พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 140033 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
   

      นาน ๆ ครั้ง พี่นิวถึงจะมีเวลาว่าง ว่างแบบที่เรียกว่าไม่ทำอะไรเลย ไม่มีคำว่า “งาน”

ไม่มีเสียงโทรศัพท์โทรตามตัว ไม่ต้องออกต่างจังหวัด

      ปกติวันเสาร์อาทิตย์ พี่นิวก็ไม่เคยได้หยุดงาน เพราะเวลางานของเขาเหมือนจะ Roll Over อยู่ตลอดเวลา

เสร็จจากเรื่องนี้ ไปเรื่องนั้น เสร็จจากเรื่องนั้นก็ไปเรื่องโน้น

      วัยหนุ่มของพี่นิวช่างเป็นเวลาแห่งการเริ่มต้นที่เหน็ดเหนื่อยหนักหนาสาหัส ในความรู้สึกของผม

ไม่มีวันหยุดเหมือนใครเขา วันที่พี่นิวจะหยุดงานก็คือวันที่ไม่มีงานเร่งด่วน ไม่มีใครโทรตามตัว....

เท่าที่ผมเห็นนานแสนนานกว่าจะได้เจออย่างนั้นสักครั้ง แต่ก็ยังพอมีช่วงที่เขาหยุดยาว ๆ เป็นอาทิตย์

เพราะงานบางส่วนราบรื่นเสียจนวางมือได้  หรืองานบางส่วนเดินไปไม่ได้ เพราะปัจจัยจำเป็นบางอย่าง

ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอเสียด้วย

      ด้วยเหตุผลนั้น ผมกับพี่นิวจึงแทบจะไม่ได้ไปไหนไกล ๆ ช่วงยาว ๆกันเลย

เพราะผมเองก็มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้ไปไหนไมได้ในวันหยุดยาว ๆ

(เป็นงานที่ไม่ต้องไปทำ แต่ต้อง stand by โทรศัพท์ตามแล้วไม่เจอตัว มาแก้ไขปัญหาไม่ทันตามเวลา ก็มีความผิดครับ)

      
   วันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันแรงงาน บริษัทของพี่นิวหยุดตามกฎหมายแรงงานครับ

ส่วนผมยังได้หยุดชดเชยวันจันทร์อีกวันหนึ่งด้วย

      คืนวันศุกร์ผมก็เล่นเอ็ม เข้าบอร์ดไปเรื่อยตามปกติ อยู่ ๆ พี่นิวก็พูดชวนขึ้นมา

      “พรุ่งนี้เช้าไปทะเลกันดีไหม”

      “เช้า? พี่นิวไม่ไปทำงานเหรอครับ”

      “พรุ่งนี้ลูกน้องเขาหยุด พี่เลยไม่มีงานทำ”

      “งั้นก็ไปครับ ดีจัง เราไม่ได้เที่ยวกันสองคนแบบนี้นานแล้วนะ”

      ผมเข้านอนเร็วกว่าทุกคืน เพราะอยากจะตื่นแต่เช้า ไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นเลยยิ่งดี

แต่ถึงแม้จะไม่ทัน ขอแค่ได้เดินเล่นที่ชายหาด บนทรายนุ่ม ๆ ก็ยังดี

      
   

  น้ำทะเลเย็น ๆ เพราะแดดเพิ่งจะส่อง จึงยังคงไอเย็นของค่ำคืนที่ผ่านมาไว้ได้

คลื่นลมไม่แรงนัก แค่พอพัดให้คลื่นพลิ้วเข้าซบหาดแผ่ว ๆ

      ทรายสีทองสกปรกไปบ้าง เพราะขยะที่มากับทะเล แต่ที่ผมเห็นแล้วชวนให้หดหู่ก็คือ

สัตว์ตัวเล็กบ้างใหญ่บ้าง ที่เป็นวุ้นใส นอนกันเกลื่อนหาด อารมณ์ที่กำลังเบิกบานขาดตอนลงวูบหนึ่ง

      “พี่นิวช่วยผมหน่อย”

      “อะไร”

      “จับมันไปปล่อยลงทะเลหน่อยนะครับ แดดแรง เดี๋ยวมันตาย”

      “มันตายแล้ว”

      พี่นิวใช้ฝักต้นโกงกางที่ระเกะระกะอยู่ใกล้ ๆ ลองเขี่ยเจ้าตัวที่นอนหงายท้อง

      “ยัง....ดูตัวนี้ดิ มันยังหายใจอยู่เลย”

      ผมก้มลงไปดูใกล้ ๆ ตัวที่อยู่ใกล้เท้า

      “บ้าแล้วนู มันหายใจทางไหนก็ไม่รู้”

      “เหอะน่า มันกระเพื่อมตัวน่ะ เห็นหรือเปล่า แดดจะเผามันตาย”

      “แต่ตัวนั้นมันเป็นชิ้นส่วนแล้วนะ”

      ผมว่าแมงกะพรุนพวกนี้มันก็ดูกะรุ่งกะริ่งเป็นปกติของมันอยู่แล้วนะ

      “ถ้าพี่นิวมัวแต่ดู ๆ ๆ มันก็ได้ตายจริง ๆ เพราะแดดเผาแหละ ตกลงจะช่วยไหม

ถ้าไม่ก็ออกไปห่าง ๆ แล้วอย่าไปเผลอเหยียบมันนะ”

      ผมเผลอทำเสียงเข้มออกไปอย่างลืมตัว แต่พี่นิวก็ไม่ได้ว่าอะไร

      ผมเดินหาอะไรสักอย่างที่พอจะช้อนเจ้าสัตว์ขนาดไม่เกินฝ่ามือ เพื่อจะไปทิ้งในทะเล

ก็ไม่รู้ล่ะ ถ้ามันตายแล้วก็ฝังร่างไว้ในที่ที่มันเกิดแล้วกัน แต่ถ้ามันไม่ตาย อย่างน้อยมันก็ยังมีโอกาสรอด

ถ้ามันสู้แรงคลื่นไหวนะ

      ผมคิดว่าเมื่อคืนนี้มีพายุเข้า มันคงว่ายน้ำจนเหนื่อย ก็เลยโดนคลื่นซัดมาเกยหาด

เพราะว่ายต่อไปไม่ไหว นอนพักมาพอแล้วก็น่าจะมีแรงนะ หรือว่าถ้ามันชะตาขาด

ก็กลับไปตายในทะเลแล้วกัน

      ผมได้ฝากล่องโฟมใส่อาหารมาสองฝา สภาพไม่แข็งแรงหรอก แต่ก็ดีกว่าเอามือช้อนขึ้นมา

เพราะมันอาจจะคัน ผมอาจจะแพ้ ไหน ๆ จะช่วยมันผมก็ไม่อยากเดือดร้อนนี่ครับ

      ผมกับพี่นิวกว่าจะได้เดินเล่นกันอย่างที่ตั้งใจ ก็เมื่อเจ้าแมงกะพรุนลงทะเลไปหมดแล้ว

      “ก็ดีนะ จับมันลงทะเลไป เราจะได้ไม่เผลอเหยียบเข้า คันหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะ”

      พี่นิวยืนรำพึงอยู่ข้าง ๆผม

      “แต่ผมรู้สึกดีกว่านั้นนะครับ ไม่รู้มันเป็นสายพันธุ์หายากรึเปล่า นี่เท่ากับว่า

ผมช่วยดำรงเผ่าพันธุ์ของมันนะเนี่ย”

      “อย่าพูดให้มันดูยิ่งใหญ่ได้ไหม”

      พี่นิวพูดกลั้วหัวเราะ เอาปลายนิ้วผลักหน้าผากผมเบา ๆ

      “เราน่ะมันใจอ่อนต่างหาก ต่อให้มันเป็นแมงกะพรุนมีพิษพี่ว่านูก็ช่วยมันอยู่ดีแหละ”

       ก็ใช่ครับ....ใครจะทนดูมันนอนให้แดดเผาได้ลงคอ ทั้งที่มันนอนพะงาบ ๆ ให้เห็นตำตาแบบนี้ล่ะ


      ทั่วทั้งหาดมีคนไม่มาก แต่มีคนเดินย่ำเท้าเปล่าลุยน้ำทะเลเหมือนเราสองสามคน ที่ผ่านไปผ่านมานาน ๆครั้ง

  มีคนจูงวัวชนตัวใหญ่ เขาโง้งมาด้วย รอยตีนมันย่ำเป็นหลุมลึก ตอนที่มันเดินมาใกล้ผมก็ผวาอยู่ไม่น้อย

ถ้าเกิดมันพุ่งเข้าชนผม คงตายคาที่แน่ ๆ ลำพังคนจูงน่ะ ทั้งผอม ทั้งเตี้ยกว่าผม ในมือถือเชือกจูงวัวก็จริง

แต่ถ้ามันขัดขืน จะมีปัญญารั้งมันไว้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมกับพี่นิวรีบเดินหลีกออกนอกเส้นทาง

ก่อนที่มันจะหันมาเห็นเรา

      ผมเดินลุยทะเลเล่นจนชายกางเกงที่ยาวแค่ปิดเข่า เปียกเกือบถึงต้นขา ทีแรกผมก็แค่เดินตรงชายคลื่น

แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งเพลิน ผมเผลอลงไปในทะเลเมื่อไรไม่รู้ตัว น้ำทะเลลึกแค่ครึ่งแข้งก็จริง

แต่เพราะคลื่นที่กระแทกเข้ามากระทบ น้ำก็กระเซ็นจนเปียกไปหมด ดีนะที่ผมเอากางเกงอีกตัวมาเปลี่ยน

แต่ความจริง ถ้าพี่นิวไม่ท้วงเรื่องกางเกงตัวแรกที่ผมใส่ ผมก็ไม่ต้องเอากางกางมาสำรองเพิ่มหรอก

      ....ไปเปลี่ยน….

      …..ทำไมอ่า ผมจะเล่นน้ำ....

      .....ลงไปเล่นในทะเลอะเหรอ....

      .....เปล่าครับ แค่เดินชายหาดเอง....

      .....งั้นไปใส่ตัวสีเทา....

      .....มันยาวไป เดี๋ยวเปียก....

      ......เอาไปเผื่อเปลี่ยนอีกตัวแล้วกัน.....

      ......ตัวนี้มันเป็นไงอะพี่นิวก้อ....

      ......สั้นไป....

      ......ก็ผมจะเล่นน้ำ....

      ......พี่ถึงให้เอาไปเปลี่ยนอีกตัวไง.....ไม่งั้นก็ไม่ต้องไป!!!

      เชอะ ถือว่าขับรถพาผมไปเหรอ ทำมาเป็นออกคำสั่ง....แล้วผมก็เปียกจนได้เลยเห็นไหมเล่า

แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ทำอย่างที่พี่นิว  “สั่ง” นั่นแหละ คือเอากางเกงมาเปลี่ยนอีกตัวหนึ่ง



      หลังจากที่เดินเล่นน้ำจนเบื่อ แดดก็แผดแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผมจัดการล้างน้ำเค็มออกจากตัว

ด้วยน้ำจืดที่เตรียมมาในถังน้ำใบย่อม ชำระแค่พอให้หายเหนอะหนะ เพราะว่า โปรแกรมต่อไป

พี่นิวจะพาผมไปกินแต้เตี่ยมเจ้าอร่อยในตัวเมือง

      ผมหยิบกางเกงที่เตรียมมาออกมาเปลี่ยน แล้วเก็บตัวที่เปียกใส่ถังพลาสติกท้ายรถ

พี่นิวกำลังนั่งรอผมอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นสน หันหน้าหาทะเล ท่าทางจะชมวิวเพลิน

จนไม่รับรู้ว่าผมเดินไปหยุดอยู่ข้างหลัง

      “เสร็จแล้วครับ ไปกันได้หรือยัง”

      พี่นิวหันมาทันที พร้อมกับขยับลุกขึ้น

      “พี่เปลี่ยนใจแล้วล่ะนู เดี๋ยวไปหาซื้ออะไรมากินที่นี่ดีกว่า พี่อยากนั่งกินริมทะเล

นาน ๆ มาทีจะได้สูดอากาศให้อิ่มไปเลย”

      ผมก็รับความคิดที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของพี่นิวได้อย่างทันท่วงที

คงเป็นเพราะผมเองก็ยังอยากใช้เวลาอยู่ตรงนี้ ยังไม่อิ่มกับธรรมชาติที่ผมชื่นชอบ

ก็เลยตอบตกลงไป

      “นูรอที่นี่แล้วกัน จะเล่นน้ำต่อรอพี่ก็ได้นะ พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็มา ยังอยากกินขนมจีบซาละเปาอยู่หรือเปล่า”

      “ครับ ขนมครกเจ้าเดิมด้วยนะครับพี่นิว แล้วก็น้ำดื่มขวดนึง”

      “ได้”

      พี่นิวรับคำแล้วเดินจ้ำทรายแห้ง ๆ ไปที่รถ ขับออกไปอย่างนิ่มนวล

      ....ผมนี่ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ก็ไม่รู้ มีพี่นิวคนเดียว เหมือนมีทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งคู่รัก....

      ผมอดยิ้มให้กับความโชคดีของตัวเองไม่ได้ ที่ผ่านมาถึงจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา

แต่ท้ายที่สุด เราก็ยังอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขพอควร ชีวิตนี้ผมคงไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

ขอให้มีพี่นิวอยู่เคียงข้างผมตลอดไปเท่านั้นเป็นพอ

      ผมหยิบกิ่งสนแห้ง ๆ บนพื้นทรายข้าง ๆ ตัวขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินไปที่ริมหาดอีกครั้ง

       ข้อความที่ผมลากลงไปบนทรายเปียก บอกความในใจของผมที่มีต่อพี่นิวอย่างมากมาย

   ผมเขียนไปเรื่อย ๆ ตามความยาวหาด ตรงที่คลื่นจะซัดขึ้นมาไม่ถึง (ในตอนนี้)

ไม่มีใครเป็นพยานในคำจารึกเหล่านั้น ทั่วทั้งหาด มีเพียงผมที่ก้มหน้าก้มตาลากเส้นไปตามผืนทราย

กับอีกสองสามคน ที่อยู่ไกลออกไป


      พี่นิวกลับมาหลังจากที่ผมหยุดพฤติกรรมเหล่านั้น แล้วกลับมานั่งที่ม้าหินตัวเดิม

อาหารเช้าสารพัดสารพัน ที่พี่นิวหอบหิ้วมา ล้วนแต่เป็นของชอบของผม....

เขาช่างจดจำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องเตือน

      หลังจากที่เราจัดการกับอาหารตรงหน้าจนแน่นท้องแล้ว พี่นิวก็ชวนผมไปเดินเล่นริมหาดอีกครั้ง

แต่ผมชักไม่อยากเล่นแล้วสิ ก็แดดมันออกจะร้อนแรงเสียขนาดนั้น ผมไม่ได้กลัวดำนะ

(เพราะขาวเป็นทุนอยู่แล้ว อิอิ) แต่อากาศร้อนมันไม่เคยปรานีใคร

เดินเล่นกลางแดดตอนแปดโมงครึ่งของฤดูร้อนมันไม่สนุกนะเอ๊อ...

      “ไปเหอะ ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อย ไปนั่งเล่นเฉย ๆ ก็ได้อ้ะ”

      “แล้วพี่นิวจะออกไปทำไมป่านนี้ล่ะครับ เล่นน้ำเหรอ”

      “อยากสัมผัสน้ำทะเล นาน ๆได้มาที คราวหน้าก็ไม่รู้ว่าพี่จะว่างเมื่อไร นะไปเหอะ”

      ก็เพราะไอ้คำนี้กระมัง ที่ทำให้ผมกระบิดกระบวนเดินตามพี่นิวไปจนได้ แล้วก็ไม่เห็นเขาจะทำอะไร

นอกจากเดินลุยน้ำ (เหมือนที่ผมทำ) ก้มลงเอามือควานในน้ำทะเลที่ลึกแค่ครึ่งแข้ง

หยิบปูเสฉวน ขึ้นมาวางให้มันนอนหมอบบนหาด

(ปูเสฉวน มันจะเก็บตัวเองเข้าไปในเปลือกหอยทันทีที่ถูกรุกราน)

      หยิบตัวเล็ก ตัวน้อยมาวางจนเต็มหาดไปหมด บางตัวพอมันตั้งหลักได้ก็เดินลงทะเลไปก็มี

พี่นิวก็ไปหามาวางใหม่ ผมได้ทางมะพร้าวแห้ง ๆ ที่ตกอยู่แถวนั้นมาปักลงกับทรายพอบังแดดได้บ้างนิดหน่อย

ก็เลยยังพอนั่งเป็นเพื่อนเขาไหว แต่พระเดชพระคุณเอ๊ย...แค่แปดโมงครึ่ง มันยังร้อนขนาดนี้

เที่ยงวันจะสักขนาดไหนน้อ...

      สักพักพี่นิวก็กวักมือเรียกผมให้ไปดูอะไรในน้ำตรงที่เขายืนอยู่

      “อะไรครับ....ไหนอะ”

      ผมก้มตัวลงไปดูตรงผิวน้ำที่ระยับไปด้วยพรายฟองของคลื่นลูกเล็ก ๆ มันทำให้มองอะไรใต้ผิวน้ำไม่ถนัดนัก

และยังไม่ทันที่ผมจะก้มลงดูให้ใกล้ขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของผมก็ถูกผลักให้ลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าในน้ำทะเล

ความเค็มแทรกซึมผ่านริมฝีปาก....ก็ไม่เท่าไร เคยชิมอยู่

น้ำทะเลกระเซ็นเข้าตา แสบนิดหน่อย แต่ไม่มากนักก็พอทน

จังหวะที่ผมหายใจออก ทำให้น้ำไม่เข้าจมูกไปด้วย....แต่.....

      เสื้อผ้าผมเปียกหมด

      กางเกงขาสั้นตัวที่ผมใส่เป้มาเป็นชุดสำรอง เปียกฉ่ำ จนนุ่งไม่ได้อีกแล้ว

เสื้อยืดสีอ่อน เปียกน้ำ บางจ๋อยจนเห็นเนื้อใน....ก็ไม่เป็นไรอีกแหละ

เพราะที่จริงแล้วผมก็ชอบเล่นน้ำทะเลอยู่เหมือนกัน แม้ว่าวันนี้จะไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อจะลงแหวกว่ายโต้คลื่น

แต่ได้นั่งแช่ลงในน้ำมันก็เย็นฉ่ำชื่นใจดี

      แต่ผมงงกับพี่นิวมากเลย อารมณ์ไหนของเขาเนี่ย ถึงได้ตั้งใจทำให้ผมเปียก

ก็รู้อยู่ว่าผมเตรียมเสื้อผ้ามาแค่นี้ แล้วผมจะกลับบ้านยังไง สีหน้าของผมคงจะงงงันจนน่าหัวเราะ

พี่นิวถึงได้ขำออกมาก๊ากใหญ่

      “ไง เปียกหมดแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”

      “ไม่มีแล้ว ผมมีกางเกงมาตัวเดียว”

      ผมตอนนี้ไม่ได้นึกโกรธอะไรเขาเลย เพราะจริง ๆแล้วก็อยากเปียก อยากเล่นน้ำอยู่หรอก

แต่ไม่มีเพื่อนเล่นด้วย มันก็ไม่สนุก เลยขอแค่เดินลุยน้ำก็พอไง

      อารมณ์ตอนนี้มีแต่ความสงสัย ในพฤติกรรมของพี่นิวเป็นที่สุด ส่วนใหญ่ผมจะเดาได้

ว่าเขาคิดอะไร แต่ครั้งนี้ไม่

      “พี่เตรียมให้แล้ว”

      หือ?...ยังกะรู้ล่วงหน้า

      “เหรอครับ เตรียมตอนไหนทำไมผมไม่เห็นอะ”

      แล้วเราก็ตกลงจะไปอาบน้ำจืดกันที่ห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งเปิดอยู่เจ้าเดียวในเวลานี้

(ส่วนใหญ่ผู้ให้บริการห้องน้ำจะเปิดให้ใช้ประมาณ สิบเอ็ดโมง) พี่นิวถือถุงพลาสติกสีฟ้าขุ่นไว้ในมือ
 
มองเห็นว่าข้างในมีเสื้อผ้าอยู่หลายชิ้น พอไปถึงห้องน้ำพี่นิวก็รื้อเสื้อยืดสีเขียวตุ่น ๆ

กับกางเกงขาสามส่วนมาให้ผม พร้อมกับน้องชายตัวน้อยสีนวล ๆ

      “ไม่ใช่ของผมนี่”

      ผมเอ่ยปากขึ้นแล้วก็รับมา สัมผัสดูก็รู้ว่ามันยังใหม่ ยกขึ้นจรดจมูกก็ได้กลิ่นผ้าใหม่

ปนมากับกลิ่นน้ำมันจากสีสกรีน

      “ของนู พี่ซื้อมาให้”

      “ขอบคุณครับ”

      ผมยิ้มออกไป จะว่าดีใจก็ไม่เชิง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาซื้อเสื้อผ้าให้ผม

แต่การที่ซื้อในเวลาอย่างนี้ สถานการณ์นี้ มันออกจะแปลกไปหน่อย


      เราต่างคนต่างเข้าห้องอาบน้ำกันคนละห้อง ส่งสบู่กับแชมพูให้กันทางช่องเหนือผนังกั้นห้อง

อาบเสร็จแล้วผมก็ต้องรีดน้ำออกจากผิวทีละนิดจนตัวหมาดจึงจะสวมเสื้อผ้าได้

เพราะพี่นิวไม่ได้ซื้อผ้าขนหนูมาด้วย

(รอบคอบทุกอย่างกระทั่งซื้อกางเกงใน แต่ลืมผ้าขนหนูอะนะ พี่นิวของผม)


      หลังจากออกมาแล้ว พี่นิวก็ยื่นมือมารับผ้าเปียกจากผมไปใส่ถุงที่ใส่เสื้อผ้าใหม่มา

เขาจ้องหน้าผมแล้วอมยิ้ม สำรวจเสื้อผ้าที่ผมสวมใส่แล้วก็ยังยิ้มไม่หุบ แถมแอบจุ๊บแก้มผมตอนที่ผมเผลออีก

....อะไรของเขานะ  จะอารมณ์ดีไปไหน

      เดินมาถึงประตูทางออกจากห้องอาบน้ำ ผ่านถังขยะใบใหญ่ พี่นิวก็เปิดฝาถัง

แล้วหยิบกางเกงตัวเปียกที่ผมนุ่งมาลงในถัง ปิดฝา แล้วก็เดินลอยชายออกไป

ทิ้งให้ผมยืนหายงงอยู่ตรงนั้น

      อ๋อ....อย่างนี้ใช่ไหม

      ที่ทำผมเปียกไปทั้งตัว ก็เพราะอย่างนี้ใช่ไหม

      ทำทีเป็นอยากกินอาหารเช้าริมทะเล ที่แท้ก็แอบไปซื้อเสื้อผ้า

      อารมณ์ขันปนโมโหนิด ๆ ทำให้ผมเดินตามหลังเขาไป ค่อย ๆ เร่งสปีดจนถึงตัวพี่นิว

แล้วก็กระโดดขึ้นขี่หลังโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว

      “เฮ้ยยยย....”

      พี่นิวอุทาน ด้วยความตกใจ....ขนาดว่าตกใจ แต่ก็ช้อนใต้เข่าผมในจังหวะที่ผมหนีบเอวเขาพอดี

คนเฝ้าห้องน้ำคงหันมาเห็นเราสองคน เขาก็ตะโกนทักออกมาเสียงดัง พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะตามมา

(หวังว่าเขาจะคิดว่า “ผู้ชาย” สองคนเล่นกันนะ)

      “ตัวหนักจะตาย ลงไป”

      ปากก็บอกว่าผมหนัก แต่เขาก็ยังล็อกขาผมไว้ทั้งสองข้างคงกลัวผมจะหย่อนตัวลงมา

แล้วดึงให้เขาหงายหลังลงไปด้วยกัน เพราะถ้าอยู่บ้านผมจะชอบล็อกคอเขาแล้วโน้มให้หงายหลังลงมา

เป็นท่าที่พี่นิวเสียเปรียบผมมาตลอด

      “ไม่ลง”

      “หนักนะ”

      “ไม่รู้แหละ ผมไม่เดินแล้ว”

      “ก็มันเรื่องอะไรมาขี่คอเล่า เดินเองไม่เป็นรึไง”

      “ไม่อะ ไม่อยากเดิน”

      “เกิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรขึ้นมา....หา”

      “ก็ใครใช้ให้เอากางเกงผมไปทิ้งถังขยะเล่า”

      “ถ้าไม่เอามันมาด้วย มันก็ไม่ต้องลงไปนอนในนั้นหรอก”

      “ก็ผมชอบบบบบ”

      “อ๋อ....ชอบโชว์”

      “ชอบเพราะว่ามันใส่สบายตะหาก”

      “ก็รู้ แต่ไม่ใช่จะเอามาใส่เดินฉายไปฉายมานอกบ้านนี่”

      “ผมใส่เล่นน้ำเอง”

      “ก็ได้เล่นสมใจแล้วไง”

      คราวนี้ผมผละออกมาจากหลังพี่นิวลงมายืนตั้งหลักหาเรื่องอย่างเป็นกิจจะลักษณะ

      “ผมรู้นะว่าพี่นิวตั้งใจจะให้ผมเปียก”

      “อืม ....ทำไมรู้ช้าจัง”

      หนอย....ยังจะมายิ้ม ทำหน้าทะเล้น ยอมรับล่ะสิ ว่าวางแผนจะไปซื้อของกิน

แล้วก็เลยไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยน

      “ทำไมครับ”

      “ไม่อยากให้ใส่กางเกงตัวนั้น”

      “พี่นิวครับ มันไม่ได้สั้นมากมายอะไรเลย”

      “แต่มันก็เหนือเข่าขึ้นไปตั้งครึ่ง”

      “โหย....ใครเขาจะมาดู มันไม่ได้โป๊ ไม่ได้โชว์เนื้อหนังขนาดนั้น แล้วผมก็เป็นผู้ชาย

ทีผู้หญิงที่เขาตามแฟชั่นใส่สั้นไปถึงไหน ๆ ไม่เห็นจะมีใครเขาว่า ของผมไม่ได้สั้นขนาดนั้นซะหน่อย”

      “แต่มัน....ล่อตา”

      “ตรงหนายยยย...”

      “ก็....ขาวอ่ะ”

      “ก็จะให้ผมทำไงอะ ลูกจีนมันก็ขาวอย่างงี้แหละ ใคร ๆ เขาก็ขาวกันตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่เห็นเขาจะเดือดร้อนเลย”

      “แต่พี่เดือดร้อนนี่”

      “เดือดร้อนยังไง”

      เราเดินกันไปพลาง เถียงกันไปพลาง จนมาถึงที่จอดรถ พี่นิวเปิดท้ายรถเก็บถุงใส่ผ้าเปียกไว้ในถังพลาสติก

ก่อนจะเดินไปทางที่นั่งคนขับ ส่วนผมก็เดินแยกออกมาด้านผู้โดยสาร

      “หวงอะ ไม่อยากให้ใครดู”

      เท่านั้นเอง....ไม่รู้ความอายมันมาจากไหน วิ่งปรู๊ดขึ้นหน้าผมจนรู้สึกว่าแก้มมันร้อน ๆ

แล้วก็  ตอนนี้หน้าผมมันคงแดงก่ำไปจนถึงใบหูแล้ว

      “บ้า....ใครเขาอยากจะดูเล่า”

      “พี่ไง”

      ผมกัดริมฝีปากล่างบังคับไม่ให้ตัวเองต้องเผยอยิ้มออกมาอย่างยากเย็น...อยู่ด้วยกันมาจนป่านนี้

พี่นิวก็ยังจะมีคำพูดบางคำที่ทำให้ผมทั้งเขิน ทั้งอายได้อยู่เรื่อย ๆ

      “บ้าแล้ว”

      ผมเปิดประตูรถเตรียมจะขึ้นไปเขินต่อ แต่ไม่ทันคิดว่าพี่นิวยังไม่ปลดล็อก

สัญญาณกันขโมยก็ระเบิดเสียงดังสนั่นไปทั่วถนน เรียกสายตาคนขี่จักรยานออกกำลังกายที่กำลังผ่านมาให้พุ่งตรงมาที่เรา

      พี่นิวรีบกดทันที พร้อมกับหัวเราะหน้าหงาย ขำจริงขำจัง กระทั่งสตาร์ทรถแล้วก็ยังมีเสียงกิ๊กกั๊กแถมท้ายได้อีก

      “จะขำอีกนานไหมครับ ผมจะได้ขึ้นรถเมล์กลับบ้านเอง”

      “ก็ขำนูอะ ทำไงได้”

      “น่าขำตรงไหน”

      “ตรงแก้มแดงน่าจูบ”

      “หยุดเลย...”

      ผมต้องรีบห้ามเพราะพี่นิวกำลังโน้มหน้าเข้ามาใกล้ มันเขิน มันอายซะจนผมแทบจะม้วนเป็นก้นหอย

แล้วก็ยังจะแหย่อยู่ได้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ พี่นิวผละจากพวงมาลัยรถ หันมาทางผมทั้งตัว

เตรียมจะรุกรานผมในรถ แววตาวาว ๆ ยังมีรอยยิ้มเพราะอารมณ์ขันตกค้าง ไม่รู้วันนี้โด๊ปยาอะไรเข้าไป

พี่นิวถึงได้ทำท่าหื่นได้ขนาดนี้

      “อย่านะพี่นิว ริมถนนนะครับ เดี๋ยวใครมาเห็น”

      “กระจกรถมืดจะตาย ไม่มาส่องใกล้ ๆ ใครจะเห็น”

      มันก็จริงอยู่ แม้แต่ลานจอดรถก็เป็นลานซีเมนต์ตรงไหล่ถนน ด้านในเป็นกำแพงสูงของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง

ส่วนที่นอกถนนก็แทบจะไม่มีรถผ่านไปผ่านมาเลย เนื่องจากเป็นถนนสายริมทะเล

และยังเช้าเกินไป เรียกว่า แทบจะลับหูลับตาคนก็ว่าได้...แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่พี่นิวจะมาทำรุ่มร่ามกับผมนะ

      “มันน่าเกลียดนี่นา”

      “อยู่กันสองคน จะน่าเกลียดได้ยังไง ทำยังกะเราไม่เคย....”

      “แต่ไม่ใช่ที่แบบนี้น้า...”

      ผมพยายามค้านสุดฤทธิ์ ถึงเราจะมีอะไรกัน แต่มันไม่ใช่สถานที่แบบนี้นี่นา

เพราะเราสองคนจะระมัดระวังเรื่องแบบนี้เสมอ ผมกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบออกนอกบ้าน

ก็เพราะกลัวใครจะจับตามอง   แล้วล่วงรู้สถานะระหว่างเรานี่แหละ

แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น พี่นิวถึงพยายามจะทำอะไรที่มันเสี่ยงแบบนี้

      “ปล่อยครับพี่นิว”

      “ไม่เอา ให้พี่หอมหน่อยนะครับ”

      “ไม่เอา จะทำอะไรก็ไปทำที่บ้านสิ ผมไม่ชอบนะ”

      “ก็อยากหอมตอนนี้นี่นา”

      “แค่หอมนะ”

      ผมตัดใจตามใจเขา เพราะคิดว่าจะได้จบ ๆ ไป      

      “ฮื่อ”

      แล้วผมก็นั่งนิ่ง ๆ ให้เขาทำตามอำเภอใจ หอมแก้มก็แล้ว ทั้งซ้าย ทั้งขวา

เลื่อนมาที่กกหูอีก....เอาเข้าไป....จูบขากรรไกร....ไต่มาที่คาง....นั่น จะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ แล้วใช่ไหม

      “พี่นิวพอแล้ว”

      ผมเริ่มควบคุมเสียงไม่ให้สั่นไม่ได้

      “อีกนิดนะครับ”

      ปากก็พูดพึมพำไป จูบริมฝีปากผมไป อดไม่ได้ผมก็....จูบตอบไป....นิดเดียวเองนะ

แต่แค่นี้  พี่นิวจะหาว่าผมให้ความร่วมมือไม่ได้นะ....ไอ้ที่จะส่งมือเข้ามาล้วงเสื้อผมนี่มันนอกเหนือข้อตกลง

      ผมพยายามเรียกสติคืนมาก่อนที่เราสองคนจะเตลิดไปไกลกว่านี้

      “พี่นิวอย่านะ ริมถนนนะครับ ผม...”

      เสียงผมขาดหายจากการที่เขาจูบปิดปาก จูบของพี่นิวคราวนี้ร้อนแรงกว่าเดิม ทำนองเอาจริง

ผมต้องฝืนอารมณ์ที่เขาพยายามเร่งเร้าอย่างสุดฤทธิ์ ด้วยการยกมือไปขยำเส้นผมหนานุ่มมือของพี่นิว

แล้วจิกสุดแรง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ระคายเนื้อหนังพี่นิวเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังกับว่าเป็นแรงกระตุ้นอารมณ์

ให้เขาแสดงออกอย่างรุนแรงขึ้น พี่นิวบีบคางผมแรงขึ้นจนผมเจ็บ พร้อมกับพยายามจะบดจูบลงมาอีก

ผมก็ยิ่งจิกผมเขาแรงขึ้นไปอีก

      “นู....”

      เสียงพี่นิวตะโกนใส่หูดังจนผมตกใจ ลืมตาขึ้นมอง เห็นใบหน้าที่ลอยอยู่ข้างหน้าผม

ส่งสายตามาอย่างเป็นกังวล เป็นห่วง ไม่ใช่แววตาหื่นกระหายเหมือนเมื่อครู่

      แสงแดดส่องมาทางหน้าต่างข้างรถแรงจนแสบผิว...เอ๊ะ...นี่มันที่ไหน

      ผมมองไปข้างทาง ก็เห็นเป็นร้านขายต้นไม้ริมทางที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง ประตูทางเข้าปิดอยู่

แสดงว่าเจ้าของยังไม่เปิดร้าน

      “ตะกี้....”

      ผมมองรอบ ๆ ตัวอย่างงง ๆ ผมว่าตะกี้เรายังอยู่กันที่ลานจอดรถริมทะเลอยู่เลย แล้วยังไงถึงมาโผล่ที่นี่ได้

      “เป็นอะไร ฝันร้ายเหรอครับ”

      “ฝันร้าย?”

      ผมเริ่มลำดับความทีละเหตุการณ์ ก็นึกได้ว่า ตอนนั้นพี่นิวแกล้งโน้มใบหน้ามาใกล้ผม ทำท่าจะจูบ

แล้วก็เปลี่ยนเป็นหอมแก้มหนัก ๆ จากนั้นก็ออกรถ แล้วหลังจากนั้น ผมก็คงจะผล็อยหลับระหว่างทางนั่นเอง

      “เปล่าครับ ไม่ได้ฝันร้าย”

      “แล้วเป็นอะไร”

      “ก็ฝันนั่นแหละ แต่ก็...ไม่ได้ร้ายเท่าไร”

      “แต่พี่เห็นนูกระสับกระส่าย แล้วกำมือแน่นเลย”

      “อ้อ....เหรอครับ”

      “พี่กลัวจะไม่สบาย เพราะว่าโดนทั้งน้ำ ทั้งแดด”

      “แหม...ผมไม่ได้กระหม่อมบางขนาดนั้นซะหน่อยพี่นิวอะ”

      “ก็พี่เป็นห่วง จับตัวนูก็ร้อนผ่าว ๆ นึกว่าจะเป็นไข้ ก็เลยหรี่แอร์ แต่นูก็ยังกระสับกระส่าย

พี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยจอดรถเข้าข้างทางปลุกนูขึ้นมานี่ไง แล้วเป็นไงมั่ง ปวดหัวไหม”

      พี่นิวคลำหน้าผาก เอามืออังใต้คอ ผมก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะไม่ได้เจ็บไข้อะไร

แต่ผมจะบอกเขาได้ยังไง ว่าผมฝัน.....

      “ไม่เป็นอะไรแน่นะ ถ้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย พี่จะได้พาไปคลินิกก่อนเข้าบ้าน ไปหายามากิน

ไม่งั้นเป็นหนักขึ้นมา วันอังคารไปทำงานไม่ไหวแน่”

      ครับ ผมต้องไปทำงานวันอังคารให้ได้ ถ้าไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ เพราะวันหยุดติดกันหลายวันแบบนี้

เปิดทำการขึ้นมางานคงยุ่ง ลูกค้าคงเยอะ แถมยังเป็นวันต้นเดือน ซึ่งเป็นวันที่ธุรกิจการเงินหมุนสะพัด

พนักงานขาดไปเสียคนหนึ่ง ที่เหลือก็ต้องแบกรับงานหนักขึ้น พี่นิวเขารู้ความจริงข้อนี้ดี

      “ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ได้เป็นไข้ แค่เพลียแดด แล้วก็ง่วงเฉย ๆ”

      “แน่นะ”

      พี่นิวยังไม่วางใจ จับเนื้อจับตัวผม ลูบคลำไปตามแขน พลิกฝ่ามือผมไปอังเพื่อจะวัดอุณหภูมิ

แต่พี่นิวครับ....อย่าลูบนักได้ไหม ไม่รู้เสียบ้างเลยว่าผมเพิ่งผ่านอะไรมา ถึงมันจะเป็นแค่เพียงความฝันก็เถอะ

แต่มันก็เหมือนจริงเสียจน ผมตกใจตื่นมาก็ยังอินกับเหตุการณ์อยู่เลย

กว่าจะตั้งสติได้ แล้วนี่พี่นิวจะทำอะไรผม...จะทำความฝันให้เป็นความจริงที่ริมถนนใหญ่แบบนี้เลยหรือไง

      ผมปัดมือพี่นิวเบา ๆ แล้วหันหน้าออกนอกหน้าต่าง พร้อมกับบอกให้พี่นิวออกรถ

      “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พี่กลัวนูไม่สบาย...แล้วนั่นทำไมหน้าแดง”

      พี่นิวจับแก้มผมให้หันมาทางเขา เพื่อจะมองให้ถนัด

      “หน้าแดงอย่างกับจะเป็นไข้แน่ะนู นี่บอกมานะ ไม่สบายหรือเปล่า ดูสิพี่ว่านูตัวรุม ๆ เหมือนกันนะ”

      ผมเบี่ยงหน้าออกมาพร้อมกับปฏิเสธ

      “บอกว่าไม่เป็นก็ไม่เป็นสิครับ กลับเหอะ ผมจะได้กลับไปนอนต่อที่บ้าน....ง่วงแล้วนะ”

      “แต่ตะกี้หน้าแดง ๆอะ”

      “เอ๊....พี่นิวนี่พูดไม่รู้เรื่องรึไง บอกว่าไม่ได้เป็นไข้ ๆ แต่เป็นอย่างอื่นน่ะ เข้าใจไหม”

      “เป็นอย่างอื่น? เป็นอะไรอะ”

      ผมล่ะหมั่นไส้เสียจริง ๆเชียว จะถามเอาถ้วยหรือยังไงกัน ผมชะโงกหน้าไปใกล้ ๆหูเขา

แล้วก็กระซิบอะไรออกไปแค่ให้เรารู้กันสองคน ถึงคราวที่พี่นิวจะหน้าแดงไปถึงใบหูบ้าง

      “ทีนี้จะออกรถได้หรือยังครับ”

      “ได้ครับได้”

      พี่นิวรีบลนลานรับคำ

      “แล้วไม่ต้องรีบจนเป็นเหาะนะครับ ผมอยากกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ”

      “ครับ”

      พี่นิวยิ้มหน้าทะเล้นใส่ผม   

      “ขับเร็วเกินแปดสิบเมื่อไร ที่บอกไว้ตะกี้ เป็นอันยกเลิก”

      ผมรีบเบรค....หมั่นไส้ลูกกะตาวิบ ๆ วับ ๆ แบบนั้นนักเชียว

      “นูอ้ะ”

      จังหวะนั้นที่ไม่มีรถผ่าน สองข้างทางก็ไม่มีใครอยู่ในระยะใกล้รถเรา ผมก็โฉบไปจูบแก้มพี่นิวเบา ๆ

      “มัดจำไว้ก่อน”

      “ครับที่รัก”


      เนี่ย....ต้องอย่างเงี้ยะคนเรา กว่าจะได้ออกรถ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:24:33 โดย NuNew »

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3

ตอนหวานๆ แบบนี้กว่าจะมาได้แต่ละที หมดน้ำตาไปเป็นกี่ปี๊บแล้วไม่รู้
แต่ปัจจุบันน้องนูมีความสุขก็ดีแล้วล่ะค่ะ

ขอให้ความสุขอยู่กับน้องนูไปนานๆ นะคะ  :กอด1:


ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
  :m20:  ฝันไปนี้เอง  แต่เค้าว่าการฝันเป็นจิตใต้สำนึกนะนู  ส่วนนิวก็ช่างวางแผนซะจริงๆ

รักกันนานๆนะจ๊ะ  +1

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
หวานมากกก
น่ารักมากเลย
พี่นิวขี้หวงอ่ะ
แค่กางเกงขาสั้นเองนะเนี่ย 55555
ว่าแต่พี่นิวจะขับแค่80เองหรอ
โดนยั่วขนาดนั้นอ่ะ 5555

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
อ่านตอนนี้...หายคิดถึงพวกพี่เลย

ออฟไลน์ gambee

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ aloney

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ

สนุกมาก อินจนน้ำตาไหล นับถือพี่นูมากที่ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้

พี่นิวเป็นผู้ชายที่โชคดีและน่าอิจฉาที่สุดในโลก มีคนรักอย่างพี่นู

-----------------------

สถานที่ในเรื่องแอบคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
หลบลงข้างทาง มดเดินเต็มถนน ขอบคุณที่มาคั่นเวลาให้หายคิดถึง

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
ถ้าฝันอะไร ก็เพราะเป้นความต้องการในส่วนลึกของจิตใจใช่มใช่ม่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
อ่านไปอ่านมา คิดว่า  คุณนูคงอยู่ตรัง แน่เลย ใช่เปล่าคะ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
เดี๋ยวมาตามอ่านค้าบบบบบ.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
 น่ารักมากเลยค่ะ เรื่องนี้ พึ่งตามมาทัน

ทำเสียน้ำตาเลยนะเนี่ย แอบแค้นพี่นิวมาก ๆ เลยแหละ

แต่ตอนนี้มีความสุขแล้ว ดีใจด้วยจริง ๆ ค่ะ  :กอด1:


ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :impress2:อิจฉามากมายคิดถึงคุณนู จุงเบย

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีปีใหม่ค่ะ พี่นิวพี่นู ขอให้รักมั่นขวัญยืนให้น้องอิจฉาไปนานๆ มีความสุขตลอดปี 2013เลยยย

babynevercry

  • บุคคลทั่วไป
หายไปไหนอ่ะ รออยู่นะคร้าบบบบ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
      
      
 แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ

  ช่วงนี้เงียบ ๆ ผมก็เลยไม่หน้าแตกเท่าไหร่ ถือว่าโชคเข้าข้าง

  แต่โชคดียิ่งกว่าที่มีคนช่วยบอกว่าผมทำเปิ่นเทิ่นไว้ยังไง

  ขอบคุณ คุณ took-ta_naka อีกทีครับ    :กอด1:








            SERIES : THE SEVENTH PAGE



      ผมตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านพี่นิวอีกครั้ง (เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้) พยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเมื่อก่อน

เลิกคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เลิกคร่ำครวญหวนไห้หาอดีตที่มันแก้ไขไม่ได้ บอกตัวเองว่า แค่ทุกวันนี้

ที่เรายังมีกันและกันก็เรียกว่าดีมากแล้ว  แม้ว่าผมจะพยายามทำทุกวันของเราให้ดี แต่ก็คล้ายจะเป็นผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่
 
“พยายาม”


      เมื่ออยู่ในสายตาคนนอกเราก็เหมือนพี่น้องทั่วไป แต่ย่างเท้าเข้าบ้านเมื่อไร เราก็กลายเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันนั่นทีเดียว

ด้วยความที่บ้านเราจ้างพี่นางมาทำความสะอาด ซักเสื้อผ้าให้พี่นิวแบบเช้าไปเย็นกลับ ไม่มีแม่บ้านคอยดูแลบ้านให้เรา

มานานแล้ว ดังนั้นงานบ้านงานครัวทั้งหลายแหล่ ผมจึงต้องดูแลด้วยตัวเอง แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังมีเวลาว่างเหลือเฟือ


      เรื่องกับข้าวกับปลาผมไม่ค่อยกังวลเท่าไร เพราะพี่นิวเป็นคนกินง่าย ผมก็ทำอาหารเป็นแค่ของง่าย ๆ

เราก็เลยไม่มีปัญหา วันไหนขี้เกียจทำก็ฝากท้องไว้ตามร้านอาหาร ไม่งั้นก็ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปมากินเป็นมื้อเป็นคราวไป

บางทีก็แวะกินที่บ้านแม่ ให้แม่ได้เห็นหน้าเห็นตาพอให้หายคิดถึงบ้าง

 (แหะ แหะ แม่ไม่โทรมาตาม ผมก็ไม่ค่อยไป...เลวเนอะ)

       ผมก็พอใจกับชีวิตสมถะแบบนี้อยู่หรอก ถ้า....ผมจะมีอะไรทำบ้าง นอกจากงานบ้านงานครัวเล็ก ๆ น้อย ๆ

      “แล้วนูอยากทำอะไร”

      พี่นิวผละจากงานในแฟ้มหันมามองผมที่กำลังนอนคว่ำหน้าข้าง ๆ เขาบนเตียง ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไร ผมแค่รู้สึกว่าผมว่างจังเลย

      “ไปออฟฟิซกับพี่ไหม”

      “ไม่อะ ไม่ใช่ของผม”

      พี่นิวเอามือมาลูบหัวผม แล้วพูดต่อ

      “ไม่ใช่ได้ยังไง ของเราสองคนนั่นแหละ ถึงจะมีคนอื่นเป็นหุ้นส่วนด้วยแต่เราก็เป็นเจ้าของร่วมกัน พี่เคยบอกไปแล้วนะ

เงินนูก็เอามาค้ำประกันโอดีของบริษัท จะไม่ใช่เจ้าของได้ยังไง”

      “เจ้าของอะไรกัน ไม่เห็นมีชื่อผมเป็นกรรมการเลย”

      ผมแกล้งแย้งอย่างไม่จริงจัง ด้วยว่าชื่อผู้ถือหุ้นมีแค่สองคนคือพี่นิวกับ เสธ.คนที่พี่นิวเคยบอกว่าจะเชิญมาร่วมทุนกัน

ทำธุรกิจรปภ. แล้วท่านก็ได้หุ้นลมไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แลกกับการเอาชื่อมา “หากิน” เอ๊ย....หาลูกค้าให้บริษัท

      พี่นิวหัวเราะหึ ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นจิกหัวผมแทน แต่แทนที่ผมจะโกรธ ผมกลับขอให้เขาทำอีก

      “แรง ๆ เลยพี่นิว กำลังสบาย”

      “โรคจิตนะเนี่ย ชอบให้จิกผม”

      ปากว่าผม แต่ก็เต็มใจทำให้เพราะเขารู้ว่าผมชอบให้เล่นหัว...ก็มันสบายอะ ถ้าไม่กลัวคนจะมอง

ผมคงเข้าร้านเสริมสวยของผู้หญิงให้เขายีหัว(สระผม)เล่นทุกวันไปแล้ว

      “ก็มันสบาย ลองบ้างไหมอะ”

      “จะให้พี่เพิ่มชื่อก็ได้นะ เอาไหม”

      “ผมพูดเล่นหรอก ถ้าอยากทำอย่างงั้นผมก็คงบอกแต่แรกแล้วสิครับพี่นิวก็”

      พี่นิวหยิบแฟ้มงานขึ้นมาวางบนตักเพื่อจะอ่านต่อ เป็นอันยุติการพูดคุย เป็นปกติของเขา ที่มักจะเอาเอกสารที่ออฟฟิซ

มาอ่านที่บ้านเป็นประจำ นี่คือหนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่ทำให้เวลาที่เราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกันลดลงไป

      ผมเลื้อยเข้าไปหนุนขาพี่นิวที่เหยียดออกโดยมีหมอนวางรองแฟ้มงานที่เขากำลังเปิดอ่าน เขาเอื้อมมือมาจับหัวผม

เป็นการรับรู้ว่าผมกำลังนอนหนุนตักอยู่ แต่มันก็แค่นั้น แล้วเขาก็หันไปสนใจงานต่อ

      ผมขยับอีกทีดึงหมอนที่เขารองแฟ้มออกแล้วดุนหัวตัวเองเข้าไปแทน พี่นิวหัวเราะหึ ๆ แล้วก็ยอมให้ผมใช้หัว

ต่างหมอนรองแฟ้ม....เปิดมันอ่านต่อไป

      “อย่าสิ”

      เสียงพี่นิวปรามเบา ๆ แต่ผมไม่สนใจ ยังคงดำเนินการตามที่ผมคิดไว้ต่อไป ก็ไอ้การที่ผมลงทุนให้เขาใช้หัวผมต่างโต๊ะ

วางแฟ้มงานให้เขาได้อ่านสบาย ๆ น่ะ มันก็ต้องแลกกับการที่ผมจะทำอะไรกับร่างกายเขาก็ได้ เท่าที่ผมพอใจ

      แต่ก่อนแต่ไร พี่นิวจะไม่ค่อยชอบสวมเสื้อผ้านอน แต่นับจากวันที่เราเจอเหตุการณ์หนึ่งเมื่อสามปีก่อน

(ไว้ผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง) เขาก็เปลี่ยนนิสัย อย่างน้อยก็ขอสวมกางเกงนอนสักตัวก็ยังดี

ส่วนผมยังไงก็ไม่ยอมเปลือยกายนอน แม้ว่าหลังจากที่เราเสร็จกิจกันแล้ว ผมก็ยังเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจาย

จากฝีมือดึงทึ้งของเรามาใส่จนได้

      ส่วนตอนนี้พี่นิวก็มีแค่กางเกงนอนเนื้อนิ่มเพียงตัวเดียว ที่มันนิ่มก็เพราะถูกใช้งานมานานจนเนื้อบาง....

บางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนนั่นแหละ

      ผมใช้ปากคาบขอบกางเกง (ย้วย ๆ) ดึงมามันลงมาแล้วก็ใช้จมูกกับปากเล่นกับลำตัวเขาไปเรื่อย ๆ

(ยังไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คิดกันน้า...เคยใช้ปากเป่าพุงไหมครับ....นั่นอะ ผมชอบ)

      “นอนนิ่ง ๆ อย่าขยุกขยิก พี่อ่านหนังสือไม่ถนัด”

      ....ก็อย่าอ่าน....แทนที่ผมจะหยุดอย่างที่พี่นิวบอก ผมก็กดหน้าลงไปตรงเป้าอย่างเหมาะเหมง

คราวนี้พี่นิวเลยทั้งผลักทั้งดันหัวผมออกมาจากหน้าตัก....สู้ผมเหรอ....

      “ออกไปก่อน ขออ่านอีกหน้าเดียว จะจบแล้ว”

      “ค่อยอ่านพรุ่งนี้”

      “จะจบแล้วน่า เสร็จแล้วจะได้เซ็นอนุมัติหนังสือเลย”

      “พรุ่งนี้วันหยุด ค่อยทำต่อพรุ่งนี้”

      ผมพูดอู้อี้อยู่กับพุงกะทิของพี่นิว

      “พี่ทำงานนะครับ จะเสร็จอยู่แล้ว”

      พอพี่นิววางแฟ้มลงข้าง ๆ ตัว ผมก็ได้โอกาสยกตัวขึ้นคุกเข่าแล้วโอบรอบคอพร้อมกับประกบปากลงไป

อย่างไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว  มือผมช้อนตรงท้ายทอยให้หน้าแหงนขึ้นในองศาที่ผมก้มลงไปได้พอดี

ผมจ้วงลิ้นเข้าไปกวาดกระพุ้งแก้มพี่นิว แกล้งปัดปลายลิ้นตอนที่เขาจะพันเกี่ยวกับลิ้นผม

ทำให้เขาพลาดเป้าหมายสงสัยเขาคงจะขัดใจที่โดนผมแกล้ง ก็เลยดันหลังผมให้เอนลงไปบนฟูก

ถึงตอนนี้พี่นิวคงลืมแฟ้มงานไปแล้ว และถ้าเขายังอยากจะอ่านเอกสารในนั้นต่อ ก็คงต้องเริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่แผ่นแรกแล้วล่ะ

      พี่นิวถือโอกาสที่ตัวเองได้เป็นเบี้ยบนรุกไล่ผมเป็นการใหญ่ คงลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้บอกผมว่าจะอ่านเอกสารในแฟ้ม

ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเอกสารในนั้นมันสำคัญแค่ไหน หันมาสนใจผมก่อนได้ไหมเล่า พรุ่งนี้ก็วันหยุด ค่อยอ่านตอนนั้น

ก็ยังทันถมเถ หนังสือที่ขออนุมัติงบประมาณน่ะ ยังไงก็ต้องเอากลับไปให้ฝ่ายจัดซื้อดำเนินการวันจันทร์อยู่ดี

แล้วจะรีบอ่านรีบเซ็นไปไหน ผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่สนใจผมบ้างเลย เห็นผมสำคัญน้อยกว่ากระดาษสองสามแผ่นแบบนี้

ลูกผู้ชายชื่อนู จะยอมได้ไง

      ผมโอนอ่อนผ่อนตามมือไม้พี่นิวที่ลูบไล้ใต้เสื้อผ้า จากที่แกล้งทำจนเลยเถิดซะผมเองชักจะต้านไม่อยู่

แต่ก่อนที่ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมก็พลิกตัวเองขึ้นคร่อมพี่นิว ซุกไซ้ซอกคออุ่น ๆ จูบขากรรไกรไล่มาจนถึงแก้ม

และปลายคาง ผมหยุดมองดูใบหน้าผู้ชายที่นอนนัยน์ตาเยิ้มให้ผมโลมเล้าอย่างมีความสุข....ช่างไม่รู้ตัวซะบ้างเลย.....

      จากนั้นผมก็ลุกขึ้นจากท่าคร่อมลำตัวพี่นิว กระโดดลงไปยืนข้างเตียง แถมเดินให้ห่างออกไปอีกสองสามก้าว

กันการถูกตะครุบตัว ก่อนจะเผ่นแผล็วออกไปทางประตู ผมยังหันมาโบกมือส่งจูบให้พี่นิวที่นอนทำหน้าเหวอ

ชนิดจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บนเตียง
     
      กลับมานอนที่ห้องตัวเองก็ใช่ว่าผมจะสบายตัวนะครับ ก็ปลุกอารมณ์เขาไว้ขนาดนั้น ตัวเองก็พลอยกระเจิดกระเจิง

ไปเหมือนกันนี่นา ผมซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วข่มตาให้หลับ แต่อาการตื่นตัวมันยังไม่สงบนี่สิจะทำไง

ผมสลัดผ้าห่มออกจากตัวลุกขึ้นไปล็อกประตูห้องนอน (ปกติไม่ค่อยล็อก ถ้าไม่จำเป็น...แต่ตอนนี้มันจำเป็น)

กลับมานอนที่เดิมผมก็จัดการกับตัวเอง ไม่งั้นคืนนี้ทั้งคืนคงนอนปวดจนสุดจะทน...นี่แหละน้า หาเรื่องแกล้งเขา

แล้วตัวเองก็ไม่มีใครช่วยก็คงพอ ๆ กับพี่นิวนั่นแหละ ป่านนี้ก็คงทำอย่างเดียวกับผม

      กำลังเคลิ้มได้ที่ มือที่ผมขยับเพื่อช่วยตัวเองก็ถูกอีกมือนึงกุมทับ......เข้ามาไงเนี่ย แถมผมยังไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่างหาก

      ร่างใหญ่ ๆ ไม่พูดพล่ามทำเพลง จับมือผมออกไปแล้วก็ก้มลงครอบทั้งสัดส่วนเข้าไปในปากอย่างเต็มปากเต็มคำ

โดนเขารุกไล่โลมเลียเสียขนาดนี้ผมจะทนไหวได้ยังไง และแล้วพี่นิวก็เป็นฝ่ายชนะจนได้

      หลังจากคลื่นลมแรงของเราสองคนผ่านพ้นไปแล้ว ผมเลยจะไขข้อข้องใจเสียหน่อย

      “เข้ามาได้ยังไงเนี่ย”

      “ประตูระเบียง”

      โถ่....โธ้....ไม่น่าเลย ผมลืมไปได้ยังไงว่าประตูด้านนั้นยังไม่ได้ล็อก

      “ก็เล่นหนีกลับมานอนห้อง จะให้พี่ทำไงล่ะ หย่อนระเบิดไว้แล้วไม่รับผิดชอบแบบนี้ได้ไง”

      “พี่นิวเป็นคนเดียวที่ไหนอะ”

      ผมนอนหันหลังให้เขาแล้วบ่นอู้อี้อยู่กับหมอน ไม่อยากบอกเขาหรอกว่าผมขุดหลุมล่อเขาแล้วดันตกลงไปเอง

แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ให้เขารู้เสียบ้างว่า เพราะเขาไม่สนใจผมถึงต้องแกล้งแบบนี้ เผื่อทีหลังเขาจะได้ไม่ทำกับผม

อย่างนี้อีก

      “ก็รู้ไงถึงได้ตามมา”

      พูดแล้วก็หัวเราะใส่ผมอีกต่างหาก ยังมีหน้ามาขำผมอีกนะ
 
      ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่เขารู้เท่าทันผมไปทุกอย่างหรอก กลับจะรู้สึกดีซะด้วยซ้ำไป

เพราะนั่นแสดงถึงความเข้าใจในตัวผม...และมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเขาไม่เอาใจใส่กับความรู้สึก

และความเป็นไปของผมมากเท่าที่ควร เพราะจะว่าไปผมก็ไม่ใช่คนที่จะเปิดเผยตัวเองตรง ๆ กับใครนัก

      ผมหันกลับไปให้รางวัลคนแสนดีด้วยการกอดคอเขาแน่น ๆ  แล้วก็จุ๊บแก้มย้ำ ๆ ไปอีกหลายที

      “เปลี่ยนเป็น...ต่ออีกยกได้ป่ะ”

      นี่ไง...คนได้คืบจะเอาศอก นี่ถ้าไม่เห็นแก่ส่วนรวมผมไม่ยอมหรอกจะบอกให้     

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:25:28 โดย NuNew »

ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
 :a5:   ตอนนี้เหมือนเคยอ่านไปแล้วนะค่ะ  จริง ๆ  นะ

     ♥♥♥  ไม่เป็นไรค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา    แค่นี้เอง   แค่ตอนที่แก้ไขให้ใหม่  ก็ดีแล้วค่ะ   :pighaun:

        แล้วมาต่อตอนหลักเร็วๆนะค่ะ  รอติดตามอยู่นะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2013 22:23:32 โดย took-ta_naka »

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
ยังรอน้องนูอยู่เสมอนะจ๊ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2013 22:41:55 โดย Aoya »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เรื่องที่กำลังจะลงให้อ่าน
..เศร้ามั้ยอ่ะ..

เพราะที่อ่านตอนที่ผ่านๆมา
..เศร้าสะเทือนใจมากมาย..
พอแล้ว..พอ คุณนูเศร้ามามากมายพอแล้ว

รออ่านครับ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ตอนนี้ไม่เศร้าด้วยยยย
บรรยากาศชิวๆมากเลย
ชอบแบบนี้
ไม่อยากเศร้าเลยอ่า
อ่านตอนฉากเศร้าๆของพี่นูทีไรร้องตามทุกทีเลย

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :haun4:
นานๆ ถึงจะได้อ่านยังงี้ของ คุณนิว+นู ซะที

มัน-โฮก-มาก
 :pighaun:


แล้วจะมีอีกมั้ยอ่ะ
ยังงี้..ยังงี้อ่ะ

 :o8: เขินวุ้ย อิอิ

ออฟไลน์ j_world

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-4
เหมือนนูมาคั่นเรื่องเบาๆ ให้อ่านก่อน
..อ่านเรื่องเศร้าสะเทือนตับคราวก่อน..สุดจะโซแซดดดด ด ด เลยอ้ะ  :sad4:
ดีนะ..ที่มันผ่ามมาแล้ว    :เฮ้อ:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


เพิ่งจะได้อ่านเม้นท์แบบเต็มหูเต็มตาครับ

เเเเเเยยยยยยยอออออออะะะะะะ มาก

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนให้กำลังใจผมมากขนาดนี้ ทั้งที่อ่านแล้วอิน อ่านแล้วบ่นพี่นิว อ่านแล้วสงสารผม

ทั้งหมดที่ออกมาจากความรู้สึกของคนอ่านทุกคน ผมขอคืนกลับไปเป็นความตั้งใจที่จะเขียนเรื่องนี้

ให้มากที่สุด.....ใ้ห้นานที่สุดเท่าที่จะมีกำลัง

เช่นเดียวกับที่เคยให้สัญญาคนที่เข้ามาอ่านเรื่องของผม

นับตั้งแต่วันแรกที่มันได้มาอยู่ในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะบอร์ดไหนก็ตามแต่

(พูดเหมือนลงเอาไว้หลายที่ 5555)

ถ้าไม่เบื่อหน้ากันซะก่อน ก็แวะมาติดตามได้เรื่อย ๆนะครับ   

 :pig4:






      ผมยังคงถูกทิ้งให้อยู่กับบ้านตามลำพังในวันหยุดสุดสัปดาห์ ในขณะที่พี่นิวมีวันหยุดแค่วันอาทิตย์เพียงวันเดียว

แถมช่วงไหนที่ต้องออกไปดูงานต่างจังหวัด ผมก็ต้องนอนหง่าวคนเดียวหลายวัน เป็นอาทิตย์ก็ยังเคย

จนผมชินกับการที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว แต่ไม่ว่ายังไงความเหงาก็ยังเป็นเพื่อนสนิทของผมอยู่ดี 

เวลาว่างของผมจึงหมดไปกับการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และวาดรูป(สมัคร)เล่น

ส่วนคอมพิวเตอร์เป็นเพียงเครื่องประดับอย่างหนึ่งของบ้าน ซึ่งผมไม่เคยคิดว่า

มันจะกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตที่จะขาดเสียไม่ได้ในเวลาต่อมา


      ผมมีผู้ใหญ่ที่รู้จักนับถืออยู่คนหนึ่ง ถ้ายังจำกันได้ (แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ปล่อยแกไปเหอะครับ)

ผมเคยพูดถึงไปตอนนู้นแล้วอย่างผิวเผินเต็มที แล้วก็อาจจะพาดพิงบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ในบางตอน

(ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่รู้หรอกว่าเป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในเรื่องราวของผมกับพี่นิว)

      “น้าจิ๊บ”  เข้ามาช่วยให้ผมไม่ต้องทนกับความเหงาเพียงคนเดียว ด้วยเหตุที่เขามีลูกสาวที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น

ก็เลยต้องตามกระแสวัยรุ่นให้ทัน โดยเฉพาะการเข้าไปท่องโลกอินเทอร์เน็ต เพื่อจะจับผิด เอ๊ย...ส่องว่าวัยรุ่นเดี๋ยวนี้

เขาทำอะไร ที่ไหน อย่างไร กันบ้าง จนวันหนึ่งผมแวะไปหาน้าจิ๊บที่บ้าน (นาน ๆ ครั้ง)

      “ทำอะไรอยู่ครับ”

      “หาข้อมูลทำรายงานให้น้อง”

      “แล้วทำไมน้องไม่ทำเองอะ”

      “น้าจิ๊บให้ไปอ่านหนังสือในห้อง พรุ่งนี้มีสอบ”

      “สอบเสร็จก็ค่อยมาทำก็ได้นี่ ทำไมต้องทำให้ด้วยอะครับ”

      “เออ...พูดยังกะไม่รู้จักน้องเรา...ก็ไอ้งานเนี่ย อาจารย์เขาสั่งตั้งแต่เปิดเทอมให้ส่งก่อนสอบมิดเทอม

แล้วก็ผ่อนผันให้ส่งก่อนวันสอบได้”

      “โห...นิสัยนี้ไม่เคยเปลี่ยน แล้วจะทันไหมล่ะครับ สอบวันไหนเนี่ย”

      “พรุ่งนี้ไง ส่งก่อนเข้าห้องสอบ แน่ไหมน้องแก”

      ....น้องผม...แล้วมันลูกใครหว่า....

      “ม่ะ ผมช่วย”

      “ดีเหมือนกัน ปวดลูกกะตาจะแย่ แล้วนี่เดี๋ยวต้องไปพิมพ์ที่ร้านอีกนะ เข้าเล่มเลยให้เสร็จคืนเนี้ยะ”

      “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมเอาไปพิมพ์แล้วเข้าเล่มให้เลย พรุ่งนี้เช้าแวะเอาที่บ้านก่อนน้องไปเรียนแล้วกันนะครับ”

      น้องผมเป็นอย่างนี้มาหลายปีดีดักแล้วครับ ดองงานล่ะเป็นที่หนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดผมว่าเคยขาดส่งงานเสียด้วยซ้ำไป

สมัยผมเด็ก ๆน่ะเหรอ ไม่กล้าเหลวไหลหรอกครับ กลัวได้คะแนนไม่ดี

      “น้าจิ๊บนี่เว็บอะไรอะ”

      ระหว่างที่ผมเปิดหาข้อมูลที่ต้องการ ผมก็เข้าไปดูในประวัติการเข้าเว็บว่า น้าจิ๊บหาข้อมูลจากแหล่งไหนมาก่อนแล้วบ้าง

จะได้ไม่ซ้ำกัน แต่ผมดันไปสะดุดตากับชื่อเว็บหนึ่ง เล่นเอาผมชาไปครึ่งตัวเลยทีเดียว

      “เอ่อ...เว็บชายรักชาย”

      น้าจิ๊บปั้นหน้าเฉย แต่เสียงที่ตอบแผ่ว ๆ

      ผมเหลือบไปมองหน้าเขาด้วยความงงงัน ผมว่าน้าจิ๊บก็คงพอจะรู้เรื่องของผมกับพี่นิวอยู่แล้ว เพียงแต่

เขาไม่เคยถาม และผมก็ไม่เคยเล่า ทำเหมือนกับว่าเรื่องนี้มันแสนจะธรรมดา

      “น้าจิ๊บเล่นเองเหรอครับ รึว่าน้อง”

      ผมถามออกไปทั้งที่กลัวคำตอบ คือไม่ว่าคำตอบจะเป็นยังไงผมก็ใจไม่ดีเท่ากัน

      “ฉันเล่นเอง....นี่ ๆ ฉันสมัครสมาชิกด้วยนะ สนรึเปล่า”

      น้าจิ๊บพยายามทำเสียงระรื่น แล้วล็อกอินให้ผมเข้าไปดู

      “น้าจิ๊บ”

      “เออน่า...ก็อยากรู้”

      “น้าจิ๊บ...ผม...”

      “เรื่องส่วนตัวแก ฉันไม่ยุ่งหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงถ้ามีหลานชายเป็นแบบนี้”

      “น้าจิ๊บไม่ต้องทำอะไรหรอก แค่ทำอย่างที่เคยทำ แค่น้าจิ๊บไม่รังเกียจ ไม่เห็นผมเป็นมนุษย์ต่างดาวก็พอ”

      “ฉันจะบอกอะไรให้นะ สมัยเรียนฉันก็มีเพื่อนในกลุ่มที่เป็นกระเทย ฉันยังรับได้เลย ฉันแค่เป็นห่วงเรื่องสุขอนามัย

เพราะยังไงมันก็เสี่ยง”

      “เราดูแลกันอยู่ครับ แต่ผมบอกก่อนนะว่าผมไม่ได้เป็นกระเทย”

      “ก็นั่นน่ะสิ ฉันก็ดูว่าแกไม่ได้เป็นกระเทย แต่ฉันก็พอจะรู้ว่ากลุ่มผู้ชายรักกันน่ะ มันมีหลายประเภท ก็เลยอยากรู้

แต่จะให้ถาม ฉันคงไม่ถาม แล้วถึงยังไงแกก็คงไม่บอกหรอกจริงไหม”

      ผมพยักหน้า

      “ฉันก็อยากหาความรู้ จะได้ทำตัวถูก ไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใคร”

      “แค่นี้น้าจิ๊บก็ให้ผมมากแล้วครับ”

      มีหลายสิ่งจริง ๆ ที่เขาให้ผมเสมือนผมเป็นหลานชายของเขาจริง ๆ แม้ว่าบางเรื่องจะเล็กน้อย แต่พอลองนึกถึงไปเรื่อย ๆ

มันกลับคล้ายสายโซ่ที่แต่ละห่วงคล้องกันและกันไว้ไม่มีจุดสิ้นสุด บางสิ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เพียงผมได้เริ่ม

สิ่งที่ตามมากลับมีค่ามหาศาลสำหรับผม

      เช่นเรื่องเป็นสมาชิกในเว็บชายรักชายที่น้าจิ๊บชักชวนผม

      “น้าจิ๊บ ผมเอายูสเซอร์น้าจิ๊บไปใช้นะ”

      “ตามใจ แต่ทำไมแกไม่สมัครเองล่ะ”

      “ผมยังนึกชื่อเท่ ๆ ไม่ออกไง อันนี้แหละผมชอบ”

      “ให้ยืม คิดได้เอามาคืนด้วย”

      “ครับผม”


     
      ผมเริ่มด้วยการเข้าไปอ่านนิยายที่มีคนเขียนไปโพสท์ เป็นครั้งแรกที่ผมได้อ่านเรื่องราวของชีวิตคนอื่น

ที่มีวิถีคล้ายคลึงกัน   บางเรื่องอ่านดูก็รู้ว่าเป็นนิยาย แต่บางเรื่องดูเหมือนเรื่องจริง...มันจริงเสียจนผมอยากรู้จักเจ้าของเรื่อง

อยากพูดคุยถามไถ่หลายสิ่งหลายอย่างที่ผมอยากรู้ แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะเปิดตัวเอง

      บางครั้งผมรู้สึกเหมือนผู้คนในเว็บบอร์ดไม่มีอยู่จริง ทำให้ผมเกิดความคิดที่จะบอกเล่าเรื่องของตัวเองดูบ้าง

เพราะคงไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใครอยู่ที่ไหน

      ผมเอาไดอารี่เล่มเก่า ๆ ออกมาปัดฝุ่น อ่านดูข้อความที่เคยบันทึกไว้ข้างใน สมุดเล่มใหญ่สีเทา....อ้ะ....ม่ายช่าย...

นี่มันเพลงบันทึกหน้าสุดท้ายของพี่เบิร์ดเขา

      ผมใช้เวลารื้อฟื้นเรื่องราวระหว่างผมกับพี่นิวอยู่หลายวัน แต่เนื้อความเหล่านั้นช่วยผมได้เพียงเรื่องสำคัญ ๆ เท่านั้น

เหตุการณต่าง ๆ ที่ผ่านมา ผมรวบรวมเอาความจำมาปะติดปะต่อ บางเหตุการณ์ผมก็ถามพี่นิว จนเขาสงสัยว่าผมจะถามไปทำไม

      “ก็ผมลืมนี่”

      เนี่ยข้อแก้ตัวของผม ถึงมันจะข้าง ๆ คู ๆ แต่เขาก็ยอมจบ ไม่ถามต่อ ระหว่างนั้นพี่นิวไม่รู้เลยว่าผมซุ่มทำอะไรอยู่



      ความมาแตกเอาวันที่พี่นิวใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องประดับบ้าน เพราะลืมโน้ตบุคไว้ที่ทำงาน จะกลับไปเอา

ก็ไม่มีกุญแจเข้า (ผมว่าพี่นิวเป็นเจ้าของบริษัทที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย...เพราะไม่เคยจะพกกุญแจ) ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กุญแจรถ

กับกุญแจเซฟใส่เงินย่อยสำหรับใช้จ่ายในกิจการเพียงนิดหน่อย

      วันนั้นผมออกมาจากในครัวหลังจากทำกับข้าวเสร็จแล้วก็จะมาเชิญคุณชายเขาไปกินข้าวกัน ปรากฏว่า

พี่นิวที่ปกติจะนั่งดูโทรทัศน์ กลับนั่งอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ที่ผมใช้เป็นประจำ (นาน ๆ ครั้ง)

      เขากำลังอ่านบทความอะไรสักอย่างในนั้น พอผมเรียกเขาก็หันมากวักมือให้ผมเข้าไปหา

      “อะไรเนี่ย”

      “เฮ้ยยยยยยย!!!!”

      ผมรีบคว้าเม้าส์คลิกปิดหน้าจอลงทันที ทั้งที่รู้ว่าไม่ทันแล้ว แต่มันคงเป็นสัญชาตญาณของวัวสันหลังหวะมั้งครับ

      “มันอะไร”

      “ไดอารี่ของผม”

      “แต่มันเป็นเรื่องเก่า ๆ ไม่ใช่เหรอ รึว่านูเอามาพิมพ์ใหม่”

      “ก็ทำนองนั้นแหละครับ...ไปเถอะ ผมหิวแล้ว”

      “แล้วตกใจทำไม”

      “ไม่ได้ตกใจซะหน่อย ผมแค่แปลกใจว่าพี่นิวชอบอ่านไดอารี่ของผมตั้งแต่เมื่อไหร่”

      พี่นิวยอมให้ผมลากมือเข้าไปกินข้าว ผมก็นึกว่าเขาจะไม่ติดใจอะไร ที่ไหนได้ ผมน่าจะรู้ว่าเค้าฉลาดพอที่จะไม่เซ้าซี้

แต่จะรอเวลา แล้วตะล่อมถามจนกว่าจะได้ข้อมูลที่น่าพอใจ ระหว่างนั้นพี่นิวจะทำเหมือนไม่สนใจ ผมว่าเขาเหมือนเสือซุ่ม

อดทนรอให้เหยื่อตายใจแล้วค่อยขย้ำ



      หลังอาหารพี่นิวก็นั่งที่ประจำของเขาหน้าโทรทัศน์ ส่วนผมก็อยู่หน้าคอม ไม่ห่างกันนัก แต่พี่นิวเขาจะเห็นด้านหลังเครื่อง

เขาก็เลยไม่รู้ว่าผมกำลังทำอะไร...ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยจะได้ใช้คอมพิวเตอร์เท่าไร แต่ว่าหลังจากที่เอาไดอารี่มาเรียบเรียงใหม่

แล้วพิมพ์ไว้ในเครื่องคอมฯ ผมก็จะนั่งตรงนี้ทุกครั้งที่ว่าง

      “ทำอะไรน่ะนู”

      “ก็พิมพ์ไดอารี่ไงครับ”

      “อืม...ทำไมต้องพิมพ์ลงคอมอ่ะ มันอยู่ในนั้นก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นี่...ถ้าว่างนักล่ะก็ มาช่วยพี่ตรวจงานดีกว่าไหม”

      “ไม่เอา พี่นิวก็ใช้ยายเลขาไปดิ ผมไม่มีเงินเดือน เรื่องอะไรจะให้ผมทำให้ฟรี ๆ”

      “งก”

      ผมไม่สนใจคำบ่น เพราะกำลังเขียนนิยายอย่างเมามัน เนื้อเรื่องดำเนินไปจนถึงตอนกลาง ๆ แล้ว ผมมีแผนจะโพสท์

ลงบนเว็บอีกไม่นานนี้ ผมไม่รอให้เขียนจนจบหรอก ผมอยากให้นิยายของผมไปปรากฏในบอร์ดเร็ว ๆ ผมอยากรู้ว่า

เรื่องที่ผมเขียนจะมีคนสนใจไหม

      โอยยยยย....ผมแทบจะอดใจรอไม่ไหว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:26:21 โดย NuNew »

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
อยากให้ชีวิตของน้องนูมีความสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เศร้าอีกเลย
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :กอด1:

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวน่ากลัวเนอะพี่นู แอบตะล่อมถามเรียบ เหมือนคลื่นใต้น้ำเลย 5555 คิดถึงพี่นูกับพี่นิวนะคะ

ออฟไลน์ took-ta_naka

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 604
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-10
 :serius2:  พี่นิวแยบยลมาก   

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
รักกันนานๆและรักตลอดไปนะจ๊ะ

hongyia

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ บีบคั้นหัวใจสุดๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด