ตอนนี้ถ้ามีคำผิดเยอะ ช่วยบอกด้วยนะครับ ขอบคุงกั๊บ
![:m13:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/kapook-16512-1366.gif)
บทที่ 5
ผมกลับเข้าบ้านภายในวันต่อมา ยังหัวเสียกับเรื่องเมื่อวานไม่หาย…อ๊ะ ทำไมบ้านเงียบจังว่ะ
เดินไปหลังบ้าน ได้ยินเสียงแม่ใช้แปรงขัดเสื้อผ้าอยู่ ผมไปยืนเกาะขอบประตูดูแม่ห่างๆ
“กลับมาแล้วเหรอ? หายหัวไปไหนมาตั้งสองวันล่ะ”
แม่เงยหน้าขึ้นมา ผมปรกหน้าผากชื้นเหงื่อของแม่ นัยน์ตาของแม่อิดโรยแลดูแปลกๆ…ถึงแม้แม่จะตำหนิผม และผมกำลังหงุดหงิดกับเรื่องข้างนอกมา แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไม่ต่อปากต่อคำ รีบเดินมาแย่งแปรงไปจากมือแม่เงียบๆ
ระยะสองสามปีให้หลังมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม่เปลี่ยนไป ผมไม่ค่อยได้คุยเปิดอกกับแม่ อีกทั้งอารมณ์แปรปรวนของแม่ก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เอาแน่เอานอนไม่ได้…อาจจะเป็นเพราะผมย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ชอบทำตามใจตัวเอง ชอบอิสระ เลยไม่ค่อยได้ฟังแม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นเพราะแม่แก่ลงทุกวัน โรคภัยเริ่มรุมเร้า แถมยังต้องทำงานรับจ้างเหนื่อยๆ หรือไม่…ก็เพราะฐานะทางบ้านของเราที่ทรุดลงๆเรื่อยๆ…
“ไม่ต้องๆ แกไปพักเถอะ”
“ไม่เอาน่ะแม่ ผมช่วยเอง แม่น่ะแหละไปพัก”
แม่จำใจยอมปล่อยมือจางแปรงขัดที่กำไว้แน่น…แม่ของผมรับจ้างซักผ้าของบ้านคนในละแวก แล้วก็รับจ้างพับตุ๊กตาขาย ทำของชำร่วยทั่วไป บ้างก็ไปช่วยป้าข้างบ้านขายข้าวแกงที่แผงหน้าปากซอย ได้เงินมาไม่น้อยมากแต่ก็ไม่เยอะไปเช่นกัน
เงินที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือนเริ่มน้อยลง ผมโกรธ…แต่จำใจต้องเก็บระงับความไม่พอใจเหล่านั้นไว้ในใจ บางเดือนที่แม่เกือบต้องนำเอาของเก่าๆไปจำนำ แต่ถึงเวลานั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะแม่ก็บอกว่าจะรีบไปเอาคืนมาทุกครั้งจนได้
เมื่อหลายปีก่อน…พ่อบอกว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทย ย้ายกลับมาอยู่กับเราสองคนแม่ลูก…ผมยอมรับว่าแอบรู้สึกดีใจมากที่บ้านเราจะเป็น ‘บ้าน’ ที่สมบรูณ์แบบสักที แต่แล้วพ่อก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ผมไม่รู้ว่าเขาพูดยังไงกับแม่ แต่ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใช้ชีวิตอย่างทุลักทุเลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่พ่อก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระเราได้บ้าง
“แม่ทำไมไม่ยอมให้แดนช่วยงานบ้างล่ะ เนี้ย เหลืออีกตั้งเยอะ”
ผมมองไปที่ผ้ากองพะเนิน รู้สึกใจหาย…สงสารแม่ที่ต้องมาทำงานหนักตอนบั้นปลายชีวิตอย่างงี้
“แกมีหน้าที่เรียน ก็เรียนไปเถอะ เอาให้มันจบเร็วๆ หางานทำดีๆ” แม่ยื่นน้ำเย็นให้ผม พร้อมทั้งกล่าวทำพูดประโยคคลาสิคซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แล้วทีหลังอย่าหายหัวไปไหนเป็นคืนๆอีกล่ะ โทรฯมาบอกคนที่บ้านเค้าให้หายห่วงน่ะทำเป็นบ้างมั้ย?”
เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะรู้สึก…ว่าผมมีเพื่อนที่เขาให้ที่พักได้ ไอ้หวานแม่ก็รู้จัก หอมันแม่ก็เคยไป แถมแม่ยังรู้ด้วยว่ามันเป็นทอม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกนี่ o_O*
“แต่แกน่าจะโทรมา รู้มั้ยว่าแม่นอนไม่หลับ”
เสียงแม่อ่อนลง ผมพึมพำเบาๆ
“ขอโทษครับแม่…”
“ทีหลังอย่าทำอีกแล้วกัน”
แม่ละจากผมไปหยิบถุงใส่อุปกรณ์พับตุ๊กตามานั่งข้างหลังบ้าน มองดูผมซึ่งกำลังซักผ้าอย่างขะมักเขม้น ผมเหลือบมองแม่เพ่งกับเส้นกระดาษที่ม้วนจนแข็ง สำหรับพับตุ๊กตา นานแสนนานในความรู้สึกของผม…กว่าที่แม่จะทำเสร็จได้แถวหนึ่งๆ
“แม่เลิกทำเถอะ เดี๋ยวผมซักผ้าจะเสร็จแล้ว เมื่อคืนแม่นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ?”
“เอ่อน่า นอนกลางวันตอนกลางคืนมันจะไปหลับได้ยังไง”
ผมเงียบไปพัก ก่อนจะโพล่งขึ้นมาว่า
“ทำไมแม่ไม่เลิกทำงานแบบนี้ แล้วไปทำงานกับน้าทัยล่ะ?”
ถ้าใครยังจำได้ น้าทัยคือน้องสาวแท้ๆของแม่ผม และเป็นแม่ของพี่วุฒินั่นเอง…สามีของน้าทัยซึ่งนั่นก็คืออาดล เขาเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ พวกบ้านนู่นเขาเคยชวนแม่ไปทำงานเป็นคนบัญชีด้วยตั้งนานแล้ว เพราะเขาไว้ใจแม่ บวกกับที่แม่ก็จบบัญชีมา แต่แม่กลับปฏิเสธเสียทุกครั้ง
“โอย! ทำงานแบบนั้นไม่มีอิสระ ฉันเบื่อตาย อีกอย่างงานบัญชีของกิจการใหญ่ขนาดนั้นความรับผิดชอบสูงจะตาย แถมมันไม่ใช่กิจการของบ้านเรา ทำซี้ซั๊วส่งเดชได้ซะที่ไหนล่ะ”
“แหม ก็เขาชวน”
“บ้า น่าเกลียดตายเลยไปยุ่งเรื่องของเขา สู้อยู่บ้านเราดีกว่า เบื่อก็รับงานแก้เหงามาทำฆ่าเวลาไปวันๆ”
ใครบอก…ผมรู้ว่าที่แม่รับงานเพราะไม่ค่อยมีรายได้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะ ‘ฆ่าเวลา’ แต่ทั้งที่เราสองคนรู้ดี…ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกมา
บางครั้ง ในชีวิตของคนเราก็ต้องการเรื่องโกหกบ้างเป็นธรรมดา
“แดนตั้งใจเรียนนะลูก ปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว…แล้วเรื่องฝึกงานล่ะว่าไง”
ผมกับเพื่อนๆกำลังทำเรื่องยื่นหัวหน้าคณะให้อนุญาตไปฝึกงานช่วงปิดเทอมอยู่ ตอนนี้นักเรียนปีสี่ทุกคนมักจะว่างมากๆๆ(ยกเว้นพวกไม่ตั้งใจอ่ะนะ = =”) มีเหลือให้เก็บอีกสี่ห้าตัว นอกนั้นก็สบาย
เวลาว่างตอนนี้เลยถือโอกาสฝึกงานหาประสบการณ์ ดีไม่ดีนะ บริษัทที่ผมไปฝึกเขาอาจจะใจดีให้ค่าจ้างก็ได้ อิอิ
วันจันทร์ เป็นวันที่ผมนัดกับเพื่อนไว้ที่มหา’ลัย จะมาปรึกษากันเรื่องหาที่ฝึกงาน มีไอ้จุมเป็นหัวหน้าองค์เปิดประชุมเป็นการด่วน
ผมเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เอกการบัญชี ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน…คงเป็นเพราะผมอยากทำงานธนาคาร หรือไม่ก็งานเกี่ยวกับบัญชีเหมือนแม่ละมั้ง ผมถึงได้เลือกเรียนเอกนี้ (ความจริงผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไรอ่ะตอนสอบเอ็นท์ฯ =”+)
เพื่อนๆในกลุ่มส่วนใหญ่ก็มุ่งเรียนมาทางด้านนี้เพราะจะไปช่วยกิจการที่บ้าน หรือไม่ก็อยากทำงานธนาคารหรูๆเหมือนผม ได้นั่งตากแอร์อยู่ในตึกสาขาสบายๆ มีสวัสดีการดีๆ มีเงินเดือนพอกินพออยู่ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว
“กูว่า ถ้าได้ทำใกล้ๆแถวๆมหาลัยนี่ก็ดีว่ะ แมร่งจาได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถเมล์”
ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับไอ้หวาน แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเสกให้มันมีใกล้ๆคงไม่ต้องดิ้นรนหาแบบนี้อ่ะ T o T
“แต่ท่าจะยาก…สาธุ๊! ขอให้โชคช่วยเถอะว่ะ”
ไอ้หนวดทำท่ายกมือยกไม้
“มึงยังไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอว่ะ แช่งตัวเองทำไม”
ผมพูดกับไอ้หนวด มันทำค้อนๆส่งมา เอ๊ะไอ้นี่! วอนส้นตรีนซะและ
พวกเรานั่งเม้าท์เกาะกลุ่มกันเสียงดัง (โดยเฉพาะเสียงนังกิ๊บซี่ส่องผู้ชาย กรี๊ดกร๊าดดังหนวกหูมาก =_=”) โต๊ะข้างๆเรามันก็ม้องมองนะ…แต่ทำไงได้ สักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม
“แดน ขอลอกเล็คเชอร์หน่อยดิ”
อ้อ แอลนั่นเอง…แอลคือเพื่อนร่วมคณะของผมที่รู้จักกัน แต่ไม่ค่อยสนิท เป็นเพราะแอลเป็นพวกไม่เคยเข้าเรียน โดดตลอดว่างั้น แล้วก็เป็นพวกเรียนไม่ดี แต่ไม่รู้ทำไมมันชอบเข้ามาขอสมุดจากผมไปดูอยู่เรื่อย เข้าใจว่าผมจดดีว่างั้น?
แอลเป็นเด็กเถื่อนๆ อยู่ในแก๊งที่วันๆไม่ค่อยทำอะไร เฮ้วๆ…รูปร่างหน้าตาก็อีหร่อบเดิม ตัวสูง ผิวเข้ม ดูหล่อร้ายกาจ เป็นพวกเสือผู้หญิงตัวยง แต่ถึงแม้มันจะเลวร้ายปานใด แต่กับผม มันจะพูดจาด้วยดีๆเสมอ(ไม่นับมึง-กู) ไม่เคยเลยที่มันจะมารังแกหรือทำกิริยาเหี้ยๆใส่
“ฮื้อ วันก่อนยังจดไม่เสร็จอีกเหรอ?”
มันยิ้ม ใบหน้าของมันดูเหมือนเด็กอายุสักหกขวบ ดวงตาที่ฉายแววทะเล้นซุกซนอยู่เสมอแลดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากอิ่มเต็มคลี่ออกเล็กน้อย รอยยิ้มขี้เล่นของมันผุดพลาย…แอลค้อมหัวอย่างเกรงใจเขินๆ
“เอ่อ หมู่นี้ตื่นสาย เลยเบลอๆไม่ค่อยมีเวลาลอก”
เรียนบ่ายเสือกตื่นสายเนี้ยนะ เฮ้อ…วันทั้งวันมันจะไม่มีเวลากะอีแค่ลอกสมุดเล่มเดียวเชียวเหรอไง?
“เมื่อคืนเที่ยวดึกอีกอ่ะดิ”
“อืม ไม่เชิงหรอก”
ตัวมันสูงกว่าผมเยอะ หัวของมันเลยโน้มลงมา เอียงคอจ้องมองผมตาแป๋ว อรี๋ย!!!
“ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊วเลยไอ้แอล มึงโดดเรียนบ่อยแบบนี้เดี๋ยวโดน’ทายหรอก”
มันหัวเราะฮ่าๆ ผมหยิบสมุดให้มัน ซึ่งก็รีบขอบคุณยกใหญ่
“ขอให้คุณแดนมีแฟนเยอะๆ สวยวันสวยคืนนะคร้าบ~~~”
“อร๊ายนังแอล ทำไมแกไม่ชมชั้นแบบนั้นบ้าง! อีแดนมันจะต้องไปสวยทำไม ชั้นนี่ซิย่ะจะสวยวันสวยคืน”
นังกิ๊บซี่รีบขัดขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น 555+ นังนี่มันตอแหลจริงๆ
“เฮ้ยกิบซี่ แล้วมึงเคยโดนอวยพรเป็นหน้าแข้งคนป่ะว่ะ?”
มันสะดุ้งตัวโหยง ผมยิ่งฮา สีหน้าสีตาเวลามันทำแอ๊บแบ๊วบอบบาง น้ำเสียงเล็กๆจีบปากจีบคอ
“โธ่แอลก็…กิ๊บซี่แค่ล้อเล่นแค่นี้เอง…”
ขณะที่มองเพื่อนๆ(ปากหมา)อันเป็นที่รักกัดกันอยู่นั้น ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมทำให้เสียงหัวเราะเงียบลง ทุกคนต่างมองไปตามทางเดียวกัน ผมก็หันไปมองบ้าง…
“แดน…เอ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?”
ใจของผมเต้นแรงขึ้นมาทันที เป็นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆ คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด
บังเกิดความเงียบโดยทั่วกัน…ผมมองหน้าบอย…ใบหน้าที่อมทุกข์บัดนี้ยิ่งดูหมองลงไปใหญ่ แววตาที่ฉายแววแห่งความเศร้าลึกๆไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไปแล้ว บอยดูเจ็บช้ำจากอะไรสักอย่าง
“ใครน่ะแดน หล๊อหล่อ”
กิ๊บซี่กระซิบขึ้นมาไม่ดูกาลเทศะ ไอ้หวานหยิกเข้าไปที เสียงร้องโอยดังตามมา
ผมรู้สึกว่าทุกๆคนกำลังรอคำตอบจากผมอยู่…และรู้สึกว่าแอลกำลังมองผมแปลกๆด้วย
“แดน-“
บอยไม่ทันจบประโยค ผมรีบคว้าแขนเขาแล้วเดินไปตามทาง ระหว่างตึกมันมีที่ให้หลบมุมอยู่ เราหันหน้าประจัญกัน
“คุณต้องการอะไร?”
ผมเรียกบอยอย่างห่างเหิน ก็เพราะโกรธกับเรื่องที่เค้าทำเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน…
“แดน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
น้ำเสียงของเค้าเว้าวอน เชอะ! มาดูถูกผมแล้วคิดว่าแค่คำขอโทษมันจะพอเหรอ?
“คุณเก็บเอาไว้เถอะ คำขอโทษห้าพันบาทน่ะ”
ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไป +_+” แล้วกรูโยงเรื่องคำขอโทษกับห้าพันบาทเข้าไปได้ยังไงว่ะ? นี่ยังงงตัวเองไม่หายเลย แฮะๆ (-.-)…
“เดี๋ยว!”
ผมรู้สึกตัวว่าถูกร่างสูงกอดจากทางด้านหลัง ในอ้อมกอดกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กำลังยื้อผมไว้แน่น แต่ผมดันรู้สึกรำคาญมากกว่าจะซาบซึ้ง
“แดน ผมโกหกคุณ…ให้อภัยผมด้วยเถอะ”
ฮื้อ? โกหกเรื่องอะไรว่ะ?
“คุณโกหกผมงั้นเรอะ?”
“ใช่ ผมโกหกคุณ” บอยจับผมหันมา ให้สบตากัน ซึ่งมันยากเหลือเกินที่จะเมินหนีดวงตาแดงๆ มีน้ำใสคลอหน่วยแบบนี้…
“ความจริงแล้วผมเลิกกับแฟนเก่า…ได้นานพอสมควรแล้วล่ะ แล้วผมก็มาเจอคุณ…คุณทำให้ผมนึกถึงแฟนเก่า ทำให้ผมลืมเขาไม่ได้สักที”
“ผมแอบชอบคุณ เฝ้ามองคุณจากฝั่งตรงข้ามมาโดยตลอด แล้ววันนั้น…คุณก็เข้ามาหาผม ผมเพิ่งจะรู้ตัว ว่าคุณคือคนที่ผมลืมไม่ได้ต่างหาก…”
ผมอึ้งไปชั่วขณะ หัวสมองคิดอะไรไม่ออกซะงั้น
“นี่อย่าบอกนะว่า…”
“ผมหลงรักคุณ แดน…ผมรักคุณ”
ความรู้สึกเดิมๆหลั่งไหลเข้ามาอีกแล้ว และยิ่งรู้สึกแปลก ที่จู่ๆก็มีผู้ชายหน้าตาดี ฐานะร่ำรวยเพียบพร้อม มาสารภาพรักกลางวันแสกๆแบบนี้
แต่ก็แอบดีใจไม่ใช่น้อยนะ อิอิ…มีคนมาหลงรัก 555+ >.<
เพราะคำพูด และน้ำเสียงของบอยที่พูดกับผมนั้น เกือบทำให้เคลิบเคลิมและเชื่อว่าเป็นความจริง ดูจากแววตา บอยคงไม่โกหกผม…
“แต่ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ารักผม…”
“จำได้…คุณบอกว่าคุณไม่มีอะไรจะให้นอกจาก…” บอยยกมือขึ้นปิดจมูกแดงๆ “แต่มันห้ามไม่ได้ที่จะหยุดรักคุณนี่”
โหย ประโยคน้ำเน่านิยายล้านปีมากเลย (+_+)
“แล้วคุณคิดว่าผมเป็นผู้ชายขายตัวได้ยังไง? รู้มั้ยสิ่งที่คุณทำมันน่าเกลียดมากแค่ไหน”
บอยหน้าซีดลงไปอีก ผมชักเริ่มๆจะเห็นใจ = . =
“ผมรู้ ผมขอโทษ แต่ผมอยากให้คุณรู้สึกดีๆกับผม…ผมมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ๆคุณ”
“แล้วไอ้การจ่ายเงินห้าพันให้ผม คิดว่ามันจะทำให้ผมอยู่กับคุณงั้นเหรอ!”
แหง่ง~~~ \(-_-*) ไอ้บ้านี่! คิดว่าพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกรูจาหายโกรธมั้ง?
“มันไม่ถูกต้องหรอก…ผมขอโทษ”
ผมกอดอกจ้องหน้าบอย ร่างสูงยืนนิ่งๆ…แต่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้
“ผมขอเป็นแฟนคุณได้มั้ย?”
อึ้งรอบสอง…ตั้งห้าปีมาแล้วที่ผมไม่เคยปล่อยใจ(แต่ไม่เคยเก็บตัว)ไปกับใครได้มากขนาดนี้…ทำไมจังหวะของหัวใจมันถึงเต้นแปลกประหลาดไป แค่เขาขอเป็นแฟน…ผมไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวขนาดนี้เลยนี่หนา (+o+)
ผมพยายามปลอบใจ…ว่านี่เป็นผลข้างเคียงมาจากความตื่นเต้น ที่บอยกล้าขอเป็นแฟนกับผม (หรือเปล่าว่ะ...)
“ผมให้คำตอบคุณไม่ได้หรอก”
สีหน้าของบอยมีแต่ความปวดร้าว…ใจหนึ่งสมน้ำหน้าที่เขามาหลงรักคนอย่างผม คนที่ไม่เคยมีอะไรให้ใครเลย…แต่อีกใจหนึ่งผมก็เจ็บปวดแทนเขา ผมอยากรักเขา อยากให้เขามีความสุข เหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้…แต่ปัญหาก็คือผมทำไม่ได้ ผมไม่รักเขาเลย แม้อยากให้สามารถทำได้อีกครั้งแต่ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันจางหายไปจากใจของผมนานแสนนานมาแล้ว
“เพราะผมรักคุณไม่ได้จริงๆ”
เดินหันหลังกลับมา รู้สึกโหว่งๆยังไงไม่รู้…จะผิดมั้ยที่ผมทำตัวร้ายกาจ ก็เพื่อเตือนตัวเอง…หวังดีกับเขาว่าอย่ามารักผมเลย คนไร้ค่าอย่างผมไม่สามารถทำให้เขามีความสุขได้ตลอดไปหรอก เชื่อซิ…
ถ้าจะให้รักใครได้อีก มันก็ไม่ใช่ความหมายเดียวกับเขา…ความรักของผมไม่ใช่แค่มีเซ็กซ์ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนคุย ไม่ใช่แค่คนแก้เหงา
และผมก็กลัว…กลัวการผิดหวังจากความรัก…ไม่เอาอีกแล้วความรู้สึกแบบนั้น
“ขอโทษนะบอย…ผมรักคุณไม่ได้จริงๆ…”
โปรดติดตามตอนต่อไป
![:o8:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/onion015.gif)