พิมพ์หน้านี้ - +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Tifa ที่ 30-01-2012 04:47:28

หัวข้อ: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 30-01-2012 04:47:28
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 30-01-2012 04:53:10
สวัสดีอีกครั้งจ้ากับการพบกันในรูปแบบใหม่ ใครเข้ามาเจอกันครั้งนี้อาจเเปลกไปหน่อย

นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเเนวหนึ่งที่ชื่นชอบมาก......เเละยอมรับว่าเเต่งยากสุดๆ

หมู่บ้านหัวกุด เป็นนิยายเเนวเขย่าขวัญ ซึ่งลองเเต่งเป็นครั้งเเรก เป็นเเนวที่ไม่ถนัดเลยจริงๆ

เรื่องนี้คงไม่ยาวมากนัก ยังไงก็ขอฝากไว้ในอ้อมใจกันบ้างนะคะ







บทนำ


     ภายในโถงร้างชั้นที่หนึ่งเต็มไปด้วยเศษซากของอุปกรณ์ต่างๆวางเกลื่นไปทั่ว กลิ่นสาปสางคละคลุ้งผสมปนเปกับกลิ่นเน่าจากซากสัตว์ มีเพียงแสงสว่างจากไฟฉายทั้งเก้าที่คอยนำทางให้พวกเขาเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย บรรดาผู้เดินทางต่างพากันเดินจับกลุ่มกันเพื่อป้องกันการพลัดหลง ถึงสถานที่นี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็ซับซ้อนเอาเรื่อง ถ้าหลงกันไปคงใช้เวลาตามหากันพอควร

     ผู้นำทางเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อเดินมาจนสุดทาง เขาผายมือไปยังทางเดินลงสู่ใต้ดิน ผู้ติดตามมีสีหน้าต่างๆกันไป ทั้งตื่นเต้น หวาดกลัว และเรียบเฉย ภายในความมืดยิ่งกว่าค่ำคืนเดือนมืด มีเสียงลมหวีดพัดผ่าน ราวกับหญิงสาวกรีดร้องจากในนั้น ความเย็นชื้นของใต้ดินทำเอาตุ่มหนาวของหลายๆคนลุกชัน  เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นบันไดหินดังก้องสะท้อนไปมา แสงจากไฟไหววูบไปตามการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้คนขวัญอ่อนประสาทเสีย

     หญิงสาววัยรุ่นจับแขนเพื่อนชายไว้มั่น เธอต้องคอยหันหลังไปมองเสียทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสะท้อนจากข้างหลัง และนั่นทำเธอประสาทเสีย เธอกลัวเสียจนอยากจะกลับไปที่รถเสียตอนนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่า เธอต้องเดินออกไปคนเดียว เหตุผลนี้เองที่ทำให้เธอต้องอดทนเดินหน้าต่อไป

     จนบันไดสิ้นสุดลง ทางเดินแคบๆทอดยาวสู่ความมืดข้างหน้า ผู้นำเดินต่อไปอย่างเงียบเชียบ เขาเดินไปอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้คนติดตามได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่พบเจอสองข้างทาง กลิ่นอับทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ปิดและอับชื้นเช่นนี้ สองข้างทางเดินแคบแห่งนี้มีเพียงห้องขังที่ว่างเปล่า ซี่กรงขึ้นสนิมยังคงดูแข็งแรงมั่นคง คงยากนักหากจะหลบหนีออกจากสถานที่กักขังแห่งนี้ บรรดาชายหนุ่มดูจะถูกใจเป็นพิเศษ ถึงขั้นเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องขังเหล่านั้น ถึงแม้หญิงสาวจะคัดค้านเท่าไรก็ตาม แต่ก็ไม่อาจห้ามความสนุกของเพื่อนชายได้ พวกเขาคุยกันอย่างะนองปากถึงอุปกรณ์จองจำที่วางเรี่ยราดตามซอกมุม ทั้งโซ่ตรวน กุญแจมือ พวกเขาคว้ากล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพอย่างสนุก
     “ทำเสียบรรยากาศหมด” ชายวัยกลางคนบ่นอย่างไม่พอใจ เขากับภรรยาตั้งใจที่จะมาดื่มด่ำกับความกลัวให้เต็มที่ แต่จ้องมาพบเจอกับกลุ่มเด็กหนุ่มที่มักจะเล่นจนเสียเรื่อง หลายครั้งที่จะตะคอกใส่ แต่ภรรยาเขาก็ปรามไว้เสียทุกครั้ง
จนกระทั่งเข้ามาถึงส่วนในสุดของทางเดิน ประตูไม้ผุๆ ค่อยถูกดันออกไป เสียงบานพับ ลั่นส่งเสียงหวีดหวิว จนสาวเจ้าอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดหู ประตูเปิดออกแล้ว
     ผู้นำหันมามองบรรดาผู้ติดตามอย่างทีละคนจนมั่นใจว่าทุกคนอยู่ครบถ้วน เขาผายมืออีกครั้งเป็นการเชื้อเชิญแขกทั้งหลายผู้กระหายเรื่องราวลี้ลับ ให้เข้าไปสู่โลกแห่งวิญญาณ

     “เมื่อห้าสิบปีก่อนที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก” ผู้นำเริ่มทำหน้าที่ของเขา เขาบอกเล่าตำนานของสถานที่ให้ฟังอีกครา       “แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริง ผู้อำนวยการ ได้แอบทำงานวิจัยอย่างลับๆ อยู่ใต้พื้น” เขาเดินมาจนถึงกลางห้องที่มีเตียงผ่าตัดวางทิ้งไว้ คราบของเหลวสีคล้ำ กระจายอยู่ทั่ว กลิ่นสาปฟุ้งกระจายทำเอาหลายคนต้องปิดจมูก “ผู้ป่วยหลายคนได้หายไปจากโรงพยาบาล ทีละคน” เขาเลื่อนไฟฉายไปยังผนังเผยให้เห็นกระดานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษที่ฉีกขาดถูกปักเอาไว้อยู่เต็มไปหมด “คืนแล้วคืนเล่า ที่ผู้อำนายการ ได้ลักลอบพาผู้ป่วยไร้ญาติมาขังไว้ เพื่อทำการทดลอง” ผู้นำเปลี่ยนโฟกัสของไฟมายังเตียงผ่าตัดอีกครั้งและข้างๆนั่นเองก็มีอุปกรณ์การผ่าตัดเก่าๆวางเกลื่อน บ้างก็ตกมาอยู่ที่พื้น

      บรรดาชายหนุ่มต่างพากันหัวเราะชอบใจ ทำเอาสองสามีภรรยาต้องเตือนด้วยเสียงแค่นไอ พวกเขาจึงยอมสงบ ปล่อยให้ผู้นำทางเล่าเรื่องราวต่อไป

     “ไม่มีใครรู้ว่า ผู้อำนวยการทำการทดลองอะไร นานวันอาการกระหายงานวิจัยของเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น” น้ำเสียงของคนเล่าช่างราบเรียบแต่นั่นก็ทำให้ขนลุกได้ไม่น้อย หญิงสาวชักไม่แน่ใจว่าเธอควรจะปิดหูตนเองดีหรือไม่
     “เขาหายไปจากโรงพยาบาลนานหลายเดือน ไม่มีใครพบเจอเขาอีกเลยจนกระทั่ง” เขาเว้นช่วงสักนิด สังเกตอาการของผู้ฟังทั้งหมด “แม่บ้านคนหนึ่งบังเอิญพบทางลับที่ลงมาสู่ใต้ดินนี้เข้า”
     “สิ่งที่พบเป็นที่เลื่องลือไปไกล เพราะทันทีที่พวกเขาเปิดประตูทางลับ กลิ่นคาวเลือดก็ทะลักออกมา หลายคนทนไม่ไหวถึงกับอาเจียนออก” เมื่อได้ยินแบบนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหูของตนทันที
     “ภายในห้องขังเต็มไปด้วยซากศพที่ไร้หัว คราบเลือดแดงข้น ไหลนองไปเป็นทาง หนูนับร้อยตัวพากันแตกตื่นเมื่อเห็นคนเดินลงมาพากันวิ่งหนีจากการกัดกินซากศพ”

     “และภายในห้องในสุด นั้นเองพวกเขาก็พบกับคำตอบของต้นเหตุทั้งหมด……ร่างอันไร้วิญญาณของนายแพทย์ผู้อำนวยการ นั่งนิ่งอยู่กับเก้าอี้ เขายังอยู่ในชุดเสื้อกราวยาวสีขาว” ผู้เล่าเรื่องชี้ไฟไปยังเก้าอีกไม้ที่มุมห้อง หญิงสาวหลับตาลงทันที “และที่เตียงนี้เองก็พบร่างของผู้ป่วยที่หายไป……เขาถูกตัดหัวออกไป ศีรษะของเขาถูกวางไว้บนถาดด้านข้าง สีหน้าที่หลงเหลือแสดงว่าเขาหวาดกลัวมากเพียงใด”

     เสียงหวีดหวิวแว่วเข้ามาทำเอาทุกคนขนลุกซู่ หลายคนเบี่ยงไฟฉายไปยังประตู แต่ก็ไม่พบอะไร หลายคนเรื่อมใจคอไม่ดี ทำท่าทางจะกลับขึ้นไปข้างบน ทว่า ผู้นำทางหาได้สนใจ เขายังคงทำหน้าที่ของตนต่อ

     “แน่นอนว่าสถานพยาบาลนี้ถูกปิดไปในทันที ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สถานที่นี้อีก” เขาจบเรื่องเพียงเท่านี้ ผายมืออีกครั้งเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนออกไปได้แล้ว หญิงสาวรีบดึงเพื่อนชายของตนออกมาทันที เธอรีบเดินขึ้นบันไดไม่ยอมมองไปยังที่คุมขังทั้งสองข้างทาง แต่เพียงแค่แสงไฟจากไฟฉายส่องผ่านไปยังประตูข้างบน เธอต้องหยุดหายใจเมื่อพบว่ามีชายผ้าสีขาวไหววูบผ่านประตูไป เธอไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่มีความเป็นไปได้ว่ามันคล้ายกับเสื้อของที่พวกหมอใส่กัน เธอยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก น้ำตาเริ่มคลอที่เป้าตา มือที่จับเพื่อนชายสั่นไม่หยุด จนเพื่อนๆต้องเข้ามาถามไถ่

     เธอชี้ให้ทุกคนดูตรงประตู แต่กลับว่างเปล่า เพื่อนชายปลอบใจเธอว่าคิดมากไปเอง กว่าที่เธอจะยอมเดินขึ้นมา เพื่อนๆทั้งหมดก็ต้องช่วยกันปลอบจนสุดความสามารถ เมื่อพ้นทางลงใต้ดินออกมาสายลมเย็นพัดผ่านมาอีกวูบใหญ่ หญิงสาวกระชับแขนเพื่อนชายไว้แน่น ความกลัวของเธอมีมากจนไม่กล้าจะมองอะไรเรื่อยเปื่อยอีก เธอก้มหน้าก้มตาเดินตามเพื่อนชายไปอย่างว่าง่าย ภาวนาว่าขอให้กลับถึงที่พักโดยเร็ว

     “มีชาวบ้านหลายคน เอ่ยปากว่าเคยพบกับวิญญาณของผู้อำนายการ บริเวณนี้” อยู่ๆผู้นำกลุ่มก็เอ่ยขึ้น ทุกคนหยุดเดินหันไฟไปยังผู้นำที่เดินรั้งท้าย

     “ชาวบ้านค่อยๆทยอยหนีออกห่างจากที่ดินผืนนี้ ทีละรายๆ จนกระทั่งไม่เหลือใคร ว่ากันว่า วิญญาณท่านผู้อำนวยการยังคงมีห่วงกับการวิจัย……..เขายังคงทำงานทดลองต่อไป” ผู้เล่าเรื่องดำเนินเรื่องราวจนมาถึงบทจบ
สายลมวูบใหญ่พัดมาตามมาด้วยเสียงวัตถุหนักตกลงพื้นเบื้องหลังของพวกเขา ทั้งหมดตื่นตกใจ หมุนตัวกลับไปยังต้นกำเนิดเสียงทันที


     สิ่งที่พบทำเอาสาวเจ้าทรุดลงกองกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้อง ต่อหน้าร่างของหญิงสาวพบกับร่างไร้ชีวิตที่เหลือเพียงลำตัวกับเลือดที่ไหลนองออกมาจากต้นคอค่อยๆไหลมายังพวกเขา

     ค่ำคืนแรกที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นก้องไปทั่วโรงพยาบาลร้างกลางหมู่บ้านเล็กๆในป่าทึบ เสียงครวญครางของราตรีที่กำลังกลืนกิน ชะตาของเหล่าหนุ่มสาวผู้มาจากแดนไกล ค่ำคืนแห่งการดับสูญได้เริ่มขึ้น





ระวังหัวของท่านไว้ให้ดี
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 30-01-2012 10:44:52
กลัวอ่ะ....

ชอบฟังเรื่องผีนะหลอนดี

แต่หลินขนาดนี้จะอ่านตอนกลางคืนไหวป๊ะเนี่ย

บทนำนี่ยังไม่โผล่ตัวละครหลักของเรื่องเลยอ่ะ

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: love2y ที่ 30-01-2012 11:18:11
เง้อออออออออ น่ากลัวอ่ะ อยากอ่านแต่แอบกลัว >_<
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 30-01-2012 13:49:00
เฮ้ย o22
น่ากลัว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: ka~O ที่ 30-01-2012 14:21:57
โอ้แปลกแหวกตลาดเล้า

ชอบค่ะ กดแอดบุ๊คมาร์คไว้เรียบโร้ย  จะรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 30-01-2012 15:23:24
น่ากลัวอ่ะ  T^T

+1 ฉลองเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 30-01-2012 16:41:06
อ่านไปมองหน้ามองหลังไป บรรยายได้หลอนดีมากเลยค่ะ 555+  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 30-01-2012 16:57:49
รีบอ่านรีบเผ่น กลัวแต่อ่าน 555
+1
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 30-01-2012 17:14:26
กลัวมาก แต่ทำไมชอบอ่านก็ไม่รู้ :a5:
ขนาดอ่านตอนโพล้เพล้ยังเสียวสันหลังวาบๆ ถ้าอ่านตอนกลางคืนนี่แอบนอนไม่หลับแน่ๆ o22
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 30-01-2012 17:31:42
บวกให้กำลังใจค่า แต่ขี้กลัวอ่า อ่านไม่ได้ >"<
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 30-01-2012 19:38:36
หึ่ย หลอนอ่ะ
เหมือนดู คนอวดผีเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-01-2012 19:44:43
เฮ้ย! น่ากั๊ว....แต่รออ่านแน่นอน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 30-01-2012 19:45:55
เฮ้ย! น่ากั๊ว....แต่รออ่านแน่นอน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ นิยายใหม่ 30/1/55
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 30-01-2012 20:08:51
ของชอบเลยล่ะ  555
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-02-2012 23:24:11
ยินดีที่ทุกคนชอบกันนะคะ มาต่อกันเลยค่า



บทที่ 1 ค่ำคืน…….ที่นอนไม่หลับ




     การุณ ชายหนุ่มวัย 22 นอนพลิกตัวกลับไปมาอยู่ในห้องพักของตน ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้อย่างนั้นโดยที่เจ้าของห้องไม่ได้ให้ความสนใจมันสักนิด เสียงเพลงจากรายการดังไปเรื่อยๆ เขาเลือกที่จะเปิดรายการเบาสมองเพื่อคลายคลามกังวลในหัวสมองที่คิดไปไกลถึงเรื่องเมื่อตอนบ่าย

     ก็ใครมันจะไปคิดว่าไอ้หนังสมัยนี้มันทำเสียสมจริงซะคิดว่าเป็นของจริง ขาขาดแขนขาด หัวหลุด เลือดพุ่ง ถอนเล็บกันสดๆ แต่ละฉากทำเอาผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขาวูบไปเหมือนกัน นับว่ายังดีอยู่บ้างที่ได้รับชมในตอนกลางวัน ถ้าเป็นกลางคืนล่ะก็ เขาเองไม่อยากจะคิด

     เวลาล่วงเข้าถึงครึ่งคืนไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังอยู่ในชุดนักศึกษาตัวเก่า มันส่งกลิ่นอ่อนๆพอให้รู้ว่าถึงเวลาอันควรที่จะต้องชำระล้างแล้ว การุณปิดทีวีแล้วถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายเผยให้เห็นรูปร่างที่สูงใหญ่เกินกว่ามาตฐานชายไทยไปเยอะ กล้ามเนื้อที่เห็นได้พองามจากการออกกำลังไม่ทำให้ดูน่ากลัวมากไปนัก สีผิวเข้มรับกับใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับคนใต้ เขาพันผ้าเช็ดตัวเข้ากับตัวแล้วพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไป

     ไฟสีเหลืองนวลถูกเปิดขึ้นทันทีที่เขาก้าวเข้ามา ผ้าเช็ดตัวถูกปลดออก ปล่อยให้สายน้ำอุ่นค่อยๆไหลลามชำระล้างสิ่งสกปรก การุณก้มหัวลงให้ผมหยักศกของเขาสัมผัสกับน้ำ ก่อนจะใส่แชมพูลงไปแล้วออกแรงขยี้ไปมา เพียงครู่เดียว ถึงมันจะเร็วแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นที่พัดเข้ามา ทำเอาเขาสั่นไป เขามองผ่านพัดลมดูดอากาศที่กำลังหมุนอยู่อย่างสงสัย ว่าเหตุใดลมถึงเข้ามาได้แรงถึงเพียงนี้ ชายหนุ่มไม่สนใจก้มหัวลงเพื่อล้างฟองแชมพูออก ทันทีที่เขาเริ่มล้าง หลอดไฟเจ้ากรรมเริ่มที่จะกระพริบ การุณใจคอไม่ดีเร่งล้างฟองออกให้เร็วที่สุด


“เฮ้ย”

     เขาอุทานออกมา โชคยังดีที่ไม่ใช่ไฟดับ คงเป็นเพียงหลอดไฟในห้องน้ำเสื่อมสภาพ แสงจากนอกห้องยังพอลอดผ่านประตูห้องน้ำ ทำให้พอเห็นอะไรได้ลางๆ ถึงกระนั้น บรรยากาศแบบนี้มันทำให้เขาคิดถึงหนังที่ดูเมื่อตอนบ่ายเสียนี่
“ทำไมมันมาเสียตอนนี้วะ”
     ชายหนุ่มจนใจต้องรีบเปิดประตูห้องน้ำเพื่อเพิ่มแสงสว่าง แต่สิ่งที่เห็นอยู่ในกระจกด้วนหน้าทำเอาเขาหยุดหายใจ เขาเห็นเงาดำวูบผ่านหลังเขาไป แต่พอหันหลังกลับไปกลับไม่พบอะไรอยู่ในห้อง

“รีบอาบน้ำดีกว่า”

     เขาตัดสินใจรีบเอาน้ำล้างตัวฟอกสบู่แล้วชำระออก ระหว่างนั้นสายตาคอยจับจ้องไปมาเสมอ หัวใจเขาตอนนี้เต้นเร็วราวกับไปวิ่งออกกำลังมา ไม่ถึงนาทีชายหนุ่มก็อาบน้ำเสร็จ เขาเดินผ่านกระจกบนอ่างล้างหน้าออกมาโดยไม่คิดจะแล ถึงกระนั้นมันก็อดใจเสียไม่ได้ที่จะหันไปมอง แต่อีกส่วนลึกของใจก็ฝืนไว้ด้วยความเกรงจะพบเจออะไรบางอย่าง
“เหลวไหล” การุณคิดเช่นนั้น แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้มองกระจกบานนั้น
     เขาใช้เวลาสักระยะในการแต่งตัว ชายหนุ่มชอบสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นนอน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เหมาะสมแก่เวลานอนเสียที พรุ่งนี้เช้าเขาต้องไปเรียนให้ทันตอน  8 โมงเช้า

     การุณเอนตัวลงบนเตียงนุ่ม อากาศร้อนทำให้เขาไม่ห่มผ้า มีพัดลมเครื่องเก่าพัดไปมาอยู่ปลายเตียง เสียงเครื่องจักรทำงานดัง อือ คล้ายกับเสียงคนร้องไห้ และนั่นก็เป็นเหตุให้เขาลุกขึ้นมาปิดมันเสีย
ความมืดมิดยามค่ำคืนไม่เคยเป็นอุปสรรคต่อการนอนของการุณเลย แต่ในค่ำคืนนี้ทุกอย่างดูวุ่นวายไปเสียหมด ถ้าไม่เพราะพวกเพื่อนตัวดีชวนไปดูหนังบ้าๆแบบนั้น คงไม่มีทางทำให้เขาเป็นอะไรได้ นึกๆดูก็น่าหัวเราะที่ต้องเห็นผู้ชายตัวโตเท่าควายมากลัวอะไรกับเรื่องแค่นี้ ถึงปากจะบอกไม่กลัว แต่ใจลึกๆก็อดหวั่นอยู่ไม่ได้

     ช่วงเวลาตี 1 ของค่ำคืนที่แสงเดียวสาดส่อง เงาไม้ไหวไปมาตามแรงลม เงาดำสั่นวูบวาบบริเวณหน้าต่าง ชายหนุ่มจำใจปิดมันลงเสีย เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปยังหน้าต่างเพียง 1 เดียวในห้องที่อยู่ติดกับระเบียง ข้างนอกของซีกตึกนี้มีเพียงป่ารก ด้วยความที่เป็นบริเวณภูเขา เขาไม่คิดจะมองเงามืดในหมู่แมกไม้อีกเป็นครั้งที่สอง หน้าต่างถูกปิดลงทันที เขาพยายามข่มตานอนอีกครั้งแต่ก็พบว่าทำได้ยากกว่าเดิม ทั้งด้วยเรื่องราวของหนังที่ยังคนติดตา ไหนจะอากาศร้อนอบอ้าวที่ต้องปิดหน้าต่างและพัดลม

     สักพัก เสียงกุกกัก แว่วลอดมาจากใต้เตียง การุณนอนนิ่งกลั้นหายใจเงี่ยหูฟัง อีกครั้งว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีก แต่นั่นก็เพียงพอให้เขามีความคิดที่จะก้มตัวลงไปดูว่าใต้เตียงตนมีอะไรผิดปกติหรือไม่ การุณพลิกตัวเองนอนคว่ำ โผล่ลำตัวช่วงบนเลยเตียงออกไป ทีละน้อย ส่วนหัวของเขาเลยผ้าปูไปแล้ว เหลือเพียงก้มลงไปอีกนิดก็จะรู้ว่ามีอะไรที่ทำให้เกิดเสียงอยู่ในนั้นหรือไม่

“เอาล่ะ” เขานับ ในใจให้สัญญาณตัวเอง


หนึ่ง


สอง



ปิ๊ป


เสียงโทรศัพท์ดังทำชายตัวใหญ่ตกใจหลับตาแน่น เขาเด้งตัวขึ้นมานั่งตรงอยู่บนเตียง กว่าที่จะลืมตาได้ก็เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง

“พรุ่งนี้อย่าลืม เตรียมเงินมาด้วยนะ”

     ข้อความสั้นๆถูกส่งมาจากกรรณิกา หญิงสาว ผู้เป็นเหมือนเลขาประจำกลุ่ม พรุ่งนี้เขามีนัดกับเพื่อนกลุ่มใหม่ที่พบกันทางชมรม ทั้งหมดมีแผนการที่จะไปเที่ยวกันในช่วงวันหยุดยาวที่ใกล้จะถึงนี้
การุณบ่นเล็กน้อย อันที่จริงเขายังจำได้ แต่กะว่าจะแอบเบี้ยว ด้วยเหตุหัวข้อและสถานที่ ที่จะไปในครั้งนี้นั้น ไม่น่าโสภาเอาเสียเลย

“ทำเอาตาสว่างเลย” การุณโยนโทรศัพท์ของตนลงข้างๆ ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอยากนอนอีกแล้ว ถึงจะนอนก็เปล่าประโยชน์ ประกอบกับรู้สึกหิวเล็กน้อย จึงตัดสินใจที่จะหาอะไรใส่ท้อง เผื่อมันจะช่วยให้ง่วงได้บ้าง โชคร้ายที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพึ่งจะหมดไปเมื่อคืนก่อน แล้วเขาเองก็ลืมที่จะซื้อมาตุนเพิ่มเสียด้วย

     การุณมองทางเดินที่ทอดยาวของที่พักของตนแล้วกำลังตัดสินใจว่าเขาจะไปซื้อของที่ร้านค้าดีหรือไม่ บริเวณนี้ไม่ใช่เมืองหลวงที่จะมีคนเดินไปเดินมาจนดึก เขาตัดสินใจออกเดินไป เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเล็กน้อย พอให้รู้ว่ามีคนเดินผ่าน ห้องหับข้างๆปิดเงียบไม่มีเสียงหรือแสงลอดผ่านออกมา ชั้นที่เขาอยู่ไม่ค่อยจะมีคนอยู่กัน ถึงได้เงียบขนาดนี้ ตอนแรกเขาก็ชอบใจเพราะไม่วุ่นวาย แต่พอมาวันนี้เขารู้สึกว่าตนคิดผิดที่เลือก

     ไฟนีออนกระพริบ ติดๆดับๆ ตรงหน้าลิฟ เร่งให้การุณอยากจะลงไปเสียให้เร็ว เขากดปุ่มลง ซ้ำเป็นรอบที่สามเมื่อเขารู้สึกว่ามีลมเย็นพัดโชยมากระทบใบหน้าเข้ม เพียงอึดใจ ประตูที่รออยู่ข้างหน้าก็เปิดขึ้น แสงสีเหลืองในลิฟดูจะมืดกว่าที่เคยเป็น คราบสนิมของเหล็ก ติดเกาะเป็นแถบทำให้ดูน่ากลัว เขาลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปก่อนประตูจะปิดลง เสียงเครื่องยนต์ทำงานการุณรู้สึกถึงแรงสั่น นั่นทำเขาใจสั่น เขาพาตัวเองเขาแนบกับมุมสายตาจ้องไปยังตัวเลขที่กำลังลดลงทีละหนึ่ง


กิ๊ก


     ลิฟกระตุกสั่นเล็กน้อยก่อนจะหยุดลงที่ชั้น 3 ประตูลิฟเปิดออก เผยให้เห็น ทางเดินด้านหน้าที่มืดไม่แพ้ชั้น 6 ของเขาเลย เขากดเปิดประตูรอคนเข้ามา นึกสังสัยว่าแค่ชั้น 3 ทำไมไม่เดินลงบันได แต่ก็ไม่มีใครเข้ามา การุณขนลุกซู่ เอาไม่กล้าที่จะออกไปดูว่ามีใครอยู่ข้างนอก เขากดปิดประตูรัวๆ จนเขารู้สึกว่าลิฟทำงานอีกครั้ง
     ทันทีที่ประตูลิฟเปิดออก ชายหนุ่มรีบเดินออกมาทันที ยามหน้าประตูทักทายเขาเหมือนเดิมทุกครั้ง การุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กที่เปิดถัดไป1ช่วงตึก ยังโชคดีที่ไฟริมถนนพอสว่างไล่ความน่ากลัวไปได้บ้าง เขาจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อย คว้าเอาถุงสินค้าไว้ก่อนจะเดินออกมา ทั้งหมดดูจะเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเขามาถึงหน้าลิฟเจ้าปัญหาอีกครั้ง



     ชายหนุ่มร่างซีดขาวยืนอยู่ตรงหน้าเขา ผมสีดำขลับตัดสีผิวขาวของเขา ทำให้ดูใบหน้านั้นเด่นชัด ชายคนนั้นยืนนิ่งมองไปข้างหน้าตรงไม่ไหวติง เขาใส่ชุดนักศึกษา การุณเดินไปอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม ในตอนแรกเขากะจะเดินขึ้นบันได แต่ถ้ามีคนขึ้นเป็นเพื่อนแบบนี้ก็ค่อยยังชั่ว

“กลับดึกนะครับ” การุณเอ่ยทักคนตรงหน้า เขาค่อยหันมา พยักหน้าให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหันกลับไป ทันทีที่การุณเห็นหน้าอย่างชัดๆ เขาถึงกับใจเต้นแรง คิ้วที่เข้มดำขลับ เรียงตัวสวย จมูกเล็กเรียวเป็นสัน ริมปากไม่หนาไม่บาง สีแดง น่าสัมผัส เขาขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อให้เห็นได้ชัด ชายผู้นั้นสูงเพียงต้นคอเขาเท่านั้น รูปร่างก็ไม่ได้ดีมาก ออกแนวผอมไปเสียหน่อยเสียด้วยซ้ำ ไม่เข้ากับชุดนักศึกษาตัวใหญ่นั่นเสียเลย แต่ก็ดี ถ้าได้กอดคงจะรู้สึกดี

ประตูลิฟเปิดออก ชายตรงหน้าเดินเข้าไป ตามไปด้วยการุณ ชายหนุ่มกด หมายเลข 5 แล้วเข้าไปยืนอยู่ที่มุม ปล่อยให้การุณยืนอีกข้างหนึ่งของลิฟ
การุณอดใจไม่ได้ที่จะชำเลืองมองคนข้างๆ เขา ชายหนุ่มยืนเหม่อตัวโงนเงนราวกลับคนไม่มีแรง การุณกลัวเหลือเกินว่าเขาจะล้มลงไปเสีย
“เป็นอะไรไหมครับคุณ” การุณถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นชายหนุ่มหลับตาลง แต่เขาไม่ตอบกลับ การุณก้าวไปอีกก้าวเพื่อดูอาการ เพียงเข้าใกล้เขาได้กลิ่นอ่อนๆจากตัวชายคนนั้น เป็นกลิ่นที่เขารู้จัก เพียงแค่นึกไม่ออกว่า มันคืออะไร เขาโน้มตัวลงไปเพื่อสูดกลิ่นอีกครั้งแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนข้าง หันหน้ามาจ้องหน้าเขา
“ขอโทษครับ” การุณถอยออกมา กล่าวขอโทษที่ทำเรื่องน่าอาย เพียงอึดใจ ประตูลิฟก็เปิดออกถึงชั้นที่ 5 ชายหนุ่มเดินออกไปโดยไม่สนใจการุณ  ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่ในลิฟเพียงลำพัง
การุณนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยนั้นแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว นึกถึงใบหน้าไม่พอใจที่พบว่าเขาแอบก้มลงไปสูดกลิ่น

“เจอเรื่องดีๆแบบนี้คงหลับได้สักทีนะเรา”

การุณยิ้มกริ่ม ทันทีที่เขาเดินออกจากลิฟ กลิ่นของชายคนนั้นก็โชยมาเข้าจมูกเขาอีกครั้ง การุณครุ่นคิด กลิ่นนี้มันไม่ใช่กลิ่นหอมแบบน้ำหอมทั่วไป ไม่สิ มันไม่หอมเอาเสียเลย เขาจำได้ว่าเคยได้กลิ่นแบบนี้ เร็วๆนี้
กลิ่นเหมือนตอนที่เขาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล

การุณชะงักไปเมื่อคิดได้ว่าคำตอบมันคืออะไร เขาก้าวเท้ายาวๆไปยังห้องของตัวเองแล้วเปิดไฟทุกดวงในห้อง เปิดทีวี เปิดคอม โยนถุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ที่พื้น แล้วกระโจนตัวลงบนที่นอนดึงเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้
ค่ำคืนที่อากาศร้อนระอุ ยังมีชายคนหนึ่งที่นั่งคลุมผ้าอยู่ลำพังบนเตียง ตัวของเขาสั่นเทาราวกับจับไข้ เขาภาวนาให้ค่ำคืนนี้จบลงโดยเร็ว เพื่อรับกับแสงในวันใหม่



กลิ่นเหมือนตอนที่เขาไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล



กลิ่นคล้ายกับตอนที่เขาเดินผ่านห้องดับจิต







กลิ่นฟอร์มาลีน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 03-02-2012 12:28:32
น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 03-02-2012 13:49:11
อ๊ากกก ผี

กลิ่นฟอร์มาลีน ดันทะลึ่งไปดมเองนี่เน้อ

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 03-02-2012 14:13:43
หลอนนนน :a5: :a5:
นายเอกของเรา มาพร้อมกลิ่นฟอร์มาลีน
หวังว่าคงเป็นนศ.พ. ไม่ใช่...นะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-02-2012 14:35:52
น่ากลัวอ่ะกรี๊ดดดดดดด

บรรยายได้ดีมากอ่ะ หลอนเลยอ่ะ

บวกหนึ่งขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: zeen11 ที่ 03-02-2012 15:42:43
คนแต่งเรื่องนี้สุดยอดมากกกกกกกกกกก ข้าน้อยขอคาราวะจริงๆ นี่ขนาดอ่านตอนกลางวันยังหลอนได้ขนาดนี้  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: หัวเเม่มือ ที่ 03-02-2012 16:11:17
ชอบอ่านเรื่องผี รออ่านครับผม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Moonmaid ที่ 03-02-2012 17:10:21
น่ากลัวมาากกอ่ะ :sad3:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: wichaiP ที่ 03-02-2012 17:16:10
นายเอกเป็นผีเหรอ ไม่น่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bigeye ที่ 03-02-2012 19:49:42
เอ๊ย...ฟอร์มาลีน...อะไรยังไงเนี่ย??
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: CofFee ที่ 03-02-2012 23:52:34
ไม่ว่าเรื่องใหม่หรือเรื่องเก่าก็ให้ความสนุก เรียกเสียงฮาได้เหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-02-2012 01:56:11
ทำไมฉันมานั่งอ่านดึก ๆ  - -* นอนดีกว่า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: jinglan ที่ 04-02-2012 10:16:05
หลอนกันเลยทีเดียว ><

รอมาต่อนะคะ สนุกๆ o13
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 04-02-2012 12:31:46
ไม่น่าเข้ามาอ่านเรื่องนี้เลย เพราะตอนนี้อยากอ่านตอนใหม่สุดๆอ่า ><

เด็กหนุ่มกลิ่นฟอร์มาลินน่าจะเป็น นศพ รึเปล่า เรียนอนาโตมี่แค่2-3ชั่วโมง กลิ่นก็ตามออกมาหึ่งเหมือนกัน พี่การุณคงหลอนตั้งแต่ดูหนังแล้วล่ะมั้ง เห็นอะไรก็เป็นผีไปหมด 555

รอตอนหน้าค่า ชอบมั่กมาก ^^b
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ค่ำคืน.....ที่นอนไม่หลับ 2/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 06-02-2012 11:39:41
เห้ย!!!...นี่ขนาดอ่านตอนกลางวันแสกๆนะเนี่
มันจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ......
.....
5555+  คนแต่งเก่งเว่อร์ ...5555+....หัวเราะอย่าบ้าคลั่งด้วยความหลอน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 07-02-2012 04:13:18
ฮิ้ววววววววววว สวัสดีเจ้าทุกคน มาต่อกันเลยนะคะ

ปล. ไม่ว่าจะเขียนเรื่อง ดราม่า หรือ เรื่องเขย่าขวัญ.....ไหงมาจบที่ ตลก เสียได้นี่ 5555555



บทที่ 2 การเริ่มต้น



     หญิงสาวในชุดนักศึกษานั่งอยู่ลำพัง ณ โถงโล่งใต้อาคารเรียน ขณะนี้เวลาเที่ยงกว่าแล้ว เลยเวลานัดหมายไปนานพอสมควร แต่เธอก็ยังไม่เห็นคนที่นัดไว้  เธอหยิบโทรศัพท์ กดหมายเลขโทรออกไปเพื่อนตามบรรดาเพื่อนๆคนที่เหลือ
“เร็วๆหน่อยสิ เดี๋ยวฉันมีเรียนตอนบ่ายสองนะ” เธอพูดอย่างหงุดหงิด ลำพังแค่นั่งรอใต้ตึกก็ร้อนมากพออยู่แล้ว ยิ่งมาเจอฝูงชนที่กำลังทยอยเลิกเรียนเข้าไปอีก ยิ่งทำให้อารมณ์เสียมากขึ้น

จะมองอะไรนักหนา

     หญิงสาวไม่ชอบการถูกจ้องมอง ด้วยรูปร่างสมส่วน บวกกับเครื่องแต่งกายที่เน้นหน้าอกหน้าใจ เอวที่คอดกิ่ว เรียวขายาวระหงส์ เธอมักจะถูกมองจากบรรดาชายหนุ่มเสมอ ช่วงแรกก็เหมือนจะดี แต่นานเข้าเธอชักรู้สึกขยะแขยงกับสายตาที่มองเหมือนอยากจะกลืนกินเธอไปเสียทั้งตัว ที่สำคัญ ช่วง 1 อาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้เธอกังวล
“โอ้ มาเร็วเหมือนเคยนะ ณิ” ชายหนุ่มร่างผอมสูงเดินเข้ามายังโต๊ะที่สาวสวยนั่ง เขาทักทายอย่าสนิทสนม โดยไม่สนใจท่าทีโกรธเคืองของ กรรณิกา เพื่อนในกลุ่มเพียงคนเดียวที่เป็นผู้หญิง
“แล้ว วิทย์ ล่ะ” ภคดล ไม่สนใจท่าทีของ ณิ เขานั่งลงอีกฝั่งของโต๊ะเพื่อรอเพื่อนในกลุ่มที่เหลืออีก 2 คน วรวิทย์และการุณ
ไม่นานนักหลังจากที่ปล่อยให้ ภคดลนั่งฟังกรรณิกาบ่น วรวิทย์ ชายหนุ่มร่างยักษ์ที่มีความสูงถึง 180 ร่วมกับน้ำหนักที่เฉียด หลักร้อย ก็เดินมายังเพื่อนของเขาทั้งสอง แน่นอน ว่าต้องทนฟัง กรรณิกา บ่นไปตามระเบียบ

“แล้วทำไม กาน ยังไม่มาอีก” ภคดลก้มลงดูนาฬิกาอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้เลยเวลามากว่าครึ่งชั้วโมงแล้ว แต่ยังไม่เห็นวี่แววของ การุณ เพื่อนคนใหม่ที่พึ่งจะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเขา ซึ่งปกติแล้ว การุณเองมักจะมาตรงเวลาเสมอ กรรณิกา ตัดสินใจกดโทรศัพท์หมายจะโทรตาม แต่ยังไม่ทันที่สัญญาณจะติดต่อเสร็จ ชายผิวเข้มก็วิ่งกระหืดกระหอบมาเสียก่อน
“ขอโทษที โทษที” การุณรีบกล่าวขอโทษเพื่อนใหม่ นึกโมโหตัวเองที่เผลอหลับไปในรุ่งเช้า มารู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเที่ยง ซึ่งเขาก็รีบสุดๆแล้วเช่นกัน
“ไม่เป็นไร พวกเราก็พึ่งจะมาถึงเหมือนกัน” ภคดล รีบตอบเสียงใส ทำเอา สาวกรรณิกาวีนแตก ถึงการที่เธอต้องมานั่งรอผู้ชายทั้งสามถึง 30 นาทีด้วยกัน
“เอา รีบไปเหอะ” วรวิทย์ รีบเปลี่ยนเรื่อง เขารู้ดีว่าถ้า กรรณิกา เริ่มบ่นเมื่อไร กว่าจะหยุดก็อีกนาน ยิ่งเป็นเรื่องที่ตัวเองไม่พอใจด้วยยิ่งเป็นเรื่องเข้าไปใหญ่ เขายันตัวขึ้นลุกอย่างลำบาก ช่วงเดือนที่ผ่านมาน้ำหนักเขาขึ้น และมันก็ทำให้เขาเคลื่อนไหวตัวลำบากมากขึ้น วรวิทย์เคยคิดที่จะลดน้ำหนัก เพียงแต่เวลาเจออาหารน่ากินทีไร เขามักจะหยุดตัวเองไม่ได้เสียที

     ทั้งหมดออกเดินทางโดยใช้รถของ วรวิทย์ ให้กรรณิกา นั่งหน้า ส่วนสองหนุ่มที่เหลือนั่งอยู่ข้างหลัง ทันทีที่ การุณ นั่งลง ลมเย็นๆจากเครื่องประอากาศทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไอ้การที่ต้องอยู่ในห้องร้อนๆ ไม่เปิดหน้าต่างระบายอากาศ แถมยังห่มผ้าห่มครอบตัวไว้นั้น ช่างทรมารนัก ใช่ แล้วคืนนี้ล่ะ เขาควรจะทำอย่างไรดี
“ไปทำอะไรมา ดูหมดแรง” ภคดล สังเกตเห็นความผิดปกติ จึงถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่า……….เอ้อ ดล คืนนี้ขอไปนอนที่ห้องด้วยได้เปล่า” การุณเองขออนุญาต เพื่อนตน เขาเองก็รู้สึกเกรงใจ เพียงแต่เขาคงอดนอนเป็นเวลาสองสามวันติดกันไม่ไหว ขนาดตอนกลางวัน ของวันนี้เขายังไม่กล้าลงลิฟ วิ่งลงทางบันไดแทน
“ดะ…ได้สิ” ภคดลตอบโดยไม่คิด ทำเอาเพื่อนอีกสองคนที่แอบฟังอยู่หน้ารถ ยิ้มออกมา พวกเขารู้ว่า ภคดลรู้สึกชอบพอคนผิวเข้ม ถึงได้ไปตีสนิททันทีที่ มีการประชุมชมรมวันแรก และคอยที่จะดึง การุณ มาเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเสียทุกครั้งจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“โอ้ย ขอบใจนะ” การุณร้องออกมาอย่างดีใจ อย่างน้อยเขาคงได้นอนหลับเต็มตื่นเสียทีในคืนนี้

     ไม่ถึง 10 นาที พวกเขาทั้ง 4 ก็มาถึงบริษัททัวร์ ทั้งหมดตัดสินใจที่จะพากันไปเที่ยวในวันหยุดยาว แต่จะให้ไปเที่ยวแบบปกตินั้นคงจะไม่เข้าท่าเท่าไรนัก อยู่ชมรมเรื่องลึกลับทั้งที ก็ต้องขออะไรที่มันไม่เหมือนชาวบ้านสักหน่อย เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าประตูเลื่อน พวกเขาก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป อากาศที่เย็น กลิ่นอับเล็กโชยออกมาจากเครื่องปรับอากาศรุ่นเก่าที่มีเสียงทำงานค่อนข้างดัง ด้านหน้ามีเพียงโต๊ะประชาสัมพันธ์ ที่ไร้วี่แววว่าจะมีใครมาต้อนรับ โปสเตอร์ติดเรียงรายอยู่รอบๆผนังบอกรายละเอียดต่างๆถึงการท่องเที่ยวในแบบพิเศษ  ทั้ง ทะเลสาบสีเลือด ผาสาบสูญ ป่าต้องห้าม และอื่นๆอีกมาก

     กรรณิกาเอ่ยปากเรียกหาพนักงาน ไม่ช้าประตูไม้ด้านในก็เปิดออก คนที่มาใหม่ชะงักเล็กน้อยเมื่อพบเจอลูกค้าทั้ง4 เขารีบเดินเข้าไปทักทายและจัดแจงหาเก้าอี้ให้ทุกคน ก่อนจะเล่ารายละเอียดคร่าวๆของทัวร์ให้ฟัง
“เราต้องการ ไปหมู่บ้านหัวกุดครับ” วรวิทย์บอกความต้องการ
“ครับ หมู่บ้านหัวกุด 4 ท่านนะครับ” พนักงานจัดแจงเปิดคอมพิวเตอร์ตรวจรอบของรถและจัดแจงบอกรายละเอียดให้ลูกค้าทราบ ทัวร์ครั้งนี้รับคนได้สูงสุด 8 คน และตอนนี้หากรวมพวกของการุณเข้าไปแล้วก็นับได้ 6 คนแล้ว เหลืออีกเพียง 2 คนก็ครบตามจำนวน
“แล้วถ้าไม่มีคนมาเพิ่มล่ะ” กรรณิกาซักถาม
“ไม่ต้องห่วงครับ ถึงจะ 6 คนเราก็รับปากว่าจะพาทุกท่านไปทัวร์อย่างแน่นอน” พนักงานรับปากอย่างหนักแน่น พร้อมกับทำเรื่องออกใบเสร็จรับเงิน มอบตั๋วเดินทางและเอกสารสำคัญต่างๆให้ลูกค้าทั้ง 4

“ผมชื่อ วสัน ครับ รับหน้าที่ดูแล ทริป หมู่บ้านหัวกุด ขอรับรองว่า ทุกท่าน จะต้องสนุกจนไม่มีวันลืมแน่”



“แน่ใจนะว่าไม่ต้องมารับตอนเย็น” ภคดลถามย้ำกับ การุณอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร เราเลิกเย็น พวกนายไม่มีเรียนนี่” การุณปฏิเสธอย่างเกรงใจ เขาเองเรียนอยู่คนละคณะกับพวกของ ภคดล อีกทั้งวันนี้     กว่าจะเลิกเรียนก็ปาเข้าไป เย็นถึงค่ำ คงไม่ดีนักที่จะต้องให้มารับ เขาเองก็จำทางไปหอเพื่อนได้ดี อยู่ใกล้กว่าหอของเขาเสียด้วยซ้ำ
“ว้าย คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะ” กรรณิกาเปรยขึ้นพรางหัวเราะ วิทยาก็ร่วมวงด้วย ทำเอาอีกคนที่โดนรุม เบือนหน้าหนี พลางบ่นให้เพื่อนที่ชอบแซว
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” ภคดล ทำเป็นเฉไฉ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยเสีย แต่ก็ไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะของคนอีกสองคนข้างหน้าได้



     กว่าที่จะถึงเวลาเลิกเรียนนั้น การุณต้องใช้ความพยยามเป็นอย่างมากในการฝืนที่จะไม่ให้นอน แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ฟุบไปเสียจนได้ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อาจารย์เดินออกห้องไปเสียแล้ว บรรดานักศึกษาต่างรีบเก็บของแล้วเงออกไปจากห้องทันที และก็เป็นหน้าที่ของคนที่ออกห้องคนสุดท้ายที่จะต้องทำการปิดไฟ ปิดเครื่องปรับอากาศให้เรียบร้อย
“กาน ฝากหน่อยนะโว้ย เดี๋ยวมีแข่งบอล กูรีบไปก่อน” เพื่อนในคณะของเขารีบไปเปลี่ยนเสื้อเพื่อแข่งขันกีฬาระหว่างคณะ ยังดีที่วันนี้ การุณไม่มีแข่ง ไม่อย่างนั้นเขาคงไปยืนหลับในสนามเป็นแน่แท้
     แต่กว่าที่เขาจะเก็บของเข้ากระเป๋าได้หมด ในห้องก็ไม่เหลือใครแล้ว บรรยากาศวังเวงจนไม่น่าเชื่อว่าเขายังอยู่ในอาคารเรียน แต่คงเพราะว่าชั้นเรียนของเขาเลิกเป็นห้องสุดท้าย จึงไม่แปลกนักหากนักศึกษาทุกคนจะรีบเพื่อไปทำธุระส่วนตัวที่อื่น ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศพัดวูบมาทางเขา การุณรู้สึกไม่ค่อยดีนัก รีบเดินไปยังผนังด้านใน ปิดสวิชเครื่องใช้ไฟฟ้าให้หมด ไฟหน้าห้อง ไฟกลางห้อง ดับลงไปแล้ว เหลือเพียงไฟหลังห้องที่ยังคงเป็นแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวของห้องนี้
     การุณไม่กล้าหันไปมองที่มุมมืดของห้อง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางคืนยังฝังในหัวไม่จางหาย เขากลั้นใจก้าวยาวๆไปปิดสวิชไฟอันสุดท้าย ก่อนที่ห้องจะมืดลง มีเพียงแสงสว่างจากทางเดินที่ส่องเข้ามาทางประตู แน่นอนการุณรีบก้มหน้าเดินออกจากห้องให้เร็วที่สุด
     บรรยากาศในมหาลัยตอนพลบค่ำช่างเงียบสงบ นักศึกษาส่วนใหญ่มักจะออกไปเดินเที่ยวกันที่ด้านหน้าของมหาลัยเสียมากกว่า จึงเป็นเหตุให้ภายในมหาลัยค่อนข้างเปลี่ยวผู้คน 

‘รู้แบบนี้ให้ ดล มารับเสียดีกว่า’

     การุณรู้สึกว่าคิดผิด เมื่อเห็นทางเดิน ที่ตนต้องเดินกลับ คณะของเขาอยู่ด้านในสุดของมหาลัย อีกทั้งยังเป็นเพียงทางเดินแคบๆ ที่ข้างทางมีแต่ต้นไม้และกอหญ้า ถ้ามีคนเดินด้วยคงจะดีไม่น้อย เขาไม่รอช้า รีบออกเดินก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดไปกว่านี้

     ต้นไทรต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างทางไหวไปมาตามแรงลม รากไทรปลิวไหวไปมาดูคล้ายหญิงสาวสยายผม ที่ตรงนี้มีตำนานเล่าขานมารุ่นต่อรุ่น แน่นอน การุณนึกโกรธตัวเองที่คิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาตัดใจไม่มองไปทางนั้นเด็ดขาด แต่แล้วก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางนั้น เขาหยุดก้าว เพื่อหยุดฟัง
     เสียงนั้นดังอยู่ข้างหลัง ใกล้เข้ามาทุกที เขาเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่กล้าที่จะหันไปมองข้างหลัง แต่อีกใจก็คิดว่าอาจจะมีคนตามเขามา เขานับในใจอีกครั้ง เมื่อเสียงนั้นหยุดใกล้เขา

“เฮ้ย”

     การุณร้องเสียงหลงเมื่อเขาหันมาชนกับนักศึกษาอีกคน ทางฝ่ายอีกคนก็ตกใจไม่แพ้กัน เผลอตัวปล่อยมือจากลูกชึ้นปิ้งจนมันลอยไปโดนเสื้อของการุณเป็นรอยน้ำจิ้มติดอยู่บนนั้น
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบขอโทษเมื่อเห็นคราบที่ตนได้ทำไว้ การุณบอกไม่เป็นไร เขาเองก็ผิดเหมือนกันที่อยู่ๆก็หันไป ผู้หญิงคนนี้คงใจเสียไม่น้อย เขารีบเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ถัดไปอีกตึก

     เสื้อสีขาวถูกถอดออกมาเนื่องจากไม่มีคนอื่นอยู่  ที่อ่างล้างหน้า สายน้ำเย็นค่อยๆล้างชำระรอยเล่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเหลือรอยจางๆทิ้งไว้
     การุณลองขยี้เสื้อดูอีกครั้ง ในทันใดนั้นเองเขาต้องหยุดเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขารีบก้มหน้าลงมอเสื้อในอ่างน้ำทันที ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องอะไรอีก เสียงฝีเท้าหยุดลงข้างหลังเขา การุณรู้สึกเหมือมีสายตาจ้องมาที่เขา นั่นทำเอาขนอ่อนตรงต้นคอลุกชัน


นับหนึ่ง ค่อยๆเงยหน้า


นับสอง เห็นขอบกระจกแล้ว


นับสาม เขาเปิกตากว้าง แข้งขาอ่อน แทบจะทรุดลงกองกับพื้นเมื่อพบ สายตาที่จ้องมาที่เขา





สายตาจาก ชายใบหน้าซีดขาว ชายผู้มีกลิ่นฟอร์มาลีน ชายที่เขาได้เจอเมื่อคืนวาน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: killermoonlit ที่ 07-02-2012 06:43:52
อ้าวนายเอกเป็นผีแล้วจะจ้ำจี้กันยังไงละเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 07-02-2012 08:24:56
ฮือ... น่ากลัวจริงๆ อ่ะ ยังไม่ทันไปหมูบ้านหัวกุดเลย พระเอกเจอผีตลอดเลยอ่ะ

บรึ๋ยส์
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 07-02-2012 08:30:28
แกเรียนหมอใช่ไหม !!!!
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bigeye ที่ 07-02-2012 12:41:27
เฮ้ย..ไม่จริงอ่ะ...บอกมาว่าหลอนไปเองใช่ไหม?
เหอๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 07-02-2012 16:13:41
ตอนนี้ก็ลุ้นว่าจะเจอ...สองรอบ :try2:
นายกาน..ขี้กลัวขนาดนี้ ยังจะไปเที่ยวที่น่ากลัวๆอีกนะ
เป็นเรา ไม่ไปเด็ดๆ :serius2:

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Moonmaid ที่ 07-02-2012 17:10:46
คิดในแง่ดีก็คือนักศึกษาแพทย์นั่นเอง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-02-2012 17:22:07
ขี้กลัว แต่ก็อยู่ชมรมลี้ลับอะไรแบบนี้นะกาน :laugh:
แต่ถ้าเจอแบบนี้ ขอสลบก่อนเลย ไม่ไหวจะเคลียร์ มาให้เจอเป็นตัวๆ
อยากไปหื่นใส่เค้าดีนัก เป็นไงล่ะกาน มาให้กอดถึงที่เลย o22
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 07-02-2012 17:50:16
เห๊ย.....อย่าหลอกอย่าหลอนกันเลย...อินเหลือเกินกู!
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 07-02-2012 20:08:36
อึ๋ยย   หลอนจัง   o21
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 07-02-2012 21:53:01
ไม่ใช่ผี................มั้ง  :laugh:
อยากอ่านตอนไปหมู่บ้านหัวกุดแล้วอ่าาาา >< (รีบไปไหม 555)

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 07-02-2012 21:55:18
ไม่ใช่ผี................มั้ง  :laugh:
อยากอ่านตอนไปหมู่บ้านหัวกุดแล้วอ่าาาา >< (รีบไปไหม 555)

 :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 2 การเริ่มต้น 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 08-02-2012 14:14:14
อืมไม่ใช่ผีมั้งคงเป็นนักศึกษาแพทย์แน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 7/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 10-02-2012 18:05:43
สวัสดีเจ้าทุกคน คิดถึงนาย การุณ คนเก่งกันหรือเปล่านะ


ปล ตอนนี้ไม่น่ากลัวนะคะ ชิลๆ




บทที่ 3 ออกเดินทาง




     การุณใช้มือยันอ่างล้างหน้าไว้กันไม่ให้ร่างของตนทรุดลงกับพื้น เหงื่อเขาแตกพลัก ราวกับไปวิ่งรอบสนามกีฬานับสิบรอบ กล้ามเนื้อบนใบหน้าเกร็งแน่น เห็นเส้นเอ็นปูดชัดเป็นแนวยาว ชายผิวขาวเอียงหัวไปมาจ้องการุณไม่วางตา จนเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของการุณ ชายตัวใหญ่กลั้นหายใจ เขาเคยได้ยินมาหากกลั้นหายใจไว้ผีจะไม่เห็นตัว ใบหน้าขาวนั้น จ้องมองการุณไม่กระพริบ นิ้วเรียวยาวยกขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าคม สัมผัสแรกการุณรู้สึกได้ถึงความเย็นจากปลายนิ้วที่จับหน้าเขาหันไปมา
จนการุณกลั้นหายใจต่อไปไม่ไหว เขาสูดหายใจเข้าปอดจนเต็มหลับตาลงอย่างเร็ว ไม่อยากจะมองภาพตรงหน้าอีกต่อไป

“อย่าหลอกผมเลยครับ….ผมขอโทษที่ทำรุ่มร่ามกับคุณ” การุณยกมือขึ้นไหว้ ปากก็บอกขอโทษขอขมาเรื่อยๆ จนรู้สึกมือเย็นๆนั้นถอดถอนออกไป เขาค่อยๆลืมตา เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปสักพัก แต่ก็ต้องรีบหลับตาลงใหม่อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นใบหน้าขาวนั้น อยู่ใกล้เพียงไม่กี่คืบ

“อย่าหลอกผมเลย……อย่าหลอกผมเลย” การุณพนมมือสั่นเหนือหัว พร่ำขอขมาอย่างต่อเนื่อง จนรู้สึกได้ถึงแรงจับที่มือของเขา
“ทำบ้าอะไรของคุณ”

     เสียงแหบพร่าดังขึ้น ทำเอาการุณตัวสั่นมากยิ่งขึ้น ยิ่งเขาสั่นมากเท่าไรมือที่จับที่ข้อมือยิ่งบีบแรงมากขึ้น เขาหายใจถี่รัวจนรู้สึกเหนื่อย เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผากลามลงมาถึงลำคอแกร่ง เรี่ยวแรงค่อยๆลดลง จนเขาทรุดลงนั่งกองอยู่กับพื้น

“หัวใจเต้น 140 ครั้งต่อนาที หายใจเร็วหอบ เหงื่อออกตามร่างกาย” เสียงแหบพร่าดังต่อเนื่อง แต่การุณฟังไม่รู้เรื่องแล้ว เขารับรู้ได้เพียงว่ามีคนเรียกเขาอยู่
“ทำใจดีๆครับ คุณ เฮ้ย คุณ หายใจช้าๆ”
“ดีครับ ผ่อนคลาย” เสียงนั้นดังต่อเนื่อง แต่น่าแปลกใจที่เสียงแหบนั้นไม่ได้ฟังน่ากลัวอย่างที่คิด การุณเอนตัวตามแรงบังคับของชายผิวซีด เขาหลับตาอยู่เช่นเคย ผ่อนลมหายลมหายใจตามเสียงที่สั่ง

ความรู้สึกโล่งอกค่อยๆเข้ามา เขารู้สึกหายใจได้โล่งมากขึ้น อาการจุกอกค่อยๆบรรเทา
“ดี ทีนี้ค่อยๆลืมตา”
การุณส่ายหน้าแรง
“ลืมตา” เสียงแหบนั้นเน้นเสียงทีละคำช้าๆ เป็นแนวออกคำสั่ง
การุณไม่กล้าฝืนคำสั่ง เขาค่อยๆลืมตา มองเห็นชายตรงหน้าเต็มๆ ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าจะเป็น…….. การุณก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาช่างดูน่าดึงดูดไม่น้อย
“ปฏิกิริยาม่านตา ปกติ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง การุณได้เพียงจ้องริมฝีปากสีแดงขยับขึ้นลง มันช่างเพลินตาเสียจนลืมความกลัวไปสิ้น
“ดีขึ้นไหม” เขาจัดแจงยกศีรษะของการุณให้ยกสูงขึ้น การุณรู้สึกหายใจได้สะดวกขึ้นพยักหน้าเป็นคำตอบ แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร เสียงกรี๊ดก็ดังลั่นห้องน้ำแคบๆนั้น

“กรี๊ดดดด พี่รัฐ กอดกับผู้ชายเปลือย” เสียงจากเด็กนักศึกษาชายร่างท้วม เธอกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อเห็นภาพอันล่อแหลมตรงหน้า ผู้ชายรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบกำลังโอบคอของผู้ชายผิวเข้มที่ถอดเสื้อเผยหุ่นล่ำอุดมไปด้วยกล้ามเนื้อ เธอกรีดร้องซ้ำอีกครั้ง กรีดมือป้องปากอัตโนมัติ น้ำตาแห่งความผิดหวังไหลผ่าน เครื่องสำอางค์ที่ฉาบไว้บนหน้าของเธอจนผิวหนังของเธอไม่ได้รู้สึกถึงความชื้น

“เฮ้ย เดี๋ยว ปุ๊กโกะ มันไม่ใช่แบบนั้น” ชายหนุ่มผิวขาวรีบผละตัวออกจาก อีกคน  เขากำลังจะอธิบายให้รุ่นน้องคณะเดียวกันได้เข้าใจ แต่ช้าไปเสียแล้ว เจ้าหล่อนพาร่างท้วมของเธอวิ่งออกไปพร้อมกับเสียงร้องไห้ดังไปทั่ว

“เพราะนายคนเดียว” ชายผิวขาวชี้หน้าเอาโทษการุณที่ทำให้เขาถูกเข้าใจผิด ก่อนจะวิ่งตามรุ่นน้องไป ทิ้งการุณให้งุนงงเพียงลำพังในห้องน้ำเล็กๆแห่งนี้ กับเสียงตะโกนที่ค่อยๆ เลือนเบาลงไป


“พี่รัฐ กอดกับผู้ชายเปลือย แอร๊ยยยยย”




     กว่าที่การุณจะเดินทางถึงห้องของ ภคดล ก็ใช้เวลาไปอีก 10 นาที เพราะมัวแต่คิดเรื่องของชายหนุ่มที่ชื่อรัฐ ในตอนแรกที่เขาคิดได้ถึงความจริงที่เขากลัว เขาก็นึกขำตัวเองในใจที่คิดไปเองเอาเสียหมดสภาพนักกีฬาสุดเท่ห์ ไหนจะไปแอบดมกลิ่นเขาในลิฟ ไหนจะกลัวจนแข้งขาทรุดหายใจติดขัด ในห้องน้ำ สงสัยคะแนนความประทับใจคงติดลบเสียน่าดู คงต้องหาทางทำคะแนนเพิ่ม โชคยังดีที่ได้อยู่หอพักเดียวกัน แบบนี้น่าจะมีลุ้น

     “มาช้านะ” ภคดลเปิดประตูให้การุณเข้ามา การุณที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นอย่าที่เขาชอบใส่ทุกครั้งตอนนอน โชว์วงแขนหนาน่าจับต้อง ภคดลจ้องตาเป็นมัน เขาเชิญเพื่อนให้เอาของไปวางไว้เป็นที่ทาง การุณขอตัวทำการบ้านที่ยังค้างไว้ที่โต๊ะทำงาน ภคดลจัดแจงเคลียหนังสือการ์ตูนให้เรียบร้อย ก่อนที่จะถือไปอ่านที่เตียง ถึงกระนั้นภคดลเองไม่มีสมาธิอ่านหนังสือมากนัก ในเมื่อมีคนที่ต้องตามานั่งอยู่ในห้องด้วยแบบนี้ ยิ่งอยากที่จะมองไม่วางตา ตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรก เขาเองก็สะดุดตากับความสูงของการุณที่สูงมากกว่ามารตฐานชายไทยไปมากโข ไหนจะใบหน้าเข้มได้รูปนั่นอีก ยิ่งเห็นยิ่งหลงใหล ยิ่งได้พูดคุยกัน ก็ทำให้เขาหลงรักไปโดยไม่รู้ตัว

     “นายง่วงแล้วหรอ” การุณที่นั่งทำงานหันมาเจอ กับเพื่อนของเขาที่นอนฟุบอยู่ ภคดล พยักหน้าเบาๆ การุณรีบลงมือจัดการงานของเขาจนเสร็จในไม่กี่นาที เขาลุกขึ้นปลุกอีกคนให้นอนให้ถูกที่ แต่ภคดลเองเหมือนจะ งัวเงียจนไม่คิดจะลุกขึ้นแล้ว
     “ให้มันได้แบบนี้สิ” การุณส่ายหัว ยิ้มให้กับท่าทีของเพื่อนตนที่งอแงเหมือนเด็ก เขาจัดแจงลากตัวของเพื่อนให้หันไปยังหัวเตียง ยัดหมอนรองใต้หัวภคดล จัดแจงปิดไฟ เปิดพัดลมให้อากาศถ่ายเท น่าปลกที่คืนนี้ เขาเองรู้สึกสบายใจกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา อาจจะเพราะมีเพื่อนนอนด้วย หรืออาจจะเพราะรับรู้ได้ว่าเรื่องที่พบเจอนั้นเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเอง
     การุณหัวเราะเบาๆอีกครั้ง นึกถึงสีหน้าเอาเรื่องของคนๆนั้นตอนที่เขาไม่พอใจที่แอบไปดมกลิ่น ทำไมมันช่างติดตาแบบนี้ นี่ถ้าเขาเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเสียหน่อยคงจะดีไม่หยอก อาจจะอดใจไม่ไหว เข้าไปกอดในลิฟเลยก็ได้ หึหึ
ค่ำคืนที่การุณได้นอนอย่างเป็นสุข เขาเองคงไม่รู้หรอกว่านอกจากการุณเองแล้ว ยังมีอีกคนที่อยู่ข้างๆนั้นยิ้มอย่างเปี่ยมสุขด้วยเช่นกัน ภคดลเองได้เพียงยิ้มให้กับร่างของการุณที่หลับไปพร้อมรอยยิ้ม แสงจากด้านนอกหน้าต่างพอทำให้เห็นได้รางๆ ภคดลเองต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนักที่จะไม่เผลอทำรุ่มร่ามกับเพื่อนที่นอนข้างๆ มันคงไม่ดีนักหากอีกคนรู้เข้า ภคดลเลือกที่จะให้มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปจะดีกว่า


     นับจากวันนั้น การุณก็กลับไปนอนห้องของตัวเอง ทำเอาภคดลผิดหวังไปทีเดียว แต่ถึงกระนั้น ภคดลเองก็ยังชื้นใจที่ในอีกไม่กีวันข้างหน้า พวกเขาจะได้ไปเที่ยวกัน และคงได้มีช่วงเวลาดีๆ กับการุณให้มากกว่านี้






     เช้าวันแรกของการหยุดพักผ่อน การุณเดินทางมาถึงด้านหน้าของบริษัททัวร์เป็นคนแรก เขาเห็นรถตู้สีขาวเก่าๆ จอดอยู่ด้านหน้า ซึ่งเขาเองไม่แปลกใจนักกับสภาพรถ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ตนได้จ่ายเป็นค่าเดินทางครั้งนี้ ที่มันถูกมากเสียจนไม่น่าเชื่อ
“สวัสดีครับคุณ……การุณใช่ไหมครับ” พนักงานชายหนุ่มวัย 30 เดินออกมาต้อนรับลูกค้า เขาแนะนำตัวอีกครั้ง
“ผมวสัน ทำหน้าที่ดูแลพวกคุณในการเที่ยวครั้งนี้ครับ” เขาพูดอย่างสุภาพ ทำเอาการุณรีบบอกว่าไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ อย่างน้อยการุณเองก็เกรงใจด้วยความที่ วสันเองก็ดูมีอายุมากกว่า
“เรียก กาน เฉยๆ ก็ได้ครับ”
แต่ชายหนุ่มไม่ยอม อ้างว่าเป็นนโยบายของบริษัทและอาจโดนหัวหน้าเล่นงานเขาได้ ได้ยินแบบนั้นการุณก็จนใจ
“แล้วตกลงมีคนไปด้วยกี่คนครับ”
“มีทั้งหมด  8 คนครับ ถ้ารวมผมด้วยก็จะเป็น 9 คน” วสันเปิดเอกสารเช็คดูอีกครั้งเพื่อความเน่ใจว่าไม่ตกหล่นผู้ใดไป การุณพยักหน้าตอบ เขาขอตัวไปหาอะไรใส่ท้องเพื่อเตรียมตัวเดินทางไกล เขาแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเลือกขนมปังมาได้สัก 3 ชิ้น ตบท้ายด้วยนมขวดใหญ่ เมื่อกลับมาถึงจุดนัดก็เจอเพื่อนๆของเขา จัดแจงเก็บกรพเป๋าเดินทางเข้าหลังรถตู้ ทั้งหมดทักทายกันเล็กน้อย ก่อนที่การุณจะสังเกตเห็นชายและหญิงวัยกลางคน ที่ยืนแยกตัวออกไป ข้างๆพวกเขามีกระเป๋าเดินทางเช่นกัน คิดว่าคงเป็นลูกทัวที่จะไปเที่ยวด้วยกันในครั้งนี้

      อีกไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงเวลาออกเดินทาง แต่ผู้โดยสารยังเหลืออีก 2 คนที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมา วสันเองก็ดูร้อนรนกับการจัดข้าวของที่ดูแล้วช่างมากมาย ทั้งวัตถุดิบอาหารที่ดูแล้วพวกเขาต้องทำกินกันเอง เตาแก๊ซขนาดเล็ก อุปกรณ์อื่นๆอีกมากมายถูกโยนขึ้นไปด้ายบนของรถ โดยมีบรรดาผู้ชายเป็นคนช่วย
     ไม่นาน ผู้โดยสารคนที่ 7 ก็เดินทางมาถึง ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงจากรถก็ทำให้การุณถึงกับหยุดหายใจ ผิวสีขาวเด่นเห็นได้ชัดแม้จะยังไม่สว่าง ผมสีดำขลับถูกจัดทรงมาอย่างเรียบร้อยไม่ยุ่งเหยิง กระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่แบกอยู่ที่หลังนั่นใหญ่เสียจนไม่น่าเชื่อว่าคนตัวผอมแบบนั้นจะยกไหว การุณรีบเข้าไปอาสาช่วยแบกกระเป๋าให้ทันที ทำเอาเพื่อนๆของเขาประหลาดใจไปตามๆกัน โดยเฉพาะ ภคดล

“ไม่ต้อง” ชายหนุ่ม ปฏิเสธ เขายังรู้สึกเคืองคนตัวใหญ่ไม่หาย ที่ไม่ว่าได้เจอกันเมื่อไรก็เกิดเรื่องขึ้นเสียทุกที การุณไม่ยอมแพ้รู้ตัวว่าคะแนนติดลบ และนี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะกู้หน้าคืน
“เอาเหอะน่า” เขาแย่งกระเป๋ามาแบกโดยไม่สนใจแรงยื้อจากอีกคน และนั่นก็ทำเอาสายสะพายของเป้ฉีกออกเสียงดัง กระเป๋าทั้งใบร่วงหล่นลงสู่พื้น
“ผม…ขอโทษ” การุณรีบเก็บกระเป๋าขึ้นมาพร้อมทำหน้าเจื่อนขอโทษอีกคนอย่างเร็วเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจที่มองมา เด็กหนุ่มถอนหายใจกอนจะเดินไปรายงานตัวกับคุณวสัน

“คุณ รัฐกรณ์ นะครับ” วสันขีดเครื่องหมายตรงหน้าชื่อของเด็กหนุ่มพร้อมกับมอบเอกสารรายละเอียดต่างๆให้ รัฐกรณ์เดินไปยังหลังรถเพื่อตรวจดูกระเป๋าของตนว่าไม่ได้มีอะไรเสียหายเพื่อมจากคนตัวซวยที่ขยันสร้างเรื่อง
“เดี๋ยวผมซ่อมให้ครับ……ผมการุณ” การุณฉีกยิ้มให้ แต่ก็ต้องหุบยิ้มเสียทันทีที่รัฐกรณ์ ส่งสายตาไม่พอใจมาให้
“โหดชิป”
“นายว่าไงนะ” เสียงแหบๆอันเป็นเอกลักษณ์ของรัฐกรณ์ดังขึ้น ทำเอาการุณรีบสั่นหัว ไม่คิดว่าเขาจะได้ยินสิ่งที่ตนบ่น


     เลยเวลามา 10 นาทีแล้วสมาชิกคนสุดท้ายก็ยังไม่มีวี่แววจะมาถึง วสันกดมือถือบ่อยครั้ง จนคู่สามีภรรยาทนไม่ไหว “นี่มันเลยเวลาแล้วนะ”
“ใจเย็นๆนะครับ คุณสรรพวุติ คุณสาวิตรี เดี๋ยวผมขอเวลาอีกนิด” วสันเองก็ดูร้อนใจไม่น้อย เขายังคิดโทรติดต่อลูกทัวร์อีกคน แต่ดูเหมือนเขาคนนั้นจะติดต่อไม่ได้
“ยังเหลือใครอีกหรอคะ” กรรณิกาถาม เธอเองก็เบื่อที่จะยืนรอแล้วเช่นกัน
“เหลือคุณ อาญา อีกคนเดียวครับ” สิ้นเสียงที่วสันพูด กรรณิกา วรวิทย์ และ ภคดล ก็มีสีหน้าตื่น พวกเขาเข้าไปรวมกลุ่มกันโดยเร็วพร้อมกับพูดคุยกันเบาๆ กรรณิกาคอยสอดส่อง เป็นระยะด้วยความเกรงที่จะมีคนอื่นได้ยิน

 “อาญา นามสกุลอะไรครับ” เจ้าของเสียงแหบถามบ้าง ท่าทางของรัฐกรณ์เองก็เปลี่ยนไปเช่นกันเมื่อได้ยินชื่อ อาญา หลุดออกมาจากปากของ วสัน


“อาญา ณาศวานัย ครับ”


“เป็นไปไม่ได้……” เสียงแหบพร่านั้นสั่น การุณสังเกตได้ เขาขยับเข้าไปใกล้เตรียมพร้อมเผื่อคนตงหน้าล้มพับลง 






“เขา…….เขาตายไปแล้วนี่”



     ดวงอาทิตย์ในเช้านี้ แตกต่างไปจากทุกวัน สีแดงสดราวกับเลือด นั้นแผ่ออกไปรอบข้าง ย้อมให้ท้องฟ้าที่ควรจะสดใสให้แปดเปื้อนไปด้วยสีชาด การเดินทางในครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อวงล้อแห่งชะตากกรมเริ่มหมุนวน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 10-02-2012 18:29:13
^
^
^  จิ้ม  เพิ่งเข้ามาอ่าน  อยากบอกว่าชอบมากๆๆๆ เดี๋ยวอ่านแล้วมาเม้นต่อ  แค่สามตอนก็จิ้นกานกับรัฐไปไกลแระ  ว่าแต่  อาญา ณาศวานัย เป็นใครกันนะ  คงต้องติดตามตอนเฉลยต่อไป   :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 10-02-2012 18:43:42
กร๊าซ....ปมเก่าคลาย ปมใหม่มาอีกแล้ว...ขนลุกๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 10-02-2012 19:42:43
เอ่อ ขอให้เป็นคนละนามสกุลกับคนที่เอ่ยเมื่อกี้ก็ดีนะ
จะได้ไม่ไปกับคนที่ไม่มีชีวิตแล้ว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 10-02-2012 19:52:01
โอย....  ให้ความรู้สึกเหมือน ห้าแพร่ง (เรื่องที่มีมาช่าเล่นอ่ะ)

ลึกลับซับซ้อน หลอกคนดู  555

ตอนแรกก็ นึกว่านายเอก (คิดว่านะ เพราะกานตัวใหญ่กว่า) ตายแล้ว 5555

แต่มาเฉลยว่ายัง (ชิ ปล่อยให้เราหลอนไปตั้งสองตอน 5555 )

แต่รู้ไหม เค้าชอบอ่ะ แบบว่าชอบฟังเรื่องผี แล้วยิ่งเรื่องผี ซับซ้อนหักมุมยิ่งชอบมาก

ช่วงนี้ขยันนะคะตัวเธอ ซันนี่ก็มาบ่อย เรื่องนี้ก็เรื่อยๆ

รีบมาต่อไวๆ นะเค้าติดเรื่องนี้แล้วล่ะ  บวกๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-02-2012 22:00:01
กำลังจะออกเดินทางแล้ว แต่ว่าจะให้ไปกับคนตายแล้วเนี่ยนะ :a5:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ratnalin ที่ 10-02-2012 22:24:26
กลับมาฮาจนได้ 555 รัฐน่ารักอ่ะ  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 3 ออกเดินทาง 10/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-02-2012 11:58:03
น้องรัฐเสียงแหบ..โอ้~เซ็กซี่ :-[
แล้วนี่ไปทริปน่ากลัวๆคนเดียว ไม่มีเพื่อนไปด้วยเหรอ
กล้าจัง
ดูสิ แค่เริ่ม ก็น่ากลัวแล้ว (ไหนบอกชิลๆไง o18)
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 18-02-2012 00:30:57
ฮิ้ว กลับมาเเล้วค่ะ มาต่อกันเลย

ปล ชักอยากจะเขียนให้เป็นเรื่องตลกเเล้วสิ คริๆ






บทที่ 4 คืนที่หนึ่ง





“คุณแน่ใจหรอครับ” วสันดูจะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินสิ่งที่ รัฐกรณ์บอก
“ครับ…เขาเสียได้สองปีกว่าแล้ว” รัฐกรณ์ยืนยันคำเดิม “อาญาเขาเรียนคณะเดียวกับผมครับ เราค่อนข้างสนิทกัน” เสียงแหบพร่านั้นดูสั่นเทา การุณเองอดใจไม่ไหวจนต้องเข้าไปดูแล แต่ก็ถูกรัฐส่งสายตาดุมาให้
“อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะครับ คุณอาญาที่จะไปเที่ยวกับเรา เขาพึ่งมาสมัครด้วยตัวเองเมื่อสองวันก่อนนี้เอง” วสันยังยืนยันว่า   มีคนชื่ออาญามาสมัครจริงๆ “ผมอาจจะลงนามสกุลเขาผิดก็ได้ครับ” เขาพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ลูกทัวร์ของเขาไม่กลัวจนยกเลิกการเที่ยวเสียก่อน
     การุณเองก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เขาเองก็ไม่ค่อยถูกกับเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก ถ้าไม่จำเป็นต้องทำหัวข้อวิจัยเรื่องหลักความเชื่อกับหลักทางวิทยาศาสตร์แล้วล่ะก็ เขาไม่มีทางมาเด็ดขาด

     วสันพยายามโทรติดต่อคนที่ยังไม่มาอีกครั้งจนเวลาล่วงไปกว่า 30 นาที เขาจึงตัดใจโทรแจ้งรายละเอียดให้กับบริษัท แล้วเริ่มออกเดินทางทันที


“กว่าจะไปได้” ทันทีที่ทุกคนทยอยขึ้นรถคุณสรรพวุติ ก็บ่นตบท้ายอีกที ทำเอาวสันต้องก้มหัวขอโทษแล้วขอโทษเล่า จนสาวิตรี ภรรยาของเขาเอ็ดเข้าให้ “คุณนี่ ช้าไปนิดเดียวเอง” แล้วเธอก็จัดแจงลากสามีตนเองเข้าไปนั่งตำแหน่งแถวหน้าสุด “น้องๆ พี่ขอนั่งแถวหน้านะคะ พี่เมารถน่ะ” เธอขออนุญาตจากเด็กๆอย่างเป็นกันเอง ทุกคนตกลง มีเพียงกรรณิกาที่แอบหัวเราะเบาๆให้กับสรรพนามที่หญิงวัยกลางคนเรียกตนเอง “เรียกป้า ดีกว่าไหมนะ” เธอกระซิบให้วรวิทย์ฟัง พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก

     แถวถัดมาเป็นที่นั่งของภคดล การุณ และ กรรณิกา แถวสุดท้ายถูกยกให้เป็นของ วรวิทย์ ที่ตัวใหญ่ จึงต้องการพื้นที่ในการนั่งค่อนข้างมาก ทุกคนจึงสละแถวสุดท้ายให้ ส่วนรัฐกรณ์เลือกที่จะนั่งแถวหน้าสุดกับคู่สามีภรรยา นั่นทำเอา การุณเสียดายเล็กๆที่ไม่ได้นั่งคู่กับ คนตัวซีดนั้น


     เมื่อทุกคนพร้อม วสัน ก็เริมขับเครื่อนรถตู้คันเก่าออกจากริมถนน ทั้งหมดวิ่งออกจากเมืองไปทางเหนือ อากาศวันนี้ไม่ร้อนนัก ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศ ชวนให้ง่วงนอน เสียงเพลงที่บรรเลงไม่ได้เปิดดังมากไปนักค่อยๆกล่อมให้ ภคดลรู้สึกง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น เขาเอียงศีรษะเข้ากับไหล่ของการุณช้าๆ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงไป จนแน่ใจว่าเพื่อนของตนไม่ว่าอะไร เขาจึงหลับไปอย่างสุขใจ

     ทางการุณเองก็ไม่ว่าอะไร ถ้าจะปล่อยให้นอนคอพับ ก็คงจะโหดร้ายไปเสียหน่อย อีกอย่างหัวของภคดลเองก็ไม่ได้หนักมาก ก็ปล่อยเสียเลยตามเลย เขากลับมาสนใจคนที่นั่งเยื้องอยู่ข้างหน้าที่กำลังสนทนากับคู่สามีภรรยาอย่างสนุก
“น้องรัฐเรียนหมอหรอคะ โหเก่งจริงๆ” สาวิตรีออกปากชมเมื่อรู้ว่า รัฐกรณ์เรียนคณะแพทย์ปี 4 แล้ว “งั้นก็คงอายุ พอๆกับลูกของเราเลยนะคุณ”
“จริงหรือครับ แล้วเรียนอะไรครับ” รัฐกรณ์ถามต่ออย่างสุภาพ โดยไม่ทันสังเกตถึงสีหน้าของอีกสองคน
“เขาไม่อยู่แล้วจ๊ะ” เธอตอบเสียงเศร้า ถึงแม้สาวิตรีจะยิ้ม แต่ลึกๆเธอเองยังคงทำใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ไม่ได้ สำหรับ พ่อแม่แล้วคงไม่มีอะไรจะเลยร้ายไปกว่าการต้องมาจัดงานศพให้ลูกของตนเอง
“ผมขอโทษครับ” รัฐกรณ์รีบขอโทษ ถึงแม้เขาจะเรียนอยู่สายการแพทย์จนเห็นความตายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่ได้ใจหินถึงขนาดไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการจากลา เขาเองก็เคยประสบมาด้วยตนเอง ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน

     กรรณิกาเองนอนไม่หลับเธอยังคิดกังวลกับเรื่องที่เกิดเมื่อตอนเช้าอยู่ เธอนั่งกัดเล็บอยู่ลำพัง รอเวลาที่คนที่นั่งข้างหน้าหลับกันหมด รวมถึงการุณ เมื่อทุกคนหลับกันหมด เธอจึงแอบย้ายที่นั่งไปข้างหลัง ปลุกเพื่อนตัวใหญ่ให้ตื่น
“มีอะไร” วรวิทย์งัวเงียจากการหลับอย่าไม่ค่อยพอใจ
“เรื่อง อาญา” กรรณิกา พูดเสียงเบาที่สุดพลาง หันไปมองคนที่เหลือ เมื่อไม่เห็นว่ามีใครเคลื่อนไหวก็เบาใจ แต่ก็ยังระวังไม่ให้เสียงดังเกินไป
“แค่บังเอิญน่า คุณวสันเองก็บอกแล้วอาจจะจดนามสกุลผิด คนชื่อ อาญามีเยอะไป” วรวิทย์ตอบไปเพื่อให้เพื่อนหญิงของตนสบายใจ ทั้งๆที่ตนเองก็คิดกลัวในใจเช่นเดียวกัน
“แต่”
“ไม่เอาน่า ณิ เรื่องไร้สาระ” เขาปัดไปอย่างรำคาญ “อีกอย่างเรื่องนั้น พวกเราก็ไม่ได้ผิด” เขาไล่ให้กรรณิกากลับที่นั่งของตนแล้วหลับตาลง แต่ตลอดการเดินทางนั้น วรวิทย์เองไม่ได้หลับเลยแม้แต่น้อย




“ถึงแล้วครับ” วสัน จอดรถยังริมทาง หลังจากมื้ออาหารที่ร้านอาหาร พวกเขาก็แวะมายังวัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งวสันแนะนำว่า เป็นวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ทางเข้าวัดนั้นเป็นเพียงทางเดินแคบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ คณะท่อเที่ยวพากันเดินเรียงหนึ่งขึ้นไปอย่างเรียบร้อย การุณแอบเดินตาม รัฐกรณ์ เผื่อเขาจะสะดุดหกล้มหรือเหนื่อยจนเดินขึ้นเขาไม่ไหว การุณเองจะได้ช่วยทัน และอาจมีโอกาสได้สัมผัส น่าเสียดายที่ รัฐกรณ์เองแข็งแรงมากจนเดินขึ้นไปยังยอดเขาได้อย่างปลอดภัย
“ถึงแล้ว ดล” การุณบอกเพื่อนของตนอย่างเซ็งๆ ที่ต้องมาดูแล ภคดลที่ออกอาการหอบตั้งแต่คร่งทาง ต้องคอยดึงขึ้นไปเรื่อยๆ นี่ล่ะนะไม่ยอมออกกำลังกายเสียบ้าง การุณได้เพียงบ่นในใจ


     เมื่อทุกคนถึงยอดเขา ก็พบกับวัดเล็กๆตั้งอยู่บนนั้น สภาพโดยรวมแล้วแทบเรียกได้ว่าถูกกลืนเข้ารวมกับป่าได้อย่างลงตัว แมกไม้ข้างๆยกตัวสูง บดบังแสงแดดให้ดูร่มรื่น กำแพงโบสถ์ เต็มไปด้วยตะไคร่สีเขียวจับเป็นปื้น วสันนำทุกคนเข้าไปสักการะ องค์พระประธาน แต่เพียงก้าวเข้าไปทุกคนต้องตกใจ เมื่อพบว่าพระพุทธรูปทุกองค์ ในที่นี้นั้น ไม่มีศีรษะ

“ตามตำนานเล่าว่า….เมื่อครั้งก่อน สมัยที่ยังมีพระจำวัดอยู่ ณ ที่นี้ ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาขอเงินจากพระเป็นจำนวนมาก” วสันเริ่มทำงานของตน เขาพาทุกคนไหว้พระเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงเริ่มเล่าเรื่องที่เคยได้ยินให้ฟัง “
“แน่นอน ว่าพระเองก็ไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น จึงปฏิเสธไป แต่ชายคนนั้นยังไม่ยอมแพ้ เขาดื้อดึงจะเอาเสียให้ได้” วสันพาทุกคนมายังเรือนพักหลังเล็กด้านหลัง อุโบสถ เป็นเรือนไม้หลังน้อยที่ตอนนี้ดูเก่าไปมากโข แผ่นไม้แต่ละอันดูผุ เกรงว่าหากเหยียบเข้าไปคงพังลงมาไม่เหลือซาก
“สุดท้าย ทางพระเองก็จนใจที่จะสนทนาด้วยจึงออกปากไล่ชายคนนั้น แน่นอนว่าเขาไม่พอใจมาก ตะคอกกลับด้วยเสียงอันดังว่า ‘แล้วมึงจะเสียใจ’

“รุ่งเช้า ชาวบ้านต่างพากันแปลกใจที่ไม่มีพระออกมาบิณฑบาต สองวันผ่านไปก็เช่นกัน จนกระทั่งย่างเข้าวันที่สาม ชาวบ้างต่างเป็นห่วงจึงพากันมายังที่แห่งนี้ที่พวกเรากำลังยืนอยู่ตรงนี้ ชาวบ้านคนนั้นเคาะประตู แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบ” วสันลงมือเคาะประตูไม้ด้วยเช่นกัน ทำเอาทุกคนที่รับฟังขนลุก ยิ่งกรรณิกาแล้วยิ่งเป็นเอามาก เธอเบียดตัวเข้ากับวรวิทย์และภคดล การุณแอบเหงื่อซึม เขาสังเกตเห็นรัฐกรณ์ยังคงนิ่ง นั่นทำให้เขาต้องรักษามาดต่อ เขากำหมัดแน่น ยืดอกขึ้นเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตนกลัว

“จนกระทั่งชาวบ้านคนนั้นทนไม่ไหว เขาผลักประตูเข้าไป เพียงแค่นั้นคำตอบก็ปรากฏ กลิ่นคาวเลือดลอยโชยออกมาจากข้างใน แสงที่เข้ามาทางประตูพอทำให้เห็นผ้าสีเหลืองที่ชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด ร่างกายที่นอนนิ่งนั้นไม่ไหวติง แน่นอนว่าศีรษะของพระรูปนั้นถูกตัดขาดออกไป เช่นเดียวกับพระพุทธรูป” พูดถึงตรงนี้วสันค่อยผลักบานประตูให้เปิดออก เสียงกรี้ดเบาๆดังมาจากสาวิตรี และ กรรณิกา ที่เอามือปิดหน้าร้องกรี้ดใส่ฝ่ามือตนเอง

“ไม่มีอะไรสักหน่อย” ภคดลปลอบเพื่อนของเขา
“ใช่ๆ ไม่มีอะไรสักหน่อย” การุณรีบสมทบ หลังจากที่แอบหลับตาไปเหมือนกัน แต่เมื่อรู้ว่าปลอดภัยจึงลืมตาขึ้น เขามาช่วยปลอบเพื่อนๆอีกแรง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ หลังจากเกิดเรื่อง ตำรวจเองก็มาเก็บกวาดให้เข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้” วสันอธิบายให้ฟังต่อ “และหลังจากนั้น วัดแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้รกร้าง ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อีกเลย”




บ่ายวันนั้นทั้งหมดออกเดินทางต่อจนกระทั่งถึงที่หมายในวันแรก
“เราเข้าเขตหมู่บ้านหัวกุดแล้วนะครับ หรือจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าหมู่บ้าน หนองก่ำ แต่ถึงวันนี้เราจะพักกันบริเวณเขตหมู่บ้านกันก่อน เพราะเป้าหมายจริงๆของเรา หรือสถานที่เกิดเรื่องนั้นอยู่ห่างไปอีกพอสมควรอีกทั้งทางยังค่อนข้างลำบาก” วสันจอดรถยังโรงแรมเล็กๆ จัดแจงแจกจ่ายห้องนอนให้แบ่งเป็นห้องละสองคน โดยที่สองสามีภรรยานอนด้วยกัน กรรณิกาได้ห้องเดี่ยวไปเนื่องจากเป็นผู้หญิงคนเดียว เหลือ รัฐกรณ์ ภคดล วรวิทย์และการุณ ที่ดูยังจัดสรรไม่ได้
“เดี๋ยวดลอยู่กับวิทย์ก็ได้” การุณชิงเข้าหาตัวรัฐกรณ์ ภคดลเองดูไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าไล่วรวิทย์ไปนอนกับคนอื่น จึงยอมรับข้อเสนอนั่นอย่างไม่เต็มใจนัก
“กานมานอนห้องด้วยกันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เตียงเล็กนิดเดียว เดี๋ยวนอนไม่สบาย” การุณขนของ ดันคนที่ต้องร่วมห้องด้วยเข้าไปข้างในอย่างกลัวที่จะมีการเปลี่ยนใจ ซึ่งเมื่อเห็นเตียงที่เป็นเตียงเดียวที่ต้องนอนด้วยกันก็ทำให้การุณกระชุ่มกระชวย
“นายลงไปนอนพื้นเลย” รัฐกรณ์อ่านสายตากรุ้มกริ่มนั้นออก รีบเอ่ยปากตั้งเงื่อนไขขึ้นมาเสียก่อน “ไม่งั้นเราจะไปนอนห้องอื่น” และนั่นก็เป็นเหตุให้การุณต้องทำหน้าจ๋อยขนผ้ามาปูนอนที่พื้นห้อง

   

      มื้อค่ำของวันนี้ วสันพามากินอาหารพื้นเมืองใกล้ๆกับโรงแรมทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น คุณสรรพวุฒ ดวลเบียร์กับวรวิทย์อย่างสนุก ที่เหลือก็ค่อยๆเริ่มแนะนำตัวและพูดคุยกัน เพราะยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีก 3 วัน ดังนั้นทำความรู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหาย
     ก่อนจะกลับที่พัก กลุ่มของการุณเดินรั้งท้ายเนื่องจากต้องไปส่งกรรณิกาเข้าห้องน้ำ เมื่อออกมาก็ไม่เหลือใครในร้านแล้ว มีเพียงเด็กพนักงานหญิงคนเดียวเก็บกวาดโต๊ะอยู่ เธอจ้องมองมายังกลุ่มของเขาอย่างหวั่นเกรง การุณยิ้มให้ขณะเดินผ่าน เธอรีบหลบตา
“อย่าไปเลย….อย่าไป” เสียงแผ่วเบาของหญิงสาว ทำเอาทั้ง 4 คนหยุดชะงัก
“ว่าอะไรนะครับ” ภคดล ถามซ้ำ
“อย่าไปเลยนะคะ…..ที่นั่น…..” แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบ หญิงสาวสูงอายุก็ตะโกนเรียกเธอให้ไปเก็บของหลังร้านเสียก่อน
“ประหลาดคน” กรรณิกามองหญิงสาวรีบเดินเข้าหลังร้านไป


     ทันทีที่กลับมาถึงโรงแรม  วสันก็จัดแจงนัดเวลาออกเดินทางวันรุ่งขึ้น ทุกคนรับทราบและแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ค่ำคืนวันนี้อากาศเย็นสบาย ถึงแม้ในห้องจะเหม็นอับไปหน่อยแต่ก็คงไม่มีอะไรที่ทำให้การุณอารมณ์เสียได้ ในเมื่อตอนนี้เขาได้มองคนตัวซีดอยู่ในห้องกัน สองต่อสอง
“มองอะไร” รัฐกรณ์อดเอ็ดคนตัวใหญ่ ที่จ้องดูเขาอย่างไม่วางตา พอตวาดใส่ทีก็ทำหน้าหงอ แต่เดี๋ยวสักพักก็แอบมองใหม่อีกรอบอยู่ดี เขาเองก็คิดผิดที่เอากางเกงขาสั้นมาเป็นชุดนอน ใครจะคิดว่าต้องมาได้นอนห้องเดียวกับคนๆนี้

เฮ้อ…….คิดถูกหรือเปล่านะที่มาเที่ยวกับคนพวกนี้






     เที่ยงคืนกว่าแล้วแต่ กรรณิกาเองยังไม่นอน เธอรู้สึกใจคอไม่ดีนักกับการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลก ถึงแม้เธอจะกลัวในเรื่องลึกลับ แต่ในครั้งนี้มันผิดแผกไปจากเดิม
ทุกอย่างมันดูน่ากลัวมากจนเกินไป

     อยู่ๆเสียงเคาะประตูก็ทำเธอตกใจ กรรณิกากอดผ้าห่มแน่น ชะโงกดูประตู สักพักก็ได้ยินเสียงเล็บมือครูดกับประตู เธอตกใจ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ มือไม้เย็นเฉียบ สักพักเสียงนั้นก็หายไป เธอค่อยๆย่องไปตรงหน้าประตูเอาหูแนบเพื่อฟังเสียง
เงียบ

     แต่เธอกลับเห็นเศษผ้าสีขาวอยู่ตรงประตู มันถูกสอดออกมาจากข้างนอก เป็นผ้าสีขาว มีรอยไหม้ตรงชายผ้า เธอใจเต้นรัว พยายามดึงเศษผ้านั้นแต่มันติด เธอชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆแง้มประตูออกไป เธอเอาตาส่องช่องว่างพบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มีเพียงกองผ้าสีขาวที่อยู่บนพื้นหน้าห้องเธอ กรรณิกาเปิดประตูออกมาดึงผ้านั้นออกจากประตู แต่เมื่อสังเกตดูเธอถึงกับทรุดลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพรง


      เสียงกรี๊ดของเธอ ปลุกเอา ทุกคนวิ่งมาหา และสิ่งที่พวกเขาพบเจอนั่นก็คือ ภาพของหญิงสาวที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง มือข้างขาวชี้ไปยังกองผ้าสีขาวที่มีร่องรอยการถูกไฟไหม้ไปเสียครึ่ง

มันคือเสื้อสีขาว เสื้อกาวน์ของแพทย์ที่สวมใส่เพื่อทำงาน

และที่หน้าอกนั้นเอง มีด้ายสีเขียวปักไว้ ซึ่งบางส่วนถูกไฟเผาจนเสียหายไป










นศ.พ.   อ…………………………..
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 18-02-2012 01:34:59
 :z13: :z13:

ไม่เอาตลกค่ะ
กำลังหลอนได้ที่เลย
การุณเหมือนไอ้โรคจิตอ่ะ เอาแต่จ้องคนตัวซีดอยู่ได้  :jul3:

เรื่องเล่าเรื่องผีในเรื่องนี้พาเอาหลอนตลอดอ่ะ เรื่องพระ ก็น่ากลัว

แล้ว นศพ อ...ที่หายไปนั่น มัน อาญาหรือเปล่า?

ไม่ใช่ว่า คู่สามีภรรยาที่ลูกเสียไปคงไม่ใช่พ่อแม่ของอาญามาแก้แค้นให้ลูกหรอกนะ (เป็นไง นิจิ้นไกลป่ะล่ะ ฮ่าๆ) o18 o18

สู้ๆ นะ  :L2: :กอด1:

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 18-02-2012 06:18:06
อ่านตอนไหนก็ กะ กลัววว :a5:
ไอ้คนที่ฆ่าพระนี่คงไม่ได้ตายดี แถมตายไปแล้วก็คงไม่ได้ผุดได้เกิด แต่ว่าเสื้อกาวน์มาจากไหน o22
อย่าบอกว่าคนนี้ก็ยังไม่ได้ไปเกิด กรี๊ดดด  :z3:
นึกถึงสมัยเด็กๆที่อยากรู้อยากลองเข้าไปในบ้านร้างริมคลอง ที่หน้าบ้านมีต้นไทรใหญ่เบ้อเริ่ม แถมมีจอมปลวกขึ้นอยู่หน้าบ้านอีก
เจ้าของบ้านก็ผูกคอตายเลยกลายเป็นบ้านร้าง ไอ้เราเด็กๆอยากรู้มาก เลยขอให้ป้าบ้านข้างๆที่เป็นญาติกันพาเข้าไป
ป้าแกก็บ้าจี้ พาไปดูตรงขื่อบ้านที่เจ้าของบ้านผูกคอตายด้วยนะ คิดแล้วตลกตัวเอง :jul3:
แต่ไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้อ่ะ ตอนนั้นเข้าไปก็เป็นสิบคน มีการไปขอให้สอบได้ที่ 1 ด้วยอ่ะ :laugh:
แต่ถ้าตอนนี้ให้ไปลองของแบบพวกกานนี่ไม่เอาแล้ว กลัวมากกกกก o22
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 18-02-2012 08:38:39
เสื้อกาวน์นั้นเป็นของอาญาหรือเปล่านะ

ทำไมกรรณิกาต้องตกใจกลัวขนาดนั้นด้วย

หรือจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการตายของอาญา

ส่วนรัฐเคยเป็นเเฟนกับอาญาด้วยหรือเปล่านะ

หรือรัฐจะรู้ว่าอาญาเคยมาที่นี้เเล้วก็เลยท่บ้างเพื่อหาสาเหตุการตาย

จิ้นแหลก
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 18-02-2012 11:25:58
น่ากลัวมากมายจ้า
เป็นเรื่องแรกที่เคยอ่านเลย นิยายสยองขวัญเนี่ย
แต่ละตอนนี้ต้องมีทิ้งท้ายชวนหลอนตลอดเลย  :a5:
+1 กับความสยองขวัญจ้า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 18-02-2012 14:55:54
ยัยณินี่ต้องมีส่วนรู้เห็นในการตายของอาญาแหงๆ
เขามาแก้แค้นแล้ว หึๆๆ o18
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 18-02-2012 16:19:13
สนุกมากเลยอะค่ะ
มาต่ออีกนะคะ กำลังค้างงงง...อย่างแรง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-02-2012 18:09:11
ง่ะ น่ากลัวมากกกกกกกกกกกก
เลิกไปได้ป่ะเนี่ย
กลัวเอาชีวิตไปทิ้ง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 18-02-2012 19:38:44
อร๊าก.....น่ากลัว!....เปิดมาเจอตอนกลางคืนทุกที
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 18-02-2012 21:10:15
 o22 มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 20-02-2012 12:23:31
สนุกมาก ให้อารมณ์เหมือนอ่านคินดะอิจิ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: bigeye ที่ 20-02-2012 20:22:36
หลอนได้ที่เลย...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 4 คืนที่หนึ่ง 18/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mio ที่ 20-02-2012 20:56:40
สามคำ>>>เค้า กลัว อ่ะ  :m15:
ถึงจะวายแบบผีๆ แต่กเค้าก็กลัว  นางฟ้าไม่ถูกกะผี  :o12:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-02-2012 23:25:31
ฮิ้ว มาเเล้วค่า ทุกคน นั่งอ่านคอมเม้นท์เเล้ว ยิมไม่หุบเลย พล๊อต ของเเต่ละคน เเซ่บๆ ทั้งนั้น จะขอเเอบเอาบางส่วนมาใช้นะคะ





บทที่ 5 ระวังตัว







“ไม่เอาแล้วฉันจะกลับ” กรรณิกาโวยวายจะกลับท่าเดียว พวกเพื่อนจึงต้องช่วยกันปลอบใจใหญ่ด้วยความเกรงใจต่อแขกคนอื่นๆ ที่ตอนนี้พากันชะโงกผ่านประตูห้องมาดูเหตุแห่งเสียงดังในครั้งนี้
“ไม่เอาน่า ณิ เกรงใจคนอื่นหน่อย” วรวิทย์ออกแรงกึ่งเชิญชวนกึ่งบังคับ ลากหญิงสาวเข้าห้องของตนไป ทิ้งหน้าที่ให้ วสัน ภคดลและการุณกล่าวขอโทษ แขกผู้มาใช้บริการคนอื่นๆว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด
“มันเรื่องอะไรกันจ๊ะ” สาวิตรีถามขึ้นหลังจากที่คนอื่นๆทยอยกันเข้าห้องหับเป็นที่เรียบร้อย เธอเองดูจะตกใจไม่น้อย ดูได้จากสีหน้าที่ซีดขาวและมือไม้ที่สั่นไม่หยุดถึงแม้ สรรพวุติ จะกุมมือนั้นไว้ตลอดก็ตาม
“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ดูเหมือนณิจะได้ยินเสียงเคาะประตูตอนกลางคืน พอเปิดออกมาก็เจอไอ้นี่” ภคดล ชูเศษผ้าสีขาวที่มีรอยไหม้ให้ชายหญิงดู สาวิตรดูหวั่นกลัวเธอถอยไปก้าวหนึ่ง
“คงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ใช่ไหมครับ คุณ ภคดล” เสียงแหบๆ ดังขึ้นดึงความสนใจของ ภคดลที่ถือผ้าขาวให้หันไปสบตากับ รัฐกรณ์ ภคดลกำผ้านั้นแน่น อักษรที่ปักบนเสื้อกาวน์นี้ยังคงติดตรึงในความทรงจำของพวกเขาทั้ง 3 คน
“มันต้องแบบนั้นอยู่แล้ว” ภคดล ทิ้งผ้าขาวนั้นลงพื้น เขาเดินเข้าไปยังห้องที่ วรวิทย์และกรรณิกา

     ประตูห้องปิดลง เหลือเพียง รัฐกรณ์ ที่ยังคงจ้องมองไปทางประตูนั้นไม่วางตา สองสามีภรรยาที่ยังคงจับมือกันแน่น  วสันที่เดินเข้าห้องตนเองไป และที่ขาดไม่ได้ นายการุณที่รู้สึกว่าตนโชคดีที่ไม่ได้เป็นคนได้ยินเสียงเคาะประตูในคืนนี้




“ฉันจะกลับ” กรรณิกายังยืนยันคำเดิม เธอร้องไห้จนตาทั้งสองบวมช้ำ กองกระดาษทิชชู่ขนาดย่อมกองอยู่ตรงหน้าเธอ วรวิทย์พยายามกล่อมเธอ “ไม่เอาน่า ณิ เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แกไม่เห็น ชื่อที่ปักอยู่นั่นหรือไง” เธอตะคอกใส่เพื่อน
“แล้วจะกลับยังไง” เมื่อเห็นว่าห้ามไม่ได้วริวิทย์จึงเลี่ยงไปใช้วิธีอื่น
“ยังไงฉันก็จะกลับ”


     เสียงปิดประตูดังขัดจังหวะทั้งสอง ภคดลคิ้วขมวดเดินเข้ามา เขาไม่พูดไม่จาเข้ามานั่งตรงเตียง มือทั้งสองข้างประสานกันใช้คางเกยไว้ เขาจ้องไปยังทีวีที่ว่างเปล่า พลางใช้ความคิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แกคิดว่าไง” วรวิทย์เปิดฉากทำงายความเงียบ เขาเองก็ร้อนใจไม่น้อย ที่เห็นอักษรสีเขียวนั้น ทั้งเรื่องคนที่ลงชื่อมาเที่ยวด้วยที่ชื่ออาญา นั่นอีก มันยิ่งชวนให้คิถึงเรื่องในสมัยก่อนเหลือเกิน
“มีคนแกล้งพวกเรา” ภคดลพูดขึ้นมาโดยยังคงนั่งนิ่งอยู่ท่าเดิม เส้นเลือดที่ขมับ ปูดออกมาเป็นสาย เต้นตามจังหวะหัวใจ เขาคิดว่าเขาเห็นแววตาท้าทายในตาของเจ้าคนตัวขาวนั้น รัฐกรณ์ ยิ่งมันเรียนอยู่คณะแพทย์อีก คงไม่ต้องเดาอะไรให้มากมาย


“แล้วแกจะรู้สึก….รัฐกรณ์”




“คุณ กรรณิกา โอเคนะครับ” รุ่งเช้า วสันรีบเข้าไปดูแลกรรณิกา โชดดีที่เธอเองดูสงบลงแล้ว และไม่มีท่าทีที่จะขอตัวกลับแต่อย่างไร นั่นทำให้วสันสบายใจที่ไม่ต้องเสียลูกทัวร์ไป
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ที่ดูแลได้ไม่ดี” วสันกล่าวขอโทษ กรรณิกาเองก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงเพราะเธอคาดตัวต้นเหตุไว้แล้วเช่นกัน เธอจ้องชายตัวซีดที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยไม่วางตา
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักเราออกเดินทางกันต่อเลยนะครับ” วสันแจกแจงกำหนดเวลาแล้วจากไปขนของขึ้นรถตู้เพื่อการเดินทางในเช้าวันนี้
“คุณ ณิ ไม่เป็นอะไรนะครับ” ทันทีที่กรรณิกานั่งลง รัฐกรณ์ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรที่จ้องเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังทักทายกลับไปอย่างเป็นห่วง
“หึ สบายดีค่ะ เสียใจด้วยนะคะที่ ณิ ไม่ได้กลัวจนกลับไปก่อน” เธออดที่จะประชดคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ วรวิทย์ที่อยู่ข้างๆต้องปราม กรรณิกาเอาไว้ก่อน ถึงยังไงพวกเขาก็ยังไม่มีหลักฐานไปให้ร้าย รัฐกรณ์ ภคดลก็เช่นกัน เขาได้แต่นั่งเงียบสังเกตุพฤติกรรมของ รัฐกรณ์อยู่เงียบๆ และยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อเห็นการุณที่นั่งข้างๆรัฐกรณ์เจ้ากี้เจ้าการเสริฟน้ำและของหวานให้อย่างเต็มใจ

“ไม่ชอบ” รัฐกรณ์ เลื่อนจานขนมหวานออกไปด้านข้าง เขาเองไม่ค่อยชอบพวกของหวานเท่าไรนัก
“อร่อยนะครับ ลองสักคำนะ” การุณใช้ส้อมจิ้มขนมสีสวยมาหนึ่งชิ้น โบกไปมาตรงหน้ารัฐกรณ์ หมายจะเป็นการป้อนให้ไปในตัว

“อร่อยจริงด้วย” น่าเสียดายแทนการุณที่ภคดล คว้าเอาขนมชิ้นนั้นไปกินเสียเรียบร้อย
“เราไปกันเถอะครับ” รัฐกรณ์หาได้สนใจ เขาชวนคู่สามีภรรยาที่จัดการอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วเดินเอาของไปเก็บที่รถ ทิ้งให้นักศึกษาทั้ง 4 มองตามพวกเขาด้วยความคิดที่แตกต่างกัน

“เช้าวันนี้เราจะเดินทางเข้าสู่จุดกำเนิดของตำนานหมู่บ้านนี้กันนะครับ” วสันถอยรถออกจากที่จอด เขาขับได้อย่างชำนานจากประสบการณ์ที่สะสมมานับ 5 ปี ทำให้เขาคุ้นเคยทั้งการขับรถและการนำเที่ยว เนื่องด้วยทางบริษัทไม่ยอมใช้เงินเปลืองในการจ้างคนขับรถเพิ่ม

     เส้นทางที่ตรงไปเริ่มแคบลงทีละน้อย จากที่เคยเห็นบ้านคนเกาะกลุ่มกัน ตอนนี้เหลือเพียงภูเขาสูงและต้นไม้สีเขียวสดอยู่เต็มสองข้างทาง อากาศเย็นสดชื่น จนทุกคนเอ่ยปากขอเปิดหน้าต่างเพื่อรับลมตามธรรมชาติ กรรณิกาเองมีปัญหาเล็กน้อยกับเรื่องของผมที่ปลิวไปมาจนน่ารำคาญ
“นี่จ๊ะ” สาวิตรีทนเห็นแบบนั้นไม่ไหวเธอยื่นที่มัดผมให้ กรรณกากล่าวขอบใจ หญิงวัยกลางคน เธอบรรจงมัดรวบผมของเธอไว้ด้านหลังด้วยที่มัดสีชมพูสดลายดอกไม้ นั่นทำให้รู้สึกดีขึ้นเมื่อไม่มีผมมาปรกหน้าตา
     ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ สองข้างทางทำให้ทุกคนลืมเรื่องที่ผิดใจกันไปชั่วครู่ ทั้งภคดล วรวิทย์และกรรณิกาต่างพากัน ชมหมู่แมกไม้ที่สูงใหญ่ ปล่อยให้สายลมเย็นกระทบใบหน้า รู้สึกสดชื่นอย่างที่อากาศในเมืองไม่เคยจะทำได้



     ไม่นานนัก วสันก็จอดรถลงที่ข้างทางอีกครั้ง ทุกคนค่อยๆทยอยลง ผู้นำทางอธิบายเส้นทางการเดินป่าเข้าสู่น้ำตก ขนาดเล็ก แต่เต็มไปด้วยความสวยงามแห่งนี้ แต่คงต้องให้ทุกคนระวังตัวในการเดินทาง เนื่องจากทางเดินค่อนข้างแคบและลื่น เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
     ได้ยินดังนั้น การุณก็ทำหน้าที่ของตนเช่นเคย คอยประกบรัฐกรณ์เสียไม่ปล่อยให้คลาดสายตา ทำเอารัฐกรณ์เอง ไม่พอใจ เดินหนีไปข้างหน้าแทน
“กาน ช่วยหน่อย” แล้วก็เป็นเหมือนเคย ภคดลแกล้งทำเป็นลื่น จนเซ เป็นภาระให้การุณของเราต้องเข้าไปช่วยเสียจนได้


     ภาพน้ำตกขนาดย่อมที่แบ่งชั้นเป็นหลายชั้น ก้อนหินสลับชั้นน้อยใหญ่ไล่ดูมีมิติ แบ่งแยกสายน้ำให้ไหลเป็นหลายสาย เสียงสายธารไหลกระทบลงกับก้อนหินดังซ่าฟังสดชื่น ละอองน้ำปลิวไปทั่วบริเวณ ทุกคนต่างพากันควักกล้องถ่ายรูปออกมาบันทักภาพกันอย่างสนุกสนาน

“รัฐ มาถ่ายรูปด้วยกันสิ” การุณขออนุญาตดึงตัวคนตัวซีดที่ยืนถ่ายรูปให้กับคู่สามีภรรยา
“น่า เดี๋ยวนายไม่มีรูป” การุณไม่ยอมปล่อยเมื่อเห็นว่ารัฐกรณ์อิดออด ไม่ยอมถ่ายรูปด้วย
“ดล ถ่ายให้หน่อย” ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของตนว่าง การุณจึงตะโกนบอกขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าภคดลทำเป็นไม่ได้ยินและหันไปถ่ายรูปให้กับ กรรณิกาที่โพสท่าเป็นนางแบบอยู่ข้างๆหินก้อนใหญ่
“ปล่อย” รัฐกรณืสะบัดข้อมือ จนหลุดออก แม้การุณจะตามยังไงเขาก็หาได้สนใจ ปล่อยให้คนตัวใหญ่ งอแงแบบนั้นต่อไป
“ไม่ถ่ายกับเพื่อนสักหน่อยล่ะ” สาวิตรีเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ที่เห็นเด็กหนุ่มการุณ ใช้ความพยายามอย่างมากในการขอให้รัฐกรณ์ถ่ายรูปคู่ตน รัฐกรณ์เองส่ายหัว แบะปากให้ จนสาวิตรีอดหัวเราะไม่ได้

“แล้วน้ำตกนี้ไม่มีตำนานหรือไง” สรรพวุติ อดสงสัยไม่ได้จึงหันไปซักถาม วสันที่มีท่าทีลังเล
“เอ่อ” ที่จริงแล้ววสันเองไม่อยากจะเล่าตำนานของที่นี่เท่าไรนัก เนื่องจากเกรงว่า กรรณิกาจะเตลิดไปอีกครั้ง
“เล่าให้แค่พวกเราก็ได้ครับ” รัฐกรณ์เข้าใจความรู้สึกของ วสัน จึงเสนอทางออก เมื่อเห็นกลุ่มของกรรณิกา ยังคงสนุกกับการถ่ายรูปอยู่กับภคดล ตอนนี้จึงมีเพียง วรวิทย์ การุณ รัฐกรณ์ และสองสามีภรรยา เท่านั้น
     

     เมื่อเป็นแบบนี้ วสันจึงพานที่เหลือมานั่งยังก้อนหินใหญ่ริมน้ำตกชั้นที่2 ก่ออนจะเล่าเรื่องตำนานอันขึ้นชื่อของน้ำตกสายธาราแห่งนี้

     “ครั้งก่อนเมื่อ 60 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่บริเวณนี้ยังคงเต็มไปด้วยชาวบ้าน ที่แห่งนี้ถือได้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ เด็กหนุ่ม หญิงสาวต่างพากันมาเล่นน้ำกันอย่างสนุก ทั้งที่ควรจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงามลือชื่อ กลับต้องปิดฉากลงเพราะหญิงสาวเพียงคนเดียว”

     “หญิงสาวที่เจ็บช้ำมาจากความรัก เธอนั่งร้องห่มร้องไห้ทุกเย็น ชาวบ้านต่างพากันเป็นห่วง คอยพาหญิงสาวกลับบ้านอยู่เสมอเมื่อพบเจอ…..นั่นเป็นเรื่องประจำที่คุ้นเคยไปเสียแล้วสำหรับชาวบ้าน”

     “จนกระทั่ง เย็นวันหนึ่ง พรานป่าได้เข้าไปหาของป่ามาหลายวันกำลังออกจากป่ามา กว่าจะกลับมาได้ก็ค่ำแล้ว เมื่อเขาเดินทางมาถึงบริเวณน้ำตกก็ได้ยินเสียงครวญของหญิงสาว เขาค่อยๆเยื้องย่างเข้าไปอย่างระวัง ไม่นานก็พบหญิงสาวคนเดิม นั่งร้องไห้อยู่บนก้อนหินริมน้ำตก น่าแปลกที่วันนี้เธอยังคงอยู่ ซึ่งปกติแล้วเมื่อตะวันใกล้ลับฟ้า ชาวบ้านจะนำเธอกลับไปบ้าน นายพรานจึงตัดสินใจอาสาพาหญิงสาวกลับบ้าน ทันทีที่เขาเข้าใกล้หญิงสาวหยุดร้องไห้ทันที มีเพียงเสียงดังของสายน้ำกระทบหิน”

     “แม้ว่าพรานหนุ่มจะกล่าวอะไรแต่เหมือนหญิงสาวจะไม่สนใจ เธอยังคงนั่งนิ่งหันหน้าไปทางสายน้ำ จนสุดท้ายเขาทนไม่ไหวต้องคว้าแขนเล็กของหญิงสาวเพื่อที่จะบังคับ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกถึงความเย็น ร่างกายของหญิงสาวเย็นและชุ่มไปด้วยน้ำ เสียงหัวเราะแหลมดังขึ้น ก่อนสาวเจ้าจะกรีดร้องและหัวหน้ามาประจันกับชายหนุ่ม

‘มาอยู่กับฉัน’

     ดวงตาสีแดงก่ำเบิกโพลง เนื้อตัวขาวซีดของหญิงสาวเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ชายหนุ่มตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตนเองตกลงไปยังผืนน้ำ เขาสำลักน้ำเล็กน้อยด้วยเพราะไม่ทันระวังตัว แต่พอเขาขึ้นมาหายใจได้เพียงครู่เดียว ตัวของเขาก็ถูกดึงลงไปข้างล่าง”

     “เส้นผมขนาดยาวของหญิงสาวเกี่ยวกระหวัดเข้ากับช่วงล่างของพรานหนุ่ม เขาทั้งดิ้นทั้งถีบ แต่ก็เหมือนจะทำให้เส้นผมนั้นรัดเขาแน่นขึ้น ทุครั้งที่มองลงไป ใบหน้าของหญิงสาวจะฉีกยิ้มให้เขา เสียงกระซิบที่ดังก้องอยู่ในหู ‘มาอยู่กับฉัน’ ฟองอากาศหลุดออกมาจากปากของพรานหนุ่ม นั่นเป็นเฮือกสุกท้าย เขาดิ้นรนทรมารกับการขาดอากาศ ก่อนจะสายไป เขาคว้าเข้ากับมีดที่เหน็บไว้ตรงเอว ก่อนจะฟาดฟันคมมีดลงไป”

     “ชายหนุ่มรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะไปพบกับความจริงที่ว่า หญิงสาวคนนั้นได้เสียไปตั้งแต่สองวันก่อน วันที่เขาได้เดินทางเข้าป่าไป และนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้น้ำตกนี้ ไม่มีคนเข้ามาย่างกรายอีกเลย” วสันจบเรื่องเพียงเท่านี้ นั่นทำให้การุณอยากจะขอบคุณเขาเหลือเกินที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังก่อนที่การุณเองจะลงไปเล่นน้ำอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก
     


     เวลาเหลืออีกเพียง 10 นาที ในการให้ทุกคนชื่นชมบรรยากาศ รัฐกรณ์ขอตัวปลีกออกไปยืนมองสายน้ำเพียงลำพัง เขารีบเดินแยกตัวออกมาเมื่อเห็นว่า ภคดลเรียกตัว การุณไปถ่ายรูปด้วย ในที่สุดรัฐกรณ์เองก็ได้อยู่อย่างสงบเสียที
     เรื่องราวของหญิงสาวที่เสียคนรักไป รัฐกรณ์คำนึงถึงตำนานอันนี้อีกครั้ง ในใจนึกสงสารการจากไปของความรักแทนหญิงสาว เขาเองเข้าใจดี ว่ามันเจ็บปวดเพียงไหน เขาเหม่อมองสายน้ำที่ไหลริน ใบไม้สีเขียวร่วงลงจากต้นไหลลงตามกระแสน้ำไป จนหายไปลิบตา ไม่มีวันย้อนกลับมา เหมือนเขาคนนั้น

     จู่ๆ รัฐกรณ์รู้สึกถึงแรงผลักเข้าที่หลังของตนจนเขาเสียหลัก ตัวของเขาเซไปข้างหน้าที่ลึกลงไปมีแต่สายน้ำ รัฐกรณ์พยายามฝืนตัวแต่สายไปเสียแล้ว ตัวของเขาเอนลงไปมากกว่าที่เขาจะกลับมายืนได้



“ระวังหน่อยสิครับ”



รัฐกรณ์ลืมตาขึ้นเมื่อพบว่าตนเองยังไม่ได้ตกลงไป เขาถูกคนๆหนึ่งรั้งไว้จากข้างหลัง
“ตกลงไปเดี๋ยวจะถูก ผี สาวเอาตัวไปนะ” วรวิทย์ยิ้มเหยียด เขาดึงรัฐกรณ์ให้มายืนบนหินได้อย่างง่ายดาย รัฐกรณ์กล่าวขอบคุณ แต่สายตายังคงจ้องคนตัวอ้วนข้างหน้าอย่างพิเคราะห์

มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะถูกคนอื่นผลักและ นายวรวิทย์เข้ามาสวมรอยช่วยได้ทัน

“ยังไงก็ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีนาย ก็คงแย่”







“หึหึหึ ระวังตัวดีๆแล้วกัน คุณหมอ” วรวิทย์หัวเราะทิ้งท้าย ปล่อยให้รัฐกรณ์ ยืนกำหมัดแน่นเพียงลำพัง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-02-2012 20:09:16
ตำนานสยองขวัญ :sad4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-02-2012 22:22:32
ชอบอ่ะ เรื่องสยองแต่ละเรื่องนี่ สุดๆเลย อ่านเพลิน แล้กว็น่ากลัวทุกเรื่องเลย

ตอนนี้ไม่อยากเดาพล็อตละ เพราะ ข้อมูลแค่นี้ไม่อาจชี้ตัวคนผิดได้  ห้าๆๆ

ใจเย็นๆรอคนเขียนเฉลยดีกว่า อิอิ บวกหนึ่งค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 23-02-2012 23:36:48
ยังไม่มีหลักฐานว่ากระทำความผิด ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์นะ
???????
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 24-02-2012 06:37:56
ระแวงผีไม่พอ ยังต้องระแวงคนใกล้ตัวอีก o22
กับน้ำนี่ไม่ไหว ไม่กล้าเข้าใกล้ ขนาดไปทะเลยังเอาแต่นั่งรอให้คลื่นซัดบนฝั่งเฉยๆเลย กลัวววว o22
กว่าจะถึงหมู่บ้านหัวกุดคงเกิดเรื่องอะไรอีกมากมาย :a5:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 24-02-2012 07:42:04
แอร๊ยย พวกนั้นจพทำอะไร รัฐ นะ

การุณเริ่มรู้สึกรำคาญหมอนี่แหละ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: august_may ที่ 24-02-2012 10:27:42
สงสัยพวกเพื่อนๆการุณนี่ต้องเป็นต้นเหตุให้อาญา ตายแน่ๆเลย ถึงได้กลัวขนาดนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 24-02-2012 10:47:55
เมื่อคืนเรามีอ่านเรื่องนี้ได้แค่ 2 ตอน เพราะไม่ไหว น่ากลัวมากกก ยิ่งเราต้องนอนคนเดียวด้วย
วันนี้เรามาอ่านจนจบแล้ว ขนาดตอนกลางวันเรายังหลอนเลยอ่ะ
แต่งเก่งมากๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-02-2012 11:47:04
เริ่มออกลาย เอ๊ย ท่าทีกันมากขึ้นสินะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 5 ระวังตัว 22/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: aoommy ที่ 24-02-2012 22:27:28
แวะมาให้กำลังใจค่ะ บวก 1 ก่อน ชอบโครงเรื่องแบบนี้มาก :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 26-02-2012 20:43:04
มาเเล้วจ้า เรื่องนี้เขียนยากจริงๆ เเต่ยิ่งเขียนก็ยิ่งสนุก

วิจารย์ + เเนะนำได้เต็มที่นะคะ เพราะเป็นครั้งเเรกที่เเต่ง ไม่รู้ว่าไปไหวหรือเปล่า

มาถึงตอนที่ 6 เเล้ว เชิญอ่านกันเลยค่ะ





บทที่ 6 คืนที่สอง




      ยามบ่ายของวันนี้ ไม่ได้รู้สึกร้อนเหมือนเช่นทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเหล่าแมกไม่ที่ชูกิ่งก้าน คอยลดทอนแสงแดดที่ส่องลงมายังถนนสายนี้ ที่ทอดตัวยาว ไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น กรรณิกาบ่นเป็นรอบที่ 3 หลังจากหลับๆตื่นๆมาได้สักพัก
“เดี๋ยวก็ถึง” จนกระทั่งภคดลเองรู้สึกรำคาญถึงนิสัยคุณหนูของหญิงสาวจนอดว่าเข้าเสียไม่ได้ เขายื่นน้ำขวดให้การุณที่นั่งข้างๆ

แต่เพื่อนตัวใหญ่ของเขาปฏิเสธ ทำให้ภคดลยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่

      ถนนค่อยๆแคบลงจนเหลือเพียงทางลาดยางแคบๆ ที่พอให้รถสองคันสวนกันได้พอดี ข้างทางยังคงเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งคุณสาวิตรเองดูจะชื่นชอบเป็นอย่างมาก ถึงกับควักเอากล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพไว้เสียหลายรูป ผิดกับสรรพวุติที่หลับมาตลอดทาง ปล่อยให้ภรรยาของตนคุยเล่นกับรัฐกรณ์ไป
     
     ไม่นานนัก รถตู้ก็ค่อยๆลดความเร็วลง ด้านหน้าปรากฏ สะพานไม้ขนาดย่อมที่พอให้รถผ่านได้ วสันลดความเร็วจนรถค่อยๆเหยียบลงบนแผ่นไม้ เกิดเสียงดังเอี๊ยด ทุกคนในรถต่างพากันมองออกไปด้านนอก แม่น้ำที่อยู่ด้านล่างลึกลงไปมีน้ำไหลเอื่อย ก้อนหินจำนวนมากตั้งกองอยู่ริมขอบน้ำเป็นทาง เสาไม้ของสะพาน ถูกปักลงไปยังใจกลางแม่น้ำแห่งนี้ ถูกกระแสน้ำพัด การุณรู้สึกได้ว่ารถทั้งคันสั่นไหวไปมา เขานึกอยากจะขอลงจากรถ

“สบายใจได้ครับ ผมขับผ่านมาหลายรอบแล้ว รับรองว่ามันแข็งแรง” วสันพูดอย่างมั่นใจ ช่วยผ่อนปรนความหวาดกลัวของเหล่าคนเดินทางได้พอควร ทั้งหมดพากันนิ่งเงียบ ช่วยกันลุ้นให้ตัวเองเดินทางผ่านไปอีกฟากได้อย่างปลอดภัย จนกระทั่งล้อหลังของรถสัมผัสกับพื้นถนนอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันโล่งใจ

“อีกสักพักก็จะถึงที่พักของเราแล้วครับ” วสันรายงานความคืบหน้าให้ทุกคน นั่นทำให้วรวิทย์ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เหยียดแข้งเหยียดขาเสียที ผิดกับ ภคดลที่กำลังแกล้งหลับซบไหล่การุณเช่นเคย แน่ล่ะ เขาไม่อยากลงจากรถเลย
“ดล ตื่นเร็ว ถึงแล้ว” ทันทีที่รถจอดลง การุณก็ปลุกเพื่อนของตน ภคดลแกล้งหาวออกมาแสร้งทำงัวเงีย ยังไม่ยอมยกหัวออกจากไหล่หนาแน่นนั้น แต่แล้วก็ต้องตกใจที่อยู่ๆก็ถูกมือของการุณผลักหัวเขาออกไป ภคดลตกใจลืมตาขึ้นทันที แล้วก็ต้องเห็นสาเหตุที่ทำให้การุณต้องรีบผลักเขา

‘รัฐกรณ์’



      ตึกเก่าสีขาวหม่นตั้งตระหง่านเพียงลำพังท่ามกลางธรรมชาติ ห่างออกไป เหลือเพียงเศษซากของสิ่งก่อสร้างที่ค่อยๆถูกเหล่าพืชพรรณกลืนกิน คงเหลือแต่ตึกหลังนี้ที่ยังคงสภาพ พอที่จะอาศัยได้

      วสันเล่าให้ฟังว่าที่นี่เคยเป็นตึกอาคารพานิชเพียงแห่งเดียวของหมู่บ้านนี้ หมู่บ้านหัวกุด ที่เคยมีชาวบ้านอยู่อาศัย เฉกเช่นหมู่บ้านอื่นๆทั่วๆไป จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ สะเทือนขวัญ จนชาวบ้านพากันอพยพหนีออกไปทีละคน สองคน จนสุดท้าย หมู่บ้านแห่งนี้ก็เหลือเพียงซากที่อยู่อาศัยอย่างที่เห็น

      ทุกคนมองตึกตรงหน้าอย่างไม่คิดที่จะก้าวเดินเข้าไป สภาพของมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะเป็นที่พักอาศัยได้ รอยคราบสกปรกสีดำปรากฏอยู่หลายจุดบนพื้นอาคารสีขาว ประตูไม้เก่าๆ ที่ดูจะไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย ที่สำคัญตั้งแต่พวกเขาข้ามสะพานไม้มาแล้วนั้น พวกเขาไม่เห็นเสาไฟฟ้าเลยสักต้น

      แน่นอนว่าที่นี่ไม่มีไฟฟ้า มีเพียงเครื่องปั่นไฟขนาดเล็กที่พอส่งกำลังไฟให้หลอดไฟสักจำนวนหนึ่งสว่างขึ้น ในส่วนของน้ำที่จะต้องใช้ ทางบริษัทได้ติดตั้งแท้งน้ำไว้บนยอดตึก ให้พอเพียงต่อการอาบการใช้เป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูน่ากลัวอย่าไร แต่เมื่อทั้งหมดเดินเข้าไปข้าในแล้วก็พบว่า ทุกอย่างดูดีกว่าที่คิดนัก
“ทางบริษัทเราได้ปรับปรุงภายในให้เรียบร้อยครับ” วสันแจงข้อมูล ทุกห้องพักได้เปลี่ยน เฟอร์นิเจอร์ใหม่หมดไม่ว่าจะเป็น ตู้ โต๊ะแป้ง เตียง หรือแม้แต่ประตูไม้ ก็ถูกเปลี่ยนเป็นประตูซี่เหล็กที่ดูแข็งแรง และให้อารมณ์ดิบ ห้องน้ำห้องท่าก็ทำการปูกระเบื้องเป็นที่เรียบร้อย

      ทุกคนตรงมาถึงโถงชั้นที่  1 เป็นโถงโล่ง มีโซฟาเก่าๆวางอยู่ล้อมโต๊ะ ตัวใหญ่ แยกออกไปด้านขวาเป็นครัวที่ใช้ประกอบอาหาร ทางซ้ายเป็นบ่อน้ำสำหรับเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็กที่เหลือเพียงหินแห้งวางอยู่ และบันไดไม้ขึ้นไปสู่ชั้น 2 วสันแจกกุญแจห้องให้กับเจ้าของห้อง ทั้ง3 ห้อง
“นี่ของคุณสรรพวุติครับ” สรรพวุติทำท่างง เมื่อพบว่าเขาได้ แม่กุญแจพร้อมลูกกุญแจสีเหลือง ที่ยังอยู่ในหีบห่อบรรจุภัณฑ์ราวกับพึ่งซื้อออกมาจากร้านใหม่ๆ
“คือว่าเคยมีลูกค้า โวบวายเรื่องความปลอดภัยน่ะครับ พวกเขากลัวว่า พนักงานจะมีกุญแจสำรองแล้วจะเข้าไปขโมยของ ทางเราจึงแก้ปัญหาด้วยการให้กุญแจใหม่ทุกครั้ง ดังนั้นช่วยรักษาลูกกุญแจกันให้ดีนะครับ เพราะผมไม่มีสำรอง” วสันอธิบาย พร้อมกับหยิบโซ่ให้กับสรรพวุติด้วย
“เดี๋ยวคุณต้องใช้ครับ ห้องของคุณคือห้อง 201 นะครับ”

      ต่อมาเป็นห้องของภคดล วรวิทย์ และ กรรณิกา พวกเขาได้แม่กุญแจพร้อมลูกกุญแจสีแดง พร้อมกับโซ่เช่นเดียวกัน สุดท้ายเป็นห้องของ รัฐกรณ์และการุณ พวกเขาได้กุญแจสีเหลือง
“คุณภคดลห้อง 202 ส่วนคุณรัฐกรณ์ห้อง 203 นะครับ” วสันบอกเลขที่ห้องให้ทุกคนเป็นที่เรียบร้อยและให้เวลาในการจัดเก็บของ และขอความร่วมมือให้ทุกคน มาร่วมกันทำอาหารเย็นที่โถงชั้นล่างในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา
      เมื่อทั้งหมดพากันขนของขึ้นไปยังห้องของตัวก็ต้องพบว่าห้องทั้งหมดนั้น ถูกแยกออกจากกันไปคนละทิศทาง โดยทางทิศเหนือ เป็นห้อง 201 ของคู่สามีภรรยา ทิศตะวันออกเป็นห้อง 202 ของกลุ่มภคดล ห้อง 203 อยู่ทางทิศใต้ ส่วนที่เหลือนั้นคือห้อง 204 อยู่ทางตะวันตกซึ่งวสันเองจะอยู่ห้องนี้



      เมื่อรัฐกรณ์เดินมาถึงหน้าห้องของตนก็รู้ได้ว่าทำไมถึงต้องเอาโซ่มาด้วย เนื่องจากกำแพงด้านหน้าของห้องนั้น ถูกออกแบบมาให้เป็นซี่กรงขัง รวมถึงประตูและหน้าต่าง เขาผลักประตูเหล็กเข้าไปข้างใน เสียงเหล็กเสียดสีส่งเสียงดัง เขาปิดมันลง คล้องโซ่เข้ากับประตูและเหล็กด้านข้าง ใช้ลูกกุญแจสีเขียวที่พึ่งแกะออกมาเสียบเข้ากับแม่กุญแจให้เปิดออก ก่อนที่จะนำไปขัดกับสายโซ่ เขาบิดลูกกุญแจอีกครั้งก็เป็นการปิดผนึกที่เรียบร้อย รัฐกรณ์เขย่าประตูแรงๆ 2-3 ครั้ง ก็พบว่าทั้งโซ่และแม่กุญแจดูเข็งแรงดี ต้องยกความดีให้วสันที่เลือกซื้อของคุณภาพดีมาให้ใช้กัน แบบนี้ทั้งหมดคงวางใจได้ในเรื่องความปลอดภัย เขาเดินเข้าไปสำรวจห้องน้ำ เตียง ตู้ ทุกอย่างยังดูใหม่และสะอาดในระดับที่น่าพอใจเหมือนที่วสันได้บอกไว้ ปล่อยทิ้งให้ผู้ร่วมห้องของตนเองยืนเกาะลูกกรงอยู่ข้างนอกตามลำพัง

“เอ่อ เปิดประตูให้ผมก่อนได้ไหมครับ”





“อ้าวคุณสาวิตรี  ลงมาเร็วจังครับ ห้องอยู่ได้ไหมครับ”
“สบายมากค่ะ ตกแต่งได้แปลกดีนะคะ” เธอตอบ วสันที่กำลังจัดแจงวางเตาแก๊ซขนาดเล็กลง ข้าวของต่างๆวสันจัดแจงเตรียมไว้ให้หมดแล้วเหลือเพียงแค่นำมาประกอบอาหารเท่านั้น
“โห ของเยอะจังเลยนะคะเอามาจากไหนกัน” สาวิตรีอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นวัตถุดิบที่เยอะเกินกว่าที่จะขนมาได้
“เมื่อวานนี้ คน ของบริษัทได้ขนมาไว้ให้บางส่วยแล้วครับ ส่วนพวกของสด ผมก็ไปซื้อที่ตลาดมาตอนเย็นนี้ที่เราจอดแวะกัน”
“แล้วคุณ วสัน ทำอาหารเป็นหรือคะ”
“ครับ ผมทำได้ตั้งแต่เด็กแล้วครับ”
“โหเก่งจังนะคะ เป็นผู้ชายแล้วยังทำกับข้าวได้อีก”
“ครับ มันจำเป็นต้องทำครับ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีกิน” วสันพูดเสียงเบา แววตาเขาดูเศร้าลง สาวิตรีรู้ตัวว่าตนเองก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของวสันมากเกินไปจึงเปลี่ยนเรื่อง เริ่มทำอาหารเสีย
“เดี๋ยวพี่หั่นผักให้ก่อนนะคะ จะทำต้มจืดใช่ไหม” เธอจัดแจงล้างผักและใช้มีดหั่นผักชนิดต่างๆแล้วนำลงไปพักไว้ในกะละมัง อย่างชำนาน วสันเห็นดังนั้นก็โล่งใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนทำอาหารเป็นพอช่วยเบาแรงเขาได้บ้าง บางครั้งโชคร้ายที่ไม่มีใครทำอะไรเป็นเลย ภาระหนักจึงตกอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว

     ไม่นานนักทุกคนก็ทยอยลงมาจากชั้น 2 พวกผู้ชายทำอะไรได้ไม่มากนักถูกสาวิตรีไล่ให้ไปเตรียมจากชาม จัดโต๊ะให้เรียบร้อย ในครัวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ บรรดาสาวๆ และ หนุ่มๆ บางคน
“อืม ตำเก่งนะนี่ แรงดี เสียงดัง….แบบนี้สิเมียรักเมียหลง” สาวิตรีเอ่ยปากแซว การุณที่ออกแรงโขลกเครื่องเทศอย่างสุดแรงเกิด
“ก็อยากให้รักเหมือนกันครับ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะใจอ่อน” การุณบุ้ยปากไปทางรัฐกรณ์ที่กำลังคนหม้อต้มอยู่ ทำเอาสาวิตรีหัวเราะจนปวดท้องไปหมด

“ตื้อเข้าสิ เดี๋ยวก็ใจอ่อน” เธอทิ้งท้ายไว้

     กรรณิการเหมือนจะมีปัญหามากที่สุดในการช่วยทำอาหาร ถึงแม้เธอจะพอทำได้บ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอมีความสุขกับการทำกิจกรรมนี้ เสียงน้ำมันแตกฟองทำเอาเธอถอยออกมาอีกหลายก้าว เธอแหย่ตะหลิวไปตักเอาหมูในกระทะอย่างกล้าๆกลัว
“ให้ผมช่วยไหม” รัฐกรณ์ อาสาเข้าไปช่วย
“ไม่ต้อง” เธอขึ้นเสียง ส่งสายตาไม่พอใจให้ จนรัฐกรณ์ต้องยอมปล่อย

“กรี๊ด”

      ไม่นานเสียงกรี๊ดของกรรณิกาก็ดังลั่นเมื่อสะเก็ดน้ำมันกระเด็นมาโนแขนเธออย่างจัง ปรากฏจ้ำแดงสองสามจุดเล็กบนแขนขาวนวล รัฐกรณ์รี่เข้ามาทันที
“อย่ามายุ่ง” เธอสะบัดแขนออก ไม่ยอมให้ชายหนุ่มแตะต้อง จนการุณต้องเข้ามาช่วยพากรรณิกาออกไปข้างนอกก่อนและให้การรักษาเบื้องต้นตามที่รัฐกรณ์บอกเขา ไม่นานนักกรรณิกาก็รู้สึกดีขึ้น อาการแสบร้อนนั้นค่อยทุเลาลง
“ไอ้หมอบ้านั่นมันแกล้งฉัน” เธอเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทันทีที่เรียกภคดลและวรวิทย์มารวมกลุ่มเธอจัดจากฟ้องบรรดาเพื่อนๆทันที
“อย่างงั้นหรอ” วรวิทย์ทำท่าไม่ค่อยเชื่อเพื่อนสาวของตนนัก
“มันใช้ฉันทอดหมู มันอยากให้น้ำมันแตกใส่ฉันน่ะสิ” กรรณิกาพูดใส่อารมณ์ เธอไม่พอใจรัฐการณ์ตั้งแต่เรื่องที่เธอโดนหลอกในคืนแรกที่มาแล้ว ไหนจะมีเรื่องวันนี้อีกยิ่งทำเธอไม่พอใจ

และทั้งสามก็ปรึกษากันเงียบๆที่โซฟาอันเก่านั้น โดยหารู้ไม่ว่าอยู่ในสายตาของ สรรวุติอยู่ตลอดเวลา





      อาหารค่ำในคืนนั้นผ่านไปได้ด้วยดี ทุกคนต่างออกปากชมฝีมือในการปรุงอาหารว่าดีจนเกินความคาดหมาย ซึ่งจุดนี้ วสันและคุณสาวิตรี รับไปเต็มๆ หลังจากที่เก็บกวาดกันเรียบร้อย วสันย้ำเวลานัดหมายอีกครั้งในตอนเช้า และเตือนให้ทุกคนอย่าลืม ล๊อกกุญแจก่อนนอนด้วย
“ผมอาบน้ำก่อนนะ” การุณขอตัวอาบน้ำก่อน เขารู้สึกเหนียวตัวเมื่อต้องคอยเฝ้ากระทะทอดหมู เป็นเวลานาน ชายหนุ่มถอดเสื้อออกจากตัวเผยมัดกล้ามจากการออกกำลัง เขายักคิ้วให้รัฐกรณ์ที่มั่งอยู่ตรงโต๊ะแป้ง ไม่เพียงเท่านั้นเขาทำท่าจะถอดกางเกงลงอีกต่างหาก จนรัฐกรณ์รีบออกปากไล่ให้ไปถอดในห้องน้ำ

    ‘ตัวซวย กะล่อน ชอบโชว์’ นี่คงเป็นคำจำกัดความของ การุณในตอนนี้ที่ รัฐกรณ์พอจะคิดได้ นึกถึงทีไรรัฐการณ์ก็ได้แต่แอบยิ้มปนขบขัน เพราะในคณะของเขาเองไม่ค่อยจะมีคนจำพวกนี้สักเท่าไร ส่วนมากจะออกแนวเครียดกันเป็นหลัก ยกเว้นก็แค่รุ่นน้อง บุ๊กโกะ ก็คงเท่านั้นที่พอจะสร้างสีสันให้คณะได้บ้าง


“เฮ้ ขอเข้าไปหน่อย”
ภคดลเอ่ยปากเรียกคนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างในลูกกรง รัฐกรณ์ตรงไปใช้กุญแจสีเขียวเปิดประตูให้เขาเข้ามา

“มาหา การุณ หรอ”
     
      ภคดลไม่ตอบ เขาได้แต่ส่งสายตาไม่ชอบใจให้เด็กหนุ่มผิวขาว ภคดลยอมรับว่าตนไม่อชบขี้หน้ารัฐกรณ์เอาเสียมาก ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องที่ไปหลอกกรรณิกา แต่เป็นเรื่องการุณด้วย
“การุณอาบน้ำอยู่ นั่งรอก่อนสิ” รัฐกรณ์ทำเป็นไม่สนใจท่าทีของแขกผู้มาเยือน เขาผายมือไปทางเตียงเพื่อให้นั่งรอ ส่วนเขากลับไปสนใจในการจัดของแยกเอาเสื้อผ้าที่ต้องใช้ออกจากกระเป๋า ไม่นานนัก การุณก็เดินออกมาโดยมีผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันกายไว้ หยดน้ำเล็กๆเกาะตามร่างแกร่ง ทำเอาภคดลจ้องโดยไม่วางตา

“อ้าว ดล มีอะไร”
“อืม มาหาเฉยๆ มาดูว่าจะโดนหลอกหรือยัง” ภคดลจงใจย้ำคำว่าหลอกให้ดังขึ้น เพื่อกระทบกับอีกคน แต่รัฐกรณ์ก็นิ่งเฉย
ภคดลอยู่ต่ออีกสักพักก็ขอตัวกลับ และก่อนที่จะกลับก็ขอเข้าห้องน้ำก่อน เนื่องจากที่ห้องของเขา กรรณิกายังอาบน้ำไม่เสร็จ และภคดลเองก็ปวดท้องเสียมากด้วย


“อาบน้ำสิครับ” เมื่อภคดลกลับไปแล้ว การุณก็ไล่ให้คนตัวซีดไปอาบน้ำ และก็ต้องผิดหวังเมื่อรัฐกรณ์ตัดสินใจหอบเอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

      ไฟสีส้มถูกเปิด แสงสว่างมันไม่มากนักแต่ก็พอให้เห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจน เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ร่างกายที่สูงโปร่งสำรวจตนเองในกระจก เขารับรู้ว่าตนเองผอมลงไปเยอะจนเห็นซี่โครง ชัดเจน นั่นก็คงไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไรนัก 2 ปีมาแล้ว แต่เขาก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

      แสงไฟกระพริบติดๆดับๆ อาจเป็นเพราะกำลังในการจ่ายไปของเครื่องปั่นไฟอาจจะไม่พอเพียง รัฐกรณ์รีบล้างฟองสบู่โดยเร็ว เขาดึงเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำตามร่างกาย จนแห้งดี สุดท้ายก็เหลือการแปรงฟัน เขาจัดแจงบีบยาสีฟันลงไปเป็นที่เรียบร้อย แต่สายตาของเขาก็จดจ้องอยู่กับแปรงที่ว่างเปล่าของการุณที่วางอยู่ข้างๆ

‘รัฐบีบยาสีฟันให้แล้วนะ’

     ภาพแปรงฟันสองอันที่วางคู่กันถูกฉายซ้ำอีกครั้งในสมองของเขา รัฐกรณ์ตบหน้าตัวเองเบาๆให้เลิกฟุ้งซ่าน เขาเปิดก๊อกน้ำเพื่อใช้แปรงฟัน แต่น้ำกลับไหลออกมาเพียงน้อยนิด เขาเปิดวาล์วให้มากขึ้น แต่น้ำที่ออกมาก็ยังน้อย เขาปิดแล้วเปิดใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเปิดจนสุด ทันทีที่สายน้ำทะลักพุ่งออกมา รัฐกรณ์แทบใจหยุดเต้น เมื่อพบสิ่งที่ไหลออกมานั้นเป็นผมเส้นยาวของหญิงสาว ที่ไหลวนอยู่ในอ่างล้างหน้า ราวกับเส้นผมของหญิงสาวในตำนานที่รอคอยชายคนรักของตนกลับมาอยู่ด้วยกัน




'มาอยู่กับฉัน'
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-02-2012 23:54:55
ขออนุญาติ ดัน อึ๊บ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 28-02-2012 00:39:58
อร๊ายย ทะลึ่ง!!


มาอง มาอึ๊บ อะไรกันคะ ฮาๆๆ

แอบฮาที่ตัวซีดไม่ยอมให้ตัวซวยเข้าห้อง ฮาๆ

แบบว่าดูเหมือนตัวซีดจะติดภาพไม่ดีๆของตัวซวยมาเยอะนะ

ทั้งซวยทั้ง กะล่อน ทั้งชอบโชว์ ฮาๆ เหมือนการุณออกแนวเพลย์บอยยังไงไม่รู้อ่ะ สมแล้วที่โดนว่ากะล่อน

จบได้น่ากลัวดีแท้ ไอ้เราก็ไม่ยอมอ่านตอนกลสงวันซะด้วยนะ  กลัวแล้วยังจะมาอ่านตอนกลางคืนอีก บรึ๋ยส์
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 29-02-2012 11:49:56
  เพื่อนๆของการุณนี่น่าสงสัยแฮะ 
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-02-2012 15:28:50
 
อ้างถึง
“เอ่อ เปิดประตูให้ผมก่อนได้ไหมครับ”
:m20:
รัฐกรณ์ตั้งใจป่ะเนี่ย

เริ่มสงสัยวสันแระ เป็นคนที่สามารถจัดการวางตำแหน่งห้อง เป็นคนทำอาหาร มีอดีตรันทดด้วยสิ 
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 29-02-2012 17:37:54
ผมคน !! มายก็อด เอาแล้วไง
ตกลงนี่เป็นเรื่องจริงหรือเป็นอุบายของดลกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-02-2012 19:13:35
 :really2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 29-02-2012 20:53:24
จะน่ากลัวไปไหนเนี่ย หยึ๋ยๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 29-02-2012 21:57:28
แรว๊ง.....แล้วผมก็มาอ่านตอนกลางคืนอีกแล้ว....ยังไม่ได้อาบน้ำเลยอ่า....  ToT
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-03-2012 08:51:24
อะไรกันเนี๊ย


ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น ผมนั้น มีคนตายในเเทงค์ป่าวเนอะ



หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 01-03-2012 11:51:12
ถ้ามันจะน่ากลัวขนาดนี้  TT

แอบเป็นห่วงรัฐแฮะ  พวกนั้นจะทำอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้
กานก็คอยดูหน่อยนะจ๊ะ  อิอิ

+1 ให้จ้ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 6 คืนที่สอง 26/2/55
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 01-03-2012 14:06:53
คราวนี้เราก็ไม่กล้าเปิดก๊อกน้ำแล้วครับ :a5:
แต่ละอย่างทำเอาหลอน นอน(กลางวัน)ไม่หลับ แอร๊ย :z3:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 02-03-2012 22:17:10
มาต่อกับวันศุกร์ เเบบเบาๆ กันได้เลยค่า



บทที่ 7 สองสามี ภรรยา


     รัฐกรณ์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอน เสื้อยืดตัวบางและกางเกงขาสั้นเช่นเดิม การุณจ้องตาเป็นมันถึงผิวเนื้อส่วนเกินจากกางเกง มันช่างขาวยั่วใจเขาดีแท้ รัฐกรณืไม่ใส่ใจ เขามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องสนใจ เขาวางห่อกระดาษทิชชู่ลงที่โต๊ะแป้ง ค่อยๆคลี่มันออก เส้นผมขนาดยาวสัก หนึ่งไม้บรรทัด วางขดตัวอยู่ในนั้น เขาจับมันซับน้ำ และทิ้งไว้แบบนั้นเพื่อให้แห้ง

“ลงไปนอนข้างล่าง” รัฐกรณ์ชี้นิ้วสั่งอีกคนที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้
“ง่วงจังเลย ฮ้าว” การุณทำเมินเฉยต่อคำสั่ง เขาแกล้งหาวแล้วนอนลงบนที่นอนนุ่ม แล้วหลับตาลง
“เฮ้ย ไม่ต้องเนียน ลงไปเลย” รัฐกรณ์เข้ามาดึงผ้าห่มออกไปกองบนพื้น แต่แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าไม่ควรทำแบบนี้เท่าไร เพราะการุณใส่เพียงเสื้อกล้ามและกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวบาง ซึ่งมันก็บางจนเห็นไปถึงอะไรๆ ที่อยู่ข้างใจ
“ลงไปเลย” รัฐกรณ์ พยายามที่จะไม่มอง เขาขึ้นเตียงไปดันตัวของการุณให้ลงไปด้านล่าง แต่ก็เหมือนเอาไม้ซีกงัดไม้ซุง การุณแทบจะไม่ขยับเลย จนกระทั่งรัฐกรณ์รู้สึกถึงเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดขึ้นกลางหน้าผาก จึงหยุดความคิดนั้นเสีย
     รัฐกรณ์ กลับมาที่โต๊ะแป้งอีกครั้ง ทาครีมบำรุงก่อนนอนให้เรียบร้อย เขาพับเก็บซากผมนั้นไว้อย่างเรียบร้อย แล้วผลักมันไว้ตรงมุมหน้ากระจก ก่อนที่จะเดินไปสำรวจที่ประตูเพื่อให้มั่นใจว่าเขาล๊อกมันแล้ว
     กุญแจสีเขียวและโซ่แข็งแรงเกี่ยวเข้ากันอย่างแน่นหนา รัฐกรณ์เขย่าดูอีกสักครั้งเพื่อความมั่นใจ เมื่อเห็นว่าแน่นหนาดีแล้ว เขาเก็บลูกกุญแจสีเขียวไว้ในลิ้นชักโต๊ะ แล้วจัดการปิดไฟนอน แน่นอนว่าเขาเลือกลงมานอนข้างล่างแทนที่จะนอนกับการุณ

“เฮ้ย มานอนข้างบนสิ” การุณเมื่อรู้ว่าแผนของตนไม่สำเร็จก็รีบโวยวาย

“….” รัฐกรณ์ไม่ตอบ เขาขี้เกียจที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าคนกะล่อน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้รู้ว่า การนิ่งเฉยดูจะได้ผลที่สุดในการรับมือกับคนจำพวกนี้

“โอเค ผมยอมแพ้ เดี๋ยวผมลงไปนอนข้างล่างเอง” การุณบอกอย่างจนใจ จะใจร้ายให้รัฐกรณ์นอนข้างล่างอีกก็ยิ่งจะทำให้คะแนนของตนติดลบไปมากกว่านี้

     กว่าที่จะได้นอนในคืนนั้น เวลาก็ล่วงไป4ทุ่มแล้ว  โดยการุณนอนด้านล่างเช่นเคย พื้นแข็งๆทำให้เขานอนไม่สบายนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไรนัก ไอ้ปัญหาใหญ่นั่นก็คือ สภาพห้องที่เปิดโล่ง มีเพียงลูกกรงที่กั้นเขาออกจากภายนอกห้อง ทำให้เขามองเห็นทางเดินตรงทางเดินได้อย่างชัดเจน ถึงตอนนี้ไฟจะดับแล้ว แต่เมื่อดวงตาเคยชินกับความมืด มันก็พอมองเห็นได้รางๆ ยิ่งมืดยิ่งส่งเสริมจินตนาการได้ดีนัก

     ดังนั้นการุณจึงเลือกที่จะนอนตะแครงตัวเข้าหาเตียง และความอ่อนเพลียจากการเดินทางก็ทำให้ทั้งคู่หลับไปในที่สุด





“เห็นลูกฉันไหม”

“ลูกจ๋า ลูกอยู่ที่ไหน”

เสียงของหญิงสาวดังแว่วเข้าปลุกให้การุณตื่นขึ้น เขานอนนิ่งเงี่ยหูฟัง เฝ้าภาวนา ขอให้เขาหูฝาดไป

“เห็นลูกฉันไหม”


     แต่เสียงนั้นยังคมชัด และดูท่าจะดังขึ้นกว่าเดิมด้วย เขารีบสวดมนต์พึมพำจนจบ เสียงหญิงสาวค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งการุณเองสังเกตเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกลูกกรงเหล็กนั่น เขาหลับตาลงพร้อมกับขยี้ตาแรงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าหายไป เขาถอยตัวเข้าไปชิดกับเตียงแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างสัมผัสเข้ากับต้นแขนของเขา
“อยู่นิ่งๆไว้”รัฐกรณ์กระซิบบอก เขาเลื่อนตัวมาใกล้กับขอบเตียงด้วยเช่นกัน รัฐกรณ์เองก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวเช่นกันและพยายามที่จะเพ่งมองยังต้นเสียงเพียงแต่เห็นเป็นเงามืดๆเท่านั้น

“เห็นลูกฉันไหม”

เงามืดนั้นหยุดอยู่ตรงหน้าห้อง การุณตัวแข็งเกร็ง เขาเริ่มหายใจเร็วและแรงอีกครั้ง
“ใจเย็นๆ” เสียงแหบนั้นบอกการุณ

     แสงไฟจากมือถือของรัฐกรณ์สว่างขึ้น ถึงมันจะไม่ทำให้เห็นอะไรทั้งหมด แต่ก็พอให้เห็นภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอก ชายผ้าสีขาวไหวพลิ้วไปตามการเดินของเธอ

“นั่นลูกใช่ไหม” หญิงสาวเสียงดัง ตรงเข้าเกาะลูกกรงเสียงเหล็กสั่นไหว การุณหดตัวเข้าใกล้กับรัฐกรณ์มากขึ้น รัฐกรณ์ก็ตกใจเช่นกันที่สัมผัสได้ว่าการุณตัวเย็นเฉียบ แต่กลับมีเหงื่อออกเสียมาก ท่ามกลางความมืดมิดเสียงโหยหวนของหญิงสาวทวีความดัง เสียงเขย่ากรงเหล็กสั่นถี่ขึ้น เร้าให้การุณหายใจติดขัดมากกว่าเดิม

“อย่า……เข้ามา” การุณบอกกับหญิงสาวเสียงกระท่อนกระแท่น


“ลูกมาหาแม่เร็ว”



เสียงวิ่งดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงตะโกน

“สา ไม่เอาน่า”

รัฐกรณ์ โล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เขาบอกให้การุณหายใจช้าๆลึกๆ เขาเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว
“ขอโทษด้วยนะ สาเขาละเมอน่ะ” สรรพวุฒิ กล่าวขอโทษแทนภรรยา แล้วพาตัวสาวิตรี ที่ดูเหม่อลอยค่อยๆกลับห้อง โดยมีเพียงไฟฉายขนาดเล็กช่วยส่องทาง

“ลูก……..” สาวิตรียังพร่ำพูดไปตามทาง มือของเธอยกขึ้นคว้าในอากาศราวกับจะคว้าเข้ากับลูกชายของเธอที่จากไปนาน

“เขาไม่อยู่แล้ว สา” สรรพวุฒิผู้เป็นสามีบอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็รู้สึกเศร้าใจเสียทุกครั้งที่ต้องพร่ำบอก ความจริงอันหน้าเจ็บปวดทุกครั้ง ถึงแม้ในภาวะปกติ ต่อหน้าผู้คนหญิงสาวจะทำเป็นปกติ ยิ้ม หัวเราะไปได้เรื่อยเปื่อย แต่พอทิ้งไว้ให้อยู่เพียงลำพังเท่านั้น หญิงสาวก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคน เธอจะนั่งอยู่นิ่งๆเหม่อมองออกไปตรงผนังที่ไร้วัตถุ ไร้ผู้คน ปล่อยน้ำตาให้ได้ไหลรินลงสู่พื้น ร้ายกว่านั้น เขาพบว่าช่วงกลางคืน ภรรยาของเขามักจะลุกออกมาเดินไปทั่วบ้าน เพื่อตามหาลูกที่จากไป สรรพวุฒิเองเป็นกังวล จึงพาสาวิตรีไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าสาวเจ้าไม่ยอมไปในครั้งแรก แต่พอได้เห็น วีดีโอที่สามีของตนอัดไว้ ตนเองก็ยอมรับมันพร้อมน้ำตา

“ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” สรรพวุฒิพร่ำกระซิบบอกกับคนที่ตนรักในอ้อมกอด ภาวนาให้เธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากเรื่องที่ผูกมัดเธอไว้เสียที ขอให้เธอได้มีความสุขให้สมกับรอยยิ้มที่สวยสดของเธอ

     อนิจจา ไม่ว่าจะรักษาอย่างไร อาการของสาวิตรีก็ไม่หายขาด เพียงแค่อาการค่อยๆทุเลาลง อาการต่างๆนานๆจะโผล่มาให้พบอีกครั้ง ซึ่งทางแพทย์เองก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สาวิตรีเองไม่ยอมเปิดใจตัวเองเสียที ที่อาการดีขึ้นนั้นเป็นเพียงผลของยาเพียงเท่านั้น ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดควรเริ่มจากภายใน ซึ่งเขาเองก็ลองมาทุกรูปแบบ ทั้งการพบจิตแพทย์ การไปบำเพ็ญธรรม การนั่งสมาธิ การทำกิจกรรมงานบ้านงานฝีมือ แต่ดูไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ภรรยาของเขาดีขึ้น




     รุ่งเช้า รัฐกรณ์ลงมาถึงโถงชั้นหนึ่งก่อนเวลา ปล่อยให้เจ้าคนขึ้เซาตื่นสายลนลานอยู่กับการอาบน้ำแต่งตัว ยังดีที่วันนี้ยังไม่ต้องเก็บข้าวของลงมาด้วยเนื่องจากคืนนี้ยังต้องกลับมานอนค้างที่นี่อีกคืนหนึ่ง ทันทีที่นั่งตรงโถง พวกของภคดลพากันมองมาทางชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เอากาแฟไหมจ๊ะ” สาวิตรียิ้มกว้างทักทายชายหนุ่มเหมือนเช่นเคย เธอเองไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
“ขอบคุณครับ” รัฐกรณ์ยื่นมือไปรับถ้วยกาแฟมาจิบ เขาเลิกที่จะสนใจสายตาของคนทั้งสามที่จ้องมองมาเสีย จนกระทั่งกาแฟหมดลง รัฐกรณ์อาสาเก็บแก้วไปล้าง สาวิตรีอาสาช่วยแต่ สรรพวุฒิห้ามไว้เสียก่อน
“คุณอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” สรรพวุฒิไม่ต้องการให้หญิงสาวเหนื่อยเกินไปนัก เมื่อคืนที่ผ่านมากว่าที่เธอจะนอนได้ก็ดึกมากเสียจนเธอได้นอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

     ที่ห้องครัวชายหนุ่มทั้ง2 ช่วยกันล้างถ้วยชามเงียบๆ  รัฐกรณ์ต้องเป็นคนเอ่ยปากถามก่อน
“เอ่อ คุณสรรพวุฒิครับ คุณเคยพาคุณสาวิตรีไปรักษาไหมครับ”
     เขาเข้าประเด็นทันที ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาว ถึงแม้เขาจะยังไม่ได้เรียนเรื่องราวทางจิตเวชอย่างลึกซึ้ง แต่ก็พอจะมีพื้นฐานอยู่บ้างและพอจะมองออกว่าอาการของหญิงสาวไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
“อืม…..แต่มันไม่ช่วยอะไร” สรรพวุฒิตอบเพียงเท่านั้น รับฟังคำแนะนำของรัฐกรณ์ที่เสนอโรงบาลและหมอที่มีชื่อเสียงให้ลองไปรักษา

“โอ้ยหิวจัง” ทันทีที่การุณลงมาเป็นคนสุดท้าย เขาก็บ่นขึ้นทันทีด้วยความหิว แต่ก็ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เขาจึงได้กินเพียงขนมปังไม่กี่แผ่นเท่านั้น พอนั่งรถไม่ทันไรก็หิวอีก จึงต้องขอขนมของวรวิทย์กินแก้ขัดไปก่อน
     รัฐกรณือดสมน้ำหน้าไม่ได้ ทั้งๆที่เขาเองก็ปลุกอยู่หลายรอบ ซึ่งกว่าจะตื่นก็เกือบจะถึงเวลานัดอยู่แล้ว แต่อีกใจก็นึกสงสารที่เมื่อคืนการุณเองกว่าจะสงบยอมนอนได้ก็ใช้เวลาอีกพอควร




     ภาคเช้าของวันนั้นวสันพาเที่ยวไปยังหมู่บ้านรกร้างที่มีเพียงซากสิ่งก่อสร้างที่ว่างเปล่า บรรยากาศเงียบๆ เหงาๆ ชวนให้ขนลุกอยู่เรื่อย แน่นอนว่าการุณไม่กล้าที่จะเข้าไปในบ้านหลังไหนเลย รออยู่ด้านนอก
“โหย อึดอัด ไม่เข้าไปหรอก ไม่เห็นมีอะไร” เขาบอกด้วยเสียงอันดัง เมื่อเห็นสายตาของรัฐกรณ์จ้องมา
“กลัวก็อยู่ตรงนี้ล่ะ” เสียงแหบๆ กระเซ้า คนตัวใหญ่

นั่นเป็นเหตุให้การุณต้องกัดฟันเข้าไปสำรวจพร้อมกับทุกคน


“ตรงนี้คือบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นจุดเริ่มของตำนานอันเลื่องชื่อของหมู่บ้านนี้” วสันทำหน้าที่ของตนอย่างดี เขาฉายไฟไปยังจุดต่างๆได้อย่างแม่นยำ พร้อมกับบรรยายเรื่องราวต่างๆได้อย่างคล่องแคล่ว
“เดี๋ยวผมปล่อยให้ทุกคนเดินเที่ยวตามสบายนะครับ อีก 10 นาทีพบกันที่รถ” วสันปล่อยให้ลูกทัวร์ของตนเดินเที่ยวชมเอง



     รัฐกรณ์เดินปลีกตัวมายังบ้านหลังเล็ก ใกล้กับต้นไม้ใหญ่ เขาฉวยโอกาสที่การุณเผลอหนีออกมา จึงหลุดจากการตามติดของชายหนุ่มได้ เพียงแค่เขาไม่ทันระวังตัวพอที่จะรู้ว่ามีคนอีกคนตามเขามา
     เรือนไม้เล็กๆตรงหน้ายังคงสภาพสมบูรณ์ เพียงแค่สกปรกไปเสียเล็กน้อย เขาเหยียบขึ้นไปบนบ้าน ไม้กระดานลั่นดัง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับภาพวาดมากมาย ติดอยู่เต็มฝาผนัง เพียงแต่มีฝุ่นจับหนาตัวจนมองไม่เห็นภาพว่าคืออะไร

     เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันได รัฐกรณ์หยุดยืนอยู่กลางบ้าน เสียงไม้ลั่นดังเอี๊ยด จนผู้มาเยือนปรากฏตัวตรงหน้าประตู

“มาคนเดียวระวังผีหลอกนะหมอ” วรวิทย์ยืนพิง  ที่ขอบประตู ทักคนที่ยืนอยู่ในบ้าน แม้เขาจะยิ้มให้แต่ รัฐกรณ์รู้สึกได้ถึงสายตาไม่หวังดี เช่นเดียวกับกรรณิกา และภคดลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“หึ ผีผมไม่ค่อยจะกลัวหรอกครับ……..คนมากกว่าที่ควรจะกลัว” รัฐกรณ์หาได้กลัวเกรงคนทั้ง 3 เขาเดินฝ่ากลุ่มภคดลออกมา ปล่อยให้กรรณิกากัดฟันกรอด

“อ้อ เกือบลืม คุณกรรณิกา……….” รัฐกรณ์ยื่นซองกระดาษให้กับเธอ





“คุณลืมไว้ที่ห้องน้ำของผมน่ะ……..สีผมน้ำตาลเข้ม ดัดตรงปลาย……หวังว่าคงใช่นะครับ”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 02-03-2012 23:01:55
กำลังตื่นเต้น
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-03-2012 13:49:42
แอบงง

รัฐกรคิดว่ากรรณิกาเป็นคนทำเหรอ? (ผมน่ะ?)
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 03-03-2012 17:12:22
รัฐกรณ์จิตแข็งมาก ไม่กลัวแล้วยังวิเคราะห์หาสาเหตุได้อีก
ผีก็ไม่กลัว คนก็กล้าเผชิญ  o13
เรียนก็เก่ง มีน้ำใจ
รู้สึกกานไม่คู่ควรซะแล้ว เหอๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 03-03-2012 18:05:41
โดนรู้แกวแบบนี้  สามคนนั้นจะทำยังไงต่อล่ะนี่

เป็นกำลังใจให้รัฐต่อไป
+1 ให้จ้า

ปล.แอบหลอนตอนอ่านกลางคืนนะ  = ="
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 03-03-2012 18:44:14
โอ้ รัฐใจเเข็งจริง อย่างนี้ค่อยเหมาะกับ

คนขี้กลัวอย่างการุณหน่อย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-03-2012 19:13:53
ตอนแรกคิดว่าผีนะเนี่ย
อ่านแล้วสยองเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 03-03-2012 22:32:27
สนุกๆ น่าติดตาม :a3:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 7 สองสามีภรรยา 2/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 03-03-2012 23:54:35
เจ๋งค่อด...มีสติเข้าขั้นแม็กซ์
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 8 บนถนนสายตรง 10/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 10-03-2012 20:30:59
ใกล้เเล้วค่ะ ใกล้เเล้ว ต่อกันเลยค่ะ




บทที่ 8 บนถนนสายตรง




“นายหมายความว่าไง” ภคดลกระชากแขนของรัฐกรณ์ ไม่ยอมปล่อยให้เขาเดินออกไป
“หึ ความหมายมันก็ตรงตัวนะครับ” รัฐกรณ์ตอบไปอย่างฉะฉาน ไม่มีแววตาของความหวั่นเกรงแม้อีกฝ่ายจะยกพวกมาถึง 3 คน
“อย่ามาเล่นลิ้น” ภคดลโมโห จ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ กรรณิกาและวรวิทย์ที่อยู่ข้างๆคอยระวังไม่ให้เพื่อนของตนถูกทำร้าย วรวิทย์ก้าวเท้าเยื้องไปด้านหน้าเป็นการเตรียมพร้อม
“พวกนาย เป็นคนเริ่มก่อนนะ……ปล่อยผม” รัฐกรณ์ สะบัดแขนของตนให้หลุดจากการเกาะกุม แต่คงด้วยท่าทีที่ดูรุนแรงจนทำให้วรวิทย์คิดว่ารัฐกรณ์จะเข้ามาทำร้ายภคดล 

ตุบ

     เสียงวัตถุกระทบพื้นดังขึ้นทันทีที่วรวิทย์ออกแรงผลักเข้ากับรัฐกรณ์ รัฐกรณ์รู้สึกเจ็บที่บริเวณก้นของตนที่กระแทกเข้ากับแผ่นไม้ โชคยังดีที่พื้นไม้ไม่แข็งมาก ทำให้ไม่ได้รับอันตรายอะไรมากมาย ทางวรวิทย์เองก็ดูจะตกใจเนื่องจากไม่คิดว่าอีกคนกระปลิวจนล้มลง

     ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเคลื่อนไหว สรรพวุฒิ ที่ซุ่มดูอยู่นานจึงแสดงตัวออกมาเมื่อเห็นว่ามีการลงไม้ลงมือกัน “ทำอะไรกัน” เขาทำเป็นถามเด็กทั้ง 3
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ” กรรณิกาชิงตอบก่อนที่รัฐกรณ์จะพูดอะไร แสร้งนั่งลงช่วยประครองคนที่ล้ม
สรรพวุฒิช่วยดึงตัวรัฐกรณ์ให้ลุกขึ้นยืน อาการขัดๆที่ข้อสะโพกยังทำให้รัฐกรณ์ต้องขยับขาไปมาสักครู่ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง พวกของภคดลก็ไม่อยู่เสียแล้ว

“ขอบคุณมากครับ” เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ
“พวกเธอมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” สรรพวุฒิถาม เพราะเขาเองก็สังเกตได้ตั้งแต่แรก ถึงความไม่ชอบมาพากล เขาแอบสังเกตพรรคพวกของภคดลมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทันเห็นภาพที่วรวิทย์แกล้งผลักรัฐกรณ์ ที่น้ำตก แอบดูการประชุมลับๆที่ทั้งสามหารือกัน แม้จะไม่ได้ยินแต่ก็รู้ได้จากสายตาที่จ้องมาทางเด็กหนุ่ม
“ไม่ได้มีเรื่องกันโดยตรงหรอกครับ”
เมื่อรัฐกรณ์ไม่บอกถึงเหตุผลที่เป็นสาเหตุ สรรพวุฒิเองก็จนใจปล่อยให้เด็กหนุ่มเดินออกไป

“งั้นก็ระวังตัวด้วยล่ะ”
     เขาได้เพียงเตือนให้เด็กหนุ่มระวังตัว ด้วยความเป็นห่วง แม้แต่เขาที่เป็นผู้ชาย ยังไม่คลายความคิดถึงลูกชายที่จากไป ลูกชายวัยเดียวกับเด็กกลุ่มนี้ ลูกชายที่จากไปไกล




“ดูนี่สิ” กรรณิกา หยิบเอากระเป๋าเงินใบเล็กสีดำออกมาจากกระเป๋าหลัง ช่วงจังหวะที่เธอแสร้งทำเป็นช่วยรัฐกรณ์ เธอสังเกตเห็นกระเป๋าในนี้หล่นอยู่ข้างตัว คาดว่าเป็นของเด็กหน่มที่ล้มลง
“ไหนดูซิ” วรวิทย์จัดแจงฉกกระเป๋าหนังเปิดออกอย่างรวดเร็ว


“นี่มัน”



     ทั้ง 3 ต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น รูปภาพของรัฐกรณ์ถ่ายคู่กับ ชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าขาวสะอาดเกลี้ยงเกลา กับแว่นตากรอบดำอันนั้น พวกเขาจำได้ติดตา
     ความหวาดกลัวพุ่งเข้าเกาะกุมหัวใจของทั้ง 3 ราวกับอุณหภูมิร่างกายถูกลดลงไป กรรณิการู้สึกเย็นจนสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ผิดกับวรวิทย์และภคดลที่โต้เถียงกันไปมา ด้วยแววตาที่แฝงไว้ซึ่งความหวั่นเกรง

“เป็นไปไม่ได้….มันไม่มีทางรู้เรื่องนั้นหรอก”
“แต่รูปนี้มันชัดเจนนะ ว่ามันรู้จักกัน”
“ก็แค่บังเอิญ……แต่มันไม่มีทางรู้ได้แน่ เรื่องที่เกิดในวันนั้น” วรวิทย์กัดฟันตอบ ถึงแม้จะพูดว่ารัฐกรณ์เองไม่มีทางรู้เรื่องได้ เพราะที่เกิดเหตุเอง พวกเขาก็ไม่เห็นใครอื่น มีเพียงพวกเขากับ ชายคนที่อยู่ในรูปกับรัฐกรณ์ ‘อาญา’
“แต่เรื่องเสื้อกาน์ว ที่มีรอยไหม้นั่นล่ะ”
“………..” ตรงจุดนี้วรวิทย์เองก็จนปัญญา ถึงจะคิดว่าเป็นการแกล้งเพื่อเล่นสนุก แต่รูปแบบมันดูเจอะจงมากเกินไป อีกทั้งรายละเอียดต่างๆพุ่งตรงมายัง เรื่องราวที่เกิดเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา นั่นทำให้เขาหนักใจไม่น้อย

“ฉันกลัว” กรรณิกาทำท่าจะร้องไห้ เธอสั่นจนหยุดไม่อยู่ แขนทั้งสองข้างกอดตัวเองเอาไว้แน่น ภคดลต้องรีบเข้าไปปลอบ
“เราต้องรวมกลุ่มกันไว้…..เราผ่านเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน” วรวิทย์เข้าไปโอบกรรณิกาไว้อีกคน ด้วยความกลัวที่หญิงสาวจะเตลิดไปไกล เหมือนที่เคยเมื่อนานมาแล้ว




     เปลวไฟ โหมพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด เสียงโหวกเหวกตะโกนร้องของผู้คนดังขึ้นรอบตัวเสียงกรีดร้องที่ไหลลงมาพร้อมน้ำตา เสียงไซเรนจากรถดับเพลง เสียงคร่ำครวญจากคนด้านข้าง เสียงสายลมพี่พัดผ่าน โหมกระหน่ำให้เปลวเพลิงลุกโชติช่วง วรวิทย์และภคดล ช่วยกันหามร่างของกรรณิกาที่มีบาดแผลตามแขนขา เลือดสีแดงไหลย้อยหยดเป็นทาง

“ทางนี้” วรวิทย์ เดินนำมาทางที่ไฟยังลามมาไม่ถึง แต่กระนั้นด้วยควันไฟที่ปลิวไปทั่วทำให้วิสัยทัศการมองแย่ลงถนัดตา อีกทั้งการหายใจยังทำได้ไม่ดีนัก เห็นได้จากภคดลที่สำลักควันไปหลายรอบ
“ณิ อย่าหลับนะ” ภคดลคอยเรียกเพื่อนอยู่เสมอ กรรณิกาเองดูอ่อนล้า ดวงตาคู่สวยค่อยๆปิดลง

“ณิ ตื่นสิ ณิ”

และเสียงระเบิดดังขึ้นด้านหลังของพวกเขา


ตูม

     วรวิทย์ ตกใจตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองหลับอยู่บนรถตู้ที่กำลังเคลื่อนที่ แม้เครื่องปรับอากาศจะถูกเปิดจนเย็นฉ่ำ แต่เขากลับร้อนจนเหงื่อชุ่มไปทั่วแผ่นหลัง วันนี้เขาเองรู้สึกง่วงเหลือเกิน อาจเพราะเมื่อคืนเขาเองนอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากเสียงของ คุณสาวิตรี ที่เดินละเมอ ตามหาลูก ไหนจะต้องคิดมากเรื่องของรัฐกรณ์ อีก
     เขาค้นเอาขวดน้ำในถุงด้านหลังเบาะมาดื่มให้ชื่นใจ พร้อมกับถุงขนมอีก 1 ถุงใหญ่มากินเพื่อให้หายฟุ้งซ่าน เมื่อมองไปข้างหน้าก็เจอสายตาของการุณที่มองมายังถุงขนมที่เขาถืออยู่ จึงจำใจต้องแบ่งให้เพื่อนใหม่ไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้






     เมื่อเวลาคล้อยบ่าย พวกเขาก็เดินทางมาจนถึงถนนเส้นตรงยาว ไกลจนลับตา วสันจอดรถเชิญทุกคนลงมา แต่กรรณิกาปลุกเพื่อนตัวใหญ่ของเธอแต่เรียกเท่าไรเขาก็ไม่ยอมลุกขึ้นมา

“โถ่เอ้ย หลับดีจริงๆ”
“ปล่อยไว้นั่นล่ะ เมื่อคืนมันไม่ได้นอนเลย” ภคดล บอกให้กรรณิกาทิ้งให้เพื่อนได้พักผ่อนหลังจากคืนที่แล้วเขาทั้งสองผลัดกันเฝ้าเวรคนละครึ่งคืน

“คุณวรวิทย์ล่ะครับ” วสันถามเมื่อไม่เห็นลูกทัวร์ตัวใหญ่
“หลับอยู่บนรถน่ะครับ”
“เอ…..งั้นผมแง้มหน้าต่างไว้ให้หน่อยแล้วกันนะครับ จะได้ระบายอากาศ” วสันรีบตรงไปแง้มหน้าต่างหลังของรถให้ออ้าออกเล็กน้อยเพื่อที่จะให้ลูกทัวร์ของตน นอนอย่างไม่อึกอัด และปลอดภัย



“ถนนเส้นนี้เองที่เป็น จุดเด่นของหมู่บ้านนี้” วสันเริ่มทำงานของเขา พาทุกคนมายืนเรียงกันข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียว ตัดด้วยถนนเส้นยาวที่ตรงไปไกลสุดลูกหูลูกตา

“อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีถึงตำนานของหมู่บ้านหัวกุดนะครับ เรื่องราวของถนนเส้นนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กับสถานพยาบาลแห่งนั้นเลยเช่นกัน แน่นอนว่าสำหรับสถานพยาบาลนั้นเราจะได้เข้าไปสำรวจกันในค่ำคืนนี้” วสันเล่าความอย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด

“คงจำกันได้นะครับถึงบ้านหลังที่เราสำรวจกันเมื่อเช้า บ้านของผู้ใหญ่บ้านหลังนั้น ที่เป็นต้นเรื่องของตำนานบทนี้”
“ลูกชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านนั้น เป็นคนหัวรั้น ด้วยความเป็นลูกคนสุดท้อง พ่อแม่จึงไม่กล้าขัดอะไรมาก วันดีคืนดีอยากได้อะไรแค่ร้องขอ เขาก็ได้มาอย่างง่ายดาย……แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เขาเองยังต้องการนั่นคือการเอาชนะพี่ชายของตนที่ดูจะเหนือกว่าเขาไปหมดทุกเรื่อง ทั้งหน้าตา การงาน และหญิงสาว”

“เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้เป็นพี่ประกาศหมั้นหมายกับหญิงงามอันดับต้นๆของหมู่บ้าน แน่นอน ว่าน้องชายเองไม่พอใจ เพราะเขาเองก็หมายในตัวหญิงสาวเช่นกัน บวกกับความไม่พอใจที่สะสมมาทีละน้อย”



“‘มึงมาแข่งรถกับกูเลย’ ฝ่ายน้องชายท้าทายผู้เป็นพี่ โดยเอา หญิงสาวเป็นเดิมพัน แน่นอนว่าผู้เป็นพี่ไม่ยอม แต่เมื่อโดนรบเร้ามากเข้ากอปรกับเขาเองก็มั่นใจในฝีมือการขับรถของตนจึงตอบตกลง”

“ทางด้านลูกคนเล็ก เมื่อปลากินเป็ดเขาก็ดำเนินแผนการที่สองต่อทันที เขาจัดการโรยสมอบกไว้บนทางก่อนจะทำการแข่งขัน ช่วงเวลาค่ำคืนที่ถนนสงบ ชายหนุ่มทั้งสองนั่งอยู่บนรถ มือถือพวงมาลัยแน่น เตรียมออกตัว เมื่อสัญญาณบอกเริ่มทั้งสองจึงทะยานออกไป”

“แน่นอนว่าคนเป็นพี่ที่ฝีมือดีกว่านำอยู่ช่วงตัวรถ น้องคนเล็กพยายามตามมาติดๆ และคอยระวังให้อยู่พ้นระยะรถของพี่ชาย เผื่อจะต้องหักหลบ ใกล้เข้าไป อีกไม่กี่นาที ก็จะถึงจุดที่เขาโรยสมอบกไป เขาชะลอรถให้ช้าลงอีกนิดเพื่อความปลอดภัยของตน”

“เป็นไปดังคาด รถของพี่ชายเหยียบเข้ากับสมอบกอย่างจัง รถของเขาเสียหลักปัดไปมา เป็นโอกาสให้น้องชายเหยียบคันเร่ง เบี่ยงตัวเพื่อจะแซงเข้าสู่เส้นชัย อนิจจา”


“โครม”


“สรรพวุฒิที่พอจะรู้เรื่องราวมาบ้างแล้ว ตะโกนเสียงดัง จนการุณร้องเหวอออกมา เป็นที่น่าขบขัน
“ใช่แล้วครับ รถที่สวนทางมาด้วยความเร็วสูงประสานงานเข้ากับน้องชายเต็มกำลัง ตัวของลูกชายผู้ใหญ่บ้านปลิวออกจากรถทะลุบานกระจนออกมากระแทกเข้ากับรถคันหน้า แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ศีรษะของเขานั้นถูกคมกระจกเฉือนออกกระเด็นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียง ร่างกายที่สั่นกระตุกอยู่บนกระโปรงรถอีกคัน”



“นานวัน ผู้คนต่างพูดคุยถึงเรื่องราวสยองขวัญอันนี้ไปทั่วทั้งหมู่บ้าน เรื่องราวค่อยๆถูกเสริมเข้ามาทีละนิด จะกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัว”

“ในบางคืน ชาวบ้านที่ผ่านมายังถนนเส้นนี้ จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ และตามมาด้วยเห็นเงาของชายไร้หัวนั่งอยู่ในนั้น เสียงของยางรถบดเข้ากับถนนเสมือนเสียงกรีดร้องของชายหนุ่มที่ยังคงวนเวียนเพื่อตามหาส่วนหัวของตนที่หายไป”






“ตราบจน ปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครพบเจอส่วนหัวของชายผู้นั้นเลย”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 8 บนถนนสายตรง 10/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 10-03-2012 22:05:53
โห้ยยยยย สยองอ่ะ

เหมือนดูคนอวดผีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 8 บนถนนสายตรง 10/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: silent_loner ที่ 10-03-2012 23:47:14
ทิ้งท้ายได้สยองตลอด  :a5:
อ่านตอนดึกๆนี้ก็หลอนพอตัวเลยทีเดียว
แต่รู้สึกว่าเหตุการณ์สยองขวัญบางทีเกิดจากฝีมือมนุษย์นี้เอง
รัฐกรณ์ต้องรู้เกี่ยวกับการตายของอาญาแน่เลย ลุ้นในตอนต่อไปจ้า  :z2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 8 บนถนนสายตรง 10/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-03-2012 21:18:03
ยิ่งอ่านยิ่งสยอง  อ่ะนะ อ่านแล้วขนล่วงไปเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 8 บนถนนสายตรง 10/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 12-03-2012 04:12:06
นึกว่าอาญาเป็นผู้หญิงมาตั้งนาน กรรม

ตอนจบน่ากลัวอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-03-2012 04:47:56
ตอนนี้ คุ้นๆ กันไหมหนอ คริๆ

ปล ขอตัวไปเที่ยวสัก 5 วันนะคะ เเล้วจะมาต่อให้ค่ะ






บทที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง



     ตะวันคล้อยยามเย็น เป็นเวลาที่พวกคณะทัวร์พากันจัดการทำอาหารเย็นกันอีกมื้อ ด้วยความที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นตรงดิ่งจากที่พักมาถึง จุดเกิดเหตุโศกนาฏกรรมชายไร้หัว แล้วเชื่อมไปสู่จุดหมายสุดท้ายของการท่องเที่ยวเชิงเขย่าขวัญสั่นประสาทในครั้งนี้ โรงพยาบาลร้างอันลือชื่อ

     เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา วสันจึงจัดแจง ขนเตาแก๊ซปิคนิค มาด้วย ทั้งเขาและสาวิตรีช่วยกันรังสรรค์อาหารแบบง่ายๆขึ้นมา โดยมีคนที่เหลือเป็นลูกมือ แน่นอนว่ากรรณิกาเลือกที่จะเป็นคนเตรียมจานชามมากกว่าจะไปใกล้กับกระทะอีก วรวิทย์เข้ามาช่วยเพื่อนของตนจัดที่นั่งอย่างง่ายด้วยเสื้อผืนใหญ่ เขายังรู้สึกง่วงอยู่แต่ต้องทน เพราะท้องเขาต่างส่งเสียงร้องดัง รัฐกรณ์ยังคงเป็นลูกมือที่ดีในการช่วยปรุงอาหาร โดยมีภคดลที่คอยสังเกตอยู่ไม่วางตา ด้วยความเกรงว่าชายหนุ่มตัวซีดนี้ จะทำอะไรแผลงๆอีก
มื้อเย็นผ่านพ้นไปด้วยดี จานชามกระดาษถูกยัดลงไปในถุงดำ โดยวสันยัดเข้าไว้กับหลังรถ เพื่อจะเก็บไปทิ้งที่โรงแรม ทั้งหมดจึงเริ่มออกเดินทางอีกยังมุ่งสู่จุดหมายสุดท้าย สาวิตรีดูตื่นเต้นมากกว่าใคร

“คุณ เล่าตำนานให้ฟังอีกทีสิ” สรรพวุฒิหัวเราะใส่อย่างขบขัน ถึงแม้เขาจะเล่าให้ภรรยาของตนฟังหลายรอบแล้วก็ตาม แต่เธอกลับอยากฟังอีกรอบ “เดี๋ยวคุณวสันก็เล่าให้ฟังน่า แบบละเอียดเลย” เขาเลี่ยงที่จะเล่าอะไรในตอนนี้ ด้วยเกรงว่าจะทำให้อรรถรสของคนอื่นเสียไป โดยหารู้ว่าทุกคนที่มาที่นี่ก็ต่างรู้เรื่องราวมาแล้วไม่มากก็น้อย

     การุณยกน้ำดื่มของตนขึ้นซดจนหมดขวด อาหารมื้อเย็นค่อนข้างรสจัดจ้าน นึกไม่ถึงว่าคนตัวขาวนั้นจะกินเผ็ดได้เก่งขนาดนั้น ผิดกับเขาที่แทบจะกินเผ็ดไม่ได้เลย เขากินน้ำจนหมดขวดแต่ก็ยังไม่หายร้อน เขาหันซ้ายขวาหมายจะขอน้ำจากเพื่อนๆ แต่ก็พบว่า ทั้งกรรณิกาและภคดลเองก็กินน้ำจนหมดแล้วเช่นกัน

“วิทย์ ขอน้ำหน่อยสิ” ที่พึ่งสุดท้ายเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก วรวิทย์ ผู้ที่ได้รับฉายาว่าตู้เสบียงเคลื่อนที่ แต่สายไปเสียแล้วเมื่อ ชายตัวอ้วนที่นั่งด้านหลังพึ่งจะยกขวดน้ำขนาดใหญ่ดื่มจนหมดเกลี้ยง

     เมื่อเพื่อนของตนไม่มีใครสามารถช่วยได้ โชคดีนั้นก็ตกอยู่กับ เด็กหนุ่มตัวซีดที่อยู่ข้างหน้า
“รัฐ กานขอน้ำหน่อยสิครับ” การุณบรรจงพูดให้สุภาพที่สุด ความจริงแล้วเขาเองไม่ได้ เรียบร้อยเท่าไรนัก แต่จะให้ เสียมารยาทต่อหน้าคนๆนี้คงไม่ดีนัก คงต้องทำตัวให้ดีเสียหน่อย เพิ่มคะแนนให้ตัวเองที่การุณคิดคร่าวๆว่าตอนนี้ คงได้สัก 6 คะแนนเต็มสิบแล้ว
     รัฐกรณ์ โยนให้อย่างรำคาญ แต่นั่นกลับทำให้การุณคิดไปไกล หาว่าคนตัวซีดนั้นเป็นห่วง กลัวการุณทรมารเพราะความเผ็ดร้อนของอาหาร




     30 นาทีผ่านไปแสงสุดท้ายของวันหายวับไปเหลือเพียงแสงไฟจากแบเตอรี่ของรถตู้เท่านั้นที่ส่องสว่างไฟตามทางที่วิ่งตรง รอบข้างทางเต็มไปด้วยหมู่ไม้ ที่มองแล้วดูดำมืด บ้างก็ชวนให้คิดจินตนาการเป็นรูปร่างของปีศาจ ชนิดต่างๆ บ้านเรือนเก่าๆ ปรักหักพังมีให้เห็นเรื่อยๆ ตามรายทาง จนในที่สุดทั้งหมดก็เดินทางมาถึงจุดหมาย

     สุดปลายสายของถนน ต่อเข้ากับตึกร้างขนาดย่อม อาคารเก่านั้นมีเพียงสองชั้น หน้าต่างหลายบานถูกแผ่นไม้ตอกปิดตายไว้ แต่ก็มีบางช่องที่เปิดโล่งให้เห็นถึงภายในที่ดำมืด วสันกลับรถในวงเวียนเล็กๆในโรงพยาบาลร้างแห่งนั้น ก่อนจะจอดเข้าข้างทางใกล้ๆป่ารกทึบ สมาชิกทั้งหมดพากันทยอยลง

“อะไรกัน หลับอีกแล้วหรอ” กรรณิกาพยายามปลุกวรวิทย์ที่เอนตัวเข้ากับหน้าต่าง เขากรนเบาๆ ไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียก
“เฮ้ย แก ถึงแล้ว” ภคดลช่วยเรียกอีกแรง แต่ดูเหมือน วรวิทย์จะมีความสุขกับการนอนมากกว่า
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” วสันชะโงกหน้าเข้ามาดูเมื่อเห็นว่าทั้ง 3 ไม่ยอมลงมา
“ให้ผมช่วยดูไหม” รัฐกรณ์ อาสา
“ไม่ต้อง…..ปล่อยมันไว้ที่นี่แล้วกัน” ภคดลปฏิเสธการช่วยเหลือ เขาระแวงเกินกว่าจะให้ รัฐกรณ์เข้ามายุ่งกับพวกเขามากไปนัก
“งั้นผมเปิดหน้าต่างระบายอากาศไว้เหมือนเดิมนะครับ” วสันจัดแจง เข้าไปเปิดหน้าต่างด้านในสุดของรถอีกครั้ง

“ทุกคนยืนรอตรงทางเข้าสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะเอาไฟฉายให้” วสันลงจากรถ แล้วรีบเปิดประตูหน้า ดับเครื่องยนต์ แล้วเปิดประตูหลังเพื่อจัดแจง เตรียมของที่ต้องการ




     การุณรู้สึกกลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ทั้งกว้าง และเก่า ข้าวของที่เหลือซากไว้ทำให้พอรู้ว่าเป็นโรงพยาบาลเก่า เขาเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาดูก้อนหินแถวๆนั้นแทน ตรงกันข้ามกับสาวิตรีที่กำลังคุยกันกับ รัฐกรณ์อย่างออกรส

     ไม่นานนัก วสันก็เดินเข้ามาสมทบกับทุกคนพร้อมกับแจกจ่ายไฟฉายกระบอกเล็กให้กับทุกคน และการสำรวจก็เริ่มต้นขึ้น
ภายในโถงร้างชั้นที่หนึ่งเต็มไปด้วยเศษซากของอุปกรณ์ต่างๆวางเกลื่นไปทั่ว กลิ่นสาปสางคละคลุ้งผสมปนเปกับกลิ่นเน่าจากซากสัตว์ มีเพียงแสงสว่างจากไฟฉายทั้งเก้าที่คอยนำทางให้พวกเขาเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย บรรดาผู้เดินทางต่างพากันเดินจับกลุ่มกันเพื่อป้องกันการพลัดหลง ถึงสถานที่นี้จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็ซับซ้อนเอาเรื่อง ถ้าหลงกันไปคงใช้เวลาตามหากันพอควร
ผู้นำทางเอ่ยขึ้นเบาๆเมื่อเดินมาจนสุดทาง เขาผายมือไปยังทางเดินลงสู่ใต้ดิน ผู้ติดตามมีสีหน้าต่างๆกันไป ทั้งตื่นเต้น หวาดกลัว และเรียบเฉย ภายในความมืดยิ่งกว่าค่ำคืนเดือนมืด มีเสียงลมหวีดพัดผ่าน ราวกับหญิงสาวกรีดร้องจากในนั้น ความเย็นชื้นของใต้ดินทำเอาตุ่มหนาวของหลายๆคนลุกชัน  เสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นบันไดหินดังก้องสะท้อนไปมา แสงจากไฟไหววูบไปตามการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้การุณคนขวัญอ่อนประสาทเสีย

     กรรณิกาจับแขนเพื่อนชายไว้มั่น เธอต้องคอยหันหลังไปมองเสียทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสะท้อนจากข้างหลัง และนั่นทำเธอประสาทเสีย เธอกลัวเสียจนอยากจะกลับไปที่รถเสียตอนนี้ ถ้าไม่ติดที่ว่า เธอต้องเดินออกไปคนเดียว เหตุผลนี้เองที่ทำให้เธอต้องอดทนเดินหน้าต่อไป

     จนบันไดสิ้นสุดลง ทางเดินแคบๆทอดยาวสู่ความมืดข้างหน้า วสันเดินต่อไปอย่างเงียบเชียบ เขาเดินไปอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้คนติดตามได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่พบเจอสองข้างทาง กลิ่นอับทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่ออยู่ในที่ปิดและอับชื้นเช่นนี้ สองข้างทางเดินแคบแห่งนี้มีเพียงห้องขังที่ว่างเปล่า ซี่กรงขึ้นสนิมยังคงดูแข็งแรงมั่นคง คงยากนักหากจะหลบหนีออกจากสถานที่กักขังแห่งนี้ รัฐกรณ์ดูจะถูกใจเป็นพิเศษ ถึงขั้นเดินเข้าไปสำรวจภายในห้องขังเหล่านั้น เพื่อสังเกตุอุปกรณ์จองจำที่วางเรี่ยราดตามซอกมุม ทั้งโซ่ตรวน กุญแจมือ การุณกลั้นใจทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปด้วย แต่ก็รีบวิ่งแจ้นออกมาทันทีที่รัฐกรณ์เผลอทำถึงน้ำเก่าๆตกจากที่นั่งเกิดเสียงดังลั่น

“น่ากลัวจริง” แม้แต่สรรพวุฒิยังต้องยอมแพ้ เขาจับมือภรรยาไว้มั่นเมื่อรับรู้ว่า เธอเองก็กลัวไม่ได้น้อยกว่าเขาเลย
จนกระทั่งเข้ามาถึงส่วนในสุดของทางเดิน ประตูไม้ผุๆ ค่อยถูกดันออกไป เสียงบานพับ ลั่นส่งเสียงหวีดหวิว จนกรรณิกาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปิดหู ประตูเปิดออกแล้ว

     วสันหันมามองบรรดาผู้ติดตามอย่างทีละคนจนมั่นใจว่าทุกคนอยู่ครบถ้วน เขาผายมืออีกครั้งเป็นการเชื้อเชิญแขกทั้งหลายผู้กระหายเรื่องราวลี้ลับ ให้เข้าไปสู่โลกแห่งวิญญาณ
“เมื่อห้าสิบปีก่อนที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก” วสันเริ่มทำหน้าที่ของเขา เขาบอกเล่าตำนานของสถานที่ให้ฟังอีกครา “แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริง ผู้อำนวยการ ได้แอบทำงานวิจัยอย่างลับๆ อยู่ใต้พื้น” เขาเดินมาจนถึงกลางห้องที่มีเตียงผ่าตัดวางทิ้งไว้ คราบของเหลวสีคล้ำ กระจายอยู่ทั่ว กลิ่นสาปฟุ้งกระจายทำเอาหลายคนต้องปิดจมูก “ผู้ป่วยหลายคนได้หายไปจากโรงพยาบาล ทีละคน” เขาเลื่อนไฟฉายไปยังผนังเผยให้เห็นกระดานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษที่ฉีกขาดถูกปักเอาไว้อยู่เต็มไปหมด “คืนแล้วคืนเล่า ที่ผู้อำนายการ ได้ลักลอบพาผู้ป่วยไร้ญาติมาขังไว้ เพื่อทำการทดลอง” วสันเปลี่ยนโฟกัสของไฟมายังเตียงผ่าตัดอีกครั้งและข้างๆนั่นเองก็มีอุปกรณ์การผ่าตัดเก่าๆวางเกลื่อน บ้างก็ตกมาอยู่ที่พื้น

     การุณรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เขาก้าวเข้าไปใกล้กับคนอื่นๆมากขึ้น จนแทบจะชิดติดกับรัฐกรณ์
“ไม่มีใครรู้ว่า ผู้อำนวยการทำการทดลองอะไร นานวันอาการกระหายงานวิจัยของเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น” น้ำเสียงของคนเล่าช่างราบเรียบแต่นั่นก็ทำให้ขนลุกได้ไม่น้อย กรรณิกาชักไม่แน่ใจว่าเธอควรจะปิดหูตนเองดีหรือไม่
“เขาหายไปจากโรงพยาบาลนานหลายเดือน ไม่มีใครพบเจอเขาอีกเลยจนกระทั่ง” เขาเว้นช่วงสักนิด สังเกตอาการของผู้ฟังทั้งหมด “แม่บ้านคนหนึ่งบังเอิญพบทางลับที่ลงมาสู่ใต้ดินนี้เข้า”
“สิ่งที่พบเป็นที่เลื่องลือไปไกล เพราะทันทีที่พวกเขาเปิดประตูทางลับ กลิ่นคาวเลือดก็ทะลักออกมา หลายคนทนไม่ไหวถึงกับอาเจียนออก”
“ภายในห้องขังเต็มไปด้วยซากศพที่ไร้หัว คราบเลือดแดงข้น ไหลนองไปเป็นทาง หนูนับร้อยตัวพากันแตกตื่นเมื่อเห็นคนเดินลงมาพากันวิ่งหนีจากการกัดกินซากศพ”


“และภายในห้องในสุด นั้นเองพวกเขาก็พบกับคำตอบของต้นเหตุทั้งหมด……ร่างอันไร้วิญญาณของนายแพทย์ผู้อำนวยการ นั่งนิ่งอยู่กับเก้าอี้ เขายังอยู่ในชุดเสื้อกาวน์ยาวสีขาว” ผู้เล่าเรื่องชี้ไฟไปยังเก้าอีกไม้ที่มุมห้อง กรรณิกาและการุณหลับตาลงทันที “และที่เตียงนี้เองก็พบร่างของผู้ป่วยที่หายไป……เขาถูกตัดหัวออกไป ศีรษะของเขาถูกวางไว้บนถาดด้านข้าง สีหน้าที่หลงเหลือแสดงว่าเขาหวาดกลัวมากเพียงใด”

     เสียงหวีดหวิวแว่วเข้ามาทำเอาทุกคนขนลุกซู่ หลายคนเบี่ยงไฟฉายไปยังประตู แต่ก็ไม่พบอะไร หลายคนเรื่อมใจคอไม่ดี ทำท่าทางจะกลับขึ้นไปข้างบน ทว่า วสันหาได้สนใจ เขายังคงทำหน้าที่ของตนต่อ

“แน่นอนว่าสถานพยาบาลนี้ถูกปิดไปในทันที ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สถานที่นี้อีก” เขาจบเรื่องเพียงเท่านี้ ผายมืออีกครั้งเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนออกไปได้แล้ว กรรณิการีบดึงภคดลเพื่อนชายของตนออกมาทันที เธอรีบเดินขึ้นบันไดไม่ยอมมองไปยังที่คุมขังทั้งสองข้างทาง แต่เพียงแค่แสงไฟจากไฟฉายส่องผ่านไปยังประตูข้างบน เธอต้องหยุดหายใจเมื่อพบว่ามีกระแสลมไหววูบผ่านตัวเธอไป เธอไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่มันรู้สึกเย็นจนเธอสั่นด้วยความกลัว เธอยืนนิ่งก้าวขาไม่ออก น้ำตาเริ่มคลอที่เป้าตา มือที่จับเพื่อนชายสั่นไม่หยุด จนเพื่อนๆต้องเข้ามาถามไถ่

     กว่าที่เธอจะยอมเดินขึ้นมา เพื่อนๆทั้งหมดก็ต้องช่วยกันปลอบจนสุดความสามารถ เมื่อพ้นทางลงใต้ดินออกมาสายลมเย็นพัดผ่านมาอีกวูบใหญ่ หญิงสาวกระชับแขนเพื่อนชายไว้แน่น ความกลัวของเธอมีมากจนไม่กล้าจะมองอะไรเรื่อยเปื่อยอีก เธอก้มหน้าก้มตาเดินตามเพื่อนชายไปอย่างว่าง่าย ภาวนาว่าขอให้กลับถึงที่พักโดยเร็ว

“มีชาวบ้านหลายคน เอ่ยปากว่าเคยพบกับวิญญาณของผู้อำนายการ บริเวณนี้” อยู่ๆวสันก็เอ่ยขึ้น ทุกคนหยุดเดินหันไฟไปยังวสัน
“ชาวบ้านค่อยๆทยอยหนีออกห่างจากที่ดินผืนนี้ ทีละรายๆ จนกระทั่งไม่เหลือใคร ว่ากันว่า วิญญาณท่านผู้อำนวยการยังคงมีห่วงกับการวิจัย……..เขายังคงทำงานทดลองต่อไป” เรื่องราวดำเนินไปจนมาถึงบทจบ

“และนั่นคือทุกอย่างที่เกิดขึ้น” วสันเดินเลี่ยงออกมาตรงทางแยก เพื่อจะนำทุกคนออกจากตัวตึกไปทางด้านหลัง ที่ซึ่งเป็นสุสานของเหล่าผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลาย เพียงแต่ก่อนที่จะออกไปด้านนอกนั้น ภคดลก็สังเกตเห็นรอยคราบน้ำสีแดงบนพื้น
เขาสาดไปไปทางขวาอีกนิดก็พบว่า มีรอยเลือด เปรอะไปทั่ว แต่ที่สำคัญกว่าสิ่งใด คราบเหล่านั้นยังดูใหม่เหมือนพึ่งเกิดเหตุเมื่อ สัปดาห์ที่แล้ว เขารีบบอกให้ทุกคนดู ทั้งหมดเริ่มใจเสีย สรรพวุฒฺโอบภรรยาของตนไว้ในอ้อมอก กรรณิกาได้เพียงรบเร้าให้รีบออกไปจากที่นี่ เช่นเดียวกับการุณที่เร่งเร้าให้ วสันพาไปยังทางออก


     ผิดกับรัฐกรณ์ที่ฉายไฟฉายไปตามรอยเลือดเหล่านั้น เลื่อนไปทีละจุดจนกระทั่ง  เขาพบต้นเหตุ


     สิ่งที่พบทำเอากรรณิกาทรุดลงกองกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้อง ต่อหน้าร่างของหญิงสาวพบกับร่างไร้ชีวิตที่เหลือเพียงลำตัวกับคราบเลือดที่ไหลนองออกมาจากต้นคอเกาะเป็นคราบสีแดง ดำ ย้อมเสื้อของศพให้เป็นสีเดียวกัน แขนทั้งสองทิ้งตกลงข้างตัว ลำขาเหยียดยาวออก มีเพียงลำตัวที่ไร้ศีรษะที่พิงไว้กับกำแพงเท่านั้น


     ค่ำคืนที่เสียงกรีดร้องดังขึ้นก้องไปทั่วโรงพยาบาลร้างกลางหมู่บ้านเล็กๆในป่าทึบ เสียงครวญครางของราตรีที่กำลังกลืนกิน ชะตาของเหล่าหนุ่มสาวผู้มาจากแดนไกล ค่ำคืนแห่งการดับสูญได้เริ่มขึ้น
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 15-03-2012 08:31:46
ง่ะ  o[]o
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 15-03-2012 12:23:28
ระ เราอ่านตอนกลางวันยังต้องหันไปดูข้างหลังตั้งหลายรอบ
เสียวสันหลังมากอ่ะ TT^TT
สยองสุดๆ แล้วคืนนี้จะกล้านอนปิดไฟไหมเนี่ยตู
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 15-03-2012 14:56:47
วรวิทย์!!??
ตอนนี้บรรยายเรื่อยๆ แต่น่ากลัวดี หุๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 15-03-2012 16:02:44
โอ้ววว โนวจะตายกันหมดไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 15-03-2012 19:37:27
เอ่อ วสันคงไม่ใช่ผู้อำนวยการหรอกนะ หึ หึ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 15-03-2012 21:37:15
เรื่องตอนนี้ คุ้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

เพราะมันคือการนำบทนำมาเขียนใหม่ ทั้งตัวละคร ที่มีกลุ่มวัยรุ่น หญิงสาวขี้กลัวที่มากับเพือ่นชาย รวมทั้งคู่สามีภรรยา

แต่รายละเอียดบางอย่างที่ถูกตัดทอนบ้าง บางอย่างก็ไม่เหมอืนเดิม
ก็เลยงงว่ามันเป็นเหตุการณ์เดียวกันแต่เล่าใหม่อีกครั้ง หรือว่าเหตุการณ์คล้ายคลึงที่ (ไม่)บังเอิญเกิดซ้ำขึ้นกันแน่


ขอบคุณสำหรับความหลอน +ความสยองค่ะ เขียนได้ดีมากเลย นับถือๆ

บวกหนึ่งนะคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 16-03-2012 00:35:16
 :sad5: :sad5: :sad5: :sad5:
หลอน เวอร์ บรึ๊ยยยยยย
เหมือนมีปมเยอะแยะไปหมดเลยอ่ะ
อ่านไป เสียวหลังไปอ่ะ
จะหลับมั้ยนี่
แต่อยากบอกว่า สนุกน่ะ มากมากอ่ะ
ทำให้เราอินซะ
รอตอนต่อไปน่ะคับ
มาคลีคลายด้วย ลุ้นๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 16-03-2012 01:38:19
กี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :sad4:
หลอนเว่อร์ เพิ่งอ่านได้สองตอนเอง ฮืออออ ไม่ไหวแล้วค่า!!!
ไว้เมจังจะกลับมาเม้นเพิ่มตอนกลางวันนะคะ
จะตีสองนั่งหลอนอยู่คนเดียว ฮืออออ  :a5:

****************เม้นต่อตอนบ่ายแก่ๆ*************

โอยยยย หัวใจจะวาย นั่งอ่านตอนกลางวันยังขนลุกเรื่องนี้
แล้วยามค่ำคืน เมจังจะกล้าอ่านมั้นเนี่ย?
ฮืออออออออออออ
ยังลุ้นต่อไปนะคะ :z10:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 16-03-2012 09:39:55
แหวกแนวดีครับ ชอบๆ แต่งเรื่องหลอนๆได้ดีมากเลยครับ อ่านแล้วจินตนาการตามได้เลย
แต่บทบรรยายการกระทำของตัวละครมันขัดๆยังไงไม่รู้ครับ อาจจะคิดไปเองก็ได้

สู้ๆครับ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 16-03-2012 13:03:55
พหวีดมาก อ่านไปจินตนาการภาพตามไป หลอนกันเลยทีเดียว ศพนั้นคงไม่ใช่คนในคณะทัวร์หรอกนะ อ่านแล้วเริ่มระแวงคุณไกด์ตงิดๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 17-03-2012 00:42:08
อ่านตอนนี้รอบสองแล้ว  ก้อยังน่ากลัวเหมือนเดิม = ="

ชอบรัฐอ้ะ  ใจแข็งดี

+1 ให้คนเขียน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 9 ในโรงพยาบาลร้าง 15/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: p.spring ที่ 17-03-2012 12:01:30
หลอนมาก  ขนาดอ่านตอนกลางวัน น้ำตาแทบจะไหลแต่ก็อ่านจนสุด
วสันน่ากลัวอ่ะ วางแผนอะไรมาหรือเปล่าเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-03-2012 20:30:30
แอร๊ยยยยย มาแล้วค่ะ ตอนใหม่ หวังว่าตอนนี้ คงถูกใจกันนะคะ แอร๊ยยยยย



บทที่ 10 คนที่หนึ่ง





“ออกไปเร็วเข้า” ภคดลที่ได้สติ กอดเพื่อนสาวของตนที่ตอนนี้นั่งทรุดลงกับพื้นกรีดร้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ทางด้านสาวิตรีเองก็ตกใจเกินกว่าจะทำอะไรเธอยืนนิ่งปล่อยให้สรรพวุฒิกอดปลอบเธออยู่

“ทางนี้ครับ” วสันสาดไปฉายไปยังทางออกใหญ่ เขาวิ่งนำไปอย่างรวดเร็วราวกับจะหนี ซากที่กองอยู่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด
“ทำใจดีๆนะ ณิ” ภคดลบอกกับเพื่อนไปตลอดทาง เพราะเธอมัวแต่จะร้องไห้เพียงอ่างเดียวโดยไม่ได้สนใจทางเดินเลยแม้แต่น้อย ตามติดมาด้วยคู่สองสามีภรรยาที่ตามติดมา ทิ้งให้สองหนุ่มการุณและรัฐกรณ์ยังอยู่ในนั้น
“รีบหนีกันเหอะ” การุณดึงชายเสื้อคนตัวซีดให้รีบตามเพื่อนๆไป เขาเลือกที่จะไม่มองซากศพที่นั่งอยู่ตรงนั้น ครั้งจะทิ้งรัฐกรณ์ไว้ตรงนี้คนเดียวก็ดูจะน่าเกลียดไปเสีย ทั้งๆที่กลัว แต่ก็ต้องยอมกัดฟันทน

     รัฐกรณ์ ฉายไฟไปยังชายไร้หัวคนนั้น เขาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แต่ข้อมูลที่ต้องการยังไม่มากพอ เขาเลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้เพื่อค้นหาอะไรบางสิ่ง ใช่ว่าเขาเองจะไม่กลัว แต่ในโลกสมัยนี้ วิทยาศาสตร์มาไกลเกินกว่าที่จะเชื่อถือสิ่งเหนือธรรมชาติ ทำให้เขาเองไม่สนใจเรื่องผี วิญญาณนัก

“ไปกันเถอะ” การุณไม่สนใจอีกต่อไปเขาบังคับลากคนตัวเล็กออกมาได้อย่างง่ายดายด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี บวกกับอดรีนาลีน ที่หลั่งเมื่อเจอเหตุการณ์ตื่นตระหนก เมื่อมาถึงด้านนอก ก็พบว่าทุกคนต่างรุมช่วยดูแล กรรณิกาที่ดูจะร้องไห้ไม่ยอมหยุด เธอร้องสะอึก เสียจนหอบเหนื่อย ใบหน้าที่ลงแป้งให้ดูขาวนวลนั้นยิ่งซีดขาวดูไร้สีของเลือดมาหล่อเลี้ยง ดูน่ากลัวว่าเธออาจได้รับอันตรายได้

“ใจเย็นๆ ครับ” รัฐกรณ์วิ่งเข้าไปดูอาการทันทีแต่ก็ถูกขวางจาก ภคดลเสียก่อน
“ไม่เอาน่า ดล รัฐเขาเรียนหมอมา ให้เขาช่วยดูหน่อย ณิมันจะแย่อยู่แล้ว” การุณช่วยพูดเกลี้ยกล่อม จนภคดลเองยอมแพ้ เมื่อกรรณิกายังไม่ยอมสงบ
     สาวิตรีเองก็ดูเป็นห่วงเด็กๆ และยังนึกกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอกอดสามีไว้แน่ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงทีละหยด ทางสรรพวุฒิ ได้แค่เพียงกอดภรรยาไว้แน่น

“ใจเย็นๆนะครับ คุณ ฟังผมก่อน” รัฐกรณ์พยายามที่จะเข้าไปใกล้กรรณิกา เพียงแค่สาวเจ้าถอยหนีตลอดจน รัฐกรณ์และการุณต้องจับแขนทั้งสองไว้

“ศพนั่นเป็นของปลอม”

      ทุกคนต่างนิ่งเงียบ เมื่อได้ฟังสิ่งที่รัฐกรณ์อธิบายออกมา ทั้งคราบเลือดที่ทำมาจากน้ำแดงผสมกับกาแฟให้ดูสีแดงคล้ำ หากเข้าไปสังเกตใกล้ๆจะได้กลิ่นกาแฟอ่อนๆคงเหลือ ไหนจะหุ่นหัวขาดที่ทำออกมาใกล้เคียงกับคนปกติมาก ยกเว้นเสียแต่ ผิวหนังที่ดูยังไงก็เป็นเพียงยางสังเคราะห์เท่านั้น

“คุณ รัฐกรณ์ เล่นมาเฉลยแบบนี้ผมก็แย่สิครับ” วสันขมวดคิ้ว กล่าวว่ารัฐกรณ์อย่างไม่พอใจ ทั้งๆที่เขาเองควรจะต้องเป็นคนเฉลยเองเมื่อกลับไปถึงที่พักเองแท้ ตั้งแต่ทำงานมา ก็ยังไม่เคยเห็นใครที่จะรู้ก่อนแบบนี้สักคน

“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าไม่บอก คุณกรรณิกาท่าจะแย่” รัฐกรณ์ให้เหตุผล ซึ่งดูเหมือนจะจริง ตอนนี้กรรณิกาหยุดร้องไห้แล้ว เพียงแต่เธอกลับโกรธที่โดนหลอก พุ่งเข้าต่อว่า วสันเสียอย่างนั้น

“เล่นอะไรของคุณ ถ้าฉันหัวใจวายตายจะว่าไงฮะ” เธอคว้าเอาคอเสื้อของชายหนุ่ม ปากก็ต่อว่า นัยตาฉายแววไม่พอใจ ทุกคนต่างพากันจับแยกทั้งคู่ออก เมื่อเห็นว่ากรรณิกาไม่ยอมปล่อย

“ทางเราก็สอบถามแล้วไงครับถึงโรคประจำตัว และสุขภาพโดยรวม ถ้ามีประวัติป่วยเราก็ไม่ให้เดินทางมาเด็ดขาด” วสันพยายามอธิบาย ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอลูกค้าโวยวายแบบนี้ เพียงแค่ไม่ถึงกับลงไม้ลงมือ

“ไม่รู้ล่ะ พาฉันกลับด้วย ไม่เอาแล้ว บริษัทบ้าอะไรทำแบบนี้ คอยดูนะฉันจะให้พ่อจัดการให้หมดเลย” กรรณิกาชี้หน้าด่าวสันอย่างไม่ไว้หน้า เธออยากจะกลับไปบ้านเสียเหลือเกินให้พ้นจากเรื่องบ้าๆพวกนี้ ทั้งศพหัวขาด ทั้งเสียงเคาะประตูตอนกลางคืน ทั้งเศษผ้าไหม้ไฟอันนั้น ทั้งหมดมันนำพามายังคนๆนั้นเสียทั้งหมด……อาญา

“ใจเย็นๆดีกว่าหนู” สรรพวุฒิเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มบานปลาย จึงพาเด็กสาวขึ้นรถไป และนั่นก็ทำให้เหตุการณ์สงบลงชั่วคราว
วสันออกแรงเลื่อนปิดประตูเมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าสู่รถตู้จนหมดแล้ว จากนั้นเขาจึงจัดแจงเก็บของที่ท้ายรถ ปล่อยให้ทุกคนนั่งคุยกันบนรถไป


“ยังไม่ตื่นอีก” กรรณิกาบ่นเพื่อนชายตัวใหญ่ที่นอนอิงหน้าต่าง ออกเสียงกรนเล็กน้อยตามประสาคนอ้วน เธอดูจะหงุดหงิดใส่ทุกคนที่พูดคุยกับเธอดังนั้นทุกคนจึงเลี่ยงที่จะสนทนากับเธอในตอนนี้
“น่ากลัวจริงๆนะคะคุณ” สาวิตรี พูดกับสามีเธอ มือของเธอยังสั่นไม่หายถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นความจริง
“คุณสรรพวุฒิก็รู้สินะครับว่า เป็นของปลอม” รัฐกรณ์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามผู้อาวุโส เขาเองคอยสังเกตอาการของทุกคน อาจจะเป็นนิสัยติดตัวของแพทย์ที่มักจะต้องสังเกตอาการของคนไข้อยู่เสมอ และจึงได้รู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีอาการตกใจเลยเมื่อพบศพไร้หัว
     สรรพวุฒิพยักหน้า เขาเองมีเพื่อนที่เคยมาเที่ยวกับบริษัทนี้แล้ว และทั้งเพื่อนและภรรยา ต่างก็ประทับใจเอามาเล่าให้เขาฟังอย่างละเอียด จนสรรพวุฒิ คิดว่า นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้แก้ไขเรื่องราวทั้งหมด มันอาจทำให้ภรรยาของเขาดีขึ้นได้

     วสันขับรถมาจนถึงถนนสายตรง เขาชะลอรถแอบเข้าข้างทาง ไฟหน้าของรถสาดไปยังศาลเจ้าข้างทางที่มีผ้าหลากสีผูกมัดไว้ เศษกระถางธูปแตกกระจาย ก้านธูปที่ยังดูใหม่ปักที่พื้นอยู่หลายจุด

“เดี๋ยวเรามาขอขมากันก่อนกลับนะครับ” วสันแจกธูปให้กับทุกคน เว้นเสียแต่ กรรณิกาที่ไม่ยอมลงมาจากรถ
“น่า ณิ ไหว้เสียหน่อย” ภคดลยื้อเพื่อนของตนให้ลงมา
“ไม่ จะขอขมาอะไร ก็เห็นอยู่ว่ามันเรื่องแหกตา แกก็ไม่ได้ลงไปเลยนะ ดล นั่งกับฉันนี่ล่ะ” จนแล้วจนรอด ภคดลก็ต้องยอมเพื่อนสาวของตน โดนนั่งเป็นเพื่อนกับกรรณิกาฟังเสียงกรนของวรวิทย์ที่เอนหลับอยู่เบาะหลังสุดไป

     ไม่นานนักทุกคนก็ทยอยขึ้นรถมา รัฐกรณ์เป็นคนสุดท้าย วสันจัดแจงปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย เป็นอันจบฉากการเดินทางของวันนี้


     แสงไฟหน้าของรถตู้สาดส่องไปตามทางที่ทอดยาวเป็นเส้นตรงทำให้ขับเคลื่อนได้ง่ายๆ อีกทั้งยังไม่มีรถคันอื่นมากวนใจ อากาศก็เย็นสบาย ชวนให้อารมณ์ขุ่นมัวสลายหายไป กระนั้น กรรณิกาก็ยังคิดคำนึงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะรู้ว่าเรื่องที่โรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องโกหกก็ตาม แต่พอคิดถึงมันทีไร ก็ต้องนึกถึงศพของชายคนนั้น เมื่อสองปีก่อนทุกที



     ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยไหม้จากเปลวเพลิง กลิ่นเนื้อไหม้ส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ ร่างไร้วิญญาณของชายหนุ่มนอนแน่นิ่ง แขนขาทั้งหมดถูกเผาทำลายจาหงิกงอด้วยความร้อนของไฟ ส่วนหัวที่ควรจะมีอยู่กลับหายไปด้วยแรงระเบิด เสื้อสีขาวถูกย้อมไปด้วยสีของเลือดและคราบสกปรก จนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร มีเพียงรอยเย็บด้ายสีเขียวนั้นที่ปักอยู่ตรงอกเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าของร่างกายนี้คือ…….อาญา

     น่าเสียดายที่ทั้งสามคนถูกรถพยาบาลพาตัวเพื่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเสียก่อน ไม่อย่างงั้นคงจะได้เป็นภาพของรัฐกรณ์ที่วิ่งเข้ามาร้องไห้อยู่ข้างๆร่างของอาญา

“ไหนว่าเราจะไปเที่ยวด้วยกันไง”




“ไหนดูแผลซิ” รุ่นพี่ผู้เรียนสูงกว่า ถามอย่างเป็นห่วง เขาแกะผ้าพันแผลออกอย่างเบามือ พร้อมกับบรรจงใช้สำลีชุบยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาด
“โอ้ย” รัฐกรณ์ร้องเมื่อน้ำยาไหลลงไปบนแผล เกิดฟองฟู่ขึ้น และนั่นก็แสบไม่ใช่น้อย
“แกล้งกันนี่” รัฐกรณ์ทำหน้าบึ้ง ปล่อยให้รุ่นพี่หัวเราะอยู่ฝ่ายเดียว เขาบรรจงวางผ้าขาวสะอาดลงบนเรียวแขนอีกครั้งและค่อยๆพันผ้าขาวโปร่งทับไปอีกที ปิดท้ายด้วยเทปใสป้องกันไม่ให้ผ้าหลุดออกจากแผล
“เรียบร้อย” ชายหนุ่มยิ้มให้อีกคน
“ขอบคุณครับพี่ อาญา”

     ในห้องทำแผลแห่งนั้น มีเพียงรอยยิ้มน้อยๆ ของคนสองคน ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นเป็นความรู้สึกดีๆที่ต่างฝ่ายต่างมอบให้กัน รัฐกรณ์ เด็กใหม่ปี 1 ผู้มากด้วยเสน่ห์ แต่ก็ดูจะเย็นชาเสียเหลือเกินเพราะไม่ว่า รุ่นพี่หรือเพื่อนคนไหนที่จะตาม ตอแยได้เกิน อาทิตย์เลยสักคนเดียว ยกเว้นก็แต่กับ อาญา รุ่นพี่ปี 4 ที่ดูจะสนิทกับรุ่นน้องคนนี้มากเกินกว่าระดับที่เรียกได้ว่าแค่ พี่น้องกัน




“ไหนว่าเราจะไปเที่ยวด้วยกันไง”

“แล้วใครจะติวหนังสือให้รัฐล่ะ”

“แล้วใครจะนอนกอดรัฐ”

     เสียงคร่ำครวญของรัฐกรณ์ดังแข่งกับเปลวไฟที่ลุกลามไปยังอาคารด้านข้าง ความร้อนไม่ได้ทำให้รัฐกรณ์กลัว เขายังนั่งอยู่ตรงนั้น แม้เจ้าหน้าที่จะดึงเขาให้หนีไปยังที่ปลอดภัย แต่เขาไม่ยอม รัฐกรณ์จับมือที่ไหม้เกรียมนั้นไว้มั่น


“แล้วรัฐจะอยู่กับใคร”












     ภคดล จับมือของกรรณิกาไว้แน่น เขาจ้องไปยังรัฐกรณ์ที่ตอนนี้นั่งมองเหม่อออกไปด้านนอกรถ โดยที่คนตัวซีดวางแขนลงที่บานหน้าต่างแล้วใช้คางวางเกยตรงแขน ปล่อยให้ใบหน้ารับลม ถึงแม้ภคดลจะยังไม่แน่ใจถึงความสัมพันธ์ระหว่ารัฐกรณ์และอาญา แต่การระวังตัวไว้ก่อนก็เป็นสิ่งดี เขามองไปทางกรรณิกาอีกครั้งเพื่อดูอาการเพื่อนสาว เธอยังคงนั่งทำคิ้วขมวดราวกับคิดอะไรอยู่ ส่วนวรวิทย์ก็ยังคงหลับพร้อมกรนอย่างมีความสุข



ตุบ



      ภคดลได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกลงพื้นรถ แต่ก่อนที่ได้ทำอะไร ของเหลวอุ่นๆก็กระเด็นมาโดนทั้งเขาและกรรณิกา จากทางด้านหลัง และทันทีที่พวกเขาหันกับไปนั้นเอง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สองของค่ำคืนนี้

     ส่วนหัวของวรวิทย์ กลิ้งไหลไปมาบนพื้นรถตู้ ปล่อยให้ต้นตอที่โล่งนั้นปล่อยเลือดสีแดงข้นกระฉูดออกมาตามแรงดันหัวใจ โลหิตพุ่งแรงจนเปรอะไปทั่วทั้งหน้าต่างด้านข้างและหน้าต่างหลังบางส่วน ลูกทีมที่เหลือต่างตกใจ วสันเหยียบเบรคแทบจะทันที ทำเอาส่วนหัวของวรวิทย์กลิ้งมาจนถึงเบาะหน้าสุด และนั่นก็เป็นเหตุให้สาวิตรีกรีดร้องจนสลบไป


     ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีเสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นอีกครา ราวกับค่ำคืนนี้ จะไม่มีวันหยุดเสียงโหยโหนเหล่านี้ได้เลย ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล สำหรับนักท่องเที่ยวที่กล้าเข้ามายังดินแดนแห่งนี้ ดินแดนที่ถูกสาปแช่งด้วยความเกลียดชังและความโกรธแค้น หมู่บ้านหัวกุด
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 23-03-2012 20:46:36
สลด!  ถ้าเราเห็นสภาพการจากไปของคนที่เรารัก
เหมือนอย่างภาพของอาญาอย่างที่รัฐเห็น
เราจะเป็นยังไงบ้างนะ T^T
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-03-2012 21:49:24
โอ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อ่านแล้วช๊อคไปเลย แล้ววรวิทย์หัวหลุดได้ไงเนี่ยย งง :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-03-2012 21:59:53
หึหึ แบบว่าเห็นชื่อตอนก็แอบคิดแล้วล่ะว่าต้องมีคนตาย แต่ออกจะดูตกใจนิดหนึ่งที่เรื่องศพนั่นดันเป็นของปลอม คงเป็นทริคคนเขียนที่ทำให้เราคลายความกังวลลงไปเพื่อจะกลับมาพีคอีกในตอนจบแน่เลย

ตอนนี้เค้าเดาถูกด้วยล่ะว่าวรวิทย์ต้องตายคนแรก ก็มันแล่นหลับตลอด ไม่ตื่นเลยนี่นา
สมควรแล้ว อยากกลับจนไม่มีบทบาทเลยนี่หว่า แต่ก็ยังโล่งใจได้อยู่เพราะยังได้ยินเสียงกรน

เค้ายังไม่แน่ใจนะว่า เรื่องนี้จะมีผีเข้ามาเกี่ยวข้อง อุบัติเหตุ หรือการแก้แค้นของใครกันแน่ เพราะ อาจจะมีการหักมุมเกิดขึ้นได้ ตลอดเวลา หุหุ

ติดตามเรื่องสยองขวัญ สั่นประสาท และหลอกคนดูต่อไป ฮาๆๆๆๆๆ
(ทำไมเม้นเรือ่งน่ากลัวให้ดูสนุกนานไปขนาดนั้นหนอ... )


รอรอตอนต่อไป บวกหนึ่งนะคะ
 
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Ryze ที่ 24-03-2012 00:14:37
โอ๊ะ ..ตอนแรกแอบเดาว่า น่าจะเป็นศพของวรวิทย์
ผิดคาด แต่ก็ว่าน่าจะตายแหละ..

ว่าแต่โดนตัดคอตอนไหนหว่า..

เพื่อนไม่ได้เข้าไปเขย่าตัวเนอะ (วิ่งย้อนกลับไปอ่าน)
ก่อนหน้านี้ก็มีเสียงกรน

อุแม่เจ้า..อยากรู้อ่ะ
กีสๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Muzik ที่ 24-03-2012 00:47:12
 :a5: เรื่องยังแลดูเป็นปริศนาและหลอนในเวลาเดียวกัน
แต่งเก่งมากค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 24-03-2012 01:31:42
โอย หลอน นอนคนเดียว
อ้าก กลัวโว้ย
แต่อยากอ่าน
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
กรี๊ดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 24-03-2012 02:05:31
รัฐเค้าเป็นคนรักของอาญา
ส่วนคู่สามี ภรรยาน่าจะเป็น พ่อแม่อาญารึป่าวคะ??!!  :serius2:

เรื่องนี้ คน ทำใช่ป่าวคะ

เราอ่านเวลานี้ หลอนมาก กลัวมากๆเลย!!  :o12:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 24-03-2012 02:40:03
ลุ้นมาก เพราะชื่อตอนด้วย

อ่านมาพอรู้ว่าศพนั้นเป็นศพปลอม

ก้อเริ่มลุ้นยิ่งกว่าเดิมอีกว่าใครจะตาย

อ่านไปก้อลุ้นไป มาเฉลยว่าใครเป็นศพเอาใกล้จบตอน

สนุกมากแต่ก้ออ่านไปกลัวไป 55555

รอตอนต่อไปน่ะครับ เรื่องนี้มีปมให้คลี่คลาย

ไม่รู้จะหักมุมรึป่าววว^^
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 24-03-2012 23:37:47
คิดภาพตามแล้ว....สยองดีจริง
สงสารรัฐ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 26-03-2012 08:15:31
ฮึ่มมมม เพราะว่าสามคนนั้นไม่ไปไหว้ขอขมาหรือเปล่าหว่า

วิทย์เลยหัวขาดไปคนเเรกเลย

เเต่เเอบสงสารกรมากที่ต้องเสียอาญาไป

เศร้าสุดตอนวิ่งไปหาศพที่ไหม้เกรียมอ่า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 10 คนที่หนึ่ง 23/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 26-03-2012 14:59:25
อ่านเรื่องนี้แล้วต้องบอกว่าโคตรน่ากลัวเลย  :a5:

ขนาดอ่านกลางวันยังบรือส์...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 31-03-2012 23:45:15
มาค่ะ มาสะใจกันต่อเลย


บทที่ 11 ตัดขาด



     ทันทีที่รถหยุดนิ่ง ประตูด้านข้างเปิดออกแทบจะในทันที ผู้โดยการที่เหลือต่างกรูกันออกมาข้างนอก ทิ้งไว้เพียงรัฐกรณ์ที่ยังอยู่บนนั้น โดยมีการุณที่ดึงแขนของคนตัวซีดให้หนีออกมา แน่นอนว่ารัฐกรณ์ย่อมสู้แรงไม่ได้จึงต้องตามออกมาเสียก่อน

“เป็นไปไม่ได้” เสียงของสรรพวุฒิพูดแบบไม่เชื่อว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“วิทย์……..ไม่จริง” กรรณิกากรีดร้องอย่างสุดเสียงในอ้อมกาอดของภคดลที่ใบหน้าไร้ซึ่งสีของเลือด เขาเองช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิด
“มันเกิดอะไรขึ้น” การุณเองก็ดูเหมือนไม่เข้าใจ เขาจำได้ว่านั่งอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงดังของอะไรบ้างอย่างจากข้างหลัง ตามด้วยเสียงของตกที่พื้นรถ และความรู้สึกถึงน้ำเลือดอุ่นๆที่พุ่งมาโดนเขา
“คุณสาวิตรีไม่เป็นไรนะครับ” วสันรีบถามอาการเมื่อเห็นสาวิตรีที่สลบนั่งพิงกับขอบทาง ยังดีที่มีรัฐกรณ์ช่วยดูอาการให้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ พักสักหน่อย จะมีปัญหาก็แต่……” รัฐการณ์พุ่งความสนใจไปในรถอีกครั้งที่ตำแหน่งของชายผู้โชคร้ายที่รีบจากไปก่อนวัยอันควร เขาลังเลที่จะขึ้นไปสำรวจอีกครั้ง ถึงเขาเองจะคุ้นเคยกับความตาย แต่ไอ้การตายแบบผิดธรรมชาติแบบนั้นก็พึ่งเคยพบเจอ และมันก็ทำให้เขาขาสั่นไปเสียไม่น้อย


“เป็นไปไม่ได้”วสันเดินกัดเล็บเดินวนไปมา “ทำไงดี”
“แจ้งตำรวจก่อนครับ” รัฐกรณ์ ที่ดูจะมีสติกว่าใครล้วงเอามือถือออกมาก่อนจะคิดได้ว่าในบริเวณนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
“แกใช่ไหม แกฆ่าวิทย์” อยู่ๆกรรณิกาก็หวีดเสียงสูง เธอชี้นิ้วตรงมายังรัฐกรณ์
“จะบ้าหรือไง” รัฐกรณ์เถียงกลับด้วยเสียงที่แหบพร่า
“แกอยากจะแก้แค้นให้ อาญาสินะ แกเลยจะฆ่าพวกเรา” หญิงสาวเสียสติเธอกรีดร้องอย่างคนบ้า น้ำตาที่ยังเอ่อนองอาบไปทั่วหน้า ผสมกับรอยเลือดของเพื่อนที่พุ่งกระเด็นมาติดไหลย้อยลงอาบเสื้อให้เป็นรอยสีแดงจางๆ
“ทำไมผมต้องฆ่าพวกคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาญา”
“แกเป็นแฟนมันไง นี่คงมาแก้แค้นสินะ เอาสิชั้นอยู่นี่แล้วไง มาเลย จะรออะไรอีก” เธอก้าวเท้าออกจากอ้อมกอดของภคดล พุ่งเข้าหารัฐกรณ์


“ณิ ใจเย็น” การุณตกใจในการกระทำของเพื่อน เขารวบตัวกรรณิกาไว้ ด้วยกลัวว่าเพื่อนของตนจะทำอะไรรุนแรง
“กาน ปล่อยนะ” เธอทั้งดิ้นและกรีดร้อง คำต่อว่าและสาปแช่งที่ส่งไปยังครรักของอาญา
ผิดกับภคดลที่ยืนนิ่ง ถึงแม้เขาจะไม่ได้โวยวายอะไรแต่น้ำตาที่นองใบหน้านั้นคงพอจะบอกอะไรได้บ้าง เขากำลังกลัว การมาเที่ยวครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นการที่ตัดสินใจที่ผิด เขาน่าจะเชื่อกรรณิกายอมกลับบ้านมาเสีย หาดเป็นอย่างนั้นวรวิทย์ก็คงจะไม่ต้องเป็นแบบนี้
“กลับกันเถอะ” ภคดลพูดออกมาอย่างยากลำบาก ด้วยเรี่ยวแรงที่จะหายไปเสียดื้อๆ
“ไม่เป็นไรนะครับ” รัฐกรณ์เห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปดูอาการด้วยความหวังดี ทันทีที่มือถูกตัวภคดล ชายหนุ่มตกใจตาเปิดกว้าง ปัดมือของนักศึกษาแพทย์ออกไป


“อย่ามายุ่ง แกจะฆ่าฉันอีกคนล่ะสิ” ภคดลถอยหลังด้วยใบหน้าซีดไร้สีสัน จะไม่ให้เขาคิดแบบนี้ก็ไม่ได้ในเมื่อทุกอย่างตั้งแต่เริ่ม เรื่องราวมันโยงไปหา อาญา นักศึกษาแพทย์ผู้เสียชีวิต และในเมื่อรูปถ่ายที่พบในกระเป๋าของรัฐกรณ์ก็เป็นสิ่งยืนยันว่าทั้งสองรู้จก และคงคบหากันมากกว่าแค่คนรู้จัก
“โถ่ ผมจะทำแบบนั้นทำไม”
“แก้แค้น แกจะแก้แค้นแทนแฟนแก”
“ทำไมผมต้องแก้แค้น…….หรือพวกคุณเคยไปทำอะไรให้ พี่อาญากันล่ะครับ”  รัฐกรณ์พูดเสียงนิ่ง เสียงแหบนั้นทำเอาภคดลหยุดนิ่งไป

“แล้วอีกอย่าง ผมจะทำได้ยังไง ในเมื่อผมนั่งอยู่ด้านหน้า แต่วรวิทย์นั่งหลังสุด”

     ภคดลถึงกับนิ่งเมื่อคิดถึงความเป็นจริงในข้อนี้ วรวิทย์ตายอย่างแปลกประหลาด ด้วยศีรษะที่หลุดออกจากต้นคอ ทั้งๆที่ไม่ได้มีใครนั่งอยู่ข้างๆพอที่จะลงมือได้ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมากระชากหัวของเขาให้หลุดลงไป ถึงตรงนี้ ภคดลรู้สึกหวิวอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เคยได้ยินถึง ชายหัวขาดที่ออกตามหาหัวของตนเองยามค่ำคืน




     ถึงแม้ว่าทุกคนจะยังขวัญเสีย แต่การยืนอยู่กลางถนนมืดๆแบบนี้คงไม่เป็นทางเลือกที่ดีนัก สรรพวุติพยุงภรรยาที่ได้สติขึ้นยืน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐกรณ์ การุณ และวสันที่จัดแจงกับศพของวรวิทย์ให้เรียบร้อย

     “พยายามอย่าแตะต้องอะไรนะ” รัฐกรณ์บอกกับอีกสองคน เขากับการุณใช้ผ้าห่มของวสันที่อยู่หลังรถคลุมเข้ากับศพของวรวิทย์ แต่ยังไม่ทันที่จะทำอะไร การุณต้องเอามือปิดปากแล้วเผ่นลงรถออกมาเสียก่อนจะปล่อยของที่อยู่ในกระเพาะออกมาเสียจนไม่เหลือ

     รัฐกรณ์ส่ายหัวให้กับความขี้กลัวของชายหนุ่ม แต่จะต่อว่าก็ไม่ได้ เพราะแม้แต่เขาเองก็ยังใจเสียไม่น้อยที่ได้พบเจอกับศพหัวขาดแบบนี้ ในที่สุดเขาก็จัดแจงใช้ผ้าคลุมจนเรียบร้อย แต่รอยเลือดที่เลอะเต็มด้านหลังรถนั้นคงทำอะไรไม่ได้มาก เขาได้เพียงมองรอบเลือดที่เปรอะไปทั่ว จนบางส่วนไหลออกไปด้านนอกหน้าต่างรถที่เปิดแง้มไว้ เป็นรอยไหลอาบลงข้างรถ สีแดงสดของมันช่างตัดกันดีกับรถสีขาวแบบนี้

     วสันใช้ผ้าเช็ดตัวของเขาห่อส่วนของศีรษะของวรวิทย์ไว้ ถึงรัฐกรณ์จะบอกว่าพยายามอย่าแตะต้องอะไรมากแต่จะปล่อยให้หัวกลิ้งไปมาแบบนี้ พวกเขาคงเดินทางไปไม่ได้แน่นอน

     ทุกคนตกลงกันที่จะเดินทางกลับในทันที โดยที่ภคดลและกรรณิกาถูกจับตัวมานั่งด้านหน้าสุดของรถคู่กับคนขับวสัน และในห้องผู้โดยสารก็จะมีแค่ด้านหน้าสุดเท่านั้นที่มีคนนั่ง โดยที่สรรวุติและสาวิตรีนั่งอยู่ด้านใน ถัดมาเป็นรัฐกรณ์และตบท้ายด้วยการุณ ที่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมนั่งที่เดิมของตัวเองเด็ดขาด

     รัฐกรณ์นั่งอย่างลำบาก เนื่องจากการุณเองก็ค่อนข้างที่จะตัวใหญ่ ครั้นจะเบียดไปทางสองสามีภรรยา คงไม่ดีนัก สาวิตรีเองก็ยังดูอ่อนเพลีย จะไล่ให้เจ้าตัวซวยไปนั่งข้างหลังก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย แค่เห็นการุณวิ่งออกไปอาเจียรข้างนอกก็รู้สึกผิดมากที่รู้ว่าเจ้าตัวซวยมันขี้กลัวแต่ก็ยังใช้ให้ทำเรื่องน่ากลัวอีก

     ตรงข้ามกับภคดลกับกรรณิกา ที่ทั้งคู่ได้เพียงนั่งวิตกปนเปกับความกังวลไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น กรรณิกายังไม่หยุดร้องไห้ เธอย้อนความคิดไปยังเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนหน้า




     วสันขับรถอย่างระวัง จนเลยที่พักไป ทุกคนลงความเห็นว่าควรรีบเดินทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด จนถึงที่พอจะมีสัญญาณโทรศัพท์ที่พอจะขอความช่วยเหลือได้ แต่กว่าจะถึงตรงนั้นก็ต้องผ่านสะพานไปอีกสัก 10 กิโลเมตรได้ถึงจะมีสัญญาณโทรศัพท์
แต่พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแผนอีกครั้ง เมื่อวสันเหยียบเบรกเสียจนตัวโก่ง เสียงล้อบดกับถนนส่งเสียงดัง กรรณิการ้องเสียงหลง จนรถหยุดลง
“เกิดอะไรขึ้น” ทุกคนต่างตกใจ รีบลงจากรถอีกครั้งแล้วต้องตกใจเมื่อวสันชี้ให้ดูต้นเหตุ

     เบื้องหน้าที่เห็นเป็นถนนที่ตรงไปสู่หุบเขาที่มีแม่น้ำไหลเชี่ยวอยู่ สะพานไม้ที่เคยมีมันหายไป เหลือเพียงความมืดมิดของราตรี หากวสันช้าไปอีกสักนิดพวกเขาคงได้ลงไปนอนอยู่ที่ก้นแม่น้ำกันทั้งหมด
     รัฐกรณ์ควักเอามือถือออกมาอีกครั้ง และก็ต้องผิดหวังที่ยังไม่พบสัญญาณใดๆ ทางด้านภคดลและกรรณิกาเองยิ่งกังวล “มีทางอื่นไหมครับ”

“ไม่มีแล้วครับ ทางอื่นต้องเดินเท้าไป แล้วมันก็อันตรายมากด้วย” วสันส่ายหัวบอกให้เลิกคิดที่จะเดินทางในป่ามืดๆ ทั้งที่พวกเขาเองก็ไม่ได้คุ้นเคยมากนัก
“แล้วจะทำไงกันดี” กรรณิกากระวนกระวาย เธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้แม้วินาที
“คงต้องรอพรุ่งนี้เช้า ผมจ้างชาวบ้านใกล้ให้มาส่งอาหารเช้า เขาคงพอจะแจ้งข่าวให้เราได้” วสันบอก แต่นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องค้างที่นี่อีก 1 คืน





     เมื่อไม่มีทางเลือกหลังจากที่ภคดล และการุณช่วยกันตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นเวลา 10 นาที จนทั้งสองเสียงแหบไปตามๆกัน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครได้ยินเสียงของพวกเขาได้เลย ทั้งหมดก็ต้องยอมรับในตัวเลือกสุดท้าย วสันขับรถพาทุกคนมายังที่พักอีกครั้ง

“ผมว่าคืนนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่โถงดีกว่านะครับ” สรรพวุติ แนะเมื่อเห็นภคดลถือกุญแจห้องสีแดงหมายจะขึ้นไปอยู่บนห้อง
“ผมเห็นด้วย…..ดล อยู่รวมกันดีกว่า” การุณ ดึงเพื่อนของตนไว้อย่างเป็นห่วง
     ภคดลเองก็เห็นด้วย เขารู้สึกทำอะไรไม่ค่อยจะถูกนักในเวลานี้ ดูเหมือนสติเขาไม่เต็มร้อย จะทำเรื่องนั้นแต่ใจกลับคิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่น


     คืนนี้ ทุกคนต่างพากันจับจองที่นั่งในโถงรับแขก แน่นอนว่ารัฐกรณืเลือกนั่งให้ห่างจาก ภคดลและกรรณิกาให้มากที่สุด ถึงกระนั้นเขาก็รู้ถึงสายตาขอทั้งคู่ที่จับจ้องเขาอยู่เป็นพักๆอย่างระแวง

“ถามจริงเถอะ พวกเธอมีเรื่องอะไรกัน” สรรพวุติที่ทนเห็นทั้งสองฝ่ายจ้องกันไปมา ทำเอาภคดลสะอึก
“เรื่องพี่อาญาหรอครับ” รัฐกรณ์เริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมพูด
“มันไม่มีอะไร” ภคดลเลี่ยงไม่อยากพูดถึง
“แต่คุณเป็นคนพูดขึ้นเองนะ เมื่อกี้ แล้วผมก็อยากรู้ด้วยว่ามันเกิดอะไร” รัฐกรณ์สวนกลับจนการุณเองยังตกใจถึงท่าทางที่เปลี่ยนไปของคนตัวซีด

     ภคดลและกรรณิกานั่งมองหน้ากันไปมา เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่หน้าผากชายหนุ่ม
“ถ้ามันไม่มีอะไรก็เล่ามาสิครับ”

     แต่ทางภคดลก็ไม่มีท่าทีว่าจะพูดอะไร แม้ว่าทางรัฐกรณ์จะรุกอย่าไร ทั้งสองคนก็เงียบเฉย ความเครียดค่อยๆคุกคามพวกเขาอีกครั้ง คนที่เหลือเหมือนเป็นคนกลางที่อยู่ในสงครามเย็นของสองขั้วอำนาจ ที่นั่งมองเชิงกันไปมา

“เดี๋ยวพี่ไปชงกาแฟให้ดีกว่านะคะ จะได้เย็นลงกัน” สาวิตรีรีบเสนอตัว โดยมีการุณอาสาไปช่วย พ่วงด้วยสรรพวุติตามไปเผื่อมีอันตรายเขาจะช่วยได้ทัน

     กาแฟร้อนๆส่งกลิ่นฟุ้งไปทั่วห้อง ค่อยผ่อนอารมณ์ขุ่นมัวให้คลายลงเล็กน้อย รัฐกรณ์จิบกาแฟ ด้วยต้องการดับความง่วง ในยามนี้คงไม่ดีนักหากต้องมาหลับไม่รู้เรื่องไป ทางที่ดีทุกคนควรจะตื่นตัวไว้ ทุกคนที่เหลือก็เห็นเหมือนกัน จึงพากันจัดการกาแฟเสียจนหมดแก้ว




     พวกผู้ชายพากันจัดเวรยามเฝ้าดูแลความปลอดภัย และช่วยกันปิดประตูหน้าต่างทุกบานให้แน่นหนา หญิงสาวที่เหลือนั่งจับกลุ่มกันอยู่กลาห้อง โดยที่สาวิตรีได้ช่วยปลอบโยนคนที่เด็กกว่าที่ยังดูวิตก เธอกอดเด็กสาวไว้เบาๆ จนเสียงสะอื้นของกรรณิกาเงียบลง

“หนู………. หนูจ๊ะ” และไม่ว่าสาวิตรีจะเรียกและเขย่าตัวกรรณิกาเท่าไร กรรณิกายังคงนิ่งไม่ไหวติง เธอนอนเงียบอยู่ในอ้อมกอดของสาวิตรี เสียงลมหายใจอ่อนๆ ที่ผ่านเข้าออกนั้นแผ่วเบา สาวิตรีช่วยเอนตัวเด็กสาวลงไปตรงโซฟาตัวยาวที่นั่งอยู่


     หากคนอื่นๆเดินเข้ามาในโถงตอนนี้คงจะเห็นภาพของหญิงสาวที่ปล่อยให้เด็กสาวนอนหนุนตักอยู่หลับอย่างเป็นสุข มือเรียวยาวนั้นลูบไล้ไปตามเส้นผมละเอียดนุ่ม เธอส่งเสียงเอื้อนเป็นทำนองเพลงขับกล่อม ที่ฟังดูให้ความไพเราะและรู้สึกเหงาไปพร้อมกัน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 31-03-2012 23:55:15
 นี่มัน เป็นการฆ่าตกรรม รึว่าเป็นเรื่องอาถรรพ์ล่ะ

รู้สึกลุ้นตลอดเลยตอนอ่าน มีปมให้คลี่คลาย

เหมือนกำลังอ่านนิยายสืบสวนสอบสวน แนวนี้สนุกดี 555

ลุ้นๆ อยากรู้ มาอัพเรื่อยน่ะ ^^

บวก บวกให้คนเขียน  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 01-04-2012 00:30:32
กรรณิกา..กรรณิกา :m29:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 01-04-2012 09:43:10
เดาเรื่องไม่ถูก

รอตอนต่อไปแล้วกัน

แล้วใครจะตายเป็นรายต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 01-04-2012 13:00:16
โว๊ะ....รายต่อไปเริ่มขึ้นแล้ว...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 01-04-2012 13:56:44
คนต่อไปจะเป็นกรรณิการ์เหรอ?

ยังไม่แน่ใจเหมอืนเดิมว่าจะเพราะอะไร ยังสงสัยคนๆเดิมอยู่น่ะ แต่ไม่บอกหรอก กลัวคนเขียนแกล้ง ฮ่าๆๆ

เอาใจช่วยนะ เค้าติดเรื่องนี้มาก อย่าทิ้งไปนานๆ ล่ะ จุ๊บๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 01-04-2012 14:17:58
กลายเป็นคดีฆาตกรรม (หรือเปล่า?) ในสถานที่ปิดตายซะแล้วสิ - -
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 01-04-2012 14:32:57
มีอะไรอยู่ในแก้วกาแฟของกรรณิการ์?? :o
วรวิทย์โดนตัดคอได้ไง? กลิ่นเลือดในรถคงน่าโอ๊กมาก
น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆแฮะ โดนตัดขาดแล้วงี้ ก็เป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายล่ะสิ โอ๊ววว :serius2:
คินดะอิจิอยู่ไหน มาไขคดีเร้ว :interest:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 01-04-2012 20:42:56
หัวที่กลิ้งไปมาเนี่ยโครตจะสยองเลยอ่ะ  แต่ทำไงได้เน้อ ก็ต้องพากลับมาด้วย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: vellocent ที่ 02-04-2012 00:05:33
/โทรเรียกสำนักงานนักสืบโมริ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 02-04-2012 09:40:48
เก็บกรรณิกาไว้ครับ ชีแรงดี รีบตายไปเดี๋ยวไม่มัน เหอะๆๆ
อ่านแล้วลุ้นมากเลย อยากให้คลี่คลายแต่ก็อยากให้มันน่าตื่นเต้นแบบนี้ต่อไป
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 02-04-2012 10:58:25
สนุกมากๆๆ  ลุ้นเกือบทุกตอน  เหตุการณ์แบบนี้คงไม่ใช่อาถรรพ์แล้วมันคือการฆาตรกรรม  มีแววว่าคนต่อไปคงเป็นกรรณิกาแน่ๆ


ปล.เรื่องนี้ให้ตายยังไง ก็ไม่อ่านตอนกลางคืนเด็ดขาด
บรรยายซะเห็นภาพอยู่ในหัวเลยคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 02-04-2012 11:07:11
วู้ว สนุกปนหลอน

น่ากลัวจัง ใครจะเป็นรายต่อไปหนอ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 02-04-2012 11:37:30
สงสัยนะ ว่าวรวิทย์หัวขาดได้ยังไง :m28:

สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 02-04-2012 22:01:32
ชักจะน่ากลัวขึ้นทุกทีๆ

แหะๆ  ต่อไป....เวลาจะอ่านคงต้องอยู่ในที่คนเยอะๆหน่อยล่ะ
555

+1 ให้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 07-04-2012 09:13:27
รอตอนต่อไปอยู่น้า า า :')
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 11 ตัดขาด 31/3/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 07-04-2012 21:32:23
ตายทั้งหมดกี่คนเนี่ย!!  :o12:

ลุ้นมากๆเลยค่ะ!!  :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 09-04-2012 00:47:24
มาค่ะ มาต่อกันรอบดึก



บทที่ 12 หลับใหล




     ทางฝ่ายของชายหนุ่มได้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือกลุ่มที่หนึ่งรับผิดชอบอาคารชั้นล่างประกอบด้วยรัฐกรณ์ การุณ และวสัน  ทางเข้าห้องครัวมีหน้าต่างเพื่อถ่ายเทอากาศ การุณยกไม้บานหน้าต่างให้เข้าตรงกับช่องว่าง ให้รัฐกรณ์และวสันใช้เชือกและตะปูยึดเข้าให้แน่นหนา ยังนับว่าโชคดีที่ทางบริษัทได้เก็บเครื่องมือช่างไว้ในห้องเก็บของ จึงพอหาอุปกรณ์ช่างต่างๆได้

      จนกระทั่งหน้าต่างทุกบานถูกปิดผนึกจนครบ การุณแอบชำเลืองคนตัวซีดที่กำลังเก็บข้าวของ เขาเองคิดถึงคำพูดของ กรรณิกาที่บอกว่า รัฐกรณ์เป็นแฟนกับอาญา ถึงกระนั้นอาญาได้จากไปแล้ว และคนตัวซีดนี้จะรู้สึกอย่างไร และมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับพวกเพื่อนใหม่ของเขาทั้งสามคน

ื     วสันเองก็รู้สึกไม่วางใจ รัฐกรณ์ เขามักสังเกตคนตัวซีดอยู่เสมอที่มีโอกาส รัฐกรณ์มักทำตัวเก่งเกินวัย ทั้งที่พบศพหัวขาดต่อหน้าต่อตา แต่กลับนิ่งเฉยเสียจนผิดปกติ ไม่มีอาการโวยวายแต่ไร



“เดี๋ยวเราไปปิดประตูกันนะครับ” รัฐกรณ์รวบรวม เศษไม้เท่าที่ทำได้ไว้ในอ้อมแขน การุณเห็นดังนั้นจึงเข้าไปช่วยถือ ทั้งคู่เดินมาจนถึงช่องประตูเก่าๆ ที่ไม้อัดถูกน้ำเซาะจนเปื่อยยุ่ยคงไม่สามารถทนแรงงัดแงะจากภายนอกได้
“นายไปหาอะไรมากันสิ” รัฐกรณ์ออกคำสั่งให้คนตัวใหญ่ทำ เมื่อเห็นว่าแค่ลำพังไม้ที่เอามาคงไม่เพียงพอ จนกระทั่งการุณและวสันเข็นโต๊ะตัวใหญ่มา ทั้งสามช่วยกันยกขึ้นให้แผ่นโต๊ะวางขวางทางเข้าออกเสีย วสันจัดการตอกตะปูลงไปอีกชั้นเพื่อให้มั่นคง การุณลองกระชากดู ก็ไม่สามารถทำให้ประตูเปิดออกได้

     กว่าจะเสร็จงานให้ห้องครัวก็พาให้เหงื่อตกไปตามๆกัน  การุณ นั่งพักตรงเก้าอี้ที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัว พลางกระพือชายเสื้อให้อากาศได้เข้าไปช่วยคลายร้อนในตัว จู่ๆก็มีน้ำยื่นมาให้
“ขอบคุณครับ” การุณยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นรัฐกรณ์ที่ยื่นแก้วน้ำให้ ถึงแม้น้ำจะไม่ได้เย็นชื่นใจเท่าที่ควร แต่เขาก็เย็นใจที่ได้เห็นว่าคนตัวซีดนั้นก็ยังสนใจเขาอยู่บ้าง
“นี่ครับ” รัฐกรณ์แจกน้ำให้กับวสันที่เหงื่อออกท่วมใบหน้า วสันดื่มอย่างกระหาย รัฐกรณ์เองก็เช่นกันเขารู้สึกร้อนเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะดื่มน้ำเข้าไปแล้วแต่การปิดหน้าต่างหมดแบบนี้ทำให้อากาศไม่ไหลเวียน ผลที่ได้จึงมีเหงื่อโชกเสื้อเชิ้ตตัวบางสีขาวของเขา  ซึ่งมันก็แนบเนื้อเผยผิวขาวไปไหนถึงไหน ทำเอาการุณมองตาโต
“มองอะไร” รัฐกรณ์ดุหนุ่มตัวใหญ่ เขารีบดึงเสื้อออกจากตัวไม่ให้เนื้อผ้าแนบกับลำตัว การุณรีบขอโทษทันที
“ผมขอโทษมันไม่ได้ตั้งใจ”

แต่รัฐกรณ์ไม่สนใจ เขาเดินเลี่ยงออกไปหาวสันเพื่อชวนไปห้องโถงด้านหน้า

“โถ่ ผมขอโทษไง” ทันทีที่การุณกระโจนตัวขึ้นยืนหมายจะพุ่งตัวเข้าไปขอโทษอีกครั้ง เขารู้สึกว่าพื้นโลกมันโอนเอนไปมาจนเขาเซไป การุณหยุดยืนและสะบัดหัวแรงๆ แต่นั่นกลับทำให้มันแย่ไปอีก เหมือนมีก้อนอะไรมาถ่วงหัวเขาไว้ มันหนักเสียจนไม่อยากจะยกหัวขึ้น



“นาย! เป็นอะไร” เหมือนรัฐกรณ์รับรู้ถึงความผิดปกติ ทั้งเขาและวสันรีบมาดูอาการของการุณที่อยู่ดีๆก็ทรุดลงกับพื้นไป
“นาย!” รัฐกรณ์จับการุณให้นอนหงาย โชคดีที่มีวสันคอยช่วยเหลือไม่อย่างนั้นคงจะยากต่อการจัดท่า เขาเรียกคนที่นอนอยู่ตรงหน้าอีกหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ
“เป็นอะไรไป” รัฐกรณ์เริ่มใจไม่ดี เหตุการณ์เมื่อต้นคืนยังไม่คลี่คลาย การุณก็มาเป็นแบบนี้อีก แต่ก็พอเบาใจที่อย่างน้อยการุณเองยังหายใจ และชีพจรก็ยังเป็นปกติ
“คุณวสันครับช่วยผมหน่อย” รัฐกรณ์ตั้งใจจะลากชายหนุ่มไปไว้ที่โถง มันคงจะดีกว่าปล่อยไว้ในห้องที่อากาศไม่ระบายแบบนี้

ตุบ

แต่ก็ต้องพบว่า วสันเองทิ้งตัวลงแน่นิ่งไปอีกคน

“เฮ้ย คุณ!” รัฐกรณ์ตกใจ หันไปสนใจอีกคนที่ล้มลง แต่ก็พบว่าวสันไม่ได้เป็นอะไรมากนักเช่นเดียวกับการุณ

     เขามองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง เขาเองก็มืดแปดด้านกับการหาเหตุผลของการคุกคามครั้งนี้ยังไม่ได้ เพยงแต่สังหรใจว่ามันคงเกี่ยวข้องกับเหตุการไฟไหม้เมื่อสองปีก่อนเป็นแน่แท้ มือขวาของรัฐกรณ์กระชับเข้ากับด้ามค้อน เป็นอาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่พอให้อุ่นใจ ถึงแม้มันอาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก

“ช่วยด้วยครับ” เขาตัดสินใจขอความช่วยเหลือด้วยการตะโกนสุดเสียง



     ย้อนกลับไปอีกกลุ่มของผู้ชายที่ได้รับผิดชอบในส่วนของอาคารชั้นบน ภคดลและสรรพวุฒิ กำลังตรวจตราหน้าต่างในห้องพักชั้นสองทุกห้องอย่างละเอียดและลงกลอนให้เรียบร้อย ถึงการบุกจากภายนอกเข้ามาชั้นสองจะทำได้ยาก แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็เลือกที่จะป้องกันไว้ก่อน

แม่กุญแจสีแดงถูกคล้องลงกับโซ่เส้นใหญ่ ภคดลลองดึงดูเพื่อทดสอบความแน่นหนา
“ทำไมต้องปิดตึกด้วย ไอ้คนร้ายก็อยู่ข้างล่างแท้” เด็กหนุ่มหันไปบอกกับสรรพวุฒิเป็นรอบที่สิบ จนสรรพวุฒิเองเริ่มหงุดหงิด
“ทำไมถึงไปกล่าวหาเขาแบบนั้น”
“ก็มัน………” ภคดลพูดไม่ออก เขาเองก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะไปโทษรัฐกรณ์ แต่ถ้าเขาคิดไม่ผิดสาเหตุมันต้องมาจาก อาญา ชายผู้จากไปเมื่อสองปีก่อน
“เรื่องของอาญาใช่ไหม ไหนลองเล่าให้ฟังทีสิ” สรรพวุฒิพูดไปพร้อมกับเลือกกุญแจสีเขียวที่ได้จากรัฐกรณ์เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยในห้อง
“ไม่ใช่” ภคดลปฏิเสธเสียงแข็ง จนผู้ใหญ่ต้องถอนหายใจกับท่าทีแบบนั้น
“บอกมาเถอะ เราจะได้รู้สาเหตุและช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเรื่อง….อีก” สรรพวุฒิเลี่ยงที่จะใช้คำรุนแรงนัก เพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มคลั่งไปอีกรอบ
“มัน…….ไมมีอะไร”
“ถ้าไม่มีอะไรก็เล่ามาสิ”
“ผมไม่รู้” ภคดลมีท่าทีสับสน จนสรรพวุฒิต้องชวนให้นั่งลงเพื่อทำใจให้สบาย
“ใจเย็นๆ ฉันไม่บอกใครหรอก ไหนลองเล่าให้ฟังสิ”

ภคดล กรอกตาไปมาอย่างชั่งใจ

“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไร คุณจำเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารเรียนที่มหาลัยเมื่อสองปีที่แล้วได้ไหมครับ”
สรรพวุฒิพยักหน้า เขาหุบปากเงียบและตั้งใจฟังเรื่องของเด็กหนุ่มอย่างตั้งใจ

“พวกผมสามคน ผม ณิ และวิทย์ก็อยู่ที่นั่นด้วยคืนนั้น” เขาตัวสั่นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
“อยู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น แล้วเพลิงก็ลุกไหม้ ด้วยตัวอาคารเป็นอาคารเก่า ส่วนมากเป็นไม้ ไฟจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว พวกผมสามคนก็ติดอยู่ในนั้นครับ”
“กรรณิกาเขาบาดเจ็บ พวกผมที่เหลือจึงช่วยกันแบกมา จนสวนทางกับเขา ชายหนุ่มในชุดขาวของหมอ เขามาถามอาการพร้อมกับชี้ทางออกให้” ภคดลมือสั่นไม่หยุด เขารู้สึกหวั่นทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องราวอันน่าสะพรึง
“ตอนนั้นพวกผมยังไม่รู้หรอกครับว่าเขาชื่อ อาญา จนอีกสองวันให้หลังที่งานศพเขานั่นล่ะ”

     สรรพวุฒิ ตบไหล่ให้กำลังใจเด็กหนุ่ม นึกแปลกใจในเรื่องที่เด็กหนุ่มถ่ายทอดให้ฟัง เรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เหตุใดเด็กหนุ่มถึงได้เกรงกลัวอดีตเหล่านี้นัก หากมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้ว” สรรพวุฒิตบหลังให้กำลังใจ
“งั้นห้องนี้เสร็จแล้วเราลงไปชั้นล่างกัน” สรรพวุฒิจัดแจงปิดหน้าต่างลงกลอนเป็นที่เรียบร้อย พร้อมจะออกจากห้อง โดยที่ไม่ทันได้สังเกตถึงความเงียบที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีเขาคนเดียวที่เคลื่อนไหว

     ภคดล ยังนั่งอยู่ที่ขอบเตียงตัวเดิม เขานั่งก้มหน้านิ่งจนสรรพวุฒิที่บอกให้ออกจากห้องเป็นรอบที่สองเริ่มสงสัย ชายกลางคนเข้ามาเขย่าตัวเด็กหนุ่ม และต้องตกใจเมื่อพบว่าร่างของภคดลเอนไปตามแรงเขย่าล้มลงนอนอยู่บนที่นอน และไม่ว่าสรรพวุฒิจะเรียกอย่างไร เด็กหนุ่มก็ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา

แต่ก่อนที่สรรพวุฒจะได้ทำอะไร เขาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากชั้นล่าง เขารีบวิ่งลงไปทันที





     สาวิตรี ตกใจเสียงร้องของรัฐกรณ์ เธอกอดกรรณิกาแนบกับตัว สายตาคอยสอดส่องไปทั่วห้อง ห้องโถงใหญ่แบบนี้ หากใครเดินเข้ามาเธอต้องเห็นก่อนแน่ เธอใช้มือข้างที่เหลือ กำมีดที่แอบเอามาซ่อนไว้ใต้โซฟา เสียงของรัฐกรณ์ดังขึ้นอีกครั้ง เธอพุ่งเป้าไปทางห้องครัวที่มีกำแพงขึ้นไว้ก่อนจะตัดสินใจตะโกนกลับไป



“เกิดอะไรขึ้น”

“ช่วยด้วยครับ ที่ห้องครัว”



      ทว่าสาวิตรีกลัวเกินกว่าจะเดินไปเพียงลำพัง เธอเตรียมมีดด้ามเล็กในมือให้พร้อมด้วมมืออันสั่นไปด้วยควากลัว
ไม่นานสรรพวุฒิก็วิ่งตรงมาที่เธอ และต้องตกใจที่รู้ว่า กรรณิกาเองก็นิ่งไปเช่นกัน

“มันเกิดอะไรขึ้น” สาวิตรีชักเป็นห่วง รัฐกรณ์ เธอรีบดึงแขนแฟนหนุ่มให้ไปทางห้องครัว โดยที่มอบมีดให้กับสามีเป็นคนใช้
     สรรพวุมฒิค่อยๆเดินอย่างระวัง จนถึงแยกห้องครัว เขาแนบกับกำแพงคอยสังเกต แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงขอความช่วยเหลือของรัฐกรณ์



“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อตัดสินใจเขาพลิกตัวเข้าสู่ห้องครัว แล้วต้องตกใจเมื่อพบชายหนุ่มทั้งสองนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นโดยมี รัฐกรณ์ที่ถือค้อนอยู่นั่งเฝ้า

รัฐกรณ์เองสังเกตเห็นมีดที่สรรพวุฒิถือมาด้วย เขาเองยิ่งกำด้ามค้อนแน่น

“วางมีดก่อนไหมครับ”

“หึ……วางค้อนก่อนสิ” ชายทั้งสองต่างจ้องดูเชิงกันอย่างไม่ไว้ใจกัน ทิ้งให้สาวิตรียืนใจเต้นรัวอยู่ไม่ไกล




 ทั้งสามยืนมองกันอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ค่ำคืนแห่งการนองเลือดยังไม่จบสิ้น ใครจะเป็นรายต่อไป
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 09-04-2012 06:53:36
หวาดกลัว ระแวง ไม่ไว้ใจ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 09-04-2012 10:54:08
ลุ้นๆๆๆ คนที่สลบไปยังดูน่าสบายใจกว่าคนที่ตื่นนะ เพราะจะถูกเข้าใจว่าอาจจะเป็นคนร้ายทันที

สลบไปเพราะน้ำหรือเพราะอะไรก็ยังไม่รู้  ไม่รู้ว่าเพราะผีสาง หรืออะไรแน่ แต่ถ้าเป็นคน ก็อาจจะเป้ฯคนที่หลับไปอย่างวสันต์ก็ได้

ลุ้นค่ะลุ้น อยากให้มีคนเอาไปทำหนังดรงเนอะ ฮ่าๆ มันคล้ายๆหนังหวีดสยองอ่ะ

กอดๆๆ บวกๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 09-04-2012 11:10:55
ลุ้นมั่กมาก ก ก ก ก ก ก
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 09-04-2012 11:17:25
ใครเป็นคนทำ!!  :serius2:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 09-04-2012 12:26:40
ตื่นเต้น....สุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 09-04-2012 12:30:28
คนที่ไม่สลบได้แก่ รัฐกรณ์ :impress2: สรรพาวุธ และสาวิตรี
แต่ไม่พิสูจน์อะไร เพราะคนทำอาจแกล้งสลบก็ได้
ข้อสงสัยคือ ทำให้สลบเพื่ออะไร กลบเกลื่อนปิดบังอะไรอยู่
และเมื่อทุกคนฟื้น จะมีคนหนึ่งที่ไม่ฟื้นหรือไม่!?

แวนดะอิจิ :laugh:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 09-04-2012 13:03:02
โอ้ยย!!!! จะเกิดรัยขึ้นอีกล่ะคราวนี้
ใครจะเป็นรายต่อไป อยากรู้จริงๆเลยฝีมือใครเป็นคนทำ ลุ้นสุดๆ
คนที่หลับจะฟื้นกันมั้ยเนี๊ยะ ฮือๆ
รอติดตามครับ สนุกมากกก อ่านไปลุ้นไป บวกบวกครับบบ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 15-04-2012 16:32:00
ต่างคนต่างก็ไม่ไว้ใจกัน ตอนนี้กำลังงงอยู่ว่าทำไมทุกคนซึ่งเป็นลมล้มไปหมด

เหลือไว้เเค่สามคนที่ไม่เป็นอะไรเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 15-04-2012 20:34:10
ไม่เดาดีกว่า...รอลุ้นอย่างเดียว :z2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 16-04-2012 09:56:08
เหลืออยู่สามคน 

อะไรมันจะน่ากลัวขนาดนี้  รัฐจะทำยังไงหว่า
+1 ให้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 12 หลับไหล 9/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-04-2012 10:03:15
เอ่อ แบบว่าจะระแวงกันก็โอเคนะ แต่เล่นถืออาวุธกันอย่างนั้น เฮ้อ น่ากลัว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 18-04-2012 19:36:44
เอาล่ะค่ะ ชักจะไปกันใหญ่เเล้ว ต่อกันเลยนะคะ



บทที่ 13 คนถัดไป



“รัฐ ไหวหรือเปล่า” อาญาถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นคนรักของตนนั่งก้มหน้าทำตัวโย้ไปมา กองหนังสือถูกเปิดค้างไว้อยู่หลายเล่มอยู่นานแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่ารัฐกรณ์จะเปิดพลิกเป็นหน้าต่อไปแต่อย่างไร ช่วงนี้ใกล้สอบปลายภาคแล้ว เป็นช่วงมรสุมสำหรับนักศึกษาอย่างพวกเขาเสียจริง

“หืม…..ฮะ” คนที่เด็กกว่าได้สติ รีบหันความสนใจกับหังสือตรงหน้าอีกครั้งแต่ตัวหนังสือมันก็ช่างเล็กและเยอะเสียจนทำให้หมดกำลังใจไปเสียดื้อๆ
“นอนพักก่อนไหม”
“ยังเหลืออีกเยอะเลยพี่”
“ถึงอ่านตอนนี้ก็ไม่เข้าหัวอยู่ดี เชื่อพี่สิ งีบสักชั่วโมง” รุ่นพี่ให้คำแนะนำ อาญาเองดูท่าทีของรัฐกรณ์แล้วก็พอจะเข้าใจ เพราะเขาเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน การเรียนสายแพทย์ต้องใช้ความอดทนในการเรียนมากจริงๆ
“แต่”
“เชื่อพี่สิ มาๆ นอนตักพี่นี่” ชายหนุ่มตบที่ตักตัวเองเชื้อเชิญรุ่นน้องให้มาพักสายตา ทำเอารัฐกรณ์หน้าแดงไป
“นอนพักซะนะ เดี๋ยวพี่จะปลุกเอง” อาญาลูบหัวรุ่นน้องเล่นอย่างเอ็นดู รัฐกรณ์เองก็ชอบให้เขาทำแบบนี้ เพราะมันรู้สึกว่าอาญาเองคอยดูแลเอาใจใส่อยู่เสมอ ได้หนุนขาแบบนี้ถึงแม้จะไม่นุ่มสบายเหมือนกับหมอน แต่ก็อุ่นใจมากกว่านอนกับหมอนที่เย็นชืด ได้ใกล้กับคนที่รักแบบนี้ ยิ่งทำให้สุขใจยิ่งนัก

     เปลือกตาของรัฐกรณ์ค่อยๆปิดลง เขารู้สึกเพลียเหลือเกิน ตัวของเขาก็รู้สึกหนักไปหมดจนไม่อยากจะเคลื่อนไหวอะไร ปล่อยให้นอนอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ แต่ช่างแปลก เขาควรจะนอนอยู่บนตักอุ่นๆของพี่อาญา แต่ทำไมกลับรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งร่างกายแบบนี้ ทุกอย่างรอบตัวดูจะดำมืดไปเสียหมด เขาพยายามลืมตาอันหนักอึ้งขึ้นมา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าที่มืดมิด เขานอนอยู่ตรงพื้นที่โล่งอันไร้จุดสิ้นสุด
“ที่นี่มัน…..” รัฐกรณ์พยายามดันตัวให้ลุกขึ้นเพื่อประเมินสถานการณ์ แต่ก็เป็นไปได้ลำบาก หัวของเขาเหมือนมีคนเอาเหล็กนับสิบกิโลมาถ่วงไว้ ทั้งแขนขาที่ดูจะไม่ยอมทำตามคำสั่ง นั่นทำให้เด็กหนุ่มทำได้เพียงขยับหัวไปมาเพื่อดูรอบตัว แต่ก็พบเพียงความมืดมิด

“ตื่นได้แล้ว รัฐ” น้ำเสียงที่รัฐกรณ์จำได้ดีดังขึ้นจากด้านหน้าไกลออกไป

“รีบตื่นเร็ว รัฐ” เสียงนั้นดังขึ้นแสดงว่าต้นกำเนิดเสียงใกล้เข้ามา แต่รับกรณ์เองยังมองไม่เห็นใครในความมืดนั้น

“ตื่นเถอะ รัฐ” เสียงนั้นดังขึ้นซ้ำๆ และดังขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งรัฐกรณ์เองสังเกตเห็นส่วนขาของชายหนุ่ม รองเท้าหนังคู่เก่าและกางเกงขากระบอกสีดำนั้นดูคุ้นตา หัวเข็มขัดที่มีตรามหาวิทยาลัยติดนั้นดูค่อนข้างเก่า

“รีบตื่นเร็ว” เสื้อกาว์น สีขาวไหวไปตามการเดิน  ใบหน้าขาวใส ประกอบด้วยแว่นขอบดำนั้น อ้าปากเร่งให้คนที่นอนอยู่ตื่นเสียที

“เร็ว รัฐ” อาญาประครองรัฐกรณ์ให้ลุกขึ้น มือของรุ่นพี่รองตรงท้ายทอยยกเด็กหนุ่มขึ้นมา

“รัฐต้องเข้มแข็งนะ รีบตื่นเถอะ” อาญาพูดพลางปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้ม แต่จากน้ำตาใสๆ ค่อยๆมีสีแดงปนมาจนเหลือเพียงเลือดสีข้นที่ไหลอาบข้างแก้มย้อยลงเปรอะหน้าของรัฐกรณ์ ผิวหนังที่ขาวผุดผ่องกลับกลายเป็นสีน้ำตาลดำและส่งกลิ่นไหม้ตลบ มืออันนุ่มนวลที่พยุงท้ายทอยรัฐกรณ์ไว้เหลือเพียงความหยาบกร้านและรอยแผลแยกออกเห็นเนื้อสีแดงและรอยแผลจากเปลวเพลิง

“ตื่นเถอะ รัฐ” สิ้นเสียง ศีรษะที่เคยตั้งอยู่บนคอ ก็ร่วงหล่นลงมาราวกับมีมีดดาบที่มองไม่เห็นจัดการตัดแยกให้หัวหลุดออกมา จนรัฐกรณ์ที่เห็นเข้าคาตา ต้องเปิกตากว้างด้วยความตกใจ


“ไม่”รัฐกรณ์ร้องเสียงดัง






“รัฐ ไม่เป็นไรนะ” การุณ
“…………” รัฐกรณ์ที่ลืมตาขึ้นมาเอ่ย แต่คงเพราะน้ำตาที่เอ่อนองที่นัยน์ตา ทำให้ภาพที่เห็นนั้นไม่ชัดเจน เขารู้เพียงตอนนี้เขาตื่นจากฝัน และรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดของคนๆหนึ่ง
“ไม่เป็นไรแล้วๆ” น้ำเสียงที่เป็นห่วงนั้นส่งผ่านคำพูดและร่างกายที่ใหญ่โต มือทั้งสองของการุณ สวมกอดรัฐกรณ์ไว้มั่น พร้อมกับลูบหัวปลอบใจให้กับคนที่พึ่งตื่นจากฝันร้าย
“แล้วคนอื่นล่ะ” ไม่นานรัฐกรณ์ก็เริ่มที่จะเข้าใจ สถานการณ์ เขารีบดันตัวการุณออกห่างพลางมองไปทั่วห้อง เขายังอยู่ที่ห้องครัวเช่นเดิม มีเพียงเขาและการุณที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว ที่พื้นกลางห้องมีวสันนอนนิ่งอยู่ ส่วนตรงทางเข้าห้องครัวมีร่างของสรรพวุฒิและสาวิตรีนอนนิ่งอยู่ด้วยกันตรงพื้น

“นายไปดูคุณวสัน” รัฐกรณ์ใจเสีย เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้พวกเขาหมดสติไปเสียแบบนั้น เขาสั่งให้การุณรีบไปดูอาการของวสัน ส่วนตนเองรีบไปดูคู่สองสามีภรรยา
ทั้งสองนอนนิ่งอยู่ตรงทางเข้าออกห้องครัว มีดด้ามเล็กตกอยู่ใกล้ตัวนับว่าโชคดีที่ไม่ได้ล้มทับมีดจนบาดเจ็บ รัฐกรณ์ จัดแจงท่าให้ทั้งคู่นอนหงาย ปลดเสื้อผ้าออกให้คลายเพื่อการหายใจที่ดี
“คุณสรรพวุฒิ คุณสาวิตรี” เขาเขย่าตัวลองเรียกดูแต่ก็ไร้ผล ยังดีที่ทั้งคู่ยังมีลมหายใจ ชีพจรก็ยังเต้นดีเป็นปกติ รัฐกรณ์ใจคอไม่ดี ลองเรียกทั้งคู่อีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ผล
“คุณวสันเป็นไง” คนตัวซีดหันไปถามการุณ และต้องโล่งใจเมื่อเห็น วสันที่ฟื้นกำลังนั่งก้มตัวส่ายหัวไปมา
“คุณ ตื่นได้แล้ว” เมื่อเรียกเฉยๆไม่เป็นผล รัฐกรณ์จึงลองตบหน้าเบาๆ จนสรรพวุฒิและสาวิตรีเริ่มส่งเสียงในลำคอและเคลื่อนไหว ตอนนี้การุณเข้ามาช่วยดูทั้งคู่ด้วยอีกแรง

“ใจเย็นๆครับ ค่อยๆหายใจ” รัฐกรณ์จับตัวสาวิตรีให้นั่งพิงกับกำแพง ส่วนสรรพวุฒิที่ตัวใหย๋กว่านั้นเป็นหน้าที่ของการุณ จนทั้งคู่ลืมตาตื่นขึ้น จนเป็นเหตุการณ์วุ่นวาย
“แก! แกทำอะไรพวกเรา มีดอยู่ไหน” สรรพวุฒิตกใจเมื่อเห็นรัฐกรณ์อยู่ใกล้ เขารีบผลักคนตัวซีดให้ออกไปไกลๆ
“ใจเย็นๆคุณสรรพวุฒิ ผมเองก็โดนเหมือนทุกคนนั่นล่ะ”
“ไม่จริง”
“จริงครับ ผมยังต้องไปปลุก รัฐเขาเลย” การุณช่อยออกตัวให้อีกแรง แต่สรรพวุฒิยังมีท่าทีไม่เชื่อเท่าไรนัก
“อย่าพึ่งเถียงกันเลย แล้ว กรรณิกากับภคดลล่ะ” รัฐกรณ์ร้อนใจเมื่อเห็นว่าอีกสองคนที่เหลือหายไป จะว่าไปตอนที่เขาร้องขอ     ความช่วยเหลือ ก็มีเพียงสาวิตรีและสรรพวุฒิเท่านั้นที่เข้ามา ก่อนที่คู่สามีภรรยาจะหมดสติไปก่อน ตามมาด้วยตัวรัฐกรณ์เองที่หลับไป ไร้วี่แววของอีกสองคนที่เหลือ

“หนูณินอนอยู่ที่โซฟา”

“ไอ้หนุ่มนั่น หลับอยู่บนชั้นสอง”
ทั้งสาวิตรีและสรรพวุฒิบอกมาพร้อมกัน

“แย่แล้ว รีบไปดูเร็ว” การุณรีบวิ่งออกไปเป็นคนแรก ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เขานึกภาวนาในใจอย่าให้เกิดอะไรขึ้นอีก เพียงแค่วรวิทย์คนเดียวก็มากเกินกว่าที่จะรับได้แล้ว
“ณิ! อยู่ไหน” เมื่อเข้ามาถึงโถงกลับมองไม่เห็น กรรณิกาตรงโซฟา การุณร้อนใจวิ่งไปด้านหน้าของอาคาร แต่มันก็ปิดแน่นด้วยแผ่นไม้และตะปูด้วยฝีมือของพวกเขาเอง

ไม่มีคนนอกเข้ามา และไม่มีใครออกไป

“กรรณิกา” คนที่เหลือช่วยกันตะโกน วสันกับสาวิตรีเปิดห้องเก็บของดู แต่ก็พบเพียงอุปกรณ์ช่าง
“ไม่มีเลย ไปหาชั้นสองกัน ดูเจ้าหนุ่มนั่นด้วย” สรรพวุตเสนอให้ขึ้นไปชั้นสอง เผื่อทั้งสองจะอยู่ด้วยกันบนนั้น
     การุณวิ่งนำไปคนแรก เพียงแต่เขากำลังจะก้าวขึ้นบันไดนั้นเอง เท้าเขาเหยียบลงกับน้ำใสๆ ที่เอ่อนองจนทั่วบริเวณลานหน้าบันใด เมื่อเหลือบตาไปด้านข้างจะรู้ว่าเป็นน้ำที่ล้นมาจากบ่อน้ำเล็กๆข้างบันไดนั่นเอง

     แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือร่างของหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในสระเล็กๆนั่น ผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วสยายไปกับผืนน้ำ ผิวกายที่เริ่มจะซีดขาวบอกได้ว่าเธออยู่ในน้ำมาสักพัก  การุณร้องลั่น รีบคว้าเอาหญิงคนนั้นขึ้นมา คนที่ตามาต่างตกใจ ชายหนุ่มที่เหลือพากันช่วยการุณ จนนำร่างของหญิงสาวที่แช่น้ำนั้นลงนอนกับพื้น
     ผมที่เปียกลู่นั้นปรกลงบนใบหน้างาม เผยเพียงปากอวบอิ่มที่เย้ายวนชวนให้ชายมาหลงใหล การุณใช้มือปาดผมออกจากใบหน้า ก่อนจะเริ่มคร่ำคราญ

“หลีกไป” รัฐกรณ์ผลักคนตัวใหญ่ให้พ้นทาง เขาจับลมหายใจและชีพจรของเธอไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่ได้ละความพยายาม เขาเริ่มผายปอดและทำการกู้ชีพเบื้องต้น
“อย่าเป็นอะไรนะ” รัฐกรณ์ กดผ่ามือลงตรงอกของหญิงสาวเป็นรอบที่ห้า แต่ก็ยังไร้วี่แวว
“ฟื้นสิณิ!”การุณ ที่นั่งใกล้ๆ จับมือที่เย็นเฉียบนั้นไว้
“พวกนายไปตามหา ภคดล เร็วเข้า ตรงนี้ผมจัดการเอง” รัฐกรณ์บอกอย่างเร่งร้อน เขาเองไม่มั่นใจนักว่าจะสามารถช่วยกรรณิกาได้หรือไม่ แล้วจะยังภคดลที่ยังหาไม่เจออีก

การุณพยักหน้า รีบนำทีมขึ้นไปชั้นสอง โดยมีวสันและสองสามีภรรยาตามขึ้นไปด้วย


“อย่าเป็นอะไรนะ ฟื้นมาสิ” รัฐกรณ์ใช้แรงทั้งหมดที่มีปั๊มหัวใจอีกครั้ง แต่ร่างที่นอนนิ่งก็ไร้การตอบรับ เขาเป่าลมเข้าปอดหญิงสาวอีกครา แต่ก็ไร้ผล จนเหงื่อของเขาโทรมกาย เขาลองอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เสียงวิ่งลงบันไดก็ดึงความสนใจเขาไป
“เกิดอะไรขึ้น”
“ดลมัน ล๊อกห้อง เข้าไปไม่ได้” การุณตอบสั้นๆ เขากับวสันตรงเข้าไปที่ห้องเก็บของ ถือเอาค้อนมันใหญ่มาใช้
รัฐกรณ์กลับมาสนใจงานของตนต่อด้วยใจคอที่หวั่นไหวกว่าเดิม เขาวนการกระทำซ้ำๆหลายรอบแข่งกับเวลา แต่ก็ยังไร้วี่แวว จนเขาทำครบรอบเป็นครั้งที่สามของการช่วยกู้ชีพเบื้องต้น นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มยอมรับ ว่าคงช่วยได้เท่านี้
“โถ่เอ้ย” รัฐกรณ์โกรธตัวเองที่ไม่รีบตื่นให้เร็วกว่านี้ แม้สักนิดอาจมีทางช่วยเหลือกรรณิกาได้ทัน



     เสียงค้อนกระทบกับเหล็กและเสียงตะโกนดังมาจากชั้นสองเร่งให้รัฐกรณ์รีบขึ้นไปหาพรรคพวกที่ห้อง 202 ทันทีที่เลี้ยวหัวมุมรัฐกรณ์ก็พบกับพวกที่เหลือรุมกันอยู่ที่ประตูหน้าห้อง โดยมีการุณและวสันที่ผลัดกันใช้ค้อนใหญ่ทุบทำลายโซ่ที่คล้องปิดประตูห้องด้วยแม่กุญแจสีแดง
“ดล! ตื่นสิ”การุณร้องเรียกเพื่อนอย่างบ้าคลั่ง เขาเงื้อค้อนขึ้นมากระแทกกับโซ่ที่พันธนาการไว้ ทว่าโซ่อันนี้กลับแข็งแรงเกินกว่าที่คิด วสันทุบซ้ำเข้าอีกครั้งจนเริ่มเกิดรอยแยกเล็กๆ
“กุญแจล่ะ” รัฐกรณ์ถาม
“อยู่ที่เจ้าเด็กนั่นทุกดอกเลย” สรรพวุฒิตอบ เพราะเมื่อตอนที่ขึ้นมาดูห้องที่ชั้นสอง เขาได้ให้ภคดลถือกุญแจไว้แล้วดันลืมไม่ได้ถือลงมาด้วย เนื่องด้วยเสียงขอความช่วยเหลือของรัฐกรณ์
“กุญแจสำรองล่ะครับ”รัฐกรณ์ถามต่อ
“ไม่มีครับ” วสันส่ายหน้า
“เร็วเข้าสิ” รัฐกรณ์เร่ง เมื่อมองเข้าไปข้างในห้องผ่านลูกกรง พบบนที่นอนมีร่างของคนๆหนึ่งนอนอยู่มีผ้าห่มผืนหนาคลุมไว้ แต่ส่วนชายกางเกงที่โผล่มา ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นภคดล

เคร้ง

     การุณออกแรงจนสุด โซ่ที่คล้องไว้แตกออกจากกันการุณทิ้งค้อนทันที เขากระชากประตูเหล็กออกอย่างเร็ว ตรงไปที่เตียงที่ตั้งอยู่ริมห้องด้านใน คนที่เหลือวิ่งตามมาอย่างร้อนใจ

“ดล แก!............” การุณพูดได้เพียงแค่นั้น เมื่อเขาเปิดผ้าห่มที่คลุมออก

     สาวิตรีร้องไห้อย่างคนเสียสติอยู่ข้างเตียง โดยมีสรรพวุฒิกอดไว้อยู่ข้างๆ การุณนั่งทรุดตัวอยู่ติดกับผนังด้านใน วสันเองก็เช่นกันเขายืนนิ่งอ้าปากค้างชี้นิ้วไปที่เตียง รัฐกรณ์กำหมัดแน่นจิกเล็บเข้ากับฝ่ามือให้ได้มากที่สุด

      ภคดลหลับตาราวกับนอนหลับ ทว่ากลับไม่มีเสียงลมหายใจเข้าออกอีกต่อไป ร่างกายที่ผอมสูงนอนแน่นิ่ง เสื้อถ้าที่สวมใส่ยังคงเป็นชุดเดิม เพียงแค่มีบางสิ่งสวมทับเพิ่มเข้ามา เสื้อกาวน์สีขาวที่เต็มไปด้วยรอยขาดวิ่นจากการไหม้ไฟ คราบเลือดสีแดงเลอะเปรอะไปทั่วทั้งเลือดเก่าและใหม่ รอยปักด้ายสีเขียวยังคงอยู่อ่านได้ว่า นศ.พ. อ……. ใบหน้านวลของภคดลนั้นเปรอะได้ด้วยรอยเลือดที่ย้อมให้ทั้งผิวเนื้อและเตียงสีขาวนั้น นองไปด้วยสีแดง ลำคอผอมเรียวนั้นถูกหั่นออกจากกันเพื่อดับชีวีของเด็กหนุ่ม เลือดที่พอเหลือในร่างกายค่อยๆรินไหลออกจากลำคอที่เห็นได้อย่างชัดเจนถึงโครงสร้างภายใน ทำเอาทุกคนไม่สามารถทนมองได้ต่อไป





แต่





เมื่อไรกันหนอที่ รัติการนองเลือดครั้งนี้ จะจบลงเสียที
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 18-04-2012 20:00:57
^
^
^


จิ้มค่า....

ตายทีเดียวสองคนเลย โอ๊ยตื่นเต้นๆๆ

อะไร? ก็ครบแล้วนี่ แล้วยังไม่จบอีกเหรอ? หรือว่า อาญาอยากฆ่าการุณที่มาก้อร่อก้อติกแฟนตัวเอง หรือคราวนี้อยากฆ่า รัฐกรจะได้หาได้พาไปอยู่ด้วยกัน??(ประชดนะ)

รอดูต่อไปว่าบทสรุปออกมาแล้วฆาตกรคือใคร?

 
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 18-04-2012 20:10:38
โอ้หนังสยองขวัญชั้นยอดจริง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: wolfram ที่ 18-04-2012 21:16:49
ต่อไปจะมีใครตายอีกมั๊ยคะ

ใครเป็นคนทำเนี่ย

ลุ้นมากๆ!!  :serius2:

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 18-04-2012 23:12:05
ยังไงๆก็สามัคคีกัรไว้เท้อออ 
อย่าได้แตกกันเองเลยน้าาาาา

...ปล......บางทีเราก็คิดว่าการุนน่าสงสัย  = ="

+1 ให้กับความน่ากลัว  อิอิ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 19-04-2012 17:55:58
โอ้ รวดเดียวสอง เดินเรื่องเร็วดี ทีนี้ก็หาฆาตกรละ
อาญามาเข้าฝันรัฐได้สยองมาก บรื๋อส์~ มาหล่อๆไม่ได้เรอะไง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 19-04-2012 18:56:27
เป็นคนหรือผีที่ทำเรื่องอย่างนี้

 ทำไมการุณตื่นก่อนเพื่อนละ แอบสงสัยว่าจะไม่ใช่เพราะผีซะเเล้ว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 19-04-2012 20:15:33
โอย...อยากใส่โคนัน ไม่ก็คินดะอิจิลงไปด้วย...นี่มัน ฆาตกรรมในห้องปิดตายชัดๆ....
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 19-04-2012 21:39:35
ลุ้นกันต่อไป :z2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 21-04-2012 13:52:57
13 ตอนรวดเดียว   ลุ้นจนเครียดปวดหัว ปวดต้นคอ ตุบๆๆเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-04-2012 15:37:01
ใครเป็นคนทำกันแน่  :m28:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: cancan ที่ 22-04-2012 22:21:28
 :a5:  กลับมาอีกทีมีคนตายไปแล้วง่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 13 คนถัดไป 18/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 23-04-2012 02:24:54
น่ากลัวมาก
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 23-04-2012 05:16:26
ช่วงนี้นอนไม่หลับบ่อยเกินไปเเล้ว สงสัยจะแก่เเล้วนะนี่



บทที่ 14 กุญแจสีแดง



      ในห้องมีแต่เสียงสะอึกร่ำไห้ แม้แต่รัฐกรณ์ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกแย่ที่ต้องมาทนเห็นคนต้องจากไปถึงสามคนด้วยกัน และด้วยเหตุผลอันใดเขาเองก็มิอาจทราบได้

      เขาเริ่มจากสิ่งที่พอจะทำได้ก่อน รัฐกรณ์สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อไล่ความกลัวในจิตใจ เขาปล่อยให้คนที่เหลือโวยวายไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาเดินผ่านหน้าการุณมายังด้านในของเตียง ผ้าห่มด้านในและเตียงนั้นชุ่มโชกไปด้วยเลือด คาดว่าภคดลคงถูกสังหารบนเตียงแห่งนี้ รอยแผลเหวอะที่แยกส่วนหัวกับลำตัวให้แยกกันนั้น เละเสียจนทนดูไม่ได้แม้กระทั่งตอนนี้เลือดยังไม่หยุดไหลจากสองเส้นเลือดใหญ่ข้างลำคอ กระดูกสันหลังส่วนต้นคอ โผล่พ้นออกมาเล็กน้อย

     ว่าที่แพทย์หนุ่ม ดึงเอาผ้าห่มส่วนที่เหลือออกไปข้างเตียง จนการุณต้องรีบถอยหนีไปนั่งกอดเข่ากัดเล็บอยู่ที่มุมห้อง รัฐกรณ์สำรวจร่างกายส่วนอื่นๆ แต่ไม่พบบาดแผลใดๆ คาดว่าคงมีเพียงการตัดคอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ใครเป็นคนทำ……แล้วทำได้อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ตก
“หลีกไป” เสียงออกคำสั่งกร่างดัง จนรัฐกรณ์ต้องหันไปมอง สรรพวุฒิที่ชักมีดออกมาอีกครั้ง
“ถอยออกไปให้ห่างจากเตียง” เขาชี้นิ้วสั่ง
“ใจเย็นครับ” วสันหน้าซีดเข้าไปอีก เขายกมือทำสัญญาณบอกให้ลดมีด แต่สรรพวุฒิเองดูจะไม่สนใจ
“คุณคะ” สาวิตรีเองก็ตกใจไม่แพ้กันที่จู่ๆสามีของตนก็ตะโกนออกมาแม้เธอจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“คุณอยู่เฉยๆ” ผู้เป็นสามีกระชับวงแขน มืออีกข้างถือมีดด้ามสั้นนั้นไว้แน่น

     เขาค่อยๆเคลื่นตัวเข้าไปใกล้เตียงทีละนิด พร้อมกับไล่ให้คนที่เหลือไปรวมตัวกันที่มุมห้องอีกฟาก จนถึงขอบเตียง สาวิตรีหลับตาตลอดเวลาไม่กล้าที่จะมองศพบนเตียง ปล่อยให้สรรพวุฒิทำสิ่งที่ต้องการ สรรพวุฒิ ปล่อยมือจากภรรยาของตนพร้อมกับกำชับให้อยู่กับที่ เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผู้ตาย มีเพียงกระเป๋าเงินสีดำใบเล็กที่ติดออกมา
“คุณจะทำอะไร” รัฐกรณ์ตกใจไม่คิดว่าสรรพวุฒิจะกล้ายุ่งกับศพ และยังไม่มีทีท่าจะหยุดค้นหาสิ่งของจากกระเป๋าอีกข้าง
“อยู่ไหน….” สรรพวุฒิชั่งใจพอควรที่จะล้วงมือไปค้นในกระเป๋าเสื้อกาวน์ที่เกรอะเลือดนั้น แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า “มันอยู่ไหน” เขาโวยวายอย่างเหลืออด ถือมีดแกว่งไปมาอย่างน่าหวาดเสียวเมื่อเห็นว่ารัฐกรณ์จะเข้ามา
“อย่า  เข้า  มา” เขาพูดเสียงดังช้าๆเน้นทีละคำ พลันสายตาก็สังเกตเห็นสิ่งที่ต้องการ มันอยู่ตรงนั้นเอง

      สรรพวุฒิใช้มือที่ว่างอยู่แกะมือของศพที่เริ่มจะเย็นให้แบออก ลูกกุญแจทั้งสี่อยู่ตรงนั้น ในกำมือของภคดล ผู้เป็นสามีฉกเอาลูกกุญแจสีเหลืองอันเป็นกุญแจของตนไว้ ก่อนจะกอดสาวิตรีแล้วค่อยๆถอยออกมาไปทางประตูอย่างระแวง
“คุณจะไปไหน”
“ อย่าตามมา….ใครจะไปอยู่กับพวกแก แม่งฆ่าไปสาม….บอกว่าอย่าเข้ามาไง” สรรพวุฒิตะคอกใส่วสันที่ทำท่าจะเดินเข้าไปหา
“คุณคะ ใจเย็นๆ”
“เย็นไม่ได้แล้ว….ประตูทางเข้าออก ปิดสนิทหมด ไม่มีทางที่จะมีคนนอกเข้าหรือออกได้” เขาชี้มีดไปยังวสัน
“แล้วก็ดันมีคนตาย” มีดเล่มเล็กเปลี่ยนเป้าหมายไปที่การุณ
“มันก็ต้องเป็นคนใน……แกนั่นไง” สรรพวุฒิชี้ปลายมีดแหลมไปยังรัฐกรณ์
“ผมไม่ได้ทำ” รัฐกรณ์ปฏิเสธทันที
“อย่ามาโกหก”
“คุณคงลืมไปนะว่าห้องนี้มันปิดล๊อก” รัฐกรณ์ชี้เหตุผล ทำเอาสรรพวุฒิเงียบไป คนตัวซีดค่อยๆเดินยังยังขอบเตียง หยิบเอา   กุญแจที่เหลืออีกสามดอกที่อยู่บนกำมือของศพนั้นชูขึ้น กุญแจสีเขียวของรัฐกรณ์ กุญแจสีส้มของวสัน

และกุญแจสีแดงของภคดล

     สรรพวุฒิหน้าซีด เขามัวแต่รีบจนลืมคิดถึงความจริงข้อนี้ไป เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดห้องโดยไม่มีกุญแจ และหากกุญแจอยู่ในห้องแบบนี้ ใครกันเล่าที่จะสามารถปิดล๊อกได้นอกจากร่างที่ไร้วิญญาณที่นอนอยู่บนเตียง

“ผี”

“ผีแน่ๆ” การุณเสียงสั่น เขายังนั่นขดตัวอยู่ที่มุมห้อง
“ไร้สาระน่า” รัฐกรณ์ที่ไม่เคยคิดเชื่อเรื่องแบบนี้มาก่อนขัด
“งั้นใครจะทำได้ ไอ้วิทย์อีก”การุณยังยืนยันความคิดของตน
“หรือว่าเพราะพวกเขาไม่ได้ขอขมา” วสันคิดทวนถึงตอนหัวค่ำที่ พยายามบอกให้ทั้งสามมาทำพิธีแต่กลับถูกปฏิเสธ
“ไม่หรอก” รัฐกรณ์ส่ายหัวอย่างระอา ไม่คิดว่าในยุคนี้ยังมีคนเชื่อเรื่องงมงานอีก
“จะอะไรก็ช่าง อย่าเข้ามาใกล้พวกเด็ดขาด….” สรรพวุฒิลากสาวิตรีตรงไปยังห้องของตน เขาไขกุญแจเข้าไป และลงล๊อกอย่างแน่นหนา ทั้งสองนั่งกอดกันอยู่ตรงเตียงด้านใน สรรพวุฒิกอดภรรยาไว้แน่นค่อยๆปลอบแฟนสาวที่ยังขวัญเสียให้เงียบลง






     รัฐกรณ์มองภาพคนตัวใหญ่นั่งพนมมืออยู่บนหัว เสียงบทสวดดังงึมงำอยู่ในลำคอ ทำเอาคนตัวซีดอดขำเสียไม่ได้ที่การุณจะขี้กลัวขนาดนี้ เหมือนกับตอนที่เขาเข้าไปเจอในห้องน้ำที่อาคารเรียนไม่มีผิด
“นาย ใจเย็นๆ” รัฐกรณ์เข้าไปจับมือที่ประกบกันไว้ แล้วพบว่ามันสั่นและเย็น
“ไม่เป็นไรนะ” เขาพยายามดึงตัวของการุณให้ยืนขึ้น
“ผมว่าไปข้างล่างกันเถอะครับ” วสันใจคอไม่ดีที่ต้องทนอยู่กับศพแบบนี้เสนอให้ลงไปด้านล่าง ตอนนี้เวลา ตีสองแล้วอีกไม่ถึงสามหรือสี่ชั่วโมง ก็คงเช้า ชาวบ้านที่มาส่งอาหารคงมาตอนรุ่งเช้า
“เดี๋ยวนะครับ คุณวสัน คุณมีกุญแจสำรองไหมครับ” รัฐกรณ์บอกปฏเสธที่จะลงไปข้างล่างในตอนนี้ เขาชูลูกกุญแจทั้งสามขึ้นมาแล้วถาม
“ไม่มีหรอกครับ ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้ว” วสันอธิบาย
“ชุดกุญแจที่ให้ไป ผมซื้อมาใหม่จากร้านครับ จะมีแค่แม่กุญแจกับลูกกุญแจดอกเดียวเท่านั้น”
“แล้วแบบนี้ถ้าทำหายไม่แย่เอาหรอครับ”
“ก็ต้องใช้ค้อนทุบเอาแบบนี้ล่ะครับ” วสันยิ้มตอบ และให้เหตุผลว่าในสมัยก่อน มีพนักงานคนหนึ่งลักลอบใช้กุญแจขโมยของลูกทัวร์ จึงเป็นเหตุให้บริษัทถูกฟ้องร้อง และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทางบริษัทก็ใช้กุญแจระบบนี้มาตลอด

     รัฐกรณ์ได้ยินแบบนั้นกลับยิ่งทำให้มืดแปดด้าน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะลงมือฆ่าคนแล้วหนีออกจากห้องที่ปิดล๊อกไว้ ครั้นจะลอดผ่านซี่กรงก็คงมีแต่หนูเท่านั้น ด้วยความห่างของเหล็กนี้แม้แต่เด็กสิบขวบยังผ่านไม่ได้เลย

     แต่นี่กลับเหมือนกับว่า ภคดลโดนตัดคออยู่บนเตียง แล้วคนร้ายเดินทะลุผ่านลูกกรงออกมาได้หน้าตาเฉย ราวกับวิญญาณเสียแบบนั้น



วิญญาณ



เสียงสวดของการุณยังดำเนินต่อไป นั่นทำให้รัฐกรณ์รู้สึกรำคาญ เขาต้องการสมาธิ

“ไปกันเถอะครับ” วสันสะกิดรัฐกรณ์ที่ยืนคิดอยูเงียบๆ
“อีกแป๊บนะครับ” รัฐกรณ์เดินตรวจร่างของภคดลอีกรอบ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีการต่อสู้ มีมีร่องรอยบาดแผลอื่นๆ จนรัฐกรณ์ถอนหายใจ เก็บเอากระเป๋าเงินของภคดลขึ้นมา
“จะเอาไปด้วยหรอครับ” วสันถามเมื่อเห็นรัฐกรณ์เก็บกระเป๋านั้น ใส่ในถุงพลาสติกที่ตกอยู่แถวนั้น
“ครับ เผื่อมีหลักฐานอะไรเหลืออยู่”
“งั้นเก็บแม่กุญแจหน้าห้องด้วยไหมครับ เดี๋ยวผมเอาให้”
“ดีเลยครับ” รัฐกรณ์เห็นด้วย วสันขอลูกกุญแจสีแดงไปจากเด็กหนุ่ม เขาเดินไปหน้าห้องก้มลงเก็บแม่กุญแจสีแดงนั้นขึ้นมา พร้อมกับใช้ลูกกุญแจแดงเสียบแล้วหมุน จนตัวล๊อกคลายออก เสียงโซ่ไหลตกกระทบพื้นดังขึ้นทำเอาการุณสะดุ้ง
“เสร็จแล้วก็ลงไปกันเถอะครับ” วสันยื่นแม่กุญแจที่มีลูกกุญแจใส่ถุงพลาสติกของรัฐกรณ์

ชายหนุ่มผูกปากถุงเข้าด้วยกัน แล้วจัดแจงคลุมผ้าห่มให้กับภคดลเสียเป็นที่เรียบร้อย

“ไปได้แล้วนาย….ไม่งั้นก็อยู่นเดียวนะ” รัฐกรณ์ขู่การุณที่ยังก้มหน้าก้มตาสวดมนต์
“อย่านะ” คนตัวใหญ่เด้งตัวขึ้นยืน จับมือรัฐกรณ์แน่น เหมือนเด็กที่จะถูกผู้ปกครองทิ้ง
“อืม ปะลงไปกัน” รัฐกรณ์อมยิ้ม แล้วเดินลงมาชั้นล่าง แต่พอลงมาถึงปลายบันใดก็พบร่างของกรรณิกานอนอยู่ ทั้งสามคนจัดการยกศพหญิงสาวมาไว้ตรงมุมห้อง วสันวิ่งไปเอาผ้าคลุมโต๊ะที่ห้องครัวมาคลุมไว้เป็นที่เรียบร้อย




     บัดนี้เหลือเพียงชายหนุ่มสามคน นั่งอยู่ที่โซฟาคนละตัว ไม่มีใครพูดอะไรกัน วสันนั่งมองการุณทีสลับกับรัฐกรณ์ ส่วนหนุ่มตัวใหญ่ยังคงพนมมือสวดมนต์ต่อไม่หยุดหย่อน ปล่อยให้รัฐกรณ์ นั่งมองแม่กุญแจในมืออยู่นานสองนาน

     แม่กุญแจสีแดงสดอันใหม่ มีรอยบุบเสียเล็กน้อยจากการถกค้อนทุบ แต่มันก็ยังดูสมบูรณ์ดีและใช้การได้เหมือนเคย รัฐกรณ์หมุนลูกกุญแจสีแดงนั้น จนตัวล๊อกคลายออก ก่อนจะหมุนปิดล๊อกอีกครั้ง ทุกอย่างดูแข็งแรงเกินกว่าจะใช้กำลังงัดได้ อีกทั้งที่ก้นของแม่กุญแจก็ดูไร้รอยงัดแงะใดๆ

     คิ้วสีดำของรัฐกรณ์ขมวดเข้ามาติดกันตรงกลางหน้าผาก เขาคิดจนปวดหัว ทั้งการตายของภคดลที่ถูกตัดคอ กรรณิกาที่จมน้ำ และวรวิทย์ที่ถูกตัดคอเหมือนกัน คนตัวซีดเก็บกุญแจแดงลงถุงเหมือนเดิม เขาพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เมื่อคิดได้ว่าเขายังไม่ได้ตรวจสอบ วรวิทย์ละเอียดดีนัก  อาจจะมีอะไรที่ตกหล่น หรือมองข้ามไป เขาบอกสองคนที่เหลือว่าจะออกไปข้างนอก แน่นอนว่าถูกทั้งสองห้ามไว้

“อันตราย” การุณบอก เขาไม่ยอมท่าเดียวที่จะปล่อยให้รัฐกรณ์ออกไป





แต่มีหรือ ที่คนอย่างรัฐกรณ์จะเชื่อ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: wichaiP ที่ 23-04-2012 06:08:43
ง่ะ น่าลุ้นๆ สนุกมากครับ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 23-04-2012 06:55:21
ฮืมมม งานนี้จะเหลือใครมั่งเนี้ยยย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-04-2012 08:10:05
คดีนี้ต้องรอโคนันมาสืบแล้วค่ะ
ดีฆาตกรรรมในห้องปิดตาย คริคริ

ต้องช่วงที่เน้นคำว่าวิญญาณตัวหนา แอบตกใจเบาๆ ทั้งๆที่เป็นแค่ตัวหนังสือ 5555


ปล. เห็นคลิปผีที่ห้องพูดคุยยังคะ ดูแล้วหลอนดี ..... พอๆ กับการอ่านเรื่องนี้เวลากลางืนเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 23-04-2012 13:11:24
ใครกันนะ ที่ทำ ตอนนี้ทุกคนเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด จากนี้จะมีใครเป็นอะไรอีกไหม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 23-04-2012 13:38:03
รัฐกรณ์ ช่างไม่กลัวเลยนะ ไปคนเดียวเดี๋ยวเจอฆาตกรหรอก
อยากรู้เฉลยแล้วอ่ะคนแต่งจ๋า :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 23-04-2012 14:35:13
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากเลยค่ะ สนุกมากกก
เหมือนได้อ่านคินดะอิจิอะ??? แบบลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน
อยากรู้แล้วค่ะว่าจะเป็นไงต่อไป
มาต่อเร็วๆนะะะะะะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 23-04-2012 17:47:21
ชักเริ่มสงสัยสาวิตรีแล้วอ่ะ ใครคิดเหมือนเรามั้ง =__=
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: U_Ton ที่ 23-04-2012 17:59:49
 :m15: พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่อนี้

กรี๊ดดดดดด!!!! สยองกระชากตับ แหวะไต ไขสันหลังมากกกกกกกก

 :เฮ้อ: สงสารรัฐอ่ะ โดนกล่าวหามาทั้งเรื่อง ทั้งที่จริงๆจะว่าเป็นผู้เสียหาย(หรือผู้สูญเสียดี)

ดีนะที่มีการุญอยู่ข้างๆ... :o8: แม้จะไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่ก็ตาม ==!
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-04-2012 21:08:42
ก็ยังสงสัยวสันอยู่ดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 24-04-2012 11:21:05
เริ่มสติหลุดกันไปทีละคนแล้ว

น้องรัฐนี่สติเกินมนุษย์มนาเค้าจริงนะเนี่ย
จิตแข็งจัดๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 24-04-2012 13:28:33
การุณ...แกดูเป็นสาวน้อยน่าปกป้องมากมาย 5555+
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-04-2012 09:29:36
น่าลุ้น วิญญาณชัวร์
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 14 กุญเเจสีเเดง 23/4/55
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 29-04-2012 18:31:29
หลอนดีนะครับ
สรุปแล้วจะเหลือใครบ้าง ปมที่ผูกไว้จะคลายออกอย่างไร
น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 05-05-2012 02:45:44
มาอัพในวัน 5555 นะคะ อ่านไปหัวเราะไปเน่อเจ้า





บทที่ 15 ในความมืด



     รัฐกรณ์ใช้ค้อนงัดแผ่นไม้ออกไปอย่างยากลำบาก จะขอให้การุณช่วยก็ใช่ที พอขอวสันก็ไม่ยอมท่าเดียว เป็นเหตุให้หนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดต้องมาออกแรงงัดไม้อยู่นาน กว่าที่แผ่นไม้จะหลุดออกจนหมด เหงื่อก็โชกไปทั่วแผ่นหลัง รัฐกรณ์เปิดประตูออกไป

      ทันทีที่บานประตูเผยให้เห็นความดำมืดของราตรี สายลมเย็นก็วิ่งลอดผ่านเข้ากระทบกายของเด็กหนุ่มจนขนบริเวณแขนเขาตั้งชัน การุณส่งเสียห้ามอีกครั้ง แต่นั่นก็หาได้ทำลายความตั้งใจของรัฐกรณ์ ว่าที่หมอเดินย่างออกไปด้านนอกอย่างมุ่งมั่น กุญแจรถตู้อยู่ในมือของเขา เขากำมันไว้แน่นค่อยๆย่างก้าวไปอย่างระวัง

     แสงไฟจากไฟฉายกระบอกเล็กสาดส่องไปยังทางเดิน เสียงลมต้องใบไม้เกิดเสียงแผ่วเบาน่าวิตก หลายต่อหลายครั้งที่รัฐกรณ์ต้องส่องไฟฉายไปหาต้นเสียงที่เกิด แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า โชคดีที่วสันจอดรถไม่ไกลจากหน้าตึกเท่าไร

     รถตู้สีขาวจอดอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม กุญแจอันนั้นค่อยๆแหย่ลงไปอย่างลำบากด้วยเพราะความมืด แต่เขากลับทำมันหล่นลงเพียงเพราะตกใจที่อยู่ๆก็มีลมพัดมากระทบ กุญแจตกกระเด็นเข้าใต้รถหายลับไป นั่นทำให้รัฐกรณ์อารมณ์เสียพอควรที่ตกใจไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

     ไฟฉายอันเล็กส่ายไปมาตรงช่องใต้รถ รัฐกรณ์คุกเข่ากับพื้นก้มหัวลง สอดส่องหาสิ่งที่ทำหล่น ไม่นานก็พบลูกกุญแจที่ตกอยู่ตรงกลางใต้รถตู้ รัฐกรณ์วางไฟฉายลงที่พื้นส่องไปยังเป้าหมาย เขาก้มลงต่ำกว่าเดิมแล้วลองยื่นมือเข้าไปดู แต่ระยะทางยังอีกไกล เขาตัดสินใจใช้ส่วยบนลอดเข้าไปใต้รถ แต่ก็เป็นไปอย่างลำบากในที่แคบและมืดแบบนี้

      แต่แล้วชายหนุ่มต้องใจเต้นรัว ทันทีที่เขาคว้าเอากุญแจได้ เสียงฝีเท้าดึงขึ้นมา เขาหยุดฟังครู่หนึ่งเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง และถ้าเขาฟังไม่ผิด เสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ รัฐกรณ์ใจสั่น ต่อให้เขาใจแข็งแค่ไหนแต่เหตุการณ์คืนนี้มันก็เกินกว่าที่จะรับไหว เขารีบคลายออกมาจากใต้รถ คว้าเข้ากับไฟฉายก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่ใกล้เข้ามา

“เห้ย ตกใจหมด” การุณส่งเสียงดังที่อยู่ๆรัฐกรณ์ก็ส่องไฟมาหา วสันที่อยู่ข้างๆก็ดูตกใจไม่แพ้กันแต่ก็ไม่ได้โวยวาย
“มาทำไม” รัฐกรณ์ถาม
“เป็นห่วง มันอันตรายนะ” การุณตอบ แต่ก็ไม่วายมองซ้ายขวาระวังตัวอยู่ตลอดราวกับอะไรจะโผล่ขึ้นมา
“อืม” รัฐกรณ์รับคำ เขาถอยรักษาระยะห่างจากทั้งสองคนไว้เล็กน้อย ก็คงจะไม่แปลกใจนักที่ในเวลาแบบนี้ คงไม่เป็นที่ปลอดภัยนักหากจะอยู่ใกล้กับคนอื่นที่ยังไม่รู้จักดีนัก เขาเองก็รู้สึกผิดกับทั้งการุณและวสันที่ต้องคิดใส่ร้ายว่าทั้งสองอาจเป็นคนที่ทำเรื่องทั้งหมดไป

แต่อีกส่วนหนึ่งของใจก็กลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยก็มีคนมาสำรวจเป็นเพื่อนด้วย



      รัฐกรณ์ใช้กุญแจไขประตูอย่างบรรจง จัดแจงเปิดไฟในรถให้สว่างเป็นที่เรียบร้อย ประตูเลื่อนถูกเปิดออกมา กลิ่นคาวเลือดพุ่งออกมาตามทันทีทำเอาการุณปิดจมูกแล้วเลี่ยงออกไปทันที รัฐกรณ์ก้าวขึ้นไปค่อยๆเดินไปสู่หลังรถ ผ้าคลุมอันใหญ่บดบังร่างใหญ่ของวรวิทย์จนมิด ข้างๆนั้นมีห่อผ้าเล็กๆวางอยู่เช่นกัน วสันชำเลืองมองอยู่ตรงประตูอย่างหวาดกลัว ปล่อยให้การุณอาเจียนอยู่เพียงลำพังที่ด้านหน้าของรถ

     ทันทีที่เปิดผ้าออก กลิ่นควาเลือดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนรัฐกรณ์ต้องเอาแขนเสื้อขึ้นปิดจมูกไว้ ภาพที่เห็นน่าสะเทือนใจไม่เปลี่ยน ร่างของชายตัวใหญ่ไร้หัวเอนตัวอิงข้างผนังรถ มีคราบเลือดเปรอะไปทั่วทั้งเพดาน หน้าต่าง ไหลย้อยไปตามลำตัวรถด้านนอกผ่านทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้

     รอยแผลที่ลำคอของวรวิทย์ดูจะเรียบร้อยกว่าของภคดล ถึงแม้จะไม่ได้เรียบสนิทแต่ก็ถือได้ว่าค่อนข้างสวย ราวกับถูกตัดออกไปในครั้งเดียว ผิดกับภคดลที่มีรอยฟันอยู่หลายครั้ง การค้นพบนี้ยิ่งทำให้รัฐกรณ์ขนลุกกับความคิดของเขามากยิ่งขึ้น ใครกันจะมีแรงมหาศาลที่จะตัดคอชายหนุ่มให้ขาดออกได้ในพริบตา ใครกันที่จะลงมือได้บนสถานที่ปิดตาย


ถ้าไม่ใช่สิ่งลี้ลับ


ขนต้นคอของเขาลุกตั้งอย่างพร้อมเพรียง รัฐกรณ์รีบคลุมผ้าไว้ที่เดิม เขาเดินลงมาจากรถจัดแจงปิดไฟทุกอย่าเรียบร้อย
“กลับกันเถอะครับ” วสันที่ดูหวาดระแวง ชักชวนให้กลับไปในตัวอาคาร
“ครับ” รัฐกรณ์เห็นด้วย เขาส่องไฟฉายไปยังทางเดินกลับ และทั้งสามก็ค่อยๆกลับมายังห้องโถงชั้นหนึ่งอีกครั้ง
     ถึงแม้จะมีศพอยู่ในอาคารแต่ แต่ได้อยู่ในที่ที่มีแสงสว่างก็ทำให้อุ่นใจไม่น้อย วสันปลีกตัวนั่งตรงโซฟาเป็นคนแรก เหลือเพียงการุณและรัฐกรณ์ที่ยังยืนอยู่

     การุณดูแย่ ใบหน้าที่เคยมีสีเข้มนั้นกลับดูซีดเซียว เขาเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงไปนั่งที่เก้าอีกตัวที่ว่าง รัฐกรณ์มองตามอย่างเป็นห่วง คงเป็นเพราะตกใจกับการเสียไปของเพื่อนๆ ไหนจะอาเจียนเสียหลายครั้ง
“นายเป็นไงบ้าง” รัฐกรณ์เข้าไปถามไถ่
“…..” การุณส่ายหัว แต่ก็ดูไม่ดีนัก
“เดี๋ยวกินยาสักหน่อยดีกว่าไหม ยาอยู่ในกระเป๋า” รัฐกรณ์เสนอ แต่คนตัวใหญ่ก็บอกบัดอยู่ท่าเดียวจนต้องบังคับ
“เดี๋ยวมานะครับ” รัฐกรณ์บอก แต่อีกสองคนที่เหลือยืนยันว่าจะไปด้วยกัน รัฐกรณ์ก็เห็นดีด้วย เพราะจะได้ขึ้นไปดูคุณสาวิตรีและสรรพวุฒิด้วย


    ทางเดินแคบๆบนชั้นสองทอดยาวไป ทั้งสามเลี้ยวตรงหัวมุมเดินไปยังสุดปลายทาง ได้ยินเสียงอะอื้นของหญิงสาวเป็นระยะ ทำเอาใจฝ่อไป พอไปถึงก็พบว่าประตูห้องปิดไว้ด้วยกุญแจสีเหลืองอย่างแน่นหนา สรรพวุฒิกอดสาวิตรีไว้ในอ้อมอก
“มาทำไม” สรรพวุฒิตวาดเมื่อเห็นทั้งสามยืนอยู่หน้าห้อง
“ผมเป็นห่วงพวกคุณนะ” รัฐกรณ์อธิบาย แต่ไม่ว่าอย่างไรสรรพวุฒิก็ไม่ยอมเชื่อ เขาไล่ทั้งสามคนจนเสียงเริ่มจะแหบ การุณเห็นท่าไม่ดีจึงดึงรัฐกรณ์ออกมาเสีย

“เดี๋ยวใกล้เช้าเราค่อยมาตามก็ได้ครับ”






     ทั้งสามเดินมาจนถึงทางแยกอีกครั้ง ทางซ้ายเป็นทางไปยังห้องของการุณและรัฐกรณ์ ทาขาวมือเป็นห้องของวสัน และหากตรงไปจะเป็นห้องของภคดล ซึ่งทั้งสามเลี่ยงที่จะเดินไปทางนี้ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องเหลือบตามองไปยังทางเดินที่ทอดยาวนั้น

     การุณทนมองต่อไม่ไหวเขาออกเดินนำหน้าห้ทั้งสองเดินตามไปตามทางโดยเร็วให้พ้นจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่นานนักก็ถึงยังห้องของรัฐกรณ์ การุณค้นในถุงเก็บหลักฐานหาเอากุญแจมาไขอย่ารวดเร็ว
“โถ่เว้ย เป็นอะไรอีก” หนุ่มผิวเข้มหัวเสียเมื่อพบว่าไม่สามารถปลดล๊อกได้
“เอ่อ นาย” รัฐกรณ์ที่พึ่งเดินมาถึงทักเข้า เมื่อเห็นว่าลูกกุญแจที่การุณใช้นั้นเป็นสีส้ม ซึ่งเป็นของห้องวสัน
“เอ่อ” การุณรีบค้นหากุญแจสีเขียวอย่างเสียหน้า เขาคงกลัวมากไปหน่อยจึงไม่ทันดู นึกเสียใจที่ปล่อยไก่ต่อหน้ารัฐกรณ์หลายต่อหลายครั้ง ทั้งกลัวผี ทั้งซุ่มซ่าม

แบบนี้คงไม่มีหวังที่จะทำคะแนนได้เสียแล้ว

     เสียงโซ่กระทบกับเหล็กดังไปทั่วทางเดิน ทั้งการุณและวสันเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ รัฐกรณ์ยังยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง จนการุณต้องเรียกถึงสองสามครั้ง

“โทษที” รัฐกรณ์เข้ามาในห้องเปิดกระเป๋าของตนออก ซองยาหลายขนาดค่อยๆถูกวางลง ด้วยความที่เขามักจะต้องเป็นหน่วยพยาบาลตลอดเวลาที่ออกค่าย เขามักจะติดยาไว้ด้วยเผื่อฉุกเฉินแบบนี้เสมอ
“นี่ กินเลยนะ” รัฐกรณ์ยื่นมาเม็ดสีขาวขนาดเล็กให้การุณ พร้อมกับน้ำขวดหนึ่ง
“ไม่กินไม่ได้หรอ” คนตัวใหญ่อิดออด
“กินไปเหอะน่า”
“ครับๆ กินแล้วๆ” การุณรีบกลืนยาลงไปทันทีที่เห็นว่ารัฐกรณ์ไม่พอใจ นี่ถ้าให้รู้ว่าเขาเองไม่ชอบกินยาอีกคะแนนที่มีคงจะติดลบเสียจนไม่รู้จะลงไปเท่าไรแล้ว
“ไปกันเถอะ” รัฐกรณ์เดินนำออกไปนอกห้อง



“เห้ย”

      ทันใดนั้นเองหลอดไฟที่ส่องสว่างตามข้างผนังก็พร้อมใจกันดับวูบ ทั่วอาคารตกอยู่ในความมืดทันที เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วมาจากทศของห้องคู่สามีภรรยาจนรัฐกรณ์รู้สึกไม่ดี ตั้งสติเล้วออกวิ่งไปทางเสียงร้อง


แต่เพียงเริ่มก้าวเท้าได้เพียงสองก้าว ชายหนุ่มต้องถอยหลังกลับด้วยแรงบางอย่างที่กระทำ


เขารู้สึกเหมือมีคนดึงคอเสื้อของเขาไว้แน่น





เสียงกรีดร้องให้คืนอันมืดมิดยังดำเนินต่อไป…….เมื่อไรหนอที่แสงอาทิตย์แห่งวันใหม่จะพ้นขอบฟ้าเสียที



ปล มีของเเถมด้วยค่ะ http://news.mthai.com/general-news/164116.html
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 05-05-2012 05:55:18
คนที่ดึงก็คงไม่ใช่ใคร... การุณนั่นเอง...

แบบว่า รัฐกรณ์ ตัวบางที่สุด แต่มีสติมั่นคงที่สุด และกล้าที่สุด
หุหุ การุณคงหาทางทำคะแนนยากจริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 05-05-2012 09:34:46
 o22 ข่าวเข้ากับเนื้อเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 05-05-2012 10:45:25
สั่นประสาทเสียจริง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 05-05-2012 11:56:22
ง่ะ น่ากลัวโคตร
อ่านไปขนลุกไปด้วยเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 05-05-2012 14:00:25
แอร๊ก....เหมือนถูกดึงคอซะเอง...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-05-2012 15:13:43
เกิดอะไรขึ้น!! ตื่นเต้นๆ
อ้างถึง
“เอ่อ” การุณรีบค้นหากุญแจสีเขียวอย่างเสียหน้า เขาคงกลัวมากไปหน่อยจึงไม่ทันดู นึกเสียใจที่ปล่อยไก่ต่อหน้ารัฐกรณ์หลายต่อหลายครั้ง ทั้งกลัวผี ทั้งซุ่มซ่าม

แบบนี้คงไม่มีหวังที่จะทำคะแนนได้เสียแล้ว

หุๆ น่านดิ การุณเอ๊ย ไม่เห็นแววเล้ย

ป.ล. จากข่าว ร.พ.นี้ ต้องส่งรัฐกรณ์ไปสืบดูนะ เขากล้าจริง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 05-05-2012 19:26:52
โดนดึงแล้ว คอคงจะไม่ขาดหรอกนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-05-2012 19:32:18
ยิ่งอ่านยิ่งหลอนขึ้นเรื่อยๆ o21
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 06-05-2012 14:34:55
เรื่องก็น่ากลัวโคตรๆอยู่แล้วววว
ยังมามืดอีก  ไม่กล้าคิดภาพตามเลย 
กลัวนอนไม่หลับ  อิอิ
เอาใจช่วยรัฐตลอดเว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 06-05-2012 15:23:21
เงิ่มน่ากลัวได้อีก
พระเอกเรื่องนี้หมดหวังซะละมั้ง
ขี้กลัวจัง
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Mademoiselle ที่ 06-05-2012 15:43:38
- เรื่องนี้น่ากลัวอ่ะ แต่ก็ชอบ
อ่านแล้วเห็นภาพตามเลย
สุดท้ายจะเหลือใครบ้างเนี่ย
รอติดตามอยู่นะคะ ..
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 06-05-2012 22:13:53
งงกับปริศนา

ใครทำอ่า เดาไม่ออกจริงๆ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-05-2012 03:58:42
รายต่อไป เป็นใคร
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: chin-ruyze ที่ 11-05-2012 17:39:24
น่ากลัวมากๆ :z3: :z3:
ติดอ่ะๆ o13
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 13-05-2012 22:27:46
ตายเหี้ยนเตียนกันหมด เหอะ
รายต่อไปคงอีกสองคนที่อยู่ในห้องนั่นแน่เลย
แต่ถ้าตายแค่คนใดคนหนึ่งคงสยองน่าดู
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 15 ในความมืด 5/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 13-05-2012 23:50:05
หลอนนได้ทุกตอน เรื่องยังคงไม่คลี่คลาย
ลุ้นๆว่าใครจะเป็นคนร้ายกันแน่ เดาไม่ถูกเลย
รึคนที่ไม่น่าสงสัยที่สุด เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดกัน
รอลุ้นดีกว่าครับ บวก บวก ครับ รอตอนต่อไป :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-05-2012 00:02:11
มาลุ้นกันต่อเลยนะคะ


บทที่ 16 สู่แสงสว่าง



“ปล่อย!” รัฐกรณ์พูดเสียงแข็งเมื่อไฟฉายของเขาส่องไปด้านหลังเจอเข้ากับการุณที่ทำหน้าซีดจับคอเสื้อของรัฐกรณ์ไว้แน่น
“อย่าวิ่งสิ” การุณค่อยๆปล่อยมือของตนออก นึกเสียใจที่ทำไม่เข้าท่าอีกแล้ว มันเหมือนควบคุมตัวไม่ได้พอไฟดับปุ๊บก็รู้เพียงแค่ต้องหาที่ยึดไว้แล้วคนที่น่าพึ่งพาที่สุดก็คงไม่พ้นรัฐกรณ์ แต่ในความจริงแล้วตัวเองควรจะเป็นคนที่ต้องปกป้องรัฐกรณ์ต่างหาก การุณทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเดินตามรัฐกรณ์ที่ฉายไฟส่องไปตามทาง
“เร็วสิ” เสียงกรีดร้องของสาวิตรียังดังไม่หยุดนั่นทำให้ทั้งสามคนยิ่งหวั่นใจเกรงจะเกิดเหตุอะไรอีกจึงออกวิ่งไปทันใด


“คุณสาวิตรี คุณสรรพวุฒิ” รัฐกรณ์ตะโกนไปตามทาง หวังว่าทั้งสองคงไม่เป็นไร
“อย่าเข้ามา” แต่ทันทีที่มาถึงหน้าห้อง สรรพวุฒที่กอดสาวิตรีไว้สั่งห้ามไม่ให้ทั้งสามเข้ามา
“พวกแกจะทำอะไรอีก” เขาเลื่อนตัวถอยเข้าไปยังมุมห้องอย่างระวัง การที่อยู่ๆไฟก็ดับลงคงเป็นผลดีนัก
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆไฟก็ดับไป” รัฐกรณ์พยายามอธิบาย แต่ดูสาวิตรีจะกลัวจนร้องไห้ไม่หยุด สรรพวุฒ์เองก็ได้เพียงปลอบภรรยาของตน
“ผมคิดว่าน้ำมันคงหมดครับ” วสันบอกความคิดของตน เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องในคืนนี้เขาเองยังไม่ได้ออกไปเติมน้ำมันให้เครื่องปั่นไฟเลย
“งั้นเราไปดูกัน” รัฐกรณ์บอกให้ทั้งสรรพวุฒิและสาวิตรีรออยู่ในห้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขาทั้งสามเอง
วสันนำขบวนมาหยุดที่ห้องเก็บอุปกรณ์ชั้นหนึ่ง ถึงน้ำมันขนายย่อมวางเรียงกันอยู่ตรงมุมห้อง การุณรับหน้าที่แบกไว้สองถึงและวสันกับรัฐกรณ์อีกคนละถัง ซึ่ง ณ จุดนี้การุณหวังว่าคงพอได้คะแนนความแข็งแรงบ้างไม่มากก็น้อย

     แสงไฟฉายกระบอกน้อยสาดส่องไปมา เพื่อดูทางเดินที่อ้อมไปยังหลังอาคาร การุณเดินก้มหน้าก้มตาพยายามไม่มองไปรอบตัว จนพลาดท่าชนกับรัฐกรณ์เข้าอย่างจัง

     คนตัวเล็กกว่ามองอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก ทำเอาการุณรีบขอโทษขอโพย รัฐกรณ์ถอนหายใจทำทีเป็นไม่สนเติมน้ำมันลงไปในเครื่องปั่นไฟจนครบ และทำการเดินเครื่องอีกครั้ง

     เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังก้องไปทั่วในบริเวณที่เงียบสงัด เสียงนกร้องด้วยความตกใจจากการถูกรบกวนดังแว่วจากในส่วนลึกของป่าที่ดำมืด

     รัฐกรณ์สาดส่องไฟไปทางนั้น แต่ยิ่งเพ่งก็ยิ่งพบแต่ความมืดที่ลึกเข้าไป การุณสะกิดแขนเบาๆให้รีบเข้าไปในอาคาร ซึ่งวสันเองก็เห็นด้วย ทุกคนจึงรีบเข้าไปยังอาคารอีกครั้ง



     ทันทีที่แสงไฟต้องกระทบผิวเนื้อที่ขาวซีดนั้น รอยแดงที่เกิดจากการกระชากเสื้อโดยการุณนั้นออกสีชัดเจนเป็นเส้นยาวพาดผ่านอกส่วนบนไปถึงลำคิด้านข้าง ทำเอาการุณรู้สึกผิดรีบขอโทษเสียยกใหญ่
“เจ็บไหมครับ ผมขอโทษจริงๆนะ” เขาก้มหัวพร้อมกับไหว้ซ้ำๆ จะรัฐกรณ์แอบหัวเราะไม่ได้ จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้เจ็บสักเท่าไรเพียงแค่ผิวของเขามันขาวกว่าชาวบ้านก็เลยเกิดรอยได้ง่ายกว่าก็เท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก” รัฐกรณ์ว่าง่ายๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงนั่งอย่างอ่อนล้า ทั้งวันนี้เขาใช้พลังงานไปเสียมากอีกทั้งยังไม่ได้พักผ่อน แน่นอนเขาเชื่อว่าอีกสองคนก็คงจะไม่แตกต่างกัน
รัฐกรณ์นั่งก้มลงมองรอยแดงบนเนื้อของตัวเองอย่างลำบาก จนการุณรู้สึกผิดรีบเอามือถือของตนถ่ายรูปให้ดู รัฐกรณ์กล่าวของใจก่อนที่จะหยิบมือถือรุ่นใหม่นั้นขึ้นมาดู

“หืม รอยชัดขนาดนี้เชียว” รัฐกรณ์บ่นเมื่อเห็นรอยแดงที่พาดผ่านต้นคอของตน
“ผมขอโทษ”
“พอแล้วน่า ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แค่โดนกระชากเอง…….” รัฐกรณ์บอกให้อีกคนเลิกขอโทษเสียทีก่อนจะหยุดนิ่งนั่งลูบต้นคอของตนเองไปเงียบๆ
ไม่นานนักรัฐกรณ์ทำหน้าตื่นเด้งตัวลุกขึ้นฉับพลันทำเอาอีกสองคนที่เหลือตกใจไปตามๆกัน
“อยู่ที่นี่นะ ห้ามตามมา” รัฐกรณ์วิ่งพรวดออกไปจากอาคาร
“คุณวสัน ไฟฉายครับ” การุณเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบขอไฟฉายจากวสันแล้วพากันวิ่งตามไปทันที แต่พอถึงหน้าประตูก็ไม่เห็นรัฐกรณ์เสียแล้ว



“รัฐ!” การุณตะโกนเรียก พร้อมกับค่อยๆเดินออกไป แต่ยังไร้วี่แววเสียงตอบรับ นั่นทำให้เขาใจคอไม่ดี นึกโทษตัวเองหากรัฐกรณ์เป็นอะไรขึ้นมาอีกคน

“รัฐอยู่ไหน” การุณตะเบ็งสุดเสียง หัวคิ้วขมวดเข้ามาเป็นเส้นเดียว ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจเขาอีกครั้ง มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเพียงแค่ต้องการมาเที่ยวในวันหยุดยาว มาเที่ยวกับเพื่อนอย่างสนุกแค่นั้น แต่ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย

“รัฐ” ครั้งนี้เขาตะโกนจนเสียงแหบแห้ง น้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อาจห้ามได้อีกต่อไป ทั้งความกังวล ความกลัว ความเสียใจ ทุกอย่างมันประเคนเข้ามาให้เขาทั้งหมดพร้อมๆกัน

“รัฐอยู่ไหน”





“บอกแล้วไงว่าอย่าตามมา” เสียงแหบอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น ทำเอาการุณใจชื้นขึ้นเมื่อเงยหน้าเจอเข้ากับคนที่เรียกหาค่อยๆเดินแหวกความมืดเข้ามา
“แย่เลยถ่านหมดพอดี” รัฐกรณ์โชว์ไฟฉายที่ดับสนิทของตนให้อีกสองคนดูแล้วหัวเราะน้อยๆ
“ไม่ตลกนะรัฐ ออกมาคนเดียวแบบนี้ได้ไง ถ้าเป็นอะไรไปอีกคนแล้วจะทำยังไง” การุณไม่รู้สุกตลกไปด้วย เขาใส่อารมณ์ต่อว่าคนตัวซีดที่ทำอะไรโผงผาง ไม่ยอมบอกกล่าวกันก่อน และยังน้อยใจที่รัฐกรณ์เองไม่ยอมเชื่อใจพอที่ชวนเขาเองออกไปด้วย

“มีอะไรก็บอกกันสิ”

“ขอโทษที เรารีบไปหน่อย”

“อย่าทำอีกล่ะ สัญญานะ”

“อืม สัญญา เราเข้าตึกกันเหอะ” รัฐกรณ์เดินนำทุกคนเข้าไปยังอาคารพักผ่อน พอถึงที่เขาก็นั่งลงคิดอะไรอยู่เงียบๆเพียงคนเดียว
เด็กหนุ่มนั่งมองโต๊ะด้านหน้าอย่างเหม่อลอย แววตาของเขาฉายแววร้าวฉานออกมา ความหวั่นไหวในหัวใจมันส่องออกมาผ่านนัยน์ตาที่ไหวระริก เขาลองทบทวนความคิดตัวเองอีกครั้ง แต่คำตอบที่ได้มันก็เหมือนเคย ไม่ว่าจะคิดไปทางไหนมันก็ออกมาแบบเดิมเช่นเดียวกันทุกครั้ง

     อาการเช่นนี้ทำให้การุณไม่สบายใจไปตามกัน เขานั่งอยู่เยื้องกับรัฐกรณ์คอยสังเกตอาการเด็กหนุ่มตลอด ตั้งแต่เข้ามาครั้งนี้    รัฐกรณ์เงียบลงไปอย่างน่ากลัวเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าค่อยๆยื่นมือสีเข้มของเขาไปกุมมือนั้นไว้
รัฐกรณ์ดูตกใจที่อยู่ก็รู้สึกถึงแรงสัมผัส เขากำลังจะชักมือออกมา แต่เมื่อเห็นแววตาของการุณแล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ

“ขอบใจนะ”



รัฐกรณ์ลุกขึ้นยืนสูดอาการเข้าเต็มอก

“เราไปหาสองคนข้งบนกันเถอะ” รัฐกรณ์ไม่รอช้าเดินนำทั้งสองขึ้นไปยังชั้นสองทันที เมื่อมาถึงห้องของสาวิตรี สรรพวุฒิก็ออกปากไล่เหมือนเคย
“ฟังผมก่อนครับ” รัฐกรณ์ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แต่สรรพวุฒิเองดูจะไม่ยอมแพ้
“ออกไปเลย”
“คุณครับ” รัฐกรณ์อ่อนใจไม่รู้จะทำยังไงให้ทั้งสองรับฟังตน
“กูบอกให้ออกไป” สรรพวุฒิตะโกนไล่

“เงียบ!” การุณตะคอก ทำเอาทุกคนนิ่งกันหมดอย่างแปลกใจ
“เราไม่ไป หุบปากแล้วฟัง” คนตัวใหญ่สั่งต่อ ก่อนจะยื่นโอกาสให้รัฐกรณ์ที่ดูจะชื่นชมกับการกระทำในครั้งนี้อยู่ไม่น้อย
“ใจเย็นๆนะครับคุณสรรพวุฒิ ผมคิดว่าผมรู้แล้วว่าในคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” รัฐกรณ์ค่อยๆเริ่มเรื่องราวที่ต้องการบอกอย่างช้าๆ สาวิตรีเริ่มที่จะร้องไห้อีกครั้งเมื่อพูดถึงเรื่องสยองขวัญที่เกิดขึ้น

“มันก็ฝีมือแกไม่ใช่หรือไงที่ฆ่าพวกนั้นแก้แค้นแทนแฟนแกน่ะ” สรรพวุฒิชี้นิ้วด่าไปยังรัฐกรณ์
“ฟังก่อนสิครับ ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง” รัฐกรณ์แก้ตัว
“ใครก็ทำไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ มันต้องเป็นผีแน่ๆ” การุณเริ่มตัวสั่น เขาแนบหลังเข้ากับผนังเมื่อคิดว่าอาจจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาอีก
“เหลวไหล นี่มันยุคไหนกันแล้ว” รัฐกรณ์ว่าเข้าให้
“แต่นอกจากผีแล้วใครจะสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้กันครับ” วสันแสดงความเห็นไปเชิงเดียวกับการุณ
“ใจเย็นๆครับทุกคน ผมกำลังจะอธิบายนี่ล่ะ” รัฐกรณ์รู้สึกประหม่าเมื่อถูกทุกคนจ้องมอง แต่เขาคงต้องทำหน้าที่นี้ต่อไปจนกว่าทุกอย่างจะสิ้นสุดลง


เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เพื่อไม่ให้มีใครสูญเสียมากไปกว่านี้





“คำตอบทั้งหมด ผมจะบอกให้ฟังเองครับ”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 14-05-2012 00:09:12
เอาล่ะค่ะ เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายของเรื่องเเล้วนะคะ ยังไงก็อยากจะให้ลองช่วยกันวิเคราะห์ ว่าสิ่งที่เกินนี้มันเกิดได้อย่างไรในความคิดของเเต่ละคน

ถ้าไม่อยากโพสในนี้ ส่งPM มาหาก็ได้นะคะ งานนี้ไม่มีต่อว่ากันค่ะ แต่อยากให้ลองตอบกัน เพราะว่าจะได้นำไปวิจัยต่อยอดว่า

การเขียนในครั้งนี้ดีหรือยัง ยากไป เขียนเเล้วงง หรือง่ายเกินไป ไม่สนุก

ขอความร่วมมือทุกคนเลยนะคะ


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 14-05-2012 01:06:57
 :z13:  :z13:  :z13:

คิดว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางค่ะ โดยอาจจะใช้พวกลวดเป็นอาวุธ คือผูกไว้ที่ไหนสักแห่งจำพวกต้นไม้โยงไว้กับคอผู้ตาย แล้วใช้แรงกระชากจากรถยนต์เมื่อตัวรถออกตัว ก็มีผู้ตายรายแรก

 กรรณิการ์อาจจะง่ายหน่อยเพราะตายข้างนอกคงหาวิธีฆ่าไม่ยากนัก ใช้โอกาสตอนคนอื่นๆ หลับเคลื่อนย้ายศพได้ง่ายๆ  (ฆาตกรวางยานอนกลับให้ทุกคนกินนั่นเอง) ส่วนอีกคน (สารภาพว่า ณ ตอนนี้จำชื่อตัวละครไม่ได้แล้วค่ะ) ก็อาจจะใช้หลักการเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้จะลงรายละเอียดยังไง ไม่แน่ใจว่าจะเป็นทริกฆ่าทั้งๆ ที่นอนข้างในหรือทริกล็อกกุญแจจากข้างนอดกันแน่ แต่คิดแค่ว่าคงต้องมีวิธีทำให้เป็นฆาตกรรมห้องปิดตายได้เนอะ คาดว่าตอนที่นายเอกของเราวิ่งออกไปคงไปเจอหลักฐานอะไรมาก็ได้

คือคิดมานานแล้วว่า ฆาตกรน่าจะเป็นสรรพวุฒิ  เหตุจูงใจคือแก้แค้นให้อาญาซึ่งเฉลยออกมาแล้วเป็น ฃลูกชาย  (หรือว่าจะเป็นวสันต์ดีล่ะ แต่นึกเชื่อมโยงที่มาที่ไปไม่ออกแฮะ)

อันนี้เดาเอานะคะ ผิดถูกยังไงคงไม่ว่ากัน แบบว่ามั่วๆ อ่ะ แบบเหมือนตอนอ่านโคนันก็เดาคนร้ายผิดประจำ ฮาๆ

รอฟังการไขคดีจาก ว่าที่คุณหมอยอดนักสืบนะคะ 

 :L2:  :L2:  :L2: 


ปล. คุณ tifa ชอบเขียนพระเอกที่ดูนุ่มนิ่มกว่านายเอกเนอะ แปลกดีเหมือนกัน...
แบบว่าการุณ ทั้งขี้กลัว พึ่งพาไม่ได้ แล้วอย่างนี้รัฐกรณ์จะชอบไหมเนี่ย?

 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 14-05-2012 01:27:16
เฉลย ทริค สักทีเหอะ ลุ้นนตลอดเลย ฮ่าๆๆๆ
ไม่รุ้ว่าคนร้ายเป็นใครกันแน่ ทำเพื่ออะไร แก้แค้นเหรอ
ถ้าทำไปเพื่อเเก้แค้นให้อาญา คนๆนั้นก้อต้องเกี่ยวข้องกะอาญา แล้วมันใครกันล่ะ เฮ้อ
จะเป็นยังไงต่อไปล่ะ รัฐจะคลี่คลายคดีได้มั้ย
คนร้ายจะใช่คนเดียวกะที่คิดรึป่าว รอลุ้นครับบบ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 14-05-2012 02:11:21
กระชากๆ...สงสัยวิธีการคงเกี่ยวอะไรกับการกระชากเเน่ๆ(มั้ง) :teach:
ตอนเเรกๆคิดว่าเป็นวสัน...อ่านๆไปหรือเป็นอาญา
คิดๆอีกทีหรือ สรรพวุฒิ-สาวิตรีเป็นพ่อเเม่อาญา
บางตอนก็เเอบคิดว่าเป็นการุณ
สรุปคือ..เดาไม่ถูก รอลุ้นเฉลยดีกว่า :m23:
เนื้อเรื่องสนุกดี ลุ้นได้ทุกตอน....ชอบบ :impress2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 14-05-2012 07:04:40
ใครคือคนร้าย
รึจะเป็น เจ๊ผู้หญิง แม่ของอาญาป่ะ
เดามั่ว 55
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 14-05-2012 08:24:40
เย่ๆๆ....ในที่สุดโคนันคุง...เอ๊ย! รัฐกร ก็สามารถไขปริศนาและรู้ตัวคนร้าย โดยการเอาชื่อปู่เป็นเดิมพัน!!!... มั่วจริงกู 555 ... สนุกแม้ก...ก....ก...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 14-05-2012 11:57:58
คิดว่าเป็นการใช้ลวดเหมือนกันค่ะ

เดาไม่ออกว่าใครเป็นคนทำ  แต่สงสัยวสัน ไม่รู้ทำไม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 14-05-2012 13:01:55
เดาไม่ถูกเหมือนกัน
แต่เห็นรัฐนึกอะไรได้จากการเห็นรอยแดงจากการกระชาก
แล้วออกไปดูข้างนอก
คงเป็นคีย์อันหนึ่งมั้ง

แอบขำการุณ หวังคะแนนจากการถือถังน้ำมัน
แต่เราว่าน่าจะได้จากคำว่า"เงียบ"เนอะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-05-2012 19:20:39
ก็ยังคงจะสงสัยวสันต์ค่ะ ดูเหมือนเจ้าตวจะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ และดูมีสติกว่าใคร
ส่วนเรื่องการฆ่านั้นน่าจะเป็นกลไกอะไรสักอย่างค่ะ แบบพอเปิดประตูหัวก็ขาดอย่างตัวละครตัวหนึ่งที่ตายบนเตียงอ่ะค่ะ
แค่คิดเล่นๆว่าจะเป็นเช่นนั้น ส่วนคนหัวขาดคนแรกก็น่าจะเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนผู้หญิงที่ตาย
น่าจะง่ายกว่าเพื่อนเพราะอยู่คนเดียวทำให้ง่ายมากต่อการถูกฆ่าค่ะ เนื้อเรื่องซับซ้อนดีค่ะ
ทำให้ลุ้นและสยองงงงมากอยู่ตลอดๆ  แต่ภาวนาไม่อยากให้การุณและรัฐเป็นคนฆ่าเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: wichaiP ที่ 14-05-2012 21:16:06
จากสภาพเเวดล้อม ที่เป็นเห็นให้คิด คนร้ายน่าจะเป็นวสันต์
โดนเริ่มเเรกจาก เเม่กุญแจที่ทุกคนได้รับ โดยปกติจะมีลูกกุญแจสำรองเเน่ๆ
ข้อที่สองคาดว่าเหตุการ์ที่จัดคอคนในรถ น่าจะมีลวดหรืออะไรสักอย่างเกี้ยวไว้ พอรถเบรคก็เป็นการจัดการได้
ข้อที่สาม คนทำอาหารที่ทำให้ทุกคนสลบ (น่าจะมีเพียงคนเดียว เพราะส่วนผสมคนเตรียมก็ไม่ใช่ใคร)
ข้อสุดท้าย มูลเหตุจูงใจ ไม่รู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 14-05-2012 21:24:38
คิดว่าน่าจะเป็นวสันนะ
้เพราะการนำทริปในครั้งนี้เป็นหน้าที่ของเขา สถานที่ต่่างๆเขาก็เป็นคนที่จัดเตรียม
ก็น่าจะมีการวางเเผนกัน
เเต่ก็อาจจะเป็นสาวิตรีกับสรรพวุฒิเรื่องลูกเขาอ่ะน่ะ
เพราะคนที่ตายก็มีเเต่คนที่อยู่ตอนที่อาญาตายทั้งนั้นเลย
ส่วนการุณดูจะเป็นคนที่ขี้กลัวจนเกินไปสังเกตได้ตั้งเเต่เริ่มเรื่องที่คิดว่านายเอกเป็นผี
เป็นนิสัยของตัวเองที่ไม่เเสเเสร้งก็คิดว่าเรื่องน่ากลัวเเบบนี้ไม่น่าจะทำได้
ส่วนรัฐกรณ์นั้นดูกระตือรือร้นที่จะหาหลักฐานหรือเบาะเเสเหลือ ทำให้ตัวละครตัวนี้มีความน่าไว้วางใจ
เเต่ก็ไม่เเน่นะ ใครจะไปรู้ได้

เอาเป็นว่าใจตอนนี้ลงน้ำหนักไปที่วสันซะมากกว่า ดูชิวเเละสบายที่สุด
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 15-05-2012 11:32:51
"ผมรู้ความจริงทั้งหมดแล้วเพราะผมเป็นคนฆ่าทุกคนเองและพวกคุณก็จะไม่มีใครรอดออกไปแม้แต่คนเดียว ฮ่าๆๆๆ"

เอาเป็นว่าตัดรัฐกรณ์กับการุณทิ้งละกัน เพราะดูเหมือนจะเป็นคู่เอก (หรือตัวเอกเราจะร่วมมือกัน)

ไม่ได้อ่านแบบเก็บรายละเอียดหรือจ้องจับผิดมากนัก
และถ้าถามว่ายากไหม ตอบว่ายากมากเพราะเหมือนไม่มีเงื่อนงำอะไรให้จับได้เลย
(หรือบอกมาแล้วเราไม่เห็นเอง)

โดยสภาพการแล้วเอื้อให้วสันเป็นคนฆ่ามากที่สุดเพราะ
เป็นคนเดียวที่มีโอกาสจัดสถานที่
ไม่ได้มีอะไรรับประกันได้ว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงเรื่องกุญแจ
แต่ขาดเหตุจูงใจ

ถ้าสรรพวุฒิกับสาวิตรีคนใดคนหนึ่งหรือทั้งคู่ร่วมมือกันด้วยสาเหตุที่ว่าเป็นพ่อแม่ของอาญา
ก็ดูมีเหตุจูงใจ แต่วิธีการลงมือนั้นยังไม่เห็น และก็ดูจะแสดงได้สมบทบาทเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 15-05-2012 12:11:52
ถ้าจะวิเคราะห์จริงๆล่ะก็
อยากจะบอกว่าเราสงสัยการุณแหล่ะ

คนต่อมาที่เราคิดก็คือวสัน

5555  เห็นด้วยที่รีบนๆบอกว่า
ขนาดตอนดูโคนัน  จะเดาถูกก็สักสิบเปอร์เซ็นต์ได้มั้ง
อิอิ  แต่ก็ยังอยากเดานะเนอะ

+1 ให้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 16 สู่เเสงสว่าง 13/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-05-2012 19:28:15
ลูกชายของคนในหมู่บ้านนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-05-2012 00:14:06
บทที่ 17 แสงสว่างอันหนาวเย็น



‘เป็นไปไม่ได้’ คนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กำหมัดแน่น เมื่อได้ยินสิ่งที่รัฐกรณ์กล่าว เขาเฝ้าวางแผนมานับปี ลองทบสอบครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีทางที่จะถูกเผยไต๋ได้อย่างแน่

นั่นสิ เจ้านั่นมันอาจจะพูดมั่วๆหาคนรับผิดแทนก็เท่านั้น

‘อดทนอีกนิด แล้วทุกอย่างก็จะจบลง‘ เขาค่อยๆคลายความกังวนลง ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ แต่ก็ยังเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตนอยู่บ่อยๆอยู่ดี

“ผมขออธิบายก่อนนะครับ ว่าการมาทริปในครั้งนี้ของผมนั้น ผมไม่ได้เจตนาจะมาเลยแม้แต่น้อย แต่เพียงเพราะมีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมา ในนั้นมีข้อความสั้นๆเขียนเพียงว่า ‘อยากเจอ’ พร้อมกับลงชื่อว่า อาญา” รัฐกรณ์กางกระดาษสีขาวออกในนั้นมีตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากาสีแดง ลงท้ายชื่อคือ อาญา

“สิ่งนี้ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย จึงต้องลองมาตามใบปลิวที่แนบมาพร้อมกับจดหมายลึกลับอันนั้น และได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้”
รัฐกรณ์หยิบเอากระเป๋าเงินของตนออกมา เขาบรรจงดึงรูปของอาญาออกมาอย่างเบามือ ในแววตามีประกายของความหวั่นไหวอยู่ในนั้น

“นี่คือพี่อาญา แฟนของผมอย่างที่ทุกคนเคยได้ยิน”

“เห็นไหม แกเองสินะที่ตามมาแก้แค้น” สรรพวุฒิรีบดึงสาวิตรีให้ถอยห่างจากรัฐกรณ์มากขึ้นราวกับว่าเขาพร้อมที่จะเข้าขย้ำได้ทุกเวลา

“ผมเปล่า แต่เรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพี่อาญาแน่นอน เกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนด้วย”

“ถ้าเกี่ยวกับคุณอาญา แสดงว่า……ผีคุณอาญามาตามแก้แค้นหรือครับ” วสันตัวสั่นเมื่อพูดถึงสิ่งที่มองไม่เห็น และนั่นก็รวมถึงการุณด้วยที่ขนต้นคอลุกชันเมื่อได้ยินคำว่าผี

“ไม่ใช่หรอกครับ ถึงแม้ผีจะมีจริง แต่พี่อาญาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน”
“แล้วใครทำกันเล่า” สรรพวุฒิทวีความไม่ไว้ใจ

“ผมจะเริ่มจากกรณีแรกเลยแล้วกันครับ คดีของวรวิทย์” รัฐกรณ์ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกไป สองสามเม็ด เผยให้เห็นช่วงบนที่ขาวเนียน และบนนั้นเองที่ปรากฏแถบดีแดงๆเป็นรอยพาดไว้

“นี่เป็นรอยที่ผมถูกการุณดึงคอเสื้อไว้ แรงกระชากทำให้เกิดรอยทิ้งไว้” เขาชี้ไปยังแนวรอยแดงที่เกิดขึ้น การุณรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อเห็นว่ารอยแดงนั้นยังไม่จางหายไป

“ถ้าเปลี่ยนเสื้อที่อ่อนนุ่มให้เป็นเส้นลวดที่แข็งแรง เปลี่ยนจากแรงกระชากจากมือคนที่น้อยนิดเป็นแรงวิ่งของรถยนต์ จะเกิดอะไรขึ้น” รัฐกรณ์กล่าวทิ้งให้คิดกันต่อ

     ภาพของชายร่างใหญ่ที่นอนหลับอยู่ข้างหลังรถพร้อมกับเส้นลวดที่คล้องไว้ตรงลำคอโดยมีปกเสื้อคอยอำพรางไว้ เส้นลวดที่ต่อกับห่วงนั้นปล่อยทิ้งออกมานอกรถผ่านทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ระบายอากาศ จนกระทั่งถึงจุดที่รถจอดขอขมา เส้นลวดขนาดยาวอันนั้นถูกมัดติดกับหลักข้างถนน

     การเตรียมการเป็นอันเสร็จสิ้น รถวิ่งออกไปด้วยความเร็ว เส้นลวดค่อยๆทิ้งตัวตามระยะห่างไปทุกที จนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดของความยาว

     เส้นลวดอันเล็กบางทว่าแข็งแรงพอที่จะกดเข้ากับเนื้ออันอ่อนนุ่มด้วยแรงกระชากที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็พอเพียงที่จะตัดเอาศีรษะของวรวิทย์ให้หลุดออกไปอย่างง่ายดาย และลาดอาวุธเจ้าปัญหานั้นก็หลุดออกไปนอกรถไม่เหลือไว้เป็นหลักฐานให้เห็นในรถอีกต่อไป

“ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่เห็นอาวุธตกอยู่ในรถ และใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็สามารถตัดหัวคนได้” รัฐกรณ์สรุป

“งั้นก็แปลว่าใครเป็นคนทำก็ได้สิ”

“ใช่ครับ พวกเราที่เหลือ สามารถทำได้หมด แต่ผมคิดว่าคนที่น่าสงสัยมีเพียงหนึ่งเดียว” รัฐกรณ์ไล่มองคนที่เหลือ ความจริงเขาเองก็ไม่มีหลักฐานที่จะกล่าวหาแต่เขาเองก็เชื่อมั่นว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง

“คุณเองสินะ  ฆาตกรตัวจริงที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น”

“เฮ้ย กล่าวหากันแบบนี้ได้ไงครับ” วสันหน้าซีดที่อยู่ๆรัฐกรณ์ก็ชี้นิ้วมาทางตน  การุณเองที่เคยยืนอยู่ข้างๆ ก็ถอยหนีห่างออกไป

“โดยสถานการณ์แล้วมีแค่คุณเท่านั้นครับที่ทำได้ ผมเดาว่าขั้นแรกคุณคงใส่ยานอนหลับไว้ในอาหารหรือว่าน้ำของวรวิทย์ จนเขาง่วงแล้วหลับไปจะได้สวมลวดให้ได้สะดวก ในตอนที่สำรวจโรงพยาบาลคุณทำใจดีเข้าไปเปิดกระจกให้เพื่อระบายอากาศตอนที่วรวิทย์หลับแต่เปล่าเลย คุณเพียงเอาปลายลวดที่เหลือห้อยออกมาด้านนอกรถ จนมาถึงบริเวณที่ขอขมาเมื่อทุกคนขึ้นรถแล้วนั้นเอง คุณก็จัดแจงทำท่าทีเก็บของพร้อมกับนำลวดส่วนปลายมามัดเข้ากับหลัก แล้วตีหน้าเฉยขับรถไปอย่างรวดเร็ว”

“ไม่จริง ผมไม่ได้ทำ”

“อันที่จริงผมน่าจะรู้สึกนะว่าตอนนั้น คุณขับรถเร็วกว่าปกติ คงเพราะกลัวแรงกระชากไม่มากพอสินะ” รัฐกรณ์ไม่สนใจคำปฏิเสธ เขาตั้งสติเรียบเรียงเรื่องราวออกไปอย่างต่อเนื่อง

“คุณไม่มีพยานหลักฐานมากล่าวหาผมแบบนี้ได้ยังไง” วสันยืนกรานว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร

“หึ ถึงตรงนี้จะไม่มีหลักฐาน แต่รอยลวดที่เสียดสีกับด้านข้างของรถคงจะบอกได้ดีนะครับ ผมไปดูมาแล้วเมื่อกี้ มีอยู่หลายรอยเลย คุณคงจะทดสอบหลายรอบเพื่อความมั่นใจสินะครับ อีกอย่าง ผมค่อนข้างแน่ในว่าหากขับรถย้อนไปดูที่เกิดเหตุคงจะพบเส้นลวดที่อาบไปด้วยเลือดของวรวิทย์ตกอยู่แน่นอน”

“ไม่ใช่ ใครจะทำก็ได้ ไม่ใช่ผม แล้วคุณกรรณิกากับคุณภคดลล่ะครับ ผมหมดสติไปนะคุณก็เห็น”

“นั่นก็แค่แกล้งสลบไปไม่ใช่หรือไงครับ คุณวางยาไว้ในกาแฟไว้แล้ว หรืออาจจะน้ำดื่มทำให้ทุกคนหลับไปจะได้ดำเนินการสังหารเหยื่ออีกสองคนที่เหลือ พอมั่นใจว่าทุกคนหลับหมดแล้วนั่นล่ะ เวลาของคุณที่จะทำตามแผน”

“กรรณิกาคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเพียงแค่คุณลากไปไว้ที่สระน้ำแล้วก็จัดแจงเปิดน้ำให้เต็มแล้วจับเธอกดน้ำจนนิ่งไป แล้วรีบไปจัดการกับภคดลเป็นรายต่อไป”
“นั่นไง ใครจะสามารถเข้าไปตัดคอแล้วหนีออกมีได้ขณะที่ห้องมันล๊อกไว้กัน”

“หรือว่ามีกุญแจสำรอง” การุณพูด

“ไม่มีครับ พวกคุณก็เห็นว่าผมยื่นให้ทั้งแพ็ค ยังใหม่ไม่มีรอยแกะเลย ผมซื้อมาจากร้านเลยนะครับ ถ้าไม่เชื่อลองไปถามดูได้ว่ากุญแจยี่ห้อนี้มันไม่มีกุญแจสำรอง” วสันยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้โกหก

“ครับ ผมเชื่อว่าคุณไม่มีกุณแจสำรอง ถึงยังไงผมก็ตองไปถามที่ร้านอยู่ดีว่าคุณซื้อกุญแจสีแดงมากี่อันกันแน่”

“หมายความว่ายังไง ผมจะซื้อมากี่อันก็เรื่องของผมสิ”

“หึ น่ากลัวว่าคุณจะซื้อกุญแจสีแดงมาสองอันน่ะสิครับ ในขณะที่สีอื่นๆมีเพียงอันเดียว” รัฐกรณ์ตอบกลับทันควัน ทำเอาคนที่เหลือสงสัย

“ซื้อมาสองอัน แต่กุญแจมันก็ใช้แทนกันไม่ได้ไม่ใช่หรอ รัฐ” การุณที่ไม่รู้อะไรทักท้วงรัฐกรณ์

“แน่นอนว่ามันเปิดแทนกันไม่ได้ แต่หากดูภายนอกล่ะก็ ไม่ว่าใครคงคิดว่าเป็นลูกกุญแจแม่กุญแจคู่กันแน่นอน สิ่งที่ทำก็แค่เพียงเข้าไปตัดคอของภคดลบนเตียง อาจจะใช้มีดดาบหรือเลื่อยในห้องอุปกรณ์ดูได้จากบาดแผลที่ดูจะหยาบกว่ารอยตัดของวรวิทย์ พอเสร็จแล้วก็เป็นทีการปิดห้อง คุณดึงเอากุญแจสีแดงของจริงมาเก็บไว้กับตัวแล้วใส่ลูกกุญแจสีแดงอีกอันหนึ่งลงไปในมือภคดล แล้วจัดการใช้ลูกกุญแจของจริงนั้นปิดล๊อกได้อย่างง่ายดาย แล้วกลับมาแกล้งสลบต่อไปจนกระทั่งมีคนมาปลุก”

“ไม่จริง คุณก็เห็นว่ากุญแจในมือของภคดลนั้นใช้เปิดแม่กุญแจได้” วสันแย้ง

“นั่นล่ะที่ผมโดนคุณหลอกเข้าเต็มๆ คุณฉลาดมากที่ทำทีเป็นช่วยผมเก็บหลักฐาน แต่จริงๆแล้วเป็นการสลับลูกกุญแจกลับอย่างแนบเนียน คุณแกล้วเข้ามาขอลูกกุญแจแล้วสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว นำลูกกุญแจสีแดงของจริงออกมาใช้ เปิดแม่กุญแจให้พวกเราเห็นกันต่อหน้า ตอกย้ำว่าลูกกุญแจนั้นเป็นของจริง”

“………แต่ …..แต่ไม่มีหลักฐาน” วสันหน้าซีด เขาเริ่มหายใจเร็วขึ้น

“ใช่ครับ ลูกกุญแจอีกอันคุณคงโยนทิ้งไปแล้วตอนออกไปข้างนอก”
“เห็นไหมแล้วจะกล่าวหากันแบบนี้ไม่มากไปหรือไง ที่พูดมาคุณก็ทำได้เหมือนกันนี่” วสันโต้กลับ
“แต่ผมคิดว่าหากค้นดีๆคงจะเจออะไรอีกเยอะครับ ทั้งอาวุธ เสื้อผ้ากันเลือดที่ใส่ตอนหั่นคอ ถุงมือกันลายนิ้วมือ เส้นลวด ยานอนหลับที่เหลือ และรวมไปถึงกุญแจที่คุณทิ้งไปด้วย แน่นอนว่าทุกอย่างรวมกันมันมากพอที่จะชี้ลงไปว่าเป็นคุณได้”

“ไม่……”
“ยอมรับเถอครับคุณวสัน”

วสันทรุดตัวลง เขานั่งก้มหน้าเงียบๆ


“พวกมันสมควรตายแล้ว” เสียงนั้นฟังดูแข็งกร้าวผิดกับปกติของวสัน







“เพราะพวกมัน อาญาเลยตาย พวกมันต้องชดใช้!”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 27-05-2012 00:20:36
มาต่อกันเเล้วนะคะ

ส่วนใหญ่ก็เดากันถูกเเล้วค่ะว่าใคร ทำยังไง

ต้องขอโทษด้วยที่รู้สึกจะบอกใบ้น้อยเกินไป เเล้วก็ยังถือว่ายังเเต่งได้ไม่ดีนัก

ในตอนเเรกตั้งใจจะให้คนอ่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องผีค่ะ เเต่ก็โดนจับได้ว่าเป็นการฆาตกรรมโดยคนเสียก่อน 555

เอาไว้จะพํฒนาเขียนให้เก่งกว่าเก่านะคะ จะได้มาหลอกคนอ่านครั้งต่อไป


ส่วนเรื่องทริกที่เอามาใช้ในครั้งนี้ ก็ประยุกต์มาจากการ์ตูนเเละนิยายที่อ่านมาค่ะ โดยส่วนตัวชอบทริกเเบบจิตวิทยาเสียมากกว่า

ทริกเเบบกลไก รู้สึกว่ามันไม่ต้องใช้กลไกอะไรให้มากมาย เเต่สามารถทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้น

นิยายเรื่องนี้ก็ใกล้จบเเล้วนะคะ ยังไงก็รอติดตามได้เลย อีกไม่นานเกินรอ แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 27-05-2012 00:30:57
รอมานานมากคิดว่าจะไม่มาต่อแร้วววววววว
สนุกมากจิงๆค่ะ อยากให้มาต่อเร็วๆหน่อยอะค่า  รอนานจนคิดว่าจะไม่จบแล้ววว
แต่ยังงัยก็เป้นกำลังใจให้นะคะ กำลังจะคลี่คลายแล้วววว

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 27-05-2012 00:40:45
อืม เฉลย มาแล้วววว
แล้วว  วสันเกี่ยวข้องยังงัยกะอาญาล่ะนี้
ลุ้นๆ ครับ อยากอ่านต่อเร็วๆ ^^
รอตอนต่อไป บวกบวกครับบบบ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-05-2012 01:56:23
เย้!!! คาดการณ์ถูกด้วย ดีใจจัง  แหมตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นผีนะเนี่ย  แต่จากๆที่ดู
เหมือนมันจะบังเอิญไปหน่อย  วสัยเนี่ยโหดร้ายจัง (แต่ชื่อคล้ายคนที่รู้จักกันเลย แต่รายนั้นใจดี)
เฮ้อ...หวังว่าวสันคงไม่บ้าจนไล่ตามฆ่าคนต่อหรอกนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 27-05-2012 07:09:20
อืม เดาถูกด้วย แต่วสันเกี่ยวอะไรกับอาญา
เป็นพี่น้องกันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 27-05-2012 12:44:43
ปลื้มรัฐกรณ์ :o8:
เฉลยแล้วว่าเป็นวสัน
แต่ยังแอบสงสัยคนบางคนอยู่
แล้วยังแอบลุ้นการุณอยู่ แม้จะดูลุ้นไม่ค่อยขึ้นก็ตาม ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 27-05-2012 14:41:49
วสันเป็นอะไรกับอาญา
ลุ้นๆ อยากรู้ๆๆๆ

บรรยายบรรยากาศน่ากลัวได้ใจ
นึกถึงโคนันเลยทีเดียว ตื่นเต้นพอกัน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 27-05-2012 15:39:53
ถึงวิธีการจะพอเดาได้ แต่เราดันดดนหลอกเรื่องฆาตกรแอะ  เพราะคิดว่า สรรพวุฒิเป็นพ่ออาญา เพราะพูดถึงลูกที่ตายไป ....

วสันก็น่าสงสัย แต่ไม่รู้เหตุจูงใจไง เลยตัดๆออก  แต่วิธีสลับแม่กุญแจนี่ เจ๋งคะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 28-05-2012 07:32:00
เฉลยสักที
เหมือนเราขี้โกงอ้ะ  เพราะบอกไว้2ชื่อ  555

หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-05-2012 09:19:49
ตอนนี้เหลือแค่ ทำไมกันนะ...
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 31-05-2012 16:26:57
รอค่ะ ช่วยรีบมาต่อด้วยนะคะ

อยากรู้เหตุผลว่าทำไมต้องฆ่า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 01-06-2012 10:09:17
เจ๋งฮะ สุดยอดมาก แต่ปกติเราก็เป็นพวกแก้ทริกพวกนี้ไม่เก่งอยู่แล้วด้วยเลยมองไม่ออก
แต่พอเฉลยแล้วก็รู้สึกว่าที่จริงก็ไม่ได้ยากอะไรเลย

ผมว่าที่เขียนนี่ก็บรรลุเป้าหมายแล้วนะครับ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หลอนๆ
แต่ถ้าอยากจะขัดเกลาฝึมืออีกก็จะรอชมครับ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 01-06-2012 12:42:04
รัฐเนี่ย เหมือนวิญญาณโคนันมาสิงเลย -..-
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 17 เเสงสว่างอันหนาวเย็น 27/5/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 07-06-2012 22:56:51
อำมหิต แล้วที่เหลือจะรอดมั๊ย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 10-06-2012 21:09:55
หายไปนานอีกเเล้ว ยังไงต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ไม่ได้อยากจะทิ้งห่างเเบบนี้

เเต่ภาระงานช่วงนี้มันเยอะจริงๆค่ะ เอาใจช่วยหนูด้วยนะคะ



บทที่ 18 ความจริงในม่านหมอก





“พี่ไปทำงานก่อนนะ” วสันกล่าวบอกลาน้องชายเพียงหนึ่งเดียวของเขา ก่อนจะต้องออกเดินทางไปทัวที่ต่างจังหวัดอีกเกือบอาทิตย์

“ครับ ดูแลตัวเองด้วยนะพี่” ผู้เป็นน้องที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือตั้งใหญ่ที่กองไว้บนโต๊ะ เงยหน้าบอกลาพร้อมรอยยิ้ม เพียงแค่นั้นก็เป็นแรงใจให้วสันทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพียงแค่มองเห็นอนาคตของน้องสุดที่รักที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง ด้วยอาชีพที่มีหน้ามีตาและพร้อมไปด้วยเงินตรา

      วสันแบกเป้ใบใหญ่เดินมาถึงปากซอย ซึ่งก็ไกลเอาเรื่องพอควร แต่มันก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากหอพักสุดซอยนั้นราคาค่อนข้างที่จะถูก จึงจำเป็นต้องอยู่ที่นั่นถึงแม้มันจะเล็กและแคบมากเกินไปสำหรับผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันก็ตาม แต่มันก็จำเป็นด้วยค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้กินใช้จ่าย

     ยิ่งน้องชายของตนกำลังเรียนระดับอุดมศึกษา ยิ่งต้องใช้จ่ายมากขึ้นเป็นธรรมดาโชคยังดีที่น้องของเขาเรียนดี สอบชิงทุนได้เรียนฟรี ถึงกระนั้นค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ถือได้ว่าหนักเอาเรื่องสำหรับคนที่จบเพียง ม 6 แบบเขา




      วสันอาศัยอยู่กับอาญาด้วยกันเพียงลำพังมานาน ตั้งแต่จำความได้ เขามีด้วยกันเพียงสองคน หน้าตาพ่อแม่เป็นอย่างไรยังจำไม่ได้เสียด้วยซ้ำ พวกเขาโตมากับญาติทั้งฝ่ายพ่อและแม่ ที่ต่างโยนพวกเขาไปมาราวกับสิ่งสกปรกที่ไม่ต้องการ ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังอดทนจนกระทั่งอาญาจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

“ไม่มี ก็บอกว่าไม่มีเงินยังไง แกจะเอาอะไรไปเรียน” เสียงกร่นด่าจากเจ้าของบ้านดังข้ามไปถึงอีกฝั่ง อาญายกมือไหว้พูดซ้ำๆเพียงขอร้องให้ตนได้เรียนต่อ แต่ทางผู้ใหญ่เหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ
“จบม.6 ก็ไปทำงานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ยังมีหน้ามาขอเกาะเรียนต่ออีก โอ้ย” หญิงสาววัยกลางคนหวีดร้อง

     วสันมองน้องชายของตนอย่างอดเวทนาเสียไม่ได้ เขาเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งเสียค่าเล่าเรียนแทนน้องชาย ทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยดี หากแต่เพียงไม่นานนัก เจ้าของบ้านกลับไม่ต้องการให้ทั้งสองอยู่ร่วมกับเขาอีกต่อไป เพียงเพราะเห็นว่าวสันพอหาเงินเลี้ยงตัวเองได้เล้ว

“ป้าครับแต่ผมเก็บเงินไว้ให้น้องเรียน”
น่าเสียดายที่คำอธิบายนั้นไม่ได้ช่วยให้เธอคนนั้นเห็นใจทั้งสอง วสันเดินคอตกอย่างอับจนหนทาง ทั้งสองเดินไปตามตรอกซอยอย่างไร้จุดหมาย เพื่อหาที่พักราคาถูกที่พอจะอยู่ได้
“พี่ ไม่เป็นไรนะ ผมไม่เรียนแล้ว” อาญาตัดสินใจพร้อมน้ำตาที่ไหลนองหน้ากับการทิ้งอนาคตของตนไว้
“ไม่ได้ แกต้องเรียนต่อ อย่างน้อยก็เพื่อพี่ นะอาญา เรียนในส่วนของพี่ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วงพี่พอจะหาได้”




ช่วงแรกวสันเองทำงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน จนอาญาเองถอดใจยอมแพ้อยู่บ่อยๆ แต่วสันก็ยังดึงดันให้เรียนต่อให้ได้
“หัวแกดี เรียนไปเถอะ ให้พี่เรียนคงโดนเขาไล่ออกก่อน” วสันตอบกลับอย่างร่าเริง เพียงเพราะเขาอยากเห็นความสำเร็จของน้องชาย อยากให้น้องของเขามีอนาคตที่ดีกว่านี้ไม่ต้องทำงานใช้แรงงานแลกเศษเงินอย่างที่เขาทำทุกวัน
อาญาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เขาเองพยายามหางานพิเศษทำจนวสันเองจับได้ นั่นทำให้อาญาโดนต่อว่าไปอีกเป็นอาทิตย์เนื่องจากผลการสอบออกมาพบว่าคะแนนตกต่ำกว่าเดิม
“พี่บอกแล้วไงว่า ให้ตั้งใจเรียนอย่างเดียว ไม่ต้องทำอย่างอื่น”
“แต่พี่เหนื่อย”
“ไม่ได้ แกเรียนอย่างเดียวให้จบ นั่นคืองานของแก”

      แต่จนแล้วจนรอดอาญาก็แอบหางานพิเศษทำ เป็นงานสอนพิเศษให้เด็กซึ่งถือว่าไม่ได้หนักมาก และยังได้ค่าตอบแทนพอสมควร



     จนกระทั่งอาญาได้เลื่อนชั้นมาอยู่ปีสาม ทุกอย่างก็ดูจะลงตัว ถ้าไม่ติดที่ช่วงนี้ อาญากลับห้องค่อนข้างดึก และมักจะเก็บตัวอยู่คนเดียวประจะ บางครั้งก็นั่งเหม่อ จนวสันอดสงสัยไม่ได้
“ไปไหนมา” ทันทีที่น้องชายเปิดประตูเข้าห้องมา วสันก็ยิงคำถาม
“อ่านหนังสือกับเพื่อนมาครับ”
“แกมีแฟนหรือเปล่า”
“เปล่าครับ” อาญาตอบกลับทันทีอย่างมีพิรุธ
“แล้วรูปเด็กคนนี้หมายความว่ายังไง” วสันชูรูปเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาที่แอบค้นเจอในกระเป๋าของน้องชาย
“พี่!” อาญาตกใจร้องเสียงหลง ก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริงที่เขากำลังคบหาดูใจกับรุ่นน้องคณะเดียวกัน
“พี่ขอห้ามเลยนะ แกต้องตั้งใจเรียน แล้วยิ่งมีแฟนเป็นผู้ชายอีก โอ้ย คิดได้ยังไงฮะ” วสันสั่งห้ามเด็กขาด
“แต่พี่ครับ”
“ไม่มีแต่”

     นั่นถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนอาญาหลบไปอยู่กับเพื่อนสักพัก แต่สุดท้ายก็กลับมาขอโทษพี่ชายของตนจนได้ ทางวสันเองก็รู้สึกผิดที่บังคับน้องมากเกินไป แต่ก็คอยบ่นเรื่องที่อาญาคบกับผู้ชายอยู่บ่อยๆ
“มันมีอะไรดีถึงได้ติดใจไปคบผู้ชาย” วสันลองหยั่งเชิงลองถามน้องชายดู
“พรุ่งนี้น้องเขานัดผมไปเดินเที่ยว พี่ไปด้วยกันสิจะได้แนะนำให้รู้จักกัน” อาญาพูดอย่างมีความหวังว่าพี่วสันจะต้องชอบและยอมรับในตัวของรัฐกรณ์แน่นอน


แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดการ






“ทำไมต้องมาตั้งไกลขนาดนี้ด้วย”  วสันบ่นเมื่ออาญาพาขึ้นรถมายังห้างที่ไกลออกไปจากที่อยู่
“รัฐเขาชอบมาซื้อของที่นี่ครับ”
“เรื่องมาก แล้วไหนล่ะ” วสันบ่นต่ออย่างมีอคติ ยิ่งเลยเวลานัดแล้วยังไม่เห็นตัวคนนัดยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น จนอาญารีบโทรตาม แต่ก็ต้องหน้าเสียเมื่อรู้ว่าถนนที่รัฐกรณ์มานั้นเกินอุบัติเหตุ ทำให้รถติด

“รัฐไม่เป็นไรนะ”

“ไม่เป็นไรครับ จะรีบไปนะ”





      สุดท้ายสองพี่น้องจึงต้องมานั่งหาอะไรทานที่โถงอาหารชั้นบนของห้าง จะเข้าร้านหรูๆก็มีแต่จะเปลืองเงินเสียใช่ที ระหว่างที่ทั้งสองนั่งคุยกันไปเรื่อยนั้นเอง จู่ๆเสียงระเบิดก็ดังขึ้นทางด้านหลัง วสันพุ่งตัวเข้าหาอาญากดตัวลงแนบกับพื้น เสียงระเบิดยังไม่จบสิ้นดังต่อเนื่องอีกหลายครั้ง แรงสั่นสะเทือน  เศษไม้เศษคอนกรีตปลิวว่อนไปทั่ว
“พี่” อาญาตกใจเมื่อทุกอย่างสงบ วสันถูกก้อนคอนกรีตกระแทกเข้าที่ศีรษะ เกิดรอยแยกปล่อยให้เลือดไหลเป็นสาย
“ไม่เป็นไรรีบหนีเร็ว” วสันดูรอบตัวเริ่มเห็นเพลิงไหม้ก่อตัว ควันไฟสีดำพุ่งตรงมา พวกเขาใช้ผ้าปิดจมูกแล้วค่อยๆเดินลัดหลีกไปทางที่คนน้อยกว่า

     ฝูงคนพากันแตกตื่นวิ่งหนีเอาตัวรอด ความโกลาหลบังเกิดอย่างฉับพลัน วสันและอาญาถูกเบียดจนล้มลง โชคร้ายเป็นของวสันที่ถูกคนเหยียบจนบาดเจ็บที่แขน
“ทางนี่พี่” อาญาพยุงพี่ชายไปอีกฝั่งที่ปลอดคน  เปลวเพลิงทวีความแรงขึ้น เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งจนพื้นเกิดรอยแตก




“กรี๊ด” เสียงหญิงสาวกรีดร้องขึ้น อาญารีบพาวสันไปตามเสียง พบเด็กหนุ่มสองคนกำลังช่วยกันดันคานคอนกรีตที่ตอนนี้มันหล่นทับลงที่ขาของหญิงสาวคนหนึ่ง
“พี่อยู่ตรงนี้นะ” อาญาพาพี่ชายยืนหลบตรงมุมที่คิดว่าปลอดภัย วสันพยายามห้ามแต่เขาเองเสียวเลือดจนรู้สึกเบลอ อีกทั้งยังปวดแขนไปหมด

     วสันมองดูภาพที่น้องชายที่เข้าไปช่วยอย่างชื่นชม ไม่นานนักคานอันหนักอึ้งก็ถูกผลักออกไป โชคดีที่หญิงสาวดูแล้วไม่มีอาการกระดูกหัก
“ณิ ใจดีๆไว้”

     เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ มันรุนแรงมากเสียจนทุกคนนั่งทรุดลงกับพื้น รอยร้าวที่พื้นแตกไล่ลามมาจนถึงอาญา เด็กหนุ่มรีบคลายหลบ แต่พื้นที่อยู่กลับเอียงตัวแล้วทรุดลงไปทันที


      ยังโชคดีที่อาญาโผเข้าเกาะกับโครงเหล็กไว้ได้ไม่อย่างนั้นก็คงหล่นไปอยู่ข้างล่างพร้อมกับเศษคอนกรีตเมื่อครู่


“ณิ อย่าเป็นอะไรนะ รีบไปเร็ว” ชายร่างอ้วนเร่งเมื่อเห็นอาการเพื่อนไม่ดี
“แต่” ชายหนุ่มอีกคนมีท่าทีลังเล เขาลองเคลื่อนตัวจะเข้าไปช่วยอาญา แต่พอมีเสียงระเบิดอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ตัดใจรีบพาเพื่อนออกไปทันที ทิ้งให้อาญาห้อยอยู่อย่างนั้น


     วสันตกใจเขารีบเข้าไปหาน้องของตนก่อนที่จะสายเกินไป “จับมือพี่ไว้” วสันนอนลงยื่นแขนให้ ทันทีที่อาญาจับไว้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกเหยียบเมื่อครู่แต่ต้องทน
“ดึงตัวขึ้นมาสิ” วสันกัดฟันทนเจ็บ แต่ก็เพียงครู่เดียว เพราะเสียงระเบิดดังขึ้นด้านบน แผ่นเหล็กขนาดใหญ่หล่นลงมาตัดเอาศีรษของอาญาออกไปราวกับกิโยติน เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุ

     วสันอ้าปากค้าง เขาแทบจะไม่มีเสียงหลุดออกมา ในหัวมันโล่งไปหมด เขายังจับมือของน้องชายไว้แน่นปล่อยให้โลหิตสีแดงนั้นไหลอาบลามลงไป

     จนเขารู้สึกหมดแรงหมดหวังกับทุกสิ่ง น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาผสมลงกับเลือดของผู้เป็นน้อง  พื้นคอนกรีตที่พวกเขาอยู่นั้นทรุดตัวลง พาร่างทั้งสองร่วงลงไป



สู่ความมืดมิดในหัวใจ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 10-06-2012 21:25:27
กรรม ดันเป็นพี่ชายซะงั้น   

โดนหลอก.....

ว่าแต่ทำไมต้องตามรัฐมาด้วยล่ะ?  แค่ว่าเป็นแฟนน้อง หรือว่าไม่พอใจอะไรหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: PsychicLine ที่ 10-06-2012 22:30:39
แงงงงงงงงงงงงง.....
อ่านตอนนี้แล้วสะเทือนใจอย่างรุนแรง  ร้องไห้ได้มั้ยอ่าา ฮือออออ
ถ้าให้เรามาเห็นน้องเราเป็นแบบนี้นะ ................ สติแตกไม่ต่างจากวสันหรอก!
และคงคิดว่า รัฐเป็นต้นเหตุ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-06-2012 13:40:07
เวร!
สองพี่น้องนี่ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรปานนี้ เศร้าอ่ะ
มีชีวิตก็ไม่สมบูรณ์ ตอนตายยิ่งโคตรไม่สมบูรณ์
ช่วยใครไม่ช่วย มาช่วยพวกไออ้วนที่ไร้ซึ่งน้ำใจ ไร้ความกตัญญู
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 11-06-2012 14:44:42
ฮืมนะ ตอนนั้นยังมีกะจิตกะใจไปช่วยเขาอีก ก็เพราะจิตใจดีละ

แต่พวกนั้นก็คงจะห่วงเเต่พวกของตัวเอง เขามาช่วยไว้ก่อนเเล้วไม่ยอมช่วยกลับ

มาตายทดแทนกันไปก็สมควรแล้วละ

วสันเห็นใจนายนะ แต่วิธีการมันดูจะจิตๆไปหน่อย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-06-2012 16:27:15
ซื้อหวยทำไมไม่ถูก   ว่าแล้ว วสันต้องเป็นพี่ของอาญาแน่ๆ

ที่ให้รัฐมาด้วย เพราะคิดว่า ถ้ารัฐไม่ชวนอาญามาห้างนี้  อาญาก็คงไม่มาจบชีวิตแบบนี้

เลยคิดจะแก้แค้นรัฐด้วยใช่ไหม

ติดตามๆว่าคนที่เหลือจะเอารอดกลับไปไหม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-06-2012 16:26:35
 :เฮ้อ: เศร้าไปกับสองพี่น้องจริงๆ

คงแค้นมากๆๆถึงได้ทำแบบนี้  :z3:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 14-06-2012 11:16:58
เพิ่งได้ฟังมาจากเพื่อน...เค้าบอกว่าถ้าทำให้รู้สึกผิดไปจนตายจะทรมานกว่าฆ่าให้ตาย
วสันน่าจะทำอย่างนั้นมากกว่านะ...ทำให้หลอนจนฆ่าตัวตายไปเองเลยจะดีกว่าลงมือเองอย่างนี้

เอ๊ะ ดูเหมือนเราจะแนะนำไปในทางที่ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 14-06-2012 11:25:13
โอ๊ยย !!!! เรื่องมันเปนอย่างงี้
คนเป็นพี่อย่างวสันคงทำใจไม่ได้ รักน้องมากขนาดนั้น
เฮ้ออ เศร้า เป็นใครๆก้อทำใจลำบากล่ะ
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: ott1212 ที่ 01-07-2012 05:44:12
 :monkeysad:......น่าสงสาร.............

วสันคงมีชีวิตอยู่อย่างทรมาน......

ทั้งชีวิตตั้งเป้าหมายไปที่น้องชาย...

สุดท้ายเหลือแต่ความว่างเปล่า........... :m15:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 13-07-2012 17:17:40
ยังรออ่านอยู่นะเธอจ๋า :monkeysad:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 13-07-2012 17:51:51
หายไปนานๆอีกแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 18 ความจริงในม่านหมอก 10/6/55
เริ่มหัวข้อโดย: kimmy-g ที่ 15-07-2012 14:22:25
งง อะ ใหนตอนแรกบอกเรื่องเกิดในอาคารเรียน  ไหงกลายมาเป็นเกิดเหตในห้างได้อะ  แล้วถ้านี่เป็นเหตการที่เกิดขึ้นจริง มันก็เป็นอุบัตเหตไม่ใช่เหรอ ทำไม พวกณิจะต้องกลัวความผิดขนาดนั้น ถึงอาญาจะตายเพราะเข้าไปช่วยก็เหอะ  ทีแรกเรานึกว่าเงื่อนงำมันต้องรุนแรงกว่านี้อะ แบบว่าพวกณิเป็นคนฆ่าอาญาแบบตั้งใจไรงี้อะ  คนเขียนกลับมาเฉลยด่วน  pleaseeeeeee :call:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 22-07-2012 22:30:53
รู้สึกผิดที่หายไปเดือนกว่าๆ งานหนักมากเลยค่ะ ร่างกายเลยทรุดโทรม ขออภัยจริงๆนะคะ

ปล เรื่องเนื้อหา ต้องขออภัยจริงๆค่ะ เเต่งเเนวนี้ครั้งเเรก เนื้อหาอาจไม่สมเหตุสมผล พลาดตรงไหนไปขออภัยจริงๆนะคะ





บทที่ 19 ถลำลึก



“พี่ ถ้าผมเรียนจบแล้ว พี่ต้องพักบ้างนะ” อาญาเฝ้ามองพี่ที่นอนซมอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง เขาลาเรียน 1 วันเพื่อดูแลผู้เป็นพี่ที่โหมทำงานวันละกว่า 15 ชั่วโมง จนร่างกายทรุดลง

“แกหยุดเรียนทำไม พี่ไม่เป็นไร” วสันพยายามที่จะโบกมือไล่น้องชาย แต่พอจะพยุงตัวลุกขึ้นเท่านั้น เขาก็รู้สึกหน้ามืดทันที

“พี่!” อาญาตกใจรีบประครองวสันลงนอน จัดแจงดันหมอนให้รองต้นคออย่างพอดี

“พี่…..พี่เลิกทำงานรอบดึกเถอะ” ผู้เป็นน้องกล่าวพร้อมน้ำตาที่ปริ่มออกมา เอาเสียใจทุกครั้งที่เห็นพี่ของเขากลับบ้านดึกๆ อีกทั้งไม่ยอมให้เขาทำงานพิเศษอีก

“แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเรียน”

“ผมจะช่วยหา…..”

“พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” วสันตัดคำ เขาเองก็ยอมรับว่าเหนื่อยเหลือเกินกับการที่คนอายุยังไม่ถึง 30 อย่างเขาที่ต้องดูแลทั้งตนเองและน้องชายร่วมสายเลือด แต่ถึงจะเหนื่อยอย่างไรเขาก็ยอม เพียงแค่เห็นใบผลการเรียนของอาญาที่ได้ไม่ต่ำกว่า 3.50 อยู่เสมอ ทั้งพฤติกรรมที่นอบน้อม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น สิ่งต่างๆเหล่านี้ทำให้วสันมั่นใจว่าน้องของตนต้องเป็นหมอที่ดีได้แน่
และคงจะสามารถดูแลตนเองให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้

“พี่ครับ” อาญาเสียงสั่นน้ำตาที่ไหลลงมานั้นไม่สามารถกลั้นมันไว้อีกต่อไป เขาปล่อยให้มันหยดลงไปบนมือของผู้เป็นพี่

วสันหันหน้าหนีไปอีกทาง เขาไม่อยากที่จะใจอ่อนตอนนี้ ทนอีกเพียงไม่กี่ปี น้องของเขาก็จะจบแล้ว แต่จนแล้วจนรอดอาญาเองดูจะไม่หยุดร้อง น้ำอุ่นๆหยดลงที่มือของวสันอย่างต่อเนื่องจนวสันต้องยกแขนตนเองมาไว้อีกฟาก แต่นั่นก็ทำไห้เห็นว่าน้ำที่หยดใส่มือนั้นหาใช่น้ำตาอย่างที่คิด

“อาญา!” เขาหันกลับไปทางน้อง แต่อาญาได้หายไปแล้ว มีเพียงเสียงแว่วที่ยังดังก้องอยู่ในหัว

“พี่ครับ ผมขอโทษ”






“อาญา” เขาแผดเสียวเรียกดังลั่น มือทั้งสองพยายามจะควานหาร่างของน้อง แต่ก็ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา แสงไฟสว่างสีขาวช่างแสบตาจนวสันไม่สามารถลืมตาได้เต็มที่

“อาญา”

“หมอคะ คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นข้างๆตัวพร้อมกับความรู้สึกเจ็บจี๊ดเข้ามาที่ใบหน้า

“ไม่เป็นไรนะคะคุณ ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วค่ะ” เสียงนั้นดังต่อเนื่อง ความเจ็บปวดยิ่งทวีมากขึ้น แต่วสันเลือกที่จะไม่ใส่ใจมัน เขายังคงเรียกหาน้องของตน


“อาญา”


“คุณหมอคะ เร็วค่ะ” หญิงสาวในชุดขาวออกแรงกดแขนของชายหนุ่มไม่ให้ดิ้น เข็มเล่มใหญ่ปักเข้าที่เส้นเลือดตรงข้อพับ หมอหนุ่มฉีดยากล่อมประสาทเข้าไปจนหมดเข็ม ใช้เวลาอีกสักครู่วสันจึงสงบลง






เหตุการณ์สะเทือนใจผ่านพ้นไปได้สองวัน วสันจมอยู่กับโลกส่วนตัวของเขาเพียงลำพัง ไม่ว่าพยาบาลหรือหมอเขาก็ไม่เคยแม้จะปริปากสนทนา ข้าวปลาอาหารแทบจะไม่ได้สัมผัสเลย มีเพียงน้ำเกลือที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของเขาเอาไว้

ชีวิตของเขามีเพียงอาญาเท่านั้น น้องชายสุดที่รักที่เป็นแรงใจให้สู้ชีวิต ต้องคอยดูแล พาน้องคนนี้ให้เดินทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดมันไร้ความหมาย ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มที่คอยให้กำลังใจ ไม่มีอีกแล้วคนที่ต้องคอยดูแล ไม่มีอีกแล้วคนที่ต้องดุด่าไล่ให้ไปอ่านหนังสือ

ไม่มีอาญาอีกต่อไป




“ไม่เอาว่า นิ บอกแล้วไงว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดเรา” เสียงชายหนุ่มพูดดึงความสนใจของวสันที่กำลังนั่งรถเข็นเพื่อไปตรวจพิเศษที่ตึกฝั่งตรงข้าม เขาจำใบหน้าคนพวกนั้นได้ขึ้นใจ ชายหนุ่มร่างใหญ่คนนั้นที่นั่งอยู่กับหญิงสาวหน้าสวยที่ร้องไห้ กับชายหนุ่มร่างโปร่ง

“มันซวยเอง ช่วยไม่ได้หรอก” วรวิทย์ปลอบเพื่อนสาวที่ยังคงสะอึกสะอื้น

“ใช่ มันผิดเองที่มัวแต่ชักช้า ถ้าวิ่งไปแต่แรกก็ไม่ต้องตายหรอก” ภคดลเสริม


วสันหายใจแรง เพียงแค่ครู่เดียวที่พนักงานเวรเปลเข็นผ่านกลุ่มคนทั้งสาม บทสนทนาเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น ได้ปลุกความอยากมีชีวิตของวสันให้กลับมาอีกครั้ง

เขาต้องมีชีวิตต่อไป เพื่อแก้แค้น

ทำไมต้องเป็นอาญาที่ต้องจากไป ทำไมไม่ใช่พวกมัน







การุณก้าวเข้าไปใกล้กับรัฐกรณ์เมื่อเห็นวสันก้าวเข้ามา ทางสองสามีภรรยาก็ถอยหลบไปอีกทาง
“เอาเหอะ ยังไงเรื่องทุกอย่างก็จบลงแล้ว” วสันพูดพร้อมรอยยิ้ม เขาแก้แค้นแทนน้องได้แล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็ควรจะจบลง ชีวิตของเขาไม่มีอะไรให้อยู่ทำต่อไป

“คุณไม่น่าทำแบบนี้เลย” รัฐกรณ์บอกเสียงเศร้า เขาก้าวเข้าใกล้พี่ชายของคนรัก แต่ถูกการุณห้ามไว้เสียก่อน

“ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่” การุณไม่ไว้ใจคนที่ที่ฆ่าคนไปแล้วถึงสามคน เขาจึงเสนอให้มัดข้อมือทั้งสองไว้ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ขัดขืน

“ก่อนจะส่งตัวผมให้ตำรวจผมของไปเอารูปน้องชายที่ห้องก่อนได้ไหม” วสันร้องขอเป็นครั้งสุดท้าย




ทางเดินที่ทอดยาวนั้นเย็นยะเยือกราวกับจิตใจของวสันในตอนนี้ เขาก้าวไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่ผุดขึ้นเมื่อคิดได้ว่าอีกไม่นานจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น รัฐกรณืมองวสันอย่างเป็นห่วงการุณเองก็ตามประกบอยู่ไม่ห่าง รั้งท้ายด้วยสองสามีภรรยา

ประตูลูกกรงเปิดอ้าออก วสันเปิดกระเป๋าออกอย่างลำบากจากมือทั้งสองที่มัดไว้ รัฐกรณ์จึงอาสาเปิดให้ ข้างในนั้นเต็มไปด้วยรูปของอาญา วสันยิ้มให้กับรูปเหล่านั้น

“พี่กำลังจะไปหานะ”

ทุกอย่างมันเร็วจนการุณไม่ทันตั้งตัว มีดด้ามเล็กที่ถูกซ่อนเอาไว้ ใต้กองรูปถูกคว้ามาเป็นอาวุธ

“อย่าเข้ามานะ” วสันขู่เสียงแข็ง ชี้มีดไปด้านหน้า การุณเหงื่อตกเดินย่องไปด้านข้างอย่างระวังตัว

“หนีไม่พ้นหรอกน่า อย่าทำแบบนี้เลย” การุณพยายามเคลื่อนไหวให้ช้าที่สุดตาก็คอยจ้องหาจังหวะเข้าปะทะ แต่เหมือนวสันจะจับทางได้

“อย่าขวาง” วสันพุ่งตัวออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว

“ตามไปเร็ว” รัฐกรณ์ออกวิ่งตามวสันเป็นคนแรก ตามมาด้วยการุณและสองสามีภรรยา
แต่พอมาถึงชั้นล่างก็ต้องตกใจที่วสันเองไม่ได้หนีไปไหนเขายืนอยู่ตรงกลางโถง

“รีบออกไปซะ” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะโยนไฟแชคในมือลงพื้นที่เอ่อนองไปด้วยน้ำมัน ไฟแห่งการจบสิ้นลุกพรึบในทันทีมันลากเป็นเส้นตีวงรอบๆตัวของวสันไว้

เสียงกรีดร้องของสาวิตรีดังขึ้นอีกครา รัฐกรณ์กัดฟันกรอด วิ่งไปอีกด้านของวงแหวนเพลิง ณ จุดที่เปลวไฟเบาบางที่สุด

“รัฐ อย่า” การุณห้ามเขาไม่ทันเสียแล้ว เมื่อรัฐกรณ์กระโจนเข้าไปในกองเพลิง

“นายเข้ามาทำไม” วสันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“อย่าทำแบบนี้” รัฐกรณ์ยื่นมือเข้าไปหมายจะฉุดตัวของวสันออกมา แต่ก็ถูกปลายมีดแหลมๆตวัดเอาเป็นรอยแผลที่ปลายแขน

“รัฐ ออกมาเร็ว” การุณร้อนใจเดินวนหาช่องทางที่พอจะเข้าไปได้ แต่ตอนนี้ เปลวไฟได้ครอบคลุมทั้งหมดเสียแล้ว

“ออกไปเถอะ นายก็เห็นแล้วตัวอย่างของการช่วยเหลือคนอื่น สุดท้ายมันไม่ได้มีอะไรดีหรอก” วสันแค่นหัวเราะในสิ่งที่รัฐกรณ์พยายามจะช่วยตน มันเหมือนกับที่น้องโง่ๆของตนยิ่งนัก

จะช่วยไปทำไมกัน ในเมื่อทั้งชีวิตนี้ เขาไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

“คุณวสัน ออกมาตอนนี้ยังทันนะครับ” รัฐกรณ์กดมืออีกข้างที่บาดแผลเพื่อห้ามเลือดแต่กระนั้นก็ยังพูดกล่อมต่อ

“รัฐ ออกมาเร็ว” การุณเร่ง

“นายไปก่อน พาคุณสาวิตรีกับคุณสรรพวุฒิไปด้วย” รัฐกรณ์ตะโกนไล่

การุณลังเลเล็กน้อย แต่เปลวไฟที่ทวีความแรงขึ้นเร่งให้เขาพาสาวิตรีและสามีหนีออกไปด้านนอก

“เห็นไหม ใครๆเขาก็ต่างหนีเอาตัวรอดทั้งนั้น แล้วคุณยังจะอยู่ทำไม” วสันกล่าวอย่างหงุดหงิด

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

“ไม่ใช่ยังไง ขนาดคนที่ชอบนายอย่างการุณยังกลัวที่จะเข้ามาช่วยนาย ยังหนีออกไปโดยไม่สนใจได้เลย”

“……….” รัฐกรณ์มองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่มีคำกล่าวใดๆอีกนอกจากความรู้สึกที่สงสารคนๆนี้เหลือเกิน ที่ต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ในชีวิต

“ทุกคนไม่ได้คิดแบบนั้นทุกคน”

“ใช่ พวกคนโง่ๆแบบนายกับอาญายังไง”

“ไม่ใช่”

“โง่ที่ห่วงคนอื่นแต่ตัวเองต้องมาตาย โง่ๆๆๆๆ”

“ไม่ใช่”

รัฐกรณ์ตวาดสุดเสียง วสันหยุดมองคนตัวเล็ก

“คุณไม่ได้รู้จัก พี่อาญาเลยสักนิด” น้ำตาแห่งความเสียใจหยดลงพื้นที่ร้อนผ่าว



หยดน้ำเล็กๆหยดนี้จะช่วยดับไฟอันร้อนแรงของวสันได้อย่างไรกัน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-07-2012 23:10:22
ขอบใจจ้าที่คิดถึงคนอ่าน รอมาแสนนาน ในที่สุดฮีโร่ตัวจริง คือ น้องรัฐกรณ์
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 22-07-2012 23:42:52
แล้วมันเป็นอย่างไรต่อ
ติดตามจ้า

การุณแกกลับมาเร็วๆเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 22-07-2012 23:53:40
คลี่คลายทุกอย่างแล้ว ก้อไม่อยากให้ใครต้องมาตายอีก !!!!
ลุ้นๆครับ มาต่อนะ อยากอ่านต่อ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 23-07-2012 05:03:23
เย้ มาต่อแล้ว

อ่านตอนนี้แล้วคิดถึงกาตูนญี่ปุ่น ที่ตัวโกงชอบพูดพล่าม แล้วนางเอกพยายามปฏิเสธแต่ก็พูดได้แค่

ไม่ใช่นะไปมา แล้วสุดท้ายก็ตะโกนออกไปทั้งน้ำตาราวกับสะเทือนใจ สงสารหนักหนาในความคิดแย่ๆของตัวโกง  อะไรประมาณนั้น

อยากอ่านว่ารัฐจะพล่ามอธิบายอะไร กล่อมยังไงให้วสันต์ รู้สึกตัวเลิกความคิดบ้าๆ ไม่งั้นช่วยไปช่วยมา เดี๋ยวรัฐตายด้วยอีกคนจะยุ่ง

(ที่จริงการุณคงอยากช่วยรัฐ แต่บางทีก็ไม่อยากให้เป็นตัวถ่วงก็ได้มั้ง เดี๋ยวรอหนีด้วยกัน อาจจะสะดุดล้มให้หนีช้าก็ได้ ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 23-07-2012 08:22:43
งื้อ.... มัน!!!!.... ค้าง!!!!.... แต่ดีใจจังที่มาต่อคับ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 23-07-2012 09:21:02
จะช่วยทันไหมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 19 ถลำลึก 22/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 23-07-2012 13:42:13
ว้าว มาแล้วๆ  :m4:
วสันคงคิดว่าแก้แค้นเสร็จ หมดห่วงแล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ตายดีกว่า
รัฐก็กล้าจริงๆเลย การุณกลับมาช่วยเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-07-2012 14:15:29
บทนี่มีแก้ตัว อิอิ ช่วงนี้แอบว่าง เลยรีบมาลงให้ คิดว่าจะลงให้จบก่อนที่จะมีงานกระหน่ำอีกครั้งนะคะ


บทที่ 20 บทอำลา….ทั้งน้ำตา


      เปลวไฟที่โหมลุกลามตามรอยไหลของเชื้อเพลิงเหลวแผ่ความร้อนมากกว่าครึ่งห้อง เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามร่างกายของคนทั้งสองที่ยังคงอยู่ในวงล้อมแห่งไฟที่แคบลงทุกขณะ
     ชายหนุ่มที่อายุมากกว่ามีท่าทีสงบนิ่ง เขากำลังจะได้ไปพบญาติของเขาเพียงหนึ่งเดียว คนที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวของเขา น้องชายผู้เสียสละตนให้กับความโง่เง่าและคนเห็นแก่ตัวที่ไม่ควรค่ากับการมีชีวิตอยู่แม้แต่น้อย
     ตรงข้ามกับเด็กหนุ่มที่น้ำตาไหลเอ่อ ความเสียใจมันวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขา คำอธิบายที่คิดไว้ในหัวไม่สามารถเอ่ยเป็นถ้อยคำใดๆพอที่จะให้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้าใจแม้สักนิด

“สายไปแล้วล่ะ ไฟลุกลามเกินกว่าที่จะออกไปได้แล้ว เธอมันโง่พอๆกับอาญาเลยจริงๆ” วสันส่ายหัวให้กับความดื้อของรัฐกรณ์ที่ยังไม่ยอมแพ้
“ผมเต็มใจช่วยคุณนะ ตอนนี้ยังทัน ยังพอหาทางออกได้”
“ไม่มีทางออกสำหรับฆาตกรอย่างผมหรอก” แววตาที่สงบนั้นแฝงไว้ด้วยความเศร้าหมอง
“ทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอน่า” รัฐกรณ์เริ่มสงบใจไม่ไหว เปลวไฟที่ร้อนแรงไล่บีบเข้ามาทุกขณะ เข้าก้าวเข้าไปให้ใกล้ขึ้น
“เชื่อผมนะ เราออกไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มค่อยๆยื่นมือออกไปช้าๆเพื่อไม่ให้วสันเข้าใจว่าตนจะทำร้าย

“มันไม่มีทางสำหรับฉันหรอก” เสียงเรียบๆแต่เด็ดขาด วสันตวัดมือเพียงเบาๆก็เกิดรอยแผลที่สอง เลือดสายใหม่ไหลลงมายังพื้นที่ร้อนระอุ หยดแล้วหยดเล่า

“ได้โปรดเถอะ พี่อาญาไม่อยากให้คุณทำแบบนี้หรอก” รัฐกรณ์ใช้มืออีกข้างกุมบาดแผลไว้ ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่างกาย ความร้อนทำให้เขาอ่อนเพลีย ควันไฟที่เข้ามาแทนที่ออกซิเจนทำให้สมองเริ่มที่จะประมวลผลได้ช้าลง

วสันเงียบไปเมื่อได้ยินชื่ออาญา รัฐกรณ์จึงเร่งเร้าต่อเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

“นะครับ เชื่อผมเราจะต้องรอดออกไปด้วยกัน”

“ขอโทษนะ ที่ต้องมาตายด้วยกันแบบนี้” วสันไม่สนใจ เขามองดูทางหนีที่ถูกปิดผนึกด้วยเปลวไฟ เขาตั้งใจส่งจดหมายชวนรัฐกรณ์มาในครั้งนี้ด้วยเพียงเพื่อทดสอบอะไรหลายๆอย่าง แต่รัฐกรณ์ผ่านบททดสอบเหล่านั้นได้อย่างสวยงาม เขาไม่แปลกใจ
นักที่น้องชายเขามักพูดให้ฟังเสมอ

“ถ้าพี่ได้รู้จัก รัฐ พี่ต้องชอบน้องเขาแน่ๆ”





“ทำไมกันนะ โลกนี้ถึงได้พรากคนดีๆให้ตายจากไปเร็วนัก” วสันบ่นพึมพำแข่งกับเสียวเปลวไฟที่ไหววูบ เขาไม่สนใจมีดในมืออีกต่อไป มีดด้ามสั้นนั้นถูกปล่อยตกไปแล้ว รัฐกรณ์จึงได้ทีเข้าไปดึงชายรุ่นพี่ไปยังทางที่เปลวไฟเบาบางที่สุด ถึงกระนั้นความร้อนของไฟก็ไม่ปราณีให้ทั้งสองผ่านไปได้

“เราต้องวิ่งออกไป คุณพร้อมนะ” เมื่อจวนตัว รัฐกรณ์เห็นเพียงทางรอดเดียวคือต้องวิ่งผ่านไป อาจจะได้รับรอยไหม้ แต่ก็คงดีกว่าต้องอยู่รอความตายแบบนี้

ติดแต่วสันเองยืนอยู่เฉยๆ เขาไม่คิดแม้แต่จะทำอะไรตามคำสั่งใครอีก ดวงตาที่เหม่อลอยนั้น ดูราบเรียบและว่างเปล่า

     รัฐกรณ์ไม่ยอมแพ้ พยายามคล้องแขนเข้ากับคนที่ตัวสูงกว่า กำลังออกแรงฉุดไปข้างหน้าแต่ก็ทำได้ช้าเหลือเกิน จนไอร้อนของไฟเผาเข้าที่แขน จนต้องผละออกมา รัฐกรณ์เจ็บเสียจนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ รอยแผลตอนนี้เริ่มบวมและแดง แต่หากยังอยู่ตรงนี้ต่อไปเขาคงไม่ได้มีเพียงแผลแค่นี้เป็นแน่

     ความพยายามครั้งที่สองก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า รัฐกรณ์ได้แผลมาอีกครั้งและดูน่ากลัวกว่าเดิม ควันไฟสีดำปกคลุมไปทั่วห้องรัฐกรณ์สำลักควันไอเสียยกใหญ่ ร่างกายที่เสียเลือดไปและยังไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืนทำให้เขาแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เขามองเปลวไฟที่บีบแคบเข้ามาอย่างช้าๆ ราวกับมัจจุราชที่ก้าวเข้ามาปลิดลมหายใจของเขา

“มาได้แค่นี้เอง”







ตุบ

     เสียงวัตถุตกลงด้านหลังเรียกสติที่เลือนรางของรัฐกรณ์ให้หันไปสนใจ เป็นก้อนผ้าเปียกน้ำขนาดใหญ่ที่มีไฟลุกติดเป็นบางจุด ทำทีที่ผ้านั้นคลี่ออก ชายที่อยู่ภายในก็รีบออกมา




“รัฐ!” การุณวิ่งออกมาด้วยตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำ ขากางเกงที่ติดไฟถูกสะบัดให้ดับไปในพริบตา

“นาย มาทำไม”

“มาช่วยไง ไม่มีเวลาแล้วไปกันเถอะ” การุณแบ่งผ้าที่พกมาเป็น 2 ผืนยื่นให้รัฐกรณ์

“ช่วยคุณวสันก่อน” รัฐกรณ์ส่ายหน้าชี้ไปชายผู้สิ้นหวังที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ
การุณรีบห่อผ้าให้วสัน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ให้ความร่วมมือดีนัก

“อย่าดิ้นน่า” การุณหมดความอดทน สวนหมัดเข้าที่ท้องวสันอย่างจัง ทำเอาร่างของผู้นำเที่ยว งอคู้ตัวด้วยความเจ็บ

“ช่วยกันหน่อยรัฐ” การุณวัดผ้าปกคลุมวสันคนหมดแล้วก็ออกแรงลากมายังจุดที่เขากระโจนเข้ามา แต่ครั้งนี้จำเป็นที่ต้องโยนคนออกไป คงไม่ง่ายนัก

“พร้อมนะ หนึ่ง สอง สาม!” ทั้งคู่ช่วยกันโยนวสันออกไปจากกองเพลิง ก้อนผ้านั้นลอยผ่านเปลวไฟไปได้อย่างน่าใจหาย แต่ก็มีบางส่วนที่ติดไฟขึ้นมา ทำเอารัฐกรณ์ใจเสีย

“เร็วเข้าเราต้องออกไปช่วย”

“ใจเย็นๆ รัฐ ไม่ได้มีแค่ผมที่อยู่ช่วย” การุณดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ พร้อมกับห่อมผ้าที่เหลือเพียงหนึ่งเดียว ปล่อยให้สรรพวุติลากวสันให้ออกห่างจากเปลวไฟและสาดน้ำที่เตรียมไว้จนไฟที่ลุกลามบนร่างนั้นดับสนิท


“พร้อมนะ” การุณกระชับร่างของรัฐกรณ์ไว้แน่น เขาเองก็หวั่นใจไม่น้อยที่ต้องพาคนอื่นกระโดดผ่านไปด้วยแบบนี้ อีกทั้งรัฐกรณ์
เองก็ไม่ได้เปียกน้ำแบบเขา โอกาสที่จะบาดเจ็บย่อมมีมากกว่า

“อืม”



     การุณบอกสัญญาณให้ถอยหลังออกไปเพื่อต้องการแรงส่งในการกระโดด ทั้งผ้าที่คลุมทับทำให้ลำบากในการเคลื่อนไหว

“ไป!” การุณออกวิ่งไปอย่างเร็วโดยมีอีกคนอยู่ข้างๆ มือหนึ่งจับรัฐกรณ์ไว้มั่นอีกมือก็คอยถือผ้าที่เปียกน้ำไว้ไม่ให้เลื่อนหลุดไป
แรงถีบตัวของการุณดูเหมือนจะเหนือกว่าคนตัวเล็ก การุณใจหายวาบเมื่อพบว่ารัฐกรณ์กระโดดพ้นเพียงแค่ไฟในช่วงแรกและมีแววว่าจะตกลงตรงใจกลางขุมนรกนั้น
     
     การุนปล่อยมือที่จับผ้าไว้ พร้อมกับออกแรงดึงรัฐกรณ์ให้ลอยข้ามไปได้ ร่างผอมแห้งนั้นลอยออกไปอีกไกลด้วยแรงแห่งความตกใจ เขากระแทกลงพื้นเสียงดัง เมื่อเห็นดังนั้นการุณก็คลายความกังวลได้ โดยที่ไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้น ส่งผลให้ตนเองต้องตกลงสู่ใจกลางแห่งเปลวเพลิง

การุณหลับตาลงไม่กล้าที่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงเมื่อตกลงไป เขาคงกลายเป็นหมูรมควันเป็นแน่แท้






“นาย ไม่เป็นอะไรนะ” เสียงเรียกพร้อมกับสายน้ำที่สาดเข้ามาทำให้การุณลืมตาขึ้น พบเจอใบหน้าที่ขาวซีดนั้นแสดงความกังวล กับสรรพวุติที่กำลังถือถังน้ำสาดลงไปที่กางเกงของเขาอีกครั้ง

“ทำอะไรโง่ๆ นายเกือบตายแล้วรู้ไหม” รัฐกรณ์ต่อว่าคนตัวใหญ่

“หึหึหึ เราก็งาพอกันนั่นล่ะ รัฐยังโง่ที่จะช่วยไอ้บ้านั่นเลย” การุณหัวเราะพร้อมกับชี้นิ้วไปหาคนที่นั่งนิ่งเป็นรูปปั้น น้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง





“พวกคุณไม่เข้าใจ…..พวกคุณไม่เข้าใจ”

การุณลุกขึ้นเดินเข้าไปหาชายผู้สิ้นหวัง ก่อนจะบรรจงประทับรอยกำปั้นไว้ข้างๆแก้มด้านซ้าย

“ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ ผมไม่ใช่คุณ ผมไม่เข้าใจหรอก”

หมัดอีกข้างกระแทกลงไปที่แก้มด้านขวา

“คุณยังไม่เข้าใจน้องของตัวเองเลย อย่าทำมาพูดดี”

การุณเงื้อมือหมายจะซัดคนตรงหน้าอีกสักทีสองที แต่ก็ถูกห้ามจากอีกสองคนที่เหลือเสียก่อน



“พอเถอะพ่อหนุ่ม” สรรพวุติลากตัวการุณออกไปข้างๆ ปล่อยให้รัฐกรณ์เฝ้าคนที่นอนแผ่อย่างหมดท่า

“บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่างก็ได้ครับ” รัฐกรณ์ยื่นมือช่วยดึงวสันขึ้นมา พร้อมกับสอดแขนช่วยประคอง

“แค่เรารับรู้ถึงเจตนาที่อีกคนมอบให้มันก็พอแล้ว”

“ลองหลับตาแล้ว ฟังเสียงของพี่อาญาดูนะครับ”





     วสันหลับตาลงทั้งน้ำตา เสียงเปลวไฟลุกโหมนั้นค่อยๆเบาลง เหลือเพียงเสียงของสายลมที่พัดผ่านรอบกาย ราวกับมีใครมาสัมผัสโอบกอดเขาไว้

“อาญา”

     สายลมพัดผ่านเพียงครู่เดียว สัมผัสอันอบอุ่นที่ล้อมกายของผู้เป็นพี่ พร้อมกับเสียงกระซิบของพระพรายที่มีเพียงวสันเท่านั้นที่ได้ยิน






“หยุดเถอะครับ พี่”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 29-07-2012 16:56:24
ตอนหน้าก็คงจะเป็นตอนสุดท้ายเเล้วค่ะ พอมีหวังกับ นายการุณไหมคะ คริๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-07-2012 22:21:10
เข้าใจความรัก รักพี่ รักน้อง รักครอบครัว รักเพื่อน รักคนรัก รักๆๆๆๆๆ มั๊ย วสันโง่ๆๆๆๆๆ เฮ้อ
ถ้าไม่มีฉากน้องรัฐกรณ์ กับน้องการุณ แบบหวานแหวว ก็ไม่แคร์
เพราะเราชอบที่คนเขียน แนวนี้ ขอติดตามทุกตัวอักษร
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 29-07-2012 22:44:15
โอ้เย้ การุณ นายมันคือม้ามืด นายทำคะแนนขึ้นมาแล้วสินะ หวังว่าความดีในครั้งนี้จะทำให้รัฐใจอ่อนได้ แต่ทำไงดีถ้าผีอาญายังวนเวียนใกล้ๆ แบบนี้

แหม ปูเป็นเรื่องน่ากลัวสยองขวัญมานาน  กว่าผีจะออกนี่ตอนจบเลยเนอะ ฮ่าๆ
หวังว่าหลังจากหมดห่วงเรื่องพี่ แล้วผีจะได้ไปเกิดนะ ปล่อยรัฐไปซะ ส่วนรัฐก็ลืมอาญาซะ แล้วมองหารักใหม่

เพราะว่า "รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน" อิอิ


หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-07-2012 22:50:29
น่าเศร้ามากๆค่ะ สำหรับคนๆหนึ่งที่มาเจอเรื่องแบบนี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 30-07-2012 13:41:08
ว้าว การุณ นายแมนมาก!!
ช่วยทุกคนออกมาจนได้ o13
ตอนสุดท้าย อาญามาพูดกับวสัน ตามที่รัฐบอกให้ฟังจริงๆด้วย บรื๋อ~

++
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-07-2012 16:31:27
สั้นอ่ะ

แต่การุณ เจ้าชายขี่ม้าขาวมากๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: both^^ ที่ 03-08-2012 23:12:55
แกรสสสส เป็นลมนิยายสนุกมากกกก อ่านตอนแรกๆ หลอนมากกกกกก
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: ott1212 ที่ 15-08-2012 00:38:45
 :o12:.........เศร้าจัง.....

เข้าใจ...ชีวิตที่ไม่เหลือใคร......

แต่ก็ต้องสู้ต่อไป...รัฐกำลังจะทำหน้าที่แทนอาญา...

ช่วยพี่ชายคนรักให้ได้นะ.......................... :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 15-08-2012 11:20:31
 :m15:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ ตอนที่ 20 บทอำลา....ทั้งน้ำตา 29/7/55
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 15-08-2012 15:37:11
ซีนพระเอก!!!!!.... หล่อมาก!
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-09-2012 22:58:58
เอ๋ ไม่ทันไรเดือนกว่าเเล้วที่ไม่ได้เข้ามาทักทาย

เปลี่ยนงานครั้งนี้หนักหนาเเสนสาหัสจริงๆค่ะ

หนูสำนึกผิดจริงๆเลย ไม่ได้อยากดองเค็มขนาดนี้นะคะ

เเต่ก็ช่างเถอะ ในที่สุดก็ไหเเตกซักที

ขอบคุณที่ร่วมกัน เขย่าขวัญมาจนถึงบทสรุปนะคะ หวังว่าคงชอบใจกันไม่มากก็น้อย เชิญชมกันเลยค่ะ



บทส่งท้าย



เสียงล้อรถวิ่งบดถนนส่งเสียงหยุดกะทันหันเรียกความสนใจให้แก่พวกชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าตึกที่กำลังลุกติดด้วยเพลิงแห่งความโกรธแค้นของวสัน
“รออีกสักพัก เดี๋ยวมีคนมาช่วย” สาวิตรีวิ่งกระหืดกระหอบ หน้าตื่นรีบแจ้งข่าว
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เธอโผกอดเข้ากับชายหนุ่มผู้เป็นสามี และสาดส่องสายตาไปดูอาการของคนที่เหลือและต้องทำตาโตเมื่อเห็นว่ารัฐกรณ์มีเลือดไหลและรอยไหม้อยู่หลายจุด
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” รัฐกรณ์บอกพร้อมจัดแจงใช้น้ำที่การุณหิ้วมาล้างแผล ความแสบร้อนพุ่งพร่านไปทั้งแขนจนเด็กหนุ่มอดทำสีหน้าเสียไม่ได้
“อย่าดื้อน่า ถึงจะเป็นหมอแต่ถ้าเจ็บมาก็ต้องเป็นคนไข้อยู่ดี” สาวิตรี ถือโอกาสใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนซับเอาเลือดที่ไหลออกมาก่อนจะพันผ้ากดบาดแผลเอาไว้
“ขอบคุณครับ” รัฐกรณ์ดูแปลกใจไม่น้อยที่หญิงคนนี้พอจะรู้หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้นบ้าง
“เมื่อก่อนทำให้เขาบ่อยน่ะ” สาวิตรีเหมือนจะรู้ เธอเลยชี้นิ้วไปทางสรรพวุฒิ ที่มักจะมีเรื่องชกต่อยกันเสมอจนมีแผลกลับบ้านมาประจำ

“แน่ใจนะว่าเขาไม่เป็นไร” การุณโพล่งถามขึ้นมา เขาลอบมองวสันที่นั่งก้มหน้าอยู่นิ่งแบบนั้นไม่ไหวติง สีหน้าที่ยากจะบอกว่าเขาคิดอะไรอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกทุกอย่างจบแล้ว” รัฐกรณ์มั่นใจ เขาเองก็สัมผัสได้เช่นกันถึงความรู้สึกลึกๆที่ค่อยๆเปลี่ยนไปของวสัน

ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้น คงเป็นกระแสลมที่อบอุ่น รัฐกรณ์สัมผัสได้ชั่วครู่นั่นเสียอีกที่ทำให้วสันนิ่งไป อีกทั้งสายลมที่พัดแรงตอนที่การุณตกลงในกองไฟนั่นอีก มันแรงเสียจนพัดไฟแถบนั้นให้เบาลง เจ้าตัวซวยเลยรอดจากการเป็นหมูปิ้งอย่างหวุดหวิด  จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายรัฐกรณ์ก็ทำได้เพียงอมยิ้ม แหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีขาวนวลตัดกับผืนฟ้าคราม


“ขอบคุณครับ พี่อาญา”





ไม่นานนักหน่อยกู้ภัยก็พาบรรดาผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลายข้ามผ่านหน้าผามาได้อย่างปลอดภัย รัฐกรณ์หลับไปอย่างหมดแรง แผลที่แขนและขา ยังมีเลือดซึมเล็กน้อย ถึงแม้จะได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่แล้วก็ตาม สาวิตรีเองก็นั่งซบสรรพวุติผู้เป็นสามี่คอยลูบหัวปลอบประโลม การุณเองก็เริ่มจะรู้สึกได้ถึงอาการปวดบวมที่ข้อเท้าของตน ที่ตอนนี้มันนูนเด่นออกมาอย่างชัดเจน หน่วยกู้ภัยได้ใช้น้ำแข็งประคบไว้ให้พอให้คลายความเจ็บปวดไปได้บ้าง เขามองไปยังรัฐกรณ์ที่หลับอย่างหมดท่าไม่เหลือมาดของนักศึกษาหมอหนุ่มไฟแรงที่กล้าแกร่งได้อย่างหน้าเหลือเชื่อ ใบหน้าขาวซีดนั้นนอนนิ่งไม่ไหวติงดูไร้พิษสง นึกไม่ถึงว่าคนตัวเล็กๆแบบนี้จะกล้าลุยเข้าไปในกองไฟแบบนั้น การุณเองนึกเสียใจที่ไม่กล้าพอที่จะวิ่งตามรัฐกรณ์ไปในตอนแรก ถ้าเขาตามไปเรื่องทุกอย่างคงจะจบลงง่ายกว่านี้ บาดแผลพวกนั้นคงจะลดน้อยลง คิดได้แบบนั้นก็เจ็บใจ อยากจะกระทืบไอ้โรคจิตวสันนั่นอีกสักที ว่าแล้วก็กระทืบเท้ากับพื้นอย่างแรง จนต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเพราะลืมไปว่าข้อเท้ายังไม่หายดี

“สมน้ำหน้า” รัฐกรณ์ที่ตกใจตื่นขึ้นมา แขวะเข้าให้ ก่อนจะเอนตัวนอนต่อ
“โหย ไม่เป็นห่วงกันเลย” การุณร้องโอดโอยไปเรื่อยๆ ทำเอาสาวิตรีอดหัวเราเสียไม่ได้
“โอ้ย เจ็บจังเลย หมอครับช่วยดูหน่อยนะครับ” การุณส่งเสียงร้องวอน
“…….” รัฐกรณ์นิ่งเฉย เขาเลือกที่จะไม่สนใจ นั่งหันหน้าไปอีกทาง แต่เสียงของเจ้าตัวใหญ่ไม่ยอมลดความพยายาม
“หนวกหู” เสียงแหบนั้นบ่นเบาๆ แต่ก็ทำให้เจ้าคนปากมากสงบลงไปได้ แต่พอรัฐกรณ์เห็นข้อเท้าที่บวมนั้นก็ใจอ่อน จับขาขึ้นมาพาดตรงหน้าขาของตนไว้
“หนักชะมัด” ถึงจะเป็นเพียงแค่คำบ่นแต่การุณเก็บเอาไปคิดเป็นที่เรียบร้อยว่า แค่ขายังหนัก ถ้าเขาทับไปทั้งตัว จะไหวไหมนะ
“โอ้ย” การุณร้องเสียงหลง เมื่อรัฐกรณ์กระชับผ้ายืดกับถุงน้ำแข็งให้แน่นขึ้น
“เบาๆสีคร้าบบบบบบ”
“แค่นี้ทำเป็นบ่น” ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่รัฐกรณ์ก็เบามือลง จนผ้าทั้งหมดถูกพันอย่างเรียบร้อย
“นวดให้หน่อยสิ”

“โอ้ย”






กว่าจะถึงโรงพยาบาล ข้อเท้าของการุณก็บวมเสียจนน่ากลัว จนแพทย์ต้องรีบเข็นเข้าห้องฉุกเฉินโดยด่วน

ทางด้านวสันถูกแยกไปยังอีกห้องที่มีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมอย่างรัดกุม รัฐกรณ์มองเจ้าหน้าที่พาวสันเข้าไปจนลับตา แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ครั้งจะเข้าไปดูอาการก็ถูกพี่พยาบาลร่างใหญ่ดึงตัวไปทำแผลเสียก่อน

“ตายแล้ว ผิวเนียนๆเสียหมดเลย เจ็บนิดหน่อยนะคะ” เธอร้องออกมาอย่างเสียดายผิวที่เนียนเรียบ ค่อยๆบรรจงทายาทีละจุดอย่างเบามือ

“พี่พยาบาลครับ เบาๆนะครับเดี๋ยวรัฐเจ็บ” เจ้าตัวดีที่นอนทำแผลอยู่ตรงมุมห้องตะโกนออกมาเสียงดัง จนรัฐกรณ์อายแก้มออกสี

“น้องคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะกรุณางดใช้เสียงด้วย” หัวหน้าพยาบาลต้องออกโรงส่งสายตาดุมาให้การุณ

“แฟนน้องนี่น่ารักดีนะคะ” พยาบาลร่างท้วมหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับหยอกล้อ รัฐกรณ์
“ไม่ใช่นะครับ”
“จ๊ะ ไม่ใช่ๆ เสร็จแล้วจ๊ะ เดี๋ยวคงต้องนอนพักดูอาการที่นี่สักพักนะ แผลค่อนข้างลึก” เธอปิดแผลด้วยผ้าเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับเดินยิ้มกริ่มออกไป
“ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดนะครับ โถ่” รัฐกรณ์พยายามเป็นอย่างมากที่จะอธิบาย อนิจาที่พยาบาลสาวคนนั้นไม่คิดที่จะเปลี่ยนความคิดเสียด้วย

รัฐกรณ์ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลาราวสองวัน กว่าที่แพทย์จะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ระหว่างนั้นก็มีเพื่อนๆแวะมาเยี่ยมเยือน ไหนจะเป็นสองสามีภรรยาที่แวะมาหาทุกวัน และแน่นอนรวมถึงเจ้าคนที่พักอยู่ห้องข้างๆแต่ดันมาอาศัยอยู่ที่ห้องของรัฐกรณ์เสียนี่สิ

“กลับไปห้องนายได้แล้ว”
“โหย อยู่คนเดียวกลัวผี”

รัฐกรณ์รู้สึกโล่งใจอย่างที่สุดที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที อาการของเขาไม่หนักมาก แต่ก็ยังมีปวดบ้างเล็กน้อย รอยไหม้ยังมีให้เห็น พี่พยาบาลแนะนำยาชั้นดีให้ เธอบอกว่าใช้แล้วไม่เป็นแผลเป็นแน่นอน เขาได้แต่ขอบคุณแล้วเดินออกไป โบกแท๊กซี่กลับห้อง เขาได้ยินเสีงการุณเรียก แต่ก็หาได้สนใจเขารีบปิดประตูแล้ว

ข้าวของในกล่องถูกรื้ออีกครั้ง ฝุ่นปลิวคลุ่งไปทั่ว รัฐกรณ์ต้องกลั้นหายใจอยู่บ่อยครั้ง กว่าจะเจอของที่ต้องการก็ใช้เวลาสักพัก เขาหยิบกล่องสีแดงออกมา พร้อมกับเปิดดูข้างใน รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นเมื่อเห็นของที่อยู่ในนั้นอีกครา และรัฐกรณ์หวังว่ามันคงมอบรอยยิ้มให้อีกคนได้เช่นกัน




ไม่นานนักรัฐกรณ์ก็เดินทางมาถึงจุดหมาย เขาต่อรองกับเจ้าหน้าที่อยู่นานกว่าที่เจ้าหน้าที่จะยอม ถึงกระนั้นก็ต้องถูกตรวจค้นตัวอย่างเข้มงวด

รัฐกรณ์เดินผ่านลูกกรงนับไม่ถ้วนหวนให้คิดถึงโรงแรมที่พวกเขาได้ไปพัก ไม่นานเขาก็ได้เจอกับวสันที่นั่งพิงกำแพงสายตาเหม่อลอย

“คุณวสัน” รัฐกรณ์เอ่ยปากเรียกแต่ก็ไม่มีท่าทีที่เขาจะตอบรับ
“ไม่มีประโยชน์หรอกพ่อหนุ่ม ตั้งแต่เข้ามาก็นั่งนิ่งแบบนั้นล่ะ ข้าวปลาก็ไม่กิน” เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมบอกรัฐกรณ์

เด็กหนุ่มไม่ยอมแพ้พูดต่อไปเรื่อย จนเวลาล่วงไป เจ้าหน้าที่เรียกให้กลับออกไปแล้ว แต่วสันยังไม่มีท่าทีที่จะยอมคุยด้วย
“ถ้างั้นผมวางไว้ตรงนี้นะครับ เผื่อว่าจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้น” รัฐกรณ์วางสิ่งของนั้นลงกับพื้น ก่อนจะเดินตามเจ้าหน้าที่ออกไป



เสียงปิดประตูดังลั่น ห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกกั้นด้วยซี่กรง วสันยังไม่มีท่าทีที่จะสนใจสิ่งของที่รัฐกรณ์หยิบยื่นให้ จนกระทั่งสายลมอ่อนๆพัดผ่านเขาอีกครั้ง วสันหันซ้ายขวาอย่างไม่เข้าใจ ในห้องปิดแบบนี้เกิดลมได้อย่างไร แต่เขาก็เลิกคิดเมื่อพบสิ่งที่รัฐกรณ์ได้วางไว้ตรงลูกกรง

ภาพของชายหนุ่มในเสื้อขาว กำลังติดพลาสเตอร์ให้กับเด็กหนุ่มอีกคน ใบหน้าของอาญานั้นเปี่ยมไปด้วยความอารี เขามองเด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังทำหน้างอด้วยความเจ็บ มีหลายคนพูดไว้ว่า อาชีพหมอมีคนต้องการเรียนเป็นจำนวนมากเพียงเพราะได้เงินตอบแทนเยอะ

แต่นั่นไม่ใช่กับอาญา สายตาที่อ่อนโยนนั้นไม่สามารถโกหกได้ เขามีจิตใจที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มเปี่ยม แม้แต่แว่นตากรอบหนาสีดำนั้นก็ไม่อาจบดบังความตั้งใจอันแรงกล้านั้นไว้ได้

ที่มุมของรูปใบนั้น มีพลาสเตอร์เก่าๆอันหนึ่งติดอยู่ มีตัวหนังสือที่วสันจำได้คุ้นตาเขียนอยู่บนนั้นด้วย

“หายเร็วๆนะครับ”

น้ำตาค่อยๆไหลรินจากของตาของผู้เป็นพี่ลามมาถึงมุมปาก ที่ตอนนี้มันค่อยๆคลี่ออกเป็นรอยยิ้มน้อยๆ วสันกอดรูปนั้นไว้แนบกับตัว พลางปล่อยให้น้ำตาไหลออกไปอยู่อย่างนั้น





“ไปไหนมา ไม่รอกันเลย” ทันทีที่รัฐกรณ์มาถึงห้องได้ไม่ทันไร เจ้าตัวยุ่งก็ตามมาเคาะประตูถึงที่
“แล้วทำไมต้องรอนายด้วย”
“โหย ไม่ดูแลคนเจ็บเลยนะคุณหมอ” การุณพยายามจะแทรกตัวเข้าไปในห้อง แต่รัฐกรณ์เองก็รู้ดี ยืนบังไว้ อีกทั้งการุณยังต้องใช้ไม้ค้ำยัง เดินเหินยังไม่สะดวกเท่าไร
“ผมปวดขา ขอนั่งพักหน่อยนะครับ” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอม ก็ต้องใช้ลูกตื้อ เขาทำหน้าเจ็บ แกล้งอ้อนอีกนิด
“แล้วจะลงมาทำไม” ถึงรัฐกรณ์จะพูดแบบนั้นแต่ก็เลี่ยงตัว อนุญาตให้การุณเข้าไปในห้องของตน พร้อมจัดแจงเก้าอี้ให้นั่ง

“มองอะไร”
“มองคนน่ารัก” การุณตอบไปทันทีโดยไม่ยอมหลบตา เป็นรัฐกรณ์เสียอีกที่ต้องเบือนหน้าหนีเจ้าคนกะล่อน
“หายเจ็บขาก็กลับห้องไปได้แล้ว”
“ขออยู่ห้องนี้เลยไม่ได้หรอ”
“ไปได้แล้ว”

กว่าที่รัฐกรณ์จะไล่เจ้าตัวกะล่อนออกห้องได้ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง การุณเองรู้สึกยังไม่อิ่มใจกับการจ้องหน้ารัฐกรณ์เสียเท่าไร แต่ก็ยอมออกมาโดยดีเพียงเพราะกลัวจะถูกหักคะแนนให้กลับไปติดลบอีกครั้ง

ถ้าเขาไม่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป เขาคิดว่าตอนนี้คะแนนคงจะเป็นค่าบวกแล้ว

“หลับฝันดีนะครับ” เขาหยอดคำหวาน ก่อนประตูนั้นจะปิดลง เขาค่อยๆเดินโดยใช้ไม้ค้ำยันไปช้าๆอย่างอารมณ์ดี เขาเดินขึ้นบันไดไป

“อ๊ะ นายๆ” การุณตะโกนเรียก นักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่วิ่งสวนลงบันได ด้วยความไม่ระวังหนังสือเล่มเล็กหลุดออกมาจากกองหนังสือที่เขาถือไว้ และดูท่าทางว่าเขาจะไม่รู้ตัว

การุณมองชายเสื้อกาวน์สีขาวพลิ้วหายลับไปยังชั้นล่างๆ ครั้นจะวิ่งไปให้ก็คงจะไม่ไหวเพราะขายังเจ็บ เขาเก็บหนังสือขึ้นมาหมายจะดูชื่อ และคิดว่าคงจะฝากรัฐกรณ์ไปคืนได้

น่าเสียดายที่หน้าปกไม่ได้เขียนชื่อไว้ เขาเปิดไปอีกหน้าก็พบตัวหนังสือเขียนอยู่สั้นๆ
“อย่าทำให้รัฐเสียใจเด็ดขาด”

การุณมองตัวหนังสือเหล่านั้นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะพลิกกระดาษไปหน้าถัดไป

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวหนังสือเขียนไว้ที่มุมกระดาษ และนั่นทำให้เขาโยนหนังสือเล่มนั้นทิ้งไปรีบวิ่งเข้าห้องของตัวเองโดยไม่ได้ใช้ไม้ค้ำแม้แต่น้อย

หนังสือเล่นน้อยตกอยู่ตรงบันไดกางอยู่ตรงหน้าเดิมที่การุณเปิดไว้ มุมด้านบนของกระดาษมีข้อความเขียนไว้อย่างชัดเจนแสดงความเป็นเจ้าของ







“อาญา ณาศวานัย”
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 15-09-2012 23:06:04
จบลงไปเเล้วนะคะ เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเรื่องเเนวเขย่าขวัญ สืบสวนสอบสวน พอไหวไหมคะกับเเนวนี้

ถ้าใครเคยอ่าน คินดะอิจิก็คงจะคุ้นเคยกันดี ใช่เเล้วค่ะ เรื่องนี้ได้รับอิทธิพลเต็มๆ

หวังว่าทุกคนคงจะชื่นชอบกันนะคะ

คาดว่า ทั้งการุณเเละรัฐกรณ์ อาจจะมีเวลา เข้ามาเเวะเวียนทุกคนอีกในเร็ววัน ขอบคุณที่ร่วมสืบสวนพร้อมกันนะคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 15-09-2012 23:29:37
ชอบมากค่ะ แล้วเราก็เป็นแฟนคินดะอิจิด้วยยย
สนุกมากเลยค่ะ แนวสืบสวนสอบสวน^^
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-09-2012 00:38:52
อร๊ายยยยย พี่อาญามาหาอ่ะ    น่ากลัวบวกปลื้มสุดๆ    ชอบมากๆค่ะเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 16-09-2012 08:09:49
โฮ่ รอตั้งนาน ในที่สุดก็มาต่อแล้ว

จบแบบว่ายังต้องรอลุ้นอีกแฮะ ....

กลัวผีมาตั้งนาน ผีเพิ่งโผล่เอาสองตอนสุดท้าย ฮ่าๆ

ขอตอนพิเศษอีกสักนิดก็ดีนะคะ

การุณ ทั้งขี้ขลาด แหย ขี้หลี ... เทียบกับอาญา ที่ทั้งหล่อ (บอกตอนไหนว่าหล่อแต่เราก็จิ้นว่าคงหล่ออ่ะแหละ) ทั้งใจดีแล้ว รัฐคงตัดใจยากอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 16-09-2012 15:18:15
ขนาดตอนจบยังแอบหลอนเลย :laugh:

 :pig4: หวังว่าคงจะมีเรื่องดีๆมาให้อ่านอีกนะคะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 18-09-2012 16:43:46
จบลงด้วยดี (ยกเว้นสำหรับการุณ 555)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 18-09-2012 19:33:48
จบแล้ว ดีใจที่สู้ด ที่คนเขียนไม่ลืม
การุณจะทำอย่างไรให้รัฐกรณ์ใจอ่อนน๊า
วิญญาณ ของอาญานี่ มาจริง ไม่ใช่วสันชิมิ
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 25-09-2012 22:14:23
เดาถูกด้วยว่าเป็นวสันต์ สงสารการุณ ตกลงสองคนนี้จะได้เป็นอะไรกันมั๊ย พี่อาญาอุตส่าห์เปิดทางให้แล้ว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย 15/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: tonkhaw ที่ 25-09-2012 23:03:50
อยากอ่านตอนการุณกุ๊กกิ๊กกับน้องกรณ์ของเราหน่อยอ่า

ดูน้องกรณ์จะเก๊กท่ากับการุณอยู่

เเต่อาญาเหี้ยนขนาดหนักเลยนะ

กลัวเเทนการุณ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Tifa ที่ 25-09-2012 23:10:19
ดีใจที่ชอบกันนะคะ

ขอโฆษณา งานใหม่หน่อยนะคะ ฝากด้วยนะคะ




ปริศนาเงาเที่ยงคืน……Midnight shadows



หญิงสาววัยรุ่นหันซ้ายขาวอย่างระวังตัว เธอเคลื่อนตัวอย่างเงียบเชียบไปตามตัวอาคารที่ดำมืด มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องพอให้เห็นทางเดินที่ปูด้วยไม้ปาเก้เก่าๆ มือซ้ายของเธอถือถุงผ้าไว้มั่นราวกลับกลัวจะมีใครแย่งชิงไป ใจที่เต้นระส่ำบอกให้เธอเดินต่อไป จุดหมายอยู่ไม่ไกลแล้ว


ปัง



เสียงปิดประตูจากที่ไหนสักที่ ที่ห่างออกไปทำหญิงสาวผวา เธอแนบตัวเข้ากับผนัง ใช้เงาของตัวอาคารบดบังเร้นกายในความมืด แต่แล้วก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ


‘หรือว่าเราคิดไปเอง’


เธอปลอบใจตัวเองก่อนจะมุ่งไปตรงทางที่ต้องการต่อไป เวลาไม่รีรอ เหลือเวลาอีกไม่มากนักก็จะเที่ยงคืน เธอกดมือถือเพื่อดูเวลา เธอกำลังจะพลาดช่วงสำคัญของคืนนี้ หญิงสาวเลิกแอบซ่อนตัวในความมืดออกเดินอีกครั้ง จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แรงขึ้น ประตูอยู่ตรงหน้าแล้ว เธอดูเวลาอีกครั้ง


ยังพอมีเวลาเตรียมตัว



ภายในห้องน้ำหญิง กระจกบานใหญ่ติดอยู่ตรงผนัง มีรอยคราบสกปรกติดเป็นหย่อมๆ ตามอายุการใช้งาน เสียงหยดน้ำกระทบพื้นดังแว่วมาจากห้องน้ำห้องสุดท้าย ฟังดูวังเวง แต่นั่นไม่สามารถทำให้เธอเสียสมาธิ ถุงผ้าถูกวางลงบนพื้น มือทั้งสองคว้าเอาของที่อยู่ด้านในอย่างระวัง

เทียนเล่มหนึ่งถูกจุดขึ้น แสงสีเหลืองนวลส่องไปทั่วห้องน้ำ ทุกครั้งที่เปลวไฟไหวไปตามแรง เงาของเธอก็เคลื่อนไหววูบวาบไปด้วนราวกับมันมีชีวิต เธอตั้งเทียนไว้กับเชิงเทียนที่เตรียมมา วางไว้ตรงอ่างล้างหน้าต่อหน้ากระจกเงา ใบหน้าของหญิงสาวปรากฏขึ้น ภาพผู้หญิงผมดำยาว ทิ้งตัวลงยาวถึงกลางหลัง ผมหน้าม้าที่ถูกปล่อยยาวจนบดบังดวงตาคู่สวย ผิวหน้าที่ขาวสะอาด ขับให้ริมฝีปากสีแดงนั้นดูเด่นชัด

มือซ้ายของเธอถือแอปเปิ้ลแดงไว้ มือขาวนั้นมีมีดปอกผลไม้ด้ามเล็ก เธอเหลือบดูเวลาอีกครั้ง จวนเวลามากแล้ว ได้เวลาลงมือเสียที หญิงสาวเริ่มกดใบมีดลงกับผลไม้สีแดง เปลือกภายนอกค่อยๆถูกแยกออกมาจากเนื้อในอย่างบรรจง

แน่นอนว่ามันเป็นข้อบังคับของพิธีกรรมในครั้งนี้ เปลือกของผลไม้ต้องห้ามขาดออกจากกันเป็นเด็ดขาด นาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว เธอจ้องมองไปในกระจก พร้อมทั้งค่อยๆกดมีดลงไปในเนื้อผลไม้เรื่อยๆ เปลือกสีแดงนั้นถูกเอาออกมาได้ครึ่งผลแล้ว ทว่ายังไม่เกิดเหตุการณ์ที่เธอต้องการ เธอต้องทำต่อไปจนกว่าจะจบ ที่สำคัญอย่าให้เทียนดับหรือ ทำเปลือกผลไม้ขาดเป็นเด็ดขาด


เรื่องน่ากลัวจะเกิดขึ้นตามมา



แอปเปิ้ลถูกปลอกไปแล้วสามในสี่ หยิงสาวยังไม่หมดกำลังใจ เธอตั้งใจต่อ และทันใดนั้นเองเงาในกระจกของเธอค่อยๆเปลี่ยนแปลง ภาพที่เคยแจ่มชัดดูเหมือมีหมอกลง ทำให้มองเห็นไม่ชัด แต่พอรู้ได้ว่าตอนนี้ภาพสะท้อนข้างหน้านั้น
เป็นผู้ชาย

เธอตั้งจิตอธิถาน และเลื่อนใบมีดอย่างตั้งใจ มือของเธอสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นถี่ขึ้น เธอยังควบคุมตัวเองได้ดี เงาของชายคนนั้นเลื่อนเข้ามาใกล้จะจกมากขึ้นจนเห็นได้ชัดขึ้น ทีละนิด

“เป็นพี่แทนจริงๆด้วย” เธอร้องบอกตัวเองอย่างดีใจ




พรึบ

ทันใดนั้นเองกระแสลมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้พัดผ่านจากด้านในของห้องน้ำ จนเปลวเทียนดับไป เธอร้องตกใจ รีบกดมือถือเพื่อให้แสงสว่าง และจุดไฟอีกครั้ง

ภาพสะท้อนของชายหนุ่มหายไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวที่ทำหน้าตื่น เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาที่ลำคอเรียว เธอทำผิดกฎ เธอปล่อยให้เทียนดับ

แต่นั่นยังไม่ทำให้เธอตกใจเท่า เปลือกสีแดงของแอปเปิ้ลได้ขาดออกจากกัน คงเนื่องด้วยอาการตกใจ จนปล่อยให้มีดไปตัดขาด
เธอมือไม้สั่น รีบเก็บของยัดใส่ถุงผ้าเหมือนเดิมแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำแห่งนั้นทันที






“พรีม เธอไม่สบายหรอ”
“อืม” หญิงสาวผมยาวสีดำ พยักหน้าตอบเพื่อนร่วมห้อง เธอดูไม่ดีนักจากเหตุการณ์เมื่อคืน มันทำให้เธอกังวล ใบหน้าที่ขาวเนียนนั้น กลับดูซีดเซียวเสียจนน่ากลัว ขอบตาที่ดำคล้ำบ่งบอกการอดนอน

“เธอคิดมากเรื่องพี่แทนหรือเปล่า โถ่ พรีม เธอก็ออกจะสวย กล้าๆหน่อยสิ”
“เอาน่า” พรีมตอบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ให้คิดมากเรื่องเมื่อคืน
“ถ้างั้นลองวิธีนี้ไหม เขาว่านะถ้าไปส่องกระจกตอนเที่ยงคืน…”
“เหลวไหลน่า” เธอขึ้นเสียงสูง
“ขะ ขอโทษแก ชั้นแค่อยากให้แก….”
“ฉันขอโทษ ฉันแค่เหนื่อยน่ะ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ”

สองเพื่อนรักพากันเดินออกจากห้องพักของนักศึกษา เธอเดินผ่านทางเดินที่ทอดยาวจนถึงบันได ห้องน้ำที่ปิดสนิทนั้นยังอยู่ที่เดิม ประตูสีดำนั้นดูช่างลึกลับและน่ากลัวไปพร้อมกัน พรีมรีบเดินลงบันไดไปอย่างเร็วจนเพื่อนของเธอสงสัยแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้

มื้ออาหารผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งสองต่างคุยถึงหัวข้อที่ต้องเรียนในวันนี้ จนจวนเจียนที่จะเข้าเรียน สองสาวจึงพากันเดินไปยังห้องเรียน


“แกไปก่อนเลย จองที่ไว้ให้ด้วย” พรีมบอกเพื่อนรัก ก่อนจะหลบฉากเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว นักศึกษาหญิงหลายคนกำลังแต่งหน้าอยู่หน้ากระจก พรีมเองไม่ได้สนใจ รีบเข้าไปยังห้องน้ำด้านใน จนเรียบร้อย เธอจัดแจงแต่งตัวเองจนเรียบร้อย ก่อนจะสังเกตได้ว่า เสียงคนคุยกันด้านนอกนั้นหายไป

เธอเริ่มกังวลอีกครั้ง ประสบการเมื่อคืนเธอยังจำได้ตรึงใจ

เธอแง้มประตูห้องน้ำออกมา ไม่มีใครอยู่ในนี้ แสงไฟนีออน กระพริบติดๆดับๆ ยังดีที่พอมีแสงแดดจากด้านนอกมาให้เห็นได้จากขอบประตู เธอเดินก้มหน้าผ่านหน้ากระจกไป

‘อย่าหันไปมอง’

เธอบอกตัวเองแบบนั้น

อยู่ๆ เธอรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดผ่าน ทำเอาขนอ่อนที่ต้นคอลุกชัน เธอเผลอเหลือบไปมองตรงกระจก และต้องรีบหลับตาลงทันที




และหญิงสาวก็ไม่เคยได้กลับไปเรียนอีกเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 28-09-2012 12:34:15
น่ากลัวและน่าติดตาม เหอๆ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-09-2012 14:33:29
โอ้ หนังสยองขวัญเรื่องใหม่
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 28-09-2012 15:54:34
โอ้ น่ากลัวมากๆ

พรีมหายไปไหน ใครลักพาตัวไปนะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 28-09-2012 16:25:27
เยี่ยมจริงๆ เพิ่งมาอ่านทีหลังค่ะ เราชอบนิยายแนวนี้อยู่แล้ว
สนุกมากจริง หลอนนิดๆ ลุ้นตามทุกตอน แรกๆเดาไม่ออกเลยว่าใครทำ
แถมยังโมเมไปเองอีกว่า วิทย์ทำ 555 ยันใกล้เฉลยก็ยังไม่รู้ว่าวสันทำ
อารมณ์ตอนเสียพี่อาญา มันแบบ  :m15: ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆ แหวกๆ
ชอบมากๆจริงๆค่ะ รอติดตามงานต่อไป ซึ่งหลอนเหมือนกัน ชอบบบ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 28-09-2012 18:43:41
เข้ามาอ่านทีเดียวจนจบ o13  o13  o13  o13
เนื้อเรื่องสนุกมาก ตอนแรกเดาอะไรไม่ออกเลยค่ะ
นึกว่าวิญญาณด้วยซ้ำไป  :laugh: :laugh: :laugh:
พึ่งมาเก็ทจนเนื้อเรื่องมันจะจบแล้วด้วยอ่ะ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
โอ๊ววววว  สวดยอดมากค่ะ สนุกที่สุด มีอะไรให้ลุ้นตลอดด้วยแหละ
 o13 o13 o13 o13
จะติดตามผลงานน่ะค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 28-09-2012 23:12:58
ชอบค่ะ ระทึกจริงๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 07-10-2012 21:48:47
เพิ่งจะเข้ามาอ่านค่ะ โอ้ยยยยยยย แม่มึงเอ้ยยยยยย ชอบมากกกกกกกก แบบชอบเรื่องแนวนี้อ้ะ!!  :impress2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 07-10-2012 22:47:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: Inthefathername ที่ 10-10-2012 02:50:41
ชอบค่ะ ลุ้นมาก ^^
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 16-10-2012 23:16:22
+1 ไปเลยค่ะสำหรับนิยายดีๆแบบนี้ o13
อ่านเรื่องนี้ตอนแรกขนลุกซู่ไปทั้งตัวเพราะดันเริ่มอ่านตอน 3 ทุ่มและอยู่ในห้องคนเดียว :sad3:
พออ่านไปสักพักความกลัวมันเริ่มลดลงเพราะความสงสัยเข้ามาแทนที่
เรื่องราวที่คนเขียนสอดแทรกไว้ทำให้แอบคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องฆาตกรรม
สุดท้ายก็ใช่จริงๆด้วย 
ขอยกนิ้วให้คนเขียนที่ผูกเรื่องได้เก่งมากๆ  ข้อมูลประกอบก็ดูมีเหตุผลมากๆ
ฉากฆาตกรรมก็เขียนได้สมจริง  หาข้อมูลได้เก่งมากเหมือนคนเรียนสายการแพทย์มาเขียนเลยนะเนี่ย :m4:
ฉากสยองก็สมจริงเหลือเกินเล่นเอาคนอ่านสยองจนขนลุก
สงสัยต้องฝากตัวเป็นแฟนนิยายด้วยคนแล้วนะค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 21-10-2012 23:18:19
หลอนซะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-10-2012 23:39:08
นี้ขนาดอ่านจบแล้ว รู้แล้วว่า มันเป็นเรื่องที่กุขึ้นเพื่อวางแผนฆ่า  แต่ก็แอบเสียวนิดๆไม่ได้แฮะ


ขอบคุณสำหรับนิยายดี๊ดีจ้า
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: seraty ที่ 16-11-2012 11:34:15
 :laugh:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 16-11-2012 12:13:55
เรื่องต่อไป คนแต่งต้องแต่งเรื่อง หมู่บ้านจู๋ ขาดแน่ ๆ เลย บรื้ออออ น่ากลัว
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 24-11-2012 15:22:03
 :เฮ้อ:ลุ้นระทึกได้ทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 06-05-2013 12:09:00
 o13 สุดยอดมากค่ะ อ่านแล้วรู้สึกขนลุกซู่ :a5:

ติดตามเรื่องต่อไปอยู่นะคะ :กอด1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 06-05-2013 21:28:15
#ตอนที่1# อืออออ  สงสัยเขากำลังถ่ายรายการผีกันหรือเปล่าหว่า  เอ๊ะ หรือเขามาลองของกัน ผอ.เล่นกุดหัวคนไข้ไปซะเยอะพอๆกับคนหนึ่งหมู่บ้านเลยเหรอ (อินี่เริ่มฟุ้งซ่านเดามั่วซั่ว  555+) แหม...แต่มันเขย่าประสาทจนแทบจะกลับมาอ่านอีกทีพรุ่งนี้ตอนกลางวัน
#ตอนที2# อิพี่การุณแกช่างกล้า  บร๊ะ ไปดูหนังผีมายังกล้าอาบน้ำแบบไม่เปิดเสียงทีวีเข้าช่วยแถมยังนอนไม่เปิดไฟอีก  นับถือๆ  แต่หอพี่แกไหงให้อารมณ์โรงบาลเก่าขนาด  อ่านไปลุ้นไป เพิ่งสำนึกได้...ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกันนี่หว่า  ตัยหองงงง= ="

ทำไมเพิ่งมาเจอเรื่องนี้ตอนกลางคื๊นนนนนนนนน TT TT
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ 06-05-2013 22:58:27
เอ๊ะ! อ่านไปอ่านมา หรือจะไม่ใช่เรื่องผี หรือจะเป็นฆาตกรรมในห้องปิดตาย(?) ดูเหมือนทุกคนจะเกี่ยวข้องกับอาญาไปหมด น่าจะยกเว้นอิพี่การุณที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา(เอ๊ะ หรือรู้?) ณ จุดนี้ระแวงไปหมดจริงๆ นะเนี่ย
อาญาน่าจะเป็นคีย์เวิร์ด
ปล. อาญาแกอย่ามาทำตัวเป็นผีพม่าในลัดดาแลนด์นะ หลอกให้ฉันหลอน สุดท้ายเป็นฝีมือผีข้างบ้านไปซะฉิบ = =
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: nimfadora ที่ 16-05-2013 00:19:27
หลงเข้ามาอ่าน และ ณ ตอนที่อ่านจบ ตรงกับวันพุธเวลาห้าทุ่มสี่สิบ
แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :hao7: หลอนโว้ยยยยยยยยยยยยยยย  โอย
เปิดช่องเจ็ดก็เจอคนอวดผี พอเปิดเล้าก็มาเจอเรื่องนี้  ดวงดีจริงกรุ  :sad4:
ณ จุดที่อ่านไปจนถึงกรรณิกาเห็นเศษเสื้อ ผมไม่คิดว่าอ่านนิยายเล้าแล้วครับ
คือพอรู้ว่าจะเจออะไร ชื่อเรื่องมันก็บอกไว้แล้ว แต่ไม่เคยเห้นนิยายเล้าที่มันหลอนได้ขนาดนี้เลย  :sad4: :sad4: :sad4:
มาเต็มมาก ทั้งโรงบาลผี หมู่บ้านผี ผีน้ำตก ฆาตกรรมในห้องปิดตาย หัวหลุด เลือดสาด วางยานอนหลับแล้วจับไปฆ่า   :katai1:
เยอะเนอะครับ  ถ้าตัดเรื่องมีนายเอกพระเอกไปเนี่ย ผมนึกว่ากำลังดูหนังเฮอร์เรอร์ฝรั่งสักเรื่องอยู่แน่ๆ 
ตอนแรกสงสัยหมดเลย ทั้งคู่ผัวเมีย(นึกว่าอาญาเป็นลูกสาวิตรี)  ต่อมาสงสัยวสัน  สักพักไปแม้แต่การุณ!
  กลัวตัวละครใสๆ ตัดกับธีมเรื่องแบบนี้  แต่สุดท้ายเป้นวสันสินะ
ขนาดเฉลยแล้วยังมีให้ลุ้น กลัวตัวเอกตาย  ดีใจที่คนแต่งไม่ใจร้ายขนาดนั้น
แต่ตอนจบยังมีให้หลอนอีกแน่ะ ออกมจนได้สินะอาญา  :hao5:
เรื่องแถมยังหลอนได้อีก คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ย
+บวกเป็ดให้กับความหลอนไปเลยครับ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 06-12-2013 00:35:49
อ่านไปเกร็งไป ทั้งลุ้นทั้งกลัว ทั้งคิดไปด้วย
แถมอ่านตอนกลางคืนยิ่งหลอนสุดๆ อีก
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ ที่หลอนสุดๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: kungfoopungpon ที่ 15-12-2013 08:20:27
เย้! เดาถูกเหมือนกัน สนุก น่าติดตามมากครับ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 04-03-2016 11:56:00
 :sad3: เค้ากลัวอ่ะ ............ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 04-03-2016 23:00:14
ตอนแรกเราก็ยังไม่หลอนนะ แต่หลังๆนี่โหวงๆหวั่นๆล้าวววว
ข้าพเจ้ามิกล้าอาบน้ำ ..

 :katai1:
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: love noon ที่ 08-05-2016 23:51:04
คือ มาหานิยายที่จบแล้วอ่าน เลือกเรื่องนี้เพราะชื่อเรื่องน่าสนใจ แล้ว ก็ อ่าน ตอนกลางคืน คือสนุกไปแล้วไง จะหยุดกลางคันก็ใช่ที่ ปกติก็กลัวผีเลเวลสุงสุดอยู่ พอสนุกจนจบ........ก็ เหอ...เหอ...หลอนไปอีก o22
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: 89P13 ที่ 23-05-2023 16:17:51
กะว่าจะอ่านตอนกลางคืนแต่อดใจไม่ได้เลยต้องมาอ่านกลางวันแทน นี้ขนาดอ่านตอนกลางวันยังขนาดนี้แล้ว ตอนกลางคืนจะขนาดไหน
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: 89P13 ที่ 23-05-2023 16:19:27
กะว่าจะอ่านตอนกลางคืนแต่อดใจไม่ได้เลยต้องมาอ่านกลางวันแทน นี้ขนาดอ่านตอนกลางวันยังขนาดนี้แล้ว ตอนกลางคืนจะขนาดไหน!
หัวข้อ: Re: +++ หมู่บ้านหัวกุด +++ บทส่งท้าย + ปริศนาเงาเที่ยงคืน 25/9/55
เริ่มหัวข้อโดย: sarawutcom ที่ 06-03-2024 17:55:33
หมดเขตสมัคร  30  เมษายน  2567
ดีแทค  ระบบเติมเงิน  #ได้ทุกเบอร์
เน็ตไม่อั้น  (เน็ตอย่างเดียว)
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  193  บาท  นาน  7  วัน
*104*841*8488034#
เร็ว  12 Mbps(เม็ก)  ราคา  482  บาท  นาน  30  วัน
*104*842*8488034#
#ไม่ลดความเร็ว  #ห้ามใช้โหลดบิท
ร้านสราวุธคอมพิวเตอร์  สตูล
สาขามะนัง 0826499917
ไลน์  sarawutcomputer
เปิดทุกวัน  09.00 – 20.00  น.
ท่านเต็มใจมา  ร้านฯ  เต็มใจบริการ
https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444 (https://web.facebook.com/photo/?fbid=885661673572866&set=a.496909265781444)