ตอนที่ 53“คุณมิคหายไปค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ห้องแต่งตัว”
เสียงสั่นเครือแววตาร้อนรนของคุณป้านอมแม่บ้านใหญ่ของบ้าน ‘อรุณกิจไพศาล’ ดังขึ้นเรียกทุกสายตาของคนในห้อง
รับแขกที่ถูกจัดไว้พร้อมสำหรับพิธีสำคัญให้หันไปมอง คนที่ร้อนรนที่สุดคือชายหนุ่มในชุดผ้าไหมสีครีมมีผ้าไหมสีเข้มลายสวยพาดบ่าถึงกับลุกขึ้นจากพื้นทั้งๆที่นั่งพับเพียบอยู่แล้วท่ามกลางผู้ใหญ่หลายท่านที่นั่งบนโซฟาตรงหน้า
“มิคหายเหรอครับ มิคไปไหน ผมขอตัวก่อนนะครับ”
ผมเอ่ยขอตัวผู้ใหญ่ทั้งสามท่านตรงหน้าแบบไม่รอคำตอบใจร้อนรุ่มไปหมดเมื่อได้รู้ว่าคนรักหายตัวไปทั้งๆที่วันนี้เป็นวันสำคัญของเรา วันที่เราทั้งคู่ต่างรอคอยเหลือก็แต่คนน่ารักของผมเข้าร่วมพิธีเท่านั้น เท้าก้าวขึ้นบันไดแบบขั้นเว้นขั้นแต่ก็ยังไม่ทันใจเพราะใจผมมันบินนำหน้าไปหามิคก่อนตัวแล้วครับ ผมเปิดห้องที่ใช้แต่งตัวสำหรับวันสำคัญวันนี้ซึ่งก็ปราศจากคนที่ผมตามหา แล้วมิคไปไหนกันในเมื่อห้องนี้เป็นที่สุดท้ายที่ผมแยกกับเจ้าตัวก่อนที่ผมจะลงไปรอด้านล่าง ผมไม่ได้กลัวว่ามิคจะหนีไปแต่กลัวว่าคนน่ารักจะเป็นอะไรไปแล้วไม่มีคนเห็น ห้องต่อไปที่ผมนึกถึงคือห้องนอนของเราครับ ประตูห้องถูกผมกระชากออกอย่างแรง กลิ่นกุหลาบลอยปะทะจมูกเป็นสิ่งแรกก่อนจะได้ยินเสียงหวานของคนที่ผมตามหา
“เฮ้ยยย!? ฟินนั่นเอง เฮ้อออ มิคตกใจหมดเลย”
คนตัวเล็กสะดุ้งสุดตัวอุทานและเผลอถอนใจยาวเมื่อเห็นว่าเป็นใคร วันนี้คนน่ารักยิ่งน่ารักมากกว่าทุกวันเพราะหน้าใสไร้แว่นทำให้เห็นตาโตมีแววหวานระยับ ชุดที่สวมยิ่งขับผิวขาวให้ผ่องน่ากอดแม้ชุดจะไม่ต่างจากคนที่ตามหาแต่ความน่ารักนั้นเทียบกันไม่ติด ทำเอาคนที่อยู่หน้าประตูก้าวพรวดเดียวถึงร่างเล็กและกอดไว้เต็มอ้อมแขน
“ฟินตามหามิคตั้งนานมาทำอะไรในห้องหอครับ เอ๊ะ! หรือว่ามิคอยากเข้าหอก่อน ฮึๆๆ”
“ใช่ที่ไหนเล่า มิคนึกอะไรขึ้นมาได้เลยเดินมาดูก่อนน่ะ” หน้ามุ่ยขึ้นสีระเรื่อกอดอัลบั้มสีเขียวกับอกแน่นแก้เขิน
“ฮ่าๆๆ แล้วมิคดูอะไรอยู่ครับ”
ผมก้มมองสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของคนรักและมองตามมือขาวที่ชี้ไปทางตู้ติดผนัง ในชั้นที่อยู่ระดับสายตาอัดแน่นไปด้วยสันอัลบั้มสีเขียวตองอ่อนเต็มทั้งชั้น แค่นี้ผมก็รู้แล้วครับว่าคนน่ารักเค้ามาดูอะไร มันเป็นของรักของหวงที่สุดของผมเองครับเพราะมันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำของผมที่มีคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมตอนนี้เป็นคนสร้างสรรค์ไว้ทั้งสิ้น
“อยู่ๆมิคก็อยากมาดูรูปภาพในอัลบั้มที่ฟินถ่ายไว้น่ะ ฟินดูซิรูปนี้มิคไม่รู้ตัวเลยหัวเราะปากกว้างตาปิดขี้เหร่เนอะ คิกๆๆ”
“ใครว่าขี้เหร่ มิคออกจะน่ารัก ฟินชอบใบหน้าของมิคตอนนี้ที่สุด” ผมที่โอบกอดรอบเอวบางและวางคางกับลาดไหล่มนพูดชิดหูคนน่ารักที่หัวเราะคิกคัก ก่อนจูงมือนิ่มพาเดินมานั่งที่โซฟาตัวใหญ่ข้างเตียง
“รูปนี้ฟินก็ชอบ นี่ด้วย นี่อีก ดูรูปนี้ซิมิคอ้าปากกว้างกินไอศกรีมไม่คิดจะแบ่งฟินเลยจำได้มั้ยครับ” ผมชี้ชวนดูภาพใบหน้าของมิคในอิริยาบทต่างๆที่อยู่ในอัลบั้มและมันเป็นเพียงส่วนน้อยจากทั้งหมดที่ผมได้ถ่ายไว้ ซึ่งล้วนแต่มีนายแบบคนที่อยู่ในใจผมเพียงคนเดียว
คนน่ารักที่พิงอกผมขณะที่ผมพูดไม่หยุดผละจากอกก่อนเงยหน้าขึ้นมองสบตาผมพร้อมรอยยิ้มหวานและโอบแขนเรียวมารอบลำคอ ผมจึงโอบเอวบางไว้จนรอบและขยับร่างบางให้เราได้แนบชิดกันยิ่งขึ้น
“ขอบคุณครับฟิน ที่ฟินมีแค่มิคอยู่ในสายตา ตั้งแต่วันนี้ไปมิคฝากตัวฝากใจไว้ที่ฟินแล้วนะ ดูแลมิคให้ดีเหมือนที่ผ่านมานะครับ”
แรงโน้มลำคอจากมือนุ่มที่โอบอยู่เพื่อรั้งใบหน้าผมให้เข้าใกล้ จนปากแดงฉ่ำของมิคกับปากผมบรรจบกัน จูบแผ่วเบาอย่างอ่อนหวานเนิ่นนานจากคนรักทำเอาผมที่ได้รับจูบรู้สึกอุ่นวาบและเต็มตื้นไปทั้งอก เพราะเป็นดั่งจูบยืนยันคำพูดที่มิคได้เอ่ยฝากตัวฝากใจไว้ในมือผมให้ผมเป็นผู้ดูแลมิคไปตลอดชีวิต ผมกอดร่างบางไว้แนบอกเมื่อปากหวานฉ่ำผละออกห่าง
“ฟินสัญญาว่าจะดูแลมิคให้ดีไปตลอดเหมือนที่ผ่านมาและมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ฟินรักมิคนะครับ” ผมกระซิบคำรักชิดหูหอมให้มิคได้ยินชัดๆก่อนจูบขมับยืนยันคำรัก
“มิคก็รักฟินนะ” เสียงหวานให้คำมั่นข้างหูตอบกลับอย่างเท่าเทียมว่ารักที่เรามีให้กันนั้นไม่แตกต่าง
เราต่างโอบกอดกันและกันเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นและความรักที่มีใช้เวลาร่วมกันจนลืมว่ามีคนรออยู่ด้านล่าง ผู้คนที่มาร่วมยินดีและเป็นสักขีพยานในความรักของเราทั้งคู่ จวบจนเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้คนที่ขึ้นมาหาคนรักแต่แรกพลันนึกขึ้นได้
“คงมีคนมาตามเราลงไปเข้าพิธีน่ะครับ ฟินกับมิคหายมานานแล้วไปกันเถอะครับ” มือหนาจับเอวบางยกร่างคนรักขึ้นจากตักได้ลุกขึ้นยืน
“อุ๊ย! มิคลืมไปเลย” สีหน้าตื่นตระหนกของคนน่ารักช่างน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยนสำหรับผมเลย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม
เราเดินออกจากห้องก็เจอกัสและไอ้วินยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง และเร่งให้เราทั้งคู่ลงไปด้านล่างเพราะใกล้ฤกษ์สวมแหวนแล้วครับ เมื่อมาถึงผมจับจูงมือนุ่มที่ได้กุมมาตลอดทางพาเจ้าของมือมานั่งพับเพียบต่อหน้าผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่าย
“ได้เวลาสวมแหวนหมั้นแล้วฟิน ตาว่าแกรีบเลยจะเสียฤกษ์ได้ เดี๋ยวตาอดมีหลานสะใภ้ดีๆแบบหนูมิค” คุณตาแกล้งทำเสียงดุแต่ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับตลอดเวลาที่พูด ทำเอาคนโดนแซวที่จะกลายมาเป็นหลานสะใภ้หน้าแดงก้มหน้าไปเลย
ผมหยิบแหวนหมั้นทองคำขาววงเกลี้ยงที่มีเพียงอัญมณีสีชมพูเพียงเม็ดเดียวสวมนิ้วนางข้างซ้ายของมิคในตำแหน่งที่มันเคยอยู่ ซึ่งแหวนวงนี้เป็นวงเดียวกับวงที่ผมสวมเพื่อหมั้นมิคอย่างไม่เป็นทางการวันนั้นแหละครับ เพราะมิคต้องการใส่แหวนวงนี้ติดนิ้วเราจึงตัดสินใจใช้วงเดียวกันนี้ในวันสำคัญวันนี้แทนการทำใหม่ มิคยกมือไหว้ผมตามธรรมเนียมก่อนจะสวมแหวนลักษณะเหมือนกันกับที่ผมสวมให้บนนิ้วนางข้างซ้ายของผมและผมก็ต้องยกมือรับไหว้มิคอีกครั้ง ก่อนเราจะหันหน้าไปทางผู้ใหญ่ทั้งสามท่านเพื่อก้มกราบที่ตักและรับพรจากคนที่เราเคารพรัก
“ฟินดูแลหนูมิคให้ดีๆนะ รับเค้ามาอยู่ด้วยแล้วเค้าก็เป็นคนของเราเต็มตัว เพราะฉะนั้นต้องดูแลหนูมิคดีกว่าดูแลตัวเองเข้าใจมั้ย” เสียงห้าวแหบพูดสั่งสอนแกมขู่บังคับให้หลานตัวเองทำสิ่งที่ต้องทำกับหลานสะใภ้คนโปรด
“พ่อฝากมิคด้วยนะฟินอย่าทำให้มิคเสียใจไม่อย่างนั้นพ่อจะเอาลูกคืน” เสียงเรียบติดดุแม้จะเปลี่ยนสรรพนามเรียกลูกเขยใหม่แล้วก็ตามแต่ใจความยังเป็นที่ยำเกรงแก่คนที่ได้ฟังเสมอ
“มิคอย่าเอาแต่ใจมากนักนะลูกคอยเอาใจฟินบ้าง ถ้าฟินเบื่อจะหาว่าแม่ไม่เตือนนะจ๊ะ ฮิๆๆ” เสียงหวานติดตลกแอบเตือนลูกชายที่ต้องออกจากอกมาเป็นคนของอรุณกิจไพศาลดังปิดท้าย ซึ่งโดนลูกชายตัวเองงอนใส่โดยการกอดเอวบางและรัดแน่นท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนของคนที่นั่งอยู่ภายในห้อง
พิธีหมั้นอย่างเป็นทางการของผมกับมิคคนที่ผมรักก็เสร็จสิ้นลง ส่วนพิธีทางศาสนาเราได้ตักบาตรและจัดทำบุญเลี้ยงพระกันไปแต่เช้าเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตคู่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นนับจากวันนี้ และในช่วงเย็นเราเตรียมฉลองงานแต่งงานกันที่โรงแรมเป็นงานไม่ใหญ่โตนักมีเพียงญาติ เพื่อนสนิท และลูกค้าคนสำคัญเท่านั้น
“พวกกูยินดีกับมึงและมิคด้วยนะ รักกันยิ่งๆขึ้น”
ผมที่จูงมือคู่ชีวิตมาทางกลุ่มเพื่อนสนิททันทีที่พิธีจบลงและคนที่เอ่ยอวยพรให้ก็คือไอ้ปรัชว่าที่คุณพ่อคนใหม่ที่มีคุณแม่มายยืนท้องกลมอยู่ข้างๆและยิ้มแก้มปริส่งให้เพื่อนสนิทตัวเองอยู่ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆก็ทยอยอวยพรให้เราทั้งคู่จนครบนั่นแหละครับ อย่างไอ้วินที่ไม่พลาดควงเมียสุดที่รักอย่างกัสมาซึ่งไม่ว่าทั้งคู่จะแต่งงานผ่านมานานแค่ไหนก็ยังหวานกันไม่เปลี่ยนตัวติดกันยิ่งกว่าปลาท่องโก๋ ส่วนไอ้ธีก็ควงคู่มากับพี่หมอภีมยืนเท่ห์ๆให้สาวๆในงานมองค้อนให้กับความสนิทสนมเกินเพื่อนของทั้งคู่แม้ไม่หวานจ๋อยแบบไอ้คู่แรกแต่พี่หมอภีมตัวโตก็คอยดูแลเอาใจใส่ไอ้ธีเพื่อนผมไม่ขาด และเพื่อนสนิทคนสุดท้ายสาวเท่ห์หนึ่งเดียวของกลุ่มที่ครองโสดมาตั้งแต่เริ่มรู้จักแต่วันนี้มนไม่โสดแล้วครับ เพราะมีชายหนุ่มมาดเซอร์นามว่า ‘พี่ติณห์’ ผู้ที่ไว้หนวดไว้เคราแต่ถูกตัดแต่งอย่างดี ที่วันนี้พี่ติณห์สวมเชิ้ตใส่กางเกงสแลคร้องเท้าหนังดูแปลกตากว่าที่เคยเป็นมาร่วมงาน พี่ติณห์เป็นเจ้าของผับหรูย่านสถานบันเทิงชื่อดังกลางกรุงเทพฯยืนจิบเครื่องดื่มอยู่เคียงข้างส่งยิ้มติดมุมปากมาให้เราสองคน ส่วนน้องเมียตัวแสบก็ไม่น้อยหน้าที่วันนี้แต่งตัวเต็มยศในชุดตำรวจ แม็คเป็นนายร้อยจบใหม่ที่ทำเอาสาวๆอกหักเป็นแถวเพราะควงมากับหนุ่มน้อยตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารักคุ้นตานามว่า ‘นัท’ แต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาตอนนี้ เพราะแม็คต้องคอยเดินตามเจ้าของความน่ารักที่เข้าตาตัวเองแต่แรกเจอต้อยๆ เพราะน้องนัทโดนคุณแม่ยายผมกักตัวไว้กับท่านตั้งแต่มาถึงบ้านแล้วครับ
“ขอบคุณทุกคนที่มาแสดงความยินดีกับเราทั้งคู่ในวันนี้นะครับ” เสียงหวานของคู่ชีวิตผมเอ่ยขึ้นหลังรับคำอวยพรจากทุกคนแล้ว ผมที่ยืนกอดเอวบางมาตลอดก็ได้แต่ส่งยิ้มขอบคุณไปแทนเพราะที่รักได้พูดในสิ่งที่ต้องพูดไปแล้วครับ
“เชิญทุกคนมาร่วมงานที่โรงแรมอีกทีนะครับ โดยเฉพาะกัสกับมายต้องมานะมิคจะรอ”
หลังคำพูดของมิคทำให้เพื่อนสนิททั้งสองคนเข้ามากอดร่างบางคนรักของผมแน่น ไปๆมาๆร้องไห้น้ำตาซึมกันทั้งกลุ่มเลยครับ บรรดาสามีแบบพวกผมก็ตกใจซิครับอยู่ๆมาร้องไห้แบบนี้โอ๋กันแทบไม่ทัน ยิ่งไอ้ปรัชยิ่งแล้วใหญ่หลุดมาดคุณชายน้ำแข็งมันเข้าโอบประคองร่างกลมของหมอมายพูดจาแผ่วหวานแบบที่พวกผมไม่เคยได้ยิน เพราะเห็นเมียตัวเองร้องไห้มันคงห่วงเป็นสองเท่าทั้งว่าที่คุณแม่และลูกที่อยู่ในท้อง ทำเอาสองหนุ่มน้อยที่ร่วมร้องไห้หยุดร้องทันทีก่อนเข้าช่วยไอ้ปรัชปลอบคุณแม่มาย เพื่อนอีกสองคู่ก็ได้แต่ยืนมองความวุ่นวายเล็กๆตรงหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เมื่อเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติพวกเราจึงมานั่งทานของว่างกันในสวนที่ป้านอมแม่บ้านใหญ่จัดของไว้ให้แล้ว ระหว่างทานของว่างเราก็คุยกันไปทานกันไปในบรรยากาศสบายๆของเพื่อนสนิท จนต่างแยกย้ายกลับบ้านพักผ่อนและออกมาเจอกันอีกทีในงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในช่วงเย็น
“ยินดีกับคุณฟินและคุณมิคด้วยนะครับ”
เสียงอวยพรแสดงความยินดีให้แกคู่บ่าวสาวทั้งคู่จากแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมแสดงความยินดี ทำให้ผมกับมิคมีรอยยิ้มประดับหน้าตลอดเวลา เรายืนต้อนรับแขกหน้างานร่วมกับคุณตาคุณพ่อตาและคุณแม่ยาย เมื่อถึงเวลาก็เข้ามาในงานซึ่งมีโต๊ะและเก้าอี้จัดไว้สำหรับร่วมรับประทานอาหาร ผมกับมิคนั้นเรานั่งกับครอบครัวเราทั้งคู่และแถมครอบครัวของน้องนัทที่คงจะเกี่ยวดองกับครอบครัวมิคเร็วๆนี้อีกหนึ่งครอบครัว ส่วนเพื่อนผมก็รวมตัวกันนั่งโต๊ะใกล้กันและพวกเพื่อนๆก็มากันครบทีมซึ่งผมกับมิคยังไม่มีโอกาสพูดคุยด้วยมากนักเพราะต้องรับแขกที่เชิญมาร่วมงาน แต่ดูท่าทางพวกมันก็เข้าใจคู่บ่าวสาวแบบเราทั้งคู่ครับ
“ขอเชิญคุณฟินและคุณมิคขึ้นมาบนเวทีเพื่อกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานด้วยครับ”
เสียงพิธีกรบนเวทีดังขึ้นเพื่อเชื้อเชิญคู่บ่าวสาวขึ้นบนเวที ผมก็จูงมือนุ่มให้เดินมาด้วยกันก่อนขึ้นมายืนระบายยิ้มบนเวที เมื่อมายืนอยู่บนนี้ผมสามารถมองเห็นทุกคนได้ชัดเจนทั้งครอบครัว เพื่อนสนิท ญาติสนิท และลูกค้าสำคัญที่คุ้นเคย ทุกคนมีใบหน้าประดับยิ้มแววตาเปล่งประกายของความสุข พวกเขามาเพื่อร่วมแสดงความยินดีอย่างจริงใจ ทำเอาผมและมิคปราบปลื้มที่มีคนรักเราอย่างจริงใจมากมายขนาดนี้
“ผมขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานแต่งงานในวันนี้ของผมกับคนที่ผมรัก” พูดมาถึงตรงนี้ผมส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้กับมิคคนที่ผมเอ่ยว่ารักและผมยังคงกอบกุมมือนุ่มไว้ไม่ปล่อย
“คนอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในงานนี้อาจจะคิดว่าแปลกกับการที่ผู้ชายสองคนแต่งงานกัน แต่ผมเชื่อได้ว่าทุกท่านที่อยู่ ณ ที่นี้ไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับผมความรักนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าเราจะรักใครและคนรักของเราจะเป็นใครเพศไหน เมื่อได้รักก็คือรัก ผมนั้นโชคดีมากครับที่มิคคนที่ผมรักเราใจตรงกันส่วนครอบครัวของเราทั้งคู่ทุกท่านก็น่ารักที่ยอมรับและเข้าใจในความรักของลูกหลาน ถ้ามีคำไหนที่ดีกว่าคำว่า ‘ขอบคุณ’ ผมก็จะขอเลือกคำนั้นมาใช้ แต่เมื่อไม่มีผมก็ขอใช้คำว่าขอบคุณกับทุกท่าน ที่มาร่วมเป็นพยานในความรักของผมกับมิคที่เราจะเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ผมได้สัญญาไว้กับมิคไว้ครับว่าผมจะรักและดูแลมิคให้ดีเหมือนที่ผ่านมา แต่ผมขอให้สัญญากับทุกท่านว่าผมจะรักและดูแลมิคให้ ‘ดีกว่า’ ที่ผ่านมาครับ ขอบคุณครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยงผมที่โอบกอดคนรักที่กำลังน้ำตาซึมไว้แนบอกแบบปลอบประโลม ก่อนใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มใสและก้มจูบริมฝีปากแดงฉ่ำเร็วๆหนึ่งที ผมส่งยิ้มให้คนรักที่หน้าแดงก่ำเพราะการจูบโชว์แขกของเรา
“ผมขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงานของเรามากๆนะครับ ในเมื่อฟินสัญญากับทุกท่านไปแล้วผมก็ขอสัญญาด้วยว่าจะรักและดูแลฟินให้เหมือนที่ฟินรักและดูแลผมครับ”
มิคยิ้มหวานตาปิดส่งมาให้ผมหลังพูดจบและเสียงตบมือแสดงว่ายินดีก็ดังขึ้นอีกครั้ง และแขกในงานทุกคนก็ได้เห็นคู่บ่าวสาวกอดกันแน่นอยู่บนเวที โดยใบหน้าทั้งคู่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
เมื่อความรักสุขงอมคู่รักทุกคู่ก็จะจูงมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ ซึ่งมันเป็นวันที่คู่รักใฝ่ฝันจะมีและเป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตคู่ แต่มันไม่เหมือนดังนิทานที่ความสุขจบด้วยการแต่งงาน เพราะชีวิตจริงแล้วนั้นหลังจากวันแต่งงานนี้ต่างหากที่คู่รักต้องสวมบทบาทของคนรักกันที่ต้องดูแลเอาใจใส่กันและกัน ต้องอดทนในข้อเสียที่อีกฝ่ายมี ต้องให้อภัยคนรักที่ทำผิดพลาด โดยใช้ความรักที่คนทั้งคู่มีให้กันเป็นหลักยึดเกาะเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาว เพราะเราได้เลือกคู่ชีวิตที่จะร่วมสุขและทุกข์ด้วยกันแล้วเพียงหนึ่งเดียว
The End.
.
.
หวังอย่างที่สุดว่ามิคฟินคงได้สร้างรอยยิ้มไม่มากก็น้อยให้กับคนอ่าน
เพราะเป็นจุดประสงค์หลักของการแต่งเรื่องนี้ออกมาค่ะ
ในที่สุดก็ถึงบทสรุปความรักของทั้งคู่แล้วนะคะ และคิดว่าเรื่องสมบูรณ์แล้ว
จึงขอปิดเรื่องคู่นี้อย่างเป็นทางการค่ะ (แอบเศร้าเนอะ) แต่ในเรื่องเดียวกันนี้
จะมาต่อคู่น้องแม็คน้องนัทให้อีกค่ะ จะเจอทั้งคู่ได้วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้นะคะ
ขอลงคู่นี้อาทิตย์ละครั้งอย่างที่เคยบอกไป ส่วนคู่ธีภีมจะมาลงครั้งแรก
วันพุธนี้ค่ะ ใครที่เป็นแฟนคลับทั้งคู่อยากขอกำลังใจให้ไปเจิมกันนะคะ^^
เจอกันในเรื่อง “เสน่ห์ร้ายพ่ายรัก” ค่ะ (ขอความเห็นชื่อเรื่องนิดหนึ่งนะว่าเหมาะมั้ย หนักไปป่ะคะ 555)
ขอบคุณทุกเม้นท์ ทุกคำแนะนำ ทุกบวก ทุกเป็ด ทุกกำลังใจที่มีให้กันค่ะ ^3^
ปล.+1ให้ทุกท่านที่เม้นท์เหมือนเดิมค่ะ

ฝากสเน่ห์ร้ายพ่ายรักด้วยค่ะ >>>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=31877.0#msg1865540