สืบเสน่หา
ตอนที่ 13
ร่างสำรวมสูงใหญ่ในชุดขาวปลอด ห้อยลูกประคำยาวก้าวออกมาจากห้อง หยิบย่ามสะพายข้างแล้วสบตากับคนที่เหลือ แววตาของเขาสงบเยือกเย็นกว่าที่เคย ท่าทางที่ดูเป็นหมอผีเต็มตัว ทำให้สองคนที่ยืนมองอยู่อมยิ้ม
“พี่เจมส์แต่งแบบนี้แล้วดูดีนะคะเนี่ย” ปรางทิพย์ชมเบา ๆ แม้แววตาจะแฝงความกังวล สถานการณ์ในตอนนี้การพูดเล่นให้กำลังใจกันเอง เป็นสิ่งที่ช่วยลบความกลัวออกไปได้บ้าง
เจมส์มองเด็กสาวอย่างเห็นใจ เขารู้ดีว่าเธอยังอายุน้อยเกินไป สำหรับการที่จะต้องมาเผชิญสถานการณ์เช่นนิ้
“พี่ต้องหล่อหน่อยล่ะครับ เดี๋ยวช่วยคุณวินต์ได้สำเร็จแล้วเขาจะไม่ประทับใจเอา” เจมส์ว่าพลางขยิบตาให้
ธนัทบีบมือเด็กสาวเบา ๆ ให้กำลังใจ แล้วบอกว่า “พี่จะไปช่วยพี่วินต์ของน้องปรางเองนะครับ น้องปรางอยู่กับเจมส์ที่นี่แหละ”
เด็กสาวมองมาอย่างเว้าวอน “แต่ปรางห่วงพี่วินนี่คะ ให้ไปด้วยไม่ได้เหรอคะ”
ธนัทส่ายหน้าเบา ๆ พลางอธิบายต่อไปว่า “การทำพิธีไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้บ้านเป้าหมาย แค่รู้ตำแหน่งที่ถูกต้องก็พอ ดังนั้นเจมส์ ไม่จำเป็นต้องออกไปจากบ้าน ก็สามารถดึงความสนใจจากเจ้าหมอผีนั่นได้ การสู้กันระยะไกล จะปลอดภัยกว่าหากบาดเจ็บหรือมีปัญหา ส่วนพี่…ตอนที่เจ้านั่นกำลังสนใจเจมส์ พี่จะได้ช่วยคุณวินต์ออกมา น้องปรางรออยู่ที่นี่ พี่จะได้ลงมือแบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลังไงล่ะ”
“แต่ว่า…” เด็กสาวมองมาอย่างลังเลใจ
“ตกลงตามนี้แหละครับ ถ้าน้องปรางเป็นอะไรขึ้นมา พี่วินต์มีหวังไม่ยอมยกให้พี่แน่ ๆ” เขาว่าพลางหลิ่วตาให้
ปรางทิพย์ก้มหน้าลงอย่างเขินอายนิด ๆ “ก็ได้ค่ะ…ปรางจะรออยู่ที่นี่…แต่ว่าพี่นัทคะ ไม่ใช่แค่พี่วินต์จะปลอดภัย…พี่นัทก็ต้องระวังตัว และต้องกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ” เธอกุมมือของเขาไว้ พลางมองหน้าธนัท
ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ “พี่ปลอดภัยแน่ เจมส์ ฝากน้องปรางด้วยล่ะ”
เจมส์มองคนทั้งคู่ก่อนตีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วง การทำพิธี มีฉันเพียงคนเดียวที่เป็นคนทำ ถ้ามีอะไรขึ้นมา น้องปรางจะไม่เป็นอะไรแน่ ๆ …นายก็อย่าประมาทล่ะ ฉันไม่แน่ใจว่าจะดึงความสนใจได้นานแค่ไหนเหมือนกัน เคนอยู่ในมือเจ้าหมอผีนั่น…ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนกันอีก แต่ฉันเชื่อ…ว่าถ้าเคนรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้น ต้องพยายามช่วยคุณวินต์แน่ ๆ …ถึงแม้ว่า…”
ดวงตาของเขาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบกลับมาแสดงทีท่าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ถ้าฉันเป็นเคน ฉันก็คงทำอย่างนั้น เราเป็นพ่อลูกกัน…บางอย่างเราก็จะสื่อถึงกันได้ นายพยายามตั้งสติดี ๆ แล้วคอยรับฟังให้ดีละกัน เผื่อเด็กคนนั้น จะส่งเสียงติดต่อมา”
“ฉันจะพยายามช่วยเคนออกมาด้วยให้ได้” ธนัทตอบกลับแกมให้กำลังใจ “เด็กคนนั้น ก็เหมือนน้องชายฉันอีกคนเหมือนกัน”
“ขอบใจนะนัท ฝากด้วยแล้วกัน”
ธนัทพยักหน้ารับ ก่อนขับรถออกไป เจมส์หันมามองปรางทิพย์ แล้วพูดว่า “พี่จะทำพิธีในห้องพระ เพราะเป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นอาณาเขตของตัวบ้านพี่ด้วย ที่นี่ พี่จะมีพลังสูงสุด”
“คิดว่าหมอผี จะต้องทำพิธีในป่าช้าเสียอีก” เด็กสาวพูดยิ้ม ๆ ชายหนุ่มอดยิ้มด้วยไม่ได้ เขารู้ดีว่าปรางทิพย์กังวลขนาดไหน แต่เธอก็พยายามผ่อนคลายอย่างที่สุดจริง ๆ
“หมอผีที่ทำพิธีในป่าช้า ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ต้องการติดต่อกับภูตผีวิญญาณเบื้องนอกน่ะครับ ถ้าทำพิธีในบ้าน ผีที่ไหนจะกล้าเข้ามาล่ะครับ แต่กรณีของเรา มันต่างออกไป เพราะเราไม่ต้องการให้ ‘ใคร’ เข้ามารบกวนเราขณะทำพิธี การอยู่ในอาณาเขตที่ปลอดภัย จึงดีที่สุด”
ชายหนุ่มพูดต่อไปพลางขึงสายสิญจน์ไปรอบ ๆ ห้องหลายรอบ จนทั้งห้องคล้ายเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ขนาดย่อมอีกชั้น เพื่อป้องกันภัย
ดวงตากลมโตที่มองมา ยังคงมองอย่างสนใจ “อย่างนี้นี่เอง พี่เจมส์จะให้ปรางช่วยอะไรไหมคะ”
เจมส์ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่ ก่อนกวักมือเรียก “มานั่งอยู่ข้างหลังพี่แล้วกันครับ ไม่จำเป็นอย่าลุกไปไหน”
“ค่ะ” เด็กสาวยิ้มรับ อย่างกระตือรือร้นกว่าเดิมเหมือนทำใจได้แล้ว ร่างบอบบางทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิทะมัดทแมง เจมส์มองมาแล้วพูดว่า “ชักอิจฉาเจ้านัทซะแล้วสิเนี่ย”
“ถ้าอิจฉาก็รีบ ๆ ช่วยเจ้าหญิงของพี่ไว ๆ สิเจ้าคะ แล้วสวีทกันให้พี่นัทอิจฉาเลย” ท่าทางของเธอดูซุกซนร่าเริงเหมือนเก่าแล้ว แม้ลึก ๆ จะกลัวอยู่มาก
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มให้ บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง ใบหน้าแกร่งแฝงรอยยิ้มอบอุ่นลูบผมนุ่มของเด็กสาวเบา ๆ อย่างต้องการจะปลอบใจ
“พูดแบบนี้กำลังใจมาเลยนะเนี่ย รับรองต้องช่วยพี่วินต์ได้แน่ ๆ เอ้า ถ้างั้นพี่จะเริ่มแล้วนะ” เจมส์ว่าพลางยืดแผ่นหลังนั่งตัวตรงกว่าเดิม ก่อนจะพนมมือและหลับตาลง ปรางทิพย์ที่อยู่ใกล้ ๆ มองแผ่นหลังแข็งแรงนั้นอย่างชื่นชม
เธอไม่แปลกใจเลย ที่พักนี้พี่ชายของเธอถึงได้แปลกไป คน ๆ นี้ ทำให้ปราการอันแข็งแกร่งของปวินต์ ที่สร้างขึ้นปกป้องตัวเองและครอบครัว หลังผู้เป็นพ่อจากไป เริ่มพังทลายลง พี่ชายของเธอ ไม่ค่อยเปิดใจให้ใครมากนัก ทั้งยังไว้ตัวอย่างที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร จนต้องเจ็บปวดอีก
แต่ถ้าเป็นคน ๆ นี้…คงจะทำให้พี่ชายของเธอมีความสุขได้แน่ ๆ
สิ่งสำคัญคือต้องช่วยพี่วินต์และเคนออกมาให้ได้เสียก่อน เธอแจ้งข่าวกับมารดาผู้รอคอยอยู่ที่บ้านเพียงแค่ว่าค้างคืนบ้านเจมส์ เพราะติดการสืบคดีติดพัน แต่ตัวเธอกับปวินต์นั้นปลอดภัยดี
มารดาของเธอผู้น่าสงสาร คงทำใจลำบากนัก ถ้ารู้ว่าปวินต์ต้องเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน ในเมื่อต้องสูญเสียผู้เป็นสามีไปแล้วตลอดกาล
แต่เธอก็คิดว่า เจมส์จะต้องช่วยพี่ชายของเธอได้ ทุกอย่างจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม…
คนชั่ว…จะอย่างไร ก็ต้องได้รับผลกรรม
เธอเชื่อมั่นเช่นนั้น!
ในห้องขัง ปวินต์ที่นอนอยู่บนเตียงยังคงมีสติสมบูรณ์ แม้ว่าร่างกายจะขยับไม่ได้ดั่งใจนัก แต่ก็ดูจะดีขึ้น น่าแปลกที่อาการต่าง ๆ เหมือนจะค่อย ๆ จางหายไปบางส่วน คล้ายอาคมที่ควบคุมพิษร้าย ค่อยผ่อนคลายลง เขาคิดว่าตนเองคงลุกขึ้นเดินเหินได้ แม้จะลำบากอยู่บ้าง แต่ก็มั่นใจว่าน่าจะทำได้
ที่เก้าอี้ไม่ไกลออกไป ธนดลยังคงนั่งมองเขาอยู่ ปวินต์หลับตาลง อย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย เขาพยายามนอนนิ่งที่สุด ไม่ขยับตัว…และไม่ต่อต้าน เก็บเรี่ยวแรงที่มีไว้ สำหรับเวลาสำคัญ ถึงจะไม่แน่ใจนัก ว่าจะสามารถเดินเหินได้ เป็นปกติ แต่ในตอนนี้ จะทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาขยับตัวไม่ได้ และไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร เพื่อให้ตายใจกว่าเดิม
เคนบอกเขาไว้ว่าจะทำให้คนที่เฝ้าอยู่หลับไป และจะเปิดทางให้ด้วย
เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะต้องทำให้ได้ อย่างน้อย…ก็จะต้องลุกขึ้นได้
รอคอยอยู่หลายชั่วโมง จู่ ๆ คนที่นั่งด้านข้าง ก็เริ่มง่วงงุนและโงกหลับ ปวินต์รอคอยจนแน่ใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นหลับจริง ๆ แล้วค่อย ๆ ยันกายขึ้นอย่างยากเย็น
ประตูอยู่ไม่ไกลออกไป แต่ก็ใช้เวลามากพอสมควร ในการพยายามก้าวเดิน มือที่สั่นน้อย ๆ จับลูกบิดบิดช้า ๆ อย่างไร้เสียง ประตูไม่ได้ล็อค ร่างผอมบางที่ยังคงอยู่ในชุดรุ่มร่ามเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก มองลอดช่องประตูออกไปอย่างช้า ๆ ใจยังเต้นระทึก เพราะรู้ดีว่าหากมีคนมาพบตนเองก็คงจบ เนื่องจากคงไร้ซึ่งความสามารถจะต้านทานใด ๆ ได้ เขาในตอนนี้แค่โดนผลักเบา ๆ ก็ล้มได้แล้วด้วยซ้ำ
ดีที่ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลย ปวินต์ก้าวออกมาอย่างลำบาก สอดส่ายสายตาไปทั่ว เขาจะต้องช่วยเคนออกไปด้วย แต่ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจ ว่าจะช่วยกุมารทองที่เป็นเพียง ‘วิญญาณ’ ออกไปได้อย่างไร สร้อยคอที่สวมอยู่น่าจะเป็นสิ่งเดียว ที่เคนสามารถเข้ามาสิงสถิตได้ แต่เด็กคนนั้นกลับปฏิเสธที่จะมากับเขา
ห้องพระล่ะ…ที่นี่น่าจะเป็นบ้านของเจ้าหมอผีคนนั้น เพราะเคนก็อยู่ที่นี่ด้วย สำหรับหมอผีแล้ว ห้องพระต้องเป็นที่ที่ใช้เก็บทุกอย่างที่สำคัญทางคาถาอาคมแน่ เหมือนที่เจมส์เคยเก็บตุ๊กตาของเคนเอาไว้
…ถ้าเขาเข้าไปค้นหา…อะไรบางอย่างในห้องพระ บางอย่าง ที่อาจจะผูกมัดเด็กคนนั้นเอาไว้ จนไปกับเขาไม่ได้ แล้วทำลายมันเสีย เคนอาจจะเป็นอิสระ
น่าเสียดายนักที่เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องไสยศาสตร์มาก่อนเลย ทำให้เขามีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก ที่จะจัดการใด ๆ แผ่นหลังบอบบางขยับพิงฝาผนังเดินไปช้า ๆ อย่างไร้จุดหมายพอสมควร เขาไม่รู้แผนผังของบ้าน ไม่รู้อะไรเลย
มีเพียงจิตใจที่ยังคงมุ่งมั่น…เขาจะไม่กลับ จนกว่าจะช่วยเคนได้
ร่างผอมบางกัดฟันแน่น แล้วค่อย ๆ เดินต่อไปทีละก้าว ขาคล้ายจะหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขายังคงก้าวต่อไป
ใช่…เท่าที่กำลังอันน้อยนิดที่หลงเหลือ เขาจะต้องพยายามต่อไป…
ตอนนี้ดึกแล้ว ที่บ้านของหมอคง ยังคงเงียบสงัดเหมือนทุกครั้ง ร่างผอมสูงแข็งแรงของหมอคง มองดวงจันทร์บนท้องฟ้า คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด…ดวงจันทร์อันเป็นแหล่งขุมพลังที่อับแสง ทำให้พลังลดลงไปบางส่วน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากลัวเกรงนัก เพราะไม่ใช่แค่พลังของเขาที่ลดทอน พลังอีกฝ่ายก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องลงมือในคืนนี้แน่นอน เพื่อทำการแย่งชิงเจ้าหญิง
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะเขาเอง ก็เตรียมการต้อนรับไว้เรียบร้อยแล้ว
ร่างนั้นทรุดตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ ตระเตรียมการพร้อมรับการจู่โจม
ดวงตาคมมองมายังตุ๊กตาดินปั้นตัวหนึ่งเบื้องหน้า แล้วยิ้มกับตัวเองอย่างพึงใจ วิญญาณของเด็กคนนั้น จะอย่างไร ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดหนีกลับไปโดยง่าย แม้เจ้าหมอผีมือใหม่นั่นจะมาเอง ก็คงไม่สามารถทำได้
เพราะเขาได้ตกลงทำสัญญาบางอย่างกับเด็กคนนั้นไว้แล้ว…สัญญาที่ต้องรักษาด้วยชีวิต และจิตวิญญาณ
เป็นสัญญาที่จะพันธนาการเด็กคนนั้นไว้ ไม่ให้สามารถหลบหนีจากไปได้อีก
เป็นสัญญา…ที่ทำขึ้นด้วยความเต็มใจของเจ้าตัวเอง!
ทุกอย่างพร้อมแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เขาจะให้พวกมัน ได้ลิ้มรสชาติความทุกข์ทรมาน…ทั้งทางกาย และทางใจ
ใบหน้าแกร่งยิ้มเย็นให้กับตัวเอง คนที่กล้าคิดจะมาต่อกรกับเขา มันจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม!
เสียงสวดมนต์ทุ้มต่ำแผ่วเบาเนิบช้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นถี่กระชั้น มือแกร่งผสมดินเหนียวกับขี้ผึ้งเข้าด้วยกัน ก่อนปั้นเป็นรูปทรงอย่างตั้งใจ ทุกปลายนิ้วที่กดย้ำ ซ้ำด้วยการร่ายอาคมอันหนักแน่นแม่นยำ อำนาจลี้ลับที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ หากคนนั่งใกล้ ยังคงสัมผัสได้จนรู้สึกถึงความยำเกรงของตนเอง
ไสยศาสตร์ที่เคยคิดว่าไม่น่าจะมีจริงได้…กลับเป็นสิ่งลี้ลับที่ยากจะพิสูจน์เสียจริง
ปรางทิพย์ที่เคยเชื่อแต่วิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต ก็พึ่งได้สัมผัสกับมันในวันนี้
ตุ๊กตาดินปั้นเป็นสัตว์สี่เท้า มีเขาแหลมโค้งยาว ถูกวางลงบนแผ่นยันต์เขียนไว้ละเอียดประณีตบรรจง ก่อนคนทำจะสาธยายมนตราต่อไป เพียงไม่นานนัก ร่างตุ๊กตาก็หายวับไปจากผืนผ้า จนเด็กสาวที่มองอยู่ใกล้ ๆ แทบหยุดเสียงอุทานอย่างตกใจไม่ทัน
มือแข็งแรงเอื้อมไปหยิบขันเงินใส่น้ำมนต์ที่วางไว้ด้านข้างมาวางตรงหน้า ในขันนั้นมีน้ำใส แม้จะมีคราบของหยดเทียนลอยปะปนบ้าง วงน้ำที่นิ่งในตอนแรกเริ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะ รับกับการสวดมนต์ แล้วค่อย ๆ ปรากฏภาพขึ้นจากม่านวงน้ำกระเพื่อม ที่ได้ยินกระทั่งเสียง…
ภาพที่เห็นเป็นภาพบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นตา…บ้านหลังนั้น คือบ้านของหมอผี ที่พวกเขาตามชวรัตน์ไปเมื่อตอนหัวค่ำ ร่างหนาปราดเปรียวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในม่านน้ำเหนือตัวบ้าน เสียงคำรามและเสียงฮึดฮัดดังเบา ๆ ดวงตาเรืองแสงวาบวับ หัวที่มีเขาโง้งดำขลับขยับส่ายไปมา ก่อนตรงเข้าขวิดพื้นที่อาณาเขตศัตรูแทบจะในทันที
เสียงเปรี๊ยะดังลั่นจากการปะทะที่อาณาเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย ก่อนร่างหนาสูงใหญ่นั้นจะกระเด็นสะท้อนกลับ มันถอยมาตั้งหลักแล้วตั้งท่าพุ่งใส่เข้าใหม่โดยไม่รอรีอีกครั้ง
หลังจากพยายามชนซ้ำ ๆ ม่านฟ้าเหนือตัวบ้านเริ่มคล้ายมีรอยร้าว เสียงเปรี้ยง ๆ ดังไม่มีหยุด เมื่อเขาอันแหลมคมกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนร่างนั้นจะถอยผงะหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างใหญ่โตของสัตว์อาคมของอีกฝ่าย ซึ่งยืนจังก้าขวางทางไว้อย่างเห็นได้ชัด
ทั้งคู่ยืนคุมเชิงกันเป็นครู่ดึงความสนใจกันและกันไว้ ในขณะที่เจมส์บอกให้ปรางทิพย์ติดต่อกับธนัท ส่งสัญญาณให้ลอบเข้าไปได้