ตอนที่ 25“มิคครับฟินถึงบ้านแล้วนะครับ....ครับผม...หลับฝันดีนะครับ ฝันถึงฟินด้วยนะครับ...ฮึๆ บายครับ”
ผมกดวางสายหลังโทรรายงานตัวกับมิคเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว และกลายเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งที่ผมต้องทำเพื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์กับคนรักเพื่อส่งมิคเข้านอน ผมล่ะอยากให้ถึงวันที่ผมสามารถพูดประโยคนี้ข้างหูมิคจริงๆแทนการคุยผ่านโทรศัพท์แบบนี้จังครับ ผมเดินเข้าบ้านเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนแต่ก่อนที่จะอาบน้ำโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น และหน้าจอก็ปรากฏชื่อเดียว
กันกับชื่อที่โทรหาผมเมื่อช่วงเย็น
‘ภัส หรือ ภัสสร’ เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทและเป็นอดีตคู่นอนของผมที่ไม่ได้ติดต่อมานานแล้ว เมื่อเย็นที่เธอโทรมาผมก็ไม่ได้โทรกลับเพราะผมอยู่กับมิค และคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องสำคัญอะไรเพราะถ้าเป็นเรื่องงานก็น่าจะติดต่อผ่านบริษัท แต่ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวผมก็ว่ามันไม่ได้สำคัญแต่ถ้าอีกฝ่ายเห็นว่าสำคัญก็คงติดต่อมาใหม่เอง จนกระทั่งตอนนี้ที่เธอโทรมาอีกครั้งผมจึงต้องกดรับ
“ครับ คุณภัสสินค้ามีปัญหารึเปล่าครับ” ผมรับและเปิดบทสนทนาเข้าสู่เรื่องงาน เพราะผมไม่คิดว่าเราจะต้องติดต่อกันนอกเหนือเรื่องนี้นะครับ
ปลายสายเงียบไปนานจนผมต้องเรียกชื่อซ้ำ และต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้จากปลายสาย ไม่น่าเชื่อผู้หญิงร่าเริงมั่นใจในตัวเองสูงแบบนี้จะร้องไห้ออกมาให้ผมได้ยินง่ายๆ
“คุณภัสๆ เฮ้ เป็นอะไรครับ” ผมต้องเรียกสติคนที่โทรมาหาแล้วเอาแต่ร้องไห้ ไม่งั้นวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแน่ๆ
“......ฟิน ช่วยภัสด้วย ฮืออออ” เสียงเรียกชื่อและร้องขอความช่วยเหลือมาพร้อมเสียงสะอื้น
หลังจากนั้นเธอก็พรั่งพรูความอึดอัดใจให้ผมฟัง เราคุยกันร่วมชั่วโมงมันกว่ามากที่เราเคยคุยกันมาตั้งแต่ที่ผมและเธอมีความสัมพันธ์กันก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ เพราะอย่างที่รู้ว่าเราใช้ร่างกายคุยกันมากกว่า ส่วนเรื่องที่ผมได้รับรู้มันก็ทำให้ผมเหนื่อยใจฟังแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่คนอย่างภัสสรกลับมองและทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตซะเอง ผมจะไม่ช่วยรึก็จะใจแคบไป แม้เราจะมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยด้วยกันแต่เธอก็เป็นคนดี ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตผมเหมือนผมที่ไม่ก้าวก่ายชีวิตเธอ แต่ถึงขั้นที่เธอเอาเรื่องส่วนตัวแบบนี้มาปรึกษาผมนั่นก็ทำให้ผมนิ่งดูดายไม่ได้ เพราะผมก็เห็นเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งเมื่อเพื่อนร้องขอความช่วยเหลือผมจึงไม่อาจปฏิเสธได้
...............................................................
“มิคเหนื่อยมั้ยครับ ทำไมทำหน้าไม่ดีเลย” ผมส่งคำถามให้มิคเมื่อนั่งบนรถเรียบร้อยดีแล้วและเห็นว่าคนร่าเริงหน้ายุ่งพร้อมยื่นชูครีมของว่างให้ทาน
“ชูครีมมม” มิคเปลี่ยนสีหน้าเมื่อเห็นขนม
ผมจึงพลอยยิ้มตามและเบาใจได้ว่าเรื่องที่ทำให้มิคหน้ายุ่งนั้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดูเหมือนว่ามิคจะลืมคำถามผมไปเลยครับก้มหน้าก้มตากินชูครีมในมือพร้อมดูดโกโก้ปั่นไปด้วย จนกินหมดนั่นแหละถึงหันมาเล่าให้ผมฟังว่าเรื่องที่ทำให้ตัวเองหน้ายุ่งจนผมต้องทักนั้นเป็นเรื่องหัวข้อวิจัยที่มิคเสนออาจารย์ไปแต่ท่านยังไม่ให้ผ่าน ผมจึงต้องให้กำลังใจไปว่าค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องเครียดปล่อยวางไปก่อน ถ้ามิคได้ลงน้ำก็คงอารมณ์ดีกว่านี้ล่ะครับ
จนเรามาถึงบ้านไอ้วินวันนี้ที่บ้านนี้ดูวุ่นวายกว่าปกติมีคนเดินเข้าเดินออก เมื่อเราเข้ามาในบ้านก็เจอคุณแม่ของวินกำลังให้ช่างวัดตัวว่าที่บ่าวสาวที่จะมีงานแต่งอีกไม่กี่เดือนนี้ มิครีบเดินเข้าไปทำความเคารพคุณแม่และโดนท่านสวมกอดแถมหอมแก้มกลมๆทั้งสองข้าง ผมที่เดินตามมาก็ทำแบบเดียวกันคุณแม่ท่านก็รับไหว้และพวกเราก็คุยกันสักพัก ท่านก็ปล่อยตัวมิคให้ไปฝึกว่ายน้ำกับผมต่อ
“มิคครับฟินว่าเราจัดงานแบบคู่ไอ้วินกับกัสบ้างม้า”
ผมพูดขึ้นเมื่อเรามานั่งพักที่เก้าอี้ริมสระหลังว่ายน้ำกันไปพักใหญ่แล้ว มิคได้ฟังก็ย่นจมูกใส่ผมก่อนก้มดูดน้ำแดงที่ป้าแม่
บ้านนำมาว่างไว้ให้
“อื้อออ กล้าพูดนะฟิน ถ้ากล้าแบบนี้ไปพูดกับพ่อมิคนู่น แน่ป่ะล่ะ ฮึ ฮิๆๆ” มิคเงยหน้ามาพูดยิ้มๆหลังดูดน้ำแดงไปครึ่งแก้วก่อนเอาหลอดคนไปมาขณะพูด
“ฮึๆ ถ้ามิคตกลงแต่งกับฟิน พรุ่งนี้ฟินให้ตาไปขอเลยเอ้า” ผมคว้ามือนุ่มที่คนหลอดไปมา มากุมไว้ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ เพราะถ้ามิคตกลงผมเอาจริงนะครับ
“พอเลยๆฟิน รอไปก่อนเถอะ ชิ” มิคทำหน้าดุแต่ตาแพรวพราวและจะดึงมือออก ผมกระชับมือนุ่มและยื่นหน้าไปใกล้หน้าหวานก่อนกระซิบชิดริมหู
“ครับฟินจะรอ รอแค่มิคนะครับแต่อย่าให้ฟินรอเก้อน้า” พลิกหน้าจูบแก้มนิ่มหลังกระซิบแผ่วให้ได้ยิน
ผมผละหน้าออกมาจ้องหน้าหวานที่ตอนนี้ยิ้มตาปิดหัวเราะคิกคัก จนอดใจไม่อยู่จึงโน้มหน้าเข้าหาปากแดง แต่ยังไม่ทันแตะก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์ขัดจังหวะซะก่อน จนต้องถอนใจและปล่อยเหยื่อตัวน้อยที่เกือบโดนผมจับกินปากให้วิ่งไปลงสระและโบกมือหยอยๆมาให้
“ครับ” กดรับแบบไม่ได้ดูชื่อคนที่โทรมาเพราะสายตายังจับจ้องร่างเล็กที่เริ่มออกตัวว่ายน้ำ
“ภัส...”
สายตายังจับจ้องมองร่างเล็กที่ว่ายไปมาอย่างคล่องแคล่ว ส่วนหูก็ฟังเสียงของอีกคนโทรมาระบายความทุกข์ที่ดูท่าเจ้าตัวยังหาทางออกไม่ได้ ผมเคยเสนอทางออกไปให้แต่เธอก็ไม่ทำตามกลับนิ่งเฉยจึงทำให้ปัญหายังอยู่และดูท่าจะยุ่งเหยิงกว่าเดิม จนผมต้องแอบถอนใจไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับผมมาร่วมอาทิตย์แล้วครับ และผมคิดว่ามันควรจะจบได้แล้วเพราะผมต้องเจียดเวลาที่ต้องอยู่กับคนรักที่ผมนั้นแสนห่วงแหนมาคอยรับฟังคนที่ไม่คิดจะแก้เอาแต่นิ่งเฉยและมานั่งร้องไห้เสียใจอยู่แบบนี้ ที่สำคัญที่สุดผมว่ามิคเริ่มสงสัยแล้วล่ะครับว่าช่วงนี้ผมคุยโทรศัพท์ทีละนานๆระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน แต่มิคไม่ได้เอ่ยปากถามแต่จะมองมาอย่างสงสัยว่าผมคุยอะไร และผมก็ไม่ได้บอกหรอกครับเพราะผมคิดว่ามันไม่สำคัญอีกอย่างไม่อยากให้มิคคิดว่าผมคุยกับอดีตคู่นอนเพราะยังมีเยื่อใยอยู่ อย่างตอนนี้ที่รักผมเค้ามายืนนิ่งในสระอยู่ตรง
หน้าผมพักใหญ่แล้วครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มหวานไปให้และตัดสายคนปลายสายที่ยังไม่อยากวางแต่ผมต้องวาง ก่อนเดินลงสระไปหาคนหน้านิ่งแทน
“มิคครับ ฟินขอโทษที่ปล่อยให้ว่ายคนเดียวน้า” ผมกอดเอวบางจากด้านหลังและโยกตัวบางไปมา
“มาครับที่รัก ฟินว่ายเป็นเพื่อนครับ” ผมจับข้อมือบางเป็นสัญญาณให้ทำตามคำชักชวน แต่โดนฝืนข้อมือไว้จนต้องหันไปมองมิค
“ฟิน ช่วงนี้ฟินมีปัญหาเรื่องงานรึเปล่าเห็นคุยโทรศัพท์หน้าเครียดและคุยแต่ละทีนานๆด้วย” มิคคิ้วขมวดอย่างต้องการรู้เพราะคงสงสัยมานานแล้วจนมันถึงที่สุดถึงกลับเอ่ยปากถามทั้งๆที่ไม่ใช่นิสัยเจ้าตัว
“เอ่อ คือ ครับเรื่องงานน่ะครับตอนนี้ที่บริษัทมีเรื่องยุ่งๆนิดหน่อย” ผมเลือกที่จะ ‘โกหก’ เพราะคิดว่าไม่อยากให้มิคคิดมากกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ฟินอย่าเครียดมากนะ มิคเห็นฟินคุยไปถอนใจไปตลอดเลย รู้มั้ยเครียดมากหน้าแก่น้า” มิคมีสายตาห่วงใยส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มหวานและลูบแก้มผมเบาๆ
ทั้งคำพูดและกิริยาที่แสดงความห่วงใยของมิคทำเอาผมตื้นตันและอดรู้สึกผิดที่โกหกไป จึงกุมทับมือนุ่มที่แก้มไว้ก่อนพลิกหน้าประทับจูบที่ฝ่ามือหลับตาซึมซับสิ่งดีๆที่มิคหยิบยื่นให้กับผมและขอโทษมิคในใจ
“ขอบคุณครับมิค ฟินดีใจที่ตอนนี้มีมิคอยู่เคียงข้างฟินนะครับ”
ผมสบตาคู่หวานที่ยังเปล่งประกายความห่วงใยมาให้และยิ้มขอบคุณไปให้คนรัก ก่อนที่จะมีจูบขอบคุณก็มีมารมาแทรกซะก่อน จนทำเอาผมหันไปส่งสายตาไม่พอใจไปให้ไอ้เพื่อนรักเจ้าของบ้านที่มันมาขัดจังหวะและได้รู้ว่าฉากสวีทของผมกับมิคถูกจับตาจากคนที่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นที่ไอ้วินมันชี้นิ้วอยู่ครับ ตอนนี้คนทั้งห้องเค้าเขินหน้าแดงกันเป็นแถบผมจึงส่งยิ้มกว้างพร้อมผงกหัวขอโทษไปให้ แต่มิคที่รู้ว่าเราโชว์สวีทให้คนอื่นดูก็รีบขึ้นจากสระเลิกว่ายน้ำตรงดิ่งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะไปพร้อมกับไอ้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างเอ็นดูคนของตัวเอง
เมื่อเราทั้งคู่อาบน้ำเรียบร้อยคุณแม่วินก็ชวนทานข้าวเย็นด้วยกัน ซึ่งผมกับมิคไม่คิดปฏิเสธหรอกครับเพราะเรามาฝากท้องบ้านไอ้วินทุกเย็นอยู่แล้ว แต่ก็มีวันนี้ที่มีคุณแม่ของไอ้วินอยู่ด้วยยิ่งทำเอามิคไม่อยากปฏิเสธ เพราะคุณแม่ดูท่าจะรักมิคไม่ต่างจากกัสเลยครับถึงกับบอกว่าถ้า ‘พี่จักร’ พี่ชายไอ้วินไม่มีแฟนแล้วจะขอมิคไปให้พี่จักร ไอ้ผมได้ยินถึงกับสะดุ้งเพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมไม่มีวันยอมหรอกครับ คุณแม่ที่คงแกล้งแซวผมเล่นท่านก็ขำใหญ่เลยครับ มื้อนี้ก็ผ่านไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ หลังจากนั้นผมก็ขอตัวคุณแม่เพื่อไปส่งมิคที่บ้าน
“ฟินพรุ่งนี้วันเสาร์ฟินพามิคไปดูหนังหน่อยนะ เรื่องที่มิคเคยบอกว่าอยากดูอ่ะมันเข้าโรงแล้ว”
มิคหันมาบอกผมเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหนังที่อยากดูนั้นเข้าโรงแล้วไอ้ผมที่ไม่คิดปฏิเสธการใช้เวลาที่จะได้อยู่กับมิคก็ตกปากรับคำทันที แบบไม่ต้องคิดด้วยซ้ำครับ เราจึงนัดกันว่าสายๆของพรุ่งนี้ผมจะมารับมิคที่บ้าน และผมก็จุ๊บแก้มกลมอีกทีก่อนขับรถกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
..............................................................
วันนี้ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ ผมต้องมานั่งอยู่ในร้านอาหารที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อรอคนที่ผมนัดไว้อย่างเบื่อหน่าย คนที่ผมนัดไว้ไม่ใช่คนรักของผมหรอกครับแต่เป็นคนที่ทำให้ชีวิตผมช่วงนี้วุ่นวายเล็กน้อย ที่ผมต้องเลื่อนนัดมิคอย่างเสียดายก็เพราะอยากเคลียร์ปัญหาของเพื่อนให้จบและกลับมาใช้เวลากับมิคได้อย่างเต็มที่ไม่ต้องคอยรับโทรศัพท์บ่อยๆอีก จึงจำเป็นต้องโกหกที่รักไปว่าติดธุระเรื่องงานกะทันหันขอเลื่อนนัดดูหนังออกไปก่อน และมิคก็แสนดีไม่มีงอนหรือบ่นผมเลยครับแต่กลับสนับสนุนให้มาทำงาน ผมจึงได้มานั่งรอ ‘ภัส’ อยู่ตามที่นัดไว้ ผมมองตรงไปที่ทางเข้าร้านอย่างรอคอยเพราะถ้าผมจัดการเรื่องนี้ได้เร็วเท่าไหร่ก็จะได้กลับไปรับมิคมาดูหนังรอบเย็นก็ยังทัน ผมล่ะอยากเจอหน้ามิคจะแย่แล้ววันนี้ยังไม่ได้เห็นหน้าเลยได้ยินแต่เสียงตอนที่ผมโทรไปรายงานตัวก่อนออกจากบ้าน
การรอคอยผมสิ้นสุดลงเมื่อร่างสูงโปร่งอย่างนางแบบของสาวผมหยิกหน้าเฉี่ยวมาถึง ดูเหมือนว่าวันนี้จะแต่งหน้าเข้มกว่าปกติเพื่อปกปิดร่องรอยบนใบหน้า
“ฟินรอนานมั้ย ภัสขอโทษนะคะ ภัสตื่นสายเพราะปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ” สาวสวยยิ้มเซียวส่งมาให้พร้อมคำพูดขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ ภัสไหวใช่มั้ย พร้อมที่จะทำตามแผนรึเปล่า” ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มอย่างประณีตพยักหน้าให้
“แล้วเค้ามารึยัง” ผมลอบมองไปทั่วร้านแบบไม่ให้ผิดสังเกตเพื่อมองหาเป้าหมาย ภัสที่รอบมองตามก็พยักหน้า
แผนที่ผมวางไว้ก็เริ่มขึ้น ผมเรียกบริกรมาเมื่อได้เมนูก็ยื่นไปข้างหน้าให้ภัสส่งสายตาให้เดินตามแผน คนอื่นที่เห็นต้องคิดว่าคู่รักชายหญิงที่คงรักกันมากโดยฝ่ายชายนั้นคอยเอาใจถามไถ่เรื่องเมนูที่สั่ง มีกระซิบยั่วเย้าให้ฝ่ายหญิงได้ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีออกมา อาหารมาเสิร์ฟก็คอยตักบริการให้ไม่ขาดแถมยังมีการเช็ดปากให้เมื่อเห็นสาวเจ้าทานเลอะ แต่ใครจะรู้ล่ะครับว่าคนทั้งคู่ก็แค่แกล้งแสดงละครไปตามบทบาทที่วางไว้เพื่อให้เป้าหมายที่นั่งอยู่ในร้านได้แสดงตัว การแสดงที่ดูเป็นธรรมชาติของทั้งคู่ผ่านไปร่วมชั่วโมง แต่เป้าหมายก็ไม่แสดงตัวจนฝ่ายชายที่แสดงเป็นแฟนหนุ่มที่รักฝ่ายหญิงที่นั่งตรง
หน้ามาก ก็ส่งสัญญาณให้คู่แสดงเตรียมเล่นจุดไคล์แมกซ์ของเรื่องเพื่อเรื่องจะได้จบ ผมล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงจากอกเสื้อยื่นไปตรงหน้าภัสและเปิดออก
“แต่งงานกับผมนะครับ”
ผมส่งยิ้มที่บรรจงให้มันหวานจนเลี่ยนไปให้ภัสและหยิบแหวนในกล่องออกมาเตรียมสวมนิ้วนางข้างซ้ายที่สาวเจ้ายื่นมาให้พร้อมยิ้มกว้าง คนอื่นที่อยู่ไกลไม่รู้หรอกครับว่าใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มของเราทั้งคู่นั้นมันขัดแย้งกับแววตาโดยสิ้นเชิง สายตาของผมนั้นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก ส่วนแววตาที่ผมเห็นจากภัสเป็นแววตาที่เศร้าสร้อยแต่มีน้ำตาคลอและไหลออกมาเป็นหยาดที่แก้มเนียน ซึ่งมันส่งเสริมให้สมบทบาทมากยิ่งขึ้นเพราะคนที่เห็นคงคิดว่าว่าที่เจ้าสาวคนนี้คงปลาบปลื้มที่โดนแฟนหนุ่มขอแต่งงาน และก่อนที่ผมจะสวมแหวนบนนิ้วที่ยื่นมานั้นเป้าหมายของเราก็ปรากฏตัวตามแผนที่วางไว้ไม่มีพลาด แต่อีกเสียงที่ผมได้ยินพร้อมกันมันนอกเหนือความคาดหมายและเสียงนี้มันทำให้ผมหนาวเยือกจับขั้วหัวใจ
“ภัส / ฟิน”
...............................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
กระซิกๆ คนที่ลุ้นว่าเราจะเสิร์ฟมาม่ามันก็มาแล้ว สาเหตุก็จากความงี่เง่า
คิดมากของนายฟินเอง ก็ไม่อยากให้ที่รักคิดมากแล้วเป็นไงทีนี้เห็นคาตา
หมอมิคที่ไม่ชอบคน “โกหก” จะว่ายังไงติดตามในตอนหน้าวันอาทิตย์ค่ะ
วันนี้ทอร์คไม่ยาวเพราะกลัวโดนคนอ่านตบตี TT^TT แต่เค้าสัญญานะตะเอง
ว่าเส้นไม่ทันอืดมันก็หมดแล้ว
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้แล้วนะคะ เจอกันวันอาทิตย์ค่ะ
