มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาหงส์ บทที่ ๓๗ : คอย (ครึ่งหลัง๒๐%) [๒๔ ก.ย. ๒๕๖๒]  (อ่าน 713216 ครั้ง)

ออฟไลน์ ป้าหนอน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คือดีใจอ่ะ ปริ่มมาก มาเขียนต่อแล้ว ยังไม่ได้อ่านเลย มาเมนต์ก่อนแล้วค่อยอ่าน

รอมานาน ฮืออออออออออออ

ออฟไลน์ riangkarn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
นึกว่าตาฝาดนะคะเนี่ย ดีใจแทบตาย

เดี๋ยวจะต้องมีอุปสรรคไรอีกแน่ๆเลย

รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ four4

  • รักนี้ชั่วนิรันด์
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ไม่ได้อ่านนานมากๆแล้ว มาอ่านอีกครั้งมีความสุขมากๆ จะรออ่านตอนต่อๆไป จนจบครับ

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
ชอบมากค่ะ
ขนาดเอ็นซียังบรรยายได้สวยงามมาก
โดยเฉพาะดอกไม้ยอมคลี่กลีบ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า
จ้อยยังเป็นลูกสะใภ้ที่ดีเหมือนเดิม
สงสารสิงห์  อดเลยคืนนี้ ฮึ่ม..

ออฟไลน์ Chandra

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ในที่สุด ปีนี้ก็มาต่อแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆ
รออยู่ตลอดนะคะ

ออฟไลน์ lovewannabe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 371
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
รอคอยครึ่งหลัง สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ คุณนักเขียน^^

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
ดีใจที่สุด มาเสียที ขอบอกชอบบรรยายธรรมชาติมาก  o13 o13

ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มาต่อแล้ว ดีใจมากๆ
คิดถึงจ้อย กับคุณเล็ก
พี่สิงห์ กับอาจารย์
อยากให้ทั้ง2คู่
หมดทุกข์หมดโศกสักที

ออฟไลน์ sunshinebj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาอัพบ่อยๆนะ อย่าค้างนาน :mew2:

ออฟไลน์ paloy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านหลายรอบแล้ว ชอบมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ Noockie

  • Always keep the faith
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Thanking

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ดีใจมากค่ะที่กลับมาเขียนต่อแล้ว ปลื้มปริ่มมากที่แวะเข้ามาเห็นน่ะ :mew1:

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อุปสรรค์ช่างเยอะยิ่งนัก

สงสารอาจารย์กับหนูเล็กจัง :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ในที่สุดหนูเล็กของกบก็กอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้  :L1:

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ครูจูบ ฮร้าย.. เขิลอีก มันละมุนละไมมาก...
ลุ้นๆทุกตัวอักษร อยากให้จบดี

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

ออฟไลน์ hunhan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สุดยอดจริงๆเรื่องนี้ สนุกครบทุกรสไม่มีคำบรรยาย เรามาช้าไป แต่ก็ตามอ่านจนทัน บอกได้คำเดียวว่า กราบ555  :mew1: นิยายที่ภาษางดงาม เราชอบน้องจ้อยกับพี่สิงห์มาก อร้ายยย

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ feelinlove

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณดอกไม้ขาาาา สู้ๆ น้า ยังรออยู่เสมอนะ
ตอนเฉลยปมน้องจ้อยจะเป็นไงน้า เรื่องแหวนนั่นอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chi0chi0

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะต้องตื่นจากฝันแล้วเหรอคะ โฮ :hao5:


ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
28/11/2011 - 10/6/2016  นิยายครึ่งศตวรรษ

ออฟไลน์ Noockie

  • Always keep the faith
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Sailordews

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กลับมาเสิร์ชดูนิยายเรื่องนี้เพราะคิดถึง ปรากฎว่าตกใจมาก กรี๊เดดดดด คุณดอกไม้มาเขียนต่อแล้วววว ฮืออออ ขอบคุณมากๆนะคะที่มาต่อ เป็นกำลังใจให้ รอครึ่งหลังค่า  :mew1:

ออฟไลน์ huoan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
บทที่ ๓๔

ขอบฟ้ากำแพงดิน

(ครึ่งหลังจ้ะ :L2:)


อาจารย์จูบปลุกศิษย์รักตั้งแต่ได้ยินเสียงดุเหว่าขับขาน เลอมานอิดออดไม่อยากลุก ทำไมช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วนัก ฟ้ายังไม่สางดีเลยตอนพวกเขาล่องเรือตามคลองกลับไปยังบ้านยายช้อย

ปิดควันไฟไว้ไม่มิดฉันใด ความรักอันผิดบาปก็เร้นไว้ได้ไม่นานฉันนั้น

เรือสำปั้นบรรทุกแขกเกี่ยวข้าวมาเต็มลำ สวนกันก่อนถึงบ้านยายแป๊บเดียว คนึงคิดว่าตนตื่นเช้าแล้ว แต่ชาวนาที่ต้องทำงานแข่งกับตะวันกลุ่มนี้ตื่นเช้ากว่า

ทุกสายตามองมาอย่างจ้องจับผิดเฉกเช่นทุกที หากครานี้.. ไม่มีเพียงแค่สายตาอีกแล้ว

“บ้านยายช้อยอยู่ฝั่งกะโน้นไม่ใช่เรอะ ทำไมมาจากทางนี้กันละพ่อ” ลุงคนหนึ่งถามซึ่งหน้าอย่างไม่ยำเกรง

“ไปไหนกันมาแต่เช้ามืด” คนอื่นๆ ก็พลอยผสมโรง หรืออาจสงสัยกันอยู่นานแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนที่จำเลยจำนนต่อหลักฐานเท่าครั้งนี้

“นั่นมันชุดเมื่อวานหรือเปล่า” ใครคนหนึ่งทัก เลอมานสะดุ้ง ขยุ้มคอเสื้อโปโลเนื้อดีที่ใส่อยู่แน่น ก้มหน้าก้มตา เพิ่มพิรุธให้ตัวเองขึ้นไปอีก

“หรือเมื่อคืนไม่ได้กลับบ้าน”

แล้วหัวเราะเยาะหยันก็ครื้นเครงขึ้นทั้งลำเรือ วัวสันหลังหวะได้แต่มองหน้ากัน

แสงเงินแสงทองยังไม่จับฟ้าเมื่อเรือยนต์แล่นมาถึงบ้านยายช้อย เลอมานให้นึกแปลกใจเมื่อเห็นเรือแจวลำเก่าของยายจอดเทียบอยู่ที่ท่า พืชผักเขียวสดยังเพียบเรือ

หญิงชรานั่งอยู่นอกชาน มองมาด้วยสายตาว่างเปล่า

“กลับมาจากตลาดเร็วจังครับ” ราชนิกูลหนุ่มเสียงใสกลบพิรุธ ทั้งที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

แม่เฒ่าไม่พูดไม่จา ก้มหน้าตะบันหมากไปเงียบๆ ความเงียบงันเข้าคลุมจนน่าอึดอัด เลอมานคลานเข่าเข้าไปหา คว้าครกตำหมากในมือเหี่ยวย่นมาช่วยตำให้อย่างประจบเช่นทุกที

ยายช้อยหันไปปาดหมาดลงใบพลู ..ไม่กลับได้หรือ หวิดจะตีปากคนที่ตลาด อยู่ไม่ได้จนต้องกลับมา

“พ่อเล็กหายไปไหนเมื่อคืนกับครู” แกตัดสินใจถามตรงๆ มือขาวที่กำลังตำหมากชะงักกึก “มาจากฝั่งกะนี้ คงไม่ได้ไปค้างที่โรงเรียนหรอกใช่ไหม”

จำเลยทั้งคู่นั่งเบื้อใบ้เหมือนไม่มีปาก

“ที่เขาพูดกัน.. มันจริงใช่ไหม” ถามไปแล้วหัวใจคนแก่ก็สั่นหวิว ก็ไอ้ที่เขาพูดกัน กับไอ้ที่สองตาแกเห็นอยู่ทุกวันทุกวี่ มันคลาดกันน้อยอยู่เมื่อไร

อาจารย์หนุ่มนั่งเงียบไม่เอ่ยคำ แต่มือใหญ่ที่วางลงบนมือน้อยที่สั่นระริกนั้นตอบคำถามจะแจ้ง

แม่เฒ่าถึงแก่กระจ่างใจ พ่นลมออกจมูกพรู อภิโธ่เอ๋ย!

“พวกสาระแนมันถามยายทุกวัน ว่าชายเล็กกับครูคนึงเขาได้เสียกันแล้วจริงไหม ยายก็ได้แต่ไล่ให้มันเอาปากไปรูดตำแย” เสียงคนแก่สั่นเครือ “เขาลือกันทั้งตลาด”

ลือกันทั้งเกาะเมือง.. เผลอๆ ลือกันไปถึงบ้านแพน.. พวกนักเลงตีไก่จากผักไห่ มันยังโพนทะนากันในโรงเหล้า เรื่องคาวๆ ฉาวโฉ่มันไปไวเหมือนไฟลามทุ่ง

เลอมานเจ็บที่หัวใจเหมือนใครมาเด็ดออกจากขั้ว น้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงพื้นไม้ฟาก

“ยายจ๋า..” เด็กหนุ่มเรียกเสียงเครือ เหนือกว่าความตกใจคือความเสียใจ “ยายรังเกียจเล็กหรือเปล่า..” หม่อมราชวงศ์สูงศักดิ์คลานเข้าหาหญิงชราชาวนา ประนมมือกราบลงตรงตัก “เล็กขอโทษที่ทำให้ยายเดือดร้อน..”

ยายช้อยปาดหยดน้ำที่คลอหัวตา มือที่วางลงบนหัวยังอบอุ่นและเปี่ยมด้วยปรานีเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน

“ยายไม่เห็นว่าเล็กกับครูจะสร้างความเดือดร้อนให้ใครตรงไหน” เท่านั้นเลอมานก็เบะปากซัดโฮ โผเข้ากอดยายแน่นเหมือนเด็กตัวเล็กๆ และมือเหี่ยวย่นคู่เดิมนั่นแหละเช็ดน้ำตาให้ซ้ำๆ “แต่คนอื่นจะทำให้เล็กกับครูเดือดร้อน ต่อไปนี้ทำอะไรต้องระวังตัวนะลูก..”

เหตุการณ์นี้คนที่สมควรโดนเทศนาที่สุด ไม่พ้นอาจารย์คนึง

“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันต่อไป ชาวบ้านมันโพนทะนากันทั่วแบบนี้” แม่เฒ่าก้มหน้าตะบันหมากเสียแหลก ลงแรงยังกะกลางครกมีเจ้าตัวดีทั้งคู่อยู่ในนั้น “เล็กยังเด็ก ทำอะไรไม่ยั้งคิด แต่ครูหนอครู ครูเป็นผู้ใหญ่แล้วแท้ๆ คิดอะไรทำไมไม่คิดให้ยาวกว่านี้”

จำเลยได้แต่มองหน้ายายนิ่ง หากมือใหญ่ยังวางบนมือเล็กอยู่เช่นนั้น

หนแรกคนึงตั้งใจจะพาเลอมานเก็บข้าวของกลับโรงเรียนเสียในเช้านี้ เพราะไม่อยากให้ยายพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย แต่แกค้านไว้เสียก่อน ให้เหตุผลว่าคนเขาจะค่อนเอาว่าหอบผ้าตามกันไปตามกันมา และย้ำนักหนาว่าระยะนี้อย่าเพิ่งไปมาหาสู่ เรื่องไปรับส่งเลอมานที่โรงเรียนนั้นเดี๋ยวแกจะหาทางเอง

อยู่กันเงียบๆ ให้เรื่องมันซาสักพัก เดี๋ยวมีเรื่องใหม่คนมันก็ลืมเรื่องเก่า

ที่ท่าน้ำ.. ยายช้อยยืนรอส่งอาจารย์หนุ่ม เลอมานถูกไล่ให้ไปเก็บตัวอยู่ในกระท่อม ขืนมายืนพิรี้พิไรคู่กัน เดี๋ยวคนปากหมาตาผีมันมาเห็นก็ไม่แคล้วตกเป็นขี้ปากอีก

คนึงกราบลายายตรงอกผอมแห้ง ขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่าง

“ยายไม่ต้องห่วงเล็กนะครับ” ดวงตาสีนิลมองมาแน่วแน่ “ต่อไปภายหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะแบกรับทุกอย่าง” เสียงทุ้มหนักแน่นยามเอ่ยค่ำมั่น “จะปกป้องสุดกำลังที่คนอย่างผมจะทำได้”

เรือยนต์ลำน้อยแล่นฉิวไปไกลลิบ แม่เฒ่ามองส่งจนลับตา

..ครูคนึง.. ยายห่วงครูมากกว่าเล็กเสียอีก..

**********************************

คนึงแวะตลาดก่อนถึงโรงเรียน และตั้งใจเข้าร้านกาแฟ ใจอยากรู้นักว่าที่ยายบอกว่าเขาลือกันนั้น.. ลือกันไปไกลขนาดไหน ผลกระทบ.. รุนแรงเท่าใด..

ณ ที่นั่น.. เขาได้พบชาวบ้านมากหน้าหลายตากำลังนั่งครื้นเครงกันอยู่

สภากาแฟกำลังคึก บ้างกินเหล้า บ้างดื่มกาแฟ หนุ่มๆ โจษกันถึงวงดนตรีและนักเต้นอวดสะดือที่จะมาเล่น คนแก่ซุบซิบเรื่องวัวหาย ผู้ใหญ่บ้านคุยเรื่องเงินเดือน ๘๐ บาทไม่พอเลี้ยงข้าวเจ้านาย ครูน้อยปรับทุกข์เรื่องค่าเงินบาทลด ของแพงหูฉี่ แต่เงินเดือนไม่ขึ้น

หากเพียงเขากรายเข้าหา ถ้อยสำเนียงสรวลเสพลันสงัด เหมือนมันมีก้านกิ่งให้หักเด็ดทิ้งได้กระนั้น

เขาฝืนแต่งยิ้มทักทาย ทว่าหาได้มีใครไหนจะเหลียวแลมอง ต่างพากันเมินสิ้น แล้วอีกเป็นนานเหมือนตกนรกหมกไหม้ เขาได้ยินใครตะโกนทะลุขึ้นกลางปล้องของความเงียบงันนั้น

“ครูอัปรีย์อย่างนี้กูไม่เคยพบเคยเห็น..”

ถ้อยกังวานนั้นทั้งหยันทั้งปรามาส

“ยังจะมีน้ำหน้าอยู่ดูผู้คนบางนี้ได้อีก เอาหัวไปจิ้มขี้เสียดีกว่า” และใครอีกคนเปรยขึ้นบ้างอย่างท้าทาย

“เอาลูกศิษย์ทำเมียไม่ว่า นี่ล่อลูกศิษย์ผู้ชายเสียด้วย หมามันยังไม่ระยำอย่างนี้”

“ต่อหน้าต่อตาคนทั้งตลาดยังกอดกันกลม แล้วลับหลังมันจะขนาดไหนกันวะ”

“ครูหยั่งนี้มีด้วยเรอะ ไอ้ศิษย์ก็พอกัน ตอนอยู่เมืองนอกคงมีผัวมาบานตะไทแล้วมั้ง”

คนึง วนาสัยจำได้ว่าในหูเขาอึงอล เลือดฉีดซ่านจากหนังหัวถึงฝ่าเท้า ทั้งเจ็บทั้งเคืองแค้นปนเป มือใหญ่กำแน่นจนเจ็บ ริมฝีปากขยับหมายจะต่อรอนด้วยวาจา หากสายตาหลายคู่เขม้นมองมาราวกับจะฉีกเนื้อเขาเป็นริ้ว ความละอายอดสูก็กรูเข้าชำแรกในหัวอก

เขามันเลวริยำจริงเหมือนปากว่าของเพื่อนร่วมบางเหล่านั้น หนำซ้ำเลอมานต้องมาพลอยเป็นปลาติดหลังแหไปด้วย

**********************************

น้าแป้นคาบข่าวมาบอกจ้อยที่ตลาดว่าคุณนายพูนทรัพย์ปวดท้องหนักและอาเจียนไม่หยุดเมื่อคืน จ้อยใจหล่นวูบ แล่นไปหาเหมือนติดปีก ระหว่างทางแวะรับหมออนามัยประจำตำบลขึ้นเรือไปด้วย ที่เรือนกำนัน จ้อยเจอคุณนายกำลังนอนซมหมดสง่าราศี หน้าซีดเผือดแทบไร้สีเลือด น้าแป้นป้องปากฟ้องว่าระยะหลังนี้คุณนายแอบเปิดตู้เหล้านอกของผัวมากรอกปากเป็นน้ำเปล่าทุกวี่วัน

“กูไล่ทุกวัน มึงก็ยังมาได้ทุกวัน” นางพูนทรัพย์นอนสิ้นสภาพเป็นปลาขาดน้ำ แต่ยังพอมีแรงด่าจ้อย “หน้าด้านเหมือนแม่”

หมอตรวจพบว่าแกเป็นแผลในกระเพาะ ให้น้ำเกลือจ่ายหยูกยาเสร็จแล้วน้าเวกก็พายเรือไปส่ง จ้อยรีบไปต้มข้าวต้มใส่เกลือมาป้อนคนป่วย แกผงกหัวขึ้นมองก่อนใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดปัดช้อนในมือจ้อยกระเด็นอีก จ้อยได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ เหลือบมองนาฬิกาข้างผนัง สายแล้ว จ้อยต้องรีบไปโรงเรียน และต้องแวะไปรับคุณชายเลอมานก่อนตามบัญชาของยาย

แต่คืนนั้นจ้อยก็มานอนเป็นเพื่อนแก คนป่วยต้องได้รับการดูแลไม่ใช่หรือ ในเมื่อลูกแท้ๆ เอาแต่ถือทิฐิ ไม่ยอมเชื่อว่าแม่ป่วย ยืนกรานไม่ยอมกลับบ้านท่าเดียว ก็เป็นหน้าที่สะใภ้อย่างจ้อยต้องทำแทน อย่าว่ากระไรเลย.. ต่อให้จ้อยไม่ได้รักพี่สิงห์ เห็นคนแก่ป่วยนอนซมแบบนี้จ้อยก็นิ่งดูดายไม่ได้

จ้อยปูเสื่อนอนข้างเตียง คนเจ็บออกปากไล่ แต่ไล่ได้คำเดียว อาหารเย็นผสมน้ำย่อยเหม็นเปรี้ยวก็พุ่งออกปาก จ้อยคว้ากระโถนรองรับไว้ได้อย่างหวุดหวิด หาน้ำท่าให้บ้วนปาก เช็ดหน้าเช็ดตาให้เสร็จสรรพ และแล้วคนพยศเหลือร้ายก็สิ้นท่าหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

รุ่งขึ้นจ้อยพยายามให้แกกินข้าว ตอนแรกแกก็เบือนหน้าหนี หนนี้ดีหน่อย แค่เบือนหน้าหนี ไม่ปัดกระเด็นเหมือนเมื่อวาน หรือไม่มีแรงก็ไม่รู้

จ้อยต้องโอ้โลมปฏิโลมอยู่นาน แกมาใจอ่อนเอาตอนจ้อยบอกว่าพี่สิงห์ชอบกินปลาแดงทอดขมิ้นฝีมือจ้อยก่อนไปทำงานเหลือหลาย ฟาดเสียเกลี้ยงฉาด คุณนายชะงักมอง แกคงแค่อยากรู้ว่ารสเปรี้ยวหวานอย่างไรที่แตะลิ้นลูกชาย ดวงตาอิดโรยฉ่ำน้ำยามเคี้ยวข้าวต้มที่จ้อยป้อนให้เองกับมือ

“แต่พี่สิงห์ไม่กินข้าวต้มหรอก” จ้อยชวนคุย “พี่เขาว่าเดี๋ยวไม่มีแรง รายนั้นกินข้าวทีแทบกวาดเกลี้ยงหม้อ”

“ลูกฉันผอมลงหรือเปล่า” เสียงแหบแห้งเอ่ยถาม

“ตัวโตยังกะตึก” เนื้องี้แข็งโป๊ก กอดจ้อยทีกระดูกแทบน่วม ประโยคหลังนี้จ้อยได้แต่คิดพลางอมยิ้มในหน้า “แต่ดำไปเยอะ ดึกๆ ดื่นๆ ยิ้มทีเห็นแต่ฟัน”

จ้อยเล่าเจื้อยแจ้วว่าเดี๋ยวนี้พี่สิงห์เขียนหนังสือเก่ง ลายมือก็สวยเสียด้วย ภาษาปะกิดยังเขียนได้เลยด้วยซ้ำ คุณนายซบหน้าแนบหมอนฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย

จ้อยยื่นซองสีน้ำตาลส่งให้ แกรับไปเปิดดู เห็นธนบัตรสีเขียวเป็นปึกอยู่ในนั้น จ้อยบอกว่าพี่สิงห์ฝากค่าน้ำพักน้ำแรงมาให้แม่ เท่านั้นคุณนายก็กุมซองเก่าๆ แนบอก

“ลูกของแม่ แม่ไม่อยากได้เงิน” น้ำตาไหลรินน่าเวทนา “แม่อยากให้ลูกกลับมา..”

ทั้งเรือนหลังงามไร้วี่แววลุงกำนัน น้าแป้นแอบกระซิบว่าแกไปติดแม่ค้าแตงโมที่บางปะหัน จ้อยได้แต่ครางเครือในคอ ก็วันก่อนยังได้ข่าวว่าแกไปขลุกอยู่กับผู้ช่วยปลัดสาวสวยที่บ้านแพนมาหยกๆ

นักเรียนครูกัดฟันเข่นเขี้ยว หวังว่าความเจ้าชู้จะไม่สืบทอดกันทางสายเลือด ลองไอ้พี่สิงห์นอกใจจ้อยล่ะก็ พ่อจะแพ่นให้กบาลแยกให้ดู

หนุ่มน้อยหาเวลาไปบ้านกำนันสม่ำเสมอไม่ขาด ถึงตอนนี้ยายจะโยนภาระรับส่งคุณชายเลอมานมาให้จ้อยก็ตามที ตอนเย็นส่งคุณชายถึงบ้านแล้วจ้อยก็แล่นมา แต่บางหนก็กระเตงพ่อคนรูปหล่อมาให้หนูน้ำฝนนั่งมองตาเยิ้มด้วย วันไหนเพื่อนสูงศักดิ์มา เมียกำนันที่เริ่มแข็งแรงขึ้นจะตวาดจ้อยแว้ดๆ หาว่าพาท่านชายมาแบบไม่ให้แกตั้งตัว สำรับรับรองอะไรก็ไม่มีสักอย่าง จ้อยเลยลากคุณชายนั่นแหละไปเป็นลูกมือในครัว และแล้วเย็นนั้นสามคนก็ร่วมมื้อข้าวเย็นกันสำราญใจ ปลาจะไหม้ ข้าวจะแฉะไปบ้างก็ช่างประไรมี

ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะแยกเลอมานให้ห่างจากอาจารย์คนึงสักระยะตามคำสั่งยายได้แล้ว เรือนกำนันอันเงียบเหงาก็ครื้นเครงขึ้นอักโข ยิ้มของคุณนายที่จ้อยไม่เคยเห็น มามีวาสนาได้ยลก็ตอนนี้

จ้อยเอากล้วยน้ำว้าจากสวนยายมาให้แม่พี่สิงห์อย่างต่อเนื่อง บังคับให้แกกินวันละสามลูกเป็นอย่างต่ำ เพราะอาการปวดกระเพาะของแกยังไม่หายสนิท หากวันนี้.. พอจ้อยเห็นกล้วยหวีเก่างอมดำคาหวีแล้วก็ดุเข้าให้

“กูกินจนหน้าจะเป็นลิงอยู่แล้ว!” คุณนายแว้ดใส่

เลอมานหัวเราะพรืด

“ยังนะ ยังไม่เป็นลิง ขนยังไม่ขึ้น” แล้วลูกกะตาสีอำพันก็จ้องแกเอาจ้องแกเอา ก่อนหันไปถามเพื่อน “กินกล้วยมากๆ แล้วหน้าจะเป็นลิงได้หรือจ้อย”

“งี่เง่า!” นักเรียนซอมซ่อตวาดราชนิกูล ต๊าย! คุณนายลมจะใส่ มันกล้าด่าท่านชายเลยเชียวรึ! คนโดนด่าก็หัวเราะร่วน จะเจ็บแสบสักนิดไม่มี พิลึก! “งั้นจ้อยก็เป็นลิงตั้งนานแล้ว ตอนเล็กๆ ยายป้อนแต่กล้วย”

“พวกทโมน เมื่อไรจะไปให้พ้นหูพ้นตา” แกขมุบขมิบ เกรงจะกระทบพระกรรณท่านชายเลอมานแล้วจะโดนมหาดเล็กตามมากุดหัว

หากในคำบ่นเหนื่อยหน่าย มีรอยยิ้มซ่อนอยู่ตรงมุมปาก ซ่อนอยู่ในดวงตาระยับพราย

จ้อยกับเลอมานกลับไปไม่ทันไร นางพูนทรัพย์รู้สึกว่าเรือนไทยหลังโตเงียบเหงาอย่างประหลาด
หญิงกลางคนเดินไปเกาะระเบียงมองตามเรือแจวลำน้อยที่ห่างไกลสายตาออกไปเรื่อยๆ แสงอาทิตย์อัสดงฉาบท้องน้ำเป็นริ้วสีทอง ดูสิดู อยู่ไกลออกปานนั้นเสียงโหวกเหวกโวยวายยังดังมาถึงนี่ ดูเหมือนจะเถียงอะไรกันสักอย่าง แต่สักพักก็พากันหัวเราะก้องคุ้งน้ำ

ยายช้อย.. ถึงจะยากจนข้นแค้น แต่หากมีหลานคนดีคอยออดอ้อนเอาอกเอาใจ แกคงมีความสุข กระท่อมเล็กแคบซอมซ่อ คงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส

น่าอิจฉา..

อีกำไล ลูกมึงประเสริฐนัก ขนาดคนที่เคยร้ายกับมันอย่างกู มันยังมาดูแล มาประคับประคองยามป่วยไข้ ไม่อยากจะคิด.. ถ้ากูเป็นแม่แท้ๆ ของมัน มันจะทำให้กูชื่นใจสักปานใด

อดคิดถึงลูกสิงห์ ลูกสุดสวาทของแม่ไม่ได้ รายนั้นอย่าว่าแต่มาป้อนข้าว เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แม่อย่างนี้เลย แค่อยู่ติดบ้านให้แม่เห็นหน้าสักนิดก็หามีไม่ จะห่วงใยแม่สักนิดไม่มีเลย หรือต้องรอให้แม่ตายก่อนถึงจะมาเผาผี คิดถึงตรงนี้แล้วน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลลงเงียบเชียบ 

“อีกำไลนะอีกำไล” เสียงคุณนายสั่นสะท้าน “มึงมันบุญมีแต่กรรมบัง มีลูกดีขนาดนี้ กลับไม่มีวาสนาได้อยู่ชื่นชม”

แว่วเสียงนกกาบินกลับรังเป็นฝูงๆ นกมันยังบินกลับรังกลับคอน แต่เหตุใดลูกกูถึงไม่กลับมา

ลูกของกู.. กับลูกของมึง.. ทำไมมันถึงต่างกันนัก..

“ลูกกูสู้ลูกมึงไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว..” น้ำตาหยดหนึ่งร่วงบนหลังมือที่กำราวระเบียงแน่น “กูแพ้มึงแล้ว.. แพ้มึงย่อยยับ..”

**********************************

อันทิฐินั้นจะถือกับใครก็ถือไป แต่ถือทิฐิกับบุพการีมันใช้ได้หรือ?

สองสามวันมานี้ไม่รู้ว่าพี่สิงห์รำคาญที่จ้อยเซ้าซี้ให้กลับบ้านหรือไรไม่ทราบ พอมืดเข้าไต้เข้าไฟ กินข้าวกินปลาแล้วพ่อเจ้าประคุณก็หนีไปตีข้าวกับกุลีคนอื่นเสียอย่างนั้น ประจวบกับจ้อยเองก็ไปดูแลคุณนายพูนทรัพย์ กระท่อมรจนาเลยร้างอยู่หลายคืน มีคืนนี้แหละปะเหมาะเคราะห์ดีอยู่กันพร้อมหน้า

สภาพแกน่าเวทนาจริงๆ แต่พอจ้อยบอกให้พี่กลับไปกราบขอโทษแม่อีกครั้ง พี่กลับปัดมือระอา ทำนองว่าให้หยุดพล่ามเสียที

“ลูกทรพี” จ้อยด่าเข้าให้อย่างเหลืออด “ลองทิ้งแม่ได้ สักวันพี่ก็คงทิ้งเมียได้เหมือนกัน!”

ที่จ้อยเกลียดที่สุดคือคนอกตัญญู!

“หนนี้แกอ้วกเป็นเลือดด้วย!” คำพูดอาจเกินจริงไปหน่อย แต่น้ำตาแห่งความผิดหวังที่คลอเบ้านั้นเป็นของแท้
พี่สิงห์ชะงักเหมือนต้องกระสุน

“แม่พี่ป่วยหนักจริงๆ จ้อยไม่ได้มุสา” จ้อยเอาซองยาของแม่ผัวมาวางหราให้ดูเป็นหลักฐาน “พ่อพี่ก็ไปมีบ้านเล็กอีกแล้ว ทิ้งให้แม่พี่นอนร้องไห้อยู่คนเดียวทุกคืน”

“เอ็งพูดจริงหรือจ้อย..”

“จ้อยบอกพี่ทุกวัน เคยเชื่อกันบ้างไหมเล่า”

“แม่อ้วกเป็นเลือดเลยหรือ..” เสียงทุ้มแผ่วหวิว ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวทุกครั้งเมื่อได้ยินคำว่า ‘แม่’ บัดนี้กลับสลดวูบลง

“จะโกรธอะไรแกนักหนา ถ้าแค่อภัยให้แม่ยังทำไม่ได้ ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะเจริญ!”

“แม่.. แม่..” พี่กระสับกระส่าย ร้อนรน พึมพำอยู่เช่นนั้น ราวกับไม่รู้จักคำอื่นในโลกนี้อีกแล้ว “แม่จ๋า..” และแล้วร่างสูงใหญ่ก็พรวดพราดลงบันไดทั้งท่อนบนเปลือยเปล่า

“เดี๋ยว! อากาศมันเย็น พี่ใส่เสื้อก่อน” หนุ่มน้อยคว้าเสื้อพี่วิ่งตามไป “จ้อยไปด้วย!”

ดึกดื่นคืนนั้น หากใครพายเรือผ่านไปบ้านกำนันเสริม จะได้ยินเสียงแหบห้าวพร่ำตะโกนร้องหาแม่เหมือนคนบ้า กึกก้องอยู่ในความสงัดยามราตรี

ถ้านี่เป็นฉากในละคร ก็เป็นฉากจบที่เปี่ยมไปด้วยความสุขมากล้น ลูกผู้กลับใจและแม่ผู้ตระหนักรู้แล้วว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดนั้น หาใช่ทรัพย์สินใดๆ ไม่

ไอ้สิงห์วิ่งโครมครามขึ้นบันได ผู้เป็นแม่พาสังขารอิดโรยมาหา โผเข้ากอดกันดั่งพลัดพรากมานานเนิ่น

“ลูกแม่ ลูกสิงห์ของแม่ ลูกแม่กลับมาแล้ว” ปากแตกแห้งพึมพำชื่อลูกไม่ขาดปาก ไอ้สิงห์ประคองหน้าแม่ไว้ แม่ผอมไปมาก หน้าซูบซีดไม่มีน้ำนวล

“แม่จ๋า หนูขอโทษ” นักเลงหนุ่มปล่อยโฮ ทรุดลงกราบตีนแม่ นางพูนทรัพย์ประคองกอดลูกไว้เต็มอ้อมแขน โยกโคลงลูกชายตัวยักษ์ไปมาเหมือนเด็กเล็กๆ ทั้งลูบทั้งจูบผมสากระคายประหนึ่งเป็นเส้นไหมสูงค่า เหมือนของรักที่จากพรากกลับได้คืน น้ำตาแห่งความยินดีไหลลง

เมียกำนันแลเลยมาทางจ้อย ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื้นตันและขอบคุณ

**********************************

(มีต่อเน้อ :katai5:)

ออฟไลน์ ดอกไม้

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +326/-1
เกิดข่าวใหม่กระพือลือลั่นไปทั่วเกาะเมือง เบียดข่าวคาวเรื่องอาจารย์คนึงกับคุณชายเลอมานให้ตกกรอบข่าวเด่นประจำสภากาแฟไปได้ชั่วคราว

แล้วไอ้เรื่องใหม่ที่ว่านี้ระดับความน่าสนใจมันถึงขั้นสะเทือนตำบลเสียด้วย

ไม่สะเทือนได้หรือ เมื่อไอ้สิงห์ ไอ้นักเลงหัวไม้ที่เคยท้าต่อยท้าตีไปทั่ว ไอ้ลูกเวรที่ถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดจนต้องซมซานมาตกอับเป็นจับกังโรงสีเถ้าแก่ฮง วันดีคืนดี มันออกจากงานกุลี กลับบ้านไปดูแลแม่อย่างที่ลูกกตัญญูพึงกระทำ และหลังจากนั้นไม่กี่วัน เขาลือกันทั้งตลาดว่าคุณนายพูนทรัพย์พามันไปสอนงานที่โรงสี ไม่ได้เป็นงานแบกหาม แต่เป็นงานนั่งโต๊ะโก้เสียไม่มี

ใครมันสอดรู้นักก็ชอบมาถามจ้อย เพราะตอนนี้เจ้านักเรียนครูคนดีก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกำนันกลายๆ เข้านอกออกในเป็นว่าเล่น ไม่มาหาคุณนายพูนทรัพย์ที่เรือน ก็แล่นไปโรงสี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

จ้อยมันจะไปหาใครได้ ถ้าไม่พ้นไปหาไอ้สิงห์..อะแฮ่ม..เดี๋ยวนี้เรียกไอ้สิงห์ไม่ได้แล้วเน้อ ใครหลุดปากออกมาก็ตะครุบปากตัวเองกันหมุบหมับ เดี๋ยวใครมันปากหมาคาบไปบอก ทีนี้ดอกเบี้ยเอย ค่าเช่าที่เอย ค่าเช่าแผงเอย หรือกระทั่งจะไปขอกู้เงินมาใช้
หนี้ถั่วโปไฮโล เห็นทีคงผ่อนผันต่อรองกันยากล่ะทีนี้

วันหนึ่งคงจะเป็นคุณสิงห์ หรือเถ้าแก่สิงห์ในไม่ช้า หรือไม่แน่ภายภาคหน้า เมื่อกำนันเสริมใกล้หมดวาระ มันจะลงสมัครเลือกตั้งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเพื่อรอรับคัดเลือกเป็นกำนันต่อจากพ่อก็ย่อมได้ ฐานเสียงมากมายจะไปไหนเสีย
 
มีทั้งเงิน ทั้งบารมี บ้างก็ชื่นชมว่าดี พ่อเจ้าประคุณน่าจะฝักใฝ่เอาการเอางานแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เสียดายมัวแต่สำมะเลเทเมาอยู่เป็นนาน แต่บ้างที่ชอบดูความฉิบหายของคนอื่นเป็นของสนุกก็สบประมาทว่าคนโง่ดักดาน เขียนก.ไก่ถึงฮ.นกฮูกยังไม่ถูกอย่างไอ้สิงห์น่ะหรือจะมาช่วยแม่ดูแลกิจการ ขาพนันก็ท้ากันใหญ่ว่ามันจะดีได้สักกี่น้ำ บ้างก็ว่า ๓ วัน บ้างก็ว่า ๗ วัน
   
ทว่า.. เกิดเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้พวกปากปลาร้าต้องเปลี่ยนใจ

ปลายเดือนอ้าย ฝนเริ่มจาง น้ำเต็มตลิ่ง กระแสน้ำไหลเชี่ยว ใส สะอาด ไม่ขุ่นเหมือนฤดูทำนาหรือฤดูน้ำหลาก ช่วงเวลาแห่งการนวดข้าวเปลือกขายเวียนมาถึงอีกคำรบ

ทุกอย่างของชาวนาฝากไว้ที่รวงข้าว  รวงข้าวอันจะเปลี่ยนเป็นเงินสำหรับซื้ออาหารยังชีพ ซื้อหยูกยา ซ่อมบ้านเรือนผุผัง ใช้หนี้ใช้สิน กระทั่งเป็นค่าศึกษาเล่าเรียนลูกเต้า

ซึ่งรวงข้าวจะแปรเป็นเงินได้ก็ต้องผ่านโรงสี

โรงสีของนางพูนทรัพย์ใหญ่โตที่สุดแล้วในเกาะเมือง คาดกันว่าแม้ทั่วกรุงเก่าก็ยังไม่มีที่ใดเทียบเท่า ตึกสองชั้นสีขาวยืนตระหง่านอยู่ภายในรั้วคอนกรีต สนามหญ้าตัดเรียบ ไม้ดอกไม้ใบบานสลอน ด้านหลังมียุ้งข้าวขนาดโรงเรียนประชาบาลสองหลังทอดตัวอยู่อย่างทรนง ประตูมันเปิดอ้ารอรับเกวียนบรรทุกข้าวซึ่งวิ่งเข้าออกเหมือนเป็นลมหายใจของมัน

ภายในห้องรับแขกปูด้วยพรมสีเลือดนก บังตาปลิวสะบัดตามแรงพัดลมอยู่พั่บๆ แจกันจีนโบราณอวดราคาอยู่บนโต๊ะประดับมุก เครื่องสังคโลกอวดลวดลายและราคาอยู่ในตู้โชว์

คุณนายพูนทรัพย์โยกตัวขึ้นจากเก้าอี้นอน จิบชาโฮกหนึ่ง มองชายชาวนาตรงหน้าหัวจรดตีน

“จะให้ราคาผมเท่าไร” ชายคนยากถามราคาข้าวด้วยกิริยานอบน้อม ก้มตัว สานมือเข้าด้วยกัน เหมือนพูดกับเจ้าเมือง

“ซื้อข้าวตกแบบนี้มันเสี่ยง ปีหน้าไม่รู้น้ำท่ามันจะมีหรือเปล่า ถังละ ๔ บาทแล้วกัน เห็นใจลื้อ”

สิงห์ที่นั่งจดบัญชีให้แม่อยู่ที่โต๊ะชะงัก กัดปากอย่างลืมตัว ข้าวเปลือกถังละ ๔ บาทถูกเหมือนแกลบ แล้วข้าวสารทำไมมันถึงถังละ ๔๐-๕๐ บาท ข้าวเปลือกสามถังสีแล้วได้ข้าวสารถังกว่า แล้วโรงสียังขายแกลบและรำได้อีก แม่ตั้งราคาซื้อเอาตามใจชอบ ทีชาวนาเป็นฝ่ายซื้อบ้าง แม่ก็ตั้งราคาขายให้อีก

ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน

“ตกลงขายเกวียนหนึ่ง”

“รับรองไม่เบี้ยวนะ เอ้าเซ็นสัญญา” คุณนายโรงสีเตรียมกระดาษพร้อมหมึกพิมพ์ลายนิ้วมือ หากลูกชายยืนขึ้นเต็มความสูง ห้ามแม่เอาไว้ทันท่วงที

สองแม่ลูกตกลงกันอยู่พักหนึ่ง แล้วเสียงคุณนายก็แหวออกมาจากออฟฟิศ กุลีที่แบกกระสอบข้าวกันหน้าโกดังยังสะดุ้งโหยง

“จะบ้าเรอะตาสิงห์!” นางพูนทรัพย์เอามือทาบอก “ถังละ ๘ บาท แม่จะเอากำไรจากไหน!”

“ไม่ต้องกำไรมากก็ได้แม่” ลูกชายให้เหตุผล “ชาวนาหาเงินได้ปีละครั้ง ให้เขาลืมตาอ้าปากได้บ้างเถอะ”

“คนจะแห่มาที่นี่กันหมด ทำอย่างนี้ระวังพวกโรงสีอื่นมันจะหมายหัวแกเอา”

“ก็ให้มันมา” สิงห์ว่าเสียงต่ำ เหลือบตามองปืนลูกซองที่เหน็บไว้ข้างฝา ผู้เป็นแม่ได้แต่ทอดถอนใจ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน

ข่าวลือสะพัด ไอ้ทิดสมบ้านใต้ขายข้าวตกได้เกวียนละ ๘๐๐ อย่างที่ไม่เคยมีโรงสีไหนให้ราคานี้มาก่อน อย่าว่าแต่ราคาข้าว กระทั่งค่าเช่าที่เช่าแผงและดอกเบี้ยก็ยังถูกลง เสียงชื่นชมยกย่องตามมา นายสิงห์ สีตลาไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้เริ่มมีคนยกมือไหว้

*************************

แต่ข่าวน่ายกย่องของคนดีๆ จะนินทาสนุกปากเท่าข่าวคาวๆ ของคนชั่วๆ หรือ?

คนึงกับเลอมานจึงยังคงถูกชาวบ้านจ้องจับผิด จำเลยผู้วิปริตกำลังถูกสังคมลงทัณฑ์อย่างเงียบเชียบ ไม่มีการใช้ความรุนแรงเพื่อเบียดเบียนหรือใช้กำลังประทุษร้าย

สังคมพิพากษากันไปแล้วว่า.. ในเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะเอาแต่ได้ เห็นแก่ความสุขส่วนตนอันขัดต่อจารีตอันดีงาม จึงสมควรแล้วที่จะได้รับโทษทัณฑ์คือการต่อต้านจากสังคม โดยการปิดกั้น ตัดขาด และปฏิเสธที่จะมองเห็นตัวตนของพวกเขา หวังว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้คนระยำหยาบช้าทั้งสองสำนึกผิด

ตั้งแต่พากันมองแบบทะลุผ่านและเดินหนีไปแบบไม่สนใจ ประหนึ่งว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน หรือเมื่อกำลังคุยกันอยู่เป็นกลุ่ม แล้วเมื่อคนึงหรือเลอมานเดินผ่านมา ก็หยุดการสนทนาอย่างฉับพลัน หันมามองเหมือนเห็นอากาศธาตุแวบหนึ่ง ก่อนเดินแยกย้ายวงกันออกไปจากที่นั่น แล้วไปจับกลุ่มคุยกันใหม่อีกที่หนึ่ง

ไปจนถึงถูกทำให้รู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้อนรับ ไม่เชื้อเชิญเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ คนึงไปเดินตลาดไม่ได้อีก เนื่องจากไม่มีร้านไหนยินดีขายของให้ แม้แต่กาแฟสักถุงยังต้องไหว้วานให้จ้อยไปซื้อ และไม่มีเพื่อนครูคนใดชวนเขาไปสังสรรค์ตามร้านอาหารหรือโรงบิลเลียดอีกเลย

นี่แหละหนา.. พรหมทัณฑ์..

การแยกกันอยู่อย่างที่ยายช้อยแนะนำ เหมือนแค่เป็นการไม่ทำให้เรื่องโหมกระพือบานปลายไปมากกว่านี้เท่านั้น แต่ห้ามเพลิงไว้ไม่ให้มีควัน ห้ามคนจะรักกันมันห้ามได้หรือ ท่ามกลางกระแสต่อต้าน จึงยังมีข่าวลืออยู่แว่วๆ ว่าเห็นพวกเขาสองคนนัดพบกันตรงโน้นตรงนี้ จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัว

ส่วนในโรงเรียนนั้น แม้อาจารย์ปรีชาจะเพียงเรียกตัวคนึงไปตักเตือน ไม่มีการลงโทษหรือแม้แต่ลงทัณฑ์บน เพราะไม่มีหลักฐานแห่งความผิดนอกเหนือไปจากคำพูดปากต่อปากของชาวบ้าน แต่บรรดาครูน้อยและนักเรียนทั่วไปต่างมองทั้งสองด้วยสายตาที่แปลกไปทั้งสิ้น มีเพียงจ้อยที่ยังเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน หนำซ้ำยังกระหนาบเลอมานไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเสียอยู่หมัดในฐานะผู้ดูแลพิเศษ (ตามคำสั่งของยาย) และยังปากคมใส่คนอื่นๆ ที่มาเซ้าซี้ถามเรื่องความสัมพันธ์เกินเลยของครูศิษย์เจ้าปัญหาเสียจนหน้าหงายไปหลายหนด้วย

แต่นั่นแล.. ห้ามอาทิตย์ห้ามดวงจันทร์ หยุดแค่นั้นค่อยห้ามดวงใจ..

ยามเย็นสุริยายอแสง เลอมานนั่งแกร่วรอจ้อยพาไปส่งบ้านยายช้อยเช่นทุกที มือขาวสะอาดพลิกกล้องถ่ายรูปราคาแพงในมือไปมา ช่องดูจำนวนภาพที่ถ่ายไปอยู่ที่ ๓๒  ถ่ายอีกไม่กี่ภาพเท่านั้นฟิล์มก็จะหมดม้วนแล้ว จวนถึงเวลาเข้าเมืองเอาฟิล์มไปล้างเสียที

อาคารเรียนไม้หลังยาวตระหง่านในแสงสีทอง เลอมานยกกล้องขึ้นเก็บภาพนั้นเอาไว้ เอาล่ะ.. ๓๓ แล้ว

ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งผ่านเข้ามาในช่องมองภาพ แม้จะเห็นจากระยะไกลเลอมานก็รู้ได้ทันที คนที่อยู่ในหัวใจทุกห้วงขณะจิต คนที่ใกล้แสนใกล้ แต่เหมือนห่างไกลเหลือแสน วันนี้ทั้งวันทำได้เพียงสบตากันยามเดินสวนผ่าน แม้จะเอื้อมมือไปสัมผัสกันสักครั้งยังไม่กล้า สายตาคนจ้องจับผิดกันทั้งโรงเรียนอย่างนั้น

หม่อมราชวงศ์หนุ่มลดกล้องลง จริงด้วยสิหนอ.. เขายังไม่มีภาพถ่ายคู่กับอาจารย์เลย..

ดวงตาสีน้ำตาลใสสำรวจรอบตัว กลางสนามหญ้ากว้าง.. นั่นวงฟุตบอล นั่นวงตะกร้อ จับกลุ่มเล่นกันอยู่เฮๆ อ้าว.. จากโรงอาหารลิบๆ นั่น จ้อยกำลังเดินตรงมาหาพอดี

เพื่อนรักเห็นเขาถือกล้องเดินไปหาอาจารย์ด้วยตาวาววับก็รี่เข้ามาขวาง กระแอมแฮ่มๆ ปราม ดั่งรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“จ้อย มาถ่ายรูปคู่กันหน่อย” เลอมานเปลี่ยนเป้าหมายไปหาจ้อย

“จะเอาไปทำไม”

“เอาไปทำรายงานส่งโครงการ” ว่าพลางร้องเรียกอาจารย์ประพนธ์ที่ยืนแกร่วอยู่ริมสนามให้ช่วยถ่ายให้ “ฉันจะลงรูปจ้อย เขียนบอกว่านี่คือเพื่อนรักของฉัน”

แค่ได้ยินคำว่า ‘เพื่อนรัก’ คนใจแข็งซ้ำยังปากแข็งก็ทำเป็นพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้

อาจารย์ประพนธ์ใจดี หันมาเห็นเลอมานจะถ่ายรูปไปทำรายงาน มีการให้นักฟุตบอลทโมนทั้งหลายมายืนเรียงแถวเต๊ะท่าให้ถ่ายรูปด้วย

แชะ.. แชะ.. เสียงชัตเตอร์ลั่นสลับกับเสียงเลื่อนฟิล์มกังวานต่อเนื่อง

และแล้ว.. ณ ที่ ๓๕ ภาพ เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนรักที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เงียบๆ

ภาพสุดท้าย..

“อาจารย์” ยามเลอมานเอ่ยคำนี้ จะมีใครจับได้ไหมว่าอ่อนหวานกว่าทุกคำที่เคยเอ่ย “ให้เกียรติถ่ายรูปคู่กับผมสักรูป”

คนึงยิ้มอ่อนบางแทนคำตอบ ยังคงรักษาระยะห่าง แต่สายตาที่ทั้งสองมองกันนั้นเล่า จะมีใครจับได้ไหมว่าลึกซึ้งเพียงใด

“ในวิทยานิพนธ์ของผมจะมีรูปอาจารย์ บอกว่าคนคนนี้คือ..”

คนที่ผมรัก.. 

“อาจารย์ผู้ดูแลผม” คำที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยถูกถ่ายทอดทางดวงตาไปหมดสิ้น

จ้อยอาสาเป็นตากล้องจำเป็นให้ เลอมานหมุนปรับอะไรไปมาอยู่พักหนึ่งก็ยื่นให้เพื่อนรัก ไม่ลืมกำชับว่าอย่าถ่ายพลาดเด็ดขาด
ทั้งสองขยับเข้ามาชิดใกล้ สบสายตากันชั่ววินาทีก่อนหันไปมองกล้องเมื่อจ้อยเริ่มนับหนึ่ง.. สอง.. สาม

ภาพสุดท้ายของฟิล์มม้วนนั้น คือภาพหม่อมราชวงศ์หนุ่มน้อยอาสาสมัครจากแดนไกล เคียงข้างอยู่กับอาจารย์หนุ่มในชุดข้าราชการสีกากี กลางสนามหญ้าเขียว มีเสาธงโบกสะบัดและอาคารเรียนหลังยาวอยู่เบื้องหลัง เป็นฉากชีวิตที่บรรจุเรื่องราวไว้มากมายในช่วงเวลาเกือบปีที่พ้นผ่าน

สนามนี้ที่เขาเคยถูกคนึงปลุกแต่ไก่โห่ให้มาทำกายบริหารพร้อมนักเรียนคนอื่น ต้นหูกวางริมสนามนั่น.. เขาเคยแอบยืนหลบแดด แต่ก็ถูกลากให้ออกมาเข้าแถวกลางแดดเปรี้ยง ที่มุมโน้น.. เขาเคยขอเล่นตะกร้อแล้วถูกไล่ตะเพิด แต่อีกไม่กี่เดือนถัดมาก็มาถอดเสื้อเตะบอลคลุกฝุ่นกันกลางสนามนี้ อาคารเรียนไม้หลังยาว.. ทางเดินมันปลาบที่เขาเคยร่วมลงแว็กซ์กับเหล่านักเรียนครู บันไดที่เคยวิ่งตึงตังลงมาจนถูกอาจารย์เรียกไปเคาะตาตุ่ม และทางเดินนี้แหละที่เขาลอบมองเข้าไปในห้องทุกครั้งที่ผ่านห้องที่คนึงกำลังยืนสอนอยู่หน้าชั้น ไหนจะห้องเรียนที่เคยวิ่งรอกสอนนักเรียนทั้งสองชั้นปี บางคาบสอนอยู่ดีๆ อาจารย์ก็เข้ามานั่งอมยิ้มดูเขาสอนด้วย

ในแผ่นไม้ทุกแผ่น ในต้นหญ้าทุกต้น มีแต่ความทรงจำงดงามนัก

เลอมานบอกตัวเอง นี่จะไม่ใช่ความทรงจำ เขาจะต้องได้ถ่ายรูปกับอาจารย์ที่นี่อีกหลายต่อหลายครั้ง จะต้องได้ใช้ชีวิตในฉากหลังเช่นนี้ต่อไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

จะไม่มีอะไรมาพรากจากไป..

**********************************
   
จ้อยมาส่งเลอมานที่กระท่อมได้ไม่ทันไร ก็แบ่งกับข้าวกับปลาใส่ปิ่นโตแล่นหายไปโรงสีนางพูนทรัพย์อีกแล้ว บางวันก็ไม่กลับมานอนบ้านเสียด้วย ยายช้อยไม่ทัดทานสักคำ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ ยิ่งรู้ว่าระยะหลังมานี้เจ้าแม่เงินกู้ไม่ได้รังคัดรังแกจ้อยเหมือนเก่า แม่เฒ่าแทบอยากย้ายสำมะโนครัวหลานรักไปบ้านนู้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด

ฝ่ายคุณชายได้แต่ส่ายหน้าระอา รู้ว่าเพื่อนกำลังตกอยู่ในห้วงรัก ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่หรอก

เห็นเพื่อนมีความสุขเลอมานก็ดีใจด้วย แต่พอเปรียบเทียบกับความรักของตนแล้วช่างอนาถใจนัก วันนี้ทั้งวัน จะได้แตะเนื้อต้องตัวอาจารย์สักนิดก็หามีไม่ แค่ชายเสื้อถูกกันนิดเดียวตอนยืนถ่ายรูปคู่กัน คนนั้นคนนี้ยังจ้องเอาจ้องเอาลูกตาแทบทะลุ

ทำไมนะ จ้อยกับสิงห์ก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน สองคนนั้นไม่เห็นถูกสังคมรุมประณามอย่างเขา มีแต่จะยกย่องชื่นชมด้วยซ้ำ ว่าจ้อยเข้ามาทำให้ลูกกำนันเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้ ไปไหนมาไหนด้วยกันผู้คนก็เอ็นดู ทักทายว่าเหมือนเป็นพี่น้องที่กลมเกลียวกันดี

เพราะอะไร.. เพราะอาจารย์เป็นอาจารย์ เขาเป็นศิษย์ เพราะอาจารย์เป็นลูกชาวนา เขาเป็นหม่อมราชวงศ์ อย่างนั้นหรือ

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์นั่งไกวเท้าเงื่องหงอยอยู่ที่ท่า มองฟ้ามองน้ำไปเรื่อยเปื่อย นั่น.. เรือแจวลำหนึ่งผ่านมา ชาวบ้านชายหญิงสองสามคนในเรือหันมามองเขาแล้วหันไปซุบซิบกันอีกแล้ว เลอมานได้แต่เชิดหน้าใส่ ช่างปะไร เขาไม่ได้ขอข้าวคนพวกนี้กินสักหน่อย!

น่ารำคาญ!

แล้วนู่น.. ตัวน่ารำคาญอีกตัวพายเรือพ้นคุ้งน้ำมาลิบๆ เพียงแวบแรกที่เห็นอาการปวดมวนในท้องก็จู่โจมจนอยากขย้อน

เขากับอาจารย์ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้เพราะมันนี่แหละ! ไอ้ลอย! ไอ้เลว!

มันจอดเรือเทียบท่า จงใจมาหาเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างใหญ่บึกอย่างวัวเปลี่ยวสาวเท้าตรงมา เลอมานลุกขึ้นเผชิญหน้า แม้ใจหนึ่งอยากเดินหนีไปให้พ้นๆ แต่อีกใจก็ประท้วงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องเกรงกลัวมัน

“เป็นไง..” มันทักทายเสียงต่ำ ยิ้มมุมปากยียวน “ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านสนุกไหม”

พ่นมาคำแรกก็หาเรื่องกันเลย! คุณชายกัดปากแน่น ระงับโทสะที่ปะทุขึ้น

“มาทำไม”

“มาดูหน้าคนหน้าด้าน” มันว่าไม่ยำเกรง “เขาด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง ยังทำลอยหน้าลอยตาเป็นทองไม่รู้ร้อน”

“ไม่ต้องมาถึงนี่ก็ได้ แค่ส่องกระจกแกก็เห็นแล้ว” เลอมานย้อนเข้าให้ เหมือนมีเปลวไฟเต้นระยิบจากฝ่าเท้าลามขึ้นหัวหู มันกล้าดีอย่างไรมาด่าเขา!

“ปากเก่งจริงๆ..”

จงใจมากวนประสาทกันแบบนี้ ป่วยการจะเสวนาด้วย หม่อมราชวงศ์หนุ่มผลุนผลันเดินหนี ร่างสูงทะมึนตามติด

“ปล่อยไปแบบนี้นานเข้า คนลำบากจะไม่ใช่คุณชาย แต่เป็นอาจารย์คนึง” คำพูดนั้นทำเลอมานชะงักกึก ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเฉือนอกเขาดั่งคมมีด

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์ฉุกคิด จริงของมัน เขาไม่เดือดร้อนกับเหตุการณ์นี้

แต่อาจารย์เล่า...

“คนเป็นครูบาอาจารย์ต้องมีศีลธรรม” มันจุดบุหรี่ “ก่อเรื่องระยำไว้แบบนี้ สักวันอยู่บางนี้ไม่ได้แน่”

เลอมานคิดตามทุกถ้อยคำ จริงดั่งว่า.. คนไทยทำไมชอบวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นนัก

“มีประวัติไม่ดี ขอต่อใบอนุญาตก็คงผ่านยาก” มันว่าต่อ เขาคงทำหน้างงพิลึก มันจึงขยาย “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ รู้จักไหม ข้าราชการต้องต่อทุก ๕ ปี”

ยอมรับว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย

“ถ้าไม่ผ่านก็ไม่หนักหนาอะไรร้อก” มันพ่นควันบุหรี่เป็นสายคลุ้งในอากาศ “แค่เป็นครูต่อไปไม่ได้เท่านั้นเอง”

ความอดทนของเด็กหนุ่มสิ้นสุดลงตรงนั้น!

“แกต้องการอะไร” เลอมานกัดฟันถาม มันกำลังข่มขู่ หรือกำลังแนะนำ ในหัวสมองสับสนมึนชาไปหมด หากสิ่งเดียวที่แจ่มชัดคือใบหน้าของชายคนรัก

เขาไม่อยากให้อาจารย์เดือดร้อน

“ผมช่วยคุณได้เสมอ คุณเล็ก” มันขยี้ก้นบุหรี่ด้วยปลายเท้า โน้มหน้าลงมาจ้องเขาด้วยดวงตาวาวระยับเป็นประกาย “แค่ทำตามที่ผมบอกเท่านั้น”

**********************************

และแล้วเลอมานก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้จนได้ ในเรือแจวลำน้อยลอยล่องกลางคลองใส หม่อมราชวงศ์หนุ่มนั่งหัวเรือ มีไอ้ลอยคัดท้าย แสงตะวันจวนลาลับขอบฟ้าเข้าไปทุกที

โดยไร้ข้อกังขา โดยไร้ความระแวงใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความห่วงใยคนรักท่วมท้นอก เด็กหนุ่มคิดว่าต่อให้มันจะชกเขาสักสี่ซ้าห้าหมัด หรือซัดเขาจนหมอบสักยก หากมันแลกมาซึ่งอนาคตของอาจารย์ เขาก็ยินยอม

แต่นี่มันเสนอตัวว่าจะช่วย

วิธีมันเข้าทีอยู่ มันบอกจะพาเขาไปซ่องนางทองใบ ทำตัวเจ้าชู้เสเพล คลุกควงผู้หญิงสักคนสองคนให้ชาวบ้านเห็น ขี้คร้านข่าวคาวที่โหมกระพือกันอยู่จะดับลบกลบหาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้นักเลงหนุ่มนี่มีอิทธิพลต่อผู้คนบางนี้เอาการ ดูจากการที่มันเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องเขากับอาจารย์เป็นคนแรก ในเมื่อมันเป็นคนจุดได้ มันก็ควรเป็นคนดับได้ดังปากว่า

เลอมานนั่งเกร็งอึดอัดมาตลอดทาง จนกระทั่งผ่านชุมชนตลาดยอด ฝีพายกลับแจวเรือผ่านไปอ้อยอิ่ง ท่าแล้วท่าเล่าที่มันผ่านมา เขาเริ่มเอะใจ ดวงตาหวาดระแวงมองไปสองฝั่งคลองเบื้องหน้า อีกนิดเดียวก็พ้นตลาดแล้ว

“จะพาไปถึงไหน” เขาหันมาแหวใส่ “จอดที่ท่านี้ก็เดินไปท้ายตลาดได้”

มันไม่ตอบคำ แต่ดวงตาที่มองมาอย่างมาดร้าย และรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากนั้นทำให้เลอมานพรั่นพรึงไปทั้งร่าง

“หันเรือกลับเดี๋ยวนี้!” เขาสั่ง มันสนใจที่ไหน เอาแต่ผิวปากเป็นทำนองยียวน สายตาจาบจ้วงมองราวจะทะลุทะลวงถึงเนื้อใน และเมื่อมันกวาดสายตาลงต่ำ ลูกตาควานช้อนเข้าไปใต้กางเกงขาสั้น มันเลียปากแผล็บ!

เขาพลาดแล้ว!

เด็กหนุ่มสูงศักดิ์แทบสำลักลมหายใจ หัวใจเต้นถะถี่ นี่คือความกลัวหรือความเกลียดชังกันแน่ ร่างโปร่งบางรี่เข้าไปแย่งไม้พายจากมือมัน เรือโคลงจนแทบเสียหลัก มือแกร่งราวคีมเหล็กกลับคว้าลำคอขาวไว้หมับ กระชากทั้งร่างเข้าหาจนได้กลิ่นลมหายใจอวลควันบุหรี่

“มึงอย่าฤทธิ์มาก!” จิ้งจอกชั่วกระซิบแหบพร่า “ให้กูขย่มสักทีสองที กูจะช่วยแก้ข่าวมึงกับผัวให้หมด”

มันเพิ่มแรงบีบจนเขาสำลัก

“มึงจะได้อยู่ที่นี่นานๆ อยู่ให้กูเอานานๆ” ประกายตามันโชนอย่างไฟ “ไม่ดีหรือ มึงจะได้มีผัวสองคน ไว้เปลี่ยนรสชาติ กูแบ่งกับไอ้คนึงได้ กูไม่ถือ”

แค่มันสะบัดมือ เลอมานก็เซไปกระแทกกราบเรือจนเรือเอียงวูบ น้ำทะลักเข้ามา ความโกรธแค้นประดัง เลือดชิงกันไหลทั่วเรือนกายอันสั่นเทิ้ม เลอมานขบริมฝีปาก น้ำตาแห่งความชิงชังคลอเบ้า หัวใจเต้นแรงถี่เหมือนจะโลดเร่าพ้นจากอก คนอะไรเลวระยำได้เพียงนี้

โกรธมันไม่พอ ซ้ำยังโกรธความโง่ของตน โง่ที่หลงตามมันมา!

นิจจาเอ๋ย แค่มันเอาอนาคตของอาจารย์มาขู่ ความฉลาดที่เคยมีก็ลืมพาความเฉลียวมาด้วย ความรักปิดหูปิดตาจนมืดบอดไปสิ้น เหมือนลืมไปแล้วว่าไม่กี่วันก่อน ไอ้สารเลวนี่แหละทำให้เขาเกือบจมน้ำตายคาคลอง!

เลอมานหันซ้ายหันขวาล่อกแล่กบนเรือโคลงเคลง คืบก็น้ำ ศอกก็น้ำ เขาจะหนีไปไหนได้!

โดยไม่มีใครรู้ คล้อยหลังจ้อยพาเลอมานกลับไปไม่ทันไร อาจารย์หนุ่มระส่ำระส่ายในหัวอกโดยไม่รู้สาเหตุ อาจเพราะสายตาที่เลอมานมองเขาตอนถ่ายรูปคู่กัน หรืออาจเพราะรักอาลัย หรืออาจเพราะบางสิ่งดลใจดลจิต เหมือนของรักกำลังจะจากพราก คนึงติดตามมาที่กระท่อมยายช้อย ยิ่งแม่เฒ่าเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่าเลอมานขออนุญาตไปเที่ยวในตลาดกับไอ้ลอยด้วยแล้ว หัวใจหนุ่มสะเทือนไหวแทบพลัดออกจากอก

ลางสังหรณ์แล่นพรู ขณะบังคับเรือยนต์ลำน้อยออกตามหา แล้วสิ่งที่เห็นมันผิดกับที่คาดไว้อยู่เมื่อไร!

สองคนยื้อยุดกันบนเรือลำน้อยจนเรือเอียงวูบ อาจารย์รีบเร่งเครื่องประชิด เสียงเครื่องยนต์ก้องไปทั้งคุ้ง

“อาจารย์!” เสียงเลอมานร้องหาเขา พร่ำวอนชวนใจจะขาด มือขาวที่ไม่เคยแปดเปื้อนสิ่งใดคว้ากราบเรือเขาไว้ราวเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย หมายจะข้ามเรือเข้ามา คนึงคว้ามือศิษย์รักเอาไว้ พยายามดึงเข้าหา ไอ้ลอยกลับใช้ไม้พายยันเรือออกห่าง เลอมานแทบพลัดตกน้ำ!

“กูจะประกาศให้ทั่ว!” เสียงมันดังกึกก้อง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงจนเรือโคลง ปกติคนตีกันก็เรียกความสนใจได้มากพออยู่แล้ว นี่ยิ่งเป็นคนที่กำลังมีข่าวฉาวโฉ่ ทุกสายตาบนฝั่งมองมาเป็นตาเดียว ชาวบ้านร้านตลาด บ้างออกมายืนออกันริมฝั่ง บ้างเปิดหน้าต่างชะโงกดู พวกบนสะพานยังหยุดยืนมอง ไม่มีใครอยากพลาดเรื่องเด็ด

สองครูศิษย์เหมือนถูกลากมาประหารกลางถนน

“ไอ้เล็กมันไม่ใช่คนแรก ก่อนหน้านี้จินดาก็ถูกไอ้ครูเหี้ยนี่จับทำเมีย สั่งสอนกันมาตั้งแต่เด็กแท้ๆ ครูระยำอัปปรีย์พรรค์นี้ก็มีโว้ย!”
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ

“ถ้าไอ้เล็กกลับเมืองนอกเมื่อไร ไม่รู้มันจะคว้าเด็กคนไหนทำเมียอีก ลูกหลานใครก็ระวังไว้ให้ดีเองก็แล้วกัน!”

สุดจะทนอีกต่อไป คนึงยืนขึ้นคว้าด้ามพายฟาดปากไอ้ลอยสุดแรงดังเปรี้ยง คนปากชั่วพลัดกระเด็นจากเรือดังตูม มันไม่ไปตัวเปล่า หากเหนี่ยวกราบเรือที่เลอมานทรงตัวอยู่หมิ่นเหม่พลิกคว่ำลงไปด้วย

น้ำกระจายซ่านเซ็น ร่างทั้งสองจมหายลงไปใต้น้ำราวถูกกระชาก

ใบพัดเรือ!   

คนึงรีบดับเครื่องอย่างรวดเร็ว แต่ช้าไปเสียแล้ว ท่ามกลางเสียงชาวบ้านกรีดร้อง เกิดสีแดงฉาดฉานกระจายผุดขึ้น ปนเคล้าอยู่ในกระแสน้ำสีน้ำตาลลอยวน


โปรดติดตามตอนต่อไป


ย่องมาอัพ แล้วก็ย่องจากไป หุหุหุ  :katai5:


ออฟไลน์ Bellze12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ปวดหัวใจกับครูคุณชายกับอาจารย์
สงสารมาก ปากคนนี่จริงๆ
เรื่องแบบนี้ละชอบเม้าท์กันนัก

ส่วนจ้อยนี่น่ารัก สมเป็นสะใภ้ที่ดีจริงๆ 5555

ออฟไลน์ --รมยกร--

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-3
ทำใจไว้มากกับเรื่องนี้ในตอนจบ เพราะตามยุค ตามสมัย ตามฐานันดร มันไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะจบแบบสวยงาม
ถึงตอนจบอาจไม่สวยงามเพราะทั้งคู่อาจไม่ได้เคียงคู่
หรืออาจมีโศกนาฏกรรมอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
แต่ความรักของท่านชายกับครูบ้านนอกมันจะติดตรึงในใจไม่เสื่อมคลาย
ยังรออ่านเสมอ นานๆมาทีก็ยังรอ
จบแล้วจะรอชื้อหนังสือด้วย....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2016 08:49:54 โดย --รมยกร-- »

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เลือดนี่ขอให้เป็นเลือดชั่วๆของไอ้hereลอยได้มั้ยคะะะะะ น่าตายมาก รำมันนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด