สืบเสน่หา
ตอนที่ 16
ปวินต์ที่ยังคงได้สติเป็นช่วง ๆ ถูกอุ้มมานอนที่ห้องพระ ธนัทปูผ้ารองเป็นที่นอนเตรียมไว้แล้ว ในตอนที่เจมส์ค่อย ๆ วางร่างนั้นลง มือบอบบางยังยึดจับมือแกร่งไว้ไม่ยอมปล่อย เสียงแผ่วเบาแทบขาดหายถามขึ้น ด้วยเห็นชายหนุ่มในชุดหมอผีเต็มยศอีกครั้ง ในสภาพที่พร้อมเตรียมใจเพื่อทำอะไรสักอย่าง
แววตาที่ดูแน่วแน่กว่าที่เคย ทำให้คนมองมาเริ่มหวั่นไหว เจมส์กำลังคิดจะทำอะไร ที่เสี่ยงอันตรายเพื่อเขาแน่ ๆ
“เจมส์…นายกำลังจะทำอะไรน่ะ”
เจมส์มองร่างที่นอนอยู่พลางยิ้มให้ เขาตอบว่า “ผมจะลองทำพิธีอีกครั้ง เพื่อช่วยคุณ” มือนั้นเสยผมนุ่มของอีกฝ่ายเบา ๆ จัดให้เข้าที่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะครับ”
“พิธีอะไรกัน”
“มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ผมพอจะหาได้น่ะครับ อะไรที่ทำให้ยังมีหวัง เราก็ควรลองใช่ไหมล่ะครับ” คนถูกถามตอบเลี่ยง
“มันก็ใช่…แต่ฉันไม่ต้องการให้นายฝืนนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะไม่ผิดสัญญากับคุณแน่ ๆ ดังนั้น…ให้ผมได้ลองเถอะครับ” มือนั้นบีบเบา ๆ อย่างคล้ายให้กำลังใจ ทั้งอีกฝ่าย…และกับตัวเอง
“ผมจะไม่แพ้…และจะต้องช่วยคุณให้ได้”
เสียงไอแผ่วเบาอย่างพยายามข่มกลั้นไว้ไม่ให้แสดงออกมา ทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขาหยิบผ้าชุบน้ำมาซับเช็ดให้ รอยเปื้อนสีแดงมากขึ้นทุกทีชี้ชัด ว่าไม่เหลือเวลาอีกแล้ว ก่อนที่ร่างกายของปวินต์จะไม่สามารถฟื้นคืนได้ตลอดกาล…ก่อนที่มันจะสายเกินไป
มือที่สั่นน้อย ๆ พยายามกุมมือชายหนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…ตราบใดที่นายยังคงรักษาสัญญา…ฉันจะอยู่กับนาย…ถึงจะต้องตายไปแล้วเป็นวิญญาณ…ฉันก็จะยังอยู่กับนาย”
“คุณต้องไม่ตายครับ ผมจะไม่ยอมให้คุณตายเด็ดขาด” เจมส์ตัดบทไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดเรื่องน่ากลัวมากไปกว่านี้
“นายก็ต้อง…ไม่ตายด้วยนะ” อีกฝ่ายพยายามบอก ชายหนุ่มมองมาด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ครับ…ผมจะพยายาม…หลับตาลงแล้วทำตามที่ผมบอก ผมจะไม่ทิ้งคุณแน่นอน ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน…เชื่อมั่นในตัวผมนะครับ”
“ฉันเชื่อนาย…มาตลอดอยู่แล้ว” ร่างผอมบางหลับตาลงอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณครับ ที่เชื่อผม” ดวงตาที่ห่วงหามองมาอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาจะไม่ลังเลอีกแล้ว
มีแต่ต้องทำ…และต้องทำให้สำเร็จด้วย!
สายสิญจน์เส้นยาวถูกวางขดวนรอบร่างที่นอนอยู่หลายชั้น โดยปลายข้างหนึ่งถูกผูกไว้กับสร้อยที่ยังคงคล้องคอปวินต์อยู่ ส่วนอีกด้าน อยู่ในมือของเจมส์ ที่ทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง หันหน้าเข้าหาโต๊ะหมู่บูชาพระ ซึ่งเป็นที่ประจำยามเขาลงมือทำพิธี
มือของเขาแตะเบา ๆ ที่มือของผู้กองหนุ่ม ซึ่งรวบไว้ที่ส่วนอก และจับสร้อยเส้นนั้นพร้อมสายสิญจน์ไว้ พลางพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจะเริ่มพิธีแล้วนะครับ…คุณอาจจะต้องทรมานมากหน่อย แต่ขอให้พยายามตั้งจิตให้เป็นสมาธิ แล้วสวดมนต์ นึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยไว้ จะสวดอะไรก็ได้ ที่ทำให้คุณรู้สึกดี ความดี…จะเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด และจะเสริมพลังให้ผมในการช่วยผลักดันสิ่งชั่วร้ายกลับไป”
“ผมจะอยู่ข้าง ๆ คุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามลืมตานะครับ คุณจะต้องมีสมาธิ เพื่อไม่ให้ของพวกนั้น ย้อนกลับมายังตัวคุณอีก เราจะต้องผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้”
มือของเขาบีบมือบอบบางให้กำลังใจอีกครั้ง “เราจะต้องไม่เป็นอะไร…แล้วผมจะพาคุณไปเดทนะครับ มีอีกตั้งหลายที่…ที่ผมอยากพาคุณไป เจ้าเคนคงจะงอแงแน่ถ้าเราไม่พาไปด้วย ถ้าเราจะเดทด้วยกันสามคน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ”
“ถ้าไม่เอาเคนไปด้วยสิ ฉันไม่ไปกับนายแน่ ยิ่งชอบฉวยโอกาสอยู่” ตำรวจหนุ่มตอบกลับ ทำให้อีกฝ่ายอมยิ้ม
ปวินต์จับมือชายหนุ่มไว้ แม้จะยังหลับตา “สัญญานะ ว่านายจะไม่เป็นอะไร พวกเรา จะต้องไปด้วยกันทั้งสามคน”
“ครับ” เจมส์ตอบรับด้วยน้ำเสียงอันมั่นคง กำลังใจ…เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการในขณะนี้ และปวินต์ก็มักจะให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้เสมอ
“ทำสมาธิให้ดีนะครับ อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องมีสมาธิอย่าว่อกแว่ก…ถ้าทำอะไรไม่ได้ แผ่เมตตาก็ยังดี กับทุกคนที่คุณอยากอโหสิให้ด้วย”
ใบหน้าซีดขาวนั้นพยักหน้ารับ แล้วนอนอย่างสงบมีสมาธิอย่างที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย เจมส์มองมาก่อนหยิบมีดอาคมมาจรดเหนือศีรษะ เขาพนมมือและเริ่มลงสวดมนต์ กระแสเสียงทุ้มนุ่มหนักแน่นแจ่มใสดังกังวานไปทั่วบริเวณ บุคลิกของเขาในยามนี้ เป็นผู้เรืองอาคมเต็มตัวเสียจนคนมองด้านข้างอยู่เงียบ ๆ อย่างธนัทกับปรางทิพย์ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ด้วยความยำเกรง
ในตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในห้องพระ เด็กสาวยังงอนเล็กน้อยในตอนแรก ที่คิดว่าเจมส์จะไม่ยอมช่วยพี่ชายตน แต่พอเจมส์บอกจะทำพิธีอีกครั้ง เธอก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จะมีทางไหนที่ช่วยปวินต์ได้ เธอก็ยินดีที่จะให้เจมส์ลองทำ
แต่พิธีครั้งนี้ ไม่เหมือนพิธีที่เจมส์เคยทำก่อน ๆ หน้านี้ บรรยากาศรอบตัวชายหนุ่มบ่งบอกได้ชัด จริงจัง…หนักแน่น…และไม่หวั่นไหว เป็นสัญญาณที่รู้สึกได้ ว่าคนทำก็พร้อมยอมเสี่ยงชีวิต
แม้เด็กสาวจะพยายามถามธนัท ที่คล้ายจะรู้อะไรมากกว่า แต่ชายหนุ่มก็บอกแต่เพียงว่า เจมส์จะพยายามทำดีที่สุด เพื่อช่วยพี่ชายเธอ
“ปรางจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ ๆ ค่ะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ขออยู่ด้วยเถอะนะคะ” เธอบอกกับธนัทเช่นนี้ และในที่สุด เจมส์ก็ยินยอมให้เธอร่วมพิธีด้วย เด็กสาวเป็นหนึ่งในสายใยสัมพันธ์ของปวินต์ และหากมีอะไรที่ไม่คาดคิด ปรางทิพย์…อาจจะสามารถช่วยดึงปวินต์…ที่แทบจะก้าวเท้าครึ่งหนึ่งลงสู่ดินแดนแห่งความตาย ให้กลับคืนมาก็เป็นได้
ร่างบอบบางพนมมืออย่างตั้งใจ เธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นอกจากเชื่อมั่นในคนผู้นี้
ปวินต์จะต้องปลอดภัย คนดี ๆ อย่างพี่ของเธอ ไม่มีวันพ่ายแพ้แก่สิ่งชั่วร้ายอย่างแน่นอน
บ้านหมอคงเงียบเชียบกว่าทุกวัน วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ซึ่งเป็นวันตามสัญญา หากหมดวันไม่ได้รับการติดต่อมาจากเจมส์ เขาจะลงมือสั่งสอนให้ชายหนุ่มได้รู้ ว่าผลของการดื้อรั้นจะเป็นเช่นไร แต่หมอคงเองก็รู้…ว่าคนอย่างเจมส์ ไม่มีวันปล่อยให้ปวินต์ตายแน่ ๆ ดังนั้นในวันนี้ คงได้เห็นการดิ้นรนอยู่บ้าง เนื่องจากด้วยศักดิ์ศรีของหมอผีด้วยกันแล้ว เขาแน่ใจว่าเจมส์คงจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อยู่แล้ว
ต้องทำให้มันรู้ซึ้ง ว่าความทรมานที่แท้จริงเป็นอย่างไร หมอคงคิด เขากำลังเตรียมทำพิธีเพื่อตอกย้ำเวทย์ที่ร่ายไว้ ยาสั่งที่ร่างกายเหยื่อได้รับประทานเข้าไป บวกกับการร่ายคาถานี้ จะยิ่งทำให้เจ็บปวดทรมานมากเป็นทวีคูณ
แต่เขาจะไม่ให้ตายไวนักหรอก จนกว่าจะได้เห็นเจ้าหมอผีมือใหม่นั่น มาคุกเข่ากราบกรานขอร้อง
เขาจะจัดการพวกนั้น ให้สาสมกับที่พวกมันกล้ามาแหยมกับหมอคง!
“เตรียมตัวทำพิธีอยู่เหรอครับ” ร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูห้องพระมองมาพร้อมคำถาม
“ใช่…วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว มันแน่มาก…ที่ทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่ไม่เกินวันนี้แหละ…ผมจะให้มันได้ลิ้มรสความทรมานที่แท้จริง!
คำพูดชวนสะพรึงนั้นทำให้คนฟังเริ่มหนาวเยือก ดวงตาที่มองมาของหมอคง ดูน่ากลัวกว่าที่เคย เมื่อพูดขึ้นว่า “วันนี้คงจะมีเรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นบ้าง คิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมหรอก แต่เพื่อความไม่ประมาท ผมถึงได้เรียกคุณมา”
“คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมีปัญญาดิ้นรนเฮือกสุดท้ายได้งั้นเหรอครับ” สารวัตรธนดลถามขึ้นลอย ๆ
“มันก็ไม่แน่หรอก อีกอย่างที่สำคัญคือ ผมไม่อาจละออกจากวงพิธีในห้องนี้ได้ แต่วันนี้ ถ้าผมเล่นงานเจ้าหมอผีนั่นได้หนัก ๆ จัง ๆ สักที จะมีโอกาสที่ฤทธิ์ที่มันร่ายอาคมบังของสำคัญไว้ อาจจะเสื่อมลงได้ ซึ่งในตอนนั้น ผมอยากให้คุณไปจัดการชิงของนั่นมา”
“คุณหมายความว่า ของนั่นจะปรากฏขึ้น ให้พวกเราเอาไปได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ”
“มันเป็นไปได้สูงทีเดียว และผมก็ไม่ไว้ใจให้ใครไปเอาของนั่น…นอกจากคุณ สารวัตรธนดล”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจ ก็พวกเราร่วมหัวจมท้ายกันแล้วนี่นะ ถ้าอย่างนั้นผมจะอยู่ดูคุณทำพิธีที่นี่ก็แล้วกัน และถ้าจังหวะนั้นมาถึงจริง ก็บอกกับผม แล้วที่เหลือ…” คนพูดเริ่มมีรอยยิ้ม “ผมจะจัดการเอง!” ว่าพลางชักปืนขึ้นโชว์ด้วยแววตากระหายเลือด
“คุณเป็นตำรวจไม่ใช่รึ” หมอคงย้อนเข้าให้ ดวงตาคมมองมาราวมองลึกเข้าไปในใจ
สารวัตรธนดลอมยิ้ม เขาตอบกลับโดยไม่สะทกสะท้าน “ใช่สิครับ ผมน่ะ เป็นตำรวจเต็มตัว…เรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นการเป็นพยาน ว่าผู้กองปวินต์ สู้กับคนร้ายจนถึงแก่ความตายไปทั้งคู่…ด้วยปืนกระบอกนี้ มันเป็นไปได้ไม่ใช่หรือครับ…โดยเฉพาะถ้าปืนนี้ เป็นปืนที่ผมเอามาจากบ้านของปวินต์…และยังเป็นปืนที่เขาใช้ในการปฏิบัติงานเสมออีกด้วย!”
“หึ ๆ ๆ ผมล่ะยอมแพ้คุณจริง ๆ สำหรับเรื่องการป้ายสีคนอื่นแล้วเอาผลประโยชน์เข้าตัวเนี่ย”
คนฟังก้มหัวน้อย ๆ ก่อนจะพูดว่า “ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”
“คุณจะจัดการกับตำรวจนั่นยังไงก็ตามใจ มันคงไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต่อสู้ได้อยู่แล้ว…แต่เจ้าหมอผีนั่น เป็นของผม อย่าพึ่งรีบฆ่ามัน จนกว่ามันจะทรมานจนอยากจะตายสักหลาย ๆ ครั้ง ด้วยฝีมือผมเสียก่อน หลังจากนั้นคุณจะระเบิดสมองมันปิดฉาก ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก!”