Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Hear, Me (ตอนพิเศษ 290414 : Forget? Me? Not!!  (อ่าน 419340 ครั้ง)

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #30 เมื่อ04-01-2013 23:47:01 »


ห้องผมไม่รก เฟอร์นิเจอร์ก็มีแต่ที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมันเป็นรังนอนฉุกเฉินของผมกับจิว เราไม่อยากให้มันสบายหรือน่าอยู่กว่าบ้านเรา เพราะไม่อยากติดคอนโดแล้วปล่อยให้แม่เหงาอยู่บ้าน

ผมเปิดประตูห้องนอนผมแล้วก็พุ่งหลาลงเตียงทันที มีเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมา แต่ผมไม่ได้เหลียวไปดูว่าแขกกะทันหันคนนี้ทำอะไรกับห้องผม

นอนมึนๆ อึดอัดกับน้ำเมาและเรื่องมึนๆ ที่เพิ่งเกิดอยู่ไม่นาน ผ้าเย็นก็แปะซับลงบนแก้มผมเอง

“หือ? พี่หนึ่ง ทำอะไรครับ?”

“เช็ดหน้าให้ เจมจะได้ไม่มึนมาก ในครัวนี่ทำอะไรได้รึเปล่า พี่ทำซุปให้นะ”

“ไม่เป็นไรครับ เจมนอนพักเดี๋ยวก็หาย จริงๆ เจมไม่ได้เมาด้วยซ้ำ แค่มึนนิดเดียวเอง”

“พี่อยากทำให้”

“พี่อยากทำให้ทำไมครับ” ผมถามเสียงดังขึ้นหน่อย ตั้งแต่ที่เขาพูดกับผมในรถตอนที่ร้องเพลงให้ฟังรอบแรก จนถึงการเดินเข้ามาขวางทางไอ้แอมกับผม และพาผมกลับมาส่งที่คอนโด ผมอยากรู้ว่าเขาทำทั้งหมดนี่ให้ผมทำไม

“ก็...มันเป็นเรื่องดีนี่ ทำดีกับเจมไม่ดีตรงไหน”

“ตรงที่เจมไม่รู้ว่าพี่หนึ่งต้องการอะไร”

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไร”

“หรอครับ?”

“จริงๆ ก็ ต้องการนิดหน่อย”

“พี่หนึ่งต้องการอะไร?” ผมถามอย่างใจกล้า ระหว่างนอนหงายมองหน้าเขาที่โน้มลงมาทุกครั้งที่กดน้ำหนักผ้าเย็นๆ ลงบนแก้มผม

“ต้องการให้หมาเจมกินซุปร้อนๆ ไปล้างหน้าล้างตาล้างหัวให้หายมึน แล้วค่อยมาถามพี่ใหม่ ว่าพี่ต้องการอะไรจากเจม”

“..............”

“ตอบตอนนี้ เจมก็ลืม เพราะเจมกำลังกึ่มๆ เชื่อพี่เถอะ นะครับ” ผมแพ้อีกแล้ว ถ้าเขาเป็นพี่ชายผม ผมคงอ้อนทั้งวันทั้งคืนแน่ๆ สุดท้ายเขาก็ดึงแขนผมขึ้นจนผมยอมยืนด้วยตัวเอง และดันตัวผมไปยังห้องที่เขาคิดว่าคือห้องน้ำ แต่มันคือประตูตู้เสื้อผ้า พี่หนึ่งหัวเราะเขินๆ แล้วก็ละมือจากการจับจูงผมไปหมกตัวเองอยู่ในครัว ระหว่างที่ผม...อาบน้ำแม่งเลย


ผมรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยๆ ก็สดชื่นขึ้นในขณะที่นาฬีกาบอกเวลาตีสองแล้ว
ซุปเห็ดรวมส่งควันมาเตะจมูกจนผมรู้สึกว่ารูจมูกขยายขึ้นอัตโนมัติ และรอยยิ้มผมก็กว้างขึ้นอัตโนมัติ

“หอมจังครับ อื๋อ? ห้องเจมมีเห็ดด้วยหรอ? แล้วมีชามแบบนี้ด้วยหรอครับ?”

“หึ! เจมกลับบ้านบ่อยกว่าค้างคอนโดสินะ” พี่หนึ่งเดาได้ถูกเผง ผมพยักหน้ายอมรับแล้วถลกขากางเกงเพื่อนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้แล้วลอยจมูกไปมาเหนือชามซุปที่มีควันกรุ่นลอยขึ้นมาบางๆ
“กินซะสิ”

“เห็ดนี่มันไม่เน่าหรอครับพี่หนึ่ง เจมจำไม่เห็นได้เลยว่าเมื่อเร็วๆ นี้เจมหรือจิวซื้อเห็ดมาไว้ที่คอนโด”

“พี่ลงไปหาในซุปเปอร์น่ะ ไปเจอที่หนึ่งที่เขาเปิด 24 ชั่วโมงพอดี มีพวกของสดด้วย เคยไปบ้างมั้ย?” ผมส่ายหน้าแล้วยิ้มแหะๆ แล้วจ้วงซุปเข้าปากทันที

“โอ้ยยยยยย!!” ผมโวยลั่นแล้วสูดลมเข้าปากทันที ซุปแม่งร้อนอ่ะ คนทำก็ไม่เสือกบอกว่าแม่งโคตรของโคตรร้อน นายคฤณหัวเราะผมจนหูแดงแล้วก็ดึงชามซุปไปตรงหน้า เฮ้ยๆ ผมยังไม่อิ่มอ่ะ ซุปนั่นของผมนะ ถึงเขาจะเป็นคนทำแต่ก็ไม่ควรริบคืน

“พี่หนี่ง ของเจมนะ”

“พี่เป่าให้ ลืมบอกว่าร้อน เจมไปหาน้ำมาดื่มไป”

“ได้ ได้ แต่ซุปของเจมนะ” ผมกำชับแล้ววิ่งดุ๊กๆ เปิดตู้เย็นรินน้ำทันที พอกลับมาก็เจอซุปที่ทอนความร้อนลงไปแล้ว คนทำเลื่อนชามซุปมาให้ผมแล้วผายมือเชื้อเชิญ

“ค่อยๆ จิบเอานะ”

“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มเขินแล้วก็ละเลียดชิมซุป อืม อรอ่ย หอม อุ่นกำลังดี ทำไมวันนี้กินซุปแสนธรรมดาแต่เสือกมีความสุขจังวะ

“อื้อพี่หนึ่ง!” ผมทักขึ้นตาเหลือกเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
“พี่หนึ่งยังไม่ได้ตอบเจมเลยนะครับ พี่หนึ่งทำดีกับเจมเนี่ยต้องการอะไร?”

“หึ หึ คิดว่าลืมไปแล้วซะอีก คนเมาความจำดีด้วยหรอเนี่ย” เขาเฉไฉอยู่สินะ เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้ ผมตักซุปมาอมไว้ก่อนกลืนแล้วส่งเสียงเอร็ดอร่อย

“เจมความจำดี จำได้หมดแหล่ะครับ แล้วเจมก็ไม่เมาด้วย พี่หนึ่งตอบสิ”

“ความจำดี งั้นก็ต้องจำได้สิว่าคุณอรินทร์บอกว่าชอมเจม” แดกจุดเลยกู ผมคิดว่าตัวเองไม่ใส่ใจเรื่องที่ไอ้แอมพูดเพราะมัวแต่วุ่นวายคิดตามสิ่งที่นายคฤณกำลังทำ แต่เขากลับเป็นคนลากให้ผมวนไปคิดเรื่องไอ้แอมอีกจนได้

“หือ? คนความจำดีจำได้รึเปล่าว่ามีผู้ชายมาบอกว่าชอบ”

“เจมเจอออกบ่อย คนชอบก็ดีกว่าคนเกลียด” ผมเฉไฉบ้างเลยโดนนายคฤณผลักหัว โอย ผลักแรงซะซุปแทบร่วงจากปาก ผมทำหน้างอแงนิดเดียวก็ดื่มน้ำ เลี่ยงไปแปรงฟันแล้วห่าวประกอบให้นายคฤณรู้ว่าผมง่วงมากๆ แล้ว

“ฝันดีนะครับเจม” เขาบอกคำเดิมเมื่อผมแสดงออกว่าง่วง นายคฤณพาตัวเองไปอยู่ที่หน้าประตู เขาจะกลับแล้วหรอ? เอาไงดีวะ? จะปล่อยให้กลับไปตอนตี 3 ก็ดูแย่เพราะเขาทำดีกับผมตั้งมาก เขามีน้ำใจกับผม ผมก็ควรมีน้ำใจกับเขาสิ

“เอ่อพี่หนึ่ง!”

“หืม?” คนหน้าประตูกระทุ้งรองเท้าลำลองเบาๆ พลางมองหน้าผม เขาเปลี่ยนเป็นยืนพักขอกอดอกมองผม มุมปากแม่งยกขึ้นด้วย แอบยิ้มอยู่รึเปล่าวะ

“พี่หนึ่ง...นอนห้องเจมเถอะ ดึกขนาดนี้ ขับรถกลับก็นอนได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องตื่นแล้ว จริงๆ แล้วตอนตี 3 นี่ก็ฤกษ์ไม่ดีเท่าไหร่ มันฤกษ์ผีออก โบราณเขาห้ามเดินทาง”

“โอเคครับเจม พี่ตัดสินใจนอนกับเจมตั้งแต่เรียกพี่แล้ว เหตุผลอื่นช่างมันเถอะ ไปสิ นอน” ง่ายว่ะ หึหึ ผมยิ้มดีใจแล้วรีบหันหลังให้เพื่อวิ่งก้าวกระโดดไปทิ้งตัวลงเตียง พอได้ยินเสียงปิดประตูห้องนอนไล่หลัง ผมก็ขยับเปิดพื้นที่ให้เพื่อนนอนหน้าใหม่

“เออจริงสิ แล้วเจมไม่กลัวพี่หรอ?”

“เฮ้ย! กลัวทำไม? พี่จะทำอะไรเจมหรอ?”

“ก็พี่นอนดิ้น” สันหลังผมเสียววูบเลยครับ สารภาพเลยว่ากลัวโดนนายคฤณถีบอีกรอบ แต่ก็นะ ผมเป็นฝ่ายชวนเขานอนค้างเองนี่นา ยอดชายนายชานนท์พูดคำไหนก็จะทำตามนั้น คำพูดเป็นนายเสมอครับ ฮ่าๆๆ

“ไม่เป็นไร งั้น..เดี๋ยวเจมนอนขอบๆ เตียง พี่หนึ่งก็นอนขอบๆ ตอนดิ้นคงเตะมาไม่ถึง” หรอ? ผมถามตัวเองเมื่อเหล่มองเตียงที่เล็กว่าเตียงคิงไซส์ที่บ้าน หน้านายคฤณสื่อชัดเจนว่าคิดเหมือนกันกับผม แต่เหล่กันไปมาไม่นาน เขาก็หาทางออกให้

“จริงๆ แล้ว ถ้านอนโล่งๆ พี่จะดิ้น แต่ถ้าที่มันแคบลง พี่ไม่ดิ้น เท่าที่เพื่อนๆ บอกมานะ”

“แคบๆ หรอครับ? โหย เจมไม่ปล่อยให้พี่นอนโซฟาหรอก”

“พี่ก็ไม่ได้หมายถึงโซฟาครับ เตียงนี่แหล่ะแต่ว่า...จากที่เจมอยากจะนอนคนละขอบเตียง พี่ว่านอนชิดๆกันไว้ เท่านี้ที่ก็แคบแล้ว”
“อีกอย่าง เตียงนี้ก็ไม่ใหญ่มาก แต่เรานอนกัน 2 คนก็ถือว่าเป็นพื้นที่เบียดแล้วครับเจม”

“เอางั้นหรอครับ?”

“ไม่เอาแบบนี้ พี่ไปนอนโซฟาก็ได้”

“โหยๆ ไม่ได้ครับพี่หนึ่ง นอนด้วยกันนี่แหล่ะ เจมเกรงใจ วันนี้พี่ทำอะไรให้เจมตั้งหลายอย่าง”
“นอนเถอะครับ” ผมใจกล้าหน้าด้านทิ้งตัวลงนอนแล้วตบเตียงปุๆ เป็นเสี่ยเรียกอีหนู นายคฤณยกมุมปากยิ้มอีกแล้ว นี่เขาคำนวณไว้ในใจรึเปล่าวะ? เขาเอนตัวลงนอนข้างๆ ผมแล้วก็ตะแคงหาทันที พอผมทำตาโตถาม เขาก็บอกว่า “พี่ถนัดนอนตะแคงครับ เจมอึดอัดหรอ? งั้นพี่ไป”

“พอเถอะครับ พี่อยากนอนยังไงก็นอนเลย” ผมตัดปัญหาทุกอย่างเพราะกลัวจะเช้าเสียก่อนว่าได้นอนกัน นายคฤณยิ้มเย็นๆ ให้ผมดูก่อนนอนแล้วก็คว้าตัวผมไปกอดไว้แน่น

อื้อหือออออออออออ มากไปป่าววะ?
ผมดันตัวออกแล้วเบิ่งตาขู่ถาม คำตอบเขาทำให้ผมอ้าปากด่าอะไรไม่ได้

“ก็เจมบอกให้นอนตามสบาย พี่ติดหมอนข้างนี่ครับ”

แม่ง...นี่ฉวยโอกาสกับกูอยู่รึเปล่าวะ?
ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ นะว่านายคฤณกำลังจีบผมอยู่!



เช้าวันเสาร์นี่ผิดแผกแตกต่างไปนิด เพราะผมตื่นขึ้นในคอนโดส่วนตัว แต่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาคนเดียว
“อรุณสวัสดิ์ครับเจม” นายคฤณทักทายผมที่ลืมตามองเขาปริบๆ แล้วก็ขดตัวซุกหัวลงกับอกเขาเหมือนเดิม...เดี๋ยวนะ!

“เฮ้ย!!” ผมโวยเสียงดังแล้วกระตุกตัวเองลงจากเตียงทันที นายคฤณนอนหัวเราะท่าทางของผมแล้วก็ลุกขึ้นนั่งเพื่อถาม

“เป็นอะไร”

“เจมกอดพี่อ่ะ เฮ้ย! เจมขอโทษนะครับ”

“ฮ่าๆ หายกัน เพราะพี่ก็กอดเจมเหมือนกัน” โว๊ะ! ไม่ไหวแล้วไม่ไหว แบบนี้มันต้องถามให้รู้เรื่อง นายคฤณชักจะคลุมเคลือขึ้นทุกวี่วัน

“พี่หนึ่ง ล้อกันเล่นใช่ป่ะเนี่ย แบบนี้ไม่ดีนะครับ ผมไม่อยากโดนแฟนพี่ฉีกแขนขาก่อนฆ่าทิ้ง”

“พี่ไม่มีแฟนครับ”

“ไม่มีก็เล่นแบบนี้กับเจมไม่ได้ เจมเป็นผู้ชายนะพี่”

“พี่ก็เป็นผู้ชาย ไม่เห็นรู้สึกเสียหายที่เจมนอนกอดเลย”

“.............”

“ก็อุ่นดีไม่ใช่หรอ?”

“เจมถามจริงๆ เถอะพี่ ตอบเจมเถอะนะครับ ไม่งั้นเจมงงตายเลย”

“ครับ? อะไรหรอ?”

“พี่จีบเจมอยู่ใช่มั้ยครับ?”

“รู้ตัวช้าจังครับ” พระเจ้า! ไอ้คุณคฤณตอบได้หน้าตายมาก เขาส่งยิ้มให้ผมแล้วก็หัวเราะพออกพอใจที่หน้าผมเหวอจนลืมหุบปาก หมอนี่เดินเข้าห้องน้ำเฉยเลย ปล่อยให้ผมยืนตาค้าง นี่ผมฝันอยู่รึเปล่า? แล้วทำยังไงผมถึงจะตื่นวะเนี่ย
“เจมครับ มาล้างหน้าเถอะ เดี๋ยวได้ทำข้าวเช้ากินกัน”

ผม...ไม่ได้ฝันว่ะ

ผมแปรงฟันลอยๆ กินโบโลน่าทอดลอยๆ แล้วก็ช่วยเขาล้างจานแบบลอย มันไม่เคลียร์ไงครับ ไม่เคลียร์เลยแม้แต่นิด
คนเรา จะรักนะชอบจะจีบ มันควรมีที่มาที่ไป แล้วที่ผมเจอะเจอนี่มันอะไรกัน จู่ๆ ไอ้แอมก็มาบอกว่าชอบผม อีกจู่ๆ ถัดมา นายคฤณก็ยอมรับว่าจีบผม

นี่ผมถูกชอบถูกจีบตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วความรู้สึกพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไงผมยังไม่รู้เลย ให้ตายเถอะ! ผมโง่หรือพวกนี้มันทำอะไรให้ผมรู้ตัวน้อยเกินไปกันแน่

“วันนี้เจมต้องไปทำธุระอะไรรึเปล่าครับ”

“อืมม ไม่ครับ”

“งั้น ไปเดทกันนะ”

“หือ?”

“ก็พี่จีบเจม ก็เลยชวนไปเที่ยวกัน ไปกัน 2 คนนี่แหล่ะ ขับรถไปเรื่อยๆ อยากแวะก็แวะ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบสงบๆ แค่นี้เอง ได้มั้ยครับ”

“พี่หนึ่ง...ไม่รู้สึกว่ามันประหลาดหรอครับ พี่จีบเจมนี่เจมเพิ่งรู้ แต่พี่ชอบเจมจนต้องจีบนี่ เจมไม่รู้ว่าเพราะอะไร และเมื่อไหร่”

“วันแรกที่เจอกัน ฟังดูเวอร์หน่อยแต่ว่า รักแรกพบมันคงมีจริงแหล่ะ”
“ก็เจมหน้าตาน่ารัก ดูบริสุทธิ์เหมือนลูกหมาลูกแมว”

“งั้นพี่ก็แค่เอ็นดูเจมมั้งครับ” ผมช่วยเขาชำแหล่ะความรู้สึก แต่นายคฤณกลับหยุดง่วนล้างมือแล้วหันมาหาผมทั้งตัว

“พี่ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดตอลดเวลา แล้วก็ไม่หึงคนที่พี่แค่รู้สึกเอ็นดูหรอกครับ” น้ำเสียงจริงจังขึ้นมาเลยครับ ผมเลยได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วชี้หน้าตัวเอง

“เจมมีอะไรที่ทำให้พี่ชอบหรอ?”

“ไม่มีอะไรเฉพาะเจาะจง แต่พอรวมๆ กันออกมาแล้วเป็นเจม พี่รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ เท่านี้แหล่ะ”
“หรือมันต้องเหตุผลอลังการมากกว่านี้ ขอโทษนะ พี่ไม่มีหรอกครับ ถ้าอยากฟังก็ลองไปถามคุณอรินทร์สิ” แหน่ะ...นี่หึงรึเปล่าวะ? งั้นก็แสดงว่าที่เขาโผล่ไปคั่นจังหวะที่ไอ้แอมบอกว่าชอบผม เขาก็จงใจสินะ

ที่ขอให้ร้องเพลงให้ฟัง มารับ มาส่ง โทรหา ซื้อของให้หมา มาคุยกับแม่ ซื้อเสื้อมาให้ไอ้จิวทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากัน ทั้งหมดนี่ทำเพราะชอบผม?

ตัวลอยแฮะ
ลอยคราวนี้ไม่ใช่เบลอมึน ตั้งรับไม่ทันน่ะครับ แต่ตัวลอยเพราะรู้สึกเลอค่า กร๊ากๆๆ เขาจีบผมอ่ะ เขาเป็นถึงผู้บริหารบริษัทใหญ่โต ทางเลือกเขาน่าจะมีมากมาย แต่เขากลับมาจีบคนตัวเล็กๆ ในสังคมอย่างผม

ไม่ว่าผมจะรู้สึกตรงกันกับเขาหรือไม่ แต่สิ่งแรกที่ผมรู้สึกก็คือ ตัวลอย และผมก็เชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องตัวลอยเหมือนกันทั้งนั้นครับ

ผมไม่เซ้าซี้ต่อ และเขาก็ไม่เซ้าซี้ถามว่าผมคิดยังไงกับเขา ก็ดีครับ มันยังเร็วเกินไปที่ผมจะรู้คำตอบในใจตัวเอง ผมคิดว่าทุกอย่างต้องการเวลา

นายคฤณหายออกจากห้องไปอีกรอบ บอกผมว่าจะไปหาซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยนแล้วค่อยพาผมไปเที่ยวในแบบที่เขาคิดว่าผมต้องชอบ ผมก็ตามใจ ระหว่างที่อยู่คนเดียวในห้องผมก็โทรหาแม่ เพื่อบอกว่าเมื่อคืนเมาแล้วแต่ก็กลับคอนโดปลอดภัยดี และวันนี้มีโปรแกรมเที่ยวกับ...เอ่อ...เพื่อน ค่ำๆ จะโทรบอกแม่อีกทีว่าจะกลับไปกินข้าวด้วยรึเปล่า

หม่อมแม่ก็ใจดี บอกให้ผมงอนเล่นว่า “หม่อมเจมไปดีเถอะ วันนี้แม่จะไปกินข้าวกับน้ำเพชร” ครับ ครับ ทั้งลูกรัก ลูกสะใภ้แสนรัก เหลือใจรักผมมั้ยล่ะนั่น


วางสายจากแม่ไม่เท่าไหร่ โทรศัพท์ในห้องก็ดังขึ้น ผมขมวดคิ้วคิดคำนวณอยู่ว่าใครโทรมา แต่เดินไปรับนี่แหล่ะง่ายสุดที่จะได้รู้แล้ว

“ครับ เจมครับ”

“เจม กูเอง”

“.......”

“กูไง”

“อะ....แอม”

“อืม กูมีเรื่องอยากคุยด้วย ขึ้นไปหาที่ห้องได้มั้ย”


เอาไงดีล่ะกู?
อยากคุยกับไอ้แอมก็อยาก ผมอยากถามมันว่ามันคิดอะไรถึงได้พูดออกมาแบบนั้น และถ้ามันยืนยันว่าคำว่าชอบของมันนั้นจีรังเหลือเกิน เลอค่ามากมาย ทำลายลงไม่ได้เพราะมันจะสูญสิ้นทุกสิ่ง ผมก็จะได้คิดต่อว่าจะทำยังไงให้รูปการความสัมพันธ์ หรือความเป็นเพื่อนแบบกวนตีนกันเอามันของไอ้แอมกับผมจะไม่พังครืน

แต่ว่า...นายคฤณล่ะ
ดูจากเวลาแล้ว เขาน่าจะกำลังรีบกลับมาที่ห้องผม

ผมควรทำยังไงดี?


Cut



ฝากเรื่องความรักป่วนๆ ของน้องเจมไว้
ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ  :3123:

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #31 เมื่อ05-01-2013 00:07:47 »

พูดไม่คิดนะพี่หนึ่ง เจมอย่าให้ตามไปถึงห้องนะนิ่ง ๆ ไว้

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #32 เมื่อ05-01-2013 00:59:34 »

แอมนี่มัน ..........

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #33 เมื่อ05-01-2013 01:30:59 »

รถไฟจะชนกันซินะ

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #34 เมื่อ05-01-2013 02:26:17 »

ยังไงล่ะทีนี้

มาเจ้อะกันแหงๆ เสียใจด้วยนะเจม 555

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #35 เมื่อ05-01-2013 06:35:31 »

ฮือๆชอบเรื่องนี้มาก
ต้องลำบากใจหน่อยแล้วเจม :z2:

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #36 เมื่อ05-01-2013 16:54:57 »

ก็ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบให้ตัวเอง แต่การต้องตัดสินใจมันย่อมมาก่อนคำตอบเสมอ

zodiacniing

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 5 - 4/1/13)
«ตอบ #37 เมื่อ05-01-2013 16:59:14 »

ยังไงต่อล่ะทีนี้

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #38 เมื่อ05-01-2013 22:59:08 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
======


ตอนที่ 6



ร้านกาแฟติดล๊อบบี้เป็นที่ที่ไอ้แอมรอผมอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้เช้ามาก แต่มันก็หาข้ออ้างว่า “เดี๋ยวกินกาแฟรอ ลงมาเร็วๆ หน่อยก็ดี” หนอย! ไอ้อ๋อมแอ๋ม ถ่อมารบกวนกันถึงคอนโดแล้วยังมีหน้ามาสั่งเสียงเข้ม ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียวก็ลงไปหามันโดยที่ไม่ล็อคห้อง เพราะหวั่นๆ ว่านายคฤณจะเข้าห้องไม่ได้ ยืนทำใจอยู่หน้าร้านไม่นานก็ผลักประตูเข้าไป ไอ้แอมยืนขึ้นแสดงตัวทันทีว่านั่งรออยู่ตรงไหน ผมพยักหน้าให้แล้วก็เดินล้วงกระเป๋าดุ่มๆ ไปหา

คุ้กกี้แม่งหอมอ่ะ แย่ว่ะ ไม่ได้เอาตังค์ลงมาซักบาท

“มีไรมึง”

“เรื่องเมื่อคืน” สัดเอ้ย! เข้าเรื่องเร็วและแรงกว่านักแข่งรถระดับจักรวาลกระชากเกียร์  ผมตีมึนเลิกคิ้วส่ายหัวด๊อกแด๊กกวนตีนมัน ไม่รู้อ่ะ ไม่รู้ กูเป็นปลาทอง ขี้หมดไส้ใจก็ลืมอดีต
“มึงจำไม่ได้หรอ? มันถามย้ำ ผมก็ตีหน้ามึนต่อแล้วก็ยอมพูดกับมัน

“เรื่องอะไรอ่ะ? หรือว่าเราได้รางวัลวะ? เออดีๆ แบ่งกันให้เท่าเทียมนะเว้ย กูอยากได้ของอยู่หลายสิ่ง”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วเราก็ได้แค่รางวัลปลอบใจ คนละ 5 พัน ไม่พอปรนเปรอญี่ปุ่นบ้าแบรนด์อย่างมึงหรอกเจม” นี่มึงชอบกูแน่หรอ? ด่าดูยาวมาก ห่า! ดึงเผ่าพันธุ์กูมาแขว่ะอีกต่างหาก

“แล้วมึงมาเรื่องอะไร? เมื่อคืนมีไรหรอ? ไอ้ต้อมไปสร้างวีรกรรมอ้วกรดหัวพี่คนไหนรึเปล่า? มึงได้บอกมันรึยังว่านี่ยังไม่ถึงสงกรานต์ ไม่ต้องรีบอวกรดหัวผู้ใหญ่”

“เจม...จริงจังหน่อยสิมึง” ห่า! มึงจริงจังมึงก็พูดสิ ทำไมต้องให้กูเริ่ม ผมยักไหล่แล้วชะโงกหน้ามองกาแฟในแก้วมัน พร่องไปนิดเดียว ผมเลยเดินไปสั่งคาปูชิโน่มาจิบบ้าง ร้านนี้แม่งก็เปิดแอร์เหมือนลักลอบเลี้ยงแพนด้าพาเพลินเชียว หนาวชิบหาย

“ก็จริงจังมากอยู่นี่ไง”

“เรื่องเมื่อคืน....” ไอ้แอมเกริ่นแล้วก็เงียบไป มันก้มหน้าพลางหมุนถ้วยกาแฟของมันเล่นไปมา ระวังแก้วเวียนหัวนะมึง ผมมองมันจนสังเกตเห็นว่าหน้ามันแดงๆ แดงไปถึงหูก็เลยเอนหลังพิงพนัก

จนคาปูฯ ที่รักของผมมาเสิร์ฟนั่นแหล่ะ มันถึงได้พูดต่อประโยคที่มันเกริ่นเอาไว้ ถ้ามันเว้นช่วงนานกว่านี้ผมหลับแน่ครับ นี่ยอมรับตรงๆ เลย

“เรื่องเมื่อคืน ที่กูเอ่อ...”
“กูบอกว่าชอบมึง มึงจำได้รึเปล่า” ถ้าจำไม่ได้ ผมก็ต้องจำได้ในบัดดลแหล่ะครับ ก็แม่งบอกท้อปปิคมาชัดแจ้งขนาดนี้ กูจะดูโง่มากถ้ายังแกล้งโง่

ผมพยักหน้าหงึกแล้วยกแก้วคาปูชิโนขั้นจิบ งึ้ย! ร้อนอ่ะ แต่จะทำท่าหน่อมแน้มเป่าลมไปมาคงไม่เข้ากับสถานการณ์ ผมเลยทำนิ่งไว้ครับ แต่ลิ้นนี่ชาไปแล้ว

“แล้วมึงว่าไง”

“กูต้องว่าไงล่ะ?  ทางเลือกกูมีไรมั่ง มึงบอกมา” ผมย้อนถาม หวังนิดๆ ว่ามันจะเข้าใจว่าผมหมายถึงผมไม่มีคำตอบให้

“งั้น มึงรังเกียจกูรึเปล่า?” ผมส่ายหัว ถ้ารังเกียจก็คงไม่มานั่งฟังมันอึกอักพูดอยู่แบบนี้
“แล้ว มึงเกลียดกูมั้ย?” ผมส่ายหน้าแล้วก็ใจกล้าจิบคาปูร้อนๆ อีก รอบนี้ไม่ชาแล้วครับ สงสัยเม็ดความรู้สึกยังไม่ฟื้น
“งั้น...มึงก็ชอบกูเหมือนกัน” พรวดดดดดดดดดดดด!! พ่นเลยครับ พ่นทันที มึงเอาอะไรคิดหือไอ้อ๋อมแอ๋ม

ผมรับทิชชู่ที่มันยื่นให้มาเช็ดปากซับคางแล้วก็ปาดโต๊ะส่งท้าย พอคุมความงงได้ผมก็ถามมัน

“มึงชอบกูแบบไหนแอม”

“ก็ชอบอ่ะ อย่าโง่ดิเจม กูชอบมึงไง ชอบมึง”

“แบบไหนล่ะไอ้เหี้ย”

“สัดเจม อย่าให้กูพูดอีกเป็นรอบที่สองนะ”
“กูชอบแบบที่สามารถรู้สึกอยากจูบมึงทุกครั้งที่มึงขยับปากด่ากูนั่นแหล่ะ” ไอ้เหี้ยแอมแม่งซาดิสม์ ผมหรี่ตามองมันแล้วถามอีก

“ชอบกูตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วมึงไม่รู้สึกประหลาดบ้างหรอ? กูเป็นผู้ชายนะ ไม่มีเนินนมให้มึงบี้เล่นเวลาเอากันหรอก” ตรงครับ ตรงมากๆ พูดไปยังอายปากตัวเอง แต่ผมไม่เคลียร์จริงๆนะ

ผมไม่ใช่เกย์แน่นอน ผมชอบผู้หญิง สเปคยังไม่มีเพราะผมเชื่อว่าถ้าคนนี้ใช่ใจมันจะบอก และที่ผ่านมาใจผมไม่เคยบอกเลยว่าชอบผู้หญิงคนไหนแบบลึกซึ้งถึงขั้นอยากหลอมรวมจิตวิญญาณ อยากผูกชะตาชีวิต

เพราะฉะนั้น ผมไม่ดีใจหรอกครับที่ได้ฟังคำว่าชอบจากปากผู้ชายที่มีสถานะเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าปากจะด่ากันได้ทุกวี่วัน แต่ผมกับไอ้แอมก็ไม่ใช่ศัตรูคู่แค้นกันแต่ชาติปางไหน ซ้ำยังเข้าทำงานที่นี่พร้อมๆ กับ ไอ้ต้อมด้วยอีกคน วันมาสัมภาษณ์รอบสุดท้ายผมยังจำได้เลยว่าเจอมัน ซึ่งแม่งก็ทำมุมปากตกให้ผมดู ผมเลยตั้งป้อมไม่ชอบหน้ามันนั่นแหล่ะ

แล้วมันล่ะ เป็นเกย์หรอ? ทำไมมันถึงไม่รู้สึกประลาดใจในตัวเอง และยังกล้าบอกความรู้สึกให้ผมรับรู้ ไม่กลัวเสียเพื่อนรึไง? หรือมันคิดว่าได้ก็ดี ไม่มีใจก็ช่างแม่ง

“กูรู้ว่ามึงเป็นผู้ชาย แล้วกูก็เคยตัดใจแล้ว รสนิยมกูไม่ได้เปลี่ยนนะ กูเอาผู้หญิงได้ และกูก็เอามาตลอด” บอกกูทำเหี้ยไรไอ้แอมจอมเก็บแต้ม

“แต่ความรู้สึกกับมึง มันลึกขึ้นเรื่อยๆ ที่เคยชอบหน้ามึงเพราะน่ารักดี แม่งก็กลายเป็นชอบทุกอย่างที่เป็นมึง เป็นห่วงมึง อยากดูแลมึง อยากมีส่วนร่วมในชีวิตมึง อยากให้มึงคิดถึง อยากให้มึงรู้สึกเหมือนกัน มันลึกซึ้งจนกูคิดว่ามันเป็นความระ”

“เดี๋ยวไอ้เหี้ยแอม” ผมยกมือห้ามมันไว้ก่อน คำคำนั้นมันมีคุณค่า คนที่จะสัมผัสกับความรู้สึกนั้น ควรรู้ว่ามันมีค่ามากเสียจนไม่ควรพูดออกมาพร่ำเพร่อ
“ก่อนมึงจะคิดว่ามึงมีความรู้สึกนั้นกับกู มึงฟังกูนะ”
“กู...ไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วกูก็ไม่ผิดที่กูหน้าตาน่ารัก”
“เรื่องความรู้สึกมึง กูไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง แต่ในเมื่อมึงเลือกจะบอกกู กูก็เลือกจะบอกมึงตรงๆ เหมือนกัน”

“.............” มันเงียบฟังผม ระหว่างวันมันก็ก้มหน้าลงไปถอนหายใจแล้วเงยหน้าใหม่ รอบนี้ดูเหมือนมันพยายามยิ้มให้ แต่มันยิ้มไม่สดใสหรอกครับ ไอ้มุมปากที่ตกๆ นั่นมันถ่วงไว้

“กูจะเป็นเพื่อนมึงไปตลอดชีวิต”

“ไหนว่าไม่รังเกียจหรือเกลียดกูไง”

“ใช่ไงไอ้สัด แต่ไม่รังเกียจและไม่เกลียด ไม่ได้หมายความว่ากูชอบมึงเหมือนที่มึงชอบกู”
“กูให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน ซี้มากซี้น้อยก็แล้วแต่ระยะเวลา กูขอบใจที่ชอบกู และเลือกจะบอกให้กูรู้ ดีกว่าชอบกู จ้องกูแล้วเอากูไปจิ้นช่วยตัวเอง แบบนั้นกูโกรธเหี้ยๆ แน่”

“..............”

“แอม...เชื่อกูเถอะ กูรู้ตัวกูดี มึงเลือกจะบอก มึงก็ต้องรับผลที่ตามมา”
“กูไม่ได้อยากให้มึงผิดหวังหรอกนะ แต่กูรับความรู้สึกมึงไว้ไม่ได้ว่ะ”
“เป็นเพื่อนกันน่ะ ดีสุดแล้วสำหรับมึงกับกู”

“แล้วกับนายคฤณนั่นล่ะ มึงกับเขาเป็นอะไรกัน”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง”

“มึงชอบเขาหรอ? ไหนว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย แล้วทำไมมึงต้องไปดีดอูคูเลเล่อารมณ์ดีในรถเขาก่อนเราแสดง ทำไมเขาต้องดึงมึงไปจากมือกู ทำไมแม่งถึงได้ลากมึงไปได้อย่างง่ายดายแบบนั้น”
“มึงชอบเขาใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่เรื่องของมึง!” ผมเกือบตวาดกลับไปแล้ว ดีกว่ายั้งอารมณ์ไว้ได้ ผมไม่ชอบใจนักที่มันมาจี้จุดผม มาจ้ำจี้จ้ำไชให้ผมใช้คำพูดมันเป็นมาตรวัดความรู้สึกตัวเอง

“เออ กูขอโทษ”
“แต่กู...เป็นห่วงจริงๆ นะ”

“อืม”

“ดีเหมือนกันที่มึงบอกกูตรงๆ แบบนี้ แต่กูก็ยังเป็นห่วงมึงได้อยู่ใช่มั้ย?”

“มึงทำอะไรได้หมดแหล่ะแอม ตราบใดที่มึงทำด้วยพื้นฐานของความเป็นเพื่อน” ผมบอกจุดยืนที่มันกับผมจะใกล้กันได้มากสุด ยอดชายนายอรินทร์พยักหน้ายอมรับและยิ้มเศร้าๆ ให้ผมมอง มันนั่งถอนหายใจและจิบกาแฟต่อ และก็ทำตัวเป็นพระเอกซึนๆ บอกกับผมว่า “กูขออยู่คนเดียวสักพักเถอะว่ะ กูคงต้องใช้เวลาทำใจนาน โทษที”

เข้าวัดมั้ยมึง? เงียบมาก เดี๋ยวกูพาไปฝากเจ้าอาวาส


ผมจ่ายค่ากาแฟให้มันด้วย พอยิ้มให้มันส่งท้ายแล้วผมก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงวอร์มดุ่มๆ กลับขึ้นห้อง นายคฤณยังไม่กลับมาล่ะมั้ง พอสำรวจทั่วก็มั่นใจว่าหมอนั่นยังไม่กลับมาจริงๆ  นี่มันผ่านไปร่วมชั่วโมงนะ ซื้อเสื้อผ้าก็แค่ที่เอ็มโพเรียมไง บอกมอเตอร์ไซค์เข้าซอยก็ถึงแล้ว อะไรวะ?

กำลังจะโทรถามว่าอยู่แห่งใดแล้ว เขาก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง พร้อมกับแก้วกาแฟร้านข้างล๊อบบี้ที่ผมและไอ้แอมเพิ่งนั่งคุยกัน

นายคฤณเป็นคนร้ายกาจได้อ้อมโลกจริงๆ ครับ

“พี่หนึ่งไปไหนมาครับ นานจัง” ผมแกล้งถามและยิ้มตะล่อม เขายกแก้วกาแฟขึ้นดูดให้ผมเห็นโลโก้ชัดแจ๋ว แล้วก็ตอบเสียงเย็นๆ

“ไปนั่งเป็นเพื่อนเจมในร้านกาแฟ” อื้อหือออ นี่ถ้าเขาคาดคั้นว่าผมคุยอะไรกับไอ้แอมบ้าง ผมคงไม่กล้าปดแม้แต่คำเดียว ดูจากรูปการแล้วแม่งคงนั่งที่ไหนซักทีที่ผมและไอ้แอมมองไม่เห็น แต่เขากลับได้ยินคำคุยของผมกับมันแบบชัดแจ๋ว

“อ่ออ แล้วได้เสื้อผ้ารึเปล่าครับ แล้วจะไปไหนกัน บอกเจมก่อนก็ดีนะ จะได้แต่งตัวถูก” เขาไม่ตอบอะไรแต่เดินไปวางของทุกอย่างไว้ที่โต๊ะหน้าทีวี จากนั้นก็เดินมาขยี้หัวผมแล้วยิ้มให้

“เจมเก่งมากนะ พี่คิดว่าคุณอรินทร์ต้องเข้าใจเจมแน่ๆ” มั้ยล่ะครับ ได้ยินทุกคำ เข้าใจทุกความรู้สึก ซ้ำยังไม่ถามไม่ถกเรื่องราวของผมกับไอ้แอมต่อด้วย ที่เขาชวนผมคุยต่อ ก็มีแต่เรื่องของผมและเขาเท่านั้น

นี่ล่ะมั้งความต่างของนายคฤณกับไอ้แอม
เขาไม่เคยถึงเรื่องคนอื่น แม้ว่าคนนั้นจะเกี่ยวกับผม ไม่เหมือนไอ้แอมที่พูดเรื่องของเขาให้ผมฟัง ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของมัน

และผมก็สบายใจจะอยู่ใกล้กับนายคฤณมากกว่า

นายคฤณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำในห้องนอนผม ส่วนผมมาอาบในห้องไอ้จิวมัน ห้องแม่งรกชิบหายเลย ไม่รู้แม่งจะเก็บไอ้กระดาษห่าเหวนี่ไว้ทำไมนักหนา ถ้าไฟไหม้ขึ้นมา ผมว่าห้องมันจะวอดวายจนหมดไส้สินทรัพย์เป็นห้องแรก

ออกมาก็เจอคนหล่อครับ
หล่อจริงๆ หล่อสุภาพชนมากมายจนผมอยากไหว้สวัสดีเชียว นายคฤณเลิกคิ้วมองผมแล้วก็ยิ้มให้ คำถามแรกจากปากเขาช่างเหมือนไอ้จิวเหลือเกิน

“สภาพนี้?” ทำไมหรอ? ชุดเซอร์ๆ ของผมมันหนักตาดำใครนักหนาหรอ?

“ทำไมอ่ะ พี่หนึ่งอายไม่อยากเดินด้วยหรอ?”

“เปล่าครับ เซอร์ดีๆ งั้นพี่ไปเปลี่ยนดีมั้ย?” เขากางแขนให้ผมมองหุ่นเขาชัดเจน ผู้ชายคนนี้ใส่ยีนส์แล้วเท่ชิบหาย ตูดก็มีไม่มากมาย ขาก็ยาว ไหล่ก็กว้าง ผิวก็ขาว โอ้ย! อยากถามเหลือเกินว่าเคยเดินแบบมาก่อนมั้ย

ผมทำท่าคิดแล้วเดินไปจับๆ เสื้อเขาแล้วก็ให้คำตอบ

“แต่งแบบนี้ก็ดีครับ ดูดีมีเงินถลุงใช้ ถ้าเราแต่งเซอร์กันหมด แวะที่ไหนคงไม่มีใครต้อนรับ” ผมบอกแล้วตบอกเขาปุๆ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสามส่วนลายตารางสีนำเงินเข้มตัดดำ กางเกงยืนส์เข้ารูปแต่ไม่รัดรูป ชายเสื้อยัดเข้าใส่กางเกงหมิ่นจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ รองเท้านี่แอบชำเลืองว่าเป็นหนังหุ้มส้น มีแว่นดำเสียบไว้ที่คอเสื้อด้วย นี่พ่อคุณเหมาเอ็มโพเรียมมาหมดไปเท่าไหร่ครับเนี่ย

ผมหรอ? ฮ่าๆ อย่าให้อวด แต่งตัวเข้ากับเขามากครับ เสื้อยืดเนื้อโปร่งเอาสบายไว้ก่อน สีขาวครับ มีป้ายยี่ห้อผึ่งออกจากปกคอด้านหลัง กางเกงยีนส์ตัวโปรดรัดรูปนิดๆ นิดเดียวจริงๆ แล้วก็ผ้าใบหุ้มส้นสีขาวซีดมาก ฮ่าๆ ผมหล่อกว่าเห็นๆ จริงมั้ย?

“แล้ว...เราจะไปไหนกันครับ?”

“ทะเลระยอง” พร่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงกูชื่อเท็ตสึ ผมอึ้งมากครับยอมรับเลย คือ....คุณมึงครับ กูแต่งตัวเซอร์มากแต่แอบอวดผู้คนได้นะ คุณมึงก็แต่งซะเต็มยศ แต่จะกระเตงกันไปทะเล ไหวมั้ยวะ?
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น เจมไม่ชอบทะเลหรอ?”

“เปล่าครับ เจมชอบ แต่ว่าถ้าพี่หนึ่งบอกก่อน เจมจะได้ใส่ขาสั้นไง รองเท้าแตะด้วย”

“เราไม่ลงเล่นน้ำทะเลหรอก มันไม่มีที่ให้ดำดูปะการัง พี่จะพาเจมไปขี่มอเตอร์ไซค์ชมวิวพระอาทิตย์ตกน่ะ สงบดี”

“อืมมมม” ชุดที่เขาสวมใส่ที่เริ่มเข้าเค้าแล้วครับ โอเค ถือว่าเป็นทริปที่น่าสนใจ เขาเห็นผมกำลังนึกภาพตามละมั้ง ก็เลยบอกเพิ่ม

“เดี๋ยวค้างบ้านพี่คืนนึง แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ หาที่แวะซื้อของฝากแม่เจมด้วยเนอะ”

“หือ? ค้าง?”

“ใช่ ค้าง”
“กว่าเราจะไปถึงก็บ่ายแก่ๆ แล้ว กินข้าวกันแล้วค่อยเข้าบ้านไปเอามอเตอร์ไซค์ สัก 2-3 ทุ่มค่อย...”

“เดี๋ยวครับพี่หนึ่ง พี่จะพาเจมไปค้างต่างจังหวัดหรอ?”

“อื้อ ใช่สิ” จะโอเคมั้ยเนี่ย ระยองนี่แม่งมีกระท่อมกลางป่าและห่าฝนที่คิดจะถล่มก็หล่นลงมารึเปล่าวะ?
“อะไร? คิดอะไรน่ะเจม”

“คิดอะไรไม่เข้าท่านิดหน่อยครับ” ผมสารภาพและยิ้มแหะๆ เขาเลยขยี้หัวผมแล้วผลักเบาๆ พร้อมกับถามหากระเป๋าที่ผมพอจะมีติดห้องสำหรับใส่เสื้อผ้าของผมที่ต้องไปค้างคืน

ผมเห็นเขาถ่ายขนมที่เพิ่งซื้อมาลงถุงย่อยๆ ที่เขาไปหามาจากไหนผมก็สุดจะหาคำตอบ ท่าทางเขาจะเป็นคนรอบคอบและใจเย็นมาก เพราะไม่ว่าผมจะหยิบอะไรใส่ไปกระเป๋า เขาจะเดินมาแหวกดู และถ้าไม่หยิบออกก็จะไปหยิบของอย่างเดียวกันมาโยนไปเพิ่ม อาทิเช่น กางเกงใน ซึ่งมันเป็นของผมอ่ะ มายุ่งอะไรว้า อายนะ!

“เฮ้ยๆ พี่หนี่ง อันนี้จำเป็น”

“เจมเอาไปทำไมต้องสี่ห้าตัว เราค้างคืนเดียว พรุ่งนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกชุด สองตัวก็พอ”

“ฮี่ๆ” ผมหัวเราะทะเล้นแล้วก็ปากไวพูดออกไปว่า
“พี่หนึ่งไม่รู้อะไร นี่มันเกงในแบบล้อคกุญแจ เลยต้องเอาตัวอื่นไปเสริม ปิดรูกุญแจไงครับ”

“หรอครับ? งั้นปั๊มกุญแจให้พี่เก็บไว้ด้วยดอกนึงนะเจม” อูยยยย ไม่น่าเล่นเลยกู ผมเกาหัวยิ้มแหยแล้วก็ตีหน้าสลดมองเขาคว้ากางเกงในผมไปเก็บเข้าตู้ เหลือไว้ให้แค่ 2 ตัวตามที่เขาบอกนั่นแหล่ะ

แล้วนี่แม่งไม่อายหรือเกรงว่าผมจะอายบ้างหรอ?
พอบอกว่าจีบปุ๊บก็ทำหน้าที่จัดระเบียบกางในกูทันทีเลย เอาเปรียบกันเกินไปมั้ย?

ผมเลยคอตกมานั่งมองพ่อคนที่สามจัดเก็บของอย่างใจเย็น ส่วนตำแหน่งพ่อคนที่สองไอ้จิวซิวตำแหน่งไปครองตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย มันทำให้กระทั่งตารางขับถ่ายครับ และแม่ก็เห็นด้วยเพราะว่าตอนนั้นผมเป็นคนไร้ระเบียบมากๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่นิดๆ

เมื่อเรียบร้อยเขาก็เรียกผมและแบมือรอกลางอากาศ และก็ไม่รู้ว่าร่างกายผมนี่เป็นยังไง ถึงได้ส่งมืออันแบนเล็กของผมไปวางบนมือเขาเพื่อให้ถูกเกาะกุมไว้หลวมๆ แต่ความอุ่นดีนุ่มด้วยนี่แล่นมาบอกกันถึงแกนสมองเลย เขายิ้มน้อยๆ และล็อคห้อง เก็บคีย์การ์ดเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองและเดินนำผม ทั้งที่นี่มันถิ่นผมชัดๆ

นายคฤณขับรถไม่เร็วครับ เหยียบมา 140 ไม่มีผ่อนคันเร่ง แต่ผมไม่รู้สึกอันตรายนะ เพราะเพื่อนร่วมทางมีน้อย และเขาก็บอกผมไว้ก่อนแล้วว่า “เส้นนี้พี่ขับกลับแทบทุกอาทิตย์แหล่ะ ง่วงก็นอนได้เลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุก” ผมไม่ใช่คนขี้เซาหรอกนะ แต่แอร์ 23 องศามีผลร้ายแรงกับผมมาก เลยต้องหลับหนีมัน

ตื่นอีกทีตอนแวะปั๊ม คนที่บอกว่าขับเส้นทางนี้จนชินแล้วเขาแวะซื่อกาแฟเข้มสุดขมสุดมาดื่มครับ ผมก็เล็มน้ำอัดลมที่เขาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อเช้านั่นแหล่ะ ขนมก็แทะๆ ขนมปังเลิศรส เล่นเอาผมไม่รู้สึกหิวเลยทั้งที่ตอนนี้มัน 4 โมงกว่าแล้ว นายคฤณเติมพลังด้วยขนมปังในมือผม ครับ...อ่านไม่ผิดครับ เขากินขนมปังจากมือผม ผมไม่ได้ป้อนนะครับ แต่ครัวซองค์แฮมมันมีแค่ 2 ชิ้นและผมฟาดไปแล้ว 1 อีก 1 นี่กำลังฟาดอย่างขะมักเขม้นเลย พอผมถามว่า “พี่หนึ่งกินมั้ย?” เท่านั้นแหล่ะครับ นายคฤณก็งาบเลย

จะไม่หน้าแดงเลยนะครับ เพราะผมไม่ใช่คนขี้เขินอะไรนักหนา แต่ไอ้การเลียนิ้วมือผมที่เปรอะเนยนิดๆ อยู่ 2-3 ครั้งนี้...กูเขินมากกกกกก แล้วกะอีแค่เลียนิ้วจะหลับตาพริ้มทำไม? แล้วท่าเลียลิมฝีปากนั่นอะไร? สายตาที่ส่งให้นั่นอีก

คนเหี้ยอะไรวะ ลิ้นนุ่มชิบหาย ทำกูเขินชิบหาย ใจกระเจิงเว้ย!

“หน้าแดงหมดแล้วเจม”

“ในรถมันร้อน” ผมแก้ตัวน้ำขุ่นมาก นายคฤณไม่ไล่บี้ผมต่อ เพียงแค่สะกิดบ่าผมแล้วจิ้มไปที่หน้าปัดบอกอุณหภูมิ สัด! กูเกลียดมึงไอ้ 23 องศา!

ผมหมดคำแถก็เลยนั่งนิ่งๆ จิ้มเปลี่ยนเพลงในซีดีแม่งเรื่อยเปื่อย เขาคงรำคาญนิดหน่อยเลยปัดมือทิ้งแล้วก็กดเลื่อนเพลงเอง เพิ่งรู้ว่าที่เขาทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะรำคาญผม แต่เขาจีบผมอีกสเตปต่างหาก

เพลงที่ผมร้องให้เขาฟังในรถคันนี้ เมื่อคืนวานนี้ถูกบรรเลงขึ้น แค่ได้ยินสียงอูคูเลเล่นโน๊ตแรกใจผมก็เต้นตึงตังจนผมต้องเบนตัวไปพิงประตูแล้วนั่งเงียบ

“เป็นอะไรครับเจม”

“ขอเป็นใบ้แป๊บนึงครับ” ผมปากไวตอบแล้วก็โดนขยี้แก้มไป 1 ที แม่ง! กูเหมาะกับกิริยาหน่อมแน้มขนาดนี้เลยหรอ? เกิดมาเพิ่งรู้ตัววันนี้แหล่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 17:05:33 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #39 เมื่อ05-01-2013 23:15:51 »

ถึงแล้ว!!! ละมั้ง?
ผมหันมองเขาที่จอดรถเรียบร้อยดีแล้วแต่ไม่ยักกะดับเครื่องแล้วลงจากรถ ตอนนี้เราอยู่ที่หน้าบ้านหลังใหญ่โตครับ สุดปลายถนนน่าจะนำไปสู่ชายหาด รอบข้างก็มีบ้านอื่นประปราย แต่ไม่ใหญ่เท่า แล้วก็อยู่ห่างกันพอสมควรด้วย

“ถึงรึยังครับ?”

“ถึงแล้ว เอ่อ...เจมรอในรถแป๊บนึงนะ พี่...ขอเข้าบ้านก่อน”

“ทำไมอ่ะ เข้าพร้อมกันไม่ได้หรอครับ? ไปเคลียร์อีหนูหรอ”

“ไปจัดที่รออีหนูน่ะ เพิ่งคิดได้ว่ามันรก อายเจม” เขาบอกและหน้าเขาก็แดงประกอบคำพูด ผมหัวเราะขำแล้วก็กระโจนลงจากรถตามก้นเขาไปติดๆ อยากรู้ชิบหายว่ารกของนายคฤณมันจะเลเวลไหนกันเมื่อเทียบกับเจ้าพ่อห้องรกอย่างไอ้จิว

ก็รกนะ
ผมให้คำตอบตัวเอง แต่เป็นระเบียบมากเมื่อเทียบกับห้องไอ้จิว ผมขำคนที่จับผมมายืนนิ่งๆ ที่ข้างโซฟาแล้วก็ลุกลี้ลุกลนเก็บเอกสารที่เกลื่อนโซฟา แล้วพอย้ายผมมานั่งนิ่งๆ ที่โซฟาแล้วก็เก็บโน้ตบุ้คที่ยังเปิดอ้าอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวี เก็บชามอาหารที่ว่างเปล่า แก้วน้ำที่มีน้ำเปล่าแกร่วอยู่กึ่งนึง ทุกอย่างอยู่ในที่ที่ควรอยู่แหล่ะครับ แค่กระจัดกระจายเพราะถูกใช้งานหนักเท่านั้นเอง

พอรู้สึกว่าเข้าที่แล้ว เขาก็ยืนเกาหัวเท้าเอวมองผมแล้วยิ้มเจื่อนๆ สงสัยจะอายที่เสียมาดผู้ใหญ่ที่โตกว่าผม 4 ปีมั้งครับ

“เหนื่อยมั้ยครับพี่หนึ่ง” ผมหยอกถามและยิ้มล้อเลียนเขา นายคฤณยิ่งเขินกว่าเดิมอีก แม่งเอ้ย! ผู้ชายคนนี้น่ารักดีเหมือนกันครับ

เขาพาผมไปเปิดห้อง แหม่ะ! ใช้คำล่อแหลม คือ..เขาพาผมไปยังห้องที่ผมจะใช้ค้างคืนนี้ ส่วนเขามีห้องส่วนตัวอีกห้องนึง เราแยกกันนอนครับคืนนี้ ผมก็ทำท่าเดินชมห้องอย่างสบายใจ ปล่อยให้เขาเช็คความเรียบร้อยของแอร์ ห้องน้ำ ทีวี ตู้เย็นแล้วก็ตู้เสื้อผ้า เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมใช้เขาก็ปล่อยผมไว้ลำพังแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ครับ ชายคฤณเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบ ผมน่ะหรอ? บอกแล้วไงว่าเอาเซอร์เข้าว่า นี่ล้างหน้าก็บุญแล้ว หึ


แล้วสิ่งที่เขาอยากอวดผมก็ชูชัดลำคออวดตา ดูคาติครับ ป้ายเหล็กเล็กๆ ของมันบอกตาผมแบบนั้น
อื้มมม คันละเท่าไหร่ล่ะเนี่ย? ที่ต้องอยากรู้ว่าคันละเท่าไหร่เพราะมันไม่ได้ยืนคอเอียงเป็นระเบียบอยู่แค่คันเดียว
5 คันครับ 5 คัน

แล้วคนซื้อแม่งคงบ้า ไอ้มอเตอร์ไซค์เท่นี่มันมีหลายสีนะครับ ดำ เหลือง แดง ขาว แต่ชายคฤณเขาซื้อสะสม 2 สีครับ ดำ และดำเงา กูเพลียแทนจริงๆ

“เจมเอาคันไหน อยากขี่คันไหน” แหมๆ รีบขยายความเชียว กลัวผมอุ้มมันขึ้นหลังแบกกลับบ้านหรอ? ผมเกาคิ้วที่ไม่ได้กันออกมา 2 อาทิตย์ อืมมมม จะบอกเขายังไงดีหว่า คือ...ผมไม่กล้าขี่มันอ่ะ มันแพง แล้วผมก็ไม่ได้รักความสุนทรีย์จากการขี่ไอ้ดูคาตินี่ด้วย แต่ก็ไม่อยากให้นายคฤณเก้อ อุตส่าห์ให้ผมขี่ของรักเชียว

“พี่หนึ่ง คือเจม...”

“หือ? อะไรครับ?” เกลี่ยจอนหน้าหูผมด้วยนั่น ผมจะไม่ไหวใจกระเจิงก็เพราะเขาชอบมาหือหาใกล้ๆ หน้าผมนี่แหล่ะ

“เจมขี่ไม่เป็น” อ้างแบบนี้แหล่ะดีสุด ผมก็อาย นายคฤณก็เก้อ หยวนๆ เขาหัวเราะหึแล้วลูบหัวผมเบาๆ แล้วก็นำเสนอสิ่งใหม่

“งั้นขี่จักรยานยนต์เป็นมั้ย?” ขอจักรยานคิตตี้นะ เสือภูเขาหรือเสือหมอบไม่เอา ผมไม่ชอบเสือ ผมชอบแมว ผมหันมองตามมุมที่มือเขานำเสนอ เอาเขว้! คิดตี้อ่ะ ไอ้เหี้ย น่ารักชิบหาย!

“อื้อ เป็นครับ เป็น”
“เจมเอาคันนี้” ฮ่าๆ โชว์งกเลยกู ผมถลาไปเกาะคิตตี้สีชมพูไว้เหนียวแน่นแล้วก็ขึ้นคร่อม ลองปั่นล้อฟรีเช็คเบรก เช็คเสียงกระดิ่งแล้วก็ยิ้มร่า ฮ่าๆๆๆ มีอะไรสนุกทำแล้วครับ

นายคฤณยืนหัวเราะผมแป๊บเดียวก็เดินไปเปิดรั้วใหญ่โต เขาคงนึกสนุกด้วยเลยโบกมือเป็นยามให้กับผม
“เอ้าถอยครับ ถอยยย ยาวไป ยาวปายยยยยยย” ฮ่าๆ ไอ้พี่หนึ่งบ้าแม่งน่ารักชิบหาย

และแล้วเราก็ควงคู่ขี่อิแมวกันไปยังสุดถนน ผมเดาถูกจริงๆ ด้วยครับที่สุดถนนเป็นชายหาด ผมก็เลยเดาต่อว่านี่มันต้องเป็นหาดส่วนตัวของเขาแหงๆ

“พี่หนึ่งมาที่นี่บ่อยหรอครับ?”

“อืม พี่มาดูไซท์ที่ระยองบ่อยเลยซื้อบ้านนี้ไว้ ก็เลยได้ชายหาดมาด้วย”

“แบ่งคนอื่นเขามั่งก็ได้มั้งครับ เดินเล่นในหาดส่วนตัวมันเหงา”

“เลยพาเจมมาด้วยกันไง ขอบคุณนะครับ” เขายิ้มให้แบบหล่อเย็นอีกแล้ว เฮ้ย! นี่ผมกำลังจะหลงรอยยิ้มผู้ชายคนนี้อ่ะ หรือว่าหลงไปแล้วกันแน่วะ ผมไม่ตอบอะไร แล้วก็ตั้งหน้าตาขี่อิเมวเซเลบไปตามแนวหาด

พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที่แล้วครับ แสงสีส้มเจือด้วยเหลืองอ่อนกำลังหย่อนตัวเองลงตรงส้นขอบฟ้า นายคฤณพาผมจอดจักรยานไว้ใต้ต้นไม้อะไรซักพันธ์นั่นแหล่ะ ผมไม่รู้จัก แล้วก็พาผมมานั่งคลุกทรายมองพระอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยต่ำ

โรแมนติกมากครับ และก็โรแมนติกมากขึ้นเมื่อเขาดึงมือผมขึ้นมากุมไว้แล้วปัดทรายออกอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ขอบคุณนะครับเจม ที่ไว้ใจมากับพี่”

ผมไม่ได้ไว้ใจเขาเป็นพิเศษนะครับ ผมแค่รู้สึกอยู่ตลอดว่าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้นายคฤณ เท่านั้นเอง



มื้อมืดวันนี้จัดหาโดยนายคฤณครับ พอชมแสงส้มสุดท้ายของวันกันอิ่มแล้วเขาก็พาผมตระเวนไปตามหาดนั่นแหล่ะ นังแมวเซเลบมันคงบ่นกันขรมเพราะพวกผมใช้งานมันหนักมาก เราได้กุ้งสด ปูสด ปลาหมึกสด ทุกอย่างสดหมดครับ ไปเหมาซื้อมาแล้วก็ฝากให้ลุงๆ ป้าๆ แกเอามาส่งที่บ้าน รอยยิ้มที่พวกเขามอบให้นายคฤณนั้นช่างคุ้นเคยกันดีเหลือเกิน สงสัยอยู่ไม่นาน นายคฤณก็เฉลยให้ฟัง

“ลุงๆ ป้าๆ แกหากุ้งหาปูมาขายพี่ประจำแหล่ะ บางทีไปขายที่ตลาดก็โดนกดราคา โดนค่าที่ มาขายบ้านพี่ บ้านแถวๆ นี้เขาซื้อกันไม่ต่อราคาเท่าไหร่ แกก็เลยชอบ”

“อ้อออ” ผมลากเสียงยาวแล้วปาดเหงื่อที่ผุดเต็มหน้าผาก หน้าเตาปิ้งบาร์บีคิวร้อนมากครับ ชานนท์ฟันเฟิร์ม นายคฤณเดินมาดูเตาแล้วก็ดันผมออกห่าง เขาแย่งที่คีบไปพลิกๆ กุ้งเสียเอง ผมก็เลยรักสบายเดินไปกินปูที่เขาแกะไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมน้ำจิ้มโคตรอร่อย นี่บุญจากชาติปางไหนกำลังให้คุณแก่ผมครับเนี่ย

“น้ำจิ้มอร่อยอ่ะพี่หนึ่ง”

“อร่อยก็กินเยอะ เจมกำลังโต” นี่แขว่ะกูป่ะเนี่ย? ผมแอบมองพุงตัวเอง ก็ไม่ป่องนะ แม้จะไม่มีกล้ามท้องกล้ามอกเหมือนใครเขา แต่ผมไม่อ้วนนะ นี่พูดจริงๆ
“กินเถอะ กินเยอะๆ ทำหน้ามุ่ยไปได้ ไม่อ้วนหรอก” แน่ะ! แอบรู้ความคิดผมได้ไงวะ? ผมบู้ปากใส่แล้วก็คว้าก้ามปูโตๆ ที่เขาแงะเปลือกขามันออกจนเหลือแต่เนื้อขาวๆ ปล้องใหญ่มากิน ฮือ อร่อยอ่า...อยากให้แม่กับไอ้จิวอยู่ด้วยจังเลย

“งั้น! พี่หนึ่ง พรุ่งนี้เขาจะมีมาขายอีกมั้ยครับ เจมจะซื้อไปฝากแม่”

“พี่สั่งแกไว้แล้ว” โอเค เขารอบคอบกว่าผมมาก โตกว่าผมมาก ใจดีกว่าผมมาก มีอะไรที่ผมเหนือนายคฤณบ้างเนี่ย? คิดรู้จักหลายๆมุมก็ยิ่งงงว่าคนดีขนาดนี้ หลุดมาจีบผมได้ยังไง?

พอเขาเห็นว่าปริมาณอาหารมันเท่ากับเสบียง 3 เหล่าทัพแล้วเขาก็เดินมานั่งกินปูกินกุ้งกับผมอย่างสำราญใจ ผมแกะกุ้งให้เขาบ้าง หยิบปูแล้วก็เถือกจานปลาหมีกยัดไส้หมูสับที่เขาลงมือทำเองไปตรงหน้าเขาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ตคืนสู่จานผมเสมอ ผมเลยต้องลงทุนเปิดเสื้อให้เขาดูพุงผมว่าหนังมันตึงเป่งมากแล้ว กินอีกนิดมีระเบิดแน่ครับ นายคฤณใช้นิ้วดีดแป๊ะๆ แล้วก็ถามด้วยหน้ากวนส้นตีนที่เขาไม่ค่อยงัดมาใช้นัก

“กี่เดือนแล้วคะ?”

“ไม่แน่ใจค่ะ หลายคนจนจำไม่ได้ว่ารอบไหนพลาด” ฮาๆๆๆ ผมนะที่หัวเราะ นายคฤณแค่เคาะหัวผมแล้วส่ายหน้า แล้วก็เอามือรูดปากที่อ้ากว้างของผมจนหุบแทบไม่ทัน แม่งเล่นแรง

“เจมร่าเริงตลอดเวลาแบบนี้รึเปล่า? หรือท้องอิ่มแล้วจะอารมณ์ดี หือ?” ปลายเสียงหยอดมากครับ แม้จะกรุ่นๆ ว่าเป็นคำแขว่ะผมก็เถอะ ผมยิ้มรับคำถามปนวิจารณ์แล้วกระดกน้ำอัดลมลงคอ เราย้ายจากโต๊ะดินเนอร์ข้างบ้านที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้จนผมกลัวงูดูดเลือด แต่โดนยุงฉกไปหลายตุ่ม เพื่อมาบันเทิงกันอยู่หน้าทีวีในบ้านแล้วครับ ขนมนี่ไม่ขาดเลย ชายคฤณใส่ขนมขบเคี้ยวมาพูนจาน เครื่องดื่มเขาหรอครับ เบียร์กระป๋องเขียว

“เจมก็เครียดเป็นน่า” ผมต่อปากต่อคำ โยนถั่วเคลือบวาซาบิเข้าปาก อูยยย ขึ้นมาถึงสันดั้งเลย แรงจริงๆ พอเห็นผมเกือบโดนถั่วขวางหลอดลม นายคฤณก็หัวเราะไม่เก็บอาการทันที ท่าทางเขาจะเอนจอยวอชชิ่งผมทำตัวเปิ่นๆ มาเลยนะเนี่ย

นั่งย่อยไปคุยไปผมก็เริ่มง่วง พอทำท่าจะไปนอนนายคฤณก็ดึงไหล่ไว้ก่อน ไม่นะ ไม่นะ อย่าชวนเล่นไพ่ ผมโดนแดกตลอดไม่ว่าจะเล่นกับวงไหนก็ตาม

“อะไรอ่ะพี่หนึ่ง”

“โทรหาแม่เจมก่อน บอกว่าค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้จะซื้ออาหารทะเลไปฝาก”
“สิ” สินี่คือคำสั่งครับ สั่งสั้นมากแต่ผมก็ทำตามแต่โดยดี ผมโทรหาแม่แล้วก็คุยให้เขาได้ยินด้วย แล้วนายแม่ก็เหมือนไม่เจอผมมา 10 ชาติ ชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ สัพเพเหระมากมาย เมาท์ไอ้จิวด้วยว่ามันหงอแฟน ฮ่าๆๆๆ แม่ผมก็ถูกอกถูกใจชิบหายที่ลูกชายส่อแววกลัวเมียตั้งแต่ยังไม่ได้แต่งงาน

พอวางสายแล้วเดินกลับที่หน้าทีวีอีกรอบ นายคฤณก็ฟุบหลับตาโน้ตบุ้คไปแล้ว ผมแอบไปดูที่นหน้าจอก็เห็นตารางงานเอ็กเซลซ้อนกันมากมาย เดาๆ ว่าน่าจะโปรเจคงานของเขานั่นแหล่ะ ผมเขย่าตัวเพื่อปลุกและนายคฤณก็รู้สึกตัวตื่นง่ายมาก พอสบตากันผมก็รายงานผลการโทรหานายแม่ให้เขาฟัง เลยเถิดไปถึงการเล่าเรื่องไอ้จิวที่แม่เมาท์ให้ฟังด้วย

เขาตกใจใหญ่โตด้วยครับเมื่อรู้ว่าผมกับจิวเป็นฝาแฝดกัน นายคฤณบอกว่าแม่ผมทำบุญกับประเทศนี้ครั้งใหญ่ไปแล้ว ก็ตอนที่คลอดเด็กผู้ชายน่ารักๆ มาให้ประเทศนี้ 2 คนนั้นแหล่ะ แน๊! ปากแม่งหวาน แต่อย่าให้จิวรู้นะ เดี๋ยวมันชวนเข้าพรรคหลงหนังหน้าตัวเอง

“เที่ยงคืนกว่าแล้ว เจมไปอาบน้ำนอนเถอะ เดี๋ยวพี่เคลียร์งานแล้วตามไป”

“ครับ พี่หนึ่งอย่าทำงานลืมนอนล่ะ”

“ห่วงหรอ? ดีจัง”

“ก็ห่วงสิ พรุ่งนี้พี่หนึ่งต้องขับรถนี่ ถ้าหลับในไปแล้วเกิดอุบัติเหตุแล้วเจมเป็นอะไรขึ้นมา โลกจะสูญเสียแรงดึงดูดทันที”

“เพ้อเจ้อแล้วเจม ไปสิ”
“สิ” ไอ้สินี่แม่งดำรงตำแหน่งอะไรทางการทหารหรอ? กูก็เชื่อมันทุกรอบเลย ผมเดินหัวเอียงขึ้นไปอาบน้ำ

และผมคงระเริงน้ำชุ่มปอดไปหน่อย ถึงได้ออกมาเจอกับนายคฤณในชุดเกือบวันเกิดแบบนี้ หมอนี่มีผ้าเช็ดตัวพันเอวอยู่ผืนนึง ส่วนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพาดอยู่บนหัว เขามองผมที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเหมือนกันแบบงงนิดหน่อย

“พี่มาดูว่าหลับสบายมั้ย ไม่คิดว่าเจมจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เราไปสร้างบ้านในนั้นรึไง นานมาก” นายคฤณขี้บ่น ผมเกาตัวเกาหลังแล้วบอกเหตุผล

“เจมแพ้ยุงอ่ะ ที่โดนกัดเมื่อตอนกินข้าวมันลามไปทั้งหลังเลย”

“อ้าว! ไหนดูซิ” สั่งจบก็จับผมหมุนเป็นลูกบอล เขาลูบหลังผมเบาๆ แล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหัวเขาซับตัวผมอีกแรง

“เดี๋ยวพี่เอายามาทาให้ เช็ดตัวให้แห้งไป จะได้นอน”

“ครับ” อยากรู้ชิบหายว่าถ้าพ่อไม่ตายไปก่อนจะดูแลผมดีขนาดนี้มั้ย? เสื้อนอนก็ของนายคฤณนั่นแหล่ะครับที่ผมใส่ ผมเพิ่งรู้ว่าเขาแทบไม่ได้เอาเสื้อผ้าผมมาเลย แม่งกะให้ผมเป็นชีเปลือยกลับกรุงเทพรึไง ส่วนไอ้ของที่เขาจัดแล้วจัดอีกนั่น มันพวกยาทั้งนั้นครับ คงมองหน้าผมแล้วประเมินเอาว่าผมความเป็นไปได้ที่จะเจ็บป่วยอะไรบ้าง

สุดท้ายไอ้เสื้อที่ใส่ก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะผมโดนจับถอดเสื้อนั่งหนาวอยู่บนเตียง มีนายคฤณนั่งซ้อนหลังบรรจงทายาแก้แพ้ให้ บนโต๊ะข้างเตียงมียาแก้แพ้และน้ำเปล่ารอให้ผมดื่มอยู่ และตาผมก็ปรือเต็มที

“แพ้อะไรอีกบ้างเนี่ย”

“อากาศ”

“โอเค งั้นกินยาแก้แพ้ไว้เลย อย่าดื้อ ที่นี่ตอนเช้าอากาศจะชื้นและเย็นนิดๆ เจมคงไม่พ้นแพ้มันแหล่ะ”
“นึกว่าจะเป็นคนเก่ง ไหงแพ้ธรรมชาติแบบนี้ล่ะ”

“เจมอ่อยให้มันต่างหาก” ผมเถียงแล้วเอียงตัวไปนอนซบหมอน เขาเลยต้องบังคับดึงผมขึ้นมาแล้วจับใส่เสื้ออีกรอบแล้วก็ปล่อยให้นอนตามที่ร่างกายผมอยาก

นายคฤณเอียงตัวนอนลงข้างๆ ผมและตะแคงหันมาหา เขาอมยิ้มนิดนึงก่อนบอกผมว่า “พี่เดาว่าเจมคงแพ้ความมืด แพ้ผี พี่นอนเป็นเพื่อนนะ”

หึหึ เขาเป็นคนร้ายกาจที่อ้อมโลกมาก เห็นมั้ยครับ

ผมหลับตาลงจนแทบปิดสติเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก่อนจะดำดิ่งสู่การพักผ่อน หูผมได้ยินเขาพูดว่า

“ฝันดีครับเจม”

และคราวนี้มันมีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาด้วยครับ
แก้มผมถูกบางอย่างที่นิ่มมากๆ สัมผัส ผมได้ยินเสียงสูดอากาศสั้นๆ
และมากไปกว่านั้น ผมได้ยินเขาพูดมาอีกคำ แต่ไม่รู้ว่าพูดกับผมรึเปล่า

“ฝันดีครับแพร”


Cut


ขอบคุณคุณคนอ่านมากๆ ค่ะ คุณคนเขียนก็จะพยายามบอกเล่าเรื่องราวความรักของน้องเจมต่อไป >,<

ฝากตัวด้วยนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 20:04:08 โดย kajidrid »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-01-2013 23:15:51 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #40 เมื่อ05-01-2013 23:51:20 »

อ้าวววววแพรมาจากไหน

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #41 เมื่อ06-01-2013 01:33:39 »

อย่าดราม่านะ!

อย่าให้นายเอกเราเป็นตัวแทนใครนะ!

ไม่งั้นหนูไม่ยอมจริงจริ๊งง

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #42 เมื่อ06-01-2013 02:47:29 »

หลงรักตัวละครเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ พี่หนึ่งเรียกรอยยิ้มจากเราได้มากเลย ชอบผู้ชายแบบนี้ ดูเป็นมนุษย์คนรวยที่ไม่เคร่งขรึมตลอดเวลา มีมุมโรแมนซ์อบอุ่นน่ารัก อยากได้มาเก็บในคอเลคชั่นสักคน
เจม เป็นคนตรงที่น่ารัก ความรู้สึกช้า เวลาเขาคุยเล่นกับเพื่อนเรียกเสียงหัวเราะจากเราได้เยอะเลย ^^

ติดตามและให้กำลังใจนักเขียนนะคะ ^^_^

zeazaiz

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #43 เมื่อ06-01-2013 03:24:30 »

สนุกมากค่ะ  รออ่านอยู่ทุกวันเลยค่ะ
       

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #44 เมื่อ06-01-2013 04:05:54 »

เอ ใครกันหว่าแพร อย่าบอกนะว่าที่มาตกหลุมเพราะน้องเจมเหมือนคนชื่อแพร

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #45 เมื่อ06-01-2013 04:32:36 »

ง่ะ ใครคือแพร

zodiacniing

  • บุคคลทั่วไป
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #46 เมื่อ06-01-2013 05:53:39 »

แพรเป็นใครล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #47 เมื่อ06-01-2013 06:26:15 »

แพรเป็นใครอ่ะพี่หนึ่ง

ออฟไลน์ phakajira

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #48 เมื่อ06-01-2013 08:59:11 »

สนุกมากกก

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #49 เมื่อ06-01-2013 11:32:38 »

แพรคือใครรรรรรรรร! ใครคือแพรรรรรรรรรร T_T

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
« ตอบ #49 เมื่อ: 06-01-2013 11:32:38 »





ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #50 เมื่อ06-01-2013 12:10:42 »

เอ๊ะ ทำไมต้อง แพร ใครล่ะนั่น

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 6 - 5/1/13)
«ตอบ #51 เมื่อ06-01-2013 13:26:33 »

แพร มันคือใครกัน ใคร

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #52 เมื่อ06-01-2013 14:59:20 »

Hear, Me

=======
If I could, I would
=======




ตอนที่ 7


ตื่นมาอีกทีก็ 10 โมงแล้วครับ ความละอายใจทำให้ผมเด้งตัวลงมาสำรวจบ้านว่าโดนผมนอนกินไปกี่ส่วนแล้ว แต่อื้อหือ! กินไข่ดาวหอมฟุ้งมากเลยครับ ผมแสมหน้าเข้าครัวทันที พ่อครัวหล่อทั้งตัวอีกแล้วครับ นายคฤณนี่เข้าได้กับทุกเวลาและโอกาสจริงๆ

"ตื่นแล้วหรอเจม" เขาคงได้ยินเสียงผมเดินโครมๆ เลยหันมามองรอ พอสบตากันก็ทักทายและยิ้มให้ ว่่าแต่...รอแดงๆ ที่คอเขานี่มันรอยยุงทวีปไหนกัดเอา เป็นจ้ำสีแดงอมชมพูแบบซากุระเสียด้วย

"ทำไมพี่หนึ่งไม่ปลุกเจมครับ ปล่อยนอนแบบนี้ล่มจมหมด"

"พี่ปลุกแล้ว เจมไม่ตื่น แถมยัง..." อะไร! ผมไปแถมอะไรให้เขาหรอ ไม่นะ! ผมไม่ชอบแถมอะไรใครนะ แม่บอกเสียดุล

"เจมแถมอะไรพี่หรอ" ผมถามเสียงซื่อมาก สันดานสอดรู้ตีปีกพั่บๆ

"แถมฟัดพี่จนช้ำทั้งคอ" อื้อหือ? งานใหญ่ครับ ผมไม่เถียงเขาซักแอะเพราะเชื่อว่าจริง เหตุผลแรก ผมติดกอดแม่ และจะซบซุกกัดคอแม่เพราะหมั่นเขี้ยวที่รักไอ้จิวมากกว่าผม ข้อสอง เราอยู่กัน 2 คน นายคฤณคงไม่สร้างความเสียเปรียบให้ตัวเองด้วยการสร้างหลักฐานลวง หรือถ้าทำ มันไม่ควรเหมือนรอยจูบรอยดูดขนาดนี้ และข้อสุดท้าย ผมระลึกได้ว่าเมื่อคืนฝันทะลึ่ง เหยื่อในฝันของผมไม่ใช่คนไกลครับ ยืมสวมผ้ากันเปื้อนทับชุดนอนอยู่นี่ไง

"งั้นเจมขอโทษนะครับ"

"ไม่เป็นไร พี่ก็ฟัดคืน น่าจะหลายรอยกว่าพี่นะ ลองดูตัวเองรึยัง"

ห๊ะ! ผมโดนฟัด งั้นที่คิดว่าเกิดขึ้นในฝันแม่งก็เรื่องจริงน่ะสิ แวร๊กกกก!! 

ผมวิ่งถอดเสื้อหนีเข้าห้องน้ำทันที พอจ๊ะเอ๋กับกระจก มันก็รายงานหลักฐานที่นายคฤณทำไว้

เป็นเรื่องเป็นราวมากครับรอยดูด ที่ใกล้ไหปลาร้านี่ชัดมากและถี่ๆติดกันมาก จุดชอบสินะ แม่งกะดูดแคลเซียมจากกระดูกกูรึไง!

"ไอ้พี่หนึ่งบ้า!" ผมด่าจากในห้องน้ำ ยินเสียงโต้กลับมาว่า "พี่ขอโทษครับ แต่เจมยั่วพี่ก่อนนะ" กูไม่ได้ยั่วเว้ย! กูแค่ติดกอดคนที่นอนด้วยเพราะกูชอบอะไรอุ่นๆ นุ่มๆ แม่งงง เสียเปรียบอีกแล้ว! รู้งี้ดูดคอให้้ครบลอบเหมือนงูสวัดแม่งเลย!

ผมเดินหน้าแดงออกจากห้องน้ำจนได้ อาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดตัวเองเตรียมกลับแล้วครับ แต่นายคฤณจับตัวผมไปยัดใส่ห้องน้ำ แล้วโยนชุดปอนด์มาให้

"จะพาเข้าสวน เก็บผลไม้ไปฝากแม่เจมกับจิว ดีมั้ย?"

เอาผลประโยชน์มาล่อกันหรอ? เออ เอา! ไป!

ผมซัดไข่ดาว2 แฮม2 นม1 น้ำแอปเปิ้ลอีก1 พ่อครัวหรอครับ เขาดื่มกาแฟกับขนมปังโฮลวีท 1 ก้อน กินน้อยซะผมละอายเลย

"พร้อมมั้ย?"

"เดี๋ยวครับ ปูกับกุ้งเจมล่ะ ฝากแม่อ่ะ"

"พี่ให้เขาไปส่งที่รีสอร์ท เดี๋ยวเรากินข้าวที่นั่นแล้วกลับ" อ่อ...ผมพยักหน้าหงึก ไม่อยากเดาเลยว่ารีสอร์ทใคร เดี๋ยวเดาถูก

"รีสอร์ทใครครับ"

"พี่หุ้นกับเพื่อนน่ะ" ไงล่ะ ก็ยังถือว่าเดาถูก

ผมเช็คของของตัวเองซึ่งก็มีไม่มาก แล้วก็บรรจงหิ้วกระเป๋าลงมาสมทบเขาที่โกยเอกสารหน้าทีวีมารวมกันในแฟ้มแล้วเอาไปเก็บท้ายรถ ระหว่างมองเขาเดินวุ่นๆ รอบที่3 ผมก็เหลือบไปเห็นรูปที่นอนหงายอยู่ตรงชั้นวางของในตู้วางทีวี

ในรูปมีนายคฤณ ผู้ชายอีกคนที่รุ่นๆกัน และผู้หญิงน่ารักๆ ท่าทางจะกวนตีนพอประมาณ ผมวัดเอาจากท่าโพสของเธอ

"ไปครับเจม" เสียงเรียกทำให้ผมวิ่งรี่ไปหา และปล่อยให้ทุกอย่างในบ้านหลังโตนี้เป็นความทรงจำที่มีค่าสำหรับผมมาก



สวนเงาะนะ ป้ายชื่อมันบอก แต่ที่ผมเก็บตามใต้ต้นนี่มีแต่มังคุดอ่ะ! ไรวะ?!

พอเห็นผมหน้าเบ้ นายคฤณก็จัดให้เบ้กว่าเดิมครับ ป๊อก! นี่ไง กวนส้นตีนผมแล้วเขาจะอารมณ์ดีสินะ ผมหันไปมองเขม่นแล้วเก็บมังคุดปาคืนเขาบ้าง และเลือดซามุไรมันแรงมากไง วิชานินจาปากะบาลหมาแม่นมาก!

"โอ้ย!" ร้องลั่นเลยครับ สมน้ำหน้า แม่งเอาเปลือกมังคุดปาหลังผมอยู่ได้!
"เจมครับ พี่เจ็บนะ"

"แล้วจะเอาคืนหรอครับ พี่หนึ่งแกล้งเจมก่อน" ผมเรียกร้องสิทธิ

"พี่เล่นด้วย"

"เจมก็เล่น"

"ดื้อ!" แน่ะ! งอนใช่มั้ย? อาการหันหลังไปคุยกับกิ่งมังคุดนี่คืองอนหรอ? อื้อหืออออ เข้ากับอายุมาก!

"โอเคเจมดื้อเอง เจมขอโทษ" สุดท้ายผมก็ง้อผมเดินไปกระโดดขี่หลังเขาแล้วอ้อมมือไปเกาคางยีหัว แรกๆ ก็ปัดมือผมออกจากหัว แต่สุดท้ายก็หัวเราะแล้วเอาผมลงจากหลังแล้วหันมาขยี้หัวผมบ้าง นี่ถ้ามีกระจุกไหนจากไปก่อนวัยอันควร ก็หาซากเส้นผมได้ที่นานคฤณครับ

และผมก็เจอไอ้เงาะตามที่ป้ายหน้าสวนมันบอกไว้ แต่เจอกันคราวนี้ผมไม่ลงไปคลุกกับมันแล้วครับ แหะๆ ไม่ได้ขี้เกียจ แต่มดกันจนผมเป็นผื่นทั้งสองขาสองแขนเลย

นายคฤณกำกับคนสวนที่เขาจ้างดูแลให้ขับรถนังแต๋นไปยังดงเงาะ แล้วก็ช่วยกันตัดพวงเงาะมาใส่กระบุงที่ผมยืนเฝ้า เท่านี้แหล่ะครับหน้าที่ผม สบายชิบหาย

หนำใจคนงกอย่างผมแล้วก็กลับไปรีสอร์ทกันครับ อาบน้ำกันอีกรอบและโดนจับทายา ทาไอ้รอยที่เขาฟัดด้วย มากินข้าวกันพออิ่มแล้วก็...เลสโก!!! กลับบ้านหาแม่!


ค่ำนี้เขาโทรหาผม แต่แม่รับไอโฟนให้เพราะผมมือเปรอะหอย เปื้อนไข่ปู และยังถือกุ้งคามือ เขาคงไม่มีธุระกับผม เพราะคุยกับแม่ครู่หนึ่งก็วางไป จับใจความได้ว่าเขาห่วงว่าบ้านผมจะไม่ชอบอาหารทะเล นัอยไปสิ แล้วเขาก็บอกแม่ด้วยว่าถ้าทุเรียนออกแล้วจะส่งมาให้  โอเค ขึ้นแท่นลูกรักเบียดไอ้จิวไปแล้วครับ ตอนนี้ แม่ผมเรียกนายคฤณว่า "ตาหนึ่ง" เสียงงี้หวานมาก!

จิวมันดูไม่ไว้ใจเท่าไหร่ แต่มันก็กินก็รับของที่เขามักฝากมาให้ แต่ก็ไม่ลืมถามผมทุกครั้งที่อยู่ลำพังแล้วนึกเรื่องคาใจขึ้นมาได้ มันชอบถามว่า "เจมกับเขาเป็นอะไรกัน"

ผมตอบว่าอะไรน่ะหรอ
ก็แค่ตอบว่า "เจมแค่รับน้ำใจเขาไว้ จิวอยากรู้ว่าทำไมเขาชอบให้ก็ถามเขาสิ รู้แล้วบอกเจมด้วย"

ไอ้พี่แแฝดจะผลักหัวผมส่งท้ายแล้วบอกว่า "อย่ารับน้ำใจใครจนเสียเปรียบไม่รู้ตัวก็แล้วกัน"

ผมกินอิ่มมากแล้ว หมา 5 ตัวก็พุงกางพอกัน เล่นเขี่ยๆ ตูดให้เด็กๆมันล้มเล่นสักพักแม่ก็มากำกับให้เข้านอน

ห้าทุ่มกว่าหัวก็ถึงหมอน ตาผมปรือขึ้นยังลำบากแต่ผมก็ยังถ่างตาเอาไว้ เพราะใครคนหนึ่งยังไม่ได้บอกคำหนึ่งกับผม

ครับ.. คืนนี้ไม่มีเสียงคนกล่อมว่าฝันดีครับเจม แต่เขาส่งข้อความมาแทน เสียงดรึ๋งสะกิดหูจนผมผวาทั้งตัว ผมหยิบไอโฟนมาดูข้อความ และทำตามตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด

ตัวหนังสือบอกว่า "ฝันดีครับเจม"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 17:45:58 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ kajidrid

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +249/-3
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #53 เมื่อ06-01-2013 15:07:26 »

งานใหม่ล่ามาแรง!
ผมได้รับมอบหมายให้เป็น1 ผู้เรียบเรียงประวัติคนในเทรนด์ของปีนี้ รับผิดชอบ 2 คนครับ อยากบอกว่าคนเดียวก็อ้วกได้แล้ว

คนแรกนี่ดังครับ ซีอีโอหนุ่มวัย 29 ปี
นายพิชญะ เรืองกฤติยา ทายาทอสังหาฯ แนวเก่า คือพวกทำแต่บ้านหรู หลังนึงไม่ต่ำ 10 ล้าน ผมไม่เคยคุยเจาะด้วย แต่พี่ๆ บอกว่าผมเหมาะ เพราะสัมภาษณ์ส่วนใหญ่ของผมก็เพื่อนเล่นเพื่อนเรียนนายพิชญะทั้งนั้น  ผมก็โอเค ให้มาก็ทำ ได้ตังค์พิเศษนะขออวด!

อีกคนก็... อ่ะนั่นแน่ะ! ไม่ใช่คนที่เดากันหรอกครับ ถ้าใช่ผมจะลาออกแล้วไปเกาะเขากิน เพราะมันจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าชีวิตนี้ผมจะมีแค่นายคฤณ

อีกคนเป็นนักการตลาดครับ คนนี้ไม่ยากเพราะเป็นแหล่งข่าวที่พรีเซนท์ตัวเองเป็น ผมแค่เกลาให้ภาษาน่าอ่าน หุหุ งานหมูหยองอบพร้อมขบอมมากๆ

"เฮ้ยเจม!"

"มึงมีไรต้อม ยืมตังค์กูเตะจริงนะสัด กลางเดือนเอง" ผมรีบขวางเส้นทางการหาเงินของมัน ไอ้ต้อมส่ายหน้าแล้วเป่าลมใส่หน้าผม ไอ้เหี้ยนี่แดกเปาครีมเว่นแต่เช้าเลยหรอเนี่ย
"แล้วเป็นเหี้ยไรแต่เช้า"

"เจม มึงรู้จักบ้านไอ้แอมป่ะวะ"
"อย่าเพิ่งด่ากู กูรู้มึงไม่ชอบมุมปากมัน แต่มันแม่ง... น่าเป็นห่วงว่ะ"

"มันเป็นไร" ผมถามและระแวงคำตอบนิดๆ หวังว่าจะไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วงเพราะผม

"ก็แม่ง 2 อาทิตย์แล้วที่แม่งแดกเหล้าตลอด" อืม อาทิตย์ที่แล้วผมไม่เห็นหน้ามันเลยนี่หว่า
"แล้วนี่แม่งก็หายไป" ไอ้ต้อมเล่าต่อ ผมเลยละสายตาจากเอาท์ไลน์ที่เขียนประเด็นและเค้าโครงการเล่าเรื่องก่อน
"เมื่อคืนนี้แม่งลากกูไปฮีป" ชื่อร้านประจำมันครับ
"จู่ๆ ก็บอกกูว่าไม่ไหว โทรหาเจมให้ที" สัด!! กูน่าจะฝากมึงไว้กับเจ้าอาวาสจริงๆ ไอ้แอม แม้จะรับความรู้สึกมันไว้ไม่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเสียใจจนใกล้เสียคน
"มึง เจม เราช่วยกันตามหามันเถอะ พวกพี่ช่างภาพบอกว่าถ้าแม่งไม่เลิกเหลวไหล จะบอกพีเอ็นแล้ว มึงก็รู้ว่าถ้าถึงหูพี่ปู แม่งเละ!" ตกลงมึงจะเรียกพีเอ็นฟรือพี่ปูวะต้อม

ผมนิ่งไปสักพักก็บอกให้มันไปถามเลขากองเรื่องที่อยู่ไอ้แอม พอได้มาก็พากันไปกินข้าวกลางวัน และก็หันตูดรถมินิให้ออฟฟิศเพื่ิอทำภารกิจควานหาตัวไอ้อรินทร์ทันที


"เจม โทรศัพท์อ่ะ กูรับให้เอาป่าว"ไอ้ต้อมละจากเกมดีดหมีมาถามผมเมื่อมันได้ยินไอโฟนผมคราง เสียงแมวหง่าวครางหาคู่ครับ ไอ้เหี้ยต้อมเปลี่ยนให้ ผมเหลือบมองมันแล้วบอกปัดเพราะเดาได้ว่าใครโทรหา และโทรหาด้วยเรื่องอะไร

คนนั้นแหล่ะครับ โทรมาหลังกินข้าวเที่ยงเพื่อถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร บอกรึยังว่าผมน้ำหนักขึ้น 1 กิโล ไอ้จิวขำชิบหายและไล่ผมไปฟิตเนส
 
"เบื่อขายประกันหรอ" เพื่อนผมถามโดยที่มือยังดีดหมีอยู่ ผมส่งเสียงอือตอบเบาๆ แล้วลงจากทางด่วน มุ่งหน้าสู่ถนนเกษตร-นวมินทร์ ตามที่อยู่ที่เราได้มา

หมดไปอีก1 วัน ผมและไอ้ต้อมคว้าน้ำเหลวครับ เราหาบ้านไอ้แอมไม่เจอและหลงทาง แหงล่ะ! ก็ผมไม่ใช่ไปรษณีย์หรือพนักงานขายตู้เติมเงินซิงเกอร์นี่ จะได้รู้จักทุกโฉนดบ้านเรือน

ผมพาไอ้ลูกหมากินข้าวที่ห้างชื่อคล้องกับมหาวิทยาลัยดัง เราแยกกันตรงนั้นเพราะมันนัดแฟนไว้ แต่แฟนรางที่เท่าไหร่ไม่ได้ถาม คงจะคนละรางกับน้องปีโป้ที่มันคุยด้วยในรถ เพราะมันบอกน้องเค้าว่า "พี่ทอมมี่ไม่ว่างครับปี้ พี่ต้องจัดกระเป๋าไปหมายต่างประเทศ" ห่า!! เด็กมันก็ชื่อน่าแดกน่าทำให้คำสรรพนามเป็นกิริยาชิบหาย มีลูกสาวอย่าตั้งชื่อพิสดารนะครับ ผู้ชายมันเปลี่ยนชื่อเก่ง

ผมโทรบอกจิวว่ากลับคอนโด มันก็เออออว่าจะบอกแม่ให้ แต่พ่อจิวก็สั่งยาวเรื่องแดกข้าวแดกน้ำอย่าอม อาบน้ำต้องตัวเปียกก่อนถูสบู่ด้วย ไอ้ห่า! ผมแค่พลาดอาบแห้งแล้วแม่งจับได้ไปครั้งเดียวเอง

ผมขับรถเข้าโครงการคอนโดแล้วสะดุดกึกกับผู้ชายคนหนึ่ง ห่านั่นทำเอาผมเหยียบเบรคหน้าคะมำเชียว

ไอ้คนที่ผมตามหาจนหลงไปดอนเมืองมันยืนซึมๆ อยู่ตรงประตูทางเข้าล้อบบี้เลยครับ ท่ายืนจิ๊กโก๋ชิบหาย ผมบีบแตรเรียกและเปิดกระจก

"แอม!" มันหันขวับมามองแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนีผม ชายชานนท์คนนี้เลยต้องสวมตีนหมาวิ่งแข่งกับมันเพื่อไปดักหน้ามันไว้

พอหมดทางหนี มันก็จับยึดตัวผมไว้แล้วดึงไปกอด ผมกับมันก็ตัวพอๆกัน แต่อกมันหนากว่า เราก็เลยกอดเกยคางกัน แป๊บเดียวผมก็ดันมันออก ไอ้แอมมองหน้าผมแล้วก้มหลบไปอีก

"แอม มึงเป็นไรวะ คนเขาเป็นห่วงกันทั่ว ไอ้ต้อมกับกูก็ตามหามึงจนหลงไปดอนเมือง มึงจะไปบวชที่พม่าหรอสัด!"

"เจม กูทำเพื่อมึงแล้ว กูพยายามแล้ว แต่กูยิ่งอยากเจอมึงมากกว่าเดิม กูรักมึงจริงๆนะเจม"

".........."

"กูลองไม่เจอหน้ามึง คิดว่าพอไม่เห็นหรือห่างๆไปก็คงลดความชอบลง แต่แม่งไม่ใช่ว่ะ กูคิดถึงมากกกว่าเดิมอีก"
"กูเข้าใจว่ามึงให้ได้แค่เพื่อน แต่กูก็เลิกรักมึงไม่ได้ ห่างไปเลยก็ใจไม่แข็งพอ เจม กูขอล่ะ"

"............"

"ลองให้โอกาสกูนะ"

"โอกาสอะไรวะ"

"เป็นแฟนกูนะ"

วันนี้ไม่มีเสียงโทรศัพท์มาดึงความสนใจผมไปจากมัน ไม่มีใครมาแกะมือผมออกจากมัน ไม่มีใครลากผมออกจากความอึดอัดตรงนี้

เวลานี้ผมมองเห็นแค่สายตาที่จริงจัง จริงใจ และเว้าวอนของไอ้แอม

แรงบีบรั้งมือไม่แน่นมาก แค่บิดข้อมือมันก็คงยอมปล่อยเหมือนที่ยอมเข้าใจคำตอบผมในครั้งแรก แต่ผมไม่ขยับทำอะไรเลยเพราะผมสงสารมัน ไม่อยากให้มันมีสารรูปแบบนี้อีก

"เจม...."

"อือ ได้ แต่กูยังไม่เป็นแฟนมึงนะ กูให้มึงจีบก็แล้วกัน จีบติดไม่ติดค่อยว่ากันอีกที" ผมยอมขยับเส้นที่เคยขีดไปแล้วให้เข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นนิดนึง ไอ้แอมยิ้มดีใจแล้วดึงผมไปกอดอีกรอบแล้วกระโดดเหมือนได้เหรียญทองจากเฟสปิคเกม มันขอบใจซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็ลากลับ ให้เหตุผลว่า มันโทรมมาก ต้องไปทำหล่อ พรุ่งนี้จะได้เอาหน้าหล่อๆ มาหลอกล่อผม

ไอ้ตัวปัญหาเดินลั้ลลาจากไป เหลือเพียงความหนักอึ้งในใจผม

นี่กูทำอะไรลงไป!!!
แค่นายคฤณจีบเช้าหยอดเย็นผมก็ใจกระเจิงหมดแล้ว นี่ต้องรับมือกับไอ้แอมอีก!! ฟ๊าคคคคคชีวิต!!

"เฮ้ย! พี่หนึ่ง" ผมเรียกชื่อใครคนหนึ่งแล้ววิ่งกลับไปยังรถที่จอดขวางแม่งหน่าล้อบบี้ โชคดีที่ไม่มีใครมาบีบแตรไล่ให้อับอาย

ผมคว้าโทรศัพท์มาดู ไม่ได้รับ 18 สาย เบอร์เดียวกันทั้งนั้น เอาไงดีวะ โทรกลับแล้วจะบอกว่าหายหัวไปไหนมาดี

ผมตัดสินใจขึ้นห้องก่อนค่อยว่ากัน แต่ห้องผมมีคนอยู่ก่อนแล้ว หรือจะเป็นไอ้จิว? ผมเร่งฝีเท้าจนกลายเป็นวิ่งไปยังประตูห้องที่ปิดไม่สนิทและมีแสงไฟแพลมออกมา

นายคฤณหันมองผมอย่างตกใจเมื่อผมผลักประตูแรงๆ แล้วก็คลี่ยิ้มให้ผมแล้วชี้ที่มื้อเย็นที่เขาหามาประเคน

ผมยิ้มแหยแล้วเดินไปขอบคุณใกล้ จู่ๆ ผมก็สอดมือไปกอดเขาไว้จากทางด้านหลังแล้วซบหน้าลงกับหลังกว้าง เขาลูบมือผมเบาๆ แล้วขำน้อยๆ ผมได้ยินเสียงหัวเราะนั้นก้องในหู

"เป็นอะไรครับเจม"

"พี่หนึ่งครับ ถ้าวันนึงเราไม่สามารถชอบกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ลงเอยว่ารักกัน เจมสัญญาว่าจะไม่เสียผู้เสียคน พี่หนึ่งเองก็..."

"พี่จะขาดใจให้ดู"

"พี่หนึ่ง....แต่ว่า เจมคิดว่า ชีวิตตัวเองน่ะ มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะดูแลได้ดีที่สุด เจมก็อยากมั่นใจว่าพี่หนึ่งก็"

"ชีวิตพี่ กับชีวิตคนที่พี่รัก พี่ไม่เลือกตัวเอง"
"พี่เจ็บได้ ขาดใจเจียนตายได้ ตายไปเลยก็ได้ แต่คนที่พี่รักต้องมีความสุข"
"ไม่ว่าจะมีความสุขเพราะได้รักพี่ หรือมีความสุขเพราะไม่มีพี่ในชีวิตแล้ว พี่ก็ขอให้คนที่พี่รัก มีแต่ความสุข"

"..........."

"และพี่รักเจม"

หัวใจผมแทบหยุดเต้น เขาชอบผม ถูกใจผม จีบผม นั่นไม่สร้างความซ่านไปทั้งตัวเหมือนคำว่ารักเมื่อกี้

นายคฤณปลดกอดของผมออกเพื่อหันมาหา เขาจับบ่าผมไว้มือหนึ่ง และใช้อีกมือช้อนคางผมขึ้นก่อนจะนาบทั้งฝ่ามือลงบนแก้มผม

นายคฤณจูบผม ทั้งริมฝีปากบน-ล่างเขามอบให้ผมและเอาจากผม ลิ้นที่เคยทำผมเขินเพราะเขาเลียนิ้วอ่อนโยนกับลิ้นของผมมากๆ เพิ่งรู้ว่ามันอุ่นมันนุ่มจนผมไม่อยากให้เราห่างจากกัน

จูบแรกแทบขาดใจ จูบต่อไป เราก็มาถึงห้องนอนผมแล้ว


Cut.


มาอย่างเร็ว คนเราควรใช้เวลาในร้านทำผมให้คุ้มค่า ครึๆๆๆๆ
นานมาก นานมากจริงๆ =[]=
เดี๋ยวคืนนี้ค่อยเน้นคำ ไอโฟนไม่ปรู๊ดๆ ดังใจเลย เพลียค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2013 18:01:48 โดย kajidrid »

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #54 เมื่อ06-01-2013 15:20:28 »

เอ่อ เจมแล้วแอมล่ะ จะทำงัย ถ้าพี่หนึ่งรู้จะทำงัยล่ะเนี้ย

ออฟไลน์ hello_lovestory

  • >>I'm C-Z@<<
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #55 เมื่อ06-01-2013 15:37:15 »

เค้าว่าเจมน่าจะบอกแอมไปว่าคบกับพี่หนึ่งอยู่จะดีกว่าน๊า

ออฟไลน์ Donaldye

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 563
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #56 เมื่อ06-01-2013 15:51:51 »

แล้วเจมละเริ่มรักพี่หนึ่งรึยัง

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #57 เมื่อ06-01-2013 17:24:10 »

ขอบมากค่ะเรื่องนี้  o13  คืออ่านแล้วสนุก
ได้อ่านครั้งแรกก็ไม่ยอมผละออกจากหน้าจอเลย

สงสารแอมค่ะ ไม่รู้ซิค่ะแบบคนมันรักแล้วคงตัดใจไม่ได้
 ส่วนพี่หนึ่งเหมือนจะเข้าหาเจมเพราะอะไรซักอย่าง ที่คนเขียนได้ทิ้งปมไว้ อันที่หนึ่งคือ ใครคือแพร
 และอันที่สองคือรูปที่วางหงายไว้   พี่หนึ่งอาจเข้ามาหาด้วยเหตุผลซักอย่าง อาจจะมองเจมเป็นตัวแทนของผํ้หญิงคนนั้นหรือเปล่า มองๆแล้วพี่หนึ่งเหมือนเป็นคนเฟอร์เฟ็คทุกอย่าง แต่โลกนี้ไม่มีใครเฟอร์เฟ็ค 100 เปอร์หรอก กลัวจะได้กินมาม่าจัง

ไม่อยากให้เจมกะพี่หนึ่งมีอะไรกันตอนนี้เลย สงสารเจม และเริ่มแอบโกรธเคืองพี่หนึ่ง เปลี่ยนแอมเป็นพระเอกน่าจะดีกว่า เพราะแอมดูจริงใจมากกว่า  แต่ที่สุดแล้วแล้วแต่คนเขียนค่ะ  จะติดตามเป็นเอฟซีแน่นอน

เรื่องสนุกขนาดนี้พลาดได้ไง  :กอด1: กดบวกกับเป็ดให้แล้วนะค่ะ ตอนสุดท้ายค้างค่ะ รีบๆมาต่อน้าาาาา

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #58 เมื่อ06-01-2013 18:00:45 »

ถ้ายอมให้แอมจีบเพราะสงสารเดี๋ยวไม่เท่าไหร่เจมก็พูดเองแหละ เป็นคนพูดตรงไม่ใช่หรอ . . .

แต่เคสพี่หนึ่งเนี้ยเหมือนมีอะไรบ้างอย่างแพรอาจจะเป็นน้อง แฟนเก่า บลาบลาคือคนเราก็ต้องมีอดีตปะ

แม้ว่าแอมจะตื้อเจมอย่างไงแต่สิ่งที่มันทำไม่ได้บงบอกเลยว่าควร ขนาดตัวเองยังปล่อยให้โทรมกินเหล้าแล้วงี้จะไปดูแลเจมได้ไง

อย่างไงก็รอปริศนาแพรอยู่นะคะ
แล้วก็ลุ้นพระเอกด้วยค่ะ ก๊าก

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Hear, Me (อัพเดท ตอนที่ 7 - 6/1/13)
«ตอบ #59 เมื่อ07-01-2013 17:16:09 »

ตอนที่1
555 อ่านแล้วหัวเราะแรงๆไปทีนึงระหว่างตอน พอจบตอนก็หัวเราะอีกทีนึง
อ่านแล้วงงกับศัพท์บางคำ อย่างซีเอฟเอ หรือเราไม่ค่อยคุ้นกับตำแหน่งทางธุรกิจไรงี้ป่าวหว่า
แล้วพีเอ็นคือคำเรียกพี่ปู แบบประมาณว่าเรียกตัวย่อจากชื่อจริง(ปรารถนา)เหรอ

อัญมณี โถๆๆ คราวนี้พี่หนึ่งรู้ได้มีฮาแน่ๆ
ส่วนพี่หนึ่ง ไหงเรียกชื่อเล่นเจม แล้วยังให้เรียกตัวเองว่าพี่อีก
แอบคิดไรป่าวเนี่ย อุอิ
แล้วทำไมแอมต้องให้เจมมาช่วยจัดท่าให้พี่หนึ่ง มีพิรุธนะ

ไม่เคยอ่านแนวนี้เลย(นักข่าว) ยังไงก็ให้กำลังใจนะ จุ๊บๆๆ

*edit
ตอนที่2
พี่หนึ่งเร็วไปป่าว ดูทำตัวสนิทสนมเว่อร์ไปนะ ประหลาดดี
ละดูเป็นคนดี๊คนดีมากกกก

สรุป อ่านตอนที่2ละหัวเราะหลายรอบมาก
เดี๋ยวไว้อ่านนต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-01-2013 17:56:57 โดย AeRoMoZa »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด