ตอนที่ 38 เวลคัมทูนิฮง!! โอ๊สต์~ อรุณสวัสดิ์ครับ
ที่นี้โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น!
.................................
.....................
...........
......
...
.
แม่งเอ๊ยยย!!!ผมเงยหน้าสบถออกมาอย่างสุดจะทนได้อีกแล้ว หลังจากที่เคลียร์กับไอ้มิวสิกแก้แค้นมันไปได้แล้วผมควรจะได้สวีตหวานเลี่ยนกับไอ้โซโล่กันไปข้างสิวะ! แล้วนี่มันอะไรกันฟะ!? พอไม่ถึงชั่วโมงต่อมาพี่เฮอร์มิตก็มาที่บ้านของไอ้โซโล่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากนั้นก็ลากตัวไปแบบไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรเลยสักนิด พอมารู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่ที่ญี่ปุ่นซะแล้วล่ะครับ มองไปทางไหนก็มีแต่คนพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ โอ๊ย! ให้ตายเถอะ! ภาษาญี่ปุ่นมันทำสมองของผมมึนตึบ ผมอยากจะซุกตัวนอนอยู่ที่เรียวกังแทนที่จะมาเดินท่อมๆ อยู่ข้างนอกแบบนี้ ข้างนอกหนาวจะตายห่า ลากกูมาญี่ปุ่นไม่พอยังลากกูมาทรมานแบบนี้อีก! ผมเดินบ่นพึมพำตามหลังพวกพี่ๆ
“เอาล่ะ ออกเดินทางกันได้!”พี่เซนต์พาเดินขึ้นรถไฟฟ้า พวกเราก็รีบขึ้นมานั่งเรียงกันเป็นแก๊งพี่น้องสี่คน อยากจะบ่นเป็นบ้าเพิ่งจะมาถึงแทนที่จะพักเอาแรงที่เรียวกังแต่ดันลากผมมาเที่ยวต่อทันที ส่วนพวกปะป๊าน่ะอยู่ที่เรียวกังนั้นแหละครับ
“พี่เราจะไปไหนน่ะ?”
“พี่เซนต์บอกว่าจะพาไปนาโกย่า”พี่เฮอร์มิตที่นั่งข้างๆ ผมหันมาตอบ
“อ่า ให้ตายสิ ทำไมเราไม่พักกันก่อนแล้วค่อยมาตอนบ่ายๆ ก็ได้ ผมเหนื่อยจะตาย”
“นี่แกจะบ่นอะไรมากมายย่ะ การเที่ยวครั้งนี้เป็นการเที่ยวครั้งสุดท้ายกับพี่นันแล้วนะ! หุบปากเงียบไปเลยเหอะ”พี่เซนต์ชะโงกมาต่อว่าผมด้วยวาจาและสายตา ผมก็ที่ยังโมโหเรื่องที่โดนลากมาก็หน้าบึ้งตอบกลับ ยัยพี่บ้าเอ๊ยทำอย่างกับพี่นันเป็นอะไรตายงั้นแหละ พี่เขาก็แค่จะแต่งงานเท่านั้นเอง โธ่เอ๊ย!
พวกเราสี่พี่น้องใช้เวลาในการนั่งรถไฟฟ้าเกือบชั่วโมงก็มาถึงที่นาโกย่า เมืองแห่งมิโสะ! สถานที่แรกที่พวกเราไปก็คือปราสาทนาโกย่า ต่อด้วยวัดโอสุแคนน่อมเดินจนขาลากไปที่วัดฮิกาชิเบ็ตสุอิน อากาศเริ่มร้อนเมื่อใกล้เวลาเที่ยงวัน ผมเกาะพี่เฮอร์มิตด้วยความเหนื่อยจนมาถึงร้านโอเด้งมิเสะขึ้นชื่อของนาโกย่า หลังจากนั้นพวกเราเติมพลังมื้อเที่ยงเสร็จก็มาเดินกันต่อที่แสงสีย่านซากาเอะกัน พี่สาวสองคนช็อปปิ้งกันเพลิดเพลินโดยเฉพาะยัยพี่เซนต์พูดต่อราคาเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบไฟแลบ เชอะ! ส่วนผมกับพี่เฮอร์มิตน่ะเหรอ? ก็กลายเป็นคนถือของน่ะสิ ถามได้! พี่เซนต์เดินช็อปแหลกจนกระทั่งถึงบ่ายสามโมงถึงได้ตัดสินใจกลับกันสักที
“พวกเราต้องกลับแล้วล่ะ ไปถึงโอซาก้าก็เย็นพอดีน่าจะทันกินข้าวเย็นแล้วก็น่าจะทันไปก่อนที่ว่าที่พี่เขยจะมาถึงล่ะนะ หุๆ”พี่เซนต์พูดแล้วกระทู้แขนใส่พี่นันที่ยืนอยู่ข้างหลัง พี่นันก็ยิ้มรับนิ่งๆ ไม่พูดอะไรมาก พวกเรานั่งรถไฟฟ้ากลับมาที่โอซาก้า การเดินทางรวดเร็วใช้เวลาชั่วโมงเดียวเท่านั้น พวกเราก็มาถึงโอซาก้ากันสักที อ่า ผมจะได้พักแล้วสินะ
“มามี้~!”
เมื่อมาถึงเรียวกังที่พวกเราเข้ามาพักก็เห็นมามี้กำลังเดินอยู่หน้าเรียวกังพอดี พอเห็นพวกผมมามี้ก็หยุดแล้วยิ้มกว้างให้ ก่อนจะไล่พวกผมที่หอบข้าวของมาเต็มสองมือไปพักที่ห้อง ผมได้อยู่ห้องคนเดี่ยวทำให้ผมออกจะงงๆ อยู่ พี่เฮอร์มิตก็ได้อยู่ห้องคนเดี่ยวเหมือนกันแต่พอผมทักเรื่องนี้พี่เฮอร์มิตก็บอกว่าเดี๋ยวครอบครัวแฟนของพี่นันก็จะมาถึง ผมพักห้องเดียวกับน้องแฟนของพี่นัน อะไรกัน? ให้ผมพักกับคนไม่รู้จักเนี่ยนะ อึดอัดตายเลยวะ
“พี่เฮอร์มิต เปลี่ยนมาอยู่กับผมไม่ได้เหรอ? อยู่กับคนไม่รู้จักมันอึดอัดนะพี่”ผมพยายามพูดเกลี้ยกล่อมพี่เฮอร์มิต แฟนของพี่นันก็พักกับน้องของตัวเองไปสิวะ
“พี่อยากจะทำความรู้จักกับพี่เขยหน่อยนะ แกก็ต้องทำความรู้จักกับน้องของพี่เขยนะ เดี๋ยวเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”พี่เฮอร์มิตยิ้มแล้วก็เอ่ยเหตุผลที่จัดห้องแบบนี้ ผมทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม อะไรวะ โดนลากมาเที่ยวแบบไม่เต็มใจแล้วยังต้องมาอยู่กับใครก็ไม่รู้อีก อยากจะบ้า พี่เฮอร์มิตยิ้มแล้วดันผมเข้าห้องพักของตัวเองไป
“เร็วเข้าเถอะ อีกเดี๋ยวครอบครัวว่าที่พี่เขยของเราก็จะมาถึงแล้วนะ ต้องออกไปรับด้วยกัน”
“ต้องไปด้วยเหรอ? ผมอยากจะนอนจะตายอยู่แล้ว”
“เออน่า เดี๋ยวพี่จะมารับนะ เก็บข้าวของเร็วๆ ล่ะ”พี่เฮอร์มิตพูดเร่งผมแล้วเดินออกไปห้องของตัวเอง ผมยืนถอนหายใจด้วยความเหนื่อยเดินเข้าห้องของตัวเอง ห้องเป็นแบบญี่ปุ่นครับ มีโต๊ะโคทัตสึ แล้วก็ฟูกสองที่อยู่ถัดไป ระเบียงห้องกว้างมีเก้าอี้นั่งเล่นไว้ชมต้นไม้ที่มีใบเป็นสีแสดสวย
ผมวางกระเป๋าของตัวเองเอาไว้แล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแจ่มใส เมื่อไรผมจะได้พักสักทีเนี่ยเหนื่อยก็แย่อยู่แล้ว เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วมองฟูกที่นอนสองที่ติดกัน แม่ง นี่ผมต้องนอนกับใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ บ้าที่สุด! ผมจัดที่นอนปูแล้วกลิ้งตัวไปนอนแผ่ เฮ้อ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้โซโล่มันจะทำอะไรอยู่ จะโทรไปหาก็ไม่ได้ด้วยสิเพราะว่ามากะทันหันก็เลยไม่ได้ติดต่อหรือเตรียมมือถือมาใช้ที่นี้ อีกนานเท่าไรผมถึงจะได้กลับเนี่ย แย่จริงๆ เลย! แล้วถ้าไอ้โซโล่มันโทรมาล่ะ มันคงจะไม่เป็นห่วงผมหรอกนะ พี่เฮอร์มิตก็ไม่ปล่อยให้ผมอธิบายอะไรให้ไอ้โซโล่มันฟังซะด้วย
“หมวย! ครอบครัวพี่เขยมาแล้วนะ”
มาก็ช่างเด๊ะ ตอนนี้อารมณ์คนอยากนอนเฟ้ย!
“พรีสต์ ลุกขึ้นมา!”พี่เฮอร์มิตพยายามฉุดกระชากลากถูผมออกจากที่นอน พี่เฮอร์มิตตต! ผมอยากจะนอน ผมง่วงจะตายอยู่แล้วยังจะให้ไปรับอะไรอีก คนที่ผิดน่ะไม่ใช่ผม พี่นั้นแหละผิดพี่เฮอร์มิต! ทำไมถึงไปลากผมมาจากบ้านไอ้โซโล่แบบไม่ตั้งทันตัวด้วยแถมมาถึงแทนที่จะพักกลับลากผมไปเดินจนขาลากที่นาโกย่าอีก เพราะพี่นั้นแหละ!!
“เข้าใจล่ะ แกไม่ไปใช่ไหม?”พี่เฮอร์มิตปล่อยมือจากผมแล้วเริ่มทำเสียงขุ่นเคือง ผมก็ยังนอนแผ่อยู่เหมือนเดิม ฮึ!
“ได้! พี่จะไปบอกพี่เซนต์ให้มาพาแกไปเอง เอาแบบนั้นใช่ไหมพรีสต์?”
“...เอ่อ พะ...พี่ พี่เฮอร์มิตตกลงกันดีๆ ก็ได้ครับ”ผมเงียบไปเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมาดึงพี่เฮอร์มิตที่กำลังจะเดินออกไป ทำไมพี่ถึงใจน้อยขนาดนี้เนี่ยหัวก็ไม่ได้ล้านสักหน่อย โห! เซ็งเป็ดเซ็งไก่เซ็งห่านนน! ผมลุกขึ้นเดินตามพี่เฮอร์มิตออกมารอครอบครัวของพี่เขยอยู่ที่หน้าเรียวกัง
“ทำไมถึงเป็นผมกับพี่ที่ต้องมายืนรับ พวกพี่นันล่ะ?”
“ผู้หญิงก็ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องหน่อยสิ”พี่เฮอร์มิตเอ่ยแล้วยิ้มเหมือนเดิม ไม่นานก็มีรถแล่นมาจอดที่หน้าเรียวกังที่พวกเรายืนอยู่ คนที่ลงมาจากรถเป็นลุงหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งผมมองเลยผ่านไปแบบไม่สนใจแต่พี่เฮอร์มิตกลับสะกิดผมให้ไปขนของช่วยพวกเขา ห๊ะ? นี่ครอบครัวพี่เขยงั้นเหรอ? ทำไมหน้าตาธรรมดาๆ จังวะ?
ผมเดินงงๆ ไปช่วยถือของช่วยลุงคนนั้น ตาลุงคนนี้ก็หันมายิ้มให้กับผมและพี่เฮอร์มิต พี่ยกมือไหว้แล้วตีแขนของผมให้ยกมือไหว้ตาลุงคนนั้นด้วย รถแท็กซี่ที่ค่าโดยสารโคตรแพงเปิดประตูออกทั้งสองทาง ผมก็ไม่สนใจก้มหน้าก้มตาไปช่วยคนขับรถขนกระเป๋าที่หลังรถ แม่ง พวกมันขนบ้านมาด้วยหรือไงวะ หนักชิบหาย
“เอ่อ...คุณครับ กระเป๋าใบนั้นของผมเองเดี๋ยวผมถือเองครับ”
“เออ ดี”ผมพึมพำกับตัวเองแล้วแทบจะโยนกระเป๋าตัวโคตรหนักไปให้เจ้าของ ก่อนจะมุดออกมาจากท้ายรถ พี่เฮอร์มิตเดินมาหาผมแล้วส่งยิ้มให้กับผม ก่อนจะโบกมือหย็อยๆ ให้กับคนด้านหลังของผมที่อุทานเสียงหลง ผมเลิกคิ้วกำลังจะหันไปมองข้างหลัง ด้านหน้ามีคนคุ้นเคยโผล่มายืนข้างๆ พี่เฮอร์มิต
พี่โมโนนี่หว่า!!! งั้นคนข้างหลังผมก็...
“หวัดดีจ้ะหนูพรีสต์”ผมหันหลังมามองแล้วอ้าปากเหวอ
ตัวจริงเสียงจริงโว้ยเฮ้ย! ไอ้โซโล่ตัวเป็นๆ อยู่ตรงหน้าของผม!“เอ่อ...หวัดดีครับ”ผมรวบรวมสติที่วิ่งแตกกระเจิงแล้วก้มหัวทักทายคุณแม่ของไอ้โซโล่ที่โผล่มาจากด้านหลังของลูกชาย โผล่ได้เก๋สมเป็นคุณแม่ของไอ้โซโล่จริงๆ ครับ ผมเหลือบมองไอ้โซโล่ที่มองผมอย่างอึ้งๆ ไม่แพ้กับผมเลยแม้แต่น้อย คุณแม่ของไอ้โซโล่ทำตาโตแล้ววิ่งผ่านผมไป
“อ๊ายยย คริส! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ”
“ขอบใจจ้ะ เธอก็ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะจ้ะหวาน”
“แหม~ มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก”
ระหว่างที่คุณแม่ของไอ้โซโล่กรี๊ดกร๊าดกับมามี้ของผม ปะป๊าที่ยืนอยู่ข้างๆ มามี้ก็ทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรสักอย่างแล้วมองแม่ของไอ้โซโล่อย่างไม่พอใจหน่อยๆ พี่โมโนยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้มามี้กะปะป๊าอย่างนอบน้อม ผมแทบอยากจะยกรางวัลมารยาทไทยดีเด่นให้แน่ะครับ พอมามองไอ้โซโล่ที่มองมามี้กะปะป๊าของผมแล้วตัวแข็งทื่อยกมือไหว้แบบหุ่นยนต์ก็มิปาน เหอะๆ คนละระดับกับพี่โมโนเล๊ย มึงจะเกร็งอะไรนักฟะ!? หัดเอาพี่มึงเป็นตัวอย่างซะบ้าง นู้นแน่ะ! เดินคุยไปกับปะป๊าของผมได้อย่างกลมกลืนสุดๆ กูนับถือพี่โมโนโคตร!!
พวกเราเดินเข้ามาในเรียวกัง พนักงานของทางเรียวกังก็เข้ามาช่วยถือกระเป๋าบริการกันอย่างเต็มที่โดยเฉพาะคนหล่อๆ! มามี้บอกให้ผมกับพี่เฮอร์มิตพาพี่น้องโดดเดี่ยวไปเก็บกระเป๋าที่ห้องกันก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำและมาทานมื้อเย็นด้วยกันที่ห้องอาหารครับ ผมกับพี่เฮอร์มิตก็เดินพาพี่น้องทั้งสองคนนั้นมาที่ห้อง
“พี่โมครับ พี่พักห้องเดียวกับผม ทางนี้เลยครับ”
“อ้อ! โอเคๆ”พี่โมโนเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่แล้วพี่เขาก็หันมามองผมกับไอ้โซโล่ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินตามพี่เฮอร์มิตไป ก่อนไปพี่โมโนหันมาตบไหล่ของไอ้โซโล่เบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงขบขำ
“อย่าทำอะไรน้องเมียกูล่ะไอ้น้องชาย”
“...”ไอ้โซโล่มันเงียบส่งสายตาสาปแช่งพี่โมโนร้อยบทแล้วล่ะครับ
“มึงจะเข้าห้องไหมเนี่ย ยืนอยู่นั้นแหละ”ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วต้องเดินกลับมาตามไอ้โซโล่ที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ไอ้โซโล่มันก็เดินเข้ามาในห้องมองไปรอบๆ ก่อนจะวางกระเป๋าลง ผมนั่งบนเบาะสอดขาเข้าไปในโต๊ะโคทัตสึ อ่า อุ่นจังเลย ผมนั่งซุกตัวอยู่ในโต๊ะแล้วมองไอ้โซโล่ที่กำลังจัดข้าวของในกระเป๋าออกมา
ระหว่างนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ห่วย มันคืออึดอึดแทะ! มองกระถางต้นบอนไซ มองกิ่งบอนไซ มองลำต้นบอนไซ มองใบบอนไซ มองจนจะทะลุรากบอนไซอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไอ้โซโล่มันจัดข้าวของเสร็จก็ลุกขึ้นไปหยิบชุดยูกาตะที่พับไว้เรียบร้อยบนชั้นวางของแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง เฮ้ย นี่จะไม่คุยอะไรกับกูจริงอ่ะหรือว่ามันงอน? แล้วตกลงผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ!?
“โซโล่ เฮ้ย เดี๋ยวสิวะ!”
“อะไร?”มันหยุดแล้วหันมามองผมด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติ เอ๊ะ หรือว่าผมจะคิดไปเองหว่า จริงๆ แล้วมันก็เป็นคนไม่ค่อยพูดก่อนอยู่แล้วนี่น่ะ
“จะไปอาบน้ำเหรอ? รอกูก่อนดิ”
“มึงก็รีบสิวะ เดี๋ยวเขาจะกินข้าวก่อนหรอก”
“เออๆ แป๊บหนึ่งๆ”ผมค่อยๆ คลานออกมาจากโต๊ะโคทัตสึแล้วไปเปิดกระเป๋า อืม กระเป๋าใบนี้ไม่ได้จัดเองซะด้วยสิ รู้สึกว่ามามี้จะเป็นคนจัดกระเป๋าให้กับผม พอเปิดกระเป๋าแล้วผมก็ตกใจก่อนจะเงยหน้ามองไอ้โซโล่แล้วค่อยๆ ขยับตัวมาบังกระเป๋าของตัวเอง
ชิบหายแล้ว!
มามี้~!!! ผมกรีดร้องในใจอย่างโหยหวน ดูนี่สิครับ เสื้อผ้าแต่ละชุดนี่มันรสนิยมของมามี้ทั้งนั้นแล้วอีแบบนี้กูจะกล้าใส่เหรอ!? ถึงตอนที่ยัง...เอ่อ...เด็กๆ จะเคยใส่พวกมันมาก็เถอะนะ แต่ตอนนี้ผมอยู่ปีสามแล้วนะโว้ย ชิบ! ผมค้นหาอุปกรณ์อาบน้ำเมื่อไอ้โซโล่มันพูดเร่งอยู่หน้าห้อง มึงก็เร่งกูอยู่ได้
ง่ะ! สีชมพูทั้งเซ็ตเลยครับ ผมหยิบพวกมันออกมาด้วยความจำใจสุดขีดแล้วเดินมาหยิบชุดยูกาตะที่วางไว้บนตู้แล้วชะงัก ถลึงตามองสีของชุดยูกาตะ สาดดด!! นี่กูจะหนีไม่พ้นสีชมพูเลยใช่ไหม!? เงยหน้ามองชุดยูกาตะในมือของไอ้โซโล่ที่เป็นสีดำแล้วเจ็บใจเป็นที่สุดทั้งๆ ที่ผมเป็นคนเข้ามาในห้องนี้ก่อนแท้ๆ แต่กลับไม่ได้เลือกชุดยูกาตะไว้ก่อน โธ่โว้ย พลาดแล้วกู!
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า”ผมเดินถือชุดยูกาตะมาด้วยอารมณ์เซ็งแสนเซ็ง ไอ้โซโล่มันก็ถามผมเมื่อผมถอนหายใจทิ้งๆ ขวางๆ ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเดินนำไอ้โซโล่ไปที่บ่อแช่น้ำ อืม ผ้าม่านสีน้ำเงิน อ่ะ ห้องนี้แหละ! ผมแหวกผ้าม่านเข้าไปในห้องบ่อน้ำร้อน ห้องแรกจะเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ เราต้องถอดเสื้อผ้าวางไว้บนตะกร้าที่เขาเตรียมไว้ให้ ขอย้ำว่าต้องถอดให้หมดด้วยนะครับ ชาวญี่ปุ่นถือว่าการอาบน้ำแช่น้ำร้อนนี่เป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์และแน่นอนไม่มีใครมาจ้องคุณด้วยสายตาไร้มารยาทหรอกครับ คนญี่ปุ่นเป็นคนมีมารยาทเรื่องนี้มากพวกเขาจะตั้งใจแช่น้ำอย่างเดียวครับเพราะอย่างนั้นไม่ต้องเขิน
ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าวางไว้บนตะกร้าแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาพันเอวปิดส่วนอุจาดสักหน่อยแล้วผมก็หันไปมองไอ้โซโล่ที่ถอดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังยืนรอผมอยู่ พวกเราสองคนเดินมาอาบน้ำที่ส่วนห้องน้ำก่อนครับ เดินมาในห้องน้ำที่เงียบไร้ผู้คน ผมกับไอ้โซโล่ก็นั่งลงอาบน้ำกันเงียบๆ ทำไมมันเงียบจังวะแบบนี้ต้องหาอะไรคุยสักหน่อย ผมพยายามคิดหาเรื่องที่จะหาคุย
“มึงรู้หรือเปล่าว่าพี่โมโนจะแต่งงานกับพี่นันน่ะ”
“ไม่รู้”มันตอบกลับมาสั้นๆ
“เฮ้อ ทำไมถึงมีแต่พวกเราสองคนวะที่ไม่รู้อะไรเลย”
“...”ไอ้โซโล่มันเงียบครับ ผมก็หันไปมองมันอย่างแปลกใจ มันทำหน้าเป็นกังวลเล็กๆ ผมที่กำลังสระผมหยุดมองมันอย่างแปลกใจ อะไรหว่า? ไอ้โซโล่มันกำลังคิดอะไรอยู่?
“มึงเป็นอะไรวะ? เงียบๆ”
“ถึงแม่กูจะไม่ว่าอะไรแต่ว่าพ่อมึงคงจะ...”
“แล้วไง มึงจะทิ้งกูงั้นเหรอ?”ผมหยุดมือที่สระผมแล้วหันไปมองไอ้โซโล่อย่างหาเรื่อง ไอ้นี่นิยังไม่ได้ทำอะไรทำไมใจปอดแล้ววะ เอาตัวอย่างแบบพี่โมโนเขาบ้างเฟ้ย แหม! เลียแข้งเลียขาพ่อตาน่ะทำเป็นไหม ไอ้บ้า! ไอ้โซโล่รีบส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ผมตักน้ำมาราดหัวล้างฟองแชมพูอยู่สองสามขันก่อนจะเสยผมที่ปกหน้าออกไป
“เฮ้อ อุปสรรคเยอะจริงๆ วะ”
“จะบ่นทำไมฟะ ขนาดดอกกุหลาบที่สวยงามยังมีหนามไฉนความรักจะไม่มีอุปสรรค”
“กูทายว่ามึงอ่านเจอที่ไหนมาแน่ๆ”ไอ้โซโล่มองผมแบบอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ห่านิ มึงไม่คิดว่ากูจะพูดประโยคเท่ๆ กับเขาบ้างหรือไงฟะ ไอ้โซโล่สระผมเสร็จแล้วเริ่มถูสบู่เหลวสูตรอ่อนโยนพิเศษของมันเองนั้นแหละครับ ก็ไอ้คุณชายมันผิวแพ้ง่ายนี่น่า เหอะ!
“ถูหลังให้กูหน่อย”
“หันหลังมาดิ”
ขอมาก็จัดให้ ไอ้โซโล่มันก็หันหลังแล้วให้ผมถูหลัง ผมก็ถูหลังมันเต็มแรง ย้ากกก! ขี้ไคลจงออกไป!! ผมถูไปแล้วหยุดชะงัก มองหลังของไอ้โซโล่แล้วหน้าซีด แม่ง หลังมันเป็นรอบแดงเลยวะ นี่ตกลงผิวมันบอบบางหยั่งกับแก้วจริงดิ? ผมหยุดถูแล้วบอกให้เปลี่ยนกันถูหลังบ้าง พอเปลี่ยนเป็นไอ้โซโล่มาถูก็มีคนเดินเข้ามาในห้องอาบน้ำ
“สนิทกันเร็วดีนะ”
ฉึก!!
ผมกับไอ้โซโล่ตัวแข็งทื่อเมื่อกลุ่มที่เดินเข้ามาคือพวกปะป๊าของผมเองครับ มีพี่โมโน พี่เฮอร์มิตและคุณลุงหน้าตาจืดๆ คนหนึ่ง พวกเขาเดินมานั่งอาบน้ำข้างๆ พวกผม ปะป๊ามองผมแล้วยิ้มเอ่ยทักขึ้นอย่างแปลกใจ ผมก็ยิ้มรับทันที
“คนอายุเท่าๆ กันมันก็สนิทกันเร็วงี้แหละครับ”
“อ้อ อายุเท่ากันเหรอ?”ปะป๊ามองไอ้โซโล่อย่างแปลกใจ อะไรของปะป๊าอย่ามาตัดสินใจคนด้วยขนาดเซ่! ไอ้โซโล่เกร็งโคตรๆ ขนาดผมยังรู้เลยอ่ะครับ พวกพี่ชายที่นั่งถัดไปจากปะป๊ากลั้นหัวเราะกันถ้วนหน้า เดี๋ยวปั๊ดสองคนนี้นิจะมาแกล้งอะไรไอ้โซโล่ฟะมันยิ่งปอดเรื่องปะป๊าอยู่ด้วย!
“คุณพ่อครับ ไม่ได้แช่บ่อน้ำแร่มานานนะครับ”
“นั้นสินะ”
เอ๊ะ? ผมเงยหน้ามองพี่โมโนที่หันไปพูดกับลุงคนข้างๆ เอ๊ะๆ! เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นี้พี่โมโนเรียกลุงคนนั้นว่าพ่อใช่ไหมครับ? ผมมองหน้าลุงคนนั้นอย่างพินิจพิจารณา พ่อของพี่โมโนก็เท่ากับเป็นพ่อของไอ้โซโล่ด้วยน่ะสิ อุ๊บ! ผมรีบอมยิ้มแทนที่จะหัวเราะขำออกไป จริงดิ!? ไม่อยากจะเชื่อเลยวะ ลุงคนนั้นหน้าตาธรรมดาๆ เองนะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพ่อของสองพี่น้องหน้าตาหล่อแบบนี้ได้ แสดงว่าสองคนนี้หน้าตาเหมือนแม่งั้นเหรอ? ผมหันไปมองพ่อของไอ้โซโล่อีกครั้ง ท่านหันมาสบตากับผมอย่างบังเอิญแล้วก็ยิ้มให้ผมเหมือนครั้งที่เจอกันตอนแรก ผมรีบยิ้มตอบกลับทันที อืม นิสัยก็ไม่เหมือนไอ้โซโล่สักนิดเลยวะ ดูยังไงก็คนธรรมดา
ผมกับไอ้โซโล่รีบอาบน้ำเสร็จแล้วชิ่งไปแช่น้ำแร่ก่อน ผมค่อยๆ ก้าวเท้าเดินลงมานั่งแช่ อ่า ร้อน! ผมนั่งอยู่ข้างๆ ไอ้โซโล่ที่ยังตกใจปะป๊าไม่หาย ไอ้บ้านี่ท่าทางจะกลัวปะป๊าของผมจริงนะเนี่ย น่าแปลกสำหรับมันมากครับปกติไม่ค่อยเห็นมันจะกลัวใครสักคน ไม่เคยเห็นเลยแฮะเพิ่งมาเห็นตอนนี้แหละ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วพยายามพูดไม่ให้มันกังวลมากนัก
“กลัวอะไรนักวะ”
“ก็ต้องกลัวสิวะ ถ้าพ่อมึงไม่ยอมรับเราก็คบกันลำบาก”
“ลำบากไม่เห็นเป็นอะไรเลยก็ยังดีกว่าไม่ได้คบกันแหละ”ผมหัวเราะแล้วเอ่ยตอบไปแบบไม่ซีเรียสมากมาย ไอ้โซโล่มันซีเรียสมากไปแล้ว แต่พอผมพูดไปแบบนั้นไอ้โซโล่มันก็ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ถ้ามันลำบากแบบนั้นจะไปมีความสุขได้ยังไง กูต้องทำให้พ่อมึงยอมรับให้ได้”
“...”ผมมองไอ้โซโล่นิ่ง จริงจังเกินไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่ว่าอะไรมันต่อ รู้สึกว่าที่มันจริงใจแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีนิดหน่อย หมอนี้ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่สนใจรอบข้างจริงๆ นั้นแหละแถมยังจะใส่ใจมากซะด้วย เพื่อไม่ให้ผมลำบากใจที่ต้องเลือกระหว่างปะป๊ากับมันสินะ มึงเนี่ยคิดแต่เรื่องของกูจริงๆ เลยผมยิ้มพร้อมกับหัวเราะเบาๆ กำลังจะเข้าไปกอดไอ้โซโล่
“ทำให้ปะป๊ายอมรับสินะ?”
“จะทำอะไรใครงั้นเหรอพรีสต์?”
“...!!?”
เป็นอีกครั้งที่ผมกับไอ้โซโล่สะดุ้งตัวโหยงพร้อมกันเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมรีบกระชากตัวเองออกมาจากไอ้โซโล่แล้วเงยหน้าหันไปมองคนด้านหลัง พวกปะป๊าเดินมาลงบ่อน้ำแร่กันแล้วครับ ปะป๊ามองผมอย่างสงสัยข้างหลังก็มีพี่เฮอร์มิตกับพี่โมโนที่กลั้นยิ้มกันเต็มที่ ส่วนพ่อของไอ้โซโล่ทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ท่าทางแปลกๆ นะพวกเธอสองคนน่ะ”ปะป๊ามองผมกับไอ้โซโล่อย่างจับผิด สมกับเป็นทหารยศสูงความสามารถจับสังเกตนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ ผมก็ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเหมือนเดิม พี่เฮอร์มิตกับพี่โมโนก็เข้ามาชวนปะป๊าผมลงบ่อน้ำแร่เพื่อเปลี่ยนประเด็นไป ปะป๊าก็หันไปสนใจเรื่องบ่อน้ำแร่จนลืมเรื่องผมกับไอ้โซโล่แต่ไม่วายจะหันมาจับผิดผมกับไอ้โซโล่อย่างเนื่องๆ ปะป๊าแช่น้ำร้อนไปเฉยๆ ได้ไหมครับ ทางนี้ระแวงจนเกร็งไม่ซึมซับกับบ่อน้ำแร่นี้สักนิดแล้วนะ!
ผมมองปะป๊าอย่างขัดใจ อุตส่าห์ได้มาแช่บ่อน้ำแร่กับไอ้โซโล่แล้วแท้ๆ ยังต้องมาระแวงไม่ให้ปะป๊ารู้อีก เชอะ แบบนี้มันไม่สนุกยิ่งกว่าตอนแรกซะอีกน่ะเนี่ย เดี๋ยวเปิดตัวเลยดีไหมเนี่ยยังไงปะป๊าก็ต้องรู้อยู่แล้วนี่น่า ผมจ้องปะป๊านิ่งแล้วแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ผมนั่งแช่น้ำร้อนไปครุ่นคิดไปในหัว เอาน่าจะกลัวไปทำไมยังไงผมก็ยังมีขุนพลสุดแกร่งอย่างพี่เฮอร์มิตและกองทัพเสริมกำลังจากพี่โมโนและคุณแม่ของไอ้โซโล่ ที่สำคัญก็คือไพ่ตายอย่างมามี้ทั้งคน! ปะป๊าก็ปะป๊าเถอะเจอมามี้เข้าไปเดี๋ยวก็จอด!
ผมกับไอ้โซโล่ตัดสินใจขึ้นจากบ่อก่อน พอขึ้นมาจากบ่อก็หนาวเลยอ่ะ ผมรีบเดินมาใส่ชั้นในแล้วใส่ชุดยูกาตะเหลือบมองไอ้โซโล่ที่ใส่ชุดยูกาตะเรียบร้อยแล้ว บ๊ะ! รูปร่างสมกับเป็นคนที่ออกกำลังกายบ่อยๆ ใส่ชุดยูกาตะได้เท่จริงๆ ผมเดินมาที่ไอ้โซโล่แล้วสะกิดมัน
“โซโล่ใส่ให้กูหน่อย”มันก็หันมาก้มตัวใส่ชุดยูกาตะให้กับผมซะเรียบร้อยเชียว ฉวยโอกาสที่มันลุกขึ้นยืนผมก็เข้าไปกอดมันไว้ทันที ไอ้โซโล่มันก็หัวเราะเบาๆ
“อะไรของมึงวะ?”
“ก็กอดมึงไง ขอบใจนะ”
“มึงแต๊ะอั๋งกูใช่ไหมเนี่ย”ไอ้โซโล่มันก็กอดตอบผมแล้วก้มหน้าเอาหน้าผากแตะหน้าผากของผม ผมยกมือคล้องคอไอ้โซโล่ลงมาอีกหน่อยแล้วเขย่งเท้าจูบมัน สงสัยผมกับมันจะไม่ได้เจอกันนานทำให้อารมณ์คิดถึงมันยาวนานหน่อย ผมถอดจูบแล้วยิ้ม ไอ้โซโล่มันก็ทำหน้าเหมือนจะไม่พอ เอาน่า มากกว่านี้ไปทำที่ห้องเถอะวะ เพราะตอนนี้มึงเตรียมรับศึกข้างหลังที่ยืนอ้าปากแทบแตะพื้นนู้นเถอะ
“เฮ้ย!!! มึงทำอะไรลูกกู!!?”
เยี่ยมมากครับปะป๊า ตามแผนที่คิดไว้เลย!!TBC.พยายามปั่นเรื่องนี้สุดชีพ!! >.< พรีสต์สู้ๆ โซโล่สู้ๆ ปอยสู้ๆ!!!
ปล.เรื่องรู้จักท่านอาจารย์ที่วาดการ์ตูนเรื่องนี้บ้าง? บอกเค้าหน่อย!