ตอนที่ 23เก้าอี้ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตึกคณะเป็นสถานที่ที่ผมนั่งรอคนรักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าเป็นวันอื่นผมก็ไม่ต้องนั่งรอแบบนี้ เพราะผมจะกะเวลาให้มาถึงคณะเมื่อมิคเลิกเรียนพอดี แต่วันนี้มิคมีประชุมกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยและผมก็ออกมาเวลาปกติก็อยากจะเจอมิคเร็วๆนี่ครับ เลยเลือกที่จะนั่งรออยู่แบบนี้และมันก็ไม่น่าเบื่ออะไรมากนัก แต่ที่ทำเอาผมอึดอัดนิดหน่อยก็เพราะสายตาน้องๆนิสิตที่ใครผ่านมาก็มองผมแถมหันไปซุบซิบกันอีกด้วย ผมก็แค่ยิ้มๆไปไม่ได้ใส่ใจนักอาจจะเพราะเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขนกับกางเกงสแล็คดำที่เป็นเครื่องแต่งกายที่แตกต่างจากชุดนิสิตล่ะมั้งครับ ที่ทำให้ผมแปลกแยกจากคนอื่น
วันนี้ผมตั้งใจว่าจะพามิคไปบ้านไอ้วินเพื่อเริ่มเรียนว่ายน้ำซะที เพราะตั้งแต่ซื้อกางเกงว่ายน้ำวันนั้นก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วครับ ที่ต้องรอก็เพราะไอ้รอยคิสมาร์คตามตัวมิคที่เป็นฝีมือผมนั่นแหละที่เป็นอุปสรรค มิคที่อยากเรียนว่ายน้ำโวยวายผมใหญ่ที่ผมเป็นตัวต้นเหตุและห้ามผมทำรอยทิ้งไว้บนตัวอีก ไอ้ผมก็แค่ก้มหน้ายอมรับผิดไปครับแต่ไม่รับปากหรอก เดี๋ยวเป็นเชือกรัดคอตัวเอง ไอ้ผิวขาวๆเนียนๆที่ทั้งนุ่มทั้งหอมของมิคแบบนั้นผมจะอดใจไหวได้ไงครับ ก็ทำเนียนไปตามเรื่องให้คนน่ารักเค้าเย็นลงและลืมมันไป แต่ช่วงนี้ผมคงต้องระงับใจไม่ทิ้งรอยแต่กิจกรรมอื่นไม่งดนะครับ ผมคงเพลินกับความคิดตัวเองและไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งสะดุ้งกับเสียงเรียกชื่อตัวเอง
“ฟินนน” เจ้าของเสียงหน้ามุ่ยกอดอกยืนอยู่ตรงหน้า
“คะ ครับ” ผมเงยหน้ามองมิค ยังงงอยู่ว่ามิคมาตอนไหน อาการของผมยิ่งทำให้มิคหน้าบึ้งกว่าเดิมและหันไปมองข้างหลังตัวเองและหันกลับมามองหน้าผม
“มิคมาตอนไหนตรับ ทำไมฟินไม่เห็น” ผมยิ้มเอาใจคนหน้าบึ้งตรงหน้า
“จะเห็นได้ไงก็มัวแต่ส่งยิ้มหวานให้กับสาวๆอยู่นี่” มิคตีหน้านิ่งเสียงเย็น
ผมเห็นแล้วสะดุ้งเย็นวาบไปทั้งหลังและมีอาการงงเข้าแทรก ตัวผมเนี่ยนะยิ้มให้สาวอื่นสาวที่ไหนครับเนี่ย ผมชะโงกตัวไปด้านข้างเพื่อมองไปทางข้างหลังมิคถึงได้เข้าใจ เพราะมีผู้หญิงสามคนนั่งยิ้มแก้มแดงเอียงอายหลบสายตาผมอยู่ ผมกลับมานั่งที่เดิมเงยมองหน้านิ่งของมิคที่ส่งสายตาเย็นชามาให้ มิคไม่ต้องเสียงดังไม่ต้องโวยวายไม่ต้องทำร้ายผมแค่ยืนทำหน้าแบบนี้ก็ทำเอาผมแก้ตัวเสียงติดขัดได้แล้วครับ
“มิคครับ มะ ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ ฟินไม่ได้ยิ้มให้น้องๆเค้า ก็แค่ๆ คือ” จะให้ผมบอกมิคได้ไงว่าผมคิดลามกกับเจ้าตัวอยู่
“คือ?” มิคจ้องผมเลิกคิ้ว
ผมยังอึกอักจึงทำให้เริ่มเห็นแสงแลบแป๊บจากตาหวานแม้อยู่ใต้แว่นยังเห็นชัด ผมลุกขึ้นกระซิบเบาข้างหูให้ได้ยินกันสองคน
“ฟินยิ้มเพราะคิดถึงวันที่อยู่กับมิคสองคนในห้องน่ะครับ” ผละออกมาดูปฏิกิริยามิคก็พบว่าขมวดคิ้วงงๆ
มิคพึมพำเบาๆ ผมอ่านปากได้ว่า ‘สองคนในห้องเหรอ’ และหน้าขาวก็เงยหน้ามองผมตาโตหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำปากพะงาบๆ และหลุดเสียงออกมาเบาๆว่า
“ลามก” มิคหันรีหันขวางแบบไม่รู้จะจัดการกับผมยังไงคงอยากหาอะไรมาทำร้ายผมแน่ๆ
ผมก็ได้แต่ขำแต่จะหลุดเสียงหัวเราะไม่ได้ไม่งั้นผมจะโดนอะไรบ้างยังไม่รู้เลย อารมณ์เปลี่ยนจากความเกรงใจเกือบกลัวว่าจะโดนมิคโกรธเป็นเอ็นดูขึ้นมาจนอยากกอดร่างเล็กให้หายหมั่นเขี้ยว เตรียมฉุดข้อมือบางกลับรถแล้วจับคนน่ารักฟัดซะเลยแต่ต้องชะงักกับเสียงที่ดังขึ้นมา
“มิคๆ” เจ้าของเสียงเป็นผู้ชายที่กำลังวิ่งมาทางผมกับมิค
“ว่าไงต้น มีอะไร” มิคถามกลับไปเมื่อคนที่วิ่งมายืนอยู่ตรงหน้า
ไอ้คนชื่อต้นมันมองหน้าผมก่อนก้มมองมือที่ผมจับข้อมือบางไว้และเงยไปมองหน้ามิค แต่มิคก็ไม่มีทีท่าว่าจะดึงข้อมือออกจากมือผม ผมรู้สึกเป็นปลื้มครับที่มิคไม่ปิดบังความสัมพันธ์ของเราต่อหน้าคนอื่น และดูท่าทางไอ้ต้นที่มองมิคของผมซิครับถ้าดูไม่ผิดมันส่งสายตาตัดพ้อให้มิคนะครับนั่น ‘ เฮ้ย อะไรวะมึงรู้จักแฟนกูไม่นานมึงมีสิทธิอะไรทำสายตาแบบนี้กับแฟนกูวะครับ’ ผมกระชับข้อมือมิคแน่นขึ้น
“เอ่อ คือ อาจารย์สินีฝากเรามาบอกว่าที่นัดมิคไว้พรุ่งนี้ขอเลื่อนไปก่อนเพราะอาจารย์ติดธุระกระทันหันน่ะ” ต้นตะกุก
ตะกักนิดหน่อยแต่ขณะพูดก็ส่งสายตาแบบเดิมไปให้มิค
“อืม เราขอบใจต้นมากนะที่มาบอกให้น่ะ” เสียงหวานยังดังให้ผมได้ยิน
ส่วนผมไม่ได้มองมิคหรอกครับมองแต่หน้าไอ้เตี้ยตรงหน้า จนมันหันมามองผมไม่หลบตาและเราคงจะมองกันแบบนั้นต่ออีกนานถ้าไม่มีอีกเสียงดังขึ้นมา
“มิค ต้น ยังไม่กลับกันเหรอ อ้าว นี่ใครอ่ะมิค”
ผมหันไปมองต้นเสียงก็พบกับสาวตัวเล็กตัดผมหน้าม้าซอยสั้นทั้งหัวยิ้มกว้างมาให้อย่างเป็นมิตร ผมก็ยิ้มเล็กๆตอบกลับไปให้และหันกลับไปมองไอ้เตี้ยต้นที่มองผมกับมิคสลับไปมาด้วยสายตาอยากรู้
“ฟิน นี่ต้นกับนิดเพื่อนที่เรียนเด็กด้วยกัน(สาขาทันตกรรมสำหรับเด็ก) ต้น นิด นี่ฟินครับ” มิคไม่ได้พูดถึงสถานะของผม
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่เพราะตอนนี้ผมก็ยังกุมข้อมือบางไว้โดยเจ้าของเค้าไม่ได้ขยับหนี ใครที่มีตาก็ต้องรู้ครับว่าเราเป็นอะไรกันแม้ไม่ต้องเอ่ยออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ อ้อ คนนี้ใช่มั้ยที่มารับมิคทุกวันใช่แน่ๆ ใช่ม้า” สาวนิดอารมณ์ดียิ้มร่ากระแซะไหล่แซวมิค
“ยินดีที่รู้จักเหมือนกันครับ” ผมยิ้มให้นิดอย่างจริงใจก่อนเป็นยิ้มมุมปากแบบกวนๆให้ไอ้เตี้ยอีกคน ที่ทำตัวนิ่งไม่พูดไม่จา
“อืม” มิคตอบกลับพร้อมรอยยิ้มให้นิดแต่ไม่ได้มองไปทางไอ้ต้นเลยนั่นทำผมสะใจมาก
“นิด ต้น เราขอตัวก่อนนะเพราะต้องไปเรียนว่ายน้ำต่อน่ะ”
“จ้าๆไปเถอะพ่อโลมาน้อย คิกๆ” สาวนิดก็ยังอารมณ์ดีไม่ได้รู้ถึงอารมณ์อีกสองหนุ่มข้างตัว
มิคโบกมือให้เพื่อนทั้งสองคนและกระตุกข้อมือที่อยู่ในมือผมเตือนว่าให้ไปได้แล้ว ผมก็หันไปบอกลาสาวนิดและมองหน้าไอ้ต้นนั่นนิดหน่อยและเดินตามแรงฉุดของมิคไป
เมื่อมาถึงรถผมก็จัดการปลดล็อคและเปิดประตูบริการคุณแฟนให้เข้าไปนั่งจนเรียบร้อย ก่อนเดินอ้อมไปฝั่งตัวเองเข้ารถเรียบร้อยแล้วก็จัดการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ และส่งขนมคุกกี้เจ้าประจำที่มิคชอบไปให้ส่วนวันนี้ไม่มีโกโก้ปั่นเพราะผมรู้ว่าต้องมารอมิคและมันต้องละลายไม่อร่อยแน่ๆจึงไม่ได้ซื้อมาเตรียมไว้ให้ ทั้งหมดนี่เป็นกิจวัตรของผมไปแล้วครับที่ต้องเตรียมของทานเล่นมาให้มิคทุกเย็น ก็เปลี่ยนร้านไปเรื่อยแต่ดูท่ามิคจะชอบขนมร้านนี้เป็นพิเศษ ผมจึงเลือกซื้อร้านนี้บ่อยกว่าที่อื่นก็เปลี่ยนไปเรื่อยครับวันนี้คุกกี้ เมื่อวานเค้กสตรอเบอร์รี่ วันก่อนเป็นพายบลูเบอร์รี่ เปลี่ยนไปเรื่อยกลัวว่ามิคจะเบื่อครับ
“วันนี้ไม่มีโกโก้ปั่นนะครับ มีแต่นมสตรอเบอร์รี่” ผมชูกล่องนมรสโปรดของมิคและยื่นไปให้
“ขอบคุณคร้าบบบบ” มิคยิ้มตาปิดเมื่อได้ของถูกใจ
ผมน่ะแพ้รอยยิ้มนี้ทุกทีซิน่าเห็นแล้วใจสั่นจนอยากชิมปากแดงนั่นด้วย จึงยื่นหน้าไปจุ๊บปากแดงเบาๆ มิคเงยหน้ามามองยิ้มๆและเลิกสนใจผม มือหยิบคุกกี้เข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆจนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยเบาๆก่อนขับรถออกไป เด็กชอบกินขนมเค้าก็เป็นห่วงผมนะครับเพราะมิคยื่นคุกกี้ส่งให้ถึงปากเลยล่ะครับ ไอ้ผมไม่มีปฏิเสธอยู่แล้วอ้าปากนับเลยครับ แถมได้กำไรแอบเนียนดูดนิ้วขาวๆไปด้วย แต่มิคก็ไม่ได้สนใจผมครับยังหยิบคุกกี้เข้าปากอย่างต่อเนื่อง และเราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องไอ้เตี้ยต้นครับเพราะผมถือว่าก็แค่ริ้นไรและมั่นใจว่ามิคไม่ได้คิดอะไรกับมันแน่นอน จึงไม่อยากพูดให้เสียอารมณ์เราครับ เพราะตอนนี้บรรยากาศในรถระหว่างเรามันก็อบอวลไปด้วยความสุขอยู่แล้ว และผมมั่นใจว่ามิคไม่ได้คิดอะไรกับนายต้นมันเลยครับ
......................................................
“มิคจะลงสระเลยมั้ย หรือว่าจะให้กัสไปหาอะไรมารองท้องก่อนดี”
“ไม่อ่ะกัส มิคจัดการคุกกี้ถุงโตกะนมกล่องมาแล้ว”
สองหนุ่มตัวเล็กเค้าคุยกันส่วนผมกับไอ้วินก็แค่มองคนของตัวเองยิ้มๆ ผมกับมิคเรามาถึงบ้านไอ้วินกันแล้วและดูท่ามิคอยากจะลงน้ำมากเดินตามกัสที่พาไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำแล้วครับ ส่วนผมก็รอมิคเปลี่ยนก่อนจึงเข้าไปเปลี่ยนต่อ คู่รักอีกคู่เค้าจูงมือกันเดินขึ้นข้างบนไปแล้วครับ ประตูตรงหน้าเปิดออกร่างขาวผ่องที่ใส่แต่กางเกงว่ายน้ำโผล่ออกมา ทำเอาผมยืนค้างนิ่งจ้องมองไปที่อกบางที่มีเม็ดทับทิมสีสดแต่งแต้มอยู่ ผมจ้องเพลินไปหน่อยและต้องสะดุ้งกับแรงตีที่ต้นแขน
“เพี๊ยะ / นี่ฟิน” มิคจ้องผมตาดุและผมต้องชะงักกับใบหน้าไร้แว่นที่เพิ่งสังเกตเห็น
“ก็ต้องว่ายน้ำนี่หน่าใส่แว่นมันไม่สะดวก” ผมก็ได้แต่พยักหน้าแบบจำยอมและหาผ้าเช็ดตัวมาคลุมไหล่ให้มิค
ผมลืมหยิบเสื้อคลุมมาจากบ้านได้ไงนะ คราวหน้าจะไม่ลืมเลยยังดีที่สระอยู่ในบ้านไอ้วินไม่มีใครมาเห็นร่างขาวของมิค ถ้าเป็นสระว่ายน้ำสาธารณะผมล่ะไม่อยากคิดว่าจะมีคนมองคนตัวขาวเยอะแค่ไหน
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่ห้างวันนั้นผมไม่ปล่อยให้แว่นอันโตห่างหน้ามิคเลยครับ นอกจากตอนที่อยู่กับผมเท่านั้นที่บางครั้งมิคจะเปลี่ยนมาใส่คอนแท็คเลนส์แบบนี้ ก็ขนาดใส่แว่นยังมีผู้ชายคนอื่นเข้าหาถ้าถอดแว่นวันๆผมก็คงไม่ต้องทำอะไรคงได้แต่ไปนั่งเฝ้ามิคเหมือนหมาหวงกระดูกชิ้นโตล่ะครับ
..........................................................
“มิคครับตีขาแบบนั้นแหละดีครับ กลั้นใจไว้นะ”
มิคเกาะขอบสระก้มหน้าในน้ำกลั้นใจอยู่ส่วนผมจับเข่ามิคให้เหยียดตรงไม่ให้งอเพื่อฝึกการตีขาที่ถูกต้อง เพราะถ้างอเข่าตีน้ำพอว่ายแล้วจะไม่ไปและกินแรงเหนื่อยง่าย มิคตั้งใจเรียนว่ายน้ำมากเลยครับไม่มีบ่นให้ได้ยินเลย ผมต้องคอยดูไม่ให้หักโหมมากนักเพราะวันนี้เริ่มฝึกเป็นวันแรก แค่ให้มิคเริ่มชินกับน้ำและฝึกตีขาอีกนิดก็พอแล้ว ผมจับเอวมิคอุ้มให้ยืนเมื่อเห็นว่าใช้เวลาพอสมควรแล้ว มิคเกาะบ่าผมหอบหายใจแรงอยู่ข้างหูทำเอาผมขนลุกซู่ทั้งตัวและกลัวว่าอย่างอื่นมันจะลุกด้วยน่ะซิครับ จึงรั้งมิคออกจากตัวช้าๆแม้ไม่อยากแต่ต้องตัดใจเพราะสถานที่ไม่เอื้อ
“มิคครับพ่นหายใจออกทางจมูกใต้น้ำแบบที่ฟินสอนนะครับ จะได้หายเหนื่อยเร็วๆและได้ฝึกพ่นหายใจออกด้วยไง”
มิคย่อตัวลงจนน้ำมิดหัวและทำแบบที่ผมบอกสลับกับการยืนขึ้นเพื่อสูดหายใจเข้า จนเริ่มหายเหนื่อยมาเกาะขอบสระวางคางทับบนมือที่ประสานกันไว้ ผมจึงเข้าไปทำท่าเดียวกันใกล้ๆแต่หันหน้ามาทางคนหน้าหวาน มิคถอดแว่นว่ายน้ำออกวางไว้ขอบสระและหันหลังพิงขอบสระแทน ผมก็มองอยู่ทุกการกระทำไม่ละสายตาไปไหน
“เหนื่อยเหมือนกันนะฟิน เมื่อไหร่มิคจะว่ายได้ล่ะ” มิคบ่นเบาๆสายตาละห้อยมองไปข้างหน้า
ผมจึงต้องเปลี่ยนท่าหันหลังไปมองตามสายตามิค ที่มีภาพของกัสและวินว่ายเคียงข้างกัน มิคคงอยากว่ายได้แบบนั้นผมละอดสงสารเด็กน้อยของผมไม่ได้และไม่ชอบมิคที่มีใบหน้าแบบนี้เอาซะเลย
“อะไรครับท้อแล้วเหรอ วันนี้มิคตีขาได้ดีแล้วนะอีกไม่กี่ครั้งก็ว่ายได้แบบกัสแล้วครับ ไม่เอานะมิคอย่าทำหน้าแบบนี้ มาครับมิคอยากไปฝั่งนู้นมั้ย ฟินพาไปนะ”
ผมจับคนหน้าละห้อยมาขี่หลังและว่ายออกไป แกล้งว่ายซิกแซกบ้างดำน้ำลงนิดให้คนบนหลังตกใจบ้าง ในที่สุดก็ได้ยินเสียงหัวเราะและเสียงโวยวายของมิคดังขึ้น และกัสที่เห็นว่ามิคฝึกเสร็จแล้วก็ว่ายมาใกล้และสาดน้ำเข้าใส่ เล่นไปเล่นมาก็แบ่งเป็นสองฝ่ายฝ่ายที่มีผมกับไอ้วินโดนอีกฝ่ายที่มีกัสกับมิคสาดน้ำใส่แบบไม่ได้ลืมหูลืมตากันล่ะครับ เพราะทั้งผมและไอ้วินไม่กล้าสาดน้ำแบบแรงๆเหมือนที่เล่นกับเพื่อนสนิทหรอกครับ แค่วักน้ำเข้าใส่แค่พอรู้ว่าเราเล่นสาดน้ำกันอยู่ ได้แต่ปล่อยสองหนุ่มน่ารักเค้าสาดใส่อย่างเต็มใจรับ และตอนนี้หน้าที่มีรอยยิ้มกว้างของมิคก็กลับมาแทนที่หน้าละห้อยที่ผมไม่ชอบแล้วล่ะครับ ผมชอบรอยยิ้มกว้างที่เปล่งประกายแห่งความสุขและชอบที่สุดก็เจ้าของรอยยิ้มนี้ล่ะครับ แต่จริงๆไม่ได้แค่ชอบแต่รักที่สุดต่างหากล่ะครับ
..........................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ตอนนี้โลมาน้อยถูกเอาใจสารพัดจากเจ้าของ แถมเจ้าของก็โคตรหื่นอ่ะ ก็หวานปนหวงปนหื่นไปค่ะ
และความน่ารักของมิคก็เข้าตาเพื่อนร่วมรุ่น “อีกแล้ว” โดนฟินสกัดดาวรุ่งไปเลย ฮุๆๆ
หวานเบาๆเหมือนเดิมหวังว่าคนอ่านจะชอบนะคะ
สำหรับตอนหน้าแอบบอกว่าจะเสิร์ฟความร้อนแรงให้กันนิดเตรียมตัวไว้นะคะ O////O
เจอกันวันพุธค่ะ
ปล.+1ให้ทุกเม้นท์แล้วค่ะ ฝากคนอ่านที่น่ารักเม้นท์ให้กันบ้างน้า พลีสสสสส
และขอสร้างความอบอุ่นด้วยการ

แก้หนาวววว ^^