ดีครับ สอบเสร็จแล้ว เย้!!! ดีใจมากมาย วันนี้เอาตอน37มาฝาก อีกสองตอนจบแล้วน๊า...
![บายๆ :bye2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/bye2.gif)
ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากทุกๆคนหน่อยหนึ่งอ่ะคับ คือช่วงนี้อยากอ่านนิยายแนวซาดิสมากมาย แนะนำหน่อยนะคับ ขอบคุงล่วงหน้าน๊า~~~
![:oni1:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/3ca8b998.gif)
บทที่ 36
ชิพ...
ผมค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นทีละน้อย อากาศอบอุ่นห้อมล้อมรอบๆตัวผม แสงแดดอ่อนๆยามเช้าตรู่พร้อมทั้งสายลมอุ่นพัดผ่านเข้าปะทะผิว มือของผมค่อยๆกวาดไปทั่วที่นอนเพื่อหาร่างของใครบางคน...
ผมพบเพียงความว่างเปล่า...ทว่ามีรอยยับจริง ผมค่อยๆก้มลงไปสูดกลิ่นกายของชิพที่หมอนของมัน อืม...
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไหลเข้ามาในหัวผม
ทุกฉาก ทุกตอน...มันไม่ใช่ความฝันจริงๆ
ผมพยายามชันกายลุกขึ้น มึนๆแฮะ มองไปรอบๆก็เห็นเสื้อผ้าที่เมื่อคืนเราสองคนร้อนรนเปลื้องมันออกวางกองอยู่บนพื้น แต่ไม่มีของไอ้ชิพ
ขาของผมลุกไปทางห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเองพร้อมทั้งแต่งตัว นาฬิกาข้อมือบอกเวลาประมาณแปดโมงกว่าๆ พอมองหน้าตัวเองในกระจก แมร่ง!!! โคตรตกใจเลย~~~รอยช้ำสีแดงๆที่รอบคอเป็นผลจากความเสียวของไอ้ชิพเมื่อคืน ชัดแบบนี้กูจาปิดยังไงฟ่ะ’เชี่ยชิพ???
เปิดประตูออกมา ส่องหาร่างไอ้ชิพเพื่อจะต่อว่ามัน แต่เดินเร็วไม่ได้...(คงรู้ใช่ม่ะคับว่าเพราะอะไร =_=”...)
ชานด้านนอกว่างเปล่า เอะใจแปลกๆ...เลยเดินวนไปดูด้านที่ติดทะเล กวาดตามองไปรอบๆก็ไม่เห็นร่างของไอ้ชิพเลย รถก็ไม่มี เสื้อผ้าก็ไม่อยู่ แสดงว่า...
มันกลับไปแล้ว?
ใจของผมสั่นขึ้นมาทันที
ผมรู้สึกหนาว...มาก คือทั้งตัวและข้างในมันโหว่งไปหมด ความทรงจำที่มีชิพสัมผัส ความเร่าร้อน กลิ่นกายของมัน ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ในหัวผม เคยมั้ยเวลาเราคิดถึงใครสักคนมากๆเพียงในช่วงเวลาสั้นๆ? มันไม่ใช่แค่โหยหา แต่เป็นความทรมานที่แทบจะระเบิดร่างกายออกเป็นเสี่ยงๆ ผมอยากเห็นหน้ามันตอนนี้ อยากกอดมันที่นี่ เดี๋ยวนี้...
แต่มันไม่อยู่ซะแล้ว
ผมถอนหายใจ เดินออกมาจากบ้านพักที่ไอ้ชิพเปิดไว้เมื่อคืน ระหว่างทางที่ลัดเลาะมาตามชายหาด กลับมาที่เดิมซึ่งไม่ไกลมากนั่นคือบ้านของพี่กร พยายามทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนอย่างละเอียด
รู้สึกเหมือนไม่ใช่คนเดิม วินาทีที่ผมเป็นของมัน ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม…
หัวใจอีกครึ่งหนึ่งจะไม่ใช่ของผมอีกต่อไปแล้ว
ไม่มีทางหวนกลับ ไม่มีทางเรียกร้องคืน...รักมันแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีทางเติมเต็มได้หากไม่มีมัน
เพิ่งรู้ ว่าความรักมีสองด้าน...อ้อ ให้ความรู้สึกแบบนี้เอง
รู้สึกตัวอีกทีขามันก็เดินมาส่งให้ใกล้ทางเข้าบ้านพี่กรแล้วครับ -_-* บ้านหลังใหญ่ทั้งหลังเงียบสงบ คงยังไม่มีใครตื่น...ผมแอบเดินย่องจะเข้าบ้าน ค่อยเปิดประตูเบาๆก่อนจะวิ่งไปหยิบพลาสเตอร์ปิดแผลที่ตู้ยา แล้วตรงไปยังห้องของตัวเอง
ใจผมกระตุกวูบด้วยความรู้สึกผิด…แต่เรื่องราวทั้งหมด คงเป็นเพราะความเมา ความคาดสติ...และอารมณ์รักที่ปะทุอยู่ในใจผมตลอดเวลาที่ผ่านมา
พี่มาร์คคงเป็นได้แค่รุ่นพี่ที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมนั้น มันผิดเกินไปที่จะรั้งคนที่ผมไม่ได้รักจริงๆไว้ จะเชิญดุด่าว่าอะไรผมก็ตามใจเถอะครับ แต่ผมบอกตรงๆว่าห้ามใจไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่มากๆที่นอกใจพี่มาร์คแบบนี้
ทำไงดี? อ๊ากกกกกกกก ผมมันเลวมากมั้ย? คิดแบบนี้แล้วจะช่วยให้กรูมองหน้าพี่มาร์คได้ติดอีกมั้ยเนี้ย??? เซ็งโว้ย…
สาธุ๊!!! ขอให้พี่มาร์คยังไม่ตื่นเถอะ มีหวังผมโดนบีบคอตายแน่ ทว่า ภายในห้องว่างเปล่า
อ้าว ไม่มีใครอยู่?
ทันใดนั้นแหละที่เสียงโวยวายของใครหลายคนดังมาจากทางด้านนอก ตรงหน้าต่าง ผมรีบวิ่งไปชะโงกดู ไม่รู้ทำไมใครหลายคนถึงออกไปตรงหาด ชี้ๆมุงๆกันอยู่ตรงทะเล ส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย
วิญญาณไทยมุงกำเริบคับ กูดูด้วยคนดิ ผมเลยไม่รอช้าใส่เกียร์ที่พอจะได้(อย่าลืมคับ ว่าวันนี้เกียร์มันไม่ค่อยดี...) แล่นเข้าไปสมทบ แต่มันแปลก...เสียงของชาวบ้านหลายคนเคร่งเครียดขึ้น เหมือนมีเรื่องร้ายๆไม่ดีๆ (แต่ก็ยังอยากดู) อ้อ สายตาของผมเล็งไปที่แผ่นหลังคนที่น่าจะเป็นพี่...แล้วนั่นก็พี่...กับพี่...แฟนเค้า ป้าสมบรูณ์ เอ? ทำไมป้าถึงได้ร้องไห้ตัวโยนขนาดนั้นนะ
และแล้ว สิ่งที่ผมเห็น ก็ทำให้หัวใจของผมเกือบหยุดนิ่ง...
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนชายหาด คลื่นน้ำที่โถมซัดเข้ามาลูกแล้วลูกเล่าไม่สามารถปลุกเขาให้ตื่นได้...
ทันใดนั้น
ผมถึงได้เข้าใจว่ามันคือร่างที่ไร้วิญญาณ...
ร่างที่อ่อนปวกเปียกลอยโคลงมาตามน้ำแล้วเกยบนฝั่งช้าๆ…เนื้อตัวซีดๆนั้นยังคงติดตาผมมาจนถึงทุกวันนี้ บอกไม่ถูกอ่ะคับ อธิบายไม่ได้ด้วย แต่แค่รู้ว่ามันน่ากลัว น่าขนลุกมากกว่าอะไรทั้งปวง
ภาพที่อยู่ตรงหน้าผมนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนแล้ว พี่วุต...ใจมันวูบไปเร็ว คิดไปเองเลยอ่ะคับว่าใครคนนี้คงไม่ใช่...
หัวใจของผมมันเจ็บจี๊ดขึ้นมา
ชาวบ้านผู้ชายและคนในชุดสีขาว ช่วยกันพาร่างขึ้นมาบนหาด พลิกร่างนั้นให้เงยหน้า...เส้นผมสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย บัดนี้ซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา พี่มาร์ค...พี่มาร์คตายแล้วเหรอนี่…นั่นคือพี่มาร์คจริงๆเหรอเนี้ย!
ตอนแรกผมได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ขยับขาไปไหนไม่ได้...ความรู้สึกเลวร้ายกัดกินหัวใจผมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นแค่เพียงภาพในความฝัน แต่ทุกๆอย่างดูจะตอกย้ำและสมจริงเหลือเกิน...บางคนถึงกับนั่งก้มหน้าเศร้า บางคนก็แค่ส่ายหัว แต่อย่างพี่กรและก็พวกพี่ๆของเขาต่างพากันไปออมุงดูรอบพี่มาร์ค...แต่ละคนมีน้ำตาไหลนองอาบหน้า
ทั่วร่างของผมชาหนึบ ตรงหัวตามันร้อนผะผาวขึ้นมา สมองสั่งให้ก้าวเดินออกไปช้าๆ...ที่ตรงนั้นทุกคนโวยวายจนฟังไม่รู้เรื่อง ผมเพียงได้ยินแต่เสียงป้าสมบรูณ์พูดว่า
“อย่าให้น้ำตาโดนตัวเขานะคะ...”
แต่ผมนั่งคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ใช่ ผมไม่อยากให้ร่างของพี่มาร์คแปดเปื้อนน้ำตาสกปรกๆของผม แต่มันยาก ยากมากเหลือเกิน...ดวงตาของผมปวดระบมไปหมดเมื่อต้องอดกลั้นไม่ให้เขื่อนตรงนั้นไหลทะลักออกมา ผมเม้มปากแน่น จนเจ็บ...ตัวงี้เปียกน้ำไปหมดแล้ว แต่ไม่สนใจ ค่อยๆเอื้อมมือไปจับแขนพี่มาร์ค...เย็น เย็นเหลือเกิน...
“น้องอย่าเพิ่งเกะกะคับ ต้องรีบพาคนป่วยส่งโรงพยาบาล”
ผมรีบเอามือออก แต่ชะงักคำว่า ‘ส่งโรงพยาบาล…’
นี่…นี่พี่มาร์คเค้ายังไม่ตาย…
นี่เรื่องจริงเหรอเนี้ย?
“อ้าวน้อง รีบถอยไปเซ่!~~~”
ไอ้รถพยาบาลก็ตะคอกใส่ มองผมด้วยสายตาตำหนิ
“ผมนึก…นึกว่าเขา…”
แต่ไม่มีใครฟังผมหรอก ผมมองร่างพี่มาร์คถูกหามขึ้นรถเข็น ประตูสีขาวเขรอะๆของรถพยาบาลปิดลง…คนหลายคนกำลังช่วยกันยื้อชีวิตพี่มาร์คไว้
ผมกลั้นเสียงตะโกนของตัวเองอยู่ในอกลึกๆ ไม่สามารถพูดมันออกมาเพราะความช็อคล่ะคับ แต่ข้างในตอนนี้มันแตกสลาย ปวดมวนท้องไปหมด ผมหายใจไม่ออกจริงๆที่ต้องเห็นหน้าพี่มาร์คหลับตาสนิท หัวใจไม่เต้นอีกต่อไปแล้ว และไม่หลงเหลือความอบอุ่นที่เขาเคยมอบให้ผมตลอดมา...
ไม่เคยนึกกลัวอะไรมากมายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
แค่คิดก็กลัว ผมไม่อยากนึกถึงมันอีกเลยให้ตายเถอะ…
…ความวุ่นวายกลับเข้ามาแทนที่ภาพที่รถยนต์สีขาวแล่นออกไป…ตอนนั้นทุกคนเร่งรีบพากันซักถามคนในบ้านใหญ่ ไม่รู้หรอกว่าผมไปไหน…สักพักชาวบ้านที่มามุงดูก็สลายตัวไป เหลือเพียงผมคนเดียวที่นั่งอยู่ตรงนั้น เปียกน้ำและหนาว...ที่สำคัญคืออ้างว้างมากจนผมกลั้นใจไม่ไหว แบบสุดจะทนโคตรๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาพร้อมแรงสะอื้นจนตัวโยน
...ฮัก...ฮัก...
แค้นใจตัวเองที่ผมไม่สามารถทำอะไรให้พี่มาร์คมีความสุขได้เลย ตลอดเวลาที่เราคบกัน ผมรู้ตัวดีว่าใจของผมมันไม่ได้อยู่กับตัวเอง หรือแม้แต่พี่มาร์คก็ตาม และผมปันให้ชิพมาตลอด…ทั้งๆที่พี่มาร์คทุ่มให้ผมหมดหน้าตัก...ผมรู้ ว่าผมมันไม่ควรค่าอะไรเลย ไม่มีค่าพอมานั่งร้องไห้เสียใจกับพี่มาร์คเสียด้วยซ้ำ เขาไม่คู่ควรกับผมเลย ไม่เลยสักนิดเดียว...
เกลียดที่ทำผิดได้ถึงขนาดนี้
มือของใครบางคนแตะที่ไหลผม มือทั้งสองข้างค่อยๆลดลงมาปาดน้ำตา ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาพร่ามัว
พลัก!
ผมล้มลง นอนหงาย ตามด้วยร่างของพี่เมฆที่นั่งคร่อมแล้วกระหน่ำหมัดรัวลงมาบนใบหน้าไม่หยุด เสียงหมัดกระทบกับหน้าผมดังมากจนน่ากลัว แต่โชคดีที่ไม่มีใครเลยอยู่แถวนั้น
“มึง!...พลัก!...มึงเป็นตัวการที่ทำให้ไอ้มาร์คต้องฆ่าตัวตาย เพราะมึง!...พลัก!...มึงรู้มั้ยว่าที่มาร์คเจ็บปวดแบบนี้เพราะอะไร เพราะมันตามมึงไป มันเพ้อมากจนเดินลงทะเลไปด้วยความเสียใจ เพราะมันรักมึง! พลัก! มันไม่อยากให้มึงไปกับไอ้เหี้ยนั่น!”
ความเจ็บปวดที่ใบหน้าผมทำให้ร่างของผมชาหนึบไปทั้งร่าง แต่มันไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่หัวใจของผม...เลือดไหลนองเต็มหน้าคละเคล้าไปกับน้ำตา ผมไม่ได้สู้ แต่เต็มใจยอมรับความผิดทุกประการ...
“กูไม่นึกเลยว่า...ว่า ว่ามันจะฆ่าตัวตาย...”
มือของพี่เมฆที่กำคอเสื้อผมแน่นอยู่ค่อยๆปลดออก และเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่...ร้องไห้หนักๆอยู่ตรงนั้น เราต่างหมดแรงเพราะความเสียใจ หยุดต่อยผมไปโดยปริยาย
ผมมองใบหน้าที่ชะโงกอยู่เหนือตัวเอง หน้าแดงๆนั่นแสดงสีหน้าแห่งความเจ็บปวด จนผมเองก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
“ไป...มาร์คไม่ต้องการเห็นหน้ามึงอีก”
“พี่เมฆครับ...ผมขอ ผมขอร้อง…”
“หลังจากที่มึงทำกับมันแบบนี้ มึงยังต้องการอะไรจากมันอีก? หา! ตอบกูหน่อยซิ!!!”
เรายืนจ้องหน้ากัน
“…พี่เมฆรู้?”
พี่เมฆลุกขึ้นมาต่อยผมอีกหมัด เลิกร้องไห้ตัวโยนในทันที
“เออ! ก็กูรู้ กูถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ไง!”
เศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกขย้ำไว้ลอยมาโดนหน้าผม มืออันสั่นเทาค่อยๆคลี่กางมันออกมาอ่าน ลายมือของพี่มาร์คเขียนอยู่บนนั้น ร่องรอยแห่งความบอบช้ำบ่งบอกความหมายของทุกๆค่อยคำของตัวมันดี...
แค่เห็น ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะอ่านมัน หรือ ซึมซาบมัน...
“ไง มึงอายหรือว่ามึงรังเกียจที่จะอ่านกันแน่ว่ะ แต่กูบอกมึงให้ก็ได้” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชด “มันบอกว่ามันรักมึง…มาก หมดหัวใจ แต่มึงทำให้มันต้องใจสลายเพราะมึงหลอกมัน มึงหลอกให้มันรักมึง ในขณะที่มึงไปเริงร่ากับคนอื่น เอ้า มึงอ่านเองเซ่! จะได้รู้ให้ชัดๆไงว่ามึงเลวแค่ไหน ว่าเมื่อคืนมึงไปไหนกับใครมา มึงทำให้มาร์คต้องฆ่าตัวตาย มึงทำให้ชีวิตของคนๆหนึ่งต้องตาย!”
ผมได้แต่นั่งหมดแรง สมองปิดตัวลง แต่หูยังคงได้ยินเสียงพี่เมฆพูด...
“ถึงมันจะไข้ขึ้นมาก แต่ก็ยังมีสติพอได้รู้เรื่องชั่วๆของมึง…กูเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันเป็นเกย์ แล้วก็เป็นแฟนกับมึง แต่กูไม่นึกเลย...ว่าเพื่อนดีๆของกูต้องมาเป็นแบบนี้ เพราะมึง! กูไม่รู้หรอกว่าเมื่อคืนไอ้มาร์ครู้อะไร แล้วมึงไปxxx(เซ็นเซอร์)ที่ไหนมา แต่กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก แค่เพื่อนกูฆ่าตัวตาย มันก็มากพอแล้ว!”
พี่เมฆด่าผมหยาบคายมาก แต่มันก็สาสมแล้วนี่...ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เขาพูดเป็นความจริงทุกอย่าง...พี่มาร์คคงเห็นภาพตอนที่ผมกอดจูบอยู่กับชิพ ด้วยความเมาบวกความเสียใจ พี่มาร์คตัดสินใจทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ก็เหมือนผม...แต่เขาทิ้งจดหมายลาตายไว้ที่ห้องพี่เมฆ และพี่เมฆก็รู้เรื่องทุกอย่างดีมาโดยตลอด
พี่มาร์ค ผมขอโทษ...
ผมไม่โทษใครเลย ยกเว้นตัวผมเอง
“กลับไปได้แล้ว กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก”
“พี่เมฆคับ...ผมขอ ผมขอไปด้วย”
“มึงยังหน้าด้านอยากยุ่งกับมันอีกเหรอ?”
ผมสูดลมหายใจลึกๆ เอาล่ะ ตอนนี้ผมยอมทุกอย่าง พี่เมฆทอดสายตามองลงมาที่ผม ซึ่งค่อยๆก้มลงกราบที่แทบเท้าพี่เขา...ถ้าเป็นตอนอื่นผมคงร้อนด้วยศักดิ์ศรีที่โดนเหยียบย้ำไปตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้...แลกด้วยอะไรผมก็ยอม
“ผมกราบล่ะครับพี่...ขอผมเห็นหน้าพี่มาร์ครั้งสุดท้าย”
ในแววตาคู่นั้น ไม่รู้ว่านอกเหนือจากความเกลียดชัง...ยังมีประกายตาแห่งความสงสารหลงเหลืออยู่น้อยๆหรือเปล่า
แล้วเขาก็เดินไปที่รถ ไม่พูดไม่จา ตอนนี้คนในบ้านไม่มีเหลือแล้ว ผมขึ้นไปนั่งข้างๆพี่เมฆที่เบาะหน้า ในรถบรรยากาศมาคุไปตลอดทาง พี่เมฆไม่ชำเลืองมองมาทางผมเลยแม้แต่นิดเดียว...
เราสองคนตกลงกันสั้นๆว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ระหว่างทางผมสาบานว่าหลังจากเจอพี่มาร์ค ผมจะไม่มีวันมาให้ใครเห็นหน้าอีก ให้ถือว่าเป็นการจบสิ้นจริงๆ…
“ไม่มีใครอยากเห็นหน้ามึงอยู่แล้ว…”
รถเลี้ยวเข้าที่จอดของโรงพยาบาลในตัวเมืองแห่งหนึ่ง ไม่ใหญ่มากนักทว่าก็ดูทันสมัย ที่ชั้นบนทุกคนรออยู่แล้ว และต่างอยู่ในอาการเสียขวัญ ตำรวจสองสามนายยืนคุยกับผู้ใหญ่ของบ้านอยู่นั่นคือป้าสมบรูณ์ พี่ๆที่เหลือนั่งหน้าเศร้า ผมเข้าไปสมทบด้วยอีกคน แต่...ไม่มีใครมองผมหรือพูดกับผมเลย ได้แต่นั่งห่างๆ...และทำเหมือนไม่รู้จักผมกันทั้งหมด
คาดว่าอาการแบบนี้ทุกคนคงระแคะระคายกันมาบ้าง
“แล้วคุณป้าโทรฯบอกผู้ปกครองเด็กหรือยังครับ?”
“ยังเลยค่ะ เมื่อกี้ฉุกละหุกมาก และ...ป้าไม่อยากบอกข่าวร้ายนี้กับทางบ้านเขา”
“งั้นเดี๋ยวผมให้หมวดเขาติดต่อให้ก็แล้วกันครับ ทุกคนใจเย็นๆก่อน”
พวกเรานั่งรอกันอยู่ตรงนั้น(ไม่รู้เหมือนกันรออะไร มึนๆหัวด้วย คิดอะไรไม่) เงียบเชียบ ไม่มีใครคุยอะไรกันเลย คือมันรู้สึกแย่มากๆอ่ะคับ ใครจะไปนึกว่าการมาเที่ยวฉลองด้วยกันครั้งนี้จะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นได้ แล้วไหนจะเรื่องความรับผิดชอบ...ที่พวกเราทุกคนต้องแบกหน้าไปบอกครอบครัวพี่มาร์ค...
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้บอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว
“กูไม่น่าเอาเหล้ามาเลย ให้ตายซิ!”
จู่ๆพี่กรก็พูดขึ้น น้ำเสียงสลดดังเบาๆ...แล้วค่อยๆปล่อยโฮออกมาทีละน้อยจนพี่ดอมที่นั่งอยู่ข้างๆต้องคอยปลอบ...ผมคิดว่าความจริงแล้วทุกคนในทีนี้ก็รู้สึกผิดกันหมดทุกคนแหละ ด้วยความซ่าและคะนองของพวกเรานั่นเอง
สักพัก พี่ตำรวจสองคนเดิมก็เดินมาประกาศ น้ำเสียงเหมือนจะร่วมแสดงความเสียใจตามมารยาท
“แจ้งทางบ้านให้แล้วนะครับ กำลังเดินทางมาวันนี้ครับ…”
ทุกคนมองหน้ากัน ยังช็อคไม่หาย และไม่เชื่อว่าพี่มาร์คจะพยายามฆ่าตัวตาย…
โปรดติดตามตอนต่อไป