ขอบคุณทุกๆรีเลยนะครับ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ผมเสมอมา และยินดีนะครับ รับฟังทุกคำวิจารณ์ ถ้าอันไหนผมชี้แจงได้ก็จะพยายามทำนะครับ
ตอนท้ายก็หักมุมเช่นเคย แต่ไม่รู้ภาคนี้จะมีคนเดากันถูกหรือเปล่า 555+ ต้องติดตามคับ
อีกสามตอนนับจากนี้จะเป็นการเริ่มต้นจุดไคลแม็กซ์แล้ว!!! (หรือเปล่า?) ต้องติดตามนะคร้าบ!~~~~
บทที่ 18
“แม่ พรุ่งนี้เราต้องไปเบิกเงินมาจากธนาคาร แม่จะให้ผมไปหรือเปล่า?”
ผมตะโกนถามแม่ที่กำลังทำมื้อเย็นอยู่หลังบ้าน ส่วนตัวเองช่วยแกม้วนกระดาษสำหรับประดิษฐ์ตุ๊กตาอยู่ เห็นมันว่างๆและเย็นนี้กลับบ้านเร็ว จู่ๆนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเงินที่พ่อโอนมาให้ประจำเดือน ก็เลยพูดขึ้นมา
“แดนไปหน่อยได้มั้ย งานแม่ต้องส่งเค้าพรุ่งนี้แล้ว”
ว่าแล้วก็เดินไปหยิบสมุดบัญชีออกมาเตรียม อ๊ะ…ทำไม ทำไมเงินในบัญชีมันถึง…
“แดน!…”
แม่ยืนอยู่ตรงประตูหลังบ้าน ยืนมองผมเหมือนเพิ่งโดนจับผิดได้…
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“แม่ ทำไมเงินถึงเหลือแค่นี้ล่ะ?...”
“เอามานี่”
แม่ของผมเดินเข้ามาแย่งสมุดบัญชีไปจากมือ เก็บใส่ลิ้นชักที่เดิม ทำไมแม่ถึงเหงื่อออกแบบนี้ ท่าทีลุกลี้ลุกลน…นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“แม่ ทำไมเงินในบัญชีของเราถึงเหลือน้อยแบบนั้น”
แม่รีบเดินหนี
“แม่ ได้ยินแดนรึเปล่า แม่บอกมาซิ แม่! ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?”
“แม่ไม่รู้!”
ผมผงะ…แม่หันมาตะคอกผม อะไรกัน…แม่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผมมาก่อนเลยนี่นา
“แม่…แม่กำลังร้องไห้เหรอ…”
มันไม่ใช่คำถาม…มันคือความจริง ใบหน้าของแม่ที่ชื้นเหงื่อ ผมปรกหน้าดูไม่เรียบร้อย ตาแดงลึกโหย…แม่เป็นอะไร?
แม่ค่อยๆเปลี่ยนจากอารมณ์เกรี้ยวกราด เป็นสะอึกอะอื้น ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบมันมึนเบลอไปหมด…หูอื้อ งง นัยน์ตาสีแดงก่ำของแม่ ภาพของแม่ที่เอามือปิดหน้าร้องไห้ ทรุดลงไปกองกับพื้นยังจำฝังตามาจนถึงทุกวันนี้
“แม่…แม่ไม่รู้จะทำไงต่อไปอีกแล้วลูก…แม่เหนื่อยเหลือเกิน”
ผมเห็นน้ำตาของแม่ พลันทำให้ตัวเองร้องไห้ไปด้วย ผมกอดแม่เอาไว้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง
“แม่ ทำไมเราถึงเหลือเงินเท่านี้…พ่อไม่ได้ส่งเงินมาเหรอ”
“ไม่…พ่อไม่ได้ส่งเงินมาลูก พ่อ…ไม่ค่อยมีเงิน”
หา? เป็นไปไม่ได้ พ่อเนี้ยนะไม่มีเงิน…แล้วเงินที่พ่อเคยส่งมาทุกๆเดือนล่ะ พ่อเอาไปทำอะไรหมด?
“ทำไมละแม่ พ่อเอาเงินไปทำอะไรหมด”
“แม่ไม่รู้ แดน…แดนอย่าโกรธพ่อเลยนะ นะลูก…มันบาป”
ผมกำมือแน่น สงสารแม่จับใจ…ภาพแม่ที่โทรมลงจนน่าใจหาย กำลังร้องไห้อยู่ตรงพื้นด้วยความสิ้นหวัง…มันตำตาผม จนเบ้าตาที่แสบไปด้วยน้ำตาร้อนผะผ่าวไปหมด…ทำไมพ่อถึงทำแบบนี้ พ่อทำกับแม่ กับผม…ได้ลงคอแบบนี้ได้ยังไง
พ่อไม่เคยสนใจเราสองแม่ลูกเลย เป็นแบบนี้ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา พ่อจะรู้มั้ยว่าเราเหนื่อยและท้อแท้มากแค่ไหน…พ่อทำเป็นแต่สิ่งที่เค้าถนัดนั่นก็คือการละเลยความรับผิดชอบของพวกเราไป…
ผมโกรธเขามาก…ทำไม? ทำไมพ่อของผมถึงไม่เป็นพ่อที่ดีเหมือนของคนอื่น…
“ไม่เป็นไรนะครับแม่ แดนจะช่วยแม่ทำงานเอง…เราต้องผ่านเรื่องนี้ไปได้”
เราสองแม่ลูกกอดกันแน่น…เป็นความจริงที่ชนกระแทกผมจนสมองไม่รับรู้อะไรไปชั่วขณะ…ผมงง ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าแม่…ชีวิตของผม ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
มันเร็วจนไม่ทันตั้งตัว…แม่ปิดผมมาตลอด อะไรกัน…ทำไมแม่ต้องปิดบังผมด้วย
“ไม่เป็นไรนะแม่ เราจะช่วยกัน…ผ่านพ้นมันไปด้วยกัน…และทุกอย่างจะดีขึ้นเอง…”
…แต่ผมมองไม่เห็นหนทางจริงๆ…
ด้วยความอิดโรยจากการร้องไห้ นอนไม่หลับ…ผมมาทำงานสาย วันนี้ซวยชะมัดเพราะพี่โศดันเห็นพอดี
“ทำไมมาสาย รถมันติดมากนักหรือไง”
ผมยกมือขึ้นขอโทษพี่โศ กล่าวคำขอโทษยกใหญ่…
“ทีหลังมาสักสิบโมงเลยซิ…”
ไม่รู้เค้าไปโมโหใครมา แต่ผมจำต้องก้มหน้ารับคำกระแนะกระแหนของเขาไป…ผมสูญเสียงานนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีผลต่อการเรียนแล้ว ผมยังต้องการเงิน…เงินที่จะต้องนำไปช่วยจุนเจือแม่นับแต่นี้เป็นต้นไป…
พักเที่ยง แอลมาชวนผมลงไปกินข้าว
“มึงเลี้ยงเหรอ?”
ผมถามเล่นๆ แต่ไม่รู้ล่ะ ของฟรีขอกินไว้ก่อน
“ฮื้อ? อ้อ เปล่าหรอก ชิพให้มาชวนน่ะ มันเลี้ยง”
ผมหยุดเดินทันที แอลรีบคว้าแขนผม
“ไม่เอาน่าแดน โตๆกันแล้ว มึงน่าจะเลิกทะเลาะกับมันได้แล้วนะ”
“แต่กูไม่ต้องการให้มันมามีหนี้บุญคุณอะไรกับกูนี่”
“บ้า ใครเค้าคิดกับแบบนั้น อีกอย่างนะ…ไอ้ชิพน่ะว่าที่เจ้าของบริษัทเชียวนะ ถ้ามันชวนก็ไปเถอะ พวกเพื่อนๆมึงก็ไป ทั้งหมดแหละ นะ อย่าเสียมารยาทเลย…”
แอลกล่อมผมอยู่นาน ยอมรับว่ามันเก่งจริงๆ ทำเอาผมใจอ่อนจนต้องยอมเดินตามลงมาที่ห้องอาหารชั้นหนึ่งจนได้…ณ ห้องอาหารจีนหรูหรามีชื่อของชิพ…นภเกตน์ จองห้องพิเศษไว้บนบอร์ดเรียบร้อยแล้ว ผมกับแอลเดินเข้าไป…ที่นั้น ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงจอกแจกพูดคุยกัน แต่พอผมกับแอลก้าวเข้ามาเท่านั้นแหละ…
…เงียบ ทำไมพวกมึงต้องเงียบด้วยวะ?
เหลือที่นั่งอีกสองที่ นั่นก็คือข้างๆมัน(ชิพ) หรือไม่ก็ข้างๆไอ้หนวด
ผมเลือกจะนั่งข้างหนวด
“แดนนั่งข้างๆชิพนั่นแหละ กูจาคุณกับหนวดเรื่อง…บอลเมื่อคืน”
ไอ้แอลไวกว่า TT_TT มันหน้าด้านรีบเข้ามาแย่งเก้าอี้ผมเฉยซะงั้นต่อหน้าต่อตา ผมกัดฟันกรอด…มองดูไอ้ชิพที่ยิ้มแย้ม…ริมฝีปากที่ยกขึ้นอย่างอารมณ์ดีทำให้ผมเกือบตบะแตก…ลืมเรื่องกลุ้มใจทั้งหมดแล้วนึกอยากกระชากหัวมันโขกพื้นซะตรงนั้น(ถ้าทำแล้วไม่โดนไล่ออกอ่ะนะ =_=”)
คุณอุ๋มซึ่งนั่งอยู่อีกข้างของมันกำลังมีความสุขกับบทสนทนาระหว่างนังไก่และนังจุม เรื่องกระเป๋าก๊อบสวยๆแถวมาบุญครอง สยามอะไรทำนองนั้น…ในเมื่อทุกคนมีเรื่องคุยกันหมด ก็เหลือแต่ผมกับชิพเท่านั้นที่ไม่ได้ขยับปากเลยแม้แต่นิดเดียว…
“หิวหรือยัง สั่งอะไรก่อนดี?”
ผมนั่งกอดอก จะว่าทำท่างอนเหมือนเด็กๆก็ว่าได้ (>^<)///
“งั้น…สั่งได้ตามสบายเลยนะ”
พูดจบ มันก็แกล้งเอาหัวเข่ามาโดนผมนิดส์นึ่ง…หันไปถลึงตาใส่มัน
“นี่!”
ชิพรีบเอามือมาปิดปากผมไว้แน่น เย้ย!!! เอามือของมรึงออกไปเดี๋ยวนี้น๊า เด๋วคนอื่นก็หันมาทางนี้กันหมดหรอก~~!!!
“คุณกล้าพูดกับผม…คนที่เลี้ยงอาหารมื้อนี้แย่ๆแบบนั้นเหรอ?”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพราย…ไอ้คำว่า ‘คนเลี้ยงอาหาร’ เหมือนเป็นการดักคอ ‘ผู้มีพระคุณ’…ทำให้ผมพูดด่ามันออกมาโดยไม่มีเสียงแทน (=_=”)
“ดี”
แถมมันยังเบียดตัวเข้ามาใกล้อีก ผมขยับไม่ได้…หารู้ไม่ ก็เพราะใต้โต๊ะไอ้ชิพเอามือกดต้นขาผมไว้อยู่น่ะซิ เชรี่ย~~~!!! เกลียดมันจริงๆเล๊ย!
“ทำตัวน่ารักแบบนี้ซิ ดีนะ จะได้บอกฝ่ายบุคคลขึ้นเงินเดือนให้”
มันหัวเราะเบาๆ…แต่ไม่รู้หรอก ว่ามันกำลังพูดดูถูกผมอยู่
ยิ่งตอนนี้มีเรื่องหนักใจเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผมยิ่ง…อึดอัด…ก็เพราะชิพเป็นทายาทเจ้าของบริษัทที่ผมฝึกงานอยู่น่ะซิ ผมถึงต้องทนกับสภาพ…แบบนี้
“ฮื้อ? มีอะไรหรือเปล่า”
ผมเผลอมองมัน ด้วยสายตาตัดพ้อนานไปหน่อย…จนชิพรู้ตัว ผมรีบหันไปสนใจกับจานข้าวตรงหน้า
“…”
“มองหน้าแล้วยังไม่ทำพูดอีก เดี๋ยวจับสอบสวนซะดีมั้ย?”
ชิพหัวเราะในลำคอ ไอ้เลว…เมื่อไรมึงจะหยุดพูดตอกย้ำกูแบบนี้ซะที รู้มั้ยว่ามันเจ็บ…การต้องอยู่ภายใต้อำนาจของมัน เป็นเรื่องให้มันล้อเล่น หัวเราะ ทั้งๆที่มันทำกับผมมากมายขนาดนี้…ฮือๆ T_T
ทว่าระหว่างกินอาหาร นอกจากมันจะต้องคอยดูแลคุณอุ๋มไม่ให้น่าเกลียดแล้ว มันยังแอบตักอาหารใส่จานผมด้วยตลอด…
จะว่ารู้สึกดีก็ไม่ใช่…จะว่าโอเว่อร์เกินเหตุก็ไม่เชิง แต่ผมยอมรับว่าภายในใจเกิดความอุ่นวาบเล็กๆ…บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ควรจะเล่นตัวหรือขอบคุณมันดี ก็ชิพ…
ก็ชิพ…
…ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี แต่ผมมองหน้ามัน แววตาอ่อนโยนที่มันทอดมองมา สัมผัสกับก้นบึ้งของหัวใจ…เรื่องเมื่อวันก่อนที่เราทะเลาะกันพลันมลายหายไป ใบหน้าขาวหล่อๆยิ้ม…ทำให้ผมอดยิ้มบางๆตอบไม่ได้…นี่กรูเป็นอะไรไป สรุปจะไม่ตัดใจจากมันใช่มั้ย?
พูดว่าอยากทำ แต่เอาเข้าจริง เคยมีใครทำได้บ้าง
…ผมทำไม่ได้…จะให้ลืมสนิท คงไม่มีหนทางเลยจริงๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป