะมีอยู่แล้วใช่มั้ย?”
“คุณอรินทร์ด้วยนะครับ ตามสบาย” หมอนี่ยิ้มอย่างเป็นกันเองกับพวกผมโดยที่ยังอมจุ๊บปาจุ๊บอยู่ ซ้ำยังหันไปคุยกับพี่ปูอย่างเป็นกันเอง แต่เนื้อหาที่คุยกลับเป็นเรื่องทัศนคติเรื่องระบบการศึกษาของไทย การทำงานของภาครัฐ และมุมมองต่อนโยบายเศรษฐกิจภูมิภาคทั้งนั้น

แต่เดี๋ยวนะ!
เรียกไอ้แอมมว่าคุณอรินทร์ แต่เรียกผมว่าเจม เท่าเทียมดีเหลือเกิน หน้าผมเหมือนเด็กกะโปโลก็ไม่เถียง แต่ผมอายุ 25 แล้วนะ!
ชานนท์สิ ชานนท์ ชื่อนี้แมนมากเลยนะขอบอก!




พออิ่มแปล้แล้ว พีเอ็นก็ขอแยกตัวไปทำงานของเธอต่อ ส่วนผมก็รีบเดินตามพีเอ็นไปเลย แต่โดนสกัดดาวรุ่งไว้ก่อน

“เจมเดี๋ยว” ผมเลิกคิ้วมองหน้าไอ้แอมเป็นการถามแทนการอ้าปาก ตอนนี้ปลาโอว่ายน้ำอยู่ที่ลำคอแล้ว กลัวมันโดดออกมา

“ไปด้วยกันก่อน พี่ปูบอกให้มะ...ให้คุณ” ไอ้แอมเปลี่ยนสรรพนามแล้วทำหน้าแอบอ้วก อยู่ต่อหน้าแหล่งข่าวเราจะไม่พูดคำคุ้นเคยครับ พี่ปูขอไว้ทั้งออฟฟิศ
“ให้คุณไปช่วยจัดท่าทางคุณหนึ่ง” หือ? คุณหนึ่ง ประจบคนรวยนะมึง เรียกซะซี้เชียว

“คุณก็จัดได้ไม่ใช่หรอ? มีแนวอยู่แล้วนี่ว่าถ่ายผู้บริหารเอาประมาณไหน” ผมโยนกลับทันที ไม่ใช่ว่าเกี่ยงงาน แต่นี่มันไม่ใช่หน้าที่ผม ผมเป็นนักเขียนนักข่าวของนิตยสารนี้ ไม่ใช่คนออกแบบท่าโพส

“เจม”

“......”

“ช่วยผมหน่อยเถอะ” นานๆ มันจะขอร้องซักที ต้องมีอะไรแน่ๆ ไอ้แอมมันถึงได้ขอร้องผมให้ไปทำงานร่วมกับมัน มันก็เหมือนผมนั่นแหล่ะ หมั่นไส้ผมตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้วก็กัดกันเบาๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน

“โอเค แต่ผมมีคอลัมที่ต้องปิดก่อนสี่โมงนะ คุณเร่งมือหน่อยก็แล้วกัน” ผมตอบแล้วแอบถอนหายใจไม่ให้แหล่งข่าวคนสำคัญของพี่ปูเห็นว่าผมหนักใจ ก็คนมันไม่ชอบนี่นา แล้วก็ต้องย้ำอีกครั้งด้วยว่านี่มันไม่ใช่งานผม!



ออฟฟิศนายคฤณก็หรูเรายอดเขาโอลิมปัสเชียว ทุกอย่างวิจิตรอลังการ ใหญ่โต เป็นตะวันตกสไตล์ไปเสียหมด เจ้าของห้องทำงานหรูพาพวกผมมาปล่อยไว้ที่ห้องประชุม 2 แล้วบอกให้จัดสถานที่และจัดแสงได้เลย พอได้ยินคำอนุญาตไอ้แอมก็ลงมือทำเรื่องที่มันถนัดโดยมีผมเก้กังคอยช่วยเป็นตัวจำลองของนายคฤณ เพื่อให้มันได้ดูว่าจะให้แสงสปอตไลท์จิ่วของมันตกกระทบแก้มที่องศาไหน ไรขนบนหน้าถึงจะมีเสน่ห์ที่สุด

“เอียงซ้ายให้หน่อยเจม”

“คอเคล็ดแล้วว่ะ ได้เท่านี้”

“กูขอเหอะ อีกนิดเดียว จะได้จบๆ กูมีงานต่อเหมือนกัน”

“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับกูมั้ยห่า ก็นายแบบตัวจริงเขาไม่มาซักที มึงไปด่าเขาสิ”

“ห่า เงิน! พระเจ้านะนั่น!” มันท่องสโลแกนที่ผมไม่คิดเถียง พอมันส่งสายตาสั่งให้ซ้ายอีกนิด ผมก็ต้องหันซ้ายอีกนิด เพื่อฟังมันบอกว่า “กูบอกว่านิดเดียว นั่นมึงเอียงไปกะแดกหูตัวเองหรออัญ หิวหรอสัส ที่แดกไปยังไม่ย่อยเลยมั้ง”

“ไอ้เหี้ย แล้วหน่อยมึงกับหน่อยกูจะเท่ากันมั้ยสัส เร็วๆ เลยกูเมื่อย”

“แล้วพระเจ้าที่ไหนให้มึงค้างอยู่ท่านั้นหล่ะ ห่า กูเสร็จตั้งแต่มึงหันไปแดกหูตัวเองแล้ว”

“เฮฮาดีนะครับ”

“อุ่ย!” ทั้งผมและไอ้แอมสะดุ้งเฮือกพอกัน พวกผมยิ้มแหยให้แล้วก็รีบจัดแจงบอกตำแหน่งและจัดแจงท่าทางให้แหล่งข่าวคนสำคัญของเจ้านายทันที

“เจม ปกเสื้อ”
“เจม ชายกางเกง คุณหนึ่งครับ เงยหน้านิดนึง เจมจับคางคุณหนึ่งให้เอียงขวานิด”
“ครับ ดีครับ มองกล้องนะครับ”
“เจม ออกมาดิ!”

ไอ้เหี้ย! นี่กูช่วยมึงอยู่นะไอ้อ๋อมแอ๋ม!

เสร็จงานถ่ายรูป 3 มุมตามคอนเซป มันก็เปิดตูดไปอย่างรีบร้อน ผมเชื่อแล้วว่ามันมีงานใหญ่รออยู่จริงๆ ส่วนผมก็ต้องรับหน้าที่ตัวแทนออฟฟิศคุยกับแหล่งข่าวปิดท้ายอย่างประทับใจก่อนจากลา

“วันนี้ขอบคุณมากนะครับ”

“ผมสิต้องขอบคุณทางพี่ปูแล้วก็เจม ปกติโดนสัมภาษณ์ทีไรโดนต้อนแทบตกม้าทุกที มีเล่มนี้แหล่ะที่เอ็นดูผม”

“ฮ่าๆ คงไปทำอะไรให้พี่ปูชอบสินะครับ ผมก็ทำตามหน้าที่ เอาไว้เจอกันเมื่อมีโอกาสนะครับ”

“ครับ แล้วเจมกลับออฟฟิศยังไงครับ?”

“บีทีเอสก็ถึงครับ”

“ให้รถที่บริษัทไปส่งนะครับ”

“เอ่อ...”

“เถอะนะครับ”

“อา....ก็ได้ครับ”
“อ๊ะ! โทษนะครับ” ผมผงกหัวขอโทษขอโพยแล้วควักไอโฟนมาเลื่อนรับอย่างรวดเร็ว เพราะอายเสียงเรียกเข้าที่ไอ้ต้อมทำให้ เสียงหมาครางเดือน 12 ไม่น่าฟังหรอกครับ

“อื้อแม่ ว่าไงครับ”
“หือ?”
“จริงหรอครับแม่ โอเค เจมจะรีบกลับเลย”
“ครับ ครับ แม่อย่าใจร้อนนะ รอเจมก่อน” ผมบอกปลายสายที่ตะกุกตะกักพูดอย่างเป็นห่วง เมื่อวางสายก็รีบเดินออกจากห้องทำงานหรูหราทันที

“เอ่อเจมครับ เจม!”

“อ่ะ! ครับ โทษที พอดีที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย ต้องรีบกลับ คงไม่เข้าออฟฟิศแล้ว”

“ให้รถบริษัทไปส่งที่บ้านนะครับ”

“หือ?”

“เถอะนะครับ” มีใครเคยบอกนายคะรึมั้ยว่าเวลาวางสีหน้าเพื่อพูดคำว่า “เถอะนะครับ” มันทำให้คนฟังปฏิเสธไม่ออก  ผมมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้ายอมรับน้ำใจเขาไว้ในที่สุด

“ขอบคุณนะครับคุณคฤณ”

“เรียกพี่หนึ่งก็ได้เจม”

“.........”

“จริงๆ ก็แล้วแต่สะดวกนะครับ ผมแค่อยากเป็นกันเองเท่านั้น”

“ครับ พี่หนึ่ง” ผมยอมเรียกตามที่อีกฝ่ายชี้โพรง เรายิ้มให้กันสั้นๆ แล้วผมก็รีบโกยอ้าวออกจากห้องทำงานที่ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรกทันที

ใจจริงก็อยากขอบคุณอย่างซาบซึ้งอีกรอบ แต่ผมกลัวจะหลุดพูดว่าธุระด่วนของที่บ้านคืออะไรน่ะสิ
มันเป็นความลับทางธุรกิจที่น่าอาย ผมจะบอกแหล่งข่าวคนสำคัญของพีเอ็นได้ยังไงว่าถูกตามตัวด่วนเพราะหมาที่บ้านจะคลอดลูก!


Cut


สวัสดีค่ะ
คือ ขอแนะนำตัวนิดเดียวเป็นน้องใหม่ในเล้าเป็ดมากๆ ค่ะ
ไม่เคยเขียนฟิค(แบบไม่อิงไอดอลเลย)
รบกวน ฝากผลงานไว้ที่นี่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 01-01-2013 10:23:59
เข้ามาตอนรับเรื่องใหม่จ้า o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: MEME_B ที่ 01-01-2013 11:37:42
ต้อนรับค่า  :mc4:
เล่าเรื่องสนุกดี อ่านลื่นขำตลอด (ฮาา) อัญกับอ๋อมแอ๋มตีกันสนุกดีค่ะ 555  ^ ^
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-01-2013 11:56:36
คุณอรินทร์ คุณชานนท์ กัดกันฮาดีค่ะ 555
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 01-01-2013 12:14:00
ติดตามนะคะ

คุณหนึ่งต้องชอบอัญแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: zodiacniing ที่ 01-01-2013 13:25:14
สนุกมากค่ะ อ่านไปขำไป (: สู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 16:23:07
Hear, Me

=======
If I could, I would
======
 
ตอนที่ 2



“นี่ตัวหนี่ง ตัวสอง แล้วก็นี่ตัวเล็ก จำได้มั้ยเจม” ห่าชีวิต! ลูกชายสามตัวของยัยคุณหญิงกับไอ้ผู้พันเป็นสีขาวหมดเลยครับ หมาชิวาวาพันธ์แคระของบ้านผมคลอดลูกชาย 3 ตัวเป็นสีขาวล้วน สำเนาถูกต้องจากพ่อกับแม่พวกมันที่เป็นชิวาวาเผือกไม่เคยโดนแดด และแม่ผมตั้งชื่อลูกหมาทั้งสามว่า ตัวหนึ่ง ตัวสอง ตัวเล็ก และให้ผมกับพี่ชายจำให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“จำไม่ได้หรอกแม่ มันเหมือนกันหมด เดี๋ยวเดินไปตดแล้วกลับมาดูมันใหม่ เจมก็เรียกตัวเล็กว่าตัวหนึ่งแล้วเนี่ย” เพี๊ยะ! โดนตีแขนครับ ไอ้พี่ชายหัวเราะก๊ากแล้วตีผมเพิ่มเป็นการประจบแม่ แม่งลูกรักแม่อยู่แล้วยังจะเอาหน้ามากมายอะไรอีก เท่านี้สมบัติก็เป็นของมึงหมดแล้วจิว!

“แม่! จิวตีเจมอ่ะ เจ็บนะเว้ยจิว!”

“ตีกันเป็นเด็ก!” นางดุพี่จิวเท่านี้ก็ลุกจากอาการนั่งกอดเข่าดูลูกหมากินนมแม่ พวกผมลุกตามแล้วก็ต้องเอี้ยวตัวปิดขี้เกียจจนกระดูกส่งเสียงกรอบแกรบ แล้วก็เดินตามมากลับเข้าตัวบ้าน

เช้านี้อากาศสดใสดีครับ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ 6 โมงเช้าก็แหกขี้ตามาดูยัยคุณหญิงนอนนิ่งให้ลูกชายดูดนมจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ พี่จิวเองก็ตื่นเช้าตามปกติ แต่มันตื่นแล้วต้องรีบอาบน้ำกินข้าวเพื่อไปทำงาน พี่ชายผมทำงานโรงแรมครับ อยู่ฝ่ายคอมพิวเตอร์ซัพพอร์ตของโรงแรมมากดาวเชียว

หน้าตาไม่ต้องพูดถึง ไม่หล่อกว่าผมหรอก จะหล่อกว่าได้ไงก็ผมกับจิวเป็นฝาแฝดกัน แต่หน้าก็ไม่เหมือนกันหรอกครับ มองวูบแรกก็ว่าเหมือน แต่พอจ้องดีๆ แล้วจะคิดเป็นพี่น้องหัวปีท้ายปีมากกว่าเป็นฝาแฝด เพราะพวกทำทุกอย่างเพื่อให้ต่างกัน

งี้แหล่ะครับ ผมมันขี้อิจฉาไม่ชอบเกิดมาหน้าเหมือนมัน ผมก็เลยกันปลายคิ้วออกหน่อยตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย ส่วนมันก็ไม่ชอบหน้าเหมือนผมเหมือนกัน เลยมุดูการ์ตูนจนสายตาสั้นต้องใส่แว่น โตมาหน่อยก็ใส่คอนแทค แต่แม่งขี้เกียจไง ก่อนนอนไม่ยอมถอดยอมล้าง ตาแม่งเกือบเน่า ผมขำชิบหายเลยจำได้ อ่อ แล้วมันก็ไว้เคราด้วยครับ

ผมประคองจานข้าวมานั่งจ๋องกินข้าวให้คุณหญิงดู มีกระดูกอ่อนจากแกงจืดก็ยื่นให้มันนอนเคี้ยวกิน ท้องนี้ไม่ใช่ท้องแรกที่ต้องดูแลดีมากเพราะเป็นคุณแม่มือใหม่หรอกครับ แต่ผมเป็นห่วงมันนี่นา คุณหญิงนี่ผมเก็บมาได้จากหน้าบ้านนี่แหล่ะ ส่วนผู้พันนี่แม่ผมไปใจอ่อนซื้อมาจากจตุจักร กว่าจะเลี้ยงให้โตได้ รักษาโรคหมดไปหลายเหมือนกัน

“คุณหญิงดูลูกดีๆ นะ เดี๋ยวกูกลับมาเล่นด้วย” ผมบอกมันแล้วเคาะมือบนหัวมันเบาๆ มันเลียบลิ้นเลียอากาศแล้วก็หรี่ตานิ่ง ส่วนลูกน้อยทั้งสามตัวหลับไปโดยที่ปากยังครอบหัวนมแม่มันอยู่เลย น่าเอ็นดูมากครับ

“เจม ไม่รีบไปทำงานหรอลูก” นายแม่เรียกแล้วครับ ผมตะโกนรับแล้วก็เดินกลับเข้าบ้านเพื่อวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัวตามปกติ วันนี้ไม่รีบมากครับ บอกแล้วไงว่าตื่นไวกว่าปกติ ตามกิจวัตรที่ผมปฏิบัติมา 4 ปีแล้ว ผมจะตื่นตอนแปดโมงครึ่งครับ แล้วนี่ยังไม่แปดโมงเลย ไปนั่งหลับในส้วมต่อดีกว่า

ทั้งที่ตั้งใจจะไม่เป็นคนดีศรีสังคมไปทำงานก่อนเวลา ผมก็ทำไม่ได้ ต่อมคนดีมันตีไม่แตกจริงๆ ผมวิ่งกุกกักลงมาจากห้องเพื่อเจอนายแม่เตรียมขับรถออกไปที่ร้านพอดี แม่ส่งยิ้มให้แล้วไปค้าขายหาเงินเลี้ยงหมาตามเวลาปกติ ผมเลยรับหน้าที่ปิดบ้านและเตรียมถอยรถออกจากบ้านบ้าง

“เจม เจม! เจมเพื่อนมาหา”

“หือ?” เพื่อน? เพื่อนผมมาหาที่บ้านเนี่ยนะ! ไม่มีอ่ะ ไม่เคย พวกมันรู้จักคอนโดผมและจะไปหาผมที่นั่นมากกว่า และส่วนมากก็จะบอกล่วงหน้าก่อนด้วย

“ใครหรอแม่”

“ไม่รู้ เจมออกมารับเขาหน่อย” แม่ผมชะโงกหน้าออกมาทางหน้าต่าง ส่วนรถยังคาอยู่ที่หน้ารั้ว ยังไปไหนไม่ได้ไกลเลยครับ ผมเกาหัวแล้ววิ่งดุ๊กๆไปยังประตูรั้วอัลลอยด์ซึ่งเป็นปราการด่านหลักของบ้านผม คนที่ผมเจอะหน้าทำเอาช้อคเลยครับ

“เอ่อ....พี่...พี่คนขับ”

“ผมชื่อพลครับ” คนขับรถที่มาส่งผมถึงบ้านเมื่อวานแนะนำตัว ผมเกาหัวงงๆ แล้วก็ยกมือไหว้แกปะหลก ก่อนจะยื่นหน้าไปถาม

“พี่มีไรป่าวครับ”

“คุณหนึ่งให้เอากระเช้ามาร่วมยินดีครับ”

“หือ?” ผมงงหนักกว่าเดิมแล้วก็มองหน้าแม่ที่อุตส่าห์ลงจากรถมายืนฟังความด้วย

“ร่วมยินดีอะไรครับพี่ บ้านผมเรียนจบหมดแล้วครับ ไม่มีงานแต่งด้วย บวชแล้วตอนเป็นเด็ก ไม่มีงานมงคลหรอกครับ คุณหนึ่งของพี่คงสั่งผิดแล้วหล่ะ”

“ไม่ผิดหรอกครับคุณเจม คุณหนึ่งให้นำกระเช้ามาร่วมยินดีที่บ้านมีสมาชิกใหม่ครับ”

“ห๊ะ?” ผมกับแม่อุทานเสียงเดียวกันแล้วก็ทำหน้าสำเนาเดียวกันเป๊ะ งงมากครับ สมาชิกใหม่? อย่าบอกนะว่าหมายถึง....

“ก็คลอดเมื่อวานไม่ใช่หรอครับ ผมกลับไปบอกนายว่าคุณหญิงคลอดลูก คุณแกเลยส่งกระเช้ามาแสดงความยินดี”

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก กูขอหัวเราะหน่อยเถอะพ่อคะรึคนดีศรีสังคม หมอนั่นจะรู้ตัวมั้ยว่าส่งกระเช้ามารับขวัญหมา ฮ่าๆๆ โอยยย ผมอยากจะบ้า นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!

“โอยยยยย” ผมครางพลางกุมท้องหลังหัวเราะจนน้ำตาเล็ด แม่ผมขำแบบหญิงผู้ดีแล้วก็ตบหลังผมปุๆ แต่ก็รับกระเช้าไปวางไว้ที่หน้ารถผมแทน ก่อนจะขับรถออกจากบ้านไป ผมเลยต้องรับหน้าที่อธิบายให้พี่พลเข้าใจแทน

“ขอบคุณมากครับพี่ อุตส่าห์มีน้ำใจเป็นห่วง แต่จริงๆ แล้ว สมาชิกใหม่ที่เกิดน่ะ ลูกหมาครับพี่พล”

“หา? หมาหรอครับ?”

“ครับ หมาผมชื่อคุณหญิง พี่คงได้ยินผมคุยโทรศัพท์ใช่มั้ยเนี่ย แล้วก็ปะติดปะต่อเอาแล้วก็บอกนายพี่ล่ะสิ”

“อ่า ครับ ก็นายเขาถาม ผมก็บอกเท่าที่ได้ยิน แต่ผมไม่ได้แอบฟังนะครับ”

“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ไงก็ขอบคุณนะครับ”

“แฮะๆๆ ขอโทษอีกทีนะครับ แล้วคุณเจมจะไปไหนครับ นายสั่งว่าให้อำนวยความสะดวกให้คุณ”

มันจะดูแลผมทำไมนักหนาวะ? ผมก็งงนิดๆ แต่ก็บอกพี่พลไปตามความจริง

“จะไปทำงานครับ เดี๋ยวขับเลาะๆ ไป แป๊บเดียวก็ถึง”

“ให้ผมไปส่งนะครับ ไงก็ทางผ่านกลับบริษัทพอดี”

“เฮ้ยพี่! ไม่เอาหรอก ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปของผมเอง” แต่จริงๆ มันก็ลำบากหลายสิ่งเหมือนกับครับสำหรับการขับรถไปทำงานวันนี้ เพราะเมื่อวานผมไม่ได้เข้าบริษัทตอนเย็นไปปิดคอลัม รถก็เลยคาอยู่ที่ออฟฟิศคันนึง ถ้าเอาไอ้แก่ไปออฟฟิศวันนี้ ผมก็ต้องใช้เวลา 2 วันในการจัดสรรรถให้กลับไปอยู่ที่คอนโดคันนึง อยู่บ้านคันนึง แม้จะเกิดเรื่องให้ต้องทำแบบนี้บ่อยๆ ผมก็ไม่ชอบเท่าไหร่ เรื่องมันเยอะไป ผมขี้เกียจ

“เถอะครับ คิดซะว่าผมขอโทษเรื่องฟังไม่ได้ศัพท์จนคุณหนึ่งเข้าใจผิด แลกกับการไม่บอกนายนะครับ นะครับคุณเจม”

“โอเค โอเคพี่ งั้นกวนพี่รอแป๊บนึงนะ เอาของรับขวัญหลานเข้าบ้านก่อน หึหึ” ผมบอกแล้วเดินขำอารมณ์ดีกลับไปเอากระเช้าเข้าบ้านแล้วก็ล็อคประตูลงกลอนปิดรั้วอีกที จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถพี่พลที่ขับนิ่มตูดมากจนผมหลับคอพับไปเลยทีเดียว



วันนี้ออฟฟิศวุ่นวายอีกตามเคย งานประจำผมเสร็จนานแล้วเพราะเนื้อหาที่ผมรับผิดชอบทั้งหมด 5 หน้า มันค่อนข้างตายตัวเรื่องกำหนดเวลา ผมดูแลคอลัมสัมภาษณ์พิเศษคนไฟแรง เดือนละสัมภาษณ์เองครับ กินพื้นที่ 2 หน้า ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องมันนี่โปรดักส์ และข่าวบริษัทจดทะเบียนที่สำคัญๆ ในรอบเดือน ซึ่งข้อมูลมันมีอยู่แล้ว รอผมหยิบวางเท่านั้น ยากตรงที่ต้องกรองและสัมภาษณ์หาประเด็นเพิ่มเพื่อให้อัพทูเดทเท่านั้น

เมื่อส่งคอลัมเข้าถังดัน (done) แล้ว ผมก็ยืดตัวบิดขี้เกียจและส่องตาหาซี้ผมทันที ไอ้ต้อมมันอยู่ส่วนทีวีครับ คนละขั้วโลกออฟฟิศเลย ผมเลยต้องยืดส่วนสูงเพิ่ม เพราะแค่ 176 มันยาวไม่พอ

“คอยาวเป็นงวงช้างแล้วเจม หาไร?” พี่นกถามผมซะคอหด พี่เอาอะไรคิดว่าคอกับงวงช้างคืออันเดียวกัน ผมยิ้มให้เลขากองที่อายุเท่าแม่แต่ผมเรียกพี่อย่างประจบ แล้วก็ถามแกซะเลย

“เห็นไอ้ต้อมมั้ยครับ”

“มันไปทำรายการข้างนอก” หงุ่ยยยย เซ็งเลย ผมหิวข้าวแล้วก็ไม่อยากไปกินข้าวที่ร้านข้างล่างคนเดียวนี่ครับ จริงอยู่ที่ใต้ตึกกับรอบตึกนี่คราคร่ำด้วยผู้คนมากมาย เพราะตึกนี้เป็นอฟฟิศเรนทัล หรือสำนักงานให้เช่านั่นแหล่ะ มันถึงได้รวมผู้คนมากหน้าไว้ในตลาดเดียวที่ร้อนมาก การลงไปกินข้าวคนเดียวก็เหมือนไปนั่งฟังเพลงใต้ทะเล ไม่ตอบโจทย์และไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มากเชียวครับ

ผมทำหน้าหงอยแล้วคิดหาทางเลือกใหม่ ข้าวเจ็ดสิบเอ็ดก็ได้วะ

“อืม พี่นก เดี๋ยวเจมลงไปเว่น เอาไรมั้ยครับ”

“ไม่จ้า ขอบใจมาก อ้อ! ลืมเลย ว่าจะเดินมาบอกเราว่ามีกระเช้ามาถึง”

“กระเช้า?” กระเช้าอีกแระ นี่ผมเกิดเรื่องมงคลอะไรในชีวิตแล้วผมเบลอไม่รู้ตัวรึเปล่าวะ?
“กระเช้าอะไรพี่”

“ขวัญใจพีเอ็นฝากมาให้”

ขวัญใจพีเอ็น? กระเช้า?
ช่วยไม่ได้ที่ผมนึกถึงใครไม่ได้เลย นอกจากคุณคะรึนะ

ผมยิ้มแกนๆ แล้วเดินเข้าห้องเลขากองเพื่อไปเอากระเช้ามาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของผมเอง ของในกระเช้าไม่ต่างจากกระเช้าแรกที่เคยได้รับเมื่อเดือนก่อนเท่าไหร่ ส่วนมากเป็นน้ำผงที่เอาไว้ชงกิน สารพัดน้ำแหล่ะครับ น้ำนมก็มี หึหึ

นามบัตรนายคฤณถูกผมหยิบมาดูเป็นครั้งแรก ในนั้นมีเบอร์มือถืออยู่ด้วย ผมมองอย่างชั่งใจแป๊บนึงก็กดโทรหาและเดินออกจากออฟฟิศไปยังลิฟต์ทันที

รอสัญญาณไม่นานปลายสายก็กดรับและส่งเสียงทักถาม

“สวัสดีครับ คฤณครับ”

“เอ่อ...ผมเองครับ...จะ...เจม” กระดากปากชิบหายขอบอก

“อ้าวเจม เป็นไงบ้างครับ สบายดีนะ”

“ครับ” ผมตอบรับและยื่นตีนไปเขี่ยไรฝุ่นไปมาหน้าลิฟต์ เสียงติ๊ดดังขึ้นตรงประตูออฟฟิศด้านหลังผม แสดงว่ามีคนออกมาและคงรอลิฟต์ด้วยเหมือนกัน ผมเลยเบียดตัวเข้ามุมนิดหน่อยแล้วคุยต่อ

“คือ ผมอยากขอบคุณเรื่องกระเช้าน่ะครับ” ผมบอกออกไปตรงๆ และสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่ออธิบายทุกอย่างเพิ่ม จริงๆ ผมปล่อยเลยตามเลยก็ได้ แต่ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้านายคฤณจะได้รู้ความจริงใจวันข้างหน้าจากปากและเสียงหัวเราะของคนอื่น

“อ๋อ นิดหน่อยเองเจม ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”

“คือ ผมมีเรื่องจะบอกกว่านั้นอีกครับคุณคฤณ” ผมรู้สึกมือชื้นเหงื่อขึ้นมาทันที นี่กูตื่นเต้นอะไรวะเนี่ย ก็แค่จะบอกไอ้นี่ว่าไม่ต้องส่งกระเช้ามาอีก บ้านกูแค่หมาเกิดแค่นั้นเอง
“คือ....คุณคฤณครับ เรื่องกระเช้า”

“ครับเจม”

“ไม่ต้องส่งมาแล้วนะครับ” ผมบอกเสียงเครียดและกำลังจะอ้าปากอธิบายเพิ่ม แต่ไหล่ผมโดนแตะเบาๆ และดึงให้หันไปหา พอหันไปผมก็เหวอแดกเพราะนายคฤณตัวเป็นๆ ยืนเอาโทรศัพท์แนบหูอยู่ หน้ามันห่างผมแค่คืบเดียวเอง อารามตกใจผมก็เด้งตัวหนีและผลักอีกฝ่ายบอก ซึ่งก็เป็นเหตุให้โทรศัพท์นายคฤณหล่นทันที

“เฮ้ย! ชิบหายแล้วกู!” ผมรีบยื่นมือไปช้อนโทรศัพท์มันไว้ ซึ่งแม่งก็ประจวบเหมาะมากที่จับมันไว้ได้ทันตรงเป้านายคฤณพอดี! ไอ้เชี้ยยยยย

“เฮ้ย!” ครั้งนี้มันตกใจตาโตบ้าง แล้วก็ยื่นมือมันมาทาบนมผมพอดี อะไรแข็งๆ วะ? ผมก้มมองอกตัวเองถึงได้เห็นว่ามันยื่นมือมาช่วยตะปบโทรศัพท์ผมที่หล่นเหมือนกันนั่นเอง

“เอ่อ...ไม่เมื่อยกันหรอครับ?” อีกเสียงทักขึ้น ประตูห้องซับที่อยู่อีกฝั่งถูกเปิดค้างไว้ มนุษย์มุมปากตกตัวหนึ่งยืนมองพวกผมด้วยสีหน้าอธิบายลำบาก ส่วนผมรู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นมาถึงตีนหน้าผาก อีกคนยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ สีหน้านายคฤณแดงจัดจนกลบความขาวเดิมไปเสียหมด

“ขะ...ขอโทษครับเจม”

“ขอโทษเหมือนกันครับคุณคฤณ” ผมรีบพูดแล้วเก็บไอโฟนยัดใส่กระเป๋ากางเกง หัวใจผมเต้นตึกๆ จนแทบกระโดดออกมา ซำยังอายมากจนไม่กล้ามองหน้าไอ้แอมที่เข้ามายืนกั้นกลางระหว่างผมกับนายคฤณในลิฟต์

“อืมมมม จะไปไหนหรอเจม” จู่ๆ มันก็ทำลายความเงียบเมื่อลิฟต์วิ่งลงมาถึงชั้น 18 ผมรู้ได้ไงน่ะหรอ? ก็ผมจ้องตัวเลขอยู่ตลอดเวลา ผมอยากไปให้พ้นๆ เร็วๆ

“กินข้าว”

“ไปกับกูมั้ย?”

“มึงยังไม่ได้กินหรอ? เอาดิ”

“กินแล้ว แต่เดี๋ยวไปนั่งกินหนมเป็นเพื่อนมึงก็ได้”

“นึกไง” ผมปากไวถามทันที ไม่ทันนึกว่าจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองต่อหน้านายคฤณ

“นึกรักมึงมั้ยควาย ก็หน้ามึงหนักจนเงยมองทางไม่ได้แล้วมึงจะเดินไปหาอะไรแดกได้ไง”
“อุ่ย! โทษนะครับคุณหนึ่ง นอกเวลางานพูดกันแบบธรรมดาได้เนอะ” ไอ้ห่านี่ ผมแอบเหล่มัน แล้วก็เลยเถิดสายตาไปมองผู้ชายใส่สูทสง่างามที่ยืนในระนาบเดียวกับผม เราสบตากันจนได้ ผมเลยรีบหลบตาและพยายามสงบอาการอายที่ไปช้อนจับไอ้หนูคนระดับผู้บริหารเอาไว้

ชั้น M แล้วครับโว้ย! ลิฟต์แม่งใช้แรงงานต่างด้าวชักรอกรึเปล่าวะช้าชิบหาย!
ผมรีบก้มงุดออกจากลิฟต์ แต่ก็ทำตามใจอยากไม่ได้เพราะถูกจับหัวไหล่ไว้ก่อน ไอ้แอมที่เดินออกไปก่อนหันมาเรียกผม แต่พอมันเห็นว่าผมถูกรั้งไว้มันก็หันไปมองทางอื่นและฝากคำพูดไว้ “กูรอหน้าเซเว่นแล้วกัน” แล้วมันก็เดินนำหน้าไปก่อน ควาย!! ทำไมไม่พากูไปด้วย!

“ผมขอคุยแป๊บเดียว”

“เอ่อ...คือ...”

“เถอะนะครับ” บอกแล้วไงครับว่าได้ยินคำนี้แล้วผมปฏิเสธไม่ออก




ลมที่พัดผ่านซอกตึกเย็นดีครับ แต่กูไม่ได้ต้องการไง แม่งผมเสียทรงจนต้องคอยเสยๆ ปัดๆ ทั้งที่ตัดให้แม่งสั้นแล้วก็จะเสือกจะกระดิกพริ้วนะมึง กูไปเผาบริษัทรีจอยส์ดีมั้ยห่า!

ผมก็ปากเสียด่าทอธรรมชาติในใจไปอย่างงั้นแหล่ะครับ เพราะตอนนี้ผมอยู่ในภาวะควบคุมอะไรไม่ได้แม้แต่ใจตัวเอง หน้านี่ไม่ต้องพูดถึง ไปแล้วครับ ทั้งเสียทั้งแดงเถือก

“เจม อย่าทำหน้าแบบนี้สิ”

“หือ? หน้าไงหรอครับ” เสียงผมตอแหลมากจนตัวเองยังรู้สึก ผมพยายามทำหน้าให้เป็นปกติ แต่เข้าใจไหมครับ มันปกติไม่ได้ ไอ้ที่เพิ่งเกิดขึ้น ไอ้ที่มือผมเพิ่งจับตะปบไปน่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายหรือผู้หญิงหน้าไหนควรไปแตะต้อง มันแบบ มีของมึงก็จับของมึงสิ ไปจับของชาวบ้านได้ไง!!!

“อา...เอาเป็นว่า ผมไม่ได้..เอ่อ...คือ....”
“ผม...ไม่ได้อะไรมากหรอก ลืมๆไปเถอะ แล้วก็..ขอโทษที่จับหน้าอกเจม”

นี่ไง นี่ไง ทำไมเขาไม่เข้าใจผมว่ารู้สึกผิดเพราะอะไร เพราะเขาแค่จับหน้าอกผมเขายังต้องรู้สึกผิดจนขอโทษซ้ำแล้วซ้ำแล้วแบบนี้

“คือ...ถ้าเจมจำ มันก็จะ...ไม่ลืมซักที เข้าใจผมมั้ย?” ไม่เข้าใจก็ไร้สมองล่ะครับ ตรรกะนายคฤณง่ายมาก ถ้าจำ ก็จะไม่ลืม แม่งเป็นเหตุเป็นผลชิบหาย

ผมหัวเราะหึแล้วพรูลมหายใจ โอเค ลืมก็ลืม ผมก็อยากให้มันลืมเหมือนกันว่าจับหน้าอกที่แตกพานไปนานแล้วของผม

“โอเคครับ ลืมก็ลืม งั้นเจมก็อยากให้คุณคฤณ”

“พี่หนึ่ง...” แน่ะ! มีต่อรอง

“ครับคุณคฤณ” กวนตีนเหมือนกันนะผมเนี่ย อีกฝ่ายหัวเราะหึใส่หน้าผมแล้วยื่นมาผลักหัวผมเบาๆ แล้วก็ขยี้ เขาคงเอ็นดูผมเป็นน้องเป็นนุ่งล่ะมั้ง
“งั้นก็ลืมๆ ว่าจับอกชายชาตรีของผมไปด้วยนะครับ จริงๆ เพื่อนก็ศอกใส่บ่อยๆ เจ็บกว่านี้ก็โดนมาแล้ว” ผมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะฮ่าๆๆ อย่าบ้าคลั่ง นี่ผมพยายามไปไหม?
“เอ้อพี่หนึ่ง!” หือ? นี่กูใจง่ายซะแล้วหรอเนี่ย เรียกเขาเสียสนิทเชียว อีกฝ่ายได้ยินก็ยิ้มหน้าบานแล้วเลิกคิ้วถามประกอบ

“อะไรหรอ?”

“คือเรื่องกระเช้าน่ะครับ"
"ที่เจมจะบอกก็คือ” โอ้ยๆๆ หยุดไม่อยู่แล้วครับ เรียกเขาว่าพี่หนึ่ง เรียกตัวเองว่าเจม อะไรเนี่ยกู!
“กระเช้าอร่อยมาก แต่ว่า บ้านเจมแค่หมาเกิดเอง พี่หนึ่งไม่ต้องส่งมาแสดงความยินดีหรอก”

เพล้ง!!
เหมือนผมได้ยินเสียงหน้าใครบางคนแถวนี้แตก สีหน้านายคฤณเหวอจนผมอยากขำดังๆ สักพักมันก็แดงเถือกไปจนถึงลำคอที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ปกเสื้อเชิ้ตสีครีม

“มะ...หมา? หมาเกิด”
“แต่คุณหญิง...เอ่อ...นายพลบอกพี่ว่า”

“ฮ่าๆๆๆ พี่พลเขาฟังที่เจมคุยโทรศัพท์น่ะครับ เขาก็รู้เรื่องตามมโนเขา แต่จริงๆแล้วคือหมาบ้านเจมน่ะชื่อคุณหญิง มันคลอดลูก เท่านี้แหล่ะครับ แต่ก็ขอบคุณสำหรับกระเช้า” ผมบอกแล้วรีบอุดเสียงหัวเราะด้วยการงับปากล่างของตัวเองไว้ แก้มผมโคตรเมื่อยเลยตอนนี้

“อ่าว...พี่ก็คิดว่า...”
“ฮ้า...อายชะมัดเลย ทำเรื่องน่าอายกับเจมตั้ง 2 เรื่อง โทษทีนะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรหรอกครับ เจมว่าน่ารักดี”
“เอ่อ....” ผมค้างไปเองเมื่อได้ยินคำที่เพิ่งพูดออกไปเองถนัดหู นายคฤณมองผมล้อๆ ตาหมอนี่กลมแบ๊วมากๆ แต่ว่าคิ้วเข้มที่โค้งสวยก็ทำให้ตานี้ดูหล่อเหลามากกว่าน่าเอ็นดู
“เจมว่าตลกดี” ผมแก้คำเสร็จก็ยิ้มแฉ่งๆ ลำแดดที่หลบใบไม้มาได้ตรงรี่เข้าชกม่านตาผม พอเงยหน้ามองอาทิตย์ที่เลยจุดกลางหัวไปแล้วผมก็ถามอีกฝ่าย
“พี่หนึ่งกินข้าวรึยังครับ แล้วต้องไม่รีบกลับไปทำงานหรอ?”

“ครับ ว่าจะกลับนี่แหล่ะ พอดีพี่มาอัดรายการ แล้วก็เอากระเช้ามาให้เจมด้วย แต่ไม่ได้แวะไปให้ด้วยตัวเอง เดี๋ยวบ่ายสองประชุมน่ะ”

“อ่อ...งั้นรีบกลับไปหาอะไรกินแล้วค่อยทำงานต่อดีกว่าครับ”
“เจมขอตัวไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวไอ้แอมรอนานแล้วมันจะแช่งให้บ้านบึ้ม”

“ครับ”
“เอ้อเจม”

“ครับ?”

“แต่พี่ก็ไม่คิดว่าส่งกระเช้าไปรับขวัญหมามันผิดหรอกนะ อาจจะผิดที่ของในกระเช้าไม่เข้ากับหมาเท่านั้นเอง”

“หือ?...อ่อ ครับ เจมไปนะครับ” ผมโบกมือบ๊ายบายด้วย สาบานได้ว่าอายุ 25 ขวบ อารมณ์ผมดีขึ้นผิดตา ความอายที่โบกหน้าเมื่อกี้หายไปจนหมด ผมอารมณ์ถึงขั้นฉีกยิ้มให้ไอ้แอมที่ยืนปากคว่ำกอดอกกระดิกตีนรอผมหน้าเซเว่นได้เลย

“นานชิบหาย มึงกับเขาไปทำอะไรกันมา”

“ทำห่าอะไร? ถามควายๆนะมึง”

“ก็ถามควาย ก็ต้องถามอะไรควายๆ นี่แหล่ะ”
“แล้วไหนจะเรื่องที่ไปยืนจับไข่เขาหน้าลิฟต์อีก มึงนี่ก็กล้านะไอ้เจม”

“ไอ้เชี่ยแอม กูคว้าโทรศัพท์เขาเว้ย”

“อ่อ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดหรอ? กูดูจากตาคิดว่ามึงสปาร์คกันซะอีก”

“ป๊ากพ่อป๊ากแม่มึงสิ ไป กูจะแดกข้าวแล้ว หิวชิบหาย”

“ก็ปากมึงมั้ยกระเพาะมึงมั้ยล่ะ ไปสิควาย ยืนพะงาบเอาลมเข้าท้องแล้วอิ่มรึไง ห่า!”

“มึงนี่! ด่ากูจัง เกลียดไรกูนักหนา”

“ห่า ทำยังกะมึงสรรเสริญกูมาตลอด”

“ก็เหมือนกันล่ะว้า”

“อย่ามาเทียบรัศมีกู กูมันเซเลปที่มีแต่คนหมั่นไส้จนชินแล้ว มึงมันแค่หน้ากวนตีน”

“หืออออ เศษเล็บป่าวมึง เกิดเมื่อไหร่วะ เดี๋ยวซื้อกระจกให้ หรือใช้แอพในไอโฟนกูก่อนก็ได้ เอาป่ะ”

“สัสเจม ให้ไว กูมีงานต่อ”

มันมีงานต่อ แต่มันก็ยอมนั่งแกว่งปากหาตีนผมตลอดบ่าย ไอ้ต้อมรู้คงช็อคตายที่ผมกับไอ้แอมนั่งกินข้าวด้วยกันโดยที่ไม่มีใครบังคับ อย่าว่าแต่มันเลย ผมก็ช็อคตัวเองเหมือนกันแหล่ะ

“อ่ะ กูเลี้ยงชาเขียว”

“ของถูกๆ ทำเป็นหน้าใหญ่ กูจะแตกแมงดาว”

“เป็นแมงดาเลยต้องแดกแมงดาวหรอมึง โอ้ย! สัสแอม กูเจ็บ” มันตบหัวผมอ่ะ! เจ็บชิบหาย ไอ้เหี้ยนี่ตบไม่ยั้งแรงเลย

“ปากมึงนี่ไม่เหมาะกับหน้าจริงๆ”

“หน้าตากูดีก็ต้องปากดีสิจ๊ะอ๋อมแอ๋ม”

“จ้าแม่อัญ” มันเหยียดปากใส่แล้วก็สะบัดตูดเข้าไปสั่งกาแฟสตาร์บัค ห่า!!! เดือนนี้กูปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่ขอตังค์แม่นะหนูแอม!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 01-01-2013 16:26:16
สามทุ่มกว่าผมจึงปิดโน้ตบุ้ค พอเห็นเวลาก็เลยรีบโทรหาแม่เพื่อไม่ให้เป็นห่วง ปลายสายรับโทรศัพท์เสียงหวานตามสไตล์ พอได้ยินเสียงผมก็รายงานความเป็นไปของบ้าน

“กลับมั้ยหม่อมเจม” ราชนิกูลได้อีกผมเนี่ย ผมหัวเราะอารมณ์ดีแล้วถามกลับ

“ชายใหญ่ไม่กลับเลยเหงาหรอครับหม่อมแม่”

“อื้อ ชายใหญ่กลับดึกน่ะ แล้วชายเล็กตัวนี้ล่ะ จะนอนที่ไหน”

“คอนโดแล้วกันนะครับ เจมเพิ่งเสร็จงาน เหนื่อยมาก ขี้เกียจขับรถไกล” ผมตอแหลไปงั้นแหล่ะ ออฟฟิศผมอยู่เกือบอโศก คอนโดผมอยู่แถวพร้อมพงษ์เอง บ้านน่ะหรอ? ลงด่วนบางนาหายูเทิร์นเล้วเข้าซอยก็ถึงแล้ว ใกล้กันโคตรๆล่ะ

“แล้วเจมกินอะไรรึยัง? แถวคอนโดมีอะไรขายมั้ย”

“มีครับ” ผมบอกให้แม่สบายใจ แต่กว่าจะถึงคอนโด มันจะมีอะไรขายให้ผมหาซื้อกินอยู่รีเปล่านี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แม่ผมเงียบไปแป๊บนึงจนผมคิดว่าวางไปแล้ว จากนั้นก็บอกให้ผมตาโตเล่นๆ ว่า

“เจม เพื่อนมาหาน่ะลูก”

เพื่อน? ทำไมเพื่อนขยันคิดถึงกูจังวะ?
ผมเดินเกาพุงหยิบกระเป๋าตังค์ยัดใส่กระเป๋าแล้วออกจากออฟฟิศทันที ระหว่างทางก็ผงกหัวลาพี่ๆ ในกองที่ทำท่าว่าจะทำงานโต้รุ่ง
“เพื่อนไหนแม่ แม่ถามดีๆ เพื่อนเจมไม่ค่อยไปที่บ้านแม่ก็รู้นี่”

“ถามแล้ว หอบของมาซะมาก ต๊ายยยยยยยยยน่ารักมากเลยเจม”

“กลับมาบ้านแล้วกันนะลูก เพื่อนอุตส่าห์มาหา นี่มารับขวัญหลานๆ ด้วยนะ”

“หือ?” รับขวัญหลาน? ไอ้จิวมีลูกหรอวะ? เพราะผมน่ะไม่มีแน่ๆ

“หลานอะไรแม่”

“ก็ตัวหนึ่ง ตัวสอง แล้วก็ตัวเล็กไง”
“คฤณ มานั่งรอในบ้านรอเจมแล้วกันนะจ๊ะ”

คะ...คฤณ!!!
เมื่อกี้แม่ผมพูดชื้อนี้รึเปล่า? ผมยังไม่ทันจะถามอะไรให้มั่นใจแม่ก็วางไปแล้ว ครั้นจะโทรไปถามแม่ใหม่ก็คงไม่กระจ่าง ผมเลยทำเปรี้ยวโทรหาคนที่เพิ่งได้ยินแม่เรียกชื่อเมื่อกี้ สัญญาณดังแค่ตู้ดเดียวเจ้าของเบอร์ก็รับสาย

“ครับเจม”

“พี่หนึ่ง...อยู่ไหนครับ” ผมถามอย่างไร้มารยาทมาก เขาเป็นผู้บริหาร หารายได้ต่อปีได้มากกว่าผมร้อยเท่า  เขาเป็นพี่ผม 4 ปี เขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้สนิทกันแต่ผมถามอย่างได้ใจความว่า “อยู่ไหน” นี่ผมจิกเขามากไปรึเปล่า?

“อยู่บ้านเจมไง”
“มาหาหลานน่ะ”

ชิบหอกกกกกกกกกกกกก!!
อะไรเนี่ย? อะไร?? ทำไมนายคฤณมันถึงได้เป็นคนดีศรีสังคมแบบนี้วะ?
มาเยี่ยมหมาของคนที่เพิ่งรู้จักกัน และคุยกันครั้งสองครั้งเนี่ยนะ!

ผมรีบบึ่งรถกลับบ้าน พอถึงหน้ารั้วก็เห็นตูดรถเบนซ์สปอร์ตสีขาว ทะเบียนประมูลตามสูตรคนรวยเป๊ะจอดอยู่ข้างรั้ว พอบีบแตรสองทีตามที่ตกลงกับแม่ไว้ ประตูไฟฟ้าก็เปิดอ้าต้อนรับชายเล็กเข้าบ้านทันที

“แม่! พี่หนึ่งล่ะ?”

“หือ?” นายแม่หันมองผมงงๆ นี่ผมละเมอว่านายคฤณมาบ้านหรอ? ทำไมแม่ทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง

“คฤณล่ะครับแม่ เพื่อนผมอยู่ไหน”

“อ๋อ เสื้อผ้าเลอะหมดเพราะเล่นกับผู้พัน แม่ก็เลยให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อในห้องเจม”
“อ้าวเจม! เจม! เบาๆสิ บันไดหินอ่อนแต่มันก็สึกได้นะยะ!!”

ปึก! ผมเปิดประตูห้องตัวเองอย่างรีบร้อนแล้วก็ถลาล้มไปจิ้มหน้ากับพื้นไม้ปาเก้เงาวับเพราะผมเอาถุงเท้าขัดทุกคืนทุกวัน

ปลายเท้าที่ผมเกือบจูบมีเล็บสะอาดสีขาวอมชมพู ช่างแม่งเหอะ ขอมองหน้ามันก่อน
นายคฤณยืนยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มมาดึงตัวผมขึ้นยืน หมอนี่คงสูง 180 นิดๆ เพราะตาผมเท่ากับปากมันพอดี ผมก็เลยเห็นรอยยิ้มแบบใกล้ๆ

“ไง รีบหรอ?”

“ไม่รีบมั้ง” ผมว่าแดกแล้วแทรกตัวไปนั่งบนเตียงปริ่มๆ ว่าแต่ว่า นี่มันห้องผมนะ ทำไมรู้สึกเหมือนมารบกวนหมอนี่ยังไงไม่รู้
“แล้ว...พี่หนึ่งมาไง เจมหมายถึง มาทำไม”

“มาเยี่ยมหลาน”

“มันใช่เหตุผลปกติมั้ยครับ”
“พี่ไม่เคยเห็นหมาเด็กอ่อนกับหมาแม่ลูกอ่อนหรอ?” นี่ผมถามจริงๆ ไม่ได้กวนส้นตีนแต่อย่างใด นายคฤณยิ้มแล้วขำผมเบาๆ แล้วก็เดินเฉิดฉายออกจากห้องผมไป พร้อมกับเสียงเรียก “คุณแม่ครับ” เดี๋ยวนะ! มึงมาขโมยแม่กูหรอไอ้พี่หนึ่ง!

ผมเปลี่ยนเสื้อลวกๆ แล้ววิ่งตึงตังลงมาให้แม่แหวเล่น นายคฤณนั่งดูทีวีอยู่กับแม่ผมแล้วพูดคุยอย่างอารมณ์ดี ผมล่ะสงสัยว่ามันมาญาติดีอะไรกับผมนักหนา หรือมันมาจีบแม่วะ? เออใช่! กับพี่ปูเอง นายคฤณก็ชอบเข้าหาทำตัวสนิทสนม

ไม่ได้การ ผมไม่ยอมมีพ่อเลี้ยงที่อายุมากกว่าผมแค่ 4 ปีหรอก

“แม่..เจมหิว” ผมอ้อนครับ ฮิฮิ แม่ควรรู้ว่าลูกชายที่น่ารักที่สุดในโลกก็คือผม จะได้รักผมคนเดียวจนไม่แบ่งปันความรักให้ใครไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม

“ปากใครล่ะเจม” แม่รักผมจังเลยน้า ผมหน้าหุบแล้วเดินเข้าครัวไปด้อมๆ มองๆที่โต๊ะกินข้าวใหญ่ว่ามีกับข้าวอันใดส่องสุมกำลังไว้รอผมบ้าง...อื้อหือออ ขาหมู เสร็จกูล่ะ

“เจม เดี๋ยวแม่นอนแล้วนะ” กินข้าวยังไม่หมดหม้อดีแม่ก็ส่งเสียงบอก ผมแหง่ะดูนาฬิกาเรือนใหญ่ โอ้ สี่ทุ่มแล้ว
“เจมดูแลเพื่อนให้ดีล่ะ แล้วได้เอาเสื้อซักให้เพื่อนรึเปล่า ผู้พันมันกระโจนใส่ซะดินเปรอะทั้งเสื้อทั้งกางเกง”

อ้าว....ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าต้องซักแห้งเสื้อผ้าให้นายคฤณด้วย

“เปล่า ก็แม่ไม่ได้บอก”

“เรื่องเท่านี้ต้องให้บอกหรอเจม เพื่อนก็เพื่อนเรา”
“คฤณ ถ้าไงก็นอนบ้านก่อนนะ สะดวกรึเปล่า เดี๋ยวแม่ปั่นแห้งให้แล้วพรุ่งนี้ให้เจมรีด”

“เจมเกี่ยวอะไรอ่ะแม่”

“ก็เพื่อนเจมนี่นา รีบกินแล้วปิดบ้านช่องให้ดี แต่ไม่ต้องปิดรั้วนะ พี่จิวเขาไม่มีกุญแจรั้ว”

“ครับ ครับ” ผมรับคำแกนๆ แล้วคอตกตักข้าวกินต่อ แม่ผมขึ้นไปนอนแล้วตามที่บอก ในห้องรับแขก ที่หน้าทีวีมีมนุษย์หน้าตาหล่ออารมณ์ดีคนนึงนั่งไขว่ห้างดูข่าวช่องต่างประเทศ แหมโว้ย! ฮิโซ

ผมเดินเข้าห้องรับแขกและได้รับความสนใจจากอีกฝ่ายทันที นายคฤณมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ก่อนจะถาม
“ง่วงแล้วหรอ? ขอโทษนะ เดี๋ยวเสื้อแห้งพี่ก็กลับแล้ว”

“จะห้าทุ่มแล้ว กว่าเสื้อจะแห้งอีก ถ้าให้เจมรีดก็กลัวว่าเสื้อจะไหม้”
“พรุ่งนี้แม่บ้านมา พี่หนึ่งนอนค้างที่นี่ก่อนนะ”

“ไม่เป็นไร ใส่เสื้อเจมแล้วคัน”

“เหอะ!”

“ล้อเล่น งั้นก็..รบกวนหน่อยนะ” ผมยิ้มให้แล้วเดินมายืนดูทีวี แต่แป๊บเดียวก็หันหน้าหนีเพราะผมเบื่อเนื้อหามันเต็มกลืน เขียนบทความ สัมภาษณ์ ทำข่าว ผมก็จมหัวตัวเองอยู่กับเรื่องเศรษฐกิจ-การลงทุน นี่อยู่บ้านแท้ๆ ขอดูศึกโปเกม่อนก็ไม่ได้

“อื้อเจม”

“ครับ”

“หลานๆ ชื่ออะไรกันมั่งนะ แม่เจมบอกพี่แล้วแต่ได้ยินไม่ถนัดเลย” ผมคิดแป๊บเดียวก็ยิ้มกวนตีนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ นายคฤณเหล่มองผมแล้วเบนสายตาหนี รู้ตัวแล้วล่ะสิว่าพลาดท่ามากที่มาบ้านนี้

“มาๆ เดี๋ยวเจมแนะนำให้รู้จัก” ผมหาอะไรทำสนุกๆ ทันที พอเห็นอีกฝ่ายไม่ขยับตูดเสียทีผมก็รี่ไปดึงแขนนายคฤณให้ออกมาที่ข้างโรงจอดรถ


คุณหญิงไม่ค่อยนอนนิ่งแล้ว เรียกได้ว่านางอยู่ไฟ(ตากแดดเอา) จนมดลูกเข้าที่แล้วเลยวิ่งลั้ลลากับสามีตามเดิม ส่วนลูกให้คลำทางหานมกันเอง บางทีพวกมันก็ดูดตีนกันและกันดังด๊วบๆ

"นี่ตัวหนึ่ง หรือไอ้หนึ่ง ไอ้หมาหนึ่ง แล้วนี่ตัวสอง ไอ้อ้วนนั่นตัวเล็ก" ผมแนะนำแล้วแอบขำที่นายคฤณวางสีหน้าไม่ถูก เขาคงอับอายเนอะที่มีชื่อเหมือนหมาบ้านผม แต่คงไม่โกรธหรอก เพราะผมไม่เห็นเขาพูดว่าอะไร ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ นายคฤณทอดสายตามองหมาอย่างมีความสุข

พอนายคฤณย่อตัวลงมองเด็กน้อยใกล้ๆ ก็ยื่นมือไปใช้นิ้วลูบหัวพวกมันอย่างอ่อนโยน เขาหันมองผมแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

“น่ารักดีเนอะ พี่ซื้อเสื้อผ้า ขวดนม จุกนม ที่รองนอน แล้วก็คอกไม้มาให้ด้วย”

“เฮ้ยพี่! ซื้อมาทำไมเยอะแยะ บ้านเจมเลี้ยงกันตามมีตามเกิด”

“ก็ไม่มากนี่ มันก็ปัจจัยสี่” โอ้โห ใช้ศัพท์! ผมพยักหน้ารับรู้แล้วมองนายคฤณส่งยิ้มเอ็นดูลูกมาที่ตายังไม่เปิดดี เพลินดีเหมือนกันแฮะ หมอนี่ยิ้มแล้วดูอบอุ่นชะมัด มือก็ใหญ่ นิ้วเรียวยาว ขาวมากๆ ด้วย ขาวแบบดูผิวชุ่มชื้น ไม่เหมือนผมที่ขาวซีดเหมือนจิ้งจก (ไอ้ต้อมชอบด่าแบบนี้)

“พี่หนึ่ง เจมถามจริงๆ เถอะ”

“อะไรหรอ?”

“พี่ไม่คิดว่ามันไร้สาระเกินไปหรอ? เจมหมายถึง พี่ก็รู้จักเจมครั้งสองครั้งเอง แล้วนี่ก็แค่ หมาเจมคลอดลูกเองนะ จริงๆ ไม่ต้อง...หมายถึง”

“อืม ถ้าเจมคิดว่ามาก มันก็จะมาก แต่ก็ถ้าเจมคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา มันก็ธรรมดา”
“เจมคิดว่าไงล่ะ”

“เจมคิดว่ามันมากไป”

“แต่พี่คิดว่ามันธรรมดา เจมเป็นลูกน้องพี่ปู ซึ่งพี่ก็เคารพพี่ปู เจมเคยสัมภาษณ์พี่ เราเคยคุยกันแล้ว แวะมาหาลูกหมาที่บ้าน มันแปลกตรงไหน”
“ไอ้เรื่องค้างบ้านเจม มันสุดวิสัย”

“.......”

“หรือไม่จริง”

เออก็จริง ผมยักไหล่อย่างหมดข้อสงสัยและเฝ้ามองนายคฤณบรรจงอุ้มลูกหมามาประคองไว้ในฝ่ามือเดียวแล้วทั้งหอมทั้งเอาแก้มไปแนบ หมอนี่อ่อนโยนจังเลย

ผมให้เวลาพวกเห่อลูกหมาได้ปล้ำเด็กจนหนำใจแล้วก็เรียกอีกฝ่ายเข้าบ้าน เที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ผู้พันและคุณหญิงก็ยังคึกเล่นกับผมอยู่ แต่ผมไม่ไหวแล้ว ง่วงมากๆ

ผมล็อคบ้านตามที่แม่บอกแล้วโทรบอกจิวว่าล็อคบ้านแล้ว แจ็ตพ็อตแตกที่ไอ้จิวกลับบ้านไม่ได้ ผมเลยต้องออกไปล็อครั้วอีกรอบแล้วเขียนโน้ตแปะบอกแม่ไว้หน้าตู้เย็น

พอตามขึ้นมาบนห้อง นายคฤณก็อยู่ในคราบชุดนอนของผมเรียบร้อย ขาเต่อด้วยอ่ะ ต้องโทษใครวะเนี่ย ผมขำแล้วเกาหัวก่อนจะชี้ให้เขานอนที่เตียงไปก่อนเลย ส่วนผมก็เข้าไปอาบน้ำอุ่นให้ร่างกายผ่อนคลาย

ตีหนึ่งนิดๆ ผมก็ได้เอนตัวลงนอน นายคฤณที่นอนหลับตาไปแล้วตะแคงมามองผมแล้วยิ้ม พร้อมกับพูดคำที่ไม่มีใครพูดกับผมมานานแสนนาน

“ฝันดีนะเจม”

“ครับ พี่หนึ่ง”
ผมปรือตาบอกและปิดฉากอีกวันของโดยไม่คิดอะไร แม้ผ้าห่มมันจะหนักขึ้นกะทันหัน และเสือกหนักเฉพาะตรงหน้าอกและหน้าขาเท่านั้น

Cut


หุหุ ขอบคูณผู้อ่านทุกท่านค่ะ >,<  : 222222:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 01-01-2013 17:53:55
สนุกดีค่ะ +
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MEME_B ที่ 01-01-2013 18:13:06
หนึ่งไวมาก เนียนมาก ฮามาก และน่ารักมาก <3
ปุ๊บปั๊บไปโผล่ไปค้างบ้านเขาละ แล้วอะไรหนักไที่เจมว่า ใช่แขนขาพี่หนึ่งปะคะ 555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zodiacniing ที่ 01-01-2013 18:25:32
สนุกมากเลยย อ้ายย น่ารัก <3
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 01-01-2013 19:22:18
มันเกรียนเจอเกรียนปะวะ55555555555555 นี่คือสิ่งแรกที่คิดในใจ . . .
ชอบเวลาเจมทะเลาะกับแอม55555555555 ฮามากกกกกกกก
เห็นเจมทะเลาะกับแอมบ่อยๆก็กลัวจะมาได้กับแอมนะตอนแรก แต่พี่หนึ่งแลดูจะมากมายกว่าแอม ฮา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-01-2013 19:33:30
อื้อหืออออออ รุกเจมเร็วมากกกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 01-01-2013 20:10:16
พี่หนึ่งเรารุกเร็วมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

+1+เป็ดนะคะ   o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 2/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-01-2013 00:37:36
Hear, Me

=======
If I could, I would
======
 

ตอนที่ 3



ผมเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อยืดและแจ็กเก็ตตัวเก่ง แต่สายตากลับหยุดอยู่ที่เชิ้ตสีครีมและกางเกงสเลคเอว 30 ที่แขวนเข้าคู่กันอยู่แทรกกลางเสื้อผ้าของผม เจ้าของเสื้อ-กางเกงชุดนี้แม่งกวนส้นตีนหน้ายิ้ม นึกหน้าแล้วอยากเขย่งตบหัว แต่ติดว่าอายุมันมากกว่าผม 4 ปี และผมก็ยังเรียกมันว่าพี่ และมันก็หาเงินจากโลกนี้ได้มากกว่าผม โอเค ผมยอมก็ได้

เสื้อยืดขาวคอวี แจ็กเก็ตยีนส์สีเข้มหน่อย เข้าคู่กับกางเกงยีนส์อีกตามเคย แต่ไม่มีร่องขาดๆ ที่หน้าขา รองเท้าคอนเวิร์สเอาเขว้ แต่งตัวได้สถุนมากเมื่อเทียบกับประตูโรงแรมที่ผมต้องไปมีส่วนร่วมในวันนี้ เซนท์ รีจีสครับ เบาๆ ครับ เบาๆ

แต่งองค์เสร็จก็ออกจากห้องมาปะหน้าพ่อที่ยิ้มให้ผมอยู่ในกรอบรูป พ่อผมโคตรหล่อ ก็แหงล่ะ จะให้ผมหล่อเหมือนแม่ได้ไง อุ้ยบาปทับกะบาล!

ท่านเสียแล้วครับ จีบแม่ผมเสร็จก็ขอแต่งงาน ปั๊มลูกกันแบบโคตรกำไร เพราะพวกผมแบ่งนิวเคลียสแบ่งโครโมโซมกันได้ยุติธรรมสุดๆ ออกมาเป็นแฝดที่น่ารักน่าเอ็นดูชื่อว่าจิวกับเจม ชื่อดูรวยใช่มั้ย? แน่นอนครับ แม่ผมบูชาเงินตราเสมอ พอผมกับจิวเดินเข้ารั้วโรงเรียนกางเกงน้ำเงิน พ่อก็ตัดสินใจจากไปทันที ฮ่าๆ จริงๆแล้วพ่อป่วยครับ มะเร็ง

“เจมไปแล้วนะพ่อ วันนี้รู้สึกหล่อๆ ไงไม่รู้” เพ้อเจ้อแต่เช้าอย่างน่าไม่อายด้วยครับ เพราะผมออกจากบ้านคนสุดท้าย วันนี้แม่บ้านต้องเข้ามาทำความสะอาด ผมเลยขนเสื้อผ้าที่ต้องซักรีดมาใส่ตระกร้ารอป้าพิศไว้เลย แกเป็นดูแลแม่ผมตั้งแต่ที่เชียงใหม่แล้วครับ พอลงมาเปิดร้านที่กรุงเทพแกก็มาช่วยที่ร้านอยู่พักหนึ่ง พอพวกผมเกิดแกก็ช่วยเลี้ยง หลังๆ แกอยากตั้งตัวบ้างก็เลยขอดูแลแบบสี่วันต่อสัปดาห์ ส่วนอีก 3 วันแกบอกว่าขอไปขายเสต็ก

เดินลอยชายมาทักหมา 5 ตัวที่เดินกันยั๊วเยี้ยไม่กลัวล้อรถทับเสร็จแล้วก็เตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานเสียที

ปิ้นๆ เสียงแตร
อืม...ใครมาเปรี้ยวซ่าแถวนี้ หมากูสะดุ้งตกใจเห็นไหม?
ผมขมวดคิ้วแล้วเท้าเอวมอง จู่ๆ รั้วบ้านผมที่ปิดสนิทก็อ้าออก หัวมนุษย์คนหนึ่งโผล่สอดเข้ามา หน้าแม่งโคตรคุ้น ก็ไอ้เจ้าของเสื้อผ้าสไตล์ที่ผมไม่ใส่นั่นแหล่ะครับ

“ไงเจม” สนิทกันมา 10 ปีรึไง? ผมทำหน้ากวนตีนใส่เพราะผมยังไม่หายเคืองมนุษย์ตัวนี้ครับ คนอื่นอาจจะมองว่าไร้สาระ แต่ผมไม่ชิน และก็คงไม่มีทางชินได้ ตราบใดที่ผมกับมนุษย์ตัวนี้ ไม่ได้เป็นอะไรกัน


เรื่องที่ทำให้ผมโกรธก็คือ ต้องย้อนไปพุธที่แล้ว หรือเมื่อ 5 วันก่อน
ผมนอนของผมอยู่ดีๆ บนเตียงของผม หมอนของผม ผ้าห่มของผม แต่จู่ๆ ผมก็กลิ้งหลุนๆ ตกเตียงดังโครม
มันถีบผมตกเตียงอ่ะ! มันถีบผม ผมเป็นเจ้าของห้องนะ!
ผมคลำหัวตัวเองป้อยๆ แล้วโผล่งุดขึ้นมามองไอ้พี่หนึ่งที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

“เตียงเจมนะ ถีบกันได้ไงวะ” ผมงอแงไปตามประสาเพราะง่วงสุดๆ มันไม่ตอบอะไรเพราะหลับสนิท ผมเลยต้องตะกายขึ้นเตียงที่สูงระดับโรงแรมห้าดาว และทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนโอ่อ่าระดับโรงแรมหกดาว (ไอ้จิวหามาให้ครับ นอนสบายมาก) กำลังลูบแขนกล่อมตัวเองแล้วเล็มน้ำลายแจ๊บๆ มันก็ถีบผมอีกรอบ

“ไอ้พี่หนึ่ง ถีบกู!” ผมตื่นเต็มตาเลยทีนี้ ครั้งแรกที่โดนถีบยังอภัยได้เพราะแม่งถีบตอนไม่รู้ตัว แต่เมื่อกี้รู้ตัวดีเลยรู้ว่าแรงถีบมันอลังการมาก มึงฝันว่าเป็นเฉินหลงปราบผีอยู่รึไง ห่า!

มันก็ยังไม่ตื่นอยู่ดี ผมหมั่นไส้มัน หมั่นไส้มากเพราะมันถีบผม เกิดมาจากท้องแม่พร้อมไอ้จิวยังไม่เคยโดนใครถีบตกเตียงเลย (นอนคนเดียวตลอดนี่หว่า) แล้วไอ้เหี้ยนี่แม่งเป็นใคร คิดได้ดังนั้นผมก็ง้างขาแล้วถีบแม่งกลับโครมใหญ่

อึ่ก! แอ่ก!
ฮ่าๆ สะใจกู รวยกว่า เกิดก่อน หล่อกว่า เข้มกว่า สูงกว่า อะไรอะไรก็ดีกว่าผมแล้วไง ก็นี่เตียงผมอ่ะ!
ผมยืนตีหน้ามุ่ยกอดอกอยู่ฝั่งหนึ่งของเตียง เฝ้ารอแม่งงัดตัวเองขึ้นมาเผชิญหน้าแล้วขอโทษผม แต่รออยู่จนรู้สึกปวดฉี่ตะหงิดๆ แม่งก็ไม่โผล่หัวมาเสียที ผมเลยกระโดดขึ้นเตียงแล้วชะโงกหน้าไปดูอาการ

ไอ้พี่หนึ่งแม่งยังหลับต่อได้อีก อะไรของมันเนี่ยยยยยยย!!!

ผมหงุดหงิดที่ทะเลาะกับคนละเมอถีบผม แล้วมันก็ไม่เสือกตื่นมารับความผิดแล้วปรับความเข้าใจให้ตรงกัน แต่พอชัดเจนแล้วว่าฮึดฮัดไปก็ทำอะไรไม่ได้ ผมก็เลยไปฉี่แล้วกลับมานอนแผ่หลาบนเตียงคนเดียว

ตีสี่กว่าๆ ผมก็ถูกปลุกด้วยการเขย่าข้อเท้า ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมามองหน้ามันที่ยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมองผม แม่งขาวจนผมตาสว่างเลย

“อะไร?”

“พี่จะไปแล้ว เดี๋ยวกลับคอนโดไปเปลี่ยนเสื้อแล้วไประยอง ไปดูไซท์งานน่ะ”

“อ่าววว” ผมเสียงยานคางมากเพราะยังเบลอๆ อยู่ แต่ก็ลุกขึ้นนั่งโกยผ้าห่มมากอดไว้แล้วเอียงหน้าซบพลางมองคนที่ยืนเปิดตู้เสื้อผ้าผม

“ขอยืมเสื้อกับกางเกงยีนส์ตัวนึงนะ”

“เสื้อเจมมีแต่เสื้อยืด พี่หนึ่งใส่ทำงานได้หรอ? เดี๋ยวเจมรีดเสื้อพี่ให้ก่อนก็ได้”

“ไม่เป็นไร พี่กลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดทัน”
“เจมนอนต่อเถอะ”

แล้วปลุกกูเพื่อ?
กลับไปเปลี่ยนเสื้อที่คอนโดก่อนไปทำงานได้ แล้วนอนห้องกูเพื่อ นอนแล้วถีบกูด้วยอ่ะ ไอ้เชี้ยนี่กวนตีนผมอยู่ใช่ไหม?
ทีนี้ เข้าใจแล้วใช่ไหมว่าผมโกรธมันเรื่องอะไร ถ้ายัง ผมจะเล่าซ้ำใหม่ เรื่องของเรื่องคือต้องย้อนไปเมื่อพุธที่แล้ว หรือห้าวันก่อน

“คิดอะไรอยู่ หน้าเครียดเชียว” นายคฤณเดินเข้ามาถึงตัวผมพร้อมกับถึงแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังในมือ ผมมองถุงแล้วมองหน้ามัน แต่ก็ไม่ตอบ
ก็ผมโกรธนี่ มันถีบผมแต่ไม่เสือกตื่นมาขอโทษกันเลยสักคำ ผมเป็นลูกเสี้ยวมีพ่อมีแม่นะ!

“อืมม ขอโทษนะ แต่พี่ทำอะไรให้เจมไม่พอใจรึเปล่า”

“คุณคฤณมาทำอะไรครับ?” ผมถามเสียงปกติ แต่หน้ามันเสียไปนิดหน่อย คงเพราะสรรพนามที่ผมเลือกใช้มันห่างเหินมากสำหรับคนที่เคยมานอนห้องผม และเล่นกับหมาผม และเรียกแม่ผมว่าคุณแม่แล้ว

“อืม โอเค พี่คงทำอะไรให้เจมไม่พอใจสินะ”
“โทษนะ พี่คิดไม่ออกหรอก”

“ไม่ทำงานหรอครับ” ผมไล่ทางอ้อม หวังว่ามันจะเข้าใจ ซึ่งมันก็เข้าใจครับ

“ก็ไปเคลียร์ไซท์ที่ระยองมาเลยว่างขึ้นนิดนึง พี่ซื้อเสื้อกับกางเกงส์มาคืนน่ะ ไม่รู้เจมใส่ยี่ห้อนี่มั้ย แต่ก็เห็นในตู้มีแต่ยี่ห้อนี้ สีน่าจะผ่านนะ ลองดูก่อนก็ได้ ไม่ชอบเดี๋ยวพาไปเปลี่ยน” ครับมันเข้าใจคำถามผม แต่มันเข้าใจอารมณ์ผมผิดมากไปไกลถึงเวียดนามเหนือ

นอกจากจะไม่เข้าใจว่าผมไล่แล้ว มันยังยัดถุงเสื้อผ้ายี่ห้อโปรดใส่มือผมแล้วเดินไปเล่นกับหมา มันเห็นการทักทายหมาสำคัญกว่าการขอโทษที่ถีบผม นี่ผมต้องงัดเสื้อเปิดหลังให้มันดูมั้ยว่ามันถีบผมแรงแค่ไหน กูโกรธเว้ย!

แม่ง พี่กว่าก็พี่กว่าเถอะ ต้องเคลียร์!

“พี่หนึ่ง!” เสียงผมกรรโชกมากเลย นายคฤณคงเข้าใจแล้วว่าผมขุ่นมากๆ เลยยืนอุ้มไอ้ตัวหนึ่งขึ้นบังหน้าแล้วจับมันโบกขาหน้าทักทายผม

“อะไรคับ?” แม่งดัดเสียงเล็กเสียงน้อย เข้ากับอายุและความเป็นผู้บริหารมากนะครับคุณมึง

“เอาตัวหนึ่งลงแล้วพี่หนึ่งฟังเจมให้รู้เรื่อง เจมจะพูดครั้งเดียวนะครับ”

“หือ? จริงจังหรอ? โอเค น้องหนึ่งไปรอพี่หนึ่งตรงนั้นก่อนนะ เดี๋ยวไปเล่นด้วย” นายคฤณบอกตัวหนึ่งแล้ววางลงพร้อมกับตบตูดเล็กๆ สองปุ ก่อนจะยืนตัวตรงมองหน้าผม แล้วก็ยิ้มให้นุ่มๆ ...โอเค หมอนี่ยิ้มหล่อมาก แต่ผมไม่อยากชมมันในเวลานี้

“ว่าไงครับเจม” ยื่นหน้ามาก็ไม่ช่วย แม่งจะช่วยอย่างเดียวก็คือช่วยให้ผมชกมันแม่นขึ้นเท่านั้นแหล่ะ
“หือ?” แม่งดึงแก้มผมอ่ะ! ไอ้เชี้ยนี่!! นี่กูกับคุณมึงเป็นอะไรกันเนี่ย? ไอ้จิวยังไม่หยอกผมหน่อมแน้มแบบนี้เลย หรือมันตกเตียงคืนนั้นแล้วสมองกลับ นี่น่ะหรอนิสัยผู้บริหารบริษัทมีกำไรหลักพันล้าน กูไม่เชื่อออออ!! ที่สำคัญกว่านั้น มือแม่งเปรอะจู๋หมาอ่ะ! ไอ้พี่หนึ่ง!!!

ผมเบี่ยงหน้าหนีแล้วตีหน้ายุ่งกว่าเดิม แก้มผมมันป่องขึ้นอัตโนมัติ แม่บอกว่าเวลาผมโกรธแล้วน่าฟัดมากเพราะหน้าตาจะดูง๊องแง๊ง โดยเฉพาะตรงปากที่ยู่ขบกันจนเบี้ยว ผมไม่เคยเชื่อเลย แต่พอเห็นนายคฤณมองผมล้อๆ แล้วแอบยิ้ม ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าสายตาแม่แม่นจริง แม่ง กูไม่ทำหน้าโกรธก็ได้วะ!

“อะไรล่ะครับ เจมพูดสิ”
“หรืออยากเขียนแทน เดี๋ยวพี่หากระดาษกับปากกาให้นะ”

“พี่หนึ่ง!” สุดท้ายผมก็สุดทน ยอดชายนายชานนท์ออกอาการโกรธสุดๆ ด้วยการเอามือทาบหน้าหล่อๆ ระดับผู้บริหารและผลักแม่งเต็มแรง นายคฤณเซถอยหลังนิดหน่อยผมก็ถือโอกาสง้างขาถีบมันซ้ำจนล้มก้นจ้ำเบ้าเลยครับ

นายคฤณนั่งก้นแช่พื้นเท้าแขนเงยหน้ามองอึ้งๆ เขาไม่ว่าอะไรผม และไม่รีบลุกขึ้นมาต่อยผมคืน ตรงกันข้าม เขายิ้มบางๆ ให้ผมที่โกรธกว่าเดิมเสียอีก

“พี่หนึ่งแม่ง!”

“อะไรครับเจม พี่หนึ่งทำไมครับ”

“แม่งควาย!”

“ครับ อะไรอีก”

“แม่ง...แม่งถีบเจมตกเตียงอ่ะ!....”
“ไม่ขอโทษด้วย! เจมรีดเสื้อไว้ให้ พี่หนึ่งก็หายหัวไปเลย แม่ง! เชี้ย!”  ผมเบะแล้วอ่ะ เกิดมาไม่เคยโต้ตอบคนไม่ถูกทางแบบนี้เลย อะไรวะ? ผมไม่ใช่คนหน่อมแน้มมากมาย จริงๆ ออกจะเป็นคนตรงด้วยซ้ำ อย่างตอนไม่ชอบปากตกตามแรงโน้มถ่วงโลกของไอ้แอม ผมก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบปากมัน แล้วก็พาลไม่ชอบเข้าใกล้มันไปด้วย แต่กับไอ้คนนี้...แม่ง ผมทำตัวไม่ถูก

ผมโกรธมันที่ถีบผมตกเตียงแล้วไม่ขอโทษ เสื้อมันผมก็เป็นคนรีดให้แต่แม่งก็หายหัวไปห้าวัน เสื้อก็ไม่มาเอาคืน แต่ผมกลับโต้ตอบอะไรมันไม่ได้เลย นอกจากถีบมันทีนึงแล้วยืนเบะอยู่แบบนี้ แม่งเอ้ย!

“พี่หนึ่งแม่งควาย พี่หนึ่งแม่งเชี้ย อะไรอีกดี”
“หือ? เจมพูดสิ”

“ทำไมพี่หนึ่งแม่งกวนส้นตีนหน้าดิบแบบนี้อ่ะ แม่งเอ้ย!” ผมด่าไปอีกชุดแล้วเป่าลมพายุโกรธออกทางปากดังฟู่ นายคฤณหัวเราะหึหึแล้วก็ยันตัวเองลุกขึ้นมา เขาปัดฝุ่นตรงก้นและมือ เสร็จแล้วก็เอามือมันมาวางทาบที่แก้มผม

เฮ้ย! อย่ามาเล่นอะไรหน่อมแน้มนะ กูเตะนะขอเตือน!

ทาบเสร็จมันก็ดึงแก้มผมอีกรอบแล้วก็ยิ้มให้หล่อสุดยอด! แล้วก็เดินไปเล่นกับหมาตัวอื่น ปล่อยให้ผมยืนจับแก้มตัวเองที่เปรอะทั้งจู๋หมาและไรฝุ่นที่เคยติดก้นมัน เจริญชิบหายนายชานนท์



นายคฤณเล่นกับหมาอย่างทั่วถึงแล้วก็เดินเข้ามาหาผมในบ้าน เปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มเองด้วยเว้ยเฮ้ย! นี่มันมาบ้านนี้เป็นครั้งที่ 2 จริงป่าววะ?

“อื้อ เจมไม่ทำงานหรอวันนี้”

“วันนี้เจมไปงานแถลงข่าวตอนสิบครึ่ง”

“แล้วจะทันหรอ?”

“งานคงเริ่มจริงสิบเอ็ดกว่าน่ะครับ ตามสไตล์”  ผมตอบแล้วเอาซุบน่องไก่ออกจากไมโครเวฟแล้วกวักมือเรียกนายคฤณมากินข้าว อย่าถามว่าทำไมผมต้องหาข้าวให้คนระดับผู้บริหารกินนะครับ ก็มันขอ ผมก็เลยทำให้ เท่านั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรมาก

“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งให้ แล้วรอรับ นะ”

“ทำไมพี่หนึ่งต้องไปส่งแล้วต้องรอรับเจมล่ะครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจนิดๆ มันจะมาบริการอะไรผมนักหนา หรือว่าผมมีอะไรที่ดูง่อยแล้วไม่รู้ตัวหว่า? ก็ไม่มีนะ

“ก็พี่อยากขอโทษที่นอนดิ้นไปถีบเจมจนเจมตกเตียง แล้วก็ขอโทษที่ไม่รีบมาเอาเสื้อที่เจมรีดไว้ให้”
“เถอะนะครับ” ผมแพ้อีกแล้ว เฮ้อออออ ผมบุ้ยปากครุ่นคิดแล้วก็กระดกหัวรับข้อเสนอ นายคฤณเริ่มต้นกินข้าวแต่ชี้นิ้วจี้ไปยังถุงที่เขาเอามายัดมือผมที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็เดินไปโกยถุงนั้นแล้ววิ่งขึ้นห้อง นี่ผมกับนายคฤณคุยกันด้วยภาษากายรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?

พอถึงห้อง ความโลภก็ครอบงำนายชานนท์ทันที ผมเทเสื้อผ้าในถุงออกเกลื่อนเตียง แม่งเอ้ย! ยีนส์รุ่นนี้กำลังอยากได้อ่ะ แต่ยังไม่มีเวลาไปสอย และยังกลัวโดนไอ้จิวกร่นด่าเรื่องใช้เสื้อผ้าเกินเงินเดือนอันน้อยนิด เสื้อยืดก็ชอบ ลายนี้เล็งไว้ด้วย มีหมวกด้วยเอาเขว้! หึหึ รู้สึกดีว่ะ วันหลังตกเตียงสองทีดีไหม?

จากที่ยิ้มเพราะได้ของถูกใจ ผมก็เจื่อนลงเองโดยอัตโนมัติเมื่อนึกย้อนถึงตัวผม นายคฤณ และความสัมพันธ์ของพวกเราที่มันเดินหน้าเร็วเหลือเกิน

“อืม? คงเอ็นดูเหมือนน้องล่ะมั้ง แม่งดูจะชอบใจเวลาได้แกล้งกูนี่” ผมให้คำตอบกับตัวเองแล้วก็คว้าเสื้อเชิ้ตและกางเกงสแลคเอว 30 มาม้วนใส่ถุงยี่ห้อเดียวกับน้ำมันรถที่เพิ่งได้รับมา แล้วก็เดินออกมาป๊ะหน้าพ่อที่หล่อเหมือนผมอีกรอบของวัน



เซนท์ รีจิสนี่ที่จอดรถน่างงชิบหาย ดีแล้วที่ผมไม่ขับรถมาเอง ไม่งั้นคงได้เผ่นกลับออฟฟิศเพราะหงุดหงิดกับการไปที่ชั้นจอดรถ นายคฤณส่งผมที่ชั้น M1 เอาสะดวกผมเข้าว่าแล้วก็บอกไว้ว่า “พี่หาที่รอได้ เจมเสร็จแล้วโทรหาก็แล้วกัน” ผมก็เลยได้แต่เออออพยักหน้าที่รู้สึกชาเพราะตากแอร์ 23 องศามาตลอดทาง

“เฮ้ยเจม!” ไอ้แอมครับ เจอมันรอบที่เท่าไหร่ของเดือนนี้วะ? ผมพยักหน้าทักมันแกนๆ แล้วก็โดนมันลากแขนไปหน้าห้องน้ำชาย

“อะไรของมึงอ๋อมแอ๋ม”

“อย่าหาเรื่องกูอัญมณี” ผมเงียบกริ๊บเลย หน้าที่เบลออยู่งงกว่าเดิมเมื่อมันยื่นหน้ามามองผมใกล้ๆ

“อะไรของมึงอ๋อมแอ๋ม!” ครั้งนี้ไม่ได้กะกวนตีนนะ แต่ถามเพราะอยากรู้จริงๆ มันเอียงหน้าไปหามองผมอย่างจับผิด จากนั้นก็ผลักอกผมออกแล้วกอดอกถาม มันคงคิดว่ามันเป็นครูประถมอยู่ล่ะมั้ง

“มึงได้โบป่ะ” โบไร? โบว์ติดผมหรอ? กูจะอยากได้ทำเหี้ยไรผมกูใกล้สกินเฮดขนาดนี้ ไอ้เหี้ยนี่ถามควายๆ

“พูดเหี้ยไรให้เข้าใจหน่อย กูไม่ได้จบเอกภาษาสัตว์มานะควาย!”

“กูถามว่า มึงได้โบนัสรึเปล่า โบนัสพิเศษอ่ะ”

“กูจะไปรู้ได้ไง เงินเดือนยังไม่ออก คาร์บอนยังไม่มา” ผมตอบตรงๆ แต่ก็โดนมันมองตาขวางอีกอยู่ดี อะไรของแม่งวะ
“แล้วมึงถามทำไม แล้วมึงรู้ได้ไงว่าพีเอ็นแจกโบนัสพิเศษ มึงได้หรอ?”

“ได้เหี้ยไร กูแค่ได้ยินคนพูดกันทั่ว เรื่องมึงนั่นแหล่ะ”

“เรื่องกู?” เรื่องผมหรอ? ผมมีเรื่องที่ไม่รู้แต่คนอื่นรู้กันทั่วด้วยหรอวะ? แปลกๆ แฮะ
“กูทำไมวะแอม”

“เฮ้อ! มึงนี่มัน...เซื่องสุดๆ เลยว่ะ”

“อือๆ แล้ว กูโดนเมาท์ว่าไรวะ?”

“เมาท์ว่าพีเอ็นส่งมึงไปเซ่นแหล่งข่าว จนเล่มเราขายแอดได้หลายล้านจากรายนี้ พีเอ็นเลยจะเปมึงหนักๆ”

เซ่นแหล่งข่าว...ผมเนี่ยน่ะ ของเซ่นแหล่งข่าว
ตลกแฮะ แต่หน้าแรกที่วูบขึ้นมาบรรเจิดตรงหน้าก็คือหน้านายคฤณ
ไร้สาระว่ะ

ผมส่ายหน้าใส่ไอ้แอมที่ทำหน้าเป็นจริงเป็นจังแล้วก็ผลักหัวมันทิ้งไป จากนั้นก็หมุนตัวเพื่อไปยังห้องแถลงข่าว

“เดี๋ยวดิเจม”

“ไรอีกวะ? มึงอย่ากลัวว่ากูจะได้โบนัสพิเศษเหี้ยไรนั่นเลย กูไม่เคยไปเซ่นใคร ไม่ได้ทำความดีความชอบอะไรเกินหน้าใคร กูก็แค่ทำงานของกูเท่านั้น กูไม่ได้เงินเยอะไปกว่ามึงจนตั้งตัวหรอกสัส”

“ไอ้เหี้ย กูห่วงหรอก”

“ห่วงเหี้ยก็ไปบอกเหี้ยที่รังสิมึง” ผมแหย่มันเล่นแต่กลับเป็นฝ่ายหน้าเจื่อนไปเองเมื่อหันไปเจอสีหน้าจริงจังของมัน โอเค เมื่อมันเครียดมา ผมก็เครียดกลับ ซะเมื่อไหร่ แว่!! ผมแลบลิ้นและยิ้มให้มันส่งท้าย แต่ไอ้ควายนี่ก็บื้อยืนทำหน้าบึ้งอยู่ได้ ไม่ยุ่งกับแม่งแล้ว

“เดี๋ยวเจม!”

“อะไรอีก?”
“แหล่งข่าวที่เขาเมาท์กันว่าพีเอ็นให้มึงประกบ ก็คือคุณคฤณ”
“มึงรู้มั้ยว่าเซเลปในวงสังคมเขาพูดถึงไอ้นี่ว่าไง?”

“ไม่รู้หรอก กูไม่อ่านเรื่องเซเลป”

“ไอ้นี่มันจิ้งจอกการเงิน อะไรที่ใช้ประโยชน์ได้มันใช้หมด คนรวยทรามๆ มันก็แค่ฟาดหัวคนด้วยเงิน แต่ไอ้นี่เนี่ย มันฟาดหัวคนด้วยมือเปล่า ส่วนประโยชน์มันก็โกยเข้ากระเป๋าเต็มๆ”
“กูเตือนเพราะหวังดีหรอก”

“หรอ? แต่กูไม่มีโล่ให้มึงหรอกนะแอม” ผมบอกแล้วสะกดอาการอกพองเอาไว้แล้วเดินห่างมันออกมา ฝีเท้าผมไม่ค่อยมั่นคงนัก จับน้ำหนักขาได้เลยว่ามันกำลังสั่น สั่นมากๆ

และปัญหาก็คือผมไม่รู้ว่าผมตัวสั่นเพราะโกรธไอ้แอม หรือหวาดหวั่นไปกับคำเตือนของมันที่ผมไม่เคยรับรู้มาก่อนกันแน่


เที่ยงกว่างานแถลงข่าวก็เสร็จ ไอ้แอมกลับไปตั้งแต่ถ่ายรูปตอนเริ่มงานและถ่ายหน้าเจาะเสร็จแล้ว มันถามผมก่อนว่ากลับยังไง เอารถมารึเปล่า แต่ผมโกหกไปว่าเอารถมา จริงๆ ผมก็โกหกนิดเดียวนะ ผมเอารถมา แต่ไม่ใช่รถผมเท่านั้นเอง

ผมโทรหาใครบางคนตามที่รับปากไว้ แต่สัญญาณยังไม่ดังผมก็กดตัดสายเพราะเจอเป้าหมายซะก่อน ก็พ่อเล่นนั่งเด่นกลางล็อบบี้โรงแรมขนาดนั้น ไม่เห็นก็ตาบอดได้ลอตเตอรี่แล้ว พอเจอทาร์เก็ตผมก็เตรียมเดินไปสะกิด แต่ก็ต้องหักข้อมือตัวเองคืนสู่ถิ่นฐานเสียก่อนเพราะมีใครอีกคนเดินเข้ามาหานายคฤณก่อนผม

“คุณหนึ่ง”

“อ้าว! พี่ปู” ช่วยไม่ได้ที่ผมเลือกจะทำมารยาททรามแอบฟังบทสนทนาของคนอื่น ผมเดินไปแอบนั่งตรงโซฟาด้านหลังนายคฤณและพีเอ็น ระยะนี้ได้ยินเรื่องที่เขาพูดกันพอรู้เรื่อง ซ้ำพี่ปูยังช่วยผมด้วยการพูดด้วยเสียงออกรสชาติสุดแซ่บอีกต่างหาก

“ไงคะ เห็นเล่มที่เพิ่งออกรึยัง? บทสัมภาษณ์คุณหนึ่งที่น้องเจมเขียน”

“อ๋อ เห็นว่าออกแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านโดยละเอียดเลยครับ ผมเพิ่งกลับจากระยอง”

“โปรเจคใหม่หรอคะ?”

“ไม่ใหม่หรอกครับ ไปลดคอสนิดหน่อย โปรเจคพลังงานมันจุกจิกเรื่องค่าแรงก่อนติดตั้งระบบของสถานีย่อยน่ะครับ คราวที่แล้วหลวมไปเยอะ มาร์จิ้นก็หด พ่อผมเซ็งนิดหน่อย ผมเลยขอพ่อลงไปดู”

“ขยันจริงๆ ซีเอฟโอคนนี้”

“ก็งานผมนี่ครับ แล้วพี่ปูมาทำอะไรที่นี่ครับ? หรือว่ามางานเอ่อ...งานแถลงข่าว”

“แถลงข่าวอะไรคะ?”

“อ่อออ” นายคฤณลากเสียงยาว ดูเหมือนเขาจะไม่อยากให้ใครรู้ว่าว่าเขารู้เรื่องงานแถลงข่าวจากผม
“ก็ผมเป็นป้ายตรงล็อบบี้น่ะครับ เลยคิดว่าพี่ปูมาทำข่าวเอง”

“อ๋อ นึกออกแล้ว งานนี้ส่งเจมมาทำน่ะค่ะ อา...เดี๋ยวโทรหาดีกว่า จะได้พาไปหาอะไรอร่อยๆ กิน คุณหนึ่งไปด้วยกันนะคะ พี่เลี้ยงเอง”

“ไม่เป็นไรครับ” นายคฤณรีบปฏิเสธ ส่วนผมก็รีบควักโทรศัพท์มาปิดเสียงแล้วเตรียมแคนเซิลสายเรียกเข้าทันที

“เถอะค่า นะคะ เดี๋ยวโทรตามน้องแป๊บนึง รายนี้ชอบของกิน หลอกว่าอร่อยก็ไม่ปฏิเสธหรอก คุณหนึ่งจะได้เจอเจมอีกไง ถูกใจไม่ใช่หรอ”

หือ?

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับพี่ปู เวลางานเจมเขา ผมไม่อยากกวนเวลางานใครน่ะครับ”
“อีกอย่าง ผมมีนัดแล้วด้วย”

“เสียดายเลย งั้นคราวหน้าต้องให้พี่เลี้ยงข้าวนะครับ”

“ครับ” นายคฤณตอบรับแล้วก็ล่ำลาพีเอ็นของผมอย่างสุภาพเหมือนเดิม ผมเป่าปากโล่งใจแล้วก็ไหลตัวลงตามความนุ่มของโซฟา หัวผมตอนนี้ยังสูงไม่พ้นขอบโซฟาที่หันหลังชนกับโซฟาที่นายคฤณอาศัยนั่งจิบกาแฟเลย

เขาบอกว่าเขามีนัด กับผมรึเปล่านะ? หรือว่ามีนัดอื่นอีก ก็เขาเป็นผู้บริหารนี่ เป็นนักธุรกิจที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง จะมีนัดกับผมคนเดียวได้ไง อีกอย่าง นัดของเราก็ต๊องๆ ด้วย

ผมบ้าบอพอที่จะนั่งเงียบๆ ต่ออีก 1 ชั่วโมงตรงนั้น นายคฤณเองก็ไม่ได้ขยับไปไหน เขานั่งรอใครคนหนึ่งที่เขากำลังรออยู่เงียบๆ มีการสั่งเอสเพรสโซ่มาดื่ม 2 แก้ว ส่วนผมสั่งม้อคค่ามาดื่มด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนพนักงานโรงแรมแทบก้มมางับซอกคอ

ทำไมถึงไม่รีบล่ะ
ทำไมเขาถึงได้เสียเวลาเปล่ารอผมอยู่แบบนี้
นี่น่ะหรอคนที่ฟาดหัวคนจนด้วยมือเปล่า แล้วแหกกระเป๋ากอบโกยประโยชน์เหมือนที่ไอ้แอมบอก เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?

ผมมองนาฬิกาข้อมือยี่ห้อเดียวกับกางเกงยีนส์ที่ผมบ้าคลั่ง ใกล้บ่ายสองโมงแล้ว ผมหิวแล้ว นายคฤณเองก็คงหิวเหมือนกัน ผมถอนหายใจไล่เรื่องยุ่งๆ ออกจากหัวแล้วค่อยๆ เดินห่างจากเขาไปทางด้านหลัง เมื่อได้ระยะแล้วก็โทรหาตามที่รับปากไว้

“ครับเจม งานยืดเยื้อหรอ? แล้วนี่หิวรึเปล่า?” ถามผมอย่างห่วงใย แล้วตัวเขาล่ะ ไม่หิวหรอ?

“โคตรหิวเลยครับพี่พนึ่ง” เสียงผมแห้งชิบหายเลย หรือมอคค่ามันดูดน้ำลายได้วะ

“โคตรหิวก็มาที่ล้อบบี้นะ พี่รออยู่ หรือจะไปที่รถเลย งั้นรอตรงประตูชั้นเอ็มที่พี่ปล่อยเจมลงดีกว่า จำได้รึเปล่าว่าตรงไหน”

“จำได้ครับ เจมรอตรงนั้นก็แล้วกัน”

“ครับ เดี๋ยวพี่วนรถไปรับแล้วเราไปกินข้าวกัน”
“นะครับ”

นะครับนี่แม่งเป็นคาถามหาระทวยรึเปล่า ผมมืออ่อนปวกเปียกไปหมด
พอวางสาย ผมก็เดินดุ่มๆ ไปจ่ายค่าม้อคค่าที่สั่งกิน แน่นอนว่าต้องรอให้นายคฤณจ่ายค่ากาแฟเขาเสียก่อน
บันไดวนเล็กๆ สู่ชั้น M1 ช่างเงียบสงบจนเสียงคนสนทนาที่ผมได้ยินเมื่อชั่วโมงที่แล้วชูขึ้นมาเล่นซ้ำ

คุณหนึ่งจะได้เจอเจมอีกไง ถูกใจไม่ใช่หรอ
พีเอ็นส่งมึงไปเซ่นแหล่งข่าว


เฮ้อ นี่มันเรื่องอะไรกันวะ?
ผมอยากเจอไอ้ต้อมจังเลย แต่มันไปงานต่างจังหวัดเสียได้ แล้วใครจะเป็นกระโถนให้ผมสำรอกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจล่ะ

ปิ๊นๆ
ผมสะดุ้งเพราะเสียงแตรนุ่มหู เบนซ์สปอร์ตสีขาวจอดนิ่มๆ ตรงหน้าผมพอดี แถมประตูยังถูกเปิดจากด้านในแล้วผลักออกมาเบาๆ อีกต่างหาก

“เป็นอะไรเจม หิวจนหน้ามืดรึเปล่าเนี่ย”

“เปล่าครับ สับสนประเด็นข่าวนิดหน่อย”

“อ้าวหรอ? สับสนเรื่องไหน พี่ช่วยได้มั้ย?”

“ไม่ได้หรอกครับ มันเรื่อง...ไกลตัวพี่หนึ่ง” ผมโกหกอีกแล้ว ไม่ดีเลย บาปแน่เลย นี่มันใช่เรื่องที่ผมต้องรับกรรมไหมเนี่ย?

“อืม งั้นก็ ไปหาอะไรกินอร่อยๆ สมองจะได้แล่น แล้วจะเข้าออฟฟิศหรือกลับบ้าน”

“กลับบ้านครับ ผมส่งงานจากที่บ้านได้อยู่แล้ว ช่วงนี้ไม่ยุ่งเรื่องปิดหน้า มีเวลาครับ”

“แล้วเจมอยากกินอะไร?” เขายังถามผมอย่างใจดี

“เจมอยากกินข้าวแกงข้างทาง จานละ 20 บาท คลุกฝุ่น ตากแดด แม่ค้าปากจัดเหมือนผัวทิ้งไปสิบปี เพื่อนร่วมร้านคือคนงานไซท์ก่อสร้าง พี่หนึ่งกินด้วยกันกับเจมได้รึเปล่าครับ?”

“...........”

“กินไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ แต่เจมไม่เปลี่ยน”

“เจม...เป็นอะไรรึเปล่า?”

“เปล่าครับ เจมคงหิวจนหน้ามืด”

ผมเป็นอะไรไปนะ ผมฉุนเฉียวเรื่องอะไรกันแน่
ผมพาลใส่ผู้ชายคนนี้ทำไม นายคฤณทำอะไรผิดหรอ?
สิ่งเดียวที่ผมพอจะหาคำตอบได้ว่าเขาทำสิ่งที่ทำให้ผมสมองวุ่นวายก็คือ เขาทำอะไรไม่กระจ่างซักอย่างในสายตาผม
และผมไม่ชอบอยู่กับคนที่ทำให้สมองผมไร้ทางออก
จู่ๆ การอยู่ใกล้กับนายคฤณ ก็เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกอยากระแวงระวังขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 02-01-2013 00:41:51
ผมอยากกินอะไร เขาก็พาผมมากินตามนั้น สถานที่ไม่ไกลเลยครับ ร้านข้าวแกงท้ายรถหน้าไซท์ก่อสร้างตรงถนนเส้นราชดำรินั่นแหล่ะ นายคฤณจอดรถแล้วเดินนำผมลงไป เขาล้วงกระเป๋าไปชะโงกดูกับข้าวแล้วก็เดินมารายงานผมที่นั่งจับจองที่ไว้ให้

“น่ากินสุดก็ไข่เจียวทรงเครื่อง นอกนั้นแกงกะทิ แต่อากาศร้อนแบบนี้เสี่ยงท้องเสีย เจมกินอย่างอื่นดีกว่า”

“เอาแกงกะทิที่พี่หนึ่งบอกกับไข่เจียวทรงเครื่องครับ” ผมตัดสินใจเด็ดขาดแล้วทำหน้าที่ลุกไปตักน้ำเปล่าในกระติกที่มีฝุ่นนอนเป็นตะกอนแปรอักษรเป็นหวยงวดต่อไป ผมเห็นเขาถอนหายใจแล้วส่ายหัวนิดๆ คงเซ็งผมล่ะมั้ง ดีแล้ว เซ็งๆ ผมไปเถอะ แล้วอย่ามาใจดีกับผมอีกนะ อย่ามาเล่นกับหมาผมด้วย เพราะผมไม่รู้ว่าควรตอบรับความใจดีนั่นด้วยความรู้สึกแบบไหน

“อ่ะ ข้าวไข่เจียวทรงเครื่องคนละจาน แกงแชร์กัน ท้องเสียจะได้เป็นพร้อมกัน ดีเลย พี่กำลังอยากอู้งาน”

“..........” ผมไม่พูดอะไร เพียงแค่เงยหน้ามองรอยยิ้มหล่อเย็นอย่างไม่เข้าใจเขานัก เขาตักเนื้อไก่ในแกงไก่หน่อไม้ให้ผมตั้งหลายชิ้น ส่วนตัวเองกินข้าวไข่เจียวทรงเครื่องแห้งๆ จนข้าวแทบเกลี้ยงจาน เขาไม่ชอบแกงกะทิหรอ? แล้วทำไมไม่เลือกกินที่ตัวเองชอบกันเล่า

“เอาอะไรอีกมั้ย? ไม่มีขนมหวานซะด้วยสิ ไม่งั้นก็ครบเซตเลย”

“ไอติมอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวเจมไปซื้อให้ก็ได้” ผมบอกเมื่อตาไวเห็นไอติมกะทิตักเข็นข้างอยู่ข้างทางไม่ห่างนัก

“อยากกินหรอ? เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ เจมกินข้าวไปเถอะ พี่อิ่มแล้ว” บอกจบก็วิ่งปรู๊ดไปหารถไอติมเข็น เขาชะโงกหัวลงถังไอติมด้วยอ่ะ ตลกดี มันจะก้มไปส่องเลขหรอ?

ครู่เดียวก็วิ่งทะเล่อทะล่ากลับมาแล้วแวะจ่ายเงินที่ร้านข้าวแกง แล้วก็วิ่งกลับไปจ่ายเงินค่าไอติมอีกรอบ หอบแดกมั้ยล่ะนั่น

“มาแล้ว กินเลย ไอติมกะทิ หอมนะ” ดมให้ผมดูก่อนด้วย ทำไมเขาใจดีกับผมแบบนี้นะ หรือว่าเขาก็ใจดีกับทุกคน คิดเยอะแล้วปวดหัวแฮะ

“พี่หนึ่งกินสิ วิ่งซะเหนื่อย ของหวานช่วยได้นะ”

“กินกิน” พูดตามผมเป็นเด็กแล้วก็งับไอติมที่ตักขึ้นมาเต็มช้อน ตาแบ๊วๆ พองขึ้นแล้วก็หรี่ลงเพราะยิ้มให้ผมเพื่อการันตีนว่าไอติมถูกๆ นี่มันอร่อยจริงๆ ผมหัวเราะออกจนได้ ก้อนที่เคยจุกอยู่เหนือกระเดือกปลิวออกมาด้วยแล้ว

ดับอารมณ์มึนๆ งงๆ ด้วยไอติมด้วยละ 7 บาทไป 2 ถ้วย ผมก็มานั่งเป็นหุ่นยนต์หน้ารถ ไม่อยากบอกว่าตัวเองเป็นตุ๊กตาครับเพราะกูไม่ใช่ผู้หญิงไง หุ่นยนต์ที่แหล่ะ บรรยายสภาพผมได้ดีที่สุด

แอร์ 23 องศาตีหน้าผมอีกครั้ง แล้วท้องก็อิ่มมาก เพลงในรถแม่งก็โคตรอีซี่ลิสซึ่นนิ่ง แอนด์ลีดมีทูบีสลิปปิ้งดิวตี้มาก เจออัดบรรยากาศเข้าไปแบบนี้ ผมก็หลับโดยที่หน้ารถยังไม่เลี้ยวเข้าถนนพระราม 4 เพื่อตัดขึ้นทางด่วนเลย เร็วใช่มั้ยล่ะ? แต่ผมได้ครับ ผมแน่มาก

มารู้ตัวว่าใกล้ถึงบ้านแล้วก็ตอนที่ใกล้ออกทางด่วนแล้วสะพานมันโค้งแล้ววูบต่ำทันที ใจผมก็เลยวืดแล้วสะดุ้งตื่น พี่หนึ่งหันมองผมงงๆ แล้วกระตุกหัวเราะ

“ตื่นแล้วหรอ”
“สบายมั้ย?” ถามแดกกูใช่มั้ยเนี่ย ผมลูบหน้าแก้ง่วงและหาวปิดท้าย เขายูเทิร์นอย่างสวยงามแล้วเลี้ยวเข้าซอยบ้านผมที่ค่อนข้างคดเคี้ยว พอเห็นรั้วบ้านผมอยู่ลิบๆ นั่นแหล่ะ ผมจึงตัดสินใจถามเรื่องที่ผมคาใจ

บอกแล้วว่าผมเป็นคนตรงๆ และไม่ชอบอยู่ใกล้คนที่ทำให้ผมไร้ทางออก
ถ้าเขาจะอยู่ใกล้ตัวผม เขาก็ต้องทำให้ผมกระจ่างได้ทุกเรื่อง

“พี่หนึ่ง จอดข้างทางแป๊บนึง เจมจะอ้วก”

“หือ?” เบรกหัวทิ่มเลยครับ กลัวผมอ้วกรดรถล่ะมั้ง เมื่ออุบายได้ผล ผมก็โงหัวที่ทิ่มลงไปแล้วมามองเขา

“อะไร? เป็นอะไรรึเปล่า? พี่ว่าเจมป่วยๆนะ ดูสติไม่อยู่กับตัวเท่าไหร่ด้วย”

“อืม เจม...ป่วยนิดหน่อย”
“สติไม่เต็มน่ะพี่”

“เป็นอะไรล่ะ? พี่ช่วยได้มั้ย?”

“ได้ครับ” รอบนี้ผมตอบเต็มปากเต็มคำมาก เมื่อตอนก่อนกินข้าวอารมณ์ผมหนืดกว่านี้ แต่ตอนนี้เลือดเดินคล่องขึ้น คงเพราะตัดอาการหงุดหงิดเพราะท้องหิวไปแล้วแน่ๆ แหม กูนี่ก็เรื่องกินมาที่หนึ่งจริงๆ

“อะไรล่ะ? วันนี้พี่จะได้เจออภินิหาอะไรของเจมอีก จะด่าพี่เสียงแหบเสียงแห้งเหมือนเมื่อเช้ารึเปล่า หืม?” น้ำเสียงท้ายประโยคนี่โคตรหยอดเลยครับ นี่อยากโดนผมด่าอีกงั้นหรอ?

“ไม่ด่าอะไรหรอกครับ พี่ไม่ได้ทำอะไรให้เจมโกรธนี่”
“แต่เจมก็อยากให้พี่ช่วย”
“แค่ตอบตรงๆ ก็ยังดี”

“ครับ อะไรล่ะ?” เขายิ้มให้โดยไร้อาการกลัว ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายปอดแหกขึ้นมาดื้อๆ แต่ผมไม่ย่อท้อหรอก เมื่ออยากรู้ก็ต้องได้รู้ ถึงจะกลัว ผมก็จะถาม

“พี่หนึ่ง...คิดยังไงกับเจม”

“หือ?”

“เจมหมายถึง...เจมได้ยินมา ช่างหัวมันเถอะว่าได้ยินมาจากใคร แต่เจมได้ยินมาว่าพี่ปูใช้เจมเซ่นพี่หนึ่ง เพื่อให้พี่หนึ่งซื้อแอดเล่มเจม แล้วพี่หนึ่งก็ซื้อแล้ว”

“..............”

“แล้วเจมก็ได้ยินมาอีกว่า....” รอบนี้ข่าวมาจากบทสนทนาของเขาและพีเอ็นที่ผมได้ยินเองกับหูครับ ต้องถามมากๆ เลยครับประเด็นนี้
“ว่าพี่หนึ่งถูกใจเจม”

“คำถามเจมคือ?”

“ที่ได้ยินมา จริงรึเปล่าครับ?”

“จริง” ไอ้เหี้ย! ผมวูบไปทั้งตัวเลย รู้สึกขนอ่อนลุกและเปลือกตายวบๆ นิ่มๆ นี่กูเป็นของเซ่นหรอเนี่ย ห่าอะไรวะ! ถามกูสักคำมั้ย?
“จริงตรงที่....” นายคฤณพูดต่อระหว่างจ้องหน้าผมจริงจัง ตาที่เคยมองว่าแบ๊วๆ  น่ารักๆ คมกริบจนผมไม่กล้าหลบตาไปไหน
“พี่ซื้อแอดเล่มเจม เท่านั้นแหล่ะที่จริง”

“นอกนั้นล่ะครับ? ก็คนเขาพูดกัน”

“พี่ไม่รู้นะว่าเจมฟังมาจากไหน ไม่อยากคิดสืบด้วย คนมีปากก็พูดไป ตราบใดที่ขยับตูดพูดไม่ได้ก็ต้องใช้ปาก”
“แต่พี่เป็นไงพี่รู้ดี แล้วพี่ก็บอกตรงๆ”
“ไอ้เรื่องซื้อแอด มันก็ธรรมดาของธุรกิจ พี่ปูทำธุรกิจไม่ใช่ทำการกุศล พี่ปูต้องมีเงินเดือนจ่ายพนักงานอย่างเจม อย่างคุณอรินทร์” เอ่ยชื่อไอ้แอมด้วย คงเป็น 2 คนเล่มที่เขาจำชื่อได้
“พี่ซื้อแอดก็เพื่อโปรโมทตัวเอง สร้างภาพลักษณ์ให้บริษัท สร้างคอนเน็คชั่น เล่มเจมเขียนดีพี่ก็ได้หน้า พี่ก็ซื้อแอด มันเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย”

“แล้วเรื่องที่พี่ปูใช้เจมเซ่นพี่หนึ่งล่ะ?”

“แล้วเจมได้เซ่นอะไรพี่รึเปล่าล่ะ? พี่ได้กินของเซ่นรึเปล่าล่ะ?”

“แล้วเรื่องที่เขาพูดว่า..พี่หนึ่งถูกใจเจมล่ะ จริงรึเปล่า”

“ก็เจมน่ารักดี เหมือนลูกหมา เหมือนตัวหนึ่ง ตัวสอง ตัวเล็ก” อ่อ มองกูเหมือนเอ็นดูลูกหมานี่เอง
“คุณชานนท์...” จะเริ่มสั่งสอนกูแล้วใช่มั้ยถึงได้เริ่มต้นด้วยคำสุภาพ ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจด้วย
“ถ้าไม่ถูกใจ ไม่ถูกชะตา ก็คงไม่คุย ไม่คบค้า ไม่ไปมาหาสู่กันหรอก จริงมั้ย?”
“เจมมีน้ำใจกับพี่ แม่เจมก็ดีกับพี่ หมาเจมก็เล่นกับพี่จนพี่เอ็นดูมันถึงขั้นอยากขอไปเลี้ยง แต่พี่อยู่คอนโด เลี้ยงไม่ได้และก็เป็นภูมิแพ้ด้วย มีเหตุผลอะไรที่พี่จะไม่ถูกใจเจมล่ะ? หรือเจมทำอะไรไม่ดีลับหลังพี่รึเปล่า” ผมส่ายหน้าดิก เขาจึงยักไหล่อย่างเป็นต่อแล้วก็สวดสั่งสอนผมต่อ
“แล้วการที่พี่ดีกับเจม คบค้ากับเจม และคนอื่นเขาเข้าใจว่าพี่ถูกใจเจม ซึ่งเขาก็เข้าใจถูกแล้ว และเอาไปพูดต่อๆ กันจนมันเข้าหูเจม มันไม่ดีตรงไหน?”
“แล้วกังวลเรื่องอะไร?”

“ก็...ก็เจมคิดว่า พี่มีเป้าหมาย อะไร บางอย่าง ถึงได้มา คบกับเด็กอย่างเจม”

“หึ!”

“ก็พี่หนึ่งเป็นผู้บริหาร เจมมันนักเขียนนักข่าวกิ๊กก๊อก เกิดพี่หลอกอะไรเจม เจมตามไม่ทันหรอก”

“เจมครับ”

“ครับ” ผมขานรับอย่างว่าง่าย มือนายคฤณยื่นมาบิดแก้มผมอีกแล้ว

“พี่ไม่คิดว่าเราต่างกันหรอก ไม่ใช่แค่กับเจม กับคนอื่นพี่ก็ไม่คิดว่าพี่ต่าง รวยแค่ไหนพี่ก็ไม่ใช่เงินเช็ดตูด โอเค? แล้วพี่ก็ยังกินข้าวทางปาก หรือเจมเห็นพี่หยอดข้าวเข้าหูเข้าจมูกตัวเอง หือ?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะออกจนได้ เพราะไอ้แอมนั่นแหล่ะที่ทำให้ผมหวาดวิตกถึงขั้นวิกลจริตแบบนี้ ดีแล้วที่ผมถามเขาตรงๆ เพราะอย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่านายคฤณกล้าพูดตรงๆ กับผมเหมือนกัน เขาขับรถมาถึงหน้าบ้านผมและไล่ผมไปเปิดประตูรั้ว พอรั้วอ้าออกก็ขับฉิวเข้ามาจอดเอียงๆ แล้วตรงดิ่งไปทักทายตัวหนึ่งซึ่งเป็นหมาตัวโปรดของเขาทันที

ผมยืนมองนายคฤณเล่นกับหมาราวกับเขาไม่ใช่ผู้ชายอายุ 29 ปี ไม่ใช่ผู้บริหารบริษัทที่มีกำไรหลักพันล้าน ไม่ใช่ซีเอฟโอจิ้งจอกการเงินที่น่าเกรงขามในเล่ห์แพรวพราว

ตอนนี้ ผมมองเขาเล่นกับหมาราวกับกำลังมองใครซักคนที่เติมให้หัวใจนายชานนท์คนตรงๆ คนนี้เต็มอิ่มด้วยความรู้สึกดีที่ผมยังไม่รู้จะนิยามมันว่าอะไร


Cut


แลขยันมาก สปีดลงใหญ่เลย ฮ่าๆ
กำลังมีเวลาก็เขียนกันไปค่ะ ตอนที่ 4 คงไม่เร็วแบบนี้อีกแล้ว

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 2 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 02-01-2013 01:12:26
เอ๊า ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่เลยเจม อย่าไปฟังคนอื่นมากสิ แง้งง สงสารพี่หนึ่ง

ปล.ชอบลูกหมาตัวที่หนึ่ง 5555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 02-01-2013 01:20:45
ถามตรง ๆ ในสิ่งที่อยากรู้ดีนะเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 02-01-2013 04:09:39
เอ๊ะ ยังไง หรือว่า อ๋อมแอ๋มแอบชอบเจมหรอ เลยไม่อยากให้ยุ่งกับพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 02-01-2013 06:01:37
สนุกครับ
ยังไม่ค่อยเคลียร์พี่หนึ่งอยู่ดี
อยากเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง หรือเป็นอย่างอื่น
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MEME_B ที่ 02-01-2013 10:29:35
อ๋อมแอ๋มมาที เล่นเอาเจม(และคนอ่าน)เป๋เลยนะ
ดีแล้วล่ะ ถามกันตรงๆ
แต่อ่านไปอ่านมา คุณพี่หนึ่งชักดูคลุมเครือ เหมือนจะชอบเจม แต่ก็เหมือนจะแค่เอ็นดู  (แต่เราคิดว่าพี่หนึ่งรุกเจมอยู่ ฮาา)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 02-01-2013 12:54:07
สนุกจัง ชอบน้องเจมตรงที่เป็นคนตรงได้อีกถูกใจเจ้เหลือเกิน
มาลงอีกนะคะ สนุกมาก พี่หนึ่งน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 02-01-2013 16:39:07
สนุกๆ รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-01-2013 17:45:45
ฮัดเช้ย! ตัดได้หัวใจจะวายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 4 - 3/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-01-2013 01:24:54
Hear, Me

=======
If I could, I would
======



ตอนที่ 4



แต่เราก็หากัน..จนเจอ
มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย....

ผมฟังไอ้จิวเกลากีตาร์สลับกับตุ่มยุงกัดบนหลังมือตัวเองมาหลายรอบครับ เพลงเมื่อกี้มันก็เป็นคนร้อง เลือกเพลงร้องเองด้วย แต่เหตุผลที่ผมต้องนั่งเมื่อยหูฟังมันก็เพราะว่าผมมาขอให้มันสอนเล่นกีตาร์

ฮ่าๆ ไม่ได้ติสแตกอยากเป็นศิลปินหรอกครับ ผมมีเป้าหมายอย่างอื่นต่างหาก ผมจะล่ารางวัล! ฮ่าๆๆๆ เจ๋งโคตรๆ ถ้าผมเล่นได้แบบดูดีเหมือนไอ้จิว ผมต้องได้เงินรางวัลจากงานครบรอบ 25 ปีของนิตยสารผมแน่ๆ กร๊ากกกกก!! พอได้เงินผมก็จะไปถอยยีนส์! แล้วก็เอามินิไปแต่งไฟ อ่ะจ๊า!!!

“เป็นเหี้ยไรเจม ทำหน้าเหมือนฝันเปียกตอนกลางวัน”

“อ่อ งั้นก็กูปกตินะ เพราะเมื่อกี้ก็ทำหน้าเหมือนที่มึงทำแหล่ะจิว”

“กวนตีนนะ ไม่สอนแม่ง”

“โหย พี่จิวครับ สอนเจมหน่อย” อ้อนครับอ้อน แม้จะเป็นแฝด แต่สถานะเราชัดเจนมากกว่าจิวเป็นพี่และผมเป็นน้องและผมเป็นลูกคนสุดท้อง คนสุดท้ายที่ชายเท็ตสึจะสามารถผลิตได้ เพราะชายเท็ตสึตายไปแล้วครับ ใช่แล้ว ชื่อพ่อผมเอง

“ดีๆ ดิ ที่เล่นเมื่อกี้จำได้มั้ย?”

“จะจำห่าอะไรได้ มือมึงสลับไปมายุกยิก ไหนจะเกาตุ่มยุงกัดอีก”

“เป็นปลาทองรึไง ทำไมโง่แบบนี้”

“แต่กูเป็นตัวโคลนนิ่งมึงนะจิว ถ้ากูโง่ มึงคิดว่ากูโง่เหมือนใครล่ะ?”

“อืม เจมฉลาดมาก งั้นทำตามที่พี่จิวบอกนะ ไปไกลๆ ตีนพี่จิวนะครับ อ่ะนี่! เอาไป 20 แล้วโบกซาเล้งไปเป็นน้องตัวอื่นเลย กูไม่รับน้องแบบมึง”

“ไอ้จิว ไอ้เหี้ย ก็สอนกูดีๆ ก่อนสิ ที่มึงทำมันยาก!”

“ยากเหี้ยไร อ้อมแขนไปเช็ดขี้ให้ไอ้ตัวเล็กยังต้องใช้เทคนิคมากกว่านี้เลยเจม” ไอ้สัส ด่าแรงอ่ะ! ผมหน้าบึ้งใส่มันแต่ยังหน้าด้านอยู่ในห้องมันอยู่ มองกันไปมามันก็ถอนหายใจแล้วหาทางออกให้ผมใหม่ ที่น่าจะดีกว่าเดิม....มั้ง

“กูว่ากีตาร์คงไม่เหมาะกับมึง เล่นที่มันง่ายกว่าก็แล้ว”

“อะไรวะ? มีอะไรที่กูเล่นได้ด้วยหรอ? เออ เอา เอา! นี่กูกะล่ารางวัลเลยนะ หมื่นนึง! เดี๋ยวพี่เจมให้ 20 นะน้องจิว”

“พ่อง”

“ก็พ่อมึงนั่นแหล่ะ” ผมด่ากลับแล้วก็ยิ้มทะเล้นให้มันดู มันคงเอ็นดูผมหรอก ก็แหม มองผมยิ้มก็เหมือนส่องกระจกยิงฟันนั่นแหล่ะ

จิวมันส่ายหน้าแล้วก็ลุกเอากีตาร์ไปเก็บ แต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ สไตล์มันแหล่ะครับ เสื้อแขนยาวแล้วดึงๆ แขนเสื้อขึ้นมาเกือบถึงศอก ผมล่ะไม่เข้าใจว่าถ้าจะถลกแขนเสื้อทุกตัวที่ใส่ แล้วมันจะแร่ดซื้อแต่เสื้อแขนยาวทำห่าอะไร

“อ้าว ไปไหนอ่ะจิว” ผมถามเมื่อเห็นมันเหน็บกระเป๋าตังค์ลงตูดแล้วคว้ากุญแจรถ

“ไปลงทุนให้มึงล่ารางวัลได้ไง ไปดิ จะไปชุดนี้ป่าว”

“แล้วไปไหนอ่ะ?” ผมก็ยังไม่เข้าใจเจตนามันอยู่ดี ไอ้จิวถอนหายใจแล้วเดินไปผลักหัวผมจนผมเซลงนอน แหะๆ มีแรงง่วงอยู่ 70% ในการทิ้งตัวครั้งนี้ครับ

“ก็จะพาน้องเจมไปหาซื้อไอ้สิ่งที่น้องกูพอจะมีปัญญาเล่นได้ไงครับ เร็วสิครับ แฟนกูนัดกินข้าวเย็นครับ เกิดแม่งแดกข้าวผิดเวลาโรคกะเพราะกำเริบกูก็ผิดฐานจงใจฆ่าแฟนตัวเองอีก ห่า!” ฮ่าๆๆ มาเป็นชุดเลยครับ ผมหัวเราะขำมันเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าแฟนมันพาลพะโลขนาดไหน น้ำเพชรเป็นผู้หญิงที่โคตรเอาแต่ใจ แต่ก็โคตรรักไอ้จิวล่ะครับ

“โอเค จิวรอแป๊บนะ กูไปใส่กางเกงในก่อน”

“สัด! ไม่กลัวไส้เลื่อนหรอมึง”

“เพิ่งเขวี้ยงออกเมื่อเช้าเอง ห่า!” ผมโต้ตอบแล้ววิ่งฉิวๆ กลับห้องตัวเองแล้วจัดการแต่งตัวซะใหม่ พอเดินลงมาข้างล่างก็เจอไอ้จิวคุยโทรศัพท์อยู่ ตอนแรกคิดว่าโทรบอกน้ำเพชรก่อน แต่เปล่าครับ พี่ชายผมโทรรายงานหม่อมแม่ แม่งโคตรเป็นคนของครอบครัวเลย

“ครับแม่ งั้นเดี๋ยวจิมกับเจมแวะไปหาที่ร้านนะ เดี๋ยวพาไปกินข้าว แล้วจิวค่อยมาสอนเจมมันต่อ เย็นๆ จะไปหาเพชร”

“ครับ รอจิวนะแม่” มันบอกลาปากหวานแล้วหันมองน้องชายมันเองที่ยืนทำหน้าเหมือนมันอยู่ไม่ห่าง
“สภาพนี้?”

“อือ”

“ใส่ลิงป่ะเนี่ย มาดูดิ๊” เมื่อจิวขอ เจมก็จัดให้ ผมดึงขอบกางเกงยีนส์ลง โชว์ขอบกางเกงในยี่ห้อเดียวกับมันนั่นแหล่ะ พอมันพอใจที่ผมทำตัวถูกระเบียบแล้วเราก็ออกเดินทาง โอ้เย่! เลสโก!

วันนี้ผมเป็นหุ่นยนต์อารมณ์ดีอยู่หน้ารถเจมครับ บีเอ็มโอ่อ่านิ่มตูดดีเหลือเกิน และเพราะรถไม่ติด เราเลยมาถึงพารากอนกันก่อนที่ผมกับมันจะเริ่มเปิดศึกสายเลือดเชือดหมาในปากกันเสียก่อน

แม่ผมดีใจมากที่พวกผมมาหาถึงร้าน ปกติแล้วพวกผมไม่ค่อยโผล่มาหรอกครับ เพราะแม่มีผู้ช่วยแล้ว พวกผมมาก็เกะกะ แล้วแม่ก็บอกว่าสันดานเสียแบบพวกผม ไม่ควรมาแพร่เชื้อสู้สินค้าที่เปรียบเสมือนแม่น้ำหล่อเลี้ยงชีพของครอบครัวเรา

“แล้วจะให้น้องแสดงอะไรล่ะจิว เจมมันไม่เก่งไอ้อะไรพวกนี้ไม่ใช่หรอ?” หม่อมแม่เองก็มีส่วนร่วมกับการล่ารางวัลของผมครับ

“อูคูเลเล่ครับแม่”

“กีตาร์น้อยน่ะหรอ?” ผมถามย้ำ และมันก็พยักหน้าและมองผมตั้งแต่ตีนขึ้นหัว จากนั้นก็โปรยยิ้มใส่แล้วมองมาตรวัดของโลกที่มันครอบครอง

“ถ้าเล่นไม่ได้ มึงก็แพ้น้องเกลทีจีที กูจะพามึงไปกราบตีนน้องเขา เอามะ!” หงุ่ยยยย กูทำได้หรอกน่า ขอแค่มีครูดีเท่านั้น ที่เล่นไม่ได้ซักทีเพราะครูไม่ได้เรื่องอย่างมึงนั่นแหล่ะ ไอ้รชานนนท์ เกลียดชื่อมันเพราะแม่งยาวกว่าชื่อผม

ผมพยักหน้าแกนๆ แล้วมองมันอ้อนๆ อีกครั้ง ก่อนจะบอกข้อเรียกร้อง

“แต่จิวซื้อให้นะ จิวชอบเครื่องดนตรีนี่ จบงานนี้เจมก็ไม่รู้จะเอาไปทำไร ถ้าจิวไม่สงสารที่อูคูอาลาเล่มันจะโดนปลวกแทะก็เอาสิ”

“กูรู้อยู่แล้วว่าต้องทำเพื่อมึงเจม ปัญญานักข่าวนักเขียนอย่างมึง บริหารเงินให้แดกข้าวได้วันละ 3 มื้อยังทำไม่ได้เลย” แรงอีกแล้วพี่กู นี่วิชาชีพกูนะ!

ผมเลิกเถียงเพราะแม่งเข้าตัวถี่ยิ่งกว่าวันปล่อยของ เราแหย่แม่ แซวพี่ปริมผู้ช่วยแม่และเด็กในร้านอีกนิดหน่อย แล้วก็พาแม่ออกไปหาร้านกินข้าวอร่อยๆ แล้วค่อยมาปล่อยแม่สู่ถิ่นฐาน ที่ร้านนี้ ผมกับจิวได้รับการปฏิบัติดูแลดีมากๆ ครับ เพราะเป็นถึงลูกชายแฝดของเจ้าของร้านจิวเวอลี่รายใหญ่ในพารากอน จิวมีศักดิ์เป็น “คุณจิว” ครับ ส่วนผม ได้รับเกียรติให้ดำรงตำแหน่ง “น้องเจม” เพราะแบบนี้ผมถึงได้ชินกับการเป็นน้อง และชินกับการอ้อนคนได้ทั้งโลก

มื้อเกือบเที่ยงของครอบครัวก็ไม่พ้นอาหารญี่ปุ่น ก็เบื่อนะ แต่คนจ่ายตังค์ (จิวอีกแล้ว) เขาอยากกินนี่นา มันบอกว่าทำงาน 6 วันแดกแต่อาหารอิตาเลี่ยน (สปาเก็ตตี้ของพี่เว่น) มันอยากกินอะไรที่ดูเบาๆ (กระเป๋ามึงเบาแน่ไอ้รชานนท์)

เลยบ่ายไม่นาน แม่ก็ไหล่ตั้งหลังตรงยืนยันจะกลับร้านแล้วให้พวกผมไปให้พ้นๆ รัศมีนางกวักเสียที จิวเลยพาผมมาซื้ออูคูเลเล่ มันก็เลือกก็ทำให้ทุกอย่างแหล่ะครับ แล้วก็ขับรถพาผมกลับบ้านเพื่อสอนกันแบบเร่งรัด

อ๋าวววววววววววววู้ววววววววววววว
โทรศัพท์ผมเองครับ ยังไม่ได้เปลี่ยนเสียงเรียกเขาเสียที พอโดนมองเหยียดๆ ผมก็ต้องรีบรับสาย

“ครับพี่หนึ่ง” รถกระตุกนิดๆ จิวมันเป็นไรวะ? ข้างหน้าก็โล่งนี่ ผมหันมองมันนิดเดียวก็ใส่ใจคนที่โทรฯ มาหาต่อ

“พี่มาหาที่บ้าน ไม่อยู่หรอ นี่วันหยุดไม่ใช่หรอ?”

“อ๋อออ” ผมปั้นภาพในหัวแล้วกระดกหัวหงึกก่อนอธิบาย
“เจมมากับพี่ชายครับ มาหาซื้ออูคูเลเล่กัน พอดีจะทำกิจกรรมกับออฟฟิศนิดหน่อย งานครบรอบ 25 ปีน่ะครับพี่หนึ่ง” อีกฝ่ายอ๋อบ้างแล้วก็บอกแผนของตัวเอง แล้วก็วางสายไป

“ใคร?” เสียงเขียวแฮะ เสียงมึงรักธรรมชาติเนอะ เขียวครึ้มเลย

ผมหันไปยิ้มให้แล้วบอกสั้นๆ

“พี่หนึ่ง”

“แม่เราแอบมีลูกอีกคนหรอ? แล้วมันสะเออะเกิดก่อนกูนี่ขอกูรึยัง?”

“เขาเป็นแหล่งข่าวของกู”

“..........” คงคิดอยู่มั้งว่าแหล่งข่าวนี่มีความสำคัญระดับไหน ผมหัวเราะหึนิดเดียวแล้วก็บอกเพิ่ม
“พี่หนึ่ง ก็คนที่ส่งกระเช้ามาให้ เพราะคิดว่าบ้านเรามีสมาชิกใหม่ไง แต่จริงๆ ก็แค่หมาเกิดไง ก็คนที่ซื้อเสื้อผ้า ซื้อของเคยตัวให้คุณหญิงกับผู้พันแล้วก็ซื้อคอกให้ลูกๆ มันนั่นแหล่ะ”

“อ่อ...”
“แม่งรวยหรอ? แล้วแม่งว่างหรอ? มาช่วยเจมเลี้ยงหมาอ่ะ”

“อืม อันนี้กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าว่างนักรึไง แต่รวยนี่พอรู้ รวยว่ะ”

“แล้ว...เป็นแค่แหล่งข่าวหรอ?” อื้อออ พี่กูคืนสภาพแล้ว เป็นคนปกติแล้วสินะรชานนท์
“ตอบสิเจม เขาเป็นแค่แหล่งข่าวหรอ?”

“ก็...สนิทกันนิดหน่อย” ผมตอบเท่าที่จะทำให้จิวกระจ่างได้ มันมองหน้าผมเพราะรถติดไฟแดงพอดี ผมก็มองหน้ามันเหมือนกัน สู้ไงสู้

“พี่น้อง?”

“อืม ก็พี่ๆ น้องๆ กันนั่นแหล่ะ” ผมอนุมานเอาว่าความสนิทของผมกับนายคฤณคือความเป็นพี่เป็นน้อง จิวทำหน้าไม่พอใจนิดหน่อย และผมก็รู้ว่ามันเป็นอะไร

“แต่กูมีพี่ชายคนเดียวน้า ชื่อคล้ายๆ กูแหล่ะ แต่เสร่อยาวกว่ากูเพราะแม่งอยากเหนือกว่าไง”

“สัด! แต่ชื่อกูแมนกว่าทั้งชื่อจริงชื่อเล่นว่ะ น้องอัญมณี”

“ไอ้เหี้ยจิว”

“ครับน้องเจมมณี”

“สัดจิว” ผมหน้ามุ่ยเพราะเคืองจริงจัง ใครล้อชื่อนี่ไม่โกรธเท่ามันล้อ เพราะมันรู้มาตลอดว่าผมทรมานกับการเป็น “น้องเจม” มากแค่ไหน แป๊บเดียวไอ้จิวก็หัวเราะง้อผมแล้วแวะซื้อพายราสเบอรี่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดซึ่งเป็นทางผ่านมาง้อผม ผมน่ะได้พาย แต่ไอ้เป็ดพะโล้ถุงใหญ่อ่ะ ของครอบครัวไอ้ผู้พันโน่น

หน้ารั้วผมมีถุงแบรนด์เสื้อผ้าหมาอยู่ตามที่ใครบางคนบอกไว้ ไอ้จิวมองหน้าผมงงๆ ผมเลยต้องเฉลยให้มันเลิกทำหน้าระแวงว่าบ้านจะโดนวางระเบิด

“ของพี่หนึ่ง เขาแวะมาหาหมาเจมแต่ไม่เจอไง ก็เลยวางไว้”

“ไม่กลัวหายหรอวะ?”

“หายก็คงซื้อมาให้ใหม่ แม่งดึงขนแขนมาเป่าให้เป็นเงินได้ไงจิว ไปเหอะ รีบสอนกู เดี๋ยวโดนน้ำเพชรงอนอีกนะ” ผมดึงจิวออกจากเรื่องราวของพี่หนึ่งแล้วก็ขลุกอยู่ด้วยกันความประสาพี่น้อง จนกระทั่ง 5 โมงเย็น มันก็แว่บไปหาแฟนตามนัด

ผมอยู่คนเดียวรอแม่กลับ ซึ่งน่าจะถึงบ้านราว 3 ทุ่ม มื้อเย็นที่ป้าพิศทำไว้ให้ก็รอแม่มาอุ่นเหมือนกัน ระหว่างที่รอ ผมก็ออกมาดีดอูคูเลเล่ให้หมาฟัง ดูเหมือนจะไพเราะเหมาะกับหูหมา เพราะไอ้ผู้พันมันหอนคลอไปกับเสียงร้องของผม

เพลงที่ผมเลือกหรอครับ เดิ้นมากขอบอก
All I Miss is You ของ Link Corner ครับ ดูไม่เข้ากับบรรยากาศงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 25 ปีเท่าไหร่ แต่ผมชอบไง มันฟังสบายๆ ดี ที่สำคัญมากกว่านั้น จิวบอกว่าคอร์ดไม่ยาก กลวงๆ อย่างเจมทำได้แน่นอน นานๆ มันจะเชื่อมั่นในตัวผมทีนะ

อ่าวู้วววววววววว
หอนอีกแล้วโทรศัพท์ผม ชื่อหน้าจอไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ไอ้แอมครับ
เหตุที่ไม่ตกใจก็เพราะว่า ผม ไอ้แอม แล้วก็ไอ้ต้อมเป็นทีมแสดงเดียวกันครับ และเรายังตกลงกันไม่ได้ว่าจะแสดงอะไร แต่ผมฟันธงไปแล้วว่ากูจะเล่นกีตาร์กับร้องเพลง ให้มันสองตัวเป็นหางเครื่อง ฮ่าๆๆ

“อะไรมึง”

“กูรู้แล้วว่าจะแสดงอะไรล่าเงิน” เป้าหมายแม่งก็ไม่ต่างจากผมหรอก เอาจริงๆ นะ งานนี้ถ้าไม่เอาเงินเข้าล่อก็ไม่มีแสดงอะไรหรอก

“มึงเพิ่งรู้หรออ๋อมแอ๋ม กูบอกมึงไปเป็นชาติ นี่บ้านมึงอยู่ไหน ทำไมยังไม่พัฒนาเรื่องภาษาคนอีก”

“เหี้ยเจม มึงเออออของมึงคนเดียว กูกับไอ้ต้อมไม่ได้อยากทำสักหน่อย ร้องเพลงเล่นกีตาร์มันธรรมดามากอ่ะ ใครเขาจะให้เงินหมื่นกับมึง”

“ก็มันธรรมดาไง กูเลยทำให้ มึง 2 ตัวก็เต้นจ้ำบ๊ะสร้างอภินิหารเรียกคะแนนไปสิ ควาย”

“ส้นตีน เรื่องไรกูต้องไปดิ้นกะแด่วบนเวที เสียลุค!” ถุยครับน้องอ๋อมแอ๋ม! มึงมีลุคหรอสัดแอม ผมเบ้หน้าไม่พอใจมันแล้วเชิดหน้าไม่สนใจ ลืมไปว่าอยู่กับหมา 5 ตัวเท่านั้น

“ก็กูฝึกแล้วอ่ะ มึงจะเอาไง หรือมึงมีไอเดียดีกว่านี้ งั้นมึงทำ”

“.........” แล้วมันก็เงียบ ฮี่ๆ คิดไม่ออกเหมือนกันสิมึง สุดท้ายก็ต้องเดินเข้าสู่ทางสายกู

“เห็นมั้ย มึงก็คิดไม่ออก เอาตามกูนี่แหล่ะ เดี๋ยวให้ไอ้ต้อมมันอะแด๊ปรูปแบบให้เป็นที่สนใจ เคนะ”

“เจม กูไม่แต่งกะเทยนะเว้ย”

“อันนี้ไม่รู้ บอกแล้วไงว่าให้ไอ้ต้อมคิดคอนเซป แต่กูยืนพื้นร้องเพลงเล่นอาลาเล่ ห้ามเปลี่ยน!” ผมเป็นน้องนี่ครับ ผมเอาแต่ใจกับคนทั้งโลกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไอ้แอมฮึดฮัดแล้วก็คุยกับผมต่ออีกนิด ส่วนมากเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างเช่น จะนอนรึยัง? กินข้าวรึยัง? แล้วปิดท้ายว่า เออ เจอกันพรุ่งนี้
วันนี้เสียงไอ้แอมดูอารมณ์ดีซะด้วย สงสัยแรงโน้มถ่วงไม่ดึงมุมปากจนมันเจ็บแล้ว หึ

พอแม่กลับ ผมก็กินข้าวอย่างสำราญอารมณ์ ไอ้จิวตามกลับมาในเวลาไล่เลี่ยกันแต่มันแทบอ้วกตอนที่แม่ถามว่ากินข้าวอีกมั้ย น้ำเพชรคงเลี้ยงดีสุดๆ ผมออกไปเล่นกับหมาอีกรอบ ไอ้ตัวสองนี่ตัวโปรดผมเลย เพราะมันไม่มีใครรัก แม่กับไอ้จิวรักไอ้ตัวเล็กที่อ้วนอืดชิบหาย ไอ้ตัวหนึ่งก็...ตัวโปรดของใครบางคนที่แวะมาหาหมาเจมอาทิตย์ละ 3-4 วัน ไอ้ตัวสองมันก็เหงาสิ ผมก็เลยรับอุปการะ แต่เป็นตัวโปรดผมนี่ซวยหน่อยนะ เพราะผมเลี้ยงแบบผาดโผนโยนขึ้นหลังคา ฝึกจิตหมาครับ อย่าคิดมาก

ก่อนนอน ผมอ้อนแม่โดยการนอนหนุนตักอยู่หน้าทีวี มีไอ้จิวนั่งนวดมือให้แม่ มันไม่ได้รักแม่นักหนาหรอก มันบอกว่ากำลังสูบวิชาหาทรัพย์จากมือแม่อยู่ ไอ้เหี้ย ไอ้หวังสมบัติ!

และในตอนที่ใกล้หลับตา ก็มีคนโทรฯ หาผมอีก 1 คน

“ไงเจม” ทักกันแบบนี้มีหรือผมจะไม่รู้ว่าเป็นใคร ทั้งที่เมื่อกี้สไลด์นิ้วแบบไม่มองชื่อคนโทรด้วยนะ ผมยิ้มอิ่มในอารมณ์และยังนอนตาปรืออยู่บนเตียง พี่หนึ่งโทรมาถามว่าวันนี้หมาเจมเป็นไงบ้าง ผมก็เล่าเสียละเอียดว่าไอ้ตัวหนึ่งเป็นไง ตัวสองเป็นไง และตัวเล็กเป็นไง แต่พี่หนึ่งกลับถามเพิ่มอีกว่า “แล้วหมาตัวนี้ล่ะ เป็นไงมั่ง หือ?”

อืม...จริงๆ แล้วพี่หนึ่งอาจจะอยากรู้เรื่องผมตั้งแต่แรก แต่เอาเรื่องหมามาบังหน้าก็ได้ แต่ก็นะ เขาไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น ผมก็ไม่เลยไม่คิดว่าเขาคิดแบบที่ผมกำลังเดา

“เจมหรอ เจมก็หัดอูคูเลเล่อยู่ เก่งด้วยนะครับ” ผมอวดนิดหน่อยแล้วก็ยิ้มเขินปากตัวเอง อาลาเล่น้อยนอนบนเตียงเลยรับกรรมโดนผมเอามากอดเล่น และมันก็เอาด้ามทิ่มหน้าผมจนเหวี่ยงมันออกแทบไม่ทัน

“เพลงอะไร?”

“โหยพี่หนึ่ง แบบนี้ต้องมาฟัง เทพมากด้วยขออวด”

“หรอครับ? อืม ได้ เดี๋ยวพี่ไปดูเจมแสดงนะ”

“เฮ้ย! อย่ามา อย่ามา เจมอาย แม่งต้องแย่มากแน่เลย นี่เจมเพิ่งหัดเล่นวันแรกเอง”

“ไม่ทันแล้ว พี่อยากไปดูแล้วสิ”

“โหย พี่หนึ่งอ่ะ เออๆ อยากมาก็มา แต่เตรียมทิปมาด้วยนะพี่หนึ่ง เอาพวกรับจ้างกรี๊ดด้วย โชว์แล้วแป่กมันอับอาย”

“ฮ่าๆๆๆ” นายคฤณหัวเราะลั่นเชียวครับ ใครเตะต่อมขำเขารึเปล่าวะ?

“ไม่มีใครฟัง พี่ฟังเอง กรี๊ดไม่เป็นนะ แต่จะปรบมือให้”

“ครับ” ผมรับขำแล้วยิ้มเขิน....มันไม่แปลกใช่มั้ยครับที่ผมเขินนายคฤณ ก็เขาใจดี พูดดี และก็ดีกับทุกๆ คนที่อยู่รอบตัวเขา ซึ่งก็รวมผมด้วย แม้ผมจะเป็นคนรอบตัวเขาที่อยู่รอบนอกสุดก็เถอะ

“แล้วเจมร้องเพลงอะไร บอกพี่ก่อนสิ นะครับ จะได้ไปทำให้หูชินก่อน” มานะครับแล้วผมจะไปไหนต่อได้ ทำอิดออดไม่นานก็ยอมบอก”

“เจมร้องเพลง All I Miss is You”

“อ่อ...คิดถึงแต่คุณ”

“หือ? อะไรนะพี่หนึ่ง” ผมถามงงๆ เพราะเหมือนเขาพูดคนละเรื่องกับผม

“ก็เจมร้องเพลงนี้ไม่ใช่หรอ? คิดถึงแต่คุณ All I Miss is You” ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมตีเจตนานายคฤณได้อย่างเดียวคือเขาจีบผม แต่นี่ผมเป็นผู้ชาย จะแปลเจตนาสารที่อีกคนสื่อออกมาว่าอะไรได้บ้างล่ะ

“ฮ่าๆๆ งี้แหล่ะครับ เจมรักทุกคน รักเด็ก รักโลก”

“เพ้อเจ้อนะครับคุณชานนท์” เขาเรียกชื่อที่ผมอยากให้เรียกแล้วก็หัวเราะอีกรอบ ไม่นานผมก็หาวแบบเก็บเสียงไม่อยู่ พี่หนึ่งก็เลยส่งผมเข้านอน ด้วยคำพูดที่ผมเริ่มได้ฟังบ่อยๆ จากคนคนเดียวกันนี่แหล่ะ

“ฝันดีครับเจม”

“ครับพี่หนึ่ง”
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-01-2013 01:27:44
และแล้ววันงานครบรอบก็มาถึง แต่ก่อนที่พวกเราจะลั้ลลากับงานเลี้ยงที่จัดขึ้นภายใน พวกเราต้องโหมทำงานกันก่อนครับ
ออฟฟิศผมจัดสัมมนาเวทีพิเศษขึ้นครับ แหล่งข่าวที่เชิญมาก็หลากหลายมาก ส่วนมากมาจากวงการการเงิน-การธนาคาร กระทรวงคลังเองก็ให้เกียรติด้วยครับ โดยส่งดร.อายุไม่มากนายหนึ่งมาร่วมเสวนาเศรษฐกิจด้วย มุมมองเขากว้างขวางจนผมที่นั่งฟังไปจดบรีฟไปไม่ถึงเบื่อเลย

พอรอบแรกจบก็ต่อด้วยรอบสองที่ผ่อนคลายนิดหน่อย เป็นรอบของคนรักการลงทุน เสวนาหุ้น-ทองคำ-อสังหา รอบนี้ผู้ร่วมเสวนามีคนที่ผมคุ้นเคยร่วมด้วย นายคฤณนั่นแหล่ะครับ

เสียงของเขาตอนฟังผ่านไมค์ไม่เหมือนกับที่ฟังผ่านโทรศัพท์หรือเสียงจริงๆ ของเขาสักนิด ผมได้ยินเสียงหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจตลอดเวลาที่นายคฤณตอบคำถามและโดนจีบกลางอากาศ

ไม่น่าแปลกหรอกครับ เพราะนายคฤณหล่อ พูดจาเข้าหูคน และรู้เสมอว่าใครต้องการให้โต้ตอบแบบไหน
เขาเป็นที่รักของใครๆ จริงๆ อืม บุคคลสาธารณะมันต้องมีออร่าแบบนี้นี่เอง

รอบนี้ผมก็รับผิดชอบเขียนสรุปเนื้อหา แต่การเป็นรายเดือนทำให้ผมอัดเสียงเก็บไว้ได้ เลยไม่ห่วงมาก แต่ไอ้ต้อมนี่งานหนักหน่อย เพราะโปรดิวซ์ 2 รายการ มันเดินขาไขว้แล้วล่ะครับ ถ้าไขว้กันไวกว่านี้ก็เรียกว่าขาขวิดได้เลย

ไอ้แอมและแกงค์หน้าโหดห้องช่างภาพก็กระจายถ่ายรูปกันทั่วงาน รับผิดชอบกันไปว่าถ่ายให้หน้าไหน จะให้ช่างภาพที่ถนัดถ่ายภาพลงหน้าสังคม มาถ่ายรูปแหล่งข่าวของหน้าการเงินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่งถ่ายตอนนักเศรษฐศาสตร์จากคลังวางสีหน้าแบบปวดขี้จะซวยเอา

งานล่วงมาจนถึง 6 โมงเย็น ทั้งที่ตามหมายแล้ว 5 โมงนี่ก็จบทุกสิ่งอย่าง แต่ผู้มาร่วมฟังเสวนาเหลือน้อยแล้วครับ ส่วนคนในเล่มผมก็เริ่มทยอยกลับออฟฟิศไปบ้าง ส่วนใครที่ยังต้องเก็บทำที่มีตติ้งของโรงแรมก็ต้องอยู่เคลียร์งานกันก่อน

ผมกับพี่ๆ ในโต๊ะการเงินมาถึงออฟฟิศกันแล้ว พวกสาวๆ เขาแต่งตัวสีสดกัน เดาก็รู้ว่าน่าจะแสดงอะไรที่คล้ายๆ พรีวิวเพลงลูกทุ่งรสจัด พี่ๆ ถามผมว่าเจมจะแสดงอะไร ผมก็ยกเครื่องมือหากินให้ดู ได้รับเสียงกรี๊ดด้วยครับ ปลื้มสุดๆ แม้จะรู้ตัวว่าผมเป็นที่เอ็นดูของพี่ๆ เขาอยู่แล้วก็เถอะ

ห้องจัดเลี้ยงชั้นใต้ดินของตึกผมถูกเนรมิตเป็นที่จัดงานปาร์ตี้ งานนี้เราจัดกันเองภายในครับ ไม่มีแหล่งข่าว ไม่มีการทำงานหรือเจรจาธุรกิจแอบแฝง พ่อบ้านแม่บ้านและลูกๆ ที่คนในกองเคยเก็บไว้ที่บ้านถูกพามาออกงานกันหมด ผมก็เดินทักและโดนทักเสียมั่วไปหมด มาเจอที่ที่ตัวเองอยู่ได้ก็ตอนที่ไอ้ต้อมคว้าคอไว้แล้วลากเข้าห้องแต่งตัวผู้เข้าประกวด

“เดินลอยไปไหนเนี่ยมึง หรือว่าหิว เออ มีไรมาให้กินยัง”

“ไม่รู้ ยังไม่ได้เดินทั่วมึงก็ลากมาเนี่ย”
“จะกินอะไรป่ะล่ะ เดี๋ยวกูไปเอาให้”

“เออ เออ ไว้ก่อน ไอ้แอมไปไหนวะ เราต้องประชุมคอนเซป” หืม? นี่พวกเรายังไม่มีคอนเซปกันหรอต้อม ไหนเมื่อวานที่คุยกันมึงว่า “ทุกอย่างพร้อมเต็มที่ มึงแค่เอาตัว เอาหัว เอาปาก และมือมาร้องเพลงให้ได้ก็พอไอ้เจม”

“คอนเซปไรวะ อย่าประหลาดนะมึง กูอาย”

“ประหลาดเหี้ยไร มึงก็นั่งหน้าเอ็นดูดีดอาคู้”

“อูคูเลเล่ต้อม”

“เออ มึงก็นั่งทำหน้าขาวๆ น่ารักๆ ร้องเพลงปากพะงาบๆ และดีดจะเข้น้อยไปไง” ขี้เกียจเถียงแล้วว่าเครื่องดนตรีผมมีชื่อเต็มยศว่าอะไร ผมพยักหน้าแล้วถามต่อ

“แล้วมึงกับไอ้แอมทำเหี้ยไรล่ะ?”

“ทำคาราโอเกะ”

“...........” ถ้ากูจำลองเสียงจิ้งหรีดหาเมียไม่ได้เป็นนะ กูจะทำให้มึงเดี๋ยวนี้เลยไอ้ต้อม ผมคงทำหน้างงมาก มันก็เลยยักไหล่ถอนหายใจและกลอกตาเบะปาก ให้อารมณ์ว่าผมนี่ถามควายอีกแระ เออถูก กูถามควายอยู่ มึงก็ตอบสิ

“ก็ทำคาราโอเกะในมึง อย่าห่วง กูกับไอ้แอมแค่ชักกัน”

“หา?”

“ซึบ!” มันปล่อยมือที่กำลังออกท่าออกทางให้หล่นลงข้างตัวแล้วค่อยเท้าเอวเงยหน้ามองผม เพราะผมสูงกว่ามันนิดหน่อย
“แค่ชักตัวปิดคาราโอเกะออก กูให้ไอ้แอมชูเนื้อเพลง นี่ๆ ทำมาแล้ว” มันเอาฟิวเจอร์บอร์ดที่วางอยู่บนพื้นมาอวดด้วยครับ
“มึงก็ร้องไป ไอ้แอมก็เปิดเนื้อเพื่อให้คนดูเขาร้องตามมึงได้ถ้าอยากไง”
“ส่วนท่านต้อมคนนี้ก็จะ...จะ จะเล่นเอ็มวี!!!” วี้ๆๆๆๆๆๆ เสียงแมงหวี่แม่งพูดไรวะ กูไม่เข้าใจ ผมพยายามคิดให้ภาพการแสดงของพวกเราออกมาน่าประทับใจ แต่คิดท่าไหนแม่งก็คิดได้แค่ภาพโชว์ป่วนๆ ที่มีไอ้ต้อมเดินพล่านเวที มีไอ้แอมยืนหน้านิ่งมุมปากตกดึงกระดาษปิดฟิวเจอร์บอร์ดมั่วๆ และมีผมนั่งเล่นอูคูเลเล่และร้องเพลงเวอร์ชั่นแผ่นเสียงกระตุก

มันสยองมากเลยครับ แต่ผมเลี่ยงไม่ได้แล้วนี่

“เออ เออ อยากทำไรก็ทำ ยีนส์รุ่นใหม่นี่กูรอได้ รอไม่ไหวค่อยไถเงินไอ้จิว งานนี้กูทำใจแล้วว่าชวด”

“อย่าเพิ่งมองแง่ร้ายไอ้เจม เชื่อกู” เชื่อมึงทีไร ชีวิตกูวิบัติตลอดอ่ะต้อม ผมปล่อยให้มันล่องลอยกับความเพ้อละเมอว่าจะได้เงินหมื่นจากไอ้โชว์ง่อยๆ แล้วก็เดินออกจากห้องแต่งตัวมายังซุ้มน้ำดื่ม กรอกเหล้าเข้าปากอึกเดียวก็มาจิ้มหอยจ๊อกิน และก็โดนพี่ๆ ที่ปลื้มผมเรียกไปถ่ายรูป

“รับแขกพิเศษรึยังเจม”

“หือ? ครับ”

“ก็คุณคฤณไง พี่เห็นเขามาแน่ะ”

“อื่ออ ไม่รู้สิครับ มาหาพี่ปูมั้ง”

“พี่ก็ไม่รู้ อาจจะมีบริษัทอื่นมั้ง ข้างล่างชั้นเรามีโบรกเกอร์ด้วยนี่”

“นั่นสิ” เธอหันไปวิจารณ์การมาของนายคฤณกับเพื่อนเธอ ปล่อยให้ผมขมวดคิ้วสงสัยและนึกย้อนไปถึงเดือนก่อนที่ไอ้แอมเอาข่าวลือประหลาดมายัดใส่หัวผม

งี้ไอ้แอมก็ไม่โกหกสินะ ผมกับนายคฤณโดนมองว่าสนิทชิดเชื้อกันจริงๆ ด้วย แม้จะสนิทกันจริง แต่ผมก็ไม่ชอบโดนเมาท์ เพราะการเมาท์ มันมีเปอร์เซ็นต์เนื้อหาที่เป็นความจริงแค่ 1% นอกนั้นคือคำวิจารณ์ล้วนๆ

ผมเซ็งขึ้นมาดื้อ นี่ถ้านายคฤณโผล่หน้ามาในงานแล้วตรงดิ่งมาทักผม ผมต้องโดนมนต์น้ำลายพ่นใส่หัวจนเฉาตายแน่ๆ

ครืดดดดดดด
โทรศัพท์ผมสั่นจนหน้าแข้งสะดุ้ง ผมดึงมันออกมาดูว่าใครโทรมาแล้วก็อวยพรใส่ชื่อตรงหน้าว่า “อายุยืนชิบหายนะครับ”

ผมเลี่ยงมารับโทรศัพท์นอกห้อง พอได้ยินเสียงผม ปลายสายก็ทักทายซะจนผมทนไม่ยิ้มไม่ได้

“พร้อมมั้ยครับนักร้องดัง”

“ไม่พร้อมหรอกครับ ตื่นเต้น กลัวพาไอ้แอมกับไอ้ต้อมล่มไปด้วย”

“ไม่หรอกน่า ทำได้อยู่แล้ว”
“อืม...เจมมาซ้อมก่อนมั้ย ลดความประหม่าไง”

“ซ้อมหรอพี่หนี่ง ไม่มีที่หรอก เท่านี้ก็จะเหยียบกันตายแล้ว หาห้องว่างๆ ไม่ได้หรอกครับ จะไปซ้อมในห้องน้ำก็กลัวรบกวนคนขี้”

“ฮ่าๆๆ งั้น มาซ้อมในรถพี่สิ”
“เอาป่าว เฮ้ย! เจม ทำไมเงียบไป”

“แล้ว...รถพี่หนึ่งอยู่ไหนล่ะ” ผมก็บ้าจี้ บอกตรงๆ ว่าผมอึ้งกับคำเมื่อกี้ของเขา แต่เสือกตอบรับไปเสียได้ เขามึนหรือผมงงกันเนี่ย? นายคฤณบอกชั้นที่จอดรถอยู่แล้วก็วางสายไป ผมเลยกลับเข้าไปหาไอ้ต้อมแล้วบอกให้มันซ้อมคิวกับไอ้แอมดีๆ ผมขอตัวไปสงบความตื่นเต้นแป๊บนึง

ลิฟท์ส่วนลานจอดรถมาผมมายังชั้น 4 เบนซ์สปอตสีขาวคันหนึ่งส่งเสียงเครื่องยนต์นุ่มๆ เรียกผมอยู่ไม่ห่างประตูทางเข้าลิฟท์นัก ผมเดินไปหาจนใกล้ ประตูรถก็เด้งออกมาเปิดอ้ารอ

นายคฤณโน้มตัวมาเกาะพวงมาลัยแล้วยิ้มให้ผมเย็นๆ

“พี่มีซีดีด้วย เปิดคลอไปเอามั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ ให้พี่หนึ่งฟังดีกว่า”

“โห! ได้รับเกียรติด้วย เอาสิ”

“แต่พี่หนึ่งหลับตานะ เจมอายว่ะ”

“โอเค หลับก็หลับ แบบนี้นะ” บอกเสร็จก็หลับตาตะแคงหน้าซบกับพวงมาลัยหันมาทางผม ขนตาเขายาวแต่ตรงดิ่งเชียว ไม่เหมือนขนตาไอ้ต้อมที่ยาวและงอนฝืนแรงโน้มถ่วงโลก

ผมเป่าปากดังฟู่ แล้วก็เกลาเส้นเอ็นที่ขึงตึงตามที่ไอ้จิวสอนมา


It’s weekend, I wanna sleep all day
And dream a way of the one
Fell the breeze of a holiday
Go rolling in the sun
Driving long with no place to Stay
I guess what done, It is done
Drifting out to the sea, I play
Swimming at horizon

Been many places
Wishing you were here too
Familiar faces
All I miss is you

High in the sky
Shining stars above
Tears runing dry
I wanna be in love

Laugh it out, Take it easy way
Sing a song for some fun
Live right now and forget monday
Hit the road and we run

Been many places
Wishing you were here too
Familiar faces
All I miss is you
High in the sky
Shining stars above
Tears runing dry
I wanna be in love

It’s weekend, I wanna sleep all day
And dream a way of the one


ผมเกลาสายรัวๆ ให้รู้ว่าจบแล้ว นายคฤณจึงได้เปิดตามองผม เขายิ้มให้ผมแล้วก็ยื่นมือมาขยี้หัว พร้อมกับชมเปาะ

“เก่งนี่ หายตื่นเต้นแล้วใช่มั้ย?” ไม่หายว่ะนายคฤณ ผมไม่หายตื่นเต้น หรือจะบอกให้ถูกต้องก็คือ ผมเลิกตื่นเต้นที่ต้องร้องเพลงต่อหน้าคนร่วมร้อยไปแล้ว แต่ที่ตื่นเต้นกว่าก็เพราะว่า หัวใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเห็นรอยยิ้มเขา เมื่อเขาขยี้หัวผม และดึงแก้มผม เมื่อเขาชมผมด้วยรอยยิ้มที่แสนหล่อ ให้ความรู้สึกเย็นใจ

“เจม เป็นอะไร? อย่าช้อคจนลืมเนื้อนะ”

“ห๊ะ? หือ? เอ่อ...เจมไม่ได้เป็นอะไร? เมื่อกี้เพี้ยนมั้ยครับ”

“เพราะออก ตอนแรกพี่คิดว่าเป็นอีกเพลงหนึ่ง แต่พอฟังแล้วคิดว่าเจมต้องเพลงนี้แน่ๆ” เขาอวดว่ารู้ใจผมแล้วก็เอื้อมมาหยิบแผ่นซีดีให้ผมดูว่าเขาติดตามผลงานที่ผมจำอวดมาจริงๆ ผมยิ้มให้แล้วก็เตรียมจะลงจากรถ แต่นายคฤณกลับดึงแขนผมไว้ก่อน

“เดี๋ยวเจม”

“ครับ?”

“ตอนที่ร้องบนเวที ก็ต้องร้องเพลงนี้ให้พี่เหมือนเมื่อกี้นะ”

นายคฤณ...จีบผมอยู่ใช่ไหมวะ?


Cut


ตอนหน้า ถ้ามา ก็คงมาดึก(มากๆ)แบบนี้ล่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

สำหรับคนอยากฟังเพลงแล้วหลับสบายๆ ค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=66TJg_HLylo   o13

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 3 - 1/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 03-01-2013 02:18:59
อ๊า่ยยยยยยยยย เจมน่ารักมากๆเลยอะ เหมือนจะเริ่มชอบพี่หนึ่งแล้วแฮะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-01-2013 23:43:59
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 5



คำสุดท้ายที่นายคฤณพูดกับผมก็คือ “นะครับ” แล้วคิดว่าผมจะเหลืออะไรอีกมั้ย? ไม่เหลือแล้วครับ ใจกระเจิงหมดแล้ว ผมคงแพ้ทางคนหน้าตาแบบนี้ ใจดีแบบนี้ล่ะมั้ง

ตอนนี้ผมได้แต่นั่งทำหน้าเซื่องมองการแสดงของทีมพี่ๆ ที่เรียกเสียงเฮเสียงฮาได้อย่างน่าอัศจรรย์
การแสดงชุดหมอลำอำเพื่อนเพิ่งจบไป และตอนนี้พิธีกรของงานซึ่งก็คือคนในกองนั่นแหล่ะครับ กำลังสัมภาษณ์นักแสงสมัครเล่นกันอยู่

“ไอ้เหี้ย กูตื่นเต้นว่ะ พวกเรานี่โชว์ต่อไปแล้วนะ” คำย้ำของไอ้ต้อมทำให้ผมก้มมองป้ายกลมๆ ที่ติดเสื้อผมอยู่ ตัวเลข 8 ทิ่มตาจนต้องหันมองหน้าเพื่อนขอกำลังใจ

“พวกมึงว่าพวกเราจะรอดป่าววะ”

“เอาน่าไอ้เจม มึงแค่ร้องเพลงแล้วก็เล่นจะเข้น้อยมึงให้เต็มที่ หน้าที่ดึงดูดสายตาเป็นของกูเอง ส่วนไอ้แอมมันจะเดินไปเดินมาด้านซ้ายด้านขวา ชูเนื้อปลุกอารมณ์คนดูให้ร้องตามมึงไง”

“หรอวะ? เวิร์คหรอวะ? ตากูกระตุก”

“เดี๋ยวกูเอาตีนสะกิดให้หายกระตุก สัด พูดอยู่ได้ แทนที่จะโชว์กันสนุกๆ แม่งก็ปอดกันหมด” ไอ้แอมขัดอาการเซื่องของผมแล้วก็กระโดดตบยืดเส้นยืดสาย ผมหยุดแสดงความกังวลเพราะปลงแล้ว กังวลไปก็เท่านั้น ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องขึ้นเวที จะพร้อมหรือไม่พร้อมก็ต้องพร้อมล่ะวะ

“เอาล่ะครับ โชว์ต่อไป 3 ไข่แดงของกองเรา น้องเจม น้องแอม น้องต้อม มาเลยครับมาเลย”
“เอ้า! ขอเสียงกรี๊ดให้หนุ่มๆ ขบเผาะหน้าตาอ้อล้อหน่อย” ผมได้ยินเสียงโห่ฮิ้วเหมือนงานบวชดังขึ้นทั้งชั้นใต้ดิน ใจชื้นขึ้นมานิดๆ ล่ะครับ

“ถามกันก่อน ถามกันก่อน วันนี้สามหนุ่มหน้าใสจะมาทำอะไรครับ?”

“เอ่อ...หวัดดีครับ เจมครับ” กรี๊สสสสสสสสสส น้องเจมของพี่!!!!!! เจ้าของเสียงกรี๊ดคือพี่นักข่าวคนหนึ่งที่อายุเกือบเท่าแม่ผม และแกก็เป็นคอลัมนิสต์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมาก แต่นี่แหล่ะครับ ตัวจริงของแก
“วันนี้ เจมจะร้องเพลงให้พี่ๆ ฟังครับ” ผมแนะนำตัวและบอกเป้าประสงค์เสร็จก็ยิ้มเขินๆ รู้สึกหน้าแม่งร้อนๆ ว่ะ ต่อจากผมก็ไอ้ต้อม เสียงเรียกร้องก็ไม่ต่างกันครับ แต่ของไอ้ต้อมโดนหนักกว่าเพราะถูกแซวว่า “ต้อมจ๋า ป้าหงาววววว” ไม่รู้มันขนลุกมั้ย แต่ขนอ่อนผมนี่ยืนตรงคารพธงตอนสามทุ่มเศษๆ เชียวครับ
“แอมครับ มา...ทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง” เสียงฮาเสียงเฮไอ้แอมก็ดังไม่แพ้กัน ส่วนมากเป็นเสียงพี่ๆ ผู้ชาย มีทิชชู่ห่อฝาเบียร์ปาขึ้นมาด้วยครับ แม่งชอบหรือไม่ชอบวะเนี่ย ผมเริ่มงง

“โอเค โอเค สงบกันก่อนนะครับแม่วัววัยเกินจะเจริญพันธุ์ทั้งหลาย” พิธีกรระงับเสียงกรีดร้องโหยหวนกันแบบหัวทิ่มทั้งงาน พวกผมเลยใช้โอกาสนี้จัดเวทีด้วยการเขี่ยของที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งก็ไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากเก้าอี้นั่ง ขาไมค์ และพื้นที่ให้ไอ้ต้อมและไอ้แอมได้เดินลาดตระเวน

สปอตไลท์ถูกเปิดส่องเวทีอีกหน ผมเลยขยับเก้าอี้เพื่อเบี่ยงหน้าหนีแสงจ้าตา พลันผมก็เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่หลังสุดของห้องจัดเลี้ยง ผมไม่เห็นสีหน้าเขา แต่ผมจำรูปร่าง สีเสื้อ สีกางเกง และท่ายืนได้ เขาใส่หมวกแก๊ปบังหน้าไว้อีกทีด้วยครับ

นายคฤณไม่ผิดแน่ พอเห็นผมจ้องมองนานเข้าหน่อย เขาก็ผงกหัวและส่งยิ้มมาให้จากระยะไกล ผมรีบหลบตาและตัดสินใจทำเป็นว่าไม่เห็นเขา แล้วก็เกลาอูคูเลเล่เปิดโชว์ที่พวกผมโคตรจะตั้งใจ

กรึงๆๆๆๆๆๆๆ
มือผมรัวอูคูเลเล่จังหวะเดียวกับที่หัวใจเต้น แม่งเอ้ยยย โคตรเสียวล่มเลย แต่ก็ร้องเพลงผ่านไปได้ด้วยดี แม้จะมีบางจังหวะที่ไอ้เหี้ยแอมมาเปิดเนื้อชวนคนดูร้องเพลงบังหน้าผม และไอ้ต้อมเดินมาลากคอให้หลีกทางไป จนไอ้แอมหงายหลังล้ม แต่มันก็ยังชูเนื้อเพลงได้อยู่ดี

ชายต้อมของเราเล่นเอ็มวีจริงๆ ครับ เอ็มวีประกอบเพลงที่ผมร้องนี่แหล่ะ เรียกได้ว่าผมร้องคำว่าอะไรออกมามันก็จะทำท่าทางให้เหมือนกับคำนั้น ตอนที่ร้องว่า High in the sky  นี่น่าหวาดเสียวมาก เพราะมันทำท่าจะกระโดดลงจากเวทีเพื่อบินขึ้นสู่ฟ้าจริงๆ ผมล่ะเพลีย เหวอจนร้องเพี้ยนด้วย โดนหัวเราะเลย กูบอกแล้วไงว่าเชื่อมึงแล้ววิบัติไอ้ต้อม

โชว์จบก็หมดสติกันครับ ตอนนี้พวกผมดวลเหล้ากันบนโต๊ะที่พอจะว่างให้นั่ง ไอ้แอมเป็นคนชงครับ อุปกรณ์สร้างรถกลมกล่อมก็คือนิ้วแม่งนั่นแหล่ะ ไอ้ห่า! ผมตบหัวมันจนทิ่มแต่แม่งก็จิ้วนิ้วลงแก้วผมมากกว่าเดิม ไอ้เหี้ยอ๋อมแอ๋ม

ไอ้ต้อมก็เริ่มเมาไม่รู้เรื่อง ผมเลยชะลออัตราเร่งในการดื่มเอาไว้หน่อย กลัวไม่มีใครดูแลมัน ส่วนไอ้แอมไม่ต้องห่วง คอแข็งมาก ผมเลยปล่อยแม่งนั่งดื่มแล้วงึมงำอยู่คนเดียว

บางทีมันก็เงยหน้ามามองผมแล้วพะงาบปากเรียก “เจมมมมมมมมมมม” อื้อหือ ชื่อกูยาวเท่าจู๋มึงรึยังแอม ผมก็รอฟังมันนะ แต่แม่งก็ก้มหน้าลงไปตามเดิม อะไรของมันวะ

และก็มีอีกหลายทีที่มันกระแทกแก้วเหล้ากับโต๊ะแล้วพูดใส่หน้าผมว่า “มากับกู!” แต่แม่งลากผ้าปูโต๊ะไปแทนข้อมือผมไง มันเล็งพลาดได้อุบาทว์มาก ผมเห็นสภาพมันแล้วก็ได้ส่ายหัวแล้วก็ดื่มเหล้าแต่พอเหมาะ และแน่นอนว่าชงเองครับ

ปึก!
“เจม! มากับกูนี่ ตอนนี้เลย” คราวนี้มันจับมือผมถูกแล้วอ่ะ สงสัยขยับสติแล้วมั้ง ผมก็งงนิดหน่อยแต่ก็เดินตามมันไป คิดเดาเอาว่าแม่งคงปวดฉี่แต่ไม่กล้าไปคนเดียวล่ะมั้ง

มันลากผมออกมานอกห้องจัดเลี้ยงแล้วพาเลี้ยวไปยังหัวมุม ไอ้แอมยืนพิงผนัง ส่วนผมยืนมองมันที่หน้าแดงก่ำและเป่าลมหายใจร้อนๆ ออกมาตลอดเวลา

“มีไรไอ้สัด”

“กู...ต้องบอกมึงว่ะเจม”

“บอกอะไรกู กูไม่เคยติดหนี้มึงนะ อย่ามาเมาแล้วเอาเปรียบกู”

“เปล่า เปล่า...กูต้องบอก บอกที่กูคิดอยู่ตลอดเวลา”

“อะไร? ไม่ต้องบอกนะว่ามึงคิดด่ากูตลอดเวลาเพราะอะไร มึงเคยบอกว่าหมั่นไส้หน้ากูเพราะคิ้วกูกุด ไอ้เหี้ย กูกันคิ้วหรอก ห่า!”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่”
“กู..คือกู...”

“อะไรวะ?” ผมเริ่มสงสารมันแล้ว มันเหมือนหมาเหมือนแนวครางเสียงต่ำๆ เพราะตกไปอยู่ในรูท่อ แต่ส่งภาษาบอกคนให้มาช่วยไม่ได้
“อะไรแอม พูดมา”

“กูชอบมึงว่ะเจม”

ครืดดดดดดดดดดดด
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมขูดหน้าขาผมอีกแล้ว ผมสะดุ้งแล้วรีบรับโทรศัพท์ทันที เสียงใครคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคยและจำได้ดีดังมา

“อยู่ไหน พี่รอรับกลับบ้านอยู่นะ”

“เอ่อออ”

“มึงฟังกูต่อสิวะ กูตัดสินใจพูดแล้วก็ต้องพูดให้หมด ฟังกูนะเจม” ไอ้แอมมองหน้าผมแล้วพูดต่อ มันรั้งข้อมือผมไว้ข้างหนึ่ง

“พี่รออยู่หน้าห้องนะเจม” นายคฤณสำทับราวกลัวว่าผมจะไม่ได้ยิน ผมได้แต่มองหน้าไอ้แอม และฟังที่นายคฤณพูด แต่ผมพูดอะไรออกไปไม่ได้สักอย่าง

ไอ้แอมชอบผม
นายอรินทร์ที่โคตรชอบมากวนส้นตีนผม ชอบผม
มันชอบผมแบบไหนวะ?

“เจม กูชอบมึงจริงๆ นะ กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชาย กูก็ผู้ชาย...แต่กู...รู้ตัวอีกที กูก็รู้สึกดีชิบหายเวลาอยู่ใกล้มึง”

“จะให้พี่เดินไปรับมั้ยครับเจม”

“เจม....” ไอ้แอมเรียกผมด้วยน้ำเสียงเว้าวอน

“....เจม” ครั้งนี้เสียงนายคฤณไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์ ผมได้ยินเสียงชัดเจนจากข้างตัว ผมลดโทรศัพท์ลงจากแก้มแล้วหันมองนายคฤณที่ยืนมองหน้าผมนิ่ง เขาไม่เบนสายตามองไอ้แอมแม้เสี้ยวนาที

“อยากกลับบ้านมั้ยครับ”

“อยากครับ” ผมพูดออกเป็นครั้งแรก แล้วก็รีบหายใจทันที เมื่อกี้ไม่รู้ว่ากลั้นหายใจตั้งแต่เมื่อไหร่

“เจม” ไอ้แอมเรียกไว้และจับข้อมือผมแน่นกว่าเดิม ผมได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้ามันสลับกับมองข้อมือตัวเอง ถ้าผมสะบัดออก มันจะรู้สึกแย่มั้ย? ถึงผมจะไม่ค่อยถูกชะตากับมุมปากมัน แต่ก็ไม่เคยรู้สึกเกลียดมันจนอยากให้มันเสียใจ

“คุณอรินทร์ครับ เจมเขาอยากกลับบ้านแล้ว”
“ปล่อยเจม” คำสั่งนี้มีอำนาจมาก ไอ้แอมตวัดตาขุ่นๆ มองหน้านายคฤณ แต่ก็ยอมปล่อยมือตามที่เขาบอก มันมองหน้าผมแล้วก้มหน้าพลางถอยไปพิงกำแพง

ผมถูกพามายังรถนายคฤณอีกหน เขาเปิดประตูรถและดันผมเข้าไปนั่งแต่ยังไม่ปิดประตู ผู้ชายคนนี้เท้าแขนกับขอบประตูแล้วก้มหน้าลงมาหาผม

“เจมเมารึเปล่า”

“เจมไม่เมาครับ”

“งั้นก็ไม่จำเป็นต้องยืนฟังคนเมาพูด”

“.............”

“พี่ขอโทษก็แล้วกันที่ไปขัดจังหวะ” ผมขมวดคิ้วแล้วเสยตามองนายคฤณ สีหน้าเขาดูเรียบตึงนิดๆ ผมเลยไม่พูดอะไรเพิ่ม
“จะกลับบ้านเลย หรือจะกลับไปหาคุณอรินทร์”

รอบนี้ผมจ้องมองเขานานกว่าเดิม หมอนี่จงใจแขว่ะผมอยู่ใช่มั้ย? แล้วมันใช่เรื่องที่ผมต้องทนนั่งให้ใครมาเสียดสีรึเปล่า?

ผมดันตัวเขาออกจนพ้นทางแล้วก้าวลงจากรถ แต่นายคฤณกลับดันตัวผมให้เข้าไปนั่งเหมือนเดิมแล้วก้มหน้ามาหาใหม่

“โอเค พี่ขอโทษครับเจม ให้พี่ไปส่งนะ”

“พี่หนึ่งดูไม่ชอบเจม ไม่ชอบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ไม่ใช่หรอครับ อย่าเอาเจมติดรถไปเลย เดี๋ยวพี่ก็แขว่ะเจมอีก เจมไม่ชอบ”

“พี่จะไม่พูดเรื่องของเจมอีก เท่านี้ใช้ได้มั้ย? ให้พี่ไปส่งบ้านได้รึยัง”

“...........”

“นะครับ”

“เจม...คงไม่กลับบ้าน ดึกแล้ว ไม่อยากให้แม่...เจม....เจมจะกลับคอนโด ส่งเจมที่บีทีเอสก็ได้ครับ”

“พี่จะไปส่ง” เขาบอกสั้นๆ แล้วปิดประตู นายคฤณทำหน้าที่พลขับที่ดีเยี่ยม เขาขับรถนิ่มมาก และหน้าเขาก็นิ่งมาก ในรถค่อนข้างเงียบ และมันคงเงียบเกินไปเขาเลยเปิดเพลงที่ผมเพิ่งร้องให้เขาฟังเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน และร้องอวดโลกไปอีกรอบด้วยความเพี้ยนและมั่วคอร์ดจนเกินควบคุม

เขาขับรถมาถึงยูเทิร์นที่ผมชี้แล้วก็วกรถกลับเพื่อมุ่งเข้าซอยคอนโดผมที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังเอ็มโพเรียม

“จอดตรงนี้แหล่ะครับ ถึงแล้ว” ผมบอกเมื่อรถแล่นมาถึงหน้าคอนโด เขาหันมองหน้าผมแล้วก็เลี้ยวรถเข้าไปทันที

“ห้องเบอร์อะไรเจม”

ผมไม่ตอบ แต่ยื่นบัตรจอดรถที่ติดกระเป๋าตังค์ให้เขาแทน เสียงติ๊ดจากเครื่องแสกนของลานจอดรถดังแว่วเข้าหู แล้วคาดกั้นก็อนุญาตให้นายคฤณขึ้นคอนโดผมในที่สุด
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-01-2013 23:47:01

ห้องผมไม่รก เฟอร์นิเจอร์ก็มีแต่ที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมันเป็นรังนอนฉุกเฉินของผมกับจิว เราไม่อยากให้มันสบายหรือน่าอยู่กว่าบ้านเรา เพราะไม่อยากติดคอนโดแล้วปล่อยให้แม่เหงาอยู่บ้าน

ผมเปิดประตูห้องนอนผมแล้วก็พุ่งหลาลงเตียงทันที มีเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมา แต่ผมไม่ได้เหลียวไปดูว่าแขกกะทันหันคนนี้ทำอะไรกับห้องผม

นอนมึนๆ อึดอัดกับน้ำเมาและเรื่องมึนๆ ที่เพิ่งเกิดอยู่ไม่นาน ผ้าเย็นก็แปะซับลงบนแก้มผมเอง

“หือ? พี่หนึ่ง ทำอะไรครับ?”

“เช็ดหน้าให้ เจมจะได้ไม่มึนมาก ในครัวนี่ทำอะไรได้รึเปล่า พี่ทำซุปให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ เจมนอนพักเดี๋ยวก็หาย จริงๆ เจมไม่ได้เมาด้วยซ้ำ แค่มึนนิดเดียวเอง”

“พี่อยากทำให้”

“พี่อยากทำให้ทำไมครับ” ผมถามเสียงดังขึ้นหน่อย ตั้งแต่ที่เขาพูดกับผมในรถตอนที่ร้องเพลงให้ฟังรอบแรก จนถึงการเดินเข้ามาขวางทางไอ้แอมกับผม และพาผมกลับมาส่งที่คอนโด ผมอยากรู้ว่าเขาทำทั้งหมดนี่ให้ผมทำไม

“ก็...มันเป็นเรื่องดีนี่ ทำดีกับเจมไม่ดีตรงไหน”

“ตรงที่เจมไม่รู้ว่าพี่หนึ่งต้องการอะไร”

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไร”

“หรอครับ?”

“จริงๆ ก็ ต้องการนิดหน่อย”

“พี่หนึ่งต้องการอะไร?” ผมถามอย่างใจกล้า ระหว่างนอนหงายมองหน้าเขาที่โน้มลงมาทุกครั้งที่กดน้ำหนักผ้าเย็นๆ ลงบนแก้มผม

“ต้องการให้หมาเจมกินซุปร้อนๆ ไปล้างหน้าล้างตาล้างหัวให้หายมึน แล้วค่อยมาถามพี่ใหม่ ว่าพี่ต้องการอะไรจากเจม”

“..............”

“ตอบตอนนี้ เจมก็ลืม เพราะเจมกำลังกึ่มๆ เชื่อพี่เถอะ นะครับ” ผมแพ้อีกแล้ว ถ้าเขาเป็นพี่ชายผม ผมคงอ้อนทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ สุดท้ายเขาก็ดึงแขนผมขึ้นจนผมยอมยืนด้วยตัวเอง และดันตัวผมไปยังห้องที่เขาคิดว่าคือห้องน้ำ แต่มันคือประตูตู้เสื้อผ้า พี่หนึ่งหัวเราะเขินๆ แล้วก็ละมือจากการจับจูงผมไปหมกตัวเองอยู่ในครัว ระหว่างที่ผม...อาบน้ำแม่งเลย


ผมรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยๆ ก็สดชื่นขึ้นในขณะที่นาฬีกาบอกเวลาตีสองแล้ว
ซุปเห็ดรวมส่งควันมาเตะจมูกจนผมรู้สึกว่ารูจมูกขยายขึ้นอัตโนมัติ และรอยยิ้มผมก็กว้างขึ้นอัตโนมัติ

“หอมจังครับ อื๋อ? ห้องเจมมีเห็ดด้วยหรอ? แล้วมีชามแบบนี้ด้วยหรอครับ?”

“หึ! เจมกลับบ้านบ่อยกว่าค้างคอนโดสินะ” พี่หนึ่งเดาได้ถูกเผง ผมพยักหน้ายอมรับแล้วถลกขากางเกงเพื่อนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้แล้วลอยจมูกไปมาเหนือชามซุปที่มีควันกรุ่นลอยขึ้นมาบางๆ
“กินซะสิ”

“เห็ดนี่มันไม่เน่าหรอครับพี่หนึ่ง เจมจำไม่เห็นได้เลยว่าเมื่อเร็วๆ นี้เจมหรือจิวซื้อเห็ดมาไว้ที่คอนโด”

“พี่ลงไปหาในซุปเปอร์น่ะ ไปเจอที่หนึ่งที่เขาเปิด 24 ชั่วโมงพอดี มีพวกของสดด้วย เคยไปบ้างมั้ย?” ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มแหะๆ แล้วจ้วงซุปเข้าปากทันที

“โอ้ยยยยยย!!” ผมโวยลั่นแล้วสูดลมเข้าปากทันที ซุปแม่งร้อนอ่ะ คนทำก็ไม่เสือกบอกว่าแม่งโคตรของโคตรร้อน นายคฤณหัวเราะผมจนหูแดงแล้วก็ดึงชามซุปไปตรงหน้า เฮ้ยๆ ผมยังไม่อิ่มอ่ะ ซุปนั่นของผมนะ ถึงเขาจะเป็นคนทำแต่ก็ไม่ควรริบคืน

“พี่หนี่ง ของเจมนะ”

“พี่เป่าให้ ลืมบอกว่าร้อน เจมไปหาน้ำมาดื่มไป”

“ได้ ได้ แต่ซุปของเจมนะ” ผมกำชับแล้ววิ่งดุ๊กๆ เปิดตู้เย็นรินน้ำทันที พอกลับมาก็เจอซุปที่ทอนความร้อนลงไปแล้ว คนทำเลื่อนชามซุปมาให้ผมแล้วผายมือเชื้อเชิญ

“ค่อยๆ จิบเอานะ”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มเขินแล้วก็ละเลียดชิมซุป อืม อรอ่ย หอม อุ่นกำลังดี ทำไมวันนี้กินซุปแสนธรรมดาแต่เสือกมีความสุขจังวะ

“อื้อพี่หนึ่ง!” ผมทักขึ้นตาเหลือกเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“พี่หนึ่งยังไม่ได้ตอบเจมเลยนะครับ พี่หนึ่งทำดีกับเจมเนี่ยต้องการอะไร?”

“หึ หึ คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก คนเมาความจำดีด้วยหรอเนี่ย” เขาเฉไฉอยู่สินะ เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้ ผมตักซุปมาอมไว้ก่อนกลืนแล้วส่งเสียงเอร็ดอร่อย

“เจมความจำดี จำได้หมดแหล่ะครับ แล้วเจมก็ไม่เมาด้วย พี่หนึ่งตอบสิ”

“ความจำดี งั้นก็ต้องจำได้สิว่าคุณอรินทร์บอกว่าชอมเจม” แดกจุดเลยกู ผมคิดว่าตัวเองไม่ใส่ใจเรื่องที่ไอ้แอมพูดเพราะมัวแต่วุ่นวายคิดตามสิ่งที่นายคฤณกำลังทำ แต่เขากลับเป็นคนลากให้ผมวนไปคิดเรื่องไอ้แอมอีกจนได้

“หือ? คนความจำดีจำได้รึเปล่าว่ามีผู้ชายมาบอกว่าชอบ”

“เจมเจอออกบ่อย คนชอบก็ดีกว่าคนเกลียด” ผมเฉไฉบ้างเลยโดนนายคฤณผลักหัว โอย ผลักแรงซะซุปแทบร่วงจากปาก ผมทำหน้างอแงนิดเดียวก็ดื่มน้ำ เลี่ยงไปแปรงฟันแล้วห่าวประกอบให้นายคฤณรู้ว่าผมง่วงมากๆ แล้ว

“ฝันดีนะครับเจม” เขาบอกคำเดิมเมื่อผมแสดงออกว่าง่วง นายคฤณพาตัวเองไปอยู่ที่หน้าประตู เขาจะกลับแล้วหรอ? เอาไงดีวะ? จะปล่อยให้กลับไปตอนตี 3 ก็ดูแย่เพราะเขาทำดีกับผมตั้งมาก เขามีน้ำใจกับผม ผมก็ควรมีน้ำใจกับเขาสิ

“เอ่อพี่หนึ่ง!”

“หืม?” คนหน้าประตูกระทุ้งรองเท้าลำลองเบาๆ พลางมองหน้าผม เขาเปลี่ยนเป็นยืนพักขอกอดอกมองผม มุมปากแม่งยกขึ้นด้วย แอบยิ้มอยู่รึเปล่าวะ

“พี่หนึ่ง...นอนห้องเจมเถอะ ดึกขนาดนี้ ขับรถกลับก็นอนได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นแล้ว จริงๆ แล้วตอนตี 3 นี่ก็ฤกษ์ไม่ดีเท่าไหร่ มันฤกษ์ผีออก โบราณเขาห้ามเดินทาง”

“โอเคครับเจม พี่ตัดสินใจนอนกับเจมตั้งแต่เรียกพี่แล้ว เหตุผลอื่นช่างมันเถอะ ไปสิ นอน” ง่ายว่ะ หึหึ ผมยิ้มดีใจแล้วรีบหันหลังให้เพื่อวิ่งก้าวกระโดดไปทิ้งตัวลงเตียง พอได้ยินเสียงปิดประตูห้องนอนไล่หลัง ผมก็ขยับเปิดพื้นที่ให้เพื่อนนอนหน้าใหม่

“เออจริงสิ แล้วเจมไม่กลัวพี่หรอ?”

“เฮ้ย! กลัวทำไม? พี่จะทำอะไรเจมหรอ?”

“ก็พี่นอนดิ้น” สันหลังผมเสียววูบเลยครับ สารภาพเลยว่ากลัวโดนนายคฤณถีบอีกรอบ แต่ก็นะ ผมเป็นฝ่ายชวนเขานอนค้างเองนี่นา ยอดชายนายชานนท์พูดคำไหนก็จะทำตามนั้น คำพูดเป็นนายเสมอครับ ฮ่าๆๆ

“ไม่เป็นไร งั้น..เดี๋ยวเจมนอนขอบๆ เตียง พี่หนึ่งก็นอนขอบๆ ตอนดิ้นคงเตะมาไม่ถึง” หรอ? ผมถามตัวเองเมื่อเหล่มองเตียงที่เล็กว่าเตียงคิงไซส์ที่บ้าน หน้านายคฤณสื่อชัดเจนว่าคิดเหมือนกันกับผม แต่เหล่กันไปมาไม่นาน เขาก็หาทางออกให้

“จริงๆ แล้ว ถ้านอนโล่งๆ พี่จะดิ้น แต่ถ้าที่มันแคบลง พี่ไม่ดิ้น เท่าที่เพื่อนๆ บอกมานะ”

“แคบๆ หรอครับ? โหย เจมไม่ปล่อยให้พี่นอนโซฟาหรอก”

“พี่ก็ไม่ได้หมายถึงโซฟาครับ เตียงนี่แหล่ะแต่ว่า...จากที่เจมอยากจะนอนคนละขอบเตียง พี่ว่านอนชิดๆกันไว้ เท่านี้ที่ก็แคบแล้ว”
“อีกอย่าง เตียงนี้ก็ไม่ใหญ่มาก แต่เรานอนกัน 2 คนก็ถือว่าเป็นพื้นที่เบียดแล้วครับเจม”

“เอางั้นหรอครับ?”

“ไม่เอาแบบนี้ พี่ไปนอนโซฟาก็ได้”

“โหยๆ ไม่ได้ครับพี่หนึ่ง นอนด้วยกันนี่แหล่ะ เจมเกรงใจ วันนี้พี่ทำอะไรให้เจมตั้งหลายอย่าง”
“นอนเถอะครับ” ผมใจกล้าหน้าด้านทิ้งตัวลงนอนแล้วตบเตียงปุๆ เป็นเสี่ยเรียกอีหนู นายคฤณยกมุมปากยิ้มอีกแล้ว นี่เขาคำนวณไว้ในใจรึเปล่าวะ? เขาเอนตัวลงนอนข้างๆ ผมแล้วก็ตะแคงหาทันที พอผมทำตาโตถาม เขาก็บอกว่า “พี่ถนัดนอนตะแคงครับ เจมอึดอัดหรอ? งั้นพี่ไป”

“พอเถอะครับ พี่อยากนอนยังไงก็นอนเลย” ผมตัดปัญหาทุกอย่างเพราะกลัวจะเช้าเสียก่อนว่าได้นอนกัน นายคฤณยิ้มเย็นๆ ให้ผมดูก่อนนอนแล้วก็คว้าตัวผมไปกอดไว้แน่น

อื้อหือออออออออออ มากไปป่าววะ?
ผมดันตัวออกแล้วเบิ่งตาขู่ถาม คำตอบเขาทำให้ผมอ้าปากด่าอะไรไม่ได้

“ก็เจมบอกให้นอนตามสบาย พี่ติดหมอนข้างนี่ครับ”

แม่ง...นี่ฉวยโอกาสกับกูอยู่รึเปล่าวะ?
ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ นะว่านายคฤณกำลังจีบผมอยู่!



เช้าวันเสาร์นี่ผิดแผกแตกต่างไปนิด เพราะผมตื่นขึ้นในคอนโดส่วนตัว แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาคนเดียว
“อรุณสวัสดิ์ครับเจม” นายคฤณทักทายผมที่ลืมตามองเขาปริบๆ แล้วก็ขดตัวซุกหัวลงกับอกเขาเหมือนเดิม...เดี๋ยวนะ!

“เฮ้ย!!” ผมโวยเสียงดังแล้วกระตุกตัวเองลงจากเตียงทันที นายคฤณนอนหัวเราะท่าทางของผมแล้วก็ลุกขึ้นนั่งเพื่อถาม

“เป็นอะไร”

“เจมกอดพี่อ่ะ เฮ้ย! เจมขอโทษนะครับ”

“ฮ่าๆ หายกัน เพราะพี่ก็กอดเจมเหมือนกัน” โว๊ะ! ไม่ไหวแล้วไม่ไหว แบบนี้มันต้องถามให้รู้เรื่อง นายคฤณชักจะคลุมเคลือขึ้นทุกวี่วัน

“พี่หนึ่ง ล้อกันเล่นใช่ป่ะเนี่ย แบบนี้ไม่ดีนะครับ ผมไม่อยากโดนแฟนพี่ฉีกแขนขาก่อนฆ่าทิ้ง”

“พี่ไม่มีแฟนครับ”

“ไม่มีก็เล่นแบบนี้กับเจมไม่ได้ เจมเป็นผู้ชายนะพี่”

“พี่ก็เป็นผู้ชาย ไม่เห็นรู้สึกเสียหายที่เจมนอนกอดเลย”

“.............”

“ก็อุ่นดีไม่ใช่หรอ?”

“เจมถามจริงๆ เถอะพี่ ตอบเจมเถอะนะครับ ไม่งั้นเจมงงตายเลย”

“ครับ? อะไรหรอ?”

“พี่จีบเจมอยู่ใช่มั้ยครับ?”

“รู้ตัวช้าจังครับ” พระเจ้า! ไอ้คุณคฤณตอบได้หน้าตายมาก เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วก็หัวเราะพออกพอใจที่หน้าผมเหวอจนลืมหุบปาก หมอนี่เดินเข้าห้องน้ำเฉยเลย ปล่อยให้ผมยืนตาค้าง นี่ผมฝันอยู่รึเปล่า? แล้วทำยังไงผมถึงจะตื่นวะเนี่ย
“เจมครับ มาล้างหน้าเถอะ เดี๋ยวได้ทำข้าวเช้ากินกัน”

ผม...ไม่ได้ฝันว่ะ

ผมแปรงฟันลอยๆ กินโบโลน่าทอดลอยๆ แล้วก็ช่วยเขาล้างจานแบบลอย มันไม่เคลียร์ไงครับ ไม่เคลียร์เลยแม้แต่นิด
คนเรา จะรักนะชอบจะจีบ มันควรมีที่มาที่ไป แล้วที่ผมเจอะเจอนี่มันอะไรกัน จู่ๆ ไอ้แอมก็มาบอกว่าชอบผม อีกจู่ๆ ถัดมา นายคฤณก็ยอมรับว่าจีบผม

นี่ผมถูกชอบถูกจีบตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไงผมยังไม่รู้เลย ให้ตายเถอะ! ผมโง่หรือพวกนี้มันทำอะไรให้ผมรู้ตัวน้อยเกินไปกันแน่

“วันนี้เจมต้องไปทำธุระอะไรรึเปล่าครับ”

“อืมม ไม่ครับ”

“งั้น ไปเดทกันนะ”

“หือ?”

“ก็พี่จีบเจม ก็เลยชวนไปเที่ยวกัน ไปกัน 2 คนนี่แหล่ะ ขับรถไปเรื่อยๆ อยากแวะก็แวะ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบสงบๆ แค่นี้เอง ได้มั้ยครับ”

“พี่หนึ่ง...ไม่รู้สึกว่ามันประหลาดหรอครับ พี่จีบเจมนี่เจมเพิ่งรู้ แต่พี่ชอบเจมจนต้องจีบนี่ เจมไม่รู้ว่าเพราะอะไร และเมื่อไหร่”

“วันแรกที่เจอกัน ฟังดูเวอร์หน่อยแต่ว่า รักแรกพบมันคงมีจริงแหล่ะ”
“ก็เจมหน้าตาน่ารัก ดูบริสุทธิ์เหมือนลูกหมาลูกแมว”

“งั้นพี่ก็แค่เอ็นดูเจมมั้งครับ” ผมช่วยเขาชำแหล่ะความรู้สึก แต่นายคฤณกลับหยุดง่วนล้างมือแล้วหันมาหาผมทั้งตัว

“พี่ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดตอลดเวลา แล้วก็ไม่หึงคนที่พี่แค่รู้สึกเอ็นดูหรอกครับ” น้ำเสียงจริงจังขึ้นมาเลยครับ ผมเลยได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วชี้หน้าตัวเอง

“เจมมีอะไรที่ทำให้พี่ชอบหรอ?”

“ไม่มีอะไรเฉพาะเจาะจง แต่พอรวมๆ กันออกมาแล้วเป็นเจม พี่รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ เท่านี้แหล่ะ”
“หรือมันต้องเหตุผลอลังการมากกว่านี้ ขอโทษนะ พี่ไม่มีหรอกครับ ถ้าอยากฟังก็ลองไปถามคุณอรินทร์สิ” แหน่ะ...นี่หึงรึเปล่าวะ? งั้นก็แสดงว่าที่เขาโผล่ไปคั่นจังหวะที่ไอ้แอมบอกว่าชอบผม เขาก็จงใจสินะ

ที่ขอให้ร้องเพลงให้ฟัง มารับ มาส่ง โทรหา ซื้อของให้หมา มาคุยกับแม่ ซื้อเสื้อมาให้ไอ้จิวทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากัน ทั้งหมดนี่ทำเพราะชอบผม?

ตัวลอยแฮะ
ลอยคราวนี้ไม่ใช่เบลอมึน ตั้งรับไม่ทันน่ะครับ แต่ตัวลอยเพราะรู้สึกเลอค่า กร๊ากๆๆ เขาจีบผมอ่ะ เขาเป็นถึงผู้บริหารบริษัทใหญ่โต ทางเลือกเขาน่าจะมีมากมาย แต่เขากลับมาจีบคนตัวเล็กๆ ในสังคมอย่างผม

ไม่ว่าผมจะรู้สึกตรงกันกับเขาหรือไม่ แต่สิ่งแรกที่ผมรู้สึกก็คือ ตัวลอย และผมก็เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องตัวลอยเหมือนกันทั้งนั้นครับ

ผมไม่เซ้าซี้ต่อ และเขาก็ไม่เซ้าซี้ถามว่าผมคิดยังไงกับเขา ก็ดีครับ มันยังเร็วเกินไปที่ผมจะรู้คำตอบในใจตัวเอง ผมคิดว่าทุกอย่างต้องการเวลา

นายคฤณหายออกจากห้องไปอีกรอบ บอกผมว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยนแล้วค่อยพาผมไปเที่ยวในแบบที่เขาคิดว่าผมต้องชอบ ผมก็ตามใจ ระหว่างที่อยู่คนเดียวในห้องผมก็โทรหาแม่ เพื่อบอกว่าเมื่อคืนเมาแล้วแต่ก็กลับคอนโดปลอดภัยดี และวันนี้มีโปรแกรมเที่ยวกับ...เอ่อ...เพื่อน ค่ำๆ จะโทรบอกแม่อีกทีว่าจะกลับไปกินข้าวด้วยรึเปล่า

หม่อมแม่ก็ใจดี บอกให้ผมงอนเล่นว่า “หม่อมเจมไปดีเถอะ วันนี้แม่จะไปกินข้าวกับน้ำเพชร” ครับ ครับ ทั้งลูกรัก ลูกสะใภ้แสนรัก เหลือใจรักผมมั้ยล่ะนั่น


วางสายจากแม่ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ผมขมวดคิ้วคิดคำนวณอยู่ว่าใครโทรมา แต่เดินไปรับนี่แหล่ะง่ายสุดที่จะได้รู้แล้ว

“ครับ เจมครับ”

“เจม กูเอง”

“.......”

“กูไง”

“อะ....แอม”

“อืม กูมีเรื่องอยากคุยด้วย ขึ้นไปหาที่ห้องได้มั้ย”


เอาไงดีล่ะกู?
อยากคุยกับไอ้แอมก็อยาก ผมอยากถามมันว่ามันคิดอะไรถึงได้พูดออกมาแบบนั้น และถ้ามันยืนยันว่าคำว่าชอบของมันนั้นจีรังเหลือเกิน เลอค่ามากมาย ทำลายลงไม่ได้เพราะมันจะสูญสิ้นทุกสิ่ง ผมก็จะได้คิดต่อว่าจะทำยังไงให้รูปการความสัมพันธ์ หรือความเป็นเพื่อนแบบกวนตีนกันเอามันของไอ้แอมกับผมจะไม่พังครืน

แต่ว่า...นายคฤณล่ะ
ดูจากเวลาแล้ว เขาน่าจะกำลังรีบกลับมาที่ห้องผม

ผมควรทำยังไงดี?


Cut



ฝากเรื่องความรักป่วนๆ ของน้องเจมไว้
ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-01-2013 00:07:47
พูดไม่คิดนะพี่หนึ่ง เจมอย่าให้ตามไปถึงห้องนะนิ่ง ๆ ไว้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 05-01-2013 00:59:34
แอมนี่มัน ..........
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 05-01-2013 01:30:59
รถไฟจะชนกันซินะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 05-01-2013 02:26:17
ยังไงล่ะทีนี้

มาเจ้อะกันแหงๆ เสียใจด้วยนะเจม 555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 05-01-2013 06:35:31
ฮือๆชอบเรื่องนี้มาก
ต้องลำบากใจหน่อยแล้วเจม :z2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-01-2013 16:54:57
ก็ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบให้ตัวเอง แต่การต้องตัดสินใจมันย่อมมาก่อนคำตอบเสมอ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zodiacniing ที่ 05-01-2013 16:59:14
ยังไงต่อล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 05-01-2013 22:59:08
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 6



ร้านกาแฟติดล๊อบบี้เป็นที่ที่ไอ้แอมรอผมอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้เช้ามาก แต่มันก็หาข้ออ้างว่า “เดี๋ยวกินกาแฟรอ ลงมาเร็วๆ หน่อยก็ดี” หนอย! ไอ้อ๋อมแอ๋ม ถ่อมารบกวนกันถึงคอนโดแล้วยังมีหน้ามาสั่งเสียงเข้ม ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียวก็ลงไปหามันโดยที่ไม่ล็อคห้อง เพราะหวั่นๆ ว่านายคฤณจะเข้าห้องไม่ได้ ยืนทำใจอยู่หน้าร้านไม่นานก็ผลักประตูเข้าไป ไอ้แอมยืนขึ้นแสดงตัวทันทีว่านั่งรออยู่ตรงไหน ผมพยักหน้าให้แล้วก็เดินล้วงกระเป๋าดุ่มๆ ไปหา

คุ้กกี้แม่งหอมอ่ะ แย่ว่ะ ไม่ได้เอาตังค์ลงมาซักบาท

“มีไรมึง”

“เรื่องเมื่อคืน” สัดเอ้ย! เข้าเรื่องเร็วและแรงกว่านักแข่งรถระดับจักรวาลกระชากเกียร์  ผมตีมึนเลิกคิ้วส่ายหัวด๊อกแด๊กกวนตีนมัน ไม่รู้อ่ะ ไม่รู้ กูเป็นปลาทอง ขี้หมดไส้ใจก็ลืมอดีต
“มึงจำไม่ได้หรอ? มันถามย้ำ ผมก็ตีหน้ามึนต่อแล้วก็ยอมพูดกับมัน

“เรื่องอะไรอ่ะ? หรือว่าเราได้รางวัลวะ? เออดีๆ แบ่งกันให้เท่าเทียมนะเว้ย กูอยากได้ของอยู่หลายสิ่ง”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วเราก็ได้แค่รางวัลปลอบใจ คนละ 5 พัน ไม่พอปรนเปรอญี่ปุ่นบ้าแบรนด์อย่างมึงหรอกเจม” นี่มึงชอบกูแน่หรอ? ด่าดูยาวมาก ห่า! ดึงเผ่าพันธุ์กูมาแขว่ะอีกต่างหาก

“แล้วมึงมาเรื่องอะไร? เมื่อคืนมีไรหรอ? ไอ้ต้อมไปสร้างวีรกรรมอ้วกรดหัวพี่คนไหนรึเปล่า? มึงได้บอกมันรึยังว่านี่ยังไม่ถึงสงกรานต์ ไม่ต้องรีบอวกรดหัวผู้ใหญ่”

“เจม...จริงจังหน่อยสิมึง” ห่า! มึงจริงจังมึงก็พูดสิ ทำไมต้องให้กูเริ่ม ผมยักไหล่แล้วชะโงกหน้ามองกาแฟในแก้วมัน พร่องไปนิดเดียว ผมเลยเดินไปสั่งคาปูชิโน่มาจิบบ้าง ร้านนี้แม่งก็เปิดแอร์เหมือนลักลอบเลี้ยงแพนด้าพาเพลินเชียว หนาวชิบหาย

“ก็จริงจังมากอยู่นี่ไง”

“เรื่องเมื่อคืน....” ไอ้แอมเกริ่นแล้วก็เงียบไป มันก้มหน้าพลางหมุนถ้วยกาแฟของมันเล่นไปมา ระวังแก้วเวียนหัวนะมึง ผมมองมันจนสังเกตเห็นว่าหน้ามันแดงๆ แดงไปถึงหูก็เลยเอนหลังพิงพนัก

จนคาปูฯ ที่รักของผมมาเสิร์ฟนั่นแหล่ะ มันถึงได้พูดต่อประโยคที่มันเกริ่นเอาไว้ ถ้ามันเว้นช่วงนานกว่านี้ผมหลับแน่ครับ นี่ยอมรับตรงๆ เลย

“เรื่องเมื่อคืน ที่กูเอ่อ...”
“กูบอกว่าชอบมึง มึงจำได้รึเปล่า” ถ้าจำไม่ได้ ผมก็ต้องจำได้ในบัดดลแหล่ะครับ ก็แม่งบอกท้อปปิคมาชัดแจ้งขนาดนี้ กูจะดูโง่มากถ้ายังแกล้งโง่

ผมพยักหน้าหงึกแล้วยกแก้วคาปูชิโนขั้นจิบ งึ้ย! ร้อนอ่ะ แต่จะทำท่าหน่อมแน้มเป่าลมไปมาคงไม่เข้ากับสถานการณ์ ผมเลยทำนิ่งไว้ครับ แต่ลิ้นนี่ชาไปแล้ว

“แล้วมึงว่าไง”

“กูต้องว่าไงล่ะ?  ทางเลือกกูมีไรมั่ง มึงบอกมา” ผมย้อนถาม หวังนิดๆ ว่ามันจะเข้าใจว่าผมหมายถึงผมไม่มีคำตอบให้

“งั้น มึงรังเกียจกูรึเปล่า?” ผมส่ายหัว ถ้ารังเกียจก็คงไม่มานั่งฟังมันอึกอักพูดอยู่แบบนี้
“แล้ว มึงเกลียดกูมั้ย?” ผมส่ายหน้าแล้วก็ใจกล้าจิบคาปูร้อนๆ อีก รอบนี้ไม่ชาแล้วครับ สงสัยเม็ดความรู้สึกยังไม่ฟื้น
“งั้น...มึงก็ชอบกูเหมือนกัน” พรวดดดดดดดดดดดด!! พ่นเลยครับ พ่นทันที มึงเอาอะไรคิดหือไอ้อ๋อมแอ๋ม

ผมรับทิชชู่ที่มันยื่นให้มาเช็ดปากซับคางแล้วก็ปาดโต๊ะส่งท้าย พอคุมความงงได้ผมก็ถามมัน

“มึงชอบกูแบบไหนแอม”

“ก็ชอบอ่ะ อย่าโง่ดิเจม กูชอบมึงไง ชอบมึง”

“แบบไหนล่ะไอ้เหี้ย”

“สัดเจม อย่าให้กูพูดอีกเป็นรอบที่สองนะ”
“กูชอบแบบที่สามารถรู้สึกอยากจูบมึงทุกครั้งที่มึงขยับปากด่ากูนั่นแหล่ะ” ไอ้เหี้ยแอมแม่งซาดิสม์ ผมหรี่ตามองมันแล้วถามอีก

“ชอบกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วมึงไม่รู้สึกประหลาดบ้างหรอ? กูเป็นผู้ชายนะ ไม่มีเนินนมให้มึงบี้เล่นเวลาเอากันหรอก” ตรงครับ ตรงมากๆ พูดไปยังอายปากตัวเอง แต่ผมไม่เคลียร์จริงๆนะ

ผมไม่ใช่เกย์แน่นอน ผมชอบผู้หญิง สเปคยังไม่มีเพราะผมเชื่อว่าถ้าคนนี้ใช่ใจมันจะบอก และที่ผ่านมาใจผมไม่เคยบอกเลยว่าชอบผู้หญิงคนไหนแบบลึกซึ้งถึงขั้นอยากหลอมรวมจิตวิญญาณ อยากผูกชะตาชีวิต

เพราะฉะนั้น ผมไม่ดีใจหรอกครับที่ได้ฟังคำว่าชอบจากปากผู้ชายที่มีสถานะเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าปากจะด่ากันได้ทุกวี่วัน แต่ผมกับไอ้แอมก็ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกันแต่ชาติปางไหน ซ้ำยังเข้าทำงานที่นี่พร้อมๆ กับ ไอ้ต้อมด้วยอีกคน วันมาสัมภาษณ์รอบสุดท้ายผมยังจำได้เลยว่าเจอมัน ซึ่งแม่งก็ทำมุมปากตกให้ผมดู ผมเลยตั้งป้อมไม่ชอบหน้ามันนั่นแหล่ะ

แล้วมันล่ะ เป็นเกย์หรอ? ทำไมมันถึงไม่รู้สึกประลาดใจในตัวเอง และยังกล้าบอกความรู้สึกให้ผมรับรู้ ไม่กลัวเสียเพื่อนรึไง? หรือมันคิดว่าได้ก็ดี ไม่มีใจก็ช่างแม่ง

“กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชาย แล้วกูก็เคยตัดใจแล้ว รสนิยมกูไม่ได้เปลี่ยนนะ กูเอาผู้หญิงได้ และกูก็เอามาตลอด” บอกกูทำเหี้ยไรไอ้แอมจอมเก็บแต้ม

“แต่ความรู้สึกกับมึง มันลึกขึ้นเรื่อยๆ ที่เคยชอบหน้ามึงเพราะน่ารักดี แม่งก็กลายเป็นชอบทุกอย่างที่เป็นมึง เป็นห่วงมึง อยากดูแลมึง อยากมีส่วนร่วมในชีวิตมึง อยากให้มึงคิดถึง อยากให้มึงรู้สึกเหมือนกัน มันลึกซึ้งจนกูคิดว่ามันเป็นความระ”

“เดี๋ยวไอ้เหี้ยแอม” ผมยกมือห้ามมันไว้ก่อน คำคำนั้นมันมีคุณค่า คนที่จะสัมผัสกับความรู้สึกนั้น ควรรู้ว่ามันมีค่ามากเสียจนไม่ควรพูดออกมาพร่ำเพร่อ
“ก่อนมึงจะคิดว่ามึงมีความรู้สึกนั้นกับกู มึงฟังกูนะ”
“กู...ไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วกูก็ไม่ผิดที่กูหน้าตาน่ารัก”
“เรื่องความรู้สึกมึง กูไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง แต่ในเมื่อมึงเลือกจะบอกกู กูก็เลือกจะบอกมึงตรงๆ เหมือนกัน”

“.............” มันเงียบฟังผม ระหว่างวันมันก็ก้มหน้าลงไปถอนหายใจแล้วเงยหน้าใหม่ รอบนี้ดูเหมือนมันพยายามยิ้มให้ แต่มันยิ้มไม่สดใสหรอกครับ ไอ้มุมปากที่ตกๆ นั่นมันถ่วงไว้

“กูจะเป็นเพื่อนมึงไปตลอดชีวิต”

“ไหนว่าไม่รังเกียจหรือเกลียดกูไง”

“ใช่ไงไอ้สัด แต่ไม่รังเกียจและไม่เกลียด ไม่ได้หมายความว่ากูชอบมึงเหมือนที่มึงชอบกู”
“กูให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน ซี้มากซี้น้อยก็แล้วแต่ระยะเวลา กูขอบใจที่ชอบกู และเลือกจะบอกให้กูรู้ ดีกว่าชอบกู จ้องกูแล้วเอากูไปจิ้นช่วยตัวเอง แบบนั้นกูโกรธเหี้ยๆ แน่”

“..............”

“แอม...เชื่อกูเถอะ กูรู้ตัวกูดี มึงเลือกจะบอก มึงก็ต้องรับผลที่ตามมา”
“กูไม่ได้อยากให้มึงผิดหวังหรอกนะ แต่กูรับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้ว่ะ”
“เป็นเพื่อนกันน่ะ ดีสุดแล้วสำหรับมึงกับกู”

“แล้วกับนายคฤณนั่นล่ะ มึงกับเขาเป็นอะไรกัน”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง”

“มึงชอบเขาหรอ? ไหนว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วทำไมมึงต้องไปดีดอูคูเลเล่อารมณ์ดีในรถเขาก่อนเราแสดง ทำไมเขาต้องดึงมึงไปจากมือกู ทำไมแม่งถึงได้ลากมึงไปได้อย่างง่ายดายแบบนั้น”
“มึงชอบเขาใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง!” ผมเกือบตวาดกลับไปแล้ว ดีกว่ายั้งอารมณ์ไว้ได้ ผมไม่ชอบใจนักที่มันมาจี้จุดผม มาจ้ำจี้จ้ำไชให้ผมใช้คำพูดมันเป็นมาตรวัดความรู้สึกตัวเอง

“เออ กูขอโทษ”
“แต่กู...เป็นห่วงจริงๆ นะ”

“อืม”

“ดีเหมือนกันที่มึงบอกกูตรงๆ แบบนี้ แต่กูก็ยังเป็นห่วงมึงได้อยู่ใช่มั้ย?”

“มึงทำอะไรได้หมดแหล่ะแอม ตราบใดที่มึงทำด้วยพื้นฐานของความเป็นเพื่อน” ผมบอกจุดยืนที่มันกับผมจะใกล้กันได้มากสุด ยอดชายนายอรินทร์พยักหน้ายอมรับและยิ้มเศร้าๆ ให้ผมมอง มันนั่งถอนหายใจและจิบกาแฟต่อ และก็ทำตัวเป็นพระเอกซึนๆ บอกกับผมว่า “กูขออยู่คนเดียวสักพักเถอะว่ะ กูคงต้องใช้เวลาทำใจนาน โทษที”

เข้าวัดมั้ยมึง? เงียบมาก เดี๋ยวกูพาไปฝากเจ้าอาวาส


ผมจ่ายค่ากาแฟให้มันด้วย พอยิ้มให้มันส่งท้ายแล้วผมก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงวอร์มดุ่มๆ กลับขึ้นห้อง นายคฤณยังไม่กลับมาล่ะมั้ง พอสำรวจทั่วก็มั่นใจว่าหมอนั่นยังไม่กลับมาจริงๆ  นี่มันผ่านไปร่วมชั่วโมงนะ ซื้อเสื้อผ้าก็แค่ที่เอ็มโพเรียมไง บอกมอเตอร์ไซค์เข้าซอยก็ถึงแล้ว อะไรวะ?

กำลังจะโทรถามว่าอยู่แห่งใดแล้ว เขาก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง พร้อมกับแก้วกาแฟร้านข้างล๊อบบี้ที่ผมและไอ้แอมเพิ่งนั่งคุยกัน

นายคฤณเป็นคนร้ายกาจได้อ้อมโลกจริงๆ ครับ

“พี่หนึ่งไปไหนมาครับ นานจัง” ผมแกล้งถามและยิ้มตะล่อม เขายกแก้วกาแฟขึ้นดูดให้ผมเห็นโลโก้ชัดแจ๋ว แล้วก็ตอบเสียงเย็นๆ

“ไปนั่งเป็นเพื่อนเจมในร้านกาแฟ” อื้อหือออ นี่ถ้าเขาคาดคั้นว่าผมคุยอะไรกับไอ้แอมบ้าง ผมคงไม่กล้าปดแม้แต่คำเดียว ดูจากรูปการแล้วแม่งคงนั่งที่ไหนซักทีที่ผมและไอ้แอมมองไม่เห็น แต่เขากลับได้ยินคำคุยของผมกับมันแบบชัดแจ๋ว

“อ่ออ แล้วได้เสื้อผ้ารึเปล่าครับ แล้วจะไปไหนกัน บอกเจมก่อนก็ดีนะ จะได้แต่งตัวถูก” เขาไม่ตอบอะไรแต่เดินไปวางของทุกอย่างไว้ที่โต๊ะหน้าทีวี จากนั้นก็เดินมาขยี้หัวผมแล้วยิ้มให้

“เจมเก่งมากนะ พี่คิดว่าคุณอรินทร์ต้องเข้าใจเจมแน่ๆ” มั้ยล่ะครับ ได้ยินทุกคำ เข้าใจทุกความรู้สึก ซ้ำยังไม่ถามไม่ถกเรื่องราวของผมกับไอ้แอมต่อด้วย ที่เขาชวนผมคุยต่อ ก็มีแต่เรื่องของผมและเขาเท่านั้น

นี่ล่ะมั้งความต่างของนายคฤณกับไอ้แอม
เขาไม่เคยถึงเรื่องคนอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเกี่ยวกับผม ไม่เหมือนไอ้แอมที่พูดเรื่องของเขาให้ผมฟัง ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมัน

และผมก็สบายใจจะอยู่ใกล้กับนายคฤณมากกว่า

นายคฤณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำในห้องนอนผม ส่วนผมมาอาบในห้องไอ้จิวมัน ห้องแม่งรกชิบหายเลย ไม่รู้แม่งจะเก็บไอ้กระดาษห่าเหวนี่ไว้ทำไมนักหนา ถ้าไฟไหม้ขึ้นมา ผมว่าห้องมันจะวอดวายจนหมดไส้สินทรัพย์เป็นห้องแรก

ออกมาก็เจอคนหล่อครับ
หล่อจริงๆ หล่อสุภาพชนมากมายจนผมอยากไหว้สวัสดีเชียว นายคฤณเลิกคิ้วมองผมแล้วก็ยิ้มให้ คำถามแรกจากปากเขาช่างเหมือนไอ้จิวเหลือเกิน

“สภาพนี้?” ทำไมหรอ? ชุดเซอร์ๆ ของผมมันหนักตาดำใครนักหนาหรอ?

“ทำไมอ่ะ พี่หนึ่งอายไม่อยากเดินด้วยหรอ?”

“เปล่าครับ เซอร์ดีๆ งั้นพี่ไปเปลี่ยนดีมั้ย?” เขากางแขนให้ผมมองหุ่นเขาชัดเจน ผู้ชายคนนี้ใส่ยีนส์แล้วเท่ชิบหาย ตูดก็มีไม่มากมาย ขาก็ยาว ไหล่ก็กว้าง ผิวก็ขาว โอ้ย! อยากถามเหลือเกินว่าเคยเดินแบบมาก่อนมั้ย

ผมทำท่าคิดแล้วเดินไปจับๆ เสื้อเขาแล้วก็ให้คำตอบ

“แต่งแบบนี้ก็ดีครับ ดูดีมีเงินถลุงใช้ ถ้าเราแต่งเซอร์กันหมด แวะที่ไหนคงไม่มีใครต้อนรับ” ผมบอกแล้วตบอกเขาปุๆ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสามส่วนลายตารางสีนำเงินเข้มตัดดำ กางเกงยืนส์เข้ารูปแต่ไม่รัดรูป ชายเสื้อยัดเข้าใส่กางเกงหมิ่นจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ รองเท้านี่แอบชำเลืองว่าเป็นหนังหุ้มส้น มีแว่นดำเสียบไว้ที่คอเสื้อด้วย นี่พ่อคุณเหมาเอ็มโพเรียมมาหมดไปเท่าไหร่ครับเนี่ย

ผมหรอ? ฮ่าๆ อย่าให้อวด แต่งตัวเข้ากับเขามากครับ เสื้อยืดเนื้อโปร่งเอาสบายไว้ก่อน สีขาวครับ มีป้ายยี่ห้อผึ่งออกจากปกคอด้านหลัง กางเกงยีนส์ตัวโปรดรัดรูปนิดๆ นิดเดียวจริงๆ แล้วก็ผ้าใบหุ้มส้นสีขาวซีดมาก ฮ่าๆ ผมหล่อกว่าเห็นๆ จริงมั้ย?

“แล้ว...เราจะไปไหนกันครับ?”

“ทะเลระยอง” พร่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงกูชื่อเท็ตสึ ผมอึ้งมากครับยอมรับเลย คือ....คุณมึงครับ กูแต่งตัวเซอร์มากแต่แอบอวดผู้คนได้นะ คุณมึงก็แต่งซะเต็มยศ แต่จะกระเตงกันไปทะเล ไหวมั้ยวะ?
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เจมไม่ชอบทะเลหรอ?”

“เปล่าครับ เจมชอบ แต่ว่าถ้าพี่หนึ่งบอกก่อน เจมจะได้ใส่ขาสั้นไง รองเท้าแตะด้วย”

“เราไม่ลงเล่นน้ำทะเลหรอก มันไม่มีที่ให้ดำดูปะการัง พี่จะพาเจมไปขี่มอเตอร์ไซค์ชมวิวพระอาทิตย์ตกน่ะ สงบดี”

“อืมมมม” ชุดที่เขาสวมใส่ที่เริ่มเข้าเค้าแล้วครับ โอเค ถือว่าเป็นทริปที่น่าสนใจ เขาเห็นผมกำลังนึกภาพตามละมั้ง ก็เลยบอกเพิ่ม

“เดี๋ยวค้างบ้านพี่คืนนึง แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ หาที่แวะซื้อของฝากแม่เจมด้วยเนอะ”

“หือ? ค้าง?”

“ใช่ ค้าง”
“กว่าเราจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆ แล้ว กินข้าวกันแล้วค่อยเข้าบ้านไปเอามอเตอร์ไซค์ สัก 2-3 ทุ่มค่อย...”

“เดี๋ยวครับพี่หนึ่ง พี่จะพาเจมไปค้างต่างจังหวัดหรอ?”

“อื้อ ใช่สิ” จะโอเคมั้ยเนี่ย ระยองนี่แม่งมีกระท่อมกลางป่าและห่าฝนที่คิดจะถล่มก็หล่นลงมารึเปล่าวะ?
“อะไร? คิดอะไรน่ะเจม”

“คิดอะไรไม่เข้าท่านิดหน่อยครับ” ผมสารภาพและยิ้มแหะๆ เขาเลยขยี้หัวผมแล้วผลักเบาๆ พร้อมกับถามหากระเป๋าที่ผมพอจะมีติดห้องสำหรับใส่เสื้อผ้าของผมที่ต้องไปค้างคืน

ผมเห็นเขาถ่ายขนมที่เพิ่งซื้อมาลงถุงย่อยๆ ที่เขาไปหามาจากไหนผมก็สุดจะหาคำตอบ ท่าทางเขาจะเป็นคนรอบคอบและใจเย็นมาก เพราะไม่ว่าผมจะหยิบอะไรใส่ไปกระเป๋า เขาจะเดินมาแหวกดู และถ้าไม่หยิบออกก็จะไปหยิบของอย่างเดียวกันมาโยนไปเพิ่ม อาทิเช่น กางเกงใน ซึ่งมันเป็นของผมอ่ะ มายุ่งอะไรว้า อายนะ!

“เฮ้ยๆ พี่หนี่ง อันนี้จำเป็น”

“เจมเอาไปทำไมต้องสี่ห้าตัว เราค้างคืนเดียว พรุ่งนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุด สองตัวก็พอ”

“ฮี่ๆ” ผมหัวเราะทะเล้นแล้วก็ปากไวพูดออกไปว่า
“พี่หนึ่งไม่รู้อะไร นี่มันเกงในแบบล้อคกุญแจ เลยต้องเอาตัวอื่นไปเสริม ปิดรูกุญแจไงครับ”

“หรอครับ? งั้นปั๊มกุญแจให้พี่เก็บไว้ด้วยดอกนึงนะเจม” อูยยยย ไม่น่าเล่นเลยกู ผมเกาหัวยิ้มแหยแล้วก็ตีหน้าสลดมองเขาคว้ากางเกงในผมไปเก็บเข้าตู้ เหลือไว้ให้แค่ 2 ตัวตามที่เขาบอกนั่นแหล่ะ

แล้วนี่แม่งไม่อายหรือเกรงว่าผมจะอายบ้างหรอ?
พอบอกว่าจีบปุ๊บก็ทำหน้าที่จัดระเบียบกางในกูทันทีเลย เอาเปรียบกันเกินไปมั้ย?

ผมเลยคอตกมานั่งมองพ่อคนที่สามจัดเก็บของอย่างใจเย็น ส่วนตำแหน่งพ่อคนที่สองไอ้จิวซิวตำแหน่งไปครองตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย มันทำให้กระทั่งตารางขับถ่ายครับ และแม่ก็เห็นด้วยเพราะว่าตอนนั้นผมเป็นคนไร้ระเบียบมากๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นิดๆ

เมื่อเรียบร้อยเขาก็เรียกผมและแบมือรอกลางอากาศ และก็ไม่รู้ว่าร่างกายผมนี่เป็นยังไง ถึงได้ส่งมืออันแบนเล็กของผมไปวางบนมือเขาเพื่อให้ถูกเกาะกุมไว้หลวมๆ แต่ความอุ่นดีนุ่มด้วยนี่แล่นมาบอกกันถึงแกนสมองเลย เขายิ้มน้อยๆ และล็อคห้อง เก็บคีย์การ์ดเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองและเดินนำผม ทั้งที่นี่มันถิ่นผมชัดๆ

นายคฤณขับรถไม่เร็วครับ เหยียบมา 140 ไม่มีผ่อนคันเร่ง แต่ผมไม่รู้สึกอันตรายนะ เพราะเพื่อนร่วมทางมีน้อย และเขาก็บอกผมไว้ก่อนแล้วว่า “เส้นนี้พี่ขับกลับแทบทุกอาทิตย์แหล่ะ ง่วงก็นอนได้เลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุก” ผมไม่ใช่คนขี้เซาหรอกนะ แต่แอร์ 23 องศามีผลร้ายแรงกับผมมาก เลยต้องหลับหนีมัน

ตื่นอีกทีตอนแวะปั๊ม คนที่บอกว่าขับเส้นทางนี้จนชินแล้วเขาแวะซื่อกาแฟเข้มสุดขมสุดมาดื่มครับ ผมก็เล็มน้ำอัดลมที่เขาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อเช้านั่นแหล่ะ ขนมก็แทะๆ ขนมปังเลิศรส เล่นเอาผมไม่รู้สึกหิวเลยทั้งที่ตอนนี้มัน 4 โมงกว่าแล้ว นายคฤณเติมพลังด้วยขนมปังในมือผม ครับ...อ่านไม่ผิดครับ เขากินขนมปังจากมือผม ผมไม่ได้ป้อนนะครับ แต่ครัวซองค์แฮมมันมีแค่ 2 ชิ้นและผมฟาดไปแล้ว 1 อีก 1 นี่กำลังฟาดอย่างขะมักเขม้นเลย พอผมถามว่า “พี่หนึ่งกินมั้ย?” เท่านั้นแหล่ะครับ นายคฤณก็งาบเลย

จะไม่หน้าแดงเลยนะครับ เพราะผมไม่ใช่คนขี้เขินอะไรนักหนา แต่ไอ้การเลียนิ้วมือผมที่เปรอะเนยนิดๆ อยู่ 2-3 ครั้งนี้...กูเขินมากกกกกก แล้วกะอีแค่เลียนิ้วจะหลับตาพริ้มทำไม? แล้วท่าเลียลิมฝีปากนั่นอะไร? สายตาที่ส่งให้นั่นอีก

คนเหี้ยอะไรวะ ลิ้นนุ่มชิบหาย ทำกูเขินชิบหาย ใจกระเจิงเว้ย!

“หน้าแดงหมดแล้วเจม”

“ในรถมันร้อน” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นมาก นายคฤณไม่ไล่บี้ผมต่อ เพียงแค่สะกิดบ่าผมแล้วจิ้มไปที่หน้าปัดบอกอุณหภูมิ สัด! กูเกลียดมึงไอ้ 23 องศา!

ผมหมดคำแถก็เลยนั่งนิ่งๆ จิ้มเปลี่ยนเพลงในซีดีแม่งเรื่อยเปื่อย เขาคงรำคาญนิดหน่อยเลยปัดมือทิ้งแล้วก็กดเลื่อนเพลงเอง เพิ่งรู้ว่าที่เขาทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะรำคาญผม แต่เขาจีบผมอีกสเตปต่างหาก

เพลงที่ผมร้องให้เขาฟังในรถคันนี้ เมื่อคืนวานนี้ถูกบรรเลงขึ้น แค่ได้ยินสียงอูคูเลเล่นโน๊ตแรกใจผมก็เต้นตึงตังจนผมต้องเบนตัวไปพิงประตูแล้วนั่งเงียบ

“เป็นอะไรครับเจม”

“ขอเป็นใบ้แป๊บนึงครับ” ผมปากไวตอบแล้วก็โดนขยี้แก้มไป 1 ที แม่ง! กูเหมาะกับกิริยาหน่อมแน้มขนาดนี้เลยหรอ? เกิดมาเพิ่งรู้ตัววันนี้แหล่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 05-01-2013 23:15:51
ถึงแล้ว!!! ละมั้ง?
ผมหันมองเขาที่จอดรถเรียบร้อยดีแล้วแต่ไม่ยักกะดับเครื่องแล้วลงจากรถ ตอนนี้เราอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่โตครับ สุดปลายถนนน่าจะนำไปสู่ชายหาด รอบข้างก็มีบ้านอื่นประปราย แต่ไม่ใหญ่เท่า แล้วก็อยู่ห่างกันพอสมควรด้วย

“ถึงรึยังครับ?”

“ถึงแล้ว เอ่อ...เจมรอในรถแป๊บนึงนะ พี่...ขอเข้าบ้านก่อน”

“ทำไมอ่ะ เข้าพร้อมกันไม่ได้หรอครับ? ไปเคลียร์อีหนูหรอ”

“ไปจัดที่รออีหนูน่ะ เพิ่งคิดได้ว่ามันรก อายเจม” เขาบอกและหน้าเขาก็แดงประกอบคำพูด ผมหัวเราะขำแล้วก็กระโจนลงจากรถตามก้นเขาไปติดๆ อยากรู้ชิบหายว่ารกของนายคฤณมันจะเลเวลไหนกันเมื่อเทียบกับเจ้าพ่อห้องรกอย่างไอ้จิว

ก็รกนะ
ผมให้คำตอบตัวเอง แต่เป็นระเบียบมากเมื่อเทียบกับห้องไอ้จิว ผมขำคนที่จับผมมายืนนิ่งๆ ที่ข้างโซฟาแล้วก็ลุกลี้ลุกลนเก็บเอกสารที่เกลื่อนโซฟา แล้วพอย้ายผมมานั่งนิ่งๆ ที่โซฟาแล้วก็เก็บโน้ตบุ้คที่ยังเปิดอ้าอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวี เก็บชามอาหารที่ว่างเปล่า แก้วน้ำที่มีน้ำเปล่าแกร่วอยู่กึ่งนึง ทุกอย่างอยู่ในที่ที่ควรอยู่แหล่ะครับ แค่กระจัดกระจายเพราะถูกใช้งานหนักเท่านั้นเอง

พอรู้สึกว่าเข้าที่แล้ว เขาก็ยืนเกาหัวเท้าเอวมองผมแล้วยิ้มเจื่อนๆ สงสัยจะอายที่เสียมาดผู้ใหญ่ที่โตกว่าผม 4 ปีมั้งครับ

“เหนื่อยมั้ยครับพี่หนึ่ง” ผมหยอกถามและยิ้มล้อเลียนเขา นายคฤณยิ่งเขินกว่าเดิมอีก แม่งเอ้ย! ผู้ชายคนนี้น่ารักดีเหมือนกันครับ

เขาพาผมไปเปิดห้อง แหม่ะ! ใช้คำล่อแหลม คือ..เขาพาผมไปยังห้องที่ผมจะใช้ค้างคืนนี้ ส่วนเขามีห้องส่วนตัวอีกห้องนึง เราแยกกันนอนครับคืนนี้ ผมก็ทำท่าเดินชมห้องอย่างสบายใจ ปล่อยให้เขาเช็คความเรียบร้อยของแอร์ ห้องน้ำ ทีวี ตู้เย็นแล้วก็ตู้เสื้อผ้า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมใช้เขาก็ปล่อยผมไว้ลำพังแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ครับ ชายคฤณเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ ผมน่ะหรอ? บอกแล้วไงว่าเอาเซอร์เข้าว่า นี่ล้างหน้าก็บุญแล้ว หึ


แล้วสิ่งที่เขาอยากอวดผมก็ชูชัดลำคออวดตา ดูคาติครับ ป้ายเหล็กเล็กๆ ของมันบอกตาผมแบบนั้น
อื้มมม คันละเท่าไหร่ล่ะเนี่ย? ที่ต้องอยากรู้ว่าคันละเท่าไหร่เพราะมันไม่ได้ยืนคอเอียงเป็นระเบียบอยู่แค่คันเดียว
5 คันครับ 5 คัน

แล้วคนซื้อแม่งคงบ้า ไอ้มอเตอร์ไซค์เท่นี่มันมีหลายสีนะครับ ดำ เหลือง แดง ขาว แต่ชายคฤณเขาซื้อสะสม 2 สีครับ ดำ และดำเงา กูเพลียแทนจริงๆ

“เจมเอาคันไหน อยากขี่คันไหน” แหมๆ รีบขยายความเชียว กลัวผมอุ้มมันขึ้นหลังแบกกลับบ้านหรอ? ผมเกาคิ้วที่ไม่ได้กันออกมา 2 อาทิตย์ อืมมมม จะบอกเขายังไงดีหว่า คือ...ผมไม่กล้าขี่มันอ่ะ มันแพง แล้วผมก็ไม่ได้รักความสุนทรีย์จากการขี่ไอ้ดูคาตินี่ด้วย แต่ก็ไม่อยากให้นายคฤณเก้อ อุตส่าห์ให้ผมขี่ของรักเชียว

“พี่หนึ่ง คือเจม...”

“หือ? อะไรครับ?” เกลี่ยจอนหน้าหูผมด้วยนั่น ผมจะไม่ไหวใจกระเจิงก็เพราะเขาชอบมาหือหาใกล้ๆ หน้าผมนี่แหล่ะ

“เจมขี่ไม่เป็น” อ้างแบบนี้แหล่ะดีสุด ผมก็อาย นายคฤณก็เก้อ หยวนๆ เขาหัวเราะหึแล้วลูบหัวผมเบาๆ แล้วก็นำเสนอสิ่งใหม่

“งั้นขี่จักรยานยนต์เป็นมั้ย?” ขอจักรยานคิตตี้นะ เสือภูเขาหรือเสือหมอบไม่เอา ผมไม่ชอบเสือ ผมชอบแมว ผมหันมองตามมุมที่มือเขานำเสนอ เอาเขว้! คิดตี้อ่ะ ไอ้เหี้ย น่ารักชิบหาย!

“อื้อ เป็นครับ เป็น”
“เจมเอาคันนี้” ฮ่าๆ โชว์งกเลยกู ผมถลาไปเกาะคิตตี้สีชมพูไว้เหนียวแน่นแล้วก็ขึ้นคร่อม ลองปั่นล้อฟรีเช็คเบรก เช็คเสียงกระดิ่งแล้วก็ยิ้มร่า ฮ่าๆๆๆ มีอะไรสนุกทำแล้วครับ

นายคฤณยืนหัวเราะผมแป๊บเดียวก็เดินไปเปิดรั้วใหญ่โต เขาคงนึกสนุกด้วยเลยโบกมือเป็นยามให้กับผม
“เอ้าถอยครับ ถอยยย ยาวไป ยาวปายยยยยยย” ฮ่าๆ ไอ้พี่หนึ่งบ้าแม่งน่ารักชิบหาย

และแล้วเราก็ควงคู่ขี่อิแมวกันไปยังสุดถนน ผมเดาถูกจริงๆ ด้วยครับที่สุดถนนเป็นชายหาด ผมก็เลยเดาต่อว่านี่มันต้องเป็นหาดส่วนตัวของเขาแหงๆ

“พี่หนึ่งมาที่นี่บ่อยหรอครับ?”

“อืม พี่มาดูไซท์ที่ระยองบ่อยเลยซื้อบ้านนี้ไว้ ก็เลยได้ชายหาดมาด้วย”

“แบ่งคนอื่นเขามั่งก็ได้มั้งครับ เดินเล่นในหาดส่วนตัวมันเหงา”

“เลยพาเจมมาด้วยกันไง ขอบคุณนะครับ” เขายิ้มให้แบบหล่อเย็นอีกแล้ว เฮ้ย! นี่ผมกำลังจะหลงรอยยิ้มผู้ชายคนนี้อ่ะ หรือว่าหลงไปแล้วกันแน่วะ ผมไม่ตอบอะไร แล้วก็ตั้งหน้าตาขี่อิเมวเซเลบไปตามแนวหาด

พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที่แล้วครับ แสงสีส้มเจือด้วยเหลืองอ่อนกำลังหย่อนตัวเองลงตรงส้นขอบฟ้า นายคฤณพาผมจอดจักรยานไว้ใต้ต้นไม้อะไรซักพันธ์นั่นแหล่ะ ผมไม่รู้จัก แล้วก็พาผมมานั่งคลุกทรายมองพระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำ

โรแมนติกมากครับ และก็โรแมนติกมากขึ้นเมื่อเขาดึงมือผมขึ้นมากุมไว้แล้วปัดทรายออกอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ขอบคุณนะครับเจม ที่ไว้ใจมากับพี่”

ผมไม่ได้ไว้ใจเขาเป็นพิเศษนะครับ ผมแค่รู้สึกอยู่ตลอดว่าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้นายคฤณ เท่านั้นเอง



มื้อมืดวันนี้จัดหาโดยนายคฤณครับ พอชมแสงส้มสุดท้ายของวันกันอิ่มแล้วเขาก็พาผมตระเวนไปตามหาดนั่นแหล่ะ นังแมวเซเลบมันคงบ่นกันขรมเพราะพวกผมใช้งานมันหนักมาก เราได้กุ้งสด ปูสด ปลาหมึกสด ทุกอย่างสดหมดครับ ไปเหมาซื้อมาแล้วก็ฝากให้ลุงๆ ป้าๆ แกเอามาส่งที่บ้าน รอยยิ้มที่พวกเขามอบให้นายคฤณนั้นช่างคุ้นเคยกันดีเหลือเกิน สงสัยอยู่ไม่นาน นายคฤณก็เฉลยให้ฟัง

“ลุงๆ ป้าๆ แกหากุ้งหาปูมาขายพี่ประจำแหล่ะ บางทีไปขายที่ตลาดก็โดนกดราคา โดนค่าที่ มาขายบ้านพี่ บ้านแถวๆ นี้เขาซื้อกันไม่ต่อราคาเท่าไหร่ แกก็เลยชอบ”

“อ้อออ” ผมลากเสียงยาวแล้วปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก หน้าเตาปิ้งบาร์บีคิวร้อนมากครับ ชานนท์ฟันเฟิร์ม นายคฤณเดินมาดูเตาแล้วก็ดันผมออกห่าง เขาแย่งที่คีบไปพลิกๆ กุ้งเสียเอง ผมก็เลยรักสบายเดินไปกินปูที่เขาแกะไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมน้ำจิ้มโคตรอร่อย นี่บุญจากชาติปางไหนกำลังให้คุณแก่ผมครับเนี่ย

“น้ำจิ้มอร่อยอ่ะพี่หนึ่ง”

“อร่อยก็กินเยอะ เจมกำลังโต” นี่แขว่ะกูป่ะเนี่ย? ผมแอบมองพุงตัวเอง ก็ไม่ป่องนะ แม้จะไม่มีกล้ามท้องกล้ามอกเหมือนใครเขา แต่ผมไม่อ้วนนะ นี่พูดจริงๆ
“กินเถอะ กินเยอะๆ ทำหน้ามุ่ยไปได้ ไม่อ้วนหรอก” แน่ะ! แอบรู้ความคิดผมได้ไงวะ? ผมบู้ปากใส่แล้วก็คว้าก้ามปูโตๆ ที่เขาแงะเปลือกขามันออกจนเหลือแต่เนื้อขาวๆ ปล้องใหญ่มากิน ฮือ อร่อยอ่า...อยากให้แม่กับไอ้จิวอยู่ด้วยจังเลย

“งั้น! พี่หนึ่ง พรุ่งนี้เขาจะมีมาขายอีกมั้ยครับ เจมจะซื้อไปฝากแม่”

“พี่สั่งแกไว้แล้ว” โอเค เขารอบคอบกว่าผมมาก โตกว่าผมมาก ใจดีกว่าผมมาก มีอะไรที่ผมเหนือนายคฤณบ้างเนี่ย? คิดรู้จักหลายๆมุมก็ยิ่งงงว่าคนดีขนาดนี้ หลุดมาจีบผมได้ยังไง?

พอเขาเห็นว่าปริมาณอาหารมันเท่ากับเสบียง 3 เหล่าทัพแล้วเขาก็เดินมานั่งกินปูกินกุ้งกับผมอย่างสำราญใจ ผมแกะกุ้งให้เขาบ้าง หยิบปูแล้วก็เถือกจานปลาหมีกยัดไส้หมูสับที่เขาลงมือทำเองไปตรงหน้าเขาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ตคืนสู่จานผมเสมอ ผมเลยต้องลงทุนเปิดเสื้อให้เขาดูพุงผมว่าหนังมันตึงเป่งมากแล้ว กินอีกนิดมีระเบิดแน่ครับ นายคฤณใช้นิ้วดีดแป๊ะๆ แล้วก็ถามด้วยหน้ากวนส้นตีนที่เขาไม่ค่อยงัดมาใช้นัก

“กี่เดือนแล้วคะ?”

“ไม่แน่ใจค่ะ หลายคนจนจำไม่ได้ว่ารอบไหนพลาด” ฮาๆๆๆ ผมนะที่หัวเราะ นายคฤณแค่เคาะหัวผมแล้วส่ายหน้า แล้วก็เอามือรูดปากที่อ้ากว้างของผมจนหุบแทบไม่ทัน แม่งเล่นแรง

“เจมร่าเริงตลอดเวลาแบบนี้รึเปล่า? หรือท้องอิ่มแล้วจะอารมณ์ดี หือ?” ปลายเสียงหยอดมากครับ แม้จะกรุ่นๆ ว่าเป็นคำแขว่ะผมก็เถอะ ผมยิ้มรับคำถามปนวิจารณ์แล้วกระดกน้ำอัดลมลงคอ เราย้ายจากโต๊ะดินเนอร์ข้างบ้านที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้จนผมกลัวงูดูดเลือด แต่โดนยุงฉกไปหลายตุ่ม เพื่อมาบันเทิงกันอยู่หน้าทีวีในบ้านแล้วครับ ขนมนี่ไม่ขาดเลย ชายคฤณใส่ขนมขบเคี้ยวมาพูนจาน เครื่องดื่มเขาหรอครับ เบียร์กระป๋องเขียว

“เจมก็เครียดเป็นน่า” ผมต่อปากต่อคำ โยนถั่วเคลือบวาซาบิเข้าปาก อูยยย ขึ้นมาถึงสันดั้งเลย แรงจริงๆ พอเห็นผมเกือบโดนถั่วขวางหลอดลม นายคฤณก็หัวเราะไม่เก็บอาการทันที ท่าทางเขาจะเอนจอยวอชชิ่งผมทำตัวเปิ่นๆ มาเลยนะเนี่ย

นั่งย่อยไปคุยไปผมก็เริ่มง่วง พอทำท่าจะไปนอนนายคฤณก็ดึงไหล่ไว้ก่อน ไม่นะ ไม่นะ อย่าชวนเล่นไพ่ ผมโดนแดกตลอดไม่ว่าจะเล่นกับวงไหนก็ตาม

“อะไรอ่ะพี่หนึ่ง”

“โทรหาแม่เจมก่อน บอกว่าค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้จะซื้ออาหารทะเลไปฝาก”
“สิ” สินี่คือคำสั่งครับ สั่งสั้นมากแต่ผมก็ทำตามแต่โดยดี ผมโทรหาแม่แล้วก็คุยให้เขาได้ยินด้วย แล้วนายแม่ก็เหมือนไม่เจอผมมา 10 ชาติ ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ สัพเพเหระมากมาย เมาท์ไอ้จิวด้วยว่ามันหงอแฟน ฮ่าๆๆๆ แม่ผมก็ถูกอกถูกใจชิบหายที่ลูกชายส่อแววกลัวเมียตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน

พอวางสายแล้วเดินกลับที่หน้าทีวีอีกรอบ นายคฤณก็ฟุบหลับตาโน้ตบุ้คไปแล้ว ผมแอบไปดูที่นหน้าจอก็เห็นตารางงานเอ็กเซลซ้อนกันมากมาย เดาๆ ว่าน่าจะโปรเจคงานของเขานั่นแหล่ะ ผมเขย่าตัวเพื่อปลุกและนายคฤณก็รู้สึกตัวตื่นง่ายมาก พอสบตากันผมก็รายงานผลการโทรหานายแม่ให้เขาฟัง เลยเถิดไปถึงการเล่าเรื่องไอ้จิวที่แม่เมาท์ให้ฟังด้วย

เขาตกใจใหญ่โตด้วยครับเมื่อรู้ว่าผมกับจิวเป็นฝาแฝดกัน นายคฤณบอกว่าแม่ผมทำบุญกับประเทศนี้ครั้งใหญ่ไปแล้ว ก็ตอนที่คลอดเด็กผู้ชายน่ารักๆ มาให้ประเทศนี้ 2 คนนั้นแหล่ะ แน๊! ปากแม่งหวาน แต่อย่าให้จิวรู้นะ เดี๋ยวมันชวนเข้าพรรคหลงหนังหน้าตัวเอง

“เที่ยงคืนกว่าแล้ว เจมไปอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวพี่เคลียร์งานแล้วตามไป”

“ครับ พี่หนึ่งอย่าทำงานลืมนอนล่ะ”

“ห่วงหรอ? ดีจัง”

“ก็ห่วงสิ พรุ่งนี้พี่หนึ่งต้องขับรถนี่ ถ้าหลับในไปแล้วเกิดอุบัติเหตุแล้วเจมเป็นอะไรขึ้นมา โลกจะสูญเสียแรงดึงดูดทันที”

“เพ้อเจ้อแล้วเจม ไปสิ”
“สิ” ไอ้สินี่แม่งดำรงตำแหน่งอะไรทางการทหารหรอ? กูก็เชื่อมันทุกรอบเลย ผมเดินหัวเอียงขึ้นไปอาบน้ำ

และผมคงระเริงน้ำชุ่มปอดไปหน่อย ถึงได้ออกมาเจอกับนายคฤณในชุดเกือบวันเกิดแบบนี้ หมอนี่มีผ้าเช็ดตัวพันเอวอยู่ผืนนึง ส่วนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดอยู่บนหัว เขามองผมที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเหมือนกันแบบงงนิดหน่อย

“พี่มาดูว่าหลับสบายมั้ย ไม่คิดว่าเจมจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เราไปสร้างบ้านในนั้นรึไง นานมาก” นายคฤณขี้บ่น ผมเกาตัวเกาหลังแล้วบอกเหตุผล

“เจมแพ้ยุงอ่ะ ที่โดนกัดเมื่อตอนกินข้าวมันลามไปทั้งหลังเลย”

“อ้าว! ไหนดูซิ” สั่งจบก็จับผมหมุนเป็นลูกบอล เขาลูบหลังผมเบาๆ แล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหัวเขาซับตัวผมอีกแรง

“เดี๋ยวพี่เอายามาทาให้ เช็ดตัวให้แห้งไป จะได้นอน”

“ครับ” อยากรู้ชิบหายว่าถ้าพ่อไม่ตายไปก่อนจะดูแลผมดีขนาดนี้มั้ย? เสื้อนอนก็ของนายคฤณนั่นแหล่ะครับที่ผมใส่ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาแทบไม่ได้เอาเสื้อผ้าผมมาเลย แม่งกะให้ผมเป็นชีเปลือยกลับกรุงเทพรึไง ส่วนไอ้ของที่เขาจัดแล้วจัดอีกนั่น มันพวกยาทั้งนั้นครับ คงมองหน้าผมแล้วประเมินเอาว่าผมความเป็นไปได้ที่จะเจ็บป่วยอะไรบ้าง

สุดท้ายไอ้เสื้อที่ใส่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะผมโดนจับถอดเสื้อนั่งหนาวอยู่บนเตียง มีนายคฤณนั่งซ้อนหลังบรรจงทายาแก้แพ้ให้ บนโต๊ะข้างเตียงมียาแก้แพ้และน้ำเปล่ารอให้ผมดื่มอยู่ และตาผมก็ปรือเต็มที

“แพ้อะไรอีกบ้างเนี่ย”

“อากาศ”

“โอเค งั้นกินยาแก้แพ้ไว้เลย อย่าดื้อ ที่นี่ตอนเช้าอากาศจะชื้นและเย็นนิดๆ เจมคงไม่พ้นแพ้มันแหล่ะ”
“นึกว่าจะเป็นคนเก่ง ไหงแพ้ธรรมชาติแบบนี้ล่ะ”

“เจมอ่อยให้มันต่างหาก” ผมเถียงแล้วเอียงตัวไปนอนซบหมอน เขาเลยต้องบังคับดึงผมขึ้นมาแล้วจับใส่เสื้ออีกรอบแล้วก็ปล่อยให้นอนตามที่ร่างกายผมอยาก

นายคฤณเอียงตัวนอนลงข้างๆ ผมและตะแคงหันมาหา เขาอมยิ้มนิดนึงก่อนบอกผมว่า “พี่เดาว่าเจมคงแพ้ความมืด แพ้ผี พี่นอนเป็นเพื่อนนะ”

หึหึ เขาเป็นคนร้ายกาจที่อ้อมโลกมาก เห็นมั้ยครับ

ผมหลับตาลงจนแทบปิดสติเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนจะดำดิ่งสู่การพักผ่อน หูผมได้ยินเขาพูดว่า

“ฝันดีครับเจม”

และคราวนี้มันมีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาด้วยครับ
แก้มผมถูกบางอย่างที่นิ่มมากๆ สัมผัส ผมได้ยินเสียงสูดอากาศสั้นๆ
และมากไปกว่านั้น ผมได้ยินเขาพูดมาอีกคำ แต่ไม่รู้ว่าพูดกับผมรึเปล่า

“ฝันดีครับแพร”


Cut


ขอบคุณคุณคนอ่านมากๆ ค่ะ คุณคนเขียนก็จะพยายามบอกเล่าเรื่องราวความรักของน้องเจมต่อไป >,<

ฝากตัวด้วยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-01-2013 23:51:20
อ้าวววววแพรมาจากไหน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 06-01-2013 01:33:39
อย่าดราม่านะ!

อย่าให้นายเอกเราเป็นตัวแทนใครนะ!

ไม่งั้นหนูไม่ยอมจริงจริ๊งง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 06-01-2013 02:47:29
หลงรักตัวละครเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ พี่หนึ่งเรียกรอยยิ้มจากเราได้มากเลย ชอบผู้ชายแบบนี้ ดูเป็นมนุษย์คนรวยที่ไม่เคร่งขรึมตลอดเวลา มีมุมโรแมนซ์อบอุ่นน่ารัก อยากได้มาเก็บในคอเลคชั่นสักคน
เจม เป็นคนตรงที่น่ารัก ความรู้สึกช้า เวลาเขาคุยเล่นกับเพื่อนเรียกเสียงหัวเราะจากเราได้เยอะเลย ^^

ติดตามและให้กำลังใจนักเขียนนะคะ ^^_^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 06-01-2013 03:24:30
สนุกมากค่ะ  รออ่านอยู่ทุกวันเลยค่ะ
       
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-01-2013 04:05:54
เอ ใครกันหว่าแพร อย่าบอกนะว่าที่มาตกหลุมเพราะน้องเจมเหมือนคนชื่อแพร
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 06-01-2013 04:32:36
ง่ะ ใครคือแพร
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zodiacniing ที่ 06-01-2013 05:53:39
แพรเป็นใครล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 06-01-2013 06:26:15
แพรเป็นใครอ่ะพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: phakajira ที่ 06-01-2013 08:59:11
สนุกมากกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-01-2013 11:32:38
แพรคือใครรรรรรรรร! ใครคือแพรรรรรรรรรร T_T
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 06-01-2013 12:10:42
เอ๊ะ ทำไมต้อง แพร ใครล่ะนั่น
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 06-01-2013 13:26:33
แพร มันคือใครกัน ใคร
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 06-01-2013 14:59:20
Hear, Me

=======
If I could, I would
=======




ตอนที่ 7


ตื่นมาอีกทีก็ 10 โมงแล้วครับ ความละอายใจทำให้ผมเด้งตัวลงมาสำรวจบ้านว่าโดนผมนอนกินไปกี่ส่วนแล้ว แต่อื้อหือ! กินไข่ดาวหอมฟุ้งมากเลยครับ ผมแสมหน้าเข้าครัวทันที พ่อครัวหล่อทั้งตัวอีกแล้วครับ นายคฤณนี่เข้าได้กับทุกเวลาและโอกาสจริงๆ

"ตื่นแล้วหรอเจม" เขาคงได้ยินเสียงผมเดินโครมๆ เลยหันมามองรอ พอสบตากันก็ทักทายและยิ้มให้ ว่่าแต่...รอแดงๆ ที่คอเขานี่มันรอยยุงทวีปไหนกัดเอา เป็นจ้ำสีแดงอมชมพูแบบซากุระเสียด้วย

"ทำไมพี่หนึ่งไม่ปลุกเจมครับ ปล่อยนอนแบบนี้ล่มจมหมด"

"พี่ปลุกแล้ว เจมไม่ตื่น แถมยัง..." อะไร! ผมไปแถมอะไรให้เขาหรอ ไม่นะ! ผมไม่ชอบแถมอะไรใครนะ แม่บอกเสียดุล

"เจมแถมอะไรพี่หรอ" ผมถามเสียงซื่อมาก สันดานสอดรู้ตีปีกพั่บๆ

"แถมฟัดพี่จนช้ำทั้งคอ" อื้อหือ? งานใหญ่ครับ ผมไม่เถียงเขาซักแอะเพราะเชื่อว่าจริง เหตุผลแรก ผมติดกอดแม่ และจะซบซุกกัดคอแม่เพราะหมั่นเขี้ยวที่รักไอ้จิวมากกว่าผม ข้อสอง เราอยู่กัน 2 คน นายคฤณคงไม่สร้างความเสียเปรียบให้ตัวเองด้วยการสร้างหลักฐานลวง หรือถ้าทำ มันไม่ควรเหมือนรอยจูบรอยดูดขนาดนี้ และข้อสุดท้าย ผมระลึกได้ว่าเมื่อคืนฝันทะลึ่ง เหยื่อในฝันของผมไม่ใช่คนไกลครับ ยืมสวมผ้ากันเปื้อนทับชุดนอนอยู่นี่ไง

"งั้นเจมขอโทษนะครับ"

"ไม่เป็นไร พี่ก็ฟัดคืน น่าจะหลายรอยกว่าพี่นะ ลองดูตัวเองรึยัง"

ห๊ะ! ผมโดนฟัด งั้นที่คิดว่าเกิดขึ้นในฝันแม่งก็เรื่องจริงน่ะสิ แวร๊กกกก!! 

ผมวิ่งถอดเสื้อหนีเข้าห้องน้ำทันที พอจ๊ะเอ๋กับกระจก มันก็รายงานหลักฐานที่นายคฤณทำไว้

เป็นเรื่องเป็นราวมากครับรอยดูด ที่ใกล้ไหปลาร้านี่ชัดมากและถี่ๆติดกันมาก จุดชอบสินะ แม่งกะดูดแคลเซียมจากกระดูกกูรึไง!

"ไอ้พี่หนึ่งบ้า!" ผมด่าจากในห้องน้ำ ยินเสียงโต้กลับมาว่า "พี่ขอโทษครับ แต่เจมยั่วพี่ก่อนนะ" กูไม่ได้ยั่วเว้ย! กูแค่ติดกอดคนที่นอนด้วยเพราะกูชอบอะไรอุ่นๆ นุ่มๆ แม่งงง เสียเปรียบอีกแล้ว! รู้งี้ดูดคอให้้ครบลอบเหมือนงูสวัดแม่งเลย!

ผมเดินหน้าแดงออกจากห้องน้ำจนได้ อาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดตัวเองเตรียมกลับแล้วครับ แต่นายคฤณจับตัวผมไปยัดใส่ห้องน้ำ แล้วโยนชุดปอนด์มาให้

"จะพาเข้าสวน เก็บผลไม้ไปฝากแม่เจมกับจิว ดีมั้ย?"

เอาผลประโยชน์มาล่อกันหรอ? เออ เอา! ไป!

ผมซัดไข่ดาว2 แฮม2 นม1 น้ำแอปเปิ้ลอีก1 พ่อครัวหรอครับ เขาดื่มกาแฟกับขนมปังโฮลวีท 1 ก้อน กินน้อยซะผมละอายเลย

"พร้อมมั้ย?"

"เดี๋ยวครับ ปูกับกุ้งเจมล่ะ ฝากแม่อ่ะ"

"พี่ให้เขาไปส่งที่รีสอร์ท เดี๋ยวเรากินข้าวที่นั่นแล้วกลับ" อ่อ...ผมพยักหน้าหงึก ไม่อยากเดาเลยว่ารีสอร์ทใคร เดี๋ยวเดาถูก

"รีสอร์ทใครครับ"

"พี่หุ้นกับเพื่อนน่ะ" ไงล่ะ ก็ยังถือว่าเดาถูก

ผมเช็คของของตัวเองซึ่งก็มีไม่มาก แล้วก็บรรจงหิ้วกระเป๋าลงมาสมทบเขาที่โกยเอกสารหน้าทีวีมารวมกันในแฟ้มแล้วเอาไปเก็บท้ายรถ ระหว่างมองเขาเดินวุ่นๆ รอบที่3 ผมก็เหลือบไปเห็นรูปที่นอนหงายอยู่ตรงชั้นวางของในตู้วางทีวี

ในรูปมีนายคฤณ ผู้ชายอีกคนที่รุ่นๆกัน และผู้หญิงน่ารักๆ ท่าทางจะกวนตีนพอประมาณ ผมวัดเอาจากท่าโพสของเธอ

"ไปครับเจม" เสียงเรียกทำให้ผมวิ่งรี่ไปหา และปล่อยให้ทุกอย่างในบ้านหลังโตนี้เป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับผมมาก



สวนเงาะนะ ป้ายชื่อมันบอก แต่ที่ผมเก็บตามใต้ต้นนี่มีแต่มังคุดอ่ะ! ไรวะ?!

พอเห็นผมหน้าเบ้ นายคฤณก็จัดให้เบ้กว่าเดิมครับ ป๊อก! นี่ไง กวนส้นตีนผมแล้วเขาจะอารมณ์ดีสินะ ผมหันไปมองเขม่นแล้วเก็บมังคุดปาคืนเขาบ้าง และเลือดซามุไรมันแรงมากไง วิชานินจาปากะบาลหมาแม่นมาก!

"โอ้ย!" ร้องลั่นเลยครับ สมน้ำหน้า แม่งเอาเปลือกมังคุดปาหลังผมอยู่ได้!
"เจมครับ พี่เจ็บนะ"

"แล้วจะเอาคืนหรอครับ พี่หนึ่งแกล้งเจมก่อน" ผมเรียกร้องสิทธิ

"พี่เล่นด้วย"

"เจมก็เล่น"

"ดื้อ!" แน่ะ! งอนใช่มั้ย? อาการหันหลังไปคุยกับกิ่งมังคุดนี่คืองอนหรอ? อื้อหืออออ เข้ากับอายุมาก!

"โอเคเจมดื้อเอง เจมขอโทษ" สุดท้ายผมก็ง้อผมเดินไปกระโดดขี่หลังเขาแล้วอ้อมมือไปเกาคางยีหัว แรกๆ ก็ปัดมือผมออกจากหัว แต่สุดท้ายก็หัวเราะแล้วเอาผมลงจากหลังแล้วหันมาขยี้หัวผมบ้าง นี่ถ้ามีกระจุกไหนจากไปก่อนวัยอันควร ก็หาซากเส้นผมได้ที่นานคฤณครับ

และผมก็เจอไอ้เงาะตามที่ป้ายหน้าสวนมันบอกไว้ แต่เจอกันคราวนี้ผมไม่ลงไปคลุกกับมันแล้วครับ แหะๆ ไม่ได้ขี้เกียจ แต่มดกันจนผมเป็นผื่นทั้งสองขาสองแขนเลย

นายคฤณกำกับคนสวนที่เขาจ้างดูแลให้ขับรถนังแต๋นไปยังดงเงาะ แล้วก็ช่วยกันตัดพวงเงาะมาใส่กระบุงที่ผมยืนเฝ้า เท่านี้แหล่ะครับหน้าที่ผม สบายชิบหาย

หนำใจคนงกอย่างผมแล้วก็กลับไปรีสอร์ทกันครับ อาบน้ำกันอีกรอบและโดนจับทายา ทาไอ้รอยที่เขาฟัดด้วย มากินข้าวกันพออิ่มแล้วก็...เลสโก!!! กลับบ้านหาแม่!


ค่ำนี้เขาโทรหาผม แต่แม่รับไอโฟนให้เพราะผมมือเปรอะหอย เปื้อนไข่ปู และยังถือกุ้งคามือ เขาคงไม่มีธุระกับผม เพราะคุยกับแม่ครู่หนึ่งก็วางไป จับใจความได้ว่าเขาห่วงว่าบ้านผมจะไม่ชอบอาหารทะเล นัอยไปสิ แล้วเขาก็บอกแม่ด้วยว่าถ้าทุเรียนออกแล้วจะส่งมาให้  โอเค ขึ้นแท่นลูกรักเบียดไอ้จิวไปแล้วครับ ตอนนี้ แม่ผมเรียกนายคฤณว่า "ตาหนึ่ง" เสียงงี้หวานมาก!

จิวมันดูไม่ไว้ใจเท่าไหร่ แต่มันก็กินก็รับของที่เขามักฝากมาให้ แต่ก็ไม่ลืมถามผมทุกครั้งที่อยู่ลำพังแล้วนึกเรื่องคาใจขึ้นมาได้ มันชอบถามว่า "เจมกับเขาเป็นอะไรกัน"

ผมตอบว่าอะไรน่ะหรอ
ก็แค่ตอบว่า "เจมแค่รับน้ำใจเขาไว้ จิวอยากรู้ว่าทำไมเขาชอบให้ก็ถามเขาสิ รู้แล้วบอกเจมด้วย"

ไอ้พี่แแฝดจะผลักหัวผมส่งท้ายแล้วบอกว่า "อย่ารับน้ำใจใครจนเสียเปรียบไม่รู้ตัวก็แล้วกัน"

ผมกินอิ่มมากแล้ว หมา 5 ตัวก็พุงกางพอกัน เล่นเขี่ยๆ ตูดให้เด็กๆมันล้มเล่นสักพักแม่ก็มากำกับให้เข้านอน

ห้าทุ่มกว่าหัวก็ถึงหมอน ตาผมปรือขึ้นยังลำบากแต่ผมก็ยังถ่างตาเอาไว้ เพราะใครคนหนึ่งยังไม่ได้บอกคำหนึ่งกับผม

ครับ.. คืนนี้ไม่มีเสียงคนกล่อมว่าฝันดีครับเจม แต่เขาส่งข้อความมาแทน เสียงดรึ๋งสะกิดหูจนผมผวาทั้งตัว ผมหยิบไอโฟนมาดูข้อความ และทำตามตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด

ตัวหนังสือบอกว่า "ฝันดีครับเจม"
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 06-01-2013 15:07:26
งานใหม่ล่ามาแรง!
ผมได้รับมอบหมายให้เป็น1 ผู้เรียบเรียงประวัติคนในเทรนด์ของปีนี้ รับผิดชอบ 2 คนครับ อยากบอกว่าคนเดียวก็อ้วกได้แล้ว

คนแรกนี่ดังครับ ซีอีโอหนุ่มวัย 29 ปี
นายพิชญะ เรืองกฤติยา ทายาทอสังหาฯ แนวเก่า คือพวกทำแต่บ้านหรู หลังนึงไม่ต่ำ 10 ล้าน ผมไม่เคยคุยเจาะด้วย แต่พี่ๆ บอกว่าผมเหมาะ เพราะสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ของผมก็เพื่อนเล่นเพื่อนเรียนนายพิชญะทั้งนั้น  ผมก็โอเค ให้มาก็ทำ ได้ตังค์พิเศษนะขออวด!

อีกคนก็... อ่ะนั่นแน่ะ! ไม่ใช่คนที่เดากันหรอกครับ ถ้าใช่ผมจะลาออกแล้วไปเกาะเขากิน เพราะมันจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าชีวิตนี้ผมจะมีแค่นายคฤณ

อีกคนเป็นนักการตลาดครับ คนนี้ไม่ยากเพราะเป็นแหล่งข่าวที่พรีเซนท์ตัวเองเป็น ผมแค่เกลาให้ภาษาน่าอ่าน หุหุ งานหมูหยองอบพร้อมขบอมมากๆ

"เฮ้ยเจม!"

"มึงมีไรต้อม ยืมตังค์กูเตะจริงนะสัด กลางเดือนเอง" ผมรีบขวางเส้นทางการหาเงินของมัน ไอ้ต้อมส่ายหน้าแล้วเป่าลมใส่หน้าผม ไอ้เหี้ยนี่แดกเปาครีมเว่นแต่เช้าเลยหรอเนี่ย
"แล้วเป็นเหี้ยไรแต่เช้า"

"เจม มึงรู้จักบ้านไอ้แอมป่ะวะ"
"อย่าเพิ่งด่ากู กูรู้มึงไม่ชอบมุมปากมัน แต่มันแม่ง... น่าเป็นห่วงว่ะ"

"มันเป็นไร" ผมถามและระแวงคำตอบนิดๆ หวังว่าจะไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วงเพราะผม

"ก็แม่ง 2 อาทิตย์แล้วที่แม่งแดกเหล้าตลอด" อืม อาทิตย์ที่แล้วผมไม่เห็นหน้ามันเลยนี่หว่า
"แล้วนี่แม่งก็หายไป" ไอ้ต้อมเล่าต่อ ผมเลยละสายตาจากเอาท์ไลน์ที่เขียนประเด็นและเค้าโครงการเล่าเรื่องก่อน
"เมื่อคืนนี้แม่งลากกูไปฮีป" ชื่อร้านประจำมันครับ
"จู่ๆ ก็บอกกูว่าไม่ไหว โทรหาเจมให้ที" สัด!! กูน่าจะฝากมึงไว้กับเจ้าอาวาสจริงๆ ไอ้แอม แม้จะรับความรู้สึกมันไว้ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเสียใจจนใกล้เสียคน
"มึง เจม เราช่วยกันตามหามันเถอะ พวกพี่ช่างภาพบอกว่าถ้าแม่งไม่เลิกเหลวไหล จะบอกพีเอ็นแล้ว มึงก็รู้ว่าถ้าถึงหูพี่ปู แม่งเละ!" ตกลงมึงจะเรียกพีเอ็นฟรือพี่ปูวะต้อม

ผมนิ่งไปสักพักก็บอกให้มันไปถามเลขากองเรื่องที่อยู่ไอ้แอม พอได้มาก็พากันไปกินข้าวกลางวัน และก็หันตูดรถมินิให้ออฟฟิศเพื่ิอทำภารกิจควานหาตัวไอ้อรินทร์ทันที


"เจม โทรศัพท์อ่ะ กูรับให้เอาป่าว"ไอ้ต้อมละจากเกมดีดหมีมาถามผมเมื่อมันได้ยินไอโฟนผมคราง เสียงแมวหง่าวครางหาคู่ครับ ไอ้เหี้ยต้อมเปลี่ยนให้ ผมเหลือบมองมันแล้วบอกปัดเพราะเดาได้ว่าใครโทรหา และโทรหาด้วยเรื่องอะไร

คนนั้นแหล่ะครับ โทรมาหลังกินข้าวเที่ยงเพื่อถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร บอกรึยังว่าผมน้ำหนักขึ้น 1 กิโล ไอ้จิวขำชิบหายและไล่ผมไปฟิตเนส
 
"เบื่อขายประกันหรอ" เพื่อนผมถามโดยที่มือยังดีดหมีอยู่ ผมส่งเสียงอือตอบเบาๆ แล้วลงจากทางด่วน มุ่งหน้าสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ตามที่อยู่ที่เราได้มา

หมดไปอีก1 วัน ผมและไอ้ต้อมคว้าน้ำเหลวครับ เราหาบ้านไอ้แอมไม่เจอและหลงทาง แหงล่ะ! ก็ผมไม่ใช่ไปรษณีย์หรือพนักงานขายตู้เติมเงินซิงเกอร์นี่ จะได้รู้จักทุกโฉนดบ้านเรือน

ผมพาไอ้ลูกหมากินข้าวที่ห้างชื่อคล้องกับมหาวิทยาลัยดัง เราแยกกันตรงนั้นเพราะมันนัดแฟนไว้ แต่แฟนรางที่เท่าไหร่ไม่ได้ถาม คงจะคนละรางกับน้องปีโป้ที่มันคุยด้วยในรถ เพราะมันบอกน้องเค้าว่า "พี่ทอมมี่ไม่ว่างครับปี้ พี่ต้องจัดกระเป๋าไปหมายต่างประเทศ" ห่า!! เด็กมันก็ชื่อน่าแดกน่าทำให้คำสรรพนามเป็นกิริยาชิบหาย มีลูกสาวอย่าตั้งชื่อพิสดารนะครับ ผู้ชายมันเปลี่ยนชื่อเก่ง

ผมโทรบอกจิวว่ากลับคอนโด มันก็เออออว่าจะบอกแม่ให้ แต่พ่อจิวก็สั่งยาวเรื่องแดกข้าวแดกน้ำอย่าอม อาบน้ำต้องตัวเปียกก่อนถูสบู่ด้วย ไอ้ห่า! ผมแค่พลาดอาบแห้งแล้วแม่งจับได้ไปครั้งเดียวเอง

ผมขับรถเข้าโครงการคอนโดแล้วสะดุดกึกกับผู้ชายคนหนึ่ง ห่านั่นทำเอาผมเหยียบเบรคหน้าคะมำเชียว

ไอ้คนที่ผมตามหาจนหลงไปดอนเมืองมันยืนซึมๆ อยู่ตรงประตูทางเข้าล้อบบี้เลยครับ ท่ายืนจิ๊กโก๋ชิบหาย ผมบีบแตรเรียกและเปิดกระจก

"แอม!" มันหันขวับมามองแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนีผม ชายชานนท์คนนี้เลยต้องสวมตีนหมาวิ่งแข่งกับมันเพื่อไปดักหน้ามันไว้

พอหมดทางหนี มันก็จับยึดตัวผมไว้แล้วดึงไปกอด ผมกับมันก็ตัวพอๆกัน แต่อกมันหนากว่า เราก็เลยกอดเกยคางกัน แป๊บเดียวผมก็ดันมันออก ไอ้แอมมองหน้าผมแล้วก้มหลบไปอีก

"แอม มึงเป็นไรวะ คนเขาเป็นห่วงกันทั่ว ไอ้ต้อมกับกูก็ตามหามึงจนหลงไปดอนเมือง มึงจะไปบวชที่พม่าหรอสัด!"

"เจม กูทำเพื่อมึงแล้ว กูพยายามแล้ว แต่กูยิ่งอยากเจอมึงมากกว่าเดิม กูรักมึงจริงๆนะเจม"

".........."

"กูลองไม่เจอหน้ามึง คิดว่าพอไม่เห็นหรือห่างๆไปก็คงลดความชอบลง แต่แม่งไม่ใช่ว่ะ กูคิดถึงมากกกว่าเดิมอีก"
"กูเข้าใจว่ามึงให้ได้แค่เพื่อน แต่กูก็เลิกรักมึงไม่ได้ ห่างไปเลยก็ใจไม่แข็งพอ เจม กูขอล่ะ"

"............"

"ลองให้โอกาสกูนะ"

"โอกาสอะไรวะ"

"เป็นแฟนกูนะ"

วันนี้ไม่มีเสียงโทรศัพท์มาดึงความสนใจผมไปจากมัน ไม่มีใครมาแกะมือผมออกจากมัน ไม่มีใครลากผมออกจากความอึดอัดตรงนี้

เวลานี้ผมมองเห็นแค่สายตาที่จริงจัง จริงใจ และเว้าวอนของไอ้แอม

แรงบีบรั้งมือไม่แน่นมาก แค่บิดข้อมือมันก็คงยอมปล่อยเหมือนที่ยอมเข้าใจคำตอบผมในครั้งแรก แต่ผมไม่ขยับทำอะไรเลยเพราะผมสงสารมัน ไม่อยากให้มันมีสารรูปแบบนี้อีก

"เจม...."

"อือ ได้ แต่กูยังไม่เป็นแฟนมึงนะ กูให้มึงจีบก็แล้วกัน จีบติดไม่ติดค่อยว่ากันอีกที" ผมยอมขยับเส้นที่เคยขีดไปแล้วให้เข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นนิดนึง ไอ้แอมยิ้มดีใจแล้วดึงผมไปกอดอีกรอบแล้วกระโดดเหมือนได้เหรียญทองจากเฟสปิคเกม มันขอบใจซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ลากลับ ให้เหตุผลว่า มันโทรมมาก ต้องไปทำหล่อ พรุ่งนี้จะได้เอาหน้าหล่อๆ มาหลอกล่อผม

ไอ้ตัวปัญหาเดินลั้ลลาจากไป เหลือเพียงความหนักอึ้งในใจผม

นี่กูทำอะไรลงไป!!!
แค่นายคฤณจีบเช้าหยอดเย็นผมก็ใจกระเจิงหมดแล้ว นี่ต้องรับมือกับไอ้แอมอีก!! ฟ๊าคคคคคชีวิต!!

"เฮ้ย! พี่หนึ่ง" ผมเรียกชื่อใครคนหนึ่งแล้ววิ่งกลับไปยังรถที่จอดขวางแม่งหน่าล้อบบี้ โชคดีที่ไม่มีใครมาบีบแตรไล่ให้อับอาย

ผมคว้าโทรศัพท์มาดู ไม่ได้รับ 18 สาย เบอร์เดียวกันทั้งนั้น เอาไงดีวะ โทรกลับแล้วจะบอกว่าหายหัวไปไหนมาดี

ผมตัดสินใจขึ้นห้องก่อนค่อยว่ากัน แต่ห้องผมมีคนอยู่ก่อนแล้ว หรือจะเป็นไอ้จิว? ผมเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่งไปยังประตูห้องที่ปิดไม่สนิทและมีแสงไฟแพลมออกมา

นายคฤณหันมองผมอย่างตกใจเมื่อผมผลักประตูแรงๆ แล้วก็คลี่ยิ้มให้ผมแล้วชี้ที่มื้อเย็นที่เขาหามาประเคน

ผมยิ้มแหยแล้วเดินไปขอบคุณใกล้ จู่ๆ ผมก็สอดมือไปกอดเขาไว้จากทางด้านหลังแล้วซบหน้าลงกับหลังกว้าง เขาลูบมือผมเบาๆ แล้วขำน้อยๆ ผมได้ยินเสียงหัวเราะนั้นก้องในหู

"เป็นอะไรครับเจม"

"พี่หนึ่งครับ ถ้าวันนึงเราไม่สามารถชอบกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ลงเอยว่ารักกัน เจมสัญญาว่าจะไม่เสียผู้เสียคน พี่หนึ่งเองก็..."

"พี่จะขาดใจให้ดู"

"พี่หนึ่ง....แต่ว่า เจมคิดว่า ชีวิตตัวเองน่ะ มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะดูแลได้ดีที่สุด เจมก็อยากมั่นใจว่าพี่หนึ่งก็"

"ชีวิตพี่ กับชีวิตคนที่พี่รัก พี่ไม่เลือกตัวเอง"
"พี่เจ็บได้ ขาดใจเจียนตายได้ ตายไปเลยก็ได้ แต่คนที่พี่รักต้องมีความสุข"
"ไม่ว่าจะมีความสุขเพราะได้รักพี่ หรือมีความสุขเพราะไม่มีพี่ในชีวิตแล้ว พี่ก็ขอให้คนที่พี่รัก มีแต่ความสุข"

"..........."

"และพี่รักเจม"

หัวใจผมแทบหยุดเต้น เขาชอบผม ถูกใจผม จีบผม นั่นไม่สร้างความซ่านไปทั้งตัวเหมือนคำว่ารักเมื่อกี้

นายคฤณปลดกอดของผมออกเพื่อหันมาหา เขาจับบ่าผมไว้มือหนึ่ง และใช้อีกมือช้อนคางผมขึ้นก่อนจะนาบทั้งฝ่ามือลงบนแก้มผม

นายคฤณจูบผม ทั้งริมฝีปากบน-ล่างเขามอบให้ผมและเอาจากผม ลิ้นที่เคยทำผมเขินเพราะเขาเลียนิ้วอ่อนโยนกับลิ้นของผมมากๆ เพิ่งรู้ว่ามันอุ่นมันนุ่มจนผมไม่อยากให้เราห่างจากกัน

จูบแรกแทบขาดใจ จูบต่อไป เราก็มาถึงห้องนอนผมแล้ว


Cut.


มาอย่างเร็ว คนเราควรใช้เวลาในร้านทำผมให้คุ้มค่า ครึๆๆๆๆ
นานมาก นานมากจริงๆ =[]=
เดี๋ยวคืนนี้ค่อยเน้นคำ ไอโฟนไม่ปรู๊ดๆ ดังใจเลย เพลียค่ะ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-01-2013 15:20:28
เอ่อ เจมแล้วแอมล่ะ จะทำงัย ถ้าพี่หนึ่งรู้จะทำงัยล่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 06-01-2013 15:37:15
เค้าว่าเจมน่าจะบอกแอมไปว่าคบกับพี่หนึ่งอยู่จะดีกว่าน๊า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 06-01-2013 15:51:51
แล้วเจมละเริ่มรักพี่หนึ่งรึยัง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-01-2013 17:24:10
ขอบมากค่ะเรื่องนี้  o13  คืออ่านแล้วสนุก
ได้อ่านครั้งแรกก็ไม่ยอมผละออกจากหน้าจอเลย

สงสารแอมค่ะ ไม่รู้ซิค่ะแบบคนมันรักแล้วคงตัดใจไม่ได้
 ส่วนพี่หนึ่งเหมือนจะเข้าหาเจมเพราะอะไรซักอย่าง ที่คนเขียนได้ทิ้งปมไว้ อันที่หนึ่งคือ ใครคือแพร
 และอันที่สองคือรูปที่วางหงายไว้   พี่หนึ่งอาจเข้ามาหาด้วยเหตุผลซักอย่าง อาจจะมองเจมเป็นตัวแทนของผํ้หญิงคนนั้นหรือเปล่า มองๆแล้วพี่หนึ่งเหมือนเป็นคนเฟอร์เฟ็คทุกอย่าง แต่โลกนี้ไม่มีใครเฟอร์เฟ็ค 100 เปอร์หรอก กลัวจะได้กินมาม่าจัง

ไม่อยากให้เจมกะพี่หนึ่งมีอะไรกันตอนนี้เลย สงสารเจม และเริ่มแอบโกรธเคืองพี่หนึ่ง เปลี่ยนแอมเป็นพระเอกน่าจะดีกว่า เพราะแอมดูจริงใจมากกว่า  แต่ที่สุดแล้วแล้วแต่คนเขียนค่ะ  จะติดตามเป็นเอฟซีแน่นอน

เรื่องสนุกขนาดนี้พลาดได้ไง  :กอด1: กดบวกกับเป็ดให้แล้วนะค่ะ ตอนสุดท้ายค้างค่ะ รีบๆมาต่อน้าาาาา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-01-2013 18:00:45
ถ้ายอมให้แอมจีบเพราะสงสารเดี๋ยวไม่เท่าไหร่เจมก็พูดเองแหละ เป็นคนพูดตรงไม่ใช่หรอ . . .

แต่เคสพี่หนึ่งเนี้ยเหมือนมีอะไรบ้างอย่างแพรอาจจะเป็นน้อง แฟนเก่า บลาบลาคือคนเราก็ต้องมีอดีตปะ

แม้ว่าแอมจะตื้อเจมอย่างไงแต่สิ่งที่มันทำไม่ได้บงบอกเลยว่าควร ขนาดตัวเองยังปล่อยให้โทรมกินเหล้าแล้วงี้จะไปดูแลเจมได้ไง

อย่างไงก็รอปริศนาแพรอยู่นะคะ
แล้วก็ลุ้นพระเอกด้วยค่ะ ก๊าก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 07-01-2013 17:16:09
ตอนที่1
555 อ่านแล้วหัวเราะแรงๆไปทีนึงระหว่างตอน พอจบตอนก็หัวเราะอีกทีนึง
อ่านแล้วงงกับศัพท์บางคำ อย่างซีเอฟเอ หรือเราไม่ค่อยคุ้นกับตำแหน่งทางธุรกิจไรงี้ป่าวหว่า
แล้วพีเอ็นคือคำเรียกพี่ปู แบบประมาณว่าเรียกตัวย่อจากชื่อจริง(ปรารถนา)เหรอ

อัญมณี โถๆๆ คราวนี้พี่หนึ่งรู้ได้มีฮาแน่ๆ
ส่วนพี่หนึ่ง ไหงเรียกชื่อเล่นเจม แล้วยังให้เรียกตัวเองว่าพี่อีก
แอบคิดไรป่าวเนี่ย อุอิ
แล้วทำไมแอมต้องให้เจมมาช่วยจัดท่าให้พี่หนึ่ง มีพิรุธนะ

ไม่เคยอ่านแนวนี้เลย(นักข่าว) ยังไงก็ให้กำลังใจนะ จุ๊บๆๆ

*edit
ตอนที่2
พี่หนึ่งเร็วไปป่าว ดูทำตัวสนิทสนมเว่อร์ไปนะ ประหลาดดี
ละดูเป็นคนดี๊คนดีมากกกก

สรุป อ่านตอนที่2ละหัวเราะหลายรอบมาก
เดี๋ยวไว้อ่านนต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 07-01-2013 23:29:52
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 8


นายคฤณก็เขิน ผมก็เขิน
แล้วแม่งก็ไม่มีใครลุกออกจากเตียงเสียทีไง หรือเรากำลังเล่นเกมใครลุกก่อนแพ้ แล้วผมไม่รู้ตัวว่าเข้าร่วมแข่งขันวะ

“พี่ว่า...เจม ไปอาบน้ำดีกว่านะ”

“พี่หนึ่งล่ะ?” ผมย้อนถาม เขาหน้าแดงเกาแก้มเกาคอตัวเองแล้วยิ้มเขินๆ

“เดี๋ยวพี่...แต่งตัวใหม่แล้ว...สลัดกับยำ...มันก็รอเรานานแล้ว”
“เฮ้อพี่ขอโทษนะ” สุดท้ายเขาก็พูดออกมาอีกรอบ ไอ้คำขอโทษนี่ผมได้ยินประมาณ 5 รอบแล้วครับ ภายในเวลา 1 นาทีที่ประดักประเดิดกันอยู่นี่แหล่ะ
“ขอโทษจริงๆ”
“ฉวยโอกาสเนอะ”

“เจมก็อ่อย ช่างมันเถอะ” ผมบอกแมนๆ แล้วก็กระโดดขึ้นยืนบนเตียงจนตัวเราโคลงเคลง เขาตีขาผมแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำอีกรอบด้วยคำว่า “สิ” ผมก็เลยกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ สารภาพครับว่าทำกลบความเขิน

ผมเขินอะไรน่ะหรอ?
ก็ไอ้เหตุการณ์หลังจากที่ผมกอดเขาก่อนและเราก็จูบกัน เลยเถิดมาถึงล้มแรงๆ ลงบนเตียงแล้วเขาก็ยังจูบไซร้ผมต่อ ผมก็จูบคืนบ้างอ้อนให้จูบนานๆ บ้าง จนกระทั่งถูกเขาถอดเสื้อและนาบท่อนบนที่เปลือยเปล่าเหมือนกันบนตัวผมนั่นแหล่ะ

ผิวเย็นๆ ทำให้ใจผมเต้นแรงไม่เป็นส่ำแล้วตื่นเต้นหายใจหอบจนผลักเขาออกห่างเพื่อหายใจให้ทัน

และเราก็มองหน้ากันนิ่ง นายคฤณหน้าแดง ผมก็หน้าร้อนผ่าวๆ เหมือนใครเอาไฟมาอังไว้ แป๊บเดียวเขาก็พร่ำบอกว่า “พี่ขอโทษครับเจม”

ฮึ่ย!! เกือบเสียตัวแล้วมั้ยกู!!
ผมเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นชโลมร่าง ผมควรสมองปลอดโปร่งกว่านี้แล้วควรควบคุมทั้งความคิดและการกระทำตัวเอง รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากคนอื่นให้อยู่ในระดับที่ผมสามารถยอมรับและใช้ชีวิตอยู่กับมันได้

การที่ผมยอมให้ไอ้แอมจีบ ผมรู้ดีว่าผมทำเพื่อยืดเวลาเสียผู้เสียคนของมันออกไปเท่านั้น ถ้าเวลาช่วยให้ผมหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เวลาก็น่าจะให้ทางออกกับไอ้แอมได้มากกว่าทางที่มันเลือกทำแล้วกลายเป็นไอ้บ้าบอโทรมโคตรพ่อแบบนั้น

ส่วนกับนายคฤณ ผม...ยังไม่เคลียร์เท่าไหร่
จะเรียกว่ารักก็ไม่กล้าพอ ความรู้สึกต่อเขา ผมยอมรับว่ารู้สึกดีมากๆ ที่ได้แบ่งปันเวลากัน ได้อยู่ใกล้กันไม่กี่ชั่วโมงในช่วงเย็น หรือเพียงแค่คุยโทรศัพท์กันก่อนนอนหรือระหว่างกินข้าวกลางวัน แค่นั้นผมก็มีความสุข

แต่ว่า....แค่นี้ก็รักแล้วหรอ?
ไม่ใช่มั้ง น่าจะแค่ชอบนั่นแหล่ะ

แต่ถ้าแค่ชอบ ผมจะนึกห่วงกลัวว่าเขาจะเป็นแบบไอ้แอมในวันที่ผมรู้ใจตัวเองซักทีว่าไม่มีเขาชีวิตผมก็อยู่ได้ ผมไม่อยากเห็นเขาในสภาพนั้น และหากทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่เป็นแบบไอ้แอมได้คือการเคียงข้างเขาตลอดไป ผมก็เชื่อว่าผมจะทำ และผมทำได้แน่นอน

แบบนี้เรียกว่ารักรึเปล่า?

ก๊อกๆๆ
“เจม เจมครับ เจม”
“สร้างบ้านได้กี่หลังแล้วเจม ตัวเปื่อยแล้วมั้ง ออกมาเถอะ ที่บ้านให้อภัยแล้ว” คงกลบความอายได้แล้วสิถึงได้มาแซวผมที่หน้าห้องน้ำ ผมขานตอบว่า “ครับ ครับ อาบเสร็จแล้ว” และปิดฝักบัว พันตัวด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียวก็เดินออกมาป๊ะกันแหมกับเขาที่กำลังใส่เสื้อยืดของผมแทนตัวเดิมพอดี

“อ่า...ยืมหน่อยนะ เสื้อเชิ้ตยับ” ครับ เขาเป็นพวกชอบแต่งตัวเนี๊ยบๆ ไอ้ยับๆพ่อคุณเขาไม่อยากใส่ถ้าไม่จำเป็น

“ไม่เปลี่ยนกางเกงด้วยหรอ? กางเกงเจมพี่หนึ่งก็ใส่ได้ ทรงที่ไม่รัดอ่ะ”

“ไม่เป็นไร เสื้อก็พอ มากินข้าวเถอะ” เขาชักชวนแล้วเดินนำผมออกไปนอกห้องนอน

คืนนี้เขาจะกลับคอนโดเขา สั่งเสียดิบดีเลยว่าให้ผมล็อคห้องให้เรียบร้อยงั้นงี้ ผมก็ตึงใส่ด้วยการบอกว่า “ก่อนเจอพี่หนึ่ง เจมก็ไม่ได้พิการนะครับ เจอกันแล้วเจมพิการงั้นเราอย่าเจอกันดีกว่า” นายคฤณหัวเราะร่าแล้วก็ขยี้หัวผมแบบที่เขาชอบทำ

แต่ก่อนจะลากันตอน 4 ทุ่มกว่าๆ ผมก็ตัดสินใจปรึกษากับเขา เรื่องไอ้แอม

ครับ เป็นครั้งแรกที่ผมปรึกษาเขาในเรื่องส่วนตัว
แม้ผมจะบอกเล่าเรื่องผม เรื่องที่บ้าน เรื่องหมาให้เขารับรู้ แต่มันก็คือการบอกเล่าและเฝ้ารับฟังเสียงหัวเราะของเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพอใจแล้ว แต่ครั้งนี้ ผมตัดสินใจปรึกษาเขาเป็นครั้งแรก

ประเด็นที่ปรึกษาก็โคตรจะสุ่มเสี่ยง ผมกังวลเหมือนกันว่าเขาจะคิดว่าผมไม่สนความรู้สึกเขา จนกล้าบอกเล่าว่ามีผู้ชายอีกคนมาชอบผม และผมก็อนุญาตให้เขาจีบ แต่แม้จะกังวลแค่ไหน ผมก็จะบอกเขา


และราวกับผมบอกว่าไอ้แอมคือเขาอีกคน ทันทีที่บอกไปว่า “พี่หนึ่งครับ คือแอม...พี่หนึ่งจำได้ใช่มั้ยว่ามันชอบเจม ทีนี้มันก็...มันก็ขอโอกาส เจมก็เลยให้มันจีบ”

นายคฤณหน้านึ่งมาก ไอ้ยิ้มเย็นๆที่ผมคาดหวังจะเห็นมันโปรยมาก่อนคำแนะนำดีๆ ไม่มีเลยครับ ทั้งห้องเงียบมาก เรียกว่าเงียบขนาดหายใจออกมาก็ยังเสียมารยาท

“พี่หนึ่ง....”

“เจมบอกว่า เจมให้คุณอรินทร์จีบเจมหรอ?” ท่ามาแล้วครับ กอดอกฉับเลย

“ครับ ก็ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจม เต็มใจให้คุณอรินทร์จีบเจม ใช่มั้ย?” กดหน้าถามด้วย นี่กูเริ่มกลัวแล้วนะ

“ก็ไม่ได้เต็มใจ แต่ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจม ได้บอกเขาชัดเจนรึเปล่าว่าขอบข่ายที่เขาจีบเจมได้ มันแค่ไหน” รอบนี้เสยผมแล้วคาวงแขนไว้แบบนั้น ท่านี้โคตรเท่ เดี๋ยวจำไปทำบ้าง

“..............”

“พี่ก็จีบเจมอยู่ ลืมแล้วรึไงครับ?” กลับมากอดอกอีกครั้ง เสียงดุกว่าเดิมด้วย โอเค  ผมสลดเต็มคราบแล้ว

“เจมไม่ลืม ดีกับเจมขนาดนี้จะลืมได้ไงว่ามาจีบ แต่ไอ้แอมมัน”

“เขาจะยังไงก็ช่าง แต่เจมครับ พี่จูบเจมได้ทั้งที่พี่จีบเจมอยู่ เรายังไม่ได้เป็นอะไร ถ้าอย่างนั้นคุณอรินทร์ก็ทำได้เหมือนกันสินะ”

“ไม่ใช่! เฮ้ย! ไม่ให้ไอ้แอมจูบหรอก”

“งั้น ก็ต้องห้ามเขาจีบ” มาแล้วใช่มั้ย ทางออกที่แสนแยบยล
“ห้ามจีบเจม พี่ไปบอกคุณอรินทร์ให้เอามั้ย?”

“ไม่เอา พี่หนึ่งจะบ้าหรอ”
“ไม่มีทางอื่นหรอกครับ ก็...ก็ปล่อยให้มันได้หวังบ้าง เดี๋ยวมันก็เข้าใจว่ายังไงๆ เจมก็คิดกับมันได้แค่เพื่อน”

“มันไม่ดีกับเขาหรอกเจม”
“คุณอรินทร์เขาต้องเข้าใจว่าเขาคว้าโอกาสได้แล้ว ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขานับวันรอประสบความสำเร็จ”
“เจมเปิดโอกาสได้เขาทำ และในที่สุดคำตัดสินของเจมคือทำไม่ได้ มันล้มเหลวมากสำหรับคนมั่นใจในตัวเองแบบคุณอรินทร์”

“พี่หนึ่งรู้ได้ยังไงว่าไอ้แอมมันเป็นยังไง”

“พี่ก็เป็นแบบเขา”
“ไม่อย่างนั้นพี่จะกล้าจีบเจม และทำตัวเหมือนเราเป็นแฟนกันแล้วแบบนี้หรอ”
“ไม่มีใครที่จีบใครคนหนึ่งอยู่แล้วกล้าจูบโดยไม่กลัวการปฏิเสธหรอก”
“พี่ทำเพราะพี่มั่นใจว่าเจมมีใจให้พี่”
“และเมื่อเจมใหคุณอรินทร์จีบ เขาจะเข้าใจไปว่าเจมมีใจให้เขา” เออว่ะ ไอ้แอมยิ่งเป็นพวกด่วนสรุปอยู่ด้วย ผมทำหน้ากลุ้มคอตก และได้รับสัมผัสจากมือใหญ่ๆมาลูบไล่เส้นผม ผมเงยหน้ามองเขาและยิ้มแห้งๆ พอนึกได้ว่าเมื่อกี้เขาพ่นพูดอะไรออกมา ผมก็เอ่ยแซว

“แต่ว่า...พี่หนึ่งนี่หน้าด้านกว่าที่คิดอีก” ผมตอกหน้าแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่เขาพูดว่าผมมีใจให้

“ครับ พี่หนึ่งหน้าด้าน แล้วเจมมีใจให้พี่รึเปล่า หรือไม่ชอบพี่เลย”

“ก็.....”

“ก็อะไร ตอบให้ชัด เราจะได้หาทางออกเรื่องคุณอรินทร์ด้วยกัน”

“ครับ เจมชอบพี่หนึ่ง” ไอ้เจม ไอ้ปากเบา ไอ้ใจง่าย!

“ขอบคุณครับ แล้วพี่ก็หวงเจมมากด้วย”
“เอาล่ะ... พี่ไม่กลับคอนโดดีกว่า เรามาหาทางออกให้คุณอรินทร์กัน” มึงซวยแล้วว่ะไอ้แอม ผมคิดไม่ออกเลยว่าไอ้แอมจะรับมือกับผู้ชายช่างหลอกล่อคนนี้ยังไง

จิ้งจอกการเงิน เจ้าพ่อผลประโยชน์
ฉายานี้ไม่ได้อุปมากันเองจริงๆ

“เริ่มแรก พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปส่ง แล้วเย็นไปรับ เราจะใกล้ชิดกันให้เขารู้ได้เองในที่สุด”
“และถ้าเขาอยากงัดข้อ ก็ส่งมาให้พี่” อูยยย น่ากลัวอ่ะ นายคฤณมีด้านน่ากลัวแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย คิดว่าเขามีแต่ด้านนุ่มนวลซะอีก แล้วดูท่าฟึดฟัดนั่น ตลกดีแฮะ ท่าทางจะขี้หึงขี้หวงชิบหาย

“อ้อเจมครับ” อะไรอีกล่ะ

“ครับ?”

“พี่ขอเคลียร์งานช่วงเย็นสัก 2-3 วัน พอว่างแล้วจะไปขอเจมกับแม่นะ”

หือออออออออออออออออ เรื่องใหญ่ไปมั้ยครับไอ้พี่หนึ่ง อะไรกัน ขอม่งขอแม่อะไร!

“เฮ้ย! พี่หนึ่ง พี่หนึ่งออกมาคุยกับเจมก่อน พี่หนึ่ง ไอ้พี่หนึ่ง!!” ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายทุบประตูห้องน้ำอย่างหวาดผวา ชีวิตผมจะเจออะไรอีกบ้างล่ะเนี่ย? ไอ้แอมคงจะตั้งหน้าตั้งตาจีบจนพฤติกรรมมันเปลี่ยนจากหลังตีนเป็นหน้ามือ จากที่เจอหน้าก็กัดผมอาจกลายเป็นเรียกเจมจ๋าเช้าเจมจ๋าเย็น แล้วที่ว่าจะขอผมกับแม่ล่ะ เฮ้ย!! ไอ้นี่แหล่ะที่ผมกลัวที่สุด

เผื่อใครยังไม่รู้ ผมยังไม่ได้บอกแม่เลยว่านายคฤณมาจีบผม แม่รู้แค่ว่า “ตาหนึ่ง” เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่บ้าคลั่งลูกหมาเท่านั้นเอง

ทำไงดีวะกู!!!




นรก...
อยู่ไหน?
มารับผมไปทีก็ดีเหมือนกันนะ
เพราะการมาเยือนเช้าเยี่ยมบ่ายส่งเสบียงเย็นตลอด 1 อาทิตย์ของนายคฤณและไอ้แอม ทำให้ผมแทบทำงานไม่ได้

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ นายคฤณสามารถมีธุระมาที่ออฟฟิศผมได้ 5 วันติด และเขาก็สอยผมมาด้วยทุกเช้า มีคนเห็นบ้างไม่มีคนเห็นบ้าง แต่ไอ้ที่เห็นบ้างเนี่ยก็เอาไปขยายความ ผมจะไม่เต้นตามเลยหากไม่เมาท์กันว่าผมติดหนี้บอลต้องขายรถมินิใช้หนี้ และผมขายโก่งราคาให้นายคฤณที่ตามเล่ห์เหลี่ยมผมไม่ทัน

อ่อหรอ? กูเพิ่งรู้ว่ากูพนันบอล แล้วกูเล่นคู่ไหนวะ? แล้วไอ้พี่หนึ่งนี่น่ะหรอที่ตามกูไม่ทัน
กูนี่! ผมต่างหากที่ตามเขาไม่ทันสักเหลี่ยม ให้ตายเถอะ! เกือบเสียตัวแล้วยังต้องมาเสียชื่อเสียงอีก
อยากจะถามเหมือนกันว่ากระทำการบ้าบิ่นแบบนี้ผมได้อะไร แต่กลัวนายคฤณจะตอบว่า “ได้ใจพี่ไงครับเจม” รับไม่ได้ ใจแม่งเขิน!

วันนี้เป็นวันที่ 5 ที่เขาขลุกอยู่กับพวกผมที่ออฟฟิศ ทั้งอัดรายการทีวีที่ไอ้ต้อมแม่งขอเวลานายคฤณไว้ทั้งหมด 3 รายการ พร่องมึงชื่อไรนะ? ทวนให้กูฟังทีกูจะได้เชื่อว่ามึงสติดีอยู่ ห่า! นายคฤณไม่มึนตายก็บุญชิบหายแล้วครับ พออัดรายการเสร็จเขาก็ออกมาพบกับพี่ปู ที่ก็ลากเขาเข้าไปห้องประชุมและจัดสัมมนาย่อยร่วมกับแหล่งข่าวอีก 3 คนจากวงการอสังหาฯ ซึ่งนัดไว้ล่วงหน้าแล้ว เรียกว่าเอานายคฤณเข้าไปเป็นตัวแถมนั่นแหล่ะ

นี่เขาก็เพิ่งออกมาจากห้องประชุมครับ ใบหน้าเพลียๆ หันมองผมแล้วก็ส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินไปยังหน้าลิฟต์ อืม...หรือวันนี้เขาจะกลับก่อน

ผมสงสัยอยู่แป๊บเดียวโทรศัพท์ก็สั่นครืดๆ นายคฤณโทรฯ หาครับ

“ครับพี่หนึ่ง” ผมทักเสียงเบาหน่อย พยายามมองว่ามีใครอยู่ในรัศมีที่จะได้ยินผมคุยโทรศัพท์รึเปล่า แฮ่ๆ ไม่มีครับ

“เจมยังไม่เสร็จงานเลย วันนี้พี่กลับไปก่อนก็ได้นะ ดูเหนื่อยๆ” ผมตอบคำถามและเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเขาพูดคำถัดไป “ออกมาส่งพี่หน่อยสิ นะ”

มาอีกแล้ว พฤติกรรมย้ำใจไอ้แอมครับ เขามักเรียกผมไปมีส่วนร่วมอยู่ใกล้ๆ และก็ทำตัวปกติกับผมนะ เรียกเจม แซวผม หัวเราะกับผมทั้งที่ก็มีคนอื่นอยู่ด้วยเขาก็ทำได้อย่างไม่เขินอาย เรียกได้ว่าคนอื่นๆ มองผมกับเขาว่าสนิทกันเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะเจอกันบ่อย ทำงานกันบ่อย

“ออกไปหาหรอ? พี่หนึ่งอยู่ไหนล่ะ?” ผมถามพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้เตรียมไปหาคนที่ทำตัวว่าขาดผมไม่ได้ แต่แล้วไอ้ตัวปัญหาก็โผล่พรวดมาหาพร้อมกับชาเขียวปั่นแก้วมีโล้โก้นังแมงดาวหรา

“เฮ้ย! อะไร ตกใจหมด”

“ซื้อมาฝาก ท่าทางเหนื่อยๆ กินสิ กิน กิน”

“เออ ขอบใจนะแอม”

“กูรู้ว่ามึงชอบ” อื้มมมม กูชอบนะ และน่าจะชอบต่อไปได้ถ้ามึงไม่ซื้อให้กูวันละ 2 แก้ว และให้กูแดกแต่ชาเขียวมา 5 วัน มึงจะย้อมให้ตัวกูเป็นสีเขียวแล้วพากูไปสังเคราะห์แสงใช่มั้ยไอ้เหี้ยแอม

“มึงเปลี่ยนรสชาติให้กูบ้างเถอะแอม แดกจนหนอนชาเขียวแม่งแช่งกูแล้วเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ ได้ๆ เดี๋ยวพรุ่งกูเปลี่ยนเป็นไอติมชาเขียวให้นะ” ไอ้เหี้ย! สโคปห่างกันมาก
“แล้วนี่มึงจะไปไหนหรอเจม ไปเว่นหรอ? กินไร? เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนนะ”
“เออเจม ไอ้คุณคฤณแม่งมาบ่อยไปป่าววะ? ไม่รู้พีเอ็นใช้ให้มึงทำไรเรียกตังค์จากเขารึเปล่า ลำบากใจก็บอกกูนะ” กูควรบอกมึงมั้ยแอมว่ากูลำบากใจ แต่ไม่ใช่กับไอ้คุณคฤณที่มึงคิด แต่ลำบากใจเพราะความไม่รู้เรื่องและไม่รู้จักแหกตามองอาการหึงของมึงนี่แหล่ะ

“พี่ปูก็ไม่ได้ให้กูทำอะไรนี่ ถ้าให้ทำกูจะโยนให้มึงก็แล้วกัน”

“ไม่เอาหรอก ไม่ถูกชะตาว่ะ” มันว่าแล้วเดินมาดักหน้าผมเมื่อผมขยับจะเดินไปยังประตูออกไปที่ลิฟต์ เฮ้อ ที่ผ่านมาผมเลี่ยงการเผชิญหน้าของมันกับนายคฤณนะ แต่วันนี้กูไม่ช่วยมึงแล้วแอม กูเจอนรกที่โคตรอึดอัด มึงก็ต้องเจอเหมือนกัน ไอ้ควาย ไอ้ไม่มีตา ไม่เห็นหรอว่าเขามาเฝ้ากูเพราะเขารู้ว่ามึงจีบกูไง เท่านี้แม่งก็จะขยับไปขี้เงียบๆ คนเดียวไม่ได้แล้ว โดนซะมั่งเถอะมึง!

“กูว่าเขาก็ดีนี่ ไม่เห็นมีไรน่าหมั่นไส้เลย มึงอคติเหอะ”

“มึงหลงชอบเขาป่ะเนี่ย ชมจัง กูน้อยใจนะ”

“แล้วถ้ากูจะชอบเขา มันเกี่ยวกับมึงตรงไหน?”

“เกี่ยวดิเจม ก็เรากำลังดูใจกันอยู่” อื้อหือ อายปากมั้ยมึง? ผมเป่าปากมองมันเครียดๆ แล้วตั้งท่าจะทำความเข้าใจกับมันใหม่ แต่ไอ้อรินทร์ก็กวนส้นตีนครับ มันยิ้มเผล่แล้วเดินหนีไป บอกไว้แค่ว่า “กูรู้ว่ามึงต้องการเวลา กูจีบมึงตลอดชีวิตก็ได้เจม ไม่ต้องห่วง”

ผมพลาดเอง และนี่คือผลกรรมที่ผมกำลังรับไว้เต็มกะบาล

“เดี๋ยวแอม” ผมตัดสินใจรั้งมันเอาไว้ ไปกับกูเถอะแอม ไปรับกรรมที่กูประวิงเวลาให้มึงไว้แล้วต้องเป็นฝ่ายเซ็งเองมา 5 วันติดๆ ไอ้แอมยิ้มดีใจแล้วรี่มาหาผมทันที ก็รู้สึกแย่นะครับที่จะต้องใช้วิธีนี้ แต่ว่า...ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ

การให้จีบ ไม่ได้หมายความว่าให้มันยื่นแขนแหย่ขาเข้ามาในชีวิตผมตลอดเวลาแบบนี้
และตอนนี้ผมก็ชัดเจนแล้วมากๆ ว่าผมชอบนายคฤณมากแค่ไหน เพราะตอนที่เขาจีบผม ทั้งที่ยังไม่เคยบอกว่าจีบ และบอกว่าจีบแล้ว ผมไม่เคยรำคาญเขาแม้แต่นิดเดียว ไม่เคยรู้สึกว่าเขาก้าวก่าย แต่สัมผัสได้ว่าเขาค่อยๆ มีความสำคัญกับผมมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนไอ้แอม มันจะเป็นเพี่อนที่ดีมาก ถ้ามันรักผมในขอบเขตที่ผมยอมรับได้ ซึ่งก็คือ “เพื่อน”

“อะไร? มีไรหรอ หิวอ่ะดิ มึงแม่งก็ไม่มีไรมากหรอก กิน ทำงาน นอน เลี้ยงง่ายชิบหายเลย มามะ ป๋าแอมพาไปนะ”

ผมไม่ตอบอะไร แค่ยิ้มให้แล้วเดินนำหน้ามันไปที่หน้าลิฟต์ มันแตะบัตรเปิดประตูกระจกพร้อมกับบ่นว่า “อ้าว หมอนี่ยังไม่กลับอีกหรอวะ? เจอทุกวันเลย” ผมได้แต่ยิ้ม และเมื่อคนที่ถูกพูดถึงหันมาเห็นผมกับมันเดินออกมาพร้อมกัน ผมก็ตรงดิ่งไปหาเขาทันที

“จะกลับแล้วหรอครับพี่หนึ่ง” มึงได้ยินมั้ยแอม ได้ยินมั้ยว่ากูเรียกเขาว่าอะไร
“เพื่อนเจมใช้งานพี่หนักมาก ขอกลับไปพักที่คอนโดก่อนนะ เย็นนี้เจมอยากกินอะไร?”
“อืม แล้วแต่พี่หนึ่งเลยครับ เจมกินได้หมด”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ออกมาซื้อของสดไปทำไว้ รีบกลับนะครับ”
“ครับ” ผมเงยหน้ายิ้มให้ใสกิ๊ก พอลิฟต์มาผมก็ก้าวเข้าไปยืนเคียงกับนายคฤณ และค่อยหันมากวักมือเรียกไอ้แอมที่ยืนเป็นใบ้อยู่

“เฮ้ยแอม มาดิ เร็ว”

“เอ่อ...กู...เดี๋ยวกูค่อยตามไป” มันบอกด้วยใบหน้าสับสน แต่สายตาที่มันมองผมสลับกับนายคฤณนั่นทำให้ผมรู้ได้ว่า ผมฆ่ามันแล้วจริงๆ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 07-01-2013 23:33:34

ในลิฟต์เงียบไปมั้ย?
แล้วนายคฤณรู้ใจผมมากเกินไปรึเปล่า
เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่จับมือผมไว้ อีกมือก็ลูบหัวเบาๆ
ผมเสียใจมากที่ต้องทำแบบนี้ ผมมันแย่ ผมมันเลว มันมีวิธีอีกมากที่จะทำให้ไอ้แอมรู้ตัวว่าความรู้สึกของมันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมกลับเลือกใช้วิธีที่เอาโคลนสาดหน้าแล้วยื่นน้ำกรดให้มันล้างตา ผมมันเลวจริงๆ

“เจม...ขออยู่คนเดียวสักพักนะครับ”

“แต่พี่จะอยู่กับเจมเสมอ อยู่คนเดียวพอแล้วก็มาหาพี่นะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วเดินออกจากลิฟต์พร้อมกับนายคฤณ เขาเลี้ยวซ้ายไปยังทางเชื่อมไปลานจอดรถ ส่วนผมเลี้ยวขวาไปที่เซเว่น และยื่นนิ่งรอไอ้แอม

ไม่ช้ามันก็ตามลงมา สีหน้าขี้เล่นไม่มีให้เห็นแล้ว มันคงรู้แล้วแหล่ะ น้ำกรดมันแสบตามากเลยใช่มั้ยแอม งั้นก็สาดกูคืนแล้วด่ากูไปวันๆ ต่อไปเถอะ

“ไงมึง”

“อืม” ผมรับคำและเหล่มองมันที่ทักผม หันหน้าประกบผม แต่มองเลยไหล่ของผมไป

“กับเขา มึงเป็นอะไร”

“แฟน” ผมบอกตรงๆ สีหน้ามันบิดเบี้ยวนิดๆ ดูเหมือนมันจะข่มอารมณ์อย่างหนักก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา

“กูอกหักใช่มั้ย ไม่ว่าวันไหนมึงก็ไม่มีทางรักกูใช่มั้ยเจม”

“อือ”

“เพราอะไร? ไอ้นั่นมันดีตรงไหน มันรวยใช่มั้ย?”

“สัดแอม มึงดูถูกกูอยู่ และนี่ก็เป็นข้อดีที่เขามีแต่มึงไม่มี พี่หนึ่งไม่เคยดูถูกกูแม้แต่ครั้งเดียว”

“ผงที่ลูกกะตามึงชิ้นใหญ่มากเจม กูเคยบอกมึงแล้วว่าไอ้นี่มันไม่ใช่คนดี”

“กูก็ขอบใจมึงแล้วที่เตือน และบอกไปแล้วด้วยว่ากูไม่มีโล่ให้” ผมเถียงทันใจเลยครับ ผมจะตามืดบอด ตามัว ตาถั่ว ตาอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็คือตาผม มันคือมุมมองของผมที่ผมให้คุณค่ามันไว้แล้ว

“มึงรู้จักเขาดีแค่ไหนเจม”

“กูกับพี่หนึ่งกำลังทำความรู้จักกันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องคิดแทนกูหรือห่วงกูมากนักหรอกแอม กูโตแล้ว กูคิดเป็น กูมองคนออก”

“มึงกำลังหลงไอ้นี่ มึงไม่รู้อะไร”

“และกูก็ไม่อยากรู้อะไรที่มึงรู้”

“ไอ้เจม!” มันขึ้นเสียงใส่แล้วลากผมออกไปนอกตึก ไปยืนตรงไอ้ซอกลมที่ทำให้ตาผมแห้งกว่าเดิม
“มึงฟังกูนะ” พอผมถอนหายใจไป 2 รอบ มันก็เริ่มพูด
“นายคฤณ ธีระเสถียร มันเลือดเย็น มันไม่มีหัวใจเจม มึงเชื่อกูเถอะ มึงเชื่อกู”

“มึงละเมออะไร? การที่กูรับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้แต่กูรับความรู้สึกเขา ทำให้มึงต้องด่าทอเขาแบบนี้หรอวะ!”

“กูไม่ได้อคติ กูถ่ายภาพ กูมีเพื่อน กูมีสังคม แล้วคนพวกนั้นพูดเสียงเดียวกันทั้งที่กูไม่เคยถามอะไรพวกมันเกี่ยวกับไอ้คฤณนี่เลย”
“มันฆ่าคนตายได้อย่างเลือดเย็น มันเลือดเย็น มันไม่รักมึงจริงหรอกเจม มันคงต้องอะไรสักอย่างจากมึง”

“............”

“แฟนมันตาย มันตอบแทนด้วยการเทคโอเวอร์บริษัทพ่อแฟน งานศพยังไม่ไปร่วม น้ำตาสักหยดยังไม่มี”
“ทั้งที่เป็นทั้งแฟน เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิท กับเพื่อนแม่งก็ฆ่าได้ทั้งเป็น เอาเงินฟาดหัว คนแบบนี้มึงรักได้หรอ?”

“.............”

“กูไม่ได้นิยายด้วย หลักฐานก็มี ถ้ามึงอยากรู้นะเจม มึงค้นเองเลย มึงไม่ใช่คนโง่ กูไม่ได้บอกว่ามึงกำลังโง่ กูกำลังชี้ให้มึงเห็นว่ามึงไม่ระวังตัว!”
“มึงไปค้นดู หาดู ชื่อพีชญา เรืองกฤติยา หรือลูกแพร”
“ถ้ามันรักมึงจริงอย่างที่มึงเชื่อจนยอมคบกับมัน มึงก็ลองถามให้มันเล่าให้ฟังจากปากสิ”

“...........”

“กูจะไม่เต้นเลย ถ้าคนที่มึงเลือก ไม่ใช่ไอ้คนนี้”

ผมจุกเหมือนโดนมันชกสิบหมัด
ฆ่าคน เลือดเย็น แฟนตาย น้องเพื่อนสนิท ลูกแพร
จู่ๆ ภาพผู้หญิงดูกวนส้นตีนก็แล่นเข้ามาในหัว คำพูดที่ผมได้ยินเลือนรางและคิดว่าลืมเลือนไปแล้วดังแว่วขึ้นมาราวกับใครแกล้ง “ฝันดีครับแพร”

นี่มันเหี้ยอะไรกันวะ? 



ผมเก็บความสงสัยเอาไว้กับตัว
แม้จะกลับมาอยู่หน้าโน้ตบุ้คแล้วผมก็ไม่เสิร์ชหาข้อมูลนายคฤณ
นิตยสารเล่มที่ผมเคยเขียนเรื่องราวของเขาวางอยู่ใกล้ๆ ผมหยิบขึ้นมากางอ่าน อ่านมุมมองของผมที่สะท้อนตัวตนชายคนนี้ เขาเป็นคนดี คนเก่ง รอบรู้ มีน้ำใจ เขาดีไปเสียหมด
เขาจะเคยทำเรื่องที่ไอ้แอมพูดหรอ? อาจมีใครซักคนตั้งตัวเป็นเจ้ากรมข่าวลือมั่วๆ ก็ได้ ไอ้แอมหูเบาเกินไปแล้ว!

งั้นหรอ?

“หึ!” ผมหัวเราะประชดตัวเอง ความคิดเมื่อกี้ทำให้ผมรู้ว่าผมมองเขาในแง่ดีเกินไป อย่างน้อยๆ เมื่อเทียบกับมาตรวัดของคนอื่นแล้ว ผมก็มองเขาดีมากระดับท้อป ทั้งที่คนอื่นมองว่าเขาดีพื้นๆ
นั่นเป็นเพราะเขาดีกับผม และผมชอบเขา
ผมหลงนายคฤณแล้วใช่มั้ย หลงเกินไปด้วยใช่รึเปล่า?

“ไม่ไหวแล้วเว้ย!” ผมสบถกับตัวเองและปิดโน้ตบุ้คเพื่อมุ่งหน้ากลับคอนโดทันที

มันไม่หายสงสัย และตอนนี้วิธีที่ผมคิดออกก็มีแค่ ถามเขาให้รู้เรื่อง!




“เจม เจม!”  ใครเรียกวะ ผมแบกหน้าเหม่อๆ หันไปมอง นายคฤณครับ เขาอยู่ในชุดลำลอง กำลังวิ่งรี่ผ่านล้อบคอนโดบี้มาหาผมที่หน้าลิฟต์ อาการหอบน้อยๆ แสดงถึงความจริงใจในการทะยานมาหาผมมากทีเดียว

“อะไรเยอะแยะครับนั่น”

“ก็ของสด มาทำให้เจมกินไง”
“หรือเบื่อ ไปกินข้างนอกก็ได้นะ พี่ก็ทำอาหารไม่ค่อยเป็นหรอก”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวช่วยกันทำดีกว่าครับ” ผมบอกแล้วยิ้มให้ แค่เห็นรอยยิ้มเย็นๆ ของเขา ผมก็กลืนคำถามที่ท่องมาตลอดทางไปเลย
“แล้วกลับมาถึงตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอครับ ทำไมเพิ่งซื้อของเสร็จ นี่เจมกวนเวลาพี่เกินไปรึเปล่า”

“ไม่หรอกน่า คิดมากทำไม”
“พี่เลือกนานไปหน่อย พอดีเจอแม่บ้านคนนึง ท่าทางเชี่ยวชาญมาก พี่ก็เลยหยิบทุกอย่างที่แกหนิบนั่นแหล่ะ แล้วเป็นไงรู้มั้ย? แกหยิบคืนซะเกินครึ่งแล้วก็บ่นๆ อะไรซักอย่าง พี่ก็เลยไม่รู้ว่าควรหยิบอะไรออกบ้าง และไอ้ที่หยิบตามนี่ทำอะไรได้บ้าง” เพลินดีแฮะ ขี้เมาท์เหมือนกันนี่หว่า

“แล้วพี่หนึ่งทำไงต่ออ่ะ แล้วไอ้ที่ซื้อๆ มานี่มันทำอะไรกินจริงจังได้มั้ย?” ผมถามแล้วแทบจะมุดหัวลงไปสำรวจในถุงที่นายคฤณยกขึ้นอวด

“ไม่แน่ใจ แต่น่าจะทำกินได้ซักอย่าง 2 อย่าง”

“โอเค เดี๋ยวเจมช่วย”

ติ๋ง!
ลิฟต์มาพอดี ผมก้าวไปยืนคู่กับเขาและหันหน้ามองเขาครู่หนึ่ง นายคฤณเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ก่อนจะขยี้หัวผมเบาๆ แล้วโน้มหน้าผมไปซุกรักแร้....เล่นอะไรครับคุณมึง?

“ปล่อยเจมเลย เหม็นด้วย”

“อาบน้ำแล้วนะ เหม็นหรอ ขอโทษ ขอโทษ” ขอโทษทำไม ผมก็บ่นไปงั้นแหล่ะ ไม่เหม็นหรอก ผมหัวเราะนิดนึงแล้วก็หันกลับไปมองประตูลิฟต์ที่ยังคงปิดสนิท

กับข้าวเย็นนี้
ไข่ทอดขอบกรอบๆ ฝีมือผม และ....ต้มยำเต้าหู้หมูสับน้ำข้น ช่วยกันทำๆ ปรุงๆ ครับ
ซดไปอีกแรก อื้อหืออร่อย อึกต่อไปนี่ออกแนวหมดนโยบายยกหางตัวเองแล้ว ยอมรับครับว่าเค็ม แต่ข้าวจืด ไข่จืด เพราะงั้นก็ยังอร่อยอยู่ดี อย่างน้อยคนข้างๆ ผมก็กินอย่างเอร็ดอร่อย

ผมอิ่มก่อนเขา ซึ่งผิดปกติมากและเขาก็สังเกตเห็น
พอถูกถาม ผมก็อ้างว่าเซ็งเรื่องไอ้แอมเลยไม่มีอารมณ์กินข้าว เขาก็ขยี้หัวผมเป็นการให้กำลังใจเหมือนเดิม

ย้ายตูดกันมานั่งดูเอ็มวีเพลินๆ เขาก็ทำงานของเขาต่อไป มีเดินออกไปคุยโทรศัพท์เป็นระยะ ดูเหมือนจะคุยกับคนที่ไซท์ระยอง เพราะเขาตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า “ลุงนายช่างก็กดปุ่มเพิ่มเสียงสิครับ ผมตะโกนดังกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ”

พอเขากลับเข้ามาก็เจอหน้าผมกำลังหาวพอดี นายคฤณเลยเดินมาเปิดโน้ตบุ้คแล้วไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนตัวเขาจะกลับคอนโด พอดีมีเรื่องต้องจัดการและเอกสารที่เกี่ยวข้องก็อยู่ที่คอนโดเขาด้วย

ผมพยักหน้าหงึกๆ และก็รายงานเขาว่าบอกแม่ไปตั้งแต่เย็นแล้วว่านอนคอนโด กำลังจะอาบน้ำตามที่เขากำกับ ผมก็ส่งประโยคระเบิดไปให้เขาลองคิดเล่น

“พี่หนึ่ง”

“ครับ”

“พี่หนึ่ง เคยมีแฟนรึเปล่าครับ”
“เล่าให้เจมฟังบ้างสิ พี่จีบคนอื่นยังไง ต่างจากที่มาตีซี้เจมรึเปล่า” อ้อมโลกมากไปนะบางที ผมยืนรอคำตอบจากเขาที่หน้าห้องน้ำ สีหน้าที่เคยแสดงออกว่ายินดีจะตอบทุกอย่างที่ผมถาม ขำทุกสิ่งที่ผมเล่าไม่มีให้เห็น

มีเพียงสีหน้าเศร้าๆ และอาการทอดสายตามองผมแต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้กำลังใส่ใจผม
นายคฤณลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาจับโน้ตบุ้คบางๆ ไว้ในมือเดียว อีกมือเขาก็คว้ากุญแจรถ เสื้อสูทที่วางอยู่ใกล้ๆ และก็เดินไปยังหน้าประตูห้อง

“ทำไมครับ? มีอดีตที่เป็นความลับหรอ?”

“เปล่าครับ แต่งงว่าทำไมเจมถึงได้ถาม”
“พี่ไม่เคยมีแฟนหรอก คนอย่างพี่ไม่กล้ามีความรักหรอกครับ พี่ถึงได้ขอบคุณเจมเสมอที่ไว้ใจพี่”

“............”

“รักครั้งแรกของพี่ ชื่อชานนท์”


ผมยิ้มนะ แต่ก็แค่ปาก
สิ่งที่เขาพูดมันเหมือนจริงกึ่งหนึ่ง ไม่จริงกึ่งหนึ่ง
มันคือคำพ้อ แต่ผมไม่รู้ว่าเขาพ้อใคร แต่ที่แน่ๆ คนที่เขาตัดพ้อนั้นไม่ใช่ผม

“กลับแล้วนะครับ ปิดห้องให้ดีล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้”

“พรุ่งนี้เจมสัมภาษณ์นอกออฟฟิศ เดี๋ยวเจมไปเอง ส่วนเรื่องไอ้แอม พี่หนึ่งไม่ต้องเป็นไม้ตีหมาแล้วครับ มันเข้าใจแล้วว่าเราเป็นอะไรกัน เจมบอกมันแล้ว”

“เขาเข้าใจเจมดีใช่มั้ย?”

“ครับ” ตรงกันข้ามต่างหาก นอกจากจะไม่เข้าใจแล้ว ไอ้แอมยังปูดประเด็นสงสัยใส่สมองผม จนผมไม่สามารถสลัดเรื่องพวกนั้นทิ้งได้เลย

เขายิ้มลาผมและจากไป
ส่วนไอ้ความสงสัยในอดีตของเขาทั้งหลาย มันเข้าไปอาบน้ำกับผมด้วย และคืนนี้มันก็คงนอนเคียงคู่กับผมอย่างแน่นอน


Cut


ชีวิตมันก็ต้องเครียดกันบ้างค่ะ >,<
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 07-01-2013 23:52:52
โอ้ยอยากรู้เหมือนเจม เจมถามเลยยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 07-01-2013 23:57:49
ดราม่าจนได้  o22   จะได้กินมาม่าไปอีกกี่วันค่ะเนี้ย

สงสารแอมจัง หาคู่ให้แอมด้วยนะค่ะ :)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 08-01-2013 01:00:01
โอ้ อยากรู้เหมือนกันแฮะ ตกลงว่าพี่หนึ่งมีแผนป่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 08-01-2013 01:13:27
ตอนที่3
ดูไปเร็วมากกับคู่นี้
งงกับพี่หนึ่ง คือแบบ ทำไมต้องนั่งรอไรงี้ งงๆ
ส่วนแอมก็อุตส่าห์คาบข่าวมานะเนี่ย
แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้คนคิดงั้นรึเปล่า

แล้วเจมเริ่มชอบพี่หนึ่งแล้วล่ะสิ อุอุอุ

ชอบที่เจมพูดตรงๆ สงสัยอะไร เป็นยังไงก็พูดตรงๆเลย

ป.ล.ขำมากที่พี่หนึ่งเล่นกับหมาแล้วมาจับหน้าเจม

ตอนที่4
เจมชอบพี่หนึ่งแล้วแน่ๆอ่ะ แต่เรายังไม่รู้ส่วนของพี่หนึ่งเลย
คืออ่านเรื่องอื่น ถ้าพระเอกชอบด้วย มันจะเป็นอีกแบบนึง
นี่มันอึดอัดอ่ะ บอกไม่ถูก มีแค่ส่วนของเจม

ตอนที่5
เฮ้ย พี่หนึ่งแรงงงงง ถามตรงตอบตรง งงเลย
แต่ยังไม่เห็นตัวตนพี่หนึ่งเท่าไหร่เลย เลยทำให้รู้สึกขาดและอึดอัดไป

แอมก็แบบว่านะ เหอๆๆ คราวนี้เอาไงล่ะเนี่ยเจม
แอมจะขึ้นมาหา พี่หนึ่งก็จะกลับมา โอย เครียดแทน

ตอนที่6
เฮ้ย แพรนี่คือใครอะไรยังไงเนี่ย
พี่หนึ่งไม่เคลียร์นะงี้
เอาแล้วไง คงไม่มีให้น้ำตาท่วมนะ หวั่นใจตามประสบการณ์การอ่าน555

พี่หนึ่งร้ายนะ ที่เข้าร้านกาแฟไปนั่งฟังเจมคุยกับแอมด้วย
บอกได้เลยว่าถ้าเจมไม่ได้ชอบพี่หนึ่ง คนแบบพี่หนึ่งโดนด่าแน่ๆอ่ะ

ตอนที่7
หาเรื่องใส่ตัวเองแล้วล่ะเจม ทำงี้เหมือนให้ความหวังแอมนะ
แล้วเรื่องความสัมพันธ์กับพี่หนึ่งอีก จะยังไงดีล่ะเนี่ย
แอบคิดว่าพี่หนึ่งเห็นตอนเจมคุยกับแอมอ่ะ555
อึดอัดกับเรื่องพี่หนึ่งที่เราไม่รู้ประวัติเลยเนี่ย

รูปที่เจมเห็นที่บ้านที่ระยอง เป็นพี่หนึ่ง เพื่อนพี่หนึ่ง
และแฟนเพื่อนพี่หนึ่งที่ชื่อแพรป่าว เดามั่วนะ ฮี่ๆๆ

ตอนที่8
กรี๊ดดด ค้างมาก ไม่ควรเริ่มอ่านแล้วมาค้างตอนนี้เลย
เอาแล้วไง นามสกุลคนที่เจมจะสัมภาษณ์ เหมือนกับคนที่แอมบอกว่าเป็นแฟนเก่าพี่หนึ่งเลย
เป็นพี่ชายลูกแพรแหงๆ คราวนี้ต้องเครียดแน่ๆ หมายถึงเนื้อหานะ
แล้วพี่หนึ่งเป็นแบบนั้น โอยยยย มันพิรุธเกินไป
เรื่องต่อจากนี้คงจะเครียดหนักแน่ งื้อ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 08-01-2013 04:55:19
สรุปพี่หนึ่งโกหกรึเปล่าเนี่ย เห้ออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 8 - 7/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-01-2013 08:33:48
เขียนดีมากเลยค่ะ ไหลลื่น ชอบมาก
เจม-คฤณ น่ารัก อยากรู้เหมือนกันว่าพระเอกมีประวัติเป็นไง
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-01-2013 01:23:07
Hear, Me

=======
If I could, I would
======

ตอนที่ 9




คนในวงจรชีวิตคนแรกที่ผมเจอในวันนี้คือ ไอ้แอม
ครับ มันโทรฯ มาเช็คที่ห้องก่อน พอผมรับสายมันก็อึกอักใหญ่ แต่พอผมบอกว่า “เออ มีไรก็พูดมาเถอะ เพื่อนกันทั้งนั้น” มันก็หัวเราะหึๆ แล้วก็บอกว่า “ขอคุยด้วยหน่อย รอที่ล้อบบี้นะ” แล้วก็ตัดสายไป โดยที่แม่งไม่ปล่อยโอกาสให้ผมบอกมันเลยว่า ไอ้เหี้ยแอม กูกำลังขี้”

ผมให้มันรอชั่วโมงนึง ไม่ได้แกล้งครับ แต่มันจำต้องรอผมอย่างไร้เงื่อนไข เพราะวันนี้ผมมีสัมภาษณ์นายพิชญะที่ออฟฟิศของเขา เราเป็นเด็กกว่า ด้วยหน้าที่การงานและโอกาสห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ ผมต้องสุภาพเท่าที่ตัวผมจะยอมรับได้

“ช้าชิบ” บ่นทำไมมึง กูจุดธูปเชิญมึงมาหรอ? กูเข้าฝันไปปลุกมึงถึงเตียงงั้นสิ!

“กลับไปนอนดิ มานั่งทำหน้าหมาให้กูมองทำไม”

“ก็ทำให้หมามอง มันก็ต้องหน้าหมาแบบนี้แหล่ะ”

“สัด! แต่เช้าเลย อย่าให้กูกริ้วอ๋อมแอ๋ม” มันหัวเราะหึแล้วลุกขึ้นมาตบหัวผม ก่อนจะนั่งลงไปอีกรอบ เห็นมันยิ้มได้แบบนี้ผมก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย แม้เมื่อคืนจะไม่ได้กลุ้มเรื่องมันมากนักก็เถอะ

“แล้วมึงมีไร” พอก้นแปะเก้าอี้ปากก็เปิด ไอ้แอมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็พูดออกมาพรวดเดียวครับ ดังนี้

“กูอยากขอโทษ กูมาคิดดๆ ดูแล้วกูก็ไม่ควรเอาเรื่องไม่สบายใจมาบอกมึงแบบนั้น จริงๆ กูควรรู้ตัวแล้วว่ากูมันคนนอกที่มึงไม่มีวันคคิดกับกูมากกว่าเพื่อน กูควรเป็นเพื่อนที่ดี ไม่รักกูก็ใช่ว่ากูต้องไม่รักมึงด้วย คือกูไม่ได้ตื๊อนะแต่มึงเข้าใจป่ะ รักมึงก็เรื่องของกู ไม่รักกูก็เรื่องของมึง จากนี้ไปกูจะ...ก็รักมึงแหล่ะ แต่ว่า...แต่กูจะรู้ขอบเขตตัวเองไง คือกูคิดแล้วคิดอีกนะ มึงคงไม่อึดอัดใช่มั้ยที่กูจะยังขอเป็นห่วงมึงอยู่ แบบห่างๆ ก็ได้ หรือมึงจะกำหนดก็ได้ว่ากูเข้าใกล้มึงได้ในระยะกี่เมตรไรงี้ มึงบอกกูมาเลยอัญ”

“กู...” ครับ เมื่อมันให้บอก ผมก็จะบอก
“กูฟังไม่ทัน” ไอ้แอมมองหน้าผมแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้ง มันยกไอโฟนมันมาจ่อหน้าผมแล้วพูด

“กูรู้ว่าสมองมึงช้า และคนอย่างกูก็รอบคอบ”
“มึงเอาไปเปิดฟังความในใจที่กูอตส่าห์คิดทั้งคืนนะอัญ ไอ้ห่า!”

“แล้วด่ากูทำเป็ดไร! ไหนว่ารักกูไง”

“รักก็ด่าได้ไอ้บ้า” มันยัดไอโฟนใส่มือผมแต่ผมรีบปาคืน ใครจะบ้าเปิดฟังเสียงที่แม่งอัดไว้ และถึงผมจะฟังไม่ทันผมก็ฉลาดพอจะจับประเด็นได้ ใจความของมหากาพย์ไอ้แอมคือ มันขอเป็นห่วงผม ในระยะที่ผมอนุญาต ไอ้อรินทร์เป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก

“เอาเหอะ มึงมาเท่านี้ใช่มั้ย? งั้นไปส่งกูหน่อยได้ป่ะ? ออฟฟิศแหล่งข่าวอยู่แถวศูนย์วัฒนฯ หรือมึงมีธุระ งั้นก็ไม่เป็นไร” พูดจบผมก็ลุกขึ้นแต่ไม่ลืมกาแฟที่มันสั่งไว้ให้ โชคดีชิบหายที่แม่งใส่ถ้วยกระดาษ

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวกูไปส่ง มึงไม่ต้องรีบ เวลานี้รถไม่ติดแล้ว เท่านี้เอง”

“เหรอะ?”

“อือ” เมื่อไอ้แอมย้ำ ผมก็หย่อนตูดนั่งเหมือนเดิมและค่อยๆ จิบกาแฟที่ยังไม่ทอนความร้อนลง ดูมันมีความสุขเล็กๆ ที่ได้ถามผมว่าผมคิดยังไงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แม้แต่หมาขี้เป็นแท่งตรงๆ มันก็เอามาถาม ไม่ได้แหกตาดูเลยว่ากูกำลังยัดปังหมูหยองมายองเนสเข้าปาก กูอิ่มเลย ขอบคุณมาก มึงกลัวกูอ้วนสินะไอ้เหี้ยแอม

มันขับรถพาผมออกจากคอนโดและมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดสัมภาษณ์ของผม ตอนลงมันก็ยังอุตส่าห์กวนส้นตีนผมตามประสาคนที่รักผมจนเก็บงำอารมณ์ไม่ไหวว่า “ชะลอมในรถกูไม่มีนะอัญ แต่ถ้ามึงอยากได้ฟีลพจมาน กูยอมให้มึงถังขยะเดินเข้าบ้านทรายทอง เอาป่ะ”

เชี้ยนี่ จะรักผมหรือไม่รักผม สิ่งที่มันเลิกทำไม่ได้ก็คือการเสียดสีล้อเลียนผมเรื่องชื่อสินะ

ผมชูนิ้วกลางให้มันมองป้องกันตาว่าง แล้วก็วิ่งทึกทักเข้ายังตัวอาคารที่เด่นตระหง่านอยู่ในย่านกลางเมือง


ออฟฟิศของพิชญะอยู่ชั้น 15 ครับ แต่ผมต้องทะยานขึ้นมายังชั้น 30 โดยมีเลขาส่วนตัวเป็นคนนำทาง นี่ถ้าเขาทิ้งผมไว้กลางทางเดินที่แสนงงงวยก่อนถึงลิฟท์ภายในอีกทีตรงชั้น 23 รับรองว่าผมหนีกลับบ้านแน่นอน ไอ้เหี้ย จะเข้าถึงยากไปไหน

เรานัดกัน 11 โมงครับ ผมมีเวลาทำตัวให้หายตะลึงกับห้องชุดส่วนตัวบนชั้น 30 อีก 20 นาที เลขานายพิชญะบอกว่า “คุณพีชติดสายค่ะ แต่ไม่นานหรอกเพราะเป็นสายจากเพื่อนเธอ” ผมก็พยักหน้ารับรู้หงึกๆ และเตรียมไอโฟนมาอัดเสียง นั่งอ่านประวัติและสัมภาษณ์เก่าๆ ของเขาเท่าที่ผมค้นหามาได้จากอินเตอร์เน็ต จริงๆแล้วผมก็อ่านมาแล้วเมื่อคืน แต่ตอนนี้มือมันว่างก็เลยพลิกหน้ากระดาษไปมา

ครืดดดด
ชิบหายล่ะ ใครกันวะ? รู้งี้เปิดโหมดแอร์เพลนดีกว่า
ผมรับสายโดยที่ยังไม่ได้แหง่ะตามองเบอร์ ปลายสายส่งเสียงคุ้นเคยถามผมว่า “คุยได้มั้ยครับเจม”

นายคฤณโทรฯ หาครับ ผมกึ่งดีใจกึ่งยังไม่อยากคุย สิ่งที่ผมรู้สึกหลังจากที่เขาตอบคำถามแบบกำกวมและให้ผมได้อยู่กับตัวเองก็คือ เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ และผมก็อยากจะรู้เรื่องนั้น ก็ผมมันขี้เสือกอ่ะ ใครจะทำไม?

“เจมกำลังจะสัมภาษณ์พิเศษครับ พี่หนึ่งมีอะไรรึเปล่า? ด่วนมั้ยครับ?” ผมถามด้วยเสียงเรียบๆ เขาตอบมาแค่ว่า “โอเค พี่ขอโทษที่โทรมากวน” แล้วก็ตัดสายไป ผมก็เลย...ใจหนักกว่าเดิมซะอีก

ผมทำเขาโกรธหรอ?
แล้วตอนนี้เราโกรธกันอยู่รึเปล่า?
ผมไม่สบายใจเรื่องที่ได้รู้มา ผมมีสิทธิ์ทวงถามคำตอบจากเขามั้ย?
แล้วที่เขาตอบมาแล้ว ผมมีสิทธิ์ไม่เชื่อและยังรู้สึกกังขารึเปล่า
ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าผมเป็นเดือดเป็นร้อนกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขาอยู่ฝ่ายเดียว แต่เขากลับตัวลอยได้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม เพราะผมเลือกจะคุยกับเขาอย่างจริงจังและจริงใจ
แม้แต่เรื่องที่ทำให้ไอ้แอมเสียใจ ผมก็บอกเขา
ผมเป็นคนเดียวในโลกรึเปล่า ที่ถูกรัก แต่กลับรู้สึกหนักในอกเหลือเกิน

“คุณชานนท์คะ คุณพีชมาแล้วค่ะ” แหล่งข่าวของผมมาเสียที ผมยืนขึ้นเพื่อให้เกียรติเขา และเขาก็โค้งให้ผมนิดนึงก่อนจะผายมือให้ผมนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันในห้องรับแขกซึ่งเป็นส่วนที่กินพื้นที่ค่อนข้างมากในห้องชุดสุดหรูนี้

“สวัสดีครับคุณชานนท์”

“ครับ คุณพิชญะ” ทางการมาผมก็ทางการกลับ อีกฝ่ายที่อายุมากกว่าผมหัวเราะนิดเดียวแล้วก็ยื่นนามบัตรให้แล้วบอกเพิ่ม

“เรียกพีชดีกว่าครับ ถ้าเรียกชื่อเต็ม คุณคงเหนื่อยเพราะเราต้องคุยกันยาวเลย”

“ครับ คุณพีช”

“แล้วคุณชานนท์ อืม...ไม่มีชื่อเล่นหรอ? ให้ผมเดานะ ชื่อนนท์ รึเปล่าครับ”

“อ่อ ไม่ค่อยมีใครย่อชื่อจริงผมหรอกครับ” เพราะเพื่อนกูแต่ละคนกวนส้นตีนพอจะเรียกเหี้ยเจม หรือไม่ก็น้องอัญ
“คุณพีชเรียกเจมก็ได้ครับ”

“ครับเจม” เขารับคำแล้วรับนามบัตรที่ผมยื่นให้ไปดู เขาอ่านออกเสียงชื่อและนามสกุลของผม จากนั้นก็เงยหน้ามองและถามว่า “คุณเจมเคยสัมภาษณ์ไอ้ที่หนึ่งใช่มั้ยครับ?”

หน้าผมคงโชว์โง่มาก เขาถึงได้ยกกำปั้นขึ้นปิดรอยยิ้มแล้วถามใหม่ “ผมหมายถึงคฤณนน่ะครับ คฤณ ธีระเสถียร ไอ้ที่หนึ่งมันเพื่อนผมเอง”

“อา....”

“จริงๆ ผมน่าจะรู้ได้นะเนี่ย ก็พี่ปรารถนาก็ออกตัวอยู่แล้วว่าไอ้ที่หนึ่งมันแนะนำผมให้แกรู้จัก ผมถึงได้รับเกียรติออกเล่มหนังสือแบบนี้ไง”

“หรอครับ?”

“ไม่เห็นมันบอกกันมั่งเลยว่าสัมภาษณ์พิเศษกับคุณเจมมาแล้ว ผมจะได้ให้มันแนะนำหน่อยว่าต้องพูดยังไง สัมภาษณ์ถึงจะออกมาดีๆ เหมือนมันบ้าง”

“ที่หนึ่ง..คือชื่อเล่นคุณคฤณหรอครับ?” ผมถามสิ่งที่สะดุดหูเป็นคำแรกๆ

“ครับ ที่หนึ่งนั่นแหล่ะชื่อเล่นมัน มันก็ที่หนึ่งสมชื่อแหล่ะ ที่หนึ่งทุกเรื่อง ไอ้นี่บ้าล่ารางวัลด้วย ท้าอะไรไม่ได้ด้วยนะ แม่งทำหมด”
“นี่ล่าสุดเพิ่งท้าให้มันหารักแท้ ขนาดเป็นนามธรรมแบบนั้นมันยังรับคำท้าเลย มันบ้า” นายพิชญะร่ายเสียยาว แต่ผมสนใจอยู่กับเรื่องท้า และเรื่องหารักแท้

“หรอครับ...แล้ว จะเจอหรอครับ”

“ไม่รู้มันเหมือนกัน ไว้คุณเจมเจอมันครั้งหน้าๆ ก็ถามมันดูสิ มันตอบไงบอกผมด้วยนะ จะเอาไว้แซวมัน ไอ้นี่มันหน้าตาย ยิ้มยาก”

“ครับ..แต่ผมไม่เห็นเขาจะยิ้มยากเลย ก็...เวลาไปที่ออฟฟิศก็เห็นยิ้มแย้มกับพี่ปูประจำ คนในออฟฟิศปลื้มกันทั้งนั้น”

“นั่นน่ะหน้าที่ ปกติที่หนึ่งมันคบยาก โลกส่วนตัวสูงน่ะครับ”

“หรอครับ”
“ผมว่า เราเข้าเรื่องของเราดีกว่า” ผมยังรู้เรื่องของเขาไม่พอหรอกครับ แต่ผมไม่อยากรู้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ไม่อยากรู้ตัวตนของเขาผ่านปากคนอื่น ถ้าผมจะได้รู้จักตัวเขาจริงๆ ผมก็ต้องรู้จักด้วยตัวของผมเอง

นายพิชญะพูดง่าย และก็เป็นคนง่ายๆ ด้วย
เขานั่งเอียงเบี่ยงลำตัวมาทางผม และมองหน้าผมทุกครั้งที่เขาใช้ความคิด
ถามอะไรก็ตอบ แต่ถ้าเป็นเรื่องตัวเลขที่มันเกี่ยวข้องกับบริษัท เขาจะไม่ค่อยพูดชัดเจนเท่าไหร่ แต่ผมชินแล้ว ซีอีโอก็งี้แหล่ะครับ
ผมค่อนข้างพอใจกับเนื้อหาที่เขาบอกกล่าว เป็นอันว่าเซคชั่นแรกที่ผมจัดสรรคำถามมาได้รับคำตอบอย่างเพียงพอจะเอาไปเรียบเรียง และทำให้น่าสนใจ ส่วนเซคชั่นที่สองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างส่วนตัวนิดนึงครับ และตารางนัดของผมและเขา ก็คือเดือนหน้าโน่น

“โอเคเลยครับคุณพีช เดี๋ยวเราคุยกันเรื่องส่วนตัวอีกครั้งเดือนหน้านะครับ ผมจะคอนเฟิร์มเวลากับคุณเลขาก่อนซักอาทิตย์นึง”

“อ้าว แล้ววันนี้พอแล้วหรอครับ โห ผมก็โม้เพลินเลย” ไม่เป็นไรครับคุณแหล่งข่าว กูอัดไว้ ลำบากดินสอกดจดยิกๆ คงไม่ทันเพราะคุณมึงสปีดเหลือเกิน

“ครับ”

“แล้วหัวข้อคุยต่อไปอะไรนะครับ ผมจะได้เตรียมข้อมูลให้เลขาส่งให้คุณเจมก่อน”

“ก็ชีวิตส่วนตัวน่ะครับ ผมหมายถึง” ผมรีบขยายความเพราะสีหน้าเขาดูอึดอัดขึ้นมานิดๆ คงกลัวผมถามละมั่งว่าขี้วันละกี่ครั้ง จะบ้าเรอะ!
“หมายถึง กว่าจะมาเป็นพิชญะ เรืองกฤติยา ในวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง แล้วเคยมีมุมหักเหที่เกือบจะทำให้ไม่มีคุณพีชในวันนี้รึเปล่า ประมาณนี้แหล่ะครับ”

“อืม..ครับได้  ผมจะให้พวกประวัติการศึกษาและประวัติการทำงาน แล้วก็ประวัติบริษัทนี้ไปแล้วกันนะครับ ไกด์ไลน์ เพราะชีวิตผมก็อยู่กับบริษัทนี้มาตลอด”

“ครับ”

“ส่วนเรื่องที่เกือบทำให้ไม่มีผมในวันนี้ มันออกจะเซ้นซิทีฟไปหน่อย ผมอาจจะขอกรองเนื้อหา แล้วก็ขอทบทวนกับตัวเองก่อนว่าพร้อมเล่ารึเปล่า”

“แต่ถ้าเปิดเผยไม่ได้”

“ไม่หรอกครับ เปิดเผยได้ จริงๆ ไม่ต้องเปิดเผยคนเขาก็รู้กันทั่ววงการ”
“ผมเองก็คิดเหมือนคนอื่นนั่นแหล่ะ วันที่ลูกแพรจากไป โลกนี้ก็เหมือนไม่มีผมไปแล้วช่วงเวลานึง”

ลูกแพร
ผมลืมไปเสียสนิทเลยว่าลูกแพรและนายพิชญะนามสกุลเดียวกัน
แล้วนายพิชญะก็เป็นเพื่อนของนายคฤณ
โลกอย่าเพิ่งกลมตอนนี้ได้มั้ย เบี้ยวต่อไปก็ดีอยู่แล้ว

“ลูก...เอ่อ...คุณลูกแพร ชื่ออะไรนะครับ”
“ขอโทษทีครับ ผมไม่เห็นในประวัติที่ผมลองหาเอ่ยถึงเธอเท่าไหร่เลย”

“พีชญาครับ ผมไม่ค่อยพูดเรื่องลูกแพรกับใครหรอกครับ ที่หนึ่งเองก็ไม่อยากพูด”
“แต่เดี๋ยวเราเจอกันครั้งหน้า ผมจะไปทำการบ้านมาว่าผมพูดเรื่องลูกแพรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ขอพูดเท่าที่ผมจะไม่นึกย้อนไปถึงความรู้สึกเก่าๆ แล้วกันนะครับ”

“แต่ผมยืนยันอีกครั้งนะครับ ไม่สะดวกใจก็ไม่ต้องเล่าครับ ผมเขียนมุมอื่นๆให้ได้ จริงๆนะครับ”

“ครับ แล้วผมจะคิดดูอีกที”
“วันนี้คุณเจมทานข้าวกลางวันกันนะครับ ให้เลขาเขาจองห้องอาหารไว้แล้ว”

“เอ่อ...คือ...” มาอีกแล้ว โดนเลี้ยงข้าวอีกแล้ว ร้านหรูอีกแน่เลย ไม่เอาอ่ะ
“ผมมีงานต่อช่วงบ่ายน่ะครับ”

“เดี๋ยวผมให้รถบริษัทไปส่ง” คุ้นๆ มั้ยครับ ผมคุ้นมาก ผมยิ้มให้นายพิชญะแล้วปฏิเสธจริงจังว่าผมไม่มีเวลาเหลือให้เขาแล้วจริงๆ และเขาก็เป็นคนง่ายๆ อย่างที่ผมมองไว้แหล่ะครับ เขาให้เลขาจัดบ๊อกซ์เซตให้ผมสำหรับนั่งกินบนแท็กซี่ แล้วก็ให้คนมาส่งถึงในรถแท็กซี่ ฟังกูกันบ้างมั้ยว่ากูจะกลับบีทีเอส แม่งงงงงง

พอเปลี่ยนโหมดโทรศัพท์กลับเป็นปกติ ข้อความก็กรูเข้ามาหาเลยครับ เมลล์ด้วย เฟสบุ้คอีก เกมส์ไม่ค่อยติด แต่มีอีเกมส์ดีดหมีที่ไอ้ต้อมบังคับโหลดไว้เพื่อให้ส่งหัวใจหมีให้มัน

มิสคอล 3 สาย
พี่หนึ่ง ไอ้แอม ไอ้ต้อม
ผมโทรหาไอ้ต้อมก่อน เพราะอยากรู้ว่ามันมีนิมิตอะไรถึงได้โทรหาผม แต่พอมันรับสายผมก็รู้ตัวเลยว่าไม่ควรให้ความสำคัญกับมันอีกต่อไป เพราะมันบอกผมว่า “อ๋อ ไม่มีอะไรแล้วเจม พอดีกูอยากตีจากสาวแต่ไม่รู้อ้างไร เลยกดโทรศัพท์หามึง กูคุยคนเดียวตั้ง 10 นาทีแน่ะมึง เทพชิบหาย” ไอ้ควาย!

ชื่อไอ้แอมผ่านตาผมไป
ส่วนชื่อพี่หนึ่ง หยุดสายตาผมเอาไว้เสียนาน

คิดๆ ไปแล้ว ผมกับเขาไม่ได้โกรธกัน
เขาบอกรักผม ผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับเขา เรื่องที่ผมรู้จากไอ้แอม ผมยังหาคำตอบที่แท้จริงไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ความผิดเขา
มันเป็นความผิดผมเองที่เลือกจะแบกอดีตของเขาที่ผมไม่เคยรู้เอาไว้ ไม่ยอมปล่อยใจให้มีควาสุขไปตามประสา
ทางที่จะหายอาการใจหนักมันง่ายมาก คือหาความจริง
แต่วิธีการวิ่งหาความจริงเนี่ย มองทางไหน ผมก็เสี่ยงจะเป็นฝ่ายเจ็บปวด

ถามเขาแล้วเขาไม่ตอบ ผมก็เซ็ง
ถามแล้วเขาตอบ ผมก็อาจจะไม่เชื่อ แล้วก็วิตกจริตต่อไปแบบนี้
ไม่ถามเขาแล้วหาความจริงเอาจากคนอื่น ผมก็ทำไม่ได้
สรุปว่า ยังไงก็ต้องถาม  ส่วนจะเคลียร์มั้ย ใจผมคงจะบอกเอง

ผมโทรกลับไปหาเขา รอสายไม่นานเขาก็รับ น้ำเสียงดูเนือยๆ นิดนึง

“พี่หนึ่ง คุยได้รึเปล่าครับ?” ผมถามคนปลายสาย ฝ่ายนั้นตอบแค่ว่า ได้ครับ แล้วก็เงียบไป ไม่กระตือรือร้นจะเป็นฝ่ายถามนั่นนี่กับผมเหมือนเคย

“เหนื่อยหรือง่วงครับ”

“ทั้ง 2 อย่างเลย เจมอยู่ไหนครับ กินข้าวรึยัง”

“ยังครับ” เอาล่ะนะ ตะล่อมก่อน
“เจมเพิ่งเสร็จจากสัมภาษณ์ เพิ่งรู้ว่าคนที่สัมภาษณ์เป็นเพื่อนพี่หนึ่ง เขาชื่อพิชญะน่ะครับ พี่หนึ่งสนิทมั้ย?”

“..............”

“พี่หนึ่ง”

“ครับเจม”

“เจมถามว่า”

“พี่ได้ยินแล้วครับ”
“อืม พีชมันเพื่อนพี่เอง พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะให้สัมภาษณ์เจม ไม่งั้นจะได้เปิดตัวเจมเลย” เขาส่งเสียงหัวเราะส่งท้ายมาด้วย ผมเลยหัวเราะตามนิดนึงแล้วถามต่อ

“เขาเรียกพี่หนึ่งว่าที่หนึ่ง ชื่อเล่นพี่หนึ่งจริงๆแล้วคือที่หนึ่งหรอ โคตรมงคลเลย”

“ฮ่าๆๆ อืม พี่เลยบ้าถ้วยรางวัล น่าตลกเนอะ” เขาแซวตัวเองแล้วก็ขำ ดูจากน้ำเสียงแล้วเขาน่าจะผ่อนคลายมากขึ้น ผมเลยตัดสินใจตะล่อมต่อ

“อื่ออ แต่ว่า คุยยังไม่จบหรอกครับ ต้องนัดคุยเรื่องส่วนตัวอีกครั้งหน้า”
“ดูเหมือนเขาจะลำบากใจนิดหน่อย แบบไม่อยากพูดถึงเรื่องคุณลูกแพรน่ะครับ”

“............”

“พี่หนึ่งครับ”

“ครับ?”

“ฟังเจมอยู่รึเปล่า เจมบอกว่า คุณพีชเขาเหมือนจะไม่สะดวก”

“ครับ พี่ฟังอยู่ พี่ได้ยินแล้ว”
“เรื่องลูกแพร”

“แล้ว...พี่หนึ่งรู้จักเธอรึเปล่าครับ เจมถามเพราะเห็นว่าพี่เป็นเพื่อนกัน น่าจะรู้เรื่อง ถ้าไม่ควรพูดถึงจริงๆ เจมจะเปลี่ยนมุมเขียนเอา”

“พี่รู้จักลูกแพร รู้จักดีเลย”

“น่ะ! อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเก่าพี่หนึ่งอ่ะ”

“หึ หึงหรอ? คนตายไปแล้วลุกมาแย่งพี่ไปจากเจมไม่ได้หรอกครับ” เหมือนถูกจีบ แต่ก็เหมือนถูกบอกใบ้ว่าอย่าคิดอะไรที่ใจร้ายแบบนั้น ผมเงียบไปเพื่อกลบอาการหน้าเสียนิดๆ เอาไว้ พอสงบใจได้ผมก็บอกลา

เขาไม่ได้ยื้อว่าจะมารับ หรือชวนไปหาไอ้หมู 3 ตัวที่บ้าน ไม่ได้แกล้งผมด้วยการบอกว่าจะไปประจบแม่ เขาก็แค่ยอมให้ผมวางสายไปโดยไม่มีคำรั้งให้รอ

ผม...ทำอะไรให้เขาโกรธอีกงั้นหรอ?
แล้วผม ควรจัดการยังไงกับอาการเหมือนคนไปต่อไม่ได้เพราะสะพานมันขาดกลางทางแบบนี้ดีล่ะ



หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-01-2013 01:25:46

ปั่ก!
ก้นแก้วใบนี้คงร้าวแล้วแหล่ะถ้าจะกระแทกมันลงบนโต๊ะทำงานของผมแรงขนาดนี้ ผมเงยหน้ามองตัวต้นเหตุ
ไอ้แอม ของแถมคือไอ้ต้อม อะไรอีกล่ะพวกมึง?

“ว่างยังมึง ต้องรีบทำป่ะ? ไปดูหนังกัน” ไอ้ต้อมชวนก่อน ส่วนไอ้แอมก็ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่ไม่ห่างนัก ผมเห็นมันคือแก้วกาแฟชงเองของมันไว้ในมือด้วย งั้นคนที่ประเคนไอ้เสียงที่ทำเอากูร้าวหูเมื่อกี้ก็มึงสินะเหี้ยแอม

“ก็ว่าง จะดูเรื่องไร” พอได้ยินชื่อหนังผมก็เซย์เยส แต่โยนให้มันไปจองตั๋วออนไลน์ไว้ก่อน ส่วนผมขอปั่นงานอีกครึ่งชั่วโมง อย่างน้อยการที่พวกเรา 3 คนเดินออกจากออฟฟิศด้วยคำว่า “กลับแล้ว” แปะกลางหน้าผากก็จะดูไม่น่าเกลียดนักเมื่อนาฬิกาบอกเวลา 4 โมงครึ่ง

พอเคลียร์งานเท่าที่อยากเสร็จแล้ว ผมก็พร้อมไปดูหนังกับพวกมันเต็มที่ แต่เรื่องประหลาดเกิดขึ้นเมื่อไอ้ต้อมปวดหัว หือ? ร้อยวันพันปีกูเห็นกะบาลมึงแข็งมาก นิมิตไหนสั่งให้มึงเปิดกะโหลกรับเชื้อโรคหรอต้อม

ผมก็รู้ลางๆ แหล่ะว่านี่คงเป็นแผน แต่ก็เดินตามที่ทางที่มันนัดแนะขีดกันเอาไว้ก่อน
พอไอ้แอมขับรถมาถึงห้าง มันก็สารภาพกับผมก่อนที่เราจะลงกันจากรถ
มันบอกว่า “ขอโทษนะเว้ยเจม แต่คือ กูไม่รู้จะปรึกษาใคร ก็เลยบอกต้อม มันก็บอกว่าอยากช่วย เพราะดูๆ แล้วมึงคงไม่คิดจีบใครมาเป็นเมีย มันเลยให้มึงเป็นเมียคนที่มาจีบ ก็คือกูนี่ไง”

“สัดอ๋อมแอ๋ม ปากมาก แล้วไอ้ต้อมมันไม่มองมึงประหลาดหรอ?”

“ไม่ว่ะ กูบอกมันไปแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์ แต่มึงเป็นแล้วมึงส่งเกสรเกย์มาติดกู กูเลยตกหลุมรักมึง”

“สัดแอม!

“กูล้อเล่น กูบอกมันไปว่าแค่ห่วงใยมึงมากกว่าที่เคยรู้สึกห่วงใยผู้หญิงคนไหนที่เคยคบ แล้วก็เห็นหน้ามึงแล้วกูสบายใจที่สุด แค่นั้นแหล่ะ”

“พระเอกนะมึง”

“ขาดนางเอก เป็นป่ะล่ะ”

“อยากตายหรอสัด กูไม่ใช่เกย์!”

“แต่มึงเป็นแฟนกับนายคฤณนั่น”

“กูก็แค่รู้สึกปลอดภัยที่อยู่กับเขา แล้วเห็นหน้าเขากูก็สบายใจที่สุด”
“คุ้นป่ะ?” ผมย้อนคำเท่ๆ ของมันแล้วก็ยิ้มกวนตีน ไอ้แอมเขกหัวผมทีนึงแล้วก็พากันลงจากรถไปดูหนัง

และผมกับไอ้แอมคงจะได้ดูหนังกันจริงๆ ได้กินเย็นร้านอร่อยๆ หากว่าก่อนจะถึงชั้นโรงหนังในพารากอน เราไม่บังเอิญไปเห็นนายคฤณที่ผมเข้าใจว่าเป็นแฟนผม เดินเข้าร้านเสื้อผ้าผู้หญิง โดยที่ผู้หญิงคนหนึ่งควงแขนเขาอยู่ตลอดเวลา

นี่เขาเล่นตลกอะไร?
ผมหันมองหน้าไอ้แอมที่มองผมพร้อมกับส่งคำถามมาทางสายตา อายก็อายมันที่คนที่บอกมันเต็มปากว่าเป็นแฟนเสร่อมาเดินควงสาวให้มันเห็น และทำให้ผมเสียหน้า
แต่สิ่งที่มีมากกว่ามันคือความโกรธ

ผมลองโทรเข้ามือถือระหว่างที่เดินตามเขาอยู่ห่างๆ โดยมีไอ้แอมเคยถามอยู่ตลอดเวลาว่า “กูไปชกมันให้เอามั้ย?” เขาไม่รับสาย
ท่าทางที่ผมเห็นคืออาการล้วงกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมอง แล้วก็สอดมันลงกระเป๋าพร้อมกับมือที่เอื้อมลึกลงไป แล้วสายก็ตัด

หึ! นี่มันเหี้ยอะไรกัน?
เขาเล่นตลกอะไรอยู่กับผมรึเปล่า
คำพูดของคนอื่นมากมายประเดประดังเข้ามา ทั้งคำพูดไอ้แอม ทั้งคำวิจารณ์เพื่อนที่นายพิชญะเพิ่งพูดไว้ว่าเขาชอบความท้าทาย และล่าสุดเพิ่งรับคำท้าเรื่องหารักแท้

นี่หาอยู่หรอ?
หากับหลายๆ คนรึเปล่า
ผมเป็นหนึ่งในนั้นใช่มั้ย?

ผมรู้สึกจุกขึ้นมาถึงคอ ระหว่างเดินตามเขาผมก็ต้องพยายามถอนหายใจออกมาถี่ๆ จนไอ้แอมมองอย่างเป็นห่วง และเริ่มถามว่า “มึงไหวมั้ย ไม่ไหวก็กลับเถอะ”

“เฮ้ยเจม! จะไปไหน?” มันรีบรั้งไหล่ผมไว้เมื่อเห็นว่าผมเดินเร็วขึ้น

“ไปถามให้รู้เรื่อง”

“นี่มันกลางห้าง อย่าเลย ร้านแม่มึงก็อยู่ในนี้ เดี๋ยวกูช่วยเอง”

“ไม่ต้องแอม เรื่องนี้กูต้องจัดการเอง”

“มึงใจเย็นก่อน เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูทำเป็นบังเอิญไปเจอเขา แล้วถามเขาก็แล้วกันว่ามากับใคร ดูดิ๊ว่าจะตอบยังไง”

“กูบอกว่าไม่ต้องไง” ผมขึ้นเสียงนิดนึงและหันมองมันอย่างขอบคุณ แล้วก็บอกว่า “มึงรอกูที่รถนะ เดี๋ยวตามไป” ไอ้แอมยอมเข้าใจบทบาทตัวเองแล้วเดินจากไป ส่วนผมก็สาวเท้าเดินเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ

คนคู่นี้หยุดที่หน้าร้านนาฬิกา ฝ่ายผู้หญิงรีรออยู่ว่าจะเข้าไปดูอะไรดีหรือไม่ ส่วนผู้ชายแค่ยืนล้วงกระเป๋าตลอดเวลา และมองนาฬิกาที่ถูกนำมาจัดโชว์ดึงสายตาหน้าร้าน

พลันเขาก็เห็นผมจากในกระจก นายคฤณตกใจแล้วรีบหันมาหาผม

“เจม!”

“ครับ เจมเอง”
“พี่หนึ่งมากับใคร” ผมถามต่อหน้าผู้หญิง เอาให้รู้กันไปว่าเขาจะตอบผมว่าอะไร ผมไม่ได้จี้ ไม่ได้ตามจิกอะไร ไม่ได้เร่งรัดด้วยซ้ำ ผมกำลังเปิดโอกาสให้เขาอธิบายให้ผมเข้าใจ ในเวลาที่ผมต้องการทำความเข้าใจในตัวเขา

ผมผิดรึเปล่าที่อยากเข้าใจเขา คนที่พูดออกมาว่า “รัก” ผม

“นี่คือคุณ...”

“ผมไม่ได้อยากรู้จักชื่อเธอหรอกครับ”
“ผมถามคุณว่าคุณมากับใคร” เขาเข้าใจคำถามผมใช่มั้ย ผมอยากรู้สถานะของเธอคนที่เดินเคียงข้างเขาอยู่นี้

เพื่อน?
เลขา?
น้อง?
พี่?
ป้า?
แม่เลี้ยง? อะไรดีล่ะ ตอบผมสิ

“เพื่อนผม” ผม?...อือ เพราะผมใช้คำแทนตัวเองว่าผมก่อน เขาก็เลยใช้คำนี้บ้างสินะ โอเค หยวนๆ ก็ได้

“ครับ งั้นผมขอตัวก่อน” ผมลาจากอย่างสุภาพ เรื่องมันคงจบลงด้วยดี หากว่าเธอคนนี้ไม่พูดออกมา

“เพื่อนสนิท หนึ่งไม่บอกน้องเขาไปด้วยล่ะ”
“จริงๆ ต้องแนะนำเปรมว่าคนรู้ใจด้วยซ้ำ น้อยใจได้มั้ยเนี่ย”

“.................” ผมเงียบ
“.................” เขาก็เงียบ

ดีจังที่กะลาของผมเปิดแล้ว โลกนี้แม่งโคตรใหญ่เลย แต่เสือกเจอความจริงที่ไม่คิดว่ามาก่อนว่าจะได้เจอ
ช่วง 3 เดือนที่ผมฝังตัวเองอยู่ใต้กะลาและรู้จักแต่พี่หนึ่งที่ใจดีกับผมมากมาย มันจบแล้วใช่มั้ย?

“แล้ว ไม่แนะนำให้เปรมรู้จักน้องเขาบ้างหรอ? ใครคะ? น้องที่บริษัทหรอ?”

“นักข่าวที่เคยสัมภาษณ์ผมน่ะ”
“ชื่อคุณชานนท์”

“อ๋อ... เล่มที่ทำให้คุณได้โปรเจคยักษ์ที่ดูไบใช่มั้ย”
“ถ้าคุณอาเปรมไม่เห็นบทสัมภาษณ์เล่มนั้น ก็คงไม่เชื่อมือหนึ่งขนาดนี้”
“ต้องขอบคุณคุณชานนท์มากเลยนะคะ แล้วนี่แวะมาทำอะไรที่นี่หรอคะ? พอมีเวลามั้ย ไปทานข้าวกันนะคะ เปรมว่าเรา”

“เปรม!” เขาเอ่ยปรามคนรู้ใจของเขา แล้วก็มองหน้าผมนิ่งๆ ผมมองหน้าเขาอยู่ครู่เดียวก็หลบตาไปมองทางอื่น ผมฝืนยิ้มให้ผู้หญิงคนนี้แล้วก็เอ่ยลาอีกครั้ง

“ผมไม่สะดวก ขอตัวนะครับ” ผมหันหลังใส่คนคู่นี้แล้วก็ก้าวเร็วๆ จากมา

ผมช็อก ช็อกกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ ช็อกกับความโง่ของตัวเอง ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะเป็นคนโง่ขนาดนี้ ใจง่ายขนาดนี้
ทำไมผมถึงได้มองคนพลาดจากหน้ามือเป็นหลังตีนขนาดนี้ แม่เลี้ยงผมมาผิดวิธีรึเปล่า

“เจม!” แรงกระชากทำเอาผมเซไปฟุบกับอกคนที่ตัวใหญ่กว่าผม ผ้าสูทแข็งๆปะทะกับแก้มผมจนได้กลิ่นน้ำหอม ผมดันตัวเองแล้วถอยหลังเพื่อมองหน้าเขาได้ง่ายขึ้น

นายคฤณ ธีระเสถียร
ไอ้เหี้ยนี่เป็นใคร ทำไมมันถึงได้เข้ามาในชีวิตผมแล้วทำให้ผมต้องยืนกลั้นน้ำตา ทั้งที่วันที่เศร้าที่สุดในชีวิตผม ควรมีแค่วันเดียวคือวันที่พ่อตายเท่านั้น
มันเป็นใคร? มันกล้าดียังไงมาทำให้ยืนฝืนน้ำตาตัวเองอยู่แบบนี้!

“เจม”

“พอ! ผมไม่พร้อมฟังคุณ ปล่อยผม!”

“เจม พี่...พี่อธิบายได้”

“คุณอธิบายไปแล้ว เมื่อกี้ ชัดเจนแล้วด้วย”

“เจมครับ”

“ผมไม่อยากฟังเรื่องอะไรจากคุณอีก”
“จะลูกแพร จะเปรม จะใครที่ไหน จะเป็นคนยังไงผมก็ไม่อยากรู้”

“เจม ฟังพี่ก่อนสิ”

“ผมบอกว่าไม่พร้อมไง!” ผมตวาดกลับแล้วรีบเช็ดน้ำตาที่แม่งเสร่อร่วงจากขอบตาตอนที่ผมสะบัดแขน นายคฤณยกมือทำท่ายอมแพ้กลางอากาศ เขาไม่แตะต้องตัวผมแล้ว แต่เขายังไม่ถอยห่างไปไหน

ผมพยายามหยุดหอบหยุดเหนื่อยแล้วก็หยุดสั่น
ผมป้ายน้ำตาลวกๆ ซึ่งมันก็แห้งเหือดไปอย่างง่ายดาย ดีแล้ว ผมไม่ชอบเป็นคนเจ้าน้ำตา

“คุณขอให้ผมฟัง งั้นก็ฟังผมก่อนก็แล้วกัน” ผมเริ่มพูดแล้วเริ่มมองหน้าเขาได้อีกครั้ง
“ที่ผ่านมา ช่างมัน”
“คำที่คุณเคยพูด ผมจะลืมมันซะ คำที่ผมเคยบอกคุณ ก็ลืมมันซะ”
“ผมไม่เชื่อใจคุณอีกต่อไปแล้ว” 

“เจม สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจมคิดหรอกนะ”
“ฟังพี่ก่อนไม่ได้หรอ?”

“ที่ผมจะได้ฟังคืออะไร? ข้ออ้างหรือความจริง หรือเรียงความอีกเรื่องที่คุณเขียนสดๆ”

“พี่จะบอกความจริงกับเจมทุกอย่าง เจมอยากรู้เรื่องอะไร”

“ผมเคยอยากรู้อะไรตั้งมาก อยากรู้เพื่อทำความเข้าใจกับคุณให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้รู้คุณค่าคำว่ารักของคุณให้มากกว่านี้ และเพื่อรักคุณ”
“แต่ตอนนี้ ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว ไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของคุณอีกแล้ว”

“เจม...แค่พี่เดินกับผู้หญิงคนนึง แปลว่าพี่ไม่รักเจมหรอ? ด่วนตัดสินพี่เกินไปรึเปล่า”
“ที่พี่แสดงออกมาตลอด มันไม่มีความหมายเลยหรอ?”

“คุณทำเพื่อประโยชน์ของคุณต่างหาก”
“เธอคนนั้นรู้เรื่องสัมภาษณ์พิเศษ เธอรู้ว่าเพราะงานเขียนชิ้นนั้นทำให้คุณได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่ม ได้งานใหญ่”
“แล้วตอนนี้ พี่หนึ่ง....” ผมเรียกชื่อเขาตามเดิมและพยายามไม่เบะมากไปกว่านี้
“พี่หนึ่งอยากได้อะไรจากเจมอีกหรอ? ถึงยังต้องยื้อเจมอยู่แบบนี้”
“คำอธิบายสวยหรูของพี่ ต้องการผลตอบแทนเป็นอะไรหรอครับ?”

เขาเงียบไป ผมก็ยืนเงียบและหันหน้าไปทางอื่น ที่ตรงนี้มันใกล้ทางออกลานจอดรถ ก็เลยไม่ค่อยมีใครผ่านไปผ่านมามากนัก

“โอเค โอเค” เขายกมือยอมแพ้อีกครั้งแล้วถอยห่างออกจากผม เขามองผมนิ่งอีกครั้งแล้วก็พูดกับผมเป็นประโยคสุดท้าย
“พี่คิดว่าถ้าเป็นเจม ต้องเข้าใจแน่ๆ แต่พี่ก็คิดผิดสินะ”
“ไว้เจมอารมณ์ดีกว่านี้ พี่จะเล่าเรื่องเปรมให้ฟัง ทุกอย่าง ทุกอย่างที่เจมสงสัย”

“ขอโทษครับ แม้แต่ความสงสัยในตัวพี่ เจมก็ไม่มีเหลือ”

ผมตัดสินแล้ว ลงดาบแล้ว
นายคฤณโดนโทษสูงสุด ต้องประหารสถานเดียวเท่านั้น

เวลานี้ผมอยากให้เขาหายไป อยากให้เขาไม่เคยมีตัวตนบนโลกแบบนี้ ผมจะได้ไม่ต้องได้บทเรียนเลวร้ายจากความรู้สึกดีๆ ที่คนทั้งโลกเรียกมันว่าความรัก


Cut


แง๊ๆๆๆ ขอโทษนะ หายไปตั้ง 1 วันแน่ะ >*<

จะพยายามไม่ให้เป็นเรื่องยาวมากนะคะ จะได้ไม่เบื่อกัน ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

ลงดึกมากเลย มึน มึน :really2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 10-01-2013 02:49:48
^
^
^
^
จิ้มจึ้ก แฮ่ อัพดึกๆ ดีนะที่เคายังไม่นอน    o13
แอร๊ยยยย  ทำไมมันลงเอยอย่างนี้  :z3: คุยกันดีๆปรับความเข้าใจกันนะ

เดี๋ยวช่วยตบอิพี่หนึ่งให้  :beat: แกทำอะไรของแกย๊ะะะะะ
แอมแอ๋มน่ารักจุงโบยยย เปลี่ยนมาชอบแอมนะเจม  o18

ปล กดบวกให้แล้วนะค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-01-2013 04:37:51
 :เฮ้อ:  งานงอกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-01-2013 07:59:10
เป็นเรากะเป็นแบบเจมอะ ไม่เข้าใจอะไรซักอย่าง ฮือ สงสารเจมอะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 10-01-2013 08:07:58
เวรกรรม ทำไมพี่หนึ่งไม่พูดตัดหน้าเจมไปเลย จะได้ให้จบๆไป
เจมก็ไม่ฟังพี่หนึ่งเลยนะ รู้ว่าช็อคเเต่เเบบ เฮ้อออ เรื่องยิ่งแย่ลงอะ

เชียร์ให้คืนดีกันเร็วๆนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 10-01-2013 11:05:38
พี่หนึ่งทำแบบนี้ได้ยังไง.....
จริง-ไม่จริง
อะไรกันเนี้ย.....
อย่าทำเจมเสียใจนะค๊ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 9 - 9/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 10-01-2013 14:07:21

ติดงอมแงม..
สนุกมาก อ่านลื่น ปิดไม่ลง
อ่านมาเรื่อยๆ นั่งอ่านไปยิ้มไปตั้งแต่ตอนที่1-7
พอถึงตอนที่ 8 มันเริ่มหน่วงพิกล
และพอถึงตอนปัจจุบัน ช็อคเลย!
 :a5: :a5:

จริงๆมันก็แบบ โอเคเข้าใจความรู้สึกของเจมนะ
เขารู้เรื่องเราทุกเรื่อง (เพราะเราบอก)
แต่เรื่องของเขาเราแทบไม่รู้เลย
ยิ่งมาเจอท่าทีแบบนี้  อาการอึกอักแบบนั้น
เป็นใครใครก็คิดมาก และแน่นอนเจมคิด
ไม่ได้เข้าข้างเจมนะ แต่พี่หนึ่งต้องเคลียร์ว่ะ
ไม่งั้นไปกันไม่รอดหรอก

อย่าคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจตัวเอง การกระทำของตัวเอง
เพราะคนที่กำลังมีความรักมันงี่เง่าหมดล่ะ
เพราะรัก ก็เลยคิดมาก เป็นธรรมดา เข้าใจ ก๊าก

รออ่านต่อค้าบบบ
โอม จงมาๆๆ 555555555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-01-2013 01:04:02

Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 10


บ้านผมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สมาชิกของเรา 3 ตัวต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วลากเท้าออกจากบ้านครับ ผู้ที่ต้องไปก็คือ ผู้พัน คุณหญิง และไอ้อ้วน หรือตัวเล็กที่เป็นที่โปรดปรานของหม่อมแม่เหลือเกิน

บ้านใหม่ของพวกมันช่างน่าอิจฉา และทำให้ไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองมีปมด้อยทันทีที่ไม่ได้รับการเลือก
บ้านน้ำเพชรครับ ใหญ่มากจนผมเชื่อว่าผู้พันมันจะเป็นโรคเยี่ยวหมดก่อนจะเยี่ยวรอบบ้านสำเร็จแน่ๆ
ผมเลยกลับมาอยู่กับแม่บ่อยขึ้นเพราะเกรงว่าหม่อมแม่เธอจะเป็นโรคซึมเศร้า

“กินข้าวได้แล้วเจม ป้าพิศทำแกงจืดผักกาดขาวกระดูกหมูที่เจมชอบน่ะ”

“กินครับ กิน กิน แม่มาสิ กินพร้อมกัน”
“แล้วจิวล่ะ กลับช้าหรอครับ?”

“อื้อ คืนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าๆ คงถึง”

“งั้นเราตักแบ่งไว้ดีมั้ยแม่”

“อื้อ เอาสิ พี่จิวเขาก็ชอบเหมือนเจมนี่” แม่ผมยิ้มแล้วก็เดินนวยนาดมาตักแกงแบ่งใส่ถ้วยน้อยแล้วปิดฝายัดใส่ตู้เย็นเอาไว้ แล้วก็มานั่งกินข้าวพร้อมกับผม อบอุ่นดีครับ อบอุ่นแม้จะมีแค่แม่ก็เถอะ

ผมมองหน้าหม่อมแม่นิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก็กุลีกุจอตักอาหารให้ รู้สึกซาบซึ้งกับเรื่องธรรมดาแบบนี้ขึ้นมาจนได้ และผมรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร

เวลาที่คนเราเสียศูนย์เพราะสูญเสีย ครอบครัวคือหลักยึดที่หนักแน่นที่สุด คือรั้วและหลังคาที่แข็งแกร่งที่สุด และความอ้างว้างจากจุดด่างในชีวิตที่เราเพิ่งผ่านพ้นมันมา จะย้ำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของครอบครัว ผมก็เลยบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมากช่วงนี้ ก็นะ...เข้าใจกันหน่อยว่าผมมันคนที่เพิ่งผิดหวังจากความรัก นี่! โรคเท่โรคฮิตอินเทรนด์ซะด้วย

พรุ่งนี้ก็จะครบรอบเดือนกว่าแล้วที่เขาและผมไม่ได้ติดต่อกันเลย
ผมไม่ได้จงจำจดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บให้ช้ำหรอกครับ แต่ว่า วันที่เกิดเรื่องคือที่วันที่ผมสัมภาษณ์นายพิชญะ และพรุ่งนี้ผมก็จะต้องไปสัมภาษณ์เขาอีกครั้ง ในประเด็นที่ผมเคยโคตรจะอยากรู้ แต่วันนี้มันเป็นประเด็นที่ผมอยากอยู่ห่างให้มากที่สุด เพราะมันมีแนวโน้มว่าจะเกี่ยวข้องกับนายคฤณ ผมไม่อยากรู้!

“อื้อเจม” แม่ครับ เคี้ยวให้ครบ 20 ครั้งต่อคำรึยัง อย่ามาชวนคุยสิ กำลังตั้งใจแทะกระดูกหมูอยู่นะ!

“อื้อ อะไรแม่”

“ตาหนึ่งไม่ค่อยมาเลยนะช่วงนี้”

หึ! โผล่มาก็ผีหลอกแล้ว
ใครเขาจะมากันล่ะนายแม่ เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนบ้านนี้แล้วนี่นา
ผมยิ้มแห้งๆ แล้วก็นั่งกินข้าวต่อเงียบๆ เพื่อฟังแม่เล่านั่นนี่ให้ฟังไปตามประสาคนปากยังว่างแม้ว่าตอนนี้ควรเคี้ยวข้าวก่อน มีเรื่องนึงที่ผมเพิ่งรู้

นายคฤณซื้อของใช้ของหมา อาหารหมา ส่งหมอมาตรวจสุขภาพหมาแล้วจัดการให้จดทะเบียนเป็นหมาในร้านหมอสัตว์ละแวกบ้านผม

ใบตรวจสุขภาพไอ้ 5 ตัวเผือกนั้นแม่เก็บไว้เป็นอย่างดี และตอนนี้ก็แยก 3 ใบไปให้ที่บ้านน้ำเพชรแล้ว เสื้อผ้าวันที่ผู้พัน คุณหญิง และตัวเล็กใส่เดินออกจากบ้านนายคฤณก็เป็นซื้อให้ และสาเหตุที่แม่เลือกจะปล่อยไอ้ 3 ตัวนั้นให้บ้านน้ำเพชรก็เพราะนายคฤณบอกว่า “แยกไปแต่ลูกจะน่าสงสาร เดี๋ยวตัวพ่อตัวแม่จะเหงา ให้เอาลูกไปตัวนึง แล้วก็พ่อแม่ไปด้วย ส่วนลูกอีก 2 ตัวก็ให้อยู่กันเพื่อเรียนรู้ความเป็นพี่เป็นน้อง”

อะไรมันจะเป็นผู้ให้คำปรึกษาสถาบันครอบครัวหมาที่เพอร์เฟคขนาดนี้วะ?

“ตาหนึ่งนี่ดีนะ แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมาหาแม่เลย ที่ร้านก็ไม่แวะไป”

“หือ? เขาเคยไปร้านแม่ด้วยหรอ?”

“ต๊ายยย บ่อยย่ะ” จะเสียงสูงเพื่อ? อยากให้ลูกอิจฉาที่มีผู้ชายไปมาหาสู่หรอเธอ? ผมทำหน้าเบื่อให้แม่แล้วก็หันหนี
“มาซื้อแหวนบ้าง ซื้อสร้อย สั่งทำชุดเครื่องเพชร แถมยังพาลูกค้าใหม่ๆ มาให้ด้วย แม่ไม่ต้องขายราคาโปรโมชั่นด้วยนะเจม” อื้อหือ น้ำเสียงตื่นเต้นมากครับ ผมหัวเราะนิดนึงแต่ก็ยังกินข้าวต่อไป
“เจมต้องดีกับพี่เขานะ ไม่ใช่ว่าแม่งกอยากให้เขาพาลูกค้ามาอีกหรือมาซื้อของร้านเราหรอก แต่แม่เห็นว่าเขาเป็นคนดี คบค้ามิตรดีๆ ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว แม่อยากให้รอบตัวเจมมีแต่คนดีๆ”

“แม่รู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนดี เจอกันก็ไม่บ่อย หรือถึงจะเรียกว่าเจอกันบ่อยแล้ว แต่แม่เพิ่งรู้จักเขามาราว 3-4 เดือนเองนะ””

“เซ้นส์แม่ดี ไม่บอดเหมือนเจมหรอก” งั้นแม่ก็กำลังจะเซ้นส์บอดเหมือนเจมแล้วแหล่ะ ผมคิดในใจแล้วจ้วงกระดูกหมูข้อสุดท้ายเข้าปาก เคี้ยวงุบๆ แยกเนื้อแยกกระดูกอ่อนแป๊บเดียวก็หมดแล้วก็อิ่มพอดี ผมมีหน้าที่เก็บล้างเพราะแม่นั่งดูบัญชีที่ร้านแล้วก็ออเดอร์ต่ออยู่ที่หน้าทีวี

พอเก็บล้างเสร็จก็เดินมานั่งหน้าโซฟาแล้วหนุนตักแม่ ผมก็งี้แหล่ะ ผมเป็นน้องเจมมาตลอดชีวิต ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ จะวัยไหน จะอารมณ์ดีหรืออารมณ์เสีย สิ่งที่ผมทำโดยไม่ไตร่ตรองเลยก็คือการอ้อนแม่

“อยากได้อะไรล่ะหมาเจม”

“แหวนเพชร เอาไปล่อสาวมาเป็นสะใภ้แม่ไง”

“งั้นไม่เอาหรอกย่ะ สะใภ้ไม่ต่อยอด”

“งกนะแม่ เดี๋ยวนี้คบคนที่เงินแล้วหรอ?”

“แม่หมายถึงถ้าเจมเอาผู้หญิงเห็นแก่แหวนเพชรเข้าบ้านมาน่ะ แม่ไม่รับ แต่ถ้าจนๆ มาแล้วเจียระไนเพชรเป็น รู้จักทำงานค้าขาย มีสมอง แม่ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว” นี่! หลักการเลิศ แต่ปฏิบัติจริงทำได้รึเปล่าผมไม่การันตีนะครับ

เราอ้อนกันไปมาอยู่ครู่เดียวผมก็เริ่มง่วง แต่ผมรับปากแม่ว่าจะรอจิวให้ผมก็ต้องรอ ส่งแม่เข้านอนไปแล้วผมก็ออกมาเล่นกับหมาที่นอนเหงาๆ กันอยู่ในบ้านใหญ่แค่ 2 ตัว
ตัวหนึ่งกับตัวสอง

พวกมันยกหัวคิ้วเหลือบตามองผมนิดเดียวก็หรี่ตาเตรียมหลับต่อ ผมเลยลากไอ้ตัวสองออกมาเล่นเกาพุง ไอ้นี่ก็เปรมใจเหลือเกิน นอนหงายแบะขาให้ผมลูบไล้ตามอำเภอใจ แล้วไอ้หมาขี้อิจฉาก็โผล่มาทันทีครับ
ตัวหนึ่งมันเดินงัวเงียออกมาแล้วก็ซุกหัวบนตีนผม ไอ้บ้านี่ขนนิ่มดีชิบหาย
ผมลูบหัวมันเบาๆ ยิ่งลูบมันก็ยิ่งซุกแล้วส่งเสียงงี้ดง้าดออดอ้อน ผมเลยหยิบตัวมาขึ้นมาวางบนหัวเข่า แม่งเอากระจู๋ชี้หน้าผมอ่ะ ไอ้ห่า เล็กแล้วยังอวด ดีดแม่งเลย นี่แน่ะ!  กร๊ากกกกก กูก็บ้าทะเลาะกับหมา

พออุ้มตัวหนึ่ง ตัวสองก็ตะเกียกตะกายยกร่างแคระๆ ของมันกรุยขาผม ผมเลยต้องหยิบมันขึ้นมาวางคู่กัน เอาล่ะ วันนึงกูโดนกระจู๋ชี้หน้า 2 อัน แทงเลขไรดีวะ? 72?

เล่นกับมันงุ้งงิ้งไม่นานนักจิวก็กลับมา มันบีบแตร 2 ที คนรับใช้จำเป็นอย่างผมก็วิ่งรี่ไปเปิดกดรีโมทเปิดประตูให้ บีเอ็มคุ้นตาส่งไฟจ้าเข้าตาผมจนต้องหรี่แล้วหันหนี พอไอ้จิวลงจากรถมาทักหมา (ไอ้เหี้ย แล้วกูละจิว) ผมก็อำลามันไปเข้านอน

ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาราวๆ 2 อาทิตย์เห็นจะได้




เช้านี้ผมสวมเชิ้ตลายทางตรงสีขาวเทา กางเกงนี่ขอยืนพื้นด้วยยีนส์เหมือนเดิม เมื่อมั่นใจว่าสุภาพมากแล้วก็ขับรถออกไปยังออฟฟิศนายพิชญะทันที

ระหว่างทางไอ้แอมโทรหาตามเวลาปกติที่มันตื่นแล้วต้องคุยกับผมระหว่างขี้ ไม่สุนทรีย์หรอกครับกับการคุยโทรศัพท์กับใครซักคนแล้วต้องฟังเสียง อึ่ อื่ออออออออ อึ่ และจ๋อม! อยู่ทุกครั้ง ไอ้สัด!

40 นาทีแน่ะกว่าจะถึง
ก่อนขึ้นทางด่วนนี่รถติดถึงขั้นหัวเข่าผมสั่นเพราะเหยียบเบรกอยู่ตลอดทาง
พอถึงก็โทรหาเลขา รายงานตัวว่า “ถึงแล้วครับ” เธอก็ส่งคนมาลงมารับเพื่ออัญเชิญผมขึ้นไปยังชั้น 30 เหมือนเดิม

“คุณพีชมีแขกอยู่ คุณเจมรอสักครู่นะคะ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มให้สุภาพ เธอมองผมแบบกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็เดินออกจากห้องไป หึ! ผมรู้ครับว่าผมหน้าตาดี มองตรงๆ ก็ได้ ผมไม่สึกหรอก

แป๊บเดียวนายพิชญะก็เปิดประตูเข้ามาแล้วทักทายผมอย่างดี สีหน้าเขาดูสดใสมากกว่าครั้งแรกที่ผมพบเขาเสียอีก

“สวัสดีครับเจม” อื่อออ ครั้งที่แล้วยังคุณเจมอยู่เลยไม่ใช่หรอ? ผมยิ้มทักทายเขาแล้วก็พูดสวัสดีครับตามปกติ
“มาครับ วันนี้พร้อมมากเพื่อให้เจมทำงานง่ายเลยนะเนี่ย เตรียมเรื่องสนุกมาเล่าให้ฟังเพียบเลย” เน้นเสียงตรงคำว่าเพียบด้วยครับ อยากรู้ชิบหายว่าอายุ 30 แน่หรอ ผมก็ยิ้มให้ตามเรื่องตามราว การคุยกันครั้งที่แล้วทำให้ผมรู้ว่านายพิชญะพูดเก่งมาก!
“อ้อ!” จู่ๆ นายพิชญะก็ชะงักอาการย่อตัวนั่งแล้วยืดตัวขึ้นใหม่ เขาหันมองผมแล้วพูดเหมือนขออนุญาต
“ผมมีเพื่อนช่วยเล่าด้วย คุยกันแบบสนุกๆ ดีกว่า ผมอยากให้คนอื่นมองผมมุมสนุกๆ มากกว่าน่ะครับ เดี๋ยวไปลากผู้ช่วยเล่าก่อนนะครับ” บอกผมเสร็จก็เดินออกจากห้องไปอีกรอบ ผมไม่ได้สนใจอะไรจึงนั่งตรวจสอบโทรศัพท์ว่าอยู่ในโหมดพร้อมอัดแบบห้ามใครรบกวนรึยัง เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้งผมจึงลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติผู้มาใหม่ และเมื่อหันไปมองหน้า ผมก็เจอกับเขาคนนั้น ในรอบ 1 เดือน

“นี่คฤณครับ เฮ้ย! รู้จักกันแล้วไม่ใช่หรอ? ผมก็โชว์โง่เลย”
“นั่งครับ นั่ง” นายพิชญะพูดไปยิ้มไป เขากดบ่าเพื่อนให้นั่งลงตรงโซฟายาว ตัวเขาก็นั่งลงข้างๆ ส่วนผมนั่งอยู่โซฟาเดี่ยวตั้งแต่แรกแล้ว

สีหน้าของเพื่อนรัก 2 นายนี้แตกต่างกันสิ้นดีจริงๆ

“สวัสดีครับเจม” ชื่อตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมผมใจเต้นกระตุกแล้วก็เจ็บจี๊ดๆวะ

“ครับคุณคฤณ” เขาชะงักไป ดูไม่พอใจที่ผมเรียกเขาแบบนั้น แต่ผมผิดหรอ? ก็นั่นชื่อเขานี่!

“อย่าซีเรียสสิคุณ ผมบอกแล้วไงว่าขอคุยแบบรีแลกซ์หน่อย”
“อย่างที่เจมทิ้งโจทย์ไว้ เรื่องจุดหักเหในชีวิตผม หรือเรื่องที่ผมมีวันนี้ได้เพราะใคร ก็หมอนี่แหล่ะครับ เพื่อนรักผมเอง เนอะที่หนึ่ง”

“ผมไม่คิดว่าผมสำคัญขนาดนั้นหรอก คุณก็ยกผมซะลอย” เขาตอบเพื่อนแล้วก็หันมามองผมนิ่งๆ
“ถ้าผมจะมีความสำคัญกับใครสักคนจริงๆ ก็ขอให้คนคนนั้นคือคนที่ผมให้ความสำคัญไปจนหมดหน้าตักจะดีกว่า”

“แหะๆ” นายพิชญะหัวเราะแห้งๆ แล้วทำท่าเป็นกระซิบผมว่า “หมอนี่ขี้อาย แล้วก็ไม่บ้ายอน่ะครับ”
“งั้น....” คนพูดเก่งก็พูดต่อไป ผมก็ได้แต่เงียบมองหน้าเขาแบบมองทะลุอากาศ ผมพยายามโฟกัสสายตาที่นายพิชญะที่สบตาผมบ้าง หันมองเพื่อนบ้าง และถ้าเขาสังเกตเพื่อนเขาสักนิด ก็จะเห็นว่าเพื่อนของเขาไม่ละสายตาจากหน้าผมเลยแม้แต่วินาทีเดียว

นายพิชญะเล่าเรื่องของเขาไปเรื่อย สายตาเขาเต็มไปด้วยความสุขยามพูดถึงความทรงจำที่ผ่านมาของตัวเอง ทั้งเรื่องตอนเริ่มต้นเข้าม.1 ขึ้นม.ปลาย เตรียมเอนท์ ไปเรียนต่อโทเมืองนอก และทุกๆ ความทรงจำที่เขาบอกเล่าให้ผมฟัง ไม่มีตอนไหนที่ชีวิตเขาไม่มีนายคฤณ

แม้แต่เรื่องที่ “ผมเสียใจที่สุดในชีวิต ก็คือเรื่องที่เราเสียลูกแพรไป” ชื่อลูกแพรถูกเอ่ยขึ้นครั้งแรก ผมเกร็งขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเธอ คนที่มองผมอยู่ก็เช่นกัน

ลูกแพร คงเป็นความทรงจำที่ทำให้นายคฤณทรมานที่สุด ทรมานจนไม่กล้านึกถึงและไม่กล้าจะถ่ายทอดให้ใครฟัง แม้แต่คนที่เขาพูดคำว่ารักให้ฟังข้างหู

“ลูกแพรเป็นน้องสาวคนเดียวของผม เป็นน้องสาวที่ทำให้ผมให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ และก็ตั้งใจจะเป็นคนที่เก่ง เพื่อจะได้ดูแลน้องสาวได้”
“แต่เธอจากพวกเราไปทั้งที่เพิ่งเรียนจบ”
“ก็อายุพอๆ กับเจม เนอะที่หนึ่ง”

“อืม เท่ากัน”

“เป็นเด็กที่น่ารัก ดื้อแต่ก็น่ารักจนเรายอมให้ดื้อ เธอชอบพวกงานศิลป์ ชอบวาดรูป ชอบออกแบบ”
“ที่หนึ่งเองก็สนับสนุนให้เรียนทางที่เขาชอบ แม้ว่าจะขัดใจพ่อกับแม่ผมสุดๆ ก็เถอะ เนอะที่หนึ่ง”

“อืม ดื้อ” ดื้อ! เขาเคยว่าผมแบบนั้นวันที่เราไปเที่ยวสวนเงาะที่มีต้นมังคุดโผล่หน้ามาต้อนรับ ผมพยายามไม่ฟังคำนายคฤณ แต่มันก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขากำลังพยายามอย่างหนักในการพูดกับผม

“แล้วเธอ...เอ่อ...จากไป”

“ทำไมถึงตายน่ะหรอครับ?” เขาเปลี่ยนคำถามผมให้ตรงประเด็นราวกับใช้ไม้ทีขีดเส้น
“ก็อารมณ์ล้วนๆ น่ะครับ”
“ลูกแพร....”

“แพรทะเลาะกับผม แล้วก็รีบร้อนขับรถออกไป ประสบอุบัติเหตุ” นายคฤณพูดแทรกขึ้นรวดเดียวแล้วก็นั่งนิ่งเหมือนเดิม คราวนี้คนที่หน้าเครียดขึ้นชัดเจนก็คือนายพิชญะ
“เขาตายเพราะผม” นายคฤณย้ำความจริงจากปากเขาใส่หน้าผม และหน้าผมคงช็อกมาก นายพิชญะถึงได้ไกล่เกลี่ย

“ผมบอกแล้วไงว่าคุณไม่เกี่ยว ที่หนึ่ง เลิกคิดแบบนี้ซักที”
“แพรจากไปเร็วเกินไปก็เพราะแพรใช้อารมณ์ คุณจะผิดได้ยังไง”
“เปลี่ยนกันดีกว่า ดีมั้ยครับเจม”

“อ่อ...ครับ”
“แล้ว เรื่องที่คุณพีชบอกว่าถ้าไม่มีคุณคฤณ ก็ไม่มีคุณพีชวันนี้ล่ะครับ”
“อื้อ เรื่องนี้ดีกว่า” นายพีชเออออกับผมอย่างรวดเร็ว เขามองเพื่อนเขาแล้วก็อมยิ้มก่อนจะพูดให้ผมอึ้งกับความชอบให้ของผู้ชายที่ชื่อคฤณ

“บริษัทผมถูกฟ้องล้มละลาย ตอนนั้นเรายังเรียนโทกันอยู่ที่เมืองนอก คือมันเป็นเรื่องของหุ้นใหญ่ทะเลาะกันแล้วขายหุ้นให้คนอื่น และผู้ถือหุ้นใหม่ก็ไม่ใช่สเปคที่พ่อผมอยากได้ แล้วโครงการที่ทำอยู่ก็เกิดมีปัญหา หนี้ท่วม ที่หนึ่งเลยบอกให้พ่อเขามาซื้อกิจการไปทั้งหมดก่อนรอบนึง แล้วก็ขายหุ้นคืนให้ที่บ้านผมทีหลังเพื่อเกลี่ยสัดส่วนผู้ถือหุ้นก่อน”
“พอบ้านเขาเข้ามาซื้อกิจการ ก็ปรับโครงสร้างการถือหุ้นให้ชัดเจนขึ้น เขาช่วยเรื่องทำซีเคียวริไทส์เซชั่นเพื่อให้บริษัทผมมีเงินหมุน แล้วก็ให้บริษัทพ่อเขาปล่อยกู้ให้บริษัทพ่อผมมาก่อนเพื่อรันธุรกิจ”
“เรียกได้ว่า ถ้าเขาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย บ้านผมก็จะเป็นบุคคลล้มละลาย”

“หมายถึง คุณคฤณเข้ามาซื้อกิจการทั้งที่บริษัทมีปัญหาเรื่องหนี้ แล้วก็ช่วยปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ออกเงินกู้ให้เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้ แล้วก็ให้เครื่องมือทางการเงินอย่างซีเคียวริไทส์เซชั่นมาช่วยให้บริษัทมีฐานทุนมากขึ้นใช่มั้ยครับ”

“ครับ ผมกับที่หนึ่งโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน บ้านเราทำธุรกิจคล้ายๆ กัน ไปเรียนต่อก็ไปเรียนด้วยกัน สาขาเดียวกันแต่เขาก็เป็นที่หนึ่งเสมอ”
“เรียกว่า เขาเป็นครูทางธุรกิจของผมเลย”

“คุณอย่าเวอร์ พีช”

“ผมพูดเรื่องจริงนี่นา”
“ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่หนึ่งมาก” นายพิชญะหันมาพูดกับผมต่อ
“ผมยกน้องสาวสุดที่รักให้เลย ถ้าลูกแพรไม่รีบจากไป ก็คงแต่งงานกันแล้วแหล่ะ เนอะที่หนึ่ง” ครั้งนี้นายคฤณเงียบและจ้องหน้าผมมากกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 11-01-2013 01:09:48
โอเค ผมรู้แล้วว่าลูกแพรเป็นใคร และคิดว่าพอจะรู้เลาๆ แล้วว่า “ฝันดีนะครับแพร” พูดด้วยอารมณ์แบบไหน ผมไม่ถามอะไรเขาเพิ่มเพราะนายพีชญะตอบโจทย์ของผมได้ดีเกินคาด จนเที่ยงกว่าเขาก็รู้ตัวเสียทีว่ากูก็มีงานอื่นเหมือนกัน

“กินข้าวกลางวันด้วยกันนะครับเจม” นายพิชญะเอ่ยชวนแล้วยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี เขาหันมองหน้าเพื่อนรักของเขาแล้วก็บอกผมเพิ่ม
“ที่หนึ่งมันบอกว่าเจมชอบกินอาหารญี่ปุ่นร้านเดียวกับมัน เราไปที่นั่นกันก็ได้นะ”

“ขอโทษครับ ผมไม่ว่าง มีงานอื่นต่อน่ะครับ ขอบคุณมากครับ แต่ไม่สะดวกจริงๆ” ผมบอกและผงกหัวขอโทษพลางเก็บสมุดและโทรศัพท์ที่ใช้อัดเสียงลงกระเป๋า

ผมลาขาดโดยไม่ให้ใครได้รั้งผมไว้แล้วก็ก้าวฉับๆ ออกจากห้องทำงานนายคฤณทันที



กึก
ครืดดดดดดดดดดดด
มือมารนี่ยื่นมาบีบบังคับประตูลิฟต์ได้สินะ
ผมเงยหน้ามองคนที่แทรกตัวเข้าลิฟต์มาแล้วก็ก้มหน้าตามเดิม
“พี่ไปส่งนะ”

“ผมเอารถมา”

“พี่ขับให้”

“ผมไม่ได้เป็นง่อย”

“แต่เจมเป็นแฟนพี่ พี่อยากดูแล”

“ไม่ว่าคุณจะดูแลผมดีแค่ไหน คุณลูกแพรก็ไม่ฟื้นมาหรอกครับ อย่าใช้ผมเป็นเครื่องมือล้างบาปในใจคุณเลย” ผมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ผมจะต้องพูดคำที่โคตรนิยายตบจูบแบบนี้

“ล้างบาปอะไร? จินตนาการเจมกว้างเกินไปนะ” เขากำลังด่าผมว่าเพ้อเจ้อ คิดอะไรบ้าๆ แต่ผมคิดนี่ เขาจะเป็นแบบที่ผมคิดรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมคิดแบบนั้นไปแล้ว มองมุมกลับกันไม่ได้ง่ายๆ หรอก

“ผมพูดตามที่คิด”

“แล้วคิดอะไรอีก พูดมาสิ พี่จะได้อธิบายเหตุผลของพี่บ้าง ทั้งเรื่องเปรม เรื่องลูกแพรที่พี่ยังไม่รู้เลยว่าเจมไปรู้มาจากไหน”

“เหตุผลคือข้ออ้างของคนทำผิด ผมต้องฟังด้วยหรอครับ”

“ให้ตายเถอะเจม! พี่ผิดอะไร?” เสียงเขาเหมือนจะกระชากแต่ก็ดูเหมือนจะควบคุมตัวเองได้ดีพอควร

เขาไม่รู้ว่าเขาผิดอะไรหรอ?
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมานี่ผมโกรธลมอยู่หรอ?

ผมส่ายหน้าปฏิเสธการพูดคุยกับเขา เมื่อลิฟต์พาผมลงมาถึงชั้นที่จอดรถเอาไว้ ผมก็ก้าวออกจากลิฟต์ทันที ผมเดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำสปีดได้ เมื่อถึงรถก็กดกุญแจสั่งเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปนั่งทันที

“เฮ้ย!” ผมร้องเสียงหลงเลย นายคฤณดึงประตูรถเอาไว้ไม่ให้ผมปิดได้แล้วก็แทรกตัวเข้ามานั่งทับผม ครับ! เขานั่งทับผม

“พี่หนึ่ง! เจมหนัก!”

“ขยับไปนั่งเบาะข้างๆ” สั่งหรอ? ผมไม่ทำเว้ย! ผมดื้อด้านนั่งที่เบาะคนขับแต่เบี่ยงตักหนีไม่ให้เขาทับผมไว้ทั้งตัว นายคฤณหันมองหน้าผมนิ่งๆ แล้วบอกเสียงเย็นๆ

“ไปนั่งเบาะข้าง” สั่งอีกครั้งงั้นหรอ? ไอ้เหี้ย! ไปก็ได้! ผมหน้าคว่ำพลางขยับตัวไปนั่งที่เบาะข้างๆ จริงๆแล้วผมเปิดประตูลงจากรถแล้วหนีไปอีกก็ได้ แต่จะหนีไปไหนได้ล่ะ? จะหนีรอดหรอ? แล้วรถผมล่ะ จะทวงคืนจากเขายังไง สุดท้ายผมก็เลยยอมจำนนไอ้คนมากเล่ห์

“มีงานต่อหรอ?”

“ไม่มี”

“กินข้าวแล้วกลับคอนโดนะ”

“จะกลับออฟฟิศครับ นัดแอมไว้” ไม่ได้นัดครับ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้แอมกับไอ้ต้อมเข้าออฟฟิศรึเปล่าวันนี้ ผมอ้างมั่วๆ ไปงั้นแหล่ะ ที่หยิบชื่อไอ้แอมมาเพราะคิดว่าเอาว่าอกเขาอาจจะเจ็บบ้างเมื่อผมเอ่ยชื่อผู้ชายคนอื่น อูยยย ดูแพศยาชิบหาย

“อยากกินอะไร?”

“เจมบอกว่าจะกลับออฟฟิศ”

“พี่ถามว่าเจมจะกินอะไร?”

“พี่ฟังเจมบ้างสิ!”

“แล้วเจมฟังพี่บ้างรึเปล่า?”
“แล้วก็...ขอเลยนะ คุณอรินทร์นั่น พี่เคยบอกแล้วว่าพี่ขี้หึง”
“และพี่ไม่อยากใช้อารมณ์กับเจม”

“เจมบอกว่า จะกลับออฟฟิศ ถ้าพี่หนึ่งพาเจมกลับออฟฟิศได้ก็ขับรถไป แต่ถ้าไม่ ก็ลงจากรถเจมเดี๋ยวนี้”

“..................”

“คุณคฤณครับ”
 
“หึ! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ตกลงแล้วเราโกรธกันเรื่องอะไร?”
“เดือนนึงที่พี่ให้เวลาเจม ให้เวลาตัวเอง มันได้คำตอบว่าเจมไม่อยากฟังพี่ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่แล้วใช่มั้ย?”
“ทั้งที่พี่ทบทวนกับตัวเองแล้ว คำว่ารักที่พี่เคยบอกเจมไป มันก็ไม่เปลี่ยน”

“พี่หนึ่งไม่ได้รักเจม!”

“พี่รักเจม และพี่จะทำทุกอย่างเพื่อประคับประคองความรักของพี่กับเจม แม้ว่าพี่จะเป็นคนพยายามอยู่ฝ่ายเดียวพี่ก็จะทำ และจะทำให้ได้”

“พี่เอาอะไรมารักเจมหรอ? พี่หนึ่งแน่ใจหรอว่าไม่ได้ทำดีกับเจมเพราะเห็นเจมเป็นตัวแทนคุณลูกแพร รักแรกของพี่”

“พี่ไม่ได้รักแพร ไม่ได้รัก”

“ก็เพื่อนพี่พูดอยู่ ถ้าเธอไม่ตายไปก่อน พี่กับเธอก็แต่งงานกัน”

“ต่อให้ลูกแพรไม่ตาย พี่ก็ไม่รักเขา เพราะถ้าพี่รักเขา ถ้าพี่รับความรู้สึกเขาและตอบแทนความรู้สึกเขาไปในแบบที่เขาต้องการ แพรก็จะไม่ตาย”

“...........”

“เขาตายวันที่บอกว่ารักพี่...” นายคฤณนิ่งไป ผมเห็นเขากลืนอากาศและดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้ม
“เขาขับรถออกไปตายหลังจากที่พี่บอกว่า ไม่มีวันรักเขาเกินไปกว่าน้องสาวคนนึง”
“พี่ไม่อยากพูดถึงเรื่องลูกแพรเพราะคนตายเถียงไม่ได้ แก้ต่างให้ตัวเองไม่ได้ ปกป้องศักดิ์ศรีและคุณงามความดีที่เคยทำไม่ได้”
“มันจะกลายเป็นว่า ไม่ว่าพี่จะพูดอะไร มันก็จะกลายเป็นเรื่องจริง และพี่ไม่อยากให้ใครมองแพรไม่ได้ดี พี่เลยไม่พูดอะไรเลยจะดีกว่า ใครอยากคิดอยากพูดอะไรก็พูดไป”

“.............”

“พี่ไปงานศพเขาไม่ได้ พีชก็เพื่อนพี่ บ้านเราก็สนิทกัน พี่พูดกับใครไม่ได้เลยว่าแรงจูงใจ หรือเรื่องสะเทือนใจที่ทำให้แพรเตลิดไปแบบนั้นคือพี่”
“พี่ฆ่าแพร”
“คนอย่างพี่ ไม่กล้ารักใครหรอก”
“แต่ทั้งที่เฝ้าโทษตัวเองอยู่แบบนั้น พี่กลับเกิดความรู้สึกว่าถ้าเป็นเจม มันจะเป็นความรักที่พี่สามารถดูแลได้แน่ๆ”

“.............”

“ตกลง พี่ทำผิดอะไร? หรือพี่ผิดตั้งแต่พี่คิดว่าเจมคือคนที่ใช่”

ผมตื้อขึ้นมาดื้อๆ เมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากเขา
สิ่งที่ผมคิดว่าใช่ มันไม่ใช่เลย
ผมคิดว่าเขารักลูกแพรมากและเห็นผมเป็นตัวแทน คำว่าฝันดีก็คงไม่ได้อยากพูดกับผม แต่พูดผ่านผมไปสู่เธอคนนั้น
การดูแลผมอย่างดี การบอกว่ารักผมทั้งที่ผมมันก็แค่คนธรรมดาไม่มีอะไรดึงดูด ก็เพราะอยากสร้างความรักที่สวยงามให้กับเธอคนนั้น

แต่มันไม่ใช่
เขาไม่พูด ไม่แก้ตัวแก้ต่างกับสังคมเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีคนตาย
เขารักผม เพราะเชื่อว่าเขากับผมจะสามารถสร้างความรักขึ้นมาได้และจะช่วยกันประคับประคองความรู้สึกดีๆ นั้นไปเรื่อยๆ

เขาคงต้องใช้ความกล้าอย่างมาก ในการเริ่มต้นรักใครซักคนในขณะที่หัวใจเขามีรอยตำหนิจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่ง

นายคฤณถอยหายใจแล้วเงียบลง ในมินิคันเก่งของผมยังเงียบฉี่เพราะเขายังไม่สตาร์ทเครื่อง ผู้ชายคนนี้หันมาสบตาผมเมื่อผมหันมองเขา

แววตาเขาเศร้าชะมัด

“เจม....”
“เจม......” เคยมั้ยครับ? จู่ๆ ก็ติดอ่าง

นายคฤณก้มหน้ายิ้มแล้วหันมองผมอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวแล้วดึงให้ผมโน้มไปซบที่ซอกคอเขา

“เจมครับ อย่าโกรธพี่แบบนี้อีกนะ ถ้าเจมโกรธ เจมต้องบอกว่าพี่ทำอะไรให้โกรธ”
“พี่โง่ เดาเอาไม่ถูกหรอกว่าเจมโกรธเรื่องอะไร?”

ผมอือเออรับคำเบาๆ และใช้โอกาสนี้หลับตาแล้วไซร้หน้าผากที่ซอกคอเขา ผมไม่รู้ว่าผมโหยหาเขามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 1 เดือนที่ไม่ได้ติดต่อกันเลยผมบอกตัวเองเสมอว่าอยู่ได้

แต่วินาทีนี้ ตอนที่สัมผัสกันอีกครั้ง ผมรู้สึกชัดเจนมากว่าที่ข้างๆ เขาคือที่ของผมอย่างแท้จริง

“อื้อพี่หนึ่ง!” จู่ๆ ผมก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ผมดันตัวเองออกแต่นายคฤณยังดึงตัวผมไปโอบไว้

“ครับ?”

“แล้วเปรมอะไรนั่น ใคร?” หางเสียงผมเขียวเข้ากับนโยบายโลกสีเขียวมากครับ นายคฤณส่งเสียงหึแล้วจับคางผมบี้ไปบี้มา

“หึงหรอครับ”

“หึงไม่ได้หรอครับ” ผมยียวนถาม เขาก็หัวเราะหึอีก ก่อนจะเฉลยว่า “ก็ผู้หญิงทั่วไป ทำงานด้วยกัน มีผลประโยชน์ทางธุรกิจเธอก็เลยคิดต่อยอด ก็หยอดพี่มานานพอควร หลายปีนะ”

“พี่ให้ความหวังเขาหรอ? แล้วทำมาว่าเจมเรื่องไอ้แอม”

“พี่ขอโทษ พี่ไม่พูดให้ชัดเจนเพราะเห็นเขาเป็นผู้หญิง เกรงจะเสียหน้า พี่ก็เลยเกือบเสียเจม”
“แต่พี่เคลียร์หมดแล้วนะ งานหายก็ช่างมัน อาศัยคอนเน็คชั่นเรื่องพรรค์นี้มันก็ไม่เวิร์คแต่แรกแล้ว ไม่ว่าจะตำราไหนก็เถอะ”

“.............”

“พี่บอกหมดแล้ว เจมอยากรู้เรื่องไหนอีกรึเปล่า?”
“หือ? บอกพี่สิครับ ตอนนี้คิดยังไง จะทำโทษพี่เพิ่มอีกกี่วันดี?”
“เจมครับ”

“ครับ...เอ่อเจม...” ติดอ่างอีกแล้วกู ก็ว่าที่เคยไปก็ไม่ได้นวดดีนักหนานะ เอ๊ะ! ไม่ใช่!
“เจมหิวข้าว” นายคฤณหัวเราะนานกว่าครั้งไหนๆ เขาขยี้หัวผมแล้วจับโยกไปโยกมา โยกครั้งสุดท้ายเขาจับให้หยุดตรงหน้าเขาแล้วก็เอียงหน้าโน้มมาจูบผม

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าผมโหยหาเขาขนาดนี้ เรียกได้ว่าจูบ 5 นาทีกูก็ไม่กลัวขาดใจตาย!


“เจมครับ”

“ครับ?”

“รักพี่หนึ่งมั้ยครับ?”

“รักมั้งครับ”

“ก็โอเค พี่จะถามไปเรื่อยๆ จนกว่าเจมจะพูดเต็มปากเต็มคำว่ารักพี่”
“ตอนนี้ไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน” เขาบอกอย่างใจดีแล้วก็ขับรถอย่างนิ่มนวลพาผมไปกินข้าว

อย่าคิดว่าหรูมากมายครับ
มื้อกลางวันเกือบบ่าย 2 ของเราคือ สุกี้น้ำทำเองในคอนโด....ของนายคฤณ!

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้องเขา ยอมรับเลยครับว่าโคตรตื่นเต้น
ผมสำรวจอย่างอยากรู้ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร บอกแค่ว่าเดี๋ยวล้างมือแล้วก็มากินได้เลย ผักกำลังดี แต่ผมก็ยังดื้อเดินเปิดห้องนั้นดูห้องนี้ จนเปิดมาเจอเตียงคิงไซส์นั่นแหล่ะ ผมถึงฉุกใจคิด

คืนนี้ กูคงรอดจากการถูกขบหัวนมใช่มั้ย?


Cut


ฮ้าววววววววววววววววว  :t3:
ฝันดีนะคะ จะพยายามไม่เว้นไปนานมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 11-01-2013 01:57:58
อ่านเรื่องนี้มาได้สักพักแล้วคะ สนุกมาก  ได้อ่านแต่ในมือถือ วันนี้ได้คอมเมนท์ สักที

ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลย
ไม่จบดราม่าใช่ไหมคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 11-01-2013 03:11:09
เย้ๆ ตอนนี้ไม่ค้างแล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่โกรธให้พี่หนึ่งสุดท้ายก็หายไป
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 11-01-2013 07:17:06
อ๊ากกกกกกหลงรักพีหนึ่งอะ ถึงจะเป็นคนไม่ค่อยเคลียร์ซักเท่าไหร่ แต่พอคืนดีกันเราก็แฮปปี้มากๆ สาธุขอให้คืนนี้เจมเสร็จพี่หนึ่งด้วยเถอะ  :call:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 11-01-2013 08:03:20
ในที่สุดก้อเปิดเผยแล้ว พี่หนึ่งนี่สุภาพบุรุษจริงจริง อิอิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 11-01-2013 08:41:02
ไม่รอดแน่เจม อิอิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 11-01-2013 08:43:15
รอดหรือไม่รอด แต่ขอให้ไม่รอดนะ ฮิฮิ  :z1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 11-01-2013 08:56:12
ตอนที่9
ฟังจากคำพูดของพีช ดูเรื่อยๆ แบบไม่มีพิรุธน่ะ เรื่องพี่หนึ่ง
หรือเป็นเพราะการที่เจมเป็นนักข่าว มันเลยต้องปั้นเรื่องอยู่แล้วป่ะ
ทำเป็นเนียนๆ เรื่องสวยๆไปเลย

พี่หนึ่ง ทำไมเจมพูดถึงเรื่องพี่ช เรื่องลูกแพร ต้องมีเหม่ออ่ะ(หรืออึ้ง)
ต้องพูดย้ำอีกรอบถึงตอบได้ พิรุธมากๆ

เปรม เราไม่สงสัยอะไรนะ คงทำนองผลประโยชน์ทางธุรกิจน่ะ

แอม ตอนนี้ดูเป็นคนดีนะเนี่ย หุหุหุ

ตอนที่10
ทำยังไงดี อ่านไปก็เหมือนตกหลุมคนเขียนที่ทำดักไว้ แล้วมันปีนไม่ขึ้นอ่ะ
หรือเราจะให้น้ำหนักเรื่องจากปากแอม(ซึ่งก็คงเป็นอารมณ์ว่าข่าวเม้าท์กันให้แซ่ดในวงสังคม)
ดังนั้นถึงแม้พี่หนึ่งจะให้สัมภาษณ์พร้อมพีช มันก็ยังไม่วางใจอ่ะ

แล้วที่พูดว่า ฝันดีครับแพร
คืออยากรู้แรงจูงใจในการพูดอ่ะ อันนี้แอบตะหงิดๆอยู่

ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมชีวิตส่วนของพี่หนึ่งมากขึ้นมาอีกหน่อย
ได้บุกคอนโดพี่หนึ่งละ555 แถมพีชก็ถือว่าเป็นเพื่อนคนนึงของพี่หนึ่ง
องค์ประกอบชีวิตพี่หนึ่งค่อยๆโผล่มาละ

รอตอนต่อไปน้า ลุ้นๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 11-01-2013 09:17:47
ถ้าวันนั้น นายคฤณพูดแบบนี้ตั้งแต่เจมถาม ก็ไม่ต้องม่าม่ากันเป็นเดือนแล้ว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-01-2013 11:52:31
พี่หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงโคตรคนดีโคตรสุภาพบุรุษ
เจมแกต้องคว้าไว้นะ ผชแบบนี้หายาก55555555555555555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: powvera ที่ 11-01-2013 19:43:24
มันจะไม่ใช่แตขบหัว...นม นะสิเจม 

อาจจะมีออฟชั่นอื่นเสริมมาด้วย  อาเช่น  จูบ  ดูด  เลียและสุดท้าย โดนกด  อะคริอะคริ  :z1:  :z1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-01-2013 19:59:39

โอเค เคลียร์!!!
อันที่จริงหันหน้าคุยกันแต่แรกก็จบ
แต่อารมณ์มันมีมากกว่าเหตุผลนี่เนอะ ตอนนั้น
เรื่องมันก็ผิดทั้งสองคน
แต่คืนดีกันได้ก็ดีมากแล้วววว
ต่อไปก็ต้องคุยต้องบอกกันแล้วเนอะ
เอาครั้งนี้ไว้เป็นบทเรียน จะได้ประคับประครองรักครั้งนี้ไปเรื่อยๆ

รอออ อ่านตอนต่อไปจ้าาา
เป็นกำลังใจให้น้าา
กอดด //
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 10 - 10/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 11-01-2013 21:33:01
เจมน่ารักน่ะ สมควรที่พี่หนึ่งจะรัก
พี่ที่หนึ่งเป็นสุดยอดพระเอกเลย
แสนดี มีน้ำใจ เข้าหาผู้ใหญ่ ฉลาด
เข้าใจกันแล้วและ
คืนนี้เจมจะโดนอะไรบ้างน่ะ   :z1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 12-01-2013 23:22:45
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 11


เช้านี้ ผมตื่นขึ้นในห้องนอนใหญ่ เตียงคิงไซส์ของห้องชุดหรูคอนโดใจกลางเมือง บอกพิกัดขนาดนี้กูว่าดีเอสไอแม่งต้องสืบรู้แน่ๆ ว่าไอ้คนที่ผมอยากแจ้งจับมุดหัวอยู่ที่ไหน

ผมตื่นแล้วแต่ยังไม่ขยับตัวเพราะเอาแต่กระพริบตาปริบๆ มองหน้าคนที่นอนตะแคงจ้องผมตาไม่กระพริบ

“มองอะไรครับ”

“แทนที่จะพูดอรุณสวัสดิ์” เขาดุผมนิดหน่อยแต่ดีดหน้าผากแรงมาก แม่งไม่ออมแรงเลน แต่จะว่าไป ผมก็ควรรู้อยู่เต็มอกว่านายคฤณไม่เคยทำอะไรแบบออมแรงหรือครึ่งๆ กลางๆ

วัดจากเรื่องเมื่อคืนที่เขา...อึ่มมมม นั่นแหล่ะครับ ผมไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบายวิธีการที่เขา อึ่มมมมม นั่นแหล่ะครับ

“หมดแรงดื้อแล้วหรอ? เมื่อคืนยังสู้พี่ได้อยู่เลย” เพราะใครล่ะครับ เพราะผีอำมันทับตัวกูเล่นทั้งคืนไม่ใช่รึไง! ผมไม่พูดอะไร ไม่ได้งอนเล่นตัวเป็นนางเอกเพิ่งเสียตัวหรอกครับ แต่ยังไม่ได้แปรงฟันนี่หว่า อายเขาอ่ะ!
“หือ?”

“ไม่หมด” แล้วผมก็พูดจนได้ นายคฤณคลี่ยิ้มให้ผมมอง ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเช้า แสงอาทิตย์เพิ่งเริ่มถักทอแสงมาถึงปลายผืนฟ้าเท่านั้น ผมมองเขาเท่าที่แสงจะเอื้อแต่ก็รู้ว่ารอยยิ้มเขาอบอุ่นมากๆ

“สู้กันอีกมั้ย?”

“ไม่เอา เจมมีแต่เสียกับเสีย พี่หนึ่งได้ตลอด” ผมเถียงฉับเลยครับ ผมไม่ได้คิดเองเออเองแล้วพูดว่าตัวเองเสียหาย 3 รอบเมี่อคืนมันพิสูจน์แล้วว่าผมเสียหายสุดๆ

“เจมอยากได้อะไรล่ะครับ เดี๋ยวพี่หนึ่งจัดให้” เห็นมั้ยว่าเขาเจ้าเล่ห์ ผมมองเขาตาขุ่นๆ พอเก็บอารมณ์หมั่นไส้ไม่ไหวผมก็ถีบแม่งเลย

“โอ้ยเจม! พี่เจ็บนะ”

“เมื่อคืนเจมก็พูดงี้ พี่ก็ยังไม่หยุด”

“ของแบบนี้มันหยุดกลางคันได้ซะที่ไหน ก็ต้องให้...เอ่ออออให้....” ทีงี้ล่ะหน้าแดง แค่พูดถึงจะมาหน้าแดงทำไม ตอนปฏิบัติจนผมเจ็บไปทั้งตัวล่ะไม่เสือกนึกอายบ้าง ผมเบ้หน้าใส่นายคฤณที่ยื่นเพียงคางมาเกยขอบเตียง ส่วนตัวเขายังนั่งอยู่กับพื้นห้อง พอเห็นว่าเขาคงไม่ลงสลักลายลักษณ์อะไรบนตัวผมอีก ผมก็ลุกขึ้นเพื่อเข้าห้องน้ำ

ปั่ก!
แล้วแม่งก็โง่เองอะไรเอง ผมกระโดดลงจากเตียงแต่ผ้าห่มที่พันขาพันแข้งผมอยู่มันไม่อยากไปด้วย สุดท้ายก็หน้าคว่ำลงข้างเตียงนั่นแหล่ะ ร้อนถึงนายคฤณต้องรีบกระโดดข้ามเตียงมาดึงผมขึ้นแล้วประคองไปห้องน้ำ ด้วยสภาพ...กางเกงนอนคนละตัว ย้ำว่าคนละตัวครับ เครื่องในไม่ใส่เพราะเมื่อคืนแม่งหายไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ คลำเจอแค่ไหนก็สวมแม่งแค่นั้นแหล่ะ   

พอมายืนแปรงฟันกันหน้ากระจก ผมก็อารมณ์ขึ้นอีกรอบ อารมณ์โกรธนะครับ ไม่ใช่อารมณ์อื่น ก็แม่งงงงงนิสัยไม่ดีอ่ะ ตัวผมเป็นรอยเยอะมาก รอยดูดนั่นแหล่ะ ไอ้ตรงหัวนมที่โคตรหวงไม่ชอบให้มันมาขบมาบดก็โคตรแดงช้ำ ไอ้เหี้ยพี่หนึ่ง! ถ้าฟังผมสักนิดผมคงไม่ช้ำขนาดนี้!

“มีอะไรครับเจม” ยังมีหน้ามาถามอีก ยื่นหน้ามาด้วย นายคฤณบ้วนปากแล้วก็อ้อมมือมาจับมือผมให้แปรงฟันให้เสร็จ นี่เขาไม่รู้เลยหรอว่าทำผมอารมณ์ขุ่น

“เจมทำเองได้น่า”

“ก็พี่อยากทำให้” เขาย้ำจุดยืนที่แม่งเฉียดจะเหยียบตีนผมนิดเดียว เมื่อคืนเขาก็ย้ำแบบนี้แหล่ะครับ ทั้งตอนหาขนมกินระหว่างดูทีวี ใช้คอมพิวเตอร์ส่งงาน กินข้าวเย็น ล้างชาม หาเสื้อผ้าใส่เพราะไม่ยอมให้ผมกลับคอนโดตัวเอง เขาอ้างคำนี้ตลอด พี่อยากทำให้ พี่อยากทำให้ เฮ้ย! ถามกูมั่งสิ!

แม้แต่ตอนที่เกยกันจนแยกขาแยกแขนใครเป็นใครไม่ออก เขาก็อ้างว่าพี่อยากทำให้ แล้วก็ทำให้ผมทุกอย่าง แน่นอนว่าทำผมทุกอย่างเช่นกัน ระหว่างที่ผมพลิกตัวหนีเพราะไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมลองถามเขาไปแล้วว่า “ทำไมพี่หนึ่งถึงได้ชอบมากอดมาโอบเจมอ่ะ ไม่ร้อนหรอ? เจมร้อน” รู้มั้ยครับเขาตอบว่าอะไร “ก็พี่รักของพี่นี่ เจมอย่าดื้อสิ”

กูดื้อตรงไหน? ตรงไหนครับ? ตอบ!

“มื้อเช้าอยากกินอะไร?”

“น้ำเต้าหูแยกบางนา” หาให้ได้ก็ไม่ใช่คนแล้วครับ เราเกยหาดกันอยู่ที่ทองหล่อ จะถ่อไปถึงบางนาก็ไม่ใช่เรื่องที่ชีวิตควรมีประสบการณ์ นายคฤณหัวเราะหึเพราะรู้ว่าผมกวนตีน เขามองผมในกระจกแล้วใช้สายตาเกลี่ยตามตัวผม แม่งเอ้ย! ไม่เห็นรึไงว่าผมหน้าแดงเหมือนอาบเลือดแล้วเนี่ย!

“เมื่อคืนนี้”

“พี่หนึ่ง! อย่าพูดนะ เจมไม่ชอบให้เอาเรื่องอย่างว่ามาล้อ ลองแม่งโดนเองมั่งดิ!”

“พี่แค่จะบอกว่า เมื่อคืนนี้ ขอบคุณนะครับ” ไอ้เชี่ย มาเชื่อมตาใส่ผมทำไม เท่านี้ก็ต้านทานอะไรไม่ได้แล้ว! ผมมุบมิบปากแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำ แน่นอนว่าเขาก็เดินตามผมมาติดๆ แหล่ะ

“พี่ทำมื้อเช้าให้นะ วันนี้เจมต้องไปทำงานรึเปล่าครับ”

“ทำสิ วันนี้ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์นี่”

“อืม...ส่งงานจากข้างนอกก็ได้นี่”

“วันนี้ยังไม่ถึงกำหนดส่งหรอก พี่หนึ่งมีอะไรหรอครับ?” ผมพยายามทำตัวให้มีสติเหมือนเดิมเพื่อให้โต้ตอบกับเขาได้พ้นเรื่องที่ยิ่งนึกยิ่งอายเสียที

“ก็ ว่าจะชวนเจมอยู่ที่ห้องกันนี่แหล่ะ อยู่กัน 2 คน” รอบของความไม่ปลอดภัยแม่งเวียนมาถึงไวจัง ผมยังไม่ให้คำตอบเขาครับ ขอนึกภาพตามอีกนิดนึงว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
“ทำอะไรกิน หรือไม่ก็ออกไปกินข้างนอก แล้วไปหาที่เดินพักเล่นๆ กัน”

“นึกยังไง”

“ก็อยู่กับเจมพี่ผ่อนคลายดี เลยอยากอยู่กับเจมตลอดเวลาเลย”

“ปากนี่หวานเองหรืออมน้ำตาลมาพูดครับ”

“อยากให้แฟนรักก็ต้องทำตัวแบบนี้แหล่ะครับ”

“อ้วกกกกกกก”

“ท้องแล้วหรอครับเจม”

“ไอ้พี่หนึ่ง!” นายคฤณหัวเราะร่วนแล้วเดินมาส่งเสียงโอ๋ๆ พลางลูบหัวผมเพี่อปลอบ เอมใจแล้วเขาก็เดินออกจากห้องนอนไป  น่าจะไปทำมื้อเช้าตามที่บอกผม

ผมลองขึ้นเตียงอีกรอบแล้วดึงผ้าห่มเพื่อตรวจตรา ก็นะ ก็คนมันกลัวนี่หว่า ถึงผมจะผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้ว แต่กับผู้ชายนี่ ผมล่ะเวอร์จิ้นโคตรๆ ก็เลยหวั่นๆ ว่าจะมีเลือดออกอะไรแบบนี้

“ไม่มีว่ะ อืม หรือกูอึดมาก หรือเมื่อคืนนี้ฝันวะ?” ผมนั่งจุมปุ๊กบนเตียงเบลอๆ ไม่นานก็มองหาเสื้อนอนเจอ พอคว้ามันมาสวมกายหยาบได้แล้วก็รีบวิ่งตามกลิ่นกาแฟหอมๆ ไปนอกห้องนอนทันที

อื้มมม กูนี่เลี้ยงง่ายชิบหายเลย


เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตอนที่ผมล้างจานเสร็จ นายคฤณยืนมองผมแล้วก็วกกลับเข้าห้องนอนอีกห้องที่เขาไม่ได้ใช้ประโยชน์มัน แป๊บเดียวก็ออกมายื่นเสื้อ กางเกงยีนส์ และกางเกงในให้กับผมม

“พอใส่ได้มั้ยครับ? หรือเราจะออกข้างนอกไปซื้อเสื้อให้เจมก่อน”

“ถ้าออกไปเพื่อซื้อเสื้อก็พาเจมกลับคอนโดดีกว่า พร้อมพงษ์มันก็ไม่ไกลเลยนะครับ” ผมประชดนิดๆ นิดเดียวจริงๆ ขอบอก นายคฤณจึงได้ยิ้มแล้วยื่นเสื้อผ้าที่เขาเลือกมาให้ผมใส่

“ของพี่เอง แต่กางเกงในเพิ่งแกะ น่าจะใส่ด้วยกันได้ อาจจะหลวมนิดหน่อยนะ” ขอบคุณมากที่ย้ำกว่าคุณมึงเหนือกูทุกสิ่งอย่าง

ผมอาบน้ำตามที่เขาบอก ยอมรับว่ารู้สึกผ่อนคลายมากยามได้แช่น้ำอุ่นๆ ในห้องที่เปิดแอร์ 23 องศา และผมก็คงสบายตัวมากไปจนเผลอหลับ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือเย็นๆ จับแก้มจับหน้าผากผมให้มั่วไปหมด

“หือ? อะไรครับ?” ผมถามเสียงงัวเงียถามแล้วจับมือเขาไว้ให้มันอยู่นิ่งๆ ซักที ผมเวียนหัว

“ก็เจมอาบน้ำนาน พี่เลยเข้ามาดู” หือ? เข้ามาดู? ผมกระดกหัวมองตัวเองแล้วหนีบขดตัวเองทันที นายคฤณมองผมแล้วก็ขำแล้วก็ตอกฝาโลงด้วยคำว่า “พี่เห็นหมดแล้ว ปิดไปก็นึกภาพเอาได้อยู่ดี”

ไอ้เชี้ย!

“เหมือนจะมีไข้นิดๆ เลย ตัวรุมๆ ขึ้นมาเถอะเจม กินยาดักไว้ก่อนดีกว่าเนอะ”

“แต่พี่หนึ่งบอกจะออกไปหาที่พักผ่อน่”

“ก็เจมเหมือนจะไม่สบาย พักในห้องก็ได้ พี่อยู่ที่ไหนก็ได้หมดแหล่ะ มีเจมอยู่ข้างๆ แล้วนี่” นายคฤณบ้ารึเปล่า? เขาจะจีบผมทำไมนักหนาให้ผมโคตรเขิน ก็เราเป็นแฟนกันแล้ว เราไม่มีเรื่องที่เข้าใจผิดหรือคิดไม่ตรงกัน แล้วเราก็มีอะไรกันแล้วด้วย เลิกจีบทีเถอะ ผมยังไม่อยากตัวเป็นเกลียว



ทั้งที่ผมสำรวจตัวเองและยืนยันกับเขาไปแล้วว่าผมไม่เป็นอะไร แต่มือปรอทเขาก็ยืนยันว่า “พี่ว่าเจมมีไข้นิดๆ” และจบลงด้วยคำว่า “นอนพัก สิ” สิอีกแล้ว ผมเองก็ไม่มีงานด่วนอะไร การไม่เข้าออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับอาชีพอย่างผม ยอดชายนายชานนท์ก็เลยเอนตัวลงนอนบนเตียงเป็นทหารผ่านศึกอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้เขาจัดจับปลายผ้าห่ม แล้วก็เปิดโน้ตบุ้คและโทรสั่งงานเลขาอยู่ในห้องนอน ครับ นายคฤณไม่ยอมห่างผมจริงๆ แล้วแม่งก็พันแข้งพันขามากกว่าไอ้ตัวหนึ่งซะอีก

ผมหลับสนิทจริงๆ มาตื่นอีกทีก็ตอนบ่ายสอง พอเห็นผมตื่น เขาก็วกออกจาห้องนอนไปยกชามซุปน่องไก่ใส่มะเขือเทศทั้งลูกมาประเคนผมถึงเตียง ผมเลยต้องบังคับให้เขายกกลับไปที่ครัวเหมือนเดิมด้วยการเดินออกมานั่งรออยู่ในห้องครัว คนเราไม่ควรกินข้าวในห้องนอนครับ จะกินก็กิน จะนอนก็นอน สิ่งที่กินได้ระหว่างนอนบนเตียงก็คือคนครับ โดนแดกไปแล้วเมื่อคืน ขอบอกว่ายังเข็ด

“ดีขึ้นมั้ยครับ”

“เจมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆนะครับ แต่ได้นอนแล้วก็ดีครับ ฮ่าๆ จริงๆ แล้วเจมขี้เซา”

“ครับ พี่เชื่อ” แม่งด่าผมอ่ะ! เขาเอาปากผมด่าผมอ่ะ ไอ้เจ้าเล่ห์! ผมหุบหน้านิดหน่อยแล้วก็ก้มหน้าซดซุปต่อ อร่อยอ่ะ กุ๊กคนนี้ขอพับเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้านได้มั้ย? จะเอาไปอวดแม่

เออว่ะ! ไม่ได้โทรหาหม่อมแม่เลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ป่านนี้เหงาปากแย่แล้วมั้ง
พอนึกได้ผมก็รีบอิ่มและดันถ้วยซุปให้ห่างหน้าไปและมองหามือถือตัวเองทันที
สารภาพตามตรงว่าผมไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เพราะผมมักยัดมันใส่ในกระเป๋ากางเกง และตอนก่อน(หลับ)นอน ผมก็ไม่ได้เป็นคนถอดกางเกงตัวเองซะด้วยสิ แม่งอยู่ไหนวะ?

“หาอะไรครับเจม?”

“มือถือเจมล่ะครับ จะโทรหาแม่”

“ปรึกษาค่าสินสอดหรอ?”

“ตลกเหลือเกินนะครับคุณคฤณ” โดนผมค่อนขอดเขาก็ยิ้มกว้างแล้วเดินหายไปในห้องนอนอีกรอบ และกลับมาพร้อมมือถือผมเอง

ผมโทรหาแม่ ซึ่งเขาก็นั่งอยู่ไม่ห่าง มีการฉีกยิ้มแล้วกวักมือขอพูดกับแม่บ้างแต่ผมสั่งให้เงียบไว้แล้วก็รายงานตัวกับแม่ไปตามปกติ คำอ้างของการไม่กลับบ้านไม่กลับคอนโดเมื่อคืนนี้ก็คือ “เจมค้างกับเพื่อน”

และคำว่าเพื่อนก็ทำให้ผมถูกงอน โดยนายคฤณ ธีระเสถียร
งอนครั้งที่แล้วคุยกับกิ่งมังคุด รอบนี้เขาคุยกับกล้วยไม้ตรงระเบียงนอกห้องครับ สมอายุมากเถอะ
ผมก็ง้อสิ ก็ผมทำให้เขางอนนี่นา วิธีง้อของผมก็เบสิคมากครับ จิ้มเอวเล่นแล้วก็กอดแน่นๆ พลางซุกหน้าลงกลางอก เท่านี้นายคฤณก็ละลายเป็นขี้ผึ้ง แต่ผมนี่ละลายเป็นน้ำผึ้งไปแล้วครับ แฮะๆ

วันนี้ของผมผ่านไปเกือบหมดวันแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ทำตัวไร้ประโยชน์ด้วยการนั่งนอนไปวันๆ หรอกนะครับ ผมก็ยืมโน้ตบุ้คเขามาเขียนงานส่วนของนายพิชญะเพิ่มจนเสร็จ ทีนี้ก็เหลือแต่เกลาภาษา ตบประเด็นให้เป็นไปตามเอาท์ไลน์ที่กำหนดไว้ตั้งแต่แรก แล้วก็ส่งให้บก.ผมดูเป็นด่านสุดท้าย แต่ผมยังไม่ส่ง กั๊กไว้ก่อน อีกอย่าง ผมอยากอ่านทวนอีกรอบในเวลาที่อยู่คนเดียวด้วยครับ

นายคฤณกลับคอนโดพร้อมกับช้อปปิ้งแบ็คยี่ห้อที่ผมโคตรคุ้น พอคุ้ยๆ ดูก็รู้ว่าเขาออกไปซื้อของให้ผมทั้งนั้น แม่งแล้วทำไมไม่พาผมออกไปเลือก ปลูกเรือนยังต้องตามใจผู้อยู่ แต่ผมก็ไม่ได้แย้งภาษิตนี้ให้เขาฟังหรอกนะครับ กลัวเขาแย้งว่า ห่อตัวต้องตามใจผู้ถอด มันจะเข้าตัวซะเปล่าๆ

เอาล่ะ ผมมีชุดนอนที่ห้องเขา มีชุดอยู่บ้านๆ สบายๆ มีแปรงสีฟันของตัวเอง ผ้าเช็ดตัวของตัวเองก็มี รองเท้าแตะก็มี รองเท้าเดินเตาะแตะก็มี ขาดแค่ตุ๊กตาหมีผมก็จะเรียกเขาว่า “พ่อ” แล้วล่ะครับ

ระหว่างดูทีวีรอเวลาหิวข้าวเย็น เขาก็ลุกไปค้นๆ อะไรให้เก็บของ แล้วก็บอกกล่องเก็บของออกมาวางตรงหน้าผม นายคฤณกวักมือเรียกแล้วบอกผมว่า “รูปเก่าๆ ของพี่น่ะ อยากอวดเจม” หือ? อายุเท่าไหร่ครับเด็กชายคฤณ

ส่วนยอดชายนายชานนท์อายุ 10 ขวบและขี้เสือกมาแต่เล็กแต่น้อยครับ ผมหยิบรูปตอนเด็กของเขาดูไปดูมาแล้วก็ตาวาว

อดีตของนายคฤณไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยครับ เด็กกางเกงน้ำเงินเหมือนผมนี่แหล่ะ  เขาอายุมากกว่าผม  4 ปีกว่าๆ สืบสาวราวรุ่นกันแล้วตอนผมเข้าม.1 เขาก็อยู่ม. 5 แล้วครับ อย่าถามว่าทำไมเรียนเร็ว คุณจะได้คำตอบที่วิชาการยังส่ายหน้า เพราะนายคฤณยึดเอาการเกิดและดับของโลกนี้เป็นเหตุผลของเขาด้วย ผมล่ะเชื่อเลย
 
“มิน่าล่ะ พี่ถึงไม่คุ้นหน้าเจมเลย”
 
“เจมก็ไม่คุ้นหน้าพี่หรือชื่อพี่หนึ่งเหมือนกัน พี่คฤณเนี่ย ถ้าดังจริงๆ น้องม.1อย่างเจมต้องรู้จักสิ”
 
“เจมไม่ใส่ใจคนอื่นเองต่างหาก พี่ก็ป๊อบปูล่าในหมูเพื่อนๆ พอสมควร” สันดานไอ้จิวชัดๆ เอาเถอะครับ ด๊อกขี้โนบอดี้ยกเทลให้ ฉันใดก็ฉันนั้น
 
ผมนอนคว่ำอยู่บนเตียง มองของในวัยเด็กที่เขาเก็บเอาไว้ในกล่องเหล็กใหญ่ๆ แบนๆ ของตัวเอง เจออะไรสงสัยก็ถาม แล้วผมก็ไปเจอกับล็อกเก็ตห้อยคอครับ นิสัยเสือกอย่างผมก็เปิดดูไม่รีรอเลย พอจ๊ะเอ๋กับเด็กและผู้หญิงในรูป ผมก็ถามอย่างชาญฉลาด
 
“รูปนี้แม่พี่หนึ่งหรอ?”
 
“ไหน? หือ? อืม แม่พี่เอง”
 
“ตอนเบบี๋พี่อ้วนน่าดูเลย”
 
“หึ! อืม ก็งี้แหล่ะ พี่มันเด็กอันเป็นที่รัก”
 
“ยอไป ยอไป อย่าได้แคร์ครับ” ผมแซวแล้วจิ้มจมูกดูรูปแม่ของเขา เธอไม่น่าจะใช่คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์นะ
“แม่พี่หนึ่ง...ลูกครึ่งหรอครับ?”
 
“ลูกเสี้ยวน่ะ เชื้อเลยมาไม่ถึงพี่ เลยหล่อได้แค่อาตี๋ตาคม” โถๆ นี่คือหย่อนตัวแล้ว เอาเลยครับ เอาเลย ผมฟังไปขำไปแล้วก็ถามอีก
 
“แล้วแม่พี่อยู่ไหนล่ะ เจมไม่เคยเห็นพี่พูดถึงแม่เลย เออว่ะ เจมไม่เคยได้ยินพี่เล่าเรื่องครอบครัวพี่เลย”
 
“อืมมมมม” เขาลากเสียงยาวๆ แล้วก็ทุ่มตัวลงบนเตียงมานอนคว่ำเคียงคู่กับผม
“ครอบครัวพี่หรอ? เล็กๆ น่ะ มีป๋ากับแม่ พี่เป็นลูกคนเดียว ป๋าค่อนข้างขยัน บ้างานนั่นแหล่ะ พี่ก็ใช้ชีวิตอยู่กับแม่เป็นส่วนใหญ่ พี่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงหย่ากัน มันเป็นเหตุผลของพวกเขาที่พี่ต้องยอมรับและเข้าใจในชีวิตส่วนตัวของเขาเอง”
 
“.........”
 
“พี่ก็โตตามปกตินะ สูงกว่าชาวบ้านเขานิดหน่อยเลยยืนหัวแถวแล้วก็เป็นหัวหน้าห้อง อะไรแบบนี้แหล่ะ เรียนก็...โอเค” แต่ยักคิ้วใส่ แม่งพวกล่าเกรด 4 แหงๆ
 
“เพื่อนๆก็โอเค ตอนนี้ก็ติดต่อกันอยู่เป็นระยะ มีพีชนี่แหล่ะที่ไล่ให้มันไปๆ ซะทีก็ไม่ไป”
“อือ! เรื่องนี้ขำมากเจม แฟนมันหาว่ามันกับพี่มีซัมติงกันเพราะมันติดพี่สุดๆ จะไปเที่ยวดูหนังฟังเพลง ไปวอเคชั่นต่างประเทศก็ต้องให้พี่เลือกโปรแกรม เลือกวัน ทั้งที่มันไปกับแฟนมัน ไม่ก็ไปกับที่บ้าน”
“ทะเลาะกันทีพี่ก็จะโดนแฟนมันโทรมาวีนใส่ บอกว่าเลิกยุ่งกับพีชซะทีสิไอ้หนึ่ง! ทำเสียงงี้ด้วยนะ” นายคฤณน่ารักอ่ะ เล่าเหมือนเด็กกำลังตื่นเต้นที่ตัวเองได้พูดความจริงที่โลกไม่เคยรู้มาก่อน ทำเสียงสูงเสียงต่ำประกอบด้วย ผมฟังเพลินจนยิ้มแก้มแทบแตก พอเขาจ้องกลับผมก็สะดุ้งแล้วกลบอาการด่วนๆ
 
“แล้วพี่หนึ่งบอกแฟนคุณพีชว่าไงครับ?”
 
“ไม่เคยตอบหรอก อยากพูดก็พูดไป เหนื่อยเดี๋ยวก็จิบน้ำแล้วก็ชวนพี่คุยอย่างอื่น นึกได้ใหม่ก็บ่นอีก หึหึ”
 
“คุณพีชคงรักพี่หนึ่งมากเลยนะครับ”
 
“อย่าใช้คำนี้สิเจม คำนี้เอาไว้ใช้สำหรับพี่กับเจมพอ ช่างหัวไอ้พีชมัน”
“นี่ยังโมโหไม่หาย จำได้มั้ย คราวที่แล้วที่เจมไปสัมภาษณ์มัน ครั้งแรกเลยน่ะ ก็วันที่เจมมาเจอพี่ที่ห้างกับเปรมนั่นแหล่ะ” คือ....หน้าผมเนี่ย อวดฉลาดตั้งแต่เขาเกริ่นว่าวันสัมภาษณ์ครั้งแรกแล้วครับ แต่นายคฤณก็ขยายความเพิ่มจนเข้าเนื้อกันเองแบบนี้
 
ผมพยักหน้าแรงๆ ให้เขารู้ว่าเออ กูจำได้แล้ว มึงพูดมาซักทีเถอะ นายคฤณก็เลยพูดต่อ
 
“ก็มันนะ พอให้สัมภาษณ์เจมเสร็จก็โทรบอกพี่ มันมาอวดว่ามันได้ออกเล่มหนังสือกับสำนักพิมพ์เจม แล้วก็ได้โชว์เดี่ยวด้วย ถึงจะออกเป็นเล่มเล็กๆ แต่มันก็มีเล่มเดี่ยวของมัน ไม่เหมือนพี่ที่ไปซ่อนอยู่หน้ากลาง ดูมัน!”
“พี่ก็ไม่อะไรหรอก จะฟังมันโดยดี แต่มันดันบอกว่าคนสัมภาษณ์มันน่ารักมาก น้องนักข่าวชื่อน้องเจม เป็นผู้ชายแต่หน้าโคตรใส น่ารักชิบหายว่ะที่หนึ่ง มันพูดมาแบบนี้ พี่นี่แทบจะไปเตะมันตอนเที่ยงคืน”
 
“........” ผมมองหน้าเขาแล้วก็กระพริบตาปริบๆ
“พี่หนึ่งหึงหรอ?”
 
“เอ้า! ก็ต้องหึงสิ มันมาชมแฟนพี่นี่ ชมได้ก็เท่ากับว่าแม่งมองจนซึมลึกลงเรตินามันแล้ว สึกหมด!” ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้พี่หนึ่งติงต๊องไปแล้วครับ บ้าด้วย โอ้ยยย กูอยากจะบ้า เท่านี้ทำมาหึง
“หึ! แล้วพี่ทำไงรู้มั้ย?”
 
“ทำยังไงครับ?”
 
“พี่ก็บอกว่า ถ้ามึงมองเจมอีกรอบ มึงตายแน่”
“ฮ่าๆ มันก็คงรู้ลางๆ แล้วแหล่ะว่าพี่คิดยังไง แต่พี่ยังไม่ได้บอกมันหรอกว่าเจมยอมคบกับพี่แล้ว มาถามเจมก่อนว่าพร้อมเปิดตัวมั้ย?”
 
“.........”
 
“พร้อมมั้ยครับ?”
 
“เปิดตัวบ้าบออะไร เจมไม่ใช่หลินปิง!”
“เอ้อแล้ว....”ผมสายตาหาหัวข้อใหม่เลยครับ แม่งจ้องซะเขิน ห่า! เดี๋ยวกูก็ท้องประชดโลกซะเลย
“แล้ว...พ่อกับแม่พี่หย่ากัน แล้วพี่หนึ่งอยู่กับใคร บ้านพ่อหรือบ้านแม่”
 
“เปลี่ยนเรื่องไม่เก่งเลยครับคุณชานนท์”
 
“คิดซะว่ารู้ไม่ทันสิครับ คุณคฤณ” ผมเอนไหล่ไปกระทุ้งไหล่เขาแล้วก็จิ้มๆ ที่ล็อกเก็ตอันน้อยให้เขารู้ว่าอยากรู้เรื่องแม่เขามากกว่า
 
“อืม ตอนเรียนอยู่กับพ่อ ปิดเทอมทีก็ไปหาแม่”
“แม่พี่อยู่ออสเตรียน่ะ”
“ทำธุรกิจโรงแรม เล็กๆ”
“พ่อก็จ้างพี่ทำงานอยู่นี่ไง”
“อืม...เจมอยากไปหาแม่พี่มั้ย?”
 
“เฮ้ย! ไม่เอาดีกว่าครับ เจมกลัว”
 
“กลัวอะไร?”
 
“ก็...ก็เจมไม่ใช่ผู้หญิง แบบ...เดี๋ยวแม่พี่พ่อพี่จะคิดว่าเจมมาทำให้พี่ไม่ปกติซะเปล่าๆ”
“คบกันแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ?”
 
“ก็พี่จริงจังนี่” เอาแล้ว อารมณ์มาคุของเขาก่อตัวอีกแล้วครับ ผมถอนหายใจแล้วก็เอียงหัวซบเตียงแล้วช้อนตามองเขา
 
“เจมไม่ได้ว่าพี่หนึ่งไม่จริงจัง เจมก็ไม่ได้เล่นๆ กับความรู้สึก”
“แต่ทุกอย่าง มันต้องอาศัยปัจจัยอื่นอีกมาก โดยเฉพาะเวลา”
“เรื่องของเรา ทำเท่าที่มีความสุขก็พอครับ พี่หนึ่งไม่ต้องคิดการณ์ไกลหรอก พี่คงไม่ได้อายุยืนหมื่นๆ ปีหรอกน่า”
 
“เจมก็เป็นซะแบบนี้” เขาบ่นๆ แล้วก็ขยับมาดึงผมไปกอด นายคฤณกวาดของทุกอย่างลงจากเตียงแล้วก็ตะครุบตัวผมไว้จนดิ้นหนีไม่ได้  ผมก็เลยนอนนิ่งๆ ให้เขาหอมหัวไหล่ ดมซอกคอ แป๊บนึงเขาก็จะเงยหน้ามาบอกว่า “หอม” เขาบ้าไปแล้วครับ บ้าแน่ๆ ที่เขาดมน่ะมันเสื้อที่เขาซื้อมาให้ใส่นั่นแหล่ะ แม่งยังไม่ได้ซักเลยด้วย
 
“พรุ่งนี้ทำงานเช้ามั้ย?” นายคฤณถามระหว่างที่ละปากจากไหปลาร้าผม ผมลืมตาแล้วงงเมื่อเห็นเพดาน ก็เมื่อกี้ผมยังนอนคว่ำอยู่เลยนี่หว่า
 
“ไม่มีเวลาเข้างานอยู่แล้ว ไม่มีนัด ไม่ใช่เวรประชุมด้วย แต่เจมก็อยากไปเร็วนะ จะไปแปะงานลงถังกลาง”
 
“แต่ก็คือไม่เช้าใช่มั้ย?”
 
“ครับ ไม่เช้า” ตอบปุ๊บถึงได้รู้ตัวว่าเสียรู้อีกแล้ว นายคฤณระดมจูบผมแรงขึ้นแล้วกำรวบข้อมือผม 2 ข้างให้ชูขึ้นหนือหัว รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าเขาถามทำไม
 
“พี่ว่างทั้งวันเลยครับ” อื้อหืออออออออ เสียงแบบนี้ก็อารมณ์ล้วนๆ เหมือนกันครับ คงรู้ใช่มั้ยว่าอารมณ์อะไร แต่คือกูไม่มีอารมณ์ไงครับคุณมึง กูหิวข้าว!

“พี่หนึ่ง! พี่หนึ่ง เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว”
“เฮ้ยพี่หนึ่ง! ฟังเจมดิ อย่าเพิ่ง”
“เจมหิวข้าว!!”
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 12-01-2013 23:26:30
โครกกกกกกกกกก
เสียงผมโวยวายไม่มีอิทธิพลเท่าเสียงท้องร้องครับ นายคฤณหยุดมือปลาหมึกแล้วยกหน้าขึ้นจากไหปลาร้าผมทันที เขาอมยิ้มหัวเราะคิกคัก ก่อนะจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ไอ้เชีjย อายที่จะถูกปล้ำแล้วยังต้องอายเพราะท้องร้องเสียงดังอีก พัง! ชีวิตผมพังหมดแล้ว!

เขาคืนร่างเป็นพี่ที่หนึ่งที่แสนดีโดยการยอมลุกออกจากตัวผมแล้วก็เดินเดาะลิ้นออกจากห้องนอนไป ผมถอนหายใจโล่งอกและยกความดีให้กับการกินข้าวตรงเวลาของตัวเอง หึหึ แม่กูเลี้ยงมาดีเว้ย!

“เจมครับ ไข่ดาวสุกมั้ย?” โถ! กุ๊กหมดวิชาแล้วสินะ เขาหัวเราะหึแล้วก็เดินอาดๆ ตามเข้าครัวไป เรื่องทำอาหารน่าจะเป็นเรื่องที่ผมชนะเขาได้ ตำราป้าพิศนี่ผมก็ลักจำมาเยอะ ทำไงได้ ก็ผมมันช่างจะหิวนี่นา

ค่ำคืนวนมาถึงอีกครั้งแล้ว ผมอยู่กับเขาแค่ 2 คนเกิน 24 ชั่วโมงแล้วครับ อาจจะเป็นช่วงโปรโมชั่น ช่วงดื่นน้ำชารสน้ำผึ้งล่ะมั้ง ผมถึงไม่รู้สึกอึดอัดกับการมีเขาวนเวียนในพื้นที่ส่วนตัว ผมมาห้องเขาเป็นครั้งแรก ค้างคืนคืนแรก ทั้งที่บ้านเพื่อนบางคนที่คบกันมาหลายปี ผมยังไม่เคยไปดมเยี่ยวหมาบ้านพวกมันเลย

หรือถ้าไม่ใช่ช่วงโปรโมชั่น หรือช่วงฮันนีมูนแล้ว ผมก็คิดว่าผมต้องรักเขาแล้วแน่ๆ

บ้าจริงไอ้เจม! ไม่กี่เดือนก็รักแล้วหรอ? คนปกตินี่เขาใช้เวลาศึกษานิสัยกันและกันนานแค่ไหน กว่าจะตัดสินใจว่าสิ่งที่ทำให้อยู่ใกล้กันได้ แชร์ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกันได้กระทั่งเวลาส่วนตัว ก็คือความรัก

จะมีใครที่เรียกความรู้สึกดีๆ นี้ว่า “ความรัก” เร็วเท่าผมมั้ย? นี่ผมใจง่ายเกินไปรึเปล่า?

“คิดอะไรอยู่ครับ? โฮมซิคหรอ?” เขาอังมือเย็นๆ ที่แก้มผมแล้วก็บี้เล่นแบบที่ชอบทำ ผมแค่ยิ้มให้แต่ไม่ได้บอกไปว่ากำลังนิมิตเพ้อพกเรื่องความรักอยู่ เขาดันตัวผมให้ไปอาบน้ำเพื่อนอน ส่วนเขาบอกว่าจะปูเตียง.....อืม เราต้องคุยกันหน่อยแล้ว

“เดี๋ยวครับพี่หนึ่ง”

“ครับเจม”

“เรื่องเตียง”

“ครับ? ไม่ชอบเหรอ? เจ็บหลังหรอ? เดี๋ยวพี่เปลี่ยนได้”

“ไม่ใช่ครับ คือมันก็นอนสบายดี แต่ส่วนใหญ่ตอนที่นอนเตียงนี้จะถูกผีอำก็เถอะ แต่ที่เจมจะพูดก็คือ...”
“คือ.....”

“คืออออออออออออออ” เขาลากเสียงยาวแล้วเลิกคิ้วมองผม

“คือ พี่ไม่ต้องหักโหมทำเรื่องอย่างว่ามากนักก็ได้”
“เอาตรงๆ เลยนะ เจมยังเจ็บอยู่เลย แล้วเจมก็อยากนอนสบายๆ นอนจมเหงื่อมันไม่สบายตัวนี่หว่า”

“โธ่! คิดว่าเรื่องอะไร?”
“ไม่อยากทำก็บอกพี่ตรงๆ สิ พี่จะไปขัดเจมได้ไง ทำแบบนั้นก็ข่มขืน”
“แต่เมื่อคืนนี่พี่คิดดีแล้วว่ามันสมควรแก่เวลา” ปลิ้นได้อีกนะคนเรา
“อาบน้ำแล้วนอนให้สบายเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้กระปรี้กระเปร่า”

“ครับ...ไม่โกรธกันนะที่เจม เอ่อ...ไม่ได้ยอมทุกครั้ง”

“เรื่องเล็กน่า ไปสิ อาบน้ำ” ผมเดินเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจมากขึ้น ผมอาบน้ำอุ่นๆ จนตัวชุ่มๆ หัวเปียก ปอดฉ่ำหนำใจแล้วผมก็ออกมาเตรียมทุ่มตัวลงเตียง

แต่ว่า...นายคฤณหลับไปแล้วครับ เขาอาบน้ำแล้ว และก็หลับไปแล้ว
เขาคงเหนื่อยล่ะมั้ง ก็วันนี้เขาเอาแต่ดูแลผม ชวนผมคุย มาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ แล้วก็เล่นกันเป็นเด็กๆ
ผมคิดว่าเขาคงไม่ใช่คนชอบวุ่นวายกับคนอื่นมากนัก นายพิชญะเองบอกว่าเขาเป็นคนมีโลกส่วนตัว
แต่วันนี้ทั้งวัน ไม่สิ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของเขา โดยที่ไม่เสียโลกของผมไป และรอยทับก็ไม่มีส่วนที่เหลื่อมกันเลย

แต่ก็อย่างที่บอกไว้ ที่รู้สึกดีไปหมดแบบนี้อาจจะเป็นเพราะช่วงโปรโมชั่น

ผมค่อยๆ เอนตัวลงนอนและจับหน้าเขาบ้าง ผิวเขานิ่มดี ตรงคางมีตอหนวดพอให้มือได้รู้สึกถึงความหยาบบ้าง นายคฤณเป็นคนหน้าตาโคตรดี ขนาดหลับก็ยังน่ามอง ผมก็เลยอดไม่ได้ที่อมยิ้มอยู่คนเดียวแบบนี้

“พี่หนึ่ง” ผมทดลองเรียก เขาครางรับและพยายามจะปรือตามอง เห็นแล้วก็สงสารผมก็เลยเอามือปิดตาเขาไว้และก้มลงจูบปากเขาเบาๆ อย่าถามว่าอายมั้ยเพราะคำขยายความว่ามากมันหมดโลกไปนานแล้วครับ

ผมห่มผ้าส่งเขาเข้านอน จากนั้นก็นอนลงข้างๆ และปิดเปลือกตาลงอย่างอ่อนล้าไม่แพ้กัน

ก่อนนอน ผมขอให้ทุกอย่างยังคงสภาพแห่งความสุข อุ่นๆ สบายๆ แบบนี้ไว้ในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าเราจะก้าวออกจากโลกส่วนตัวที่ช่วยกันสร้างไว้ ไปเผชิญกับโลกแห่งความเป็นจริงที่มีคนจอแจมากมายคอยสร้างความสับสนวุ่นวายให้

แต่คำขอของผมคงจะมากไปเสียหน่อย ผมเลยถูกทำโทษให้ฝันน่ากลัวจนสะดุ้งตื่นกลางดึก

ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากหน้าปัดนาฬิกา ผมเบิ่งตากว้างและรีบลูบหน้าล้างภาพติดตาจากความฝันออกไป

ผมฝันว่าไอ้จิวชกหน้าผมแล้วก็เดินหันหลัง ร้องเรียกเท่าไหร่มันก็ไม่หันกลับมามอง


Cut


มาแล้วค่ะ ยังมีใครรออ่านอยู่หรือไม่คะเนี่ย?
อย่าเพิ่งทิ้งเรื่องนี้กันน้า  :monkeysad:

สำหรับวันนี้ เราขอนอนเอาแรงก่อนค่ะ บายยย  :t3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 13-01-2013 00:07:33
เจมฝันแบบนี้เป็นลางรึป่าว ไม่เอานะ ฮืออออออออออออออออออ :z3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 13-01-2013 00:34:58
เหอๆๆ พายุลูกใหม่สินะ
จิวอาจจะรับไม่ได้ อะไรแบบนั้นรึเปล่า
หรือจริงๆแล้วจิวเคยอาจมีเรื่องสมัยอยู่โรงเรียนกับพี่หนึ่ง
เจมไม่รู้เรื่อง ละจิวก็จำไม่ได้(จิวยังไม่เคยเจอหน้าพี่หนึ่งนี่นะ)

ตอนนี้พี่หนึ่งดีมาก น่ารัก แต่...เรามันพวกฝังใจอ่ะ ยังคิดว่าเค้าอาจมีเรื่องที่ปิดอยู่
เราฝังใจขนาดนี้ อย่าว่ากันนะ พี่หนึ่งเวลาน่ารักก็น่ารักเนอะ มุมเด็กๆอะไรงี้

ป.ล.ขอบ่น อ่านตอนที่แล้ว เราก็กินมาม่าอยู่ อ่านตอนนี้ก็กินมาม่า บ่นแค่นี้แหละ ฮา
แล้วก็ทำไมเรามาไม่เคยเป็นคนแรกซักทีนะ เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-01-2013 01:05:07
เกลียดความฝันเจมอะ ฮือ
ชอบผชแบบพี่หนึ่งจัง ชอบผชเล่าเรื่องแล้วสนุก5555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 13-01-2013 03:08:22
บรรยายได้ตลกมากเลยค่ะ เจมคิดฮาสุดๆ สนุกดี5555

กลัวจิวจะเป็นเหมือนในฝันจัง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 13-01-2013 08:29:32
กำ ดันฝันไม่ดีซะงั้น
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: MangoBlue ที่ 13-01-2013 11:09:04
 :กอด1: พี่หนึ่งน่ารักมากๆ อยากได้แฟนแบบเนี้ยะมั้งอะ!

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 11 - 12/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 13-01-2013 11:51:40
 :กอด1: อย่ามีดราม่ามาอีกเลยนะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-01-2013 22:58:21
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 12


เจอไอ้แอมแต่เช้าไม่บรรลัยเท่าเจอไอ้แอมแต่เช้าตอนที่นายคฤณมาส่งครับ ไอ้ตัวดีมองผมตาโตแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแปลกๆ ออกมา มันทักทายนายคฤณแล้วก็มองประเมิน ก่อนจะเดินจูบขอบแก้วกาแฟที่มันโปรดปรานขึ้นลิฟต์ไป ส่วนนายคฤณก็ไม่ได้ว่าอะไรมากมายครับเรื่องเจอไอ้แอม เขาลาผมเบาๆ ด้วยคำว่า “เดี๋ยวกลางวันพี่มารับไปกินข้าวนะครับเจม”

อื้ม เอาเลย ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องแคร์กูหรอกว่าต้องมีสังคมของตัวเองบ้างอะไรบ้าง
ผมเลิกคิ้วมองหน้าเขาแล้วก็ยกกาแฟขึ้นจิบ กระพริบตาปริบอีกทีแล้วก็ลองถามแบบไม่อ้อมค้อม

“หึงหรอครับ?”

“ก็เขาชอบแฟนพี่นี่ครับ”


“แต่แฟนพี่คิดกับเขาแค่เพื่อนนะครับ”

“ก็หึงอยู่ดีแหล่ะครับ”

“เอาปี๊บมาคลุมหัวเจมมั้ยครับ?”

“ผมจะเสียทรงเอานะครับ” ไอ้พี่หนึ่งแม่งงง!!! ผมขยี้หน้าให้แม่งดูแล้วก็เดินเลี้ยวไปขึ้นลิฟต์ แต่ก็ต้องด้นถอยหลังกลับมาบอกเขาใหม่
“กลางวัน อยากกินแค่กระเพราไก่ไข่ดาว จะแดกให้มันสิ้นเผ่าพันธุ์ พี่หนึ่งกินได้ป่าว ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจมกินกับเพื่อน”

“ได้สิ เดี๋ยวพี่มารับ ชวนเพื่อนไปด้วยกันก็ดีนะ” หึ! ได้ เดี๋ยวยอดชายนายชานนท์จัดให้


ผมขึ้นมาถึงออฟฟิศก็เจอใหไอ้แอมกับไอ้ต้อมยืนคุยกันอยู่ที่ห้องพักเบรก ผมเห็นผมเดินผ่านมันก็แยกย้ายกันทันที ไอ้เหี้ย ไม่ส่อพิรุธเลยนะพวกมึง ผมเดินทำหน้าบ้องแบ๊วเข้าไปล็อคคอพวกมันไว้แล้วถามตรงๆ

“คุยไรกันวะ? รู้มั่งดิ กูเสือก”

“ไม่มีอะไรหรอก  ไม่มีอะไรเกี่ยวกับมึง อย่าเสือกเลย” ไอ้ต้อมบอกแล้วแงะมือผมข้างที่กอดคอไอ้แอมไว้ให้มันกอดมันแทน แต่ผมทนมือเหนียวเอาไว้เพราะผมไม่เชื่อว่ามันไม่เกี่ยวกับผม พอหันไปจ้องไอ้แอมก็ได้เห็นอาการถอนหายใจแล้วยอมจำนนกับความขี้เสือกของผมในที่สุด

“ก็...กูมาบอกต้อมเรื่องที่มึงมากับนายคฤณนั่นน่ะ พวกกูคิดว่ามึงจะกลับไปคบกับเขาอีก”

“อย่าเข้าใจผิดดิอ๋อมแอ๋ม กูกับเขายังไม่ได้เลิกกันเลย ที่ห่างๆ กันไปเดือนนึงนั่นพวกกูทบทวนตัวเอง” ฮ่าๆ ตอบได้ชิลมากไอ้เจม แต่ผมไม่ได้บอกพวกมันหรอกนะว่าเรื่องราวจริงๆ เป็นยังไง เพราะมันเป็นเรื่องของนายคฤณและคุณลูกแพร ส่วนที่ผมได้รู้ก็เพราะว่าเขาอยากเล่าให้ผมฟัง ส่วนไอ้ 2 ตัวนี้ ผมคิดว่านายคฤณคงไม่ต้องการให้ก้าวล่วงเข้าไปรู้เรื่องของเขา

พวกมันนิ่งไปแล้วก็มองหน้ากันเอง จากนั้นก็ไอ้แอมก็ถอนหายใจแล้วพยักหน้าเข้าใจ

“แล้ว เรื่องผู้หญิงที่เราเห็นกันวันนั้น เคลียร์รึยังวะ?”

“อือ แล้ว”

“แล้วเรื่องที่กูเคยบอกมึงล่ะ?”

“เรื่องอะไรวะ?” ผมถามเพราะยังงงๆ ไอ้พี่หนึ่งมันมีผู้หญิงเยอะหรอเนี่ย ทำไมผมถึงไม่คิดว่านี่เป็นประเด็นเลย

“ก็....ก็....” ไอ้แอมอ้ำอึ้ง ผมจ้องมันพักนึงก็รู้ว่ามันว่าไม่อยากพูดต่อหน้าไอ้ต้อม ผมก็เลยเปิดทาง ผมรู้ว่าเพื่อนผมก็อยากเสือก

“พูดมาเหอะสัด ต้อมมันก็รู้ทุกเรื่องนั่นแหล่ะ” เปล่าครับ ไอ้ต้อมไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนเรื่องที่คบกับนายคฤณ ไอ้แอมก็น่าจะเป็นคนบอก เพราะผมไม่ได้บอกใครเรื่องผมกับนายคฤณ แม้แต่คนที่บ้านก็ไม่ได้บอก ไม่รู้เหมืออนกันว่าทำไม

“เออ เออ! ก็เรื่องลูกแพร พีชญา ที่กูเคยบอกมึงไว้ไง ว่าเป็นแฟนเก่าเขา แล้วก็ว่ากันว่าตายเพราะเขานั่นแหล่ะ”
“มึงได้ถามอะไรเขารึยัง? เขาเล่าอะไรรึเปล่า”

“เปล่า” ผมโกหกโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังเลย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังเรื่องส่วนตัวของนายคฤณหรอกครับ
“ถ้าไง มึงถามเขาตรงๆ ก็ดีนะอัญ มึงจะได้เคลียร์ไง คือ กูก็ไม่อยากให้มึงฟังจากกูแล้วไปตัดสินเขา”

“...มึงชัวร์แค่ไหนล่ะ ที่บอกกูมาวันนั้นอ่ะ”

“ก็...เขาว่าว่ากันมาแบบนั้น”

“เขานี่ใครวะ? ใช่ที่คาดกะโหลกที่มึงใส่อยู่มั้ยควาย”

“ไอ้เหี้ยเจม นี่กูพูดกับมึงดีๆ แล้วนะ จริงๆ กูพูดให้มึงเลิกกับแม่งไปเลยก็ได้ กูจะได้จีบมึงอย่างสบายใจ แต่นี่กูแฟร์ไง ถึงได้บอกให้มึงมีเหตุมีผล ฟังอะไรก็เอาไปคิดๆ ดูก่อน”
“อีกอย่างนะ กูก็รู้เรื่องมากจากวงเหล้า พอไปจี้ๆ ถามพวกเฮียๆ แม่งก็ยอมรับว่าข่าวลือจากหน้าสังคมทั้งนั้น จริงหรือไม่จริงพวกเฮียแกก็ไม่รู้”

“หรอวะ?”

“เออ มึงก็..ถ้าอยากรู้ก็ถามเขาเถอะ”

“แล้วเขาจะบอกความจริงกับกูหรอวะ?”

“กูว่ามึงจะรู้ได้เองว่ามึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อใคร” ไอ้ต้อมเป็นคนพูดแทรกขึ้นมา ผมไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องผมตื้นลึกแค่ไหน แต่สิ่งที่มันพูดกลับเข้าท่ามากในสายตาผม
“มึงโตแล้วนี่หว่า ทุกคนนั่นแหล่ะ โตๆ แล้วกันทั้งนั้น”
“สิ่งที่มึงต้องระวังอย่างเดียวในไอ้เจม”

“อะไรวะต้อม”

“ความรักไงมึง อย่าให้มันบังตาจนมองไม่เห็นความจริง”
“ส่วนอะไรจริงไม่จริง มันก็แค่ 2 ช้อยส์ในชีวิต เลือกมองกันเอาเองก็แล้วกัน”

จากคำเตือนของมัน ผมจับใจความได้ว่าอย่ารักนายคฤณมากเกินไปจนมองข้ามความเป็นจริง
โอเค...ผมรับคำเตือนของมันไว้แล้ว

พอมีไอ้ต้อมมาถ่วงสติ ไอ้แอมก็ไม่โวยวายเรื่องที่ผมกับนายคฤณคบกันเหมือนเดิมมากนัก จะมีก็แค่อาการงอนแล้วบอกผมว่า “กาแฟมั้ยมึง? ชงแดกเองนะ กูไม่มีอารมณ์” อาฮะ สบายตัวกูมากอ๋อมแอ๋มเพราะกูไม่ได้เป็นง่อย

เที่ยงวันนี้ ผมลากพวกมันมาร้านสารพัดกระเพราครับ ร้านป้าแกแอบตัวอยู่ในซอกร้านอาหารจานตักและเซเว่นอีเลฟเว่นข้างๆ ตึกทำงานของพวกผม คือถ้าไม่ตาเสือกจะไม่เห็นร้านป้าแกเลย หน้าร้านมีรูแคบๆ ให้ตะแคงตัวไปนั่งเพราะว่ามีตู้ของสดวางเคียงกับเตาแก้สที่มีกระทะเบี้ยวๆ ดำๆ วางอยู่

เข้าไปในร้านก็อู้ฟู่กลิ่นมากครับ เรียกว่าออกมาแล้วใครเดากลิ่นไม่ได้ว่าไปกินอะไรมาก็โง่ชิบหายแล้ว
หย่อนตูดนั่งปุ๊บพวกมันก็สั่งกันแบบไม่ยั้งครับ ไอ้ต้อมนี่กระเพราะตับไก่ไข่ดาวสุก เบิ้ล 2 ไอ้แอมเอากระเพราหมูสับไข่เจียวทรงเครื่องเพิ่มพริก เบิ้ล 2 ส่วนตัวผมก็สั่งเบาๆ ก่อน กระเพราไก่สับไข่ดาวสุกจานเดียว ไม่อิ่มค่อยจกตับไอ้ต้อม ฮ่าๆๆ

ครืดดดดดด
สั่นเป็นเจ้าเข้าเชียวโทรศัพท์กู
ผมรู้แล้วแหล่ะว่าใครโทรมา แต่ก็ทำเป็นตกใจให้ไอ้สองตัวนี้มันสนใจอยากเสือก ฮี่ๆ

“กำลังกิน ใครวะ!” แอคติ้งเลิศมากกู
“อ่า...ช่างแม่ง” ไงล่ะ อยากรู้ขึ้นมาทันทีสิพวกมึง

“ทำไมไม่รับวะ ใคร?” กร๊ากกกก ไอ้ต้อมติดเบ็ดแล้วครับ ถ้าชาติหน้ามึงเกิดเป็นปลาหมอกูก็คิดว่ามึงก็ติดเบ็ดตายเพราะปากมึงเหมือนเดิมแหล่ะต้อม

“ช่างเหอะ กิน กิน ประสาเพื่อน”

“ใคร!” แน่ะ เสียงเข้มด้วย ฮ่า ไอ้ฟายยยยยยยย

“ก็...พี่หนึ่ง” ผมเฉลยแล้วก็ก้มหน้าดูดเป๊บซี่ ไอ้แอมวางช้อนทั้งที่เพิ่งกินได้ครึ่งจาน มันดูดเป๊บซี่แล้วก็เรอเอิ้กใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้าจ้องผม

“แล้วไม? เขาจะมาเจอมึงหรอ?”

“อืม”

“ก็มาดิ”

“เดี๋ยวพวกมึงอึดอัด”

“ทำไม พี่หนึ่งของมึงจะมานั่งเหยียบเป้าพวกกูหรอ ถึงต้องกลัวพวกกูอึดอัดน่ะ”

“เออ งั้นให้มานะ”

“โอ้ย ตามสบาย มาดิ มาดิ กูอยากสัมภาษณ์” ไอ้ปลาหมอต้อมกระตุ้น ผมก็สนองทันที ผมรับสายแล้วก็บอกทันทีว่าอยู่ที่ไหน แลดูพวกมันอึ้งๆ นิดหน่อยที่ผมดูสบายอกสบายใจเหลือเกิน ฮ่าๆๆ มันยังไม่รู้ว่าเข้าแผนผมทุกอย่าง

ทีนี้ล่ะ พอนายคฤณมาเจอไอ้สองตัวนี้ ผมก็จะเฝ้าสังเกตการณ์พฤติกรรมของเขาที่ปฏิบัติต่อคนอื่นไงครับ สำหรับใครที่ยังไม่เท่าทันความคิดผม ตอนนี้ผมกำลังทดสอบทฤษฎี การจะดูว่าเขาเป็นคนอย่างไร ให้ดูวิธีที่เขาปฏิบัติกับคนอื่น เป็นไง ฉลาดมาก!

การมาของเขาสร้างความตื่นเต้นให้ป้ากระเพรามากครับ แกเดินมาเอาผ้าเช็ดทุกสิ่งเช็ดเก้าอี้ให้นายคฤณนั่งด้วยอ่ะ ผมไม่แปลกใจหรอกเพราะการแต่งตัวของนายคฤณนับเป็นสิ่งแปลกปลอมของร้านกระเพราซอกหลืบมาก ซ้ำยังมีหน้าตาที่น่าจะถูกสเปคป้ากระเพราด้วย

“นั่งเลยจ้ะพ่อเทพบุตร” กร๊ากกกกกกกก โอ้ย!  กูอยากจะพ่นไก่แล้วขำให้ดังก้องโลก ป้าแกต้องเป็นลิเกเก่าแน่ๆ ศัพท์แสงฟังแล้วอยากตั้งวง
“รับประทานอะไรดีจ๊ะ” ตัวอย่างของ 99 มาตรฐานครับ พวกผมมาทีไรก็บอกแค่ว่า “หาที่นั่งเลยไอ้หนุ่ม กินไร ให้ว่อง คิวเยอะ”

“เอ่อ....” นายคฤณอ้ำอึ้งมองผมเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็เลยชี้ที่จานตัวเอง
“เอาแบบเจมครับ”  ป๊าดดดดดดดดดด! แล้วป้าแกจะรู้มั้ยว่าเจมครับนี่คนไหน ผมหัวเราะหึนิดนึงแล้วก็ช่วยอีกแรง

“เอากระเพราไก่สับไข่ดาวสุกอีกจานครับป้า”

“รอพี่แป๊บเดียวนะพ่อเทพบุตร เดี๋ยวลัดคิวให้” ก้มลงกระซิบหูด้วยอ่ะ! โอ้ยยยย! ผมกลั้นขำท้องแข็งแล้วครับ นี่ผมไม่ได้ตั้งใจแกล้งเขาเลยนะ แต่ป้ากระเพราแกจัดให้แบบไม่ต้องบอกโจทย์

นายคฤณหน้าเจื่อนๆ แต่ก็ยิ้มให้แล้วเอนตัวมากระซิบผม
“มีน้ำเปล่ามั้ยเจม แล้ว...มันเผ็ดรึเปล่า?”

“กินเผ็ดไม่ได้หรอครับ?”

“ไม่ ไม่ กินได้ กินได้อยู่แล้ว” เออ ผมก็ว่าเขาน่าจะกินได้ เพราะตอนไปคอนโดผม ผมก็ทำของเผ็ดให้กินนะ ผมเดินไปหยิบน้ำเปล่าให้เขาขวดนึงพร้อมหลอด จากนั้นก็ละเลียดกินข้าวโดยที่ไอ้สองตัวแอมต้อมยังไม่ปริปากพูดอะไรซักคำ

แล้วกระเพราจานพิเศษก็มาถึงครับ ผมจะไม่ขำเลยถ้าอีไข่ดาวจะไม่แสดงจิรตแปลงกายเป็นรูปหัวใจแบบนี้ ทีของผมล่ะวงไข่แดงแม่งเบี้ยวซ้าย ไอ้ต้อมนี่ไข่แดงแตกเลย

“รับประทานให้อร่อยนะพ่อเทพบุตร”

“เอ่อ..ครับ ขอบคุณครับ” ไอ้พี่หนึ่งเบียดผมหนักเลยทีนี้ ผมดันตัวเขากลับแล้วก็จัดแจงหยิบช้อนกับส้อมมาเช็ดแล้วส่งให้ แล้วก็ต้องแถมทิชชู่สีชมพูแห้งๆ ให้เขาเพิ่ม เอาไว้ซับเหงื่อครับ เห็นสภาพเขาในสถานที่ไม่เหมาะเท่าไหร่ก็สงสารเหมือนกัน แต่ก็นะ...นี่มันก็ส่วนหนึ่งของชีวิตผม เขาก็ต้องเข้ามาสัมผัสในซักวันอยู่ดี วันนี้เลยแล้วกัน

“ใส่น้ำปลาเพิ่มมั้ยครับ?” ไอ้แอมถามแล้วดันถ้วยน้ำปลาพริกมาตรงหน้านายคฤณ ผมเห็นเขาเงยหน้ามองไอ้แอมด้วยแววตาที่เดาได้ถึงความคิด

เขาหึงไอ้แอม

“ไม่ดีกว่าครับ ขอบคุณ”

“ครับ ตามสบาย คิดว่าจะชอบกินเค็มเหมือนเจม” เท่านั้นแหล่ะ พ่อคุณก็ตักน้ำปลาใส่เพิ่มไปช้อนนึง อื้มมม อารมณ์ไม่ช่วยให้ข้าวอร่อยขึ้นหรอกนะครับ ผมการันตี

ไอ้แอมมองนายคฤณตาโต มุมปากที่ตกๆ ของแม่งยกขึ้นนิดนึงด้วย ไอ้เหี้ยแอม หน้ามึงชั่วร้ายมาก ไม่รู้สาวๆ มาร์เก็ตติ้งชอบมึงกันเข้าไปได้ยังไง

“เจมกินเผ็ดมากด้วยนี่ ใช่มั้ย?” เมื่อไอ้แอมไม่จบ นายคฤณก็ไม่จบครับ เขาควานหาพริกในน้ำปลาพริกมาราดใส่กระเพราตัวเอง อูยยย เห็นแล้วแสบท้องแทน เห็นหน้าไอ้แอมมันสะใจโคตรๆ แล้วอยากตบกะโหลกมาก แม่งแกล้งอ่ะ ไอ้ห่า! เกิดมึงโดนแกล้งบ้างจะรู้สึกยังไง นี่ผมไม่ได้ปกป้องนายคฤณเกินไปใช่รึเปล่า?

“พี่หนึ่ง กินเถอะครับ แต่ถ้ากินไม่ได้เดี๋ยวเจมพาไปอีกร้านนึงก็ได้นะ”

“พี่กินได้ กินได้อยู่แล้ว” ฟังดูก็รู้ว่าเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน นายคฤณคลุกๆ กระเพราแล้วก็ขยี้ไข่ดาวจนหัวใจสิ้นสารรูป ตักคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหล่ะ โลกรอบตัวผมก็เหมือนหยุดหมุน

ไอ้แอมลุ้น ไอ้ต้อมก็ลุ้น ผมนี่โคตรลุ้นเลย

แล้วเขาก็กลืนลงท้องแบบไร้อาการใดทั้งสิ้น ดูเหมือนเขาจะกินได้จริงๆ ผมเป่าปากโล่งอก ส่วนไอ้แอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะเหมือนขัดใจแล้วก็ดูดเป๊บซี่จนหมดแก้ว แล้วแม่งก็พาลมาคว้าแก้วผมไปดูดเป๊บซี่โดยไม่บอกกล่าว กรรมก็ตกกับผมสิครับ เพราะนายคฤณหันมองแบบไม่ชอบใจสุดๆ

ระหว่างที่กินกันใกล้อิ่ม ไอ้ต้อมก็เลียบๆ เคียงๆ ถามนั่นนี่นายคฤณไปเรื่อยๆ แรกๆ ก็คุณคฤณ พอเขาให้เรียกชื่อเล่นมันก็เรียกคุณหนึ่ง แล้วพอรู้ว่าเขาก็สาวกกางเกงน้ำเงิน มันก็เรียกพี่หนึ่งทันทีครับ

ไอ้ต้อมก็จบมัธยมที่เดียวกับผม แต่มันเอนท์ไม่ติดเลยไปเรียนเอกชน กลับมาเจอกันอีกที่ที่ออฟฟิศนี้ แล้วแม่งก็เป็นฝ่ายจำผมได้ก่อนแล้วกระโดดกอดทันที ขอบอกว่าผมอายมากกับท่ากอดของมัน

“พี่หนึ่ง แล้วพี่หนึ่งจำผมได้ป่าว ต้อมอ่ะ ต้อม”
“ผมอยู่ชมรมดนตรีสากลกับไอ้จิว ไอ้เจมนี่อยู่ชมรมวาดรูปครับ พี่หนึ่งล่ะ?”
“ผมประกวดมารยาทด้วยนะ ฮ่าๆๆ แพ้ตลอด”
“แล้วพี่หนึ่งเจอไอ้จิวรึยังครับ ไอ้เหี้ยนั่นแสบผิดกับไอ้เจมเลย”

“ยังไม่เคยเจอกันจริงจังเลย กำลังหาเวลาอยู่ แต่เจมบ่ายเบี่ยง”

“หึ! ที่บ้านไม่ยอมรับหรอเจม” อา...ไอ้ปากมากปัญหาอ๋อมแอ๋ม ผมตกเป็นเป้าสายตาหลังจากที่เฝ้าสังเกตุนายคฤณมองไอ้ต้อมพูดไม่หยุดมาพักใหญ่ ผมฉวยน้ำเปล่าของเขามาดูดแล้วก็อมเล่น ทำเป็นไม่ตอบคำถามชั่วๆ ของไอ้แอม และโชคดีที่ไอ้ต้อมยังสวมวิญญาณเจ้าขุนทองอยู่ ผมเลยปล่อยมันขับขานไปตามเรื่องตามราว

ไอ้ต้อมให้บทสรุปเกี่ยวกับนายคฤณหลังจากมันเจอเขาและได้คุยกันแบบถึงเนื้อถึงตัว (ก่อนจะเรียกเขา มันจะสะกิดหลังมือเขาทุกครั้งครับ) ประมาณ 40 นาที มันก็บอกผมว่า “มึงโชคดีมากที่เขาชอบมึงว่ะเจม พี่ที่หนึ่งแม่งโคตรของโคตรดีอ่ะ เลิสเลอจนกูยกให้เป็นไอดอล คนเหี้ยไรวะ มีทุกอย่างที่มนุษย์พึงมี แล้วแม่งเสือกมีในอัตราที่ล้นด้วย มึงขึ้นดอกเบี้ยตัวเองคุมเงินเฟ้อในอนาคตได้เลย”

สารภาพนะต้อม คือกูงงตั้งแต่มึงพูดว่า คนเหี้ยอะไร โคตรดีแล้วอ่ะ ความขัดมันควรมีคำว่าแต่ไว้บอกเมนไอเดียมั้ยมึง?

“กูไปส่งเขาก่อนนะ”

“เออๆ มึงดูพี่ที่หนึ่งของกูดีๆ ด้วย ไอดอลกูไม่ควรเผชิญโลกปลวกๆ แบบมึงเลยจริงๆ”
“อย่าให้ตัวไรไต่ตอมนะเจม” เออ มึงไปเถอะ ห่า กูจะแร่เนื้อตัวเองมากางแผ่เป็นผ้าบังแดดให้แม่งอยู่แล้วเนี่ย ผมโบกมือไล่มันและไอ้แอมให้แยกเดินกลับออฟฟิศไป ส่วนผมก็หันมองเขาอย่างรู้งานแล้วถามว่า “กาแฟมั้ยครับ?”

“ดีเลย พี่ต้องการแอร์มากตอนนี้”

“กินไม่ได้ทำไมไม่บอกล่ะครับ” ผมคาดคั้นระหว่างเดินนำเขาไปร้านอุบลพัน ฮ่าๆ โอบองแปงแหล่ะครับ สาขามันมางอกที่ตึกถัดจากออฟฟิศไปนิดเดียว

พอเจอแอร์เย็นๆ หน่อยนายคฤณก็ดูโอเคขึ้น เขาถอดเสื้อสูทออกพาดเก้าอี้ไว้แล้วก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองอออก 2 เม็ด

“พี่หนึ่งกินเผ็ดไม่ได้หรอ? แล้วทำไมไม่บอกเจม”

“พี่กินได้ บอกว่ากินได้ไงครับ แต่กินได้แบบไม่เผ็ดมาก แต่เห็นเพื่อนเจมกินกันโคตรเผ็ด พี่ก็ไม่อยากน้อยหน้าไง”
“พี่คงไม่ดูน่าสังเวชมากถ้าร้านมีแอร์”

“หัดกินร้านข้างทางไว้ก็ดีนะ เจมติดดิน”

“เจมเห็นพี่มีพรมแดงปูเดินส่วนตัวรึเปล่าครับ?”
“เอาเป็นว่า พี่ไม่ได้ฝืน ไม่ได้ลำบากอะไร แต่ครั้งหน้าบอกพี่ก่อนเรื่องอากาศ สูทนี่มันร้อนกว่าที่เจมคิดมากเลย” พูดจบก็เอากระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อและพับเป็นพัดเล็กๆ กระพือลมไปมาตรงหน้าตัวเอง ผมใช้มือเป็นพัดให้เขาด้วยอีกแรง นั่งรอให้เขาหายร้อนแล้วผมก็ถาม

“กินขนมอะไรมั้ย เดี๋ยวเจมไปสั่งให้”

“ขอบคุณนะ พี่ขอแค่กาแฟเย็น ก็พอ...เย็นๆ นะ” โอเค นายคฤณไม่ถูกกับอากาศร้อนมากๆ นี่ถ้าเรื่องถึงป้ากระเพรา ผมคงได้ยกระดับครัวทางเลือกเป็นร้านอาหารติดแอร์แน่ๆ เออ อานิสงนี่ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

ผมจัดแจงส่งกาแฟให้เขาและชามะนาวให้ตัวเอง โอ้ย! เครื่องดื่มหวานเฝื่อนเปรี้ยวแซม แดกอะไรหน่อมแน้มมาก ผมเลยเพิ่มเวลาหน่อมแน้มด้วยปังช็อค ฮ่าๆๆ พี่หนึ่งมองผมแล้วก็หัวเราะเพราะผมบิใส่ปากก่อนที่ตูดจะแตะเก้าอี้เสียอีก

เขาผ่อนคลายกับกาแฟเย็นและแอร์ฉ่ำๆ ของร้านมากขึ้นแล้วก็รายงานกับผมว่า เขาจะกลับไปประชุมก่อน ยาวเลย กว่าจะเลิกประชุมก็ราวทุ่ม เพราะงั้นวันนี้ “เจมกลับบ้านเองนะ”

หมดโปรแล้วหรอเนี่ย? ฮ่าๆๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอกครับ กลับบ้านก็ดีเหมือนกัน

“เออพี่หนึ่ง รถเจมอยู่คอนโดพี่อ่ะ”

“เดี๋ยวพี่ขับออกมาพรุ่งนี้ ไปรับที่บ้าน แล้วเดี๋ยวพี่กลับออฟฟิศเอง”

“เทพบุตรจะไหวหรอ? อากาศร้อนนะ”

“เถอะน่า!”
“กินเข้าสิ เอาแต่เล็ม หรือว่าอยากอยู่กับพี่นานๆ”

“อืม” พอผมรับคำแบบไม่บ่ายเบี่ยง นายคฤณก็อายหน้าแดงแล้วก็ยื่นมือมาจับหัวผมโคลงไปโคลงมา โอเค กูอายเป็นเพื่อนแล้วครับบคุณมึง หยุดหยอกกันหน่อมแน้มเดี๋ยวนี้นะ!

ของคาวของหวานตกถึงก้นท้องแล้ว ผมก็โบกมือส่งท้ายให้เขาที่เรียกแท็กซี่กลับออฟฟิศไป ผมไม่ได้ถามหรอกว่าทำไมไม่ขับรถมาเอง จะเพราะอะไรมันก็เรื่องของเขา และผมก็เชื่อว่าทางนี้คงสะดวกสุดสำหรับการมาหาผมในช่วงเวลาพักกลางวันของคนกรุงเทพทั้งเมือง

เป็นอันว่า นายคฤนได้ไอ้ต้อมเป็นผู้สนับสนุนไปแล้วเรียบร้อย ไอ้คนที่เพิ่งเตือนผมว่าอย่ารักนายคฤณแบบหน้ามืดตาตัวกำลังเชียร์นายคฤณสุดตัวเลยครับ ส่วนไอ้ฝ่ายค้านอ๋อมแอ๋มก็หน้าเป็นตูด มุมปากแม่งจะคว่ำไปจูบส้นตีนตัวเองแล้ว แต่แม้จะไม่ชอบใจเรื่องไอ้ต้อมแปรพรรค แต่มันก็ไม่เอาต้วเองออกห่างจากผม และก็ยังทำตัวดีกับผมเป็นบางเวลา แต่มันก็เพลาๆ เรื่องการมาก้อร่อก้อติกไปมากเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-01-2013 23:01:15
วันนี้ผมหมกตัวอยู่หน้าโน้ตบุ้คตัวเองถึง 2 ทุ่ม ไอ้จิวโทรหาเพื่อถามว่า “คืนนี้จะไปกางเต้นท์นอนโลกไหน บอกแม่ด้วย บอกกูด้วย” ฮาๆ ไอ้ห่านี่เซ้นส์ดีชิบหาย พอผมบอกว่ากลับบ้าน มันก็นัดเวลาให้ผมไปรับมันก่อน ขี้เกียจขับรถ ผมเลยนิ่งไปเพื่อคิดข้ออ้าง แล้วก็อ้าปากปดไปว่า “รถเจมอยู่กับเพื่อน จิวนั่นแหล่ะแวะมารับที กลับพร้อมกันนะ” ไอ้พี่ชายที่เกือบดีมันก็รับปากครับ แต่บ่นผมยืดยาวเรื่องที่ว่า “มึงคิดจะเป็นน้องกูไปตลอดชีพเลยหรอห่า! หัดดูแลตัวเองบ้าง!” ผมก็เถียงว่า “ก็มึงเสนอหน้ากับหมอก่อนกูทำส้นตีนอะไรครับพี่จิว”


แม่ยิ้มแฉ่งมารอรับพวกผมที่หน้าประตูบ้าน ไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองสลอนกระโดดแด๊กๆ อยู่ไม่ห่างขาแม่ อา....คิดถึงพวกมันจัง พอลงจากรถได้ผมก็พุ่งไปสวัสดีแม่ กอดแป๊บนึงแล้วก้มลงฉกหมามากอดมาฟัดเล่นให้หายคิดถึง เวอร์เนอะ ทำเหมือนห่างบ้านไปหลายปี นับกันดีๆ แล้ว ผมก็ไม่ได้นอนบ้านแค่ 2 คืนเอง

“กินข้าวกันมารึยังเจม จิว”

“ยังครับ” พวกผมตอบพร้อมกัน ไอ้จิวลูบท้องประกอบ ส่วนผมก็ทิ้งหมาลงพื้นแล้วประจบแม่ทัน

“เจมอยากกินแกงจืด”

“หน้าจืดไม่พอหรอเจม” แม่รักผมอีกแล้ว เซ็งฉิบ ฮ่าๆๆ ไอ้จิวยื่นหน้ามาเกยไหล่แม่ไว้เพราะมันกอดแม่ไว้จากข้างหลัง มันยักคิ้วใส่ผมแล้วอ้อนอวด

“จิวอยากกินกุ้งกระเทียมอ่ะแม่”

“ทำสิลูก ยืนขาตายกันแบบนี้ กระทะ ตะหลิวมันจะกระดิกกันเองมั้ย? หือ?” ครับ แม่รักไอ้จิวมากเหมือนกัน พวกผมเดินเกาะกลุ่มกัน 3 คนแม่ลูกเข้าบ้าน ปล่อยหมาเล่นกระโดดทับหัวกันไปตามประสา

มื้ออาหารง่ายๆ ของบ้านผมอร่อยโคตร!
แต่แม่งจะไม่เอมใจก็ตอนที่ผมต้องเป็นคนล้างจานทั้งหมดนี่แหล่ะ ส่วนไอ้จิวทำอะไรน่ะหรอ? นวดแม่ครับ ไอ้พี่เลว เอาเปรียบ มือกูจะเปื่อยเท่าหมูตุ๋นแล้วสัด! 

ล้างเสร็จก็ต้องไปเอาหน้า ผมไปเสนอหน้าดูละครหลังข่าวกับแม่ที่หน้าทีวีบ้าง ไอ้จิวนั่งข้างล่างโซฟาแล้วเอามือแม่ไปบีบๆ นวดๆ แม่งดูดทรัพย์อีกแล้วอ่ะดิ

“อื้อเจม”

“ไร?”

“แล้วรถเจมไปไหน?”

“จอดไว้บ้านเพื่อนนั่นแหล่ะ เมื่อเช้าเขามาส่งที่ออฟฟิศ”

“เพื่อนที่ไปค้างด้วยน่ะหรอ?”

“อือ”

“ตัวไหนวะ?”

“........” เอาไงดีว่ะกู ผมเอนตัวนอนซบหัวไหล่แม่อยู่ก็เลยฝโชคดีที่ไม่ต้องสบตากับไอ้จอมจับผิด ผมเงียบไปแป๊บเดียวก็สะดุ้งเพราะเสียงแม่หัวเราะฉากตลกในทีวี ผมก็เลยได้โอกาสเฉไฉทำเป็นไม่ได้ยินที่มันถามแล้วหัวเราะไปกับแม่บ้าง ดูเหมือนไอ้จิวจะหมดความสนใจจากผมเพราะมันหันไปมองทีวีบ้าง แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากออกมาพร้อมกับตบเข่าฉาดใหญ่ มันขำได้ผมก็ดีใจ แต่ถ้ามันเสือกนึกขึ้นมาได้ใหม่ ผมซวยแน่!

ห้าทุ่มกว่าแม่ผมก็ขึ้นห้องนอนแล้วครับ ไอ้จิวก็ขึ้นไปอาบน้ำห้องมัน ผมเลยรับหน้าทีลาหมา ตบหัวพวกมัน 2 ปุก่อนเข้านอน ล็อคบ้าน ปิดไฟแล้วก็สลายตัว

“อุ่ย! ไอ้เหี้ย ตกใจหมด!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเปิดห้องนอนเข้ามาแล้วเห็นไอ้จิวนั่งอยู่บนเตียง ไอ้เหี้ยนี่เล่นบ้าๆ  ผมโคตรกลัวผีมันก็รู้ แล้วยังเสือกมานั่งมืดๆ ในห้อง เปิดแต่โคมไฟตรงโต๊ะคอมฯ
“สัดพี่จิว กูตกใจชิบหาย ถึงเราจะขาวแต่เราก็ไม่ได้เรืองแสงนะไอ้เหี้ย”

“ตกลงกูเป็นพี่มึงหรือกูเป็นเหี้ย ห๊ะ หมาเจม!”

“พี่กูเป็นเหี้ยไงสัด  มีไร? ไมไม่นอน”

“มีเรื่องที่มึงยังไม่ตอบกู ไอ้หมาน้องเจม”

“เรื่องไรครับสัดพี่จิว”

“มึงค้างกับเพื่อนตัวไหนมา?” ไอ้เหี้ยนี่เซ้นส์แรงมากผมบอกแล้วใช่มั้ย? ผมแอบถอนหายใจแล้วเปิดไฟให้มันสว่างโล่งทั้งห้องนอน จากนั้นก็เดินไปนั่งบนเตียงแล้วเอาหมอนมากอดไว้

“ก็เพื่อน”

“ไปแดกผู้หญิงมาหรอ? ใคร แฟนหรอ? ไม่เห็นรู้เรื่อง”

“เปล่า เจมไปค้างห้องเพื่อน”

“แม่บอกบ้านเพื่อน บ้านหรือห้อง หรือรูที่ไหน”

“เรื่องของกูมั้ยจิว”

“กูพี่มึงมั้ยเจม”

“แล้วน้องมึงไม่มีสิทธิ์มีเรื่องส่วนตัวหรอสัดพี่จิว”

“มีได้ แต่มีตอนโลกนี้ไม่มีพี่มึงแล้ว รีบหรอ? กูจะได้รีบตาย”

“เจมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“งั้นก็บอกมา ถ้ามันเพื่อนปกติ เจมต้องบอกจิวได้แล้วว่าเพื่อนคนไหน เพื่อนเจมก็เพื่อนจิว แต่นี่บอกชื่อไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่เพื่อน”

“..........”

“ใคร?”

“พี่หนึ่ง”

ไอ้จิวเงียบไป มันมองหน้าผมอึ้งๆ นิดหน่อย แล้วก็ถอนหายใจ แล้วก็หันมองหน้าผมอีก ดูมันครุ่นคิดอะไรอยู่บางอย่างและก็ใช้เวลาคิดนานมากจนผมเกือบหลับ ตอนที่กำลังไหลตัวนอนแล้วตัดสินใจเลิกสนใจมัน ไอ้จิวก็คว้าคอผมหมับแล้วถามเสียงเฉียบ

“มึงกับเขา เป็นอะไรกัน?”
“เอาตรงๆ เจม เอาความจริง”

“...........”

“หมาเจม”

“เออ...เจมกับพี่หนึ่งก็....คบกัน”

“คบกัน?!?”
“สัด! แบบไหน คบอะไร? มึงคบเขาเป็นพี่ใช่ป่าว ไอ้หมาเจม ตอบกู!”

“โอเค โอเค เป็นแฟน”
“พี่หนึ่งเป็นแฟนกู กูเป็นแฟนเขา เราเป็นแฟนกัน คบกัน ศึกษานิสัยกัน มึงเก็ทป่ะ?!”


“มึงเป็นเกย์หรอ?”

“แล้วกูจะเป็นน้องมึงไม่ได้ใช่มั้ย ถ้ากูเป็นเกย์ขึ้นมา” ไอ้จิวอึ้งไปอีกครั้ง ครั้งนี้ผมก็อึ้งด้วยเหมือนกัน ผมไม่เคยถามคำนี้กับใครเลย ผมไม่เคยสนเลยว่าตัวผมเป็นเกย์รึเปล่า พี่หนึ่งเป็นเกย์รึเปล่า ผมรับรู้แค่ว่าเขามีความรู้สึกดีๆ ให้ผม เขาดูแลผม เขาทำให้ผมอบอุ่นและเกิดความรู้สึกดีมากๆ ต่อเขา

ซึ่งนั่นหมายถึงผมเป็นเกย์งั้นหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผมเป็นกย์ ผมจะไม่มีพี่ชายฝาแฝดอีกต่อไปงั้นหรอ? ทำไมมีความรักแล้วแม่งเสียอะไรเยอะจัง ผมไม่เข้าใจตรรกะนี้จริงๆ

จิวถอนหายใจแล้วมองผมเครียดๆ

“แล้วถ้าน้องกูเป็นเกย์ กูต้องเลิกเป็นพี่มันรึเปล่า?” ผมว่ามันก็ตันๆ เหมือนกันแหล่ะ เราไม่เคยเผชิญเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน ผมกับจิวไม่เคยทะเลาะกัน ถ้าคิดเห็นไม่ตรงกันมันจะเข้ามาคุยกับผมเพื่อทำความเข้าใจในเหตุผลของผม และแก้ปัญหาด้วยการทำให้ผมเข้าใจตรงกับมัน แม้จะเหมือนถูกบังคับให้คิดมาตลอดชีวิต แต่ผมก็ไม่อึดอัด เพราะมันเป็นพี่ผม ทุกสิ่งที่มันพูดมันต้องหวังดีกับผมอยู่แล้ว

แต่เรื่องนี้ ผมไม่อยากให้มันบังคับ จะดีจะเลวยังไง หรือลงท้าย หวยจะออกมาว่าผมโดนหลอกฟันฟรี โดนปั๋นหัว ผมก็จะรับความเสียใจนั้นไว้เอง มันจะอนุญาตผมมั้ย?

“จิว”

“จิวรู้แล้ว จิวเข้าใจ”
“แต่เจมล่ะ เข้าใจแค่ไหน?”

“เจมเข้าใจว่ามันไม่ได้สวยงาม มันไม่เหมือนคนอื่น มัน...ไม่ใช่ความรู้สึกที่แม่เอาไปอวดใครได้ แต่มัน..มันเป็นความจริงนี่”
“เจมรักเขา”

“แล้วความรู้สึกเขาล่ะ ตลอดไปรึเปล่า? หรือฉาบฉวย”

“ถามตอนนี้เจมก็ต้องตอบว่าตลอดไป แต่จิวก็รู้ทันว่าเจมก็ไม่ได้แน่ใจ ใช่มั้ยล่ะ?”

“รู้ว่าเถียงไม่ชนะ เจมก็จะเถียง เป็นแบบนี้ทุกที”
“มันจะลำบากมากมั้ยวะ? จิวไม่เคยมีเพื่อนหรือใครๆ ที่...ที่มีรูปแบบความรักที่พิเศษแบบเจม เพราะฉะนั้น จิวดูแลเจมเรื่องนี้ไม่ได้นะ จิวคิดแทนเจมเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”

“เจมจะคิดเอง เจมจะดูแลตัวเอง”

“แต่ถ้าเสียใจ....”

“ช่างมัน เสียใจไม่ตายหรอก ให้เจมได้ทุ่มเทเหอะ”
“จะดีหรือร้าย เจมจะเรียนรู้เอง”

“มึงก็เชื่อแต่ตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้วหมาเจม”
“งั้นพรุ่งนี้ จิวจะลางาน เจมพาเขามาเจอจิวหน่อย”

“จะทำอะไร?” ผมถามไอ้พี่ชายแบบหวาดๆ ไอ้จิวเป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า แต่วิธีการมันไม่สามารถเรียกได้ว่าธรรมดาหรอกครับ

“เออ ลากมาเหอะน่า กูไม่จับมันทำเมียหรอก เดี๋ยวน้องกูสับสนหมดว่าจะมีสถานะเป็นอะไรดี” ไอ้เหี้ยพี่ชายพูดจบก็ตบหัวแล้วเดินออกจากห้องนอนผมไป

ว่าแต่ว่า มันรู้ได้ไงว่าระหว่างผมกับพี่หนึ่ง พี่หนึ่งไม่ได้ถูกผมจับทำเมีย? หน้ากูบอกความสมยอมขนาดนั้นเลยหรอ?


เป็นอันว่าสถานะไม่โสดของผมตอนนี้ พี่ชายผมรู้แล้วเรียบร้อย และดูเหมือนมันจะรับมือกับความจริงได้ดี....รึเปล่า? ส่วนมันจะพอใจแฟนของน้องชายแค่ไหน ผมคงต้องให้ทดสอบและให้คะแนนเอง และก็ได้แต่หวังว่านายคฤณจะทำให้โจทย์ใหญ่ของเรา มีคำตอบที่น่าประทับใจสำหรับพี่ชายคนเดียวที่ผมมี


Cut


ตอนต่อๆ ไป เราคงลงได้แบบวันเว้นวันนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ  :try2:



หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 14-01-2013 23:34:55
แล่วๆๆๆ ใกล้เปิดตัวจ้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 15-01-2013 02:07:27
 :z2:  ซักทีๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 15-01-2013 02:55:28
พี่หนึ่งกับจิวต้องเคยรู้จักกันมาก่อนแน่ๆ ในความคิดเรานะ
ส่วนพี่หนึ่งก็ดูดีขึ้นในสายตาเรา ตามที่ต้อมเชียร์
แบบมีคนเชียร์เพิ่ม(ซึ่งรู้จักพี่หนึ่งในอดีต) เราก็เลยวางใจมากขึ้น
คราวนี้ก็รอดูว่าพี่หนึ่งกับจิวเจอกันแล้วจะเป็นยังไง ลุ้นๆๆ

เป็นกำลังใจให้น้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 15-01-2013 06:32:33
ให้พี่หนึ่งกับเจม ผ่านฉลุยทุกด่านแล้วกัน
ไม่อยากอ่านดราม่าแว้ว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 15-01-2013 10:44:13
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 19-01-2013 01:08:28
หายไปไหนนนนนนนนอยากอ่านนนนนนนนนนนน :z2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 21-01-2013 00:07:40
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 13



“น้องชา น้องชาคะ” เด็กชายงุนงงเมื่อไม่สามารถวิ่งเข้าโรงเรียนได้ เขาเงยหน้ามองพี่เลี้ยงที่เขาสูงเกือบทันแล้ว แล้วก็ก้มมองแขนเสื้อตัวเองที่ถูกดึงไว้

“อะไรครับ?”

“รอน้องรชาด้วยสิคะ”
“เข้าโรงเรียนพร้อมกันสิคะ รอพี่เขาด้วย”

“..........” เด็กชายชั้นม.1 ไม่ตอบอะไร เพียงชะเง้อมองข้ามรถเพื่อรอคนที่ลงจากอีกฝั่งของประตู

“น้องรชาคะ”

“รู้แล้ว รู้แล้ว เรียกอยู่นั่นแหล่ะ” เด็กชายที่หน้าเหมือนกันเดินมายืนเคียงข้างเด็กชายคนแรก พี่เลี้ยงสำรวจความพร้อมในการมาโรงเรียนวันแรกทั้งที่โรงเรียนเปิดเทอมแล้วเกือบอาทิตย์ เธอส่งยิ้มให้ แล้วก็ดันเด็กทั้งสองให้เดินเข้ารั้วโรงเรียน

“ทำไมพี่เก๋ไม่เรียกเจมว่าเจมซักที” เด็กคนตัวผอมกว่าไม่สวมแว่นพูดขึ้นก่อนระหว่างเดินเก้กังเข้าโรงเรียนที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าห้องเรียนมันหลบอยู่ซอกไหนกันแน่

“ก็พี่เขาบอกว่าสับสน เจมอย่าเรื่องมาก จิวยังชินกับเชื่อรชาเลย”

“ก็รชายาวกว่าชาเฉยๆ นี่”

“เจมเรื่องมากชิบหาย จะเบื่อแล้วนะ”

“จิวขี้โมโหเกินไปเอง ไหนอ่ะห้องเจม พาไปสิ เป็นพี่นะ”

“ก็เกิดพร้อมกัน มาพร้อมกัน จะรู้ได้ยังไง”

“แต่ตัวเป็นพี่ไง ตัวฉลาดกว่าไม่ใช่หรอ?”

“เออ เราฉลาดแต่เรายังไม่อยากใช้สมองตอนนี้ มีไรป่ะ?”
“หมาเจม”

“หมาพี่จิว”

“ไอ้ส้นตีน”

“ไอ้พี่ส้นตีน”  เด็กแว่นหันมองน้องชายแล้วเขกหัว จากนั้นก็ลากคอมากอดล็อคไว้แล้วพาเดิน

“ถามพวกพี่ๆ เขาเอาก็แล้วกัน”
“พี่ครับ พี่”
“ตึกม.1 ไปทางไหนครับ” เด็กแว่นวิ่งนำน้องชายหน้าเหมือนไปถามกับรุ่นพี่ที่เดินผ่านมาพอดี รุ่นพี่ที่ถูกดึงเสื้อด้านหลังเอาไว้ก้มมองเด็ก 2 คนด้วยความสนใจ แล้วก็ยิ้มใจดีให้ พร้อมกับชี้ตึกม.ต้นให้ได้รู้

เด็ก 2 คนวิ่งตามกันไปด้วยท่าทางตื่นๆ แต่แฝดพี่ก็ยังจูงมือน้องชายไว้ตลอดเวลา

“ไอ้ที่หนึ่ง มองไรวะ?”

“อ๋อ ฝาแฝดว่ะ น่ารักดี”

“ช่างหัวแฝดก่อน มึงอ่ะเร็ว บราเดอร์มงคลรอ”

“เออๆ ไปแล้ว ไปแล้ว” นายที่หนึ่งเร่งฝีเท้าตามเพื่อนอีกคนไป แต่ก็ยังไม่วายหันหลังมองเด็กแฝดที่ยืนเกาหัวกลมๆ พลางเงยหน้ามองตึกสูงอย่างงงงวย



ฝาแฝดรชานนท์ กับชานนท์
ใครๆ ก็เรียกพวกเขาแบบนี้ เด็กชายรชานนท์ไม่รู้สึกเก้อเขินอะไรนักที่ถูกเรียก แต่น้องชายเขากลับไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เจมเอาแต่ทำปากมุบมิบจนแก้มมันขยับพุ่ม พี่ชายอย่างเขามองจนเก็บความรำคาญไม่ไหวจึงยื่นมือไปตบปากแดงสดนั่นซะ

“เจมเจ็บนะ!”

“ก็ตัวบ่นอะไรอยู่ได้ หึ่งๆ อยากเป็นแมลงวันหรอ?”

“จิวชั่ว!”

“ขอบใจ” เขาหัวเราะอารมณ์ดี แต่ก็ยังจูงมือน้องชายไปซื้อนมที่ร้านค้า พวกเขาไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน แต่เพื่อนเจมก็เหมือนเพื่อนเขา ส่วนเพื่อนเขาไม่ค่อยได้ยลโฉมน้องเจมของเขาเท่าไหร่ เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับน้องเขา

“เฮ้ย! นั่นเฮียคลิน!”
“เจมกินนมแล้วเดี๋ยวตัวขึ้นห้องไปเลยนะ บ่ายๆ มีเลือกชมรม เราจะอยู่ชมรมดนตรี จะเล่นกีตาร์!”
“ตัวล่ะ? มากับเรามั้ย?”

“ไม่เอา เจมจะนั่งเฉยๆ” เขาไม่ว่าอะไรเพราะรู้ว่าแฝดน้องของเขาไม่ชอบทำอะไรที่มันเปลืองพลังงาน ถ้ามีชมรมนั่งหลับไอ้เจมก็จะต้องรี่ไปสมัครแน่ๆ

“งั้นเราไปหาเฮียคลินก่อน”

“ใครอ่ะ เราไม่เห็นรู้จัก”

“ก็ตัวมันไม่ลืมตาดูใครนี่”
“เหอะน่า  ไปได้แล้ว” เขาไล่ส่งแล้วก็วิ่งถลาไปหาพี่ม.5 ที่เป็นคนช่วยเขาหาห้องเรียนให้เจอ และยังเป็นคนจุดประกายให้เขาอยากรู้จักเครื่องดนตรีสากลอีกด้วย

“เฮียคลิน”

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้ไข่คู่”

“ชื่อรชานนท์ เรียกดิเฮีย”

“เออ! ไอ้ไข่คู่”

“ไอ้เฮีย!” เขากระโดดขึ้นขี่คอเฮียคลินไว้และบิดหูเฮียให้หายแค้นเรื่องไม่ยอมเรียกชื่อ เฮียเล่นด้วยแป๊บเดียวก็เริ่มเจ็บแล้วอ้อมมือมาดีดกะโหลกไอ้แฝดแสบ เขาลงจากหลังเฮียแล้วยิ้มยิงฟันขาวใส

“แล้ววิ่งมาแบบนี้ได้ไง ทิ้งน้องหรอไอ้รชา”

“น้องผมไม่ได้ง่อยนะ เฮียเฮีย ผมอยู่ชมรมด้วยนะ นะ น้า”

“มึงจะเล่นอะไร?”

“กีตาร์!”
“ตีกลองปังๆๆๆๆ”

“สัด! ตีกลอง ไม่ใช่ยิงปืน”

“นั่นแหล่ะเฮีย นะ นะ ให้จิวเข้าชมรมนะ”

“เออเออ เดี๋ยวบอกไอ้พีชไว้ให้ แล้วน้องแฝดล่ะ เข้าด้วยกันมั้ย? ทิ้งน้องหรอมึง”

“ถามแล้ว ชามันไม่เล่น มันจะเข้าชมรมอยู่นิ่งๆ”

“ส้นตีน พ่องมึงตาย ชมรมห่าไรนั่นไม่มีหรอก”

“อย่าพูดงี้นะเฮีย พ่อผมตายแล้วหนักส่วนไหนเฮียหรอ?” เด็กแฝดใส่แว่นเถียงหน้าขึงขัง และนั่นก็ทำให้รุ่นพี่ม.5 ชะงักปากไปครู่หนึ่ง

“ไอ้รชา พ่อมึง....”

“ตายแล้ว”
“แม่บอกรีบ” เขาตอบแล้วยิ้มเจือความเศร้า แต่เมื่อรุ่นพี่ตีหน้าเครียดเขาก็หัวเราะใส่แล้วก็กระโดดเล่นอยู่ใกล้ๆ รุ่นพี่ที่เริ่มจับกลุ่มเตะบอล

เขาอยากมีพี่ชาย
และเฮียคลิน ก็เป็นพี่ชายที่เขาอยากได้


ขึ้นม.2 แล้ว
เด็กชายรชานนท์ยังคงเดินนำหน้าน้องชายฝาแฝดที่มักเดินตามด้วยการก้มหน้าคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ เขาไม่ค่อยได้ไต่ถามอาการน้องชายว่าเป็นอะไร ทำไมชอบมองหาขี้หมานัก เพราะเขาติดพี่ชายที่เขาไม่เคยมี เฮียคลิน...แต่เพราะเฮียคลิน เขาถึงไม่เคยละเลยน้องชายได้เลยสักวัน

“ไอ้รชา น้องล่ะ” เฮียคลินที่อยู่ม.6 แล้วและควรคร่ำเคร่งกับการเตรียมเอนทรานส์ยกคอเสื้อเขาเอาไว้ทำให้เขาวิ่งลงสนามบอลไม่ได้

“ชามันวาดรูปอยู่ชมรม”

“น้องมึงไม่ชอบออกกำลังกายหรอ? ไม่ดีนะเว้ย ไปลากมาเตะบอลดิ เดี๋ยวเฮียสอนให้ก็ได้”

“ชาไม่มาหรอกเฮีย”

“เฮียบอกให้ไปลากมาไง จะให้อุดอู้อยู่ในห้องชมรมได้ไง ห่า เดี๋ยวก็ใบ้แดก!”

“ผมเคยลากมาแล้ว ชามันไม่มา”

“กูจะบอกครบล้านครั้งแล้วนะไอ้ห่า ไปดิ เดี๋ยวเฮียรอตรงนี้”

“เออ เออ เฮียแม่งขี้เสือกว่ะ”
“รอด้วยนะ!”

“เออ!” เขาเซ็งนิดๆ ที่ถูกบังคับให้ไปลากตัวน้องชายมานั่งหน้าเป็นตูดอยู่ข้างสนามบอลเล็ก แฝดพี่รู้ดีว่าน้องชายเขามองว่าเป็นเรื่องเสียกับเสีย ทั้งเสียเหงื่อ เสียเวลานั่งเหม่อของมันอีก

หาไม่นานก็เจอเด็กผู้ชายหน้าเหมือนเขาแต่ไม่ใส่แว่น เขาวิ่งไปดึงกระดาษวาดรูปออกจากบอร์ดวาดตรงหน้าน้องชายเล้วก็ส่งยิ้มกวนตีน

“อะไร? ยังไม่ถึงเวลากลับเลย จิวจะกลับก่อนหรอ? ไม่รอพี่เก๋หรอ?”

“ยังไม่กลับ มาลากชาไปเล่นบอล เฮียคลินจะสอนให้”

“ช่างหัวเฮียคลินของมึงสิ กูไม่ไป ขี้เกียจ”

“มาเหอะน่า เฮียอยากสอนชานี่”
“เร็วดิ กูจะไปเล่นกับเพื่อน”

“กูไม่ไปไง ต้องให้บอกกี่รอบ”

“เฮียบอกกูจะครบล้านรอบแล้ว กูถึงต้องมาตามไง ถ้ามึงบอกจะครบล้านรอบเท่าเฮีย กูก็จะไปให้ไอ้เฮียมันมาตามมึงเอง เร็วดิ เร็ว เร็ว!”

“หมาจิว อย่ายุ่งกับกูได้มั้ย เบื่อแล้วนะ”

“หมาเจม เร็ว! มากับพี่จิวเร็วเด่ะ!”

“ไอ้เหี้ย ไอ้ขี้บังคับ ไอ้พี่กว่า ไอ้เกิดก่อน สัสหมา แม่ไม่รักมึงใช่มั้ย ห่า! บังคับแต่กู ไอ้เหี้ย หิ้วกระเป๋ากูให้ด้วย!” เขายิ้มสมใจแล้วก็ยัดๆ ของทุกอย่างของน้องชายลงกระเป๋าแล้วลากข้อมือน้องชายไปทันที เด็กชายรชานนท์ชะงักปลายเท้าแล้วหันมองน้องชายที่ตัวสูงไล่ๆ กัน

“ชาผอมลงอีกแล้วนะ ไม่ชอบกินข้าวก็กินอย่างอื่น เดี๋ยวแม่เป็นห่วงแล้วร้องไห้อีก อยากเห็นแม่ร้องไห้หรอ?”

“เออ เดี๋ยวแดกให้อ้วนเป็นหมูเลย ปล่อยดิ มึงอ้วนตายแหล่ะจิว”

“แต่กูก็ไม่ได้แห้งเหมือนมึง นี่มึงอยากเป็นนักเขียนมากจนต้องทำไส้แห้งให้สมคุณสมบัติหรอ แดก ข้าว เยอะ เยอะ กับไม่ต้อง กูจะแดกเผื่อเอง ฮ่าๆๆ”

“ไอ้เหี้ยพี่จิว!”

ลากมาตามคำสั่งเฮียแล้วเขาก็วิ่งถลาลงสนามบอลแล้วเสียบตำแหน่งกองหน้าทันทีแม้ไม่มีใครมอบหมายให้ก็ตาม เขาเหลียวมองน้องชายเป็นระยะ แล้วก็เห็นนั่งอยู่ที่ม้าหินข้างสนาม โดยมีเฮียคลินอยู่อีกโต๊ะนึงกำลังนั่งอ่านหนังสือ เขาไม่รู้ว่าเฮียคลินสอนน้องเขาเล่นบอลด้วยวิธีไหน แต่ไอ้เจมก็ไม่เคยเล่นบอลเลยสักครั้ง

เขาขึ้นม.3 แล้ว
โรงเรียนนี้ไม่มีเฮียคลินแล้ว แต่ก็มีรุ่นน้องม.1 ม.2 เรียกเขาว่าเฮียรชาแทน เขาเล่นดนตรี เล่นกีฬา ตั้งใจเรียน และเป็นเด็กดีของแม่ ของบราเดอร์ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นพี่ชายที่ดีกับน้องชายมากๆ ตามคำสั่งของเฮียที่เขารัก

“ไม่ว่ายังไง มึงก็ห้ามทิ้งน้องมึงนะไอ้รชา”
“ต่อให้น้องมึงใบ้แดก นั่งรากงอกอยู่ที่ม้าหินได้เป็นชั่วโมงๆ มึงก็อย่ารำคาญ น้องมึงไม่ชอบอะไรเหมือนมึง แต่มันก็ชอบมึง ชอบเป็นน้องมึง มึงก็ต้องเป็นพี่ที่ดีให้มันตลอดชีวิต”


“เฮียแม่งขี้เสือก” เขาปากเบาด่าเฮียไปแบบนั้นในวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน เขาไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อ ไม่ได้ถามว่าบ้านอยู่ไหน ไม่ได้ติตามข่าวด้วยว่าเฮียคลินเอนท์ทรานส์ติดที่ไหน ใช่ที่ที่อยากได้รึเปล่า ใช่ว่าเขาไม่สนใจเฮียแล้ว แต่เพราะเขามั่นใจว่า ไม่ว่าเฮียคลินของเขาจะเดินต่อไปในเส้นทางไหน เฮียก็จะทำให้มันเป็นเส้นทางที่เจ๋งได้เสมอ



หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 21-01-2013 00:12:53





“จิว จิว!”
“ไอ้จิว!” จะนอนให้บ้านหายทั้งหลังหรอห่า! เจมจะไปทำงานแล้วนะ!” ผมเรียกไอ้พี่ชายที่นอนหลับลึกผิดปกติ เอาตีนสะกิดตูดมันอยู่อีกพักใหญ่ ไอ้หมาจิวก็ยอมลืมตา มันงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองหน้าผม

“ชา” มันไม่ได้เรียกชื่อผมแบบนี้มานานแล้ว ตอนเด็กคนชอบเรียกมันว่าเฮียรชา แล้วเรียกผมว่าน้องแฝด แฝดรชา ไอ้ไข่คู่ ไอ้แฝด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่พวกเขาคิดว่าผมจะชื่นชอบและอยากได้รับการเรียกขาน อ้อ! มีไอ้รุ่นพี่อีกคนที่มันเรียกผมว่า “ชา” เหมือนที่ไอ้จิวเรียกตามเด็กๆ แต่ผมจำเขาไม่ค่อยได้หรอก รู้แค่ว่าไอ้จิวคลั่งพี่คนนี้มาก นั่งรถกลับบ้านก็พูดถึงทุกวี่วัน แต่ชื่อแม่งประหลาด คนห่าอะไรชื่อกลิน จะกินก็กิน กลิ่นก็กลิ่น เอาสักทาง!

“อะไรของมึงเนี่ย? เป็นไรป่าวจิว?” ผมดีดแก้มมันเบาๆ แล้วมองหน้ามัน  ไอ้จิวไม่ได้ว่าอะไรผม แต่กลับมองผมนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มให้พร้อมกับยื่นมือมาบีบแก้มจนปากผมบี้เหมือนที่มันชอบแกล้งผมตอนเด็ก

“ไม่ได้เรียกจิวว่าชานานแล้วว่ะ เลิกเรียกเมื่อไหร่วะ? ตั้งแต่เฮียคลินเรียนจบใช่ป่าววะ?”

“ใครวะ? เฮียอะไรนะ?”

“เฮียคลินไง จำไม่ได้หรอ? เฮียคลินที่เก่งแม่งทุกอย่างไง อยู่ๆ ก็ฝันถึง หรือว่าเฮียแม่งตายแล้วมาเข้าฝันจิววะ?”

“งั้นก็ทำบุญไปให้พรุ่งนี้ เออ ชวนแม่ใส่บาตรก็ดีเนอะ เอาป่าว เดี๋ยวบอกป้าพิศให้ทำกับข้าวแล้วแบ่งใส่บาตรก่อน”

“ก็ดี...แล้วเมื่อเจมบอกว่าจะไปทำงานหรอ? ได้ไงไอ้ห่า! แล้วที่ให้นัดไอ้พี่หนึ่งมาเจอกูล่ะ? มึงอย่ามาบ่ายเบี่ยง”

“เบี่ยงห่าเหวอะไร? เขาไม่ว่างช่วงเช้า มีประชุม ว่างบ่าย เขาบอกว่าเคลียร์คิวเพื่อเจอมึงเลย มึงนั่นแหล่ะนอนแดกประเทศ! ลุก!”

“เออ เออ ลุกแล้ว” มันยอมลุกออกจากเตียงในที่สุด ผมเดินออกจากห้องมัน แต่ก็ทิ้งสายตามองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง 9 โมงกว่าแล้ว แม้จะไม่ใช่วันทำงาน แต่ไอ้จิวก็ไม่ชอบตื่นสายเพราะมันบอกว่าระบบขับถ่ายมันรวน ขี้เกียจฝึกลำไส้ใหม่ แต่วันนี้มันหลับลึกจนตื่นตอน 9 โมง ซ้ำยังไม่แสดงอาการเซ็งโลกด้วย แสดงว่ามันฝันดีมากๆ พอมั่นใจว่ามันตื่นชัวร์ๆ แล้วผมก็เดินด๊อกแด๊กกลับห้องเพื่อปั่นงานต่อ


แม้จะยังคงไม่มั่นคงทางอารมณ์อยู่ ผมก็สูบสติคืนจากพื้นแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานของผมต่อไป พิมพ์งานต๊อกแต๊กอยู่แป๊บนึงไอ้จิวก็เข้ามาในห้องด้วยสภาพหล่อเหมือนผม

“กินไรยังเจม ข้าวเช้านี่ต้องกินนะ ไม่งั้นมึงจะโง่กว่านี้อีก”

“กินแล้ว จิวแหล่ะไปกินข้าวแล้วล้างด้วย บ่ายๆ ค่อยไปหาพี่หนึ่งที่ร้านกาแฟแถวออฟฟิศเขา”
“แล้วจิว จะเจอเขาไปทำไมหรอ?”

“ก็อยากดูหน้าคนที่เอามึงอยู่หน่อย จะดูหน่วยก้านด้วยว่าจะตายก่อนมึงมั้ย ไม่งั้นกูคงไม่ไว้ใจให้แม่งดูแลน้องกู”

“เจมแค่มีแฟนเหอะจิว ประหลาดหน่อยตรงที่พี่หนึ่งมันตัวผู้เหมือนไอ้ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง”
“อย่าทำเหมือนกูจะออกเรือน”

“ตกลงมึงเป็น....ข้างล่าง?” หือ? ข้างล่าง? หมายถึงกูโดนกดขี่หรอ? ผมไม่เข้าใจมันนัก พอทำหน้างงใส่มันก็ตบหัวผมแล้วทำให้ผมกระจ่างด้วยเสียงอู้อี้เพราะมันเอามือขยี้ปลายจมูกตัวเอง

“ต้องให้กูพูดหรอสัด? มึงไม่ได้เสียบใช่มั้ยไอ้ห่า”

“อ้อ...อือ ครั้งแรกไม่ได้เสียบ แต่ไม่เป็นไร ครั้งต่อไปกูจะก้าวหน้า” ฮ่าๆๆ  พูดไปงั้นแหล่ะ ไม่รู้จะทำได้รึเปล่า เอาน่า ชีวิตคนเรามันเกิดมาเพื่อพัฒนาและเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งนั้น

“ของแบบนี้ ว่ากันว่ามึงเปลี่ยนเตตัสไม่ได้ง่ายๆ เหมือนใช้เฟสบุ้คหรอกนะไอ้เจม มึงพลาดแล้ว มึงต้องเป็นข้างล่างตลอดชีวิต”

“เหี้ย แช่งกู”

“เออ กูแช่งเหี้ย” ไอ้หมาจิวด่าผมกลับแล้วเดินผมพลิ้วออกจากห้องไป ไอ้พี่เวร แม่งมาด่ากันถึงถิ่นเพื่อ พอมันไปแล้วโลกของผมก็สงบอีกครั้ง ผมเขียนงานของผมตามเอาท์ไลน์ที่ผมกำหนดเอาไว้ แต่มันยังไม่ผ่านบก.ใหญ่หรอกนะครับ แต่ไม่ได้เป็น แก้ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่มีอะไรไปเสนอบก.เลย

ราวเที่ยง ไอ้จิวก็ขึ้นมาตามผมไปหาอะไรกินข้างนอก มันบังคับให้แต่งตัวดีๆ ดูมีสกุล เพื่อ “กูมีระดับ น้องกูก็ต้องมี ถึงจะไปดูตัวแฟนมึงแต่มึงก็ต้องดูดีเพื่อกู เปลี่ยนชุด!”

หมาจิวแม่งชอบบังคับตั้งแต่เด็กยันโต ผมผละออกจากคอมพิวเตอร์แล้วยอมเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนกางเกงตามที่มันบอก จากนั้นเราก็ออกไปกินข้าวเที่ยงกันครับ อย่าคิดว่าร้านที่มันพาแวะจะเข้ากับเสื้อผ้าที่ห่อตัวพวกผมนะครับ มันหักรถเลี้ยวเข้าร้านตามสั่งข้างทางที่ห่างจากปากซอยบ้านผมไม่มาก

อิ่มกันจนเรอคำเล็กๆ แล้วก็เคลื่อนย้าย ไอ้ดาวราหูจิวมันเคลื่อนตัวไปยังทิศที่มีตัวประเด็นนั่งรออยู่ทันทีโดยไม่ปล่อยให้ผมได้มีโอกาสลีลาเลยครับ

ชื่อร้านที่พี่หนึ่งนัดผมไว้เข้าหูไอ้จิวครั้งเดียวมันก็เก็ทเส้นทาง ระหว่างที่นั่งแช่ตูดในบีเอ็มของมัน ไอ้จิวก็ถามผมขึ้นมาดื้อๆ

“เจม ถ้าจิวไม่ชอบแฟนเจมล่ะ จะเลือกใคร”

“หือ?”

“เลือกแฟน หรือเลือกพี่”

“ไม่เลือกอ่ะ พอเลือกปุ๊บแฟนกับพี่ก็ได้กัน สูตรสำเร็จ”

“ไอ้เหี้ย! หมาเจม เพื่อมึงจะไปจีบน้ำเพชรแก้แค้นกูใช่มั้ยล่ะ?”

“ควาย!! เมียมึงกูจะเอามาเฝ้าบ้านทำห่าอะไร”
“ชะลอได้แล้ว เดี๋ยวก็เลย แค่หลังสวน”

“รู้แล้วน่า เอ้าตอบก่อนดิ! เลือกใคร เลือกจิวใช่ป่ะ?”

“ไม่รู้”

“เอาดีๆ ถ้าจิวบอกให้เลิกคบ เจมจะเชื่อจิวมั้ย”

“ไม่”

“รักกูจังนะมึง”

“ก็ถ้ามึงรักกูบ้าง มึงจะไม่ถามในสิ่งที่มึงไม่มีวันทำหรอกหมาจิว” มันหันมายิ้มเก็กหล่อให้แล้วอาศัยจังหวะรอเลี้ยวเข้าซอยทอดสายตามองผมอย่างอ่อนโยน

พี่ผมเป็นคนดีครับ อ่อนโยน เอาใจใส่ หล่อด้วย และมันรักผม
ในชีวิตมันมีแต่แม่และผม แฟนมันมันเอาไว้ลำดับสุดท้ายเลยครับ ดีว่าน้ำเพชรเข้าใจมันก็เลยไม่เคยเอาตัวเองมาใส่ตาชั่งวัดน้ำหนักเทียบกับแม่และผมรวมกัน

“ชาเอ้ย มึงมันเป็นคนพิเศษแต่ไหนแต่ไร เพราะงั้นกูถึงต้องดูแลมึงอย่างดีไง”
“เฮียคลินสอนกูไว้ดิบดีเรื่องอย่าทิ้งมึง ต้องเป็นพี่ให้มึงตลอดชีวิต และกูก็จะเป็นให้ได้”


“เดี๋ยวนะ!” ผมเอะใจกับชื่อที่ผมคุ้นดี แต่ไม่คุ้นตรงที่มันออกมาจากปากไอ้จิวนั่นแหล่ะ
“เฮียอะไรนะ?”

“เฮียคลินไง ห่า! มึงจำฮีโร่กูไมได้หรอ? เขาดีกับมึงมากนะ ให้กูไปตามมึงทุกเย็นเพื่อให้มึงออกมาสังเคราะห์แสงตรงโต๊ะม้าหินทุกวัน”
“คิดถึงเฮียว่ะ ไม่รู้มาเข้าฝันกูได้ไง แต่กูขอให้เขายังไม่ตายนะ”

คลิน? คฤณรึเปล่าวะ?
ใจผมหวาดหวั่นยังไงบอกไม่ถูก
พี่หนึ่งเองก็จบมัธยมที่เดียวกับผม แต่มันจะใช่คนเดียวกันหรอวะ? ไม่หรอกมั้ง มันคงมีคลินที่หนึ่ง คลินที่สอง คลินที่สามแหล่ะ...มั้ง

ผมไม่ได้ถามอะไรต่อด้วยสรุปในใจไปแล้วว่าไม่ใช่คนเดียวกันชัวร์ๆ
ร้านกาแฟหรูหราชูป้ายเด่นอยู่ตรงหน้า พอไอ้จิวเห็นปลายทางมันก็เอาหน้ารถไปเสียบจอดแล้วลงจากรถพร้อมกับกระดิกนิ้วชักชวนผมทันที ไอ้ห่านี่จะรีบไปไหน? ไม่รู้หรอว่าน้องมึงตื่นเต้น

ผมเมียงมองที่ที่จอดรถของร้านที่มีอยู่ไม่กี่ซอก เห็นรถนายคฤณจอดรออยู่ก่อนแล้วก็ใจวูบหล่นทันที ผมแอบเดินง่อยๆ เพื่อให้ไอ้จิวนำหน้าไปก่อน ส่วนผมก็โทรหานายคฤณเพื่อขอฟังเสียงนิดหน่อย กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญครับ ตั้งแต่เกิดมา พี่ชายผมมาดูตัวแฟนผมครั้งนี้ครั้งแรก ที่ผ่านมาผมไม่ได้คบใครจริงจังถึงขั้นที่บ้านรู้จักเลย

“ครับเจม” เสียงอุ่นดีจังฟังแล้วอุ่นใจ ผมยิ้มให้เสียงนั้นแล้วก็บอกเขาสั้นๆ ว่า “ไอ้จิวเข้าร้านไปแล้วครับ”

ผมยืนทำใจแป๊บนึงก็เดินเข้าร้าน ไอ้พี่ชายยังไม่หย่อนก้นตรงโต๊ะที่นายคฤณนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แหงล่ะ มันไม่เคยเห็นหน้านายคฤณเลย มันจะฉลาดรู้ได้ไงว่าคนไหนแฟนผม ผมเดินไปสมทบมันแล้วก็ชี้มือ

“เขารออยู่นั่นไง ยืนทำไรตรงนี้ ไปดิ”

“โต๊ะไหน? ทำไมมาก่อนวะ? กูกะมาถึงก่อนแล้วจะดูแม่งตั้งแต่ท่าลงจากรถเลย”

“ทำไม? ถ้าเขาไม่ลงท่ายากมึงจะไม่ชอบขี้หน้าเขาหรอ?”

“ห่า! ก็สังเกตไง ท่าทางคนมันบอกอะไรได้เยอะ แม่ง เสียแผนเลย เพราะมึงแหล่ะ!”
“นำดิ แล้วนี่เขารู้ป่าวว่ามึงมีแฝด ไม่ใช่เห็นหน้ากูแล้วเกิดอยากเปลี่ยนใจนะ”

“ห่า! รู้ เขายังบอกเลยว่าแม่เราทำบุญให้โลกเพราะให้ลูกหน้าตาน่ารัก 2 คนจากท้องเดียว”

“เออ ปากเข้าท่า แต่โทษนะ กูหล่อ มึงอยากน่ารักก็เรื่องของมึงเถอะเจม” กูเปล่า กูไม่ได้อยากน่ารัก แต่เขาก็บอกรักกูทั้งที่กูยังคิดว่ากูหล่ออยู่นี่แหล่ะ ผมส่ายหัวแล้วสบตากับนายคฤณที่ส่งยิ้มมาให้ พอเดินไปใกล้ เขาก็ลุกขึ้นยืนต้อนรับผมและไอ้จิว

“จิว...” ผมเรียกพี่ชายตัวเองแล้วผายมือไปทางนายคฤณที่ยืนส่งยิ้มหล่อๆ มาให้
“นี่ พี่หนึ่ง...แฟนเจมเอง”
“แล้วพี่หนึ่งครับ...นี่พี่จิว”

“เฮีย.....” ไอ้จิวมองคนตรงหน้าตาค้าง มันเดินขมวดคิ้วเลยผมไปหานายคฤณแล้วก็เรียกอีกรอบ
“เฮียคลิน?”
“ใช่มั้ยครับ?”

“เอ่อ...ครับ”  นายคฤณตอบงงๆ แต่ก็มองหน้าไอ้จิวไม่วางตา ผมเห็นเขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจด้วย

“เฮียจำผมไม่ได้หรอ? รชาไง”

“หือ? ไอ้รชา!”
“เฮ้ย!!!”
“ไอ้รชาหรอเนี่ย เฮ้ย! เฮียเอง!”

“เฮ้ย! เฮีย!”
“เฮียคือ....คือแฟนไอ้ชาหรอ?”

“เฮ้ย!!”
“นะ...นี่น้องมึงที่เฮียกลัวจะเป็นใบ้หรอ?!”

หือ?
ตกลง คลินกับคฤณ คนเดียวกัน?
ไอ้รุ่นพี่ฮีโร่ของไอ้จิว คือนายคฤณที่เป็นแฟนผมหรอเนี่ย?
โลกนี้มันจะแคบเกินไปรึเปล่าวะ?





cut





ขอโทษที่หายไปนานมาก พอดีเดินทางไกลนิดหน่อยค่ะ
สำหรับตอนต่อไป ขอให้เราผ่านช่วงสอบ(เสาร์-อา) นี้ไปก่อนนะคะ T^T
แล้วจะกลับมาอัพให้อย่างต่อเนื่อง รอเค้าหน่อยน้า T^T
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 12 - 14/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 21-01-2013 00:32:50
ค่า  เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 21-01-2013 01:29:38
เฮ้ยและแล้วก็รู้จักกันมานานจริงๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 21-01-2013 06:56:08
โอ้ยฮาตอนจิวเจอเฮียคลิน555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 21-01-2013 08:22:18
โอ้ รู้จักกันจริงจริงด้วยแฮะ แต่ไม่ใช่ว่าจิวแอบคิดรัยกะพี่หนึ่งอะป่าว อิอิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chancha ที่ 21-01-2013 10:03:27
ท่าทางเจมจะได้กองหนุนเพิ่มแล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 21-01-2013 10:29:37
น่ารัก น่าลุ้นดีแท้ แต่เก่งมากเลย ขำตลอด พี่น้อง โครตฮา ชอบอะ   :laugh: :laugh: :laugh: o13

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 21-01-2013 10:53:37
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกก เราพลาดไปได้ยังไงตั้งนานแหน่ะ >"<
พี่หนึ่งเหมือนจะมีความหลังเรื่องลูกแพรเยอะนะคะ สงสารตรงนี้อยู่เหมือนกัน ; ;
เราชอบน้องเจมมากกกกกก ชอบตรงที่น้องเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ค่อยเก็บไปคิดมาก
ถึงบางทีเจมจะใจร้อนไปหน่อย ส่วนพี่หนึ่งนี่ก็โคดพระเอก นิสัยแบบนักธุรกิจมาก 55555
อย่ามีอะไรปิดบังน้องเขาอีกนะคะ
พี่หนึ่งเหมือนจะมีกองกำลังเสริมละนะ โฮะๆๆๆๆ
รอตอนต่อไปค่าาาา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 21-01-2013 11:03:17
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย   คนเขียนตั้งใจสอบนะ 
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 21-01-2013 18:44:07
รออยู่นะคะ

รอ เจม จิว  เฮียคลิน

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 21-01-2013 22:29:13
อ่า รู้จักกันมาก่อนจริงๆด้วยสินะ
อย่างนี้เรื่องพี่หนึ่งกับเจมคงฉลุย
แต่ต้องมีปมอะไรต่อแน่ๆเลย เพราะมันคงไม่จบแค่นี้...

เป็นกำลังใจให้ตลอดนะ
สู้ๆๆ อ่านหนังสือเตรียมสอบเยอะๆนะ555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 22-01-2013 23:48:14
เงี้ยแหละ โลกกลมพรหมลิขิต555555555555555

ตอนแรกก็ว่าจะมาเม้นว่าคิดถึงอยากอ่านแต่พอเข้ามาดูแบบอ่าว.... อัพแล้วนี่นา  พลาดมาก5555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 13 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 23-01-2013 01:51:01
สนุกมากค่ะ  ชอบมากๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-01-2013 22:36:45
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 14



เฮียอ่ะ โคตรฮาเลย เออๆ น่าจะเจอเฮียเร็วกว่านี้
เฮียคลิน กินเหล้ากันป่าวเย็นนี้
เฮียคลินมาบ้านผมนะ เออ มาเล่นเกมส์กัน
เฮ้ยเฮีย! ตั้งวง ผับเพื่อนผมเอง!

นายคฤณมีแฟนใหม่แล้วครับ ยอดชายนายชานนท์คนนี้ตกกระป๋องแล้วครับ เวลาที่นอกเหนือจากากรทำงานและนั่งขี้ของเขา ตกเป็นของไอ้จิวโดยที่นายคฤณไม่มีโอกาสบอกว่าไม่สมยอม

ตลอดทั้งเดือนนี้แม่ผมแฮปปี้เพราะไอ้จิวดีแตกครับ มันกลับบ้านเร็วทุกวันเท่าที่จะทำได้ หนีบ “ตาหนึ่ง” ของแม่กลับบ้านมาด้วย ผมหรอ? ต้องตะแคงตีนยืนบนโลกครับ ไร้จุดยืนในสายตาใครๆ โดยสิ้นเชิง

“เจมไปเรียกพี่ๆ เขากินข้าวได้แล้วลูก” แม่สั่งผมอีกคน รักกันจังนะไอ้จิวกับไอ้พี่หนึ่งเนี่ย ผมเบ้หน้าแล้วเหวี่ยงโน้ตบุ้คออกจากตักแล้วเดินไปหน้าบ้านที่มีนายคฤณและไอ้จิวนั่งคุยกันพลางเล่นกับหมา

“กินข้าว” เสียงห้วนมากด้วย นายคฤณหันมองแล้วยิ้มรับ ส่วนไอ้จิวหันมาเหล่แล้วก็หันหน้าไปประจ๋อประแจ๋รุ่นพี่ไอดอลของมันต่อ

“จิว แม่เรียกกินข้าวแล้ว มึงไม่อยากกินก็ไม่ต้องอ้าปาก แต่ปล่อยพี่หนึ่งมากินข้าวได้แล้ว”  ผมย้ำอีกที กอดอกแล้วด้วย ไอ้พี่ชายเหล่มองผมเอือมๆ แล้วก็ลุกขึ้นเชื้อเชิญตาหนึ่งของแม่มากินข้าว โดยที่มันรอให้นายคฤณยืนขึ้นแล้วก็ลงมือกอดคอพลางเดินล้อมหน้าล้อมหลังทันที

ครับ มันรักฮีโร่ของมัน เป็นเรื่องธรรมดาที่มันดีใจจนต้องอยากเจอหน้า อยากใกล้ชิดเขาอยู่ทุกวี่วัน
แต่คือ...ไอ้ที่มันรักมันปลื้มน่ะ แฟนผมนะ!

“ครั้งเดียวก็รู้เรื่องน่าเจม”
“เฮียอย่าถือนะ เจมมันก็เป็นงี้แหล่ะ”
“เออเฮีย พรุ่งนี้ว่างมั้ย? ไปเดินจตุจักรกัน ผมจะไปหาซื้อของขวัญให้แฟน วันครบรอบ 4 ปีน่ะเฮีย”
“รสนิยมเฮียดี ช่วยเลือกหน่อยดิ ไอ้วอยเชอร์ที่พักพร้อมอาหารไม่เอานะ น้ำเพชรมันเพ้อเจ้อ  ให้ไอ้แบบนี้ทีไรแม่งบอกว่าผมไล่มันให้ไปใช้ชีวิตลำพัง” ไอ้พี่จิวพูดมากชิบหาย มันควงแขนนายคฤณผ่านหน้าผมไปหน้าตาเฉย ผมน่ะหรอ? ก็ตะแคงตีนยืนอยู่นี่ไง

“เจม มาสิ กินข้าว” นายคฤณเอี้ยวตัวมาเรียกผมแล้วส่งสายตา ผมก็เลยยอมเดินตามไปแต่โดยดี

ครับ เราคุยเรื่องนี้กันแล้ว
1 เดือนที่ไอ้จิวทำตัวเป็นรุ่นน้องที่รักนายคฤณชิบหาย ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดเพียงคนเดียวครับ ทำให้นายคฤณแทบไม่ได้หายใจเหมือนกัน
เขาถามผมแล้วว่าจะให้เขาบอกจิวตรงๆ มั้ยว่าเฮียคลินกับไอ้รชาแค่ซี้ต่างวัยที่ผ่านไปแล้ว เป็นเพียงความทรงจำ
แต่พี่หนึ่งที่เป็นแฟนเจม คือตัวจริงในปัจจุบัน มันจะได้เข้าใจความสำคัญของตัวมันใหม่

แต่ผมห้ามไว้ ผมรู้ว่ามันปลื้มนายคฤณมาก ผมไม่อยากหวงความสุขตัวเองจนต้องดับความทรงจำแสนสุขของมัน

แม้ตอนนี้จะเซ็งมันแทบบ้าก็ตาม

ไอ้พี่จิวไม่ได้ห้ามเรื่องที่ผมคบกับนายคฤณหรอกครับ
มันก็แค่...แทบไม่ให้เวลานายคฤณว่างเว้นจากการอยู่กับมันเลยแม้แต่วินาทีเดียว และแน่นอนว่า เวลาที่มันใช้ร่วมกับเฮียที่มันรักนักหนานั้น ไม่มีหมาเจมตัวนี้อยู่ด้วย

หัวกูเน่าแล้ว กูรู้แล้วจิว แต่มึงก็ควรได้กลิ่นเน่าบนหัวกูเหมือนกันนะ

“เจมเป็นอะไร พักนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลย”

“ต่อมหึงมันแตกไงแม่” ไอ้พี่ชายสอดปากตอบแทนผมแล้วก็ส่งยิ้มเยาะๆ มาให้ แม่ผมหัวเราะส่ายหน้าแล้วพูดว่าไงรู้มั้ยครับ? นางบอกว่า

“เจมอย่าห่วงพี่จิวสิลูก ตาหนึ่งก็มาเป็นพี่ชายเจมอีกคนไง” โถถถถถ แม่....บอกโลกนี้เป็นสีชมพูมากกกกกก งืออออ แม่ก็ไม่เข้าใจผม!

“อื้อนี่ตาหนึ่ง แม่ว่าจะถามหลายรอบแล้วก็ลืม แหวนที่สั่งทำไว้ เราบอกว่าจะสลักชื่อด้วยใช่มั้ย? จะสลักอะไรล่ะ บอกสักที ช่างเขาจะได้ปิดงานเราเสียที”

“อ๋อครับ ชื่อแม่ผม” นายคฤณบอกแล้วก็ยิ้มให้ พร้อมกับรับปากดิบดีว่าจะแวะเข้าไปที่ร้านพรุ่งนี้ ซึ่งไอ้จิวก็หูตั้งทันที มันถามรวดเร็วว่าเฮียจะไปร้านกี่โมง เดี๋ยวผมไปรอ .... มึงมาเป็นเมียเขาเลยมั้ย? แล้วเดี๋ยวเมียมึงกูจะพาไปขายทำกำไรที่ชายแดน ห่า!

“แล้วอีกวงล่ะ ตาหนึ่งสั่งไว้ 2 วงนี่” คราวนี้ผมมองหน้าเขานิ่ง วงนึงให้แม่ อีกวงให้ใครหว่า? ป๋าหรอ? ไม่มั้ง

“ของของหนึ่งครับ” เขาบอกแล้วอมยิ้มนิดๆ รอบนี้ไม่สบตาใครสักคน แม่ผมส่งเสียงแซวใหญ่ว่าจริงหรอที่สั่งทำแหวนให้ตัวเอง ผมเองก็คิดเหมือนแม่ มันจะมีหรอผู้ชายที่สั่งทำแหวนให้ตัวเอง

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นแหล่ะครับ ถ้าหากว่าผู้บงการการกระทำชื่อว่าคฤณ

ไอ้จิวบริการพี่ชายที่มันโคตรรักเป็นอย่างดีจนผมไม่ต้องดูแลอะไรเขามากมายเลย หน้าที่ผมตอนนี้ และทุกๆ วันที่นายคฤณมาร่วมกินข้าวที่บ้านก็คือ ....กินข้าวให้อิ่ม และเอาข้าวให้หมา เท่านี้แหล่ะครับ ถามว่าดูง่อยมั้ย? ตอบเลยว่ามาก!

พวกเขา...ใช่แล้วครับ พวกเขาแปลว่าไม่มีผมรวมอยู่ในนั้น เพราะถ้ามี จะต้องใช้คำว่าพวกเราสิ พวกเขาดวลวินนิ่งกันครับ คนนึงอายุ 30 แล้ว อีกคนก็ 25 เกือบ 26 มีแฟนมาแล้ว 4 ปี กำลังโดนแฟนเร่งรัดให้แต่งงาน แต่งานก็เพิ่งได้รับการโปรโมทให้ขึ้นเป็นเมเนเจอร์ฝ่ายไอทีของโรงแรมหกดาวฝ่าๆ ที่แอบตัวอยู่หลังพารากอน หึ สมอายุกันชิบหาย

ผมมองพวกเขาเล่นกันหน้าทีวี แม่ก็อยู่ในมุมห้องพระ สวดมนต์และคุยโทรศัพท์ในเวลาเดียวกัน ผมหรอ? นั่งคุยกับหมาคาหน้าประตูบ้านครับ อย่าถามว่าโอเคมั้ย? เพราะผมโคตรไม่โอเค เบื่ออ่ะ เบื่อมาก เบื่อมาเป็นเวลา 1 เดือนกว่าๆ แล้วด้วย

“พี่หนึ่งครับ ยังไม่กลับอีกหรอ?” นี่ผมไม่ได้ไล่ ผมกำลังหาทางใช้เวลาอยู่กับแฟนผมบ้างเท่านั้นเอง ไอ้จิวเป็นฝ่ายหันมองผมแล้วบอกให้ผมอึ้งแดกว่า

“คืนนี้เฮียค้าง...กับกู”

อะไรอ่ะ อะไร?
ผมหูฝาดรึเปล่าวะ?
คือ...ก่อนหน้านี้ก็รับได้ที่มันติดนายคฤณเหลือเกิน ผมเข้าใจว่ามันอยากมีพี่ชายบ้าง การมีผมเป็นน้องฝาแฝดเป็นสิ่งตราหน้ามันว่ามันอ้อนใครไม่ได้ แต่ทำไมพี่ชายที่มันอยากอ้อนต้องเป็นนายคฤณที่เป็นแฟนผมด้วยล่ะ? มึงหาพี่คนใหม่ไม่ได้หรอวะจิว!

“ค้างกับจิวเนี่ยนะ”

“อือเด่ะ เนอะเฮีย” นายคฤณที่โดนหาเสียงไม่ได้ตอบรับอะไรครับ เขาแค่ขมวดคิ้วใส่ผม ผมว่าเขาก็หงุดหงิดนิดๆ เหมือนกันแหล่ะ ก็นะ...ค้างกับจิวมันออกจะแบบ...ผมก็ไม่รู้ว่าผู้ชายค้างคืนกันมันจะมีเวอร์ชั่นแตกต่างจากที่ผมไปค้างกับเขาบ้างมั้ย และไอ้จิวมันก็หน้าเหมือนผมด้วย เกิดพี่หนึ่งตามัวคว้ามันมากอดอีกคน ครอบครัวผมจะเรียกกันและกันว่าไงล่ะ?

“พี่หนึ่งจะค้างกับจิวหรอครับ?” แม่ง...ทำไมถามไปแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเมียหลวงน้อยใจสามีเลยวะ? ผมไม่ได้อะไรนะ แต่มันแปลกๆอ่ะ

“พี่ว่าพี่จะกลับคอนโด เจมไปส่งหน่อยสิ”

“อ้าวเฮีย! เฮ้ย ผมไปส่งเอง ให้เจมขับรถกลางคืนอันตราย”

“ไม่เป็นไร เฮียขับเอง เจมนั่งไปส่งแล้วค้างเลย”
“เสื้อผ้าก็มีที่นั่น ไม่มีอะไรลำบากหรอก”

จบมั้ยมึง?
ผมมองหน้าไอ้พี่ชายที่มองหน้าฮีโร่ของมันเหวอๆ ถ้าเป็นผม ผมจะเข้าใจนะว่าคน 2 คนย่อมต้องการเวลาส่วนตัวกันบ้าง แม้ว่าบุคคลที่ 3 จะไม่คนอื่นคนไกลก็เถอะ แต่ถามจริงๆ เถอะจิว มึงไม่รู้หรอว่าแฟนกันเขาต้องการอะไรบ้าง ทีมันไปเที่ยวกับน้ำเพชร หรือน้ำเพชรมาที่บ้าน ขลุกคุยกันอยู่ในห้องมัน ผมยังไม่ไปยุ่งเลย

“แต่พรุ่งนี้เราจะไปจตุจักรกันไม่ใช่หรอเฮีย”

“อืม แต่เฮียอยากนอนคอนโดมากกว่า นอนเบียดกับมึงไม่ไหวหรอก เฮียนอนดิ้น เนอะเจม”

จะมาเนอะกับผมเพื่อ? ไอ้จิวมองผมด้วยสายตาหม่นๆ มันพยักหน้ายอมเข้าใจแล้วก็เก็บเกมของมันทันที มันรั้งนายคฤณด้วยการนัดแนะเวลาที่จะไปเจอกันที่จตุจักร มีการบอกด้วยว่าถ้าผมไม่อยากมาด้วยก็ทิ้งผมไว้ที่คอนโด หรือไม่ก็ไล่ผมกลับบ้านไป มันเดินกับเฮียได้ ไอ้เชี่ย...มึงอยากได้แฟนกูมากใช่มั้ยจิว!

“งั้นเฮียกลับก่อนนะ อ่อ...ขอขึ้นไปบอกแม่ก่อน” นายคฤณบอกตามประสาคนชินกับบ้านผมทุกซอกมุม เขาเดินขึ้นชั้น 2 เพื่อไปลาแม่ที่ห้องพระ ได้ยินเสียงหม่อมแม่แหวๆ มาว่ากลับแล้วหรอตาหนึ่ง ค้างก็ดีนะ ดึกแล้ว บลา บลา บลา ไม่นานเขาก็เดินลงมานิ่งๆ แล้วตรงดิ่งไปหาไอ้จิวที่ยืนพิงประตูบ้านรอ ผมหรอ? ก็ยืนตะแคงตีนอยู่ไม่ห่างหัวบันไดนัก

“เฮียกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันที่นู่นเลย”

“ครับเฮีย”

“แล้วก็....เฮียรักน้องมึง น้องมึงก็รักเฮีย”
“แต่เฮียก็ชอบมึงนะ มึงเป็นน้องที่อ้อนตีนดี พูดเท่านี้คงเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจมึงจะเจอตีน”


“เฮียอ่ะ! เฮียเจอผมก่อนมัน ทำไมไปชอบไอ้เจมได้ มันมีไรดี ถามกี่ทีก็ไม่เคยตอบ” ไอ้จิวถามกลับแล้วส่งสายตาเกลียดชังมองผม ไอ้เหี้ย กูน้องมึงนะ!

“มึงอยากเป็นเมียกูหรอรชา” จบมั้ยจิว? นี่แหล่ะที่ผมลุ้นให้นายคฤณถามแม่งตรงๆ เสียที ที่อดทนและพยายามเข้าใจมันมา 1 เดือนทำให้ผมสะสมคำถามนี้ไว้หลายก๊อปปี้มาก

ไอ้จิวอึ้งไปนิดนึงแล้วก็หัวเราะหึหึ เอาล่ะ ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าที่เป็นน้องมันมา 25 ปีนี่ ผมรู้จักมันจริงๆ มึงจะหัวเราะน่ากลัวทำไมวะ?

“เฮียก็...คิดปลวกๆ เหมือนไอ้เจมไปได้”
“จะกลับไม่ใช่หรอ รีบดิ ขับรถดีๆ นะเฮียคลิน”

“อืม พรุ่งนี้เจอกัน อย่าเลทนะมึง เฮียไม่ชอบคนไม่รักษาเวลา”

“ครับ ครับ พี่ประธาน” ไอ้จิวส่งท้ายด้วยการยิ้มรับแรงตบบ่าของนายคฤณที่โคตรแรง อูยยย ได้ยินเสียงอั่กๆ แล้วผมก็เริ่มรู้สึกว่าที่คบกับนายคฤณมาราว 4-5 เดือนนี้ ผมแทบไม่รู้จักเขาเลย คืนนี้ผมจะน่วมมั้ยวะ?

“ไปกันเถอะเจม”

“เอ่อเฮีย!”
“พรุ่งนี้ก็เจอเจมนี่ ต้องหนีบมันไปด้วยหรอ?”

“ก็เจมเป็นแฟนเฮีย อยากอยู่กับแฟนผิดตรงไหน” จบมั้ยจิว? กูจบมาก ผมยิ้มแหยๆ ให้ไอ้พี่ชายมอง มันพยักหน้าส่งลาผมแล้วก็กลับไปเปิดทีวีดูอะไรเรื่อยเปื่อย

ผมว่าผมเข้าใจมันนะ ชีวิตมันมีแค่ผมกับแม่ โลกของผมเคยเป็นโลกที่มันรู้ทุกซอกมุม แต่ตอนนี้มันจะมีซอกหลืบนึงที่มันเข้าไปวุ่นวายไม่ได้ สมองมันเลยว่าง และคนที่ทำให้โลกของผมมีมุมที่มันแตะต้องไม่ได้ ก็ดันเป็นคนที่มันชื่นชอบและอยากแตะขอบชีวิตเขามาตลอดอีกต่างหาก ต่อมเสือกแม่งพองกว่าโลกแล้วแหล่ะป่านนี้

บนถนนเส้นโล่งที่มีรางรถไฟฟ้าคุ้มกะลาหัวเอาไว้ ภายในรถเงียบเชียบ อุณหภูมิอยู่ที่ 23 องศา
นายคฤณเอื้อมมือมาจับมือผมไปจูบเบาๆ เขาพูดเพียงว่า “พี่รักเจมนะ” แล้วก็ขับรถมุ่งไปยังคอนโดของเขา ผมก็ไม่รู้ว่าจะมาซีนอารมณ์ใส่ผมทำไม แต่ผมก็ทำแค่ยิ้มรับคำว่ารักของเขาเอาไว้และบีบมือกลับไปเบาๆ เท่านั้น

เพิ่งมาฉลาดรู้ว่าไอ้พี่หนึ่งมันซีนอารมณ์ทำไมก็ตอนที่เดินเข้าห้องเขาแล้วนั่นแหล่ะครับ ล็อกประตูปุ๊บผมก็โดนอุ้มไปหย่อนไว้ที่โซฟา คือทั้งห้องยังไม่ได้เปิดไฟเลย จะมีก็เพียงแสงไฟจากข้างนอกสาดเข้ามาทางกระจกเท่านั้นซึ่งมันก็ไม่เพียงพอสำหรับผมในตอนนี้

โซฟาที่เคยถูกจับมาวางเอาไว้ถูกยึดพื้นที่ไป เขาให้ผมนั่งบนตัวเขาแทน และซีนอารมณ์ก็เกิดขึ้นโดยที่ผมถูกชักนำให้ตามเขาไปอย่างสมยอมสุดๆ

เที่ยงคืนกว่าๆ ผมถึงเดินออกจากห้องน้ำ แสงของห้องในตอนนี้เป็นสีขาวนวลๆ เพราะนายคฤณเปิดแค่ไฟหัวเตียงเท่านั้นครับ ผมนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวและเดินมาเปิดตู้เพื่อหาชุดนอนใส่ เขาก็ไม่พูดอะไร ทำเพียงแค่ลดหนังสือที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านอยู่มองผม แล้วก็มองนาฬิกาที่ฝาผนังเท่านั้น

ผมเห็นเขาหาวแล้วก็หาวตาม เที่ยงคืนกว่าแล้วเขาคงง่วงมาก เดาว่าวันนี้ทั้งวันเขาคงเหนื่อยกับไอ้จิวสุดๆ พอดึงคอเสื้อพ้นหัวแล้วผมก็ลิ่วๆ ทุ่มตัวลงเตียงทันที ตาผมปิดตัวลงแล้วด้วยซ้ำตอนที่เหวี่ยงแขนไปเกาะข้อมือเขาไว้ตามความเคยชิน แต่ที่ผมคิดไว้ผิดหมดเลยครับ

“เฮ้ยพี่หนึ่ง!” ผมร้องเสียงหลงตอนที่ถูกเขายกตัวขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อผมโยนทิ้ง
“หนาวนะ! เปิดแอร์เย็นแบบนี้ให้แก้ผ้านอนเจมนอนไม่ได้หรอก!”

“ไม่ต้องนอนหรอก กอดกัน”

“กอด..อีกแล้วหรอ?”

“ไม่ได้หรอ?”

“ตอบว่าไม่ได้ ได้มั้ยครับ?”

“ไม่ได้ครับ พี่รักเจมนี่” กูเริ่มเกลียดคำนี้แล้ว ผมหรี่ตามองตาเขาชัดๆ เห็นแววตัดพ้อเต็มไปหมด โอเค มันถึงเวลาที่ผมต้องพูดประโยคเท่ๆ กับเขาบ้างแล้ว

“พี่หนึ่งเป็นอะไร ไหนบอกเจมซิ”

“พี่หวงเจมนะ รักเจมมากด้วย”
“เจมล่ะ มีใครที่สามารถบอกให้เจมไม่รักพี่ได้รึเปล่า”

“เจมเชื่อตัวเองที่สุดพี่ก็น่าจะรู้”

“แล้วถ้าไอ้รชาบอกล่ะ” อาฮะ! กังวลเหมือนกันนี่หว่า แล้วทำเป็นเท่เข้าใจโลกมาได้เป็นเดือน อิโธ่!
“รชามันรักเจมนะ ที่มันกันท่ามาร่วมเดือน ไม่ใช่เพราะมันหวงพี่หรอก มันหวงเจมต่างหาก”

“เฮ้ย! มันหวงพี่หนึ่งแหล่ะ พี่หนึ่งเป็นฮีโร่ของมันนี่”

“เจมครับ....” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วดึงมือผมไปประกบแก้มตัวเขาเอง หน้าแม่งนิ่มอ่ะ บีบเล่นตอนนี้จะผิดวาระเกินไปป่าววะ?
“รชามันหวงเจมมากนะ ที่มันทำตัวติดกับพี่ก็เพราะมันอยากรู้ว่าพี่จะดีกี่ชั่วโมงต่อวัน มีมุมเลวๆ มุมไหนที่ยังไม่ได้เปิดเผยบ้าง เวลามันมาขลุกอยู่กับพี่มันก็เอาแต่ถามนั่นถามนี่ มันเอาไปประเมินว่าไว้ใจพี่ได้มากแค่ไหน”

เฮ้ยยยย ผมไม่เชื่ออ่ะ?
จริงหรอวะ?

“มันเป็นพี่ชายที่น่ารักมากเลยนะ ถ้าพี่มีน้องชายของพี่เอง พี่ก็หวงเหมือนกัน”
“แล้วเจม ก็น่ารัก”

กูอยากหล่ออ่ะ อะไรวะ? เป็นแฝดกันแท้ๆ แต่คำว่าน่ารักไม่เคยมีใครถวายพานให้ไอ้จิวบ้างเลย
ผมยู่ปากแล้วหันหน้าหนี ก็ผมขยับได้แค่หน้าเท่านั้นแหล่ะครับ ตอนนี้ผมนั่งอยู่กลางตักเขา คือถ้าวาดขาเกี่ยวตัวเขาไว้เราก็ทำศึกกันได้ทันที แต่ตอนนี้ยังอ่ะ คุยกันก่อน

“ปกติแล้วจิวมันไม่หวงเจมหรอก มันชอบไล่ให้ไปเปิดตาดูโลกบ่อยๆ แล้วกะอีแค่มีแฟนมันจะมาหวงทำไม”

“ก็เพราะนี่มันเรื่องใหญ่ แล้วพี่ก็จริงจัง”
“เมื่อ 2 วันก่อน มันถามว่าเคยมีแฟนมั้ย แล้วคิดเรื่องแต่งงานรึเปล่า แล้วก็ถามพี่ด้วยว่า รู้รึเปล่าว่าแต่งงานกับเจมไม่ได้ กฎหมายประเทศไทยไม่รองรับ”

“เฮ้ย! ต้องจริงจังขนาดนั้นเลยหรอ ไอ้บ้าจิว”

“จิวไม่บ้าหรอก พี่ก็คิด”
“ก็พี่บอกแล้วว่าพี่จริงจัง”
“โอเค เราแต่งงานกันไม่ได้ เจมมีลูกไม่ได้ แต่พี่มั่นใจว่าพี่ไม่ต้องการอะไรอีก แค่ได้อยู่กับเจมไปเรื่อยๆ อยู่ด้วยกันตลอดไป”
“พี่ก็ตอบมันไปแบบนี้แหล่ะ แล้วมันว่าไงรู้มั้ย? ไอ้รชามันถามว่า พี่จะตอบสังคมว่ายังไง เจมเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ แต่พี่มีบริษัทใหญ่โตต้องดูแล พี่ให้น้ำหนักอะไรมากกว่ากัน” นายคฤณพูดเท่านี้ก็หยุดไป ผมเลยหันไปมองเขาตาแป๋ว  เออ...แล้วเขาให้น้ำหนักผมแค่ไหนกัน

“แล้วพี่หนึ่งตอบจิวว่ายังไงครับ?”

“ตอบว่าพี่มีชีวิตเพื่อใช้ชีวิต และพี่รักเจมเพื่อมีความรักในชีวิต”
“สังคมช่างมันเถอะ พี่อาจต้องแคร์ป๋าพี่ แต่เราจะทำให้ป๋าเข้าใจได้ว่านี่ชีวิตพี่ จู๋พี่” ไอ้เชี่ยพี่หนึ่ง แม่ง กวนส้นตีนผมอ่ะ
“แล้วเจมล่ะ?” หือ? ผมต้องตอบสังคมด้วยหรอ? ไม่นะ ผมก็แค่คนตัวเล็กๆ คนธรรมดา มีแม่กับพี่ชายไว้ให้รักและดูแล แล้วตอนนี้ไอ้จิวก็รู้แล้ว กับหม่อมแม่เอง ผมก็รู้ว่าแม่พร้อมเข้าใจผมทุกอย่าง

“เจมก็...แคร์แค่แม่กับจิว”

“แล้วพี่อยู่ตรงไหนของชีวิตเจมหรอ?”

“..............” ผมมองหน้าเขานิ่งเลย นั่นสิ นายคฤณอยู่มุมไหนในชีวิตผม? วู้วว ถามแปลกๆ กังวลใจแล้วสมองกลวงเลยนะเด็กชายคฤณ ผมหัวเราะนิดๆ ก่อนจะตอบ

“ก็อยู่เป็นทั้งโลกให้เจมไง”
“พี่อยู่ที่ไหน เจมก็อยู่ที่นั่น ไม่งั้นเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเหมือนที่พี่บอกไอ้จิวได้ยังไงกัน” นายคฤณยิ้มนิดเดียว เขาคงไม่พอใจคำตอบผมเท่าไหร่ แต่ผมหาคำโรแมนติกกว่านี้มาให้เขาไม่ได้หรอกครับ ส่วนตัวผมไม่ใช่คนโรแมนติกอะไร นอกจากความตรงเผง เข้าเป้าแล้ว ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองมีนิสัยพิเศษอะไรนักหนา

“แล้ว...เจมรักพี่หนึ่งมั้ยครับ”

“ก็รักนะครับ” ผมตอบแล้วอมยิ้ม นายคฤณปล่อยมือผมที่เขาจับให้ไปแปะแก้มเขาแล้วเป็นฝ่ายแปะแก้มผมแทน เขาบี้จนแก้มย่นปากยู่แล้วก็จูบปากผมเบาๆ แต่ไอ้จูบเบาๆ นั่นมันเกิดขึ้นชั่วพริบตาเท่านั้นแหล่ะครับ พอจ้องกันอีกครั้ง ผมก็โดนกินเรียบร้อย บอกแล้วไงครับว่าตอนอยู่บนเตียง สิ่งเดียวที่กินได้ก็คือคนเท่านั้น และผมก็ต้องเป็นฝ่ายโดนกินเสมอ ฮึ่ย! อย่าให้ปากกูกว้างมั่งนะ!

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-01-2013 22:41:06

วันอาทิตย์แล้วครับ
พระอาทิตย์ถีบผมตกเตียงแต่เช้า ใช่ครับ ผมตื่นเพราะถูกถีบตกเตียง ตีนใครคงไม่ต้องสาธยาย ไอ้พี่หนึ่งนั่นแหล่ะ ก็เมื่อคืนนี้ผมจุ๊บจิ๊บเสร็จแล้วผมก็นึกร้อนก็เลย นอนแยกออกมาตรงขอบเตียง อุตส่าห์กะระยะห่างไว้ให้มากกว่าความยาวของขาเขาแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็ไม่รอด

“อือออ ถีบเจมอ่ะ”

“ก็เจมไปนอนห่างพี่เอง ขอโทษ ขอโทษ” เท่านี้แหล่ะครับ พอเขาขอโทษ ความเจ็บแค้นเคืองโกรธของผมก็ไม่สามารถก่อตัวขึ้นเป็นพายุได้ ผมยันตัวเองขึ้นมานอนบนเตียงอีกรอบแล้วก็ถูกดึงไปกกกอดให้ผมกับที่เขารักผมเหลือเกิน อืม ก็อุ่นดีนะ แต่ว่า..เมื่อคืนก็เพิ่งโดนกกไปไม่ใช่หรอวะครับ

“พี่หนึ่ง แล้วที่นัดไอ้จิวไว้ล่ะ ไม่รีบหรอ?”

“เออ จริงด้วย”
“เจมไปมั้ย?”

“เจมขี้เกียจเดิน”

“ขี่หลังพี่ก็ได้” ประชดมาขนาดนี้ผมก็ต้องไปสิ มผเงยหน้ามองเขานิดเดียวก็ซุกหน้าผากชนอกเขาต่อ นายคฤณลูบหลังเปลือยเปล่าของผมเบาๆ แล้วนายปรอทก็ทำหน้าที่

“มีไข้รึเปล่า? ทำไมตัวอุ่นๆ”

“อยากให้เจมเลือดเย็นหรอครับ”

“ไม่ตลกนะครับ เห็นพี่ขำหรอ? หือ?”
“ไหน มาวัดไข้ดีๆ ก่อน” หมอจำเป็นงัดตัวผมขึ้นนั่งแล้วก็อังหน้าผาก อังคอ ลูบหน้าอก อืม...อีกนิดกูได้อารมณ์ขึ้นแต่เช้าแน่ หยุดไล้ได้แล้วโว้ย!

ผมเบี่ยงตัวหนีแล้วบอกอาการ “เจมไม่ป่วยหรอก พี่หนึ่งไปอาบน้ำสิ บอกจิวว่าห้ามสาย พี่สายเองหมายความว่าไง” ผมทวงถามสิทธิ์ให้ไอ้พี่ชาย นายคฤณขยี้หัวผมแล้วก็พาตัวเปลือยๆ ไปเข้าห้องน้ำ ครับ...ที่นึกภาพนั่นแหล่ะถูกแล้ว นายคฤณเปลือย อย่าถามผมว่าอายมั้ยที่มองตาม เพราะคำอธิบายว่ามากมันหมดโลกแล้ว!


ผมปล่อยให้นายคฤณไปเดทกับไอ้จิวตามลำพังครับ จริงๆ ก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ อยากไปด้วยจะตาย ก็นะ เดินเที่ยวกับไอ้จิวแสนสนุกเพราะมันชอบซื้อนั่นนี่ปรนเปรอผม ส่วนนายคฤณก็เอาใจผมเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าไปกับ 2 คนนี้ ผมเชื่อมั่นว่าผมต้องกลิ้งกลับบ้านแน่ๆ

แต่ว่าทำไมถึงไม่ไปกับพวกเขาน่ะหรอครับ?
ก็เพราะว่า พี่ปูโทรหาผมตอนสายๆ แล้วบอกผมว่า เคลียร์งานให้เร็วหน่อย พรุ่งนี้ให้เอาเอาท์ไลน์มาให้พี่สาวดู พี่สาวนี่คือพี่บก.ใหญ่ที่ดูแลข่าวครับ พี่ปูเป็นบก.บห ใหญ่กว่าแต่ไม่ก้าวก่ายเรื่องข่าวครับ

ผมไม่รู้เหตุผลที่พี่ปูทวงงาน แม้ว่ากำหนดส่งจะยังไม่มาจ่อก้นผมก็เถอะ แต่การที่แกโทรจี้หางานแบบนี้ก็แสดงว่าผมต้องทำให้เสร็จและทำให้ดีจริงๆ ผมก็เลยให้นายคฤณพาไอ้จิวเที่ยวตามอัธยาศัย ส่วนผมนั้นไซร้ ปั่นงาน!!


ตกเย็น ผมก็ขับรถผมกลับบ้านครับ ส่วนนายคฤณไปรออยู่ที่บ้านแล้ว ทำอาหารกินกันเองตามประสา 3 คนแม่ลูก .... เอ่อ...ทำไมเหมือนผมเป็นคนนอกไปขอข้าวบ้านเขากินเลยวะ?

บรรยากาศที่ผมแอบมองอยู่ดูดีมากๆ เลยครับ แม่ผมยิ้มแก้มปิดตาเชียว ไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองก็เดินเพ่นพ่านไม่ได้กลัวว่าจะโดนหน้าแข้งใครฟาดเอาเลย ส่วนไอ้จิวก็ลงมือเข้าครัวด้วยตัวเอง นานแล้วที่มันไม่ได้ทำอาหาร ทั้งที่ฝีมือมันเลอค่ามากๆ ครับ

ผมเดินเข้าบ้านและแสดงตัวว่ากลับมาถึงแล้วด้วยการกอดแม่แล้วก็อุ้มหมาเล่น แต่พอมาล้างมือในห้องน้ำบนห้อง นายคฤณก็รี่มากอดผมทันทีที่ออกจากห้องน้ำ แล้วก็หอมแก้มผมให้ผมเขินเล่นแล้วเหลียวมองประตูห้องทันทีว่าปิดดีแล้วหรือยัง

“อะ อะไรครับ?”

“พี่กับรชา คุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ดูเหมือนมันจะไฟเขียวให้พี่เป็นแฟนเจมเต็มตัวแล้วแหล่ะ”

“หรอครับ? ไปพูดยังไงให้มันเลิกหวง”

“หึ! ก็แค่ตอบมันตามตรงนั่นแหล่ะ คนขี้สงสัย พอถามจนได้ทุกคำตอบแล้วมันก็ประมวลผลได้เองว่าความจริงที่มันต้องการคืออะไรกันแน่”
“แล้วมันก็เชื่อแล้วว่าพี่รักน้องมันจริงๆ เท่านี้แหล่ะ”

“ฟังดูง่ายจัง”

“แต่ยากมาก ขอบอก!” ฟ้องอยู่รึเปล่าเนี่ย? ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็พาเขาลงมากินมื้อเย็นกันตามประสาครอบครัว มือนี้นายคฤณมีเซอร์ไพรส์ให้พี่บ้านผมด้วยครับ เขามองหน้าแม่กับไอ้จิวแล้วก็พูดว่า “ป๋าอิจฉาใหญ่ที่หนึ่งได้กินแต่ของอร่อยของบ้านนี้ บอกว่าวันหลังจะมาขอสูตรอาหารครับ”

แม่ผมยิ้ม ผมก็ไม่รู้ว่าแม่รู้ความนัยรึเปล่า ส่วนไอ้จิวนี่ยิ้มแล้วพยักหน้ากับตัวเองอย่างพึงใจ ผมหรอ? นั่งตะแคงตูดกินข้าวอยู่ครับ ไอ้พี่หนึ่งทำผมหาที่ยืนไม่เจออีกแล้วสินะ

ดูเหมือนปมชีวิตวัยเด็กที่เป็นน้องชายติดพี่ชายของไอ้จิวจะคลายแล้ว มันไม่พันแข้งพันขวาพี่หนึ่งเป็นหมารนหาตีนเจ้านาย นายคฤณเองก็เข้าหาแม่ผม แล้วทำตัวเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน ดูแลทั้งแม่ ทั้งไอ้จิว แล้วก็ผม หมาอีก 2 ตัวนี้ถือว่าได้อานิสงมาแต่เกิดแล้วครับ

คืนนี้เขาขอให้ผมไปส่งที่บีทีเอส เพราะพรุ่งนี้เขามีงานเช้าตรู่ที่ไซท์ระยอง ต้องรีบนอน ผมก็เพิ่งรู้ตัวนี่แหล่ะว่าผมเป็นตัวกวนเวลานอนของเขา แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้เป็นฝ่ายสะกิดเขาก่อนเลยนะ มีแต่เขานั่นแหล่ะที่ชอบจุ๊บจิ๊บตอนตีหนึ่ง

ผมปล่อยไอ้จิวให้ปิดบ้านปิดไฟ ส่วนตัวผมก็มาอาบน้ำบนห้องและเตรียมตัวนอน ระหว่างที่กำลังยีหัวสะบัดน้ำออกจากหัวตัวเอง ก็มีเสียงเคาะประตูและเสียงไอ้จิวตามมาว่า “เจม คุยกับจิวหน่อยดิ”

ผมเปิดประตูให้มันเข้ามา ทันทีที่เห็นผมมันก็โอบผมไว้แล้วกอดแน่นๆ ครั้งนึงแล้วปล่อยออก ผมก็งงสิ!
“อะ...อะไรของจิววะ เหี้ย ตกใจหมด”

“เออ กูเห็นแล้วว่าเหี้ยตกใจ” ด่าผมอีกจนได้ ผมมองมันเซ็งๆ แล้วก็เดินไปนั่งเช็ดหัวต่อที่เตียง

“ชา...” ชื่อนี้...แสดงว่าเรื่องที่มันจะพูดเกี่ยวกับนายคฤณแน่นอน ผมมองมันตาแป๋ว แต่ไอ้แฝดเหมือนของผมกลับหน้าขรึม
“ไม่เคยมีใครเรียกเจมแบบนี้ นอกจากพี่เก๋ แล้วก็เฮียคลิน แต่ชื่อชา มีคุณค่าสำหรับจิวก็เพราะเฮียนั่นแหล่ะ”
“จิวไม่ใช่พี่ที่ดีนักหรอก เพิ่งรู้สึกว่าต้องรู้จักปกป้องน้องชายก็เพราะเฮียสอน”
“สำหรับจิวแล้ว เฮียแม่งยิ่งกว่าพ่ออีก ก็นะ พ่อเราไม่อยู่สอนเรานี่ว่าต้องใช้ชีวิตยังไงถึงจะเรียกว่าลูกผู้ชาย”
“เจมพิเศษมากนะ”

“พล่ามมานี่ ต้องการอะไร เจมงงนะ”

“ไม่มีอะไรหรอก จิวรักเจมนะ อยากให้มีความสุข มากๆ ด้วย อะไรที่ทำให้เจมมีความสุข จิวก็จะทำทั้งหมด แต่ว่า...เรื่องคบกับเฮียคลิน จิวไม่มั่นใจว่ามันจะเป็นทางที่มีความสุข”
“โลกนี้มันกว้าง เราไม่รู้หรอกว่าความสุขที่เรายึดไว้ พอไปเยียบในโลกของคนอื่นมันจะถูกเรียกว่าอะไร เพราะฉะนั้น เจมต้องมั่นใจว่าที่คว้าอยู่นี้มันคือความรักที่ทำให้เจมมีความสุขจริงๆ”

“อือ”

“ตอนนี้ก็รับปากกันหน้าชื่น พิสูจน์มันตอนที่เจอปัญหาดีกว่านะเจม”
“กับเฮียคลิน จิวก็พูดไปแล้ว วันนี้แหล่ะ”
“แล้วเฮียก็ดีมาก พูดซะยืดยาว ด่าจิวทั้งนั้นว่าขี้หวงเกินเหตุ”
“เชื่อป่ะ จิวเชื่อเขาทุกคำเลย เชื่อว่าถ้าเจมอยู่กับเขา คำว่ารักของเจมกับเขา มันจะแทนค่าได้ด้วยคำว่าตลอดกาล”

ผมมองหน้ามันนิ่ง ที่มันพูดมาดูอลังการมาก ผมเองยังไม่เคยคิดอะไรไกลขนาดนั้นเลย แต่เมื่อมันอุตส่าห์แสดงความเชื่อมั่นในความรักของผมกับนายคฤณขนาดนี้แล้ว ผมคงต้องกล่าวอะไรสักอย่างใช่มั้ย

“จิว...เจมก็...ก็แค่คนธรรมดา ความรักเจมมันก็เรื่องธรรมดา”
“ถ้าเขารักเจมต่อไปนานๆ มันก็ดี เจมก็มีความสุข แต่ถ้าวันนึงมันจางหายไป จิวก็เชื่อเถอะว่าเจมจะไม่เป็นไร เจมจะอยู่ได้ เจมก็จะมีความสุขกับความรู้สึกอื่นแทน”
“อีกอย่างนะ เจมมีแม่ มีจิว เท่านี้ก็ดีสำหรับเจมมากแล้ว”

“ยังไงก็เถอะ จิวก็อยากให้เจมมีความสุขตลอดไป ไม่ว่าจะกับใคร หรือสุขจากอะไรก็ตาม”

“ขอบใจว่ะ”

“ก็มึงเป็นน้องกูนี่” มันปิดท้ายแล้วเดินไปตบหัวดังแป๊ะ ไอ้เหี้ยเจ็บ...เฮ้ย! ไอ้เหี้ยจิว กูเจ็บ! มันเดินลอยชายออกไป หลังจากทำเรื่องหน้าอายไว้กับหน้าผากผม ครับ มันโน้มตัวมาหอมหน้าผมแล้วตีจาก




เช้าวันจันทร์มาเยือนผมพร้อมกับอารมณ์ดีๆ
การเจอไอ้ต้อมแต่เช้าที่ร้านกาแฟใต้ตึกเป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะไอ้เพื่อนตัวนี้มันจะเล่าวีรกรรมสุดสัปดาห์ให้ผมฟังอย่างเมามัน และเรื่องเล่าขของไอ้ต้อมเช้านี้ก็คือ “เมื่อคืนกูไปกับเดอะแกงค์มา บ้านผีเว้ย ไอ้เหี้ยโคตรรสนุกอ่ะ โกยกันชิบหาย แล้วสัดอาร์มแม่งเสือกสติแตก สตาร์ทรถไม่ได้ แม่งบอกกุญแจหาย จากที่พวกกูกลัวผีแดกตับ แม่งก็โกยกันไปเส้นทางเดิมเพื่อหากุญแจรถมัน สรุป กุญแจแม่งไม่หายหรอก อยู่ไหนรู้มั้ยมึง?”

ผมส่ายหน้า เพื่อนแกงค์ทีวีของมันก็ส่ายหน้าครับ ไอ้ต้อมทำหน้าเอือมให้พวกผมรู้ว่ามันเซ็งไอ้อารมณ์เพื่อนมันขนาดไหน แล้วก็บอกว่า “ส้นตีนมัน”

“หือ??”

“เออ! แม่งเอากุญแจไว้ในรองเท้าผ้าใบ มันบอกว่าประสาทสัมผัสที่ส้นตีนนี่ดีสุด เป็นทุกสิ่ง เพราะงั้นเชื่อการรับรู้ของตีนมันได้ มันจะต้องรู้สึกตลอดเวลาแน่ๆ ว่าเหยียบกุญแจอยู่ทุกอณูการโกย”


“แล้วมันไม่รู้ตัวเลยหรอ? หากันนานมั้ยมึง”

“ก็ผีออกตีสามใช่ป่ะเจม พวกกูหากุญแจกันถึงตีห้า แม่งไม่เจอ ก็กองๆ กันอยู่บนกระบะรถนั่นแหล่ะ แล้วก็ปวดเยี่ยวกันก็ปวดก็เลยต้องอาศัยข้างทางข้างๆ วัดนั่นแหล่ะ แล้วพอรถหลวมๆ บางตัวแม่งก็ถอดรองเท้าปล่อยกลิ่นตีน ไอ้อาร์มก็ถอดด้วย นั่นแหล่ะถึงเจอกุญแจรถ แม่งโคตรส้นตีนลิขิตชีวิตพังเลยว่ะ” เสียงหัวเราะขำขันดังขึ้นรอบตัวพวกผมเชียวครับ ไอ้ต้อมก็เล่าไปอารมณ์เสียไปขำไป

เล่าจบก็เปลี่ยนนิทานยามเช้ากันใหม่ คราวนี้เป็นวีรกรรมพี่แป๋มเมา เจ้าตัวที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเพิ่งเดินสะโหลสะเหลขึ้นตึกไปเองครับ ไอ้เก่งเป็นคนเล่าวีรกรรมพี่แกให้ฟัง บอกว่า “พี่แป๋มแม่งลากกูไปกินเหล้า ก่อนไปก็บอกกูดิบดี พี่ขับรถมางั้นงี้ เดี๋ยวไปส่งกูที่คอนโด กูก็หลวมตัวเชื่อคนแก่ แม่งเอ๊ย 3 แก้วเมา แล้วไงรู้มั้ย ผัวกับลูกโทรตาม กูต้องหิ้วปีกมาพาขึ้นแท็กซี่แล้วจดที่อยู่บอก ถึงบ้านว่าบุญชิบหายแล้ว นี่แม่งเสือกไปมีเรื่องกับแท็กซี่ หาว่าเขาขโมยรองเท้า ไอ้เหี้ย กูนี่วิ่งวุ่นทั้งวันเพื่อตามหารองเท้าคู่ละ 390 ให้แก แม่ง คราวหน้ากูไม่ไปด้วยแล้ว ต่อให้เลี้ยงเหล้ากูก็ไม่ไป”

“แล้วถ้าพี่แป๋มใส่รองเท้าล็อคส้นตีนล่ะ”

“เออ ถ้าใส่ไอ้รองเท้าแบบนั้นได้กูก็จะไปด้วย” ไอ้ห่าเก่งแม่งสารเลว แดกเหล้าฟรีย่อมมีเงื่อนไขเก็บซากคนจ่ายอยู่แล้วนี่หว่า ใครๆ ก็รู้ ผมไม่ได้เล่าอะไรเพราะเล่าไปเพื่อนจะแตกตื่นเปล่าๆ เราเห่าหอนกันไม่นานไอ้แอมก็เดินมาสมทบ มันกอดคอผมแล้วโน้มหน้ามาดมกาแฟที่เหลือติดก้นแก้ว

“ไงมึง” มันทักผมแล้วยิ้มให้ ตัดผมมาใหม่ซะหล่อเชียวไอ้ห่านี่

“ก็ดี เออ! เห็นหน้ามึงแล้วนึกถึงพี่ปูเลย กูขึ้นออฟฟิศก่อน ต้องส่งงาน”

“งานไรวะ? มีอะไรเดดไลน์ช่วงกลางเดือนหรอ?”

“งานเขียนเล่มหนังสืออ่ะมึง พี่ปูบอกขอดูเอาท์ไลน์ 100% เลย นี่กูปั่นช่วงเสาร์-อาทิตย์แทบไม่ได้นอน”

“หรอ? เออ กูก็โดนเรียกมาแต่เช้าเหมือนกัน” ไอ้แอมบอกผมแล้วก็ทำหน้างงๆ ให้กันและกันมอง พอรู้สึกว่าใกล้เผ่าพันธุ์ปลากัดเข้าไปทุกที ผมก็หันหน้าหนีแล้วชวนมันขึ้นออฟฟิศทันที ไม่ลืมพยักหน้าชวนไอ้แอมให้ขึ้นไปพร้อมๆ กัน

8 โมงเช้าถือว่าเช้ามากๆ สำหรับอาชีพนักข่าวอย่างผม แต่พี่บก.และโปรดิวเซอร์ข่าวทีวีนี่นั่งประชุมกันแล้วครับ ผมวางกระเป๋าที่โต๊ะประจำแล้วก็เดินไปห้องพีเอ็นทันที แกรอผมอยู่ก่อนแล้วครับ

“สวัสดีครับพี่ปู”

“อ้าว! มาแล้ว ดีเลย ข่าวดีต้องบอกกันตอนเช้า เอาฤกษ์เอาชัย” สงสารไอ้ฤกษ์กับไอ้ชัยเหมือนกันครับ โดนเอาแต่เช้า เย้ยย ไม่ใช่!

ผมยิ้มรับและนั่งลงที่เก้าอี้ตามมือที่เชื้อเชิญ ซองขาวถูกเลื่อนมาตรงหน้าผม ไอ้เหี้ย! เอาไอ้ฤกษ์กับไอ้ชัยเสร็จแล้วก็ไล่ผมออกเลยหรอ? ผมเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมองแก แกก็หัวเราะใส่เอิ๊กอ๊าก แล้วก็แกะซองขาวที่ไม่ได้ปิดผนึก ดึงกระดาษแผ่นขาวออกมายื่นให้ผม

ผมยื่นมือไปรับทั้งที่ยังงง พออ่านข้อความในเนื้อจดหมายนั้นแล้วก็แทบลืมหายใจ

หนังสือถึงสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ สายข่าวเศรษฐกิจ
ผู้ทำเรื่องถึงคือกองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์รายเดือนที่ผมทำงานมามากกว่า 4 ปี
เรื่อง ส่งตัวนายชานนท์ อริยะกุล เข้าโครงการศึกษาดูงานสื่อเศรษฐกิจที่ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 8 เดือน

“จริงๆ จะมีการสอบสัมภาษณ์อีก”
“เล่มเรา พี่ส่งไป 2 ชื่อ อีกคนก็...”
“นั่นไง มาพอดี แอม มาเลยครับมาเลย” ผมเบี่ยงตัวหันไปมองไอ้แอมที่กำลังหดตัวออกไปเพราะเห็นว่าผมคุยกับพี่ปูอยู่ มันตะแคงตัวเข้ามาใหม่แล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับมองหน้าพี่ปูเกร็งๆ

สีหน้าผมโง่แค่ไหนตอนเห็นซองขาว ไอ้แอมสะท้อนให้ผมเห็นแล้วครับ มันเองก็คงงงชิบหายเหมือนกัน พอมันอ่านเนื้อความแล้วก็หันมองหน้าผมทันที มีหน้ามาชะโงกมองจดหมายในมือผมด้วย ตำแหน่งที่มันมองก็คือตำแหน่งที่มีชื่อผมแปะอยู่

“เอาล่ะหนุ่มๆ เห็นเรื่องกันแล้วก็คงงงกันน่าดู”
“จริงๆ โครงการนี้มีทุกปีแหล่ะจ้ะ เวียนกันไปตามหัวหนังสือพิมพ์ แต่ละปีจะมีโควตา 1 ที่ แต่ปีนี้มี 3 คงเพราะเขาเห็นว่าประเทศแถบเราตื่นตัวเรื่อง AEC และการทำข่าวแบบ Convergence ล่ะมั้ง ซึ่งก็โชคดีของเรามากที่มีแนวทางจะปรับองค์กรให้เป็น Convergence มากขึ้น”
“พี่ส่งชื่อเราไป 2 คน เจมกับแอม หัวอื่นก็ส่งเหมือนกัน แต่คิดว่าเราไม่น่าพลาด เพราะปีนี้มันโควต้าเล่มเราพอดี ส่วนจะได้ทั้ง 2 คนรึเปล่า แล้วแต่กรรมการเขาเลือกนะ”

ผมกับไอ้แอมมองหน้ากัน คำว่าคู่แข่งผุดมาในหัวมันรึเปล่าผมไม่รู้ แต่คำนี้ไม่ผุดมาในหัวผมหรอก มีแต่คำว่า “ไปด้วยกัน” เท่านั้นแหล่ะ

“เท่านี้แหล่ะที่จะบอก เพราะงั้น เจมกับแอมก็ใช้เวลาเจียระไนความคิดและความต้องการของตัวเองให้ดี ภายใน 1 เดือนนี้ทางสมาคมจะติดต่อมาเรื่องเวลาสอบสัมภาษณ์ ผลงานเก่าๆ พี่คัดส่งไปให้แล้ว แต่ของเจมนี่ พี่จะเอาเล่มล่าสุดที่เจมได้เรียบเรียงส่งเป็นผลงานให้”
“พี่ไม่ได้ถามก่อนว่าอยากไปหรือไม่อยากไป เพราะพี่คิดว่าโอกาสนี้มันใช้ความอยากตัดสินไม่ได้ มันเป็นโอกาสที่เราจะได้ไปเรียนรู้โลก พี่ถึงสนับสนุนให้ไป เพราะงั้น สิ่งที่ควรคิด ไม่ใช่ว่าอยากไปหรือไม่อยาก แต่ต้องคิดได้แล้วว่าจะไปตักตวงอะไรจากโอกาสครั้งนี้บ้าง”

“ครับ/ครับ” ผมกับไอ้แอมตอบพร้อมกันแล้วก็พับจดหมายเก็บลงซองและถือติดมือไว้ พวกผมไหว้ลาพี่ปูแล้วเดินออกจากห้อง ต่างคนต่างก็มองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไร

ผมเป็นฝ่ายหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะทำงานผมก่อน แต่ไอ้แอมกลับคว้าไล่ผมไว้ก่อน

“อะไรวะอ๋อมแอ๋ม?”

“ถ้าได้ไปกันทั้งคู่ก็ดีเนอะ โอกาสนี้กูเฉยๆ แต่ถ้ามันเป็นโอกาสที่จะได้ไปกับมึงนะอัญ กูว่ามันโอเคมาก”

ผมยิ้มให้มันนิดนึงแล้วก็เดินกลับโต๊ะ
ในหัวผมไม่มีคำที่ไอ้แอมเพิ่งแสดงความยินดีที่อาจจะได้มีโอกาสไปด้วยกันเลย
ผมเอาแต่คิดว่า ผมจะบอกนายคฤณว่ายังไงดี?



Cut


แอ่นแอ๊นนนน
ยังไม่ได้สอบค่ะ วันนี้เลื่อนสอบเป็นอาทิตย์หน้า แต่พรุ่งนี้ยังสอบอยู่ เพราะงั้น ลงกันไว้ป้องกันการลืมเรื่องนี้ก็แล้วกันเนอะ ^^

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 26-01-2013 23:13:59
ลากยาวเลยอ่าตอนนี้
ฮาเจมก่อนนะ เรื่องที่จิวทำตัวล้อมหน้าล้อมหลังพี่หนึ่ง
ฮาตอนพี่หนึ่งพูดกับจิวตรงๆด้วย555

เอาล่ะสิ มีเรื่องต่ออีกแล้ว จะมีปัญหามากมั้ยนะ ถ้าไปอังกฤษอ่ะ
หนักใจล่งงหน้าเลยได้ป่าวเนี่ย

สู้ๆนะ จุ๊บ!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 26-01-2013 23:39:31
หนูเจมได้ลำบากใจอีกแล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 26-01-2013 23:42:00
เฮ้ยยยยยยยย TAT
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-01-2013 00:54:21
ไม่อยากให้เป็นรักแท้แพ้ระยะทางเลย T_T
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: akera ที่ 27-01-2013 01:37:06
เจม จะบอกพี่หนึ่งยังไงหนอ

ตามไปอยู่ด้วยเลยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 14 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 01-02-2013 22:54:35
หวังว่าหลังวันอาทิตย์จะมาต่อน้า รอๆๆอยู่จ้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 21/1/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-02-2013 23:42:33
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 15



“พี่ครับ พี่”
“ตึกม.1 ไปทางไหนครับ” ที่หนึ่งหันหาเสียงเรียก เขาก้มหน้าลงนิดนึงเพื่อมองเด็กใหม่กางเกงน้ำเงินที่กำชายเสื้อเขาเอาไว้แน่น

เด็กฝาแฝด...ไม่เจอนานแล้วแฮะ เขาส่งยิ้มให้เด็กทั้งคู่แล้วก็ชี้นิ้วบอกทิศทาง ตั้งใจจะยืนมองให้แน่ใจว่าเด็กแฝดหาตึกเจอก่อนค่อยไป เพื่อนก็ส่งเสียงเร่งเสียก่อน

“ไอ้ที่หนึ่ง มองอะไรวะ? เร็ว!”

“มองแฝดว่ะ”

“แฝดเอาไว้ก่อน เร็วๆ ดิ บราเดอร์มงคลรอ” เขาพยักหน้าเข้าใจแล้วก็เดินตามพิชยะไปในที่สุด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวหลังกลับมามองคู่แฝดหน้าขาวตาใสที่เดินจูงมือกันไป เห็นแล้วอิจฉาเหมือนกัน


ม.5 แท้ๆ แต่กิจกรรมกลับมากล้นพ้นหัว ที่หนึ่งปาดเหงื่ออยู่หน้าห้องชมรม เขาเพิ่งยกกลองเสร็จหลังจากที่เพิ่งวิ่งวุ่นวายไปหาบราเดอร์ที่ปรึกษาเพื่อบอกเรื่องกลองชุดใหม่มาส่ง แล้วเดี๋ยวเขาต้องไปหาพวกเตะบอลต่ออีก เพิ่งรู้ว่าพวกเพื่อนนัดแตะบอลกับแก๊งค์กางเกงดำ และชื่อเขาก็ดันโผล่เป็นกองหน้าตัวจริงเสียด้วย

“เฮ้ยที่หนึ่ง เร็วๆ ซ้อมๆ”

“เออๆ รู้แล้ว” เขารับลูกแล้ววิ่งแบกเสื้อซึมเหงื่อลงสนามบอล แต่หางตากลับสะดุดเข้ากับเด็กชายหน้าขาวๆ ข้างสนามเสียก่อน

“อ้าว! ไอ้แฝด”

“หือ? พี่” เด็กแฝดรับคำทักเขาแล้วทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลังเพื่อวิ่งมาหา เขายิ้มให้มันเพื่อทักทาย มันก็รู้งานยกมือไหว้แล้วแนะนำตัว
“นี่ชื่อรชานนท์ นี่ชื่อไร?” ภาษาบ้าอะไรของมันวะ? ที่หนึ่งขำนิดๆ แล้วบอกชื่อตัวเองบ้าง

“คลิน”

“คลินแปลว่าอะไรอ่ะ ชื่อแปลกๆ”

“ก็แปลกให้มึงถามไงไอ้รชานนท์”

“เรียกรชาก็ได้เฮียคลิน สั้นๆ”

“นี่สั้นแล้วหรอ?”

“อื้อ แต่ถ้าอยากเรียกสั้นกว่านี้ก็เรียกชา แต่ผมไม่หันหรอกนะ ไอ้เจมนู่นนนนน ที่จะหัน” เจม? เขาเลิกคิ้วใส่แล้วถามเพิ่ม

“ใครล่ะ เจมน่ะ”

“น้องผมไง ชื่อชานนท์ ชื่อเจม นี่ชื่อรชานนท์ ชื่อจิว” ไอ้พูดมากเอ้ย! เขาหัวเราะใส่แล้วยกมือลาเพื่อถลาลงสนามบอลที่มีเพื่อนรออยู่ด้วยท่ากอดอกกระดิกตีน ที่หนึ่งหันมองที่โต๊ะม้าหินข้างสนามบอล และยังคงเห็นแฝดหน้าขาว ใส่แว่นเตะบอลอยู่กับเพื่อนไม่กี่คน



“เฮีย!! เฮียคลิน” เสียงไอ้รชาแว่วมาแต่ไกล นี่มันเวลาพักของม.ปลาย ไอ้ม.ต้นหน้าขาวนี่ยังเสร่อมาวุ่นวายอีก เขาหยุดรอและปล่อยให้เพื่อนไปซื้อข้าวก่อน ส่วนตัวเองขอยืนกอดอกรอไอ้ตัวดีวิ่งติดสปริงข้อเท้ามาหา

“เบาๆ นมหกหมด”
“มาไง ไม่เรียนหรอมึง?”

“เลท 10 นาทีเอง เดี๋ยวบอกบราเดอร์ว่าท้องเสีย”
“เฮียๆ เย็นนี้ผมเตะบอลด้วยนะ นี่เดาะได้ 10 ทีติดแล้ว”

“ยังกระจอกอยู่เลย พี่ที่ไหนเขาจะให้เล่น”

“ก็ถ้าเฮียบอก เพื่อนเฮียก็เล่นด้วยเองแหล่ะ”

“จะติดสินบนเฮียหรอไอ้รชา”

“ก็ขอดีๆ ก่อนแล้ว เฮียเล่นตัวนี่”
“นะ เฮีย น้า น้า”

“อ้อนตีนนะมึง”
“แล้วนี่น้องมึงไปไหน?”

“นั่งกินนมอยู่นั่นไง” เขามองตามือมัน เห็นเด็กหน้าเหมือนมันนั่งดูดนมอยู่เงียบๆ หัวโด่แบบนั้นเด่นชิบหาย ดึงดูดสายตาอีกต่างหาก เขาละสายตาออกห่าง วูบหนึ่งที่รู้สึกเหมือนสบตากับเด็กคนนั้น แต่เหมือนเขาจะคิดไปเอง

“งั้นเย็นนี้มาหาเฮียอีกทีก็แล้วกัน”
“ไปเรียนได้แล้ว พาน้องมึงไปด้วย ไปส่งน้องก่อน”

“น้องผมไม่ได้ง่อยนะเฮีย”

“แต่นั่นน้องนะ”
“มึงเป็นพี่ไม่ใช่หรอ? ได้เป็นพี่แล้วไม่ทำหน้าที่ มึงก็โกงนะ”
“ไปดิ”

“ก็ได้ แต่เฮียต้องให้ผมเล่นบอลด้วยเย็นนี้นะ”

“เออ รอให้เหงือกแห้งนะมึง กว่าพวกกูจะเลิก ไหนจะติวตอนเย็นอีก”

“รอได้ รอได้”


คำว่ารอได้ของไอ้รชาก็คือรอจริงๆ หลายวันแล้วที่เขาเลิกติวช้า แต่พอลงมาก็ยังเจอไอ้รชานนท์นั่งแกร่วโยนหินเล่นอยู่ใต้ตึกม.ปลาย ที่หนึ่งขอโทษรุ่นน้องอยู่ทุกเย็น แต่มันก็ไม่เคยโกรธ จะเซ้าซี้อยู่แค่ไม่กี่คำว่า “ได้เล่นรึยังเฮียคลิน วันนี้จะเล่นบอลกันมั้ยเฮียคลิน” เขารู้สึกผิดแต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ จนสุดท้าย เขาก็ต้องยอมเตะบอลกับมันโดยลากคอเพื่อนสนิท 4-3 คนมาเล่นด้วยกัน

จากอาทิตย์ละ 1-2 วัน กลายเป็นเล่นกับมันแทบทุกวันในตอนเย็น ตอนเช้าก็เจอกันอีกบ่อยๆ กลางวันนี่เจอกันได้ที่ร้านค้าเพราะมันพาน้องมาซื้อนมกิน

“เฮี่ย!” เสียงทักทายไม่น่าแปลกใจเท่าวันนี้มีเด็กหน้าเหมือนมันตามตูดมันมาด้วย

“อะไร”

“เลี้ยงนมได้ป่ะ นะ”

“เอาดิ ให้น้องมึงด้วย” ที่หนึ่งมองปฏิกิริยาเด็กอีกคนที่หน้าเหมือนไอ้รชา เด็กคนนั้นเงยหน้ามองเขาแล้วกระพริบตาปริบ จากนั้นก็ก้มหน้าไปเหมือนเดิม

“ตัวเอาอะไร”

“เหมือนจิวแหล่ะ”

“ตัวขอบคุณเฮียสิ เฮียเลี้ยงนะ”

“ขอบคุณ” พี่ให้พูดก็พูดตาม น่ารักดีว่ะ ที่หนึ่งคิดอยู่กับตัวเอง เขาเลิกคิ้วมองเด็กแฝดน้องที่ยังคงยืนนิ่ง เห็นไม่ขยับเสียทีก็เลยผลักไหล่เบาๆ

“ไม่กินหรอ?”

“กิน เอา....”

“ชาหยิบเองสิ”

“ชาจะกินนมอะไร เดี๋ยวพี่หยิบให้ก็ได้” เขาพูดป้องคำดุของไอ้รชาที่มีให้น้องชาย แฝดน้องมองหน้าเขาแล้วกระพริบตาอีก 2 ปริบแล้วก็เอื้อนเอ่ย

“กินนมจืด”

“หน้าตัวยังจืดไม่พอหรอ? กินช้อคโกแลตเหมือนเราสิ”

“ไอ้รชา! อย่าทำแบบนี้กับน้องสิ”
“ชาจะกินนมจืดใช่มั้ย? โอเค” เขายิ้มใจดีให้แล้วยื่นมือไปจับหัวอีกฝ่ายแล้วโคลงไปมา แฝดน้องเสยตามองเขาแล้วก็ยิ้มให้ พวงแก้มจับกันกลุ่มดูแล้วคิดว่าน่าจะนุ่มกว่าแก้มไอ้ลูกหมารชานนท์แน่ๆ

เขายื่นนมให้แล้วมองรอรอยยิ้มที่อาจจะได้เห็นอีกรอบ แต่เด็กชายชานนท์ก็เพียงแค่ก้มหน้างับหลอดแล้วดูดม๊วฟๆ ไม่ได้สนใจเขาอีกเลย

“เย็นนี้ผมรอนะ”

“รอเฮียทุกเย็น น้องมึงกลับบ้านค่ำไปด้วยไม่ใช่หรอ? รีบกลับบ้านไปเถอะ”

“ต้องรอรถที่บ้านมารับอยู่แล้ว มาเมื่อไหร่ก็กลับเมื่อนั้น เฮียไม่ต้องห่วง”
“ชาก็อยู่ได้ใช่มั้ย?”

“อืม”

“แล้วชาไม่เบื่อหรอ?” เขาถามแฝดอีกคนที่ไม่ได้ใส่แว่น แต่ก็ไม่ค่อยเงยหน้ามองโลกนี้มากนัก อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขาแป๊บเดียวก็ก้มตามเดิม แต่ก็ส่ายหน้า

“ไม่เบื่อจริงอ่ะ ทำอะไรรอไอ้รชามันล่ะ อ่านหนังสือหรอ?”

“อยู่นิ่งๆ เจมชอบอยู่นิ่งๆ ได้คิด”

“เจม?....ชาชื่อเล่นชื่อเจมนี่”
“เนอะ”

“..........”

“เฮียยยยย!”
“ปวดเยี่ยวอ่ะ ไปก่อนนะ เย็นนี้นะเฮียนะ เล่นกัน”

“เออเออ!” เขารับคำแฝดพี่แล้วส่งยิ้มให้แฝดน้องที่โดนลากข้อมือวิ่งลับกลับตึกเรียนไปทันที ที่หนึ่งอมยิ้มนิดแล้วก็หันกลับไปมองตู้นม เขาเลือกซื้อนมจืดทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาว่ามันไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่นัก



“เฮียยยยยยยคลิน” มาอีกแล้วไอ้ลูกหมาแสบ เขายิ้มเอือมรอมันวิ่งกระหืดกระหอบมาหา ทุกกลางวันไอ้รชาจะถ่วงเวลาตัวเองจนได้เจอเขาก่อนมันถึงจะขึ้นตึก บางทีก็ขอให้เลี้ยงขนม เลี้ยงนม บางวันก็มานัดแนะว่าเย็นนี้จะเล่นอะไร จะตามเขาไปที่ไหน และทุกวันเขาก็จะกำชับไว้ว่า อย่าเอาแต่เล่นสนุกจนลืมดูน้อง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันฟังเขาบ้างรึเปล่า

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้ไข่คู่” เขาแกล้งทำเป็นตกใจที่เห็นหน้ามัน ไอ้ลูกหมาทำหน้าหงิกให้เป็นของตอบแทน

“ชื่อรชานนท์ เรียกดิเฮีย”

“เออ! ไอ้ไข่คู่”

“ไอ้เฮีย!” มันเถียงแล้วกระโดดขึ้นขี่คอ เขาหัวเราะเบาๆ แต่พอเริ่มเจ็บที่มันบิดหูก็ดีดกะโหลกมันเข้าให้ แล้วก็สลัดตัวมันลงจากหลัง

“แล้ววิ่งมาแบบนี้ได้ไง ทิ้งน้องหรอไอ้รชา”

“น้องผมไม่ได้ง่อยนะ เฮียเฮีย ผมอยู่ชมรมด้วยนะ นะ น้า”

“มึงจะเล่นอะไร?”

“กีตาร์!”
“ตีกลองปังๆๆๆๆ” ที่หนึ่งหัวเราะเอือมเด็กแสบที่ส่งเสียงตึงตังอยู่ตรงหน้า เขาเขกหัวมันแล้วด่า

“สัด! ตีกลอง ไม่ใช่ยิงปืน”

“นั่นแหล่ะเฮีย นะ นะ ให้ผมเข้าชมรมนะ”

“เออเออ เดี๋ยวบอกไอ้พีชไว้ให้ แล้วน้องแฝดล่ะ เข้าด้วยกันมั้ย? ทิ้งน้องหรอมึง”

“ถามแล้ว ชามันไม่เล่น มันจะเข้าชมรมอยู่นิ่งๆ”

“ส้นตีน พ่องมึงตาย ชมรมห่าไรนั่นไม่มีหรอก”

“อย่าพูดงี้นะเฮีย พ่อผมตายแล้วหนักส่วนไหนเฮียหรอ?” เขาออกจะอึ้งๆ เมื่อได้ฟังความ เด็กแฝดคู่นี้ไม่มีพ่อแล้วหรอเนี่ย รู้สึกเศร้าแทนยังไงไม่รู้

“ไอ้รชา พ่อมึง....”

“ตายแล้ว”
“แม่บอกรีบ” แต่ไอ้ตัวนี้มันเข้าใจความหมายของความตายแน่รึเปล่าวะ? แลไม่สะทกสะท้านเลย เขาไม่ถามเรื่องพ่อมันต่อและรับปากเรื่องรับมันเข้าชมรมที่เขาเป็นประธานอยู่ และแม้แฝดตรงหน้าจะไม่แสดงอาการเสียใจเรื่องพ่อที่จากไปแล้ว แต่เขาก็ยังอดห่วงไปถึงแฝดอีกคนไม่ได้

เด็กคนนั้น ที่มีดวงตาเหงาๆ แบบนั้นเพราะไม่มีพ่อนี่เอง
เขาคิดว่าเขาเข้าใจ เพราะเขาเองก็เป็นเด็กที่ขาดเหมือนกัน


“เฮียคลิน มาเตะบอลกัน”

“เฮียต้องติว ม.6 แล้ว จะเอนท์อยู่รอมร่อ”

“โห่เฮียคลินอ่ะ เฮียเก่งไม่ใช่หรอ? ไม่อ่านไม่ติวก็ทำได้”
“นะเฮียน้า น้า” มันออดอ้อนแล้วก็ปลิ้นตัวหนีจากมือเขาที่คว้าคอเสื้อมันเอาไว้ ที่หนึ่งรีบย้ำแรงแล้วสั่งเด็กแฝดอีกรอบ

“ไปตามน้องมึงมาเล่นด้วยกันสิ ให้อยู่ในชมรมพอดีเป็นใบ้”
“น้องมึงทำไมไม่ค่อยพูดมากเหมือนมึงเลยวะไอ้รชา ไม่ได้นะ มึงอย่าแย่งน้องพูดหมด ให้ชาพูดบ้าง”

“เฮียอ่ะ!”

“ไปตามมา เร็ว”  สุดท้ายมันก็ยอมไปตามเหมือนที่เขาบังคับให้ทำทุกๆ วัน ซึ่งก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง และไม่รู้วันนี้จะได้ผลรึเปล่า

ที่หนึ่งนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะม้าหินเพื่อรอเวลากลับบ้านของตัวเอง เสียงเรียกเขาดังแว่วมาแต่ไกล ไอ้รชาวิ่งลากมือน้องข้างหนึ่ง ลากกระเป๋าข้างหนึ่งแล้วก็ลู่ลมลงสนามบอลไป ปล่อยน้องชาของมันไว้ไม่ห่างเขานัก

“ชา นั่งรอรชามันแถวนี้สิ”

“..........”

“หิวรึเปล่า พี่พาไปซื้อขนมเอามั้ย?”
“ม.2 แล้ว เราสูงขึ้นกี่เซ็นต์ วัดรึเปล่า?”

“เปล่า แต่จิวบอกผอมลง”

“อืม ก็ผอมลงจริงๆ กินเยอะๆ สิ กำลังโต” ที่หนึ่งสะดุ้งนิดๆ ที่จู่ๆ ใบหน้าที่ก้มต่ำเป็นนิสัยก็เงยขึ้นมองเขากะทันหัน หัวใจเขาเต้นตึงตังเมื่อเด็กชายชานนท์คลี่ยิ้มให้แล้วงุบงิบปากบอกขอบคุณ

แฝดน้องไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับเขา แต่เลือกนั่งรอพี่ชายที่โต๊ะม้าหินติดๆ กัน การบ้านถูกแผ่ทำเป็นบางวัน ซึ่งบางวันเขาก็ชะโงกตัวไปดูว่าทำได้มั้ย ถ้าเห็นว่าทำไม่ได้ก็จะช่วยสอน

เด็กคนนี้มองหน้าเขาบ่อยขึ้น ยิ้มให้มากขึ้นแต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากเรียกเขาก่อนสักวัน เรียกได้ว่าหากที่หนึ่งไม่ชวนคุยก่อนก็แทบไม่ได้คุยกันเลย แม้จะอยู่ในระยะใกล้กันมาตลอดก็ตาม

เขาคิดว่าคงเข้าใกล้เด็กกำแพงสูงได้แค่นี้ แต่เขากลับคิดผิด เมื่อวันสอบวันสุดท้ายของชีวิตเด็กม.ปลายมาถึง
ทั้งที่ม.ต้นสอบเสร็จตั้งแต่ครึ่งวันเช้าแล้ว แต่สี่โมงเย็นที่เขาเดินลงมานั่งที่ม้าหินตัวเดิม ชานนท์กลับเดินเข้ามานั่งที่ม้าหินโต๊ะเดียวกันแล้วก็ยิ้มให้

“พี่หนึ่ง” หัวใจเขาพองแทบระเบิด ไม่รู้มันเป็นอะไรเหมือนกัน แต่พอได้ยินเสียงชานนท์เรียกว่าพี่หนึ่งแล้วมันเหมือนมีใครเป่าลมเข้าไปในใจเขาเพิ่ม

“ชา...ยังไม่กลับบ้านหรอ? สอบเสร็จตั้งแต่เที่ยงนี่”

“พี่หนึ่ง เรียนจบแล้วใช่มั้ยครับ?”

“หือ? อื้อ...ถ้าไม่ตกวิชาไหนซะก่อนนะ”

“ขอบคุณนะครับ” เด็กเงียบๆ พูดเท่านี้แล้วก็เดินมาจับมือที่หนึ่งเอาไว้แน่นๆ มือเล็กๆ กำมือใหญ่กว่าของเขาเอาไว้ใน 2 อุ้งมือแล้วโยกมือไปมา
“ขอบคุณครับ” เด็กคนนี้พูดเท่านี้ แต่สายตากลับสื่อความหมายมากมาย เขาไม่ได้ถามว่าขอบคุณเรื่องอะไรบ้าง เพราะเขาเชื่อว่าเขารู้ว่าชานนท์คนนี้ขอบคุณเขาเรื่องอะไร



“พี่หนึ่ง พี่หนึ่ง” ผมเรียกเขาหลายรอบแล้วเขาก็ไม่ตื่นเสียที นายคฤณยังคงหลับลึก กอดหนังสือติวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยแนบอก โน้ตบุ้คก็เปิดคาเอาไว้ เสื้อผ้ายังไม่ได้เปลี่ยน มีแค่คลายเนคไทด์ไว้หลวมๆ เท่านั้น

“ท่าจะเหนื่อยจริงๆ” ผมละเลิกการแงะมือเขาออกจากหนังสือแล้วก็ตรงรี่ไปปรับแอร์ให้อยู่ในสภาพที่โมเลกุลของกายหยาบเขารู้สึกอิ่มเอม ใช่ครับ 23 องศา

จากนั้นก็ลงมือต้มซุปผักง่ายๆ เตรียมไว้รอรับนายคฤณกลับจากพักร้อนที่ดาวอังคาร
ทำเสียงกุกกักอยู่ไม่นาน นายคฤณก็งัวเงียตื่นขึ้นแล้วนั่งหัวยุ่งบนโซฟา เขาส่งเสียงเรียกผมเบลอๆ ผมเลยต้องรีบโผล่หน้าไปหาให้รู้ว่า อืมมม เจมเอง ไม่ใช่โจรพ่อครัวที่ไหนหรอก

“เจมมาเมื่อไหร่ครับ? หือ?”

“เจมต้องถามพี่หนึ่งมากกว่าว่าเหนื่อยมาจากไหน หลับเป็นตายเลย เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
“ไปล้างหน้าก่อนดีกว่าครับ เจมทำซุปผักกาดเอาไว้ให้”

“ขอบคุณครับ” เขาพูดแล้วจ้องตาผมนิ่งๆ วันนี้แววตาเขาลึกซึ้งมากกว่าวันไหนๆ ที่เล่นจ้องตากัน

“พี่หนึ่งเป็นอะไรรึเปล่า?”

“คงเป็นนิดๆ น่ะ เมื่อคืนก่อนพี่กลับบ้าน ไปเจอพวกหนังสือตอนอ่านเตรียมเอนท์แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้”

“อะไรหรอครับ?” เสือกครับเสือก ฮ่าๆ ความลับคนอื่นคืออาหาร

“ฝันดีมา 2 คืนแล้ว เพราะนึกได้นั่นแหล่ะ ไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เป็นไปแล้ว พี่ก็ไม่รู้ว่าลืมไปตอนไหน แต่ชื่อนั้นพี่จำได้มาตลอดเลยนะ รู้สึกว่าชื่อนั้นพิเศษ เจอใครชื่อนี้เป็นต้องหันมองตลอด”

“ชื่ออะไรครับ? ใครหรอ? พี่ฝันถึงใครเนี่ย?”

“รักแรกของพี่” ผมขนลุกนิดๆ ตอนที่เขาตอบ นายคฤณมองหน้าผมนิ่งอีกต่างหาก หรือว่าเขาไม่อยากให้ผมเสือกเรื่องนี้กันหว่า

แต่เอ๊ะ! รักแรกของเขาชื่อชานนท์ ก็คือผมไม่ใช่หรอ? แล้วนี่ไปฝันถึงใคร อะไรวะเนี่ย? หลายใจนะเรา
ผมขยี้หัวคิ้วเข้าหากันแล้วจ้องหน้าเขา

“รักแรกของพี่หนึ่ง ชื่อชานนท์ไม่ใช่หรอครับ?”
“ก็...ก็เจมไม่ใช่หรอ?” ผมถามหน้าด้านๆ เลย นายคฤณอมยิ้มและไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขายขยี้หัวผมแล้วดึงไปกอดพร้อมกับพูดให้ผมงงเล่นว่า “พี่ชอบชานนท์ก่อนจะมีรักแรกชื่อชานนท์อีก ตลกดีเหมือนกัน ถ้านึกได้เร็วนี้คงดีเนอะ” น้ำเสียงมันฟูไปด้วยความสุข ผมฟังแล้วก็สุขไปด้วยเลยไมได้ห้ามปรามอะไร แม้จะรู้สึกงงอยู่นิดๆ และคิดอยากหาตัว “ชานนท์” ที่เขาชอบก็ตาม

“อื้อ แล้วที่เจมบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะปรึกษาล่ะ พี่ขอโทษนะ ช่วงนี้ประชุมงบตลอด ไม่มีเวลาให้เจมเลย”
“แต่นี่ก็เคลียร์ได้เยอะแล้ว เหลือแค่ออดิท ว่าไง มีเรื่องอะไรครับ?” ผมกลายเป็นฝ่ายกลืนคำพูดบ้างเมื่อเจอเขาถามตรงๆ

เอาเข้าจริงผมก็ไม่รู้จะเกริ่นยังไงดี บอกแม่ยังง่ายกว่า เพราะแม่พร้อมเข้าใจผม สนับสนุนผม หรือถ้าเหงาก็บินไปหาผมได้ ไม่มีซอกหลืบในใจมุมไหนของผมที่แม่ไม่รู้ ผมเองก็เหมือนกัน

แต่กับนายคฤณ ผมเป็นห่วงและยังไม่อยากรับกับผลที่จะตามมาหากบอกให้เขารู้เรื่อง
แม้จะรู้เลาๆ ว่าเขาไม่ขวางทางเจริญผม แต่ว่า รักระยะไกลมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหล่ะมั้งครับ
ถ้าได้ไปจริง ผมก็อยากเคลียร์ทุกอย่าง การจะติดปีก ข้อเท้าก็ไม่ควรมีบ่วงอะไรพันไว้ใช่มั้ยครับ

“หือเจม เรื่องอะไรหรอที่จะปรึกษาพี่”

“อ่อ...คือ...ถ้าเจมขายรถ จะได้กำไรเยอะรึเปล่าครับ” คนหล่อหน้างงเป็นงี้นี่เอง เขาคงวางสีหน้าไม่ถูกสุดๆ แล้ว ผมหัวเราะแล้วบอกเขาว่าไม่ต้องใส่ใจ ยังไม่รีบขายตอนนี้หรอก แล้วผมก็ชิ่งไปหลังเคาท์เตอร์ครัวต่อ

ผมไม่กล้า ผมป๊อด ผมกลัวผลที่จะตามมาแม้ผมจะแน่ใจว่านายคฤณจะดีกับผมทุกสถานการณ์
นี่ผมกลัวอะไรกันแน่นะ?


“กินซุปร้อนๆ นะ เจมทำไว้ให้ คืนนี้เจมคงกลับคอนโดน่ะครับ มีงานเร่ง”

“หรอ? งั้นพี่ไปนอนเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่หนึ่งก็งานเยอะนี่นา เจมไม่ใช่เด็กๆ แล้วก็ไม่ได้ง่อยด้วย เชื่อป๋านะตาหนึ่ง” ผมแกล้งล้อชื่อตาหนึ่งที่แม่ชอบเรียกแล้วก็ลากเขามากินซุปที่ผมอุตส่าห์ทำไว้ให้

การได้เห็นเขาตักซุปเข้าปากแล้วอมจนแก้มป่องก่อนกลืน แล้วก็ยิ้มให้ผมจนตาหยีแต่ก็ยังดูหล่อทำให้ผมรู้สึกมีความสุข แต่ก็สุขแบบหงอยๆ

ผมจะได้มองรอยยิ้มของเขานานอีกแค่ไหนกันนะ?

“พริกไทยเพิ่มได้มั้ย? พี่รู้สึกเหมือนพี่จะเป็นหวัด กินแก้เคล็ดไว้ก่อน”

“ตำราไหนครับคุณคฤณ”

“ตำราป๋าคนินครับ” อย่างงครับ ป๋าคนินก็คือพ่อของเขานั่นแหล่ะ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ซึ่งใหญ่กว่าซีเอฟโออย่างนายคฤนเสียอีก คนนี้แหล่ะที่ผมเกรงขาม ไม่ได้กลัวตำแหน่ง แต่เกร็งเพราะเขาเป็นพ่อนายคฤณนั่นแหล่ะครับ
“อื้อ! เสารนี้ว่างมั้ยเจม” จู่ๆ เขาก็สะดุ้งตัวถามผม ผมกรอกตาทวนตารางงานส่วนตัวที่ขีดๆ วงๆ ไว้ที่ปฏิทินบนโต๊ะทำงาน

“คิดว่าไม่มีนัดอะไรนะครับ พี่หนึ่งจะชวนไปไหนหรอ? ไกลป่าว?”

“ไม่ไกลหรอก บ้านพี่”
“ไปกินข้าวกับป๋าพี่นะ”
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-02-2013 23:50:56
อึ้งแดกเป็นงี้นี่เองสินะ
“อืมมม เดี๋ยวเจมเช็คอีกทีก่อนนะ” ผมหลบตาแล้วคิดหาทางถ่วงเวลาไว้ก่อน

“เลี่ยงหรอ? ทำไมครับ? ไม่อยากเจอป๋าพี่หรอ”

“เปล่า ไม่ได้เลี่ยงซักหน่อย”

“ไม่เลี่ยงก็ไม่เลี่ยง งั้นเดี๋ยวเจมเช็คเวลาเจมทีนะครับ แล้วบอกพี่ พี่จะได้ไม่นัดป๋าเก้อ”

“เอ่อ...แล้ว แล้วทำไมต้องเจอป๋าพี่หนึ่งด้วยครับ? มีธุระอะไรให้เจมช่วยรึเปล่า”

“ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอก” นายคฤณตอบแล้วยิ้มเว้นช่วงพูดเสียยาว ร้อนถึงผมต้องเบิ่งตาถามระหว่างตักซุปเข้าปาก
“บอกป๋าไว้ว่าจะพาคนสนิทไปให้รู้จัก”

“คนสนิท?”
“แฟน? หรือมือขวากันล่ะครับ” ผมแกล้งพาหลงทางทั้งที่เขาพูดตรงเผงจนไม่มีมุมให้หลบ

“แฟนสิ เจมไง”

ไม่พร้อมแฮะ จะเสาร์นี้หรือเสาร์หน้า หรือเสาร์ที่สองของปีหน้าผมก็ไม่พร้อมหรอก
เขาจะพาผมไปรู้จักป๋าของเขา จะบอกป๋าเขาว่าคบกับผม
จะบ้าเรอะ!!!!
ผมไม่คิดว่าป๋าเขาจะยอมรับผมหรอก แล้วผมก็ไม่ต้องการมีชีวิตดราม่าด้วย
ถ้าเผื่อเขาขอให้ผมเลิกกับลูกชายเขา รับรองว่าผมทำให้ไม่รับค่าจ้างด้วย
ได้โปรดเถอะนายคฤณ นายชานนท์คนนี้ยังไม่พร้อมจริงๆ!

“เอ่อ...พี่หนึ่ง มันต้องแนะนำด้วยหรอครับ?”
“เจมว่า เราเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่”

“เป็นแบบนี้คือเป็นยังไงครับ? พี่ก็ไม่เห็นว่าการบอกป๋ามันจะทำให้เราไม่เป็นแบบเดิมตรงไหนนี่”

“เจม..เจม”

“เจมทำไมครับ?”

“เจมไม่พร้อมหรอกครับ”
“คือ!” ผมรีบฉวยจังหวะอธิบายเพิ่มเมื่อเห็นเขาวางช้อนตักซุปแล้วกอดอกฉับ ท่าเตรียมงอนครับ
“คือเจมยังไม่พร้อม ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้พี่เข้าใจความรู้สึก แต่เจมไม่ใช่พี่หนึ่งที่พร้อมให้แม่เจมรู้เรื่องของเรา พร้อมจะบอกทุกคนในทุกๆ มุมของพี่ เจมไม่ใช่คนชอบเปิดเผยอะไรขนาดนั้น”
“แล้วเจมก็ไม่คิดว่า เรื่องของเราจำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่รู้”

นายคฤณดูอึ้งไปครับ เขาไม่คลายวงแขนที่กอดอกตัวเองไว้ ซ้ำยังถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตา ผมคิดอะไรผิดงั้นหรอ? ก็ผมไม่พร้อมนี่นา แล้วแค่ตอนนี้มันก็มีความสุขดีแล้ว

“พี่ไม่เข้าใจ การที่พี่อยากบอกผู้ใหญ่ก็เพราะพี่อยากให้เจมรู้ ให้ป๋ารู้ว่าพี่ตัดสินใจดีแล้ว พี่ให้เกียรติเจม ให้เกียรติป๋า ทำอะไรก็ไม่อยากปิดบัง ไม่ดีตรงไหน”

“ก็เจมไม่พร้อมเจอป๋าพี่นี่ครับ”
“เอาตรงๆ นะ ถ้าป๋าพี่รับเรื่องของเราไม่ได้และอยากให้เลิกกัน”

“พี่ไม่เลิก!”

“เจมเลิก”



โลกปิดสวิตซ์หรอ?
ทำไมดูอะไรก็มืดมนไปหมด
ผมยอมรับว่าใจหายที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ผมก็พูดไปแล้ว คำพูดเป็นนายผมแล้ว
นายคฤณจ้องหน้าผมเหมือนไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาหันหน้าไปมองทางอื่นแล้วส่งเสียงหัวเราะขื่นไม่กี่คำ เขาลุกจากโต๊ะอาหารไปอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวเขาสักพัก และปล่อยให้ผมทบทวนสิ่งที่ตัวเองโพล่งออกมาสักพัก

และเมื่อเขากลับมา เขาก็ถามสิ่งที่ทำให้ความเงียบเป็นเจ้าของห้องนี้เต็มตัว

“เจมรักพี่บ้างรึเปล่า?”

“..............”

“เจมครับ รักพี่หนึ่งบ้างมั้ย?”

“ถามทำไมครับ? ที่เจมทำมันไม่ได้บอกพี่หรอว่าเจมรู้สึกยังไง” ผมเถียงเบาๆ รู้สึกน้อยใจเหมือนกันที่เขาถามผมแบบนี้ ถ้าผมไม่รักผมจะนอนด้วยหรอ? ผมจะอยู่ใกล้ๆ เขาแทบ 24 ชั่วโมงต่อวันแบบนี้หรอ?

ถ้าผมไม่รักนายคฤณ ผมจะไว้ใจ วางใจ จนมีความสุขอยู่ทุกๆ วันกับเขาแบบนี้หรอ?

“ครับ พี่รับรู้ว่าเจมรับน้ำใจพี่ รับความรู้สึกดีๆ ของพี่ ไม่อึดอัดเพราะพี่ ไม่รำคาญพี่”
“แต่สิ่งเหล่านี้มันก็แค่องค์ประกอบ”
“ความรักคือการให้ อย่างน้อยๆ คนเกือบค่อนโลกก็เข้าใจตรงกันแบบนี้”
“ถ้าสิ่งที่เจมรู้สึกกับพี่คือความรักจริงๆ พี่คงรู้สึกได้ว่าพี่ได้รับความรัก”

“แล้วพี่หนึ่งไม่รู้สึกได้รับความรักหรอครับ ที่ผ่านมาทั้งหมด พี่ไม่รู้สึกหรอ”

“พี่รู้แค่ว่าเจมไม่ปฏิเสธ ถ้านั่นแปลว่ารัก พี่ก็จะดีใจ”
“แต่ถ้าแปลว่าก็ไม่ได้ลำบากอะไรที่พี่รักเจม พี่คง...ทำอะไรไม่ได้”
“หัวใจเป็นของเจมนี่”

ผมหนักหนังตาพิลึก
ซุปจืดๆ เย็นชืดหมดแล้ว กลิ่นหอมที่เคยคิดว่าจะทำให้เขายิ้มและชมผมไม่มีแล้ว
ผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขาก็ยืนที่เดิมเหมือนกัน
ผมไม่ได้โกรธเขา นายคฤณเองก็คงไม่ได้โกรธผมเหมือนกัน
เรากำลัง...อยู่นิ่งๆ เพื่อทบทวนสิ่งที่เราเดินผ่านมันมาหลายเดือน
ทบทวนว่าเราเดินอยู่บนกลีบกุหลาบแห่งรัก หรือทางหินขรุขระที่มีกลีบกุหลายโรยเอาไว้กันแน่

“ก็ได้ครับ ถ้าการไปพบป๋าพี่เสาร์นี้ มันบอกได้ว่าเจมรักพี่หนึ่ง เจมก็จะไป”

“ไม่เป็นไร พี่ว่าเจมทบทวนความรู้สึกให้ดีดีกว่า”
“พี่บอกแล้วว่าพี่จริงจัง ก็หมายความว่าพี่จริงจัง เจมคือคู่ชีวิต คนอื่นจะเรียกว่าคู่เกย์ คู่ขา พี่ก็ไม่แคร์”
“สิ่งเดียวที่พี่ต้องการคือเจม ทั้งหมด”
“ขอโทษที่เร่งเร้า เอาตามเจมสะดวกใจดีกว่า”

เขาไม่ได้ประชดผมเลยสักคำ แต่ผมรู้สึกว่าผมทำผิด ทำผิดกับเขามากๆ
นายคฤณแหวกความอึดอัดเข้าห้องนอนไป ผมก็เลยเก็บจานชามลงอ่าง ล้างให้ คั้นน้ำส้มเอาไว้ให้ จัดหายาที่คิดว่าเขาอาจจะต้องกินเอาไว้ให้เพราะเมื่อกี้เขาบอกว่าเขาคล้ายๆ จะเป็นหวัด

ผมมายืนที่หน้าห้องนอนเขา คิดจะเคาะประตูแล้วบอกว่าจะกลับแล้ว แต่ประตูห้องไม่ได้ปิดสนิท
ผมแตะประตูเบาๆ มันก็เปิดอ้าออก เผยให้เห็นนายคฤณนอนคว่ำอยู่บนเตียงที่เกลื่อนกลาดด้วยของอะไรเยอะแยะไปหมด ผมไม่รู้ว่าเขารื้อมันออกมาทำไม มีแต่พวกหนังสือติวข้อสอบเอนทรานซ์ ลูกบอลเยินๆ เฉลยการบ้านคณิตศาสตร์ม.2 นามบัตรชื่อว่าชานนท์ ลี้สกุล ซึงมันเป็นใครผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วก็มีกระดาษวาดรูปที่สเก็ตด้วยดินสอหนักๆ

รูปวาดแบบนี้ผมก็ชอบวาดเล่นตอนม.ต้นเหมือนกัน

ของพวกนี้คงเป็นตัวแทนความทรงจำของเขา
ความทรงจำา ผมไม่เคยเข้าใกล้
ในทางกลับกัน ความทรงจำของผม เขาก็ไม่เคยเข้าถึงเหมือนกัน

จากที่จะเอ่ยลา ผมตัดสินใจถอยหลังออกจากห้องนอนของเขา ออกจากห้องของเขาและซิ่งมินิกลับคอนโดตัวเอง
อารมณ์ของผมตอนนี้ว่างเปล่า ราวกับคนยืนคว้างกลางอวกาศกะทันหัน
ผมไม่รู้ว่าเรื่องของเขากับผมที่ผ่านมาหลายเดือนนั้น คือเรื่องจริงจังที่ผมต้องไล่ตามให้ทันและจริงจังให้เท่าทันเขาในที่สุด หรือเป็นแค่บททดสอบหนึ่งในชีวิตผมกันแน่

แต่หากมันคือบททดสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทดสอบเรื่องความรัก
ผมรู้แล้วว่าผมสอบตก

“เจมครับ รักพี่หนึ่งบ้างมั้ย?” เขาถามทำไมกันนะ แล้วเขาจะรู้รึเปล่าว่า “ผมคนนี้” ไม่รู้หรอกว่าจจริงๆ แล้วความรักคืออะไร?




ความรักคือการฝ่าฟันร่วมกัน คือการร่วมทางกัน  คือการใช้ชีวิตร่วมกัน
และหากผมฝ่าฟันได้แค่บางเรื่อง ร่วมทางได้แค่บางเวลา และใช้ชีวิตร่วมได้แค่บางส่วน
ผมรู้จักความรักหรือยัง?

ผมเซฟงานและปิดโน้ตบุ้คโดยไม่โหยหามันอีก
ตลอด 3 ชั่วโมงหน้าโน้ตบุ้ค ผมเขียนงานได้แค่ 2 ย่อหน้า ซึ่งมันน้อยมาก และผมต้องเร่งปิดเอาท์ไลน์ที่ถูกแก้มาให้เสร็จ เพราะงานชิ้นนี้พี่ปูจะใช้เสนอเป็นผลงานของผมสำหรับให้คณะกรรมการได้เห็นเพื่อตัดสินคัดเลือกคนไปอบรมต่างประเทศ

พี่ปูบอกว่ามันเป็นโอกาสครั้งใหญ่ แต่โอกาสครั้งงามนี้กำลังพ่ายแพ้แก่คำถามที่นายคฤณโยนใส่หัวผม
ผมเคยรักเขาบ้างมั้ย?
รักสิ ผมรักนะ
แต่ที่ไม่กล้าบอกเขาก็เพราะรู้ว่าความรักของผม มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความรู้สึกยิ่งใหญ่ของเขา

ผมเชื่อเรื่องความเท่าเทียม เรื่องแบ่งปัน
เพราะฉะนั้น ผมก็ขอตัดสินใจว่าความรักที่ชิ้นเล็กกว่าของผมนั้น ไม่คู่ควรไปประกบเข้าคู่กับความรักที่ชิ้นใหญ่โตของนายคฤณหรอก
เมื่อไม่คู่ควร ก็ไม่ควรคู่ ผมคิดแบบนั้น

แต่เพียงแค่คิด น้ำตาผมก็หยดแหม่ะ
ผมเศร้า สลด แต่ที่แย่คือผมไม่รู้ว่าผมเศร้าเพราะอะไรกันแน่
ระหว่างการระลึกรู้ความรู้สึกแสนหยาบและฉาบฉวยของตัวเอง กับการถูกตอกย้ำว่าที่ผ่านมา ผมเป็นฝ่ายที่เอาแต่ได้มาโดยตลอด

เที่ยงคืนกว่าแล้ว เขาหลับสนิทแล้วรึยังนะ?
ผมอยากได้ยินเสียงเขา อยากบอกสิ่งที่ลอยวนในหัวให้เขาได้รู้ และช่วยประมวลผลแทนผมทีว่าผมรักเขามั้ย
เบอร์นายคฤณเรียงตัวกันบนหน้าจอไอโฟน ตัดสินใจไม่นาน ผมก็วัดดวงโทรหาเขา
เอาเป็นว่า ผมจะหาคำตอบให้ได้ เราทั้งคู่จะได้เดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่ค้างคาและตบตาความรักอยู่แบบนี้

รอไม่นานเขาก็รับสาย น้ำเสียงเขาไม่งัวเงีย แสดงว่าเขาไม่ได้ถูกปลุกจากนิทราแสนหวาน

“เจมเองครับ”

“ครับ” เขาตอบสั้นๆ แล้วก็เงียบไป ผมเงียบตามและคิดจะตัดสายไปดื้อๆ แต่เขากลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“พี่อยู่หน้าห้องเจม”

หือ!!
ผมรีบเดินไปเปิดประตู ทันทีที่เห็นหน้าเขา ผมก็ตัดสายแล้วกระโดดไปกอดเขาไว้ ผมร้องไห้โดยที่ผมไม่รู้ตัว ผมไม่เคยรู้เลยว่าผมเป็นคนว้าเหว่และติดเขาเป็นลูกแหง่ขนาดนี้

“เจม...เจม”

“เข้าห้องก่อนนะ”
“อย่าร้องไห้สิครับ เจมร้องไห้ทำไม หือ?”

“เจม เจมขอโทษ” ผมรีบพูดเมื่อเขาปิดประตูห้องแล้วเสร็จ ผมกอดเขาไว้แน่น ทำให้เราขยับไปไหนไม่ได้นอกจากยืนเป็นไม้หลักปักเลน โงนเงนอยู่กลางห้องกันแบบนี้
“เจมเขอโทษ”
“เจมแย่เอง เจมแย่เอง เจมเห็นแก่ตัว”

“เดี๋ยวเจม เดี๋ยว ใหญ่โตไปรึเปล่า? พูดให้พี่รู้เรื่องหน่อยสิ”

“ก็เจม...เจมทบทวนดู ที่ผ่านมาเจมเอาแต่รับ พี่หนึ่งก็ให้เจมทุกอย่าง แต่เจมก็..ก็รักพี่เท่าที่พี่รักเจมไม่ได้”

“เรื่องแค่นี้เอง คิดมากทำไม”
“หนึ่งบวกหนึ่ง หรือหนึ่งจุดห้าบวกศูนย์จุดห้า มันก็เท่ากับสองทั้งนั้น”

“แต่ว่า แต่ว่าเจมก็ควรรักพี่มากกว่านี้”
“มากแบบพร้อมจะฝ่าฟันทุกอย่าง เจอปัญหาด้วยกัน แก้ปัญหาด้วยกัน”
“เจมขอโทษ แค่พี่ชวนไปหาป๋าเจมก็สับสนแล้ว เจมมันไม่ได้เรื่อง”

“ช่างเถอะ คนเราต่างที่มา พี่ก็ผิดที่คิดว่าความจริงจังของพี่ควรใหญ่โตถึงขั้นประกาศบอกป๋า”
“พี่เองก็แย่ ถ้าพี่ไม่แคร์ใครจริง พี่จะสนทำไมว่าป๋าจะยอมรับรึเปล่า จะหาวิธีทำให้ป๋าชอบเจมทำไม พี่ขอโทษนะ”

“แต่เจมก็ป๊อด ถ้าป๋าพี่ไม่ชอบเจม เจมก็จะไปจากพี่ให้ เจมไม่กล้าเป็นตัวถ่วงพี่หนึ่งหรอกครับ”

“พี่ไม่เลิก บอกแล้วไงว่าไม่เลิก”
“ถ้าพูดอีกพี่จะดีดปากให้เจ่อเลย”

“แต่ป๋าพี่นะ”

“พี่มีป๋าคนเดียว เปลี่ยนไม่ได้”
“ป๋ามีพี่คนเดียว เปลี่ยนไม่ได้เหมือนกัน”
“พี่รักเจม พี่ไม่เปลี่ยนใจ ป๋าเปลี่ยนใจพี่ไม่ได้ เปลี่ยนลูกก็ไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือเปลี่ยนมาชอบเจมของพี่”
“คิดเท่านี้ก็พอ นะครับ”

มันจะง่ายแบบที่เขาคิดหรอ?
ผมบอกตรงๆ ว่าหวั่นใจ

“แล้วก็...อย่าหนีพี่อีกนะ”
“ไม่ว่าจะคิดอะไร ยังไง จะทำอะไร บอกพี่”
“พี่ก็คงเข้าใจได้ทุกเรื่องไม่ได้ แต่ว่า พี่ก็อยากให้บอก”

“ก็เจมบอกไว้แล้วว่าจะกลับคอนโด ไม่ได้หนี”

“พี่หมายถึงการปฏิเสธไม่ไปเจอป๋าพี่ อย่าหนีแบบนี้อีก”
“ไม่พร้อมก็ไม่พร้อม อะไรที่ไม่สบายใจ พี่ก็ไม่บังคับให้ทำหรอก”
“ดูดิ สติแตกซะน่าเป็นห่วง”

“ก็พี่หนึ่งจริงจังนี่ จะให้เจมพูดได้ไงว่าไม่พร้อมทั้งชาติ”
“พี่พูดจาเหมือนจะให้ป๋าพี่แสกนเจมแล้วลงดาบตัดสินว่าเอาไม่เอา เจมกลัวนี่”
“เจมไม่มีอะไรไปเปลี่ยนใจป๋าพี่หรอก ถึงได้บอกว่าถ้าป๋าพี่ให้เลิก เจมก็จะเลิกให้”

ปั่ก!
ครับ เขาดีดปากผมเหมือนที่เขาพูดไว้ก่อนหน้า แม่งเจ็บอ่ะ!
ผมลูบปากตัวเองป้อยๆ ส่วนเขาก็มองผมตาเขียว นายคฤณไม่ชอบคำว่าเลิกจริงจังเลยครับ ผมมองเขางอแงแล้วก็ผละตัวออกมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา

เขาเดินมานั่งข้างๆ แล้วก็เอนตัวนอนหนุนตักผม มือยาวยื่นมาซับรองก้นแก้มผมไว้แล้วบี้เบาๆ

“พี่รักเจมนะครับ”

“ครับ เจมรู้แล้ว”

“แล้วรักพี่บ้างรึเปล่า”

“ก็..รักนะ คิดว่า”  นายคฤณหัวเราะให้คำตอบแสนกั๊กของผม ผมหลับตาลงหลังจากสูดลมหายใจยาว ผมเพิ่งเห็นเต็มตาว่าเขายังไม่ได้อาบน้ำเลย คงตื่นมาแล้วไม่เห็นผมก็เลยตามมาที่นี่ทันที

ตอนนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเขาถึงได้รักผมเหลือเกิน ก็ในเมื่อผมไม่ใช่คนน่ารักเลยสักนิด



เช้านี้ นายคฤณมาส่งผมที่ออฟฟิศด้วยรถของผมนั่นแหล่ะ เพื่อว่า เย็นนี้เขาจะได้มารับผมกลับคอนโดของเขาด้วยกัน เขากลัวผมหนี และก็บอกผมตรงๆ ด้วยว่ากลัวผมหนีขนาดไหน

“พี่ไม่อยากตื่นมาไม่เห็นเจมอีก” อื้อ! จริงๆ ผมก็ดีใจนะที่มีความหมายกับใครคนหนึ่งยามตื่นนอนขนาดนี้ แต่บางที ก็ควรเห็นคุณค่าพระอาทิตย์กันบ้าง

เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้นายคฤณจี้ถามผมถี่มากว่า “คิดอะไรอยู่ครับ?” “ เหม่ออะไรหรอ?” “มีอะไรยังไม่ได้บอกพี่รึเปล่า” แต่ยิ่งเขาเซ้าซี้ถี่เท่าไหร่ ไอ้สิ่งที่ควรออกจากปากผมก็ยิ่งม้วนตัวลงไปเกาะลูกกระเดือกผมไว้แน่น

“รอพี่มารับนะ อาจมืดหน่อยเพราะติดประชุม”
“อย่ากลับก่อนนะครับ”

“ครับ” ผมรับคำแล้วยิ้มรับอุ้งมือที่ยืนมาอุ้มแก้ม นายคฤนยืดตัวมาหอมหน้าผากผมแล้วปล่อยผมลงหน้าทางเข้าตึก แล้วก็ซิ่งรถจากไป
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 03-02-2013 23:58:35
“หวานละมุนละไม อยู่ทุกค่ำคืน ความทุกความรู้สึก ตื่อ ดึด ดือ ตือ ดื๊อ ดือออ” เสียงเปรตแซวผมครับ ผมตวัดตามองไอ้ต้อมที่ยืนกัดหลอดโอเลี้ยงมองผม มันจ้องตั้งแต่ผมลงจากรถแล้ว ผมเลยเดาว่ามันเห็นฉาก 18+ ในรถแน่ๆ

“อะไรของมึง” ผมแกล้งถามเสียงเขียวเพื่อกลบความอาย ไอ้ห่านี้ก็ไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินมากอดคอผมไว้แล้วกระซิบที่ซอกคอ

“อย่าดื้อกับพี่หนึ่งของกูให้มากนะมึง ดูแลให้ดี กูฝากด้วย” แล้วแม่งก็วิ่งตูดบิดน่าถีบจากไป ผมเลยได้แต่ด่าลมว่า “เชี่ย!” แล้วแม่งมีสิทธิ์อะไรมาฝากฝัง มันเบ่งไอ้พี่หนึ่งออกมาทางรูจมูกรึไง!
ผมส่ายหน้าเอือมระอาแล้วก็ขึ้นออฟฟิศผมเพื่อทำตามหน้าที่ของผมให้จบลงแบบดีที่สุด

ไอ้แอมมาทักทายผมแล้วก็วาดแผนการใช้ชีวิตของมันที่อังกฤษให้ผมฟัง หากมันถามผมสักคำว่าอยากรู้รึเปล่า ผมคงไม่น่าบูดเป็นตูดไก่ไหม้จนพี่ปูเข้ามาแขว่ะแบบนี้หรอก

“เป็นอะไรเจม ทำหน้าไม่รับแขก”

“มันเครียดครับพี่ปู สงสัยกลัวไม่ได้ไปเรียนต่อคู่กับแอม” สาระแนนะมึง ผมยิ้มแหยให้พี่ปูดู รายนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไรกับแก้มและหน้าผากผมนักหนา ชอบจับจริง

แกยื่นมือมาดีดแก้มผมเป๊าะๆ แล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะพูด
“พี่ก็ไม่อยากบอกหรอกนะ อยากให้ลุ้น แต่ว่าถ้ามันทำให้เครียดกันขนาดนี้ก็จะกระซิบให้”
“มันเป็นคิวโควตาเล่มเราพอดี”
“และเล่มเราก็เข้ากับธีมคอนเวอร์แจนซ์พอดีเหมือนกัน คิดว่าจะพลาดหรอจ๊ะ”

นี่ใบ้หรอ? คิดว่าบอกตรงๆ เสียอีก
ไอ้แอมแสดงสีหน้ามั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมจนผมอยากถามมันด้วยภาษาหมาว่าที่ผ่านมาหน้ามึงยังไม่จัดเต็มอีกหรอ?

พอพี่ปูเดินไปทักทายพี่ๆ คนอื่น ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของผม ปล่อยให้ไอ้แอมยืนเกี้ยวพาราสีผมต่ออีก 5 นาทีก็ตีจาก ทิ้งไว้แค่ชาแอปเปิ้ลไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น


บ่ายแก่ๆ ผมได้รับโทรศัพท์จากนายคฤณ บอกให้ลงมาหน้าตึกหน่อย มีของมาให้
ผมไม่ใช่คนว่าง่ายนักหรอก แต่จะให้เมสเซนเจอร์มารอเก้อมันก็ไม่สมควร กุลีกุจอลงมาให้แลดูว่ารีบแล้วผมก็ต้องมายืนรอของที่นายคฤณบอกไว้ร่วม 10 นาที

และของก็เลอค่ามาก คริสปี้ครีม...อืมมม เดินไปซื้อช้อคบอลในอุบนพันก็ฟินเหมือนกันมั้ยครับคุณ
ผมได้มาทั้งหมด 10 กล่อง ครับ กล่องบนสุด มีโน้ตเขียนแปะไว้ว่า “ฝากให้พี่ๆ ในออฟฟิศชานนท์ด้วยครับ” โอเค หลอกใช้กันก็ไม่รู้จักบอก

ผมกลับขึ้นมาที่ออฟฟิศอีกครั้งแล้วก็เดินแจกขนมตามโต๊ะเลยครับ “คุณคฤณฝากมาให้ทานกันครับ” ไม่ต้องบอกนามสกุลหรือบริษัท ทุกๆ คนในออฟฟิศก็ระลึกหน้าคนใจดีได้ทันทีครับ ผมเดินแจกจนถึงกล่องสุดท้ายก็ต้องชะงักมือไว้ เพราะมีกระดาษแปะไว้หน้ากล่องว่า “ของเจมอยู่ในนี้นะ ให้เจมคนเดียวนะครับ”

ความระแวงเกิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ นี่นายคฤณจะพิลึกถึงขั้นซ่อนแมลงสาบปลอม หรือจิ้งจกปลอมไว้ในกล่องรึเปล่านะ?
ผมเปิดฝาอย่างระมัดระวัง ในกล่องนี้มีโดนัทเหลืองนวลเพียงชิ้นเดียวนอนทับกระดาษซับน้ำมันแผ่นบาง
และผมจะไม่ยิ้มเลย หากว่าบนโดนัทไร้รูนั้นจะไม่ได้มีแหวนเสียบเอาไว้ราวกับทำหน้าที่ปรอทวัดความหวาน

โรแมนติครุ่นพ่อเกินไปนะไอ้พี่หนึ่ง
ผมหยิบแหวนพิงค์โกลด์เกลี้ยงลายขึ้นมอง ดูจากขนาดแล้วผมไม่รู้หรอกว่ามันจะพอดีนิ้วผมรึเปล่า เพราะผมไม่ค่อยใส่เครื่องประดับที่มือ เว้นนาฬิกาข้อมือเท่านั้น

ผมหย่อนตัวนั่งแล้วดึงทิชชู่เปียกมาเช็ดแหวน จากนั้นก็บรรจงสวมมันลงไปที่นิ้วชี้ข้างซ้าย
และก็พอดีเป๊ะ แต่ความไม่เจียมและอยากรู้ทำให้ผมถอดแหวนออกและลองสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย แน่นอนว่ามันหลวม

ดรึ๊ง!
เสียงข้อความส่งเข้ามา ผมแหง่ะตาดูโนทิสที่หน้าจอแล้วก็รีบเปิดอ่าน
นายคฤณส่งข้อความมาว่า “ใส่แล้วถ่ายรูปให้พี่หนึ่งดีใจด้วยนะครับ”

“เรื่องเยอะจังคุณคฤณ” ผมประชดเบาๆ แต่ก็ดึงแหวนมาสวมไว้ที่นิ้วชี้แล้วถ่ายรูปให้ดูโดยไม่ใช้แอพปรับแสงอะไรให้มากความ

ดรึ๊ง!
เขาส่งข้อความกลับมาว่า “ใส่นิ้วชี้ หมายถึงชอบบงการ งั้นพี่ให้เจมบงการเรื่องของเราได้ตามใจเลยครับ”
ผมอมยิ้ม และเดาว่าเขาเองก็นั่งอมยิ้มอยู่เหมือนกัน

ผมส่งกลับไปว่า “อย่าเยอะครับ ไม่ใช่ละอ่อนกันแล้ว” ฮ่าๆ  ขอแขว่ะเรื่องผู้ชายหลักสามกันนิดนึง ก็นะ คำพูดคำจามันจะพาย้อนไปอยู่วัยหัวเกรียนยังไงไม่รู้

ดรึ๊ง!
เฮ้ย! โทรมาเถอะ ผมกดอ่านข้อความ “รักเด็กดื้อ ก็ต้องบื้อตามเด็ก” โว๊ะ! ไม่ไหวแล้ว คุยกันเถอะ

ผมโทรกลับไปทันทีเลย สัญญาณว่าตรู๊ดดด ยังดังไม่จบดีก็กลายเป็นเสียงเขาเสียแล้ว

“พี่หนึ่ง! เยอะอ่ะ แล้วสำนวนอะไรเนี่ย? เชย!” เขาไม่ตอบอะไร แค่หัวเราะชอบใจแล้วก็ถามผมกลับมว่า

เจมชอบมั้ย?

“ไม่ชอบได้ไง แหวนร้านแม่เจมสวยจะตาย”

แล้วอ่านชื่อที่สลักรึยัง?

“อ่าว! มีด้วยหรอครับ เดี๋ยวนะ อ่านก่อน” ผมตามที่พูด แหวนถูกรูดออกจากนิ้วอีกรอบเพื่อเพ่งพิศ
ผมเป็นคำภาษาอังกฤษเรียงแถวไม่รอบวงดีว่า “First’s Love”

“เห็นแล้วครับ”

เข้าใจใช่ครับ?

“เข้าใจสิครับ เจมไม่ได้โง่มากนะ”

เข้าใจว่าอะไรครับ บอกพี่ทีสิ

“ความรักของที่หนึ่งครับ” ผมแปลความหมายตามที่เห็น ปลายสายเงียบไปจนผมเริ่มกลัวว่าจะปล่อยไก่ เอ๊ะ! หรือมันแปลว่ารักแรกธรรมดา

“พี่หนึ่ง...เจมเข้าใจไม่ถูกหรอครับ”

พี่สลักชื่อเจมต่างหาก
พูดเท่านี้ก็ตัดสายไป ปล่อยให้ผมจ้องอักษรบนแหวนแล้วก็นั่งเขินหน้าแดงอยู่คนเดียว
ไอ้บ้าพี่หนี่ง จะหวานเยิ้มทำไมว้า?


พอมีสิ่งแทนใจสื่อรัก ใจผมก็อิ่มเอมกับความรักมากขึ้น
เหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้ผมสติแตกแลดูไม่น่ากลัวแล้วสำหรับนายชานนท์ในตอนนี้ ผมได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยม ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่มีอุปสรรคใดที่ผมกลัวอีกต่อไปแล้ว

เอาล่ะ เขาเปิดเผย จริงใจ ใส่ใจผมขนาดนี้ ผมก็จะให้เกียรติเขาเหมือนกัน
คืนนี้ ผมจะปรึกษาเขาเรื่องไปเรียนต่อที่อังกฤษ แม้จะแค่ 8 เดือน และเชื่อมั่นว่าเขาไม่คัดค้านแน่ๆ ผมก็จะปรึกษา และจะให้น้ำหนักความเห็นของเขาถึง 50%


ตกเย็น เขาโทรหาผมอีกครั้งเพื่อย้ำว่าให้รอ ผมเพิ่งรู้ว่าวันนี้เขาไปไซท์ที่ระยองเพื่อจัดการเรื่องโรงไฟฟ้ากับชุมชนนิดหน่อน ตอนแรกก็บอกเขาแล้วว่าเดี๋ยวกลับเอง ไปเจอกันที่คอนโดเขาเลยก็ได้ แต่นายคฤณก็ไม่ยอม บอกว่า “พี่บอกแล้วว่าจะไปรับ ก็จะไปรับเจมให้ได้ รอพี่แป๊บนึงนะ” เมื่อเห็นความตั้งใจขนาดนั้น ผมก็เลยไม่ปฏิเสธและนั่งทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ

ไอ้ต้อมโบกมือลาผมกลับบ้านตอน 6 โมงกว่าๆ ส่วนไอ้แอมกลับไปตอนทุ่มกว่า ก่อนกลับยังอุตส่าห์ซื้อซาลาเปาไส้ครีมมาให้ บอกว่า “รองท้องก่อนนะมึง”

และตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบ 4  ทุ่มแล้ว นายคฤณก็ยังไม่มา ผมลองโทรหาแต่ปรากฏว่าติดต่อเขาไม่ได้เลย เดาว่าคงอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

ผมโทรหาไอ้จิว แล้วฝากมันบอกแม่ว่ากลับคอนโดตลอดอาทิตย์เพราะปั่นงานด่วน ซึ่งไอ้พี่ชายก็ดูจะเข้าใจดีจึงไม่ถามอะไรมากว่างานอะไรนักหนา ก็ดีที่มันไม่ถาม ผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกมันกับแม่เรื่องไปเรียนพ่วงอบรมสื่อเหมือนกัน

รออยู่จน 4 ทุ่มครึ่งโทรศัพท์ผมก็ส่งเสียงร้องจนผมสะดุ้งตื่น
ผมรับสายโดยไม่ได้ดูเบอร์ เสียงปลายสายไม่คุ้นหูเท่าไหร่ ซ้ำสำเนียงการพูดก็แปร่งๆ หูพิกล

“นายชานนท์ครับ ใช่รึเปล่าครับ?”

“อ่า ครับ ชานนท์พูด ใครครับ” เกิดมาไม่เคยมีใครเรียกผมว่านายหรอกครับ เว้นครูบาอาจารย์ที่เรียกขานเพื่อเช็คชื่อเข้าเรียนเท่านั้น

“นายคฤณให้โทรบอกว่า ไม่ต้องรอนะครับ กลับห้องดีๆ”

“หือ? แล้วพี่หนึ่งอยู่ไหนครับ? ทำไมไม่บอกผมเอง” ผมจี้ถามกลับ ปลายสายอึกอักนิดหน่อยแต่ก็ยังตอบ

“นายคฤณไม่ให้บอกว่าอยู่ที่ไหนครับ นายชานนท์กลับห้องเลยนะครับ นายคฤณบอกว่าให้รับปาก”

“ไม่ นายคฤณอยู่ที่ไหนครับ ให้มาพูดกันหน่อย” ผมสั่งเสียงเข้ม ไม่พอใจนิดๆ ที่เขาไหว้วานผมให้เป็นธุระของคนอื่น นี่มันยุ่งขนาดบอกผมสั้นๆ ไม่ถึงสิบคำไม่ได้เชียวหรอ?
“ให้นายคฤณมาพูด!”

นายครับ นายชานนท์ไม่ยอมครับ

วางไป!

อะ! อะไรวะ!!
วางไปคืออะไรกันวะ!
ผมโมโหปุดๆ ปลายสายตัดสัญญาณไปตามคำบอกกล่าวที่ผมได้ยินเมื่อครู่ แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะยอม ผมโทรจี้กลับไป กดโทรอยู่นานมากกว่าปลายสายจะยอมรับเสียงเรียกของผม ประเมินเวลาคร่าวๆ น่าจะราวครึ่งชั่วโมง

“ฮัลโหล”

“นายคฤณล่ะ! เอามาพูด!” ผมสั่งอย่างอารมณ์เสียและต้องการเอาชนะให้ถึงที่สุด ปลายสายเงียบไป แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน เสียงหอบหายใจ และเสียงที่สะท้อนให้เห็นภาพคนจอแจ

“ฮัลโหล”

“พี่หนึ่ง อยู่ไหนครับ?”

“ไม่ใช่นายคฤณครับ นายคฤณพูดไม่ได้ครับ อยู่ในห้อง”

“ห้อง? ห้องอะไร?” ผมซักต่อ แต่ปลายสายก็ทำให้ผมผิดหวังเพราะมันบังอาจตอบว่า “นายไม่ให้บอก”

“บอกมา จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา นี่ไม่ได้เอาเงินฟาดหัวนะ กำลังเอาเงินง้างปาก”
“บอกมาว่าพี่หนึ่ง หรือนายคฤณอยู่ที่ไหน บอกเดี๋ยวนี้!”

“คือ...นายไม่ให้บอกจริงๆครับ”

“เออ! งั้นก็ไม่ต้องบอกว่าเขาอยู่ไหน บอกมาว่านายน่ะอยู่ไหน” ผมแทนสรรพนามเขาแบบกดๆ หน่อย เพราะเขาเรียกผมว่านาย เรียกพี่หนึ่งว่านาย งั้นเขาคงเป็นลูกน้องหรือแรงงานที่จ้างไว้นั่นแหล่ะ

“อ๋อ ผมหรอ? ผมอยู่โรงพยาบาลครับ ในอำเภอเลย”

“นายไปทำอะไรที่นั่น” ผมจี้ถามอีก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพูดได้ทุกอย่างเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับนายคฤณ เขาก็เลยตอบผมว่า “ผมพานายมาหมอครับ มีเรื่องนิดหน่อย ดีว่านายไปช่วยไว้ ไม่งั้นพวกผมตายไปแล้ว นี่พวกผมก็ลุ้นอยู่ ขอให้นายไม่เป็นอะไรมาก หมอบอกเสี่ยงตาบอดด้วย โคตรน่ากลัวเลยครับ”

ไอ้เหี้ย! ตายคืออะไร! ตาบอดคืออะไร?
ราวกับใครมากระชากหัวใจผมลงไปใต้พื้นดิน มือไม้ผมอ่อนไปหมด ตอนแรกที่ยืนคุยเค้นอารมณ์เต็มที่ก็จำต้องนั่งลงตามเดิม

“อยู่ไหนนะ นายบอกว่าอยู่โรงพยาบาลอะไรนะ บอกชื่อมา บอก บอก! บอกเดี๋ยวนี้!!” ปลายสายตระหนกกับน้ำเสียงผม เขาบอกชื่อโรงพยาบาลที่เขาอยู่แบบที่คิดว่าผมน่าจะนึกภาพออก แต่สารภาพเลยว่าผมนึกไม่ออกหรอก ผมเคยไประยองไม่กี่ครั้ง และไม่เคยขับรถเองเลยสักครั้ง

เมื่อได้ข้อมูลมา ผมก็จัดการหาแผนที่จากกูเกิล เอาล่ะ ได้เส้นทางที่จะต้องขับรถไป จุดสังเกต หลักกิโลและห่าเหวอะไรก็แล้วแต่ที่มันโชว์ขึ้นมา ผมปรินท์แผนที่ที่เข้าใจมันได้มากที่สุด แล้วก็ทะยานออกจากออฟฟิศทันที!

ผมเรียกแท็กซี่กลับห้องเขาก่อน ผมต้องมีรถ และเขาก็ขับรถผมไป เพราะฉะนั้นผมก็ต้องมาพึ่งรถของเขานั่นแหล่ะ แม้จะไม่ชินกับรถหน้ายาวเลยก็ตาม

ยังไม่เที่ยงคืน ผมก็ทะยานอยู่บนถนนสุขุมวิท ขึ้นทางด่วนมอเตอร์เวย์ด้วยฝึเท้า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ผมรู้ว่าผมกำลังประมาท ไม่ประมาณตน ทำอะไรคิดน้อย แต่ผมคิดมากกว่านี้ไม่ได้ ผมตริตรองการกระทำนานกว่านี้ไม่ได้ ผมเกรงว่าจะไม่ทันการ

ผมกลัวว่าหากไม่รีบไป คำว่า “วางไป” จะเป็นคำสุดท้ายที่ผมได้ยินจากเขา

ทั้งที่เพิ่งคิดวนไปวนมาว่ารักเขารึเปล่า ที่รู้สึกกับเขาใช่ความรักมั้ย แล้วผมรู้จักความรักถูกต้องแน่แล้วหรอ
แต่ตอนนี้ ผมไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรอีก แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่ารักเขาแน่มั้ย? มากแค่ไหน และรักแท้จริงรึเปล่า แต่ผมก็ทะยานไปหาเขาด้วยความคิดที่แน่วแน่เพียงความคิดเดียวว่า “ผมเสียเขาไปไม่ได้”





cut


ลืมกันไปรึยังคะ?

T^T อย่าเพิ่งลืมเรื่องนี้กันน้าาาาา  :monkeysad:

ชดเชยที่หายไป ตอนนี้ลงตั้ง 3 Rep แน่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 04-02-2013 00:27:11
พ่่ีหนึ่งอย่าเป็นอะไรนะ ฮืออออ
เข้ามารอทุกวัน อย่าหาไปนานๆอีกนะไม่งั้นงอน :laugh:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 04-02-2013 00:36:41
ฮือออออออ
พี่หนึ่งอย่าเป็นอะไรนะคะะะะะ TT[]TT
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-02-2013 00:44:40
 :m15: พี่หนึ่งอย่าเป็นอะไรไปนะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-02-2013 00:56:52
พี่หนึ่งงงงงงงงงงงพี่หนึ่งเป็นอะไรไปแล้วเจมจะไม่ร้องไห้ฟูมฟายหรอ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-02-2013 01:50:34
 o22  พี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 04-02-2013 01:54:43
อย่าเป็นอะไรนะพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 04-02-2013 02:56:53
กะลังหวานเลย ไหงดราม่าซะงั้นอ่ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 04-02-2013 05:36:40
พี่หนึ่งทำเสียงเข้มใส่ได้ คงไม่ถึงตาย แต่เจมที่ขับรถเร็วขนาดนั้นด้วยอารมณ์ที่จะไปถึงให้เร็วที่สุดล่ะ
โฮ ลุ้นไปนะเนี่ย เรื่องจะไปอังกฤษยังไม่ทันเคลียร์เลย
อย่าทำเรื่องนี้เศร้านะ ไม่อยากเสียทิชชูเป็นม้วนๆ

ป.ล.ดีใจมากๆที่มาต่อ นึกว่าจะเพลินไปซะแล้ว555

*edit
เรื่องความรักอ่ะ โดนอ่า
ไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร...
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-02-2013 08:18:11
บางครั้งเรื่องง่ายๆ เจมก็คิดเยอะเกิ๊น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-02-2013 09:43:33
พี่หนึ่งจะเป็นอะไรมากมั้ยอะ อย่าให้เป็นอะไรเลยนะ แล้วเจมจะไปทันมั้ยน๊า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 04-02-2013 10:08:53
แงงงงงงงงงงพี่หนึ่งของหนู :serius2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 04-02-2013 17:23:33
เกิดอะไรขึ้นเนี่ยยยย
ดูแปลกๆนะพี่หนึ่ง  โอ้ย ปัญหากำลังกรูกันเข้ามา

อยากอ่านต่อมาก  มาต่อเร็วนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 15 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 05-02-2013 20:18:05
อย่าคิดมากนะเจม พี่หนึ่งไม่เป็นไรหรอก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 06-02-2013 23:27:34
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 16



ในที่สุด พี่หมวดก็พาผมมาถึงโรงพยาบาล
ผมไม่ได้มีเกียรติหรืออภิสิทธิ์เหนือใครหรอกนะครับ และที่มีตำรวจมาด้วยก็ไม่ใช่เพราะเป็นประชาชนผู้บอบบาง ต้องการการปกป้องแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ...ผมโดนจับ...

จะว่าโดนจับมันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว พี่หมวดแกต้องด่านตรวจอยู่ แล้วรถที่ผมขับมาก็เป็นที่เตะตายท้องถนน บวกกับความเร็วที่ผมเหยียบมา ทำให้ผมโดนสกัดครับ แต่ว่า...ผมร้อนใจจริงๆ และก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมาย เว้นเรื่องขับรถเร็วเกินกำหนด ผมก็เลยไม่ต้องเข้าคุกอย่างที่นึกกลัวจนขนหัวลุกในตอนแรก

แต่ที่เรามาด้วยกัน ก็เพราะว่าผมขอร้องแกครับ

“พี่ครับ พี่สารวัตร” ผมเรียกให้ยศใหญ่ไว้ก่อน พี่หมวดแกหันมองด้วยดวงตาหม่นมืด แกคงง่วงจัดแล้วก็เบื่อผมเต็มทนเพราะหน้าผมไม่เหมือนเมียแก พอแกหันมา ผมก็บอกความประสงค์ทันที

“แฟนผมอยู่โรงพยาบาลที่ระยอง แต่ผมไปไม่ถูก พี่สารวัตรไปส่งผมหน่อยได้มั้ย?”
“นะครับ ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากัน คำสุดท้ายที่ผมได้ยินมันจะติดหูผมไปชั่วชีวิต มันหดหู่มากเลยนะครับพี่”
“ได้โปรดเถอะครับ ช่วยผมที ผมไม่รู้จะไปทางไหน แล้วผมก็รีบ แต่ก็ไม่รู้จะไปยังไงให้เร็วที่สุดโดยที่ขับไม่เกิน 120 อย่างที่พี่สารวัตรอบรมผมเมื่อกี้”
“นะครับ นะ นะ”

เอา! เอาก็เอา
พี่หมวดตอบเท่านี้ก็ถอดเสื้อตำรวจตัวนอกออกแล้วปรี่มานั่งข้างๆ ผม จากนั้นก็บอกผมว่า “พี่เป็นแค่หมวดไอ้น้อง แต่ขอบใจที่ตาถึง พุ่งไปโลด แม่พี่ทำงานที่นั่นพอดี ไม่ไกลแล้วล่ะ”

ตอนแรกผมคิดว่าแม่แกเป็นหมอเป็นพยาบาล แต่ผมคิดผิดไปนิดเดียวครับ แม่แกเป็นแม่ค้าที่บรรดาพยาบาลผูกปิ่นโตด้วย

ผมขับมาตามทางที่แกบอก ด้วยความเร็ว 140 ตามความชิน แต่รอบนี้แกไม่เตือนผมเพราะบอกว่า “นอกเวลาเวรพี่แล้วว่ะ อยากทำไรก็ทำเลย กฎหมายที่ไว้พุ่งชน ผมก็งงนะว่ามันภาษิตไหนแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพราะหัวใจผมเต้นโครมครามเมื่อได้ยินแกบอกว่าไม่ไกล

ไม่ไกลของแกก็เหมือนกิโลแม๊วแหล่ะครับ ผมขับรถมาเกือบชั่วโมงถึงจะเข้าตัวเมืองและก็เห็นโรงพยาบาลตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ มือผมสั่นขึ้นมาดื้อๆ เมื่อนึกขึ้นว่าอีกไม่กี่นาทีผมก็จะได้เจอนายคฤณแล้ว


ผมจอดรถเบี้ยวๆ แล้วก็ทะยานเข้าตัวโรงพยาบาลทันที เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์คือที่ที่ผมหมายตา แต่พอเข้ามากลับไม่พบสิ่งที่น่าจะช่วยผมได้ ผมเจอที่รับยาก่อนสิ่งอื่นเลย เอาไงดีวะเนี่ย?

“ไอ้น้อง ไปถามตรงนู้นสิ แฟนชื่อะไร หรือว่าอยู่ห้องฉุกเฉิน” ผมไม่รู้ ผมไม่รู้อะไรซักอย่าง ผมมองตามมือแกก็ย้ายตัวเองไปยังโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวๆ ใหญ่ๆ สีขาวที่ตั้งเป็นตัวขวางพยาบาลมากอายุคนหนึ่งไว้

“คุณครับ ผมเอ่อ...มาหา”
“หา”
“คือ...”

“ใจเย็นค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ? แล้วคนเจ็บอยู่ที่ไหน”

“ไม่ครับท ไม่รู้เจ็บอะไรยังไง แล้วก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน”
“คือ...พี่หนึ่ง...เอ่อ...คฤณครับ คฤณ ธีระเสถียรครับ”
“อยู่ห้องไหนครับ?”
“พอจะบอกผมได้มั้ย?”

“สักครู่นะคะ” เธอบอกผมแล้วก็ง่วนกับคอมพิวเตอร์จอตู้ใหญ่ๆ ที่แทบจะหาในเขตกรุงเทพฯ ไม่ได้แล้ว ครู่เดียวเธอก็เงยหน้ามายิ้มให้แล้วบอกผม

“อยู่ห้อง 908 ค่ะ เลี้ยวขวาไปที่ลิฟท์เลยค่ะ”

“อ่อ ครับ! ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมาก” ผมละล่ำละลักพูด แล้วก็วิ่งหอบหัวใจที่เต้นโครมไปยังลิฟท์ทันที

ชั้น 9 จ่ออยู่บนหัว ประตูลิฟท์เปิดอ้าออกปุ๊บผมก็วิ่งออกไปทางซ้ายทันที แต่พอเห็นป้ายบอกเลขห้องผมก็ต้องวกไปอีกทาง
ห้อง 908 อยู่ตรงหน้าแล้ว พอเห็นชื่อคฤณ ธีระเสถียร ปุ๊บ ผมก็เปิดประตูเข้าไปทันที

“พี่หนึ่ง!!!” ผมเรียกเสียงก้อง แต่ในห้องกลับไม่มีใครเลย เฮ้ย! ผมดูชื่อแน่ชัดแล้วนะ ไม่ผิดห้องแน่ๆ แล้วนายคฤณไปไหน

“พี่หนึ่งครับ พี่หนึ่ง!”

“ครับ ครับ”
“พี่อยู่ในห้องน้ำ”

โอเค ผมหาเขาเจอแล้ว เราได้เจอกันแล้วแม้ว่าจะมีไอ้ห้องน้ำเป็นอุปสรรคก็ตามเถอะ
ผมยืนตื่นเต้นรอเจอเขาอยู่หน้าห้องน้ำ พอได้ยินเสียงบิดลูกบิด ผมก็ช่วยกระชากประตูห้องน้ำทันที

“พี่หนึ่ง!” ผมตกใจมากที่สภาพเขาเป็นแบบนี้
นายคฤณเหมือนไปฟัดกับหมามา ปากบวม หางตาก็บวม ที่ใต้รักแร้มีไม้ค้ำสอดไว้ หลังมือซ้ายถูกเจาะเพื่อให้น้ำเกลือ เสาน้ำเกลือก็ถูกเขาลากตามออกมา

นายคฤณเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่เห็นผมยืนตะลึง เขากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยิ้มให้ ซึ่งผมรู้ได้ว่ามันเป็นยิ้มที่ทำให้เขาเจ็บมุมปาก

“พี่หนึ่ง”

“มาจนได้ บอกให้กลับไปก่อนแท้ๆ”
“แล้วเจมมายังไงครับเนี่ย? หือ?”

“เจมขับรถมา”
“คนของพี่บอกชื่อโรงพยาบาล เจมก็คลำๆ ทางมา”
“พี่หนึ่ง” เสียงผมเว้าวอนมากจนตัวผมเองยังรู้สึก นายคฤณเองก็คงรู้สึกเหมือนกันถึงได้มองหน้าผมนิ่งและยิ้มให้แล้วดมหน้าผากผมเมื่อผมไปประคองพาเขาเดินให้สะดวกขึ้น

ผมประคองเขาจนขึ้นนอนบนเตียงแล้วเสร็จ จัดหมอน ห่มผ้าห่มให้แล้วก็ยืนเกาะแขนเขาไว้เป็นเด็ก

“พี่หนึ่ง”

“ครับ”

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมอมแบบนี้ล่ะครับ”

“หมากัดนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก พี่จัดการได้”

“ถ้าจัดการได้ทำไมมอมแบบนี้ล่ะ หมาตัวไหน” ผมถามเพิ่มแล้วทำหน้างอ นายคฤณยกมือข้างที่มีสายน้ำเกลือเจาะอยู่มาลูบแก้มผมแล้วยิ้มปลอบ

“ห่วงพี่หรอครับ”

“ห่วงสิครับ”
“พี่ไม่รู้หรอกว่าเจมกลัวแค่ไหน”
“ขับรถมาก็กลัว ไม่รู้ทางก็กลัว ไม้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่หนึ่งก็กลัว กลัวตั้งแต่ได้ยินคำว่าตาย ไหนจะตาบอดอีก”
“พี่หนึ่ง”

“เจมครับ เจม”
“ฟังพี่นะ”
“พี่ไม่เป็นไร เรื่องมันนิดเดียว แล้วที่เจมกลัวก็เพราะเจมไม่รู้เรื่องทั้งหมด”
“และที่พี่ไม่อยากให้รู้เรื่องก็เพราะว่าเรื่องมันเล็ก ไม่อยากให้เจมต้องมาทุกข์ร้อนเพราะพี่”

“เจมทุกข์ร้อนเพราะพี่ได้ครับ เจมทุกข์ได้ ร้อนใจได้ เป็นห่วงมากด้วย”
“ต่อไป ห้ามทำแบบนี้อีกนะ พี่ต้องบอกเจมสิ ให้เจมรู้สิ”
“เจมไม่ได้โง่”
“อย่าโกหกว่าไม่มีอะไร ไม่เป็นไร อย่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วให้เจมรู้ว่าโลกนี้จะไม่มีพี่หนึ่งอีกแล้วตอนที่เห็นโลงศพ”
“อย่าทำเหมือนที่พ่อทำกับเจมเลยนะครับ”

น้ำตาผมหยดทั้งที่ไร้เสียงสะอื้น
นานแล้วที่ผมไม่ได้เศร้าเพราะนึกถึงคนที่จากไปนานแสนนานของชายญี่ปุ่นชื่อว่าเท็ตสึ
ผมรักผู้ชายคนนั้นมาก รักตั้งแต่จำความได้ ผมติดเขายิ่งกว่าแม่ กินก็จะกินให้เหมือนเขา อยากมีนิสัยเหมือนเขา อยากยิ้มเหมือนเขา ใช้สายตามองคนอื่นเหมือนเขา ผมอยากเหมือนเขาให้หมดทุกอย่าง แต่เขาก็อยู่ให้ผมก๊อปปี้แค่สิบปีกว่าๆ เท่านั้น

พ่อผมเสียแล้ว เป็นมะเร็ง
และผมรู้ว่าพ่อผมตาย ในวันที่ยืนในงานศพพ่อตัวเอง
ผมไม่รู้ว่ามันเจ็บปวดมากกว่าจิวที่รู้เรื่องมาตลอดรึเปล่า และผมก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจความหมายของการตายถูกต้องรึเปล่า ผมรู้แค่ว่า พ่อตาย เข้าใจแค่ว่าโลกนี้ไม่มีเท็ตสึอีกต่อไป ไม่มีใครเล่นกับผม ตีแบดโต้กันกับผม จับมือผมวาดรูป อุ้มผมขี่คอ และเข้าข้างผมในวันที่ผมกับพี่จิวทะเลาะกัน

วันนั้นผมร้องไห้หนัก หนักจนอาเจียนแล้วอาเจียนอีก ผมไม่มีเสียงพูดเพราะร้องไห้จนเสียงแหบ ผมโกรธแม่ ตีแม่ เตะพี่จิว ตีพี่จิว ไม่ว่าใครที่เข้ามาจับตัวผมผมก็จะทำร้ายพวกเขาเท่าที่เด็กอย่างผมจะทำได้

ผมโกรธความตาย
ผมเกลียดการตายจาก
เพราะมันพาเท็ตสึไปจากผม...ตลอดกาล
และผมก็โกรธที่ทุกคนเอาแต่พูดกับผมว่า “พ่อเขาไปดีแล้วนะเจม”

ถ้าพ่อไปดีจริง ทำไมไม่พาผมไปด้วยล่ะ
เท็ตสึบอกกับผมเสมอว่า เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะไอ้ลูกหมา แต่การตายก็ทำให้เท็ตสึของผมเป็นได้เพียงพ่อที่โกหกลูกชายได้ลงคอ


“เจมครับ” เสียงเรียกของเขาทำให้ผมสูดน้ำมูกฮึดฮัดแล้วหันหาทิชชู่มาเช็ดน้ำตา นายคฤณใช้หลังมือปาดน้ำตาผมพลางมองอย่างสงสัย เขาคงอยากหัวเราะเยาะที่ผมขี้กลัวจนร้องไห้เสียใจ ทั้งที่เขาเพิ่งบอกว่าเรื่องของเขาไม่ได้ใหญ่โตและเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

“เงียบเถอะนะ อย่าร้องไห้อีก”

“..........”

“พี่ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้เจมนึกถึงเรื่องพ่อ”
“พี่หนึ่งขอโทษนะครับ”

ผมพยักหน้าและกลั้นน้ำตาเอาไว้ ปลายจมูกผมคงแดงมากเพราะเขาเอาแต่บี้บริเวณนั้น ร้อนถึงผมต้องยกมือขึ้นปัดมือเขาออกไปเสียที

นายคฤณคว้ามือผมไว้แน่นแล้วก็ดึงไปมองใกล้ๆ ตา เขามองแหวนที่อยู่บนนิ้วผมแล้วก็ส่งยิ้มให้ ก่อนจะจูบนิ้วผมเบาๆแล้วเอาไปซุกไว้บนอก

“ขอบคุณนะครับ”
“คิดว่าเจมจะไม่ใส่ซะแล้ว”

“ก็ให้เจมไว้ใส่ไม่ใช่หรอ ต้องใส่อยู่แล้ว”

“บางที พี่ก็ไม่แน่ใจนะ ว่าพี่อยู่กับรักของเจมหรืออยู่กับการตอบรับกันแน่”
“แต่เห็นเจมเป็นห่วงพี่ แล้วก็มาหาพี่ถึงที่นี่ พี่ก็รู้แล้วว่ารักของเจมเป็นยังไง”
“ขอบคุณนะครับ”

ผมมองเขานิ่งๆ จนเริ่มเมื่อยก็ถอยหลังไปนั่งที่โซฟา นายคฤณตะแคงมามองผม เขาส่งเสียงโอดโอยให้ผมรู้ว่าเขาเจ็บ ผมเลยลุกไปช่วยจับแขน ยกขา ตามแต่เขาจะขอให้ช่วย พอตะแคงนอนได้ถนัดดีแล้วเขาก็ใช้มือดันให้ผมกลับมานั่งที่โซฟาดังเดิม

“ง่วงรึยัง? หรือว่าหิวครับ”

“ง่วงมากกว่าครับ ขับรถเหนื่อย” ผมบอกอาการตัวเองแล้วหันตามองนาฬิกาเหนือทีวีจอแบนในห้อง ตี 2 แล้ว มิน่าล่ะ ง่วงชิบหาย

“งั้นนอนนะ พี่จะดูเจมจนกว่าจะหลับ”
“พี่จะหลับทีหลังเจม จะมองจนกว่าจะแน่ใจว่าเจมหลับฝันดีแล้วพี่ถึงจะหลับตา”

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ เจมไม่ได้ง่อย แล้วก็ไม่ได้ขวัญอ่อนน่าสงสารด้วย”

“ก็พี่รักของพี่นี่”
“หลับตาสิครับ” เขาสั่งผมอีกแล้ว ดูเอาเถอะ ทั้งที่ผมไม่มีริ้วรอยเจ็บตามตัวแต่อย่างใด และเขาก็มอมไปทั้งหน้า ซ้ำแขนขายังดูใกล้พิการแต่ก็ยังอุตส่าห์มาสั่งผมได้ ผมนั่งมองเขาตาปรือ นายคฤณเห็นดังนั้นก็เลยสั่งอีก
“สิ” หวัดดีไอ้สิ เจอกันแล้วนะมึง! ไอ้สิมาอีกแล้ว โอเค ผมไม่ถูกกับมันเท่าไหร่ ไม่อยากเจอมันบ่อยๆ ผมก็เลยเอนตัวลงนอนและหลับตาในที่สุด

ยังไม่ทันได้ฟังเขาพูดส่งผมเข้านอนด้วยคำว่า “ฝันดีนะครับเจม” ผมก็หลับไปอย่างอ่อนเพลีย



ตื่นอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกุกกัก ลืมตาดูจึงเห็นเตียงคนเจ็บถูกม่านคลุมไว้โดยทั่ว ผมมองเห็นขาพยาบาล เรียวเล็กนิดเดียว ท่าทางจะเป็นหญิงสาวรุ่นๆ

“ถอดเสื้อก่อนนะคะ”

“ครับ”

“คุณหนึ่งมีแต่รอยช้ำตามตัวเต็มไปหมด”

“ครับ ช่างมันเถอะ”
“เอ่อ...คันหลังน่ะครับ เช็ดแรงๆ ให้ผมที” อ้อนพยาบาลป่ะเนี่ย? ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหันมองนาฬิกา 7 โมงเช้าแล้วครับ วันนี้ผมจะเอายังไงดี? จะกลับไปทำงานหรือจะอยู่กับเขาที่นี่ดีนะ

“พยาบาลครับ”

“คะ?”

“คนเฝ้าผม ตื่นรึยังครับ”

“ตอนดิชั้นเข้ามา ยังไม่ตื่นนะคะ”

“ตอนนี้ล่ะครับ” ผมได้ยินก็รีบเอนตัวลงนอนท่าเดิมแล้วหลับตานิ่งทันที เธอคงเปิดม่านมาดูเพราะผมได้ยินเสียงผ้าขยับ

“ยังไม่ตื่นค่ะ”

“ขอบคุณครับ”
“อือ แถวนี้มีเซเว่นหรือร้านอาหารที่ซื้ออะไรกินได้ง่ายๆ มั้ยครับ?”

“ถนนฝั่งตรงข้ามก็มีค่ะ ต้องการอะไรหรอคะ?”

“จะหาข้าวเช้าให้เจมทานน่ะครับ”  ผมนอนอมยิ้มเลยทีนี้ เจ็บตัวอยู่แท้ๆ ก็ยังจะดูแลเอาใจใส่ผม พยาบาลที่เช็ดตัวอยู่ไม่พูดอะไรต่อ ผมเลยได้ยินแต่เสียงเขาพูดกับใครอยู่คนเดียว ฟังๆ แล้วก็เข้าใจได้ว่า เขาสั่งใครสักคนให้หาซื้อข้าวเช้ามาให้ผมกิน

ผมตื่นอย่างจงใจตอนที่เขาเรียก “เจมครับ” ลืมตาปุ๊บก็เจอรอยยิ้มเขา มุมปากที่ช้ำกลายเป็นสีคล้ำม่วง หางตาก็ด้วย พอเจอแสงอาทิตย์สาดใส่ผิวขาว ผมก็เห็นริ้วความเจ็บช้ำของเขามากขึ้น เรียกได้ว่าน่วมไปทั้งตัวจริงๆ และการได้เห็นความจริงด้วยตาตัวเองก็ทำให้ผมตัดสินใจได้

“พี่หนึ่งเล่าให้เจมฟังได้รึยังครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

“พี่บอกแล้วไงว่าหมากัด”

“เดี๋ยวเจมโทรลางาน ไม่มีอะไรเร่งอยู่แล้ว พี่หนึ่งมีสำนักงานที่นี่ด้วยไม่ใช่หรอครับ ขอเจมยืมโน้ตบุ้คเครื่องนึง เดี๋ยวจะให้ไอ้ต้อมเข้าถังข่าวรหัสเจมแล้วส่งเอาท์ไลน์ที่เจมทำไว้มาให้ เจมจะทำงานที่นี่ จะอยู่กับพี่หนึ่งจนกว่าจะยอมเล่าเรื่องให้เจมฟังทั้งหมด”

เขาอ้าปากค้างตั้งแต่ผมพูดประโยคยืดยาว พอพูดจบผมก็คอแห้งเลยเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม ยินเสียงเขาหัวเราะไล่หลังมาจึงหันไปมองก็เห็นว่าเขาจงใจหัวเราะผม

“ขำอะไร?”

“ขำเจมน่ะสิ พี่ไม่ขัดใจตั้งแต่เรื่องโน้ตบุ้คแล้วครับ”
“พี่สั่งให้คนหาซื้อข้าวเช้ามาให้เจมแล้ว อย่าพูดไปนะ แต่อาหารที่สั่งจากโรงพยาบาลไม่อร่อย คราวที่แล้วพี่น้ำหนักลงเกือบโล”

“คราวที่แล้ว?”

“อ่อ....หลายปีแล้ว ไม่มีอะไรหรอก”
“เดี๋ยวเจมกินข้าวแล้วลองไปหาซื้อเสื้อผ้านะ พี่จำได้ว่าเลยไปนิดมีเทสโก้อยู่ ไปหาซื้อเสื้อผ้ามาเปลี่ยน จะได้สดชื่น นะครับ”

“ได้ แล้วพี่หนึ่งจะเอาอะไรมั้ยครับ?”

“ไม่เอาครับ” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วดื่มน้ำต่อ เรารอคนของเขาสักพัก เป้าหมายที่รอคอยก็โผล่มา ผมได้กินข้าวเช้าที่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ส่วนนายคฤณออกไปคุยกับลูกน้องที่นอกระเบียง

คุยเรื่องจัดการหมามันต้องห้ามผมรู้ด้วยรึไง? ขุ่นแฮะ!

อิ่มปุ๊บก็รอให้เขาคุยธุระเสร็จ พอเขาหันมามองผมแล้วเห็นว่าผมพร้อมจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวแล้วเขาก็โผล่หน้าเข้ามาเพื่อบอกว่ากระเป๋าสตางค์พี่อยู่ในตู้เสื้อผ้า เจมหยิบไปได้เลย

“ไม่เป็นไรครับ เจมไม่ได้มาแต่ตัว” ผมตอกกลับแล้วก็เดินขุ่นๆ ออกจากห้องพักหมายเลข 908 ไป เชิญเลย อยากมีความลับก็มีไป ไม่ว่ายังไงผมก็จะเค้นคอเขาให้ได้ บอกตรง ไม่ฟังมันก็ต้องใช้เสน่ห์สังเคราะห์ของผมนี่แหล่ะ อย่างงครับ เสน่ห์ของผมก็คือการอ้อน ส่วนที่บอกว่าสังเคราะห์ก็เพราะว่ามันไม่ใช่นิสัยธรรมชาติของผม

ตัวเมืองระยองก็คล้ายๆ ตัวเมืองจังหวัดอื่น ไม่มีอะไรที่ผมรู้สึกตื่นตาเท่าไหร่ เว้นแต่แถวจ่ายเงินที่แคชเชียร์ที่ยาวเหยียดทุกรู อืมมม จังหวัดนี้ท่าทางจะมีคนรวยเยอะเลย

หาซื้อเสื้อผ้าของตัวเองมาสามชุดครับ ชุดเปลี่ยนวันนี้ ชุดนอนคืนนี้และชุดใส่พรุ่งนี้อีกวัน ขนมนมเนยผมก็ซื้อประเคนตัวเองเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อมากจนยัดเข้าตู้เย็นในโรงพยาบาลไม่ได้หรอก

ผมแวะนั่งดื่มกาแฟหย่อนใจแป๊บนึง ไม่ได้นอนใจเพราะเห็นเขาไม่เจ็บป่วยอะไรมากหรอกครับ ผมแวะหย่อนอารมณ์ตึงๆ ของผมเองเท่านั้นแหล่ะ

พอได้มาเวลาอยู่กับตัวเอง ผมก็โทรหาไอ้พี่จิวก่อน ผมบอกมันแค่ว่าพี่หนึ่งมีอุบัติเหตุนิดหน่อยที่ระยอง ผมก็เลยมาดู แต่ไม่ได้บอกหรอกว่าขับรถมายังไง ไอ้นี่ก็ตกใจยกใหญ่ ฮีโร่มันเจ็บทั้งคนนี่ครับ ผมสัญญาว่าจะให้พี่หนึ่งโทรหามันให้มันซักเรื่องโดยละเอียดดี และก็บังเอิญที่แม่อยู่กับไอ้จิวด้วย แม่ก็เลยรู้เรื่องไปด้วย

สรุป 2 แม่ลูกก็จะมาเยี่ยม “ตาหนึ่ง” เย็นนี้เลย
อืมมม ว่างกันเนอะ

วางสายจากจิว ผมก็โทรหาไอ้ต้อมเพื่อบอกมันให้เปิดโน้ตบุ้คของผมที่ออฟฟิศแล้วโยนงานมาให้ผมทางเมลที มันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมผมไม่เอาโน้ตบุ้คกลับไปทำงานที่บ้านถ้ารู้ว่าตัวเองจะไม่เข้ามาออฟฟิศวันนี้ ผมเลยบอกไปแค่ว่า “กูไม่ได้นิมิตแม่นเหมือนมึงนี่ห่า จะรู้ได้ไงว่าวันนี้จะไม่เข้าออฟฟิศ” วางสายจากไอ้ยุ่งก็ตอนที่กาแฟเย็นหมดแก้วพอดี

สิบโมงกว่าผมก็กลับมาถึงห้องที่นายคฤณรักษาตัวอยู่ ผมคิดว่าคงได้เจอเขาหลับพักสลายความอ่อนเพลีย แต่ผมคิดผิดถนัด! ประตูที่เปิดอ้าออกเต็มบานไม่ทำให้ขนาดห้องพักใหญ่โตดูโอ่โถงมากขึ้น มีคนอยู่เต็มห้องไปหมด และผมไม่รู้จักใครสักคน

“อ้าวเจม กลับเร็วจัง”
“รอแป๊บนึงนะครับ” เขาบอกแล้วเดินกะเผลกนำขบวนคนแปลกหน้าออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง แต่ผมเห็นจำนวนผู้ติดตามของเขาแล้วผมก็เอ่ยขัด

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเจมไปเดินเล่นอีกรอบก็ได้ครับ” ผมเปิดทางให้แล้วก็ถอยหลังออกมา แต่ว่า...ผมมันขี้เสือกอ่ะ พอปิดประตูแล้วผมก็ยืนแอบฟังอยู่หน้าห้องนั่นแหล่ะ แต่ความเสือกของผมศูนย์เปล่า เพราะผมไม่ได้ยินอะไรเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 3/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 06-02-2013 23:30:45
ผมถอดใจแล้วเดินลงลิฟท์มานั่งหน้าที่ร้านเค้กข้างๆ โรงพยาบาล นั่งอ่านหนังสือพิมพ์จนจบไปหลายฉบับแล้วก็ตัดสินใจขึ้นไปหานายคฤณอีกรอบ ตั้งใจแน่วแน่ว่ารอบนี้จะอาบน้ำแล้ว เน่าอ่ะ

รอบนี้เขาอยู่คนเดียวแล้วครับ แล้วก็มีโน้ตบุ้คให้ผมแล้วด้วย ผมยิ้มร่าไปหาเขาที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง พอเห็นผมจะประจบเขาก็ยื่นมือมารอ

“เอาอะไร? หือ?”

“เจมอยากอาบน้ำ พี่หนึ่งล่ะ อาบได้รึเปล่า เจมเช็ดตัวให้เอามั้ย”

“พี่เช็ดแล้ว พยาบาลเช็ดให้เมื่อเช้า”

“อืม งั้นพี่หนึ่งจะให้เจมทำอะไรให้มั้ย เดี๋ยวเจมจะอาบน้ำแล้วนั่งทำงาน แต่ทำงานไปฟังพี่เล่าเรื่องเมื่อคืนไปได้ครับ ไม่มีปัญหา” อย่าคิดว่าผมลืมไปแล้วว่าอยากรู้อะไร นายคฤณหัวเราะหึในลำคอแล้วผลักหัวผมเบาๆ พร้อมก็บอกให้ผมไปอาบน้ำให้สบายตัว

“อื้อพี่หนึ่ง”

“ครับ?”

“แม่กับจิวบอกว่าเย็นนี้จะมาเยี่ยมนะครับ”

“โอ้ย! ลำบากแม่จิวแย่ แล้วจะกลับกันกี่โมงกี่ยาม”
“โทรบอกแม่ไปว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่หายแล้วจะไปหา พรุ่งนี้เย็นๆ ก็คงออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

“แต่แม่ตั้งใจมาเยี่ยมแล้วนี่ครับ”

“เดี๋ยวพี่จัดการเอง เจมไปอาบน้ำเถอะครับ” ผมเหม็นมากหรอ? ไล่สองครั้งแล้วนะ ผมหน้าตูมแล้วเดินฉวยถุงเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป ก่อนประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ผมได้ยินเขาพูดว่า “ครับแม่ หนึ่งไม่เป็นไรมากหรอกครับ รชามันเวอร์ไปเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่ำๆ หนึ่งแวะไปหายังได้เลย” จ้าจ้า ไอ้คนเก่ง!


ช่วงบ่าย หลังจากที่เขากินมื้อกลางวันและกินยา ทายา ทำแผลถลอกที่หน้าขา และท้องแขนแล้ว เขาก็หลับไป ผมเองก็ง่วงเพราะถูกกล่อมด้วยเสียงนิ้วมือปดแก้นคีย์บอร์ดนี่แหล่ะครับ ผมตัดสินใจนอนบ้าง มองเวลาที่นาฬิกาเหนือทีวีที่นายคฤณเปิดทิ้งไว้แต่ไม่ได้ดู บ่ายสองโมงกว่าๆ ราวสี่โมงผมควรตื่นเพื่อดูแลตัวเองในมื้อเย็น



โทรศัพท์สั่นรัวใกล้ๆ ข้างแก้มผม ผมงัวเงียตื่นขึ้นแล้วเปิดระบบสั่นปลุก บนเตียงนายคฤณว่างเปล่า หายไปไหนของเขานะ?

ผมเดินมาดูในห้องน้ำ ไม่มี ก็เลยเดินไปกระชากผ้าม่านบังระเบียงให้เปิดออก

แล้วผมก็เจอนายคฤณ แต่อีกคนนี่ทำให้ผมตาโตเป็นไข่เป็ดก็คือ

“ตื่นแล้วหรอครับ?”
“เจม นี่พ่อพี่ครับ รู้จักไว้สิ”

“นี่หรอเจม? น่าเอ็นดูดีนะ”
“สวัสดี ผมเป็นพ่อที่หนึ่งมัน”

“เอ่ออออออออ”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แล้วก้มหน้างุดไว้แบบนั้น ในหัวผมว่างเปล่า ผมไม่รู้จะวางสีหน้าแบบไหน ไม่รู้ว่าจะแนะนำตัวเองว่ายังไงดี ตอนนี้ผมอยากหายตัวได้ที่สุด!

“ป๋าครับ เจมเป็นคนของผม”
“ป๋าเข้าใจใช่มั้ย”

“หือ? คนนี้ตัวจริงแล้วใช่มั้ย?”

“ครับ”

“แล้วป๋าต้องเรียกเจมว่าอะไรวะที่หนึ่ง?”
“สะใภ้?”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ผมไม่ได้ฝันใช่มั้ย? ป๋านายคฤณหัวเราะอย่างไร้อาการหวาดวิตกที่ลูกชายพูดทำนองว่าผู้ชายคนที่ป๋าเห็นอยู่คือคนของผม
เขาหัวเราะอ่ะ! หัวเราอะไรวะเนี่ย!!!


“ป๋า หัวเราะแบบนี้เจมกลัวหมด”
“เจมครับ ไม่มีอะไรหรอก ป๋าพี่ก็เป็นแบบนี้แหล่ะ” นายคฤณเกลี่ยอาการงงของผม แต่มันไม่หายไปไหนหรอกครับ ก็คนมันงงอ่ะ จะให้หายงงง่ายๆ ได้ยังไงเล่า!

“โอเค โอเค ป๋าขอโทษ”
“เจมอย่างงนะลูกนะ ป๋าเบื่อไอ้หนึ่งมันอบรม”
“เอ้า! ไอ้ลูกชาย มาคุยกันให้รู้เรื่องว่าหมาตัวไหนกัดต่อ มา มา”

“ไว้ค่อยคุยนะป๋า”
“เจมหิวรึยัง? แล้วงานนี่รีบส่งมั้ยครับ” กะจะไล่ผมไปที่อื่นอีกล่ะสิ ผมรู้หรอกน่าว่าเขาไม่อยากให้ผมรู้เรื่องอะไรด้วย ผมทำหน้ามึนมองเขา แล้วก็หันไปยิ้มกับพ่อเขาแทน

“คุณคนินครับ ผมขอรู้เรื่องด้วยคนนะครับ”
“คุณคฤณไม่ยอมให้ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมคิดว่าผมน่าจะทำตัวเป็นประโยชน์ได้บ้าง หรือถ้าอยากทำให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตจริงๆ ผมโทรบอกหัวหน้าข่าวสายอาชญากรรมให้ก็ได้ จะให้เจ็บตัวฟรีแบบนี้ไม่ได้นะครับ ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด!”

2 พ่อลูกมองหน้าผมแล้วก็หันมองหน้ากันเอง จากนั้นก็อมยิ้มทั้งคู่ ผมคิดว่าผมพอจะรู้แล้วว่านายคฤณยิ้มแล้วดูขี้เล่นกวนส้นตีนเหมือนใคร ลูกไม้ลูกนี้แม่งยังไม่บิดตัวออกจากต้นเลยเถอะ!

“ผมพูดจริงๆ นะครับ”

“ป๋ารู้แล้ว ป๋ายอมตั้งแต่พูดยาวๆ แล้ว”
“เอ้า! ที่หนึ่ง ต้องเล่าทั้งหมดแล้วล่ะ เร็วเข้า ตะวันตกแล้วหมามันกลับบ้านนอนหมดแล้ว” ครั้งนี้ผมอมยิ้มบ้าง ไม่ว่าพ่อนายคฤณจะชอบผมหรือไม่ชอบผม จะรับได้หรือรับไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่แคร์ไม่กลัวเท่าไหร่ ผมสนใจเรื่องที่ทำให้เขาเจ็บแบบนี้มากกว่า

เมื่อโดนพ่อง้างปาก นายคฤณก็ยอมพูดเสียที ประโยคแรกที่ออกจากปากเขาทำเอาผมอึ้งไปเลย

“พวกไอ้สส.พิมานครับป๋า มันไม่พอใจที่ผมพาคนไปทำความเข้าใจกับชุมชนเรื่องโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่เราลงทุนอยู่ 30% นั่นแหล่ะ”

“มันยังไม่ยอมจบรึไง?”

“ผมก็พยายามไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไร มันส่งคนมาป่วนพนักงานเรา ผมก็ให้พวกเราถอยออกมา จะมีก็แต่พวกนายช่างที่ทยอยออกจากพื้นที่กลุ่มสุดท้าย มันก็มาป้ายสี หาว่าพวกนายช่างไปทำเรื่องอนาจารกับคนในชุมชม แล้วก็โยนมาถึงผม ถึงป๋า”

“อืม”

“มันก็ดวงซวยของผมเอง ดันยังไม่กลับสำนักงาน”
“พอดีผมไปหาซื้อของนิดหน่อย”

“ซื้ออะไร ระยองมีพารากอนให้ซื้อกางเกงในรึไงไอ้ที่หนึ่ง” สมน้ำหน้า! โดนป๋าดุเลย เออ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาจะไปซื้ออะไรที่พื้นที่ชุมชนในจ.ระยอง

“ทุเรียนครับ”

“ทีหลัง ไปเดินซื้อกางเกงในที่พารากอนแล้วก็ลงไปชั้นล่างๆ หน่อย ป๋าว่ามันไม่ขาดตลาดหรอก” เออ ผมก็เห็นด้วยกับป๋านายคฤณนะ

“แต่ผมอยากให้คนที่ผมรักกินของดีๆ นี่ป๋า นี่ตัดขั้วจากสวนกันสดๆ เลยนะ ไม่แกะด้วย กะจะไปนั่งแกะด้วยกัน ทะเลาะกันก็เอาเปลือกฟาดหน้ากัน น่าสนุกออก”

“ไอ้พิลึกคน ใครล่ะเป้าหมายผู้น่าสงสาร”

“เจมครับ” นั่นไง งานเข้ากูเลย ป๋านายคฤณหันมองผมแล้วก็อมยิ้มอีก อืม ยิ้มเก่งจัง เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ นี่ผมไม่ได้เขินที่นายคฤณจะจีบผมผ่านเปลือกทุเรียนหรอกนะ

“เอา! แล้วไง ยังไม่กลับสำนักงาน มันเลยยกพวกมารุมกระทืบเอาเรอะ?”

“มันไม่ได้รุมผม แต่มาหาเรื่องกับพวกนายช่างแล้วทำตัวโอ่อ่า คนแถวนั้นก็ไม่กล้าขยับทำอะไร ป๋าก็รู้ว่าลูกน้องไอ้สส.ห่านี่มันกร่างแค่ไหน”
“มากันเกือบ 20”
“พวกนายช่างมีอยู่ 6 คน”
“ผมมาเจอพอดี ก็เลย...”

“มาเป็นคนที่ 7 ให้หมาร่วม 20 ตัวมันแทะเนื้อเอา”

“ครับ”

“แล้วนายช่างบอกป๋าว่ามีปืนมาเกี่ยว”

“ของผมเอง ยิงขู่เฉยๆ”

“แต่เราก็เป็นฝ่ายมีอาวุธ ใครๆ ก็เห็น”

“..........”

“ใช่มั้ย?”

“ครับ” นายคนิน ธีระเสถียร ต้อนแพะเก่งมาก ที่ผมเปรียบเป็นแพะก็เพราะว่า ผมมองนายคฤณเป็นแพะรับตีนแทนคนอื่นอยู่ครับ แต่แม้จะคิดว่าเขาเจ็บตัวเพื่อผลตอบแทนที่ว่างเปล่า แต่ผมก็นับถือน้ำใจเขาในจุดนี้ เป็นผมเอง ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะกระโจนเข้าไปร่วมเจ็บตัวกับกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่ารึเปล่า

“พวกมัน เจ็บอะไรตรงไหนมั้ย”

“ก็มีบ้าง ฟกช้ำ แต่ผมเจ็บสุดเพราะมันงัดไม้มาฟาดหัว ฟาดท้องก่อน ผมถึงต้องชักปืนไง ไม่งั้นก็น่วมตีนตาย”

“อืม”
“เอามากี่ตีน”

“ก็น่วมแหล่ะป๋า”

“อืม เกินจะนับใช่มั้ย ป๋าจะได้เอาคืนถูกจำนวน”

“ป๋าจะทำอะไรครับ?” นายคฤณถาม สีหน้าและน้ำเสียงเขาดูหวาดๆ แสดงว่าฤทธิ์เดชนายคนินไม่ใช่น้อยๆ แน่นอน

“เอ้า! รู้เขารู้เรา กูเจ็บมึงเจ็บ ง่ายมากไอ้หนู”
“เจม ป๋าฝากดูที่หนึ่งแป๊บนึงนะ”

“อ่อ..ครับ” ผมรีบรับปากแล้วมองตามนายคนินที่เดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางสง่าแต่ก็ว่องไวกว่าอายุเอื้อ

“ไง ยังตื่นเต้นอยู่มั้ย เจอป๋าพี่”

“ไม่ตื่นเต้นครับ แต่งงมากกว่า ท่าทางป๋าพี่หนึ่งไม่...เอ่อ...ไม่แอนตี้เรื่องที่พี่ คบผู้ชายเลยนะครับ”

“เอ้า! ก็พี่บอกแล้วไงว่าจู๋พี่”

“แม่ง กวนตีนอีกแล้วนะ!”
“แล้วพี่หนึ่งล่ะ โอเคมั้ยที่จำใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้เจมฟังด้วย” ผมถามจี้ใจให้เขารู้ว่าผมรู้ทันเขาเหมือนกันแหล่ะน่า นายคฤณหัวเราะแล้วลูบไหล่ผมเป็นการขอโทษ ไม่ช้านายคนินก็กลับเข้าห้องมา พร้อมกับคนแปลกหน้าที่ผมเจอเมื่อเช้าแต่ไม่มีโอกาสได้รู้จัก

“ที่หนึ่ง ป๋าจะคุยกับตำรวจท้องที่ มีรายละเอียดตรงไหนยังไม่ได้บอกป๋ารึเปล่า”

“ไม่มีครับ ผมเล่าไปหมดแล้ว พวกนายช่างก็อยู่ในเหตุการณ์”

“อืม เดี๋ยวป๋าจัดการเอง”
“แล้วพรุ่งนี้ ออกจากโรงพยาบาลได้รึยัง? หรืออยากพักต่อ”

“ไม่พักแล้วป๋า พรุ่งนี้กะว่าจะออกบ่ายๆ เกรงใจบ้านเจมเขา”

“อืม ส่งลูกเต้าเขาให้ถึงบ้าน”
“เจมก็...ใครเอาขนมมาล่อก็อย่าตามเขาไปล่ะ ป๋าไปจัดการเรื่องให้”
“อ้อ! เมื่อกี้แว่วๆ ว่าเจมรู้จักหัวหน้าข่าวอาชญากรรมใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ” ผมรีบคว้าโอกาสที่จะทำตัวเป็นประโยชน์ทันที

“อืมดี ป๋ารบกวน”

“ไม่รบกวนเลยครับ ผมก็คิดว่าเรื่องนี้มันต้องขยายความให้ถึงที่สุดเหมือนกัน!” เป็นไง ผมอินมากเลยเห็นมั้ย? ก็แน่ล่ะ หน้าหล่อๆ ของนายคฤณต้องเป็นริ้วเป็นรอยคล้ำขนาดนี้ เมื่อกี้ได้ยินว่าฟาดหัวฟาดท้อง ถ้าเขาเจ็บอะไรภายในที่หมอตรวจไม่เจอแล้วเกิดตายจากผมไปล่ะ ผมจะทนอยู่เฉยๆได้ไง!

“อืม ช่วยติดต่อให้หน่อยนะ แล้วให้เบอร์ป๋าไว้ ตามนี้” เขาหยิบนามบัตรจากกระเป๋าใส่นามบัตรแบนๆ ให้ผม ผมก็รีบรับไว้แล้วทำตามความต้องการเขาทันที

งานนี้ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ นอกเสียจากได้ความสะใจที่ไอ้คนที่รุมนายคฤณของผมจะได้รับบทลงโทษกันเสียบ้าง!



คืนนี้ผมก็ไม่ได้กลับบ้านเหมือนเดิม นายคฤณกินข้าวเย็นแล้ว กินยาแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็ดตัวก่อนนอน และเขาก็บอกพยาบาลว่า “เดี๋ยวคนของผมดูแลผมเองครับ ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก” ถามกูสักคำเถอะว่าเกิดมาเคยเช็ดตัวให้ใครรึเปล่า ทุกวันนี้อาบน้ำเสร็จยังสะบัดๆ ไล่เกล็ดน้ำเลย ขอบอก!

ผมค้อนควับเมื่อเขาเอ่ยเรียก “เจมครับ เช็ดตัวให้พี่หน่อยสิ” อ้อนตีนแบบนี้นี่เอง ถึงได้ได้มาหลายตีนนัก ผมฮึดฮัดให้รู้ว่าไม่อยากทำ แล้วก็นั่งทำงานป๊อกแป๊กอยู่หน้าโน้ตบุ้ค และก็แว่วได้ยินว่า

“อืมเนอะ คนเรา รักเขาให้เขาทุกอย่าง หวังว่าจะเขาจะห่วงใยบ้าง แต่ก็คงหวังมากไป แค่ขอให้เช็ดตัวให้เขายังไม่อยากทำ”
“คงจะรังเกียจรังงอน ทั้งที่เรารึอยากจะจับจะต้องตัวเขาตลอดเวลา”
“ระดับความรักมันต่างกันจังเลย เฮ้อออ”

“แขว่ะพอรึยัง? เจมเหวอะหวะหมดแล้ว พอเถอะครับ” ผมแสดงตัวให้รู้ว่ากูรู้แล้ว เลิกด่าอ้อมๆ เสียที นายคฤณหัวเราะง้อผมแล้วก็ทำเสียงอ้อนอีก

“เช็ดตัวให้พี่หน่อยนะครับ”

“ก็ได้ จริงๆ เจมก็ตั้งใจจะทำให้อยู่แล้ว แต่เจมขอตบประเด็นนี่ก่อนเท่านั้นเอง” ผมหาข้ออ้างให้ตัวเองไปงั้นแหล่ะ จริงๆ เขินจนไม่อยากทำ เพราะกลัวเขารู้ว่าเขินเวลาเห็นเขากึ่งเปลือย พอข่มความอายได้ ผมก็เซฟทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วปิดโน้ตบุ้ค เดินเข้าห้องน้ำไปเอาน้ำอุ่นและผ้าชุบน้ำมาวางไว้ที่โต๊ะยกระดับสำหรับกินข้าว

“ถอดเสื้อเองได้มั้ยครับ” จริงๆ ไม่น่าถาม อ้อนมาซะขนาดนี้ เขาคงไม่ตอบหรอกว่าถอดได้

“ไม่ได้ครับ เจมถอดเสื้อให้พี่หนึ่งหน่อยนะ”

เขินชิบหายว่ะ ให้ตายเถอะ ปกติเขาเป็นฝ่ายเปลื้องผ้าผมนี่หว่า
ผมถอนหายแล้วกุ้มหน้าหงุดๆกระตุกเชือกที่ผูกสาบเสื้อให้ทับกันออก แล้วก็รูดเสื้อให้พ้นหัวไหล่เขา ดึงเสื้อออกจากตัวเขาจนอกแกร่ง หน้าท้องแน่นกล้ามเนื้ออวดแสงนีออนจากเพดานห้อง

หัวใจผมเต้นตึกตักไปหมด พยายามสงบมันแล้วแต่ก็ทำได้ยากเพราะเขาเอาแต่จ้องผมแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม

“เขินหรอ?”

“มาก”

“พี่ก็ชอบเห็นเจมเขิน เขินอีกนะ” มันเพิ่มดีกรีความเขินได้ด้วยรึไง? แม้จะสงสัยใจวิธีเพิ่มเขิน แต่ผมก็รู้สึกได้ตัวว่าตัวเองเขินมากขึ้น ตอนนี้ผมอยากม้วนตัวเป็นนางอายสุดๆ

“กางแขนสิครับ”

“สัมผัสพี่สิครับ” แน๊!!! แม่งยั่ว! ผมตวัดตามองแล้วก็ก้มหน้างุดกว่าเดิม ผมจับแขนเขาให้ยกขื้นแล้วก็เอาผ้าชุดน้ำอุ่นรูดไปรูดมาโดยไม่รู้หรอกว่ามันทั่วถึงรึเปล่า พอแขนนี้พอแล้วก็ย้ายข้าง นายคฤณก็ยังส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ผมทุกครั้งที่ผมเผลอเงยหน้า

“คางจะเชื่อมติดกับคอแล้วครับเจม”

“ท่าถนัด พี่หนึ่งอย่ายุ่งเลย”

“ปกติถนัดเงยหน้าไม่ใช่หรอครับ เพดานห้องมันน่ามองกว่าหน้าท้องพี่ไม่ใช่รึไง เจมเคยพูดไว้ตอน”

“พี่หนึ่ง!!!” แม่งจะพูดจาลามกตอนนี้ทำไมเล่า! ผมขูดผ้ากับหน้าเขาแล้วก็เช็ดแก้มแรงๆ นายคฤณก็ยังไม่ดุด่าอะไรผมซักคำ มีก็แต่เสียงหัวเราะชอบใจนั่นแหล่ะ

“พี่หนึ่งอย่าแกล้งสิ ถอดเสื้อนานๆ เดี๋ยวก็เป็นหวัดพอดี”

“ไม่แกล้งก็ได้ แต่เจมต้องตามใจพี่นะ”

“ที่ทำอยู่นี่ขัดใจพี่หนึ่งหรอ? คิดบ้างก่อนพูดน่ะ” ผมแขว่ะแล้วมองเขาหน้างอ คนระดับผู้บริหารเขายักไหล่ให้ผมแล้วยิ้มพึงใจ ไอ้เรามันก็แค่นักข่าวกระจอกๆ จะไปอบรมอะไรเขาได้ล่ะ!

ผมเช็ดตัวท่อนบนจนทั่วแล้วก็จับเขาสวมเสื้อตัวเดิมนั่นแหล่ะ กางเกงคือเป้าหมายต่อไปที่ผมมอง ผมต้องตรึกตรองอย่างละเอียดครับ เพราะการสัมผัสใต้กางเกง มันเสี่ยงจะเจ็บตัวจริงๆ

“เช็ดสิ”

“.......”

“สิ” ไอ้เหี้ยสินี่แม่ง จะบังคับกันเกินไปแล้วนะ! ผมดึงเชือกผูกขอบกางเกงออกแล้วรูดขอบกางเกงย้วยๆ ลงมานิดเดียว นิดเดียวจริงๆ เนินกระดูกเขาดูเซ็กซี่ชิบหาย งื้อออ กูไม่กล้ามองแล้ว กูเขิน!

ผมหันหน้าไปทางอื่นแล้วก็ล้วงมือพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำไปเช็ดๆ ซับๆ ให้จนทั่ว แล้วก็รีบชักมือออก
นายคฤณไม่ได้แกล้งอะไรผม เขาแค่มองผมนิ่งแล้วคอยส่งยิ้มกวนส้นตีนให้เมื่อผมมองหน้าเขานานๆ ครั้ง
ผมถลกขากางเกงทรงกว้างให้พับขึ้นมาถึงหน้าเขา แล้วก็เช็ดๆ ซับๆ ขัดๆ  กะเอาให้หนังกำพร้าแม่งร้องไห้หาแม่เลยด้วย

แล้วการเช็ดตัวที่น่าจะไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ก็จบลง ผมปล่อยผ้าขนหนูลงอ่างน้ำแล้วเตรียมจะยกอุปกรณ์ไปเก็บ แต่ไหล่ผมทั้ง 2 ข้างกลับถูกรั้งไว้เสียก่อน

“ยังไม่ได้ตามใจพี่เลย”

“เจมก็ไม่ได้ขัดใจอะไรพี่หนึ่งเลยนี่” เป็นแฟนผู้บริหารต้องหัวหมอครับ ผมโยกโย้แล้วพยายามแกะมือเขาออก แต่มือเขาเหนียวยิ่งกว่ายางยาแนวกระป๋องเสียอีก พอดิ้นไม่หลุดผมก็หยุดเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ ผมยอมจำนนด้วยการมองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วใส่

“อยากได้อะไรอีกครับ”

“อยากได้เจมครับ” ตรงไปนะครับคุณมึง แล้วนี่อยู่ในโรงพยาบาล แล้วตัวก็เจ็บๆ เคล็ดๆ รอยช้ำจากส้นตีนก็เต็มตัวไปหมดยังจะซ่ามาเทคโอเวอร์ร่างกายผมอีก ผมค้อนใส่แล้วยื่นคำขาด

“หายก่อน”

“แค่จูบอ่ะ” ต่อรองซะด้วย ไอ้พ่อค้าหน้าหล่อ!

“หายแล้วหรอ?”

“ปากไม่เจ็บ”

“แต่ปากช้ำ”

“ฮื้ออ ภาพลวงตาแล้ว” น่ะ! เห็นความกวนส้นตีนเอาแต่ใจของเขามั้ย? ผมหลุดหัวเราะแล้วโอนเอนตัวไปตามแรงดึงของเขา สุดท้ายก็ขึ้นไปนั่งตะแคงๆ บนเตียง แล้วเราก็จูบกัน

บรรยากาศมันไม่ได้หวานซึ้งตรงจิตมากมาย ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนมีดอกไม้โปรยใส่หัว อกไม่ได้ฟูฟ่องเหมือนกินช็อกโกแลตฟองดู

แต่มันก็อิ่มมาก อุ่นมาก
เขาจูบแซะปาก แซมลิ้น จูบย้ำทั้งปากบนปากล่าง จูบจนผมต้องดันตัวออกมาหายใจ แล้วก็โดนดึงไปจูบใหม่
ไม่รู้ผ่านไปกี่นาที แต่วินาทีสุดท้ายที่เขาละริมฝีปากไป เขาบอกกับผมว่า “ตอนที่น่วมเกือบตาย พี่เสียใจมากที่มีเวลาร่วมกับเจมแค่ไม่นาน”

“.............”

“ให้พี่เป็นอนาคตเจมด้วยคนนะครับ”


อนาคต...ยังมาไม่ถึงไม่ใช่รึไง
เขาคิดไปถึงอนาคต ในขณะที่ผมนั้น แค่ไล่ตามเข็มวินาทีที่เดินเร็วเหลือเกิน ก็เหนื่อยแล้ว

นายคฤณ ธีระเสถียร ทำให้ผมอยากเป็นคนที่มองเห็นแสงสว่างจากทางระยะไกลบ้าง แค่นิดหน่อยก็ยังดี

ผมคนนี้ จะเป็นคนรักที่ดีแบบนั้นได้รึเปล่านะ? 


Cut



ฮี่ๆๆ มาต่อแล้วค่ะ นักอ่านทั้งหลาย ป๋าเปิดตัวแล้ว ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย ฮ่าๆ
ก็นะ ฟิคเรื่องนี้อยากเน้นอารมณ์ เบา เบ๊า เบา ค่ะ

อีก 2-3 วันเจอกันนะคะ


แงงงง T^T เราเข้ามาขอโทษค่ะ งืออออ
เราพลาดเอง นามสกุลนายที่หนึ่งเปลี่ยนไปตอนแรกเฉยเลย T^T แต่งเองลืมเอง ย้อนหาไม่เจอเลยตั้งให้ใหม่ซะ งืออออ
ขอโทษในความสะเพร่าค่ะ T____T
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 06-02-2013 23:54:51
 :-[ โล่งอก พี่หนึ่งไม่เป็นอะไรมากกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-02-2013 00:01:41
พี่หนึ่งงงงงงง! *โหยหวน* 5555555555555 ไม่เคยอิจฉาใครเท่าเจมละ ทำบุญด้วยอะไรยะ ก๊าก

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chompoonut139 ที่ 07-02-2013 00:02:32
อิอิถึงคนเขียน พูดถึงโรงพยาบาลในระยองกับสถานที่รอบๆแล้วให้นึกตาม

ว่ามันตรงกับสภาพความเป็นจริงของสถานที่แถวนั้นที่บ้านข้าพเจ้าหรือเปล่า

มีตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง  555ขำดี อ่านแล้วทวนความจำได้เลยว่ามีอะไรอยู่ตรงไหนในจังหวัดบ้านตัวเองบ้าง

เขียนสนุกดีชอบ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 07-02-2013 01:06:16
ค่อยยังชั่ว พี่หนึ่งดูไม่เป็นอะไรมาก
ชอบตอนนี้ รู้สึกเหมือนมันโล่งใจ
ป๋าพี่หนึ่งดูใจดี
ดูทุกอย่างดีหมดเลยอ่ะ ชอบ
แบบเริ่มได้รู้ข้อมูลฝั่งพี่หนึ่งมากขึ้น

รอตอนต่อไปอยู่นะ555 จ๊วบ!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 07-02-2013 13:35:17
พี่หนึ่งงง ดีใจจังที่พี่หนึ่งไม่เป็นอะไรมาก รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆนะคะ ;w;
คุณป๋าพี่หนึ่งน่ารักอ่ะ 55555555*
เจมอย่าืลืมบอกพี่หนึ่งเรื่องไปอังกฤษนะจ๊ะ
หวานอย่างนี้ตลอดไปเถอะ อิอร๊าง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 07-02-2013 21:22:41
ป๋าน่ารักมาก พี่หนึ่งสู้ๆ เอาให้เจมรักเจมหลงจนขาดพี่หนึ่งไม่ได้เลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-02-2013 23:45:17
ค่อยยังชั่วที่พี่หนึ่งไม่เป็นไรมาก แล้วยังหื่นได้อีก อิอิ และแล้วเจมกะได้เจอพ่อสามี
หัวข้อ: re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-02-2013 01:17:32
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 17


สภาพนายคฤณยังเยินอยู่นั่นแหล่ะ แต่ความเยินก็ไม่สามารถริดรอนเค้าความหล่อบนหน้าเขาได้ จริงๆ ผมเองก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากหรอก เว้นก็แค่ว่าโดนมองไปด้วยแล้วก็หูแว่วได้ยินคำซุบซิบว่า “พี่น้อง” คู่นี้หน้าตาเลิศเลอทั้งคู่เลย คนเมาท์ไม่ใช่ใคร พยาบาลที่เคาท์เตอร์จ่ายยานั่นแหล่ะครับ

ผมแหวกปากถุงดูยาแก้อักเสบ แก้ไข้ แล้วก็ยาทาแก้ฟกช้ำ ยาทาแผลภายนอกพร้อมสรรพกับผ้าก็อซและเทปใสสำหรับพันแผล ครบเซต พอเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็ค่อยหันหาคนเจ็บ และก็เจอคุณเขายืนเต๊ะท่าอ่านหนังสือพิมพ์รายวันหัวเศรษฐกิจอยู่อย่างสนอกสนใจ

เขาคงอยากรู้เรื่องราวตัวเอง แต่ผมไม่อยากรู้หรอก เพราะผมรู้ผลลัพธ์ของการให้เบอร์ป๋าคนินกับพี่จ้อซึ่งเป็นหัวหน้าข่าวอาชญากรรมแล้วเมื่อเช้านี่เอง

เรื่องใหญ่โตสมกับที่พึ่งความอยากรู้ของพี่จ้อมากครับ แกจุดประเด็นให้ตั้งแต่ผู้สนับสนุนของพรรคที่หนุนหลังไอ้สส.พิมานที่ผมก็เพิ่งได้ยินชื่อมันเมื่อวานนี้ รวมมาถึงหัวคะแนนที่เป็นหางแถวอยู่ในพรรคมันนั่นแหล่ะ คุ้ยไปถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้วก็หัวคะแนนยุบยิบในแต่ละเขตชุมชน

โชคคงเป็นของนายคฤณที่ไอ้สส.พิมานมีชนักติดหลังอยู่แล้วเรื่องแซะหน้าดินเอาผลประโยชน์เข้าตัว เรื่องนี้ก็เลยได้รับความสนใจจากนักข่าวการเมืองไปด้วยทันที

“พี่หนึ่ง อ่านอะไรครับ?” พอเดินเข้าไปใกล้แล้วผมก็ยื่นหน้าไปอ่านบ้าง คิดผิดแฮะ เขาตั้งหน้าตั้งตาอ่านเรื่องค่าเงินบาทและกระแสเงินที่ไหลเข้าตลาดทุนไทย ทั้งหุ้นทั้งตราสารหนี้จนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ค่าบาทแข็งปั๋ง

“รู้สึกโดนลวงไงไม่รู้ จะเอาไงก็ไม่เอาให้แน่ คนลงทุนมันลำบากสมองนะ” บ่นเท่านี้แล้วก็พับหนังสือพิมพ์เก็บที่เดิม ผมยื่นถุงยาให้เขา แต่รายนี้ดันถุงยาคืนสู่มือผมแล้วบอกเสียงแผ่ว

“ไม่เอาแล้ว พี่ไม่กินแล้วนะ เบื่อ”

“ได้ไง ก็เจ็บอยู่”

“อยู่กับเจม 1 วิก็หาย”

“เราอยู่ด้วยกันมา 2 วัน 2 คืนแล้ว ปากยังม่วงอยู่เลยนะครับ” เจอผมย้อนด้วยภาพจริงสีจริงแบบนี้เขาก็ได้แต่เอามือปิดปากแล้วบ่นอะไรอุบอิบ ผมไม่สนใจฟังและเดินลิ่วๆ จูงเขามายังลานจอดรถที่จอดแช่ไอ้เบนซ์เห็นแก่ตัวของเขาไว้ทันที คิดๆ แล้วก็เสียวเหมือนกัน ไม่รู้มันจะโดนอุ้มไปชำแหละกินตับรึเปล่า

พอถึงรถ สถานะนายคฤณก็ชัดเจนมากกว่า “วันนี้พี่เป็นนายแล้วเจมเป็นบ่าว” เขาให้ผมขับรถ อืมมม เริ่มชอบรับฟีดแบ็คจากตีนคนอื่นแล้วสินะคนเรา

“ไปบ้านพี่ก่อนนะ รถเจมอยู่ที่นั่น”

“แล้วเราจะกลับกันยังไง พี่หนึ่งขับกลับกรุงเทพไหวหรอครับ?”

“ไหวครับ”
“เดี๋ยวเราขับคู่กันไปนะ ออกจากนี้ราว 5 โมงเย็น ขับกลับกรุงเทพไม่ติดมาก กว่าจะเข้ากรุงเทพก็ราวๆ 2-3 ทุ่ม รถที่นั่นซาพอดีเหมือนกัน”

“อืม โอเค”

“เจมล่ะ เหนื่อยรึเปล่า?”

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ” ผมหันไปยิ้มให้แล้วก็เข้าเกียร์ถอยหลัง นำท่านคณฤผู้ยิ่งใหญ่เป็นนายกู 1 วันสู่บ้านหลังอุ่นของเขา

จะว่าไป ผมก็คิดถึงบ้านหลังที่ระยองของเขาเหมือนกัน คิดถึงช่วงเวลาที่เพิ่งถูกเขาจีบ เพิ่งเริ่มไว้ใจเขา เพิ่งเริ่มใกล้ชิดกับเขา

หากนับเดือนกันจริงๆ แล้วมันก็ไม่นานเลย ครึ่งปีกว่าๆ เหมือนจะได้
แต่ว่า มวลความผูกพันมันน่าจะหนาแน่นพอควร หัวใจผมบอกแบบนั้น แม้ว่าตั้งแต่พ่อตาย ใจผมก็ไม่เคยผูกพันกับใครเลยก็เถอะ



นายคฤณคงรู้แล้วว่าผมบื้อกว่าที่เขาคิดมาก เพราะผมขับรถพาเขาหลงทางทั้งที่เขาจำทางกลับบ้านเขาได้แม่นยำ เรื่องป่วนผมทำได้ไม่ยากแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจทำเลยก็ตาม ผมก็แค่เลี้ยวซ้ายทันทีที่เขาบอกว่า “แยกหน้าเลี้ยวซ้ายนะเจม” และพอเขาบอกว่า “เลี้ยวขวาเลย” ผมก็ขับเลยทางเลี้ยวไปซะงั้น

ท่าทางเขาจะปวดหัว เพราะผมเห็นเขากุมขมับและนวดหัวคิ้ว เห็นแล้วก็สงสาร เลยหาทางแก้ปัญหาไปให้ว่า “มาขับเองมั้ยครับ?” แต่เขากลับคิดว่าผมกวนโมโห เอ้า! ผมมีเหตุจูงใจอะไรให้ต้องกวนอารมณ์เขาล่ะ?

และแล้วก็มาถึงกันเสียที

“ปกติที่ขับจากตัวเมืองมาบ้านแค่สี่สิบกว่านาที”

“คนละแรงเหยียบ พอเป็นเจมขับ ไอ้แรงม้าในรถพี่หนึ่งก็คงอู้งาน”

“เพ้อเจ้อ เถียงได้ทุกเรื่องจริงๆ”
“เข้าบ้านกันเถอะ” ด่าแล้วก็กระเตงผมเข้าเอวอยู่ดี ผมลงจากรถไปเปิดรั้วตามวิธีที่เขาบอก ซึ่งเขาก็บอกละเอียดตั้งแต่ใช้กุญแจรั้วดอกไหน ไขเข้าไปประตูเล็กก่อน แล้วก็สับสวิตซ์ไฟข้างรั้วขึ้นแล้วค่อยกดปุ่มเปิดรั้ว อือออ ยากไปป่ะ?

เกยราชรถม้าอู้ในโรงรถเขาเทียบคู่กับรถมินิของผมเรียบร้อยแล้วก็ต้องรีบมาพยุงเขาเดินเข้าบ้านครับ ทีรั้วล่ะทำซะยุ่งยาก แต่เขาไม่ได้ล็อคประตูบ้านด้วยซ้ำ ผมไม่ถามเรื่องความเลินเล่อของเขาเพราะผมเองก็เพลียๆ แล้วเหมือนกัน

“หิวรึยัง? เดี๋ยวเจมทำมื้อเที่ยงให้ พี่หนึ่งจะได้นอนพักก่อนกลับกรุงเทพ”

“โจ๊กสำเร็จรูปก็ได้ ใส่ไข่ ใส่หมูสับ พี่ช่วยเอง”

“พี่หนึ่งอยู่เฉยๆ เถอะ”

“พี่ทำได้ครับ ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย” อ่ะ อ้าว! แล้วที่ทำเสียงโอยถี่ๆ ตอนเขย่งส้นเท้าเดินเองนี่อะไร?

“แล้วที่ให้เจมพยุงเมื่อกี้ล่ะครับ ยังจะบอกว่าไม่เจ็บ” ผมเถียงตามที่เห็น แต่เขาก็ยิ้มชั่วร้ายแล้วเฉลย

“อ้อนแฟนเล่นไมได้หรอครับ?”

“ใช่เวลามั้ยล่ะครับ” ผมยียวนกลับแล้วชกแขนเขา จริงๆ ก็แค่เอากำปั้นแตะลงเบาๆ เท่านั้น

“ไปสิ ทำอะไรกินกัน”

“เดินดีๆ สิพี่หนึ่ง” นายคฤณก็ยังเอมใจกับการเอาตัวมาใกล้ๆ ผม หยอกผม แกล้งผม แล้วก็จบลงด้วยการมองผม กอดผม หอมขมับผม รวมถึงจูบมือผมเหมือนเดิม

เขาจะมาพิศวาสอะไรผมนักนะ?


เด็กชายคฤณกินแล้วก็นอน ฟาดโจ๊ก กระดกยาหลังอาหารแล้วก็มานั่งเอนหลังนาบโซฟามองผมนั่งทำงานในโน็ตบุ้คสักพักก็หลับไป ผมละสายตาจากหน้าเอาท์ไลน์หนังสือมาครู่หนึ่งจึงได้รู้ว่าเวลามันล่วงไปถึงบ่าย 4 โมงแล้ว ผมควรปลุกเขาให้ล้างหน้าล้างตา จะได้มีสติขับรถ แล้วก็วางแผนไว้ว่าจะทายาแก้ฟกช้ำให้เขาก่อนออกเดินทางด้วย

แต่ความเงียบสงบในบ้าน เสียงลมหายใจแผ่วเบาเป็นจังหวะเนิบนาบของเขาทำให้ผมยั้งการปลุกเจ้าของบ้านเอาไว้ก่อน

มาครั้งที่แล้วแม้จะอยู่นานกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้สำรวจเสือกตาไปมองอะไรมากนัก เว้นก็แค่รูปที่ผมคิดว่าคงจะเป็นรูปเขา นายพิชญะและคุณลูกแพร งั้นวันนี้ขอกูความทรงจำของเขาที่ผมไม่เคยมีส่วนร่วมหน่อยเถอะ

ผมยังจำได้ว่า คืนที่ผมเรื่องเยอะกับการไปให้พ่อเขาพบหน้านั้น เขาหลีกการปะทะอารมณ์เข้าห้องนอน และรื้อของที่น่าจะเป็นของวัยเด็กของเขาออกมา

ที่บ้านนี้ น่าจะมีของวัยเด็กชิ้นอื่นๆ ของเขาบ้าง

ผมเดินขึ้นชั้น 2 เดินผ่านห้องที่เขาเคยเตรียมให้ผมนอนและจบลงที่นอนห้องเดียวกับผม เพื่อมาหยุดที่หน้าห้องที่เขาบอกว่าคือห้องนอนของเขา แต่เขาก็ไม่ได้นอนเพราะปลิ้นตัวมานอนในห้องที่เตรียมให้ผม

ชั่งใจวินาทีเดียวผมก็เปิดประตูห้องนอนเขาทันที
เฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอนครบครัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ในทิศทางที่เรียบร้อยนัก ก็อย่างว่า แม้ห้องนี้จะใหญ่โต มากด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก แต่ก็ไม่ได้มีใครมาดูแลทุกวัน

ผมเดินไปนั่งบนเตียงแล้วยื่นหน้ามาดูที่ตู้เล็กๆ ข้างหัวเตียง ลองเปิดๆ ดูก็เห็นแบงก์เขียว แบงก์แดงและเหรียญต่างมูลค่า ต่างสกุลกองๆ กันอยู่ มีนาฬิกาข้อมือสายหนังเรือนเก่าๆ แล้วก็สมุดลายดอกไม้เล่มหนึ่ง

เห็นลายปกแล้วอยากถามว่าตอนซื้อไม่อายหรอ?

ผมไม่ได้ถือวิสาสะแตะต้องสมุดนั้น และก็ไม่ได้ใช้มือแตะสัมผัสสิ่งใดในห้องโดยไม่จำเป็นเลย ผมเพียงดูด้วยตาเท่านั้น เท่านี้ก็ถือว่าละลาบละล้วงมากไปแล้ว

จากตู้ข้างเตียง ผมก็มาเปิดตู้เสื้อผ้าดู เสื้อผ้าในตู้หนักไปทางเสื้อยืดที่พับกองๆ รวมกันเอาไว้ด้านล่าง เลยขึ้นไปที่ราวแขนส่วนมากจะเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อยีนส์เสียมากกว่า

แต่ว่า มันมีสิ่งแปลกอยู่อย่างหนึ่ง
เดรสผู้หญิง

แม่เขาอยู่เมืองนอก บ้านนี้ก็ไม่ได้มีแม่บ้านมาดูแลเป็นประจำ น้องสาวเขาก็ไม่มี พี่สาวก็ไม่มี แล้วเดรสผู้หญิงชุดนี้ของใคร? ให้ใคร?

ผมกบฏกับตัวเองด้วยการดึงมันมาดูไซส์ ดูแบบและเนื้อผ้า เรียกได้ว่าความทันสมัยมีน้อยนิด แต่ก็มีความร่วมสมัยอยู่บ้าง


“ซุกผู้หญิงด้วยหรอเนี่ย? ป๋าคนินรู้ป่าววะ?” ผมปรึกษาตัวเองแล้วก็แขวนมันกลับที่เดิม จากนั้นก็มุ่งไปที่โต๊ะเขยีนหนังสือที่มีตำราแขนงไหนซักอย่างวางซ้อนกันอยู่ 2-3 เล่ม

จ้องดูดีๆ แล้วจึงรู้ว่าเป็นตำราบริหารและวิศวกร สาขาที่เขาจบทั้งตรีและโท ผมจำได้จากประวัติเขาที่ผมได้เห็นครั้งแรกก็อุทานว่า “เทพมาเกิดอีกแล้ว”

นอกจากตำราแล้วยังมีกระดาษระเกะระกะวางอยู่ด้วย น่าจะเป็นเอกสารของโบรเจคลงทุนด้านพลังงานที่เขาดูแล ผมคงไม่สนใจกระดาษพวกนี้มากนัก หากไม่ได้เห็นรูปวาดด้วยดินสอที่ร่างบางๆ บนกระดาษพวกนั้น

ผมคุ้นรูปพวกนี้ จะไม่ให้คุ้นได้ยังไง ก็มันเป็นรูปที่ผมชอบวาดตอนที่สมองว่างเปล่าเหมือนกัน
รูปหมาหันหลังมองไปยังวงกลมที่มักจะอยู่เหนือกว่าเสมอ

“วาดอะไรของเขาวะ?” ผมไม่รู้ว่าเขาวาดรูปพวกนี้เพื่ออะไร และคิดอะไรอยู่ตอนที่วาด แต่ผมรู้ตัวผมเองดีทำไมถึงได้วาดรูปแบบนี้

ลูกหมาเจมจะรอพ่อตลอดไป
ผมคิดแบบนี้เสมอเมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่ว่าวันเวลาที่เสียพ่อจะเพิ่มขึ้นแค่ไหน รูปของผมที่วาดตอนเหม่อลอย ไร้เรื่องรบกวนจิตใจจะเป็นรูปแบบนี้เสมอ

อีกรูปที่ชี่นชอบก็คือรูปคนก้างๆ ที่ตัวมีขีดเดียว แยกออกเป็นแขน แฉกออกเป็นขา ผมชี้ๆ ขึ้น รูปที่เหมือนกับในกระดาษที่ผมเห็นบนเตียงในคฤณเมื่อคืนก่อน

เพิ่งรู้ว่าเขาใช้การวาดรูปบำบัดจิตใจเหมือนกัน

นอกนั้นก็ของใช้ส่วนตัว และเครื่องมือทำงานของเขาทั้งหลายแหล่ ผมเดินดูรอบห้องแล้วก็อมยิ้มบางๆ แค่ได้เห็นสิ่งที่เขาเคยเป็นมา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว


ผมมีโอกาสได้เข้าใกล้ความทรงจำของเขาที่ผมไม่เคยเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่พักใหญ่ บ่อยๆ ที่เจอเรื่องราวที่ผมสงสัย แต่ผมก็คิดจะไปไต่ถามหรือแตะต้อง หรือขอมีส่วนร่วมกับอดีต
รวมทั้งเดรสผู้หญิงชุดนั้น แม้จะพอเดาๆ ได้ แต่ผมคิดว่าไม่รู้ต่อไปจะดีเสียกว่า
 
ตราบใดที่เขายังคงแสดงออกว่ารักผม ชอบอยู่กับผม มีความสุขเมื่อเราได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมก็ไม่รู้จะไปขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตของเขาทำไม
ในทางตรงกันข้าม ตราบใดที่ผมพอใจจะอยู่ใกล้เขา อยู่ให้เขารักผม ให้เวลาเขาได้ใกล้ชิดผม ผมก็ไม่รู้จะบอกอดีตของผมให้เขารู้เรื่องทำไม
 
การคุ้ยข้าวของของนายคฤณทำให้ผมสำนึกรู้ขึ้นมาว่าเขาใจดีกับผมแค่ไหน เมื่อครั้งที่ผมพูดผมถามเรื่องคุณพีชญาจี้ใจเขา เขาใจเย็นกับผมมากและอธิบายเรื่องราวให้ฟังเท่าที่เขาคิดว่าจำเป็น และแตะต้องคุณพีชญาน้อยที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ซึ่งหากผมเป็นเขา หากผมต้องถูกถามเรื่องที่เก็บซ่อนลึกไว้ในหลืบใจ จากคนที่เพิ่งเข้ามาเกี่ยววงกลมชีวิตกันและกัน ผมแน่ใจว่าผมจะเตะเขาออกไปก่อนจะร้องคำว่า "โอ้ย" จบเสียอีก
 
ผมหวงความเป็นส่วนตัวของผมมาก และนายคฤณก็เป็นคนแรกที่ผมเปิดรับให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตผมมากขนาดนี้ เรียกได้ว่าวงกลมชีวิตของเขาและผมแทบจะทับกันสนิทดี
 
แต่มันคงทาบกันโดยไร้รอยเหลื่อมได้ไม่นาน อย่างน้อยๆ ตัวผมเองนี่แหล่ะที่จำต้องขยับชีวิตออกไป
 
เขาจะรับมือกับรอยเว้าที่ว่างเปล่ายังไงนะ?
 
 
เจม...
ผมแว่วได้ยินเสียงเรียก จึงเดินกลับไปยังห้องนอนที่เคยได้ใช้งานมาแล้ว และเข้าห้องน้ำไปกดชักโครกเล่นๆ แล้วก็ล้างมือก่อนเดินลงมาหาคนที่ตื่นมาก็เรียกหาผม
 
"ครับ พี่หนึ่งเรียกเจมหรอ?"
 
"ตื่นมาไม่เห็น ก็เลยเรียก"
"ตื่นมาแล้วเจอความเงียบมันยังไงไม่รู้" ลางสังหรณ์หมอนี่แม่นเหมือนกันแฮะ เขาจะรู้มั้ยอีกไม่นานนัก เขาอาจจะต้องทำตัวให้ชินกับการตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นผม
 
"เจมขึ้นไปแอบนอนบนห้องครับ ก็พี่หนึ่งยึดโซฟาไปแล้ว" ผมแก้ตัวแล้วนั่งขัดสมาธิบนพื้น ส่วนนายคฤณนั่งอยู่บนโซฟา สงสัยชาติที่แล้วผมจะเคยเป็นทาสรับใช้ท่านเจ้าพระยามากยศผู้นี้จริงๆ
"แล้วจะเอาอะไร เรียกเจมทำไมหรอ? หรือว่าปวดหัว หรือเจ็บแผล"
 
"เปล่าครับ แค่อยากเห็น" เขาพูดแล้วส่งยิ้มให้
"4 โมงแล้วหรอเนี่ย เตรียมตัวกลับกันดีกว่า"
 
"พี่หนึ่งขับรถไหวแน่หรอ? กลับรถเจมดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยให้คนของพี่เอารถพี่หนึ่งไปส่งที่คอนโด"
 
"ไม่อยากรบกวนใครน่ะ"
"อีกอย่าง รถเจมคงไม่มีที่ให้พี่นั่งหรอก"
 
อะไร? ดูถูกมินิหรอเนี่ย? เคืองนะเนี่ยขอบอก ผมส่งสายตาสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ผมเลยสะบัดหน้ากลับมาส่งงานเข้าอีเมลล์ผมแล้วก็ปิดโน้ตบุ้คเสีย ผมไม่ต้องแบกมันไปคืนใคร เพราะเป็นเครื่องของนายคฤณที่เอาไว้ทำงานประจำ ยินเสียงเขาหัวเราะหึๆ ชวนให้สงสัยตามหลังมา แต่ผมไม่หลงกลหรอกน่า เฮอะ!
 
และคำตอบก็มาสู่สายตาของผมเอง ทันทีที่ผมเปิดประตูรถผม กลิ่นมันก็บอกกันแต่โดยดีเลยครับว่าทำไมนายคฤณถึงจะขับรถกลับเอง
เมียใหม่เขา นอนพองหนามกันอยู่ในเข่ง 3 เข่ง ใต้เข่งมีผ้าหนาๆ รองเบาะอยู่ก่อนชั้นหนึ่งแล้ว นับว่ารอบคอบดี และยังมีสำนึกพอจะรู้ว่า รถกู กูหวง
 
ผมหันขวับไปจ้องหน้าเขา นายคฤณยิ้มเหนียมแล้วอ้อมแอ้มพูด
"ก็พี่อยากให้เจมกับที่บ้านได้กินไง พี่ก็ไปเอามาก่อน ทีนี้ มันก็เกิดเรื่องก่อน แต่มันคงยังไม่งอมมากหรอก เอากลับไปก็แกะกินได้เลย แต่ว่าต้องกระจายให้คนอื่นเขามากหน่อยเท่านั้น"
"พี่ขอโทษนะ"
 
แล้วผมก็ใจอ่อน จริงๆ ก็ไมได้โกรธเขาหรอกครับ คิดๆ ไปแล้วมันก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมากกับการขับรถให้นังทุเรียน 3 เข่งนั่งเป็นคุณนายหน้าหนามอยู่ในรถ พอคิดถึงสีหน้าเขาตอนคร่ำเคร่งเลือกทุเรียนเพื่อเอามาให้ที่บ้านผมแล้ว ความลำบากที่ผมต้องเผชิญตลอดทางนี่ถือว่านิดหน่อยมาก
 
"แต่เดี๋ยวพี่ขับรถเจมเอง เจมไปขับรถพี่ให้สบายดีกว่า" รักเมียหน้าหนามมากสินะ ผมยิ้มให้เขากวนๆ แล้วก็ตอบแน่วแน่

“มันก็ต้องแป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ คุณคฤณ”

“โธ่! พี่ขอโทษแล้วไง เบาะคงไม่เป็นอะไรมากหรอก กลิ่นก็....เดี๋ยวเอาไปล้างให้อย่างดีเลย” แกล้งคนหน้าช้ำที่รู้สีกดีจริงๆ ผมแอบยิ้มแล้วปั้นหน้าบึ้งๆ ให้เขามอง จากนั้นก็แบมือขอกุญแจรถที่ผมคืนให้เขาไปแล้ว เมื่อได้มาก็เดินหนีไปหาเบนซ์แรงม้าอู้ทันที แต่ก็ไม่ลืมกดโทรศัพท์หาจิว เมื่อปลายสายตอบรับ ผมก็พูดหน้าตาย “เดี๋ยวเจมจะกลับแล้วนะ ขับรถไปคนละคันกับพี่หนึ่ง พี่หนึ่งมีทุเรียนไปฟาดหน้าจิวกับแม่ด้วยนะ ได้ข่าวว่าปีนไปตัดขั้วเอง กินไปแล้วอั้นขี้ 3 วันนะจิว เดี๋ยวคนแถวนี้จะน้อยใจ”

เท่านี้เขาก็หัวเราะเขินๆ แล้วเดินมาขยี้หัวผม ก่อนจะจัดการให้ผมขึ้นรถเขา สตาร์ทเครื่อง เช็คน้ำมัน ดูระดับกระจกข้างและหลังจนเสร็จดีแล้วก็ทำหน้าที่เป็นพี่ยามโบกรถผมให้ออกจากบ้าน

ผมชะลอรถรอเขาอยู่ข้างรั้ว เราตกลงกันแล้วว่าผมจะเป็นราชนิกูลที่มีรถนำขบวนเป็นมินิเคลือบกลิ่นทุเรียน และเขาก็รอบคอบมาก ขับนำผมได้ตลอดทาง เวลาจะแซงใครทีก็จะทำอะไรสักสิ่งที่ผมไม่เข้าใจกับรถคันที่เขาแซงไปก่อน แล้วทางก็โล่งให้ผมขับตามตูดเขาได้ด้วยอารมณ์สบายๆ

3 ทุ่มปริ่มนิดๆ ก็ถึงบ้านผมที่บางนา นายคฤณคงโทรบอกจิวไว้ก่อน มันถึงได้นุ่งกางเกงบอล สวมเสื้อยืด โอบอุ้มหมาเผือกตัวเล็ก 2 ตัวมาเปิดประตูรั้วให้ มันมองผ่านรถมินิแต่กลับจ้องเข้ามาในเบนซ์คันงาม ผมเลยทำทานด้วยการกดกระจกให้มันส่องกระจกกับลูกกะตาผม ไอ้พี่ชายสะดุ้งและรีบวิ่งไปยังรถมินิทันที

แล้วมันก็ทำตัวเป็นเมียนายคฤณอีกคน
ท่าทางการประคับประคองราวกับนายคฤณมีผิวเป็นทอง มีขนบนแขนเป็นสายแร่ราคาสูงก็ไม่ปาน ทั้งโอบ ทั้งรั้งเอว ทั้งจ้องหน้าจ้องตา

แล้วคือ...ถึงมึงเป็นพี่กู แต่กูก็หวงแฟนกูเหมือนกันนะ!
แม่งยิ่งหน้าเหมือนผมอยู่ ถ้านายคฤณเคลิ้มแล้วผิดผีกับมันล่ะ? ชีวิตครอบครัวผมจะซับซ้อนแค่ไหน คิดดู!


“เจม เอาของในรถลงมาด้วยนะ”

ส้นตีน! ให้คุณนายหน้าหนามอาศัยรถมาแล้ว ผมยังต้องอุ้มเหล่านางๆ ลงจากรถอีกหรอ? ไม่เอาหรอก

“ไม่เอา! หนัก”

“ไม่เป็นไรรชา เจมเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ขนลงเอง”

“มึงปัญญาอ่อนรึเปล่าเจม เฮียคลินเจ็บขนาดนี้ มึงจะใจดำใช้เขาแบกเข่งทุเรียนอีกหรอ?”
“เร็ว!”

เออ เออ แม่ง! บังคับกูจัง
แล้วมึงยืนนิ่งรอตำแหน่งจอหงวนรึไง!
“จิวก็มาช่วยกันเด่ะ” ผมหาแรงเพิ่ม และไอ้พี่ชายคงพอจะรู้ว่าผมไม่ใช่พวกออกกำลังกาย อุ้มไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสอง 5 นาทีก็ต้องทาเคาน์เตอร์เพน แปะพี่เสือก่อนนอนแล้ว สุดท้ายไอ้รชานนท์ที่นามสกุลเหมือนผม หน้าเหมือนผม เดินแบกหน้าหล่อข้ามชาติมาช่วยผมขนทุเรียนในที่สุด ผมได้เอาคืนนิดหน่อยด้วยการแกล้งไม่ออกแรง ปล่อยให้แม่งโอบเข่งคุณณนายหน้าหนามอยู่คนเดียว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 16 - 6/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-02-2013 01:20:06
โถๆๆๆ ตาหนึ่ง คุณพระคุ้มครองนะลูกนะ บลา บลา บลา
คุณวันรพี อริยะกุล เป็นห่วงเป็นใยนายคฤณมาก แม่ผมหลงใหลอะไรในตัวผู้ชายคนนี้นะ? ผมได้ยินคำห่วงไม่ถนัดนักเพราะเริ่มหันมาสนใจจำนวนลูกทุเรียนที่อัดกันมาในเข่ง 3 ใบแล้วเริ่มตระหนกว่า จะจัดการย่อยสลายยังไงให้ร่างกายไม่อวบบวม

“จิวแกะเป็นป่ะ?” ผมถามพี่ชาย ซึ่งมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง จิวบอกว่า “เจมก็ตามหลังจิวมา เคยเห็นจิวแงะอะไรกินเองมั่งล่ะ? ส้มยังปอกเหนื้อแหว่งเลย

พวกผมถอนหายใจพร้อมกัน แม้จะชอบกิน แต่ผมไม่เคยแกะทุเรียนกินเองกันเลย แม่ผมก็ด้วย และผมก็เชื่อว่านายคฤณเองก็ไม่เคยแกะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าแม่จะมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ยังไง?

“เห็นจิวบอกว่าตาหนึ่งไปขนทุเรียนมาจากสวนหรอลูก แล้วที่หน้านี่ใครเขาแถมมาให้ ไหนเล่าให้แม่ฟังสิ” ชัวร์แล้วว่าหม่อมแม่ผมนั่งอยู่ในห้องรับแขกกับนายคฤณเรียบร้อย ลูกชายแฝดของเธอเลยยักไหล่ใส่กันแล้วปล่อยคุณนายหน้าหนามไว้หน้าบ้านแบบนั้น อ่อ! มีไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองที่ไม่เคยเห็นทุเรียนเป็นลูกๆ มาวิ่งวนดูแล้วก็ส่งเห่าแหลมๆ แม่ง หมาผมเป็นตุ๊ดป่าววะ?

เข้ามาในบ้าน หม่อมแม่หันมองผมวูบนึงและสำรวจเร็วๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีบาดแผลใดๆ เธอก็หันไปสนใจนายคฤณต่อ ไอ้จิวเปิดช่องดาวเทียมเพื่อดูสรุปข่าว แล้วมันก็เจอตอจนได้

ผมไม่รู้ว่านายคฤณเล่าให้แม่ฟังละเอียดมากน้อยแค่ไหน แต่ในรายงานข่าว เรื่องราวของนายคฤณละเอียดมาก และการขยายผลทางการเมืองก็เป็นเรื่องใหญ่มากเหมือนกัน

ถ้าฟังไม่ผิด มีการขุดคุ้ยไปถึงเรื่องการเข้าประมูลโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลมีเอี่ยวในนิคมภายในจ.ระยองด้วย ก็แน่ล่ะครับ บริษัทรับเหมาของเจ้าสัวคนิน ธีระเสถียร เขาใหญ่โต และก็ไม่ได้รับเหมาสร้างบ้านสร้างห้างอะไรเทือกนั้นด้วย เขารับจ้างสร้างท่อส่งแก้สและวางระบบแบบครบวงจร เป็นบริษัทรับเหมาที่จำเป็นต้องมีความแม่นยำเรื่องความปลอดภัย และต้องมี CSR* ให้ได้มาตรฐานด้วย การที่สส.ท้องถิ่นมาต่อกร และทำร้ายร่างกายลูกชายเจ้าของบริษัทที่มีการลงทุนในพื้นที่ของจังหวัดในอันดับต้นๆ ต้องรู้กันอยู่แล้วว่ามันจะไม่จบง่ายๆ

ผมเดาว่าฝ่ายนั้นคงไม่รู้ว่าธีระเสถียร กว้างขวางแค่ไหน ถึงได้มาหาเรื่องใส่ตัว
แต่ผมไม่ได้หลงระเริง เข้าข้างตระกูลที่มากอิทธิพล หรือมีเส้นสายทางการเมืองลึกๆ หรอกนะ ผมก็มองไปตามเนื้อผ้า

นายแม่ผมนิ่งเงียบฟังสรุปข่าวไปพลาง มองหน้านายคฤณไปพลาง เมื่อสกู๊ปข่าวนี้จบเธอก็ถอนหายใจ

“งานตาหนึ่งมันอันตรายขนาดนี้เลยหรอลูก แม่เพิ่งรู้”

“จริงๆ ไม่อันตรายหรอกครับ”
“เพียงแค่โครงการที่ผมไปดูเมื่อสองวันก่อน มันเป็นโครงการเกี่ยวกับถ่านหิน ซึ่งมันจะมีเรื่องเกี่ยวกับการเก็บและการทำลาย สารพิษตกค้างทั้งในน้ำและอากาศ ต้องบำบัดให้ดี วางระบบให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ชุมชนอยู่ได้ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม”
“ป๋าผมเขาสนใจ ก็เลยลงทุนมานานแล้ว แต่ผมเพิ่งเข้ามาดู ก็เลยอยากเริ่มตั้งแต่ทำความเข้าใจในชุมชน และสส.นั่นมันก็ไม่ชอบ”
“เพราะถ้าชุมชนเข้าใจว่าโรงไฟฟ้าของผมอยู่ในพื้นที่ได้โดยไม่ก่อให้เกิดสารพิษอะไร ไอ้โครงการประมูลน้ำประปาตั้งหลายตำบลที่มันเก็งๆ ไว้ว่าจะเข้าไปมีเอี่ยวก็จะลดไซส์ลง มันก็เลยหมั่นไส้”

“แล้วคุณพ่อตาหนึ่งคิดเห็นว่ายังไงกัน หือ?”

“ป๋าบอกว่าไม่เอาแล้วครับ”
“แม้จะน่าสนใจ แต่ระยะยาวไม่คุ้มเท่าไหร่”
“เพราะโรงไฟฟ้านั้นเขาไม่ยอมเพิ่มระบบกรองของเสีย แล้วก็ไม่ทำบ่อสำรองสำหรับน้ำเสียด้วย ดูท่าว่าจะปล่อยออกสู่ชุมชนทีละนิด”
“ป๋าเริ่มลงทุนไปแค่ 10% ลงมาแล้วราว 5 ปี เห็นว่ารีเทิร์น 5 ปีแรกก็คุ้มทุนแล้ว  ก็เลยให้ถอนการลงทุนออกมา”
“เกิดภาพแบบนี้ เกิดเรื่องแบบนี้กับผม ป๋าไม่อยากให้บริษัทเสียเกรด”
“ถอนออกมาเลยก็ดีกับเราด้วย ให้เป็นที่รู้กันว่าแม้ปัญหาจิ๊บจ้อย เราก็ไม่มองข้าม และไม่ลงทุนกับบริษัทที่ไม่ได้มาตรฐานตามที่เรากำหนด”

“อืม...”
“ตาหนึ่งนี่เก่งเหมือนพ่อนี่เอง”
“ถ้าพ่อของจิวกับเจมยังอยู่ ลูกชายแม่คงเก่งได้ครี่งของตาหนึ่งบ้าง” แล้วเธอก็เข้าสู่โหมดรำลึกความหลัง น่าแปลกที่คืนนี้ การพูดถึงพ่อไม่ถูกตัดบทโดยไอ้จิว หรือโดยตัวแม่เอง ทั้งที่ปกติแล้ว ทั้งคู่จะไม่พูดเรื่องพ่อกับผม สาเหตุก็เพราะผมนี่แหล่ะ ตัวผมเองก็ไม่เคยลืมว่าผม “เคย” เป็นยังไง เมื่อตอนที่เสียพ่อไปกะทันหันแบบนั้น

“เท่านี้ก็เก่งครับ ทั้งรชาทั้งเจม เก่งไปคนละแบบ”
“เจมเนี่ย เขียนหนังสือดีมากเลยนะครับ ได้เป็นผู้เรียบเรียงหนังสือของเพื่อนผมด้วย”
“เห็นว่าบก.เขาเลือกเจมเองเลย”
“ส่วนรชาเนี่ย เก่งมาแต่ไหนแต่ไร ดูหน้าแป๊บเดียวก็รู้ว่าหัวไว”
“แม่อย่าห่วงเลย ที่ทำมาทั้งหมดน่ะดีสุดแล้ว” เขาปลอบแม่ผมได้ด้วย เวลาที่แม่ผมเกิดอารมณ์หม่นๆ คนที่รับมือได้ก็คือไอ้จิว และ 2 แม่ลูกเขาจะปลอบกันอยู่ 2 คน ผมไม่ค่อยมีเอี่ยวเท่าไหร่ และพอแม่คลายกังวลแล้วก็กลับมาจ้ำจี้จ้ำไชกับผมเหมือนเดิม

คุณนายวันรพียิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองหน้าไอ้จิว แต่พอมองหน้าผมแล้ว รอยยิ้มแม่กลับจางลง แววตาหม่นเศร้าลงนิดๆ ผมชินกับสายตาแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดสงสัยจริงจังเลยว่าทำไมจนกระทั่งผมเรียนจบม.6 และไม่เลือกคณะที่ไอ้จิวเลือกให้

เราทะเลาะกันใหญ่โต แม่เองก็ไม่รู้จะห้ามยังไง ด้วยความที่ไว้ใจให้ไอ้จิวนำทางผมเดินมาโดยตลอด แต่เมื่อผมอยากไปตามทางของผมบ้าง ไอ้พี่ชายก็ไม่เห็นดีด้วย แม่เองก็ไม่กล้าหนุนหลังผม แต่ก็ไม่กล้าชักจูงให้ไอ้จิวปล่อยให้ผมโตตามทางที่ผมเลือก

คำที่แม่เอ่ยขึ้นกับผม น้ำเสียงช่างสั่นสะท้าน สะท้อนถึงความไม่มั่นใจอะไร
แม่ถามผมว่า “อยากจากแม่กับพี่จิวไปขนาดนั้นเลยหรอ? ไม่รักคนที่รักเจมมาตลอดบ้างหรอ? ลูกมีหัวใจให้แม่กับพี่จิวบ้างรึเปล่าลูกเจม”
และ
“อย่ากลับไปเป็นเหมือนตอนม.ต้นเลยนะลูก”
“อยู่กับปัจจุบันของเราเถอะนะลูกเจม”

ตอนเด็ก ผมเป็นเด็กอยู่กับอดีต
ผมมีเพียงพี่ชายที่คอยหันมาบอกว่าอยากให้ทำอะไร พอกลับบ้านก็มีแม่ที่คอยเตือนว่าต้องนอนเวลาไหน ควรกินเวลาไหน
แต่เวลาที่ผมอยู่คนเดียว อยู่เงียบๆ กับความคิดของผม ผมมีพ่อเสมอ
ผมพูดคนเดียวบ่อยๆ ผมเหม่อลอยเป็นนิสัย ผมไม่ค่อยมองหน้าใคร ไม่พูดกับใครกระทั่งเพื่อนในห้อง กลายเป็นว่าเพื่อนไอ้จิวต้องมาเป็นเพื่อนผมด้วยเพราะจิวมันจะพกผมติดตัวไปด้วยเสมอ

ผมมีหมอส่วนตัว เป็นหมอจิตเวช
เราเจอกันทุกๆ วันอาทิตย์

หมอจะรอผมที่คลินิกส่วนตัวของแก มีน้ำหวานให้ผมกิน มีขนม มีหนังสือ มีทุกอย่างที่ผมลองเอ่ยถามว่าทำได้มั้ย? เล่นได้มั้ย? อ่านได้มั้ย? กินได้มั้ย?
ในคลินิกไม่มีจิวมาคอยขีดเส้นกำกับผม มีเพียงตัวผม หมอที่ใจดีกับผม และพ่อที่อยู่กับผมตลอดเวลา

3 ปีในการทำความเข้าใจว่าการไม่มีพ่อไม่ใช่เรื่องใหญ่โต การไม่มีพ่อเป็นเรื่องที่น้องเจมรับมือไหว การไม่มีพ่อเป็นเรื่องที่ทำให้น้องเจมเสียใจ แต่น้องเจมก็จะโตเป็นหนุ่มเจม พี่เจม ลุงเจมได้ เพราะตอนนี้น้องเจมเก่งแล้ว

3 ปีในช่วงม.ต้น คือ 3 ปีที่ผมทำให้แม่ทรมาน เพราะผมเป็นโรคไม่ไว้ใจใคร แม้กระทั่งแม่ผมก็ไม่ไว้ใจ อาการของผมไม่ทำให้แม่เดือดร้อนเพราะผมไม่อาละวาด ผมแค่เงียบลง เงียบลงราวกับกำลังบอกแม่เงียบๆ ว่า “โลกนี้ไม่มีเจมอีกต่อไป”

ผมจำชื่อเพื่อนม.ต้นไม่ได้สักคน จำเพื่อนไอ้จิวได้บางคน แต่มีรุ่นพี่คนนึงที่พอจะจำเขาได้
เขายิ้มให้ผม มองผมทุกครั้งที่ผมเงยหน้ามองโลก สอนการบ้านผมในบางวัน และผมก็วาดรูปให้เขาเป็นการตอบแทนด้วย รูปที่ผมรัก ความหวังที่ผมฝังไว้ในใจคนเดียวเงียบๆ ถ่ายทอดออกมาทางปลายดินสอที่ขีดเชื่อมกันไปจนกลายเป็นรูปหมานั่งหันหลังมองพระอาทิตย์

ผมจำหน้าเขาไม่ได้ เวลาลองนึกถึงเขา ผมจะเห็นเขาแค่ลางๆ เท่านั้น ชื่อเขา ผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน
แต่ผมจำได้ว่า รู้สึกดีเวลาที่เงยหน้ามองโลกแล้วเจอเขา และเมื่อเขาเห็นผมมองโลกแล้ว เขาก็จะรีบยิ้มให้


“พ่อจิวกับเจมเขาเก่ง แม่ไม่เก่งเท่า ก็เลยเลี้ยงมาได้เท่านี้”

“โธ่แม่! จิวเนี่ยเทพมากนัก”
“มีหรอครับ ทำงาน 3 ปี เงินเดือนร่วมแสน”
“เจมนู่นนนน กัดก้อนเกลือกิน” คำล้อเล่นล้อเลียนของไอ้จิวทำให้ผมดึงตัวเองมาสู่วงสนทนาตรงหน้า ผมหัวเราะขำๆ แต่ตีแขนมันให้มันได้รู้ว่า “อย่ามาขอกูแดกเกลือก็แล้วกัน!”

แม่ผมหัวเราะที่เห็นพวกผมแหย่กัน จากนั้นเธอก็ลามไปคิดแผนว่าเราจะกินทุเรียนจากสวนกันได้ยังไงในเมื่อเราแงะทุเรียนกันไม่เป็นสักคน แล้วเธอก็ได้ข้อสรุปว่า “พรุ่งนี้ป้าพิศมา เดี๋ยวแกคงรู้ว่าเราจะทำยังไงดี” และพูดต่อว่า

“ดึกแล้ว ตาหนึ่งค้างที่นี่เถอะลูก พรุ่งนี้จะแบกหน้าแบบนี้ไปทำงานหรอ? ยังช้ำอยู่เลย ทำงานอยู่ที่บ้านนี่แหล่ะ”

และ

“เดี๋ยวให้น้องเจมดูแล” หม่อมแม่คงลืมไปแล้วว่าผมไม่ใช่คนว่างงาน


พออาบน้ำอาบท่าเสร็จ ผมก็ออกมาเจอไอ้จิวนั่งแสลนอยู่บนเตียง กำลังพยายามเช็ดตัวให้นายคฤณอยู่ เขายังอาบน้ำไม่ได้ครับเพราะรอยแผลถลอกมันลึก ห้ามแผลโดนน้ำ

พอเห็นผม มันก็ทิ้งผ้าชุบน้ำทันที
“เจมมาแล้ว เจมเช็ดตัวให้เฮียสิ”

“ก็จิวทำอยู่นี่ เช็ดให้เสร็จสิ”

“กูกลัวทำเฮียเจ็บ” ไม่ต้องกลัวหรอก กูทำเขาเจ็บหนังกำพร้ากว่ามึงมาแล้ว ผมหันมองพลางเลิกคิ้วถาม ไอ้พี่ชายนิ่วหน้าแล้วก็ว่า “ก็เฮียเจ็บอยู่ ไม่รู้เช็ดยังไงไม่ให้เจ็บกว่าเดิม”

“ก็เช็ดเบาๆ”

“เชื้อโรคไม่ตาย”

“งั้นเช็ดด้วยแอลกอฮอลฆ่าเชื้ออ่ะ”

“พ่องมึงสิ แสบหนังตัวแห้งแตกเกล็ดกันพอดี”
“มาเช็ดดิ เร็วๆ” ผมพ่นหัวเราะใส่หน้ามันแล้วก็ดันตัวมันออกจากห้องผมไป เมื่ออยู่กัน 2 คนแล้ว นายคฤณก็ถอดเสื้อตัวเองออกอย่างรู้งาน และพูดว่า “เจมเช็ดตัวให้พี่หนึ่งนะครับ”

อ้อนทำไมเนี่ย? กูละลายแล้วไม่เห็นหรอ?



เช้านี้ผมยินเสียงวุ่นวายแต่เช้าของป้าพิศครับ แกคงตกใจกับปริมาณทุเรียนหน้าบ้าน ผมตื่นเต็มตาแล้วแม้ว่าจะยังไม่ถึงเวลา ก็เลยแบกตัวเองลงไปมองหน้าแกแล้วถาม

“ป้าพิศแกะทุเรียนเป็นมั้ยครับ?”

“ป้าทำไม่เป็นหรอกน้องเจม”
“แต่พอจะรู้จักพ่อค้าที่ตลาด แต่ว่า กินกัน 3 คน จะหมด 3 เข่งเมื่อไหร่คะเนี่ย?”

“ไม่กะจะกินหมดหรอก ป้าพิศช่วยกระจายทีสิ รู้จักใครก็ให้เขาไปเถอะครับ”
“ป้าเจมเอาไว้แค่ 3-4 ลูกก็เป็นปีแล้ว”

“ค่ะ เดี๋ยวป้าไปเรียกพ่อค้าในตลาดมาซื้อไปก็แล้วกัน ขายไปพอได้ค่าอาหารตัวหนึ่งกับตัวสองไงคะ”

“โอ้! ดีเลยครับ เอาเลย เอาเลย” พอผมอนุมัติ ป้าพิศก็ดิ่งไปจัดการธุระให้ทันที

“อะไรเอาเลยหรอเจม แล้วนี่ทำไมตื่นเช้า” นายแม่ผมเดินกลับมาจากหน้าบ้าน คงใส่บาตรเสร็จแล้ว ผมชะเง้อมองหน้าบ้าน พอไม่เห็นเจ้าตัวก็ถาม

“จิวล่ะครับแม่”

“พี่เขาไปทำงานแล้ว”
“ตาหนึ่งตื่นรึยัง แม่บอกป้าพิศให้ทำต้มจืดร้อนๆ ไว้ให้ด้วย”

“อีกเดี๋ยวคงตื่นครับ เขากินยาแล้วกลับไปตอนตี 2”

“อืม ดูแลพี่เขาดีๆ นะลูก คนเราเนี่ยมันเจอมิตรแท้มันยาก” แม่บอกและยิ้มให้พลางจับมือผมเพื่อจูงเข้าบ้าน นายแม่คงสะดุดกับบางอย่างบนนิ้วผมก็เลยยกขึ้นดู พอเห็นก็อุทาน

“ใส่แหวนด้วยหรอ? ปกติเจมไม่ชอบอะไรที่มันเกะกะร่างกายนี่ลูก”

“อือ ใส่ครับ” ผมบอกกลางๆ แล้วจะดึงมือออก แต่แม่กลับจับไว้แน่นกว่าเดิม พลันอกผมก็เสียววาบเพราะนึกได้ว่าแหวนนี้นายคฤณสั่งทำที่ร้านผม แล้วชื่อที่สลักไว้บนแหวนก็....

“ใครให้มาหรอเจม”
“หือ?”

“เอ่อ....”

“บอกแม่ไม่ได้หรอ”

“คือ.....”

“ผมให้เองครับ” เสียงดังมาจากในบ้าน รออยู่ไม่นานผู้ชายหน้าหล่อที่ยังมีรอยช้ำอยู่ก็มาหาอย่างมาดมั่น ไร้ความไม่มั่นใจในแต่ละย่างก้าว

คุณวันรพีก้มมองคำสลักบนแหวนที่เธอรับออเดอร์ไว้เอง จากนั้นก็มองหน้าผม และมองหน้านายคฤณ

“First’s Love”

“ครับ”
“ความรักของที่หนึ่ง” เขาบอกเสียงแน่วแน่และมองหน้าแม่ผมอย่างตั้งใจ คุณวันรพีไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยังจับมือผมไว้แน่นและจูงให้กลับเข้าไปในบ้าน

เธอนั่งที่โซฟา ดึงผมให้นั่งข้างๆ นายคฤณเองก็นั่งลงบนโซฟาที่หันหน้าหาแม่พอดี

“ตาหนึ่ง...ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ”

“ครับ ผมจริงจัง”
“ป๋าผมก็รู้จักเจมแล้ว”
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกแม่เองจากปาก หมายถึงไม่ได้บอกตรงๆ จริงๆ ตั้งใจจะบอกให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่กลัวเจมจะไม่พร้อม เลยรอก่อน”

“เรายังไปได้อีกไกล ลูกแม่ ไม่ได้มีอะไรให้ตักตวงหรือต่อยอดหรอกนะ บ้านเราก็แค่คนตัวเล็ก ไม่ใหญ่โตอะไรเลย”
“ถ้าเล่นๆ กับน้อง”

“ไม่เล่นครับ ผมจริงจัง” แต่ละคำของเขาทำเอาผมไม่กล้าหายใจเข้า พอแอบสูดหายใจเข้ามาแล้วก็ไม่กล้าหายใจออก
“ผมไม่มีอะไรมายืนยันหรอกครับ เพราะฉะนั้น เราคงเซ็นสัญญาว่าจะรักเจมตลอดไปกันตรงนี้ไม่ได้ แต่อยากให้แม่เชื่อใจผม”
“ผมโตแล้ว มีหน้าที่การงาน มีบริษัทต้องรับผิดชอบ การที่ผมคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำให้ผมมีความสุขตลอดไป เพียงแค่ได้อยู่ใกล้กัน ได้เห็นว่าเขามีความสุขดี คือทั้งหมดที่ผมต้องการ ก็ขอให้เชื่อว่าผมคิดดีแล้ว กรองแล้วกรองอีก”
“เจมไม่ได้ทำอะไรให้ผมรัก เพราะฉะนั้น ต่อไป เจมก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ผมรัก ผมจะรักเจมเพราะผมเลือกจะรักเอง ไม่ต้องปรุงแต่ง ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ผมก็รักได้”

“ตาหนึ่ง น้องเป็นผู้ชาย”
“ลองทบทวนดูมั้ยลูก มันอาจจะเป็นแค่รสนิยมช่วงหนึ่งของชีวิต”

“ไม่ครับ ไม่ใช่”
“ไม่ใช่รสนิยม เพราะผมไม่ได้ทำตามกระแสสังคม ไม่ได้รักเพื่อทดลองหรือทดสอบตัวเองด้วย”
“สำหรับเจม มันคือความรู้สึกที่เป็นสีขาว ผมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน ขอแค่ได้รัก ได้ดูแล ได้เฝ้ามองเขาโตขึ้นอย่างมีความสุขทุกๆ วัน เท่านั้นก็พอ”
“แม้ว่าวันข้างหน้า ความสุขของเจมจะหมายถึงการไม่มีผมอยู่ข้างๆ ผมก็ยืนยันได้ว่าความรู้สึกรักของผมที่มีให้ยังเหมือนเดิม”

“รักแท้ แม่ก็รู้จัก”
“ขอแค่ได้รัก ได้เฝ้าถนอม”
“แม่คงกำหนดอะไรชีวิตเจมไม่ได้” คุณวันรพียิ้มบางให้นายคฤณแล้วหันมองหน้าผม และจู่ๆ ก็ดึงผมไปกอดแล้วลูบแก้มลูบไหล่ ผมรู้สึกซ่านๆ อย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่เคยคิดเลยว่าการบอกแม่ให้รู้เรื่องนี้จะมีผลเป็นอย่างไร เพราะผมมั่นใจว่าไม่ว่ายังไงแม่ก็จะเข้าใจผมเสมอ เพราะแม่ไม่เคยขัดผม จริงๆ แล้ว แม่ไม่กล้าขัดใจผม เพราะกลัวผมกลับไปเป็นเหมือนเดิมต่างหาก

ผมกอดแม่หลวมๆ แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ” ให้ได้ยิน นั่นทำให้แม่กอดผมแน่นกว่าเดิมแล้วโคลงตัวโยกไปมา เธอส่งยิ้มให้นายคฤณที่ก็ยิ้มให้เธอกลับมาเหมือนกัน

“แล้วเจมล่ะลูก...ตาหนึ่งเขายืนยันว่ารักเรา แล้วเราล่ะ”
“ถ้าใช่คนนี้จริงๆ แม่ก็ไม่ขัดอะไร จริงๆ จะรักจะชอบคนไหนแม่ก็จะไม่ขัด แค่อยากแน่ใจว่าเจมเลือกดีแล้ว”

“...........”

“หือ? คนนี้รึเปล่าลูก”

“ครับ เจมรักคนนี้” ผมตอบรับ และรู้สึกอายจนหน้าร้อนผ่าวๆ นายคฤณยิ้มเขินยกใหญ่ แม่ผมเองก็ยิ้มไป มองหน้าพวกผมสลับกัน แล้วเธอก็ทำหน้าตื่นเต้นแล้วถาม

“พี่จิวรู้รึเปล่าลูก บอกให้พี่เขาเข้าใจด้วยนะ”

“จิวรู้แล้วครับ สแกนจนพี่หนึ่งเกือบไม่ผ่านมาตรฐานมัน แต่เส้นสายเขาดี เขามีอดีตร่วมกันมาเยอะ” ผมเอ่ยแซวแล้วก็หัวเราะอารมณ์ดีเสียจนตาแทบปิด แม่มองผมปลื้มๆ แล้วก็ดึงตัวไปกอด คุณนายวันรพีมีความสุขจริงๆ ผมเชื่อแบบนั้น


ชีวิตผมมีความสุขดีจัง ใครๆ ก็เข้าใจผม
ใครๆ ก็รักและอยากเห็นผมมีความสุขกันทั้งนั้น
ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆ
ข้าวเช้ามื้อนี้ และทุเรียนเม็ดนี้ถูกยกให้เป็นตัวเพิ่มความสุขของผมจริงๆ

แล้วผมยังต้องการอะไรอีก

นั่นสิ ผมต้องการอะไรอีก?



Cut



*Corporate Social Responsibility (CSR) หรือ บรรษัทบริบาล



อีกไม่นาน...ก็เช้า?

ฮ่าๆๆ ลงดึกมาเลย แฮปปี้ ไชนิส นิวเยียร์นะคะ ขอให้ร่ำให้รวยกันทุกคนเลยยย

อีกไม่นานก็จบค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 10-02-2013 01:44:27
ทุกอย่างราบรื่น :impress2:
แต่ว่าาาาเจมต้องไปตปท.นี้สิ ฮือๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 10-02-2013 01:56:46
อ่านถึงตอนที่แม่เห็นแหวนแล้วใจหายวูบเลย นึกว่าจะมาม่าซะแล้ว
ดีใจที่เข้าใจกัน ดูบรรยากาศอวลไปด้วยความสุข ความเข้าใจ
ตอนนี้ก็เหลือแต่เรื่องไปอังกฤษสินะ ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-02-2013 02:10:41
ในที่สุดก้อแม่ก้อรู้แล้ว แล้วเจมจะรู้มั้ยเนี้ยว่าพี่หนึ่งคือรุ่นพี่คนนั้น
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 10-02-2013 03:14:59
 :serius2: เจมจะจำอดีตว่ารู้จักพี่หนึ่งได้มั้ย  เจมจะไปนอกนี่นาเราจะได้กินมาม่าเหรอนี่
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 10-02-2013 08:28:22
ไม่ต้องไปหรอกเจม...ต่างประเทศน่ะ
แค่นี้ก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 10-02-2013 08:52:28
ถึงเวลาที่จะต้องห่างหรือยัง? ระแวงแล้วน้า 555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-02-2013 12:45:05
 :เฮ้อ: แล้วเรื่องไปอังกฤษล่ะเจม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 10-02-2013 14:53:08
อ่านรวดเดียวจบ
ขอบอกว่าสนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ
เราชอบมากกกกกเรื่องนี้
คุณคนแต่งดำเนินเรื่องได้เยี่ยมเลยค่ะ
เราชอบความคิดของตัวละครอ่ะ โดยเฉพาะพี่หนึ่ง คือรู้ว่าได้ว่าผู้ชายคนนี้เหมาะสมกับที่หนึ่งมากๆ
ส่วนน้องเจม น่ารักอ่ะ น่าดูแลจริงๆอ่ะ แอบเกรียนด้วยบางที ฮาาาาา

ลุ้นต่อไปว่าน้องเจมจะบอกเรื่องไปอังกฤษกับพี่หนึ่งยังไง
แต่ไม่ว่ายังไง พี่หนึ่งก็ต้องสนับสนุนเจมอยู่แล้วอ่ะ  อิอิ

ความทรงจำของน้องเจมหายไปตอนช่วงที่เจอกับพี่หนึ่งซินะ เลยจำพี่หนึ่งไม่ได้
รูปวาดที่พี่หนึ่งเอาออกมาดู ก็คงเป็นของน้องเจมล่ะมั๊ง
(ไม่รู้เข้าใจถูกเปล่า ฮาา )

รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่าาาา
ไม่อยากให้จบเลยอ่ะ นี่บอกเลยยยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 10-02-2013 18:35:17
ช่วงเวลาที่หายไปกำลังจะกลับมาแล้วน๊าเจมสู้ๆ แต่ไม่อยากให้ห่างกันเลยกลัวว่าเจมจะเก็บตัวอีก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-02-2013 21:22:03
Hear, Me

=======
If I could, I would
======





ตอนที่ 18



เช้านี้เป็นอีกเช้าที่ผมมึนๆ เข้าออฟฟิศ
พอโผล่หัวเข้ามา ไอ้อรินทร์ก็เร่มาหาผมทันที
“เป็นไงมั่งมึง ส่งเอาท์ไลน์รึยัง?”

“ส่งแล้ว เมื่อคืน แม่งไม่ได้นอนเลย” ผมตอบพลางฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานประจำ โน้ตบุ้คยังไม่ได้เปิดและไม่คิดจะเปิดด้วยซ้ำ ผมเอียนกับแสงคอมพิวเตอร์มากๆ เลยตอนนี้
“มึงล่ะ?” ผมถามมันทั้งที่ยังก้มหน้าฟุบอยู่แบบนั้น ยินเสียงลากเก้าอี้ ไอ้แอมคงจะไปลากมานั่งสนทนากับผมอย่างเป็นทางการ แต่ผมไม่มีแรงแล้ว จริงๆ นะ ผมอยากนอนหลับยาวสัก 3 วัน เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมปั่นงานยิกมาก ทั้งงานประจำ ทั้งเอาท์ไลน์หนังสือ 2 เล่ม ซึ่งผมต้องทุ่มให้มันเป็นพิเศษ เพราะมันเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดอนาคตผม

“ส่งแล้ว เมื่อคืนเหมือนกัน”
“เพลียโคตรว่ะ? พี่ปูให้กูเขียนสิ่งที่อยากศึกษาและพัฒนาถ้าได้ไปอบรมที่นู่น”

“แล้วมึงเขียนไปว่าไงวะ” ผมตะแคงหน้ามามองมัน ไอ้แอมเกลี่ยที่มุมปาก เดี่ยวนี้แม่งเทพแล้ว มุมปากมันฝืนแรงโน้มถ่วงโลกได้แล้วอ่ะ มันจะจัดงานเลี้ยงมั้ยวะ จะได้เตรียมตัว

“ก็เขียนเรื่องพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของสื่อที่มีผลต่อผู้รับสารในอนาคต อะไรพวกนี้อ่ะ กูอธิบายไปว่า อนาคต รูปแบบของสื่อจะเอนมาทางดิจิตอลมากขึ้น เพราะงั้นคอนเทนท์ต่างๆ ต้องมีพัฒนาการที่อิงมาทางดิจิตอลมากขึ้น ทั้งเนื้อหา ภาพ เสียง และวิดีโอคลิป ซึ่งตัวสื่อเมื่อมีการพัฒนาแล้ว ก็จะสอดรับกับวิธีการทำงานของสื่อสารมวลชน อาทิ องค์กรเรา ที่จะรวมกองเป็นคอนเวอร์เจนซ์อะไรแบบนี้”

“อืม ก็คงดี ใช่มั้ยวะ?”

“กูคิดว่าพี่ปูเข้าใจ แต่กรรมการคนอื่นก็มีนี่หว่า ช่างแม่งเหอะ กูทำสุดความสามารถกูแล้ว”

“เออ เหมือนกัน ช่างหัวผลลัพธ์มันเถอะ เนอะ” ไอ้แอมพยักหน้าเห็นด้วย มันเอียงคอมองผมอย่างอ่อนโยนแล้วถาม

“มึงเหนื่อยมากหรอเจม?”
“คงเหนื่อยล่ะวะ มึงนี่เก่งนะ ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันได้ด้วย”
“เรื่องที่มึงให้ประเด็นโต๊ะการเมืองอีก ขุดไปเจอตอตั้งมาก ชิ้นงามเลยนะมึง ไอ้ต้อมต้องทำสกู๊ปข่าวเรื่องทุจริตโครงการประมูลน้ำประปานครหลวงด้วย เส้นใหญ่ชิบหายนะแฟนมึง”

“พูดหมาๆ นะอ๋อมแอ๋ม ต่อให้ไม่ใช่พี่หนึ่ง แล้วกูเสือกไปรู้มาว่าเขาเดือดร้อน หรือไม่ได้ความไม่เป็นธรรม กูก็ทำแบบนี้ มึงเอง มึงก็ทำ”

“อือฮึ” มันรับคำแล้วยิ้มให้ผมพลางยื่นมือมาเขี่ยแก้ม

คืออออออ กูเป็นผู้ชายอกผายมากไง แล้วมึงก็ผู้ชายพอๆ กัน อย่ามาทำกิริยาชวนอิ๊อร๊างแบบนี้ได้ป่ะวะ แล้วกูกับมึงก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย เป็นเพื่อนกันเท่านั้นแหล่ะ ไม่สำคัญหรอกว่าความรู้สึกมึงจะเป็นแบบไหน สีชมพูหรือแดงจ๋าบ้ารัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ระหว่างเรา มันก็มีได้แค่มิตรภาพเท่านั้น

ผมไม่ใช่คนมากรัก และไม่ค่อยรักใครมากๆ
และผมเพิ่งลงหลักปักใจไปว่ารักนายคฤณ ธีระเสถียร ถึงขั้นบอกแม่แล้วด้วย เพราะฉะนั้น อย่าได้คิดว่าผมจะมีใจเผื่อใครได้อีก

ผมหันหน้าหนีหลังนิ้วมือของมัน ไอ้แอมคงรู้ตัวเลยลุกขึ้นยืนแล้วขยี้หัวผม ก่อนจะเดินจากไป

“ก็คนมันรัก จะทำยังไงก็รัก จะเจ็บยังไงก็รัก ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไม”
“แต่คนไม่รัก จะทำยังไงให้รู้”

“พร่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” ผมด่าไอ้ต้อมทั้งที่ยังฟุบหน้าแนบโต๊ะอยู่ ไอ้ห่านี่เดินมาตบหลังผมอั่กๆ แล้วก็พูดว่า “กูชอบนะที่มึงมั่นคงกับเฮียหนึ่งของกู แต่มึงไม่จำเป็นต้องหวงตัวกับไอ้แอมก็ได้แม่หญิงอัญ จับนิดแตะหน่อยก็เพราะมันห่วงใย มันไม่เสียหายหรอก”

“ไม่ว่าใครกูก็ไม่ชอบให้แตะเหอะ”
“มึงด้วย” ผมว่าเข้าให้ ก็เลยโดนขยี้หัว โดนยกตัวขึ้นมากอด โดนฟัดหู โดนซุกเอว โดนจั๊กจี้ เรียกได้ว่าไอ้ต้อมทำทุกอย่างให้เกินเลยคำว่าแตะ เพื่อทำให้คำพูดผมไร้น้ำหนัก ไอ้ห่า! กูง่วงกูเพลียเนี่ยเห็นมั่งมั้ย?

“แล้วรู้ผลเมื่อไหร่วะ? กำหนดไปเมื่อไหร่”

“ไปกุมภาปีหน้า เริ่มอบรมมีนา อบรมสี่เดือน หยุด 2 เดือนทำรายงานการศึกษาส่ง อบรมเชิงปฏิบัติอีก 4 เดือน วัดผล กลับบ้าน”

“สรุปแล้วก็ปีนึง”

“อืม ประมาณนั้น”

“บอกแม่มึงกับไอ้จิวรึยัง?” ผมเงียบ ค่อยๆ ดันตัวขึ้นนั่งคุยกับไอ้ต้อมดีๆ แค่มันมองหน้าผมมันก็รู้แล้ว

“ยังหรอ?”

“ยัง กะรอให้รู้ผลก่อนค่อยบอก”

“เฮียกูล่ะ” ผมรู้โดยที่มันไม่ต้องพูดเลยว่าเฮียอะไร ไม่มากคนนักที่มันจะเรียกว่าเฮีย แล้วในบรรดาเฮียๆ ที่เลี้ยงเหล้ามันแทนข้าว ก็ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับผม เว้นแค่เฮียหนึ่งของน้องตอมขี้ เอ้ย! ทอมมี่

“แม่กับไอ้จิวกูยังไม่บอกเลย”

“พูดงี้ต่อยกันเหอะ มึงต้องให้น้ำหนักเฮียกูเท่ากับไอ้จิวสิ เป็นลำดับหลังได้ไง”

“เดือดร้อนแทนเกินไปนะมึงเนี่ย เป็นห่าอะไรกับเขาล่ะ”

“ก็กูปลื้มของกูอ่ะ” พอถูกมองอย่างจับผิด มันก็รีบโบกมือพัลวันแล้วแก้ตัว “โห่มึง เขาหล่อ เขาเก่ง เขารวย เขาดวงดี เขาเป็นคนดีจนกูอยากจำแลงเป็นเขาได้เลยอ่ะ เข้าใจอารมณ์ป่ะ?”

ผมรู้แหล่ะว่าการปลื้มรุ่นพี่ ปลื้มฮีโร่มันเป็นยังไง ก็เป็นไอ้จิวนั่นแหล่ะ
ผมยักไหล่แล้วทำท่าจะไหลตัวไปนอนต่อ แต่แขกอีกคนในชีวิตกลับเดินด้วยรองเท้าส้นสูงส่งเสียงดังแก่ก แก่ก แก่ก มาหาเสียก่อน

“เจม แอมล่ะ มารึยัง? จะได้แจ้งทีเดียว”

“ครับ แอมมาแล้วครับ เดี๋ยวต้อมไปเรียกให้” ตัวคาบข่าววิ่งลิ่วๆ จากไปทันที พี่ปูยืนเท้าแขนกับโต๊ะทำงานผม เธอปล่อยเวลาให้ผ่านไปครู่เดียวก็พูดเบาๆ

“พี่อ่านเอาท์ไลน์หมดแล้ว โอเคมากเลย ไม่แก้ไม่เกลาอะไรแล้ว”
“นี่รู้กำหนดวางขายรึยัง?”

“ยังครับ”

“ต้นเดือนหน้าวางของคุณพิชญะ เรื่องหน้าปกอาจเปลี่ยนนิดหน่อยให้คำจัดจ้านกว่านี้ แต่ธีมนี้พี่ชอบนะ” ผมอดปลื้มไม่ได้ที่พี่ปูชมงานผม ก็ผมตั้งใจมากนี่หว่า
“แล้วก็ของคุณวาทิตย์ วางเดือนกุมภา”

“......”

“เจมคงอยู่งานเปิดตัวหนังสือได้เล่มเดียว ไม่เสียดายเนอะ”

“...อ่อ...” ผมอึ้งไปนิดๆ ที่ผู้ใหญ่ที่สนับสนุนผมคิดถึงวันที่ผมจะก้าวต่อไปได้ยาวไกลกว่าผมเสียอีก ต้นเดือนหน้า ก็เดือนธ.ค. สิ้นปีพอดี ก่อนจะสิ้นปีผมมีเรื่องอะไรที่ต้องทำอีกมากเลย

“มาแล้ว คุยตรงนี้หรือห้องพี่ดี?”

“ตรงนี้ได้มั้ยครับ” ผมรีบเสนอเพราะไม่อยากย้ายตูดไปที่ไหนแล้ว ผมเพลียกับงานที่เร่งทำมากๆ แม้แต่การรับโทรศัพท์นายคฤณที่โทรมาเพื่อพูดกับผม 4 คำ ผมก็ไม่มีเวลาทำ

“โอเค ข่าวดี”
“กลางเดือนนี้สัมภาษณ์นะจ๊ะ พี่อ่านเอาท์ไลน์เจมแล้ว อย่างที่บอกไปแล้วว่าชอบ โอเคมากเลย เจมมีพัฒนาการเรื่องภาษาเขียนและการเรียบเรียง รวมถึงมุมมองและการนำเสนอที่น่าติดตามดี ถ้าไปอบรมนี่องค์กรใหญ่แบบนั้นต้องมีแต่ผลดีกับตัวเจมเองแน่”
“ส่วนแอม ไอเดียที่แอมอยากศึกษาเข้าท่ามาก พี่ส่งงานทั้งคู่ไปให้คณะกรรมการแล้ว”
“เตรียมตัวนะจ๊ะ อย่าหลุดจากสิ่งที่เป็นตัวตนเราเอง เจ้าหน้าที่จะโทรหาแอมกับเจมเองว่าจะให้ไปสัมภาษณ์เมื่อไหร่ สัมภาษณ์แยกนะ งานนี้ประเมินแยกกันจ้ะ ถ้าไปทั้งคู่ก็ดี เพื่อนกัน แต่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้ไป ก็ต้องสนับสนุนเพื่อนนะ”

“ครับ/ครับ” แล้วพี่ปูก็เดินแก่ก แก่ก ขนรองเท้าสูง 5 นิ้วจากไป ปล่อยผมไว้กับไอ้แอม และมีไอ้ต้อมที่แอบอยู่ที่โต๊ะพี่การตลาดวิ่งมาสมทบทีหลัง

“ถ้าพวกมึงได้ไปด้วยก็ดีเนอะ ไม่เหงา”


ไม่เหงา...จริงหรอ?

ชีวิตผมมีแต่ไอ้จิว แม่ และร่วม 8 เดือนที่ผ่านมานี้มีนายคฤณเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ผมแทบลืมไปแล้วตัวเองขาด
หนึ่งปีที่ผมจะต้องอยู่ในที่ที่ไม่มีคน 3 คนนี้ ผมไม่เหงาได้หรอ?
แค่มีไอ้แอม ผมก็จะไม่เหงาหรอ?
ผมไม่คิดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้กลัวความเหงา

ก็ผมอยู่กับมันมาตั้งแต่วันที่เท็ตสึจากไปแล้วนี่

วันนี้ผมขลุกอยู่ในออฟฟิศทั้งวันและอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ อ่านสรุปรายงานราคาทองคำ แนวโน้ม อ่านบทวิจัยค่าบาท อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเงิน เพื่อหาประเด็นทำข่าวสำหรับเดือนนี้

ราวบ่ายกว่า ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหา นายคฤณนั่นเอง

“ครับพี่หนึ่ง” ผมรับสายแล้วเอนตัวคลายความเมื่อยล้า

ทานข้าวรึยังครับ? ลืมอีกรึเปล่า?

“ไม่ลืมครับ จำได้ตอนพี่หนึ่งบอกพอดี” เขาหัวเราะรู้ทัน หากอยู่ใกล้ๆ ผมก็จะโดนมะเหงกลงกลางหัวแน่ๆ

อยากกินอะไรพิเศษมั้ย เดี๋ยวพี่ไปรับ

“มีเวลาหรอ? งานยุ่งนี่ครับ”

จะยุ่งกว่านี้อีก ปลายปีต้องเก็บตกงานเล็กงานน้อย เพราะงั้นเจมรีบเอาแต่ใจนะ เดือนหน้าไม่มีเวลาแล้ว

“ยุ่งขนาดนั้นก็ไม่ต้องเปิดโอกาสให้ผมเอาแต่ใจหรอกครับ คุณคฤณ” ผมแกล้งเหน็บไปงั้นแหล่ะ ฟังเสียงเขาหัวเราะเก้อๆ แล้วเพลินดี

ป๋าบอกให้มากินปูที่บ้านเย็นนี้นะ ให้พี่ไปรับกี่โมง

“อื่มมมมม เดี๋ยวเจอรอที่สวนเบญจกิตติแล้วกัน กะว่าบ่ายๆ จะออกไปสูดอากาศ หากาแฟกินนิดหน่อย เจมล้ามาหลายคืนติดกันแล้ว นี่ส่งเอาท์ไลน์หนังสือ 2 เล่มไปหมดแล้ว ขอพักหน่อยเถอะ” พอได้บ่นก็บ่นยาว นายคฤณถามอาการต่างๆ ของผมเพิ่ม อาทิ ปวดหัวมั้ย? กินข้าวตรงเวลารึเปล่า? สายตามัวๆ บ้างมั้ย ซึ่งทุกอย่างของผมก็ปกติดี แต่ตอบไปก็เท่านั้น เขาไม่เชื่อหรอก จนกว่าเขาจะได้เห็น

งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับที่สวน ซัก 5 โมงนะ

“ครับ เดี๋ยวจ๊อกกิ้งรอ” เขาขำอีกแล้ว รู้ทันผมล่ะสิว่าอย่างผมเนี่ย วิ่ง 5 เขย่งก็เกร็งน่องเมื่อยแล้ว

วางสายปุ๊บผมก็โดนไอ้ต้อมลากไปกินข้าวกลางวัน ผมเห็นว่าอยู่หาประเด็นต่อไปก็ตื้ออยู่ดี ผ่อนคลายสมองกับไอ้หมาต้อมเสียหน่อยดีกว่า และแน่นอนว่า มื้อกลางวันนี้ต้องมีไอ้แอมแจมด้วย

“นี่ๆ เจม มึงจำพี่นำได้รึเปล่า?” ราดหน้าหมูนุ่มแต่น้อยชิ้นอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ก็แดกไม่ได้ ต้องสนทนากับมันก่อนตามธรรมเนียม

“ใครวะ?”

“โห่!” ไอ้ต้อมส่งเสียงขัดใจ มันมองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตา ไอ้แอมเองก็มองหน้าผมกับไอ้ต้อมสลับกันไปมาตามประสาเด็กมัธยมกางเกงดำขี้เสือก

“ห่า! ถ้าจำได้ก็จำได้ จำไม่ได้ก็จำไม่ได้ แล้วมันกงการห่าเหวอะไรที่กูต้องจำใครต่อใครให้รกสมองกู”

“อาฮะ เนื้อที่น้อยสินะ โอเค กูเข้าใจ กูบอกเองก็ได้”
“พี่นำ รุ่นเดียวกับเฮียหนึ่งไง รองประธานรุ่นเฮียหนึ่งอ่ะ”
“จบปุ๊บก็ต่อหมอ แล้วก็ไปเรียนต่อเมืองนอกเมืองนา กูเห็นเขาให้สัมภาษณ์ในนิตยสารเว้ย ก็เลยจำเขาได้”

“แล้ว...”

“เอ้า! ก็เขาจีบมึงไง!”

“หรอ?”

“เอ้าไอ้เหี้ย! เขาจีบมึงอ่ะ”

“กู...ไม่รู้สึกว่ากูถูกใครจีบนะ ตั้งแต่ม.1 ยันม.6 ไม่มีใครกล้ามาจีบกูหรอก”

“เออว่ะ มึงมันพวกเก็บตัว หรือเขาจีบไอ้จิววะ?” หือ? พี่กูมีประสบการณ์รักปั๊บปี้เลิฟด้วยหรอวะ ไม่เห็นมันเคยบอก

“แล้วเมื่อกี้มึงว่า เขารุ่นเดียวกับพี่หนึ่งหรอ?”

“อือ กลุ่มเดียวกันเลย กลุ่มเทพ พอม.6 เฮียหนึ่งเป็นประธาน พี่นำเป็นรอง ไอ้จิวมันก็สนิทนะ มันไม่พูดถึงหรอ?” มันไม่พูดไม่เล่าอะไรหรอก ช่วงม.ต้นเป็นช่วงสยองขวัญของไอ้จิว เพราะมีน้องประหลาดอย่างผมนี่แหล่ะ

“แล้วเขาจีบกูเนี่ยนะ? มึงอยู่ซอกไหนของไตกูวะ ทำไมมึงรู้ แล้วกูไม่รู้”

“ก็กูเด็กชมรมดนตรี เฮียๆ แม่งก็อยู่กันเกือบทั้งแกงค์นั่นแหล่ะ กูได้ยินเขาพูดถึงมึงกับจิว ใครๆก็เรียกพวกมึงว่าแฝด แล้วตอนนั้นก็ไม่มีสเปิร์มหน้าเหมือนคู่ไหนแล้วนอกจากพวกมึง”
“พี่นำยังเคยพูดเลยว่าให้เฮียหนึ่งเลี้ยงไอ้รชาไป น้องชา พี่นำจะดูแลเอง เขาว่าเขารู้จักมึงดี เจอกันทุกวันอาทิตย์”

ไม่มีอ่ะ จำไม่เห็นได้ เจอกันทุกวันอาทิตย์เนี่ยนะ?
นี่ผมป่วยถึงขั้นละเมอไปเจอผู้คนยามไม่รู้ตัวเลยหรอวะ? เฮ้ย! ผมเริ่มเป็นห่วงตัวเองแล้วสิ

“เจม มึงนี่...หลอนๆ เหมือนที่เขาลือกันใช่ป่ะ? ห่า ตอนม.ต้นเห็นหงิมๆ ตามไอ้จิวต้อยๆ พอขึ้นม.ปลายแม่งกลายเป็นคนละคนเลย ไม่รู้แม่งไปทำอะไรมา แต่บ้าดีเดือดชิบหาย เอะอะอะไรแม่งแสดงออกทางคำพูดก่อนเลย ปากแม่งหมา ทั้งที่ตอนม.ต้น พวกกูคิดว่าน้องไอ้จิวเป็นใบ้” ท้ายๆ ประโยคนี่มันหันไปเล่าวีรกรรมของผมให้ไอ้แอมฟัง ไอ้ห่านี่ก็ฟังไปยิ้มไป หัวเราะไป มองหน้าผมไป เคลิ้มสิมึง กูรู้ กูหล่อล้นเสน่ห์ซะขนาดนี้

ว่าแต่...ไอ้รุ่นพี่คนนั้น คนที่ไอ้ต้อมขี้เสือกบอกว่าจีบผม...หรือจะเป็นพี่คนนั้นวะ? คนที่นั่งโต๊ะม้าหินข้างๆ กันแล้วคอยมองคอยสบตาผมเวลาที่ผมเงยหน้ามองโลก

ถ้าใช่ก็ดี เพราะผมอยากเจอเขามานานแล้ว 
อืม...เดี๋ยวเย็นนี้ลองถามพี่หนึ่งดีกว่า เพื่อนเก่าเขา เขาน่าจะรู้จักสิ


พวกผมใช้เวลาส่วนมากฟังไอ้ต้อมพูดเรื่องคนนั้นคนนี้ มีประเด็นบ้าง ไม่มีบ้าง เรื่องประเด็นข่าวที่น่าสนใจทำบ้าง ไม่น่าสนใจบ้าง จนเวลาล่วงมาบ่าย 3 โมง ไอ้ต้อมก็สะดุ้งกึกแล้วติดตีนหมาวิ่งขึ้นออฟฟิศทันที ผมกับไอ้แอมก็เคลียร์ค่าข้าว ค่าน้ำ ค่าขนมกันก่อนเดินเคียงกันไปขึ้นลิฟท์

4 โมง ผมก็ลาพี่ๆ ที่โต๊ะ ซึ่งเขาก็มีเมตตากับผมมาก คงเห็นหน้าผมเซียวๆ ด้วย ก็เลยรีบไล่ให้กลับบ้าน
ยังไม่ใกล้เย็นแท้ๆ แต่อากาศเย็นๆ ในเดือนพฤศจิกายนก็เริ่มมาเดินทอดน่องเป็นเพื่อน ผมนั่งบีทีเอสมาลงอโศก แล้วเดินเข้าสวยสาธารณะแสนสงบเพื่ออยู่กับสีเขียวของธรรมชาติ หวังว่าจะได้ผ่อนคลายความเครียดที่กดทับอยู่ในใจ ในสมอง แต่ผมเขวี้ยงมันทิ้งไปไม่ได้ ก็ไอ้เรื่องไปอบรมต่างประเทศนั่นแหล่ะ

ทั้งเครียดว่าจะได้ไปหรือไม่ได้ไป เครียดว่าถ้าได้ไป จะบอกแม่กับจิวยังไง ปฏิกิริยาจะเป็นยังไง และคนสุดท้าย เครียดว่านายคฤณจะคิดยังไง และทำยังไงกับการต้องไกลกันเป็นปีแบบนี้


ผมยืนยืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจตรงทางเข้าสวน ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ ด้านหลัง หันไปมองก็เห็นผู้ชาย 2-3  คนยืนคุยกันอยู่ ชุดที่ใส่เหมือนชุดหมอเลยแฮะ แล้วหมอมาทำอะไรแถวนี้วะ?

ผมไม่สนใจใครนัก กะเอาไว้ว่าจะเดินรอบสวนเสีย 1  รอบแล้วค่อยมานั่งรอนายคฤณมารับไปกินปูกล้ามโต ป๋าคนินชอบกินครับ อานิสงส์ก็ตกมาสู่บ้านผมบ่อยๆ คาดว่าคืนนี้ก็คงเหมือนกัน

เสื้อยืดพร้อม! ยีนส์? ไม่พร้อมก็คิดซะว่าพร้อม! คอนเวอร์ส! กูจะพร้อมอ่ะ!
เอ้า เดิน!

ฮ่าๆ อย่าคิดว่าผมจะเดินเร็วเรียกเหงื่ออะไรจริงจังเลย ผมก็เดินของผมเนิบๆ นั่นแหล่ะ เดินช้าๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะช้าถึงขั้นไปขวางทางใครเข้า ทั้งที่มันเพิ่ง 4 โมงกว่าแท้ๆ แต่กลับมาคนมาวิ่งออกกำลังกายที่สวนแห่งนี้เป็นหมู่คณะ

หรือว่าเขานัดแนะกันมาฝึกวิ่งเป็นกรณีพิเศษหว่า?
คิดไปก็เดินไป เดินไปก็เหลียวหลังไป ดูท่าสิ่งที่ผมเดาไว้จะจริง เพราะกลุ่มนักวิ่งทนที่แซงผมไปเมื่อกี้แซงผมอีกครั้งแล้วครับ โอเค กูโดนน็อครอบ! ก็พวกเขาวิ่งเอาโล่อ่ะ ผมเดินเอาลมนี่หว่า

ผมเดินทอดน่องแบบระวังมากขึ้น เดินมาจนถึงหัวมุมประตูทางเข้าด้านอโศก ผมเจออีกแกงค์วิ่งสวนทางมา ก็เลยขยับหลบเพราะสปีดพวกแม่งน่ากลัวชิบหาย แต่พอขยับหลบเลนสวนกะทันหัน ข้างหลังผมก็มีเสียงตะโกนมาว่า

คุณ!! หลบ!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 10-02-2013 21:25:08
คุณ!! หลบ!

ปึ่ก แอ่ก แอ่ก ปึ่ก ฟุ่บ!
สเตปการล้มและกลิ้งของผมทุเรศมาก ผมกลิ้งมาชนขอบที่กั้นขึ้นปลูกดอกเฟื่องฟ้า ความรู้สึกแรกหลังจากลืมตาก็คือ

“เจ็บ...”

“คุณ! เป็นอะรึเปล่าครับ? ลุกขึ้นไหวมั้ย?” ชายในชุดแพทย์วิ่งมาประคองผมแล้วถามอาการทันที เขาคงเห็นเหตุการณ์ และคงเห็นท่าล้มกระเด็นอันสวยงามของผมแน่ๆ แม่งเอ๊ย! กูอายอ่ะ อุตส่าห์กันคิ้วสไตล์เจ-ร็อค หน้าก็หล่อได้ที่แล้ว เสือกล้มท่าเสร่อ ผมร้องโอ้ยๆ ด้วย แย่ชิบ!

“ไม่เป็นไรครับ ลุกไหว”

“ผมช่วยนะ โห! แขนนี่ขูดกับพื้นด้วยนี่ครับ เป็นทางเลย หาน้ำสะอาดล้างก่อนดีกว่า”
“ตรงแถวๆ นั้นมีที่ดื่มน้ำอยู่ ผมพาไปนะ”

“ไม่เป็นไร แผลนิดเดียวเองครับ”

“เชื่อผมเถอะ พูดแบบนี้ กี่รายๆ ก็แผลเน่า ประมาทหนแรกเสียใจจนตาย” คือ..กูเจ็บร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอวะ? ผมมองหน้าอีกฝ่ายที่จ้องหน้าผมแล้วยิ้มหลอกล่อ ผมไม่ใช่เด็กนะ แต่ผมก็พยักหน้าตามสายตาเชิญชวนนั้นอย่างว่าง่าย

เขาพาผมเดินมาตรงที่กดน้ำดื่ม ให้ผมนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ แล้วพับแขนเสื้อขึ้นให้พ้นศอกรอไว้ ครู่เดียวก็พยักหน้าเรียก ผมก็เดินกางศอก ชูท้องเขนไปหา หารองน้ำไว้ในมือแล้วลูบลงบนแผลถลอกผมอย่างเบามือ ทำซ้ำอยู่ 2-3 ครั้งก็เงยหน้ามายิ้มให้

“เดี๋ยวไปทำแผลดีๆ อีกครั้งนะครับ ตามคลินิกก็ได้ เรื่องบาดทะยักคงไม่ต้องห่วง”

“อ่อ ขอบคุณครับ”

“แล้วนี่...คุณมาวิ่งออกกำลังกายหรอครับ? ชุดไม่ให้เลย”

“ผมมารอ...พี่น่ะครับ”
“เดินเล่นเฉยๆ ไม่ได้กะวิ่งหรอก ชาตินี้คงไม่วิ่งแล้ว เมื่อกี้ตกใจหมด”

“เห็นท่าแล้วก็พอรู้” แม่งแซวผมป่ะเนี่ย? ผมเห็นเขาหัวเราะนิดนึง ไม่ได้ต้องเสียมารยาทใส่ผมอะไรนัก ผมก็เลยยิ้มให้วูบหนึ่งแล้วหุบยิ้ม

“เอ่อ ขอบคุณนะครับเรื่องล้างแผล ผมไปล่ะ”

“อ่อ ครับ ไม่เป็นไร ผมเป็นหมอ ต้องช่วยคนอยู่แล้ว แต่ท่าล้มนี่ติดตาจริงๆ นะครับ” แม่ง ถ้ายังไม่เลิกนะ จะต้มคอนเวิร์สให้แดก! ผมกระตุกยิ้มแหยๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไป แล้วไอ้พวกรักการวิ่งนี่เป็นห่าอะไรกับกูนัก เฉี่ยวกูอีกแล้ว!!!

“ฮ่าๆ ผมว่าผมพาคุณไปส่งดีกว่า 4 ตาดีกว่า 2 ตาอยู่แล้ว” หมอนี่พูดแล้วรั้งศอกผมไว้เพื่อดึงให้ยืนให้มั่นเหมาะ แล้วเขาก็จับแขนผมไว้แล้วพาเดินไปยังทางเข้าสวน...รู้สึกง่อยไงไม่รู้แฮะ

นายคฤณมายืนรอผมอยู่แล้ว ทันทีที่เห็นเขา ผมก็วิ่งไปหาทันที ลืมคนช่วยโดยสิ้นเชิง เจอหน้ากันก็โดนซักทันที เพราะแผลถลอกที่ท้องแขนมันฟ้องตาเขาเสียก่อน

“ไปโดนอะไรมา?”

“เจมล้ม พอดี คนเขาวิ่งกันเร็วแล้วเจมไม่ทันระวัง เลยไปขวางเขา ไม่มีอะไรหรอก”

“เจ็บรึเปล่า? ไปทำแผลดีกว่า”

“เจมล้างแผลแล้ว คนนั้นเขาช่วย” ผมหันกลับไปชี้ยังผู้ช่วยกะทันหัน เขาคนนั้นเดินตรงมาทางนี้ แต่คิดว่าคงไม่ได้เดินมาหาผมหรอก ก็เราไม่ได้ธุระอะไรกันนี่ อืม?? แต่ทำไมไอ้คนนี้มันไม่มองทางอื่นเลยวะ มองแต่ผมกับพี่หนึ่ง เขม็งด้วย

ผมหันมองนายคฤณ เอ้า! นิ่งค้างทำไมวะนั่น?

“ที่หนึ่ง....” หือ? หมอนี่รู้จักนายคฤณด้วย!

“ผ...ผู้นำ?”


อะไร? อะไรนำๆ
ผู้นำหรอ? เพื่อนนายคฤณหรอ? ใช่ “พี่นำ” ที่ไอ้ต้อมเพิ่งเล่าให้ผมฟังเมื่อบ่ายนี้รึเปล่าวะ?!





ใช่จริงๆ ด้วย
หมอนี่ชื่อ นายรชต วตคุปต์ นามตามปากเพื่อน “ผู้นำ หรือไอ้นำ”
แล้วผมก็ทวนชื่อเขาออกเสียงหลังจากที่ได้นามบัตรมา ป้องกันการไม่กล้าอ่านชื่อเหมือนครั้งงนายคฤณ

อ่านว่า ระ-ชด ครับ หาใช่ ระ-ชะ-ตะ แต่อย่างใด

“คุณกลับมาเมื่อไหร่ ไม่เห็นมีเพื่อนตัวไหนบอกเลย” นายคฤณเปิดประเด็นคุย เราอยู่ที่ร้านกาแฟที่ร้านหน้าถนนสุขุมวิท ค่อนไปทางปากซอยพร้อมพงษ์ ผมก็นั่งจิบกาแฟเย็นและกินเค้กไปด้วย ก็นะ ในที่นี้ผมเด็กสุด กินเค้กได้ไม่ผิด ส่วนนายรชต ฟาดแพนเค้กครับ หงุยๆ โคตรอ่ะ อย่าถามนะว่าหงุยๆ คืออะไร ผมจำมาจากไอ้ต้อมตอนมันแหย่แฟนมันคนไหนก็ไม่ทราบได้ทางโทรศัพท์

“สักสามเดือนแล้ว ว่าจะโทรหาคุณเหมือนกัน” แม่งพูดเพราะกันแบบนี้ไม่อ้วกหรอ? ดูเพื่อนผมสิ เจอกัน 3 วันที่ม.ก็เรียกชื่อพ่อกันแล้ว

“แล้วไม่โทรล่ะวะ”

“ยุ่งว่ะ พ่อให้ดูแผนกจิตเวชต่อ กำลังขยายให้เป็นศูนย์น่ะ”

“อ่ออ คุณชอบทางนี้นี่”

“อืม” นายรชตรับคำแล้วยิ้มให้เพื่อน เผื่อแผ่มาถึงผมด้วย ผมเลยต้องค้างเค้กไว้แล้วผงกหัวรับรอยยิ้มของเขา

“แล้วนี่...อะไร ยังไงกันคุณคฤณ” นายรชตมองนายคฤณและผมสลับกัน เพื่อนเขาคงสื่อกันเข้าใจ นายคฤณก็เลยตอบให้กระจ่าง

“เจม แฟนผม”

อู้หู!! ผมว่าผมตรงแล้วนะ แต่ผมไม่เคยแนะนำกับใครว่านายคฤณเป็นแฟนผมเต็มปากเต็มคำแบบนี้เลย
ไอ้ผมก็ก้มหน้างุดๆ ซุกความอาย เขินนี่หว่า ทำไงได้ ไม่รู้ว่านายรชตจะมองเพื่อนด้วยสายตาแปลกไปรึเปล่า แต่ผมก็ต้องรักษามารยาทที่แม่ต้มหนังสือให้กินเอาไว้ล่ะนะ

“สวัสดีครับ ชานนท์ครับ”

“หือ?” นายรชตส่งเสียงแล้วจ้องหน้าผม คราวนี้จดจ่อเลยครับ ผมเห็นประกายบางอย่างในตาเขา จ้องอยู่ไม่นานเขาก็ดีดนิ้วเป๊าะ!

“ที่หนึ่ง อย่าบอกนะว่าชานนท์ เจม...คือน้องชาคนนั้น”

“อืม”

อะไร? น้องชาคนไหน? อะไร?
ผมงง!!

“เฮ้ย! คุณนี่ทำผมทึ่งเลยอ่ะ ปักใจมาก”

“ก็...ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก มันก็ติดมาด้วยชื่อ แต่เรื่องตอนเด็กก็ไม่ได้สิ่งที่ทำให้ผมเลือกเจมหรอก”
“ปัจจุบันมากกว่า”
“หน้าตาเหมือนลูกหมากวนส้นตีน คุณหาจากที่ไหนได้อีกล่ะ”

ด่ากูอีกแระ แล้วคืนนี้อย่ามาสะกิดนะ ลูกหมาเจมตัวนี้จะเล่นตัวให้เข็ดเลย!

นายรชตหัวเราะคิกๆ คงจะเกรงใจหน้าผมที่งอเอา งอเอานั่นแหล่ะผมว่า

“คุณนี่น่านับถือสุดๆ เหมือนเดิมเลยนะที่หนึ่ง”

“คุณก็พอกันแหล่ะ แล้วยังไงกันล่ะ ศูนย์ที่ว่า จ้างผมสร้างมั้ย? งานด้านโรงพยาบาลกับพวกสาธารูปโภคพื้นฐาน บริษัทผมก็เชี่ยวชาญนะ”

“พอจะรู้มาบ้าง ยังไม่ได้สร้างอะไรใหญ่โตหรอก ศึกษาโครงการก่อน”

“ร่วมด้วย ต้องการมั้ย?”

“ร่วมทุนหรอ?”

“ก็แล้วแต่คุณ”
“มันก็ฝ่ายหนึ่งของบริษัทผมแหล่ะ รับจ้างสร้างด้วย ลงทุนด้วย รับบริหารโครงการด้วย”

“โหยยย รายได้ทางตรงทางอ้อมนี่กี่เปอร์เซ็นต์ไปแล้วล่ะ”

“คุณภาพนะครับคุณผู้นำ”

แม่งคุยกันแบบนี้นี่เอง อะไรอะไรมันถึงได้ต่อยอดไปเสียหมดในวงสังคมธุรกิจ ผมนั่งฟังเขาหารือกันเล่นๆ เสียเพลิน รู้ตัวอีกทีว่าหมดเวลาสนุกแล้วก็ตอนที่นายรชตลุกขึ้นยืน เตรียมตัวแยกย้ายนั่นแหล่ะ

ดูเหมือนพวกเขาจะนัดกันอีกรอบ คราวนี้พร้อมเพื่อนครบทีมเขานั่นแหล่ะ ซึ่งผมคิดว่าผมไม่ควรไปมีส่วนร่วมด้วย ก็นะ...หากเพื่อนผมนัดรวมรุ่นกัน ผมก็คงทำแค่บอกเขา แต่ไม่เอาไปด้วยหรอก

นายคฤณแยกไปเอารถ เขาไหว้วานให้ผมส่งเพื่อนเขาที่ประตูแท็กซี่ ระหว่างที่ยือรอแท็กซี่ผู้โชคดีอยู่นั้น นายรชตก็หันมองหน้าผมแล้วพูดให้ผมงงกว่าเดิมว่า

“จำพี่นำไม่ได้จริงๆ หรอครับ น้องเจม”

“........”

“ทั้งที่เจอกันที่คลินิกพ่อพี่ทุกวันอาทิตย์แท้ๆ”



เจม



น้องเจม



น้องเจมดูนี่สิ อยากไปเล่นมั้ย เดี๋ยวพี่นำพาไปเล่น


น้องเจมกินข้าวก่อนนะ ต้องกินเยอะๆ นะ ไม่งั้นอดเล่นกับพี่นำนะ


น้องเจม


น้องเจมมมม



เสียงแว่วจากความทรงจำที่ผมลืมมันไปนานแสนนาน กำลังดังเหง่งหง่างอยู่ในหูผม



น้องเจม พี่นำ




อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวผมก็จะจำได้แล้วว่าผมทิ้งอะไรไปบ้าง



“พี่นำไปก่อนนะครับ” เขาโค้งหน้ามาบอกผมที่ข้างหู แล้วก็ขึ้นแท็กซี่จากไป

ปล่อยให้ผมยืนเหม่ออยู่กับเสียงแว่วที่ได้ยินคนเดียว มันดังก้องหูจนผมแทบไม่รับรู้เสียงอะไรรอบตัวเลย เว้นก็แต่เสียง

ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!

ผมสะดุ้งแล้วหันไปมองต้นเสียง เห็นนายคฤณออกจากรถมายืนเท้าแขนกับประตูมองผมงงๆ เขาบีบแตรดังอีกครั้งแล้วเข้าไปรอในรถเมื่อเห็นผมได้สติแล้ววิ่งไปที่รถเขาตามที่เขาต้องการ


“มีอะไรรึเปล่าเจม?”

“ไม่....ไม่มีอะไรครับ”


มีครับ มีมากๆ
ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมลืมอะไรที่แสนสำคัญไป ลืมใครบางคนที่ผมให้ความสำคัญไป
ไม่ใช่ลืมเขา แต่ลืมว่าเขาคนนั้นคือใครต่างหาก

ผมกับนายรชต น่าจะเคยสนิทกันมาก่อนตอนเด็กๆ แต่นายรชต ไม่ใช่พี่คนนั้นที่ผมจำได้อย่างเลือนรางแน่ๆ
แต่ว่า เขาต้องเกี่ยวข้องกันซักอย่าง

ใจผมบอกกับผมว่านายรชต กับพี่คนนั้น คอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ตัวผมในตอนเด็ก
ผมเจอนายรชตหรือพี่นำแล้ว แม้จะยังนึกออกไม่หมดว่าเคยมีความทรงจำอะไรร่วมกันบ้างก็เถอะ

แล้วผมจะได้เจอพี่คนนั้นมั้ยนะ ผมจะได้เจอเขาอีกครั้งรึเปล่า


โทรศัพท์ผมร้องเป็นเสียงแมลงหวี่ ไอ้ต้อมตัวดีเปลี่ยนให้เหมือนเดิม
ผมกดรับแม้ว่าเบอร์จะไม่คุ้น

“ครับ”
“ครับ ชานนท์พูดครับ”
“สัมภาษณ์”
“เมื่อไหร่นะครับ” ผมจดวัน เวลา สถานที่ไว้กันพลาด ปลายสายบอกผมเรื่องเวลาสัมภาษณ์ว่าไม่เกินชั่วโมง แล้วก็วางสายไป

“สัมภาษณ์ใครหรอครับ? งานใหญ่อีกรึเปล่า?”

“ไม่...ไม่ใหญ่ครับ ข่าวทั่วไป” ผมโกหกเขาแล้วเครียดเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องอดีตที่รบกวนจิตใจ และเรื่องอนาคตที่กดดันจิตใจ

ผมรู้สึกว่าใจผมเหนื่อยเหลือเกิน


“สีหน้าเพลียจัง อยากกลับบ้านมั้ย?”

“งั้น เลื่อนนัดป๋าพี่หนึ่งไปก่อนได้มั้ยครับ”

“ได้สิ ตามใจเจมอยู่แล้ว”


ตามใจ
ใช่
ผมต้องตามใจผม ต้องตามใจ

เมื่อเขาอนุมัติให้ผมผ่อนคลายแล้ว ผมก็ปรับเบาะเอนหลังลงและหลับตาทันที
ก่อนที่จะหลับไป ผมรับรู้ได้ถึงมือเขาที่เกลี่ยแก้มลำคอผมเบาๆ

ในห้วงความคิดผม นึกถึงพี่คนนั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใกล้ๆ กับตัวที่ไอ้จิวจับผมมาวางแหม่ะไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองโลกใต้ต้นไม้ที่สงบๆ และพลันสบตาเข้ากับพี่คนนั้น

ใบหน้าเขาเลือนราง เห็นแค่เค้าโครง เขาขยับปากพูดอะไรบางอย่างแล้วก็ยื่นมือมาขยี้หัวผม

มันทำให้ผมอบอุ่น ไม่แพ้สัมผัสที่นายคฤณมักจะหยิบยื่นให้เลย



“พี่......”



Cut





แว่ๆ มาเร็วรับตรุษจีน (เกี่ยว?)

ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ใกล้จะจบจะจากแล้วอ่าาา (ได้ข่าวว่าพูดแบบนี้มาตั้งแต่ตอน 15 =*=)

แล้วเจอกันตอน 19 ค่า อาจจะเว้นไปซัก 2-3 วันนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 10-02-2013 21:50:22
ฮือ ไม่อยากให้มีปัญหากันเลย ชอบเรื่องนี้มาก ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 10-02-2013 22:09:21
น้องเจมใกล้จะจำพี่หนึ่งได้แล้ว  เอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ
อย่าจำผิดคนนะ เด๋วพี่หนึ่งเสียใจแย่ ฮาา

เรื่องไปอังกฤษก็ยังทำให้หน่วง น้องเจมบอกพี่หนึ่งเถอะค่ะ อยากรู้ว่าพี่หนึ่งจะทำไง ฮาาา

ไม่อยากให้จบเลบ ถ้าจบไปต้องคิดถึงเรื่องนี้มากแน่ๆ

รอตอนต่อไปคร่าาา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-02-2013 23:03:47
เป็นเราเราลืมพี่หนึ่งไม่ลงหรอก555555555555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 10-02-2013 23:15:17
เจมรีบๆ นึกออกเร็วๆ นะ ว่าพี่คนนั้นก็คือพี่หนึ่งน่ะแหละ ...
เรื่องไปอังกฤษด้วย
ทำไมไม่ยอมบอกทุกคนซะทีง่ะ
เจมเหมือนจะเริ่มโต เริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่อยู่ดี เฮ้อ -_-
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 17 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 10-02-2013 23:47:42
ไม่บอกสักที 
โตๆแล้วนะเจม มีอะไรก็บอกกันสิ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ชื่อว่าเป็นคนรักของเรา  ถ้าทำอะไรไม่บอกไม่กล่าว หรืออยู่ๆก็ทิ้งไป แบบนั้นมันดูไม่แคร์กันเลย และไร้ความรับผิดชอบนะเจมเอ๋ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 10-02-2013 23:50:18
เจมจะจำผิดคนมั้ยอะเนี้ย คุณพี่นำจะมาทำให้แตกแยกกันป่ะเนี้ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.1 - 14/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-02-2013 00:51:23

Hear, Me

=======
If I could, I would
======

ตอนที่ 19.1





บรรยากาศในการสอบสัมภาษณ์ดีมากๆ
คณะกรรมการก็คือนักข่าวอาวุโสของวงการในสายเศรษฐกิจการเงินนี่แหล่ะ ผมเอง แม้จะไม่รู้จักพวกแกโดยตรงแต่ก็เคยได้ยืนชื่อเสียงมาบ้าง แต่ที่ตอบๆ ไป ก็น่าจะทำให้พวกแกรู้จักชื่อเสียงผมบ้าง....ล่ะมั้ง

ไอ้แอมรออยู่หน้าห้องตอนที่ผมออกมาจากห้องสัมภาษณ์ มันมองผมตื่นๆ แต่พอเห็นผมไม่มีทีท่ากังวลอะไรมันก็ทำแค่ลูบหลังผมแล้วเดินสวนเข้าไปตามเลขาที่ออกมาเรียกชื่อมันเสียงหวาน “คุณอรินทร์ค่ะ”

อีกคนที่ส่งชื่อขอทุนไปอบรมครั้งนี้เป็นผู้ชายเหมือนกันครับ เป็นนักข่าวรายวัน ผมก็เคยปะหน้ามาบ้าง พอมาถึงมันก็ส่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

“เจม หวัดดี” รู้จักกูด้วยหรอวะ? ผมเลิกคิ้วแล้วยิ้มคืนให้ ตัดสินใจรอไอ้แอมก่อนเพื่อกลับออฟฟิศพร้อมกัน ผมไม่ได้พิศวาสอะไรมันหรอกครับ แต่ก็ยอมรับว่าไม่อยากให้มันออกมาแล้วเจอแต่ความโหวงเหวง

“เจมคาดหวังรึเปล่า?” ไอ้คนทักผมก่อนถาม ผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ นี่ตอบจริงใจสุดๆ เลยนะ ผมไม่ได้คาดวังอะไรจริงๆ ไม่ได้ถามตัวเองด้วยซ้ำว่าอยากไปรึเปล่าและไปเพื่ออะไรกันแน่

แต่เมื่อผู้ใหญ่บอกว่าเป็นโอกาส ผมก็ต้องคว้าโอกาส

“ผมน่ะ อยากไปนะ ไปเปิดหูเปิดตา แล้วก็ไปฟรีนี่เนอะ มีเบี้ยเลี้ยงให้อีกต่างหาก” มันสำคัญนักหรอวะ? ไอ้ที่มันเอ่ยมาน่ะ อยากเปิดหูเปิดตาก็แค่เปิดหน้าต่างข้างห้องแล้วยื่นหน้าออกมาเท่านั้น

การเปิดหูเปิดตา สำหรับผมแล้ว ไม่ใช่การเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่ขี้แค่นั้น มันง่ายกว่านั้นอีก
เวลาผมเปิดหูเปิดตา ผมก็ทำแค่หลับตาแล้วรับรู้เรื่องราวของชาวบ้าน รับฟังความคิดคนอื่นและอ่านชีวิตที่ผ่านมาอย่างล้ำเหลวหรือสำเร็จของคนอื่นๆ ก็เท่านั้น

“ผมจนนี่นา อยากไปเรียนต่างประเทศก็ไม่มีเงินไปเองหรอก”

“ผมไม่ได้จน แต่ผมไม่เอาเรื่องไปฟรีมาเป็นปัจจัยหรอก” ผมบอกตรงๆ และยิ้มให้ ไม่รู้มันจะมองว่าผมกวนตีนรึเปล่า แต่มันก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมไม่ชอบคุยกับคนที่ผมไม่รู้จัก

ในกรณีนี้ แม้ว่ามันจะรู้จักผม และผมจะจำหน้ามันได้ว่าเคยเห็นกันมาก่อน แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคนรู้จักกัน เพราะชื่อมัน ผมยังไม่รู้เลย


นั่งส่งสติ๊กเกอร์ไลน์เล่นกับไอ้ต้อม รวมทั้งส่งเมสเสจหานายคฤณอยู่ไม่นานนัก ไอ้อรินทร์ก็เดินออกจากห้องสัมภาษณ์มา เลขาเป็นคนเปิดประตูให้แล้วก็ขานเรียกคนชิงทุนคนสุดท้าย “คุณวิญญูค่ะ”

“อ้าว ไอ้วินหรอวะที่ชิงกันอีกคน”

“ใครวะ? มึงรู้จักหรอแอม กูไม่เห็นรู้จักเลย”

“ทุกวันนี้มึงจำชื่อกูได้กูก็ปลื้มมากแล้วอัญ ฟังๆ จากไอ้ต้อม ตอนเป็นเด็กมึงนี่หลอนน่ากลัวนะ ห่า”
“ไอ้วินไง!”

“ใครล่ะ? มันมาจีบแม่กูรึไงกูถึงต้องจำทรงกะจู๋มันได้ สัด!”

“โว๊ะ! ไอ้เซื่องนี่!”
“ไอ้วินมันทำรายวัน หัวใหญ่เลยนะมึง”
“พวกสายตลาดนินทากันว่าไอ้ห่านี้แม่งเหมือนเป็นนักข่าวแฝงมาเอาผลประโยชน์ ห่าเหวอะไรแม่งขอหมด” ฟังแล้วไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่มันคุยกับผมเมื่อครู่ก็บอกยี่ห้อมักมาก ชอบของตอบแทนสูงแต่ไม่ลงทุน

“กูพูดจริงๆ นะ ถ้าไม่ได้ไปกับมึง กูสละสิทธิ์ ไม่อยากไปกับมัน”

“อือ สมพรปาก”

“ฮ่าๆๆๆ  มึงเองก็อยากไปกับกูล่ะสิ ก็ดีนะ เปลี่ยนโอโซน มึงจะได้สมองโล่งแล้วมีพื้นที่ให้กูเข้าไปเดินเล่นมั่ง” ซึนจีบกูอีกแล้วนะห่า อย่าคิดว่ากูไม่รู้แล้วก็อย่าคิดว่ากูเขิน

กูตายด้านแล้ว ด้านตั้งแต่เจอลูกจีบซึนกว่ามึงนั่นแหล่ะ



“แล้วมึงบอกที่บ้านยัง?” ผมถามขึ้นเมื่อเราทั้งคู่เข้ามาในลิฟท์เรียบร้อย ตอนนี้ช่างหัวไอ้วินห่าอะไรนั่นเถอะครับ ใกล้เที่ยงแล้ว ผมหิวข้าวมากก็เลยชวนไอ้แอมกลับออฟฟิศ มันไม่ได้เอารถมา บอกว่ารู้ว่าผมต้องเอารถมา มันจะเลยจะเป็นคุณชายแอม นั่งรถที่ผมขับ

“บอกเอิงไว้” พี่สาวมันครับ ไอ้ต้อมเคยบอกว่าสวยชิบหาย ท่าทางคุณหนู ผู้ดี ฉลาด มีสติก่อนสตาร์ทเสมอ ไม่ควรมีน้องถ่อยๆ อย่างไอ้แอมเป็นอย่างยิ่ง

“แล้วพี่สาวมึงเค้าว่าไงอ่ะ”

“เอิงก็ไม่ได้ว่าไร บอกว่าแล้วแต่กู ชีวิตกู”
“แต่ไปลองเรียนรู้ประสบการณ์ ยังไงมันก็กำไรชีวิตกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ต่อให้กูโง่ จับเนื้อหาห่าเหวมาใส่สมองไม่ได้เลย พอกลับมากูก็ดูเทพ เพราะเคยไปอบรมที่เมืองนอก”

“พี่มึงเค้าเก่งหรอ?”

“อย่าให้พูดว่ะ”
“เอาเป็นว่า การเป็นลูกชายของกูไม่มีความหมาย เพราะป๊ากับแม่กูยอมให้พี่กูมีผัวแล้วไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุล ไม่ก็ไปอุปการะเด็กมาเลี้ยงแล้วให้ใช้นามสกุลเดียวกันไปเลย ยกนามสกุลให้บริหารอ่ะมึง”

“ผู้หญิงแถวหน้า”

“แถวบนว่ะกูว่า แม่งโหนคานเหวี่ยงตัวหมุนเกลียวราวดอฟท์ 2 รอบครึ่งตายชัวร์ เก่งขนาดนั้นผู้ชายที่ไหนจะกล้าเผยอ” ไอ้เหี้ย!! นั่นพี่มึงนะ แต่กูฮาชิบหายว่ะ นึกท่าพี่เอิงหมุนเกลียวกลางอากาศแล้วดีดวิญญาณตัวเองขึ้นสวรรค์แล้วฮาโคตร ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมไม่เคยเห็นพี่สาวมันหรอกครับ
“เอิงก็เด็กทุนเมืองนอกเหมือนกัน กลับมาแล้วเป็นอีกคนไปเลย พูดแล้วก็อิจฉา ถ้ากูเก่งได้เท่าพี่กูนะ แฟนมึงเองก็เถอะ เจอกูแน่”

“เกี่ยวเหี้ยไรกับพี่หนึ่ง” ผมถามแต่ไม่สนใจฟังคำตอบมันหรอก ผมเงยมองตัวเลขบอกชั้น แล้วก็ตั้งอกตั้งใจรอให้ประตูลิฟท์เปิด เพราะเห็นว่ามันใกล้ถึงชั้นที่ผมจอดรถเอาไว้แล้ว

แต่ประตูลิฟท์ไม่เปิดแม้ว่าจะจอดที่ชั้นที่ผมจอดรถแล้ว เพราะไอ้แอมมันกดปุ่มให้ประตูปิดเอาไว้แล้ว ส่วนอีกมือที่ว่าง มันก็จับคางผมไว้แล้วเชยขึ้นเล็กน้อย แล้วก็จูบผมม๊วฟใหญ่!

ไอ้เหี้ยแอม!!!!

“สัด! ทำห่าไร! กูเตะจริงๆ นะ!” ปากก็ขู่ แต่ผมเตะมันไปแล้วเต็มแรง

“โทษที แค่อยากให้จำได้ว่ากูรักมึงอยู่”

“..........”

“และกูจะจริงจัง”
“ถ้าไปด้วยกัน กูจะดูแลมึงเอง”

“เชิญมึง “ถ้า” ให้ตาย กูก็ไม่ให้มึงดูแลกูหรอก ห่า!” ผมด่าใส่แล้วปัดมือมันทิ้ง ออกจากลิฟท์ได้ผมก็หันไปถีบท้องมันทีนึง เอาคืนเว้ยเอาคืน!

แม่ง จูบมาได้ไง กูไม่ใช่คนมากรัก!!
กูลองรักทีละคน และมึงยังไม่ใช่คนคนนั้นโว้ย!
นี่ถ้าไม่ติดว่ามองมันเป็นเพื่อนคนนึงที่คบกันได้ระยะยาวนะ ผมก็ถอดรองเท้าปาดปากแม่งเลย!

“กูขอโทษ กูแค่อยากให้มึงจำไว้”

“กูโง่ กูไม่จำอะไรเหี้ยๆ ที่กูไม่อยากจำ”
“จะรู้สึกยังไง หรือคิดยังไงกูไม่รับรู้ทั้งนั้น เรื่องของมึง”
“จะแดกข้าวมั้ย? แต่ถ้าไปแดกข้าวกันมึงต้องห้ามทำอะไรแบบเมื่อกี้อีก กูไม่ชอบ!” มันจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่ามันใช้อะไรรักผม แต่คงไม่ใช่สมอง เพราะถ้ามันใช้สมองในการรักผม มันก็คงเป็นคนสมองตาย

ผมไม่รักใครทีละหลายคน ผมเหนื่อย



ไอ้อรินทร์สิ้นฤทธิ์ลงบ้าง แต่ก็ลอบมองหน้าผมเป็นระยะ ผมรู้ตัวอยู่แล้วว่าโดนมอง แต่ไม่สนใจแม่งหรอก อยากมองมองไป มองแล้วจำใส่ใจว่ากูว่าไม่ใช่คนของมึง! นี่ผมซีเรียสนะ!

ยังไม่บ่ายสอง ผมกับมันก็มาถึงออฟฟิศ ที่มีนายคฤณรออยู่ก่อนแล้ว
และ...อยู่กับพี่ปู

“นั่น มากันพอดี 2 หนุ่ม” ผมได้ยินเสียงเธอพูดแว่วๆ ที่หน้าห้องส่วนตัว นายคฤณไม่ได้เข้าไปในห้องเธอ และท่าทางก็ดูเหมือนเพิ่งมา เขาหันมาลอบยิ้มให้ผมแล้วก็หันไปคุยกับพี่ปูต่อ พวกเขาพากันเดินไปยังห้องอัดรายการ คงจะใช้สตู 2 ไอ้ต้อมก็จัดรายการในสตูนั้นนี่หว่า

ผมเสียวสันหลังนิดๆ 
พี่ปูรู้เรื่องทุนไปอบรม ก็นะ แกเสนอชื่อผมไปเอง และแกก็เป็นพี่ที่...ค่อนข้างชอบอวดน้องๆ ของตัวเองเสียด้วยสิ
ผมกลัวพี่ปูบอกเรื่องทุนไปอบรมที่อังกฤษให้นายคฤณรู้
ผมไม่อยากให้เขารู้จากใครที่ไม่ใช่ผม

ผมโทรหาไอ้ต้อมทั้งที่เดินไปหาก็ได้ มันมองโทรศัพท์แล้วหันมองผมงงๆ แต่พอเห็นสีหน้าเครียดๆ ของผม มันก็กดรับสาย

อะไรของมึงวะเจม

“ต้อม มึงอัดรายการที่พี่หนึ่งมาเป็นแหล่งข่าวหรอ?”

เออ อ้าว เฮียกูไม่บอกอะไรมึงหรอ? ว้ายๆๆ รักจางที่บางคน

“ปากหมา! มึง! ถ้าเห็นพี่ปูทำท่าจะพูดเรื่องกู หรือเรื่องทุนไปอบรม มึงขวางไว้ทีนะ”
“กูยังไม่ได้บอกใคร ที่บ้านด้วย กูไม่อยากให้พี่หนึ่งรู้จากปากคนอื่น”
“ช่วยกูหน่อยนะ”

ดูเหมือนมันจะเข้าใจความรู้สึกผม ไอ้หมาต้อมทำมือโอเคกลางอากาศและเริ่มปฏิบัติการปิดปากพี่ปูด้วยท่าทางเวอร์ๆ ของมันทันที

ผมก็...ทำอะไรไม่ได้ นอกจากลุ้นให้นายคฤณอัดรายการเสร็จเสียที


“พี่รอนะครับ กลับคอนโดพี่นะ” ได้รับเมสเสจแบบนี้แล้วใจไม่ดีเท่าไหร่ ผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจรู้เรื่องแล้ว และอยากคาดคั้นผมตามลำพัง หรือบางที เขาก็แค่คิดถึงตอนที่เราอยู่กัน 2 คนขึ้นมาก็เลยอยากค้างคอนโดคืนนี้

เพราะผมกับนายคฤณไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมาเกือบครึ่งเดือน ไม่ได้โกรธอะไรกัน แค่ต่างคนต่างไม่มีเวลาเท่านั้น

ผมส่งแมสเสจตอบตกลง แล้วก็นั่งทำงานก๊อกแก๊กของผมเรื่อยเปื่อย

6 โมงกว่าๆ ผมก็โบกมือลาออฟฟิศ วิ่งดุ๊กๆ มาลงลิฟท์ ตรงดิ่งมาที่ลานจอดรถ แต่คนที่ผมเจอกลับไม่ใช่นายคฤณ

“คุณรชต?” แปลกใจมากครับที่เจอเขาที่นี่ หรือมาทำธุระอะไรแถวนี้ อืม ก็เป็นไปได้เพราะว่าตึกนี้ก็มีบริษัทอื่นๆ ใช้เป็นสำนักงานเยอะแยะ

“น้องเจม” น้องเจมอีกแล้ว...อีกเหตุนึงที่ผมไม่มีเวลาให้นายคฤณ (ซึ่งเขาคงไม่ได้สังเกตเพราะว่าเขายุ่งกว่าผมมาก) ก็เพราะผมเอาแต่คิดเรื่อง “น้องเจม” นี่แหล่ะ

“อ่า...พี่นำ” ผมเรียกเขาตามที่น้องเจมควรเรียก หลังจากเจอกันเมื่อต้นเดือน ผมก็เริ่มจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้าง มันไม่ใช่ความทรงจำที่ขาดหายไป แต่ผมก็จำเขาได้แค่ “พี่นำ” ที่ชอบมาเล่นกับผมในวันที่ผมไปหาหมอที่คลีนิคเท่านั้น แต่ไม่ยักกะนึกออกว่าเจอเขาที่โรงเรียน

“พี่แวะมาธุระน่ะ”

“อ่อ ครับ ออฟฟิศเจมอยู่นี่ ชั้น 27”

“อื้อ ที่หนึ่งเคยบอก เห็นมันว่าวันนี้มันมาอัดรายการที่นี่ด้วยนี่”

“ครับ นี่เจมก็รอพี่หนึ่งอยู่ ว่าจะ”

“ดีเลย ไปทานข้าวเย็นกันนะครับ 3 คน”

เลข 3 ไม่ถูกกับผมเท่าไหร่หรอก
แต่ว่า สีหน้าเขาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขนาดนี้ ปฏิเสธยังไงไม่ให้หมอจิตเวชร้องไห้ดีล่ะ
สุดท้าย ผมก็ยิ้มให้เขา แล้วเดินนำเขาไปยังร้านกาแฟด้านข้างตึก นายคฤณยังอัดรายการไม่เสร็จดีหรอกครับ คงขอเก็บคำถามอีกนิดหน่อย ตอนที่ผมลงมาเห็นไฟในสตูดับแล้วแต่เขายังออๆ กันอยู่หน้าห้อง

พี่นำ(สนิทเร็วไปมั้ยวะกู) เลี้ยงคาปูนิโช่เย็นผม ส่วนเขาดื่มโกโก้ หน่อมแน้มโคตรอ่ะ เห็นเขาดมกลิ่นโกโก้เย็นที่ปนไอน้ำแข็งแล้วรู้สึกเพลินตายังไงไม่รู้

“กลิ่นบำบัดน่ะ พี่ติดแต่เด็ก”
“จริงๆ กลิ่นกาแฟก็บำบัดความเครียดได้นะ อืมม กลิ่นอื่นๆ ก็ช่วยได้ ขอแค่เป็นกลิ่นที่ชอบ หรือมีผลต่อภาวะจิตใจในด้านที่ดี ด้านที่ทำให้ผ่อนคลาย ก็เป็นกลิ่นบำบัดได้หมดแหล่ะ” เขาให้ความรู้แล้วจ้องหน้าผม ทำไงได้ล่ะกู ผมเลยต้องก้มดมคาปูชิโน

และผมก็โง่ไง ก้มลงไปก็เจอหลอดจิ้มตา! แม่งเอ้ย! กูเหมือนตลกคาเฟ่โคตร!

พี่นำหัวเราะชอบใจใหญ่ เขายื่นมือมาจับหัวผมโคลงไปมา สายตาเขายังต้องอยู่ที่ตาผม อืม ก็ไม่รู้เขาจะมองทำไมนักหนา แต่ผมจะคิดซะว่ามันเป็นนิสัยของคนที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้ อาหมอพ่อของพี่นำเองก็ชอบจ้องหน้าสบตาผมแบบนี้

ว่าแต่ว่า แววตานายรชตนี่อ่อนโยนกับผมชะมัด แต่ว่า เขาก็คงอ่อนโยนกับทุกคนนั่นแหล่ะ

“เจม” พี่หนึ่งแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์ ผมรู้ได้โดยไม่ต้องหันมอง เก้าอี้ข้างๆ ผมถูกเลื่อนออกและผู้ชายที่ผมคุ้นทุกกลิ่นน้ำหอมที่เขาฉีดผสมกันก็นั่งลงข้างๆ

“คุณเพิ่งเสร็จธุระหรอผู้นำ”

“อืม คุณก็เพิ่งเสร็จงานล่ะสิ วิ่งวุ่นหัวหมุนเชียว”

“อืม ก็งาน”
“แล้วนี่ คุยอะไรกัน ท่าทางน่าสนุก”

“อ๋อ ผมกำลังบอกเจมเรื่องกลิ่นบำบัดน่ะ”

“อ่อ...แล้วกลิ่นไหนบำบัดเจมได้ล่ะ?” นายคฤณพุ่งเป้าทันที คำตอบผมน่ะหรอ? ก็กลิ่นน้ำหอมคุณมึงไงครับคุณคฤณ ผมเฉไฉไม่ตอบแต่อมยิ้มแกล้งเขาเล่น นายคฤณมองขู่ใหญ่ ขี้เสือกเหมือนกันนี่หว่า

สุดท้ายผมก็หัวเราะแล้วตอบมั่วๆ
“กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มมั้งครับ ได้กลิ่นปุ๊บสติดับเลย หลับตลอด”

“ในรถก็หลับเถอะ งั้นกลิ่นหนังหุ้มเบาะรถ กลิ่นอะไรอีกน้า เจมหลับได้ทุกที่นี่”
“กลิ่นตัวพี่ได้มั้ย”

หูยยยยยยยยยยย
กูอาย! เพราะแม่งเรื่องจริง แต่นี่ไม่ได้อยู่กัน 2 คนไง อย่าเล่นแบบนี้!
ผมก้มหน้างุดไปดูคาปูชิโน่ตรงหน้า นายคฤณคงรู้แล้วว่ากลิ่นตัวเขาบำบัดผมได้มั้ย และนายรชตเองก็คงรู้เหมือนกัน ผมเห็นเขาก้มหน้าไปอมยิ้มนิดๆ แล้วก็เงยหน้ามองผมเหมือนเดิม

“เจมนี่โตขึ้นแล้วน่ารักขึ้นเยอะเลยนะครับ” จู่ๆ เขาก็เอ่ยชมผม แต่คนที่หุบยิ้มก่อนผมคือนายคฤณ เสียงหัวเราะเขาหายไปดื้อๆ จากนั้น บทสนทนาของพวกเรา ก็เป็นเรื่องธุรกิจของพวกเขาล้วนๆ

โดยที่ผม แทรกคำไหนเข้าไปในบทสนทนาไม่ได้เลย
นายรชตเอง ก็ไม่ได้รับคำตอบใดที่เขาถามเลย...แม้แต่คำเดียว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.1 - 14/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-02-2013 00:59:53

แยกกันได้อย่างโล่งใจผม นายรชตกลับโรงพยาบาลที่พ่อเขาเป็นผู้อำนวยนการและหุ้นใหญ่ ส่วนผมและนายคฤณก็มุ่งหน้ากลับคอนโดของเขากัน เขายังไม่พูดอะไรกับผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไร

ผมคิดว่าผมรู้ว่าเขาเป็นไร แต่ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ผมคิดจะถูก เพราะนั่นมันเท่ากับว่านายคฤณบ้าเกินไปแล้ว และมันจะหมายความอีกว่า ผมหลงตัวเองได้อย่างถูกทาง

“หิวมั้ยครับ อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ทำให้นะ”

“พูดกับเจมได้แล้วหรอ?” ผมดักทาง สายตามองไฟท้ายรถคันหน้า ทะเบียนไม่สวยแต่รถเงาวับ ผ่านค่ะ!

“อ้าว นี่พี่ไม่ได้พูดอยู่กับเจมหรอ?”

“ก็พี่หนึ่งไม่พูดกับเจมมาตั้งนานแล้วนี่ครับ”

“....เฮ้ออออออ” เขาถอนหายใจเสียยาว สัญญาณไฟยังแดงจ๋าน่าฝ่าฝืน นายคฤณเข้าเกียร์เอ็นแล้วดึงเบรกมือ เขาหันมองหน้าผมแล้วก็ก้มหน้าถอนหายใจอีก จากนั้นก็หันมองผมแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผม ก่อนจะดึงให้เอียงไปซบหัวไหล่เขา
“พี่งี่เง่าแหล่ะ ไม่ดีเลยเนอะ เพื่อนกันแท้ๆ”
“แต่พี่หึง”

หึง...นั่นไง หึงจริงด้วย ผมดีใจที่รู้เท่าทันความคิดเขา แต่ไม่ดีใจตรงที่ เขาหึงเพื่อนนี่แหล่ะ
ส่วนตัว ผมไม่คิดว่านายรชตจะมามีความรู้สึกอะไรกับผมหรอก คงแค่เอ็นดูไปตามประสาพี่น้อง

“หึงทำไมครับเนี่ย? เจมอ่อยเขาหรอ? เจมเปล่านะ ถ้าเจมทำให้พี่หนึ่งรู้สึกแย่กับเพื่อนเจมขอโทษ”

“ไม่ใช่ เจมไม่ได้อ่อยใครนี่” เขาบอกเสียงแผ่วแล้วคืนหัวผมสู่บ่าตัวเอง ก่อนจากมีการฝากริมฝีปากที่หน้าผากด้วย
“พี่ขอโทษนะครับที่รู้สึกแบบนั้น เมื่อกี้คงทำเจมอึดอัดแน่เลย ปกติได้พูดฉอดๆ เมื่อกี้ต้องเงียบอย่างเดียว แต่พี่ไม่อยากให้เจมคุยกับผู้นำจริงๆนะ”

“พี่หนึ่ง พี่นำเขาไม่ได้คิดอะไรกับเจมหรอก เขาคุยกับเจมก็เพราะเจมเป็นแฟนพี่หนึ่งเท่านั้นแหล่ะ”

“..........” นายคฤณเงียบและมองหน้าผม กำลังจะพูดอะไรออกมา รถคันหน้าก็เคลื่อนตัวนำไปซะแล้ว

เขาขับรถเงียบๆ ผมก็เลยขึ้นลิฟท์มาเงียบๆ ตอนนี้ผมไม่สบายใจเลย ไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีที่คิดหึงเพื่อนเพียงเพราะแค่เพื่อนคุยกับแฟนโง่ๆ ของเขา

ผมจับมือเขาไว้แล้วยิ้มตาหยี นายคฤณหัวเราะนิดเดียวก็งกเสียงเหมือนเดิม แต่เขาโอบบ่าผมไว้แน่น ราวกับต้องการบอกว่า ชาตินี้มึงอย่าได้คิดไปจากกูเลยไอ้ชานนท์!

พอคาปูชิโน่สลายออกจากร่างกายแล้ว ผมก็หิว
ท่าเดินเกาพุงของผมคงทำให้นายคฤณรู้ว่าผมหิว แฟนระดับผู้บริหารของผมก็เลยเปลี่ยนชุดเป็นพ่อบ้าน สวมแค่เสื้อยืดขาวล้วนกับกางเกงขาสั้นและผ้ากันเปื้อนเข้าครัวไปฉิว

“ไก่หรือหมู”

“ไก่ครับ” ตอบไม่ต้องคิด ก็เมื่อกลางวันเพิ่งกินหมูย่างของเจ้ามังกรไปกับไอ้แอม คนเราควรหลากหลาย

“อยากอกโตหรอเจม” เย้! นายคฤณที่ชอบแอบกวนตีนคืนร่างแล้ว ผมชกเอวเขาเบาๆ แล้วก็ช่วยเขาทำมื้อเย็นที่ค่อนไปทางทุ่มกว่า

เมนูของกูวันนี้ มักกะโรนีไก่ซอสฉ่ำ ของโปรดผมเลย
กลิ่นหอมฉุยปลิวแตะจมูก ผมสูดกลิ่นพลางทำเสียงฟุดฟิดแล้วก็ชมเปาะตามประสาคนเห็นอาหารแล้วอารมณ์ดี

“หอมมาก!! กินกัน กิน กิน กิน”

“ชอบกลิ่นนี้หรอ?” อิเรื่องกลิ่นนี่ท่าจะกวนใจเขามากจริงๆ ผมพยักหน้าหงึกแล้วลงมือกิน แต่นายคฤณไม่ยอมจบน่ะสิ

“เจมชอบกลิ่นไหนมากกว่ากัน กลิ่นตัวพี่หรือกลิ่นมักกะโรนี แล้วชอบน้ำหอมกลิ่นไหน กาแฟล่ะ ผ้าปูเตียงในห้องทำให้เจมนอนหลับมั้ย แล้ว”

“พี่หนึ่ง...”

“ครับ?”

“กินก่อนได้มั้ย เจมหิวข้าว”
“แล้วเดี๋ยวลิสท์ให้ฟังว่าชอบกลิ่นไหนที่สุด”

“อาฮะ...โอเค พี่..ขอโทษ สติแตกน่ะ”

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องสติแตก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีอาการแปลกแบบนี้ ตอนที่รู้เรื่องไอ้แอมชอบผม เขาก็ไม่มีท่าทีถอยหลังตั้งหลักหรือไม่มั่นใจในตัวเองแม้แต่นิด ออกจากคุกคามไอ้แอมด้วยซ้ำ

นายรชต คงเป็นคนที่สำคัญกับเขา ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งสินะ


อิ่มแปล้เลยมื้อนี้ ผมเป็นคนล้างจานเพราะเขาทำอาหารให้ผมกินแล้วนี่หว่า นายคฤณไม่ได้ไปไหนไกล เขาป้วนเปี้ยนตรงเคาน์เตอร์เพื่อทำเครื่องดื่มอะไรซักอย่าง หันไปดูตอนที่เขาอวดก็พบว่าคั้นน้ำส้ม

“วิตามินซีสูง เจมดื่มแก้หวัดได้ สดชื่นด้วย” อาฮะ นี่ผู้บริหารด้านการเงินแปลงร่างเป็นนักโภชนาการตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

ยื่นมาให้ก็ต้องดื่ม
ผมดื่มรวดเดียวก็หมดแล้ว (ก็นายคฤณรินใส่แก้วจิบเหล้านี่หว่า) พอมั่นใจว่าดูแลผมเพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ผมก็ได้รับอนุญาตให้มาแอ้งแม้งที่โซฟา เพื่อดูทีวีเสียที

อืมมมม
หัวนายคฤณก็ไม่ใช่เบา แต่หนุนนอนนานชิบหายเลย ผมหมดความสนใจในทีวีไปนานแล้ว ก็นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้ว และผมก็ง่วงจนผล็อยหลับไป จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา นายคฤณก็ยังนอนหนุนตักผมอยู่เหมือนเดิม

“พี่หนึ่ง ไปนอนในห้องเถอะ เจมง่วงอ่ะ”
“พี่หนึ่ง พี่หนึ่งครับ”

“อืมมม” เสียงสื่อถึงตาปรือๆ มากเชียว ผมจับหน้าเขาให้แหงนขึ้นมาแล้วก้มหน้าไปจูบหน้าผากเขาเบาๆ เด็กชายคฤณยิ้มแล้วดึงไหล่ผมไว้ สุดท้ายก็กลายเป็นจูบกัน

“ไปนอนนะครับ”

“คืนนี้กอดเจมได้มั้ยครับ”

“มีแรงหรอครับ?” นี่ผมไม่ได้หยามนะ แต่เขาดูเหนื่อยดูง่วงมาก พอเจอคำทักถามนายคฤณก็หัวเราะเยาะตัวเองและยอมรับอยู่ในที เขาลุกขึ้นยืนแล้วโอบผมทิ้งไว้บนเตียง แล้วก็ทุ่มตัวนอนกกกอดผมไว้เป็นหมอนข้าง แล้วเขาก็หลับตาลงในที่สุด

“เจม...ครับ”
“เจม” คนจวนหลับยังอยากจะพูด ผมหืออือตอบรับในลำคอแล้วโอบมือขยี้หัวเขาบ้าง นายคฤณหัวเราะพอใจแล้วก็ถามอีก จะอะไรกันนักหนาครับเนี่ย

“กลิ่นไหน ทำให้รู้สึกดีที่สุด”
“ครับ?”

“กลิ่นตรงซอกคอพี่หนึ่งครับ” ผมตอบให้เขานอนเต็มฝันเสียที นายคฤณกอดผมแน่นขึ้นและหลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม เออเว้ย! แล้วกูล่ะ ทำกูตื่น ทำกูเขินตัวเองที่กล้าพูดแบบนั้น แล้วเสือกหลับไป อะไรเนี่ย!!



อย่าคิดว่าผมจะรอด
เมื่อคืนเขาเหนื่อยจัด และมีเรื่องกังวล ก็เรื่องกลิ่นนั่นแหล่ะ
แต่พอได้นอนเต็มตา เขาก็กินคนบนเตียงตอนเช้ามืด สภาพผมเลยเป็นอย่างที่เขายืนหัวเราะเอ็นดูอยู่นี่ไง

“ขำอะไร”

“หัวยุ่งหมด ไม่เซตผมหรอครับวันนี้” ผมเผ้าผมกระเจิงมาก หน้าตาก็ยังไม่ตื่นดีด้วยซ้ำ ผมเหล่มองเขาแต่ยังปิดปากเงียบ
“พี่ช่วยเอามั้ย?”

“ไม่เอาแล้ว พี่หนึ่งแตะตัวทีไรก็ไม่จบที่แตะตลอดอ่ะ”

“ก็พี่รักของพี่นี่” กูเกลียดคำอ้างนี้ที่สุด!! ผมยื่นปากทำหน้ามุ่ยแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการกับผมเผ้าตัวเองให้ดีกว่านี้ นายคฤณเดินตามเข้ามาแล้วล็อคคอผมไว้ เขาพลิกให้ผมไปซบตัวเขา หน้าผมแนบอยู่กับลำคอเขาพอดี

“หอมรึเปล่า ชอบที่สุดไม่ใช่หรอ? ให้เจมดมได้คนเดียว ดีมั้ย?”

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!” ผมงับคอแม่งเลย นายคฤณไม่ได้ว่าอะไร เขาแค่หัวเราะแล้วฟัดแก้มฟัดหัวผม ก่อนจะทิ้งตัวผมอยู่หน้ากระจก ด้วยสภาพหัวที่ยุ่งกว่าเดิม

“พี่หนึ่งงงงงงงงงง เจมขี้เกียจอ่า” กูของอแงบ้างเถอะ!


ก่อนที่เราจะตีกันจนสายกว่านี้ โทรศัพท์ผมก็ร้องลั่น ผมเดินขยำหัวตัวเองไปรับ แต่มือมันลื่นก็เลยกดสปีคเกอร์มันซะเลย

“เจม ตื่นยัง”

“เออ”
“มีไร” ผมคุยกับปลายสายต่อ ไอ้แอมโทรมาครับ เดาว่านายคฤณไม่รู้หรอกว่านี่เสียงใคร ผมเลยปล่อยให้เขาคิดเหมาเอาเองว่าเป็นเพื่อนผม ไม่ได้โกหกนะ ไอ้แอมมันก็เพื่อนผมจริงๆ

“วงในบอกกูมาว่ะ”

“ว่า” ถามไปหาวไป ไม่ได้เอะใจเลยว่า “วงใน” ที่มันพูดถึง คงไม่คาบข่าวชาวบ้านถูกหวยมาบอกหรอก

“กูกับมึง ได้ทั้งคู่ ไปด้วยกันว่ะ”

“หือ?” ผมตาเหลือกทันที รีบเช็ดมือกับกางเกงแล้วกดปิดสปีคเกอร์พลางยกโทรศัพท์แนบหู ผมหันมองด้านหลัง ไม่มีนายคฤณอยู่ในห้องนอนที่ผมอยู่ เขาคงไม่ได้ยินอะไรหรอก

“อะไรนะมึง” ผมเข้ามาคุยกับมันในห้องน้ำ พยายามคุยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“วงในมึงเชื่อได้รึเปล่า?”
“ห่า ไม่เอาอ่ะ กูยังไม่ดีใจ จนกว่าจะได้เห็นจดหมายตอบรับเอง”
“มึงก็เหมือนกัน รอผลเงียบๆ เถอะว่ะ”
“เออ เออ เจอกัน” ผมวางสายแล้วเดินออกจากห้องน้ำมา และได้พบกับนายคฤณที่ยืนขยับเนคไทอยู่ปลายเตียง

“เจมช่วยนะ” ผมพูดเอาใจแล้วเดินไปช่วยจัดเนคไททันที เขาแอ่นตัวมากอดผมแบบทิ้งน้ำหนัก ทำเอาผมเกือบล้ม แกล้งผมได้แล้วเขาก็จูบดูดปากเสียจนผมเกือบโดนแดกอีกรอบ ดีกว่าผลักออกทัน แล้วนาฬิกาบนหัวเตียงที่เขาตั้งไว้ก็ตีตัวเองเสียงดังพอดี

7 โมงครึ่ง
ถ้าจะจุ๊บจิ๊บ รับรองเขาทำงานสายชัวร์
ฮี่ๆ ผมรอดว่ะ
ซะเมื่อไหร่
แล้วกูเซตผมเพื่ออะไร!!!


สรุปก็สายทั้งคู่ นายคฤณอิ่มเอมกับชีวิตมาก ส่วนผมหรอ? หงุดหงิดครับ เพราะการอุตส่าห์เซตผมทั้งที่ยังนอนไม่เต็มตื่นมันไม่มีความหมายเพราะใครบางคน

“เจ็บหรอครับ ขอโทษนะ ทำแรง”

“บางทีเจมก็อยากตอบพี่หนึ่งตรงๆ นะครับ แต่เจมไม่อยากทำให้พี่เสียใจ” ผมยอกย้อน อารมณ์ตุ่ยๆ  ยังไม่ทิ้งหัวจิตหัวใจไปไหน นายคฤณยื่นหน้ามาถาม ลอยหน้าลอยตา น่าหมั่นไส้!

“พูดตรงๆ เลย พี่รับได้หมดแหล่ะ พี่รักเจมทุกท่วงท่าทุกลีลา จะรักทุกเวลาด้วย”

“พี่หนึ่งแม่งเหี้ย!”
“ไอ้พี่หนึ่งเหี้ย! กูเจ็บตั้งแต่เช้ามืดแล้วด้วย!! กัดหัวนมทำไม! บอกแล้วว่าไม่ชอบ เลียสะดืออีก จั๊กจี๋!”

ครืดดดดดดดดดดดดดดดดด
ประตูลิฟท์เปิดหมดบานพอดี และแน่นอนว่ามันเปิดมาซักระยะแล้ว คนใช้บริการลิฟท์คนอื่นมองหน้าผมอย่างเสียดสี ผมเลยต้องหันหนีไปอีกทาง แม่งเอ้ย! กูอายจนจะร้องไห้อยู่แล้ว แล้วไอ้ตัวต้นเหตุแม่งก็ยืนขำจนหัวสั่นดิ๊กๆ แม่งเอ้ย!

พอคนออกกันหมดที่ล้อบบี้ ผมกับเขาก็พร้อมใจกันยืนนิ่ง ผมกดปิดลิฟท์แล้วกดแม่งชั้นสูงสุด ก็ชั้นที่ผมเพิ่งลงมานั่นแหล่ะ พอไม่มีใครแล้วผมก็ฟาดหลังแม่งไม่ยั้งเลย

“โอ้ยๆๆๆ เจม พี่เจ็บนะ เจมครับ เจม! พี่หนึ่งเจ็บนะ”
“พี่หนึ่งขอโทษ”

“เกลียดแม่ง! แกล้งอ่ะ!” ผมสบถใส่ น้ำตาแม่งจะไหลแล้วจริงๆ เสียหน้าไม่เท่าไหร่แต่ไอ้คนที่ทำให้ผมต้องอายเสือกยืนขำเนี่ยสิ โกรธเว้ย! เดี๋ยวกูหนีไปขั้วโลกเหนือแม่งเลย!

“แต่พี่รักของพี่นี่ครับ”
“ขอโทษนะครับ นะ น้า นะ” อายุ 30 ทำไมมันย้อนวัยได้คล่องปากแบบนี้วะ! สุดท้ายผมก็หายโกรธจนได้ เขาล็อคคอผมแล้วหอมฟอดใหญ่ ครั้งนี้ปล่อยทันประตูลิฟท์เปิดครับ

แสงแรกของวันที่ผมได้เห็น คือแสงสะท้อนหลังคารถชาวบ้านยามที่หน้ารถนายคฤณจ่อจะออกจากหน้าคอนโด เขาไปส่งผมก่อนแล้วค่อยวกกลับออฟฟิศตัวเอง

มันจะไม่น่ากลัวเลย หากเขาไม่พูดขึ้นมาดื้อๆ

“พี่ปูบอกจะมีข่าวดี ออฟฟิศเจมจะมีข่าวดีอะไรหรอ? พี่ควรส่งกระเช้าแสดงความยินดีมั้ย?”

ดูเหมือนผมควรจะชิงบอกเขาก่อนใครจะขยายความมาถึงหูที่แสนกว้างไกลของเขา
แต่ผลมันยังไม่ออก ผมอาจจะไม่ได้รับทุนนี้ ไม่ต้องห่างเขาไปไหน ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็อดเก็บเรื่องราวเอาไว้ก่อนไม่ได้ เพราะผมเชื่อว่าถ้าพูดออกไปทั้งที่ทางเดินของผมยังไม่ถึงทางแยกดี ผมจะเขวลงข้างทางได้เพราะเขานี่แหล่ะ

เขาไม่ได้ทำให้ผมทิ้งอนาคต หรือทิ้งโอกาส
จริงๆ แล้วนายคฤณไม่ได้ทำอะไรเลย และถ้าเขารู้เรื่องนี้เขาจะไม่ทำลายโอกาสผม ไม่ทำให้ผมคิดอะไรมากมาย สิ่งที่เขาทำอย่างเดียว แต่มันก็เป็นอย่างเดียวที่ถ่วงทุกการตัดสินใจของผมเอาไว้

คือทำให้ผมทำให้ผมรู้จักความรัก และทำให้อยากรักให้ได้เท่าเขา


tbc. 19.2


พาร์ทแรกหวานๆ(?) ก่อนค่ะ
เอ้า ยาวปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 14-02-2013 11:31:26
น่ารักอะ  :z1:  เจมรีบบอกพี่หนึ่งเถอะ กลัวพี่หนึ่งรู้จากคนอื่นแล้วเสียใจจัง :  :serius2: sad11:

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 14-02-2013 14:33:31
18
คนนั้นก็คือพี่หนึ่งสินะ
แล้วเจมเครียดหรือมีปัญหาไรแต่เด็กหว่า ถึงต้องไปหาจิตแพทย์ หรือหมอจิตเวช? 2คำนี้ความหมายต่างกันป่าวหว่า
หรือนิ่งเฉยไปหลังจากพ่อตาย หรือไม่ไว้ใจใคร ปิดตัวเอง
แบบดูจากว่าแม่กับจิวรู้เรื่องพ่อไม่สบาย แต่ตัวเองไม่รู้เรื่อง

ลุ้นๆๆ ใกล้จบแล้วเหรอ  แง้ ถ้าจบต้องเขียนเรื่องสนุกๆมาให้อ่านเรื่อยๆนะ อุอิ


19.1
เฮ้ย ชักไม่ค่อยดีละ ชักจะกลัวตอนต่อไป
พี่หนึ่งจะรู้สึกยังไงถ้าเกิดว่ารู้จากคนอื่นที่ไม่ใช่เจม
บอกตรงๆ เป็นเรา เราก็อยากให้แฟนบอกทุกเรื่องที่สำคัญแบบนี้นะ
รู้ทีหลังมันไม่สนุกเลย จะรู้สึกเหมือนโดนทุบหัวปั้ก!
ฮือ กลัวตอนต่อไปจริงจัง แล้วยังเรื่องพี่นำอีก

ชอบที่เหมือนจะได้จบเรื่องและแฮปปี้แล้ว ก็มีเหตุการณ์เข้ามานู่นนี่
เรื่องจะได้ไม่เรียบ  แต่คนอ่านเครียดค่ะ -_-"
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 18 - 10/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 14-02-2013 21:00:47
รอๆๆๆๆๆๆๆจ้าาา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 15-02-2013 20:03:37
Hear, Me

=======
If I could, I would
======

ตอนที่ 19.2




วงในไอ้แอมแม่นชิบหาย
เช้าวันนี้ผมเข้าห้องพี่ปูทันทีที่มาถึง ไอ้แอมเองก็เดินหน้าตื่นมาแต่ไกล ห้องของพวกช่างภาพมันอยู่อีกหลืบของออฟฟิศชั้น 27 แสนกว้างครับ

ปะหน้ากันปุ๊บก็สบตา และนึกรู้ทันทีว่าเรื่องอะไร และจะได้ฟังข่าวบวกหรือลบ ไอ้แอมกระตุกมุมปากตกๆ ของมันขึ้นแล้วก็ตบไหล่ผมเบาๆ

“ถ้ามึงได้ไปก็ดีดิ”

“อ้าว แล้วตัวมึงอ่ะ?” ผมถามกลับ รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าตัวเองอลังการมาก ถึงขั้นไอ้แอมเสียสละให้ แต่เปล่าครับ มันว่า

“กูได้อยู่แล้วไง วงในบอก” โธ่! ไอ้ห่า ก็บอกแล้วไงว่าให้ลืมๆ เรื่องวงในไปก่อน

พอเข้าห้องไปพบพี่ปู ก็ได้ซองขาวมาอีกคนละซอง
มุกกลัวโดนไล่ออกไม่ได้ผลแล้วครับ

ผมแกะซอง ดึงกระดาษออกมาแล้วกราดตามองเร็วๆ
จับใจความได้ว่า

นายชานนท์ อริยะกุล ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนสื่อสารมวลชนประเทศไทย สาขาเศรษฐกิจการเงิน ไปฝึกอบรมที่จัดโดยสมาคมนักหนังสือพิมพ์ประจำสหราชอาณาจักร

อืม....ข่าวดีชิบหาย แต่ทำไมยิ้มไม่ค่อยออกเลยวะ?

ผมเหลือบตามองหน้าไอ้แอมที่ขยับปากอ่านจดหมายที่มันถือในมือ แป๊บเดียวมันก็หันมองผมแล้วฉีกยิ้ม

“ของคุณว่าไง” ถามกูก่อนอีก ทั้งที่กูอยากรู้ของมึงก่อนแท้ๆ ผมยักไหล่แล้วยื่นจดหมายของผมให้มันอ่าน มันก็เลยยื่นของมันมาแลก

ของไอ้แอมก็ข่าวดีเหมือนกัน เริ่มอยากรู้แล้ววงในนี่หมายถึงวงในห้องสัมภาษณ์รึเปล่าว้า?

แล้วพวกผมก็มองหน้าพี่ปูที่ส่งยิ้มให้อย่างหวานเยิ้ม แกพูดว่า “เด็กปั้นของพี่นี่เทพสร้างจริงๆ ได้ดั่งใจทุกคน! อ้อ! เจ้าต้อมนี่ได้ดั่งใจช้ากว่าเพื่อน”

ผมแอบหัวเราะนิดหน่อย นิดเดียวจริงๆ ไอ้ต้อมน่ะลูกรักพี่ปูตัวจริง ทำห่าไรผิดแกก็ให้อภัยมันตลอด ต่อหน้าแกไม่ค่อยชม แต่ก็ป้อนงาน หาประเด็นให้มันพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ส่วนผมน่ะหรอ? เหมือนแกจะเอ็นดูมาก แต่แกดูแลผมแบบ บอกตรงๆ เท่าที่บอกได้ นอกนั้นให้ผมหาทางซอกแซกเอาเองมากกว่า แต่รักไอ้แอมนี่รักเพราะมันแดกเหล้ารสเดียวกับแกล้วนๆ

“พี่จะฉลองข่าวดีให้ วันเปิดตัวหนังสือที่เจมเรียบเรียงนะจ๊ะ อย่าขัดศรัทธา”
“แยกย้ายไปบอกบก.โต๊ะของเจมกับแอมได้แล้ว คงเตรียมกรี๊ดกันน่าดู งานนี้ต้องมีคนน้ำตาไหลแน่ น้องรักไปเรียนต่อนานเลย”

อืม...ขนาดพี่ๆ ในโต๊ะ ยังเสี่ยงจะร้องไห้ แล้วแม่ผมล่ะ? ไอ้จิวล่ะ? พี่หนึ่งอีก
เฮ้ออออออออออออออ
เอาวะ! ไงก็ต้องบอก
ผมฮึดฮัดกับตัวเอง และก็รู้สึกฮึกเหิมเพิ่มขึ้น
แต่พอออกมาจากห้องพี่ปู พอบอกข่าวดีแก่พี่เสาที่เป็นบก.ใหญ่โต๊ะการเงินของผม ใจผมก็เหี่ยวทันที จะไม่ให้เหี่ยวยังไงไหว ก็แกดีใจกรี๊ดๆ แป๊บเดียวก็หน้าเศร้าลง แล้วพอถามกำหนดการไปของผมที่กระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ แกก็เบ้หน้าแล้วกอดผมใหญ่โต พร้อมกับส่งเสียงดังให้คนทั่วประเทศรู้ว่าใจหายเหลือเกิน

“เจมของพี่!!!!! โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ” เอ่อ...คือ....ผมไม่ได้ไปตายนะครับ

จากนั้น บรรยากาศในออฟฟิศก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สำหรับทุกๆ คน เพราะข่าวดีของผมกับไอ้แอม เอ๊ะ! ทำไมเหมือนกูจะแต่งงานเลยวะ? ...ข่าวดีเรื่องได้ทุนของผมกับไอ้แอมทำให้ทุกคนตื่นเต้น ดีใจ และกระฉับกระเฉงกันเหลือเกิน ไอ้แอมเองก็ไม่ได้หลุดออกมาจากห้องช่างภาพเลย พวกเฮียๆ คงจัดตารางแดกเหล้าอำลากันอยู่แหงๆ

ไอ้ต้อมนี่เดินปาดน้ำตามาหาผมเลย
เจอหน้าก็กอดก็ซุก...มึงเอ้ย! ตอนนี้ให้กอดได้ แต่ถ้านายคณฤโผล่มาเมื่อไหร่รบกวนเก็บมือเก็บตีนให้ห่างกูเลยนะ เวลาเขาหึงแล้วกูโดนหนักกว่าปกติ ซึ่งมึงคงจินตนาการไม่ออก

“มึงไปเมื่อไหร่ กูคงเหงาปาก ไม่มีใครเห่าเป็นเพื่อน”
“ไอ้จิวจะขี้ก่อนให้ใครดมวะ” ห่า! ไม่ใช่สาระแล้วว่ะต้อม ผมตบหัวมันดังป้าบแล้วผลักแม่งออกห่าง คุยกันอีกสักพักก็แยกย้ายไปทำงาน

ผมนั่งมองจดหมายแจ้งผลทุนอยู่นาน ในหัวก็พยายามคิดหาวิธีการบอกที่แม่จะไม่ตกใจ ไอ้จิวจะไม่กระโตกกระตาก และนายคฤณให้การสนับสนุนผมเต็มที่

เมื่อผมต้องการแนวร่วม ผมก็ต้องบอกนายคฤณเป็นคนแรกสินะ
โอเค ได้!

เมื่อสรุปผลได้แล้วผมก็โทรหาเป้าหมายพอดี ระหว่างรอสายก็ได้แค่ขอให้เขาว่างรับโทรศัพท์ เพราะช่วงนี่เขายุ่งมากๆ หลังจากที่แกล้งผมในลิฟท์วันก่อนนู้น เราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย มีแค่โทรฯ คุยกัน และเขาจะเป็นคนโทรฯมา เพราะไม่เคยรับสายที่ผมโทรฯ ทันสักที

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมรอสายจนมันตัดสัญญาณไปเอง
ไม่ว่างอีกแล้วสินะ
หรืออาจไปเข้าห้องน้ำ ไปแผนกวางแผนลงทุนโครงการที่เขาดูแลโดยตรง
ลองโทรอีกทีก็ได้

ตัดสินใจได้แลวก็โทรอีก โทรอีก และโทรอีก
จนกระทั่งเสียงเรียกของได้รับความสนใจ

“สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้คุณคฤณไม่ว่างรับสายค่ะ”

“เอ๊ะ! ครับ! เอ่อแล้ว...นี่...” ผู้หญิงที่ไหนวะเนี่ย ปกติถ้าไม่ว่างก็คือไม่รับเลย ไม่เคยมีใครรับโทรศัพท์แทน แล้วนี่มันก็โทรศัพท์ส่วนตัวด้วย ไม่ใช่เบอร์ที่เขาใช้เพื่อติดต่อธุรกิจ

“ดิฉัน อิกษราค่ะ เลขาคุณคฤณ” เสียงสวยชิบหาย พูดเพราะด้วย ผมตอบครับเพื่อรับรู้ เธอถามว่าจะฝากอะไรถึงนายคฤณรึเปล่า แต่ผมปฏิเสธไปแล้วก็วางสายในที่สุด

อืม...ผมพยายามแล้วนะ แต่เขาไม่มีเวลาฟังผมนี่หว่า
งั้นเย็นนี้ คงต้องบอกแม่กับไอ้จิวตามลำพังแล้วล่ะ
มโนเอาเองว่าเขาก็เห็นดีเห็นงามด้วยก็แล้วกัน


ตกเย็น ผมโทรหาพี่จิว ตู๊ดยังไม่ยาวมากมันก็รับสาย

“มีไรเจม เอาไรรึเปล่า?” ดูท่า ทุกครั้งที่เห็นผมโทรฯ หา มันต้องคิดไว้ก่อนว่าผมมีไรให้ช่วยแน่เลย ห่า! กูก็โตตามมึงทุกๆ 1 วินาทีแหล่ะ

“กลับรึเปล่า?”

“กลับดิ จะกินไร เดี๋ยวหาซื้อให้”

“ไม่ ไม่ เดี๋ยวหาซื้อเอง เจอกันที่บ้าน แต่...”

“แต่อะไรอีกอ่ะ? เงินหมดแล้วหรอ เมื่อต้นเดือนก็โอนเข้าไปให้ตั้งสามหมื่น ทำไมใช้เงินเปลือง มึงเอาแบงก์เช็ดตูดหรอเหี้ย!” ด่าไมว้า!! ผมส่งเสียงขัดใจแล้วก็บอกมันเสียงกระชาก

“กูมีข่าวดีจะบอก แค่จะบอกว่า มึงกลับเร็วกว่าเดิมหน่อยก็ดี มันต้องคุยกันยาวอ่ะ”
“อยากคุยกับจิวกับแม่พร้อมกัน”

“เรื่องไรวะ? เฮียคลินขอมึงแต่งงานหรอ? ต้องไปแต่งต่างประเทศสินะ กูกับแม่ไม่ขัดหรอก แต่สินสอดแพงโข เลี้ยงมึงให้ไม่บ้านี่หมดเงินไปเยอะนะเจม” ไอ้เหี้ย! แต่งงานห่าไร! แม่งเพ้อเจ้อ

“พูดมาก เดี๋ยวกูแช่งให้ขี้แข็ง”
“กลับเร็วๆ นะ รอที่บ้าน”

“ครับ ครับ” รับคำแล้วมันก็ตัดสาย ไม่เคยเลยที่ผมจะวางโทรศัพท์ก่อนไอ้พี่จิวเนี่ย


ผมแวะท้อปส์ที่เซ็นทรัลก่อน แล้วค่อยยูเทิร์นรถเพื่อกลับบ้าน ถึงบ้านก็ลงมือทำอาหารที่เป็นของโปรดผม ป้าพิศมาบ้านวันนี้ด้วย แกตกใจใหญ่ที่ผมกลับเร็วกว่าแม่ ซ้ำยังซื้อของมาทำกับข้าวกินเองอีก แต่พอผมบอกว่า ผมมีข่าวดี เลยอยากเซอร์ไพรส์แม่กับพี่จิว ป้าแกก็ถามทันทีว่า "จะแต่งงานหรอคะ? สาวที่ไหน ป้าเคยเจอรึเปล่า?” อยากจะบอกว่า ถ้านับเพศแม่แล้ว นอกจากแม่ ก็มีป้าพิศนี่แหล่ะที่ผมเปิดประตูให้เข้าบ้าน

สาวอื่นที่เคยผ่านมือ เอ้ยผ่านมา พาขึ้นคอนโดเท่านั้นครับ

ราวๆ ทุ่มนึง แม่ก็ขับรถกลับมา ผมออกไปต้อนรับด้วยนะ คุณนายวันรพีตาโตใหญ่ มีการเดินถอยหลังพลางส่ายหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น เอาเถอะ! อยากทำไรก็ทำครับ เพราะเดี๋ยวอาจจะไม่ได้ทำอย่างที่อยากแล้ว

อวดกับข้าวที่ทำเองกับแม่แล้ว ไอ้จิวก็กลับมา ซึ่งมันก็กลับมาเร็วตามที่รับปากครับ ถอดเสื้อเชิ้ต เปลี่ยนใส่เสื้อยืดคอวีกับกางเกงนอนตัวซ้ำซากของมันแล้วก็มารวมพลกันกินข้าว

ผมไม่ได้บอกอะไรตอนกิน ผมแค่กินไปยิ้มไป ตักกับข้าวให้แม่กับพี่ชายอย่างเอาอกเอาใจ จนทั้งคู่มองหน้าผมอย่างเคลือบแคลง

แล้วเวลาเปิดเผยความสามารถที่ซ่อนลึกของผมก็มาถึง ผมดันแม่กับจิวมานั่งรอที่โซฟา เบาเสียงทีวีเพื่อไม่ให้ใครมารบกวนการแจ้งข่าวของผม จากนั้นก็หยิบจดหมายแจ้งผลทุนให้ไอ้จิวทันที

มันเหลอหลา แต่ก็หยิบออกมาแล้วคลี่อ่าน
แต่ละบรรทัดที่มันไล่สายตา คิ้วมันจะขมวดเข้าหากันเรื่อยๆ
แม่เองก็เหมือนกัน

“เจม..นี่...ไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย?” ไอ้จิวถามเสียงเครียด ผมเป่าปากแล้วพยักหน้ารับ มันอ่านอีกรอบแล้วทวนออกเสียงให้แม่หน้าซีดกว่าเดิม

“แล้ว...ไปเมื่อไหร่”

“กุมภา ปีหน้า”

“นานแค่ไหน ในนี้บอก 8 เดือน”

“จริงๆ ก็คงปีนึงอ่ะ มันจะมีช่วงสอบแล้วรอผล 2 เดือน อบรม 2 ภาค สอบ 2 ครั้ง”
“แต่ไม่ได้ปริญญาอะไรหรอกนะครับแม่” ผมบอกแม่ที่พยักหน้าแล้วนิ่งเงียบ
“ไม่มีค่าใช้จ่าย มีที่อยู่ให้ แล้วก็มีเบี้ยเลี้ยง ส่วนเงินเดือนที่นี่จ่ายครึ่งเดียว แล้วก็ยังคงสถานะภาพเป็นพนักงานอยู่ครับแม่”

“นานว่ะ”

“แม่กับจิว ดีใจกับเจมใช่มั้ย?”

ผมรู้ว่ามันคงยากที่จะกระโดดดีใจ นี่ไม่ใช่การถูกหวย นี่ไม่ใช่โชค นี่คือการพยายาม การเลือกทางเดิน การเดินหน้าเพื่ออนาคต เพื่อเติบโตขึ้นอีกก้าว

หลายอย่างที่แม่เป็นกังวล ผมรู้ แต่คงรู้ไม่หมดว่าแม่กังวลเรื่องอะไรแทนผมบ้าง แต่อย่างน้อย สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือรอยยิ้ม ไม่ใช่ใบหน้าซีดๆ ใกล้จะร้องไห้

“ไม่พูดอะไรหน่อยหรอครับ? เจมทำให้ภูมิใจไม่ใช่หรอ?”
“ทุนนี้ ถึงจะไม่ได้สอบวัดความรู้อะไรมาก แต่เจมก็ตั้งใจทำงาน เพื่อเอาผลงานไปให้เขาประเมิน”
“แม่ไม่ดีใจหรอ?”

“ดีใจสิเจม แม่ดีใจอยู่แล้ว”
“แต่เจมต้องไปไกล แม่เป็นห่วง”

“เจมโตแล้ว” รู้ว่าพูดไป แม่ก็ไม่เคยเห็นผมโตหรอก ภาพของผมที่ติดอยู่ในหัวใจแม่ก็คือ ลูกชายคนเล็กที่ติดจะเงียบและไม่แสดงออกในสิ่งที่ตัวเองรู้สึก และลูกชายที่เคยป่วยทางจิตจนต้องบำบัดกันอยู่ 3 ปี

“เจมจะดูแลตัวเองอย่างดี”
“แม่กับจิว ดีใจกับเจมหน่อยนะ”

“ดีใจสิวะ! น้องเจมของเราโตแล้วนะแม่” ไอ้จิวหันไปบอกแม่แล้วพยายามชวนแม่ยิ้ม คุณนายวันรพียอมยิ้มและเดินมากอดผมไว้แน่น

จากที่คิดว่าแม่ใกล้ร้องไห้ ตัวผมนี่แหล่ะที่เป็นฝ่ายน้ำตาเอ่อขึ้นมาแทน ผมรีบกระพริบตาถี่ๆ แล้วผละตัวออกเพื่อมองหน้าแม่

“หม่อมแม่ร้องไห้ทำไมเนี่ย นี่เจมไปได้ดิบได้ดีนะ รู้ป่าวว่ามีคนชิงทุนนี้ 3 คน เอาแค่ 2 นี่ลูกแม่โคตรเก่งนะ”

“จ้าจ้า หม่อมเจมเก่งสุดอยู่แล้ว”
“ฮื้อออ งี้ต้องฉลองเนอะจิวเนอะ”

“ครับ แม่จะกินเหล้ากับพวกจิวหรอ?”

“มะเหงกสิ กินเหล้าได้ไง กินนมก็พอ พรุ่งนี้ใส่บาตรกันนะลูกนะ”
“คืนนี้บอกพ่อเขาด้วย”

“ครับ” ผมรับคำ แม่อ่านจดหมายแจ้งผลนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็เอาแต่นิ่งเงียบ คงคิดว่าต้องเตรียมการอะไรบ้างเพื่อให้ผมอยู่อย่างสุขสบายที่สุดในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดตัวเอง


ราว 5 ทุ่ม ไอ้จิวก็เข้ามาหาผมในห้อง มันไม่ได้พูดอะไรมาก แค่นอนบนเตียงผมเงียบๆ แล้วบอกเพียงว่า “มีไรก็บอกนะเจม อย่าคิดว่าตัวคนเดียวบนโลกล่ะ” ผมยิ้มให้แล้วนอนเคียงกับมันบนเตียง

จู่ๆ ก็นึกถึงตอนเป็นเด็กที่เดินตามมันต้อยๆ
มันไปไหนมันก็ต้องลากเอาผมไปด้วย เพราะแม่สั่งไว้ให้ดูน้อง ไหนจะเฮียคลินที่มันรักชิบหายสั่งไว้อีกว่าต้องดูน้อง มันก็เลยเป็นพี่ชายที่ดีมากสำหรับผม

เออว่ะ มันเคยบอกว่าเฮียคลินของมัน หรือพี่หนึ่งของผม เผื่อแผ่ความใจดีมาถึงผมด้วยการสั่งให้มันมาลากผมไปเข้าใกล้โลกของคนอื่นเขาบ้างนี่หว่า

“อื้อ จิว ถามไรหน่อยดิ” ผมเอาขาสะกิดขามัน ขอให้มันยังไม่หลับเถอะ คือ...ผมค่อนข้างหวงเตียงและคิดว่ามันเป็นความชอบธรรมของผมที่จะหวง เพราะผมเองก็ไม่ค่อยแตะต้องเตียงใครเหมือนกัน เว้นคนนึง คนนั้นแหล่ะครับ

“ไร?”

“ตอนม.ต้น จิวมาลากเจมทุกเย็น เพราะพี่หนึ่งบอกหรอ?”

“อืม บอกแม่งทุกวันแหล่ะ จิวบอกไปว่าเรียกแล้ว เรียกแล้ว เฮียก็บอกให้ไปเรียกจนกว่าจะมา บอกว่าไม่อยากเจมเป็นใบ้”

“ใจดีเนอะ”

“อือดิ ใจดีมาก ถามไรก็ตอบหมด สอนหมด ขออะไรก็ให้ แม้จะด่ายาวก่อนก็เถอะ อย่างชมรมอ่ะ จริงๆ ก็ไม่ได้อยู่หรอก เต็ม แต่เฮียยัดเข้าไป ยัดเพื่อนจิวให้ด้วยนะ ก็มีไอ้ต้อมไง แล้วก็ไอ้โปน”

“อ่อ โปน จำหน้ามันไม่ได้แล้วว่ะ”
“จะว่าไป เจมก็จำหน้าใครไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยได้มองหน้าใคร จำได้แค่เพื่อนม.ปลาย”

“อืม ก็ไม่แปลกที่เจมจะจำเฮียคลินไม่ได้ แต่เป็นกู กูจะจำได้นะ เพราะเฮียคลินเขาดีกับมึงมาก”
“บางวันก็ไม่เตะบอล แต่นั่งเฝ้ามึงไว้ให้ เอาขนมเอานมให้กิน สอนการบ้านมึงด้วย คะแนนเลขมึงนี้ได้ดีจนเรียนต่อสายคำนวณก็เพราะเฮียนี่ล่ะมั้ง”

“หือ?”
“พี่หนึ่งเนี่ยนะ สอนการบ้านเจม”

“เอ้า! เออเด่ะ!”
“เฮียคลินแม่งดูแลมึงจนเพื่อนเฮียแซวอ่ะ เฮียนำยังเคยแซวเลยว่าถ้าเฮียคลินไม่เข้าชมรม จะเอามึงไปเลี้ยงเอง แล้วให้เฮียเลี้ยงกูคนเดียว”
“มึงเนี่ย เป็นน้องชาที่มีแต่คนรู้จัก แต่มึงไม่รู้จักใครซักคน เพราะมึงไม่มองใคร ไม่สนใจใครเลยไง”

เดี๋ยวๆ ไอ้พฤติกรรมไม่มองใคร ไม่ฟังเสียงใคร ไม่สนใจใครนั่นผมยอมรับ
แต่ไอ้ที่ว่า พี่หนึ่งดูแลผมจนโดนเพื่อนแซวนี่...ผมไม่เคยรู้

แล้วที่ว่าสอนการบ้าน นั่งเฝ้านั่นอะไรวะ?

“จิว!” ผมเด้งตัวขึ้นนั่งแล้วจับหน้ามันไว้ไม่ให้หลบตาไปปั้นเรื่องมาโม้กัน
“ตอบกูตรงๆนะ เอาตามความจริงที่สุดนะ”

“อะไรของมึงเนี่ย! อย่าจับหน้า เดี๋ยวสิวกูขึ้น!”

“จิว! พี่หนึ่งอ่ะ ที่จิวบอกว่านั่งเฝ้าเจม สอนการบ้านเจมเนี่ย”
“ทำตอนไหน?”

“ก็แทบทุกเย็นแหล่ะ ช่วงม. 2 นี่เยอะหน่อย เพราะกูติดเพื่อนแต่ก็ไม่อยากให้มึงหง่าวอยู่ชมรมวาดรูปเงียบๆ ของมึงอ่ะ เฮียเลยให้ไปลากออกมานั่งข้างสนาม แล้วเฮียก็นั่งเฝ้ามึงให้ กูก็เห็นมึงคุยกับเขานี่ จำเขาไม่ได้หรอ?”

“เป็นพี่หนึ่งเองหรอเนี่ย?”
“จริงๆ นะจิว อย่าโม้นะเว้ย”

“โม้ห่าไร! มึงไปถามเพื่อนเฮีย หรือเพื่อนกู เพื่อนมึงด้วยเอ้า! ตอนนั้น ใครพูดกับมึงได้นี่เก่งชิบหายแล้ว ห่า! แปลกจนกูโกรธเพื่อนแทบทั้งห้องเพราะแม่งชอบวางแผนจะแกล้งมึงมั่ง พนันกันมั่งว่ามึงจะพูดหรือไม่พูดมั่ง จนต้องเอามึงไปไหนมาไหนด้วย เพื่อนกูช่างหัวแม่ง เอาน้องไว้ก่อน”
“ดีว่าม.ปลายดีขึ้น กูเลยได้เยี่ยวแบบเดียวดายมั่งไรมั่ง”
“นี่มึงจำอะไรช่วงม.ต้นไม่ได้จริงๆ หรอ?”

“ก็ไม่เชิงหรอก จำได้เป็นเรื่องๆ แต่ว่าเรื่องพี่หนึ่ง มันเป็นส่วนที่เจมลืมไป”
“นึกหน้าเขาไม่เคยออกเลย ทั้งที่เจม....”

“ทำไม? เจมทำไม?”
“อย่าบอกนะว่ามึงประทับใจเฮียคลิน 2 ครั้งแล้วในชีวิต”

“อือ ว่างั้นก็ได้”
“จิว..”

“อะไรอีก”

“เจมดีใจว่ะ ดีใจที่พี่คนนั้น ก็คือพี่หนึ่ง”
“กูโคตรดีใจเลย!”
ผมขยำหัวตัวเองเหมือนคนบ้า แล้วก็มุดๆ หมอนเตะตีขากลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 15-02-2013 20:18:47
เขาคือพี่คนนั้น
คนที่ผม...โคตรประทับใจ
เพราะเขาเป็นคนเดียวในตอนนั้นที่ผมมองเห็น ที่มองเห็นผม ที่ผมยิ้มให้ และที่ยิ้มให้ผม
เขาคือคนนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว!!
เหี้ยเอ้ย! ผมไม่ควรลืมเรื่องตอนเด็กเลย ไม่น่าเก็บตัวเลย
แต่คิดอีกที หากผมจำเขาได้ไม่ลืม ผมกับเขาอาจไม่มีวันนี้ก็ได้ ใครจะรู้

ผมดันไอ้จิวออกจากห้อง รับปากมันแน่วแน่มากว่าจะโตขึ้นอีกขั้น และฝึกดูแลตัวเองเพื่อที่จะได้ชินเวลาไปอยู่ที่อังกฤษ
พอไอ้พี่ชายพอใจแล้วมันก็ยอมแยกไปนอน กอดผมด้วย 1 แน่น

เที่ยงคืนกว่า ผมโทรฯ หานายคฤณ
ผมดีใจจัง ผมจะเล่าให้เขาฟังให้หมด ผมจะบอกว่าน้องชาคนนั้นคิดอะไรอยู่ แล้วน้องชาคนนั้นมีคำพูดอะไรบ้างที่อยากบอกแต่ไม่เคยกล้าบอก ไม่กล้าแม้แต่กล้ามองหน้านานๆ

หากถามเขาถึงเหตุผลที่รักผม แล้วเขาบอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรให้ ก็แค่ว่าใจมันจะรัก ผมก็คงมีคำตอบเดียวกันให้หากถามผมว่าทำไมเลือกเปิดทางให้เขารัก

ก็ใจมันอยากให้เขารักนี่หว่า

“รับสิ รับสิ”

แต่ว่า รอสายจนมันตัดไป โทรฯ ไปใหม่อีกรอบ เขาก็ยังไม่รับสายผมเสียที

“ฮัลโหล” ผมสะดุ้งเมื่อเสียงแปลกๆ รับสายแทนเสียงเขา หัวใจผมเต้นตึงตังเพราะตกใจชิบหาย

“เอ่อ...พี่หนึ่งครับ?”

“ไม่ใช่ค่ะ คุณคฤณหลับแล้วค่ะ”

“หลับแล้ว? เอ่อขอโทษนะครับ เขาหลับไปที่ไหน”

“คอนโดค่ะ ดิฉันมาส่ง”
“ไม่ทราบว่าดิฉันเรียนสายกับใครคะ?”

“...........”

“คุณคะ?”

“แล้วคุณล่ะครับ เป็นใคร?” ผมถามเสียงเรียบ ใจดิ่งลงจากก้อนเมฆเบาหวิวเมื่อครู่ลงสู่ดินอย่างหมดท่าสวย

“ไม่สำคัญหรอกค่ะ คุณล่ะคะ? มีธุระอะไรฝากไว้มั้ย ถ้าไม่มีดิฉันวางนะคะ หนึ่งเขาต้องการพักผ่อน”

ผมอยู่ที่ห้องนอนผม นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าสบายๆ แต่หน้าผมชาเหมือนโดนตบฉาดใหญ่

หนึ่งเขาต้องการพักผ่อน...นี่สื่อถึงอะไรได้บ้างผมไม่รู้
ที่ผมรู้มีอย่างเดียวคือ กูไม่พอใจ ไม่พอใจสุดๆ

ผมตัดสาย มือยังสั่นไม่เลิกเสียที
ผมพยายามสงบใจแล้วนอนหลับ แต่ผมนอนไม่หลับเสียที ในหัวผมมีแต่สารพันความคิด สัญชาติมโนนีเซียมันสิงผมเต็มร่าง ผมคิดไปต่างต่างนานาว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ตอนนี้จะอยู่ส่วนไหนในห้อง แล้วทำไมเธอถึงมีสิทธิ์เข้าไปในห้องนายคฤณ

หรือว่า เธอก็เข้าออกมานานแล้ว นานกว่าผม
หรือเธอดูแลนายคฤณมานานแล้ว นานกว่าผม
หรือเธอก็รู้ว่าเหมือนกันว่าหนึ่งต้องการพักผ่อน รู้มานานแล้ว นานกว่าผม
ผมไม่รู้เลยว่าเธอคือใคร เป็นอะไรกับนายคฤณ
8-9 เดือนที่คบกัน ผมรู้เฉพาะเรื่องที่เขาบอก แต่ผมเนี่ยสิบอกเขาทุกเรื่อง เรื่องที่ยังไม่ได้บอกก็ทำเอาเครียดชิบหายเพราะไม่รู้จะบอกเขาว่ายังไงดี

แล้วนี่อะไร?
คนนี้คือใคร?
แล้วผม...ผมสามารถรู้สึกอะไรได้บ้างในตอนนี้ ผมไม่รู้เลย




ผมฟื้นตัวแล้ว ทั้งที่นอนไปเพิ่ง 3 ชั่วโมง
ตอนนี้แค่ 6 โมงเช้าเท่านั้น แต่ผมตื่นแล้วและอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว สตาร์ทรถแล้วด้วยซ้ำตอนที่แม่เดินงงๆ มาหาที่รถ

“จะไปไหนหรอเจม เช้าไปรึเปล่าลูก”

“ไปหาพี่หนึ่งครับ นัดไว้ เดี๋ยวเย็นนี้เจมรีบกลับมาหาแม่นะ”

“เอางั้นหรอ? ขับรถดีๆ นะลูก”

“ครับ” ผมรับคำแล้วสิ่งยิ้มให้แม่มองอย่างไร้สิ่งน่าสงสัยบนใบหน้า ผ่านจากมือแม่แล้วผมก็ตรงดิ่งไปยังคอนโดเขาทันที

วันนี้วันเสาร์ เช้าวันเสาร์รถไม่ติด แป๊บเดียวผมก็จอดรถมินิของผมเทียบเคียงเบนซ์ของเขา
รถอยู่ เขาก็ต้องอยู่ คอนโดที่เธอคนเมื่อคืนพูดก็คงเป็นคอนโดของเขา ก็ยังดีที่นอนที่ห้องตัวเอง ไม่ใช่....

ลิฟท์มาส่งผมอย่างนิ่มนวล ปลายเท้าพาผมเดินอย่างแน่วแน่มายังห้องเขา คีย์การ์ดสำรองที่เขาไว้ผมไว้ถูกนำมาใช้งาน

ผมเปิดประตูไปด้วยความคิดว่างเปล่าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่ได้มาเพื่อจับผิด แต่ผมมาเพื่อเห็นเองกับตาว่าสิ่งที่สร้างความสงสัยให้ผมเมื่อคืนคืออะไร?

ในห้องเขาเงียบเชียบ และแม้จะไม่ใช่ห้องนอน เขาก็เปิดแอร์ที่ระดับ 23 องศา ผมไม่หนาวมากนัก เพราะเริ่มชินกับอุณหภูมินี้แล้ว

ผมเดินไปยังห้องนอนเขา กะไว้ว่าจะกระโจนไปนอนกอดแล้วขอนอนต่อที่ห้องเขา นอนใกล้ๆ เขาที่พรมด้วยกลิ่นกายที่ผมชอบที่สุด

แต่พอเปิดประตูห้องนอน ผมกลับกระโจนไปอย่างที่คิดไม่ได้

ก็เตียงไม่ว่าง
เตียงคิงไซส์ แต่กลับไม่มีที่ว่างสำหรับผม


นายคฤณในชุดนอนที่ชอบสวมบ่อยๆ นอนเคียงกับผู้หญิงคนนึง ที่ใส่เสื้อนอนของผม

เสื้อนอนของผม!

น้ำตาผมหยดโดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเริ่มกลั่นตัววินาทีไหน
และก็ไม่รู้ว่ามันจะหยุดไหลเมื่อไหร่ด้วย

ผมยืนสะอื้นอยู่แค่หน้าห้อง ผมไม่ก้าวล่วงเข้าไป
ที่นี่...ไม่ใช่ที่ของผมอีกต่อไปแล้ว
ความทรงจำดีๆ ของผม ถูกขยี้จนยับเยินหมดแล้ว

นายคฤณขยับตัวตะแคง เขาก่ายมือกอดคนข้างๆ ท่าทางเขาดูกำลังหลับสบาย


“ก็พี่รักของพี่นี่” เขาพูดแบบนี้บ่อยๆ เวลาง้อผมหลังจากที่ฟัดผมจนเจ็บจนช้ำ แค่คำง่ายๆ ผมก็หายโกรธเขาเป็นปลิดทิ้ง

ตอนนี้เขาก็ทำผมเจ็บ ทำผมช้ำ คำอ้างจะยังเป็นคำเดิมรึเปล่า
เขาทำแบบนี้กับผม ก็เพราะ “พี่รักของพี่นี่” รึเปล่า?

คนรักกัน ทำกันแบบนี้หรอ 
ผมกลั้นเสียงหายใจติดขัดของผมแล้วปิดประตูห้องลงเสีย จากนั้นผมก็เดินออกจากห้องเขาไปอย่างช้ำที่หัวใจที่สุด













นายพิชญะหน้าตาแจ่มใสมากๆ วันนี้ เขาปรี่มาหาผมทันทีที่เห็นหน้า
วันนี้คือวันเปิดตัวหนังสือที่เล่าประสบการณ์ชีวิตของเขาเล่มแรก “อาตี๋ในคอนโดทรงไทย” ชื่อหนังสือนี่ผมไม่ได้ตั้ง พี่ผู้เชี่ยวชาญช่วยๆ กันเกลาชื่ออีกที ซึ่งดูเหมือนนายพิชญะจะชื่นชอบมากๆ

“หวัดดีครับเจม”

“หวัดดีครับคุณพิชญะ”

“โหย! เรียกพี่หนึ่ง เรียกพี่นำ ก็ต้องเรียกพี่พีชสิ” ผมยิ้มแห้งๆ และไม่ได้เรียกเขาว่าพี่พีชตามที่เขาบอกทางอ้อม จริงๆ แล้วผมตั้งใจแน่วแน่มากว่าจะเรียกเขาแค่ คุณพิชญะ

นายคฤณเอง ก็จะเป็นเพียงแค่คุณคฤณสำหรับผมเหมือนกัน

จากเช้าวันนั้นจนวันนี้ ผ่นมาราว 5 วันแล้ว ผมไม่ได้ติดต่อเขาอีก เขาก็ไม่ได้โทรมาหาผมเหมือนกัน ไม่แวะมาหา ไม่ส่งอะไรมาเซอร์ไพรส์ ไม่มาหาแม่กับจิว แม้แต่ไอ้ตัวหนึ่งกับตัวสองก็เป็นหมาที่คอยเขาเก้อไปวันๆ

ผมไม่รู้ว่าในห้องนั้นเกิดอะไรขึ้น เขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมไปเห็นอะไรที่เขาไม่ต้องการให้เห็นเข้าแล้ว หรือเขาอาจรู้ และเลือกจะเพิกเฉยตราบใดที่ผมไม่เอ่ยปากว่าผมเห็น เรื่องนี้ก็จะเป็นแค่เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น

“พี่ส่งบัตรเชิญให้ที่หนึ่งแล้ว เดี๋ยวคงมา”
“แต่สงสัยจะได้บัตรเชิญ 3 ใบล่ะมั้ง” เขาแซวผมกลายๆ สินะ ผมยิ้มให้อีกทีแล้วก็ขอตัวไปช่วยงานพี่คนอื่นๆ

วันนี้เปิดตัวหนังสือทั้งหมด 10 เล่ม จากลูกไม้ใต้ต้น 10 วงการ ซึ่งเป็นแผนเปิดตัวที่ปรับใหม่อีกครัั้ง
เพราะฉะนั้นงานก็เลยใหญ่ เพราะท่านพ่อท่านแม่ทั้งหลายของคุณลูกชายลูกสาวที่ได้รับการคัดเลือกมาแล้วว่าเป็นเพชรเม็ดงาม น่านำมาเปิดตัวโชว์ มาให้กำลังใจสายเลือดตัวเองกันพรึ่บพรั่บ

สำนักพิมพ์ผมเปิดห้องจัดเลี้ยง จัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ และยังมีสัมมนาย่อยๆ เกี่ยวกับธุรกิจที่กำลังฮอทฮิทในตอนนี้

ผมมาร่วมงานในฐานะผู้เรียบเรียงหนังสือ 2 เล่ม แต่ไม่มีการเปิดตัวผมหรอก แค่เปิดตัวหนังสือที่ผมช่วยเล่าเรื่องราวของคนอื่นเท่านั้นเอง

เมื่อเวลางวดเข้ามาจนใกล้เวลาเปิดงานอย่างเป็นทางการ เขาก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับผู้หญิง 1 คนที่เดินเคียงเขาเข้างานมา

“เจม” เขาเรียกผมทันทีที่เห็น ผมก็หันไปหาทันทีที่เขาเรียก แต่ผมไม่ได้มองหน้าเขาหรอก ผมยังมองไม่ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงเขา ภาพในเช้าวันนั้นมันก็เด้งขึ้นมาทับทุกอย่างในทันที

“ครับ”

“ตื่นเต้นมั้ย งานเขียนเจมตั้ง 2 เรื่อง”

“ครับ” ผมรับคำสั้นๆ และยังคงก้มหน้าเหมือนเดิม ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ เธอเลยเดินงานไปก่อน แต่แม้เธอจะแต่งตัวมาดี แต่งหน้าเป๊ะ ผมสลวย หุ่นดีมากและดูมีการศึกษาสุดๆ แค่ไหน สำหรับผมแล้ว ผู้หญิงคนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าผมไปก็แค่ผู้หญิงที่แย่งเสื้อนอนผม

“ไม่บอกพี่เลย ได้บัตรเชิญจากไอ้พีชถึงได้รู้เรื่อง”
“พี่งานเยอะ ขอโทษนะ”

“ครับ”

“โกรธที่พี่ไม่มีเวลาให้หรอ? พี่ขอโทษนะ นี่ก็รีบเคลียร์ทุกอย่างให้ว่างวันนี้”

“ครับ”

“เจมเป็นอะไรรึเปล่า? ป่วยมั้ย?”

“ไม่ครับ ผมสบายดี” ผมจงใจใช้คำให้ห่างเหิน เขาจะได้รู้เสียทีว่าผมผิดปกติ จะได้เอะใจ จะได้เสียวสันหลัง จะได้หาคำมาแก้ตัว จะได้รู้ตัวว่าทำผมเสียใจแค่ไหน

“ผมหรอ? อะไรกัน? แสดงว่าโกรธมาก”
“พี่ขอโทษยังไงดี หือ?”

“เชิญด้านในดีกว่าครับ” ผมบอกปัดแล้วเดินหนีไป แต่เขากลับรั้งบ่าผมเอาไว้ก่อน และแค่มือเขาจับตัวผม ผมก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว

ผมเบี่ยงตัวหนี แต่ยอมยืนนิ่ง เขาจะได้ไม่ยื้อร่างกายผมอีก

“เจมเป็นอะไร? มีอะไร? พูดกับพี่ตรงๆ สิ”

“...........”

“เจมครับ”

“คุณหนึ่ง” พี่ปูออกจากห้องจัดงานเจอเขาเข้าพอดีก็รี่มาทัก แกยืนข้างผมแล้วจับบ่าผมไว้อย่างภูมิอกภูมิใจ

“เด็กปั้นพี่เลยนะคะ นี่อย่าลืมอ่านเล่มที่เจมเรียบเรียงก่อนนะ สนุกมากกกกก” เธอย้ำเสียงเพื่อให้บทสนทนามีรสชาติ แต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากอยากอยู่เงียบๆ

“รายนี้เขาเก่ง วันนี้เงียบกริบเพราะเขินล่ะมั้ง”
“อื้อ! เย็นนี้พี่จะเลี้ยงฉลองให้เจมกับแอมนะคะ เชิญคุณหนึ่งด้วยเลยนะ สนิทกับเจมอยู่แล้วนี่”

“ครับ ได้”

“เลี้ยงเรื่องเปิดตัวหนังสือด้วย เรื่องทุนไปเรียนต่ออังกฤษด้วย”
“บอกแล้วว่าเจมเก่ง พี่บอกคุณหนึ่งวันแรกที่เชิญมาสัมภาษณ์ที่ออฟฟิศเลยจำได้มั้ยคะ?”

“อะ...อะไรนะครับพี่ปู” เขาถามอย่างตกใจแล้วจ้องหน้าผมจนผมที่ก้มหน้าตลอดเวลายังรู้สึกได้

“อ้าว! นี่น้องยังไม่บอกข่าวดีหรอคะ? เห็นสนิทกัน คิดว่าฉลองกันไปเรียบร้อยแล้วซะอีก”
“ก็เจมกับแอมน่ะค่ะ เขาได้ทุนไปอบรมกับสมาคมนักหนังสือพิมพ์ที่อังกฤษ ร่วมปีเชียว ไปคู่กันค่ะ”

“...............”

“พวกพี่ก็ดีใจยกใหญ่ 2 คนนี้เขาไฟแรง เหมาะดี แล้วก็ได้ไปทั้งคู่ก็คงช่วยกันดูแลได้ ไม่น่าห่วง ผู้ชายทั้งคู่”

“อ่อ...ครับ พี่ปูครับ เหมือนในห้องจะมีใครตามหาพี่ปูอยู่นะครับ”

“อุ้ยจริงหรอคะ? งั้นพี่ขอตัวแป๊บนึงนะคะ กำลังวุ่นๆ เลย เย็นนี้อย่าลืมนะคะ”

“ครับ” เขารับคำอย่างสุภาพ พอพี่ปูไปแล้ว นายคฤณก็คว้าข้อมือผมแล้วลากไปยังทางออกไปลานจอดรถทันที!


“ปล่อยครับ ผมเจ็บ!” ผมเจ็บจริงๆ ข้อมือผมก็แดงไปหมดแล้วด้วย

“นี่มันอะไรกันเจม? เรียนต่อ? ที่อังกฤษหรอ? กับนายอรินทร์อีก!” เขากระชากเสียงถามจนเกิดเสียงสะท้อนไปทั่วในทางบันไดแคบๆ ที่เชื่อมสู่ลานจอดรถ
“ทำไมไม่บอกอะไรพี่บ้าง อยากให้พี่บ้าตายหรอ?”

“.............”

“เจม!”
“ตอบพี่สิว่านี่มันเรื่องอะไร?”

ผมเงียบ ผมเงียบอย่างอดทน เงียบเหมือนที่เคยเงียบอย่างอดทนเพื่อจะแว่วได้ยินเสียงพ่ออีกครั้ง

“เจม!” เขากระชากแขนผมไปอีกครั้ง และครั้งนี้ก็แรงจนตัวผมสะบัด ผมเจ็บ และน้ำตาผมก็ไหลอย่างกลั้นไม่อยู่

ผมรู้สึกเจ็บที่ถูกกระชาก แต่กลับนึกถึงภาพเช้าวันนั้น วันที่เขากอดเธอคนนั้น

“แล้วนี่ร้องไห้ทำไม? เจมเป็นอะไร? บอกพี่หนึ่งสิ”

“.............”

“เจม!”

“ผมเจ็บ!”
“ปลอยผมได้แล้ว!” ผมตะโกนบอกเสียงสั้น ตัวสั่นปากสั่นไปหมด ผมพยายามกลั้นน้ำตา แต่มันก็ไหลหยดเร็วเสียจนเช็ดไม่ทัน

“พอแล้วเจม พอ พี่บอกให้พอ!”
“หยุดเงียบใส่พี่ หยุดก้มหน้าให้พี่ หยุดเรียกตัวเองผมว่าผม หยุด หยุด!”
“เจมเป็นอะไร? หรือว่าเครียดเรื่องไปเรียนต่อที่อังกฤษ เรื่องนี้อีก ทำไมไม่บอกพี่สักคำ”
“แล้วนี่เครียดจนต้องพาลโกรธพี่เลยหรอ พี่ผิดหรอ? ตอบพี่สิ”

“ไม่ผิดครับ ผมไม่ได้โกรธคุณ”
“แต่ผมไม่มีอะไรจะบอกคุณแล้ว”
“เรื่องไปเรียนต่อ ก็ถือซะว่าคุณรู้แล้วก็แล้วกัน”

“เจม!”

“ครับ?” ผมคงเตะต่อมโมโหของเขาเต็มเท้า เขาถึงได้กระชากหน้าผมไปกดจูบอย่างรุนแรง

เขาทำให้ผมเจ็บ ผมเจ็บ เจ็บ เจ็บ เจ็บ!!!
แต่ไม่มีสักคำที่ผมโวยวาย ไม่ผลักไส ไม่ขัดขืน
ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้น อยากทำอะไรกับผมก็ทำ ส่วนผมจะรู้สึกยังไง เขาไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้!

“เจม...” เขาหยุดตัวเองในที่สุด เสียงเรียกเขาอ่อนแอลงมาก
“เจมเป็นอะไรครับ บอกพี่หนึ่งได้มั้ย?”
“พี่โง่ พี่บอกแล้วไงว่าถ้าเจมไม่บอกตรงๆ พี่ก็ไม่รู้ แล้วพี่จะง้อถูกได้ยังไง?”
“เวลาเอาผิดกันทางกฎหมาย จำเลยยังได้รู้ข้อหาเลย”


ผมเงยหน้ามองเขาในที่สุด
เขายังหล่อเหมือนเดิม ผมตัดสั้นขึ้นไปอีกนิด ผิวหน้าขาวใสยังผ่องแผ้วเหมือนเดิม ตาคมเหมือนเดิม จมูกโด่งคม ปากหยักบาง ทุกอย่างเหมือนเดิม

ผมเคยเห็นหน้าแบบนี้แล้วสบายใจ ชอบใจ ประทับใจ อยากมองอีก อยากมองไปนานๆ
แต่ผมมองหน้าเขาไม่ได้แล้ว
ยิ่งมอง ก็ยิ่งนึกถึง ยิ่งเจ็บ

“ตอบพี่เถอะนะครับ”

“วันศุกรที่แล้ว ผมตัดสินใจบอกคุณเรื่องนี้ แต่คุณไม่รับสาย”
“คืนวันศุกร์ที่แล้ว ผมคุยกับพี่ชายผม เรื่องตอนเด็กๆ และผมก็ได้รู้ว่าผมประทับใจใครมาตลอดจนโตมาป่านนี้”
“พี่คนนั้นคือคุณ
” ผมเซ็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ เขาเอื้อมมือมาโกยตัวผมไปกอด แต่ผมขยับตัวถอยหนีแล้วพูดต่อ คราวนี้ผมมองหน้าเขาด้วยลูกตาที่ถูกน้ำทับท่วม

“เช้าวันเสาร์” สีหน้าเขาตกใจนิดๆ เหมือนชะงักคิดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรแล้ว
“เสื้อนอนผม คุณให้คนอื่นสวม”
“และผม รับไม่ได้”


“เจม คือ”

“ผมเลิกกับคุณไปแล้ว”
“ส่วนความรู้สึกคุณ จัดการเองเถอะครับ”
“มันไม่เกี่ยวกับผม”



ผมไม่รู้ว่าเวลาเลิกกันแล้วคนอื่นเขาเป็นยังไง ทำอะไรต่อ ปรับตัวยังไง แก้ไขอารมณ์เสียใจด้วยวิธีไหน
แต่ผมไม่มีทางออก ไม่มีทางเลือก ไม่มีคำแนะนำใดๆ ให้ผมเดินตาม

ผมถอดแหวนที่สวมติดนิ้วออกแล้วคืนใส่มือเขา มองหน้าเขาครั้งสุดท้ายแล้วหันหลังเดินจากในทันที
และแม้ว่าน้ำตาผมจะไหลเป็นทาง แม้จะสะอื้นจนแทบหายใจไม่ทัน ผมก็จะไม่ทรุดลงให้ใครสงสาร ไม่หันหลังไปให้เขาเห็นว่าผมเสียใจแค่ไหน ไม่ชะลอฝีเท้า และไม่เงี่ยหูฟังว่าเขาตามผมารึเปล่า


ผมเจ็บ ใจผมช้ำ และนายคฤณ ธีระเสถียร ก็ไม่พูดรั้งอะไรแม้แต่คำเดียว



เราเลิกกัน วันที่ 1 ธันวาคม



cut


ชีวิตมันก็หลากรสแบบนี้ล่ะค่ะ  เนอะ เนอะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 15-02-2013 20:38:20
เจมฟังพี่หนึ่งอธิบายก่อนนะ
มันอาจไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: tiktik9102 ที่ 15-02-2013 21:05:40
สนุกมากคะ 
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 15-02-2013 21:20:44
ตรงที่บอกว่าเจมมือสันอ่ะ หลังจากที่โทรไปหาพี่หนึ่งแล้วเป็นเสียงผู้หญิงรับ
โหย คือเคยเป็นนะแบบนี้ โอยๆๆๆ
ยิ่งรู้ว่าไม่มีการติดต่อกลับจากพี่หนึ่ง มันยิ่งแบบบีบหัวใจอ่ะ
สรุป น้ำตาไหลเลย ตอนท้ายๆของตอน
ชอบที่เจมพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ส่งหมัดไม่ยั้งแบบนั้น...
คราวนี้ก้ต้องตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไปแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 15-02-2013 21:25:03
ก็คงต้องตามไปอธิบายให้รู้เรื่องล่ะนะหนึ่ง
ว่าทำอะไรอยู่ตอนนั้น เเล้วก็... ยัยผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 15-02-2013 21:38:32
ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดี
คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด
บางทีก็เบื่อเจมนะ คราวที่แล้วก็เป็นอย่างนี้จำได้รึเปล่า =__________="
จริงๆ เจมน่าจะปลุกให้ลุกขึ้นมาคุยกันตั้งแต่วันนั้นเลย ชอบปล่อยให้เรื่องมันบานปลาย
สงสารพี่หนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้อธิบาย แต่ถ้าอธิบายแล้วแย่กว่าเดิมก็แยกทางกันเถอะ
เหอะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 15-02-2013 21:59:13
ทำไมเจมไม่ให้พี่หนึ่งแก้ตัวเลย
ฮือออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 15-02-2013 22:29:18
ต่อให้มีข้ออ้าง........เราก็โกรธ ที่หนึ่งจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-02-2013 22:42:16
 :sad4: :sad4: :sad4: สงสารเจมม อยากอ่านต่อแล้วววอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 15-02-2013 23:09:51
รอๆๆๆๆๆๆๆ  อย่างใจจดใจจ่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-02-2013 00:15:13
ต่อให้ไม่มีอะไรเลย ไม่คิดจะโทรหาแฟนตัวเองเลยเหรอ ?? งานยุ่งมากกกกกจนไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำ หรือ กินข้าวแล้วแว่บโทรหาเจมเลยเหรอ? คนที่รับโทรศัพท์ไม่บอกเหรอว่าเจมโทรมา ?? ไม่ดูในโทรศัพท์เลยเหรอว่ามีใครโทรไป ??

พี่หนึ่งผิดเต็ม ๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-02-2013 00:24:03
ชอบเจมเพราะเจมตอบตรงไม่อ้อมค้อมแต่แบบดราม่ามากกกกกกกกก
พี่หนึ่งง้อกันยาวอะจริง แต่พี่หนึ่งผิดเต็มเปาเลยอะงานนี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-02-2013 05:52:25
ทีงี้ล่ะพูดตรงดีจังเนอะเจม
ทีเวลาจะไปนอก ทำเป็นเก็บเงียบอุบอิบ ไม่บอกใคร  เหอๆ

ถ้าสาวคนนั้นเป็นญาติ เป็นน้องขึ้นมา  จะสมน้ำหน้าเจมเลยนะ ที่เลิกกับหนึ่ง  เหอะๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-02-2013 10:57:28
ฮือฮือ เกิดอะไรขึ้นกันอะ สงสารเจมอะ แต่มันเกิดอะไรขึ้นพี่หนึ่งอธิบายมาสิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 16-02-2013 11:50:43
คือแบบ อารายเนี่ยยยยยยย นิยายเรื่องนี้มีมาม่ามาเป็นระลอกๆเลย ฮาา
อ่านจบแล้วแบบ สงสารเจมอ่ะ ทำมันพี่หนึ่งทำแบบนี้ ไม่บอกอะไรเจมเลย อยู่ๆก็หายไป ให้ผู้หญิงรับโทรศัพท์อีก
สงสารพี่หนึ่งด้วย ที่เจมบอกเลิก และไม่ฟังที่พี่หนึ่งอธิบายเลย
บางทีห่างกันซักปี เจมไปเรียนต่อ เจมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น อะไรๆอาจจะลงตัวมากกว่านี้ และพี่หนึ่งอาจจะเข้าใจเจมมากกว่านี้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนแต่งรีบมาต่อนะคะ คนอ่านจะลงแดงแระ มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
อย่ามาม่านานนะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 16-02-2013 13:56:11
 :m15: :m15:น้องเจมส์
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 17-02-2013 22:25:49
มาเจ๊อะมาม่าพอดี  แต่ชอบเรื่องนี้นะ
รอตอนต่อไปค่ะ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 19.2 - 15/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 17-02-2013 23:28:55
อ่านทันซะที :เฮ้อ: ชอบเนื้อเรื่องมากค่ะ

สงสารน้องเจม :monkeysad: พี่หนึ่งเป็นไรไปน้ออ :sad4:

รอตอนต่อไปนะคะ :call:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/2/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 17-02-2013 23:35:07
Hear, Me

=======
If I could, I would
======





ตอนที่20



แป๊ะ!
ไอ้จิวตบหัวผมอย่างไม่ออมแรง มันมองผมเคืองๆแล้วถามว่า

"มึงทำแบบนี้ได้ไง?! เอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้วนะไอ้ดื้อ!!" กูดื้อตรงไหน!?! และที่สำคัญ กูเป็นน้องมึงนะไอ้ห่ารชานนท์!

ผมมองมันเคืองๆ และไม่เถียงอะไรทั้งนั้น กูเชื่อตัวกู มึงจะไม่เห็นด้วยกับกูก็เรื่องของมึง ไอ้จิวมองผมอย่างตัดพ้อ จากนั้นก็ส่ายหน้าใส่ อะไร? กูมันน่าเอือมระอาขนาดนั้นเลยหรอ นี่ใจกูช้ำมากเลยนะ กูถูกทรยศ เฮียฮีโร่มึงนอกใจกูอ่ะ ไม่เก็ทหรอ?

"ฟังกูบ้างได้ป่ะ" สุดท้ายมันก็ขอร้องสิ่งที่ผมทำไม่ค่อยได้ กระนั้นผมก็พยักหน้าหงึกๆ แบบขอไปที

"อะไรล่ะ?"

"มึงอาจเข้าใจผิดไปเองก็ได้ เฮียคลินรักมึงจะตาย แล้วเฮียก็ไม่ใช่คนมักง่ายแบบนั้น มึงถามเขารึยัง?"

"ถามไป ก็คือให้โอกาสแก้ตัว ถ้าจะให้โอกาสแก้ตัว เพื่อไม่ต้องผิดใจหรือเลิกกัน กูตัดกระบวนการนี้ไปแล้วยิ้มร่าวิ่งไปหาเขาเลยก็ได้  แต่กูไม่ฟังคำแก้ตัว มึงไม่เข้าใจหรอ"

"มึงนั่นแหล่ะไม่เข้าใจ มึงตั้งแง่ว่าเขาผิด เขาทำห่าอะไรนอกจากนอนหลับแล้วพลิกตัวมากอดผู้หญิงที่ใส่ชุดนอนมึง"

"นั่นแหล่ะที่ผิดกับกู! เสื้อนอนกู พี่หนึ่งก็ของกู ผู้หญิงคนนั่นมีสิทธิ์อะไรมาทับไลน์กู? มึงตอบสิ!"

"งั้นมึงก็โกรธผู้หญิงสิ

"แล้วถ้าพี่หนึ่งไม่เปิดประตูให้ เขาจะเข้าห้องมาอยู่ในที่ของกูได้ไง? มึงตอบสิ!"

"มึงก็ถามเขาสิ!"

"กูไม่ฟังคำแก้ตัว!"แป๊ะ!!! ไอ้จิวตบหัวผมซ้ำที่เดิม เราเถียงกันแบบนี้ทั้งวัน เมื่อคืนนี้หลังจากลับจากปาร์ตี้ฉลองข่าวดี ผมก็เมาหัวราน้ำ ไม่ได้ดื่มเพื่อลืมเธอหรอกแต่ปฏิเสธแก้วเหล้าไม่ได้ ก็พี่ปูจัดปาร์ตี้นี้เพื่อผมกับไอ้แอมนี่นา ยิ่งดึกก็ยิ่งเมา ผมจำสภาพตัวเองตอนเดินมาเข้าห้องน้ำได้ หน้าแดง หูแดง ตาบวม ปากเจ่อเพราะกินพริกสดเข้าไปด้วยความคะนอง เห็นแล้วตกใจแทบหายเมา แต่ผมจะกลับบ้านสภาพนี้ไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวหม่อมแม่ด่า

ไอ้ต้อมตามมาดูนี่ตกใจใหญ่ มันคิดว่าผมแอบมาร้องไห้ ครับ มันรู้เรื่องผมกับนายคฤณเลิกกัน และรู้เพราะความบังเอิญ แต่ก็นั่นแหล่ะ ดวงไอ้ต้อมมันดวงคนเสือกมาแต่ไหนแต่ไร

หลังจากตรวจดูหน้าผมและเชื่อว่าเป็นเพราะเมาจริงๆ มันก็โทรฯหาไอ้พี่ชายแล้วรายงานสภาพผมทันที และแม่งก็ตีไข่ใส่สีเสียมากมาย จนหลุดเรื่องผมกับนายคฤณเลิกกันโดยผมเป็นคนออกปาก

พอตื่นขึ้นในห้องตัวเอง ก็มาเจอไอ้จิวคาดคั้นให้เล่าเรื่องทั้งหมด และโดนมันตบหัวอยู่แบบนี้แหล่ะ

"มึงไปอาบน้ำให้หัวโล่ง แล้วไปคุยกับเฮียคลินให้รู้เรื่อง"

"ไม่"

"โอเค งั้นมึงอยู่นี่ อยู่บนห้องนี่แหล่ะ ไม่ต้องยกตูดไปไหนกูจะตามเฮียคลินมาเอง!"

"เฮ้ย! ไม่เอา กูไม่คุย"

"เชื่อกูเถอะเจม มึงแค่งอน ไม่ได้เกลียดและไม่อยากเจอหน้า ไอ้ลูกหมาเจม มึงเป็นน้องกู กูเป็นพี่มึง กูเชื่อว่ากูมองมึงเถรตรงกว่าที่มึงมองตัวเองอีก"

"กูไม่อยากเจอเขา อย่างน้อยๆก็ตอนนี้"

"แล้วเจอได้เมื่อไหร่ รอให้เฮียกูแก่ตายหรอ ห่า!"

"ก็ได้ กูจะคุย จะถามให้รู้เรื่อง แต่ขอกูทบทวนตัวเองก่อน"

"รับปากแล้วนะ"

"อือ" ผมรู้ว่าผมต้องทำตามสัญญา แม้จะเป็นการรับปากสั้นๆ ผมก็ห้ามทิ้งขว้าง ไอ้พี่ชายถือเรื่องนี้มากครับ


พอบอกอยากอยู่คนเดียว มันก็ให้ผมอยู่คนเดียวสมใจ คำพูดมันทำให้ผมหวนคิดถึงเหตุการณ์อย่างละเอียดมากขึ้น ผมได้ยินเสียงผู้หญิงรับโทรศัทพ์ส่วนตัว แค่นี้ก็ต้องเบ้หน้าแล้ว
ผมไปหาเขาที่คอนโด อืม กูเบะปากเบี้ยวแล้ว
เขากอดผู้หญิงไว้ และเธอใส่เสื้อนอนผม ท่อนล่างขโมยกางเกงผมมาใส่ด้วยรึเปล่าไม่รู้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใส่กางเกงรึเปล่า ก็ผ้าห่มมันคลุมไว้ แม่งห่มผ้าผืนเดียวกันด้วย!!!! กูจะไปขโมยมาเผาไฟ!! เผาแม่งทั้งห้องเลย ง่ายกว่า!!!

สุดท้ายก็ควานเจอแต่ความโกรธ ผมปาผ้าห่มทิ้งอย่างเสียอารมณ์ และเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเสียงเคาะประตูห้อง

"อะไรกับกูอีก! บอกแล้วไงว่าขอทบทวนแป๊บนึง!!"

"แต่พี่รอเจมตั้งแต่เช้าแล้ว คุยกันเถอะครับ"

เป่าสากนี่มันเงียบเท่าที่ผมกำลังได้ยินอยู่รึเปล่า?
ผมพบว่าตัวเองหยุดหายใจก็ตอนที่เขาเคาะประตูอีกครั้ง

"เจม เจมครับเจม"
"เจมเป็นอะไรรึเปล่า?"
"รชา มีกึญแจสำรองมั้ย?"

"มีเฮีย แป๊บ"

"จิว! มึงอย่านะ!"
"เดี๋ยวคุยเอง ไปคุยข้างล่าง" ผมรีบระงับแผนเข้าห้องผมทันที

เรื่องอะไรต้องให้เขาเข้าห้องด้วย! นี่มันที่ส่วนตัวผม แม้เขาจะให้คนอื่นเข้าห้องได้ง่ายๆ ผมก็ไม่ทำตัวเหมือนเขาหรอก! ฮื่อ!!

ปึ่ก!
ผมเปิิดประตูออกมาเผชิญหน้ากับนายคฤน หน้าเขาเซียวๆ ผอมลงรึเปล่าวะ? เสื้อดูหลวมๆ เสื้อยืดตัวนี้เขาซื้อให้ตัวเองหลังจากซื้ออีกตัวให้ผม จำได้ว่าตอนลองมันพอดีกว่านี้นะ หรือซักแล้วยืด แม่งห่วยว่ะ ตัวตั้งหลายพัน!

"ไม่ได้กินข้าวกี่มื้อแล้วครับ" อย่ามาค้งมาคับ ไม่ปลื้ม! ไอ้หล่อหลายใจ!!

ผมไม่ตอบอะไร เพียงแค่เดินนำเขาลงไปคุยกันข้างล่าง แต่ไอ้พี่ชายมันรู้ทันว่าถ้าคุยกันในที่ที่มีทางออกเยอะๆ ผมหนีลูกเดียว และนายคฤณเองก็คงรู้เหมือนกัน ถึงได้รั้งแขนไว้แล้วลากตัวผมเข้าห้องทันที

"เฮียไม่ใช้ความรุนแรงหรอก เฮียผู้ดีพอ" แน๊~ มีการบอกไอ้จิวให้หายห่วงอีก แล้วมันก็ไม่ห่วงผมแล้วจริงๆ ไอ้จิวทิ้งคำลาที่โคตรเปิดทางว่า "งั้นผมไปทำงานก่อนนะเฮีย" ไอ้เหี้ยพี่จิว บ่ายกว่าแล้วมึงสายหัวหงอกแล้ว ไปให้ลูกน้องด่าพ่อมึงหรอ กูโกรธ!!!!

แล้วประตูห้องก็ปิดลง แล้วเขาก็ล็อคห้อง ไม่กลัวหรอกเว้ย! ถ้าอยากออกก็แค่บิดลูกบิด ไม่ได้ใส่กุญแจนี่หว่า เอ๊ะ! เขาโทรหาใคร

"รชา เฮียลืมบอก ล็อคห้องจากข้างนอกด้วย ท่าทางจะดื้อกว่าที่คิด"

อืมมมมมม เล่นแบบนี้ใช่มั้ย! ได้! เจอฤทธิ์ยอดชายนายชานนท์หน่อยเถอะ เห็นไม่สนใจใครแบบนี้ แต่ถ้ามาวุ่นวายกับผมมากไปเมื่อไหร่ วิชานินจาเท็ตสึจะสิงร่างทันที ขอบอก!!

"ตื่นแล้วใช่มั้ยครับ ฟังพี่หน่อยนะ" ทำไมเสียงมันอ้อนแบบนี้วะ เมื่อกี้ยังเสียงโหดๆ กับไอ้จิวอยู่เลย ผมหันหลังให้แล้วกอดอก เขาก็คงยืนอยู่ที่เดิมนั่นแหล่ะ เพราะผมไม่ได้ยินเสียงเดินเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 17-02-2013 23:48:45
สงสารเฮียอ่ะ ฟังเค้าหน่อยเหอะะะ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 17-02-2013 23:58:30
"เจมเข้าใจพี่ผิด หมดเลย"

"ผมเชื่อสิ่งที่เห็น"

"แต่เจมเข้าใจเรื่องราวถูกบางส่วน" มาอีกแล้ว กลยุทธ์ให้กูงง แล้วกูก็งงตามแผนเลยไง ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ เพราะที่เขาเพิ่งพูดเมื่อกี้มันวกไปเวียนมา
 
นายคฤณเดินเข้ามาหา แต่พอเห็นผมถอยห่าง เขาก็ชักปลายเท้ากลับไป

"พี่ขอพูดส่วนที่เกี่ยวกับพี่ก็แล้วกันนะครับ"
"พี่หนึ่งขอโทษ พี่ผิดที่ทำให้คนอื่นใส่เสื้อของเจม นอนเตียงของเจม พี่ผิดที่ให้เขาเข้าใกล้ ทั้งที่พี่มีเจมอยู่เต็มห้อง แต่พี่ไม่เคยมีเจตนาเข้าใกล้ใคร จะคนไหนพี่ก็ไม่เคยคิด เรื่องลามกนี่คิดกับเจมคนเดียว" ตลก!!! ไม่ขำด้วยอ่ะ
"ช่วง 2-3 อาทิตย์พี่เหนื่อยมาก อักษราเพิ่งเข้ามาเป็นเลขา พี่ก็ต้องยุ่งกว่าเดิม เพราะต้องสอนเขาให้เป็นเร็วที่สุด เหมือนพี่ใช้ชีวิต 48 ชั่วโมงต่อวัน แล้วก็น็อค" ใจผมวูบนืดๆ ตอนที่เขาบอกว่าเขาน็อค ผมหันมองเขาและเชื่อว่าสิ่งที่เห็นคือร่องรอยจากการโหมงานหนักจริงๆ
"พี่เห็นเขาหัวไวดี ก็เลยชุ่ย ไหว้วานทุกอย่าง กระทั่งเรื่องของเจม ฝากเขารับสาย ให้เขาจดเมสเสจไว้ แต่ก็ไม่มีเรื่องของเจมมาถึงพี่เลย มาเอะใจก็ก่อนวันศุกร์ไม่กี่วัน"
"พีชก็รู้เรื่องที่พี่ยุ่ง แต่ยังอุตส่าห์ถามถึงเจมผ่านมัน มันแปลกใจที่พี่ไม่รู้ว่าเจมเป็นไงบ้างจนต้องถามมัน แย่จริงๆ เนอะ ทำงานจนลืมแฟน แต่มันก็ว่าเจมโอเค กำลังจะมีงานเปิดตัวหนังสือ พี่ก็เบาใจ ตั้งใจจะเคลียร์งานให้เสร็จไปเป็นส่วนไป แล้วจะไปหาเจมวันนั้นเลย แต่ก็ เจอแจ๊กพ็อตเช้าวันเสาร์"

"......." เมนไอเดียจะตามหลังแต่เสมอ นี่ไง มาแล้วใช่มั้ย?

"ตื่นมา เขาก็อยู่บนเตียง อักษราเขาอาสามาส่งเพราะท่าทางพี่เพลียมาก พี่เห็นว่าเขาก็โอเค ก็เลยไว้ใจ ไม่คิดว่าเขา..."

"เขาทำไมครับ" ผมถาม รู้สึกเคืองตานิดๆ

"เขาชอบพี่ ตั้งแต่เป็นรุ่นน้องที่เมืองนอก"

อาฮะ ผู้หญิงคนนั้นชอบเขา ไปนอนบนเตียงแบบนั้นคงเกลียดเขาหรอก!

"พี่ให้เขาพิจารณาตัวเองแล้ว เรื่องที่ตัดเรื่องของเจมออกไปจากธุระของพี่ เรื่องที่ถือวิสาสะมานอนที่ห้อง บนเตียงเรา นอนข้างๆพี่ ยุ่งกับของของเจม พี่ไม่อยากต่อว่า พี่ไม่อยากใช้อารมณ์กดดันหรือโต้ตอบใคร พี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบลูกแพรอีก"
"หวังว่าเจมคงเข้าใจ"
"ส่วนของพี่ หมดแล้วครับ"
"เจม ให้อภัยพี่ได้รึเปล่า"

ผมโกรธเพราะเขาดีเกินไป ได้รึเปล่า?
ถ้าที่นายคฤณพูดมาเป็นเรื่องจริง เขาก็ไม่ได้นอกใจผม เรื่องมันเกิดเพราะเขาไม่ทันได้สนใจว่ามีใครอีกคนมาชอบเขา อยากครอบครองเขาโดยการแทนที่ผม และตัดผมออกจากสารระบบของเขา

"เจมถามอย่างนึงได้มั้ยครับ"

"อะไรครับ"

"ทำไมไม่บอกเจมทันทีว่าเช้าวันเสาร์นั้นเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่หนึ่งนิ่งเงียบ ไม่ติดต่อเจม ไม่ติดต่อจิว ไม่โทรคุยกับแม่ ไม่ทำอะไรสักอย่าง"

"พี่มักง่าย คิดว่าเจมไม่รู้ พี่เลือกไม่บอกเพราะจะกระทบผู้หญิงเขา บอกเจมก็เหมือนเอาเขามาประจาน"

"แคร์เธอหรอครับ"

"แคร์ตัวเองครับ" เขาก้มหน้า หว่างคิ้วเขาชนกันยู่ไปหมด
"พี่คงมีความสุขไม่ได้ ถ้าพี่ทำให้ใครต้องเจ็บปวดอีก"
"แต่พอเจอเจม พอเจมต้องเป็นฝ่ายร้องไห้เสียเองในขณะที่พี่ได้อยู่กับความรู้สึกของการเป็นสุภาพบุรุษ พี่ก็รู้ว่าใครกันที่จะทำให้พี่ทำร้ายคนทั้งโลกได้ เพื่อความสุขของคนคนเดียว"
"คือเจมคนเดียว"

"แล้วพี่หนึ่งทำยังไงกับเธอ"

"ให้ไปส่วนงานที่เหมาะกว่า อักษราปฏิเสธ พี่ก็ให้เธอพิจารณาตัวเอง แต่ถ้าจะดื้อเป็นเลขา เธอก็จะสมองกลวงเพราะว่างงาน พี่ไม่มีอะไรจะพูดกับเธออีก"

เหมาะสมรึเปล่าผมไม่รู้ แต่ผมพอใจ
ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกผิดของเขาเทียบเท่ากับหัวใจผมที่ช้ำไปรึเปล่า มันไม่มีมาตรวัดอะไรมาชั่งน้ำหนักได้ แต่ผมพอใจจะเชื่อเขา

ไอ้จิวรู้คงหน้าหงิก ก็มันพูดตั้งแต่เช้ายันบ่าย ผมก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่ฟัง แต่นายคฤณพูดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมฆดำๆอึมครึมที่เคยลอยรกสมองกลับหายไป

"เชื่อพี่หนึ่งอีกครั้งนะเจม พี่จะไม่ทำให้ร้องไห้อีก"
"นะครับ"

ผมรู้จักตัวเองดี ลงว่ารักคนนี้ ผมก็จะฟังคนนี้เหมือนกัน
ผมยิ้มให้เขา แม้มันจะเป็นยิ้มที่เนือยหน่อย แต่น่าจะยังน่ามองอยู่ เพราะนายคฤณยิ้มตาม

เขาถอนหายใจเหมือนโล่งอกแล้วสาวเท้ามากอดผมไว้ นายคฤณกดหน้าผมลงบนอกเขาราวกับต้องการหลอมให้ผมรวมเป็นร่างเดียว

"เจมอย่าบอกเลิกพี่อีกนะครับ พี่เสียใจจริงๆ"

กลิ่นกายที่ผมชอบจ่ออยู่ที่ปลายจมูก ผมสูดดมโดยไม่กลัวกลิ่นนี้จางหายไปจากชีวิต

"เอาล่ะ!" จู่ๆ เขาก็ดันตัวผมออกห่าง แต่ก็ยังไม่คลายกอด
"เรื่องของเจมล่ะ มันยังไงถึงต้องไปอังกฤษกับนายอรินทร์!"

หือ!!! นี่กูมีชนักติดหลังหรอ?

ผมอ้ำอึ้งนิดหน่อย แต่แล้วก็ตัดสินใจเล่าให้เขาฟัง ตั้งแต่วันที่รู้จากพี่ปูว่าจะสนับสนุนผม วันที่คิดมากๆ คิดหนักๆ และตัดสินใจจะบอก แต่เขากลับโดนหมาท้องถิ่นกัดเสียก่อน จนวันที่นัดไปสวนสาธารณะ แต่ก็เจอพี่นำเลยมัวแต่ตื่นเต้น วันที่ไปสอบสัมภาษณ์แต่เขาก็หึงพี่นำจนผมไม่อยากพูดเรื่องไหนให้เขาคิดมาก และวันที่รู้ผล แต่โทรไปแล้วกลับไม่ใช่เขาที่รับสาย

นายคฤณเข้าใจอะไรได้เร็ว เขาไม่อึ้งเหมือนแม่กับไอ้จิว แต่เขาไปไกลเกินไปนะผมว่า

"ห่างพี่ไป จะไปรักใครคนอื่นรึเปล่า หืม?"

"เจมก็มั่นคงนะครับ พี่หนึ่งอย่ามาดูถูก เจมไม่หวั่นไหวง่ายๆ ขนาดไอ้แอมขโมยจูบเจมยังถีบแม่งเลย" แล้วผมก็ควายตัวจริงไง นายคฤณตาพอง แต่เขาสงบอาการได้ดีเสมอ เขาเป็นคนใจร้อนแต่จะแสดงออกเย็นๆ คุณลูกแพรควรได้เครดิตเรื่องนี้ เพราะเธอจากไป นายคฤณถึงไม่ใช้อารมณ์มาโต้ตอบใครอีก

"คุณอรินทร์บ้านอยู่ไหนครับเจม พี่คิดว่าพี่ต้องคุยกับพ่อแม่เขาหน่อยแล้ว!" เอ๊ะ หรือใจร้อนกว่าเดิมวะเนี่ย

"พี่หนึ่ง~" ผมปรามเบาๆ เขาเลยดึงผมไปกอดแน่นๆ ลากให้ขึ้นไปนั่งตักทั้งที่ผมไม่ใช่เด็ก 5 ขวบ ร่างกายก็ไม่ได้เล็กบางเหมือนน้องปอยเลยด้วยซ้ำ

"พี่หวงของพี่มากนะ แต่ไม่อยากหึงหน้ามืด ทั้งคุณอรินทร์ ทั้งผู้นำ ไม่รู้จะทำยังไงให้เลิกมองแฟนพี่"

"เดี๋ยวครับ! เจมบอกแล้วไงว่าพี่นำไม่ได้ชอบเจมหรอก"

"นำชอบเจม ตั้งแต่ม.ปลายแล้ว"
"เจมจำเรื่องตอนเด็กได้แล้วใช่มั้ย? จำได้ว่าพี่คือพี่คนที่นั่งมองเจมที่ม้าหินข้างๆ ได้แล้วใช่มั้ยครับ"

"ครับ แต่พี่นำเกี่ยวอะไร"

"มันนั่งอยู่กับพี่ แทบทุกวัน"
"แต่มันไม่เคยได้คุยกับเจมสักวัน เพราะพี่ขวางไว้เอง ก็นะ มันได้เจอเจมทุกวันอาทิตย์แล้วนี่"
"แล้วนี่จำได้ตอนไหน พี่เองก็เพิ่งนึกได้ว่าเคยมีเด็กประหลาดชื่อน้องชามานั่งให้ดูแลแทบทุกวัน" แม่งแซวป่ะเนี่ย
"นึกได้และรู้ว่าเป็นคนเดียวกันก็ตอนเจอรชาอีกครั้งนั่นแหล่ะ ก็เรื่องมันนานแล้วนี่"
"อีกอย่าง จะชานนท์เดียวกันหรือไม่ใช่ พี่ก็รักคนนี้อยู่ดี" เขาจับนิ้วชี้ผมชี้ตัวผมเอง แม่ง กูเขินจนจะม้วนตัวเป็นม้าน้ำปวดสะดืออยู่แล้ว หูผมคงแแดงล่อใจ เขาถึงได้งับเล่นแง้บๆ

"ตอนแรก เจมคิดว่าเป็นพี่นำ แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ เจมค่อยๆ จำได้ว่าเจอพี่นำเฉพาะวันที่ไปหาอาหมอ"
"พี่หนึ่งรังเกียจมั้ย? เจมเกือบบ้านะ"

"เจมไม่ได้บ้า เจมแค่ทนการสูญเสียไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่กับเจมแล้ว"


ทนการสูญเสียไม่ได้ มิน่าผมถึงได้บึ่งรถไประยองทั้งที่ไม่รู้ทาง  และร้องไห้หนักชิบหายตอนที่พูดออกไปว่าเลิกกัน


"พี่หนึ่ง"

"ครับ"

"เจมรักพี่หนึ่งนะครับ"
"แค่อยากให้พี่หนึ่งรู้ไว้ เจมขาดพี่หนึ่งไม่ได้แล้วนะ"


"ครับ"


ช่างมัน ทั้งเรื่องยัยตัวหนังสือ เรื่องตอนเด็ก เรื่องพี่นำ เรื่องไปใช้ชีวิตยู่กับไอ้แอม มันแค่อดีตที่ผ่านไปแล้ว  และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
ตอนนี้ผมจะอยู่กับปัจจุบัน แม้ว่าช่วงปัจจุบันที่ผมมีนายคฤณข้างกาย มันจะจีรังได้เพียงแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้นก็ตาม


"พี่หนึ่ง อีกเรื่องครับ"

"อะไรครับ?"

"เจมหิว นี่ยังไม่ได้กินอะไรเลย ให้ไอ้จิวมาไขห้องเถอะ  อยากออกไปแล้วอ่ะ"

"หือ อยากออกก็เดินออกไปสิครับ ห้องเจมล็อคจากข้างนอกไม่ได้ พี่อำเล่นไปงั้นแหล่ะ นี่เชื่อหรอ?"

เชี่ย!!!! กวนตีนอีกแล้วนะ!


Cut


ไม่สั้นเนอะ ไม่ได้ใช้เวิร์ดค่ะ เลยงงกับความยาวนิดหน่อย
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ ^*^

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 18-02-2013 00:20:45
เย้กลับมาเข้าใจกันแล้วววว  o13 o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 18-02-2013 01:16:49
ตบยัยตัวหนังสือได้มั๊ยคะ  :z6:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 18-02-2013 01:19:08
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮอ นี่ชั้นจิตตกกับน้องเจมและพี่หนึ่งมากไปมั๊ย นึกว่าจะมาม่ากว่านี้ ฮาาาา
แต่ดีแล้วค่ะ คืนดีกันแบบนี้ดีแล้ว ชื่นชมพี่หนึ่งกับน้องเจมนะ ใช้เหตุผลคุยกัน เปิดอก ตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
(ถึงแม้ว่าน้องเจมจะงอแงไปบ้าง ให้อภัย ฮาา)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 18-02-2013 01:30:04
แม่นั่นแรงใช่ย่อยเลยนะนั่น
กล้าขึ้นมานอนบนเตียงกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน (แถมยังเป็นเจ้านายตัวเองอีก)   ชีแรงไม่ใช่เล่นเลยนะ
คนแบบนี้  หนึ่งต้องกล้าๆตัดไปเลย อย่าให้มาวุ่นวายอีก  ถ้ายังให้วนเวียนอยู่แบบนี้ เดี๋ยวคุณเธอก็ทำปัญหาให้อีกหรอก

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 18-02-2013 01:58:22
 o13  เจ้าเล่ห์เน๊าะพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-02-2013 02:27:11
โอ๊ย พอเข้าใจกันก้อยังมีฮาอีกเนอะเจม แต่กะน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 18-02-2013 06:09:18
"...พี่ก็รู้ว่าใครกันที่จะทำให้พี่ทำร้ายคนทั้งโลกได้ เพื่อความสุขของคนคนเดียว"
จะบอกว่าชอบประโยคนี้มากล่ะ อิอิอิ

ในที่สุดก็เข้าใจกันแล้ว
ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของทั้งคู่ ตามที่เราเข้าใจว่า
เจมตัดสินใจไปอังกฤษ แล้วพี่หนึ่งก็ไม่ได้รั้ง

ขำที่พี่หนึ่งรู้ทันเจม แกล้งทำเป็นโทรบอกจิวให้ล็อกห้องจากด้านนอก
แล้วก็ขำเจมที่มัวแต่ฮึ่มฮั่ม เลยจำไม่ได้ว่าห้องตัวเองลอกจากข้างนอกไม่ได้555

รออ่านต่ออยู่น้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: jusmine ที่ 18-02-2013 07:37:54
ดีจังเข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 20 - 17/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-02-2013 11:11:06
เจมแม่งพลาดให้คุณคฤนตลอดนะ5555555555
พี่หนึ่งเป็นคนที่มีเหตุผลและทูตแห่งการพูดมาก ถ้าใครมาพูดแบบนี้ใส่เราแต่เรากำลังโกรธเราก็พร้อมจะเย็นนะ
ไม่อยากอ่านถึงพาร์ทต้องห่างกันเลย เมคว่า1ปีผ่านไปได้มั้ยคะก๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 19-02-2013 22:43:58
Hear, Me

=======
If I could, I would
======



ตอนที่ 21


การที่เขาเข้าใจอะไรง่าย ไม่ได้หมายความว่า เขาจะทำให้เรื่องของเรา หรือเรื่องของผมง่ายขึ้นสินะ
ผมมันโง่เองที่คิดว่าเขาเป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน ที่ไหนได้ นายคฤณคือจอมบงการอันดับต้นๆ ของโลกเลยเถอะ!

ผมมองเขาอย่างขุ่นเคือง แล้วก็หันหน้ามามองแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษที่กางแบอยู่ที่โต๊ะจิบกาแฟของเขา
ครับ เราอยู่ในห้องทำงานของเขา ในเวลาทำงานของเขา และของผมเหมือนกัน

"เสร็จแล้วหรอครับ เอามาให้ตรวจซิ" เหอะ! คุณครูคฤณสุดหล่อคร้าบบบ นักเรียนเจมไม่ได้ทำสักข้อเลยคร้าบ กูรับไม่ได้ครับ กูจบตรีอย่างมีเกียรติมากนะ!

"เจม" มีสิทธิ์ไรมาเรียกกันเหมือนเอือมระอา ผมสิต้องเอือม เขาเห็นผมเป็นเด็ก 5 ขวบที่ต้องเตรียมตัวไปแคมป์ภาษาอังกฤษ กูอายุ 25 แล้วโว้ย!!!

"เจมครับ"

"อะไรครับ?" ผมรับคำเสียงเซ็ง หันมองนายคฤนแป๊บเดียวก็หันกลับ นายคฤณลงทุนเดินมาหา เขาชะโงกมองหนังสือทำข้อสอบภาษาอังกฤษ พอเห็นว่าไร้รอยเปื้อนเขาก็ขยี้หัวผมเบาๆ หงุ่ย~~ ไม่เคลิ้มหรอกเว้ย!

"เป็นอะไรครับ หืม?"

"เจมไม่ใช่เด็กนะ"

"เอ้า! นี่ข้อสอบผู้ใหญ่นะ" แม่งยียวน เขารู้ว่าผมพ้อเรื่องอะไร แต่เขาจะเอาแต่ใจให้ได้มากกว่าผมล่ะสิ!

"ไม่อยากทำ เจมเตรียมตัวเองได้ พี่หนึ่งไม่ต้องยุ่งหรอก"

"ก็พี่ห่วงของพี่นี่" มาอีกแร้ว ไอ้วลีก็พี่จุดจุดของพี่นี่ ผมจงใจพับหน้าหนังสือทันที เสียงปึ่กทำเอาเขาสะดุ้ง แต่ก็เล็กน้อยเท่านั้น

"โกรธหรอครับ"

"ไม่โกรธครับ เจมรู้ว่าพี่หนึ่งหวังดี แต่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้"

"งั้นไปอยู่บ้านไอ้พีชนะ เดี๋ยวพี่บอกมันให้"

"เฮ้ย! ไม่เอา เกรงใจ"

"งั้นพี่ซื้อบ้านพีชให้เจมอยู่"

"ไม่เอาครับ"

"เช่าก็ได้ นะ"
"บ้านมันสบาย ใกล้สมาคมที่เจมต้องไปอบรม หรือถ้าต้องไปนอกสถานที่ ตามสถานีโทรทัศน์ รถไฟก็ขึ้นสะดวกดี นะครับ"
"ก็พี่ไม่ไว้ใจนี่ จะให้อยู่กับคุณอรินทร์ 2 คนได้ไง"

"พี่หนึ่ง! เจมไม่ได้คิดอะไรกับมัน จำไว้มั่งดิว่าพี่เป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวของเจมนะ" กับชายอื่น อย่าหวังได้ตัวกูเลย เท่านี้ก็โดนแดกไม่เหลือซากแล้ว!
"คิดว่าเจมจะนอกใจพี่หนึ่งหรอครับ"

"พี่กลัวคุณอรินทร์เขารังแก ฉวยโอกาส ลักหลับ หรือแต๊ะอั๋ง นิดหน่อยพี่ก็หวงนี่ครับ" คือจะชนะให้ได้ใช่มั้ยวะเนี่ย ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วฟุบหน้าลงกับปกหนังสือหนา

"จะงอแงแล้วนะ ทำไมพี่หนึ่งยุ่งแบบนี้ล่ะ!"

"งอแงเลยครับ ยังไงพี่ก็จะยุ่ง เอาเป็นว่า พี่เช่าบ้านพีชไว้ เจมไปอยู่ที่นั่นให้พี่สบายใจนะครับ ทำเพื่อแม่เพื่อไอ้รชาด้วย ถ้าแม่กับรชารู้ว่าไปอยู่ที่ที่สะดวกแค่ไหน ก็คงเบาใจ แล้วพี่ก็รู้จักย่านนั้นดี มีอะไรไม่ชอบมาพากล พี่ก็ไปหาได้ทัน"

"อังกฤษนะครับ สหราชอาณาจักร ไม่ใช่โรงงานแป้งอังกฤษตรางูที่นึกจะไปหาก็วูบไปได้เลย เจมโตแล้วนะพี่หนึ่ง เจมอยู่ได้ คนอื่นอยู่ได้ เจมก็ต้องอยู่ได้"

"โตแล้วห้ามเป็นห่วงหรอ เจมครับ ทำตามที่พี่บอกเถอะนะ พี่อยากเห็นเจมในสายตา อยู่ตั้งไกล ขอแค่อยู่ในที่ที่พี่เชื่อว่ามันปลอดภัยไม่ได้หรอ"

เฮ้อออ แพ้อยู่ดี ทำไมเดี๋ยวนี้เขาแถมีเหตุผลนักวะ ผมถอนหายใจแล้วจำใจพยักหน้ายอมรับกติกาของเขา แล้วก็ต้องเป็นผมอีกนั่นแหล่ะที่ต้องคิดหาคำอธิบายไปบอกไอ้แอมว่าเพราะอะไรถึงไม่อยู่ที่พักที่สมาคมจัดให้เหมือนมัน

นายคฤณลูบหัวแล้วก้มมาจูบหน้าผากเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครบางคนเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาทันที

"ขอโทษค่ะพี่หนึ่ง" นี่ก็อีกคน ยัยตัวหนังสือหน้าสวยเดินเข้ามาวางแฟ้มไว้ที่โต๊ะทำงานนายคฤณ และเจ้าของห้องก็จงใจอ้อยอิ่งอยู่ใกล้ผม ไม่เดินไปดูแฟ้มงานเธอสักที

"ผลสรุปรีเทิร์นของพอร์ตลงทุนจำลองสินทรัพย์จำพวกพลังงานในต่างประเทศค่ะ"

"ขอบคุณ" เขาพูดเท่านั้นก็หันมองผมและนั่งลงใกล้ๆ ผมรู้ดีว่าเธอคือใคร แต่เธอคงยังไม่รู้ว่าผมคือใคร

"พี่หนึ่งคะ พี่ๆ ที่ฝ่ายบอกว่าไม่ค่อยได้ทานข้าวด้วยกันเลย เอ่อออ กลางวันนี้..."

"เดี๋ยวผมนัดเฮฮากับพวกเขาเอง ขอบคุณ" โหดดีแฮะ ผมลอบมองหน้าเจื่อนๆของเธอ รู้สึกสงสารเหมือนกัน แต่คนอย่างผมไม่อาสาเป็นกาวใจอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่อง ผมไม่ใช่นางเอก! อีกอย่างที่ยังโกรธไม่หาย ยัยตัวหนังสือนี่ทำให้ผมต้องทิ้งเสื้อนอนตัวโปรดด้วย!

"เจม กลางวันกินไร"

"ว่างนานรึเปล่าครับ ไปกินชาบูได้มั้ย?"

"เอาสิ" เขารับปากแล้วดึงแขนผมให้ลุกขึ้นตาม และดึงผมไปโอบให้เดินออกจากห้องไปต่อหน้าต่อตายัยอักษรา อืมมมม นางคงเดาได้แล้วแหล่ะว่าผมเป็นใคร

"จงใจใช่มั้ยครับ"

"อยากอวดแฟนนี่ครับ" แพ้อีกแล้วครับยกนี้ ผมอมยิ้มนิดนึงแล้วก็เดินไปยังลิฟท์ นายคฤณขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง และแป๊บนั้นก็ทำให้ผมต้องยืดทนสายตาเสียดสีของอักษราที่เพ่งมองมาอย่างจงเกลียดจงชัง

"ฮัลโหล แก ชั้นรู้แล้วเก้งตัวไหนมาล่อพี่หนึ่งของชั้น" อืมมมม ไม่รู้ปลายสายมีตัวตนรึเปล่า แต่รู้ว่าแดกดันผมแน่นอน
"พี่หนึ่งเขาคงหลงชั่วครู่ชั่วยามแหล่ะ เดี๋ยวหมดอารมณ์ใคร่เขาก็ทิ้ง"
"คนอย่างพี่หนึ่ง เขามีพร้อมทุกอย่าง นี่คงเป็นอีกรายที่กระดิกนิ้วเรียกมา เดี๋ยวคงโดนหิ้วไปทิ้งที่สวนหลวงละมั้ง ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราเยาะเย้ยทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมเคยได้ยินเสียงหัวเราะจากคนที่ไม่เข้าใจผม ไม่รู้ว่าผมผ่านความเงียบเหงามาด้วยสภาพจิตใจแบบไหนมานักต่อนัก คำพูดเท่านี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก

"อักษรา คุณหมายถึงใคร? คุณกำลังพูดถึงใคร!" เสียงทักจากข้างหลังทำให้เธอและผมสะดุ้ง

"เปล่านี่คะพี่หนึ่ง อักคุยกับเพื่อน"

"แต่ผมได้ยินชื่อผม คุณพูดถึงผมไม่ใช่หรอครับ" นายคฤณถามเสียงเข้ม ผมเองยังกลัวเลย

ยัยตัวหนังสือนิ่วหน้า พอเห็นว่าปฏิเสธไม่ออกแล้วก็ยอมแบไต๋ เธอคงอยากสาดอารมณ์ใส่ผมเต็มแก่ เธอชี้หน้าผมอย่างเสียไม่ได้แล้วก็ว่า

"ค่ะ อักพูดถึงพี่หนึ่งกับเด็กที่พี่หนึ่งหิ้วมา"
"จ่ายหนักมั้ยคะ ท่าทางดีเชียว"

"จ่ายด้วยชีวิต คุณคงไม่เข้าใจ เพราะคุณค่าชีวิตของคุณยังประเมินค่าไม่ได้เลย"

"พี่หนึ่ง!"

"เชื่อมั้ยว่าเขาไม่ต้องใช้อะไรแลกกับการเข้าห้องผม กินข้าวกับผม คุยกับผมอย่างเป็นตัวของตัวเองที่สุด ขณะที่คุณยอมแลกทุกอย่างเพื่อสิ่งเหล่านั้น แต่คุณก็ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ"

"......"

"คนที่คุณพูดจาดูถูกอยู่นี่ เขามีค่าเกินกว่าคำพูดไร้สติจะมาประเมินค่าได้ เขาไม่สนใจคุณหรอก พูดให้ตายเขาก็ดีไม่เปลี่ยน ผมก็มองเขาดีเหมือนเดิม รักเหมือนเดิม"
"ถ้าฉลาดหน่อยก็ควรหยุดพ่นหยุดสบถคำที่มันสื่อถึงใจสกปรกของคุณเสียที"

"รักหรอคะ พะ พี่หนึ่งรักนายคนนี้หรอคะ" เธอหันมาจ้องผมอย่างเกลียดชังกว่าเดิม แต่ผมแค่วางสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น เธอไม่ใช่คนที่ผมอยากเสวนาด้วย บอกแล้วไง ผมเลือก!

"ใช่ ผมรักคนนี้แหล่ะ"
"ก่อนออกไปพักตอนเที่ยง เขียนใบลาออกไว้ด้วยก็ดี ผมไม่อยากไล่ออกให้คุณเสียประวัติ ส่วนจะไปบอกที่ใหม่ว่าลาออกเพราะเจ้านายเป็นพวกชายรักชาย ก็เชิญ"
"ผมไม่เคยแคร์"

นายคฤณจูงมือผมเข้าลิฟท์ ทิ้งยัยตัวหนังสือน่าสงสารไว้เพียงลำพัง แต่ผมไม่สนหรอก คนที่จับข้อมือผมไว้น่าสนใจกว่าตั้งเยอะ

"พี่หนึ่งครับ"

"อย่าว่าพี่ทำเกินไปเลย น้อยไปด้วยซ้ำ! เรียกเจมว่าเก้ง!"

"ใช่! เจมเป็นกวางต่างหาก" ผมยิ้มรอใบหน้าดุที่หันเหลียวมาทันที พอเห็นผมยิ้มออก นายคฤณก็ยิ้มตามบางๆ

"เจมเนี่ยน้า ไม่โกรธหรอครับ"

"ไม่ครับ ตอนเด็กมีคนเรียกว่าไอ้ใบ้ ไอ้โง่ ไอ้ปลวก ไอ้บ้า เจมยังไม่โกรธเลย เพราะเจมไม่ได้เป็นแบบนั้น"

"เก่งจัง แต่พี่ยอมไม่ได้ ด่าอะไรพี่ก็ด่า แต่ห้ามแตะคนที่พี่รัก"

"จริงๆ พี่หนี่งใจเย็นหน่อยก็ดีนะครับ เราหลีกไม่ได้หรอก คนมองเห็นก็ต้องเริ่มคิด แล้วอะไรที่มันผิดครรลองคนก็มักจะเห็นและคิดประเมินเป็นสิ่งแรก ทุกคนล้วนต้องการเหยื่อ พี่หนึ่งจะเต้นตามอารมณ์คนอื่นทำไม"

"โอ้โห! เจมโตจนเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"ตั้งแต่แฟนเจมเลือดขึ้นหน้า ถึงขั้นไล่พนักงานเพราะแฟนถูกเรียกว่าเก้ง"

"ฮ่าๆ ไม่หรอก ถึงเค้าไม่พูดถึงเจมแบบดูถูก แต่เขาก็ทำให้พี่เห็นทัศนคติแย่ๆ อคติในใจ พี่ไม่รับคนแบบนี้"
"ตอนแรกที่ลองรับมาก็เพราะว่าจบที่เดียวกัน จำได้ลางๆ ว่าเขาวิ่งตามเพื่อนฝรั่งต้อยๆ ตอนนั้นมองแล้วเห็นใจเลยช่วยบ้างเท่าที่ทำได้ ไม่คิดว่าใจจะเบี้ยวแบบนี้"

"พี่หนึ่งใจดีแบบนี้ ใครๆ ก็ต้องรักเป็นธรรมดา ส่วนเจมก็โคตรธรรมดา คนที่รักพี่เขาเลยรับไม่ได้ ช่างหัวเขาเถอะ"

"พี่ก็ช่างมันแล้วไง แค่ไม่อยากให้เจมต้องมาได้ยินหรือรับรู้ความคิดแย่ๆ ของคนเท่านั้นเอง"

"โอเค ไม่คิดเนอะ" ผมน่ะเลิกคิดได้ ก็ผมไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ศักดิ์ศรีนายคฤณก็เป็นสิ่งที่ผมอยากให้มันตั้งตรงตามลำคอระหงของเขาตลอดไป

ยิ่งผมรักเขา ผมก็ยิ่งอยากปล่อยมือ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม






คืนนี้เรามีปาร์ตี้กันครับ จัดขึ้นที่ผับไอ้โปน เพื่อนไอ้จิวมัน จัดขึ้นโดนนายคฤณ ธีระเสถียร นายพิชญะ เรืองกฤตยา และนายรชต วตคุปต์ 3 หนุ่มซี้ที่คนในแวดวงธุรกิจกำลังให้ความสนใจ

แขกในงานมีไอ้จิว ไอ้ต้อม ไอ้โปนและเพื่อนรุ่นมันในรั้วกางเกงน้ำเงิน และผม น้องไอ้จิวที่กำลังจะไปเรียนเมืองนอก วู้วววว~~~ กูเด่นโคตร!!

แต่ไม่มีใครสนใจผมหรอก แม่งก็เอาชื่อผมบังหน้าเพื่อแดกเหล้าเท่านั้นแหล่ะ
คนอื่นๆ ที่ทยอยมาที่ผับนี่ก็พวกรุ่นพี่หนึ่งเขาทั้งนั้น เพื่อนมหาฯลัยผมเลี้ยงส่งผมไปแล้ว แขกของผมก็เลยมีคนเดียว คือไอ้แอม

ในผับก็ไม่มีบรรยากาศพิเศษอะไรหรอกครับ รู้จักหน้าใคร จำหน้าใครได้ก็จิ้มหน้าไปชนแก้วโลด จะว่าไปก็เหมือนเลี้ยงรุ่น 2 รุ่นในร้านเดียวกัน แล้วเสือกเป็นรุ่นที่ห่างกัน แต่สนิทกันชิบหายเนี่ยสิ

"น้องไอ้จิว!" ไงครับ ชื่อเล่นผมเท่มาก! ห่า! กูชื่อเจม!! ไอ้โปนเจ้าของผับเกินมากอดคอผมแล้วลากไปกลางวงเพื่อนมันทันที ฮืออออ จิว! ช่วยกูด้วย เพื่อนมึงเถื่อนอ่ะ

"ห่า! มันชื่อเจม"

"เพื่อนต้อมเรียกชื่อเล่นกูทำไม เอาไว้ให้ที่รักกูเรียก เนคร้าบบบบบ" แล้วไอ้โปนก็เมา แล้วก็เสือกลากคอผมไปไหนต่อไหนทั่วร้าน แล้วที่รักมันก็เห็นไง ก็หึงไง ชูนิ้วกลางมาเผื่อกูด้วยไง ไอ้เชี่ย!! กูบอกแล้วว่ากูเลือก

"โปน! น้องกู เหี้ยปล่อย!!" ฮือออ อัศวินของกูมาแล้ว ผมกระโจนไปเกาะไอ้จิวทันที มันมาคนเดียวครับ ไม่ได้เอาน้ำเพชรมาด้วย

แงะมือไอ้โปนออกไปได้ ผมก็เจอมือแฟนมันครับ หมอเน นามว่าเนติ หน้าเด็กชิบหาย อายุเท่าไหร่วะ

"ขอโทษแทนไอ้ปลาทองด้วยนะ" ไอ้นี่บอกแล้วยิ้มกวนๆ ให้ผม มันจ้องหน้าผมแแล้วก็ชมเปาะว่า "คิ้วนี่มโนโกนเองหรือพลั้งมือวะ เท่ชิบ" และถามผมตรงไปตรงมาว่า "เสร็จไอ้โปนรึยัง" หือออ!! แรง!

"กูเลือก" สีหน้ามันเหมือนตื่นเต็มตา อึ้งแป๊บนึงก็หัวเราะแล้วตบหลังผมอั่กๆ
"เฮ้ย! เจ็บ" ผมโอดโอยแล้วเบี่ยงตัวหนี แล้วอัศวินกู้ชีวีของผมก็มาถึงในที่สุด

"เล่นอะไรกัน? อ้าว! เน"

"เฮียคลิน มาแล้วหรอ เฮียคนอื่นล่ะ"

"เดี๋ยวพีชก็ถึง ไอ้นำนี่ไม่รู้จะมากี่โมง เปิดเหล้ากันแล้วหรอ"

"ปลามันก็เปิดเหล้าตั้งแต่เที่ยงทุกวันแหล่ะ แล้วอะไรเนี่ย? มืออ่ะ มือ"

"เฮียหวงแฟน ต้องจับตลอด"
"เห็นไอ้รชามั้ย"

"เตะไอ้ปลาอยู่โน่นนนน" คำว่าโน่นทำให้ผมกับนายคฤณชะเง้อมองตามเสียง เจอพิกัดเป้าหมายแล้วครับ แต่เขาก็ไม่ได้ลากผมไปหาจิว นายคฤณพาผมหาโต๊ะนั่งแล้วสั่งอะไรให้กิน วันนี้ปิดผับเลี้ยง แต่ครัวเปิดยันตาปิด

ผมได้ข้าวผัดประทังชีวิต เขาคงรู้ว่าผมโคตรหิวก็เลยไม่แย่งกินสักคำ นายคฤณเท้าคางมองผมกินแแล้วก็ยิ้มหล่อๆ

"อื้อ พี่หนึ่งครับ"

"ครับ"

"เจมชวนไอ้แอมมาด้วย ไม่ว่านะ ไอ้แอมมันก็เพื่อนไอ้ต้อม ต้อมมันอยากเลี้ยงส่งให้ด้วย"

"อืม รชาบอกพี่แล้ว" ไอ้ม้าเร็ว นี่มีเรื่องอะไรในชีวิตผมมันบอกเขาหมดเลยหรอวะ?

"เดี๋ยวคงมาแหล่ะ พี่หนึ่งสังสรรค์กับเพื่อนก็ได้นะ"

"ครับ วันนี้จะตามใจเจมนะ" แสนดีชิบหาย เมื่อวานก็ตามใจผมทุกอย่างไปแล้วนี่หว่า ผมยิ้มพลางพยักหน้าแล้วก็กินข้าวผัด ยังไม่อิ่มดี ไอ้แอมก็มาถึงในเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ

อ๋อมแอ๋มตกเป็นเป้าแซวเพราะมันต่างถิ่นสุด อย่างเน แฟนไอ้โปน (จริงๆ ชื่อปลา แต่ตาโปน เพื่อนเลยเรียกโปน แต่แฟนเรียกปลาทองเพราะมันขี้ลืม และแก้มย้วยเหมือนมีวุ้น) ก็กางเกงน้ำเงินเหมือนกัน รุ่นพี่ผมปีนึง แต่ไอ้โปนก็ลากเขามาตกต่ำ

กรรมของไอ้แอมหนักหนานัก ตอนนี้ 4 ทุ่มแล้ว พวกมันยังมอมเหล้าไอ้แอมอยู่ไม่หยุดหย่อนครับ


ยามนี้ 4 เทพสถิตย์ ณ ผับไอ้โปนแล้ว
ที่หนึ่ง ผู้นำ ลูกพีช โป๊ะ!
ผมก็ไม่รู้ใครเรียงลำดับชื่อให้พวกเขา แต่พวกไอ้จิวแซวกันแบบนี้จนมันติดปากติดหู ตอนนี้เป็นช่วงเดี่ยวของไอ้โปนครับ ไอ้เหี้ยนี่ขี้เผาชิบหาย พิธีกรร่วมของมันคือ แต่น แต๊น ไอ้อรินทร์!

เอาเป็นว่าไอ้โปนเอ่ยชื่อใคร เป็นเสียหายถึงโคตร!!

"อ๊ะๆ! ทำนั่งเงียบนะน้องชา" เชี่ย!! กรรมมาถึงกูจนได้ ไหนว่าไม่ค่อยมีใครสนใจกูไงสัดจิว!
"มาครับมา มาซบจุกนมพี่โปน" แม่งเสื่อมอ่ะ แล้วนายคฤณจะหัวเราะผมทำไมไม่ทราบ!

ผมจำต้องเดินขึ้นเวทีเตี้ยๆ ที่นักดนตรีไม่มี เดินหงิมๆ ไปจนมันโอบรอบคอไว้ได้ พลันก็ยินเสียง "เฮ้ย! หมาโปน! ของกู" ไม่ต้องบอกก็คงรู้ใช่มั้ยว่าเสียงใคร หึ! แล้วเมื่อกี้หน้าไหนหัวเราะที่กูโดนลากขึ้นเวทีวะ!

"มาครับ 20 คำถามที่เพื่อนไข่ดำของเราอยากรู้"
"แอมเอ้ย!"

"เอ้ย"

"ถามอะไรตอบได้!"

"ได้!"

"ส่องอะไรก็เห็น!"

"เห็น!"

"วันนี้น้องชาใส่บ๊อกเซอร์สีอะไร!"

"แดง!"

ป้าบ!!!
ไอ้แอมโอนกระดาษพับบางๆ ตีหัวเอา ผมยืนหัวเราะพวกคนเมาเล่นห่าอะไรปัญญาอ่อน แต่แม่งก็ไม่จบ ไอ้โปนถามอีก

"สีอะไร!"

"เขียว"

"ชาเขียวขมไป กูไม่แดก!" ป้าบ! "สีอะไร!"

พวกมันมองหน้ากันแล้วก็คว้าเอวผมไว้หมับ เหี้ย!!! แบบนี้กูไม่เล่น อย่าจับกูแก้ผ้านะ ไอ้พี่หนึ่งมันขี้หึง!

"สี อะ ไร!" ไอ้โปนถามเน้นๆ คนอื่นกว่า 30 ชีวิตก็ส่งเสียงทายกันให้ก้อง แล้วไอ้แอมก็ตอบใส่ไมค์

"สี หน้า แบบ นี้ พี่ ไม่ ทน จ้า!!!" แล้วแม่งก็ฟัดคอผม! ฟัดจริงจัง! รู้สึกได้เลยว่ามันดูด ผมหน้าเสียและดันมันออกห่างทันที ตัวไอ้แอมปลิวห่างจากผมไป คนที่โอบผมไว้แทนคือนายคฤณ!

"สีหน้าแบบนี้กูทำได้คนเดียว สัด!" เขาประกาศศักดาแล้ว เป็นอันว่ารู้กันทั้งผับว่ากูเด็กเฮียที่หนึ่ง เขากระโดดลงจากเวทีแล้วดึงให้ผมตามลงมา ผมเดินผ่านไอ้จิวที่ลุกเดินมาหาผมแล้วลูบหัวปลอบผม แต่พูดกับนายคฤณ

"เฮีย ไอ้นั่นมันเมา อย่าถือนะ"

"อือ"

"เฮียคลิน อย่ากระทืบไอ้แอมนะ"

"อือ" เขารับคำส่งๆ แล้วดึงผมมานั่งหลังสุด

หน้าเวทีมีเจ้าของไมค์คนใหม่ขึ้นมาแล้ว ไอ้ต้อมนั่นเอง มันเริ่มเผาเริ่มแกล้งรุ่นพี่คนอื่นๆ แทน ก็เลยไม่มีใครหันมาสนใจผมกับนายคฤณอีก

"โดนรึเปล่า" ผมพยักหน้ารับ หน้ายังมุ่ยไม่หาย ห่าแอมแม่งเล่นบ้าๆ

"พี่ลบให้นะ" เขาสอดมือช้อนหัวผมแล้วเอียงหน้ามาจูบปากเบาๆ ก่อนจะไล้ริมฝีปากมาที่ข้างแก้ม ปลายคาง และซอกคอ

ผมรู้สึกได้ถึงลุ้นอุ่นและริมฝีปากนิ่มที่ดูดดุนลำคอผมครั้งแล้วครั้งเล่า ลมหายในหนักๆ เป่ารดซอกคอผมเป็นจังหวะเดียวกับที่หน้าอกเขากระเพื่อม

"เจมเป็นของพี่คนเดียวนะ"

"ครับ" ผมรับคำอย่างว่าง่ายและยิ้มให้เมื่อเขาผละริมฝีปากออก

"เด็กดีของพี่หนึ่ง พี่รักเจมมากนะ"


"ครับ"


ผมก็รักคุณมากเหมือนกัน...คฤณ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 19-02-2013 22:50:23
.
.
.





เดือนนึงมันไวจนน่าใจหาย
ปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน และผมก็เหนื่อยมากกับการเร่งทำงานเพื่อปิดต้นฉบับ เหนื่อยกับสัมมนาปลายปีของออฟฟิศผม ออฟฟิศคนอื่น สัมมนาของบริษัทหลักทรัพย์มากมาย ชมรมนักวิเคราะห์ นักวิชาการและวิชาชีพ สารพัดงานที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้ผมลืมไปแล้วว่าเดือนหน้าผมก็ต้องเดินทางลี้จากประเทศไทย

คนที่เตือนสติคือนายคฤณ เขาเตือนด้วยคำถามเล็กๆ ที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านผมทั้งบ้านว่า “เตรียมกระเป๋าไปถึงไหนแล้วครับเจม”

กูเพิ่งรู้ว่ามันต้องเตรียมหลายสิ่งเยอะแยะมากมาย เรื่องปัจจัยสี่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ผมยกให้นายแม่ทำลิสท์ให้ ซึ่งเธอก็ทำได้ดีครับ ผมมีรายการของที่ต้องจัดหาเกือบ 200 รายการ หนึ่งในนั้นมีเข็มกับด้ายด้วย แต่ผมคิดว่ามันไม่เป็นประโยชน์กับผม เพราะเอาไปก็ไม่ได้ใช้ ผมเย็บผ้าไม่เป็นนี่หว่า

ไอ้จิวเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารยืนยันการเป็นมนุษย์โลก เอกสารการเงิน เอกสารวิชาชีพ เอกสารการเรียน เอกสารเดินทาง เอกสารประกัน ใบเกิดมันก็ให้เอาไปครับ รอบคอบชิบหายเลยพี่กู

ส่วนายคฤณ อาสาจัดการเรื่องที่อยู่ เรื่องวิธีการเอาตัวรอดในสัมคงเมืองแห่งสหราชอาณาจักร บัตรเครดิตของเขาก็ให้ผมมาทั้งที่ผมก็มีของผมอยู่แล้ว บัตรโทรศัพท์ บัตรรถสาธารณะ บัตรห่าเหวอะไรมากมายถูกยัดใส่กระเป๋าใส่บัตรโดยเฉพาะและกำชับว่าผมต้องพกติดตัว คิดบ้างมั้ยว่ามันจะทำให้กูหมดตัวถ้าโดนปล้นเอากระเป๋าไปแค่ใบเดียว

แต่ก็เอาเถอะ เพราะพวกเขาห่วง ถึงได้จู้จี้ดูแลผมเสียขนาดนี้ ผมก็เลยตัวลอย ระริกระรี้ถ่ายรูปแม่ รูปไอ้จิว รูปตัวหนึ่งตัวสองเก็บไว้ด้วยกล้องโพลารอยด์แสนคลาสสิค กะจะเอาไว้ดูยามคิดถึงจัดๆ แต่พอถึงวันที่ขอถ่ายรูปนายคฤณเก็บไว้เป็นที่ระลึก เขาก็ทำให้ผมน้ำตาแตก

ไอ้บ้าพี่หนึ่งแม่งเลว มันไม่ให้ผมถ่ายรูปมัน แต่มันแย่งกล้องไปจากมือผมแล้วก็เป็นฝ่ายถ่ายรูปผมไว้เกือบ 100 ใบ ผมด่าไปแล้วว่าฟิล์มมันแพง แต่เขาว่า “พี่เหมามาหลายเข่ง เจมยิ้มอีกสิ ยิ้มเร็วครับ” ไอ้บ้า ส่งให้ยิ้มกูก็ต้องยิ้มสิ แม่งจะร้องไห้ก็ต้องยิ้ม นี่เขาแยกออกมั้ยว่าอันไหนยิ้มอันไหนแสยะ

สุดท้ายผมก็ถ่ายรูปเขาได้ เป็นรูปคู่ผมกับเขา เขาเอาคางนาบแก้มผมไว้ ตาของพวกเรามองเลนส์ เราทั้งคู่ยิ้มบางๆ ลูกกะตาผมฉ่ำ แต่ตาเขายิ้ม

ผมชอบรูปนี้ที่สุด รูปอื่นๆ ของผม ผมให้เขาเก็บไว้จนสมใจอยาก ผมขอแค่รูปนี้รูปเดียว

และตอนนี้ รูปคู่ของเราก็อยู่รวมกับกระเป๋าใส่บัตรสำคัญของผม และกระเป๋านั้นก็นอนหลับอยู่ในกระเป๋าสายพายสำหรับเอาติดตัวเดินทาง

คืนพรุ่งนี้ ผมจะก็บินเดี่ยวแล้วครับ






เช้านี้ ไอ้แอมโทรมานัดแนะเวลาที่จะเจอกันที่สนามบิน มันก็ตื่นเต้นไม่แพ้ผม
ผมร่ำลาทุกๆ คนที่ออฟฟิศหมดแล้ว วันนี้ผมมีเวลาดูความพร้อมของตัวเองอีกสิบกว่าชั่วโมง แม่กับไอ้จิวก็อยู่กับผมทั้งวัน ไม่ได้ทำอะไรพิเศษกันหรอกครับ มีแต่การทบทวนว่าลืมอะไรบ้างมั้ย? จัดกระเป๋ายังไง ถึงที่นั่นแล้วต้องติดต่อใคร มีปัญหาโทรเบอร์ไหน รูปที่พักจำได้หรือยัง? และที่ลืมไม่ได้เลยคือ “บอกตาหนึ่งทันทีนะเจมว่าถึงแล้ว เดี๋ยวพี่เขามาบอกแม่กับพี่จิวเอง”

แล้วเหตุอันใด แม่ไม่ต้องการฟังเสียงผมด้วยตัวเองกันเล่า?
ผมพยักหน้ารับหงึกๆ แล้วก็หน้าบานรับราดหน้าเส้นใหญ่หมูโคตรนุ่มที่ป้าพิศทำให้ผมกินเป็นมื้อสุดท้าย กินไปก็ใจหายไป ฮืออออ ไปอยู่ที่โน่นแล้วใครจะทำให้กิน ไอ้ห่าแอมก็ดูจะไม่ได้ความด้านการครัว

อ้อ! นายแม่แนบตำราทำอาหารไทยง่ายๆ ให้ไปด้วย เดี๋ยวแอบเอาไว้ใต้หมอนไอ้แอมดีกว่า เผื่อวิชามันจะซึมเข้าสมองมันบ้าง
 
ระหว่างกินราดหน้า แขกผู้มาเป็นประจำก็มาถึงเสียที นายคฤณนั่นเอง เขาเดินเร็วๆ เข้าบ้านมา วันนี้มีแขกพิเศษมาด้วยครับ

ป๋าคณิณนั่นแหล่ะ มาพร้อมกับอาหารทะเลมากมาย ซึ่งผมคงไม่ได้กิน เพราะป้าพิศคงทำให้กินเป็นมื้อเช้าวันพรุ่งนี้แทน

แม่ผมกับป๋าคณิณซี้กันเร็วดี คุยเรื่องธุรกิจและศาสนากันด้วย การเมืองเว้นครับ แต่เท่าที่ฟังจากวาจาเวลาวิเคราะห์พฤติกรรมนักการเมืองแล้ว ผมว่าทั้งคู่ก็ไม่ต่างสีกันเท่าไหร่หรอก

เด็กๆ อย่างผมกับไอ้จิวก็เลยมานั่งให้นายคฤณซักถามความพร้อม ผมไม่ได้โดนจู้จี้อะไรมาก งานหนักตกอยู่กับไอ้จิวเสียมากกว่า เพราะว่า “มึงเป็นพี่นะไอ้รชา ต้องดูน้องสิ ต่อให้ไปอยู่ต่างประเทศมึงก็ต้องเป็นฝ่ายเป็นห่วง” ฮ่าๆ รู้สึกดีมากที่มันถูกจ้ำจี้จ้ำไชหนักขนาดนี้ เชื่อว่าเท็ตสึคงดุมันได้ไม่เข้มเท่านายคฤณแน่ๆ

พอเขาแน่ใจว่าเขาไอ้จิวทำทุกอย่างได้ดั่งใจเขาแล้ว เขาก็หันมองหน้าผมแล้วพูด

“แล้วคนนี้ล่ะครับ ถึงที่นั่นแล้วต้องทำไง ต้องติดต่อใคร รายงานตัวกับทางนั้นแล้วให้ไปที่ไหน และไปยังไง”

“มาร์คมารอรับ ไปรายงานตัวที่สมาคมก่อน มาร์คพาไป จากนั้นเรียกแท็กซี่ เอาที่อยู่ให้ดู ให้ไปส่งที่บ้านพักคุณพีชที่พี่หนึ่งเช่าเอาไว้ให้ ระหว่างทางห้ามหลับ ครับ”

“ดีครับ”

“เรื่องคุณอรินทร์ พี่จะไม่ขัดก็ได้” ผมขอให้ไอ้แอมไปอยู่กับผมด้วย คือผมก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไรมากมาย การไปอยู่เมืองนอกที่กว้างใหญ่ก็โล่งหน้าอกหน้าใจเกินไปแล้ว ผมอยากมีเพื่อน และไอ้แอมก็เหมาะกับตำแหน่งนี้มากสุด

“แต่แยกห้องกันนอน ไปไหนบอกพี่ด้วย”
“ห้ามวอกแวกไปชอบเขาเพราะความใกล้ชิดนะครับ”

“เจมรู้แล้วน่า” หลายรอบแล้วนะเนี่ย สั่งเสียจนอยากจะขัดใจให้แม่งแดดิ้นไปต่อหน้านี่แหล่ะ

“พี่จะโทรหาทุกๆ ......”

“สองทุ่มของที่โน่น” ผมต่อคำพูดของเขาแล้วทักท้วงด้วยเหตุผลเดิว่า “แต่ว่าพี่หนึ่งจะเหนื่อยนะ”

“พี่จัดสรรเวลาของตัวเองได้ เจมนั่นแหล่ะ ตรงเวลาด้วยนะ”
“อย่าลืมอีเมลล์ ขาดอะไรให้รีบบอก นะครับ”

“ครับ” ยิ่งกว่าพ่ออีกเห็นมั้ยล่ะ? เอ๊ะ! หรือกูจะเรียก “พ่อขา” เสียตั้งแต่ตอนนี้ดีวะ?

แล้วก็กอดกัน มองหน้ากัน หัวเราะกัน และรำลึกถึงวันเก่าๆ

วันที่เจอกันครั้งแรก วันที่ไประยองกัน วันที่เขาเลียมือผม ผมเพิ่งรู้ว่าเขาตื่นเต้นชิบหายที่ผมไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเขาครั้งแรก แต่ก็ยืนยันว่าบริสุทธิ์ใจจริงๆ ถ้าผมไม่มีทีท่า เขาก็ไม่คิดล่วงเกิน อืม...แต่ว่า ครั้งแรกของผมกับเขา ผมก็ไม่มีทีท่านะ ทำไมเขาล่วงเกินวะ แล้วผมก็ไม่ด่าด้วย สรุปแล้วใครไวไฟกันแน่หว่า

ร่วมปีที่ผมและเขาสร้างความทรงจำร่วมกัน เราไม่ค่อยมีเรื่องตื่นเต้นให้จดจำจนวันตาย แต่ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยเขาเป็นหนึ่งในตัวแปร ผมก็จะจดจำไว้ไม่มีวันลืม

“พี่หนึ่งครับ”

“ครับ” เขาขานรับพลางดึงมือผมไปถูหลังมือเล่น เรานั่งกันอยู่ที่สวนหน้าบ้าน หมาน้อย 2 ตัวนอนขี้เกียจเป็นหมูเปื้อนฝุ่นอยู่ไม่ไกลนัก

“เจมรักพี่หนึ่งนะ เจมก็ไม่รู้ว่าไปที่นู่นแล้วจะเจออะไรบ้าง แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่หนึ่งอยู่ที่นี่จะนึกคิดหรือรู้สึกอะไรบ้าง”
“แต่เจมไม่โกรธหรอกนะถ้าพี่จะเผลอไผลไปปล่อยใจหาความสุขกับใคร เจมแค่อยากให้พี่อยู่ได้ แม้จะมีเจมหรือไม่มีก็ตาม”

“อย่าโง่สิเจม พี่ไม่มีทางมีความสุขถ้าไม่มีเจม”

“แต่ว่า...เจมไม่อยากให้พี่ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข อยู่แบบเบื่อๆ ซังกะตาย”
“จริงๆ นะครับ พี่หนึ่งมีใครก็ได้ ตามสบาย ถ้าพี่ต้องการ”

“ปากดีไปเถอะ ใครกันที่หึงจนบอกเลิกพี่ เจมอาจลืมแต่พี่ไม่มีวันลืมหรอก วันที่เจมร้องไห้และหันหลังให้พี่เพื่อจากไป ให้มันเกิดขึ้นแค่วันเดียวในชีวิตพี่ก็พอ”

“แต่ว่า....” ผมพยายามแย้งเพื่อแสดงด้านผู้ใหญ่ที่ผมคิดว่าแม่งเท่โคตร ใจกว้างโคตรๆ แต่เขาก็รู้ทันผมอยู่ดี

“นะครับ ให้พี่รอเจมเถอะนะ”

“แต่พี่หนึ่งจะเหงานะ เอาตรงๆ ก็ได้ พี่จะกอดใคร เกิดแบบ....นะ มันก็เป็นความต้องการทางร่างกาย”

“ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ พี่จะบินไปกอดเจมที่อังกฤษ เอาให้แน่นจนคุณอรินทร์ได้ยินเลยดีมั้ย?”  ตลกแระ! เสียค่าตั๋วเครื่องบินเพราะไปหนุบหนับกันเนี่ยนะ แคมฟ๊อกก็ได้ถ้านายกล้าพอ ฮ่าๆๆๆ ผมไม่ได้พูดอะไร แต่นั่งมองหน้าเขาแล้วก็ยิ้มให้

ตอนนี้ ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเขาแล้ว ผมต้องการแค่นั่งนิ่งๆ รอให้เวลาผ่านไป รอให้ชีวิตเคลื่อนไหวไปตามจังหวะของมันเท่านั้น

ผมไม่โหยหาความรัก ไม่ไขว่คว้า ไม่เรียกร้องอะไรอีก ไม่ใช่ว่าหมดรักหรือหมดความสนใจนายคฤณแล้วหรอก แต่ที่ผมนิ่งเฉยอยู่ได้แบบนี้ก็เพราะผมเชื่อใจเขา

เชื่อว่าไม่ว่าอะไรมันจะเคลื่อนย้ายไปตามครรลอง ความรู้สึกรักที่เขาบอกว่ามีไว้มอบให้ผมคนเดียว มันจะไม่เปลี่ยนแปลงไปแน่นอน



ราว 5 โมงเย็น ป๋าคณิณก็กลับคฤหาสน์หลังโตไปโดยนายคฤณไปส่ง ผมเพิ่งรู้ว่าป๋าอยู่กับคนสนิทที่มาดามใจ แต่ไม่ใช่เมียกันแค่ 2 คนในบ้านหลังโต ลูกชายคนเดียวแยกออกมามอยู่ที่คอนโดหรูใจกลางเมืองคนเดียว อยากรู้เหมือนกันว่าป๋าเหงารึเปล่า แต่ดูจากสีหน้า ท่าทางป๋าจะชอบที่ต่างคนต่างมีวิถีชีวิตที่ตัวเองพึงใจ






แสงไฟยามคำคื่นของสนามบินสุวรรณภูมิดูสวยดี อาคารผู้โดยสารที่มุงกระจกเทียมหลังคาเปิดให้เห็นฟ้าสีมืด ผมหันรีหันขวางมองหาไอ้แอม แป๊บเดียวมันก็โก่งคอเรียกผมแล้วลากกระเป๋าเดินมาหา

วันนี้เองที่ผมได้มีโอกาสเจอหน้าพี่เอิง พี่สาวของไอ้อ๋อมแอ๋ม สวยเหมือนไอ้ต้อมว่า แต่เผ็ดมาก สายตาดุทำให้ผมไม่กล้าปากหมาแซวอะไร กลัวพี่เขาพ่นไฟใส่เอา

ครอบครัวเราทำความรู้จักกันเล็กน้อย ผมกับมันก็เดินไปเช็คอิน ปล่อยให้แม่ๆ รำพันว่าห่วงลูกชายแค่ไหนกันไปพลางๆ

น้ำเพชรก็มาส่งผมครับ รายนี้ถักผ้าพันคอมาให้ มันพันคอผมให้ดูเป็นตัวอย่างแต่ก็ถูกไอ้จิวแซวว่า “เพชรจะผูกคอกระชากวิญญาณเจมหรอ? เบาๆ สิ” แล้วน้ำเพชรก็เถียงว่า “เราซ้อมไว้ผูกคอจิวนั่นแหล่ะ” ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ได้ข่าวว่ารักกันถึงขั้นหาแบบการ์ดแต่งงานแล้ว

ไอ้ต้อมก็มาส่ง มากับพี่ปู แต่มาแป๊บเดียวก็ร่อนรถพาพี่ปูไปส่งที่บ้าน ผมก็เลยยืนหงอยๆ ให้แม่กอด ซบ ลูบหลังและหอมแก้มซ้ายแก้มขวาสลับกันไปมา ไอ้แอมเองก็ช้ำมือแม่มันไม่ต่างกันหรอก


ถึงเวลาที่ผมกับมันต้องเข้าเกท เราควงคู่ (อูยย จั๊กจี้จริงๆ ว่ะ) กันเดินเข้าตม. แม่ไม่ได้ตามเข้าไปส่งหรอกครับไอ้จิวปรามไว้ บอกว่ายิ่งยื้อก็ยิ่งคิดถึง นั่งเครื่องบินตูดยังไม่ทันขยายก็ถึงแล้ว

หมดห่วงจากแม่แล้ว แต่ผมก็ยังพะว้าพะวังเพราะนายคฤณยังไม่มาเลย

หรือว่าตอนที่ลากันที่บ้าน ถือว่าร่ำลากันแล้วเรียบร้อย
อะไรว้า? ทั้งที่ผมอยากให้เขาส่งผมจนสุดทางแท้ๆ

ไอ้แอมดึงมือผมให้เดินเร็วขึ้น เราผ่านตม.ไปแล้วก็เดินแกร่วกันอยู่ในดิวดี้ฟรี มันก็เดินร่อนเร่ไปตามประสา แต่ไม่ห่างตัวผมมากนัก

โทรศัพท์มือถือของผมยังเปิดใช้บริการอยู่ ผมอยากเก็บเบอร์นี้เอาไว้ ยอมอ้อนวอนให้ไอ้จิวจ่ายค่ารักษาเบอร์ซึ่งมันก็ยอม มันเป็นพี่ชายที่ดีมากจริงๆ

สิ่งเดียวที่ยังเชื่อมต่อผมกับเขาให้เอื้อมถึงกันได้ ก็คือโทรศัพท์ ผมกดโทรหาเขาระหว่างที่หลบจากไอ้จิวมานั่งที่ที่พักหน้าเกท รอสัญญาณอยู่นานเขาก็ไม่รับสายเสียที

ไม่โทรแล้วก็ได้ หงึ!
ผมตัดสาย ตัดใจ และสูดลมหายใจลึกๆ ยกกระเป๋าสะพายใบอวบขึ้นมากอดไว้และรอเวลาคนเดียวเงียบๆ

แต่จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งมานั่งข้างๆ ผม
ผิวขาวเขาสะอาด แขนยาว นิ้วก็ยาว ขายาวอีกต่างหาก
เขาใส่กางเกงนอน เสื้อยืด แต่เสือกสวมหมวกใบโก้
ผมใต้หมวกนั้นสั้น แต่จอนข้างหูยาวออกมาและได้รับการตัดแต่งอย่างมีระเบียบ

มือนั้นสอดจับมือผมไว้แล้วยกขึ้นไปที่หน้าปากที่เม้มสนิทเข้าหากัน

“..........” ผมมองคนที่ดูไม่ค่อยปกติอึ้งๆ ไม่ได้สะบัดมือออกเพราะผมรู้ตั้งแต่เห็นกางเกงนอนแล้วว่าเขาเป็นใคร

“ไม่อยากให้ไปเลย พี่ต้องคิดถึงเจมมากแน่ๆ”

“พี่หนึ่ง”

“พี่รักของพี่มากนะ” เขาทวนคำอ้างที่เขาชอบพูดเวลาต้องการให้เหตุผลมากมายของผมตกเป็นประเด็นรองจากความรู้สึกรักที่หนักแน่นของเขา

ผมยิ้มบางแล้วเอียงหัวไปซบไหล่ ช่างหัวใครจะมอง อยากคิดอะไรก็คิด อยากซุบซิบอะไรก็เชิญ
ตอนนี้ ผมอยากเก็บเกี่ยวความอบอุ่นจากไหล่นี้ให้มากที่สุด อยากจดจำสัมผัสจากมือที่สากเป็นริ้วๆ ให้ได้ลึกที่สุด
อยากอยู่ใกล้นายคฤณ ธีระเสถียร ให้นานที่สุดเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย

ผมไม่ได้พูดอะไร เขาก็เช่นกัน เขานั่งอยู่กับผมแบบนั้น จนกระทั่งไอ้แอมโทรมา มันคงหาผมไม่เจอจนหมดปัญญาจะเดิน ผมไม่ได้รับสาย กดปิดเสียงด้วยซ้ำ

10 นาทีสุดท้าย ไอ้แอมวิ่งมาที่เกท พอเห็นผมมันก็ถอนหายใจแล้วหลบไปนั่งในระนาบเดียวกัน แต่ไม่ได้เข้าใกล้ มันคงรู้ว่าตอนนี้ใครกันที่มีตัวตนใหญ่โตในโลกส่วนตัวของผม ผมมองไม่เห็นใครแล้วจริงๆ

แล้วก็ถึงเวลาต้องจาก
คำว่าโหยหาที่ผมสะกดเป็นตอนชั้นประถม ผมเพิ่งเข้าใจความหมายของมันอย่างแท้จริงก็วันที่จากกับนายคฤณนี่แหล่ะ แม้จะแค่ชั่วคราว แต่มันก็ชั่วคราวที่ทำให้หัวใจผมมีรูโหว่


“เจอกันวันที่เจมกลับมานะครับ”
“พี่จะไม่ไปหา พี่จะไม่เอาแต่ใจตัวเอง จะไม่วิ่งไปตักตวงความสุขจากเจมแล้วกลับมาโดยทิ้งให้เจมเป็นฝ่ายเหงา”
“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”
“นะครับ”

“ครับ”

“พี่หนึ่งรักเจมนะครับ”

“ผมก็รักคุณ” ผมบอกเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าอย่างมั่นใจ หันหลังให้เดินเข้าเกทไปโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย

น้ำตาแม่ง ประจานกูทำเชี่ยไร กูรู้แล้ว่ากูขี้เหงาชิบหาย



หัวใจไอ้ยอดชายนายชานนท์โคตรรักนายคฤณเลย!




cut


ฮื่อออออออออออออออออ จากกันแล้วววววววววว T^T
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 19-02-2013 23:21:51
โอ๊ยยยย เศร้าาาอ่ะะะะ  :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 19-02-2013 23:40:42
แอมดูเป็นคนดีอยู่นะ เสียตรงเผลอเป็นตอดเนี่ยที่ขัดใจ ฮึ่ยย!!!!!



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 19-02-2013 23:43:48
เศร้าตามเจมอะ วุ้ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 20-02-2013 00:02:47
เจมกับพี่หนึ่งสู้ๆ นะ
ผ่านช่วงระยะเวลานี้ไปให้ได้
ระยะทางแค่นี้มันสั้นนิดเดียว นี่มันโลกยุคโลกาภิวัฒน์ การสื่อสารไร้พรมแดน TwT
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 20-02-2013 00:05:19
อ่าาาาา  นึกว่าพี่หนึ่งจะตามไปอยู่ด้วยอ่ะ
แต่ชอบเหตุผลพี่หนึ่งนะคะ เราจะเหงาด้วยกัน นับรอวันที่เราจะได้เจอกันด้วยกัน น่ารว๊ากกกกกกกกอ่ะ
แอมเนี่ยยยยย ถึงเนื้อถึงตัวไวเชียว ตอนแรกก็ไม่อะไรนะคะ แต่ถึงเนื้อถึงตัวเรามากก ไม่ชอบเบยยยย

ตอนนี้น่ารักค่ะ แต่ก็แอบเศร้าเหมือนกัน  น้องเจมก็ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าทำให้พี่หนึ่งเป็นห่วงล่ะ  ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: omyim_jjj ที่ 20-02-2013 00:07:02
สู้ๆ นะเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 20-02-2013 00:22:23
 :sad11:  ส่งเจมออกนอก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-02-2013 00:31:56
อ๊ะ จากกันแล้วอ่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 20-02-2013 00:52:18
“พี่รักของพี่มากนะ”

“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”

ชอบ2ประโยคนี้มากๆ ฮือ อธิบายไม่ถูก
จะอยู่กันยังไงนะ จะเป็นยังไงนะ
นึกภาพไม่ออกเลย ห่างกันแบบนี้
แต่ด้วยอินเตอร์เน็ต คงทำให้อะไรๆไม่แย่จนเกินไป

ใกล้จบแล้วเหรอเนี่ย...
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 20-02-2013 09:30:30
เห้ย!!! เรื่องนี่เจ๋งมากอ่ะคับติด!!!!!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 20-02-2013 14:18:59
ชอบจังเลย ซึ้ง เศร้า วุ้ยต้องจากกันแล้ว ไปดีมาดีเน้อน้องเจม สู้ๆ ปีเดียวเองเน๊อะ หรือเปล่า แล้วจะเป็นไงต่อไปหว่า สนุกดีแท้

ขอบคุณจ้า   :3123: :L1: :3123:

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hello_lovestory ที่ 20-02-2013 21:00:09
รอเจมกลับมาอยู่น๊า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 21-02-2013 01:29:17
ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-02-2013 02:59:46
“เราจะเหงาด้วยกัน คิดถึงด้วยกัน นับถอยหลังรอวันที่จะได้เจอกันอีกครั้งไปด้วยกัน”

ประโยคนี้จี๊ดมาก เหมือนฟ้าผ่ามากลางใจเลยโฮ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 21 - 19/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 21-02-2013 20:54:30
พี่หนึ่งหนักแน่นมาก เจมก็ยังเป็นเด็กเอาแต่ใจผู้ไม่แคร์โลกที่น่ารักที่สุด(สำหรับเฮียคลิน)
ขอให้หนึ่งตอนเท่ากับหนึ่งปี นิยายเรื่องนี้น่ารักที่สุดตอนที่พี่ที่หนึ่งอยู่กับน้องเจมนี่ล่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-02-2013 22:27:48

Hear, Me

=======
If I could, I would
======






ตอนที่ 22



ยามที่ไม่อยู่ใกล้ๆ คนที่รัก หรือช่วงเวลาที่รอบกายไม่ได้โอ่ล้อมไปด้วยคนที่คุ้นเคยมันไม่มีความสุขหรอกครับ
ผมยอมรับว่าปรับตัวได้ช้า ไม่เหมือนไอ้แอม ตัวนั้นมันกินง่ายนอนง่าย ชอบง่าย ประทับใจก็ง่าย
ส่วนผมก็ได้แต่หืออือไปตามเรื่องตามราว ใครว่าดีก็ยิ้ม ใครติฉินก็เฉยซะ เพื่อจะได้อยู่ในโลกเงียบๆ ของผมต่อไป

มาอยู่ในลอนดอน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กม.ต้นคนนึงที่เข้าถึงยาก ไม่ค่อยสนใจอะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่ชอบมากนัก 2 เดือนมานี้ ผมหงอยมากถึงขั้นไอ้แอมก็เข้าหน้าไม่ติด

ยาขนานดีถูกส่งตรงมาจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร เมื่อเดือนก่อน ผ่านทางสายใยแก้วหรือห่าเหวอะไรทั้งหลายแหล่ที่เรียกรวมๆ กันว่านวัตกรรม

นายคฤณนสไกป์มาหาผมหลังจากผมจัดการเรื่องต่างๆ ได้ลงตัวดีแล้ว
ตอนสัญญานเรียกเข้ามาผมโคตรตื่นเต้นๆ จู่ๆก็เขินหน้าจอไอแพด พอกดรับแล้วหน้าเขาเด้งขึ้นเท่านั้นแหล่ะ ผมแทบจะเกลือกร่างกายบนไอแพดเลยทีเดียว

เขาส่งเสียงหัวเราะมาก่อนเลย แต่ผมร้องไห้แล้ว ผมคิดถึงเขามาก คิดถึงเสียง คิดถึงมือ คิดถึงอก กลิ่นน้ำหอม ลมหายใจ คิดถึงกระทั่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบตัวเขา

พอเขาถามว่า "หมาเจมเป็นอะไรครับ? คิดถึงพี่หนึ่งมั้ยครับ?" ผมก็ร้องไห้อีก ไอ้เชี่ย ถามสะกิดต่อมอ่อนแอกูเพื่อ!!!

สไกป์ครั้งแรกไม่ค่อยมีอะไรได้คุยกันหรอก ส่วนมากเขาจะบอก จะสั่ง จะห่วงจะหวงมากมาย ผมก็ได้แต่พยักหน้าลูกเดียว พอผมหาว เขาก็ปล่อยไปนอน

เพิ่งเรียนรู้การบอกรักทางไกลเมื่อคุยกันครั้งที่ 3-4 นั่นแหล่ะ นายคฤณอ้ำอึ้งแล้วก็ทำหน้าดำ (คิดว่าหน้าจอคงมีปัญหาแล้วแหล่ะ) จากนั้นก็บอกผมว่า "พี่คิดถึงเจมมากนะครับ"
ผมก็หน้าแดง แต่เสือกกดปิดสัญญานไป แล้วค่อยดัดจริตส่งอีเมลล์ไปบอกว่า เจมคิดถึงพี่หนึ่งมากกว่า ฮ่าๆๆ รู้สึกชนะยังไงไม่รู้


ก๊อกๆ
ไอ้แอมแหงๆ จะมีใครอีกล่ะ ก็ผมอยู่บ้านนี่กับมัน 2 คนนี่นา
"อือ เอาไร?"

"เอามึงอ่ะ"

"สันขวาน!" ผมด่าใส่พลางพับโน้ตบุ้คปิดแล้วพุ่งไปเตะแข้งมันอย่างหมั่นไส้
"เอาไร เร็วๆ จะอีเมลล์ต่อ"

"พรุ่งนี้มีนัดไปกับกรุ๊ปสื่อเอเชียนะมึง"

"อือ กูไม่ลืม"

"กูไม่ได้มาเตือน มาบอกว่าปลุกกูด้วยนะ" บอกจบก็ออกจากบ้านไป ครับ มันไปติสแตกเก็บภาพแสงสีบ้าบอของมันนั่นแหล่ะ แต่ว่าเวบบล็อกของมันได้รับความนิยมมาก(จ้างหน้าม้าล่ะสิ) สืบเนื่องจากพี่ปูผู้ใช้ทุกโอกาสโยนวิกฤตใส่หัวคนอื่น เธอสั่งให้ผมกับมันทำงานส่งด้วยระหว่างที่มาอบรมหลักสูตรที่นี่

ไอ้แอมต้องทำบล็อกของตัวเองเพื่อนำเสนอมุมกล้องที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ของโลก
เข้าทางมันเลยแหล่ะครับ

ส่วนงานผมหรอ? เขียนครับ เขียนบทวิพากษ์การนำเสนอของสื่อที่ต่างวัฒนธรรม เหมือนยากเนอะ แต่ไม่ยากหรอก ผมก็เขียนขึ้นต้นว่า "ไม่เข้าใจว่าทำไมคน.....ถึงได้....." จากนั้นผมก็เอาเรื่องที่ผมคุยกับนักข่าวต่างแดนที่มาเข้าโครงการอบรมรอบนี้เหมือนกันมาชำแหละ แล้วหาข้อสรุปให้คนอ่านเข้าใจว่า ทำไม คนต่างชาติ ต่างเผ่าพันธุ์จึงได้คิดเห็นต่างกันถึงเพียงนี้
เดือนละเรื่องเท่านั้น เบากว่างานไอ้แอมเยอะ หึ!

นี่เขียนของเพื่อนมาเลเซียไปแล้ว อินโดนีเซียแล้ว กำลังยำยัยพี่พม่าอยู่ เนื่องจากเธอมีความคิดซับซ้อน ผมต้องเอาอีโก้เธอออกก้อยบอกเล่ามุมมอง ฮื้อออ! เหนื่อย

กว่ามันจะกลับมาก็เที่ยงคืน ตอนนี้ทุ่มกว่าของที่นี่ ที่ไทยก็ราวตีหนึ่งกว่าๆ  เวลาที่นายคฤณมักจะติดต่อมาก็ราว 2 ทุ่มของที่นี่ ก็เท่ากับว่าเขาต้องถ่างตาจนถึงตีสองค่อยติดต่อผม อืมม รู้สึกเป็นภาระของเขาขึ้นทุกวี่ทุกวันแฮะ

เอาวะ ไหนๆ ก็เขียนงานไม่ออกแล้ว ไอ้แอมก็ไม่อยู่ให้ชวนคุย เรียกเขาก่อนก็ได้

ทันทีที่ผมสไกป์ไปหา หน้าเขาก็เด้งขึ้นมาทันที เฮ้ย! ให้ผมได้รอบ้างไรบ้างดิ หมดมู้ดนะเนี่ย
“อ๊ะ!  พี่หนึ่ง!” ผมทักอย่างตื่นเต้นแล้วโบกมือด้วย เอ่อ...ควรทำมั้ยวะ? จำไม่ได้แล้วด้วยว่าตอนที่เขาทักมานั้นเขาโบกมือหงอยๆ แบบนี้รึเปล่า นายคฤณหัวเราะใส่ผมแล้วโบกมือตอบ แม่งก็ทำตามกูเนอะ โตแล้วไรแล้วป่ะเนี่ย?

“มีอะไรด่วนรึเปล่าครับ?”

“ทำไมอ่ะ ไม่ด่วนเจมเรียกมาไม่ได้หรอ?”

“เปล่านะ! เฮ้ย! ทำไมคิดงั้น ก็ปกติเจมรอให้พี่เรียกไปก่อนนี่นา” เขาเถียงแล้วก็หันซ้ายหันขวา อะไรหว่า? สงสัยแฮะ

“พี่หนึ่งยุ่งอยู่รึเปล่าครับ? เท่านี้ก่อนก็ได้นะครับ” ผมบอกอย่างเกรงใจ ก็หน้าเขาเลิ่กลั่กนี่หว่า ไม่อยากกวนแล้ว หงุ่ยยยยย

“ไม่ยุ่งครับ แป๊บนึงนะ พี่แต่งตัวก่อน เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” คนที่หน้าเหวอไปก็คือผมนี่แหล่ะ อายว่ะ แว๊กกก กูคุยกับชีเปลือย! ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปทางอื่น เพิ่งสำเหนียกว่ากูจะอายทำเต้าหู้อะไรก็ตอนที่เขาส่งเสียงเรียกนั่นแหล่ะ

และการเรียกของเขา ถ้าจะให้มันปกติกว่านี้หน่อยก็ดีนะ

“เจมครับ หูแดงหมดแล้ว หันมามองพี่เร็วสิ”
“เจมครับ ลูกหมาเจม เจมคร้าบบบ” เชี่ยยยยยยยย กูเขินตัวขึ้นผื่นแล้วเหอะ

“อาราย!” ผมทำเสียงยืดๆ ถ้าไอ้จิวได้เห็นต้องเตะผมตัวลอยแน่เลยอ่ะ ฮ่าๆๆ กูก็ทำไปได้เนอะ
“เสร็จยัง?”

“ถ้ายังไม่เสร็จ เจมช่วยได้มั้ยครับ” เลววววววววววว!! สัปดนตลอดเหอะ! ใครเอานายคฤณผู้เงียบขรึมเป็นผู้ใหญ่ใจดีกับลูกหมาลูกแมวไปฆ่าวะเนี่ย!

ผมหันไปทำหน้าหยิ่งใส่ นายคฤณหัวเราะต่ออีกนิดก็กลับมามีสติเหมือนเดิม สังเกตได้ว่าตอนนี้เขามีเสื้อสวมให้เห็นปกเสื้อนอนแล้ว โอ้เย่!

“เจมทานข้าวรึยังครับ?”

“แล้ว”

“กินอะไร?”

“ก็อบขนมปังกับหมูหมักไปพร้อมๆ กันอ่ะ คิดว่าสุกนะ แต่กินหมดแล้วครับ ถ้าไม่สุกก็ไม่เป็นไร ไอ้แอมก็กินด้วย ตายก็ตายพร้อมกัน”

“ใครอนุญาตให้เจมตายกับคนอื่นครับ? หืม?” คือ...ผมไม่รู้ว่าเขาต่อว่าหรือออดอ้อนกันแน่ น้ำคำกับน้ำเสียงนี่คนละเรื่องเดียวกันเลยเถอะ ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วก็เปลี่ยนเรื่อง

“พรุ่งนี้พี่หนึ่งทำงานเช้ารึเปล่า? เอางี้ดีกว่า ต่อไปเดี๋ยวเจมติดต่อไปเองดีกว่า เดี๋ยวเจมเลือกเวลาเอง นะครับ จะได้ไม่ต้องนอนดึก”

“เวลานี้แหล่ะ คุยกันก่อนนอนพอดี พี่นอนดึกอยู่แล้ว”

“แต่พี่หนึ่งแก่แล้วนะ ต้องนอนให้พอ” ฮ่าๆๆ หนวดเสือกระตุกยิกๆ เลยครับ นายคฤณมองผมเหวี่ยงๆ แล้วก็ยกคาง เอียงแก้มซ้าย-ขวา แล้วก็กดหน้าตรงสบตากับผมพอดี

“พี่แก่ตรงไหนครับ?”

“เจมล้อเล่น” ผมยิ้มแก้ตัว แล้วก็ทำตาโตใส่เขาก่อนเปลี่ยนเรื่อง “วันนี้เหนื่อยมั้ยครับคุณคฤณ”

“ไม่เหนื่อยครับคุณชานนท์ ทำงานตามปกติครับ เก่งเป็นปกติ นี่เพิ่งบิดงานมาได้เพิ่ม ต้องไปต่างประเทศไกลมากด้วยครับ” ครับไปก็ครับกลับ นายคฤณก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ

“งานที่ไหนหรอครับ?”

“พม่าครับ ตอนนี้ต้องเอางานในอาเซียนไว้ก่อนครับ เออีซีครับ”

“อ่ออ ไม่มาบิดงานแถวลอนดอนหรอครับ?”

“อยากไปเหมือนกันครับ”

“ไหนว่าจะไม่มาไงครับ”

“ไม่ได้ไปหาใครเพราะคิดถึงจนทนไม่ไหวนี่ครับ ไปทำงาน ไม่นับครับ”

“ขี้โกงนะครับ”

“ไม่รับรู้ครับ ไม่โกงครับ กติกาคือผมครับ” ยกหางตัวเองแล้วก็หัวเราะ ผมฟังเขาหัวเราะเสียเพลิน รู้สึกดีมากที่ได้เห็นหน้ากัน รู้สึกเหมือนอยู่ใกล้กันแบบนี้ ฮือออ อยากกลับแล้วอ่ะ แต่ไม่ได้! ผมยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก อย่างน้อยๆ ก็ต้องเก่งกล้าให้เท่าทันนายคฤณนั่นแหล่ะ ผมต้องโตให้ทันเขา ทั้งความคิด และการกระทำ เอาสิ กูท้าตัวเองนี่แหล่ะ!

“คุณชานนท์อาบน้ำรึยังครับ”

“อาบแห้งครับ” ผมตอบหน้าด้านๆ นายคฤณทำสีหน้าตกใจแล้วก็หัวเราะ แล้วเขาก็บอกให้ผมเขินก่อนจะสั่งให้ผมไปอาบน้ำ

“ไปอาบเลยครับ เมื่อวานก็อาบแห้งแล้ว พี่หนึ่งชอบให้เจมตัวหอมๆ นะครับ”

“ดมถึงหรอครับ?”

“ยิ่งกว่าถึงอีกครับ เห็นหน้าก็รู้กลิ่น รู้อุณหภูมิแก้ม อยากจูบเจมจังเลย!!”

“ไอ้บ้าพี่หนึ่ง!”

“ไปอาบน้ำแล้วเตรียมนอนได้แล้วครับเด็กดี แล้วเจอกันครับ” เขาทิ้งท้ายแล้วก็ตัดสัญญาณไป ปล่อยให้ผมเหวอนิดๆ ก็ปกติเขาไม่เคยตัดสัญญาณไปก่อนเลยนี่หว่า อืมมม สงสัยคืนนี้จะง่วงจัดล่ะมั้ง


อาทิตย์นึงผ่านไปไวมากกกก
ไม่ใช่เพราะผมมีความสุขอะไรหรอก แต่เพราะวันๆ นึงมีเรื่องให้ทำมากมาย จน 24 ชั่วโมงไม่เคยเพียงพอสำหรับผม ไอ้แอมก็เหมือนกัน ตอนนี้มันนั่งพิงตัวผมอยู่ที่ห้องอาหารของสมาคม เวลาบ่ายโมงตรงวันนี้พวกผมมีนัดอบรมร่วมกับสื่อท้องถิ่นครับ แว่วว่าเป็นพวกสายทูตอะไรนี่แหล่ะ

“ง่วงว่ะเจม กลับไปนอนก่อนได้มั้ยวะ”

“ไม่ทันว่ะ อีกครึ่งชั่วโมงเอง มึงฟุบหลับไปดิ ยังไม่เห็นใครมาเลย” ผมมองไปโดยรอบ หวังว่าจะเริ่มเห็นพวกนักข่าวที่มาอบรมในโปรแกรมเดียวกัน

ในกรุ๊ปที่มาอบรมนี่มาจากทั่วโลกครับ ฮ่าๆ พูดให้เวอร์ แต่ประเทศที่เข้าร่วมก็เหมือนตัวแทนแข่งโอลิมปิคนั่นแหล่ะ มีคนเกเรเหมือนกัน แต่ผมกับไอ้แอมพยายามบังคับตัวเองให้เข้าอบรมทุกหัวข้อ ไม่อยากให้เสียชื่อประเทศไทย

“เกาหลีมายังวะเจม”

“มึงจะถามถึงเจนนี่ก็บอกมาเถอะ”

“เออ มายังวะรายนั้น” เจนนี่คือนักข่าวสาวชาวเกาหลีครับ เธอเป็นลูกครึ่งรึเปล่าก็ไม่แน่ใจ หน้าตาเกาหลีมากแต่พูดอังกฤษปร๋อเลย ผมสอดสายตามอง แล้วก็เห็นเป้าหมาย

“มาแล้วว่ะ”

“อย่ามีพิรุธนะเจม กูเอือมเขาจริงๆ ว่ะ ไม่ไหว” มันบอกแล้วก้มหน้าฟุบลงกับกระเป๋า มีการดึงตัวผมไปนั่งชิดกับมันเพิ่งบังไว้ แต่ผมก็เป็นกันชนที่ดีมาก ผมยกมือโบกไปโบกมาอย่างร่าเริงให้เจนนี่เห็น แล้วเธอก็พุ่งมาหาไอ้แอมทันที

ฮี่ๆ กูไปก่อนนะอ๋อมแอ๋ม
ผมย่องหนีจากมันไปนั่งที่อื่น ระหว่างนั้นก็ลอบมองไอ้แอมมันสะดุ้งจากแรงกระแทกแล้วก็หน้าเหวอถดตัวหนีเจนนี่ที่โอบล้อมมันทุกทิศทาง เออ สนุกดีเหมือนกันว่ะ

แล้วมาร์คก็มาถึง
มาร์คเป็นเจ้าหน้าที่ของสมาคมสื่ออังกฤษที่ดูแลกรุ๊ปสื่อต่างประเทศอย่างพวกผมครับ พอเห็นผมก็หันหาไอ้แอม เจอไอ้แอมก็เจอเจนนี่ เพื่อนเจนนี่ที่เป็นแกงค์รวมสาวเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ฮ่องกง สาวๆ ส่งเสียงเซ็งแซ่บอกพิกัดกันดีมากๆ

การอบรมวันนี้ทำให้ผมตกใจนิดๆ เพราะผู้อบรมคือท่านทูตไทยกับนักข่าวสายการทูตครับ มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสื่อสารที่ผิด และที่ถูกต้อง ฟังให้เป็นโจ๊กก็จะขำ แต่หากจับความหมายในน้ำเสียงได้ก็จะรู้ว่าวิชาชีพกำลังถูกเหน็บแนมเบาๆ

บรรยายจบ ท่านทูตหันหาสื่อจากไทย ผมกับไอ้แอมก็เลยโดนหมายตัว ท่านซักประวัตินิดหน่อยแล้วก็กระซิบบอกให้พวกผมอยู่ร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ด้วย

“มีโรดโชว์บริษัทในตลาดหุ้นไทยมาน่ะ ผมก็เลี้ยงต้อนรับเป็นประจำอยู่แล้ว เชิญพวกคุณด้วยนะ”

โรดโชว์บริษัทในตลาดหุ้น...หรอ?
ใครมั่งวะ?
จบการแชร์ประสบการณ์ เราก็มีการสุมหัววิพากษ์ประสบการณ์ดีและไม่ดี มีการระดมสมองกันคิดว่า การนำเสนอข้อมูลของสื่อในสถานการณ์แบบนั้นๆ ควรทำอย่างไร โน่นนี่นั่นเรื่อยไป

จบการเค้นสมองกันก็สี่โมงกว่าๆ มาร์คมากำชับพวกผมอีกที่ว่า “อย่าลืมนัดกับท่านทูตเย็นนี้นะ พลีส” พลีสนี่ใส่ให้ไอ้แอมเป็นพิเศษครับ เพราะมันขึ้นชื่อมากเรื่องการชิ่งงานสังคมที่นอกเหนือจากการอบรม

ผมพนักหน้ารับปาก และเริ่มหน้าเสีย เพราะว่า.... “ต้องแต่งตัวไงวะเจม” มึงถามกู แล้วกูถามรักยมที่ไหนล่ะ?


ปัญหามีไว้แก้ เช่าเท่านั้นครับ เช่า พวกผมเช่าชุดสูทอย่างเป็นทางการ ผ้าเนื้อเรียบสวบ สาบเสื้อ มุมไหล่ เป้ากางเกงพอดีตัวเป๊ะๆ ลองชุดกันแล้วยังหลงรักตัวเองเลยขอบอก

รอเวลาจนใกล้แล้วค่อยจรลีไปยังโรงแรมที่ท่านทูตบอก
ตัวผมไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ มันก็เหมือนไปงานประกาศรางวัลสมาคมต่างๆ ที่จัดในโรงแรมแสนหรูหรานั่นแหล่ะ แต่ไอ้แอมเนี่ยสิ ก็ไอ้ตัวนี้มันไม่ถูกกับงานทางการเสียเท่าไหร่

แล้วไอ้ห่านี่ก็ขาอ่อนขึ้นมาจริงจังเมื่อถึงหน้าโรงแรมที่หรูชิบหาย

“เข้าได้หรอวะเจม”

“เข้าได้ดิวะ!” ผมส่ายหน้าใส่แล้วก็ลากตัวมาเข้าโรงแรม พนักงานต้อนรับมองเรานิดหน่อย แต่ผมมันหน้าตามีระดับพอ ฮ่าๆ ถึงกระเป๋าจะแห้งเพราะเสียเงินเช่าชุดก็เถอะ

เดาๆ ดมๆ ทางกันไม่นานก็เจอห้อง มีแขกทยอยกันมาแล้วด้วย โอ้เย่! กูได้ยินภาษาไทยแล้วโว้ยยย กะเหรี่ยงปลาบปลื้มชิบหาย

ผมยืนจดๆ จ้องๆ หวังจะเจอแหล่งข่าวที่พอจะรู้จัก เพราะตอนทำงานที่ไทย ผมก็คลุกคลีกับแหล่งข่าวในตลาดหุ้นอยู่หลายคน

“เฮ้ย! คุณนนท์” ผมเอ่ยชื่อเป้าหมายแล้วสะกิดให้ไอ้แอมดูทันที มันเองก็รู้จักครับ ก็รายนั้นเขาเป็นซีอีโอโบรกเกอร์ที่ฐานลูกค้าสถาบันหัวทองมากสุดในอุตสาหกรรมนี่หว่า

“เออๆ คุณนนท์ ไปทักเขากัน”

“ไปดิ” ผมเห็นด้วยทันที ไอ้แอมเดินนำหน้าผมไป แต่ผมยังไม่ทันได้ไปไหนก็โดนลากให้เดินถอยหลังแล้วจับยัดใส่ห้องน้ำทันที!

ไอ้เหี้ยบ๋อยที่ไหนลากกูวะเนี่ย!

“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งตกใจเพราะจู่ๆ ไอ้คนที่ลากผมก็โถมมากอด ตั้งสติแป๊บเดียวก็ดันไอ้ห่านี่ออกแล้วจ้องหน้า

“พี่หนึ่ง”

“คิดถึงแทบตาย นี่ก็เดินตามผู้ชายต้อยๆ” คำแรกก็ด่ากูแร่ดเลยนะ คิดถึงกูแน่หรอวะ?

ผมขมวดคิ้วมองเขา พอเห็นว่าผมไม่มีอารมณ์ซาบซึ้งด้วยเขาก็ปล่อยตัวผม โอยย อยากจะกราบ เกร็งตัวเพราะกลัวสูทยับจนตะคริวจะกินอยู่แล้ว

“มายังไงครับเนี่ย พี่หนึ่งมางานนี้หรอ? มางานโรดโชว์หรอ?”

“ครับ ไม่เซอร์ไพรส์หรอ?”

“เซอร์ไพรส์สิ!”

“แล้วทำไมทำหน้าไม่ปลื้ม”

“ก็พี่หนึ่งด่าเจมนี่”

“ด่าตอนไหน เจมหูหาเรื่อง”

“ด่าเจมว่าเดินตามผู้ชายต้อยๆ”

“พี่ก็ล้อเล่น” แก้ตัวแล้วก็ทำหน้างอมาดึงผมไปกอดใหม่ อืมมมม คิดถึงจังเลยกอดอุ่นๆ แบบนี้
“คิดถึงเจมมากเลย รู้ตัวรึเปล่าครับ”

“เริ่มรู้แล้วครับ” ผมตอบแล้วหัวเราะขำ มองหน้ากันอีกสักแป๊บนึงเขาก็นัดแนะกับผมว่า “พี่อยู่ต่ออีก 2 วัน กลับกรุงเทพมะรืน เดทกันนะ” พอผมพยักหน้ารับ เขาก็บอกเพิ่ม “สักทุ่มกว่าพี่จะมารอที่ล้อบบี้ ป๋าคฤณจะพาน้องเจมหนี กล้ามั้ยครับ?”

“กล้าครับ” ผมรับคำแล้วเอาหน้าผากโขกหน้าอกเขาเบาๆ ก่อนจะเดินตามเขาออกจากห้องน้ำ เออว่ะ กูนี่เป็นพวกชอบเดินตามผู้ชายต้อยๆ จริงๆ



ทุ่มกว่าผมก็ออกจากห้องจัดเลี้ยงมาที่ล้อบบี้ ชะเง้อมองอยู่นานก็ไม่เจอคนที่ชวนผมเดท หรือว่าโม้ใส่กันหว่า? ไม่นะ อย่ามาทำนิสัยแบบนี้ ไอ้เรารึใจเต้นไปแล้วเรียบร้อย

“ใจลอยหาใครครับ?” สะดุ้งเลยทีเดียว ผมหันมองแล้วเจอหน้าที่โน้มลงมาจนขนตาแทบผูกกัน เขินเว้ยเฮ้ย แต่ไงก็ต้องยิ้มสู้สินะ

“ไม่ได้ใจลอยซะหน่อย แค่คิดอยู่ว่าพี่หนึ่งโม้เท่านั้นเอง”

“ใครจะใจร้ายแบบนั้น ไปกันเถอะ หิวข้าวมั้ย พี่หิวมากเลย”

“เจมไม่หิวหรอก พี่หนึ่งจะกินอะไรล่ะครับ”

“เดี๋ยวพาไปร้านอาหารไทย อร่อยสุดๆ” เขาชักชวนแล้วดึงมือผมไปจับประสานไว้เพื่อพาเดินออกจากโรงแรม ไอ้ห่าพนักงานโรงแรมก็มองพวกผมจนคอบิดกันเลย


หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-02-2013 22:37:55
การที่มีคนคนนึงบอกว่าจะพามาร้านอาหาร ก็ต้องคิดว่าจะได้กิน ได้ลิ้มรสของกินอร่อยๆ ใช่มั้ย? แต่ที่ผมพบในร้านอาหารไทยกลางกรุงลอนดอน คือแม่นายคฤณครับ

ช็อคมาก เธอยังสวยเช้งเลยครับ
แต่ที่ช็อคที่สุด ก็คงเป็นตอนที่เธอมองหน้าผมตาโต หลังจากลูกชายเธอพูดว่า “แม่ครับ นี่แฟนหนึ่ง”
เธอสาวเท้าเข้ามามองผมใกล้ๆ 2 มือยกขึ้นประกบแก้มผมไว้แล้วก็อุทานว่า “อุ้ยตาย! น่ารักกว่าที่แม่คิดไว้ซะอีก”

คือ...ผมควรดีใจใช่มั้ยที่เธอคิดว่าผมน่ารัก
ฮือออ ผมเป็นผู้ชายอกสามศอกกว่าๆ นะ ไม่ใช่ตุ๊กตาเสียกะบาล

2 แม่ลูกเขาสนิทกันดีครับ ลูกชายก็เล่านั่นนี่ให้แม่ฟังไปเรื่อยๆ แม่เองก็พยักหน้าและเสริมนั่นนี่เป็นบางครั้ง แต่ผมรู้สึกได้ว่าเวลานายคฤณพูดถึงป๋าคณิณ คุณอร (ชื่อแม่นายคฤณครับ) จะเงียบนานหน่อย แต่ก็พยักหน้ารับเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

เห็นท่าทางของเธอแบบนั้นแล้วผมก็นึกอยากรู้ว่านายคฤณบริหารความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่สมบูรณ์ของครอบครัวอย่างไร

“น้องเจมครับ” คุณอรเรียกผมแบบนี้ทุกครั้งเวลาที่อยากคุยกับผม

“ครับ”

“มาอยู่ที่นี่ร่วม 3 เดือนแล้ว ปรับตัวได้รึยังครับ?”

“ก็ดีขึ้นครับ” ผมตอบ งงนิดๆ ว่าเธอจะครับกับผมทำไม ผมไม่ใช่เด็กที่ต้องให้ผู้ใหญ่ลดวัยมาคุยด้วยเสียหน่อย

“รู้จักร้านแม่แล้ว วันหลังแวะมาบ่อยๆ นะ”

“เอ่อออ” นี่เกรงใจนะบอกตรงๆ
“ครับ”

“น้องเจมต้องรักพี่หนึ่งเยอะๆ นะครับ พี่หนึ่งเขาขี้เหงา ขี้อ้อน” อู่ววว ถ้าแม่เขาคอนเฟิร์มขนาดนี้ ผมก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะ ผมพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าหลบตา ใจนึงก็คิดกระดากอยู่บ้างว่าแม่เขาไม่คิดจะสงสัยหรือเห็นว่าไม่สมควรบ้างหรอ? ผมเป็นผู้ชาย เขาก็ผู้ชาย เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเธอ ทำไมไม่คาดหวังว่าเขาจะเป็นแบบที่โลกเขาเป็นกัน

แต่คิดไปคิดมา แม่เขาก็คงไม่ต่างคุณนายวันรพี ทั้งชีวิตนี้ หวังเพียงอย่างเดียวคือขอให้ลูกมีความสุขในวิถีชีวิตที่พวกเขาเลือกเอง

“ทานราดหน้ามั้ย? ของโปรดแม่เลย”

“ของโปรดเจมเหมือนกัน” ผมปากเบาบอกไปด้วยสัญชาตญาณชอบกินเป็นหลัก คุณอรจิราหัวเราะเบาๆ ด้วยใบหน้าสวยแล้วก็เดินเข้าครัวไปทำเมนูเด็ดให้ผมกิน


พอแม่เขาเข้าครัว นายคฤณก็หันมายิ้มอวดๆ ใส่ผมทันที
“แม่พี่ชอบเจมกว่าที่พี่คิดอีก”
“คุณอรก็ชอบทุกคนที่พี่ชอบนั่นแหล่ะ แต่ดูจะชอบเจมมากนะเนี่ย ปกติไม่ลงมือทำอาหารเองหรอก แม่ครัวก็จ้างมาตั้งแพง”

“หรอครับ ก็คงเหมือนที่แม่เจมชอบพี่หนึ่งมากกว่าที่เจมคิดนั่นแหล่ะ” ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับการมาเจอแม่เขา นายคฤณจับมือผมไปลูบไปลูบมาแล้วก็จูบเบาๆ

เรากินราดหน้าจานเดียวกัน เขาแย่งผมกินโดยการอ้างว่าผมไม่ค่อยหิว กินนิดเดียวก็พอ เขาจะกินเยอะๆ ให้เอง ไอ้เอาเปรียบ!


จบจากการเจอแม่เขาในเวลาสั้นๆ การเดทที่ผมคิดว่ามันจะพิเศษก็จบลงที่บ้านพักของนายพีชที่เขาเองก็เคยมาใช้บ่อยๆ

นายคฤณมาเพื่อสำรวจว่าผมกินอยู่ยังไง นอนห้องที่เขาบอกรึเปล่า มีของกินของใช้ครบครันตามที่ผมโม้ไว้รึเปล่า เขาเจอที่เขี่ยบุหรี่ที่ห้องรับแขก สายตาเขียวปั้ดหันมองผมอย่างคาดคั้น พอผมบอกว่าผมไม่ได้สูบ ของไอ้แอมมัน เขาก็ยื่นหน้ามาดูดปากผม ครับ ดูดจริงจังเลย แล้วก็อ้างว่า “ของแบบนี้ต้องเชื่อตามหลักฐาน” เมื่อเขาแน่ใจว่าผมไม่ได้โกหก เขาก็ดูห้องนั้นห้องนี้แล้วก็จบลงที่ห้องนอนผม

นายคฤณเหมือนเด็กชะมัดตอนที่โถมตัวลงไปกลิ้งบนเตียงผม เขาซบซุกหมอนของผมแล้วก็ตบเตียงเรียกผมไปนอนใกล้

ไอ้ผมมันก็หน้าด้านมาแต่ไหนแต่ไร เรียกให้นอน ผมก็นอน
เขากอดผม 1 แน่นแล้วก็ปล่อยออกเพื่อกอดไว้หลวมๆ แทน ความอบอุ่นที่ผมโหยหามาตลอดตั้งแต่มาอยู่ไกลบ้านถูกเติมเต็ม ถูกถมทับจนรูโหว่ในใจแทบไม่เหลือ

ผมรู้สึกดีมากๆ ที่มีเขาอยู่ใกล้กายแบบนี้

“พี่กำลังผิดคำพูดตัวเองอยู่ เจมโกรธมั้ย?”

“ผิดคำพูดเรื่องไหนหรอครับ?”

“ก็พี่เคยบอกว่าจะไม่เอาแต่ใจ จะไม่มาหาเจมเพื่อตักตวงความสุขแล้วก็ต้องจากเจมไปอีก แต่ตอนนี้พี่กำลังทำ”

“ไม่ผิดหรอกครับ เจมไม่โกรธ ดีใจด้วยซ้ำที่พี่หนึ่งมา”
“เอาเข้าจริงๆ เจมก็ยอมรับว่าคิดถึงพี่หนึ่ง คิดถึงทุกๆ คนที่กรุงเทพมากกว่าที่เจมคิดไว้”
“ตอนแรก เจมคิดว่ามันก็คงเหมือนการเปลี่ยนที่กิน เปลี่ยนที่นอน แต่จริงๆ แล้วมันอ้างว้างกว่านั้นมากเลย”
“แต่ก่อน แค่เห็นบ้านที่เจมอยู่มาตั้งแต่เกิดก็อุ่นใจแล้ว กลับบ้านเจอแม่ แม้ว่าแม่จะหลับไปแล้วเจมก็ดีใจแล้ว ที่เคยเหนื่อยเคยท้อเรื่องนั้นเรื่องนี้มันก็หาย แต่อยู่ที่นี่ หันไปทางไหนก็อ้างว้างกว่าเดิม”

“เด็กโง่ คิดถึงก็โทรหาแม่ โทรหาไอ้รชามันสิ โทรหาพี่บ่อยๆ ก็ได้”

“เจมก็อยากโตเหมือนกันนี่นา จะเอาแต่วิ่งหาแม่เป็นลูกแหง่ได้ไง”

“เจมโตได้เท่านี้แหล่ะ อย่าฝืนโตเลย เชื่อพี่หนึ่งสิ ลูกหมาเจมโตได้เท่านี้จริงๆ” หลอกด่ากูป่าววะ? ผมเงยหน้ามองเขา แต่ก็เห็นแค่คางที่ครึ้มเคราเขียวบางๆ เขาคงชอบใจที่ได้เหน็บผมก็เลยหัวเราะหึๆ แล้วก็ตะแคงตัวกอดก่ายผมเอาไว้

“คืนนี้พี่กอดเจมได้มั้ย?”

“แล้วที่ทำอยู่นี่เราซักผ้ากันอยู่หรอครับ” หึๆ ขอกวนตีนหน่อยเถอะ นายคฤณทำโทษผมด้วยการงับหูเบาๆ แล้วก็ขยายความให้มันโจ่งแจ้ง

“งั้นกอดแน่นกว่านี้อีกนะ ได้ใช่มั้ยครับ” มาขนาดนี้แล้ว ตอบว่าไม่ได้ก็เหมือนการยกป้ายห้ามบินขึ้นหน้าเครื่องบินที่แหงนหัวขึ้นมาครึ่งฟ้า ไม่ทันแล้วครับพี่น้อง

ผมนิ่งเงียบตัวแข็ง และนายคฤณก็รู้ความหมายของภาษากายผมดี เขาคลายกอดคลายขาแล้วเริ่มต้นจูบผมจนผมลืมตามองดูอะไรในโลกนี้ไม่ได้อีกเลยตลอดคืน


ทั้งที่กลับกรุงเทพคืนนี้ แต่นายคฤณกับผมก็จากกันหลังจากกินมื้อเช้าผ่านไป รอบนี้เขาก็สั่งเสียมากมาย คนที่ซวยก็คือไอ้แอมที่มาเคาะประตูห้องผมแต่เช้าเพื่อชวนกินข้าว แต่ก็ต้องเหวอแดกไปเมื่อคนที่เปิดประตูให้คือนายคฤณ ส่วนผมน่ะหรอ? ยังนอนหวงผ้าห่มอยู่บนเตียงอยู่เลย

เขาสั่งให้ไอ้แอมกินข้าวให้เป็นเวลา กินอะไรที่เป็นประโยชน์ แล้วก็ให้ไอ้แอมหมั่นติดต่อออฟฟิศและไอ้ต้อม ผมรู้หรอกน่าว่าการให้มันรายงานตัวกับคนอื่น ก็เพื่อให้ผมถูกถามถึงและถูกเป็นห่วงเยอะๆ ไปด้วย

ก่อนไป นายคฤณเอาปากชนหน้าผากผมต่อหน้ามัน ห่าเอ้ย! มึงจะมองตาโตทำเหี้ยไรอ๋อมแอ๋ม ช่วยรู้บ้างว่ากูก็ไม่ได้อยากให้เขาโจ่งแจ้ง แต่เขาหึงมึงแบบแก้ไม่หายว่ะ ขอโทษที


เพิ่งรู้ว่าการมาไวไปไวของนายคฤณก่อพิษร้ายแรงต่อผมมากกว่าการอยู่ห่างกันระยะยาวเสียอีก จริงอยู่ที่มีความสุข แต่มันก็ชั่วครู่ชั่วยาม พอเขามาหา มาปรนเปรอความอบอุ่นแล้วก็ต้องอยู่ห่างกันอยู่ครั้ง มันก็เหมือนกับผมต้องเริ่มทำใจกับการไม่มีเขาให้อ้อนให้อยู่ใกล้ๆ ใหม่อีกรอบ

และครั้งนี้มันก็ร้ายแรงเสียจนผมป่วย
พอนายคฤณรู้เรื่องเข้าก็บอกว่าจะมาอยู่กับผมยาวเลย “อย่าอยู่ห่างกันเลยนะ เจมดูแลตัวเองไม่ได้หรอก ให้พี่ไปอยู่ด้วยดีกว่า” ผมก็ดีใจนะ แต่ไม่ได้อ่ะ ไม่ได้เด็ดขาด แค่นี้ก็หลงรักกระทั่งอากาศที่เขาหายใจทิ้งแล้ว ถ้ามาอยู่ตัวติดกันตลอดอีกล่ะก็ ออกซิเจนคงไม่ได้สำคัญที่สุดในชีวิตผมแน่ๆ

สุดท้ายผมก็หักดิบ ไม่สไกป์ ไม่โทรหา ไม่อีเมลล์ถึง ไม่อะไรทั้งสิ้น
ทนทำแบบนี้อยู่ 2 เดือน ผลก็สรุปออกมาว่า  “เจม! มึงมีเมียแหม่มหรอ? มึงทิ้งเฮียกูหรอ? ห่า! โทรหาเขาเดี๋ยวนี้ เฮียกูเครียดจนน้ำหนักลดไป 4 โลแล้ว!”

ฮืออออ ทำไมผมและเขาถึงได้มีความเชื่อมโยงกันสูงขนาดนี้วะ!
สไกป์ก็ได้วะ หงึ!

อ่ะ! หน้าเด้งมาแล้ว เร็วไปมั้ย ยังไม่ได้คิดคำขอโทษเลย

“เจม!” เขาเรียกเสียงดังจนผมสะดุ้ง นายคฤณผอมลงจริงๆ ด้วย แก้มตอบเลยอ่ะ หมาตัวไหนแม่งถามแก้มแฟนกูวะเนี่ย!

“พี่หนึ่ง ดูโทรมจังเลยนะครับ ป่วยหรอ?”

“เพราะใครกันล่ะ” เออ ดูเหมือนจะโกรธจริงจังแฮะ ผมทำหน้าสลดอยู่ไม่กี่วินาที นายคฤณก็พูดเพิ่ม
“เพราะเจมนั่นแหล่ะ” รอบนี้เสียงหงอยๆ ทำหน้ามุ่ยด้วย น่ารักชิบหายเลยว่ะ

“เจมขอโทษนะครับ เจมแค่อยากใส่ใจเรื่องอบรม เรื่องใช้ชีวิตที่นี่เท่านั้นเอง”
“เจมไม่อยากติดพี่หนึ่งมากไป”

“แล้วนี่ไม่ติดพี่มากพอรึยังครับ” สรุปคือกูผิดทุกสิ่งนั่นแหล่ะ ผมเป่าปากเสียงดังปรู่วๆ แล้วก็เอ่ยเสียงอ่อย

“เจมขอโทษครับ”

“พี่เป็นห่วงนะ ไม่อยากให้พี่อยู่อยู่ด้วยก็บอกดีๆ ทำแบบนี้พี่ใจหายหมด”
“ตอนแรกคิดว่าป่วย แต่ก็เห็นส่งงานได้ ส่งข่าวไอ้รชาได้ พี่ปูเองก็บอกว่าเจมสบายดีทุกอย่าง พี่ก็คิดว่าเจมหลงแสงสี ลืมบ้านนา” โทษนะ! ถ้านายคฤณเป็นหนุ่มบ้านนา คนกรุงของโลกนี้ก็ต้องมาจากนอกโลกแล้วล่ะ
ผมพยักหน้าหงึกๆ ฟังเขาอบรม พอเขาเอมใจแล้วเขายอมคุยกับผมดี

“ทานข้าวรึยังครับ”

“ทานแล้วครับ พี่หนึ่งล่ะ”

“ทานแล้วเหมือนกันครับ นี่ทวนตัวเลข IRR** ของโครงการอยู่ พรุ่งนี้มีประชุมบอร์ดครับ” งานหนักสินะ ผมมองเขาอย่างเห็นใจแล้วก็อวยพรว่า “ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะครับ”

“พี่หนึ่งนอนเถอะครับ อย่าป่วยนะ เจมเป็นห่วง”

“ครับ ถ้าเจมห่วงพี่ก็จะไม่ป่วยอีกเลย ฮื้ออออ อยากกอดเจมจังเลย”
“หนาวมั้ยที่ลอนดอน”

“ก็ชื้นๆ ทั้งปี นี่เจมก็เพิ่งหายหวัด” ผมบอกอาการตัวเอง นึกถึงคนที่ต้องลำบากพาผมไปหาหมอแล้วก็อดขอบคุณในใจไม่ได้ คุณอรจิราครับ เธอแวะมาเยี่ยมพร้อมกับผลไม้ ขนมปัง เนย นม สารพัดของกิน แต่กลับมาเจอผมในสภาพนอนซมจมไข้ เพราะไอ้แอมไม่อยู่ ไปตระเวนตามเคย เธอก็เลยพาผมไปคลินิกใกล้ๆ คาดว่าเรื่องนี้นายคฤณเองก็น่าจะรู้ แม่ลูกเขาคุยกันอยู่แล้ว

“แม่บอกพี่แล้ว ตกใจแทบแย่”
“อยู่ไกลตาแม่ ไกลไอ้รชา เจมต้องดูแลตัวเองดีๆ สิ พี่น่ะห่วงเจมได้อีกเยอะ แต่แม่กับไอ้รชาจะเหนื่อยใจนะ อย่าให้คนที่ไว้ใจว่าเจมจะดูแลตัวเองได้ต้องผิดหวังสิ”

คือ...กูทรพีขนาดนั้ยเลยหรอ? แค่ป่วยเองนะ ฮือออ ทำไมทำอะไรก็ผิดหมดวะเนี่ย
พอเห็นผมหน้าจ๋อย เขาก็เลยปลอบอีกนิดหน่อยแล้วก็ให้ผมนอนไวๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องส่งไรท์ติ้งหลังจากจบการอบรมเทอมแรก


กว่าผมจะลงตัวกับชีวิตที่เป็นของตัวผมเองจริงๆ ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 6 ที่มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้เข้าสู่ช่วงอบรมเทอมสอง เนื้อหาเจาะลึกลงมากๆ ผมต้องเข้าอบรมพิเศษกับนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยดัง แต่ไม่ได้เรียนเต็มหน่วยเหมือนพวกเขาหรอก อาทิตย์นึงต้องเข้าเรียน 2 คลาส ไอ้แอมก็เหมือนกัน แต่คนละสาขาการเรียน เพราะผมเน้นการผลิตเนื้อหา แต่มันเน้นส่งต่อเนื้อหา
 
เพื่อนนักข่าวชาติอื่นก็กระจายกันเรียนตามความสนใจ และตามการจัดสรรของสมาคมของที่นี่ เรียกได้ว่าต้องเข้าใจตัวเองให้มันสุดๆ ไม่งั้นก็บอกเขาไม่ได้ว่าเราอยากศึกษาเรื่องอะไรกันแน่

เวลาของผมเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ผมเคยมีแบ่งให้นายคฤณก็ลดลงเรื่อยๆ ด้วยเหมือนกัน
แต่ครั้งนี้ผมไม่งอแงอะไรอีก ร่างกายก็ไม่หักโหมจนป่วยไข้เหมือนที่ป่วยครั้งก่อน
แม่ชมว่าผมโตขึ้นแล้ว โตทันพี่จิวแล้ว อื่มมมม นี่ชมใช่มั้ย? ตามตรรกะโลกแล้ว ผมก็เป็นน้องมันไม่กี่วินาที ทำไมการเป็นผู้ใหญ่ขึ้นของผมมันถึงได้ดูน่าภาคภูมิขนาดนั้นวะ ที่ผ่านมาผมโตช้ามากหรอเนี่ย


เดือนที่ 10 แล้ว
ผมต้องทำสรุปการอบรมที่ผ่านมาทั้งหมดส่ง
วิธีการส่งแม่งก็โหดชิบหาย ให้พรีเซนท์หน้าห้องที่เรียนร่วมกับพวกป.โทนั่นแหล่ะ แต่คนละแม่งก็ค้นคว้าอลังการชิบหาย ไอ้ตัวข้อของผมมันก็กระจอกงอกง่อยเสียด้วยสิ

ผมเขียนหัวข้ออะไรน่ะหรอ?
หัวข้อว่า “สื่อและอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคสื่อ” มันก็ต้องตั้งสมมติฐาน สร้างเงื่อนไขที่ทำให้สมมติฐานเป็นจริงและไม่จริง สรุปผลว่าสื่อแบบไหนมีอิทธิพล และสื่อแบบไหนไม่มี มีเพราะอะไร ไม่มีเพราะอะไร ไหนจะต้องตัดเงื่อนไขของตัวแปรอย่างผู้บริโภคอีก ทีนี้รู้แล้วหรือยังครับว่าทำไมเวลาของผมมันถึงได้ผ่านไปเร็วนัก ฮือ กูก็สะกดคำว่าเหนื่อยเป็นนะเว้ยโลก!

กระบวนการส่งเปเปอร์ผ่านปุ๊บ อกผมก็โล่งปั๊บ ผมแค่มาอบรม ไม่ได้มาเรียนเพื่อผ่านหลักสูตรป.โทอะไรยั้วเยี้ยเสียหน่อย
วันนี้กลับบ้านแบบเพลียๆ แต่พอเปิดประตูแล้วตะลึงเลยครับ เพราะไอ้แอมทำเซอร์ไพรส์
“อะ..อะไรวะแอม!”

“งานเลี้ยงอบรมจบของกูกับมึงไงอัญ”

“นี่ทำเองหรอ?” ผมถามแล้วเดินตาพองเข้าบ้าน ถอดโค้ทวางร่ม ถอดหมวกเหวี่ยงๆ ไว้ตรงโซฟาเรียบร้อยแล้วก็กระโจนไปเกาะโต๊ะหน้าโซฟาทันที มันเตรียมดินเนอร์บ้านนาไว้ให้ครับ โอ้ย!! ส้มตำ ลาบ น้ำตก ไก่ทอด(เสือกชุบเกล็ดขนมปังให้เสียอรรถรสนะมึง) คอหมู(มโนเอา จริงๆแล้วหมูสันนอก)ย่าง จิ้มแจ่ว!

“อือ ทำเอง”

“ห่า! โม้!”

“เออ กูโม้”
“คุณอรแม่คุณหนึ่งเขามาหา แต่มึงกลับค่ำกว่าปกติ เขาก็มีธุระต่อของเขา แต่ก็อยากทำอะไรไว้ให้มึงกิน กลับมาจะได้หายเหนื่อย กูเลยเสนอ จำได้ว่ามึงบ่นๆ ว่าอยากกินอาหารเผ็ดแบบไทยๆ”

“น่ารักนี่หว่าอ๋อมแอ๋ม จำได้ด้วยว่ากูบ่นว่าไร กินกันเหอะมึง หิวชิบหาย”
“คิดถึงบ้านเนอะแอมเนอะ”

“กูเฉยๆว่ะ”

“อ้าว ไมอ่ะ? มึงไม่คิดถึงแม่มึงหรอ?”

“ก็คิดถึง แต่ก็ใช่ว่ากูจะไม่ได้เจอแม่อีก แต่กูคงไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับมึงแค่ 2 คนแบบนี้อีก”

“...........” อืม อ๋อมแอ๋ม นี่มึง..... ผมถอนหายใจแล้วยู่ปากไปมา รอให้มันดับอารมณ์ห่วงหาห่าเหวอะไรที่ไม่สมควรไปก่อนค่อยชวนกิน แต่ไอ้แอมมันก็ไม่จบง่ายๆ

นายอรินทร์จับมือผมไว้แล้วเอาไปจับนมมัน จริงๆ ก็อยากบอกว่าจับมือผมไปจับหัวใจ แต่ผมไม่อยากเคลิ้มคลานตามความรู้สึกมัน ขอคิดขอเข้าใจในแบบของผมก็แล้วกัน

มันคงท่านั้นไว้สักพักก็ยกมือผมไปประกบแก้มมันต่อ ผมไม่ดึงมือออก ใช่ว่าคล้อยตามอารมณ์มัน แต่ร่วม 10 เดือนที่อยู่กับมัน มันทำให้ผมรู้ว่ามันยอมลงให้กับเงื่อนไขของผม และความเป็นตัวตนของผมทุกอย่าง มันขออย่างเดียวคือขอรักผมไปเรื่อยๆ

ผมสงสารไอ้อรินทร์ที่สิ้นฤทธิ์หล่อกวนส้นตีนคนนี้จริงๆ

“แอม มึงอย่า”

“ปล่อยกูไปเหอะเจม”
“ใช่ว่ากูไม่พยายาม ประตูห้องเราห่างกันเท่านี้ มึงห่างจากกูแค่ไม่กี่ก้าว แต่กูก็ไม่เอื้อม”
“เพราะมึงไม่อยากให้กูเข้าใกล้มากกว่านี้ ใช่มั้ยล่ะ”
“ระยะห่างของเพื่อน มันทรมานกูว่ะ”

“แต่ถ้ากูปล่อยให้มึงรักไปเรื่อยๆ กูก็จะแย่ซะเอง”
“กูใจอ่อน กูรู้ แต่กูก็เลือกแล้วว่าความรักของกูคือใคร กูจะหนักแน่นเพื่อเขา”
“การที่มึงรักกูไปเรื่อยๆ ตามความพอใจของมึง มันทำให้กูรู้สึกผิดบาป”
“มึงหยุดเถอะแอม”

“................”

“แค่รัก ก็ไม่ได้”
“เป็นเพื่อนกูเถอะนะ นะแอมนะ”

มันจ้องหน้าผม แล้วมันก็น้ำตาคลอ ไอ้แอมไม่พูดอะไรอีก มันปล่อยมือผมและนั่งลงกับพื้นแล้วชี้ชวนผมกินส้มตำ มารู้ว่าคุณอรไม่ได้ทำไว้ให้ก็ตอนที่ผมบ่นว่ารสชาติแม่งแย่ชิบหาย มันก็เลยสารภาพว่าลงมือเองหมดเลย

ไอ้เหี้ยแอมน่ารักชิบหาย แต่ผมก็ไม่รักมันอยู่ดี

หมดส้มตำครบเครื่องที่กินกันแบบไม่รู้รสชาติ มันก็ชวนผมดื่ม
ด้วยหน้าไอ้แอม ด้วยความรู้สึกมัน ด้วยความเห็นใจที่ผมมีต่อมัน และด้วยอากาศชื้นๆ ที่แสนน่ารำคาญ ผมก็ดื่มแม่งนอนสต๊อปเลย!

สูตรชงเหล้าแม่งก็พิสดารชิบหาย เดี๋ยวบอกสูตรยูเครน เปอตาริโก้ สเปน อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ห่าเหวสูตรที่มันบอกว่าเพื่อนใหม่ๆ มันแนะนำเอาไว้ตอนที่มันไปกินเหล้ากับพวกเขาหลังผูกมิตรกันหลังเลนส์

แล้วผมจะเหลือหรอ? เมาปลิ้นมาก
เมาจนต้องยอมหลับไปทั้งที่หูแว่วได้ยินเสียงไอแพดร้อง หากเอื้อมมืออีกนิดผมก็คงได้ยินเสียงนายคฤณก่อนหลับในคืนนี้ แต่ผมเอื้อมมือไม่ไหว

ด้วยฤทธิ์เหล้า ผมทำได้แค่ปรือตามองไปไอ้แอมที่เอนตัวลงนอนหน้าโซฟาคู่กับผม...เท่านั้น



และชีวิตผมคงเรียบง่าย ไม่มีอะไรมาทำให้หัวจิตหัวใจต้องทำงานหนักนัก หากว่าตื่นมาเช้าวันนี้แล้วไม่เจอไอ้แอมนอนกอดผมอยู่ ไม่ได้ซุกอยู่กับอกมัน ไม่ได้เหลือเสื้อผ้าติดตัวแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ ไม่มีรอยกัดจางๆ บนเนินอกและซอกคอ

และไม่ได้ฟังคำว่า “เจม กูขอโทษ” จากปากไอ้อรินทร์คนที่บอกว่าจะรักผมไปเรื่อยๆ คนนี้




cut



ฮู่วๆๆๆ ยังไม่จบค่ะ อีกติ๊ดนึงเนอะ >,<!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 23-02-2013 23:12:40
 :z3: :z6:  ให้แอม
นี่มันอัลไลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล
หวังว่าน้องเจมจะมโนไปเองนะคะ มันคงไม่มีอะไรนะ ทำไม ทำไม ทำไม

ตอนหน้ามาด่วนๆ เลยยยยยค่ะ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย แบบนี้ไม่ทนนะคะ ไม่ทน !!!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 23-02-2013 23:14:24
แอมทำอะไรเจมมมมมมม
คงไม่ได้มีอะไรใช่มั้ย
คงแค่กอด จูบ ลูบ คลำใช่มั้ย งื้อ
กลัวพี่หนึ่งมาเจออ่ะ ก็อบรมเสร็จแล้ว เกิดพี่หนึ่งเซอร์ไพรส์มารับกลับทำไง อ๊ากกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 23-02-2013 23:18:59
ม่ายยยยยยยยยยยย แอมทำแบบนี้ทำไม! :z3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 24-02-2013 00:01:59
 :z3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 24-02-2013 00:05:56
ตรบอ๋อมแอ๋ม นิสัยเสีย ทำแบบนี้ เจมจะทำไงล่ะ เจมต้องเสียใจกับความเห็นแก่ตัวของแกนะอ๋อมแอ๋ม ก่อนนี้ก็เอาใจช่วยให้เจอคนที่รักใหม่นะ จะได้มีคู่ แต่ทำงี้ ขอให้จิวตื้บตายเลยยยย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: DIIK ที่ 24-02-2013 00:18:22
อ่านถึงกับน้ำลายฟูมปาก *นอนตาย

ทำไมแอมทำอย่างเน้ ขอให้แค่กัดแค่กอดไม่มีจุ๊กจิ๊กเถอะ ฮือออออออออออออออ

อิแอมบร้า ชั้นว่าแล้วว่าแกต้องหาโอกาส *กระโดดเอามีดเสียบ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-02-2013 00:42:39
 :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-02-2013 00:54:59
ถ้าทำแบบนั้นจริงคงได้มีใครตายคาลอนดอนอะ เจมนะเจม!ดีกับแอมมันมากไป
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Rukki ที่ 24-02-2013 01:03:55
แอมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก
คือที่ทำนี่จริงๆไม่ได้รับเจมหรอก เหมือนแค่อยากเอาชนะ เหอะๆๆ
ทีแรกก็สงสารนะ แต่ทำแบบนี้คือหักหลังกันเลย
ไปไกลๆเลยนะอ๋อมแอ๋ม !!!!!! เห๊อะ !!!!!!!!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-02-2013 01:07:01
 :a5: :a5: อ๋อมแอ๋ม ทำได้ไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 24-02-2013 02:19:51
ยังตามอ่านไม่ทันจ๊ะ พึ่ง 14 ตอนเอง ขอเม้นให้่กำลังใจก่ิอน สนุกมากกก ฮามากกกด้วยย โดยเฉพาะ เฮียคลิน 555555

+1 นะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 24-02-2013 08:19:02
แล้วจะทำไงต่อ บอกนายคลินก็ไม่ได้ ยิ่งปิดบังยิ่งรู้สึกผิด
เคลียร์กับอ๋อมแอ๋มด่วน สำรวจตัวเองให้ครบว่าถูกทำอะไรไปบ้าง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 24-02-2013 13:06:48
เฮ้ย   แอม  แม่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 24-02-2013 13:52:30
ขอด่าเลยนะค่ะ

ไอ้เหี้ยแอม ไอ้ชาติหมา

ด่าแบบตรงตัว ไม่มีการวิบัติทั้งสิ้น
คนเหี้ยๆแบบนี้ อาศัยความเมาแล้วทำตามใจตัวเองแบบนี้
ด่าว่าหมา ยังไม่สาสมเลยมั้ง ทำลายความไว้วางใจคนอื่น
ทำร้ายความรักของคนอื่น ทำแบบนี้ไม่เรียกว่ารักแล้วล่ะ ไอ้คนเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 24-02-2013 14:49:19
แอมทำรัยเนี้ย เกิดรัยขึ้นกะเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 25-02-2013 01:49:32
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ถ้าแอมทำเจมจริงๆ มันจะเป็นคนที่เหี้ยมากกก

อย่าเป็นเพื่อนคนแบบนี้อีกเลยดีกว่า

ให้พี่หนึ่งเอาคนมารุมโทรมแอม แล้วฆ่าทิ้งหมกป่าแม่งเลย

ถ้าทำจริงๆแล้วทีนี้จะยังไงต่อละ

เจมต้องรู้สึกผิดกับพี่หนึ่งมากๆแน่เลย

สงสารพี่หนึ่งด้วย ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 22 - 23/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 25-02-2013 15:48:56
วิ่งมารออ่านอย่างมีความหวัง ช่วงนี้หยุดยาวนี่นา...
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 25-02-2013 19:03:40
Hear, Me

=======
If I could, I would
======



ตอนที่ 23.1



ผมนั่งขดตัวกอดเข่าอยู่บนเตียง ตรงโต๊ะสำหรับวางคอมพิวเตอร์มีข้าวต้มที่ทอนความร้อนลงไปมากแล้ว น้ำเปล่า และยาแก้แพ้

ผื่นแดงจ้ำตามตัวและดวงตาที่บวมช้ำบอกผลของการกินเหล้าไม่เลือกยี่ห้อได้ดี แต่รอยดูดกัดที่ซอกคอ ตามหน้าอก หลัง บั้นเอว หน้าขา บอกถึงผลของการไว้เนื้อเชื่อใจคนมากเกินไปของตัวผมได้ดีกว่ามาก

“เจม กินหน่อยเถอะ แล้วกินยา” เสียงไอ้แอมยังคงดังมาจากหน้าประตูห้อง ผมชำเลืองมองเพียงดวงตาแล้วก็หลุบตาต่ำมองตีนตัวเองเหมือนเดิม

กระพริบตาทีน้ำตาก็ร่วงที ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
ผมไปทำอะไรใครไว้หรอ? ผมเคยไปก่อกรรมทำเข็ญกับลูกหลานใครไว้รึไง?
ทำไมต้องส่งไอ้เหี้ยแอมมาเจอผม มารักผม แล้วมาทำแบบนี้กับผม

ทำไมเมื่อคืนผมต้องกินเหล้าเป็นพายุ ทำไมไม่พยายามคลานไปนอนในห้อง ทำไมอยู่ใกล้ไอ้แอม ทำไมไว้ใจมัน ทำไมถึงคิดว่ามันไม่มีทางทำเรื่องบัดซบกับผมได้ ทำไมถึงได้คิดว่าคำว่ารักของมัน มีคำว่าหวังดีต่อท้าย

“เจม กินข้าวต้มรึยัง? กินยาแก้แพ้ด้วยนะ”
“เจม ได้ยินรึเปล่าเจม”
“พูดกับกูหน่อยเถอะเจม กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ”

ผมลองเหลียวมองไปนอกหน้าต่าง ฟ้าใสเหมือนเดิม คำขอโทษของมันไม่ได้ย้อนเวลาให้หวนคืนแล้วให้เราแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น
คำขอโทษของมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

“เจม แอมขอโทษ”
“ขอโทษจริงๆ” เสียงมันสั่นเครือ คงเสียใจจริงๆ ผมก็เสียใจจริงๆ ไม่อย่างนั้นน้ำตาผมคงไม่ร่วงหยดแล้วหยดเล่าแบบนี้

ความรักที่สวยงาม สะอาด บริสุทธิ์ มันหมดจากโลกไปแล้วหรือไง ผมไม่มีสิทธิ์ได้พบเจอรักแบบนั้นแล้วใช่มั้ย
ผมถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองประตูบานที่ปิดสนิท และไม่ปิดจะเดินไปเปิดมันออกเพื่อให้โลกหาผมเจอ
ผมกวาดสายตามองข้าวต้ม กับยาแก้แพ้ มองรอยแดงจ้ำๆ บนตัว รอยผื่นจากอาการแพ้ ถ้าไม่ว่ายังไงผมก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมก็ต้องรักษาตัวเองก่อน ผมต้องรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยก่อน แล้วค่อยคิดว่าผมจะทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แม้จะเกิดจากความผิดพลาดก็ตาม

ผมลุกไปตักข้าวต้มเข้าปาก รสชาติแม่งห่วยแตกเหมือนส้มตำกับลาบเมื่อคืนนั่นแหล่ะ ผิดแผกไปที่ ต่อจากของคาวแล้ว มันจัดยาให้ผม ไม่ใช่เหล้าที่เข้าปากแล้วมอมเมาผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

พอยาเข้าปากแล้วผมก็ยกถาดอาหารไปยังบานประตู เปิดประตูแล้วยื่นทุกสิ่งทุกอย่างที่มันจัดหามาให้คืนไปจนหมด

“เป็นไงมั่ง ปวดหัวอะไรมั้ย? แล้วผื่นที่ขึ้นล่ะ”

“กูแพ้เหล้า แค่นั้น”

“เจม คุยกันเหอะ”

“ไม่มีอะไรจะพูด...กับมึง” ผมไม่มองหน้ามันแม้แต่วินาทีเดียว สิ่งเดียวบนตัวมันที่ผมเห็นก็คือเสื้อตัวที่มันสวมใส่เท่านั้น

“กูขอโทษ” มันรีบพูดก่อนที่ผมจะปิดประตูลงอีกรอบ ไอ้แอมจับข้อมือผมไว้ มันไม่ออกแรงบีบให้ผมรู้สึกเจ็บ แต่ผมก็รู้สึกร้าวลึกลงไปอยู่ดี

มึงทำร้ายกู
มีงทำร้ายกู!!
ในหัวผมมีแต่คำนี้ยามที่มันจับตัวผม ผมรังเกียจสิ่งที่เกิดขึ้น!

ผมไม่ได้รังเกียจมัน ไม่ได้เกลียดมัน แต่ผมโกรธมันมากที่เป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างสิ่งน่ารังเกียจให้เกิดขึ้น และผมก็โกรธตัวเองด้วยเหมือนกัน

ทำไมผมต้องเมา ทำไมต้องไร้สติจนปัดป้องสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทำไม!

“กูไม่มีอะไรจะพูด”

“แต่กูต้องพูด”
“เจม กูขอโทษ กูขอโทษ” ไอ้แอมพูดซ้ำๆ มันวางถอดอาหารลงข้างตีนแล้วก็ดึงตัวผมออกจากห้องไปกอดไว้ มันลูบหลังผมเบาๆ คงต้องการปลอบใจ

เหี้ย! มันไม่ได้ผลไง
สิ่งที่มึงทำ มันไม่ถูกลบไปเพียงเพราะมึงกอดกูไว้แล้วปลอบกู แล้วพูดว่าขอโทษ
และมันก็ไม่จบเพียงเพราะมึงจะพูดคำว่ามึงจะรับผิดชอบการกระทำของมึง

“กูจะรับผิดชอบ”

“กูไม่ให้มึงรับผิดชอบ”
“ไอ้เหี้ย! กูไม่ท้อง ประเด็นไม่ใช่ว่ามึงต้องรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบตัวกู สำคัญคือมึงรับผิดชอบสิ่งทึ่มึงทำได้รึเปล่า”

“กูจะรับผิดชอบอยู่นี่ไง มึงจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”

“มึงทำอะไรไม่ได้หรอกแอม”
“ไม่มีทางที่กูจะหายโกรธ กูจะจำเรื่องวันนี้ได้จนตาย มึงดีใจมั้ยไอ้เหี้ย กูจะจำเรื่องเมื่อคืนจนวันตาย!”

เป็นครั้งแรกที่ผมเงยหน้ามองมัน สบตากับมัน
ใจผมไหววูบเมื่อเห็นริ้วความผิดในลูกตามัน ไอ้แอมตาแดงก่ำ จมูกก็แดง ปากช้ำและเป็นแผลแตก มือมันที่จับข้อมือผมไว้เต็มไปด้วยพลาสเตอร์

“กูไม่ดีใจมึงก็รู้”
“มึงรู้สึกแย่แค่ไหน กูก็รู้สึกแย่กว่าที่ทำร้ายมึงแบบนั้น”
“ถ้ากูยั้งใจตัวเองซักนิด ความรู้สึกเกลียดของมึงคงไม่มากขนาดนี้”
“กูขอโทษ”
“กูขอโทษจริงๆ”

“............”

“แล้วกับคุณหนึ่ง กูจะขอโทษเขาด้วยตัวเอง”

“มึงหยุดเลยแอม มึงหยุดแส่เข้ามาในชีวิตกูซักที”
“มึงจะช่วยยังไงหรอ? มึงจะเดินไปบอกเขาว่าคุณคฤณครับ ผมขอโทษ ผมข่มขืนแฟนคุณ งี้หรอไอ้สัด!”

“กูจะบอกเขาว่ากูทำเองทั้งหมด กูทำร้ายมึง”
“เขาจะจับกูเข้าคุก หรือสั่งคนมาซ้อมกู มาฆ่ากูก็ทำเลย”

“คิดได้นะมึง มึงคิดได้เท่านี้หรอ?”
“มึงจะให้เรื่องมันไม่จบถึงโคตรเหง้าเลยใช่มั้ย?”
“ถ้าพี่หนึ่งรู้เรื่อง ถ้าเขาจะฆ่ามึง ถ้าเขาทำจริงๆ เขาก็มีคดี ต้องเป็นฆาตรกร ต้องอยู่กับความรู้สึกของคนใจเหี้ยมที่ฆ่าคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น เขาก็จะเหี้ยเหมือนมึงไงแอม เพื่ออะไร เพื่ออะไร!!!”

“แล้วจะให้กูทำยังไงมึงถึงจะไม่เสียใจแบบนี้”

“เรื่องของกูเหอะ”
“กับมึง มันจบแล้ว”
“เอาเป็นว่ากูรู้แล้วว่ามึงขอโทษ มึงรู้สึกผิด มึงทำเพราะขาดสติ กูก็ไม่มีสติพอจะห้ามมึงเหมือนกัน”
“ให้มันจบไปเถอะ”

“เจม! แต่รักของกู รักที่กูบอกมึง”

“กูไม่สน เรื่องของมึง จัดการเอง”
“ได้ยินมั้ยว่ากูไม่สน ไม่ว่ามึงจะรู้สึกผิดระดับโลก ระดับจักรวาล จะไปแหกปากบอกไอ้เหี้ยไอ้ห่าที่ไหน หรือจะไปบวช ไปปฏิบัติธรรม ไปทำดีเพื่อโลกยิ่งใหญ่แค่ไหน สำหรับกูแล้ว มึงก็คือไอ้แอม เพื่อนกูที่ข่มขืนกูได้ลงคอ!”

ผมดึงข้อมือออกอย่างง่ายดาย สายตาผมที่จับจ้องตามันเริ่มฉ่ำน้ำขึ้นมาอีกรอบ มันจะดูออกมั้ยว่าผมไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่พูดไปเมื่อกี้เลย

ถ้ามันตายผมจะเสียใจ
ถ้ามันไปทำตัวแย่ เหลวเป๋วให้เจ๊เอิงหรือแม่มันเป็นห่วงเป็นใย ผมก็เสียใจ
ถ้ามันไม่เป็นผู้เป็นคนอีกเลย ผมก็เสียใจอยู่ดี
ถ้ามันรักใครไม่เป็นอีก ปิดโอกาสตัวมันเองจากคนดีๆ ที่รักมันจริงจัง ผมก็เสียใจเหมือนกัน

มันยังเป็นเพื่อนผมเหมือนเดิม แต่ผมไม่สามารถแคร์มันได้เหมือนเมื่อก่อน ไม่สามารถหวังดีกับมันได้เหมือนเดิม
ผมให้ได้แค่ความเสียใจหากชีวิตมันต้องตกต่ำลงเหว และก็รู้สึกได้แค่ “อืม ก็ดีนี่” หากว่าชีวิตมันเลิศหรูอลังการเป็นเศรษฐีดูไบ

ผมให้มันได้แค่ สายตายามมองคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสารระบบของผม



ไข้กินผมหนัก เพราะผมดื้อ ไม่กินยาแก้แพ้ ไม่กินข้าว ไม่อาบน้ำ ไม่ออกไปสูดอากาศ
ผมเอาแต่หวนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนั้น

พอขอโทษผมตอนผมตื่น มันก็สารภาพว่าทำจริงๆ ทำด้วยความรู้สึกรักจริงๆ
มันไม่ยั้งใจเพราะรัก
มันทำร้ายผมเพราะความรัก

ตอนนี้ผมก็เกลียดและขยาดความรักเหลือเกิน

3 วันแล้วที่ผมป่วย ไอ้แอมจะหาอะไรให้กินตอนเช้า แล้วก็เอายามาให้ มันบอกว่าไปอธิบายอาการป่วยกับเภสัชมา ไม่ต้องห่วงว่าจะเอายามั่วๆ มาให้ ตอนเย็นมันก็จะกลับเข้ามาพร้อมกับทำมื้อเย็นให้ผมกิน

มันไม่เข้ามาในห้องผม มันจะหยุดอยู่แค่หน้าประตู แม้ว่าบางทีผมจะไม่ได้ล็อคห้อง และบางครั้งก็ไม่ได้ปิดประตูด้วยซ้ำ

ดีจริงที่มันรู้เส้นตัวเอง แต่คงดีกว่านี้ถ้ามันรู้เร็วกว่านี้อีกหน่อย


นายคฤณเมลล์หาผมเพิ่มขึ้นวันละหลายฉบับ แต่ผมตอบไปแต่วันละฉบับ
สไกป์มาก็ไม่ตอบรับ ผมทำเพียงแค่ส่งอีเมลล์ไปหาเขาในตอน 2 ทุ่ม บอกแค่ว่า “ขอโทษครับ เจมเหนื่อย”
บอกเท่านี้ ผมบอกเขาได้เท่านี้จริงๆ

ผมไม่รู้จะจัดการยังไงกับเรื่องนี้
ไม่รู้จะจัดการยังไงกับความรู้สึกรังเกียจตัวเองแบบนี้
แม้แต่ตัวผมเองผมยังรังเกียจ ไม่อยากดูแล ผมลดคุณค่าของร่างกายผมด้วยการไม่กินข้าว ไม่กินยา ไม่นอน นอนหลับไปแล้วก็ไม่ตื่นในเวลาที่สมควร
แล้วเขาล่ะ รังเกียจรึเปล่า?

ผมทำโทษตัวเองแบบนี้ สาสมกับการปล่อยสติให้หลุดลอยไปกับเหล้ารึยัง?
มันเพียงพอจนสามารถวิ่งไปซบอกเขา ฟ้องเขา แล้วให้เขาปลอบรึเปล่า?
ผมยังรัก ยังรับความรักจากคนที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยอย่างนายคฤณได้อยู่มั้ย?


“เจม กินข้าวมั่งเถอะ กูขอร้อง” ไอ้แอมมาเรียกอยู่ที่หน้าประตูห้อง ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงโดยหันหลังให้มันอยู่
“เจม”

“ได้ยินแล้ว”

“ได้ยินแล้วก็ลุกมากินดิ”

“ทำไมกูต้องลุกเมื่อมึงเรียก กูอยากกินเมื่อไหร่กูก็กินเอง”

“ทำไมมึงไม่ดูแลตัวเองวะ ห๊ะ!”

“บอกว่าเรื่องของกูไง!” ผมหันไปตวาด และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3-4 วันที่ไอ้แอมได้เห็นหน้าผมเต็มตา หน้ามันสลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ก้าวล่วงเข้ามาในห้องผมแล้วก็อุ้มผมพาดบ่าทันที

“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู กูบอกให้ปล่อยกูไง!!”
“เหี้ยแอม อย่ามาจับตัวกู อย่ามาจับ กูไม่ชอบ!” ผมร้องโวยวายแล้วก็ไอแค่กๆ เพราะแหกปากมากไป แล้วมันก็ปล่อยผมสมใจอยาก แต่ปล่อยในอ่างอาบน้ำในห้องมัน

“ไอ้แอม!!” ผมตวาดลั่นแล้วจะทะลึ่งพรวดยืนขึ้นแต่มันก็กดหัวกดบ่าผมไว้แล้วก็จัดการเปิดฝักบัวราดตัวผมทันที
“ไอ้เหี้ยแอม!!”

“สภาพมึงดูไม่ได้แบบนี้ ตัวก็ผอมแบบนี้ มึงจะสู้อะไรกูได้”
“มึงแพ้กูเจม มึงแพ้!”

“...........” พูดเหี้ยห่าอะไร! ผมมองมันตาขวาง

“มึงแพ้กูทุกอย่าง”
“กูเก่งกว่ามึงอีก สารรูปกูดูได้มากกว่ามึง กูทำกับข้าวให้คนที่กูรัก และคนที่กูทำร้ายทุกวัน มีดบาดมือกูทุกวัน มึงก็ไม่แดกสักวัน! แต่กูจะทำ มึงดู!” มันกางมือมันที่มีแต่แผลให้ผมดู แล้วไง! กูต้องกราบมึงหรอ? ต้องบูชามึงรึไง!
“กูรู้สึกผิดเต็มอกแต่กูจะสู้หน้า กูจะซ่อมจนกว่าเจมของกูจะเหมือนเดิม สดใสเหมือนเดิม”
“กูทำมึงเสีย กูทำความรู้สึกมึงหายไป กูจะเรียกคืนทุกทางที่กูจะทำได้ ทุกทางที่กูนึกออก”
“กูเกลียดตัวเองชิบหาย เกลียดมือตัวเองที่ลูบไล้มึง เกลียดปากตัวเองที่จูบมึง ตอนเยี่ยวกูก็เกลียดจู๋ตัวเอง!!”
“แต่กูก็จะอ้าปากกินข้าว จะได้มีเรี่ยวแรงพูดกับมึง ดูแลมึงเท่าที่มึงจะยอมให้ดูแล”

“แล้วมึงทำอะไรอยู่ มึงทำอะไรอยู่เจม!”

“แล้วกูทำอะไรได้ล่ะ! กูเสียหายไปแล้ว มึงทำกับกูแล้ว กูเป็นรอย กูช้ำ กูเป็นของคนอื่นแล้วกูทำอะไรได้อีก!”
“ไม่ให้กูเสียใจแล้วให้กูทำห่าอะไร! หัวเราะหรอวะ! หรือไปอวดใครดีกว่ากูเสียตัวให้ผู้ชาย 2 คน!!!”
“กูไม่ใช่เกย์! กูไม่พิศวาสผู้ชาย แต่มึงมารักกูเอง แล้วจะให้กูทำยังไง!!”
“กูรักพี่หนึ่ง กูยอมมีความสัมพันธ์กับเขาทั้งที่โลกบอกว่าไม่ใช่ของคู่กัน แล้วกูทำอะไรได้!”
“กูรักเขา กูรักของกูอยู่ดีๆ มึงก็มาข่มขืนกู!! ทำให้กูมีตำหนิ แล้วกูทำห่าอะไรได้นอกจากเสียใจ!”
“พี่หนึ่งเป็นใคร เขาเป็นคนดีแค่ไหนมึงรู้มั้ย? แล้วควรหรอที่กูจะรักเขาต่อไป ทั้งที่กูไม่เหลือเหี้ยอะไรดีแล้ว”
“กูสำส่อน!”

“มึงไม่ได้สำส่อนเจม มึงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย!” ไอ้แอมลงมานั่งในอ่างเพื่อเปียกน้ำจากฝักบัวไปพร้อมๆ กับผม  มันดึงข้อมือผมไว้ทั้ง 2 ข้างแล้วยึดไปใกล้อก
“กูเป็นฝ่ายทำมึง กูเป็นฝ่ายทำ”
“กูผิดเองเจม กูผิดเองทั้งหมดเลย”
“กูขอโทษ กูขอโทษจริงๆ”
“มึงใช้ชีวิตมึงต่อไปสิ โยนความผิดมาให้กู”

“กูทำไม่ได้ กูไม่ทำ”
“มึงเป็นเพื่อนกูคนนึงเหมือนกัน!”
“เข้าใจมั้ยไอ้เหี้ยแอม! มึงเป็นเพื่อนกู เพื่อนกูที่ทำกับกูได้ลงคอ!”
“แต่กูจะทำไม่รู้ไม่ชี้แล้ววิ่งไปรักเขาเหมือนเดิมไม่ได้ กูหมดค่าแล้วแอม กูไม่คู่ควรกับเขา!”

“นี่มึงจะเลิกกับคุณหนึ่งหรอเจม”

“สมใจมึงรึเปล่าล่ะ รับเดนเขาได้มั้ย”
“มึงต้องรับได้สิ เขาดีกว่ามึงมาก คนที่ควรรับของเหลือเดนต้องไม่ใช่พี่หนึ่ง!” ผมมองมันแค้นๆ ครู่เดียวก็ปาดทั้งน้ำตาและน้ำจากฝักบัวทิ้ง ไอ้แอมถอนหายใจอย่างหมดปัญญาจะพูดกับผม มันเลยจับผมถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว

“สัดแอม! จะทำอะไรกู!” ผมขยับหนีแล้วเอาตีนยันตัวมันเอาไว้ มันส่ายหน้าแล้วก็บรรจงเทครีมอาบน้ำใส่มือ ถูๆ จนเกิดฟองแล้วลูบตัวผมเบาๆ

มันจับผมอาบน้ำ
ผมไม่รู้ว่าน้ำมือมันหนักเบาแค่ไหน แต่เห็นจากแผลตอนที่ทำอาหารคงไม่ใช่ประณีต แต่มันก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันลงมือหนักกับผมเลย

“เช็ดตัว” ผมสิ้นฤทธิ์แล้ว พอมันเรียก ผมก็ลุกขึ้นยืนให้มันเช็ดตัวง่ายๆ

“พันผ้าไว้แล้วดึงกางเกงมึงออกสิ”
“ใส่ชุดหนาๆ หน่อยนะ” ผมทำตามที่มันกำกับ ดูๆ ไปก็เหมือนมันกำลังเล่นตุ๊กตา

ยืนห่อตัวเองในห้องมันไม่นานก็มีผงแป้งมาโรยๆ ตัว ไอ้แอมลูบแป้งให้ทั่วหลัง ทั่วอกผม ทั้งที่มันข่มขืน แต่ผมกลับไม่นึกขยาดสัมผัสของมันในวันนี้ เพราะผมไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใคร่ของมันเลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี

มันช่วยผมแต่งตัวจนมันมั่นใจว่าตัวผมปลอดภัยจากอากาศชื้นแน่แล้วก็ลากผมมาหน้าทีวี นั่งตรงโซฟาซึ่งใกล้กับที่เกิดเหตุ

“กินข้าวแล้วกินยานะ เดี๋ยวกูอุ่นให้”

“............”

“รับปากกูสิ”

“มันไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนหรอก ยังไงๆ มึงก็คือคนที่ข่มขืนกู”

“กูไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนเหตุ กูจะเดินหน้าต่อเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ของมัน”
“เจม มึงเชื่อกูหน่อยเถอะ มึงมีความสุขต่อไปได้ มึงใช้ชีวิตต่อได้ ความผิดเป็นของกู กูจะจมอยู่กับสันดานเหี้ยๆ ของกูเอง มึงปล่อยวางสิ”

“.............”

“เวลาหมากัด ก็ตีหมา ทำแผล ไม่กี่เดือนแผลก็หายไป”
“คิดซะว่ากูก็แค่หมาบ้าตัวนึง นะเจม”

“มึงก็คิดง่าย”
“ถ้ากูไม่ได้มีคนรักของกูอยู่แล้ว กูคงคิดง่ายๆ แบบนั้นได้ แล้วก็เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนี้อีก”
“แต่กูมีพี่หนึ่ง กูรักเขา รักเขาจริงๆ”
“เขาควรได้สิ่งดีๆ อย่างน้อยกูก็เคยคิดว่ากูคือสิ่งดีๆ ในชีวิตเขาอย่างนึง”
“แต่มึงก็ทำให้กูไม่ใช่”

“..............”
“กินข้าวแล้วกินยาเถอะ” มันตัดบทแล้วก็เดินเข้าครัวไปสร้างเสียงก๊องแก๊ง ครู่เดียวก็ออกมาพร้อมข้าวผัดไก่ใส่ไข่ มีแฮมโปะมาด้วย

“กินข้าว เอาเรี่ยวเอาแรงมึงกลับมาก่อน เชื่อกูเถอะ”


สุดท้าย มันก็ทำให้ผมยอมกินข้าวได้
ผมไม่ได้ทำเพื่อมันหรอก แต่ผมรู้ตัวแล้วว่าหิวมากจริงๆ ท้องร้องประจานตัวเองด้วย ห่า!




ผลของการไม่ติดต่อกับนายคฤณแบบเห็นหน้าตาหรือได้ฟังเสียงอาทิตย์กว่าๆ ทำให้ผมได้รับอีเมลล์ฉบับนึง จากคนเดิม เวลาเดิม

นายคฤณอีเมลล์มาแจ้งผมว่า “พี่ไปหานะ”

แค่นี้...จบแล้ว
มาหาเมื่อไหร่ อะไร ยังไงก็ไม่บอก
หัวใจผมเต้นรัวเร็วขึ้นมากกว่าวันก่อนๆ นายคฤณจะมา เขาจะมาหาผม
ผมต้องมีสภาพยังไงถึงจะดูปกติสุดล่ะ?

ผมคิดว่าเขาอาจจะมาหาอีก 2-3 วันจากนี้ งั้นก็เริ่มเก็บห้อง ทำความสะอาดบ้านตั้งแต่วันนี้ก็แล้วกัน ทำตัวให้สดใสเหมือนเดิม

ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหากพบเขาอีกครั้ง ได้ฟังเสียงเขาอีกที ผมจะร้องไห้หรือจะยิ้มให้เขากันแน่

ไอ้แอมเป็นคนแรกที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของผม ก็แหงล่ะ อยู่กับมัน 2 คนนี่หว่า
เช้าวันนี้ มันเห็นผมแต่งตัวออกจากบ้านแต่เช้า มันก็ยืนขวางหน้าประตูแล้วถามอย่างห่วงใยว่า “เจมจะไปไหน กูไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไปหาอะไรกิน แล้วก็ซื้อของเข้าบ้านนิดหน่อย อยู่นี่อีกเดือนกว่าเอง เออ ซื้อพวกอุปกรณ์แพ็คของด้วยก็ดี มึงจะเอาออะไรมั้ย?”

“มึงไปไหวแล้วหรอ? หายป่วยรึยัง”

“หายนานแล้ว”

“กูเห็นยังหงอยๆ อยู่เลย”

“อันนั้นกูไม่มีอารมณ์ทัศนาโลก ไม่เอาไรใช่ป่ะ”

“กลับดีๆ ล่ะ ไม่ไหวก็โทรเรียกกู”

“กูไมใช่ลูกเป็ดพิการ” ผมบอกหน้านิ่งแล้วเดินออกจากบ้านไป ใส่หมวก กางร่ม ห่มโค้ทเหมือนเดิม


โลกช่วยได้มากจริงๆ ยามที่จิตใจหม่นหมองและไม่มีแม่กับไอ้จิวอยู่ใกล้ๆ
แต่กรณีปัญหาของผมตอนนี้ คิดว่าไม่อยู่ใกล้ๆ แม่กับพี่จิวจะดีกว่า หาก 2 คนนั้นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม ผมคิดว่าอิสรภาพของผมคงถูกริดรอนออกอย่างต่ำ 30% แม่น่ะไม่เท่าไหร่ คนที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็คือไอ้จิวนั่นแหล่ะ ดีไม่ดีมันอาจบังคับให้ไอ้แอมรับผิดชอบการกระทำด้วยการทำพินัยกรรมยกสมบัติที่มันพึงได้ในอนาคต และสินทรัพย์ที่มันหาเองได้ให้กับผม

ห่าพี่จิวฉลาดมากเรื่องสร้างความร่ำรวยให้ครอบครัว


ถึงร้านสะดวกซื้อ ผมก็เดินดุ่มๆ เข้าไป หาซื้อนั่นนี่ มองคนนั้นคนนี้ ซื้อกาแฟกิน แวะร้านผลไม้ใกล้ๆ ด้วย แล้วก็โฉบเข้าร้านเบเกอรี่หอมๆ อีกเป็นของแถมให้ตัวเอง

โผล่หน้าออกจากร้านอีกทีก็มีแดดออก ผมเก็บร่มแล้วก็เดินเอื่อยเฉื่อยมาจนถึงสวนสาธารณะใกล้บ้าน นั่งหย่อนเข่าพักสมองอยู่คนเดียวเงียบๆ

ผมยิ้มออกแล้ว พอผ่อนคลายใจตัวเอง ผมก็ยิ้มได้ สิ่งมีชีวิตที่ทำให้ผมยิ้มออกก็คือนกฝูงใหญ่ๆ ที่แม่งบินขึ้นโฉบลงแล้วเหยียบหัวกันเอง ตลกดีเหมือนกัน

ใกล้เที่ยง ผมก็พาตัวเองกลับบ้าน
เปิดประตูมาจึงได้ยินเสียงอะไรดังจากในครัว แต่รองเท้าไอ้แอมไม่อยู่ อื่ออ ใครวะ?

“แอม!” ผมส่งเสียงเรียก แต่ไอ้แอมไม่ตอบ งั้นมันก็ไม่อยู่จริงๆ สินะ แล้วใครอยู่ในบ้านนี้กับกูวะ?
ผมวางของทุกอย่างแล้วสาวเท้าไปในครัว ร่มยังถือคามืออยู่ กะไว้ว่าถ้าเป็นโจรขโมยซอสแม็กกี้นี่กูตีหัวเบะจริงๆ ด้วย

“เฮ้ย!” ผมตะคอกขู่  คนในครัวหันแล้วแล้วยิ้มให้พลางเรียกผมที่ยืนตัวชากลายเป็นผู้ชายโดนผีเมดูซ่าสาปเอา

“พะ...พี่หนึ่ง!”

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ดีใจหรอที่พี่มาหา”

“ก็...ก็ดีใจ แต่ว่า พี่หนึ่งเพิ่งเมลล์บอกเจมเมื่อคืนไม่ใช่หรอ?”

“อืม แผนเซอร์ไพรส์ไง” แผน? กูไม่อยากได้เซอร์ไพรส์อะไรตอนนี้นี่ครับ แค่นี้ก็คุมสติตัวเองไม่อยู่แล้วเถอะ

ผมพยักหน้ารับแล้วก็เดินไปดูว่าเขากำลังทำอะไร เห็นเส้นสปาเก็ตตี้ เห็นเครื่องหมูสับ เห็นหม้อต้มน้ำทีกำลังระอุก็คิดเดาได้ว่าผมจะได้กินอะไรในมื้อนี้

นายคฤณโม้ใหญ่รีบเร่งเคลียร์งานแค่ไหน ตอนแรกเขาหยุดไม่ได้ แต่พอบอกป๋าคณิณว่าจะมาหาเจม เพราะติดต่อเจมไม่ค่อยได้มาครึ่งเดือน ป๋าเขาก็ปล่อยตัวมาทันที

“แวะไปหารชากับแม่มาแล้ว บอกว่าคิดถึงเจมกันใหญ่ ส่งเปเปอร์แล้วไม่ใช่หรอครับ กลับเลยได้มั้ย กลับพร้อมพี่รอบนี้เลย เอามั้ย?”

“ยังไม่จบทุกอย่างครับ เดี๋ยวมีมีทติ้งอำลาการอบรมครั้งสุดท้ายอีก”

“หรอ? ต้องอยู่ใช่มั้ย จะกลับก่อนก็เสียมารยาทเนอะ”
“แม่พี่บอกว่าเจมไม่ได้แวะไปหาเลย ไม่ชอบแม่พี่หรอครับ”

“ไม่ใช่ครับ ช่วงที่ผ่านๆ มาเจมยุ่งกับเปเปอร์ พอส่งจบเจมก็เหนื่อย เลยนอนยาว วันๆ ไม่ทำอะไรเลย นอนอย่างเดียว”

“หรอครับ ผอมลงด้วยนะเนี่ย เดี๋ยวพี่หนึ่งอยู่ขุนหมาเจม 2 วัน ดีมั้ยครับ”

2 วันเองหรอ?
ใจผมโหยหานายคฤณมากๆ แต่อีกใจก็โล่งที่เขาอยู่แค่ 2 วัน
มันคงเป็น 2 วันที่ผมมีความสุขขึ้น แต่ก็คงเหนื่อยมากกับการยับยั้งความจริงที่จ้องจะหลุดจากปากอยู่ทุกวินาที

“แล้วคุณอรินทร์นี่ไม่ค่อยอยู่บ้านประจำหรอ พี่มาถึงเขาก็ดูเหวอหน่อยๆ แล้วก็ออกไป”
“ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน”

“ครับ มันไม่ค่อยอยู่หรอก” น้อยไปสิ ไม่อยู่เลยเนอะ ถ้าไม่อยู่บ้านแล้วมึงได้กับใครล่ะ ผีบ้านผีเรือนหรอไอ้เจม!
ผมรู้สึกผิดจนต้องก้มหน้า แต่นายคฤณคงไม่ได้สังเกตอะไร เขาเกี่ยวเอว เอาตัวผมไปกอดไว้แล้วก็หอมขมับเบาๆ

และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเบี่ยงหนีสัมผัสเขาอย่างทันทีทันใด

“หือ?” เขาส่งเสียงสงสัย ผมเลยโกหกต่ออีกว่า “เจมจะจามอ่ะ แป๊บนึงนะ” แล้วก็เดินหนีออกจากครัว


ผมทำไม่ได้
ผมลืมเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ
เมื่อกี้ที่เขากอด จู่ๆ ผมก็เสือกนึกถึงตอนที่ไอ้แอมกอดผมคืนนั้น
พอเขาหอม ผมก็นึกถึงรอบฟันไอ้แอมที่ขบกัดตัวผมขึ้นมา

ผมลืมไม่ได้ ใช่ว่าโหยหาไอ้แอม
แต่ร่องรอยที่มันทำไว้ ทำให้ผมไม่อยากให้ใครโดนตัวผมอีก แม้แต่นายคฤณ


“เจม เอาซอสพริกหรือมะเขือเทศเยอะกว่า”

“มะเขือเทศครับ” ผมตะโกนตอบแล้วรวบของที่ซื้อมาไปเก็บในครัว ยิ้มปะเหลาะเขาอยู่ไกลๆ ครู่เดียวก็ขอตัวไปเก็บห้อง “ห้องเจมรกมาก อายพี่หนึ่ง เคลียร์ก่อนนะ”


เข้าห้องมาได้ก็ต้องกุมขมับ ดึงสติทันที
ผมรู้แล้วว่าปากผมคงไม่พาจน แต่ท่าทางและปฏิกิริยาของร่างกายที่ผมควบคุมไม่ได้ต่างหากที่จะฟ้องความจริงออกมาจนหมด

ผมเข้าห้องน้ำแล้วบ้าบอถึงขั้นแก้ผ้าเพื่อดูว่ายังมีร่องรอยของไอ้แอมอยู่รึเปล่า
ไม่มีแล้ว ผิวผมขาวโพลนเหมือนเดิม รอยที่เคยแดงมากตรงปลายไหปลาร้าก็ไม่หลงเหลือ

ทำไมรอยหัวใจที่เป็นแผลถูกแทะ มันถึงไม่หายไปเหมือนรอยริ้วที่ผิวบ้างนะ


“เจมครับ หิวรึยัง ทานได้แล้วนะ กำลังร้อนเลย”

“ครับ ครับ เจมหิวแล้ว” ผมรีบใส่เสื้อผ้า เช็ดน้ำตาที่เริ่มรื้นเป็นนางเอกแล้วออกจากห้องนอนไปหาเขาทันที


ผมส่งเสียงชื่นชมความงามของสปาเก็ตตี้ฝีมือพ่อครัวหน้าตาดี ลองชิมคำนึงก็เอ่ยปากชมว่า “โคตรอร่อยเลย” นายคฤณยิ้มดีใจแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผมแล้วจับให้โยกไปมา

คอผมแข็งขืนขึ้นมาทันทีเหมือนกัน
ผมหัวเราะแก้เก้อ หวังว่าเขาจะไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเล็กน้อยพวกนี้
พอกินของคาวเสร็จ ผมก็อาสาเอาแอปเปิลมาปอกให้เขากินบ้าง แล้วก็เจอคำถามเด็ดจนได้

“เออ พี่เห็นพลาสเตอร์ยาเป็นแผงเลย ใครเป็นอะไรหรอครับ”

“อ๋อ ไอ้แอมครับ มันทำกับข้าวแล้วมีดบาด”

“มีดบาดก็ยังทำ ดูเจมสิ ไม่ยอมหัดทำอะไรเลยพี่รู้นะ เพราะถ้าเจมทำอะไรกินเองได้ดี คงไม่ผอมลงแบบนี้ ข้อมือเหลือนิดนึง”
“อ่ะ!” สะบัดทันทีอีกแล้วครับ ผมสบตากับเขาที่หน้างงมาก นายคฤณยิ้มให้นิดนึงแล้วดึงข้อมือผมไปจับอีก ผมพยายามข่มใจแล้วอยู่นิ่งๆ ให้เขากอด ให้เขาหอมขมับ

มันอุ่นมาก แต่ตัวผมกลับสั่นมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพในหัวเริ่มเป็นตอนกลางคืนมืดๆ ผมนอนบนพื้นพรมตรงนี้ ข้างๆผมคือไอ้แอมที่ลูบไล้ตัวผมไปทั้งร่าง กลีบปากมันขบกัด ดูดเม้มที่ซอกคอ หูผมได้ยินคำว่า “เจม กูรักมึงจริงๆ นะ เจม เจม เจม เจม”

“อย่า!!!” ผมผลักนายคฤณออกเต็มแรงแล้วลุกขึ้นยืน แอปเปิลที่ปอกค้างไว้คาอยู่มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งมีมีดที่สั่นไปตามแรงสั่นของมือผม

“เป็นอะไรครับ แปลกๆ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“ขอโทษครับ เจมเหนื่อย” ผมบอกเท่านี้แล้ววางแอปเปิลบนโต๊ะ พร้อมกับเดินกลับเข้าห้องนอน ล็อคประตูและนั่งกอดเข่าข้องมองหัวแม่ตีนตัวเองอยู่เงียบๆ

กระพริบตาที น้ำตาก็หยดที
ใครก็ได้ ช่วยผมให้หลุดออกจากอาการเหล่านี้ทีเถอะ ช่วยผมที

“เจม”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เจมครับ เจม”
“เป็นอะไรรึเปล่า? เจมไม่สบายหรอ? บอกพี่หนึ่งสิครับ”
“เจม”

“..........”

“เจมครับ”

“เจม...เจมไม่เป็นอะไรครับ เมื่อกี้ เจมสะดุ้งเพราะ เพราะเอ่อ...เพราะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องบอกพี่ก็ได้ แต่เจมโอเคแน่นะครับ ปวดหัวหรืออยากอาเจียนรึเปล่า?”

“ไม่ครับ ไม่”

“งั้นเจมพักเถอะ” เขาบอกเท่านี้ หน้าห้องเหมือนจะเงียบไป ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องนอนดูแล้วก็อุ่นใจเพราะนายคฤณนั่งอยู่ที่โซฟา ดูทีวีและปลอกแอปเปิลที่ผมทำค้างไว้

“พี่หนึ่ง จะอยู่กับเจมใช่มั้ย? หรือเปิดห้องนอนที่โรงแรมครับ”

“พี่จะอยู่กับเจมครับ พักเถอะ” เขาบอกและยิ้มให้ น้ำตาผมร่วงอีกครั้งตอนที่เห็นเขายิ้มให้อย่างใจดี ผมก้มหน้าหลบแล้วมุดหัวเข้ามาอยู่ห้อง อยู่ในโลกของผมที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงเลย นอกจากเขา

แต่สถานการณ์ตอนนี้ แม้แต่เขา ผมก็ไม่สามารถให้เข้ามาได้
ผมอ่อนแอ อ่อนแอเกินไปจริงๆ





Tbc 23.2


เร็วๆ นี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 25-02-2013 19:16:01
ฮืออออ สงสารหมาเจมมมมม แงๆๆ ไอ้บ้าแอม ขอให้รักเจมไปจนตายเลย หาคนรักคนอื่นไม่ได้ ขมขื่นไปตลอดชีวิตซะเถอะแก โฮ กอดๆๆๆ หมาเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 25-02-2013 19:22:14
โฮ ใจร้าย! สงสารเจมอ่ะ
สงสารพี่หนึ่งด้วย เพราะเจมกลัว หรือไม่ก็หนีอ่ะ
แบบคิดถึงเรื่องที่แอมทำก็คงขยะแขยงตัวเองอะไรงี้
คราวนี้พี่หนึ่งจะได้รู้ตอนไหน จะรู้สึกไง
โอ๊ย ไม่อยากจะคิด จะประสาทเสีย

ทำไมแอมเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ
ทั้งๆที่น่าจะรู้อยู่แล้วว่าการกระทำของตัวเอง จะทำให้คนที่ตัวเองรักเสียใจและมีน้ำตา

ทำไมตอนนี้เครียดงี้เนี่ย
ได้ข่าวว่าอ่านเรื่องนี้ตอนแรกยังหัวเราะฮาอยู่เลย

*edit
ป.ล. ชอบประโยคนี้ของแอมนะ

“กูไม่ได้ทำเพื่อเปลี่ยนเหตุ กูจะเดินหน้าต่อเพื่อเปลี่ยนผลลัพธ์ของมัน”

ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อไปอ่ะแหละ มันไม่ได้สวยหรูทุกอย่างนี่นา
คนเราต้องเดินหน้าต่อไปทุกๆวัน เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้
และก็ไม่สามารถหยุดเวลา หรือปิดบังความจริงไว้ได้เช่นกัน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 25-02-2013 19:23:29
โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จิบ้า
น้องเจมจะผ่านไปได้นะ น้องเจมบอกพี่หนึ่งก็ได้ พี่หนึ่งจะได้แก้ไขให้นะ ยังไงพี่หนึ่งก็รักเจมนะ   พี่หนึ่งต้องเข้าใจเจมอยู่แล้ว
ฮืออออออ สงสารน้องเจม 

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 25-02-2013 19:58:23
สงสารเจมอะ สงสารพี่หนึ่งด้วย ไอ้แอมบ้าอะ ทำกับเจมได้อะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-02-2013 23:25:57
เกลียดแอมมากไม่ไหวแล้ว ขอโทษอย่างไงก็ไม่ดีขึ้นหรอกถ้ายั้งใจตั้งแต่ตอนนั้นก็น่าจะจบ หาเห่าใส่หัวไอ่คนนิสัยไม่ดีทำให้คนรักกันเค้าผิดใจกันมันบาปนะ

เข้าใจความรู้สึกเจมคงแบบรู้สึกแย่ แต่เชียร์ให้บอกพี่หนึ่งถึงยังไม่รู้ผลลัพธ์ที่จะออกมาแต่ก็เชื่อว่าอย่างไงพี่หนึ่งก็ไม่ทิ้งเจมอะ
โอ้ยยยยยยยยไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะมีดราม่าโฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Jinn ที่ 25-02-2013 23:33:51
ขอโทษที่รับไม่ได้ เลิกอ่านโลด
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 25-02-2013 23:56:59
 :o12: :o12:

เครียด เศร้า หดหู่ มาก

สงสารเจมจังเลย

บอกพี่หนึ่งไปได้เราเชื่อว่าพี่หนึ่งคงเข้าใจและรักเจม

แต่ว่าเจมน่ะสิ คงเกลียดตัวเอง ไปตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 26-02-2013 00:45:24
หนึ่งจะรู้ความจริงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะ
เหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นไม่โทษแอมคนเดียวหรอกนะ เพราะเจมก็มีส่วนผิดมาก ๆ ที่ไม่ระวังตัวเลยทั้งที่รู้ว่าอีกคนที่เมาอยู่ข้าง ๆ รักตัวเอง
พี่หนึ่งรู้ต้องเสียใจแน่ ๆ ที่ช่วยอะไรเจมไม่ได้เลย เพราะเหตุมันเกิดไปแล้วแก้ไขไม่ได้ แต่จะเยียวยาเจมยังไงให้กลับมาเข้มแข็งให้ได้ใกล้เคียงกับของเดิมนี่สิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 26-02-2013 00:51:36
 :sad4: :sad4: เสียใจเศร้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.2 - 26/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-02-2013 01:26:24


Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 23.2




เจมเปลี่ยนไป
แต่เจมก็ไม่ใช่คนที่จู่ๆ ก็จะเปลี่ยนไปโดยไร้เหตุผล
น้องเปลี่ยนไปเพราะอะไร?

ที่หนึ่งนั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบๆ ต้นเหตุที่เขาสงสัยคงหลับไปแล้วในห้อง คิดเหมือนกันว่าจะไปปลุกเพราะเห็นว่าเย็นมากแล้ว กลัวว่านอนกลางวันนานๆ จะพาลปวดหัว แต่พอนึกถึงการขยาดสัมผัส และการก้มหน้าหลบตาตลอดที่เจมแสดงออก เขาก็จำใจปล่อยให้เจมอยู่ในห้องไปตามที่ต้องการ

นาฬิกาบนผนังบอกเวลาทุ่มนึงแล้ว ที่หนึ่งนั่งมองทีวีส่งแสงจ้าตาโดยไม่ขยับหนี หรือลุกไปเปิดไฟในบ้านให้สว่างมากขึ้น เขานั่งขมวดคิ้วครุ่นคิด เขาอยากรู้ว่าเจมของเขาเป็นอะไร มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่

หรือจะถามตรงๆ
หากมันเป็นเรื่องที่บอกกันตรงๆ ได้ เจมคงไม่มีท่าทีแบบนี้

แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจม
ในช่วงเวลาที่เขาติดต่อมาเป็นปกติ มีอยู่ช่วงนึงที่เจมหายไป ไม่ติดต่อกลับ ไม่รับการติดต่อใดๆ
มาเริ่มตอบอีเมลล์อีกทีก็ตอนที่เขากระหน่ำส่งหาทั้งตอนเช้า สาย บ่าย เย็น
เขาแนบรูปตัวหนึ่งกับตัวสองมาให้ดูด้วย เจมก็ไม่มีอาการคิดถึงมันหรือเอ็นดูมันอย่างที่เคยเป็น

เขาบอกเรื่องแม่เจมกับการเปิดคอลเลคชั่นแหวนใหม่ เจมก็ไม่ได้ตอบกลับ

มีตอบมาแบบเดียว ในบางวันว่า “เจมเหนื่อย ขอโทษครับ”

มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ


เสียงก๊อกแก๊กหน้าประตูทำให้เขาสะดุ้งเบาๆ นายอรินทร์คงกลับมาแล้ว
ใจจริงก็ไม่อยากถามอะไรจากผู้ชายคนนี้นัก
นายอรินทร์รักเจม เขารู้เรื่องนี้จากปากของเจมเอง และแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วนับจากวันที่รับรู้ว่านายอรินทร์รักเจม เขาก็ยังไม่เห็นความจืดจางในความรักจากสายตาคู่นั้น 


“อ้าว! คุณหนึ่ง ไม่เปิดไฟล่ะครับ แล้วเจมอยู่ไหน ทำไมอยู่กันมืดๆ” มาถึงก็ไล่บี้เขาเชียว ที่หนึ่งยกยิ้มเพียงนิดแล้วลุกไปเปิดไฟ รอให้หลอดไฟทำงานเต็มหน้าทีเดียวไม่นาน เขาก็สบตากับนายอรินทร์เต็มดวง

“เจมหลับครับ ตั้งแต่บ่าย ผมเห็นเหนื่อยๆ เลยไม่ปลุก”

“ไม่ดีนะครับ นอนนานตื่นมาเดี๋ยวพาลอ้วก ไม่กินข้าวอีก เดี๋ยวผมปลุกให้ก็ได้” นายอรินทร์พูดแล้วจะทำอย่างที่พูดจริงๆ แต่ที่หนึ่งก้าวไปขวางหน้าไว้ก่อน เขาจ้องหน้านายอรินทร์แล้วถามตรงๆ

“เกิดอะไรขึ้นกับเจมครับ คุณรู้อะไรบ้างรึเปล่า เจมแปลกไปตั้งแต่ราวครึ่งเดือนก่อน”
“ผมรู้สึกว่าเจมแปลกไป แต่ยังไม่อยากถามเขาตรงๆ ไม่อยากไล่บี้”
“คุณอยู่กับเจมใกล้ชิดกว่า สังเกตเห็นอะไรบ้างรึเปล่าครับ” ที่หนึ่งถามเท่าที่อยากรู้ นายอรินทร์ถอนหายใจแล้วมองหน้าเขากลับ จากนั้นก็ชักชวนเขาออกไปนอกบ้าน

ที่หนึ่งไม่รู้ว่าจะได้รู้เรื่องอะไรของเจมจากปากนายอรินทร์ มันอาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่เขาก็อยากรู้ทุกอย่าง เขาจะได้ทำให้เจมกลับมาเป็นคนเดิมได้เร็วๆ


สนามหน้าบ้านนี้เขาเล่นบาสกับพีชบ่อยๆ ไม่รู้ว่าเจมจะมาออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายตรงนี้บ้างรึเปล่า แต่เขาบอกเจมอยู่บ่อยๆ ว่าให้ออกมายืนยืดตัวก็ยังดี จะได้ไม่อุดอู้

เขาจรดปลายเท้าเสมอกันกับนายอรินทร์ที่มายืนรออยู่ก่อน คืนนี้พระจันทร์ไม่เต็มดวงดี แต่ก็ไม่แหว่งเว้ามาก เอาล่ะ คิดซะว่าสนทนาฆ่าเวลารอเจมตื่นก็แล้วกัน

“ว่าไงครับ ทำไมต้องพูดกันนอกบ้านด้วย อากาศมันก็เย็นๆ อยู่นะ”

“เรื่องของเจม” นายอรินทร์ว่าแล้วหันมองหน้าเขา ที่หนึ่งจึงเอามือไพล่หลังรอฟังเรื่องของเจมจากปากคนอื่น

“เจมไม่ผิดหรอกครับที่แปลกไป นี่แค่ยอมกินข้าวก็ดีมากแล้ว”
“ผมผิดเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของผมเอง”

“..........” อะไรกันล่ะ? เขาขมวดคิ้วเพียงนิด แต่ก็ไม่ได้ขัดความ

“วันสุดท้ายที่เราอบรม เราส่งเปเปอร์กันเสร็จแล้ว ผมก็ชวนเจมดื่มฉลอง”
“เจมเมา”

“........” เจมเมาแล้วยังไง ที่หนึ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น เขาสูดลมหายใจแล้วยืดหน้ามองนายอรินทร์
“ครับ เจมเมา แล้ว....” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบนานไป เขาก็กระตุ้นให้เล่าความต่อ นายอรินทร์ตาแดงเขื่องขึ้นแล้วก็ก้มหน้า ก่อนจะพูดคำว่าที่ทำให้โลกของที่หนึ่งหยุดหมุนชั่วขณะ

“ผมข่มขืนเจม”


ข่มขืนงั้นหรอ?
เจมของที่หนึ่ง....ถูกกระทำอย่างต่ำทรามงั้นหรอ?




“ระยำ!!!” ก่อนจะได้คิดยับยั้งอารมณ์แสนร้อนของตัวเอง ที่หนึ่งก็พุ่งเข้ากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายจนตัวโยนติดมือมา เขาสาดหมัดใส่กกแก้มเต็มแรง แล้วก็เหวี่ยงร่างนายอรินทร์ที่ไม่ต่อสู้ลงกับพื้นทันที!

“ข่มขืนหรอ?! ข่มขืนหรอ!!!” เขาตะคอกถามแล้วพยายามสงบอารมณ์ตัวเองเอาไว้ มือไม้เขาสั่นไปหมด กว่าจะสงบตัวเองได้ก็คงอีกนาน และตอนนี้เขาก็ไม่คิดสงบตัวเองด้วย

นานแล้วที่ที่หนึ่งไม่ได้โมโหจนตามัวแบบนี้

เขาหลุบตามองนายอรินทร์ที่นั่งถูปากตัวเองอยู่กับพื้น หมอนี่เงยหน้ามองเขา แต่ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาอีก แต่เท่านี้ก็พอแล้ว

คำตอบทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแล้ว

เจมเปลี่ยนไปเพราะอะไรเขารู้แล้ว เจมต้องเผชิญกับเรื่องอัปรีย์ขนาดไหน เขารู้แล้ว



“ผมไม่รับปากว่าจะไม่ฟาดหน้าคุณอีก”
“ผมจะเยียวยาเจมของผมเอง คุณไม่ต้องมาใกล้เจมอีก”
“ผมไม่สนว่าคุณทำด้วยความรู้สึกไหน แล้วพอทำลงไปแล้วคุณรู้สึกยังไง เรื่องของคุณ”
“ส่วนเจมจะทำยังไงกับคุณ ก็แล้วแต่เจม แล้วเจมจะได้ตามนั้น”

“................”

“และถ้าเจมอยากให้คุณตกนรกไปซะ เจมก็จะได้ตามนั้น ใครทำไม่ได้ ผมจะทำเอง!”


มันแปลว่า ถ้ามึงต้องตายเพื่อให้คนของกูมีความสุขอีกครั้ง มึงก็ต้องตาย ใครก็ห้ามความตายมึงไม่ได้ถ้าคนของกูต้องการ



มือเขาหยุดสั่นเทาแล้ว ที่หนึ่งชักขาออกห่างนายอรินทร์ที่ค่อยๆ ยืนขึ้น หมอนี่มองหน้าเขาแล้วก็ก้มหัวจนต่ำ

“ผมขอโทษ”
“ผมเอง ก็ไม่คิดมาก่อนว่าทำลงไปแล้วมันจะแย่แบบนี้ ทั้งกับตัวเอง กับเจม”
“ผมขอโทษครับ”


ประโยชน์อะไรที่หนึ่งมองไม่เห็นสักนิด เขาไม่พูดอะไรอีกแต่ก็ยังมองหน้านายอรินทร์อยู่
ผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไงกัน? ทำร้ายเจมที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครเลย
เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าเจมขอร้องที่หนึ่งนานแค่ไหน เรื่องให้นายอรินทร์คนนี้มาอยู่บ้านนี้ด้วยกัน

ร่วมปีที่ที่หนึ่งต้องห่างจากเจม ผู้ชายคนนี้คือคนที่อยู่ใกล้ๆ เจมตลอดเวลา
ความใกล้ชิดคงทำให้จิตใจนายอรินทร์อยากเสี่ยงอยากลอง อยากริสัมผัสกับความรักที่เขาไม่มีวันได้ครอบครอง


“คุณ...ทำได้ยังไง?” เขาถามอีกฝ่ายแล้วหันหลังกลับทันที ที่หนึ่งรู้สึกขุ่นเคืองตา เขาเสียใจ สะเทือนหัวใจแทนเจมที่ถูกกระทำ

ความไว้ใจที่เจมให้อีกฝ่ายไป ได้รับผลตอบแทนเป็นการทรยศสินะ
เจมที่น่าสงสาร





“เจมครับ เจม”
“3 ทุ่มแล้วนะ ตื่นเถอะ” เสียงปลุกจากหน้าห้องดังมานานแค่ไหนแล้วนะ นี่ผมปล่อยให้นายคฤณโก่งคอเรียกผมนานแค่ไหนแล้วเนี่ย ผมงัวเงียลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดประตู เขายืนยิ้มให้ผมที่หน้าห้อง จ้องมองเข้ามาในห้องนิดหน่อยแล้วก็ถาม

“หิวมั้ยครับ 3 ทุ่มแล้ว”

“3 ทุ่มแล้วหรอครับ?” นี่ผมหลับไปนานขนาดนี้เลยหรอ? ผมรีบออกจากห้องแล้วมายังห้องรับแขก ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไอ้แอมดูเหมือนจะยังไม่กลับมา
“แล้วพี่หนึ่งทานมื้อเย็นรึยังครับ?”

“รอเจมก่อนสิ กินก่อนได้ไง” เขาบอกแล้วเดินตามมา แต่ก็หยุดระยะห่างผมไว้พอควร มองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกผิด ทำไมคนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างนายคฤณต้องมาทนหิวข้าวเพื่อรอผมตื่นด้วยนะ

“จริงๆ ถ้าหิวก็กินก่อนได้เลย”

“กินด้วยกันสิ อิ่มก็อิ่มด้วยกัน หิวก็ต้องหิวด้วยกัน”
“ถ้าไม่ได้ทำอะไรด้วยกัน แล้วเจมจะมีพี่ไว้ทำไม หืม?” เขาค่อยๆ ขยับตัวมาลูบหัวผม ผมมองเขาเพลินอยู่ สายตาผมติดอยู่ที่หน้าเขาก็เลยไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรอื่นๆ

นายคฤณอมยิ้มแล้วจูงผมมาในครัว เขาทำต้มจืดหมูสับใส่ผักกาดขาวของโปรดของผม ฮือออ ขอบคุณมากที่ทำให้ผมระลึกรู้ว่าร่างกายกูต้องการอาหารอย่างมาก

“อุ่นมั้ย”

“ไม่เอา ไม่อุ่น เจมหิวอ่ะ หิวมาก”
“ดีนะที่พี่หนึ่งปลุก ไม่งั้นคงนอนตายไปแล้ว”

“ทำไมถึงนอนเยอะแบบนี้ครับ หืม” ถามแล้วก็ลูบหัวอีก เขามองผมด้วยสายตาอ่อนโยนกว่าปกติมาก แต่ผมจะตอบคำถามเขาว่ายังไงดีล่ะ?

ทำไมนอนเยอะหรอ? ก็ไม่ได้ชอบนอนหรอก แต่พอตื่น พอว่าง พอจมไปความคิดตัวเอง ผมก็จะตื่นกลัวกับความคิดตัวเองที่มันค่อนข้างไม่ปกติ

“กินกันเถอะครับ” ผมเลี่ยงคำถามเขาแล้วปรบมือรับข้าวร้อนๆ ที่เขาตักให้ ฮืออ แค่ได้กลิ่นก็น้ำตาจะไหล ผมไม่ได้เห็นอาหารแล้วมีความสุขแบบนี้มากี่วันแล้วนะ


ความสุขของผมกลับมาเพียงเพราะนายคฤณนั่งกินข้าวใกล้ๆ ตักนั่นนี่ให้ผมแล้วก็จงใจแย่งผมกินไข่ดาวที่ผมเล็งส่วนของไข่แดงเอาไว้ หงึ! ตลอดอ่ะ ตลอด ท่าทางเขาจะเหงามากตอนที่อยู่กรุงเทพ เพราะเขาไม่ปล่อยให้ผมห่างตัวเขาเลย

เขาพาผมกินนมด้วย ปล่อยให้ท้องได้ย่อยเสียหน่อยก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำ เขาก็เคยอยู่ที่นี่มาก่อนก็น่าจะรู้ว่าเวลาอากาศมันชื้นเย็นแล้ว การสัมผัสน้ำมันน่าขยาดมาก แต่เขาก็บังคับให้ผมอาบน้ำจนได้

“สระผมด้วยนะ เหนียวๆ แล้ว เหนียวติดมือพี่เลย ยี่!” ผมยู่หน้าสู้เสียงยี่ของเขา แต่ก็เดินด๊อกแด๊กไปอาบน้ำในห้องตามที่เขาบอกนั่นแหล่ะ

อือ ก็ว่าลืมอะไร ลืมไอ้แอมไปแล้วนี่เอง
คืนนี้มันไม่กลับหรอ? คงไม่กล้าสู้หน้านายคฤณสินะ
ช่างมันเหอะ อย่างมันน่ะเอาตัวรอดในเมืองใหญ่แบบนี้ได้อยู่แล้ว เพื่อนมันออกเยอะแยะ เพื่อนที่สอนแม่งชงเหล้าสารพัดชาตินั่นแหล่ะ

พออยู่คนเดียวแล้วนึกถึงไอ้แอมขึ้นมา ผมก็สลดลงทันที
ไม่ได้ดิ ต้องช่างมัน ช่างมัน ช่างแม่งมัน ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก
ทั้งที่ทำท่าสะบัดหัวไล่ความคิดเหมือนที่ตัวเอกในหนังในละครชอบทำกันหลายครั้งแล้ว ผมก็ยังนึกเป็นห่วงมันอยู่ดี
ก็นะ ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ถ้ามันไม่กลับบ้านแล้วจะไปนอนที่ไหน

“พี่หนึ่งครับ พี่หนึ่ง” ผมห่มผ้าเช็ดตัวออกมาเรียกหานายคฤณ เขาขานรับแล้วเดินมาหาทันที

“จะเอาอะไรครับ หืม?”

“เอ่อ...ไอ้แอม มันได้กลับมารึเปล่าครับ”

“กลับมาแล้วนี่ครับ แล้วก็ออกไปอีก คงอยากให้พี่อยู่กับเจม 2 คนมั้ง”

“หรอครับ”
“อืม มันคงนอนบ้านเพื่อน”

“เป็นห่วงคุณอรินทร์หรอครับ”

“ก็นิดหน่อย ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานี่นา คงไม่ดีถ้ามันต้องนอนหนาวข้างถนนเพียงเพราะพี่หนึ่งมาหาเจม”
“เราไม่ได้มีอภิสิทธิ์ขนาดนั้นเสียหน่อย ใช่มั้ยล่ะ?”

“อืม? งั้นเจมโทรถามคุณอรินทร์สิว่านอนที่ไหน จะได้สบายใจ เอาสิ”

ไม่เอาอ่ะ ผมไม่กล้าคุยกับมัน ยิ่งต่อหน้าเขาด้วยแล้ว ผมคุยกับมันไม่ได้หรอก แค่นึกห่วงมันผมก็รู้สึกผิดแล้ว

“งั้นพี่โทรหาให้ เอามั้ย?” เขาบอกแล้วก็ทำจริงๆ ผมไม่แปลกใจที่เขามีเบอร์ติดต่อไอ้แอมด้วย ก็นายคฤณซะอย่าง เบอร์มาร์คที่เป็นคนดูแลผมที่นี่เขาก็มีติดตัวไว้

“คุณอรินทร์ ผมคฤณนะ”
“เจมเป็นห่วงว่าคุณจะไม่มีที่นอนคืนนี้ คุณนอนที่ไหนครับ”
“หรอครับ โอเค” แล้วก็วางสาย คุยกันสั้นดีแท้ ผมมองเขาตาแป๋วด้วยหวังว่าเขาบอกคร่าวๆ ว่าคุยอะไรกับไอ้แอม

“เขานอนบ้านเพื่อนสื่อด้วยกันนี่แหล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนจากญี่ปุ่น” อ่อ...นึกหน้าออกแล้ว ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็มุดไปอาบน้ำตามที่เขาบอก


ผมอาบน้ำเสร็จเขาก็อาบบ้าง นายคฤณซื้อเสื้อนอนยี่ห้อเดิมมาให้ผม ตัวเดิมที่เคยชอบนี่เหวี่ยงทิ้งไปด้วยน้ำโหสุดๆ เจอของใหม่ ความเห่อก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาก เรียกว่ามองบ้านทั้งบ้านเป็นทุ่งดอกไม้เลยก็ว่าได้

นั่งดูทีวีรอเขาอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนมานั่งดูซีรีส์ด้วยกัน
เป็นแผ่นดีวีดีละครไทยครับ เขาบอกว่าคุณอรชอบ มาทีก็หามาให้ นี่แอบหนีบมาเรื่องนึง เผื่อผมคิดถึงกลิ่นน้ำเน่าไทย

ดูกันไปแค่ต้นเรื่องเขาก็จับให้ผมนอนหนุนตักเขาแทน
นายคฤณนั่งแบตักให้ผมนอนหนุน มือเขาลูบผมไปมาเป็นจังหวะสบายๆ
เขาใจดีมากเลย เขาอบอุ่นมากจริงๆ

“เจม”

“ครับ” ผมขานรับ มองตามมือตัวเองที่ถูกจับยกไปจูบเบาๆ

“เมื่อกลางวัน ทำไมเจมถึงไม่อยากให้พี่แตะตัว หืม?” ผมอึ้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะยังสงสัยอยู่ แต่ผมไม่อยากตอบ ไม่สิ ผมตอบไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องดีๆ ที่ผมควรถ่ายทอดให้เขาฟัง

บอกความจริงไป เขาจะกลายร่างเป็นปีศาจมั้ย?
อาจฆ่าไอ้แอม นั่นก็ช่างมัน แต่ถ้าอยากฆ่าผมขึ้นมาด้วยล่ะ?

สำส่อน เขาจะมองผมแบบนั้นมั้ย?

“หืม เจมตอบพี่หนึ่งสิครับ”

“เจมยัง...ตกใจอะไรนิดหน่อย”
“พี่หนึ่งครับ เจมไม่อยาก”

“พี่รู้เรื่องแล้วครับ”


อะ...อะไร?
รู้อะไร?
จู่ๆ ก็โพล่งออกมาว่ารู้ รู้อะไรงั้นหรอ?
อย่าบอกนะว่า....เรื่องนั้น

ผมดันตัวเองขึ้นนั่งแล้วจ้องหน้าเขาอย่างตื่นตระหนก มือที่เคยถูกเขากุมไว้พยายามรูดออก แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี นายคฤณจับมือผมแน่นขึ้น ส่วนอีกมือจับไหล่ผมเอาไว้ เรียกว่ากดไว้เลยจะถูกต้องกว่า

“เจมครับ มองหน้าพี่หนึ่งนะ”

“.........”

“คิดตามพี่หนึ่งนะ”

“.........”

“พี่หนึ่งรักเจม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ กับเจม กับเรา”
“ความรักของพี่ไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความรู้สึกพี่ได้”
“เจมยังเป็นเจมคนเดิม คนเดิม”
เขาย้ำคำว่าคนเดิมเสียงยาว และมันก็กระตุ้นให้น้ำตาผมหยดจนได้

เขารู้อะไร
ทำไมไม่พูดชัดๆ ล่ะ อย่ามาตรงไปตรงมาแบบอ้อมโลกแบบนี้สิ
เขาอาจไม่รู้ ผมอาจระแวงไปเองก็ได้
ผมไม่อยากให้เขารู้ ผมไม่อยากให้เขารู้
ผมไม่อยากให้เขาเสียใจที่แฟนของเขาดูแลตัวเองได้ดีแค่นี้

ขอร้องล่ะ อย่ารู้เลย อย่ารู้

“มองหน้าพี่หนึ่งนะครับ”
“พี่รักเจมเหมือนเดิมนะ”

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-02-2013 01:34:47
ฮึก!
ผมตกใจเสียงสะอื้นของตัวเอง ผมไม่รู้เลยว่าผมสะอื้นอยู่
อารามตกใจผมเลยรีบเช็ดน้ำตา แต่นายคฤณก็แย่งผมทำทุกอย่าง
เขาจับหน้าผมไว้ด้วยอุ้งมือของเขา ขยับเพียงนิ้วโป้งปัดใต้ตาผมไปมาเท่านั้น

“มองหน้าพี่หนึ่งนะ” ผมมองแล้ว ผมเห็นแล้วว่าเขาน้ำตาคลอ ไม่เอา ผมไม่อยากเห็น ผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจ ได้โปรดเถอะ อย่ารู้เลย ทำโง่หน่อยได้มั้ย? ให้ผมทรมานอยู่กับอาการหวาดระแวงสัมผัสจนตัวสั่นต่อไปเถอะ อย่ารู้เลย ได้โปรด...

“เจม ไม่เป็นไรแล้ว”
“เจมไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“เรื่องขี้ผง ช่างมัน”
“ช่างมันนะครับ”
“ลืมมันไปนะครับ พี่หนึ่งขอร้อง”

“เจม...เจมลืมไม่ได้”
“ทุกครั้งที่หลับตา แค่จะหลับให้ลงเจมก็ต้องผวาแล้วผวาอีก”
“บางที มันก็นึกถึงขึ้นมา เจมก็สั่นไปทั้งตัว”
“เจมกลัว เจมกลัว” ผมยกมือปัดหน้าเพราะไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าเหยเก ไม่อยากให้เขาเห็นว่าผมอ่อนแอมากขนาดไหน

“ไม่มีอะไรที่เจมต้องกลัว ไม่มีใครที่เจมต้องหวาดกลัว”
“เจมมีพี่อยู่ข้างๆ แล้ว พี่ห้ามได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เชื่อพี่สิ”
“นี่คือที่หนึ่งของเจมนะ”
“ลืมมันเถอะ นะครับ”

แค่ลืมเองหรอ?
ลืมได้มันจะจบใช่มั้ย?
ฝันร้ายที่ทำให้ผมสะดุ้งตื่นบ่อยๆ
ความนึกคิดที่มักลอยวนไม่พ้นเหตุการณ์บนพรมหน้าโซฟาตัวนี้ แค่ลืม มันก็จะจางหายไป ไม่มารบกวนผมอีกใช่มั้ย?

“เจมทำได้หรอครับ”
“แค่เจมลืมมันเองหรอ?”
“แค่ลืมจริงๆ นะครับ”

“จริงครับ เจมทำได้”
“แค่ลืมเท่านั้น ช่างหัวมัน พูดตามพี่สิ”

“ช่างหัวมัน” เสียงผมแหบพร่าเพราะผมร้องไห้ไม่หยุด นายคฤณเองก็ปาดเม็ดน้ำตาตัวเองไป 2-3 ครั้ง

“เจมลืมหมดแล้ว”

“ลืม หมด แล้ว”

“เจมจะจำแค่พี่หนึ่งคนเดียว”

ฮึก!
ผมร้องไห้หนักกว่าเดิมแล้วซุกหน้าลงหาอกนายคฤณ ผมไม่ได้พูดตามเขา ผมพูดอะไรไม่ได้อีก น้ำหูน้ำตามันอุดปากผมไว้หมด แค่หายใจผมยังทำได้ลำบากนัก

เขาเอนตัวลงบนโซฟาแล้วดึงตัวผมให้นอนบนตัวเขา ซุกเขา ถูใบหน้าบนอกเขานานเท่าที่ผมต้องการ
มือเขายังคงลูบหัวผมไว้ไม่เปลี่ยน อีกมือกอดรั้งเอวของผมไว้ ฝ่ามือเขาใหญ่ นิ้วเขายาว แค่กางมือเต็มที่หลังผมก็แทบไม่เหลือพื้นที่แล้ว

“เจมครับ เจม”

“ครับ” เสียงผมแหบมาก ผมแสบคอไปหมด แต่ว่าน้ำตาเริ่มแห้งแล้ว เสื้อนายคฤณตรงหน้าอกเป็นฝ่ายเปียกปอนแทน

“มองพี่หนี่งนะ”
“จำพี่หนึ่งแค่คนเดียว เจมจำได้แค่พี่คนเดียว นะครับ”

“ครับ” การรับคำของผม ก็เหมือนการเปิดทางให้เขาสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นในหัวผม นายคฤณกอดผมอย่างอ่อนโยน จูบผมอย่างอ่อนโยนยิ่งกว่า เขาทำช้าๆ ทุกอย่าง ทุกการกระทำ เขาจะบอกก่อนว่าจะทำไร

พี่จูบเจมนะครับ
พี่หนึ่งกอดเจมอยู่นะครับ
พี่หนึ่งขอกัดได้มั้ย เจมชอบมั้ยครับ
เจมรู้สึกอะไร บอกพี่หนึ่งได้มั้ย มองพี่หนึ่งสิครับ

มันเป็นการสร้างความเชื่อมโยงทางร่างกายของเราที่เขาพูดมากที่สุด และผมก็ลืมตามองเขาทำกับผมทุกการกระทำ เพื่อจดไว้ เพื่อจำไว้ ว่าใครกันที่รักผมได้มากมายขนาดนี้



เซ็กส์บนพรม บอกตรงๆ ว่าคันหลังยิบๆ
ผมยันตัวลุกขึ้นหลังจากนอนนิ่งบนพรมจนเริ่มทนไม่ไหว
นายคฤณน่ะหรอ? เขาสลักลายบนเจมของพี่หนึ่งจนไม่เหลือที่ให้จดบันทึกรักบนหอแดงแล้ว อาจจะหลับไปแล้วด้วยมั้ง ไม่คันหลังบ้างหรอ

“จะไปไหนครับ?” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียง ก็ผมคิดว่าเขาหลับไปแล้วนี่ หันไปมองก็เจอตาคมจ้องมองผมอยู่ ไม่มีวี่แววว่าเพิ่งตื่นแต่อย่างใด แสดงว่าไม่ได้หลับ

“ไปล้างตัวครับ เหนียว”

“พี่ล้างด้วยนะ”

“พี่หนึ่งแค่ล้างแน่นะ เจมไม่ไหวแล้วนะ บอกตรงๆ เลย”

“แค่ล้าง ล้างให้เจมเฉยๆ ที่เหนียวบนตัวพี่ช่างมัน กลิ่นเจมนี่”

“พี่หนึ่ง!” แม่งชอบพูดเรื่องน่าอายแบบหน้าไม่อายตลอดอ่ะ ผมหน้าแดงแล้วก็ผลักอกเขาไปทีหนึ่ง ผมนี่สะดิ้งเก่งจริงๆ นายคฤณหัวเราะแล้วโยกตัวมาหอมผมฟอดใหญ่แล้วก็กอดไว้จนแน่นสุดใจ ก่อนจะลุกเดินเปลือยพาผมที่อุตส่าห์โกยเสื้อนอนมาขยุ้มๆ พันเอวไว้ก่อนจะเดินตามเขาไปต้อยๆ

เขาบอกว่าล้างให้ เขาก็ล้างให้เท่านั้นจริงๆ ไม่มีมนต์รักข้างอ่างน้ำเกิดขึ้นให้ผมต้องเหนื่อยกว่าเดิม

คืนนี้ผมนอนตัวหอม หลับสบายบนเตียงที่มีนายคฤณนอนตัวหอมไม่แพ้กันกอดผมไว้
มันอุ่นจนผมอิ่มใจมากๆ

ผมหลับตาลงอย่างสบายใจที่สุด มือผมเกาะมือเขาไว้ไม่ปล่อยก่อนหลับตาลงอย่างเบาใจ
คืนนี้ผมไม่ฝัน ไม่สะดุ้ง ภาพมืดยามผมนอนบนพื้นพรมแล้วมีไอ้แอมลูบไล้ตัวผมไม่โผล่มาเคาะกะโหลกผมแล้วทักว่า “เฮลโหลเจม มาดูสิว่ามึงสำส่อนขนาดไหน” ไม่มาเหยมกับผมอีกแล้ว แน่ล่ะ ก็ผมมีนายคฤณนอนเป็นอัศวินหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ นี่นา



นายคฤณกลับไปได้หลายวันแล้ว แต่โลกของผมยังสดใสอยู่ด้วยกลิ่นอายที่เขาสร้างไว้ให้
คุณอรแวะมาหาผม หนีบผมไปช้อปปิ้งตามห้าง พาไปเดินตลาดที่ผมไม่เคยไป และด้วยความที่ผมว่างแล้ว เธอก็เลยหนีบผมมาที่ร้านอาหารเธอ ให้ผมช่วยดูแลงานนั่นนี่บ้าง อยากจะสารภาพว่าไม่รู้เรื่องอะไรหรอก พี่ๆ เขาทำงานกันมาจนเป๊ะทุกสิ่งแล้ว เขาก็ทำกันไปตามระบบ ผมเลยนั่งหัวโด่เป็นคนนอกระบบเพราะคุยอะไรกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง

ส่วนคุณอรเองเธอต้องไปดูกิจการโรงแรมของเธอด้วย เธอบอกว่าไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ผมไม่เชื่อหรอก วัดจากการนัดนักบัญชีมาที่ร้านอาหารแล้วพูดจาภาษาอังกฤษกันยาวนาน แต่ผมก็ได้ยินคำว่ามิลเลียนพาวด์นะเอ้อ!

ไอ้แอมค่อนข้างหายไปจากชีวิตผม มันโผล่กลับมาบ้านบ้าง แต่ก็จะออกไปข้างนอกบ่อยๆ พร้อมกล้องคู่ใจของมัน บางครั้งที่มันบังเอิญสบตากับผม มันก็จะยิ้มให้เศร้าๆ แล้วก็หลบตาเดินจากไป

แรกๆ ผมก็ใจหายนิดหน่อย ก็มันเป็นเพื่อนผมคนนึง แล้วเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่สันดานดิบของมันเสียทีเดียว เหล้าด้วยส่วนหนึ่ง แต่พอเห็นมันก็ใช้ชีวิตของมันได้ตามปกติ ผมก็เลยเลิกเป็นห่วงมันแล้วเริ่มคำนวณว่าต้องซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่มกี่ใบ จึงจะเพียงพอสำหรับของของไอ้บ้าหอบฟางอย่างผมคนนี้

นายคฤณจัดการให้เบ็ดเสร็จอีกแล้ว
เช้าวันก่อนเดินทางอาทิตย์นึง มีของมาส่งที่บ้าน ผมก็ต้องรีบกุลีกุจอออกมา หน้าตาเหลอหลาเป็นไอ้ลูกเสี้ยวไทย-ญี่ปุ่นที่ตาตี่กว่าไอ้ตี๋ไชน่าทาวน์มาเซ็นรับของ

เขาสั่งซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหม่ที่ใหญ่เท่าอกผม อืม เขาคงอยากให้ผมเก็บเตียงที่บิวท์อินไปด้วยล่ะมั้ง จัดมาใหญ่ขนาดนี้

การทยอยเก็บของของผมไม่เป็นปัญหา แต่ไอ้แอมกำลังมีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด
ของมันก็เยอะไม่ต่างจากผม ไหนจะลิสท์ของต้องซื้อไปฝากที่เจ๊เอิงส่งมาให้แบบปัจจุบันทันด่วนนี่อีก ผมได้ยินมันคุยโทรศัพท์ก็เลยรู้ จริงๆ ไม่ได้อยากเสือกนักหรอก

และตอนนี้มันก็คุยกับเจ๊เอิงอีกรอบ ไม่รู้เจ๊แกสั่งซื้ออะไรอีก แต่ไอ้แอมตวาดดังลั่นว่า “เอิงอย่าพูดเรื่องนี้อีก แอมคิดเองได้” แล้วมันก็พรวดออกจากห้องมา ทำเอาผมหน้าเหวอไปเลย

“อ่ะ...อะไร? จะไปไหนอ่ะมึง”

“ไปซื้อของนิดหน่อย เอาอะไรมั้ย?”

“ไม่ เอ่อ...แต่ถ้ามึงผ่านร้านค้า ซื้อน้ำผลไม้ติดมาหน่อยนะ”

“อือ น้ำแอปเปิลใช่มั้ย มึงชอบนี่”

“อื้อ” ผมพยักหน้ารับแล้วก็ผลุบเข้าผลุบออกระหว่างห้องรับแขกและห้องนอนเพื่อทยอยจัดของให้เป็นภาคส่วน รอเวลาโยนลงกระเป๋าโครมเดียว


เสียงอี๊ดๆ ดังมาจากห้องไอ้แอม ความเสือกบวกรำคาญทำให้ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปดูว่าแม่งคือเสียงอะไร แต่ก็เพิ่งรู้ว่าไม่ควรเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของมันเลยจริงๆ

ในห้องนอนมัน ในพื้นที่ส่วนตัวของมัน มีแต่รูปผม รูปที่มันแอบถ่ายไว้ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ประเทศไทย ตั้งแต่ที่ยังไม่สนิทกันนัก

ความรักของมัน ทำให้ผมจุกขึ้นมาถึงลำคอ

เสียงอี๊ดอ๊าดดังขึ้นอีกรอบ ผมมองหาจนเจอต้นตอ เจ๊เอิงสไกป์มาหามัน ผมอยากให้มันหยุดส่งเสียงเสียที ตั้งใจจะรับแล้วตัดสัญญาณไปเลย แต่เสียงเจ๊เอิงที่ตะโกนออกมากลับทำให้ผมชะงักนิ้วมือ

“แอม เชื่อเอิงเหอะ บอกเขาไปก็ไม่เสียหายอะไรหรอก”
“เจมเอง เขาต้องเข้าใจอยู่แล้ว”
“แอมจะแบกความรู้สึกผิดไปจนตายไม่ได้หรอกนะ คนเรามันต้องเดินหน้า”
“แล้วนี่เจมเขาก็โอเคกับแฟนแล้วนี่ จะใจดำไม่ให้อภัยกันเลยหรอ”
“ถ้ามันสำคัญกับชีวิตแอมนัก แอมก็ต้องทำให้มันลุล่วง”
“ถ้าไม่ว่ายังไงก็รักคนนี้ แอมก็ต้องบอกให้เขารู้ว่าไม่ว่าแอมจะเลวแค่ไหนในสายตาเขา เรื่องที่เกิดขึ้น แอมก็ทำเพราะแอมรู้สึกรักเขาจริงๆ”
“ความรัก มันทำให้เห็นแก่ตัวก็ได้ ทำให้เสียสละก็ได้ การที่แอมเห็นแก่ตัว ก็ใช่ว่าจะแปลว่าแอมไม่รัก”
“แอมอายุเท่านี้เอง ยังต้องเจออะไรอีกมาก ก้าวเดินต่อเถอะ”


ผมพอจะรู้แล้วว่ามันคุยกับเจ๊เอิงเรื่องอะไร



“สงสารป๊ากับม้าเถอะ ถ้าแอมไม่กลับไทยอีกเลย เขาจะอยู่กันยังไง เอิงเองก็งานยุ่ง”
“ชีวิตแอมไม่ได้เป็นของแอมคนเดียวนะ แอมยังมีคนรอบตัวแอมนะ อย่าเอาแต่ใจนักสิ”
“เชื่อเอิงเถอะ ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ แล้วก้าวต่อไป จนกว่าจะตาย ยังไงในชีวิตคนมันก็ต้องทนกับความรู้สึกทรมานกันทั้งนั้น ไม่สาหัสหรอก บอกไปเลย”
“บอกรักเจมไปเถอะแอม”
“เหี้ยแอม! ฟังเจ๊อยู่รึเปล่า ต้องให้พูดปากเปียกปากแฉะอีกกี่คืน ไอ้แอม!”

ผมตัดสัญญาณไป สวมรอยเป็นไอ้แอมที่ไม่อยากฟังคำพูดเจ๊เอิงอีก รูปภาพของผมในห้องมัน สิ่งที่เจ๊แอมพูด ทำให้ผมสงสารมันมากกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ผมมีบทเรียนแล้ว

ความสงสารไม่ใช่บ่อเกิดของความรัก อย่างดีสุด มันก็เป็นแค่แอ่งลื่นๆ ที่ทำให้คนที่ไม่ทันระวัง เสร่อตกหลุมที่ใครต่อใครเรียกว่าหลุมรักก็เท่านั้น

มันเฉียดกัน แต่มันไม่มีทางใช่ความรักไปได้



ผมรอให้ไอ้แอมกลับมา มันซื้อน้ำแอปเปิลมาฝากอย่างที่ผมบอก ไม่แปลกใจเลยที่มันมีของติดมือมาอย่างเดียวเท่านั้น ไอ้เหี้ยแอม กูรู้ทันมึงแล้วเหอะ!


“มึงกลับเมื่อไหร่ ตั๋วเรากลับพร้อมกันใช่ป่ะ? หรือมึงเลื่อนวัน กูไม่เห็นมึงกระตือรือร้นเก็บของเลย”

“เก็บทันน่า”

“หรือมึงจะไม่กลับ”

“..........”

“แอม มึงเอาไงเนี่ย ไม่คิดถึงบ้านหรอ?”

“อือ คิดถึง แต่จะหาเงินอยู่ต่อ นี่ก็ไปสมัครงานไว้ พอดีรู้จักพี่คนไทย เขาก็แนะนำ”

“ทำไมยังไม่กลับ หนีอะไรรึเปล่า?”
“หนีผลลัพธ์อย่างกูหรอ?” มันเงยหน้ามองผมอย่างตกใจ คงไม่คิดว่าผมจะเป็นฝ่ายพูดเรื่องนี้มาอีก ไอ้อรินทร์ถอนหายใจแล้วก็พนักหน้ารับในที่สุด

“กูขอโทษ กลับไทย มึงก็ต้องเจอหน้ากูอยู่ดี”
“มึงจะไม่สบายใจเปล่าๆ กูก็เลยกะจะหาที่หาทางที่นี่ อาจอยู่อีกสัก 6 เดือน ปีนึง แล้วค่อยกลับ”

“กลับพร้อมกันหรือกลับทีหลัง มึงก็เจอกูอยู่ดี”
“ถ้ามึงทำเพื่อให้กูสบายใจ ก็ไม่ต้องหรอกว่ะ”

“แต่..”

“กูบอกว่าไม่ต้องไง มึงใช้ชีวิตตามปกติสิ ห่า! เคยด่ากูว่าแพ้มึง แล้วนี่อะไร มึงหนีหรอ”

“กูไม่อยากลอยหน้าอยู่ใกล้ๆ มึง กลับไป เดี๋ยวไอ้ต้อมก็สังเกต”

“อยากพูดมึงก็พูดเถอะ กล้าพูดก็พูดเลยห่า”
“ไม่ต้องทำเพื่อกูหรอก”
“มันจบแล้ว เรื่องที่มึงทำไว้ มันโดนลบไปหมดแล้ว”
“เห็นหน้ามึง กูไม่ทรมาน กูเดินผ่านพรมนั่นได้สบายๆ กูนอนหลับดี กูรักเขาได้ตามปกติ ไม่ต้องทำอะไรเพื่อกูหรอก”
“มึงอยากหลงแสงสีที่นี่ก็หลงไป อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อกูดิ ห่า!” ผมแกล้งด่าตบท้ายแล้วยิ้มให้มันนิดนึง แล้วก็จะมุดหัวเข้าห้อง แต่ไอ้แอมกลับดึงมือผมไว้ก่อน

“เจม...กูแค่รักมึง เท่านั้นแหล่ะ”

“อือ กูรู้ ไม่ลืมหรอก ไม่ต้องบอกซ้ำอีก”

“ขอบใจว่ะ”

“เรื่องไรวะ กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อมึงสักหน่อย”

“แค่ยิ้มเดียว ทักกูคำเดียว ก็ดีมากแล้ว”
“เก็บของไม่ไหวบอกกูนะ ของกูน้อย”


“อืม” ผมรับคำแล้วก็หันหลังให้แล้วเดินเข้าห้องไปจัดการเก็บของรกๆ ของผมต่อ


ไอ้เหี้ยแอม โกหกกูตลอด ของน้อยพ่อมึงสิ เยอะกว่ากูเท่านึงเลยเหอะ



ถึงวันกลับแล้ว ผมโทรหาแม่ตอนมาถึงสนามบิน บอกเวลาให้นางระลึกรู้อีกรอบว่าผมจะแลนดิ้งที่ไทยกี่โมง แม่บอกว่าจะมารับผมกับไอ้พี่จิวแล้วก็นายคฤณ ซึ่งก็ไม่พลิกโผผมนัก ก็ชีวิตผมไม่ได้มีใครมากมายนักนี่นา


ผมกับไอ้แอมร่ำลามาร์ค เจนนี่ที่ติดใจไอ้แอมชิบหายก็ลาด้วย เธอกลับไทยครับ ไม่ได้กลับเกาหลี บอกว่าขอแวะมาเที่ยว หาประสบการณ์ก่อน อีกอย่าง เธอก็มีพี่สาวบินไปบินมาไทยเกาหลีอยู่แล้วด้วย บอกว่าทำธุรกิจ ซึ่งผมก็เป็นคนแนะนำที่พักที่น่าจะเหมาะกับเธอให้ ส่วนจะอยู่นานแค่ไหนอันนี้ผมไม่ได้ถาม แต่ดูเหมือนเธอจะอยู่จนกว่าจะได้ครองใจไอ้แอม อืม ถ้าลงเอยกันนี่ผมควรไปงานแต่งมั้ยวะ?

การนั่งเครื่องกลับของผมจึงค่อนข้างเงียบ เพราะไอ้แอมเงียบ เพราะเจนนี่เอาแต่พูดๆ  ทันทีที่กินอาหารบนเครื่อง ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาหลับ หลับ และ หลับ

ภาพสุดท้ายที่ผุดขึ้นในหัวผม ก็คือใบหน้าแม่ พี่จิว และนายคฤณที่ยืนยิ้มรอรับผมอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ



“เจมกลับมาแล้วครับ” ผมอยากพูดคำนี้ใจจะขาด!


Cut





ฮูเล่ค่ะ >,<

ชีวิตมันก็มีหลายรสชาติ เนอะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 26-02-2013 01:48:15
ดีใจที่เจมผ่านวิกฤติไปได้อย่างสวยงาม เพราะความรักความเข้าใจของพี่หนึ่ง
ดีใจที่ไม่มีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นไปมากกว่านั้น

บรรยากาศที่พี่หนึ่งคุยกับเจม มันอบอุ่นมากเลย
เหมือนความรักของพี่หนึ่งมันอุ่นอบอวลจนรักษาความรู้สึกของเจมได้
ชอบมากๆเลย

ชอบประโยคนี้ด้วย

“เจมจะจำแค่พี่หนึ่งคนเดียว”

โหย มันแบบจี๊ดขึ้นมาเลย อุ่นใจ ยิ้มได้ทันทีเลย

สุ้ๆนะ รออ่านต่ออยู่นะ จุ๊บๆๆ เป็นกำลังใจให้เสมอน้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 26-02-2013 02:10:37
โฮยยยยยย ดีใจที่น้องเจมกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ
พี่หนึ่งนี่สุดยอดดดดดดด อยากได้โคลนนิ่งพี่หนึ่งซักคนอ่ะ
ว่าแล้ว พี่หนึ่งต้องเข้าใจและพยายามทำให้เจมดีขึ้น
อย่างงี้ซิถึงจะเป็นคนเดียวกัน ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน สุขก็สุขด้วยกัน โฮฮฮฮ รักพี่หนึ่ง ฮาาาา
หมาเจมกลับมาแล้วววววว  o13

ส่วนแอม ไม่อยากจะพูด แอมคงได้รับผลที่เค้าก่อแล้วล่ะ กล้าทำคนที่ตัวเองรัก ทำได้ยังไง เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-02-2013 03:07:43
 :z2:  รักพี่หนึ่งคร่าาา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 26-02-2013 10:28:27
เจมโชคดีมากๆ  ที่ได้คนรักแบบพี่หนึ่ง   
คนแบบพี่หนึ่ง หายากยิ่งกว่างมเข็มในแม็กม่าให้เปลือกโลกอีกนะเจม   
รักษาความรักของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆก็แล้วกันนะจ๊ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 26-02-2013 10:57:40
พี่หนึ่ง เป็นคนแสนดีอะไรอย่างนี้ เจมโชคดีมากที่มีคนแบบพี่หนึ่งอยู่ข้างๆ

ส่วนแอม ก็คงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตนะ (ยังไงก็โกรธไอ้นี่ไม่หาย)

หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 26-02-2013 11:40:21
เหมือนผ่านพายุลูกใหญ่เลย พี่หนึ่งโคตรเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ โอ้ยยยยยยเจมโชคดีมากๆเลย รักพี่หนึ่งตลอดไปนะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 23.1 - 25/02/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 03-03-2013 02:30:44
หายไปไหนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 04-03-2013 00:04:37
Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 24



แม่เหมือนเดิมเปี๊ยบ! อ้อ...ผมดำสนิทไร้หงอกแซมเพราะแม่ไม่คอยย่อท้อจะไปทำสีผม ไอ้พี่จิวก็ยังหน้าพิมพ์เดียวกับผมเหมือนเดิม

อะไรวะ! 1ปีนี่มีแต่ผมที่มีการเปลี่ยนแปลงงั้นหรอ?

"แม่ครับ!" ผมตะโกนเรียกหลังจากมองทั้งคู่เต็มตา จากนั้นก็วิ่งรี่เข้าไปกอดให้เต็มรัก ให้สมกับคิดถึง หน้าผากผมโดนไอ้จิวตีหลายแปะ ไอ้ห่าพี่จิวตีไปหัวเราะไป แล้วก็โอบผมกับแม่ไว้อีกที มันรับหน้าที่ลากกระเป๋ากลับเข้าบ้านอริยะกุลให้ผม

ส่วนผมเดินเกาะแม่บอกจุดยืนว่าจะเกาะแม่กินไปจนตาย ฮ่าๆๆๆ

"เหนื่อยมั้ยชายเล็ก"

"เมื่อยนิดนึงครับ แต่เจอแม่ เจอพี่จิวก็หายเลย สดชื่นมากกก" ผมย้ำกอดแล้วก็ซุกหัวซบบ่าแม่ แต่ก็โดนไอ้จิวงัดขึ้นมาแล้วตบหัวอีกแป๊ะ

"โอ้ย! เจมเจ็บนะจิว!"

"แม่กู!!"

"ก็แม่กูเหมือนกัน"

"อย่ามาอ้อนนะ ไปเสวยสุขคนเดียวตั้งปี กลับมายังสำออยอ้อน" ห่า!! ไอ้พี่จิวขี้อิจฉา! ผมทำหน้ากวนตีนใส่มัน แต่ก็ปล่อยแม่ไปกอดมันแทน ตบหลังมันป้าบใหญ่แล้วก็คลายออก

"อ้อนพี่จิวแทนได้มั้ยวะ"

"ส้นตีน!" ด่าผมก็หน้าแดง รู้หรอกน่า คิดถึงกูมากล่ะสิ! ผมยิ้มล้อมันแล้วก็เดินตามแม่กับมันจนมาถึงทางออก

"ตาหนึ่งว่าให้มารอประตูนี้ พี่เค้าไปเอารถตั้งแต่เห็นเจมเดินออกมาไกลๆ รอแป๊บนึงนะชายเล็ก”

"ครับ" อ้อ..ก็ว่าทำไมไม่เห็นนายคฤณเลย วันนี้เป็นสารถีนี่เอง ตื่นเต้นหมือนกันแฮะ



แต่ความตื่นเต้นของผมที่จะได้เจอหน้านายคฤณอีกครั้ง ณ สยามประเทศ ก็ถูกกลบโดยความตื่นเต้นเมื่อเห็นรถยนต์คันใหญ่จนควรจัดประเภทเป็นรถบรรทุกหมูที่เขาขับมา

คุณเขาใช้ซีตรอง จัมป์เปอร์เป็นราชรถครับ ใหญ่ชิบหาย!!!

“โอ๊ะ! รถใหญ่อ่ะ คันใหม่หรอ?”

“อื้อ กูก็เพิ่งเห็นวันนี้แหล่ะ ตูดกูมีบุญเพราะมึงเลยนะเจม” ไอ้จิวสารภาพความตื่นเต้นที่มันเองก็รู้สึก ผมจึงได้ยืนตาโตปากเม้มอยู่หน้าประตูรถ

“ขึ้นรถสิเจม” แม่เรียกแล้วเปิดประตูขึ้นไป ไม่มีใครลงมาเปิดให้หรอกครับ  ไอ้จิวลากกระเป๋าผมทั้ง 2 ใบไปเข็นขึ้นรถ แล้วค่อยมาดันตัวผมให้ขึ้นรถ ผมก็ยังคงงงๆ กับขนาดของมันอยู่ คนซื้อแม่งไม่เห็นใจรถเล็กๆ อย่างพวกมินิอย่างกรูบ้างหรอ? ขับตามตูดจัมเปอร์นี่ก็โลกดับกันพอดี

“ไง....” คำทักสั้นๆ มาจากคนขับครับ ผมหันมองแล้วเหวอกินเพราะไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนขับรถเอง นึกว่าจะให้พี่พลขับมาให้เสียอีก ผมส่งยิ้มให้นิดนึง แฮะๆ เขินแม่ หางตามันบอกว่าแม่จ้องอยู่ ยิ้มให้เขาแล้วก็นั่งข้างๆ แม่ ส่วนไอ้พี่จิวที่ถูกลืมนั่งเบาะหลังแม่อีกที

ระหว่างทางก็เหมือนช่วงทอล์คโชว์ของผมนั่นแหล่ะ แม่ถามแค่ว่า “เป็นยังไงบ้างชายเล็ก สนุกมั้ยหนีแม่ไปอยู่คนเดียว”

เรื่องราวที่ผมเล่าก็มาจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมเอมใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง
ความลำบากด้านเนื้อหาที่ผมต้องทำ วิธีการอบรมที่มาหินเอาช่วงท้าย ถูกถ่ายทอดผ่านสีหน้าเปื้อนยิ้มของผม แม่จะได้เข้าใจว่าผมเจอเรื่องลำบาก แต่ก็มีความสุขดี

ส่วนเรื่องที่มันเป็นจุดด่าง ผมไม่ได้เอ่ยปากพูดถึง

“ตาหนึ่งบอกแม่ว่าเจมไม่ค่อยทำอะไรกินเองก็เลยผอมลง เจมนี่ล่ะน้า” หม่อมแม่บ่นเรื่องสุขภาพของผม ผมก็เลยทำหน้าหงอยๆ รับความผิด และได้รางวัลเป็นอาหารมื้อหนักทั้งเดือนนี้ที่แม่บอกว่า “จะบอกป้าพิศแกให้ทำแต่ของชอบเจมนะ”

ถึงบ้านแล้วครับ อบอุ่นเหมือนเดิม
ผมวิ่งขึ้นห้องนอนซึ่งเป็นมาตุภูมิสำคัญของผมเป็นลำดับแรก
ห้องผมได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี ผ้าปูก็เปลี่ยนให้ กลิ่นใหม่มันฟ้อง คนทำให้ผมทุกอย่างก็คงไม่พ้นแม่ที่มายืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู ผมตื้นตันจริงๆ เลยเดินไปกอดเพื่อบอกขอบคุณกับอก แล้วก็ลั้ลลาทุ่มตัวลงบนเตียงที่ผมหวงแหน

ในใจผมร่ำๆว่า “กูกลับมาแล้ว กูได้กลับบ้านแล้วโว้ยยยยยยยยย”





กว่างานจะเข้าที่ก็ปาเข้าไปเดือนที่ 2
วันที่ผมมาทำงานวันแรก มีงานเลี้ยงต้อนรับผมด้วย
งานเล็กๆ ครับ แค่นัดพี่ๆ ในโต๊ะเดียวกันไปกินมื้อเย็นกัน นายคฤณเองไม่ขัดขวางอะไร และไม่ได้ตามไปด้วย ซึ่งก็ดีมากครับ ชีวิตผมมันควรเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียวใช่มั้ยล่ะ?

แต่พอมางานเลี้ยงใหญ่หน่อย ที่พี่ปูเลี้ยงให้ นายคฤณไปส่งที่ร้านอาหารและรอรับกลับ เขาไม่ได้เข้าไปร่วมงาน ไม่ได้โผล่หน้าไปให้ใครเห็นเลย ทำตัวเป็นนอกสุดๆ และสาเหตุที่เขาไปส่งและรอรับก็เพราะว่า ไอ้แอมก็มาร่วมงานเลี้ยงนี้ด้วย

มันดูจะวางตัวห่างจากผมมากขึ้น เวลาโดนถามเกี่ยวกับตอนที่อยู่อังกฤษด้วยกัน มันจะตอบเฉพาะส่วนของมัน ไม่แตะต้องส่วนของผม แต่เรื่องที่มันตอบก็ทำให้ผมรู้ว่ามันยุ่งกับผมมาก และมันก็สามารถรวมอัลบั้มภาพถ่าย eye’s of London ในมุมของมันเองได้ด้วย ไอ้ห่านี่ซุ่ม!

ส่วนผมก็บอกเล่าเฉพาะที่มันเกี่ยวกับการอบรม แม้จะโดนแซวจนหน้าเหวอว่า “ได้ข่าวมีใครแวะไปหาด้วยนี่” อืมมม แซวเล่นกันใช่ป่ะ? ไม่ได้รู้อะไรมาใช่มั้ยวะ?

ผมไม่ได้แคร์เท่าไหร่ว่าใครจะรู้หรือไม่รู้สถานะระหว่างผมกับนายคฤณ แต่ผมยอมรับว่าผมแคร์สถานะทางสังคมของเขา แม้ปากเขาจะบอกว่าไม่แคร์ แต่มันก็น่าหงุดหงิดเวลาที่ต้องได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดถึงคนใกล้ตัวผม

วันนี้ก็เหมือนกัน
ผมนั่งมองนักข่าวมากมายจอแจกันในห้องแถลงข่าว
บริษัทที่จัดงานแถลงครั้งนี้ก็คือยักษ์ใหญ่รับเหมา ประเด็นหลักวันนี้คือแต่งตั้งเอ็มดีใหม่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ
นายคฤณ ธีระเสถียร ทายาทคนเดียวของป๋าคณิณ ธีระเสถียรนั่นแหล่ะ

เขามาถึงโรงแรมแล้ว มาพร้อมกับผม แต่ผมมาที่ห้องแถลงก่อน ส่วนเขาก็ทำตามคิวที่พีอาร์จัดเอาไว้

งานเปิดตัวเขาไม่อลังการมาก เพราะนายคฤณขอแบบเป็นกันเอง แต่เน้นประเด็นเหนาะๆ
และตอนนี้เขาก็กำลังพูดเรื่องแผนงานหลังจากเขาก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอว่าจะผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างไร

“หล่อ เก่ง รวย นิสัยดีแบบนี้ คงไม่เหลือแล้วมั้ง” ใครสักคนพูด ผมไม่ค่อยได้คลุกคลีกับนักข่าวรายวันมากนักก็เลยไม่รู้ว่าคนพูดคือใคร ครั้นจะหันไปมองก็ดูจะสนใจเกินไปนัก

“ไม่เหลือหรอก เขามีเจ้าของแล้ว”

“เธอรู้มั้ยว่าใคร เขียนซุบซิบได้มั้ยเรื่องหวานใจเขาเนี่ย”

“เปรี้ยวใจมั้ง แว่วว่าเขาควงหนุ่ม”

“เขาเป็นสาวหรอเธอ?!”

“เขาไม่ได้เป็นสาว เขาเสือสองสิ่งสิไม่ว่า หนุ่มที่เขาควงล่ะมั้งที่เป็นสาว” กูป่ะ? หมายถึงผมใช่มั้ย? เขาไม่ได้ควงใครนะ แต่กับผมเขาก็ไม่ได้ควง แค่เดินจับมือยังไม่ค่อยได้ทำ เพราะผมพูดบ่อยว่าเจมไม่ได้ง่อยนะครับ ผมค่อยๆ ตะแคงหน้าหันมอง 2 สาวที่เมาท์กันจนหัวติด พอเห็นมีคนหันมอง พวกเธอก็ส่งยิ้มอายๆ ให้ผมดูแล้วก็คุยกันต่อ และเสียงก็ไม่ได้ลดระดับลงเลย

“เสียดายเนอะเธอ”

“เสียดายทำไม ต่อให้เขาไม่ใช่ หรือชอบผู้หญิงโอนลี่ เขาก็ไม่แลเธอ!”

“งี้แสดงว่าหนุ่มคนนั้นของเขาต้องโคตรเลอค่าอ่ะ ไม่งั้นจะเอาอะไรมางัดข้อกับชะนีล้วนๆ อย่างเรา”

“กล้าคิดนะยะ” เลอค่าหรอ? เปล่าเลย ผมแค่คนธรรมดาเท่านั้น

ผมกลับมาสนใจสิ่งที่นายคฤณกำลังพูดบนเวที น้ำเสียงเขาน่าฟังมาก นุ่มๆ พูดอย่างค่อยเป็นค่อยไป บอกเป้าหมาย อธิบายแผนงานและความเป็นไปได้ที่แผนจะสำเร็จ เขาเก่งมาก เขาดีมาก

ส่วนผม ก็แค่คนธรรมดาเท่านั้น


งานบนเวทีจบก็มีถามต่อกันนอกรอบตามสไตล์ พี่เก๋พีอาร์เดินมาหาผมแล้วจับไหล่ไว้ก่อนกระซิบถาม

“สัมภาษณ์เดี่ยวมั้ยเจม เดี๋ยวพี่ขอเวลาให้”

“อ๋อ...ก็ดีครับ แต่เขาก็พรุนแล้ว เจมคงต้องหามุมใหม่เขียนเอา”

“งั้นเดี๋ยวพี่เช็คตารางคุณหนึ่งให้นะ ว่างเมื่อไหร่จับใส่พานไปให้เจมเลย”

“ครับ” ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็ยืนอ่านเพรส (ข่าวแถลง) ที่ได้รับมาตั้งแต่ต้นงานไปเรื่อยๆ มีบ้างที่เงยหน้ามองเขาที่ยืนเป็นไข่แดงโดนล้อมด้วยนักข่าวสาว

“แล้วตกลง คุณคฤณโสดหรือไม่โสดกันแน่คะเนี่ย หลายกระแสเหลือเกิน”

“ถามตรงๆ แบบนี้เลยหรอครับ?” เขาตอบแล้วหันมองทางผม จะรู้มั้ยนะว่าอยู่ตรงนี้ผมก็ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็ห้องแถลงข่าวมันเก็บให้เสียงวนเวียนอยู่ภายในห้องนี่แหล่ะ

“แปลว่าต้องตอบตรงๆ ด้วยค่ะ อย่าโกหกนะคะ ติดโผหนุ่มโสดน่าซดซะขนาดนี้ ตอบว่ามีแฟนแล้วนี่เงิบทั้งประเทศนะคุณคฤณ”

“ฮ่าๆๆ ตกลงจะให้ตอบว่าโสดอย่างเดียวใช่มั้ยครับ?” เขาถามกลับแล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่ม สายตาแม่งโคตรล่อลวงหัวใจเลยเถอะ ผมแอบขำนิดๆ แล้วก็ยืนฟังเขาเลี่ยงหลีกไปเรื่อยๆ แต่พอโดนซักหนักๆ เข้า เขาก็พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“มีแล้วครับ ไม่โสดมา 2 ปีแล้วครับ”

“ใครคะเนี่ย บอกกันได้รึเปล่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่”

“เขาขี้อายครับ”

“มีแพลนแต่งงานกันมั้ยคะเนี่ย?”

“ให้แหวนเขาไปแล้ว จองไว้ ไม่รู้เขาว่าไงครับ”

“โหยย ต้องสวยมากแน่เลยใช่มั้ยคะ? น่าอิจฉาแฟนคุณคฤณจังเลย รีบแต่งเลยค่ะ”

“ปล่อยให้ธรรมชาติพาไปดีกว่า ผมรักเขา เขารักผม แต่งไม่แต่ง ไม่สำคัญเลยครับ”

“พูดแบบนี้ผู้หญิงใจแป้วแย่ ใครๆ ก็อยากใส่ชุดแต่งงาน” นายคฤณเคลื่อนตามองผมครู่นึงก็ทำไก๋มองไปรอบๆ แล้วก็อมยิ้ม

“ไม่ใส่ชุดแต่งงานก็แต่งงานได้ครับ ผมไม่ถือ” พูดจบก็หัวเราะแล้วผงกหัวขอตัวกลับเพราะตอบคำถามจนไร้เรื่องที่เป็นสาระเกี่ยวกับงานบริษัทแล้ว

เรานัดกันที่รถของเขาเช่นเดิม ผมลาพี่พีอาร์ที่รู้จัก พยักหน้าให้เพื่อนนักข่าวรายสัปดาห์ที่คุ้นเคยกันมากกว่ารายวัน แล้วก็เดินลงไปรอที่เขาที่รถ

เบนซ์สปอร์ตกลับมารองรับตูดผมอีกครั้ง ขอบคุณโลกมากที่เขาไม่บ้าขับยักษ์ซีตรองให้ผมผวากับขนาดมันอีก เป้าหมายของผมกับเขา เรามุ่งไปที่ระยองครับ

เพราะเขาเหนื่อยกับการทำงานมากๆ และผมก็เพิ่งเริ่มจะเข้าที่กับเรื่องงานของผม เราก็เลยเพิ่งว่างตรงกันวันนี้

“เหนื่อยมั้ยครับ?” ผมถามเขาทันทีที่เปิดประตูขึ้นรถ นายคฤณส่ายหัวบอกแล้วก็ยิ้มบางๆ

“ให้เจมขับให้มั้ย?”

“ไม่เอาครับ เดี๋ยวคนมองแล้วขับตามเจมอีก” ฮ่าๆ เรื่องนี้มีประวัติครับ ผมโดนผู้หญิงขับรถตามแล้วมาขอเบอร์ที่ปั๊ม พอบอกเขาเท่านั้นแหล่ะ นายคฤณก็ไม่ให้ผมขับรถเองอีกถ้าไม่จำเป็น โถๆๆ ทำยังกับว่าเขาขับแล้วจะไม่มีหญิงใดมองอีก

เขาหันไปหยิบๆ จับๆ อะไรด้านหลังรถ แล้วก็ได้ขนมป๊อกกี้มาประทังชีวิตผม พร้อมกับน้ำอัดลมรสส้ม

“แก้หิวก่อนนะ กลางวันนี้กินอะไรดีครับ กว่าจะถึงระยองก็ค่ำ”

“แล้วแต่พี่หนึ่งเลย” ผมบอกแล้วก็รวบป๊อกกี้เข้าปากทีละ 5 แท่ง เขาถามผมว่าหิวมากหรอ ผมก็บอกเปล่า แล้วก็รวบป๊อกกี้อีก 5 แท่งเข้าปาก เขาคงรู้แล้วแหล่ะว่าผมหิวมากน้อยแค่ไหน

มื้อกลางวันแสนธรรมดาของผมกับนายคฤณ เกิดขึ้นในปั๊มที่เขาแวะเติมน้ำมันประจำครับ ดีว่ามีสาขาแบล็คแคนยอนมาเปิดที่ปั๊มนี้ เขาก็เลยพาผมกินข้าวมันไก่ข้างๆ อย่าถามว่าผมเอ่ยถึงแก่งดำทำไม ก็เขาพาผมเดินผ่านแล้วพูดว่า “มีร้านนี้ด้วย ดีเนอะ กินข้าวมันไก่มั้ยครับเจม”

เบ็ดเสร็จกันในปั๊มก็เดินทางต่อ รอบนี้ผมขับครับ ความเร็วที่ผมเหยียบคงทำให้เขาหงุดหงิด ถึงได้เปลี่ยนคลื่นวิทยุอยู่บ่อยๆ ราวกับคนว่างจัด ไม่มีอะไรทำ

ผมผ่านด่านตรวจที่เคยโดนสกัดด้วย ก็เลยถือโอกาสเล่าเรื่องที่เคยโดนสกัดจับให้เขาฟัง นายคฤณหัวเราะตัวงอแต่ก็ยิ้มปลื้มตามสไตล์แหล่ะครับ

“ห่วงพี่มากหรอครับ”

“ก็ต้องห่วงสิครับ” ผมตอบแล้วหันไปทำหน้าดุใส่ อยากจะถามเพิ่มว่ามีสิทธิ์ไรมาสงสัยในความรู้สึกผม ผมทำตัวให้เขารู้สึกว่าไม่ได้รับความห่วงใยหรอ ก็ไม่นะ

นายคฤณหัวเราะแล้วยกมือลูบท้ายทอยผม แล้วก็ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้โน้มหน้าผมไปหอม ไอ้เชี่ยพี่หนึ่ง!!! ขับรถอยู่นะ!

“เฮ้ยย! เล่นแบบนี้อันตราย!!”

“พี่มองกระจกหลังแล้ว ไม่มีรถตามมาเลย ไม่มีใครเห็นหรอก”

“ไม่ได้กลัวใครเห็น เกิดเจมขับเป๋ตกทางด่วนเล่า!”

“โอ๋ๆๆๆ พี่หนึ่งขอโทษครับ ก็หน้าเจมมันน่าฟัดนี่นา”
“เดี๋ยวลงทางด่วนแล้วพี่ขับเอง”

“มุกนี้ตลอดเหอะ!”

“พี่หนึ่งขอโทษนะครับ” เขาย้ำคำแล้วยื่นมือมาลูบท้ายทอยผมอีกแล้ว เสียววูบเลยครับ ผมทำคอแข็งแล้วฝืนตัวออกห่าง ปากก็ขู่ไว้ก่อนว่า “ไม่เล่นแล้วนะพี่หนึ่ง เจมขับรถ!”

“ไม่เล่นไง ไม่เล่น เดี๋ยวถึงบ้านค่อยเล่นเนอะ” เนอะแนะอะไรเนี่ย ระยะหลังนี่ลดวัยเยอะจริงไรจริง ผมเหล่มองสำรวจ เบาใจได้นิดนึงว่าเขาคงไม่แกล้งอะไรผมอีก และอารามหมั่นไส้ท่านั่งแสนสบาย กางแข้งกางขา ผมเลยแกล้งเหยีบบปู้ดเดียวถึง 140 รถก็วิ่งฉิวทันใจ ทำเอานายคฤณร้อง “เฮ้ย!” เพราะตั้งตัวไม่ทันทันที

ฮี่ๆ กูเล่นบ้างแล้วเป็นไงล่ะ ตกใจใช่มั้ย? เข้าใจความรู้สึกกูยังเนี่ย?


เป้าหมายมีเอาไว้พุ่งชน แต่ประตูรั้วกับคนชนไม่ได้นะครับ
ผมรีบยกขาหน้ากะเก็งจะถีบหน้ารถผมทันทีที่นายคฤณเร่งเครื่องยนต์ใส่ วันนี้แกล้งกันหนักชิบหาย สงสัยจะหมั่นไส้ผมมาก

“ไอ้พี่หนึ่ง!”

“ครับ ครับ ไม่แกล้งแล้ว” น่าเชื่อชิบหายล่ะ ผมเดินเข้าบ้านไปก่อน กูไม่บ่งไม่โบกหรือดูระยะให้แล้ว บ้านก็บ้านเขา ผมมาแค่ 2 ครั้งเอง

แต่พอเข้ามาในบ้านที่ไม่ได้ล็อคกุญแจนี่อิ้งแดกไปเลยครับ
เฟอร์นิเจอร์ใหม่นี่คืออะไรววะครับ?
ที่คอนโดเขาก็เปลี่ยนยกชุดไปแล้ว ที่บ้านนี้ที่ไม่ได้มาบ่อยมากก็เปลี่ยนหรอ?
จะมีอะไรเปลี่ยนอีกมั้ย? เปลี่ยนใจจจากที่เคยรักกูเลยมั้ยเนี่ย?

“ชอบมั้ยครับ?”

“หือ? ถามเจอหรอ? เจมยังไงก็ได้”

“พี่คิดว่าเจมจะชอบ เอาจริงๆ ก็ อยากให้เจมชอบ” แล้วหน้าแดงทำไม? เขินอะร๊ายยยยยยย?  นายคฤณยกมือลูบหัวตัวเองไปมา ผมก็สั้นกุดกว่าผมอีก แต่ข้างหน้ายังสามารถเซตตั้งๆ บังทิศทางลมได้อยู่

“นี่พี่หนึ่ง ทำให้เจมหรอครับ?”

“อือ ดีมั้ย?”

“ที่คอนโดด้วยหรอ?”

“ก็..อือ ก็เจมไม่น่าจะชอบห้องที่มีคนอื่นเข้าไป”
“พี่ยังไม่ชอบบ้านที่อังกฤษเลย” อืม วิเคราะห์พื้นฐานความรู้สึกได้ตรงเป๊ะมาก แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยนโฉมบ้านนี้ด้วยหรอ?

“แล้วที่นี่ล่ะครับ?”
“เปลี่ยนทำไม เจมมีความทรงจำที่ดีที่นี่นะ”

“แต่ลูกแพรมาที่นี่ เจมไม่ชอบนี่ครับ”

“กับคุณลูกแพร เจมไม่คิดอะไรหรอกครับ แล้วเธอก็จากไปแล้ว อีกอย่างเธอก็เป็นน้องสาวที่พี่หนึ่งรักนี่นา อย่าห่วงเลย”

“ห่วงไปแล้ว เจมเคยติดใจเรื่องนี้นี่นา แสดงว่ามันเป็นสิ่งที่เจมให้ความสำคัญ พี่ก็ให้ความสำคัญ”

ละเอียดอ่อนชิบหายล่ะนายคฤณ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินดูของใหม่รอบบ้าน ในห้องนอนก็เปลี่ยนด้วย
ในห้องนอนของเขาก็เปลี่ยนเหมือนกัน ตู้เสื้อผ้าที่ผมเคยแอบเข้าห้องมาแล้วค้นเจอเรื่องของเขาตอนเด็กๆ ที่ผมเคยลืมไป ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย ไม่มีชุดเดรสผู้หญิงในตู้นั้นแล้ว มันแทบไม่มีอะไรให้ผมสงสัยในตัวเขาเลย

ความจริง เขาไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้
ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนสิ่งรอบตัวเขา เพื่อตัวผม
2 ปีที่เขาดูแลผม บอกทุกอย่างกับผมหมดแล้ว และผมก็คำบอกกล่าวที่ไร้เสียงพวกนั้นไปแล้วด้วย

เขารักผม นายคฤณรักผมจริงๆ
เขารักเขาห่วงของเขาอย่างที่ปากเขาว่าจริงๆ นั่นแหล่ะ

“เจมครับ กินปูอีกมั้ย? ไปหาซื้อกัน”

“ไปครับ” ผมตอบรับทันที นึกล่วงหน้าถึงตอนปั่นจักรยานไปท้ายหาดแล้วหาซื้อปู กุ้ง ปลาหมึกจากพ่อค้าแม่ค้าที่หมู่บ้านชาวเลก็อารมณ์ดีแล้ว

ยัยคิตตี้ขี้ติสยังครองบ้านนี้อยู่ แต่ในโรงรถของเขาก็มีดูคาติสีเหลืองเพิ่มขึ้นมาด้วย เรียกได้ว่าเด่นสุดๆ  เมื่อยืนคอเอียงเรียงเป็นตับร่วมกับเจ้าดำกลุ่มเดิมทั้งหลาย

เขาปั่นจักรยานไม่เร็วนัก ทำให้ผมปั่นตามได้ไม่เหนื่อย สายลมระริ้วแก้มผมอยู่ไม่ขาด แสงแดดยามเย็นไม่ส่งความร้อนมากระทบผิวผมแต่อย่างใด

ทุกอย่างในวันนี้ทำให้ผมอารมณ์ดีได้เหมือนกับวันนั้น วันแรกที่ผมมาที่นี่ วันที่เขาพาผมมาพักผ่อนที่ชายทะเลแล้วพูดกับผมว่า  "ขอบคุณครับ ที่ไว้ใจมากับพี่"

ผมรู้แล้วว่าเขาขอบคุณคนที่ไว้ใจความรักของเขาด้วยวิธีไหน เข้าใจแล้วว่ารูปร่างคำว่าขอบคุณของเขาเป็นยังไง

ผมเองก็ขอบคุณนายคฤณมากๆ เหมือนกัน


“พี่หนึ่ง พักก่อนได้มั้ยครับ?” ผมเอ่ยเรียก และเขาก็ชะลอความเร็วทันที

ต้นอะไรก็ไม่รู้ที่เราพิงจักรยานเอาไว้ ผมเดินมาที่หน้าหาดทราย เม็ดละเอียดของมันทำให้ผมไม่ลังเลที่จะนั่งลงแช่ก้น นายคฤณนั่งลงข้างๆ แต่เขาโชว์เหนือด้วยการเหยียดขาไปข้างหน้าเต็มเหยียด และแน่นอนว่าขาเขายาวกว่าขาผม อีโธ่! แค่นี้ก็ต้องเกทับ ชิ!


พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ อยากจะติดเบรกให้คุณเขาจริงๆ เหตุผลน่ะหรอ? ก็ผมยังต้องการสักขีพยานอยู่นี่นา

“พี่หนึ่ง”

“ครับ? วันนี้เรียกบ่อยนะเรา รักพี่มากหรอ?”

“เจมไม่ใช่แม่นาคซะหน่อย”

“ก็กล้าเล่น” แขว่ะผมนะ แต่ก็หัวเราะขำ ผมก้มหน้าหลบอาย ข่มได้ก็ล้วงบางอย่างมาจากกระเป๋า


สารภาพเลยแล้วกัน
ผมเตรียมเซอร์ไพรส์มาด้วย

ตอนที่เขาชวนผมมาระยองหลังจากจบงานแถลงข่าวรับตำแหน่งซีอีโอของเขา ผมก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
แหวนที่เขาเคยทำให้ผม แหวน “ความรักของที่หนึ่ง” คืนสู่นิ้วผมตั้งแต่ผมทำความเข้าใจเรื่องยัยตัวหนังสือ แต่ตอนอยู่ที่อังกฤษ ผมไม่ค่อยได้ใส่ติดตัวหรอกครับ เพราะบางทีออกไปข้างนอกมันต้องใส่ถุงมือ มีอะไรมาครอบมือผมเยอะแยะมากมายแล้วมันพาลหงุดหงิด ผมเลยถอดเก็บไว้ นึกได้ทีก็จะเอาออกมาใส่แล้วอวดแบบแอบๆ ให้เขาเห็น ป้องกันคนน้อยใจครับ

และวันนี้ แหวนของผมก็ควรอยู่บนนิ้วเขาเสียที
อย่าคิดว่าผมใช้อัฐคุณนายวันระพี ซื้อแหวนคุณนายวันระพีล่ะ
ผมซื้อเคาน์เตอร์อื่นครับ ไม่ใช่ไม่ชอบแหวนร้านแม่ แต่ผมอาย แล้วผมก็อยากให้เป็นความลับ อยากให้เขาเป็นคนแรกที่เห็นมัน ยิ้มให้มัน และดีใจที่ได้สวมใส่มัน

“พี่หนึ่ง”

“ครับ ครับ เริ่มสงสัยแล้วนะว่าเรียกทำไม” นายคฤณหันหน้ามาหา แสงส้มสาดกระทบข้างแก้มเขา ลำแสงบางๆ ส่องกระทบม่านตาจนสีดำขลับแปรเปลี่ยนอารมณ์ไปบ้าง แต่ก็ยังน่ามองอยู่ดี

“เจม...อยากขอบคุณ ที่พี่หนึ่งรักเจม จริงๆ”
“อ่ะ ให้”
โรแมนติกแล้วใช่ป่ะ?

บอกแล้วไงว่าข้อดีที่สุดของผมคือพูดตรงๆ เข้าเป้า เรื่องโรแมนติกนี่ห่างไกลกันมาก

นายคฤณมองแหวนที่จิ้มหน้าอกเขา ตอนนี้แสงส้มก็ไม่ช่วย เพราะหน้าเขาแดงแป๊ดขึ้นมาทันที เขายกกำปั้นขึ้นบังปาก แต่ผมก็เห็นได้ดีว่าเขายิ้มอยู่

“ไม่รับหรอครับ?” ผมถามเสียงแผ่ว อย่ามาทำกูหน้าแตกตอนนี้นะ หนีลงทะเลไปอยู่กินกับผีเสื้อสมุทรจริงๆ ด้วย!

“สวมให้พี่สิ”
“นี่เจมขอพี่แต่งงานหรอ?”

“บ้าเหอะ! ไม่ได้ขอแต่งงาน เจมแค่...แค่แลกแหวนเอง”
“ก็พี่หนึ่งให้ยังให้เจมได้เลย”

“โธ่เอ้ย! โรแมนติกหน่อยก็ไม่ได้”
“แต่พี่อยากให้เจมใส่นะ หมาเจมใส่ให้พี่หนึ่งทีนะครับ” อ้อนตีนนะเรา เรียกกูหมา ควรค่าแก่การบรรจงสวมแหวนให้มาก

ผมแกล้งส่งเสียงรำคาญ แต่ก็ดึงนิ้วเขามาสวมแหวนให้ สารภาพว่าตอนซื้อก็ไม่รู้ไซส์ เดาไม่ถูกเหมือนกัน เพราะงั้นทุกนิ้วก็ต้องเป็นหนูทดลองหมด

บิงโก!! ใส่ได้ที่นิ้วชี้พอดี เข้ากับเขาดีนะ นายคฤณจอมบงการ ทุกวันนี้กางเกงในผมก็ต้องเป็นยี่ห้อที่เขาชอบ ซึ่งจริงๆ มันก็ยี่ห้อเดิมที่ใส่อยู่ดี

“สลักอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ครับ เกลี้ยงลาย”
“เจมชอบแบบนี้นี่” หน้าบูดเป็นตูดหมูเลย แต่ก็แค่วูบเดียว นายคฤณดึงมือตัวเองไปมองใกล้ตา เขาจูบแหวนบนนิ้วตัวเองเบาๆ หูวววว เล่นเอาผมใจเต้นเลย นี่แหวนกับผมสื่อจิตผูกวิญญาณกันรึเปล่าวะเนี่ย?

“พี่หนึ่ง”

“ครับ”

“รักเจมไปเรื่อยๆ จะลำบากมั้ยครับ”
“เจมหมายถึง ขอให้พี่หนึ่ง รักเจมไปเรื่อยๆ”
“ตลอดไปมันดูอลังการไป เจมไม่คาดหวังขนาดนั้น เกิดตายจากกันไปจะไม่หลุดพ้นสักที”
“เจมแค่อยากให้พี่หนึ่งรักเจมไปเรื่อยๆ เหมือนที่เจมจะรักพี่หนึ่งไปเรื่อยๆ”

“พี่จะรักเจมไปเรื่อยๆ ครับ พี่หนึ่งสัญญา”

“เจมไม่สัญญาได้มั้ย? เกิดตาย....”

“เจม เพ้อเจ้อน่า”
“นี่เราสัญญารักกันอยู่นะ ทำไมต้องพูดตายอะไรเยอะแยะ”
“เอาใหม่ ลบๆๆ”

“ลบได้ไง ก็พูดไปแล้ว แล้วเจมก็ไม่อยากผูกสัญญานี่นา”
“มันเหมือนต้องการคำการันตี”
“เจมจะไม่ว่าอะไรเลย ถ้าพี่หนึ่งเจอคนที่ทำให้พี่หนึ่งมีความสุขมากกว่าอยู่กับเจม”
“เราเชื่อใจก็พอครับ”

“ครับ แต่พี่รักเจมตลอดไปได้จริงๆ นะ”

“ก็ไม่อยากให้พูดว่าตลอดไปนี่นา”

“เจมนี่น้า!” เขาบ่นแล้วก็ผลักหัวผมเบาๆ แต่พอผมเอียงออกห่างเขาก็ดึงผมไปกอดจนหน้าผมจมอกเขา


พระอาทิตย์ยังห้อยตัวอยู่ที่ปริ่มขอบฟ้า

แสดงว่าคำสัญญาของเขามีสักขีพยาน งี้ก็ต้องมีผลตามกฎหมายสินะ อ่ะ! แต่ผมไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกนะ แต่ก็ยอมรับว่านึกภาพตัวเองยามไม่มีนายคฤณไม่ออกเหมือนกัน

“คุณคฤณครับ” ผมเรียกเขาแบบเป็นทางการ นายคฤณหัวเราะก้องเพียงในลำคอแล้วก็ขานรับ

“ครับ ชานนท์”

“ผมรักของผมมากนะ รักผมมากๆ ด้วยนะครับ”

“ได้ครับ ชานนท์”


ยิ้มของผมตอนนี้ สะท้อนความสุขได้เปล่งปลั่งกว่าแสงอาทิตย์ฉ่ำๆ มากครับ เชื่อเถอะ


ความรักของผมไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่ารักของใคร
แต่ความรักของนายคฤณใหญ่มาก หนักแน่นมาก จริงจังมาก แต่ก็อ่อนโยนมากเช่นกัน
เขาให้ผมและผมรับไว้ และเขาก็ใช้ความรักของเขาสอนผมในหลายๆ สิ่ง
ผมได้เรียนรู้การรักใครสักคนจากใจจริง เรียนรู้ที่จะผลักความเจ็บปวดออกไปเพื่อรักใครคนหนึ่งต่อไป
ยอมทิ้งสิ่งที่เคยเป็นในอดีต เพื่อก้าวเดินไปพร้อมใครสักคนได้อย่างมีความสุขขึ้น
และยอมไม่กังวลถึงอนาคต ไม่แคร์โลกแสนกว้างที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และความคาดหวัง...

เพื่อรักตอบใครสักคน ที่ชื่อว่า คฤณ



END





 
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านจนจบนะคะ ได้มาลงฟิคที่นี่ได้ประสบการณ์หลายอย่างเลยค่ะ


 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 04-03-2013 00:22:55
ฮือออออออที่หายไปเพราะว่าตอนนี้จบแ้ล้วสินะ ฮือออออ
ชอบเรื่องนี้นะ อย่าลืมมีตอนพิเศษน้า ><
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-03-2013 00:29:44
จบแล้ววว  :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-03-2013 00:56:28
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

Happy Ending สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-03-2013 01:05:09
หายไปนานกลับมาก็จบแล้วT_T
สนุกมากๆค่ะตามอ่านตั้งแต่ตอนแรกยันตอนสุดท้าย
แม้จะมีดราม่าประปรายแต่ก็สนุกอยู่ดี
ขอตอนพิเศษด้วยนะคะอยากหวานไปกับคู่นี้ฮ่าๆ

เอ่ออออออ... ไม่อยากให้จบเลยค่ะแงงง
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-03-2013 01:18:37
 :กอด1:  อร๊ายยยหมาเจมกะพี่หนึ่ง จ๊วบๆ 


ขอตอนพิเศษด้วยสิคะ อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 04-03-2013 01:25:04
แอร๊ยยย จบซะแล้ว ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ
เราชอบเรื่องนี้มากๆอ่ะ  ถูกใจสุดๆ
ชอบความรักของพี่หนึ่งกับเจม  อาจจะดูไม่มีอะไรแต่ยิ่งใหญ่อ่าาาาา  ชอบบบบบบบบบ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ  อยากอ่านตอนพิเศษ  อย่าลืมนะคะ  555 
รอผลงานเร่องใหม่ด้วยยย  ^^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 04-03-2013 01:56:00
จบแล้วหราเนี้ย ไม่อยากให้จบเลยอะ พี่หนึ่งเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยอะ ดีที่ทำให้เจมกลับมาเหมือนเดิมได้อะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 04-03-2013 02:21:07
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกหนึ่งเรื่องนะคะ
มึทั้งขำ ซึ้ง เศร้า สนุกจริงๆค่ะ
จะรอติดตามผลงานชิ้นต่อไปนะคะ   อ้อ ตอนพิเศษด้วยนะ  :man1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-03-2013 05:21:27
แง๊วววว  จบเร็วจังเลยค่ะ 
ตอนจบหวานได้ใจมากกกกกก   ทำเอาทะเลเค็มไปเลย
ยังไงก็ขอตอนพิเศษอีกสักสองสามตอนด้วยนะคะ  อิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-03-2013 15:58:12
น่ารักมาก!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 04-03-2013 18:37:36
จบแล้ว คงคิดถึงหมาเจมกับนายคฤณไปอีกนาน
ได้เห็นมุมมองความรักที่สวยงามอีกมุมหนึ่ง จนทำให้อิจฉาและอยากรู้จักรักธรรมดาๆแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 04-03-2013 20:48:17
เราชอบมากเลย ขอบคุณนะคะ
เป็นเรื่องที่ดีจริงๆ

 :กอด1:



หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 04-03-2013 20:50:16
รักเรื่อยๆ...
ชอบอีกแล้ว คำนี้
อบอุ่น ชายทะเลยามอาทิตย์ตกดิน
บรรยากาศของความสุขอวลไปทั่วเลย
อ่านช่วงท้ายๆละก็ยิ้ม
ดูเนิบๆ เวลาเดินช้า ค่อยๆซึมซับคำพูด ความรู้สึกดีดีเอาไว้

ขอบคุณน้าที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านแบบนี้
ขอรอเรื่องต่อไปได้มั้ย เอิ้กๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 05-03-2013 16:01:28
อ่านรวดเดียวจบ แล้วเม้นทีเดียวเลย
มีทั้งหวาน เศร้า ซึ้ง เคล้าน้ำตา (ปาดกันไปหลายรอบ)
แต่เพราะมีพี่หนึ่ง ผู้ชายสุดเพอร์เฟ็กอย่างเขานี่แหละ
โลกแห่งความเหงาหรือ  โลหแห่งความเศร้างั้นเหรอ
ไม่มีแน่
พี่หนึ่งทำให้คนอ่านมีความสุขกับรักละมุ่นอบอุ่นหัวใจมากเลย
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ให้อ่านกันนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: nongrak ที่ 05-03-2013 17:09:55
เห็นลงว่าจบ เลยขออ่านตอนจบก่อน จบแบบมีความสุขชอบบบบบ
พรุ่งนี้จะมาเริ่มอ่านแต่ต้นนะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 05-03-2013 22:59:58
สนุกมากเลยค่ะ เรื่อยๆ แต่อบอุ่นมากๆ ชอบบบบบบบ อยากอ่านตอนพิเศษ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-03-2013 01:40:58
อ่านจบแล้วก็อมยิ้มด้วยความประทับใจ เป็นนิยายที่ดีมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลยค่ะ เข้ามาอ่านด้วยความไม่ตั้งใจ
แต่พออ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้เลย ตัวละครไม่เยอะแต่เรื่องราวมีหลายรสแล้วก็เข้มข้นมากนะคะ
เรียกว่าอ่านได้แบบไม่วาง เริ่มต้นเราก็ลุ้นกับพี่หนึ่งเนอะว่าแกจะเข้ามายังไงจริงใจกับเจมมั้ย
เจมเองตอนแรกดูสดใสไม่อะไรมาก แต่ที่จริงมีปมในใจและสิ่งที่คิดไว้มากมายเลยซึ่งพี่หนึ่งต้องเอาชนะมันให้ได้
เจมน่ารักนะ เป็นน้องน้อยของบ้าน เป็นคนจิตใจดีนะ ทำงานเก่ง จริงใจ พูดตรงดี บทจะตัดรอนทีก็ชึบชั่บสุด ๆ
จำได้ตอนบอกเลิกพี่หนึ่ง คนอ่านน้ำตาซึมเลย เป็นคนที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์เยอะมาก

ส่วนพี่หนึ่งโอ๊ย จะยังไงดี อยากจะกรี๊ดมาก พระเอกในดวงใจมาแล้ว
ทำงานเก่ง รักเจมมาก มั่นคงและแน่แน่วในสิ่งที่คิดแบบไม่มีโลเลอะไรเลย แล้วก็เป็นผู้ใหญ่มากด้วย
บทจะอ้อนจะจีบแฟนนี่แกก็ทำไ้ด้สุดยอด ชอบตอนหวงหึงด้วย ก็เค้ารักของเค้า ดูแลน้องเจมได้ดีสุด ๆ
ฉลาดด้วย (ดูจากเรื่องนางอักษรก็ตัดบทได้ดีนะ) ไม่มีอะไรจะว่าจริง ๆ สุดยอดมากอ่ะพี่หนึ่ง เป็นที่หนึ่งในใจคนอ่านจริง ๆ ค่ะ ประทับใจกับบทพี่หนึ่งมากที่ำสำึคัญเลยคือเรื่องแอมกับเจมตอนท้าย คือพี่หนึ่งไม่ได้มองให้น้องเสียหายเลยมีแต่ปกป้อง
เพราะรู้ว่าน้องเจ็บปวดแค่ไหนโอ๊ย ซึ้งมากค่ะ  :monkeysad: ประเสริฐพ่อพระมาก ตัวละครอื่นในเรื่องก็น่ารักนะคะ
พ่อพี่หนึ่ง แม่น้องเจม พี่จิวที่โคตรรักน้อง  แอม แอมน่าสงสารตลอดเรื่องแต่ทำไงได้คนมันไม่รักนี่ ตอนท้ายโกรธแอมมาก
แต่สุดท้ายก็กลับมาสงสารอีก คนอ่านใจอ่อนประทับใจอีกเรื่องคือที่เจมให้อภัยแอม เฮ้อ ยังไงก็เืพื่อน
แอมก็ได้รับบทเรียนกันไป

สนุกมากค่ะ รอติดตามผลงานเีืรื่องต่อไปนะคะ  :L2: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 07-03-2013 18:51:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 08-03-2013 00:20:04
แต่งได้ดีมากอ่ะค่ะ   มันรู้สึกอุ่นๆ  ตลอดเวลา  เหมือนโดนโอบกอดจากใครสักคน  (ใครว่ะ  คงไม่ใช่วิญญาณ )



น่ารัก....   และรักมากๆ  สะท้อนความรักในหลายรูปแบบจริงๆ เน๊าะ 

ทั้งกวน   ทั้งแสบ ทั้งซึ้ง  ทั้งเศร้า


ทำให้รู้ว่า   เวลาไม่เข้าใจกัน.... บางครั้งก็แค่เปิดใจคุยกันก็พอ

ขอบคุณนักเขียนที่แต่งเรื่องดีๆ มาให้อ่านนะคะ  เดี๋ยวจะเอาไปเผยแพร่ชื่อเรื่องต่อ  คึคึคึ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 08-03-2013 19:56:52
อ่านมาราธอนมากมายอ่ะ ขอตอนพิเศษด้วยจิ ได้ปะๆๆๆ น๊า!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-03-2013 20:04:22
เรื่องนี้ สนุกมากเลย ครบทุกรสชาติจริงๆๆๆ ชอบพี่หนึ่งมาก กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 09-03-2013 03:37:07
อ่านแบบรวดเดียว หัวค่ำ ยันตีสามครึ่ง สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 09-03-2013 19:38:45
ชอบมากเลย
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 09-03-2013 20:21:13
 :pig4:สนุกมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: iamstevarr ที่ 10-03-2013 06:23:46
อ่านจบแล้วต้องขอ comment เลยว่า.....น่ารักมาก  สนุกจัง
แบบอ่านบนรถไฟฟ้าแล้วแบบ  ยิ้มอยู่คนเดียว 
เยี่ยมเลยค่ะ
ขอบคุณค่ะสำหรับนิยาย น่ารกๆ แบบนี้...แต่งอีกนะคะ

ปล.แต่แอบแต่งยาวๆ หน่อยจะดีมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 10-03-2013 11:19:50
เพิ่งได้อ่านรวดเดียว อยากบอกว่าชอบมาก  :o8: พี่หนึ่งน่ารัก อบอุ่นสุดๆ ชอบผู้ชายแบบนี้จัง

อยากให้มีตอนพิเศษอีกเยอะๆ ถ้ามีรวมเล่มอย่าลืมแจ้งข่าวนะคะ จะซื้อเก็บไว้แน่นอน  o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 10-03-2013 15:51:37
สนุกมากเลย...... พี่หนึ่ง ทั้งหล่อทั้งแสนดีจ๊าดนัก น้องเจมก็น่ารักสุดกู่.... ฮือออ หวังว่าจะมีตอนพิเศษมาให้อ่านกันอีกนะคะ


และก็จะรอติดตามเรื่องใหม่ตลอดไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 10-03-2013 19:58:29


ที่หนึ่งเจม น่ารักมากเลย...สนุกมากค่ะ

หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: chiji ที่ 10-03-2013 20:37:22
สนุกมากเลยค่ะ  o13 อยากอ่านตอนพิเศษอ่ะค่ะ  :o8:
ชอบตอนสุดท้ายที่พี่หนึ่งบอกให้เจมลืมเรื่องเลวร้ายอ่ะ ซึ้งมาก ๆ เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 11-03-2013 16:21:39
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

อยากอ่านตอนพิเศษจังเลย
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 11-03-2013 22:00:12
โอยยยยยยยยยยยยยยย เป็นเรื่องที่สนุกมากเลยเหอะ  o13

ขนมาครบรสทั้งฮาทั้งเศร้า ตอนเศร้านี่ฉุดอารมณ์ได้อยู่นะ

เจมก็โคตรฮา ตรงๆดีชอบ ส่วนพี่หนึ่งก็เป็นคนที่ดีเพียบพร้อมอะไรแบบนี้ ขอแบบนี้หลายๆคนได้ไหม  :impress2:


ขอบคุณนะคะที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้ให้อ่าน  :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 12-03-2013 02:55:26
สนุกมากครับ เนื้อเรื่องภาษาดูมีการเติบโต เป็นกำลังใจกับเรื่องต่อไปครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: IamA ที่ 12-03-2013 13:22:54
กดบวกคะแนนให้ทุกโพสต์ที่นึกได้เลย  o13

เนื้อเรื่องเรียบง่ายดีค่ะ แต่บทบรรยายความรู้สึกนึกคิดตัวละครฮามาก ทำให้เราอ่านไม่ข้ามแม้แต่บทเวิ่นเว้อของตัวละครเลย ไม่ได้อ่านนิยายแล้วหัวเราะออกมาจากลำคอนานแล้ว  :laugh: ...การเปรียบเทียบสิ่งนั้นกับสิ่งนี้ก็เข้าใจเปรียบมาก คุณนักเขียนเขียนได้ลื่นดีจังเลยค่ะ

ชอบเวลาที่อัญกับอ๋อมแอ๋มเถียงกันด้วยค่ะ น่ารักดี ถึงตอนหลังอ๋อมแอ๋มจะทำร้ายจิตใจและร่างกายของอัญก็ตาม แต่ก็ไม่โกรธอ๋อมแอ๋มเลย ไม่รู้ทำไม

พี่หนึ่งนี่ก็ดีเลิศประเสริฐศรีดีที่สุดในโลกหล้า รักของพี่หนึ่งใหญ่มาก เป็นคนที่ต้องทำทุกเรื่องให้ดีจริงๆ แต่บางทีก็อดน้อยใจพี่หนึ่งไม่ได้เนอะ ไม่ใช่เรื่องที่เจมรักพี่หนึ่งน้อยกว่าหรืออะไรทำนองนั้นที่เจมชอบคิดบ่อยๆนะคะ แต่เป็นเรื่องความเชื่อใจที่เจมมีให้พี่หนึ่ง หลายครั้งที่ทะเลาะกันครั้งใหญ่ก็เพราะความเชื่อใจนี่แล แต่เป็นเราเราก็คงอดระแวงพี่หนึ่งเหมือนเจมไม่ได้ว่า คนห่าอะไรเพอร์เฟคขนาดนี้แล้วดันมาหลงรักคนธรรมดาอย่างกูเนี่ยนะ อะไรประมาณนี้

สุดท้ายอยากบอกว่าอ่านเรื่องนี้แล้วอบอุ่นหัวใจดีค่า ถึงไม่มีเอ็นซีก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกของเนื้อเรื่องมันลดลงเลย  o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 15-03-2013 00:34:34
อ่านจบแล้ว ตามอยู่้ตั้งแต่มะคืนครับ อิอิ
ขอบคุณนะครับที่เขียนมาให้อ่านกัน

สนุกครับ ชอบนิสัยแบบเจมนะ
พี่หนึ่งก็เป็นคนดีมาก รักมั่นคงจริงๆ
อิจฉาเจมนะ ที่มีแฟนเป็นแบบนี้

ชอบเวลาเจมกับจิมคุยกันอะ
อยากมีพี่น้องแฝดเลย ฮ่าๆ


ตอนที่เจมถูกข่มขืนนี่บอกตรงๆ ว่า จุกมาก
เข้าใจความรู้สึกเจมมากว่ามันจะรู้สึกแย่แค่ไหน
แล้วคนที่ทำก็คือคนที่ไว้ใจว่าเป็นเพื่อนอีก
แล้วก็รู้สึกว่าแย่กับคนที่ตัวเองรักแค่ไหน เรียกว่าโหวงๆ เลย
แต่พอเคลียร์กับพี่หนึ่งได้ ก็โอเคแ้ล้วแหละ

ชอบภาษาของคนเขียนด้วยนะครับ
เป็นสไตล์ที่ตัวเองอ่านพอดี

รอตอนพิเศษนะครับ อยากอ่านๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Ella Killer ที่ 16-03-2013 16:04:03
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
ประทับใจมากกกกกกกก  :กอด1: :L2:
อ่านรวดเดียวจบเลย 5555

ขอบคุณที่นำเรื่องสนุกๆมาให้อ่านค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 17-03-2013 12:15:32
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆและอบอุ่นมากๆเรื่องนี้นะคะ

รออ่านผลงานเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 17-03-2013 17:22:02
เรื่องนี้อ่านมาราธอนมาก ว่างเป็นอ่านว่างเป็นอ่าน สนุกง่าา >.<~
พี่หนึ่งหล่อมาก หล่อทั้งกายและใจ เอาเป็นว่าทุกอย่างที่รวมเป็นพี่หนึ่งนั่นแหละ หล่อหมดเลย :laugh:
ส่วนเจมก็น่ารักดี ถึงบางครั้งเวลาเข้าใจอะไรผิดจะไม่ค่อยฟังพี่หนึ่งเดี๋ยวนั้นเลยก็เถอะ อย่างน้อยก็ยอมฟังในเวลาที่ตัวเองอารมณ์เย็นลงแล้ว

ชอบการเขียนเรื่องนี้นะ มีคำผิดน้อยด้วย อ่านแล้วลื่นไหลดี ขอบคุณที่แต่งให้อ่านนะ  :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 17-03-2013 18:50:00
 :-[

 อ่านจบแล้ว
อ่านแล้วหลงรักพี่หนึ่งมาก
แสนดีขนาดนี้หาได้จากแถวไหนคะเนี่ย
แล้วยิ่งคำว่า  ก็พี่รักของพี่นี่ 
เจอแบบนี้ก็ต้องยอมคุณชายเค้าแล้วจ้า

ชอบครอบครัวของน้องเจม  มากเลย  ทั้งคุณแม่ั่งพี่จิวเลย
(เหมือนเป็นลายเซ็นต์ของคนแต่งไปแล้ว เรื่องครอบครัวน่ารักแสนอบอุ่น- อ่านกี่ครั้งก็รู้สึกดี)

ส่วนอ๋อมแอ๋ม  เป็นคนที่น่าสงสารมากๆนะ
ถึงจะทำร้ายหนูอัญจนเราน้ำตาซึมก็เถอะ
น่าลงโทษด้วยการใส่พานส่งให้เจนนี่ มากๆ

รอตอนพิเศษนะคะ
ระหว่างรอขอกลับไปอ่านอีกรอบ    ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: omeye ที่ 19-03-2013 00:34:17
น่ารักมากคะ
สนุกมากด้วยยย

พี่หนึ่งแสนดีสุดๆๆๆๆเลยคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 19-03-2013 03:19:35
 o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 20-03-2013 09:51:09
ชอบๆ ชอบเรื่องนี้
อ่านแล้วอยากเจอผู้ชายแบบพี่หนึ่ง
พี่หนึ่งอบอุ่นมาก
ไม่ไหวๆ จะแดดิ้น :o8:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 20-03-2013 12:50:37
แม้จะเจอเรื่องร้ายๆ แต่เราก็ก้าวไปด้วยกัน
เคยผ่านการสูญเสียและผิดหวัง แต่ก็ยังลุกขึ้นได้

GEM'S BOY
FIRST'S BOY

พวกนายสุดยอด :กอด1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 20-03-2013 14:21:02
พี่หนึ่ง สมกับเป็นที่หนึ่งในทุกๆ เรื่องจริงๆ

หาไม่ได้ง่ายๆ นะเนี่ย ครบสูตรสำเร็จขนาดนี้

ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายน่ารักๆ อีกหนึ่งเรื่อง

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 24 - 04/03/13)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 22-03-2013 11:06:40
เฮียคลินโคตรเพอร์เฟค หล่อ รวย เก่ง แสนดี น่ารัก ท่าเสยผมก็เท่ อิอิ
อิจฉาเจมมากกกกก ฮ่าๆๆ แต่เจมก็น่ารััก ง้องแง้ง ตลกดี
เรื่องสนุกดี อุปสรรคมีมาให้ฟันฝ่าเรื่อยๆ แบบชิวๆ
แต่เสียใจสุดตอนเจมโดนข่มขืน ดาร์กไปเลยอารมณ์นั้น ไม่น่าเลยจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ แต่งมาให้อ่านอีกนะ ^^

บวกๆจ้า
หัวข้อ: Re:Hear, Me (Special)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 23-03-2013 23:25:54
 :mew2:Special :: if I couldn’t 



นัดกันที่ไหนไม่นัด มานัดที่งานสัมมนา เขาคิดอะไรอยู่ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าผมคิดผิดที่มาตามนัด

“เจม เจม” ผมหันหาเสียงเรียก พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็หยุดรออยู่ที่หน้าประตูกระจกที่เลื่อนเปิดรอผมอยู่ก่อนแล้ว ช่างมัน ปล่อยมันเปิดเก้อซะมั่ง

“อะไรวะต้อม”

“มึงจะไปไหน?”

“เข้าไปงานสัมมนา”

“พี่ปูสั่งทำงานนี้หรอ?”

“เปล่า นัดแหล่งข่าว” ชิชะมาซีลอน โกหกเนียนรึเปล่าวะกู ผมยืนตาใสมองไอ้ต้อมที่ขมวดคิ้วสบมองตา แป๊บเดียวมันก็แหงนหน้ามองตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำ แน่ล่ะสิ ตะวันตกดินมึงก็ต้องวิ่งจกตับเด็กกินแล้วสินะ

“งั้น กูกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ เข้าออฟฟิศรึเปล่าวะ?”

“อาจจะไม่ ดูก่อน”

“ค้างกับเฮียกูหรอ?”

“มึงเป็นพ่อกูหรอ? หน้ามึงไม่ผ่านนะทอมมี่ พ่อกูลูกครึ่งญี่ปุ่น ไม่ได้ใช่ครึ่งโดเรมอน” มันพะงาบปากยกอวัยวะสำคัญให้ผมแล้วก็เดินขากางไปจากหน้าอาคาร

วันนี้ผมมาตามงานตัวเลขการท่องเที่ยวและแนวโน้มในอนาคตที่ศูนย์ประชุมสำคัญของประเทศซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครับ มีงานแถลงข่าวก่อนเปิดงาน จากนั้นก็เป็นมหกรรมลดแหกตา อูยยยย ไม่เอา ไม่พูดดีกว่า

ไอ้ต้อมมาทำข่าว แล้วก็ทำสกู๊ปเก็บไว้ด้วย มันก็เลยเดินในงานด้วย แออัดชิบหายเลย ผมคงไม่บ่นหรอกถ้าแม่งไม่ลากผมไปด้วย ห่านี่!

ตกเย็น แทนที่จะได้มุ่งกลับบ้านเลย ก็ต้องมาแช่ก้นอยู่ที่อาคารใกล้ๆ ศูนย์ประชุม เพราะนายคฤณคนเก่งคนดีของโลกเขานิมิตอยากจะมาฟังสัมมนาหาความรู้เรื่องการลงทุนใส่กะบาลเพิ่ม

ดร.ที่บรรยายสัมมนาพิเศษสำหรับนักลงทุนที่เรียกตัวเองว่าวีไอ (VI) เป็นดร.คนโปรดของนายคฤณครับ อารมณ์รุ่นพี่พ่อ ยกให้เป็นพ่ออีกคนเลยก็ว่าได้

“เจม เจม” เรียกอีกแระ ชื่อนี้ฮิตหรอวะ? กูจดลิขสิทธิ์แม่งเลยดีมั้ย? ผมหันไปเหวี่ยงตามอง แต่ก็เจอรอยยิ้มให้อารมณ์เรื่อยๆ สไตรค์มากระแทกตาโครมใหญ่

ครับ เขาคือนายคฤณ ธีระเสถียร แฟนผมเอง

“เจม ทางนี้”

“เจมเห็นแล้วครับพี่หนึ่ง” ผมรีบบอกเพื่อระงับอาการยืนเท้าเอวที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วผงกหัวเรียกผมยิกๆ

เดินผ่านเครื่องแสกนเส้นขนไปแล้วก็ต้องไปหยุดยืนตรงตรงหน้าเขา นี่นายคฤณคิดว่าตัวเองเป็นเสาธงที่ผมต้องยืนตรงทำความเคารพวันละ 2 รอบรึไง?
 
“ช้าจัง ทำไรอยู่ครับ”

“ก็เดินมาเรื่อยๆ รอแค่นี้ไม่ได้หรอครับ” เป็นไง ผมพัฒนาแล้วนะ เดี๋ยวนี้แซะเป็นนะขอบอก นายคฤณหัวเราะหึในลำคอตามสไตล์แล้วก็เหวี่ยงแขนกอดคอผม แล้วก็ดันให้เดินไปจ่อมยืนที่ป้ายบอกกิจกรรมที่จัดในอาคารนี้

ผมไม่รู้นี่ว่าสัมมนาที่เขาอยากฟังมันจัดที่ไหน อะไร ยังไง แล้วตัวอยากก็ขึ้นบันไดเลื่อนนำไปก่อนอีก พอโงหน้าโง่ๆ ขึ้นจากป้าย ก็เจอเขาเลื่อนห่างออกไกลออกไปทุกที

“เร็วสิหมาเจม” เขาเรียกอีกแล้วกางรอยยิ้มรอ ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มทีไรก็แพ้ทุกที เห็นเขายิ้มทีไรก็ตามใจเขาแบบถวายทั้งตัวทั้งหัวทุกที ผมก้าวข้ามขั้นบันไดเลื่อนทีละ 2 ขั้น แป๊บเดียวก็ยืนอยู่เคียงกับเขา แล้วก็โดนกอดคอเพื่อพาเดินยังที่หมาย ที่อยู่ชั้น 3


นี่แหล่ะครับที่บอกว่าคิดผิดที่มาตามนัด

งานสัมมนาคนเยอะมาก!
แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ผมหน้าหดเหลือนิ้วครึ่ง
ประเด็นคือ ในบรรดาคนที่มารวมกันจนเรียกว่าเยอะนั้น มีกลุ่มเพื่อนเขายกก๊วนเลย!

“เฮ้ย! ที่หนึ่ง” เขาไม่ได้เรียกผม แต่ผมก็หันไปด้วย ตาที่กลมป๊อกดำใสกิ๊งของผมพองขึ้นอัตโนมัติเมื่อเห็นคนเรียก

ไอ้พี่โป๊ะ! นายพีช พี่นำ!
ห่าเอ้ย! เลี่ยงแม่งเป็นเดือน สุดท้ายเขาก็ลากผมมาสังเวยเดอะแกงค์เขาจนได้

“เออ มาแล้ว จะเรียกให้ป๋าผมมารับไหว้พวกคุณหรอ?” ปากดีเหมือนกันนี่หว่า ผมเงยหน้านิดๆ มองหน้านายคฤณ อยากรู้ว่าจะวางสีหน้าแบบไหนถ้าถูกผมมองขู่

ผมบอกเขาหลายรอบแล้วว่าแกงค์ใครแกงค์มัน เพื่อนผมเคยถามถึงเขา ผมก็บอกเท่าที่โอกาสอำนาย แต่ไม่เคยบังคับขืนใจเขาให้ไปเปิดตัว หรือแจกนามบัตรกับกลุ่มเพื่อนผมเลย แต่ไอ้ต้อมนั่นกรณียกเว้น มันตั้งตัวเป็นหัวหน้าแฟนคลับนายคฤณไปนานแล้ว มันไม่เกี่ยว

“หลอกเจมมาหรอ” ผมถามเบาๆ ดึงแขนเขาเอาไว้ด้วย รั้งไว้เพื่อไม่ให้เขาเดินไปสมทบกับเพื่อนเขาเร็วนัก

“ไม่ได้หลอก พี่ก็บอกตรงๆ นะว่าอยากมาฟังสัมมนาที่นี่ แล้วเจมทำงานใกล้ๆ พอดี ก็กลับด้วยกันไง”
“พาลนะครับ” ด่ากูอีก ตุกติกแล้วโยนความผิดให้กูอีก เออ จำไว้!

ผมยู่ปากแล้วเดินตามหลังเขาไปไม่ใกล้นัก ยินเสียงทักทายกันแล้วก็แท็กมือกันตามสไตล์ เท่ห์กันชิบหายล่ะ แล้วปล่อยกูยืนเป็นหลุมอากาศท่ามกลางคนสูงเฉลี่ย 180 เซนต์เพื่ออะไร? ผมไม่ได้เตี้ยนะ แต่ไอ้รุ่นพี่พวกนี้มันสูงไปเท่านั้นแหล่ะ

“เจม หวัดดีครับ” พี่นำครับ เขาทักทายผมอย่างสุภาพสุดๆ เขายิ้มให้จนผมรู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็นั่นแหล่ะ เขาเป็นหมอโรคจิต ย่อมรู้อยู่แล้วว่ากิริยาแบบไหนที่ทำให้คู่สนทนาไม่รู้สึกถูกคุกคาม

“เจม” เรียกเสียงพุ่งๆ แล้วก็ยิ้มให้ นายพีชครับ ผมยิ้มให้แต่ไม่ยกมือไหว้ เลิกไหว้แม่งแล้ว หลังๆ มานี่นายคฤณเล่าเรื่องนายพีชให้ฟังบ่อย นิสัยแม่งไม่ได้โตไปกว่าผมนักหรอก

“แห้ง” นี่แหล่ะครับ ตัวปัญหา พี่โป๊ะ เฮียโป๊ะ หรือไอ้โป๊ะ แล้วแต่ใครจะเรียก ผมเรียกชายคนนี้ในใจว่า “ไอ้พี่โป๊ะ” เพราะเขาชอบเขม่นผม ชอบจิกกัดผม โดยเฉพาะเรื่อง “ทำไมมึงหาได้เท่านี้วะที่หนึ่ง”

เกลียดแม่ง! เพื่อนมึงแหล่ะมาจีบกูก่อน นี่กูลดตัวคบด้วยหรอก ฮึ่ย!

“เงียบไปโป๊ะ!”
“เจมกินของว่างก่อนมั้ย?”

“ของมันว่างเปล่าแล้วมึงจะให้เด็กมึงแดกอะไร” สอดดดดดดด ผมเหล่มองแต่ไม่เถียงอะไร นายคฤณเล่าบ่อยๆ ว่าไอ้พี่โป๊ะเป็นคนจริงใจ รักเพื่อน พูดตรง หน้าแข็งยิ้มยาก แต่ตายแทนเพื่อนได้ ครับ ส่วนดีเลิศเลอมาก ส่วนเสียของนิสัยไอ้พี่คนนี้หรอครับ? นายคฤณบอกว่า “มันหวงพี่มาก ไม่รู้แม่งเป็นอะไร”

แล้วคนที่รับกรรมของการหวงเพื่อน ก็คือผม

นายคฤณดึงผมออกห่างจากเพื่อนแล้วพามาหย่อนไว้ในห้องสัมมนา ในห้องนี้บรรยากาศเป็นสีเขียวตามสีเก้าอี้เบาะนวมนุ่ม  แต่อารมณ์ผมไม่ได้ขจีตามนักหรอก เบื่ออ่ะ ทำไมผมต้องมาอยู่ใกล้ๆ คนที่แสดงออกชัดเจนมากว่าไม่ชอบหน้าผม

“ชาหรือกาแฟดี” เขาถามแล้วเตรียมจะผละออกไปข้างนอกอีกรอบ ผมส่ายหน้าปฏิเสธทุกอย่างให้รู้ว่าผมนอยด์มากแล้ว นายคฤณก็เลยนั่งลงข้างๆ ผมก่อน ส่วนเก้าอี้อีก 3 เบาะที่เขาลงชื่อจองเอาไว้ยังคงว่างเปล่า เพื่อนเขายังไม่เคลื่อนก้นกันเข้ามา

“ไม่ชอบไอ้โป๊ะใช่มั้ย อย่าใส่ใจเลย ปล่อยปากมันเถอะ”

“เจมได้ยินแล้ว พี่หนึ่งจะให้ปล่อยไปได้ไง”
“ถ้ามากับเพื่อนอยู่แล้วจะหนีบเจมมาด้วยทำไมครับ ก็ไม่เหงานี่”

“พี่ไม่ได้พาเจมมาด้วยเพื่อไม่ให้พี่เหงา แต่ให้เราอยู่ด้วยกันเยอะๆ ต่างหาก”
“กลับบ้านไปเจมก็นอน น้ำก็ไม่อาบ ร่างกายมันก็ปั่นป่วน”
“นั่งฟังอะไรเพลินๆ เปิดโลกทัศน์บ้าง หรือถ้าง่วงก็หลับไป แล้วเดี๋ยวไปกินอะไรอร่อยๆ จะได้นอนเป็นสุข”

“กว่าจะได้นอนเป็นสุข เจมก็ต้องทนฟังเพื่อนพี่หนึ่งเหน็บเจมอีก ไม่ชอบ”

“ทำเพื่อพี่หน่อยนะ”
“ไม่ได้เจอโป๊ะมันนานแล้ว นี่ผู้นำขุดมาได้ก็บุญแล้ว ให้มันขยับปากเถอะ เดี๋ยวลิ้นไก่มันเน่า” พูดแล้วก็ยิ้มรอ ผมหัวเราะนิดหน่อยให้เขาพอใจ นายคฤณจับหัวผมเขย่าแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ปล่อยให้ผมนั่งจิ้มไอโฟนคนเดียวเงียบๆ

เสียงจอแจเริ่มดังเข้าหูมากขึ้น คนเดินผ่านหัวผมไปมาจนเริ่มรู้สึกรำคาญก็เลยฟุบลงกับพนักที่ดึงขึ้นมาเป็นแผงโต๊ะได้ กำลังเคลิ้มๆ กับเสียงผู้คนก็ถูกเคาะหัว ผมเลยโงหัวขึ้นมองเพราะคิดว่าเป็นนายคฤณ

แต่ไม่ใช่ เขาไม่ได้กลับมาหาผมเป็นคนแรก

ไอ้พี่โป๊ะต่างหาก

“มองไรแห้ง หิวจนหลับรึไง ความอดทนต่ำจังว่ะ” วุ๊! นอนฟุบก็ผิด คนที่ไม่ถูกใจทำอะไรก็ผิดสินะ ผมเมินหน้าหนีอย่างไม่แคร์ แต่แม่งก็ยังหน้าด้านมาหย่อนตูดลงใกล้ๆ ผมอีก

“ถามน่ะ ไม่ได้ยินหรอ?”

“ได้ยิน แต่ไม่รู้ว่าพี่โป๊ะถามว่าอะไรกันแน่”

“นี่โง่หรือโง่วะแห้ง”

“.............”

“ยิ้มให้หน่อยจะจนลงหรอวะ?”

“ถ้าจนลงแล้วพี่โป๊ะจะรับผิดชอบมั้ยครับ”

“ไม่อ่ะ เพื่อนกูรับเลี้ยงมึงตลอดชีวิตแล้วนี่แห้ง” ไอ้ห่านี่แม่งเถื่อนว่ะ ผมครับกับมันทุกคำ เรียกพี่ทุกครั้ง แล้วดูแม่งดิ หน้าที่การงานก็ดี เป็นถึงเจ้าของบริษัทให้เช่าอุปกรณ์แสงสีสำหรับจัดอีเว้นท์ บริษัทพ่อมันก็เป็นนักจัดอีเว้นท์เซอร์ไพรส์โลก แล้วดูแม่งพูดจา

ผมทำหน้าตูมใส่แล้วก็ฟุบลงตามเดิม แต่แม่งกลับงัดหน้าผมขึ้นมาอย่างถือวิสาสะ ไอ้เหี้ย! กูไม่ชอบให้ใครมาจับเนื้อแตะตัวนะ! ผมสะบัดหน้าหนีแล้วจะลุกหนีซ้ำอีก แต่มันเสือกกดไหล่ขับแขนผมไว้แล้วยื่นหน้ามาหา

“กูพยายามผูกมิตรกับมึงแล้วนะครับ ไอ้น้องเจม”
“แต่กูว่ายังไงยังไง เพื่อนรักกูก็ต้องได้เมียที่ดีกว่ามึงล้านเท่า”
“แต่ก็นะ มันก็รักมึงชิบหาย ทั้งที่ไม่เห็นมีไรดีเลย กูก็เลยต้องช่วยสักหน่อย”

“.............”

“มึงมองหาแฟนใหม่ได้แล้ว กูจะทำให้มันเลิกกับมึงเอง”

“.............”

“มองหน้าทำไม ไม่พอใจก็พูด มึงก็คนพูดตรงเหมือนกันไม่ใช่หรอ?” ไอ้พี่โป๊ะท้าผม ยักคิ้วให้หงึกๆ อีกต่างหาก แม่งเอ้ย! กูว่ากูสงบแล้วนะ เสือกมากวนตีนกูทำไมเนี่ย

“ห๊ะ ห๊ะ! ไอ้แห้ง ไอ้ก๋องแก๋ง ไอ้น้องเจมขี้แย ไอ้ใบ้”

ผลั่ก!!
ผมชกแม่งคว่ำแบบไม่ยั้งแรงเลย แล้วยังใจกล้ายืนรอให้มันโงหัวขึ้นมามองหน้าอีกต่างหาก

“ไอ้เจม!”

“เรียกหาแม่มึงหรอ!” ผมตวาดลั่นแล้วก็หน้าหันเพราะโดนมันต่อยคืนบ้าง ห่าเอ้ย! เจ็บอ่ะ! น้ำตาแม่งเล็ดเลย พอเงยหน้าและตั้งหลักได้ก็งงเพราะตกเป็นเป้าสายตาจนได้ ผมเลิ่กลั่กหาทางออกให้กับตัวเองแล้วก็มีสวรรค์มาโปรด คนตัวสูงๆ แหวกกลุ่มคนที่ยืนมุงมองผมกับไอ้พี่โป๊ะเข้ามาหาผม เขาคว้าตัวผมไว้แล้วลากออกจากห้องประชุมที่จัดงานสัมมนาทันที

“เกิดอะไรขึ้นครับเจม?” อัศวินตัวสูงถามผม น่าประหลาดดีแท้ที่คนที่มาช่วยผมคนแรก ไม่ใช่นายคฤณ

“พี่นำ”

“นี่ไอ้โป๊ะมันต่อยเจมหรอ? มีเรื่องอะไรกันครับ บอกพี่นำสิ”

“..........”

“เจมครับ บอกมาเถอะครับ จะได้แก้ปัญหากันได้”

“เจมไม่ชอบพี่โป๊ะ ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เขาก็ไม่ชอบเจมเหมือนกัน มองกันไปมองกันมาก็เลยเขม่นแล้วต่อยกัน”
“แต่เจมต่อยเขาก่อน เพื่อนพี่ไม่ได้เริ่มรังแกเจมหรอครับ แต่ถ้าจะให้ไปขอโทษตอนนี้ เจมไม่ทำ!” ผมพูดรวดเดียวแล้วก็เดินลงบันไดเลื่อน ตั้งใจจะกลับบ้านให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็เพิ่งมาสำเหนียกว่าไปไหนไม่ได้ เพราะกระเป๋าและกระเป๋าตังค์ของผมยังอยู่ในห้องสัมมนานั้น

ห่วยแตกชิบหายล่ะชีวิต!

ผมยืนขยี้หัวตัวเองอย่างขัดใจอยู่ที่หน้าอาคาร ยามก็เมียงมองผมเหมือนเห็นคนบ้า แต่จะทำได้ไงได้ล่ะ กูต้องการที่ระบายอารมณ์ กูอยากกลับบ้านไปเตะลมบนเตียง แต่ไม่มีเงินกลับบ้านโว้ย!

“ไม่เจ็บหรอครับ?” เสียงนุ่มๆ ดังขึ้นด้านหลัง พี่นำเดินตามผมออกมา เขายังยิ้มให้ผมเหมือนเดิมทั้งที่ผมเพิ่งต่อยเพื่อนเขาจนหน้าคว่ำ

แล้วอีกคนที่ควรมาถามไถ่ผมว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ อยู่ไหน

“จะไปไหนครับ กลับบ้านหรอ? พี่ไปส่งเอามั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับ เจมกลับเองได้” ผมโกหกออกไป พลางอธิษฐานขอให้โกหกไม่เนียน ขอให้เขาตื๊อไปส่งผมต่อ จะได้ปากเบาตอบตกลง เพราะผมก็ไม่รู้แล้วว่าสถานการณ์แบบนี้ผมจะกลับบ้านยังไงถ้าไม่พึ่งคนที่ยังไม่โผล่หน้ามาหาผมเสียที

“ให้พี่ไปส่งเถอะครับ”

“แล้ว...พี่หนึ่ง”

“ที่หนึ่งคุยกับโป๊ะอยู่น่ะ” เลือกเพื่อนสินะ เออสิ! ผมมันแค่แฟนนี่ นั่นเป็นตั้งเพื่อนสิบกว่าปี ผมจะไปเทียบชั้นไอ้ห่าโป๊ะแตกนั่นได้ไง!

“งั้น เจมรบกวนพี่นำทีนะครับ”

“ไม่รบกวนหรอก ดีเหมือนกัน ไปเยี่ยมแม่เจมด้วย ไม่ได้เจอท่านนานแล้ว” เออ จริงด้วย เขาเป็นลูกชายของอาหมอที่แม่ผมฝากฝังให้ช่วยกอบกู้จิตวิญญาณที่หายไปของผมกลับมา แม่ผมก็ต้องรู้จักนายรชตคนนี้ด้วยสิ


แต่ว่า....สุดท้ายแล้ว ขึ้นชื่อว่าเพื่อนนายคฤณก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนนายคฤณนั่นแหล่ะ
ภารกิจของนายรชตก็คือ ดึงตัวผมไว้ก่อน รอให้นายคฤณกล่อมเพื่อน ตบตูดส่งเข้านอนแล้วค่อยมาหาผมทีหลัง

ตอนนี้ ผมเลยต้องนั่งหน้าหงิกอยู่ในเรโทรคาเฟ่ที่เขาพาผมมาฝากท้อง แล้วอาหารแม่งก็ไม่ได้หลากหลายให้เลือกเลย เบื่อแล้วนะ

“ไม่ทานล่ะครับเจม”

“ไหนล่ะครับบ้านเจม ไหนว่าจะไปส่งไง ทำไมให้มานั่งแกร่วในนี้ สุดท้ายพี่นำก็เข้าข้างเพื่อนเหมือนพี่หนึ่งนั่นแหล่ะ”

“เอ้า! ก็เพื่อนพี่นี่ครับ ทั้งที่หนึ่งทั้งโปรเลย” อย่างงครับ โปร หรือมือโปร คือชื่อเล่นไอ้เหี้ยพี่โป๊ะมัน ชิชะ! ชื่อโป๊ะน่ะดีแล้ว คนห่าอะไร อารมณ์ยังกะระเบิด สะกิดทีก็ตู้ม เออ จะว่าไปผมก็เพิ่งทิ้งระเบิดไว้ที่ซอกแก้มไอ้เหี้ยพี่โป๊ะเหมือนกันนี่หว่า แต่ผมทำไปเพราะถูกยั่วโมโหนะ ผมไม่ผิด!


กินยังไม่ถึง 5 คำ ดี นายคฤณก็เดินมาสมทบ ผมมองน้าเขานิดเดียวก็ก้มหน้ากินต่อ พี่นำก็เป็นเพื่อนที่ดีมากกกก แม่งจับหัวผม 2 ทีแล้วก็ตีจาก จิตใจแม่งทำด้วยไรว้า!

"เย็นรึยังครับ?" เสียงแมงหวี่ที่ไหนช่างน่ารำคาญเสียจริง!

"2 ทุ่มกว่า ค่ำแล้วครับ" ผมตอบยียวนทั้งที่รู้ว่าเย็นของเขาหมายถึงอะไร

"กินให้อิ่มก่อนเนอะ" ไม่เนอะด้วยอ่ะ ห่า! ผมไม่พูดอะไร ตั้งหน้าตั้งตากินมื้อเย็นที่เอนไปทางค่ำตุ้ยๆ แต่ก็ยังมีแก่ใจหยิบเกลือให้เขาตอนที่เขามองหา

สเต็กปลาของโปรดของเขาถูกสำเร็จโทษเกลี้ยงจาน แต่ของผมเหลือมันฝรั่งอยู่นิดนึง ตอนนี้ผมกำลังเมามันกับเฟรนช์ฟรายชิ้นอวบร้อนๆ ที่สั่งมาเพิ่ม

"โอเครึยัง ต้องกินทุกเมนูก่อนค่อยหายงอนหรอครับ?"

"เจมไม่ได้งอน เจมโกรธ"

"โกรธใครครับ"

"เพื่อนพี่หนึ่ง"

"นั่นสิ แล้วนี่ใช่เพื่อนพี่หนึ่งซะที่ไหน นี่พี่หนึ่งชัดๆ" กวนตีนเถอะ! ผมปาเฟรนช์ฟรายใส่หน้าอกเขา รายนี้ยิ้มเรี่ยราดเแล้วหยิบของกินปาเข้าปากตัวเองพลางเคี้ยวหยับๆ กวนตีนกูใช่มั้ย? ไม่ปาแม่งแล้ว!

"เจมครับ" แล้วก็แบบนี้ทุกที กูงอนทีคุณมึงก็เจมครับที รู้ว่าไม่ชอบมาเจอเพื่อนแม่งก็ยังไม่เลิกพยายาม

"......."

"หมาเจม"

"ครับ" กูนี่ชอบเป็นหมาเนอะ ผมเหลือกตามองเขาแล้วก็หันมองทางอื่นแทน นายคฤณเตะผมใต้โต๊ะ สาบานว่าเขากำลังง้อ? แล้วเขาก็เรียกบริกร จ่ายเงินสด แฟนกูรวยจัง 4000 กว่าบาททำมาค้อน ชิ!

แล้วผมก็โดนลากกลับรถที่จอดไว้ที่อาคารที่ผมก่อเหตุ ซึ่งผมจะไม่ฉุนเลยถ้า....

"อ้าว มาแล้วหรอ คืนนี้ค้างด้วยคนดิที่หนึ่ง" ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ มึงจะไม่จบกับกูใช่มั้ย!?!



สามคนผัวเมียมันเป็นงี้นี่เอง
ไอ้ห่าพี่โป๊ะแม่งโคตรกวนส้นตีน จากศูนย์ประชุมกลับคอนโดนายคฤณมันไม่ไกลเลย แต่ไอ้รุ่นพี่ตัวนี้สามารถทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางในระยะจากโลกถึงดาวพลูโต กูทุกข์มาก ปล่อยกูลงตรงแยกอโศกนี่แหล่ะ

“เอ้า เอ้า แล้วนี่เมียมึงคอเป็นผังผืดข้างเดียวหรือเส้นยึดวะนั่น หรืออยากออฟเด็กขายพวงมาลัย กูออกเงินให้เอาป่ะ?”

“โป๊ะ! ไหนมึงว่าล้อเล่นกับเจมไง ล้อเล่นห่าไรพูดจาหมาไม่แดก ให้เกียรติแฟนกูด้วย”

“ไม่เห็นจำเป็น เด็กมึงเยอะเกียรติเหลือเกินนะ เรียกร้องจัง”

“เจมไม่ได้เรียกร้องมึงก็เห็น น้องมันก็นั่งเงียบๆ มีแต่มึงแหล่ะที่พูดมาก” ผมเบะปากใส่ความมืด ตาผมแข็งเหมือนหมาบ้าก็ไม่เพี้ยน นี่ถ้ามันสะกิดตัวผมแม้แต่นิดเดียว ผมจะถอยเบาะไปทับให้แม่งกระดิกจู๋ไม่ได้เลย!

“แตะไม่ได้เลยนะ ตัวห่อทองไว้รึไง?”

“เออ! กูเอาเจมไปชุบทองมา มีปัญหาอะไรมั้ยโป๊ะ”

“ถ้ากูมีปัญหาล่ะที่หนึ่ง”

“มึงก็มาถกปัญหากับกู ไม่ใช่ปล่อยหมามาเหยียบตีนแฟนกูแบบนี้”
“หุบปากจนกว่าจะกูจะส่งเจมเสร็จ แล้วเดี๋ยวมึงกับกู เจอกัน”

“แล้วถ้ากูไม่หุบปากล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นวะที่หนึ่ง มึงจะเลือกแฟนมึง จะเลิกคบกูรึไง?”

“ถ้ากูทำแบบนั้น มึงจะเป็นเสียใจจนเป็นหมันมั้ยล่ะ?” โอยยย ดูท่าจะไปกันใหญ่แฮะ ผมเหลือบมองหน้านายคฤณแล้วรู้ทันทีว่าอารมณ์โกรธจัดๆ ย้ายจากผมไปสู่เขาแล้วเรียบร้อย เขาขบฟันจนสันกรามขึ้นแนวนูน แต่นูนหนาแค่ไหนมองไม่ถนัดครับ

ไฟเขียวแล้ว นายคฤณออกรถอย่างไม่เร่งรีบเพราะติดคันหน้าอยู่ ส่วนนายมือโปรน่ะหรอ? มันเปรี้ยวกว่านั้นครับ พอนายคฤณออกรถ มันก็เปิดประตูผลั๊วะทันที!

“ไอ้โป๊ะ ขึ้นรถ!”

“ไม่ เชิญมึงเสวยสุขกับเด็กมือตามสบาย มึงไม่เลือกกูนี่ไอ้ห่า”
“เพิ่งรู้ว่าเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาแม่งไร้ค่าลงได้เพราะผู้ชายแห้งๆ คนเดียว ไอ้ซีด! กูเกลียดมึง!” ท้ายประโยคนี่มันสาดข้ามพนักเบาะมากระแทกหน้าผม ผมถอนหายใจครั้งใหญ่แล้วหันมองนายคฤณ สายตาเขาเป็นห่วงเพื่อนมาก ผมก็เลยตัดสินใจให้

“พี่หนึ่งไปกับเพื่อนเถอะครับ เดี๋ยวเจมกลับบีทีเอส” พูดจบก็คว้ากระเป๋า เปิดประตูลงจากรถแลว้วเดินดุ่มข้ามถนนไปอย่างไม่กลัวตายทันที

เหลียวหลังมองอีกที เบนซ์สปอร์ตที่เคยยัดกันนั่ง 3 คนก็เคลื่อนตัวไปตามท้องถนนอย่างเชื่องช้า




บางที คนที่เอาแต่ใจมากไป คนที่นายคฤณเอาอกเอาใจมากไปอาจเป็นผม
จริงๆ แล้ว การที่เพื่อนเขางอนชิบหายวายป่วงแบบนี้ อาจผิดที่ผมจริงๆ ก็ได้

ผมนอนถอนหายใจบนเตียงตัวเองพร้อมยกแขนพาดวางบนหน้าผาก ถ้าแม่เห็นผมนอนท่านี้ต้องยกมือตีรัวๆ แน่ เพราะมันเป็นกิริยาที่ทำให้ลางร้ายเกิด

แต่ผมนอนคนเดียว เพราะงั้น จะนอนท่ายากแค่ไหนก็ทำเถอะ
ผมไม่รู้จะปรึกษาปัญหานี้กับใคร ก่อนหน้านี้ แม้จะมีทะเลาะกันบ้างแต่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก อาทิเช่น ผมยังไม่หิวแต่เขาบังคับให้กิน ยังไม่ง่วงแต่บังคับให้นอน ยังอยากปั่นงานต่อแต่เขากลับฉุดกระชากลากผมไปเที่ยวทะเล ไปดำน้ำดูปะการังทั้งที่ตาผมจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่

เราไม่เคยทะเลาะกันด้วยเหตุผลว่าคนใกล้ตัวไม่ชอบหน้า
แล้วผมจะสะสางปัญหานี้ยังไง?
ตอนที่ไอ้แอมมาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ นายคฤณบอกกับหัวใจตัวเองว่ายังไงมั่งนะ?

และแล้ว โทรศัพท์ผมก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง มันเรืองแสงอย่างน่าอัศจรรย์ อืม ขอโทษครับ มันก็ไม่ได้อัศจรรย์อะไรมากหรอก พอดีปิดไฟกล่อมตาตัวเองหมดห้องแล้วไง แล้วไอ้แสงหน้าจอมันพุ่งมาก็เลยตกใจนิดหน่อย

ผมหยิบไอโฟนมาดูว่ามันเรียกร้องอะไร ไม่อยากคิดว่านายคฤณติดต่อมา เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่านังทามาก๊อตจิแค่ปวดขี้

“หือ?” ผมขมวดคิ้วอยู่กับตัวเองพลางกดดูรูปที่มีคนส่งมาให้ทัน

แล้วก็งานเข้าสิ
รูปที่ผมได้รับคือรูปนายคฤณมีผู้หญิงนั่งตัก น่าจะในผับ ไม่ได้นั่งแค่คนเดียวด้วย
อืมมมมม
แม้จะรู้ทันว่าคนที่ส่งมาไม่ใช่เขา แล้วที่เขาต้องไปที่นั่นก็เพราะเพื่อนอย่างนายมือโปร แต่ผมก็อดรู้สึกหึงหวงคนของผมขึ้นมาไม่ได้

เอาไงดีล่ะ?
ผมจะทำยังไงดี?
ตามไปเอาเรื่องดีมั้ย?

ยังไม่ทันได้รวบรวมเหตุผลเพื่อหาหนทางแก้ปัญหาดีนัก ผมก็กดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่งที่ผมคิดว่าเขาต้องช่วยผมได้

“พี่นำครับ นอนรึยัง เจมมีเรื่องอยากรบกวน”




TBC


ฮี่ๆ จริงๆ แล้วเราไม่ถนัดเรื่องการแต่งตอนพิเศษเลยค่ะ
แต่เห็นหลายคนบอกว่าคงคิดถึงพี่หนึ่งกับเจม ก็เลยลองเขียนอีกหน้าหนึ่งของความรักคนคู่นี้มาฝาก

รบกวนติดตามต่อในพาร์ทจบนะคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 24-03-2013 00:03:33
เราว่าเจมไม่เห็นต้องดิ้นตามที่พี่โป๊ะยุเลย คิดซะว่าเค้าก็ทำได้แค่พูด
ถ้ามีอะไรที่เจมรู้สึกว่าแรงไป ก็ควรให้พี่หนึ่งรับรู้และไปเคลียร์กับเพื่อนเค้าเอง
ใครจะหาว่าฟ้องหรืออะไรก็ช่าง ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก่อน เราจะตอบโต้ยังไงก็เรื่องของเรา
ถ้าน้องเจมนิ่งอีกซักนิด หรือสร้างโอกาสให้พี่หนึ่งได้ยินสิ่งที่พี่โป๊ะชอบกรอกหูเจม
เจมก็ไม่ต้องไปเคลียร์อะไรเองแล้ว เพราะรับรองพี่หนึ่งต้องจัดการให้แน่ๆ
การคบกัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าแสดงออกว่ารู้สึกยังไงเท่านั้น 
แต่เป็นการวางตัวให้อีกฝ่ายรู้ด้วยว่าควรปฏิบัติต่อเราอย่างไร
เค้าจะเกรงใจ ยั่วยุ งอนง้อหรือข่มเราก็ขึ้นอยู่กับการวางตัวของเรา

หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 24-03-2013 00:14:54
เอาโป๊ะไปเก็บคร่าาาาาาาาาาาาาาาาา  :fire:หวังทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยกแบบนี้มันบาปน้าาาาาาา :angry2:
แต่โป๊ะ ทำไปเพราะมีจุดประสงค์อื่นรึเปล่านะ ติดตามๆค่ะ
แต่ถ้าเรเาป็นเจมก็คงโมโหอ่ะ หมากัดไม่เลือกที่แบบนี้ แอร๊ยยยย

คิดถึงหมาเจมกับพี่หนึ่งมากค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-03-2013 00:51:33
มือโปรนิสัยแย่เลยนะ ไม่ไหว ๆๆๆๆๆ :z6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 24-03-2013 01:15:55
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก




ไมเป็นงี้
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: andear ที่ 24-03-2013 01:20:18
ไอ้โป๊ะเอ๊ย  :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-03-2013 01:29:39
แปลกๆ นะเพื่อนแบบนี้ ไม่ใช่หวงแล้วนี่มันหึง
ทำตัวเป็นเมียเก่าไปได้
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 24-03-2013 01:54:19
โป๊ะชอบที่หนึ่งหรือป่าวห่วงจังเลนะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: P★RiTŸ ที่ 24-03-2013 02:21:18
ทำตัวยิ่งกว่าเมียซะอีกนะเนี้ย ไอ้พี่โป๊ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 24-03-2013 02:45:59
นี่คิดว่าเหตุผลที่โป๊ะทำเป็นเพราะชอบพีหนึ่งแล้วนะเพือนบ้าอะไรจะหวงขนาดนี้ พี่หนึ่งก็เหมือนกัน เห็นอยู่ว่าน้องโดนว่าขนาดไหน ยังจะไม่ง้ออีกหึ เดี๋ยวยุเจมให้หาแฟนใหม่เลย
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-03-2013 04:51:11
 :z6: ไอ้พี่โป๊ะมันแอบชอบพี่หนึ่งป่ะวะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 24-03-2013 08:56:22
ประทานโทษนะครับ

เพื่อนนะครับ ไม่ใช่ผัว!!! หวงอยู่นั่น ตามจีบเขาแล้วเขาไม่เอาหรอครับ ปั๊ดโธ่!!

ขออนุญาตตบครับ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-03-2013 09:22:09
ไอ้พี่โป๊ะแตกน่าเตะมากกกกกก.
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-03-2013 17:13:19
แอบสงสัยปฏิกิริยาไอ้พี่โป๊ะ
ชักจะยังไงๆนะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 24-03-2013 17:34:39
ไอ้เหี้-พี่โป๊ะ!!!!!!!  :z6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-03-2013 21:34:31
พี่โป๊ะมันสันดานเป็นแบบนี้หรือมันอยากทดสอบอะไรน้องเจมกันแน่
ปากเสียอิ๊บอ๊าย แต่ละคำมีแต่เหน็บแนม อย่างงี้เจมจะไปอยากเจอได้ไงล่ะ
แต่พี่หนึ่งในฐานะคนกลางก็ต้องอยากให้สองคนดี ๆ กันอยู่แล้ว
แต่ถึงกับจะบอกให้เลิกกันนี่ไม่ไหวนะ ก้าวก่าย เพื่อนรักใครก็เป็นสิทธิของเค้ามั้ยอ่ะ
แล้วส่งภาพไรมาเนี้ย สร้างความร้าวฉานคืองานของแกรึไงอีพี่โป๊ะ อยากพ่นไฟใ่ส่  :m31:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 25-03-2013 00:50:24
พี่โป๊ะ ทำไมทำงี้... น่าจะมีอะไรกับเจมแน่นอนนเลยยย
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 25-03-2013 23:55:14
Hear, Me

Special - part2



จากที่จะมาดูมาเสือกให้เห็นกับตา กลับกลายเป็นว่าผมต้องปิดตากินโค้กอยู่ในผับเดียวกับที่นายคฤณสิงสถิตย์ เขายังไม่เห็นผม แต่อีกเดี๋ยวคงรู้ว่าผมมา ก็ผมมากับนายรชตเพื่อนเขา ผมจะเป็นเสียงข้างมากได้ยังไง

"ทานสแนคมั้ยครับเจม"
"น้องแจมอยู่ตรงนี้แหล่ะ โซนอื่นคนเยอะ บุหรี่อีก" เขาแย้งเมื่อผมทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ ฮือออ ปล่อยกูขยับมั่งเถอะ กูไม่ลุกไปรูดเสาหรอก กูสัญญา

ผมหันไปทำสายตาน่าสงสารให้พี่นำมอง เขาจึงปล่อยแขนผมแล้วถามอีกรอบ
"จะไปหาที่หนึ่งหรอครับ"

"เปล่าครับ เจมแค่อยากเข้าห้องน้ำ"

"โอเค ไปคนเดียวได้มั้ย หืม?" สายตานี่... ผมไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ช่างมันเถอะ

"ได้ครับ" ถ้าไม่นับไอ้พี่โป๊ะแตก กลุ่มแกงค์สนิทของนายคฤณเอ็นดูผมมาก ดูแลเหมือนเลี้ยงเด็ก 5 ขวบ ผมแยกตัวจากนายรชตเพื่อไปห้องน้ำ แต่สายตายังมองไปยังโต๊ะที่นายคฤณนั่งประกบแม่สาวดูมมาจาเร่

ผมไม่หึงนะ แค่หวงนิดๆ แต่ห่วงมากกว่า หน้าตาเขาง่วงมาก ตรงหน้าก็มีแต่แก้วเหล้า นายมือโปรนี่ก็นั่งไม่ห่าง แต่มีสาวเป็นแต้มสะสมมากกว่า แล้วถ้าเขาเมาหัวทิ่ม งอแงอยากนอนแม่งตรงนั้นแล้วกกกอดใครมั่วๆ ผมจะทำยังไงล่ะ กอดเขาเป็นของผมนะ ผมไม่คิดแบ่งใครด้วย

"แล้วมาบอกให้กูหยุดดื่ม ดูคุณมึงสิครบ ดู ดู" ผมส่งเสียงบ่นๆ ในห้องน้ำ ล้างมือแล้วก็เดินออกมาตามปกติ แต่นะ ชีวิตมันจะไม่ปกติ อยากปกติให้ตายก็ไม่ได้ดั่งหวัง

"ตัวเล็ก หวัดดีครับ" เฮ้ย!!! ผู้ ชาย ทัก กู หน้า ห้อง น้ำ เฮ้ย! ผมกดชักโครกนะ แล้วก็แค่ฉี่เองด้วย!

"........"

"มาคนเดียวหรอครับ"

"มากับพี่ครับ" ผมตอบอย่างสุภาพแล้วจะเดินหนี แต่มันก็เดินตามผมมาเรื่อยๆ หน้าด้านตามมาถึงโต๊ะเลยด้วยนายรชตมองผมงงๆ ผมก็เลยหน้ามึนบอกไปว่า "เขาตามมาเองครับ" แล้วก็นั่งนิ่ง

วิธีจัดการกับคนแปลกปลอมของนายรชตตรงแหน่วมาก เขาแค่พูดยาวๆ ว่า "คุณมีธุระกับน้องผมยามวิกาล ในสถานที่ไม่น่าไว้ใจหรอครับ พูดมาตอนนี้ ไม่มีอะไรจะพูดก็กลับไปอย่างสุภาพด้วย อ้อ! เลิกมองด้วยครับ น้องผมไม่ใช่เกย์ แต่แฟนมันจ้องอยู่โน่น"

คำว่าโน่น ไอ้ตัวแปลกปลอมไม่ได้หันมองตามหรอก แต่ผมนี่แหล่ะที่มอง แล้วเราก็สบตากันปิ๊งปั๊งจนได้

นายคฤณจ้องอยู่จริงๆ จ้องตาดุๆ ด้วย

กูผิดอะไร? กูแค่ไปเยี่ยว มันตามมาเองนะ!

หันมาอีกทีก็เจอนายรชตยิ้มรอ ไอ้ห่าเซอร์ผมยาวนั่นเปิดตูดไปไหนแล้วไม่รู้ ผมยิ้มขอบคุณแล้วก็ดื่มโค้กต่อ กินถั่วที่แพงกว่าตลาดยามกลางวันไปพลาง คุยกับนายรชตไปพลาง แต่ไม่ลืมเหล่มองนายคฤณเป็นระยะ

เขามึนมากแล้ว ง่วงมากด้วย วัดจากอาการสะบัดทุกสัมผัสออกจากร่างกายแล้วไหลตัวพิงพนักโซฟาสีดำ นี่ถ้าพ่อคุณเขาหลับจริง แม่สาวดูมดูมกระเด็นแน่ อย่าลืมครับว่าเขาดิ้น

ผมหัวเราะในลำคอเพราะขำที่เขาทำท่าจะหลับไปดื้อๆ แต่แล้วรอยยิ้มผมก็หุบลงเมื่อเห็นนายมือโปรหันมองผม แล้วบรรจงยกตัวนายคฤณให้มานอนซบไหล่เขาแทน

อะ....อะไรวะเนี่ย?

"พี่นำครับ คืออ เห็นเหมือน"

"ครับ? อะไรหรอ?" สีหน้างงๆ ของนายรชตทำให้ผมไม่พูดอะไรต่อ ผมหันมองอีกครั้ง สิ่งที่ผมเห็นก็ไม่เปลี่ยน

นายมือโปรโอบไหล่นายคฤณที่ซุกหัวไหล่เพื่อนหลับไป
หรือว่า คนที่ดีกว่าผม คนที่นายคฤณควรรักและใส่ใจ คนที่นายมือโปรหวงแหนพื้นที่เอาไว้ให้ ก็คือเขาเอง

โอแม่เจ้า!!!!
กูรับไม่ได้ มึงไม่เข้าข่ายน่าเอ็นดูเลยครับไอ้พี่โป๊ะ!
หน้าตามึงหล่อโหดเหี้ยมเถอะ ไอ้พี่โป๊ะ!!!


กูขนลุกซู่ๆ ฮือออออ เอามือมึงออกจากพี่หนึ่งของกูเดี๋ยวนี้นะเว้ย!
ไอ้ที่ไม่หึงๆ นี่ไม่หึงกับผู้หญิงนะครับ เพราะประวัตินายคฤณไม่เคยเจ้าชู้ ผู้หญิงที่มาจุ๊กกรูก็มาหาเขาเองทั้งนั้น แต่กับผู้ชายนี่ ไอ้พี่หนึ่งมันก็ดึงดูดได้ไม่แพ้กัน แล้วมันก็รักผมซึ่งเป็นผู้ชาย

ยอมรับเลยว่าโคตรระแวง แล้วไหนจะอาการหวงเพื่อนจนเกลียดผมอีก ไอ้พี่โป๊ะ มึงไม่ผ่านมาตรฐานวายของโลก! หยุดกอดแฟนกูเดี๋ยวนี้ ไอ้เหี้ย ไอ้บึก ไอ้อกหนา มึทำให้นายคฤณผู้เลอค่าดูเป็นเด็กน้อยวัยใสมากเลยเหอะ มึงหยุด! ได้โปรดดดดดด

"เจม เป็นอะไรครับ"

"พี่นำ พี่โป๊ะชอบพี่หนึ่งอ่ะ! เฮ้ย! พี่โป๊ะรักเพื่อนตัวเองอ่ะ!!" ผมโพล่งสิ่งที่คิดออกมา ซึ่งทำเอานายรชตที่เยือกเย็นตกใจตาโต เขาหันควับมองเพื่อนตัวเองแล้วหันอีกควับมามองหน้าผม สีหน้าผมคงแย่มาก เขาถึงได้ลูบแก้มแล้วตบเบาๆ

"คิดบ้าอะไรครับเจม โป๊ะมันยังลืมผู้หญิงคนแรกของมันไม่ได้ จะมารักใครอีกได้ไง ยิ่งกับที่หนึ่งแล้ว ไม่มีทาง"

"แต่!"

"นั่นเพื่อนพี่นะ พี่รู้จักทั้งคู่ร่วม 20 ปีแล้วนะครับน้องเจม"

"ก็เจมเห็น"

"มนุษย์ไม่ได้เป็นตามที่ถูกมองเห็นหรอก ไม่มีอะไรหรอกครับ"
"ที่หนึ่งเมามากแล้ว เจมพากลับทีนะ เดี๋ยวพี่จัดการโปรเอง"

"พี่โป๊ะคงยอมหรอก"

"พี่บอกว่าพี่จัดการเองไงครับ ไปสิ พาที่หนึ่งกลับคอนโด"
"สิครับ" แม้ว่าสิจะมาในรูปแบบสุภาพชน ผมก็เกลียดมันอยู่ดี ไอ้ขี้บังคับ!

นี่ผมไม่ได้หวงหึงอะไรมากนะ และที่รี่มาหิ้วปีกนายคฤณเพื่อดึงตัวเขามาประคองไว้ก็เพราะไอ้สิมันบังคับต่างหาก พอเสียคนเลอค่าจากมือ ไอ้พี่โป๊ะก็มองผมตาขวาง

"มาไม? เอาที่หนึ่งมานี่ จะพามันไปส่ง"

"ผมพาไปเองได้ครับ ผมดูแลพี่หนึ่งได้"

"หึ! ตัวเท่าเมี่ยง!" มันปรามาสแล้วรั้งตัวนายคฤณไปพลางผลักผมจนล้ม เสียงร้องผวาของผมทำให้นายคฤณสติตื่น เขายันไหล่เพื่อนออกแล้วย่อตัวลงมาหาผมแทน

"เจม เจ็บมั้ยครับ"

"ล้มนิดหน่อย อย่าสำออย" กูยังไม่ทันแม้แต่จะกระพริบตาเถอะ! ผมไม่สนไอ้พี่โป๊ะ แต่เลือกจะยิ้มให้พี่หนึ่งแทน

"กลับกันนะครับ เจมมารับ"
"พี่หนึ่งทั้งง่วงทั้งเมา"

"อืมมมม พี่ง่วงมาก อยากนอนแล้ว นอนที่ไหนกันดี"

"กลับห้องเจมนะ"

"มีห้องกับเขาด้วยหรอ ถ้าจะริพาเพื่อนกูเปิดม่านรูดก็หยุดคิดเลย"
"ป่ะ ที่หนึ่ง กูไปส่ง"

"เจมมารับกูแล้ว กูจะกลับกับน้องมัน"

"กลับห้องกูสบายกว่า"

"พี่หนึ่ง ไปกับเจมเถอะ" ผมผสมโรงศึกยื้อยุดผู้ชายเลอค่าด้วยอีกปาก และมันคงน่ารำคาญเต็มทน นายรชตจึงได้ดึงนายคฤณไปยึดไว้ติดตัว แล้วสั่งผมกับไอ้พี่โป๊ะว่า "กลับห้องไอ้หนึ่งหมดนี่แหล่ะ เถียงกันจนกูของขึ้นแล้วนะ!!"

อูยยย หมอจิตปี๊ดแตก!!


แล้วไงล่ะ แล้วก็อัดกันอยู่ในคอนโดนายคฤณด้วยสภาพไม่มีใครอยากพูด หรือถ้ามีใครพูดอะไรมา ก็เดาได้ว่าไม่มีใครอยากฟัง

“เจมไปอาบน้ำแล้วนอนเถอะ”
“เพื่อนพี่เดี๋ยวพี่ดูแลเอง” โถถถ เอาตัวให้รอดก่อนเถอะครับคุณมึง ผมหันมองนายคฤณที่หน้ามึนๆ ตาง่วงๆ แล้วก็ยิ้มให้แกนๆ

“ไม่เป็นไรครับ พี่ดูแลเพื่อนพี่ เดี๋ยวเจมดูแลพี่หนึ่งอีกที”

“เอาหน้า” ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าผู้ใดสอดปาก ผมเบ้หน้าแล้วก็เดินไปเอาน้ำเปล่าให้นายรชตที่ยืนกอดอกมองนายมือโปรทั่นั่งนิ่งที่โซฟา ส่วนนายคฤณก็ยืนเท้าเอวทำหน้าง่วงๆ มองเพื่อนตัวเด็ดอยู่เหมือนกัน

อืมม ยืนกันหมด ไอ้ผมก็เมื่อยๆ ก็เลยเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มแทน

“เอาล่ะ ผมว่าคุณต้องพูดตรงๆ แล้วนะ”
“อาการคุณหนักเกินไปแล้วโปร”
“บอกมาสิ ไม่ชอบเจมเพราะอะไร? เจมมีอะไรไม่ดีนักหรอ? แจกแจงมา”
“แล้วก็ไม่ต้องเหน็บแนมอะไรเจมอีก ผมทนอะไรพรรค์นี้ไม่ได้” อย่าคิดว่านี่คือคำพูดเท่ๆ จากนายคฤณนะครับ พี่นำทั้งนั้น ผมสะดุ้งนิดหน่อยเพราะถูกระบุในบทสนทนา  3 หน่อหันมองผมที่จะกระดึ๊บไปหลบในห้องนอน พอโดนจ้อง ผมก็เลยต้องกดก้นลงนั่งตามเดิม รู้งี้ไปนอนตั้งแต่ที่นายคฤณไล่ก็ดีหรอก

“ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ทำไมคุณต้องอยากรู้”

“เพราะผม....” นายรชตพูดค้างไว้เท่านั้น เขาถอดถอนลมหายใจเสียจนตัวดูค้อมลง นั่นสิ ทำไมพี่นำต้องอยากรู้ นายคฤณควรอยากรู้ที่สุดไม่ใช่หรอ?

“พอเถอะนำ ผมคุยเอง”
“แฟนผม” รู้งานเสียทีแฟนกู ผมหูผึ่งและหันมองนายคฤณเล็กน้อย เขามองผมแป๊บเดียวก็กดตาต่ำมองเพื่อนที่นั่งกุมหัวตัวเองที่โซฟาอันนุ่มนิ่ม โซฟาที่ผมแสนรักเพราะแม่งนอนหลับสบายชิบหาย

“โป๊ะ พูดมาตรงๆ อย่างที่นำว่าน่ะดีแล้ว”
“กูก็ไม่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจมึงเรื่องนี้ถ้ามึงไม่พูด”
“ทำไมมึงไม่ชอบแฟนกู”
“แต่กูบอกไว้ก่อนนะ ต่อให้กูรู้เหตุผลแล้ว ความรู้สึกกูก็ไม่เปลี่ยน กูเคยรักของกูยังไง กูก็รักของกูเหมือนเดิม”
“ไม่มีอะไรเปลี่ยนกูได้”
“ที่ต้องพูดกับมึงเรื่องนี้ก็เพื่อตัวมึงเอง คนที่ทุกข์ที่สุดก็มึงทั้งนั้น กูไม่เคยสะทกอะไรอยู่แล้ว”
“ถ้ากูจะเดือดร้อน ก็คงเรื่องเพื่อนกูชอบแฟนกูนี่แหล่ะ” อืม เหล่มองพี่นำทำไมวะ ผมมองตามสายตานายคฤณ แล้วก็ได้เห็นคาตาว่าพี่นำก็จ้องตานายคฤณกลับเหมือนกัน

“ถ้ามึงอยากรู้นัก กูบอกมึงตรงๆ ก็ได้หนึ่ง”
“มันทำให้มึงลืมแพร”
“ถ้าไม่มีมัน มีหรอที่มึงจะลืมความรู้สึกลูกแพร”

ผมหันมองนายคฤณทันที
เหตุผลไอ้พี่โป๊ะโพล่งออกมามันตำใจลึกว่าเสี้ยนตำตีนเสียอีก สีหน้าเขาไม่สู้ดีเท่าไหร่ และก็แน่นอนว่าเขาหันมองผม

“เจมครับ เข้าห้องไปก่อนนะ”

“จะไล่มันไปทำไม ในเมื่อมึงอยากรู้กูก็บอก และไหนๆ กูก็จะบอก กูก็อยากให้มันรู้ด้วย”
“กูเกลียดมัน ก็เพราะมันทำให้มึงลืมลูกแพร ลืมผู้หญิงที่รักมึงถวายหัว ลืมผู้หญิงที่รักมึงและเลือกจะตายเพราะมึงไม่รักตอบ”

“..............”

“รู้เหตุผลกูแล้ว มึงยังกล้ารักมันต่อหรอที่หนึ่ง”
“มึงยังจะกล้าลืมลูกแพรแล้วมีความสุขต่อไปกับไอ้เด็กห่านี่หรอ!”

ผลั่ก!!
ไอ้พี่โป๊ะหน้าหันตามแรงหมัดทันที ผมเองยังมองไม่ทันเลยว่านายคฤณชกเพื่อนด้วยท่วงท่าเท่แค่ไหน สะดุ้งอีกทีก็ตอนที่เขาต่อยเพื่อนตัวเองไปแล้ว

“หนึ่ง” พี่นำเป็นคนเรียกสติเพื่อน ผู้รอบรู้ของผมนั่งลงข้างๆ นายมือโปรแล้วส่งสายตาห้ามพี่หนึ่งต่อยเพื่อนเพิ่มอีกหมัด

“อย่าใช้คำแบบนี้กับเจม”
“น้องมันไม่เกี่ยวตั้งแต่ต้น”

“ไอ้ซีด ได้ยินมั้ย? มึงมันคนนอกว่ะ มึงออกไปซะทีสิ ออกไป ไป!!!”

ผมสะดุ้งเพราะเสียงตะคอก จู่ๆ ตัวก็สั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมแม่งขี้ป๊อดชะมัดเลย แต่ผมจะไม่ไปไหนเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะมองว่าผมเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ผมก็จะเกี่ยว กูเสือกไง เออ!

“เจมครับ พี่หนึ่งขอร้องนะ เข้าห้องไปนอนก่อนเถอะ”

“ไม่เอาครับ ก็มันเกี่ยวกับเจม”

“ไม่เกี่ยวกับมึงสักนิดไอ้แห้ง”
“กูบอกให้ไปไง ไป!! ไปจากชีวิตเพื่อนกูเลยยิ่งดี จะไปตายที่ไหนก็ไป!”

ผลัก!
แล้วแม่งก็โดนไปอีกหมัด ผมล่ะเจ็บกรามแทน รอบนี้ไม่ใช่นายคฤณครับ นายรชตจัดให้

“อยากโดนตีนกูก็เอาเลย แหกปากด่าเจมอีก เอาเลย! ด่าน้องมันอีก กูจะได้มีเรื่องถ่างปากมึงไอ้เหี้ยโป๊ะ!” เอ่อ..หมอจิตแรงมากอ่ะ แรงจนผมยังตกใจเลย

กว่า 3 หน่อจะสงบ ผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจหลายสิบรอบ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว แต่ผมยังไม่นึกอยากนอนหลับฝันดีเลย

อาการเมาๆ มึนๆ ของนายคฤณหายสนิทแล้วครับ พี่นำเองก็ปลดเนคไทให้หลวมแล้วปลดกระดุมเสื้อลงมาถึง 2 เม็ด ส่วนไอ้พี่โป๊ะนี่ หน้านวมๆ ตาขวางและคนที่มันจ้องก็ไม่ใช่ใคร ผมนี่แหล่ะ

นึกได้ทีมันก็สบถด่าที ผมก็หน้ามึนนั่งให้มันจ้องหน้าแล้วสาปแช่งไปตามประสา

อารมณ์ของผมตอนนี้ มีแต่ความสงสาร

เหตุผลที่เขาเกลียดผม ก็เพราะพี่หนึ่งรักผม ไม่รักคุณลูกแพร
จำได้ว่าพี่นำบอกว่าไอ้พี่โป๊ะยังลืมผู้หญิงคนแรกไม่ได้ ท่าทางจะเป็นคุณลูกแพรนี่เอง
น่าสงสารที่เขาถูกจองจำอยู่กับความทรงจำร้ายๆ
น่าสงสารนายคฤณที่เพื่อนไม่ยอมให้ลืมความผิดที่ไม่ใช่ของตัวเองเสียทีเดียว

“พี่โป๊ะครับ”

“ไม่ต้องมาเรียกกู”

“ไม่เรียกแล้วมึงจะรู้มั้ยว่ากูพูดกับใคร” ผมปากไวใส่แล้วก็หน้าหดเพราะถูกสายตาหมาป่าจ้อง
“เจมพูดกับพี่ดีๆ แล้วนะ แต่พี่ไม่ฟังเอง ก็ต้องเจอแบบนี้แหล่ะ”

“แล้วมึงจะสะเออะพูดกับกูเรื่องอะไร”

“เรื่องคุณลูกแพร”

“อย่ามาเรียกชื่อแพร! มึงเทียบชั้นกับเขาไม่ได้หรอก”

“เขาสูงเท่าไหร่ครับ ปกติใช้ชีวิตอยู่บนชั้น 2 ของบ้านหรอ? เจมก็เคยขึ้นนะ ทุกวันนี้นอนคอนโดชั้น 15”
“สูงพอมั้ยครับ” ไอ้พี่โป๊ะตวัดตามองผมเหมือนอยากพุ่งมาตบปากดังเพี๊ยะ! แต่อีก 2 หน่อนี่หัวเราะในลำคอกันไปแล้วเรียบร้อย

“สัส! มีไรก็พูดมา ไม่อยากฟังเสียงลูกเป็ดหนังจิ้งจก” นี่กูประหลาดขนาดนั้นเลยหรอวะ เรียกกรั่นซะเสีย! ผมขมวดคิ้วนิดนึง นิดนึงจริงๆ  แล้วก็พูดต่อ พูดตามที่ผมคิดนั่นแหล่ะ พูดอย่างเห็นแก่ตัวสุดๆ แต่มันก็เป็นความรู้สึกสดๆ ที่ผมไม่ได้ดัดแปลงด้วยความดัดจริตของโลกเลย

“พี่โป๊ะเสือกอะไรกับเจมกับพี่หนึ่งครับ”
“เวลาพี่หนึ่งทำเจม พี่โป๊ะสัมผัสได้ถึงจุดไคลแม็กซ์หรอ? เกือบ 20 ปีที่คบกันมันทำให้พวกพี่เชื่อมโยงกันขนาดนั้นเลยหรอ? แล้วเวลาพี่หนึ่งเยี่ยว พี่โป๊ะต้องสะเด็ดน้ำด้วยมั้ย”

“ไอ้เหี้ยเจม!” 

“เจมลองถามเพราะเจมไม่รู้จริงๆ ตอนที่เจมอยู่กับพี่หนึ่ง เขายิ้มตลอดเลย พี่รู้สึกรึเปล่าครับ?”
“ส่วนเจม คบเขามาไม่กี่ปี แต่เจมรู้สึกได้ว่าเขาตีสีหน้าไม่ค่อยถูกเวลาเจอพี่ โดยเฉพาะเจอพร้อมๆ เจม”
“พี่ไม่ชอบเจม เจมไม่ว่า ถ้ามาชอบเนี่ยสิ เจมจะลำบากเพราะพี่หนึ่งมันขี้หึง แล้วมันหึงพิสดาร ชอบกัดสะดือแล้วแม่งก็โคตรเจ็บ”
“แต่ถ้าพี่บังคับให้พี่หนึ่งเชื่อพี่ ฟังพี่ ทำตามพี่ ทั้งที่เหตุผลของพี่โป๊ะมันไม่มีน้ำหนักอะไรกับชีวิตพี่หนึ่งเลย เจมจะว่า เจมไม่ยอม”
“นี่แฟนเจม นี่พี่หนึ่งของเจม เจมทำให้เขามีความสุขได้ แล้วก็จะทำต่อไป พี่มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้เขาเลิกรักเจม ให้เขาเลิกมีความสุข เพียงเพราะเขากำลังลืมคุณลูกแพร”

“มึงไม่เข้าใจหรอกไอ้ลูกหมา” แน่ะ! เปลี่ยนสายพันธุ์กูอีกแระ

“อือ เจมไม่เข้าใจ แล้วเหตุผลที่พี่เพิ่งบอกพี่หนึ่งไป ก็ไม่ทำให้พี่เป็นคนน่าเข้าใจเลย”
“อดีต ถ้ามันดีจริงมันต้องมีตัวตนอนาคต”
“เจมไม่ได้บอกว่าคุณลูกแพรไม่ดี ไม่เคยคิดว่าดีแล้วที่เธอตาย เพราะไม่ว่าเธอจะจากไป หรือยังมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกของพี่หนึ่งก็เป็นของพี่หนึ่งอยู่ดี เธอไม่ได้มีอิทธิพลอะไรขนาดนั้น”
“จริงอยู่ ที่ถ้าเธอไม่ตาย เจมกับพี่หนึ่งอาจไม่ได้คบกัน แต่แล้วยังไงล่ะครับ มันไม่ได้สำคัญว่าพี่หนึ่งคบเจมหรือไม่ สิ่งที่พี่ต้องยอมรับให้ได้ก็คือ พี่หนึ่งไม่รักคุณลูกแพร”
“ต่อให้ไม่คบเจม ก็มีคนอีกตั้งค่อนโลกที่พี่หนึ่งอยากจะรัก พี่ก็ต้องตามเกลียดคนอีกค่อนโลกนั้น ไม่เหนื่อยหรอครับ?”

“เรื่องของกู!”

“แต่กูเหนื่อยครับ เพราะมึงระรานกู”
“และกูไม่ยอม!”

“มึงก็พูดได้สิ มึงไม่เคยเสียใจที่แก้ไขอะไรไม่ได้ มึงไม่เคยต้องทนกับช่วงเวลาที่อยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วมีเสียงก่นด่าตัวเองว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ เวลาของกูทั้งหมด ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังลูกแพรตาย กูให้เขาทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

“...........”

“เขารักที่หนึ่ง กูก็อยากให้เขาสมหวัง สักนิดที่ยิ้มออกมากูก็อยากให้มันเกิดขึ้น แม้ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อกู กูก็อยากเห็น”
“มึงไม่เข้าใจหรอกไอ้ลูกหมา มึงไม่เข้าใจ”

“พี่โป๊ะก็ไม่เข้าใจความรักของเจมเหมือนกัน ไม่เคยรู้ว่าเจมผ่านอะไรมา ผ่านมาแบบไหน รู้สึกผิดแค่ไหน รู้สึกแขยงตัวเองแค่ไหน แต่เจมจะผ่านมันไปให้หมด ถ้าปลายทางที่เจมจะได้เจอคือพี่หนึ่ง แม้ต้องเดินตีนเปล่าผ่านทางที่โรยตะปูเรือใบ เจมจะยอมเดิน ยอมเจ็บปวด เพื่อให้ได้รักพี่หนึ่ง”

“............”

“แม้ว่าจะต้องทะเลาะกับพี่โป๊ะไปจนตาย โดนพี่เหน็บแนมจนชีวิตโคตรอับเฉา เจมก็จะทนให้ได้ เพื่อพี่หนึ่ง”
“รักเจมมันเล็กน้อย ไม่ใหญ่เท่ารักของพี่โป๊ะหรอกครับ คุณลูกแพรเธอโชคดีที่พี่โป๊ะรักเธอขนาดนี้ รักจนยอมกดดันให้เพื่อนตัวเองไม่กล้ามีความสุขหรือมีความรัก แต่ถ้าพี่โป๊ะมีความรักเยอะนัก ใหญ่นัก ก็รักพี่หนึ่งให้มากกว่านี้เถอะครับ รักคนที่ยังหายใจอยู่ข้างๆ พี่ รักคนที่ยังรับรู้ได้เวลาที่พี่ทำอะไรดีๆ ให้เขา มันจะได้ไม่เสียเปล่า”

“............”

“เจมมีเรื่องพูดกับพี่เท่านี้”
“ส่วนปากที่พี่เริ่มตุ่ย ให้พี่นำดูให้ก็แล้วกัน เจมไม่ถนัด”

3 หน่ออึ้งไปเมื่อผมพูดจบ พวกเขามองหน้ากันแล้วก็หันไปมองกันคนละทาง ผมเห็นรอยยิ้มจากนายรชต ส่วนนายคฤณยืนปัดจมูกไปมาแล้วก็เดินมายืนใกล้ๆ ผมที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง

นายมือโปรใช้เวลานั่งก้มหน้าอยู่ราว 10 นาที จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นคุ้ยน้ำแข็งก้อนมาประกบมุมปากตัวเองแล้วก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาที่ผมชอบ

“กูขอโทษนะหนึ่ง”
“ขอโทษ”




หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 26-03-2013 00:00:22



เช้าวันศุกร์ แต่ผมไม่ได้ตื่นมาอย่างมีความสุขหรอกครับ
เมื่อคืนนี้ 3 หน่อ 3 หล่อเขาเคลียร์กันตามประสาเพื่อนด้วยเบียร์อีกหลายโหล ส่วนผมก็ฉีกตัวเข้าห้องมาอาบน้ำนอนตอนตี 3 กว่าๆ มีพี่หนึ่งมากอดแน่นๆ ร่วมนาทีแล้วก็จูบหน้าผากหนักๆ ก่อนหลับตา

นายคฤณนอนกับเพื่อนเขานอกห้องนอนครับ คงนอนกองกันหน้าโซฟาหน้าทีวีนั่นแหล่ะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดประตูออกจากห้องไปแล้วจะเจอพวกเขาในสภาพไหน

ผมดูแลสภาพตัวเองไม่ให้ทรุดโทรมเกินไป แต่ก็โมดิฟายด์อะไรได้ไม่มาก เพราะตาโหลสุดๆ หน้าซีด แก้มก็แห้ง นั่งแช่ไม่นานก็รู้ตัวเสียที

กูเป็นหวัดเลยไอ้เหี้ยผู้ชาย 3 ตัว!

ผมเดินมึนหัวออกมานอกห้องหลังจากฝืนใจกดการเจ็บเนื้อเจ็บตัวไว้แล้วอาบน้ำลวกๆ จนแล้วเสร็จ
สภาพผู้ชาย 3 คนนี้ดีกว่าผมมาก ห้องรับแขกก็สะอาดเรียบร้อยดี แต่ทั้ง 3 ยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อคืน

“ตื่นแล้วหรอครับ พี่ขอหยิบเสื้อกับกางเกงให้นำกับโป๊ะก่อนนะ” น้ำเสียงนายคฤณเกรงใจผมมาก อืมมม นี่ห้องคุณมึงนะ จะทำอะไรก็ทำเถอะ ผมพยักหน้ารับรู้แล้วเดินมาดูที่โซฟา ไอ้พี่โป๊ะตื่นแล้ว เขานอนเอามือก่ายหน้าผาก สายตามองทีวีที่เปิดช่องข่าวดาวเทียม

“อ้าว โงหัวขึ้นแล้วหรอซีด”

“ครับ”

“ทำไมหน้าแดงๆ”

“เป็นหวัด” ผมตอบสั้นๆ แปลกใจนิดนึงที่มันทักผมก่อน และไม่เสียดสีอะไรอีก ดูเหมือนหน้าผมจะแสดงออกทางความคิดชัดเจนมาก ไอ้พี่โป๊ะเลยยันตัวขึ้นนั่งแล้วเงยหน้ามองผม

“กูขอโทษ”

“ดีๆ ดิโป๊ะ!” เสียงจากหลังเคาน์เตอร์ครับ นายรชตนั่นเอง หัวยุ่งแล้วหล่อผิดหูผิดตาเลยว่ะ

“เออเออ!”
“เจม พี่ขอโทษว่ะ” ไอ้พี่โป๊ะบอกพลางยักไหล่ เขายกขาไขว้ห้าง โอยยย แล้วแม่งก็น่าอิจฉาที่ขายาวโคตรๆ
“ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดา พี่คงไม่พูดใส่แบบนั้น แต่เจม..เข้าใจหน่อยว่ามันผิดคาด ก็แม่งเอาผู้หญิงมาตลอด ถ้ามันหลงจิมมี่นางงามก็ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่เสือกหลงเด็กซีดๆ พี่ก็งง”
“แต่พี่งี่เง่าเองแหล่ะ ที่ตัดสินเอาว่าเจมไม่ดีพอ พี่พาลเอง พี่ขอโทษ”

“ช่างมันเถอะครับ เจมไม่ได้เสียเลือดเสียเนื้ออะไร อาจไม่สบายใจ ไม่ชอบใจไปบ้าง แต่ถ้าพี่เปลี่ยนสันดานพี่ไม่ได้จริงๆ เจมก็จะทนเอา ไม่ไหวก็แอบขอให้พี่หนึ่งเตะ ไม่ก็ฟ้องไอ้จิว”

“หึ หมาจิวมันไม่ระคายตีนพี่หรอก ส่งมาก็ตายเท่านั้น” อืม กูเชื่อ จิว เหนือมึงพาลยังมีจอมมารที่พาลกว่าอีกว่ะ กูว่าตรรกะมึงเบี้ยวๆ แล้ว ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะแม่งถึงขั้นตรรกะหักมุมเลยอ่ะ

ผมทำใจกล้าหย่อนตูดนั่งลงใกล้ๆ ไอ้พี่โป๊ะ รายนี้ขยับเพิ่มที่ให้แล้วก็ส่งหมอนอิงมาให้กอดไว้ ส่วนเขาก็หันดูข่าวในทีวีไปเรื่อยๆ

“ดีกันแล้วน่ะ” นายรชตบอกนายคฤณที่เดินออกจากห้องนอนพร้อมเสื้อผ้าตัวเขาเองแล้วมายืนมองผมกับไอ้พี่โป๊ะงงๆ ผมยิ้มย้ำคำพูดนายรชต เท่านั้นนายคฤณก็ยิ้มออก ยิ้มกว้างมากด้วยครับ ยิ้มนี้น่ารักมาก

“จริงหรอโป๊ะ”

“อะไร?”

“มึงกับเจม ดีกันแล้วหรอ?”

“คงงั้น แต่กูไม่เกี่ยวก้อยหวานแหววให้มึงดูหรอกนะหนึ่ง”

“จ้างเจมก็ไม่ทำครับ” ผมรีบเสริมเพื่อลบภาพการดีกันที่แสนคิขุออกจากหัวนายคฤณ รายนี้หัวเราะนิดนึงแล้วทิ้งตัวนั่งแทรกระหว่างผมกับไอ้พี่โป๊ะ แล้วก็คุยขวาทีซ้ายที

บรรยากาศระหว่างผมกับ 3 หล่อดีขึ้นเรื่อยๆ และดีขึ้นมากกกก เมื่อนายพิชญะโผล่หน้ามาในห้อง พี่นำเป็นคนโทรตามครับ เขาให้เหตุผลว่าไม่มีใครพร้อมไปทำงานสักคน งั้นก็อยู่ในห้องคุยกับเงียบๆ เถอะ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย โดยไม่หันมองเลยว่าผมยกมือขอออกเสียงใช้สิทธินึดนึงว่า กูต้องปั่นคอลัมน์!


ปาร์ตี้ไม่จบแค่เพื่อนซี้ 4 คนและผมที่เป็นเนื้องอกนอกหัวใจนายคฤณหรอกครับ
พอนายพีชมา เขาก็ไอเดียบรรเจิด จัดปาร์ตี้ที่ห้องนายคฤณนี่แหล่ะ แขกก็ไม่ใช่ใคร พวกเพื่อนๆ เขาที่ผมก็รู้จักอยู่แล้ว แล้วก็แกงค์ไอ้จิวเหมือนเดิม

ชื่อไอ้โปนโหนตัวเป็นทาร์ซานมาสะกิดก้อนสมองผมทันที ผมยังจำได้ว่ามันลากผมไปเล่นเกมส์บนเวทีเตี้ยๆ แล้วอุตริจะจับผมแก้ผ้า แต่รอบนี้มันมาอย่างสงบขึ้น คงเพราะหมอเนหน้าเป็นตูดล่ะมั้ง

ยิ่งค่ำคนก็เริ่มครบจำนวนกับที่โทรตามกันมา นายคฤณทำหน้าที่เจ้าของห้องที่ดีด้วยการเดินไปบอกห้องตรงกันข้ามว่าเราจะเสียงดังกันแบบไม่นิดหน่อย ส่วนห้องข้างหายห่วงครับ ห้องว่างชุดแสนแพงเหล่านี้ยังไม่มีผู้ใดจับจอง

อาหารนี้ก็สั่งเอา อยากกินไรก็สั่ง นึกได้ก็สั่ง ไม่พอก็ทำเอง ตู้เย็นยักษ์ในห้องน่าสงสารมากเพราะถูกเปิดทุกๆ 3 วินาที

“กะแล้วว่ามึงต้องนอนห้องเฮียกู” แฟนกูเถอะต้อม เดี๋ยวนี้แม่งชักเอาใหญ่ ชอบมาพูดจาเหมือนผมแย่งผู้ชายของมัน เขามาจีบกู! ช่วยจำไว้หน่อยสิมึง

“กูก็นอนเป็นปกติ”

“ขี้อวด มึงก็รู้ว่ากูขี้อิจฉา”

“นี่มึงอยากเป็นเมียพี่หนึ่งหรอ กูให้ยืมเอาป่ะ คืนนี้ มึงหยอดเหรียญเรียกใช้งานตามสบาย”

“ไอ้เจม! มึงไม่ให้เกียรติเฮียกู กูจะฟ้องให้เฮียเลิกกับมึง”

เอาเลยยยยยยยยยยยยย
ขู่แค่นี้กูไม่กลัวหรอก กูโดนขู่มามากกว่านี้อีก คนที่ขู่กูเขาด่ากูจนพรุนแล้ว ปากหมาฟันน้ำนมอย่างมึงกูจัดการได้
ผมแบะไหล่ใส่แล้วก็ตักรินไวน์แสนแพงของนายพีชดื่ม ลาภคอจริงๆ แต่ก็กินมากไม่ได้เพราะโดนนายคฤณห้ามไว้ ด้วยเหตุผลว่า “เจมเป็นหวัดนะ จริงๆ ควรนอนแล้ว นี่กินยาหลังอาหารรึยังครับ?”

“ยังครับ ก็เจมยังไม่อยากหยุดอาหาร”

“พอเลย ข้าวกินรึยัง”
“ลาซานญ่าที่จิวสั่งมาให้ล่ะ กินซะแล้วกินยา”
“ไปนอนในห้อง เดี๋ยวพวกมันไปต่อที่ผับ พี่ไม่ไปหรอก จะอยู่กับเจม”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร พี่หนึ่งไปเถอะ เจมนอนพันตัวไว้ใหเหงื่อออกเดี๋ยวก็หาย”

“ไม่เอา พี่อยากดูแล”
“ไปพักในห้องก่อนนะ อ่ะ นี่น้ำเปล่า เจมดื่มเท่านี้พอ” พ่อหนึ่งครับบบบบ โตขึ้นผมอยากเป็นคนที่มีร่างกายเป็นของตัวเองครับบบบ ผมขี้เกียจเถียงก็เลยรับแก้วน้ำเปล่าแล้วเดินเข้าห้อง ไอ้ต้อมจะตามมาก็ถูกนายคฤณเอาสีหน้าสะกัดไว้อยู่ดี


ราวสี่ท่มกว่าๆ นายคฤณก็เข้ามาในห้อง ผู้คนที่เคยมารวมกันเท่าที่เวลาจะมีหายไปต่อที่ผับกันในวันสุขแห่งชาติกันแล้ว ทั้งห้องก็เหลือแค่ผมกับเขาเหมือนเดิม

“กลับไปหมดแล้วหรอครับ พี่หนึ่งไปต่อกับเพื่อนก็ได้นะครับ”

“ไม่เอาครับ ไม่อยากดื่มแล้ว มึนแล้วดูแลเจมไม่ค่อยได้”
“เสียฟอร์ม”

“เสียๆ มั่งเถอะครับ เก็บไว้ไม่เกิดประโยชน์” ผมต่อคำพลางขยับตัวให้เขานอนข้างๆ ผมถนัดขึ้น นายคฤณมุดเข้ามาในผ้าห่มแล้วก็กอดผมเสียแน่น

“ตัวร้อนนะเราเนี่ย”

“คนมันฮอท”

“เดี๋ยวโดนน้ำสาดจะรู้สึก” ลามกแอบแฝงอีกแล้วคนเรา ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็ถดตัวลงเพื่อนนอนบนอกเขาที่กระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ

“เจมเก่งมาเลยนะพี่พูดกับโป๊ะตรงๆ”
“พี่ขอบคุณมาก”
“พี่หนึ่งรักหมาเจมกับกว่าเดิมอีกนะครับ”

“ก็พี่ต้องรักเจมไปเรื่อยๆ มันไม่มีจุดพอหรอกครับ เจมก็รักพี่หนึ่งไปเรื่อยๆ”
“เรื่องพี่โป๊ะ เจมก็ทำเพื่อตัวเอง”
“นี่ถ้าเขายังไม่ยอมเข้าใจ เจมก็จะให้พี่หนึ่งเลือกแล้วนะว่าจะเอาเพื่อนหรือเอาเจม”

“เอาเจมครับ เอาเพื่อนไม่ลง” กวนเตนนนนนนน!
“ขอโทษๆ พี่ล้อเล่น” เขาว่าปาวๆ เพราะถูกผมหยิกนม เป็นไง รู้แล้วใช่มั้ยว่ามันเจ็บ ทีนี้ก็เลือกขบเลือกดูดนมกูเถอะ!
“แล้วเจมโกรธพี่มากมั้งที่ไม่ทำอะไรให้ชัดเจน”

“ไม่ครับ เจมรู้ว่ามันละเอียดอ่อน เจมไม่ได้ชินกับความโชคดีที่แม่กับจิวเข้าใจจนลืมไปหรอกว่าโลกมันโหดร้าย แล้วรักเราก็ไม่ได้ปกติ”
“เขาก็เพื่อนพี่ เพื่อนเจมเจมก็รัก พี่หนึ่งก็ต้องรักเพื่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เลือก พี่ต้องเลือกเจมนะ” ฮ่าๆ กันเหนียวครับ กันเหนียว นายคฤณหัวเราะเบาๆ แล้วก้มดมหน้าผากผมดังฟอด เขาวัดไข้ทั่วตัว พอแน่ใจว่าตัวไม่ร้อนจี๋น่าเป็นห่วงแล้ว เขาก็จัดเต็มเม็ด หมดแม็กซ์! แม่งรู้งี้กูบังคับให้ตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่แบบต้องหยุดสืบพันธ์เลยดีกว่า รักมากไปคนมันก็เหนื่อยไงครับนายคฤณ!


ผมเหงื่อออกจนต้องอาบน้ำอีกครับตอนสี 2 อาบกับนายคฤณนั่นแหล่ะ กำลังจะต้องเสียเหงื่อผสมกับน้ำในอ่างอีกที แต่มีระฆังมาช่วยเสียก่อน

เสียงโทรศัพท์นายคฤณดัง ดับไปแล้วก็ยังหน้าด้านดังขึ้นมาอีก เขาเลยจำใจปล่อยชีเปลือยตัวขาวอย่างผมไว้ในอ่างแล้วเดินหน้าไม่อายมารับโทรศัพท์

“อือ ว่าไงโป๊ะ”
“ห๊ะ! ค้างด้วย เอ้า! ห้องมึงล่ะ? ไฟไหม้กะทันหันหรอ?”
“สัดโป๊ะ! มึงกวนตีน เหตุผลควายๆ ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมมึงก็ฉีดกลิ่นใหม่ มาดมกลิ่นอะไรห้องกู”
“ไม่เอา ไม่ต้องมายุ่งกับน้องมัน เจมหลับไปแล้ว”
“เหี้ยโป๊ะ! นี่มึงคิดไรกับเจม ไอ้เหี้ย ห้ามแม้แต่คิดถึงหน้าเจมนะ”
“สัดโป๊ะ! ไอ้โป๊ะ ไอ้ควาย”
“มึงอยู่ไหน มึงรอตีนกูตรงนั้นเลย!!”

“เจมครับ”

“ครับ”

“เดี๋ยวพี่มานะ ไปธุระแป๊บ” ธุระที่ว่านั่น เรื่องหึงหวงควายๆ แน่เลย ผมหัวเราะเบาๆ แล้วก็แช่น้ำต่อให้สบายตัว แต่เสียงโทรศัพท์ง้องแง้งของผมก็ดังบ้าง ผมห่อผ้าเช็ดตัวแล้วเดินมาดูหน้าจอ เบอร์ไม่คุ้นแต่ก็กดรับ เพราะยามวิกาลขนาดนี้ไม่โรคจิตขอเล่นเสียวก็ต้องเรื่องจำเป็นจริงๆ

“ครับ”

“ซีดหรอ กูเองนะ พี่โป๊ะของมึงไง นี่กกเพื่อนกูอยู่รึเปล่า ฮ่าๆ กูหลอกมันว่าอยากได้มึง แม่งเลือดขึ้นหน้าเลย ฮาชิบหายว่ะ ไอ้เหี้ยหนึ่งโดนแกล้งแม่งน่าเอ็นดูโคตรอ่ะ ชอบป่าว ชอบป่าว นี่ปกติพวกมึงปี๊บๆ กันตอนไหน กูได้โทรไปกวนถูกเวลา ฮ่าๆๆๆๆ กูสะใจ ถ้ากูยังหาเมียไม่ได้ มึงก็อย่าหวังว่าไอ้หนึ่งมันจะปี๊บมึงได้ถึงใจเลย ไอ้ลูกเป็ด!”


อ่ะ....ไอ้เหี้ยพี่โป๊ะ!




จบ...



โอยยย ปาดเหงื่อนกันเลยทีเดียว
อากาศมันร้อน เลยนเขียนพลอตเย็นๆ ไม่ได้ T^T ถ้าตอนพิเศษมันจะเครียดไปก็ขอโทษด้วยค่ะ แต่เราว่ามันแอบขำนิดๆ นะ อิอิ

หวังว่าจะได้เขียนพลอตใหม่เร็วๆ นี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (เพิ่มตอนพิเศษ 23-03)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 26-03-2013 00:33:33
แอ๊กกกกกกกกกกกกกกก




ฮ่าๆๆๆ  ตลกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: lovely1714 ที่ 26-03-2013 00:38:51
ไอ้พี่โป๊ะปัญญาอ่อน
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-03-2013 01:17:25
พี่โป๊ะแม่มโคตรกวน... เคลียร์กันแล้วดีใจ ทุกฝ่ายมีความสุข ยกให้เจมเป็นพระเอกหนึ่งตอนเลยนะ

“รักเจมมันเล็กน้อย ไม่ใหญ่เท่ารักของพี่โป๊ะหรอกครับ คุณลูกแพรเธอโชคดีที่พี่โป๊ะรักเธอขนาดนี้ รักจนยอมกดดันให้เพื่อนตัวเองไม่กล้ามีความสุขหรือมีความรัก แต่ถ้าพี่โป๊ะมีความรักเยอะนัก ใหญ่นัก ก็รักพี่หนึ่งให้มากกว่านี้เถอะครับ รักคนที่ยังหายใจอยู่ข้างๆ พี่ รักคนที่ยังรับรู้ได้เวลาที่พี่ทำอะไรดีๆ ให้เขา มันจะได้ไม่เสียเปล่า”  ชอบประโยคนี้มาก หยุดทุกสิ่ง แหม่ สามหนุ่มเคลียร์กันเองไม่ได้ต้องให้เจมออกโรงเนอะ คนนี้ขวานผ่าซากจะตาย แต่จริงใจนะเออ เป็นไงเล่าพี่โป๊ะก็เหอะวะต้องยอม ไม่อยากให้เพื่อนมีความสุขเหรอจะกดดันกันเพื่อ พี่หนึ่งตอนนี้ไม่ค่อยมีบทบาท เมาแล้วมึนมากอ่ะพี่ เป็นคนกลางด้วยแหละเนอะวางตัวยาก

ฮาน้องเจมระหว่างพูดเรื่องเครียดมีบอกว่าคุณแฟนหึงแรงชอบกัดสะดือ กร๊ากกกกก อยากจะหลุดขำออกมา แล้วพี่แกก็หึงแรงจริงวิ่งเผ่นไปเล่นงานเพื่อนแล้ว แค่หมอนำคนเดียวพี่หนึ่งแกก็เครียดแล้ว ถ้าพี่โป๊ะเป็นจริงอีกคนแกคงบ้าอ่ะ เค้ารักของเค้าเนอะ น้องเจมตอนนี้พูดความรู้สึกหมดเปลือกเลย พี่หนึ่งเค้าปลื้มแฟนตัวเองจะแย่แล้ว

น่ารักค่ะ อยากได้อีก 555 ขอบคุณนะคะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 26-03-2013 01:44:13
ไอ้พี่โป๊ะมันกวนอ่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 26-03-2013 02:14:36
ขำมากค่ะ ฮาาา จากเครียดๆการเป็นฮา ตลกคาเฟ่ไปเลย  :m20:
เอาไปเอามาคนรอบตัวๆพี่หนึ่งกับเจมชักไม่ค่อยเต็มนะ ฮาาา ต้อมงี้ โป๊ะงี้
ภาวนาให้พี่โป๊ะมีเมียเร็วๆ อย่าขัดเวลาปิ๊บๆของเจมกับพี่หนึ่งเลย 555

น้องเจมพูดได้ดีนะคะ ทำให้พี่โป๊ะมันคิดได้ เพื่อนที่ดีต้องทำให้เพื่อนมีความสุขซิ เข้าใจมั๊ยโป๊ะ ฮาาา

รออ่านพลอตใหม่ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ // อย่าลืมเอาพี่หนึ่งกับเจมมาเยี่ยมกันบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-03-2013 02:38:33
 :z6: อิพี่โป๊ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: nabua ที่ 26-03-2013 05:49:45
อิพี่โป๊ะเกรียนอ่ะ จะมาขัดตอนเค้าปิ๊บๆๆ กัน คิดได้ไง พี่หนึ่งไม่ใช่ของสาธารณะนะ ให้เจมแกล้งได้คนเดียวพอ  :laugh:

ตอนพิเศษต่อไปอยากให้คนเขียนหาเมีย เอ๊ย ผัว แสบๆ ให้อิพี่โป๊ะหน่อย เอาแบบให้คุมพี่โป๊ะให้อยู่น๊าาา  :mew4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 26-03-2013 06:59:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 26-03-2013 09:12:22
นอกจากจะหึงเพื่อนแบบโง่ๆ แล้วยังปัญญาอ่อนอีก
ไอ้พี่โป๊~
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 26-03-2013 13:45:15
เหอๆๆ นึกว่าจะสงบแล้ว ยังไม่วายโดนป่วนเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 26-03-2013 16:09:39
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากๆจ้า สนุกมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-03-2013 07:14:24
ชอบมากอ่านรวดเดียวเลย :mew6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 27-03-2013 10:49:34
ตอนพิเศษทำเอามาดเท่ห์ๆนุ่มๆ ของพี่หนึ่งหมดกันเลย โดยเฉพาะอิพี่โป๊ะแตกเนี่ย นิสัยแม่งกวน...มากอะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: pornvrin ที่ 27-03-2013 14:41:27
สนุกมากเลยคะ ใช้เวลารวดเดียวสองวัน เป็นอีกเรื่องที่ไม่หวือหวาแต่ชวนให้ติดตามมาก

ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆ นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 27-03-2013 18:15:06
จบแล้วววววว ในที่สุดก็ติดตามต่อจนจบ
ขอบคุณคุณคนเขียนที่แต่งมาให้อ่าน ตาแฉะกันเลยทีเดียว 55
สนุกมากๆเลยค่ะ ><
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-03-2013 20:28:10
...พี่โป๊ะนี่..เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 28-03-2013 05:27:18
อิพี่โป๊ะแตก นี่มันนิสัยเด็กกว่าอนุบาลอีกนะ    :m16:

น่าจับตบๆๆๆๆๆๆ  :beat: :beat: :beat: ให้สะใจก่อนเนอะน้องเจม  หมั่นไส้ปากมันมากกกก  :z6:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-03-2013 12:14:14
เพิ่งเข้ามาอ่านตอนที่อยู่ห้องจบแล้ว เสียดายมากๆที่ไม่ได้เข้ามาอ่านก่อนหน้านี้ เราจะได้บอกว่าเรื่องนี้สนุกทุกตอนเลย :impress2:
ชอบพี่ที่หนึ่งกับน้องเจมมากๆเลย ช่วงที่เศร้าก็ทำเอาเราน้ำตาคลอเลยทีเดียว :monkeysad:
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ขอให้อยู่เคียงข้างกันไปเรื่อยๆนะจ๊ะหนุ่มๆ :กอด1:
แล้วก็อยากอ่านตอนพิเศษอีกจังเลยค่ะคนเขียน :impress2:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-03-2013 13:03:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: eern ที่ 30-03-2013 10:56:59
ถามตัวเองว่าไปอยู่ใหนมาไม่เห็นนิยายดีๆแบบนี้โอ๊ยๆอยากรู้ว่าผู้ชายดีๆแบบพี่หนึ่งยังเหลืออีกเหรอคะบนโลกใบนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 30-03-2013 13:37:23
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:ส่งพี่โป๊ะให้ต้องเลย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 30-03-2013 17:13:39
ชีวิตรักของพี่หนึ่งและน้องเจมคงจะมีสีสันอีกเยอะ

เพื่อนพี่หนึ่งแต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น

ถือว่าเป็นสีสันของชีวิตก็แล้วกันนะจ๊ะน้องหนึ่ง

 :laugh: :laugh: :laugh:

หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 30-03-2013 22:35:42
555555555


ไอ้พี่โป๊ะ   แม่งโรคจิตอ่ะ
แค้นฝังหุ่นด้วยนะเนี่ย
พี่หนึ่งนี่ก็หึงได้น่าเอ็นดูมากกกกกกกกกก


ปวดหัวแทนเจมจริงๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 31-03-2013 02:19:26
part1

โหย อ่านละจี๊ด เค้ารับเรื่องแนวนี้ไม่ได้ แบบมากวนๆงี้ จี๊ดสุด
สงสารเจม พี่โป๊ะเป็นไรมากมั้ย
สงสัยจะเข้าทำนองเคยชอบผู้หญิงคนเดียวกับพี่หนึ่ง
ละพี่หนึ่งคว้าไปได้ พอตอนนี้พี่หนึ่งรักเจมเลยยอมไม่ได้ไรงี้ป่าว

part2

ชอบมากเวลาที่เจมพูดตรงๆ
อยากพูดตรงๆแบบนี้ได้บ้างจัง
พี่โป๊ะหงายเลยทีนี้555
แต่แบบ กวนตีนอ่าตอนจบ ไอ้พี่โป๊ะ!
ฮาเกรียนได้อีก

ดีใจที่มีตอนพิเศษให้อ่าน อิอิอิ
พี่หนึ่งกับเจม ชอบเจมมากๆๆๆ

ป.ล.อ่านถึงตอนขึ้นบันไดเลื่อนละยิ้มกว้าง คริคริคริ

รอเรื่องต่อๆไปน้า ขอให้ได้พลอตใหม่เร็วๆ
หรือขอตอนพิเศษอีกก็ได้ ยินดีอ่านและสนุกไปกับทุกๆเรื่องจ้า
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 31-03-2013 03:07:42
สนุกมากเลยค่่ะ...มีครบทุกอารมณ์

ทำรวมเล่มมั้ยคะ??? อยากเป็นเจ้าของอยากจับจองทั้งพี่หนึ่ง+เจม
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 31-03-2013 15:38:51
ฮา ไอ้พี่โป๊ะอะ นึกว่าจะต้องได้เลือกซะแล้วสิพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: in_blu ที่ 01-04-2013 09:47:14
อร๊ายยย เพิ่งมาโอกาสได้อ่าน ตอนที่เรื่องจบแล้ว
อ่านมันรวดเดีญว แบบไม่ขาดตอน ไม่มีอะไรมาหยุดยั่ง

เรื่องสนุกมากคะ อ่านได้เรื่อยๆ ไมีมีหยุด
วิธีการเล่าเรื่องก็ดี อ่านแล้วเพลิน มากกกก
แต่ ติดจะงงเรื่องประโยชน์ที่พูดอยู่หน่อยๆ ว่าใครเป็นคนพูด
เพราะมันมีลูกน้ำขั้นประโยคคำพูดทุกประโยคทั้งๆ ที่เป็นคนพูดคนเดียวกัย พูดอย่างต่อเนื่อง
แทนที่จะเป็นเว้นวรรค หรือ มีอะไรที่บอกให้รู้ว่านี้คือคนๆ เดียวกันพูดอะไรแบบนี้อะคะ

แต่โดยรวม ชอบมากคะ ยังไงจะรอติดตามงานอื่ๆน ต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: yakusa ที่ 01-04-2013 21:20:40
สนุกมากเลย.  :mew1: :mew1:
ชอบที่ไม่ดราม่านานๆ
รอตอนพิเศษ ที่หวานๆๆบ้าง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 01-04-2013 21:57:20
สนุกมากๆ ประทับใจคะ
 
ประทับใจความรักของที่หนึ่งที่มีให้กับเจมมากๆ เป็นรักที่คิดจะให้กับคนที่รัก
น้องเจมดูแลตัวเองและดูแลความรักของที่หนึ่งให้ดีนะครับ  :L2:
ชอบน้องเจมตอนหึง อิอิ

ขอบคุณผู้เขียนด้วยคะ  :pig4: ขอตอนพิเศษหวานๆ แบบน้องเจมขอหวานบ้างนะคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 02-04-2013 00:36:50
แหน่ะ ไอ้พี่โป๊ะ อย่าไปกวนสองคนนี้เลย
ให้เขาถึงจุดไคลแมกซ์เถ้อะะะะ :mew3:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 03-04-2013 13:48:58
เพิ่งอ่านจบหน้า2 แต่ก็หลายตอนแล้วล่ะ ชอบกันแล้วแต่ยังไม่ได้เป็นแควนกัน

สาตะพาบนิดนึงว่าไม่ค่อยชอบพระเอก ซะงั้นอ่ะ!!

5555 เรื่องแพร คือไม่อะไรมากเพราะคิดว่า ตามวิถีทางการเป็นพระเอกแล้ว เดี๋ยวมันจะมีเหตุผลให้พระเอกดูดีอยู่ดี อาจจะเช่นเป็นแค่น้องสาว หรือเหตุผลอะไรให้พระเอกทำเหมือนอาัลัยอาวรณ์ มีเหตุผลมาแก้ต่างอยู่ดีว่าพระเอกจริงใจกับนายเอกนะไม่ใช่ไม่จริงใจ อะไรอย่างงี้

แต่เคืองหลายๆอย่างทั้งตัวเจมด้วย มีช่วงนึงมีการเอาแอมกับพี่หนึ่งมาเทียบกัน ซึ่งเป็นการเทียบที่ไม่ยุติธรรมอย่างสุดๆ เช่นฉากที่พี่หนึ่งออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วกลับมาเห็นเจมกับแอมคุยกันที่คอฟฟี้ชอป ที่บอกว่าแอมจะยุ่งกับเรื่องของเค้ากับพี่หนึ่ง ในขณะที่พี่หนึ่งดีกว่าตรงที่ไม่ถามไ่ม่ยุ่งเรื่องของเจมกับแอมเลย
จริงๆคือมันไม่ใช่ไง เพราะถ้าบอกว่าพี่หนุ่งไม่ยุ่ง แล้วที่ไปดึงเจมออกมาจากตอนที่ถูกแอมบอกชอบล่ะคืออะไร ทำโมโหใส่ก็พาลจากการหึงล่ะ? เพียงแต่ตอนนั้นที่พี่หนึ่งแค่ยิ้ม ในขณะที่แอมกลับดูยุ่งย่าม ถามนู่นถามนี่ว่าชอบคุณหนึ่งเหรอ เพราะอะไรล่ะ เพราะแอมเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธแล้วหนึ่งเป็นฝ่ายถูกยอมรับ หนึ่งก็เลยได้แต่ยิ้ม(เพราะยังไงก็คือดีใจ สบายใจ) มันต่างกันนะ เอามาเทียบกันไม่ได้ ลองหนึ่งเป็นฝ่ายถูกปฏิเสธหรือเข้าใจผิดสิ (แค่ดูฉากดึงเจมออกมาตอนถูกแอมบอกรักก็รู้ละ) ไม่ยุติธรรมกับแอมแบบสุดๆเลยค่ะ อันนี้เคืองเจมนิดนึงเพราะอ่านแรกๆดูมีเหตุมีผลดีทำไมตอนนั้นถึงพูดประโยคแบบนี้ก็ไม่รู้

ส่วนพี่หนึ่ง รุกแบบข้ามขั้น ฉวยโอกาส ฉากดูดคอมันอาจน่ารักสำหรับคนอื่นแต่สำหรับเรามันไม่น่ารักเลยเพราะยังไมไ่ด้เป็นอะไรกัน ไม่ได้เป็นแฟน ฝ่ายนายเอกยังไม่ได้บอกชอบด้วยซ้ำ ยังอยู่ในช่วงจีบ แต่ไปดูดคอเค้าตอนเค้าไม่รู้สึกตัว เคืองพี่หนึ่งเลย

พอละ เชอะ

อินค่ะอิน 5555
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Dark_Evil ที่ 03-04-2013 15:29:16
อ่านรอบเดียวจบเลยค่ะ
น่ารักอ่านไปเขิลไป  อ่านไปหมั่นไส้ไป  อิอิ  เก่งมากเลยค่ะนักเขียน
เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: konnarak ที่ 03-04-2013 16:57:13
ขอบคุณคับสำหรับนิยายดีๆ  สู้ๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: spoilt ที่ 03-04-2013 18:49:37
เห้ยยยย สนุกมากอ่ะ อ่านรวดเดียวจบเลย แบบไม่ได้อ่านนิยายที่สนุกแบบนี้มานานละ

อ่านไปหัวเราะไปอ่ะ ชอบการผูกเรื่องแบบนี้ มันธรรมชาติ มันไม่โอเวอร์เกินไป

ที่จะเกิดกับชีวิตคนจริงๆในปัจจุบันได้ เราชอบ บอกเลย ฮร่าๆๆๆ  เป็นกำลังใจให้

แล้วเขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านอีกนะ รอติดตามผลงานอยู่   o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-04-2013 02:10:03
นั่งอ่านรวดเดียวจนจบเลย ฮ่าๆ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 05-04-2013 13:06:09
อ่านรวดเดียวจบหมดเลย

สนุกมากค่ะ  พลาดเรื่องนี้ไปได้ไง  ภาษาดีเขียนลื่นอ่านง่าย ชอบมาก

รอเรื่องใหม่อย่างใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 05-04-2013 23:45:40
จบแล้ว
สนุกมากค่ะ และรสก็กำลังพอดีสำหรับเรา
ดราม่านิดๆ และไม่นาน เคลียร์ความรู้สึกได้เร็วดี
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: from_mars ที่ 05-04-2013 23:51:57
เรื่องนี้น่ารัก
ไม่ต้องมีบทอัศจรรย์ ก็อ่านเพลิน น่ารักมาก
น่าอิจฉาคนหน้าตาดีมีฐานะเนอะ 555

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ภาษาสวยๆ อ่านแล้วเพลินมากๆ เลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: SciOn ที่ 06-04-2013 00:23:44
เพิ่งอ่านจบเมื่อวานแต่มาเม้นท์วันนี้
คืออ่านจบแล้วแบบ....เฮ้ยยยยยย สนุกอ่ะ
นิยายสนุกๆนี่ไม่จำเป็นต้องดูที่ยอดวิวหรือจำนวนคอมเม้นท์เลยจริงๆ
แต่งเรื่องอื่นมาอีกนะคะจะคอยติดตาม
ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกันน๊าา ^___^
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 06-04-2013 18:45:18
สนุกมาก  ชอบได้อีก  อย่างอ่านเรื่องต่อไปของคนเขียนมาก   :mew3:    ขอบคุณสำหรับนิยายที่สนุก     :pig4: :pig4: :L1:  รอนิยายเรื่องต่อไป :katai4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: CHADMM ที่ 06-04-2013 23:34:22
ตามมาจากห้องนิยายแนะนำค่ะ ,, แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ สนุกมากกกกก แอบฮาเรื่อยๆ ชอบมาก ชอบจริงๆ

รักของพี่คลินใหญ่มากกกกกกกกก  ตอนท้ายๆนี่นึกว่าต้องซดมาม่าชามใหญ่แล้วเชียว (ฮือ ยิ่งตอนเจมโดมแอมข่มขืนอ่ะ ไม่ชอบฉากแบบนี้เลยจริงจัง) เจมโชคดีจริงๆ ที่มาเจอพี่คลิน

#ตอนพิเศษ ...โหยย ไอ้พี่โป๊ะมันกวนตีนได้ใจจริงๆ แต่กว่าจะมาดีกับเจมได้ เราขัดใจกับพี่คลินมาก ทำไรยึกยักๆอยู่นั่นอ่ะ แต่ดีละที่เคลียร์กันได้
ปอลออ คุณคนแต่งคะ ขอตอนพิเศษอีกได้ไหมม เอาตอนหวาน ฮาๆ ไม่มีดราม่าเข้าใจผิดไรงี้อ่ะ //ชอบตอนที่พี่คลินกับเจมหวานกันที่สุดแว้ววววว
ปอลอ2 . เรื่องนี้จะรวมเล่มไหมคะ บอกตรงๆ โคตรชอบอ่ะ

ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2013 06:53:31
ไม่หลับไม่นอนเร่งอ่านให้จบได้ในเวลาไกล้เจ็ดโมงเช้า สนุกมากละจากหน้าจดไม่ได้เลย ประทับใจกับความรักความมั่นคงของพี่หนึ่งมากๆ นั่งอินกับเนื้อเรื่องที่หวานก็ยิ้มแก้มปรินั่งยิ้มนั่งเขินอยู่คนเดียว ตอนเศร้าก็จิตตกเลยว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ทำไมคนทั้งคู่ต้องเจออะไรแบบนี้ ยิ่งตอนจะฮาน่ะก็ได้แต่คิดว่า แหมช่างพูดช่างทำไปได้น่ะคนเรา
สรุปก็คือเรื่องนี้สนุกมากๆปลื้มสุดๆ ทุกตัวละครมีมุมมองและวิธีคิดที่สอนคนอ่่านเป็นอย่างดี ชอบน่ะหลากหลายทางความคิดดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 07-04-2013 18:28:56
โฮ่ อ่านยาวจนจบ  สนุกมากๆค่ะ ประทับใจมาก ชอบที่นายเอกตรงๆแสดงออกชัดเจน ส่วนพระเอก 'ที่หนึ่ง' สมชื่อ  ชอบเรื่องนี้มาก รอเรื่องต่อไปของคุณนะคะ(^ ^)
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 07-04-2013 20:41:55
ชอบค่ะ..หลากอารมณ์ดี...ไม่หนักเกินไป..มีฮาในความคิดของน้องเจมเป็นระยะ ...
น้องเจมดูเหมือนแปลกแยก..แต่ความจริงเป็นคนที่แคร์ความรู้สึกของคนอื่นมาก ๆ..
แม้กระทั่งแอม...เพื่อนที่ไม่น่าให้อภัย...ตอนนั้นสงสารเจมมาก ๆ..กลัวจะต้องบำบัดอีก..
ที่หนึ่งสุภาพบุรุษสุดขั้ว...ถ้าไม่ใช่น้องเจมคงมีเฮรายวันเพราะความเป็นสุภาพบุรุษของพี่ท่าน...
แต่ยอมรับในความรักของที่หนึ่งที่ละมุนละม่อมและอ่อนหวาน..เหมาะกับน้องเจมเป็นที่สุด
ชอบครอบครัวของทั้งคู่...อบอุ่นและหัวสมัยมากโดยเฉพาะพี่จิว...พี่ชายที่น่ารักปกป้องน้องในแบบเกรียน ๆ เนอะ
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ที่ร้อยเรียงมาให้อ่านขอเป็นกำลังใจให้คนแต่ง..เพื่อสร้างสรรนิยายดี ๆ มาให้อ่านกันอีกนะคะ

 :L2: &  :pig4:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 08-04-2013 03:08:32
อ่านรวดเดียวเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

จริงๆไม่อยากให้จบเลย เจมน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกชอบนายเอกนิสัยแบบเจมมาก

เป็นคนตรงๆ ไม่งี่เง่า ถ้าสงสัยก็เคลียร์ เห้ยยใช่อะ อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าแบบไม่อยากอ่านตอนต่อไปเลย
เพราะมั่นใจว่าเจมมันต้องเป็นคนไม่ยืดเยื้อ แบบน่ารักอะ ชอบนิสัยเจมมาก

ส่วน ที่หนึ่ง โอ๊ยย จะหาผู้ชายอย่างนี้ได้ที่ไหน คือมาดแมนเพอรเฟกต์มาก สุดๆ น่ารักมากเลย มีเหตุผลแล้วก็เป็น
ผู้ใหญ่ที่ดูแลเจมได้ดีมาก อ่านแล้วอินว่าสองคนนี้มีตัวตนและรักกันจริงๆ

รู้สึกพลาดมากเลยที่มองข้ามเรื่องนี้ไปเพียงเพราะหน้าของกระทู้ โอ๊ยยรู้สึกผิด มันสนุกมากอะสนุกมากจริงๆค่ะ  o13

ขอชื่นชมคนเขียนเรื่องนี้มากๆ เราชอบมากเลยเวลาคนเขียนบรรยายอะมันลื่นไหล อ่านแล้วแบบเพลินมาก
เชื่อได้เลยว่าคนเขียน ตัวจริงต้องเป็นคนตลก เฮฮาแน่ๆ 555 เพราะเราอ่านแล้วรู้สึกฮาตามเลย

แต่พอตอนเรื่องแอมที่ทำกับเจมก็แบบ หดหู็่มากตอนนั้น แต่ก็แอบมีให้ฮาเล็กๆ

สเน่ห์ของเรื่องนี้คือไม่ยืดเยื้ออะ ชอบมาก แบบทำให้เนื้อเรื่องมันไปได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อเลย
แล้วก็สำนวนที่ใช้ต่อปากต่อคำกัน ช่วงกวนๆที่แบบฮาได้ใจ เราชอบตรงทีมันดูเป็นธรรมชาติสุดๆ
เรื่องนี้กลายเป็นนิยายสุดโปรดของเราอีกเรื่องหนึ่งไปแล้ว

อยากให้มีต่อเรื่อยๆจัง ถ้าไงว่าง มาต่อตอนพิเศษบ่อยๆนะคะ :impress2:

สุดท้ายขอบคุณมากจริงๆค่ะ ที่แต่งเรื่องดีแบบนี้มาให้อ่านกัน ดีใจจังที่ได้อ่านเรื่องนี้ รู้สึกดีที่ได้อ่าน

ปล. เป็นเรื่องที่ไม่มีการบรรยายฉากเอ็นซีแต่ทำให้เราเขินได้จิกหมอนได้ อบอุ่นมากๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: anawas ที่ 08-04-2013 18:13:48
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 08-04-2013 20:05:54
เฮี้ยพี่โป๊ะ ของจริง!!!! จัดคู่ให้พี่โป๊ะซักคนเถอะ จะได้เข็ดหลาบ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: mamimew ที่ 09-04-2013 21:04:31
อ่านมาสองวัน ในที่สุดก็จบ ^^
อ่านไปอ่านมากไม่อยากให้จบเลย
สนุกมากค่ะ ภาษารื่นๆ
ดูเป็นการเล่าไปเรื่อยๆแต่แบบ เอ๊ะ เห้ย ขำอ้ะ บางทีอ่านเลยไปแล้วก็หันกลับมาฮา :m20:
ชอบตรงที่พอมันจะดราม่า น้องจิวก็ถาม มันดูแบบ เคลียร์ได้อ่ะ
เจ็บก็ไม่นาน แล้วผูกเรื่องสนุกมากค่ะ
พี่หนึ่งดูเป็นผู้ชายที่รวย แต่จับต้องได้ ชอบผู้ชายแบบนี้ ><
ความรักของพี่หนึ่งน่าชาบูบูชามาก คือไม่เข้าใจอะไรจะต้องเอาให้เคลียร์ให้ได้
แล้วก็มั่นคงมาก ชอบตรงที่บอกว่าพี่อยากได้คู่ชีวิต น้ำตาจิไหล :hao5:
เวลาหวานก็หยอดกันซะ เป็นเรื่องที่ไม่ต้องมีฉากจะดึ๊ยกันคนอ่านก็ฟินได้
ชอบอีกอย่างตรงไม่มีดราม่าพ่อแม่ 55555
เป็นนิยายอีกเรื่องนึงที่เราบอกได้เต็มปากว่าสนุกมากกกกก
ขอบคุณคุณ kajidrid นะคะ ที่แต่งเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่านกัน
ถ้าจะดี ตอนพิเศษเพิ่มอีกจะน่ารักกว่านี้ค่ะ 5555 o13
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-04-2013 01:00:12
ขอบคุณคับ :L2:
เรื่องน่ารักจัง
นายเอกเป็นคนตรงๆดี ปากตรงกับใจ ชอบมากๆ
พระเอกก็มั่นคง น่ารักดี
เรื่องสมเหตุสมผล ดราม่าไม่เยอะ โดยรวมแล้วชอบคับ
แต่งเรื่องอื่นมาอีกนะคับ จะตามไปอ่านแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (ตอนจบ) Hear, Me (พิเศษตอนจบ 25-03))
เริ่มหัวข้อโดย: Flower night ที่ 12-04-2013 22:19:17
อ่านจบแล้ววว ชอบมากกก ค่ะ สนุกมากก ชอบลักษณะนิสัยของเจมจัง ไม่เคยอ่านนายเอกมีนิสัยแบบนี้มาก่อน มันดูมีเหตุผล มีสิ่งที่ทำให้ต้องเป็นแบบนั้น ดูลึกลับ เป็นคนแปลกๆดี  สรุปก็คือชอบม้ากกกก ทั้งนายเอก พระเอก ครอบครัว  o13 สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้มาให้อ่านกันอีกนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 14-04-2013 23:42:17
Hear, Me - First' s Love
 
 

ผมกับเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันเท่าไหร่ แม้จะมีเวลาหยุดทำงานตรงกันแต่มันก็ไม่ใช่เวลาว่างของเขาอยู่ดี

"เสร็จรึยังเจม"

เพราะฉะนั้น เวลาที่หาเวลาว่างตรงกันได้เมื่อไหร่ นายคฤณจะไม่ปล่อยให้มันสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว และแม้ว่าผมยืนกรานแล้วว่าไม่อยากออกไปไหนวันนี้ อยากนอนอยู่คอนโดเงียบๆ ตามประสานกกระจิบชอบอยู่ในกะลา เขาก็ไม่ยอมเสียความตั้งใจ

"เสร็จแล้ว" เสียงผมยานคางมาก หน้าก็หนืดมาก เรียกได้ว่าทั้งสีหน้าและท่าเดินของผมกำลังตะโกนด้วยเสียงกรรโชกกับโลกนี้ว่า "กูไม่อยากออกไปไหนเว้ย!"

"ทำไมทำหน้าแบบนั้น"

"ก็เจมอยากนอน"

"เมื่อคืนบอกให้นอนเจมก็ไม่นอน แล้วนี่มันไม่ใช่เวลานอน แต่เจมจะนอน ผิดมนุษย์เกินไปนะครับ"

"ก็เมื่อคืนเจมเล่นเกมอยู่"

"เลิกเถอะ ไอ้ดีดหมีกับขยี้ลูกอมเนี่ย"

"ติดแล้วอ่ะ" ผมเถียงแล้วอมลมเดินเฉียดหัวแม่ตีนเขาไปใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก๋า

"เร็วสิพี่หนึ่ง เดี๋ยวเจมเปลี่ยนใจนะ"

"โอเค โอเค ใครกันล่ะที่เริ่มยืดยาดก่อน"

"เจมเองครับ เจมผิดครับ พอใจรึยังครับ พอใจก็ไปกันเถอะครับ" ประชดให้แม่งงอนมั่ง งึ่ย! แล้วผมก็ถูกผลักหัวเบาๆ แต่ไอ้มือเดิมข้างนั้นนั่นแหล่ะที่โอบไหล่ผมไว้แล้วพาเดินออกจากห้อง

โปรแกรมวันนี้
ดูหนัง 2 เรื่องควบ!!
ผมก็ไม่รู้ว่าสามัญสำนึกส่วนไหนของเขาที่ตื่นตัว อยากจะริดูหนังมัน 2 เรื่องในวันเดียว แล้วผีตัวไหนไปบอกเขาหรอว่าผมอยากดู ผมเปล่านะ ผมรอดีวีดีได้ เดี๋ยวไอ้จิวก็เอามา

"เรื่องไหนก่อนดี คู่กรรมก่อนแล้วค่อยพี่มากเนอะ พักกินข้าวก่อน เดี๋ยวเจมหิว รอนี่นะครับ พี่ไปซื้อตั๋วก่อน"

บอกแผนแล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปยืนหัวโด่ต่อแถวซื้อตั๋ว ท่าทางเขินสายตาคนอื่นที่เงยหน้ามองนายคฤณแล้วตะลึงในความดูดีทำเอาผมอดยิ้มอยู่คนเดียวไม่ได้

"หล่อยังกะลูกโกโบริแน่ะแก" หืม? ไหนๆ ขอมองมั่งดิ ผมเนียนมองหาลูกโกโบริบ้าง แต่ก็เห็นแค่วัยเกรียนที่หน้าตาไกลจากสปีชี่โกโบริมาก ไหนวะ? ไม่เห็นมี

ผมละความอายแล้วจ้องหาคนพูด แล้วก็เจอจนได้ พอสบตากันพวกเธอก็ยิ้มเขินๆ ให้ผมดู หรือหมายถึงกูวะ?

ผมยิ้มให้นิดเดียวแล้วยืนดีดหมีในไอโฟนเพื่อรอนายคฤณต่อ แป๊บเดียวเขาก็เดินดุ่มๆ มาหา พร้อมกับเสียงที่แว่วเข้าหูผมว่า "งู้ยยยยแก หล่ออออ หล่อชิบหาย โอ้ยยยย พี่น้องกับลูกโกโบริรึเปล่าวะแก"

โอเค เก็ทแล้ว
กูถูกมองประหนึ่งลูกโกโบริ ส่วนนายคฤณเป็นพี่ชายผม โอเคนะ อย่างน้อยผมก็ถูกมองว่าหล่อ ฮี่ๆ คำชมในฝัน

"แก พออยู่กับพี่แล้วโกโบริแอ๊วมากเลย"  ห๊ะ?! แล้วแอ๊วคืออะไร แล้วกูจะไปถามใคร

"เป็นไรครับ" นายคฤณแตะบ่าผมเบาๆ พลางถาม เขาเอนตัวนิดนึงเพื่อมองกันชัดๆ ผมก็เลยถอยหนี แต่ก็นิดเดียวแหล่่ะ

"ไม่มีอะไรครับ" ผมปดแล้วชะโงกมองตั๋วในมือเขา

"โกโบริก่อน เดี๋ยวเข้าโรงเลย แถวบนสุด เจ๋งป่ะ พี่ไม่ชอบนั่งแถวกลาง คนข้างหลังชอบบ่นว่า ห่านี่หัวสูง เซ็ง" โถ น่าสงสารว่ะ ผมหัวเราะเป็นการปลอบใจ แล้วก็เดินเด้งส้นไปซื้อข้าวโพดคั่วรถช้อคโกแลตทันที

คนน้อยกว่าที่คิด แต่ก็ดีแล้ว ผมยังแก้อาการไม่ชอบที่พลุกพล่านไม่ได้ และไม่คิดจะแก้ด้วย นายคฤณพาผมมายังที่นั่ง ซึ่งแทบจะไม่มีใครนั่งแถวเดียวกันเลย มีแค่คน 2 คู่หนึ่งริมสุดโน่นนนน หรือว่าเขาซื้อหลายบัตรเพื่อกีดกันเพื่อนร่วมโรงวะ?

"พี่หนึ่ง ทำไมแถวบนสุดแทบไม่มีใครเลยอ่ะ"

"พี่รำคาญ" โอเค คุณมึงไม่น่าสงสารแล้วครับ ผมศอกใส่แต่ไม่ได้บ่นอะไรเสียงดังนัก ขบข้าวโพดคั่วแสนแพงไปหลายคำ หนังก็เปิดตัวชนิดที่ผิดคาด

"น่าสนใจดีเนอะ" เขาว่าแล้วหันมาเลิกคิ้วมองผมใกล้ๆ แสงจากหนังสาดเข้าแก้มเขาพอดี ผมเลยเห็นแววตาวิบวับของเขานิดหน่อย

"ครับ แปลกดี"

"แต่ก็นำเสนอเกี่ยวกับความรัก พี่เลยอยากดู" อ่อ แบบนี้นี่เอง คิดว่าหลงณเดชไปอีกราย เพราะถ้าใช่ จะเตะไปถือป้ายไฟใกล้ๆ หม่อมแม่

ผมไม่ตอบอะไร เขาเลยหันไปดูหนังอย่างตั้งอกตั้งใจ หลายครั้งที่ผมได้ยินเสียง "ห่ะ" จากเขา แต่ผมไม่ถามอะไรหรอก ปล่อยเขารื่นรมณ์ไปกับจินตนาการผู้กำกับที่ได้แดกเงินเขา 460 บาท เอ๊ะ ไม่สิ เขาซื้อมากกว่า 2 ที่นี่หว่า

"โอ่ะ" เขาอุทานเบาๆ แต่ผมพอจะรู้ว่าเขาอุทานทำไม ก็ฉากเลิฟซีนนี่มัน....อื้มมมม เข้าใจทำว่ะ

แต่ที่ทำให้ผมอึ้งสุดไม่ใช่ฉากในหนังหรอก แต่เป็นอาการเอาหัวมาโขกไหล่ผมของเขานั่นแหล่ะ! นี่มันอะไรว้า!!

"อะไร เจมไม่เล่นนะ"

"สัญญาณขอกอด แบบใหม่ไง" หน้าด้านนนน ขโมยลีลาโกโบริได้ไงเล่า ผมหันมองแล้วยู่ปากกำหมัดขู่ เขาหัวเราะเบาๆ แต่มือเลื้อยมาโอบตัวผมแล้วเรียบร้อย

แม่อังอาจใจแข็ง แต่แม่อัญอย่างผมเคลิ้มใจมาก ขอบอก!

เขาดูมีความสุขขึ้นเมื่อได้แตะตัวผม ไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่ง ตอนซึ้งนี่ประกบมือ บีบเบาๆ แล้วขยับนั่งเอนตัวมาพิงกัน ส่วนตอนที่โกโบริสอนน้องอังพูดคำรักนั้น เขาหันมากระซิบผมว่า "ไอชิเตรุ"
 
ผมก็เขินสิ เสียงกระซิบนายคฤณหล่อชิบหายเลย!

สุดท้าย เรื่องราวความรักของพวกเขาเดินมาถึงทางแยกจนได้ นายคฤณยืดตัวแก้เมื่อย แต่ยังไม่ลุกจากเก้าอี้ เขารอให้คนอื่นเดินออกไปก่อน พอคนใกล้หมดโรงเขาถึงจูงมือผมเดินออกมา

เจอกับโลกจริง ผมก็รูดมือออกจากมือเขา นายคฤณหันมองสีหน้าแล้วยอมเข้าใจในที่สุด เราเดินหาร้านอาหารเพื่อกินมื้อกลางวัน แล้วก็จบลงที่ร้านอาหารไทย

การอยู่กับเขาทำให้ผมมีคามสุข แต่สายตาและเสียงผู้คนทำให้ผมอึดอัด เมื่อก่อนผมไม่แคร์ แต่ตอนนี้แคร์ ที่แคร์ก็เพราะไม่อยากให้ใครมองเขาแล้วซุบซิบ กลัวเขาเสียความสุนทรีย์ต่อโลก

"อิ่มมั้ยครับ" เขาถามเมื่ิอเห็นผมรวบช้อน แล้วความเป็นสุภาพบุรุษเสมอของเขาก็ทำให้เราถูกมองอีกจนได้

"เจมเช็ดเองได้ครับ"

"ปกติพี่ก็เช็ดให้"
 
"คนมอง เจมไม่ชอบ" ผมคงดูเอาแต่ใจมาก เขาถึงได้หดแขนกลับไปแล้วตีหน้านิ่ง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเก็บไปเป็นฝุ่นที่ทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัวรึเปล่า แต่ปากผมก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มไปว่า เจมไม่ชอบให้คนอื่นมองพี่หนึ่งแปลกๆ

เขาคงไม่ได้ใส่ใจเรื่องในร้านอาหาร เพราะตอนนี้กำลังเดินพาผมซื้อนั่นนี่ตามแต่ที่เขาอยากให้ แต่ผมแอบรูดบัตรซื้อแว่นกันแดดให้เขาอันนึง เห็นเขาลองแล้วหล่อ แต่เขาไม่ได้ซื้อไว้ เดี๋ยวค่อยให้ที่คอนโดแล้วกัน

"พี่หนึ่ง พี่มากกี่โมงครับ"

"เกือบ 4 โมงครับ เจมนั่งกินกาแฟก่อน เดี๋ยวพี่เอาของไปไว้ที่รถเอง"

"เจมไปเอง พี่หนึ่งนั่งเย็นๆ ที่นี่แหล่ะ" ฮี่ๆ ก็ผมไม่อยากให้เซอร์ไพรส์เสียของนี่หว่า นายคฤณขมวดคิ้วนิดนึง แล้วก็ยื่นทุกสิ่งให้ผมพร้อมกุญแจรถ ยอดชายนายชานนท์อย่างผมก็เลยเดินเป็นคนบ้าหอบฟางไปยังที่จอดรถ

กลับมาเจอเขาอีกทีก็ใกล้หนังฉาย  อาการรีบจนลิ้นห้อยทำให้เขาช่วยผมเช็ดเม็ดเหงื่อแล้วก็จูงมือ

และคนก็มอง
และผมก็ดึงมือออกอย่างแยบยลเหมือนเดิม

ความตลกของมุกหน้าด้านในหนังเรื่องนี้ทำให้ผมยินเสียงหัวเราะของเขาแทบทั้งเรื่อง ดีจัง ผมเองก็ขำทั้งหนังและขำนายคฤณที่กร่นด่าความหน้าด้านของแต่ละมุกอย่างอารมณ์ดี ดูหนังเรื่องนี้ เขาไม่ได้มาเบียดกระแซะอะไรผม แม้แต่หันมาชวนกันขำก็ไม่มีซักเหลียว แต่ผมไม่คิดอะไรมาก แค่เขาอารมณ์ดีก็ดีแล้ว

"ตลกดีเนอะ"

"ครับ" ผมรับคำแล้วยิ้มตามยิ้มของเขา นายคฤณมองผมระหว่างรอให้คนอื่นออกไปจนแทบหมดโรง พอไฟเริ่มสว่างจนเห็นแววตากันชัด เขาก็บอกผมว่า "เป็นเจม จะตายก่อนพี่ หรือให้พี่ตายก่อน"

"ขอตายก่อนได้มั้ย"

"ได้สิ พี่จะมีชีวิตอยู่จนกว่าเจมจะตายอย่างสงบใจ ไม่มีอะไรให้ห่วง"
"ถ้าพี่ตายก่อน เจมอยู่ได้มั้ยครับ?" ผมส่ายหน้าดิกแล้วเตะเขาเบาๆ ก็ผมไม่อยากสูญเสียใคร เขาเองก็รู้นี่่
"งั้นพี่จะรักเจม จนกว่าเจมจะไม่อยู่กับความรักของพี่แล้ว ดีมั้ย?"

"แล้วถ้าเจมตายแล้วล่ะ พี่หนึ่งจะรักคนอื่นมั้ย"

"เจมอยากให้พี่ทำยังไง"

"ไม่รักใครอีก ได้มั้ยครับ"

"ได้ครับ พี่รักใครไม่เป็นแล้ว รักเจมยังต้องทำความเข้าใจเจมวันต่อวันเลย" โอเค กูดูงี่เง่ามากในสายตาชาวโลก ผมเบ้หน้าเพราะถูกว่าเหน็บ เขาก็หัวเราะเบาๆ แล้วเกี่ยวคอผมพาเดินออกจากโรงหนัง

แต่พอออกมาเจอคนมากมาย ผมก็เพิ่มระยะห่างระหว่างเราทันที
และครั้งนี้ เขาก็แสดงออกทันทีเหมือนกันว่า ไม่ยอมให้ผมทำตามใจตัวเอง แต่ขัดใจเขาอีกต่อไป

ยิ่งเขากอดคอผมเดิน คนก็ยิ่งสนใจ ผมอึดอัดกับสายตาที่คนอื่นมองเขา แม้บางคนจะมองเพราะเขาหล่อ บางคนก็มองเพราะเขาเดินกอดคอผมไม่ปล่อย บ้างก็มองแล้วยิ้ม แต่ส่วนที่มากกว่าคือมองแล้วซุบซิบกัน

"น่ารักเนอะ"
"เสียดายอ่ะแก"
"อิจฉาคนนั้นอ่ะ พี่คนสูงโคตรหล่อเลย ไม่น่าเป็น...."  คำสุดท้ายที่ออกจากปากเธอทำให้ผมรีบเดินจนพ้นจากวงแขนของนายคฤณในที่สุด ผมคิดว่าเขารู้ว่าผมเป็นอะไร และผมก็รู้ว่าเขาไม่ยอมให้ผมเป็นแบบนี้

"พี่หนึ่ง!!" ผมผลักเขาออกทันทีที่เขากอดคอผมบนบันไดเลื่อน สายตาผมบอกเขาหมดทุกอย่าง แต่สายตาเขาดุกว่าทุกครั้งที่เคยมองตากัน

"เป็นอะไรครับ?"

"อึดอัด"

"เพราะพี่หรอครับ"

"เพราะคนอื่นมอง"

"แคร์คนอื่นมากหรอ"

"คนอื่นมองพี่หนึ่งเป็นเกย์ เจมไม่ชอบ"

"พี่ไม่สนนี่ครับ เจมสนทำไม"

"แต่พี่หนึ่ง...เสียหาย"

"ตรงไหน แขนขายาวเท่าเดิมนี่ครับ" กวนตีนกูอีกแล้ว จากที่หงุดหงิดคำคนอื่น ตอนนี้ผมหงุดหงิดที่เขาไม่สะทกสะท้าน ทั้งที่ผมแบกความรับผิดชอบไว้เต็มเปี่ยมเรื่องที่ทำให้คนอื่นมองเขาเป็นเกย์ ควรให้รางวัลเป็นคำปลอบประโลมดีๆ ไม่ใช่เรอะ?

ผมตีหน้ายุ่งแล้วก้าวหนี โชคดีที่ไม่ซุ่มซ่ามตกบันได เดินจ้ำอ้าวไปตามเรื่องตามราว หันมาอีกที ผมก็เคว้งอยู่ในห้างใหญ่ใจกลางเมืองซะแล้ว

"อ่ะ อ้าว หา..ย"



ค้นเนื้อค้นตัวแล้วมีเงินติดตูด 500 บาท ไอโฟน 1 เครื่อง ส่วนคนที่หนีบผมออกจากกะลาใบน้อยหายตัวไปร่วมครึ่งชั่วโมง โดยที่ไม่ติดต่อผมเลยสักนิด

นั่งกินแม็คไปก็นึกห่วงเขาไป แต่ผมอิ๊บแป๊ะไว้ก่อน ผมเรียกร้องระยะห่างเพราะเสร่อแคร์สายตาตนที่แทบจะไม่ได้เจอกันอีกในรอบ 10 ปี ผมก็ควรดื่มด่ำความเคว้งคว้างนี้จนไม่มีวันโหยหามันอีก

นายคฤณก็คงคิดเหมือนผม เลยชมเชยผมด้วยการหายไปจากสายตา

พอดูดน้ำคุ้มตังค์แล้ว กำลังจะลุกออกจากร้านเพื่อเดินสวนกับผู้คนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาผมแต่ผมเสือกเกิดจริตมาแคร์น้ำคำพวกเขาเอาวันนี้ นายคฤณก็โทรเข้ามาพอดี

"เจมอยู่ไหน หลงไปไหนครับเนี่ย เดี๋ยวพี่ไปหา"

"แล้วพี่หนึ่งอยู่ไหน ทำไมปล่อยเจมหลงล่ะ" ผมยียวนนิดนึงแล้วอมยิ้ม เด็กสาวรุ่นๆ เดินสวนผมไป เธอเบี่ยงหลบอะไรก็ไม่รู้ แต่เธอชนผมอ่ะ

"อุ้ย ขอโทษค่ะ"

"ไม่เป็นไรครับ" ผมยกมือประกอบด้วย แต่เธอกลับเข้าใจอะไรผิดไป เลยเกาะแขนผมไว้แล้วบอกผมว่า "แต่หนูทำพี่เจ็บ หนูอยากรับผิดชอบ!"

"อะไรครับเจม มีอะไร เป็นอะไร แล้วอยู่ไหน?" รัวมาเป็นชุดแล้วผมจะตอบทันมั้ย ผมบอกเขาแค่ว่า "ไม่มีอะไร โดนชนนิดเดียว เจมไปรอที่รถก็แล้วกันนะครับ"

"ครับ" มีแฟนฉลาดทางอารมณ์ก็ดีแบบนี้แหล่่ะ ผมตัดสายแล้วมองเธอที่ยังคงแขนผมไว้ไม่ปล่อย

เอาไงดีวะกู?

"น้อง ปล่อยพี่ก่อนดีกว่า มันดูแย่นะ"

"พี่เจ็บตรงไหนมั้ย พี่ชื่ออะไร"

"....." ไม่อยากตอบอ่ะ งงด้วย ผมส่ายหน้่าลูกเดียว มือก็พยายามแกะมือเธอออกไป ผมไม่ได้โง่ ถึงโง่ก็ไม่บื้อ ท่าทางแบบนี้มีนจะทำให้ผมเจอเรื่องเดือดร้อนแหงๆ หรือว่าเป็นพวกป้ายยา ตกทองวะ!

"ปล่ยครับ"

"พี่กลัวหรอ หนูไม่ทำอะไรหรอกค่ะ แค่ชอบหน้าพี่เฉยๆ สเปคหนูเลย"

"พี่ ไม่"

"หนูไม่เร่งรัดหรอก เราค่อยๆ คบกันไปก็ได้"

"พี่เค้าไม่ว่างแล้วครับ คนนี้ของพี่ น้องปล่อยแฟนพี่เถอะครับ" ไม่นะ! ผมไม่ได้พูด ผมเหลียวหลังหาคนพูด แล้วก็เหวอแดกจนได้

นายคฤณตัวเป็นๆ เลย มาไงวะ? ไหนว่าจะไปรอที่รถ

"เอ่อ แต่พี่เค้าเป็นผู้ชายนะ"

"ครับ มองไม่ผิด พี่คนนี้เค้าเป็นผู้ชาย แล้วก็เป็นแฟนพี่มาปีกว่าแล้ว ปล่อยเจมครับ" เจอคำย้ำ เธอก็อึ้ง ผมอาสาจังหวะที่เธอกล้ามเนื้ออ่อนแรงแงะมือเธอออกแล้วเดินไปหามือนายคฤณที่ยื่นมารอ ผมจับมือเขาไว้โดยไม่ลังเล

เขาจับมือผมไว้แน่น แล้วก็ขยับจะพูดเพิ่ม แต่ผมกระตุกแขนเขาไว้แล้วพลิกตัวเพื่อเดินไปให้ไกลจากเธอเสียที

"พี่! "

ไม่รู้เว้ย ไม่สนด้วย ที่ได้ยินนั่นไม่ผิด เพราะหากผิด ผมก็ต้องแก้ให้ถูกอยู่แล้ว

"พี่คะ พี่ พี่ฟังหน่อยดิ"

"อะไรอีก" ผมจำต้องหันไปถาม เพราะเธอมาเกาะผมแขนผมไว้ ทำไมเดินเร็วจังวะ

"พี่ หาได้หล่อขนาดนี้หนูยอมก็ได้ แต่เลิกกันเมื่อไหร่ มาหาหนูนะ นี่เบอร์หนู" วิธีให้เบอร์ของเธอคือการคว้าไอโฟนจากมือผมไปกดแต่กๆ แล้วก็วิ่งจากไป คงอายและเสียหน้าล่ะมั้ง

กลายเป็นว่าผมหัวเราะออกมานิดๆ ส่วนนายคฤณมองตามน้องคนนั้นจนคอยืด จากนั้นก็หันมาดุผมว่า "เก่งจังนะครับ เรื่องทำให้คนอื่นมาจีบเนี่ย"

เปล่าเถอะ!
ผมไม่เถียงอะไร และไม่ดึงมือผมออกจากการจับจูงของเขา แน่นอนว่ามีคนมอง มากด้วย แต่แล้วยังไงล่ะ มองแล้วก็ไม่ตายนี่ งั้นก็มองไป ถูกมองก็ไม่ตายเหมือนกัน งั้นปล่อยให้พวกเขามองไปเถอะ

"พี่ไม่รู้ว่าการถูกซุบซิบมันทำให้เจมหงุดหงิดแค่ไหน แต่อยากให้เจมรู้ว่ามันไม่ทำให้พี่รู้สึกอะไรเลย นอกจากดีใจที่แฟนพี่น่ารัก คนเลยชอบมอง"

"เค้ามองเพราะเสียดายพี่หนึ่งต่างหาก"

"นั่นเจมคิดเอาเอง พี่ไม่ได้เดินหลับตานะ ทำไมจะไม่เห็นว่าเค้ามองอะไรกัน"
"ถามจริงๆเถอะ อายหรอที่เป็นแฟนพี่"

"เฮ้ย! ไม่ ไม่ ไม่อายเลย" ผมรีบตอบเสียงตื่นด้วยกลัวเขาจะน้อยใจแล้วงอนจนไปคุยกับที่ลิฟท์ตรงหน้าเราทั้งคู่ นายคฤณยิ้มบาง แล้วบอกผมเพียงว่า "ก็เท่านี้แหล่ะ ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว"

ก็จริงของเขา เราก็แค่รักกัน

"เจมขอโทษครับ"

"พี่ไม่โกรธเลยครับ เจมอารมณ์เสียเพราะไม่ชอบให้คนมองพี่เป็นเกย์นี่ ต้องให้รางวัลสิ"

หูยยยย จริงป่ะ
เอานะ นี่ไม่เห็นแก่ได้เลยบอกตรงๆ!

ของติดไม้ติดมือเยอะมาก คอนโดผมเลยหดขนาดลงนิดนึง หลังจากพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางมาถึงห้องกันแล้วผมก็นอนแผ่หลาที่โซฟา ส่วนนายคฤณเป็นพ่อบ้านครับ เก็บของ จัดของให้เข้าที่ อันไหนที่เป็นของส่วนตัวผมแยกเอาไว้ ของเขาก็แยกไว้ที่เดียวกับของผม กองนี้ต้องเอากลับคอนโดเขา เพราะนายคฤณยึดตัวผมไปที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เอาออกมาไว้ในห้องนี้ก็คือของกินเล่นและกินจริงจัง

"อาบน้ำเถอะเจม คืนนี้นอนที่นี่ก็ได้นะ"

"ได้หรอครับ งั้นนอนนี่นะ เจมขี้เกียจออกไปข้างนอกแล้ว" เมื่อนายคฤณยิ้มรับหน้าอ้อนๆ ของผมแล้วก็ลากมือมาที่ครัว

"ข้าวไข่เจียวนะ แล้วเจมทำต้มยำเต้าหู้หมูสับ นะครับ พี่หนึ่งอยากกิน"

"โอเค ของถนัด งั้นพี่หนึ่งอาบน้ำก่อนเลย"

"เอางั้นนะ ขอบคุณนะครับ"
"อ้อ! แว่นกันแดดอันใหม่ด้วย ขอบคุณครับ" อดเซอร์ไพรส์อีกตามเคย แม่งรู้ได้ไงว่าผมไม่ได้ซื้อให้ตัวเอง แกล้งให้หน้าแหกดีมั้ยหว่า

"แว่นอะไรครับ" ผมถามหน้าซื่อ นายคฤณเลยชะงักอาการดี๊ด๊าจะไปอาบน้ำ เขาหันมองผมแล้วก็เดินไปหยิบหลักฐานประกอบมาถือ

"นี่ไง เจมซื้อให้พี่นี่ หรือไม่ใช่"

"อ้าว พี่หนึ่งอยากได้หรอ เจมเห็นจับแล้วไม่เอา เจมเลยซื้อให้เอ่อออ ให้พี่นำ" โอ้โห สีหน้ามาก่อนเลย แฟนอีคิวสูงส่งของผมหายไปไหนแล้ววะ?
"ก็...." ผมสร้างเรื่องให้ดูสมจริง
"จะวันเกิดพี่นำแล้วนี่ครับ พี่หนึ่งบอกเอง"

"วันเกิดมันแล้วไง ซื้อให้ทำไม ให้ของขวัญนำร่วมกับพี่ก็ได้นี่"

"เจมก็รู้จักพี่นำเหมือนกัน เจมอยากให้นี่" มันจะเลยเถิดมั้ยวะ แต่ยั้งปากไม่ทันอ่ะ ผมมันปากไว

"ไม่ต้อง ทำตามที่พี่บอกก็พอ"

"ก็จะให้" หาเรื่องตายเกินไปมั้ยกู นายคฤณหน้านิ่งแล้วถอนหายใจ เขาโยนกล่องแว่นส่งๆ ลงบนโซฟา แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตูดังปัง!

อาฮะ เรื่องใหญ่จริงๆ ด้วย สลดเลยกู


สำหรับคนทั่วไป ความเงียบคือเหตุแห่งปัญญา แต่สำหรับผมในตอนนี้ ความเงียบคือสัญญาณแห่งปัญหา
นายคฤณเอาแต่กินข้าวไข่เจียวที่ตัวเองทำ และพอผมตักต้มยำหมูสับที่เขาบอกว่าอยากกินให้ เขาก็เขี่ยหมูก้อนสับสวยงามไว้ข้างๆ ไม่แตะเลย

อืมมม อยากขอโทษอ่ะ แต่ปากหนัก

"ไหนว่าอยากกิน" ผมเริ่มชวนคุยก่อน พยายามไม่เสียงแข็งด้วย

"คำพูดหรือความต้องการพี่มีน้ำหนักกับเจมด้วยหรอ" โอยยย งอนม้วนกว่าหางหมูอีกเว้ยเฮ้ย อายุเท่าไหร่วะเนี่ย!

"มีสิ แล้วพี่หนึ่งก็ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองด้วย" ผมสัมทับแล้วตักต้มยำให้เขากินอีก รอบนี้เขี่ยนานหน่อย แต่ก็ไม่กิน อะไรวะ? เยอะเกินไปแล้วนะ

"ก็ถ้าเจมจะไม่ให้ของขวัญไอ้นำ พี่ก็จะรับผิดชอบ"

"เจมจะให้ ตั้งใจซื้อมาแล้วก็ต้องให้"

"งั้นพี่ไม่กิน"

"โอเค เจมกินเอง"

เคร้ง! ศึกส้อม เคยเห็นกันมั้ย? เขายื่นส้อมกางช้อนขวางผมทุกลีลา สุดท้ายก็ทิ้งช้อนส้อมมันทั้งคู่แล้วลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้ส่งเสียงครืดคราด

"พี่ หึง นะ!"

".…" ใบ้แดก ผมไม่คิดว่าจะได้ยินคำประกาศศึกชวนยิ้มแบบนี้ ญี่ปุ่นเลือดปลายอย่างผมอายจนรู้สึกร้อนผ่าวทั้งหน้า แก้มแม่งจะแตกเพราะอมยิ้มไว้นี่แหล่ะ นี่ยิ้มนะเว้ย! ไม่ใช่โกโก้ครั้นท์ จะได้ระเบิดตู้ม!

"ไม่ต้องให้นำ จะแว่น จะของอื่นก็ไม่ต้อง เดี๋ยวมัน!"

"พี่นำทำไมครับ"

"เดี๋ยวมันไม่ชอบเจมแบบลดลง!" โอ้ยยย! เด็กชายคฤณ! ไอ้ขี้หวง ผมแอบอมยิ้ม ปล่อยให้เขาหงุดหงิดแล้วอิ่มกะทันหัน นายคฤณดื่มน้ำแล้วเข้าห้องนอนทันที

ตลกดีว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกบ้าหึงพี่นำก็ไม่รู้ นายผู้นำไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับผมหรอก หมอนำเขาฮอทจะตายไป

ผมเก็บล้างจานชาม เก็บต้มยำใส่ตู้เย็น ล้างแอบเปิ้ลเขียวแช่เย็นเอาไว้ แช่น้ำขวดใหม่ แล้วค่อยเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำและนอนพักเสียที

อาการพลิกตัวหันหนีหน้าผมทันที บอกกันโจ่งแจ้งมากว่า "งอนมาก" และ "ง้อซะดีๆ"
ผมกลั้นขำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเงียบๆ พอปิดประตูปุ๊บ ก็ยินเสียงแว่วมาว่า "ว่าไงที่หนึ่ง มีไร" มันเป็นเสียงอู้อี้ที่ดังจากโทรศัพท์ และก็ได้ยินเสียงนายคฤณพูดว่า "กูจะเกลียดมึงเพิ่มอีก1 วิ!"

แฟนใครวะ หึงแล้ววัยกลับ
ผมอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี ขัดๆ ถูๆ ใช้ออยล์กลิ่นที่เขาชอบแล้วก็เดินสะเด็ดน้ำออกมา นายคฤณตะแคงตัวทันทีอีกแล้ว งอนหนักจริงๆ รอบนี้ ผมสวมเสื้อใส่กางเกงลวกๆ แล้วก็ทิ้งตัวลงเตียงแล้วสวมกอดแผ่นหลังเขาไว้ทันที

"พี่หนึ่งครับ หางม้วนกว่าลูกหมูแล้วนะ"

"พูดไม่รู้เรื่อง"

"พี่หนึ่งครับ"

"…" แจกจุดให้ผมแดกด้วย ผมแอบขำแล้วจิ้มจมูกหอมต้นคอเขาฟอดใหญ่ อาการขยับนิดหน่อยบอกผมว่าเด็กชายคฤณอ่อนมาก หอมนิดหอมหน่อยก็หายงอน

"พี่หนึ่งโกรธเจมเรื่องอะไร หือ?"

"เจมให้ความสำคัญกับผู้นำ พี่หึง"

"ให้นิดเดียวก็ไม่ได้หรอ"

"ไม่ได้ครับ เดี๋ยวนำคิดเกินเลย"

"โอเค เจมขอโทษนะ" ผมทำเสียงแง้วๆ ด้วย หอมต้อคออีกทีเขาก็ยอมนอนหงายแล้วกางแขนโอบผมไปนอนหนุนอกเขา ท่าเดิมเป๊ะ

"ง้ออีก นี่พี่หึงจริงจังนะ"

"หมดตำราแล้ว ไม่ง้อแล้ว" ผมดื้อแทนเขาที่ยอมอ่อนข้อ นายคฤณหัวเราะหึเดียว แล้วก็ซุกไซร้ผมทั้งตัว แต่รอบนี้ไซร้ลึกลงไปถึงเอว สะโพก หน้าขา หัวเข่า ข้อเท้า

เอ๊ะ! นี่มัน…

"มากัดทีนึง" บอกโจทย์ปุ๊บก็พรวดขึ้นมาจูบสะดือผม แล้วแม่งก็กัดตามที่ประกาศศักดา

"พี่หนึ่ง เจมเจ็บนะ!"

"ค่าหึง เอาวงรีก็แล้วกัน" บอกทรงรอยจบก็กัดต่อ แต่ยังไม่ทันเจ็บมากเขาก็จับผมถอดเสื้อแล้วก็ไล่ไซร้แก้มไปมาบนตัวผม

อืม นี่มัน…

"พี่หนึ่ง" ผมพลิกตัวตะแคงให้เข้าคอนเซป แล้วมันก็สำเร็จรูปเมื่อเขาเอาหัวโขกไหล่ผม 2 ที

ไอ้เชี่ย!!' ผีโกโบริทับกู!!!!!!



ตีหนึ่งคืนนี้ นายคฤณนอนอมยิ้มเอมใจ ส่วนแม่อัญอย่างผมน่ะหรอ ฮือออออ กูเจ็บสะดือจริงๆ นะ!!


------------------



จบเถอะ!!

สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ ทุกคน
 :mew3: :mew3:

เรื่องต่อไป สนใจความรักของหมอนำกันมั้ยคะ?  :hao3: :mew4:

ถ้าสนใจก็ตามมาโลดค่ะ >,<  The Existence : ผู้นำ & ธาม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37592.0)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-04-2013 00:13:54
 :katai3: สนใจความรักของหมอนำค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 15-04-2013 01:38:07
โอ้ยพี่หนึ่งน่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :mew2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2013 02:15:41
อินเทรนด์มากๆ ทั้งโกโบริและพี่มากมาเองเลย พี่หนึ่งน่ารักงอนได้กวน...มากๆ ส่วนเจมก็หาเรื่องให้ต้องง้ออยู่เรื่อยๆเลย
แล้วก็ สุขสันต์วันสงกรานต์
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: nunnuns ที่ 15-04-2013 02:29:52
เจมชอบแกล้งพี่หนึ่งนะเนี่ย555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 15-04-2013 06:56:16
เอ้าาาาา เจมยังไม่เฉลยเลยว่าแว่นกันแดดเป็นของพี่หนึ่ง
ยังงี้ต้องมีตอนต่อไปละ 55555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 15-04-2013 08:06:35
โถ โถ โถ โถว์~

อิพี่หนึ่งเป็นเด็กน้อยไปแล้ววว งอนได้กิ๊บก๊าวมากอะ :hao7:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 15-04-2013 08:57:24
 :katai2-1: :katai2-1:

รอคุณพี่ผู้นำ


หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 15-04-2013 10:44:44
รักคนแต่ง :L2: รอตอนของผู้นำ  อยากอ่านอีก :hao3:  คนแต่งเรื่องนี้เก่งจัง  ชอบตอนพิเศษ ทั้ง 2 ตอน  เลย สนุกมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140313)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 15-04-2013 12:22:30
งอนกัน ง้อกัน น่ารักจังเลยสองคนนี้ :o8:
เดี๋ยวนี้เค้าควงกันเปิดเผยจะตาย เจมไม่ต้องไปกังวลหรอกจ้า อีกอย่างสาววายเต็มบ้านเต็มเมือง กองหนุนน่าจะเยอะ :z1:
ไม่แน่ใจว่เดือนที่อัพผิดหรือเปล่านะคะ มันต้องเป็น 140413 ใช่ป่ะ เค้าก็ยังไม่แน่ใจว่าตอนใหม่หรือเปล่า เข้ามาถึงได้รู้เน้อ :mew2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 15-04-2013 15:07:03
พี่หนึ่งงอนได้น่าสนใจมาก 55 เรื่องของผู้นำสนใจมากจ้า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 15-04-2013 21:06:04
พี่ที่หนึ่งงอนน่ารักอะ น้องเจมง้อเยอะเลยน๊า อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-04-2013 22:45:35
อยากจับเจมมาตีก้นเบา ๆ ขยันทำให้พี่หนึ่งปวดหัวเหลือเกิน แฟนแบบนี้จะไปหาที่ไหนเนี่ย
แต่ที่จริงน้องเจมหวังดีกลัวคนมองพี่หนึ่งไม่ดีเนอะ ส่วนพี่หนึ่งก็อารมณ์แบบแฟนผมผมรักผมภูมิใจ
อยากแสดงความเป็นเจ้าของตลอดเวลา ดีที่แกเป็นผู้ใหญ่เลยมองเรื่องพวกนี้แบบผู้ใหญ่
ชะนีนั่นคนหรือปลิงเกาะแน่นมาก ชีแรงจริงอะไรจริง พี่หนึ่งออกตัวแรงเลยชัดเจนจ๊ะ คนอ่านรักมาก  :katai2-1:
โถ...เรื่องแว่นไม่เป็นเรื่องจริง ๆ นี่แหละน่าปวดหัว ไปแกล้งพี่แกทำไม๊ แกทั้งรักทั้งหวงอกจะแตก
พี่นำก็สนใจน้องเจมจริงนี่ไม่งั้นพี่หนึ่งจะหวงเรอะ แกล้งจนงอนไปนอนในห้องเลยเหอะ
แต่ก็นะพี่หนึ่งง้อไม่ยากถ้าเป็นน้องเจม รักซะขนาดนั้น เจมน่าลงโทษให้เจ็บตัวจริงจิ๊ง ขอบอกว่าไม่สงสารซักนิด 555

ขอบคุณค่า อยากอ่านอีกอ่า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 15-04-2013 22:54:29
พี่หนึ่งหึงแล้ววัยกลับ แต่น่ารักมาก
เจมแกล้งพี่หนึ่งบ่อยๆ ระวังสะดืออักเสบนะ อิอิ  :katai3:

รออ่านความรักของท่านผู้นำ

บวกหนึ่ง บวกเป็ดเป็นกำลังใจ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: StillLoveThem ที่ 16-04-2013 17:46:38
....น้องคนแต่งเขียนได้ดีจริงๆๆ พี่พึ่งได้อ่าน แรกๆอ่านไปหัวเราะไปจนปวดท้อง
....เรื่องนี้คบทุกรสจริงๆๆ ชอบทั้งพระเอกและนายเอกเลยที่เป็นคนมั่นคงต่อความรักและรักเดียวใจเดียว
....เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ เรื่องของหมอนำก็น่าสนใจนะ หรือว่าน้องมีเรื่องอื่นที่เขียนไว้แล้วก็จะตามอ่านจ้า
....ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่าน สนุกมาก  : :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 16-04-2013 19:38:46
แอรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร้
พี่หนึ่งกลายเป็นวัยสะรุ่นอายุ17หรอค่า55555555555555555
น่ารักอ่ะคู่นี้ งอนง้อกันไปมา

กำลังถามหาเรื่องให้จากคนแต่งพอดีเลยค่ะ
สนใจแน่นอนอยู่แล้วฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: CHIVAS ที่ 16-04-2013 21:55:55
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่หนึ่งน่ารักอ่ะ อยากได้ๆ อยากได้ อิจฉาเจม ฮาาาา

สนใจค่าาาา เรื่องพี่ผู้นำน่าสนอ่ะ อยากรู้ว่าผู้นำจะรักคนแบบไหน อิอิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 17-04-2013 01:07:23
อ่านรวดเดียวจบ สนุกที่สุดเลยค่าาา
อันที่จริงเคยหลงเข้ามาครั้งนึงแล้วไม่ได้อ่าน
ทีนี้เข้าไปห้องแนะนำนิยายของเล้าเป็ด
แล้วมีคนแนะนำไว้เลยมาอ่าน มันสุดยอดเลยนิ
สนุกมากจริงๆ เป็นนิยายที่แบบว่า อิ๊อ๊ะมากอ่ะ
น้องอัญ น่ารักสุดๆ พี่ที่หนึ่งก็เจ๋งสวดๆ

ปล. รออ่านของพี่นำนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 17-04-2013 18:14:53
พี่หนึ่งใจเย็นมากๆ เลยอ่า

น่ารักมากๆ ด้วย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ninghyuk ที่ 18-04-2013 22:38:54
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเลย อยากได้พี่หนึ่งอ้ะะะะะะ >___<
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Khunsathi ที่ 18-04-2013 22:59:30
สนุกมากจริงๆเลยค่ะนิยายเรื่องนี้ ครบรสจริงๆ
แบบ อ่านรวดเดียวจบ...55
แต่ตอนใกล้ๆจบเราก็ไม่คิดว่าคนเขียนจะกล้าให้เขียนเรื่องแบบนี้ขึ้น
มันหักมากอ่ะ นับถือน้ำใจคนเขียนมากๆค่ะ สุดยอดจริงๆ
โอ๊ยย สงสารเจมTT ...
แต่พี่หนึ่งนี่ น่านับถือหัวใจมากๆ มากๆจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ ^^ :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet~ ที่ 19-04-2013 01:07:38
ตามมาจากกระทู้แนะนำ
สนุกมากค่ะ มีครบทุกรส
ชอบพี่หนึ่งน่ารักน่าหยิกจริงๆ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: naamsomm ที่ 19-04-2013 11:46:52
พี่หนึ่งน่ารักมากกกกก
ประกาศตัวกันแบบนี้เลย
'พี่หึงนะ'
ยิ่งอ่าน ยิ่งรักคู่นี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 19-04-2013 16:31:26
5555+หาเรื่องให้เค้างอนล่ะสิเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: kanda53 ที่ 19-04-2013 20:52:37
แม่อัญบรรยายซะ.. :pigha2:
พี่หนึ่งหึงโหดดดด... :mew5:
ส่วนพี่นำ...พระเอกเรื่องต่อไปเนอะ  :m12:

 :L2:& :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 19-04-2013 22:49:49
เรื่องนี้สนุกมากกกกกกกกกกกก ชอบมากกกกกกกกกกก o13
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ มาต่อตอนพิเศษอีกนะคะ คิดถึงน้องเจม :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Maewjunsu ที่ 20-04-2013 21:53:27
ชอบมากๆๆๆพี่หนึ่งหึงได้น่ารักมากน้องเจมก็ช่างยั่วนะ แต่พี่หนึ่งหึงซาดิสต์นิดๆนะกัดสะดือเนี่ย :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 20-04-2013 23:18:45
ชอบมากรักเเบบละมุ่นละไม ตลกมั้ง ดราม่านิดๆ

เจมน่ารักงอเเงน่าจุ๊บมากๆ วิ่งหนีพี่คลิน

พี่คลินเป็นผู้ชายในฝันสำหรับสาว หนุ่มเลยน่ะค่ะเนี่ย :ling1:

พี่โปรปยอ มากๆ จิวเอ๋ยเสียดายนายมีแฟนซะเเล้ว

+1ค่ะ ขอบคุณค่ะ :L1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 21-04-2013 03:36:38
แม่อัญ555 ชอบอ่ะ เจมฮาได้อีก
พี่หนึ่งงอนเด็กมาก ขำสุดตอนโทรไปหาพี่นำ ไหวมั้ยคะ
แล้วตกลงมีโอกาสบอกมั้ยเนี่ยว่าแว่นเป็นของพี่หนึ่ง
อ่านเรื่องนี้ทีไรก็ยิ้มตลอดเลย อารมณ์ดียามดึก

ป.ล.อ่านแล้วฉากในโรงหนังอยู่ดีๆนึกถึงแคสเปอร์2คน ฮา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 21-04-2013 12:04:20
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 21-04-2013 22:23:46
อ๊ายยย พี่หนึ่งน่ารักตลอดเลยอ่ะ อยากได้แบบนี้บ้าง >..<
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: mm03 ที่ 22-04-2013 10:20:48
อร๊ายยยยยยยยย
น่ารักกันจริ๊งงงจริงงงงงงง

ชอบเวลาง้องอนกันจริงๆ
น่ารักทั้งคู่เลย :-[
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTle_MouSe_YJ ที่ 22-04-2013 12:15:51

เพิ่งอ่านเรื่องนี้จบค่ะ รวดเดียวจบเลย
ชอบเรื่องนี้มากเลย
ขอชมเรื่องการใช้ภาษาและแทบจะไม่มีจุดที่พิมพ์ผิดหรือผันวรรณยุกต์ผิดเลย ทำให้อ่านแล้วลื่นไหลมาก  o13
ชอบการดำเนินเรื่องที่พี่หนึ่งน้องเจมค่อยๆพัฒนาความสัมพันไปแบบเรื่อยๆ ไม่กระโดด อ่านแล้วเขินมาก  :-[

ชอบน้องเจม เป็นอะไรที่ชอบนายเอกแบบนี้มาก  o18 กวนๆ น่ารัก ขำเวลาน้องเจมพูดกวนๆมาก
พี่หนึ่งของเรา ละมุน งื้อ  :o8: ทั้งอ่อนโยน เอาใจใส่เวลาอยู่กะน้องเจม ทั้งเป็นผู้ใหญ่ เก่ง หนักแน่น ดูน่าค้นหา และมีมิติดี
ทั้งๆที่ตอนแรกเราก็แอบหวั่นว่าพี่หนึ่งจริงๆแล้วจะเป็นแบบที่เราเห็นมั้ย หรือจริงๆอาจจะเป็นแบบที่แอมพูด แต่สุดท้ายพี่หนึ่งก็ชนะเลิศ !

เรื่องมีครบรสทั้งสุข ซึ้ง เศร้า เหงา ฮา สนุกมาก
อยากอ่านตอนพิเศษอีกจังเลยค่ะ  :impress2:

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-04-2013 23:42:28
พึ่งอ่านจบ สนุกมาก ชอบน้องเจม น่ารักน่าหยิก
ส่วนพี่หนึ่ง บางทีใจดีกับคนอื่นมากไปจนเกิดเรื่อง
แต่ชอบความมั่นคง ไม่วอกแวก แถมใจดีสุด ๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 23-04-2013 02:49:32
อ่านรวดเดียวตั้งแต่เย็นจนตอนนี้เกือบตีสาม
ฮ่าา วางไม่ลงจริงๆ
ยอมรับว่าอ่านถึงตอนที่เจมโดนแอมทำมิดีมิร้าย
คาดไม่ถึงมากกก ถึงมากที่สุด
แต่พระเอกของเราเค้าก็เทพบุตรของจริง
โถ่วว อะไรจะดีเลิศประเสริฐศรีขนาดนั้นพ่อคู๊ณณณณณ
ตอนงอนเจมนี่วัยกลับมาก คนอายุสามสิบเค้างอนได้น่ารักน่าชังมาก 555555
สนุกค่ะยังไงต้องขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้อ่านกัน :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 23-04-2013 12:18:15
เอ้าาาาา เจมยังไม่เฉลยเลยว่าแว่นกันแดดเป็นของพี่หนึ่ง
ยังงี้ต้องมีตอนต่อไปละ 55555

ใช่ๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 23-04-2013 22:43:23
เพิ่งเห็นตอนพิเศษอ๊าาาาา
เกือบพลาดไปแ้ล้วไหมละ


ตอนเรื่องพี่โป๊ะนี่เล่นเอาเครียดเหมือนกันนะ
อ่านๆ ไปนี่ ลุ้นมาก ว่าจะจบแบบไหน
ลุ้นช่วยเจมสุดๆ พูดๆ กันให้จบ เคลียร์ไปเลย
แล้วเจมก็พูดดีมากกกกกก ชอบอะ


ตอนล่าสุด เจมแกล้งพี่หนึ่ง ฮ่าๆ
นี่ยังไม่เฉลยอีกว่าแ่่ว่นของใครกันแน่
พี่หนึ่งงอนน่ารักมากกกกกกกกก ชอบอะ


ขอบคุณนะครับ


รอตอนพิเศษอีกเน้อ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: wan ที่ 23-04-2013 22:59:57
มาบอกว่า ใช้ความพยายามอยู่หลายวัน กว่าจะอ่านจบ  ก็เพราะเวลาอันมีน้อยนิด
อ่านไปยิ้มไป กับความหวานของพี่๊หนึ่ง ที่ใส่ใจน้องหมาเจม เสียทุกช๊อดทุกเม็ด
ถ้าใครได้ความรักแบบนี้ คงสุข จนหาอะไรมาเปรียบมิได้เป็นแน่แท้
+ 1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ พร้อมจะตามไปอ่านเรื่องใหม่ ที่เป็นอีกคู่จากเรื่องนี้  :z2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ^ - ^A s A v I n * o * ที่ 23-04-2013 23:46:06
ขอบอกว่า ชอบมากๆเลยครับ เรื่องนี้ สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

รีบมาต่อตอนพิเศษอีกนะครับ พี่หนึ่งน่ารักที่สุดเลยยยยยยยยย

ขอบคุณคุณผู้แต่งมากครับบบบบบบ

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-04-2013 18:17:26
และแล้วก็อ่านจบจนได้ เย้ๆๆๆๆๆๆ

ตั้งหน้า ตั้งตาอ่านมาสองวัน

นึกว่าจะมีมาม่า ตอนเรื่องของคุณพีช แต่ก็ไม่มี เฮ้อ.....

ประมาณว่าไอ้ที่คิดไว้ เดาไว้มันไม่ใช่

มันน่ารักอ่ะ ไม่เศร้า ไม่เผ็ด แต่มันหวาน

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: rayjikung ที่ 01-05-2013 19:34:16
พี่หนึ่ง น้องเจม น่ารักอ่ะคู่นี้  :heaven
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Tassanee ที่ 01-05-2013 20:06:34
น่ารักอ่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: mommee ที่ 01-05-2013 20:12:27
อ่านรวดเดียวจนจบ

เป็นแนวที่ชอบ ชอบเนื้อเรื่องที่เป็นแนวผู้ใหญ่ละมุนๆ แบบนี้มากเลยค่ะ เรื่องนี้เลยกลายเป็นนิยายอีกเรื่องในดวงใจ

พระเอกแบบพี่หนึ่งหล่อมากกกกกก  ไนซ์มากก สุขุม และฉลาดเนี้ยบมาก

ชอบค่ะ อยากได้ผู้ชายแบบนี้ต้องหาซื้อที่ไหนคะ 5555 :hao3:

เป็นเรื่องที่แต่งออกมาแล้วทำเราเพ้อตามพระเอกไปเลยนะ ส่วนมากจะเป็นแนวแม่ยกนายเอก แต่พอมาเจอเรื่องนี้พี่หนึ่งของน้องเจมขโมยใจเราไปเต็มๆ อะ

ส่วนตัวเจ้าเจมเองก็เป็นอะไรที่น่ารักน่าหยิก เป็นนายเอกที่มีความงี่เง่าน้อยที่สุดแล้วที่เคยอ่านมา


ภาษาสวยยยจนเดาว่าผู้เขียนเป็นคนในวงการสื่อหรือเปล่าคะ ข้อมูลแน้นแน่นอ่านแล้วเพลินเลยค่ะ


เรื่องนี้ความชอบที่ทำเรากรี๊ดคือ มันเป็นนิยายปกติที่มีความดราม่าเล็กๆ เรียบๆ  แต่รู้ไหมที่โดนใจเราคือ พระนายเรื่องนี้เป็นผู้ใหญ่สุดๆ  เป็นอะไรที่หาได้ยากในนิยายเรื่องอื่น

ไอ้ความง้องแง้ง งอแงนี่แทบไม่มี อาจด้วยวุฒิภาวะของทั้งสองตัวละครค่อนข้างสูงและเป็นผู้ใหญ่มาก แค่อธิบาย แค่คุย ทั้งคู่ก็พร้อมจะยอมลงให้กัน

มันทำให้เราเกิดมุมมองใหม่ๆในความรักเลยนะ แบบว่ารักจะรอดจะรุ่งก็อยู่ที่ความเข้าใจนี่แหละ

มีเรื่องผิดใจก็คุยก็อธิบาย ไม่ถือทิฐิต่อกัน มีงอนแต่พองาม ซึ่งมันก็เป็นธรรมชาติของคนรักกันอะนะ ถ้าไม่หึง ไม่งอน ไม่งี่เง่าจะรักกันทำไม เป็นเพื่อนกันสบายใจกว่าเยอะ แต่คู่นี้มีหมดแต่ก็ยอมลงให้กันหมด ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เลยไม่คาราคาซัง

ขนาดเกิดปัญหาใหญ่(ที่น้องเจมโดนทำร้ายร่างกายและจิตใจ) พี่หนึ่งยังมั่นคง มีสติ แล้วพร้อมจะช่วยน้องเจมก้าวผ่านมันไปด้วยกัน เจมเองก็เชื่อใจพี่หนึ่งจนยอมปล่อยวาง ประทับใจมากเลยค่ะ :sad4:

 คู่นี้เลยเป็นคู่ที่เราชอบมาก แม้ว่าตัวพระรอง เอ๊ะ หรือตัวร้ายดี จะเป็นอะไรที่น่ารังเกียจมากในสายตาเรา

คือเราสงสารคนที่เป็นตัวรองนะ แต่กับเรื่องนี้เราไม่ชอบตัวรองประเภทที่ยัดเยียดความรักความรู้สึกของตัวเองให้กับอีกฝ่ายจนล้ำเส้น เห็นแก่ตัว ไม่เห็นจะเหมือนกับลมปากที่ป่าวประกาศปาวๆ ว่ารักเขาอย่างโน้นอย่างนี้เลย

สุดท้ายที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะความต้องการของตัวเอง  ตัวรองประเภทนี้จะเป็นอะไรที่เราขยะแขยงมาก ต่อให้เป็นพระเอกแล้วทำแบบนี้ก็เหอะ เราก็ขอเชียร์ห่างๆ เราไม่ชอบการล้ำเส้นและการยัดเยียด ไอ้การขืนใจอะไรพอรับได้(แต่ไม่สนับสนุน) แต่มันต้องตามน้ำกับอีกฝ่ายด้วยว่าเขาเล่นด้วยไหม ไม่งั้นมันจะกลายเป็นอาชญากรรมขึ้นมาทันที ซึ่งเราไม่ชอบเลย เสียความรู้สึกนะ สงสารเจมมากในตอนนั้น

จนกระทั่งจบเรื่องเรายังไม่เคยรู้สึกสงสารตัวรองคนนี้เลยอะ เข้าใจว่าเขารัก เขาเสียใจที่เขาไม่ได้เป็นคนคนนั้นของเจม แต่เรื่องความรัก มันต้องเป็นฝ่ายสมหวังเสมอไปหรือไง ทำไมไม่มองต่างมุมบ้าง อกหักก็กินเหล้าจนเสียการเสียงาน เป็นอะไรที่บ่งบอกวุฒิภาวะอย่างชัดเจนว่าต่ำมาก เรียนจบมาสูง มีงานดีๆ ทำจนได้ทุนได้การรับการสนับสนุน แต่ทำไมเรื่องแบบนี้คิดไม่ได้

 คือคนเราอกหักก็ไม่ตายปะ แล้วก็ไม่ใช่แอมคนแรกที่อกหักเป็น  และก็ไม่จำเป็นต้องเลวเลย แบบไงล่ะ ถ้ามีคนแบบแอมนี่ เราว่าโลกนี้คงน่ากลัวพิลึก  เพราะทุกคนคงเอาความรู้สึกตัวเองมากอ้างเพื่อทำร้ายใครคนนึงก็ได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรนอกจากความรู้สึกที่ว่า ก็กูรักของกูนี่หว่า ไม่มาเป็นกูมึงคงไม่เข้าใจ คือแอมอาจจะรู้สึกผิด แต่เราเชื่อว่าที่เขารู้สึกผิดคือเขาทำให้เจมผิดหวังในตัวเขาไง แต่ไม่ได้รู้สึกผิดที่ตัวเองได้ทำเรื่องแบบนั้นลงไป เหตุผลเพราะว่า...ก็เขารัก เฮ้ออ

จนกระทั่งทำไปแล้วแอมยังคิดว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้เพื่อที่ตัวเองจะได้เดินหน้าต่อไป ทั้งๆ ที่คนที่เสียเปรียบคือเจม ผู้ชายถูกข่มขืน แม้จะไม่ท้อง แต่มันก็เป็นตราบาปนะคะ แต่แอมคงไม่คิด อืมมม เราก็ไม่รู้ว่าแอมโตมาขนาดนี้ได้ไง เหอๆๆ  คิดไรได้มักง่ายมาก

แต่ก็นะ พอมาเจอพี่สาวนางพูดแบบนั้นเราเลยรู้ทันทีว่า ครอบครัวนี้เลี้ยงดูกันมาแบบไหน

ข่มขืนเพราะรัก
กักขังเพราะรัก
ครอบครองเพราะรัก
ฆ่าเพราะรัก
เลวเพราะรัก???

แค่คิดก็น่ากลัวไปนะถ้ามีคนแบบนี้เยอะๆ

เอาเป็นว่า แม้จะอินจนเกลียดแอมไปมากแค่ไหน  แต่ พี่หนึ่ง น้องเจม และครอบครัวของน้องเจม รวมทั้งลูกหมา ทำให้เรายิ้มและมีความสุขไปกับทุกตัวอักษรที่เราอ่านมากเลย

ยังไงขอบคุณมากนะคะที่แต่งเรื่องราวสนุกๆ มีสาระแบบนี้มาให้อ่านกัน เป็นกำลังใจให้ แล้วก็หวังว่าจะมีเรื่องราวใหม่ๆ มาให้อ่านกันอีกนะคะ 


ฝากตัวเป็นแฟนคลับด้วยอีกคน

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 05-05-2013 12:46:30
ชอบนิยายเรื่องนี้มากๆ อ่านรวดเดียวจบ
หลายหลายอารมมากกก
อ่านๆไปยิ้มไป สนุกอ่ะ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: kik ที่ 06-05-2013 20:30:30
กลับมาอ่านซ้ำอีกรอบ  สนุกมากเรื่องนี้  จะติดตามนิยายเรื่องต่อไปนะค่ะ 

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 06-05-2013 20:46:55
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว สนุกดีค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้แต่ง
อ่านแล้วมีหลายส่วนที่ชอบ ชอบมาก ชอบเจม ชอบพี่หนึ่ง ชอบจิว การเขียนบอกเล่าความเป็นไปได้สนุกดี อ่านเพลินมาก ตลก แต่บางมุกต้องนั่งถอดความก่อนจึงจะขำ มุมมองความรักในเรื่องนี้ถ้ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆคงดีมาก เพราะพี่หนึ่งมั่นคง ตั้งมั่นและคงเส้นคงวามาก เป็นคนที่จริงจังอย่างที่สุด ส่วนเจมตอนเด็กๆที่แพลมมาหน่อยน่ารักดีนะ ถึงตอนนั้นน้องแกจะไม่ค่อยปกติแต่ก็น่าเอ็นดู จิวว่าไงเจมว่าตามนั้น ถ้าเป็นไปได้อยากอ้อนขอตอนพิเศษสมัยเด็กๆสักตอนค่า  :mew1:
ส่วนที่ไม่ชอบคือ แอม เราว่าวางตัวไม่ดีอ่ะ เจมกับพี่หนึ่งชัดเจนให้เขารับรู้มาก แต่เขายังทำแบบนั้นลงไป ไม่ได้โกรธที่สุดตรงประเด็นที่เขาขืนใจเจม แต่ไม่ชอบตรงที่เขาเสือกจนเกินความพอดีอ่ะ เหมืนคนที่มองเห็นแค่ตัวเอง ไม่มองไปรอบตัว เรียกง่ายๆว่าเห็นแก่ตัวนั่นแหละ กับอีกคนคือ พี่โป๊ะ ที่โผล่มาตอนท้ายๆ มาเพื่อเสือกโดยแท้ ถึงตอนท้ายจะแอ๊บมาตลกแต่ไม่ได้ช่วยลดความหมั่นไส้ที่มีต่อตัวพี่แกลดลงเลย เป็นเพราะคนเขียนไม่ได้ปูทางโป๊ะมาก่อนมั้ง มาถึงมันใส่ๆเจมอย่างเดียวเลย ทำตัวไร้มารยาทอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: akichan ที่ 06-05-2013 22:56:42
ขอตอนพิเศษอีกสักตอนสองตอนเถอะคะ สนุกจัง ^ ^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: iammz ที่ 08-05-2013 13:28:11
สนุกมากจริง ๆ ค่ะ
ชอบมากกกกกกกกก
พี่หนึ่งอบอุ่นดีค่ะ
ขอบคุณคนแต่งมาก ๆ นะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 10-05-2013 05:45:19
อ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากๆ เขียนดีจริง ภาษาแบบนี้เป็นทางที่ชอบมากซะด้วย ดีใจที่ได้เจอ ที่ได้มาอ่าน / ชอบบทบรรยาย+บทพรรณนา เนียนลื่นอ่านมัน ดึงอารมณ์ไหลตามพรวดๆเลย แถมเก็บละเอียดทุกเม็ด สนอง need ดี ไม่มีปล่อยคนอ่านให้ลอยคว้างกลางทะเล / โครงเรื่องดึงดูดการอ่านมาก น่าติดตามทุกตอน ยิ่งอ่านยิ่งมันจริงๆ / บทพูดเป็นธรรมชาติ สมเหตุสมผล แถมมีความฮาแทรกอยู่ด้วย ถูกจริตอย่างแรง / ตัวละครน่าหลงใหล บุคลิกชัดเจน ความเป็นไปได้เต็มร้อย ตั้งแต่ตัวหลักยันเอ็กซ์ตร้าเลยอ่ะ แม่พ่อ พี่ เพื่อน ป้าร้านตามสั่ง เปรี้ยวถูกใจทุกตัว ชอบสุดก็คงหนีไม่พ้น "ที่หนึ่ง-เจ็ม" อิอิ / ข้อมูลอ้างอิง ดูแน่นมาก น่าเชื่อถือจังเลยคุณ / ปมเรื่องแต่ละปม กระตุ้นต่อมความอยากให้กระสันใคร่รู้เป็นอันมาก บางปมปูยาวแต่เด็กยันโตกันเลย วิธีที่ค่อยๆปล่อย clue มาเรื่อยๆนั้น ก็ชวนอ่านอย่างแรง

ชอบช่วงซีนอารมณ์ทั้งหมดเลย เช่น ความสะเทือนใจช่วงน้องเจมบอกเลิก(เรื่องนังตัวหนังสือนั่น) ถ่ายทอดได้ร้าวรานดีจริง และที่สุดของที่สุดยกให้พาร์ทการสมานแผลที่อังกฤษของนายคฤณ โน้มน้าว ปลอบโยน จูงสติ "เจมครับ มองหน้าพี่หนึ่งนะ คิดตามพี่หนึ่งนะ..." ประโยคและอารมณ์ของทั้งสองคนรับส่งกันได้พีคมาก ดึงอารมณ์ได้่อย่างมหัศจรรย์...นั่งอ่านไปนี่ น้ำตาซึมเลยนะ ความรู้สึกอัดอั้นตีตื้นตามน้องเจมเลยขอบอก //ชอบรูปแบบวิธีการคลายปัญหาต่างๆในเืรื่อง มีความแตกต่างและโดดเด่น คุณกะจิ๊ดริดเจ๋งมากเลย

ตอนพิเศษ : If I Couldn't >> ชอบมากๆ อุปสรรครักแนวเพื่อนรักกับเมียเลิฟ อย่างมันส์อ่ะ คิดผูกโยงเรื่องได้ไงเนี่ย เด็ดมาก ทำเอาเดาพลาดเลยเรา คริคริ / ตอนพิเศษอีกตอน ชอบอีตรง แม่อังกับแม่อัญ กิ๊บเก๋นะ
ชอบงานเขียนของคุณกะจิ๊ดริดมากๆ จะตามไปอ่านเรื่องถัดไปนะ คุณหมอท่าจะแซ่บ   :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: BoJuNg ที่ 10-05-2013 22:56:45

ชอบพี่หนึ่งอ่ะ  อบอุ่มมาก  หล่อ รวย นิสัยดี ครบสูตร

ขอบคุณมากค่ะ  ภาษาสวยดี โอเค   :pig4:


Ps. มือโปรน่ารัก กวนดี  55555  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: IamA ที่ 27-05-2013 23:36:05
ฮือออออออ พี่หนึ่งขาาาาาาาา หืดดดหาดดด ...ทำไมพี่หล่อจังค๊าาา อยากได้ T^T นุ้งเจมก็น่ารักกกก อยากแทรกตรงกลางระหว่างสองคนนี้ /โดนยำ

เข้าโหมดจริงจัง ... สารภาพเลยว่าเรื่องนี้เป็นไม่กี่เรื่องที่เรารักและหลงพระเอก ชอบพี่หนึ่งมากกกกกกกกกกก พี่หนึ่งมีคาแรกเตอร์ พี่หนึ่งหล่อ พี่หนึ่งใจดี พี่หนึ่งรวย ฮือออ (นี่จริงจังแล้ว?) 55

พี่โป๊ะเป็นตัวละครที่สร้างสีสันมาก ชอบบบบบบบบบบบบบบบ แถมยังมาทำตัวหึงหวงพี่หนึ่งขาด้วยท่าทีที่เสะกว่าด้วย ชอบมากกกกกกกกกก #รักใครให้เป็นเคะ 555

นี่ยังคงชอบมุกความในใจของเจมของคุณนักเขียนอยู่ บันเทิงมากค่ะ อ่านไปฮาตลอดเลย ช่างเปรียบนั่นนี่จริงๆ ...ส่วนเรื่องคุณหมอนำนี่ทีแรกคิดว่าจะปล่อยเป็นปริศนาธรรม แต่ปรากฎว่ามีอีกเรื่องแยกไปด้วย ...ไว้จะไปอ่านนะค๊า

อ้อ เมนท์ไปคราวที่แล้วลืมทักชื่อเรื่อง ... Hear, me นี่หมายถึงพี่หนึ่งเป็นคนถามเจมรึเปล่าคะ? หมายถึงตอนที่เจมสติเตลิดน่ะค่ะ เหมือนพี่หนึ่งจะเป็นคนเดียวที่แหวกเข้าไปอยู่ในโสตประสาทเจม 55 ยังไงก็มาเฉลยด้วยนะคะ อยากรู้คำตอบ :)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-06-2013 17:28:43
ว่ายเวียนหานิยายอ่านอยู่ในนี้ก็พักใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง  :a5:
คือมันเจ๋งอะ เจ๋งมากเลย  อ่านเรื่องนี้แล้วได้อะไรกับชีวิตจริง ๆ  ความรักเนี่ย สิ่งสำคัญที่สุดมันคือความเข้าใจเลยจริง ๆ นะ  ถ้าเข้าใจกันมั่นคงต่อกัน จะอุปสรรคหน้าไหนก็ไม่น่ากลัวอีกแล้วอะ เพราะรู้ว่าผ่านไปได้แน่นอน
อวลความรักมาก ทั้งรักแบบคู่รัก แบบเพื่อน แบบครอบครัว  มีด้านมืดแต่ก็มีทางออก สงสารมากตอนแอมทำอย่างนั้น แต่พี่หนึ่งกับเจมผ่านมาได้แบบละมุนมาก ๆ
จะว่าไปในเรื่องนี้ พี่โป๊ะ จิตหลุดที่สุดเลย ฮ่าๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 19-06-2013 22:00:23
ขอบอกคำแรกว่า ประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สำหรับเรื่องนี้
อย่างแรกคงเพราะพี่หนึ่ง เป็นได้ทุกอย่างของชีวิตจริงๆ ดูแล ใส่ใจ ห่วงใย ให้เกียรติทุกคนมากๆ แม้แต่คนตาย
อีกอย่างก็คงเป็นความอบอุ่นในครอบครัว ไม่ว่าจะรวยหรือจน ความอบอุ่นในครอบครัวก็คือสิ่งที่ต้องการเหมือนๆกัน
เมื่ออ่านจบความรู้สึกบอกว่า อยากได้เป็นหนังสือมาไว้อ่านจังเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ปล.เค้าอยากได้พี่หนึ่งมาไว้ในชีวิตจริง จังเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 20-06-2013 00:44:29
ชอบจังครับ มันลงตัวจัง ไม่ได้อ่านอะไร ๆ ที่ทำให้มีความสุขแบบนี้นานแล้ว
ใจหายจังครับที่เรื่องนี้จบ แต่ไงจะตามไปอ่านเรื่องของพี่นำแน่ ๆ ครับ

ปล. บุคลิกแบบพี่หนึ่งทำให้คิดถึงใครบางคนจัง 55
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-06-2013 02:20:19
อ่านรวดเดียวจนจบ ชอบพี่หนึ่งมากๆ สุภาพบุรุษสุดๆ ไนซ์มากๆ
เจมก็น่ารัก เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตามมาก ถึงแม้ว่าจะปวดตับไปเยอะก็เถอะ
แต่ก็ทำให้ต้องอ่านต่อเนื่องเพราะไม่อยากค้างคา และอยากจะรู้เรื่องราวของสองคนนี้ต่อ
ขอบคุณคนแต่งมากๆ ค่ะที่แต่งเรื่องราวดีๆ แบบนี้มาให้ได้อ่าน  :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: DoubleBass ที่ 22-06-2013 19:30:57
สนุกมาก จะตามผลงานเรื่องอื่นแน่นอนจ้า ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 08-07-2013 02:20:59
 :o8: :o8: :o8: :o8:

หลงรักพี่หนึ่งตั้งแต่ตอนแรก ยันตอนพิเศษเลยจริงๆ พี่หนึ่งน่ารักทุกเวลา

น้องเจมชอบแหย่พี่หนึ่งอ่ะ สงสาร 5555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Yukisae ที่ 10-08-2013 17:03:37
ใช้เวลา3วันในการอ่านเรื่องนี้ 55555
สนุกมากๆเลยค่ะ มีหลายรสชาติในเรื่องเดียว
ทั้งสนุก ตลก หวาน เศร้า แต่ก็จบลงด้วยดี
ทั้งพระเอกทั้งนายเอก น่ารักมากๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ และจะเป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 30-10-2013 22:56:05
เป็นเรื่องที่สนุกมาก  พี่หนึ่งน่ารักสุดๆ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: tie602 ที่ 02-01-2014 01:41:15
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ดีใจมากที่มาเจอเรื่องนี้ ชอบมาก สนุกมากค่ะ
หลงพี่หนึ่งมากค่ะ ชอบผู้ชายแบบนี้ อบอุ่น ดูแลน้องเจมดีมาก ตอนมีปัญหาพี่หนึ่งจะใจเย็นมีเหตุผลตลอด
เจมก็เป็นคนตรง ไม่ชอบอะไรค้างคา สงสัยอะไรก็ถามพี่กนึ่งเลย ฮืออออออ ไม่รู้จะบอกยังไงว่าชอบเรื่องนี้มากจริงๆ
ขอบคุณคุณผู้แต่งนะคะที่ทำให้มีนิยายเรื่องนี้เกิดขึ้น  o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 10-01-2014 06:33:07
พี่หนึ่งกับน้องเจมน่ารักมาก
ฉากมุ้งมิ้งแทบทั้งเรื่องเลย
อ่านแล้วอิจฉาน้องเจมอ่ะ

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 11-01-2014 04:30:41
เรื่องนี้เขียนได้ดีมากเลย
ขนาดมีเรื่องคาดไม่ถึงที่ปกติถ้าเราเจอแบบนี้เราเลิกอ่าน
แต่คนแต่งก็เขียนได้ดีจนเราวางไม่ลงจริงๆ
ชอบมากกกกกกๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: superfa ที่ 14-01-2014 02:05:45
อ่านจนจบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากๆ
ประทับใจความรักของน้องเจม พี่หนึ่งสุดๆ :o8:
แต่จนจบแล้วก็ยังไม่พอใจแอมอยู่ดี อารมณ์เดียวกับคุณ mommee
เหมือนที่ทำไปมันผิดเพราะรักผิดเพราะเมา เหตุผลมันยังไม่เกทไม่ฟินอะ
ส่วนตัวไม่เคยมีความรู้สึกนี้ด้วย555
อ่านตอนพี่สาวของแอมสไกป ก็รู้สึกเหมือนช่างมัน ทำเพราะรัก
สรุปคือเคืองแอมกะพี่สาวอยู่ดี 5555 :hao7: :hao7:

สุดท้ายขอบคุณคนเขียนมากๆที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านค่า ติดตามผลงานต่อๆไปด้วย ชอบมาก :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: ArgèntaR๛ ที่ 17-02-2014 00:28:14
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านรวดเดียวจบ ตาแฉะกันเลยทีเดียว
ชอบความรักที่พี่หนึ่งมีให้เจมจริงๆ
แล้วความรักที่ให้กันและกันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกตอน
ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกัน เรียนรู้กัน ยิ่งช่วงที่ไปต่างประเทศ เหมือนเป็นก้าวชีวิตที่สำคัญสำหรับคนทั้งคู่เลยทีเดียว

อีกอย่างที่ประทับใจก็ตรงตัดฉากเรททิ้งนี่แหละ 555+ นิยายที่ดี บางครั้งไม่จำเป็นต้องเน้นเรทก็ได้
ขอบคุณนักเขียนที่เขียนนิยายดีๆ เรื่องนี้ขึ้นมา
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 19-02-2014 21:57:34
ประทับใจในความรักของพี่หนึ่ง  :impress3: ตอนแรกๆ ไม่ค่อยชอบพี่หนึ่งเท่าไหร่ แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายมาด้วยกัน พี่หนึ่งเป็นคนอบอุ่นมาก  :กอด1:
:L1: เรื่องให้แง่คิดดี ไม่หวือหวาแต่ละมุน อ่านจบแล้วรู้สึกดีมากๆ เลยค่ะ  :L1:
  :L2: ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ นะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 07-04-2014 03:01:32
สนุกมากเลยคะ เคยตามอ่านจนถึงตอนที่เจมไปต่างประเทศแล้วก็ไม่ได้ตามต่อ
อีกทีก็จบซะแล้ว เราชอบการวางโครงเรื่องมากเลยอะ แบบค่อยๆเพิ่มพัฒนาการตัวละครแล้วก็บีบอารมณ์ขึ้นเรื่องๆ ชอบๆ กดดันแบบชวนลุ้นแล้วก็ ฮ่าทุกตอนเลย ^^
แต่บอกเลยว่าเกลียดแอมมากกก คำว่ารักของนายไม่มากกกจนห้ามใจไม่ได้เลยเหรอ
ถ้าเราเป็นที่หนึ่ง นะ จะจัดนักแอมซะเลย  :angry2:   
ยังดีนะที่เจมไม่เป็นแบบตอนมอต้น ฮ่าๆ แอบเครียดเลยกัวเจมจะรับไม่ได้มากๆ
ชอบตอนพิเศษที่ที่หนึ่งตอบคำถามเรื่องแฟน
>< น่าจะลากตัวเจมไปเปิดตัวเลยนะ  อิอิ
<3 มีผลงานน่ารักๆ สนุกๆแบบนี้อีกเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Ysolip ที่ 12-04-2014 10:25:54
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ให้อ่านนะคะ
ปลื้มเรื่องนี้มากๆๆ
พี่หนึ่งเป็นผู้ชายอบอุ่น ขี้เล่น แถมยังน่ารักมากๆเลยค่ะ
ชอบเจมตรงที่เป็นคนตรงๆและไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา พอเจออะไรที่ไม่เข้าใจกันก็ถาม
ชอบเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันค่ะ น่ารัก
เจมกับจิวก็เป็นพี่น้องที่น่ารักมาก อบอุ่นสุดๆ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2014 20:14:37
จบได้หนึ่งปีแล้วคิดถึงเลยมาหาอ่านอีกรอบ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: DREAM COME TRUE ที่ 14-04-2014 21:59:35
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ สนุก อ่านเพลินดีครับ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 15-04-2014 18:58:10
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
ขอบคุณที่สร้างสรรค์ร้อยเรียงถ้อยคำและเรื่องราวให้เราได้อ่าน
อ่านรวดเดียวจบเลย
เป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ
(พี่หนึ่งนี่ชายในฝันเราเลยนะเนี่ย 5555)
 :ling1:
ดีใจที่กลับมากดคลิ๊กเข้ามาอ่านเรื่องนี้
 :katai4:
คือตอนแรกเปิดผ่านหลายรอบมาก แต่ไม่ได้กดเข้ามาอ่าน รู้สึกชื่อเรื่องไม่ดึงดูด เหะๆ .___.;;
แต่สุดท้ายก็ได้อ่านจนได้ อ่านจบ และประทับใจมาก
 :hao5: :hao5: :katai2-1: :katai2-1:
รักเรื่องนี้และรักคนเขียนมากค่ะ
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 15-04-2014 20:10:31
พี่คะ มีเพจให้ตามไปกดไลด์มั้ยคะ
ทวิตเตอร์ก็ได้ อยากตามไปฟอลโล่อ่ะ !!!
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 15-04-2014 20:15:17
กระโดดตามไปเรื่องผู้นำ กรี๊ดสองที  :mew1: :mew3: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: จีบได้แฟนตายแล้ว ที่ 19-04-2014 03:30:44
อ่านรวดเดียวจบสองวันติด5555555555555555555555555555555
ไอ้เราตอนแรงอ่านชื่อพระเอกของเราว่า คะลึงๆ
ชอบตัวละครทุกตัว มีเหตุที่มาที่ไป ไม่ง๊องแง๊ง
ทั้งน้องเจมพี่จิว ฮืออออออออออ เหมือนจริง รักเรื่องนี้ๆ
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
มีคนมาเอ็นดูนายเอกของเราเยอะๆ ชอบมาก5555555555555
ตามเรื่องพี่ผู้นำต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 23-04-2014 00:32:28
ชอบที่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: cy55555 ที่ 25-04-2014 02:15:58
อ่านรวดเดียวจบสะใจมาก
สนุกถึงกึ๋นเลยเชียว  ขอบคุณค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 140413)
เริ่มหัวข้อโดย: aoaer ที่ 26-04-2014 15:36:23
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ   พี่ที่หนึ่งก็งอนแบบน่ารักๆ  น้องชา (เจม) ก็ง้อแบบอ้อนๆ   อ๊ายยย หลงรักเลย

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 29-04-2014 00:36:44
Hear, Me

ตอนพิเศษ



Forget? Me? Not!!!!




ความเงียบคือบ่อเกิดของปัญญาฉันใด เมื่อนายคฤณเงียบก็แปลว่ากำลังมีปัญหาฉันนั้น
ผมมองโทรศัพท์ที่ส่งข้อมูลเป็นภาษาที่ผมเข้าใจว่า เขาไม่รับโทรศัพท์

แม้จะแปลกใจ แต่ผมก็แค่ขมวดคิ้วแล้ววางโทรศัพท์ไว้ใบโต๊ะทำงาน เสียบหูฟังเพลง และจิ้มแป้นปั่นต้นฉบับของผมไปตามหน้าที่ คิดเพียงว่า เดี๋ยวเย็นนี้ก็เจอกัน ตอนนั้นค่อยถามก็ได้ว่าติดธุระอะไร ทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทั้งที่เป็นคนสั่งผมเมื่อเช้าเองว่ากินข้าวกลางวันแล้วให้โทรหาด้วย

ทำงานต๊อกแต๊กมาจนค่ำ ผมถึงนึกได้ว่านายคฤณไม่ติดต่อผมเลย แบบนี้มันผิดวิสัยเกินไป นึกได้แบบนั้นก็เลยรู้หน้าที่ หยิบโทรศัพท์มากดโทรหาเขาอีกรอบ แต่สิ่งที่ผมได้รับก็เหมือนเดิม เดี๊ยะๆ ด้วย

“อะไรวะ?”

“เออ อะไรของมึงวะเจม” เผือกน้อยต้อมมาอยู่บนหัวผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเงยหน้ามองมันแล้วเล่าไปตามความจริง

“พี่หนึ่งไม่รับโทรศัพท์กู สงสัยไปกับกิ๊ก”

“เฮ้ย! จริงดิ”
“นี่เขานอกใจมึงหรอ เฮ้ย! ไม่ได้เลย”
“คืนนี้ต้องแดกเหล้า”

“ไม่เอาอ่ะ กูเคลือบแผลกูด้วยน้ำสตอเบอรี่ปั่นได้”

“ไม่ได้ชวนไปแดกรักษาแผลใจ ฉลองต่างหาก”
“ในที่สุดเฮียที่แสนประเสริฐของกูก็เป็นอิสระจากปลวกเสี้ยวญี่ปุ่นสักที ดีใจชิบหาย”

“สาดดด” ผมด่าเสียงยาวๆ ใช้สายตาปัดมันไปให้พ้นทางแล้วก็โทรหาเขาอีกรอบ ก็ไม่รับอีกแล้ว อะไรวะ? หรือแบทหมด หรือลืมโทรศัพท์ หรือโดนฉกไป หรืออะไร ยังไง เฮ้ย! งง!

“ไปหาก็ได้วะ” วิธีนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอกครับ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักผมดี ขอบอกจุดยืนไว้ตรงนี้เลยนะครับ ผมไม่ชอบไปออฟฟิศเขาเท่าไหร่ เพราะมีคนที่ไม่ชอบผมอยู่ที่นั่น ก็ยัยตัวอักษรนั่นแหล่ะ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ผมได้รับความสนใจมากเกินไป ผมอึดอัด

ผมไม่เคยรู้หรอกว่าคนที่ออฟฟิศเขารู้จักผมตื้นลึกแค่ไหน พูดลับหลังผมว่ายังไง ใช้ผมเป็นประเด็นนินทาหรือสร้างจุดด่างพร้อยให้เจ้านายตัวเองรึเปล่า ผมรู้แค่ว่า พอผมปรากฏตัวที่นั่น ใครๆ ก็ยิ้มให้ ดูแลหาที่นั่ง หาน้ำ หาขนม ชวนคุย หยอกล้อ ราวกับว่าพวกเขารู้จักผมมา 50 ปี ... พูดให้ฟังง่ายๆอีกทีก็คือ ทำตัวเหมือนเพื่อนแม่ที่กูไม่เคยจำชื่อได้นั่นแหล่ะ

แต่ตอนนี้ ผมตัดสินใจแล้ว จะไปหาก็ต้องไปหา หุหุ
ว่าแต่ว่า ชุดนี้โอเคมั้ยวะ? คงไม่ทำให้เขาดูสถุนเป็ดตามไปด้วยหรอกนะ ก็แค่ยีนส์ขาดเป็นริ้วพลิ้วกว่าเส้นผมบนกะบาลเท่านั้นเอง

“เอ้า เจม กลับแล้วหรอ”

“ครับพี่ปู” พีเอ็นโผล่มาจังหวะดีชิบหาย วันที่กูปั่นงานถึงห้าทุ่ม เที่ยงคืนล่ะไม่รู้จักโผล่มาเห็นและรับรู้ความขยัน ทีกลับแต่หัววันล่ะเห็นจังเลย วุ้ย!

“เออ พี่ว่าจะให้เช็คข่าวหน่อย”
“บทวิเคราะห์เฮ้าส์ต่างประเทศมันออกมา บอกว่าเทรนด์อสังหาฯในเอเชียส่งสัญญาณฟองสบู่”
“ลองเช็คแหล่งข่าวเราสัก 3-4 คนนะ”
“ถ้าได้ประเด็นดีก็ทำเป็นสกู้ปด้วยเลย แล้วก็หาพวกมุมมองโบรกเราทำเป็นไซท์บาร์ ฉายให้เห็นภาพว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ไหวมั้ย?”

ตอบว่าไม่ไหวจะโดนตบมั้ยล่ะครับ?

“ไหวครับพี่ปู”
“แต่วันนี้ เจมขอกลับก่อนนะ”

“จ้ะ ตามสบาย กลับเลย พี่ๆ ก็แค่ยังนั่งทำงานกันหัวหงอกอยู่เลย”

ตอบแบบนี้คือเครียดอยู่ครับ เลยหาทางระบายด้วยการกวนตีนสิ่งมีชึวิตทุกผู้ที่สนทนากับแก ผมชินแล้ว ผมเลยหน้าด้านกลับตามความต้องการของตัวเอง หึ!

ระหว่างขับรถ ผมพยายามติดต่อเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่รับโทรศัพท์ผมเหมือนเดิม จนขับมาจอดรถแล้วเรียบร้อย ชำเลืองมองที่จอดประจำตำแหน่งของเขา รถก็ยังอยู่ ฮื้อ อะไรกันนักวะ กะอีแค่รับโทรศัพท์มันจะยากอะไรนักหนา

ยิ่งคิดผมก็ยิ่งขุ่น พาลนึกไปถึงตอนที่เจอเขาเดินกับผู้หญิง บุกขึ้นคอนโดเขาแล้วเจอผู้หญิงนอนกอดเขาอยู่อีก เฮ้ย! ผมไม่ใช่คนขี้หึงมากมายหรอกนะ แต่ผมเป็นคนลืมยาก ยากมากด้วย ความทรงจำพวกนั้นมันก็เลยผุดขึ้นมาทำให้ผมอารมณ์เสียหนัก และหนักจนสามารถทำอะไรบ้าๆ ได้เลยด้วย

ผมยังไม่ขึ้นไปออฟฟิศเขาหรอกครับ พาตัวเองมาหาตู้โทรศัพท์สาธารณะก่อน ซึ่งแม่งก็หายากชิบหายในยุคสมัยนี้ เจอตู้ปุ๊บก็ลองโทรหาเขาปั๊บ และก็เหมือนเดิม ไม่มีใครรับโทรศัพท์ อะไรวะเนี่ย?

โทรศัพท์เก่าๆ รองรับอารมณ์ผมจนมันต้องเจ็บตัวเล็กน้อย แต่ผมไม่บ้าพอจะพูดขอโทษกับมันหรอกครับ ผมเดินกลับเข้าไปในออฟฟิศเรนทัลที่มีออฟฟิศเขากินพื้นที่อยู่ 3 ชั้นของอาคาร

กดลิฟท์ไปยังที่หมายเรียบร้อยแล้วก็รอครับ รอเหมือนที่รอมาตั้งแต่บ่าย รอด้วยความคาดหวังว่าเขาจะโทรกลับมานั่นแหล่ะ

ในที่สุดผมก็มาถึงจนได้ พอมายืนหน้าประตูกระจกแล้ว เจ้าหน้าที่ด้านหน้าก็รีบกดปุ่มภายใน เพื่อเปิดประตูให้ผมทันที เธอคงจำหน้าผมได้

“คุณชานนท์ มาหาบอสหรอคะ”

“อ่า ครับ แต่ไม่ได้นัดไว้หรอกครับ สุ่มๆ มา”
“ไม่อยู่หรอครับ”

“ค่ะ ออกไปตั้งแต่เที่ยง”

“อ่ออ มิน่า”
“แล้ว...คุณคฤณเอามือถือไปรึเปล่าครับ ออกไปเรื่องงานหรือเรื่องอะไรหรอครับ”
“เปิดเผยได้รึเปล่า” ผมถามอย่างเกรงอกเกรงใจ แต่เธอคนนี้ก็สิ่งยิ้มชื่นมื่นให้ผม แล้วก็ผายมือเชิญผมเข้าห้องเขาด้วย เอ้า! เอาเข้าไป ก็เจ้านายไม่อยู่ จะจูงผมเข้าห้องเพื่อ?

“บอสออกไปหาคุณชานนท์ไงคะ”

“ห๊ะ?” ผมหันขวับมองเธอที่ยังคงยิ้มให้ผมอยู่

“ค่ะ บอสบอกว่าจะไปทานข้าวกับคุณชานนท์ที่กองบก.”
“ป่านนี้แล้วยังไม่เข้ามาเลย หรือว่าไม่เจอกันคะ?” เฮ้ยยย ปะติดปะต่อเรื่องเร็วหน่อยสิ คนยิ่งร้อนใจอยู่ ถ้าเจอกันแล้วเค้าจะมาหาบอสของตัวเองถึงถิ่นหรอ?

ผมนั่งไม่ลง น้ำที่เธอให้แม่บ้านยกมาให้ก็ไม่รับไว้ ผมถือวิสาสะใช้โทรศัพท์ในห้องทำงานเขาโทรหาเขาอีกรอบ และก็ได้คำตอบ
แม่งทำโทรศัพท์หล่นไว้ที่เก้าอี้ทำงานไง โอยยยยย! กูห่วงมั้ยเนี่ย!
เมื่อได้โทรศัพท์เจ้าปัญหามาแล้วผมก็ยึดมันใส่กระเป๋าแล้วก็ออกจากห้องทำงานเขาทันที แต่ก็ไม่ลืมบอกเจ้าหน้าที่ช่างยิ้มคนนี้ไว้

“ถ้าคุณคุฤณถามหาโทรศัพท์มือถือ บอกว่าอยู่ที่ผมนะครับ”

“ค่ะ คุณชานนท์” ยิ้มอีกแล้ว หรือว่าถูกใจทรงคิ้วที่เชิดขึ้นนิดๆ ของผมกันหว่า? อืม ก็น่าคิด

ผมออกจากออฟฟิศเขาพร้อมมือถือของเขา ตอนนี้ล่ะตันของจริง พอไม่มีมือถือเขาแล้วผมจะติดต่อเขาได้ยังไง แล้วจะรู้มั้ยว่าตอนนี้นายคฤณนั่งหงอยอยู่แถวไหน
แต่เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณผู้หญิงหลังเคาท์เตอร์บอกว่า เขาตั้งใจจะออกไปกินข้าวที่กองบก.ของผมนี่หว่า อืม ลองย้อนไปหาที่ออฟฟิศดู เฮ้ย! ไม่ต้องก็ได้นี่หว่า มีเผือกต้อมอยู่ ใช้มันก็ได้
เมื่อคิดแผนการได้ ผมก็โทรหาไอ้ต้อมทันที และไอ้นี่ก็เหมือนวันๆ นั่งจ่อนิ้วรอรับโทรศัพท์ ตู๊ดยังไม่ยาวเต็มกำลังการผลิตมันก็รับแล้วครับ

“อื้อว่าไงเจม กูอยู่กับเฮีย” แสรดดด แล้วกูดิ้นรนมาที่นี่ทำห่าอะไร ผมอารมณ์เสียขึ้นมาดื้อๆ และตอบโต้ด้วยการวางสายแม่งเลย!
แป๊บเดียว เบอร์ไอ้ต้อมก็โชว์หราบนหน้าจอ และพอกดรับ เสียงเป็ดๆ ของมันก็กลายเป็นเสียงทุ้ม ช่างอ้อนทันที

“เจมครับ พี่หนึ่งเอง”
“โทษที พี่มาหา คงสวนทางกัน เจมออกไปก่อน”
“นี่ทำโทรศัพท์หายไปไหนก็ไม่รู้” ผมฟังเงียบๆ แล้วก็วางสายอีก จากนั้นก็ใช้โทรศัพท์เขาโทรหาไอ้ต้อม คำตอบว่าโทรศัพท์เขาอยู่ที่ไหนคงถือกำเนิดในก้อนสมองเขาแล้วแน่ๆ เพราะเขาเป็นคนรับโทรศัพท์ของไอ้ต้อม แล้วก็ส่งเสียงแฮะๆ ตามมา

“อยู่ไหนครับเนี่ย”

“อยู่ออฟฟิศพี่หนึ่งครับ” ผมตอบพลางสตาร์ทแครื่องยนต์ ระหว่างนั้นก็หันมองรถเขาที่จอดอยู่ในช่องประจำตำแหน่ง และคำพูดเขาเมื่อครู่ก็ทำให้ผมฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาบอกว่าไปหาผม แต่คงสวนกัน แสดงว่าเพิ่งไป แล้วที่ผมติดต่อเขาไม่ได้ตั้งแต่เที่ยงนี้ หายไปไหนมา?
“พี่หนึ่งครับ” ผมเรียก ตัดบทสนทนาที่เขากำลังบอกรายละเอียดเรื่องไอ้ต้อมชวนไปกินเหล้าอย่างขาดวิ่นไร้ชิ้นดี
“พี่หนึ่งไปไหนมาตั้งแต่เที่ยง เพิ่งไปที่ออฟฟิศเจมไม่ใช่หรอ?”

เงียบครับ ส่งจุดให้กูแดกทางโทรจิตอยู่ละมั้ง เมื่อเขาเลือกจะเงียบ ผมก็เลยตัดสาย และขับรถกลับคอนโดตัวเอง ระหว่างทางมีสายเข้าตลอดเวลา ทั้งเครื่องผมเองและเครื่องเขา
คนที่กำลังพยายามโทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แฟนผมเอง นายคฤณ ธีระเสถียร




กำลังดมกลิ่นข้าวผัดกุนเชียงหอมๆ อย่างเพลิดเพลิน ประตูห้องก็เปิดผลัวะอย่างแรงกล้า แต่ผมก็แค่สะดุ้งเท่านั้นแหล่ะครับ ชินแล้ว

ผมหันไปมอง รอให้คนที่เปิดประตูอย่างห้าวหาญโผล่หน้ามาหาเสียที แต่รออยู่จนคอเริ่มเคล็ด คนที่คิดว่าจะโผล่มาก็ไม่มาสักที หงุดหงิดแล้วนะเว้ย
สุดท้ายก็ทนไม่ได้ ผู้ชายดีๆ อย่างผมก็เลยต้องขยับตัวลุกไปดูที่หน้าประตู

“อ้าวจิว”

“ก็จิวอ่ะดิ นี่กำลังจะกินข้าวหรอ? ทำไรวะ? หอมดี กินด้วยดิ”

“ทำไว้สำหรับคนเดียว จิวจะกินหรอ? เดี๋ยวทำให้ ไปล้างหน้าล้างมือก่อน อย่าเอาน้ำล้างตีนมากินนะ ของสกปรก”

“ควายยยย ถึงจะแฝดกันกูก็ไม่เหมือนมึงหรอกเจม”

“ก็เออไง กูรู้ว่ามึงไม่เหมือนกู กูไม่เอามากิน เพราะงั้นเลยสงสัยว่ามึงต้องเอามากินแน่ๆ ควายยยยย” แหย่มันเสร็จก็เดินตุ่บๆ เข้าครัวต่อ แม้ว่าในหัวผมจะมีแต่ความสงสัยอัดแน่นเต็มไปหมดก็ตาม

คำถามเกี่ยวกับเขา นายคฤณ ธีระเสถียร

“แล้วไมวันนี้มาคอนโด คิดว่ากลิ่นไม่แรงพอมึงเลยไม่กลับมาแล้วนะเนี่ย เห็นค้างกับเฮียตลอด ไม่ก็กลับบ้าน ห้องมึงนี่แมงมุมทิ้งซากไว้ให้มึงดูต่างหน้าแล้วมั้ง ดูดิ สัตว์สันโดษยังทนอยู่ห้องมึงไม่ได้ แสดงว่าแม่งทิ้งไว้นานกว่าอายุไดโนเสาร์” ยังไม่ทันที่ท้องจะอิ่มกันดี ไอ้พี่ชายก็ร่ายยาว มันบ่นนั่นนิด นี่หน่อย แต่ฟังโดยรวมแล้วจับใจความได้ว่ามันบ่นผมทุกเรื่องแหล่ะครับ แต่นานๆ จะกลับมาฟังมันสักที ยอมฟังก็ได้วะ
“แล้วมึงยิ้มไร ห่า กวนตีน!”

“ยิ้มให้มึงไง กูคิดว่ากำลังรับพร”
“สาธุ” ผมยกมือไหว้ด้วย ไอ้เชี่ยพี่ชายดีดหน้าผากผมครั้งเดียวแล้วมันก็เป็นคนรวบจาน ชาม แก้วน้ำ ไปวางในอ่างล้างจาน ผมยักไหล่สบายตัวเพราะมันรู้กฎ คนทำไม่ต้องเก็บ คนไม่ทำแต่ได้แดกด้วยต้องเก็บ

ท้องตึงแล้วก็มานั่งเล่นไอแพดที่หน้าทีวีครับ ก็มีเสือกเรื่องเพื่อนๆ จากเฟสบุ้คบ้าง ตามข่าวในหน้าเวบต่างๆ บ้าง เมื่อรู้สึกว่าเติมเต็มเวลาให้ตัวเองจนอิ่มดีแล้ว ผมก็หวนคิดถึงเขาขึ้นมาทันที

วันนี้ทั้งวัน ผมยังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย
เราแยกกันเมื่อเช้าครับ เขาออกจากห้องไปก่อนผมตื่นด้วยซ้ำ ทิ้งโน็ตสั้นๆไว้ว่ากินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วโทรหาเขาด้วย ไอ้ผมรึก็ทำตามทุกอย่าง ทำตัวเป็นหมาเป็นแมวเชื่องๆ แล้วยังไงล่ะ? นี่น่ะหรือผลตอบแทน คิดแล้วก็นอยด์แดก

“เป็นไร หน้ามุ่ย”

“เบื่อๆ” ผมตอบมันเบาๆ พลางขยับตัวให้มันนั่งลงใกล้ๆ ไอ้จิวเปลี่ยนแว่นอีกแล้วหรอวะ ไม่ได้สังเกตเลย

“แล้วมึงมองไร” สงสัยอาการจ้องหน้ามันที่ผมกำลังทำจะทำให้มันเขินๆ ผมหัวเราะนิดนึงแล้วก็สารภาพ

“เหมือนไม่ได้มองจิวนานอ่ะ มึงเปลี่ยนแว่นตั้งแต่เมื่อไหร่ อันเดิมก็เท่ดีนะ มีแค่ขอบบนๆ สีดำ อันนี้ไม่มีกรอบเลย มันดูแบบ...” ผมทิ้งช่วงให้มันเลิกคิ้วตั้งคำถาม เมื่อนึกคำเปรียบได้ผมก็เฉลย
“ดูเหมือนพ่อ”

“มึงกว่ากูแก่หรอสัดเจม” เชี่ยเอ้ย! แม่งเสือกรู้ทัน กะอำให้ซึ้งใจซะหน่อย ผมหัวเราะรับแรงตีที่มันประเคนให้ที่กลางหลัง และสงสัยวิญญาณมือกลองจะเข้าสิง มันถึงได้รีตัวเป็นจังหวะชะชะช่า

“เชี่ยจิว แผ่นหลังกูไม่ได้หนังกลองนะ กูเจ็บ!”

“โอ๋ๆ” มันโอ๋ผมเป็นเด็กๆ แกล้งยีหัวแป๊บเดียวมันก็ดึงผมไปกดกอด อย่าทะลึ่งนึกกิริยาน่าเอ็นดูนะครับ มันกดหัวให้หน้าทิ่มท้องมัน แล้วก็กอดตัวไว้จนแน่น ไอ้อุ่นมันก็อุ่นหรอกครับ แต่หายใจไม่ออก

“ไอ้จิว เจมอึดอัด!” ห่านี่ต้องให้น้องด่าถึงจะเป็นพี่อย่างสบายใจสินะ ผมส่งค้อนให้มันแล้วก็ดันตัวออกห่างพลางยกขาขึ้นพาดโต๊ะกระจกเตี้ยๆ ด้านหน้า มันก็ก๊อปปี้ท่าทางเท่ๆ ของผมไป กลายเป็นว่าแฝดนั่งท่าเดียวกันเด๊ะ

“อื้อหมาเจม” มาแล้วสินะ ประโยคนำความเสือก ผมเหล่มองนิดนึง ไม่ส่งเสียงหืออือตอบมัน มันก็เลยขยับมาใกล้ๆ แล้วยื่นหน้ามาถามอีก
“หมาเจม”

“กูได้ยินแล้ว”

“ไม่ตอบกูนี่ หยิ่งหรอ ห๊ะ! ไอ้ลูกหมา”

“จิวเหี้ย มึงมีไรก็พูดๆ มา กูอยากอยู่เงียบๆ”

“ทำไมต้องอยากอยู่เงียบๆ”
“นี่มึงทะเลาะกับเฮียรึเปล่าวะ ถึงว่า มึงกลับคอนโด”
“ปกติได้เจอมึงที่นี่ก็ต้องมีเฮียตามติดมาด้วยไม่ใช่หรอ?”

“ไม่ได้โกรธอะไรกันนี่” ผมตอบตามความจริง ก็เขากับผมไม่ได้โกรธกัน ฝ่ายที่รู้สึกโกรธอยู่ก็คงมีแต่ผมนั่นแหล่ะ

“แล้วไมหน้ามุ่ย”
“แล้วเฮียกูไปไหน มึงแดกเขาไปแล้วหรอ? กูบอกแล้วไงว่าเฮียควรตายช้าๆ นั่นบุคคลมีประโยชน์กับโลกนะเว้ยเจม”

“เพ้อเจ้อ” เจอผมด่าจริงจังเข้าให้มันถึงได้สงบปากลง และคงเห็นว่าหน้าผมกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ มันถึงได้อ้อมมือมาโอบผมไว้แล้วดึงให้ซบลงบนบ่ามัน

“แล้วตกลงน้องกูเป็นอะไรวะ”

“น้องมึงนอยด์แดกไร้สาระ เพราะว่าน้องมึงหาแฟนไม่เจอ”

“แล้วแฟนน้องกูไปไหนวะ”

“ไม่รู้แม่ง!” ตอบสะบัดเสียงด้วย ไอ้จิวขำนิดนึงแต่ก็ยังโอบผมไว้เหมือนเดิม มันบีบหัวไหล่อยู่ 2-3 ที แล้วก็พูดให้ผมเอ๋อเล่นว่า

“กลับห้องมึงไปเลย รังรักมึงอ่ะ คืนนี้จิวจะกลับบ้านเหมือนกัน”

“อ้าว! แล้วมึงมาคอนโดทำไมถ้าคิดจะกลับบ้าน”

“กูมาดูให้ แฟนน้องกูหาแฟนมันไม่เจอ เดือดร้อนกันไปทั่ว นี่แม่งจะมาห้องนี้เองแต่กูสกัดไว้ก่อน เพราะถ้าน้องกูจะใช้ห้องนี้หนีหน้าใครก็ตาม น้องกูต้องได้สิทธิหนี เฮียหรือเหี้ยก็ห้ามระราน”
“อย่างงนะ หน้ามึงโง่มากพอแล้วเจม”
“กลับไปหาเฮียกูได้แล้ว”

“มึงเจอเขาหรอ?” ผมถามแบบไม่เอ่ยชื่อ ไอ้จิวส่ายหน้าแล้วขยายความเพิ่ม

“เขาโทรหากู โทรมาถามนั่นแหล่ะ ขู่กูสารพัดถ้ากูแอบมึงไว้เล่นคนเดียว ห่า! แต่มึงก็เหมือนลูกหมาส่วนตัวของเขาจริงๆ นั่นแหล่ะ”
“ตอนนี้ไอ้ต้อมตระเวนพาเขาไปที่ที่คิดว่ามึงจะไป แต่เขาคิดว่ามึงคงกลับคอนโด กูเลยบอกว่าจะมาดูเองแล้วจะโทรบอก”
“มึงล่ะ จะให้กูโทรบอก หรือจะไปเซอร์ไพรส์เฮีย เผื่อได้พอร์เช่นะมึง”

“เช่พ่อมึงสิ” ผมปากไวด่าแต่ก็นึกได้ว่าพ่อคนเดียวกัน ไอ้พี่ชายตบหัวผมแปะนึงแล้วก็ถามย้ำด้วยการชูโทรศัพท์ขึ้นมา ผมตะปบโทรศัพท์ของมันทิ้ง เท่านี้มันก็น่าจะได้คำตอบ

“เจม! ไม่ไปหาเฮียล่ะ”

“แล้วทำไมกูต้องเป็นฝ่ายไปหาเวลาเขาอยากเจอ ทำไมต้องเป็นเจมที่ยื่นหน้าไปบอกเขาว่าสบายดี อยู่นี่นะ ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายละเลยเจมเอง”
“เจมกำลังงี่เง่า รับไม่ได้ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง นอนนะ” ผมบอกรวดเดียวก็เดินเข้าห้อง ล็อคประตูด้วย เอาสิ ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอลูกเหวี่ยงผม แต่ระดับที่กำลังพาลอยู่นี้ นายคฤณไม่เคยเจอแน่ๆ




หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413)
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 29-04-2014 00:37:50
ตอนนี้คอนโดผมเงียบสงัดตามที่ต้องการเลยครับ ไอ้จิวกลับไปแล้ว ก่อนกลับมาเคาะประตูแล้วบอกว่าแช่เงาะกระป๋องไว้ให้ เผื่อร้อน ของหวานช่วยดับอารมณ์ได้นะ แต่ถ้าอยากเรื่องอย่างว่า เงาะก็ไม่ช่วยนะเจม ไอ้ห่าพี่ชาย แม่งก็เสียดสีกูได้ตลอดจริงๆ
ผมไม่ตอบอะไรมัน ตอนนั้นกำลังแก้ผ้าเพื่ออาบน้ำ พอฟังมันพล่ามจบแล้วจนได้ยินเสียงประตูห้องใหญ่ปิดลงเรียบร้อยแล้วผมก็แช่ตัวเผือผ่อนอารมณ์ตัวเองลง

ตอนนี้แต่งชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เปิดโน้ตบุ้คด้วยทัศนคติแง่บวกว่าอาจทำให้งานกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็คว้าน้ำเหลว

เวบแรกที่ผมเข้าก็คือเวบสาธารณะที่นักลงทุนชอบมาสุมกำลังพลกันนินทาหุ้นตัวนั้น ปั่นหุ้นตัวนี้ เอ่ยชื่อไม่ได้ครับ เดี๋ยวโดนฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ ฮ่าๆ

สิ่งที่ตรึงความสนใจของผมไว้ไม่ใช่กระทู้ปั่นหุ้นตัวไหนหรอกครับ เป็นแบนเนอร์ของอีกเวบไซต์หนึ่งต่างหาก เวบที่ผมแช่ตามองอยู่คือเวบนินทาดารากับไฮโซคนดังครับ และที่ลงทุนสนใจ ก็เพราะแฟนผมไปปรากฎบนแบนเนอร์นั้น

ผมรีบคลิกเข้าสู่เวบไซต์เพื่อไปอ่านข้อความ อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะเสือกรู้เรื่องนายคฤณละเอียดไปมากกว่าผม ไฝใต้ราวนมผมก็จิกมาแล้ว

งานเข้าสิครับ
นายคฤณ ธีระเสถียร หรือ "ไฮโซที่หนึ่ง" ควงสาว
เศร้ามั้ยล่ะกู
ผมคลิกอ่านเนื้อความแซว 3 บรรทัด พยายามคิดอยู่ว่าควรเชื่อเรื่องนี้มั้ย? บทเรียนที่เกี่ยวกับผู้หญิงอื่นผมเคยได้รับมาแล้ว 3 ครั้ง ทั้งคุณเพื่อนร่วมงานที่เปิดทางให้เขาเอง ทั้งยัยตัวหนังสือที่ก็วิ่งเข้าหาเขาเอง และคุณลูกแพรที่มารักเขาเอง
จุดร่วมคือเขาอยู่เฉยๆ ผู้หญิงก็มาชอบเขาเอง
เพราะฉะนั้น ผมคงตีโพยตีพายอะไรไม่ได้
แต่ใจผมที่มันหนักอยู่นี่ล่ะ ผมควรบำบัดมันยังไงดี

ราวตี 1 กริ่งห้องผมก็ดังสั้นๆ ประตูห้องถูกเคาะรัว ชื่อผมถูกเรียกอย่างสุภาพ
“เจมครับ เปิดประตูให้พี่หนึ่งที” ตลกว่ะนายคฤณ เขาก็มีคีย์การ์ดนี่หว่า ทำไมต้องขอผมเข้าห้องด้วย
ผมเดินไปยืนมองที่ตาแมว สภาพนายคฤณเหมือนคนเพิ่งกลับจากออฟฟิศ คงไม่แปลกหรอกครับถ้านี่ไม่ใช่เวลาตี 1 กว่าๆ

“เจมครับ” เขาเรียกอีกครั้ง รอบนี้จ่อลูกกะตามาที่ตาแมว สงสัยจะรู้ว่าผมมองอยู่แน่ๆ เลย ผมหัวเราะนึดนึงแล้วงัดอารมณ์เฉยชาต่อโลกที่ผมถนัดมากขึ้นมาฉาบหน้าไว้

กึก
ปลดล็อกปุ๊บ เขาก็ดันประตูปั๊บ แต่เขาไม่เปิดโผงผางเข้ามาหรอกครับ แค่ทำให้ประตูอ้าไว้นิดเดียวก่อนเท่านั้น เขาโผล่หน้ามามองผมแล้วก็ส่งยิ้ม

“นอนรึยังครับ”

“ยังครับ” ผมตอบพลางดึงประตูให้เปิดอ้ามากขึ้น นายคฤณเนคไทด์หลวมๆ เสื้อหลุดจากกางเกงซีกนึง เสื้อสูทอยู่ในมือ และสะพายกระเป๋าใส่โน้ตบุ้ค ดูสภาพแล้วถ้าไม่บอกว่าเป็นผู้บริหาร ผู้พบเห็นทั่วไปคงคิดว่าเขาเป็นพนักงานออฟฟิศผู้เสียบอลจนหมดตูดแน่ๆ ดีกว่าหน้าตาหล่อ ถ้าขี้เหร่นี่คงคิดว่าเพิ่งออกจากโรงรับจำนำ
“ไม่เข้ามาหรอครับ” ผมถามเพราะเริ่มเมื่อยแทนลำคอเขา นายคฤณยิ้มสำนึกตัวแล้วก็แทรกตัวเข้าประตูมา สภาพเขาตอนนี้เหมือนบ้าหอบฟางเลย ดูสิ นอกจากจะหอบสูทสะพายโน้ตบุ้คแล้ว ยังหิ้วอะไรมาด้วยอีกกล่องหนึ่ง

“กลัวว่าจะนอนแล้ว แต่ว่าเป็นวันอื่นไม่ได้จริงๆ”
“นี่กว่าจะสะบัดไอ้ต้อมหลุดได้ แทบแย่แนะ”
“ไอ้จิวก็อีกคน จู่ๆ ก็มาถ่วงทั้งที่บอกพี่เองว่าเจมอยู่ที่คอนโด”
“ตอนแรกพี่ก็คิดว่าอยู่ที่คอนโด พวกมันก็เตะถ่วงไม่ให้พี่มา ลากไปกินเหล้า”
“แต่ไม่เมานะครับ ดมพิสูจน์ได้”

เขาพูดเรื่องอะไรวะ?
ผมยืนอ้าปากหวอมองเขาพูดยาวๆ หัวผมคงเอียงจนดูพิลึกเขาเลยวางของที่หอบมาด้วยเพื่อมาจับให้หัวผมตั้งตรงเหมือนเดิม

“ฉลองกันนะ”

“หือ? ฉลอง?” ผมทวนคำงง จ้องหน้าเขาเหมือนเขาเพิ่งพ่นภาษาต่างดาวออกมา หรือว่าหน้ากูเหมือนอีทีวะเนี่ย ไม่นะ ผมไม่ได้ทำอะไรกับหน้าผมเลย หน้าแบบนี้มาตั้งแต่เท็ตสึปั้น

“ใช่ครับ ฉลองกัน”

“วันอะไร? ยังไม่ปีใหม่เลยพี่หนึ่ง” ผมทวทวบความรู้ที่ผมมี จะฉลองมันก็ต้องเป็นวันสำคัญสิ และปีใหม่ก็คือเทศกาลสำคัญสุดสำหรับผมเพราะโบนัสออก

“เจม...จำไม่ได้หรอ” เขาถามกลับ คราวนี้ลดระดับจากการจับคอ มาจับไหล่ผมแทน

“ไม่อ่ะ” ผมส่ายหน้าประกอบคำพูดด้วย นายคฤณลดระดับมือลงอย่างรวดเร็ว เขาหันมองของที่กองอยู่บนโซฟาในห้องผมแล้วก็ถอนหายใจ อะไรวะ? กูทำอะไรผิดอีก? กูงอนคุณมึงอยู่ไม่ใช่รึไง? เฮ้ย! มาง้อกูก่อนดิ

“แล้ว ตกลงจะฉลองอะไรครับ”

“ช่างเถอะ” อ้าว! ก็รู้ว่ากูขี้เสือก ยังจะเสือกตอบเพื่อไม่ให้เสือก ซึ่งมันทำให้อยากเสือกกว่าเดิมเสียอีก”

“อะไรอ่ะพี่หนึ่ง บอกเจมดิ ไม่บอกจะรู้ได้ยังไง”

“พี่ยังจำได้เลย พี่มันใส่ใจอยู่คนเดียวสินะ เออสิ พี่มาวุ่นวายกับเจมก่อนนี่”
“เจมก็แบบนี้ตลอด บางทีพี่ก็อยากวิจารณ์ตรงๆ ว่าเจมเฉยชาเกินไปนะครับ”

“พี่หนึ่งก็เพิ่งวิจารณ์ตรงๆ นี่ครับ พอใจรึยังล่ะ? บอกเจมมาดิว่าฉลองอะไร” ผมก็ขุ่นเหมือนกันนะเอ้า! มาทำกระเง้ากระงอดใส่ แถมยังพูดฟังดูเหมือนประชดประชันอีก

“โอเค โอเค” เขาทำท่ายอมแพ้ประจำตัวที่เขาชอบทำ ก็ไอ้ท่ายกมือดันอากาศระหว่างผมกับเขา ถอนหายใจได้หลายรอบเขาก็ยอมเฉลยครับ

“วันนี้วันครบอรอบที่เราคบกัน 2 ปี”

“.............” ไม่ใช่วันนี้ว่ะครับคุณมึง

"กับอีก2 เดือน และอีก 2 วันครับ” ปลิ้นได้อีกคนเรา ผมเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้างเมื่อเขาพูดจบ นายคฤณ ธีระเสถียรยังมีหน้าชี้นิ้วไปที่กล่องใหญ่ๆ ที่หอบหิ้วมาด้วย ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าผมรู้แล้วละว่ามันคือกล่องอะไร
“พี่ซื้อเค้กมาฉลองกันด้วย”
“มันก็ผิดพลาดนิดหน่อยเพราะพี่...ป้ำเป๋อเอง”
“พี่ก็กะเวลาจะไปกินข้าวเที่ยงด้วย จะได้นัดร้านเมื่อทานมื้อค่ำกัน กะว่าจะเซอร์ไพรส์วันครบรอบ”
“แต่พี่ก็...ไม่รู้ทำโทรศัพท์หายที่ไหน ก็กลับมาหา แต่มันไม่เจอไง เจมนึกออกใช่มั้ย?” เห็นภาพเชียวล่ะครับ ผมพยักหน้าตามช้า เห็นว่ามีคนฟัง คนพูดก็เลยพูดต่อ
“พี่ก็เลยไปหาเจมใหม่ แต่รถแม่งก็โคตรจะติด แล้วดันอยู่หน้าโครงการเขาลูกค้าที่บอกว่าอยากให้พี่ไปที่ไซต์พอดี เลยแวะหาซะหน่อย เลยมาหาเจมแบบ...ค่ำมาก”
“เลย...คลาดกันเลย”
“พี่หนึ่งขอโทษนะ แต่พี่ก็ได้เค้กมาฉลองกันนะ”

อืมมมม น่ารักว่ะ แต่ยังไม่อยากยิ้มให้อ่ะ ผมตีหน้ามึนยืนกอดอกฟังเขาต่อ แต่นายคฤณคงหมดเรื่องพูดแล้ว เขาถึงได้ยืนล้วงกระเป๋าข้างนึง มืออีกข้างนึงยีหัวตัวเอง ไอ้เชี่ยเอ้ย! ท่ายืนเก้อแม่งยังเท่ สวรรค์อารมณ์ดีแค่ไหนนะตอนสร้างเขาเนี่ย

“แล้ว?” ผมพูดคำแรก แต่ก็คงทำเขานอยด์แดกน่าดู

“แล้ว? เจมพูดแค่นี้หรอ? แล้ว? แล้ว?”

“ก็แล้วยังไงล่ะครับ?” ผมพูดยาวขึ้นอีกนิดก็ได้  เขายีหัวตัวเองหนักเลยทีนี้ มีการกระชากเนคไทด์ตัวเองแล้วเหวี่ยงลงพื้นด้วย

“ไม่แล้วไง เจมก็ควรดีใจบ้างสิ”
“แบบว่า คิดไม่ถึงเลยว่าพี่จะจำได้ เพราะตัวเจมน่ะ ลืมมมมมทุกอย่างอยู่แล้ว” แขว่ะกูอีก กูไม่ได้ลืมครับ แต่วันที่คุณมึงจำได้น่ะมันประหลาดและเป็นข้ออ้างลบความผิดที่คุณมึงลืมมมมมวันครบ 2 ปีเมื่อ 2 เดือนกับอีก 1 วันที่แล้วต่างหาก อย่าคิดว่าตามไม่ทัน ตะล่อมฉลาดกูตื่นแล้วเมื่อวานนี้ครับ

“เจมดีใจได้เท่านี้แหล่ะ” ผมตอบห้วนๆ แล้วแกล้งหาวพลางเดินเข้าห้องนอน แต่อย่าคิดว่าจะเดินหนีเขาได้ถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่อง

“ห้ามหนีพี่ จำไม่ได้หรอครับ”

“จำได้ แต่เจมจะทำ”

“เจมหนีพี่ไม่ได้ หนีพี่ไปแล้วเจมจะอยู่กับใคร” แน้ๆๆๆ คนเรา เห็นตรรกะคนพาลหน้าหล่อมั้ยครับ? ถ้าผมหนีเขา แล้วผมจะอยู่กับใคร คิดบ้างดิว่าถ้าผมหนีเขาไป เขานั่นแหล่ะจะโคตรเหงา

“เจมมีจิว มีแม่ พี่ไอ้ตัวหนึ่ง ไม่เอา! ตัดแม่งทิ้งไป ชื่อไม่รื่นหู มีไอ้ตัวสอง แล้วก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ออฟฟิศ”
“ป้ากระเพราก็เพื่อนร่วมโลกเจม พี่หนึ่งนั่นแหล่ะ ขาดเจมไม่ได้” เอาสิ คิดจะแข่งกันแถ เขาก็ต้องแพ้ตั้งแต่คิดแล้วครับ แต่เอ๊ะ! ทำไมแม่งยิ้มวะ

“ใช่ครับ พี่ขาดเจมไม่ได้”
“ฉลองกันเถอะ นะ”

ไอ้เชี่ยยยย ไอ้ปากอาบน้ำผึ้ง ไอ้บ้าพี่หนึ่ง อย่ามายิ้มหล่อหน้าทะเล้นแบบนี้นะ!
ผมทำปากยื่นเพราะเริ่มฝืนยิ้มไว้ไม่ไหว และพอเขาประชิดตัวเข้ามากอด อารมณ์บูดๆ ที่ทำให้ผมพร้อมพาลใส่ทุกเรื่องบนโลกก็ค่อยๆ หายไป เขามีเวทมนต์อะไรนะ?

“เซอร์ไพรส์มั้ย บอกให้ชื่นใจหน่อยสิครับ”

“เซอร์ไพรส์ครับ” กูนี่ก็โคตรว่าง่ายเลย กอดนิดกอดหน่อยก็เคลิ้ม
“แต่ว่าพี่หนึ่ง ยังไงคนที่ลืมวันครบรอบก่อนก็คือพี่หนึ่งนะ”

“พี่ไม่ได้ลืม”

“แล้วมาฉลองวันนึ้คืออะไร”
“ใครเขาฉลองครบรอบคบกัน 2 ปี 2 เดือน 2 วัน”

“ก็พี่ไง”

“พี่หนึ่งประหลาด”

“ก็ได้ ก็ได้”
“พี่ขอโทษ แต่มันมีเวลาวันนี้จริงๆ นี่พี่เคลียร์ประชุมเป็นเดือนเลยนะ”
“ขอโทษนะ”

“ช่างเถอะครับ เจมไม่โกรธหรอก”
“จริงๆ มันก็แค่วันวันหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ ฉลองวันนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนคนอื่นดี” ผมยิ้มให้นิดๆ เขาเลยเด้งตัวไปอุ้มกล่องเค้กแล้วเดินเข้าครัว

เดี๋ยวนะคุณมึง นี่ตี 1 จะให้กูแดกเค้ก เฮ้ยยย! สงสารกระเพาะกันบ้างเถอะ!
แล้วผมจะกินมั้ย? กินสิครับ ครีมสดแม่งโคตรรอร่อย สตรอเบอรี่ก็หวานมากกกก กินไปตั้ง 2 ชิ้นน่ะ ส่วนนายคฤณกินไป 2 คำ

“อร่อยมั้ย”

“ครับ” ยิ้มตาหยีให้ด้วยเอ้า ผมย้ายเค้กที่เหลือใส่กล่องแล้วส่งเข้านอนในตู้เย็น จากนั้นก็ชงชาร้อนๆ ให้เขาเพิ่ม ส่วนตัวเองจิบชาเย็นชืดต่อได้ ไม่มีปัญหา

“ร้านนี้น่ะ ต้องสั่งล่วงหน้าด้วย”
“พี่ขอลัดคิวมา ตื๊อตั้งนาน ก็อย่างว่าร้านดัง”

“ร้านไหนหรอครับ”

“เพื่อนพี่”
“อาเร็ตต้าน่ะ”

“หือ? ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย”

“ก็แหงล่ะ เร็ตต้าเพิ่งกลับมาไทย แล้วก็เปิดร้านในห้างแล้วดังนะ”
“มีหลายเชนเลย พอดีหมอนำมันพาไปรู้จัก พี่ก็ว่ารสชาตโอเค”

“แล้ว...คุณเร็ตต้านี่ผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นไฮโซรึเปล่าครับ”

“อาเร็ตต้า ชื่อก็หญิงจ๋าแล้วเจม เขาเป็นลูกครึ่งอังกฤษมาเลเซีย ไฮโซมั้ยหรอ? ไม่รู้สิ แต่ก็เห็นเขาออกงานสังคมนะ ทำไมหรอครับ?”

“ใช่คนที่มีข่าวว่าควงกับนายคฤณ ธีระเสถียรมั้ยครับ?” พอเจอคำถามผมเข้า เขาก็ตาโตทันที ดูเหมือนเขาจะไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าควงผู้หญิงคนไหนอยู่ ผมหัวเราะนิดหน่อย แต่เขากลัวผมจะคิดว่าเขานอกใจ ก็เลยตื้อขอรู้เรื่องควงผู้หญิงว่ามีรายละเอียดเป็นยังไง

พอรู้เรื่องเท่านั้นแหล่ะ นายคฤณก็สั่งห้ามผมเสพข่าวสังคมอีก สั่งด้วยว่าถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับเขาและผมไม่รู้เรื่องมาก่อนให้ถามเขาทันที เขากลัวผมคิดว่าเขานอกใจจริงจังเกินไปรึเปล่า
“รับปากพี่สิครับ”

“โหยพี่หนึ่ง”

“สิ” 2 ปีที่ผ่านไปนี่ไม่ทำให้ไอ้สิย้ายตัวเองไปออกคำสั่งกับมนุษย์คนอื่นเลย มันยังตามมาหลอกหลอนผมตลอดเวลา

“ครับ” ท้ายสุดผมก็ต้องรับปาก แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่ารับปากไปงั้นๆ แหล่ะ แต่ที่จะเสพข่าวสังคมอื่นต่อไปไม่ใช่ว่าเพื่อหาเรื่องมาระแวงนายคฤณหรอกครับ ก็เสพเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

คนของผม ผมต้องรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนน่ารักขนาดไหน...


ตี 3 ก็ยังไม่ได้นอนครับ
ผมกำลังจะหลับอยู่แล้ว แต่นายคฤณที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมาเขย่าตัวปลุก เขากระซิบข้างหูแล้วก็ยัดอะไรบางอย่างใส่มือผมไว้ ผมไม่ได้ตื่นมาสนใจใยดีของสิ่งนั้น เพราะแรงกอดของเขาทำให้ผมหลับยาว และหลับลึก จนฝัน

ในฝัน ไอ้จิวรี่มากอดผมไว้แล้วพูดคำที่ทำให้ผมด่ามันว่าเพ้อเจ้อแม้กระทั่งในฝัน
จิวบอกผมว่า “โหยเจม ขอกูขับพอร์เช่มึงบ้างดิวะ!”







The End




ฮ่าๆๆ ตอนพิเศษชื่อเข้ากระแส(?)
คิดถึงที่หนึ่งกับเจมก็เลยหวนกลับมาป๊อกแป๊กเพิ่ม

ส่วนตอนพิเศษที่ตั้งใจให้พิเศษจริงๆ เราจะพยายามมากขึ้นค่ะ
ตอนพิเศษควรฟินเนอะ ซีเรียสไม่ควร เครียดไม่ควร หดหู่ไม่ควร
ไว้เราเคลียร์ความรับผิดชอบมากมายได้แล้วเราจะบิวท์ตัวเองให้โคตรอารมณ์ดี แล้วค่อยทำสิ่งพิเศษให้คนอ่านค่ะ

สวัสดีราตรีสวัสดิ์ค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 29-04-2014 01:06:31
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่า  :m1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Donaldye ที่ 29-04-2014 01:26:19
กรี๊ดดดด ดีใจจ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Zelsy ที่ 29-04-2014 07:45:45
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะครับ
ปล. พี่จิวตามหลอกหลอนถึงในฝัน 55555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 29-04-2014 08:45:12
สรุปว่าพี่หนึ่งยัดกุญแจพอเช่ใส่มือหมาเจมใช่ไหมอ่ะคะ อิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: urmein ที่ 29-04-2014 09:37:41
ปอร์เช่!!!!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290413 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 30-04-2014 11:42:54
ยังมุ้งมิ้งงงุ้งงิ้งกันเหมือนเดิม
 :-[

ปล.คนเขียนใส่ปีที่ลงผิดป่ะจ๊ะ นี่ปี2014แล้วเน่อ  :hao4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: N.T.❁ ที่ 01-05-2014 04:22:27
เย้ยยย เพราะตอนแรกเห็นปีเป็น 13 เลยไม่ได้จิ้มมาอ่าน
เพิ่งมาเห็นว่าเป็น 14 ตกใจมากกก + ดีใจมากด้วยยย
คิดถึงเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ เราชอบมาก บุ๊คมาร์คไว้ด้วย เอาไว้อ่านเวลาเหงาๆ
ขอบคุณที่คิดถึงกัน และพาพี่หนึ่งกะน้องเจมมาให้คนอ่านได้อิจฉาเล่นนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: one ที่ 01-05-2014 20:17:47
 :mew3: ขอบคุณคะ เป็นอีกเรื่องที่เก็บไว้ในความทรงจำ   :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 01-05-2014 20:26:01
แอร๊ยยยย  เค้ารักและคิดถึงเรื่องนี้   :man1:
ชอบไอ้สิมาก  เจมคงต้องเจอกับเจ้า "สิ" ไปตราบกาลนาน 555
ตอนพิเศษอิ่มถูกใจมาก ขอบคุณมากค่าาา   :-[
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: super hero ที่ 01-05-2014 21:30:43
คิดถึงเฮียหนึ่งกับเจม  :3123:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2014 22:15:45
ดีใจจัง มาให้หายคิดถึงพี่หนึ่งกับเจมส์
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bejae ที่ 01-05-2014 23:20:50
คุณหนึ่งนี่ก็น่ารักตลอดเลยน๊าาาาาาา
งื้อๆ คิดถึงคู่นี้จัง :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-05-2014 00:20:10
ดีใจมากกกกกก ไม่คิดว่าจะได้อ่านตอนพิเศษเรื่องนี้หลังจากตอนพิเศษที่แล้วเป็นปีอย่างนี้ คิดถึงอย่างแรง 555
ว่าแต่ว่า เพอร์เช่จริงอะเปล่าพี่หนึ่ง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 02-05-2014 03:02:04
เจมทำบุญด้วยอะไร
ได้พี่หนึ่งไม่พอยังได้พอร์ชด้วย อรั่กกกก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: up2goo ที่ 02-05-2014 18:19:09
โหยยยย... เรื่องนี้น่ารักสุดไรสุด
พี่ที่หนึ่งน่ารักมาก พยายามใจเย็น เอาใจใส่ เข้าใจความรู้สึกเจมตลอด
อ่านแล้วอิจฉาเจมเว่อร์ๆ อิอิ
ตกหลุกรักที่หนึ่งอีกคนได้ป่ะ?!?!
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinn1st ที่ 02-05-2014 20:45:23
อ่านจบแล้ววว เย้
ชอบพี่หนึ่งมากกก เวลาเจมบรรยายท่าพี่หนึ่งเท่ๆแล้วเขิลตามตลอด555555
เจมก็น่ารัก ชอบนิสัย น่ารักดี ไม่แปลกใจที่พี่หนึ่งรักมากก<3

ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-05-2014 21:38:42
อะไรอ่ะ ซื้อปอร์เช่ให้ขับหรอ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: MESAAAAA ที่ 04-05-2014 02:25:03
ดีใจจางงงงงงงงงงงงงงงงง คถ.เฮียกับเจมม๊ากกกก 555555555
มาอีกบ่อยๆนะคะ ไม่พลาดแน่นอนนนนน

ดีใจที่ไอ้อ๋อมแอ๋มมันไม่มีซีน พูดเลยว่ายังรู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่อังกฤษไม่หาย เราเซนซิทีฟกับเรื่องแบบนี้มั้ง 55555
แต่เห็นเฮียกับเจม แฮปปี้รักกันดี เป็นคู่ที่น่าอิจฉาเดี๊ยนก็เป็นสุขละคร่าาาา

ขอบคุณที่มาลงตอนพิเศษนะค๊า จะรอตอนต่อไปอย่างจดจ่อค่า!! <3
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 04-05-2014 23:00:41
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ แต่งได้ลื่นไหลและน่าติดตามมากๆ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: litlittledragon ที่ 05-05-2014 12:45:18
เคยแวะเข้ามาอ่านตอนแรกแว่บหนึ่ง แล้วรู้สึกไม่ชอบ เลยไม่ได้อ่านต่อ แต่วันนี้ไม่รู้ยังไง ลองอ่านต่อจากที่ข้ามๆ แล้วก็น่ารักดีที่นี่นา
ฮาใช่ได้ เลยอ่านต่อจนจบ
สิ่งแรกที่นึกถึงคือ บรรยากาศที่ห้องข่าวๆ คุ้นๆ เดาว่าน่าจะหมายถึงสำนักพิมพ์หนึ่งแถวบางนา แน่เลย
อย่างสองคือ ไม่ชอบพี่น้องเอิง แอม เหมือนเห็นคอมเม้นต์สักคนก่อนหน้านี้ แล้วเห็นการเลี้ยงดูที่เห็นแก่ตัวของครอบครัวนี้มาก เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลมากไปไหม ทำร้ายคนอื่น แต่คำพูดของเอิงกลับไม่มีเค้าว่าน้องตัวเองผิดเลย เห็นแก่ตัวมากไปนะ
ถัดมาพี่โป๊ะ ตอนแรกก็ไม่ชอบวิธีการพูดของพี่แกเหมือนกัน แต่ตอนหลังมาฮาได้ ก็เลยสร้างสีสันไม่น้อย
เสียดายพี่นำ บทน้อยไป นึกว่าพี่แกจะมีบทมากกว่านี้ซักหน่อย เหมือนมาแว่บๆ ให้พี่ที่หนึ่งหึงแล้วก็จากไป
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคับ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 05-05-2014 13:10:47
 :กอด1: ดีใจที่มีตอนพิเศษมาให้หายคิดถึง...
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: iamsher ที่ 06-05-2014 20:08:39
บังเอิญว่ามีคนไปแนะนำในพันทิป และมีโอกาสได้เข้ามาอ่านแบบรวดเดียวจบ

แล้วแบบว่าชอบมากกกกกกกก รักมากกกกกกกกก ประทับใจทุกตอนทั้งเนื้อเรื่องและการเขียน รักน้องเจม รักพี่หนึ่ง ผู้ชายอะไรไม่รู้เลอค่ามากกกก รู้สึกอิ่มเอมใจสุดๆกับความรักของทั้งคู่ ตั้งแต่ปิ๊งกัน จีบกัน รักกัน เป็นแฟนกัน ห่างกัน ผ่านเรื่องร้ายๆและเคียงข้างกัน ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-05-2014 10:04:20
หมาเจมน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-05-2014 20:53:05
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ
เนื้อเรื่องดีมากๆ แล้วก็น่ารักมากๆด้วย
มีครบทุกรสเลย ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
พี่คฤณน่ารักมากอะ เจมก็น่าฟัด เด็กอะไร ช่างยั่วช่างงอนดีจริงๆ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ณยฎา ที่ 10-05-2014 19:58:02
ที่หนึ่งกับเจมน่ารักอ่ะ ชอบคาแรคเตอร์มาก อบอุ่น อ่านแล้วติด ไม่เครียด ชอบมากๆ  o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Deuan ที่ 11-05-2014 10:28:29
น่ารักมากๆ 
เรื่องนี้น่ารักสุดๆ รักพี่หนึ่งกับน้องเจม  :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 12-05-2014 01:28:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Aeols ที่ 20-05-2014 15:49:36
น่ารักๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้จะว่าไงแล้วพี่หนึ่งน้องเจมน่ารักง่าส ขอบคุ ณสำหรับตอนพิเศษมากๆนะคะ เอาตอนพิเศามาให้อ่านอีกนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 22-05-2014 15:06:40
 :กอด1:อ่านรวดเดียวจนจบเลยค่ะ เนื้อเรื่องสนุก น่ารักมากๆ เลย o13 o13
 :o8: อยากจะมีคนแบบพี่หนึ่งข้างกายบ้างจัง :-[

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ ที่เขียนให้อ่านนะค่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 03-06-2014 17:48:44
 :mew1: โอ้ยยยยยยยยย ชอบ อ่ะ ขอบคุณนะ ค่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 05-06-2014 13:21:40
ตามมาจากนิยายแนะนำ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: aa_mm ที่ 06-07-2014 22:30:07
สนุกมาก ๆ ไม่รู้ว่าพลาดเรื่องนี้ไปได้อย่างไร
ไปเห็นที่ห้องแนะนำนิยายค่ะ เลยตามมา
ไม่ผิดหวังเลยจริง ๆ น่ารักมาก ๆ  :-[
ชอบทั้งพี่ที่หนึ่ง แล้วก็เจม  น่ารักใส ๆ ที่สุด
พี่หนึ่งก็แสนดี  มีดราม่าเล็ก ๆ  ไม่กดดันมาก
แต่ก็ทำเค้าเสียน้ำตาตลอดอ่ะ  :mew4:
ยิ่งตอนเกิดเรื่องกับแอมนะ น้ำตาไหลพรากกก :hao5:
คิดว่าถ้าเจมคิดสั้นจะเป็นไงนะ โคตรอิน
ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ เขียนเก่งมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: nichytaec ที่ 09-07-2014 10:57:49
นี่จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราประทับใจค่ะ (ใส่ลิสล้านแปดของเราเอง) ชอบการดำเนินเรื่อง ชอบบุคคลิกของพระ-นาย คนรอบข้างไม่เว้นแม้แต่แอม (ที่ตอนท้ายๆ ชักไม่ชอบเอามากๆ) มันมีทั้งขำปนเศร้า มีน้ำตาตกอินไปกับสิ่งที่เจมต้องเผชิญไม่ว่าจากการสูญเสียคนที่รักมากๆ หรือแม้กระทั่งการถูกกระทำล่วงเกินก็ตาม มันทำให้เรารู้สึกหน่วงไปกับเจมได้ ส่วนพี่ที่หนึ่งก็รักปักใจซึ่งเราชอบแบบนี้นะ ถ้าต่างฝ่ายต่างโลเลเราจะเครียดเลยล่ะ 555+

ขอบคุณมากเลยค่ะ ถ้ามีเล่มเราอุดหนุดแน่นอน อิอิ  :katai2-1:

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Brow_Ney ที่ 27-07-2014 12:46:56
ตามมาอ่านจากที่มีคนแนะนำมา  สนุกดี ชอบค่ะ
โดยเฉพาะตอนพิเศษนี่น่ารักมาก ทั้งพี่หนึ่งและน้องเจม
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: michiko_love ที่ 30-07-2014 23:05:25
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆๆค่ะ ชอบมากๆๆ ครบรสจริงๆๆ
ภาษาที่ใช่ไหลลื่น คาเรคเตอร์แต่ละคนชัดเจนดี เนื้อเรื่องสนุกไม่ซ้ำ

แต่เอาจริงๆๆไม่ชอบตอนแอมทำเลวๆกับน้องเจมเลยอ่ะ
เหมือนอ่านๆๆไปแล้วโดนหักดิบความฟิน เราปรับอารมณ์จะอ่านต่ออยู่พักนึงเลย
คือสังคมปัจจุบันข่าวข่มขืนมันมีให้เห็นจนหดหู่ พอเจอในนิยายอีกเราฟินไม่สุดเลย

ขอบคุณมากๆๆสำหรับนิยายดีๆๆ
พี่หนึ่ง น้องเจมน่ารักสุดๆๆ

จะติดตามต่อไปน่ะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: different ที่ 06-08-2014 00:03:56
อ่านจบแล้ววววว
ยาวหน่อยนะคะ เพราะอินมาก 55  :katai4:
เราชอบพี่หนึ่งมากกกกกกกกกกกกกก
พี่หนึ่งเป็นพระเอก พระเอกจริง ๆ พระเอกที่เป็นคำคุณศัพท์เวลาเราจะชมใครสักคน
ไม่ใช่แค่พระเอกเพราะตำแหน่ง
ยิ่งตอนที่เจมถูกอ๋อมแอ๋มทำมิดีมิร้าย ซึ่งเรามองว่าจุดนี้เป็นจุดสำคัญของเรื่องเหมือนกันนะ
เพราะมันทำให้เห็นชัดมากว่านอกเหนือจากการความรักและการดูแลที่พี่หนึ่งให้เจมมาตลอดตั้งแต่เจอกัน
(ตอนแรกเราจะพิมพ์ว่าตั้งแต่เริ่มจีบ แต่จริง ๆ พี่หนึ่งเขาก็ทำเรื่องทำนองนี้มาตั้งแต่เป็นเฮียคลินสมัยกางเกงน้ำเงินแล้วหนิเนอะ)
พี่หนึ่งยังสามารถปกป้องคุ้มครอง ให้ความอบอุ่น ความมั่นคงทางอารมณ์กับเจม เป็นที่พักพิง(เอนซบ)ให้เจมได้ ในตอนที่เจมเจอเรื่องร้าย ๆ มา แล้วก็เห็นความรักของพี่หนึ่งชัดเจนจากเรื่องนี้ด้วย พี่หนึ่งไม่ได้คิดกับเจมในแง่ลบเลย
ถ้าพี่หนึ่งสับสนก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักนะ เราถึงบอกว่านอกเหนือจากความรักแล้วพี่หนึ่งยังมีความมั่นคงด้วย ซึ่งเราว่าตรงนี้ช่วยจิตใจเจมได้มาก

ในส่วนของเจม เราประทับใจเจมนะ โดยเฉพาะเรื่องพี่โป๊ะ
ที่เจมบอกทำนองว่าเจมรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง แต่เพราะปลายทางคือการได้รักพี่หนึ่ง เจมถึงได้ละทิ้งอดีตไป
ซึ่งเราว่าตรงนี้ต้องใช้ความเข้มแข็งไม่ใช่น้อยเลย เพราะเจมมีพี่หนึ่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยแหละนะ  :กอด1:

ไม่ว่าจะนิยายหรือละครเรื่องไหนเรามักไม่มองว่าพระรองเป็นคนดี (แต่ก็ไม่ใช่คนเลว)
เพราะที่ทำไปก็เพราะรัก ทำเพราะตัวเองมีความสุขทั้งนั้น
รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของและไม่ได้รักตัวเอง ถ้ามีจิตสำนึกจริง ๆ เป็นคนดีอย่างนั้นจริง ๆ จะใกล้ชิด จะดูแลตลอดเวลาหรอ
คนที่เรียกว่ามีน้ำใจนี่โดยทั่วไปต้องทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใช่มั้ย
แล้วไอ้การที่ทำเพราะอยากให้เค้ารู้สึกดีกับตัวเองจะเรียกว่ามีน้ำใจ จิตใจดีหรอ
การที่เราทำดีกับอีกคนเพราะเราอยากให้เค้ารู้สึกดีกับเรามันไม่ใช่ความมีน้ำใจหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันเลวร้าย
เพียงแค่มันไม่ควรเรียกว่าคนดี เพราะสุดท้ายที่ถอยเพราะอะไร เพราะ "ถึงทำดีต่อไปเค้าก็ไม่เห็นค่า ไม่หันมามอง" มันก็บอกแต่แรกแล้วว่าจริง ๆ หวังอะไร ไม่ใช่ "ทำดีไม่หวังผล" อย่างที่ว่าสักหน่อยนี่
แต่เราว่าสิ่งที่พระรองส่วนใหญ่ทำคือการเอาความดีชนะใจเขาเนี่ย ยังไม่เลวร้ายเท่าที่อ๋อมแอ๋มทำเลย
พอเห็นสิ่งที่อ๋อมแอ๋มทำแล้วเรารู้สึกว่า .. นี่สินะ เขาถึงได้เรียกว่า ... ขืนใจ
ที่พี่สาวของอ๋อมแอ๋มบอกว่า เห็นแก่ตัวไม่ได้แปลว่าไม่รัก อืม ก็ใช่นะ
แต่ไม่ได้แปลว่าเห็นแก่ตัวเพราะรักแล้วจะไม่ผิดนี่ รักมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ
ยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าจะลบเลือนหรือบังความผิดได้เลยหรอ
เรามองว่าที่พี่เอิงพูดแบบนี้ก็เพราะเข้าข้างอ๋อมแอ๋มด้วย
บางมุมรู้สึกเหมือนเขาคิดว่าเป็นความผิดเจมด้วย ที่ไม่รักน้องชายเขา
ว่าไปแล้วอ๋อมแอ๋มกับพี่โป๊ะนี่ก็ดูเป็นคนคล้าย ๆ กันนะ
ทำเหมือนตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก
บังคับให้คนอื่นทำแบบนั้นแบบนี้เพื่อความต้องการของตัวเอง
คือควรจะเคารพการตัดสินใจของคนอื่น เคารพชีวิตคนอื่นมากกว่านี้
จริง ๆ เราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเจมและพี่หนึ่งเท่าไหร่
พี่โป๊ะเองก็อ้างความรัก ความรักที่ตัวเองมีให้คุณลูกแพร และความรักที่คุณลูกแพรมีให้พี่หนึ่ง
แต่มันไม่ได้เป็นความผิดพี่หนึ่งเลยนะ ที่ไม่รักคุณลูกแพร และรักเจม
เรื่องอ๋อมแอ๋มก็ไม่แฟร์กับพี่หนึ่งและเจมเหมือนกัน
พี่หนึ่งกับเจมก็ไม่ได้ผิดเลย แต่หลังจากเกิดเรื่อง พี่หนึ่งและเจมดูใช้ชีวิตยาก ต้องทุกข์ ต้องปรับความเข้าใจกัน
ก็ต้องขอบคุณสิ่งที่พี่หนึ่งและเจมมีให้กันและกันที่เราได้พูดไว้ตอนต้น (ความรัก ความมั่นคง หนักแน่น ฯลฯ)
ที่ทำให้ทั้งคู่ผ่านมันมาได้
ส่วนอ๋อมแอ๋ม ยิ่งเราเห็นอ๋อมแอ๋มทุกข์ เรายิ่งไม่เห็นใจและรู้สึกเกลียดอ๋อมแอ๋มมากขึ้น
แล้วตอนที่จะทำ ทำทำไม คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงถ้าไม่ใช่แบบนี้
เจมจิตใจดีมาก ทั้ง ๆ ที่โดนทำร้ายขนาดนั้นยังเป็นห่วงอ๋อมแอ๋มว่าจะนอนที่ไหน อย่าไม่กลับไทยเพราะเจม ฯลฯ

เห็นอ๋อมแอ๋มแล้วนึกถึงเพลงรถของเล่นของเสือโคร่งที่ร้องว่า

"ว่ามันต้องใช้น้ำตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ค­รั้ง
ให้เขาและเธอทิิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา
ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า
ต้องใช้สักกี่น้้ำตาให้เธอเห็นใจ"

คนไม่รักยังไงก็ไม่รัก
อ๋อมแอ๋มไม่ได้ผิดที่รักเจม แต่ผิดที่ทำลายความรักคนอื่นนะเราว่า  :fcuk:
ความรักของอ๋อมแอ๋มเองอ๋อมแอ๋มยังอยากให้คนอื่นเห็นค่า
แล้วความรักของคนที่อ๋อมแอ๋มรัก ทำไมอ๋อมแอ๋มไม่เห็นค่าและทำลายมัน

ถ้าจะถามถึงความผิดของพี่หนึ่งกับเจมก็คงเป็นการไว้ใจอ๋อมแอ๋มมากเกินไป
อ๋อมแอ๋มอยู่กับเจมสองต่อสองเป็นปี
สำหรับคนที่ความรักชัดเจนในใจ และไม่ได้คิดจะตัดใจ ยังคิดไม่ซื่อกับเจม อยากเปลี่ยนใจเจมตลอดเวลา
การที่จะออกมาแบบนี้ก็มีึความเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าไม่แบบนี้ก็อาจเป็นแบบที่ว่าเจมหวั่นไหว
คนแต่งก็ปูมาตั้งแต่ต้น ๆ เรื่องแล้วว่าอ๋อมแอ๋มเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองและชอบสรุปไปเอง
ในขณะที่เจมก็เป็นคนหนักแน่นและชัดเจนตั้งแต่แรก ๆ
อาจจะเพราะเจมเองก็มั่นใจในความรู้สึกตัวเองด้วย เจมถึงได้ไม่ระแวงที่จะอยู่กับอ๋อมแอ๋มที่เจมยังมองว่าเป็นเพื่อน

การที่เราสับแหลกอ๋อมแอ๋มไม่ได้แปลว่าเราไม่ชอบที่คนแต่งแต่งออกมาแบบนี้นะคะ
เพราะอย่างที่เราพูดไปแล้วว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ดูมีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล

ถึงแม้ว่าจะเห็นด้วยกับที่พี่หนึ่งบอกว่าเจมไม่เคยทำร้ายใครเลย คือทำไมเจมต้องมาเจออะไรแบบนี้ สงสารเจมมาก
แต่ยิ่งอ๋อมแอ๋มทำร้ายเจมมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เห็นชัดว่าพี่หนึ่งพระเอกมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
จริง ๆ เราไม่ชอบที่อ๋อมแอ๋มทำเลย เกลียดและโกรธมาก มันเลวร้ายมาก
แต่ก็พยายามมองในแง่ดี ทั้งเรื่องความรักความมั่นคงที่พี่หนึ่งกับเจมมีให้กัน และเรื่องที่ว่ามันก็มีเหตุมีผล ที่มาที่ไป
สำหรับเรื่องนี้เราให้  o13 นะคะ ชอบมากกกก  ตอนอ่านก็ท่าประมาณ  :ling1:  55
อยากให้ตีพิมพ์เป็นหนังสือจังเลย อยากเก็บไว้ หลงรักพี่หนึ่งกับเจมมาก ๆ   :impress2: :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 06-08-2014 20:10:05
อ่านรวดเดียวเลยยย น่ารักมาก อยากได้พี่หนึ่ง อยากฟัดหมาเจม >< :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: vevi ที่ 06-08-2014 21:58:40
คิดถึงพี่หนึ่งกับหนูเจมมมม
เพิ่งจะเห็นตอนพิเศษ 555
หนูเจมหึงบ้างก็ดีนะ พี่หนึ่งช่างดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

เป็นหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจ และชื่นชอบเลย ขอบคุณผู้เขียนนะคะ
จะมีตอนพิเศษให้อีก ก็รอติดตามค่ะ


หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: LiTTle_MouSe_YJ ที่ 08-08-2014 00:12:08
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านจบไปหลายรอบแล้วค่ะ
พอมีตอนพิเศษปั๊บ ดีใจมากเลย อรั๊ยยยย
ไม่ใช่แค่เจมส์ที่แพ้ลูกอ้อนพี่หนึ่งนะ เรายังรู้สึกเลยว่า ผู้ชายไรฟระโคตรน่ารักเลย จะหาแบบพี่หนึ่งได้จากที่ไหน งื้อออ
อยากให้มีตอนพิเศษออกมาให้อ่านอีกจังเลยค่ะ มีต่อไปเรื่อยๆ เลย
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เราประทับใจมากๆ เลย 


 
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 18-08-2014 17:53:28
ที่หนึ่งคะ สมบูรณ์แบบเกินไปหรือเปล่าคะ ชีวิตจริงหาไม่ได้แล้วนะ ผช แบบนี้
ชอบเวลาแฝด จิวเจม อ้อนแม่ ดูอบอุ่นดี   :กอด1: ตอนพิเศษเครียดกว่าตอนหลักอีกอะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: misso ที่ 19-08-2014 16:01:02
โอ๊ย จบละ เห็นจำนวนหน้านึกว่าน้อยๆ ปรากฏมันคือตัวเลขหลอกลวง ตาแฉะเลย ฮ่าๆ แต่สนุกมาก เข้ามาตามห้องนิยายแนะนำนะ

ความจริงเราเคยอ่านเรื่องนี้ไปได้สามตอนแบบคร่าวๆ (คืออ่านผ่านๆ) แล้วลืมไม่ได้มาอ่านอีก ตอนนี้มาอ่านใหม่แต่ต้นแบบละเอียดถึงรู้ว่าเรื่องนี้สนุกมากกก ชอบพี่หนึ่ง ผู้ชายแสนดี ชอบเจม อยากบีบแก้ม ชอบเวลากวนๆ เวลากล้าพูดกล้าทำ ดราม่าเรื่องนี้ก็จัดว่าค่อนข้างหนักนะ ตอนแรกเราสงสารแอม เชียร์อยากให้มีคู่ แต่พอทำกับน้องเจมของเราแบบนี้เลยรับไม่ได้ เกลียดแอมอะ สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดก็คือทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจนี่แหละ เฮ้อ แต่พี่หนึ่งก็มาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของเจม เราชอบตรงที่พี่หนึ่งพูดว่าให้มองแต่พี่ เห็นพี่มั้ย นี่พี่หนึ่งนะ ตอนนั้น เหมือนสะกดจิตน้องกลายๆ แต่เราชอบมาก ตอนพิเศษพี่โป๊ะที่มีดราม่าตอนแรกเราไม่ชอบ แบบตอนพิเศษอะ มันควรหวานๆใช่มะ ตาพี่โป๊ะก็ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลักแล้วมาโผล่ในตอนพิเศษไรงี้ ถ้าจะมีก็ให้มีตั้งแต่เรื่องหลักแล้ว แต่พออ่านตอนเจมตอบโต้พี่โป๊ะแล้วสะใจมาก ปลื้มน้องเจม เราชอบน้องเจมที่ลุย กล้าได้ ไม่หงองี้แหละ

เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องของพี่นำนะคะ เซฟลิงก์ไว้ละ แต่ตอนนี้ขอพักก่อน อ่านเรื่องนี้มารธอนตาแฉะมาก

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน แล้วยังมาอัพสม่ำเสมออีก ขอบคุณนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: myapril ที่ 20-08-2014 19:05:15
เพิ่งได้อ่านเรืีองนี้จากห้องนิยายแนะนำ
น่ารักมากทั้งพี่หนึ่งและเจม
ผ่านทุกข์สุขและไอ้เพื่อนแอม 555
พี่หนึ่งมั่นคง รักจริงมาก ^^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมสัมปันนี ที่ 20-08-2014 20:03:02
ขอบคุณมากครับ นิยายสนุกมาก :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 22-08-2014 05:33:35
ถึงจะฉลองเลทไปหลายวัน แต่ของขวัญเลอค่ามากนะนุ้งเจม  :hao3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: rk ที่ 22-08-2014 17:02:14
 :mew1:  :mew1:  :mew1:  :mew1:ชอบๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: bluecoco ที่ 22-08-2014 18:04:39
ช่วงต้นเรื่องโคตรฮา
หัวเราะแบบที่ไม่ได้หัวเราะขนาดนี้มานาน


ช่วงดราม่านี่ก็สุดๆ
นายเอกน่ารักเท่าโลก

ติดตามผลงานชิ้นต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: bowlyngz ที่ 23-08-2014 17:59:19
นี่สรุปได้ปอร์เช่จริงๆหรอเนี่ย 5555 สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านกัน มีครบทุกรสชาติ ชอบมาก อ่านไปยิ้มไป ร้องไห้ด้วย  ชอบมุมมองของเจม ของแอม ช่วงที่เจมโดนขืนใจ  คือไม่เคยเจอมุมมองแบบนี้เลย รู้สึกเข้าใจความรักในอีกแบบ ดาร์กนิดๆ ชอบบบ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 24-08-2014 09:36:06
แอร้ยยยยย สนุกมว้ากกกกกกกกกกกกก!
อ่านยิงยาวจนจบภายใน1วัน คือแบบอ่านแล้วติดลมสุด
หลงน้องเจมจุงค่ะ ทำไมเป็นเด็กจิตๆที่น่ารักขนาดเน้นะ!
แถมยังมีแฝดพี่จิวที่น่ารักไม่แพ้กันห้อยมาอีก รักครอบครัวนายเท็ตซึง่ะ
ชอบที่พี่จิวรักหมาเจม ดูแลน้องคุยกับน้องมุ้งมิ้งมาก
ถึงจะใช้คำได้ถึงลูกถึงคนแต่เนื้อหาคือรักน้องหวงน้องตลอดอ่ะพี่จิว
ยิ่งตอนเด็กไข่คู่เรียนมัธยมแล้วน้องเจมกำลังจิตได้ที่นี่นะ
อหหห อ่านไปกัดปากกลั้นยิ้มไป เค้าคุยกัน ตัวอย่างนั้นตัวอย่างนี้
แถมพอรู้ว่าเฮียคลินไอดอลกินน้องตัวเอง พี่จิวยังแสกนกรรมให้อีก
แสกนจนหมาเจมงอนเลย หวงน้องน่ารักจริงๆนะให้ตายเถอะรชา!
ชอบมากกกก ชอบความสัมพันธ์ของฝาแฝด อบอุ่นหัวใจดีอ่ะ >0<

จุดนี้คือ ไม่มีอะไรจะพูดถึงพี่ที่หนึ่งเลยค่ะ... พระเอกช่างที่หนึ่งสมชื่อในทุกด้าน
แต่ที่ชัดสุดคือพี่หนึ่งรักน้องเจมที่หนึ่ง ฮ่อยยยย พี่เค้ารักของเค้ามากนะ! -///-

ชอบเรื่องนี้จังเลยค่าคุณคนแต่ง อ่านแล้วอบอุ่น ฟีลกู๊ดฟรุ้งฟริ้งเคล้าน้ำตาด้วยในคราวเดียว
อ่านไปแล้วเหมือนเราเป็นตัวหนึ่งตัวสอง กิ้กิ้ ^________^
คือเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด เห็นพัฒนาการการเติบโตของน้องเจมผู้เป็นที่รัก
แต่มองดูอย่างเดียว ไม่ได้ไปมีเสียงมีข้อโต้แย้งอะไรกับพวกเขา
เหมือนตัวหนึ่งตัวสองที่วิ่งหูตั้งหางแกว่งไปๆมาๆให้พี่ที่หนึ่งเอ็นดูเลยเนอะ55555

ชอบสำนวนการเขียนของคุณคนแต่ง จะติดตามผลงานเรื่องอื่นต่อไปนะคะ
ถ้าผ่านมาเจอคอมเมนต์นี้อยากให้คุณคนแต่งภูมิใจในตัวเองมากขึ้นไปอีก
รู้ไว้เลยนะคะว่าคุณเป็นอีกหนึ่งนักเขียนในดวงใจที่เราจะคอยสนับสนุน สู้ๆค่า XD
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 26-08-2014 22:29:42
เพิ่งว่างอ่านค่ะ แต่พูดได้คำเดียว เรื่องนี้น่ารักมากกกกกกกกกกก อ่านไปยิ้มแก้มแทบแตกแน่ะค่ะ :o8:

อะไรกั้นทำไมเจมโชคดีอย่างงี้มีพี่ชายน่ารัก แม่ใจดี สามีรวย(เกี่ยวไหม??5555)

เอาเป็นว่าน่ารักมากๆค่ะ ชอบๆติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ+1 :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 28-08-2014 15:51:41
เชียร์นายคะรึ แบบฮีดูอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ ให้เกรียติแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้นำ โดนเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: risanana ที่ 28-08-2014 19:23:17
แพร นางคือใคร?
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: yokerohz ที่ 24-09-2014 18:05:20
เพิ่งมาตามอ่านเรื่องนี้

มันกิ๊บก๊าวหัวใจมากเลยค่ะ
อยากเจอแบบที่หนึ่งซักคน น้องก็น่ารัก
เนื้อเรื่องก็ดี สนุกมากมาย

ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 01-10-2014 03:16:48
พี่หนึ่งใจดีเวอร์

เอ๊ะหรือกลบเกลื่อนความผิดที่เลยสองปีไปสองเดือนสองวัน

ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 18-10-2014 03:09:23
ความคิดเห็นแรกในเล้า
เรื่องนี้ประทับใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: GYiala 's ที่ 20-10-2014 13:49:07
ได้อ่านเรื่องนี้จากห้องแนะนำนิยาย
รู้สึกว่าไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่ได้อ่าน ขอบคุณมากๆคะที่แต่งนิยายดีๆเรื่องนี้ขึ้นมา
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: malk8899 ที่ 05-11-2014 21:56:24
 ปลื้มๆพระเอกอย่างคฤณมว๊ากๆๆๆๆมั่นคง รักจิง ชอบๆๆเปนนิยายที่ได้ใจฟุดๆ ขอให้คนแต่งช่วยแต่งนิยายกีๆแบบนี้อีกน่ะค่พ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Nemasis ที่ 19-11-2014 01:37:12
เพิ่งมาเจอตอนพิเศษ กรี๊ด
พี่หนึ่งยังน่ารักเสมอ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: jeabjunsu ที่ 10-12-2014 18:25:26
น้องหมาเจมมมมมม น่ารักอ่า แต่ว่าก็มีอดีตที่เป็นทุกข์อยู่เหมือนกันน้า น่าสงสาร
แต่ว่าก็มีพี่หนึ่งเป็นความทรงจำที่ดีงามและความรงจำที่มีความสุขมากๆเลยเนอะ
พี่หนึ่งรักน้องมาและน้องก็รักพี่หนึ่งมาเช่นกัน
น้องเจมน่าสงสารที่สุดตอนโดนเพื่อนทำร้าย แต่ว่าก็ผ่านมันไปได้ด้วยควทมรักของพี่พนึ่งจริง เป็นเรื่องราวที่สนุกจริงๆ 
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: มือซ้าย ที่ 10-12-2014 18:49:35
 :katai3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 14-12-2014 22:07:11
มีเพื่อนแนะนำให้อ่านค่ะเลยเข้ามาอ่านดูอ่านตอนแรกแล้วชอบค่ะชอบการบรรยายใข้ภาษาขำดีค่ะนายเอกใช่อัญเปล่าค่ะ55เจมน่ารักดีกวนๆกัดกะเพื่อนตลอดๆส่วนคุณคะรึนะชอบเจมใช่มิละคิคิไปอ่านต่อก่อนระค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 14-12-2014 22:44:42
อ่านตอน2แล้วชอบอ่ะเจมเกรียนน่ารักพี่หนึ่งก็รุกหนัก ตอนสองอ่านไปขำไปฉากจับเป้าจับนมว่าแต่แอบอ่านคอมเมนท์มีดราม่าจากอีเพื่อนแอมใช่มิค่ะ จากที่อ่านคอมเมนท์แอมเลวมากกกกกกกกก แปลกใจค่ะนิยายสนุกๆอย่างนี้ทำไมถึงเพิ่งค้นพบ ต้องแนะนำๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 15-12-2014 13:03:24
ตอน 3 อ่านแล้ว อินมาก คอยเอาใจช่วยพี่หนึ่งให้จีบเจมสำเร็จ
เจมก็น่ารักน่าหยิกอ่ะ ชอบๆ นิยายเรื่องนี้ อ่านแล้วยิ้มสนุก ลูกหมูก็น่ารักอิอิ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 16-12-2014 07:49:07
อ่านพาร์ท ที่พี่หนึ่งไม่ได้มีโอกาสอธิบายเรื่อง ลูกแพร กะ เปรมแล้วปวดหนึบในจิตใจมากค่ะ
นิยายอะไรสนุกจนวางไม่ลง แต่ว่าต้องนอนบ้างอะไรบ้างค่ะ อ่านถึงตอน 11 แว้ว คิคิ  :hao6:

ไอ้หมาน้องเจม”

“เรื่องไรครับสัดพี่จิว”
พี่น้องฝาแฝดนี่ห่วงกันรักกันน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 17-12-2014 07:29:30
แว้กในที่สุดก็อ่านจบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากค่ะ
ขอบคุณคนแต่งนะค่ะ ใช้ภาษาดี มีพล็อตเรื่อง ถูกใจมากๆค่ะ

เศร้าไปกับเจมส์ที่ไว้ใจแอม
เอาใจช่วยพี่หนึ่งเวลามีปัญหาต้องอธิบายเจม
ตอนพิเศษ ก็แอบหมั่นไส้อีเพื่อน โป๊ะตัวปัญหา
จะคอยเป็นกำลังใจให้คนแต่งนะค่ะ
และจะรอคอยการรวมเล่มนะ
 
จะตามไปอ่านอีกเรื่องนึงของ Khun kajidridด้วยค่ะ The Existence
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37592.0
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: real port ที่ 17-12-2014 07:41:04
ชอบตอนพี่หนึ่งเรียกหมาเจม น่ารักมากๆ
ทำไมให้ยัยอักษรมาใกล้ชิดอีกล่ะ
เดี๋ยวนางก็ทำเรื่องอีกหรอก
ขอบคุณเรื่องสนุกๆครับ :3123:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 19-12-2014 15:36:00
มาอ่านรอบสอง จะหาว่าบ้าไหมค่ะ

สิ เถอะนะครับ

คลั่งไคล้ นิยายเรื่องนี้มากเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mirin ที่ 20-12-2014 15:00:08
มีคนแนะนำเรื่องนี้มา ไม่ผิดหวังเลย สนุกมากๆ o13
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 22-12-2014 10:31:07
พี่หนึ่งน่ารักอ่ะ ชอบบบบบบบบบ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 24-12-2014 02:22:57


ค่อยๆอ่านทีล่ะนิดเพราะกลัวจบ ข้ามไปข้ามมาหลายรอบมากเรื่องนี้
เพราะอ่านตอนมึนๆ พอตั้งใจอ่านสตาร์ทเครื่องดีๆแล้วติดฉิวเลย

พี่หนึ่งคือ The Best of เบียดพระเอกในใจเราแทบทุกคนร่วงเลย ฮ่าๆ
ก่อนนอนจะพยายามกราบหมอนให้ได้ให้โดนแบบพี่หนึ่งจังเลย 5555555555555

จะตามเรื่องต่อไปเรื่อยๆนะคะ ชอบสำนวนการเขียน เรียลถูกใจมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 27-12-2014 18:42:06
พี่หนึ่งดี๊ดีค่ะ..ดีแบบไม่รู้จะสรรหาคำใดๆมาบรรยาย

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4:

ตอนน้องจิวโดนแอม...นี่เราร้องเลย โคตรสงสาร
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kdpmvip4 ที่ 30-12-2014 11:32:09
พี่หนึ่งน่ารักมากกกกก  :katai5:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 30-12-2014 21:13:32
เข้ามาอ่านอีกรอบ คือมันใช่อ่ะ รวมเล่มเถอะ :m5: :m5:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 03-01-2015 23:06:23


ไม่รู้ว่าอ่านไปกี่รอบแล้ว แต่อ่านกี่ทีก็สนุกทุกที

หลงรักพี่หนึ่งกับน้องเจมมาก

ได้อารมณ์แบบ feel good มากกกกกกกกกก.

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 09-01-2015 07:33:31
 :hao3:มาแวะทักทายพี่หนึ่งกับน้องเจมค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 10-01-2015 13:06:34
 :L1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 13-01-2015 10:39:07
คิดถึงๆ พี่หนึ่งกับน้องเจม จริงๆนะ หวังว่า คุณ kajidridจะกลับมาพร้อมข่าวการรวมเล่มนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: pee122 ที่ 14-01-2015 21:24:50
เรื่องเขาดีจริงๆ  :bye2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: llmup ที่ 19-01-2015 22:33:23
 :katai1: เกลียแอมอ่าา อีชั่วววเอาความไว้ใจของเจมมาทำงี้ได้ไง ตบรัวๆค่ะ

ชอบเรื่องนี้มากกค่ะไม่ดราม่าจนเบื่อ พอน่ารัก
ความรักของที่หนึ่งยิ่งใหญ่และมั่นคงจริงๆ
อยากเจอคนแบบที่หนึ่งมั้ง  :ling1:

ขอบคุณที่สร้างสรรค์นิยายดีๆแบบนี้นะค่ะ
รักเลยยยย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kitty08 ที่ 20-01-2015 00:43:49
เรื่องนี้อ่านแล้วซึ้งมาก ๆ ไม่มีบทเร่าร้อนให้หัวใจเต้นรัวแต่กลับซุกซ่อนอารมณ์นั้นไว้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครไว้ได้ดีมาก ๆ ภาษาสวยอ่านง่ายและลึกซึ้ง ชอบมุมมองของเจมที่มี่ต่อชีวิตน่ะ และที่ชอบที่สุดคงเป็นเรื่องครอบครัว มุมมองที่เกิดขึ้นในเรื่องทำให้เรารู้สึกว่าดีมาก ๆ น่ะ รักใดก้อไม่ยิ่งใหญ่เท่าความรักอันบริสุทธิ์ของครอบครัวน่ะ เพราะถึงแม้จะทะเลาะกันไม่เข้าใจกันแต่สายเลือดก้อไม่สามารถตัดขาดกันได้ รักใครก้อตามขอให้คิดถึงความรักในครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่งน่ะ เพราะสุดท้ายแล้วครอบครัวนั่นแหละที่จะอยู่กับเราเสมอ  :mew1:
ชื่นชมคนเขียนจ้ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-01-2015 20:57:30
 o18อยุ่ๆก็คิดถึงพี่หนึ่งกับน้องเจมขึ้นมาค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: milkteabeige ที่ 28-01-2015 20:20:38
 o13

กรี๊ดดดด หนูเหยียบเข้ามาหน้านี้ตอนเกือบ 2 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นอ่านถึงตอนคุณพี่หนึ่งส่งกระเช้ามาให้น้องหมา
แล้วหนูก็ต้องประหลาดใจแบบสุดๆ ว่า นี่คือพี่นักเขียนในดวงใจของหนู ที่หนูคิดตามมาแทบทุกเรื่อง
แต่สุดท้ายหนูก็หลุดโลกไปเกือบ 2 ปีเลย
ตอนนี้หนูหาทางกลับเล้าเจอแล้วค่าาา ระลึกถึงเรื่องนี้เสมอ
เพราะหนูตั้งใจจะตามอ่านให้จบ แต่ว่าหายหน้าหายตาไปก่อน
แต่ตอนนี้หนูกลับมาอ่านแล้วนะคะ อ่านครบจบหมดแล้ว
และหลงรักพี่ที่หนึ่งและหมาน้องเจมมากๆๆ
ต้องเรียกกริยาตัวเองว่าอะไรดี "อมยิ้มแก้มแตก" ตลอดเรื่องแบบนี้ได้มั้ย 5555
นี่หนูแทบแอบอ่านในเวลางานไม่ได้อ่ะ เพราะอ่านไปก็ต้องอมยิ้มให้ความน่ารักของเจมตลอดๆๆ

ไม่ว่าจะผ่านมากี่เรื่อง หรือรูปแบบงานเขียนจะเปลี่ยนไป แต่ความสนุกที่ถ่ายทอดออกมา ยังเหมือนเดิมเสมอ อ่านไปยิ้มไปแบบนี้ คิคิ

 :katai2-1:
นี่อ่านรัวๆ แบบลืมเวลาพัก 2วันเลยนะ
แอบเห็นเรื่องพี่ผู้นำ ขอตามไปอ่านก่อนค่าาา

♡♡♡♡♡♡♡
น้ำชาค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 30-01-2015 00:17:15
"ก็พี่...ของพี่นี่"

ต้องขอบคุณความเผด็จการของพี่หนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงอยู่
เราเชื่ออย่างนั้นนะ
หลายครั้งที่เจมไม่มั่นใจ หลายครั้งที่พร้อมจะถอย ถ้าไม่ได้ความรักที่มั่นคงและเผด็จการของพี่หนึ่ง
ความสัมพันธ์อาจจะจบไปตั้งแต่เจอยัยคุณเปรมแล้ว
 
แล้วก็ต้องขอบคุณหมาเจมที่เชื่อฟังพี่หนึ่งเสมอมา ภายใต้คำว่า "สิ" "นะครับ" 5 5 5 5 5   :laugh:

เรื่องนี้ชอบพระเอกมากกว่านายเอก อิ อิ ส่วนใหญ่จะชอบนายเอก
แต่เรื่องนี้พี่หนึ่งน่ารักจริงๆ

สุดท้าย ขอบคุณผู้แต่งค่ะ แม้จะมีเรื่องให้สะเทือนใจกลั่นแกล้งผู้อ่านอย่างเราตลอดทั้งเรื่อง
แต่ก็ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 30-01-2015 00:58:49
เราจะหาคนที่รักเราจริงๆอย่างที่พี่หนึ่งรักน้องเจมได้ไหมน่า  :กอด1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 02-02-2015 07:17:47
ที่หนึ่งเป็นพระเอกที่ประเสริฐมาก ดีใจกับเจมด้วยที่ได้พบกับคนรักจริง  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 02-02-2015 14:17:34
มารอข่าวการรวมเล่มอย่างเป็นทางการเห็นว่า ช่วง วันวาเลนไทน์ ใช่ไหมค่ะ
ไม่เป็นไรเพื่อพี่หนึ่งและน้องเจม เรารอได้ค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunakai ที่ 04-02-2015 16:12:57
ไม่ได้เข้าเล้ามานานแสนนาน
พอคืนสู่เหย้าก็มาเจอเรื่องนี้
มันดีมากนะพูดเลย เอ็นดูน้องเจมมากๆ หลงพี่หนึ่งมากๆ
รักครอบครัวเจม รักครอบครัวพี่หนึ่ง
รักสภาพแวดล้อม และผู้คนที่ล้อมรอบตัวเอกของเรื่องนี้
แม้ตอนหลังๆ อ๋อมแอ๋มจะทำตัวเป็นมลภาวะก็ตาม... :katai1:
รักทุกอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นเรื่องนี้
ขอบคุณคนเขียนที่ทำให้ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ(จนบางครั้งเผลอออกเสียงในที่สาธารณะจนคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆ)
ได้อบอุ่น ได้ลุ้นระทึก ได้ปาดน้ำตาไปกับนิยายเรื่องนี้

รักจนสามารถอ่านซ้ำๆ ได้หลายๆ รอบ
อยากให้รวมเล่ม อยากเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ... จะรอข่าวดีนะคะ  :L1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 07-02-2015 12:50:49
สนุกมากก ชอบทีสุด ฟินมากเลยๆๆๆๆ เนื้อเรื่องดีมาก  :katai2-1:แต่งได้ถูกใจที่สุด
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 28-02-2015 21:54:02
 :-[รอพี่หนึ่งกับน้องเจมอยู่คะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 03-03-2015 22:58:58
รวดเดียว ยาว ๆ เลยค่ะ
ให้ใจไปเลยเต็มๆ พี่หนึ่งน่ารัก แต่เจมน่ารักกว่า กิสสสสสสสสส
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-03-2015 14:09:44
รวดเดียวจบเลย อดตาหลับขับตานอน ปลาบปลื้มน้องเจมอย่าแรง
เดี๋ยวตามไปอ่านผู้นำต่อน้าาา
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: w.pond ที่ 08-03-2015 23:58:25
ตามอ่านอยู่ค่ะ พลาดเรื่องนี้ได้ยังไง 555
เด่วอ่านจบมาเม้นใหม่นะค่ะ แต่ว่าอ่านมาระยะนึงก็สนุกจนวางไม่ลงเลยละ :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 09-03-2015 00:10:29
สนุกมาก ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ชอบพี่หนึ่งของน้องเจมมากๆเลย หาจากไหนได้นะผู้ชายแบบนี้ อ๊ายยย

เกลียดอีแอมมาก รู้สึกดีที่ตอนหลังๆไม่มีชื่อนี้โผล่มา ขอให้เจมมีความสุขกับพี่หนึ่งมากๆๆนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 09-03-2015 08:10:11
โอนเงินสอยพี่หนึ่งกับน้องเจมในแบบรูปเล่มมาแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 09-03-2015 10:01:21
โอนเงินสอยพี่หนึ่งกับน้องเจมในแบบรูปเล่มมาแล้วค่ะ

 :mew1:

อยากได้ๆๆๆ พี่คฤณ ตัวเป็นๆๆ มั่ง

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 09-03-2015 20:56:52
อ่านจบแล้ววววว สนุกมากกกกกอ่ะ
ชอบพี่หนึ่งอ่ะะ แบบว่าชอบมากกก
เวลาอยู่กับเจมแล้ว ดูละมุ่น อบอุ่นน
โอ้ยย อ่านแล้ววววฟินนนนน  :ling1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: panpraserd ที่ 22-03-2015 04:49:56
นิยายเรื่องนี้ด้วยสำนวนภาษาการบรรยาย การดำเนินเรื่องต่างๆ
ทำให้เราชอบมากเลยค่ะ คุณนักเขียนแต่งเก่งมากเลยค่ะ เยี่ยม
แต่เสียดายที่เราอ่านจนจบไม่ไหว ขอโทษค่า ㅠㅠ

ปล. นิยายเรื่องไหนที่จะมีฉากคนอื่นข่มขืนนายเอก ถ้าบอกไว้ตั้งแต่แรกได้ก็คงดีนะคะ ㅠㅠ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kamung ที่ 22-03-2015 22:28:02
 :z3: อยากได้หมาเจมอีก. คึคึ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Quipblur1994 ที่ 24-03-2015 07:35:16
นิยายเรื่องนี้ด้วยสำนวนภาษาการบรรยาย การดำเนินเรื่องต่างๆ
ทำให้เราชอบมากเลยค่ะ คุณนักเขียนแต่งเก่งมากเลยค่ะ เยี่ยม
แต่เสียดายที่เราอ่านจนจบไม่ไหว ขอโทษค่า ㅠㅠ

ปล. นิยายเรื่องไหนที่จะมีฉากคนอื่นข่มขืนนายเอก ถ้าบอกไว้ตั้งแต่แรกได้ก็คงดีนะคะ ㅠㅠ

นั่นสิคะ....แต่เราอ่านจบนะ แต่ยังไม่ได้อ่านตอนพิเศษเลย
ตอนอ่านแรกๆก็ระแวงไว้ละ นิยายสายมิ้งนี่ต้องมีอะไรมาหลอกเราอีกแน่ๆ แต่พออ่านไปเกินครึ่งเห็นว่าไม่น่ามีอะไรแล้ว เราก็สบายใจ...
ที่ไหนได้ คุณคนเขียนกลัวคนอ่านไม่ตื่นเต้นหรือยังไงนะคะ เราเสียดายคาแรคเตอร์ของแอมT^T
คือไม่รู้สิ ถึงนั่นจะไม่ใช่ตัวเค้าร้อยเปอร์เซ็น แต่เราเชื่อมาตลอดว่าเค้ารักแล้วก็หวังดีต่อเจมจริงๆ มาทำงี้เลยแบบ บอกตรงๆว่าความรู้สึกพังมาก เซ้นซิทีฟค่ะกับเรื่องข่มขืนน่ะค่ะ เวลาเจอนิยายแล้วมีเรื่องข่มขืนทีไรเรานี่เครียดทุกที มันแบบ อึดอัดอ่ะ ถึงจะรู้ว่าโลกมันไม่สวยก็เถอะ แล้วนี่มาจากคนใกล้ตัวอีกยิ่งฟีลดาวน์สุดๆ เหมือนเราไว้ใจเค้า
คุณคนเขียนคงอยากให้เห็นผลเสียของการดื่มเหล้าจนเมามายขาดสติยั้งคิด จนเผลอทำลายคนที่เรารักได้ แต่เราก็เสียดายอยู่ดีอ่ะค่ะ ไม่ได้เชียร์แอมด้วย สงสารมากกว่าเค้ามากกว่า แอบรักมาตลอด มีแต่ความหวังดีให้ แต่ต้องมาพังเพราะฤทธิ์น้ำเมาตัวเดียว อ่ออีกอย่างที่เรารับไม่ได้กับการข่มขืนคือคนดีๆไม่เคยทำอะไรให้ใครคิดดีกับคนอื่นมาตลอดต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ทุกที แต่ก็นั่นแหละนะ โลกมันไม่ได้สวยงามหรอก
แต่เหตุผลที่เราอ่านต่อจนจบคือ เรารักตัวละครและสภาพแวดล้อมในเรื่องนี้มากๆๆๆเลย แล้วเราก็เชื่อในตัวพี่หนึ่งกับเจมด้วยว่าจะนำพาเราไปเจอสิ่งดีๆ แล้วมันก็ดีจริงๆ แฮปปี้ดีค่ะ55555555 พี่หนึ่งคงไม่ทำให้เราผิดหวังเหมือนแอม เพราะพี่หนึ่งแสดงออกชัดเจนทั้งเรื่องการกระทำและความรู้สึก อืมพอมาคิดๆดู แอมก็พลาดไปหลายอย่างเนอะ ตั้งแต่แรกเลยด้วยสิ ทั้งการแสดงออกเรื่องความรู้สึก+การกระทำ มันไม่ชัดเจน หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปเค้าคงมีวุฒิภาวะที่เพิ่มมากขึ้น
แล้วก็ บรรยายได้ดีมากค่ะ ให้เห็นแต่สิ่งดีๆ ตอนช่วงมัธยมเป็นช่วงที่เราชอบที่สุดเลย อ่านไปนี่ก็นึกถึงสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก มันใช่อ่ะ น้องเจมกับพี่หนึ่งเหมือนน้องน้ำกับพี่โชนงี้555555555
ชอบครอบครัวของน้องเจมพี่หนึ่งด้วย โดยเฉพาะน้องเจม เรื่องคุณเทตซึนี่ทำเราเสียน้ำตาเลย ชอบที่ทุกคนทะนุถนอมเจมอะ ทุกๆคนที่อยู่รอบข้างเจม โดยเฉพาะพี่จิวนี่อื้อหือออ ไม่เคยเจอพี่ชายที่หวงและห่วงน้องชายได้มากขนาดนี้

เหมือนพี่หนึ่งอ่ะ ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากยอมใจจริงๆ ยอมให้เลยอ่ะ จะมีผู้ชายคนไหนบนโลกที่แสนดีขนาดนี้ได้อีกเหรอ อ่านตอนแรกก็คิดไว้เยอะอ่ะ ระแวงไง พระเอกนี่ต้องมีปมลึกลับชัวร์ ตอนแรกคิดว่าเป็นคนสองบุคลิกด้วยซ้ำ แต่พี่หนึ่งคือพี่สุดยอดมากจริงๆอ่ะ พี่หนึ่งเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ของเจมเลย ทำไมดีได้ขนาดนี้T___T

นี่อ่านคืนเดียวจบ ขอตัวไปนอนก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวจะมาไล่อ่านตอนพิเศษ
ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่แต่งให้อ่านกัน แล้วเห็นว่ามีรวมเล่มด้วยเหรอคะ ไม่เห็นมีแจ้งข่าวเลย หรือเราตกหล่นตรงไหนไป
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-03-2015 15:53:31
โอนเงินสอยพี่หนึ่งกับน้องเจมในแบบรูปเล่มมาแล้วค่ะ

 :mew1:

อยากได้ๆๆๆ พี่คฤณ ตัวเป็นๆๆ มั่ง

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ตัวเป็นๆนั้นของน้องเจม  คงต้องสอยเล่มมาแทนค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-03-2015 15:54:34
นิยายเรื่องนี้ด้วยสำนวนภาษาการบรรยาย การดำเนินเรื่องต่างๆ
ทำให้เราชอบมากเลยค่ะ คุณนักเขียนแต่งเก่งมากเลยค่ะ เยี่ยม
แต่เสียดายที่เราอ่านจนจบไม่ไหว ขอโทษค่า ㅠㅠ

ปล. นิยายเรื่องไหนที่จะมีฉากคนอื่นข่มขืนนายเอก ถ้าบอกไว้ตั้งแต่แรกได้ก็คงดีนะคะ ㅠㅠ
ถึงแม้จะโดนข่มขืน แต่ทำให้เรารู้ว่าพี่หนึ่งรักน้องเจมขนาดไหน อ่านต่อไปจนจบเถอะนะค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 25-03-2015 15:57:20
https://www.facebook.com/rainynightpublishing
http://rainynight.lnwshop.com/

ข่าวรวมเล่มพี่หนึ่งน้องเจมค่ะ มาประชาสัมพันธ์ นิยายเขาดีจริงๆนะเออ

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 26-03-2015 22:24:24
บอกได้แค่ ชอบมากๆๆๆๆๆๆ
เข้าใจในมุมของคำว่า"พอดีกัน" พี่หนึ่งอาจชอบสั่ง แต่เจมก็ชอบในแบบนี้
ไม่มีใครที่มีความสมเหตุสมผล ตลอดเวลาหรอก
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 28-03-2015 04:51:32
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก เนื้อเรื่องก็ดี ความรักของระหว่างคนสองคนมันไปเรื่อยๆ ค่อยๆซึมซับความรู้สึกที่มีให้กัน และยิ่งมีความประทับใจในสมัยเด็กมาเสริมยิ่งทำให้ความรู้สึกยิ่งมากขึ้นๆเรื่อยๆ ปัญหา อุปสรรคต่างๆที่มีเข้ามาพิสูจน์ถึงความรัก ความหนักแน่น ไว้เนื้อเชื่อใจที่มีให้กันว่าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ไหม  คือชอบทุกอย่างในเรื่องเลยค่ะ ไม่ดราม่ามาก เหมือนทั่งสองพร้อมที่จะรับฟังเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ แต่อาจมีหน่วงบางนิดๆ ภาษาสวย อ่านง่าย เนื้อเรื่องงมันลื่น โอเคมาก ขอบคุณนะค่ะที่เขียนนิยายดีๆ สนุกๆ มาให้ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Mikanchan ที่ 03-04-2015 20:31:30
อ่านจบแล้ว ชอบเรื่องนี้มากกก สนุกมากกก ฮามาก ฮาเจมมาก ฮาทั้งเจมทั้งพี่หนึ่งเลย

ชอบตอนพี่หนึ่งเขินแล้วทำตัวเก้อๆ หรือไม่ก็ทำอะไรที่ไม่เข้ากับอายุ อย่างตอนที่ติดจะนั่งแกะทุเรียกกินกันแล้วเอาเปลือกฟาดกัน อันนี้ฮาแตกลั่นบ้านมาก 5555555555 ชอบพี่หนึ่งมากกกกก พี่พระเอกโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆเลย รักอ่ะ ผู้ชายแบบนี้

เรื่องนี้สงสารน้องเจมมาก ทำไมโหดร้ายแบบนี้ ทำไมต้องทำร้ายน้องเจมขนาดเน้!!! รู้ไหม ตอนอ่านนี่เค้านั่งร้องไห้ตาบ่วมเลยนะ
โคตรของโคตรเกลียดแอมเลย ต่อให้บอกว่ารักมากก็ไม่ควรทำแบบนี้ โคตรเกลียดคนประเภทนี้เลย แบบนี้เราไม่เรียกว่ารักหรอก เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัว คิดแต่ตัวเองมากกว่า ตะหงิดๆใจตั้งแต่ตอนที่บอกว่าต้องไปอยู่ต่างประเทศกับแอมเป็นปีละ กลัวว่ามันต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเข้าแน่ๆ และมันเกิดจริงๆด้วย ฮืออออ

แต่ก็ต้องขอบคุณพี่หนึ่งที่ทำให้ทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดี รักพี่หนึ่งมาก รู้ป่ะ T^T แต่ก็รักน้องเจมด้วยเหมือนกัน เพื่อนๆแต่ละคนฮามาก

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ มันทำให้เรานั่งหัวเราะท้องแข็งเลย ถึงแม้จะต้องซดมาม่าช่วงท้ายๆแบบหน่วงใจมากเลย  :heaven
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: lahlunla ที่ 15-04-2015 00:38:56
มีเป็นหนังสือขายเปิดจองอยู่ใช่ไหมคะ จะตามไปซื้อ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kajidrid ที่ 16-04-2015 10:53:42
มีเป็นหนังสือขายเปิดจองอยู่ใช่ไหมคะ จะตามไปซื้อ

ขายอยู่ค่ะ ดูรายละเอียดจากทีนี่ได้เลยค่ะ https://www.facebook.com/rainynightpublishing?fref=ts
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 18-04-2015 13:58:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :give2: :give2: :give2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 24-04-2015 22:47:28
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบที่หนึ่งมากเลยค่า เป็นผู้ชายในฝันแบบว่าอบอุ่น อ่อนโยน ถึงบางครั้งจะทำตัวเด็กๆ แต่น่ารักมากอะ

แบบว่าพวกเขาเข้ากันได้จริงๆ เติมเต็มกันและกัน เจมเองก็ดีนะ ถึงบางทีจะงี่เง่าแต่คุยกันรู้เรื่อง เป็นคนที่เข้มแข็งมาก

อ่านแล้วชอบบบบมากกกก รอสอยหนังสือค่า
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noofern ที่ 01-05-2015 12:59:12
ดูเหมือนเรื่องนี้จะขึ้นหิ้งในใจเราซะแล้ว ครบเครื่อง สุข เศร้า เหงา รัก ตลกโปกฮามาก
  รักเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noofern ที่ 01-05-2015 13:05:45
เป็นนิยายอีกเรื่องนึงที่ขึ้นหิ้งในใจค่ะ มีครบทุกรส สุข เศร้า เหงา รัก ตลกโปกฮา
     รักเลย :katai2-1:
ปกติจะอ่านแต่นิยายดังๆ ไม่คิดว่าจะเจอนิยายดีๆที่แอบแฝงอยู่ในความเงียบ
    รักนะ :mew1:
ขอนิยายดีๆแบบนี้อีกนะคะ
    รักอีกแล้ว :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 01-05-2015 13:31:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mpp ที่ 08-05-2015 22:01:43
ตอนนี้กำลังรอพี่หนึ่งน้องเจมน้องเจมพี่หนึ่งอยู่
ส่งกระแสจิตให้ทางสนพ.กับพี่ไปรฯอย่างแรงกล้าค่ะบอกเลย
คืออยากกอดเล่ม กอดสัมผัสพี่หนึ่ง อยากจุ้บุน้องเจม
อะฮื้ออออออออออออออ *ฟินแรง -///-

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หลงรักเรื่องนี้มากๆ ถึงจะทำเราเสียน้ำตาเราก็รักค่ะ5555555
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 14-05-2015 22:50:19
พี่หนึ่งกับน้องเจม น่ารักจนหุบยิ้มไม่ลง โหความรักของพี่หนึ่ง
มันเกิดขึ้นนานมาก จากความชอบกลายเป็นรัก ตั้งแต่มัธยม
จนมาเจอกันอีกครั้ง เรื่องนี้มุมมองของความรักของพี่หนึ่ง
ดีมากไม่ว่าเจมจะผ่านเรื่องร้ายๆที่เกิดจากความไว้ใจเพื่อน
แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พี่หนึ่งมองข้ามเพราะมันไม่สามารถ
ทำให้ความรักของพี่หนึ่งลดลงเลย ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Map ที่ 30-05-2015 15:14:57
อ่านรวดเดียวจบเมื่อคืน ชอบอ่า  o13

ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีอีกเรื่องขึ้นมาน้า

รักคุณคลิน คุณเจม คุณจิม คุณแอมมมมม ม  :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 12-07-2015 10:37:49
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: voonvay ที่ 23-07-2015 23:22:42
โคตรชอบเลยครับ  เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 03-08-2015 08:29:55
เรื่องนี้คือดีงามมากกกกกกกก  o13 o13 o13
แต่งได้สนุกสุดๆเลยค่ะ
พี่หนึ่งโคตรน่ารัก โคตรมั่นคง โคตรใจเย็น โคตรดีงามมากข่ะห์!
ให้เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องในดวงใจเลย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 03-08-2015 14:18:47
 :L2: :pig4:  ชอบมาก หลงรักสุดๆ พี่หนึ่งโคตรสุภาพบุรุษเลย ส่วนเจมก็น่ารักมากเป็นคนพูดตรงเสียตรงอารมณ์ร้อนไปหน่ย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-08-2015 23:00:00
คิดถึงพี่หนึ่งกับน้องเจม

 :กอด1: o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: keroopop ที่ 12-08-2015 12:19:29
สนุกอ่ะ ฮาๆ ชิบนะไรท์ :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 18-08-2015 09:35:10
น่ารักที่สุด ชอบนิยายเรื่องนี้มากทั้งความรักแบบคนรักและครอบครัวเสพจนอิ่มไปเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-10-2015 01:37:19
ตอนแรกว่าจะอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยเม้นแต่แม่งเอ้ยยยยไม่ไหวเกลียดอีแอมมาก ทำไมเจมต้องใจดีขนาดนั้นทำถึงต้องใจอ่อน อึดอัดมาก พี่หนึ่งแม่งก็คนดีเกิน ทำไมถึงเป็นคนโลกสวยกันได้ขนาดนี้ ในหัวมีแต่คำว่าทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮืออออออออออ ชีวิตแม่งอยู่ยาก แล้วแม่งก็ไม่ตัดใจสักที โง่งมมาก สันขวาน อินมากจริงๆกับเรื่องแบบนี้ โคตรเกลียด  :z3:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-10-2015 03:05:42
จบแล้วฮืออออออออพี่หนึ่งคือเลอค่าแม้ว่ามันจะชอบมีเรื่องปิดบังมิสทรี่อยู่เยอะแยะไปหมด ดีแล้วที่มาอ่านตายังไม่หายบวมเลย เจมก็ดีคิดเยอะดี ชื่อเรื่องนี่บอกถึงนิสัยนายเอกได้ดีมากแม้ว่าบางทีเราจะรู้สึกนางที่นางทำมันยังซอพท์ไป เฮ้อออออ นี่แหละชีวิต ชอบบบนะคนเขียนเขียนดีมากได้อารมณ์ดีอย่างที่บอกตายังไม่หายบวม นิยายดีๆก็แปลกที่ไม่ค่อยมีใครอ่าน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 11-02-2016 20:12:11
อ่านแล้วแบบ...ฟินมาก บรรยากาศชัดเจน อ่านแล้วอินตามกับเจมได้ทั้งเรื่อง

ขอบคุณค่ะ ^_^
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 09-04-2016 14:07:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 20-07-2016 12:22:15
น่ารักสุดๆ จะหาแบบพี่หนึ่งได้ที่ไหน กรี๊ดดดด
ชอบมากกกกกกกก อ่านละฟิน
น้องเจมน่ารัก อยากเห็นเวอร์ชั่นน้องเจมอ้อนหนักๆจัง
พี่หนึ่งคงหลงน่าดู แค่คิดก็ฟินละ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Lattechan ที่ 22-11-2016 10:14:48
อ่านรวดเดียวจบ (สว่างคาตากันเลยทีเดียว)
สนุกมาก (ก.ไก่สิบล้านตัว)
มีทั้งช่วงฮาๆ มีดราม่าบ้าง ให้ต้องทนกัดฟันอ่าน
แต่ที่ชอบที่สุดคือ พระเอกใจเย็นและมีสติมาก ทำให้ปัญหาทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย สนุกมากๆค่ะ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: namminzz ที่ 31-12-2016 17:04:25
น่ารักมากกกกกกกก
ขอแบบพี่หนึ่งที อบอุ่นมากแงงงงง
เจมก็น่าร้ากกก
ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆมาให้อ่านนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 31-12-2016 18:31:08
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 01-01-2017 12:53:32
รวดเดียวจบ :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: MaYplE ที่ 01-01-2017 22:29:04
รักเรื่องนี้มาก ๆ มีหนังสือแล้ว แต่ก็ยังกดเข้ามาอ่านในนี้เรื่อย ๆ เวลาที่คิดถึง
ใครถามว่ามีนิยายอะไรแนะนำมั่ง ก็นึกถึงเรื่องนี้ตลอด งานดีจริง ๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: wews ที่ 14-03-2017 00:07:22
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 15-03-2017 14:19:16
อ่านจบแล้ว พี่หนึ่งทำไมน่ารีกงี้ เฟอร์เฟคแมนสุดๆ ละมุนละไม
น้องเจมก็น่ารักดูเกรียนๆแต่ก็นิสัยดี
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 16-03-2017 00:57:39
พี่หนึ่งกับเจมน่ารัก
เป็นเรื่องราวความรักที่สวยงามและบริสุทธิ์มาก
แต่ทำไมต้องมีฉากข่มขืน
และน้องเจมให้อภัยง่ายไปไหมนะ เฮ่อออ :m16:
แต่ก็ดีที่ไม่ดราม่าประเด็นนี้นาน



หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-04-2017 12:44:37
ชอบอ่ะ น่ารักทั้งพี่หนึ่งทั้งเจมเลย
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ninnin ที่ 19-05-2017 22:20:58
เรื่องนี้ยกให้เป็นที่หนึ่งมาตลอด
2 ปีที่แล้วเคยอ่านแล้วหยุดตอน
อ่านถึงพี่หนึ่งกับเจมรักกัน เพราะ
ไม่อยากให้จบ เลยเลือกหยุดความ
สวยงานไว้เท่านั้น เอาไว้ให้นึกถึง
ว่าเรารักเรื่องนี้มาก รักพี่หนึ่ง เจม
จิว ช่วนนี้เหนื่อยกับชีวิตเลยกลับมาหา
พี่หนึ่ง ไม่คิดว่าจะมาเจอแบบนี้
คือนิยายสีขาวที่เราชอบมีจุดด่าง
เศร้ามาก ไม่เคยคิดว่านิยายจะมีผลต่อ
สภาพจิตใจ เคยเขียนนิยายค่ะ
ตอนคนอ่านมาบ่นแบบมีอารมณ์
ก็งงมาก ว่าเขาแยกชีวิตจริงกับนิยาย
ไม่ออกเหรอ เราเพิ่งรู้วันนี้เองว่า
ความรู้สึกของคนอ่านก็ลึกมาก
ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคนเขียนเรื่องนั้นๆ
ด้วยตัวเอง คงต้องลากันเท่านี้
ลาพี่โป๊ะพี่นำด้วย รักนิยายคุณทุกเรื่อง
เราเลยต้องปล่อยตั้งแต่ตอนนี้
เศร้ามาก TT  TT
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: o4u0n7 ที่ 20-05-2017 14:51:00
 :hao5:  ไม่อยากเชื่อว่าเราพลาดนิยายเรื่องนี้ไป เพิ่งมาตามอ่านทีหลัง

รู้สึกถึงความละมุน ความใส่ใจ ความรัก ของที่หนึ่งที่มีต่อเจม จริงๆ
มีอะไรจับเคลียร์ให้เรียบร้อย มีเหตุมีผล  ไม่เวิ่นเว้อ ไม่สาวจ๋า ไม่งอนเป็นแต้ว

สรุปโดยรวม ชอบมากเลย   

ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะคะ
 
:o8:   
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 07-06-2017 00:33:31
 :hao7: :hao7:
ผู้ชายแบบคลินยังเหลือไหมมมม

สนุกมากกกก :mew1: :mew1:

หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: uzosou ที่ 17-08-2017 11:27:04
ตอนแรกเข้ามาอ่านไม่ได้คิดไรเยอะเลยค่ะ
แต่เรื่องนี้ให้อะไรเราเยอะกว่าที่เราคิดมาก
ชอบความดีของที่หนึ่ง เราก็อยากรู้นะว่าโตมายังไงแบบไม่ให้ขาด ความพ่อแม่แยกกันมันน่าจะมีอะไรเล็กๆในใจ
แต่จะว่าไม่ขาดก็ไม่ได้ พี่หนึ่งเป็นคนขี้หึงมาก ชอบให้คนรักอยู่ใกล้ๆตัว
แต่ก็เป็นผู้ชายที่โครตดี ฮืออออออ อิจฉาเจมมาก

ส่วนเจม เราแอบช็อคเลยตอนคลายปมน้องตอนม.ต้น เรื่องนี้ทำให้เรื่องนี้ดูลึกดูมีมิติมากขึ้นเลย เราโครตชอบ
ฉากที่ตอนพี่หนึ่งจะจบแล้ว แล้วเจมไปนั่งข้างๆและพูดแค่ว่าขอบคุณนะ เรารู้สึกว่าแม่งโครตยิ่งใหญ่ เหมือนพี่หนึ่งเข้าไปในกำแพงเข้าไ้ด้สำเร็จ น้องคนหนึ่งที่หนึ่งพยายามช่วยเหลือมาตลอด

แต่ก็แอบเสียใจที่เจมลืมหน้าพี่หนึ่งไป เป็นพี่หนึ่งจะแอบงอน 555555
แต่ความพีคยังไม่จบแค่นั้น ยังมีเรื่องแอมเข้ามาอีก
คือเราโครตสงสารตอนเป็นมุมความคิดพี่หนึ่ง ที่บอกว่าเจมไว้ใจแอมแล้วทำไมถึงตอบแทนความไว้ใจแบบนี้
คือแม่งมันเจ็บจริงๆนะ เจ็บแทนคนที่รักอะ

แต่ชอบความแบบทำให้ลืม ดูมีความจิตวิทยา ค่อยๆพูด ค่อยๆให้จำสัมผัสของตัวเองแทน พี่หนึ่งคะพี่จะเท่ไปทุกอย่างไมไ่ด้นะ น้องหวั่นไหว!!

อีกอย่างที่ชอบคือ อาชีพของเจม แม่งโครตอาชีพที่เราใฝ่ฝันแต่ทำไม่ได้ เราก็อยากเป็นนักเขียน เคยไปฝึกงาน
พอมาอ่านและแบบมีความอินอะ นึกภาพออก แต่คนเขียนต้องมีประสบการณ์ด้านนี้มากเลยใช่ไหมคะ ไม่งั้นคงต้องหาข้อมูลมาเยอะอยู่ ตอนพวกแคมป์ที่ไปฝึกที่อังกฤษหรือเวลาพี่ปูสั่งงานน้องเขียนได้ละเอียดมากเลย

ชอบความใส่ใจในเรื่องงาน คือต่อให้เป็นนิยายรักแต่จะเห็นได้ว่าทุกคนมีงานของตัวเองต้องทำ ต้องเคลียร์กันตลอด

ขอนิดนึง บางทีเจ้าเจมก็กวนทิงพี่หนึ่งไปนิด เขารักหนูนะลูก รักเขามากๆหน่อยๆ คือไม่ใช่น้องไม่รักนะ แต่รักของพี่หนึ่งแม่งโครตใหญ่เลย ฮือออออออออ รักพี่หนึ่ง

เป็นกำลังใจให้เรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 20-11-2017 12:49:21
 :jul1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 25-02-2018 13:12:54
เจม จิว น่ารัก พี่คลินก็น่ารัก เกลียดแอมมาก  :m31:  อ่านละอิน  :katai1:
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 18-03-2018 14:45:32
อ่านรวดเดียวจบเลย
ชอบป๋าณิณมากๆเลย
ไม่ชอบบุคลิก การกระทำแบบแอมเลย
แต่กลับพบเจอได้ทั่วไปในสังคม
ชอบจิวด้วย สมเป็นพี่ทุกอย่างเลย
อิจน้ำเพชรเลย อยากได้แบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: wwll ที่ 20-05-2018 04:04:51
ก่อนอื่นเลย ต้องขอขอบพระคุณไรท์นะคะ
สำหรับผลงานดีๆเช่นนี้
รู้สึกว่าเราเจอกันช้า แต่ก็ไม่สายเกินไปค่ะ

และก็ขอบคุณน้องเจม(น้องชา) พี่หนึ่ง พี่่จิว คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่าย
พี่ปู(แม่สื่อ) คุณพีช พี่นำ ไอ้พี่โป๊ะ แอม(ถึงอยากจะตั๊นหน้าสักหมัดนึง)
 และตัวละครท่านอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง (เหมือนสปีชงานมงคลสมรสยังไงชอบกล)
ทุกตัวละครทำให้เราเติบโตไปกับเค้าจริงๆ

ความรักไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ไรท์ได้พิสูจน์ให้เห็นในสิ่งนี้จริงๆค่ะ
ไรท์ไล่มาตั้งแต่ครอบครัวน้อง ครอบครัวคนพี่ เพื่อนคนน้อง เพื่อนคนพี่
บุคคลอื่นๆที่แวดล้อม บุคคลที่เข้ามาในชีวิต ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
เหมือนเล่นเกมส์แก้ปัญหาไปทีละด่านๆ แต่ทั้งคู่อาจจะเป็นตัวอย่างของคู่ที่โชคดีหน่อย
ที่ด่านครอบครัวซึ่งเป็นด่านที่หินที่สุดเคลียได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

จากนี้ไปจะขอโฟกัสที่ พี่หนึ่ง น้องเจม และแอม
เริ่มที่พี่หนึ่งและน้องเจม
ถ้าพี่หนึ่งคือตัวอย่างของrare case
(ในที่นี้คือคนที่จะเหนิือความคาดหมายในการกระทำ ความคิด กว่าคนธรรมดาทั่วไป1ระดับขึ้นไป
อย่างเช่นที่พี่หนึ่งมองว่า 1.5+0.5 ก็ได้2เช่นกัน )
น้องเจมคือตัวอย่างของคนที่เราสามารถพบเจอได้
 (ในที่นี้คือคนที่ตัดสินอะไรตามเนื้อผ้า เชื่อในสิ่งที่เห็น มีเหตุผล แต่เป็นเหตุผลในระดับที่ไม่ได้ซับซ้อน
เช่น ?+?=2 คำตอบคือ1+1เท่านั้น ไม่รวมเคสที่ 1.5+0.5 )
คนเราสองคนพื้นฐานครอบครัว ความคิด การงาน ต่างกัน
จะอยู่ร่วมกันได้ ต้องอาศัยการปรับตัวเข้าหากัน ซึ่งในเรื่องนั้น
นับถือใจพี่หนึ่งจริงๆ คิดว่าปัจจุบันคงหาแบบนี้ยาก (แอบคิดขนาดว่าสำหรับพี่หนึ่ง 1.99+0.01 นางก็คงโอเค)
แต่อยากจะเชื่อว่าถ้ามันคือรักแท้ พี่หนึ่งก็จะเกิดขึ้นได้ในตัวทุกๆคน
จริงๆส่วนตัวเอ็นดูน้องเจมมาก ปกติจะชอบเคะราชินี คูลๆฉลาดๆ
แต่น้องก็มีความน่าเอ็นดูในแบบของน้อง น้องมีความเป็นผู้ใหญ่ในแบบของน้อง
ถ้าเป็นพี่หนึ่ง เราก็คงอยากให้น้องเป็นแบบนี้ ไม่ต้องซับซ้อน ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรหรอก

ประเด็นแอม
ในเรื่องนี้ขอยกเป็นเรื่องที่ดราม่าสุด ชนิดที่คนอ่านเองแทบบ้าภาวนาไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง
ตอนที่น้องรับskype ของพี่สาวแอม ก็ยังหวังว่าจะมีเซอร์ไพรซ์ เช่นจริงๆแล้วยังไม่ได้ทำอะไรไป
หวังขนาดนั้น กลัวมันเป็นแผลของน้อง ทำให้น้องกลับไปเหมือนตอนม.ต้นหรือแย่กว่าตอนนั้น
แต่ด้วยพลังของคำว่า ''ช่างมัน'' ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้ หลายๆเรื่องในชีวิตเราต้องช่างมันจริงๆ
จริงๆอยากขอย้อนกลับไปเมนชั่นถึงคุณอักษรา ถ้ากลับกันคนพี่ถูกมอมยา ไม่ได้เต็มใจ
ในวินาทีแรกคนน้องจะรับได้แบบที่คนพี่คนพี่respondเรื่องแอมรึเปล่า อันนี้ก็ไม่กล้าเดาเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นขอมอบMVP ให้กับคุณที่หนึ่ง (เกิดมาเพื่อเป็นที่หนึ่งจริงๆเชื่อเค้าเลย)

สุดท้ายแล้ว ขณะนี้ตี4.09 ความรู้สึกพรั่งพรูไม่รู้จะนอนหลับมั้ย555
แต่ไม่จบคงนอนไม่หลับอยู่ดี ยังไงขอบคุณไรท์อีกทีนะคะ ถ้าไรท์ออกหนังสือหรือมีเรื่องอื่ืนๆที่กำลังจะมาลง
ก็ขอติดตาม เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-05-2018 05:31:45
 :L2: สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Hear, Me
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 21-05-2018 05:39:52
อย่าว่าแต่เจมอ่านไม่ออกเลยค่ะ เราก็อ่านไม่ออก   o18

คฤณ อ่านว่า คริน โอเคจะจำไว้  :o8:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: チイ ที่ 21-05-2018 15:59:11
ตอนแรกๆเราชอบเจมมากเลยทั้งความเกรียนความกวนตลกมากเวลาอยู่กับเพื่อนหรือคุย
กับตัวเองฮามากกกแต่พอพี่หนึ่งเข้ามาเราได้เห็นมุมมองความคิดเกี่ยวกับความรักของเจม
แล้วมันไม่ใช่เลยเราอึดอัดกับเจมอ่ะจะมีคำถามว่าทำไมเจมคิดแบบนั้นดูเห็นแก่ตัวนะ
ไม่ใช่เราไม่ชอบเจมนะเจมน่าสงสารเรื่องจิตใจนี่ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เจมกลายเป็นเจมในแบบนี้
เหมือนกันเอาใจช่วยให้เจมโตขึ้นอบู่ตลอด
ส่วนพี่หนึ่งเราไม่ได้มองว่าพี่เค้าจะร้ายกับเจมนะตั้งแต่ที่เข้าหาเจมเพราะความเป็นผู้ใหญ่
สุขุมใจเย็นเรารู้สึกสบายใจวางใจเหมือนเราเชื่อเค้ามาตั้งแต่แรกอ่ะแล้วไม่ผิดหวังเลย
คนๆนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่รักเพื่อความรักกลายเป็นสงสารเค้าเหมือนกันเวลาเจมทำตัว
งี่เง่าใส่แล้วยิ่งตอนที่บอกว่า “ทำความเข้าใจเจมทุกวัน” นี่แบบโห้วววรักมากกว่านี้ก็หมดโลกแล้ว

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้นะ ไม่ค่อยชอบดราม่าและเรื่องนี้ก็มีนะแต่ดีตรงที่คลี่คลายได้รวดเร็วไม่ยืดเยื้อ
ประทับใจตรงนี้มากสุดท้ายแล้วขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอ่านแล้วเราได้คิดอะไรเยอะแยะเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ชายกุมภ์ ที่ 23-05-2018 06:05:57
ติดเรื่องเลวๆของแอมอย่างเดียวครับ
นอกนั้นชอบเรื่องนี้มาก
มีครบรสจริงๆ

ขอบคุณมากครับคนเขียน
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-05-2018 19:13:09
ีความสุขมากกกกกกกกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
อ่านแล้วอ่านอีก  ดีต่อใจจริงๆ
ชอบสำนวนการเขียนของไรท์   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ที่หนึ่ง  เจม   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-05-2018 11:41:42
 :pig4: :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 26-05-2018 06:48:19
 :z3: ไม่อยากให้จบเลย สนุกมาก ชอบพี่ที่หนึ่งกับเจม เคมีเข้ากันมาก มีอีกเรื้องมั้ยคะ นี่รอดูจิวยืมรถเจมไปขับ ฮ่าาของขวัญวันครบรอบทุ่มเต็มที่
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: BIRD ที่ 26-05-2018 20:22:12
คิดถึงเจมกับพี่หนึ่ง เลยแวะมาอ่านอีกรอบครับ ซื้อหนังสือด้วยแล้วนะ :)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-07-2018 16:18:43
น่ารักมาก..แอบน้ำตาซึมตอนดราม่ากะอ๋อมแอ๋ม ดีใจที่น้องผ่านมาได้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 16-07-2018 10:43:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 04-09-2018 07:32:39
 :mew1: สนุกมากค่า นักเขียนสุดยอดดดดด :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 09-09-2018 16:53:03
 :impress: สำนวนการเขียนทำเอาตอนอ่านมุมปากกระตุกยิ้มตลอดๆ เขียนได้น่ารักและสนุกมากค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 12-09-2018 06:13:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 20-09-2018 18:22:16
+1 ตั้งใจจะคอมเม้นท์แต่อธิบายความรู้สึกไม่ถูก พอมาเจอความเห็นแล้วใช่เลย เหมือนเรียบเรียงออกมาจากใจเราเลย
ยิ่งตอนแอมพยายามช่วยให้เจมกลับมาสดใสเหมือนเดิม ในหัวเราคิดแต่ว่า เอ็งไม่มีสิทธิ์โว้ยยย ไปเรียกพี่หนึ่งมาาา
แล้วพี่หนึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เฮ้อ สบายใจ เป็นคนที่มีความมั่นคงทางอารมณ์จริงๆ เฮียคลินของน้อง

อ่านจบแล้ววววว
ยาวหน่อยนะคะ เพราะอินมาก 55  :katai4:
เราชอบพี่หนึ่งมากกกกกกกกกกกกกก
พี่หนึ่งเป็นพระเอก พระเอกจริง ๆ พระเอกที่เป็นคำคุณศัพท์เวลาเราจะชมใครสักคน
ไม่ใช่แค่พระเอกเพราะตำแหน่ง
ยิ่งตอนที่เจมถูกอ๋อมแอ๋มทำมิดีมิร้าย ซึ่งเรามองว่าจุดนี้เป็นจุดสำคัญของเรื่องเหมือนกันนะ
เพราะมันทำให้เห็นชัดมากว่านอกเหนือจากการความรักและการดูแลที่พี่หนึ่งให้เจมมาตลอดตั้งแต่เจอกัน
(ตอนแรกเราจะพิมพ์ว่าตั้งแต่เริ่มจีบ แต่จริง ๆ พี่หนึ่งเขาก็ทำเรื่องทำนองนี้มาตั้งแต่เป็นเฮียคลินสมัยกางเกงน้ำเงินแล้วหนิเนอะ)
พี่หนึ่งยังสามารถปกป้องคุ้มครอง ให้ความอบอุ่น ความมั่นคงทางอารมณ์กับเจม เป็นที่พักพิง(เอนซบ)ให้เจมได้ ในตอนที่เจมเจอเรื่องร้าย ๆ มา แล้วก็เห็นความรักของพี่หนึ่งชัดเจนจากเรื่องนี้ด้วย พี่หนึ่งไม่ได้คิดกับเจมในแง่ลบเลย
ถ้าพี่หนึ่งสับสนก็ไม่ได้แปลว่าไม่รักนะ เราถึงบอกว่านอกเหนือจากความรักแล้วพี่หนึ่งยังมีความมั่นคงด้วย ซึ่งเราว่าตรงนี้ช่วยจิตใจเจมได้มาก

ในส่วนของเจม เราประทับใจเจมนะ โดยเฉพาะเรื่องพี่โป๊ะ
ที่เจมบอกทำนองว่าเจมรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง แต่เพราะปลายทางคือการได้รักพี่หนึ่ง เจมถึงได้ละทิ้งอดีตไป
ซึ่งเราว่าตรงนี้ต้องใช้ความเข้มแข็งไม่ใช่น้อยเลย เพราะเจมมีพี่หนึ่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยแหละนะ  :กอด1:

ไม่ว่าจะนิยายหรือละครเรื่องไหนเรามักไม่มองว่าพระรองเป็นคนดี (แต่ก็ไม่ใช่คนเลว)
เพราะที่ทำไปก็เพราะรัก ทำเพราะตัวเองมีความสุขทั้งนั้น
รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเจ้าของและไม่ได้รักตัวเอง ถ้ามีจิตสำนึกจริง ๆ เป็นคนดีอย่างนั้นจริง ๆ จะใกล้ชิด จะดูแลตลอดเวลาหรอ
คนที่เรียกว่ามีน้ำใจนี่โดยทั่วไปต้องทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใช่มั้ย
แล้วไอ้การที่ทำเพราะอยากให้เค้ารู้สึกดีกับตัวเองจะเรียกว่ามีน้ำใจ จิตใจดีหรอ
การที่เราทำดีกับอีกคนเพราะเราอยากให้เค้ารู้สึกดีกับเรามันไม่ใช่ความมีน้ำใจหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันเลวร้าย
เพียงแค่มันไม่ควรเรียกว่าคนดี เพราะสุดท้ายที่ถอยเพราะอะไร เพราะ "ถึงทำดีต่อไปเค้าก็ไม่เห็นค่า ไม่หันมามอง" มันก็บอกแต่แรกแล้วว่าจริง ๆ หวังอะไร ไม่ใช่ "ทำดีไม่หวังผล" อย่างที่ว่าสักหน่อยนี่
แต่เราว่าสิ่งที่พระรองส่วนใหญ่ทำคือการเอาความดีชนะใจเขาเนี่ย ยังไม่เลวร้ายเท่าที่อ๋อมแอ๋มทำเลย
พอเห็นสิ่งที่อ๋อมแอ๋มทำแล้วเรารู้สึกว่า .. นี่สินะ เขาถึงได้เรียกว่า ... ขืนใจ
ที่พี่สาวของอ๋อมแอ๋มบอกว่า เห็นแก่ตัวไม่ได้แปลว่าไม่รัก อืม ก็ใช่นะ
แต่ไม่ได้แปลว่าเห็นแก่ตัวเพราะรักแล้วจะไม่ผิดนี่ รักมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ
ยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าจะลบเลือนหรือบังความผิดได้เลยหรอ
เรามองว่าที่พี่เอิงพูดแบบนี้ก็เพราะเข้าข้างอ๋อมแอ๋มด้วย
บางมุมรู้สึกเหมือนเขาคิดว่าเป็นความผิดเจมด้วย ที่ไม่รักน้องชายเขา
ว่าไปแล้วอ๋อมแอ๋มกับพี่โป๊ะนี่ก็ดูเป็นคนคล้าย ๆ กันนะ
ทำเหมือนตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก
บังคับให้คนอื่นทำแบบนั้นแบบนี้เพื่อความต้องการของตัวเอง
คือควรจะเคารพการตัดสินใจของคนอื่น เคารพชีวิตคนอื่นมากกว่านี้
จริง ๆ เราคิดว่ามันไม่แฟร์กับเจมและพี่หนึ่งเท่าไหร่
พี่โป๊ะเองก็อ้างความรัก ความรักที่ตัวเองมีให้คุณลูกแพร และความรักที่คุณลูกแพรมีให้พี่หนึ่ง
แต่มันไม่ได้เป็นความผิดพี่หนึ่งเลยนะ ที่ไม่รักคุณลูกแพร และรักเจม
เรื่องอ๋อมแอ๋มก็ไม่แฟร์กับพี่หนึ่งและเจมเหมือนกัน
พี่หนึ่งกับเจมก็ไม่ได้ผิดเลย แต่หลังจากเกิดเรื่อง พี่หนึ่งและเจมดูใช้ชีวิตยาก ต้องทุกข์ ต้องปรับความเข้าใจกัน
ก็ต้องขอบคุณสิ่งที่พี่หนึ่งและเจมมีให้กันและกันที่เราได้พูดไว้ตอนต้น (ความรัก ความมั่นคง หนักแน่น ฯลฯ)
ที่ทำให้ทั้งคู่ผ่านมันมาได้
ส่วนอ๋อมแอ๋ม ยิ่งเราเห็นอ๋อมแอ๋มทุกข์ เรายิ่งไม่เห็นใจและรู้สึกเกลียดอ๋อมแอ๋มมากขึ้น
แล้วตอนที่จะทำ ทำทำไม คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงถ้าไม่ใช่แบบนี้
เจมจิตใจดีมาก ทั้ง ๆ ที่โดนทำร้ายขนาดนั้นยังเป็นห่วงอ๋อมแอ๋มว่าจะนอนที่ไหน อย่าไม่กลับไทยเพราะเจม ฯลฯ

เห็นอ๋อมแอ๋มแล้วนึกถึงเพลงรถของเล่นของเสือโคร่งที่ร้องว่า

"ว่ามันต้องใช้น้ำตาแค่ไหนต้องร้องไห้กี่ค­รั้ง
ให้เขาและเธอทิิ้งขว้างความรักแล้วเลิกลา
ให้เธอเห็นว่ารักของผมให้เธอได้มากกว่า
ต้องใช้สักกี่น้้ำตาให้เธอเห็นใจ"

คนไม่รักยังไงก็ไม่รัก
อ๋อมแอ๋มไม่ได้ผิดที่รักเจม แต่ผิดที่ทำลายความรักคนอื่นนะเราว่า  :fcuk:
ความรักของอ๋อมแอ๋มเองอ๋อมแอ๋มยังอยากให้คนอื่นเห็นค่า
แล้วความรักของคนที่อ๋อมแอ๋มรัก ทำไมอ๋อมแอ๋มไม่เห็นค่าและทำลายมัน

ถ้าจะถามถึงความผิดของพี่หนึ่งกับเจมก็คงเป็นการไว้ใจอ๋อมแอ๋มมากเกินไป
อ๋อมแอ๋มอยู่กับเจมสองต่อสองเป็นปี
สำหรับคนที่ความรักชัดเจนในใจ และไม่ได้คิดจะตัดใจ ยังคิดไม่ซื่อกับเจม อยากเปลี่ยนใจเจมตลอดเวลา
การที่จะออกมาแบบนี้ก็มีึความเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าไม่แบบนี้ก็อาจเป็นแบบที่ว่าเจมหวั่นไหว
คนแต่งก็ปูมาตั้งแต่ต้น ๆ เรื่องแล้วว่าอ๋อมแอ๋มเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองและชอบสรุปไปเอง
ในขณะที่เจมก็เป็นคนหนักแน่นและชัดเจนตั้งแต่แรก ๆ
อาจจะเพราะเจมเองก็มั่นใจในความรู้สึกตัวเองด้วย เจมถึงได้ไม่ระแวงที่จะอยู่กับอ๋อมแอ๋มที่เจมยังมองว่าเป็นเพื่อน

การที่เราสับแหลกอ๋อมแอ๋มไม่ได้แปลว่าเราไม่ชอบที่คนแต่งแต่งออกมาแบบนี้นะคะ
เพราะอย่างที่เราพูดไปแล้วว่าที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ก็ดูมีที่มาที่ไป มีเหตุมีผล

ถึงแม้ว่าจะเห็นด้วยกับที่พี่หนึ่งบอกว่าเจมไม่เคยทำร้ายใครเลย คือทำไมเจมต้องมาเจออะไรแบบนี้ สงสารเจมมาก
แต่ยิ่งอ๋อมแอ๋มทำร้ายเจมมากเท่าไหร่ มันยิ่งทำให้เห็นชัดว่าพี่หนึ่งพระเอกมว๊ากกกกกกกกกกกกกก
จริง ๆ เราไม่ชอบที่อ๋อมแอ๋มทำเลย เกลียดและโกรธมาก มันเลวร้ายมาก
แต่ก็พยายามมองในแง่ดี ทั้งเรื่องความรักความมั่นคงที่พี่หนึ่งกับเจมมีให้กัน และเรื่องที่ว่ามันก็มีเหตุมีผล ที่มาที่ไป
สำหรับเรื่องนี้เราให้  o13 นะคะ ชอบมากกกก  ตอนอ่านก็ท่าประมาณ  :ling1:  55
อยากให้ตีพิมพ์เป็นหนังสือจังเลย อยากเก็บไว้ หลงรักพี่หนึ่งกับเจมมาก ๆ   :impress2: :L2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 18-10-2018 14:56:20
ประทับใจความรักของทั้งคู่มากกกก ช่วงย้อนอดีตก็อบอุ่นกับความรักของพี่รชาที่คอยดูแลน้องชาตลอด ๆ ชอบมาก ๆ
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: NYpat ที่ 26-11-2018 14:09:39
จะมีใครที่เหมือนพระเอกเรื้องนี้บ้าง  โคตรรักนายเอกเลย  ตามใจทุกอย่าง  ชอบที่ถ้ามีปัญหาก็เคลียร์กันให้จบ  ถ้ามีเหตุผลมาอธิบายก็รับฟัง มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-11-2018 20:48:47
อ่านใหม่.......ก็สนุกอีก  :katai2-1:


ที่หนึ่ง  เจม    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 11-05-2019 01:10:48
ชอบบบบบบ ประทับใจ นิยายที่ดี เหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายแต่คุณนักเขียนผูกเรื่องได้สมูธอ่ะ เราไม่รู้สึกขัดใจใดๆเลย ประทับใจจริงๆ ซาบซึ้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตของเจมมากๆ งานชิ้นนี้ของคุณเราชอบมากค่ะ :3123: :L2:
ขอบคุณตัวคุณเมื่อปี2013ที่แต่งเรื่องนี้ให้เราได้อ่าน เราชอบมากจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 13-01-2020 00:51:22
กลับมาอ่านอีก กี่ครั้งก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม รัก เจมและพี่หนึ่ง หรือคฤณที่รักเจ้าเจม อยากมีคุณคฤณบ้างอะ ชอบ  :o8: 555555 คิดถึงนะ รักเรื่องนี้เสมอ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 17-01-2020 12:23:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: SeventeenCarat ที่ 24-04-2021 19:18:56
เนื้อเรื่องดี หน่วงเป็นพักๆ

ชอบพระเอกแบบนี้ รักเดียวใจเดียว เสมอต้นเสมอปลาย

ส่วนแอมนี่เกินไป รัก/หลงจนขาดสติ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรมาเจอเหตุการณ์แบบนั้น สงสารน้องเจมเลย

ใดๆคือชอบฉากที่จิวกับเจมอยู่ด้วยกัน ความรักพี่น้อง น่ารักสุด

 :impress2:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 30-05-2021 20:21:07
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 22-07-2023 01:29:15
 :mew1: น่ารักมากครับ เรื่องนี้
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 04-03-2024 19:18:58
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)
หัวข้อ: Re: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 04-03-2024 19:21:33
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw (https://www.youtube.com/watch?v=HMk_TW7icaw)


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว AIS เอไอเอส ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3 (https://web.facebook.com/media/set/?set=a.1735334963401198&type=3)

เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า AIS ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU (https://www.youtube.com/watch?v=9tfjDajR-yU)