ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ขออภัยที่ให้รอนาน ขอบคุณสำหรับการแก้คำผิดค่ะเป็นประโยชน์มั๊กๆๆๆ
คราวนี้รวบสองตอนมาในตอนเดี๋ยวเลย ค่ะ อิอิ
อ่านให้สนุกนะคะ
บทที่ 19 II , บทที่ 20
ผมตื่นมากลางดึก ผมเริ่มหายใจไม่ออกกับการกอดแน่นๆ ของใครบางคน ที่ซุกตัวเข้าหาผมราวกับเด็กที่กำลังร้องหาความอบอุ่น
พอผมขยับตัวห่าง อีกฝ่ายก็ควานมือหา ราวกับของสำคัญได้หายไปกระนั้น จนสัมผัสโดนตัวผมถึงได้หยุด ผมลูบผมพี่พาร์ทเบาๆ
“พาร์....ท ..ผิดอะไร.....ทำไม ?.... ไป อย่......า .......ทิ้..... ไป” ใครบางคนกำลังดิ้นทุรนทุราย ภาพในฝันคงทำร้ายพี่มากใช่ไหม
อยากบอกให้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้.. ผมอยู่ตรงนี้แล้ว...อย่ากลัว รีบดึงแขนอีกฝ่ายมาโอบรอบตัวผมตามเดิม อาการดิ้นรน ค่อยๆ จางหาย
ผมจ้องมองใบหน้าคมที่หลับตาพริ้มแต่คิ้วกับขมวดมุ่น หยดน้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ผมไล้มือเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้ม
ผ่านจมูกคมหยดลงมาที่เตียง แขนแข็งแรงค่อยๆ กระชับกอดให้แน่นขึ้น ลมหายใจสม่ำเสมอ พร้อมกับคราบน้ำตาหยดใหม่
ทีละน้อยๆ จนหลอมรวมเป็นหนึ่งหยด แล้วไหลออกมาตามแก้มดังเดิม .......
ผมมองเห็นหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลไปเรื่อย ๆ เศร้า.....ขนาดนี้เลยเหรอ อดไม่ได้ที่จะปลอบใจ ยื่นหน้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆ
เสียงหัวใจเริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะ ..จนต้องรีบยกมือขึ้นมาจับอกกลัวมันจะกระดอนออกมานอกอกซะก่อน จ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง
ที่ยังหลับตานิ่งสนิท ไม่ไหวติง เลยเลือกจะจุมพิศบางเบาที่หน้าผาก กลิ่นเหงื่อจางๆ ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ ก่อนจะประทับรอยจูบอีกทีที่เปลือกตา
และไล่ลงมายังสันจมูกโด่งได้รูป กลิ่นหอมลอยอบอวน.....ล่อลวงให้ต้องกดจมูกลงบนแก้มนิ่มๆ ของอีกฝ่าย แล้วผละออก
แต่ราวกับต้องมนต์สะกด.... สายตาถึงได้หยุดนิ่งกับริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายอยู่เนิ่นนาน ไม่อาจจะละสายตาได้
อยากสัมผัสจนแทบทนไม่ไหว เผลอยื่นหน้ากระชั้นเข้าไปอีก ในหัวมันคิดแค่ว่าใกล้อีกสักนิดคงดีสินะ
แต่สุดท้ายก็ชะงักกึก......ทำได้แค่จ้องมองใบหน้าหล่อคมเข้มอยู่อย่างนั้น ด้วยหัวใจที่สั่นระทึก อา~ ทำไมทรมานอย่างนี้ก็ไม่รู้
ริมฝีปากที่ดูอบอุ่นนั่น กับเค้าโครงใบหน้าที่น่าหลงไหล....จนต้องเบือนหน้าหนีไปข้าง ๆ ก่อนจะหันกลับมามองอีกที
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน~ ถึงคิดได้ว่าไม่ควร ที่ทำๆอยู่นี่ก็มากเกินไปแล้ว ถ้าพี่พาร์ทรู้คงจะโกรธจนไม่อยากมองหน้าผมอีกแน่ๆ
แค่คิดว่าคนตรงหน้าจะทำท่ารังเกียจขนาดไหนนะ? ถ้ารู้เรื่องนี้ มันก็เจ็บจนเกินจะทนไหว ใจมันก็ฝ่ออย่างช่วยไม่ได้
ได้แต่เม้มปากแน่น ๆ ขอบตาร้อนผ่าว เหมือนๆมีก้อนอะไรมาจุกแน่นที่ลำคอ เป็นคนที่ไม่ต้องการนี่....เจ็บจริงๆ นะ
ใจมันสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ ตั้งใจจะผละหน้าหนี แต่อีกฝ่ายกลับพลิกตัวโดยบังเอิญ
“อ๊ะ” ผมอุทานเสียงเบา แทบกลั้นหายใจ เพราะตกใจที่ใบหน้าอีกฝ่ายมันใกล้ .... ใกล้ชนิดที่เรียกว่าแค่ฝ่ามือกั้น จมูกโด่งรั้นของพี่พาร์ท
กำลังเสียดสีเบาๆ อยู่กับจมูกผม เผลอเกินน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่กล้าขยับ.... หัวใจเต้นรัวถี่ ๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด
กลัวพี่พาร์ทจะลืมตาตื่นขึ้นมาตอนนี้ รู้ดีว่าตัวเองคงหน้าขึ้นสีไปแล้ว พอจะขยับตัวให้ห่างแขนอีกข้างก็กลายเป็นหมอนให้พี่ชายตัวดีซะแล้ว
แล้วผมจะทำไงดีหล่ะเนี่ย หนีก็ไม่ได้.... หันกลับมามองพี่ชายตัวดีที่บังเอิญพลิกตัวได้เหมาะเจาะเหลือเกิน ยังนอนนิ่ง หายใจสม่ำเสมอดังเดิม
ไอ้หัวใจไม่รักดี ......เลยลืมความตั้งใจที่จะผละออกไปในครั้งแรกไปเสียสนิท ...โอกาส....ไม่ใช่จะเกิดได้บ่อยๆ
เอาว่ะ......แค่แตะนิดๆหน่อยๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้งนะ พอคิดได้แบบนั้น...... ก็ยื่นหน้าเข้าใกล้ไปอีก
....... ใกล้.....เข้าไปอีก ได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นรัว .....ดังไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้นแทบบ้า
“ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก”........... อ่า~ เขินสุดๆ ไปเลยทำไงดีเนี่ย ไม่เป็นไรๆ พี่เค้าไม่รู้ตัวหรอก ตะโกนบอกตัวเองดังๆ
ค่อยทาบริมฝีปากบนปากได้รูปของอีกฝ่าย จูบ.......เป็นแบบนี้เองเหรอ? สัมผัสที่บางเบาราวกับกำลังล่องลอย
แต่กลับ......บีบคั้นหัวใจให้ทำงานอย่างหนักหน่วง เต้นแรงซะจน...แทบทนไม่ไหว เหมือนๆจะหมดลมหายใจ
จนต้องจิกมือบนไหล่กว้าง ร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว แต่หาก.......กลับรู้สึกสุขล้นบนความทรมานเหล่านั้น ผละออก.....
แล้วกดจูบลงไปใหม่ ไล้ลินเลียกลีบปากหนาได้รูป รู้สึกถึงความหวานฉ่ำ......จนแทบห้ามตัวไม่ไหว หัวใจเต้นแรงขึ้น
อีก
ร่างกายค่อยๆ บดเบียดเข้าหากัน ผมกอดพี่พาร์ทแน่นๆ ทำไมก็ไม่รู้ ..หากแต่...ความรู้สึกมันบอกว่าต้องการเพิ่มอีกสักนิด ได้อีกสักนิดก็คงดี
.....
ไม่รู้ว่าเนินนานเท่าไหร่ .......... สุดท้ายก็ตัดใจ ถอนริมฝีปากได้สำเร็จ นอนหอบหายใจ.....ความรู้สึกแปลกๆ กำลังเบ่งบานในหัวใจ
หวังว่า....มันคงจะไม่เป็นอย่างที่ผมคิดนะ หวังว่า....อาจจะเป็นแค่หลงไหลในกลิ่น อย่าให้ถึงขั้นหลงรักคนตรงหน้าเลย
เพราะเปอร์เซ็นต์ความสมหวังมันคงจะเป็น “ศูนย์” ถ้าไม่อยาก “เจ็บ”......ก็ควรเลือกที่จะ “จบ” ตอนที่มันยังไม่เกิดจะดีกว่า
ผมหันไปมองพี่พาร์ทที่ยังสงบนิ่งเช่นเดิม เอามือที่ว่างค่อยๆ ยกหัวพี่พาร์ทให้ลอยขึ้นเพื่อจะดึงแขนอีกข้างที่พี่แกนอนทับออก
จนเหมือนกับผมกับอุ้มหัวพี่แกเข้ามาซบอกตัวเอง .. กำลังจะดึงมือออก พี่ชายตัวป่วนก็ดันกระชับกอดผมแน่น ๆ
เลยเสียหลักทับพี่แกไปทั้งตัวนั่นแหล่ะ ดิ้นอยู่สักพัก ...เล็งเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์ เลยปรับท่านอนให้เป็นนอนตะแคง
เผื่อที่ว่าพี่แกจะได้หายใจออก...แล้วก็หลับไปทั้งอย่างนั้น จะว่าไปก็อบอุ่นดีนะ.....ขอแค่คืนนี้ก็แล้วกันนะครับ.พี่พาร์ท
.
.
ตื่นขึ้นมาตอนเช้า...... ผมกระพริบตาอยู่สองสามครั้งเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสง ขยี้ตาเบาๆ ปลุกตัวเองให้ตื่น
เหลือบมองนาฬิกาบนผนังบอกเวลา 5.45 น. ผมกำลังจะดันตัวลุกขึ้นนั่ง ก็รู้สึกถึงแรงดึงที่เอวจนตัวเองไถล
ไปตามแรง แล้วกระแทกเข้ากับอกของเจ้าของแขน พร้อมกับเสียงกระซิบข้างหู....ที่ทำเอาขนลุกเกรียว
“ตื่นแล้วเหรอครับ? คนดี” ผมนิ่งแข็งไม่ได้หันไปตอบ กลัวว่าตอนนี้พี่พาร์ทจะคิดว่าผมคือพี่รตีรึเปล่า?
อีกฝ่ายเมื่อไม่ได้คำตอบ.. ก็จับตัวผมพลิกเข้าไปหา.... ผมดิ้นขลุกขลิกพยายามจะหนี แต่พี่พาร์ทที่ยังหลับตานิ่ง
กดจูบหนักๆ มาที่หน้าฝากผม ทำเอา.....เขินอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนผ่าว ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืน
โอย~ ผมว่าหน้ามันคงแดงยันหูไปแล้วแน่ๆ เลย อยากกระซิบบอกพี่พาร์ทว่าเนี่ยปัตครับ ไม่ใช่พี่รตี
ผมค่อยๆ ดันตัวเองให้ออกห่าง แล้วพี่พาร์ทก็ลืมตาขึ้นมาในที่สุดสายตาจับจ้องมาที่ผม......สายตาเซ็งจัด
ว่าแล้ว....คงคิดว่าที่กอดเมื่อกี้เป็นพี่รตีสินะ ผมหลบสายตามองต่ำ....รู้สึกเจ็บแปลบๆขึ้นมาในอก พร้อมกับรู้สึกผิด
“ขี้หวง ขอกอดหน่อยก็ไม่ได้” พี่พาร์ทว่างอนๆ แต่เอ๊ะ!...อะไรนะ เมื่อกี้...กับผม พี่พูดกับผมเหรอ?
เผลอตวัดสายตาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ งุนงงว่านี่มันเรื่องจริง หรือผมหูฝาดกันนะ .. ใครก็ได้ช่วยบอกที?
“พูดกับผมเหรอฮะ? ผมปัตนะฮะ” หันไปถามในที่สุด เผื่อพี่แกเบลอมองเห็นผมเป็นพี่รตี พี่พาร์ทอมยิ้มพยักหน้าช้าๆ
“รู้แล้วว่าชื่อปัต ก็อยู่ด้วยกันสองคนจะให้พี่พูดกับใครหล่ะ?” ผมขมวดคิ้วนิดๆ งุนงงกับอาการพี่พาร์ท
หรือจะไม่สบายกันนะ เมื่อวานยังพร่ำเพ้อหาพี่รตี ทำไมวันนี้ถึงไม่มีร่องรอยแห่งความเสียใจหลงเหลืออยู่เลยหล่ะ
ยื่นมือไปแตะหน้าผากของอีกฝ่าย ....อุณหภูมิก็ปกติไม่ได้มีไข้แต่อย่างใด พอยื่นมือเข้าใกล้ตาอีกฝ่ายก็กระพริบตาปริบๆ
ไม่ได้มีอาการเหม่อแต่อย่างใด แถมเมื่อกี้ก็ยังดูเหมือนจะพูดกับผมอีกต่างหากแน่ะ ผมจ้องมองอีกฝ่ายที่ยังยกยิ้มที่มุมปากมองมาที่ผม
“พี่พาร์ทไม่สบายรึเปล่าฮะ?” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าน้อยๆ
“ไม่สบายใจน่ะ มีคนบางคนไม่หวงตัวไม่ยอมให้กอด....” ผมหลุบตาลงต่ำ หลบสายตาคมที่จ้องมา มือจิกผ้าห่มแน่น
“ใครหล่ะฮะ?”
“ปัต”
“ฮะ”
“พี่ไม่ได้ถาม พี่กำลังตอบ” ผมจ้องอีกฝ่ายตาโต อึ้งๆ พูดไม่ออก พี่พาร์ทลูบผมผมเบาๆ แล้วดึงผมเข้าไปกอด
“ขอกอดหน่อยนะครับคนดี” ว่าแล้วพี่ชายจอมป่วนก็กดหอมเบาๆ ที่หัวผม จนผมต้องเงยหน้าไปมอง
อยากรู้เหลือเกิน ....ว่าพี่พาร์ททำไปเพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่นะ แต่ยังไม่ทันได้ถาม..พี่พาร์ทก็กดจมูกคมๆ
มาที่หน้าผาก เรียกเลือดในตัวผมให้วิ่งพล่าน ไล่ลงมาที่จมูก เปลือกตา และแก้มหอมๆ ของผม จนริมฝีปากบางส่วน
ทาบทับลงบนปากผม ...... ใจเต้นแรงได้อีก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดใจ เพราะstep ต่อไปเหมือนมันจะเป็นที่.......
พี่พาร์ทผละออก...ในระยะที่ปลายจมูกเรายังแตะกันอยู่ พี่พาร์ทจ้องดวงตาคมมองมายังในตาผม ผมเห็น.....ตัวเอง
ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคมนั่น เขิน~จนต้องหลบตากันวุ่นวาน พึ่งนึกได้ว่าต้องออกแรงดันหน้าอกอีกฝ่ายให้ห่างไป
ไม่ใช่แค่ขยุ้มเสื้อให้คนตรงหน้าให้ยับเยิน พอออกแรงดันอีกฝ่าย....ก็เหมือนถูกแกล้ง พี่พาร์ทกดตัวลงมาอีก
เหลือพื้นที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้ว ทำให้มันเหลือน้อยลงไปอีก สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมา จนผมต้องเบี่ยงสายตาหลบ
เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ซะแล้วสิ พี่พาร์ทกดจมูกคมลงบนแก้มผมอีกครั้ง ค่อยๆ ไล่ระดับให้ต่ำลงเรื่อยๆ จนริมฝีปาก
แทบจะทาบทับบนริมฝีปากผม แม้ตอนนี้มันจะหมิ่นเหม่ ทาบทับมาแล้วบางส่วน ทำหัวใจผมเต้นไม่ปกติ
อีกฝ่ายผละออก แล้วคราวนี้...ผมว่าปากพี่พาร์ทคงวางทาบทับลงบนปากผม คิดแค่นั้นดวงตาก็เบิกโพลง หันหน้าหลับทันที
“อย่าฮะ” ผมเอ่ยเสียงเบา รู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไม่กล้าสบสายตาคนตรงหน้าเลย
“ทำไมครับ? เมื่อคืนนี้ยัง.......... หึหึ” ผมสะดุ้งเฮือก~ เมื่อคืนนี้... เมื่อคืนนี้... หรือว่า พี่พาร์ท จะ...จะ...
หันหน้ามามองอีกฝ่ายอย่างว่องไว อ้าปากค้าง หรือว่า.......พี่พาร์ทจะรู้ ผมกวาดตาจ้องมองอีกฝ่าย
รู้สึกอากาศในห้องมันร้อนขึ้นมาถนัดตา เพราะมีเหงื่อซึม...ตามไรผม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาที ยังรู้สึกหนาวสะท้าน
แต่ตอนนี้กลับร้อนวูบวาบ ไปทั่วทั้งตัว แถมเหงื่อ...ยังผุดพรายมากกว่าเดิมหลายเท่า อ่า~ เรียกว่าเหงื่อตกได้รึเปล่า
“มะ....เมื่อคืน.ทำไมครับ?” ผมเอ่ยถามปากสั่น เสียงสั่น ใจสั่น ตัวสั่น โอยยยยยยยยย ...สั่นทั้งตัวแล้วครับพี่
พี่พาร์ทยังคงยกยิ้มที่มุมปาก ......ใช้มือเกลี่ยผม พร้อมกับเช็คเหงื่อเบาๆ ที่ไรผมของผม
“ทำไม ...ปัตอยากรู้เหรอครับ หืม? ” พี่พาร์ท ใช้นิ้วเขี่ยเบาๆ ที่แก้มผม ก่อนจะไล่ลงมาเรื่อยๆ ถึงริมฝีปาก
“พี่พูดไม่เก่งน่ะครับ ... เอาเป็นว่าทำให้ดูดีกว่านะ ถือเป็นการเอาคืน.....ที่มาทำให้หลง” มือที่ไล้แก้มผมเมื่อครู่
ตรึงหน้าผมให้อยู่นิ่ง ก่อนจะทาบริมฝีปากร้อนๆ แต่แสนหวานทาบมาบนปากผม ความรู้สึกนุ่มหยุ่นปรากฎขึ้นอีกครั้ง
ตัวเบาโหว่งราวกับร่องลอยอยู่ในอากาศ หากแต่...กับถูกกระชากด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ที่อีกฝ่ายบรรจงมอบให้
พี่พาร์ทค่อยแทรกลิ้นเข้ามาในปาก ควานหาลิ้นผมที่กำลังหนีเป็นพัลวัน แต่สุดท้าย...ก็ปล่อยให้อีกฝ่ายดูดดุนจนสมใจ
“อืออออ~” ได้แต่ครางเสียงหวาน ปล่อยให้อีกฝ่ายเชยชิม มือสองข้างขยุ้มแน่นที่เสื้อนอนของอีกฝ่าย ราวกับเป็นที่
ยึดเหนี่ยวสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ พี่พาร์ทผละออก แล้วกดจูบลงมาใหม่ราวกับรู้จังหวะ ...เพื่อให้ผมได้ทันหายใจ
เนิ่นนาน~ จนผมแทบละลายอยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นรัวราวกับกลอง ในที่สุดพี่พาร์ทก็ผละออก ดึงผมเข้าสู่อ้อมกอด
ได้เสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่แพ้กัน พี่พาร์ทค่อยๆ ดันผมออก หันมายิ้มหล่อๆให้ผม ที่ยังหอบหายใจไม่หยุด
“หวานจนแทบไม่อยากปล่อยเลย” ผมจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ความรู้สึกค้างคามันเต็มไปหมด ... เกินจะเก็บไหว
“แค่เหงา...ใช่มั้ยฮะ?” ผมถามเสียงแผ่ว อีกฝ่ายจ้องกลับไม่ได้มีคำตอบ แต่นั่น....คงเป็นคำตอบสำหรับผม ผมดันตัวขึ้น
ลุกขึ้นนั่ง เดินไปเก็บกระเป๋าสัมภาระ น้ำตาไหลน้อยๆ อาบหน้า เม้มปากแน่น .... เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
จ้องหน้าตัวเองหน้ากระจก ด้วยดวงตาแดงก่ำตบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วพูดกับตัวเองในกระจก
“บอกแล้วว่าไม่อยากเจ็บ ก็ต้องจบ .....แต่ทำไมต้องนี้มันทั้งจบ และเจ็บหล่ะ? ” ผมทรุดตัวพิงประตูห้องน้ำ ชันเข่า
แล้วซุกหน้าลงไป อดเสียใจไม่ได้ที่เป็นแค่ “เงา” ของใครบางคน ก็แน่หล่ะใครจะลืมคนรักที่ดีขนาดนั้นไปง่ายๆ หล่ะ
ร้องไห้ได้สักพัก...ก็บอกตัวเองได้แค่ไม่ใช่เวลาเสียใจ แต่ควรต้องไปให้เร็วที่สุดต่างหาก ไปซะ....ให้ไกลๆ จากตรงนี้
ผมลุกขึ้นยืนมองหน้าตัวเองในกระจกเล็กน้อย อดเสียดายสัมผัสอบอุ่นที่ได้รับไม่ได้.....แต่ยังไงก็เป็นไปไม่ได้สินะ
ก้มหน้าล้างหน้าล้างตา แปรงฟันลวกๆ แค่พอสะอาด แล้วตรงไปอาบน้ำใต้ฝักบัวอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จพึ่งนึกขึ้นได้
ว่าลืม.....หยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดที่จะใส่เข้ามาด้วย สะบัดตัวไปมาจนน้ำกระจุยกระจาย ถึงได้ย่องไปแอบเปิดประตู
เมื่อสำรวจจนเสร็จสิ้นเล็งเห็นว่าไม่มีใคร ก็วิ่งอย่างเร็วไปที่ผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่ตรงประตูตู้เสื้อผ้า กำลังจะถึงผ้าเช็ดตัวมาใส่ขณะเดียวกัน
“แกร็ก. อ๊ะ....ขอโทษ” พี่พาร์ทหันไปมองผนังทันที ส่วนผมที่ไม่แน่ใจว่าเสี้ยววินาทีนั้นผมใส่เสร็จก่อน
หรือพี่พาร์ทเห็นก่อนกันแน่ ดูจากหลักฐานที่หน้าพี่พาร์ทแดงจัดนั่น.....พอจะเดาได้ลาง ๆ ผมเลยหน้าแดงจัดเป็นลูกตำลึงตาม
ผมรีบหันหลังหยิบเสื้อที่เตรียมไว้มาสวมทางหัว ไม่สนใจอีกคนที่แต่งตัวเรียบร้อยก่อนเข้ามาแล้ว พอดึงเสื้อให้เข้าที่เข้าทางเสร็จ
แขนของพี่พาร์ทก็สอดเข้ามาโอบรอบเอวผม แล้วดึงผมให้ไปชิดอกแกร่งของอีกฝ่าย ทุกอย่างดูหยุดนิ่ง ณ วินาทีนั้น
พี่พาร์ทบรรจงวางคางไว้ที่ไหล่ผม แล้วกระชับกอดแน่นขึ้นไปอีก ผมทาบมือบนมือของพี่พาร์ท ...เพื่อจะแกะมันออก
“ฟังพี่ก่อนนะครับ .....”
“...................”
“ถ้าพี่บอกว่าไม่เหงา....ก็คงโกหก แต่พี่ขอบอกว่าพี่ไม่ได้แบบนี้กับปัต เพื่อให้ปัตมาแทนใคร ไม่ใช่เพื่อแทน รตี แต่เป็นเพราะ....”
.
.
“เพราะว่าพี่ชอบปัต ... ชอบ...ชอบมากๆ ก่อนที่จะเลิกกับรตีด้วยซ้ำ ถ้าปัตจะลองสังเกตุพี่ว่าปัตก็คงจะดูออก
พี่เองก็ไม่อยากยอมรับความจริงข้อนี้ ไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่ง...พี่จะมาชอบผู้ชายด้วยกัน พี่ไม่รู้ว่า.......
ปัตรู้สึกแบบเดียวกันรึเปล่า แต่เรื่องเมื่อคืนนี้ ....พี่ดีใจมาก และเผลอคิดไปว่า...เราสองคนคงจะใจตรงกันก็ได้
แต่ถ้าไม่ใช่...... พี่ก็ขอโทษ จะไม่รบกวนเราอีกเลย ” พี่พาร์ทค่อยๆ ผละออกจากตัวผม ถอยห่างไปเรื่อยๆ
จนผมใจหาย.....รู้สึกหน่วงในอก ระคนอุ่นใจเมื่อได้ฟังจากปากคนตรงหน้า หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ยื่นมือไป
คว้าแขนอีกฝ่ายไว้ทัน พี่พาร์ทที่ทำท่าหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้อง...ชะงัก แล้วหันมามองผม
“ผ..ผมไม่รู้ฮะ ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า” พี่พาร์ทยิ้มบางดูฝืนเต็มที แล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ... เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ พี่เข้าใจ งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่หอนะ คงอึดอัดที่ต้องอยู่กับพี่”
พี่พาร์ทว่า หันเตรียมจะออกไปรอข้างนอก ...ทำไมผมใจกระตุกนะ ...เข้าเคลื่อนตัวเข้ากอดพี่พาร์ทจากด้านหลัง
“เดี๋ยวฮะ....ฟ..ฟังปัตก่อน ” น้ำเสียงผมเหมือนจะร้องไห้ ก้อนอะไรไม่รู้จุกแน่นที่ลำคอ อึดอัดไปหมด
“ปัต หมายถึงไม่รู้ว่าชอบรึเปล่า แต่ปัตรู้สึกดีที่อยู่กับพี่ และก็ไม่ได้รังเกียจที่พี่..... เอ่อ..... อ่า... ยังไงดีหล่ะ?”
พี่พาร์ทแกะมือผมออก แล้วหันมาดึงผมเข้าไปกอดแน่น รอยยิ้มกว้างของอีกฝ่ายทำให้โลกดูสว่างไหวไปหมด ผมซบหน้าลงกับอกกว้าง
“ไม่เป็นไรครับคนดีไม่ต้องพูดแล้ว พี่เข้าใจเราแล้ว ขอบคุณที่ให้โอกาสพี่นะ แล้วพี่...จะทำให้เรารักเองสัญญาเลย”
พี่พาร์ท กดจมูกคมๆ ที่แก้มผมอีกครั้ง ก่อนจะทาบริมฝีปากบนปากผมบางเบา หากแต่.....อบอุ่น แล้วผละออก
“งั้นเปลี่ยนชุดไปทำงานกัน เมื่อวานก็โดดไปที ขืนวันนี้ไม่ไปอีกพี่โดนฆ่าแน่ๆ ฮ่าๆ” พี่พาร์ทจับผมหมุนซ้ายทีขวาที
“อืมชุดนี่ก็ใช้ได้ ว่าแต่เราต้องเอาอะไรไปอีกรึเปล่าหึ”
“ก็แค่ผลงานภาพสเก็ตสองเล่มน่ะฮะ กับอุปกร์การเขียนอีกนิดหน่อย”
“ในกระเป๋าเป้เมื่อวานใช่มั้ย ป่ะงั้นไปกันได้แล้วสายแล้ว” ผมพยักหน้าเดินตามพี่พาร์ท ที่เดินผิวปากตลอดทางแถมยัง
จูงมือผมไม่ยอมปล่อยจนผมแทบจะอายม้วนอยู่แล้ว พอขึ้นรถก็หันมาดึงสายเบลไปคาดให้ ทำให้หน้าเราอยู่ใกล้กันเข้าไปอีก
พี่พาร์ทแอบกดจมูกคมๆ ลงที่แก้มผมที่เอาแต่ร้อนผ่าว แถมกระซิบที่หูบอกว่าค่าคาดเบลให้ ผมเลยได้แต่หลุบตามองพื้นรองเท้าตัวเองเล่น
“หิวหน่อยนะครับ เดี๋ยวไปทานที่ทำงานพี่แล้วกัน”
“ฮะ” พี่พาร์ทอมยิ้ม ลูบหัวผมเบาๆ
“ดีมากครับ เด็กดีของพี่” พี่พาร์ทว่าแล้วค่อยๆ ขับรถออกไป ......... ผมมองตลอดสองข้างทาง ในหัวกำลังมึนงงกับ
เรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันถูกหรือผิด ไม่รู้ว่าจะเดินไปด้วยกันได้นานแค่ไหน
ที่พี่พาร์ทบอกวันนี้เป็นจะเป็นเรื่องจริง.... หรือแค่เรื่องโกหก มีแต่อนาคตเท่านั้นหล่ะที่บอกผมได้ แล้วผมจะคอยดู