พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 139881 ครั้ง)

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงคุณ นู ที่สุด  ช่วงนี้ไม่ได้ไปบ้านนู้นเลยครับ  บ้านนี้ก็แทบไม่ได้เข้าเลย  พอดีกลับไปเรียนด้วย  กลับมาเรียนตอนอายุเยอะ อิอิ แล้วงานก็ยังแยะมาก  แล้วกำลังจะสอบเป็น ผู้จัดการเขตด้วยครับ  เลยได้ค่อยได้เข้าเท่าไร   ดีใจที่คุณ นู  มาเล่าต่อ   คุณย่าท่านดูน่ารักดีนะครับ  อยากให้คุณ นูมีความสูขมากๆ  แอบ อิจฉาคุณ นู มาก  ที่เจอคนที่ดี รักพี่ นิวให้มากๆนะ  ยังไงจะเข้าคุยด้วยบ่อยๆครับ  ส่วน ข้อความที่พิมพ์ ชื่อผิดขอโทษด้วยนะครับ  จะพิมพ์ชื่อคุณ นู  แต่ใจดันพิมพ์ชื่อ คุณ นิว แทน   :mew3:  ถ้ามากรุงเทพแวะมาเทียว KFC แถวแจ้งวัฒนะ บางนะครับ  :mew1:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
เข้ามาดูว่าคุณย่ากลับจากเที่ยวกับเพื่อนหรือยัง
 :m28: :m28: :m28:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


ฉากที่แล้ว ทิ้งความเสียวเอาไว้ให้ แบบไม่ตั้งใจ   :hao6:

ตอนที่ลงคืนนี้ ผมเตรียมไว้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน

จัดหน้าเสร็จสรรพ มีคนมาตามไปทำงาน แย่มาก ๆ

วันอาทิตย์ เป็นวันครอบครัวนะ ไม่รู้จักส่งเสริมสถาบันกันบ้างรึไง

ถึงผมจะไม่มีลูกก็เหอะ แต่ผมก็มีครอบครัวเล็ก ๆ เป็นของตัวเองนะเออ





ฤกษ์งามยามดึก แต่คงไม่ดึกเกินไปมั้งครับ เพราะผมเห็นมีคนย่องเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ

ขอบคุณที่ยังติดตามคู่รักมาราธอน นู&นิว นะครับ     :pig4:





         การประชุมครั้งสุดท้ายของหุ้นส่วนสิ้นสุดลงก่อนเที่ยงเล็กน้อย

หลังจากที่นั่งคุยกันแบบสบาย ๆ มาเกือบสองชั่วโมงตั้งแต่เก้าโมงกว่า ๆ

   ผมมีโอกาสได้เข้าประชุมด้วยในฐานะหุ้นลม...อ๊ะ ม่ายช่าย…..ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หุ้นส่วนอีก 2 คนของบริษัท ซึ่งเป็นเพื่อนพี่นิวอยู่แล้ว

ทราบเพียงว่า ผมเป็นน้องชายที่ขอมาเลี้ยง

ข้อตกลงยุติลงตรงที่ พี่นิวจะขายหุ้น แต่ยังคงมีชื่อผมเป็นเจ้าหนี้บริษัทเหมือนเดิม

ส่วนหุ้นที่จะขาย ถ้าอีก 2 คนไม่รับซื้อไว้ พี่นิวก็จะขายให้คนอื่นที่สนใจ

   คล้อยหลังหุ้นส่วนทั้งสองคน ผมก็หันมาบ่นกับพี่นิว

   “ทำไมตัดสินใจเร็วอย่างนี้ล่ะครับ”

   “ไม่เร็วหรอก พี่คิดมาเกือบปีแล้ว”

   “เกือบปี?.......แต่เพิ่งมาบอกผมเนี่ยนะ”

   เจ็บใจไหมเล่า......นอนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคืน แต่ผมเพิ่งได้สิทธิ์รู้ไปพร้อมกับคนอื่น ๆ

   กินข้าวเที่ยงด้วยกันผมก็เลยไม่พูดด้วย......เป็นใครจะไม่น้อยใจ

ตอนจะก่อตั้งปรึกษากันทุกอย่าง.....ให้ผมเข้าไปมีส่วนดูแลกิจการตั้งแต่ต้น........

เพิ่มทุนก็เอาเงินผมไปลงขัน (ถึงจะเป็นเจ้าหนี้ก็เหอะน่า)......

พอนึกจะขายกลับไม่บอกผมสักคำ



   
   ปัง!!

   ผมผลักประตูรถปิดเต็มแรงเมื่อลงจากรถ

   เหลียวไปมองคนที่ยังนั่งอยู่หลังพวงมาลัย เอามือคลึงหู หลับตาปี๋

.....เอ้อ.....ลืมไปว่าลมจะอัดเข้ารูหูเขา ไม่ได้ตั้งใจอะ

   ยังไม่ทันเข้าบ้าน แขนผมก็โดนกระชาก......

เปล่าเลย ไม่เหมือนฉากในหนังหรอกนะ ที่พระเอกจะกระชากแขนนางเอกเข้าไปซบอก

   “บอกกี่ครั้งแล้วอย่าปิดประตูแรง ลมมันอัดทำให้หูอื้อ ทำไมไม่รู้จักจำ”

   “ขอโทษ”

   ผมยังทำตะบึงตะบอนใส่ แถมทำหน้ากวนบาทาอีกต่างหาก

   พี่นิวเลิกคิ้วขึ้น เหมือนยังไม่พอใจในคำตอบ..........ผมพาลเกินไปจริง ๆ สินะ

   “ขอโทษครับ”

   ได้คำตอบที่น่าพอใจพี่นิวก็ปล่อยมือแล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน แล้วก็เดินหน้าตั้งขึ้นไปบนบ้าน

โดยไม่หันมามองผมสักนิด.......อยู่ด้วยกันนานไปไหม

   ....ใส่ใจกันหน่อยเซ่....ในใจผมร่ำร้อง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการให้เขาเห็น

   เคยเห็นคู่ชีวิตที่เขาอยู่ด้วยกันมานานไหมครับ เขาจะรู้จัก รู้ใจกันจริง ๆ นะผมว่า

แบบที่คนหนึ่งแค่มองตา อีกคนก็รู้ว่าคิดอะไร

   แล้วทำไมคู่ผมไม่เห็นเป็นแบบนั้นบ้าง อย่างตอนนี้ผมอยากให้เขาง้อ อยากให้เขาเอาใจ

อย่างน้อยก็เป็นการไถ่โทษที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็น “คนอื่น” ในที่ประชุม ให้ผมได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

   แต่ในเมื่อมันไม่เป็นไปอย่างที่คิด ผมก็สลัดความคิดที่จะให้พี่นิวมาเอาใจออกไป

อยากได้อะไรในสิ่งที่คนให้เขาอาจจะไม่คิด มันเปลืองหัวเปล่า ๆ

หันไปเปิดคอมฯ พิมพ์นิยายดีกว่า

ประเดี๋ยวเถอะ....ถึงตอนที่นายเอกกับพระเอกทะเลาะกัน ผมจะยำพระเอกให้ยับไปเลย

(ไม่ใช่เรื่องนี้นะครับ ผมกำลังเขียนนิยายเรื่องอื่นไปด้วย....พาลเนอะ)


   โปรแกรม MSN ยังคงมีเพื่อนพ้องน้องพี่ออนไลน์กันอยู่บ้าง

ผมคุยแชทไป พิมพ์นิยายไป ด้วยอารมณ์พาล ๆ

คุยไปคุยมาเหมือนว่าคู่สนทนาจะรู้ว่าผมอารมณ์ไม่ดี ก็เลยตัดบทฉับหนีหน้าไป

(ยุคนั้น....ซึ่งก็ไม่ได้ย้อนนานเกินไปหรอกครับ นิสัยผมแบบนี้จริง ๆ พาลพาโลเป็นที่หนึ่ง

....อันนี้เพื่อนคนหนึ่งที่แชทคุยกันเป็นคนบอก)

 พอไม่เหลือใครให้คุยด้วย ผมก็ปิดโปรแกรม แล้วหันมาพิมพ์นิยายอย่างเดียว....แต่มันก็ไม่สำเร็จ.....

   สุดท้ายผมก็ต้องค้างหน้าจอเวิร์ดไว้อย่างนั้น แล้วเปิดเพลงฟังแทน หลังจากที่พิมพ์แล้วลบ ซ้ำ ๆ อยู่หลายเที่ยว




   จริง ๆ น้า เวลาอารมณ์ไม่ดี แม้แต่จะเขียนบทโกรธยังทำได้ไม่ดีเลย….นอนดีกว่า ไหน ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะก็



   

   
   ผมตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย มองออกไปนอกบ้าน เห็นแดดสีส้มจางของเวลาเย็น ยิ่งทำให้เพลียหนักเข้าไปใหญ่

   “ไปอาบน้ำไป”

   เสียงออกคำสั่งดังมาจากหน้าประตูครัว ในมือถือชามพร้อมจานรอง

มองเห็นควันฉุยของอะไรบางอย่างลอยอยู่เหนือชาม

   “มาม่า?”

   กลิ่นของมันเฉลยตัวมันเองออกมา........เท่านั้นแหละ ท้องก็ร้อง...ครืดดดดดดดดดด

   จากมื้อเที่ยงล่วงมาจนถึงเย็นจวนค่ำ เราสองคนได้กินก๋วยเตี๋ยวกันคนละชาม กับกล้วยแขกคนละไม่กี่ชิ้น

 ผู้ชายตัวโตคงจะหิวซ่กจนต้องต้มมาม่ากินเอง

   “ทำเผื่อผมด้วยหรือเปล่า”

   “พี่ไม่รู้นี่ว่านูจะกินด้วย”

   “ทำเองก็ได้” ผมบ่นเสียงต่ำ พอไม่ให้เขาได้ยิน (....อารมณ์พาลยังไม่หาย เขาจะรู้ไหมนั่นว่าแกอยากกินน่ะ....)   

   “ก็พี่เห็นนูหลับอยู่....งั้นนูไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่ต้มให้”

   ผมไม่ตอบ เดินขึ้นบ้านไปจัดการตัวเองแต่โดยดี ลงมาข้างล่างอีกที

ชามมาม่าก็วางรออยู่ที่โต๊ะรับแขกหน้าโทรทัศน์เรียบร้อยแล้ว

   “อร่อยอะ”

   ได้นอนสักตื่น แล้วมีอาหารตกถึงท้อง แค่นี้ก็พอจะทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง

(เห็นป่าวว่าผมน่ะเลี้ยงง่ายออก)

   “ก็มาม่า มันจะอร่อยได้สักแค่ไหนกัน”

   พี่นิวเลิกคิ้ว ทำหน้างง แต่ผมมองว่า....

   .......ขัดคอ......แต่ก็เอาเถอะ พี่นิวเป็นคนทำนี่นา ผมจะย้อนยอกเขาไปก็ใช่ที่

   “ก็เพราะพี่นิวทำไง ถึงได้อร่อย”

   ตาเรียว ๆ เบิกโตจนเท่าไข่ห่าน จ้องผมราวกับไม่เคยเห็น  ทำตาปริบ ๆ แล้วก็ได้แต่อมยิ้มไม่พูดอะไร

ก้มหน้าก้มตาจัดการกับส่วนของตัวเองไป....แต่ผมแอบเห็นนะ ว่าเคี้ยวไปยิ้มไปน่ะ จะรื่นเริงไปไหน

กับอีคำหยอดแค่นี้เนี่ย




   “ผมล้างเองครับ”

   เขาทำให้กินแล้วนี่นา ไม่ใช่ว่าจะหาง่าย ๆ นะ โอกาสที่พี่นิวจะเข้าครัวทำอะไรเอง

ยิ่งเมื่อก่อนนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ อย่างกับ “คุณชาย” ยังไงยังงั้นเลย   

ตั้งแต่เราอยู่กันสองคน พี่นิวก็ต้องหัดทำอะไรต่ออะไรเอง เพราะเราสองคนต่างก็ต้องทำงานนอกบ้าน

กว่าจะมีคนมาช่วยทำความสะอาดบ้านก็วันเสาร์นู่น ระหว่างสัปดาห์ทำอะไรได้ก็ต้องทำ

ไม่งั้นบ้านเน่าแน่

   ยืนล้างชามกับหม้อที่ใช้ต้มมาม่าอยู่ดี ๆ มือใหญ่ก็สอดข้างเอวเข้ามาสวมกอดผม

แผ่นหลังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอกแน่น ๆ ของพี่นิว

   “หายงอนพี่รึยัง”

   “ใครงอน”

   “น้อยใจเอ้า”

   “ยัง”

   “จะให้ทำไงอีก”

   ผมเอียงแก้มข้างขวาให้ คนรู้หน้าที่ก็ปฏิบัติตามอย่างไม่ต้องให้พูดซ้ำ

   จุ๊บ

   “พี่นิวเห็นผมเป็นคนอื่นอะ ทำไมเพิ่งมาบอกว่าจะขายบริษัท”

   “พี่อยากเซอร์ไพรส์”

   เซอร์ไพรส์กะผี!!!

   “ยังไม่หมดนะ....พี่มีเรื่องเซอร์ไพรส์นูอีก แต่เดี๋ยวเราออกมาคุยกันข้างนอกดีกว่านะ”

   “อย่าให้ผมถึงกับช็อคตายไปก่อนแล้วกัน”

   ผมพึมพำด้วยอารมณ์ที่ไม่ได้เจือด้วยความน้อยใจพี่นิวอีก....

ปั้นปึ่งนานไปผมก็กลัวเขารำคาญเอาเหมือนกันแหละครับ






ที่เก้าอี้มุมโปรดที่หน้ามุขคนละตัว เราสองคนจับเข่าคุยกันอย่างจริงจัง

   “ย่าให้ขาย”

   “?”

   ผมรู้ว่าคุณย่ารู้ว่าเรามีกิจการของเราเอง เพราะบ่อยครั้งที่พี่นิวติดภารกิจของบริษัทตัวเอง

จนทำให้งานของที่บ้านล่าช้า และบางครั้งก็ใช้คนสนิทดูแลงานก่อสร้างให้

แต่ไม่คิดว่าคุณย่าจะเข้ามาออกความเห็น หรือช่วยตัดสินใจ.........

   เว้นเสียแต่........

   “ย่าบอกว่าให้คืนเงินส่วนของนูก่อน”

   “คุณย่ารู้ได้ยังไงว่าผมลงเงินไปด้วย”

   “ก็ต้องรู้สิ ก็ท่านเป็นหุ้นใหญ่นี่”

   “อ้าว....”

   สรุปว่า บริษัทของเรามีเงินของใครมาร่วมลงทุนกันบ้างล่ะเนี่ย

   แล้วพี่นิวก็แจกแจงว่า เงินที่พี่นิวได้มาลงทุน มาจากคุณพ่อคุณแม่ส่วนหนึ่ง ก็คือส่วนที่คุณแม่ออกหน้าให้มา

“ถ้าอย่างนั้น เงินที่โอนมาจากบัญชีคุณพ่อ ก็ต้องเป็นเงินของคุณย่า”

ผมเดาถูก เมื่อพี่นิวพยักหน้า……

มิน่าล่ะ ผมก็ว่ามันแปลก ๆ อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าทำไมคุณพ่อกับคุณแม่จะต้องแยกส่วนเงินลงทุนในกิจการของลูกชายตัวเอง

“มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้างล่ะเนี่ย”

พี่นิวเอามือคลึงติ่งหูเล่น ทำหน้าจ๋อย ๆ เห็นแล้วก็หมั่นไส้เป็นบ้า

ดูเถอะ...ในขณะที่ผมไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง พี่นิวกลับกุมความลับไว้ตั้งกี่เรื่องก็ไม่รู้

“เล่าแล้วมันยาวอะ”

“ผมมีเวลาฟังครับ พี่นิวเล่าไปเถอะ....แต่ขอร้องล่ะนะ ช่วยเล่ามาให้มันจบ ๆ ก็แล้วกัน ผมขี้เกียจลุ้น”

คนตัวโต ๆ ยิ้มแห้ง ๆ  ทำให้ผมแอบขำในใจ....ทำท่าอย่างกับสามีที่ถูกภรรยาจับได้ว่าแอบซ่อนเงินไว้ใต้พื้นรองเท้า

“ก็แค่เมื่อตอนโน้น.....”

ลากเสียงเสียยาว...ผมเข้าใจแล้วว่าคงนานจริง ๆ

“ตอนที่ย่าจะให้พี่หมั้นน่ะ”

พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาผมก็อดที่จะยอกในใจไม่ได้ ทำเป็นลืม ๆ มันไป เพราะกลัวใจเจ็บ

แต่ความจริงแล้วมันก็ยังไม่เคยถูกยกเลิก

“ย่าก็อ้างว่า บ้านเรากับบ้านผาณิตเป็นคู่ค้ากันมานาน ผู้ใหญ่ก็ตั้งความหวังไว้ว่า

จะให้รุ่นลูกแต่งงานกัน ก็คงไม่พ้นพี่ เพราะในฐานะหลานคนโต ต่อไปพี่ก็ต้องเป็นคนดูแลงานต่อจากพ่อ

ผาณิตเขาก็เป็นลูกเจ้าของบริษัทเหมือนกัน จับคู่กันซะ มันก็สมน้ำสมเนื้อดี ตอนนั้นพี่ทำได้แค่ซื้อเวลา

จะให้ปฏิเสธไปเลยทีเดียว ก็กลัวย่าจะโกรธ.......”

หลานคนโตที่ต้องรับทั้งภาระกิจการ รับทั้งคำสัญญารุ่นปู่

ถ้าไม่ใช่พี่นิว ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่า หลานคนอื่นจะยอมทำตามหรือเปล่า

เพราะแต่ละคนก็มีแฟนกันแล้วทั้งนั้น เรื่องจับคลุมถุงชนในยุคนี้

ผมว่ามันก็ออกจะยากอยู่ที่จะบังคับให้ลูกหลานทำตาม

“พ่อกับแม่ก็ค้านว่าไม่อยากบังคับพี่ ย่าเองก็รู้ว่าพ่อกับแม่ไม่เคยบังคับลูก

พอย่ายกเอาเรื่องตำแหน่งประธานบริษัทที่พ่อนั่งอยู่มาอ้างว่า

ต่อไปพี่ก็ต้องทำหน้าที่แทนพ่อในฐานะหลานคนโต เรื่องมันก็เลยไปกันใหญ่

ถึงแม้ว่าพ่อจะยอมตามใจย่า แต่ลุงกับอาไม่ยอม ทั้งยังบอกว่า

ถ้าหมดวาระของพ่อเมื่อไรต้องโหวตคนที่จะรับตำแหน่งแทนพ่อในที่ประชุม ย่าก็เลยต้องถอย”

พี่นิวเล่าว่า ไม่นานมานี้มีการพูดคุยกันในหมู่พี่น้องของคุณพ่อ ว่าตำแหน่งประธานบริษัทที่คุณพ่อนั่งอยู่

ไม่ควรจะให้มีการสืบทอดทางสายเลือด แต่ขอให้มาจากการลงคะแนนเสียงในหมู่ญาติแทน

นั่นหมายความว่า พี่นิวไม่จำเป็นต้องเป็นประธานคนต่อไปอีกแล้ว (แอบดีใจ อิอิ)


นับเป็นเรื่องที่ตัวผมเองเข้าใจผิดมาตลอด และในครอบครัวเราก็เข้าใจตรงกันเช่นนั้น 

ซึ่งอาจจะเกิดจากการวางรากฐานทางความคิดของคุณย่า อันสืบเนื่องมาจากเจตจำนงคุณปู่อีกที

ถึงแม้ไม่เคยมีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรระบุให้ทายาทของลูกชายคนแรกเป็นผู้บริหารสูงสุดในกิจการ

แต่ก็เป็นการยอมรับอยู่ในทีแล้ว

แต่เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าสุดท้ายแล้วพี่นิวก็อาจจะไม่ได้รับความเห็นชอบให้สืบทอดตำแหน่ง

ผมก็อดนึกถึงคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้

“คุณพ่อคุณแม่ไม่เสียใจแย่เหรอครับพี่นิว”

“ไม่เลย  พอลุงกับอาพูดเป็นเสียงเดียว พ่อก็เตรียมส่งมอบงานให้ลูกลุงไปดูแลทันที”

“อ้าว....ทำไมไม่ให้ลูกคุณอาล่ะครับ ก็คุณลุงเป็นลูกบุญธรรม ลูกของคุณลุงจะไปมีสิทธิ์ได้ยังไง”

“พ่อบอกว่าพี่น้ำเป็นคนเก่ง หัวไว แล้วก็ซื่อสัตย์ พ่อสอนงานมากับมือ

ต่อไปพี่น้ำจะต้องเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้พี่โน้ตได้แน่ ๆ แต่ถ้ายกให้พี่โน้ตไปตอนนี้

พี่น้ำก็จะหมดโอกาสที่จะเรียนรู้จากพ่อ แถมพี่โน้ตก็จะทำได้ไม่ดีเท่าพี่น้ำ....

อืม...ไม่รู้สิ พี่เห็นด้วยกับพ่อนะ แล้วพี่ว่าย่าก็คงคิดเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่ยอมให้พ่อลาออก

แล้วยกหน้าที่ให้พี่น้ำรักษาการหรอก”

“นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณพ่อต้องลาออกจากตำแหน่งด้วยเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิง.....แต่พี่ว่าเหมือนพ่อจะฉวยโอกาสทำตามใจแม่มากกว่า”

“มิน่าล่ะ คุณแม่คงดีใจด้วยอีกคนล่ะสิครับ”

“ดีใจหรือไม่ดีใจนูก็ดูเอาแล้วกันว่า ตั้งแต่หมดหน้าที่เนี่ย เคยจะคิดกลับมาเยี่ยมเราบ้างไหม

จนป่านนี้ก็ยังลาพักผ่อนไม่เสร็จเสียที”

.........บ่นเป็นลูกพ่อแม่ทิ้งไปได้ พี่นิวล่ะก็........

“ช่างเถอะครับ ท่านอยู่ที่ไหนแล้วมีความสุขก็ปล่อยให้ท่านอยู่ไปเถอะ

ดีเสียอีก บ้านที่เชียงใหม่ไม่มีคนอยู่เดี๋ยวจะร้างไปเสียก่อน ว่าง ๆ เราไปเยี่ยมท่านกันบ้างก็ดีนะครับ

ผมยังไม่เคยไปเชียงใหม่เลยสักครั้ง”

...เอ๊ะ......แล้วไหนล่ะ เรื่องเซอร์ไพรส์ผม......

“พอพ่อกับแม่ลาออก พี่ก็ได้โอกาสที่จะปลีกตัวเองออกมาจากหน้าที่บ้าง

พี่เลยบอกย่าว่าอยากมีกิจการอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง ต่อไปพี่จะได้เลี้ยงพ่อกับแม่ได้”

“ใครเลี้ยงใครกันแน่เนี่ย ผมว่าคุณพ่อไม่ต้องทำงานก็เลี้ยงคุณแม่ได้สบาย ๆนะครับ”

“อย่าขัดคอพี่สิ ปัดโธ่!”

ผมหลบ “โบก” จากพี่นิวได้อย่างหวุดหวิด พี่นิวก็เลยเปลี่ยนมาล็อคคอแทน

........เคยคิดจะหวานกับผมบ้างไหมเนี่ยคนเรา

ผมดิ้นขลุกขลักกว่าพี่นิวจะปล่อยแล้วเล่าต่อ

“แล้วพี่ก็เลยบอกย่าว่า เรื่องหมั้นก็เหมือนกัน ถ้าพี่ไม่ต้องทำหน้าที่ประธานบริษัทแทนพ่อแล้ว

ก็ให้ใครก็ได้มาทำหน้าที่นี้แทนไปด้วย......ย่าโกรธ.....ไม่พูดกับพี่เป็นเดือน”

พี่นิวไม่เห็นจะเคยบอกผมเลย ว่าเคยยื่นคำขอแบบนี้กับคุณย่าด้วย

“อยู่มาวันหนึ่ง ย่าก็เรียกให้พี่ไปหาที่โน่น แล้วเราก็ทำข้อตกลงกัน ย่าให้เงินก้อนหนึ่งมาเริ่มกิจการ

ถามว่าพี่คิดจะทำอะไร พอพี่บอกว่าจะทำบริษัทบอดี้การ์ด ย่าส่ายหน้าแล้วก็บอกว่าไปไม่รอดหรอก

พี่ก็เลยขอย่าว่า ถ้าไปรอด พี่ขอแลกด้วยการไม่แต่งงานได้ไหม แล้วเงินทุนที่ย่าให้มา พี่ก็จะคืนทั้งหมด”

“แต่แล้วก็ไปไม่รอดจนต้องขาย”

“พี่ก็เสียใจนะ ที่มันไปได้ไม่ถึงไหน แต่ก็ยังดีใจว่าเราไม่ได้ขาดทุน”

จากที่คิดเอาไว้ว่า เราจะค่อย ๆ ทำให้บริษัทรักษาความปลอดภัย ขยายตัวไปจนถึง

ให้บริการ “บอดี้การ์ดติดตามตัว” ก็ต้องชะงัก เพราะตั้งแต่ที่ทางราชการ เปิดให้มีการรับสมัคร

อาสาสมัครรักษาดินแดน เราก็หาบุคลากรมาทำหน้าที่ รปภ.ยากขึ้น ถึงแม้จะมีผู้ว่าจ้าง

แต่เราก็ไม่สามารถหาคนไปให้บริการได้ คุณย่าเองก็คงจะทราบข้อนี้ดี

พอเห็นว่ากิจการทำท่าจะไปไม่รอดก็ให้รีบขายเสียก่อนที่มันจะจมลงไปมากกว่านี้

แรกทีเดียวที่ได้ฟังข้อเสนอที่พี่นิวขอกับคุณย่า บอกได้คำเดียวว่า ผมไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพรส์

(ถ้านี่คือเซอร์ไพรส์ที่พี่นิวบอก) ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่นิวไม่อยากแต่งงานให้ใครต้องมาร่วมทุกข์ไปกับเรา

แต่ที่รู้สึกแปลกใจก็คือ พี่นิวกล้าที่จะเรียกร้องกับคุณย่าได้อย่างไรมากกว่า และยิ่งไปกว่านั้น

ทำไมคุณย่าถึงยอมรับข้อเสนอนั้นง่าย ๆ

“ทำไมคุณย่าถึงยอมพี่นิวง่าย ๆล่ะครับ”

“มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พี่เล่าสองสามประโยค แต่ความจริงกว่าจะคุณย่าจะยอมตกลงน่ะ

พี่ต้องเทียวไปเทียวมาอยู่หลายอาทิตย์ นูจำได้ไหมล่ะ ตอนนั้นน่ะ เราแทบจะไม่ได้อยู่บ้านด้วยกันเลย

แถมพอพี่ชวนนูให้นั่งรถไปด้วยกัน นูก็ไม่ไป”

ไม่อยากจะสวนออกไปให้เสียบรรยากาศว่า ...ผมจำไม่ยักได้...

เพราะเวลาทำงานของพี่นิวไม่เคยมีตารางที่แน่นอนเหมือนของผม แต่ที่แน่ ๆ วันสุดสัปดาห์ที่ผมได้หยุด

พี่นิวมีเหลือวันอาทิตย์ให้ผมแค่วันเดียว........แค่วันเดียวเท่านั้นต่อสัปดาห์ แถมถ้ามีงานเร่ง

วันเดียวนั่นก็ถูกริบไปให้งานโยธาเสียหมด และก็อาจจะเป็นวันหยุดเหล่านั้นแหละ

ที่บางครั้งพี่นิวต้องไปค้างคืน ซึ่งผมก็รับรู้ว่าไปทำงานบ้าง ไปที่ออฟฟิศใหญ่ที่นู่นบ้าง....

ผมจะไปจำได้ยังไงว่าเมื่อไรทำงาน เมื่อไรไปหาคุณย่า

“ถ้าพี่นิวขายบริษัท ก็เท่ากับทำตามสัญญาไม่ได้ แล้วเรื่องแต่งงาน.........”

พี่นิวกลอกตาไปมา ทำหน้าเป็นตัวตลก.....แต่ผมยังหามุมขำไม่เจอนี่สิ ก็เลยชักจะพาลโมโห

....คนยิ่งลุ้น ๆ อยู่

“ก็....ตามนั้นแหละ”

คิ้วผมขมวดเป็นปม  มันเรื่องอะไรถึงจะต้องให้ผมแปลไอ้คำว่า “ตามนั้น” เอาตอนนี้ล่ะ

“แปลว่าพี่นิวยังต้องแต่งงาน?”

....ผมได้มาหนึ่งโบกเบา ๆ.....พักนี้ไปได้นิสัยตบกะโหลกมาจากไหนก็ไม่รู้ แย่จริง ๆ

“จิ๊....มันเรื่องอะไรมาทำร้ายผมล่ะเนี่ย”

“สมองช้าอะคนเรา”

“อะไรเล่า.....ก็พูดมาซะทีสิ อมพะนำอยู่ได้.......น่ารำคาญอะ”

ตอนท้ายประโยคผมงึมงำ ไม่กล้าให้เขาได้ยินเพราะกลัวจะเสียเรื่องเสียก่อน

บอกตรง ๆ ว่าอารมณ์ผมตอนนี้หงุดหงิดอย่างแรง

เคยกันไหมล่ะครับ?........เราอยากรู้แทบตาย แต่ไม่ยอมพูดสักที ปล่อยให้เราลุ้นจนเหนื่อย

“บริษัทตั้งมากี่ปีแล้วล่ะ?....แล้วใครมันจะอยู่รอ นูว่าไหม”

อ้อ....นั่นสินะ แต่มันคงไม่ใช่ประเด็นหรอกมั้ง

“บังเอิญเรื่องของผาณิตมันซับซ้อนมากกว่านั้นน่ะ แต่ช่างมันเหอะ เรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า

เอาเป็นว่า ตอนนี้พี่ไม่ต้องทำตามสัญญาของปู่ก็พอแล้ว”

ผมผงกหัวรับช้า ๆ ถึงสมองจะคิดได้ช้า แต่ก็ไม่โง่นะเฟ้ย!!

“แค่นี้อะเหรอ ที่จะเซอร์ไพรส์ผม”

มันตื้นไปป๊ะ??

“เฮ้อ!.........เมื่อย”

พี่นิวลุกขึ้นบิดขี้เกียจด้วยการกางแขน เบี่ยงไปซ้ายทีขวาที อะไรมันจะเมื่อยขนาดนั้น

นั่งคุยกันมายังไม่ครบชั่วโมงเลยมั้งนั่น

“ไปหาข้าวกินกันเถอะ พี่หิวมากเลย”

พูดเรื่องกินขึ้นมาผมพลอยรู้สึกหิวไปด้วย....แต่อย่าคิดว่าผมจะลืมนะ

ไอ้เซอร์ไพรส์ที่ว่านี่น่ะ แง้มไว้แล้วไม่ยอมเฉลย มันหงุดหงิดรู้ไหมพี่นิว







อยากเม้าท์การเมืองจะแย่แล้ว  อีกหลายวันนะครับกว่าจะได้มาโพสท์ตอนต่อไป

ขอไปรับใช้ชาติก่อนครับ     :3123:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:52:21 โดย NuNew »

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
รอเซอร์ไพรส์ของพี่นิวด้วยคน  :bye2:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
มาแบบเงียบๆนะ
น้องนูเอานิสัยพี่นิวมาใช้ พูดให้อยากแล้วจากไปน่าตีจริงๆ
อยู่ด้วยกันนานจนซึมนิสัยพี่เข้าสายเลือดละซิ
แล้วเมื่อไหร่จะมาต่อละอย่าปล่อยให้รอนานนะจ๊ะ
อกอีแป้นจะแตกรอลุ้น คริคริ
 :eiei1: :eiei1: :eiei1:

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มารอดูลงเอยต่อไป :ling1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แง ๆ นูมาลงตั้งหลายวันแล้ว เพิ่งจะได้มาอ่าน
แต่ไม่เป็นไรเพราะอ่านตอนนี้แล้ว รู้สึกมีความสุข
เพราะนูคงไม่ต้องยอกใจกับคำว่าพี่นิวต้องแต่งงาน
แต่ไอ้เซอไพรส์ที่พี่นิวเก็บไว้นี่ซิ มันอะไรกันแน่นะ

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอคุณ นู  นะ  มาเร็วๆ

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณนู

เข้ามารอติดตามเรื่องต่อค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗ นะคะนู ฝากสวัสดีนิวด้วยนะ

ขอให้นูกับนิวมีความสุขกายสบาย  :กอด1:
ขอให้ทั้งคู่รักกันตลอดปีและตลอดไปนะคะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
คิดถึงพี่นูกับพี่นิวอ่ะ
อยากให้มาต่อ :katai2-1:

ถ้าเวลาน้อยมาอัพแค่ความเป็นไปก็ได้นะพี่

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ inlove_63

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ผมรอพี่อยู่นะครับ พี่นูกลับมาเถอะนะครับ

ออฟไลน์ GeTOuTNoW

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 415
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สนุกมากครับ อยากให้มาต่ออีก ชอบมากกกครับ ขอบคุณมากครับ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คิดถึงจังเลย   มาไวๆนะ :ling1:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
หายไปนานแล้วเนอะ

NuNew

  • บุคคลทั่วไป
ขอโทษสำหรับการหายไปทั้งหัวทั้งตัว อย่างไม่มีคำแก้ตัวใด ๆครับ

แต่กำลังจะกลับมาเร็ว  ๆนี้ ตามสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า ไม่ว่าอย่างไร ก็จะเขียนต่อจนจบ

และขอขอบคุณ ผู้ดูแลเล้าทุก ๆ คน โดยเฉพาะเจ๊สอง ที่ทำให้ผมได้กลับมา

หลังจากที่ล็อกอินเข้ามาไม่ได้ เนื่องจากความงี่เง่าของตัวเอง

ถึงจะกลับมาในชื่อใหม่ แต่หัวใจดวงเดิม กับสัญญาเดิม ๆ

หวังว่าจะยังมีคนคิดถึง น้องนูกับพี่นิว อยู่นะครับ


 :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ฉันมายืนรอพี่


ที่หน้าเล้าทุกวันเลย


เมื่อยแล้วนะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อิอิ โดนทวง  :eiei1:

จะรอ รอ แล้วก็ รอต่อไป  :katai3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ยังคิดถึงนูกับนิวเสมอจ้า

กลับมาคราวนี้ไฉไลด้วยชื่อแบบชวนให้ยิ้มเลยค่ะ

NuNew

  • บุคคลทั่วไป



แอบย่องมากลางดึกเหมือนเคยครับ

รีบลงแล้วรีบไปนอน พบกันใหม่พรุ่งนี้นะครับ     :katai4: 

(ไม่จัดหน้งจัดหน้ามันแล้วครับ......แบบว่าง่วงมาก  :ruready











       พี่นิวอาบน้ำเสร็จตัวเปียกฉ่ำออกมา ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว...อ๊ากส์ส์ส์

        ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่แอบกลืนน้ำลาย...แม่ง โคตรเอ็กซ์

       “ดูอะไรอยู่น่ะ”

          ถามพลางมือก็เช็ดผมไปพลาง ผมอดที่จะละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์แล้วหันไปมองไม่ได้

เมื่อเห็นว่าพี่นิวกำลังใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมที่ยังเปียกน้ำอยู่.....ใต้วงแขน....

อื้ม........ผมเริ่มรู้สึกหวิว ๆ ที่ท้องน้อยตอนเห็นใต้วงแขนของพี่นิวตั้งแต่เมื่อไรกันนะ

จะบอกออกไปดีไหมนะว่า ผมกำลังดูเขาทั้งเนื้อทั้งตัวนั่นแหละ

“หืม?”

สายตาพี่นิวจ้องมองผมแล้วค้างอยู่ในท่านั้นอย่างรอคอย  คำถามของเขา....ผมยังไม่ได้ตอบ

และเขาอาจจะทันได้เห็นแววตาวาววามของผม

.....มันจะส่ออารมณ์บางอย่างออกไปให้เขาจับได้หรือเปล่านะ

“เอ่อ....ผมจะดูซีรี่เกาหลีน่ะ”

แล้วผมก็ตอบไปส่งเดช.......เคยดูเสียที่ไหนล่ะครับ

ว่าแล้วก็หยิบรีโมทมากดหาช่องที่เคยผ่านตาว่ามันมีหนังเกาหลีฉายให้ดู

พักใหญ่ ๆ พี่นิวก็กลับมาขึ้นเตียงพร้อมกับสวมชุดนอนเรียบร้อย ส่วนผมยังไม่ได้อาบน้ำ

เพราะปกติผมชอบอาบก่อนนอน ชนิดที่ว่า อาบแล้วก็ขึ้นเตียงห่มผ้านอนเลยนั่นแหละ

“ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“ผมยังไม่นอนอะ อีกประเดี๋ยวนึง” ก็มันเพิ่งจะสี่ทุ่มนิด ๆ เอง ใช่เวลานอนของผมที่ไหนกัน

“นอนได้แล้ว”

“พี่นิวง่วงก็นอนไปก่อนได้เลยครับ”

“เอ๊....แล้วทำไมวันนี้ไม่เล่นคอมฯ”

“ผมก็อยากมีเวลาอยู่กับพี่นิวบ้างนี่นา”

“ฮื่ม...ชื่นใจ”

พี่นิวเหนี่ยวคอผมไปฟัดแก้มแรง ๆ ตามด้วยเสียงฮึ่มฮั่มคล้ายจะหมั่นเขี้ยว

ถ้ารู้ว่าพูดเอาใจแบบนี้แล้วได้รางวัล ผมก็จะพูดบ่อย ๆ 555

(หยอดนิดหยอดหน่อยได้ผลตลอด)


ในที่สุดผมก็ต้องฝืนใจลุกขึ้นมาอาบน้ำด้วยความขี้เกียจ เป็นธรรมดาของผม

ที่พอได้นอนกลิ้งเกลือกบนที่นอนนุ่ม ๆ มีมือใหญ่ ๆ ของพี่นิวคอยเกาหัวให้เบา ๆ

มันก็เลยชักเคลิ้มจนตาแทบจะปิด แต่ยังไงผมก็ต้องอาบน้ำก่อนนอน

ไม่เช่นนั้นตกดึกก็จะรู้สึกไม่สบายตัว จนต้องลุกขึ้นมาอาบน้ำจนได้

แม้ว่าจะตีหนึ่งตีสองแล้วก็ตาม

กลับมาขึ้นเตียงอีกที พี่นิวก็หลับสนิทได้ยินแค่เสียงกรนไปเรียบร้อยแล้ว


(........คืนนี้อดเบยยยย..........)





      พออาบน้ำเสร็จก็ตาสว่างล่ะสิคราวนี้ ผมได้แต่นอนลืมตาอยู่ในความมืด

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนฟุ้งซ่าน

วันนี้เราสองคนได้คุยอะไรกันหลายเรื่อง แม้แต่เรื่องเฉพาะภายในครอบครัวของเขา

ที่ผมไม่เคยละลาบละล้วงถาม  ด้วยคิดเสมอว่าตัวเองเป็นคนนอก

แต่วันนี้พี่นิวก็เล่าให้ฟังแทบหมดเปลือก

เรื่องแรกก็คือเรื่องที่คุณพ่อลาออกจากตำแหน่งโดยไม่รอการเกษียณอายุ

เพียงแค่ทราบว่าในหมู่ญาติพี่น้องตกลงกันที่จะให้มีการโหวตผู้รับตำแหน่งประธานฯ คนต่อไป

แทนการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น  ทั้งที่ยังไม่มีวาระการประชุมที่ว่านั่นเลยเสียด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังไม่มีความจำเป็นต้องหาใครมาแทน  แต่กลับให้พี่น้ำมาฝึกงานก่อนเวลาอันสมควร

 มันมีเหตุผลอะไรที่มากไปกว่าความเห็นของคนในครอบครัวแน่ ๆ 

หากจะรอให้คุณพ่อเกษียณไปตามอายุ โดยระหว่างนี้ให้พี่น้ำมาเรียนรู้งานก็ย่อมทำได้ 

พี่นิวบอกว่า คุณพ่อฉวยโอกาสนี้ออกจากตำแหน่งอย่างถาวร

....มันไม่น่าแปลกใจหรอกหรือว่า....ทำไม?


เรื่องข้อเสนอของพี่นิวที่ขอคุณย่าไว้ก็เหมือนกัน เมื่อตกลงว่าจะขายกิจการ

ก็เท่ากับว่าพี่นิวไม่สามารถทำตามคำพูดได้  ข้อเสนออะไรนั่นก็เป็นโมฆะ

(ซึ่งมันคืออะไรผมก็ไม่รู้)  เงินที่คุณย่าเข้าหุ้นในกิจการของเราก็ต้องคืนให้ท่านไป

 เงินส่วนของผมคุณย่าก็บังคับให้คืน  ถ้ากิจการยังขายไม่ได้

พี่นิวจะเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน

เรื่องของคู่หมั้นที่พี่นิวพูดขึ้นมาวันนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะเอามาคิดซ้ำ ๆ


.......บังเอิญเรื่องของผาณิตมันซับซ้อนมากกว่านั้นน่ะ แต่ช่างมันเหอะ

เรื่องส่วนตัวของเขาเราไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า

เอาเป็นว่า ตอนนี้พี่ไม่ต้องทำตามสัญญาของปู่ก็พอแล้ว..........


อะไรที่มันซับซ้อน?

ทำไมพี่นิวถึงบอกว่าไม่ต้องทำตามสัญญาของคุณปู่?

พี่นิวสรุปเอาเอง หรือว่า สัญญานั้นเป็นโมฆะกันแน่

...ผมรู้แล้วว่า ไอ้นี่แหละ เซอร์ไพรส์ ของพี่นิว...

ต้องใช่แน่ ๆ เลย  “เซอร์ไพรส์” เสียจนผมนอนไม่หลับ

จนฟ้าจะสางอยู่แล้วผมก็ยังงงว่า มันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหมสำหรับเราสองคน





มันช่างเป็นเช้าที่ไม่ปลอดโปร่งเอาเสียเลย

ผมหยีตามองออกไปนอกหน้าต่าง แมกไม้ใบบัง ซ่อนแสงอาทิตย์ไว้บางส่วน

แต่มันก็ยังจ้าเกินไปสำหรับผมอยู่ดี เพราะพออดนอนเข้า  นัยน์ตามันก็ไม่สู้แสงเอาดื้อ ๆ

“ไง...ทำไมวันนี้ตื่นสาย”

ผมเอียงแก้มไปแนบกับฝ่ามือเย็น ๆ ที่ลูบลงมาเบา ๆ พี่นิวเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ

มองเห็นหยดน้ำเกาะอยู่ตามเนื้อตัว

“ผมนอนไม่หลับ”

“หืม....เป็นอะไร ทำไมนอนไม่หลับ”

พี่นิวทรุดตัวลงนั่งตรงขอบเตียง ผมได้โอกาสซุกหน้าลงบนตักที่มีเพียงผ้าขนหนูชื้น ๆ ห่อหุ้มอยู่

“พี่นิวนั่นแหละ”

“พี่ไปทำอะไร ตอนไหน”

 “มาหย่อนระเบิดให้ผมเซอร์ไพรส์น่ะสิ”

“หึหึ...ระเบิดอะไร แล้วอะไรเซอร์ไพรส์”

ทำเสียงเจ้าเล่ห์ แต่ที่แท้น่าจะรู้หรอกนะว่าผมหมายถึงเรื่องที่เขาคุยค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

“ก็เมื่อวานน่ะสิ......อื๊ด.......อ่า......”

วาดแขนบิดขี้เกียจก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เพราะผมรู้สึกว่า

พอนอนคุยแล้วผมกลายเป็นเบี้ยล่างยังไงชอบกล

“เมื่อวานพี่นิวยังเล่าให้ผมฟังไม่หมดนะ.....ฮ้าวววววว”

ตามด้วยอาการหาวจนน้ำตาเล็ด

“ก็ยังไม่หมดดีหรอก แต่ว่าวันนี้ย่าจะแวะมาค้างด้วยก่อนกลับบ้าน เราคงยังไม่มีเวลาคุยเรื่องอื่น ๆ”

จากที่งัวเงียเมื่อกี้ ผมก็ตาสว่างทันที คำว่าคุณย่าจะมาค้าง เรียกสติผมได้ชะงัดนัก

แต่กระนั้นก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกตึงเครียดให้ผมเหมือนเมื่อก่อนนี้อีกแล้ว 

ผมแค่คิดว่าต้องรีบกลบเกลื่อนร่องรอยที่เราสองคนทิ้งไว้ก่อนคุณย่าจะมาถึง

และต้องรีบไปทำห้องของตัวเองให้ดูเหมือนว่าผมยังอยู่ห้องนั้นทุกวัน

......ยังดีนะที่เป็นวันหยุด ผมมีเวลามากพอที่จะทำทุก ๆ อย่างที่ว่ามานั่น

ถ้าเป็นวันทำงานปกติ คงเหนื่อยแย่  การ “เตรียมบ้าน” ไว้รอคุณย่า

ทำให้ผมไม่มีโอกาสที่จะไล่เบี้ยพี่นิวเรื่องเซอร์ไพรส์ ได้อย่างที่ตั้งใจ

และในที่สุดผมก็ลืมมัน



เพื่อนรุ่นน้องของคุณย่าคนเดิมมาส่งคุณย่าในตอนสายและอยู่กินข้าวเที่ยงกับเรา

จากนั้นคุณป้าคนนั้นก็ขอตัวไปรับหลานที่เรียนพิเศษและขอตัวกลับบ้านเลย

ทำให้เราสามคนเพิ่งจะมีเวลาได้อยู่กันพร้อมหน้าเฉพาะคนในครอบครัว

“มีอะไรจะถามย่าไหม หือ นู”

คุณย่าเดินมานั่งที่โซฟา ส่วนผมที่นั่งดูรายการโทรทัศน์ที่น่าเบื่ออยู่ก่อนแล้ว

ได้ยินคำถามของคุณย่า ก็ทำหน้าเหรอหรา ด้วยไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้น

หันไปมองพี่นิวก็ไม่ได้ช่วยให้ได้คำตอบอะไรเลย

“อะไรครับคุณย่า”

คุณย่ามองผมแล้วหันไปทำตาดุใส่พี่นิว

“ยังไม่ได้บอกน้องล่ะสิพี่นิว”

พี่นิวอมยิ้มทำตาหยี  ดูมีเลศนัย อีหรอบนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรในก่อไผ่จริง ๆสินะ

“ก็คุยกันหลายเรื่องแล้วล่ะครับย่า แต่ยังไม่ได้พูดเรื่องนั้น”

....เรื่องนั้น?....

“ก็กำลังจะบอกเขาวันนี้แหละครับ แต่พอดีย่ามา”

“มิน่าล่ะ ถึงทำหน้าเซ่อใส่ย่าแบบนี้ งั้นก็คุยเสียตอนนี้เลยก็แล้วกัน”

คุณย่ากับพี่นิวคุยกันถึงเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ผมกลายเป็นคนกลางที่มองคนโน้นทีคนนี้ที

แล้วก็ได้แต่ทำหน้าเซ่อ เหมือนที่คุณย่าว่า

“พี่นิวไปชงน้ำชามาให้ย่าหน่อย  แล้วก็ปิดทีวีเสียด้วย”

“ครับย่า”

พี่นิวลุกขึ้นไปจัดการตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

 “เมื่อวันก่อนย่าบอกพี่นิวให้คืนเงินนู พี่เขาคืนให้หรือยัง”

ผมส่ายหน้าทั้งที่ยังไม่เข้าใจเจตนาของคุณย่าอยู่ดี พี่นิวจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้ผม

ในเมื่อเรื่องขายกิจการยังเป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้น

“ทำหน้าเข้า....แสดงว่าพี่นิวยังไม่ได้บอกใช่ไหม ว่าย่าสั่งอะไร”

ผมส่ายหน้าซ้ำอีกที.....ก็....โถ่....คุณย่าไปอยู่บ้านคุณป้ามากี่วันเอง

ระหว่างนั้นผมกับพี่นิวทำอะไรกันบ้าง (...ก็รู้ ๆ กันอยู่...)

แล้วผมก็ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแปลกใหม่อะไรที่ผมต้องรู้นอกเหนือไปจากเรื่องพี่นิวขายบริษัทนี่นา

“พ่อกับแม่เราเขารู้หรือเปล่า ว่าเอาเงินมาเข้าหุ้นกับพี่นิว”

“ทราบครับ ผมขออนุญาตพ่อก่อนแล้ว”

“พ่อเราเขาไม่ว่าอะไรเลยเรอะ”

“พี่นิวบอกพ่อว่าจะทำเป็นสัญญาเงินกู้ กันการบิดพลิ้วก็ได้ แต่พ่อบอกว่าไม่ต้อง พ่อเชื่อใจครับ”

คุณย่าพยักหน้าน้อย ๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“พ่อเราเขาเป็นคนดีนะ นี่ย่าก็หนักใจตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าเอาเงินนูมาลงหุ้นด้วยแล้วล่ะ

ยิ่งมารู้แบบนี้อีก ย่าก็ยิ่งละอายใจ เหมือนบ้านเราเอาเปรียบนูเลยนะ  แต่ตอนนั้น....”

ดูสีหน้าคุณย่าไม่ค่อยสบายใจ แล้วท่านก็ถอนใจออกมา

“.....เฮ้อ.....มันก็ยุ่ง ๆ กันหลายเรื่องน่ะนะ”

คุณย่านิ่งเงียบไป คล้ายกำลังชั่งใจถึงสิ่งที่กำลังจะพูด.....

ผมรู้สึกว่าคุณย่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่จะบอกกับผม

เพราะคุณย่ายังจับจ้องอยู่ที่ผมจนผมรู้สึกได้

แม้ว่าผมจะกำลังก้มหน้ามองมือตัวเองที่กุมกันอยู่บนตักก็ตาม

“ย่ารู้เรื่องนูแล้วนะ....เรื่องเรากับพี่เขานั่นแหละ”

อยู่ ๆ คุณย่าก็เปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน




……………….













 :a5:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2014 19:30:19 โดย NuNew »

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
นู มันค้างงงงงง  :ling1:
แต่ก็ยังดีที่นูได้เจอเซอร์ไพรส์ของจริง
ย่ารู้เรืีองนูกับนิวแล้ว และดูท่าจะไม่ขวาง
คราวนี้นูก็ไม่ต้องกังวลเรืีองหนามยอกแล้วนะ
นูจะได้ทุ่มเททุกความรู้สึกให้กับชีวิตคู่นูกับนิวสักที

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 :hao6:  แอบมาลง

 :katai2-1: แล้วก็ปล่อยให้ค้าง

 :mew1: รอตอนต่อไป  :eiei1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2014 07:17:25 โดย Yarkrak »

Singleman

  • บุคคลทั่วไป
อ้างงงงงง ยังไงต่อ

ออฟไลน์ mimalo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ nokkaling

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 941
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
อะไรกันนู ทำไมมันสั้นอย่างนี้  :m16:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ค้างงงงงงงงงง  :ling1:

NuNew

  • บุคคลทั่วไป






ตัวผมชาวาบ  มือไม้ก็สั่นจนต้องกุมกันแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว.....พยายามตั้งสติว่า

ผมได้ยินถูกแล้วใช่ไหมที่คุณย่าบอกว่ารู้เรื่องของผมกับพี่นิว

.....เรื่อง....ที่ไม่ต้องระบุว่าเรื่องอะไร

ผมยิ่งก้มหน้างุดเหมือนจะให้ตัวเองจมหายลงไปในเบาะเก้าอี้ที่นั่งทับอยู่

น้ำเสียงนิ่งเรียบ ไม่บอกอารมณ์ใด ๆ ทำให้ผมประเมินไม่ถูกว่า

ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไหน

“มาพี่นิว....มานั่งเป็นเพื่อนน้องก่อน ย่าว่าจะคุยกันตามลำพัง

แต่ก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาจะไม่คุยกับย่าแล้วนั่น”

ผมปรายตาลงต่ำมองเห็นแค่ปลายขากางเกงพี่นิว เพราะยังไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นมา

ได้ยินเพียงเสียงวางของลงบนโต๊ะตรงหน้า จากนั้นสองเท้าก็ก้าวเข้ามาใกล้ผม

แล้วทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ  เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากคุณย่า

ทำให้ผมแอบเงยหน้าขึ้นมองนิดหนึ่ง

พอสบตากับคุณย่าที่จ้องผมเขม็ง ก็ต้องรีบหลบ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนผิดบาป

ที่ทำให้ผู้ใหญ่อย่างคุณย่าต้องหนักใจ ไม่สบายใจ.......แต่

.......คุณย่าครับ.....ผมรักพี่นิว เรารักกัน  อยากใช้ชีวิตร่วมกัน

.........ผมต้องทำยังไง คุณย่าถึงจะเข้าใจ

“ตอนแรกที่รู้ย่าโกรธมาก...รู้ตัวใช่ไหม.........

ย่าแค่ให้นั่งเป็นเพื่อนกันนะพี่นิว ไม่ต้องจับไม้จับมือกันขนาดนั้นก็ได้”

ท้ายประโยค น้ำเสียงคุณย่าเขียวปั้ด ชวนให้สะดุ้ง แทนที่จะเป็นคนที่ถูกดุดึงมือตัวเองกลับไป

กลับเป็นผมที่ค่อย ๆ รูดมือตัวเองออกมา แล้วพี่นิวก็พูดขึ้นมาเสียงอ่อยออกหน้าให้ผม

“ย่าอย่าดุสิครับ กลัวจนตัวสั่นหมดแล้วเห็นไหม”

“ดี...ที่รู้จักกลัวเสียบ้าง ทำอะไรกันเอาไว้ ก็น่าจะรู้ว่ามันไม่ถูกไม่ควร”

ปริ่ม ๆ อยู่ตรงขอบตาแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้อยากทำสำออยร้องไห้เป็นแต๋วแตก

แต่เข้าใจผมนะ ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันบีบคั้นหัวใจจริง ๆ

“มันยากนะ ที่จะให้คนแก่อย่างย่ายอมรับเรื่องของเรา เรื่องที่จะอับอายผู้คนนั่นก็ต่างหาก

แต่ที่ย่าเสียใจก็เพราะพี่นิวเป็นหลานคนโตของย่า ย่าก็หวังว่าจะให้สืบสกุล

มีลูกมีหลานให้ย่าอุ้มเล่นบ้าง”

น้ำตาเม็ดเป้งหยดลงบนหลังมือจนได้

“นูเขาก็ลูกคนเดียวเหมือนกันนะครับย่า แบบนี้พ่อเขาก็ไม่ได้อุ้มหลานเหมือนกัน”

ยังมีหน้าไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่อีกพี่นิว รู้ทั้งรู้ว่าทำผิด แทนที่จะสงบปากสงบคำ

เดี๋ยวคุณย่าก็จะยิ่งโกรธ

“แล้วมันดีไหมล่ะ....ยังจะมาทำปากดีนะพี่นิว 

อย่าคิดว่าเป็นหลานแล้วจะมาต่อล้อต่อเถียงกับย่าได้นะ 

นั่น.....ดูน้องเขายังนั่งสงบเสงี่ยม รู้ตัวว่าทำผิดก็ยอมรับผิด

ยั่วโมโหย่าดีนัก ระวังเหอะ ข้อตกลงอะไรต่ออะไรนั่นย่าจะยกเลิกซะก็ได้”

“อย่าครับย่า ผมขอโทษครับ”

พี่นิวรีบร้องค้านเสียงอ้อน

ท่าทางเอาจริงของคุณย่าปราบความซ่าของพี่นิวได้ชะงัด

ส่วนผมก็นั่งสำนึกผิดอยู่อย่างเดิมด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นมาบ้าง

ทั้งที่ได้ยินคำตำหนิจากคุณย่าเต็มสองหู 

แต่ประโยคเหล่านั้นกลับทำให้ผมรู้สึกว่าคุณย่ากำลังตัดพ้อเราสองคนมากกว่า.......

ในความรู้สึกเสียใจ คุณย่าก็ยังให้ความเข้าใจ นั่นยิ่งทำให้น้ำตารินหนักขึ้นไปอีก

ที่สุดแล้ว......หากว่าคุณย่าจะไม่อนุญาตให้เราได้รักกัน

ผมก็รู้ว่าตัวเองได้รับความเมตตาจากท่านไม่น้อยเลย

“เอาเถอะ ไหน ๆ บ้านนั้นเขาก็มาขอถอนหมั้นไปแล้ว ถ้าย่าจะหาผู้หญิงที่ไหนมาให้อีก

เดี๋ยวจะวุ่นวายกันไปไม่รู้จบ เบื่อจริง ๆ มีหลานชายหวังจะได้เหลนสักคน

ก็ไม่มีทางจะสมหวังเสียแล้ว”

“พี่น้ำอะย่า ไหนจะพี่โน้ตอีก นั่นก็กี่คนเข้าไปแล้วล่ะ”

พี่นิวพูดถึงลูกคุณลุงกับลูกคุณอาที่แต่งงานมีลูกกันไปแล้วคนละคนสองคน

“แม่มันหวงจะตาย ปล่อยมาให้เล่นกับย่าประเดี๋ยวประด๋าวมันก็มาเอาคืน

ทีเงินทองข้าวของล่ะจะเอา แต่ลูกมันไม่ให้มาหาทวด

อยากจะเห็นเหลนก็ต้องเอาของเข้าล่อ อนาถใจจริง ๆ”

คุณย่าคงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา  ทั้งที่อารมณ์ยังกรุ่น ๆ เรื่องของเราสองคนอยู่แท้ ๆ

ความจริงแล้วพี่น้ำ ลูกชายของคุณลุงที่เป็นลูกบุญธรรมของคุณย่านั่นแหละ

แต่งงานไปแล้ว ได้เหลนให้คุณย่าชื่นชม 2 คน บ้านอยู่ใกล้กัน

แถมยังหมั่นพาเหลนไปหาคุณทวดบ่อย ๆ แต่ยังไงก็คงไม่สนิทใจเท่ากับลูกของพี่โน้ต

ซึ่งเป็นลูกของอาแท้ ๆ ของพี่นิว  พี่โน้ตมีลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดูหนึ่งคน

แต่หลานสะใภ้ของคุณย่าก็หวงเสียจนใครก็แยกเอาไปอุ้มชูไม่ได้

อย่างที่คุณย่าบ่นคือ พอถึงเทศกาลรวมญาติ ก็พาเหลนมากราบทวด

เพราะรู้ว่าทวดจะเตรียมของรับขวัญหลาน ๆ เหลน ๆ ทุกครั้ง   

แต่พอให้พามาเยี่ยมเฉย ๆ ก็ไม่ว่างไปเสียทุกที

“แล้วตกลงจะเอาไงอะครับย่า ผมกับนูอยากอยู่ที่นี่ ไม่ไปอยู่โน่นได้ไหม

นูเขามีงานทำที่นี่ พ่อกับแม่ก็ยังอยู่นี่ ส่วนผมก็จะได้ดูงานของเราต่อ

ที่นู่นก็ให้พี่หนึ่งทำแทนพ่อต่อไปเหมือนเดิม”

พี่นิวตัดสินใจเสร็จสรรพ ทั้งส่วนของตัวเอง และส่วนของผมด้วย 

ซึ่งทุกอย่างที่พี่นิวพูดก็ตรงกับความต้องการของผมอยู่แล้ว

แต่คุณย่าก็ยังคงอยากให้ผมยืนยันจากปาก

“ว่าไงล่ะเราน่ะ”

   พี่นิวเอาศอกกระทุ้งผมเบา ๆ พอผมหันไปหา เขาก็บอกให้ผมตอบคุณย่า

ผมรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก อยากพูดไปตามที่พี่นิวได้พูดแล้ว

แต่ความเกรงใจทำให้ผมไม่กล้าบอกออกไป

   “ย่าถามว่านูจะเอายังไง จะอยู่ที่นี่ หรือว่าจะไปอยู่ที่โน่น”

   พี่นิวพูดซ้ำคำถามของคุณย่าให้ผมฟังอีกครั้ง

   “ย่าจะให้เราสองคนไปอยู่บ้านโน้นด้วย พี่เข้าไปทำที่บริษัท

ส่วนนูก็ขอย้ายสาขา หรือไม่งั้นก็ลาออกแล้วไปทำด้วยกัน”

   คงถึงเวลาที่ผมจะต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดสินะ

   “ผมคงไปอยู่ที่โน่นไม่ได้หรอกครับคุณย่า”

ผมหันไปตอบคุณย่า จะอย่างไรผมก็ทิ้งครอบครัวที่มีแค่พ่อและแม่ไปไม่ได้ 

ทุกวันนี้ผมแทบจะกลายเป็นลูกบ้านนี้เต็มตัวไปแล้ว 

ถ้าต้องย้ายไปรวมกับครอบครัวใหญ่ที่โน่น 

ผมคงไม่แคล้วเป็นลูกกตัญญูไปเสียจริง ๆ

“อยู่ที่นี่ถึงจะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อกับแม่ แต่ผมก็ยังไปหาได้ตลอดเวลา”

   “เห็นไหม ผมว่าแล้วว่าเขาไม่ไปหรอก”

   ผมลงจากโซฟาเข้าไปกราบคุณย่าที่ตัก

   “ผมขอโทษครับคุณย่า”

   “นั่นสินะ ใครล่ะมันอยากจะอยู่กับคนแก่ ๆอย่างย่า  พ่อกับแม่พี่นิวนั่นปะไร ทิ้งบริษัท ทิ้งย่า

จนป่านนี้ก็ไม่กลับมาดูดำดูดี  จะไปไหนทำอะไร ก็ไม่ต้องมีย่าคอยบ่นคอยว่า”

   “ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ  แต่ผมรู้สึกละอายมากกว่าที่ทำตัวเหมือนกินบนเรือนถ่ายรดหลังคา

ทั้ง ๆที่คุณพ่อคุณแม่ กับคุณย่า เอ็นดูผม เลี้ยงดูผมเป็นอย่างดี

แต่ผมก็ยังทำเรื่องไม่ดีให้ทุกคนอับอาย”

   “รู้ว่าจะต้องอับอาย แล้วทำไมถึงได้ทำ”

   .....นั่นสิครับ....ทำลับหลังผู้ใหญ่มาเป็นหลายปี 

ทั้งที่ปัจจุบันนี้ คุณย่าก็ให้ความเอ็นดูผมอย่างเห็นได้ชัด  ผมก็ยังไม่เลิกทำ

   ก็ถ้า.....ความรักมันมันเลิกได้ง่ายดายแบบนั้น 

เราสองคนคงไม่ต้องใช้ความอดทน และคำว่าให้อภัยกัน ไม่รู้จักกี่ครั้งกี่หน

กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคมาจนได้อยู่ด้วยกันอย่างทุกวันนี้

เงียบ

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ส่วนผม....น้ำตาที่แห้งไปได้ครู่เดียว ตอนนี้มันปรี่ออกมาอีกแล้ว

   มันอาจจะถึงเวลาที่เราสองคนต้องตัดใจจากกันเสียทีกระมัง

พี่นิวกลับไปเป็นหลานรักตามเดิม  เข้าไปทำงานที่ออฟฟิศก็ไม่ต้องตรากตรำงานกลางแจ้งอีก

แล้วอีกหน่อยก็จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งใหญ่ ๆ ได้   

สักวันหนึ่งตำแหน่งประธานฯ ที่คุณพ่อเคยนั่ง ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

   ส่วนผมก็กลับไปอยู่บ้าน......สถานที่เดียวที่เหมาะกับผม 

กลับไปนอนหนุนตักแม่ ให้แม่ปลอบขวัญก็ดีเหมือนกัน

   .....เผียะ!........

   เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังอยู่ข้าง ๆ ฟังดูน่าจะเจ็บไม่น้อย

ผมเหลียวไปมองพี่นิวด้วยความสงสัย ทันได้เห็นเขารีบหุบยิ้มอย่างมีพิรุธ.....(?)

โดนคุณย่าตีแล้วยังยิ้มหน้าทะเล้นได้อีก  ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักสักนิด

ปกติพี่นิวจะเป็นคนมีมารยาท รู้กาลเทศะ แต่วันนี้กลับดูล้น ๆ เสียอย่างนั้น

   “ย่าจะกลายเป็นคนแก่ใจร้ายก็ตอนนี้ล่ะนะ”

   “ไม่ใช่นะครับคุณย่า.....ฮึก...”

   ผมไม่สามารถพูดต่อได้ เพราะอยู่ ๆ ก้อนสะอื้นก็ดันขึ้นมาจนจุกอก

   “ไม่เอา ๆ  อย่าขี้แยอย่างนี้ ลูกผู้ชายขี้แมวอะไร น้ำตาเล็ด น้ำตาร่วงง่ายจริง ๆ”

   คุณย่าดึงแขนให้ผมขึ้นมานั่งข้าง ๆ บนโซฟา ส่วนพี่นิวก็ขยับเข้ามานั่งใกล้ ๆ

จนดูเหมือนผมจะถูกรุมล้อมจนขยับไปไหนไม่ได้

   “ย่าทำใจได้นานแล้วลูก เรื่องของเราสองคนน่ะ”

   พี่นิวบีบมือผมเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ

ผมช้อนสายตาไปมองก็เห็นแต่รอยยิ้มที่ดูอบอุ่นอย่างที่คุ้นเคยเสมอ

ผมยังไม่กล้าเหลือบตาขึ้นมองคุณย่า

ทั้งที่รู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ ด้วยประโยคคำพูดนี้

   “ที่พูดไปก็ไม่ใช่ว่าย่าจะเกลียด จะโกรธอะไรหรอกนะ แต่ย่าก็อยากจะบอกให้รู้กันตรง ๆ ว่า

มันยากจริง ๆ ที่จะให้คนวัยย่ายอมรับเรื่องผิดจารีตแบบนี้....ย่ารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่

ยิ่งเดี๋ยวนี้ก็เห็นกันเกร่อไป  แต่พอมันมาเกิดกับคนในบ้านเรา...

เป็นหลานชายคนที่เราทุกคนฝากความหวังที่จะให้สืบทอดวงศ์ตระกูล

คงไม่มีญาติผู้ใหญ่คนไหนจะยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบานได้หรอกลูกเอ๊ย”

   “ผมขอโทษครับคุณย่า”

   ผมพูดได้เพียงแค่นี้จริง ๆ

   “เฮ้อ....เอาเข้าไป......เจ้านี่ก็เอาแต่ขอโทษ ส่วนไอ้เจ้านั่นก็พูดแต่ขอโทษ ๆ

 ตอนที่ย่าเรียกไปถามก็ตบท้ายด้วยเงื่อนไขสารพัด ที่จะให้ย่ายอมมันให้ได้”

   “ขอบคุณครับย่า”

   “อย่าดีแต่พูดก็แล้วกัน”

คุณย่าหันไปกำชับกับพี่นิว

”ถึงยังไงพี่นิวก็ยังมีหน้าที่ดูแลคนในครอบครัวเราเหมือนเดิม

แล้วก็ยิ่งต้องทำให้ดีเป็นสองเท่าแทนพ่อเราด้วย

เพราะพ่อเราก็หนีย่าเอาตัวรอดไปแล้ว”

   วันนี้ผมคงทำน้ำตาคงท่วมบ้านเราแน่ ๆ ด้วยคำพูดของคุณย่าทั้งหมด

ราวกับได้ปลดแอกที่ผมแบกรับมันจนหนักอึ้งตลอดมาแทบจะทั้งชีวิต   

   คนเรานี้หนอ  ดีใจก็เสียน้ำตา  เสียใจก็บีบน้ำตา  แต่ถ้าไม่เกิดกับตัวเองก็คงไม่รู้ว่า

ความปลื้มเปรม ที่ได้รับจากการเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว มันอิ่มใจได้มากเพียงไหน

   ผมก้มกราบที่ตักคุณย่าอีกครั้ง 

คำขอบคุณเพียงคำเดียวคงไม่เพียงพอกับความเมตตาที่ท่านให้

   คนที่ผมระลึกถึงไปพร้อม ๆ กันคือพ่อกับแม่

   จะดีสักเพียงไหน หากผมสามารถบอกให้ท่านรับรู้ถึงความสุขของผมในขณะนี้ได้

   หากว่า......

   ปริญญาบัตร คือเครื่องหมายของความสำเร็จทางการศึกษา 

ทะเบียนสมรสเป็นประกาศนียบัตรรับรองการมีคู่ครอง 

ถ้าเช่นนั้น.....

ผมก็จะขออนุมานว่า คำอนุญาตของคุณย่า

ก็คือประกาศนียบัตรที่รับรองการมีครอบครัวของผมกับพี่นิวจะได้ไหม


น่าเสียดายที่ผมไม่กล้าอวดให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ถึงความความเมตตาที่ได้รับในครั้งนี้

......ได้แต่เพียงหวังว่า สักวันผมคงจะมีโอกาสได้บอก 

ผมหวังว่าวันนั้นท่านทั้งสองจะไม่รังเกียจลูกชายคนนี้ 

คนที่ไม่สามารถสืบทอดสายเลือดให้แก่วงศ์ตระกูลของท่านได้



มีต่อครับ .... รอแพ็พ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2014 19:31:46 โดย NuNew »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด