ขอสารภาพเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่แต่งมาถึง 14 ตอนแล้ว พระเอก กับ นายเอกยังไม่ได้กัน ที่สำคัญ
ยังลังเลอยู่ด้วยซ้ำว่า รักกันรึเปล่า ทั้งที่เป็นเรื่องสั้นๆ แต่ก็ยาวมากแล้ว ฮ่าๆ
และิคิดว่ามันคงยาวเกินไปแล้วหล่ะ หึหึึหึ คิดว่าคงไม่นาน (ไม่รู้เหมือนกัน) แต่ไม่อยากให้เรื่องมันสะดุด
แล้วตัดจบ ก็คงจะจบในไม่ช้า คิคิคิ
ขอบคุณคอมเม้น + ความห่วงใยค่ะ ที่มีกำลังใจยืนได้เพราะบอร์ดนี้แหล่ะ อิอิ
ขอบคุณนะคะ
บทที่ 14 บางสิ่งที่หลงลืม
“สวัสดีครับ ขอโทษที่มาช้านะครับ” ผมโค้งหัวลงเล็กน้อยเป็นการขออภัย แล้วยิ้มกว้างให้กับผู้จัดการฝ่ายต่างๆ
ที่เข้ามารอคุยสรุปเรื่องงานที่พึ่งได้รับสดๆ ร้อนๆ จากลูกค้าเมื่อปลายอาทิตย์ที่แล้ว จนผมต้องแจ้นไปเชียงใหม่
แน่หล่ะ...ผมจะทุ่มเทสุดชีวิตให้กับงานนี้เลย เพราะงานนี้แท้ๆ เชียว ผมถึงได้ไอ้ตัวเล็กมาไว้ในครอบครอบ (เหรอว่ะ ==)
หลังจากประชุมกันอยู่สองสามชั่วโมง ได้พอร์ทเรื่องที่ทางผู้ว่าจ้างต้องการแล้วงานก็ถูกแจกจ่ายไปยังฝ่ายต่างๆ
ตามหน้าที่และความรับผิดชอบ ผมแอบเห็นหลายคนมองมาที่ผมอย่างนึกสงสัยที่เห็นผมอารมณ์ดี
อ่าน่ะ...ปกติผมก็เป็นคนอารมณ์ดี อัธยาศัยดี แต่ถ้าเป็นเรื่องงานมักจะจริงจังเสมอ มันเลยน้อยครั้งที่จะมีใครได้เห็นรอยยิ้มผมในที่ประชุมแบบนี้
“งั้นสรุปตามนี้นะครับ สำหรับฝ่ายที่ได้รับหมอบหมายหน้าที่ไปก็ขอให้ทำงานเต็มที่ด้วยนะครับ นี่เป็นโอกาส
เพราะลูกค้ารายนี้เป็นรายใหญ่ที่พึ่งก้าวมาเปิดตลาดในไทย ถ้าเราทำโปรเจคนี้สำเร็จแน่นอน โปรเจคต่อๆ ไป
ผมก็คาดว่าลูกค้าคงจะเล็งเห็นบริษัทเป็นรายชื่อต้นๆ ในการรับงานแน่นอน ทำให้เต็มที่นะครับ และช่วยรายงานความคืบหน้าเป็นระยะด้วยนะครับ งั้นก็ขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ครับ” พี่ภีมว่า (ผู้จัดการที่รับหน้าที่โปรเจคนี้) หลังจากนั้นทุกคนที่ประชุมอยู่ก็ทยอยออกจากห้องประชุม พี่ภีมเป็นลูกพี่ลูกน้องทางพ่อเองครับ ทำหน้าที่ช่วยจัดการทุกเรื่อง เพื่อจะมาสานต่อเป็นผู้ช่วยผมในอนาคต แต่ตอนนี้....มาเป็นพี่เลี้ยงให้ผมก่อน
“เดี๋ยวพาร์ท”
“ครับ?”
“เดี๋ยวตามไปพบพี่ที่ห้องน่ะ พี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ครับ” ผมตอบรับ เพราะตอนที่พี่ภีมบอกมีสายเข้ามาพอดี ผมเดินออกมานอกระเบียงห้องประชุม
พึ่งมานึกได้ว่าลืมโทรกลับหารตีตั้งแต่เมื่อวาน นี่สินะ....สิ่งที่ลืมจริงๆ
“ว่าไงครับรตี?” ผมกรอกเสียงไปตามสาย
“แหม! ลืมรตีไปแล้วใช่ไหมคะพาร์ท รตีไม่อยู่แป๊บเดียวลืมกันซะแล้ว น่าน้อยใจจัง” รตีว่าเสียงกระเง้ากระงอด งอนๆ ผม แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก
“หึหึ...ใครจะลืมแฟนคนสวยได้ลงคอหล่ะครับ อย่างอนนะคนดี ผมงานยุ่งๆน่ะ วันนี้มีประชุมตั้งแต่เช้าเลย
พึ่งเสร็จเมื่อกี้ เดี๋ยวต้องไปพบพี่ภีมต่อด้วยครับ มีโปรเจคใหญ่อ่ะ ขอโทษนะครับไม่ได้โทรกลับเลย ”
“อ้อ... คริคริ เชื่อแล้วค่าว่างานหนักจริงๆ หายงอนก็ได้ แต่ต้องหอมแก้มรตีก่อนนะคะ” ฟอด~
“คริ คริ พาร์ทนี่น่ารักตลอดเลยค่ะ” รตีว่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ว่าแต่รตีมีอะไรรึเปล่าครับ หืม? เห็นโทรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ผมถามเข้าประเด็นเพราะเกรงใจพี่ภีมที่รออยู่
“เอ่อ...คือรตีจะโทรมาบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักอาทิตย์น่ะค่ะ พอดีเพื่อนรตีจะอยู่ต่ออีกอาทิตย์เดียวค่ะแล้วก็จะกลับยุโรปเลยอีกนานกว่าจะกลับมาไทยอีกที รตีอยากอยู่ต่อพาร์ทไม่ว่าอะไรใช่มั้ยคะ?” หญิงสาวตอบกลับมาเสียงใส ผมเม้มปากแน่น ยุโรปหรือเกาหลีกันแน่? บังเอิญจังนะที่ไอ้แฟนเก่าของเธอก็มีกำหนดเดินทางอาทิตย์หน้าเช่นกัน เมื่อแกล้งไม่รู้ขนาดนี้แล้วจะมาดีแตกตอนนี้ก็ใช่ที่ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอหนัก ๆ เงียบไปนาน..... จนอีกฝ่ายเร่งเร้า
“พาร์ท ....พาร์ทคะ ว่าไงคะ? นะนะ รตีอยากอยู่กับเพื่อนนะ อีกแค่อาทิตย์เดียวเองค่ะคนเดียว อย่างอนรตีนะ”
“ครับ ตามใจรตีแล้วกันนะ ว่าแต่เดี๋ยวผมเสร็จงานแล้วผมตามขึ้นไปดีกว่าอยากทำความรู้จักเพื่อนรตีด้วย เผื่อต้องไปยุโรปจะได้แวะไปเยี่ยม” ผมแกล้งพูด รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่ารตีคงไม่ได้อยากให้ผมไปร่วมฉลองอำลา
อดีตคนรักเธอสักเท่าไหร่ แล้วทำไม.....ภาพวันนั้นถึงย้อนมาทำร้ายผมได้ขนาดนี้ เจ็บจนจุกเลยทีเดียวที่แกล้ง
ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ไม่ใช่....มันไม่ใช่ผมเลย แต่ผมรักรตีมากเกินกว่าจะยอมปล่อยเธอไปจากผม
“อุ๊ย...ไม่เอาหรอก เพื่อนรตีสวย เดี๋ยวพาร์ทหลงรักเพื่อนรตีขึ้นมา รตีก็แย่สิคะ ไม่ให้มาเด็ดขาดห้ามมานะ”
“หึหึ ครับ งั้น....ผมจะรอรตีกลับมานะครับ -ที่รัก-”
“ค่ะ รตีรักพาร์ทนะคะ จุ๊บๆ” แล้วปลายสายก็กดวาง ทิ้งให้ผมยืนผ่อนลมหายใจทิ้ง ด้วยอารมณ์ตอนนี้มันคุกรุ่น รุ่นแรงขึ้นมาอีกแล้ว ผมทุบราวเหล็กเบาๆ กวาดตามองไปทั่ว อากาศไม่ได้ดีอย่างที่คิด แล้วภาพใครอีกคนก็ซ้อนทับเข้ามาในความคิด “น้องปัต” ผมหลับตาแน่น ความเครียดกำลังทวีความรุนแรง ผมกำลังทำร้ายน้อง กำลังดึงน้องเข้ามาเกี่ยว.....ทั้งที่ผมรักรตี แล้วปัตหล่ะ? ผมกำลังจะทำให้น้องแปดเปื้อน ผมตอบตัวเองไม่ได้ ระหว่างผมกับปัต ผมรู้สึกยังไง รัก หรือ ชอบ หรือแค่ พอใจ ถ้าให้ผมเลือกตอนนี้ 100% ผมเลือกรตี เพราะผมรู้ว่าผมรักเค้า รักรตีมากเหลือเกิน ไม่อย่างนั้นภาพที่เชียงใหม่มันคงไม่ได้จบลงแค่การแอบมองห่างๆ
ของผมเป็นแน่ รับรองว่าไอ้ผู้ชายที่เข้ามายุ่งกับรตี ไม่มีทางไปยืนทำหน้าหล่ออยู่ข้างๆ แฟนผม แต่เพราะผมยังอยากยื้อ ให้รตีเป็นคนของผม อยู่กับผม และใช้ชีวิตไปคู่กับผม เพราะฉะนั้นเรื่องปัต ....มันเป็นไปไม่ได้เลย
ผมยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองแรงๆ เรียกสติที่ให้กลับมา บ้าจริง....ทำไมผมรู้สึกแย่ขนาดนี้น่ะ สุดท้ายก็ปล่อยเรื่องที่วุ่นวายไว้แค่นี้ เพราะผมเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องงานของตัวเองด้วย
“ก็อกๆ ก็อกๆ ” ผมยืนอยู่หน้าห้องพี่ภีม เคาะประตูได้สักพักเสียงด้านในก็ตอบกลับมา
“เชิญ”
“พี่ภีมมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ?”
“อืม...นั่งก่อนสิพาร์ท พอดีอยากได้คนที่มีไอเดียใหม่ๆ อ่ะนะ แล้วพี่ก็นึกขึ้นได้ว่าพาร์ทไปเจอน้องคนนึงที่วาดแบบได้เก่งมากๆ อ่ะ พี่อยากให้เค้ามาลองร่างแบบงานนี้เพื่อจะไปพรีเซ็นต์ลูกค้า พาร์ทพอจะติดต่อเค้าได้มั้ย”
“ก็ได้อ่ะพี่ แต่น้องมันยังไม่เคยจับงานพวกนี้มาก่อนนะ ....ผมไม่แน่ใจว่าน้องมันจะทำได้ดีแค่ไหน” ผมบอกออกตัวแทนน้องก่อน เพราะงานที่ผมชอบไม่จำเป็นที่คนอื่นจะต้องชอบตามไปด้วย แต่ผมคิดว่าถ้าผมชอบ มากกว่า 90% ก็มักจะเห็นไม่ต่างกัน
“ไม่เป็นไรลองดูก่อนก็ได้ พี่เบื่อความซ้ำซากจำเจ บางทีไอ้พวกครีเอทีพเก่าๆ มันก็ติดภาพเดิมๆ เกินไป พี่บอกตรงๆ มันก็สวยดีน่ะแหล่ะ แต่ว่ามันเบื่อว่ะ มองไปมุมไหนมันก็เนี๊ยบ แต่เนี๊ยบแบบเดิมๆ มันมีอะไรที่ซ้ำซากจำเจอยู่ นี่มันเป็นการเปิดตัวโรงแรมใหม่ของทาง เจกรุ๊ป พี่ต้องการไอเดียที่หลากหลายมาผสมผสาน แต่ไม่คิดว่าจะใช้ของใครคนใดคนหนึ่งหรอก ว่าแต่....พามาหาพี่ได้เมื่อไหร่หล่ะ?”
“แล้วพี่อยากเจอเมื่อไหร่หล่ะฮะ”
“อืม...เร็วที่สุดน่ะแหล่ะ” พี่ภีมว่า พรางทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ผู้บริหาร หลับตานิ่งใช้ปากกายี่ห้อหรูเคาะเบาๆ ที่แว่นตา ราวกับกำลังใช้ความคิด หรือวางแผนการทำงานอะไรสักอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้ เดี๋ยวผมพาตัวมาครับ แล้วเจอกันตอนบ่ายนะครับ” ผมตัดบทลุกขึ้นเตรียมจะออกไป
“หือ? เร็วขนาดนั้น” พี่ภีมลืมตาขึ้นมายกคิ้วถาม ผมยกยิ้มที่มุมปาก
“แล้วผมเป็นใครหล่ะครับพี่ น้องพี่ภีมเชียวนะ” ผมว่าแซว ๆ พี่ภีมส่ายหน้าขำๆ
“เออ...รู้แล้วว่าเก่งครับไอ้คุณน้อง ไปเลยรีบๆ ไปเอาตัวมา เดี๋ยวพี่จะเตรียมพอร์ทงานไว้คุยรายละเอียด”
“รับทราบครับบอส” ผมโค้งคำนับราวกับเป็นพ่อบ้าน ซึ่งพี่ภีมขำได้อีกเพราะคนที่อยู่ตำแหน่งนี้คงต้องสลับกัน
“ไอ้เสี่ยว...เลิกแซวพี่ได้แล้ว กรุณาช่วยเหลือผมด้วยนะครับคุณชาย” พี่ภีมว่าพร้อมลุกมาทำท่าพ่อบ้านอีกคน เล่นเอาผมฮาแตก ปกติไม่เห็นยอมเล่นด้วยสักที ผมเลยสวมบทคุณชายต่อ
“อืม ผมจะพยายามแล้วกัน” ผมว่า พร้อมเดินออกมาในมาดคุณชาย ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่ภีม ดังมาเป็นระยะ ผมก็แค่ไม่อยากให้พี่ภีมเครียด ผมรู้ว่าพี่ภีมเหนื่อย เราสองคนแม้จะอยู่คนละครอบครัวก็จริงแต่สนิทกันราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันมา ความจริงใจ.....ที่ผมอาจไม่ได้หาได้ง่ายๆ จากใคร แต่ถ้าเป็นผู้ชายคนนี้ ผมเชื่อได้ 100% กำลังจะเปิดประตูออกไปแล้วแท้ๆ แต่ก็มีเสียงเรียกจนผมต้องหันกลับไป
“พาร์ท” ใบหน้าพี่ภีมดูอึดอัด และเป็นกังวลไม่น้อย พยายามจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ มาถอนหายใจยาวๆ แทน จ้องมองมาที่ผม.....สายตาแห่งความห่วงใยนั่น ผมรับรู้มันได้ดี
“มีเรื่องอะไร ก็บอกพี่ได้นะ อย่าลืมว่าเราเป็นพี่น้องกัน ...อย่าลืมว่ามีพี่อยู่ตรงนี้ ไม่ว่าอะไร..” เสียงพี่ภีมเงียบไป ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ราวมาก้อนแข็งๆ มาจุกที่ลูกกระเดือก
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...เรายังมีครอบครัวที่คอยเราอยู่น่ะพาร์ท เข้าใจรึเปล่า?” พี่ภีมรู้..........เรื่องรตีแล้วสินะ
“ครับ ผมจะเข้มแข็งครับพี่ และแน่นอนไม่มีทางที่ผมจะลืมว่ามีพี่ยืนอยู่ข้างหลังผมเสมอ” ผมหันไปยิ้ม เพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไร ผมรู้ว่ามีใครสักคนติดตามผมอยุ่ตลอดเวลา ...แน่นอนพี่ภีมสั่ง เพราะผมไม่อยู่ในฐานะ
ที่จะมีใครมาจริงๆ ใจง่าย ๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่เพื่อเงิน ก็คงเพื่อความโด่งดัง หรือหวังที่จะปีนไปสู่ความสำเร็จ
จนถึงตอนนี้ผมถึงไม่ยอมเปิดตัวเป็นลูกชายของพ่อ มีแต่พี่ภีมที่ออกหน้า ... รับหน้าแทนตลอด จนกว่า....ที่ผมจะโตจนสามารถไปนั่งแท่นผู้บริหารได้อย่างเต็มตัว ผมพยักหน้าน้อยๆ แล้วเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง
.
“ฮัลโหล ปัตเหรอ แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องเล็กรึยังหึ?” ผมกรอกเสียงไปตามสาย
“อ่า...ฮะ ๆ มาทำเรียบร้อยแล้วฮะ พี่พาร์ทจะมารับผมกี่โมงฮะ”
“พี่กำลังจะไป ..ปัตเตรียมตัวไว้เลยนะ”
“แล้วพี่พาร์ททานข้าวมารึยังครับ?”
“ยังเลย แล้วเราหล่ะ?”
“ยังเลยฮะรอพี่พาร์ทก่อน ปัตทำกับข้าวไว้แล้ว หุงเข้าเสร็จแล้วด้วย คิดว่าพี่พาร์ทคงมาทานด้วยกัน”
“หึหึ น้องชายพี่น่ารักตลอดเลยนะ โอเคครับเดี๋ยวพี่กลับนะไป จะได้ทานข้าวพร้อมกันนะ” ผมอมยิ้ม
“ฮ..ฮะ” พอน้องวางสาย ผมก็ถอนหายใจยกใหญ่ ไม่ได้ๆ ผมจะไม่ทำให้น้องหวั่นไหว รวมถึงตัวเองด้วย
มันจะต้องหยุด ความสัมพันธ์ แค่คำว่า “พี่น้อง” เส้นที่ผมไม่อาจก้าวข้ามไปได้อีกแล้ว แม้จะมีหลายต่อหลายครั้ง ที่ใจมันห้ามไม่อยู่ แต่น้อง......ไม่ควรมาเจ็บเพราะผมใช่ไหม จะทำได้ดีแค่ไหนกัน
แต่ผม......จะทำให้ดีที่สุด