ขออภัยนะคะ ที่แต่งสั้นไปหน่อย ตอนอยู่ใน เวิร์ด ก็ดูยาวดี
พอก็อปมาลงแล้วทำไมสั้นอย่างนี้นะ ฮ่าๆ (จริงๆ แ้ล้วข้ออ้าง แก่แล้วเวลาคีย์มือสั่น ฮ่าๆ)
ยังไงจะพยายามเขียนให้เยอะๆ นะคะ
-ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ และขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ-
มาซาบซึ้ง(เสียน้ำตา) ต่อ กันเถอะ
บทที่ 3 กำลังใจ
ไม่รู้ว่าผมผ่านคืนนั้นมาได้อย่างไร ..... กับความจริงที่แสนสาหัสนั่น แม้จะเจ็บ ปวดร้าว จนจิตใจเหนื่อยอ่อน
แต่ผมก็มีหน้าที่ต้องก้าวต่อไป เมื่อเช้าผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเคาะประตูของแม่ที่เห็นว่าผมตื่นสายกว่าปกติจนผิดสังเกตุ
“.ก็อก ก็อก ก็อก”
“.ก็อก ก็อก ก็อก”
“ปัต...ปัต ...ตื่นรึยังลูก ไม่สบายรึเปล่าจ๊ะ.” น้ำเสียงของแม่ที่แสนจะอ่อนโยน ผมขยับตัวเล็กน้อยรู้สึกตัวว่ามีไข้
ปวดหัว และร้าวไปทั้งตัว อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนผม ร้องไห้เยอะเกินไป ขดตัวจนลีบอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา
แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับความจริงที่ได้ยินสักเท่าไหร่ แต่ปฏิเสธไม่ได้..ว่ายังไงซะมันก็คือความจริงที่ผมไม่อาจจะหลีกหนีได้
“ครับ แม่ ” ผมเอ่ยตอบแม่ ไปด้วยน้ำเสียงที่ติดจะงัวเงีย และแหบพร่า
“ไม่สบายรึเปล่าปัต ให้แม่เข้าไปได้รึเปล่าลูก?” ประหนึ่งหยาดน้ำทิพย์ที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจผม อย่างน้อย.....ผมก็ยังมีแม่
แม่.......ที่ยังรักและห่วงใยผมเสมอ แค่นั้นน้ำตาผมก็เอ่อล้นขอบตา ..ได้แต่พยายามสะกดกลั้นมันไว้
ผมไม่ได้ตอบกลับแม่...แต่พยายามดันร่างกายที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ค่อยๆ ตรงไปที่ประตู แล้วเปิดมันออก
แม่ยื่นมือมาแตะที่หน้าผากผมแผ่วเบา .....
“โหห ...ตายแล้วตาปัต.ตัวร้อนด้วยนี่ลูก ไปทำอะไรมาถึงเป็นไข้หล่ะเนี่ย ปวดหัวมั้ย?” แม่ลูบหน้าลูบตาผมไปทั่ว
เพื่อสำรวจอุณภูมิในร่างกายผม มือเย็นของแม่ทำให้ผมรู้สึกดีได้อย่างประหลาด ผมพยักหน้าตอบ
“ปัตปวดหัวจังเลยครับแม่” ว่าแล้วก็โถมตัวเข้ากอดแม่แน่นๆ ทำไมไม่รู้..... ผม.......ไม่อยากปล่อยอ้อมกอดนี้เลย
แม่กอดตอบแล้วลูบหลังผมเบาๆ ก่อนจะดันตัวผมเข้ามาในห้อง แล้วจูงมือมาที่เตียงนอน
“อ้อนเป็นเด็กๆ เชียว ปัตนอนก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่เช็ดตัวให้ ” ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย แม่เดินออกไปเพื่อหยิบอุปกรณ์
ไม่นานนักก็กลับเข้ามาใหม่ แม่บิดผ้าชุบน้ำจนหมาด ... เช็ดตามตัวผม ผมจ้องมองแม่ตาไม่กระพริบ แล้วประโยคเมื่อคืนนี้
มันก็ดังก้องขึ้นมาซ้ำๆ ในหัวของผม “ฉันไม่อยากให้แกรู้ว่าแกไม่ใช่ลูกคุณ” เผลอเม้มปากตัวเองแน่น
“แม่ครับ.....แม่รักปัตรึเปล่าครับ ......ปัต.....ปัตทำให้แม่เหนื่อยรึเปล่าครับ?” อดไม่ได้ที่จะถาม แม่ที่ต้องต่อกับพ่อสู้เพื่อผม
แม่ชะงักมือที่กำลังเช็ดตัวให้ผม แล้วหันมาสบตาผมตรง มืออีกข้างที่ยังว่างเลื่อนมาลูบหัวผมอย่างใส่ใจ แววตาแม่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“รักสิลูก.....แม่รักปัตมาก ปัตเป็นเด็กดี ปัตรู้มั้ยตอนที่แม่รู้ว่ามีปัตอยู่ในท้องแม่ดีใจแค่ไหน? ทุกๆวัน แม่เฝ้านับคืนนับวันที่จะได้เจอปัตนะลูก
แม่ยอมทำทุกอย่าง....เพื่อจะให้ปัตเกิดมา ต่อให้ต้องเจอปัญหาสักเพียงไหน แต่แม่ก็สัญญากับตัวเองจะต้องดูแลปัตให้ดีให้ได้
แล้วทำไมถึงถามแบบนั้นหืม? ” ผมอยากจะด่าตัวเอง.....ที่ตั้งคำถามโง่ๆ แบบนั้น แต่คำตอบนี้.... มันอิ่มเหลือเกิน ผมดันตัวลุกขึ้น
กอดแม่แน่น ซุกหน้าเข้าหาอกแม่ ปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร มันเหมือน.......อะไรที่มาทดแทนความเจ็บปวดของผม
“ปั.....ปัต ....ฮึก ......ก็...ร...รัก....แม่ครับ ” ผมสะอึกสะอื้นบอกแม่
“รู้แล้วครับเด็กดีของแม่ เลิกขี้แยได้แล้วแม่จะได้เช็ดตัว แล้วจะได้ทานข้าวทานยานะครับ” แม่ว่า ผมถูหน้าไปมากับอกแม่สักพัก
น้ำตาก็หยุดไหล ยอมทิ้งตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ให้แม่เช็ดตัวให้อีกครั้ง มืออีกข้างดึงชายเสื้อแม่ไว้แน่น เห็นแม่อมยิ้มนิด ๆ
“มีอะไรที่ปัตจะทำให้แม่มีความสุขได้บ้างครับ?” แม่มองมาที่ผม....สายตาแห่งความซาบซึ้งใจ
“ปัตทำให้แม่เยอะแล้วลูก แม่อยากให้ปัตมีความสุข ช่วยมีความสุขมากๆ ทีนะปัต เพราะถ้าปัตมีความสุข แม่ก็มีความสุขแล้ว”
“ครับ ปัตจะเป็นเด็กดี และจะมีความสุขมากๆ ด้วยครับ” ผมยิ้มรับกระแสความอบอุ่นที่แม่มอบให้
“ดีจ๊ะ แต่ตอนนี้คนป่วยต้องไปแปรงหันก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะไปทำข้าวต้ม แล้วก็เอายามาให้” แม่ลูบหัวผมเบา ๆ
ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ผมพยุงตัวขึ้นเรี่ยวแรงยังน้อยเช่นเดิม ตรงไปยังห้องน้ำ จัดการล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาด
เดินกลับมาที่เตียงทำไมรู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูกเลยต้องทิ้งตัวลงบนเตียงเบาๆ แค่เผลอหลับตาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเคลิ้มหลับไปตอนไหน
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แม่แปะแผ่นเจลให้ที่หน้าผาก ทั้งที่อยากจะหลับต่อแต่กลิ่นข้าวต้มของแม่มันช่างหอมยวนใจ จนต้องตื่นขึ้นมาอีกจนได้
พอดันตัวลุกขึ้นได้ท้องเจ้ากรรมก็ร้องดังลั่น เลยทำให้แม่ยิ้มขำๆ รู้เลยว่าพยายามตื่นมาเพื่ออะไร ..... ก็คนมันหิวนี่นา
ผมยิ้มให้แม่จนตาปิด เพราะมันแทบลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้วแม่เลื่อน ถ้วยข้าวต้มมาให้ ผมก็รีบจัดการด้วยความหิว
เห็นแม่นั่งมองผมทานด้วยรอยยิ้ม ลูบหัวผมเบา จนผมทานเสร็จ ท่านก็หยิบยาพร้อมกับน้ำเปล่ามาให้
“ทานยาแล้วก็พักผ่อนเยอะนะลูกจะได้หายไวๆ ” ผมพยักหน้าตอบ แม่ก้มหน้าลงมาจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ก่อนจะเก็บ
จานชามข้าวต้มเมื่อสักครู่ แล้วเดินออกจากห้องไป ส่วนผมที่ง่วงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แค่หลับตา ..... ก็เหมือนมีใคร
เอาหินก้อนโตมาถ่วงเปลือกตาไว้ให้ปิดสนิท ไม่มีแรงกระพริบขึ้นมาอีก สงสัยพระอินทร์ท่านต้องการจะเรียกผมไปรับใช้
สุดท้ายก็เลยต้องปล่อยให้ตัวเองหลับไป
ผมรู้สึกแน่นหน้าอก ..... อึดอัด เคยเป็นมั้ยครับ? อารมณ์ความรู้สึกประมาณผีอำ ผมพยายามลืมเปลือกตาอันหนักอึ้ง
เพราะฤทธิ์ยา ค่อยๆ กระพริบตาถี่ ๆ ภาพรอบๆ ตัวยังพร่าเลือน แต่ความหนักอึ้งบนอกยังคงเดิม .....ไม่ใช่ความฝัน
ผมพยายามลืมตาอีกครั้ง......เพื่อจะพบว่า มีสะสารมวลดำสองก้อน วางอยู่บนอกผม ขนทั่วตัวผมลุกซู่ๆ ทั้งตัว
ไล่พระพริบตาถี่กว่าเดิม หัวใจเต้นรัว ....แต่กลับขยับไม่ได้ ร่างทั้งร่างเกร็งอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อสักเกตุอีกที
ไอ้ก้อนมวลดำที่ว่า......มันเป็นผมมนุษย์ (ที่ยังเป็นมนุษย์?) เมื่อความกลัวเข้าครอบงำ ผมตัดสินใจ ค่อยๆ เอื้อมมือข้างที่เป็นอิสระ
จากการเกาะกุม และดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวได้ นอกจากตาแล้ว ผมยื่นมือสัมผัสเรือนผมนิ่มนั่น
เมื่อสังเกตุอีกที จริงๆ แล้ว มันเป็นสีน้ำตาลอ่อน มันส่งกลิ่นประหลาดๆ ที่ผมคุ้นเคย แต่นึกไม่ออก ผมดันหัวทุยนั่นหงายอย่างเบามือ
หัวใจเต้นระรัวขึ้นอีก เพื่อจะพบว่า......
.
.
“เฮ้ย” ผมตะโกนลั่นห้อง
.
.
.
“ปุ้ม .....แป้ง โอย~ ทำพี่หัวใจเกือบวาย” ผมทำใจเตรียมตัวจะเจอผีเต็มที่ แต่สิ่งที่เจอกลับเป็นน้องสาวสองคนแทน
“เฮ้อ~ ค่อยยังชั่ว นึกว่าจะโดนผีหลอกซะแล้ว” ผมว่า ขยี้หัวน้องสาวสองคนแก้แค้นอย่างมันมือที่ทำให้ผมตกใจ ว่าแต่...ผมไมเปลี่ยนสี?
สองคนนั่นค่อยๆ งัวเงีย ลุกจากตัวผม ขยี้ดวงตาอันพร่าเบลอก่อนจะหันมามองผมงง ๆ กระพริบตาถี่ๆ แล้วหันไปมองหน้ากันเองอีก
ฮ่าๆ ประมาณว่า “เรามาอยู่ที่นี่กันได้ไง” เพราะมัวแต่งง ผมเลยเอ่ยถามอีกที
“เราสองคนมาอยู่ในห้องพี่ได้ไงหึ?”
“ก็ปุ้มกับแป้ง เป็นห่วงพี่ปัตอ่ะ แม่บอกพี่ปัตตัวร้อนมาก พวกเราก็เลยมาเฝ้ากลัวพี่ปัตชักไง คนที่ไข้สูงๆ อ่ะ เ
ดี๋ยวชักไม่มีใครรู้..... แล้วไปส่ง โรงพยาบาลไม่ทันก็แย่ดิ ” ปุ้มว่าเสร็จ น้องแป้งก็ยื่นหน้าผากตัวเองมาแปะหน้าผากผม
“เฮ้ย... แป้งอย่าทำครับ เดี๋ยวติดไข้อ่ะแย่เลย แล้วจะมีใครมาเฝ้าพี่หล่ะเนี่ย ฮ่าๆ” ตัวนี้ผมหายตัวร้อนและหายปวดหัวแล้ว
“ก็ทีตอนแป้งป่วยพี่ปัตก็ทำอย่างนี้นิ ดีจังหายตัวร้อนแล้ว ยังปวดหัวมั้ยคะ?” น้องแป้งยิ้มกว้าง
“ไม่เชื่อๆ ขอวัดด้วยคน” น้องปุ้มว่า สองคนนี้น่ะ เรื่องอ้อนนี่ไม่มีใครยอมใครหรอก ผมเลยปล่อยให้น้องวัดไข้
“อืมๆ ไข้ลดแล้วจริง ๆ ด้วย” น้องปุ้มยิ้มกว้าง แต่ส่ายหน้าขำ ๆ
“บอกไม่ฟังสักคนสิน่า เราสองคนเนี่ย” ผมขยี้หัวน้องทั้งคู่เบาๆ ไอ้สองตัวนี่ก็ยิ้มรับอย่างดี
“อืม...ไปทำอะไรมาน่ะ ผมถึงเป็นสีนั้น? มีกลิ่นแปลกๆ ด้วยอ่ะ พี่ตกใจเลย นึกว่าไม่ใช่เราสองคน” ผมลูบเบาๆ ที่ผมน้อง
สองสาวมองหน้ากันแล้วยิ้มแป้น ไม่ตอบคำถาม .....แต่กลับเลือกจะถามผมกลับ
“แล้วสวยมั้ย?” น้องผิวขาวเหมือนแม่ ความสูงได้พ่อ ผมหยักโศกดำขลับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผมพยักหน้าน้อย ๆ แทนคำตอบ
สีน้ำตาลอ่อนเข้ากลับผิวขาวอมชมพูเป็นอย่างดี ปุ้มกับแป้งซุกหัวทุยเข้ากับอกผม ผมลูบหัวทุยๆ นั่น อย่างทนุถนอม
“จะได้เหมือนพี่ปัตไง ปุ้มอย่างเป็นเหมือนพี่ปัต พี่ปัตเก่ง หล่อ ใจดี” น้องปุ้มบอกผมอย่างเอาใจ
“แป้งก็เหมือนกัน” แป้งเอ่ยเสียงเบา แล้วน้องก็กอดผมแน่นๆ
“.............” ความรู้สึกที่อิ่มเอมนี่ คือ อะไรกันนะ? ครอบครัวที่น่ารักขนาดนี้ ......จะได้ผมทิ้งไปได้ยังไง
อยากจะรักษา.....คนที่รักผม ให้มีรอยยิ้ม และความสุขตลอดไป ทำให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
จนกว่าจะถึงวันที่ผม......... จะออกไปยืนด้วยขาของ “ตัวเอง”