ตอนที่ 51“เรียบร้อยแล้วครับผม”
ผมพูดกับหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้าที่วันนี้ยอมเป็นตุ๊กตาให้แฟนแบบผมแต่งตัวให้ตั้งแต่เช้า เริ่มตั้งแต่ปลุกเด็กน้อยขี้เซาที่อ่อนเพลียจากกิจกรรมกล่อมนอนเมื่อคืนให้มาอาบน้ำ โดยที่ผมเป็นคนอาบให้และผมก็ต้องใช้แรงใจอย่างมากในการข่มใจไม่จับมิคปล้ำในห้องน้ำ นี่ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้ผมว่าผมจะจัดแบบเบาๆสักยกแล้วครับ เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็จับคนขี้เซาที่เริ่มตื่นเต็มตามาทาครีมกันแดดบนผิวขาวๆให้ทั้งตัวและบรรจงเป็นพิเศษที่ใบหน้าหวานของคนน่ารัก ก่อนที่ผมจะเลือกเสื้อยืดแขนยาวสีกรมท่ากับกางเกงว่ายน้ำพอดีเข่ามาส่งให้มิคได้สวม และหันมาจัดการตัวเองด้วยการใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงว่ายน้ำส่วนครีมกันแดดผมไม่ได้ทาหรอกครับ เพราะผิวสีแทนของผมมันจะคล้ำกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ
“แอบมองอะไรครับมิค”
ใบหน้าหวานของมิคยิ่งแดงซ่านเมื่อโดนผมทักแถมมีอาการหลบตากันด้วย ผมจึงหันกลับมาส่องกระจกบริเวณต้นแขนข้างซ้ายตามสายตาของคนน่ารักที่จ้องมอง ก็พบว่ามีรอยแดงสามรอยบริเวณหัวไหล่ลงมาเป็นทางไม่ยาวนัก สงสัยเกิดจากรอยเล็บของมิคเมื่อคืนนี้แน่ๆครับเจ้าของรอยเค้าถึงได้อายขนาดนั้น
“ฮึๆๆ ไปครับเดี๋ยวสาย”
ผมเดินไปโอบไหล่มิคให้เดินออกจากห้องมาพร้อมกันและไม่ได้พูดเรื่องรอยที่ต้นแขน กลัวว่ามิคจะอายไปมากกว่านี้ครับเพราะระดับความอายตอนนี้กำลังน่ารักแต่ถ้ามากกว่านี้จะน่ากลัวแทนครับ
“มิคกับฟินมาแล้ว มิคจ๊ะมาทานข้าวต้มทะเลของโปรดเร็วกำลังร้อนๆเลย” เสียงหวานใสของหมอมายดังขึ้นทันทีที่เห็นเราสองคนเดินออกมาจากบังกะโล
ผมจึงให้มิคนั่งข้างมายส่วนตัวเองมานั่งกับไอ้ปรัช ซึ่งทั้งคู่ตักข้าวต้มใส่ชามไว้รอเรียบร้อยแล้ว
“คนอื่นๆล่ะวะ” ผมหันไปถามไอ้ปรัชที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
“เดี๋ยวมนตามมา ส่วนคนอื่นกูไม่รู้ แต่เดี๋ยวคงมาพวกมันรู้เวลาแล้วนี่หว่า” ไอ้ปรัชพูดเสียงนิ่งก่อนที่สายตามันจะจับจ้องมาที่หัวไหล่ผม ส่งสายตาแพรวพราวแบบรู้ทันมาให้แต่ไม่ได้พูดอะไรคงกลัวเจ้าของรอยเขินน่ะครับ ผมจึงตบไหล่มันส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้แทน
“มิคครับอย่าทานเยอะเดี๋ยวดำน้ำจะจุกนะครับ” ผมเอ่ยเตือนคนน่ารักที่ทำท่าจะตักข้าวต้มอีกชาม
“ฟินอ่ะ / คิกๆ” มิคส่งค้อนมาให้ผมและมายก็หัวเราะขำคนกินเก่ง ก่อนที่มิคจะวางทัพพีลงตามเดิม
“ฟินเอาแครกเกอร์กับน้ำผลไม้ติดไปให้มิคแล้วครับ เผื่อคนกินเก่งจะหิวก่อนเวลา” ผมชูเป้ใบเล็กให้มิคดู เป้ที่ใส่ของกระจุกกระจิกและมีของทานเล่นที่เตรียมไว้เผื่อมิคหิวระหว่างดำน้ำไว้พร้อมแล้ว
มิคส่งยิ้มตาปิดอย่างถูกใจมาให้ผมจนผมต้องเอื้อมมือไปขยี้ผมนุ่มของคนที่นั่งตรงข้ามอย่างหมั่นเขี้ยว สักพักมน ไอ้วินและกัสก็มาครับพวกผมสี่คนที่อิ่มแล้วก็ลุกให้พวกมันได้นั่งแทน ระหว่างรอจึงชักชวนกันมาถ่ายรูปริมหาดสวนทางกับคู่รักอีกคู่ที่เหลือ และผมก็ได้เห็นไอ้ธีครั้งแรกหลังจากมันโดนอุ้มกลับบ้านไป แต่ดูแล้วก็ไม่น่าห่วงอย่างที่คิดครับมันออกจะหน้าใสกิ๊กและเก๊กหน้าขรึมทันทีที่เห็นพวกผม ผมก็ไม่ได้พูดอะไรให้เพื่อนได้อายหรอกครับออกจะเข้าใจมันดีเพราะมันก็ผู้ชายแท้ๆคนหนึ่งอยู่ๆมีสามีเป็นตัวเป็นตนย่อมทำอะไรไม่ถูกเป็นธรรมดา
“เร็วมึงรีบไปกิน ช้าพวกกูไม่รอแน่” ไอ้ปรัชส่งเสียงทักมันคนแรก
“เอ่อ เขี้ยวชิบ” ไอ้ธีกระแทกเสียงใส่ก่อนเดินเบ้หน้านำหน้าพี่หมอภีมไป
ผมก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับท่าทางของมันและส่งยิ้มไปทางพี่ภีม แกก็ยิ้มๆตอบและเร่งฝีเท้าตามไอ้ธีไปครับ มิคกับมายมองทั้งคู่จนเหลียวหลังเลยครับก่อนหันมาหัวเราะกันเอง เราสี่คนก็ถ่ายรูปฆ่าเวลาจนไอ้วินมันโบกมือให้เป็นสัญญาณว่าเรียบร้อยกันแล้ว ผมจึงโทรตามคนขับเรือและพาพวกเราทั้งหมดไปขึ้นสปีดโบ๊ทตามจุดที่คนขับเรือบอกไว้
คนขับเรือพาเราเข้าสู่บริเวณพื้นที่เกาะตะรุเตาผืนน้ำทะเลสีเขียวฟ้าไกลสุดสายตา เกาะแรกที่เราได้ไปคือเกาะไข่ที่มีซุ้มหินธรรมชาติโค้งทอดตัวบนผืนทราย พวกเราลงเดินบนเกาะที่มีเม็ดทรายละเอียดนุ่มเท้าและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสัญลักษณ์ประจำเกาะ มีตำนานเล่าว่าคู่รักใดที่ได้มารอดซุ้มหินธรรมชาติแห่งนี้ด้วยกันแล้วจะสมหวังในรักและจะได้แต่งงานกันในที่สุด
“มิคครับเราสองคนได้รอดซุ้มหินด้วยกันแล้วน้า” ผมที่จับจูงมือนุ่มของคนน่ารักรอดผ่านซุ้มหินมาหมาดๆได้กระซิบบอกมิคพร้อมส่งสายตาสื่อความหมายไปให้
“แล้วไงอ่ะ” มิคเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนๆหน้าตาเจ้าเล่ห์ รู้ความหมายสิ่งที่ผมต้องการบอกแต่แกล้งไม่รู้เรื่องไปซะอย่างนั้น
“เค้าว่าคู่รักที่ได้รอดซุ้มหินด้วยกันจะต้องแต่งงานกันภายในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ครับ ฮึๆๆ” เอาสิครับคนเจ้าเล่ห์แสนน่ารักต้องเจอคนมากเล่ห์แบบผมนี่แหละ
“ฟินใครบอกกัน!! มีแต่เค้าบอกว่าถ้าได้รอดซุ้มหินด้วยกันจะได้แต่งงานกันแต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าต้องแต่งภายในหนึ่งเดือน มั่วแล้ว” มิคคิ้วขมวดปากยื่นอย่างคนโดนขัดใจ
“ฮึๆๆ มิครู้อยู่แล้วนี่ครับใช่มั้ย แกล้งหลอกถามฟินนี่หน่า แล้วเราจะแต่งกันเมื่อไหร่ดีครับ” ผมหัวเราะเอ็นดูคนน่ารักที่กำลังส่งค้อนวงใหญ่มาให้โทษฐานที่ผมไปแกล้งเค้าครับ
“ชิ ไอ้คนเจ้าเล่ห์เอ๊ยยย เดี๋ยวเถอะจะจับลงทะเลให้ไอ้หลามมางับหัวเลย” หน้าแดงหูแดงแต่แกล้งโวยวายกลบเกลื่อน ผมอดใจไม่ไหวรวบกอดคนขี้อายไว้กับอกก่อนกระซิบข้างหูแดงก่ำ
“อ้าว แบบนี้ใครจะกล่อมมิคนอนล่ะครับ หืม เดี๋ยวนอนไม่หลับแบบเมื่อคืนน้า” ผมกัดใบหูแดงเบาๆอย่างมันเขี้ยวก่อนเงยหน้ามามองหน้าหวาน
มิคอึ้งตาค้างยกมือปิดหูข้างที่โดนกัดก่อนใบหน้าจะบึ้งตึงทั้งๆที่หน้าแดงก่ำ ผมส่งยิ้มยั่วเย้าไปให้คนน่ารักที่น่าจับกินและกดหัวทุยเข้าบี้กับอกตัวเอง มิคร้องโวยวายเรียกชื่อผมเสียงดังตีเข้าที่ต้นแขนผมใหญ่ เมื่อผมแกล้งคนน่ารักจนพอใจแล้วก็คลายแรงกดและจูงข้อมือบางกลับขึ้นเรือ
“มิคทำไมหน้าแดงแบบนั้น ไม่สบายโดนแดดเยอะไปรึเปล่า” กัสส่งเสียงหวานเหมือนใบหน้ามาถามเพื่อนรักที่ยังนั่งหน้าแดงและงอนคนนั่งข้างๆแบบผมและไม่ยอมมองหน้ากัน
“เปล่ากัส มิคไม่เป็นไร” มิคส่งยิ้มอ่อนให้กัส ผมจึงโอบเอวบางให้ขึ้นมานั่งตัก
“ฟินกอดมิคไว้ดีกว่าเดี๋ยวโดนลมปลิวตกทะเล ฟินต้องร้องไห้แน่ๆเลยถ้าไม่มีคนกอดนอน” ผมส่งเสียงออดอ้อนข้างหูหอมกอดคนตัวบางโยกไปมา จนได้ยินเสียงกลั้นขำของคนน่ารักแล้วค่อยสบายใจขึ้นหน่อย เพราะถ้ามิคงอนนานๆเดี๋ยวพาลไม่ยอมพูดด้วยผมก็แย่สิครับ
จุดหมายต่อไปเราจะลงดำน้ำที่เกาะราวีกันครับเป็นจุดที่มีเรือหลายลำจอดเพื่อปล่อยนักท่องเที่ยวได้ดำน้ำตื้นดูปะการังอ่อนสีสวย เมื่อถึงจุดหมายผมรับเสื้อชูชีพสีส้มมาสวมให้มิคที่ดูตื่นเต้นมากเลยครับ ตาหวานจ้องไปที่ทะเลที่มีคนลอยตัวดูปะการังก่อนแล้วเขม็งเชียว
“ลงมาให้เร็วเลยพวกมึง ปะการังสีสวยมาก เฮ้ยยย ไอ้เฮียภีมจะดึงขาทำไมวะ” ไอ้ธีจอมโวยวายที่กระโดดลงทะเลก่อนใครชักชวนเพื่อนเสียงดัง แต่มันต้องร้องอย่างตกใจเพราะโดนพี่หมอแกแกล้งแฟนตัวเองโดยการดึงขาก่อนพี่แกจะหัวเราะร่วนออกมา
“ฟินเสร็จรึยัง เร็วๆ มิคอยากดำน้ำแล้วนะ” ผมละสายตาจากคู่รักจอมโวยมามองคนน่ารักที่กระเง้ากระงอดอยู่ข้างๆอยากลงทะเลจะแย่แล้วครับ
“ฮึๆ ไปครับ เดี๋ยวฟินลงก่อนมิคค่อยไต่บันไดลงมานะครับ” ผมกระโดดลงน้ำโดยไม่ได้สวมเสื้อชูชีพมีแค่แว่นกันน้ำเท่านั้น และมาคอยจับมิคที่ค่อยๆไต่บันไดลงน้ำ มิคกอดคอผมแน่นเลยครับเพราะเป็นครั้งแรกหลังจากหัดว่ายน้ำจนเป็นก็มาเจอทะเลที่ทั้งกว้างและลึกคนน่ารักก็คงกลัวเป็นธรรมดาครับ
“มิคครับไม่เกร็งนะ ลอยตัวคว่ำหน้ากลั้นหายใจทางจมูกแต่สูดอากาศทางปากผ่านท่อนี้นะครับ มาลองดู” ผมจับหน้ากากดำน้ำใส่ให้ลูกลิงน้อยที่ใช้แขนและขาเกาะกับตัวผมไว้ และให้มิคได้ลองดำน้ำอย่างที่สอนไป
แรกๆที่รักก็สำลักน้ำเพราะยังไม่ชินกับการสูดอากาศผ่านทางปาก แต่มิคก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นผมก็พามิคว่ายไปดูปะการังอ่อนสีสวยมีทั้งสีชมพูสีเหลืองสดสีฟ้าเข้ม คนที่เพิ่งดำน้ำครั้งแรกตื่นตาตื่นใจว่ายเพลินเลยครับ เราสองคนจับมือว่ายไปด้วยกันโดยมีเพื่อนๆว่ายอยู่ใกล้ๆกันนี่แหละครับ
“จุดต่อไปเราจะไปที่หาดหินงามกันนะครับ และจะพักให้ทานข้าวกลางวันที่หาดหินซ้อน ผมเตรียมข้าวกล่องมาให้ทุกคนเรียบร้อยแล้วครับ” คนขับเรือยิ้มฟันขาวตัดกับสีผิวเมื่อแจงรายละเอียดการเดินทางให้พวกเรารู้
“มิคทานน้ำกับแครกเกอร์ก่อนนะครับกว่าจะถึงมื้อกลางวันเดี๋ยวหิวแย่เลย” ผมส่งของว่างไปให้มิคที่นั่งตัวเปียกซ้อนอยู่บนตักผม ก่อนส่งไปให้เพื่อนๆคนอื่นได้ทานด้วย
“ฟินเตรียมพร้อมดีจังเลยน้า แบบนี้เพื่อนมายก็ติดแย่ซิจ๊ะ” สาวเสียงใสเอ่ยแซวเพื่อนสนิทที่เคี้ยวตุ่ยแก้มป่องอยู่บนตักผม มิคเหลือบมองสาวมายก่อนยักคิ้วให้หนึ่งที และเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานใส่ผม ผมจึงกอดเอวบางไว้แน่นก่อนกดจมูกที่แก้มใสฟอดใหญ่
“วี้ดดด วิ้วววว / คิกๆๆ / ฮึๆๆ” เสียงเป่าปากเสียงแซวดังระงมเมื่อมีช็อตหวานให้ชมฟรีๆ
เกาะหินงามนั้นสมชื่อเพราะมีจุดเด่นอยู่ที่หน้าหาดมีหินผิวเรียบแทนทรายละเอียด ยิ่งเมื่อโดนน้ำทะเลผิวที่เรียบลื่นยิ่งเงางามดังกระจกใส ผมจับกล้องเล็งไปที่กลุ่มสามหมอตัวเล็กที่เค้ากำลังมีความสุขกับการพยายามเรียงหินเป็นชั้นให้สูงที่สุด เพราะมีตำนานว่ายิ่งเรียงหินสูงมากเท่าไหร่สิ่งที่อธิษฐานไว้จะมีโอกาสสมหวังมากขึ้นเท่านั้น ผมซูมกล้องไปจับภาพใบหน้าหวานที่ผมยุ่งจากแรงลมคิ้วขมวดมุ่นแบบคนกำลังตั้งใจปากแดงเม้นแน่น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างพาโลกทั้งใบสดใสขึ้นทันตา สายตาหวานตวัดสบกับผมผ่านเลนส์ เจ้าของยิ้มกว้างตาปิดก็ไม่ทำให้ช่างภาพแบบผมผิดหวัง ผมกดชัตเตอร์ระรัวเก็บภาพคนน่ารักไว้ได้หลายภาพ
“มิคอธิษฐานอะไรไว้ครับ” ผมนั่งลงข้างกายคนรักก่อนกระซิบถามมิคที่หลับตาประคองหินไว้
“ไม่บอกหรอก บอกไปเดี๋ยวไม่เป็นจริง” มิคส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ปากเม้มนิดๆเหมือนกำลังลุ้นไม่ให้หินที่เรียงไว้สูงล้มลงมา
“งั้นฟินอธิษฐานแทนดีกว่า ขอให้ฟินมีมิคเคียงข้างตลอดไป เพี้ยงงง” ผมหันมายิ้มให้คนรักที่นั่งข้างๆที่กำลังส่งยิ้มตอบกลับมา แสดงว่าคำอธิษฐานของเราคงไม่ต่างกันนักล่ะครับ
จุดหมายต่อไปเรานั่งเรือค่อนข้างนานเพื่อมาที่เกาะหินซ้อนที่เป็นสัญลักษณ์ของอาดังราวี ซึ่งมีหินก้อนใหญ่สองก้อนซ้อนกันอยู่และเรายังไม่ได้ขึ้นไปเดินบนเกาะกันนะครับ แต่เราจะลงดำน้ำตื้นดูปะการังสีสวยชมความสวยงามใต้ท้องทะเลที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์ไว้ ทำให้พวกเราเพลิดเพลินและใช้เวลากับจุดดำน้ำนี้ไปนานเชียวครับ มิคที่เริ่มดำน้ำได้คล่องนั้นสนุกใหญ่ชี้มือไปใต้น้ำเมื่อเจอกลุ่มปะการังอ่อนสีสวย จนได้เวลาอาหารกลางวันพวกเราจึงขึ้นมาบนเกาะหินซ้อนกัน ซึ่งมีชายหาดสวยมากทรายละเอียดเป็นแป้งเลยครับ
“อร่อยเนอะ ยิ่งเหนื่อยยิ่งอร่อย” มิคตักข้าวคำโตเข้าปากเคี้ยวตุ้ยหลังพูดประโยคน่าเอ็นดู ทำเอาเพื่อนคนอื่นๆที่นั่งล้อมวงทานข้าวกล่องต้องอมยิ้มเป็นแถว
หลังทานข้าวเสร็จแล้วเราก็เดินย่อยอาหารและถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนกลับขึ้นเรือเพื่อไปเกาะราวีที่มีจุดชมกัลปังหาและปลานีโมเยอะที่สุดกันครับ
“นีโมมมม มิคมาแล้วววว” เสียงหวานใสดังก้องท้องทะเลเมื่อพบนีโมตัวเป็นๆที่เจ้าตัวเค้าเพ้ออยากเจอมานานแล้ว
มิคแหวกว่ายในท้องทะเลแบบไม่เหนื่อยเพราะเจอของถูกใจ จนผมต้องบอกให้หยุดพักบ้างก่อนให้มิคได้ดำน้ำต่อ กลัวก็แต่ว่าคนน่ารักจะเหนื่อยจัดจนคืนนี้ได้หลับสนิทน่ะสิครับ และเมื่อมาอีกจุดคือหาดสองคนที่คลั่งไคล้นีโมก็ได้เฮ เมื่อฝูงนีโมที่แหวกว่ายอยู่เบื้องหน้ามีเยอะกว่าจุดที่ผ่านมา
“ฟิน มิคอยากเอานีโมใส่ขวดกลับบ้านเลยนะเนี่ย ฮิๆๆ จะเยอะไปไหนเนี่ย” มิคหัวเราะคิกคักเมื่อเงยหน้ามาสบตาผมก่อนที่เราจะลงน้ำจุดนี้กัน
หลังจากดำน้ำกันจนพอใจแล้วพวกเราก็นั่งเรือกลับรีสอร์ทกันครับ เวลาก็บ่ายแก่ๆแดดแรงมากทำเอาคนผิวบางแก้มแดงก่ำ จนผมต้องค้นเสื้อแขนยาวตัวบางออกมาคุมหัวห่อตัวให้มิคที่ตาปรือปรอยเพราะหมดแรงจากการดำน้ำไว้ จริงๆเรามีจุดที่ต้องลงดำน้ำกันอีก แต่พวกผมดูบรรดาแฟนๆแล้วท่าจะไม่ไหวหน้าขาวๆแดงก่ำกันถ้วนหน้า กลัวว่าเค้าจะไม่สบายจึงตัดสินใจกลับรีสอร์ทกันครับ
“มิคหลับก่อนเลยครับ ถึงแล้วเดี๋ยวฟินปลุกนะ”
ผมกระซิบข้างหูมิคที่นั่งซ้อนตักพิงอกผมอยู่ บอกเพื่อไม่ให้คนน่ารักเค้าฝืนความง่วงไว้ ก่อนที่จะขยับให้ร่างบางนั่งคร่อมตักหันหน้าเข้าหากันเอาหัวเล็กเอนซบไหล่ผมไว้ส่วนผมก็โอบร่างเล็กไว้กับตัว ซึ่งเป็นท่าที่ทำให้คนน่ารักเค้าหลับสบายขึ้น และมิคก็หลับคาไหล่ผมไปจนถึงรีสอร์ท ผมอุ้มพาคนรักที่เกาะเป็นลูกลิงเข้าห้องนอนก่อนปลุกให้มาอาบน้ำล้างน้ำเค็มออกจากตัว
“มาครับฟินกล่อมนอน ฮึๆ”
ผมอ้าแขนรับคนที่งัวเงียฝืนตัวเองเพื่ออาบน้ำล้างตัว มิคเดินเข้าสู่อ้อมกอดของผมก่อนที่เราจะเอนตัวลงบนเตียงนุ่มและกอดกันหลับไปด้วยรอยยิ้มประดับเต็มหน้า
...........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
พาไปดำน้ำพร้อมมิคฟินและผองเพื่อนกันแล้วน้า ทะเลสวยเนอะ^^
ขอบคุณข้อมูลจากเวปไซค์การท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะค่ะ และตำนานที่อ้างถึงนั้น
เป็นเพียงจินตนาการของเราเท่านั้นนะคะ แต่ใครได้ไปจะลองเอาไปใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ
ได้ผลยังไงบอกกันบ้างน้า 555
เหลืออีก 2 ตอนก็จะจบแล้วนะคะ เมื่อจบเรื่องนี้แล้วเราจะเอาคู่พิเศษแม็คนัท
มาให้อ่านกันค่ะโดยคิดไว้ว่าจะลงแม็คนัทอาทิตย์ละครั้งคงมีอีกราวๆ 5-6 ตอนค่ะ
ซึ่งมีเตรียมไว้เพียง 2 ตอนในตอนนี้ค่ะ เพราะฉะนั้นจะค่อยๆปั่นออกมาค่ะรอกันน้า
ส่วนเรื่องใหม่คู่ธีภีมจะต่อจากมิคฟินและลงวันเว้นวันเหมือนเดิมค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์ที่มาเป็นกำลังกันแล้วนะคะ เจอกันตอนหน้าวันเสาร์ค่ะ
ปล.2 แบบใครจะช่วยคิดชื่อเรื่องใหม่บ้างมั้ยอ่ะค่ะ คู่ธีภีมนั่นแหละ ลองคิดไว้แล้ว
เหมือนกันแต่อยากให้คนอ่านลองช่วยคิดเล่นๆให้อีกที เอาธีมชื่อคล้ายกันกับสองเรื่องที่ผ่านมา
ก็ดีค่ะ แหะๆ ขอบคุณล่วงหน้าค่า
