+++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

............................

รัฐกรณ์
14 (35%)
การุณ
8 (20%)
วสัน
2 (5%)
สรรพวุฒิ
3 (7.5%)
สาวิตรี
2 (5%)
วรวิทย์
0 (0%)
ภคดล
0 (0%)
กรรณิกา
0 (0%)
อาญา
9 (22.5%)
สิ่งลี้ลับอื่นๆ
2 (5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 28

ผู้เขียน หัวข้อ: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55  (อ่าน 74202 ครั้ง)

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
 o22 มาต่ออีกนะ

aoommy

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมาก ให้อารมณ์เหมือนอ่านคินดะอิจิ

ออฟไลน์ bigeye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หลอนได้ที่เลย...

Mio

  • บุคคลทั่วไป
สามคำ>>>เค้า กลัว อ่ะ  :m15:
ถึงจะวายแบบผีๆ แต่กเค้าก็กลัว  นางฟ้าไม่ถูกกะผี  :o12:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ฮิ้ว มาเเล้วค่า ทุกคน นั่งอ่านคอมเม้นท์เเล้ว ยิมไม่หุบเลย พล๊อต ของเเต่ละคน เเซ่บๆ ทั้งนั้น จะขอเเอบเอาบางส่วนมาใช้นะคะ





บทที่ 5 ระวังตัว







“ไม่เอาแล้วฉันจะกลับ” กรรณิกาโวยวายจะกลับท่าเดียว พวกเพื่อนจึงต้องช่วยกันปลอบใจใหญ่ด้วยความเกรงใจต่อแขกคนอื่นๆ ที่ตอนนี้พากันชะโงกผ่านประตูห้องมาดูเหตุแห่งเสียงดังในครั้งนี้
“ไม่เอาน่า ณิ เกรงใจคนอื่นหน่อย” วรวิทย์ออกแรงกึ่งเชิญชวนกึ่งบังคับ ลากหญิงสาวเข้าห้องของตนไป ทิ้งหน้าที่ให้ วสัน ภคดลและการุณกล่าวขอโทษ แขกผู้มาใช้บริการคนอื่นๆว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด
“มันเรื่องอะไรกันจ๊ะ” สาวิตรีถามขึ้นหลังจากที่คนอื่นๆทยอยกันเข้าห้องหับเป็นที่เรียบร้อย เธอเองดูจะตกใจไม่น้อย ดูได้จากสีหน้าที่ซีดขาวและมือไม้ที่สั่นไม่หยุดถึงแม้ สรรพวุติ จะกุมมือนั้นไว้ตลอดก็ตาม
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ดูเหมือนณิจะได้ยินเสียงเคาะประตูตอนกลางคืน พอเปิดออกมาก็เจอไอ้นี่” ภคดล ชูเศษผ้าสีขาวที่มีรอยไหม้ให้ชายหญิงดู สาวิตรดูหวั่นกลัวเธอถอยไปก้าวหนึ่ง
“คงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ใช่ไหมครับ คุณ ภคดล” เสียงแหบๆ ดังขึ้นดึงความสนใจของ ภคดลที่ถือผ้าขาวให้หันไปสบตากับ รัฐกรณ์ ภคดลกำผ้านั้นแน่น อักษรที่ปักบนเสื้อกาวน์นี้ยังคงติดตรึงในความทรงจำของพวกเขาทั้ง 3 คน
“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้ว” ภคดล ทิ้งผ้าขาวนั้นลงพื้น เขาเดินเข้าไปยังห้องที่ วรวิทย์และกรรณิกา

     ประตูห้องปิดลง เหลือเพียง รัฐกรณ์ ที่ยังคงจ้องมองไปทางประตูนั้นไม่วางตา สองสามีภรรยาที่ยังคงจับมือกันแน่น  วสันที่เดินเข้าห้องตนเองไป และที่ขาดไม่ได้ นายการุณที่รู้สึกว่าตนโชคดีที่ไม่ได้เป็นคนได้ยินเสียงเคาะประตูในคืนนี้




“ฉันจะกลับ” กรรณิกายังยืนยันคำเดิม เธอร้องไห้จนตาทั้งสองบวมช้ำ กองกระดาษทิชชู่ขนาดย่อมกองอยู่ตรงหน้าเธอ วรวิทย์พยายามกล่อมเธอ “ไม่เอาน่า ณิ เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แกไม่เห็น ชื่อที่ปักอยู่นั่นหรือไง” เธอตะคอกใส่เพื่อน
“แล้วจะกลับยังไง” เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้วริวิทย์จึงเลี่ยงไปใช้วิธีอื่น
“ยังไงฉันก็จะกลับ”


     เสียงปิดประตูดังขัดจังหวะทั้งสอง ภคดลคิ้วขมวดเดินเข้ามา เขาไม่พูดไม่จาเข้ามานั่งตรงเตียง มือทั้งสองข้างประสานกันใช้คางเกยไว้ เขาจ้องไปยังทีวีที่ว่างเปล่า พลางใช้ความคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แกคิดว่าไง” วรวิทย์เปิดฉากทำงายความเงียบ เขาเองก็ร้อนใจไม่น้อย ที่เห็นอักษรสีเขียวนั้น ทั้งเรื่องคนที่ลงชื่อมาเที่ยวด้วยที่ชื่ออาญา นั่นอีก มันยิ่งชวนให้คิถึงเรื่องในสมัยก่อนเหลือเกิน
“มีคนแกล้งพวกเรา” ภคดลพูดขึ้นมาโดยยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิม เส้นเลือดที่ขมับ ปูดออกมาเป็นสาย เต้นตามจังหวะหัวใจ เขาคิดว่าเขาเห็นแววตาท้าทายในตาของเจ้าคนตัวขาวนั้น รัฐกรณ์ ยิ่งมันเรียนอยู่คณะแพทย์อีก คงไม่ต้องเดาอะไรให้มากมาย


“แล้วแกจะรู้สึก….รัฐกรณ์”




“คุณ กรรณิกา โอเคนะครับ” รุ่งเช้า วสันรีบเข้าไปดูแลกรรณิกา โชดดีที่เธอเองดูสงบลงแล้ว และไม่มีท่าทีที่จะขอตัวกลับแต่อย่างไร นั่นทำให้วสันสบายใจที่ไม่ต้องเสียลูกทัวร์ไป
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ที่ดูแลได้ไม่ดี” วสันกล่าวขอโทษ กรรณิกาเองก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงเพราะเธอคาดตัวต้นเหตุไว้แล้วเช่นกัน เธอจ้องชายตัวซีดที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยไม่วางตา
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักเราออกเดินทางกันต่อเลยนะครับ” วสันแจกแจงกำหนดเวลาแล้วจากไปขนของขึ้นรถตู้เพื่อการเดินทางในเช้าวันนี้
“คุณ ณิ ไม่เป็นอะไรนะครับ” ทันทีที่กรรณิกานั่งลง รัฐกรณ์ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรที่จ้องเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังทักทายกลับไปอย่างเป็นห่วง
“หึ สบายดีค่ะ เสียใจด้วยนะคะที่ ณิ ไม่ได้กลัวจนกลับไปก่อน” เธออดที่จะประชดคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ วรวิทย์ที่อยู่ข้างๆต้องปราม กรรณิกาเอาไว้ก่อน ถึงยังไงพวกเขาก็ยังไม่มีหลักฐานไปให้ร้าย รัฐกรณ์ ภคดลก็เช่นกัน เขาได้แต่นั่งเงียบสังเกตุพฤติกรรมของ รัฐกรณ์อยู่เงียบๆ และยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อเห็นการุณที่นั่งข้างๆรัฐกรณ์เจ้ากี้เจ้าการเสริฟน้ำและของหวานให้อย่างเต็มใจ

“ไม่ชอบ” รัฐกรณ์ เลื่อนจานขนมหวานออกไปด้านข้าง เขาเองไม่ค่อยชอบพวกของหวานเท่าไรนัก
“อร่อยนะครับ ลองสักคำนะ” การุณใช้ส้อมจิ้มขนมสีสวยมาหนึ่งชิ้น โบกไปมาตรงหน้ารัฐกรณ์ หมายจะเป็นการป้อนให้ไปในตัว

“อร่อยจริงด้วย” น่าเสียดายแทนการุณที่ภคดล คว้าเอาขนมชิ้นนั้นไปกินเสียเรียบร้อย
“เราไปกันเถอะครับ” รัฐกรณ์หาได้สนใจ เขาชวนคู่สามีภรรยาที่จัดการอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินเอาของไปเก็บที่รถ ทิ้งให้นักศึกษาทั้ง 4 มองตามพวกเขาด้วยความคิดที่แตกต่างกัน

“เช้าวันนี้เราจะเดินทางเข้าสู่จุดกำเนิดของตำนานหมู่บ้านนี้กันนะครับ” วสันถอยรถออกจากที่จอด เขาขับได้อย่างชำนานจากประสบการณ์ที่สะสมมานับ 5 ปี ทำให้เขาคุ้นเคยทั้งการขับรถและการนำเที่ยว เนื่องด้วยทางบริษัทไม่ยอมใช้เงินเปลืองในการจ้างคนขับรถเพิ่ม

     เส้นทางที่ตรงไปเริ่มแคบลงทีละน้อย จากที่เคยเห็นบ้านคนเกาะกลุ่มกัน ตอนนี้เหลือเพียงภูเขาสูงและต้นไม้สีเขียวสดอยู่เต็มสองข้างทาง อากาศเย็นสดชื่น จนทุกคนเอ่ยปากขอเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมตามธรรมชาติ กรรณิกาเองมีปัญหาเล็กน้อยกับเรื่องของผมที่ปลิวไปมาจนน่ารำคาญ
“นี่จ๊ะ” สาวิตรีทนเห็นแบบนั้นไม่ไหวเธอยื่นที่มัดผมให้ กรรณกากล่าวขอบใจ หญิงวัยกลางคน เธอบรรจงมัดรวบผมของเธอไว้ด้านหลังด้วยที่มัดสีชมพูสดลายดอกไม้ นั่นทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อไม่มีผมมาปรกหน้าตา
     ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สองข้างทางทำให้ทุกคนลืมเรื่องที่ผิดใจกันไปชั่วครู่ ทั้งภคดล วรวิทย์และกรรณิกาต่างพากัน ชมหมู่แมกไม้ที่สูงใหญ่ ปล่อยให้สายลมเย็นกระทบใบหน้า รู้สึกสดชื่นอย่างที่อากาศในเมืองไม่เคยจะทำได้



     ไม่นานนัก วสันก็จอดรถลงที่ข้างทางอีกครั้ง ทุกคนค่อยๆทยอยลง ผู้นำทางอธิบายเส้นทางการเดินป่าเข้าสู่น้ำตก ขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยความสวยงามแห่งนี้ แต่คงต้องให้ทุกคนระวังตัวในการเดินทาง เนื่องจากทางเดินค่อนข้างแคบและลื่น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
     ได้ยินดังนั้น การุณก็ทำหน้าที่ของตนเช่นเคย คอยประกบรัฐกรณ์เสียไม่ปล่อยให้คลาดสายตา ทำเอารัฐกรณ์เอง ไม่พอใจ เดินหนีไปข้างหน้าแทน
“กาน ช่วยหน่อย” แล้วก็เป็นเหมือนเคย ภคดลแกล้งทำเป็นลื่น จนเซ เป็นภาระให้การุณของเราต้องเข้าไปช่วยเสียจนได้


     ภาพน้ำตกขนาดย่อมที่แบ่งชั้นเป็นหลายชั้น ก้อนหินสลับชั้นน้อยใหญ่ไล่ดูมีมิติ แบ่งแยกสายน้ำให้ไหลเป็นหลายสาย เสียงสายธารไหลกระทบลงกับก้อนหินดังซ่าฟังสดชื่น ละอองน้ำปลิวไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างพากันควักกล้องถ่ายรูปออกมาบันทักภาพกันอย่างสนุกสนาน

“รัฐ มาถ่ายรูปด้วยกันสิ” การุณขออนุญาตดึงตัวคนตัวซีดที่ยืนถ่ายรูปให้กับคู่สามีภรรยา
“น่า เดี๋ยวนายไม่มีรูป” การุณไม่ยอมปล่อยเมื่อเห็นว่ารัฐกรณ์อิดออด ไม่ยอมถ่ายรูปด้วย
“ดล ถ่ายให้หน่อย” ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของตนว่าง การุณจึงตะโกนบอกขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าภคดลทำเป็นไม่ได้ยินและหันไปถ่ายรูปให้กับ กรรณิกาที่โพสท่าเป็นนางแบบอยู่ข้างๆหินก้อนใหญ่
“ปล่อย” รัฐกรณืสะบัดข้อมือ จนหลุดออก แม้การุณจะตามยังไงเขาก็หาได้สนใจ ปล่อยให้คนตัวใหญ่ งอแงแบบนั้นต่อไป
“ไม่ถ่ายกับเพื่อนสักหน่อยล่ะ” สาวิตรีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ที่เห็นเด็กหนุ่มการุณ ใช้ความพยายามอย่างมากในการขอให้รัฐกรณ์ถ่ายรูปคู่ตน รัฐกรณ์เองส่ายหัว แบะปากให้ จนสาวิตรีอดหัวเราะไม่ได้

“แล้วน้ำตกนี้ไม่มีตำนานหรือไง” สรรพวุติ อดสงสัยไม่ได้จึงหันไปซักถาม วสันที่มีท่าทีลังเล
“เอ่อ” ที่จริงแล้ววสันเองไม่อยากจะเล่าตำนานของที่นี่เท่าไรนัก เนื่องจากเกรงว่า กรรณิกาจะเตลิดไปอีกครั้ง
“เล่าให้แค่พวกเราก็ได้ครับ” รัฐกรณ์เข้าใจความรู้สึกของ วสัน จึงเสนอทางออก เมื่อเห็นกลุ่มของกรรณิกา ยังคงสนุกกับการถ่ายรูปอยู่กับภคดล ตอนนี้จึงมีเพียง วรวิทย์ การุณ รัฐกรณ์ และสองสามีภรรยา เท่านั้น
     

     เมื่อเป็นแบบนี้ วสันจึงพานที่เหลือมานั่งยังก้อนหินใหญ่ริมน้ำตกชั้นที่2 ก่ออนจะเล่าเรื่องตำนานอันขึ้นชื่อของน้ำตกสายธาราแห่งนี้

     “ครั้งก่อนเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่บริเวณนี้ยังคงเต็มไปด้วยชาวบ้าน ที่แห่งนี้ถือได้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เด็กหนุ่ม หญิงสาวต่างพากันมาเล่นน้ำกันอย่างสนุก ทั้งที่ควรจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามลือชื่อ กลับต้องปิดฉากลงเพราะหญิงสาวเพียงคนเดียว”

     “หญิงสาวที่เจ็บช้ำมาจากความรัก เธอนั่งร้องห่มร้องไห้ทุกเย็น ชาวบ้านต่างพากันเป็นห่วง คอยพาหญิงสาวกลับบ้านอยู่เสมอเมื่อพบเจอ…..นั่นเป็นเรื่องประจำที่คุ้นเคยไปเสียแล้วสำหรับชาวบ้าน”

     “จนกระทั่ง เย็นวันหนึ่ง พรานป่าได้เข้าไปหาของป่ามาหลายวันกำลังออกจากป่ามา กว่าจะกลับมาได้ก็ค่ำแล้ว เมื่อเขาเดินทางมาถึงบริเวณน้ำตกก็ได้ยินเสียงครวญของหญิงสาว เขาค่อยๆเยื้องย่างเข้าไปอย่างระวัง ไม่นานก็พบหญิงสาวคนเดิม นั่งร้องไห้อยู่บนก้อนหินริมน้ำตก น่าแปลกที่วันนี้เธอยังคงอยู่ ซึ่งปกติแล้วเมื่อตะวันใกล้ลับฟ้า ชาวบ้านจะนำเธอกลับไปบ้าน นายพรานจึงตัดสินใจอาสาพาหญิงสาวกลับบ้าน ทันทีที่เขาเข้าใกล้หญิงสาวหยุดร้องไห้ทันที มีเพียงเสียงดังของสายน้ำกระทบหิน”

     “แม้ว่าพรานหนุ่มจะกล่าวอะไรแต่เหมือนหญิงสาวจะไม่สนใจ เธอยังคงนั่งนิ่งหันหน้าไปทางสายน้ำ จนสุดท้ายเขาทนไม่ไหวต้องคว้าแขนเล็กของหญิงสาวเพื่อที่จะบังคับ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเย็น ร่างกายของหญิงสาวเย็นและชุ่มไปด้วยน้ำ เสียงหัวเราะแหลมดังขึ้น ก่อนสาวเจ้าจะกรีดร้องและหัวหน้ามาประจันกับชายหนุ่ม

‘มาอยู่กับฉัน’

     ดวงตาสีแดงก่ำเบิกโพลง เนื้อตัวขาวซีดของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ชายหนุ่มตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตนเองตกลงไปยังผืนน้ำ เขาสำลักน้ำเล็กน้อยด้วยเพราะไม่ทันระวังตัว แต่พอเขาขึ้นมาหายใจได้เพียงครู่เดียว ตัวของเขาก็ถูกดึงลงไปข้างล่าง”

     “เส้นผมขนาดยาวของหญิงสาวเกี่ยวกระหวัดเข้ากับช่วงล่างของพรานหนุ่ม เขาทั้งดิ้นทั้งถีบ แต่ก็เหมือนจะทำให้เส้นผมนั้นรัดเขาแน่นขึ้น ทุครั้งที่มองลงไป ใบหน้าของหญิงสาวจะฉีกยิ้มให้เขา เสียงกระซิบที่ดังก้องอยู่ในหู ‘มาอยู่กับฉัน’ ฟองอากาศหลุดออกมาจากปากของพรานหนุ่ม นั่นเป็นเฮือกสุกท้าย เขาดิ้นรนทรมารกับการขาดอากาศ ก่อนจะสายไป เขาคว้าเข้ากับมีดที่เหน็บไว้ตรงเอว ก่อนจะฟาดฟันคมมีดลงไป”

     “ชายหนุ่มรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะไปพบกับความจริงที่ว่า หญิงสาวคนนั้นได้เสียไปตั้งแต่สองวันก่อน วันที่เขาได้เดินทางเข้าป่าไป และนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำตกนี้ ไม่มีคนเข้ามาย่างกรายอีกเลย” วสันจบเรื่องเพียงเท่านี้ นั่นทำให้การุณอยากจะขอบคุณเขาเหลือเกินที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังก่อนที่การุณเองจะลงไปเล่นน้ำอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
     


     เวลาเหลืออีกเพียง 10 นาที ในการให้ทุกคนชื่นชมบรรยากาศ รัฐกรณ์ขอตัวปลีกออกไปยืนมองสายน้ำเพียงลำพัง เขารีบเดินแยกตัวออกมาเมื่อเห็นว่า ภคดลเรียกตัว การุณไปถ่ายรูปด้วย ในที่สุดรัฐกรณ์เองก็ได้อยู่อย่างสงบเสียที
     เรื่องราวของหญิงสาวที่เสียคนรักไป รัฐกรณ์คำนึงถึงตำนานอันนี้อีกครั้ง ในใจนึกสงสารการจากไปของความรักแทนหญิงสาว เขาเองเข้าใจดี ว่ามันเจ็บปวดเพียงไหน เขาเหม่อมองสายน้ำที่ไหลริน ใบไม้สีเขียวร่วงลงจากต้นไหลลงตามกระแสน้ำไป จนหายไปลิบตา ไม่มีวันย้อนกลับมา เหมือนเขาคนนั้น

     จู่ๆ รัฐกรณ์รู้สึกถึงแรงผลักเข้าที่หลังของตนจนเขาเสียหลัก ตัวของเขาเซไปข้างหน้าที่ลึกลงไปมีแต่สายน้ำ รัฐกรณ์พยายามฝืนตัวแต่สายไปเสียแล้ว ตัวของเขาเอนลงไปมากกว่าที่เขาจะกลับมายืนได้



“ระวังหน่อยสิครับ”



รัฐกรณ์ลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าตนเองยังไม่ได้ตกลงไป เขาถูกคนๆหนึ่งรั้งไว้จากข้างหลัง
“ตกลงไปเดี๋ยวจะถูก ผี สาวเอาตัวไปนะ” วรวิทย์ยิ้มเหยียด เขาดึงรัฐกรณ์ให้มายืนบนหินได้อย่างง่ายดาย รัฐกรณ์กล่าวขอบคุณ แต่สายตายังคงจ้องคนตัวอ้วนข้างหน้าอย่างพิเคราะห์

มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกคนอื่นผลักและ นายวรวิทย์เข้ามาสวมรอยช่วยได้ทัน

“ยังไงก็ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีนาย ก็คงแย่”







“หึหึหึ ระวังตัวดีๆแล้วกัน คุณหมอ” วรวิทย์หัวเราะทิ้งท้าย ปล่อยให้รัฐกรณ์ ยืนกำหมัดแน่นเพียงลำพัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-02-2012 00:19:14 โดย Tifa »

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ตำนานสยองขวัญ :sad4:

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ชอบอ่ะ เรื่องสยองแต่ละเรื่องนี่ สุดๆเลย อ่านเพลิน แล้กว็น่ากลัวทุกเรื่องเลย

ตอนนี้ไม่อยากเดาพล็อตละ เพราะ ข้อมูลแค่นี้ไม่อาจชี้ตัวคนผิดได้  ห้าๆๆ

ใจเย็นๆรอคนเขียนเฉลยดีกว่า อิอิ บวกหนึ่งค่ะ

Loveyoujung

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่มีหลักฐานว่ากระทำความผิด ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์นะ
???????

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ระแวงผีไม่พอ ยังต้องระแวงคนใกล้ตัวอีก o22
กับน้ำนี่ไม่ไหว ไม่กล้าเข้าใกล้ ขนาดไปทะเลยังเอาแต่นั่งรอให้คลื่นซัดบนฝั่งเฉยๆเลย กลัวววว o22
กว่าจะถึงหมู่บ้านหัวกุดคงเกิดเรื่องอะไรอีกมากมาย :a5:

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยย พวกนั้นจพทำอะไร รัฐ นะ

การุณเริ่มรู้สึกรำคาญหมอนี่แหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ august_may

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 998
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสัยพวกเพื่อนๆการุณนี่ต้องเป็นต้นเหตุให้อาญา ตายแน่ๆเลย ถึงได้กลัวขนาดนี้เนี่ย

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เมื่อคืนเรามีอ่านเรื่องนี้ได้แค่ 2 ตอน เพราะไม่ไหว น่ากลัวมากกก ยิ่งเราต้องนอนคนเดียวด้วย
วันนี้เรามาอ่านจนจบแล้ว ขนาดตอนกลางวันเรายังหลอนเลยอ่ะ
แต่งเก่งมากๆ

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
เริ่มออกลาย เอ๊ย ท่าทีกันมากขึ้นสินะ

aoommy

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาให้กำลังใจค่ะ บวก 1 ก่อน ชอบโครงเรื่องแบบนี้มาก :L2:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
มาเเล้วจ้า เรื่องนี้เขียนยากจริงๆ เเต่ยิ่งเขียนก็ยิ่งสนุก

วิจารย์ + เเนะนำได้เต็มที่นะคะ เพราะเป็นครั้งเเรกที่เเต่ง ไม่รู้ว่าไปไหวหรือเปล่า

มาถึงตอนที่ 6 เเล้ว เชิญอ่านกันเลยค่ะ






บทที่ 6 คืนที่สอง




      ยามบ่ายของวันนี้ ไม่ได้รู้สึกร้อนเหมือนเช่นทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเหล่าแมกไม่ที่ชูกิ่งก้าน คอยลดทอนแสงแดดที่ส่องลงมายังถนนสายนี้ ที่ทอดตัวยาว ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น กรรณิกาบ่นเป็นรอบที่ 3 หลังจากหลับๆตื่นๆมาได้สักพัก
“เดี๋ยวก็ถึง” จนกระทั่งภคดลเองรู้สึกรำคาญถึงนิสัยคุณหนูของหญิงสาวจนอดว่าเข้าเสียไม่ได้ เขายื่นน้ำขวดให้การุณที่นั่งข้างๆ

แต่เพื่อนตัวใหญ่ของเขาปฏิเสธ ทำให้ภคดลยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่

      ถนนค่อยๆแคบลงจนเหลือเพียงทางลาดยางแคบๆ ที่พอให้รถสองคันสวนกันได้พอดี ข้างทางยังคงเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งคุณสาวิตรเองดูจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก ถึงกับควักเอากล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพไว้เสียหลายรูป ผิดกับสรรพวุติที่หลับมาตลอดทาง ปล่อยให้ภรรยาของตนคุยเล่นกับรัฐกรณ์ไป
     
     ไม่นานนัก รถตู้ก็ค่อยๆลดความเร็วลง ด้านหน้าปรากฏ สะพานไม้ขนาดย่อมที่พอให้รถผ่านได้ วสันลดความเร็วจนรถค่อยๆเหยียบลงบนแผ่นไม้ เกิดเสียงดังเอี๊ยด ทุกคนในรถต่างพากันมองออกไปด้านนอก แม่น้ำที่อยู่ด้านล่างลึกลงไปมีน้ำไหลเอื่อย ก้อนหินจำนวนมากตั้งกองอยู่ริมขอบน้ำเป็นทาง เสาไม้ของสะพาน ถูกปักลงไปยังใจกลางแม่น้ำแห่งนี้ ถูกกระแสน้ำพัด การุณรู้สึกได้ว่ารถทั้งคันสั่นไหวไปมา เขานึกอยากจะขอลงจากรถ

“สบายใจได้ครับ ผมขับผ่านมาหลายรอบแล้ว รับรองว่ามันแข็งแรง” วสันพูดอย่างมั่นใจ ช่วยผ่อนปรนความหวาดกลัวของเหล่าคนเดินทางได้พอควร ทั้งหมดพากันนิ่งเงียบ ช่วยกันลุ้นให้ตัวเองเดินทางผ่านไปอีกฟากได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งล้อหลังของรถสัมผัสกับพื้นถนนอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันโล่งใจ

“อีกสักพักก็จะถึงที่พักของเราแล้วครับ” วสันรายงานความคืบหน้าให้ทุกคน นั่นทำให้วรวิทย์ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เหยียดแข้งเหยียดขาเสียที ผิดกับ ภคดลที่กำลังแกล้งหลับซบไหล่การุณเช่นเคย แน่ล่ะ เขาไม่อยากลงจากรถเลย
“ดล ตื่นเร็ว ถึงแล้ว” ทันทีที่รถจอดลง การุณก็ปลุกเพื่อนของตน ภคดลแกล้งหาวออกมาแสร้งทำงัวเงีย ยังไม่ยอมยกหัวออกจากไหล่หนาแน่นนั้น แต่แล้วก็ต้องตกใจที่อยู่ๆก็ถูกมือของการุณผลักหัวเขาออกไป ภคดลตกใจลืมตาขึ้นทันที แล้วก็ต้องเห็นสาเหตุที่ทำให้การุณต้องรีบผลักเขา

‘รัฐกรณ์’



      ตึกเก่าสีขาวหม่นตั้งตระหง่านเพียงลำพังท่ามกลางธรรมชาติ ห่างออกไป เหลือเพียงเศษซากของสิ่งก่อสร้างที่ค่อยๆถูกเหล่าพืชพรรณกลืนกิน คงเหลือแต่ตึกหลังนี้ที่ยังคงสภาพ พอที่จะอาศัยได้

      วสันเล่าให้ฟังว่าที่นี่เคยเป็นตึกอาคารพานิชเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้านนี้ หมู่บ้านหัวกุด ที่เคยมีชาวบ้านอยู่อาศัย เฉกเช่นหมู่บ้านอื่นๆทั่วๆไป จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ สะเทือนขวัญ จนชาวบ้านพากันอพยพหนีออกไปทีละคน สองคน จนสุดท้าย หมู่บ้านแห่งนี้ก็เหลือเพียงซากที่อยู่อาศัยอย่างที่เห็น

      ทุกคนมองตึกตรงหน้าอย่างไม่คิดที่จะก้าวเดินเข้าไป สภาพของมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะเป็นที่พักอาศัยได้ รอยคราบสกปรกสีดำปรากฏอยู่หลายจุดบนพื้นอาคารสีขาว ประตูไม้เก่าๆ ที่ดูจะไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย ที่สำคัญตั้งแต่พวกเขาข้ามสะพานไม้มาแล้วนั้น พวกเขาไม่เห็นเสาไฟฟ้าเลยสักต้น

      แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า มีเพียงเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กที่พอส่งกำลังไฟให้หลอดไฟสักจำนวนหนึ่งสว่างขึ้น ในส่วนของน้ำที่จะต้องใช้ ทางบริษัทได้ติดตั้งแท้งน้ำไว้บนยอดตึก ให้พอเพียงต่อการอาบการใช้เป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูน่ากลัวอย่าไร แต่เมื่อทั้งหมดเดินเข้าไปข้าในแล้วก็พบว่า ทุกอย่างดูดีกว่าที่คิดนัก
“ทางบริษัทเราได้ปรับปรุงภายในให้เรียบร้อยครับ” วสันแจงข้อมูล ทุกห้องพักได้เปลี่ยน เฟอร์นิเจอร์ใหม่หมดไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะแป้ง เตียง หรือแม้แต่ประตูไม้ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นประตูซี่เหล็กที่ดูแข็งแรง และให้อารมณ์ดิบ ห้องน้ำห้องท่าก็ทำการปูกระเบื้องเป็นที่เรียบร้อย

      ทุกคนตรงมาถึงโถงชั้นที่  1 เป็นโถงโล่ง มีโซฟาเก่าๆวางอยู่ล้อมโต๊ะ ตัวใหญ่ แยกออกไปด้านขวาเป็นครัวที่ใช้ประกอบอาหาร ทางซ้ายเป็นบ่อน้ำสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็กที่เหลือเพียงหินแห้งวางอยู่ และบันไดไม้ขึ้นไปสู่ชั้น 2 วสันแจกกุญแจห้องให้กับเจ้าของห้อง ทั้ง3 ห้อง
“นี่ของคุณสรรพวุติครับ” สรรพวุติทำท่างง เมื่อพบว่าเขาได้ แม่กุญแจพร้อมลูกกุญแจสีเหลือง ที่ยังอยู่ในหีบห่อบรรจุภัณฑ์ราวกับพึ่งซื้อออกมาจากร้านใหม่ๆ
“คือว่าเคยมีลูกค้า โวบวายเรื่องความปลอดภัยน่ะครับ พวกเขากลัวว่า พนักงานจะมีกุญแจสำรองแล้วจะเข้าไปขโมยของ ทางเราจึงแก้ปัญหาด้วยการให้กุญแจใหม่ทุกครั้ง ดังนั้นช่วยรักษาลูกกุญแจกันให้ดีนะครับ เพราะผมไม่มีสำรอง” วสันอธิบาย พร้อมกับหยิบโซ่ให้กับสรรพวุติด้วย
“เดี๋ยวคุณต้องใช้ครับ ห้องของคุณคือห้อง 201 นะครับ”

      ต่อมาเป็นห้องของภคดล วรวิทย์ และ กรรณิกา พวกเขาได้แม่กุญแจพร้อมลูกกุญแจสีแดง พร้อมกับโซ่เช่นเดียวกัน สุดท้ายเป็นห้องของ รัฐกรณ์และการุณ พวกเขาได้กุญแจสีเหลือง
“คุณภคดลห้อง 202 ส่วนคุณรัฐกรณ์ห้อง 203 นะครับ” วสันบอกเลขที่ห้องให้ทุกคนเป็นที่เรียบร้อยและให้เวลาในการจัดเก็บของ และขอความร่วมมือให้ทุกคน มาร่วมกันทำอาหารเย็นที่โถงชั้นล่างในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา
      เมื่อทั้งหมดพากันขนของขึ้นไปยังห้องของตัวก็ต้องพบว่าห้องทั้งหมดนั้น ถูกแยกออกจากกันไปคนละทิศทาง โดยทางทิศเหนือ เป็นห้อง 201 ของคู่สามีภรรยา ทิศตะวันออกเป็นห้อง 202 ของกลุ่มภคดล ห้อง 203 อยู่ทางทิศใต้ ส่วนที่เหลือนั้นคือห้อง 204 อยู่ทางตะวันตกซึ่งวสันเองจะอยู่ห้องนี้



      เมื่อรัฐกรณ์เดินมาถึงหน้าห้องของตนก็รู้ได้ว่าทำไมถึงต้องเอาโซ่มาด้วย เนื่องจากกำแพงด้านหน้าของห้องนั้น ถูกออกแบบมาให้เป็นซี่กรงขัง รวมถึงประตูและหน้าต่าง เขาผลักประตูเหล็กเข้าไปข้างใน เสียงเหล็กเสียดสีส่งเสียงดัง เขาปิดมันลง คล้องโซ่เข้ากับประตูและเหล็กด้านข้าง ใช้ลูกกุญแจสีเขียวที่พึ่งแกะออกมาเสียบเข้ากับแม่กุญแจให้เปิดออก ก่อนที่จะนำไปขัดกับสายโซ่ เขาบิดลูกกุญแจอีกครั้งก็เป็นการปิดผนึกที่เรียบร้อย รัฐกรณ์เขย่าประตูแรงๆ 2-3 ครั้ง ก็พบว่าทั้งโซ่และแม่กุญแจดูเข็งแรงดี ต้องยกความดีให้วสันที่เลือกซื้อของคุณภาพดีมาให้ใช้กัน แบบนี้ทั้งหมดคงวางใจได้ในเรื่องความปลอดภัย เขาเดินเข้าไปสำรวจห้องน้ำ เตียง ตู้ ทุกอย่างยังดูใหม่และสะอาดในระดับที่น่าพอใจเหมือนที่วสันได้บอกไว้ ปล่อยทิ้งให้ผู้ร่วมห้องของตนเองยืนเกาะลูกกรงอยู่ข้างนอกตามลำพัง

“เอ่อ เปิดประตูให้ผมก่อนได้ไหมครับ”





“อ้าวคุณสาวิตรี  ลงมาเร็วจังครับ ห้องอยู่ได้ไหมครับ”
“สบายมากค่ะ ตกแต่งได้แปลกดีนะคะ” เธอตอบ วสันที่กำลังจัดแจงวางเตาแก๊ซขนาดเล็กลง ข้าวของต่างๆวสันจัดแจงเตรียมไว้ให้หมดแล้วเหลือเพียงแค่นำมาประกอบอาหารเท่านั้น
“โห ของเยอะจังเลยนะคะเอามาจากไหนกัน” สาวิตรีอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เยอะเกินกว่าที่จะขนมาได้
“เมื่อวานนี้ คน ของบริษัทได้ขนมาไว้ให้บางส่วยแล้วครับ ส่วนพวกของสด ผมก็ไปซื้อที่ตลาดมาตอนเย็นนี้ที่เราจอดแวะกัน”
“แล้วคุณ วสัน ทำอาหารเป็นหรือคะ”
“ครับ ผมทำได้ตั้งแต่เด็กแล้วครับ”
“โหเก่งจังนะคะ เป็นผู้ชายแล้วยังทำกับข้าวได้อีก”
“ครับ มันจำเป็นต้องทำครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีกิน” วสันพูดเสียงเบา แววตาเขาดูเศร้าลง สาวิตรีรู้ตัวว่าตนเองก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของวสันมากเกินไปจึงเปลี่ยนเรื่อง เริ่มทำอาหารเสีย
“เดี๋ยวพี่หั่นผักให้ก่อนนะคะ จะทำต้มจืดใช่ไหม” เธอจัดแจงล้างผักและใช้มีดหั่นผักชนิดต่างๆแล้วนำลงไปพักไว้ในกะละมัง อย่างชำนาน วสันเห็นดังนั้นก็โล่งใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนทำอาหารเป็นพอช่วยเบาแรงเขาได้บ้าง บางครั้งโชคร้ายที่ไม่มีใครทำอะไรเป็นเลย ภาระหนักจึงตกอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว

     ไม่นานนักทุกคนก็ทยอยลงมาจากชั้น 2 พวกผู้ชายทำอะไรได้ไม่มากนักถูกสาวิตรีไล่ให้ไปเตรียมจากชาม จัดโต๊ะให้เรียบร้อย ในครัวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ บรรดาสาวๆ และ หนุ่มๆ บางคน
“อืม ตำเก่งนะนี่ แรงดี เสียงดัง….แบบนี้สิเมียรักเมียหลง” สาวิตรีเอ่ยปากแซว การุณที่ออกแรงโขลกเครื่องเทศอย่างสุดแรงเกิด
“ก็อยากให้รักเหมือนกันครับ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะใจอ่อน” การุณบุ้ยปากไปทางรัฐกรณ์ที่กำลังคนหม้อต้มอยู่ ทำเอาสาวิตรีหัวเราะจนปวดท้องไปหมด

“ตื้อเข้าสิ เดี๋ยวก็ใจอ่อน” เธอทิ้งท้ายไว้

     กรรณิการเหมือนจะมีปัญหามากที่สุดในการช่วยทำอาหาร ถึงแม้เธอจะพอทำได้บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอมีความสุขกับการทำกิจกรรมนี้ เสียงน้ำมันแตกฟองทำเอาเธอถอยออกมาอีกหลายก้าว เธอแหย่ตะหลิวไปตักเอาหมูในกระทะอย่างกล้าๆกลัว
“ให้ผมช่วยไหม” รัฐกรณ์ อาสาเข้าไปช่วย
“ไม่ต้อง” เธอขึ้นเสียง ส่งสายตาไม่พอใจให้ จนรัฐกรณ์ต้องยอมปล่อย

“กรี๊ด”

      ไม่นานเสียงกรี๊ดของกรรณิกาก็ดังลั่นเมื่อสะเก็ดน้ำมันกระเด็นมาโนแขนเธออย่างจัง ปรากฏจ้ำแดงสองสามจุดเล็กบนแขนขาวนวล รัฐกรณ์รี่เข้ามาทันที
“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนออก ไม่ยอมให้ชายหนุ่มแตะต้อง จนการุณต้องเข้ามาช่วยพากรรณิกาออกไปข้างนอกก่อนและให้การรักษาเบื้องต้นตามที่รัฐกรณ์บอกเขา ไม่นานนักกรรณิกาก็รู้สึกดีขึ้น อาการแสบร้อนนั้นค่อยทุเลาลง
“ไอ้หมอบ้านั่นมันแกล้งฉัน” เธอเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทันทีที่เรียกภคดลและวรวิทย์มารวมกลุ่มเธอจัดจากฟ้องบรรดาเพื่อนๆทันที
“อย่างงั้นหรอ” วรวิทย์ทำท่าไม่ค่อยเชื่อเพื่อนสาวของตนนัก
“มันใช้ฉันทอดหมู มันอยากให้น้ำมันแตกใส่ฉันน่ะสิ” กรรณิกาพูดใส่อารมณ์ เธอไม่พอใจรัฐการณ์ตั้งแต่เรื่องที่เธอโดนหลอกในคืนแรกที่มาแล้ว ไหนจะมีเรื่องวันนี้อีกยิ่งทำเธอไม่พอใจ

และทั้งสามก็ปรึกษากันเงียบๆที่โซฟาอันเก่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าอยู่ในสายตาของ สรรวุติอยู่ตลอดเวลา





      อาหารค่ำในคืนนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนต่างออกปากชมฝีมือในการปรุงอาหารว่าดีจนเกินความคาดหมาย ซึ่งจุดนี้ วสันและคุณสาวิตรี รับไปเต็มๆ หลังจากที่เก็บกวาดกันเรียบร้อย วสันย้ำเวลานัดหมายอีกครั้งในตอนเช้า และเตือนให้ทุกคนอย่าลืม ล๊อกกุญแจก่อนนอนด้วย
“ผมอาบน้ำก่อนนะ” การุณขอตัวอาบน้ำก่อน เขารู้สึกเหนียวตัวเมื่อต้องคอยเฝ้ากระทะทอดหมู เป็นเวลานาน ชายหนุ่มถอดเสื้อออกจากตัวเผยมัดกล้ามจากการออกกำลัง เขายักคิ้วให้รัฐกรณ์ที่มั่งอยู่ตรงโต๊ะแป้ง ไม่เพียงเท่านั้นเขาทำท่าจะถอดกางเกงลงอีกต่างหาก จนรัฐกรณ์รีบออกปากไล่ให้ไปถอดในห้องน้ำ

    ‘ตัวซวย กะล่อน ชอบโชว์’ นี่คงเป็นคำจำกัดความของ การุณในตอนนี้ที่ รัฐกรณ์พอจะคิดได้ นึกถึงทีไรรัฐการณ์ก็ได้แต่แอบยิ้มปนขบขัน เพราะในคณะของเขาเองไม่ค่อยจะมีคนจำพวกนี้สักเท่าไร ส่วนมากจะออกแนวเครียดกันเป็นหลัก ยกเว้นก็แค่รุ่นน้อง บุ๊กโกะ ก็คงเท่านั้นที่พอจะสร้างสีสันให้คณะได้บ้าง


“เฮ้ ขอเข้าไปหน่อย”
ภคดลเอ่ยปากเรียกคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างในลูกกรง รัฐกรณ์ตรงไปใช้กุญแจสีเขียวเปิดประตูให้เขาเข้ามา

“มาหา การุณ หรอ”
     
      ภคดลไม่ตอบ เขาได้แต่ส่งสายตาไม่ชอบใจให้เด็กหนุ่มผิวขาว ภคดลยอมรับว่าตนไม่อชบขี้หน้ารัฐกรณ์เอาเสียมาก ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องที่ไปหลอกกรรณิกา แต่เป็นเรื่องการุณด้วย
“การุณอาบน้ำอยู่ นั่งรอก่อนสิ” รัฐกรณ์ทำเป็นไม่สนใจท่าทีของแขกผู้มาเยือน เขาผายมือไปทางเตียงเพื่อให้นั่งรอ ส่วนเขากลับไปสนใจในการจัดของแยกเอาเสื้อผ้าที่ต้องใช้ออกจากกระเป๋า ไม่นานนัก การุณก็เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายไว้ หยดน้ำเล็กๆเกาะตามร่างแกร่ง ทำเอาภคดลจ้องโดยไม่วางตา

“อ้าว ดล มีอะไร”
“อืม มาหาเฉยๆ มาดูว่าจะโดนหลอกหรือยัง” ภคดลจงใจย้ำคำว่าหลอกให้ดังขึ้น เพื่อกระทบกับอีกคน แต่รัฐกรณ์ก็นิ่งเฉย
ภคดลอยู่ต่ออีกสักพักก็ขอตัวกลับ และก่อนที่จะกลับก็ขอเข้าห้องน้ำก่อน เนื่องจากที่ห้องของเขา กรรณิกายังอาบน้ำไม่เสร็จ และภคดลเองก็ปวดท้องเสียมากด้วย


“อาบน้ำสิครับ” เมื่อภคดลกลับไปแล้ว การุณก็ไล่ให้คนตัวซีดไปอาบน้ำ และก็ต้องผิดหวังเมื่อรัฐกรณ์ตัดสินใจหอบเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

      ไฟสีส้มถูกเปิด แสงสว่างมันไม่มากนักแต่ก็พอให้เห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจน เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกายที่สูงโปร่งสำรวจตนเองในกระจก เขารับรู้ว่าตนเองผอมลงไปเยอะจนเห็นซี่โครง ชัดเจน นั่นก็คงไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไรนัก 2 ปีมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

      แสงไฟกระพริบติดๆดับๆ อาจเป็นเพราะกำลังในการจ่ายไปของเครื่องปั่นไฟอาจจะไม่พอเพียง รัฐกรณ์รีบล้างฟองสบู่โดยเร็ว เขาดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำตามร่างกาย จนแห้งดี สุดท้ายก็เหลือการแปรงฟัน เขาจัดแจงบีบยาสีฟันลงไปเป็นที่เรียบร้อย แต่สายตาของเขาก็จดจ้องอยู่กับแปรงที่ว่างเปล่าของการุณที่วางอยู่ข้างๆ

‘รัฐบีบยาสีฟันให้แล้วนะ’

     ภาพแปรงฟันสองอันที่วางคู่กันถูกฉายซ้ำอีกครั้งในสมองของเขา รัฐกรณ์ตบหน้าตัวเองเบาๆให้เลิกฟุ้งซ่าน เขาเปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้แปรงฟัน แต่น้ำกลับไหลออกมาเพียงน้อยนิด เขาเปิดวาล์วให้มากขึ้น แต่น้ำที่ออกมาก็ยังน้อย เขาปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเปิดจนสุด ทันทีที่สายน้ำทะลักพุ่งออกมา รัฐกรณ์แทบใจหยุดเต้น เมื่อพบสิ่งที่ไหลออกมานั้นเป็นผมเส้นยาวของหญิงสาว ที่ไหลวนอยู่ในอ่างล้างหน้า ราวกับเส้นผมของหญิงสาวในตำนานที่รอคอยชายคนรักของตนกลับมาอยู่ด้วยกัน




'มาอยู่กับฉัน'

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
ขออนุญาติ ดัน อึ๊บ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
อร๊ายย ทะลึ่ง!!


มาอง มาอึ๊บ อะไรกันคะ ฮาๆๆ

แอบฮาที่ตัวซีดไม่ยอมให้ตัวซวยเข้าห้อง ฮาๆ

แบบว่าดูเหมือนตัวซีดจะติดภาพไม่ดีๆของตัวซวยมาเยอะนะ

ทั้งซวยทั้ง กะล่อน ทั้งชอบโชว์ ฮาๆ เหมือนการุณออกแนวเพลย์บอยยังไงไม่รู้อ่ะ สมแล้วที่โดนว่ากะล่อน

จบได้น่ากลัวดีแท้ ไอ้เราก็ไม่ยอมอ่านตอนกลสงวันซะด้วยนะ  กลัวแล้วยังจะมาอ่านตอนกลางคืนอีก บรึ๋ยส์

ออฟไลน์ cancan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +581/-0
  เพื่อนๆของการุณนี่น่าสงสัยแฮะ 

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
 
อ้างถึง
“เอ่อ เปิดประตูให้ผมก่อนได้ไหมครับ”
:m20:
รัฐกรณ์ตั้งใจป่ะเนี่ย

เริ่มสงสัยวสันแระ เป็นคนที่สามารถจัดการวางตำแหน่งห้อง เป็นคนทำอาหาร มีอดีตรันทดด้วยสิ 

ออฟไลน์ pandorads

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ผมคน !! มายก็อด เอาแล้วไง
ตกลงนี่เป็นเรื่องจริงหรือเป็นอุบายของดลกันเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Alone Alone

  • ขอตายในอ้อมกอดฮยอกแจ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
จะน่ากลัวไปไหนเนี่ย หยึ๋ยๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
แรว๊ง.....แล้วผมก็มาอ่านตอนกลางคืนอีกแล้ว....ยังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่า....  ToT

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
อะไรกันเนี๊ย


ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ผมนั้น มีคนตายในเเทงค์ป่าวเนอะ




ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ถ้ามันจะน่ากลัวขนาดนี้  TT

แอบเป็นห่วงรัฐแฮะ  พวกนั้นจะทำอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้
กานก็คอยดูหน่อยนะจ๊ะ  อิอิ

+1 ให้จ้ะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
คราวนี้เราก็ไม่กล้าเปิดก๊อกน้ำแล้วครับ :a5:
แต่ละอย่างทำเอาหลอน นอน(กลางวัน)ไม่หลับ แอร๊ย :z3:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
มาต่อกับวันศุกร์ เเบบเบาๆ กันได้เลยค่า



บทที่ 7 สองสามี ภรรยา


     รัฐกรณ์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอน เสื้อยืดตัวบางและกางเกงขาสั้นเช่นเดิม การุณจ้องตาเป็นมันถึงผิวเนื้อส่วนเกินจากกางเกง มันช่างขาวยั่วใจเขาดีแท้ รัฐกรณืไม่ใส่ใจ เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องสนใจ เขาวางห่อกระดาษทิชชู่ลงที่โต๊ะแป้ง ค่อยๆคลี่มันออก เส้นผมขนาดยาวสัก หนึ่งไม้บรรทัด วางขดตัวอยู่ในนั้น เขาจับมันซับน้ำ และทิ้งไว้แบบนั้นเพื่อให้แห้ง

“ลงไปนอนข้างล่าง” รัฐกรณ์ชี้นิ้วสั่งอีกคนที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้
“ง่วงจังเลย ฮ้าว” การุณทำเมินเฉยต่อคำสั่ง เขาแกล้งหาวแล้วนอนลงบนที่นอนนุ่ม แล้วหลับตาลง
“เฮ้ย ไม่ต้องเนียน ลงไปเลย” รัฐกรณ์เข้ามาดึงผ้าห่มออกไปกองบนพื้น แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้เท่าไร เพราะการุณใส่เพียงเสื้อกล้ามและกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวบาง ซึ่งมันก็บางจนเห็นไปถึงอะไรๆ ที่อยู่ข้างใจ
“ลงไปเลย” รัฐกรณ์ พยายามที่จะไม่มอง เขาขึ้นเตียงไปดันตัวของการุณให้ลงไปด้านล่าง แต่ก็เหมือนเอาไม้ซีกงัดไม้ซุง การุณแทบจะไม่ขยับเลย จนกระทั่งรัฐกรณ์รู้สึกถึงเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นกลางหน้าผาก จึงหยุดความคิดนั้นเสีย
     รัฐกรณ์ กลับมาที่โต๊ะแป้งอีกครั้ง ทาครีมบำรุงก่อนนอนให้เรียบร้อย เขาพับเก็บซากผมนั้นไว้อย่างเรียบร้อย แล้วผลักมันไว้ตรงมุมหน้ากระจก ก่อนที่จะเดินไปสำรวจที่ประตูเพื่อให้มั่นใจว่าเขาล๊อกมันแล้ว
     กุญแจสีเขียวและโซ่แข็งแรงเกี่ยวเข้ากันอย่างแน่นหนา รัฐกรณ์เขย่าดูอีกสักครั้งเพื่อความมั่นใจ เมื่อเห็นว่าแน่นหนาดีแล้ว เขาเก็บลูกกุญแจสีเขียวไว้ในลิ้นชักโต๊ะ แล้วจัดการปิดไฟนอน แน่นอนว่าเขาเลือกลงมานอนข้างล่างแทนที่จะนอนกับการุณ

“เฮ้ย มานอนข้างบนสิ” การุณเมื่อรู้ว่าแผนของตนไม่สำเร็จก็รีบโวยวาย

“….” รัฐกรณ์ไม่ตอบ เขาขี้เกียจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าคนกะล่อน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า การนิ่งเฉยดูจะได้ผลที่สุดในการรับมือกับคนจำพวกนี้

“โอเค ผมยอมแพ้ เดี๋ยวผมลงไปนอนข้างล่างเอง” การุณบอกอย่างจนใจ จะใจร้ายให้รัฐกรณ์นอนข้างล่างอีกก็ยิ่งจะทำให้คะแนนของตนติดลบไปมากกว่านี้

     กว่าที่จะได้นอนในคืนนั้น เวลาก็ล่วงไป4ทุ่มแล้ว  โดยการุณนอนด้านล่างเช่นเคย พื้นแข็งๆทำให้เขานอนไม่สบายนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไรนัก ไอ้ปัญหาใหญ่นั่นก็คือ สภาพห้องที่เปิดโล่ง มีเพียงลูกกรงที่กั้นเขาออกจากภายนอกห้อง ทำให้เขามองเห็นทางเดินตรงทางเดินได้อย่างชัดเจน ถึงตอนนี้ไฟจะดับแล้ว แต่เมื่อดวงตาเคยชินกับความมืด มันก็พอมองเห็นได้รางๆ ยิ่งมืดยิ่งส่งเสริมจินตนาการได้ดีนัก

     ดังนั้นการุณจึงเลือกที่จะนอนตะแครงตัวเข้าหาเตียง และความอ่อนเพลียจากการเดินทางก็ทำให้ทั้งคู่หลับไปในที่สุด





“เห็นลูกฉันไหม”

“ลูกจ๋า ลูกอยู่ที่ไหน”

เสียงของหญิงสาวดังแว่วเข้าปลุกให้การุณตื่นขึ้น เขานอนนิ่งเงี่ยหูฟัง เฝ้าภาวนา ขอให้เขาหูฝาดไป

“เห็นลูกฉันไหม”


     แต่เสียงนั้นยังคมชัด และดูท่าจะดังขึ้นกว่าเดิมด้วย เขารีบสวดมนต์พึมพำจนจบ เสียงหญิงสาวค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งการุณเองสังเกตเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกลูกกรงเหล็กนั่น เขาหลับตาลงพร้อมกับขยี้ตาแรงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าหายไป เขาถอยตัวเข้าไปชิดกับเตียงแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างสัมผัสเข้ากับต้นแขนของเขา
“อยู่นิ่งๆไว้”รัฐกรณ์กระซิบบอก เขาเลื่อนตัวมาใกล้กับขอบเตียงด้วยเช่นกัน รัฐกรณ์เองก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวเช่นกันและพยายามที่จะเพ่งมองยังต้นเสียงเพียงแต่เห็นเป็นเงามืดๆเท่านั้น

“เห็นลูกฉันไหม”

เงามืดนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง การุณตัวแข็งเกร็ง เขาเริ่มหายใจเร็วและแรงอีกครั้ง
“ใจเย็นๆ” เสียงแหบนั้นบอกการุณ

     แสงไฟจากมือถือของรัฐกรณ์สว่างขึ้น ถึงมันจะไม่ทำให้เห็นอะไรทั้งหมด แต่ก็พอให้เห็นภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอก ชายผ้าสีขาวไหวพลิ้วไปตามการเดินของเธอ

“นั่นลูกใช่ไหม” หญิงสาวเสียงดัง ตรงเข้าเกาะลูกกรงเสียงเหล็กสั่นไหว การุณหดตัวเข้าใกล้กับรัฐกรณ์มากขึ้น รัฐกรณ์ก็ตกใจเช่นกันที่สัมผัสได้ว่าการุณตัวเย็นเฉียบ แต่กลับมีเหงื่อออกเสียมาก ท่ามกลางความมืดมิดเสียงโหยหวนของหญิงสาวทวีความดัง เสียงเขย่ากรงเหล็กสั่นถี่ขึ้น เร้าให้การุณหายใจติดขัดมากกว่าเดิม

“อย่า……เข้ามา” การุณบอกกับหญิงสาวเสียงกระท่อนกระแท่น


“ลูกมาหาแม่เร็ว”



เสียงวิ่งดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงตะโกน

“สา ไม่เอาน่า”

รัฐกรณ์ โล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เขาบอกให้การุณหายใจช้าๆลึกๆ เขาเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว
“ขอโทษด้วยนะ สาเขาละเมอน่ะ” สรรพวุฒิ กล่าวขอโทษแทนภรรยา แล้วพาตัวสาวิตรี ที่ดูเหม่อลอยค่อยๆกลับห้อง โดยมีเพียงไฟฉายขนาดเล็กช่วยส่องทาง

“ลูก……..” สาวิตรียังพร่ำพูดไปตามทาง มือของเธอยกขึ้นคว้าในอากาศราวกับจะคว้าเข้ากับลูกชายของเธอที่จากไปนาน

“เขาไม่อยู่แล้ว สา” สรรพวุฒิผู้เป็นสามีบอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็รู้สึกเศร้าใจเสียทุกครั้งที่ต้องพร่ำบอก ความจริงอันหน้าเจ็บปวดทุกครั้ง ถึงแม้ในภาวะปกติ ต่อหน้าผู้คนหญิงสาวจะทำเป็นปกติ ยิ้ม หัวเราะไปได้เรื่อยเปื่อย แต่พอทิ้งไว้ให้อยู่เพียงลำพังเท่านั้น หญิงสาวก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน เธอจะนั่งอยู่นิ่งๆเหม่อมองออกไปตรงผนังที่ไร้วัตถุ ไร้ผู้คน ปล่อยน้ำตาให้ได้ไหลรินลงสู่พื้น ร้ายกว่านั้น เขาพบว่าช่วงกลางคืน ภรรยาของเขามักจะลุกออกมาเดินไปทั่วบ้าน เพื่อตามหาลูกที่จากไป สรรพวุฒิเองเป็นกังวล จึงพาสาวิตรีไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าสาวเจ้าไม่ยอมไปในครั้งแรก แต่พอได้เห็น วีดีโอที่สามีของตนอัดไว้ ตนเองก็ยอมรับมันพร้อมน้ำตา

“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” สรรพวุฒิพร่ำกระซิบบอกกับคนที่ตนรักในอ้อมกอด ภาวนาให้เธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องที่ผูกมัดเธอไว้เสียที ขอให้เธอได้มีความสุขให้สมกับรอยยิ้มที่สวยสดของเธอ

     อนิจจา ไม่ว่าจะรักษาอย่างไร อาการของสาวิตรีก็ไม่หายขาด เพียงแค่อาการค่อยๆทุเลาลง อาการต่างๆนานๆจะโผล่มาให้พบอีกครั้ง ซึ่งทางแพทย์เองก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สาวิตรีเองไม่ยอมเปิดใจตัวเองเสียที ที่อาการดีขึ้นนั้นเป็นเพียงผลของยาเพียงเท่านั้น ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดควรเริ่มจากภายใน ซึ่งเขาเองก็ลองมาทุกรูปแบบ ทั้งการพบจิตแพทย์ การไปบำเพ็ญธรรม การนั่งสมาธิ การทำกิจกรรมงานบ้านงานฝีมือ แต่ดูไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ภรรยาของเขาดีขึ้น




     รุ่งเช้า รัฐกรณ์ลงมาถึงโถงชั้นหนึ่งก่อนเวลา ปล่อยให้เจ้าคนขึ้เซาตื่นสายลนลานอยู่กับการอาบน้ำแต่งตัว ยังดีที่วันนี้ยังไม่ต้องเก็บข้าวของลงมาด้วยเนื่องจากคืนนี้ยังต้องกลับมานอนค้างที่นี่อีกคืนหนึ่ง ทันทีที่นั่งตรงโถง พวกของภคดลพากันมองมาทางชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เอากาแฟไหมจ๊ะ” สาวิตรียิ้มกว้างทักทายชายหนุ่มเหมือนเช่นเคย เธอเองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
“ขอบคุณครับ” รัฐกรณ์ยื่นมือไปรับถ้วยกาแฟมาจิบ เขาเลิกที่จะสนใจสายตาของคนทั้งสามที่จ้องมองมาเสีย จนกระทั่งกาแฟหมดลง รัฐกรณ์อาสาเก็บแก้วไปล้าง สาวิตรีอาสาช่วยแต่ สรรพวุฒิห้ามไว้เสียก่อน
“คุณอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” สรรพวุฒิไม่ต้องการให้หญิงสาวเหนื่อยเกินไปนัก เมื่อคืนที่ผ่านมากว่าที่เธอจะนอนได้ก็ดึกมากเสียจนเธอได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

     ที่ห้องครัวชายหนุ่มทั้ง2 ช่วยกันล้างถ้วยชามเงียบๆ  รัฐกรณ์ต้องเป็นคนเอ่ยปากถามก่อน
“เอ่อ คุณสรรพวุฒิครับ คุณเคยพาคุณสาวิตรีไปรักษาไหมครับ”
     เขาเข้าประเด็นทันที ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาว ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้เรียนเรื่องราวทางจิตเวชอย่างลึกซึ้ง แต่ก็พอจะมีพื้นฐานอยู่บ้างและพอจะมองออกว่าอาการของหญิงสาวไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
“อืม…..แต่มันไม่ช่วยอะไร” สรรพวุฒิตอบเพียงเท่านั้น รับฟังคำแนะนำของรัฐกรณ์ที่เสนอโรงบาลและหมอที่มีชื่อเสียงให้ลองไปรักษา

“โอ้ยหิวจัง” ทันทีที่การุณลงมาเป็นคนสุดท้าย เขาก็บ่นขึ้นทันทีด้วยความหิว แต่ก็ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เขาจึงได้กินเพียงขนมปังไม่กี่แผ่นเท่านั้น พอนั่งรถไม่ทันไรก็หิวอีก จึงต้องขอขนมของวรวิทย์กินแก้ขัดไปก่อน
     รัฐกรณือดสมน้ำหน้าไม่ได้ ทั้งๆที่เขาเองก็ปลุกอยู่หลายรอบ ซึ่งกว่าจะตื่นก็เกือบจะถึงเวลานัดอยู่แล้ว แต่อีกใจก็นึกสงสารที่เมื่อคืนการุณเองกว่าจะสงบยอมนอนได้ก็ใช้เวลาอีกพอควร




     ภาคเช้าของวันนั้นวสันพาเที่ยวไปยังหมู่บ้านรกร้างที่มีเพียงซากสิ่งก่อสร้างที่ว่างเปล่า บรรยากาศเงียบๆ เหงาๆ ชวนให้ขนลุกอยู่เรื่อย แน่นอนว่าการุณไม่กล้าที่จะเข้าไปในบ้านหลังไหนเลย รออยู่ด้านนอก
“โหย อึดอัด ไม่เข้าไปหรอก ไม่เห็นมีอะไร” เขาบอกด้วยเสียงอันดัง เมื่อเห็นสายตาของรัฐกรณ์จ้องมา
“กลัวก็อยู่ตรงนี้ล่ะ” เสียงแหบๆ กระเซ้า คนตัวใหญ่

นั่นเป็นเหตุให้การุณต้องกัดฟันเข้าไปสำรวจพร้อมกับทุกคน


“ตรงนี้คือบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นจุดเริ่มของตำนานอันเลื่องชื่อของหมู่บ้านนี้” วสันทำหน้าที่ของตนอย่างดี เขาฉายไฟไปยังจุดต่างๆได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับบรรยายเรื่องราวต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว
“เดี๋ยวผมปล่อยให้ทุกคนเดินเที่ยวตามสบายนะครับ อีก 10 นาทีพบกันที่รถ” วสันปล่อยให้ลูกทัวร์ของตนเดินเที่ยวชมเอง



     รัฐกรณ์เดินปลีกตัวมายังบ้านหลังเล็ก ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ เขาฉวยโอกาสที่การุณเผลอหนีออกมา จึงหลุดจากการตามติดของชายหนุ่มได้ เพียงแค่เขาไม่ทันระวังตัวพอที่จะรู้ว่ามีคนอีกคนตามเขามา
     เรือนไม้เล็กๆตรงหน้ายังคงสภาพสมบูรณ์ เพียงแค่สกปรกไปเสียเล็กน้อย เขาเหยียบขึ้นไปบนบ้าน ไม้กระดานลั่นดัง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพวาดมากมาย ติดอยู่เต็มฝาผนัง เพียงแต่มีฝุ่นจับหนาตัวจนมองไม่เห็นภาพว่าคืออะไร

     เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันได รัฐกรณ์หยุดยืนอยู่กลางบ้าน เสียงไม้ลั่นดังเอี๊ยด จนผู้มาเยือนปรากฏตัวตรงหน้าประตู

“มาคนเดียวระวังผีหลอกนะหมอ” วรวิทย์ยืนพิง  ที่ขอบประตู ทักคนที่ยืนอยู่ในบ้าน แม้เขาจะยิ้มให้แต่ รัฐกรณ์รู้สึกได้ถึงสายตาไม่หวังดี เช่นเดียวกับกรรณิกา และภคดลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“หึ ผีผมไม่ค่อยจะกลัวหรอกครับ……..คนมากกว่าที่ควรจะกลัว” รัฐกรณ์หาได้กลัวเกรงคนทั้ง 3 เขาเดินฝ่ากลุ่มภคดลออกมา ปล่อยให้กรรณิกากัดฟันกรอด

“อ้อ เกือบลืม คุณกรรณิกา……….” รัฐกรณ์ยื่นซองกระดาษให้กับเธอ





“คุณลืมไว้ที่ห้องน้ำของผมน่ะ……..สีผมน้ำตาลเข้ม ดัดตรงปลาย……หวังว่าคงใช่นะครับ”

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
กำลังตื่นเต้น

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
แอบงง

รัฐกรคิดว่ากรรณิกาเป็นคนทำเหรอ? (ผมน่ะ?)

ออฟไลน์ $VAN$

  • Moderator
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
รัฐกรณ์จิตแข็งมาก ไม่กลัวแล้วยังวิเคราะห์หาสาเหตุได้อีก
ผีก็ไม่กลัว คนก็กล้าเผชิญ  o13
เรียนก็เก่ง มีน้ำใจ
รู้สึกกานไม่คู่ควรซะแล้ว เหอๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด