ตอนที่ 19ไม่น่าเลยจริงๆ...
ถ้าผมรอบคอบกว่านี้ทุกอย่างคงไม่เป็นอย่างนี้...ฝันร้ายที่น่าจะจบไปแล้วมันคงไม่มีทางย้อนกลับมาอีกครั้ง....
ผมปล่อยน้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาง่ายๆให้กลิ้งลงมาตามขอบตา ขดตัวคู้เข้าหากันแม้จะรู้สึกโทรมาณไปทั้งกาย ยกมือขึ้นกอดตัวเองเอาไว้ด้วยความรู้สึกหนาวเหน็บแบบที่ไม่ได้เจอะเจอมาเนิ่นนาน...
อยากให้นี่เป็นเพียงความฝัน...
อยากให้ให้มันเป็นเพียงฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน...
แต่น่าเสียดาย...ที่มันเป็นความจริง...
ย้อนกลับไปเมื่อสามชั่วโมงก่อน
"อั่ก!"ผมรู้สึกได้ถึงความจุกที่ถูกประเคนมอบให้ที่ท้องน้อย จุกแน่นหมดเรี่ยวแรงจนต้องทรุดลงไปกองกับพื้น ชายชุดดำที่ผมเห็นหน้าไม่ชัดแบกผมขึ้นบ่าพร้อมก้าวเร็วๆไปทางบันไดหนีไฟแทนที่จะลงลิฟต์
ดูเหมือนว่าขบวนการลักพาตัวครั้งนี้จะทำเป็นกลุ่มมีสมาชิกมากกว่าสามคน เพราะตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าร่างปวกเปียกของตัวเองกำลังถูกสองคนหามหัวท้าย ส่วนอีกคนคอยสั่งการ
"หลับไปสักพักล่ะกันนะ"ชายหนึ่งในสามคนก้มหน้าลงมาพูดกับผมก่อนจะโปะผ้าที่คาดว่าชุบยาสลบเอาไว้ และก่อนที่ผมจะหมดสติไปจริงๆ ชื่อๆหนึ่งที่ผมไม่อยากจะได้ยินอีกครั้งก็ดังขึ้นราวกับผู้พูดกระซิบข้างหู
"พี่เภกรออยู่ เร็วๆเข้าพวกมึง"
ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบแต่ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่รับรู้ได้ถึงความปวดหนึบจะกลิ่นคาวเลือดในปาก
"ตื่นได้ซักทีนะมึง!"ผมพยายามปรับสายตาที่พร่าเบลอให้โฟกัสไปยังใบหน้าของผู้พูด แต่ยังไม่ทันจะเห็นชัดก็มีอันต้องเงยหน้าขึ้นตามแรงดึงที่เส้นผมอย่างช่วยไม่ได้
"มันตื่นแล้วพี่ เอาไงต่อ"เสียงแหลมเล็กแสบแก้วหูดังขึ้นเบื้องหลังพร้อมมแรงดึงที่มากขึ้นจนผมต้องหงายคอขึ้นมองเพดาน
"ถอยออกไป"น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ผมไม่อยากจะจำฉุดให้สติผมจดจ่ออยู่กับเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเข้ามาจนไม่รู้สึกถึงแรงสะบัดอย่างรุนแรงอย่าคนไม่พอใจจากคนที่จิกผมผมอยู่เมื่อครู่
ผมใจเต้นระรัวเร็วเมื่อค่อยๆดึงใบหน้าของตัวเองให้กลับมาอยู่ในมุมปกติที่สามารถมองเห็นคนที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาได้อย่างชุดเจน
"พี่...เภก"หัวใจที่เต้นระรัวของผมชะงักนิ่งไปแชั่วอึดใจ ด้วยความทรงจำเลวร้ายหลายอย่างที่ผ่านมาแล่นย้อนเข้ามาก่อนจะเริ่มเต้นเป้นจังหวะโครมครามอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว
"คิดถึงพี่บ้างไหม...เกล"มือของผมเย็นชืดเช่นเดียวกับความรู้สึกวูบไหวในหัวราวกับจะเป็นลม สมองตื้อตันจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป
"ดูเหมือนหลุดพ้นจากพี่ไปได้เกลที่น่ารักก็ยังคงทำตัวร่านเหมือนเดิมเลยนี่ เมื่อคืนกี่คนล่ะรอยเยอะขนาดนี้"น้ำเสียงเสียดสีดูถูกเข้าหูซ้ายออกทะลุหูขวาของผมไปอย่างไม่ยากเย็น
"เกลไม่ต้องห่วงนะ พี่กลับมาหาเกลเนี่ย ไม่ได้เพราะสวาทอะไรหรอก แต่มันมีคนจ้างให้พี่มาทำแบบนี้ พี่ก็ทำแค่นั้นเองอย่าโกรธอะไรกันเลยนะ"
"พี่เตรียมการต้อนรับครั้งใหญ่ไว้ให้เกลด้วยล่ะ รื้อฟื้นวันเเวลาเดิมๆของพวกเราไงดีไหม? จำได้รึเปล่า นั่นไอ้โต้ง ไอ้ดำ ไอ้มาก โอ๊ยเยอะแยะ พวกมันเคยเป็นผัวเกลมาก่อนทั้งนั้นนี่เนอะ"
ด้วยคำพูดกระทบกระทั่งแรงๆเช่นนี้ทำให้สติของผมกลับมาครบถ้วน ผมข่มความกลัวจากอดีตลงไปในส่วนลึกของจิตใจดังเช่นช่วงแรกๆที่หลุดพ้นจากนรกบนดินนั่น
เมื่อสติกลับมาครบผมก็เริ่มวางแผนการเพื่อจะหนีในหัวคร่าวๆทันทีงานนี้คงไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวเหมือนในละคร ดังนั้นต้องช่วยตัวเองเท่านั้น
เมื่อเริ่มใจเย็นเรี่ยวแรงที่เหือดหายก็เริ่มกลับมา ผมนั่งรวบรวมแรงกายและแรงใจอยู่ที่เดิมโดยแกล้งทำเป็นหวาดกลัวกับไอ้บ้าที่ยังคงพูดจากระทบเสียดสีอยู่ที่เดิม
เหอะ!เก่งแต่ปากเหมือนเดิม อย่างนี้คงไม่ยากเท่าไหร่ที่จะหนีออกไปจากที่นี่
เวลาผ่านไปแล้วราวสิบนาที ผมเริ่มเมื่อยที่จะต้องนั่งอยู่ท่าเดิมโดยแกล้งทำเป็นหวาดกลัวเต็มที คงต้องทำให้ไอ้บ้านี่มันหยุดพูดได้แล้วกระมัง?
"เฮ้ย!จะหนีไปไหน"ไอ้ถึกที่ยืนคุมอยู่ด้านหลังผมร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงล้อเลียนเมื่อผมตัดสินใจยืดขาเพื่อไม่ให้เหน็บกินโดยการทำเป็นถอยร่นหนีไปด้านหลัง
"โถ๋ๆน้องเกล คิดถึงผัวเก่าจนตัวสั่นแล้วหรือจ๊ะ เอ้า!พวกมึงจัดให้น้องเขาหน่อย เอาเหมือนสมัยก่อนนะ"ไอ้xxxเภกเดินถอยหลังออกไปยืนไกลๆถือกล้องวีดีโอความละเอียดสูงเอาไว้ในมือ แล้วให้พวกผู้ชายที่ยืนล้อมรอบเมื่อครู่เดินเข้ามาล้อมรอบผม
บอกแล้วมันเก่งแต่ปาก!
ผมแสร้งลุกขึ้นยืน ข่มความเจ็บของสะโพกแล้วแสร้งทำเป็นลนลานหนี โดยตั้งใจถอยหลังให้หลังของผมชนกับไอ้คนที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มคนเกือบๆสิบนี่...
อย่าให้รู้นะว่าใครจ้างพวกเอ็งมา คอยดูเหอะไปเกินเดือนนึง มันต้องสิ้นทั้งตระกูล!!
"อ๊ะ!"ผมสะดุ้งกับสัมผัสของผิวเนื้อยุ้ยๆไขมันที่ด้านหลัง รู้สึกขนลุกขนพองด้วยความขยะแขยงจนรู้สึกอยากขย้อนของเก่า แต่เพื่ออานาคตที่ดีกว่า ผมจึงทำได้แค่เพียงอดทน กัดฟันหันไปเผชิญหน้ากับก้อนไขมันเดินได้
"อั่ก!"เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่วงล้อมแคบพอ ผมก็จัดการจิ้มมือที่พนมเป็นรูปดอกบัวตูมเข้าบริเวณระหว่างซี่โครงทั้งสองสองข้ามบริเวณใต้ราวนมสุดแรง จนก้อนไขมันเดินได้ทรุดฮวบหน้าเขียวผมจัดการวิ่งผ่านช่องว่างออกมาในระหว่างที่ทุกคนยังคงตกตะลึงแล้วจึงกระโดดถีบขาคู่ผลักให้ร่างใหญ่โตล้มพับไปโดนพวกเดียวกันเองเพื่อสร้างความชุลมุน
ดูเหมือนที่นี่การคุ้มกันไม่ได้สูงมากนัก ผมจึงดอดหนีออกจากประตูโกดังร้างแห่งหนึ่งได้ไม่ยาก แต่ปัญหาถัดมามันอยู่ที่จะกลับไปหาคุณศรอย่างไร?
ผมหันรีหันขวางและเลือกที่จะวิ่งไปทางซ้ายซึ่งมืดกว่าทางขวาที่มีแสงไฟส่องสว่าง ผมวิ่งเท้าเปล่าอย่างไม่คิดชีวิตนึกขอบคุณที่เมืองไทยมันร้อนไม่งั้นเสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียวที่ผมใส่อยู่นี่คงทำให้ผมหนาวตายได้ภายในสามชั่วโมง
กลิ่นชื้นๆเหมือนน้ำลอยอวลอึงอยู่รอบๆกายให้ได้รู้ว่าทางที่กำลังวิ่งไปนั้นคือแม่น้ำ ผมเร่งฝีเท้ามองหาโกดังที่ค่อนข้างลับตาเพื่อเข้าไปหลบพักผ่อนในวันนี้ รอให้ร่างกายพร้อมอีกครั้งแล้วพรุ่งนี้ค่อยหาทางหลบหนีอีกรอบ
และไม่นานผมก็พบ โกดังที่ค่อนข้างอยู่ในมุมลับตาเพราะมีตู้คอนเทนเนอร์หลายตู้ตั้งบังเอาไว้ ผมถอดต่างหูแบบห้อยยาวๆ ที่ติดมาตั้งแต่เมื่อคืนออกจากใบหู ยืดตะขอโค้งงอให้เป็นเส้นตรงและเริ่มงัดแงะแม่กุญแจ
ผมใช้เวลาไม่นานนักแม่กุญแจอันเขื่องก็มาอยู่ในมือของผม ฝีมือยังไม่ตกแฮะโชคดีชะมัด!
เสียงประตูโกดังที่เปิดดังเอี๊ยดอ๊าดทำให้อดระแวงไม่ได้ว่าจะมีใครได้ยิน เมื่อประตูมีขนาดพอที่จะลอดเข้าไปได้ผมก็รีบลอดเข้าไปและงับประตูปิดทันที
แม่กุญแจถูกล็อกอีกครั้งจากด้านในเพื่อกันไม่ให้คนด้านนอกเข้า และเป็นการเตือนเมื่อมีคนคิดจะเปิดประตูโกดัง
เมื่อประสาทเริ่มรู้สึกผ่อนคลายเพราะคิดว่าสถานที่ที่ตนเองอยู่ปลอดภัย ร่างกายของผมก็พลันรู้สึกหนักอึ้ง เมื่อยล้าไปทั้งตัว ผมฝืนใจลากสังขารของตัวเองขยับเข้าไปอยู่ในมุมมืดเบียดแทรกเข้าไปในช่องว่างระหว่างตู้คอนเทนเนอร์แล้วจึงทรุดตัวลงนอน
ผมหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาที่เพียรกลั้นมานานไหลออกมา ความกลัวที่เคยกดลงไปในเบื้องลึกย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อร่างกายเหนื่อยล้าและจิตใจบอบช้ำ
น่าแปลกเมื่อในชั่วขณะหนึ่งที่กำลังทรมาณ ผมกลับนึกถึงอ้อมกอดของคุณศรขึ้นมา นึกถึงใบหน้านิ่งๆในมาดของประธานบริษัท นึกถึงความอบอุ่นของอุ้งมือใหญ่....
ผมว่าผมคงบ้าไปแล้วที่รู้สึกปลอกภัยมากขึ้นเมื่อหลอกตัวเองว่า อีกไม่นานคุณศรก็คงจะมาช่วย...
ผมมันบ้าเกินไปจริงๆที่ให้ใครคนหนึ่งเข้ามามีผลต่อสภาวะจิตใจได้มากเช่นนี้ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าคนที่สามารถทำให้ผมมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
การ์ดของคุณศรหนาแน่นมากแม้จะอยู่ในคอนโดก็ตาม การ์ดของคุณศรแบ่งออกเป็นสามชุด ชุดหนึ่งอยู่เฝ้าคอนโด อีกชุดติดตามระหว่างคุณศรออกไปทำงานหรือทำธุระและชุดสุดท้ายคือเฝ้าออฟฟิศ
ดังนั้นการที่คนนอกจะเข้ามาป้วนเปี๊ยนถึงขนาดกดกริ่งห้องของนายจ้างของบอดี้การ์ดกว่าครึ่งร้อยคอยจับตาดุอยู่ จึงสามารถเรียกได้ว่าเป้นไปไม่ได้...
แล้วใครกันล่ะที่จะทำเรื่องพวกนี้...นอกจากคนในด้วยกันเอง!
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกหนาวเหน็บจนต้องขดตัวแน่น น้ำตาที่แทบไม่เคยไหลกลับทะลักออกมาจนเริ่มรู้สึกแสบตา ผมพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจจะมีคนได้ยินมันเข้า
ผมร้องไห้อยู่นานจนรู้สึกว่าแสงตะวันเริ่มคล้ยลง ห้องที่มืดอยู่แล้วเริ่มมืดกว่าเดิมจนมองไม่เห็นสิ่งใด
และตอนนั้นเอง...ที่ประตูโกดังเปิดออกอย่างแช่มช้า.... >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
อดใจไว้ มันมาม่าไม่นานหรอก อิงเริ่มแง้มอดีตของน้องเกลแล้วค่ะ หึหึหึ
ตอนหนาเราจะจัดเต็มอดีตค่ะ อิอิ
เริ่มรู้สึกรึยังเอ่ยว่าความสัมพันธ์ของพระนางเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว...
มีใครพอจะเดาเรื่องที่จะเกิดต่อไปออกมั๊ยเอ่ย
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ค่ะ!!
แล้วพบกันเมื่อชาติต้องการ!!