โอ๋ๆๆๆ สั้นไปเหรอครับ งั้นผมเอามาแถมให้ก่องหนึ่งตอนก่อนไปนอนน๊า
แล้ว...ไม่มีผู้รู้บ้างเหรอคับ? ผมไม่ได้โกหกน๊าาาา
อยากรู้จริงๆว่าควรทำไงดี คือ...ไม่กล้าบอกเค้าว่าแอบชอบอยู่อ่ะ 555+
ส่วนเรื่องชิพ อย่าเพิ่งใจร้อนนะครับ ชิพจะค่อยๆบอกเหตุผล ต้องคอยดูกันต่อว่าชิพจะยังมีพ่อยกคอยสนับสนุนกันอยู่หรือเปล่าภาคนี้???
ขอบคุงคร้าบ
บทที่ 10
“นี่ๆ ขนมเค้กใครไม่รู้ แดน แกแบ่งครึ่งกินกับชั้นได้มั้ยว่ะ?"
ไอ้ไก่จอมตะกละเห็นเค้กใครวางอยู่ไม่รู้ ก็รีบหยิบขึ้นมาประกาศจะยัดเข้าท้องกว้างๆของมันอย่างหน้าด้าน=_=” และเพื่อลดความน่าเกลียด…มันเลยรีบจิกผมที่อยู่ใกล้มือมากที่สุด มาร่วมแบ่งปันช่วงเวลาอิ่มอร่อยโดยที่กรูยังไม่ทันได้ตอบตกลงอะไรกับมรึงเลย o_O*
คืองี้ครับ ไก่เป็นหญิงสาวร่างช้าง ที่นับวันยิ่งหากยากเข้าไปทุกที…นอกจากมันจะอ้วน เตี้ย ดำ และเปิ่นสุดๆแล้ว มันยังชอบทำหัวพะหงกๆแบบไก่ด้วยเวลามันพูด ยิ่งไอ้แว่นหนาๆของมันยิ่งทำให้ดูเหมือนป้าไก่ในเรื่องฟลายอิ้ง ชิคเก้น เพื่อนๆเลยรวมหัวเรียกมันว่านังไก่ ชื่อจริงสตรีนางนี้เขาชื่อ อรอุมา ต่ะหาก (เพราะหลายคนทนไม่ไหว เลยเรียกมันชื่ออื่นแทน)
“เอ่อๆ กินก็ได้ ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”
นังไก่ยื่นช้อนให้ผมพร้อมทำท่าจะนั่ง ซึ่งต้องหลบที่ให้มันมากเกินผู้หญิงคนหนึ่งจะทรุดตัวลงนั่งได้ แล้วเราสองคนก็รุมหัวกันนั่งกินเค้กในห้องครัวของแผนกการเงินแห่งบริษัท ‘เพลนดิล สุขภัณฑ์’ แห่งนี้…พวกเราทั้งหมดกำลังนั่งคุยจอกแจกอยู่ในห้องครัวเล็กๆ มีพี่ๆที่ทำงานอยู่บ้างประปรายคอยพูดคุยกับคนอื่นๆ ปรากฏว่าพักเที่ยงทุกคนพร้อมใจกันไม่ลงไปไหน เพราะเย็นนี้ต้องปิดงบของปีที่แล้วก่อนสี่โมงเย็น ตั้งแต่เช้ามาเลยวุ่นวายชนิดที่ว่าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ (+.+”)
งานที่ว่ายากก็คือการตรวจสอบตัวเลขให้ถูกต้อง และยิ่งรายการเป็นภาษาอังกฤษแล้วยิ่งยากใหญ่…สำหรับผม(และนังกิ๊บซี่)ไม่ค่อยยากเท่าไรอยู่แล้วแหละ แต่พวกที่เหลือนี่ซิ เลยต้องไปช่วยงานคนอื่นแทนเพราะไม่รู้เรื่องพวกนี้เอาซะเลย(ชิ บั่นนอก=o=”)
“แดน เดี๋ยวไปช่วยพี่รุณต่อด้วยนะ แล้วนังกิ๊บซี่ล่ะ หายไปไหน?”
พี่หริณ สาวประเภทสองเช่นกันแต่หน้าสวยกว่าความเหียกของนังกิ๊บซี่มากนักสั่ง นั่นแปลว่าผมหมดเวลาพักแล้ว T_T
“ครับๆ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงชะลูดของนังกิ๊บซี่ก็โผล่พรวดเข้ามา พร้อมกับร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาด้วย
“เฮ้อ หิวจัวเลยค่ะทุกๆคน อร๊าย! ลืมไปเลย นี่พวกเรา วันนี้คุณชิพจะให้เกียรติลงมาทานอาหารกับพวกเราด้วยนะคะ เชิญเลยค่ะคุณชิพ คุณอุ๋ม”
ผมเงยหน้าขึ้นมองตามนังกิ๊บ(ต่อไปนี้จะเรียกมันแค่ว่ากิ๊บแทนนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ เมื่อยมือง่ะ = =”)…ทันทีที่ผมเห็นหน้าไอ้ชิพปรากฏเข้ามา มองมาทางผมอย่างจงใจ บังเกิดเป็นความเบื่ออาหารขึ้นมาทันที
เพิ่งจะสังเกตว่ามีแฟนสาวของมันพ่วงมาด้วย เห็นตัวเล็กๆ ดูค่อนข้างขี้อาย แบบพูดไม่เก่งทำนองนั้น…รายนี้โดนไอ้หนวดกับไอ้ออมป้อแยกไปอีกทาง
ไอ้ชิพไม่ยักสนใจ…ผมรู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
เหอะ น่าจะรู้ดีมาตั้งนานแล้วซะอีก ว่าคนอย่างชิพน่ะเหรอ จะจริงจังกับใคร…
“อร๊ายยยย~~~นั่นขนมเค้กใครคะ? ชั้นขอกินได้มั้ยฮ้า~~~ตั้งแต่เช้ามายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยอ่ะค่ะ”
“ผู้ชาย หรือขยะสดล่ะนังกิ๊บซี่”
นังกิ๊บรีบค้อนคนที่พูด(ซึ่งก็คือนังจุม ผู้หญิงตัวเล็กๆเซอร์ๆแต่ฝีปากร้ายกาจอย่าบอกใคร) แล้วหันมาออดอ้อนผมกับไก่ต่อ
“น๊า เค้าขอกินน๊า”
“ฮื้อ ไม่ได้หรอกกิ๊บ กูยังกินไม่เสร็จเลย”
“ใช่ๆ ชั้นก็หิวนะยะ”
ผมกับไอ้ไก่รีบแย้ง ปกป้องสิทธิมื้อเที่ยงของตัวเองอย่างรวดเร็วที่สุด
“แหมนังไก่ หล่อนก็หิวอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เหรอ ว่าแต่เค้กนี่ของใครกัน ใช่ของหล่อนทั้งสองหรือ?”
เออ…จะตอบมันยังไงดีว่ะ ถ้าบอกความจริงมันกูต้องอดข้าวเที่ยงอันมีค่านี้ไปแน่ๆ…แต่ถ้าโกหกมัน ผมก็ทำผิดศีลข้อสี่น่ะซิ…(คือ ประมาณว่าแม่สอนมาดีอะไรงี้อ่ะคับ อิอิ ^_^)
“ของผมเองล่ะคับ”
ใครบางคนโพล่งขึ้น เสียงทุ้มๆห้าวของมันดังหยุดปากของผม…นี่เค้กไอ้ชิพเหรอเนี้ย???
“~อร๊าย เค้กคุณชิพเองเหรอค้า”
“ใช่คับ ผมซื้อมาฝากไว้แต่เช้า เห็นว่าวันนี้ต้องปิดงบ อาจจะต้องอยู่เย็น…เลยเอามาให้เป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆน่ะครับ”
นังกิ๊บกับสาวๆในห้องหลายคนต่างวี๊ดว๊ายชื่นชมไอ้ชิพ ส่งสายตาหวานเชื่อมกันว่อนห้อง ฮึ ชิพน่ะเหรอจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเล่นละครตบตาทำตัวเป็นคนดี ที่แท้ก็เสแสร้งชัดๆ!
“กิ๊บ งั้นกูอิ่มแล้ว” ผมกระแทกช้อนออกไปห่าง ทำท่าไม่พอใจทันที ไอ้ชิพหน้าเสียลงเล็กน้อย
“แดน ทำไมทำแบบนี้ล่ะ” นังไก่ถาม ผมกำลังหงุดหงิดเลยวีนใส่มัน
“ก็ใครที่ไหนไม่รู้ซื้อมา ซื้อมาทำไมก็ไม่รู้ กูไม่กินหรอกของพรรค์นี้”
“แต่แกก็กินเข้าไปตั้งหลายคำแล้วน่ะเว้ย”
ไอ้หวานแย้ง…ผมมองไปที่กลุ้มเพื่อนๆ มีทั้งไอ้หวาน นังจุม แล้วก็แอลที่มองด้วยสายตาสงสัยมาที่ผม…
“ช่างมันเถอะ…”
“นี่แกกำลังหงุดหงิดเรื่องนายบอยเหรอ?”
ไอ้หวานพูดขึ้นลอยๆ แต่กลับทำให้หลายต่อหลายคนหูพึ่งขึ้นมาแทบจะทันที
“เปล่า…ไม่มีอะไรนี่”
หลายคนเริ่มแซวผม อยากบีบคอไอ้พวกยิ้มๆชอบหาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นแบบนี้ชะมัด oo(= =”)o<<<
“โถๆ มีปัญหากับแฟนมาก็ไม่บอก นั่งงมพะอำอยู่คนเดียวไปได้ เดี๋ยววันนี้เลิกงานไปเม้าท์กันที่หอไอ้หวานดีกว่า”
“สรุปบอยคือแฟนของแดนเหรอ?”
แอลถามขึ้นมาอย่างตกใจ นังกิ๊บรีบสาระแนตอบ (แงะ =_=”)
“อ้าว ใช่ซิคะแอล บอยน่ะว่าที่คุณหมอเวทเทอริแนร์เรี่ยน(มันกระแดะอ่ะคับ <- -> : veterinarian)หนุ่มสุดหล่อเลยนะคะ แหม คนอะไร๊หล่อก็หล่อ แถมยังโคตะระรวยอีกต่างหากคร่า จริงมั้ยยะแดน”
“~เอ่อ…เออ” ผมอาย…ความแดงลามเลียไปทั่ว ทั้งใบหู ต้นคอ
“นี่แดนมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ?”
ไอ้แอลก็ยังคงซักไซ้ซักถามอยู่นั่นแหละ แมร่ง~~~พูดให้มันเบาๆหน่อยซิว่ะ! ;-o
“แกก็รู้มาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอแอล”
ไอ้หวานกล่าวหยอกๆ ฮืมไอ้หวาน…คราวนี้ทีของมึง อย่าตกมาทางตีนกูแล้วกัน เมื่อไรนะ…เจอดีแน่!!!
“บอยนี่คือใครเหรอครับ”
เสียงเย็นๆดังขึ้นเรียบๆ ภายในกลุ่มของผมเงียบกันหมดทุกคน…ต่างหันไปมองที่ไอ้ชิพ ซึ่งบัดนี้นั่งคอตรงหน้าตรง แววตาเย็นชาปรากฏความเฉียบขาดน่ากลัว ใครเห็นเป็นต้องหลบ ราวกับว่ามันกำลังมองผ่านทุกคนด้วยใบมีดโกนคมกริบ
“อ้อ ไม่ใช่ใครหรอกครับ แฟนใหม่ผมเอง”
ผมรีบตอบแทนทุกคน รอยยิ้มแจ่มใสฉาบหน้า ว่าแล้วก็ลุกเอาช้อนไปล้าง แล้วเดินผ่านตัวชิพไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมเห็นชิพเดินตามมา เลยรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางพนักงานทั้งชั้น มันมองมาด้วยสายตานิ่งเฉย ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่…แต่ผมส่งสายตาท้าทายมัน ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
“อย่านึกว่าคุณจะก้าวต่อไปได้คนเดียวซิครับคุณชิพ คนเราทุกคน เมื่อเจ็บมากพอแล้ว…ก็จะตัดก้อนเนื้อร้ายทิ้งไปได้เอง คุณต้องลองทำดูครับ แล้วจะประหลาดใจ”
หันหลังกลับมาที่โต๊ะด้วยความสะใจ สีหน้าของมันเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งกว่าอะไรดี ฮ่าๆๆ…สาสมแล้วล่ะที่มันเคยทำกับผมไว้ แต่แค่นี้มันยังไม่จบหรอก…เรื่องมันยังไม่จบง่ายๆเหมือนครั้งก่อนแน่นอน ผมรับรองได้
งบน่ะปิดจริงๆก็สี่ทุ่ม กว่าจะได้เลิกงานออกจากออฟฟิศก็ห้าทุ่มครึ่ง พี่ๆที่ทำงานเลยกะจะพาคนทั้งแผนกไปเลี้ยงข้าวต้มรอบดึกกันที่ร้านชื่อดังย่านพระนคร ซึ่งร้านก็แน่นมากๆๆๆ เราทั้งหมดประมาณสามสิบกว่าชีวิตก็พยายามยัดกายกันเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงซึ่งติดแอร์ และอยู่ด้านในสุด พี่เอกซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกเป็นคนออกเงินร่วมกับพี่โศและพี่แหม่ม ทั้งสามเป็นseniorรุ่นบุกเบิก อาวุโสมากที่สุดในออฟฟิศ
ผมนั่งร่วมโต๊ะกับแค่เพื่อนๆ และเป็นโต๊ะเล็กที่สุด เผอิญผมได้นั่งข้างๆแอล และตรงข้ามว่างอยู่อีกสองที่ ตอนแรกไม่รู้ว่าของใคร จนกระทั่งไอ้ชิพกับแฟนสาวของมันปรากฏตัวเข้ามา หว่า~~~ต้องมานั่งประจันหน้ากับมันแบบนี้ กรูกลืนข้าวต้มไม่ลง+เม้าท์ไม่ออกชัวว์ๆ เฮ้อ! อะไรมันจะซวย+เซ็งได้มโหฬารขนาดนี้ว่ะ!!!
พวกเราสั่งๆกันไม่เกรงใจ(ราคาไม่แพงมาก แต่อร่อย…) จนทุกคนลืมชิพกับคุณอุ๋มไปเสียสนิท อ้าว ก็เห็นนั่งเงียบๆจ๋องง๋องกันอยู่สองคนแบบนั้น ใครจะไปสนใจล่ะ…
“เฮ้ยไอ้แดน ส่งเมนูให้ชิพดูดิ” ไอ้หวานสั่ง เย้ยO[]O!!! ทำไมต้องเป็นกรูด้วยว่ะ?
ผมรับเมนูมาแล้วส่งๆให้มันอย่างไม่ใส่ใจ เซ็งชะมัด แค่หน้าแมร่งกรูยังไม่อยากจะมอง นับประสาอะไรกับต้องนั่งมองหน้าตอนกินข้าวกันด้วย อ้วกจะแตกล่ะซิไม่ว่า OWO”!!!
“มากินทำไม? คุณไม่ได้อยู่แผนกนี้ไม่ใช่เหรอ”
ผมถามชิพโต้งๆแบบนั้น จนไอ้แอลทำหน้าเหว่อ
“เผอิญผมมาในฐานะเพื่อนของแอล และ…ว่าที่เจ้าของบริษัท”
ผมกำมือแน่น…หน๊อยแนะ เล่นเอาฐานะใหญ่โตมาขู่เหรอ ไม่กลัวหรอกโว้ย!
อาหารตามร้านข้าวต้มมันจะรอไม่นานไงครับ ห้านาทีก็มาถึง ผมรีบลงมือเพราะหิวมากมาย แปบหนึ่งมีมือของใครบางคนคีบเอาไข่เค็มมาวางแหมะไว้ในถ้วยของผม
“กลัวคุณเอื้อมไม่ถึง…”
ไอ้ชิพกล่าวพลางจ้องมาที่ผม จานไข่เค็มมันก็ไม่ไกลมาก แต่มันเกิดนึกบ้าอะไรขึ้นมาอีก? ทำแบบนี้กับกรูอย่านึกว่าจะหายโกรธง่ายๆหรอก แง่ง~~!
แฟนของมันกำลังคุยออกรสอยู่กับนังกิ๊บที่นั่งข้างๆ ผมเม้มปากมองมันด้วยแววตาตัดพ้อ…ชั่วครู่เท่านั้นแหละ ผมก็คีบไข่ชิ้นนั้นออกไปวางไว้ในถ้วยของแอล รู้สึกขยะแขยงยังไงไม่รู้…
“ผมว่าคุณควรดูแลแฟนคุณให้ดีๆ จะดีกว่านะ”
ว่าแล้วผมก็คีบชิ้นหมูแผ่นขึ้นมา แล้วเอาไปวางไว้ที่ส่วนของแอลบ้าง ยิ้มขำๆแบบคนอินเลิฟซะด้วย
“แอล มึงกินนี่เยอะๆนะ ดูซิเดี๋ยวนี้ผอมลงไปเยอะ”
“หะ…หา?”
ผมแอบหยิกสะโพกมันที่ใต้โต๊ะ ไอ้ห่านี่เสือกสะดุ้งโหยง เลยต้องรีบคว้าต้นขามันแล้วบีบไว้
สงสารมันเหมือนกัลแหละ...+-+”
“เฮ้ยแอล ข้าวติดปากอ่ะ”
ไม่ยอมให้มันทันอึกอักอีก ผมรีบคว้าข้าวที่อยู่ในมือกรูเองนี่แหละ…ออกมาจากแก้มมัน ยัดเข้าใส่ปากทันที
“กินให้มันระวังๆหน่อยเด่ เลอะหมดเหมือนเด็กไปได้ 555+”
หัวเราะดังๆตบท้าย แล้วยังทำเป็นเซไปโดนแก้มมันอีกนะ…คราวนี้ฮาจริง แก้มไอ้แอลเสียความบริสุทธิ์ให้ผมแล้ว เป็นเกย์ซะด้วย 555+
ไอ้แอลหน้าแดงแจ๋ ผมพินิจมันดีๆ…ไอ้นี่มันก็น่ารักเหมือนกันนี่หว่า~~~เลยหยิกแก้มมันเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยวไปที
“ทำไมเวลามึงอายต้องน่ารักแบบนี้ด้วยน๊า~~~ กับผู้หญิงคนอื่น…เป็นแบบนี้หรือเปล่า”
ไอ้แอลก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จา คงเป็นเพราะหลบสายตาของไอ้ชิพ…ผมค่อยๆเลื่อนไปสบตาชิพ…ในใจของมันคงเดือดพล่านแน่ๆ ดูจากประกายตาวูบวาบ และกรามที่ขบแน่นจนนุ่นออกมาเป็นสันเห็นชัดเจน อยากหัวเราะดังๆเหมือนคนบ้าสักที ฮ่าๆๆๆๆๆ
จะได้รู้ไง…ว่ามันไม่มีค่าอะไรสำหรับผมเลย
ชีวิตผมเดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่มีมันด้วยยิ่งดี…
“คุณทำแบบนี้ไม่อายใครเลยเหรอ” ไอ้ชิพกัดฟันพูดดีๆกับผม ผมตอบมันขำๆ
“อายทำไม ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย”
“แต่ผมอายแทนคุณนะครับ คุณแดน”
น้ำเสียงมันกดต่ำลงแบบจะสมเพช จนผมนี่แหละ…อายซะเองจริงๆ…ผมรีบทำเป็นกินข้าวต่อไปทั้งๆที่อยากต่อปากต่อคำกับมันต่อ ชิ!
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงเกือบๆตีหนึ่งครึ่ง มีหลายคนที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น โคตรอยากกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆโครดๆ o^O*~~~
“แดน เดี๋ยวมึงกลับยังไง ให้แอลไปส่งดีมั้ย”
ใครคนหนึ่งถามผม ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองค่าแท็กซี่
“ก็ดีนะ...กรูเหนื่อยโคต-“
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง”
ไอ้เชรี่ยนี่มาจากไหนว่ะ โผล่เข้ามาไม่ทันตั้งตัวแถมยังจับแขนผมไว้แน่นยั่งกะปลอกนักโทษ
“พูดอะไรของคุณ คุณอุ๋มล่ะ?”
“เขาเอารถมาเอง กลับไปแล้ว คุณก็กลับได้แล้ว”
ผมขึงตัว และร้องโอยเมื่อมันเพิ่มแรงบีบ ไอ้เชรี่ยแรงควายนี่!!! เสียงร้องของผมกับท่าทางรีบร้อนของมันคงตกอยู่ในสายตาทุกคน ที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น?
“เดี๋ยวซิ ไอ้นี่! กูยังไม่ได้ไปขอบคุณพี่ๆเลย”
“พรุ่งนี้ก็เจอกันได้ ไป ขึ้นรถ!”
ผมอ้าปากจะร้องตะโกนแหกปากด่ามัน แต่มันรีบผลักผมติดรถเอาไว้ ตามด้วยตัวของมันที่กดบดเบียดเข้ามา…
“อยากให้กูจูบมึงตรงนี้ก็ลองดูซิ”
ผมมองไปยังหน้าร้าน ไฟนีออนสีขาวตรงนั้นส่องมาไม่ถึงมุมมืดที่รถไอ้ชิพจอดอยู่ โชคดีไป…แต่ถ้าผมตะโกน แล้วมันเกิดบ้าจูบขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ทุกคนต้องหันมาเห็นแน่ แอ๊!!!
ด้วยความที่มันแรงเยอะกว่า ตัวสูงกว่า ใหญ่กว่า…ผมไม่มีทางดิ้นหลุด ได้แต่กัดฟันมองด้วยสายตาเคียดแค้น
ขายาวๆของมันรีบขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย ขับรถไปตามทางกลับบ้านของผม ค่อยอุ่นใจมาหน่อยที่มันไม่คิดพาผมไปที่ไหนนอกเหนือจากนี้ เฮ้อ…
ลมเย็นๆบวกกับความเหนื่อยล้า และความเงียบภายในตัวรถทำให้ผมค่อยๆเคลิม…เพราะไม่มีเรื่องจะคุยกับมัน หนังตาเลยเริ่มหย่อนลงๆ…กินอิ่มมาหมาดๆนี่ และแล้ว สติของผมก็ค่อยๆวูบดับหลับลงไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆทั้งสิ้นในที่สุด
ลืมตาขึ้น แสงไฟอ่อนๆจากหัวเตียงทำให้ผมยกมือขึ้นป้องตาอย่างงัวเงีย ที่นี่มันที่ไหนกัน?...เตียงใหญ่ๆนุ่มสบายแบบนี้ไม่ใช่ของผม ยิ่งฝาผนังยิ่งไม่ใช่ของห้องนอนที่บ้านแน่ แล้ว?…
ตายห่า…ไอ้ชิพพาผมมาที่ไหนเนี้ย?
หลงกลมันซะแล้ว ผมไม่น่าเผลอหลับเลย ซวยจริงๆ!~!!!
เสียงปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับไฟที่ดับลง ปรากฏเป็นร่างสูงของชิพที่ก้าวข้าวมา มันในชุดนอนแบบผู้ชายก้าวมาช้าๆ…ผมรีบถอยหนี ใจเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัว+ระทึกขวัญ...
จะเกิดอะไรขึ้น…จะเกิดอะไรขึ้น
“แดน…เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
โปรดติดตามตอนต่อไป