มาต่อ แล้วค่ะ
บทที่ 8 คืนแรก
สายน้ำเย็นฉ่ำ ที่ไหลมากระทบตัวชะล้าง คราบเหงื่อไคลที่หมักหมมมาทั้งวัน แถมยังช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานให้สดชื่นขึ้น
ผมขัดสีฉวีวรรณร่างกายจนเกิดฟองฟู่กระจายเกลื่อนเต็มห้อง ช่วงเวลานี้ช่างมีความสุขจริง .... ชอบ จริงๆ เวลาที่อาบน้ำ
เพราะมันทำให้ผมผ่อนคลาย สบาย กลิ่นหอมของแชมพู ครีมอาบน้ำ เป็นเหมือนกลิ่นบำบัดสำหรับผม ดังนั้น ผมจึงใช้
เวลาในการอาบน้ำนานกว่าผู้ชายปกติ อาบน้ำเสร็จ คว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดลวกๆ ก่อนจะพันเอวไว้เดินออกมาแต่งตัวในห้องนอน
เห็นแขกที่ผมบังคับเชิญมาหลับปุ๋ยอยู่ปลายเตียง ดูก็รู้ว่าคงไม่กล้านอนเลยมานั่งรอ หึหึ......เห็นแล้วก็ขำ ก็ผมอาบน้ำนานเกินไป
แขกที่ไหนก็รอไม่ไหว เลยหลับอุตุอยู่ปลายเตียงอย่างที่เห็น ผมรีบแต่งตัวตั้งใจจะปลุกน้องให้ไปนอนดีๆ แต่ลองมาเห็นหน้าที่หลับสนิท
อย่างมีความสุขของน้องเค้าสิ ใครกล้าปลุกแล้วไม่รู้สึกผิดผมให้เตะ สุดท้ายก็สอดมือเข้ากับเอวของคนที่นอนงอตัวเป็นกุ้งอยู่ปลายเตียง
ลากให้มานานในทิศในทางที่คนปกติเค้านอนกัน น้องตัวเบาเก่าที่คิด แถมยังตัวบางกว่าที่คิดมาก ออกแรงลากเบาๆ นี่ แทบจะปลิวติดมือมา
จริงๆ ก็ไม่รู้ว่าน้องตัวเบา หรือผมมันติดจะมือหนักกันแน่ จริงๆ แล้วก็แยกไม่ค่อยออก ส่วนคนที่ถูกลากเมื่อกี้เห็นขยับตัวยุ๊กยิ๊กนิดหน่อยก็หลับไปเช่นเดิม
ไม่ได้รู้สึกรู้สากับการถูกลากแต่ประการใด ผมเดินไปปิดไฟหัวห้องเหลือแต่เพียงไฟหัวเตียง พอสอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มได้ก็เอื้อมมือ
ไปปิดไฟทั้งสองดวงบนหัวเตียง ทั้งที่ง่วงแทบแย่กลับนอนไม่หลับเหลือบมองคนข้างๆ แล้วอิจฉาคนที่หลับง่ายเหลือเกิน
น่าแปลกที่ผมรู้สึกถูกชะตาไอ้ตัวเล็กนี่....ที่จริงก็ไม่เล็กแต่ถ้าเตี้ยกว่าผม ผมจะถือว่าเป็นตัวเล็กก็แล้วกัน ยิ่งได้พูด ยิ่งได้คุย
ยิ่งรู้สึกทึ่ง 3 ชั่วโมงที่คุยกันเป็นเรื่องครอบผมกับไอ้เด็กโข่งนี่ทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้ชายคนหนึ่งจะดูแลรับผิดชอบอะไร
ได้มากขนาดนั้น ผมได้แต่อมยิ้มลองนึกภาพไอ้เด็กนี่ใส่ผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวก็ดูเข้ากันไม่หยอก ผิวขาวๆ ตัวบางๆ แถมปากยังแดงจัด
ยืนถือตะหลิวทำตัววุ่นวายอยู่หน้ากะทะ แต่ที่นึกไม่ออกคือมันใช้วิธีอะไรเลี้ยงน้องอีกสองคนกัน แถมยังเป็นผู้หญิงทั้งคู่อีก
ที่มันบอกว่าติดมันทั้งคู่น่ะ โม้รึเปล่านะ? บางทีก็มีไปเห็นผู้ปกครองของสองสาวในงานวันสำคัญต่างๆ พาไปลงทะเบียนเรียน
พาไปมอบตัว พาไปเรียนพิเศษ ต้องสอนการบ้านให้ พาน้องเข้านอน พาน้องหาหมอ แถมยังรับส่งน้องไปโรงเรียน
เด็กตัวแค่เนี๊ยะจะทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นเลยเหรอ? แม้ผมจะแอบตั้งคำถามในใจ แต่เรื่องที่น้องมันเล่า
แต่จากสีหน้า....แววตาที่ทั้งภาคภูมิใจ และมีความสุขอย่างล้นเอ่อที่ฟ้องจากแววตากลมใสคู่นั้น มันเลยทำให้ผม
ปราศจากข้อกังขาทั้งปวง ดวงตานั่น.....ทั้งซื่อสัตย์ และอ่อนโยน จนผมแอบอิจฉาน้องๆ ของปัตไม่ได้ พอคิดได้อย่างนั้น
แล้วก็พลอยนึกขำตัวเองที่คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ แล้วก็เหลือบมองคนข้างๆ ที่ยังหลับสนิท เผลอเกลี่ยมือที่ผมเบาๆ อย่างเอ็นดู
ถ้ามีน้องชายแบบนี้สักคนก็คงจะดีนะ อย่างน้อย.....ก็คงไม่เหงาอย่างนี้ คงไม่ต้องอยู่บ้านคนเดียวตั้งแต่เล็กยันโต เวลาที่พ่อกับแม่ไปทำงาน
ทั้งที่ผมก็เข้าใจดีว่าทุกอย่างท่านทำเพื่อผม แต่บางครั้ง....ท่านจะรู้มั้ยเงินมันสำคัญก็จริง แต่.....มันไม่เคยอบอุ่นเหมือนอ้อมกอดพ่อกับแม่
ผมลูบผมไอ้ตัวเล็กอยู่นาน จนน้องขยับตัวไปมากลิ้งมาอยู่ในอ้อมกอดผมแบบงง ๆ แถมยังกอดผมแน่น เขี่ยหน้าลงบนอกเบาๆ
ก่อนจะพึมพรำไม่ค่อยจะเป็นภาษาเท่าใดนัก ได้ยินก็แต่คำว่า “แม่” ที่ดูจะชัดกว่าทุกคำในประโยค เพราะผมลูบหัวเหรอ?
ผมยิ้มขำ เด็กหนอเด็ก? ยังคงลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายใบหน้าสวยยิ้มนิด ๆ ดูน่ารักไปอีกแบบ ครับผมไม่ได้พูดอะไรผิด ใบหน้าสวยก็คือสวย
หลังจากคิดเรื่องแขกตัวน้อยผู้ที่ผมบังคับเชิญมาอยู่นาน สุดท้ายก็กลับมายังเรื่องเดิม..... เรื่องที่ทำให้ผมนอนไม่หลับมาหลายคืน
รวมถึงคืนนี้ แค่นึกถึงสมองก็ตีรวน ภาพเมื่อสองวันที่แล้วยังเด่นหราในความคิดผม ภาพความจริงยังตอกย้ำจนเจ็บปวด
ภาพคนรักของผมกับคนรักเก่าของเธอ แน่นอนที่เชียงใหม่ กำลังเดินจูงมือกันไปที่ร้านอาหารหรูแถวถนนนิมมานเหมินทร์ ก่อนจะกลับไปยังโรงแรม ในระแวกเดิม
หัวใจกระตุกแรงๆ เจ็บแปลบอย่างไม่น่าเชื่อ ความโกรธแล่นริ้วทั่วตัวอยากจะเดินเข้าไปกระชากคนทั้งคู่ให้ห่างจากกัน
แต่ผม......กลับทำได้แค่เพียงยืนกำมือแน่นมองอยู่ห่างๆ ทำไมผมถึงมาเจอน่ะเหรอ? อยากบอกว่าแน่นอน...มันไม่ใช่ความบับเอิญหรอก
แต่ผมแอบตามคนรักผมมา เมื่อสามวันที่แล้วเธอบอกผมว่าจะไปพบเพื่อนเก่าที่เชียงใหม่ และนัดสังสรรค์กันเฉพาะหมู่เพื่อนฝูง
“พาร์ทค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ระตีจะไปเชียงใหม่นะคะ” ระตีเอ่ยขณะกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ใบหน้างามได้รูปแค่แต่เติมนิดๆ
ระตีก็สวยจนใครๆ ก็ต้องมองเหลียวหลัง ดีกรีนางแบบแถวหน้าเป็นประกัน แต่ให้ล้างเครื่องสำอางจนหมดหน้า เหลือแต่หน้าเปลือย
ผมก็ว่าระตียังหน้ามองกว่าสาวๆ ทั้งหลายที่แต่งองค์ลงเมคอัพซะอีก ผิวขาว ๆ แก้มที่แดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี รูปร่างที่ได้สัดส่วน
ทั้งส่วนเว้าและส่วนโค้ง เสน่ห์ที่หาตัวจับอยาก
ผมเดินเข้าไปโอบด้านหลัง กดจมูกสูดดมความหอมหวานจากแก้มนวล ก่อนจะไล้มาที่ซอกคอขาวนวลเนียนนั่น ระตีอมยิ้ม แต่แขนผมเบาๆ
“ไปทำไมครับ? ให้พาร์ทไปด้วยได้รึเปล่า ผมไม่อยากห่างจากระตีเลย.....คิดถึง ฟอดดดดดดดด” ผมกระซิบอย่างเอาใจ
ผมหลงเธอเหลือเกิน ไม่ว่าจะกิริยาท่าทาง ระตีช่างวางตัวได้อย่างเหมาะสมงดงาม แม้แต่เรื่องบนเตียงระตียังไร้ที่ติ
ระตีหันหน้ามามองผมยิ้มๆ ในความช่างออดอ้อนเอาใจของผม ก่อนจะหอมแก้มผมตอบเบาๆ
“ไม่ได้ค่ะ ไม่ไว้ใจระตีเหรอคะ ระตีรักคุณคนเดียวนะ ถ้าพาร์ทไปด้วยระตีก็อายเพื่อนๆ แย่สิคะ เดี๋ยวเค้าก็หาว่ามีคนมาคุม”
“ไม่ได้คุมซะหน่อย ผมก็แค่....ไม่อยากห่างระตีต่างหาก” ผมดึงระตีขึ้นมากอด ระตีจับแก้มผมสองข้างไล้นิ้วบนแก้มเบาๆ
“ก็เหมือนกันนั่นแหล่ะค่ะ น๊ะ น๊ะ พาร์ทไม่เชื่อระตีเหรอคะ สัญญาเลยจะไม่มองคนอื่นเด็ดขาด นะคะ น๊ะ น๊ะ” ระตีออดอ้อน
เบียดร่างระหงส์เสียดสีกับร่างกายผม ไฟในตัวค่อยๆ คุกรุ่น มือเรียวไล้เบาๆ บนแผงอกผม ก่อนจะทำปูไต่ ที่ไต่จนมาถึงริมฝีปากผม
นิ้วเรียวเขี่ยเล่นอย่างเบามือ
“ให้ระตีไปนะคะ ไม่กี่วันก็กลับแล้ว นะ นะ นะ นะคะคนดี” ระตีว่า แล้วแตะจูบ รอบๆ ริมฝีปากผมอย่างเย้ายวน แต่กลับไม่ยอมแตะมันที่ปากผม
ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างเผลอไผล มองริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีสดมันวาว เผยอเล็กๆ เอื้อมมือนวดเฟ้นสะโพกผายของอีกฝ่าย
“นะคะพาร์ท” ได้ยินแค่นั้น ผมก็เผลอฉกริมฝีปากบนปากสวยได้รูป และก็ทำอะไร ๆ เพื่อดับความรุ่มร้อนที่คุกรุ่นจนเกือบทำผมหมอดไหม้
และสุดท้ายก็ตัดสินใจไปที่เชียงใหม่ กลุ่มเพื่อนที่ว่าน่าจะมีแค่คนเดียว คือ “นายอาทิตย์” อดีตคนรักเก่าของระตี ที่สองวันมานี่
ดูทั้งคู่จะมีความสุขจนน่าใจหาย ราวกับเป็นคู่รักกัน ลืม~ผมไปแล้วรึไง สุดท้ายก็ต้องกลับมากรุงเทพฯ เพราะทำใจไม่ได้
ไม่อยากคิดให้ร้ายแฟนตัวเอง แต่นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ เพราะได้ข่าวว่านายอาทิตย์กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ
เพื่อเปิดตลาดนักร้องต่างประเทศ ....คนเราทำผิดได้ .......ผมให้อภัยได้ และยอมได้.......แค่ครั้งเดียว
หลังจบการทบทวนเรื่องราวต่างๆ มากมาย ผมตัดสินใจจะแกล้งทำเป็นไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ผมจะให้อภัยระตี ผมรักเธอ
และอยากใช้ชีวิตกับระตี อยากให้เราเดินไปด้วยกัน อยากเห็นระตีสวมผ้ากันเปื้อนทำกับข้าวให้ลูกๆ ผม
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อตัดสินใจตามนั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกเหงาได้ขนาดนี้นะ ความมืด กับ ความเหงา
ทำให้ผมเศร้าขนาดนี้เลยเหรอ รู้สึกเหมือนตัวผม......ไม่มีใครมารัก อยากได้ใครสักคน ที่ทำให้ผมอบอุ่นบ้าง
ผมทิ้งตัวนอนในที่สุด กระชับแขนที่ไอ้ตัวเล็กทับอยู่ให้แน่นขึ้นอีก เพื่อให้ผมได้สัมผัสอบอุ่นจากน้องบ้าง ก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“.ขอกอดหน่อยนะ .............” ผมว่า กดจมูกลงแก้มเนียนนวลนั่น แล้วก็ตกใจที่เผลอหอม อาจจะแค่เพราะเอ็นดูเหมือนน้องผมคิดอย่างนั้น
“ถ้าไม่พอใจ......ผลักพี่ได้เลยนะ” ผมกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม แอบหัวเราะในความเจ้าเล่ห์ของตัว
ก่อนจะหันไปดึงไอ้ตัวเล็กมากอดไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง .............. จนสุดท้ายผมก็หลับไป