พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 161194 ครั้ง)

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
เป็นกำลังใจให้ทั้งนิวและนูน๊า :L1:

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
( Gang หวัดดีครับเก่ง สบายดีเหรอครับ ผมก็คิดถึงเก่งเสมอนะ ชื่อเนี้ยะ ไม่เคยลืมเลย ). ยังติดตามเสมอครับดูแลสูขภาพด้วยนะครับ.

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
อือมมม..........นูรักพี่นิวมากจริงๆ :m1:

ไม่อยากทำให้เขาเจ็บ o7 แต่ตัวเจ็บไม่เป็นไร

น่ารักจังเลย :กอด1:

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
ดีแล้วล่ะนู เป็นฝ่ายรับน่ะดีแล้วล่ะ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
พี่นิวยอมเจ็บเพื่อให้พี่นูมีความสุข
น่ารักมากๆเลย
ส่วนพี่นูก็ไม่อยากเห็นพี่นิวเจ็บเลยรับต่อไป 55555
น่ารักทั้งคู่เลยค่า

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณพี่นูและพี่นิวเหมือนกันค่ะ ^^

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :o8:
New's Aroma!


กลิ่นของความรักพี่นิว
 :m25:


http://www.youtube.com/v/tH37c1324Ws

ขอดมมั่งฮี่
อิอิ


 :L2: ขอบคุณครับ..นู

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
คุณนูไม่เจอกันนานคิดถึงมากๆเลยค่า
 :impress2:
สุขสันต์วาเลนไทน์ย้อนหลังด้วยนะคะ
ตอนนี้เคยอ่านไปทีนึงแล้วก็กลับมาอ่านอีก
เพราะมัน...เหลือเกิน อุฮิๆ
 :z1: :z1:
อ่านแล้วสงสารพี่นิวเหมือนกัน
ทั้งๆที่ปกติออกจะหมั่นไส้
เพราะทำให้คุณนูร้องไห้บ่อยๆ
แต่คราวนี้พี่นิวเลยเจอของแข็งไปเลย
 :laugh:
คงจะเข้าอกเข้าใจคุณนูได้มากขึ้นละเนอะ
ไม่มีอะไรมาฝากนอกจากคำว่าคิดถึง
แวะมาอีกไวๆนะคะ
 :man1: :กอด1:

ออฟไลน์ railay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 983
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






vvhite

  • บุคคลทั่วไป
 :L2: :L2:
เป็นกำลังใจให้พี่นูครับ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ขอบคุณพี่นิวที่ให้น้องนูมาเล่าเรื่องต่างๆให้ได้รับรู้ น้องนูเขียนหนังสือได้ดีแทบจะไม่มีคำผิดเลย สำนวนดีมาก ขอชมเชย
มาเล่าบ่อยๆนะจ๊ะ อิอิ อยากรู้เรื่องของชาวบ้านจ้า

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ซึ้งกับพี่นิวมากเลยอ่ะ ที่ยอมนูง่าย ๆ มาก
เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย ที่เห็นใจพี่นู 555
ขอบคุณนูนะจ๊ะ ที่มาเล่าให้ฟัง น่ารักมาก ๆ
นูยิ้มเราก็ยิ้ม นูเศร้า เราก็เศร้าด้วย สู้ ๆ จร้า

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :pigwrite: :pigwrite:
  รอ รอ รอ 

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2

      
กลับมาแล้วครับ หายหัวไปเป็นชาติเลย

จะลืมกันรึยังน้อ??   :mew2:


ไม่มีคำแก้ตัวนะครับ มันก็ปน ๆ กันไประหว่าง....เวลาไม่ค่อยมี กับ เบื่อ ๆเหนื่อย ๆกับชีวิต

ช่วงนี้คงได้แวะมาเรื่อย ๆ ตั้งใจไว้ว่าจะโพสท์ 8th page ใ้ห้จบแล้วจะหายไปอีกครั้งเพื่อจะลงตอนสุดท้าย

ผมว่ามันน่าจะปิดฉากได้แล้ว เพราะหลังจากตอนนี้แล้วก็มาถึงชีวิตปัจจุบันพอดี

คนอ่านก็คงเบื่อด้วยแหละ ก็คิดดูสิครับ ผมเริ่มเล่าช่วงต้นปี 52 นี่มันก็ปี 56 แล้ว 555+

มันนานเกินไปรึป่าว

 :mc4:











Series : The 8th Page




        ยิ่งนับวันผมก็ยิ่งให้ความสำคัญกับนิยายที่เล่าบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

ในขณะที่พี่นิวก็มีภาระหน้าที่อันเกิดจากงานมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน

นั่นคงเป็นเพราะทุกคนในตระกูลต่างก็มุ่งหวังให้เขาเป็นผู้สืบทอดกิจการแทนคุณพ่อ

โดยเฉพาะคุณย่า ซึ่งเป็นผู้เดียวที่ถือสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจในทุกเรื่อง

หรือแม้ไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ

คุณย่าก็มักจะเป็นผู้ที่ทุกคนต้องนึกถึงหากถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการ

....ก็บอกแล้วว่ามันเป็น “กงสี” ในเมื่อคุณปู่ที่สิ้นไปแล้ว ได้มอบกิจการและทรัพย์สินทั้งหมดไว้ในมือคุณย่า

(ทั้งที่ยังมีคุณปู่เล็กที่เป็นน้องชายอยู่ทั้งคน) แล้วใครจะกล้าอยู่เหนือระบอบการปกครองของตระกูลนี้ไปได้



        ในขณะที่กิจการของกงสีดำเนินไปด้วยดี และเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ

เนื่องจากได้ลูกหลานกันเองเป็นกำลังสำคัญในการบริหารและดูแลกิจการ

พี่นิวซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมที่จะขึ้นไปเป็นประธานฯ บริษัทแทนคุณพ่อ

ก็ยังหาเรื่องเหนื่อยมากขึ้นด้วยการจัดตั้งบริษัทรักษาความปลอดภัย

โดยได้รับความร่วมมือจากคุณแม่เป็นอย่างดี และผมค่อนข้างมั่นใจว่ามีคุณพ่อสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

เพราะเงินทุนก้อนแรกครึ่งหนึ่งถูกโอนมาจากบัญชีส่วนตัวของคุณพ่อ

ครึ่งที่เหลือเป็นของคุณแม่ และของพี่นิวรวมกัน

         ส่วนผมได้รับเกียรติให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีแทนเจ้าของกิจการโดยไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด

แถมหน้าที่ที่เคยดูแลบัญชีส่วนตัวของพี่นิวก็ยังไม่มีใครมารับช่วงไปเสียที

      “เหนื่อยไหม”

      พี่นิวถามผมในวันหนึ่ง ที่เรานั่งอยู่ในออฟฟิศคืนก่อนวันสิ้นเดือน เพื่อตรวจสอบบัญชี

      “นิดหน่อยครับ พี่อะ”

      “เหนื่อย แต่มันเป็นของของเรา ถึงเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจ ยิ่งมีนูมาช่วยแบบนี้ แป๊บเดียวก็หาย”

      โหย....มีหยอด

      “เลี่ยนเนอะ”

      “ได้ งั้นคราวหลังพี่ไม่พูดแล้ว”

         ผมยิ้มล้อ ๆ ไม่สนใจว่าพี่นิวจะทำอย่างที่ขู่.....เดี๋ยวเขาก็ลืมว่าเคยพูดอะไรไว้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมแซว

         พี่นิวก้มหน้าก้มตาตรวจดูผังงานที่กำลังก่อสร้างอยู่ที่ต่างจังหวัด พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า

เพราะแต่ละวันเขามีเวลาที่จะอยู่ที่ไซต์งานวันละไม่เกิน 6 ชั่วโมงก่อนเดินทางกลับ ในเวลาบ่ายจัด

(อันมีสาเหตุมาจากความไม่สงบในพื้นที่....เพื่อความบันเทิง ผมขอไม่กล่าวถึงนะครับ)

ซึ่งถ้าครั้งใดที่พี่นิวจำเป็นต้องค้าง เขาจะออกเดินทางในช่วงบ่าย

เพื่อว่าเราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดในวันนั้น

        นั่งอยู่ในความเงียบ กับงานคนละชิ้นที่อยู่ตรงหน้าได้พักหนึ่ง พี่นิวก็พูดขึ้นมา

      “ลาออกจากงานมาช่วยพี่เถอะ”

      ผมส่ายหน้า

      “ทำไมอะ”

      “เหตุผลเดิมครับ ไม่น่าถาม”

      เขาถอนใจ แล้วปิดแฟ้มดังปัง ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองว่าเขาหัวเสียด้วยเรื่องเดิม ๆ ใช่หรือไม่

แต่เท่าที่เห็นสีหน้าเรียบ ๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ คำขอที่ตามมาทำเอาผมแปลกใจและดีใจไปพร้อม ๆกัน

      “งั้นเอาเงินนูมาค้ำประกันวงเงินกู้ให้พี่”

      ผมเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ที่อยู่ ๆ เขาก็ขอในสิ่งที่ตัวเองเคยปฏิเสธตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการ

      “ครับ พี่นิวจะเอาทั้งหมดเลยหรือเปล่า”

      “หมด”

      “จะทำที่แบงก์ผมเหรอครับ”

       “ไม่อยากให้มันกระจัดกระจาย ทำที่เดิมนี่แหละ ได้วันไหนอะ พี่จะได้ไปทำสัญญา”

      พี่นิวหมายถึงวงเงินสินเชื่อที่บริษัทเราทำไว้อยู่ก่อนแล้วที่แบงก์อื่นไม่ใช่ที่ทำงานของผม

      “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมถอนเงินมาให้”

      “เอามาเป็นแคชเชียร์เช็คนะ อย่าถือเงินสดขึ้นมอเตอร์ไซค์มาเลย”

      “โหย....จะยืมเงินผม แล้วไม่ยอมไปรับที่ทำงานอะนะคนเรา”

      “ถึงไปรับก็เอามาเป็นเช็คเถอะ จะถือเงินสดมาทำไมอันตรายออก”

      “จะให้ผมสั่งจ่ายชื่อใครครับ ชื่อพี่นิวหรือว่าบริษัท”

      ที่จริงผมก็ตั้งใจจะถือเป็นเช็คธนาคารอยู่แล้ว แต่แกล้งโยกโย้เสียอย่างนั้นเอง

      “ชื่อนู”

      “เรื่องอะไรเอาผมไปเกี่ยว”

      “ก็อยากจะให้เกี่ยวไง ถึงขอเงินนูเนี่ย”

      ผมทำหน้าไม่ชอบใจออกมาอย่างอย่างไม่เกรงใจ

      “ไม่รู้ล่ะ ไม่อยากเกี่ยวพี่ก็ไม่เอา”

      สุดท้ายผมก็ต้องยอมเขาจนได้ ทั้งที่ไม่เข้าใจว่า พี่นิวจะทำให้มันยุ่งยากขึ้นไปทำไม

แค่เอาเงินสดไปเข้าบัญชีเป็นหลักประกันวงเงินกู้ ซึ่งบัญชีนั่นก็เป็นชื่อของเขาอยู่แล้ว

ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ เขาจะทำอะไรก็ได้ จะเอาชื่อผมไปเกี่ยวข้องให้มันวุ่นวายไปทำไม....

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าผมโยกโย้โยเยมาก ๆ เข้า พี่นิวก็อาจจะพาลไม่เอาเงินผมกันพอดี



      
     ย้อนไปเมื่อครั้งที่พี่นิวรวบรวมเงินทุนตั้งบริษัท  ผมยกเงินเก็บทั้งก้อน

(ที่พ่อให้เป็นรางวัลตอนเรียนจบใหม่ ๆ) ให้เขาเพื่อร่วมทุน แต่พี่นิวกลับปฏิเสธ

บอกว่าเงินที่พ่อให้มาให้เป็นเก็บไว้เป็นเงินก้นถุง เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาจะรับผิดชอบผมเอง

ฟังแล้วก็ออกจะตื้นตันอยู่ไม่น้อย แต่เขามีข้อแม้ว่า ถ้าผมจะลงเงินก็ต้องลงชื่อเป็นหุ้นส่วน

ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่เขาทำเช่นนี้ก็คือ

      “จะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของกิจการ แล้วอีกสักพักพี่จะให้นูลาออกมาช่วยงานของเรา”

      “ไม่มีทางอะ ถึงผมจะไม่ค่อยชอบงานที่ทำอยู่ แต่ผมก็อยากเป็นตัวของตัวเอง

อยากมีรายได้จากน้ำพักน้ำแรง และความสามารถของตัวเองมากกว่า”

      “ก็มาแสดงความสามารถกับกิจการของเรานี่แหละ...ไม่ดีกว่าหรือไง ทำเท่าไร ได้เท่านั้น

ดีกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน เหนื่อยแทบตาย ได้แค่เงินเดือนกับโบนัสจึ๋งนึง”

      (แต่ทว่า....จึ๋งนึง....ที่พี่นิวค่อนขอด กลับทำให้ผมมีเงินมาลงขันในกิจการอย่างเป็นกอบเป็นกำ

จากโบนัสประจำปี ที่แทบจะไม่เคยได้ใช้ นับมาถึงทุกวันนี้ก็เจ็ดหลักต่ำ จากทุนเริ่มแรกของตัวเองไม่ถึงเจ็ดหลักดี)

      วันนั้นผมบอกพี่นิวไปว่า ผมไม่อยากเป็นเจ้าของกิจการ ผมไม่ลงชื่อตำแหน่งใด ๆ ในกิจการ

พี่นิวก็เลยสรุปด้วยการไม่เอาเงินผมแม้แต่สตางค์แดงเดียว (แต่ให้ผมทำงานฟรี โดยไม่มีค่าตอบแทน....ใจร้ายยยยย)


      
     มาคราวนี้พี่นิวขอร้องแกมบังคับให้ผมเอาเงินสดไปค้ำประกันการกู้เงินโอดี

(Over Draft = เงินกู้เบิกเกินบัญชี) หวังว่าผมจะยอมลงชื่อเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่ง

แต่ผมก็ยังยืนยันที่จะไม่ทำตามใจเขา มันก็เลยมาจบลงตรงที่ พี่นิวทำสัญญาเงินกู้เป็นลายลักษณ์อักษร

โดยมีผมเป็นเจ้าหนี้ ครั้งนี้ผมไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้อีก เนื่องจากรู้ว่า

กิจการของพี่นิวกำลังเพิ่มทุน ถ้าผมไม่ควักกระเป๋าตัวเอง พี่นิวก็ต้องหาเงินกู้จากที่อื่นอยู่ดี (เขาขู่ผมอย่างนั้น)

      ความจริงผมไม่ค่อยเข้าใจแนวความคิดของพี่นิวนัก

      ผมตัดสินใจทำทุกสิ่งทุกอย่างบนความไว้วางใจในตัวเขา....ไม่ว่าอย่างไร พี่นิวไม่มีวันทรยศหักหลังผม

....ผมเชื่อเช่นนั้น
      



      ทั้ง ๆที่ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แต่ทุกครั้งที่มีเวลา ผมก็มักจะมานั่งหน้าเครื่องตกแต่งบ้าน

ที่ตอนนี้มันจะได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมศักดิ์ศรีของคำว่า “คอมพิวเตอร์” เสียที

      จากที่แค่เพียงเขียนนิยายผมก็อาจหาญต่อรองกับพี่นิวในสิ่งที่คาดว่า เขาอาจจะไม่เห็นด้วย

      การจะขอในสิ่งที่รู้ล่วงหน้าว่าเขาไม่น่าจะให้ ทำให้ผมต้องใช้กำลังภายในมากเป็นพิเศษ

      เริ่มด้วยเมนูอาหารเย็น ที่พี่นิวชอบ แกงกะหรี่ไก่ (ซื้อ) ผัดบล็อกโคลี่กุ้งตัวโต (ทำเอง) และ

ทอดมันปลากราย (จานนี้ของชอบผม)

      “พี่นิวครับ”

      “หือ?”

      ขานไปงั้นแหละ แต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันบ้างหรอก

      “ผมอยากแลกเบอร์โทรกับเพื่อน”

      คิ้วตรงปลายเฉียงขึ้นเล็กน้อยจากการที่หัวคิ้วถูกขมวดเข้าด้วยกัน

      “จะคุยกับใคร”

      “ก็....เพื่อน ๆ”

      เพื่อน ๆ ที่ผมไม่เอ่ยชื่อ เป็นอันรู้กันว่าเป็นเพื่อนในโลกไซเบอร์ของผม พี่นิวเงียบไป ไม่ได้พูดอะไรต่อ

แต่รวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันแล้วหันไปหยิบแก้วน้ำดื่มก่อนจะพูดขึ้น

      “กินข้าวให้เสร็จก่อน”

      ว่าแล้วเขาก็ผละจากโต๊ะอาหารไปเดินเล่นหน้าบ้าน

....อย่าคิดว่าเขาไม่พอใจจนรู้สึกอิ่มกะทันหันกับคำขอของผมนะครับ

ข้าวในจานเขาน่ะ เกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ด ส่วนของผมมัวแต่พูด ก็เลยยังเหลืออยู่เต็มจาน

เขาอิ่มก่อนเลยรวบช้อนส้อม สงสัยกลัวว่า อิ่มทีหลังจะโดนล้างถ้วยล้างจานมั้ง


      ในที่สุดพี่นิวก็แพ้ลูกอ้อนของผม

      ไม่ใช่อย่างที่ผมขอหรอกครับ…..เราพบกันครึ่งทาง

พี่นิวยอมให้ดาวน์โหลดโปรแกรม MSN แต่ก่อนหน้าที่จะให้ทำ เขาก็ถามอะไรต่ออะไรหลายอย่าง

เป็นต้นว่า ทำไมต้องโทรหากัน จะโทรหาใคร และที่เขาหวั่นใจที่สุดก็คือ การนัดพบ

      “ไหนบอกว่าแค่เขียนนิยาย”

      “ก็แฟนนิยายผมมีเยอะ เขาส่งเมล์มาคุย แล้วก็ขอเบอร์โทร”

      “คุยกันในบอร์ดไม่พอหรือไง มันมีโปรแกรมแชทนะ พี่เห็น”

      “ก็.....”

      อยากบอกเหลือเกินว่า การคุยในนั้นมันจำกัดจริง ๆ บางคนพิมพ์ไม่คล่อง พิมพ์ช้า ก็เลยไม่ค่อยอยากคุย

ส่วนบางคนที่เขาอยากคุยจริง ๆ เขาก็ยอมแชท แต่ออกตัวกับผมก่อนว่า เขาพิมพ์ช้า

ส่วนผมไม่มีปัญหา ทักษะการพิมพ์ของผมคล่องพอใช้ทีเดียวล่ะ

อาจจะเนื่องมาจากการที่ผมเคยฝึกกับเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าที่ออฟฟิศคุณแม่ สมัยที่ผมไปช่วยงาน

และได้ใช้ทักษะอย่างจริงจังตอนที่ทำงานธนาคารนี่เอง

      “บางคนเขาพิมพ์ไม่คล่อง พอคุยกันนาน ๆ เข้าเขาก็เมื่อยนิ้วอะ แล้วบางทีบอร์ดมันก็ล่ม”

      ผมรู้ว่าเหตุผลมันเบาบางมาก ถึงจะเป็นความจริง แต่พี่นิวคงไม่รับฟัง

      “แต่พี่เคยขอนูแล้ว”

      “ก็....ครับ”...........งั้นก็ได้

      สัญญาต้องเป็นสัญญา ผมก็เลยไม่เซ้าซี้พี่นิวอีก หน้าตาผมคงจ๋อยได้ใจ

พี่นิวก็เลยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างให้ นั่นก็คือดาวน์โหลดโปรแกรม MSN

      ให้ตายเถอะ......ผมไม่เคยรู้จักมันเลย

   แม้จะเคยได้ยินเพื่อน ๆ คุยกันถึงสิ่งนี้  และแม้ว่าจะมีเพื่อนในบอร์ดแอดเมล์มา

ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับมัน ผมไม่รู้จักหน้าตาของมัน ไม่รู้ว่ามันมีไว้เพื่อการใดบ้าง....ตกเทรนด์สุด ๆ

      หลังจากดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว ผมก็จัดการรับแอดเมล์ที่เคยส่งมาให้ก่อนหน้านี้ทันที....เยอะมากครับ

สำหรับผมในเวลานั้น เมล์เกือบ 20 ที่ส่งมาให้ตอบรับ มันเต็มหน้าและดูลานตาไปหมด

      แม้แต่พี่นิวก็ยังแปลกใจ

      “เยอะขนาดนี้เชียว ฮ็อตเหมือนกันนะเรา”

      ผมไม่สนใจเสียงบ่นว่ากระแนะกระแหนของพี่นิวที่มีต่อคำบอกเล่าของผมว่า มีแฟนนิยายเยอะ

เพราะถือว่าตัวเองได้อย่างที่ต้องการแล้ว พี่นิวกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม

พร้อมกับโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ที่เพิ่งลงโปรแกรม MSN พร้อม ๆกับของผม

      “พี่นิวครับ แอดกันแมะ”

      คิ้วตรงขมวดเข้าหากัน ก่อนจะตอบเสียงสะบัด

      “อย่ามายุ่ง ของพี่ไว้ทำงาน”

      “ของผมก็งาน”

      พี่นิวยังจ้องเขม็งมาที่ผม เพื่อจะรอฟัง

      “ก็งานอดิเรกไง พี่นิวอะ ผมสัญญานะ ว่าแค่คุยจริง ๆ”

      ผมให้คำมั่นไปอีกครั้ง เพราะรู้ว่าเขายังคงระแวง

      “จะคอยดู”

      ความจริงก่อนหน้าจะเล่นเอ็มฯ ผมติดต่อใคร ๆ ผ่านอีเมล์ และการพูดคุยในบอร์ดนิยายอยู่หลายคน

แต่เพื่อนคนแรกของผมที่ได้คุยกันอย่างออกรส เป็นน้องคนหนึ่งที่ผมแทบจะไม่เคยเห็น USER ของเขาในกระทู้นิยายเลย

แต่ไม่รู้ทำไม ผมยอม “รับแอด” ง่าย ๆ หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกันผ่าน MSN ทุกวัน ๆ ละหลายชั่วโมง

แล้วหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยคนอื่น ๆ อีกหลายคน


      ระหว่างที่ผมสนุกอยู่กับการเล่นเอ็ม ผมแทบจะไม่เคยสังเกตคนข้างตัวเลย




      เครือข่ายใน MSN ของผมมีมากขึ้น จนผมมี พี่ เพื่อน และน้องที่คุยกันเป็นประจำอยู่มากพอสมควร

ไม่น่าเชื่อว่า แค่เพียงการพิมพ์ประโยคสนทนาผ่านโปรแกรมแบบนี้

จะทำให้รู้สึกเพลิดเพลินอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ทั้งตัวการ์ตูน emoticon ที่แต่ละคนสรรหามาแทนคำพูด หรือแม้แต่การพิมพ์ข้อความผิด ๆถูก ๆ

มันชวนให้ผมขำก๊ากได้จริง ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองติดการพูดคุยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร

กว่าจะรู้ ผมก็มีเพื่อนคุยวันละไม่ต่ำกว่า 5 หน้าต่างในคราวเดียวกัน เคยทำสถิติ 10 หน้าเสียด้วยซ้ำไป

แถมเผลอ ๆ ยังมีการพิมพ์ผิดหน้าอีกต่างหาก

      ยิ่งเพื่อนที่แอดมาหาเพิ่มขึ้นเท่าไร เวลาที่ผมจะอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็มากขึ้น

พร้อม ๆ กับเวลาที่เคยใช้ร่วมกับพี่นิวก็ลดลงเป็นเงาตามตัว


..........แต่ผมก็ยังไม่สำเหนียก……….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:41:21 โดย NuNew »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

เค้าลาง มาม่า

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
ไม่อยากกินนะมาม่าน่ะ  :ling1: :ling1:

 :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
แบ่งเวลาบ้างงงงง อิอิ  :mew3: :mew3:

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
ได้เสียน้ำตาอีกแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



ก็ไม่ถึงกับเสียน้ำตาหรอกมั้งครับ

ตอนนี้ยังไม่เศร้าครับ แต่ผมว่ามันก็ไม่เศร้าแล้วล่ะ

ชีิวิตธรรมดา ๆ ของคนธรรมดา ที่มีปัญหาเข้ามาให้แก้

มีอุปสรรคเข้ามาให้ต้องฝ่าฟัน

มันก็เท่าันี้แหละครับ


 :mew1:








    พี่นิวกลับบ้านดึกเกือบทุกคืน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เลิกงานปุ๊บก็ถึงบ้านปั๊บ

นอกเสียจากว่าจะไปงานเลี้ยงตามโอกาสต่าง ๆ อันเนื่องมาจากธุรกิจทั้งของครอบครัวและกิจการใหม่ของเราสองคน

แต่ระยะหลังมานี้ จะมีรายการสังสรรค์เพื่อนฝูง ลูกน้อง และอื่น ๆ ซึ่งผมไม่เคยตั้งข้อสงสัย

ได้แต่คิดคล้อยตามไปตามคำบอกของเขา

         บ่อยครั้งที่ผมได้รับคำถามจากเพื่อนในเอ็มฯ ถึงพี่นิวว่า....นอนดึกอย่างนี้ แล้วพี่นิวล่ะ?

         คำตอบคือ พี่นิวก็อยู่บนห้อง ทำงานบ้าง อ่านหนังสือบ้าง รอจนกว่าผมจะปิดคอมฯ

แล้วตามขึ้นไปนอน ซึ่งบางครั้งถ้าเขาง่วงและไม่อยากรอ เขาก็จะลงมาตาม

      “พี่นิวไม่เอางานมาทำด้วยกันข้างล่างอะครับ”

      ผมเคยขอ เพราะไม่อยากให้เขาขึ้นไปอยู่ตามลำพังคนเดียว แล้วได้แต่รอผม

      “ไม่อะ”

      “เถอะ”

      “ไม่เอา”

      “ทำไมอะ”

      “หนวกหู”

      “หา??”

      พี่นิวเงยหน้าทำตาดุ แล้วพูดนิ่ง ๆ

      “ทำงานกับนูแล้วไม่มีสมาธิ”

      “ตะกี้บอกว่าหนวกหู”

      “ก็นั่นแหละ เสียงดัง พี่ไม่มีสมาธิ จะอ่านอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ข้อความบรรทัดเดียวพี่อ่านไปอ่านมาไม่รู้กี่รอบ

วันก่อนก็เซ็นหนังสือพลาดไปฉบับหนึ่ง เลขาต้องเอาไปพิมพ์ใหม่”

      “เกี่ยวกับผมตรงไหนอะ ตัวเองอ่านหนังสือไม่ดีมาโทษผมได้ไง”

      “นูแหละตัวดีเลย นั่งเล่นบ้าเล่นบออะไรอยู่ได้คนเดียว เดี๋ยวขำ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวเปิดเพลง

แล้วไอ้เสียงส่งข้อความเอ็มฯน่ะ มันดังรัวจนพี่ไม่เป็นอันทำงาน ไม่รู้มั่งรึไง”

      อ๋อ........อย่างนี้นี่เอง ผมก็เลยบอกพี่นิวไปว่า ผมจะหาหูฟังมาเสียบ เสียงจะได้ไม่ไปรบกวนเขา

แต่มีข้อแม้ว่า ให้เขาเอางานลงมาทำหน้าโทรทัศน์ตามเดิม

      หลังจากนั้น พี่นิวก็ทำตามที่ผมขอ คือ เอางานมานั่งทำที่โต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์เหมือนเดิม

แต่เป็นอยู่อย่างนั้นได้ไม่กี่วันก็ยังไม่วาย....

“นู”
ผมพิมพ์ข้อความยาว ๆ ในหน้าต่างเอ็มฯ ยังไม่ว่างขาน

“นู”

เสียงเรียกของพี่นิวดังขึ้น คงคิดว่าผมไม่ได้ยินถึงยังไม่ขานรับ

“ครับ พี่นิวจะเอาไร”

ผมยังก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความโต้ตอบเพื่อนแต่ละคนอย่างเมามัน เพราะคืนนี้ “ออน” กันหลายหน้า

“เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อนได้ไหม”

“แป๊บนะครับ”

ผมตั้ง away แล้วบอกขอตัวคู่สนทนา ก่อนจะลุกขึ้นมาหาพี่นิวที่โซฟาที่เขานั่งทำงานอยู่

“พี่ขึ้นไปทำงานข้างบนเหมือนเดิมนะ”

ไม่รอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธ พี่นิวก็ปิดโน้ตบุ๊ก รวบเอกสารใส่กระเป๋า แล้วหิ้วขึ้นบ้านไป

แล้วอย่างนี้จะเรียกให้ผมลุกขึ้นมาทำไม

      ผมพยักหน้างง ๆ ก่อนจะกลับมารัวแป้นพิมพ์กระทั่งได้เวลาเข้านอน

พร้อมกับลืมปฏิกิริยาครั้งหลังสุดของพี่นิวไปด้วย

      ระยะห่างระหว่างเราสองคน มีหลายสิ่งหลายอย่างมาเป็นตัวคั่นกลางอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งเวลา ทั้งงานของเราทั้งสองคน และกิจกรรมยามว่างของผม

ดูเหมือนมันจะกลายเป็นปัญหาระหว่างผมกับพี่นิวโดยไม่รู้ตัว

และบางครั้งการแก้ปัญหาให้ตัวเองมันก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา 

เหมือนผงเข้าตา ที่ต้องอาศัยคนอื่นให้ช่วย

      .....และผมก็มีพี่น้องคอยช่วยเหลือถึง 4 คน.....





      ผมย้ายโต๊ะเล่นคอมฯ เข้ามาไว้ในห้องหนังสือได้สักพักแล้ว หลังจากที่พี่นิวอนุญาตให้ผมเล่น MSN ได้

ส่วนสาเหตุที่ผมย้ายโต๊ะเข้ามาก็เพราะพี่นิว (อยู่กันสองคนนี่ครับ จะให้เป็นใครไปได้)

   ก็คราวก่อนที่เขาบอกว่าหนวกหูเสียงที่ผมเล่น MSN กับเพื่อนนั่นไง ถึงผมจะเสียบหูฟัง

ทำให้เสียงไม่ได้เล็ดลอดออกมาให้เขารำคาญใจ แต่เสียงหัวเราะของผมก็เรียกหางตาขุ่น ๆ เขียว ๆ ของพี่นิวได้ดีนัก

เวลาที่เขาดูรายการที่ถูกใจแล้วถูกรบกวนด้วยเสียงของผม

แต่ไม่ว่าจะยังไง เราสองคนก็ยังไปไหนไม่ไกลจากกันอยู่ดี

      พี่นิวชอบที่จะนั่งอ่านหนังสือ หรือไม่ก็ดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่นมากกว่าจะขึ้นไปดูข้างบน

ถ้าผมยังอยู่หน้าเครื่องคอมฯ

      “เสร็จแล้วจะได้ขึ้นนอนพร้อมกัน”

      ผมก็ชอบที่จะให้เป็นอย่างนี้ แต่ความจริงพอถึงเวลาที่พี่นิวหาวหวอด ๆ แล้วผมยังไม่เสร็จจากการพิมพ์หนังสือ

ซึ่งใคร ๆ ก็คงรู้ว่า เวลาที่ความคิดและจินตนาการมันหลั่งไหล ผมก็ไม่อาจจะหยุดยั้งมันได้

จำเป็นอยู่เองที่พี่นิวจะต้องขึ้นไปนอน และหลายครั้งที่หลับไปก่อนที่ผมจะไปนอน ”กก”

      ปัญหาของเราก็คือ “เวลา” ที่มันสวนทางกันแทบจะตลอดเวลา

   พี่บีสอง หนึ่งในพี่น้องทั้ง 4 ของผม (ตอนนั้นเรามีกัน 5 คน รวมผมครับ ผมคือ บีสี่)

เป็นคนแนะนำผมว่า ทำไมไม่นั่งทำงานเสียด้วยกันในห้องที่ผมนั่งเล่นคอมฯ อยู่

ผมไม่คิดว่าพี่นิวจะทำตามที่พี่บีสองแนะนำหรอก ก็ขนาดนั่งทำงานอยู่หน้าโทรทัศน์

เขายังบ่นว่าหนวกหูเสียงเพลงกับเสียง MSN ที่ผมเล่น

แล้วจะให้เขาย้ายเข้ามานั่งเสียใกล้ไหล่แทบจะชนกัน....มีหรือพี่นิวจะยอม

      ....แต่แปลกแฮะ....เขายอม

      ยอมตั้งแต่แรกที่ผมเอ่ยปากเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่ตอนนั้น มีโต๊ะที่ผมนั่งวางคอมฯ อยู่เพียงตัวเดียว

ถ้าพี่นิว จะมานั่งด้วยกัน เขาก็ต้องนั่งลงบนพื้น และวางโน้ตบุ๊กของเขาไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็ก

      “ไม่หนวกหูผมแล้วเหรอครับ”

      “ก็นูใส่หูฟังแล้วไม่ใช่เหรอ”

      ผมพยักหน้าหงึกหงัก  ทั้งที่ครั้งหลังสุดที่เขาหนีขึ้นไปทำงานบนห้อง ผมก็ใส่หูฟังแล้วนี่นา

      “แต่วันนั้น....”

      มันไม่นานเกินกว่าเราจะนึกได้หรอกครับว่าวันไหน

      “ก็นูไม่สนใจพี่  ไม่ได้ยินเสียงที่พี่เรียก”

      ก็ผมใส่หูฟัง

      “พอพี่ไปจริง ๆ ก็ไม่ท้วงสักคำ”

      อ้าว.....ก็ผมอยากตามใจ ไหน ๆ ก็ยอมให้ผมได้มีเพื่อนในเอ็มฯ แล้ว

      “ใช่สิ....เดี๋ยวนี้คุยกับน้องทอมสนุกกว่าใช่ไหมล่ะ”

      แล้วกันสิครับ...ไปลงที่น้องทอมได้ยังไงก็ไม่รู้

      สุดสัปดาห์นั้น เราก็ไปเดินหาโต๊ะที่ขนาดพอดีกับพื้นที่ว่างในห้องหนังสือด้วยกัน 

แม้ตัวจะไม่ใหญ่นัก แต่ก็พอจะให้พี่นิวได้วางแฟ้มและโน้ตบุ๊กได้

ส่วนเอกสารที่ต้องใช้ประกอบ ก็วางบนพื้นบ้าง บนชั้นหนังสือบ้าง

ส่วนโต๊ะผม เกลื่อนกลาดไปด้วยกระดาษ ดินสอ ปากกา และอุปกรณ์ที่ใช้ในการเขียนนิยาย

รวมทั้งขนมขวดเล็ก กล่องน้อย  โดยที่พี่นิวไม่เคยมาขอแบ่งปันพื้นที่ไปเลย ทั้งที่โต๊ะของเราก็วางชนกัน

      จากคำแนะนำของพี่บีสอง ทำให้เราสองคนพอจะมีเวลาร่วมกันมากขึ้น

อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาที่ผมต้องนั่งประจำหน้าคอมพิวเตอร์

เงยหน้าขึ้นจากคีย์บอร์ด ผมก็เห็นหน้าพี่นิวห่างออกไปในระยะเมตรเศษ

ส่วนพี่นิว พอว่างจากงานก็มักจะเดินอ้อมมา “กวน”ผม

      “ป่ะ แก้เครียดกัน”

      แล้วคิดว่า....กิจกรรมคลายเครียดของเราสองคนจะเป็นอะไรไปได้ล่ะครับ

      ????????????




      
      ผมยังไม่เคยบอกใช่ไหมครับว่า ผมกับพี่นิว...เราย้ายมานอนรวมกันในห้องเขา

โดยปิดตายห้องผมไปเรียบร้อยแล้ว.......เมื่อไรก็ไม่รู้......จำได้แต่ว่า ช่วงนั้นพี่นิวกลับจากสังสรรค์กับเพื่อนทีไร

น้ำท่าไม่ค่อยยอมอาบทุกที

      ก่อนหน้าที่เราจะมานอนห้องเดียวกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่นิวกลับมาถึง

แล้วผมก็ปิดประตูบ้าน ปิดหน้าต่าง ปิดไฟชั้นล่างเรียบร้อย พร้อมเข้านอน

หันกลับมาดูพี่นิวที่คอพับคออ่อนอยู่กับโซฟาหน้าโทรทัศน์ในสภาพมอมแมมสุด ๆ

กลิ่นน่ะหรือ....อย่าให้พูดเลย

      ผมหิ้วปีกพี่นิวขึ้นบ้าน อดที่จะค่อนแคะในใจไม่ได้ว่า

ตัวหนักเหมือนพ่อหมู กลิ่นอย่างกับละมุดเน่า

แต่ถึงยังไงก็ใจดำให้เขานอนตากยุงข้างล่างคนเดียวไม่ได้ กว่าจะถึงห้องนอน ผมก็หอบแฮ่ก

      พอสะบัดพี่นิวลงบนเตียงได้ผมก็นั่งตรงขอบเตียง ขอหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดก่อน

นึกว่าคนเมาคงจะหลับสิ้นฤทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว....ที่ไหนได้….

      คนเมาที่สติเหมือนจะไม่ค่อยเต็มร้อย ตวัดแขนเข้าเอวผมทีเดียว

เล่นเอาผมลงไปนอนกองบนอกเขาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ตามด้วยสเต็ปที่สอง

ที่ผมโดนคนตัวโตกว่าจับพลิกให้อยู่ข้างใต้ตัวเขา แล้วสเต็ปที่สามก็ตามมาอย่างทันท่วงที

      กลิ่นลมหายใจของพี่นิวทำเอาผมแทบจะอยากเอามืออุดจมูกให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

      ผมว่าพี่นิวเขาชอบดื่มเบียร์นะ อาจจะมีดื่มเหล้าบ้างเวลาที่ต้องสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

แต่เขารู้ตัวว่าคอไม่แข็ง ก็มักจะไม่แตะโดยไม่จำเป็น และถึงแม้ว่าจะชอบดื่มเบียร์

แต่เท่าที่ผมจำได้ พี่นิวไม่เคยเมาจนต้องหิ้วปีกขึ้นบ้านแบบนี้มาก่อน

      “พี่นิว!!”

      ผมเรียกเขาเสียงดัง หวังว่าจะเรียกสติเขาได้บ้าง

      “อื้ม”

      คนเมาก็คือคนเมาอยู่นั่นเอง แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า คนเมาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา

ผมเองไม่ใช่คนตัวเล็กเสียด้วย แต่กลับขัดขืนเขาไม่ได้เอาเสียเลย

.....หรือว่าผมเองก็อยากจะใจอ่อนไปกับเขาด้วย???

      ระหว่างเส้นทางไปสู่สวรรค์ แทบจะไม่มีเสียงพูดจากคนเมาเลย นอกจากเสียงหายใจหอบถี่

ซึ่งก็หมายถึงว่า ในลมหายใจนั้นได้พาเอากลิ่น(หมักหมม)ทั้งของคนและน้ำเมาปนเปกัน

จนผมแทบจะหมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว

      เสร็จจากการประลองกำลังระหว่างคนเมาอย่างพี่นิวและคนสติดีอย่างผม

พี่นิวก็ดูเหมือนจะหายมึน ฉุดผมให้เดินไปห้องน้ำ....นึกว่าจะอาบน้ำ....

      “โอ้ก......อ้อก.....”

      นั่นแหละ....เขาล่ะ

      รู้ทั้งรู้ว่า เมาแล้วเสียของแบบนี้ทุกที ก็ยังอยากจะเมา แล้วก็ไม่พ้นนายนูคนนี้แหละ

ที่ต้องคอยลูบหลัง ให้เค้าโก่งคอ อาเจียนจนไส้แทบจะตามออกมาทั้งขด

แถมยังต้องตามล้างตามเช็ด “ของเหลือ” ที่เขาคายออกมาอีก

      กว่าผมจะทำความสะอาดห้องน้ำ.....กว่าจะทำความสะอาดร่างกายให้พี่นิว

แล้วตัวเองก็ต้องกลับเข้าไปอาบน้ำซ้ำอีกทีก่อนเข้านอน ผมก็เพลียแทบขาดใจ

จนไม่มีแรงจะเดินลากขากลับไปที่ห้องของตัวเอง

      นับตั้งแต่คืนนั้นมั้งครับ ที่พี่นิวไม่ยอมให้ผมกลับมานอนห้องของตัวเองอีกเลย

ผมก็เห็นว่าไหน ๆ ก็ไม่มีใครมาอยู่ร่วมบ้านกับเราแล้ว ก็เลยตามเลยแล้วกัน

แต่ก็นั่นแหละครับ....ตอนเช้าผมก็ต้องกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องของตัวเองอยู่ดี

เพราะสมบัติทั้งหลายแหล่ไม่ได้ย้ายตามตัวเจ้าของไปด้วย



    การที่ผมย้ายเข้ามานอนห้องเดียวกับพี่นิว ไม่ได้ทำให้เรามีเวลาอยู่ “ร่วมกัน” มากขึ้นเลย 

ยิ่งต่างคนต่างต้องไปทำงานกันคนละที่ เวลาว่างก็สวนกันไปมา

แถมเวลาที่จะอยู่ใต้ชายคาในเวลาเดียวกันก็หาได้ยากเหลือเกิน

ไหนจะงานเลี้ยงที่พี่นิวต้องไปร่วมสังสรรค์ในนามบริษัท เป็นเสมือนตัวแทนคุณพ่อ

ไหนจะต้องไปตระเวนตรวจการตามจุดต่าง ๆ ที่เราส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยไปประจำอยู่

ซึ่งงานหลังนี้ พี่นิวต้องไปตรวจในวันหยุดเป็นส่วนใหญ่

เพราะวันธรรมดา งานของบริษัทครอบครัวก็เอาไปหมดแล้ว

จึงกลายเป็นว่า ผมต้องอยู่บ้านตามลำพัง นั่นก็หมายความว่า

ถ้าไม่โทรหากัน เราก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย

       พี่นิวเคยถามผมว่า เหงาไหม ที่เขาแทบไม่มีเวลาให้

   ผมก็ตอบเขาไปด้วยความเข้าใจว่า....ไม่.... พร้อมกับให้เหตุผลตามไป

      “ผมคุยกับเพื่อนวันหนึ่ง ๆ ก็ไม่ค่อยเหงาหรอกครับ  เขียนนิยายไปด้วย คุยไปด้วย สนุกดี”

       เมื่อครั้งที่ผมบอกพี่นิวว่าผมเหงา เพราะเวลาว่างมากเกินไป

เพราะฉะนั้นงานอดิเรกเหล่านี้ถึงตามมา และขยายผลไปถึง การพูดคุยในเครือข่ายของโลกไซเบอร์ด้วย

      “ดีแล้ว พี่ก็คงต้องออกต่างจังหวัดบ่อยขึ้น เพราะว่าบริษัทรับงานเยอะขึ้น

สงสัยพ่อคงเห็นว่าพี่ลงมาทำเต็มตัวแล้วมั้ง ก็เลยป้อนงานไม่หยุด นูอยู่ได้นะ”

      ผมในเวลานั้น ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อย่างไรเสียผมคงไม่ตามพี่นิวไปทุกครั้งแน่ ๆ

เพราะผมมี “งานอดิเรก” ทำประจำ และที่สำคัญ การเดินทางแบบนั้นคงทำให้ผมเมารถจนเหนื่อย

นั่งรถไปกับเขาก็มีแต่จะเป็นภาระให้เขาต้องมาดูแล แทนที่ผมจะไปเป็นภาระ

ผมควรจะอยู่รอปรนนิบัติพี่นิวที่บ้าน หาวิธีทำให้เขามีความสุขอยู่กับบ้านดีกว่า


 
      ด้วยเหตุนี้ โลกของเราสองคนจึงมักจะสวนทางกันเสมอ จนหาเวลาบรรจบกันแทบไม่ได้

จนบางครั้งผมรู้สึกว่า เราสองคนคุยกันน้อยเกินไปหรือเปล่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:41:53 โดย NuNew »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



    เคยมีคนพูดว่าการพูดคุยกับเพื่อนใน MSN เป็นเรื่องไร้สาระ

แต่สำหรับผมใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป

   ผมมีเพื่อนมากมายในนั้น ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง วัยเดียวกันก็ไม่น้อย

หลายครั้งที่การพูดคุยนำไปสู่การแตกแขนงทางความคิด

ซึ่งผมนำไปใช้ในที่ทำงานก็มี นำไปเป็นแง่คิดในการใช้ชีวิตก็มาก

แต่ที่แน่ ๆ ผมมีพี่ที่ผมสามารถ “อ้อน” ได้ อยู่สองสามคน

ในเวลาที่พี่นิวไม่อยู่ให้ผมได้อ้อน ผมก็มีพี่เป็นของตัวเองที่นี่.....

หลายครั้งที่พี่นิวชอบมาสุ่มอ่านจาก “บันทึกการสนทนา” ที่ผมต้องเก็บเอาไว้ตามข้อตกลงระหว่างเรา

แล้วเขามักจะมีคำถามกับผมอยู่เรื่อย ๆ

      “นูจริงจังกับความสัมพันธ์ในเอ็มฯ จังเลยนะ”

      ผมอึ้งกับการจับสังเกตของพี่นิว จากการบทสนทนาที่ผมเก็บไว้

      “จะไม่จริงจังได้ยังไงล่ะครับ ถึงเราจะไม่รู้จักกัน ไม่เคยคบหากันจริง ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า

เราจะหลอกลวงเขา หรือว่าเห็นเขาเป็นของเล่นได้นี่ครับ”

      “พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น....จะพูดยังไงดี  พี่หมายความว่า มันจริงจังถึงขนาด

นับพี่นับน้อง มีการปรึกษาหารืออะไรทำนองนั้นต่างหาก”

      “ไม่รู้สิครับพี่นิว สำหรับผม  ถ้าใช้คำว่าเพื่อนกับใครสักคน ผมว่าเราก็ต้องจริงใจต่อกันเป็นที่ตั้งนั่นแหละ”

      “ตลกดีนะ”

      “เรื่องไหนที่มันตลกอะ”

      “เรื่องนี้แหละ สำหรับพี่การพูดคุยแบบนี้มันแทบจะไม่มีตัวตน ใครจะหลอกอะไรใครเรื่องไหนก็ได้

แต่พี่ลองอ่านที่นูคุยกัน เหมือนทุกคนเชื่อในสิ่งที่กำลังคุยกัน ยอมรับในสิ่งที่นูทำกับเขา”

      “ผมทำอะไรกับเขา?”

      “ก็นี่ไง....มีการเอาข้าวมานั่งกินด้วยกันหน้าคอมฯ....แล้วนี่ล่ะอะไร ฟังเพลงด้วยกัน....มันยังไงกัน”

      “อ๋อ....”

      คงเป็นน้องทอม คนที่ผมคุยเอ็มฯ ด้วยเป็นคนแรก ๆ ที่พอเราสนิทกันไปสักพัก

พอวันหยุดน้องไม่ได้ไปไหน ส่วนผมก็จับเจ่าอยู่หน้าคอมฯ พิมพ์หนังสือไปเรื่อยเปื่อย

บางเวลาเราก็หาอะไรทำด้วยกัน

      “น้องคนที่ผมบอกว่ายังเป็นนักศึกษาไงครับ วันหยุดเขาไม่ได้ไปไหน ผมก็อยู่คนเดียว

เราก็แค่กินข้าวกันไป คุยกันไป”

      “หน้าคอมฯ?”

      ผมพยักหน้า

      “แล้วฟังเพลงด้วยกันล่ะ”

      “ผมก็ส่งเพลงที่กำลังฟังให้น้อง น้องก็ส่งเพลงที่กำลังฟังให้ผม แล้วก็ฟังเพลงเดียวกันไปพร้อม ๆ กัน”

      “แล้วทำไมต้องส่ง หาโหลดเอาเองก็ได้”

      “มันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ เขาให้ กับเราหาเองน่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นของชิ้นเดียวกัน

แต่ในความรู้สึกมันก็แตกต่างกันไม่ใช่เหรอ”

      พี่นิวพยักหน้างง ราวกับว่าสิ่งที่ผมพูดมันเข้าใจยาก  และในคืนหนึ่ง.....

      น้องทอมกับผมคุยกันตามปกติ ผมกำลังฟังเพลงที่น้องเพิ่งจะส่งมาให้ลองฟัง

แล้วอยู่ ๆ คนที่นั่งอยู่หน้าโทรทัศน์ก็ลุกขึ้นมายืนซ้อนหลังผมตอนไหนก็ไม่รู้

      พี่นิวดึงมือผมที่จับเมาส์ออกไปกุมไว้ แล้วเอามือตัวเองมาเลื่อนเมาส์ไปที่รายชื่อเพลงที่กำลังเล่น

โดยโปรแกรม WMP ย้อนกลับไปที่เพลงที่เล่นผ่านมาแล้วให้มันเล่นอีกครั้ง

   http://www.youtube.com/watch?v=6LvaVRF6il0

      ทันทีที่เสียงเพลงนี้ดังขึ้น ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้านิ่งที่ก้มลงมาสบตาผมพอดี

      “เพลงของพี่เพราะกว่า”

      แล้วเขาก็เดินกลับไปนั่งที่เดิม ผมอดที่จะขำไม่ได้ ถึงจะไม่ค่อยจะเข้าถึงอารมณ์เขาในตอนนี้ก็เถอะ

แต่ผมก็พอจะรู้ว่า เขาคงเกิดอารมณ์อิจฉาแบบเด็ก ๆขึ้นมา (?)

ก็เพลงนี้เขาเป็นคนบอกให้ผมโหลดมาฟังเมื่อหลายวันก่อน บอกว่าพนักงานที่ออฟฟิศเปิดฟัง

เขาชอบว่านักร้องเสียงใสดี เนื้อหาก็ตรงใจเขา ผมก็ทำตามที่เขาบอก แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เปิดฟัง

เพราะอย่างที่บอกว่าผมกับน้องทอมแลกเพลงกันฟังทุกครั้งที่เราออนเอ็มฯ

      ตั้งแต่วันนั้นผมก็เปิดเพลงนี้ทุกวัน และทุกครั้งที่นั่งหน้าคอมฯ ผมก็ไม่เคยลืมที่จะฟังมัน

ยิ่งเวลาที่เขาไม่อยู่บ้าน ได้ฟังเพลงนี้ทีไร ผมจะรู้สึกเหมือนพี่นิวอยู่ใกล้ ๆ เสมอ

“ความรักฉันคือเธอ”.....มันกลายเป็นเพลงของเราไปแล้วตั้งแต่คืนนั้น



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:43:16 โดย NuNew »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวแอบหวานนะ เพลงแบ๊วมาก

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2

CarToonMiZa, namtarn11, vvhite , nokkaling   ขอบคุณครับ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเขียนทุกคน
gang  ตอนนี้บ้านโน้นเข้าไม่ได้  เก่งได้แวะไปมั่งมั้ยครับ
Zinub  ผมว่า ความรักทำให้เรารู้สึกดีที่เห็นเค้ามีความสุขนะ
Hongyia , bobie   .....คิดอีกทีผมก็อยากเปลี่ยนไม้เหมือนกันแหละ
broke-back  New's Aroma! กลิ่นของความรักพี่นิว ขอดมมั่งฮี่ อิอิ….ฟังดูหื่นจัง แต่ผมชอบ
choijiin  เกือบจะปิดฉากแล้วนะครับ  น่าจะอีกซัก serie นึง
อยากรัก   ขอบคุณครับพี่เอม  รวมทั้งขอบคุณกำลังใจที่ส่งผ่านเมล์มาให้ผมบ่อย ๆด้วย
aa_mm  คนเรามีสองด้านเสมอครับ ผมยังเคยร้ายกับพี่นิวเลย ตาทึ่มคนเนี้ยะ บางทีก็น่าสงสาร 555

ผมหายไปทีละนาน ๆ กังวลอยู่เหมือนกันว่า คนที่เคยอ่านยังอยากจะติดตามกันอยู่รึป่าว
แต่ก็นั่นแหละครับ ความตั้งใจครั้งแรกที่เขียนเรื่องนี้ ก็เพราะอยากบอกอยากเล่า
บอกแล้วก็ต้องบอกให้หมด หรือ อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าจะสุดสิ้นอุปสรรคของเราสองคน
บางทีกว่าจะถึงวันนั้น คนอ่านอาจจะเบื่อหน่ายจนหายหน้าหายตาไปกันหมดแล้ว
ก็ไม่เป็นไรครับ ผมก็ยังอยากเขียนตามความตั้งใจเดิมอยู่ดี
แต่จะว่าไปแล้ว พอเข้ามาเห็นชื่อเดิม ๆ ที่เคยแวะมาอีกครั้ง มันก็ชุ่มชื่นหัวใจดีเหมือนกันนะครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดถึงและกำลังใจที่มีให้กันครับ


คาดว่าคืนนี้จะได้มาต่ออีกซักตอน   :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:43:38 โดย NuNew »

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
จะเป็นอย่างไรต่อนะ   :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
นึกว่าตาฝาดซะอีกรีบกดมาอย่างด่วน
เป็นกำลังใจเสมอจ้า
เหนื่อยกับงานก็พักบ้าง
เดี๋ยวจะไม่สบายยิ่งช่วงนี้
อากาศร้อนมากอาจทำให้ป่วยได้
ขอบคุณที่มาต่อเรื่องราวให้ได้อ่าน
 :pig4: :กอด1: :L1: :mew1:
+1และเป็ด

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


ผิดคำพูดอีกจนได้ล่ะนายนู

บอกว่าจะมาตั้งแต่คืนโน้นนนน ก็เพิ่งจะได้โพสท์คืนนี้

เพราะคืนนั้นฤกษ์ดีครับ เลยไม่ได้เข้ามา

อย่ารู้เลยว่าฤกษ์ดีสำหรับทำอะไร    :haun4:


เอาเป็นว่าคืนนี้เราได้เจอกันแล้วก็แล้วกันนะครับ


 :pig4:


ราตรีสวัสดิ์ครับ  :bye2:







      .......หัวใจดวงเดียว มีสี่ห้อง ห้องละสี่เตียง เตียงละสี่ชั้น......

      เคยเอามาพูดล้อกันเล่นไหมครับ

      ผมไม่เชื่อว่า คนเราจะมีรักซ้อนกันได้ในคราวเดียวกัน

แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นตัวผมเอง ที่มีรักซ้อนรัก....

ถ้าความรู้สึกดี ๆ ระหว่างคนสองคนเรียกว่าความรักได้ ผมก็...รู้สึกรักนั่นล่ะ

      รัก....ในขณะที่ผมก็ยังคงรักพี่นิว โดยที่ความรู้สึกลึกล้ำที่มีต่อพี่นิวไม่เคยเปลี่ยนแปลง

  การพูดคุยกับน้องทอมบ่อยครั้ง ครั้งละนาน ๆ ตลอดระยะเวลา....นับปี

ทำให้ความรู้สึกดี ๆ ค่อย ๆ เบ่งบานขึ้นในใจผมทีละน้อยในเวลาต่อมา
 
ทำไมผมถึงได้รู้สึกดี ๆ กับน้องทอม.....ในตอนนั้น  ผมเองก็ไม่เข้าใจ

......มองย้อนหลังไปมันก็แค่เรื่องงี่เง่า ของคนที่อ่อนไหวเท่านั้นเอง










      ตอนสายของวันหยุดสุดสัปดาห์ เราสองคนได้มีเวลาพูดคุยกัน โดยที่ผมไม่ได้ออนเอ็มฯ

และไม่มีใครตามตัวพี่นิวไปทำงาน

      พี่นิวเข้ามาเปิดคอมฯ เช่นที่เคยทำเสมอเมื่อพอจะมีเวลาว่าง แต่คราวนี้ผมมีไฟล์อื่นนอกจากบันทึกสนทนาให้เขาได้อ่าน

      “รูปใครน่ะ”

      “น้องทอมไงครับ”

      พี่นิวขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่ไล่ดูไปทีละรูปจนครบ

      “เยอะขนาดนี้เชียว”

      “ก็....มันหลาย Act นี่นาพี่นิวก็”

      “จะกี่แอ๊คมันก็แค่หน้า ทำไมต้องมีหลายมุม แคปมาทำไมกันเยอะแยะ”

      “อ้าว...พี่นิวไม่เห็นเหรอครับ บางรูปยิ้ม บางรูปไม่ยิ้ม มองกล้องบ้าง ไม่มองบ้าง”

      “แค่อารมณ์ที่แตกต่างกันอะนะ”

      ผมยักไหล่ ไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี ผมก็แค่อยากได้ภาพที่น้องทอมเปิดกล้องคุยกับผมก็แค่นั้น

........นั่นสินะ........ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องทำเสียมากมาย จะว่าไปมันก็แทบจะไม่แตกต่างกัน

.......ในเวลานั้น....ผมไม่มีคำตอบจริง ๆ

      
      ผ่านไปอีกหลายสัปดาห์ ผมยังคงคุยกับน้องทอมอย่างสม่ำเสมอ 

เวลาอยู่บ้านไม่ใช่เวลาที่น่าเบื่อสำหรับผมอีกต่อไป 

แถมกิจกรรมบางอย่างที่ผมเคยออกไปกับเพื่อนร่วมงาน แม้จะแค่สังสรรค์เล็ก ๆน้อย ๆยามเย็น

ผมก็แทบจะไม่ไปเข้าร่วม นอกจากจะเป็นโอกาสพิเศษจริง ๆ อย่างวันเกิด หรือไม่ก็ เลี้ยงส่งเมื่อใครสักคนย้ายที่ทำงาน

      “คืนนี้พี่กลับดึกหน่อยนะครับ”

      พี่นิวบอกผมก่อนออกจากบ้าน เป็นทีให้รู้ว่า มื้อเย็นจะไม่ได้กินข้าวด้วยกัน และไม่ต้องรอเปิดประตู

เพราะเขาจะเอากุญแจบ้านไปเอง ผมจะได้ไม่ต้องตื่นกลางดึกลงมาเปิดประตูบ้านให้

      “ไปงานเลี้ยงใครครับ”

      ผมถามเป็นคำถามสำเร็จรูปมาตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกัน  เพราะตั้งแต่พี่นิวเริ่มทำงานอย่างจริงจัง

เขาก็มักจะได้ไปงานสังสรรค์เพื่อธุรกิจแทนคุณพ่อเสมอ

      “เปล่าหรอก ลูกน้องชวนไปกินเหล้า”

      ผมเลิกคิ้วสูง เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่พี่นิวจะไปตามคำชวนของลูกน้อง

นอกจากเหนือไปจาก พี่ศร คนสนิทที่ช่วยดูไซต์งานในต่างจังหวัดให้

หรือพี่ขนุน หัวหน้าคนงานที่พี่นิวเคยไปค้างที่บ้านเขาบ่อย ๆ

ซึ่งถ้าเป็นพี่สองคนนั้น พี่นิวก็จะเอ่ยชื่อให้รู้กันไปเลย ไม่ใช้คำเรียกว่า “ลูกน้อง”

เพราะเรานับถือพี่สองคนนั้นเหมือนพี่เหมือนน้อง

      “งานแต่งลูกสาวเขาน่ะ ทีแรกว่าจะไม่ไป พี่ก็เลยไม่ได้ให้นูหาของขวัญให้

ก็ว่าจะใส่ซองให้อย่างเดียว แล้วก็นั่งกินเหล้ากับเขาสักแป๊บ”

      “งั้นให้ใครขับรถให้ดีกว่าไหมครับ ผมกลัวพี่นิวเมาอะ”

      “ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า จะพยายามไม่แตะมาก โอเคไหม”

      “ครับ”

      ผมยิ้มส่งพี่นิวขึ้นรถ จนเลี้ยวลับออกจากประตูรั้วไป

      และคืนนั้น เป็นคืนแรกที่พี่นิวไม่กลับบ้านโดยไม่ได้บอกผมล่วงหน้า

      รุ่งขึ้นเช้าผมแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงไปทำงาน เนื่องมาจากการอดตาหลับขับตานอนเมื่อคืน

รู้ซึ้งแก่ใจเลยว่า ภรรยาที่รอคอยสามีทั้งคืนมันให้ความรู้สึกยังไง

อาจจะแตกต่างกันอยู่บ้างก็ตรงที่ ผมไม่เคยมีความหวาดระแวงว่าพี่นิวจะไปมีอะไรกับใคร

....มันเป็นความมั่นใจอยู่ลึก ๆ ในใจผม

      พี่นิวขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเมื่อผมกำลังจะออกไปทำงานพอดี ต่อให้เป็นห่วงและอยากดูแลเขาแค่ไหน

ผมก็ยังต้องไปทำงาน

      “ไม่โทรมาบอกผมสักคำว่าจะไม่กลับ”

      มันไม่ใช่คำต่อว่าต่อขาน ผมแค่อยากจะพ้อให้เขารู้ว่าผมรอเขาทั้งคืน

      “ขอโทษนะครับพี่ง่วงมากเลย ค่อยคุยกันตอนเย็นนะ”

      ผมก็รีบจะไปทำงานด้วยแหละ ถึงได้ยอมรับคำขอโทษง่าย ๆ  และถ้าคิดให้ดี มันจะยากไปทำไม

ในเมื่อเขาก็ขอโทษแล้ว เขาอาจจะมีความจำเป็นอะไรบางอย่างทำให้ติดต่อผมไม่ได้

หรือไม่ก็แบตโทรศัพท์หมด แต่ยังไงก็แล้วแต่ ผมได้เห็นพี่นิวกลับมาอย่างปลอดภัย มันก็ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ

      ตกเย็นกลับมาถึงบ้าน ผมกลับไม่เจอพี่นิว เสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อคืนนี้กองอยู่ที่ปลายเตียง

ผมก็เดาเอาว่าคงจะออกไปทำงาน เพราะรองเท้าหนังเซฟตี้ไม่อยู่ นึกห่วงอยู่เหมือนกันว่า

ไม่รู้พี่นิวจะได้นอนเต็มอิ่มหรือเปล่า ที่หายไปทั้งคืนผมก็ไม่ได้สัมภาษณ์เลยว่า

นั่งกินเหล้าทั้งคืนหรือว่าได้นอนมาบ้าง

      คิดไปคิดมาไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอด ผมดีใจจนออกนอกหน้า

รีบออกจากห้องนอนลงไปข้างล่าง แทบจะเป็นกระโจนลงบันได

      “เบา ๆ นู เดี๋ยวก็ได้พลัดตกลงมาหรอก”

      คนที่ผมคิดถึงยืนค้างอยู่ตรงช่องประตู กำลังถอดรองเท้าออกพลาง ปากก็บ่นผมไปพลาง

      “ไม่ตกหรอกครับ”

      “แล้วทำไมไม่เดินลงมาดี ๆ”

      “รีบลงมารับพี่นิวไง”

      ผมพูดเอาใจพร้อมกับยิ้มหวานส่งไปให้ ก็เลยได้รางวัลเป็นหอมแก้มทั้งสองข้าง

อย่าคิดว่าผมจะอยู่เฉยนะ เพราะนิสัยผมมันชอบเอาคืนอยู่แล้ว

      “เหงื่อทั้งนั้นเลย ตัวก็เหม็น ขอพี่อาบน้ำก่อนนะ”

      “เหม็นแค่นี้ไม่เท่าไรหรอกครับ ดีกว่ากลิ่นละมุดเน่าเยอะเลย”

      “เดี๋ยวจะโดน”

      พี่นิวแกล้งว่า แต่นัยน์ตาพราวส่อแววเจ้าเล่ห์มาเลย มีหรือที่ผมจะไม่รู้ความนัยที่เขาสื่อ

      “โดนไม่กลัว กลัวจะไม่โดน”

      “ฮ่า ๆ ให้มันจริงเหอะ รอเดี๋ยวนะ ได้โดนแน่อย่าหนีไปไหนก็แล้วกัน”

      ผมดันหลังพี่นิวขึ้นบ้าน เตรียมผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำให้ พร้อมกับวางสบู่กลิ่นเปปเปอร์มิ้น

แทนสบู่กลิ่นกุหลาบที่ผมชอบ อากาศร้อน ๆ ได้สบู่หอมเย็น ๆ คงทำให้สดชื่นขึ้น

      ส่งพี่นิวเข้าห้องอาบน้ำแล้วผมก็เดินลงมาเตรียมจะทำอาหารในครัวต่อ แต่ก่อนจะเลี้ยวเข้าครัว

ผมชะโงกมองออกไปหน้าบ้าน เห็นสภาพรถพี่นิว “คลั่ก ๆ” มาก โคลนเกาะล้อมาเต็ม ๆ

ตัวรถนี่ไม่ต้องพูดถึง รอยโคลนสาดเข้าไปครึ่งคันแล้ว นี่มันหน้าร้อนชัด ๆ แล้วไอ้โคลนพวกนี้มันมาจากไหน

      ผมก็เลยเปลี่ยนแผนจากทำกับข้าวมาเป็นล้างรถแทน กว่าพี่นิวจะอาบน้ำเสร็จผมก็คงล้างข้างนอกเสร็จพอดี

....บอกก่อนว่าผมก็ไม่ได้ขยันหรอกครับ แค่ฉีดน้ำเปล่า แล้วก็เอาฟองน้ำลูบโคลนออกให้พอดูได้

เพราะยังไงสภาพแบบนี้พี่นิวต้องเอาไปล้างอัดฉีดที่อู่อยู่แล้ว


      



      ผมนั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเองหลังจากล้างรถเสร็จ......ก็ไม่ใช่แค่ล้างทำความสะอาดมัน

แต่ผมเข้าไปจัดระเบียบในรถให้ด้วย กองเอกสารบ้าง แฟ้มบ้าง ไหนจะแบบพิมพ์เขียวที่ตกอยู่ที่พื้นรถ

ผมไม่ได้จัดการอะไรเป็นพิเศษ นอกจากเช็ดฝุ่น เก็บขยะพวกเศษทิชชู่ กระป๋องเบียร์เปล่าออกมา

แล้วก็....ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำตั้งแต่แรก....ผมเปิดเก๊ะหน้ารถ แค่จะดูว่ามีเอกสารอะไรบ้างที่พี่นิวซุกไว้รีบ ๆ

เพราะผมเคยเจอใบเสร็จค่าน้ำมันรถแบคโฮของเดือนมกราคม ที่ยังไม่ได้ส่งไปเบิกกับบริษัท

ทั้งที่ตอนที่ผมเจอมันก็เดือนกันยายนแล้ว พี่นิวคงเก็บไว้จนลืม


      คราวนี้ผมเจอถุงยาง!!!


      ไม่แปลกใช่ไหมสำหรับคนอื่น...แต่สำหรับเรา.....มันแปลกมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:44:10 โดย NuNew »

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พี่นิวที่เจอนี่หมายความว่ายังไงจ๊ะอธิบายให้เคลียนะ
เจ็บแปล๊บๆแงแง
สู้สู้คูณนู

ออฟไลน์ choijiin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +445/-5
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคุณนู
คิดว่าจะลืมคนอ่านที่นี่ซะแล้ว
 :hao5: :กอด1:

ว่าแต่อิถุงยางนี่พี่นิวเอามาซุกไว้ใช้กับใคร??
อ่านแล้วอยากจะกรี๊ด
 :ling1: :katai1:

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
 :katai1: :katai1:

 :ling1: :ling1:

พี่นิวววววววว   :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด