บทที่ 26
ตำนานรักสองราชวงศ์ : หวนคืนสู่นครา... ดวงใจอันบอบช้ำ
ระหว่างที่องค์ราชาทริสเซย์เสด็จกลับสู่เฟรนเซีย ก็มีเรื่องเกิดขึ้นภายในพระตำหนักมากมายไม่เว้นแต่ละวัน นับตั้งแต่วันที่เกิดการลอบสังหารขึ้นเป็นครั้งแรก
เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ในการส่งองค์ชายโซเทเรียไปยังอาณาจักรเซเรียล พระองค์ได้รับการต้อนรับและการดูแลเป็นอย่างดีจากคนในราชวงศ์ องค์ชายเคเซย์ทรงส่งข่าวคราวมาให้กับองค์ชายคาเซียเป็นระยะ ๆ เพื่อให้องค์ชายสบายพระทัย
องค์ชายคาเซียต้องรับศึกหนักในทุกๆวัน ยามเช้า พระองค์จะต้องเข้าร่วมการประชุมขุนนาง ยามสายทรงจัดการกับฎีกาต่างๆที่มหาเสนานำมามอบให้ ยามบ่ายบางครั้งจำต้องเสด็จไปทอดพระเนตรก็ฝึกทหาร บางครั้งก็เสด็จลงพื้นที่ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ยามเย็นก็กลับมาจับการกับราชกิจที่คั่งค้าง ยามมืดพระองค์ต้องรับมือกับนักฆ่าที่ถูกส่งเข้ามาท้าทายพระองค์อย่างไม่ขาดระยะ ทรงได้พักผ่อนจริงๆก็คือหลังจากที่ทรงประมือกับนักฆ่าพวกนั้นไปแล้ว
พระวรกายที่เคยผอมบาง บัดนี้ดูอวบขึ้นเล็กๆจากการที่พระองค์อุ้มพระครรภ์ได้ห้าเดือน สนม นางกำนัล และเหล่าขุนนางเริ่มผิดสังเกตกับรูปร่างของพระองค์ขึ้นทุกวันๆ แต่ก็ยังมิมีใครกล้าที่จะเข้ามาถามพระองค์
แน่สิ จากการที่ถูกรบกวนอย่างหนักในแต่ละวันคืนที่พ้นผ่าน ทำให้พระอารมณ์ของพระชายานั้นไม่คงที่นัก ถ้าทำให้พระองค์ทรงกริ้วแม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ต่างอะไรจากการจุดระเบิดกลางเมือง เป็นอันต้องกระอักเลือดจากคำตรัสกันไปตามระเบียบ
แต่ในช่วงสอง สามวันที่ผ่านมานี้ ทุกอย่างกลับเงียบสงบ... เงียบอย่างน่าประหลาด สงบเสียจนน่าหวั่นเกรงกับพายุที่อาจจะก่อกำเนิด
องค์ชายคาเซียทรงเอนพระวรกายพิงพระเขนยนุ่น พระหัตถ์ถือแผ่นที่เอาไว้
ในระยะนี้พระองค์มิค่อยจะเสด็จไปยังท้องพระโรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เหตุด้วยเหล่าขุนนางต่างตกลงกันว่า มาเข้าเฝ้าที่ห้องทรงอักษรจะเป็นการดีที่สุด เนื่องจากพระวรกายของพระชายามิสู้ดีนัก ที่ผ่านมาก็ทรงประชวรเล็กๆมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
จึงทำให้ในเวลานี้ ภายในห้องทรงอักษรเต็มไปด้วยเหล่าขุนนาง ข้าราชการน้อยใหญ่มากมายนั่งอยู่จนเต็มพื้นที่
“เราว่า... ถ้ามีโอกาสเราจะไปที่พื้นที่แถบภูเขาเฟเรเนียสักหน่อย...”อยู่ๆพระองค์ก็ทรงตรัสขึ้น สร้างความตกใจให้กับข้าราชบริพารยิ่งนัก
“พระชายาจะทรงเสด็จไปพื้นที่แถบนั้นด้วยเหตุอันใดหรือพะยะค่ะ”เจ้ากรมกลาโหมทูลถามขึ้นทันที เมื่อเขาตั้งสติได้
“เราได้รับการร้องทุกข์จากประชาชนในแถบนั้นมาหลายต่อหลายครั้ง ส่งคนไปดูแลก็แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ไม่ขาด”พระหัตถ์เรียววางแผนที่ลงช้าๆ “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราสมควรจะต้องไปด้วยตัวเองแล้วล่ะ ท่านเจ้ากรม”
“แต่พระวรกายของพระองค์ยังมิสู้ดีนักเลยนะพะยะค่ะ ฝ่าบาท”มหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแย้งขึ้นทันที “อีกทั้งพระองค์ยังมิยอมให้หมอหลวงทำการตรวจพระวรกายอีกด้วย เช่นนี้ พวกกระหม่อมจะวางใจ ให้พระองค์เสด็จไปเผชิญกับความลำบากได้อย่างไร”
“เราแข็งแรงดี มิได้เป็นอะไรร้ายแรงเสียหน่อย ท่านมหาเสนาบดี”องค์ชายทรงคลี่ยิ้มบางเบา “พวกท่านไม่ต้องกังวลไป... เรายังไปออกไปในเวลานี้หรอก”
“พะยะค่ะ พระชายา”เหล่าขุนนางรู้สึกหายใจคล่องคอขึ้นมาหน่อย ขอแค่องค์ราชากลับมา พระชายาก็คงเปลี่ยนพระทัยไปได้
ทั้งองค์ชายและเหล่าขุนนางต่างทุ่มเทกำลังกายและกำลังสมองเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาราษฎร์ที่กำลังเดือดร้อนอย่างเต็มที่
เซทหันมาถามความเห็นขององค์คาเซียเป็นระยะ ในเรื่องการวางกำลังทหารตามชายป่าเพื่อป้องกันเหล่าโจรป่าที่เข้ามาฆ่าชิงทรัพย์สินของชาวบ้านในละแวกนั้น
“อืม... เราเห็นด้วยกับการวางกำลังคนเช่นนี้นะ ใช้คนไม่มาก แต่คุ้มค่าและปลอดภัย”พระองค์ทรงตรัสหลังจากที่ทรงอ่านแผนงานนั้นเสร็จ “ท่านผู้บัญชาการ คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
“มิได้พะยะค่ะ พระชายา เป็นหน้าที่ของกระหม่อมอยู่แล้ว”ผู้บัญชาการทหารสูงสุดก้าวเข้ามารับแผนงานที่ต้องนำไปปฏิบัติอย่างสง่างาม
เขาอ่านเนื้อความในเอกสารที่ได้รับมา ก่อนที่เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองผู้ที่เขียนขึ้นมาด้วยแววตาชื่นชม คนของพระชายานั้นช่างมีความสามารถยิ่งนัก
งานต่างๆลุล่วงไปได้ด้วยดีจากการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ผลที่ได้รับนั้นทำให้ทุก ๆ คนต่างมีรอยยิ้มปลื้มปิติที่ออกมาจากใจ ความเหนื่อยยากที่ได้รับนั้นหายไป มาจะเหนื่อยกาย แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของเหล่าราษฎรแล้ว ทำให้พวกเขามีแรงใจที่สู้ต่อไป
ตกเย็น เหล่าขุนนางทั้งหลายก็ขอตัวกลับไปยังที่พักของตน ทุกคนรามือจากงานที่รับผิดชอบกลับไปหาลูกเมียอย่างมีความสุข
องค์ชายคาเซียก็ทรงวางงานทั้งหมดลง ก่อนที่จะไปชำระพระวรกายแล้วมาเสวยอาหารร่วมกับราชองครักษ์และนางกำนัล
“เซท...”เสียงหวานเอ่ยเรียกองรักษ์ของตนเบาๆ “ไปพักเถอะ คงไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในเวลานี้หรอก”
“แต่... องค์ชาย”เซทเอ่ยปากหมายจะโต้แย้ง แต่ก็ถูกสายพระเนตรของพระองค์ห้ามปราบเอาไว้
“เซท ถ้าเจ้าไม่เห็นแก่เรา ก็เห็นแก่ลูกในท้องเถอะ... ไปพักผ่อนได้แล้ว”นานครั้งที่พระองค์จะตรัสด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดเช่นนี้ แล้วมีหรือที่เซทจะไม่ปฏิบัติตามรับสั่งของพระองค์ “เรฟ พาเซทไปพักผ่อน ดูแลเขาด้วย”
“พะยะค่ะ องค์ชาย”เรฟรับคำอย่างยินดี
เรฟพาคนรักออกจากห้องบรรทมไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่องค์ชายจะเปลี่ยนพระทัยไม่ให้เซทไปพักผ่อน
ทั้งห้องบรรทมเงียบสนิท... หนึ่งราชนิกุล สองนางกำนัล นั่งนิ่งมองหน้ากันและกัน แต่ก็มิมีใครเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตึก
เสียงแปลกปลอมที่ดังแว่วมาจากทางหน้าห้องบรรทมเรียกความสนใจของทั้งสามได้เป็นอย่างดี พวกเขาต่างขยับกายอย่างเงียบเชียบไปหยิบอาวุธคู่กายของตนออกมา
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา คมดาบที่เมื่อก่อนแค่จะได้ออกมาโดนอากาศยังน้อยครั้งนั้น ถูกชักออกมาดื่มโลหิตเกือบทุกราตรีคืน
ผู้อาศัยทั้งสามแยกย้ายกันไปประจำจุดของตน... องค์ชายทรงทอดพระเนตรมองบานทวารนิ่ง ในขณะที่พระหฤทัยเกิดข้อสงสัยบางอย่าง...
ด้วยเหตุอันใดกัน ทำไมการป้องกันพระราชวังแห่งนี้ช่างหละหลวมนัก ปล่อยให้นักฆ่าลอบเข้ามาในพระราชวังได้ไม่เว้นแต่ละราตรีเช่นนี้พระองค์มิทราบเลยแม้แต่น้อยกว่ากองทหารราชองครักษ์และหน่อยลาดตระเวรภายในวังหลวงนั้น บ้างถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ บางก็ถูกวางยาสลบ ในทุกครั้งที่มีผู้ไม่ปรารถนาดีมาเยือน แม้แต่ทหารองครักษ์ฝีมือดีที่สุดก็ยังโดนวางยาไปด้วย
องค์คาเซีย เนลและเรล กระชับอาวุธแน่น เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับผู้มาเยือนยามวิกาล สำหรับเนลกับเรลนั้น การได้มาประมือกับกลุ่มคนพวกนี้สร้างความสำราญให้กับพวกนางไม่น้อย แต่สำหรับองค์ชาย นี่เป็นการรบกวนการพักผ่อนที่หาได้น้อยนิดในแต่ละวันของพระองค์ยิ่งนัก ในระยะนี้พระวรกายของพระองค์มิสู้ดี เจ็บออด ๆ แอด ๆ เรี่ยวแรงก็มีน้อยลงกว่าแต่ก่อนจนเห็นได้ชัด จึงทำให้ตามเรือนกายของพระองค์มีแผลจากคมดาบที่เฉี่ยวโดนในบางครั้ง และแผลฟกช้ำจากการชนผนัง ชนขอบตู้ ขอบโต๊ะและโดนตีด้วยของแข็งๆไม่น้อยเลยทีเดียว
พระองค์หันพระพักตร์ไปหานางกำนัลทั้งสอง ส่งพระเนตรสื่อความนัยน์ให้กับเนลและเรล พวกนางพยักหน้ารับน้อยๆ เป็นการสื่อว่ารับรู้
ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น... ให้เอาตัวเองให้รอดเอาไว้ก่อนประตูที่ปิดสนิทถูกเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับร่างในชุดสีดำวิ่งกรูกันเข้ามาภายในห้องเหมือนทุกๆครั้ง... แต่ที่ต่างออกไปคือ...
ในการมาครั้งนี้ของผู้ลอบสังหารไร้ซึ่งการพูดพร่ำทำเพลง คมดาบถูกชักออกมาฟาดฟันกับทั้งสามที่รอตั้งรับอยู่อย่างรวดเร็วและรุนแรง
ในการสู้ครั้งนี้องค์ชายคาเซียได้แต่ตั้งรับ ไม่มีโอกาสได้บุกเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามเลยแม้เพียงสักครั้ง
สองสาวนางกำนัลผลัดกันรุกผลัดกันรับกับศัตรู แม้พวกนางอยากจะปลีกตัวไปช่วยองค์ชายของนางรับมือ แต่ก็ไม่อาจที่จะก้าวไปได้แม้แต่น้อย
คมดาบของชายชุดดำเฉี่ยวสีข้างไปเล็กน้อย ถ้าองค์คาเซียไม่สะบัดกายหลบดาบนั้นอาจจะแทงเข้าไปในร่างแล้วก็เป็นได้ ถึงกระนั้นความคมของดาบนั้นก็ทำให้ฉลองพระองค์ขาดไป อีกทั้งยังสามารถเรียกพระโลหิตออกจากพระวรกายได้เล็กน้อย
พระเนตรหวานทอดมองชายร่างสูงตรงหน้าอย่างกริ้วโกรธ พระองค์ตวัดดาบฟาดฟันกับชายตรงหน้าอย่างรุนแรง
ชายคนหนึ่งในกลุ่มของผู้ลอบสังหารเข้ามาทางข้างหลังขององค์ชาย เขาเหวี่ยงดาบเข้าหาพระองค์โดยที่พระองค์ไม่รู้ตัว
“องค์ชายเพคะ!!!!”เสียงของเรลตะโกนดังขึ้น “ระวังด้านหลังเพคะ”
พระองค์เบี่ยงกายหลบคมดาบที่เข้ามาหมายเอาชีวิต แต่ก็หลบไม่พ้นทั้งหมด ปลายดาบนั้นเฉือนเข้าที่แผ่นหลังบางเป็นทางยาว
“องค์ชายยยยยยยยยยยยยย”สองนางกำนัลหวีดร้องลั่นอย่างตกใจ พวกนางจัดการสังหารผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างโหดเหี้ยมด้วยความแค้นเคือง
พระวรกายบางทรุดลงกับพื้น พระโลหิตไหลรินลงมาช้าๆ พระพักตร์หวานซีดเผือด
ดาบเรียวเงื้อมขึ้นหมายจะฟาดฟันที่ร่างตรงหน้าเพื่อเอาชีวิต ในขณะที่ดาบนั้นถูกเหวี่ยงลงมากลับมาดาบอีกเล่มมาขวางเอาไว้
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ในราชวังของข้า”เสียงเย็นดังขึ้น พระเนตรขององค์ราชากวาดมองรอบๆอย่างกราดเกรี้ยว “บังอาจมาแตะต้องชายาของข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วสินะ”
องค์ทริสเซย์และทหารราชองครักษ์ที่ตามเสด็จจัดการเก็บผู้บุกรุกทั้งหลายอย่างไร้ความปรานี เลือดสีสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
หลังจากที่เหตุการณ์สงบลง สติสัมปชัญญะของพระองค์ก็กลับมา ร่างสูงโอบประคองร่างเล็กเอาไว้ในอ้อมพระกรหลวมๆ
“ตามหมอหลวงมา ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!”องค์ราชาทรงตะโกนก้อง ทหารนายหนึ่งวิ่งไปตามตัวหมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว
พระองค์พาพระชายาไปยังห้องบรรทมของพระองค์ ในขณะที่นางกำนัลทั้งสองนำฉลองพระองค์พร้อมด้วยอ่างที่บรรจุน้ำอุ่นๆเอาไว้มาให้กับองค์ราชันย์ ก่อนจะกลับไปจัดการกับห้องที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงฉาน
“คาเซีย เจ้าอย่าเป็นอะไรไปนะ”องค์ทรัสเซย์ตรัสกับผู้เป็นดวงใจของพระองค์ด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าอย่าเป็นอะไรไปนะ คาเซีย”
“ฝ่าบาท...”เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“ท่านหมอมาแล้วพะยะค่ะ”นายทหารที่ไปตามถึงกับแบกหมอหลวงขึ้นหลังวิ่งกลับมาเพื่อประหยัดเวลา
“ท่านหมอ ช่วยชายาของเราด้วย”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
หมอหลวงเข้ามาทำแผลให้กับพระชายาอย่างคล่องแคล่ว เพียงไม่นานบาดแผลทั้งหมดก็ได้รับการรักษา เขาจับชีพจรของพระชายา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองพระพักตร์อย่างตกตะลึง...
“พระชายา...”
++++++++++++++++++++++++
อา... อย่างน้อยพระราชาก็กลับมาแล้วนะ