ขอขอบคุณเม้นท์ทุกท่าน ที่คอยส่งกำลังใจให้ผมเสมอมา อยากบอกว่ารู้สึกปลื้มใจมาก ขอบคุณมากจริงๆงับ
อ้อ แล้วก็ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ 555+ แต่ผมว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะ เค้ามีแฟนเป็นผู้หญิงง่ะ (=_=*) ผมเลย เฮ้อ...
ตอนนี้กำลังมีโปรเจ็คแต่งเรื่องใหม่อยู่ แต่อีกนานคับ ไม่บอกด้วยเป็นไง แต่ผมว่าแต่งเองยังรู้สึกสนุกกว่าเรื่องนี้อีก 555+ (เพลินเองเปล่าว่ะกรู?)
โอเคคับ แล้วพบกันใหม่
บทที่ 11
“เรามีเรื่องต้องพูดกัน…”
“แต่กูไม่มีเรื่องจะพูดกับมึงนี่”
ผมรีบถลาไปที่ประตู แต่ไอ้ชิพดันไวกว้า คว้าตัวผมไว้แล้วเหวี่ยงลงบนเตียงกว้างทันที
“ชะ…ชิพ มึงไม่มีสิทธิทำกับกูแบบนี้นะ”
“ขอเพียงแค่มึงฟัง…แค่มึงฟังกูเท่านั้น”
“แต่ว่า-“
วลีต่อไปขาดหาย เนื่องจากจุมพิตอุ่นร้อนของชิพที่ประกบลงมา ปิดปากผมไว้สนิทแน่น…ร่างหนาของมันเอนตามลงมา โดยที่หลังของผมสัมผัสได้กับเตียงนุ่มๆ…มือของชิพประคองใบหน้าของผม มือนุ่มๆใหญ่ๆของมันยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเดิม และเกือบจะเท่ากับที่ผมจดจำน้ำหนักตัวของมันที่อยู่บนร่างของผมได้…
ชิพค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา วูบแรกที่ผมต่อต้าน…แต่แค่ชั่วอึดใจเท่านั้นที่ชิพทำให้ผมเปลี่ยนความคิด…การต่อต้านชิพไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามต่างเป็นเรื่องยากเย็นด้วยกันทั้งนั้น
“ฮื้อ…”
กางเกงนอนบางๆของชิพไม่สามารถปกปิดความต้องการที่แสดงออกมาได้…ผม…ผมเกือบหลงใหลไปกับความรู้สึกต่างๆแล้ว แต่ด้วยสำนึกส่วนสุดท้าย ทำให้ผมผลักมันออกอย่างแรง
ตามด้วยฝ่ามือของผมที่ตบหน้ามันแรงจนหัน...
มันหันมาถลึงตา!
ฉากต่อไป >///<…คือประมาณว่าตลอดชีวิตของผมไม่เคยอยากนึกเล่นบทซาดิสต์ซึ่มกับใครหรอกนะ แต่ชิพทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ...
“ยะ...อย่านะ”
มันจับคางผมไว้ บีบแรงจนเจ็บ...จับข้อแขนผมยึดไว้เหนือหัว แล้วบดจูบลงมาอย่างตะกละตะกลาม อ๊ากกก~~อย่าทำแบบนี้ยยยย!!!
ปากกรูไม่แดงเลือดออกไปแล้วเหรอเนี้ย???
มันยังคงกอดผม หายใจหอบแรงเพราะแรงจูบ
“กูคิดถึงมึง…”
แววตาของมันที่ทอดมองลงมา เกือบทำให้ผมหลงกลเชื่อมันอีกครั้งจริงๆ…(อย่าเชียวนะ!)
“...แล้วหลังจากคืนนี้ มึงก็จะหนีไปจากชีวิตกูอีกใช่มั้ย?”
คำพูดแทงใจดำทำให้ชิพยิ่งใจเต้นตึกตัก ภายใต้ฝ่ามือของผมที่แนบอยู่กับแผงอกของมัน สีหน้ามันหม่นลงจนกลายเป็นเศร้า…เศร้าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“กูขอโทษ…กูรู้ว่าคำขอโทษมันไม่มีค่าสำหรับมึง แต่รู้ไว้เถอะ ว่ากูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ”
“แล้ว...แล้วทำไม ห้าปี? มึงถึงไม่ติดต่อมาบ้าง”
น้ำเสียงของผมสั่น ชิ! นี่ขนาดบังคับแล้วไม่ให้มันรู้ว่าผมกำลังตัดพ้ออยู่นะเนี้ย...มือของชิพลูบแก้มผม ชิพก้มลงจูบเปลือกตาอ่อนโยน...ซบหน้าลง
“...ตลอดห้าปี ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากเจอมึง แต่ย่าของกู...ท่านเข้มงวดมาก แม้แต่จดหมายทุกฉบับก็ต้องผ่านมือของท่าน คนในอพาทเม็นท์ก็ต้องรายงานท่าน กู...กูขัดใจไม่ได้ ท่านไม่ค่อยสบาย แล้ว...ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณเพียงคนเดียวของกูด้วย”
ผมอึ้งกับความตอแหลของมัน ย่าที่ไหนจะใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น?
แล้วไอ้ความอ่อนโยนที่มันทำอยู่ตอนนี้อ่ะ…เรื่องจริงหรือเปล่า?
“อีกอย่าง...กู กูไม่กล้ากลับมาพบมึง กูรู้สึกผิด...”
แววตาของมันบอกเรื่องราว ความเศร้า ความทุกข์ ความรู้สึกผิด...อดีตที่คอยกัดกินใจของเรา ทั้งชิพและผมต่างเจ็บปวด ผมไม่อยากให้เรื่องเหล่านี้กลับมาตามหลอกหลอนอีกจริงๆ...
“แดน...เชื่อนะ ความคิดถึงที่กูมีมันเทียบไม่ได้กับ...ช่างมันเถอะ แต่ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เพราะกูอยากทำ กูต้องทนกับมันมาตลอดห้าปีเหมือนกับมึง มันทรมานมากเวลากูคิดถึงมึง กูรู้ว่ามึงยังรออยู่ เพียงแต่กูทำไม่ได้…”
“ทำอะไรไม่ได้ชิพ? อย่าบอกนะว่าย่าของมึงบังคับอีก”
“…มึงไม่รู้หรอกว่าคุณย่าเป็นยังไง”
เอาจริงๆนะ ตอนนี้ในสายตาของผมย่ามันโคตรเหี้*เลยอ่ะ...
“แต่มันไม่มีเหตุผล ทำไมย่าของมึงต้องใจร้าย จับมึงส่งไปเมืองนอกโดยกระทันหันแบบนั้น ห้ามติดต่อกลับมาเมืองไทย ห้ามมึงทำตามใจตัวเอง ทั้งๆที่แต่ก่อนมึงก็มีอิสระดี...ไม่ใช่เพราะคืนนั้นมึงได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วเหรอไง? มึงถึงได้รีบร้อนหนีไปแบบนั้น…”
“...แดน มึงไม่เชื่อกู ไม่เป็นไรหรอก...แต่เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ คราวนี้กูสัญญา ว่าจะไม่ทำผิดซ้ำซากอีก”
ผมส่ายหน้า ฮึ เชื่อมรึงตายเลยไอ้ชิพ...คำพูดลมๆแล้งๆของมันเกือบฆ่าคนตายมาแล้ว คราวนี้ผมไม่มีวันตกหลุมพรางของมันอีกแน่ -_-“
ผมผละออก ลุกขึ้นยืน รอให้มันลุกตามแล้วเริ่มต้นพูดกันจริงๆจังๆ
“คำสัญญาเหรอ? อย่าเลยชิพ กูหมดศรัทธากับคำๆนั้นไปนานแล้ว เอาล่ะ ทีนี้กูเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว...ปล่อยกูออกไปที”
“~อย่าเพิ่ง...”
มันดึงแขนผมไว้ ทำจะมากอดจูบอีก
“กูบอกให้ปล่อยออกไปไง! ไม่งั้น...ไม่งั้นกูจะโทรเรียกแฟนกู...จะ จะโทรฯเรียกแอลให้มาลากคอมึงเข้าคุก ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวนะ!”
ได้ยินดังนั้น ไอ้ชิพหน้าตึงขึ้นมาทันที เอ๋?...
“ทำไม? จะรีบออกไปไหนล่ะ ออดอ้อนกับไอ้แอลเหรอไง?”
อ้อ มันกำลังหึงนี่เอง ยั่งงี้ต้องยิ่งยั่ว ให้มันคลั่งตายไปเลย 555+
แต่ก็แอบหมั่นไส้เล็กน้อย...’ไมเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังวะ? -_-* (กรูตามม่ะทันอ่า)
“ใช่ซี่~~~ ไอ้แอลมันแอบชอบกู มึงไม่รู้เหรอ?” ขอโต้ดนะแอล...เพื่อนขอปากพล๊อยนิดส์
ไอ้ชิพกัดฟันแน่น กำลังพยายามระงับอารมณ์อยู่ล่ะซิ คงยากล่ะนะ ฮ่าๆๆๆ
“แล้วไหนล่ะเมียมึง? โธ่ๆ คงนึกน้อยใจนะที่มึงไม่เคยใส่ใจดูแลเขาเลย เหอะ น่าจะรู้ตั้งนานแล้ว”
“หยุดลากคุณอุ๋มเข้ามาเกี่ยวด้วยเดี๋ยวนี้นะ…”
น้ำเสียงของมันกดต่ำลง แววตาแข็งกร้าวขึ้น อ้อ นึกว่ากลัวเง้อ?
…แต่ไอ้การลุกขึ้นมาปกป้องผู้หญิงของมัน วิธีการที่มันตำหนิผม ทำให้ผมโกรธมันมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก
ไอ้คนโกหก! ยังไงมึงก็ตั้งใจโกหกกูให้กูเป็นตัวสำรองอยู่วันยังค่ำ!
“ฮ่าๆ คุณอุ๋ม...นี่อย่าบอกนะว่ามึงรักคุณอุ๋มเข้าให้จริงๆ...กูจะบอกอะไรให้ จะง่ายกว่ามั้ยถ้ามึงเลิกยุ่งเรื่องของกูแล้วหัดใส่ใจคุณอุ๋มของมึงบ้าง”
“มึงจะไปรู้อะไร คุณอุ๋มเป็นเพื่อนสนิทกู”
“แล้วเค้ารู้มั้ยละว่ามึงอยู่กับกูที่นี้...เค้ามีสิทธิจะรู้นะจริงมั้ย?”
มันย่างสามขุมเข้ามา ผมเตรียมตั้งหลักรับมือ
“บอกให้หยุดพูดเรื่องของเขาไง!”
“ถ้ามึงรักคุณอุ๋มนัก…มึงจะมาตอแยกับกูทำไม! มึงจะมาทำเห็นใจ ตักกับข้าวให้ จะมาทำหึง ทำเป็นสนใจดูแลกูนักทำไม ในเมื่อมึงทิ้งโอกาสของมึงไปแล้วตั้งห้าปี!”
มือของมันคว้ามับเข้าให้ที่กลางลำแขนของผมตอนที่ตะโกนเสียงดังออกมา แล้วบีบ…ผมร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีแล้วถึงกับทรุดตัวลงไปนั่ง ไอ้ชิพบีบแขนผมจนปวดไปถึงกระดูก(พูดจริงๆไม่ได้โกหก)…ทำไมมันแรงเยอะขนาดนี้ว่ะ
ด้วยความเจ็บ น้ำตาถึงกับร่วงเพลาะๆ บวกกับความโกรธ น้อยเนื้อต่ำใจ…ทำให้ผมร้องไห้อีกครั้ง
“มึงไม่สิทธิทำกับกูแบบนี้…มึงไม่มีสิทธิ”
ผมปล่อยโฮออกมา…ไอ้ชิพค่อยๆวาดแขนโอบผม ดูเงอะงะชอบกลขณะที่มือของมันยังคงจับข้างที่แขนของผมแน่น…
“กู…กูขอโทษ”
“มึงไม่มีสิทธิทำแบบนี้…ตอนนี้กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู ได้ยินมั้ย! อย่ามายุ่งกับกูอีก อย่ามายุ่งอีก! รู้ไว้ซะด้วย!”
ผมวิ่งออกมา เปิดประตูแล้วกดลิฟต์ลงไปที่ชั้นล่าง วิ่งออกมาเรียกแท็กซี่…ไม่สนใจแล้วว่าที่นี่ที่ไหน ได้แต่ปาดน้ำตาออกจากดวงตาที่พร่ามัว ขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านไปด้วยความรู้สึกเจ็บตรงอก ผมหายใจไม่ออก…ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี ไม่รู้จริงๆ