บทที่ 11 จิตหลุด
“ปัต!! ปัต!! ปัต!! ” ผมได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกชื่อผม เสียงมันช่างเหมือนอยู่ห่างไกลแล้วค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ปัต” เสียงดังฟังชัด ที่เหมือนมาตะโกนใกล้ๆ หู ผมกระพริบตาถี่ ๆ อย่างงัวเงีย.... รู้สึกมึนหัวจนต้องหลับตาลงไปใหม่
“คราบบบบ~” ผมขานรับเสียงแหบพร่า พยายามเปิดเปลือกตาสุดความสามารถ ในที่สุดก็ลืมตาสำเร็จ
ผมเหลือบตามองพี่พาร์ทที่ตอนนี้ยืนอยู่ห่างจากผมสักสองเมตรได้ ด้วยอาการมึนงงได้ที
“ฮะพี่”
“ใส่เสื้อก่อน แล้วไปล้างหน้าได้แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไม่รู้สายตาพี่แกมองไปตรงไหน รู้แต่ไม่ได้มองที่ผม
“ครับ” ผมส่ายหน้าไปมามองหาเสื้อของตัวเอง ที่ตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหน และเหมือนพี่เค้าจะรำคาญ
เพราะผมหาเสื้อไม่เจอสักทีแกเลยเดินมาที่ผมยื่นมือข้ามหัวผมไป ผมเงยหน้ามองตามแขนยาวๆ นั่น
ที่เหมือนหยิบอะไรสักอย่าง ก่อนจะชูมือสูงขึ้นกว่าเดิม เผยให้เห็นเสื้อยืดสีฟ้าตัวที่ผมใส่ก่อนนอนลอยเด่นเป็นสง่า
อยู่ในมือพี่พาร์ท ผมแหงนหน้ามองตามเสื้อตัวเองจนหน้าขนาดกับเพดาน เลยพิงหัวลงกับโซฟา ยังคงมองนิ่ง
ไม่ได้เอื้อมมือไขว่คว้าแต่อย่างใด ในแต่หัวกับรู้สึกสงสัยว่าพี่พาร์ทกำลังเล่นอะไรอยู่
สักพักเสื้อที่ว่าก็ร่วงปุ๊ มาปกคลุมหน้าผม ตามด้วยมือพี่พาร์ทขยี้เบาๆ บนหน้าให้ผมหายใจไม่ออกเล่นๆ
“หึหึ” ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนที่แกล้งผมอยู่ ผมดิ้นขัดขืนเอื้อมมือจะไปดึงแขนพี่พาร์ทให้ปล่อย
พอแตะโดนมือเท่านั้นแหล่ะ พี่พาร์ทก็กระชากแขนกลับทันที ตามมาด้วยเสียงร้องเหมือนคนตกใจ
“เห้ย!! อย่าแตะ” เหมือนอีกฝ่ายจะหนีไปซะแล้ว ผมดึงเสื้อที่ปกหน้าตัวเองออก เห็นพี่พาร์ทยืนหน้าหน้าขึ้นสี
อยู่ไกลๆ ผมมองตามด้วยความงงงวย ก็พี่พาร์ทเป็นคนมาแกล้ผมเองแท้ ผมหยิบเสื้อขึ้นสวม
“เป็นไรอ่ะพี่” เมื่อเห็นว่าพี่พาร์ทยังยืนอยู่ไกลเว่อร์ แถมไม่ยอมมองหน้าผมอีก
“เปล่า เอ่อ....”
“ครับ?”
“พี่เป็นโรคแบบว่า....เอ่อ....ถ้าใครแตะตัวตอนไม่รู้ตัวจะตกใจอ่ะ เมื่อกี้อ่ะพอดี เอ่อ...พี่ไม่รู้ตัวเลยตกใจ”
“อ่อ เหรอครับ ...ว่าแต่..ไอ้โรคแบบนี้มันมีด้วยเหรอพี่?” ผมนึกสงสัย ก็ตอนขามาจากสนามบิน
ผมก็แตะตัวพี่แกออกบ่อย โดยที่แกยังไม่ทันรู้ตัวนะ ไม่เห็นแกเป็นไรนี่นา
“แล้วตอนอยู่ที่สนามบิน....พี่” พูดยังไม่จบประโยคพี่พาร์ทแกก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เออน่า...อย่าถามมาก มันเป็นๆ หายๆ ไม่ค่อยแน่นอน ไปเก็บของได้แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่ง ”
“ครับพี่” ผมเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เก็บข้าวเก็บของเรียบร้อยแล้วออกมาจากห้อง
เห็นเจ้าของห้องนั่งเอามือลูบอกตัวเองเป็นว่าเล่น ผมเดินเข้าไปใกล้กำลังจะเอามือแตะตัวพี่พาร์ท
ก็ชะงักกึกนึกขึ้นได้ว่าเดี๋ยวพี่แกตกใจอีก ไอ้มือที่ลูบๆ อกอยู่นั่นคงเป็นเพราะตกใจยังไม่หาย กำลังจะอ้าปากเรียก
ก็ต้องชะงักไปอีก เพราะกลัวพี่แกจะตกใจ ผมเลยก้มหน้า ไปกระซิบเรียกแกเสียงเบาๆ ข้างๆ หู
“พี่พาร์ท”
“เห้ย!!” พี่พาร์ทสะดุ้งเฮือกหันขวับอย่างรวดเร็วมาที่ผม จมูกและปากเราแตะกันเบาๆ แค่เสี้ยววินาที
“เห้ยยยยยยยยยยยยยยย” พี่พาร์ทตะโกนเสียงดัง กระโดดถอยห่างไปอยู่ปลายอีกฟากของโซฟา
หน้าแดงแปร๊ดดดดดดดดด ก่อนจะเอามือแตะที่หน้าอกตัวเองทันที ผม...ที่ตอนแรกก็ตกใจกับอุบัติเหตุเมื่อครู่
แต่พอเห็นอาการพี่พาร์ทแล้ว ท่าจะเป็นเอามาก เลยลืมเรื่องตัวเองไปทันที
“ขอโทษๆ พี่ ผมกลัวพี่จะตกใจอีกอ่ะ เลยไม่กล้าเรียกเสียงดัง ว่าแต่เป็นไรรึเปล่าไปหาหมอมั้ยพี่” ผมเดินเข้าไปหา
“เห้ย หยุดๆๆ ก่อน เอ็งไม่ต้องเข้ามา พี่ไม่เป็นไร แค่.....แค่ตกใจนิดหน่อย อย่าเข้ามา ๆ เพื่อความปลอดภัยๆ นะ”
“ฮะ ๆ ผมจะไม่เข้าไป พี่ใจเย็นก่อนนะ” ทำไมผมรู้สึกเหมือนกำลังเกลี้ยกล่อมคนเมายาบ้าไม่ให้ทำร้ายตัวเองก็ไม่รู้นะ
“เออ ๆ ดีๆ ” พี่พาร์ทว่า ก่อนจะสูดหายใจเข้าออกอยู่นานทีเดียว ผมได้แต่นั่งมองด้วยความงง ระคนตกใจกับท่าทีที่ว่า
.
.
.
.
ผมเป็นโรคบ้าอะไรเนี่ย...รู้สึกใจเต้นแรงมากๆ ยิ่งตอนที่ริมฝีปากเราสัมผัสกัน โอ้ก็อดดดดดดดดดดดดดด
บอกได้คำเดียวนิ่มมากกกกกกกกกกก กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาจากตัวปัต ไม่ใช่กลิ่นแป้ง น้ำหอม หรือเป็นอะไร
ที่มนุษย์ปรุงแต่งขึ้น แต่กลิ่นที่ว่าเนี่ยน่าจะเป็นกลิ่นที่เรียกว่าฟิโลโมน ที่มันเป็นกลิ่นเฉพาะของแต่ละตัวบุคคล
ซึ่งปกติมันน่าจะได้กลิ่นเฉพาะเพศตรงข้ามสิ แล้วทำไมผมถึงได้กลิ่นนั่นจากตัวปัต แล้วก็พาลให้นึกถึงกลิ่น
ของรตีที่ผมไม่ค่อยได้กลิ่นแบบที่ว่านี้นัก อาจจะเนื่องมากจาก กลิ่นของเครื่องหอมที่รตีใส่ประทินผิวมันเยอะจน
กลบกลิ่นที่เป็นลักษณะประจำตัวให้หายไปก็เป็นได้
ผมมองหน้าปัต ใบหน้าปัตหวานจนแทบจะเรียกว่าสวย ผิวขาวเนียนละเอียดทั่วทั้งตัว เอวบางร่างกระจ่อยร่อย
แถมริมฝีปากยังแดงแจ๋ คงเป็นเพราะปัตได้ยีนส์ทางแม่มามากจนเกินไป ถึงไม่เคยเจอก็พอเดาได้ว่าแม่ปัตต้องสวย
เรียกได้ว่าสวยมากๆ ไม่อย่างนั้นคนตรงหน้าผมจะดูหวานจับใจได้ขนาดนี้เหรอ ผมว่าน้องมันไม่รู้ตัวว่าตัวเอง
กำลังแพร่ฟีโลโมนใส่ผู้ชายด้วยกัน เรียกปฏิกิริยาทางร่างกายผมให้ตอบสนองมันทันที ครับ....มันตื่นแล้ว ไอ้ลูกชายผม
ผมว่าถ้าน้องมันรู้มันคงไม่กล้านอนถอดเสื้อที่ห้องผม โอยยยยยย~ นี่ยังจะเดินเข้ามาหาอีก
บ้ารึเปล่าฟ่ะ เดี๋ยวจับกดซะนี่ บ้าเอ้ย.....ผมกำลังคิดเรื่องอะไรเนี่ย ไม่ได้ๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แค่ตอนนี้ผมถูก
ฟีโลโมนของน้องเข้าครอบงำ มันเป็นแค่สัญชาตญาณ ๆ ผมตะโกนบอกตัวเอง ผมไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันหรอก
หัวใจผมเต้นแรงรัว หรือบังเอิญที่เคมีเราตรงกัน ถึงได้เกิดเรื่องที่ว่ากับผมได้ ผมสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆ ก่อน
ที่จะผ่อนออกมายาวเหยียด เรียกสติกลับมาๆ หลังจากผ่อนลมหายใจเข้าออกอยู่นานผมก็เริ่มควบคุมสติ
ที่กระเจิดกระเจิงก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อย (คิดว่าได้แล้วนะ ถ้าน้องมันไม่มาสัมผัสผมอีก ==’)