โอ๋ๆ เอามาเพิ่มให้อีกตอนนะครับ เดี๋ยวนี้ไม่รู้เป็นไรอ่ะคับ เบลอๆ นึกว่าลงสองตอนควบกันแล้วซะอีก(เพราะตอนนี้ตอนเดียวสั้นจริงๆ =_=")
ตอนนี้แต่งภาคสองใกล้จบแล้ว เนี้ยเพิ่งจะสรุปไป เเต่งไปก็ร้องไห้ไป(อินเอง) อ่ะคับ T_T แต่รับรองว่าน่าติดตามแน่ๆ
สำหรับฉากคุณย่า มีแน่นอนนะครับ เนี้ยเพิ่งเขียนไปตะกี้เอง! แต่ผมไม่ขอเขียนมาก เพราะไม่ถนัดแนว...ลบหลู่คนแก่ ทว่าไม่ว่าจะยังไง ภาคนี้จะเป็นอีกภาคหนึ่งที่จบลงสมบรูณ์แบบเช่นเคย ฉะนั้นไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะคลี่คลายลงแน่นอนคับ
ใจเย็นๆกันนะคับท่านผู้อ่าน ส่วนตอนนี้ขอกำลังใจเป็นรีเช่นเดิม อิอิ รักคนอ่านทุกคนน๊า~~~
บทที่ 17
“แกเชื่อหรือเปล่า ว่าเมื่อวานพี่แหวนที่ดูแลเรื่องส่งงบการเงินน่ะ โดนพี่โศด่าเช็ดเลยแก~~~”
เอาอีกแล้ว ทำไมนะ ไอ้การนินทาเรื่องชาวบ้านนี่มันกลายเป็นสันดานของคนทำงานออฟฟิศไปแล้วเหรอ?
พวกเพื่อนของผมมันชอบมานั่งจับกลุ่มกันภายในห้องครัวเล็กๆนี้แหละ ทุกเที่ยงเลยคับ(=_=”)///// นำโดยพวกนังไก่ ไอ้หนวด นังกิ๊บซี่นี่แหละ ไม่รู้สมองพวกมันทำด้วยอะไร ช่างสรรหาหัวข้อให้มาพูดกันได้ทุกวี่วันไม่รู้จักเบื่อ
หมู่นี้ผมสังเกตเห็นไอ้หวานเงียบๆไป ขอบตาก็ช้ำๆเหมือนคนอดนอน สงสัยมันมีปัญหาเรื่องความรักกับเค้าบ้างมั้ง
“หวาน เอ็งเป็นอะไรว่ะ?”
ผมหาโอกาสพูดกับหวานเบาๆตอนที่ทุกคนออกไปทำงานกันหมดแล้ว เห็นมันนั่งเศร้าแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ หวานเป็นเพื่อนสนิทของผม เวลาที่ผมอ่อนแอมันก็จะดูแลผม เวลาที่มันอ่อนแอผมก็จะดูแลมัน
“ไม่เป็นไรหรอก…”
“อือ อย่าโกหกหน่อยเลย เป็นแบบเนี้ย…ต้องเรื่องความรักแน่นอนเลยใช่มั้ย?”
มันส่ายหัวจนเส้นผมไหวไปมา ไอ้หวานมีแฟนเป็นลูกคุณหนูไฮโซอยู่คน ชื่อน้องกุ้ง เธอสวยหวาน เรียบร้อย น่ารัก ร่ำรวยมาก เป็นลูกคนเดียวของเสี่ยเจ้าของโรงงานหลายแห่ง แต่ก็นั่นแหละ…ไม่มีใครรู้หรอกว่าน้องกุ้งมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน
“ทะเลาะอะไรกันมาอีกล่ะ…”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
“ยังไงๆก็…ค่อยๆพูดกันนะเว้ย”
“แดน…ถ้ากูกับน้องเค้าต้องเลิกกัน…”
ผมหย่อนกายลงข้างๆมัน ตบบ่าเบาๆ “พยายามเข้าซิหวาน ความรักน่ะ มาพร้อมกับอุปสรรค์และบททดสอบมากมายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ไอ้หวานพยักหน้า ค่อยๆหันมาทางผมยิ้มๆ แต่กระนั้นดวงตาของมันก็ยังมีเรื่องทุกข์ใจแฝงไว้อยู่ดี
“ขอบคุณนะแดน…แล้วมึงล่ะ เรื่องของมึงกับบอยไปถึงไหนแล้ว”
เฮ้ย เฉมาเรื่องของกรูตั้งกะเมื่อไร่ว่ะ???
“เอ่อ…ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาว่ะ”
ผมตอบๆมันไปแบบผู้รู้ล่ะเกิน = =” ที่ไหนได้ ผมกับบอยเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน เมื่อวานบอยยังโทรฯหาผมให้ไปเยี่ยมเขาที่คลินิกบ้าง เพราะหมู่นี้ผมไม่ค่อยว่างเลย นอกจากนั้นบอยยังเสนอเลี้ยงข้าวกลางวันฟรีๆให้ผมด้วย ^_^
“มันมีลูกหมาที่ฝากเลี้ยงไว้อยู่ กูอยากเอากล้องไปถ่ายเก็บไว้ดู บอยมันจะอนุญาตให้กูเล่นด้วยไง เลยจะไป-“
“คุณบอยเค้ามีคลินิกส่วนตัวด้วยเหรอ?”
จู่ๆ เสียงเข้มห้วนของไอ้ชิพก็ดังขึ้น ผมสะดุ้งโหย่ง! ไอ้หวานทำหน้าขำก่อนจะรีบกุลีกุจอหนีออกไปจากห้อง…
ผมค่อยๆหันไปหาชิพ บังเอิญนั่งหันหลังให้ประตูด้วย แต่ไอ้หวานก็ไม่ตื่นเล๊ยว่าใครกำลังจะมา ทั้งๆที่ประตูก็เป็นกระจก ไอ้เพื่อนทรยศศศศ+++!!!
“เข้ามาทำไม…”
ผมพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น คิดว่าถ้ามันไม่พูดถึงเรื่องวันที่ไปดูหนัง…ผมก็จะทำเป็นลืมๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ ทว่าถ้ามันเกิดอยากเอาคืนขึ้นมาล่ะ? งานนี้กรูก็ซวยอ่ะจิ T_T
“นี่มันห้องครัว ทำไมกูจะเข้ามาไม่ได้”
ไอ้ชิพเดินเข้ามา ล็อคประตู เหลือแต่ผมกับมันสองต่อสองเท่านั้น
“เผอิญได้ยิน กูสงสัย…ไม่ได้มาแอบฟังหรอกนะ สรุปแล้วนายบอยนี่ก็ร่ำรวยน่าดูล่ะซิ รวยมากมั้ยล่ะ?”
กวนส้นตรีน~~~ผมทำท่าจะลุกหนี
“เดี๋ยวซี” มันจับแขนผมเอาไว้ แล้วส่งให้นั่งลงตามเดิม
“เจ็บนะเฟ้ย!” ผมสะบัดออก แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี “ถ้าจะมาหาเรื่องเมื่อวันก่อนล่ะก็ รีบๆหน่อย…แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวล่ะก็ อย่าเสียเวลาประชดประชันซะให้ยาก”
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ!”
เย้ย! ไอ้ชิพโฉบหน้าเข้ามา ใกล้นิดเดียว!!! ผมตกใจจนเผลอถอนหายใจแรงอย่างงงๆ(เอ๋อชะมัดเลยตรู -_-“)
“กูไม่ได้จะมาหาเรื่อง…”
แต่มันโกหก ดูก็รู้ว่ามันโกหก…ผมรู้จักมันดีซะยิ่งกว่าอะไร ถ้ามันไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟัง คงไม่โกรธจนต้องกำมือแน่นแบบนี้ (+_+)
…’อยากเอาคืนก็บอกมา แต่กูไม่มีอะไรจะให้มึงหรอก’…
ผมทบทวนเรื่องที่แอลพูดกับผมเมื่อวันก่อน หากเป็นอย่างนั้นจริง…ผมสมควรต้องใจอ่อนมั้ยนะ? ชิพคงน่าสงสารมากที่มีย่าใจยักษ์ชอบบังคับคนอื่นแบบนั้น…ดูจากสีหน้าแข็งกร้าวของมันแล้ว แววตาอ้อนวอนตัดพ้อที่มันใช้ทอดมองผมมาตลอดนับแต่เราพบกันอีกครั้ง…ชิพดูเหนื่อยล้า และน่าสงสาร แต่ผม…
นี่ผมกำลังใจอ่อนเพื่อมันเหรอเนี้ย?
เจ็บ…ทำไมนะ ถึงได้เจ็บแบบนี้?...
…ชิพเคยบอกว่ามันรักย่ามันจะตายไป ย่าของมันต้องไม่ทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นแน่
“มีเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้?”
ผมปรับน้ำเสียงกลับไปเป็นเหมือนเดิม เย็นชาและไม่ใยดี…
“มึงมีความสุขดีกับบอยใช่มั้ย?”
“….ใช่”
“ก็ดีแล้ว”
เราจ้องมองกัน คิ้วของชิพขมวดขึ้น แลดูเจ็บปวดเหมือนมีคนทำร้ายมัน…ที่หัวใจ
ไม่ต้องสงสัย ผมนี่แหละจะทำให้มันรู้สึกอย่างที่เคยรู้สึกเอง
“แดน…มึงเชื่อกูหรือเปล่า?”
“ไม่รู้นะ…ไม่รู้ซิ”
ทำกวนโอยใส่มัน จะเป็นอันตราย’เปล่าว่ะ?
“แอลเล่าให้มึงฟังแล้วใช่มั้ย?”
“อ้อ ใช่ เล่าแล้ว…มันเล่าเรื่องโกหกทั้งหมดแล้ว ทำไมว่ะชิพ เรื่องน่าอายพรรค์นั้นทำไมต้องแจ้นไปบอกคนอื่นด้วย”
ผมชักฉุน กลายเป็นว่าต่อไปนี้แอลต้องมารับรู้เรื่องความรักเหี้ยๆระหว่างผมกับชิพด้วยใช่ม่ะ
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมขอตัวก่อนนะครับคุณชิพ”
“เดี๋ยวซิ มึงยังค้างกูอยู่นะ”
หา? ค้างอะไรว่ะ กรูไปติดหนี้อะไรมึงไว้แต่ชาติปางไหนกัน?
“อย่าทำงง…มึงแกล้งกูวันก่อน คราวนี้มึงต้องไปให้ได้ คนเดียว”
งง อะไรว่ะ? จู่ๆก็มาพูดมัดมือชกแบบเนี้ย ได้ที่ไหนกัน ย๊ากส์~~~!!!
“ไม่ไป! กูจะไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้นแหละ”
เชี้ย~~~!!! ไม่ได้ดั่งใจเลย โมโหชะมัด ไอ้…ไอ้บ้า! ไอ้จอมเผด็จการ วู้ย! ไม่อยู่ฟังมันพูดจาไร้สาระและ หนีดีกว่า
กำลังจะลุกขึ้นจริงๆ(<<<แล้วคราวเนี้ย) แต่มันกระชากแขนผมจนเก้าอี้ล้มเสียงดัง
“กูถามว่าเข้าใจมั้ย!”
เกลียดโคตรเวลามีคนมาบังคับแบบเนี้ย TT_TT
“ไอ้บ้า! มีสิทธิอะไรมาสั่งกูว่ะ?!”
“ก็มีสิทธิ…กูเป็นว่าที่เจ้านายในอนาคตของมึงไง”
555+ ผมหัวเราะใส่หน้ามัน(เป็นการเสี่ยงอันตรายมากนะคับ -_-“/) “จริงเหรอ งั้นเดี๋ยวกูลาออกก็ได้!”
คำพูดของผมขาดหายไป ริมฝีปากร้อนๆของมันโฉบเข้ามาครอบครองผม…อืม ดวงตาของผมมองเห็นแต่แสงสีขาววูบวาบเต็มไปหมด แล้วร่างทั้งร่างก็ต้องตกไปอยู่ในอ้อมแขนของมัน ถูกมันกอดไว้แบบนี้ ทำให้รู้สึกแพ้หมดท่า…เพียงแค่ชิพจูบผม เพียงเท่านี้เองน่ะเหรอ?
ความมั่นใจในการควบคุมตัวเองที่ผมมีอยู่พลันสูญสลายไปตรงหน้า บทพิสูจน์ที่ว่าทำไมผมถึงยังลืมชิพไม่ได้สักที นั่นคือรสจูบที่ฝังแน่นอยู่ในหัวผม…อ้อมแขนแข็งแรง จังหวะการเต้นของหัวใจ ไออุ่น กลิ่นกาย ลมหายใจร้อนๆ…
ปลายลิ้นนุ่มสอดแทรกเข้ามา แปลกใจที่ว่าวินาทีนั้นผมกลับตอบรับมันและพลอยเล่น ‘ลิ้น’ ไปกับมันด้วย…อืม รู้สึกดีชะมัด ภาพร่างของเราสองคนเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแว๊บเข้ามาในสมอง เฮ้ย! นี่กูกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย?!
“แดน…อย่าเพิ่งหนีจากไปตอนนี้นะ อย่าเพิ่ง…”
ผมผลักมันออก ถลาไปที่ประตูแล้วรีบเดินออกไป ก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตู วักน้ำเย็นๆลูบหน้าให้อารมณ์ค้างๆเหล่านั้นดับวูบลง…มองตัวเองในกระจก…ริมฝีปากเจ่อแดงของตัวเองนี้คงฟ้องชัดเจนว่าผมไปทำอะไรมา ทางที่ดีอยู่ในนี้ต่ออีกสักพักดีกว่า ให้แน่ใจด้วยว่าไอ้บ้านั่นจะกลับขึ้นไปที่ทำงานของมัน…
จับอกตัวเอง ใจยังสั่น เต้นรัวแรงเหมือนไปวิ่งออกกำลังกายมาอยู่เลย
นี่ใช่มั้ย ที่เขาเรียกว่า…
ความหลังฝังใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป