“พรีสต์!”
“เสียงดังหนวกหูวะไอ้เตี้ย!”ผมพยายามทำหน้าบึ้งสุดขีดหันไปตอบรับไอ้เตี้ยสตางค์
“พวกนั้นมาแล้วนะ! จะทำไงดี!?”ไอ้สตางค์วิ่งหน้าตื่นมาหาผมแล้วชี้ไปด้านหลังที่มีเจ้านักเลงหัวเกรียนทำหน้ากระหายเลือดเดินเข้ามา ชิ! ขนาดแค่มานั่งพักเที่ยงก็ไม่วายจะมาเจอไอ้พวกเลือดร้อนนี่เข้าอีก ไม่รู้จักเข็ดเลยนะพวกมึงน่ะ ผมขมวดคิ้วเข้าหากันพยายามทำหน้าเกรียนที่ฝึกซ้อมหน้ากระจกอยู่บ่อยครั้ง เกรียนเป็นนักเลงพอหรือเปล่าวะ?
“พวกมึงเนี่ยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตากันจริงๆ วะ!”
“เหอะ ไอ้หน้าอ่อนเอ๊ย ตอนนั้นกูแค่เผลอเท่านั้นแหละวะ แน่จริงมึงมาสู้กับกูตอนนี้เอาไหม?”
“อย่ามัวแต่อ้าปากเหม็นๆ อยู่เลยวะพวก เข้ามา!”ผมหัวเราะเยาะอีกฝ่ายหลับตาส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เมื่อกี้นี้เท่เปล่าวะ พยายามเลียนแบบพระเอกซีรี่ย์เกาหลีเชียวนะ! ผมตบโต๊ะเสียงดังแล้วผุดลุกขึ้นอย่างไม่กลัว แม่งเอ๊ย! เจ็บมือชิบหายเลยวะ ไม่น่าตบโต๊ะเอาเท่เลยกู!
“มึงอย่าอยู่เลย สัด!”
“มึงต่างหาก อย่าอยู่เลย!!”
ผัวะ!!
ผมกับเจ้าบ้านั้นชกต่อยกันไม่นาน ผลที่ได้ก็คือผมกำลังนั่งบนร่างอันยับเยินของไอ้หัวเกรียนโดยมีไอ้สตางค์เต้นเย้วๆ อยู่ข้างๆ เฮอะ! ทำไมพวกนี้ถึงได้อ่อนจนน่าเบื่อขนาดนี้กันนะ ผมลุกขึ้นแล้วเตะไอ้บ้าที่บังอาจมาแหยมอำนาจของผม จากนั้นก็เดินออกไปด้วยท่าทางนักเลงเต็มพิกัด พอดีกับเสียงเตือนจบการพักเที่ยงดังขึ้น
“สุดยอดเลยวะพรีสต์! ตั้งแต่มอสี่มามึงยังไม่เคยแพ้ใครเลย สุดยอด!”
“มีแต่พวกอ่อนๆ จนน่าเบื่อวะ ชิ!”ผมพึมพำอย่างไม่พอใจ พวกเรากำลังเดินขึ้นอาคารเรียน นักเรียนแต่ละคนต่างก็รีบหลีกทางให้กับผม ไอ้สตางค์มันก็เดินยึดอกภูมิใจเชียว ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนแล้วเดินไปนั่งอยู่หลังห้องโต๊ะประจำ พวกนักเลงในการ์ตูนที่ผมศึกษามามักจะเลือกทำเลหลังห้องเพราะฉะนั้นผมก็เลยเลือกหลังห้องเป็นจุดปักหลัก
“พรีสต์จ๊ะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า?”หลังจากที่ผมนั่งลงนั้นก็มีสาวสวยเดินเข้ามาพร้อมกับถลามากอดแขนของผมไว้ เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่ารัก ผมมองผู้ชายในห้องแล้วยิ้มเยาะพวกมัน เป็นไงล่ะสู! นี่ดาวโรงเรียนเลยนะ อิจฉากูอ่ะดิ!! ถึงหน้าตากูจะด้อยไปสักหน่อยแต่เรื่องลีลาน่ะมั่นใจเต็มร้อยเฟ้ย
“เย็นนี้ไม่ว่าง ไว้พรุ่งนี้ล่ะกันนะเต้ย”
“อ๊า ก็ได้~! อย่าลืมนะพรุ่งนี้นัดกับเค้าแล้วนะ”
“คร้าบ ไม่ลืมหรอกน่า”ผมเงยหน้าส่งยิ้มให้กับสาวสวยที่เพิ่งไปมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมาไม่นานนี่เอง เต้ยยิ้มกว้างแล้วเข้ามาหอมแก้มของผมอย่างรวดเร็วก่อนจะโบกมือเดินออกไปจากห้องเรียน ผมยิ้มบนใบหน้าแล้วโบกมือตอบกลับไปเล็กน้อย
“ให้ตายสิ! นี่มึงเป็นเดอะสตาร์คว้าดาวโรงเรียนตั้งแต่เมื่อไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่องเลย”ไอ้สตางค์มองตามสาวสวยดีกรีดาวโรงเรียนไปลับตาแล้วหันมาถามผมด้วยความประหลาดใจ ผมที่ปั้นหน้ายิ้มก็แสยะเขี้ยวออกมาทันที
“กูจะไปจีบใครต้องขออนุญาตมึงด้วยหรือไงวะ?”
“น้อยๆ หน่อยเถอะไอ้บ้าพรีสต์ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมึงยังควงยัยหมายัยแมวที่ไหนก็ไม่รู้นี่น่า มึงเปลี่ยนคู่ได้เร็วกว่าพวกหมาหรือแมวซะอีก”
“กูจะคิดว่ามึงชมอยู่ล่ะกัน”
“กูด่า”ไอ้เตี้ยเน้นเสียงอย่างหนักแน่น ผมก็เหลือบไปมองมันด้วยสายตา ไอ้บ้านั้นก็ทำสะดิ้งงอนไปอย่างไม่เกรงกลัว ไอ้นี่นิเดี๋ยวปั๊ดเตะก้านคอเตี้ยๆ นั้นสักดอกหรอก ผมส่ายหน้ากับท่าทางจริตของไอ้สตางค์แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปหาคนที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องปัดนัดกับสาวออกไป ต่อให้สักสิบเต้ยก็ไม่สู้สุดที่รักหนึ่งเดียวของผมหรอก!! อ๊าง~ พูดแล้วก็เขินจังเลย!!
“เฮ้ยๆ หยุดทำบรรยากาศน่าขนลุกได้แล้วไอ้พรีสต์ ครูมาแล้วโว้ย!”ไอ้เตี้ยที่นั่งโต๊ะข้างๆ กระซิบเตือนผม ผมกดส่งข้อความไปอย่างไม่สนใจคำเตือนของไอ้สตางค์ ถึงครูสอนมามันก็ไม่ได้เข้าสมองของผมหรอกน่า ผมรอให้สุดที่รักติวให้ก็ได้ไม่ง้อครูหรอก! เมื่อส่งแล้วก็นั่งรอข้อความตอบกลับอย่างตื่นเต้น ใจมันเต้นตุ้บๆ เสียงดังเลยอ่ะ นี่ขนาดส่งข้อความน่ะเนี่ย
ทุกคนอาจจะสงสัยว่าที่รักของผมเป็นใครอยู่ใช่ไหมครับ? เฮ้อ สุดที่รักของผมน่ะนะทั้งหล่อ ทั้งเท่ เยือกเย็น เก่งไปทุกอย่าง คนอะไร้เพอร์เฟ็กท์ได้อีกอ่ะ พรีสต์ปลื้ม! เพื่อเขาแล้วผมทำได้ทุกอย่างขนาดทำตัวเป็นนักเลงผมยังทำได้ ไม่ว่าอะไรผมก็ทำได้ทั้งนั้น! ผู้โชคดีคนนั้นก็คือ...ฮักนั้นเอง!!
ทั้งๆ ที่ฮักก็เรียนอยู่โรงเรียนชายล้วนข้างๆ นี่แต่ผมก็ไม่ค่อยได้เจอเขาเลย อะ ไม่ต้องสงสัยกันหรอกว่าทำไมผมถึงมาเรียนโรงเรียนสหฯ ไม่เข้าเรียนโรงเรียนชายล้วนที่เดียวกับฮัก ให้ตายสิ! ข้อสอบโรงเรียนบ้านั้นยากเกินไปแล้ว โธ่เอ๊ย!! ทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าจะได้เรียนที่เดียวกันกับฮัก อุตส่าห์เฝ้าใฝ่ฝันสุดท้ายก็ต้องน้ำตาตกเพราะโรงเรียนบ้านั้นมีระบบคัดนักเรียนด้วยการสอบเข้าแบบมหาโหด แถมยังรับจำนวนจำกัดอีก เชอะ! ไอ้ครั้งจะเอาเงินยัดเข้าไปเดี๋ยวฮักจะมองผมเป็นคนไม่ดีชอบใช้เงินฟาดหัวคน ผมก็เลยจำใจเข้าเรียนโรงเรียนสหฯ ข้างๆ อยู่ใกล้ก็ยังดีครับ!
ตั้งแต่เข้ามอปลายมาจนกระทั่งขึ้นมอหกเนี่ย ผมรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมีรสชาติมากขึ้นไม่น่าเบื่อจำเจแบบที่ผ่านๆ มา ฮักแนะนำแต่สิ่งดีๆ ให้กับผมอยู่แล้วล่ะครับ หึๆ ผมน่ะเชื่อฮักทั้งตัวทั้งใจเลย!! ฮักบอกว่าซ้ายผมก็ต้องซ้าย ฮักบอกว่าขวาผมก็ขวาด้วยความเต็มใจ อ่า! คิดถึงฮักที่สุดเลย ไม่ได้เจอกันนานเป็นอาทิตย์แบบนี้ไม่ใช่ว่ามีสาวตามจีบแฟน(ข้างเดียว)ของผมหรอกนะ! โอ๊ะ ฮักเรียนชายล้วนนี่...บัดซบ!!! ไม่ใช่ว่าโดนไอ้หน้าปลาจรวดที่ไหนคาบไปแล้วหรอกนะ ม่ายยย!!
เมื่อไรจะส่งข้อความตอบกลับมาเนี่ย อะ จะว่าไปแล้วตอนนี้มันก็เวลาเรียนนี่น่า ฮักไม่มีนโยบายตอบกลับตอนเข้าเรียน อ๊ากกก! ผมลืมไปเลย นี่เพราะไอ้พวกเหี้ยในตอนเที่ยงมากวนเวลาพักของผมแท้ๆ สาดเอ๊ย! พรุ่งนี้ต้องไปตามกระทืบมันแก้แค้นให้ได้ คอยดูสิ! ผมทำหน้าซีเรียสบรรยากาศรอบตัวอึมครึมเปิดดูมือถือของตัวเองอีกครั้ง ฮักคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ฮักน่ะเก่งจะตาย คนที่ทำให้เจ้าเด็กปวกเปียกที่เหยียบหนอนยังร้องกรี๊ดอย่างผมกลายเป็นชายชาตรี(?)ได้ขนาดนี้จะพลาดท่าเสียทีให้กับคนอื่นง่ายๆ งั้นเหรอ? ถึงจะเก่งยังไงผมก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีแหละ เฮ้อ
ครืดๆ มือถือในมือของผมสั่นและมีข้อความเข้า ผมก็รีบกดเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว หรือว่าฮักจะส่งข้อความตอบกลับมาหาผม ไม่จริงน่า ฮักไม่เคยตอบตอนมีเรียนนี่น่า หรือว่าเป็นข้อความดาวน์โหลดริงโทนฟะ? ผมเปิดดูแล้วเลิกคิ้ว ข้อความส่งมาจากฮักจริงๆ ด้วย อ่า ผมตั้งใจอ่านข้อความในมือถือ แปลกจังที่ฮักพิมพ์ข้อความยาวขนาดนี้ให้กับผม เมื่อก่อนฮักจะตอบมาสั้นๆ ไม่เคยยาวเกินห้าคำหรอกครับ แต่มันยาวเหยียดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ฮักไม่ใช่คนที่ใช้มือถือไม่เป็นเหรอเนี่ย ที่ผ่านมาผมคิดว่าที่ฮักไม่ค่อยพกมือถือก็เพราะเขาเล่นมันไม่เป็นซะอีก
...ตอนนี้กูเรียนอยู่ เลิกเรียนแล้วมาเจอกันที่หลังโรงเรียนมึงล่ะกัน มาคนเดียวล่ะ กูไม่อยากจะยุ่งยาก...
ผมกับฮักเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันแบบแมนๆ ขึ้นแล้วล่ะครับ ผมเป็นคนที่เรียกร้องให้เปลี่ยนเองแหละเพราะพี่เซนต์บอกว่าผู้ชายที่สนิทสนมกันเขาจะเรียกกันว่ามึงๆ กูๆ ตอนแรกฮักก็มองผมแปลกๆ แต่ไม่นานเราก็ชินไปเองแล้วก็สนิทกันมากขึ้นด้วย ในตอนแรกผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราใกล้ชิดแนบแน่นกันกว่าเดิมเมื่อเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกมึงๆ กูๆ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่าไอ้ความสนิทที่ว่าเนี่ยมันออกแนวเพื่อนมากกว่าคนรัก
เวลาว่างๆ ผมกับฮักก็จะไปเล่นด้วยกัน ไม่ใช่เล่นแบบเดิมอีกแล้วครับ แต่ออกจะเป็นแนวกีฬาซะมากกว่าทำให้ผมแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก แถมเวลาเล่นกีฬาที่โรงเรียนพวกสาวๆ ก็มักจะมากรี๊ดผมหรือไม่ก็เพื่อนๆ ก็จะคาดหวังกับผมเอามากๆ เพราะผมค่อนข้างเล่นได้ดีเกือบทุกอย่าง นี่ก็เพราะผลพลอยได้ที่ผมติดสอยห้อยตามฮักและพี่เฮอร์มิตล่ะนะ
อย่างสองอาทิตย์ก่อนพี่เฮอร์มิตชวนฮักไปเล่นเคนโด้ด้วยกันซึ่งปกติผมก็ไปฝึกความแข็งแกร่งด้วยเคนโด้กับพี่เฮอร์มิตเป็นประจำอยู่แล้ว ผมนึกว่าฮักจะเก่งมากซะอีกแต่ปรากฏว่าผมกลับชนะฮักได้สบายๆ เมื่อฮักแข่งแพ้ผมเขาก็ไม่พูดไม่จากับใครเลยเอาแต่ให้พี่เฮอร์มิตสอนจนกระทั่งก่อนจะกลับฮักก็ขอแข่งกับผมอีก สุดท้ายคนที่ชนะกลับกลายเป็นฮักที่ฝึกแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ให้ตายสิ ไอ้นิสัยแบบนี้ของเขาทำให้ผมชอบเขามากขึ้น ฮักนี่แมนจริงๆ!
ผมนั่งเรียนแต่ใจจดจ่อต่อเสียงกรอดเลิกเรียน เมื่อไรจะเลิกเรียนสักทีวะ นั่งฟังครูสอนก็แล้วนั่งหลับก็แล้ว เวลาผ่านไปเหมือนนานเป็นชาติ และแล้วเสียงกรอดเลิกเรียนก็ดังขึ้นพร้อมกับครูบอกให้เลิกคลาสได้ เสียงนักเรียนทำความเคารพดังพร้อมๆ กับเสียงพูดคุยจ้อแจ้ของนักเรียน ผมเก็บข้าวของน้อยชิ้นบนโต๊ะใส่กระเป๋าถือแล้วลุกขึ้นรีบสาวเท้าเดินออกไป
“เฮ้ย พรีสต์! มึงจะรีบไปไหนวะ?”
“กูจะหา...เพื่อนน่ะ”
ไอ้สตางค์เรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากห้อง มันทำหน้าบูดเหมือนเดิม ผมถอนหายใจ ยังไงก็ให้มันไปด้วยไม่ได้ เหตุผลที่หนึ่งก็คือฮักบอกให้ผมไปคนเดียว เหตุผลที่สองก็คือผมไม่อยากให้ไอ้สตางค์เจอกับฮักน่ะสิ หึ! ถ้าได้เจอล่ะก็ไอ้สตางค์ต้องชอบฮักแน่ๆ ผมรีบโบกมือลาไอ้สตางค์มันอีกครั้ง
“เดี๋ยวสิวะ ทำไมมึงรีบร้อนนักเนี่ย”
“อะไรอีกวะ!? มึงอยากจะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมา กูรีบไป!”ผมเริ่มไม่พอใจไอ้สตางค์ที่ลีลาท่ามาก มึงตั้งใจดึงกูไว้ใช่ไหม เสียเวลาน่า! รีบๆ พูดมาสักทีเถอะวะ ไอ้สตางค์มองผมเล็กน้อยแล้วพูดเสียงห้วนเหมือนไม่พอใจตอบกลับ
“มึงจะลงเรียนพิเศษไหม นี่ก็คือเทอมสองแล้ว อีกเดี๋ยวได้เวลาแอดเข้ามหาลัยแล้วน่ะโว้ย หรือว่ามึงจะไม่เรียนต่อวะ สาด อุตส่าห์กูเป็นห่วงอนาคตอันมืดหม่นของมึงเลยน่ะเนี่ย! หัวมึงยิ่งทึบๆ อยู่ด้วย”
“สาดนี่ มึงด่ากูว่าโง่งั้นเหรอไอ้เตี้ย”
“กูบอกว่าหัวทึบเฉยๆ ยังไม่ได้ด่าว่าโง่เลยสักคำ”
“เออๆ มึงลงอะไรก็ลงให้กูด้วยล่ะกัน แค่นี้ใช่ไหม กูไปก่อนล่ะ!”
“เฮ้ย! ไอ้พรีสต์มึงจะไปหาเพื่อนที่ไหนวะ!?”
“เรื่องของกูโว้ย!”ผมรีบวิ่งออกมาจากห้อง ไอ้สตางค์ก็ไม่วายวิ่งตามมาแล้วตะโกนถามเสียงดัง ผมหันกลับไปมองมันแล้วยกนิ้วกลางให้ก่อนจะแลบลิ้นให้กับมันอย่างกวนบาทาอีกดอก เรื่องอะไรกูจะบอกมึงให้โง่วะ! ผมวิ่งออกไปด้วยด้วยความร่าเริงสุดขีด อีกนิดเดียวก็จะได้เจอฮักแล้ว!!
“เฮ้ย พรีสต์ ตอนเย็นเล่นบาสเปล่าวะ?”
“โทษที กูไม่ว่างวะ!”
“เออ งั้นไว้คราวหน้านะมึง”
ระหว่างที่ผมกำลังวิ่งลงบันไดไปก็เจอเข้ากับก๊วนเพื่อนเล่นบาสด้วยกัน พวกมันเป็นหัวโจกที่อยู่คนละห้องกับผมครับ หลังจากพวกเรามีเรื่องต่อยตีกันตอนมอสี่ก็เกิดเป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายขึ้นมา ไอ้ผมก็นึกว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีอยู่แค่ในหนังซะอีก ผมดีใจนะที่ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็อย่าหวังว่าผมจะเล่นอะไรที่ต้องเสียเหงื่อแบบบาส พอมาได้เล่นกันหลายๆ คนก็รู้สึกสนุกมากเลยล่ะครับ เรื่องนี้ต้องขอบคุณฮักจริงๆ!
“ไอ้พรีสต์! คราวหน้ากูไม่แพ้มึงแน่!”ไอ้คนที่เดินกะเผลกมาพร้อมกับเพื่อนๆ พวกมันหลายคน มันชี้หน้าผม หน้าบูดหน้าบึ้ง อ้อ ไอ้หมอนี่คือคนที่ผมสู้ด้วยเมื่อตอนกลางวันนี่น่า ผมยักไหล่ไม่มายด์ มึงจะมากี่ครั้งก็เหมือนเดิมนั้นแหละ
“ฮ่าๆๆๆ ที่มึงมีสภาพยับเยิบแบบนี้เพราะไปท้าสู้ไอ้พรีสต์เหรอวะ ไม่เคยเข็ดเลยนะมึง!”
“หุบปากไปเลยไอ้สัดนี่!”
“พรีสต์ แผ่นเกมที่กูยืมมาน่ะอาทิตย์หน้าค่อยคืนให้นะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้วะ ช่วงนี้กูก็ไม่ค่อยมีเวลาเล่มเกมเท่าไร”
“อะไรวะ เอาเวลาไปม่อสาวเหรอมึง หึๆ ได้ข่าวว่าจีบยัยเต้ยติดนี่หว่า ร้ายเหมือนเดิมเลยนะ!”
“ว่าแต่แอ้มไปหรือยังวะ เด็ดอ่ะเปล่า?”
“ก็งั้นๆ แหละวะ”
“โห! ไอ้นี่มันไวไฟเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆ”
“ไว้ค่อยคุยกันใหม่ ตอนนี้กูรีบไป”
“อะไรวะ นัดสาวเหรอ?”
“ทำนองนั้น ไปก่อนนะโว้ย”ผมพูดคุยกับคนรู้จักด้วยมิตรภาพกำปั้นลูกผู้ชายอีกกลุ่ม ส่วนมากจะคุยเรื่องเกม เรื่องผู้หญิงอะไรทำนองนี้น่ะครับ ผมโบกมือให้กับพวกมันแล้วรีบวิ่งลงอาคารมาแล้วมุ่งหน้าไปที่สวนหลังโรงเรียน
ข้างหลังโรงเรียนของผมมันจะเป็นโรงเก็บของที่ไม่ค่อยมีใครมา บรรยากาศเงียบเชียบเชียว เด็กนักเรียนไม่กล้ามาที่นี้กันหรอกครับเพราะรู้ดีว่าที่นี้มันเป็นที่สุมหัวของพวกอันตราย จะว่าไปแล้วฮักทำไมถึงได้นัดผมมาที่นี้ได้นะ แปลกจัง ปกติฮักจะนัดไปเจอกันที่บ้านมากกว่านี่น่า ผมเดินมายืนอยู่หน้าโรงเก็บของด้วยความสงสัย รอบข้างไม่มีผู้คน แถมตรงนี้ก็ไกลจากตัวโรงเรียนของผมอยู่เหมือนกัน
“ฮัก! ฮักมาหรือยัง?”ผมเรียกหาฮักก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาเลย ผมยืนผิงกำแพงโรงเก็บของยืนรอฮัก ฮักยังมาไม่ถึงล่ะมั้งสงสัยผมจะมาเร็วเกินไป
ระหว่างที่รอผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู เปิดข้อความที่ฮักส่งมานัด ตั้งแต่เมื่อวานแล้วดูเหมือนฮักจะส่งข้อความมาหาผมแถมยังมีแต่ข้อความยาวๆ ไม่เหมือนปกติที่มักจะตอบสั้นๆ แถมผมเสียอีกที่เป็นฝ่ายเริ่มนัดเจอกัน อืม นี่มัน...แปลกเกินไปหรือเปล่านะ? ผมรู้สึกทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้สิครับ คนอย่างฮักจะเป็นคนนัดผมมาเจอในที่แบบนี้งั้นเหรอ? ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผมได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้าหา อะ ฮักมาแล้วเหรอ!? ผมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้างไปให้แต่คนที่เดินมานั้นกลับไม่ใช่ฮักอย่างที่ผมคิด กลับเป็นเจ้าแว่นที่มักจะทำตัวติดฮักหนึบจนน่าหมั่นไส้ คอยขัดแข็งขัดขาผมตลอดเลย ชิ! เห็นหน้ามันแล้วของขึ้นวะ อยากจะฟาดปากมันชิบ
“อะไรวะ ทำไมมึงมาเสนอหน้าที่นี้ได้ แล้วฮักล่ะ?”
“ฮักน่ะเหรอ? ก็คงจะอยู่ที่ห้องสมุดล่ะมั้ง?”ไอ้แว่นนี่มันชื่อว่ามิวสิกครับ มันเดินมาหยุดตรงหน้าของผมแล้วทำหน้ากวนทีนตอบกลับมา ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ฮักอยู่ห้องสมุด? ทำไมฮักยังไม่มาหาผมอีก หรือว่าติดงาน?
“แล้วมึงมาทำไม?”
“ก็กูต้องมาตามที่นัดมึงไว้ไง”ไอ้มิวสิกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี นัดผมไว้? ให้ตายเถอะ! อย่างผมน่ะนะจะนัดมัน ทุเรศ แม้แต่หน้ามันผมยังไม่อยากจะใช้สายตามองเลย!
“หะ? เพ้อเจ้อหรือไงวะ มึงนัดกูตอนไหนไม่ทราบ มึงมันโคตรเกะกะเลยวะรีบไสตูดกลับไปทางเดิมที่มึงเดินมาเหอะ ไอ้ลิงหน้าวอก”ผมก้มหน้ามองเวลาบนหน้าจอมือถือแล้วโบกมือไล่ไอ้มิวสิกไปอย่างไม่ไยดี
“มึงนี่ปากเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
“พูดมากเหม็นขี้ปากวะ ไสหัวมึงไปดีๆ เถอะกูไม่อยากมีเรื่องตอนรอฮัก”
“มึงรอไปจนตายฮักก็ไม่มาหรอก ไอ้โง่!”
“หมายความว่าไง?”ผมพับมือถือของตัวเองไว้แล้วเงยหน้าจ้องไอ้มิวสิก ผมจ้องมันเขม็ง ไอ้มิวสิกดันแว่นแล้วหัวเราะในลำคอ กวนตีนจริงวะ ท่ามันจะมากเกินพอดีแล้วนะมึง ผมเริ่มร้อนใจ ถ้าฮักไม่ใช่คนนัดแล้วจะเป็นใครไปได้ ก็ฮักเป็นคนส่งข้อความมาให้ผมเองนี่น่า
“ก้อหมายความว่ามึงโดนหลอกไงล่ะไอ้พรีสต์ กูเป็นคนนัดมึงมาเองแหละ ด้วยมือถือของฮักไงล่ะ”ไอ้มิวสิกมันล้วงมือถือขึ้นมาแกว่งๆ ตรงหน้าของผม มือถือเครื่องนี้เป็นของฮักจริงๆ ด้วย! ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วแย่งมือถือของฮักมาจากมือไอ้มิวสิก
“มึงเอามือถือของฮักมาได้ยังไง!!?”
“หึๆ กูเอามาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ ก็ฮักน่ะไม่ค่อยสนใจมือถือของตัวเองนี่น่า ป่านนี้คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือถือของตัวเองหายมาอยู่กับกู ฮักก็มีมุมที่น่ารักแบบนี้เหมือนกันเนอะ หึๆ”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย มึงต้องการอะไรวะ!?”ผมตะโกนอย่างโมโหกำมือถือของฮักไว้แน่น ไอ้บ้านี่มันบังอาจแอบอ้างเป็นฮักงั้นเหรอ!? เจ้าบ้าเอ๊ย!! มึงมันไม่สมควรจะเป็นเพื่อนของฮัก ไม่สมควรที่จะอยู่ข้างฮักแล้ว!!
“ก็ไม่มีอะไร กูอยากให้มึงเจ็บแบบกูบ้าง! กูต่างหากที่อยู่ข้างฮักตลอด! แล้วทำไมถึงมีแต่มึงเท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากฮัก! อีกสองวันเป็นวันเกิดมึงเขาก็เตรียมของขวัญให้แล้วกูล่ะ!? กูก็เกิดวันนั้นเหมือนกัน!! มึงกับกูมันต่างกันตรงไหน!!?”ไอ้มิวสิกตะคอกผมจนเสียงแหบแห้ง ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวไปด้วยอารมณ์ที่รุนแรง ผมยืนนิ่งเม้มริมฝีปากแน่น ไอ้บ้าเอ๊ย มึงกับกูต้องต่างกันอยู่แล้ว กูรู้จักฮักนานกว่ามึงเยอะ แล้วมึงที่เพิ่งโผล่หัวมาแค่สองสามปีจะมาเรียกร้องอะไรวะ!
“ถ้าไม่มีมึงล่ะก็...ฮักก็คงจะ...”
“ว่าไงนะ ความคิดของมึงนี่โง่ดักดานจริงๆ วะ!! ถ้าไม่มีกูแล้วไงมึงคิดว่าฮักจะชอบมึงงั้นสิ ถุย!! ช่างเป็นความคิดที่น่าขำสิ้นดีวะ!”ผมแทบจะหัวเราะเยาะไอ้บ้านี่ มันคิดว่าฮักเป็นคนยังไงกัน โธ่เอ๊ย ยอมรับกันแบบแมนๆ ก็ได้ แม้แต่ผมฮักก็ไม่ได้ชอบแบบนั้นเลย เขาก็แค่เอ็นดูผมเหมือนน้อง ห่วงผมเหมือนเพื่อนนั้นแหละ!!
“หุบปาก!”
“มึงเคยพยายามทำให้ไอ้คนซื่อบื้ออย่างฮักเข้าใจหรือเปล่า!? มึงเคยพูดขอฮักหรือเปล่า!? คนอย่างไอ้บ้านั้นน่ะถ้าไม่พูดใส่หน้ามันตรงๆ มันก็ไม่รู้หรอกโว้ย!!”
แอ๊กกก!! เค้าขอโทษที่ด่าฮักนะ ไม่ได้ตั้งใจแต่อารมณ์มันพาไป!
“ใครจะไปหน้าด้านแบบมึง!”
“ถ้าจะคบกับไอ้บ้าฮักมันต้องหน้าด้านโว้ย!”
“หยุดมาสั่งกูได้แล้ว วันนี้มึงต้องเจ็บตัว!”
“เหอะ! อย่างมึงจะมาทำอะไรกูได้ เข้ามาสิวะ!”ผมยิ้มเยาะไอ้มิวสิก อย่างมันจะมาสู้อะไรผมได้วะ ถึงตัวจะเท่าๆ กันแต่ท่าทางไอ้หนอนหนังสือแบบมันจะไม่เคยแม้จะออกกำลังกายแน่ ผมยื่นมือไปกระชากคอเสื้อของไอ้มิวสิกไว้ มึงต่างหากที่ต้องเจ็บตัวไอ้เวร! กูหมั่นไส้มึงมานานแล้วคราวนี้แหละกูจะยำมึงให้หน่ำใจไปเลย!
“หึ คิดว่ากูจะลงมือด้วยตัวเองเหรอ เสียใจวะ”ไอ้มิวสิกมันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นต่อแล้วผมก็เห็นรอบๆ ตัวมีคนโผล่มายืนล้อมรอบ ผมกวาดสายตาประเมินอย่างรวดเร็ว มือของผมเย็นเฉียบไปหมด พวกนักเลงที่ผมเคยมีเรื่องตั้งแต่มอสี่ยันมอหกมันมารวมตัวกันที่นี้ แถมยังพกไม้ พกแท่งเหล็กมาด้วย! ผมกัดฟันกรอดอย่างโมโห
“ไอ้สัดเอ๊ย!!”ผมชกหน้าไอ้มิวสิกไปอย่างเต็มแรงจนมันล้มลงไปกองกับพื้น แว่นกระเด็นออกจากหน้า ผมไม่มีเวลาไปสนใจไอ้มิวสิกอีกแล้วเพราะตอนนี้รอบตัวของผมมีศัตรูเก่ายืนแสยะยิ้มรออยู่ พวกมึงเล่นสกปรกนี่หว่า ทำไมต้องใช้อุปกรณ์ทุ่นแรงด้วยนะ เวรเอ๊ย!! ผมเครียดจนเหงื่อไหลตกขมับแต่ก็ยังคงยิ้มทำใจเย็นสู้พวกมัน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยวะพรีสต์ มึงก็ยังหน้าตุ๊ดเหมือนเดิม”
“เอ่อ แล้วมึงก็กลัวคนหน้าตุ๊ดแบบกูนี่แหละ!”
“มึงก็ปากเก่งได้แค่ตอนนี้แหละไอ้พรีสต์ เฮ้ย! ลุยเลยพวก!!”
แม่งเอ๊ย ตายเป็นตายวะ!!
TBC.
มาถึงไคลแมกซ์ของอดีตแล้ว พรีสต์จะเป็นยังไงต่อไป
ก็ต้องคอยตอนต่อไปล่ะนะ~ แน่นอนว่าพรีสต์ไม่ตาย = =
ปล. อุตส่าห์อัพวันที่ 5/5/55 แต่ดันเป็นตอนซีเรียสซะงั้น