...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จะไม่มีช่องว่าง ระหว่างเรา...ชิพ&แดน Series <<<  (อ่าน 434871 ครั้ง)

[D]a[D]a [T]oo[N]

  • บุคคลทั่วไป

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
เพื่อนของผมเค้าบอกว่าผมลงนิยายเร็วเกินไป เร็วไปเหรอครับ? o2 แต่ผมแค่อยากให้ได้อ่านกันเท่านั้น แล้วบางตอนมันยังน้อยจนน่าเกลียด ก็เลยต้องลงสอง o2 ยังไง ถ้ามันเร็วไปก็บอกได้นะครับ จาได้ลงช้าๆ 555+ จาได้อู้ซะเลย ฮ่าๆๆๆ :m4: :m4: :m4:

ปล.โถๆๆๆ อย่าเพิ่งว่าแดนเลยน๊า ภาคที่เเล้วผมก็กลัวแดนจะโดนคนในบอร์ดเกลียดเอาซะเเล้ว แล้วยิ่งภาคนี้ล่ะ??? จะเหลือมั้ยเนี้ย ฮือ TT_TT


บทที่ 4



       เสียงคนเดินไปมาภายนอกห้องนอนค่อยๆปลุกผมจากการหลับใหลอันแสนสบาย เฮ้อ…นี่กี่โมงแล้ว อ้อ เกือบๆเก้าโมงกว่า ฮ้าว~~~(= o =”)

       ผมบิดขี้เกียจพลางกวาดสายตามองไปรอบห้องกว้างตกแต่งเรียบง่าย แต่หรู…พยายามคิดถึงแต่เรื่องอื่นที่ไม่ใช่ความร่ำรวยของชาวบ้าน ว่าแล้วก็ตะเกียกตะกายลุกออกจากเตียง วันนี้ตอนบ่ายๆมีธุระต้องทำที่มหาลัยสองสามอย่าง

      “อรุณสวัสดิ์ครับ แดน”

       อ้าว บอยน่ะเอง ร่างสูงก้าวเข้ามาภายในห้อง ถือถาดอาหารและกาแฟร้อนสดๆมาด้วยพร้อมสรรพ กลิ่นหอมของอาหารตรึงผมให้ยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

       “เอ่อ…ผมทำอาหารเช้ามาให้คุณ”

       อืม…มิน่าล่ะ กลิ่นหอมนี้เองที่ทำให้ต่อมหิวทำงานขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

       “เด๋วขอไปแปรงฟันก่อนนะ”

       ในห้องน้ำดูเหมือนบอยจะเตรียมแปรงสีฟันด้ามใหม่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินกลับออกมานั่งบนเตียงเช่นเดิม เห็นบอยนั่งหน้าแดงแจ๋

       “เป็นอะไร?” ยกขนมปังปิ้งอุ่นๆขึ้นมากัด

       “ก็…คุณเล่นเดินออกไปทั้ง…อย่างงั้น”

       “อ้อ” ผมยิ้มๆ หัวเราะด้วยอีกต่างหาก ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย…กะอีแค่เดินตัวเปล่าไปเข้าห้องน้ำ บอยจะอายทำไมว่ะ? ในเมื่อม่ะคืนเราก็เห็นกันมาหมดแล้วนี่ (-.-?)

      อาหารเช้าแบบอเมริกันของบอยอร่อยใช่ได้ หรือว่ากรูหิวมากว่ะ?(ใช้พลังงานหนัก…)…บอยนั่งดูผมกินเงียบๆ ส่วนตัวเองนั่งกุมมืออยู่ข้างเตียง จนผมไม่ทันสังเกต

       “แล้วของนายล่ะ ได้กินหรือยัง?”

       “ผมเรียบร้อยแล้ว”

      “เราบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกตัวเองว่าผม มันทะแม่งๆยังไงไม่รู้…”

       หากจะเรียกชื่อผมว่า ‘แดนๆ~~~’ อย่างเมื่อคืน…ตอนที่เรากำลัง…เอ่อ…กัน ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ…

      อาหารในจานอันตรธานภายในชั่วครู่ ผมเริ่มชวนบอยคุย เห็นเอาแต่นั่งจ้องไม่กล้าพูดอยู่แบบนั้น ท่าทางอึดอัดมากมั้ยเนี้ย?

       “นายขี้อายแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า?”

      “แบบไหน?”

      “อย่าเลย…เรารู้ว่าเมื่อคืนเป็นครั้งแรกของนาย”

       บอยหน้าแดงอีกแล้ว จะว่าไปเค้าก็น่ารักดี เหมือนเด็กๆ

      “เรียกว่างั้นก็ได้”

      “อ้าว แล้วนายไม่เคยมีอะไรกันแฟนเก่าเหรอ?”

       บอยนั่งเงียบไป ผมรีบแก้ตัว

       “ขอโทษนะ…เราไม่ควรพูดแบบนี้”

      “…เปล่าหรอก ความจริงแล้วผมเคยมีอะไรกับเขา แต่ก็แค่ครั้งเดียว…ก่อนที่เขาจะทิ้งผมไป”

      คำพูดของบอยต่างหากที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงจิตใจของผม ความเจ็บจี๊ดที่ไม่ได้รู้สึกมานานพุ่งขึ้นมาภายในอก ความปวดแผ่ซ่าน สมองเหมือนมีแสงวาบแล้วชาไปชั่วขณะ…เหมือนกัน…เหมือนกันเลยไม่มีผิด ผมกับบอยต้องเจอเรื่องแบบเดียวกัน กับไอ้ความหวัง ความรักจอมปลอม…แท้จริงเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น

       ถึงว่า…ทำไมกรูถึงรู้สึกเศร้าๆยังไงชอบกลว่ะ

       “…เรา…เรามารีบลืมเรื่องนั้นดีกว่า” ผม ‘รีบ’ ตัดบทเสียงห้วน ไม่อยากคิดถึงเรื่องเหี้ยๆเมื่อห้าปีก่อนอีกต่อไป

       บอยมองผมงงๆ เลยเฉเข้าเรื่องอื่นอย่างกระอักกระอ่วน = =”…

      “อะ เอ่อ…นายทำอาหารอร่อยดีนี่ ไปเรียกมาจากไหน?”

      “คุณพ่อผมเอง ท่านเป็นคนสอนน่ะ”

       “พ่อนายเนี้ยนะ?” ผมแกล้งถามแบบแปลกใจเต็มที่(ตอแหลม่ะ>.<) แต่…ความจริงแม่ต้องสอนลูกเข้าครัวไม่ใช่เหรอ? อืม ไม่ๆ พวกพ่อที่ชอบเข้าครัวก็มีเยอะแยะถมไปเน๊อะ

       “ใช่ พ่อผมเป็นเชพน่ะ”

      ผมทำตาโต “โฮ! พ่อนายเป็นเชพเหรอเนี้ย”

       โห หรูจังวะ…มิน่า ไอ้บอยถึงได้ดูลูกคุณหนูซะขนาดนั้น

      “ใช่ พ่อเราเป็นลูกครึ่งอิตาเลียนน่ะ ปู่ของเราเป็นอิตาเลียนแท้ๆเลย”

      “นั่นอธิบายได้ว่า ทำไมนายถึงดูเหมือนเรา”

       ผมหัวเราะ พลางทำให้บอยหัวเราะไปด้วย เวลายิ้มแล้วบอยน่ารักชะมัด…นัยน์ตาที่หรี่ลงดูเซ็กซี่ขึ้น รอยยิ้มกว้างที่ทำให้ใบหน้านั้นดูอ่อนวัยลงเข้าไปอีก ทุกอย่างช่างลงตัวสำหรับบอยจริงๆ

       เหมือนเจ้าชายรูปงาม แสนดี เพียบพร้อม แต่ขอบอก~~~โคตรน้ำเน่าเลย 555+ (หมายถึงมันดีเว่อร์อ่ะ)

      “แล้วนายได้นัยน์ตาแบบนั้นมาจากไหน อย่าบอกนะว่าแม่ของนายเป็นชาวต่างชาติอีก”

       “เปล่าหรอก…แม่เราเป็นคนไทยนี่แหละ ผมไม่รู้เหมือนกัน…”

       บอยเบือนหน้าหนี ซุกซ่อนแววตาที่รื้นน้ำใสๆคลอหน่วย ผมเห็นท่าทีและน้ำเสียงของบอยเปลี่ยนไปแทบจะในทันทีที่พูดถึงแม่…

       “เอ่อ…เราขอโทษนะ”

      หงุดหงิดจังโวย! ทำไมวันนี้พูดอะไรมีแต่ทำให้ความรู้สึกของบอยแย่ลง แทนที่ผมจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นต่างหาก…ผมว่าบอยต้องมีเรื่องราวอีกมากมายซุกซ่อนอยู่ในตัวเขาแน่ๆ ที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีดวงตาเศร้าสร้อยแบบนั้น

       “ไม่เป็นไรหรอก ผม…ไม่รู้จักแม่จริงๆนี่”

       แม้จะมองจากที่ไกลๆ ผมก็สังเกตได้ว่าขณะพูดริมฝีปากของบอยสั่นมากแค่ไหน ชั่ววูบนั้นผมอยากกอดเขาไว้แน่นๆ…หากแต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่สามารถทำให้ใครรู้สึกมากไปว่าแค่การสนองทางความใคร่ชั่วครั้งชั่วคราว หรือว่าแค่สนุกกันชั่วข้ามคืน เท่านั้น…

       ลืมไปได้เลยเรื่องความสัมพันธ์ที่ต้องคอยถะนุถนอม ผมเบื่อจะต้องคอยนั่งเทคแคร์ ดูแล คนที่ในอนาคตมันอาจทำเราเจ็บใจเหมือนโดนเด็กถอนผมหงอก บรื๋อ~~~ (-_-“**)

       “เราอิ่มแล้วล่ะบอย…ขอบคุณมากนะ”

      บอยเก็บถาดแล้วเดินออกไป ผมนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียวสักพัก…ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมกลับไปหอไอ้หวาน(ใครไม่มีที่ไปก็ลงเอยที่หอไอ้หวานน่ะแหละ) เดินออกมาเห็นบอยแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว สงสัยเขามีเรียนล่ะมั้ง?(แต่ผมเดาว่าเขาต้องอยู่ปีสี่นะ ม่ะรู้ซิ >o<…)

      “บอย งั้น เรากลับก่อนนะ”

       “เฮ้ เดี๋ยวผมไปส่ง รอก่อนๆ”

      ผมยอมให้บอยไปส่งให้ที่หอไอ้หวาน ระหว่างทางเราพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย พยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อซีเรียส ซึ่งผลออกมาทำให้ผมได้ยินเสียงหัวเราะของบอยบ่อยขึ้น รอยยิ้มสดใสของบอย…ตัวผมเองก็รู้สึกดีมากเช่นกัน

      รถจอดลงแล้ว บอยทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง ทำให้รอฟังอย่างตั้งใจ

       “ขอบคุณมากนะครับแดน ที่ทำให้ผมมีความสุข…ผมสบายใจขึ้นมาก ขอบคุณจริงๆ”

       “ดีแล้วล่ะบอย นายได้ระบายกับเรา แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”…ไม่อยากจะบอกต่อว่ากรูได้รางวัลตบท้ายเป็นอาหารเช้าอร่อยๆที่มึงทำน่ะแหละ อิอิ

      “รู้สึกดีขึ้นแล้วนะ เราไปก่อนล่ะ”

       กำลังจะก้าวลงจากรถ มือของบอยก็คว้าเข้าที่ไหล่ของผม

       “เดี๋ยว แล้วเรื่องเงินล่ะ?”

      “เงินอะไร?”

      บอยค่อยๆยื่นแบงก์พันห้าใบมาที่ผม ผมมองที่มือมัน เลื่อนไปที่ใบหน้าบอยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

       “นายรับไปเถอะ ค่าตัวนายไม่ใช่เหรอ?”

       วินาทีนั้น…ความโกรธพุ่งพล่านเข้ามาเต็มๆ มันคิดยังไงถึงให้เงินผมถึงห้าพันบาท? มันคิดว่าผมเป็นอะไร ผู้ชายขายตัวงั้นเหรอ?

        คิดว่าค่าตัวผม มันซื้อได้ด้วยจำนวนเงิน…นี้ใช่มั้ย?

       อีกความรู้สึกหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน…อาจจะเป็นเพราะผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนก็ได้…ความรู้สึกน้อยใจแปร่งๆแล่นเข้ามา ผมตกใจ…แต่ก็คิดซะว่าที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพียงเพื่อต้องการให้บอยรู้สึกดีขึ้น ให้มันได้มีเพื่อนปรับทุกข์ ไม่ใช่ต้องการเงินห้าพันบ้าบออะไรของมันนี่!

       เสียแรงเปล่าที่ผมอุตส่าห์จริงใจ…นี่หรือคือสิ่งตอบแทน

       “…บอย เงินห้าพันนี้น้อยไปหรือเปล่า?”

       บอยหน้าเสีย เตรียมควักให้อีก…แบ๊งพันจำนวนประมาณเท่าๆกันถูกเพิ่มลงไป

       “ผมไม่รู้…ว่าปกติเค้าต้องจ่ายเท่าไร ผมไม่รู้ค่าตัวคุณ ตอนนี้มีเงินสดติดตัวเท่านี้จริงๆ…นี่ผมให้คุณหมดเลย”

       ผมค่อยๆรับเงินปึกนั้นมาพร้อมทั้งจ้องมองไปที่แบงก์พันหนาฟ่อน ปกติถ้าได้ถือเงินจำนวนมากมายขนาดนี้คงตื่นเต้นดีไม่น้อย ทว่าหัวใจของผมกลับเต้นแรง ด้วยความโกรธ โมโห…

       “งั้นมันก็ไม่พอกับความหวังดีที่ผมมีให้คุณหรอก!”

       ผมปาเงินใส่หน้ามัน ตะเบ็งเสียงดังสุดลำคอ ใส่ต่อไม่ยั้ง

       “คุณคิดว่าผมเป็นใคร? คนที่คุณจะมาทำตัวน่าสงสาร อ้อนวอนให้ผมไปด้วย แล้วตบรางวัลด้วยเบี้ยเงินของคุณน่ะเหรอ? ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดแล้ว ที่ผมช่วยคุณก็เพราะผมเห็นว่าคุณกำลังมีทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเงินแบบนี้!...คุณดูถูกผมมาก ฮึ…แต่เงินแค่นี้ซื้อศักดิ์ศรีผมไม่ได้หรอก!”

      ว่าแล้วก็กระแทกประตูรถดังปัง! วิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องไอ้หวานทันที ทิ้งให้มันนั่งซึมซับคำด่าของผมอยู่ตรงนั้น แมร่ง~~~เสียอารมณ์ชะมัด โกรธมันโคตรๆเลยอ่ะตอนนั้น ไอ้เราก็นึกว่าหน้าใสๆเป็นคนดีแสนสุภาพแบบนั้นจะไว้ใจได้ ที่ไหนล่ะ…พวกชอบดูถูกชาวบ้านดีๆนี่เอง!

       แต่แปลกนะ เพราะนอกจากผมจะเกลียดขี้หน้ามันไปโดยปริยายแล้ว…ผมยังรู้สึกเสียใจกับการกระทำของมันอีกต่างหาก

       เชอะ! ไอ้คุณหนูผู้น่าสงสาร อย่านึกเลยว่าเงินแค่นั้นจะซื้อค่ำคืนกับคนอย่างผมได้

       ไม่มีวัน!

       



       โปรดติดตามตอนต่อไป

BEta-K

  • บุคคลทั่วไป
มะเร็วค๊าบ มาลองแบบเนี้ยกะลังดี มะค้างๆ คาๆ ใจ  :m1:

ว่าแต่ไหง แดนโดนมองว่าเป็นเด็กขายได้ฟะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2008 02:04:03 โดย BEta-K »

ออฟไลน์ kaporzung

  • magKapleVE
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
    • Get vivid impressions and unforgettable emotions
ภาคนี้แดนดูแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนะ

สู้ต่อไปจ้ะแดน ^^ o12

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
ลง ไม่เร็วไปหรอกครับ ไม่ว่าตอนจะสั้นหรือยาว แต่ถ้ามาแบบสม่ำเสมอ ดีครับ  :m4: :m4:

เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนครับ  o13


แต่ไหง แดนโดนมองเป็นเด็กขายไปได้ไงฟระ  o12 :m29:

kalo_o_sm

  • บุคคลทั่วไป
บอยมองไปได้ไงง่ะ ชิ~!!!

คิดถึงชิพง่ะ

กลับมาไม่อยากคิดเลยจะเป็นไง

เเดนตอนนี้เเรงน่าดู

หุหุ


Angle Froze

  • บุคคลทั่วไป
หูยยยย โดนอย่างแรงอ่ะ!! ดันมาว่าแดนว่าขายน้ำซะงั้น 555 :a6:

ภาคนี้มันส์ดีอ่ะ!! แดนของเราเติบโตขึ้นแล้วสินะ....  o13


แต่ยังอยากได้ชิพกลับคืนมายังไงไม่รู้  มาต่อด่วนๆ ติดตามๆ
 :oni2: :oni2:

BICHA

  • บุคคลทั่วไป


        อืมนายแดนเข้มแข็งขึ้น
         
         นายชิพนะนายชิพทำไมทำอย่างงี้ 

         มาต่อไว ๆ นะ คับ

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
ลงบ่อยๆๆอะดีแล้ววว

angsumalin

  • บุคคลทั่วไป
มาเร็วๆอ่ะดิแล้วคนอ่านจะได้ไม่คลั่ง :oni2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
ถึงยังไงชิพก้อต้องคู่กะแดนใช่ป่ะคับ คนแต่ง อิอิ  :m1: :m1:

ออฟไลน์ ★L'Hôpital

  • แค่เราได้พบกัน...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-18
แหะๆ ช่วงนี้กำลังสอบเลยไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านเลย

แต่อ่านแล้วก็แอบสงสัยว่าที่ชิพทำกับแดนนั้นเป็นแผนหรือเปล่า
แล้วก็เรียกพี่มาร์คให้ออกมาให้เห็นเหตุการณ์ ทำให้พี่มาร์คคิดสั้นเพราะเสียใจ

แต่ภาคใหม่นี้แดนเปลี่ยนแนวแฮะ ดูแกร่งมากขึ้นครับ
ไม่ชอบชิพเลย ทำให้แดนเป็นคนอย่างนี้  :angry2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
55555555555
สงสัยบอยจะเข้าใจผิด
ก็คงแปลกใจกระมังที่อยู่ดีๆก็มีคนมาหวังดีด้วย
สมัยนี้มันหายากจะตาย
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ถ้ามีคำผิดเยอะ ช่วยบอกด้วยนะครับ ขอบคุงกั๊บ :m13:


บทที่ 5



       ผมกลับเข้าบ้านภายในวันต่อมา ยังหัวเสียกับเรื่องเมื่อวานไม่หาย…อ๊ะ ทำไมบ้านเงียบจังว่ะ

       เดินไปหลังบ้าน ได้ยินเสียงแม่ใช้แปรงขัดเสื้อผ้าอยู่ ผมไปยืนเกาะขอบประตูดูแม่ห่างๆ

       “กลับมาแล้วเหรอ? หายหัวไปไหนมาตั้งสองวันล่ะ”

       แม่เงยหน้าขึ้นมา ผมปรกหน้าผากชื้นเหงื่อของแม่ นัยน์ตาของแม่อิดโรยแลดูแปลกๆ…ถึงแม้แม่จะตำหนิผม และผมกำลังหงุดหงิดกับเรื่องข้างนอกมา แต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไม่ต่อปากต่อคำ รีบเดินมาแย่งแปรงไปจากมือแม่เงียบๆ

       ระยะสองสามปีให้หลังมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแม่เปลี่ยนไป ผมไม่ค่อยได้คุยเปิดอกกับแม่ อีกทั้งอารมณ์แปรปรวนของแม่ก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น เอาแน่เอานอนไม่ได้…อาจจะเป็นเพราะผมย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ชอบทำตามใจตัวเอง ชอบอิสระ เลยไม่ค่อยได้ฟังแม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นเพราะแม่แก่ลงทุกวัน โรคภัยเริ่มรุมเร้า แถมยังต้องทำงานรับจ้างเหนื่อยๆ หรือไม่…ก็เพราะฐานะทางบ้านของเราที่ทรุดลงๆเรื่อยๆ…

      “ไม่ต้องๆ แกไปพักเถอะ”

       “ไม่เอาน่ะแม่ ผมช่วยเอง แม่น่ะแหละไปพัก”

        แม่จำใจยอมปล่อยมือจางแปรงขัดที่กำไว้แน่น…แม่ของผมรับจ้างซักผ้าของบ้านคนในละแวก แล้วก็รับจ้างพับตุ๊กตาขาย ทำของชำร่วยทั่วไป บ้างก็ไปช่วยป้าข้างบ้านขายข้าวแกงที่แผงหน้าปากซอย ได้เงินมาไม่น้อยมากแต่ก็ไม่เยอะไปเช่นกัน

      เงินที่พ่อส่งมาให้ทุกเดือนเริ่มน้อยลง ผมโกรธ…แต่จำใจต้องเก็บระงับความไม่พอใจเหล่านั้นไว้ในใจ บางเดือนที่แม่เกือบต้องนำเอาของเก่าๆไปจำนำ แต่ถึงเวลานั้นผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะแม่ก็บอกว่าจะรีบไปเอาคืนมาทุกครั้งจนได้

       เมื่อหลายปีก่อน…พ่อบอกว่าจะกลับมาอยู่เมืองไทย ย้ายกลับมาอยู่กับเราสองคนแม่ลูก…ผมยอมรับว่าแอบรู้สึกดีใจมากที่บ้านเราจะเป็น ‘บ้าน’ ที่สมบรูณ์แบบสักที แต่แล้วพ่อก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ผมไม่รู้ว่าเขาพูดยังไงกับแม่ แต่ตั้งแต่นั้นมาเราก็ใช้ชีวิตอย่างทุลักทุเลมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่พ่อก็น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระเราได้บ้าง

       “แม่ทำไมไม่ยอมให้แดนช่วยงานบ้างล่ะ เนี้ย เหลืออีกตั้งเยอะ”

       ผมมองไปที่ผ้ากองพะเนิน รู้สึกใจหาย…สงสารแม่ที่ต้องมาทำงานหนักตอนบั้นปลายชีวิตอย่างงี้

       “แกมีหน้าที่เรียน ก็เรียนไปเถอะ เอาให้มันจบเร็วๆ หางานทำดีๆ” แม่ยื่นน้ำเย็นให้ผม พร้อมทั้งกล่าวทำพูดประโยคคลาสิคซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แล้วทีหลังอย่าหายหัวไปไหนเป็นคืนๆอีกล่ะ โทรฯมาบอกคนที่บ้านเค้าให้หายห่วงน่ะทำเป็นบ้างมั้ย?”

       เราเคยคุยเรื่องนี้กันแล้วนะรู้สึก…ว่าผมมีเพื่อนที่เขาให้ที่พักได้ ไอ้หวานแม่ก็รู้จัก หอมันแม่ก็เคยไป แถมแม่ยังรู้ด้วยว่ามันเป็นทอม ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกนี่ o_O*

       “แต่แกน่าจะโทรมา รู้มั้ยว่าแม่นอนไม่หลับ”

       เสียงแม่อ่อนลง ผมพึมพำเบาๆ

       “ขอโทษครับแม่…”

      “ทีหลังอย่าทำอีกแล้วกัน”

         แม่ละจากผมไปหยิบถุงใส่อุปกรณ์พับตุ๊กตามานั่งข้างหลังบ้าน มองดูผมซึ่งกำลังซักผ้าอย่างขะมักเขม้น ผมเหลือบมองแม่เพ่งกับเส้นกระดาษที่ม้วนจนแข็ง สำหรับพับตุ๊กตา นานแสนนานในความรู้สึกของผม…กว่าที่แม่จะทำเสร็จได้แถวหนึ่งๆ

        “แม่เลิกทำเถอะ เดี๋ยวผมซักผ้าจะเสร็จแล้ว เมื่อคืนแม่นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ?”

       “เอ่อน่า นอนกลางวันตอนกลางคืนมันจะไปหลับได้ยังไง”

       ผมเงียบไปพัก ก่อนจะโพล่งขึ้นมาว่า

       “ทำไมแม่ไม่เลิกทำงานแบบนี้ แล้วไปทำงานกับน้าทัยล่ะ?”

       ถ้าใครยังจำได้ น้าทัยคือน้องสาวแท้ๆของแม่ผม และเป็นแม่ของพี่วุฒินั่นเอง…สามีของน้าทัยซึ่งนั่นก็คืออาดล เขาเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ พวกบ้านนู่นเขาเคยชวนแม่ไปทำงานเป็นคนบัญชีด้วยตั้งนานแล้ว เพราะเขาไว้ใจแม่ บวกกับที่แม่ก็จบบัญชีมา แต่แม่กลับปฏิเสธเสียทุกครั้ง

       “โอย! ทำงานแบบนั้นไม่มีอิสระ ฉันเบื่อตาย อีกอย่างงานบัญชีของกิจการใหญ่ขนาดนั้นความรับผิดชอบสูงจะตาย แถมมันไม่ใช่กิจการของบ้านเรา ทำซี้ซั๊วส่งเดชได้ซะที่ไหนล่ะ”

       “แหม ก็เขาชวน”

       “บ้า น่าเกลียดตายเลยไปยุ่งเรื่องของเขา สู้อยู่บ้านเราดีกว่า เบื่อก็รับงานแก้เหงามาทำฆ่าเวลาไปวันๆ”

       ใครบอก…ผมรู้ว่าที่แม่รับงานเพราะไม่ค่อยมีรายได้ต่างหาก ไม่ใช่เพราะ ‘ฆ่าเวลา’ แต่ทั้งที่เราสองคนรู้ดี…ก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงออกมา

       บางครั้ง ในชีวิตของคนเราก็ต้องการเรื่องโกหกบ้างเป็นธรรมดา

       “แดนตั้งใจเรียนนะลูก ปีนี้ปีสุดท้ายแล้ว…แล้วเรื่องฝึกงานล่ะว่าไง”

      ผมกับเพื่อนๆกำลังทำเรื่องยื่นหัวหน้าคณะให้อนุญาตไปฝึกงานช่วงปิดเทอมอยู่ ตอนนี้นักเรียนปีสี่ทุกคนมักจะว่างมากๆๆ(ยกเว้นพวกไม่ตั้งใจอ่ะนะ = =”) มีเหลือให้เก็บอีกสี่ห้าตัว นอกนั้นก็สบาย

       เวลาว่างตอนนี้เลยถือโอกาสฝึกงานหาประสบการณ์ ดีไม่ดีนะ บริษัทที่ผมไปฝึกเขาอาจจะใจดีให้ค่าจ้างก็ได้ อิอิ



      วันจันทร์ เป็นวันที่ผมนัดกับเพื่อนไว้ที่มหา’ลัย จะมาปรึกษากันเรื่องหาที่ฝึกงาน มีไอ้จุมเป็นหัวหน้าองค์เปิดประชุมเป็นการด่วน

      ผมเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ เอกการบัญชี ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน…คงเป็นเพราะผมอยากทำงานธนาคาร หรือไม่ก็งานเกี่ยวกับบัญชีเหมือนแม่ละมั้ง ผมถึงได้เลือกเรียนเอกนี้ (ความจริงผมไม่ค่อยตั้งใจเรียนเท่าไรอ่ะตอนสอบเอ็นท์ฯ =”+)

       เพื่อนๆในกลุ่มส่วนใหญ่ก็มุ่งเรียนมาทางด้านนี้เพราะจะไปช่วยกิจการที่บ้าน หรือไม่ก็อยากทำงานธนาคารหรูๆเหมือนผม ได้นั่งตากแอร์อยู่ในตึกสาขาสบายๆ มีสวัสดีการดีๆ มีเงินเดือนพอกินพออยู่ แค่นี้ก็สบายใจแล้ว

       “กูว่า ถ้าได้ทำใกล้ๆแถวๆมหาลัยนี่ก็ดีว่ะ แมร่งจาได้ไม่ต้องเปลืองค่ารถเมล์”

       ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับไอ้หวาน แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเสกให้มันมีใกล้ๆคงไม่ต้องดิ้นรนหาแบบนี้อ่ะ T o T

       “แต่ท่าจะยาก…สาธุ๊! ขอให้โชคช่วยเถอะว่ะ”

      ไอ้หนวดทำท่ายกมือยกไม้

       “มึงยังไม่รู้เลยไม่ใช่เหรอว่ะ แช่งตัวเองทำไม”

      ผมพูดกับไอ้หนวด มันทำค้อนๆส่งมา เอ๊ะไอ้นี่! วอนส้นตรีนซะและ

       พวกเรานั่งเม้าท์เกาะกลุ่มกันเสียงดัง (โดยเฉพาะเสียงนังกิ๊บซี่ส่องผู้ชาย กรี๊ดกร๊าดดังหนวกหูมาก =_=”) โต๊ะข้างๆเรามันก็ม้องมองนะ…แต่ทำไงได้ สักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผม

       “แดน ขอลอกเล็คเชอร์หน่อยดิ”

       อ้อ แอลนั่นเอง…แอลคือเพื่อนร่วมคณะของผมที่รู้จักกัน แต่ไม่ค่อยสนิท เป็นเพราะแอลเป็นพวกไม่เคยเข้าเรียน โดดตลอดว่างั้น แล้วก็เป็นพวกเรียนไม่ดี แต่ไม่รู้ทำไมมันชอบเข้ามาขอสมุดจากผมไปดูอยู่เรื่อย เข้าใจว่าผมจดดีว่างั้น?

      แอลเป็นเด็กเถื่อนๆ อยู่ในแก๊งที่วันๆไม่ค่อยทำอะไร เฮ้วๆ…รูปร่างหน้าตาก็อีหร่อบเดิม ตัวสูง ผิวเข้ม ดูหล่อร้ายกาจ เป็นพวกเสือผู้หญิงตัวยง แต่ถึงแม้มันจะเลวร้ายปานใด แต่กับผม มันจะพูดจาด้วยดีๆเสมอ(ไม่นับมึง-กู) ไม่เคยเลยที่มันจะมารังแกหรือทำกิริยาเหี้ยๆใส่

       “ฮื้อ วันก่อนยังจดไม่เสร็จอีกเหรอ?”

       มันยิ้ม ใบหน้าของมันดูเหมือนเด็กอายุสักหกขวบ ดวงตาที่ฉายแววทะเล้นซุกซนอยู่เสมอแลดูอ่อนเยาว์ ริมฝีปากอิ่มเต็มคลี่ออกเล็กน้อย รอยยิ้มขี้เล่นของมันผุดพลาย…แอลค้อมหัวอย่างเกรงใจเขินๆ

       “เอ่อ หมู่นี้ตื่นสาย เลยเบลอๆไม่ค่อยมีเวลาลอก”

       เรียนบ่ายเสือกตื่นสายเนี้ยนะ เฮ้อ…วันทั้งวันมันจะไม่มีเวลากะอีแค่ลอกสมุดเล่มเดียวเชียวเหรอไง?

      “เมื่อคืนเที่ยวดึกอีกอ่ะดิ”

       “อืม ไม่เชิงหรอก”

       ตัวมันสูงกว่าผมเยอะ หัวของมันเลยโน้มลงมา เอียงคอจ้องมองผมตาแป๋ว อรี๋ย!!!

      “ไม่ต้องมาแอ๊บแบ๊วเลยไอ้แอล มึงโดดเรียนบ่อยแบบนี้เดี๋ยวโดน’ทายหรอก”

       มันหัวเราะฮ่าๆ ผมหยิบสมุดให้มัน ซึ่งก็รีบขอบคุณยกใหญ่

       “ขอให้คุณแดนมีแฟนเยอะๆ สวยวันสวยคืนนะคร้าบ~~~”

       “อร๊ายนังแอล ทำไมแกไม่ชมชั้นแบบนั้นบ้าง! อีแดนมันจะต้องไปสวยทำไม ชั้นนี่ซิย่ะจะสวยวันสวยคืน”

       นังกิ๊บซี่รีบขัดขึ้นเมื่อได้ยินดังนั้น 555+ นังนี่มันตอแหลจริงๆ

       “เฮ้ยกิบซี่ แล้วมึงเคยโดนอวยพรเป็นหน้าแข้งคนป่ะว่ะ?”

      มันสะดุ้งตัวโหยง ผมยิ่งฮา สีหน้าสีตาเวลามันทำแอ๊บแบ๊วบอบบาง น้ำเสียงเล็กๆจีบปากจีบคอ

       “โธ่แอลก็…กิ๊บซี่แค่ล้อเล่นแค่นี้เอง…”

       ขณะที่มองเพื่อนๆ(ปากหมา)อันเป็นที่รักกัดกันอยู่นั้น ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมทำให้เสียงหัวเราะเงียบลง ทุกคนต่างมองไปตามทางเดียวกัน ผมก็หันไปมองบ้าง…

      “แดน…เอ่อ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ย?”

      ใจของผมเต้นแรงขึ้นมาทันที เป็นเพราะแปลกใจที่อยู่ๆ คนตรงหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ทันคาดคิด

       บังเกิดความเงียบโดยทั่วกัน…ผมมองหน้าบอย…ใบหน้าที่อมทุกข์บัดนี้ยิ่งดูหมองลงไปใหญ่ แววตาที่ฉายแววแห่งความเศร้าลึกๆไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไปแล้ว บอยดูเจ็บช้ำจากอะไรสักอย่าง

      “ใครน่ะแดน หล๊อหล่อ”

      กิ๊บซี่กระซิบขึ้นมาไม่ดูกาลเทศะ ไอ้หวานหยิกเข้าไปที เสียงร้องโอยดังตามมา

       ผมรู้สึกว่าทุกๆคนกำลังรอคำตอบจากผมอยู่…และรู้สึกว่าแอลกำลังมองผมแปลกๆด้วย

       “แดน-“

       บอยไม่ทันจบประโยค ผมรีบคว้าแขนเขาแล้วเดินไปตามทาง ระหว่างตึกมันมีที่ให้หลบมุมอยู่ เราหันหน้าประจัญกัน

       “คุณต้องการอะไร?”

       ผมเรียกบอยอย่างห่างเหิน ก็เพราะโกรธกับเรื่องที่เค้าทำเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน…

       “แดน ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

       น้ำเสียงของเค้าเว้าวอน เชอะ! มาดูถูกผมแล้วคิดว่าแค่คำขอโทษมันจะพอเหรอ?

       “คุณเก็บเอาไว้เถอะ คำขอโทษห้าพันบาทน่ะ”

       ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไป +_+” แล้วกรูโยงเรื่องคำขอโทษกับห้าพันบาทเข้าไปได้ยังไงว่ะ? นี่ยังงงตัวเองไม่หายเลย แฮะๆ (-.-)…

      “เดี๋ยว!”

      ผมรู้สึกตัวว่าถูกร่างสูงกอดจากทางด้านหลัง ในอ้อมกอดกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กำลังยื้อผมไว้แน่น แต่ผมดันรู้สึกรำคาญมากกว่าจะซาบซึ้ง

       “แดน ผมโกหกคุณ…ให้อภัยผมด้วยเถอะ”

        ฮื้อ? โกหกเรื่องอะไรว่ะ?

       “คุณโกหกผมงั้นเรอะ?”

       “ใช่ ผมโกหกคุณ” บอยจับผมหันมา ให้สบตากัน ซึ่งมันยากเหลือเกินที่จะเมินหนีดวงตาแดงๆ มีน้ำใสคลอหน่วยแบบนี้…

       “ความจริงแล้วผมเลิกกับแฟนเก่า…ได้นานพอสมควรแล้วล่ะ แล้วผมก็มาเจอคุณ…คุณทำให้ผมนึกถึงแฟนเก่า ทำให้ผมลืมเขาไม่ได้สักที”

      “ผมแอบชอบคุณ เฝ้ามองคุณจากฝั่งตรงข้ามมาโดยตลอด แล้ววันนั้น…คุณก็เข้ามาหาผม ผมเพิ่งจะรู้ตัว ว่าคุณคือคนที่ผมลืมไม่ได้ต่างหาก…”

       ผมอึ้งไปชั่วขณะ หัวสมองคิดอะไรไม่ออกซะงั้น

       “นี่อย่าบอกนะว่า…”

       “ผมหลงรักคุณ แดน…ผมรักคุณ”

       ความรู้สึกเดิมๆหลั่งไหลเข้ามาอีกแล้ว และยิ่งรู้สึกแปลก ที่จู่ๆก็มีผู้ชายหน้าตาดี ฐานะร่ำรวยเพียบพร้อม มาสารภาพรักกลางวันแสกๆแบบนี้

      แต่ก็แอบดีใจไม่ใช่น้อยนะ อิอิ…มีคนมาหลงรัก 555+ >.<

       เพราะคำพูด และน้ำเสียงของบอยที่พูดกับผมนั้น เกือบทำให้เคลิบเคลิมและเชื่อว่าเป็นความจริง ดูจากแววตา บอยคงไม่โกหกผม…

      “แต่ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ารักผม…”

      “จำได้…คุณบอกว่าคุณไม่มีอะไรจะให้นอกจาก…” บอยยกมือขึ้นปิดจมูกแดงๆ “แต่มันห้ามไม่ได้ที่จะหยุดรักคุณนี่”

       โหย ประโยคน้ำเน่านิยายล้านปีมากเลย (+_+)

       “แล้วคุณคิดว่าผมเป็นผู้ชายขายตัวได้ยังไง? รู้มั้ยสิ่งที่คุณทำมันน่าเกลียดมากแค่ไหน”

       บอยหน้าซีดลงไปอีก ผมชักเริ่มๆจะเห็นใจ = . =

      “ผมรู้ ผมขอโทษ แต่ผมอยากให้คุณรู้สึกดีๆกับผม…ผมมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ๆคุณ”

       “แล้วไอ้การจ่ายเงินห้าพันให้ผม คิดว่ามันจะทำให้ผมอยู่กับคุณงั้นเหรอ!”

       แหง่ง~~~ \(-_-*) ไอ้บ้านี่! คิดว่าพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกกรูจาหายโกรธมั้ง?

       “มันไม่ถูกต้องหรอก…ผมขอโทษ”

       ผมกอดอกจ้องหน้าบอย ร่างสูงยืนนิ่งๆ…แต่แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้

       “ผมขอเป็นแฟนคุณได้มั้ย?”

       อึ้งรอบสอง…ตั้งห้าปีมาแล้วที่ผมไม่เคยปล่อยใจ(แต่ไม่เคยเก็บตัว)ไปกับใครได้มากขนาดนี้…ทำไมจังหวะของหัวใจมันถึงเต้นแปลกประหลาดไป แค่เขาขอเป็นแฟน…ผมไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวขนาดนี้เลยนี่หนา (+o+)

       ผมพยายามปลอบใจ…ว่านี่เป็นผลข้างเคียงมาจากความตื่นเต้น ที่บอยกล้าขอเป็นแฟนกับผม (หรือเปล่าว่ะ...)

       “ผมให้คำตอบคุณไม่ได้หรอก”

       สีหน้าของบอยมีแต่ความปวดร้าว…ใจหนึ่งสมน้ำหน้าที่เขามาหลงรักคนอย่างผม คนที่ไม่เคยมีอะไรให้ใครเลย…แต่อีกใจหนึ่งผมก็เจ็บปวดแทนเขา ผมอยากรักเขา อยากให้เขามีความสุข เหมือนที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้…แต่ปัญหาก็คือผมทำไม่ได้ ผมไม่รักเขาเลย แม้อยากให้สามารถทำได้อีกครั้งแต่ว่าความรู้สึกเหล่านั้นมันจางหายไปจากใจของผมนานแสนนานมาแล้ว

      “เพราะผมรักคุณไม่ได้จริงๆ”

       เดินหันหลังกลับมา รู้สึกโหว่งๆยังไงไม่รู้…จะผิดมั้ยที่ผมทำตัวร้ายกาจ ก็เพื่อเตือนตัวเอง…หวังดีกับเขาว่าอย่ามารักผมเลย คนไร้ค่าอย่างผมไม่สามารถทำให้เขามีความสุขได้ตลอดไปหรอก เชื่อซิ…

       ถ้าจะให้รักใครได้อีก มันก็ไม่ใช่ความหมายเดียวกับเขา…ความรักของผมไม่ใช่แค่มีเซ็กซ์ ไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนคุย ไม่ใช่แค่คนแก้เหงา

       และผมก็กลัว…กลัวการผิดหวังจากความรัก…ไม่เอาอีกแล้วความรู้สึกแบบนั้น

       “ขอโทษนะบอย…ผมรักคุณไม่ได้จริงๆ…”



       โปรดติดตามตอนต่อไป :o8:

meawkung02

  • บุคคลทั่วไป
แดน ปิดกั้นเกินไปหรือป่าวค้าบบ...น่าจะลองเปิดใจดูบ้างนะค้าบบ...^^

angsumalin

  • บุคคลทั่วไป
มาเร็วทันใจคนอ่านจริงๆ o13

myLoveIsYOu

  • บุคคลทั่วไป
แค่ ห้าตอน ยังเผยความร้ายกาจมาขนาดนี้   :m16: :m16:

อยากรู้ว่า เมื่อแดน เจอไอ้ชิพ จะแก้แค้นไอ้ชิพ ยังไงหว่า  o12 :m29:

kalo_o_sm

  • บุคคลทั่วไป
สงสารบอยอ่ะ


ออฟไลน์ kaporzung

  • magKapleVE
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-2
    • Get vivid impressions and unforgettable emotions
ใจแข็งมากแดน หุหุ

แต่ต้องอย่าใจอ่อนกะชิพนะ

เพราะมันทำไว้แสบมาก  o12

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
รอต่อไปจ้า :oni2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






angsumalin

  • บุคคลทั่วไป
อย่างงี้กับชิพจะแค้นฝังหุ่นป่าวง่ะ   :m29:

ออฟไลน์ ronger

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 599
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
สงสารบอยอ่ะ แต่แดนก็ใจแข็งดีเนอะถ้ารู้ว่ารักไม่ได้ก็ไม่ให้ความหวังก็ดีแหละ จะได้ไม่ทำร้ายบอยทางอ้อม o13
แต่ไอ่ชิพเนี่ยนะ อย่าไปใจอ่อนกะมันเด็ดขาด o12

A-lone

  • บุคคลทั่วไป
อ่านรวดเดียวจนจบแล้วก็   เฮ้ออออออออออออออออออออออ



 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2

BICHA

  • บุคคลทั่วไป
   ทำไมหนอ จึงรักไม่ได้

    ถ้าไม่ลืมรักเก่าแล้วจะมีรักใหม่ได้ไง 

    มาต่อไว ๆ นะค๊าบ รออ่าน อยู่

    อยากจะรู้ว่านายชิพจะกลับมาหรือป่าว

    ถ้ากลับมาแล้วแดนจายกโทษให้อ่ะ ป่าว

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดด
ดดดดดดดดดดดดด


แดน ใจแข็งง่ะ  สงสารบอยอ่ะ

ALeX

  • บุคคลทั่วไป
โทษทีนะครับมาต่อช้าหน่อย คงเพราะเรียนพิเศษเพลิน เอ๊ย! หนักไปหน่อย...ไม่ว่างเลย ยังไงยกโทษให้ด้วยน๊า~~~  o2 o7 o2

ภาคนี้ชื่อจริงของชิพเปลี่ยนไป (หรือเปล่าหว่า?) ผมเขียนชื่อเขาผิดเองแหละในภาคแรก ชื่อจริงเขาต้องแบบนี้แหละถึงจะถูก อิอิ (สงวนนามสกุลเพราะผมกับเขาอาจจะต้องใช้ร่วมกันในอนาคต... :laugh: :laugh: :laugh:)


บทที่ 6



       วันแรกในชีวิตที่ผมต้องออกจากบ้านไปทำงาน รู้สึกตื่นเต้นปนๆภาคภูมิใจยังไงม่ะรู้ดิ^_^ แม่ปลุกผมตื่นแต่เช้า กินข้าวเสร็จก็มายืนอยู่ตรงหน้าแม่ ให้เขาผูกเนคไทให้เรียบร้อย

       “วันนี้วันแรก ตั้งใจทำงานนะลูก”

       แม่กอดผมหลวมๆ…นานเท่าไรแล้วนะที่แม่เคยกอดผมแบบนี้…ยิ่งแม่ทำแบบนี้ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจต่อสู้กับวันใหม่มากขึ้น ผมเลยหอมแม่ฟอดใหญ่ๆไปทีหนึ่ง

       “ไอ้ลูกบ้า ไม่อายใครเค้าเหรอโตปานนี้แล้วยังหอมแม่อยู่ได้”

       แม่พูดติดตลก ผมหัวเราะร่าก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถเมล์หน้าปากซอย มุ่งตรงยังสถานที่ทำงานแห่งแรกในชีวิตด้วยแรงใจและแรงกายเกินร้อย

       สถานที่ฝึกงานในครั้งนี้ ผมไปสมัครที่บริษัทนำเข้าอุปกรณ์สุขภัณฑ์แห่งหนึ่ง อาคารพาณิชย์ของเขาใหญ่โตมาก ตั้งอยู่ย่านใจกลางสีลม-สาทร ซึ่งก็รู้ๆดีกันอยู่ว่าราคาแพงมากแค่ไหน จำวันที่ไปสมัครได้ว่า อาคารปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนลายสวย ลานกว้างๆมีน้ำพุตรงหน้าทางเข้า ผู้คนแต่งตัวสวยๆหล่อๆกันทั้งนั้น ตั้งแต่ชั้นแรกถึงชั้นสิบสองเป็นพื้นที่สำหรับบริษัทให้เช่า ส่วนที่เหลือจนถึงชั้นสามสิบเป็นส่วนของเจ้าของสำนักงานที่ผมว่า เพราะสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นี่ ประกอบด้วยแผนกต่างๆมากมายเต็มไปหมด

       เมื่อสามวันก่อนทางบริษัทโทรฯมาบอกว่าต้องการนักศึกษาฝึกงานอยู่พอดี เป็นอะไรที่ดีใจมากมาย เลยรีบโทรฯส่งข่าวเพื่อนๆที่ไปทิ้งใบสมัครไว้พร้อมกันทั้งหมด ปรากฏว่าก็ได้ทำงานเหมือนกัน

       เชื่อมั้ย ว่าที่ไปเดินๆหางานกันกับแก๊งมหาภัย หาเท่าไรๆก็ไม่มีคนรับ จนแอลนี่แหละที่แนะนำมา บอกว่ามีเพื่อนที่รู้จักกันเป็นเจ้าของ อะไรมันจะโชคดีปานนั้น อิอิ ^_^

      ที่ชั้นสิบสาม บริเวณต้อนรับแขก มีเพื่อนๆอันประกอบไปด้วยไอ้หวาน นังกิ๊บซี่ นังจุม นังไก่ ไอ้ออม ไอ้หนวด(เพราะยืนใบสมัครพร้อมๆกัน) แล้วก็แอลนั่งรออยู่แล้ว แต่ละคนกำลังดื่มกาแฟ อ่านนิตยสารรอเวลาอยู่ ผมสังเกตสีหน้าทุกคนว่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย

       “ไอ้แดน ‘ไมมาช้าว่ะ”

      “รถติดชิ*หายอ่ะดิ” อ้าว ก็มันจริงง่ะ o_O*

       ผมวางกระเป๋าคาดบ่าลง ชงกาแฟให้ตัวเอง ไอ้แอลเดินเข้ามาทักตามประสาคนรู้จัก

       “แดนไม่มีรถเหรอ?”

      ผมมองหน้ามัน “ฮื้อ? ฮ่ะฮ่ะฮ่า เรามันคนจน ไม่มีหรอกรถน่ะ”

       “อืม” แอลพยักหน้าเข้าใจ “บ้านแดนอยู่ไหนล่ะ เผื่อมาทางเดียวกันได้เราจะได้มาส่ง”

      “แถว…” บ้านผมอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร

       “งั้นก็คงได้ สนใจมั้ยล่ะ? กรูจาได้แวะรับ”

       “แหม! พี่แอลอ่ะ ทีกิ๊บซี่บ้านอยู่ใกล้กว่านังแดนอีก พี่แอลยังไม่มารับเลยค่ะ...”

       เราสองคนหันไปมองนังกิ๊บซี่ กระเทยพันธุ์ดุที่กำลังนั่งกระมิดกระเมี้ยนอยู่ ผมยิ้มแหย่ ส่วนแอลมองขำๆ

       “เอ่อๆ ก็ได้ๆ ตัดปัญหาแมร่ง…เจ็ดโมงเช้าแล้วกัน ใครจะไปด้วยส่งแมสเซจมาก่อนเจ็ดโมงครึ่ง ทุกวัน เข้าใจนะ”

       จะว่าไปแอลก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิด แค่ออกจะ…นอกลู่นอกทางไปหน่อย แต่แอลก็เป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจมากคนหนึ่ง ดูจากที่มันช่วยเหลือพวกเราให้ได้ทำงานที่เดียวกันทุกคนแล้ว แอลก็น่าคบหาเหมือนกันนะ o ^ o

       ผมมองดูนาฬิกา ได้เวลาเข้างานแล้ว ทุกคนเริ่มนั่งอยู่กับเก้าอี้ไม่ติด สักพัก พี่ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดสูท ท่าทางคล่องแคล่วเหมาะกับวัยทำงาน สวมแว่นตาร่างสูงโปรงก็เข้ามาในห้อง แนะนำตัวกับพวกเราด้วยท่าทางเป็นกันเอง

       “พี่ชื่ออ้อมนะคะ เป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบุคคลของที่นี่เอง ก่อนอื่นจะพาไปแนะนำสถานที่ ตามมาทางนี้เลยค่ะ”

       บุคลิคของคนในบริษัทนี้ฉายแววความเก่งมาแต่ไกล ดูจากพี่อ้อม ทั้งเก่ง สวยเฉียบ ดูน่าเคารพนับถือ ผมเริ่มรู้สึกดีๆกับบริษัทแห่งนี้เข้าให้ซะแล้ว >O<

       พี่อ้อมหยุดแวะที่พนักงานหน้าฝ่ายต้อนรับก่อน เห็นพูดอะไรกันแว่วๆว่า

       “ถ้าที่เหลือมา ให้ตามขึ้นไปข้างบนนะ พี่ไม่รอแล้ว”

       ไอ้หวานกับนังไก่ และนังกิ๊บซี่กรูกันเข้ามาฟังด้วย ในที่สุดมันก็ลากผมเข้าไปเม้าท์ในวงด้วยกัน

       “เฮ้ย รู้สึกว่าจะเป็นญาติกับเจ้าของบริษัท ยังไงนี่แหละ”

      “แล้วแกรู้ได้ไงว่ะนังไก่” ไอ้หวานซัก

       “แหม ช่วงเช้ามีเวลาว่าง ฉันก็ชวนนังกิ๊บซี่ไปเม้าท์ฆ่าเวลากับพี่ตรงเคาท์เตอร์นั่นแหละ”

      “~แกนี่สู่รู้ไปทุกเรื่องจริงๆเชียวนะ...”

       ไอ้หวานทิ้งท้ายไว้ในที่สุด เสร็จแล้วเราก็เคลื่อนพลตามพี่อ้อมกันขึ้นไปข้างบน ว่าแต่ละชั้นประกอบด้วยแผนกอะไรๆบ้าง บลาๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นกฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักการทำงาน แล้วก็เรื่องห้องครัวห้องอาหาร สวัสดีการโดยทั่วๆไป เสร็จแล้วพี่อ้อมก็เอาป้ายบุคคลเยี่ยมชมของพวกเราคืน แลกกับบัตรพนักงานชั่วคราวมาแขวนคอ...รู้สึกภูมิใจจนหุบยิ้มไม่อยู่เลยจริงๆ o(>_<)o

       “เดี๋ยวบัตรที่น้องๆแลกไว้จะส่งให้คนไปเอามาคืนให้นะคะ ส่วน- อ้าว!...คุณมาพอดีเลย พี่อ้อมบอกแล้วใช่มั้ยคะ...ว่าที่ผู้บริหารในอนาคตน่ะ ไม่ควรมาฝึกงานวันแรกสายกว่าทุกๆคน”

      พี่อ้อมที่พูดๆอยู่หยุดชะงัก แล้วปรี่เข้าไปหาผู้มาใหม่ทางด้านหลังผม เห็นแอลที่บอกว่ารู้จักสนิทสนมกันเข้าไปทักทายเสียงดังอย่างกะไม่เจอกันมานาน แล้วก็มีเสียงใครหลายต่อหลายคนกรูเข้าไปหาเขากันทั้งนั้น

       “นี่ไงแก ว่าที่ผู้บริหารในอนาคต...ฉันไม่อยากดูถูกหรอกนะ แต่มาสายอย่างงี้ อร๊าย คงเอาดีได้หรอกค่ะคุณผู้บริหารกรุ๊บกริ๊บ”

       นังกิบซี่ค่อนคอด ทำตาหูเหลือกอย่างไม่พอใจ แต่แล้ว…

       “นี่ๆแก! ฉันขอถอนคำพูดคืนทั้งหมด อร๊าย~~~ผู้ชายอะไรหล่อล่ำได้ใจขนาดนี้ จะสายแค่ไหน…กิ๊บซี่ก็ยอมค่า!~~~”

       เสียงนังกิ๊บซี่ที่เปลี่ยนไปเรียกความสนใจของทุกคน…ผมเองก็หันไปมอง แอลซึ่งกำลังกอดกันอยู่กับผู้ชายร่างสูงหลบตัวออก ทำให้ผมเห็นหน้าเขาได้ชัดๆ…

       แต่วินาทีนั้นที่ผมเห็นเขา...สมองจดจำได้ว่าเป็นใคร ตัวผมก็แข็งทื่อไปทั่วทั้งร่าง!

      “นี่นะคะทุกๆคน นี่คือคุณนภเกตน์ หรือน้องชิพ ทายาทของบริษัทแห่งนี้ แต่ตอนนี้เป็นแค่เด็กฝึกงานไปก่อนนะคะ (หัวเราะ) น้องชิพแนะนำตัวหน่อยซิค่ะ”

       พี่อ้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ…แต่มันไม่ไหลเข้ามาในสมองของผมเลย ภาพผู้ชายร่างสูงตรงหน้า ที่ตอกย้ำเข้ามาในสมองของผม จำได้…จำได้…ว่ามันคนนี้เคยทำอะไรไว้กับผมบ้าง ผมจำได้ดีว่าความรู้สึกผิดหวังกับผู้ชายคนนี้เจ็บปวดมากเพียงไหน…

      “ผมนภเกตน์นะครับ เรียกสั้นๆว่าชิพก็ได้ และนี่ก็…แฟนของผม ชื่ออุ๋ม เรียนเอกบริหารฯด้วยกันทั้งคู่ ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วย”

        ไม่น่าเชื่อ…ว่าน้ำเสียงห้าวๆของมันจะยังทำให้ผมหนาวสั่นไปได้ทั้งตัว ผมนึกว่าจะลืมมันไปหมดแล้วซะอีก…แผลเก่าที่เพิ่งหายดีปริแตกออกอีกครั้ง ความเจ็บช้ำพุ่งทะลักออกมาจนแค่มองมัน…ผมก็เจ็บเหมือนวันที่มันทิ้งผมไปเมื่อห้าปีก่อน

       ชิพแสดงท่าทีนอบน้อม ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆกันนั้นก็ดูสวย น่ารัก เพียบพร้อมสมกัน ทั้งสองยิ้มให้ทุกๆคนตามมารยาท   จนกระทั่งสายตาของมันมาหยุดลงที่ผม…รอยยิ้มฉาบใบหน้าของมันค่อยๆหุบลง…เหลือแต่เพียงความตกใจที่ผมเองก็แสดงออกมามากไม่แพ้กัน

       บัดนี้ ตามเนื้อตัวแทบจะไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น เหมือนโลกรอบๆตัวจะพังทลายลง เสียงพูดคุยของทุกๆคนพลันเลือนหายจนแม้กระทั่งเสียงหัวใจของผมยังแผ่วบาง…ผมมองมัน ตัวของชิพสูงกว่าเดิม ดูผอมลง แล้วก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ทุกอย่างที่บ่งบอกว่าเป็น ‘ชิพ’ ยังคงอยู่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงห้าวๆ ท่าทางกร่างๆ แววตาที่พราวด้วยเล่ห์นัยบางอย่าง ริมฝีปากบางและรอมยิ้มร้ายกาจ…

       ผมออกวิ่งทันที

       วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง...กระแทกประตูออก หนีลงมาตามทางหนีไฟ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้…เสียงของใครบางคนวิ่งตามลงมา เสียงวิ่งหนีกันดังตึงๆ

       “แดน! แดน! เดี๋ยวก่อน”

       วิ่งออกมาหน้าตึก รู้สึกทั้งเหนื่อยทั้งมึนงง ตาพร่าไปหมด…มันเป็นความทรมานที่แทบจะแยกร่างเราได้ ผมยืนบีบมือแน่นขณะยืนรอแท็กซี่ตรงที่ถัดมาจากหน้าบริษัทเล็กน้อย เกือบจะสิ้นหวังแล้วเมื่อไม่มีรถคันไหนจอดรับผมซักคัน...

       ผมยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนคนบ้า น้ำตามันจวนเจียนจะไหลพรากๆอยู่แล้ว แต่เพราะตัวเอง…ที่ท่องเอาไว้ในใจว่า ‘อย่าร้องนะ…อย่าร้องเด็ดขาด อย่าได้เสียน้ำตาให้คนๆนั้นอีก อย่าเชียว…อย่าได้แพ้ใจตัวเองอีก อย่าร้อง…’

       “แดน!” เสียงเรียกจากใครบางคนทำให้ผมสะดุ้ง บอยที่อยู่ในเบนซ์ซีคลาสของเขากำลังจอดคาอยู่ข้างถนนตรงหน้าผม เหมือนระฆังช่วยชีวิต ผมวิ่งเข้าไปหาเขาทันที

       “บอย! ผมขอไปด้วยได้มั้ย? ขอไปด้วย-“

       “เดี๋ยวแดน เดี๋ยวก่อน!”

       เสียงของชิพดังตาม ผมไม่กล้าหันไปมอง รีบเปิดประตูแล้วกระโจนขึ้นรถ

       “ไปเลยบอย ขับไปเลย!”

       บอยทำตามคำสั่ง รถเบนซ์ซีคลาสกระชากตัวออก แล่นไปตามถนนด้วยความเร็ว ภาพของชิพดูเหมือนจะห่างไกลออกไปทุกทีๆ…

       รถที่แล่นไปด้วยความเร็ว ทำให้ผมแทบจะมองอะไรไม่ทัน หรือว่าเป็นเพราะความช็อคกันแน่…ที่จริงคือผมเบลอไปหมด เหมือนภูเขาลูกหนึ่งพังทลายลงมาใส่ผม ทับให้จมอยู่กับความรู้สึกเดิมๆ…ความรู้สึกทรมานที่ยากจะบรรยาย

       “แดน! แดน!”

      ผมหันไปตามเสียงบอย แววตาเหม่อลอย

       “คุณได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า? แดน…คุณเป็นอะไร ทำไม? เกิดอะไรขึ้นกับคุณ ใครทำให้คุณเป็นแบบนี้”

       ผมไม่ตอบ…เบ้าตาของผมร้อนผะผ่าว ปวดตุบๆไปหมด และแล้วมันก็ทนไม่ไหว น้ำตาใสๆสายหนึ่งไหลรินลงมา

       “บอย พาผมไปไกลๆ ที่ไหนก็ได้…”




       โปรดติดตามตอนต่อไป

A-lone

  • บุคคลทั่วไป

ifwedo

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มสนุกกกกแย้ววววววววววว

ออฟไลน์ ★L'Hôpital

  • แค่เราได้พบกัน...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-18
โอย...ยิ่งอ่านยิ่งเศร้า :sad2:
รู้สึกโกรธเจ้าช็อคชิพที่มาหลอกปั่นหัวแดน  :serius2:
พี่มาร์คไม่อยู่แล้ว เชียร์แดนกับบอยนี่หละ
อย่าไปรีเทิร์นกับชิพนะ  :o12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด