พิมพ์หน้านี้ - สืบเสน่หา (จบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ppm ที่ 03-07-2011 22:33:49

หัวข้อ: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 03-07-2011 22:33:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 03-07-2011 22:39:25
ขอแจ้งล่วงหน้านะคะ ว่าเรื่องนี้ใสจริงไม่มีหื่นค่ะ เนื่องจากช่วงนั้น ppm พยายามจะเขียนนิยายใสให้รอดเพื่อลองส่งสำนักพิมพ์ แต่พอดีส่งไม่ผ่าน เลยเอามาให้ลองอ่านกัน อ่านแล้วรบกวนช่วยติชมกันหน่อยนะคะ จะเอาไปปรับปรุงน่ะค่ะ เผื่อคราวหน้าจะส่งผ่านกับเขาบ้าง T^T ขอบคุณล่วงหน้านะคะ ppm เป็นพวกไม่มั่นใจ เวลาเขียนนิยายใสไร้เรท - -"

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนจบแล้ว แต่คงจะค่อย ๆ ทยอยลง เพราะพักนี้ไม่เหลือสต็อกนิยายเท่าไหร่แล้วค่ะ จะปั่นเพิ่มก็ไม่ค่อยจะมีเวลาซะด้วย ขออภัยสำหรับบางเรื่องที่ดองอยู่นะคะ

และท้ายที่สุด เรื่องนี้ไม่ใช่แนวเรื่องเล่า ขออภัยสำหรับผู้ที่ต้องการอ่านแนวนั้น แต่ถ้าอยากลองเปลี่ยนแนวอ่านก็ยินดีค่ะ ^^

นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12935.0), Absolution cafe (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13610.0), หรรษาฆาตกรรม (TBC) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27792)
เรื่องสั้น (จบแล้วทุกเรื่อง): ทายาทมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12350.0), Full moon night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14120.0), Give me your hand (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14381.0), เรื่องอย่างว่าของเซี่ยเอ๋อร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21649.0), เรื่องสั้นนัท-เนยซีรี่ส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20360.0)


==================================


สืบเสน่หา

ตอนที่ 1



แสงแฟลชวูบวาบยามร่างสูงแข็งแรงขยับเปลี่ยนท่าเป็นจังหวะพร้อมเสียงลั่นชัตเตอร์ถี่ มือมั่นคงขยับปรับเปลี่ยนมุมกล้องซูมไปยังแผ่นอกกว้างที่มีกล้ามเนื้อสวยราบเรียบ เสื้อเชิ้ตขาวตัวบางที่สวมใส่เปิดผ่ากลางไม่ได้ติดกระดุม เริ่มแนบเนื้อเนียนอันเปียกปอนดูเซ็กซี่ ร่างกำยำเอนกายพิงขอบอ่าง ใช้นิ้วแกร่งเสยผมสีน้ำตาลทองเปียกชุ่มตลบไปด้านหลัง ขับเน้นหน้าผากคมสันให้โดดเด่น โดยเฉพาะยามมองจากด้านข้างเช่นในมุมนี้

เสียงชมเบา ๆ จากช่างกล้อง โดยมีผู้ช่วยคอยจัดฉากอยู่ด้านข้างดูมืออาชีพนัก แสงไฟกับตัวกันสะท้อนปรับมุมให้พอเหมาะ ก่อนเสียงชัตเตอร์จะตามมาอีกเป็นระยะ แล้วสั่งให้เปลี่ยนเป็นอิริยาบถถัดไป

ผู้ช่วยด้านหลังรับสัญญาณจากช่างกล้อง แล้วค่อย ๆ หมุนปล่อยน้ำจากฝักบัวให้ไหลลงมาระใบหน้าตัวนายแบบ ดวงตาพริ้มหลับยามสายน้ำพุ่งเข้าหา ยิ่งสะกดตรึงสายตาคนมองนัก ร่างกายที่เป็นลูกครึ่งไทยฝรั่ง ทำให้ดูสูงใหญ่และแข็งแรง มีเสน่ห์จนกระทั่งผู้ช่วยหลายคนตรงนั้นที่ยังว่างงาน เผลอจ้องมองจนยากจะละสายตาได้

ภาพทั้งหมดยังอยู่ในสายตาของใครอีกคน ชายหนุ่มในชุดสุภาพ ที่ยืนมองอยู่นานแล้ว โดยแทบไม่ขยับเขยื่อนไปไหน ดวงตานิ่งสนิทนั้นมองมาและรอคอยจนกระทั่งงานนั้นได้เสร็จสิ้นลง โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

พอถ่ายเสร็จสั่งปิดกล้อง ผู้ช่วยด้านข้างจึงรีบส่งผ้าขนหนูให้ เพราะร่างแกร่งนั้นตัวเปียกปอนอยู่ ชายหนุ่มรับมันมาซับเรือนผม มือถอดเสื้อตัวเปียกออกโดยไม่ได้ใส่ใจว่าจะมีใครมองสักเท่าใด ก่อนใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมร่างไว้แล้วเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุด

ขณะหยิบชุดใหม่มาผลัดเปลี่ยนจนเรียบร้อย เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ชายหนุ่มที่กำลังแต่งตัวจึงขานรับ

“เข้ามาได้ครับ”

ประตูเปิดออก คนคุ้นตาเดินเข้ามา ชายหนุ่มจึงแต่งตัวต่อโดยไม่ได้พูดอันใด ผู้มาใหม่เป็นชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานตัวผอมสูง แต่งกายดีด้วยชุดทำงานราคาแพงสมกับเป็นนักออกแบบเสื้อผ้ามืออาชีพ คนผู้นี้คือประจักษ์ จันทร์ทรงกลด ซึ่งเป็นผู้ดูแลงานทั้งหมดนี้ รวมถึงเป็นเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่ชายหนุ่มใส่ถ่ายแบบอยู่ด้วย

“ค่าตัวของคุณวันนี้ครับคุณเจมส์ ขอบคุณมากนะครับ” ประจักษ์ส่งซองให้ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมันมาอย่างคุ้นเคย

อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงโค้งให้ด้วยท่าทางที่นอบน้อมเอาใจ

“ขอบคุณนะครับ ไว้วันหลังเราจะขอใช้บริการอีก”

“ได้เลยครับ ถ้านายแบบมีปัญหา ก็เรียกผมได้” เจมส์ยิ้มหวานพลางรับคำอย่างง่าย ๆ หากคล้ายมีบางอย่าง คอยกางกั้นตัวชายหนุ่มไว้ จนทำให้ทุกครั้งที่มาติดต่อ จะรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้านั้นยากจะตีสนิท แม้ว่าจะรู้จักกันมานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นประจักษ์ก็ยังพยายามต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้งก็ตามที

“คุณน่าจะทำงานนี้เป็นอาชีพนะครับ รูปร่างก็ออกจะดี หน้าตาก็ใช้ได้เลย ถ้าสนใจเข้ามาเป็นนายแบบให้เสื้อผ้าผมล่ะก็ ผมยินดีเชียวล่ะ” เขาหยอดลูกชมเหมือนทุกครั้ง และหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบรับคำชวนในสักวัน ให้มากกว่าการมา ‘แก้ขัด’ ยามนายแบบนางแบบของเขาไม่ว่าง

คนฟังยิ้มรับอย่างสุภาพเหมือนเช่นเคย ก่อนจะตอบว่า “ขอโทษนะครับ แต่ผมมีงานประจำที่สำคัญอยู่แล้ว ถ้าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวช่วยงานตอนคุณมีปัญหาล่ะก็ ผมจะยินดีมากกว่าครับ จะอย่างไรเมื่อก่อนคุณก็เคยช่วยเหลือผมมายามลำบาก”

“คุณเจมส์นี่น้า” คนฟังส่ายหน้าอย่างเอ็นดู แม้ว่าบุคลิกของอีกฝ่ายจะเข้าถึงยาก ทั้ง ๆ ที่เห็นยิ้มแย้มแจ่มใสดีเช่นนี้ แต่ประจักษ์เองก็รู้ ถึงน้ำใจของเจมส์ ที่ยอมมาช่วยงานเขา ทุกครั้งที่ขอร้อง ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้อีกครั้งจนได้

“เอาเถอะ งานประจำของคุณก็คงทำเงินได้ดีอยู่สินะ ผมไม่รบกวนแล้วกัน ถ้าทำงานพวกนายแบบ คุณอาจจะไม่มีเวลาส่วนตัว จะยังไง ผมก็ช่วยปิดบังชื่อจริงและที่อยู่ให้คุณอยู่แล้ว รับรองว่าคงไม่มีใครไปรบกวนคุณตามเงื่อนไขแน่ ๆ”

“ขอบคุณครับที่เข้าใจ” เจมส์ก้มศีรษะให้อย่างนุ่มนวล

หากท่าทางของประจักษ์กลับดูซีเรียสกว่าเดิม เมื่อพูดต่อไปอย่างนึกขึ้นได้

“จริงสิ เมื่อกี้มีคนติดต่อมาขอพบคุณ คุณพอมีเวลาอีกเล็กน้อยไหมครับ ท่าทางเขาจะร้อนใจมากอยู่”

“มีคนอยากพบผม?” นายแบบหนุ่มขมวดคิ้วสีน้ำตาลเข้มอย่างสงสัย ประจักษ์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะแอบกระซิบ “ถึงผมจะเก็บเรื่องของคุณเป็นความลับ แต่ไม่รู้ว่าเขาทราบข้อมูลของคุณมาจากไหน แถมยังบอกผมว่าเป็นตำรวจด้วย คุณมีปัญหาอะไรรึเปล่า จะให้ผมช่วยไหมครับ?”

เจมส์ส่ายหน้าน้อย ๆ ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คงไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้วผมจะไปพบเขาเอง” เขาตอบง่าย ๆ ประจักษ์เห็นดังนั้นจึงยิ้มให้ ก่อนจะขอตัวออกมา เพื่อให้อีกฝ่ายแต่งตัวต่อโดยไม่รบกวนอีก

   

ครึ่งชั่วโมงถัดมา ในห้องล็อบบี้ของโรงแรมที่ใช้เช่าเป็นสถานที่ถ่ายแบบชั่วคราวนั้น ร่างสูงของเจมส์ ที่ตอนนี้อยู่ในชุดทำงานรับกับรูปร่าง ดูดีราวนายแบบมืออาชีพ ก้าวยาว ๆ เข้ามาหาคนที่นั่งรออยู่

ดวงตาคมของเขามองมาอย่างแปลกใจ ร่างนั้นนั่งตรงแน่วอย่างเคร่งครัด รูปร่างผอมบางได้สัดส่วน มีกล้ามเนื้อพอประมาณไม่ขัดตา ใบหน้าจัดว่าหวานแม้เป็นชายด้วยดวงตาใสกระจ่างรับรูปหน้า หากคิ้วเข้มดูเคร่งเครียดนั้นกลบบรรยากาศเป็นมิตรไปอยู่หลายส่วน จากภายนอกอายุคงไม่ห่างกับเขามากนัก คงจะประมาณ 20 ต้น ๆ เพียงเท่านั้น

เจมส์พอจะดูคนเป็นอยู่บ้าง จากประสบการณ์พบปะผู้คนอันยาวนานของเขา คนผู้นี้ลักษณะบอกได้ชัดว่าเป็นคนตรงที่ติดจะรั้นเอาการ แต่จุดเด่นยังคงเป็นความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาที่น่าชื่นชม

หากตอนนี้จะอย่างไรก็เป็นคนแปลกหน้า และยังเป็นคนเข้ามาก่อนเสียด้วย แม้ในตอนนี้ จะเริ่มสนใจมากขึ้นแล้ว ชายหนุ่มจึงถามขึ้นเบา ๆ คล้ายพูดกับตัวเอง

“รู้ไหมว่าเขาเป็นใครน่ะ?”

เสียงตอบกลับมาเป็นเสียงเด็ก แม้ว่าบริเวณนั้น จะไม่มีเด็กอยู่เลย “เขายืนมองพ่อทำงานอยู่นานแล้วฮะ ท่าทางแปลก ๆ เสียด้วย บางทีก็ทำตาน่ากลัว ยังไงก็ระวังหน่อยนะฮะ”

เสียงนั้นเตือนอย่างหวังดี จากคำตอบบอกได้ชัด ว่าจับตามองคนที่พูดถึงมานานแล้วเช่นกัน

“อืม” คนฟังรับคำง่าย ๆ ก่อนยิ้มน้อย ๆ “แต่ก็ดูน่าสนใจไม่เลวนะ เห็นบอกว่าเป็นตำรวจด้วย ลองไปคุยก่อนแล้วกัน” พูดจบเขาก็เข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่นั่งรออยู่พอดี

“สวัสดีครับ คุณต้องการจะพบผม?” เขาเริ่มต้นก่อนด้วยความสุภาพ

ร่างสูงติดจะผอมเพรียวขยับลุกขึ้นแทบจะในทันที ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นหรือตกใจ ยามได้ใกล้ชิดอีกฝ่ายนัก ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเสน่ห์อันเหลือเฟือยามแต่งชุดสุดเท่เช่นนี้ มักจะดึงสมาธิคนที่พูดคุยด้วยจนบางครั้งถึงกับลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังจะพูดอะไร ดวงตาสีดำสนิทสบตาสีเทาอ่อนนั้นอย่างไม่รู้สึกอันใด ก่อนเปิดประเด็นขึ้นว่า

“ผมเป็นตำรวจ” ชายหนุ่มโชว์ตราตำรวจก่อนเข้าเรื่องด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม

“คุณเจมส์ ผมขอคุยเรื่องคดีบางอย่างหน่อยได้ไหมครับ”

คนมองมายักไหล่น้อย ๆ เขากับตำรวจใช่ว่าจะไม่ถูกกันมากมายนัก แต่จู่ ๆ มีตำรวจมาหา เป็นใครก็ไม่สามารถพูดคุยได้อย่างสนิทใจอยู่ แถมยิ่งเป็นคนที่ดูซีเรียสเสียจนอยากจะลองแหย่ดูเช่นนี้

“คดีอะไรกันครับ หวังว่าผมคงไม่ได้ถูกข้อหาว่าไปแอบฆาตกรรมใครเข้าล่ะ” ชายหนุ่มถามต่อไปพลางยิ้มหวาน

“ก็ไม่แน่หรอกนะครับ” ตำรวจหนุ่มพูดต่อไป ไม่ได้ใส่ใจออร่าเปี่ยมเสน่ห์ที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องนั้นเท่าไหร่ ทำให้อีกฝ่ายเริ่มสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะท่าทางที่ดูไว้ตัวจนน่าแกล้งนั่น ยิ่งไปกระตุ้นนิสัยที่ไม่ดีของเขาจนอดใจไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นตำรวจ อาชีพคู่ปรับที่เขาไม่เคยจะญาติดีด้วยได้เลยสักที

“เวลาเที่ยงคืนเมื่อวานนี้ คุณอยู่ที่ไหนครับ” แม้จะไม่ได้สวมเครื่องแบบ แต่ท่าทางที่ดูเคร่งครัดเอาการเอางานในหน้าที่อย่างเห็นได้ชัด ทำให้เจมส์ค่อนข้างแน่ใจ ว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจจริง ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้เขาอยากจะสนทนาด้วยแบบผู้คนปกติอยู่ดี เพราะนาน ๆ ทีจะเจอคนน่าสนใจแบบนี้สักคน

“เฮ้อ” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งด้านข้างหน้าตาเฉย ใกล้อย่างจงใจจนตำรวจหนุ่มต้องเป็นฝ่ายเขยิบหนีรักษาระยะห่างแทนที่

“ผมถามคุณอยู่นะครับ” เสียงเข้มดูซีเรียสกว่าเก่า น้ำเสียงที่ดูห่างเหินทำให้คนฟังแอบรู้สึกถูกชะตาจนอยากแกล้งมากขึ้นโดยอัตโนมัติ

ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้ม “ผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย คุณตำรวจ คุณรู้ชื่อผมฝ่ายเดียว ออกจะไม่ยุติธรรมเกินไปไหม”

“เมื่อกี้ผมก็โชว์ตราตำรวจแล้ว ในนั้นก็มี ชื่อ นามสกุล อยู่ คุณอ่านไม่ออกงั้นรึ” เสียงอีกฝ่ายตอบกลับอย่างไม่พอใจ ท่าทางที่ยั่วขึ้น ทำให้เจมส์เริ่มนึกสนุก ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มจาง ๆ เมื่อพูดต่อว่า

“ผมอ่านทันที่ไหน คุณโชว์แว้บ ๆ แล้วเก็บ ตราปลอมรึเปล่ายังไม่รู้เลย”

ดวงตาสีเข้มมีประกายวาบ “คุณหาว่าผมเป็นตำรวจปลอมงั้นรึ”

เจมส์เอนตัวลงกับโซฟารับแขกของทางโรงแรม ก่อนยกมือทั้งสองขึ้นช้า ๆ “ผมเปล่านะครับ อย่าทำท่าเหมือนจะชักปืนขึ้นขู่งั้นสิ คุณมานอกเครื่องแบบไม่ใช่หรือ”

ชายหนุ่มชะงัก สูดลมหายใจเข้าอย่างพยายามระงับอารมณ์ “ผมร้อยตำรวจเอกปวินต์ ธนารักษ์ มาขอสอบสวนแบบกึ่งทางการ หรือว่าคุณต้องการให้ผมไปเปลี่ยนชุดตำรวจก่อน ถึงจะยอมให้สอบสวนได้?”

“ชุดตำรวจคงเซ็กซี่ดี ถ้าคุณใส่นะครับ ผมชอบตรงมันตึงเปรี๊ยะนี่ล่ะ ทั้งอกทั้งสะโพกทั้งก้น น่าลูบมากเลย” เขาพูดหน้าตาเฉย

คนนั่งด้านข้างขนลุกซู่ รีบผุดลุกขึ้นทันที “ระวังโดนข้อหา ‘ลวนลามเจ้าพนักงาน’ เพิ่มนะครับ” เตือนแล้วก็เปลี่ยนไปนั่งที่โซฟาอีกด้านอย่างไว้ตัว

เจมส์มองมาพลางหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายยั่วขึ้น เป็นแบบที่เขาชอบจริง ๆ เสียด้วยสิ

“ผมกลัวแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ ถึงเวลางานชิ้นต่อไปของผมแล้วนี่สิ คุณจะไปสอบสวนผมต่อที่บ้านไหม”

“เลิกนอกเรื่องได้แล้วครับ กรุณานั่งดี ๆ แล้วจะได้ถามให้จบ ๆ ไป ไม่รบกวนการทำงานของคุณ” ตำรวจหนุ่มตัดบท

“คุณตำรวจดุจริงน้า ผมล่ะกลัวจัง” แม้จะพูดแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับตรงกันข้ามจนน่าหงุดหงิด

“เวลาเที่ยงคืนเมื่อวานนี้ คุณอยู่ที่ไหนครับ” คำถามย้ำเข้มกว่าเก่าอย่างเห็นได้ชัด จนเจมส์ลอบอมยิ้ม

“อยู่บ้านสิครับ แต่คงไม่มีพยานเป็นคนเป็น ๆ ถ้าเป็นผีได้ไหมครับ” คนตอบเล่นลิ้นอีก

“ผีเป็นพยานไม่ได้” ปวินต์ตอบเสียงชัดเจน ไม่รู้ทำไม ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขาเป็นคนควบคุมตัวเองได้ดี แต่กลับจะตบะแตกเพราะคนที่พึ่งเจอหน้าวันนี้เสียได้

“ที่สำคัญ ผมไม่เชื่อหรอก ว่าผีมีจริง” ชายหนุ่มย้ำต่อด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะคุณตำรวจ เฮ้อ เอาเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยคุณก็รู้เอง เอาเป็นว่าคืนนั้น ผมนอนอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีพยานที่มีชีวิตยืนยันก็แล้วกัน”

เจมส์เว้นระยะเล็กน้อย ดวงตาคมยังคงมองมายังคู่สนทนา “ว่าแต่ผมถูกสงสัยว่าไปฆ่าใครเข้าหรือไงครับ”

ปวินต์ไม่หลบตาที่ดูทรงอำนาจนั้น และนั่นทำให้เจมส์รู้สึกสนใจตำรวจผู้นี้มากขึ้นไปอีก

เสียงราบเรียบของตำรวจหนุ่มกล่าวต่อไป

“มีคนถูกฆ่าในโรงแรมย่านวิภาวดีแห่งหนึ่ง และพบตุ๊กตาตัวนี้…อยู่บนเตียงพร้อมกับศพด้วย” มือเรียวยาววางภาพ ๆ หนึ่งบนโต๊ะตัวเล็กเบื้องหน้า ภายในภาพนั้น เป็นตุ๊กตาเปื้อนเลือด อยู่ในมือขาวซีดเกร็งแน่น ตุ๊กตานั้นทำด้วยขี้ผึ้ง สลักลายลงยันต์ดูขลัง ส่วนอีกภาพ เป็นตุ๊กตาเดี่ยว ๆ ที่ถูกแกะออกมา ทำให้เห็นด้านหน้าของลำตัวตุ๊กตาที่เปื้อนเลือด ซึ่งมีรอยถูกทิ่มด้วยของแหลมจนพรุนไปหมด

คนมองส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นภาพนั้น แววตาคมเศร้าสลดลงพลางถอนหายใจยาว โดยไม่พูดอะไรอีก ปวินต์เห็นดังนั้นจึงมองอีกฝ่าย แล้วพูดต่อไป

“นอกจากลายนิ้วมือของผู้ตายแล้ว ตุ๊กตาตัวนี้ มีลายนิ้วมือของคุณอยู่ด้วย”

เจมส์เลิกคิ้ว ก่อนตอบว่า “ใช่…ของนั่นเป็นของผมเอง คงเป็นลูกค้าของผมสักคน ที่ผมให้ของไว้ หรือว่าคุณสงสัยผม เพราะเจ้าตุ๊กตานั่น ผมอาจจะมีประวัติอาชญากรรมนิดหน่อย แต่ไม่เคยฆ่าคนนะครับ”

“ผมก็ไม่ได้กล่าวหาว่าคุณฆ่าคน แม้ว่าจะเจอลายนิ้วมือคุณในแฟ้มประวัติ แต่คุณก็โดนจับ เพราะคดีหลอกต้มตุ๋นคนเป็นส่วนใหญ่”

เสียงระบายลมหายใจออกอย่างไม่พอใจนัก “เพราะงี้ไง ผมถึงไม่ชอบตำรวจเท่าไหร่ มาเจอหน้าก็ยัดข้อหากัน ผมไม่ได้หลอกลวงแท้ ๆ”

ว่าพลางผุดลุกขึ้น โดยไม่ใส่ใจอีกฝ่ายนัก “ผมต้องไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรก็แล้วไป สงสัยอะไร เชิญไปหาผมที่บ้านแล้วกัน ที่อยู่คุณคงรู้แล้วล่ะสิ” ประโยคหลังแอบดักคอไว้จนอีกฝ่ายอึ้งไปเป็นครู่

จนร่างสูงนั้นเดินออกไป ตำรวจหนุ่มจึงตั้งสติได้

“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อนสิ ผมยังถามไม่จบ” เขาพยายามจะเรียกไว้ แต่อีกฝ่ายกลับเดินออกไปแล้ว โดยไม่หันมามองอีก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 03-07-2011 22:42:32
บ้านไม้ทรงโบราณหลังน้อยนั้นอยู่ในตรอกลึกที่มีทางเข้าค่อนข้างคับแคบ ทางเดินที่ดูรกร้างบวกกับต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมจนครึ้มสร้างบรรยากาศเย็นเยือกแบบแปลก ๆ จนทำให้คนมาเยือนเริ่มรู้สึกไม่อยากเข้าไปนัก แต่ด้วยหน้าที่แล้ว จะอย่างไรเขาก็ต้องไป

ริมฝีปากบางขบกันเล็กน้อย แอบนึกขัดใจ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย ทำให้เรื่องมันยืดเยื้อ จนสุดท้ายเขาเอง ก็ต้องมาง้ออีกฝ่ายจนถึงบ้าน

แต่จะอย่างไร เขาก็ต้องเค้นความจริงให้ได้ เพื่อให้รูปคดีที่ทำอยู่ ไม่แปลกไปมากกว่านี้

คนหลายคนในโรงพัก ต่างลงความเห็นว่าผู้ตายนั้นโดนคุณไสย…เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นจริงได้อย่างไร ถึงอีกฝ่ายจะตั้งตัวเป็นพ่อมดหมอผี พ่อปู่บ้าบออะไรสักอย่าง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่โกหกหลอกลวงเสียหน่อย ต้องมีทริกอะไรสักอย่าง ที่ใช้ฆาตกรรมแน่ ๆ

ศพที่พบในโรงแรมนั้นนอนตายอยู่บนเตียงเพียงลำพัง ทั้งห้องก็ยังล็อคอยู่ ข้างศพบนเตียงนั้นมีรอยคราบเลือด สันนิษฐานว่าเพราะผู้ตายอาเจียนออกมา และในกองเลือดนั้น…กลับมีตะปูตัวเขื่องสนิมจับ มาปะปนอยู่หลายตัวอย่างน่าแปลกประหลาดนัก

และจากการชันสูตร ก็พบว่าในกระเพาะอาหารของผู้ตาย มีร่องรอยถูกของมีคมขูดขีดจากภายใน แม้จะไม่พบตะปูอีกก็ตาม

ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็นฆาตกรรม ต้องเป็นยาพิษแน่ ๆ เพราะมีข้อความที่ผู้ตายพยายามเขียนบอกไว้ก่อนตายวางอยู่ด้วย แต่เพราะห้องที่ปิดล็อค และจากคำให้การพยาน ที่ว่าผู้ตายอยู่เพียงลำพังมาตลอด และไม่มีใครเข้ามาหาเลย แต่กลับพบเป็นศพในวันรุ่งขึ้น เรื่องน่าเหลือเชื่อแบบนั้น เขาก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลักฐานที่น่าสนใจ ก็คือในมือของผู้ตายกำตุ๊กตาตัวนั้นไว้แนบแน่น

และข้อความที่เขียนไว้ก่อนตาย ที่คล้ายเป็นจดหมายขู่ ส่งถึงใครบางคน ว่าหากปองร้ายลูกเมีย ครอบครัวเขา จะส่งเฮโรอีนหนักถึง 20 กิโลกรัม ไปให้ตำรวจ พร้อมกับหลักฐาน!

ผู้ตายเป็นคนที่มักติดต่อกับพวกค้ายาเสพติด และสายวงในก็มีข่าวมาว่าคน ๆ นี้ กำลังพยายามจะเลิก แต่แน่นอน วงการพวกนี้ เข้าแล้วย่อมยากจะออกไปอย่างมีชีวิตได้

ไหนจะยังเฮโรอีนอีกตั้ง 20 กิโลกรัม ที่สูญหายไปพร้อมกับชีวิต ที่ตายจากไปนี้

ถึงเจมส์จะไม่ได้เป็นคนฆ่า แต่ไม่แน่นัก คน ๆ นี้อาจจะรู้เบาะแสเรื่องนี้ก็เป็นได้

และนั่นก็เป็นสาเหตุ ที่ทำให้เขาต้องบากหน้ามาหาจอมกวนประสาทนี่ในวันนี้…อีกครั้งจนได้!



และตอนนี้ก็เป็นการมาของเขารอบที่สองแล้ว หลังจากมารอบแรก แล้วพบว่าบ้านปิด การมารอบที่สอง กลับยิ่งน่าหนักใจกว่าเดิม เมื่อพบกับคนเฝ้าที่ดูจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ คอยรับหน้าแทนที่

“กรุณารอก่อนนะครับ พ่อปู่กำลังเตรียมการทำพิธีเข้าทรงอยู่” เสียงปรามเบา ๆ หากจริงจังจากร่างสูงทะมึนกำยำดูน่ากลัวของผู้ช่วยคนสนิท ทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขารู้ดีว่าไม่ได้มีหมายค้น และไม่มีอะไรจะมาบีบบังคับให้เจ้าบ้านยอมทำตามได้ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้แต่ตัดสินใจที่จะนั่งรอ

ชาวบ้านทยอยกันมาทีละคนสองคน เพียงไม่นานก็เต็มนอกชานบ้านหลังน้อย โต๊ะหมู่บูชาถูกยกออกมาวางด้านริมชายคาใกล้ตัวบ้าน พร้อมกับมีผ้าปูรองนั่งให้กับ ‘พ่อปู่’ ผู้กำลังทำพิธี ซึ่งจัดโซนนี้ยกพื้นสูงกว่าพื้นที่ด้านล่างนอกชานทั้งหมด

ปวินต์เองเลยเข้าไปนั่งดูอยู่ห่าง ๆ ตรงบริเวณที่ชาวบ้านมานั่งคอยขอพบพ่อปู่ตามบัตรคิวที่ถูกแจกให้ พิธีการที่ดูหลอกลวงนั้นดำเนินต่อไป ท่ามกลางการมองอย่างเหยียด ๆ เขาไม่เชื่อเรื่องผีสาง และไม่เชื่อยิ่งกว่า ว่ามีการสาปแช่งคนให้ถึงตายได้

มันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น

ภาพพ่อปู่ที่นั่งเข้าทรง ดูเหมือนพวกจัดฉากทำละครแนวหมอผีเกรดต่ำ ทำให้เขาได้แต่ถอนหายใจ

พวกทำนาบนหลังคน หลอกลวงชาวบ้านไปวัน ๆ สินะ

เขานึกอยากจะจับอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน แต่รู้ดีว่าถึงจับไป ก็ไม่ได้โดนข้อหาอะไรหนักนัก และที่สำคัญ จะทำให้เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจากเจมส์อีก

ดังนั้นเขาจึงได้แต่ดูต่อไป โดยไม่ก่อเรื่องจะดีที่สุด

ร่างสูงคุ้นตาของเจมส์ อยู่ในชุดสีขาวปลอด ลำคอห้อยประคำสีดำเส้นยาว ท่าทางที่ดูสำรวมกว่าที่เคย ทำให้ภาพลักษณ์ดูแปลกตาออกไป ทั้งยังดูเคร่งขรึมทรงอำนาจอยู่ในที ร่างที่โดดเด่นกว่าชาวบ้านที่แวดล้อม เป็นจุดสนใจได้โดยง่าย โดยเฉพาะลักษณะลูกครึ่งอันหล่อเหลา ที่กลับเสริมให้ดูขลังกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ

“เจ้า…ถูกคนทำคุณไสยอยู่ตอนนี้” นิ้วยาวชี้มายังลูกค้าเบื้องหน้า นัยน์ตาสีเทาดูมีอำนาจ จ้องมองมาจนอีกฝายสะดุ้งเฮือก

“จะ…จริงหรือคะพ่อปู่” เสียงสั่นสะท้านของหญิงสาววัยกลางคนถามขึ้น เธอคนนั้นแต่งตัวราวตู้เพชรเคลื่อนที่ แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มพิกัด แม้ว่าวัยจะค่อนไปเกินกลางคนแล้ว แต่ใบหน้ากลับดูเด็กจากการไปทำเบบี้เฟสแบบยกเครื่องทั้งหน้าอย่างเห็นได้ชัด

“จริงหรือไม่จริงก็ลองดูสิ เอาไข่นี่ไปถือไว้ กำไว้ให้แน่น ๆ ล่ะ” เขาส่งไข่ใบหนึ่งให้ มือของเธอจึงยื่นไปรับ อย่างสั่นเล็กน้อยตามคำสั่ง ดวงตาคมเห็นดังนั้นจึงค่อยพริ้มหลับลง แล้วบริกรรมคาถาด้วยภาษาแปลก ๆ ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแฝงกลิ่นอายเย็นเยียบอันลึกลับ จนกระทั่งคนฟังยังรู้สึกหนาวเหน็บไปด้วย

“เอ้า ลองตอกดูสิ” เขาสั่งหลังสวดจบ คนสนิทขยับวางชามใบหนึ่งลงเบื้องหน้า หญิงผู้นั้นลังเลนิดหน่อย ก่อนตัดสินใจทำตาม

พอไข่ถูกตอกให้แตกออก ภายในกลับเป็นน้ำสีแดงข้น และตะปูที่ขึ้นสนิม!

เสียงกรีดร้องอย่างตกใจ ทำให้คนมองแทบสะดุ้ง มือแข็งแรงยึดไหล่บางที่สั่นสะท้านไว้ พลางบอกว่า “ไม่ต้องตกใจ ข้าจะช่วยเอง”

“ค่ะ…พ่อปู่ ช่วยด้วยนะคะ” เธออ้อนวอนทั้งน้ำตา

“เอ้า..เอาน้ำมนต์นี้ไป ใช้กินและอาบ สามวันก็จะดีขึ้น”

“อย่าลืมค่าบูชาครูด้วยครับ” คนสนิทยื่นพานมาให้ เธอชะงักก่อนพยักหน้ารับ แล้วหยิบเงินฟ่อนใหญ่วางลงไป ก่อนจะรับขวดน้ำมนต์ที่ว่า แล้วขอตัวจากมา

“หลอกลวงชัด ๆ” เสียงพึมพำแผ่วเบาอย่างไม่พอใจนัก ดังมาจากด้านหลัง แม้จะเบา แต่พ่อปู่ก็ได้ยินชัด ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนทำเป็นไม่สนใจ แล้วรับแขกคนต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นานเป็นชั่วโมง กว่าแขกจะทยอยกลับไปจนหมด ร่างสูงจึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นแบบสบาย ๆ แล้วเดินมาหาชายหนุ่มผู้นั่งรออยู่อย่างอดทนนั้น

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ มาหาผมถึงบ้านเนี่ย คิดถึงผมงั้นเหรอ คุณตำรวจ”

เสียงที่ถามติดจะหยอกกลาย ๆ เล่นเอาอีกฝ่ายแทบของขึ้น

“ใครจะไปคิดถึงคุณกัน ผมมาเรื่องคดีต่างหาก” ปวินต์ตอบกลับแทบจะในทันที

เจ้าบ้านถอนหายใจ ก่อนหันไปสั่งคนสนิทให้เก็บของ แล้วสั่งให้กลับบ้านไป ส่วนตัวเองนั้นเดินนำทางแขกของเขาไปยังห้องรับแขกในตัวบ้าน

ปวินต์มองแผ่นหลังของอีกฝ่าย ยามเดินตามไปอย่างครุ่นคิด วันก่อนคนผู้นี้ อยู่ในชุดแบรนด์ดัง ก็ดูหล่อเหลามาดดีราวนายแบบ ตอนเย็นวันนี้ที่อยู่ในชุดขาวราวนักพรตก็คล้ายจะดูขลังน่าเชื่อถือ หลอกผู้คนได้ง่ายดาย สมกับที่ตั้งตัวเป็นพ่อปู่ผู้เรืองอาคมหาตัวจับยาก แต่พออยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ เหมือนในตอนนี้ กลับให้อิมเมจที่แตกต่างออกไปอีก ท่าทางของเขาดูเป็นกันเองและง่าย ๆ กว่าสองแบบแรกราวฟ้ากับดิน

“เอ้า ว่ามาสิครับ กลางคืนผมมีธุระอีก ไม่ว่างคุยนาน” เจมส์พูดขึ้นลอย ๆ

“ธุระอะไรจะเยอะนัก นอกจากเป็นนายแบบชั่วคราว รับจ้างอิสระ หมอผี แล้วคุณยังทำอะไรอีก เฝ้ายามกะดึกงั้นเรอะ” ปวินต์ถามอย่างสงสัย เขามาตั้งแต่กลางวันแล้ว และได้คำตอบจากเพื่อนบ้านว่าอีกฝ่าย ไปซ่อมท่อประปาให้คนในหมู่บ้านใกล้ ๆ พอรอจนกลับมา ก็เห็นเจมส์อยู่ในชุดหมีเก่านิด ๆ แต่ก็ยังดูมาดดีเหมือนช่างผู้ชำนาญการได้เหมือนกัน

คนเราเปลี่ยนแปลงตามเสื้อผ้าได้ขนาดนี้เชียวหรือนี่ ขนาดตำรวจหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจ

“อ้าวคุณตำรวจ ผมก็ต้องกินต้องอยู่นะครับ แล้วนี่มันก็อาชีพสุจริต ไม่ได้ไปปล้นชิงใครเขา ผมทำได้หลายอย่าง นั่นมันก็พรสวรรค์ดีไม่ใช่หรือไง”

“ไม่นึกว่านายแบบรับจ้างอย่างคุณ จะไปเป็นช่างซ่อมประปาด้วย”

คนฟังอมยิ้ม “อะไรที่ได้เงิน ผมก็ทำทั้งนั้นแหละ ส่วนอาชีพหลักของผม ก็เป็นพ่อปู่นี่ไงล่ะ”

“งานเยอะแยะไม่ทำ แต่กลับทำอาชีพที่มันหลอกลวงประชาชน” เสียงอีกฝ่ายขัดขึ้นอย่างรังเกียจ

“ในเมื่อประชาชนล้วนเชื่อผม มากกว่าเชื่อคุณตำรวจด้วยซ้ำ ผมผิดตรงไหน ที่จะช่วยให้พวกเขาสบายใจน่ะ”

“แต่คุณก็หลอกเงินเขามา” ตำรวจหนุ่มแย้ง

“เขายินดีจ่ายเองนี่” เจมส์ตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “แต่ผมว่า คุณคงไม่ได้มาเพื่อชวนผมทะเลาะหรอกใช่ไหมครับ เข้าเรื่องดีกว่ามั้ง”

ปวินต์ชะงัก เขาเผลอไปอีกแล้ว ไม่รู้ทำไม พอเจอหน้าอีกฝ่ายทีไร ต้องเผลอชวนทะเลาะด้วยทุกที มันไม่ใช่เรื่องในหน้าที่ของเขาเสียหน่อย คงเพราะภาพลักษณ์ที่แปรเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาของอีกฝ่าย ทำให้เขารู้สึกไม่เชื่อใจนัก ดีไม่ดี นอกจากบรรดาอาชีพทั้งหมดที่เห็นนั่น เจมส์คนนี้อาจทำงานค้ายาด้วยก็เป็นได้ และนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องสืบให้รู้แน่ชัด

ร่างสูงเพรียวทรุดตัวลงนั่งที่โซฟารับแขก ซึ่งจัดไว้อย่างกะทัดรัดในมุมหนึ่งของตัวบ้าน ก่อนจะเริ่มต้นซักถามโดยหน้าที่ตำรวจทันที

“โอเค ผมขอถามต่อจากเมื่อวานแล้วกัน”

“ยังไม่จบอีกหรอกรึ หรือคุณหาไม่เจอ ว่าผู้ตายเป็นใคร”

“พวกเราทราบดีอยู่แล้ว” ปวินต์ขัดขึ้น อย่างไม่พอใจนัก

“ทราบดีก็ดีแล้วนี่ครับ ทำไมต้องมาถามผมอีก ใช่ ผมเป็นคนปลุกเสกตุ๊กตารับเคราะห์นั่น แต่ผมไม่ได้ฆ่าเขา คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอ หลักฐานแค่นี้คิดจะมาจับผม มันไม่เกินไปหน่อยเหรอคุณตำรวจ” ชายหนุ่มเริ่มเหน็บแนม

“ผมยังไม่ได้บอกว่าจะจับคุณเลยนะครับ คุณเจมส์” ปวินต์ค้านขึ้น

มือแข็งแรงหยิบแก้วน้ำของตนยกขึ้นดื่ม มันเป็นน้ำที่คนสนิทเสิร์ฟไว้ให้ก่อนจะออกไปตอนหัวค่ำ บ้านในตอนนี้จึงมีแค่เขา กับตำรวจหนุ่ม สองคนเท่านั้น เขาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะระบายลมหายใจยาวออกมา

“เฮ้อ…ถ้างั้นคุณอยากรู้อะไรอีก อ้อ แต่วิธีการปลุกเสกตุ๊กตานั่น เป็นความลับนะครับ โดยจรรยาบรรณของหมอผี เราจะไม่เปิดเผยเคล็ดลับวิธีการปลุกเสกให้คนนอกรู้หรอก” เขาว่ายิ้ม ๆ

“ใครจะไปอยากรู้เรื่องพรรค์นั้นกัน เลิกโยกโย้ได้แล้ว ผมอยากทราบว่า คุณรู้จักกับคุณชิดชัย ผู้ตาย ได้ยังไง”

ชายหนุ่มหาวหวอด ก่อนตอบง่าย ๆ “ก็แค่ลูกค้าคนหนึ่งของผม จำเป็นต้องจำด้วยเหรอครับ ว่าเป็นใครมาจากไหน ลูกค้าของผมส่วนใหญ่ มาขอให้ปลุกเสกของให้ แล้วก็ไป ขนาดประวัติผมยังไม่จดไว้ด้วยซ้ำ ถ้าเขาพอใจแล้วบอกต่อ คนอื่นก็ทยอยมากันเอง อาชีพอย่างผมน่ะ ไม่ต้องทำประวัติสมาชิก หรือโฆษณาชวนเชื่อให้มากความหรอก”

ดวงตาคมของตำรวจหนุ่มยังคงมองมาแกมคาดคั้น “แต่ผมรู้สึกว่า คุณรู้มากกว่านั้น แต่ไม่ยอมบอกผม”

ร่างสูงที่เอนกายพิงพนักโซฟาผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรง ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ด้วยท่าทีเหมือนจะคุกคามหน่อย ๆ “คุณคิดว่าผมรู้อะไรงั้นหรือครับ คุณตำรวจ”

ปวินต์ชะงัก เผลอเขยิบถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ว่า…ผมจะต้องสืบรู้ให้ได้ ว่าคุณเกี่ยวข้องกับเขายังไง”

“งั้นหรือครับ เชิญตามสบายแล้วกัน วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน” คำพูดประโยคหลังเริ่มเป็นการไล่ ก่อนชายหนุ่มจะยิ้มหวาน เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วจนคนมองแทบตั้งตัวไม่ติด

“อ้อ แต่ถ้าคุณตำรวจอยากดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันสองต่อสองกับผม ก็ยินดีนะครับ”

ดวงตาที่คล้ายอยากจะกลืนกินทำให้อีกฝ่ายชักร้อน ๆ หนาว ๆ โดยไม่รู้ตัว ผู้กองหนุ่มผุดลุกขึ้นจากชุดรับแขกอย่างรวดเร็ว

“งั้นไว้วันหลังผมจะมาถามคุณใหม่ วันนี้ขอตัวก่อนแล้วกัน”

“เชิญครับ ผมไม่ส่งนะ” เขาพูดง่าย ๆ

คนฟังแอบค้อนด้วยความขัดใจ แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจลากลับ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ลับร่างของผู้กองหนุ่ม เจมส์ที่นั่งอยู่ก็หัวเราะออกมา “คุณนี่น่าสนใจไม่เลวนะ คุณตำรวจ แต่อย่าหวังเลย ว่าจะได้อะไรจากผมง่าย ๆ จริงไหม เจ้าจุก”

“ผมเปลี่ยนชื่อเป็นเคน ธีระเดชแล้วนะพ่อ” เสียงใสของเด็กน้อยแย้งขึ้นใกล้ ๆ แทบจะในทันที แม้ว่าข้างตัวของเจมส์นั้นจะเป็นเพียงเก้าอี้ที่ว่างเปล่า

“งั้นเรอะ ชักจะติดละครมากไปแล้วนะนั่น”

“น่าพ่อ คนมันหล่อเหมือน ๆ กัน จะชื่อซ้ำกันบ้างไม่เห็นจะเป็นไร” เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับทันที อย่างมั่นอกมั่นใจเสียเต็มเปี่ยมจนคนฟังเริ่มหมั่นไส้

“เออ ๆ เคนก็เคน ช่วงนี้คงไม่ปลอดภัยนัก ฝากดูแลรอบ ๆ บ้านให้ดี ๆ ด้วยล่ะ แล้วอย่าไปกวนใจท่านเจ้าที่ให้มากนักด้วย ถ้าท่านรำคาญแล้วเราจะลำบาก”

“ผมไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ เสียหน่อย ถึงตัวจะเด็ก แต่ก็อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้วนา พ่อนั่นแหละ เด็กกว่าผมเสียอีก”

“ได้ทีล่ะใส่ใหญ่เชียวนะพ่อเคน ธีระเดช ทำหน้าที่ให้สมกับอยู่มานานด้วยแล้วกัน”   

“ถ้าพ่อซื้อของเล่นให้ใหม่ รับรองจะทำงานดีกว่านี้สิบเท่าเลย” ร่างเล็กว่าต่อไป แล้วหันมายิ้มหวาน เขาปรากฏตัวขึ้นจาง ๆ บนเก้าอี้ด้านข้าง ซึ่งมีแต่เจมส์เท่านั้นที่มองเห็น ร่างนั้นเป็นเด็กน้อยน่ารัก ใบหน้ากลมมน และมีดวงตาโตสดใสน่าเอ็นดูโดยเฉพาะยามแย้มยิ้ม วัยจากที่เห็นคงไม่เกินสิบขวบเท่านั้น อยู่ในชุดเกล้าจุกเหมือนเด็กไทยสมัยโบราณเสียด้วย แม้ว่าคำพูดคำจาจะออกเป็นสมัยใหม่เสียจนเกินหน้าตาอยู่มาก

เพราะอยู่มานานหลายยุคหลายสมัย เลยทำให้เป็นผีกุมารทองที่ปรับตัวได้ดีอยู่ และนั่นทำให้เจมส์ ชอบเด็กคนนี้มากกว่าผีทุกตนที่เคยคบหาด้วย

“พวกที่อยากจะได้แต่ของเล่น มันก็เด็กนั่นแหละ ทำเป็นพูดดีไป”

“ฮึ เด็กก็ได้ อย่าลืมซื้อให้แล้วกัน” เด็กน้อยย้ำอีก ก่อนจะหายตัวไปเสียอย่างนั้น

ชายหนุ่มได้แต่มองเก้าอี้ที่ว่างเปล่านั้น พลางส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างระอา สงสัยเขาคงต้องซื้อของเล่นชุดใหญ่ให้เจ้าจุก…ไม่สิ เจ้าเคน อีกแล้วสินะ เพราะจากลางสังหรณ์ ศัตรูที่น่ากลัวกำลังจะเข้ามาแน่ ๆ ความรู้สึกแนวนี้ของเขาไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง

    เจมส์ถอนหายใจอีกครั้ง พลางมองไปที่นอกหน้าต่าง แสงจันทร์กำลังสาดส่อง เวลานี้เป็นยามดี สำหรับการทำพิธีเสียด้วย และที่แน่ ๆ พิธีเหล่านั้น ล้วนแต่เป็นคุณไสยมนต์ดำอันน่ารังเกียจ

แสงจันทร์สาดส่อง คล้ายแหล่งเสริมพลังชั้นดีให้กับพวกแก่อาคมยิ่งนัก เขาไม่รู้ ว่าทำไมคนพวกนั้น ถึงได้เลือกเดินทางเช่นนี้ แต่อย่างน้อย เขาคนหนึ่งที่จะไม่หลงผิด

คำเตือนจากบิดาผู้ล่วงลับ ยังคงจำได้ดี…ไสยมืด ไม่เคยทำให้ใครได้ดี

แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แต่ก็เป็นพ่อของเขา เป็นคนที่เขาทั้งรักทั้งเชื่อฟัง และเคารพนับถือตลอดมา

ถึงเขาจะไม่ใช่หมอผีที่เคร่งนัก แถมยังชอบหลอกชาวบ้านบ้างในบางครั้ง แต่การที่เขาเห็นภูตผีปีศาจได้ และสามารถใช้อาคมได้ ยังเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่คิดจะใช้มัน เพื่อผลประโยชน์ของใคร นอกจากใช้เพื่อความพอใจ และสบายใจของเขาเท่านั้น


จบตอน

(TBC)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: aiwjun ที่ 03-07-2011 23:15:35
อ้าย ย ยย ...ออกแนวน่ากลัวอ่ะ  แต่ก็น่าติดตามเป็นอย่างยิ่งเช่นกันค่ะ ...^____^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 03-07-2011 23:39:59
น่าติดตามแต่แอบกลัวนะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 04-07-2011 00:55:31
น่าติดตามมากค่ะ แต่อ่านตอนนี้แอบขนลุกเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2011 02:21:37
 :mc4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: catwander ที่ 04-07-2011 04:14:10
หนูกลัวปี๋
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 04-07-2011 08:10:20
ตอนแรกนึกว่าจะสืบคดีธรรมดาๆ ที่ไหนได้ มีคนเล่นของด้วยวุ้ย o22
ติดตามตอนต่อไปค่า :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: a_tapha ที่ 04-07-2011 08:43:43
 :a5: ออกแนวลึกลับ น่ากลัว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Vidh ที่ 04-07-2011 10:09:51
น่าสนใจ o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 04-07-2011 12:37:31
สุดยอดดดด พี่ท่านเยี่ยมไปเลยย เสน่ห์แพรวพราวมาก พรสวรรค์เยอะจริงเชียว
ไม่รอดแน่... นายเอกเรา ห้าๆๆ มีหวังโดนปั่นจนหัวหมุนแน่
สนุกจังเลยยยยยยย ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-07-2011 16:53:34

ชื่อเรื่องน่าสนใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 04-07-2011 21:20:15
มาติดตามเรื่องใหม่จ๋า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 04-07-2011 22:24:37
เปิดเรื่องมาน่าสนใจดีค่ะ แนวนี้มะค่อยมี อิๆ

บุคลิกพระเอกและนายเอกน่าสนใจดีจ้า รอตอนต่อไปค่ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 05-07-2011 16:52:30
อ่านแล้วน่าติดตามดี
แล้วนายเอกจะโดนทำของใส่ป่าวเนี่ย :z1:
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 05-07-2011 18:29:02
เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจนะ เพราะมีเรื่องมนต์ดำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ทำไมดิฉันกลับรู้สึกว่าคุณหมอผี เหมาะจะเป็นตำรวจฝ่ายสืบสวน
มากกว่าคุณนายร้อยท่านนั้นนะ เพราะดูสุขุมเยือกเย็นกว่าน่ะ
รึว่าคุณหมอผี ส่งคลื่นอะไรออกไปกวน"จิต"คุณตำรวจให้หวั่นไหว จนนิ่งอยู่ไม่ได้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-07-2011 22:38:40
สืบเสน่หา

ตอนที่ 2


จันทร์กระจ่างในคืนเดือนเพ็ญนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหาได้ยากยิ่งในแต่ละเดือน ท้องฟ้าที่ไร้เมฆหมอกบดบัง ยิ่งขับเน้นแสงขาวนวลตาให้สว่างโดดเด่น กระทั่งแมลงเกาะยอดไม้ ก็ยังสามารถเห็นได้ชัดราวกลางวันด้วยซ้ำ แสงจันทร์ที่ซึมซับพลังงานได้เต็มเปี่ยม ย่อมเป็นคืนที่เหมาะสมกับการก่อการต่าง ๆ ได้ดีเป็นพิเศษ ดังเช่นที่เจมส์สันนิษฐานไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

ป่าช้ายามกลางคืนอันเงียบสงบในวันนี้ จึงหาได้สงบเหมือนวันอื่นไม่ เมื่อมีร่างผอมสูงวัยกลางคนของใครบางคน เข้าไปรบกวนความสงบของผู้วายชนม์ในค่ำคืนนี้ คนผู้นั้นอยู่ในชุดม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม สะพายย่ามสีขาวถักทอจากผ้าดิบ ท่าทางดูเคร่งครัดสมถะรัดกุม เสียงฝีเท้าหนักแน่นย่างก้าวทีละก้าวอย่างมั่นคงนัก ไม่ใส่ใจการรบกวนที่ไร้ซึ่งเสียงและภาพลักษณ์ที่ไม่อาจมองได้ด้วยตาเนื้อ แต่สามารถสัมผัสได้ด้วยญาณพิเศษ ที่มารบกวนตลอดสองข้างทางนั้นราวกับยึดถืออีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ

พวกผีชั้นต่ำที่มาปรากฏเพียงเรียกร้องขอส่วนบุญ จะอย่างไรก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจนักสำหรับเขาอยู่แล้ว ดวงตาคมดุดุจเหยี่ยวมองไปเบื้องหน้า แสงจันทร์คล้ายช่วยส่องนำทาง จนไม่ต้องพึ่งพาไฟสังเคราะห์ใด ๆ อีก

ร่างนั้นมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเจดีย์ขนาดย่อม ซึ่งมีการฝังเถ้ากระดูกไว้ภายใน ก่อนปูผ้าลงกับพื้น แล้วเริ่มนั่งลงล้วงข้าวของจากในย่ามออกมาวางทีละอย่างสองอย่าง เริ่มต้นจากกระถางธูปเก่าแก่ และธูปเทียนบูชา มือมั่นคงเริ่มจุดไฟติดธูปเทียนแล้วปักไว้ในกระถางใบเล็กนั้น แล้วพริ้มตาลงสวดมนต์เนิบช้า รวบรวมสติและสมาธิให้เป็นหนึ่งเดียว

เสียงสวดมนต์แผ่วเบาดำเนินไปนานนับชั่วโมง ก่อนจะล้วงเอาค้อนอันเล็กออกมา แล้วลงมือทุบช่องใส่กระดูกที่ปิดผนึกด้านหน้าไว้ด้วยปูนบาง ๆ ให้แตกออก การเคาะเพียงไม่กี่ครั้ง ทำให้ปูนที่พึ่งฉาบไว้ไม่นานกะเทาะออกไปได้ไม่ยากนัก จากการสืบเสาะเจ้าของเถ้ากระดูกนี้ เป็นผีตายโหงที่ชาวบ้านละแวกนี้ต่างว่ากันว่าเฮี้ยนมากเสียด้วย และนั่นแหละ คือสิ่งที่เขาต้องการ

นิ้วมั่นคงหยิบก้อนหินกลมขนาดเล็กขึ้นมาหมุนคลึง พลางบริกรรมคาถาอย่างตั้งใจ แล้วค่อย ๆ วางไว้ที่เบื้องหน้าช่องทางนั้นอยู่สองก้อน คล้ายตำแหน่งสะกดตรึงไม่ให้เจ้าของสถานที่ต่อต้านได้

สายลมเย็นพัดวูบกราดเกรี้ยวจนใบไม้ไหวเอน หากยังไม่สามารถทำอันใดร่างที่นั่งปักหลักตรงนั้นได้ เพียงเป่ามนต์รวดเดียวก็บังเกิดเสียงกรีดร้องแหวกอากาศดังโหยหวน หากร้องเพียงวูบเดียวก็เงียบไป แสงจันทร์สาดส่องต้องก้อนหิน สะท้อนแสงเรืองเติมพลังจนเต็มเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง อำนาจลี้ลับอ่อนแรง ล้วนไม่กล้าตอแยด้วยอีกอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าแกร่งยิ้มเย็นอย่างพึงใจ แล้วค่อยล้วงมือเข้าไปในช่องนั้น ภายในเป็นถุงผ้าสลักลวดลายคล้ายยันต์ถุงใหญ่ มือนั้นแก้ปมทีละน้อย ยังคงท่องมนต์เข้าข่มไปด้วยพร้อมกันเพื่อกันการต่อต้านที่อาจเกิดขึ้นได้ ปมหลุดออกในที่สุด เผยให้เห็นผงเถ้ากระดูกสีเทาและเศษซากกระดูกบางส่วน ที่ไม่ได้ถูกเผาจนเป็นเถ้าไป

มือนั้นหยิบแก่นกระดูกชิ้นหนึ่งออกมาวางไว้บนผ้าขาวที่ปูรองรอไว้ ก่อนจะผูกปมแล้วจัดการใส่ถุงนั้นกลับเข้าไปในช่องอีกครั้ง ปิดช่องว่างนั้นซ้ำด้วยผ้ายันต์ปักหมุดตะปูตอกตรึงทุกด้าน ไม่ให้สิ่งใดในนั้นออกมาแผลงฤทธิ์ได้อีก

มีดหมออาคมวาววับกรีดลงบนท่อนแขน ปล่อยให้หยาดโลหิตสีสด หยดลงบนแก่นกระดูกชิ้นสำคัญในผืนผ้า สีแดงนั้นแทรกซึมลงไปในท่อนกระดูกอย่างช้า ๆ ท่ามกลางการร่ายอาคมตอกย้ำ

“เจ้านายของเจ้าคือข้า…จงเชื่อฟังคำสั่งข้าแต่เพียงผู้เดียว” เสียงหนักแน่นประกาศก้อง กลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากแก่นกระดูกเปื้อนเลือด ก่อเป็นรูปร่างอยู่เบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า

ร่างโปร่งใสนั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เป็นชายร่างใหญ่ ที่ศีรษะซีกหนึ่งสูญหายไป มันสมองสด ๆ ยังคงล้นทะลัก ดวงตาที่ไร้แวว จ้องมองกลับมาอย่างนอบน้อม ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟัง

ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้มจาง ๆ เขารู้ดีว่าทำสำเร็จแล้ว เจ้าของกระดูกที่ตายโหงเช่นนี้ มักจะมีวิญญาณที่กล้าแข็ง เหมาะแก่การนำมาใช้งานเป็นวิญญาณรับใช้ 

“ดีมาก ตั้งแต่นี้ไป จงติดตามข้างกายข้า” เขาออกคำสั่ง ร่างนั้นผงกศีรษะรับ ก่อนสลายจางหายไป

ชายผู้นั้นผุดลุกขึ้น งานวันนี้ของเขาสำเร็จลงด้วยดี มือมั่นคงเก็บของ แล้วหันกายเดินออกมาจากป่าช้า โดยรู้สึกได้แน่ชัดว่า วิญญาณดวงนั้นยังคงตามเขามา สิงสถิตอยู่ในแก่นกระดูกนั้น และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง เมื่อเขาต้องการได้ตลอดเวลา

ยามนี้ไม่ธรรมดาแล้ว เขาต้องการแขนขาที่สามารถรับใช้อย่างซื่อสัตย์และว่องไวเพียงพอ

เจ้าหมอผีชั้นต่ำนั่น มันท้าทายเขา ด้วยการแทรกแซงตอนกำลังทำคุณไสย

ถึงมันจะช่วยไว้ได้ไม่สำเร็จ เขาสามารถสังหารเป้าหมายลงได้ แต่มันก็ทำให้เขา…ไม่พอใจนัก

อีกไม่นานแล้ว ถ้านายจ้างค้นหามันเจอ ทีนี้ล่ะ ศึกใหญ่ที่จะต้องปะทะกัน คงยากหลีกเลี่ยง

และเมื่อถึงตอนนั้น…เขาจะต้องพร้อมรบ…กว่าที่เป็นอยู่!



“ยังหาไม่เจออีกเรอะ” เสียงตวาดอย่างขัดใจของเจ้านาย เล่นเอาลูกน้องคนสนิทที่ยืนรออยู่สองสามคนแทบหัวหด

“พวกเราค้นหมดแล้วนะครับ ทั้งที่บ้านของเจ้านั่น ที่ทำงาน และทุกที่ที่น่าจะสามารถเก็บซ่อนได้ แต่ก็หาไม่เจอเลย”

“มันซ่อนไว้ไหนกันนะ ผงขาวเยอะขนาดนั้น ไม่ใช่ของเล็ก ๆ เลย” ชวรัตน์ กุลเกียรติ เจ้านายวัยกลางคนร่างท้วมที่ยังกระฉับกระเฉง ยังคงเดินงุ่นง่านอย่างขัดใจอยู่ภายในบ้านพักสุดหรู เขาพยายามมามากแล้ว ในการค้นหาของสำคัญที่หายไป เฮโรอีนล็อตใหญ่ ที่ถูกเจ้าบ้านั่นขโมยไป แล้วซุกซ่อนไว้

ชวรัตน์เป็นนักการเมืองที่กำลังจะมีอำนาจถ้าชนะการเลือกตั้งในครั้งที่จะถึงนี้ แต่เบื้องหลังของเขา กลับมือไม่สะอาดนัก เขาคบค้าพวกค้ายาและเป็นสายหลักแอบกระจายยาที่ได้มาอย่างแนบเนียน โดยไม่มีใครล่วงรู้ ด้วยอำนาจเงินตราและเส้นสาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาถนัด

ชิดชัยเป็นอดีตเลขาคนสนิทของเขา ที่รู้เรื่องของเขามากกว่าใคร แต่พอเมียเจ้านั่น ท้องลูกคนแรกและคลอดออกมา เจ้านั่นกลับคิดกลับตัวกลับใจเสียนี่ คนในโลกมืด ลองเหยียบเข้ามาสักครั้ง ย่อมยากจะถอนตัว ไหนจะเพราะชิดชัยอยู่กับเขามานาน จนรู้เรื่องมากเกินไปแล้ว

เขาจึงตัดสินใจจะฆ่าปิดปากซะ แต่ชิดชัยก็รู้ทันจึงขโมยเฮโรอีนของเขาหลบหนีไป และคิดใช้มันเป็นหลักประกันของชีวิต ถึงจะหลบหนีไปได้ แต่สิ่งที่เหลือไว้ ยังคงมากพอจะทำคุณไสย ศาสตร์ฆ่าคนอันใหม่ ที่เขาค้นพบว่ามันสะดวกง่ายดาย ไร้ซึ่งหลักฐานมากกว่าศาสตร์ใดทั้งนั้น

การฆ่าโดยไม่ต้องลงมือเอง เพียงมีเงิน…และคนที่ใช้การได้เท่านั้น

แต่แม้ชิดชัยจะถูกทำคุณไสยจนตายไปแล้ว เขากลับหาเฮโรอีนพวกนั้นไม่เจอ ขนาดค้นบ้าน ค้นทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ก็ยังไม่พบ



ดวงตาแกร่งกร้านโลกเริ่มเกรี้ยวกราดหนักกว่าเก่า “แล้วเจอแค่จดหมายเตือนนั่นงั้นเหรอ”

“ครับ พวกเราเลยไม่กล้าทำอะไร จดหมายก่อนตายของชิดชัย เขียนไว้ชัดเจนเหมือนเตือนพวกเราว่าถ้าฆ่าหรือทำร้ายลูกเมียเขา หลักฐานทั้งหมดและเฮโรอีนที่เก็บซ่อนไว้ จะถูกส่งไปกรมตำรวจในทันที”

และเพราะจดหมายนี้ ชิดชัยเขียนไว้ลวก ๆ ก่อนตาย มันเลยทำให้ตำรวจซึ่งไปถึงที่เกิดเหตุก่อน ล่วงรู้ถึงข้อความขู่นี้ด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชัด ว่าชิดชัยต้องการข่มขู่ใคร แต่มีหรือ ตำรวจจะไม่รู้ ตอนนี้ขาดเพียงหลักฐานและเฮโรอีนของกลางนี่เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาคงเข้าซังเตไปเรียบร้อยแล้ว

“บ้าที่สุด! มีแต่คนไม่ได้เรื่อง” ชวรัตน์ตวาดใส่อย่างหงุดหงิดกว่าเก่า เขาไม่กล้าเสี่ยงกับสิ่งนี้ หลักฐานอื่นยังพอว่า ยังใช้อำนาจที่มีกลบเกลื่อนไปได้ แต่เฮโรอีนมูลค่ามหาศาลนั้นเล่า ทำให้เขาขาดทั้งรายได้ และเป็นหลักฐานชั้นดีที่มัดตัวแน่นจนเกินไป ทั้งยังกระทบต่อชื่อเสียงที่เขากำลังมุ่งมั่นจะได้รับการไว้วางใจจากการเลือกตั้ง ฐานอำนาจใหม่ ที่กำลังจะได้มาในอีกไม่กี่เดือนแล้วแท้ ๆ

“ต้องหาให้เจอให้ได้ แล้วฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด หมอคงล่ะ ไปไหนแล้ว”

ประตูเปิดออกราวล่วงรู้ เมื่อร่างสูงผิวคล้ำของหมอคงก้าวเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ร่างสูงใหญ่ แต่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพนัก การมาปรากฏตัวแต่ละครั้ง เล่นเอาหลายคนถึงกับหนาวเหน็บไปตาม ๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ชวรัตน์ ผู้เป็นคนว่าจ้าง แต่เขาก็ถือคติว่าเงินมางานไป ดังนั้นไม่จำเป็นที่เขาจะต้องเกรงกลัว ตราบใดที่เขายังสามารถจ่ายไหวอยู่ เขาก็ยังเป็นเจ้านายอยู่เหนืออีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

“จัดการไปถึงไหนแล้ว” ชวรัตน์เข้าเรื่องทันควันด้วยความร้อนใจ หากสบตาแกร่งของหมอคง ก็ทำให้เขาชะงักงันไม่กล้าต่อว่าต่อขานได้อีก

หมอคงมองกลับมา ด้วยแววตาที่เยือกเย็น พึมพำตอบด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ  “ผมพร้อมเสมออยู่แล้ว ขึ้นกับลูกน้องของคุณ ว่าจะหา ‘เจ้านั่น’ เจอเมื่อไหร่”    เขาพูดพลางเหลือบมองคนสนิทของอีกฝ่าย คนถูกจ้องสะดุ้งเฮือก ก่อนละล่ำละลักตอบกลับว่า

“คะ…ครับ พวกเรามีสายอยู่ในกรมตำรวจ และรู้มาว่าตุ๊กตาตัวที่พบข้างศพนั้น มีลายนิ้วมือของคนทำแฝงอยู่ และตำรวจนั่น…ก็กำลังสืบพบแล้วด้วย”

“ดี…ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแรงหาเอง หามันเจอเมื่อไหร่ ผมจะจัดการเอง คุณไม่ต้องห่วง” เขาพูดต่ออย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

ชวรัตน์รู้ซึ้งเป็นอย่างดีถึงประสิทธิภาพของอีกฝ่าย เขายังจำได้ถึงตอนที่หมอคงเคยใช้คุณไสยจู่โจมบีบบังคับ ให้ชิดชัยยอมสารภาพถึงที่ซ่อนของสิ่งนั้น

‘มีคนใช้ไสยขาวบางอย่างช่วยมันไว้…ตุ๊กตาตัวตายตัวแทน กำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ แต่ของพรรค์นั้น ไม่ครณามือผมหรอก!’

คำพูดของหมอคงในตอนนั้นถูกพิสูจน์ได้ ด้วยการตายอย่างน่าสยดสยองของชิดชัย โดยที่หมอคง ไม่ได้แตะต้องตัวเป้าหมาย…แม้เพียงน้อยนิด เพียงใช้วิธีการบางอย่างก่อนหน้านั้นไม่นานนัก ในการเข้าใกล้เหยื่อ แต่หมอคงไม่ยอมเปิดเผย ว่าทำเช่นไร เพราะสิ่งนั้นเป็นความลับโดยอาชีพ ที่ไม่เปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้

แต่จากคำบอกเล่าของหมอคง ก็ทำให้เขาได้รับรู้เรื่องหนึ่ง ที่สำคัญอย่างยิ่ง

มีคนใช้อาคมช่วยชิดชัยอยู่ และคน ๆ นั้น น่าจะเป็นคนที่ช่วยเหลือ เรื่องอื่น ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะที่ซ่อน…ของเฮโรอีนที่หายไป และทำให้เขาตามหาไม่เจอ แม้ว่าจะแอบค้นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่บ้านญาติใกล้ชิดจนหมดสิ้นแล้ว

ผู้ทำคดีคือร้อยตำรวจเอกปวินต์ ธนารักษ์ ตำรวจหนุ่มไฟแรง และเพราะแบบนั้น…ปวินต์ จะพาเขาไปหาหมอผีคนนั้น

ถ้าหามันเจอเมื่อไหร่ จุดจบของทุกคนที่รู้เรื่อง ก็จะตามมา อย่างเงียบเชียบและไร้ซึ่งร่องรอย

เขาจะกลบหลักฐานให้เกลี้ยง ก่อนการเลือกตั้งครั้งใหญ่มาถึง

และเมื่อนั้น อำนาจของเขาก็จะมั่นคงกว่าเดิม

ขอเพียงหาเฮโรอีนที่หายไปเจอ และจัดการตัวขวางหูขวางตาให้หมดเท่านั้น ทุกอย่างก็จะสำเร็จ!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-07-2011 22:41:46
ร่างสูงโปร่งของปวินต์ในชุดลำลองดูแปลกตากว่าทุกครั้ง นั่งอยู่ที่โต๊ะในครัวพร้อมจ้องเขม็งมายังแผ่นหลังกว้างของใครอีกคน คนถูกจ้องลอบอมยิ้ม ก่อนทำเนียนหันกลับไปสนใจท่อน้ำที่ต่อกับตัวซิงค์ตรงหน้าแทนที่

กลับเป็นตำรวจหนุ่มที่อดรนทนไม่ไหวผุดลุกขึ้น ตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่าง หากท้ายที่สุด ก็ตัดสินใจนั่งลงอีก เป็นรอบที่สาม จนคนหันหลังให้เผลอหลุดหัวเราะ

“ขำอะไรกัน” เสียงสะบัดหงุดหงิดเล็กน้อยถามขึ้น

“ผมเห็นคุณเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งอยู่นั่นแหละ อยากคุยกับผมก็บอกกันดี ๆ ก็ได้ครับ ผมทำใกล้จะเสร็จแล้ว”

คนฟังอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมองมาเขม็งกว่าเก่า “นายมาทำอะไรที่บ้านฉัน”

เจมส์ยักไหล่น้อย ๆ ก่อนถามว่า “คุณตำรวจไม่เห็นเหรอครับ ว่าผมกำลังซ่อมท่อน้ำที่มันรั่วอยู่”

“เห็นน่ะเห็น แต่นายมาที่นี่ได้ไง” คนถามยังไม่ยินยอมโดยง่าย

ร่างสูงของชายหนุ่มหันกลับมายิ้มหวาน “ก็คุณแม่ยายน่ะสิครับ เปิดประตูเชิญชวนผมเข้ามา”

คิ้วเรียวขมวดมุ่นแทบจะในทันที “ใครแม่ยายนาย!”

“อ้าว ก็แม่คุณไงครับ โทรศัพท์ตามผมมา”

“แม่นะแม่…” ปวินต์ที่กำลังหงุดหงิดบ่นพึมพำ เขารู้ดีว่าท่อน้ำมันรั่ว และบอกกับมารดาแล้ว ว่าจะซ่อมให้วันนี้ แต่เพราะเมื่อวานอ่านข้อมูลคดีจนดึกไปหน่อย และเพราะรู้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด เลยไม่รีบตื่น ที่ไหนได้ พอลืมตาตื่นเดินเข้าครัวมา กลับเจอเจ้าตัวปัญหาวันก่อน ซ่อมท่อน้ำในบ้านของเขาอยู่เสียอย่างนั้น

“ผมเป็นมือดีในย่านนี้นะครับ เวลาท่อน้ำมีปัญหา ใคร ๆ เขาก็โทรเรียกผมทั้งนั้นแหละ” เจมส์พูดง่าย ๆ ท่าทางวันนี้ดูทะมัดทแมงสมเป็นช่างอีกแล้ว ชุดหมีคล้ายวันก่อน กับถุงมือหนา แม้มันจะเก่าอยู่บ้าง แต่พอคนใส่เป็นเจมส์ มันกลับทำให้ดูดีเสียจนน่าหมั่นไส้

“พี่วินต์…คุณช่างเขาหิวน้ำไหม ปรางเอาน้ำมาเสิร์ฟนะคะ” ปรางทิพย์ สาวน้อยร่างเล็กนัยน์ตาหวาน ใบหน้าคล้ายคลึงคนด้านข้างอยู่บ้าง โผล่เข้ามาอย่างกระตือรือร้น ในมือมีถาดแก้วใบย่อม ใส่แก้วน้ำเย็นเจี๊ยบน่าดื่มไว้พร้อมสรรพ จากที่เห็นเธอคงอายุราว ๆ 15 ปีเท่านั้น เป็นวัยใสที่กำลังน่ารักน่าเอ็นดูจนคนมองยังเผลอยิ้มให้

ตำรวจหนุ่มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก เพราะส่งยิ้มเจ้าชู้ให้น้องสาวของเขา น้ำเสียงตอบกลับจึงห้วนสั้น

“เขาไม่หิวหรอก เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว อย่าทำอะไรให้มันยุ่งยากเลยน่า” เสียงเย็นชาเอ่ยไล่กลาย ๆ เล่นเอาสาวเจ้าเง้างอด เพราะเธอกะจะแอบมาดูช่างสุดหล่อ ที่เขาร่ำลือกัน ลูกครึ่งฝรั่งเสียด้วย มาดแมนไม่เบาจริง ๆ

เจมส์หันมามองปวินต์พลางแสร้งพึมพำบ่น “เจ้าบ้านช่างแล้งน้ำใจจัง สู้สาวน้อยที่น่ารักคนนี้ก็ไม่ได้”

ร่างเล็กที่มีผมยาวตรงประไหล่อมยิ้ม ก่อนหันมาค้อนให้พี่ชาย

“โธ่ พี่วินต์ล่ะก็ ปรางอุตส่าห์ยุให้แม่โทรตามเขาแทบตาย กว่าแม่จะยอม” เธอว่าเสียงกระซิบ แล้วยิ้มหวานให้เจมส์อีกครั้ง “น้ำเย็น ๆ ค่ะ ทานก่อนกลับก็ได้นะคะ”

เจมส์ยิ้มให้สาวน้อย มือแข็งแรงเก็บอุปกรณ์ลงกล่องอย่างเรียบร้อยแล้วรับแก้วน้ำมา เพียงแค่ได้กลิ่นน้ำนั้น เขาก็มีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันมาพูดต่ออย่างยิ้มแย้ม

“ขอบคุณครับ น้ำเย็นหอมกลิ่นมะลิ น่าดื่มมากจริง ๆ ทำเองเหรอครับเนี่ย”

“คุณแม่ทำค่ะ ท่านปลูกมะลิไว้หลายต้น ออกดอกดกเยอะเชียว เอามาลอยในน้ำ ไม่มียาฆ่าแมลง หอมสะอาดปลอดภัยค่ะ ไม่ต้องห่วง” เด็กสาวตอบต่ออย่างคล่องแคล่ว มนุษยสัมพันธ์ดีจนไม่น่าจะเป็นพี่น้องกับคนด้านข้างที่ยังคงนั่งหน้ามุ่ยอยู่เลย

มือแกร่งยกขึ้นจิบก่อนชมซ้ำ “หอมมากจริง ๆ ไม่รู้เจ้าบ้าน จะหอมได้ขนาดนี้ด้วยหรือเปล่า”

ตาคมค้อนขวับก่อนหลุบต่ำ พึมพำเสียงเข้ม “เสร็จแล้วใช่ไหมครับ ดื่มแล้วก็รีบ ๆ กลับไปได้แล้ว”

“ยังไม่ได้ให้ค่าจ้าง ก็จะไล่ให้กลับแล้ว ถ้าทำฟรีแบบนี้ ผมจะมาคิดแบบทบดอกทีหลังนะครับ คุณจะจ่ายไหวเหรอ”

เสียงใสหัวเราะคิก ก่อนบอกว่า “แม่ฝากเงินมาให้แล้วค่ะ ไว้วันหลังจะขอใช้บริการอีกนะคะ คุณพี่สุดหล่อ”

“เจมส์ครับ ไว้ผมจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ ที่จริงแล้วผมน่ะ เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายคุณหนูเอง เรียกพี่เจมส์ก็ได้ ฝากเงินนี่คืนคุณแม่เถอะนะ พี่ไม่คิดเงินเพื่อนหรอก” เขาเอาเงินยัดคืนใส่มือเด็กสาว

คนรับทำตาโตอย่างประหลาดใจ “จริงเหรอพี่วินต์ ทำไมไม่บอกปรางบ้างล่ะ หวงไว้คนเดียวล่ะสิ” ประโยคหลังเริ่มมีบ่นกระเง้ากระงอด

“พี่เจมส์คะ ไหน ๆ พี่ก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่วินต์ เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะคะ” เสียงหวานออดอ้อน หากเจมส์ได้แต่ยิ้มแล้วปฏิเสธอย่างสุภาพ

“ขอโทษนะครับ วันนี้พี่มีงานช่วงเย็นถึงค่ำน่ะ ไว้วันหลังจะมาตามคำเชิญแล้วกัน ถึงตอนนั้น…” ว่าพลางเหลือบมองปวินต์ ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “คิดว่าคงได้รับเชิญอีกนะครับ”

สาวน้อยยิ้มให้อย่างจริงใจ “แน่นอนค่ะ แวะมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ บ้านเรายินดีต้อนรับ อีกอย่างนะคะ พี่วินต์น่ะ ทำอาหารอร่อยที่สุดเลยด้วย”

“จริงเหรอครับ งั้นผมไม่พลาดแน่ ไว้คราวหน้าแล้วกัน…ถ้าอย่างนั้นผมลาเลยนะครับ” ว่าพลางขยับจะออกไป

ปวินต์มองร่างสูงนั้น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เดี๋ยวสิ ฉันจะไปกับนายด้วย”

ชายหนุ่มหันมามองอย่างงง ๆ หากปวินต์กลับกระซิบเครียด “ฉันมีเรื่องต้องสอบปากคำนายอีก แต่ไปข้างนอกนะ ไม่อยากเอางานมาทำที่บ้าน”

คนฟังพยักหน้ารับอย่างเข้าใจแล้วยิ้มหวาน “ดีสิครับ งั้นเราไปหาอะไรทานกัน แล้วดูหนังด้วยกันสักเรื่องดีไหม”

“ไหนนายว่าต้องทำงานไง” ร่างเพรียวขัดขึ้น

“ผมยอมหยุดงานได้นะ ถ้าคุณจะไปเดทกับผมวันนี้”

ปวินต์มองอีกฝ่ายแล้วชักเริ่มหมั่นไส้ ที่ขยันแจกขนมจีบเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็เป็นผู้ชายแท้ ๆ

“ฉันไม่อยากให้พวกแม่ยกของนายรอเก้อ เอ้า รีบ ๆ ไปเถอะ” ว่าพลางหันมาหาน้องสาว ที่ทำท่าอยากไปด้วยใจจะขาด “พี่จะออกไปข้างนอกสักพัก ฝากดูบ้านกับแม่ด้วยล่ะ”

“ว้า คิดว่าจะชวนเราไปด้วย” เธอบ่นพึมพำ ก่อนรับคำ “ค่ะ รับทราบแล้วค่ะ จะดูแลอย่างดีเลย ถ้ามีของฝาก” ประโยคท้ายเริ่มมีหลิ่วตาให้อย่างเจ้าเล่ห์

ชายหนุ่มมองมาพลางถอนหายใจยาว ก่อนบอกว่า “แล้วจะซื้อขนมมาให้ อยู่บ้านดี ๆ ล่ะ”

เจมส์มองปวินต์แล้วลอบยิ้ม อิมเมจใหม่มาดพี่ชายที่เข้มงวดกับน้องสาวหน่อย ๆ ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้สนใจคน ๆ นี้ซะจริง

แต่ยังไงเขาก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี เขารู้…ว่าปวินต์ พยายามเข้าใกล้เขา ด้วยสาเหตุอะไร

ของสิ่งนั้น เขารับปากไว้แล้ว ว่าจะเก็บรักษาไว้ให้ มันเป็นหลักประกันของชีวิตครอบครัวเพื่อนคนสำคัญที่ล่วงลับ ดังนั้น…จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้

จนกว่าจะสามารถจับคนพวกนั้นสำเร็จโทษให้หมดได้สำเร็จ…โดยเฉพาะเจ้าหมอผีคนนั้น ที่สามารถทำลายตุ๊กตารับเคราะห์ของเขาได้ จนชิดชัยต้องตาย โดยที่เขาช่วยเหลือไว้ไม่ทัน

ไสยดำไม่เคยทำให้ใครได้ดี…แต่ถ้าศัตรูใช้มันก่อน…เขาจะทำยังไงดี

ถ้าเป็นพ่อล่ะก็ คงบอกได้สินะครับ…แต่ในตอนนี้ พ่อก็ไม่อยู่ให้คำตอบเขาได้เสียแล้ว



ดวงตาของเจมส์เศร้าลงเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาแย้มยิ้มอย่างว่องไว เมื่อสบตาคู่งามที่เริ่มจ้องมองมาอย่างสงสัย

“นายเป็นอะไรไปล่ะนั่น”

ใบหน้าแกร่งยิ้มน้อย ๆ ทำทีไม่รู้ไม่ชี้ตอบกลับ ในตอนนี้ทั้งสองอยู่ในร้านกาแฟเล็ก ๆ เนื่องจากปวินต์ปฏิเสธที่จะทานข้าว เขาบอกว่าต้องการคุยเพียงครู่เดียวเท่านั้น

“ผมกำลังคิดว่า ไปเดทกันในชุดนี้ จะทำให้คุณดูแย่ไปกับผมด้วยหรือเปล่า หรือจะให้ผมกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนดีครับ บ้านผมก็อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง” เพราะชุดในตอนนี้เป็นชุดช่าง ที่ไม่ได้ดูดีสักเท่าไหร่ แม้ว่ามันไม่ขัดตานัก เมื่อคนสวมใส่คือเจมส์ แต่คำพูดของเขา ก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล เพราะสายตาคนในร้านหลายคู่ ยังคงมองมาพลางซุบซิบนินทาอยู่บ้าง

“แค่คุยธุระกัน จะชุดอะไรไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ที่สำคัญฉันไม่ได้คบคนที่เสื้อผ้าเสียหน่อย” ตำรวจหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แสดงว่าคุณยอมรับผมเป็นเพื่อนแล้วสินะ” เจมส์ถามต่ออย่างกระตือรือร้น

“ฉันจะรับนายเป็นเพื่อน ก็ต่อเมื่อนายไม่ปิดบังบางอย่างกับฉัน เพื่อนน่ะ ควรจะเปิดใจพูดต่อกันไม่ใช่รึ” ปวินต์ได้ทีย้อนเข้าให้

“ถึงจะเป็นเพื่อน บางครั้งก็ต้องมีบางอย่างที่พูดไม่ได้เหมือนกันนะครับ และเพื่อนที่ดี…ก็ควรจะรอคอยได้ จนกว่าอีกฝ่าย จะยอมพูดออกมาเอง” เจมส์พูดขึ้นบ้าง คนฟังชะงักกับคำพูดนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถูก

ร่างผอมบางนิ่งไปเป็นครู่ ก่อนพูดขึ้นว่า “แต่ในฐานะที่เป็นตำรวจ ฉันคงจะรอนานอย่างที่นายพูดไม่ได้ หลายคนกำลังเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ และฉัน…ก็อยากจะช่วยพวกเขา”

เจมส์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางพึมพำ

“คุณเป็นคนดี แต่ผมคงพูดอะไรได้ไม่มากจริง ๆ” เขาพูดพลางมองอีกฝ่ายอย่างจริงจังกว่าเดิม “…มีอย่างหนึ่ง ที่ผมอยากจะเตือนคุณ คดีที่คุณทำตอนนี้ คนที่อยู่เบื้องหลัง ร้ายกาจกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ ถ้าไม่อยากเอาตัวเองและครอบครัวมาเสี่ยงด้วย ปล่อยให้ผมจัดการเองจะดีกว่า อย่ารู้อะไรมากไปกว่านี้เลยครับ”

“เรื่องพวกนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ นายต่างหาก ที่ไม่ควรจะเข้ามายุ่ง ฉันอยากให้รู้ไว้ ว่าฉันและครอบครัว ไม่ใช่พวกเห็นแก่ตัว ครอบครัวตำรวจ ย่อมเข้าใจเรื่องเสี่ยงอันตรายและยอมรับมันได้ดี พ่อของฉันเองก็เป็นตำรวจ ท่านตาย…ในหน้าที่ และพวกเรา ก็ภูมิใจในความเสียสละของท่าน…เสมอมา”

“ถึงอย่างนั้น…ผมก็บอกคุณไม่ได้อยู่ดี ขอโทษนะครับ ผมคงต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว อ้อ ผมขอเลี้ยงกาแฟคุณนะ เพื่อคำขอบคุณ สำหรับมิตรภาพเล็ก ๆ ที่คุณหยิบยื่นให้ผม”

ใบหน้าคมสันที่แย้มยิ้มน้อย ๆ ทำให้คนมองแอบใจเต้น ชายหนุ่มพยายามข่มใจให้เป็นปกติ ก่อนจะพูดขึ้นโดยไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่ายว่า “ไว้คราวหน้า ฉันจะเลี้ยงข้าวนายขอบคุณบ้างแล้วกัน”

“สงสัยผมต้องล้างท้องรอแล้ว ถ้าจะเลี้ยง ขอเป็นกับข้าวฝีมือคุณนะครับ น้องสาวคุณออกจะชมขนาดนั้น คุณคงทำอร่อยมากแน่ ๆ”

“มากไปแล้วนายน่ะ จะรีบไปทำงานไม่ใช่รึ รีบ ๆ ไปเลยไป”

“ครับผม จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ กลับดี ๆ นะครับคุณวินต์”

“……ใครให้เรียกว่าวินต์เนี่ย” คนกำลังจะไปท้วงขึ้นทั้งที่ใบหน้าแอบแดงเรื่อ

“ผมเรียกตามน้องสาวคุณไง ดีออก เผื่อเราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าลืมเรียกผมว่า ‘เจมส์’ เฉย ๆ ด้วยนะครับ”

คนฟังไม่ยอมอยู่ฟังต่อแล้ว ร่างบางก้าวยาว ๆ ออกจากร้านไป โดยไม่กล้าหันมามองอีก ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอมยิ้มน้อย ๆ อย่างขบขันแทน



เจมส์ออกมาจากร้านหลังจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเอง ชายร่างสูงในชุดธรรมดาหากท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด

“พบเป้าหมายแล้วครับท่าน กำลังจะสะกดรอยตามไป”

เสียงตามสายถามย้ำ “แน่ใจนะ ว่าใช่”

“แน่ครับ ภาพของเขาเหมือนในแฟ้มข้อมูลของกรมตำรวจ ที่เป็นเจ้าของลายนิ้วมือ ในตุ๊กตาตัวนั้น ผมตามผู้กองปวินต์มาและพบว่าเขามาพร้อมกับคน ๆ นี้ ดังนั้นไม่ผิดแน่ครับ” สายที่ทำงานในกรมตำรวจเช่นเดียวกันกับปวินต์ยืนยัน

“ดี ถ้างั้นตามไป หาที่อยู่ของมันมาให้ได้ล่ะ”

“ครับท่าน”



“พ่อฮะ มีคนสะกดรอยตามเรามา” เสียงใสพูดขึ้นเบา ๆ ใกล้ ๆ หู เจมส์ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงกระซิบ เขายังคงเดินต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะสอบถามกลับ ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าเดิม

“มันมากี่คน”

“คนเดียวฮะ ท่าทางคงตามเรามาจากร้านกาแฟเมื่อครู่”

“งั้นแสดงว่ามาเพราะคุณตำรวจน่ะสิ ว่าแล้ว ว่าในกรมต้องมีสายของพวกมันอยู่ด้วยแน่ พวกมันคงหวังสืบหาพวกเรา จากทางการสืบสวนของปวินต์แน่ ๆ” ชายหนุ่มพึมพำ โดยยังคงไม่หันกลับไปมอง

“พ่อฮะ แล้วเราจะเอาไงดี” เสียงเล็ก ๆ เริ่มปรึกษา

ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้มเย็น “มันอยากตาม ก็ให้มันตามมาสิ บ้านของเรา ก็ไม่ได้ต้อนรับแขกประเภทนี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

ร่างเล็กที่เกาะอยู่ใกล้ ๆ อมยิ้ม แม้ว่าคนสะกดรอยตามมา จะมองไม่เห็น “พ่อพูดเองนะฮะ แสดงว่า…ยอมให้เล่นด้วยได้ใช่ไหมฮะ”

“พอหอมปากหอมคอแล้วกัน พ่อรู้ดีว่าถึงเราจะซ่อนตัว ก็คงจะซ่อนได้ไม่นานอยู่แล้ว ประกาศสงครามไปเลยอาจจะดีกว่า ยังไงพ่อเองก็ไม่อยากลากคนดี ๆ อย่างคุณตำรวจ มาเดือดร้อนกับเราด้วย ศึกล้างตากับเจ้าหมอผีนั่น ยังไงก็จะต้องเกิดในไม่ช้านี้อยู่แล้ว”

“คุณตำรวจเป็นคนดีนะฮะ ผมก็ชอบเขาเหมือนกัน”

คนฟังอมยิ้ม “แน่ล่ะสิ แต่เราจัดการกันเองคงจะดีกว่า คนธรรมดาน่ะ จัดการเจ้าหมอผีนั่นไม่ได้แน่ ดีไม่ดี เกิดโดนทำคุณไสยไปด้วย จะยิ่งลำบาก

“ถ้างั้นเราคงต้องล่อให้มันสนใจแต่พวกเราแทน” ร่างเล็กเอ่ยต่อ

“ใช่ คิดถูกแล้วล่ะเจ้าเคน ไม่แน่นัก…คืนนี้ คงมีแขกมาเยี่ยมบ้านเราหลายคน คงจะมาค้นหาของนั่นแน่ ๆ ยังไงก็จัดงานต้อนรับ อย่าเอิกเกริกนัก พ่อขี้เกียจเก็บของตอนเช้า”

เสียงตอบรับหัวเราะคิก “ก็ได้ฮะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอแล้วกัน ผมจะชวนเพื่อน ๆ แถวบ้านมาสนุกด้วย พ่อคงโอเคนะฮะ”

“พักนี้ใช้ภาษาวัยรุ่นจริงนะ เอ้า เอาไงก็ได้ อย่าทำหนวกหูจนนอนไม่ได้ก็พอ”

เขาว่าพลางตรงเข้าบ้าน ก่อนจะสั่งคนสนิทที่รอเปิดสำนักอยู่ ให้เร่งจัดคิวเร็วกว่าเดิม โดยอ้างว่ามีพิธีกรรมตอนดึก ๆ ต้องจัดการ ซึ่งคนดูแลนั้นก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะเขามักทำเช่นนี้อยู่บ่อย ๆ สำหรับเวลามีกรณียากจัดการเป็นพิเศษ อาชีพเช่นนี้ มักจะมีงานที่ต้องทำยามค่ำคืนในป่าช้าเป็นประจำอยู่แล้ว

“เสร็จแล้วก็รีบกลับไปเลยล่ะ ปิดประตูให้เรียบร้อยด้วย” ชายหนุ่มสั่งก่อนจะเริ่มงานช่วงเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


จบตอน

TBC
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Aon ที่ 05-07-2011 23:09:24
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก

อยากอ่านต่อคร่าตัวเอง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 05-07-2011 23:37:05
อยากอ่านอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 1 (3/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-07-2011 23:54:44
แม้จะไปชอบอ่านเรื่องผีๆเท่าไร เพราะกลัวพลังจิ้นของตัวเองเหลือเกิน
แต่เนื้อเรื่องน่าติดตาม จะรออ่านต่อไปนะค๊าาาา เพราะติดใจงานของคุณppm ทุกเรื่องๆเลย o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-07-2011 23:59:46
 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: wongwikkarn ที่ 06-07-2011 01:58:52
มาต่อไวไวน้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11) เรื่องใหม่ค่า
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 06-07-2011 03:09:19
ถ้าพวกคนร้ายจัดการเจมส์ไม่ได้
มันจะต้องลากคุณตำรวจมาเป็นตัวล่อแน่ๆ
หนุกจริงๆเลย รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: pummy09 ที่ 06-07-2011 14:59:12
นานๆๆ จะได้อ่านแนวนี้ซักทีค่ะ
น่าสนุกมาก

แอบลุ้นไปด้วย ว่าจะจัดเตรียมการต้อนรับยังไง^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-07-2011 16:05:45
อิอิ
เรื่องแนวสืบสวนปนสยองขวัญนิดๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-07-2011 16:36:40
มาร่วมจับผู้ร้ายด้วยคน อิ อิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-07-2011 18:28:56
กำลังลุ้นเลย มาต่อด่วน อิๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 06-07-2011 19:56:55
เริ่มจะเข้าสู่ความเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับแล้วล่ะ ทั้งเรื่องรบและเรื่องรัก
ชวนให้ติดตามเป็นยิ่งนัก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 06-07-2011 20:28:19
สืบไปสืบมาก้รักกัน

อิอิ

หวังว่าคุณตำรวจจะไม่เปนอะไรนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 07-07-2011 08:40:55
สนุกอ่ะ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 2 (5/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 07-07-2011 09:50:07
แค่สองตอน แต่สนุกมากๆ น่าตื่นเต้นนะคะ เวลาที่พ่อหมอสองคนมาเจอกัน
แต่พี่เจมส์เท่อ่ะ o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 08-07-2011 16:57:57
สืบเสน่หา

ตอนที่ 3



ดึกดื่นค่อนวิกาลแล้วในยามนี้ ที่มีเสียงกระซิบกระซาบแผ่ว ในกลุ่มคนสี่คนสวมชุดดำ ซึ่งยืนลอบมองอยู่ที่รั้วด้านข้างของตัวบ้าน รั้วที่เป็นผักกินได้อย่างชะอม ทำให้ยากแก่การปีนป่ายนัก แถมยังสามารถนำมาทำเป็นอาหาร ได้ประโยชน์สองต่ออีกด้วย

“ทางนี้ไม่ได้ว่ะ หนามเยอะชิบเป๋ง” คนร่างเตี้ยบ่นพึมพำ

“หลังบ้านไง ตรงนั้นมีต้นไม้ใหญ่ให้ปีนด้วย” ชายตัวผอมเสนอ

“ทำไมไม่รีบบอกวะ” สายตาดุมองคาดโทษ พลางคลำมือป้อย ๆ เพราะเผลอโดนหนามไปเต็ม ๆ เมื่อครู่นี้

ทั้งหมดจึงรีบเดินกันอย่างเบาที่สุดไปทางด้านหลังอย่างพยายามให้เงียบมากที่สุด บ้านหลังนี้แปลกประหลาดนัก แม้จะตั้งอยู่ท้ายซอยตัน ที่ค่อนข้างร้างผู้คน แต่กลับไม่เลี้ยงสุนัขไว้จับขโมยแม้แต่สักตัวเดียว ประตูก็ใช่ว่าจะล็อคแน่นหนา ตัวบ้านทำด้วยไม้ ยิ่งง่ายแก่การเข้าถึง ราวเชิญชวนให้เข้ามาปล้นได้ง่าย ๆ เลยด้วยซ้ำ จะมีที่กันได้อยู่หน่อย ก็รั้วชะอมหนามแหลมที่ปลูกเรียงรายรอบบ้านนั่นแหละ

“เฮ้ย ระวังหน่อยนะ อาจจะมีสัญญาณกันขโมยอยู่ก็ได้” อีกคนรีบปราม คนอื่นพยักหน้ารับ มองฝ่าความมืดเข้าไปด้านใน ภายในที่เงียบสงัดไร้แสงไฟ คล้ายเจ้าบ้านเข้านอนไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อหลายชั่วโมงก่อน

ทุกคนทยอยกันข้ามฝั่งไปทีละคน เหลือเพียงชายร่างอ้วนคนสุดท้าย ที่ค่อนข้างจะเงอะงะกว่าคนอื่น เลยทำให้การปีนดูลำบากลำบนกว่ามากนัก ขณะกำลังเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่ปีนข้ามรั้วไปฝั่งตรงข้ามไปเรียบร้อย โดยอาศัยไม้ใหญ่ที่ขึ้นเสียชิดรั้ว พลางนึกก่นบ่นอยู่ในใจ ว่าทำไมไม่คิดจะช่วยดึงกันบ้างเลย ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้าง เมื่อมองเห็นปลายเท้าสีขาวผ่องที่ห้อยลงมาจากกิ่งด้านบน พอมองสูงขึ้นไปอีก ก็พบร่างผอมบางในชุดขาว ที่มีผมยาวสยาย ใบหน้าขาวซีดหากแฝงความงามอย่างเศร้า ๆ เบนลงมาจ้องมองนิ่ง

“น่ะ…นั่นใครน่ะ มาได้ยังไง” เสียงสั่นน้อย ๆ ถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก เมื่อครู่ยังไม่มีใครบนนี้เลย เขาแน่ใจ แล้วตอนนี้…มาจากไหน…เมื่อไหร่กัน

“…ให้ช่วย…ฉุดขึ้นไป…ไหมคะ…” เสียงหวานลากยาวเย็นเยือกถามกลับ ริมฝีปากสีแดงสดเริ่มแย้มยิ้ม

“อ่ะ..อื้ม” มือเผลอยื่นออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสมือเย็นเฉียบราวน้ำแข็งนั้น พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นลำคอขาวผ่องมีเชือกคล้องห้อยอยู่ รอยรัดของมันทำเอาเป็นแนวเชือกสีม่วงคล้ำ ร่างนั้นห้อยต่องแต่งโดยมีเพียงตัวเชือกที่คอช่วยยึดเหนี่ยวจนแกว่งไกว และพอมองไล่ขึ้นไป ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นใบหน้าสวยแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงช้ำก่อนจะค่อย ๆ เริ่มเน่าเฟะ…ฉ่ำน้ำเหลืองหยดแหมะ ยามไหวเอนตามสายลมเห็นกระทั่งหนอนตัวน้อย ๆ ที่ตอมไต่ร่วงหล่นตาม มือที่จับกันอยู่ค่อยนิ่มร่วนเนื้อหลุดลุ่ยเหลือแต่กระดูก เสียงหัวเราะหวานใสบาดหูดังใกล้ ๆ ชัดจนถึงโสตประสาทในเบื้องลึก

“เรียมคิดถึงพี่ขวัญเหลือเกิน…มาอยู่กับเรียมนะคะ”

“เฮ้ย!” คนถูกจับยึดไว้ร้องเสียงหลง รีบสะบัดอีกฝ่ายให้หลุดทันที

ร่างที่ไม่ได้มีอะไรยึดเหนี่ยวหล่นโครมลงเบื้องล่าง ในมือยังคงมีมือติดกระดูกเละ ๆ ของใครบางคน หลุดติดมาด้วย

คนมองตาเหลือกอย่างตกใจ พอตั้งตัวได้ก็รีบเหวี่ยงของที่จับไว้ทิ้ง ก่อนโกยสี่เท้าวิ่งอ้าว

“จะทิ้งเรียมไปไหนล่ะคะ…คุณพี่”

ร่างสีขาวขาดวิ่นเบาหวิวตามเกาะไหล่ คนถูกเกาะตกใจแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่สะบัดตัวกลิ้งไปมาอยู่กับพื้น ฉี่แตกเลอะราดเป้ากางเกงไปเรียบร้อย

“เรียมรักพี่คนเดียว……” ใบหน้าที่หนอนขึ้นเต็มขยับเข้าใกล้อีก ปากสีม่วงคล้ำปะปนมูกเลือดเขียว ๆ โน้มลงหา แทบจะประทับจูบลงเสียแล้ว คนมองตาเหลือกถลน ช็อคน้ำลายฟูมปาก ก่อนหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

ผีสาวมองมาอย่างนึกสนุกทำหน้าเละ ๆ นั้นให้กลับมาสวยดังเดิมอย่างสมใจ ก่อนจะหายวับไปจากตรงนั้น



อีกด้านของรั้ว ที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกด้านเข้าเสียแล้ว คนชุดดำตัวสูงหันมาหาคนเตี้ยกว่าพลางถามขึ้นว่า “เจ้าอ้วนไปไหนแล้ววะ”

ร่างเตี้ยส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่อง ก่อนถอนหายใจยาว “เฮ้อ มันคงปีนข้ามมาไม่ไหวมั้ง ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องตามมา ดันอยากจะมาซะนี่ สมน้ำหน้ามัน”

“เอาไงดีล่ะ” คนตัวผอมด้านข้างหารือ

“ก็มันข้ามมาไม่ได้เองนี่หว่า ทิ้งมันไว้นั่นแหละ เรารีบไปจัดการให้เสร็จ ๆ ก่อนดีกว่า เดี๋ยวใครตื่นมาเจอจะยุ่ง”

“เอางั้นก็ได้ เอ้า ไปซะทีสิ” คนร่างสูงเร่ง ท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างเห็นได้ชัด มือแข็งแรงกวักเรียก ทั้งหมดจึงรีบวิ่งผ่านทางเดินที่โรยด้วยกรวดขาว เสียงกระทบกันของเม็ดกรวดดังแผ่วเบา บ้านโบราณยกใต้ถุนสูง ทำให้สามารถวิ่งเข้ามาแอบใต้ตัวบ้านได้ไม่ยากเย็นนัก

“ในบ้านไม่มีไฟเปิดเลยว่ะ สงสัยมันจะช่วยชาติประหยัดไฟ”

หัวติดจะล้านของชายร่างเตี้ยโดนตีดังเผียะ “ไอ้บ้า ไปชมมันทำไมวะ กะอีแค่หลับไปแล้วเท่านั้นแหละ มันคงไม่เปิดไฟนอนเหมือนใครบางคนหรอกน่า สิ้นเปลืองงบประมาณชาติจริง ๆ”

“ก็ข้ากลัวผีนี่หว่า” คนพูดชักหน้ามุ่ยเถียงไม่ออก

พูดจบเหมือนจะรู้ บรรดาหมาจากวัดใกล้ ๆ เริ่มเปิดคอนเสิร์ตประสานเสียงแทบจะในทันที คนพูดสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เสียงหอนเย็นเยียบคล้ายเรียกผี ว่ากันว่าหมาหอนเพราะเห็นผี มันจะจริงหรือไม่ เขาก็กลัวไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งหมดขึ้นมาบนนอกชานแล้วในตอนนี้ บริเวณที่เคยใช้รับลูกค้าตอนกลางวัน ตอนนี้กลับโล่งมืดและเงียบสงัด ฝ่ายหัวหน้าที่ก้าวขึ้นมาคนแรกมองซ้ายขวา ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากคนในบ้าน บ่งบอกได้ว่าทางสะดวก

“เฮ้ย แยกกันไปค้นตามห้อง เป้าหมายอยู่ในห้องด้านนั้นคนเดียว เราจะค้นห้องนั้นตอนมันไปทำงานตอนกลางวันแทน ส่วนห้องอื่น ๆ จัดการตอนนี้เลย ทำให้เนียน อย่าให้มีหลักฐานเหลือล่ะ ว่ามีคนแอบเข้ามาค้นของ”

ขณะคนสั่งกำลังจะก้าวเดิน กลับถูกใครบางคนยึดชายเสื้อไว้ พอหันกลับมา ก็พบว่าเจ้าเตี้ยคนเดิม เผลอดึงเสื้อเขาไว้เสียแน่น

“เฮ้ย ข้าบอกให้แยกกันไปไง จับเสื้อไว้ทำไมวะ” เขากระซิบเสียงดุ หากอีกฝ่ายยังคงไม่ปล่อย

“กะ…ก็หมามันหอน ข้ากลัวนี่หว่า” คนตอบละล่ำละลัก หน้าสั้นศีรษะล้านเลี่ยน หันรีหันขวางอย่างหวั่น ๆ ขี้กลัวเสียจนน่าหมั่นไส้

“ปล่อยเลยแกนี่ ไม่ได้เรื่องสักคนพวกนี้ ไปทางนู้นเลยไป ไอ้ยาวเอ็งไปเป็นเพื่อนมัน ข้าจะไปทางนี้เอง” เขาพูดอย่างตัดรำคาญ

“โธ่ลูกพี่” เสียงคร่ำครวญเบา ๆ จากอีกฝ่าย ที่แม้จะอายุมากกว่า แต่สมองดูจะด้อยพัฒนากว่าชอบกล

“เออน่า รีบ ๆ จัดการให้เสร็จ ๆ แล้วจะได้กลับ เรื่องง่าย ๆ ได้เงินก็เยอะ แกอย่าเรื่องมากเลยน่า”

เพราะคำพูดนั้นเลยทำให้อีกฝ่ายเลิกโต้เถียง คนชื่อยาวจึงพยักพเยิดให้ตามมา



การเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนอยู่ในสายตาของร่างเล็กที่นอนกลิ้งอยู่บนขื่อบ้าน เท้าป้อมที่มีกำไลทองห้อยลงมาพลางกระดิกอย่างครุ่นคิด ใบหน้าใสมีรอยยิ้มน่ารักติดจะเจ้าเล่ห์ “พ่อพูดถูกจริง ๆ มีแขกมาเยอะเสียด้วย ฝากพี่เรียมต้อนรับที่ริมรั้ว กำจัดได้ไป 1 ยังเหลืออีกสาม…เอ จะเล่นอะไรดีน้า”

ดวงตากลมโตเป็นประกาย จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ทำอะไรสนุก ๆ แบบนี้มานานมากแล้ว เรื่องการแกล้งคนเนี่ย เป็นความสามารถอันดับหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ และเพราะแบบนี้ พ่อของเขาเลยนอนหลับอุตุซะสบายใจเฉิบ ขนาดรู้ทั้งรู้ ว่าคืนนี้จะมีคนลอบเข้ามาที่บ้านในคืนนี้

ใบหน้าใสยิ้มให้กับตัวเอง เพราะพ่อไว้ใจเขาสินะ แบบนี้ก็ต้องจัดชุดใหญ่ให้สักหน่อย

เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ถ้าจัดการไม่ได้ ก็ไม่ใช่เจ้าเคนแล้ว!

ยังไม่ทันเริ่มปฏิบัติการพิเศษ ร่างเล็กของเด็กหญิงผู้หนึ่งกลับโผล่ขึ้นมาข้างตัว เธอมีดวงตาสีฟ้า และผมสีทองสดใส อยู่ในชุดกระโปรงบาน สูงกว่าเคนเล็กน้อย มือบอบบางกอดตุ๊กตาหมีไว้แนบอก ร่างกึ่งโปร่งใสของเธอ หันมามองพลางยิ้มเผล่

เด็กน้อยผมจุกสะดุ้ง กระเถิบถอยห่างแทบไม่รู้ตัว “เจนนี่ ใครชวนเธอมากันเนี่ย”

“ใจร้ายจริงเคน ชวนคนอื่นทุกคน แต่ไม่ชวนเจนนี่” เธอว่าพลางนั่งลงที่ข้าง ๆ บนขื่อนั้น “พี่เรียมจัดการเสร็จไปคนนึงแล้ว เหลืออีกสามจะทำไงล่ะ”

พี่เรียมของทั้งสองคือหญิงสาวชุดขาวที่นั่งรอบนต้นไม้ริมรั้วนั่นเอง เธอเป็นผีสาวที่ตอนเป็นคนถูกคนรักทอดทิ้ง แล้วอินจัดในเรื่องขวัญกับเรียม ขนาดผูกคอตายแล้วยังคิดว่าตัวเองเป็นเรียมที่เฝ้ารอเจ้าขวัญอยู่นั่นเอง

คนฟังหัวเราะเบา ๆ “โชว์ชุดใหญ่ยังไม่ออกเลย รับรองสนุกแน่”

“ให้เจนนี่เล่นด้วยนะ” เธอเป็นผีเด็กน้อยที่เจมส์เก็บได้ในย่านตรอกข้าวสาร ตอนออกไปรับจ้างทำงานซ่อมท่อน้ำนอกสถานที่ เด็กลูกครึ่งมักจะเติบโตมาด้วยความยากลำบาก และขนาดตายแล้ว ก็ใช่ว่าจะสบาย ด้วยเจ้าที่หลายที่ล้วนแล้วแต่ตั้งแง่ กับผีลูกครึ่งที่ดูไม่เหมือนคนไทย พอมาอยู่ที่บ้าน ก็มีคนมาขอเธอไปเลี้ยง เจมส์เห็นว่าชะตาต้องกัน อาจจะเป็นมารดาของเด็กน้อยในชาติก่อน เขาจึงยินยอมให้นำสิ่งของแทนตัวเด็กหญิง ก็คือตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง กลับไปบูชา แต่แม้จะไปแล้ว ในบางครั้งเธอก็จะแว่บกลับมาเยี่ยมเยียนทั้งชายหนุ่ม…และเด็กน้อย ด้วยติดอกติดใจเสน่ห์ของเจ้าเคนเป็นพิเศษ

“เอ้า ก็ได้ เห็นว่านาน ๆ ทีหรอกนะ” เด็กน้อยพูดด้วยท่าทีเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา ก่อนจะโดนหอมแก้มฟอดใหญ่ เล่นเอาตกใจแทบตกขื่อไปเลยทีเดียว

“ฉันบอกแล้วไงเจนนี่ ว่าอย่าจูบ!”

“แม่ยังชอบหอมแก้มเจนนี่เลย ตอนที่ยังไม่ตายน่ะ” ดวงตากลมโตสีสวยเศร้าลง เมื่อเผลอคิดถึงมารดาเข้า

มือของเคนตบบ่าบอบบางนั้นเบา ๆ “ก็ได้ ๆ นาน ๆ ทีจะทำก็ได้ แต่อย่าบ่อยแล้วกัน” เขาพูดพลางเสมองไปอีกด้าน ด้วยแก้มที่เขินจนแดงเรื่อ เด็กสาวมองเด็กชายที่กำลังเขินอายพลางยิ้มหวาน เข้าใจว่าเคนต้องการจะปลอบใจเธอนั่นเอง

“เจนนี่รักเคนที่สุดเลย” เธอว่าพลางกอดเด็กชายไว้ เคนดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ กว่าจะหลุดจากอ้อมกอดคนตัวสูงกว่านั้นได้ ฮึ เขาก็แค่ตายตอนตัวเล็กกว่าเท่านั้น ผีที่ไม่มีการเจริญเติบโตต่อเนี่ย ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เด็กน้อยคิดในใจอย่างหงุดหงิด ที่ต้องตัวเตี้ยกว่าสาวเจ้า ไม่มีทางโตกว่าได้

“อ๊ะ มัวแต่นอกเรื่องซะนาน เดี๋ยวพวกนั้นก็ทำบ้านเลอะเทอะพอดี ไปกันเจนนี่ พวกพี่ ๆ คงรออยู่นานแล้ว”

“ชวนใครมาบ้างล่ะ พี่ลำไยที่เป็นกระสือ กับพี่แม้นผีหัวขาดสินะ” เธอพูดต่ออย่างรู้ดี ว่าก๊กผี ๆ ของเจ้าเคน มีใครบ้าง

“ฮื่อ แล้วยังมีพี่แก้ว ที่ตายทั้งกลมด้วย วันนี้ตาเจ้าที่ใจดี อนุญาตให้เข้ามากันได้เยอะเชียวแหละ”

“ฮึ มีแต่ผีสาว ๆ ทั้งนั้น” เจนนี่พึมพำอย่างน้อยใจ เพราะเคนไม่ยอมชวนเธออยู่คนเดียวจริง ๆ

“ก็พวกนี้อยากมาเจอหน้าพ่อนี่นา นาน ๆ ทีหรอก ตาเจ้าที่ถึงให้เข้ามา ปกติพ่อสั่งไว้ ว่าห้ามให้เข้ามารบกวน คงกลัวโดนลักหลับแน่ ๆ” ร่างเล็กว่าพลางหัวเราะคิกอย่างขบขัน พอนึกถึงสมัยก่อนที่พอเจมส์ตื่นมา ก็มีบรรดาผีสาว ๆ มานอนเป็นเพื่อนเสียเต็มเตียง คนมันมีเสน่ห์ก็ลำบากแบบนี้แหละนะ

“ไม่รีบไปดูแล เดี๋ยวพ่อเธอก็โดนลักหลับอีกหรอก”

จอมเจ้าเล่ห์ยักไหล่พลางหัวเราะเบา ๆ “พ่อไม่ได้สั่งให้ดูเรื่องนั้นนี่ ช่วยไม่ได้”

ว่าพลางหันมาหาเด็กหญิง “ฉันให้พวกพี่ ๆ ไปเฝ้าตามห้องต่าง ๆ แล้วล่ะ มีแค่ห้องพระ ที่พวกเขาไม่ค่อยอยากเข้าเท่าไหร่ แต่ห้องนั้นมีร่างฉันอยู่ เจนนี่ก็เคยอยู่ในนั้นมาก่อนนี่นะ คงไม่เป็นไร เราไปเฝ้าห้องนั้นกันดีกว่า ขืนให้พวกนั้นขโมยพระเครื่องของรักของหวงพ่อไปได้สักชิ้น มีหวังอดได้ของเล่นอีกเป็นปี”

“อื้ม ไปสิ” มือน้อย ๆ จับกันไว้ แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 08-07-2011 17:01:17
เสียงกุกกักดังเบา ๆ ในห้องครัว ก่อนร่างในชุดสีดำสนิททั้งสองจะย่องเข้าไปเสียอีก คนตัวผอมที่เดินนำหน้าชะงักรีบย่อตัวลงต่ำ โดยไม่ลืมที่จะลากเพื่อนก้มลงด้วย แม้ว่าตัวจะเตี้ยอยู่แล้ว

“มีคนอยู่ในครัว ไหนหัวหน้าบอกมันอยู่คนเดียวไง” เสียงพึมพำอย่างงุนงง หากผู้เป็นเพื่อนกลับส่ายหน้า แบบไม่รู้พอ ๆ กัน

“อาจจะเป็นแมวเข้ามาก็ได้นะ ครัวบ้านนี้เปิดโล่งจะตาย” ชายร่างเตี้ยคาดคะเน ครัวโบราณที่มีฝาบ้านแบบไม้ขัดเป็นตารางห่าง ๆ ให้ระบายอากาศได้ดีและหน้าต่างที่เปิดโล่ง ทำให้แมวหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ สามารถเข้ามาได้ง่ายจริงอย่างว่า

“เข้าไปดูก่อนดีกว่า เบา ๆ นะ” เสียงอีกฝ่ายกระซิบ คนฟังพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเพียงแค่แมว แล้วไม่เข้าไปดู มีหวังหัวหน้าเล่นงานยับแน่ อย่างน้อยก็ต้องดูให้ชัวร์ก่อน จะได้เอาไปอ้างถูก

เพราะโดนกำชับมาให้ค้นหาทุกซอกทุกมุม ดังนั้นในครัวยิ่งไม่ใช่ข้อยกเว้น ผงขาวหนักเป็นกิโล ๆ ขนาดนั้น อาจจะซ่อนไว้ตรงไหนก็ได้ ไม่แน่อาจจะหลายที่ หลายห้อง จึงจำเป็นต้องดูอย่างละเอียด

เสียงนั้นยังคงอยู่ แถมเหมือนจะดังขึ้นอีกด้วย มีเสียงเคี้ยว เสียงขย้ำ อาจเป็นพวกแมวที่กำลังจับหนูอยู่ก็เป็นได้

ทั้งสองค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทีละก้าว ก่อนลอบมองเข้าไปภายใน ห้องครัวมีบานหน้าต่างเปิดออกสู่ภายนอก ดังนั้นจึงมีแสงจันทร์ส่องเล็ดลอดเข้ามาได้เช่นกัน ในเงามืดดำตะคุ่ม จึงยังคงมองเห็นบางส่วนได้ราง ๆ และสิ่งที่เห็น…ก็คือศีรษะ…ที่มีผมยาวสยายกำลังก้มทำอะไรสักอย่าง อยู่ตรงโต๊ะเตรียมอาหาร

คนมองเผลอกลืนน้ำลายลงคอที่ฝืดเคือง รู้สึกคล้ายอยากอาเจียนขึ้นมาแทบจะในทันทีที่มองได้ชัด ภาพที่เห็นเป็นศีรษะของหญิงสาว…ที่มีเสี้ยวใบหน้าขาวสวยยามต้องแสงจันทร์…คงจะเป็นสาวที่งดงามผู้หนึ่ง…หากไม่ใช่ว่าเธอมาแต่หัว…พร้อมกับไส้ห้อยเป็นพวง!

เสียงแคร้งดังขึ้น เมื่อมือไม้ที่เผลอสั่น ไปแตะโดนก้านทัพพีจนมันหล่นลงมาที่พื้น ร่างนั้นหันควับกลับมาแทบจะในทันที และนั่นทำให้เห็นริมฝีปากสวยได้รูป…ที่เปื้อนไปด้วยเลือด

เธอคนนั้น กำลังคาบเครื่องในสด ๆ ก้อนหนึ่งไว้ในปาก ส่วนไส้ที่ล่องลอยเหนือพื้น ยังมีการส่องแสงเรืองในตัวเองจาง ๆ

ดวงตาของเธอก็เรืองแสงได้เช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ สองคนที่เมื่อครู่แข็งทื่อแทบเป็นหิน ก็โกยสี่ขาแน่บออกมา

“กะ…แกเห็นเหมือนข้าไหมไอ้เตี้ย” เสียงคนชื่อยาวสั่นสะท้าน หากพอหันมามองเพื่อนร่วมชะตากรรม เขากลับพบว่า เพื่อนเกิดสูงขึ้นมาผิดหูผิดตาเสียนี่     

“ไม่เห็นว่ะ พอดีกล้ามข้ามันบังตา” เสียงทุ้มแปลกหูตอบกลับ คนถามอึ้งไปแล้ว เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่นั้น ที่ตนเองจับมืออยู่ กลับเป็นร่างสุดล่ำที่ไร้ศีรษะเสียนี่!

“หะ…หัว…หัวแกไปไหนแล้ว” เขาถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“หัวเหรอ?...อ้าว ตาไม่ดีเรอะ อยู่นี่ไงล่ะ” มือข้างที่คล้ายถืออะไรกลม ๆ ส่งสิ่งนั้นให้กับมือ

พอรับมามองชัด ๆ เท่านั้น เขาก็ตะลึงงัน เมื่อได้สบตากับดวงตาแดงฉานในศีรษะที่ถืออยู่ ที่นอกจากจะมองกลับมาแล้ว ยังกลอกมองไปมาได้อีกด้วย ปากหนาได้รูปถัดลงมา ก็ยังคงแย้มยิ้ม แล้วขยับพูดขึ้นว่า

“เห็นชัดรึยัง หัวข้าอยู่นี่ไง!”

คนมองตาเบิกกว้าง ก่อนโยนหัวทิ้งแทบจะในทันที เสียงแผดร้องดังลั่น แล้วโกยแน่บออกจากตัวบ้านไป ปล่อยให้มือแข็งแรงนั้น เข้ามาหยิบหัวที่กลิ้งอยู่กับพื้น พลางบ่นพึมพำ

“โยนกันอย่างนี้ได้ไง มันเจ็บไม่ใช่เรอะ ถ้าข้าหมดหล่อขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”



หากในอีกด้าน เจ้าคนตัวเตี้ยหัวล้าน กลับวิ่งมาหยุดที่ห้องนอนรับแขก ในห้องนั้น มีเตียงเล็กสำหรับเด็กอยู่ด้วย ซึ่งเป็นเตียงที่มีคนซื้อมาบูชาให้เจ้าเคนนั่นเอง

เตียงเล็กมีกลไกให้แกว่งไกวได้ มือเรียวยาวของใครบางคน กำลังไกวพลางร้องเพลงกล่อมเด็กเสียงเย็นหวาน หากจู่ ๆ เสียงเพลงนั่นก็ชะงักงันไปเสียอย่างนั้น เหลือเพียงเสียงครางแผ่ว อย่างเจ็บปวดทรมานแทนที่

“ช่วย…ช่วยแก้วด้วย…แก้วจะ…จะคลอดแล้ว” เสียงของเธอขอความช่วยเหลือ

ร่างเตี้ยที่วิ่งมาจนหอบหยุดชะงักมองมาอย่างงุนงง หญิงสาวผู้นั้น มีท้องที่ใหญ่โตใกล้คลอดจริง ๆ ท่าทางที่ยืนกุมขอบเตียงอย่างทรมาน ทำให้อดไม่ได้ ต้องเข้าไปช่วยเหลือ

“ปะ…เป็นอะไรรึเปล่า จะคลอดเหรอ” เสียงชายในชุดดำนั้นถามอย่างตกใจ ร่างเล็กหันรีหันขวาง ไม่รู้จะช่วยยังไงดี

ใบหน้าขาวซีดหันมามองก่อนยิ้มให้ แม้ใบหน้าจะมีเหงื่อชุ่มโชก “ไม่…ไม่เป็นไรจ้ะพี่…แก้วคลอด…แล้ว เมื่อกี้เอง”

เธอว่าพลางชี้ให้ดูช่องท้องที่ถูกแหวะออก จนเห็นถึงอวัยวะภายในที่มีเลือดแดงฉาน สายสะดือเปื้อนเลือดโยงยาวออกมาบนตัวเตียงเล็กนั้น พร้อมกับมีอะไรบางอย่าง กำลังคืบคลานอยู่เบื้องล่าง

มือผอมบางของเธออุ้มสิ่งนั้นขึ้นมาอย่างถนอม ก่อนจะโชว์คนกำลังอึ้งเบื้องหน้า “ลูกของแก้วเองจ้ะ…น่ารัก…ใช่มั้ยจ๊ะ”

เด็กในมือเธอเนื้อตัวเปียกโชกด้วยเลือดและน้ำคร่ำ แต่กลับยังดิ้นไปมาพลางร้องได้ พอมองไปชัด ๆ เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นจากร่างเล็กหันกลับมาเนิบช้า ดวงตาโหลแสยะยิ้มไร้ฟัน หัวเราะเสียงดังชอบใจ

“ลองอุ้ม…ดูไหมจ๊ะ”

คนมองผงะถอย ก่อนหันหลังโกยอ้าวออกตามอีกคนเมื่อครู่ไปแทบจะในทันที



ตอนนี้จึงหลงเหลือเพียงหัวหน้าทีมร่างสูง ที่เดินสำรวจค้นหาของโดยลำพัง พอก้าวเข้ามาถึงห้องพระ เจ้าตัวก็ลอบยิ้มอย่างดีใจ

ห้องพระของที่นี่ใหญ่โตสมกับเป็นห้องของผู้มีอาคมติดตัว โดยจัดด้านหนึ่งวางโต๊ะหมู่บูชาชุดใหญ่ และจัดวางพระพุทธรูป พระเครื่องเก่าแก่ และสิ่งบูชาหลากหลายหน้าตาเต็มไปหมด สำหรับคนที่ดูพระเป็น ย่อมทราบถึงมูลค่าของสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

มือที่กำลังทำทีเป็นค้นหาของ กลับหันไปหยิบจับเพ่งดูพระเครื่อง ทำงานนอกเหนือหน้าที่อย่างสนอกสนใจ

“รุ่นนี้หายากเสียด้วย เอาไปขายต้องได้หลายหมื่นแน่” เขาพึมพำ

มือของใครบางคนสะกิดเรียก ชายชุดดำจึงหันไป และเห็นพระเครื่องอีกองค์ในมือเล็กนั้น “องค์นี้ดีกว่าฮะ หายากมากแถมราคาในตลาดสูงลิ่ว กว่าพ่อจะประมูลมาได้ แทบต้องขายบ้าน”

“จริงเหรอ” เขารับมาอย่างสนใจ ก่อนจะหันควับไปด้านข้างอย่างตกใจ ว่าใครเป็นคนส่งของให้

ด้านข้างมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยสักคน เขามองของในมืออย่างประหลาดใจ เริ่มรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

มือที่ถือพระเครื่องกำแน่น สอดส่ายสายตาหาคน จะต้องมีใครซ่อนอยู่แถวนี้แน่ ๆ ผีน่ะ มีจริงซะที่ไหน

ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงเด็กสองคนหัวเราะ เสียงฝีเท้าวิ่งวนไปมารอบตัว เล่นเอาเขาถึงกับชะงัก พยายามพูดเอาเสียงเข้าข่ม “นั่นใครน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

มือที่ชักปืนขึ้นมา กวาดไปรอบ ๆ พร้อมจะยิงทุกอย่างที่โผล่ออกมา

เสียงหัวเราะขบขันดังกว่าเดิม เมื่อเสียงใสพูดขึ้นว่า “พวกพี่ ๆ ฮะ มาเล่นกันเถอะ พี่ชายในห้องเขาอยากเล่นกับเราเต็มแก่แล้วล่ะฮะ”

จู่ ๆ ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกดังผลัวะ พร้อม ๆ กับหน้าต่างที่เปิด ๆ ปิด ๆ เสียงดังปัง ๆ เป็นระยะ คนในห้องสะดุ้งโหยง มองไปด้านนอก แล้วก็ได้เห็นหัวของหญิงสาว ที่ล่องลอยไปมาอยู่นอกหน้าต่างนั้น พร้อมกับไส้อีกพวงใหญ่ ริมฝีปากสีสดของเธอมองดูสดกว่าเก่า ด้วยรอยเลือดจากการกินเครื่องในสด ๆ แล้วไม่ได้ปาดเช็ด ซึ่งในตอนนี้กำลังฉีกยิ้มหวานส่งมาให้จนคนมองเริ่มขนลุก

“เฮ้ย อะไรน่ะ”

ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีหัวของผู้ชาย…ใช่ มาแต่หัว โผล่มาที่หน้าต่างอีกบาน โดยมีมือใหญ่ข้างหนึ่ง ถือมันไว้ นัยน์ตาเล็กเรียวกลอกไปมาก่อนยิ้มทักโชว์ฟันครบ 32 ซี่ ด้วยกรามคมสันรับโครงร่างอันล่ำบึ้กที่ตอนนี้ถูกตัดขาดจากกันตรงลำคอหนา

ประตูที่เปิดออกก็ยังคงมีหญิงสาว ที่สวมชุดคลุมท้องเปื้อนเลือด เด็กทารกยังพึ่งคลานออกมาจากหน้าท้องที่ถูกแหวะ และดิ้นไปมาพลางแสยะยิ้มให้อย่างเชิญชวน

เสียงเด็กหัวเราะประสานเสียงกับพวกตัวประหลาดรอบนอก ทำให้เขาเผลอปล่อยของในมือร่วงลงพื้น แล้วรีบอุดหูอย่างตกใจ เสียงร้องดังลั่นด้วยความหวาดกลัว หลับหูหลับตาวิ่งฝ่าออกไป ทางประตูรั้วที่เปิดอ้ารอไว้

พอลับร่างคนสุดท้ายที่แตกตื่นจากไป ประตูรั้วก็ปิดลง พร้อมกับเสียงตะโกนไล่หลังให้ได้ยินว่า “ว่าง ๆ ก็มาเยี่ยมกันใหม่นะฮะ พวกเราจะรอ!”



ยามเช้ามาเยือนหลังค่ำคืนอันแสนวุ่นวาย เจมส์บิดกายอย่างเมื่อยล้านิด ๆ รู้สึกได้ว่าร่างกายนั้นหนักอึ้ง หากพอลืมตาตื่น ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเผลอประสานตา กับบรรดาผี ๆ ที่นอนอยู่บนเตียงเคียงข้างไม่มีห่างอยู่หลายตน

“เฮ้ย มาจากไหนกัน! พี่ลำไย พี่เรียม พี่แม้น น้องแก้ว เจนนี่ ตื่นให้หมดเลยนะ!” เขาอุทานอย่างตกใจ แต่ต้องตกใจกว่าเดิม เมื่อรู้สึกได้ถึงผ้าที่โป่งพอง ตรงโคนขาคล้ายมีอะไรบางอย่างนอนหนุนอยู่ ชายหนุ่มดึงผ้าห่มออกในคราวเดียว แล้วพบว่าใต้ผืนผ้า ยังมีกุมารทองตัวน้อยนอนขดอยู่ตรงหน้าขาของเขาอย่างสบายอารมณ์

“อ้อ เจ้าเคนก็อยู่ด้วย” คนมองเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที พลางมองร่างเล็กที่ขยี้ตาผุดลุกขึ้นนั่งอย่างง่วงงุนอย่างคาดโทษ

เจ้าเคนเป็นตัวการ มิน่าล่ะ ตัวเขาถึงได้หนักนัก เพราะโดนผีพวกนี้อำนี่เอง ดีว่าไม่ได้โดนลักหลับล่ะ

“อ้าว…ตื่นแล้วเหรอฮะพ่อ”

“ออกไปให้หมดทุกตัวเลยนะ!” เสียงเจมส์ตะโกนไล่

“โธ่ พ่อล่ะก็ พวกเขาอุตส่าห์ช่วยทำงานให้ทั้งคืน แค่ให้นอนใกล้ ๆ ขอดูดกลืนพลังชีวิตของพ่อนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง อย่างกไปหน่อยเลย”

“ผีสาว ๆ ก็พอทน ไหงกระทั่งพี่แม้นก็ยังต้องมานอนกับฉันด้วยเล่า” เขาหมายถึงผีหัวขาดหนุ่มผู้นิยมกล้าม ซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างออกไป แถมยังกอดเอวเขาไว้ตอนกำลังหลับเมื่อครู่เสียอีก

“ล่ำ ๆ ไม่ชอบหรือไงฮะ” เจ้าตัวแสบว่าพลางหัวเราะคิก

“ไม่รู้ล่ะ ท่านเจ้าที่ จับพวกนี้ออกไปให้หมดเลยนะ ถ้าผมไม่อนุญาต ห้ามให้เข้ามาล่ะ โดยเฉพาะในห้องนอนนี่” เขาสั่งเสียงเข้ม

พริบตาเดียว ทั้งหมดก็หายวับไป เหลือเพียงเจ้าเคน ที่เข้านอกออกในได้ตลอดโดยไม่มีใครว่า

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพลางมองเด็กน้อย แล้วถามขึ้นว่า “เมื่อคืนเล่นอะไรไปบ้าง คงไม่มีใครช็อคตายใช่มั้ย พ่อไม่อยากให้บาปกรรมมันติดตัวพวกเจ้าเพิ่มหรอกนะ”

ร่างเล็กหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีหรอกฮะ แค่เล่น ๆ พอหอมปากหอมคอ แต่ถ้าหัวโกร๋นหรือผมขาวทั้งหัว หรือเป็นพวกไข้จับสั่น อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“ถ้าแค่นั้นก็สมควรแล้ว อยากเข้ามายุ่งกับเราก่อนเองนี่นะ” เขาว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะหันมาทำตาดุใส่เด็กน้อย “อ้อ แต่ทีหลัง อย่าเชิญชวนพวกผี ๆ เข้ามาในนี้ล่ะ เกิดโดนอำหายใจไม่ออกตายไปจะว่าไง”

“ก็พวกพี่ ๆ เขาทำงานให้พ่อนะฮะ มันก็ต้องตอบแทนเขาหน่อยสิ เอาน่า นิด ๆ หน่อย ๆ เอง”

“เดี๋ยวพ่อจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เอง ใครบอกให้เอาร่างกายไปแลกกัน” คนพูดยังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้ง

ร่างเล็กกระแซะเข้าหาอย่างออดอ้อน “พ่อฮะ อย่าโกรธผมนะฮะ ผมก็แค่อยากทำ..ให้พ่อดีใจเท่านั้นเอง” ดวงตากลมโตหลุบต่ำ ทำท่าเสียใจเสียเต็มประดา

คนมองมาถอนใจยาวอย่างโกรธไม่ลง เด็กมันอ้อนเสียขนาดนี้ ใครโกรธลงก็แย่แล้ว เสียงที่ตั้งท่าจะดุเลยอ่อนลงอัตโนมัติ

“เอ้า ก็ได้ ๆ ไม่โกรธก็ได้ ไม่โมโหด้วย” มือของเขาเอื้อมมาสัมผัสกายละเอียดของเด็กน้อย แม้จะบางเบา แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ มือนั้นลูบผมนุ่มอย่างอ่อนโยนก่อนยิ้มให้ “เอาเป็นว่า…ลูกทำได้ดีมาก วันนี้พ่อขอบคุณละกัน”

“ฮะพ่อ รักพ่อที่สุดเลย” ร่างเล็กนั้นกอดเอวชายหนุ่มไว้ แม้จะกอดไม่ถึงสักเท่าไหร่ เพราะตัวนั้นเตี้ยเพียงแค่โคนขาของชายหนุ่มเท่านั้นเอง

“อืม ก็เพราะมีเจ้าแหละนะ บ้านนี้ถึงไม่เงียบเหงา เอาล่ะ ได้เวลาทำงานเสียที” เขาว่าพลางเปิดตู้เสื้อผ้า

“วันนี้มีงานอะไรเหรอฮะ” เด็กน้อยถามกลับ พ่อของเขามีงานยุ่งทุกวันจนไม่น่าแปลกใจนัก แต่พอเปิดตู้เลือกเสื้อผ้าสวย ๆ ทีไร เป็นต้องไปทำงานแบบโชว์ความหล่อแทบทุกที

“คุณประจักษ์ติดต่อให้ไปถ่ายแบบแก้ขัดอีกแล้ว ไม่น่าเผลอรับปากไปเลยสิให้ตาย โทรตามซะเรื่อย นายแบบนางแบบนี่ขยันป่วยกันซะจริง” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ

คนฟังหัวเราะเบา ๆ รู้ดีว่าจริง ๆ แล้ว ประจักษ์คงอยากได้ชายหนุ่มมาเป็นนายแบบ มากกว่าจ้างคนอื่นเสียอีก เด็กน้อยรู้ว่าเจมส์ก็พอรู้ แต่เขาก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่าย ที่เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ต้องผิดหวัง เพราะขี้เกียจฟังเสียงบ่นจากเจ้าเพื่อนแสนดี คนแนะนำมา

“วันหลังคงต้องบอกเจ้านัทแล้ว ว่าไม่ต้องเอาฉันไปเสนอขายใครอีก” เขาพูดขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่นัทเขาหวังดีหรอก พ่อจะได้มีเงินไปซื้อของเล่นให้ผมไง”

เพราะช่วงหนึ่งเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ธนัทเพื่อนซี้ของเขาจึงช่วยหางานให้ อันนี้เจมส์ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ขอโวยสักนิด คงไม่เสียหายเท่าไหร่ เพราะโดนอีกฝ่ายใช้งานจนคุ้มมาหลายงานแล้ว

“ไม่ต้องเลยเรา เห็นคนอื่นดีไปหมดนะ คนเหนื่อยน่ะมันฉัน เข้าใจไหม เก๊กหล่อบ่อย ๆ เดี๋ยวกลายเป็นหุ่นโชว์หุบยิ้มไม่ลงกันพอดี”

“ก็ใครให้พ่อของผมเท่ขนาดนี้ล่ะ ถ้าผมเป็นคนคงซื้อหนังสือที่ลงรูปพ่อหมดทุกเล่มเก็บไว้ดูแล้ว”

“เฮอะ ขี้เกียจจะพูดแล้ว ไปดีกว่า จะไปด้วยหรือจะเฝ้าบ้านล่ะ”

ร่างเล็กผุดลุกขึ้น แม้ตัวจะค่อนไปทางโปร่งใส “อ๊ะ พ่อเนี่ย รอด้วยสิฮะ เรื่องอะไรจะอยู่เฝ้าบ้าน ตาเจ้าที่น่าเบื่อจะตาย ไปกับพ่อสนุกกว่า”

“ถ้างั้นก็เลิกพูดได้แล้ว ทำงานให้เสร็จ ๆ เผื่อจะได้…”

“แวะหาคุณตำรวจ!”

คนพูดชะงัก เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายต่อให้ อย่างแทงใจดำ

“กะ…ก็มีคนมาบุกรุกบ้านนี่ จะแจ้งความก็ไม่แปลกไม่ใช่รึ” เขาเสพูดแก้ตัว

“นั่นสินะฮะ แถมตำรวจที่ญาติดีกับพวกเรา ก็มีแค่ ‘คุณตำรวจ’ คนเดียวเสียด้วย”

“เออ ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่เลิกรู้ทันล่ะก็ ของเล่นที่จะซื้อให้วันนี้จะงดแล้วนะ”

“อ๊ะ พ่อใจร้าย ไหนว่าวันนี้ผมทำงานได้ดีไงล่ะฮะ” ร่างเล็กรีบท้วง

“ปลาหมอยังตายเพราะปากได้ กุมารทองก็อดได้ของเล่น เพราะปากได้เหมือนกัน” เขาว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงาน โดยไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าเคนอีก แม้จะแอบหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นอีกฝ่ายงอนแก้มป่องไปเรียบร้อย



“เจ้าพวกบ้า ทำงานประสาอะไร แหวกหญ้าให้งูตื่นซะขนาดนี้” ชวรัตน์โวยวายเสียงดังลั่นออกมาจากในห้อง จนสาวใช้ที่กำลังยกอาหารเช้ามาชะงักด้วยความตกใจ เช้านี้มีโทรศัพท์มากวนเจ้านายของเธอแต่เช้าตรู่ และท่าทางจะเป็นการส่งข่าวที่ไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่เสียด้วย

ชวรัตน์เอนกายลงกับเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง เขายังคงอยู่ในชุดนอน เพราะพึ่งตื่นได้ไม่นาน ข่าวที่ได้รับในเช้านี้ เล่นเอาเขาหงุดหงิดไปหมด เพราะนอกจากจะไม่สามารถรื้อค้นหาของในบ้านเป้าหมายได้แล้ว คนของเขาตั้งสี่คน ต่างจับไข้หัวโกร๋น พูดจาไม่รู้เรื่องไปตาม ๆ กัน เท่าที่จับใจความได้ ก็มีเพียงว่าโดนผีหลอก แถมยังน่ากลัวมากอีกด้วย

“เออ ๆ รีบจัดการให้เรียบร้อยล่ะ อย่าให้มันสาวมาถึงฉันได้ จัดการส่งพวกมันเข้าโรงพยาบาลบ้าไปก่อนชั่วคราวก็ได้ พูดมากนักจะพาซวยเอา” เขาพูดต่อกับโทรศัพท์อย่างใส่อารมณ์ เสียงขอโทษขอโพยตามสายยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง

คนฟังเริ่มใจเย็นลงอีกหน่อย เมื่อคิดเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ลองมีผีแบบนี้ ไม่แน่นัก เป้าหมายเขา คงจะต้องเป็นคนใช้อาคมคนนั้น ที่มาขัดขวางตอนหมอคงทำพิธีจัดการชิดชัยแน่ ๆ

แบบนั้นส่งคนธรรมดาไป ก็คงทำอะไรไม่ได้ ในเมื่ออีกฝ่าย มีดีกว่าที่คิด

ร่างทรงอำนาจถอนใจยาวก่อนจะออกคำสั่งกลับทางโทรศัพท์อีกครั้ง

“ตามหมอคงให้ฉันด้วยล่ะ เล่นกับผีก็ต้องใช้หมอผีซะแล้ว ให้มันรู้กันว่าใครจะแน่กว่าใคร!”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-07-2011 17:29:11
ตอนนี้ไม่มีคุณตำรวจเลยแฮะ  น้องเคนเป็นพระเอกล่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 08-07-2011 18:02:59
พี่เรียมอย่างฮา :m20:
น้องเคนเจนนี่น่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Vidh ที่ 08-07-2011 19:02:52
 o13 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-07-2011 19:27:47
อิอิ สนุกกันจนได้เรื่องเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 08-07-2011 19:35:31
สนุกมากเลยครับ บรรดาผีๆทั้งหลาย  เคนน่ารักจังเลยมากอดทีนะ  สนุกครับเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 08-07-2011 20:02:03
 :laugh:

น่าติดตามมากกก

พวกผีๆ ฮาดีครับ

พึ่งเคยเห็นหมอผีหล่อ ล่ำขนาดนี้มาก่อน  มันเริ่ดดดดซะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-07-2011 20:26:18
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-07-2011 23:55:14
บรรดาผีๆน่ารักจัง 555+ o3
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 09-07-2011 00:28:23
เป็นการอ่านนิยายที่มีตัวละครเป็นผีมากมายหลายตน หลายแบบ และหลอกหลากหลายวิธี
แต่ไม่รู้สึกกลัวเลยเด้อ
มนต์ดำกำลังจะได้สู้กับมนต์ขาว รอลุ้นกันตอนต่อไป
และที่สำคัญ รออ่านตอนหน้าที่เจมส์จะไปพบนายตำรวจรูปหล่อน่ารักนายนั้น
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: samsoon@doll ที่ 09-07-2011 02:57:56
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยชอบน้องเจนนี่ 5555555555555
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 09-07-2011 13:28:41
จะหล่นแล้วมาดันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-07-2011 16:49:37
น้องกุมารเคน กะน้องเจนนี่น่ารักจังเลย :o8:
แต่คิดไปคิดมา เป็นผีนี่หว่า แว้กกก  o22
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 3 (8/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 09-07-2011 19:13:32
วันนี้ไม่มีคุณตำรวจเลย....
เคนจังนี้ช่างน่ารักจริงเชียวว
คราวหน้าคงเจอศึกหนักแน่ หมอผีปะทะหมอผี
พ่อจ๋า ของหนูหล่อมากกกกกก เท่ห์สุดๆ ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 10-07-2011 11:36:01
สืบเสน่หา

ตอนที่ 4


(ตอนที่ 4/1)


โรงพักแสนว่างในยามบ่ายอันชวนง่วงงุนทำให้คนในเครื่องแบบเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เต็มแรงก่อนหลับตาลงหาวหวอด วันนี้เป็นวันที่เขาต้องอยู่เวร แถมพวกพ้องก็โดนเกณฑ์ไปทำงานอื่นนอกสถานที่กันเสียหมด ทิ้งเขาอยู่โยงเพียงลำพังจนบรรยากาศในโรงพักเริ่มเงียบเหงา

และเพราะคิดว่าช่วงนี้คงไม่มีใครเข้ามาติดต่ออะไร ปวินต์จึงลืมตัวกว่าที่เคย หากเสียงหัวเราะของใครบางคน ก็ทำให้ผู้กองหนุ่มเผลอผุดลุกนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติจนได้

“พึ่งรู้ว่าคุณหาวแบบนี้เป็นด้วย” เสียงคุ้นหูติดจะกวนประสาทนั้นแทบจะไม่ต้องลืมตามองก็รู้ว่าใคร เจมส์ในวันนี้แต่งชุดสุดเท่อีกแล้ว เขาเลยสันนิษฐานได้อย่างง่าย ๆ ว่า เจ้าตัวคงไปรับจ๊อบเดินแบบอีกแหง ๆ แล้วจึงค่อยแวะมาหาหลังงานเสร็จ

“ผมไม่ใช่หุ่นยนต์นะ ยังต้องกินต้องอยู่ แล้วก็ต้องนอนเหมือนมนุษย์ปถุชนคนทั่วไปเหมือนกัน” ปวินต์สวนกลับแทบจะในทันที จนคนฟังลอบอมยิ้ม ร่างสูงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะโดยไม่รอให้ตำรวจหนุ่มอนุญาต ก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ก็ผมคิดว่าคุณเป็นโรโบคอปนี่นา เห็นไม่ว่าทำอะไร ก็ดูซีเรียสไปซะทุกที”

“นั่นมันหน้าที่ต่างหาก…ฉันเป็นตำรวจก็ต้องทำแบบนั้นสิ ว่าแต่นายน่ะ มานี่เพราะโดนจับข้อหาลวนลามใครเข้าหรือไง”

“โห ผู้กองครับ เจอหน้ากันก็ยัดข้อหาให้เลย ผมน่ะ มาเป็นเจ้าทุกข์นะครับ ไม่ใช่ผู้ต้องหา พูดแบบนี้เดี๋ยวผมฟ้องกลับซะนี่”

“ฟ้องกลับข้อหาอะไรไม่ทราบ” เสียงถามห้วนสั้น ติดจะบึ้งตึงเล็กน้อย นิสัยเสียอย่างหนึ่งของปวินต์ก็คือ ไม่ชอบให้ใครมาพูดจาดูถูก หรือลบหลู่อาชีพตำรวจอันทรงเกียรติ ที่เขาภาคภูมิใจเสมอมา ดังนั้นเวลามีใครทำแบบนั้น เขาจะเริ่มเสียงแข็งขึ้นแทบจะในทันที มันเป็นนิสัยที่เขารู้ดี แต่แก้ไม่เคยได้เลยสักครั้ง

“ข้อหาขโมยหัวใจของผมไปน่ะสิครับ” คนพูดย้ำชัดถ้อยชัดคำด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ไม่สะทกสะท้าน

คำพูดแสนเลี่ยนนั้นกลับทำให้คนฟังเผลอหน้าแดงจนต้องรีบทำทีจัดเอกสารเก็บอาการเขิน ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดจาจีบกันซึ่งหน้าแบบนี้อีกแล้ว ปวินต์แสร้งตีสีหน้าเคร่งพูดขึ้นว่า

“มีอะไรก็ว่ามา คุณประชาชนผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง”

คำพูดเหน็บแนมแถมประชดทำให้คนฟังอารมณ์ดีขึ้นไปอีก เจมส์แน่ใจว่าถ้าวันไหนเขาไม่ได้ยินเสียงเหน็บแนมจากคุณตำรวจ บางทีเขาอาจจะนอนไม่หลับ

“ผมมาแจ้งความครับ เมื่อวานมีโจรขึ้นบ้านผม” ชายหนุ่มตอบง่าย ๆ แต่อีกฝ่ายกลับแทบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ

“อะไรนะ! พวกมันทำอะไรนายรึเปล่า?” ปวินต์ถามอย่างร้อนรน ดวงตาคู่สวยกวาดมองร่างอีกฝ่ายขึ้นลง จนแน่ใจว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดี จึงลอบถอนหายใจออกมา

“เป็นห่วงผมเหรอครับ ดีใจจัง” ใบหน้าแกร่งยิ้มน้อย ๆ “แต่ผมไม่เป็นไร ได้ลูกชายช่วยไว้น่ะครับ”

ตำรวจหนุ่มสะดุดกึก ที่แท้ก็มีลูกมีเมียแล้วเหรอเนี่ย ยังจะมาจีบคนมั่วซั่วไปหมดแบบนี้ ไม่รับผิดชอบเอาเสียเลย

และเพราะคิดแบบนั้น เลยทำให้อารมณ์ของปวินต์ แอบขุ่นมัวโดยไม่รู้ตัวแทบจะในทันที

“ถ้างั้นก็เล่ามา ว่ามีอะไรสูญหาย หรือเสียหายบ้าง จะได้ลงบันทึกประจำวันไว้” น้ำเสียงตอบกลับเริ่มเย็นชา

“ถ้าบอกหัวใจผมหาย คุณตำรวจจะตามหาให้ไหมครับ”

ดวงตาคมมองกลับด้วยแววตาน่ากลัวแทบจะในทันที “เอามาแต่เนื้อ ๆ น้ำกับเรื่องไร้สาระไม่ต้อง!”

“ตำรวจที่ดีต้องใกล้ชิดประชาชนสิครับ ดุขนาดนี้ใครจะกล้ามาแจ้งความกัน” เจมส์พูดยิ้ม ๆ แต่ยังคงเข้าเรื่องตามที่อีกฝ่ายต้องการ เพราะรู้ดีว่าล้อเล่นมากกว่านี้ อาจจะทำให้อีกฝ่ายโกรธเขาแทนได้

“เมื่อคืนมีคนลอบเข้ามาในบ้านผม ทั้งหมดสี่คน ทุกคนใส่ชุดดำ เข้ามาก็พยายามรื้อค้นหาอะไรสักอย่าง แต่ว่าคงไม่ได้อะไรไป เพราะไปเจอลูกชายของผมเข้าเสียก่อน”

“แล้วลูกชายนาย…ปลอดภัยรึเปล่า” ผู้กองหนุ่มถามต่อ อย่างอึกอักเล็กน้อย และมันทำให้คนฝั่งตรงข้ามลอบยิ้ม โดยไม่คิดจะอธิบายความเข้าใจผิดนั้น

“ลูกชายผมฉลาดน่ะ เขาเลยจัดการไล่พวกนั้นไปจนหมด โดยที่พวกมันไม่ได้อะไรไปเลย แต่ผมคิดว่า พลเมืองดีอย่างผม ควรจะมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ถูกไหมครับคุณตำรวจ”

ปวินต์ปั้นสีหน้าเป็นทางการกว่าเดิม ก่อนพยักหน้ารับ “คุณทำถูกต้องแล้ว ผมจะลงบันทึกไว้ และเรื่องสำคัญ…ถ้าคุณรู้อะไรเกี่ยวกับคดีนั้น กรุณาเล่าให้ผมฟังให้หมดเถอะครับ มันจะช่วยในการทำรูปคดี และคุณเอง ก็จะได้ไม่ต้องตกเป็นเป้าของพวกนั้นด้วย”

“คุณคิดว่า พวกที่มา เกี่ยวข้องกับคดีนั้นงั้นเหรอครับ” เจมส์ถามขึ้น โดยทำทีไม่ใส่ใจต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปของปวินต์

“ก็อาจจะใช่ แต่ยังไง ก็ควรระวังมากกว่านี้นะครับ คุณเจมส์”

“เจมส์สิครับ ไหนคุณว่าจะเป็นเพื่อนของผมแล้วไง” ชายหนุ่มแย้ง

“คุณเจมส์แหละดีแล้ว ในเมื่อคุณไม่ยอมบอกเรื่องนั้นให้ชัดเจน ผมคงยังเป็นเพื่อนกับคุณไม่ได้” ปวินต์ตัดบท “อ้อ แล้วก็…ผมจัดการลงบันทึกให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ เชิญคุณกลับบ้านได้” ประโยคหลังเริ่มเป็นการไล่กลาย ๆ

คนฟังยักไหล่น้อย ๆ ก่อนลุกขึ้น “น่าเสียดาย ผมคิดจะชวน ‘เพื่อน’ ของผม ไปทานอาหารค่ำด้วยกันเสียหน่อย แล้วก็จะได้เล่าเรื่องที่เขาอยากฟังให้ฟังด้วย แต่ถ้าเขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมแล้ว ก็คงได้แต่ต้องตัดใจ”

ว่าแล้วเขาก็ตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ปวินต์รีบลุกขึ้นเรียกเขาไว้ในทันที

“เดี๋ยวสิเจมส์ อย่าพึ่งไป” เสียงเรียกที่ดูกันเองกว่าเดิมลิบลับ ทำให้เจมส์อมยิ้ม ก่อนหันมาสมตาอีกฝ่าย

“ว่าไงครับ คุณจะตกลงเป็นเพื่อนกับผมไหม”

ปวินต์อึ้งไป รู้ดีว่าถูกย้อนเข้าให้เสียแล้ว “เอ้า เป็นก็เป็น แต่ผมต้องเข้าเวร ไว้ตอนค่ำคุณเสร็จ ‘งานหลอกลวงประชาชน’ ซะก่อน ค่อยโทรมานัดผมแล้วกัน” ขนาดพูดแค่นี้ยังไม่วายเหน็บแนมอีกจนได้ เล่นเอาเรียกรอยยิ้มจากเจมส์ได้ชะงัดนัก

พอเห็นคนฟังยิ้มกว้าง แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ดูเท่และน่ารักกว่าที่เคย ทำเอาปวินต์เองยังแอบใจเต้น

เจมส์พยักหน้ารับ “ตกลงครับ แล้วคืนนี้ผมจะโทรไปหานะครับ” ว่าแล้วเขาก็เดินฮัมเพลงลงจากโรงพักไป อย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ



แดดร่มลมตก อากาศกำลังเย็นสบาย สำนักพ่อปู่วันนี้ลูกค้าน้อยกว่าทุกวัน เจมส์จึงตัดสินใจปิดตำหนักไวกว่าปกติเล็กน้อย เพราะจู่ ๆ เขาก็รู้สึกสังหรณ์ไม่ดี ว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นได้ และลางสังหรณ์ของเขาค่อนข้างแม่นมาตลอดอยู่แล้ว

สายลมเริ่มพัดแรงโดยไม่บอกกล่าว แถมยังหอบพัดเอากลิ่นโชยแปลก ๆ เหมือนซากศพลอยมาด้วย สัญญาณเริ่มไม่ดีมากขึ้น เจมส์รู้ได้ในทันที ว่าฝ่ายตรงข้าม ตัดสินใจรุกเขาเข้าแล้ว…ในทางคุณไสย

ถ้าเป็นเช่นนั้น อันตรายจะยิ่งมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทรบอกยกเลิกนัดกับปวินต์ เพราะไม่อยากลากอีกฝ่ายเข้ามาเดือดร้อนด้วย

เขาคงคิดไว้ไม่ผิด หลังจากการตอกกลับด้วยการส่งผีไปหลอกคนพวกนั้นอย่างจงใจ เจ้าหมอผีตัวการหลักนั่น จะต้องโผล่ออกมาแน่ ๆ

ตอนนี้เขาเองอยู่ในที่แจ้ง ในขณะที่อีกฝ่ายอยู่ในที่ลับ จะอย่างไร ก็คงไม่ปลอดภัย

ดังนั้นเขาจึงจงใจ บอกให้เจ้าเคนจัดการกับคนพวกนั้น เป้าหมายก็คือการดึงเจ้าตัวร้ายกาจกว่าในที่ลับ ออกมาที่แจ้งด้วยเช่นกันนั่นเอง

เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือได้เร็วขนาดนี้ จึงได้เผลอใจบอกนัดปวินต์เข้า แต่ลางสังหรณ์นั่น…ก็บอกกับเขาว่า วันนี้เขาไม่ควรไปไหน ถ้าพวกมันลงมือเล่นงานเขาวันนี้จริง ก็แสดงว่าพวกมัน…รีบร้อนด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง และสิ่งนั้นก็อาจจะทำให้เขาเป็นต่อได้อีกด้วย ถ้าสามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไร



ตำรวจหนุ่มที่ปลายสายอีกด้านขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจหลังฟังคำแก้ตัวอย่างชักแม่น้ำทั้งห้าของอีกฝ่าย เจมส์กำลังอยากจะบอกเรื่องราวสำคัญกับเขาแล้ว ยังอุตส่าห์หาเหตุเลื่อนได้อีก แถมยังพูดจาอ้อมแอ้ม คล้ายต้องการปิดบังอะไรบางอย่างกับเขามากขึ้นเสียด้วย

“งั้นผมไปหาคุณที่บ้านก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากออกไปไหน” ปวินต์ตัดสินใจรุกขึ้นก่อน

“อย่าเลยครับ วันนี้ผมไม่สะดวกจริง ๆ” เสียงตอบกลับดูมีพิรุธนัก ถ้าเป็นปกติแล้ว เจมส์คงจะแกล้งเขาด้วยการหยอดคำหวานเชิญชวนให้มาบ้านอย่างยินดีมากแน่ ๆ

“ก็ได้ ไว้วันหลังก็แล้วกัน” ตำรวจหนุ่มตัดบทง่ายเกินคาด

“เฮ้อ เสียดายจัง งั้นวันหลังผมจะไปทานข้าวที่บ้านคุณนะครับ อย่าลืมเตรียมเมนูพิเศษไว้รอผมล่ะ” เจมส์ตอบกลับอย่างเสียดายจริง ๆ เพราะตลอดบ่ายเผลอฝันหวานว่าจะได้ออกไปหาใครบางคนจนอารมณ์ดีผิดหูผิดตา แต่สุดท้ายนัดสำคัญ ก็มีอันเป็นหม้ายเสียนี่

“อืม เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นแค่นี้นะ” ปวินต์ตัดบทอีกครั้ง หากเจมส์ที่กำลังจดจ่อกับเรื่องอื่นอยู่ กลับมิได้สังเกต

“โอเคครับ แล้วผมจะโทรหาคุณใหม่อีกที วันนี้นอนหลับฝันดี แล้วก็ฝันถึงผมด้วยนะครับ”

“ใครจะไปฝันถึงนายกัน ฝันร้ายล่ะไม่ว่า!” อีกฝ่ายตอบกลับ ก่อนวางหูไป ทิ้งให้อีกฝั่งของสัญญาณ หัวเราะกับตัวเองอย่างเบิกบานใจกว่าเดิม หากยิ้มคนเดียวอยู่ได้ไม่นาน เสียงเจ้าเคนก็ทำให้เขาชะงัก

“พ่อฮะ…รีบเตรียมตัวเถอะ ผมรู้สึกไม่ดีเลยฮะ”

“อืม พ่อก็รู้เหมือนกัน ‘มัน’ กำลังจะมาแล้ว” เขาตอบกลับ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มหยิบชุดขาวชุดใหม่ออกมา ก่อนจัดการอาบน้ำชำระร่างกายแล้วผลัดเปลี่ยนชุดใหม่ ทำใจให้สงบสะอาดกว่าเดิม เขารู้ดีว่าการตั้งรับ จะอย่างไรก็ต้องมีสมาธิที่แน่วแน่ และเพื่อการนั้น จะต้องทำตัวให้ผ่อนคลายให้มากที่สุดเสียก่อน

เจมส์หยิบลูกประคำคล้องคอ พร้อมกับหยิบมีดหมอด้ามสำคัญ ที่พ่อของเขาทิ้งไว้ให้ก่อนตายขึ้นมาอย่างทะนุถนอม มือเรียวยาวพนมมือเข้าหากัน โดยมีมีดหมออยู่ตรงกลาง แล้วจรดมันเหนือศีรษะ ก่อนทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิที่เบื้องหน้าโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ แล้วบรรจงวางมันลงบนพานเบื้องหน้า

ร่างแกร่งหลับตาลงสวดมนต์แผ่วเบาหากหนักแน่น ค่อยโน้มนำกระแสจิตให้เป็นสมาธิอย่างช้า ๆ เปิดจิตจากกายละเอียดที่รับสัมผัสลี้ลับได้ดีกว่าไว้รออย่างไม่ประมาท

รอบบ้านกำลังเกิดอาเพศ เขารู้สึกได้ดีถึงกระแสการคุกคามจนปั่นป่วน เจ้าที่ในบ้านกำลังต่อต้านมันสุดฤทธิ์ด้วยการผลักไสสิ่งก่อกวนเหล่านั้นให้ออกไป บริเวณภายในบ้านเป็นบริเวณศักดิ์สิทธิ์ ยามปกติเมื่อมีการดูแลสม่ำเสมอ ย่อมยากนักจะมีภูติผีแปลกหน้าเข้าแทรกแซงได้

แต่วันนี้มันไม่ธรรมดาเสียแล้ว บ่งบอกได้ชัดถึงการประกาศสงครามของอีกฝ่าย ภูติผีปีศาจชั้นต่ำจำนวนมากเริ่มวนเวียนอยู่รอบภายนอกบ้าน แม้จะเข้ามาไม่ได้ แต่พวกมันก็พยายามหาช่องโหว่เพื่อเล็ดลอดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

เงาร่างมากมายนับสิบถูกใครบางคนบงการอยู่เบื้องหลัง ก้าวย่างไปมารอบรั้วบ้าน แม้ไม่สามารถปรากฏร่างเด่นชัด แต่ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนกับกลิ่นสาปสางชวนคลื่นเหียน ยังคงกระจายไปทั่ว โชคดีนักที่บ้านของเขาเว้นระยะห่างจากบ้านหลังอื่นอยู่ช่วงหนึ่ง จึงมิได้ทำให้ใครต้องมาเดือดร้อนไปด้วยจากการจู่โจมในครั้งนี้

แต่เพียงไม่นาน คิ้วเข้มก็เริ่มขมวดมุ่น เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณกลุ่มใหม่ที่เริ่มเข้ามาปะปน วิญญาณงวดนี้เบาบางเจือจางเสียยิ่งกว่าเจ้าพวกที่เดินวนอยู่รอบบ้าน เป็นวิญญาณที่ไร้ซึ่งสตินึกคิด มีเพียงความรู้สึกสุดท้ายที่ติดตัวยามตายทำให้คงสภาพอยู่ได้ บางประเภทจึงยึดติดกับสถานที่หรือข้าวของบางอย่างที่ผูกพันเจ้าตัวไว้ยามมีชีวิต บ้างก็เป็นพวกเร่ร่อนวนเวียนไปมาระหว่างโลกมนุษย์กับยมโลก เพื่อตามหาหรือค้นหาอะไรบางอย่าง ที่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถได้มา ได้แต่ล่องลอยไปมาที่แล้วที่เล่าไปผุดไปเกิดไม่ได้อยู่อย่างนั้น

วิญญาณพวกนี้ไม่อันตราย แต่มีจำนวนมากและพบเห็นได้ทุกสถานที่ เมื่อจิตด้านลบก่อตัวขึ้นจากการคุกคามบงการของใครบางคน โดยการชักนำเหล่าปีศาจชั้นต่ำที่ชั่วร้ายเข้ามา มันจึงคล้ายแหล่งหลุมดำ ที่ดึงดูดเหล่าวิญญาณเคราะห์ร้ายให้ติดร่างแหเข้ามาด้วย เหมือนเปิดไฟล่อแมลงในยามค่ำ เหล่าวิญญาณไร้สติสัมปัชชัญญะที่น่าสงสาร จึงได้แต่ถูกล่อลวงดึงดูดให้เข้ามา โดยไม่อาจถอยหนีกลับออกไปได้

และที่น่ากลัวกว่านั้นคือเมื่อมันมาสะสมกันมากเข้า จิตด้านลบที่มีจะขยายอานุภาพที่รุนแรงมากขึ้นทุกที จะดึงดูดวิญญาณที่อยู่ไกลออกไป ให้เข้ามารวมตัวกันอีก ไม่มีจบสิ้น

การมีเจ้าพวกนั้นคอยวนเวียน ถึงในตอนแรกจะไม่ได้มีผลต่อคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่หากมันมากันเยอะเข้า คนจิตอ่อนที่ผ่านไปผ่านมาจะเริ่มได้รับผลกระทบ และจะเป็นลูกโซ่ไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่รีบเร่งจัดการแต่ต้นลม และนั่นเองจึงเป็นสิ่งที่เจมส์กำลังวิตก แม้จะมั่นใจ ว่าพวกนั้นจะไม่สามารถเข้ามาในบ้านได้

คงต้องใช้อาคมสลายวิญญาณ ชายหนุ่มคิดต่อไป เขาไม่ค่อยอยากจะใช้วิชานี้ถ้าไม่จำเป็น ถึงมันจะสามารถใช้งานได้เป็นวงกว้าง และสามารถปลดปล่อยแกมขับไล่วิญญาณจำนวนมากให้แตกสลายแยกย้ายกันไปได้ แต่มันก็ใช้พลังงานมหาศาลในการใช้งานเช่นกัน จะให้มาไล่ไปทีละตนก็เห็นทีจะไม่ไหว พลังด้านลบที่เพิ่มจำนวนขึ้น ยิ่งค่อย ๆ ดึงดูดวิญญาณเร่ร่อน ภูตผีปีศาจในละแวกนี้ให้เข้ามารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ถ้ายังชักช้าอาจจะสายเกินไป

ฉลาดนักนะ ใช้วิธีการนี้เพื่อบีบให้เขาทุ่มเทพลังไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วหัวเราะมองดูโดยไม่ต้องเหนื่อย ซุ่มเฝ้ารอคอยให้เขาหมดแรงแล้วค่อยโจมตีซ้ำ

เขาประมาทมันเกินไป ที่คิดเพียงแค่ว่าถ้าทำให้มันรู้ที่อยู่แล้ว ตัวการใหญ่จะออกมาเพื่อจัดการเขาเอง

ไม่คิดว่ามันจะใช้เล่ห์กลย้อนมาเล่นงานเขาเช่นนี้

ถึงจะอ่านแผนการออกได้ แต่เขาก็รู้ดี ว่าถึงยังไงก็คงต้องทำ

จะปล่อยให้คนและวิญญาณผู้บริสุทธิ์ ต้องมารับเคราะห์มากไปกว่านี้ไม่ได้!


TBC
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 10-07-2011 11:48:39
น่ากลัวอ่ะ คุณ ppm เขียนอธิบายซะเราเห็นภาพนึกตามเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-07-2011 13:27:57
อ่า จะมาไม้ไหนกันนะ ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 10-07-2011 13:51:30
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 10-07-2011 15:00:41
จะเอาตอน 2 เลยครับลุ้นสุดใจเลย  สนุกจริงๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 10-07-2011 15:29:30
 :z2:

พี่เจมส์สู้ๆๆ  พี่เจมส์สู้ตาย พี่เจมส์ไว้ลายสู้ตาย สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 10-07-2011 17:26:01
เหนื่อยแทนเจมส์เลยยย
หวังว่าคุณตำรวจจะไม่มาโผล่แถวนั้นน้ะ หวั่นใจจริงๆเชียว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 10-07-2011 20:12:39
อ่านแล้วตื่นเต้นจังเลย

แถมบรรยายซะน่ากลัว  แต่ก็ชอบนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-07-2011 20:18:11
ลุ้นเหมือนกันแฮะ  เจมส์จะรับมือไหวมั๊ยเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 10-07-2011 20:28:37
ทายเลยว่าคุณตำรวจต้องมาเป็นภารให้พระเอกแหงๆ หุๆ ตามฟอร์มหนังไทย  :laugh:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-07-2011 20:35:24
เอาใจช่วยเจมส์เด้อ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 11-07-2011 01:13:26
คุณตำรวจอย่าเพิ่งโผล่ไปเป็นภาระนะจ๊ะ
ช่วยอยู่อย่างสงบๆให้เจมส์จัดการปัญหาตอนนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะ
ตอนนี้คนอ่านขอเอาใจช่วยเจมส์เต็มที่
เจมส์สู้ๆ :a2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 11-07-2011 03:30:26
เอาใจช่วยค่ะ

สนุกอ่ะ

,,, :]
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 11-07-2011 10:11:09
จิ้นตามเป็นฉากๆ น่ากลัวเว่อร์ๆ  o22
เหมือนตัวเองก็โรคจิตนิดๆ กลัวผีโคตรๆ แต่ชอบดู ชอบอ่านอะไรแนวนี้จัง :laugh:
เชียร์เจมส์สู้ๆด้วย แต่กลัวปวินต์จะเข้าไปยุ่งนะเนี่ย เหมือนจะแอบดื้อนิดๆอ่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 11-07-2011 12:40:53
คุณหมอ(ผี)รูปหล่อสู้ๆ คุณตำรวจก็อย่าทะเร่อทะร่ามาซะล่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-07-2011 16:30:00
 o13 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 4/1 (10/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-07-2011 18:06:45
หวังว่าคุณตำรวจจะไม่โผล่ไปให้เจมส์ลำบากนะ

สู้ๆนะเจมส์
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-07-2011 18:56:27
(ตอนที่ 4/2 จบตอนที่ 4)


“พ่อจะลองใช้อาคมสลายวิญญาณ” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด หลังจากนิ่งเงียบไปนาน ร่างเล็กของเด็กน้อยที่นั่งมองอยู่ใกล้ ๆ ผุดลุกขึ้นมองมาอย่างวิตก และรีบคัดค้านในทันที

“มันอันตรายเกินไปนะฮะ พ่อก็รู้ ว่ามันจ้องจะซ้ำพวกเราอยู่แล้ว ถ้าเราอ่อนแรงลง ที่สำคัญ เวทย์อันนั้น ถ้าใช้แล้วพ่อจะเหนื่อยจนแทบขยับไม่ได้ ขนาดแค่มันเดินเข้ามาฆ่าพ่อง่าย ๆ ยังหลบได้ไม่พ้นด้วยซ้ำเลยนะฮะ…แล้วพวกเรา ก็ไม่มีใครมีกายเนื้อพอจะช่วยพ่อได้เลยสักคน”

เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ พ่อรู้ แต่ว่าเราจะให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะเราด้วยไม่ได้”

“ผมเข้าใจฮะพ่อ แต่ว่า…”

“ตาเจ้าที่ของเจ้ายังไหวรึเปล่า พ่อว่าเจ้าไปช่วยท่านอีกแรงดีกว่านะ ตราบใดที่พวกเจ้าช่วยกันกางอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ไว้ ถึงพ่อจะสู้ไม่ได้ไปสักพัก เราก็น่าจะยังต้านทานพวกมันไหวไม่ใช่เหรอ ส่วนเรื่องอื่น…คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม ถ้ามันจะถึงวาระนั้น…ถึงเจ้าจะพยายามยื้อไว้สักแค่ไหน มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดีนั่นแหละ”

เด็กชายมองมาอย่างลังเล คำพูดของเจมส์มีเหตุผลอยู่ แต่มันก็เสี่ยงจนเกินไป อีกฝ่ายต้องการให้พวกเขาหมดแรงแล้วค่อยซ้ำ ดังนั้นต้องมีแผนสองรองรับอยู่เป็นแน่

“เราตามคุณตำรวจมาช่วยดีไหมฮะ ถึงพวกผมจะกันภูตผีวิญญาณได้ แต่พวกเราทำอะไรมนุษย์ที่ไม่กลัวเราไม่ได้นะฮะ” เคนพยายามเสนอ

“อย่าดีกว่านะ พ่อไม่อยากให้เขาต้องมาเดือดร้อนไปกับเราด้วย” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“แต่ว่า…” เสียงเล็ก ๆ เริ่มอ่อยลง เด็กน้อยรู้ดีว่าถ้าลองไปขอร้อง มีหรือปวินต์จะปฏิเสธ แต่พ่อคงไม่ยอมแน่ เพราะยึดถืออีกฝ่ายเป็นคนสำคัญจนไม่อยากให้โดนหางเลขไปด้วย ขนาดเรื่องที่ซ่อนของนั้น คุณตำรวจคาดคั้นเท่าไหร่ พ่อก็ไม่ยอมบอกนี่นะ แววตาของเจมส์นั้นบ่งบอกชัด เมื่อได้ตัดสินใจไปแล้ว ยากยิ่งที่จะยอมเปลี่ยนแปลง เด็กน้อยรู้เรื่องนี้ดี

“พวกผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากจริง” เจ้าเคนบ่นพึมพำด้วยท่าทางซึม ๆ “ถ้าพ่อเป็นอะไรไป ผมจะทำยังไงล่ะ”

เจมส์ยิ้มให้พลางลูบผมนุ่มของเขาเบา ๆ แล้วบอกว่า “พ่อไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องให้ลูกเป็นห่วงหรอกนะ จะยังไง พ่อก็ต้องปกป้องทุกคน และวิญญาณที่อยู่แถวนี้ให้ได้ ลูกรู้ใช่ไหม ถ้าปล่อยมันนานออกไป พวกพี่ ๆ เพื่อนผีของลูก หรือกระทั่งเจนนี่เอง ก็อาจจะโดนลูกหลงนี้ไปด้วย พวกเราน่ะ ก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน ถ้าปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นโดยไม่ทำอะไร พ่อต้องเสียใจทีหลังมากแน่ ๆ แล้วที่สำคัญ พ่อก็ยังมีลูกกับตาเจ้าที่คอยช่วยตอนลำบากอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าพวกเราช่วยกัน ยังไงมันก็ต้องผ่านพ้นไปได้สบายอยู่แล้ว ใช่ไหมเจ้าเคน”

เคนเงยหน้ามองชายหนุ่มก่อนจะส่งยิ้มไปให้ “ถ้างั้นเรามาพยายามด้วยกันนะฮะ ผมจะไปช่วยคุณตากั้นอาณาเขตไว้อีกแรง จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำอะไรพ่อ ตอนที่เสียพลังงานไปมากแน่ ๆ ฮะ รับรองได้เลย”

“ขอบใจมากเจ้าเคน ฝากด้วยนะ”

ร่างเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะหายตัวไป

ชายหนุ่มมองเบื้องหน้าที่ว่างเปล่า ที่เมื่อครู่ยังมีเด็กน้อยยืนอยู่ ก่อนถอนใจยาว วิกฤติกำลังเข้ามาเหมือนที่ลางสังหรณ์บอกไว้จริง ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็คิดถูก…ที่ไม่ให้ปวินต์มาอยู่ด้วยในคืนนี้

ปวินต์…อย่างน้อยคุณก็จะปลอดภัย…ไว้ถ้าพรุ่งนี้…แล้วเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องให้เลี้ยงข้าวมื้อใหญ่ให้สมอยากเลยทีเดียว ใบหน้าแกร่งอมยิ้มกับตัวเอง แทบจะจินตนาการเห็นอีกฝ่ายโวยวายยามเขากินมากเกินไป ด้วยใบหน้าบึ้งตึงแก้เขินอันแสนน่ารัก

เพียงแค่คิดถึง ก็กลับรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่าอย่างน่ามหัศจรรย์นัก

…ใช่ เพื่อให้มีวันพรุ่งนี้ต่อไป เขาจะต้องทำให้ได้เท่านั้น!



    ในอีกด้าน ปวินต์จงใจเลิกงานเร็วกว่าทุกครั้ง เขารู้สึกไม่ผิดแน่ ว่าวันนี้เจมส์ผิดปกติไปจนน่าสงสัย

    หรือเพราะคดีเมื่อคืนก่อน ที่มีคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน จะทำให้เจมส์คิดจะลงมือทำอะไรตามลำพังในคืนนี้?

    ก็เพราะไม่ยอมบอกเขานั่นแหละ ว่าเรื่องจริง ๆ มันเป็นมายังไง มัวแต่อมพะนำไว้อยู่ได้ ชายหนุ่มคิดต่อไปอย่างหงุดหงิด เขาเป็นตำรวจแท้ ๆ ในสายตาของเจมส์ ยังพึ่งพาไม่ได้เลยหรือไง

ยิ่งคิดยิ่งน่าโมโหนัก หลอกเขาดีนักใช่ไหม คืนนี้ล่ะ เขาจะไปแอบซุ่มดู ว่าเจมส์วางแผนจะทำอะไร เผื่อจะได้รวบจับพวกที่มาก่อกวน และลากตัวบงการที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้เสียที เรื่องจะได้จบ ๆ โดยไม่มีใครต้องตายอีก

    ร่างผอมบางมองปืนพกที่ถอดวางไว้บนโต๊ะ แล้วตัดสินใจหยิบขึ้นมาเหน็บเอวไว้ ถ้ามีใครมาบุกบ้านเจมส์อีกในคืนนี้ อย่างน้อยมีเจ้านี่ ก็คงอุ่นใจได้อีกหน่อย ถึงเขาจะดูบอบบาง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีศิลปะป้องกันตัว ตำรวจทุกคนต้องผ่านการฝึกพวกนี้มาแล้ว และเขาเองก็ทำได้ดีด้วย

    แล้วนายจะเห็นเอง ว่าตำรวจไทย ไม่ได้ไร้น้ำยาอย่างที่คิด!



    “พี่วินต์จะไปไหนเหรอคะ” ปรางทิพย์ทักขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังแต่งตัวใหม่ที่หน้ากระจก และหยิบแจ็คเก็ตหนังตัวโปรดขึ้นสวมใส่ เพื่อใช้ในการบังปืนพกซึ่งคาดเหน็บไว้ที่เอว

การพกปืนไปด้วยทำให้เด็กสาวรู้ว่า ชายหนุ่มกำลังจะออกปฏิบัติการนอกเครื่องแบบที่ดูท่าจะสำคัญเอาการ

    ชายหนุ่มหันกลับมามองน้องสาวพลางยิ้มน้อย ๆ “พี่จะไปทำงานน่ะ ฝากดูแลแม่ด้วยนะ”

    คนฟังไม่ประหลาดใจนัก แม้ว่าเวลาใกล้ค่ำควรจะเป็นเวลาที่คนในครอบครัวควรอยู่กันพร้อมหน้า แต่ครอบครัวของตำรวจย่อมรู้ดี ว่าไม่อาจรั้งคนในหน้าที่เอาไว้ได้

    ดวงตากลมโตมองมาอย่างเข้าใจ โดยไม่มีตัดพ้อ เธอยิ้มให้พี่ชายพลางพูดขึ้นว่า “ได้ค่ะพี่ ปรางจะดูแลแม่ให้เอง ยังไงพี่ต้องทำงานอย่างระวังด้วยนะคะ”

    มือแข็งแรงแตะบ่าน้องสาวเบา ๆ ก่อนแย้มยิ้ม “ไม่ต้องห่วง เสร็จงานแล้วพี่จะรีบกลับ”

    “ค่ะ” เธอรับคำ ก่อนจะเดินออกไปช่วยมารดาเตรียมอาหาร แม้คืนนี้ ผู้เป็นพี่คงไม่ได้อยู่ลิ้มชิมมัน

ปวินต์มองร่างบอบบางเดินจากไปพลางถอนใจยาว รู้ดีว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะเลิกอาชีพที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้

มันเป็นความภาคภูมิใจ ที่เขาได้สืบทอดปณิธานอันหนักแน่นและดีงามจากบิดาผู้ล่วงลับ ที่อย่างไรเขาก็อยากจะรักษามันเอาไว้



กว่าจะมาถึงปากซอยบ้านของเจมส์ เวลาก็เป็นช่วงใกล้ค่ำ ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่ว ทางเดินคับแคบกับเสาไฟฟ้าเก่าที่ตั้งอยู่เป็นระยะ ฉายแสงสว่างน้อยนิด รอบด้านสองฝั่งมีบ้านอยู่ห่าง ๆ กัน แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นพื้นที่รกร้างปล่อยทิ้งขว้าง

อาจเพราะพื้นที่บางส่วนตัดกับวัดและป่าช้า และเป็นที่ของวัดอยู่ด้วย จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าจับจองใช้งาน ร่างผอมเพรียวเดินเข้าไปเพียงลำพัง อาศัยแสงไฟอ่อน ๆ จากเสาไฟ ที่ก็ไม่ได้สว่างสักเท่าใดช่วยนำทาง สายลมเย็นเยือกพัดวูบผ่านไป กลับทำให้รู้สึกขนลุกซู่ บรรยากาศรอบตัวคล้ายขมุกขมัวแบบแปลก ๆ อึดอัดและกดทับ จนรู้สึกแทบยากจะหายใจ

ปวินต์เคยไปบ้านเจมส์อยู่หลายครั้ง และในจำนวนนั้น ก็มีเดินในตอนกลางคืนอยู่ด้วย แต่ไม่มีครั้งไหน ที่ทำให้เขารู้สึกแย่ได้เท่าครั้งนี้

เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?

เขารู้สึกไม่ดีขึ้นมาอย่างปุบปับ และยังรู้สึก…เป็นห่วงเจมส์ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลด้วย

ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าไวกว่าเดิม ไม่นานก็ถึงบ้านอันคุ้นตานั้น หากในวันนี้ ภาพที่เห็นกลับแปรเปลี่ยนไป ร่างเงาบางอย่างโปร่งใสเจือจางวนเวียนไปมารอบบ้าน คล้ายปกคลุมห่อหุ้มไว้แทบจะมิด กลิ่นอายน่ารังเกียจสร้างความรู้สึกอยากหนีไปให้ไกล ถึงเขาจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ยังคงพยายามจะแทรกตัวเข้าไปในบ้านอยู่ตลอด หากเหมือนถูกอำนาจลี้ลับบางอย่างช่วยผลักดันไว้ กระแสของมันม้วนตัวกราดเกรี้ยว ลองพังเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่กลัวเกรง

ทว่าจู่ ๆ กระแสรอบตัวก็เปลี่ยนไป ความปั่นป่วนพลุ่งพล่านก่อตัวรุนแรงราวพายุ ก่อนจะกวาดพัดวูบเดียวจนจางหาย

แล้วบ้านทั้งหลังก็กลับคืนสู่สภาพเดิม…เป็นบ้านที่สงบเงียบ ร่มเย็นเหมือนทุกครั้ง

คนมองกระพริบตาปริบ ๆ อย่างประหลาดใจ เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ตัดสินใจเข้าไปด้านใน

ไฟยังเปิดอยู่ ในบ้านมีคน พึ่งหัวค่ำ เจมส์คงยังไม่หลับ แต่น่าแปลกนักที่มันกลับเงียบเสียจนใจหาย ไม่มีเสียงคนในบ้านทำกิจกรรมอันใด กระทั่งทำอาหาร หรือว่าเจมส์จะหลับอยู่? แต่ไหนว่าติดธุระ ไม่ว่างไง?

โกหกเขาแน่ ๆ เลย!

ร่างสูงก้าวฉับ ๆ เดินขึ้นบ้าน ตัวบ้านยกใต้ถุนสูง ทำให้ต้องขึ้นบันไดเสียก่อน ชายหนุ่มก้าวอย่างระมัดระวังไปยังส่วนนอกชานที่ทำด้วยไม้ แล้วตรงขึ้นบ้านอย่างแปลกใจ

ห้องที่ไฟเปิดอยู่คือห้องพระ ปวินต์จำได้ดีเพราะเคยเดินผ่าน แม้จะไม่เคยเข้าไปเพราะรู้สึกเจ้าของห้องหวงแหนห้องนี้มากจนไม่ค่อยจะพาแขกเข้าไปสักเท่าไหร่ คล้ายกันไว้เป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวโดยเฉพาะ

ทว่าพอแง้มประตูเข้าไป เขาก็ต้องตกตะลึงงัน

เจมส์อยู่ในห้องนั้นจริง ๆ แต่กลับอยู่ในสภาพที่สลบไสลไม่ได้สติอยู่กลางห้องเพียงลำพัง ปวินต์รีบตรงเข้าไปพลางเขย่าตัวเรียก ใบหน้าคมสันนั้นขาวซีดเหงื่อโทรมตัว ดวงตาปรือมองขึ้นอย่างยากเย็นยามถูกเขย่า ก่อนจะหลับลงอีก ครั้งอย่างไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขยับแม้แต่น้อยนิด

“เจมส์ นายเป็นอะไรไป!”

คิ้วเข้มขมวดมุ่น ริมฝีปากยังพึมพำเสียงแผ่วเบาจนปวินต์ต้องขยับเข้าไปจนชิด เพื่อให้ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการจะบอกอะไร

“หนี…วินต์… รีบ…หนีไป….”

“หนี? ทำไมกันล่ะ?” คนถามชักเริ่มงง แต่ชายหนุ่มในอ้อมแขน กลับสลบไปอีกรอบเสียแล้ว

รอบตัวที่เงียบสงัด ไม่มีใครเลย ทำให้ปวินต์รู้สึกกลัวขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นกับเจมส์กันแน่ แล้วทำไมต้องบอกให้เขารีบหนีไป?

ลมยังคงพัดเสียงอู้ บานหน้าต่างปิดเปิดไปมารุนแรง บรรยากาศในห้องเย็นเยือกขึ้นมาแบบปุบปับอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่คล้ายจะกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วแท้ ๆ ปวินต์กระชับร่างคนในอ้อมกอดไว้แน่น พลางส่ายศีรษะแรง ๆ ภูตผีปีศาจมีจริงที่ไหน คงแค่จะมีพายุมานั่นแหละ

เจมส์ที่ยังไม่ได้สติตัวใหญ่และหนักพอดู ชายหนุ่มมองมาอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนค่อย ๆ พยุงแกมลากเขาทำท่าจะออกจากห้องพระ กลับไปยังห้องนอน ให้ได้นอนอย่างสบายขึ้น

หากยังไม่ทันเหยียบย่างออกจากห้อง ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องห้ามเสียดังลั่น

“อย่าออกไปนะฮะ คุณตำรวจ!”

ปวินต์ชะงักแล้วมองไปรอบ ๆ อย่างแปลกใจ เขาคิดว่าเจมส์อยู่คนเดียวเสียอีก แล้วนั่นมันเสียงใครกัน

หวนนึกถึงเมื่อตอนกลางวัน ที่เจมส์ไปแจ้งความกับเขา เจมส์ยังบอกว่า มีลูกชายอยู่ด้วย

เอ…หรือจะเป็นลูกชายของเจมส์?

    “นั่นใครน่ะ” เขาตัดสินใจถามขึ้น

    “เชื่อผมเถอะฮะ อย่าออกนอกห้องพระตอนนี้เด็ดขาด… พ่อยิ่งอาการไม่ดี เดี๋ยวจะไม่มีใครช่วยคุณนะฮะ”

    “นายเป็นลูกของเจมส์? แล้วทำไมรู้ว่าฉันเป็นตำรวจด้วย?”

“เชื่อผมเถอะฮะ ผมไม่มีวันทำร้ายพ่อเด็ดขาด…รวมถึงคนที่พ่อรัก…อย่างคุณด้วย”

    เสียงนั้นยังคงหาที่มาไม่ได้ และในห้องนั้นก็ไม่มีใครเลย ปวินต์รู้สึกไม่มั่นใจนัก ว่าจะเชื่อเสียงนั้นดีหรือไม่ แต่น้ำเสียงที่ดูร้อนรนและเป็นห่วง ทำให้เขาตัดสินใจที่จะทำตาม

ยิ่งคำพูดประโยคหลัง เขากลับแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แม้ว่าจริง ๆ แล้วหัวใจเจ้ากรรม กลับเริ่มเต้นแรงโดยไม่บอกกล่าว

    เจมส์…รักเขางั้นเหรอ?

    คงหมายถึงรักอย่างเพื่อนล่ะมั้ง?

    ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนครางแผ่ว คนประคองชะงัก รีบหันกลับมามอง ก่อนตัดสินใจพยุงคนไม่ได้สติ กลับมานอนที่กลางห้องอีกครั้ง พื้นห้องที่ปูพรมไว้ไม่แข็งนัก เขาจึงหาผ้าแถว ๆ นั้นมาหนุนศีรษะเจมส์ไว้แทน

    จนแล้วจนเล่า เจ้าของเสียงนั่นก็ไม่ปรากฏตัวออกมา และหลังจากนั้น ไม่ว่าเขาจะถามอะไรออกไป ก็ไร้ซึ่งคำตอบ พายุเบื้องนอกก็ยังโหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องฟ้าคำรามน่ากลัวนัก ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าฝนเสียหน่อย ตอนเขาเข้ามา ก็ไม่ได้มีเค้าว่าฝนจะตกเลยแม้แต่น้อยนิด

    สภาพภายนอกเหมือนอะไรบางอย่างที่กำลังตึงเครียด แม้มองไม่เห็น ดีแล้วที่เขาไม่ได้ออกไป อะไรบางอย่างรบกวนจิตใต้สำนึกเขาจนรู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผล ได้แต่พนมมือไหว้พระภายในห้อง สวดภาวนาขอให้องค์พระช่วยคุ้มครองในใจ     

    เวลาต้องอยู่ลำพังมันน่าอึดอัดนัก ชายหนุ่มเหม่อมองหน้าคมที่ยังคงซีดขาว อย่างน้อยเขาก็ใจชื้นขึ้น เมื่อรู้สึกได้ว่าลมหายใจแผ่วเบาในตอนแรก เริ่มกลับมาสม่ำเสมอเป็นปกติแล้ว ในยามนี้เจมส์ดูคล้ายคนอ่อนเพลียมาก ๆ ที่ผล็อยหลับไปเพียงเท่านั้น

    “นายเป็นอะไรกันแน่ แล้วเสียงนั่น…เป็นใครกัน เจ้าบ้าเจมส์นี่…มีอะไรก็เก็บเป็นความลับอยู่ได้!” ปวินต์มองคนไม่ได้สติอย่างหมั่นไส้ ถ้าปกติดีเขาคงซัดหน้ากวน ๆ นี้สักที ข้อหาทำให้เขาว้าวุ่นใจจนเกินเหตุ แต่ในยามนี้…จะทำอะไรก็คงไม่ได้ ในเมื่อเจ้าบ้านี่ยังคงนอนนิ่ง

ปวินต์มองคนที่ยังหมดสติไปนิ่งนาน เกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้…รู้เพียงตอนนี้ คงได้แต่รอคอยจนกว่าเจมส์จะฟื้น ถึงจะได้รู้เรื่องมากกว่านี้

ทำไมเจมส์ถึงได้บอกให้เขาหนีไปนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ตำรวจหนุ่มได้แต่ลอบถอนใจยาว อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-07-2011 20:10:27
หลอนเว่ย  ดันมาอ่านตอนกลางคืนอีก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 11-07-2011 20:13:51
ตื่นเต้นนนนน

เจมส์ฟื้นเร็วๆซิๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-07-2011 20:21:45
ง่า ลุ้นๆๆๆๆ  :z3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-07-2011 20:28:22
เอาใจช่วยเจมส์ให้รอดนะ แอบคิดด้วยแหละมนต์ขาวต้องชนะมนต์ดำ
คุณตำรวจ ที่เจ้าเคนบอกน่ะอย่าคิดเฉไฉ รักคือรักแบบคนรัก ไม่ได้รักแบบเพื่อน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 11-07-2011 20:34:59
ชอบมากเลยเรื่องแบบนี้
สงสัยเพราะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยและเจออยู่บ่อยๆ
ตอนนี้คงได้แต่เอาใจช่วยเจมส์
ดีใจที่คุณตำรวจเชื่อที่น้องเคนเตือน ไม่งั้นไม่อยากจะคิดว่าจะเป็นยังไง
ชอบน้องเคนมากเลย น้องน่ารัก ขี้อ้อนมากซะด้วย
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 11-07-2011 20:51:04
 :z3:

ต่อด่วนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 11-07-2011 22:52:49
เพิ่งได้เข้ามาอ่านครั้งแรกค่ะ สนุกมากๆๆ ติดตามอยู่นะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 11-07-2011 23:28:24
โอ้ยยยยยยยยยย

ลุ้นๆๆ ตื่นเต้นๆๆๆๆ

รีบๆมาต่อนะคะ

,,, :]
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-07-2011 15:02:52
สยองจริง เรื่องนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 12-07-2011 15:51:16
ลุุ้้นๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 4 (11/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-07-2011 15:52:40
 :z3: :z3:
หัวข้อ: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 12-07-2011 17:22:05
สืบเสน่หา

ตอนที่ 5


(ตอนที่ 5/1)


เสียงทุบโต๊ะดังปังอย่างขัดใจทำให้คนที่ยืนหลบอยู่ด้านข้างทำตัวแทบลีบ ชวรัตน์หันมากวาดตามองคนของเขาด้วยแววตาที่ขุ่นมัว การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว แต่เขายังจัดการเสี้ยนหนามไม่สำเร็จเสียที ขนาดส่งหมอคง คนที่ดูน่าจะใช้การได้ไปจัดการแล้ว แต่สุดท้ายยังคงเหลวกลับมา

    หมอคงก้าวเข้ามาในห้องตามการเรียกหา พอชวรัตน์เห็นคนที่กำลังทำให้อารมณ์เสีย เขาก็โวยใส่ใหญ่ทันที

    “ไหนคุณคุยไว้เสียมากมายไง ว่าจัดการได้สบายมาก กะอีแค่ผีเจ้าที่แรงเข้าหน่อย ก็ไม่มีปัญญาแล้วงั้นรึ”

    “พวกมันร้ายใช้ได้จริง ๆ ขนาดเจ้านายมันสู้ไม่ได้แล้ว ก็ยังต้านผมไว้ได้ถึงขนาดนี้ แถมยังมีตำรวจนั่นเข้ามาอีก” หมอคงพูดเรียบ ๆ

“แต่ผมจ้างคุณมาแพงนะ” อีกฝ่ายยังไม่ยินยอม

    ดวงตาคมมองมาวูบหนึ่ง เล่นเอาคนกำลังโวยชะงัก หากยังไม่ทันพูดอะไร ก็เห็นใบหน้านิ่ง ๆ นั้นแสยะยิ้ม

    “นั่นมันแค่ทักทาย ถ้าเจ้าตำรวจนั่นไม่เข้ามาแทรก แค่ส่งคนของคุณเข้าไปในบ้านสักคน ก็ปิดปากเจ้าหมอผีนั่นได้แล้ว จะจัดการมัน ไม่ใช่เรื่องยากเลย” หมอคงตอบง่าย ๆ มิได้สะทกสะท้านกับการโวยวายของอีกฝ่ายนัก

    “ทักทายงั้นเรอะ แค่เจอตำรวจคนเดียวก็หัวหดแล้วหรือไง ผมน่ะมีเส้นสายจากในกรม กะอีแค่จัดการตำรวจคนเดียว ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย”

    “แล้วทำไมคุณไม่จัดการล่ะครับ” หมอคงย้อนเข้าให้ คนพูดชะงักก่อนจ้องกลับ

“ฉันไม่อยากยุ่งยากเกินจำเป็น ยิ่งฆ่าเยอะ ก็ยิ่งต้องกลบเกลื่อนเยอะ ที่ฉันต้องการมีแค่เฮโรอีนที่เจ้านั่นเอาไป…กับปิดปากทุกคน ไม่ให้พูดเรื่องนี้ได้อีก…ตลอดกาลก็พอ!”

    คนมองมายิ้มน้อย ๆ “แต่ผมคิดว่า เจ้าหมอผีนั่น คงไม่ยอมบอกที่ซ่อนของง่าย ๆ นักหรอก การจะฆ่ามันน่ะ ไม่ยาก แต่การจะให้มันยอมเปิดปากนี่สิ”

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ชวรัตน์ถามขึ้นในทันที

    “ที่ผมหยั่งเชิงมันไป ก็เพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ กับคนประเภทที่ยอมเสี่ยงชีวิต เพื่อเพื่อนและเพื่อคนที่ไม่รู้จักได้ จะไม่มีวันเปิดปากง่าย ๆ ถึงจะโดนทรมานปางตายก็ตาม คุณคงจำได้ ว่าผมจัดการชิดชัยขนาดไหน จนตายมันยังไม่ยอมปริปากเลยด้วยซ้ำ” หมอคงพูดต่อไป จากพฤติกรรมนั้นพอจะคาดเดาได้ชัด การที่อีกฝ่ายยอมใช้เวทย์ที่สิ้นเปลืองพลังเป็นอย่างมากตามการท้าทายนั้น แม้จะรู้ดีว่าเสี่ยงถึงชีวิต นั่นเป็นเพราะเจ้านั่น ต้องการปกต้องคนสำคัญไว้นั่นเอง

    ชวรัตน์นิ่งคิดไปเป็นครู่ คำพูดของหมอคงนั้นถูกต้อง ตอนทำพิธีสาปแช่งส่งคุณไสยไปจัดการชิดชัย ขนาดทรมานจนแสนสาหัส เจ้านั่นยังไม่ยอมบอก ว่าซ่อนของไว้ที่ไหน ขนาดใกล้จะตาย ชิดชัยยังตัดสินใจเขียนจดหมายขู่ แทนที่จะยอมจำนน นั่นยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมั่นในตัวเพื่อนคนนี้มากมายนัก ลงเชื่อใจขนาดยอมฝากชีวิตของลูกเมียไว้ นั่นย่อมไม่ธรรมดาแล้ว

    “แล้วคุณจะจัดการยังไง” เสียงที่พยายามทำให้สงบลงของชวรัตน์ถามกลับ

    “เราต้องกุมจุดอ่อนของมันไว้ แล้วค่อยใช้บีบให้มันยอมบอกที่ซ่อนของให้ได้” หมอคงตอบช้าชัด “และจากนั้น…จะปิดปากพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว!”

    “คุณรู้จุดอ่อนของมันแล้วงั้นรึ”

    คนถูกถามยิ้มน้อย ๆ อย่างเยือกเย็นจนน่ากลัว “ตอนที่มันกำลังลังเล ว่าจะจัดการพวกที่ผมส่งไปทั้งหมดในคราวเดียวดีหรือไม่…ในตอนนั้น…มีคน ๆ หนึ่งเข้ามาพอดี และมัน…ทำให้เจ้าหมอนั่น ยอมเสี่ยงลงมือแทบจะในทันที โดยไม่คิดหน้าคิดหลังอีก…แถมยังทุ่มสุดตัว ชนิดที่ไม่ห่วงกระทั่งชีวิตตัวเองเลยด้วยซ้ำ!”

    “ใครกัน” คนฟังชักเริ่มอยากรู้

    “ตำรวจคนนั้นของคุณไงครับ…ผู้กองปวินต์!”



    ยามเช้ามาเยือนจนได้ แสงที่แยงตาทำให้เจมส์หรี่ตาน้อย ๆ ก่อนลืมขึ้นอย่างช้า ๆ ร่างกายยังรู้สึกหนัก ๆ ล้า ๆ ไม่หาย ผลข้างเคียงของการใช้อาคมนั้นช่างทำให้เสียพลังงานมากเอาการจริง ๆ แต่ตอนนี้ก็เช้าแล้ว เขายังคงอยู่ในห้องพระเหมือนเดิม ท้องฟ้าที่เห็นจากหน้าต่างเปิดอ้า ยังดูแจ่มใส ไม่มีข้าวของถูกรื้อค้นหรือเสียหาย ทุกอย่างยังคงปกติ แสดงว่าเมื่อคืนเจ้าตัวแสบของเขากับท่านเจ้าที่คงจัดการได้เรียบร้อยดีสินะ

    สมองยังมึน ๆ ก่อนจะจำได้ว่าเรื่องราวมันไม่ได้มีแค่นั้น….ก่อนที่เขาจะสลบไป…ใครบางคน เข้ามาในห้องนี้

    ดวงตาคมหลับลงอีกครั้งอย่างใช้ความคิด…ใช่แล้ว เมื่อคืน เขากำลังจะร่ายเวทย์นั้น และกำลังคิดว่าจะค่อย ๆ จัดการทีละน้อยเพื่อออมกำลังกันไว้ก่อนดีหรือไม่

    แต่จู่ ๆ กายละเอียดที่มีโสตประสาทเป็นเยี่ยมกว่า กลับสัมผัสได้ ถึงการมาของใครบางคน

    รวมถึงกลุ่มวิญญาณร้าย ที่เริ่มมารุมล้อมร่างนั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะมองไม่เห็น

    และเขาก็สัมผัสมันได้ชัดเจนในที่สุด ว่าคนที่มานั้นคือปวินต์!

    หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปโดยอัตโนมัติ เขาแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไปบ้าง แต่การใช้พลังทั้งหมดลงไปในคราวเดียว กินแรงมากกว่าที่คิด ในที่สุดแล้วเขาก็หมดสติไป ความรู้สึกสุดท้ายที่หลงเหลือ คือมีคนโผล่เข้ามาในห้อง แล้วกอดเขาไว้ พลางร้องเรียกอย่างตกใจซ้ำแล้วซ้ำอีก

    ต้องใช่ปวินต์แน่ ๆ!

    แล้วตอนนี้ล่ะ?

    ชายหนุ่มขยับตัวจะลุกขึ้นแทบจะในทันทีที่ตั้งสติได้ ก่อนจะชะงักเมื่อรู้สึกว่าบนหน้าขา มีอะไรนอนทับอยู่อีกแล้ว!

    พอมองให้ชัด ๆ เจมส์ก็แทบสะดุ้ง เมื่อพบว่าคนที่เขากำลังห่วงแสนห่วง กลับมานอนหลับอยู่ตรงนั้นเสียได้ แถมยังหลับสนิทอย่างสบายเสียจนน่าอิจฉา

    เขาแทบไม่กล้ากระดิกกระเดี้ยมากไปกว่านั้น ใบหน้าที่เอนอิงจนใกล้ชิด สัมผัสอุ่น ๆ ที่มีลมหายใจสม่ำเสมอแผ่วเบา กลับทำให้เขา…ใจเต้นแรง

    ชายหนุ่มกุมหน้าอกไว้ แอบกลัวว่าเสียงหัวใจที่เต้นดังของตัวเอง จะปลุกคนกำลังหลับให้ตื่นเสียได้

    หากเสียงหัวเราะคิกที่ดังมาจากด้านหลัง ทำให้เขาเผลอสะดุ้งสุดตัว

    “เฮ้ย เจ้าตัวแสบนี่ ตกใจหมดเลย!” เขาเผลอดุเจ้าของเสียงนั้นกลับไป ด้วยรู้ว่าเป็นใคร แต่เสียงที่เผลออุทานนั้น ก็ดังจนคนกำลังหลับเริ่มขยับตัว

    ชายหนุ่มอุดปากตัวเองโดยอัตโนมัติ ทว่ามันไม่ทันแล้ว

    คนกำลังหลับกลับขยับตัวเสียก่อน

    เสียงโวยวายนั้นทำให้ปวินต์ตื่นขึ้นจนได้ เป็นเพราะเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน แถมจู่ ๆ ก็มีเสียงหนวกหู คนพึ่งตื่นเลยยังตื่นไม่เต็มตานัก เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างง่วงงุน หากมือที่เท้าลงไป กลับเจอกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แทนที่จะเป็นพื้นพรมอันนุ่มนิ่ม

    สัมผัสหยุ่นมือแปลก ๆ ทำให้คนยังไม่ตื่นดีชะงัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองให้ชัด ทว่าอีกฝ่ายที่กำลังมองลงมา กลับประสานสายตากันพอดิบพอดี

เสียงหัวเราะคิกดังมาอีกครั้ง อย่างไม่อาจข่มกลั้นได้ “พ่อฮะ ระวังจะโดนคุณตำรวจหม่ำนะ”

ตำรวจหนุ่มสะดุ้งกับคำพูดนั้น แม้จะยังไม่เห็นตัวคนพูดเลยตั้งแต่เมื่อคืนก่อน เพราะพอรู้สึกตัวตื่นเต็มตา มองจากที่เห็นเลยเหมือนกับกำลังคร่อมตัวเจมส์เอาไว้ซะนี่

พอรู้สึกตัว เขาก็รีบขยับตัวผละออกมาแทบจะในทันที ด้วยใบหน้าที่แดงฉาน

“คุณ…เอ่อ…มาตั้งแต่ตอนไหนน่ะครับ” เจมส์พยายามถามขึ้นเพื่อกลบบรรยากาศสีชมพูที่ขนาดตัวเขาเองยังทำอะไรไม่ค่อยจะถูกนั้น

ร่างผอมบางผุดลุกขึ้น แทบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ ก่อนพูดตะกุกตะกัก “กะ…ก็มาตั้งแต่เมื่อวานน่ะสิ นายน่ะ สลบไม่รู้เรื่องจนฉันต้องมานั่งเฝ้าอยู่นี่ไง จะออกไปก็ออกไม่ได้ ใครก็ไม่รู้ห้ามไว้…แถมรอบบ้านก็หยั่งกับเกิดสงคราม …อ้อ เสียงเมื่อกี้นั่นแหละ”

ว่าแล้วก็จ้องกลับมาอย่างโมโหนิด ๆ เมื่อรู้สึกว่าโดนปั่นหัวโดยทั้งพ่อทั้งลูกชอบกล

“’ลูกชาย’ ของนายสินะ ซ่อนอยู่ตรงไหนกัน บอกให้ออกมาซะที!”

ชายหนุ่มพยายามจะลุกขึ้น แต่ยังรู้สึกมึนหัวจนคล้ายบ้านจะหมุน ไร้เรี่ยวแรงจนต้องนอนลงซ้ำ พลังงานจากความตกใจ มีเพียงไม่นานจริง ๆ เสียด้วย เขายังคงขยับตัวลำบาก และปวดไปทั้งตัวจนแทบไม่อยากจะลุก

“อึก…” เสียงครางเบา ๆ กับใบหน้าที่ยังคงซีด ทำให้คนกำลังโวยวาย เลิกโวยไปโดยอัตโนมัติ เขารีบนั่งลงใกล้ ๆ พลางช่วยจับพยุงอีกฝ่ายให้นอนลง

“นายยังไม่หายเลยนี่ แล้วเป็นอะไรกันแน่ บอกให้ฉันรู้ทั้งหมดได้แล้วนะเจมส์” เสียงพูดแกมเป็นห่วงยังลงท้ายด้วยคำสั่งอย่างดุ ๆ เช่นเคย

คนโดนดุยิ้มแหย ๆ พลางพูดตอบขึ้นว่า “กลัวแล้วครับ ขอผมพักอีกสักหน่อย…สักครึ่งวันก็ได้ ผมสัญญาว่าจะเล่าให้คุณฟัง…เกือบทั้งหมดเลยเอ้า”

“ยังจะกั๊กไว้อีกนะ” คนฟังยังไม่พอใจนัก ก่อนระบายลมหายใจยาว “เอาเถอะ บอกอีกหน่อยก็ยังดีกว่าไม่บอกอะไรเลย นอนพักอีกสักหน่อยก่อนแล้วกัน หายแล้วค่อยคุยกันอีกที ว่าแต่ว่าตอนนี้ ออกไปได้แล้วใช่ไหมเนี่ย”

คนป่วยพยักหน้ารับ “ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมคิดว่างั้นนะ” เขาพูดต่ออย่างไม่มั่นใจนัก แต่แสงแดดยามเช้า จะชะล้างอาถรรพ์ออกไปได้ดี ช่วงนี้คงไม่มีอะไรอีก แม้เขาจะไม่แน่ใจเลย ว่าค่ำนี้…พวกมันจะมากันอีกไหม

    แผ่นหลังบอบบางที่กำลังจะเดินออกไป ทำให้คนมองอดรู้สึกเหงาไม่ได้ อาจจะเพราะอยู่คนเดียวมาเนิ่นนาน แม้จะมีบรรดาผี ๆ ค่อยอยู่เป็นเพื่อน แต่สัมผัสที่ได้รับ ย่อมไม่อบอุ่นและรู้สึกดี…เหมือนมนุษย์ที่ยังคงมีกายเนื้อให้อุ่นใจเป็นแน่

    โดยเฉพาะในยามป่วย…ที่จิตใจนั้นเปราะบางเป็นพิเศษเช่นตอนนี้

    เจมส์พยายามไล่ความคิดที่จะอ้อนอีกฝ่ายนั้นออกไป ปวินต์ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเสียหน่อย แค่มาช่วยไว้เมื่อคืน ก็ดีมากแล้วแท้ ๆ น้ำเสียงของเขาที่พูดขึ้น จึงพยายามทำให้ดูปกติราวกับว่าไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

“คุณจะต้องไปทำงานสินะครับ ขอโทษที่เมื่อคืน ทำให้ต้องมาลำบากด้วย”

“ฉันจะโทรลางานวันนี้ ปล่อยนายไว้คนเดียวได้ยังไงกัน อ้อ ถึงลูกชายนายจะอยู่ด้วย ฟังจากเสียงก็ดูจะเด็กเกินไป คงช่วยอะไรไม่ได้มาก อย่าลืมล่ะ หายแล้วนายต้องเล่าให้หมดเปลือกด้วย มีลูกแล้วแบบนี้ ยังจะเอาเมียไปซ่อนไว้ไหน แล้วยังจะมาจีบ…”

“เมีย? จีบ…?” เจมส์ถามอย่างสงสัย เขากำลังจะหลับตาลงอีกรอบแล้ว ถ้าไม่สะดุดกับคำพูดอีกฝ่ายเสียก่อน

ปวินต์ชะงัก เมื่อรู้สึกว่าจะเผลอพูดอะไรมากเกินไปแล้ว เขาเป็นอะไรไปเนี่ย? ตำรวจหนุ่มเริ่มกลบเกลื่อนต่อในทันที

“เอ้อ ไม่มีอะไร ไว้หายก่อนค่อยคุยแล้วกัน” ว่าแล้วเขาก็มองชายหนุ่มตรง ๆ ก่อนจะย้ำขึ้นว่า

“เพื่อนช่วยเพื่อนเป็นเรื่องที่สมควรต้องทำอยู่แล้ว ห้ามคิดว่าฉันลำบากเพราะนายเด็ดขาด เข้าใจไหม”

คนฟังยิ้มรับเซียว ๆ ก่อนจะพึมพำขึ้นว่า “ขอบคุณครับ…ขอผมนอน…อีกสักพักแล้วกัน” พูดได้แค่นั้นก็หลับไปอีก ร่างกายที่สูญเสียพลังงานไปมาก กำลังต้องการการปรับตัว และการนอน เป็นการชดเชยที่ดีที่สุดสำหรับการนี้

ปวินต์มองคนกำลังหลับก่อนถอนใจยาว พอเรื่องยุ่ง ๆ หมดไป ก็เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมา เจมส์หลับไปแล้ว และท่าทางคงไม่เป็นไรมากแล้วด้วย

ชายหนุ่มจึงเดินสำรวจบ้านของเจมส์อีกครั้ง เขาเคยเข้ามาแค่ห้องรับแขกที่อยู่ไม่ไกลออกไปจากห้องพระ บ้านหลังนี้มีห้องอยู่ไม่มากนัก แถมเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย ไม่ว่าจะเดินดูตามห้องทุกห้อง ก็ยังไม่มีใครอีก

เจมส์อยู่คนเดียว? แต่เขาก็ได้ยินเสียงเด็กจริง ๆ อยู่ดี

เอาเถอะ เลิกคิดมากได้แล้ว ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง เมื่อเผลอคิดไปว่านั่นอาจจะเป็นเสียงของ…

ผีมีจริงที่ไหน เขาอาจจะตกใจจนเบลอหูเพี้ยนไปเองก็ได้

    ปวินต์รีบปฏิเสธความคิดนั้น ก่อนลงมือสำรวจครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับตัวเองและคนป่วย

   

    ห้องครัวของที่นี่ดูโบราณนัก เข้ากับสภาพบ้านกึ่งทรงไทยโบราณ ที่ยังคงมีนอกชานไว้รับแขก แถมยังยกใต้ถุนสูงนั่นจริง ๆ ผนังครัวออกแบบโปร่งเป็นไม้ขัดกันเป็นตาราง ฝาผนังห้อยเครื่องครัวพวกหม้อกระทะ แขวนไว้เป็นระเบียบที่อีกด้าน แต่แม้จะดูโบราณอย่างไร ครัวนี้ก็ยังดีตรงมีตู้เย็นอยู่ด้วย

    ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูตู้เย็นก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากที่กวาดสายตาสำรวจดูข้าวของที่แช่ไว้ภายใน เขาก็เริ่มอมยิ้ม ดีจริงที่ในตู้เย็นมีของสดเหลืออยู่ ทำอาหารอ่อน ๆ พวกข้าวต้มดีกว่า ถ้าเจมส์ตื่นมาอีกทีจะได้…

    หน้าที่เผลอยิ้มจนหุบไม่ลงของตัวเองทำให้ชายหนุ่มชะงัก เมื่อเผลอคิดถึงใบหน้าดีใจของใครบางคนเข้า ถ้าได้ชิมอาหารมื้อนี้

เขาไม่เห็นจะต้องดีใจเลยนี่ ที่จะได้ทำอาหารให้เจ้าบ้าที่ทำให้เขาแทบไม่ได้หลับได้นอนเมื่อคืนกิน

    แต่ก็นะ…ถือว่าใช้หนี้ค่ากาแฟวันก่อนก็แล้วกัน!

    ปวินต์บอกกับตัวเอง ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ แล้วลงมือทำอาหารอย่างมีความสุข


(TBC)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 12-07-2011 17:34:35
แหม คุณตำรวจ ทำตัวน่ารักนะเนี่ย ชอบเค้าเข้าแล้วล่ะสิ อิอิ  :impress2:
รอติดตามอยู่ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 12-07-2011 17:45:06
หายใจโล่งไปอึกหนึ่ง แต่ลูกต่อๆไปละจะขนาดใหน  ลุ้นสุดตัว  สนุกแบบหยองๆ  กุมารเคนกอดทีได้ป่าว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 12-07-2011 17:58:38
มาติดตามอ่านด้วยคนครับ ไม่ค่อยได้อ่านนายเอกที่เป็นตำรวจ

แถมคนทรงเจ้าเป็นลูกครึ่งอีก มีกุมารทอง มีผีไทย

สนุกครับ +1
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-07-2011 18:06:06
อิอิ ลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 12-07-2011 18:25:28
ครั้งนี้ก็โดนไปไม่ใช่น้อยแล้ว
ไม่อยากจะคิดถึงครั้งต่อไปเลย
คุณตำรวจดูแลตัวเองด้วยน่ะ
คิดว่าคงโดนอีกฝ่ายจับตาและเล่นไม่ซื่อแน่นอน
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 12-07-2011 18:45:13
เจมส์ได้นอนพักเต็มที่ ตอนตื่นมายังจะได้กินข้าวต้มที่คงจะแสนอร่อยกว่าข้าวต้มใดๆอีก
แบบนี้เรี่ยวแรงและพลังที่เสียไปจากการต่อสู้ คงคืนมาได้เร็วๆเนอะ
สังหรณ์ใจว่าไอ้หมอผีคงจะหาทางเล่นงานคุณตำรวจ
เพราะคงจะรู้แล้วว่าเป็นจุดอ่อนของเจมส์
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 12-07-2011 18:58:31
งึมม พ่ออย่าปล่อยว่าที่แม่เจ้าจุกออกจากบ้าน้า

เดี๋ยวไม่ได้กลับ หมอคงรอจับอยู่


วินแม่บ้านนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 12-07-2011 18:58:50
คุณตำรวจน่ารัก :-[
ทำตัวน่ารักแบบนี้เจมส์จะไปไหนรอด :laugh3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 12-07-2011 20:03:39
คุณตำรวจน่ารักจัง แถมใจดีด้วย
ตอนต่อไปต้องหวานๆๆๆแน่เลยยย
รึจะเจอพวกก่อกวนเนี้ย?
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 12-07-2011 20:23:00
เพิ่งมีโอกาสอ่านครับ
สนุกจนไม่อยากละเลยครับ
ชอบ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 12-07-2011 20:27:33
รอลุ้นต่อค่ะ

 :really2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 12-07-2011 21:36:09
สั้นไปเปล่าหว่า  เหมือนยังอ่านไม่จุใจเลย   ตอนนี้เริ่มน่ารักทั้งคู่เลย  อิ อิ
หมอผีเอาไว้ทีหลังก่อนเน้อ  ให้ได้หายใจหายคอกันก่อนเถอะนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 13-07-2011 19:04:31
คุณตำรวจโดนเล็งเป้าหมายซะแล้ว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 13-07-2011 20:12:15
 :jul3:

เหมือนจะน่ารัก    เอ๊ะ ยังไง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 13-07-2011 21:00:39
เจมส์เล่าเรื่องให้คุนตำรวจฟังเร็วๆน้าาาาาาาา

หวังว่าคุนตำรวจจะไม่เปนอะไรน้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 5/1 (12/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: PEENAT1972 ที่ 13-07-2011 21:32:54
อ่านแล้วสนุกชวนติดตามดีค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 13-07-2011 22:07:58
(ตอนที่ 5/2 จบตอนที่ 5)


    กลิ่นอาหารทำให้คนกำลังหลับตื่นขึ้นมาจนได้เพราะท้องเริ่มร้องประท้วง ยามนี้เที่ยงแล้ว เลยเวลาอาหารเช้าไปเอาการอยู่ ปกติอาหารเช้าของเจมส์จะมีแค่กาแฟแก้วเดียวเท่านั้น แต่ในวันนี้ที่เสียพลังงานไปมาก เขากลับรู้สึกหิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัว

    และในตอนนี้ ข้าวต้มหอมกรุ่นที่วางอยู่ด้านข้าง ก็ทำเอาเขาน้ำลายสอ

    ร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว พร้อม ๆ กับความต้องการอาหารเสียด้วย หน้าตาอาหารที่น่ากิน ยิ่งทำให้คนพึ่งตื่น มองมาตาเป็นประกาย

    มือที่จับช้อนทำท่าจะป้อนชะงัก เมื่อเผลอสบสายตาออดอ้อนราวลูกหมาตัวน้อยอย่างยินดีเกินเหตุนั้น

    “มือนายไม่ได้เจ็บนี่นะ กินเองแล้วกัน” ปวินต์ตีหน้านิ่งพูดต่อไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทางดีขึ้นมากกว่าที่คิด เห็นได้ชัดจากการผุดลุกขึ้นนั่ง โดยไม่มีท่าทางอ่อนแรงเหลืออยู่อีก

    “โธ่ คุณวินต์ล่ะก็ ผมเป็นคนป่วยนะครับ” ชายหนุ่มเริ่มออดอ้อน

    “แต่เท่าที่ฉันเห็น ดูนายจะอาการดีขึ้นมากแล้วนี่ อ้อ…จริงสิ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ มือที่ถือชามข้าว ตั้งท่าจะส่งให้แต่ทีแรก กลับหยุดกึก แล้วดึงกลับอย่างจงใจ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มซีเรียส

    “เล่าให้ฉันฟังให้หมดก่อน แล้วค่อยกิน” ตำรวจหนุ่มพูดหน้าตาเฉย

    มือที่ยื่นไปรับเก้อได้แต่วางลงอย่างเสียดาย คนกำลังหิวกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ก่อนจะตีสีหน้าน่าสงสาร “คุณอย่าเอาอาหารเป็นเครื่องต่อรองสิครับ เกิดผมหิวตายขึ้นมาจะทำยังไง”

    “บ้านนายก็ใกล้วัดอยู่แล้วนี่ สวดสักสามคืนแล้วเผา คงไม่ยุ่งยากอะไรนัก” เสียงราบเรียบตอบกลับอย่างทำทีไม่สน

    “ผมรู้ว่าคุณใจดีกว่านั้นเยอะ น่า ให้ผมกินก่อนดีกว่า แล้วคุณจะถามอะไร ผมจะบอกให้หมด…เท่าที่คุณน่าจะได้รู้”

    “แค่บอกให้หมดทุกอย่าง มันยากนักหรือไง” มือนั้นยกชามห่างไปอีก ก่อนทำท่าจะวางลงเก็บบนถาดที่ยกมาแต่แรก

    “อ๊ะ อย่าเอาไปสิครับ เรื่องนั้นผมจำเป็นจริง ๆ นะ เข้าใจผมหน่อยสิครับ”

    เสียงท้องร้องประท้วงขึ้นอีก ทำให้คนกำลังแกล้งเก๊กหลุดขำจนได้

    “เอ้า เชื่อแล้วว่าหิวจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นก็กินก่อน แต่กินเสร็จแล้ว ต้องเล่าซะทีแล้วนะ”

    เจมส์มองมาพลางยิ้มแห้ง ๆ “ครับ ๆ ผมไม่กล้าแล้ว คุณเป็นช้างเท้าหน้าจริง ๆ ถ้าเราแต่งงานกัน ผมคงเป็นทาสของคุณไปจนตายแน่เลย”

    ปวินต์เผลอหน้าแดง ก่อนทำเสียงดุแก้เขิน “ใครบอกจะแต่งงานกับนาย”

    คนฟังอมยิ้มไม่แย้งอะไร เพราะตอนนี้กำลังมีความสุขกับการรับประทานจนคนมองเริ่มหมั่นไส้ มือเพรียวยึดชามจะดึงกลับอีก แต่สู้แรงคนป่วยไม่ได้เสียอย่างนั้น

    “อ้อยเข้าปากช้างแล้ว มีหรือจะยอมคืน” เจมส์พูดยิ้ม ๆ ก่อนตั้งหน้าตั้งตากินต่ออย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งยังคงยึดชามไว้ไม่มีปล่อย

    “ก็หายแล้วนี่นา ทำฟอร์มเป็นคนป่วยอยู่ได้” ตำรวจหนุ่มบ่นพึมพำ แต่เจมส์ทำเป็นไม่ได้ยิน จนสุดท้ายปวินต์ต้องยอมแพ้ ปล่อยให้อีกฝ่ายกินต่อไปจนหมดโดยไม่ขัดอีก

    “ฮ้า…อิ่มดีจัง อาหารฝีมือคุณอร่อยสมกับที่น้องปรางคุยไว้จริง ๆ เสียด้วย” คนป่วยพูดลูบท้องอย่างมีความสุข หลังจากอ้อนขอเติมเพิ่มจนหมดหม้อ กินเยอะจนปวินต์เองยังอึ้ง เขามองมาพลางตอบว่า

    “ถ้ากินล้างกินผลาญขนาดนี้ สงสัยคงต้องงดเชิญไปกินข้าวที่บ้านฉันแล้ว”

    เจมส์ทำตาปริบ ๆ “วันนี้ผมป่วยหรอกครับ ถึงกินเยอะขนาดนี้ ชดเชยส่วนที่สึกหรอยังไงล่ะ แต่ว่านะ…ถ้าเป็นอาหารฝีมือคุณ จะให้ทานเมื่อไหร่ ผมก็ต้องทานให้หมดอยู่ดี ไหน ๆ คนทำอุตส่าห์ทำด้วย ‘ความรัก’ เสียขนาดนี้”

    คำพูดแอบแทงใจดำ เล่นเอาปวินต์แทบยืนไม่ติด เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมต้องบรรจงทำมากกว่าทุกทีขนาดนี้ด้วย

    “เอ้า กินก็อิ่มแล้ว ทีนี้จะพูดได้หรือยัง” ชายหนุ่มเบี่ยงประเด็น ดวงตาคมยังมองมาจริงจังอย่างไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้อีก

    ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถามว่า “แล้วคุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะครับ”

    “ลูกชายนายอยู่ไหนกัน”

    คนฟังอดขำมากกว่าเดิมไม่ได้ เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น โดยมีอีกฝ่ายตั้งท่าจะช่วยประคอง หากชายหนุ่มยิ้มให้ แล้วบอกว่า “ผมหายแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”

    “ทีเมื่อกี้ทำมารยานะ ไม่น่าทำให้กินเลย” ผู้กองหนุ่มแอบบ่น

    “ผมหายดีเพราะอาหารฝีมือคุณไง เอ้า ผมจะพาคุณไปหาลูกชายผม ตามมาสิครับ”

    ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนเดินไปที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ห้องนี้เป็นห้องพระ เพราะท้ายที่สุดปวินต์ก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายเจมส์ออกไป แต่ปล่อยให้นอนพักในห้องพระดังเดิม

    ที่มุมด้านหนึ่งของโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ จัดวางเครื่องรางของขลังไว้อย่างเป็นระเบียบ และหนึ่งในนั้น ก็มีตุ๊กตารูปเด็กผมจุกหน้าตาน่ารัก ยืนเท้าสะเอวจังก้าในชุดโจงกระเบนโบราณ ด้านบนไม่สวมเสื้อแต่เป็นสร้อยสังวาลห้อยไขว้กันไว้ ทั่วตัวประดับเครื่องประดับทอง เช่นสร้อยคอและกำไลข้อมือข้อเท้าเสียเต็มยศ

    “นี่ไงครับ เจ้าเคน ลูกชายผม” ชายหนุ่มชี้ตุ๊กตาตัวนั้นให้ปวินต์ดู

    คนเดินตามมาดูใกล้ ๆ หันมาสบตาแกร่งอีกครั้งอย่างงุนงง

    “ลูกชายนายเป็นตุ๊กตางั้นเหรอ”

    เจมส์ฟังคำถามซื่อ ๆ นั้นแล้วอดขำไม่ได้ “คุณช่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทางคุณไสยเลยนะครับ”

    คำพูดนั้นเล่นเอาคนถามแอบหน้าชา ก็เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้นี่นา เรื่องอะไรจะต้องไปสนใจด้วย “ไม่เห็นจะอยากรู้เลยนี่ เรื่องหลอกลวงพรรค์นั้น”

    สีหน้าของเจมส์เคร่งขรึมมากขึ้นก่อนจะถามชายหนุ่มว่า “ถ้ามีคนมาดูถูกอาชีพตำรวจของคุณ คุณจะรู้สึกยังไงครับ”

    คนถูกถามหันควับมามอง ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก อาชีพตำรวจนี้ สำหรับเขาแล้ว ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่เสมอมา เหมือนผู้เป็นพ่อที่จากไปในหน้าที่ แม้จะตายจากก็ยังเป็นที่เคารพรักและชื่นชมต่อทุกคน

    เพียงแค่แววตาที่มองมาก็แสดงคำตอบได้เด่นชัด เจมส์พูดต่อไปว่า “คุณรักและเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณเป็น ในสิ่งที่คุณทำ ใช่ไหมครับ ผมอยากจะบอกว่า ผมก็เช่นกัน ผมเองก็เป็นหมอผี ที่รักในอาชีพของผม และแน่นอนว่า…ถ้ามีใครมาดูถูก ผมเองก็ใช่ว่าจะยินดี ผมไม่คิดจะกรอกหูให้คุณเชื่อ ไม่ได้คิดจะเล่นกลหลอกลวงให้คุณยอมทำตาม ของพวกนี้ มันสัมผัสได้ด้วยใจ และด้วยความศรัทธา คุณจะไม่เชื่อ นั่นไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณตั้งแง่ปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น คุณก็จะไม่สามารถรับฟังเสียงเล็ก ๆ ที่เขาอยากจะพูดคุยกับคุณมาตลอดได้เลย”

    คำพูดของเจมส์ย้อนสิ่งที่เขาเป็นเข้าอย่างจัง ปวินต์เถียงไม่ออกเลยทีเดียว เขาเริ่มเข้าใจในงานของอีกฝ่ายมากขึ้นเล็กน้อย ของทุกอย่าง มันต่างจิตต่างใจ และต่างมุมมอง ขึ้นกับว่าแต่ละคนจะคิดอย่างไร

และสิ่งสำคัญก็คือ เขาควรจะรับฟัง มากกว่าจะเอาแต่ปฏิเสธสินะ

ตำรวจหนุ่มหายใจเข้าลึก พยายามทำความเข้าใจอีกฝ่ายมากกว่าเดิม

“นายกำลังอยากจะบอกฉันว่า?”

    “เปิดใจสิครับ อย่าปฏิเสธเขา ลูกชายของผมน่ะ เขาชอบคุณนะ เขาอยากคุยกับคุณมาตลอด เพียงแต่ว่าคุณไม่เคยจะยอมเชื่อและรับฟังเลย”

    “หมายความว่ายังไง”

    “เจ้าเคนลูกของผม เป็นกุมารทองที่ผมเลี้ยงไว้ จริง ๆ เขาอยู่มาตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว และเขา…ก็มาอยู่กับผมต่อ คุณรู้ไหม กุมารทองน่ะ เป็นเด็กที่มีกรรม และน่าสงสารมากนะครับ”

    “ไม่ใช่แค่ผีที่สิงในตุ๊กตาหรอกเหรอ” ปวินต์ถามออกไป ก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่าย ที่ดูจะไม่พอใจนัก

    “ขอโทษ…ฉันอาจจะพูดไม่คิด เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ แต่ว่า…เมื่อวานนี้ ฉันได้ยินเสียงเขา ชัดเจนมากด้วย และแน่ใจว่าคงหูไม่ฝาด เอาล่ะ นายเล่ามาสิว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง”

    “เมื่อวานเขาใช้พลังงานไปมากทีเดียว ทั้งช่วยป้องกันพวกเรา และพยายามสื่อสารกับคุณ จนวันนี้ เขาเลยไม่สามารถปรากฏกายได้ดีเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ ผมจะเล่าความเป็นมาตั้งแต่แรกให้ฟังก่อนแล้วกันครับ”

    “กุมารทองเป็นเด็กที่ตายในท้อง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ตายทั้งกลม แต่ถูกนำออกมาด้วยวิธีการเฉพาะ และปลุกเสกเพื่อให้เป็นกุมารทอง คอยช่วยเหลือผู้มีอาคมนั่นเอง คุณรู้ไหม ไม่ใช่เด็กที่ตายทุกคน จะสามารถเป็นกุมารทองได้ แต่เด็กที่สามารถเป็นได้ คือเด็กที่มีกรรมติดตัว”

    “มีกรรมงั้นเหรอ”

    “ใช่ครับ คนที่ชาติก่อนเคยทำแท้งฆ่าลูกตัวเองมาก่อน มาในชาตินี้ พอมาเกิดด้วยบ่วงแห่งกรรม เลยทำให้ตายตั้งแต่อยู่ในท้องไม่สามารถเกิดออกมามีชีวิตอยู่ได้ และเพราะวิบากกรรมนั้น หมอผีบางประเภท จะอาศัยความโชคร้ายของพวกเขา ในการผูกมัดและตั้งตัวเป็นเจ้านาย เพื่อบงการพวกเขา ให้ทำอะไรตามต้องการ”

    “ถึงผมจะพูดแบบนั้น ก็ใช่ว่าหมอผีที่ทำเช่นนั้น จะเลวไปหมดทุกคนหรอกนะครับ พวกเขาคล้ายมีกรรมผูกกันมาแต่ชาติปางก่อน มาถึงตอนนี้ จึงได้มาอยู่ร่วมกันอีก” ว่าพลางยิ้มน้อย ๆ แก้เครียด ก่อนจะพูดว่า “เหมือนกับคุณและผมไง”

    คนกำลังฟังอิน ๆ ถึงกับชะงัก ก่อนจะแกล้งทำตาดุ

    “ครับ ๆ ผมเล่าต่อก็ได้ ท่าทางผมจะเคยทำกรรมอะไรกับคุณไว้แน่เลย เผลอทีไรโดนเล่นกลับซะทุกที”

    “ไม่ต้องมานอกเรื่องเลย รีบ ๆ เล่าต่อได้แล้ว” ปวินต์เร่งด้วยความอยากรู้

    “พ่อของผม ท่านก็เป็นหมอผีแบบเดียวกับผมนี่แหละ แล้วก็เก่งมากด้วย แต่ท่านไม่เคยคิดจะเลี้ยงกุมารทองหรอกนะครับ เพียงแต่อาจจะพูดได้ว่า มีชะตาต้องกัน เพราะมีหมอผีคนหนึ่งทำตัวไม่ดี และกดขี่เด็กน้อยที่เลี้ยงไว้เป็นกุมารทองมาก ๆ จนพ่อทนไม่ไหว พ่อพยายามทำทุกอย่าง เพื่อตัดบ่วงกรรม แม้ว่ามันต้องลดทอนอายุขัยของท่านลง แต่ท่านก็รับเด็กคนนั้น มาเลี้ยงดูแทนได้ในที่สุด”

    ว่าพลางถอนหายใจ “คุณอาจจะสงสัย ว่าทำไมถึงไม่ให้ไปผุดไปเกิดแทนสินะครับ อย่างที่ผมเคยบอก กุมารทองเป็นเด็กที่มีกรรม ดังนั้น ถ้ายังไม่ถึงคราวหมดกรรม เขาก็จะยังไม่สามารถไปเกิดได้ การจะปล่อยเขาวนเวียนอยู่ในโลกต่อไปโดยลำพัง มันก็คล้ายคุณปล่อยให้เด็กไร้เดียงสา เผชิญโลกลำพังนั่นแหละ และเพราะอย่างนั้น ครอบครัวของเรา เลยเลี้ยงเขาไว้”

    “จนพ่อของผมตายจากไป และผม…อาจจะมีบางอย่าง ที่คล้ายพ่ออยู่บ้าง…เอ้อ ไม่ได้หมายถึงหน้าตาหรอกนะครับ เพราะผมก็เป็นเด็กที่พ่อเก็บมาเลี้ยงเหมือนกัน แต่เพราะพวกเรา มีชะตาต้องกันอย่างที่บอก เด็กคนนี้ เลยนับถือผมเป็นพ่อ ต่อจากพ่อของผม ที่ตายไปแล้ว”

    “แสดงว่าที่เรียกว่าลูก ก็เพราะเป็นแบบนี้สินะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมน่ะ เรียกเขาว่าเจ้าจุก แต่หลัง ๆ มานี่ เคน ธีระเดช กำลังดัง เขาปลื้มมาก เลยขอให้ผมเรียกว่า ‘เคน’ แทน”

    คนฟังอมยิ้ม นึกถึงเสียงเล็ก ๆ ที่ช่วยเขาไว้เมื่อวาน ท่าทางคงเป็นเด็กกระตือรือร้น และน่ารักเอามาก ๆ แน่

    “งั้นฉันเรียกเขาว่าเคนด้วยได้ไหม”

    “ได้สิครับ เขาน่ะ เห็นคุณเป็นเหมือนพ่ออีกคนของเขามานานแล้ว เจ้าเคนน่ะวัน ๆ เอาแต่ชมคุณให้ผมฟัง จนผมตกหลุมรักแล้วเนี่ย”

    ดวงตาคมค้อนควับเข้าให้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เลิกนอกเรื่องซะทีเถอะน่า เอาล่ะ ตอนนี้ฉันเข้าใจเรื่องลูกชายของนายแล้ว แต่ว่า เมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

    เจมส์นิ่งไปอย่างตัดสินใจ เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกปวินต์ดีหรือไม่ ถึงอันตรายที่กำลังเข้ามา เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี ที่คงไม่ยอมให้เขาต้องต่อสู้เพียงลำพังแน่ ๆ มันเป็นเรื่องน่าดีใจอยู่หรอก แต่เขาก็ไม่อยากลากให้ปวินต์ ต้องมารับเคราะห์ไปด้วย ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ

    “เรื่องเมื่อวาน…” ชายหนุ่มพูดต่อหน้าตาเฉยต่อว่า “ก็แค่คู่อริของผม เล่นงานผมเข้าแล้ว พอดีคุณเข้ามา มันกลัวก็เลยหนีไป” เรื่องฟังดูง่ายดายเกินคาด

    “แค่นี้เนี่ยนะ?”

    “ครับ แค่นี้สิครับ พวกเราสู้กันด้วยอาคมนิดหน่อย ผมพลาดท่าไป แต่ดีได้ท่านเจ้าที่ กับเจ้าเคนช่วยไว้ แล้วคุณก็เข้ามาพอดีเลย เรื่องก็เลยจบลงอย่างแฮปปี้” เจมส์พูดต่อไป

    ปวินต์มองหน้าชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าอันราบเรียบ ซึ่งจากเท่าที่คบกันมา เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ “ฟังดูเหมือนนิยายดีนะ ฉันควรจะเชื่อนายดีไหม”

    เจมส์ลอบถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันก็แค่นั้นแหละครับ”

    “เรายังเป็นเพื่อนกันแน่เหรอ ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว” ทั้งคำพูดและแววตาคล้ายตัดพ้อเสียจนคนมองเริ่มเจ็บแปลบ แต่เขาก็ยังคงไม่พูดอะไร

    “นายก็หายแล้วนี่นะ ฉันคงหมดความจำเป็นแล้ว ถ้าอย่างนั้น ฉันกลับก่อนล่ะ ฝากลาเจ้าเคน ลูกนายด้วยแล้วกัน”

    เขาว่าพลางทำท่าจะเดินออกไป

    “เดี๋ยวก่อนครับ คุณวินต์”

    ร่างผอมบางชะงัก หันกลับมามอง และเห็นเพียงรอยยิ้มน้อย ๆ ของอีกฝ่าย ที่ดูสุดฝืน

    “ยังไงผมก็ขอบคุณมากนะครับ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา…ขอบคุณมาก…และก็ขอโทษ ที่ทำให้คุณผิดหวัง”

    “ถ้ารู้ตัวก็คิดให้ดีแล้วกัน ว่าควรจะทำยังไง!” เสียงจากอีกฝ่ายตอบสะบัด ก่อนที่ปวินต์จะออกไปจริง ๆ

    “พ่อฮะ แบบนี้ดีแล้วเหรอฮะ” เสียงเล็ก ๆ ของเจ้าเคนถามขึ้นเบา ๆ รับรู้ได้ดีถึงความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อ

    “ดีแล้วล่ะ เราอยู่ของเราแบบนี้ ก็อยู่กันได้ไม่ใช่เหรอ อย่าให้คุณตำรวจของเจ้า ต้องมาเดือดร้อนไปกับเราด้วยเลย”

    “คุณตำรวจของพ่อต่างหาก ไม่ใช่ของผมสักหน่อย” เด็กชายบ่นพึมพำ “แต่ยังไงผมก็จะอยู่ข้างพ่อนะฮะ อย่าเสียใจไปเลย”

    “ขอบใจนะ เจ้าเคน คืนนี้ไม่รู้พวกมันจะมาไม้ไหนกับเราอีก ยังไงก็…ฝากด้วยแล้วกันนะ”

    ร่างเล็กรับปากเบา ๆ ก่อนจะหายตัวไป ก่อนจะไป เจ้าตัวยังคงบ่นพึมพำกับตัวเองไม่เลิก

เด็กน้อยไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมกันหนอ ผู้ใหญ่ถึงได้ชอบปากไม่ตรงกับใจกันเสียจริง!


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 13-07-2011 22:32:21
งอนกันซะแล้ว เฮ้อผู้ใหญ่ไม่ยอมรับความจริง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-07-2011 22:53:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 13-07-2011 23:12:14
ดีกันได้ไม่เท่าไหร่ก็งอนกันซะแล้ว o16
เจ้าเคนทีหลังไม่ต้องเรียกคุณตำรวจแล้วนะ
ให้เรียกว่าพ่อเล็กแทนนะจ๊ะ
พ่อเล็กกับพ่อใหญ่ :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 13-07-2011 23:39:37
 :o12: :o12: :o12: :o12:

เสียใจแทนคุณตำรวจ แต่ก้เข้าใจเจมส์นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-07-2011 00:06:07
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 14-07-2011 00:19:34
ง่า หวานแหววกันได้แป๊บเดียวเอง  :m31:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 14-07-2011 00:50:16
 “พ่อฮะ แบบนี้ดีแล้วเหรอฮะ” นั่นหน่ะสิ ดีแล้วจริงๆเหรอ

ถึงไม่อยากให้เกี่ยวข้องแต่ก็เกี่ยวไปแล้วเต็มๆ โดนหมายหัวอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 14-07-2011 12:58:01
ทำกับข้าวให้กินด้วย ดูเป็นแม่บ้านแม่เรือนดีจริง :z1:
เนี่ยแหละ จะเห็นใจกันก็ตอนดูแลกันยามเจ็บป่วย หวานๆคั่นหวีดสยอง :laugh:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 14-07-2011 13:08:03
ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวทำดีที่สุดแล้ว
แต่.....มันดีที่สุดสำหรับใคร?
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 14-07-2011 14:48:11
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-07-2011 16:30:51
 เหนื่อยใจแทนทั้งสองคน
อีกคนก็เป็นห่วง อีกคนก็อยากรู้ เออนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 14-07-2011 18:16:42
โย๋ คราวหน้าสงสัยจะเจอวินจังสภาพตัวประกันไม่ก็ตัวล่อซะแล้วล่ะมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 14-07-2011 18:36:52
รู้น่ะว่าคดีมันสำคัญ และคุณตำรวจก็อยากรู้มาก
แต่บางครั้งคนที่รู้เรื่อง รู้ทุกอย่าง อย่างเจมส์มันพูดไม่ได้จริงๆ
สิ่งที่ทำได้คือรอเวลาเท่านั้น น้องเคนน่ารักจังตอนนี้ออกมานิดเดียวเอง
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 14-07-2011 19:58:35
 :เฮ้อ:

งอนกันแว้วววว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 14-07-2011 20:49:42
โกรธกันซะแล้ว   :เฮ้อ:

เอาใจช่วยทั้งสองคนนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 5 (13/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 14-07-2011 20:57:10
ชอบนิยายแนวนี้มากเลยค่ะ ประทับใจมาก แต่งได้ดีมากๆ >^<

จะติดตามรออ่านผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-07-2011 15:59:03
สืบเสน่หา

ตอนที่ 6


(ตอนที่ 6/1)


วันนี้งานยุ่งกว่าทุกวัน เพราะเมื่อวานลางานไป แต่ปวินต์กลับนั่งเหม่อ จ่าเดี่ยวคู่หูเวลาปฏิบัติงาน ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะด้านข้าง มองเพื่อนร่วมงานอย่างแปลกใจ โดยปกติแล้วปวินต์เป็นคนเคร่งครัดในหน้าที่การงานมาก เรียกได้ว่า มากเกินกว่าคนปกติทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด

    แต่ในวันนี้ คนขยันกลับเหม่อลอยกว่าทุกที แถมทำงานผิดพลาดมากกว่าปกติเสียด้วย

    “ผู้กองครับ” เสียงเรียกทำให้คนอยู่ในภวังค์เผลอสะดุ้ง

    “อ๊ะ…อ้อ จ่า มีอะไรเหรอ”

    “เมื่อวานมีสารวัตรคนใหม่ย้ายมา ผู้กองทราบไหมครับ”

    คนถูกถามพยักหน้ารับ “ก็ได้ยินมาบ้าง มีอะไรงั้นรึ” เขาลางานเมื่อวาน จึงไม่ได้อยู่ด้วยตอนอีกฝ่ายมา แต่ปวินต์ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เรื่องเลียแข้งเลียขาผู้บังคับบัญชา ไม่ได้อยู่ในนิสัยของเขาอยู่แล้ว

    “สารวัตรคนใหม่เขาอยากพบผู้กอง”

    “งั้นเหรอ” เสียงตอบรับเนือย ๆ ทำให้คนพูดคิ้วขมวด

    “ผู้กองไม่สบายหรือเปล่าครับ จะลาอีกวัน ก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ เมื่อวานเห็นว่าลาป่วยไปไม่ใช่เหรอ”

    ผู้กองหนุ่มทำหน้าไม่ถูกไปเลย เพราะลากะทันหันจนทำเรื่องลากิจไม่ทัน เขาเลยต้องบอกว่าป่วย แต่จริง ๆ แล้ว คนป่วยนั้นไม่ใช่เขาเสียหน่อย ไม่น่าบ้าจี้ไปลาป่วยเฝ้าคนพรรค์นั้นเลย เสียงานเสียการ เสียเวลาหมด เขาคิดต่อไปอย่างหงุดหงิด ยังโมโหไม่หาย ที่เจมส์ไม่ยอมพูดความจริงกับเขาเสียที

    แล้วจะมาขอเป็นเพื่อน เพื่อนที่มีอะไร ก็ไม่ยอมให้เพื่อนช่วย แล้วจะเป็นเพื่อนกันไปเพื่ออะไร

    จนกว่าเจมส์จะเล่าทุกอย่างที่เขาควรจะต้องรู้ให้ฟัง เขาจะไม่คุยกับเจมส์อีก

    “ผู้กองครับ” เสียงจ่าเดี่ยวเรียกซ้ำ คนกำลังคิดนอกเรื่องชะงัก หันมามองอย่างงง ๆ

    “สารวัตรรอพบอยู่นะครับ เมื่อกี้ผมบอกไปทีแล้ว หรือผู้กองจะไปหาหมอดี?” มือนั้นจับที่แขนชายหนุ่มเบา ๆ “แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”

    ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่หรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไร ขอบใจนะ เมื่อวานก็หยุดไปวันนึงแล้ว ต้องให้จ่าทำงานแทนตั้งเยอะ วันนี้ฉันไม่เป็นไรหรอก”

    “…ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้กองทำงานหนักกว่าคนอื่นตั้งหลายเท่า จะหยุดซักสองสามวัน ผมก็ยินดีช่วยครับ” จ่าเดี่ยวตอบรับอย่างขันแข็งจริงใจ

    ปวินต์เริ่มรู้สึกผิด ที่โกหกเรื่องป่วยไปวันก่อน “ไม่หรอก แล้วลูกของจ่าเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าพึ่งจะคลอดอาทิตย์ก่อนไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

    คนฟังยิ้มร่า พอพูดถึงลูกสุดที่รัก “ลูกชายครับผม กำลังกินกำลังนอนทีเดียว เล่นเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งพ่อทั้งแม่” เขาหัวเราะต่อไปอย่างอารมณ์ดี

    “ท่าทางจะน่ารักมาก ไว้ฉันจะซื้อของเล่นไปฝาก เด็กผู้ชายเขาจะเล่นอะไรบ้างนะ”

    จ่าเดี่ยวอดขำไม่ได้ เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายมัวแต่ทำงาน จนแทบไม่สนเรื่องทั่วไปสักเท่าไหร่ “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผู้กองอยากซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ เด็กพึ่งจะอาทิตย์เดียว ไม่รู้เรื่องหรอกครับ”

    “อ้อ งั้นเหรอ” คนฟังตอบรับอย่างเขิน ๆ ก็เขายังโสด ไม่เคยมีลูกกับใครเขานี่นะ

    “จริงสิครับ ผมว่าผู้กองรีบไปดีกว่า อย่าให้สารวัตรเขารอนานเลย”

    “อื้ม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ ขอบใจมากนะ” เขาว่าพลางลุกขึ้นเดินไปห้องสารวัตรคนใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะไร้วิญญาณ

    คนมองมาลอบส่ายหน้าเบา ๆ ไม่รู้ว่าผู้กองคนเก่งของเขาไปเจออะไรมา ท่าทางแบบนี้ถ้าออกปฏิบัติงาน จะแย่เอารึเปล่าไม่รู้…



    ห้องสารวัตรคนใหม่ ยังดูโล่งอย่างเห็นได้ชัด เพราะยังขนข้าวของมาได้ไม่มากนัก ปวินต์เองจำชื่อสารวัตรคนใหม่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตามประสาคนไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากงานที่ได้รับผิดชอบในหน้าที่ แต่โชคยังดี ที่มีป้ายเขียนไว้หน้าห้อง เป็นป้ายใหม่เอี่ยมเช่นเดียวกัน

    “สารวัตรธนดลสินะ ชายหนุ่มพึมพำ หลังจากได้อ่านป้าย พร้อมบันทึกชื่อนั้นไว้ในสมองเพื่อไม่ให้เกิดการเรียกผิด ตอนพูดคุยกัน…แต่ชื่อนี้ คุ้น ๆ เหมือนเคยได้ยินที่ไหน ปวินต์นึกต่อไป แต่นึกไม่ออก

    เขาเคาะประตูก่อนได้ยินเสียงทุ้มจากด้านใน บอกให้เข้าไปได้

    พอประตูเปิดออก เขาก็เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน จากที่เห็นน่าจะอายุราว ๆ 35 ปีได้ ร่างสูงสมส่วนและดูดี เข้ากันได้กับชุดในเครื่องแบบ ทั้งยังมีรอยยิ้มอย่างยินดีเมื่อหันมาเห็นคนเคาะ

    “อ้าว มาแล้วเหรอ วินต์” เสียงคุ้นหูทักขึ้นอย่างง่าย ๆ เรียกชื่อเสียสนิทจนปวินต์ยังอึ้ง

    “เอ้า ยืนงงอะไรกัน เข้ามาสิ เข้ามา” เขากวักมือเรียกต่อ ปวินต์ที่ลังเลนิดหน่อย จึงตัดสินใจเข้ามา ปกติแล้วมีคนเรียกเขาแบบนี้ไม่เยอะนัก นอกจากครอบครัว เพื่อนสนิท…แล้วก็คงมีแต่…เจ้าบ้านั่น

    ทำไมเขาต้องคิดถึงเจ้าหมอผีลวงโลกนั่นอีกแล้วล่ะ

    ชายหนุ่มพยายามสลัดความคิดนั้นออกไป แล้วก็เผลอสะดุ้ง เมื่อสบตาเข้ากับดวงตาคมเข้ม ซึ่งกำลังจ้องมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า อย่างกระตือรือร้น

    คนถูกจ้องถอยหลังอย่างตกใจนิดหน่อย “อ่ะ…เอ่อ สารวัตรมองผมแบบนี้ทำไมกันครับ”

    สารวัตรคนใหม่มองมาแล้วหัวเราะ “นี่จำฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ ไม่ได้เจอซะนาน โตขึ้นเยอะเลยนะวินต์”

    ปวินต์มองมาที่อีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนจะทำหน้าประหลาดใจเมื่อจำได้ “อา…อาดลเหรอครับเนี่ย!”

    “ใช่แล้ว นั่งลงสิ ไม่ได้เจอกันนาน อามีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย”

   

    ยามเที่ยงของวันทำงาน ร่างสูงของเจมส์ในชุดสปอร์ตรัดรูปรับรูปร่าง ยืนอยู่กลางลู่วิ่ง คอนเซปวันนี้ที่ถ่ายไปแล้วเป็นแนวเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่เพื่อออกกำลังกาย และร่างกายที่แข็งแรงมีกล้ามกำลังสวยของเขา ก็เป็นที่ต้องตาของประจักษ์ เจ้าของผู้ออกแบบนัก

    “เหนื่อยหน่อยนะครับ” เสียงคนดูแลพูดขึ้นพลางส่งผ้าขนหนูชุบน้ำให้ ก่อนจัดการสั่งให้เก็บข้าวของ งานเสร็จตอนพักกลางวันพอดี เจมส์ที่กำลังจะกลับไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวชะงัก เมื่อเห็นร่างคุ้นตาของผู้เป็นเพื่อนเดินเข้ามาหา คนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางกระตือรือร้นสูง แถมยังแต่งตัวทันสมัยรับแฟชั่นเสียจนโดดเด่น

    “ไง เจมส์ สบายดีไหม ไม่ได้เจอกันหลายวันเชียวนะ” เขาทักทายขึ้นด้วยความสนิทสนม

    “เออ คงสบายกว่านี้ ถ้านายเลิกหางานที่ต้องแต่งตัวโชว์หุ่นขนาดนี้ให้ฉันเสียที” ว่าพลางมองลงต่ำ เจ้ากางเกงรัดติ้วเน้นเป้าเสียขนาดนั้น ทำให้อีกฝ่ายอดขำไม่ได้

    “เอาน่า ก็นายมีดี มันก็ต้องโชว์สิ งานง่าย ๆ แค่เก๊ก ๆ หน่อยก็ได้เงิน ดีออกจะตายไปไม่ใช่รึ จริงไหมเจ้าเคน” เสียงท้าย ๆ กระซิบเบา ๆ แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้ ว่าเด็กน้อยจอมซนย่อมตามเจมส์มาด้วยแน่ ๆ

    “จริงฮะ พี่นัท” เสียงตอบรับทันใจ เล่นเอาคนส่งมุกอดหัวเราะไม่ได้ แต่คนฟังขำไม่ออกด้วยแน่ เจมส์หน้านิ่วเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “เข้ากันดีนักนะเจ้าตัวแสบ เดี๋ยวงดของเล่นที่จะซื้อวันนี้เสียเลย”

    “ขู่จังนะพ่อ เดี๋ยวเคนให้พี่นัทซื้อให้ก็ได้” เจ้าตัวแสบพูดอย่างไม่ง้อ

    “ถ้างั้นก็ไปอยู่กับพี่นัทเขาเลยสิ พ่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายลง ไม่ต้องมาถ่ายแบบโชว์เนื้อหนังแบบนี้” คนพูดว่างอน ๆ

    “โธ่พ่อฮะ เคนรักพ่อที่สุดนะ ยิ่งดูพ่อถ่ายแบบเท่ ๆ เคนยิ่งช้อบชอบ” เด็กน้อยรีบประจบเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเลิกซื้อของเล่นให้จริง ๆ

    “พ่อไม่ได้ชอบด้วยนี่” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แต่ถึงอย่างไร ถ้าได้รับปากแล้ว เขาก็ตกลงทำงานอยู่ดี ส่วนหนึ่งก็เพราะเจมส์นั้นรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณธนัทอยู่มาก เขาเลยมักไม่ค่อยปฏิเสธยามอีกฝ่ายโทรมาขอร้องให้ช่วย แม้จะไม่พูดออกมา แต่ธนัทก็รู้เช่นกัน และมักจะคิดว่า คนหล่อ ๆ ขนาดนี้ มัวไปเก็บตัวซ่อนในสำนักพ่อปู่มันเสียของ

    เพราะคิดแบบนั้น ธนัทเลยมักหาเรื่องลากเจ้าเพื่อนจอมสมถะ ให้ออกมาโชว์ตัวอยู่บ่อย ๆ ยิ่งเห็นหน้ามุ่ย ๆ ของคนไม่เคยอยากดัง ทั้ง ๆ ที่ยิ้มนิดเดียวก็ดังแทบระเบิด เขายิ่งแอบอารมณ์ดี

    ธนัทเป็นเพื่อนกับเจมส์มาตั้งแต่เล็ก เพราะสมัยก่อนเรียนอยู่ที่เดียวกัน รู้จักทั้งบ้านและครอบครัว รวมถึงงานของเจมส์เป็นอย่างดี และแน่นอน สนิทกับเคน กุมารทองของเจมส์ เป็นพิเศษเสียด้วย

    ช่วงที่พ่อของเจมส์ตายไปเป็นช่วงหนึ่งที่เจมส์อยู่ในสถานะลำบากมาก เพราะต้องยืนหยัดด้วยลำแข้งตัวเองให้ได้ ท่ามกลางความสูญเสีย ถึงที่บ้านจะไม่มีใคร แต่เจมส์…ก็ยังมีเพื่อนผี ๆ อยู่อีกหลายตน แม้ธนัทจะมองไม่เห็น แต่เขาก็รู้ได้ว่าที่เจมส์พยายามจะเข้มแข็งขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อช่วยเหลือดูแลบรรดาผีเหล่านั้น

    เขาจึงได้ไปขอร้องผู้เป็นพ่อ ซึ่งทำงานเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า ให้ช่วยหางานให้เจมส์ทำ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ยอมรับเงินช่วยเหลือฟรี ๆ มากไปกว่านี้

    และเพราะแบบนั้น เจมส์เลยรับงานพวกนี้อยู่เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัว ไม่ได้อยากจะโชว์ตัวกับใครเขา ข้อตกลงหนึ่งกับนายจ้างทุกคนจึงเป็นว่า ห้ามเปิดเผยเรื่องส่วนตัว หรือแม้กระทั่งชื่อให้ใครรู้เด็ดขาด ทุกคนจึงรู้แค่ชื่อในวงการของเขาเท่านั้น ความลึกลับของนายแบบคนนี้ จึงเป็นเสน่ห์อีกอย่างของเจ้าตัว ที่ทำให้ใคร ๆ ล้วนแล้วแต่สนใจ

    เพียงแต่ว่าหากเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตส่วนตัวของเขาเมื่อไหร่ อาจโดนคุณผี ๆ ช่วยกันหลอกหลอนจนหัวโกร๋นเสียก่อน ดังนั้นพวกปาปารัสซี่ทั้งหลาย จึงเข็ดหลาบเลิกตามกันเป็นแถว

    “จริงสิเจมส์ วันก่อนคุณประจักษ์บอกฉันว่า มีตำรวจมาหานายถึงที่นี่แน่ะ นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มเข้าเรื่อง เขามาหาเจมส์ในวันนี้ก็เพราะเป็นห่วงถึงเรื่องนั้นนั่นเอง

    เจมส์มองหน้าเพื่อนอย่างซาบซึ้งใจ เขารู้ดีเช่นกันว่าธนัทนั้นเป็นห่วงเขาเสมอ และมักจะหาทางช่วยทุกครั้ง แต่คราวนี้ มันเป็นปัญหาของเขาเอง ซึ่งเขาไม่ต้องการลากใครมาเดือดร้อนด้วย

    “ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”

    “งั้นเหรอ นั่นสินะ อย่างนายจะไปมีปัญญาไปจี้ปล้นใคร ถ้าเรื่องลวนลามค่อยว่าไปอย่าง” เขาว่าพลางหัวเราะ

คนฟังหน้ามุ่ย “ฉันเคยลวนลามใครที่ไหน ถึงช่วงนี้จะอยากอยู่ก็เถอะ”

“เฮ้ย นั่นฉันพูดเล่นนะ หรือพักนี้นายเจอใครที่จะเป็นตัวจริง?” ธนัทพูดขึ้นอย่างผิดคาด เขารู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย และขี้เล่นอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นแค่เพียงเปลือกนอก ที่ไว้ใช้กลบเกลื่อนความในใจของตัวเองต่างหาก น้อยคนนักจะรู้ ว่าเป็นเช่นนี้

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เจมส์ก็ไม่ได้คบกับใครยืดเลย นั่นเป็นเพราะเจ้ากุมารทองตัวน้อยที่หวงพ่อ เลยมักชอบแกล้งคนที่พยายามจะเข้าใกล้ โดยเฉพาะกับสาว ๆ ที่เจ้าตัวไม่ถูกใจ

“ก็แค่…เจอคนที่ถูกใจเท่านั้นแหละ” ชายหนุ่มสารภาพ กับเพื่อนคนนี้ เจมส์รู้ดีว่าสามารถบอกได้ทุกอย่าง ธนัทเป็นคนดีที่เปิดเผยและไว้ใจได้ และเขาก็ชอบนิสัยนี้มากเสียด้วย เวลามีปัญหาอะไร ธนัทจึงเป็นที่ปรึกษาชั้นดีได้เลยทีเดียว

คนฟังอึ้งไปเป็นครู่ ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะ “ฮ่า ๆ ๆ งั้นเรอะ แหม ชักอยากเห็นคน ๆ นั้นซะแล้ว”

“ไม่เห็นขำสักหน่อย ฉันชอบเขาข้างเดียวต่างหาก” เจมส์บ่นพึมพำ ด้วยสีหน้าที่ออกจะเศร้านิด ๆ จนธนัทชะงักรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“เออ จริงสิ วันนี้นายว่างแล้วใช่มั้ย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ไม่ได้เจอตั้งนาน มีเรื่องคุยเยอะเลย”

    คนถูกถามกลับดูซึมหนักกว่าเก่า เพราะแอบเผลอใจอยากจะไปชวนใครบางคนกินข้าวเพื่อง้อให้หายโกรธ แต่คงทำแบบนั้นไม่ได้ จนกว่าเขาจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

    เจมส์หันไปพยักหน้ารับด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก “อืม เอาสิ ฉันไม่มีอะไรจะทำ จนกว่าจะถึงตอนเปิดตำหนักเย็น ๆ นั่นแหละ”

    ธนัทฟังแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะชักชวนเจมส์ไปยังร้านโปรดที่พวกเขาชอบไปทานอาหารกันเป็นประจำสมัยเรียนด้วยกัน



    ร้านอาหารร้านนั้นเป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตกแต่งน่ารักสบาย ๆ ตามประสาเจ้าของเป็นคนรักต้นไม้ ภายในร้านจึงมีกระถางดอกไม้เล็ก ๆ อยู่แทบทุกซอกทุกมุมของร้าน และล้วนแต่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ดอกไม้มักทำให้จิตใจคนผ่อนคลาย และสิ่งนั้น จะลงลึกไปถึงจิตวิญญาณที่จะสงบและมีความสุขได้

ดังนั้นเจมส์จึงชอบมาที่นี่บ่อย ๆ ในตอนเด็ก แม้ตอนนี้จะมีภาระหน้าที่การงานมากขึ้น จนไม่ได้มาบ่อย ๆ อีก แต่เขาก็ชอบที่จะแวะมา เจ้าของร้านเป็นคู่สามีภรรยาที่เป็นกันเองและใจดีมาก ทั้งสองจำเจมส์กับธนัทได้เป็นอย่างดี จึงมีการพูดคุยรำลึกความหลังกันเป็นที่สนุกสนาน

ขณะที่กำลังคุยกัน เจมส์ก็ขอตัวไปห้องน้ำ หากระหว่างกำลังเดินไป เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตาเข้า

เพียงแค่ได้เห็นเขาก็แอบใจเต้น คน ๆ นั้น…ที่เขาคิดจะไปง้อมาตลอดทั้งวันนี้แล้ว เพียงแต่พยายามอดทนไม่ยอมไป

เจ้าเคนที่ตามเขามาก็เห็นเช่นกัน เด็กน้อยพึมพำอย่างยินดี “นั่นคุณตำรวจนี่ฮะพ่อ เราไปทักเขากันเถอะ”

    ชายหนุ่มก้าวเข้าไปอีกก้าวอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงัก เพราะเห็นใครอีกคน ที่ฝั่งตรงข้าม

    ร่างสูงดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ ในชุดตำรวจเช่นเดียวกัน กำลังพูดคุยอย่างสนิทสนม ใบหน้าสวยแย้มยิ้มรับดูเป็นธรรมชาติแบบที่นาน ๆ จะยิ้มให้เขาสักที เวลาลืมตัวเท่านั้น

    ปกติปวินต์เป็นคนระมัดระวังในการแสดงออกมาก ๆ แต่ในวันนี้ กลับมีรอยยิ้มแบบนั้น…กับคนที่ไม่ใช่เขา

    รู้สึกเจ็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เจมส์หันหลังให้ ทำทีจะก้าวจากไป หากถูกเด็กน้อยเรียกไว้เสียก่อน

    “พ่อฮะ แย่แล้ว ผมรู้สึกว่า…มีอะไรชั่วร้าย อยู่ในแก้วน้ำของคุณตำรวจ!”

    “อะไรนะ!” ชายหนุ่มหันกลับมาทันที แล้วลอบมองอย่างระมัดระวังกว่าเดิม

    ร่างเล็กที่มีเพียงเจมส์ที่มองเห็นพยักหน้ารับ “คนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ใส่อะไรบางอย่างลงในแก้วน้ำนั่นฮะ เป็นของที่ชั่วร้ายมากด้วย”

    “ยาสั่งงั้นเรอะ!” เสียงชายหนุ่มถามเสียงแผ่วอย่างตกใจ

    เด็กน้อยพยักหน้ารับ เจมส์อึ้งไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าถ้าเป็นยานอนหลับ หรือยาทั่วไป เคนย่อมไม่รู้แน่ ว่ามีการใส่ลงไป

    แต่ยาสั่ง เป็นยาอันชั่วร้าย ที่ผ่านการปลุกเสกและทำคุณไสยมา

    ไม่แปลกที่กุมารทองอย่างเคนจะรู้สึกได้!

    ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ เข้าไปที่ข้างโต๊ะนั้นในทันที


(TBC)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 15-07-2011 16:38:05
จิ้มๆๆๆๆ

โห คนกันเอง ทำกันได้เนาะ
พี่เจมส์ช่วยน้องวินด์ด่วนๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 15-07-2011 16:47:04
อ้าวคุณอา ทำไมทำแบบนี้อะ ดูน่าจะไว้ใจได้แท้ๆ  :angry2:
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-07-2011 16:56:41
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-07-2011 18:50:10
อ๊ากก เจมส์รีบช่วยด่วน
แล้วว่าแต่คุณตำรวจจะเชื่อไหมนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 15-07-2011 19:04:51
โชคดีของวินนะเนี่ยที่เจมส์มาเจอเสียก่อน ช่วยให้ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-07-2011 19:22:22
สารวัตรคนใหม่เป็นคนของฝ่ายดำรึ ถึงได้ทำอะไรอุบาทว์แบบนั้น
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 15-07-2011 20:05:03
อ้าวๆๆๆ บ่ะแล้วกัน ทำงี้ได้ไง น้องเคนจัดการโดยด่วน

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 15-07-2011 20:46:24
ยาสั่งมีฤทธิ์เป็นไงหรอค่า??
ผลที่ได้จะทำให้เกิดอะไร แลถจะต้องถอนยังไงค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 15-07-2011 20:50:55
 o18

พ่อเจมส์สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 15-07-2011 21:06:11
อาทำงี้ได้ไงเนี่ย

หลาน(?)เสียความรู้สึกแย่

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: @StaR@ ที่ 15-07-2011 21:53:07
คนกันเองนี้แหละตัวดีเลย ถ้าคิดจะทำ
คุณตำรวจขอให้รู้ตัวเร็วๆด้วยเถอะ
 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 15-07-2011 22:18:55
สะดุดหกล้มเอาหน้าลงเลย หมดตอนที่กำลังจะลุ้น
สนุกทุกตอนจริงๆ  อ้อๆที่เรียกไอ้คุณศาลาวัดว่าอา เป็นเพื่อนของพ่อใช่เปล่าไม่ใช่ญาตินะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-07-2011 22:36:04
อ้าววว นึกว่าเป็นคนดี  :m31:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 16-07-2011 00:59:00
โถๆๆๆๆ ไอ่เราก็นึกว่าเป็นคนดี
ตะหงิดๆตั้งแต่บอกว่ามีสารวัตรย้ายมาใหม่ละ
แต่เปิดตัวว่ารู้จักกับวินต์ก็นึกว่าจะดีซะอีก
จริงๆแล้วอาดลนั่นไม่ใช่ญาติวินต์ใช่มั้ย
แล้วเจมส์จะแก้ปัญหาเรื่องแก้วใส่ยาสั่งยังไงหล่ะเนี่ย
ขืนทำอะไรไม่คิดเดี๋ยววินต์ก็ได้โกรธไปใหญ่หรอก
เจมส์สู้ๆนะ เจ้าเคนด้วย :interest:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-07-2011 01:13:08
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก

พ่อเจมส์ๆๆๆๆๆ

ไปเร็วววว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 6/1 (15/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 16-07-2011 09:30:34
อ้าวๆ คุณอาเป็นหนอนบ่อนไส้ป่ะเนี่ย ทำไมทำไรชั่วร้ายแบบนี้ล่ะ :angry2:
โชคดีที่มากินข้าวร้านเดียวกัน ช่วยผู้กองปวินต์ให้ได้นะเจมส์ :z10:
หัวข้อ: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 17-07-2011 10:06:58
(ตอนที่ 6/2 จบตอนที่ 6)


คนที่กำลังคุยกันอย่างออกรส หันมามองอย่างแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงของเจมส์เดินเข้ามาหา ปวินต์หน้าตึงทันทีที่เห็นอีกฝ่าย ก่อนจะหันกลับมาทำเป็นไม่สนใจอีกครั้ง

    “สวัสดีครับ คุณวินต์ แล้วก็เอ้อ…” เจมส์ตีหน้านิ่ง ยิ้มทักทายอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักหน่อยเหรอครับ” ว่าพลางดึงเก้าอี้ใกล้ ๆ มานั่งลงหน้าตาเฉย

    “นี่นาย!” เสียงดุแผ่วเบาพร้อมทำตาถลึงใส่ของอีกฝ่าย ทำให้รู้ว่าไม่ยินดีต้อนรับนัก แต่เจมส์ก็ทำเป็นไม่เห็น

    บรรยากาศดูแปลก ๆ ระหว่างคนทั้งคู่ ทำให้คนที่นั่งอยู่แต่แรกอึ้งไปแล้วกับแขกแปลกหน้าที่ไม่ได้รับเชิญนั้น หากเจมส์กลับมองมาด้วยรอยยิ้มแล้วเปิดประเด็นต่อทันที “เขาเป็นเจ้านายคุณเหรอครับ ผมเห็นยศที่บ่าสูงกว่าคุณเสียอีก”

    ปวินต์มองเจมส์อย่างไม่เข้าใจนัก เขายังคงโกรธอยู่ และไม่อยากคุยด้วยเลย แต่ต่อหน้าคนที่เป็นทั้งเจ้านาย และเพื่อนของผู้เป็นพ่อ ทำให้เขาทำอะไรเสียมารยาทไม่ได้

    “สารวัตรธนดลครับ นี่เป็น ‘คนรู้จัก’ ของผม ตอนไปทำคดีฆาตกรรม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย เน้นคำว่า ‘คนรู้จัก’ เสียเต็มที่

    แต่เจมส์ยังคงไม่สนใจ เขายิ้มแล้วกล่าวย้ำ “เป็นคนรู้จักที่ ‘สนิท’ มากครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณสารวัตร” เขายื่นมือออกไปจะจับมือกับสารวัตรธนดล แต่แกล้งเอื้อมพลาดไปชนแก้วน้ำใบนั้นตกลงมาแตก น้ำที่กระเซ็นเลอะเสื้อปวินต์ พร้อมเสียงดังเพล้งทำให้หลายคนหันมามอง

“ขอโทษนะครับ ผมซุ่มซ่ามไปหน่อย เดี๋ยวผมช่วยเอง” ว่าพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วชะงัก “อ๊ะ ผมว่าคุณเลอะกว่าที่คิดนะครับคุณวินต์ เราไปห้องน้ำกันเถอะ” ว่าแล้วก็ฉุดแกมลากให้อีกฝ่ายออกมาจากโต๊ะ

    ปวินต์พยายามจะดึงแขนที่จับไว้ออกอย่างตกใจ แต่อีกฝ่ายที่แข็งแรงกว่า ใช้แรงดึงวูบเดียว คนตัวผอมกลับต้องเซตาม และถูกลากมามาถึงห้องน้ำจนได้

    “นายเป็นอะไรเนี่ยเจมส์ ปล่อยฉันนะ” ร่างบอบบางถือโอกาสสะบัดมืออีกครั้งโดยแรง พลางร้องบอกให้ปล่อยเสียงเข้ม

    ในห้องน้ำไม่มีคน เจมส์ที่ยึดจับอยู่จึงยินยอมปล่อยมือที่จับไว้ ข้อมือบางที่มีรอยแดง ทำให้อีกฝ่ายกุมมันไว้พลางมองมาอย่างไม่ไว้ใจ

    “ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บ ขอโทษนะครับ” เจมส์พูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นรอยแดงนั้น

    “แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ เราออกไปจากที่ร้านนี้กันก่อนเถอะครับ”

    คนฟังชักของขึ้น ทีพยายามขอให้บอกแทบตาย เจมส์ยังอมพะนำไม่ยอมพูด แต่ทีวันนี้ เขากำลังมีธุระกับเจ้านายคนสำคัญแท้ ๆ เจมส์กลับดึงดันพาเขามา แล้วยังจะบอกอะไรอีก

    “ฉันไม่อยากรู้แล้ว เรื่องของนาย ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” ปวินต์ตอบเสียงสะบัด

    “เกี่ยวสิครับ เรื่องสำคัญมากด้วย คนที่มากับคุณเป็นใครกัน เขาไว้ใจไม่ได้นะครับ คุณรีบกลับไปกับผม จะปลอดภัยกว่า”

    “เขาเป็นเจ้านายของฉันนะ แล้วก็เป็นคนที่ฉันเคารพรักด้วย” ดวงตาคมวาวขึ้นอย่างไม่ยินยอม “นายไม่มีสิทธิ์มาบังคับฉัน ฉันมากับอาดล และฉันก็ต้องกลับกับเขา!”

    “อาดล…เขาเป็นอาของคุณงั้นเหรอครับ” เสียงถามรุกเร้าขึ้นมา จนคนถูกถามรู้สึกไม่เข้าใจ

    “ไม่ใช่ เขาเป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉัน แต่นั่น…ก็ไม่ใช่เรื่องของนายอยู่ดี นายเป็นอะไรของนายกัน เจมส์?”

    เจมส์หายใจเข้าลึก พยายามข่มอารมณ์โกรธ ที่มีมาโดยไม่รู้ว่าทำไม พลางตอบเสียงราบเรียบ “ใช่ครับ มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย แต่ว่าวันนี้ คุณต้องกลับกับผม”

    “ฉันมาของฉันเอง ฉันก็ต้องกลับเองได้ นายไม่ต้องยุ่งเลย” ว่าแล้วก็ผลุนผลันออกมาจากห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น

    “เดี๋ยวสิครับ คุณวินต์” เจมส์ไล่ตามมา หากกลับถูกใครอีกคนขวางเอาไว้ เจมส์มองคน ๆ นั้นด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยความโกรธ

    “อาดล” ปวินต์พึมพำหลังจากเห็นอีกฝ่ายมาขวางไว้

    “ผมไม่ทราบว่าคุณมีอะไรกับลูกน้องของผม แต่ขอให้คุณเลิกทำอะไรรุนแรงเสียทีเถอะครับ” ธนดลพูดนิ่ม ๆ ด้วยมาดตำรวจผู้มีวัยวุฒิที่สูงกว่า

    “ไม่เป็นไรครับอาดล หมอนี่แค่มาก่อกวนเท่านั้น ถ้ายุ่งกว่านี้ ผมจะจับยัดห้องขังเลยคอยดู” ปวินต์ตอบกลับเสียงขุ่น   

“เราเป็นตำรวจ ไม่ควรใช้หน้าที่การงานไปในทางที่ผิดนะผู้กอง” สารวัตรหนุ่มเตือนด้วยเสียงตำหนิ

    ปวินต์ชะงักกับเสียงเตือนนั้น ก่อนหันมาขอโทษด้วยท่าทางอันสงบลงอย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษครับสารวัตร ผมวู่วามไปเอง ยังไงวันนี้…”

    เจมส์มองมาอย่างหงุดหงิด เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดไม่ซื่อ ดีไม่ดี…สารวัตรธนดลคนนี้อาจจะเป็นสายคนหนึ่ง ของเจ้าพวกนั้นก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีของแบบนั้นเอามาใช้กับปวินต์ได้

    เขาไม่มีทางปล่อยให้ปวินต์กลับไปกับเจ้านั่นแน่ ๆ

     “ผมว่าคุณควรจะกลับ…” ชายหนุ่มขัดขึ้นทันที

    “ฉันจะกลับหรือไม่กลับ มันก็เรื่องของฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังนาย!”

    “แต่ว่า…”

ความรู้สึกโกรธนั้นยากควบคุมนัก ปวินต์รู้ดีว่ากำลังเสียมารยาทกับผู้เป็นเจ้านายมากแล้ว แต่เขาคงสงบสติอารมณ์ไม่ได้ หากไม่ได้อยู่ลำพัง และเจมส์คงไม่เลิกยุ่งแน่ ๆ ถ้าเขาไม่ยอมไป อาจจะเผลอทำอะไรไม่คิดให้ถูกตำหนิได้อีก ดังนั้นตำรวจหนุ่มจึงตัดสินใจหันไปหาเจ้านายคนใหม่ พลางพูดขึ้นว่า

“วันนี้คงไม่เหมาะจะคุยกันแล้ว ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ คงต้องขอตัวก่อน” เขาโค้งให้อย่างสุภาพ ก่อนรีบก้าวยาว ๆ จากไป เจมส์ยังคงจ้องธนดลเขม็ง คุมเชิงไม่ยอมให้อีกฝ่ายตามปวินต์ไปได้ จนแน่ใจว่าปวินต์กลับไปเพียงลำพังแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมา

    “ผมจับคุณข้อหาก่อกวนในร้านอาหารได้นะครับ” ธนดลพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พอลับหลังปวินต์ เขาก็แสดงท่าทีตรงกันข้ามอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

    “ก็ลองจับสิครับ ผมไม่กลัวคุณหรอก…ไหน ๆ คุณก็กล้าใช้ของพวกนั้น…คิดหรือว่าผมจะไม่มีอะไร ที่แรงกว่านั้น มาจัดการคุณบ้าง!” เจมส์ยิ้มน้อย ๆ หากคนมองย่อมรู้ได้ ว่าอารมณ์ของเขากำลังมาคุ และพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

    “ก็ได้ วันนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับนาย” สารวัตรหนุ่มว่าแล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว



    “ปล่อยคุณตำรวจไปแบบนี้ดีเหรอฮะพ่อ” เสียงเล็ก ๆ ถามขึ้น เจมส์ถอนหายใจพลางพูดว่า “ในเมื่อเขาไม่เชื่อพ่อแล้ว พ่อจะทำยังไงได้ล่ะ”

    “ความผิดของพ่อก่อนนะฮะ ที่ไม่ยอมพูดความจริงกับเขา”

    “พ่อรู้…แต่เอาเถอะ เขากลับไปแบบนี้ อย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยแล้ว พวกมันชักจะเอาใหญ่ ยุ่งกับพ่อไม่พอ ยังบังอาจมายุ่งกับคนสำคัญของพวกเราอีก ถ้าไม่บอกให้ระวังไว้ ท่าทางคงลำบากแน่ ๆ ทำงานที่เดียวกันเสียด้วย”

    ว่าพลางถอนหายใจอีกรอบ ก่อนพูดอย่างตัดสินใจได้ว่า “แบบนี้คงมีทางเดียว คือต้องไปสารภาพความจริงแล้วสินะเนี่ย คุณตำรวจของเจ้าก็โกรธน่ากลัวจริง มองมาทีเล่นเอาพ่อขนลุกเลย”

    “ดีฮะ พ่อกับคุณตำรวจไม่มองหน้ากันแบบนี้ ผมรู้สึกไม่ดีเลยฮะ” เสียงเด็กชายว่าอ่อย ๆ

    “พ่อจะพยายามง้อเขาก็แล้วกันนะเจ้าเคน ในเมื่อพวกนั้นจงใจดึงคุณวินต์เข้ามาแล้วแบบนี้ พ่อคงปิดเขาต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ”

    “นั่นสิฮะ งั้นวันนี้พ่อปิดตำหนักเถอะ เราไปง้อคุณตำรวจกัน” เด็กน้อยสรุปให้เสร็จสรรพ

    “เจ้าเคนนี่นะ…เอ้า ก็ได้ ในเมื่อพ่อผิดเอง ก็ต้องยอมรับผิดสินะ” เจมส์ตอบรับอย่างกระตือรือร้นเป็นครั้งแรก เขารู้สึกใจเต้นชอบกล เพียงแค่คิดว่า…ครั้งนี้แหละ เขาจะยอมเปิดใจให้หมดเปลือกกับปวินต์เสียที

    ร่างที่เกาะอีกฝ่ายอยู่กอดชายหนุ่มไว้อย่างดีใจ “สมกับเป็นพ่อจริง ๆ ผมรักพ่อนะฮะ”

    “เออ ๆ อ้อนกันขนาดนี้ จะเอาของเล่นอีกสักกี่อันล่ะ” เจมส์พึมพำ

    เคนอมยิ้ม ก่อนตอบด้วยท่าทางน่ารักน่าหยิกว่า “ไม่เอาหรอกฮะ ขอแค่พ่อง้อให้สำเร็จก็พอ ผมน่ะ อยากได้แม่สักคนมานานแล้ว”

    “เฮ้ย เขาเป็นผู้ชายนะ จะเป็นแม่ได้ไง”

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมว่าตอนพ่ออยู่กับคุณตำรวจน่ะ เป็นช้างเท้าหลังเหมือนเป็นแม่เด๊ะเลย ให้คุณตำรวจเป็นพ่อแล้วกัน”

    “สงสัยต้องเลิกซื้อของเล่นจริง ๆ แล้ว” ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าดุ

    “โธ่ พ่อฮะ เอ้า ผมขอเป็นพ่อสองคนแทนก็ได้ ใจร้ายจริง เอะอะอะไรก็ขู่แต่จะเลิกซื้อของเล่น กุมารทองก็งอนเป็นนะฮะ”

    เจมส์ฟังอีกฝ่ายจีบปากจีบคอพูดแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เพียงแค่เปลี่ยนความคิดเท่านั้น เขาก็รู้สึกปลอดโปร่งและมีกำลังใจขึ้นมาอย่างประหลาดเสียจริง



    เจมส์ย้อนกลับไปหาธนัทที่นั่งรออยู่อย่างแปลกใจเมื่อผู้เป็นเพื่อนหายไปเข้าห้องน้ำนานมาก แต่เมื่อกลับมา ก็เห็นว่าเจมส์มีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจนัก

    “พึ่งรู้ว่านายท้องผูก” ธนัทพึมพำขึ้นเบา ๆ

    “ใครบอกว่าฉันท้องผูก” เจมส์ถามกลับ ใบหน้าเขายังคงขมวดคิ้วอย่างงุนงง

    คนถูกถามหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ก็ฉันเห็นสีหน้าก่อนเข้าห้องน้ำของนาย หน้านิ่วเสียขนาดนั้น แต่พอหายไปเข้าห้องน้ำ นานมากกกกกกก แล้วออกมา นายกลับหน้าตาดีขึ้นผิดหูผิดตาขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะท้องผูก จะเพราะอะไรกัน แอบไปปล่อยระเบิดมาล่ะสิ” ประโยคหลังมีแอบกระซิบ พร้อมกับหัวเราะชอบใจ

    “เจ้าบ้านี่ ยังปากเสียเหมือนเดิมเชียวนะ ฉันไม่ได้ไปทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่เอ้อ เดี๋ยวฉันคงต้องรีบกลับแล้ว จะรีบไปง้อ…เอ้ย รีบกลับไปทำงานน่ะ”

    “หึ ๆ หลอกฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันว่านายกำลังจะไปง้อสุดที่รักของนายมากกว่าล่ะสิ”

    คนมองมาทำหน้าทึ่ง “นายรู้ได้ยังไงกัน”

    “นายนี่นะ เป็นหมอผีซะเปล่า ไม่รู้จักพรายกระซิบเลยเหรอไง”

    “หา?”

    “ก็เจ้าเคนบอกฉันเมื่อกี้ ว่าให้รีบปล่อย ๆ พ่อไปไว ๆ พ่อจะไปง้อแม่ให้มัน”

    “เจ้าเคน! ปากงี้อย่าเอาเลยของเล่นใหม่”

    “โธ่ พ่อล่ะก็ พี่นัทก็คนกันเอง ให้รู้ไว้ไม่เห็นเป็นไรเลย พ่อน่ะ มีเรื่องอะไรชอบอมพะนำ มีเพื่อนดี ๆ ก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ซะบ้างสิฮะ”

    “เจ้า…”

    “เออน่า เจมส์ เจ้าเคนพูดถูกแล้ว นายนั่นแหละ มีอะไรก็พูด ๆ ออกมาซะ คิดว่าเราคบกันมานานแค่ไหนกัน ถ้านายไม่บอกฉัน ฉันจะโกรธนายอีกคนแล้วนะ”

    ชายหนุ่มถอนใจยาว “เจ้าเคนนะเจ้าเคน ชักจะปากบอนเกินไปแล้ว”

    “เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย”

    “เอ้า ก็ได้” ว่าแล้วเจมส์ก็นั่งลงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ธนัทฟัง

    พอเล่าจบ สีหน้าธนัทก็ซีเรียสกว่าเดิมเป็นสิบเท่า “เจ้าบ้านี่ คิดจะทำอะไรอันตรายขนาดนี้คนเดียวได้ยังไง เดี๋ยวก็โดนฆ่าหมกป่าช้าแถวนั้นหรอก”

    คนฟังยิ้มเครียดเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “มันไม่ฆ่าฉันหรอก จนกว่าจะรู้ที่ซ่อนของนั่น คุณชิดชัยเองก็เคยมีบุญคุณกับพ่อของฉันมาก่อน จะไม่ช่วยอะไรเลย ฉันก็ทำไม่ได้หรอกนะ”

    “แล้วนายไปซ่อนไว้ไหนกัน”

    “ถ้าฉันบอกนาย นายก็จะโดนไปด้วย ดังนั้น ขอแค่เรื่องนี้เท่านั้น ที่ฉันบอกนายไม่ได้”

    ธนัทได้แต่พยักหน้ารับ “เอ้า ก็ยังดี ถ้านายมีเรื่องเดือดร้อน ต้องรีบโทรหาฉันนะ ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมคน ๆ นั้นของนายถึงได้โกรธนายนัก เพราะเป็นฉัน…ก็โกรธเหมือนกัน”

    “ขอโทษนะ…แต่ฉันคิดว่า นี่มันดีที่สุดแล้ว”

    “ดีตายล่ะ ไม่เคยได้ยินหรือไง สองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวน่ะ แล้วยิ่งถ้ามีสามหัว จะยิ่งสบายแน่นอน”

    ว่าพลางสรุปง่าย ๆ อย่างรวดเร็วว่า “นายกำลังจะไปง้อสุดที่รักคนนั้นสินะ ถ้างั้นขอฉันไปด้วยสิ”

    “เฮ้ย นายจะไปทำไมเจ้านัท นั่นมันเรื่องของฉันนะ”

    “ใครบอกฉันจะยุ่งเรื่องของนาย ฉันแค่อยากเห็นหน้า ‘ว่าที่เจ้าสาว’ ของนายต่างหาก”

    ว่าแล้วก็หันไปหัวเราะกับเจ้าเคน จนคนมองชักหมั่นไส้ เล่นเข้าขากันขนาดนี้ เขาคงไม่มีทางเลือก ถึงจะไม่พาไป เจ้าเคนก็คงพาไปได้ แบบนั้นคงจะยุ่งกว่าเก่า

    “เอ้า อยากไปก็ไป แต่จะโดนตะเพิดออกมารึเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะเขาโกรธฉันน่าดู”

    “ไม่ลองง้อจะรู้ได้ไง นายน่ะมันอ่อนนัก วิธีจีบสาวเนี่ย ต้องดูฉันเป็นตัวอย่างสิ รับรองช่วยได้แน่นอน”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-07-2011 11:40:08
กรี๊ดด
ไปง้อด่วนเลยค่า 555
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 17-07-2011 11:58:57
รีบๆไปง้อเร็วๆเลยนะครับพ่อหมอ  เดียวงอนฝังลึกเดียวจะขุดยากนะ
เฮ้อ  เหตุการตื่นเต้นตลอดเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 17-07-2011 12:10:38
อิ อิ ถ้าไม่อมพะนำไว้ก็ไม่สนุกซิเนาะคุณเจมส์
มาเอาใจช่วยให้เจมส์ง้อ"ว่าที่แม่"เจ้าเคนให้สำเร็จกันก่อน
เรื่องต่อกรกับนายตำรวจผู้รับใช้ฝ่ายมืดน่ะ ค่อยว่ากันใหม่
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 17-07-2011 12:35:53
ไปง้อด่วนเลยพ่อ

เคนจะได้มีแม่ อิอิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: berlyn ที่ 17-07-2011 13:03:20
เจ้าเคนน่ารักกกกก อยากได้มาไว้ในครอบคองแต่กลัวผี

รีบๆไปง้อเลย หวังว่าวินจะเข้าใจ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: doll@love ที่ 17-07-2011 13:50:49
เพียงแต่ว่าที่จะจีบมะใช่สาวนี่สิ อิอิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 17-07-2011 13:52:31
จะง้อสำเร็จไหมหว่า  เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 17-07-2011 13:53:37
 :impress3:

ง้อ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-07-2011 15:24:53
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 17-07-2011 15:46:22
รีบๆง้อด่วนๆเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: zeit ที่ 17-07-2011 16:57:38
คุณตำรวจน้ะดุน๊าาา จะง้อไหวหรออออ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 17-07-2011 17:40:06
คุณวินต์ นี่สงสัยต้องให้เจอจังๆสักทีนะถึงจะรู้ว่ามีคนจ้องทำร้าย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 17-07-2011 20:09:29
เจ้าเคนน่ารักจริงๆ
ทำดีมากลูก มะ มาให้จุ๊บทีนึงดิ :จุ๊บๆ:
รีบไปง้อด่วนเลยนะพ่อหมอ :m21:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 6 (17/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-07-2011 22:40:01
ต้องยกความดีให้เจ้าเคน 

รีบไปง้อว่าที่แม่เจ้าเคนซะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 20-07-2011 22:51:37
สืบเสน่หา

ตอนที่ 7



บ้านสองชั้นหลังน้อยตกแต่งน่ารักและดูเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นทำให้คนมองอดทึ่งไม่ได้ ธนัทมองไปรอบบ้านที่ปลูกต้นไม้ไว้เต็มไปหมด ดอกมะลิที่กำลังบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมเชิญชวนนัก หน้าบ้านที่มีน้ำพุขนาดย่อมวางประดับ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริง ๆ

    “สมกับเป็นบ้านว่าที่เจ้าสาวนายเลยแฮะ บ้านดูเรียบร้อยน่าอยู่ขนาดนี้ ต้องเป็นกุลสตรีที่น่ารักแน่ ๆ”

    เจมส์อมยิ้มน้อย ๆ โดยไม่ได้พูดหรือแก้ไขความเข้าใจผิดอันใดของผู้เป็นเพื่อน แต่นำอีกฝ่ายเดินตรงตามมา เขายังได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเจ้าเคนด้วย อดขำไม่ได้ว่าเจ้าตัวแสบจะต้องกำลังคิดแบบเขาอยู่แน่เลยทีเดียว

    ประตูเปิดออกก่อนที่เขาจะกดออดเสียอีก ร่างผอมบางน่ารักของเด็กสาวก้าวออกมา พร้อมกับทำตาโตอย่างประหลาดใจ

    “อ้าว พี่เจมส์ มาได้ยังไงคะเนี่ย”

    ผู้เป็นแขกยิ้มรับ หากคนเดินตาม มองจนค้างไปแล้ว เด็กสาวผมยาวท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสนั้นดึงดูดใจนัก เจมส์หันมามองเพื่อนก่อนแอบตบไหล่หนัก ๆ เรียกสติไปทีหนึ่ง แล้วหันกลับมาคุยกับสาวน้อย

    “พี่มาเยี่ยมพี่วินต์น่ะ เขาอยู่ไหม”

    ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ก็ถูกสะกิดหลายครั้ง คนกำลังคุยหันกลับไปมองแล้วถึงบางอ้อ ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนพูดต่อไปว่า “พอดีพี่พาเพื่อนมาด้วย รู้จักกันไว้สิ นี่ธนัท เพื่อนพี่เอง”

    “ปรางค่ะ ชื่อจริง ๆ คือปรางทิพย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอไหว้เขาด้วยท่าทางอันเรียบร้อย แม้ในแววตาจะแฝงความกระตือรือร้นซุกซนอยู่บ้าง

    “พี่นัทครับ เรียกน้องปรางได้สินะครับ” คนพูดขยับเข้ามาใกล้ ตีสนิทเด็กสาวอย่างรวดเร็วจนคนแนะนำยังแอบอึ้ง

    “เฮ้ย เจ้านัท น้องปรางเขาพึ่งจะสิบห้าเองนะ” เสียงดุแกมแซวจากเจมส์ ทำให้เด็กสาวหัวเราะคิก

    “ก็กำลังน่ารักแหละน่า เอ้า แกจะไปง้อแฟนแกก็ไปสิ ขอฉันนั่งคุยกับน้องปรางรอแล้วกัน”

    คนฟังหน้ามุ่ย กระซิบเครียด “ไอ้บ้า ไหนว่าจะมาช่วยฉัน เห็นผู้หญิงล่ะไม่ได้เชียวนะ”

    “ง้อแฟนใครเหรอคะ” เด็กสาวมองมาตาปริบ ๆ เจมส์สะดุ้งก่อนรีบแก้ “เอ้อ ไม่ใช่ครับ พอดีพี่ทำพี่วินต์ของน้องปรางอารมณ์เสียนิดหน่อย เลยมาขอโทษน่ะ”

    คนฟังอมยิ้ม “อ้อ มิน่าล่ะ วันนี้พี่วินต์มาถึงก็หน้าบึ้งเชียว แถมขึ้นไปห้องเลย ถามอะไรก็ไม่พูดซักคำ” เธอพูดต่ออย่างขบขัน ”จะว่าไป ปรางไม่เห็นพี่วินต์งอนใครแบบนี้นานแล้ว ตั้งแต่…พ่อตาย พี่วินต์ก็พยายามเป็นเสาหลักของบ้าน เคร่งเครียดหน้าตายซะจนไม่มีใครกล้าแกล้งแล้ว ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ น่ะ พี่วินต์น่าแกล้งที่สุดเลยค่ะพี่เจมส์”

    “จริงเหรอครับน้องปราง พี่ก็เห็นด้วยนะ” เจมส์สนับสนุนแทบจะในทันที

    “ใช่มั้ยคะ คนอะไร แหย่นิดแหย่หน่อย ทำเป็นแมวดุไปได้ ขู่ฟ่อ ๆ เชียว เห็นแล้วน่าจับฟัดที่สุด” เด็กสาวพูดต่อไป จนคนฟังแทบสะดุ้ง เพราะดันตรงกับที่เขาคิดไว้เป๊ะเลยทีเดียว

    “ท่าทางพี่สาวของน้องปรางคงจะน่ารักมากนะเนี่ย น่ารักได้ครึ่งนึงของน้องปรางไหมครับ” ธนัทถามขึ้นบ้าง หากคำถามนั้นเรียกเสียงฮาอย่างหยุดไม่อยู่จากปรางทิพย์เสียอย่างนั้น

    “พี่นัท…ยังไม่เคยเจอพี่วินต์ใช่ไหมคะเนี่ย”

    “ก็ใช่น่ะสิ เจ้าเจมส์น่ะ บอกพี่ว่าจะมาง้อสาว พี่อยากเห็นหน้าเลยตามมาด้วยนี่แหละ”

    คนฟังแทบกลั้นหัวเราะ “งั้นเดี๋ยวพี่ก็ได้เห็นค่ะ ปรางไปตามพี่วินต์ให้นะคะ แต่เอ้อ…ถ้าพี่วินต์งอนอยู่ ระวังระเบิดลงแถวนี้ด้วยละกันค่ะ หาหลุมหลบภัยกันให้ดี ๆ”

    เจมส์ยิ้มเจื่อน ๆ เขาชักไม่มั่นใจแล้ว ว่าจะง้อได้สำเร็จ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เด็กสาวก็วิ่งเข้าบ้านไปแล้ว ปล่อยให้สองหนุ่ม นั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน ที่จัดไว้ใกล้น้ำพุนั้นแทน

    ปรางทิพย์หายไปไม่นานนัก หน้าต่างห้องชั้นสอง ที่มองเห็นได้จากหน้าบ้าน ก็เปิดออกดังผลัวะ

    “ฉันไม่มีเรื่องจะพูดกับนายแล้ว กลับไปเลยนะเจ้าบ้าเจมส์!”

    แล้วบานหน้าต่างก็ถูกปิดอีกครั้งดังปัง

    สองคนด้านล่างมองมาอย่างอึ้ง ๆ เจมส์นั้นอึ้งเพราะถูกว่า แต่ธนัท…กลับอึ้งกว่า เพราะเห็นหน้าคนกำลังงอน ที่มีเค้าของน้องสาวที่น่ารัก ซึ่งเขากำลังสนใจอยู่บ้าง แต่ว่า…มองยังไง ทรงผมตัดสั้น กับร่างผอมบางที่ไม่มีหน้าอก ก็ยังดูเป็นผู้ชายอยู่ดี ถึงจะเห็นแว่บเดียว เขาก็แน่ใจ

    “เจมส์…คนที่นายมาง้อ ไม่ใช่ผู้หญิงหรอกเรอะ” ธนัทถามขึ้นในทันที

    เจมส์พิงตัวกับเก้าอี้ แม้จะใจฝ่อไปเล็กน้อย ที่อีกฝ่ายยังงอนอยู่ แต่ก็อดขำผู้เป็นเพื่อนไม่ได้ เขาตอบกลับยิ้ม ๆ ว่า “น่ารักใช่ไหมล่ะ ได้เกินครึ่งของน้องปรางไหม”

    “บ้าเรอะ ใครจะไปคิด ว่านายจะจีบผู้ชายได้”

    “จีบผู้ชายแล้วมันผิดตรงไหนล่ะ” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย “ก็ฉันชอบของฉันนี่”

    คนฟังถอนใจยาว “มิน่าล่ะ พอสาว ๆ โดนเจ้าเคนแกล้ง นายไม่เคยว่าเจ้าเคนเสียที เพราะสนหนุ่มแทนนี่เอง…เฮ้ย นายคงไม่ได้มองฉันแบบนั้นด้วยหรอกนะ” เขาว่าพลางชักขาหลบ

    มือใหญ่ตีหัวอีกฝ่ายไปหนึ่งที แบบไม่แรงนัก “ไอ้บ้า ฉันจะคบใครฉันก็เลือกนะเฟ้ย คนเจ้าชู้คบสาวไม่เลือกอย่างนายน่ะ ฉันไม่จีบให้เหนื่อยหรอก”

    ผู้เป็นเพื่อนว่าอย่างโล่งอก “เออ ดีแล้ว ฉันห่วงนายแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้นนะ อย่างอื่นไม่ต้องไปคิดลึกเลย”

    “ฉันรู้น่า ว่าแต่ว่า ไหนนายบอกจะช่วยฉันง้อด้วยไง ทำอะไรสักอย่างทีสิ”เจมส์กระตุกเสื้ออีกฝ่ายเร่ง

    ธนัทส่ายหน้า พลางบอกว่า “โทษทีนะ ฉันง้อเป็นแค่สาว ๆ หนุ่ม ๆ น่ะ ง้อไม่เป็น”

    “ไอ้นี่ พามาไม่คุ้มเลย” ร่างสูงพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับสาวน้อยที่เดินกลับมา

ปรางทิพย์ยิ้มให้ก่อนตอบว่า “พี่วินต์เขาไม่ยอมพบพี่ค่ะ ท่าทางงอนน่าดู”

“พี่รู้แล้วล่ะ” เจมส์ว่าพลางยิ้มเจื่อน “แล้วพี่จะง้อเขายังไงดีล่ะเนี่ย พี่มีเรื่องสำคัญมากต้องบอกเขาเสียด้วยสิ”

“ฝากปรางบอกดีไหมคะ” เธอถามขึ้นทันที อย่างสนใจมากกว่าเดิม

“เรื่องนี้พี่ต้องบอกเองน่ะ ขอโทษนะน้องปราง”

“จะสารภาพรักรึเปล่าคะ” เธอถามต่ออย่างซุกซน ไม่ได้แปลกใจกับท่าทางของเจมส์มากนัก คำถามของเธอเล่นเอาคนฟังสะดุ้งโหยง

“เอ้อ ไม่..ไม่ใช่หรอก แต่ว่า…”

“แต่ว่า…ได้สารภาพด้วยก็ดี” เธอต่อให้อีก คนฟังชักอึกอัก หันไปหาคนสนับสนุน

“เจ้าเจมส์มันบอกพี่ว่า รักเขาข้างเดียวอยู่น่ะ เลยยังไม่กล้าพอ” ธนัทพูดยิ้ม ๆ

ปรางทิพย์หันไปมองธนัทพลางกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของคนด้านข้าง “นั่นสินะคะ พี่วินต์ก็ปากแข็งเสียด้วย รักแล้วหรือยังก็ไม่รู้” เธอแกล้งพูดต่อไป พลางลอบมองปฏิกิริยาของเจมส์ ชายหนุ่มชักนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะรู้สึกว่ากำลังถูกรุมแซว

“เอ่อ…เรื่องนี้ น้องปรางอย่าไปบอกพี่วินต์นะครับ พี่กลัวเขารู้แล้วจะไม่ยอมให้พี่เข้าใกล้อีก ขนาดตอนนี้ ก็โกรธพี่จะแย่แล้วเนี่ย”

“ก็ได้ค่ะ แต่พี่วินต์น่ะ โกรธทีหายยากมากเลยนะคะ แถมท่าทางจะโกรธมากเสียด้วย พี่ไปทำอะไรเขาเข้าล่ะคะ”

“พี่แค่…เอ้อ…ไม่ได้พูดความจริงกับเขาเรื่องนึง” เขาตอบพลางเกาจมูกอย่างเขิน ๆ จะยังไงนั่นก็เป็นความผิดของเขาจริง ๆ ที่ทำให้ปวินต์ลดความเชื่อใจลงไปมากโข

เด็กสาวมองมาด้วยดวงตาจริงจัง “พี่วินต์น่ะ เกลียดคำโกหกมากค่ะ สงสัยพี่คงง้อยากหน่อยล่ะนะ”

คนฟังถอนใจ “พี่ก็รู้…แต่เพื่อความปลอดภัยของเขา พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไง”

“ค่ะ พี่วินต์เขาดื้อมาก โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวกับการพิทักษ์สันติราษฎร์ด้วยแล้ว เขาไม่เคยยอมรับฟังเลย แต่ปรางก็เข้าใจนะคะ เพราะคุณพ่อน่ะ…ท่านก็จริงจังเรื่องพวกนี้มาตลอด พี่วินต์ที่ตั้งใจจะเจริญรอยตามท่าน เลยเข้มงวดกับตัวเองมากในเรื่องพวกนี้”

เธอว่าพลางมองมาด้วยแววตาจริงจัง “ยังไงปรางฝากพี่วินต์ด้วยนะคะ อย่าลืมว่าปรางเป็นพวกของพี่เจมส์แน่นอน”

“ช่างเป็นนางฟ้าจริง ๆ ครับน้องปราง” ธนัทหลุดคำพูดออกมาอย่างเคลิบเคลิ้ม

“พี่นัทล่ะก็ ปรางเขินนะเนี่ย”

คนฟังอมยิ้ม “แล้วน้องปรางเป็นพวกของพี่ด้วยไหม เผื่อพี่จะได้แวะมาเยี่ยมบ้าง”

“ก็ต้องดูพฤติกรรมสักพักล่ะค่ะ เราพึ่งรู้จักกันนี่คะ” เด็กสาวตอบง่าย ๆ

เจมส์มองสองหนุ่มสาวที่จีบกันออกหน้าออกตาแล้วบ่นพึมพำ “แล้วจะง้อได้ไหมเนี่ย คนมาช่วยก็จีบกันเองเสียแล้ว”

เด็กสาวหัวเราะอีกด้วยความขบขันกับท่าทางนั้น ก่อนตีหน้าเคร่ง แล้วพูดย้ำว่า “ถึงพี่วินต์จะง้อยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะง้อไม่ได้เลย พี่เจมส์ต้องแสดงความจริงใจค่ะ แล้วพี่วินต์คงหายโกรธสักวัน”

“พี่จะพยายามแล้วกันนะ เอ้า เจ้านัท กลับกันได้แล้ว ฉันจะไปเตรียมตัวเพื่อแสดงความจริงใจ” เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนทำทีจะลากอีกฝ่ายกลับ

ธนัทมองมาอย่างงุนงง “อะไรของนายกัน”

เจมส์ยืดอกแล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวฉันจะกลับมายืนเฝ้าคุ้มกันให้ทั้งคืนไง จริงใจพอไหม”

“พูดเป็นละครไปได้” คนฟังยักไหล่ อดจะขำท่าทางจริงจังนั้นไม่ได้

“เฮ้ย ฉันพูดจริงทำจริงนะ นายก็รู้นี่ ยังไงคืนนี้…อาจจะมีใครเข้ามายุ่มย่ามอีกก็ได้ ถ้าอยู่ด้วยจะได้ปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย”
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 20-07-2011 22:53:18
“มีอะไรเหรอคะพี่เจมส์” ปรางทิพย์ถามขึ้นทันทีด้วยสีหน้าตกใจ เพราะสังเกตได้ว่าเจมส์นั้นจริงจังกว่าที่คิด เธอเองก็รู้สึกสังหรณ์อะไรบางอย่างเช่นกัน

เจมส์มองเด็กสาวอย่างลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “มีคนที่ไม่หวังดี จ้องจะปองร้ายพี่วินต์เขาน่ะ พี่เตือนเขาก็ไม่ยอมฟัง เพราะโกรธพี่อยู่ แต่ไม่ต้องห่วงนะ คืนนี้พี่จะเฝ้ายามให้เอง”

คนฟังมองมาอย่างโล่งอกเล็กน้อย แล้วหัวเราะเบา ๆ พลางพูดต่ออย่างชื่นชม

“พี่เจมส์นี่น่ารักจัง ได้เป็นแฟนคงปลื้มใจแย่”

“พี่ก็น่ารักนะครับน้องปราง” ธนัทแย้งขึ้นทันที “เดี๋ยวมาช่วยเฝ้าด้วยดีไหมนะ”

“ไม่ต้องเลย นายน่ะ รีบ ๆ กลับบ้านได้แล้ว มาก็เกะกะเปล่า ๆ” ว่าแล้วเจมส์ก็ขอตัวลาเด็กสาวกลับมา พร้อมกับลากธนัทที่เสียดายแทบแย่ออกมาด้วย “ฉันต้องเตรียมข้าวของให้พร้อมก่อน แล้วจะกลับมาอีกทีตอนค่ำ ๆ นายน่ะ กลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้มีงานอีกแต่เช้าไม่ใช่หรือไง”

“เออ กลับก็ได้ หมดความสำคัญล่ะเฉดหัวทิ้งเชียวนะ” คนฟังบ่นพึมพำ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แต่โทรศัพท์น่ะ เอาติดตัวไปด้วย มีอะไรก็โทรมา ฉันพร้อมจะเป็นฮีโร่ช่วยน้องปรางเสมอ”

“นี่ไม่ได้ห่วงฉันหรอกเหรอเนี่ย” เจมส์พึมพำเบา ๆ

“ห่วงไปทำไม นายมีคนคอยห่วงแล้วนี่ ฉันห่วงน้องปรางแทนท่าจะดีกว่า” เขาว่าพลางโบกมืออำลา ก่อนจะแยกกลับบ้านไป



ธนัทกลับไปแล้ว เจมส์จึงตรงไปยังห้องพระ เขาเก็บของที่จำเป็นลงย่าม พลางถอนหายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าทำถูกหรือไม่ ที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้ธนัทฟัง และยังคิดจะบอกเรื่องทั้งหมดกับปวินต์อีกด้วย

แต่ตอนนี้ การได้พูดออกไป มันก็ทำให้เขาโล่งใจขึ้นเยอะ ธนัทพูดถูก สองหัวดีกว่าหัวเดียวจริง ๆ อย่างน้อยการได้พูดออกไป และรับรู้ว่ายังมีคนพร้อมจะช่วยเหลือ ให้กำลังใจเขาอยู่ มันก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้จริง ๆ

“พ่อฮะ พ่อจะไปเฝ้าคุณตำรวจจริงเหรอฮะ” เจ้าเคนถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบมีดหมอขึ้นมาใส่ย่าม

ชายหนุ่มมองมายังเด็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ “ก็จริงน่ะสิ”

“แล้วบ้านนี้ล่ะฮะ ถ้าพ่อไม่อยู่แล้วมีใครเข้ามาจะทำยังไง”

“เจ้าก็เฝ้าไว้สิ เจ้าเคน” เจมส์ตอบง่าย ๆ

“อ้าวพ่อ ไหงพูดงั้นล่ะ ทิ้งกันง่าย ๆ งี้เลยเหรอ” เสียงเล็ก ๆ ประท้วง

ร่างสูงหันมามองก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พ่อเชื่อใจเจ้าหรอกนะ ถึงได้ให้เฝ้าบ้านไงล่ะ เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเรามีของสำคัญซ่อนอยู่”

กุมารทองตัวน้อยสะบัดหน้าพรืด “แต่พ่อไม่อยู่ด้วย เกิดใครเข้ามา ผมจะทำยังไง”

“ตอนพ่อไม่สบายยังต้านพวกมันได้ไม่ใช่รึ เดี๋ยวเช้าพ่อก็กลับแล้ว”

“งั้นผมชวนพวกพี่ ๆ มาช่วยเฝ้านะฮะ…ได้ไหมฮะพ่อ” เสียงหวานชักออดอ้อน

เจมส์มองใบหน้าน่ารักที่มองมาด้วยดวงตากลมโตนั้น ก่อนจะใจอ่อนอีกจนได้

“เอ้า จะเอาแบบนั้นก็ได้ ฝากดูแลด้วยละกันนะ”

“เย้ รักพ่อที่สุดเลย” เด็กน้อยกอดเขาไว้เต็มรักอย่างยินดี

“อย่าทำบ้านเลอะเทอะล่ะ แล้วก็ไปก่อนเช้าด้วย ไม่ต้องมานอนรอในห้องนอนพ่ออีกนะ” เขาย้ำอีกครั้ง จนเคนต้องกลั้นหัวเราะ เจมส์ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างระอานิดหน่อย แล้วตัดสินใจออกจากบ้านไป



ในตอนนี้นั้นมืดสนิทแล้ว ที่นอกรั้วบ้านของปวินต์ เจมส์ที่มาถึงอย่างเงียบ ๆ ค่อย ๆ หยิบสายสิญจน์ม้วนใหญ่ขึ้นมา เขาจรดมันเหนือศีรษะ ก่อนค่อย ๆ ลากสายสีขาวละเอียดเล็กนั้นพันไปรอบ ๆ ตัวบ้านอย่างตั้งใจ

เงาคนด้านล่างทำให้คนชั้นสองลอบเปิดม่านออกดู แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นใครบางคน กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าบ้านตน ปวินต์รีบก้าวยาว ๆ ลงมาข้างล่างแทบจะในทันที

เสียงประตูรั้วเปิดออก ทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างประตูหันมามองพลางยิ้มหวาน

“สายันต์สวัสดิ์ครับคุณวินต์”

“นายมาทำอะไรหน้าบ้านฉัน” เสียงเข้มพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก วงสายสิญจน์ที่ต่อล้อมรอบบ้าน ยาวลงมายังม้วนสีขาวที่วางอยู่บนพานเบื้องหน้าชายหนุ่ม ไหนจะยังมีธูปเทียนเครื่องบูชา และมีดลงอาคมอีกอัน ทั้งเจ้าตัวก็ยังคงสวมชุดขาว ห้อยลูกประคำอีกด้วย

ท่าทางที่ทำทีราวกับจะทำพิธีเรียกผีในป่าช้า เล่นเอาคนมองขมวดคิ้ว

“นายจะไปทำพิธีหลอกลวงคนที่ไหนฉันไม่ว่า แต่นี่มันหน้าบ้านฉันนะ”

คนมองมาก้มศีรษะลง ก่อนพูดขึ้นด้วยความตั้งใจจริงว่า “ขอโทษครับ ผมจะไม่เข้าไปข้างในรบกวนคุณ ขอแค่นั่งตรงนี้เท่านั้นเอง จะได้ไหมครับ”

“ไม่ได้!” คนฟังแย้งขึ้นทันที “ก็นี่มันหน้าบ้านฉัน และฉันไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรแบบนี้ กลับไปเลยนะ”

ดวงตาคมมองมาอย่างแน่วแน่ “ไม่ครับ ผมจะอยู่ที่นี่ จนกว่าจะแน่ใจ ว่าคุณจะปลอดภัย”

คนฟังชักหวั่นไหวนิดหน่อย แต่ด้วยทิฐิที่มี ทำให้ปวินต์ตอบกลับไปว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”

ใบหน้าแกร่งยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นท่าทางหลบสายตานั้น “ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณจะต้องไม่เป็นอะไร ผมเอาหัวเป็นประกันได้เลย ไปนอนเถอะครับ แล้วอย่าลืมฝันถึงผมบ้างล่ะ”

ตำรวจหนุ่มชักพูดไม่ออก ร่างผอมบางสะบัดหน้าหนี “อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่แค่นี้ ไม่ได้ทำให้ฉันหายโกรธนายหรอกนะ คนหลอกลวง!”

คำพูดนั้นทำให้เจมส์ชะงัก เขารู้อยู่แล้ว ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมง่าย ๆ เรื่องจะเล่าทุกอย่างให้ฟังตอนนี้ คงไม่มีหวัง แต่อย่างน้อย ได้พูดกันบ้าง ก็ยังดี

“ผมทราบครับ แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะพยายามต่อไป อีกอย่าง คุณต้องระวังหัวหน้าของคุณให้ดี อย่าให้เขาเข้าใกล้คุณได้ อย่าทานอาหาร อย่าดื่มน้ำ หรืออะไรก็ตามที่ผ่านมือเขาเด็ดขาดนะครับ”

ร่างผอมบางขมวดคิ้ว “ทำไมฉันจะต้องเชื่อนายด้วย เขาเป็นคนที่ฉันนับถือ ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกได้หรอกนะ”

“ถือว่าผมขอร้องนะครับ คุณจะโกรธผม เกลียดผม ยังไงก็ได้ แต่เรื่องนี้เท่านั้น ที่ผมอยากให้คุณระวัง เพื่อตัวคุณเอง และครอบครัวที่น่ารักของคุณด้วย”

คนฟังไม่ตอบใด ๆ แล้ว เขามองอีกฝ่ายนิ่งนาน ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้านไปทั้งอย่างนั้น

เจมส์มองตามร่างนั้นไป พลางส่ายหน้าเบา ๆ “พ่อพยายามแล้วนะเจ้าเคน” เขาพึมพำกับตัวเอง ออกจะรู้สึกเหงาอยู่เล็กน้อย ที่กุมารทองตัวน้อย มิได้ตามมาด้วย ถ้าเจ้าเคนมาคงได้ปลอบเขาอีก แต่เขาต้องเข้มแข็งขึ้นกว่านี้ จะมามัวรอคำปลอบใจอยู่โดยไม่ยอมแก้ไขอะไรเลยไม่ได้ จนกว่าปวินต์จะยอมรับฟังเขาบ้าง

เจ้าหมอผีนั้นเจ้าเล่ห์นัก ดีไม่ดี อาจจะคิดทำอะไรปวินต์อีกก็เป็นได้

    ดังนั้นเขาเองจะวอกแวกหรือเสียสมาธิไม่ได้ จะต้องพร้อมรับมือ ไม่ว่ามันจะมาไม้ไหนก็ตาม

คิดได้ดังนั้นแล้วเจมส์ก็ตั้งท่านั่งตัวตรง ทำใจให้สงบอีกครั้ง เขาเคยชินกับการอยู่ข้างนอกตอนกลางคืนท่ามกลางสายลมหนาวอยู่แล้ว เวลาทำพิธีการต่าง ๆ ที่ป่าช้า มันก็เป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่หนักหนานัก

แต่คนบนชั้นสอง ก็ยังคงลอบมองมาผ่านหน้าต่างอย่างอดกังวลใจไม่ได้

เจมส์พูดจริงงั้นหรือ…เขาควรจะเชื่อดีหรือไม่?

ปวินต์มองมาอย่างครุ่นคิด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่ปิดม่านและปิดไฟลง…โดยไม่ได้ทำอันใดอีก



    อ่างทองเหลืองขัดมันมีน้ำใสใส่อยู่ครึ่งค่อนตั้งวางอยู่เบื้องหน้าร่างสูงใหญ่ของหมอคง ซึ่งตอนนี้กำลังบริกรรมคาถาอย่างเป็นสมาธิ วงน้ำกระเพื่อมเองแม้ไม่มีสิ่งใดรบกวน ก่อนกระจายวงกว้างออกไป ดวงตาคมจ้องมองวงน้ำนั้นนิ่งนาน ภาพบางอย่างค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละน้อย เป็นภาพของบ้านหลังหนึ่ง…เป็นบ้านหลังน้อยของผู้กองปวินต์นั่นเอง

    ที่หน้าบ้านนั้น ร่างแข็งแรงของใครอีกคน ยังคงนั่งสมาธิไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เฝ้ายามไม่หลับไม่นอนอยู่ตรงนั้นอย่างตั้งใจ

    คนมองยิ้มน้อย ๆ ก่อนพึมพำ “คิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ถ้าใช้ตำรวจนั่นเป็นเหยื่อล่อ เจ้าหมอผีนั่นต้องติดกับ”

    ว่าพลางเงยหน้าขึ้น ก่อนเรียกสมุนคนสำคัญออกมา

    “เจ้ามั่นอยู่ไหน ออกมาซิ”

    ร่างโปร่งใสที่มีศีรษะเหลือเพียงครึ่งซีก มันสมองยังไหลซึมปะปนน้ำเลือดน้ำเหลืองจนตัวซีกหนึ่งเลอะไปหมด โผล่ออกมาจากพื้นอย่างช้า ๆ ดวงตาโหลลึกสีแดงก่ำ จ้องมองมาพลางทรุดตัวลงหมอบอยู่เบื้องหน้าอย่างเชื่อฟัง

    “นายท่านมีอันใดสั่งหรือขอรับ” เสียงจากร่างนั้นถามขึ้นช้า ๆ

    “ก่อนอื่น ทำสารรูปให้มันดูดีกว่านี้หน่อย” หมอคงว่า ความจริงเขาไม่ได้นึกรังเกียจสภาพเหมือนศพสด ๆ ของอีกฝ่ายนัก แต่ถ้าต้องใช้งานอยู่บ่อย ๆ การปรากฏตัวไม่ให้ขัดตา จะเป็นผลที่ดีกว่า

    นิ้วคล่องแคล่วลากไปมาช้า ๆ ที่พื้นบริเวณนั้น ก่อนจะร่ายมนตรากำกับ พริบตาเดียวร่างที่เละเทะกลับแปรสภาพกายละเอียดให้ดูคล้ายรูปลักษณ์เดิมก่อนสิ้นใจ ซึ่งเป็นชายรูปร่างผอมสูง ผิวออกดำแดงคนหนึ่ง ดวงตาที่ยังมีสีแดงจาง ๆ มองมาอย่างเชื่อฟัง

    “เอาล่ะ พอดูได้แล้ว จงไปที่บ้านเจ้าหมอผีนั่น แล้วค้นหาของสำคัญของมันมา เอานี่ไปด้วย มันเป็นเชือกอาคม ถ้ามีใครยุ่งยากนัก จับมันไว้ได้เลย ของน่ะ ข้าไม่หวังจะเจอของเท่าไหร่ มันคงซ่อนได้ดีอยู่ แต่ข้าต้องการเจ้าเด็กนั่น ที่ช่วยเจ้าที่ยันข้าไว้ในตอนนั้น เอาตัวมันมาให้ข้า ส่วนเรื่องเปิดทาง ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงเอง”

    “ได้ขอรับ” ร่างนั้นรับคำก่อนจะหายตัวไป

    ใบหน้าแกร่งยิ้มน้อย ๆ แล้วแผนการของเขาก็ดำเนินไปได้ดีอีกขั้น ร่างนั้นมองภาพน้ำในอ่างที่กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

    “เจ้าเด็กนั่นอาจจะรู้บ้างก็ได้ ว่าซ่อนของไว้ที่ไหน แต่ถึงไม่รู้ ข้าก็สามารถใช้มันเป็นเครื่องมือได้อยู่ดี ข้าจะค่อย ๆ ตัดแขนขาที่คอยช่วยเหลือเจ้าลง เจ้าหมอผีมือใหม่ แล้วดูซิว่า ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าจะยอมบอกไหม ว่าซ่อนของเอาไว้ที่ไหน! ฮ่า ๆ ๆ"


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-07-2011 23:16:17
แง่ม ๆ ผีออกมาอีกแย้ววว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 20-07-2011 23:54:56
เคน ระวังตัวนะ พวกพี่ๆจะช่วยได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 21-07-2011 00:11:57
เคนต้องไม่เปนอะไรนะ
 

:z3: :z3: :z3:

พ่อเจมส์อย่าลืมเปนห่วงเคน ไปดูแลเคนด้วย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 21-07-2011 01:09:52
กรี้ดเจ้าเคนกำลังตกอยู่ในอันตราย  คุณพ่อมาช่วยด่วนๆเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 21-07-2011 09:12:19
อ้าวๆๆๆ น้องเคน งานจะเข้าซะแล้วไม๊หล่ะ

หวังว่าคงใช้ความพริ้วเอาตัวรอดได้นะน้องเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 21-07-2011 11:00:31
อ๊ากกก ไอ้หมอคง
ไอ้หมอชั่ววว
เคนสู้ๆน้า อย่าให้มันเข้าไปได้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 21-07-2011 13:32:41
อู๊ย ตอนนี้ห่วงหน้าพะวงหลังจริงๆ :serius2:
ห่วงว่าที่แม่เจ้าเคนก็ห่วง
ห่วงเจ้าเคนก็ห่วง
ภาระหนักมันตกที่พ่อหมอเจมส์แล้วนะ
ช่วยให้ได้ทั้งคู่นะพ่อหมออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 21-07-2011 16:12:55
กลัวหมอคงจะได้ของสำคัญไปจังเลย
คุณวินต์ก็น่าจะเชื่อๆเจมส์บ้างนะคะ แหมมม คนเขาหวังดีอะ
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-07-2011 17:12:32
 :m15: :m15: :m15: :m15:


เปนห่วง เคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 21-07-2011 19:18:17
เฮ้ย หนูเคน อย่าเป็นไรนะลูก เขารู้ว่ากุมารทองสุดหล่อเก่งอยู่แล้ว ใช่มั้ย(?)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 21-07-2011 21:11:05
ง่า เคนอยู่ในอันตรายซะแล้ว  โดนล่อเสือออกจากถ้ำซะแล้ว
แต่ไม่น่ามีปัญหานี่  กุมารทองมีฤทธิ์มากกว่าพวกผีชั้นต่ำอยู่แล้วแล้วมีตาเจ้าที่อีกละ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 21-07-2011 21:16:04
งานเข้าน้องเคนซะแล้ว :z3:
พ่อเจมส์รู้ตัวเร็วๆแล้วมาช่วยน้องเคนด้วยนะ ถึงจะเป็นเด็กผี แต่น้องเคนก็เป็นเด็กดี
ถ้าเป็นไรไปเศร้าแน่ๆ :sad4:
เอาใจช่วยน้องเคน :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา จบตอนที่ 7 (20/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 21-07-2011 21:36:15
เคนสู้ๆนะ เอาชนะให้ได้เพื่อพ่อเจมส์ o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 26-07-2011 07:50:17
สืบเสน่หา

ตอนที่ 8



เจมส์ออกไปนานแล้ว ในบ้านที่ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ กลับมีเสียงวิ่งเล่นและเสียงหัวเราะคิก เด็กน้อยที่นาน ๆ ทีจะได้ชวนเพื่อนผี ๆ มาเล่นที่บ้าน กำลังนอนกลิ้งเล่นสนุกอยู่บนเตียงชายหนุ่มอย่างมีความสุข   

“พ่อเขาไม่บ่นเอาเหรอเคน พาพวกพี่ ๆ มาเล่นบนเตียงแบบนี้เนี่ย” เสียงเด็กน้อยเจนนี่พึมพำ ร่างเล็ก ๆ นั่งอยู่ใกล้ ๆ เคนกุมารทองตัวน้อย แถมยังกระโดดเล่นบนเตียงจนเหนื่อยไปแล้วเมื่อครู่

    “ไม่เป็นไรหรอก ก็อย่าให้พ่อรู้สิ แหม แค่ที่นอนเอง หวงไปได้” เจ้าเคนพูดต่ออย่างนึกสนุก ด้วยความที่ยังเด็ก อะไรที่ถูกห้าม ก็มักจะชอบแกล้งทำ เพราะเด็กน้อยรู้สึกสนุกดี เวลาเห็นพ่อทำหน้าดุ โดยที่ไม่เคยได้ทำโทษกันจริง ๆ จัง ๆ เลยสักครั้งด้วยแพ้ลูกอ้อนของเขาเสียทุกที

    “นั่นสินะ เตียงนุ่ม ๆ แถมเด้งได้แบบนี้ เจนนี่ชอบจัง ไม่เหมือนเตียงที่บ้านเลย” ว่าพลางพลิกตัวขึ้นคร่อมเด็กน้อยจนเจ้าเคนสะดุ้ง

    “อยากลองทำท่านี้มานานแล้วด้วยสิ…” เธอว่ายิ้ม ๆ แต่เด็กชายนั้นแอบซีด ใบหน้ากลมป้อมแอบแดงเรื่อด้วยอาการขัดเขิน

    “เจน..เจนนี่ ทำอะไรเนี่ย!” เสียงถามตะกุกตะกัก มือเล็ก ๆ พยายามยันร่างเด็กหญิงออกไป

    “แหม ขี้อายแบบนี้น่ารักเชียว” ว่าพลางก้มลงจุ๊บที่แก้มเด็กชายอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายห้ามไม่ทัน เล่นเอาเจ้าเคนสะดุ้งเฮือก

    “เจนนี่จ๊ะ อย่าแกล้งเคนแบบนั้นสิ ดูซิ ทำหน้าไม่ถูกไปแล้ว” หญิงสาวที่ท้องโตพูดขึ้น เธอยังคงสวมชุดคลุมท้องสีขาวเหมือนคราวก่อน

    “พี่แก้วล่ะก็ ขอเจนนี่เล่นนิดเดียวเอง”

    “วันนี้พี่ลำไยไม่อยู่เหรอฮะ ผมไม่เห็นเลย” เคนพยายามเปลี่ยนเรื่อง

    “พี่ลำไยไปหาไส้ที่ท้ายคลองนู่นแน่ะ เห็นว่ากินติดลม เลยไว้คราวหลังดีกว่าน่ะ” หญิงสาวตอบ

    “พี่เรียมก็มัวแต่นั่งดูรูปพ่ออยู่ได้ ผมหวงนะนั่น อุตส่าห์ให้เข้ามาในห้อง มาเล่นกันดีกว่าน่า”

    หญิงสาวผมยาวที่นั่งเหม่ออยู่หน้ารูปกลับไม่สนใจ เธอยังพร่ำเพ้อถึงพี่ขวัญที่เจ้าตัวจำสับสนไม่เลิก “พี่ขวัญของเรียมหล่อขนาดนี้ เมื่อไหร่จะกลับมาหาเรียมจ๊ะ” ว่าพลางผีสาวผู้มีรอยเชือกที่คอก็จ้องมองภาพต่อไปอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่ได้ใส่ใจใครทั้งนั้น แถมตั้งท่าจะฝากรอยลิปจุ๊บไปที่ภาพด้วย จนเด็กน้อยต้องรีบดึงภาพออกด้วยความหวง

    ร่างเล็กมองมาก่อนถอนหายใจเฮือก “พวกพี่ ๆ ล่ะก็ วันนี้อาจจะมีคนเข้ามาก็ได้นะฮะ พวกเราน่ะ ต้องช่วยกันปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ต่างหาก”

    “ฮึ ทำเป็นพูดดี เมื่อกี้ใครกัน ชวนพวกเรามานอนกลิ้งเล่นบนเตียงเนี่ย” เจนนี่แย้ง

    “ก็แค่พอหอมปากหอมคอน่ะ พอดึก ๆ พวกเราต้องประจำหน้าที่ คอยดูแลอย่าให้คนร้ายเข้ามาในบ้านนะฮะ พ่อเก็บของบางอย่างที่สำคัญมากเอาไว้ จะให้พวกมันได้ไปไม่ได้เด็ดขาด”

    “เอาน่า พี่จะช่วยเอง” หัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะพูดปลอบขึ้น ส่วนลำตัวล่ำ ๆ นั่งอยู่ด้านข้าง ยังคงเอนกายอย่างสบายอารมณ์

    “พี่แม้น….ขอบคุณนะฮะ ถ้าได้ผีแรงดี ๆ แบบพี่ล่ะก็ คงหายห่วงได้เยอะเลย” เด็กน้อยว่าอย่างยิ้มแย้มเมื่อได้พวก

    ขณะกำลังคุยกันนั้น จู่ ๆ อาณาเขตของบ้านก็สั่นไหว ทั้งหมดมองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ

    “เกิดอะไรขึ้นฮะท่านตาเจ้าที่” เด็กน้อยถามขึ้นทันที

    “มีผู้บุกรุกน่ะเจ้าเคนเอ้ย มาช่วยตาอีกแรงที อาคมมันแข็งมากจนตา…อึ้ก…”

    เสียงดังเปรี้ยงสนั่นหวั่นไหว เล่นเอาทุกคนสะดุ้ง ร่างเล็กหายตัววับไปโผล่ที่หน้าบ้าน และต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงผิวสีดำแดงท่าทางเอาเรื่องของผีตนหนึ่งยืนจังก้าอยู่กลางลานบ้าน ส่วนตาเจ้าที่ นอนนิ่งอยู่บนพื้นท่าทางบาดเจ็บเอาการ ร่างเล็กรีบไปประคองชายชราขึ้นมาอย่างตกใจ

    “เป็นอะไรมั้ยฮะตา”

    “หนีไป…มัน…อันตราย” ตาเจ้าที่พยายามบอก ก่อนร่างนั้นจะหายวับไป

    “ตาฮะ ตา!!!”

    เด็กชายหายใจเข้าลึก ก่อนลุกขึ้นยืนขวางทางไว้ “อย่าเข้ามานะ!” เสียงเล็ก ๆ ตวาดห้าม จะอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้ใครเข้ามาในบ้านของพ่อที่รักของเขาทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกไม่ประสงค์ดีแบบนี้

ดวงตาวาวเอาเรื่องสบตาแดงก่ำน่ากลัวของอีกฝ่าย ที่กำลังแสยะยิ้มฟันขาว ก้าวสามขุมเข้ามาโดยไม่กลัวเกรง กุมารทองตัวน้อยแม้อยู่มานาน แต่ก็มิได้มีพลังมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับพวกผีเฮี้ยนหรือผีตายโหงอย่างนายมั่น ซึ่งเรื่องแบบนี้หมอคงคำนวณไว้แล้ว จึงได้ไปเสาะหาผีรับใช้ แบบที่มีแรงอาฆาตรุนแรงที่สุด เพื่อที่จะได้มีพลังเกินกว่าพวกผีธรรมดามาต่อกรด้วย

ร่างเล็กมองมาอย่างไม่เกรงกลัว แต่รู้ดีว่าไม่อาจจะต้านทานได้นานนัก เสียงแผ่วเบากระซิบส่งกระแสจิตหาผีเด็กหญิง ก่อนบอกอย่างเร่งรีบ “เจนนี่ รีบไปตามพ่อกลับมาที เร็วที่สุดเลยนะ!”

“อะ…อื้ม” เจนนี่รับคำอย่างหวาด ๆ รู้สึกกลัวผู้บุกรุกไม่น้อย แต่ก็ห่วงเคนมากด้วยเช่นกัน

“จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ อย่าเป็นอะไรนะเคน”

“อื้ม ไปเร็วเข้า!”

ร่างนั้นก้าวเข้ามาอีก เคนมองอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก เพื่อนผี ๆ ของเขาทั้งหมดยังคงอยู่ด้านข้าง คอยช่วยเหลืออีกแรง แต่เขาก็รู้…ว่าผีธรรมดาแบบพวกนั้น คงจะต้านได้ไม่นานนัก รวมถึงตัวเขาเองด้วย

ขนาดเล่นงานตาเจ้าที่ ซึ่งจะแข็งแกร่งมาก ถ้าอยู่ในอาณาเขตของตัวบ้านเช่นนี้ จนถึงกับไม่สามารถรักษาสภาพกายละเอียดไว้ได้ขนาดนี้ ผู้บุกรุกคงมีดีไม่เบา เขาสังหรณ์ว่า คงเป็นพวกเดียวกับคราวก่อนแน่ ๆ

ยังไงเขาก็ไม่ยอมถอย บ้านหลังนี้ ก็คือบ้านของเขา…และยังเป็นบ้าน…ของพ่อ…คนสำคัญที่สุดของเขาด้วย

ต้องยันมันไว้ก่อน จนกว่าพ่อจะกลับมา

ก็ได้แต่หวังว่าเจนนี่จะตามหาพ่อกลับมาได้ทันล่ะนะ!



ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างบ้านของปวินต์ยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิดังเดิมเหมือนหลายชั่วโมงก่อน รอบกายมีแต่ความสงบ ไม่ได้มีท่าทีการบุกรุกจากผู้ไม่ประสงค์ดีแต่อย่างใด ยิ่งเวลาผ่านคล้อยจนดึกมาก เขาก็ยิ่งแปลกใจ ลางสังหรณ์ถึงอันตรายบางอย่างรุนแรงขึ้นทุกที ทว่ารอบตัวกลับดูเป็นปกติเสียจนไม่น่าเชื่อ

ใจเขาไม่สงบอย่างที่เคย แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณชั่วร้ายใด ๆ ย่างกรายเข้ามา

เป้าหมายคือปวินต์ไม่ใช่หรือ ทำไมมันถึงไม่ทำอะไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาได้ท้าทายกลับไปตรง ๆ กับเจ้าหมอนั่นแล้ว ว่าเขาล่วงรู้ถึงเจตนาที่แท้จริง

หรือเพราะเขาเฝ้าอยู่หน้าบ้านเช่นนี้ มันเลยไม่กล้าลงมือ?

ไม่หรอก เขาไม่คิดเช่นนั้น เจ้าหมอผีคนนั้น มันไม่เคยกลัวเขาแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่มันยังทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขามีหลักประกันสิ่งนั้นอยู่ในมือต่างหาก และจนกว่าจะได้ของนั่นไป มันก็จะยังไม่ทำอะไรเขาถึงขั้นเอาชีวิต

แต่ว่าสังหรณ์นี้เล่า…มันคืออะไรกัน

“พ่อฮะ….ช่วยด้วย…!”

กระแสเสียงเล็ก ๆ ที่เจ็บปวดแทรกเข้ามาในหัว ทำให้เขาสะดุ้งหลุดจากภวังค์สมาธิจนได้ ดวงตาคมเข้มลืมขึ้นอย่างตกใจ เสียงนั่น…เจ้าเคน?

แต่เคนไม่ได้มากับเขา แถมบ้าน…ก็อยู่ไกลเกินที่อีกฝ่ายจะตามเขามาได้ กุมารทองจำต้องอาศัยสื่อแทนตัวช่วย ในการเคลื่อนที่ไปไหน ปกติถ้าเขาชวนเด็กน้อยไปด้วย เขาจะมีสร้อยเส้นหนึ่ง ที่ใส่ผงเล็กละเอียดปลุกเสก ที่แบ่งมาจากตัวตุ๊กตานั้นเป็นสื่อชั่วคราว ด้วยรู้ดีว่า หากแยกร่างวิญญาณออกจากร่างตุ๊กตานาน ๆ วิญญาณที่ขาดที่สิงสถิต จะยิ่งอ่อนแรงลง แม้แต่กุมารทองอย่างเคนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ดังนั้นเขาแน่ใจ ว่าเมื่อไม่ได้พกสร้อยเส้นนั้นมา เจ้าเคนไม่มีทางตามเขามาได้

แต่เสียงนั่นไม่ผิดแน่…เกิดอะไรขึ้นกัน…

รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดผิดหรือเปล่า ที่ทิ้งเจ้าเคนไว้บ้าน…กับเจ้าที่ตามลำพัง

หรือว่า…มันจะเป็นแผนของเจ้าหมอผีนั่น ยั่วยุเขาให้ออกมาปกป้องปวินต์…จนละเลยการอยู่ในอาณาเขตตนเอง เพื่อปกป้องของสำคัญ

ตายล่ะ!

ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างเล็ก ๆ ของเจนนี่ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า เจนนี่เองก็คล้ายเคน ไม่สามารถไปไหนได้ไกลนักถ้าไม่มีสื่อวิญญาณ แต่เด็กหญิงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่แล้ว มิใช่กุมารทองเช่นเจ้าเคน ดังนั้นการไปมาแบบนี้ จึงง่ายดายกว่า

    “ที่บ้านแย่แล้ว…พ่อเจมส์…ช่วยเคนด้วย!!!”

    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองร่างวิญญาณจาง ๆ ของเด็กหญิง ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างตกใจ “ที่บ้านงั้นเหรอ เกิดอะไรขึ้นเจนนี่!”

    “รีบกลับไปก่อน…มีผีร้ายมา…มัน…” ร่างนั้นจางหายไป เพราะการฝืนออกมาไกลเช่นนี้ เป็นการใช้พลังงานมากสำหรับเด็กหญิงเช่นกัน การสร้างภาพและเสียง ให้เห็น ให้ได้ยิน ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย สำหรับวิญญาณเร่ร่อน เจมส์ย่อมรู้ดี เขาไม่ได้ตกใจนักที่ร่างนั้นจางหายไป แต่ตกใจมากกว่า ว่ามันกลับเป็นไปอย่างที่เขาคิดจนได้

    ร่างสูงเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แล้วมองมายังหน้าต่างของตัวบ้าน ไฟเปิด ๆ ปิด ๆ มาตลอด เขารู้ดีว่าปวินต์ไม่ได้หลับ แต่แกล้งปิดไฟ…ทำเป็นหลับ…ทุกครั้งที่รู้สึกว่าเขามองกลับไปเท่านั้น

    ถ้าไปตอนนี้ คงจะยิ่งง้ออีกฝ่ายยากกว่าเดิม แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว

    เจมส์พนมมือขึ้นอีกครั้ง ใช้ปลายมีดอาคม จรดจารอักขระละเอียดยิบที่หน้าบ้าน สร้างเขตอาคมชั่วคราว ช่วยเสริมป้องกันสิ่งเลวร้ายไว้ ก่อนตัดสินใจรีบกลับบ้านโดยด่วน

    เจมส์จากไปแล้ว ในตอนที่ม่านถูกเปิดออกอีกครั้ง ร่างผอมบางที่มองมาเริ่มหงุดหงิด

    “เจ้าเจมส์บ้า ไหนว่าจะเฝ้ายันเช้าไง ที่แท้ก็พูดไปงั้นเองสินะ คำพูดนายเนี่ย เชื่อถือไม่ได้เลย!”

    ม่านนั้นถูกปิดเข้าหากันโดยแรง ก่อนไฟในห้องจะดับลงอีกครั้ง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 26-07-2011 07:51:57
เจมส์รีบตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว แม้บ้านของปวินต์จะอยู่ไม่ไกลจากบ้านเขานัก แต่ก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางราวครึ่งชั่วโมงอยู่ดี เพราะเขาไม่สามารถหายตัวไปมาได้อย่างเจนนี่ ชายหนุ่มรีบเร่งเดินทางอย่างวิตก เสียงขอความช่วยเหลือจากเคนที่ได้ยินตอนกำลังอยู่ในสมาธินั้นไม่ใช่คิดไปเอง นั่นเป็นเสียงของเคนจริง ๆ น้ำเสียงนั้นทั้งเจ็บปวดและต้องการความช่วยเหลือ

ด้วยสายสัมพันธ์ของเขากับเคน ไม่แปลกนักที่กระแสความรู้สึก จะสื่อถึงกันได้ยามอีกฝ่ายมีอันตราย

ต้องเป็นเจ้าหมอผีนั่นแน่ ใครจะไปคิด ว่ามันเล็งเป้าไปที่เคน…แทนที่จะเป็นปวินต์

หลอกให้เขาไขว้เขว แล้วจู่โจมตอนเขาไม่อยู่ ร้ายจริง ๆ!



ร่างสูงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้เขามาถึงบ้านแล้ว สัมผัสที่ว่างเปล่ากว่าที่เคย ทำให้ชายหนุ่มใจหายวาบ สภาพบ้านยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน หากที่ต่างออกไป กลับเป็นกระแสวิญญาณที่เคยโอบล้อมและวนเวียนไปมาโดยรอบ รวมถึงท่านเจ้าที่ ที่เขารบกวนให้ช่วยเหลือดูแลบ้านเป็นประจำ

เจมส์รู้สึกคล้ายอยู่คนเดียวเป็นครั้งแรก บ้านของเขา…ไม่เคยเงียบเหงาถึงเพียงนี้มาก่อน

แม้เขาจะอยู่ลำพังมาตลอดหลายปี นับตั้งแต่พ่อตายจากไป แต่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาเลย เพราะมีวิญญาณเพื่อน ๆ รวมถึงเจ้าเคน กุมารทองที่เปรียบเสมือนลูกชาย…บางครั้งก็เหมือนน้องชาย เหมือนเพื่อน และในบางครั้ง ก็เหมือนเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องดูแล และปลอบใจเขาเสียด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้คล้ายทุกคนหายไปกันหมด

เขาอดไม่ได้ ต้องตะโกนเรียก แต่เสียงของเขา กลับสะท้อนเพียงความว่างเปล่า

ทุกคนหายไปไหนกัน

“เจมส์….” เสียงชายชราที่พยายามเรียกอย่างแผ่วเบา ร่างที่เจือจางพยายามปรากฏตัวขึ้น แม้จะยังบาดเจ็บที่กายละเอียดเอาการ

“ตา…เจ้าที่…” เขาชะงักแล้วมองร่างนั้นอย่างตกใจ วิญญาณไม่มีเลือด แต่รอยช้ำสีดำทั่วทั้งตัว ที่ทำเอาร่างนั้นแทบพร่าเลือนหาย บ่งบอกได้ชัดถึงการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง

“พวกมัน…เอาเจ้าเคนไป… แล้วทำร้ายวิญญาณอื่น ๆ แตกกระจายหายไปแล้ว” เสียงนั้นพยายามบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น “มันเอาเชือกอาคม…มัดเจ้าเคนไว้ แล้วเอาไปด้วย…”

คนฟังนิ่งอึ้งไปเป็นครู่ สิ่งที่เขากำลังกลัวเป็นจริงเสียแล้ว เจ้าพวกเลวนี่ทำได้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ ดีที่เคนฉลาดพอจะส่งเจนนี่มาตามเขา ส่วนหนึ่งก็เพื่อไม่ให้เด็กหญิงต้องโดนลูกหลงไปด้วยนี่เอง

แต่ไม่ว่ายังไง ก็ยกโทษให้ไม่ได้…มือแกร่งกำแน่น เขากำลังโกรธ…โกรธมากเสียด้วย คนที่ทำร้ายครอบครัวของเขา พวกมันต้อง…

“เจมส์…อย่าให้ความโกรธครอบงำสิ” เสียงเจ้าที่เตือนสติ ชายหนุ่มชะงัก จะอย่างไร…ตาเจ้าที่ ก็เหมือนกับญาติผู้ใหญ่อีกคนของเขาเช่นกัน และเขาเอง ก็เชื่อฟังการชี้แนะของอีกฝ่ายมาตลอด

“แต่ตาครับ พวกมันทำกับตาขนาดนี้…แถมยังทำกับเพื่อน ๆ ของผม…ที่สำคัญ…เจ้าเคน…” กรามเริ่มขบกันแน่น ดวงตาสูงวัยที่มองมา บ่งบอกได้ชัด ว่าให้อดทน การลงมือทำอะไรด้วยความขาดสติ มีแต่ทางตายเท่านั้น พ่อของเขาสอนไว้เสมอมา

สติจะมีได้ เมื่อสามารถควบคุมจิตใจตัวเองได้จากอารมณ์ทั้งปวง เขาจะต้องอดทนและเข้มแข็ง เพื่อให้ก้าวข้ามความเจ็บปวดไปให้ได้

เจมส์ถอนหายใจยาว เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ได้ในที่สุด เสียงที่ถามต่อไปจึงราบเรียบนัก

“พวกมันเอาของไปไม่ได้ใช่ไหมครับ”

ร่างนั้นพยักหน้ารับ “ของยังปลอดภัย…แต่ว่า…”

“ครับ ผมทราบดี ในเมื่อเรายังมีของที่พวกมันต้องการอยู่ในมือ…พวกมันก็ต้องย้อนกลับมาแน่ อาจจะมาต่อรอง หรือขู่กรรโชก…แต่ไม่ว่าจะยังไงผมก็ต้องช่วยเคนให้ได้ ด้วยสติ…และปัญญา…ไม่ใช่ด้วยความโกรธ ผมสัญญา!”

เจ้าที่ชรายิ้มน้อย ๆ แม้สีหน้าจะยังซีดเผือด “ธารคงภูมิใจ…ที่มีลูกชายอย่างเจ้า”

“ผมก็ภูมิใจ ที่ได้เป็นลูกของพ่อธารครับ พักผ่อนเถอะนะครับ แล้วก็…ขอบคุณมาก สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง” ดวงตาที่ห่วงใยมองมา แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่มันก็แทนความรู้สึกได้ร้อยพัน สำหรับเจมส์แล้ว ทุกคนล้วนสำคัญเสมอ

ชายชราสบตากลับด้วยแววตาอันอ่อนโยนอย่างรับรู้ได้ “เจ้าก็เหมือนเป็นหลานข้า…ไม่ต้องห่วงนะ ข้าไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก” เขาผงกศีรษะรับ ก่อนจะหายตัวไป



“ปล่อยนะ เจ้าผีบ้า ปล่อยซะทีสิ เลิกลากได้แล้วนะ!” ร่างเล็ก ๆ ดิ้นรนโวยวายไม่เลิก ขณะที่ถูกกระชากลากถูมายังสถานที่แห่งหนึ่ง มือแข็งแรงที่ยึดปลายเชือกอีกด้านไว้ยังคงหัวเราะอย่างพึงใจ ความรู้สึกสนุกที่ได้ทำร้ายคน เป็นสิ่งที่ผีตายโหงซึ่งมักมีความแค้นฝังลึก แสดงออกมาได้ง่าย และสาเหตุนั้น จึงทำให้หมอผีหลายต่อหลายคน นิยมใช้อาคมผูกมัดผีเหล่านี้ไว้เพื่อใช้งานอวิชชา

มือนั้นผลักวูบเดียว เด็กน้อยก็ไปกลิ้งไม่เป็นท่าอยู่บนผืนพรมใหญ่ในห้องปิดทึบห้องหนึ่งเสียแล้ว เคนกระพริบตาถี่ ๆ ก่อนจะสะดุ้ง เมื่อสบตากับร่างผอมสูงที่มีอายุนั้น ดวงตาจากผู้สูงวัยกว่า แกร่งกล้าและคมดุจเหยี่ยว สีหน้าที่เคร่งขรึมติดจะเจ้าเล่ห์ ยิ่งทำให้เด็กน้อยรู้สึกหวาดหวั่นมากกว่าเดิม ยามได้เห็นอีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ

“มาแล้วงั้นรึ ไม่ได้ของมาสินะ” คนผู้นั้นถามเจ้าผีตายโหงรับใช้ ซึ่งส่งไปทำงานพึ่งกลับมา

“ไม่ขอรับ ข้าได้ตัวมาแค่เจ้าเด็กนี่ ส่วนของนั่น…คิดว่าคงมีการใช้อาคมชั้นสูงกำบังมันไว้”

คนฟังพยักหน้ารับ “ข้าก็คิดว่าแบบนั้น อาคมกำบัง ไม่ได้ใช้กันได้ง่าย ๆ และมีแต่ผู้ใช้ จึงจะสามารถปลดม่านบังตานั้นได้ ข้าจึงไม่ได้เน้นให้เจ้าหาของ เพราะเชื่อว่าเจ้าคงเอามันมาไม่ได้อยู่ดี”

พูดแล้วก็หันมามองร่างที่กลิ้งอยู่บนพื้น ซึ่งถูกมัดจนแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้

“เจ้ามัดเสียขนาดนี้ แสดงว่าเจ้าเด็กนี่ร้ายน่าดูล่ะสิ” ว่าแล้วก็หันมาสนใจคนถูกมัดแทนที่ พลางโบกมือให้ผีรับใช้ตนใหม่ออกไปก่อน

ดวงตากลมถลึงตอบ ก่อนสะบัดหน้าหนี “ข้าไม่พูดกับพวกเจ้าหรอก เจ้าคนขี้โกง”

คนมองมาอมยิ้ม “แล้วนี่เจ้าพูดกับใครล่ะ”

ร่างเล็กสะดุ้ง “ข้าก็…พูดกับตัวเองน่ะสิ! เลิกยุ่งแล้วปล่อยข้าไปได้แล้ว!”

“ท่าทางเจ้าคงยังไม่รู้ถึงสถานภาพตัวเองตอนนี้เท่าไหร่สินะ ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ข้าน่ะ ไม่ใจดีกับเด็กนักหรอก”

“ใครจะไปขอความเมตตาจากคนอย่างเจ้ากัน” เสียงตอบสะบัด ก่อนร่างเล็ก ๆ จะไม่ยอมมองอีกฝ่ายอีก

หมอคงดึงปลายเชือกเข้ามา ร่างเล็กดิ้นรนต่อต้าน ทว่าร่างวิญญาณที่ติดพันธนาการไว้เช่นนี้ กลับไม่สามารถใช้พลังได้เลยแม้แต่น้อยนิด

มือแข็งแรงยึดจับหน้ากลมน่ารักนั้นไว้ “เจ้าคงจะรู้สินะ ว่าเจ้าหมอผีมือใหม่นั่น..เอาของพวกนั้นไว้ที่ไหน”

“ให้ตายข้าก็ไม่บอก! แต่อย่างพวกเจ้า ไม่มีปัญญาเอามันไปได้หรอก พ่อน่ะ ไม่ได้มือใหม่สักหน่อย เขาจะต้องจัดการพวกเจ้าได้หมดแน่ ๆ”

ดวงตาคมวาววาบขึ้นทันที “งั้นเรอะ…เจ้าหมอผีที่ต้องอาศัยเด็ก ๆ อย่างเจ้าช่วยคุ้มกะลาหัวน่ะเรอะ จะมีปัญญาต่อกรกับข้าได้ แต่เอาเถอะ เจ้ายังไม่บอกตอนนี้…แต่อีกไม่นาน ก็ต้องบอกแน่”

มือที่ยื่นออกมามีหวายอาคมก้านยาว เด็กน้อยมองมาอย่างใจแป้ว จะอย่างไร ไม้เรียวกับตัวเขาก็ไม่เคยจะถูกกันมาเลย

“เจ้าหมอผีโรคจิต ยุคนี้เขาเลิกใช้ไม้เรียวกันแล้วนะ”

คนฟังหัวเราะหึ ๆ อย่างขบขัน “นั่นมันสำหรับเด็กนักเรียนที่เป็นคน…เด็กผีโบราณ ๆ อย่างเจ้า เหมาะกับไม้เรียวที่สุดแล้ว”

ว่าแล้วมือก็ตวัดหวดควับ เล่นเอาเด็กน้อยสะดุ้งโหยง ขบฟันไว้แน่น ไม่ยอมร้องออกมาให้อีกฝ่ายสมใจ

“ข้าจะตีเจ้าจนกว่าจะยอมสารภาพเลยดีไหม” ร่างสูงนั้นพูดขึ้นอย่างน่ากลัว

“อยากตีก็ตีไป ข้าเป็นวิญญาณแล้ว ยังไงก็ไม่ถูกตีจนตายอีกได้สักหน่อย” เจ้าเคนพูดต่ออย่างไม่ยินยอม

“วิญญาณที่โดนหวายอาคมมาก ๆ เข้า ก็แตกสลายได้เหมือนกัน และถ้าเป็นแบบนั้น…เจ้าจะต้องล่องลอยอยู่ในโลกนี้ไปตลอดกาล ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้อีก!”

คนฟังหนาวเยือกกับคำขู่นั้น…แต่เขาจะยอมแพ้ไม่ได้

จะต้องปกป้องพ่อเอาไว้…รวมถึงของสิ่งนั้น ที่พ่อรับฝากมันไว้…ด้วยชีวิต

“ข้าไม่มีวันบอกเจ้า แม้ว่าดวงวิญญาณจะแหลกสลาย…ไม่มีวัน!!!”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 26-07-2011 08:54:06
พ่อเจมส์ อย่างไวให้ว่อง หนูเคนแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen_Emp ที่ 26-07-2011 09:09:56
อ๊ากกก.......

เคนแย่แล้ว....
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-07-2011 10:05:15
สงสารพี่ๆผีทั้งหลาย ตาเจ้าที่ แล้วก็น้องเคนด้วย :m15:
พ่อเจมส์งานเข้าหลายทางเลยคราวนี้ ทั้งคุณตำรวจ ทั้งลูกชายสุดที่รัก :monkeysad:
+1 เป็นกำลังใจให้พ่อเจมส์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 26-07-2011 10:55:01
โดนหลายทางจริงๆ
คุณตำรวจก็นะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 26-07-2011 11:03:39
พ่อเจมส์ช่วยหนูเคนด้วยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 26-07-2011 11:40:53
ง่า  น้องเคนคงไม่เป็นไรนะ  พ่อเจมส์จะไปช่วยแล้วจ้า

สงสารเจมส์ ถูกปวินเข้าใจผิดอีกแล้วววว  :z3:
ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 26-07-2011 15:00:12
พ่อหมอเจมส์เอ๊ยแกนี่ซวยจริงๆ
ทางว่าที่เมียก็สำคัญ ทางลูกชายก็สำคัญ
แล้วยิ่งตอนนี้ว่าที่เมียก็ยังโกรธเพิ่มทวีเข้าไปอีก
แล้วพ่อหมอจะจัดการยังไงน้อ
ไอ้พวกไม่ดีก็ใช้แต่วิธีขี้โกงจริงๆ
ยังไงก็ช่วยเจ้าเคนให้ได้นะ
แล้วจัดการไอ้หมอคงให้สาหัสเลย
+1 เพิ่มพลังให้เจมส์จ้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 26-07-2011 15:08:00
น้องเคนแย่แล้ว  :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 26-07-2011 17:27:21
สงสารเคน  เจมส์รีบมาไวๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 26-07-2011 18:38:13
พ่อหมอเจมส์ รีบๆไปช่วยเคนเร็วๆเลยนะ  ไม่งั้นโกรธจริงๆแล้วนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-07-2011 18:40:12
สงสารเคนมากกกกกกกกกกกกกก รักเคนที่สุดเรยยยยยย :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-07-2011 18:47:25
ไอ้หมอชั่ว ปล่อยเคนเดี๋ยวนี้เลยนะ
เจมส์มาให้ไว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 26-07-2011 21:29:14
 :sad4: สงสารเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: raphaello ที่ 26-07-2011 21:46:16
พ่อเจมส์ช่วยหนูเคนด่วนเลย

ก่อนจะหลังลาย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 05-08-2011 16:01:14
คนแต่งหายไปไหนหนอ
นิยายตกไปอยู่หน้า5 เลย
มาต่อเร็วๆเน้อ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 05-08-2011 16:23:32
พ่อเจมส์ๆๆๆๆๆๆๆๆ.  ไปช่วยเคนเร็ว

สงสารเคนจัง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 07-08-2011 22:11:01
ยังไม่อัพเรื่องต่ออีกเหรอคะ

รอลุ้นน้องเคนอยู่นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-08-2011 01:00:55
พระเอกเรามีแต่ปัญหา ==" สาว(?)ก็งอน แถมโดนผู้ร้ายบุกอีก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-08-2011 06:28:01
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 08-08-2011 15:57:10
ขอโทษที่อัพช้าค่ะ ช่วงนี้งานยุ่งมากมาย คงจะมาช้านิดนึงนะคะ

=================================

สืบเสน่หา

ตอนที่ 9



“เจนนี่ต้องไปแล้วค่ะพ่อเจมส์” เด็กหญิงพูดเบา ๆ หลังจากมองเจมส์ที่นั่งเหม่ออยู่เพียงลำพังมาได้พักใหญ่ วิญญาณเร่ร่อนอย่างเธอ ห่างจากตุ๊กตาที่ใช้สิงร่างมานานเกินไป จึงต้องรีบกลับไปเพื่อชดเชยพลังงานที่บ้านอีกครั้ง

“แล้วจะรีบไปรีบกลับมานะคะ” เธอพูดต่อไป หากเจมส์ที่กำลังอยู่ในภวังค์ กลับหันมาขัดขึ้นแทบจะในทันที

    “ช่วงนี้งดมาที่นี่สักพักนะเจนนี่”

    “แต่ว่า…” เด็กหญิงพยายามจะแย้ง สภาพเจมส์ในตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่า ไม่อยากจะทิ้งไปเลย แม้จะรู้ทั้งรู้ ว่าถึงอยู่ด้วย ก็ช่วยอะไรได้ไม่มากนัก

    เสียงชายหนุ่มเข้มขึ้น “ไม่มีแต่ ช่วงนี้ที่นี่อันตรายเกินไป แล้วถ้าเคนกลับมา เห็นเจนนี่เป็นอะไรไป พ่อจะบอกเขาว่ายังไงกัน”

    เด็กน้อยซึมลงไปถนัดตา ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ “เจนนี่คิดถึงเคนค่ะ พ่อต้องช่วยเคนนะ…เจนนี่…ช่วยอะไรเคนไม่ได้เลย…พ่อ…”

    เจมส์มองเด็กหญิง ที่กลายสภาพจนแทบโปร่งใส ด้วยดวงตาที่อ่อนโยน เขารู้ดี ว่าเด็กน้อยฝืนตัวแค่ไหน เพื่อที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขา “พ่อจะช่วยเคนกลับมาให้ได้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้น ค่อยมาเล่นที่นี่ใหม่แล้วกัน แล้วพ่อจะให้เข้าห้องนอนได้..เป็นกรณีพิเศษดีไหม”

    เด็กหญิงพยักหน้ารับทั้งน้ำตา หากก่อนจะไป เธอก็หันกลับมาอีกครั้ง “เจนนี่รักพ่อเจมส์นะคะ เคนก็เหมือนกัน…พวกเรา ถ้าไม่ได้พ่อ ก็คงไม่มีวันนี้…ดังนั้น อย่าฝืนเกินไป แม้มันจะเป็นการทำเพื่อพวกเราก็ตาม”

    คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจนัก เขารู้ดี…ครอบครัวของเขาอยู่ที่นี่ และเขา…จะต้องรักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้…ให้ได้

    “พ่อจะไม่เป็นอะไร เจนนี่ช่วยรวบรวมวิญญาณของพวกพี่ ๆ ที่ถูกทำให้วิญญาณกระจัดกระจายไปดีกว่านะ แล้วบอกพวกเขาด้วย ว่าช่วงนี้ ห้ามมาแถวนี้เด็ดขาด เข้าใจไหม”

    ร่างนั้นพยักหน้ารับ ก่อนจะหายตัวไปในที่สุด

    พอเด็กน้อยจากไปแล้ว รอบตัวเขาก็มีเพียงความว่างเปล่า เจมส์เอนกายลงบนเตียงมองเพดานอย่างหวนคิดถึง เจ้าเคนตัวแสบของเขา ชอบนั่งเล่นบนขื่อของบ้าน แถมยังเคยบอกว่า จะอยู่บ้านนี้ตลอดไป เพราะบ้านอื่น…ไม่มีขื่อให้นอนเล่น

    คำพูดน่ารักแบบนั้น ทำให้เขาอมยิ้ม ร่างเล็กมักกอดเอวเขา พลางพูดประจบเอาใจ

    แม้ว่าพ่อธารจะตายจากไป แต่เคน…ก็ยังอยู่กับเขา อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา เขายังจำได้ดี ถึงนิ้วน้อย ๆ ที่ยื่นมาหาแล้วพยายามจะเกี่ยวนิ้วของเขาไว้ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงวิญญาณ เสียงใส ๆ พูดทั้งน้ำตาแม้ยังฝืนแย้มยิ้ม

การตายของพ่อธาร ทำให้เคนเสียใจมากไม่ต่างกัน เคนรู้ดี ว่าตัวเขานั้นโดดเดี่ยวสักเพียงไหน เมื่อพ่อ…ที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียว ต้องมาจากไป เด็กน้อยในวันนั้นยังได้ยืนยันกับเขา…อย่างหนักแน่นอีกด้วย

…ว่าจะไม่ทิ้งกัน…

    มันคือคำมั่นสัญญา

ไม่ว่าใครจะทิ้งเขาไป…มากมายแค่ไหน…แต่เคน…จะไม่มีวันทอดทิ้งเขา

    ตอนนี้เคนไม่อยู่แล้ว…ห้องดูเงียบเหงาไปถนัดตา เขาไม่รู้จะไปตามเคนได้ที่ไหน แต่ก็เชื่อมั่น ว่าพวกมันคงจะต้องติดต่อมา

    เพียงแต่ว่า…มันจะช้าไปหรือเปล่า กว่าเขาจะหาเคนเจออีกครั้ง…

    แค่คิดเท่านั้น เขาก็ใจหายวาบ เขากลัว…อย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อน มันเหมือนวันนั้น…วันที่เขาพบว่าต้องอยู่ลำพัง โดยไม่มีพ่ออยู่ด้วยแล้ว…ตลอดไป

    ตอนนั้นเขายังมีเคน…แต่ในตอนนี้เล่า…

    ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น ด้วยความคิดที่แน่วแน่กว่าเดิม

    เขาจะไม่รออยู่เฉย ๆ ในเมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกมันจะต้องติดต่อมา ระหว่างที่รอนี้ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้อาคมของตนเองแข็งแกร่งขึ้น…แข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อต้านเจ้าหมอผีคนนั้น

    มีดอาคมยังคงวางอยู่บนพานที่หัวเตียง เขาวางมันไว้ใกล้ตัวเสมอ เพราะมันคือของสิ่งเดียว ที่ขลังและมีพลังมากที่สุด สำหรับการต่อกรกับพวกศาสตร์ชั่วร้าย

    ดวงตาคมเข้มมองมันนิ่งนาน อย่างครุ่นคิดกว่าเก่า

    ไสยดำงั้นเหรอ…เขาควรจะใช้มันรึเปล่านะ

    ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยศึกษามัน แต่พ่อ…เคยห้ามเขาใช้มันอย่างเด็ดขาด อวิชชาที่เลวร้าย ไม่เหมือนกับอาคมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาใช้ช่วยคนที่มาขอความช่วยเหลือทั่วไปในฐานะพ่อปู่

    ไสยดำที่แท้จริง เป็นวิชาอาคมที่เล่นกันถึงตาย!

    มันเลวร้ายขนาดนั้น…ใช่…การใช้ไสยดำ ไม่เคยทำให้ใครได้ดี

    พ่อเขาย้ำแล้วย้ำอีก…ย้ำทุกครั้ง…แม้จะในวันสุดท้ายของชีวิต

    เขาจะทำอย่างไร ถ้าไม่ใช้มัน

    จะปกป้องคนสำคัญไว้ได้อย่างนั้นหรือ?

   

    สว่างแล้วในยามนี้…ที่วัดโบราณที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านของเขา ยังคงสภาพไม่ต่างไปจากทุกครั้งที่เขามาเยือน แม้ส่วนใหญ่แล้วเขาจะไปทำพิธีตอนค่ำคืน…ในป่าช้าที่รกร้างและน่ากลัว แต่สำหรับเขา มันก็คือสวนหลังบ้าน ที่มาจนคุ้นชินแต่ยังเด็กแล้ว

    พ่อธารมักจะพาเขามาด้วย และนั่นทำให้เขาไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย ภูตผีปีศาจ…ก็ไม่ต่างจากคน พวกเขายังมีอารมณ์ มีความนึกคิด แม้บางตนจะหลงเหลือเพียงบางเบา หรือบางตน จะหนักแน่นดั่งขุนเขาไม่เปลี่ยนแปร ขนาดความตายมาเยือน ก็ยังคงยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวางไปผุดไปเกิด

    สำหรับเขาแล้ว ผีทุกตนเป็นเพื่อน ส่วนตนใดที่คิดร้าย นั่นเป็นเพราะพวกนั้น…เป็นพวกยึดติดถือมั่นจนน่าสงสาร

    เขาไม่เคยโกรธพวกนั้น และรู้ดีว่า…มนุษย์ต่างหาก ที่น่ากลัวกว่า ทั้งคอยผูกมัด บงการ จนพวกนั้นไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้

    ตอนนี้กลางวันอยู่ รอบตัวล้วนสว่างไสว แต่สำหรับเขา จะมืดหรือสว่าง หาได้แตกต่างกันไม่ จิตใจคนยังมีสองด้าน ประสาอะไรกับความมืดและความสว่าง ที่จะอย่างไร ก็ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาทุกคืนวันอยู่แล้ว

    เขาเดินตรงไปที่โบสถ์แทนที่จะเป็นแถวป่าช้าเหมือนทุกครั้ง ก้าวเข้าไปยังภายใน ผ่านธรณีประตูทำด้วยไม้อันเก่าคร่ำคร่า ภายในโบสถ์มีพระประธานองค์ใหญ่สีทองอร่าม ผู้มีดวงเนตรหลุบต่ำสงบเยือกเย็น

    เจมส์ทรุดตัวลงนั่งที่เบื้องหน้าองค์พระ กราบลงบูชาอย่างบรรจงและตั้งใจ

    เขายังไม่ได้รับคำตอบให้กับตัวเองนัก และเชื่อว่า…สถานที่ทำให้ใจสงบแห่งนี้ จะให้คำตอบกับเขาได้บ้าง

   

    “อะไรนะครับ ปิดคดีงั้นเหรอครับ!” เสียงปวินต์อุทานขึ้นเสียงดังอย่างแทบไม่เชื่อหู ตอนนี้เขาอยู่ในห้องของสารวัตรธนดล เพราะถูกเรียกมาคุยเรื่องสำคัญเรื่องนี้

    สารวัตรพยักหน้ารับ ด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม “ใช่แล้วล่ะ เราไม่มีหลักฐาน ว่ามีใครเข้ามาฆาตกรรมผู้ตาย เขาอยู่ลำพังในห้องนั้น ไม่ได้ออกไปกินอาหารกับใคร ไม่ได้พบปะใคร มานานเกิน 24 ชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ ถึงจะบอกว่าโดนยาพิษ จากการตรวจสอบแล้ว ก็ไม่พบพิษเลย ทางเราจึงสันนิษฐานว่าเขาอาจจะป่วยเป็นโรคบางอย่าง ที่ยังหาสาเหตุไม่ได้เสียมากกว่า”

    “แต่ว่า…จดหมายนั่นล่ะครับ…จดหมายขู่ที่ผู้ตายเขียนไว้ถึงใครบางคน”

    คนฟังส่ายหน้า “จดหมายนั่น อาจจะเขียนก่อนตายด้วยความฟั่นเฟือนก็เป็นได้”

    “แต่สารวัตรครับ เฮโรอีนที่ระบุไว้ในจดหมายนั่น…”

    “นั่นก็อาจจะเป็นแค่การคิดไปเองของผู้ตาย ก่อนจะเสียชีวิตก็ได้ มีกรณีศึกษามากมาย ที่ผู้ป่วยทางจิต จะคิดเองเออเอง ก่อนจะฆ่าตัวตาย หรือเสียชีวิต”

    “แต่คุณชิดชัยไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ”

    สารวัตรธนดลจ้องมองกลับมา “คุณรู้จักเขางั้นหรือ ถึงได้พูดแบบนั้น”

    ปวินต์ชะงัก เขาไม่ได้รู้จักผู้ตายมาก่อน แต่จากการไปสอบปากคำภรรยา ซึ่งพึ่งจะคลอดลูกได้ไม่นาน ระบุได้ว่าชิดชัยนั้นปกติดี และเป็นสามีที่ดี ที่รักลูกมากด้วย

    “แต่ว่า…”

    “เราเป็นตำรวจนะผู้กองปวินต์ เราควรจะต้องเชื่อ…ในหลักฐาน มากกว่าความเห็นส่วนตัว”

    ชายหนุ่มอึกอัก พูดไม่ออก คำพูดของธนดลก็ถูก แต่เขา…กลับรู้สึกว่าบางอย่าง…มันไม่ถูกต้อง

    เขาได้แต่รับทราบสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เพื่อเปลี่ยนหน้าที่ใหม่ ไปทำคดีอื่นแทน แล้วเดินออกมาจากห้องนั้นอย่างใช้ความคิด

    เฮโรอีน 20 กิโลกรัม…ไม่น้อยเลย และคนร้ายตัวจริง อาจมีเส้นสายภายในกรมก็เป็นได้ คดีจึงถูกบังคับให้ปิดแบบนี้

    มีอยู่ทางเดียวที่จะทำได้ นั่นคือเขาต้องหาหลักฐานเพิ่ม…ถ้าเขาสามารถหาเบาะแสของเฮโรอีนที่พูดถึงในจดหมายได้ คดีก็จะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาได้อีกครั้ง

    เขายังจำได้ดี ถึงดวงตาที่นองไปด้วยน้ำตาของผู้เป็นภรรยาสาว เธอรักชิดชัยมาก และเธอยังบอกเขาว่า…ชิดชัยได้พยายามแล้ว…ที่จะล้างมือเพื่อลูก

    เป็นสิ่งเดียวที่ผู้เป็นพ่อ ซึ่งขายตัวเองไปเป็นทาสของยานรก ตามคำสั่งของใครสักคน คิดจะกลับใจ เพื่อไม่ให้ลูกของตน ที่จะเติบโตขึ้นมา อาจจะต้องกลายเป็นเหยื่อของมัน แม้ว่าตนเอง จะเป็นอันตรายถึงชีวิต

    เขาชื่นชมการตัดสินใจของชิดชัยมาก และเชื่อด้วย…ว่าภรรยาของชิดชัย ไม่ได้โกหก

    แต่เขาไม่สามารถสอบถามถึงที่มาและการงานของชิดชัย จากภรรยาได้เลย เนื่องจากทุกอย่างที่ทำ ล้วนเก็บเป็นความลับ และก่อนหน้านั้นไม่นาน หลักฐานแทบทุกอย่างในบ้าน ก็หายสาบสูญไป จากการถูกขโมยขึ้นบ้าน อย่างประจวบเหมาะเสียจนน่าสงสัย

    มีเพียงสิ่งเดียวที่เขามั่นใจ เฮโรอีนยังคงอยู่ ชิดชัยฝากมันไว้…กับใครบางคน ที่เชื่อใจมากด้วย

    จากประวัติที่สืบมา ครอบครัวของชิดชัย…รู้จักครอบครัวของเจมส์ในอดีตเป็นการส่วนตัว แถมชิดชัยเอง ยังเคยช่วยเหลือพ่อของเจมส์ไว้ในตอนลำบากด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่พ้องกันพอดีทีเดียว

    ชิดชัยมีเพื่อนสนิทน้อยนัก เพราะการทำงานในแวดวงนี้ ล้วนหามิตรแท้หรือศัตรูถาวรไม่ได้

นอกจากธาร…ผู้เป็นเพื่อนสนิท และเป็นพ่อของเจมส์ ที่ตายจากไปหลายปีแล้ว

ไหนจะตุ๊กตารับเคราะห์ ที่อยู่ในมือตอนตายนั่นอีก ซึ่งเจมส์เองก็ยอมรับ ว่าเป็นคนทำให้

จากข้อมูลหลายอย่างรวมกัน ทำให้ปวินต์สงสัย ว่าคนที่ชิดชัยไปขอร้องให้ช่วย และอาจจะฝากของสิ่งนั้นไว้

…เฮโรอีนถึง 20 กิโลกรัม…

คน ๆ นั้น…อาจจะเป็นเจมส์ก็เป็นได้

    เจมส์…ที่ไม่ยอมปริปากบอกเรื่องพวกนี้ ให้เขารู้เลยแม้แต่นิดเดียว!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 8 (26/7/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 08-08-2011 16:00:26
เวลานั้นเย็นแล้ว ที่ปวินต์ตัดสินใจแวะหาเจมส์หลังเลิกงาน การที่เขาตัดสินใจมาไม่ใช่เพราะเขาหายโกรธเจ้าบ้านั่นหรอกนะ แต่เพราะ ‘งาน’ ต่างหาก จะยังไง เขาก็ต้องการข้อมูลของชิดชัยจากเจมส์มากกว่านี้

    ต้องทำให้เจ้านั่นพูดออกมาให้ได้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้กองหนุ่มคิดต่อไปอย่างหมายมั่น เขายังนึกโกรธไม่หาย กับสิ่งที่อีกฝ่ายทำในช่วงนี้ นอกจากอมพะนำแล้ว ยังทำตัวไม่มีเหตุผลเสียด้วย ไม่เหมือนเจมส์คนที่เขารู้จักเลยจริง ๆ

    ชายหนุ่มเดินเข้ามาในซอยเดิมเหมือนทุกครั้ง แต่ก็ต้องมองมาอย่างแปลกใจ เมื่อรู้สึกว่าบ้านนั้นปิดเงียบ ปกติเย็น ๆ เช่นนี้ จะมีผู้คนเข้าออกอยู่เป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่มาติดต่อเพื่อขอพูดคุยทำพิธีการต่าง ๆ กับพ่อปู่ โดยเจมส์จะจัดคิวไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยตามการนัด และมักจะมีชาวบ้านมานั่งรอ ทั้งบริเวณรอบบ้าน และบริเวณนอกชานของตัวบ้านแบบนี้เกือบทุกครั้งที่เขามา

    แต่ในวันนี้กลับแปลกออกไป บ้านนั้นปิดเงียบ มีป้ายติดอยู่หน้าบ้านเสียด้วยว่าพ่อปู่งดทำพิธีนานอีกเป็นสัปดาห์!

    คนอ่านป้ายขมวดคิ้วอย่างสงสัย บ้านที่เงียบและไม่มีคน ถูกปิดประตูใส่กุญแจไว้ บ่งบอกได้ว่าเจ้าของบ้านนั้นไม่อยู่ แต่กุญแจอันนั้น ก็ถูกพังจนเปิดอ้า

    ท่าทางจะมีอะไรผิดปกติแล้ว เขานึกได้ถึงเหตุการณ์เมื่อคืน เจมส์ที่ตั้งใจจะเฝ้าอยู่หน้าบ้านเขาทั้งคืน จู่ ๆ ก็ผุดลุกขึ้น เก็บข้าวของ แล้วรีบร้อนจากไป

    หรือว่าเพราะที่บ้านเกิดเรื่อง? เจมส์เลยรีบกลับไปดู?

    แต่จากสภาพที่เห็น คล้ายพึ่งถูกรื้อค้นอย่างเร่งรีบเสียมากกว่า เสียงตึงตังไม่ไกลออกไป ทำให้คนมองมาชะงัก เขาทันเห็นเงาไว ๆ ของใครบางคน ลอบปีนออกจากบ้านไปด้วยซ้ำ แต่วิ่งไล่ไปก็ไม่ทัน

    ขโมยงั้นหรือ? ขึ้นบ้านกันกลางวันแสก ๆ เลยเนี่ยนะ แถมเจ้าบ้าเจมส์ก็ไม่อยู่ ออกไปไหนก็ไม่รู้เสียอีก

    ปวินต์มองอย่างลังเลนิดหน่อย ก่อนตัดสินใจเปิดเข้าไป ภายในห้องแทบทุกห้องถูกรื้อค้นเสียจนไม่มีชิ้นดี อาจจะไม่แปลก ที่บ้านของเจมส์ถูกขโมยขึ้น เพราะเป็นบ้านหลังโดดเดี่ยวอยู่ใกล้ป่าช้า และห่างจากบ้านหลังอื่น ๆ ในละแวกเดียวกันพอสมควร

    แต่เขายังจำได้ เจมส์เคยบอกเขาไว้ว่า บ้านของตนมีเจ้าที่ที่ดีคอยคุ้มครอง มีลูกชายคือกุมารทองที่ชื่อเคน คอยเป็นหูเป็นตา ขโมยขวัญกล้าแข็งขนาดไหน ก็ไม่กล้าขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะบ้านนี้ ไม่มีอะไรจะขึ้นให้คุ้มด้วย เพราะเจ้าบ้านอยู่อย่างสมถะเสียจนแทบไม่เห็นของมีค่าใด ๆ

    การที่บ้านถูกรื้อค้น เป็นรอบที่สองแล้ว สันนิษฐานได้อย่างหนึ่งก็คือ มีคนรู้แล้ว ว่าเจมส์ซุกซ่อนบางอย่างไว้

    อาจจะเป็น…เฮโรอีน 20 กิโลกรัม ที่ชิดชัยอ้างถึงในจดหมายก่อนตายก็เป็นได้!

    แล้วเจมส์ไปไหน คงไม่ได้โดนอุ้มฆ่าไปแล้วหรอกนะ?

    คนคิดใจหายวาบ อดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ เขาเองก็รู้ดีแท้ ๆ ว่าเจมส์มีความจำเป็น จึงไม่ได้บอกความจริงกับเขา อิทธิพลของพวกนั้นมากมายนัก เห็นได้ชัดว่าแม้ในกรมตำรวจเอง ก็ใช่ว่าจะหลีกพ้น คดีจึงถูกปิดง่ายดายถึงเพียงนั้น

    เขายังคงไม่ลืมแววตาของเจมส์ ที่เจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด ตอนที่เขาโมโหใส่ เมื่อรู้ว่าเจมส์โกหก

    ลึก ๆ แล้วก็รู้…ว่าเจมส์พยายามจะปกป้องทุกคน จึงไม่ยินยอมบอกอะไรเลย

    แล้วในตอนนี้ล่ะ…เจมส์หายไปไหนแล้ว?

    ร่างสูงทรุดฮวบลงกับพื้นที่หน้าห้องพระ อย่างทำตัวไม่ถูก เขาน่าจะยินยอมรับฟังเจมส์มากกว่านี้ ในตอนที่อีกฝ่าย พยายามมาง้อขอคืนดีด้วย

    ตอนนี้สายเกินไปแล้วหรือเปล่า…เขาควรจะทำยังไงดี?



    “เจ้าบ้าเจมส์นี่ ถ้านายโดนฆ่าตายล่ะก็ ฉันจะ…” ร่างผอมเพรียวบ่นไปพลางจ้องรูปเจ้าของบ้านไปพลาง ราวยึดถือเป็นตัวแทน

    “เฮ้อ แช่งกันแบบนี้ไม่ดีนะครับผู้กอง” เสียงคุ้นหูแทรกเข้ามา

    คนฟังสะดุ้ง หันกลับไปอย่างยินดี “นาย…ยังไม่ตายงั้นเหรอ”

    ชายหนุ่มยักไหล่เบา ๆ ก่อนบอกว่า “ผมยังไม่ยอมตายง่าย ๆ หรอกครับ” แต่สีหน้าของเขากลับยังดูไม่ดีนัก แม้ท่าทางยิ้ม ๆ ของเขา จะดูเหมือนเดิม แต่มีบางอย่าง…ที่ผิดแปลกไป

    ความเงียบที่อึดอัด ทำให้คนด้านข้างชักกระสับกระส่าย เจมส์ดูนิ่งกว่าที่เคยเสียจนน่าแปลกใจจริง ๆ

    “ห้องโดนรื้อซะเละเชียว ฉันช่วยเก็บก็แล้วกัน” ปวินต์ทำลายความเงียบที่อึดอัดลง พลางก้มลงค่อย ๆ เก็บของ หากเจมส์กลับขัดขึ้นว่า

    “ไม่ต้องเก็บหรอกครับ เดี๋ยวก็มีคนมารื้ออีกอยู่ดี”

    คนฟังชักเริ่มหงุดหงิดกับท่าทางซังกะตายนั้น “แล้วนายไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรือไง”

    “จะให้ผมทำอะไรล่ะครับ แจ้งความ?”

    “ก็…ก็ได้นี่”

    “คุณตำรวจก็มาแล้ว ฝากกลับไปเขียนบันทึกให้ด้วยแล้วกัน” เขาว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา ซึ่งถูกรื้อค้นไม่พอ บางส่วนยังโดนมีดกรีดซ้ำเหมือนค้นหาบางอย่างที่อาจซุกซ่อนอยู่ภายในจนฟองน้ำที่ยัดไว้หล่นกลาดเกลื่อน

    ผู้กองหนุ่มมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก่อนเค้นคำถามขึ้นมาจนได้

    “เจมส์…เมื่อคืนที่นายรีบกลับมาบ้าน มีอะไรเกิดขึ้นอีกสินะ”

    คำตอบมีเพียงความเงียบ เล่นเอาอีกฝ่ายชักของขึ้น

    “ถ้านายไม่บอกล่ะก็ ฉันจะอยู่กับนายที่นี่แหละ จนกว่านายจะยอมบอกทั้งหมด ถ้าโจรมันจะมาค้นอะไรอีก ฉันจะจับพวกมันให้หมดเอง!”

    ว่าพลางมองหน้าหมอผีหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนพูดต่อไป “ฉันรู้นะ ว่าทุกอย่างเกี่ยวข้องกับคุณชิดชัยที่ตายไป และเฮโรอีนอีก 20 กิโล ที่เขาเขียนไว้ก่อนตาย ว่าฝากใครบางคนไว้ด้วย พวกมัน…มาหาของพวกนี้สินะ”

    ท่าทางเอาจริงนั้นทำให้เจมส์พูดไม่ออก เขาคิดมามากแล้วเพียงลำพัง แต่ก็ยังคงไม่ได้คำตอบที่ดีพอเลย ขนาดเขาลงทุนไปอยู่วัด ทั้งนั่งสมาธิ ทำวิปัสสนาอยู่พักใหญ่ แม้จิตใจเขาจะสงบลงอย่างได้ผล แต่เขาก็ยังคงไม่เห็นทาง ที่จะช่วยเคนได้

    เจมส์ตัดสินใจยอมรับกับอีกฝ่าย “ครับ…และหนึ่งในนั้น ก็มีพวกใช้อาคมด้วย…พวกมัน…จับเคนไปเมื่อคืนที่ผมไปเฝ้าอยู่หน้าบ้านคุณ…เป็นความผิดของผมเอง ที่ประมาทพวกมันมากเกินไป”

    “หา? กุมารทองลูกนายน่ะเหรอ”

    “ใช่ครับ…แล้วก็ทำร้ายท่านเจ้าที่ จนบอบช้ำมาก บ้านนี้…เลยไม่มีใคร คอยคุ้มครองอีก โจรมันจะขึ้น…ก็ไม่แปลก” เขาพูดพลางหัวเราะเบา ๆ แต่น้ำเสียงนั้นกลับดูเศร้ามากเสียกว่าขำ

    “แล้วนายไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอ”

    “ผมทำแน่นอนอยู่แล้ว แต่แค่ ‘ผม’ …ไม่ใช่ ‘ผมกับคุณ’ เข้าใจไหมครับ คุณกลับบ้านไปเถอะ”

    “ถ้านายคิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะโกรธ แล้วหนีกลับไปอีกเหมือนคราวก่อนล่ะก็ นายคิดผิด” ปวินต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ

    “กลับไปเถอะครับ ผมไม่อยากจะสูญเสียคนสำคัญไปอีกแล้ว นึกว่าผมขอร้องก็ได้”

    “สารวัตรธนดล” จู่ ๆ ปวินต์ก็พูดชื่อนี้ขึ้นมา

    เจมส์ชะงัก ก่อนมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัยกว่าเดิม

    “ใช่ ฉันกำลังพูดถึงเขา นายบอกฉันว่า ห้ามเข้าใกล้เขา ห้ามดื่ม ห้ามกิน อะไรก็ตามที่เขาให้ นายเคยบอกว่า เขาอันตรายมาก”

    “คุณเชื่อผมแล้ว?” เจมส์ถามอย่างประหลาดใจ

    “เปล่า ฉันยังไม่เชื่อนาย ในเมื่อนาย…ยังไม่เคยเชื่อใจฉัน ไม่เชื่อใจพอที่จะยอมเล่าเรื่องอะไรเลย ฉันก็ไม่ควรจะเชื่อใจนาย ใช่มั้ย” ปวินต์ถามต่อไป ดวงตาคมจ้องมองมาอย่างจริงจังกว่าเดิม

    “ไม่นะครับ คุณต้องเชื่อผม…เขา…อันตรายกว่าที่คุณคิด”

    “ถ้าอย่างนั้น ถึงฉันจะกลับไป ฉันก็ยังคงไม่ปลอดภัยอยู่ดี”

    คนฟังอึ้งไปแล้ว ปวินต์อ่านทุกอย่างออกจนน่าตกใจนัก เขาคิดผิดจริง ๆ ที่ดึงอีกฝ่ายเข้ามาตั้งแต่แรก เขาไม่ควรจะไปสนิทสนมกับอีกฝ่ายเลย แม้ว่าเสียงในหัวใจจะเรียกร้องให้ทำเช่นนั้นก็ตาม

    “พวกมันรู้แล้ว ว่าฉันเกี่ยวข้องกับนาย ดังนั้น ฉันยังคงเป็นเป้าของพวกมัน พอ ๆ กับเคน..ลูกชายนาย ที่ถูกจับตัวไป”

    “คุณพูดถูก แต่ผมคิดว่า พวกมันแกล้งเข้าใกล้คุณ เพื่อให้ผมห่วงหน้าพะวงหลัง แล้วถือโอกาสนี้ จับเจ้าเคนไปต่างหาก ในเมื่อมันได้สิ่งที่ต้องการแล้ว มันคงไม่ยุ่งกับคุณอีกหรอกครับ”

    “สารวัตรธนดล…อาดล…เขาชวนฉันไปทานข้าวอีก และฉันกำลังคิดว่า ฉันควรตอบตกลงเขาสักทีไหม” ปวินต์พูดต่อลอย ๆ

    “อย่าเด็ดขาดเลยนะครับ!”

    “ในเมื่อฉันไม่มีความจำเป็นอะไรสำหรับนายอีก และพวกนั้น ก็คงไม่สนใจฉันแล้ว นายเองก็อย่ายุ่งกับฉันล่ะ ไม่ว่าฉันจะตอบตกลงรับนัดหรือไม่ก็ตาม!”

    เจมส์นิ่งอึ้งไปแล้ว เขาพึมพำขึ้นช้า ๆ “คุณกำลังเอาตัวเองเป็นตัวประกัน เพื่อให้ผมยอมเปิดใจใช่ไหมครับ”

    ปวินต์จ้องมองมา ก่อนตอบรับ “ใช่”

    ชายหนุ่มถอนหายใจยาว “คุณเป็นคนที่ผมไม่สามารถต่อกรได้จริง ๆ เอาล่ะ…ผมยอมแพ้แล้ว ผมจะเล่าทุกอย่างให้คุณฟังก็ได้ครับ”

    “ไม่ใช่แค่เล่า แต่นาย ต้องยอมให้ฉัน ร่วมขบวนการเพื่อช่วยเคนกลับมาด้วย นายเคยบอกฉันไม่ใช่หรือ ว่าเคนถือว่าฉัน…เป็นพ่ออีกคนของเขา พ่อที่ไม่ช่วยลูก จะเป็นพ่อที่ดีได้ยังไง”

    เจมส์หยุดคิดไปอีกนานมาก ๆ เขาไม่แน่ใจเลย ว่าทำแบบนี้จะถูกต้องไหม แต่เขา…ก็ไม่สามารถปฏิเสธปวินต์ได้ สิ่งที่ปวินต์พูดขู่เขา สามารถทำได้จริง และเจ้าตัว ก็คิดจะทำจริง ๆ เสียด้วย

    “คุณไม่รู้หรอก ว่าไสยศาสตร์ที่แท้จริงน่ะ มันโหดร้ายและน่ากลัวขนาดไหน” ชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันเคร่งเครียด

    “ใช่ ฉันไม่รู้อะไรเลย แต่ฉันรู้อยู่อย่างหนึ่ง คือฉันอยู่กับหมอผี…ที่ทั้งภาคภูมิใจในอาชีพของตน และแน่นอน…เก่งเรื่องไสยศาสตร์มาก ๆ …เขาคนนั้น…พร้อมจะช่วยชีวิตฉัน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน…” พูดแล้วมองมาอีกครั้งพลางย้ำ “ใช่ไหมล่ะ เจมส์”

    คนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนพูดว่า “คุณขี้โกงจริง ๆ นะครับ ลองพูดแบบนี้ ผมจะปฏิเสธได้ยังไง”

    “นายปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นอย่ามัวเสียเวลา เล่าทุกอย่างมาให้หมดซะที รวมถึงแผนที่นายคิดไว้ เพื่อจะช่วยเคนด้วยนะ” ปวินต์ย้ำอีกครั้ง

เจมส์มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่ตื้นตัน เพียงแค่ได้ฟังปวินต์พูดไม่กี่ประโยค หัวใจที่อ้างว้างและโดดเดี่ยวของเขา ก็ราวกับได้รับการเยียวยา ตั้งแต่เคนหายตัวไป…เขาก็ได้แต่หลงทางอยู่คนเดียวมานานแล้ว…และนี่ คงเป็นคำตอบ สำหรับปัญหานี้สินะ

    “ตกลงครับ” เขารับคำพร้อมกับยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวา เหมือนเจมส์คนเก่า

    ธนัทพูดไว้ไม่ผิดเลย สองหัว…ดีกว่าหัวเดียวจริง ๆ!


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 08-08-2011 16:42:56
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-08-2011 17:19:17
อ่า เปิดใจกันซักที อิอิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 08-08-2011 18:28:05
ยังไม่สามารถช่วยคเนได้ยังไม่โล่งนะครับ  อยากอ่านต่อๆไปไม่หยุด
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 08-08-2011 18:59:59
เจมส์น่าสงสาร  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 08-08-2011 19:18:43
เคนๆ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 08-08-2011 19:35:40
เมื่อเปิดใจกันแล้วทุกอย่างคงดีขึ้น

ห่วงเจ้าหนูเคนจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 08-08-2011 19:55:07
พ่อเจมส์แอบเหงา
เอาน่ามีคุณตำรวจมาช่วยคิดแล้ว
เดี๋ยวก็หายเหงาแล้วนะ :กอด1:
เจ้าเคน อดทนไว้นะลูก
เดี๋ยวพ่อใหญ่กับพ่อเล็กก็ไปช่วยแล้วนะ :a2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 08-08-2011 20:42:33
เคนสู้ๆนะ  พ่อทั้ง2กำลังจะไปช่วยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: didi ที่ 08-08-2011 22:28:27
ขอให้เคนปลอดภัย :m15:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 09-08-2011 22:28:47
ชอบเรื่องนี้มากคะ
นิยายแนวนี้ก็ไม่ค่อยมีด้วยสิ อ่านแล้วตื่นเต้นทุกตอนเลย
ลุ้นนคะ สงสารเจ้าเคนจัง
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 10-08-2011 00:54:39
น่าติดตามทุกตอน
สงสารน้องเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 10-08-2011 08:44:03
เพิ่งเปิดเข้ามาอ่าน เป็นกำลังใจให้ค่า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 10-08-2011 10:44:06
พ่อเจมส์กับพ่อวินต์กำลังไปช่วยลูกเคนแล้ว รอก่อนนะน้องเคน :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 10-08-2011 11:00:09
เอาน่ะ ฝ่ายขาวต้องชนะดิ ฝ่ายดำมันชนะไม่นานหรอก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-08-2011 14:12:08
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 12-08-2011 01:24:11
สงสารเจ้าเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 12-08-2011 13:19:15
โอมมมมมมมมมม  เคนจงมา  เคนจงมา  โอมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ~@มาวินฮับ@~ ที่ 12-08-2011 22:43:35
มีเรื่องอยากขอร้องนักเขียน อย่าให้เคนเป็นอะไรเด็ดขาดจะให้กราบก็ได้ นะครับและก็ช่วยเคนกลับมาเร็วๆเอาตอนหน้าเลยก็ได้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ~@มาวินฮับ@~ ที่ 12-08-2011 22:48:28
รีบช่วยเคนเร็วๆนะ บวกเป็ดให้เป็นรางวัลแล้ว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: thaitanoi ที่ 23-08-2011 04:31:23
สนุกดีครับน่าติดตาม เป็นกำลังใจให้นะครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-08-2011 19:07:11
อดทนหน่อยนะเคน

พ่อ ๆ กำลังหาทางช่วยอยู่

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 9 (8/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-08-2011 22:29:25
อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะหนูเคนเดี๋ยวคุณพ่อจะไปช่วยแล้ว รอหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 27-08-2011 19:45:34
ขออภัยที่หายไปนานนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ แล้วก็คงเป็นแบบนี้ไปอีกสักพักนะคะ แจ้งไว้ล่วงหน้าละกันค่ะ :o12:


====================


สืบเสน่หา

ตอนที่ 10



บรรยากาศกำลังเป็นสีชมพู ในตอนนั้นเองที่มีเสียงแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้าน ทำให้คนทั้งคู่ที่อยู่ภายในสะดุ้ง ปวินต์รีบหันไปเก็บข้าวของต่อกลบเกลื่อน แม้ใบหน้าจะแดงเรื่อ ส่วนเจมส์แอบขัดใจนิดหน่อย เพราะเขาพอคุ้นเสียงนั้นอยู่บ้าง ชายหนุ่มส่ายหน้าก่อนพึมพำ “ท่าทางจะมีตัวกวนเพิ่มมาอีกแล้วสิเนี่ย คนกำลังสวีทอยู่แท้ ๆ”

    “อะไรของนายน่ะ” ปวินต์ถามขึ้นทันที

ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เพื่อนผมคงจะแวะมาเยี่ยม เดี๋ยวผมไปเปิดประตูก่อนนะครับ”

    ผู้กองหนุ่มพยักหน้ารับ หากยังไม่ทันได้ออกไป กลับมีคนโผล่เข้ามาเสียก่อนแล้ว

    “พี่เจมส์อยู่ไหมคะ…อ้าว…ไหงพี่วินต์ก็อยู่ด้วยล่ะ งอนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ…เอ๊ะ หรือว่าจะ…” เสียงนั้นหัวเราะคิก หากคนในห้องที่มองมา กลับอึ้งไปเรียบร้อยแล้ว

    “ยัยปราง มาได้ไงเนี่ย!” ปวินต์อุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะเห็นมากที่สุดโผล่มา ปรางทิพย์น้องสาวของเขา ควรจะอยู่บ้านในเวลานี้ แต่กลับออกมาหาเจมส์เสียได้ ดวงตาคมเริ่มดุทันควัน เมื่อเหลือบมองเจมส์อีกครั้ง

    “นายกับน้องสาวฉัน ไปรู้จักสนิทสนมกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”

    เจมส์อึ้งไปแล้ว เขาก็ไม่รู้เช่นกัน ว่าปรางทิพย์มาได้อย่างไร แต่ก็พอจะคาดเดาบางอย่างได้

    “เอ้อ…ผมเปล่านะ อย่าพึ่งทำตาดุขนาดนั้นสิครับคุณวินต์”

    ท่าทางนั้นทำให้ปรางทิพย์อดขำอีกรอบไม่ได้ “ปรางสงสัยว่าพี่เจมส์จะเป็นช้างเท้าหลัง อย่างที่พี่นัทบอกจริง ๆ เสียแล้วสิ”

    “พี่นัท? ใครกันยัยปราง แล้วนี่มาค่ำ ๆ มืด ๆ บอกแม่แล้วหรือยัง”

    “ว้า พี่วินต์เนี่ย ซีเรียสไปได้ พี่นัทเขาเป็นเพื่อนของพี่เจมส์ค่ะ เมื่อคืนเขายังมาหาพี่พร้อมกับพี่เจมส์เลยนะคะ แต่พี่น่ะ มัวแต่โกรธจนหน้ามืดตามัว เลยไม่เห็นน่ะสิ” เด็กสาวแลบลิ้นให้

    ในตอนนั้น ก็มีเสียงทักขึ้นด้านหลังเด็กสาวอย่างดีใจ “อ้าวเจมส์ ก็ยังอยู่นี่หว่า ไหงโทรมาไม่ยอมรับเล่า”

    ปวินต์มองคน ๆ นั้นอย่างไม่ไว้วางใจในทันที สายตาดุ ๆ นั้นทำให้คนถูกจ้องยิ้มแห้ง ๆ เมื่อคืนนั้นเขาเห็นปวินต์เพียงแว้บเดียว แต่ก็พอจะจำได้ ด้วยใบหน้าติดจะหวาน มีเค้าของน้องสาวอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ดูน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้น

    “นายเป็นใครกัน” เสียงถามอย่างเย็นชากว่าเดิม

    “อ๊ะ สวัสดีครับคุณพี่…เอ๊ย คุณวินต์ ผมเป็นเพื่อนสนิทของเจมส์ครับ” คนพูดเริ่มหลุดปากตีสนิท แต่ประโยคหลังที่รีบแก้ เพราะดวงตาดุ ๆ นั้นจ้องมองมาแทบจะกินเลือดกินเนื้อกัน

    ปรางทิพย์มองผู้เป็นพี่สลับกับธนัท ก่อนหัวเราะเบา ๆ แต่ปวินต์กลับไม่ขำด้วย เขาตีสีหน้าเคร่งขรึมก่อนถามเด็กสาวกลับ

    “เป็นเพื่อนของเจมส์…แล้วทำไมเราถึงได้มาพร้อมกับเขา แถมยังมาบ้านของผู้ชายคนเดียวอีกนะ”

    “ก็…พี่เจมส์ไม่รับโทรศัพท์นี่คะ พวกเราก็เลยเป็นห่วง พี่นัทมาที่บ้านของเราตั้งแต่เช้าแล้ว หลังจากพี่ออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ เพราะติดต่อพี่เจมส์ไม่ได้ พวกเรารอพวกพี่ ๆ กลับมายันค่ำ พี่วินต์ก็ไม่กลับ โทรศัพท์ก็ทิ้งไว้บ้าน พี่เจมส์ก็หายไป พอติดต่อไม่ได้เลยทั้งคู่ ไม่รู้จะไปตามที่ไหน ก็เลยลองมาดูที่บ้านพี่เจมส์นี่แหละ อ้อ ปรางขออนุญาตแม่แล้วนะเจ้าคะ บอกว่าพี่นัทจะพาปรางมาหาพี่วินต์นั่นแหละ” เด็กสาวพูดต่อไป

    ปวินต์ชะงัก ก่อนล้วงไปในกระเป๋า เขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านจริงเสียด้วย เพราะเรื่องยุ่ง ๆ หลายเรื่องที่ทำให้ต้องคิดหนัก ทำให้เขาลืมนู่นลืมนี่เสียจริง

    “เฮ้อ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง พวกพี่ ๆ กลับแอบมาสวีทกันสองต่อสองเสียได้ รู้งี้ไม่มาหรอกเนอะพี่นัท”

    “นั่นสินะ เราไปสวีทกันบ้างคงจะดีกว่า อย่าไปรบกวนเขาเลย” ธนัทว่ายิ้ม ๆ

    “ปล่อยน้องสาวผมเลยนะคุณ ยัยปรางนี่ก็เหมือนกัน พึ่งรู้จักเขาเอง ทำไมยอมตามมาง่าย ๆ แบบนี้เล่า” ปวินต์ว่าเสียงดุ

    “ก็พี่นัทเป็นเพื่อนสนิทของพี่เจมส์ แล้วพี่เจมส์ก็เป็นสุดที่รักของพี่วินต์ ดังนั้นก็น่าจะเชื่อถือได้สิเจ้าคะ”

    “ใครเป็นสุดที่รักของใคร เดี๋ยวเถอะ ชักแก่แดดใหญ่แล้วนะเรา” คนว่าทำเสียงเข้ม

    “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แค่พี่เจมส์ทำให้โกรธนิดเดียว ใครไม่รู้งอนยาวเลย” เด็กสาวแกล้งรำพึงกับตัวเอง ยิ่งเห็นผู้เป็นพี่สีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตั้งแต่โมโห ยันทำหน้าไม่ถูก แก้ตัวไม่ขึ้น คนแกล้งก็ยิ่งนึกสนุก

    “เลิกแซวซะที นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุยเล่นกันนะ เดี๋ยวก็ช่วยเคนไม่ทันพอดี” ปวินต์ว่าเบี่ยงประเด็น

    ปรางทิพย์มองมาอย่างงุนงง “ใครกันคะเคน?”

    คนตอบพลั้งปากพูดต่อไป “ลูกชายพี่น่ะสิ”

    “หา? พี่วินต์…แค่อยู่กันสองต่อสองไม่เท่าไหร่ แอบมีลูกชายกันแล้วเหรอเนี่ย”

    “ไม่ขำนะปราง เด็กคนนั้นกำลังทรมาน แล้วพวกพี่…ก็กำลังจะหาทางช่วยอยู่”

    “เคนเป็นอะไรน่ะเจมส์” ธนัทรีบถามทันทีด้วยความตกใจ

    เจมส์มองทุกคนที่สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม ก่อนถอนใจยาว “เอ้า จะเล่าทั้งหมดให้ฟังก็แล้วกัน จะได้เลิกถามแล้วช่วยกันคิดเสียที”

    “ก็เล่าสักทีสิ อมพะนำอยู่ได้” ปวินต์พูดเสียงเครียด คนถูกดุยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพึมพำว่า “ขอโทษครับ ครั้งนี้ผมผิดไปแล้วจริง ๆ”

    “รู้ว่าผิดก็รีบเล่าซะ นายน่ะ เก็บทุกอย่างไว้กับตัวเองนานเกินไปแล้วนะ ถ้านายจะแพ้เจ้าหมอผีนั่น ก็คงเป็นเพราะทำตัวเป็นใบ้นี่แหละรู้ไหม”

    “งั้นจะเล่าทั้งหมดทีเดียวเลยก็แล้วกัน ทุกคนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับคดีที่ตายปริศนา ของคุณชิดชัย เลขานุการของชวรัตน์ นักการเมืองคนดังที่กำลังลงรับสมัครเลือกตั้งในตอนนี้แล้วสินะ”

    ทั้งหมดพยักหน้ารับ เจมส์จึงเล่าต่อไป “คุณชิดชัย เป็นเพื่อนกับพ่อของผมมานานแล้ว และเคยเกื้อกูลครอบครัวของเรา ยามที่พวกเราลำบาก เขาจึงเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราด้วย และถึงตอนนี้ พ่อของผมจะตายไปแล้ว เขาก็ยังคงเป็นผู้มีพระคุณของเราอยู่ดี”

    “วันหนึ่งคุณชิดชัยมาหาผมที่บ้าน แล้วเล่าเรื่องที่เขาและครอบครัวกำลังตกที่นั่งลำบาก พร้อมทั้งมาขอความช่วยเหลือ เขากำลังสงสัยว่า…ตัวเองกำลังโดนคุณไสยและอาจจะถูกฆ่าในอีกไม่นานนี้แน่ ๆ”

    “ผมพยายามตรวจสอบและพบว่า มีคนบางคน กำลังใช้ไสยดำทำของไม่ดีใส่เขา แต่ผมไม่สามารถแก้ไขมันได้ การทำอาคมชั่วร้ายพวกนี้ มีเพียงคนทำเท่านั้นที่จะยกเลิกได้ สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียง ผ่อนหนักเป็นเบา หาตัวตายตัวแทน ซึ่งในตอนนั้น ผมได้ทำตุ๊กตาตัวตายตัวแทนให้คุณชิดชัยไว้ เพื่อให้มันรับเคราะห์แทนเขา”

    “แต่น่าเสียดาย ตุ๊กตาตัวนั้น…ไม่อาจต้านทานอาคมที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายได้ และกว่าผมจะรู้ ก็สายเกินไปแล้ว เขาตายเสียก่อน ตามที่เป็นข่าว…อย่างน่าสยดสยองเป็นที่สุด” ความเศร้าสลดของชายหนุ่มฉายชัดในแววตาของเขา มันคือความเสียใจ ที่ไม่อาจช่วยผู้มีพระคุณไว้ได้ เขาระบายลมหายใจออก ก่อนเล่าต่อไป

    “แต่ก่อนจะถึงคืนวันนั้น คุณชิดชัยได้ฝากของอย่างหนึ่งไว้ให้ผม สิ่งนั้น…เป็นหลักประกัน เพื่อให้คนที่ฆ่าเขา ไม่กล้าทำร้ายครอบครัวของคุณชิดชัยอีก ทั้งยังทิ้งจดหมายขู่บอกเรื่องนี้เป็นนัยให้คนร้ายได้รับรู้ก่อนเขาจะสิ้นใจด้วย”

    “เฮโรอีน 20 กิโลกรัมสินะ เขาคงขโมยมาจากใครบางคน ที่เป็นหัวหน้าขบวนการค้ายา ซึ่งเขาพยายามจะตีตัวออกห่างใช่ไหม” ปวินต์ขัดขึ้น

    สองคนที่เหลืออึ้งไปแล้ว เพราะตำรวจได้จงใจปิดข่าว โดยการปิดบังข้อความนั้นไว้ จนคนภายนอกไม่ล่วงรู้ รู้เพียงเป็นคดีการตายอย่างปริศนาเท่านั้น

    เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ครับ ผมรับฝากเฮโรอีนทั้งหมดนั่นไว้เอง แต่ผมได้ซ่อนไว้ ในที่ ๆ ผมเพียงคนเดียว จะนำมันออกมาได้…และนั่น…ทำให้พวกมัน พยายามทุกวิถีทาง ที่จะให้ผมนำของสิ่งนั้นไปคืนพวกมัน”

    “ถ้างั้นนายก็เอามาให้ตำรวจเก็บไว้สิ เป็นหลักฐานของกลาง เท่านี้ก็หมดเรื่อง”

    เจมส์ส่ายหน้า “ไม่ได้หรอกครับ จนกว่าผมจะหาหลักฐานมัดตัวคนทำผิดได้ ผมถึงจะยอมส่งให้ ถึงเป็นคุณก็เถอะ คิดว่าอยู่ดี ๆ มีเฮโรอีนตรงหน้า โดยมีผมเป็นเจ้าของ คุณจะจับใครเข้าคุกกัน”

    ปวินต์อึ้งไป “แล้วคุณชิดชัยเขาไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้ให้หรอกเหรอ”

    “เขาตายเสียก่อนจะทำได้ครับ น่าเสียดาย”

    “แล้วเคนคือใครกันคะ” ปรางทิพย์อดถามขึ้นไม่ได้ เพราะปวินต์บอกว่าเป็นลูก เธอเลยรู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษ

    “เคนเป็นลูกชายของผม” เจมส์ตอบช้าชัด

    “อ๊ะ…” คนฟังแอบยิ้มเผล่ ก่อนรีบทำหน้านิ่งอย่างเดิมแทบจะในทันที ที่สายตาดุ ๆ ของผู้เป็นพี่กวาดมองมา

    “เขาเป็นกุมารทองที่เจมส์เลี้ยงไว้ และเด็กคนนั้น…อยากให้ฉันเป็นพ่ออีกคน ก็เท่านั้น” ปวินต์ตัดบทเล่าเสียเอง

    “แหม เด็กคนนั้นท่าจะน่ารัก รู้จักจับคู่ให้พ่อเสียด้วย” ปรางทิพย์พึมพำอย่างเอ็นดู

    “แน่นอนครับ ลูกชายพี่น่ะ น่ารักมาก ๆ ถ้าน้องปรางได้เจอ คงจะต้องชอบเขา…เขาเป็นเด็กดีมากจริง ๆ แต่ว่า…” สีหน้าของชายหนุ่มเศร้าลงถนัดตา เมื่อพูดต่อไปว่า “เจ้าหมอผีคนนั้น…คนที่ฆ่าคุณชิดชัย…หลอกผมให้คิดว่าคุณวินต์มีอันตราย จนผมตัดสินใจไปเฝ้าที่หน้าบ้านเมื่อคืน…”

    คนที่เหลือพยักหน้าอย่างเข้าใจเพราะอยู่ในเหตุการณ์แล้วในคืนก่อน

    “ตอนนั้น ที่ผมไม่ได้อยู่บ้าน เคนเป็นคนเฝ้าบ้านเอาไว้ กับท่านตาเจ้าที่ แต่เจ้าหมอผีนั่น ส่งผีตายโหงที่ควบคุมบงการเอาไว้มาจับเจ้าเคนไป แถมยังทำร้ายท่านตาเจ้าที่เสียสาหัส”

    “แล้วเคนเป็นยังไงบ้างแล้วคะ นี่จะโดนพวกนั้นทรมานเอาไหมเนี่ย ปรางว่าพวกนั้น…ต้องคิดว่าเคนรู้ที่ซ่อนของนั่นด้วยแน่ ๆ ค่ะ”

    คำพูดของเธอทำเอาเจมส์อึ้งไป นั่นเป็นสิ่งที่เขากลัวเช่นกัน…ใช่ เคนรู้ ว่าเขาซ่อนของไว้ที่ไหน แต่มีเพียงเขาเท่านั้น ที่จะนำมันออกมาได้ ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดว่าเคน จะยอมบอกเจ้าหมอผีแต่โดยดีอยู่ดี เด็กคนนั้น ต้องพยายามรักษาความลับนี้ไว้สุดชีวิตแน่ ๆ ยิ่งคิดทำให้เขายิ่งกังวล ไหนจะอยู่ห่างจากร่างตุ๊กตาที่ใช้สิงและเพิ่มพลังงานมานานพอสมควรแล้วอีกด้วย

    “เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละครับ และปัญหาตอนนี้ก็คือ…”

    “เราไม่รู้ว่าเจ้าหมอผีนั่นอยู่ไหน และขังเคนไว้ที่ไหนสินะ” ปวินต์ต่อให้

    เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ครับ”

    “พวกมันไม่รีบติดต่อมา แสดงว่ามันไม่ได้กะใช้เคนเป็นเครื่องมือต่อรอง…” ปวินต์พึมพำต่อไป “แต่มันคงคิดว่า เคนจะสามารถเป็นกำลังให้นายได้ จึงจับตัวไว้เพื่อตัดกำลังเสียมากกว่า เพราะถ้าวิญญาณของเคนแตกสลายไป พวกนั้นจะไม่มีอะไรมาต่อรองอีกอยู่ดี”

    “นั่นก็หมายความว่า…”

    คนพูดทิ้งระยะ จนอีกฝ่ายมองมาอย่างสงสัย

    “ฉัน…ยังคงมีความสำคัญสำหรับพวกมัน มากกว่าเคน”

    เจมส์มองหน้าปวินต์ในทันที “หวังว่าคุณคงไม่ได้คิดจะ…”

    “ใช่ ฉันคิด” ผู้กองหนุ่มตัดบท

    “ผมไม่ยอมนะครับ ไม่ยอมเด็ดขาด!” เจมส์พูดขัดเสียงแข็ง

    ปรางทิพย์กับธนัทมองทั้งคู่แล้วสบตากันอย่างไม่เข้าใจว่าเจมส์กับปวินต์คุยอะไรกัน แต่สีหน้าจริงจังของทั้งสอง ดูคล้าย ๆ จะเปิดศึกขึ้นเสียแล้ว

    “ความคิดของคุณมันอันตรายเกินไป ผมยอมรับไม่ได้!”

    “ถ้างั้นนายจะไปหาเคนได้ที่ไหน ขืนปล่อยให้เวลาผ่านไปมากกว่านี้ แล้วช่วยไม่ทัน ฉันต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ ให้ฉันลองเถอะน่า”

    “แล้วคุณคิดว่าถ้าคุณเป็นอะไรไปแทนเจ้าเคน แล้วผมจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตด้วยเหรอไงครับ” เจมส์ย้อนบ้าง อย่างไม่ยินยอมเช่นกัน เขาพูดต่อไปว่า “ไม่ว่าจะเคนหรือคุณ ก็สำคัญทั้งนั้น ถ้าต้องมีเหยื่อล่อ ผมออกไปเองจะดีกว่า”

    “นายเป็นไพ่ตายสำหรับทุกคนนะ เป็นหลักประกันชีวิตด้วย ถ้าขืนทะเล่อทะล่าออกไป แล้วสุดท้ายพวกมันได้ของไปล่ะก็ ทุกคนก็โดนฆ่าปิดปากเหมือนกันนั่นแหละ” ปวินต์ยังไม่ยอมแพ้ “แต่ถ้าฉันออกไป แล้วเกิดอะไรขึ้น นายก็ยังไปช่วยฉันได้..ไม่ใช่หรือ ฉันไม่คิดว่าเจ้าหมอผีนั่น จะเก่งไปกว่านายหรอกนะ คนที่ดีแต่คิดทำเรื่องสกปรก ไม่มีวันจะพัฒนาตัวเองไปได้ดีแน่ ๆ จะยังไง ฉันก็คิดว่า นายจะต้องเก่งกว่ามัน”

    “แต่ว่ามันเสี่ยงเกินไปนะครับ”
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 27-08-2011 19:51:14
ทั้งคู่ตั้งท่าจะเถียงกันไม่เลิก ธนัทมองปรางทิพย์ที่พยักพเยิดเป็นเชิงว่าช่วยหยุดพวกเขาที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเข้ามาแทรก “เอ่อ…หยุดเถียงกันก่อนดีไหมครับ แล้วเล่าให้พวกเราฟังด้วย ว่าพวกคุณคิดจะทำอะไรกัน”

    “พวกมันกำลังสนใจฉัน ดังนั้น…ฉันจะแกล้งให้พวกนั้นจับตัวไป” ปวินต์ชิงบอกก่อน

    หากทุกคนพร้อมใจกันห้ามแทบจะในทันที อย่างไม่เห็นด้วย

    “แต่ทางที่เราจะหาพวกนั้นเจอ มันมีไม่มากนัก ในเวลากระชั้นแบบนี้นี่”

    “ผมว่า เราควรคิดใหม่ดีกว่า อย่าลืมสิว่า นอกจากคุณวินต์แล้ว ยังมีผมกับน้องปรางอีก” ธนัทเสนอตัว ปรางทิพย์รีบพยักหน้ารับ ท่าทางกระตือรือร้นเต็มที่

    “มันอันตรายนะพี่ว่าเรากลับบ้านไปซะเถอะ” ปวินต์ขัดขึ้น พลางจ้องน้องสาวแกมปรามไว้

    มือเล็ก ๆ จับที่แขนธนัทเชิงอ้อนวอน ชายหนุ่มจึงยืดอกตอบแทนว่า “ผมจะดูแลน้องปรางให้เอง รับรองว่าไม่ยอมให้ใครทำอะไรได้แน่ ๆ”

    “ก็พี่วินต์น่ะ จะไปเสี่ยงคนเดียวทุกที รู้รึเปล่าว่าพวกเราที่รอที่บ้าน รู้สึกยังไง เวลาพี่ออกไป…ปรางกลัว…ว่าพี่จะไม่กลับมา เหมือนกับพ่อ…” เธอว่าต่อด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ

    มือของชายหนุ่มลูบผมนุ่มของน้องสาวเบา ๆ “ขอโทษนะ แต่ว่างวดนี้มัน…”

    “ปรางจะไม่ดื้อไม่ซนค่ะ ให้อยู่ด้วยเถอะนะคะ” ดวงตาคู่สวยออดอ้อน แม้รู้ดีว่ายากที่ปวินต์จะใจอ่อน

    “แล้วปล่อยแม่ไว้ที่บ้านคนเดียวมันจะถูกเหรอ” ชายหนุ่มพูดต่อไปอย่างไม่ยินยอม

    “แม่เคยบอกปรางไว้ค่ะ ว่าถ้าปรางโตพอจะช่วยพี่วินต์ได้ ก็ขอให้ช่วย…แล้วแม่จะรอที่บ้าน เตรียมอาหารอุ่น ๆ ไว้รอ…จนกว่าพวกเราจะกลับไป” เด็กสาวมองมาอย่างจริงจังกว่าเดิม

    “นะคะ ปรางตัดสินใจแล้ว อยากเป็นกำลังให้พี่วินต์…นิดหน่อยก็ยังดี ดังนั้น…วิธีการนั่น ปรางก็รับไม่ได้เหมือนกัน เราต้องคิดให้รอบคอบมากกว่านี้นะคะ” เธอว่าต่อไป แม้อายุจะยังน้อย แต่เรื่องมันสมองไม่เป็นรองใคร ปวินต์รู้ดีว่าน้องสาวของเขาหัวดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    “ก็ได้ พี่จะรับฟังก่อน ถ้ามีวิธีการที่ดีกว่า แต่ถ้าไม่มี พี่จะใช้วิธีการของพี่นะ”

    “ผมว่าบางที วิธีการใช้ตัวล่อ อาจจะได้ผลไวที่สุดจริง ๆ นั่นแหละ เพียงแต่ว่า เราต้องวางแผนรับมือให้รอบคอบกว่าเดิมเสียก่อน อย่าลืมสิครับ ถึงจะจัดการหมอผีนั่นได้ แต่คนที่บงการเบื้องหลัง ก็ยังไม่ได้โผล่ออกมาเลย ดีไม่ดี อาจจะจ้างนักฆ่าใหม่ ๆ มาจัดการเราอีกก็ได้” ธนัทเสนอ

    “ดังนั้นการล่อ จะต้องดึงทั้งตัวการและเจ้าหมอผีออกมาสินะคะ” ปรางทิพย์ว่าต่อไป

    คนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ทางที่จะดึงทั้งสองตัวการใหญ่ออกมาในคราวเดียว ท่าทางจะไม่ง่ายดายนัก

    “แถมยังต้องระวังอาดลอีกคน ท่าทางเราจะมีศึกหลายทางเลยนะ” ปวินต์พึมพำ

    “อาดล?” ปรางทิพย์ทวนคำ “เพื่อนของพ่อน่ะเหรอคะพี่วินต์…อย่าบอกนะว่าเขา เป็นพวกของเจ้าพวกนั้นด้วย” เด็กสาวยังจำที่พี่ชายกลับมาเล่าให้ฟังได้ เรื่องสารวัตรธนดล ที่เป็นเพื่อนเก่าของผู้เป็นพ่อที่ล่วงลับ

    ปวินต์ส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่เจมส์บอกว่าอย่างนั้น…และพี่ก็…”

    เด็กสาวอมยิ้มแล้วต่อให้ “เชื่อพี่เจมส์”

    ธนัทที่ยืนข้างหลังกลั้นหัวเราะแทบตาย ในขณะที่ปวินต์ทำหน้าบอกไม่ถูกไปแล้ว “เจมส์บอกว่าอาดลแอบใส่ของบางอย่างในเครื่องดื่มพี่ แถมยังเป็นของที่ทำคุณไสยไว้เสียด้วย”

    “อาดลที่พวกเราเคยเจอตอนเล็ก ๆ ก็ดูท่าว่าเป็นคนดีนะคะ แต่อย่างว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ ปรางว่าเราน่าจะใช้คน ๆ นี้ เพื่อช่วยเบิกทางได้เหมือนกัน และเป็นการพิสูจน์ด้วยว่า เขาเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่”

    “ยังไงเหรอ” คนถามชักเริ่มสนใจ ปวินต์หันไปมองเจมส์ และชายหนุ่มก็พยักหน้ารับอย่างสนใจด้วย

    “พี่นัทคะ ช่วงนี้มีงานพวกแฟชั่นโชว์เดินแบบ ที่สามารถเอาคนของเราเข้าไปแจมด้วยบ้างไหมคะ” เด็กสาวหันมาถามธนัท ที่เธอรู้มาก่อนหน้านี้ ว่าทำงานอะไร

    “อืม…ก็ได้อยู่หรอก งานน่ะ มีเรื่อย ๆ อยู่แล้ว”

    “แล้วมีงานที่ใหญ่พอ…จะเชิญคุณตัวการใหญ่ของเรามาร่วมงานบ้างไหมคะ”

    “มันก็มีนะครับ แต่เขาจะมาเหรอ งานแบบนี้”

    “เขาต้องมาแน่ ถ้าเราปล่อยข่าวออกไป…กับอาดล…ว่าคุณเจมส์ วางแผนจะส่งมอบของสำคัญนั่นให้ตำรวจ กลางงานเพื่อความปลอดภัย โดยต้องการให้เขา…มาเป็นสักขีพยาน!”

    “แต่ว่าของนั่น…” เจมส์ขัดขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก

    “ค่ะ เราจะไม่เอาของออกไปหรอก แต่จะล่อให้ฝ่ายนั้น มาติดกับเอง ในเมื่ออีกฝ่ายใช้คุณไสยกับเรา…ทำไมเรา ไม่ใช้กับพวกนั้นบ้างล่ะคะ ถ้าคุณชวรัตน์นั่น…คิดว่าตัวเองถูกคุณไสย จะอย่างไร ก็ต้องวิ่งแจ้นไปหาหมอผีคนนั้น ให้ช่วยแน่ ๆ ค่ะ”

    “แล้วพวกเรา ก็จะตามไปสินะ แถมอาจจะได้หลักฐาน จากการสารภาพเพราะกลัวจะโดนวางยาสั่งได้อีก” ธนัทพูดต่อไปอย่างทึ่งจัดในความคิดของปรางทิพย์

    “เข้าใจถูกแล้วค่ะ เป็นไงคะแผนนี้ ไม่จำเป็นต้องมีใคร…เป็นตัวประกันด้วย เพียงแค่พวกพี่ พยายามวางยาเขาในงานให้ได้ก็เท่านั้น”

    “เป็นความคิดที่ดีนะครับน้องปราง แต่ผม…จะไม่ใช้ไสยดำวางยาสั่ง…กับใครทั้งนั้น แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่จะหมายชีวิตผมก็ตาม” เจมส์ขัดขึ้น

    ปรางทิพย์มองชายหนุ่มที่ทำท่าจริงจังมากนั้นแล้วหัวเราะ “พี่เจมส์น่ารักแบบนี้เอง พี่วินต์ถึงได้ติดใจ”

    “ยัยปราง…”

    “ค่า…ค่า ไม่ล้อแล้วก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องวางยาสั่งหรอกค่ะ ก็แค่วางยาที่จะทำให้ปวดท้องนิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอแล้ว อาศัยการแสดงอีกนิด ข่มขู่ให้สมจริงอีกหน่อย เท่านั้นก็สบายแล้ว อีกฝ่ายเขารู้อยู่แล้วนี่คะ ว่าพี่เจมส์เป็นหมอผี จะยังไง…ก็ต้องคิดว่าจริงอยู่แล้วค่ะ”

    ทั้งหมดพยักหน้าเข้าใจ และเริ่มเลื่อมใสสาวน้อยมากเป็นทวีคูณ

    “คุณวินต์ครับ ผมอยากขอน้องสาวคุณแต่งงานจริง ๆ” ธนัทพูดต่อไปอย่างชื่นชม

    “น้องฉันพึ่งจะ 15 ถ้าอยากไปนอนในคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ก็เอาสิ!” ปวินต์แกล้งทำเสียงดุ

    “ผมผิดไปแล้วครับ ถ้าอย่างนั้นขอดูใจจนน้องปราง 18 ปีก็ได้”

    ท่าทางฮึดฮัดคุณพี่ที่เริ่มหวงน้องจนเห็นได้ชัด จนเจมส์ต้องห้ามทัพแทน “เลิกล้อเล่นได้แล้วเจ้านัท คุณวินต์เขาจริงจัง ไม่ได้เป็นปลาไหลอย่างนายสักหน่อย”

    “เอาเถอะพี่วินต์ พี่นัทเขาล้อเล่นหรอกน่า” สาวน้อยคนกลางช่วยสงบศึก “อีกอย่าง งานของพี่จะสำเร็จได้ ต้องให้พี่นัทเขาช่วยนะคะ”

    คนฟังเลยสงบปากสงบคำกว่าเดิม แล้วทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

    “ถ้าอย่างนั้น เพื่อไม่ให้เสียเวลา ปรางว่าเรามาวางแผนอย่างละเอียดกันดีกว่าค่ะ” เธอว่าต่อด้วยรอยยิ้ม…ที่ดูเจ้าเล่ห์กว่าที่เคย จนปวินต์ที่มองมา อดเสียวสันหลังไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าน้องสาวของเขาคนนี้ นอกจากจะฉลาดแล้ว…ยังชอบแกล้งเขาเสียด้วยสิ…



    วันรุ่งขึ้นปวินต์ที่แต่งตัวในเครื่องแบบตามปกติ ไปทำงานแต่เช้าอย่างตั้งใจ งานวันนี้ถูกเคลียร์เสร็จอย่างรวดเร็วกว่าที่เคย จนจ่าเดี่ยวที่ยืนมองอยู่ อดอมยิ้มไม่ได้ ผู้กองของเขาดูซึมกะทือนักในช่วงนี้ แต่วันนี้กลับแปลกออกไป ชายหนุ่มดูกระตือรือร้นและสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งงานที่รับผิดชอบ ก็มีประสิทธิภาพเหมือนปกติแล้ว แตกต่างจากวันก่อน ๆ โดยสิ้นเชิง

    ร่างเตี้ยกว่าจึงเดินเข้ามาหา ในมือนั้นถือแก้วกาแฟที่พึ่งชงเสร็จสองใบ ใบหนึ่งของตัวเขาเอง ส่วนอีกใบ ส่งให้กับผู้กองหนุ่ม

    กลิ่นกาแฟหอม ๆ ทำให้อีกฝ่ายรับมาดื่มโดยไม่ได้ถามอะไร ด้วยกำลังเพลินกับการอ่านข้อมูลคดีอยู่จนไม่ได้ละสายตามา คนส่งให้มองอีกฝ่ายดื่มกาแฟพลางแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ง้อแฟนสำเร็จแล้วหรือไงครับผู้กอง” เสียงทักแกมล้อเล่นเอาคนฟังที่กำลังดื่มแทบสำลัก

    “ง้อเง้ออะไรกันจ่า ใครบอกว่าฉันมีแฟนแล้ว” เขาพึมพำต่อโดยไม่สบตาด้วย มือนั้นวางแก้วลง ก่อนฉวยแฟ้มคดีที่วางอยู่ด้านข้างมาเปิดแก้เขิน โดยไม่ได้อ่านเลยสักตัวด้วยซ้ำ

    จ่าเดี่ยวมองมาอย่างขบขัน “ผู้กองครับ ผมพึ่งรู้นะ…ว่าขนาดแฟ้มกลับหัว ผู้กองยังอ่านได้อีก”

    คนกำลังเปิดหน้ากระดาษอย่างเมามันสะดุ้ง ก่อนปิดแฟ้มดังปึงใหญ่

    “เอาล่ะ ถ้าว่างงานมากนัก ก็เอางานนี่ไปทำต่อเลย” เขารวบแฟ้มอีกอันส่งให้ ก่อนจะลุกขึ้น

    “แหม ผู้กองล่ะก็ ผมแซวนิดเดียว อย่าเพิ่มงานให้ผมสิครับ ลูกผมวัยกำลังน่ารัก ต้องรีบกลับบ้านไปดูแลนา” จ่าผู้กำลังเห่อลูกบ่นพึมพำ ปวินต์จึงหันมาบอกว่า “ก็ใช้เวลาว่างที่มานั่งแซวฉัน นั่งทำไปสิ อ้อ เดี๋ยวฉันมานะ มีเรื่องต้องไปคุยกับสารวัตรคนใหม่หน่อย”

    ว่าแล้วเขาก็เดินออกไป โดยไม่รอให้อีกฝ่ายถามต่อว่า ‘แฟน’ ของเขาที่ง้อได้สำเร็จนั้น น่ารักสักแค่ไหน



    “เข้ามาสิ” คนภายในพูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู

    “ขออนุญาตครับสารวัตร” เสียงพูดของชายหนุ่มดูเป็นการเป็นงานนัก ธนดลมองมาอย่างประหลาดใจนิดหน่อย ก่อนจะยิ้มให้ แล้วเชิญให้นั่ง

    “มีอะไรงั้นหรือผู้กอง” เขาถามต่อไป มือยังคงง่วนกับเอกสารบนโต๊ะ

    “ผมอยากให้สารวัตรเปลี่ยนความตั้งใจที่จะปิดคดีฆาตกรรมคุณชิดชัยครับ” ปวินต์ตอบเสียงดังฟังชัด

    คนฟังเลิกคิ้ว ก่อนเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา ด้วยแววตาไม่พอใจนิดหน่อย “ผมบอกแล้วไม่ใช่หรือผู้กอง ว่าคดีนี้เป็นคดีฆ่าตัวตาย และเราก็ปิดคดีได้แล้วด้วย”

    “ครับ…จากหลักฐานสามารถสรุปเช่นนั้นได้ แต่ว่า…ถ้าผมมีหลักฐานใหม่เพิ่มล่ะครับ ว่าสิ่งที่ผู้ตายเขียนไว้ก่อนตาย…มันเป็นเรื่องจริง ผู้ตายและครอบครัว กำลังโดนปองร้าย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นคดีฆาตกรรมล่ะครับ สารวัตรจะว่ายังไง”

    คนฟังชะงัก ก่อนหันมามองอย่างรวดเร็ว “หลักฐานอะไร”

    ใบหน้าชายหนุ่มคู่สนทนามีรอยยิ้มจาง ๆ “คุณคงจำคุณเจมส์ ที่พบกันในร้านอาหารวันก่อนได้สินะครับ เขาเป็นเจ้าของตุ๊กตาที่พบข้างศพ และได้บอกผมว่า เขาเป็นคนรับฝากสิ่งที่คุณชิดชัย เขียนเอาไว้ก่อนตายนั่นเอง”     ปวินต์พูดต่อโดยพยายามไม่เอ่ยถึงว่าของสิ่งนั้นคืออะไร

    “คุณกำลังจะบอกผมว่า เฮโรอีน 20 กิโลกรัมนั่น อยู่ที่คุณเจมส์งั้นรึ”

    ผู้กองหนุ่มพยักหน้ารับ “ใช่ครับ ของสิ่งนั้นอยู่ที่คุณเจมส์ และเขาตั้งใจจะมอบให้ทางเรา เก็บไว้เป็นหลักฐานสำคัญของคดีด้วย เพียงแต่มีข้อแม้ว่า…”

    “เขาจะมอบมันให้กับคนที่คุณชิดชัยไว้ใจเอง นั่นก็คือ…คุณชวรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส. ที่เป็นเจ้านายเก่าของคุณชิดชัย เป็นผู้รับมอบ ต่อหน้าตำรวจและสื่อมวลชน”

    “หมายความว่ายังไง?”

    “ก็หมายความว่า คืนนี้จะมีงานแฟชั่นโชว์การกุศล และคุณเจมส์จะใช้งานนั้น…ในการส่งมอบของให้กับทางเรา ก่อนจะจบงาน โดยที่มีท่านชวรัตน์ เป็นสักขีพยานไงครับ”

    “ทำไมต้องลากท่านมาเกี่ยวด้วยเล่า” เสียงสารวัตรธนดลถามขึ้นอย่างไม่พอใจนัก

    “นั่นเป็นเงื่อนไขของคุณเจมส์ครับ เขาบอกว่าท่านเป็นทั้งหัวหน้า และผู้มีพระคุณของคุณชิดชัย จึงอยากให้เป็นพยานในการส่งมอบเป็นพิเศษ เรื่องนี้ยังเป็นความลับอยู่ แต่ผมว่าเราขอกำลังตำรวจไว้สนับสนุนสักหน่อยดีไหมครับเพื่อความไม่ประมาท” ปวินต์พูดต่อไป ตามที่ตกลงกับน้องสาวไว้เมื่อคืนก่อน

    “ไม่…ในเมื่อมันเป็นความลับ เราไม่ควรให้มีใครเข้าไปมากกว่านี้แล้ว แค่ฉันกับเธอก็น่าจะพอรับมือได้ไม่ใช่รึ เกิดยกโขยงไปกันเยอะ แล้วคุณเจมส์เปลี่ยนใจจะทำยังไง”

ท่าทีของธนดลเห็นได้ชัด ว่าไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่ปรางทิพย์คาดการณ์ไว้ จึงให้ปวินต์พูดหยั่งเชิงไป หากธนดลเป็นพวกเดียวกับพวกนั้น ย่อมต้องการให้เรื่องเงียบมากที่สุด และต้องไม่ยอมให้เพิ่มกำลังเสริมแน่ ถ้าเจมส์มอบของนั่นมา แล้วตัวเขาเป็นคนเก็บไว้ได้สำเร็จ ที่เหลือก็มีเพียงแค่ปิดปากปวินต์ไปตลอดกาล เท่านี้เขาก็สามารถนำของไปคืนชวรัตน์ได้อย่างง่ายดายแล้ว

    การบอกออกไป เป็นการยั่วยุให้อีกฝ่าย ลงมือพยายามขโมยของสิ่งนั้นมา ก่อนจะมีการมอบอย่างเป็นทางการนั่นเอง!

    “สารวัตรครับ แต่เจมส์เขาไม่ไว้ใจคุณ…คงเพราะเรื่องที่ร้านอาหารวันนั้น ทำเขาโกรธคุณมาก เขาเลยบอกว่า ให้คุณชวรัตน์ กับผม สองคนเท่านั้น คอยรับของแทน ถ้าคุณคอยอยู่ด้านนอกงาน น่าจะดีกว่า แต่ผมว่า เรียกกำลังสนับสนุนไว้ด้านนอกด้วยจะดีที่สุดนะครับ”

    “ก็ได้ ฉันจะสนับสนุนเธออยู่ด้านนอก ส่วนเรื่องกำลังสนับสนุนไม่ต้องห่วง ฉันจะจัดการเอง” เขารับปากทั้ง ๆ ที่ตั้งใจว่าจะไม่หากำลังเสริมของจริง

    ธนดลมองมาด้วยท่าทางที่ซีเรียสกว่าเก่า แล้วถามต่อไปว่า “เรื่องนี้ได้บอกใครบ้างหรือยัง”

    ปวินต์ยิ้มน้อย ๆ “เรื่องที่สำคัญและเป็นความลับสุดยอดขนาดนี้ ผมพึ่งบอกสารวัตรเป็นคนแรกเองครับ”

    “ดีแล้ว…อย่าบอกใครอีกล่ะ ถ้ามีคนมาแทรกแซงล่ะก็ บางทีคุณเจมส์อาจจะไม่ยอมมอบของสิ่งนั้นมาให้ก็ได้ หลักฐานชิ้นนั้นสำคัญมากต่อรูปคดีเสียด้วย”

    “ผมเข้าใจครับ ไม่ต้องห่วงหรอกนะครับ ทุกอย่างผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด รบกวนสารวัตรติดต่อคุณชวรัตน์ขอร้องให้ไปงานในคืนนี้ด้วย” ว่าแล้วเขาก็ส่งโบร์ชัวร์งานให้ “คุณเจมส์บอกว่า ถ้าท่านไม่มา เขาจะไม่มีการส่งมอบใด ๆ สารวัตรคงติดต่อให้ผมได้ใช่ไหมครับ”

    ธนดลพยักหน้ารับ “ได้แน่นอน เพื่อคดีที่สำคัญขนาดนี้ คิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธ”

    “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอลาครึ่งวันนะครับ ต้องเตรียมการอีกหลายอย่าง” เขาว่าก่อนขอตัวออกไป

   

    “อะไรนะ มันกล้าท้าทายฉันขนาดนี้เลยรึ!” ชวรัตน์อุทานอย่างแปลกใจเมื่อได้ทราบข่าวนั้น มือของเขากระชับโทรศัพท์แล้วเผลอบีบลงไปโดยแทบไม่รู้ตัว กล้ามากจริง ๆ …มีหรือเขาจะไม่รู้ ว่าเจมส์ทราบดี ว่าเขาเป็นตัวบงการ ชิดชัยจะต้องบอกอีกฝ่ายไว้แล้วแน่ ๆ

    นิ่งคิดอยู่เป็นครู่ เขาก็พูดต่อไปกับคู่สนทนาในสายว่า

    “มันคิดจะล่อฉันออกไปทำอะไรสักอย่างล่ะสิ แบบนี้คงประมาทไม่ได้…อ้อใช่ ไปสิ เรื่องอะไรจะต้องไปกลัวมัน ฉันมีบอดี้การ์ดอยู่เป็นสิบ พวกมันทำอะไรไม่ได้หรอก”

    “แต่มันอันตรายนะครับท่าน แถมพวกมัน ยังไม่ยอมให้ผมเข้าไปในงานด้วย” เสียงตามสายแย้งกลับมา

     “ไม่ต้องมาแหละดีแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน พวกมันจะได้ตายใจ เดี๋ยวฉันให้คนของฉันแฝงตัวปน ๆ กับแขกเอง” ชวรัตน์พูดต่ออย่างมั่นใจในคนของตน ที่จ้างมาในราคาสูงลิบลิ่ว “งานนี้ล่ะ เราจะรวบพวกมันทั้งหมด แล้วก็เอาของกลับคืนมา จากนั้นค่อยปิดปากให้ครบ อยู่ดีไม่ว่าดี อยากออกมาให้จัดการง่าย ๆ แบบนี้ ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว”

    “ได้ครับ แต่ถ้ามีปัญหาอะไร พวกเรายังมีไพ่ในมืออีกหนึ่ง…เพราะตอนนี้ ผมจัดการวางยาสั่งผู้กองปวินต์เรียบร้อยแล้วตามคำสั่งของหมอคง…และเหมือนว่าเจ้าตัว จะไม่รู้เสียด้วย!”

    คนฟังยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก หมอคงรู้เรื่องนี้แล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น…ถึงมันจะไม่ยอมส่งของมา เราก็สามารถขู่มันกลับได้อยู่ดี…ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้เตรียมตัว คืนนี้แหละ คงสนุกแน่!”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 27-08-2011 20:05:33
โหยขาดเคนไปเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ใส่น้ำปลาเลย
พี่นักเขียนอย่าหายไปนานๆอย่างนี้ดิครับ  มันคิดถึง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-08-2011 20:26:46
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด

ต้องกาแฟแก้วนั่นแน่ ๆ เลย

 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-08-2011 20:35:25
งื้ดดดด แผนซ้อนแผนหรอเนี่ยะ?
โอ้วไม่นะ ผู้กองปวินต์จะเป็นอะไรรึเปล่าละเนี่ยะ เครียดด
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2011 20:41:59
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-08-2011 21:01:45
โอ๊ยย สารเลวกันจริง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 27-08-2011 21:12:11
ว้าวววว สมกับที่รอมาจริงๆ

แต่วินต์โดนวางยาไปซะแล้วล่ะ  แล้วคราวนี้่จะทำยังง๊ายยยยยย :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-08-2011 21:30:57
งานนี้แผนใครจะเด็ดกว่ากัน ต้องติดตามตอนต่อไป :z1:
คิดถึงน้องเคนมากๆ พ่อเจมส์กับพ่อวินต์รีบไปช่วยเร็วๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kazhiki ที่ 27-08-2011 22:17:20
เย้ กลับมาต่อแล้ว  :mc4:
น้องปรางค์นี่จอมวางแผนจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 28-08-2011 05:47:52
ตกลงทั้งสน.มีใครดีจริงๆ ไว้ใจได้บ้างเนี่ย :o10:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 28-08-2011 17:09:06
อ่าว ปวิน ไปโดนยาสั่งตอนไหน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-08-2011 19:40:28
กาแฟถ้วยนั้นแหงเลย  เวรกรรม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 28-08-2011 20:50:38
เอ วางยาวินต์ได้ไงหว่า กาแฟนั่นปะินิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 29-08-2011 00:16:16
โอ้วววววววววววววว.................ม่ายยยยย

โดนยาสั่งตอนไหนเนี่ย
แล้ววินจะเป็นไรป่าวอ่ะ

แผนจะล่มไหมอ่ะ

ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 29-08-2011 00:56:32
ม่ายน้าาาาาาาาาา


กาแฟแก้วนั้นหรออออออออ

ม้ายยยยยย

ผู้กองงงงงงง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-08-2011 13:31:19
โหยยย ลุ้นมากมายค่า
น้องปรางอายุ15เองเหรอ หัวเสสุดยอด  o8 (ท่าจะเป็นสาววายด้วย)
ขอให้ppmหายยุ่งเร็วๆนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 29-08-2011 13:42:16
ตายแล้วผู้กองฉันโดนยาสั่งเสียแล้ว
เจมส์รู้ตัวเร็วๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 29-08-2011 14:38:21
ผู้กองงงงงงงง จะเป็นอะไรไหมนี่ ห่วงๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 30-08-2011 00:33:44
รออ่านน้องเคน :D
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: orionstar ที่ 30-08-2011 15:38:24
 :m4:เพิ่งเข้ามาอ่าน เรื่องน่าติดตามอ่ะ
ลุ้น ลุ้น เรื่องนี้ เคน ธีรเดช เป็นพระเอกช่ายป่ะ
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥a2k♥ ที่ 31-08-2011 02:32:49
สนุก!!!อ่านจนตีสี่กว่า(เวลาที่นี่)
อ๊ากก อยากอ่านต่อค่า
หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย ฮือ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: luna22 ที่ 31-08-2011 22:03:47
อ่านรวดเดียวเลย
สนุกมากๆ ค่ะ

เป็นห่วงผู้กองจัง ><

จะรออ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 31-08-2011 22:24:44
ปรางสุดยอด ฉลาดจริงๆ o13

ว่าแต่ปวิน ไปโดนยาสั่งตอนไหนว๊า   o22  กาแฟรึป่าว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: arun do d ที่ 04-09-2011 12:33:33
 o22 วินต์โดนจนได้ ไอ้พวกนี้ เลวจริง  :m16:

รอลุ้นฮะ ว่าแผนใครจะเด็ดกว่ากัน  :laugh:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 04-09-2011 18:42:42
o22 วินต์โดนจนได้ ไอ้พวกนี้ เลวจริง  :m16:

รอลุ้นฮะ ว่าแผนใครจะเด็ดกว่ากัน  :laugh:

กดไลค์ให้กับเม้นต์บน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 05-09-2011 16:08:59
ตามอ่านรวดเดียวทันแล้วครับ เย้ๆ
แล้วมุมขาวจะเป็นยังไงล่ะครับคราวนี้ ปวินต์ก็โดนไปซะเรียบ เคนน้อยก็ไม่อยู่
ทำไมมุมดำถึงได้เปรียบอย่างนี้
 :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 05-09-2011 23:13:26
อ่านรวดเดียวจนจบแล้ว ตอนแรกอ่านผ่าน ๆ แต่กลับติดงอมแงซะได้

อ่านสนุก ไหลลื่นไปกับตัวอักษรและตัวละครอย่างไม่รู้เบื่อ

อืม  อ่านแล้วเพิ่งได้รู้ว่าเด็กที่ถูกทำเป็นกุมารทอง เป็นผลมาจากกรรมที่เคยทำแท้ง ....น่าสงสาร

เอาใจช่วยให้พ่อเจมส์กับปะป๋าวินต์ ช่วยเคน (จุก) ธีระเดช และล้างอาถรรพ์ยาสั่งให้ได้นะคะ

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-09-2011 02:32:07
อ่านไปก็หลอนไป คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ย==
ช่วยเคนให้ได้น้า ไม่อยากให้เคนทรมานมากๆอ่ะเราะเคนน่ารัก^^
แล้วไอ้ยาสั่งที่คณตำรวจโดนนั่น มันอยู่ในความคาดการณ์ด้วยหรือเปล่าเนี่ย
ขออย่าให้มีอะไรผิดแผนเล้ยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-09-2011 18:41:47
ตายล่ะ สงสัยเป็นกาแฟที่จ่าเอามาให้รึป่าวนะ แล้ววินต์จะเป็นงัยอะเนี้ย เจมส์จะรู้มั้ยเนี้ย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 09-09-2011 21:20:36
ว่าจะมาเม้นต์ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ทำงานเพลินไปหน่อย ....ลืม

พอดี เมื่อวานดูเสื่อสั่งฟ้าแล้ว คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

แนวเรื่องอาจไม่เหมือนกัน แต่เรื่องที่มีเวทมนต์ คาถา นี่ คล้าย ๆ กัน

โดยเฉพาะ "ทอง" กุมารน้อยที่ถูกขังในขวดซะแล้ว !!!

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 09-09-2011 23:44:28
หายไปเลย  เฮ้อ...
สงสัยเรื่องนี้โรงพิมพ์มาซื้อไปแล้วแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 14-09-2011 22:36:18
ที่หายไปเพราะไปช่วยเคนกันอยู่ใช่ไหม   *o*
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 17-09-2011 18:48:10
คิดถึงเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kisz ที่ 20-09-2011 22:15:43
อ่อ อ๋อยยยย บทจะโดนวางยาก็โดนซะง่าย อย่างงี้จะมีการสลับแก้วป่ะ?
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 21-09-2011 01:08:42
อ่าว ยังไม่มา :z3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 10 (27/8/11)
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 22-09-2011 14:51:53
มาตามหาน้องเคนนน :m3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-10-2011 20:43:47
แปะใหม่นะคะ คราวก่อนที่แปะไปมันหายไปแล้ว

================

สืบเสน่หา

ตอนที่ 11



งานในวันนี้เป็นงานใหญ่งานหนึ่งทีเดียว ธนัทสมกับเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า และจัดงานแสดงเดินแบบมืออาชีพนัก เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็สามารถหางานแสดงที่น่าสนใจ แถมยังสามารถเปลี่ยนคนเดินแบบให้เป็นเจมส์ได้ไม่ยากเย็น โดยเขาบอกว่าคนจัดเองก็เป็นเพื่อนกับพ่อเขาเช่นกัน

    งานเหมือนจะราบรื่น แต่กลับมีคนหนึ่ง ที่ยังคงหน้ามุ่ย

    “น่า พี่วินต์คะ แค่เดินแบบคู่พี่เจมส์แค่นี้เอง” เด็กสาวพยายามตะล่อม

    “ทำไมต้องเป็นพี่ด้วยเล่า” เสียงผู้กองหนุ่มค้านอย่างไม่พอใจนัก “ที่สำคัญ ทำไมต้องแต่งชุดผู้หญิงด้วย”

    “ก็ผู้หญิงจะเข้าใกล้เป้าหมายได้ง่ายกว่านี่คะ แถมเขาก็เคยเห็นหน้าพี่แล้วด้วย ปลอมตัวแบบนี้น่าจะดีกว่า เราจะวางยาเขานะ อีตาอดีต ส.ส. นั่น ก็มีบอดี้การ์ดเพียบ ถ้าเข้าใกล้ในสภาพผู้ชาย คงยุ่งยากน่าดู”

    “แล้วทำไมต้องพี่ล่ะ”

    “ก็คนที่แต่งหญิงรอด คงมีแต่พี่แหละค่ะ หรือพี่จะให้ปรางไปแทนล่ะ” ปรางทิพย์ยกไม้ตายขึ้นขู่

    ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม “ไม่ได้เด็ดขาดนะ” ว่าพลางมองคนที่เหลือ ก่อนยอมจำนนจนได้ “ก็ได้ ๆ พี่ไปเองก็ได้ จะให้ทำอะไรบ้างก็บอกมา แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าเดินแบบอะไรนั่น พี่ทำไม่เป็นหรอก”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่นัทเขามืออาชีพพอ คงจะช่วยพี่ได้ มาเถอะค่ะ เราต้องซ้อมแล้วก็แต่งตัวกันอีกพักใหญ่ เดี๋ยวจะไม่ทันงานพอดี”



    งานในวันนี้เป็นงานหรูสมกับที่ธนัทบอกว่าสามารถเชิญท่านอดีต ส.ส. มาร่วมงานได้ไม่อายใคร ห้องโถงใหญ่นั้นเช่าในโรงแรมมีชื่อ ไหนจะยังนายแบบนางแบบที่เป็นที่รู้จักคุ้นหน้ากันในวงการ ว่าค่าตัวแต่ละคนล้วนไม่น้อย

    เวลาใกล้ต้องเดินแบบเริ่มมาถึง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชุดเปิดตัวชุดแรก ๆ แต่เสื้อผ้าหน้าผมก็อลังการไม่แพ้กัน นางแบบนายแบบหลายคนลอบมองมาแกมอิจฉา เพราะคนทั้งคู่นั้นดูโดดเด่นเสียยิ่งกว่าคู่หลักของงานเสียด้วยซ้ำ

    ดนตรียังบรรเลงไปเรื่อย ๆ เป็นจังหวะคลาสสิก เนื่องจากงานนั้นเป็นคอนเซปย้อนยุคแบบฝรั่ง ชุดที่สวมใส่จึงเป็นแนวยุโรปโบราณที่ดูเท่ไม่เบา เจมส์ที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าด้านหลังแคทวอล์ค เพื่อเตรียมพร้อมจะออกเดิน หันมายิ้มให้สุภาพสตรีที่ยืนเขินอยู่ด้านข้างอย่างขบขัน

    หมอผีหนุ่มในตอนนี้ไม่ได้มีมาดหมอผีอีก แต่กลับเป็นมาดนายแบบเต็มตัว นี่ไม่ใช่งานแรกของเขา ดังนั้นจึงไม่มีท่าตื่นเวทีแม้แต่น้อยนิด ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีดำเล่นลูกเล่นเป็นตัวปักเงินตามตัวปกดูหรูหรา เมื่อรวมกับหน้ากากสีดำสนิทที่ส่วนดวงตาติดลายขอบสลักเงินวาวรับผมสีทองประกายกับใบหน้าอันคมสัน ยิ่งดูเท่ราวจอมโจรในภาพยนตร์เสียจนหลายคนมองแทบเคลิ้ม แม้หน้ากากจะปิดบังบางส่วนของใบหน้าไป แต่นัยน์ตาสีสวยอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา กลับเป็นประกายเด่นชัด พอใบหน้านั้นหันมาแย้มยิ้ม คนมองก็เผลอใจเต้น

    “แต่งแบบนี้ก็เท่ดีนะ” ปวินต์พึมพำเบา ๆ แต่อีกฝ่ายที่หูดีเสียเหลือเกิน ก็ยังคงได้ยิน

    เจมส์มองกลับมายังคนตัวบางด้านข้าง ที่อยู่ในชุดกระโปรงตัวยาว เอวแคบที่ถูกรัดไว้ด้วยคอเซท ยิ่งทำให้แคบระหงขึ้นอีก ไหนจะตัวเสริมตัวดันที่หน้าอกจนดูอวบอิ่มแนบเนียน ขนาดคนใส่เองยังรู้สึกเขินตัวเองเสียด้วยซ้ำ ผมซึ่งเป็นวิกยาวเปิดหน้าผาก รวบปักดอกไม้สีอ่อนไว้ด้านหลัง เน้นใบหน้านวลให้กระจ่างชัด ดวงตากลมรับขนตายาว ริมฝีปากอิ่ม งดงามขึ้นผิดหูผิดตาจากการแต่งหน้าโดยช่างมืออาชีพ ทำให้ไม่ว่ามองมุมไหน อีกฝ่ายก็ไม่เหมือนผู้ชายเลยสักนิด แถมยังเหมือนเจ้าหญิงตัวจริงขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ

    ใบหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มกว้าง เล่นเอาคนพูดแอบใจเต้น เจมส์พูดกับผู้กองหนุ่มด้วยเสียงกระซิบ

“ใครชมผมก็ไม่ปลื้มเท่าคุณชมนะครับเนี่ย แต่ว่า…ผมชักอยากเป็นจอมโจรจริง ๆ เสียแล้ว” ว่าพลางดึงมือของอีกฝ่ายที่ใส่ถุงมือลูกไม้โปร่งบางขึ้นมาจุมพิต “ถ้าผมลักพาตัวคุณในค่ำคืนนี้ คนในงานคงจะอิจฉากันแน่ ๆ”

    คนถูกจูบที่หลังมือหน้าแดงฉาน เสมองด้านข้างก่อนพึมพำ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ใครจะไปอิจฉานายกัน”

    “คุณน่ารักมาก…จริง ๆ นะครับ”

    “ถูกผู้ชายชม ไม่เห็นน่าดีใจตรงไหน!” ปวินต์บ่นพึมพำ ก่อนก้าวเดินด้วยท่าทางติดจะเงอะงะ “รองเท้านี่ก็ด้วย เดินยากซะจริง ถ้าฉันเดินสะดุดตกแคทวอล์คขึ้นมาจะทำไง”

    คนฟังอมยิ้มก่อนพูดว่า “เจ้านัทรู้อยู่แล้วครับ ว่าคุณเดินไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องห่วง”

    “หา…?”

    ใบหน้าคมยังมีรอยยิ้มขี้เล่น “เพราะตามคอนเซปแล้ว คุณคือเจ้าหญิงที่ผมลักพาตัวมา ดังนั้น…”

    ว่าแล้วก็อุ้มอีกฝ่ายขึ้นมา อย่างง่ายดายเสียจนคนถูกอุ้มหลุดเสียงอุทานอย่างตกใจ

    “เจ้าหญิงก็ต้องอยู่ในอ้อมแขนของจอมโจรสิครับ…”

    “ปละ…ปล่อยนะ…เจ้าบ้าลามกเนี่ย!”

    “ผมอุ้มตามคิวนะครับ…แต่จริง ๆ ผมอยากอุ้มนานกว่านั้นอีก…วันนี้…บางทีอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่เรา…”

    นิ้วเรียวของปวินต์แตะที่ริมฝีปากเจมส์ “เลิกพูดแบบนั้นเลย วันนี้งานของเราต้องสำเร็จ เราจะต้องช่วยเคนได้ และจับพวกนั้นเข้าคุกให้หมด”

    คนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนยิ้มให้ “ถ้าอย่างนั้นผมถือว่าวันนี้ เป็นการซ้อมแล้วกัน”

    “ซ้อมอะไรของนาย”

    “ก็…ซ้อมอุ้มเจ้าสาวของผมเข้าหอน่ะสิครับ” ว่าพลางก้มลงหอมแก้มคนในอ้อมแขน ซึ่งหนียังไงก็ไม่พ้นอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวแทบไม่ติด

    “จะ…เจ้าบ้าเจมส์นี่ คนเขามองกันอยู่นะ!!!” คนกำลังอายขู่ฟ่อ มือแตะที่แก้มซึ่งถูกหอมเมื่อครู่ก่อนซุกหลบ ปากก็ยังบ่นพึมพำไม่เลิก จนเจมส์ต้องกระซิบว่า

“ผมจะออกไปด้านหน้าแล้วนะครับ อย่าลืมหันหน้ามายิ้มหวานรับผู้ชมได้แล้ว”

    “อ่ะ เดี๋ยวสิ” คนยังทำหน้าไม่ถูกรีบรั้งไว้ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า

“ช้าไม่ได้ครับ ต้องตามกำหนดการ อย่าลืมทำตามแผนด้วยล่ะ โปรยยิ้มหวานให้เป้าหมายเราเยอะ ๆ หน่อยนะครับ ถึงผมจะหึงก็เถอะ!” ประโยคหลังมีแอบบ่น ก่อนชายหนุ่มจะก้าวยาว ๆ ออกไป แสงไฟด้านนอกสว่างเจิดจ้ากว่าด้านหลังเวที แถมยังสาดส่องมาที่พวกเขาโดยเฉพาะ เมื่อสายตาแทบทุกคู่จ้องมองมา คนในอ้อมแขนก็อดประหม่าไม่ได้ หากได้ยินเสียงเจมส์กระซิบว่า

    “มั่นหน่อยสิครับผู้กอง”

เสียงแซวแกมหัวเราะหน่อย ๆ ของเจมส์ เล่นเอาเขาของขึ้น

    ฮึ กะอีแค่ยิ้มหวาน เพื่อช่วยลูกชายคนสำคัญ มีหรือเขาจะทำไม่ได้!

    ร่างในอ้อมแขนขยับตัวขึ้นตรงอย่างมั่นใจกว่าเดิม มือเรียวโอบรอบคอแกร่ง ส่งยิ้มเชิญชวนไปโดยรอบ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างแคทวอล์คต่างมองมาอย่างลืมตัว โดยเฉพาะชวรัตน์ที่นั่งเป็นประธานในงานรับเชิญนี้ในตำแหน่งที่ค่อนข้างใกล้จนเห็นตัวแบบได้ชัดเจน ร่างนั้นยิ้มให้อดีต ส.ส. ที่มองมาจนเคลิบเคลิ้มอย่างจงใจ ก่อนรั้งแก้มสากของคนอุ้มมาใกล้ แล้วจุมพิตซ้ำ ท่ามกลางเสียงพึมพำสนอกสนใจของผู้ชมรอบด้านอย่างเห็นได้ชัด

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน กล้าดีนี่นา” ชวรัตน์ถามธนัทที่เป็นผู้อำนวยการจัดงานนี้แทนบิดาอย่างสนใจ ธนัทอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนบอกว่า “เธอเป็นดาวรุ่งคนใหม่ในวงการนี้ ที่ทางเราเชิญมาเป็นพิเศษ ท่านสนใจอยากจะคุยกับเธอบ้างไหมครับ”

    “หืม ดาวรุ่งงั้นหรือ ชื่ออะไรล่ะ”

    “รวินต์ ทิพย์อาภา ครับ”

    “อืม…ถ้าอย่างนั้นเดินเสร็จ ชวนเธอมาคุยสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

    “แต่ท่านครับ…พวกนั้นอาจจะ” บอดี้การ์ดที่ยืนใกล้ ๆ พยายามแย้ง

    “ก็แค่ผู้หญิงคนนึง คุยกันนิดเดียวเท่านั้นแหละน่า ส่วนเรื่องสำคัญในคืนนี้ ฉันจะจัดการหลังจากนั้นเอง” ชวรัตน์พูดต่อไปอย่างชำนาญเกม เขาไม่รู้สึกกลัวเจมส์แม้แต่น้อยนิด เด็กรุ่นอ่อนกว่าเขาเกินครึ่งแบบนั้น คิดจะมาจัดการเขา มันยังไวไปอีกหลายสิบปี!

    ธนัทฟังอีกฝ่ายแล้วยิ้มหวาน “เธอจะเดินแค่นี้แหละครับ เดี๋ยวผมจะตามให้เอง”

    “ดี…มาทั้งที ก็ต้องมาให้คุ้มสิ” เขาว่าพลางหัวเราะอย่างพอใจ

   

    ที่ด้านหลังเวที เจมส์ซึ่งอุ้มร่างบอบบางนั้นไม่ยอมวาง ได้แต่ร้องโอ๊ยเพราะโดนหยิก ก่อนอีกฝ่ายจะกระซิบเครียด “ปล่อยฉันลงได้แล้ว จะอุ้มไปถึงไหนกัน”

    “อ้าว…ผมคิดว่าคุณติดใจ อยู่ดี ๆ ก็กล้าหอมแก้มผมกลางงานเสียอย่างนั้น” ชายหนุ่มพูดต่อไปอย่างยิ้ม ๆ

    “ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้น เป้าหมายเราจะสนใจงั้นรึ ฉันไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นกับนายสักเท่าไหร่หรอกนะ” คนตอบเสียงสะบัด แม้จะมีเขินอายอยู่บ้าง เขาก็รีบใช้เสียงข่มเข้าไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายเห็นอาการที่ซ่อนเร้น

    เจมส์มองมาพลางพูดต่อไปว่า “ยังไงผมก็ดีใจอยู่ดี ไม่ว่าคุณจะทำเพื่อเหตุผลอะไรก็เถอะครับ แต่สักวัน ผมจะทำให้คุณ อยากทำแบบนั้นกับผม…ด้วยความตั้งใจโดยไม่ได้มีอะไรบังคับให้ทำแบบนี้อีกแน่ ๆ”

    “เลิกแจกขนมจีบได้แล้ว เรื่องสำคัญของเราล่ะ ไปถึงไหนแล้ว” ปวินต์ตัดบทเสียงห้วน ก่อนหันมาเห็นธนัท ที่เดินเข้ามาพอดี

    “คุณทำได้ดีจนผมชักอยากจ้างเป็นนางแบบถาวรเสียแล้วนะครับเนี่ย” ธนัทว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะกระซิบด้วยเสียงที่เบาลง “ปลากินเบ็ดแล้วครับ เขาอยากพบคุณเป็นการส่วนตัว…อย่าลืมนะครับ ตามแผนของเราที่วางไว้”

    ปวินต์พยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเดินอย่างเงอะงะนิดหน่อย เพราะรองเท้าส้นสูงนั้นเดินลำบาก

    “ให้ผมอุ้มอีกไหมครับ” เจมส์ขยับเข้าไปกระซิบ ก่อนจะโดนค้อนให้ตามความคาดหมาย

    “ฉันเดินเองได้” ผู้กองหนุ่มพยายามตั้งหลักอีกครั้ง อย่างมั่นคงกว่าเดิม แม้กระโปรงจะรุ่มร่ามไปบ้าง แต่ก็ไม่เกินความสามารถของคนมุ่งมั่นจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว ซึ่งลักษณะนี้ของปวินต์นี่เอง ที่ทำให้เจมส์ชื่นชมเสมอมา

    “ผมชักจะอิจฉาเป้าหมายของเราอีกแล้วสิเนี่ย…ระวังตัวด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง” หมอผีหนุ่มพึมพำเบา ๆ

    คนกำลังเดินไปหยุดหันกลับมามอง ด้วยแววตาที่จริงใจ “อื้ม นายก็ระวังเหมือนกันนะ ยังไงเป้าหมายของมัน ก็ยังคงเป็นนายอยู่ดี”

    “ขอบคุณครับ” มือที่จับกันไว้กุมกันแนบแน่น ก่อนเจมส์จะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินจากไป

แม้จะมองตามจนลับตาด้วยความเป็นห่วง แต่เพื่อเคน เขาจะต้องทำงานนี้ให้สำเร็จให้ได้!



    ร่างบอบบางในชุดยุโรปย้อนยุคราวเจ้าหญิงก้าวเดินอย่างมั่นใจขนาบคู่มากับธนัท ที่เดินนำทางมายังโต๊ะของชวรัตน์ซึ่งนั่งรออยู่ ชายหนุ่มผู้มาส่งยิ้มให้กับคนที่โต๊ะ ก่อนขอตัวอย่างสุภาพแยกออกมาอย่างรู้หน้าที่ หลังแนะนำอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย

    ดวงตากรุ้มกริ่มที่จับจ้อง ทำให้ปวินต์เองแอบขนลุก หากในตอนนี้เขาจะถอยไม่ได้ ผู้กองหนุ่มหายใจเข้าลึก ก่อนโปรยยิ้มหวานกลับไป ท้าทายสายตาคู่นั้นอย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็เรียกรอยยิ้มให้อีกฝ่ายได้มากพอดู

    “ฉันดูเธอบนแคทวอล์คเมื่อกี้ ทำได้น่าประทับใจมาก”

    “ขอบคุณค่ะ เป็นเกียรติที่ได้พบนะคะ ท่านชวรัตน์” เสียงดัดดูแหบต่ำไปนิดหน่อย แต่ดวงตากลมโตดำคลับที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเสียจนสวยหยาดเยิ้มนั้นดึงดูดความสนใจไปจนหมด เพียงขยับส่งยิ้มให้นิด ๆ ชวรัตน์ที่มองมาก็หัวเราะชอบใจแล้ว

    “เป็นเกียรติมากเช่นกันครับคุณผู้หญิง เชิญ…เชิญนั่งสิครับ” เขาผายมือไปยังเก้าอี้ใกล้ ๆ บอดี้การ์ดด้านหลังขยับจะแย้ง หากถูกสายตาดุ ๆ ถลึงจ้องแกมปรามไม่ให้พูดของผู้เป็นนาย ในที่สุดจึงได้กลับไปประจำที่เดิมโดยไม่กล้าปริปากอีก

    มือที่ยื่นมาโอบด้านหลังเล่นเอาคนถูกโอบแอบสะดุ้ง เขาลอบขมวดคิ้วขัดใจ ก่อนตีหน้ายิ้มดังเดิม

เจ้านักการเมืองคนนี้นี่ นอกจากจะเลวแล้วยังลามกอีก ถ้าเขาจับได้คาหนังคาเขาเมื่อไหร่ จะเพิ่มข้อหาลวนลามเจ้าพนักงานให้ดู ชายหนุ่มแอบเขม่นในใจ

    ใบหน้ายิ้มแย้มหวานหยดมองมาอีกครั้ง ก่อนพูดขึ้นว่า “ไหน ๆ ก็พบกันแล้ว เรามาดื่มฉลองกันหน่อยดีไหมคะ”

    ว่าพลางเงยหน้าขึ้นไปสบสายตากับบริกรสาวในชุดกระโปรงน่ารัก อันเป็นยูนิฟอร์มสำหรับสาวเสิร์ฟในงานนั่นเอง สาวน้อยผู้นั้นสบตาพลางส่งยิ้มให้ ก่อนส่งถาดใส่เครื่องดื่มมาอย่างคล่องแคล่ว

    บอดี้การ์ดด้านข้างขยับจะรั้งถาดนั้นไว้อีก ปวินต์มองมายังสาวน้อยอย่างวิตก เพราะเด็กคนนั้นคือปรางทิพย์ น้องสาวของเขา ที่เตี้ยมกันมาก่อนเรื่องเครื่องดื่มเฉพาะสำหรับชวรัตน์นั่นเอง ร่างบอบบางรีบแก้ไขสถานการณ์โดยหันกลับไปยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แค่เครื่องดื่มแก้วเดียว คงไม่ทำให้ท่านเมาหรอกใช่ไหมคะ”

    “ฮ่า ๆ ๆ ไม่หรอก อย่าสบประมาทกันสิ ของแค่นี้เอง” ชวรัตน์หัวเราะชอบใจ ก่อนเอื้อมมือไปรับแก้วจากมือหญิงสาว ไวน์ชั้นดีสีใสชวนลิ้ม ยิ่งทำให้คนถือยิ้มอย่างพึงใจกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-10-2011 20:54:41
เด็กสาวผู้ถือถาดเสิร์ฟหลิ่วตาให้ปวินต์ ขณะก้มตัวลงส่งถาดใกล้ ๆ มือของเธอลอบหย่อนเครื่องติดตามตัวขนาดจิ๋ว ลงในกระเป๋าเสื้อสูทของชวรัตน์ ก่อนกลับมายืนด้านข้างด้วยท่าทางอันนอบน้อม

“ไวน์ดีนี่นา” ชวรัตน์พึมพำเบา ๆ เมื่อได้กลิ่น ระดับเขาแล้ว เพียงแค่นี้ก็สามารถบอกได้ดี

    “ทางเจ้าภาพเตรียมไว้เพื่อท่านโดยเฉพาะค่ะ ลองสักหน่อยสิคะ” ปวินต์ว่าพลางขยับเข้ามาใกล้ คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายดื่ม

    ขณะจะยกแก้วขึ้นดื่ม คนถือก็ชะงัก “จริงสิ ผมได้ข่าวว่านายแบบที่ชื่อเจ มาเดินแบบคราวนี้ด้วย เห็นว่าประวัติส่วนตัวเป็นความลับ แถมยังขึ้นลิสต์หนุ่มที่สาว ๆ ยกให้เป็นผู้ชายในฝัน…เขาอยู่ที่ไหนงั้นรึ” เจ คือชื่อย่อ และเป็นชื่อในวงการเป็นนายแบบของเจมส์นั่นเอง ซึ่งชวรัตน์เองก็ให้คนสืบมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    คนฟังอมยิ้ม “เขาก็คือคนที่อุ้มดิฉันตอนเดินแบบยังไงคะ สักพักคงมาทักทายแขกผู้มีเกียรติอย่างท่านชวรัตน์หรอกค่ะ”

    “อ้อ คน ๆ นั้นนั่นเอง” ว่าพลางมองนาฬิกา เวลาการเดินแบบใกล้หมดลงแล้ว เหลืออีกไม่นาน เจมส์จะประกาศเรื่องสำคัญ เพื่อส่งมอบของ และเขา…จะต้องชิงตัดหน้าเอาของนั้นมาก่อน “ขอโทษนะครับ ผมนึกได้ว่ามีธุระ…” เขาว่าพลางขยับจะลุกขึ้น

    ปวินต์มองมาใจหายวาบ ขืนทำให้เหยื่อละจากเครื่องดื่มในตอนนี้ เขาคงไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายกลับมาดื่มแก้วเดิมได้อีกแน่ ๆ

    “ท่านจะไม่ให้เกียรติดื่มกันก่อนเหรอคะ เสียดายไวน์รสดีขนาดนั้น เดี๋ยวค่อยทำธุระต่อก็ได้ค่ะ”

    คนกำลังลุกชะงัก ก่อนหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอก กลับมาค่อยดื่มก็ยังทัน” เขาว่าอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เจ้าเฒ่าลามกนี่ จะกินยังเรื่องมากอีกนะ ชายหนุ่มแอบเคืองในใจ สมองอันสามารถครุ่นคิดอย่างรวดเร็วเพื่อหาทางออก

ดวงตาคู่งามเหลือบมองมาอย่างตัดสินใจเด็ดขาด ก่อนเอื้อมมือเรียวสวยไปคว้าแก้วของชวรัตน์มาถือไว้ คนกำลังจะเดินไปชะงัก มองมาอย่างงุนงง

ริมฝีปากอิ่มที่ทาลิปสีสด จูบเบา ๆ ที่ขอบแก้ว พลางส่งแววตาเย้ายวนไปให้ “สนใจรับของแถมสักนิดก่อนไปไหมคะ”

ชวรัตน์มองท่าอันแสนเร้าใจนั้นด้วยใจที่เต้นแรง เขารับแก้วที่มีรอยลิปมาถือไว้ก่อนยิ้มรับกรุ้มกริ่ม

“ถ้าไม่ดื่มคงจะเสียมารยาทมากแน่ ๆ เอาล่ะ ดื่มก็ดื่ม” ว่าแล้วก็ดื่มลงไปรวดเดียว ก่อนจะขยับลุกขึ้น

    “ผมมีธุระด่วนน่ะครับ ขออนุญาตสักครู่ แล้วเสร็จงาน อย่าพึ่งรีบกลับนะครับ ผมจะคุยด้วยอีกสักหน่อย”

    ปวินต์มองมาอย่างแอบโล่งอก ในที่สุดอีกฝ่ายก็ดื่มมันลงไปจนได้ เขายิ้มรับโดยอัตโนมัติ “ได้สิคะท่าน ดิฉันยินดีคุยกับท่านเสมอค่ะ”

    ร่างบอบบางโบกมือให้น้อย ๆ พลางมองอีกฝ่ายที่กำลังพยักพเยิดให้ลูกน้องเดินตามไปอย่างดูมีเลศนัย

มือของเขากำแน่นอย่างอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ แต่อย่างน้อย…แผนการที่วางไว้ ยังคงเป็นไปตามแผน เหลือเพียงให้เจมส์จัดการขั้นสุดท้ายเท่านั้น ชายหนุ่มส่งสัญญาณให้ปรางทิพย์ ที่อยู่ในชุดสาวเสิร์ฟ ให้จัดการไปบอกธนัท ที่ตอนนี้เตรียมตัวอยู่กับเจมส์ เพื่อเริ่มปฏิบัติการสำคัญต่อ เด็กสาวยิ้มรับ ก่อนเดินออกไปอย่างรวดเร็ว



    ขณะขยับจะเดินตามไป อยู่ดี ๆ เขาก็รู้สึกปวดแปลบที่ในช่องท้องจนแทบก้าวเท้าไม่ออก ร่างบอบบางคว้าขอบโต๊ะไว้เพื่อพยุงตัว เพราะเริ่มรู้สึกหน้ามืด

    “คุณไม่สบายหรือครับ” เสียงใครบางคนเรียกอยู่ข้างหู…เป็นเสียงที่คุ้นหูมากเสียจน…

    ดวงตาที่พร่าเล็กน้อยพยายามมองกลับมา ก่อนจะชะงักอย่างตกตะลึง

    “ผมจะพาคุณไปพักด้านนี้เองนะครับ” เสียงนุ่มนั้นพูดต่อไป ด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม

    ปวินต์กลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก ขนาดยืนยังแทบยืนไม่อยู่แล้ว คนที่ยึดจับตัวเขาไว้ไม่ให้ล้ม…คน ๆ นั้นกลับเป็น…

    “อา…ดล…?” เสียงแหบครางแผ่วเมื่อสบตาคมเข้มที่มองมาอย่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร ก่อนจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

   

    ห้องแต่งกายด้านหลังเวที เจมส์เก็บตัวรอคอยอย่างใจเย็น เขาพึ่งได้รับข่าวสารจากปรางทิพย์ ผู้ซึ่งหลบไปแล้วกับธนัท เพื่อไปเตรียมพร้อมอุปกรณ์สำหรับการเช็คการติดตามตัว ที่เชื่อมสัญญาณกับเครื่องที่หย่อนลงไปในเสื้อของชวรัตน์โดยเจ้าตัวเองก็ไม่รู้

    ทั้งคู่ปล่อยเจมส์ไว้รับหน้า เพราะรู้ว่าชายหนุ่มสามารถจัดการได้ และหากมีปัญหาใด ๆ สิ่งที่ชวรัตน์ดื่มลงไป ซึ่งกำลังจะแสดงผลในไม่ช้า ก็คงเป็นสิ่งที่ไว้แกล้งต่อรองได้อีกเช่นกัน

    ในเวลาไม่นานนัก ชายในชุดสูทสองคนที่แขวนป้ายสตาฟฟ์ก็เดินเข้ามาในห้อง เจมส์มองมาพลางส่งยิ้มให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยิ้มด้วย เมื่อการก้าวเข้ามาดูคุกคามอย่างเห็นได้ชัด

“มาด้วยกันก่อนเลย” เสียงเข้มออกคำสั่ง “ห้ามส่งเสียงดัง ไม่งั้นแกตาย!” มือนั้นมีปืนพกสีดำสนิท ซึ่งในตอนนี้ มันจ่ออยู่ด้านหลังเขาแล้ว

ชายหนุ่มแกล้งมองมาอย่างงุนงง ก่อนอุทานตะกุกตะกักให้สมจริง “พวก…พวกแกเป็นใคร!”

     คนตัวสูงเบื้องหน้ายิ้มเหี้ยม “ไม่จำเป็นต้องรู้ ตามพวกเราไป อย่าทำเสียงเอะอะล่ะ ไม่งั้นได้กินลูกตะกั่วนี่แน่”

    “ก็…ก็ได้” เขารับคำอย่างตื่น ๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายไป หลายคนมองมา แต่เขาก็ไม่กล้าทัก เพราะปืนที่จ่ออยู่ใกล้ ๆ ได้แต่เดินตามอีกฝ่ายไป โดยไม่กระโตกกระตาก แต่นั่น…แท้จริงแล้ว ก็เป็นแผนของเขาเช่นกัน เพราะพวกเขารู้ดี ว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ชวรัตน์จะลงมือ

    ที่จอดรถใต้ดินของโรงแรมซึ่งเช่าไว้เป็นสถานที่จัดงาน เป็นที่ ๆ เงียบและค่อนข้างมืด ง่ายแก่การใช้ข่มขู่ใด ๆ เสียจริง และนั่นก็ยังอยู่ในการคาดการณ์ของชายหนุ่มด้วย ดังนั้นเขาจัดเตรียมรถไว้รอล่วงหน้าสำหรับการตามด้วยเช่นกัน

    ร่างแข็งแรงที่ถือปืนผลักเขาลงไปนอนกลิ้งกับพื้น ปืนกระบอกนั้นขยับจ่อตามมาที่ศีรษะเพื่อไม่ให้ขัดขืนได้ แล้วยืนรออยู่อย่างนั้น โดยมีคนหนึ่งโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้านายใหญ่ “ได้ตัวมันแล้วครับ รออยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน”

    คนพูดโทรศัพท์รับคำอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะหันกลับมา “เฮ้ย ให้มันอยู่นิ่ง ๆ ตรงนี้ซักแป๊บ เจ้านายกำลังมา”

    คนถือปืนพยักหน้ารับ ก่อนปรายตากลับไป ปืนในมือเล็งมานิ่งสนิท นิ่งพอ ๆ กับแววตาและสีหน้าที่ดูคล้ายกระหายเลือด เจมส์สบตาคน ๆ นั้น แล้วรู้ดีว่าอีกฝ่ายเอาจริง หากเขาขัดขืน แม้เพียงน้อยนิด ถึงไม่โดนเอาชีวิต เพราะเจ้านายคงสั่งไว้ แต่คงโดนยิงจนบาดเจ็บแน่ ๆ

    เขายิ้มแห้ง ๆ สู้ปืนที่จ่อลงมา ก่อนจะพูดว่า “ผมไม่กล้าหรอกครับพี่ ผมจะนั่งรอเฉย ๆ จนกว่าเจ้านายพี่จะมา เลิกเล็งปืนมาได้ไหมครับ”

    “ไม่ได้ แกน่ะ เงียบไปเลย” เสียงตวาดกลับดุ ๆ โดยปืนนั้นยังคงเล็งอยู่ที่เดิม

    คนถูกตวาดถอนใจยาว ก่อนขยับตัวนั่งให้ถนัดกว่าเดิม แล้วไม่พูดอะไรอีก

    ท่าทางคนที่ชวรัตน์จ้างมา จะเป็นพวกมือดีสมราคาเสียจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากลัวนัก เพราะอย่างน้อย…เขาก็ยังมีอะไรไว้ต่อรองอยู่

    เสียงลิฟต์เปิดออกช้า ๆ ก่อนร่างท้วมภูมิฐานของชวรัตน์จะก้าวออกมา ข้างกายมีบอดี้การ์ดอีกสองคนตามประกบชนิดไม่ให้คลาดสายตาเลยทีเดียว พอมองมาก็เห็นคนของตนยืนอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของชั้นใต้ดิน โดยมีรถบังอยู่ เมื่อเดินมาพ้นตัวรถ ก็เห็นเจมส์ที่ถูกปืนจ่อและนั่งนิ่งรอคอยการตัดสินของผู้เป็นเจ้านายอยู่เบื้องหน้า

    “สวัสดี คุณเจมส์” ชวรัตน์เป็นฝ่ายทักก่อนอย่างยิ้มแย้ม

    “สวัสดีครับ คุณชวรัตน์” เขาตอบกลับอย่างเน้นเสียงที่ชื่อของอีกฝ่ายอย่างจงใจ

    “ผมได้ข่าวว่า คุณจะมอบอะไรบางอย่างให้ตำรวจ ถ้ามีผมเป็นพยานสินะครับ”

    เจมส์พยักหน้ารับ “ใช่ครับ แต่ว่า…ต้องเป็นกลางงานแสดงเดินแบบ ไม่ใช่ในที่จอดรถชั้นใต้ดินมืด ๆ แบบนี้”

    “หึ…สำหรับคุณ ที่นี่ก็น่าจะโอเคไม่ใช่หรือ ส่งของมาเถอะ…ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่!”

    “คิดว่าเอาชีวิตผมมาขู่ แล้วผมจะยอมมอบให้ง่าย ๆ งั้นหรือครับ” เจมส์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “ก็ไม่คิดหรอกนะ แต่การส่งมอบของวันนี้ จะให้เกิดขึ้นไม่ได้…ดังนั้น…ฉันไม่สนว่าจะได้ของหรือไม่ แต่วันนี้…คงต้องดับชีวิตของคุณแทนซะแล้ว!”

    ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกา ก่อนลุกขึ้นช้า ๆ ทั้งอย่างนั้น ท่ามกลางความงุนงงของคนที่เหลือ

    “ผมไม่ให้อะไรคุณหรอก…ทั้งของนั่น…แล้วก็ชีวิต!”

    “แก…อึก…” คนกำลังโมโหกุมท้องอย่างตกใจ ก่อนมองกลับมาด้วยดวงตาที่เหลือกลาน

    เจมส์ยิ้มให้แทนคำตอบ เป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ…ที่น่าสะพรึงกลัวนัก เสียงราบเรียบของเขายังพูดต่อไป

“ปวดท้องใช่มั้ยครับ เหมือนมีอะไรกำลังวิ่งเล่น…อยู่ข้างใน…อะไรบางอย่าง…ที่แหลมคม…คุณคงจำได้ ว่าคุณชิดชัย…….ตายยังไง ใช่ไหมครับ…”

คนฟังหนาวเยือกไปทั้งตัว อาการปวดท้องรุนแรงขึ้นอีก มือสั่นน้อย ๆ กุมท้องอย่างเจ็บปวดกว่าเดิม ชวรัตน์พยายามเค้นเสียงถามอย่างยากเย็น “ยะ…ยาสั่ง…แกใช้ยาสั่งกับฉันเรอะ!”

“ก็แล้วแต่คุณจะคิดสิครับ…ไวน์แก้วเมื่อกี้คงอร่อยมาก ‘เครื่องดื่มพิเศษ’ ที่ผมเตรียมให้คุณ…โดยเฉพาะยังไงล่ะครับ”

“แก!”

“เอาสิครับ สั่งพวกมันให้ฆ่าผม แล้วเรามาดูกัน ว่าใครกันแน่…ที่จะตายก่อนกัน” เขาพูดย้ำหนักแน่นจนอีกฝ่ายผงะหนี

“ฮึ่ม…อย่าคิดนะ ว่าฉันจะยอมแกง่าย ๆ ฝากไว้ก่อนเถอะ” ว่าแล้วรีบสั่งให้คนติดตามช่วยพยุง ตรงไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล

“แล้วอย่าลืมมาเอาคืนล่ะครับ” เขาว่าพลางปล่อยให้อีกฝ่าย ขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เจมส์ถอนหายใจยาว เมื่อรถคันนั้นแล่นจากไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตามไปให้พวกนั้นรู้สึกตัว เพราะเครื่องติดตามตัวได้ถูกติดไว้แล้ว ทั้งที่รถ และที่ตัวชวรัตน์เอง

อย่างน้อยการแสดงเป็นพ่อปู่…ก็ได้ผล เขาหลอกชวรัตน์ได้ตามแผนจริง ๆ ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรแจ้งกลับไปยังธนัท ว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“แย่แล้วล่ะเจมส์” เสียงตามสายของธนัทดูร้อนรนกว่าปกติ จนเขาชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ

“หืม?”

“คุณวินต์หายตัวไป…พวกฉันตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ” เสียงตามสายบอกต่ออย่างรวดเร็ว

เจมส์นิ่งไปอย่างตกใจ “แน่ใจรึเปล่า ว่าไม่ได้อยู่แถวนั้น โทรศัพท์ล่ะ?”

“ลองโทรแล้ว แต่ไม่มีคนรับเลย” เสียงตอบกลับอย่างร้อนรนพอกัน “หวังว่าคงไม่ได้ถูกใครจับตัวไปหรอกนะ”

หมอผีหนุ่มนิ่งอึ้งไปทันที เขาคิดต่ออย่างเคร่งเครียด

หรือว่าพวกเขาโดนซ้อนแผน? ไม่น่าเป็นไปได้…แต่ตอนนี้ เขาไม่มีทางเลือกแล้ว…

“คงไม่ใช่พวกชวรัตน์ เพราะพวกนั้นอยู่กับฉันจนถึงเมื่อกี้” ชายหนุ่มพูดอย่างครุ่นคิด คนที่รู้เรื่องนี้ มีไม่มากนัก…และอีกคนหนึ่ง ที่รู้ดีก็คือ…

สารวัตรธนดล!

“แย่แล้ว” เจมส์อุทาน “เจ้านัท เครื่องติดตามรถนั่นพร้อมใช้งานแล้วรึยัง เราคงต้องรีบตามไปไวกว่าที่คิดไว้ซะแล้ว”

“นายคิดว่าคุณวินต์โดนจับไปงั้นรึ” ธนัทถามอย่างตกใจ เขามองปรางทิพย์ที่อยู่ข้าง ๆ เด็กสาวส่ายหน้า สีหน้าเธอไม่ดีนัก ปวินต์เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวและเสาหลักของบ้าน การหายตัวไปก็ทำให้เธอกังวลมากแล้ว

เจมส์พูดต่ออย่างครุ่นคิด “อาจจะเป็นคนละกลุ่มกัน แต่ฉันคิดว่า สารวัตรธนดล น่าสงสัยที่สุด แต่ถ้าเป็นแบบนั้น จุดหมายของพวกมัน ต้องเป็นที่เดียวกันแน่…คือที่ ๆ เจ้าหมอผีนั่นอยู่ นัท…นายรีบเอาเครื่องรับสัญญาณนั่นมาที่ที่จอดรถเดี๋ยวนี้เลยได้มั้ย แล้วเราจะได้รีบตามไปเลย จะช้าไม่ได้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เคนแล้ว แต่คุณวินต์เอง…ก็อยู่ในอันตรายเหมือนกัน!”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-10-2011 20:57:42
ลุ้นสุดตัว  อยากให้ถึงวันปะทะเร็วๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 11-10-2011 22:18:32
เย้ๆๆ ได้อ่านแล้ว  :กอด1: :pig4:
อย่าให้วิน เป็นอะไรเลย    :serius2: อาดลร้ายมากกกกกกกกกกกกกกก   :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 11-10-2011 22:50:45
โอ้ยกว่าจะได้อ่านรีบมาเร็วๆๆๆๆๆนะครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 11-10-2011 23:07:07
โอยยยย

เคนยังช่วยไม่ได้เลย  คุณวินต์ก็ถูกจับไปอี๊ก...
อะไร๊!!!!!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 11 (11/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 12-10-2011 15:48:42
โอ้~มายบุดดา โผล่มาซะทีเรื่องนี้ หลังจากหายไป 45วัน :oni2:
คิดถึงนะเนี่ย คุณppmหายยุ่งแล้วเหรอจ๊ะ
ผู้กองอ่ะ ฉวยโอกาสจุ๊บเจมส์ด้วย แล้วจู่ๆทำไมปวดท้องได้หนอ :confuse:

ให้เป็ดจ้ะ :3123:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 16-10-2011 11:40:29
สืบเสน่หา

ตอนที่ 12



    รถคันงามของชวรัตน์และบรรดาบอดี้การ์ด แล่นตรงเข้ามายังหมู่บ้านหนึ่งในย่านชานเมือง พอรถจอดรอที่หน้าบ้านเพียงครู่ ประตูรั้วก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ ร่างท้วมกระหืดกระหอบลงจากรถ มือยังคงกุมท้องไว้แน่น อาการมวนในท้องยังไม่หายไป แม้จะดีขึ้นมาบ้าง

บ้านนี้อยู่ในหมู่บ้านของผู้มีอันจะกิน ตัวบ้านทำด้วยไม้อย่างดี แต่ออกแบบสร้างผสมผสานแบบธรรมชาติ เน้นจัดเป็นโซนรับแขกมากกว่าอย่างอื่น เพราะมักมีคนมาติดต่อให้หมอคงมาทำงานต่าง ๆ ให้อยู่เป็นนิจ

    ผู้มาเยือนไม่พูดพร่ำทำเพลง ก้าวเข้าประตูไปโดยไม่ได้เคาะ แล้วตรงไปยังห้องอันคุ้นเคยในทันที

ประตูที่เปิดผลัวะเข้าไปเป็นห้องพระ ห้องพระที่นี่เป็นห้องขนาดใหญ่ ที่จัดโต๊ะหมู่บูชาแทบเต็มพื้นที่ครึ่งหนึ่งของห้อง จุดธูปจุดเทียนจนควันคลุ้ง แม้ว่าจะมีระบบปรับอากาศที่ดี ก็ยังไม่อาจกลบกลิ่นและความขลังของสถานที่ไปได้

ร่างผอมสูงนั้นยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนผ้าที่ปูไว้เฉพาะ ดวงตาหลับสนิท ไม่มีสะดุ้งหรือตกใจกับการมาเยือนของแขกที่ไม่ได้รับเชิญนัก

“หมอ…หมอคง ช่วยผมด้วย พวกมัน…ทำของใส่ผม!” ชวรัตน์ละล่ำละลักบอกอีกฝ่าย

“พวกมันชักกล้ามากไปแล้ว” คนฟังลืมตาขึ้น พลางหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“หมอคง…ช่วยผมได้สินะ…ตอนนี้ท้องมัน…ปวดไปหมดเลย” เขากุมท้องพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

คนนั่งสมาธิยังคงนั่งนิ่งอยู่ในท่าเดิม จนคนอ้อนวอนเริ่มร้อนรนกว่าเก่า

“หมอ…ถ้าช่วยผม ผมจะจ่ายให้อย่างงาม ขอแค่…ให้หายเป็นปกติเท่านั้น ผมไม่อยากตายเหมือนเจ้าชิดชัยหรอกนะ” ว่าพลางหยิบเงินปึกใหญ่ใส่พานโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายบอก

ร่างที่นั่งตัวตรงอยู่เบื้องหน้า ไม่ได้เหลียวแลเงินนั้นแม้แต่น้อย แต่ก็ขยับเอื้อมไปด้านข้าง หยิบของที่อยู่ในย่ามอย่างหนึ่งออกมา มันเป็นยาผงสีขาว ในซองพลาสติกใสขนาดเล็ก

“ไม่ต้องห่วง เรื่องแค่นี้ผมจัดการได้ เอายานี่ไปกินซะ แล้วนอนพักผ่อนมาก ๆ อาการปวดจะหายไปเอง”

คนฟังยิ้มออกอย่างยินดี ก่อนรีบรับซองยามาเทกลืนกินลงไปแทบจะในทันที โดยไม่สนใจจะพึ่งน้ำดื่มเลยด้วยซ้ำ

หมอคงที่นั่งอยู่มองมา ใบหน้าแกร่งยิ้มน้อย ๆ อย่างยากจะคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “มันคงยังไม่หายในทันที รีบกลับไปพักผ่อนซะล่ะ”

“ทราบแล้วท่านหมอ ถ้าอย่างนั้นผมลาก่อนล่ะ” คนฟังรับคำ อย่างนอบน้อมกว่าเดิมอีกหลายเท่าด้วยความยำเกรง

“เชิญ…ผมไม่ส่งนะ” เขาว่าพลางหลับตาลงอีกครั้ง ปล่อยให้คนมอง มองมาอย่างไม่กล้าจะรบกวนอีก ชวรัตน์ผุดลุกขึ้น อาการปวดท้องเริ่มจางหายอย่างประหลาด ท่าทางยาของหมอคงจะดีจริง เขาหันไปพยักพเยิดให้คนติดตาม ตามเขากลับไป

เสียงรถจากไปแล้ว ในตอนที่มีใครอีกคนเดินเข้ามาจากห้องด้านหลัง ซึ่งทำเชื่อมติดกับห้องพระไว้อย่างแนบเนียน เพราะมีโต๊ะหมู่ขนาดใหญ่ ช่วยบังไว้จนตำแหน่งประตูเป็นมุมอับ

ผู้ที่เข้ามา เป็นร่างสูงสมส่วนที่แข็งแรง ดวงตาคมมองมายังหมอผีก่อนถามขึ้นเนิบช้า

“เขาไปแล้วงั้นหรือ หมอคง”

หมอคงลืมตาขึ้น ก่อนพยักหน้ารับโดยไม่ได้หันไปมอง เขารู้อยู่แล้ว ว่าใครเป็นคนถาม

“ใช่ ไปแล้วล่ะ เจ้าหมอผีมือใหม่นั่น…จะยังไงก็มือใหม่จริง ๆ มันไม่กล้ากระทั่งใช้ยาสั่งของจริง กับเจ้าอ้วนนั่นเลยด้วยซ้ำ”

ร่างสูงเดินอ้อมมาเบื้องหน้า ก่อนถามต่ออย่างสงสัย “หมายความว่ายังไงกัน เจ้านั่นบอกว่าโดนยาสั่งไม่ใช่รึ ฉันน่ะเห็นนะ ว่าปวินต์พยายามจะวางยาเจ้านั่นมากขนาดไหน ถึงกับลงทุนแต่งหญิงยั่วเลยด้วยซ้ำ” คำพูดนั้นแทรกความขบขันไว้ด้วย

“ก็แค่ให้กินอะไรบางอย่างที่ทำให้ปวดท้อง ไม่ต้องทำอะไร พรุ่งนี้ก็น่าจะหาย ตอนนี้ก็คงแค่อุปทาน ว่ากินยาแล้วดีขึ้นเท่านั้นแหละ” หมอคงพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ

“อ้าว แล้วหมอให้เจ้านั่นกินอะไรไปล่ะ”

คนฟังอมยิ้ม ก่อนจะตอบว่า “พวกนักการเมืองลิ้นสองแฉกแบบนี้มันเลี้ยงไม่เชื่อง ถ้ามันได้ของ มันก็พร้อมจะหักหลังพวกเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเพื่อเป็นหลักประกัน แล้วก็…ไหน ๆ มันก็อยากกิน…ด้วยความตั้งใจของมันเองแล้วด้วย ก็เลยให้…”

น้ำเสียงทอดเว้นระยะ ก่อนเน้นย้ำเหี้ยมเกรียม “ยาสั่งของจริง…ให้มันกินเข้าไปแทนยังไงล่ะ” ว่าพลางหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นต่อ “พวกมันจะได้รู้ ว่าถ้าคิดคดทรยศ แล้วจะเป็นอย่างไร!”

คนฟังหน้าซีดไปเล็กน้อย ก่อนหันมายิ้มสู้แล้วถามต่อไปว่า “ยาแบบที่ให้ชิดชัยกับปวินต์กินเข้าไปนั่นน่ะรึ”

หมอคงพยักหน้ารับ “มันก็แค่ยาธรรมดา ถ้าไม่มีการร่ายเวทย์ของผม…แต่เมื่อใดก็ตาม ที่มันคิดคด เมื่อนั้น…จะเป็นวันตายของมัน!”

ว่าพลางมองคนที่ยืนอยู่นิ่งนาน พลางเค้นเสียงเย็นเยียบถามกลับ “แต่คนอย่างคุณ…สารวัตรธนดล…คงไม่คิดทรยศผมด้วยหรอกนะครับ”

    คนถูกจ้องยิ้มเจื่อน ก่อนรีบกลบเกลื่อน “ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเรา…ก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ”

    “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น…จะอย่างไร พวกเราก็ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว คุณคงไม่คิดจะชิ่งหนีไปคนเดียวหรอกใช่มั้ย”

    “ก็..แน่ล่ะ อ้อ จริงสิ พวกนั้นคงจะตามชวรัตน์มาแน่ ยาที่ไม่แรง แสดงว่าพวกมันอยากจะแค่รู้ที่อยู่ของหมอคงเท่านั้น คุณคงมีวิธีการรับมือพวกมันใช่ไหม”

    หมอคงพูดอย่างมั่นใจ “เรามีทั้งเด็กน้อยและเจ้าหญิงเป็นตัวประกัน ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอยู่แล้ว…แต่ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมคงต้องเตรียมการต้อนรับสักเล็กน้อยเหมือนกัน”

    “ถ้างั้นผมไปดูเจ้าหญิงก่อนดีกว่า ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วโวยวายคงไม่ดี” ว่าแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปทางเก่า โดยไม่ได้สบตาด้วยอีก

    คนมองมายิ้มน้อย ๆ “ถึงจะอยากโวยก็คงไม่มีแรงพอหรอก ยาของผมน่ะ…แรงพออยู่แล้ว” หมอคงตอบง่าย ๆ ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงสมาธิอีกครั้ง อย่างไม่ใส่ใจนัก



    ปวินต์ขยับตัวอย่างอึดอัด ร่างกายคล้ายไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก เขาได้แต่ลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบ ๆ ลำคอแห้งผากขนาดอยากจะเปล่งเสียงร้องเรียกใครให้เข้ามาก็ยังไม่มีเสียง แม้สมองจะยังปกติ แต่ร่างกายของเขากลับไม่ใช่ เรี่ยวแรงที่มีเหมือนหายไปจนหมด ช่องท้องแม้ไม่ปวดแปลบเหมือนแรก ๆ แต่ก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นเลยด้วยซ้ำ

    ภาพที่เห็นคือบ้านเพดานสูงทำด้วยไม้ และที่นอนนุ่มที่เขานอนอยู่ ห้องนี้เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่ มีประตูบานเดียวอยู่ไกลออกไปไม่มาก หากเขาก็ไม่สามารถลุกเดินไปถึงได้อยู่ดี

    แขนเพรียวพยายามยันกายขึ้นจากเตียงอย่างอ่อนล้า ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเจมส์…ผู้กองหนุ่มแน่ใจนัก เขาเคยสำรวจรอบบ้านของเจมส์มาแล้ว และที่นี่ แม้จะทำด้วยไม้เช่นเดียวกัน แต่กลับมีบางอย่างแตกต่างออกไป

    ห้องนี้คล้ายเป็นห้องขัง…มากเสียกว่าเป็นห้องนอนทั่วไป ตัวห้องด้านบนติดเพดาน มีช่องให้แสงส่องลงมาได้บ้าง แต่ไม่มีหน้าต่างเลยสักบานเดียว เหมือนคล้ายบอกกับเขาว่า อย่าได้คิดหนี ถ้าประตูถูกล็อคไว้

    เหตุการณ์ก่อนสลบไปเขายังจำได้ดี ถึงอ้อมแขนใครบางคน ที่อุ้มเขาไว้ตอนใกล้จะหมดสติ…ไม่ใช่เจมส์…แต่เป็นคน ๆ นั้น…ที่เขาไม่คิดว่าจะเข้ามา…

    สารวัตรธนดล!

    ท้องไส้ที่ไม่ปกตินัก ทำให้เขานึกสังหรณ์ถึงบางอย่างอันน่ากลัวได้ เจมส์เคยเตือนเขาแล้ว…หลายครั้งเสียด้วย ให้ระวังเรื่องอาหาร หรือการดื่มกิน ถ้ามาจากคน ๆ นี้

    เขาก็ได้พยายามระวังแล้ว แต่ทำไม…ยังถูกวางยาได้อีก?

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ ด้วยสภาพร่างกายอย่างตอนนี้ จะหนีก็ยังยาก

    หากยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ประตูบานเดียวที่มี ก็กลับเปิดออก ร่างสูงที่เข้ามา คือคนที่เขากำลังนึกถึง…ด้วยความไม่เข้าใจ

    …สารวัตรธนดล…!

    “ฟื้นแล้วงั้นรึ เจ้าหญิง” เสียงทักทายอย่างยิ้มแย้มดังขึ้นก่อน ปวินต์หันไปมองเขม็ง โดยไม่ได้พูดอะไร เขายังคงขยับไม่ได้มากไปกว่านี้ จึงได้แต่สงบปากสงบคำแทนคำตอบ

    “ยานั่นคงไม่ได้ทำให้เป็นใบ้หรอกใช่ไหม” เสียงถามเชิงเยาะกลาย ๆ พูดต่อไป

    มือของชายหนุ่มกำแน่น ก่อนถามขึ้นว่า “คุณวางยาผม…เมื่อไหร่กัน?”

    คนฟังหัวเราะอย่างขบขัน “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย คิดว่ามีแค่เวลาที่เราไปทานอาหารด้วยกันเท่านั้นรึ ฉันถึงจะวางยาเธอได้ เราอยู่โรงพักเดียวกันนะ อย่าลืมสิ แถมทุกเช้า ฉันก็รู้มาว่า จ่าเดี่ยวก็ชอบชงกาแฟเผื่อให้เธอดื่มเหมือนกัน ก็แค่ชวนคุยแล้วใช้ไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พอกลับมาอีกที ทุกอย่างก็เรียบร้อย ง่ายดายไหมล่ะ”
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 16-10-2011 11:42:10
ผู้กองหนุ่มถึงกับอึ้งไปเลย เขาไม่คิดว่ากาแฟที่จ่าเดี่ยวเอามาให้เขาดื่ม จะแฝงด้วยความชั่วร้าย ใช้ประโยชน์จากคนของเขา วางยาเขาเอง ฉลาดเสียจริง

    สารวัตรธนดลมองใบหน้าที่ซีดเผือดนั้น ก่อนจะเชยคางสวยขึ้นมามองให้ชัด แม้เจ้าตัวจะฮึดฮัดขัดขืน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีแรงจะขยับเสียด้วยซ้ำ

“เธอน่าจะรู้นะ ว่าก่อนจะรบหรือแข่งขันอะไร การรู้เขารู้เรา เป็นยุทธวิธีเบื้องต้นอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงกำชัยชนะมาไม่ได้หรอก”

    ปวินต์มองมาด้วยแววตาที่เสียใจมากกว่าจะโกรธแค้น เขาพึมพำขึ้นมาว่า “ผมเสียใจนะครับ…ที่อาดล…คนที่ผมและพ่อเคยชื่นชมมาตลอด กลับกลายเป็นคนอย่างนี้ไปได้”

    “หึ พวกเธอพ่อลูกก็เชื่อคนง่ายเท่านั้นเอง ไม่งั้นคดีคราวก่อนนั่น คงไม่ได้เหยื่อชั้นดีอย่างพ่อเธอหรอก”

    “อะไรนะ…คุณทำอะไรพ่อผม?”

    “เธออย่ารู้คงจะดีกว่า…แต่การตายของเขา ก็ทำให้ฉัน…เลื่อนยศขึ้นมาเป็นสารวัตร จนถึงตอนนี้ไงล่ะ!” เขาพูดพลางหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ โดยไม่มีวี่แววแห่งความเสียใจแม้แต่น้อย

    ปวินต์มองมาอีกครั้ง ด้วยสายตาจงเกลียดจงชังกว่าเดิม “ผมคงเข้าใจผิดจริง ๆ ที่คิดว่าคุณเป็นคนดี ที่แท้…ก็หวังลาภหวังยศ จนขายได้กระทั่งเพื่อน…พ่อของผม ต้องตายไปเพราะช่วยชีวิตคุณแท้ ๆ ไม่คิดเลย ว่านั่นจะเป็นแผนการของคุณ”

    “ทั้ง ๆ ที่ก่อนตาย ท่านยังบอกว่า…ดีแล้วที่คุณปลอดภัย ผม…ผมเสียใจจริง ๆ ที่ท่านยังห่วงคนอย่างคุณ…แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนท่านจะสิ้นใจ”

    คดีในครั้งนั้นก็เป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นคดีจับยาบ้าล็อตใหญ่เลยทีเดียว ที่พ่อของเขาร่วมทีมทำกับธนดล พ่อของเขา…ตายเพราะช่วยชีวิตธนดลไว้ โดยไม่รู้เลยว่า นั่นเป็นแผนการของเจ้าตัว เพียงเพราะต้องการหาผลงานให้ได้เลื่อนขั้น

    หยาดน้ำตาหยดระแก้มนวล แม้ดวงตากลมโตนั้นจะจับจ้องอีกฝ่ายอย่างรังเกียจ ธนดลมองมาอย่างพอใจกว่าเดิม โดยไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด “จะว่าไปแต่งแบบนี้ เธอก็สวยไม่แพ้แม่ของเธอเหมือนกัน…น่าเสียดายนัก ที่ไปหลงรักผู้ชายที่แก่กว่าเยอะ อย่างพ่อของเธอเสียได้ กระทั่งเจ้านั่นตายไป…ก็ยังไม่ยอมแต่งงานใหม่ ผู้หญิงคนนั้นใจเด็ดดีแท้”

    “อย่ามาพูดจาจาบจ้วงถึงแม่ผมนะ แล้วก็อย่าคิดว่าคุณจะชนะ…เจมส์จะต้องจัดการกับพวกคุณได้แน่!”

    “งั้นรึ…ฉันจะดูต่อไปแล้วกัน ถ้าได้เฮโรอีนล็อตนี้มา ฐานะของผู้กำกับ จะหนีไปไหนเสีย แม้จะต้องแสดงความเสียใจ กับผู้กองปวินต์ ที่สละชีพในหน้าที่ เพื่อช่วยให้การปฏิบัติงานครั้งนี้ลุล่วงไปก็เถอะ อ้อ…แล้วก็ยังมีเจ้าหมอผีหน้าโง่ของเธอด้วย ที่ลักลอบนำเข้าเฮโรอีน จนถูกวิสามัญไป” เขาพูดต่อนิ่ม ๆ หากอีกฝ่ายเริ่มหนาวเยือก

    ปวินต์มองมาอีกครั้ง อย่างพยายามปลุกปลอบกำลังใจที่เหลืออยู่ให้กลับคืนมา “เจมส์จะไม่มีวันยอมคุณแน่ เขารู้อยู่แล้ว ว่าคุณคิดไม่ซื่อ คุณเอาของนั่นไปจากเขาไม่ได้หรอก”

ใบหน้าแกร่งมีรอยยิ้มจาง ๆ “ลองฉันมีชีวิตเธออยู่ในกำมือ เขาไม่กล้าทำอะไรแน่ นอกจากได้แต่มอบของสิ่งนั้นมา…คอยดูต่อไปก็แล้วกัน”

คนพูดหัวเราะอีกครั้งอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้อง แล้วล็อคกุญแจไว้ดังเดิม

ปวินต์ทิ้งร่างลงกับเตียงอีกครั้งอย่างอ่อนแรง ถ้าเขายังอยู่ในสภาพนี้ จะอย่างไรก็ไม่มีทางหนีออกไปได้…แล้วเจมส์จะทำยังไง

จะให้ของนั่นไปตกอยู่ในมือธนดลไม่ได้…ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง…ต้อง…จริงสิ…เคนล่ะ?

มือของเขาล้วงเข้าไปในอกเสื้อ สร้อยเส้นยาวที่คล้องอยู่ เป็นสร้อยที่เจมส์ให้ไว้ก่อนหน้านี้ สร้อยเส้นนี้ เป็นคล้าย ๆ อีกที่หนึ่งสำหรับสิงสถิตของกุมารทองน้อยได้ และแน่นอน อย่างน้อยก็ทำให้มีพลังมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งตัวเขานั้นตื้อขอมาเอง เผื่อไว้ในกรณีที่อาจจะโดนจับตัวไปเช่นนี้

นับว่าที่คิดไว้ไม่พลาดเลยจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้ เคนอยู่ที่ไหนกัน แล้วเขา…จะติดต่อกับเด็กคนนั้นได้ยังไง

ในเมื่อสภาพร่างกายเขาเป็นเช่นนี้…



รถที่ขับตามเครื่องติดตามไปอย่างระวังจอดรออยู่ที่ข้างบ้านหลังนั้น เด็กสาวแทบจะรีบลงไปก่อนแล้วอย่างร้อนใจด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นพี่ หากยังไม่ทันได้ลง ก็ถูกเจมส์ดึงตัวไว้

“เดี๋ยวก่อนสิครับน้องปราง”

“เราต้องรีบช่วยพี่วินต์นะคะ” เด็กสาวแย้งทั้งน้ำตา ท่าทางของเธอดูจะเป็นห่วงพี่ชายมากเอาการ

“พวกมันคงรู้แล้ว ว่าเราตามเจ้านั่นมา ถ้าเข้าไปตอนนี้ คงใช้คุณวินต์เป็นโล่ แล้วจัดการพวกเราได้ง่าย ๆ นะครับ”

“แต่…แต่ว่า ถ้าเราแอบเข้าไปล่ะคะ พวกนั้นอาจจะยังไม่รู้” เธอแย้งอีกด้วยแววตาที่ร้อนรน

เจมส์ส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนพูดว่า “พี่ก็เป็นห่วงพี่วินต์ของน้องปราง แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นหมอผีเหมือนกับพี่ หมอผีน่ะ จะมีอาณาเขตของตนเองอยู่ โดยเฉพาะที่บ้าน เหมือนบ้านพี่ ก็จะมีท่านตาเจ้าที่ ถ้ามีคนแปลกหน้า น่าสงสัยเข้ามา เจ้าที่จะรีบรายงานเจ้าของบ้านทันที และนั่น…จะทำให้พวกนั้นรู้ตัว แล้วพลิกสถานการณ์กลับจนเราเพลี่ยงพล้ำได้ง่าย ๆ”

“ปรางกลัวพวกนั้น…จะทำอะไรพี่วินต์” เธอว่าพลางร่ำไห้ ธนัทโอบไหล่สั่นน้อย ๆ ของเธอไว้ พลางปลอบใจว่า “พวกนั้นจับคุณวินต์มา เพราะมีจุดประสงค์ที่ตัวเจมส์ ดังนั้นจนกว่าจะได้ต่อรองกัน พวกนั้นจะไม่ทำอะไรคุณวินต์หรอกนะ”

“จริง ๆ นะคะ” เธอถามย้ำอย่างต้องการจะแน่ใจ

“จริงสิครับ นัท ฉันจะต้องเตรียมการที่บ้านเสียก่อน ศัตรูเราเป็นหมอผี ดังนั้น…ถ้าเราจะคิดชิงตัวประกัน ฉันจะถ่วงเวลาและความสนใจของเจ้าหมอผีนั่นให้ได้ และเมื่อถึงตอนนั้น นายจะได้แอบเข้าไปได้ปลอดภัยกว่าเดิม เราจะได้ชิงตัวคุณวินต์กับเคนคืนได้ปลอดภัยขึ้น”

เจมส์มองหน้าทั้งสองคน พลางพูดต่อไปด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เราจะลองชิงตัวประกันก่อน ฉันยังไม่อยากเอาของนั่นออกมา เพื่อความปลอดภัย จะยังไง ฉันก็อยากให้การส่งมอบของให้พวกมัน เป็นวิธีการสุดท้ายเท่านั้น”

“พวกพี่ ๆ ช่วยพี่วินต์ให้ได้นะคะ” เด็กสาวย้ำอีกครั้ง เธอยินยอมอยู่ในรถดังเดิม ไม่ดื้อรั้นที่จะฝืนลงไปอีก

ธนัทพยักหน้ารับ “โอเค เวลาเรามีน้อย เดี๋ยวฉันจะขับรถไปส่งนายที่บ้านเอง”

เจมส์มองผู้เป็นเพื่อน ก่อนพูดขึ้นว่า “ขอบใจนะนัท ศึกครั้งนี้เราจะได้ปะทะกับเจ้าหมอผีนั่นตรง ๆ แล้ว เพื่อคุณวินต์ เพื่อเจ้าเคน…ฉันก็เอาอาชีพตัวเองเป็นเดิมพันเช่นกัน!”



“คุณตำรวจ…คุณตำรวจฮะ…” เสียงเล็ก ๆ อันคุ้นเคยเรียกแทรกเข้ามาในจิตใต้สำนึก คนกำลังนอนลุกพรวด กลับนึกแปลกใจที่ตัวเองขยับร่างกายได้เหมือนปกติแล้ว

“อ๊ะ นั่นเธอ…” ปวินต์อุทานอย่างแปลกใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นเด็กชายตัวเล็กที่ไว้ผมจุก แต่งตัวแบบเด็กโบราณ ใบหน้ากลมมนน่ารักรับกับดวงตาโตน่าเอ็นดู แม้สีหน้าจะไม่สดใสสักเท่าไรนัก

“หรือว่าเธอคือ…เคน…ลูกชายของเจมส์” เขาถามต่อไปในทันที “ในที่สุดก็ได้พบ…ฉันจะช่วยเธอหนีออกไปนะ” เขาพูดต่อในทันที

เด็กน้อยยิ้มเศร้า ๆ ก่อนจะตอบว่า “ใช่ฮะ…ผมคือเคน…คุณตำรวจ ฟังผมดี ๆ นะฮะ อีกไม่นาน จะมีคนมาช่วยคุณตำรวจออกไป…ผมจะช่วย…เท่าที่ช่วยได้ แต่ผมคงปรากฏตัวให้เห็นไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นครั้งนี้…อาจจะเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย ที่เราจะได้เจอกัน คุณตำรวจอดทนหน่อยนะฮะ รอให้ถึงคืนนี้…ผมจะเปิดประตูให้ และจะทำให้คนเฝ้า…หลับไปด้วย ผมคงช่วยได้เท่านี้”

“เราไปด้วยกันนะ นี่ไง ฉันได้สร้อยมาจากพ่อของเธอด้วย” ปวินต์รีบพูดต่อ เพราะท่าทางอีกฝ่ายเหมือนคล้ายจะมาอำลา มากกว่าจะหนีไปด้วยกัน

เด็กน้อยส่ายหน้าเบา ๆ “ขอโทษนะฮะ…ผมคงไปกับคุณตำรวจไม่ได้แล้ว”

“ทำไมล่ะ พวกเรามาเพื่อช่วยเธอนะ…จริงสิ…ฉันจะเป็นพ่ออีกคนให้เธอด้วย เธออยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม เจมส์เคยบอกฉันไว้”

ใบหน้าเล็ก ๆ ยิ้มออกมา “ฮะ… ผมดีใจนะ ที่อย่างน้อยพ่อเจมส์…ก็ยังมีคุณอยู่…ถ้าผมไม่อยู่แล้ว…คุณตำรวจช่วยดูแล…”

“ไม่นะ เธอต้องกลับไปกับฉันสิ รู้ไหมว่าพ่อของเธอเป็นห่วงเธอขนาดไหน เขาขาดเธอไม่ได้หรอกนะ เชื่อฉันเถอะ พ่อของเธอจะต้องมาช่วยพวกเรา ทุกคนจะได้กลับบ้าน…อย่างปลอดภัย”

“คุณตำรวจจะได้กลับไปฮะ…แต่ผม…” เด็กน้อยก้มหน้าลงไม่ยอมสบตาด้วย พลางพึมพำต่อไป “ขอโทษนะฮะ ผมไม่สามารถช่วยแก้พิษยาสั่งได้ แต่อย่างน้อย ถ้าคุณหนีออกไปได้…พ่อคงทำอะไรได้บ้าง….”

มือเพรียวลูบผมนุ่มของเด็กน้อยเบา ๆ “เรียกพ่อวินต์สิ อย่าเรียกคุณตำรวจ ฉันจะไม่ทิ้งเธอนะ ลูกชายของฉัน…”

ดวงตากลมโตพร่าไปด้วยน้ำตา “ฮะ…พ่อวินต์ ขอผมกอดพ่อวินต์หน่อยนะฮะ”

ร่างนั้นสวมกอดแนบแน่น ก่อนจะผละออกด้วยรอยยิ้ม แม้มันจะดูเศร้าเสียจนน่าใจหาย

“ผมไม่มีเวลาอีกแล้ว คงต้องลาตรงนี้เลย…ขอบคุณนะฮะ…ที่ยอมเป็นพ่อของผม ฝากบอกพ่อเจมส์ด้วยว่า…ถ้ามันจำเป็น เนื้อที่กลายเป็นเนื้อร้าย จะยังไง…ก็ต้องตัดทิ้งนะฮะ…เพื่อรักษา…สิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้…บอกพ่อด้วยว่า…อย่าลังเลที่จะทำลายมัน…เพื่อไม่ให้ทุกอย่าง…สายเกินไป”

“ฝากดูแล…พ่อเจมส์ด้วยนะฮะ” ร่างนั้นโค้งให้น้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ สลายจางหายไป ปวินต์พยายามไขว่คว้าไว้ แต่กลับได้เพียงอากาศธาตุ เขาพยายามร้องเรียกเด็กน้อยอย่างตกใจ

“เคน…เดี๋ยวสิ…เราต้องกลับไปด้วยกันนะ…อย่าพึ่งไป…ต้องกลับไปด้วยกัน…”

พูดได้เท่านั้น ก็รู้สึกถึงกระแสหมุนวนรอบตัว ก่อนสติของเขาจะดับวูบอีกครั้ง

ดวงตาคมลืมขึ้นอย่างตกใจ ปวินต์กระพริบตาถี่ รู้สึกได้ถึงเหงื่อของตนเองที่ไหลจนชุ่มโชก…นี่เขา…หมดสติไปอีกครั้งสินะ แถมในฝัน…เมื่อครู่คงเป็นเพียงแค่ในฝัน…แต่มันกลับดูสมจริงนัก…

เด็กคนนั้น…ต้องเป็นเคนแน่ ๆ เกิดอะไรขึ้นกับเคน…เด็กคนนั้น…กำลังจะสลายหายไปจริงหรือเปล่า…?

แต่ถึงขนาดนั้น…เคน ก็ยังมาบอก เพื่อจะช่วยเขา

ร่างที่แทบขยับไม่ได้ของเขาช่างไร้ประโยชน์นัก…แต่จะอย่างไรก็ต้องพยายาม ในเมื่อเคนยอมเสี่ยงช่วยเขาถึงขนาดนี้ เขาจะต้อง…พยายามหาทางช่วยเด็กคนนั้นออกไปด้วยให้ได้

มือที่กำแน่นค่อย ๆ ยันกายขึ้นอย่างยากเย็น พลางหลับตารวบรวมสมาธิแล้วรอคอย เวลาที่เคนบอกไว้คือคืนนี้…เขาไม่รู้ว่าจะเป็นตอนไหน แต่เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะต้องพร้อมให้มากที่สุด

ถึงจะต้องตายด้วยพิษยาสั่ง…เขาก็ต้องหาทางช่วยเคนออกไป…

ใช่…ต้องทำให้ได้!


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-10-2011 12:10:05
แง้ สงสารเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 16-10-2011 12:28:02
ตอนนี้มาเร็วดีมากเรย o13 :pig4:
ไอ้อาดลชั่วมาก  :angry2:
สงสารเคน :monkeysad:
รอลุ้นตอนต่อไปนะตัว :z2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 16-10-2011 12:51:29
สงสารน้องเคนเหมือนกันค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 16-10-2011 15:06:17
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:

ไอ้หมออผีชั่ว ทำอะไรกับเคน
ไม่เอา รู้สึกเหมือนเคนต้องตายยังไงก้ไม่รู้

 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


ไม่เอาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 16-10-2011 16:51:58
ธนดลร้ายจริง ๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 16-10-2011 17:40:54
ฮือ สงสารเคนจัง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 16-10-2011 17:56:35
เอาใจช่วยทั้งสองคนนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 16-10-2011 19:00:14
ติดตามด้วยควมสนใจมากเลยเรื่องนี้  เคนละจะเป็นอะไรอีกละ  อย่าให้เคนเป็นอะไรเลยนะครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 16-10-2011 19:25:39
อย่าให้เคน กะวินต์เป็นอะไรเลย    :sad11: :serius2:
 อาดล!!  :angry2:  เลวมากกกกกกกก   :beat: :z6:
เจมส์ช่วย ทั้งคู่ให้ได้นะ   :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: พี่วันเสาร์ ที่ 16-10-2011 19:33:46
เคนน่าสงสารมากแต่ถ้าเคนเป็นอะไรไปคนที่นาสงสารที่สุดคงจะเป็นเจมส์กับวิน :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 16-10-2011 19:38:19
สนุกมากๆๆเลย o13
อยากอ่านต่ออ่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 16-10-2011 19:42:57
 :sad4:สงสารหนูเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 16-10-2011 20:23:52
สงสารเจ้าเคนน้อยจังเลย
 :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: howru ที่ 16-10-2011 21:14:26
สงสารเคนอะ..
แววดราม่ามาไกลๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 17-10-2011 02:57:02
สงสารน้องเคนอ่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: wichaiP ที่ 17-10-2011 09:55:34
ม่ายยยนะ เคนนนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 17-10-2011 12:53:17
พ่อเจมส์ช่วยเคนกับพ่อวินต์ให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 17-10-2011 19:53:13
เจ้าเคน  :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-10-2011 22:32:08
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:


น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 17-10-2011 22:48:57
เคนผู้เสียสละ  :o12:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 12 (16/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 17-10-2011 23:05:46
ต่ออีกตอนนึงนะ ค้าง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-10-2011 11:47:29
สืบเสน่หา

ตอนที่ 13



ร่างสำรวมสูงใหญ่ในชุดขาวปลอด ห้อยลูกประคำยาวก้าวออกมาจากห้อง หยิบย่ามสะพายข้างแล้วสบตากับคนที่เหลือ แววตาของเขาสงบเยือกเย็นกว่าที่เคย ท่าทางที่ดูเป็นหมอผีเต็มตัว ทำให้สองคนที่ยืนมองอยู่อมยิ้ม

    “พี่เจมส์แต่งแบบนี้แล้วดูดีนะคะเนี่ย” ปรางทิพย์ชมเบา ๆ แม้แววตาจะแฝงความกังวล สถานการณ์ในตอนนี้การพูดเล่นให้กำลังใจกันเอง เป็นสิ่งที่ช่วยลบความกลัวออกไปได้บ้าง

    เจมส์มองเด็กสาวอย่างเห็นใจ เขารู้ดีว่าเธอยังอายุน้อยเกินไป สำหรับการที่จะต้องมาเผชิญสถานการณ์เช่นนิ้

“พี่ต้องหล่อหน่อยล่ะครับ เดี๋ยวช่วยคุณวินต์ได้สำเร็จแล้วเขาจะไม่ประทับใจเอา” เจมส์ว่าพลางขยิบตาให้

ธนัทบีบมือเด็กสาวเบา ๆ ให้กำลังใจ แล้วบอกว่า “พี่จะไปช่วยพี่วินต์ของน้องปรางเองนะครับ น้องปรางอยู่กับเจมส์ที่นี่แหละ”

เด็กสาวมองมาอย่างเว้าวอน “แต่ปรางห่วงพี่วินนี่คะ ให้ไปด้วยไม่ได้เหรอคะ”

ธนัทส่ายหน้าเบา ๆ พลางอธิบายต่อไปว่า “การทำพิธีไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้บ้านเป้าหมาย แค่รู้ตำแหน่งที่ถูกต้องก็พอ ดังนั้นเจมส์ ไม่จำเป็นต้องออกไปจากบ้าน ก็สามารถดึงความสนใจจากเจ้าหมอผีนั่นได้ การสู้กันระยะไกล จะปลอดภัยกว่าหากบาดเจ็บหรือมีปัญหา ส่วนพี่…ตอนที่เจ้านั่นกำลังสนใจเจมส์ พี่จะได้ช่วยคุณวินต์ออกมา น้องปรางรออยู่ที่นี่ พี่จะได้ลงมือแบบไม่ห่วงหน้าพะวงหลังไงล่ะ”

“แต่ว่า…” เด็กสาวมองมาอย่างลังเลใจ

“ตกลงตามนี้แหละครับ ถ้าน้องปรางเป็นอะไรขึ้นมา พี่วินต์มีหวังไม่ยอมยกให้พี่แน่ ๆ” เขาว่าพลางหลิ่วตาให้

ปรางทิพย์ก้มหน้าลงอย่างเขินอายนิด ๆ “ก็ได้ค่ะ…ปรางจะรออยู่ที่นี่…แต่ว่าพี่นัทคะ ไม่ใช่แค่พี่วินต์จะปลอดภัย…พี่นัทก็ต้องระวังตัว และต้องกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะคะ” เธอกุมมือของเขาไว้ พลางมองหน้าธนัท

ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ “พี่ปลอดภัยแน่ เจมส์ ฝากน้องปรางด้วยล่ะ”

เจมส์มองคนทั้งคู่ก่อนตีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง “ไม่ต้องห่วง การทำพิธี มีฉันเพียงคนเดียวที่เป็นคนทำ ถ้ามีอะไรขึ้นมา น้องปรางจะไม่เป็นอะไรแน่ ๆ …นายก็อย่าประมาทล่ะ ฉันไม่แน่ใจว่าจะดึงความสนใจได้นานแค่ไหนเหมือนกัน เคนอยู่ในมือเจ้าหมอผีนั่น…ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนกันอีก แต่ฉันเชื่อ…ว่าถ้าเคนรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้น ต้องพยายามช่วยคุณวินต์แน่ ๆ …ถึงแม้ว่า…”

ดวงตาของเขาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบกลับมาแสดงทีท่าเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ถ้าฉันเป็นเคน ฉันก็คงทำอย่างนั้น เราเป็นพ่อลูกกัน…บางอย่างเราก็จะสื่อถึงกันได้ นายพยายามตั้งสติดี ๆ แล้วคอยรับฟังให้ดีละกัน เผื่อเด็กคนนั้น จะส่งเสียงติดต่อมา”

“ฉันจะพยายามช่วยเคนออกมาด้วยให้ได้” ธนัทตอบกลับแกมให้กำลังใจ “เด็กคนนั้น ก็เหมือนน้องชายฉันอีกคนเหมือนกัน”

“ขอบใจนะนัท ฝากด้วยแล้วกัน”

ธนัทพยักหน้ารับ ก่อนขับรถออกไป เจมส์หันมามองปรางทิพย์ แล้วพูดว่า “พี่จะทำพิธีในห้องพระ เพราะเป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นอาณาเขตของตัวบ้านพี่ด้วย ที่นี่ พี่จะมีพลังสูงสุด”

“คิดว่าหมอผี จะต้องทำพิธีในป่าช้าเสียอีก” เด็กสาวพูดยิ้ม ๆ ชายหนุ่มอดยิ้มด้วยไม่ได้ เขารู้ดีว่าปรางทิพย์กังวลขนาดไหน แต่เธอก็พยายามผ่อนคลายอย่างที่สุดจริง ๆ

“หมอผีที่ทำพิธีในป่าช้า ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ต้องการติดต่อกับภูตผีวิญญาณเบื้องนอกน่ะครับ ถ้าทำพิธีในบ้าน ผีที่ไหนจะกล้าเข้ามาล่ะครับ แต่กรณีของเรา มันต่างออกไป เพราะเราไม่ต้องการให้ ‘ใคร’ เข้ามารบกวนเราขณะทำพิธี การอยู่ในอาณาเขตที่ปลอดภัย จึงดีที่สุด”

ชายหนุ่มพูดต่อไปพลางขึงสายสิญจน์ไปรอบ ๆ ห้องหลายรอบ จนทั้งห้องคล้ายเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ขนาดย่อมอีกชั้น เพื่อป้องกันภัย

ดวงตากลมโตที่มองมา ยังคงมองอย่างสนใจ “อย่างนี้นี่เอง พี่เจมส์จะให้ปรางช่วยอะไรไหมคะ”

เจมส์ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่ ก่อนกวักมือเรียก “มานั่งอยู่ข้างหลังพี่แล้วกันครับ ไม่จำเป็นอย่าลุกไปไหน”

“ค่ะ” เด็กสาวยิ้มรับ อย่างกระตือรือร้นกว่าเดิมเหมือนทำใจได้แล้ว ร่างบอบบางทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิทะมัดทแมง เจมส์มองมาแล้วพูดว่า “ชักอิจฉาเจ้านัทซะแล้วสิเนี่ย”

“ถ้าอิจฉาก็รีบ ๆ ช่วยเจ้าหญิงของพี่ไว ๆ สิเจ้าคะ แล้วสวีทกันให้พี่นัทอิจฉาเลย” ท่าทางของเธอดูซุกซนร่าเริงเหมือนเก่าแล้ว แม้ลึก ๆ จะกลัวอยู่มาก

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มให้ บรรยากาศที่ตึงเครียดเริ่มผ่อนคลายลง ใบหน้าแกร่งแฝงรอยยิ้มอบอุ่นลูบผมนุ่มของเด็กสาวเบา ๆ อย่างต้องการจะปลอบใจ

“พูดแบบนี้กำลังใจมาเลยนะเนี่ย รับรองต้องช่วยพี่วินต์ได้แน่ ๆ เอ้า ถ้างั้นพี่จะเริ่มแล้วนะ” เจมส์ว่าพลางยืดแผ่นหลังนั่งตัวตรงกว่าเดิม ก่อนจะพนมมือและหลับตาลง ปรางทิพย์ที่อยู่ใกล้ ๆ มองแผ่นหลังแข็งแรงนั้นอย่างชื่นชม

เธอไม่แปลกใจเลย ที่พักนี้พี่ชายของเธอถึงได้แปลกไป คน ๆ นี้ ทำให้ปราการอันแข็งแกร่งของปวินต์ ที่สร้างขึ้นปกป้องตัวเองและครอบครัว หลังผู้เป็นพ่อจากไป เริ่มพังทลายลง พี่ชายของเธอ ไม่ค่อยเปิดใจให้ใครมากนัก ทั้งยังไว้ตัวอย่างที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร จนต้องเจ็บปวดอีก

แต่ถ้าเป็นคน ๆ นี้…คงจะทำให้พี่ชายของเธอมีความสุขได้แน่ ๆ

สิ่งสำคัญคือต้องช่วยพี่วินต์และเคนออกมาให้ได้เสียก่อน เธอแจ้งข่าวกับมารดาผู้รอคอยอยู่ที่บ้านเพียงแค่ว่าค้างคืนบ้านเจมส์ เพราะติดการสืบคดีติดพัน แต่ตัวเธอกับปวินต์นั้นปลอดภัยดี

    มารดาของเธอผู้น่าสงสาร คงทำใจลำบากนัก ถ้ารู้ว่าปวินต์ต้องเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน ในเมื่อต้องสูญเสียผู้เป็นสามีไปแล้วตลอดกาล

    แต่เธอก็คิดว่า เจมส์จะต้องช่วยพี่ชายของเธอได้ ทุกอย่างจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม…

คนชั่ว…จะอย่างไร ก็ต้องได้รับผลกรรม

เธอเชื่อมั่นเช่นนั้น!



ในห้องขัง ปวินต์ที่นอนอยู่บนเตียงยังคงมีสติสมบูรณ์ แม้ว่าร่างกายจะขยับไม่ได้ดั่งใจนัก แต่ก็ดูจะดีขึ้น น่าแปลกที่อาการต่าง ๆ เหมือนจะค่อย ๆ จางหายไปบางส่วน คล้ายอาคมที่ควบคุมพิษร้าย ค่อยผ่อนคลายลง เขาคิดว่าตนเองคงลุกขึ้นเดินเหินได้ แม้จะลำบากอยู่บ้าง แต่ก็มั่นใจว่าน่าจะทำได้

ที่เก้าอี้ไม่ไกลออกไป ธนดลยังคงนั่งมองเขาอยู่ ปวินต์หลับตาลง อย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย เขาพยายามนอนนิ่งที่สุด ไม่ขยับตัว…และไม่ต่อต้าน เก็บเรี่ยวแรงที่มีไว้ สำหรับเวลาสำคัญ ถึงจะไม่แน่ใจนัก ว่าจะสามารถเดินเหินได้ เป็นปกติ แต่ในตอนนี้ จะทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาขยับตัวไม่ได้ และไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร เพื่อให้ตายใจกว่าเดิม

เคนบอกเขาไว้ว่าจะทำให้คนที่เฝ้าอยู่หลับไป และจะเปิดทางให้ด้วย

เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะต้องทำให้ได้ อย่างน้อย…ก็จะต้องลุกขึ้นได้

รอคอยอยู่หลายชั่วโมง จู่ ๆ คนที่นั่งด้านข้าง ก็เริ่มง่วงงุนและโงกหลับ ปวินต์รอคอยจนแน่ใจ ว่าอีกฝ่ายนั้นหลับจริง ๆ แล้วค่อย ๆ ยันกายขึ้นอย่างยากเย็น

ประตูอยู่ไม่ไกลออกไป แต่ก็ใช้เวลามากพอสมควร ในการพยายามก้าวเดิน มือที่สั่นน้อย ๆ จับลูกบิดบิดช้า ๆ อย่างไร้เสียง ประตูไม่ได้ล็อค ร่างผอมบางที่ยังคงอยู่ในชุดรุ่มร่ามเคลื่อนไหวไม่สะดวกนัก มองลอดช่องประตูออกไปอย่างช้า ๆ ใจยังเต้นระทึก เพราะรู้ดีว่าหากมีคนมาพบตนเองก็คงจบ เนื่องจากคงไร้ซึ่งความสามารถจะต้านทานใด ๆ ได้ เขาในตอนนี้แค่โดนผลักเบา ๆ ก็ล้มได้แล้วด้วยซ้ำ

ดีที่ไม่มีคนอยู่แถวนั้นเลย ปวินต์ก้าวออกมาอย่างลำบาก สอดส่ายสายตาไปทั่ว เขาจะต้องช่วยเคนออกไปด้วย แต่ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจ ว่าจะช่วยกุมารทองที่เป็นเพียง ‘วิญญาณ’ ออกไปได้อย่างไร สร้อยคอที่สวมอยู่น่าจะเป็นสิ่งเดียว ที่เคนสามารถเข้ามาสิงสถิตได้ แต่เด็กคนนั้นกลับปฏิเสธที่จะมากับเขา

ห้องพระล่ะ…ที่นี่น่าจะเป็นบ้านของเจ้าหมอผีคนนั้น เพราะเคนก็อยู่ที่นี่ด้วย สำหรับหมอผีแล้ว ห้องพระต้องเป็นที่ที่ใช้เก็บทุกอย่างที่สำคัญทางคาถาอาคมแน่ เหมือนที่เจมส์เคยเก็บตุ๊กตาของเคนเอาไว้

…ถ้าเขาเข้าไปค้นหา…อะไรบางอย่างในห้องพระ บางอย่าง ที่อาจจะผูกมัดเด็กคนนั้นเอาไว้ จนไปกับเขาไม่ได้ แล้วทำลายมันเสีย เคนอาจจะเป็นอิสระ

น่าเสียดายนักที่เขาไม่ได้ศึกษาเรื่องไสยศาสตร์มาก่อนเลย ทำให้เขามีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก ที่จะจัดการใด ๆ แผ่นหลังบอบบางขยับพิงฝาผนังเดินไปช้า ๆ อย่างไร้จุดหมายพอสมควร เขาไม่รู้แผนผังของบ้าน ไม่รู้อะไรเลย

มีเพียงจิตใจที่ยังคงมุ่งมั่น…เขาจะไม่กลับ จนกว่าจะช่วยเคนได้

ร่างผอมบางกัดฟันแน่น แล้วค่อย ๆ เดินต่อไปทีละก้าว ขาคล้ายจะหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขายังคงก้าวต่อไป

ใช่…เท่าที่กำลังอันน้อยนิดที่หลงเหลือ เขาจะต้องพยายามต่อไป…



ตอนนี้ดึกแล้ว ที่บ้านของหมอคง ยังคงเงียบสงัดเหมือนทุกครั้ง ร่างผอมสูงแข็งแรงของหมอคง มองดวงจันทร์บนท้องฟ้า คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด…ดวงจันทร์อันเป็นแหล่งขุมพลังที่อับแสง ทำให้พลังลดลงไปบางส่วน แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากลัวเกรงนัก เพราะไม่ใช่แค่พลังของเขาที่ลดทอน พลังอีกฝ่ายก็คงเป็นเช่นเดียวกัน

เขาแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องลงมือในคืนนี้แน่นอน เพื่อทำการแย่งชิงเจ้าหญิง

แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก เพราะเขาเอง ก็เตรียมการต้อนรับไว้เรียบร้อยแล้ว

ร่างนั้นทรุดตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ ตระเตรียมการพร้อมรับการจู่โจม

ดวงตาคมมองมายังตุ๊กตาดินปั้นตัวหนึ่งเบื้องหน้า แล้วยิ้มกับตัวเองอย่างพึงใจ วิญญาณของเด็กคนนั้น จะอย่างไร ก็ไม่สามารถดิ้นหลุดหนีกลับไปโดยง่าย แม้เจ้าหมอผีมือใหม่นั่นจะมาเอง ก็คงไม่สามารถทำได้

เพราะเขาได้ตกลงทำสัญญาบางอย่างกับเด็กคนนั้นไว้แล้ว…สัญญาที่ต้องรักษาด้วยชีวิต และจิตวิญญาณ

เป็นสัญญาที่จะพันธนาการเด็กคนนั้นไว้ ไม่ให้สามารถหลบหนีจากไปได้อีก

เป็นสัญญา…ที่ทำขึ้นด้วยความเต็มใจของเจ้าตัวเอง!

ทุกอย่างพร้อมแล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เขาจะให้พวกมัน ได้ลิ้มรสชาติความทุกข์ทรมาน…ทั้งทางกาย และทางใจ

ใบหน้าแกร่งยิ้มเย็นให้กับตัวเอง คนที่กล้าคิดจะมาต่อกรกับเขา มันจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสม!



เสียงสวดมนต์ทุ้มต่ำแผ่วเบาเนิบช้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นถี่กระชั้น มือแกร่งผสมดินเหนียวกับขี้ผึ้งเข้าด้วยกัน ก่อนปั้นเป็นรูปทรงอย่างตั้งใจ ทุกปลายนิ้วที่กดย้ำ ซ้ำด้วยการร่ายอาคมอันหนักแน่นแม่นยำ อำนาจลี้ลับที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ หากคนนั่งใกล้ ยังคงสัมผัสได้จนรู้สึกถึงความยำเกรงของตนเอง

ไสยศาสตร์ที่เคยคิดว่าไม่น่าจะมีจริงได้…กลับเป็นสิ่งลี้ลับที่ยากจะพิสูจน์เสียจริง

ปรางทิพย์ที่เคยเชื่อแต่วิทยาศาสตร์มาตลอดชีวิต ก็พึ่งได้สัมผัสกับมันในวันนี้

ตุ๊กตาดินปั้นเป็นสัตว์สี่เท้า มีเขาแหลมโค้งยาว ถูกวางลงบนแผ่นยันต์เขียนไว้ละเอียดประณีตบรรจง ก่อนคนทำจะสาธยายมนตราต่อไป เพียงไม่นานนัก ร่างตุ๊กตาก็หายวับไปจากผืนผ้า จนเด็กสาวที่มองอยู่ใกล้ ๆ แทบหยุดเสียงอุทานอย่างตกใจไม่ทัน

มือแข็งแรงเอื้อมไปหยิบขันเงินใส่น้ำมนต์ที่วางไว้ด้านข้างมาวางตรงหน้า ในขันนั้นมีน้ำใส แม้จะมีคราบของหยดเทียนลอยปะปนบ้าง วงน้ำที่นิ่งในตอนแรกเริ่มกระเพื่อมเป็นจังหวะ รับกับการสวดมนต์ แล้วค่อย ๆ ปรากฏภาพขึ้นจากม่านวงน้ำกระเพื่อม ที่ได้ยินกระทั่งเสียง…

ภาพที่เห็นเป็นภาพบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นตา…บ้านหลังนั้น คือบ้านของหมอผี ที่พวกเขาตามชวรัตน์ไปเมื่อตอนหัวค่ำ ร่างหนาปราดเปรียวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในม่านน้ำเหนือตัวบ้าน เสียงคำรามและเสียงฮึดฮัดดังเบา ๆ ดวงตาเรืองแสงวาบวับ หัวที่มีเขาโง้งดำขลับขยับส่ายไปมา ก่อนตรงเข้าขวิดพื้นที่อาณาเขตศัตรูแทบจะในทันที

เสียงเปรี๊ยะดังลั่นจากการปะทะที่อาณาเขตอันศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย ก่อนร่างหนาสูงใหญ่นั้นจะกระเด็นสะท้อนกลับ มันถอยมาตั้งหลักแล้วตั้งท่าพุ่งใส่เข้าใหม่โดยไม่รอรีอีกครั้ง

หลังจากพยายามชนซ้ำ ๆ ม่านฟ้าเหนือตัวบ้านเริ่มคล้ายมีรอยร้าว เสียงเปรี้ยง ๆ ดังไม่มีหยุด เมื่อเขาอันแหลมคมกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนร่างนั้นจะถอยผงะหยุดชะงัก เมื่อเห็นร่างใหญ่โตของสัตว์อาคมของอีกฝ่าย ซึ่งยืนจังก้าขวางทางไว้อย่างเห็นได้ชัด

ทั้งคู่ยืนคุมเชิงกันเป็นครู่ดึงความสนใจกันและกันไว้ ในขณะที่เจมส์บอกให้ปรางทิพย์ติดต่อกับธนัท ส่งสัญญาณให้ลอบเข้าไปได้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 18-10-2011 11:50:11
ธนัทที่จอดรถรออยู่นานแล้วรับโทรศัพท์จากปรางทิพย์ หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย เขาก็เริ่มปฏิบัติการ เพราะดูลาดเลามาก่อนล่วงหน้าแล้ว ทำให้การเคลื่อนไหวนั้นคล่องแคล่วว่องไวนัก เขาขยับแนบกำแพงบ้านเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ก่อนค่อย ๆ โหนตัวปีนลงบริเวณบ้าน บ้านของหมอคงเป็นบ้านขนาดไม่ใหญ่นัก และด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบยุ่งกับใคร จึงไม่มีคนงานพักในบ้านยามค่ำคืน ส่วนใหญ่แล้วจะมาและกลับไปก่อนจะมืด เนื่องจากบริเวณบ้านเลี้ยงสิ่งเหนือธรรมชาติไว้มากจนยากจะหาใครกล้าอยู่ค้างยามค่ำคืนได้

เหตุการณ์ต่อสู้ที่เกิดขึ้น ธนัทล้วนมองไม่เห็น ภาพที่เกิดเห็นได้เพียงในญาณพิเศษของหมอผีด้วยกันเท่านั้น และแน่นอน…ผลกระทบจากการต่อสู้ ก็ย่อมตกต่อคนก่อเพียงเท่านั้นเช่นเดียวกัน

ไสยดำไม่เคยทำให้ใครได้ดี… แต่เจมส์ไม่มีทางเลือก แต่เขาก็จะพยายามจะใช้มัน…โดยไม่ต้องถึงกับพรากชีวิตผู้คน ผิดกับหมอคง ที่ไม่มีลังเลกับการใช้งาน และนั่น…ทำให้เจมส์ตกเป็นรองอย่างช่วยไม่ได้

แต่การดึงความสนใจของหมอผีไป ย่อมทำให้ธนัทลงมือได้สะดวกขึ้น และเขาก็หวังว่าอีกฝ่าย คงไม่รู้ตัวเร็วนัก ถึงการมีผู้บุกรุกเข้ามาในบริเวณบ้าน หรือถ้ายังรู้ตัว เจมส์ก็จะพยายามขัดขวาง ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!

ในตอนนี้ตัวบ้านยังคงเงียบเชียบ ไม่มีสัญญาณของสิ่งชั่วร้ายใด ๆ มาต่อต้านการบุกรุก ธนัทถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เมื่อมาหยุดอยู่ที่ชายคาบ้านได้สำเร็จ ภายในบ้านมีไม่กี่ห้องที่ยังเปิดไฟ และเขาคาดได้ว่า บริเวณดังกล่าวนั้น ย่อมต้องเป็นบริเวณที่มีคนอยู่

พวกนั้นจะจับปวินต์ไปไว้ที่ไหนกันนะ? เขาเองก็เสี่ยงมาก ที่ลอบเข้ามา โดยไม่รู้กระทั่งแผนผังของบ้านดีนัก เพราะด้านในยังคงไม่สามารถจะเข้าไปสำรวจได้อยู่ดี หากขณะกำลังลอบมองห้องที่มีไฟเปิดสว่างนั้น เขาก็ได้เห็นหมอคง กำลังรวบรวมสมาธิ สวดมนต์และจดจ่อกับอะไรบางอย่าง สายตาเขาดีพอจะเห็นอีกด้วยว่าที่ด้านข้างห้องอันเป็นส่วนมืดอันลับตานั้น มีร่างของใครบางคน กำลังลอบมองมา ร่างนั้นเอนอิงตัวผนังเสียแนบชิด เคลื่อนไหวเชื่องช้าราวไร้เรี่ยวแรง แต่ถึงอย่างนั้น ท่วงท่าที่เห็นกลับคล้ายพร้อมจู่โจมเข้าไปภายในได้ทุกเมื่อ

เขาพอจะจำรูปร่างนั้นได้ แม้จะเห็นไม่ชัดนัก แต่คนที่กำลังลอบจ้องมองการทำพิธีของหมอคงอยู่นั้น คงเป็นปวินต์!

มือของธนัทเริ่มชื้นเหงื่อ ปวินต์กำลังมองการทำพิธีนั้นอย่างตั้งใจและคล้ายกำลังตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มใจหายวูบเมื่อคิดได้ว่า อีกฝ่าย คงกำลังพยายามจะช่วยเคนแน่ ๆ

“พี่นัท…ห้ามพ่อวินต์ไว้…อย่าให้เขาเข้ามา…เอาตัวเขาออกไป เร็วเข้า!”

เสียงเด็กน้อยดังเข้ามาในจิตสำนึก ทำให้เขาชะงัก แม้มันจะดูอ่อนล้าเต็มที เขาค่อย ๆ แฝงตัวเข้าไปอย่างเชื่องช้ากว่าเก่า แล้วรวบตัวคนกำลังแอบอยู่นั้นไว้

ปวินต์สะดุ้งเฮือก พยายามดิ้นรนต่อต้าน แต่เสียงกระซิบที่คุ้นหู ทำให้เขาหยุดดิ้นไปเลย “นี่นาย!”

“ผมเองครับคุณวินต์ อย่าเข้าไปนะครับ” ธนัทรีบเบรกอีกฝ่ายไว้

“แต่ว่า…” ร่างนั้นพยายามจะขัดขืน ทั้ง ๆ ที่ยังคงไร้เรี่ยวแรง มือที่เกาะตัวธนัทไว้แทนที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้ล้ม ยังคงเกร็งแน่น “เคน…ต้องช่วยเคน…ได้โปรดเถอะ ช่วยเด็กคนนั้น” เขาอ้อนวอนทั้งน้ำตา มือที่กำแน่นแสดงชัดถึงความเจ็บปวดใจ

“มันทำอะไรเคน” ธนัทถามอย่างรวดเร็ว

“ฉันเห็น…เจ้านั่นใช้ตุ๊กตาตัวนั้น…รองรับการต่อสู้ที่มองไม่เห็น ฉันได้ยินเสียงเคนร้อง…เขาทรมานมาก ใครบางคน กำลังสู้กับเจ้าหมอผีนั่น…แล้วเคน…”

ภาพที่เห็นทำให้ธนัทชะงักไม่ต่างกัน ตุ๊กตาตัวนั้น ปั้นเป็นรูปเด็กน้อย ที่เขาเห็นจนชินตา แม้จะเป็นคนละตัวกับที่มีในบ้านของเจมส์ และที่เห็นได้ชัด ร่างตุ๊กตานั้นกำลังปริแตก…เป็นรอยร้าวที่มีเลือดไหลซึม เสียงร้องที่พยายามอดทนกล้ำกลืนไว้ ดังมาเป็นระยะ อย่างสุดแสนจะบาดใจ

“เด็กคนนั้นพยายามจะช่วยฉัน…ช่วยเขา…ช่วยเขานะ” ร่างนั้นแทบจะยืนไม่อยู่แม้จะยังพยายามอ้อนวอน

“หนีไป…พี่นัท…พาพ่อวินต์ออกไป…อย่าให้ความพยายามของผมเสียเปล่า…พี่ตัดตัวผมจากการควบคุมของหมอผีนี่ไม่ได้หรอก เขาผูกมัดตัวผมไว้…ถึงพ่อมาเอง…ก็ตัดไม่ได้อยู่ดี”

“ฉันต้องช่วย…!” ปวินต์พยายามดิ้นรน แต่ธนัทที่ตัดสินใจได้ในเสี้ยววินาที ใช้ข้อมือฟันที่ท้ายทอยชายหนุ่มจนหมดสติไป ดีว่าธนัทมีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง ทำให้เขาสามารถหยุดคนที่กำลังคุ้มคลั่งตรงหน้าได้

เขารู้ดีว่าสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือรีบล่าถอยออกไป และสั่งให้เจมส์…หยุดการใช้อาคม โดยเร็วที่สุด

ให้ปวินต์ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยหาทางชิงตัวเคนกลับมาก็ยังไม่สาย

แต่ต้องให้เจมส์รีบหยุดการต่อต้านทุกอย่าง…โดยทันที!

ร่างคล่องแคล่วอุ้มตำรวจหนุ่มที่ไม่ได้สติ แล้วรีบหลบออกจากตัวบ้านไปอย่างรวดเร็ว

พอถึงที่รถ เขาก็วางร่างที่หมดสติลงที่เบาะหลัง ก่อนโทรศัพท์หาปรางทิพย์โดยเร่งด่วน

“บอกเจมส์ให้หยุดใช้อาคมเดียวนี้!” เสียงของเขาแทบจะเป็นเสียงตะโกน…ใช่ เพราะเสียงทรมานของเด็กคนนั้น ยังคงติดหูเขาไม่หาย เจมส์จะต้องหยุดการจู่โจมทั้งหมด พวกเขา…ยังทำอะไรเจ้าหมอผีนั่นไม่ได้

เจ้าเล่ห์นักนะ แล้วแบบนี้ เจมส์จะสู้ได้อย่างไรกัน

“เกิดอะไรขึ้นคะพี่นัท” ปรางทิพย์ถามขึ้นอย่างร้อนรน เธอรีบบอกเจมส์ให้หยุดการต่อสู้แทบจะในทันที

“พวกมันใช้เคนเป็นตุ๊กตารับเคราะห์…การจู่โจมทั้งหมด เจ้าหมอผีมันไม่เป็นอะไรเลย แต่เคน…เคน”

มือแข็งแรงคว้าโทรศัพท์จากปรางทิพย์มาพูดเสียเอง เพราะเด็กสาวเริ่มตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก

“อะไรกันเจ้านัท เคนเป็นยังไง”

“เด็กคนนั้น…บาดเจ็บมาก จากการต่อสู้กับนาย!”

คนฟังชะงักค้าง แทบจะทำโทรศัพท์ร่วงจากมือแล้ว แต่เพราะร่างเล็ก ๆ ที่ยังคงตัวสั่น ซึ่งยึดชายเสื้อเขาไว้ ทำให้เขารู้สึกว่าต้องเข้มแข็งขึ้น มือที่ถือโทรศัพท์กระชับกว่าเดิม ก่อนกรอกเสียงถามกลับไปว่า

“นายได้ตัวคุณวินต์มาแล้วหรือยัง”

ธนัทที่ยังคงอยู่ในสภาวะที่ตกใจพยายามตั้งสติเมื่อได้ยินเสียงหนักแน่นถามมา เขารีบตอบกลับไปว่า

“ฉันได้ตัวเขามาแล้ว ขนาดไม่มีแรงยังดื้อจะช่วยเคนให้ได้ แต่ฉันไม่กล้าเข้าไประหว่างพิธี เพราะกลัวว่าแทนที่จะช่วยได้ จะกลายเป็นแย่กว่าเก่า ฉันเลยจัดการทำให้สลบไปแล้ว จากนั้นก็โทรมาหานายนี่ล่ะ”

เจมส์หายใจเข้าลึก เขารู้ดีว่าในยามนี้ สติต้องมาก่อน “นายทำถูกแล้ว รีบเอาคุณวินต์ออกมาจากที่นั่น ให้เร็วที่สุดเลยนะ”

“แต่เจมส์…เคนล่ะ”

“ฉันพอจะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราฝืนเอาตัวเคนมาจากเจ้าหมอผีนั่นตอนนี้ โดยไม่ให้เคนได้รับอันตรายไม่ได้หรอก เชื่อฉัน พวกนายกลับมาก่อน แล้วเราค่อยวางแผนกันอีกที”

ธนัทมองร่างที่สลบอยู่พลางถอนหายใจ ห่วงเคนเขาก็ห่วง สภาพเด็กคนนั้นดูไม่ดีเลยจริง ๆ แต่ถ้าเป็นอย่างที่เจมส์พูด เขาก็คงต้องเชื่อเจมส์เท่านั้น

“ตกลง เดี๋ยวฉันจะรีบกลับไป” เขาตัดสายก่อนจะขับรถกลับมาทั้งอย่างนั้น…



ร่างที่โงกหลับสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างงุนงง และงงหนักกว่าเก่า เมื่อเห็นคนปลุกเป็นหมอคงเสียได้ เตียงด้านข้างที่ว่างเปล่าทำให้คนมองมาชะงักและเริ่มโวยวายอย่างหัวเสีย เขาพอจะคาดเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ปวินต์…ที่ดูไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับตัวด้วยซ้ำ กลับหายตัวไป

“ปวินต์ล่ะ…เจ้านั่น…ทำไมฉันหลับไปได้ล่ะเนี่ย” สารวัตรธนดลพึมพำอย่างตกใจ มือใหญ่ลูบหน้าซ้ำ หมอคงมองมาอย่างไม่แปลกใจนัก ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พวกนั้นเข้ามาช่วยเจ้าหญิงออกไปแล้ว”

“อ้าว แล้วหมอคงไม่…” คนฟังเริ่มฮึดฮัด เพราะเป้าหมายถูกชิงตัวไปง่ายจนเขาแทบไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมน่ะรู้ตัวตั้งแต่มันเข้ามาแล้ว แต่ปล่อยให้มันพาตัวเจ้าหญิงกลับไปเอง”

“ทำไมล่ะ เราจะเสียเปรียบนะ”

“หึ ไม่หรอก แต่ผมต้องทำแบบนี้ เพราะนี่…คือข้อตกลง ที่ผมทำไว้ กับเจ้าเด็กกุมารทองนั่น ไม่อย่างนั้นมันคงไม่มีกระทั่งแรงจะเดินได้หรอก!”

“หมายความว่าไงกัน” คนถามเริ่มงุนงง

“ปล่อยให้ปวินต์กลับไปอย่างปลอดภัย นั่นคือเงื่อนไข ที่เด็กนั่นยื่นให้ฉัน ก่อนจะยอมทำสัญญาผูกมัดกับตัวผมเพื่อเป็นตัวรับเคราะห์แทน…ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ”

“หมายความว่า หมอคงใช้กุมารทองนั่นเป็นตัวรับเคราะห์งั้นเหรอ” ธนดลเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“ใช่ การจะใช้ ต้องได้รับการยินยอมจากตัวกุมารทองเองด้วย และนั่น…คือสิ่งที่เด็กคนนั้นต้องการ”

“แล้วคุณก็เลยปล่อยไป?”

“หึ พวกมันจะทำอะไรได้ ในเมื่อฤทธิ์ยาสั่งยังคงอยู่ เรื่องนี้อยู่นอกเหนือข้อตกลงอยู่แล้ว และผม…ยังสามารถควบคุม ทำให้เจ้านั่น ทรมานจนตายเมื่อไหร่ก็ได้ และที่สำคัญ ไม่ว่าเจ้าหมอผีมือใหม่จะลงมือทำคุณไสยอะไรกับตัวผม มันจะกลายเป็นการทรมานกุมารทองของมันเอง!”

ว่าพลางพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจนคนฟังอดจะขนลุกตามไม่ได้ “ปล่อยมันกลับไปนั่นแหละดีแล้ว…ให้พวกมันได้เห็นตอนกำลังทรมาน…ให้เห็นตอนกำลังใกล้จะตายอย่างใกล้ชิด พวกมันจะได้ไม่ต้องคิดมาก…และพร้อมจะส่งของที่เราต้องการทั้งหมด มาให้พวกเรา!”

คนฟังหัวเราะแห้ง ๆ กลบเกลื่อน แม้จะสยองอยู่มาก

“คุณนี่นะ ร้ายจริง จริง ๆ ก็ตั้งใจจะส่งเจ้าหญิงคืนให้พวกนั้นอยู่แล้วไม่ใช่รึ ไม่เห็นต้องตั้งรับต่อสู้กับเจ้าหมอผีนั่นให้เสียเวลาเลย”

ดวงตาคมเป็นประกายกล้าอย่างน่ากลัว แล้วหัวเราะอย่างพึงพอใจ

“มันก็ใช่…แต่ว่า เรื่องอะไรจะยอมให้มันง่าย ๆ พวกมันหยามผมมากเกินไปแล้ว…ดังนั้น จะต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียหน่อย ว่าคิดต่อต้านผม…แล้วจะเกิดอะไรขึ้น!”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-10-2011 11:53:39
เคนทำสัญญาอะไรกับเจ้าหมอคงหว่า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-10-2011 12:12:54
งืออ
เคนน่าสงสารมาก ทำยังไงถึงจะช่วยเคนได้นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 18-10-2011 12:19:12
 :monkeysad:โธ่..น้องเคน น่าสงสารอ่ะ ฮีโร่มากๆ ทำเพื่อพ่อเจมส์กับพ่อวินต์แท้ๆ เศร้าง่า :o12:

ทีนี้เจมส์จะสู้ไงล่ะเนี่ย :z3:

เปิดซิงเป็ดตอนนี้ ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 18-10-2011 12:53:37
ง่ะหนูเคน :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Na_RimKLonG ที่ 18-10-2011 12:56:46
เคนอ่าาาาาาาาาาาา

T^T   :o12:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 18-10-2011 14:10:13
สงสารเคนอ่ะ

 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 18-10-2011 15:47:25
โฮ!!! เคนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-10-2011 16:47:24
สงสารเคน  ต้องช่วยเคนออกมาให้ได้นะ
หมอคงมันร้ายอ่ะ 
ร้ายๆแบบนี้อาดลระวังตัวเอาไว้เถอะ ร่วมมือกับเขาดีนัก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tanuki ที่ 18-10-2011 16:51:38
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 18-10-2011 17:42:26
โอ๊ย   เซ็งมากถึงมากที่สุดเลยครับ    เซ็งเพราะอยากอ่านต่อมากๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 18-10-2011 17:54:14
 :3125:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 18-10-2011 18:08:32
ค้างตลอด
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 18-10-2011 18:09:55
นู๋เคน น่าสงสารมากกกกกกกกก  :o12:
 :z6: พวกเล่นไสยดำ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 18-10-2011 18:42:01
สงสารเคนอะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 18-10-2011 20:00:17
สงสารน้องเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 18-10-2011 22:06:24
เลวขั้นสุดเลย หมอผีคง
เจ้าเล่ห์จอมมารร้าย สารเลว
มีคำด่าอื่นอีกมั้ยเนี่ย -*-
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 18-10-2011 23:06:35
อำนาจพุทธคุณชนะมนต์ดำต่ำช้าฉันใด พ่อเจมส์ย่อมชนะไอ้หมอ(หมา)คงฉันนั้น


เป็นกำลังใจให้พ่อเจมส์ช่วยลูกเคนกับแม่หญิงวินต์ให้ได้โดยไว


นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อเจมส์เป็นคนดี.... ก็อยากจะยุเปิ้นหื้อส่งอีเม้ยไปจั๊ดก๋านไอ้จ้าดง่าวคงนั๊ก

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-10-2011 00:01:40
 :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:

สงสารเคน น้ำตาจะไหล
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: CMYK ที่ 19-10-2011 00:18:06
สู้ๆนะเคน สู้เพื่อพ่อ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 13 (18/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 21-10-2011 00:45:32
หมอคง!! จะเลวเกินไปแล้วนะ    :beat: :beat: :beat: :z6: :z6:   :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 23-10-2011 21:04:22
สืบเสน่หา

ตอนที่ 14



เสียงแตรรถกดสั้น ๆ เรียกที่หน้าประตู ทำให้คนที่นั่งใจคอไม่ดีอยู่ในบ้านแทบผวา เด็กสาวที่นั่งรอใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสะดุ้งเฮือก เธอรีบผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนบอกว่า “ปรางไปเปิดประตูนะคะ”

    ไม่มีอำนาจชั่วร้ายตามมาจนรู้สึกได้ เจมส์จึงพยักหน้ารับ ปล่อยให้เด็กสาวออกไป ในขณะที่ตัวเขาเองยังคงง่วนอยู่กับการตรวจสอบตุ๊กตากุมารทองที่เคนเคยใช้สิงสถิตย์อย่างเคร่งเครียด

    เคนเป็นกุมารทองที่อยู่กับเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อ โดยการทำข้อตกลงบางอย่างร่วมกัน การผูกมัดกันและกันไว้ ทำให้วิญญาณไม่สามารถไปไหนได้ แต่สาเหตุที่พ่อเขาต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะต้องการช่วยเคน จากหมอผีที่ชั่วร้าย ซึ่งเป็นคนดูแลเคนก่อนหน้านี้

แต่ในยามนี้ที่พ่อของเขาตายจากไป สัญญาณนั้นก็คล้ายถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และตัวเขาเอง ก็ไม่ได้คิดจะเหนี่ยวรั้งเด็กคนนี้ไว้ ด้วยพันธสัญญาพวกนั้นอีก ดังนั้นระหว่างเขากับเคน จึงมีเพียงสัญญาทางใจว่าจะไม่ทิ้งกันเท่านั้น

กุมารทองที่ไม่มีเจ้าของจากการทำสัญญา จึงสามารถทำสัญญากับผู้อื่นได้อีก โดยเฉพาะยามห่างไกลตุ๊กตาที่ใช้สิงสถิตย์เดิมจนอ่อนฤทธิ์ลงเช่นนี้

และนั่นเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เคนตกลงอะไรกับเจ้าหมอผีนั่น…การตัดสัญญา ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย พ่อของเขา ต้องยอมลดทอนอายุขัยตนเองอีกหลายปี เพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนนี้ ก่อนจะได้รับเด็กคนนี้มา

แต่ในตอนนี้ เคนกลับไปทำสัญญากับเจ้าหมอผีนั่น…เขาไม่รู้ถึงเงื่อนไขของสัญญานั้น แต่แน่ใจว่าทุกอย่างที่เคนทำ จะต้องเพื่อช่วยเหลือตัวเขาและปวินต์ไว้แน่ ๆ



ประตูเปิดออกอีกครั้งโดยปรางทิพย์ เด็กสาวเอี้ยวตัวหลบให้ธนัทซึ่งอุ้มปวินต์ที่ยังไม่ได้สติเข้ามา สีหน้าของเธอยังคงไม่ดีนัก แต่ก็อุ่นใจเล็กน้อยที่ได้เห็นหน้าผู้เป็นพี่แม้ว่าจะยังไม่ได้สติ

เจมส์ลุกขึ้นจากการทำพิธีแล้ววางตุ๊กตากุมารทองลง เขารีบนำพาอีกฝ่ายไปยังห้องนอนของตน แล้วจัดแจงให้คนยังไม่ได้สตินอนลงอีกครั้ง สองหนุ่มสบตากันก่อนที่เจมส์จะหันมาหาเด็กสาว “พี่ฝากคุณวินต์ไว้หน่อยนะครับน้องปราง”

ปรางทิพย์เห็นสีหน้าของเจมส์ที่ยังคงเคร่งเครียด ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องที่ใบหน้าซีดเผือดของปวินต์อย่างเป็นห่วง เจมส์เห็นดังนั้นจึงก้าวยาว ๆ ออกมาจากห้อง โดยมีธนัทตามมาด้วย ท่าทางของเขาซีเรียสกว่าเดิม เมื่อถามกลับไปว่า

“เคนเป็นยังไงบ้าง”

ธนัทยังคงนิ่งเงียบ ภาพตุ๊กตาที่มีแต่บาดแผลปริแตก เลือดสีแดงสดที่ค่อย ๆ ไหลริน เสียงร้องที่สุดจะข่มกลั้นความทรมานไว้ แม้จะยังเด็ก แต่เคนก็อดทนสุดความสามารถแล้ว และทั้งหมด…ก็น่าจะทำเพื่อให้ปวินต์…หนีกลับมาพร้อมกับเขาได้นั่นเอง

แต่เขาจะบอกเล่าเรื่องพวกนี้ ให้เจมส์ผู้เปรียบเสมือนพ่อของเด็กน้อยฟังได้อย่างไร

ในเมื่ออาคมร้ายกาจทั้งหมดที่ถาโถมเข้าใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเจมส์ทั้งนั้น

มือแกร่งเขย่าไหล่อีกฝ่ายอย่างร้อนใจจนเก็บไว้ไม่มิด เสียงเข้มถามกลับ “บอกฉันสินัท เคน…เป็นยังไงบ้าง!”

ครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวที่คอยเยียวยาจิตใจอันอ้างว้างของเขามาตลอด…นับตั้งแต่พ่อตายจากไป

เด็กคนนั้น…สำคัญกับเขา ยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด

ท่าทางนั้นทำให้ธนัทได้แต่อ้ำอึ้ง

“ขอโทษนะ…ที่ฉันช่วยเด็กคนนั้นออกมาไม่ได้” ธนัทได้แต่พึมพำตอบไปเสียงแผ่ว เขาเองก็รู้จักเคนมาตั้งแต่เล็ก และเรียกได้ว่าเห็นอีกฝ่ายหนึ่งเป็นน้องชายที่น่ารักมากคนหนึ่ง เพราะเคนมักจะขี้เล่น และเข้าขาได้ดีกับตัวเขา เวลาจะรวมหัวกันหยอกล้อแกล้งเจมส์อยู่เสมอ

“เขาพยายามที่จะช่วยพวกเรา ถึงได้เป็นแบบนี้สินะ” เจมส์พึมพำออกมา ถึงธนัทจะไม่เล่า แต่เขาก็พอคาดเดาเหตุการณ์ได้ ยิ่งพบว่าสายสัมพันธ์ทางวิญญาณระหว่างตัวเขากับเด็กคนนั้นถูกตัดขาด เขายิ่งรู้สึกแน่ใจ

เคนตัดทางเชื่อมระหว่างตัวเขากับตนเองออกอย่างจงใจ เพื่อไม่ให้อีกฝ่าย สามารถส่งของร้ายย้อนกลับมาทำลายตัวเขาได้

และการที่ยินยอมทำสัญญาใหม่กับเจ้าหมอผีนั่นขึ้นมา ย่อมยิ่งแสดงว่า ข้อตกลงพวกนั้น…ต้องทำขึ้นเพื่อช่วยปวินต์…คนที่เคนรู้ดี ว่าเป็นคนสำคัญของเขา อย่างแน่นอน

ท่าทางที่ดูนิ่งกว่าที่เคย ทำให้ธนัทแอบกลัวอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

เจมส์กำลังโกรธ…และยังโกรธมากเสียด้วย คนที่ทำร้ายคนในครอบครัวเขา เป็นสิ่งที่เขาอภัยให้ไม่ได้

“นายต้องใจเย็น ๆ นะเจมส์ ถ้านายใจร้อนบุ่มบ่ามทำอะไรลงไป คนที่จะลำบากมากขึ้นก็คือเคนนะ” ชายหนุ่มพยายามเรียกสติผู้เป็นเพื่อน

“อีกอย่าง…คุณวินต์เองก็ดูอาการไม่ค่อยดีเลย ฉันว่า…นายไปดูเขาหน่อยดีกว่านะ”

มือแกร่งกำแน่นอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ร้อนให้ลดลง ก่อนจะมองหน้าธนัทแล้วพูดว่า “ฉันรู้ดีนัท…ไสยดำ…ไม่เคยทำให้ใครได้ดี…พ่อพูดไว้เช่นนั้นเสมอ” เสียงของเขาเศร้าลงเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาเข้มเหมือนเก่า “จะยังไงฉันก็ต้องช่วยเคนให้ได้ เด็กคนนั้นเป็นครอบครัวของฉันเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่”

“ฉันเชื่อว่านายทำได้ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ทุกอย่างต้องมีทางแก้”

“ขอบใจนะนัท ฉันจะพยายามอดทน”

หากยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาดังโครมคราม ก่อนที่ร่างบอบบางที่ดูแตกตื่น จะเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าอันตื่นตระหนก

“พี่เจมส์คะ…พี่วินต์แย่แล้ว ช่วยด้วยค่ะ!” เธอว่าพลางวิ่งนำกลับไปยังห้องที่จากมา

เจมส์และธนัทมองหน้ากัน ก่อนรีบวิ่งตามเธอกลับไปยังห้องนอนทันที



บนเตียงนั้น ปวินต์ในชุดที่ผลัดเปลี่ยนใหม่แล้ว ด้วยฝีมือของผู้เป็นน้องสาว นอนอยู่บนนั้น หากร่างนั้นดิ้นรนกระสับกระส่าย แม้จะยังไม่ได้ลืมตา ร่างกายที่ปั่นป่วนทรมานอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คนมาใหม่ตะลึงงันอย่างตกใจ

“คุณไสย…เขาโดนคุณไสย…บางทีอาจจะเป็น” เจมส์พึมพำ เขารู้สึกใจหายวาบ กับภาพที่เห็น

ร่างนั้นไอออกมาอย่างอึดอัด มีเลือดเล็กน้อยปะปน คนมองยิ่งตกตะลึง อาการไอเป็นเลือด…และอีกหน่อย…จะเริ่มเป็นลิ่มเลือดสด ๆ มากขึ้นทุกที…มีตะปูและของมีคม ปะปนมาด้วย มันคืออาการที่ชิดชัยเป็น…จนถึงแก่ความตาย!

แม้ตอนนี้จะยังมีแค่เลือดซึมเพียงเล็กน้อย แต่มันก็บอกได้ชัดถึงอาการขั้นต้น

ปวินต์โดนยาสั่งงั้นรึ เมื่อไหร่กัน!

เจมส์มองมาด้วยสีหน้าที่ซีเรียสกว่าเก่า สิ่งที่เขากำลังกลัว มันจะกลายเป็นจริงงั้นหรือ

เขายังไม่สามารถแก้ฤทธิ์ยาสั่งนั้นได้เลย เหมือนในครั้งนั้น…ที่ต้องปล่อยชิดชัยตายจากไป โดยไม่อาจช่วยไว้ได้

“พี่วินต์คะ…พี่วินต์!” เด็กสาวพยายามจับตัวผู้เป็นพี่ชายไว้ เธอกอดร่างเขาพลางร่ำไห้ เลือดที่ปะปนออกมาทำให้เธอใจหายวาบ ท่าทางที่อึดอัดทรมาน เหงื่อที่ผุดพรายทั่วตัว และมือที่เกร็งแน่น เห็นได้ชัดว่ากำลังเจ็บปวด

เจมส์มองมาก่อนรีบตัดสินใจช่วยอย่างเร่งด่วน เขาวิ่งกลับไปยังห้องพระ หยิบขันน้ำมนต์และผ้าขึ้นมา มือแกร่งส่งผ้ากับขันน้ำมนต์ให้ปรางทิพย์ ก่อนเริ่มต้นปลดกระดุมเสื้อของปวินต์ที่ยังไม่ได้สตินั้น

“ชุบน้ำให้พี่หน่อยครับ พี่จะใช้น้ำมนต์เช็ดตัวเขา ต้องล้างฤทธิ์อาถรรพ์ออกไปให้มากที่สุด” เจมส์สั่งเด็กสาวเบา ๆ

ปรางทิพย์ส่งผ้าชุบน้ำมนต์หมาด ๆ ให้ชายหนุ่ม เจมส์รับมาอีกครั้งก่อนสวดมนต์อย่างช้า ๆ พลางค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดตัวปวินต์ไปด้วย มือแข็งแกร่งที่ค่อย ๆ เวียนซับทั้งใบหน้าและร่างกายนั้นอย่างตั้งใจและมีสมาธิ เนิ่นนานทีเดียว กว่าร่างที่เกร็งแน่นค่อย ๆ ผ่อนคลายลงทีละน้อย จนในที่สุดก็สงบลงได้

ชายหนุ่มถอนใจยาว ก่อนจะค่อย ๆ จับร่างบอบบางนั้นให้นอนลงอีกครั้ง

“ตอนนี้คงค่อยยังชั่วแล้วล่ะนะ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่แววตาของเขากลับยังดูกังวล ยังไม่ทันได้โล่งใจอันใด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทุกคนมองหน้ากัน ก่อนปรางทิพย์จะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ของปวินต์ ที่เธอวางแยกไว้ออกมา

เธอมองเบอร์ที่โทรมานั้น ก่อนจ้องหน้าเจมส์อย่างตื่น ๆ

“สารวัตรธนดลค่ะ”
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 23-10-2011 21:07:16
เจมส์คว้าโทรศัพท์จากเด็กสาวมาพูดเสียเอง

“สวัสดีครับ คุณเจมส์ใช่ไหมครับ” เสียงนุ่ม ๆ กวน ๆ นั้นทำให้แน่ใจว่าใช่เจ้าตัวแน่ ๆ

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” เจมส์ตอบเสียงห้วน ยังคงเคืองไม่หายด้วยรู้ว่าเป็นคนลักพาตัวปวินต์ไปแน่ ๆ และอาการของปวินต์ที่เห็นชัดในตอนนี้ ก็คงเป็นฝีมือคน ๆ นี้เช่นเดียวกัน

คนฟังหัวเราะเบา ๆ “คุณนี่นะ ไม่รับแขกเอาเสียเลย อ้อ…ว่าแต่ว่าคุณคงเห็นอาการของ ‘เขา’ แล้วใช่ไหม”

มือของเจมส์กำโทรศัพท์แน่น ก่อนถามกลับไป “แก…ทำอะไรคุณวินต์น่ะ!”

“ไม่สุภาพเลยนะครับ ผมน่ะ เป็นแค่ผู้ส่งข่าวเท่านั้น หมอคงฝากมาบอกว่า เมื่อกี้…แค่การทักทายเท่านั้น อาการจะค่อย ๆ กำเริบ …และจะรุนแรงขึ้น…มากขึ้นทีละนิด…กัดกร่อนชีวิตไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะตาย คุณมีเวลาแค่ 3 วันเท่านั้น ในการตัดสินใจ ก่อนที่คนสำคัญของคุณ…จะทรมานจนตายแบบชิดชัย!”

“กะ…แก!”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้ายังอยากช่วยชีวิตของเขา…คุณรู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าจะต้องทำยังไง โทรมาหาผม เมื่อคุณตัดสินใจได้ก็แล้วกัน อ้อ…อย่าลืมว่าถ้าคุณโจมตีอะไรใส่หมอคงอีกล่ะก็ คงรู้นะ…ว่าเด็กคนนั้น จะเป็นยังไง” คำพูดสุดท้ายดักคอชายหนุ่มได้ชะงัดนัก และพอพูดจบอีกฝั่งก็ตัดสายไปในทันที

“เดี๋ยวสิ!” เจมส์พยายามเรียกไว้ แต่อีกฝ่ายวางหูไปเรียบร้อยแล้ว

ร่างสูงของเจมส์ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้ใกล้ ๆ เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ อย่างหนักใจกว่าเดิม

ตอนนี้เขาเสียเปรียบอีกฝ่ายแทบทุกประตูแล้ว…จะมีทางไหนบ้าง ที่เขาจะช่วยปวินต์ได้

คำตอบในตอนนี้มีเพียงการส่งมอบของพวกนั้นกลับคืนไป…แต่ว่า…ทำแบบนั้น จะดีแล้วงั้นหรือ?

มีเวลาอีกสามวันเท่านั้น…สำหรับการตัดสินใจ แต่ถ้าปวินต์ยังต้องทรมานขนาดนี้ เขาจะทนไปได้สักแค่ไหนกัน

ต้องเดิมพันกับความรู้ทั้งหมดที่มีเสียแล้ว เขาก็ได้แต่หวัง ว่าจะมีสักอย่างที่จะช่วยชีวิตของปวินต์ไว้ได้

ขอให้มันมีเถอะน่า ไม่ว่าจะวิธีการยากลำบากแค่ไหน เขาก็จะต้องทำให้ได้!



    ปวินต์ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมึนงง เขายังคงรู้สึกคลื่นไส้และเวียนหัวอยู่เล็กน้อย แม้ว่าร่างกายจะไม่ไหว แต่สมองของเขายังคงพอทำงานได้บ้าง ดังนั้นพอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง ซึ่งแทบจะโงกหลับไปแล้ว แต่พอเขาขยับตัวเพียงนิดเดียว อีกฝ่ายก็แทบจะผุดลุกพรวดขึ้นมาอย่างยินดี ที่เห็นเขาลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุด

“คุณวินต์” เขาร้องเรียกก่อนถามต่อไปว่า “จำได้ไหมครับ ว่าผมเป็นใคร”

“….” ปวินต์นิ่งคิดไปเป็นครู่ สมองของเขามึนงงและสับสนมากพอดู “เจมส์…สินะ ที่นี่…”

เจมส์ส่งยิ้มน้อย ๆ มาให้ แม้มันจะแฝงความเศร้าอยู่ลึก ๆ “ที่นี่บ้านผมเองครับ”

“ฉัน…มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ปวินต์หลับตาลง และพอคิดทบทวนเหตุการณ์แล้ว คนป่วยก็แทบจะลุกพรวด ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีเรี่ยวแรงอย่างตกใจ

    “เคน…เคนล่ะ….เคนล่ะเจมส์” เสียงละล่ำละลักรีบถาม

    คนถูกถามชะงัก ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ

    “ไม่นะ…ทำไมนายไม่ช่วยเขามาด้วย เด็กคนนั้น..กำลังทรมานมากนะ ช่วยเขาด้วย…ช่วยเขานะเจมส์” เสียงที่ยังคงแหบพร่าพร่ำย้ำ ด้วยดวงตาที่เอ่อคลอ ความเป็นห่วงเด็กน้อย ทำให้แทบจะลืมเลือนอาการเจ็บป่วยของร่างกายไปหมดสิ้น

    “ผมขอโทษครับ…ที่ผมมันไม่ได้เรื่องเอง” ชายหนุ่มพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามสะกดกลั้นไว้จนราบเรียบ มือเพรียวทุบที่ตัวเขาอย่างไม่ยินยอม แม้มันจะไม่แรงจนเขาเจ็บ เพราะอีกฝ่ายแทบไม่เหลือแรงแล้ว แต่ในใจของเขากลับเจ็บเสียยิ่งกว่า ร่างสูงปล่อยให้อีกฝ่ายโวยวายจนพอใจ แล้วกอดร่างที่สั่นระริกไว้

    “ผมขอโทษจริง ๆ ครับคุณวินต์…” อ้อมแขนที่โอบกอด รัดแน่นจนปวินต์เริ่มอึดอัด แม้น้ำเสียงนั้นจะยังเหมือนปกติ แต่มันก็บอกได้ชัด ว่าอีกฝ่ายกำลังแย่สักแค่ไหน เขาเองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าเจมส์ที่อยู่กับเด็กคนนั้นมาเนิ่นนานจนถึงตอนนี้ ย่อมจะต้องเจ็บปวดมากกว่าตัวเขา ที่พึ่งได้พบหน้ากันอย่างเทียบไม่ติด

    ไหนจะเพราะเขาเองอีกด้วยซ้ำ ที่ทำให้เคนลำบากกว่าเดิม โดยที่ไม่อาจช่วยเหลือกลับมาตามที่ได้สัญญาไว้

    แต่เจมส์ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรเลย ไม่ได้ตัดพ้อต่อว่า อย่างที่เขาเองพึ่งทำไปเมื่อครู่เสียด้วยซ้ำ

    ความเสียใจที่ฝังลึก ทำให้ปวินต์เริ่มเข้าใจ และรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย เขากอดรับอีกฝ่ายไว้ และเลิกโวยวายโดยสิ้นเชิง

    “ขอโทษนะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านายต้องทำสุดความสามารถอยู่แล้ว เพื่อช่วยเด็กคนนั้น แต่ฉัน…ก็อดจะโทษนายไม่ได้อยู่ดี ฉันมันแย่จริง ๆ”

    ชายหนุ่มขยับตัวออกมามองหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มให้พลางช่วยซับน้ำตาอย่างอ่อนโยน “ไม่หรอกครับ แค่คุณรู้สึกทุกข์ร้อนไปด้วย เด็กคนนั้นก็คงดีใจมากแล้ว”

    “ฉันเจอเขาด้วยนะ…ในความฝัน เคนมาบอกฉัน ว่าเขาจะช่วย….ให้ฉันหนีออกไปให้ได้ แต่ฉันชวนเขาหนี แต่เขากลับไม่ยอมมา…ทั้ง ๆ ที่…เขายอมเรียกฉันว่าพ่อวินต์แล้วแท้ ๆ” น้ำเสียงของเขาเศร้าลงอีก ก่อนจะนึกขึ้นได้

“จริงสิเจมส์ เด็กคนนั้น…ยังฝากข้อความมาบอกนาย…”

    “อะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มรีบถามอย่างรวดเร็ว ข้อความจากเคน อาจจะเป็นเบาะแส ที่จะช่วยอะไรได้บ้าง

    “ฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก เขาบอกว่า…ถ้าเนื้อมันกลายเป็นเนื้อร้าย นายอย่าลังเล…ที่จะทำลายมัน เพื่อรักษาสิ่งสำคัญเอาไว้…เพื่อไม่ให้ทุกอย่าง สายจนเกินไป”

    เจมส์อึ้งไปเป็นครู่ เขาเข้าใจสิ่งที่เคนต้องการจะบอกเป็นอย่างดี เด็กน้อยต้องการให้เขา…ลงมือ โดยไม่ต้องห่วงกังวลถึงตนเอง เพื่อช่วยปวินต์ไว้นั่นเอง

    หยาดน้ำตาใส ๆ ไหลระแก้มอย่างไม่อาจข่มกลั้นได้ ปวินต์มองใบหน้านั้นอย่างตกใจ เขาไม่คิดว่าจะเห็นน้ำตาจากชายหนุ่มผู้นี้เลยจริง ๆ

    “เคนหมายความว่ายังไงกัน ทำไม…นายถึงต้องร้องไห้ด้วย บอกฉันสิ”

    เจมส์สะดุ้งเมื่อรู้สึกตัว เขารีบเช็ดน้ำตาก่อนหลบสายตาอย่างว่องไว “ไม่มีอะไรครับ คุณนอนพักเสียเถอะ”

    “เดี๋ยว! นายกำลังปิดบังอะไรฉันอีกแล้วนะ” มือนั้นกุมมือชายหนุ่มแนบแน่น “เลิกทำแบบนั้นเสียที ข้อความนั่น…หมายถึงเคนใช่ไหม เด็กคนนั้น…บอกให้นายทำลายเขา เพื่อช่วย…ฉัน?”

    “ใช่ไหม…ใช่รึเปล่าเจมส์” น้ำเสียงของปวินต์ร้อนรนกว่าเดิม “นายจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ…ถึงฉันจะถูกยา…” คำพูดสะดุดลงแค่นี้ เพราะปวินต์กลับไม่ต้องการบอกออกไป

    เจมส์มองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ในตอนนี้กลับเป็นปวินต์ ที่หลบสายตาเสียได้

    “คุณก็คิดจะปิดบังผมเหมือนกันนั่นแหละครับ” เจมส์ย้อนเข้าให้ เล่นเอาคนพูดชักอึกอัก ชายหนุ่มถอนใจยาว “แต่ผมรู้หมดแล้ว…ก็ได้ครับผมจะไม่ปิดบังอีก เราจะไม่มีความลับต่อกัน ผมทราบแล้วว่าคุณถูกยาสั่ง เมื่อครู่ สารวัตรนั่นของคุณโทรมาข่มขู่ผม เขาบอกว่า…”

“ถ้าไม่เอาของไปให้ พวกนั้นจะฆ่าฉันสินะ” ปวินต์ต่อให้ เพราะจำคำพูดของธนดลได้เป็นอย่างดี ตัวเขาเองสำหรับพวกนั้นแล้ว มีค่าเพียงพอที่จะใช้เป็นตัวประกันมาต่อรองกับเจมส์มากจริง ๆ

เจมส์มองมาก่อนพยักหน้ารับ แม้จะไม่อยากเล่าต่อเลย แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมหยุด จนกว่าจะได้รู้ครบทั้งหมด ปวินต์ไม่ใช่คนโง่ เขายังจำได้ดี ว่าอีกฝ่ายเคยรุกเร้าถามเขาจนพูดไม่ออกมากมายขนาดไหน

“ครับ เขาให้เวลาผม 3 วัน และระหว่างนี้…คุณจะเจ็บปวดจากการถูกวางยานั่น มากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อถึงกำหนด ถ้าผมไม่ติดต่อไป…คุณก็จะ…”

“ฉันก็คงจะตาย เหมือนกับคุณชิดชัยสินะ” ผู้กองหนุ่มขัดขึ้นก่อนจะพูดว่า “แต่เราจะมอบของพวกนั้น ให้คนเลวไม่ได้นะเจมส์ ถึงฉันจะต้องตาย ฉันก็ไม่ยอม…ให้ของชั่วร้ายพวกนั้น ตกอยู่ในมือคนชั่ว พวกมัน จะยังไงก็ไม่ปล่อยเราหรอก นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

เจมส์พยักหน้ารับ “ครับ ผมทราบดี แต่ว่า…”

“ฉันจะไม่เป็นไร…พวกเราจะผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายนี้ไปได้ นายเคยบอกว่านายรักและภูมิใจในอาชีพของนาย ฉันก็เหมือนกัน ฉันเป็นตำรวจนะเจมส์ จะส่งของพวกนั้นให้กับคนที่จะไปทำร้ายคนอื่นต่อแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เนื้อร้าย…ที่จริงแล้วอาจจะเป็นฉันก็ได้ นายจะต้อง…เข้มแข็งกว่านี้นะเจมส์”

“ไม่นะครับ… ถ้ามันจำเป็น จะอะไรผมก็ต้องเสี่ยงทั้งนั้นแหละ” เจมส์ขัดขึ้น

ปวินต์มองอีกฝ่ายอย่างตั้งใจจริง เขารู้ดีว่าคงทำร้ายจิตใจเจมส์อีกแล้ว แต่ไม่มีทางเลือก ร่างผอมบางหายใจเข้าลึก แม้ร่างกายจะไม่ดีนัก แต่เขาก็พยายามไม่แสดงออกไป เสียงที่พูดขึ้นในตอนนั้น จึงหนักแน่นและมั่นคง โดยเฉพาะประโยคหลัง ที่ย้ำเสียจนคนฟังใจสั่นสะท้าน

“ลองนายเอาของนั่นไปให้เจ้าพวกนั้นสิ นายจะเสียฉันไปตลอดกาลแน่…ทั้งตัว…และหัวใจ!”

คำพูดนั้นทำให้เจมส์ตะลึงไปอีกครั้ง คำขู่นั้น…ช่างเป็นทางเลือกที่ยากเย็นเสียจริง

“แต่ถ้านายปล่อยฉันไว้แบบนี้…อย่างน้อย หัวใจของฉัน…ก็จะเป็นของนาย!”

เจมส์ยิ้มออกมาอย่างสุดฝืน “คุณขี้โกงอีกแล้วนะครับ แล้วแบบนี้…ผมจะพูดอะไรได้”

“นายพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว…ก็นายมันช้างเท้าหลังนี่” คนพูดหัวเราะเบา ๆ “ดังนั้นต้องเชื่อฟังฉัน เข้าใจไหม”

ร่างบอบบางเอนกายซบชายหนุ่มพลางพึมพำ

“สงครามของเรายังไม่จบ ฉันเชื่อ ว่านายจะต้องทำอะไรบางอย่างได้ ระหว่างสามวันนี้ พวกเราจะต้องรอด …เชื่อฉันนะ”

“ผม…”

“ฉันยินดีฝากชีวิตนี้ไว้กับนาย ดังนั้น…ห้ามทรยศฉัน…เด็ดขาด…ล่ะ…” เสียงแผ่วเบาพูดขึ้น ก่อนหลับไปทั้งอย่างนั้น

ร่างกายที่ฝืนเกินไป ยังคงต้องการพักผ่อน…เจมส์มองคนที่กำลังหลับ ด้วยแววตาที่เจ็บปวด เขาเข้าใจดีว่าปวินต์ต้องการเช่นไร แต่ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงเล่า…เขาจะตัดสินใจอย่างไรดี

ดวงตาคมมองมายังใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างสะท้านใจนัก เป็นเพราะเขาเอง ที่ทำให้ปวินต์ต้องติดร่างแหมาด้วย เจมส์จับมือบอบบางนั้นขึ้นมาจุมพิตเบา ๆ แล้วบอกกับคนที่ยังคงหลับใหลนั้นด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่

“ไม่ว่ายังไง…ผมก็จะปกป้องคุณนะครับ…ผมสัญญา”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 23-10-2011 21:20:15
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Heisei ที่ 23-10-2011 21:36:53
...
ทำตามเม้นบนดีกว่า

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Blueskii ที่ 23-10-2011 21:53:25
เฮ้อ...............
 :undecided:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-10-2011 22:04:08
ปวดตับ ปวดไต ปวดไส้ งืออ
ทำไมมันอึดอัดเยี่ยงนี้ล่ะค้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 23-10-2011 22:20:29
รักแท้คือการเสียสละ....แต่มันจะเศร้าเกินไปไหม.....

แต่ยังไงก็ยังอ่านต่อไปเรื่อย ๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 23-10-2011 23:09:06
สงสารเคนอะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 23-10-2011 23:10:54
ขอให้เคน กับวินต์ปลอดภัย   :call: :call:
เจมส์สู้ๆ  :กอด1: :กอด1:
คนชั่วตายซะ   :beat: :beat: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 23-10-2011 23:16:22
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

ปวดตับจิงๆ

แต่ก้รู้สึก ว่ายังไง คนทำช่ัวก้ต้องได้ช่ัว

ไม่มีทางได้ดีหรอก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: chatnaha ที่ 23-10-2011 23:56:29
ในที่สุดก็มาล่ะ หายไปหลายวันมากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-10-2011 23:58:49
 :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Wins_Sha ที่ 24-10-2011 00:27:04
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

เครียดดดดดด

หมอคงมันจะเก่งเกินไปแล้ว

สารวัตรธนดลทำไมชั่วได้ขนาดนี้เนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 24-10-2011 04:57:06
ยิ่งอ่านยิ่งสงสารเคน  จริงๆนะ  อยากให้ช่วยเคนออกมาเร็วๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 24-10-2011 10:52:35
เคนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 24-10-2011 11:19:50
 :เฮ้อ:
แล้วจะทำยังงัยกันดีเนี้ยยยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 24-10-2011 12:03:57
 :m15: ไม่รู้จะเขียนอะไร สงสาร
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 24-10-2011 13:51:37
เจมส์รีบคิดวิธีเร็วเข้า :z3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 24-10-2011 22:04:25
อ่านแล้วเหมือนโดนยาสั่งเองอ่ะ      (http://www.yenta4.com/msn/emoticon/panpan/yenta4-emoticon-0010.gif)


มันกระสับกระส่ายทุรนทุราย   มันคัน!!! 


อยากประเคนตรีนให้ไอ้ห่าดลกะไอ้หมาคงนัก      (http://i269.photobucket.com/albums/jj72/myem0/01/evil-bear-003.gif)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 25-10-2011 00:39:19
ไอ้ธนดล  o18
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 28-10-2011 00:37:33
 :monkeysad:
 :m31:
 :fire:
 :serius2:

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DarknLight ที่ 28-10-2011 01:12:58
เศร้าครับ เมื่อไหร่จะผ่านพ้นไปได้ซะทีหนอ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 28-10-2011 11:23:42
 :z3:

อยากฆ่ามันจริงๆ

 :fire:

 :z6:

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: wichaiP ที่ 28-10-2011 12:52:23
ฮืยยยย ไอ้เลวววว ช่วยจริงๆๆ หมอคง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-10-2011 12:57:45
ปวดใจชะมัด
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-10-2011 16:32:08
เศร้าอ่ะ
หมอคงมันร๊ายร้ายแบบสุดจะทน
เอาเหอะ ยังไงมันก็ต้องแพ้ๆๆๆๆๆ

สงสารเคน หวังว่าจะมีทางช่วยคุณตำรวจกับเคนได้นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: howru ที่ 04-11-2011 23:06:26
โนคอมเม้น  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 16-11-2011 14:17:30
 :z3: ค้างงงง
หนูเคนนน.....ม่ายน้าาา :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 17-11-2011 14:27:30
อ่านทันละ
อ่านไปแล้วรู้สึกว่าเคนน่ารักมาก  :m1:
ตอนล่าสุดนี่แบบ.... :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-11-2011 17:02:33
เข้ามานั่งรอ
คนเขียนหายยยย
ฮืออ รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 14 (23/10/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 17-11-2011 21:32:03
ตอนแรกนึกว่าพลาดค่ะ   พลาดอ่านเรื่องนี้ตอนตีสองอย่างแรก  แต่อ่านไปอ่านมาขนไม่ลุกอย่างที่คิด ค่อยโล่งค่ะ

พ่อหมอเจมส์เท๊เท่ห์อ่ะ  เราขอสมัครเป็นแฟนคลับน๊า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 28-11-2011 14:57:19
กลับมาแล้วค่ะ หายไปนานขออภัยด้วยนะคะ เพราะบ้านน้ำท่วมแถมเน็ตก็เจ๊งไปเดือนนึงเต็ม ๆ เลย ตอนนี้มาอัพแล้ว

และเปิดจองนิยาย คือ No Limit เล่ม 5 (และรีปริ้นย้อนทั้งหมด), Absolution cafe (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13610.0), รวมถึง สืบเสน่หา เรื่องนี้ด้วยค่ะ ใครสนใจติดตามข่าวสารได้ >> ที่นี่ค่ะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30161.0.html)  ^^

=======================================

สืบเสน่หา

ตอนที่ 15



“พวกมันกล้าทำของใส่ฉัน…กล้าดีมากเกินไปแล้ว” ชวรัตน์คำรามในลำคออย่างหงุดหงิด วันนี้เขาหายดีแล้ว ไม่มีอาการปวดท้องขึ้นมาอีก โชคดีแท้ ๆ ที่ได้ยาจากหมอคงทันเวลา ไม่อย่างนั้นถ้าต้องมีจุดจบแบบชิดชัยคงแย่

มืออวบอูมที่กำแน่นบ่งบอกได้ชัดว่าขัดใจ ดวงตาเรียวเล็กหรี่ครุ่นคิด เขาไม่ยอมเสียท่าแล้วปล่อยเลยตามเลยแน่ จะอย่างไรก็ต้องหาทางเอาคืนพวกนั้นให้เจ็บแสบ

แต่เพราะโดนของมาสด ๆ ร้อน ๆ ทำให้เจ้าตัวไม่กล้าจะปะทะซึ่ง ๆ หน้าอีก โดยนิสัยที่เป็นพวกชอบวางก้ามออกคำสั่ง แต่เอาเข้าจริงไม่ได้กล้าเผชิญหน้ากับศัตรูนัก ทำให้เขาตัดสินใจโทรศัพท์หาหมอคงอีกครั้ง

“คุณหายดีแล้วสินะครับ” เสียงตอบกลับที่มีน้ำเสียงแกมสมเพชหน่อย ๆ จากอีกฝ่าย ทำให้นักการเมืองอาวุโสเริ่มแอบหงุดหงิดหนักกว่าเก่า ถ้าเขาไม่ต้องทนง้อหมอคงอยู่ล่ะก็ มีหรือเขาจะยอมปล่อยให้วางก้ามพูดจาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ได้

“ครับหมอคง…ได้ยาดีจากหมอนั่นล่ะครับ ผมเลยหายดีแล้ว แต่ว่าเจ้าพวกนั้น…ผมไม่ยอมให้มันทำเรื่องแล้วชิ่งหนีไปสบาย ๆ แน่ หมอคงต้องทำอะไรสักอย่าง ให้พวกมันเข็ดหลาบนะครับ”

คำพูดที่นอบน้อมกว่าที่เคยทำให้หมอคงลอบยิ้มกับโทรศัพท์ สิ่งที่พวกนั้นทำลงไป เป็นกำไรของเขาอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าชวรัตน์กริ่งเกรงตัวเขามากกว่าแต่ก่อน ที่เอาแต่จะจิกหัวใช้อย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณชวรัตน์ ผมได้จัดการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนพวกมัน บุกมาที่บ้านผม คงจะตามคุณมานั่นแหละ” คำพูดหลัง ๆ ออกน้ำเสียงแกมตำหนิ ซึ่งอีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้

“แล้วพวกมันทำอะไรบ้างล่ะ” ร่างท้วมถามกลับ

“พวกมันเรอะ จะทำอะไรได้ ผมก็แค่…จัดการตอบโต้ไป ตามความเหมาะสม ตอนนี้ผมได้ตัวประกันชั้นดีมาแล้วด้วย”

“ใครกัน”

“ตำรวจคนนั้นไงครับ ถ้าเจ้านั่นไม่เอาของมามอบให้คุณ ภายในสามวัน เจ้าตำรวจนั่น จะต้องตายอนาถแบบชิดชัยแน่” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมตอบกลับ เล่นเอาคนฟังแอบหนาว เมื่อเผลอคิดไปว่า ถ้าเมื่อคืนหมอคงช่วยไว้ไม่ทัน ตนเองอาจจะมีชะตากรรมเดียวกันก็ได้

“คุณก็ระวังนะ แล้วเมื่อไหร่ถ้าผมได้ของ ก็จัดการฝังพวกมันซะให้หมด แล้วผมจะมีรางวัลอย่างงามให้” ชวรัตน์ติดสินบนตบท้าย

คนฟังหัวเราะอย่างพึงใจ “ก็ดีครับ หวังว่ามัน…คงจะคุ้มกับสิ่งที่ผมต้องทำอีกหลายอย่างด้วยล่ะครับ”

“…แน่นอนอยู่แล้ว ต้องเป็นรางวัลก้อนโตสิครับ ผมน่ะ ไม่ลืมคุณแน่” คำตอบประจบเอาใจกลับอย่างรวดเร็ว

“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น คุณคงไม่คิดหักหลังผมหรอกใช่ไหม”

“มะ…ไม่คิดแน่นอน ให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดีก่อนเถอะน่า”

“โอเคครับ แล้วผมจะรอ” เสียงตอบรับก่อนตัดสายไป

ชวรัตน์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างแอบขัดใจนิดหน่อยหลังวางสาย เขากดเบอร์ใหม่แล้วรีบโทรออก ถึงตอนนี้ยังต้องง้อหมอผีเจ้าเล่ห์นี้อยู่มาก แต่เขาก็ยังมีไพ่ใบสุดท้าย เอาไว้จัดการอยู่ดี

“ครับ…ท่านชวรัตน์ มีอะไรให้ผมรับใช้?” เสียงตามสายตอบกลับอย่างสุภาพนอบน้อม ชวรัตน์อมยิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยเส้นสายในกรมของเขายังมีมากพอดู และคนที่ท่าทางใช้การได้ ก็หนีไม่พ้นสารวัตรธนดลคนนี้

“จัดการให้ฉันไปถึงไหนแล้ว” เสียงทำเป็นเข้มถามกลับอย่างผู้ที่ถือว่าเหนือกว่า

“ไม่ต้องห่วงครับ หมอคงนั่นใช้การได้อยู่”

“ฉันรู้ว่ามันใช้การได้ แต่มันชักจะกำแหงไปแล้วนะ” น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อีกไม่นานท่านก็จะได้ของแล้ว และหลังจากนั้น…” คนพูดทิ้งท้ายให้คิด

ชวรัตน์ยิ้มเครียด “หลังจากนั้น เก็บเจ้าหมอนั่นให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้มันรู้ทันจนทำของใส่เข้าล่ะ แล้วฉันจะจ่ายอย่างงาม”

คนฟังหัวเราะ “มือชั้นนี้แล้ว ผมไม่พลาดหรอกครับ ท่านไม่ต้องห่วง อย่าลืมโอนเงินเข้าล่วงหน้าครึ่งหนึ่งเหมือนเดิมด้วยนะครับ”

“เออ ไม่ลืมหรอกน่า เรื่องแค่นี้เอง”

พอตัดสายไป ชวรัตน์ก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เชอะ เจ้าหมอผีจอมหยิ่ง คิดว่าอยากจะง้อนักเรอะ ไว้ให้ได้ของก่อนเถอะ ทั้งเจ้าพวกนั้น ทั้งแก ฉันจะจ้างคนจับปิดปากถ่วงอ่าวไทยให้หมดเลย!”

ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ เมื่อคิดว่าจะได้ครอบครองของสำคัญ รวมถึงฐานเสียงในอนาคตอันใกล้ได้อย่างมั่นคงกว่าเดิม

อีกไม่นานแล้ว…ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยเสียที!



ร่างที่ถูกอุ้มอย่างเบามือยังคงเกาะคอแกร่งไว้เบา ๆ เรี่ยวแรงที่มีคล้ายหดหายลงเรื่อย ๆ อาการที่กำเริบถี่ขึ้นทุกขณะ ทำให้เจมส์หนักใจไม่น้อย หลังจากพยายามมาหลากหลายวิธีการ ที่จะช่วยขจัดพิษยาสั่งที่เกิดขึ้น แต่มันก็ทำได้เพียงบรรเทาอาการต่อไปให้ทรมานน้อยลงเท่านั้น ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ปวินต์รู้ดีว่าเจมส์พยายามมามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ตัดพ้อต่อว่าอันใดชายหนุ่ม มีเพียงพยายามยิ้มทุกครั้งที่เห็นสายตาเศร้า ๆ นั้นมองมา เพื่อไม่ให้เจมส์หมดกำลังใจไปเสียก่อน เขาบอกกับอีกฝ่ายเองว่าจะเข้มแข็ง และจะไม่เป็นอะไร ดังนั้น…จะอย่างไรก็ต้องอดทนต่อไปให้ถึงที่สุด

แต่ในตอนนี้สีหน้าที่เคยซีดกลับซับสีเลือดขึ้นจาง ๆ เมื่อเผลอพึมพำงึมงำอยู่คนเดียวว่า “ทำไมฉันต้องแต่งตัวแบบนี้ด้วยเนี่ย”

คนฟังที่อยู่ใกล้ และได้ยินชัดอมยิ้ม เขามองร่างขาวที่ผอมบางนั้น ซึ่งมีเพียงผ้ายาวสีขาวคาดเอว โดยตลบปลายลอดใต้ขาไปเหน็บไว้ด้านหลังแบบโจงกระเบนขนาดย่อม ที่รั้งตัวผ้ายกสูงเกือบถึงโคนขาอ่อน ยิ่งยามลงไปในอ่างที่มีน้ำเปิดไว้เกือบครึ่ง ตัวผ้าสีขาวยิ่งโปร่งบางแนบเนื้อ มองผ่าน ๆ เรียกได้ว่าเกือบโป๊แล้วในสายตาผู้กองหนุ่ม

“ชุดแบบนี้เขาเอาไว้ใช้เวลาจะอาบน้ำว่านหรือทำพิธีที่ต้องใช้น้ำน่ะครับ เพื่อที่จะให้ร่างกายได้ซึมซับน้ำชำระล้างพิษได้ถึงทุกรูขุมขนไง” เขาว่าพลางหัวเราะแบบมีเลศนัย “ก็ดูดีออกไม่ใช่เหรอ ผมว่าคุณน่ารักจะตายไป”

“…..บ้าสิ..เห็นฉันไม่มีแรงล่ะลามกใหญ่เชียวนะ” ปวินต์ดุด้วยเสียงแผ่วเบา อายก็ยังคงอายจนแทบพูดไม่ออก อ้อมแขนของอีกฝ่ายที่มักจะช่วยอุ้มเพราะรู้ดีว่าตัวเขาขยับลำบากนั่นก็อีก มันช่างอ่อนโยนเสียจนเขาแทบเคลิ้ม สัมผัสที่เหมือนเมื่อครั้งยังเด็กตอนอยู่กับบิดาที่เขาเคารพและชื่นชมตลอดมา ทำให้คนถูกอุ้มอดอมยิ้มไม่ได้

“กำลังแอบปลื้มซิกแพคของผมอยู่หรือไงครับ” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะถามต่อ

มือบางทุบแผ่นอกอีกฝ่ายดังอึ้ก คนโดนทุบแกล้งทำเจ็บเสียเต็มประดา “โอ๊ย คุณนี่นะ…แรงเยอะจริง แบบนี้ผมจะสู้ยังไงไหว”

“จะทำอะไรก็รีบทำเลย อย่ามัวแต่นอกเรื่องอยู่” ผู้กองหนุ่มดุกลับแม้ใบหน้ายังแดงเรื่อ

เจมส์ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเปิดตุ่มน้ำใกล้ ๆ ที่มีน้ำสีเขียวกลิ่นหอมแปลก ๆ เขาค่อย ๆ เทน้ำในนั้น ผสมกับน้ำที่เปิดไว้แล้วในอ่าง

“น้ำอะไรน่ะ” เสียงคนในอ่างถามขึ้นทันที เจ้ากลิ่นหอมอ่อน ๆ นั้นทำให้ผ่อนคลายดีอยู่หรอก แต่สีมันแปลกจริง ๆ

“เป็นน้ำที่ทำจากสมุนไพรหลายอย่างครับ ผสมกับน้ำมนต์ ช่วยล้างอาถรรพ์ได้ดี…ถึงมันจะช่วยขับพิษทั้งหมดไม่ได้ แต่ผมคิดว่า คงทำให้สบายตัวขึ้นได้บ้าง”

ร่างผอมเพรียวยืดขาในน้ำแล้วเอนกายพิงขอบอย่างผ่อนคลาย ดวงตาคู่สวยปรือหลับลงช้า ๆ “อืม มันก็สบายจริง ๆ นั่นแหละ ขอบใจนะเจมส์”

นัยน์ตาคนมองกลับทอแววเศร้า “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก เป็นผมแท้ ๆ ที่ทำให้คุณต้อง…”

มือบอบบางกวักเรียก ทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขาขยับตัวเข้าไปใกล้ตามที่บอก ก่อนจะตั้งตัวติด ก็ถูกดึงจนเซลงไปคร่อมร่างของอีกฝ่ายในอ่างจนเปียกปอนเสียแล้ว

“คุณเล่นอะไรเนี่ย” เจมส์พึมพำทั้งยังเปียกโชก เขาพยายามจะลุกขึ้นจากอ่าง แต่กลับถูกมือของอีกฝ่าย คล้องล็อคคอไว้อย่างหลวม ๆ

พอขยับจะโต้แย้ง ริมฝีปากบางที่เย็นจากการแช่น้ำจุมพิตที่ปากเขาเบา ๆ เล่นเอาคนกำลังลุกแข็งทื่อไปแล้ว

“อย่าพูดเรื่องนั้นอีกนะ เป็นฉันเองที่บีบให้นายพูด เป็นฉันเองที่ตัดสินใจร่วมขบวนการกับนาย ถ้าคิดว่าตัวเองผิด ฉันจะผิดมากกว่าอีกหลายเท่า เข้าใจไหม” เสียงสุดท้ายเน้นย้ำดุ ๆ เล่นเอาเจมส์ได้แต่ยิ้มเจื่อน

“ทราบแล้วครับคุณภรรยา สามีผิดไปแล้ว”

คนด้านล่างดันอีกฝ่ายออกแทบจะในทันที ด้วยใบหน้าที่แดงฉาน เมื่อคิดได้ว่าเมื่อกี้เผลอทำอะไรลงไป

“ใครภรรยา ใครสามีกัน เอ้า ลุกไปได้แล้ว”

“คุณนี่นะ ได้ผมแล้วทิ้งเชียว” เสียงอ่อย ๆ ว่าอย่างน่าสงสาร

“เดี๋ยวใครได้ยินก็เข้าใจผิดหมดกันพอดี” เสียงดุอ่อยลงเล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าหงอย ๆ นั้น ก่อนจะพูดต่ออย่างเสียไม่ได้ว่า “ก็ได้ ๆ อยากแช่ด้วยก็แช่ไป ถ้ามันทำให้ฉันผ่อนคลายได้…ก็น่าจะทำให้นายผ่อนคลายได้เหมือนกันใช่ไหม”

“คุณวินต์น่ารักที่สุดในโลกเลย” ชายหนุ่มพึมพำอย่างยินดี ก่อนจะรวบร่างที่อยู่ด้านล่างขึ้นมานั่งบนตักตัวเองในน้ำนั้นหน้าตาเฉย

“นายนี่นะ ปากว่ามือถึงจริง”

“คุณอนุญาตผมแล้วนะครับ” หมอผีหนุ่มแย้งยิ้ม ๆ ดวงตาคมมองลำคอขาวของอีกฝ่าย ที่ยังคงห้อยสร้อยเส้นนั้น ซึ่งเขาเป็นคนให้มา…สร้อยของเคน

“คุณยังใส่สร้อยเส้นนี้อยู่อีกเหรอครับ” เขาถามขึ้นเบา ๆ

มือผอมบางกำสร้อยเส้นนั้นไว้ ก่อนจะตอบว่า “มันเป็นของสิ่งเดียว…ที่ฉันมี ของลูกชายฉันนี่”

ดวงตาของเขาทอแววอ่อนโยนลง ร่างแกร่งกอดปวินต์ไว้ พลางพึมพำ

“ขอบคุณนะครับ เคนคงจะดีใจ…มาก ๆ ที่คุณรักเขาขนาดนี้”

“ก็เขาเป็นลูกชายของฉัน” คนตอบย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ถ้างั้น…ผมก็เป็นสามีได้แล้วสิเนี่ย ไหน ๆ เราก็…มีลูกคนเดียวกันแล้ว” ว่าพลางแอบหอมแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ร่างบอบบางสะดุ้งก้มหน้างุดอย่างเขินอาย ที่อายยิ่งกว่าคงเพราะตอนแรก เผลอจูบก่อนเสียด้วยซ้ำ

“ฉวยโอกาสอีกแล้วนะนายนี่” ตำรวจหนุ่มบ่นพึมพำ

คนฟังหัวเราะ “ใครกันแน่ ที่ฉวยโอกาสจูบผมก่อนเนี่ย”

“ฉันไม่ได้…อึก…” ร่างบนตักงอตัวลงอย่างปุบปับ มือที่จับขอบอ่างเกร็งแน่นอย่างพยายามจะสะกดกลั้นความเจ็บปวด เจมส์ขยับเข้าหาอย่างร้อนรน

“คุณวินต์!”

“ไม่…ฉันยังทน…ยังทนได้!” เสียงลอดไรฟันออกมาทำให้คนฟังร้อนรนนัก เขาไม่รู้จะช่วยยังไง ให้ดีกว่านี้อีกแล้ว

แววตาที่สำนึกผิดยังคงฉายชัด “ผมขอ…โทษ”

“ไม่ต้องขอโทษ!…กอดฉันไว้…ได้โปรดเถอะ กอด…ฉันไว้แน่น ๆ” ปวินต์ขัดขึ้น ด้วยแววตาที่เว้าวอน

เจมส์กอดร่างที่สั่นระริกไว้แนบแน่นกว่าเดิม “ครับ…ผมรักคุณนะ…ผมรักคุณ” เสียงกระซิบของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ราวต้องการให้มันช่วยชะล้างความเจ็บปวดของอีกฝ่ายนั้นออกไป

“ฉันก็…” ปวินต์พยายามพูด แต่กลับไอออกมาแทนที่ มือที่ปิดปาก เริ่มเลอะไปด้วยเลือด… ท่าทางสุดทรมานใจนั้นทำให้เจมส์มองมาอย่างปวดใจ ฟ้าช่างไม่ยุติธรรมเลย ทั้ง ๆ ที่ปวินต์…เป็นคนดีมากแท้ ๆ …ถ้าเขาเจ็บแทนได้คงดี

“อึก…รัก…” พูดได้แค่นั้น…ร่างบอบบางก็หมดสติไป

“คุณวินต์!” ชายหนุ่มร้องเรียกอย่างตกใจ เขายังคงกอดคนสลบไว้แนบอก

ทุกอย่างมันบีบจนเขารอต่อไปไม่ได้แล้ว…เขาพยายามมามากแล้ว แต่ไม่มีอะไรที่จะหยุดฤทธิ์ยานั่นได้เลย…ทางที่เหลืออยู่คงมีเพียง…
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 28-11-2011 15:06:26
“พ่อฮะ…” เสียงเรียกแผ่วเบาดังมาจากสร้อยเส้นนั้น เจมส์ช้อนร่างที่ไม่ได้สติขึ้นมาจากน้ำ เขาจ้องมองสร้อยที่ยังคงคล้องคอขาวนั้นอย่างดีใจ

“เคน…นั่นเคนใช่มั้ย”

“ใช่ฮะ…ผมมีเรื่องจะบอกพ่อ…เรื่องสำคัญมาก ฟังดี ๆ นะฮะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนฟังอย่างตั้งใจ พอฟังทุกอย่างจนจบ เจมส์ก็อึ้งไป แต่น้ำเสียงของเด็กน้อย ยังคงเร่งเร้า “พ่อต้องเลือกแล้วนะฮะ…เชื่อผม…ผมจะไม่เป็นอะไร พวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร…ทำมันเถอะฮะ”

มือที่สั่นน้อย ๆ ของเขาจับอยู่ที่สร้อยนั้น กอบกำไว้แนบแน่น “พ่อเข้าใจแล้ว เคน…พ่อรักลูกนะ…รักมากที่สุด”

“ผมก็รักพ่อ…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…อย่าโทษตัวเอง พ่อทำดีที่สุดแล้ว และผมเอง ก็ยอมรับผลของมัน”

“ขอบใจนะเคน…และก็ขอโทษ…สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง” แววตาแข็งแกร่งอ่อนลงอย่างเสียใจเป็นที่สุด ถ้าเขาไม่ประมาทในครั้งนั้น เด็กคนนี้ก็ไม่ต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายพวกนี้แล้ว

“ไม่หรอกฮะ…ผมน่ะ ดีใจนะ ที่ได้เป็นลูกพ่อ…กับพ่อวินต์” เสียงนั้นแผ่วลงและจางหายไป

เวลาเหลืออีกไม่มาก ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องตัดสินใจ

เพื่อปวินต์…เพื่อเคน…และเพื่อทุกคน

เจมส์มองคนในอ้อมแขนอย่างตัดสินใจได้ในที่สุด



ร่างที่หลับใหลบนเตียงมีสีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดจนคนมองทั้งสามได้แต่มองหน้ากันอย่างวิตก ปรางทิพย์ที่อดรนทนไม่ได้ เริ่มต้นขึ้นก่อนอย่างร้อนใจ

“พวกพี่ ๆ จะปล่อยให้พี่วินต์เป็นแบบนี้ไม่ได้นะคะ ปรางกลัว…กลัวพี่วินต์จะตาย” ดวงตากลมโตเริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงพี่วินต์จะไม่ยอม แต่ว่าคงไม่มีแรงห้ามเราหรอกค่ะ พี่เจมส์คะ…พวกมันอยากได้อะไร ก็ให้มันไปเถอะ ขอแค่ให้พี่วินต์รอดก็พอ”

เจมส์ส่ายหน้าเบา ๆ พลางตอบด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “พี่จะไม่ผิดสัญญากับคุณวินต์”

“พี่เจมส์!”

เจมส์มองทั้งสองคนพลางตอบว่า “คุณวินต์พูดถูก ถึงพวกมันได้ของ มันก็จะไม่ปล่อยพวกเราอยู่ดี เราไม่มีหลักประกันอะไร มากไปกว่านี้แล้วด้วย ว่าพวกมันจะช่วยแก้พิษยาสั่งให้”

“แล้วพี่จะปล่อยให้พี่วินต์ตายเหรอคะ ปรางมองพี่ผิดไปจริง ๆ!”

เด็กสาวว่าพลางวิ่งออกไปจากห้องทั้งน้ำตา เจมส์ถอนใจยาวก่อนมองธนัท “นายไม่ตามน้องปรางไปหรือไง”

ธนัทมองผู้เป็นเพื่อนแล้วส่ายหน้า “ฉันรู้น่ะสิ ว่านายจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปแน่ ๆ แววตาของนายมันบอกได้ว่า นายได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้วด้วย บอกฉันมาซะดี ๆ นะ ถึงขั้นนี้แล้ว นายจะมาแยกวงไปเสี่ยงคนเดียวไม่ได้หรอกนะ”

“เรื่องทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว ฉันจะต้องเป็นผู้ปิดมัน”

“นายคิดจะทำอะไรกัน” ธนัทถามต่ออย่างร้อนรน

“ฉันทำลายพิษจากคุณไสยไม่ได้…แต่ฉัน…ยังสามารถผลักดันมัน กลับไปยังผู้ใช้ได้!”

ธนัทขยับเข้าไปใกล้อย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ นายทำมันได้จริง ๆ งั้นเหรอ ไอ้บ้า แล้วมัวอมพะนำทำไมอยู่ได้ ก็รีบ ๆ ย้อนคืนสนองเจ้าหมอผีนั่นซะเลยสิ มันอยากเล่นคุณไสยนัก ให้มันเจอดีกับตัวซะก็หมดเรื่อง”

“ฉันพึ่งรู้เมื่อกี้…เคนบอกกับฉันผ่านทางสร้อยที่ฉันให้คุณวินต์ไว้”

พอพูดถึงเคน คนฟังพึ่งจะนึกได้ “จริงสิ…ถ้านายจู่โจมเจ้าหมอผีนั้น เคนจะต้องรับเคราะห์แทน…หรือว่านายคิดจะ…”

เจมส์นิ่งไปโดยไม่ตอบโต้ ท่าทางของเขานิ่งกว่าทุกทีจนธนัทเริ่มนึกกลัว “นายกำลังคิดจะฆ่าเคนหรือไง!”

“สร้อยคอเส้นนั้น…เป็นอีกที่ที่เคนสิงสถิตได้ เขาตัดการเชื่อมต่อกับตุ๊กตากุมารทองของฉันไปแล้ว แต่จงใจเหลือสายใยเชื่อมต่อไว้ทางนี้ ในตอนที่เขาได้พบกับคุณวินต์”

“หมายความว่า…เพราะเคนรู้ว่ามีทางนี้ทางเดียวที่จะช่วยได้ เด็กคนนั้นถึงได้ยอมทำสัญญากับเจ้าหมอผีนั่นงั้นรึ”

คนถูกถามกำมือแน่น ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “ใช่ เพราะเด็กคนนั้นรู้ดี การย้อนคุณไสยคืนผู้ทำ เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แต่การทำไม่ใช่ง่าย ๆ คนที่ทำนอกจากจะต้องมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่ายมากแล้ว…ทางเชื่อมต่อก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งมีหนทางนำไปสู่คนทำได้มากเท่าไหร่ การทำพิธีย้อนศรกลับไป ยิ่งได้ผลมากขึ้นเท่านั้น…แต่ว่า…”

ชายหนุ่มหยุดไปเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มไว้ให้ราบเรียบ “เคนที่เป็นทางผ่านจะได้รับผลกระทบมากที่สุด…วิญญาณของเด็กคนนั้น…บางทีอาจจะ…”

“ทำแบบนี้เท่ากับนายฆ่าเด็กคนนั้นนะ นายจะทำได้เหรอ”

เจมส์ส่ายหน้าเบา ๆ คำถามนั้นทำร้ายจิตใจเขานัก ความผูกพันของเขากับเคน ไม่ใช่น้อย ๆ เลย เด็กคนนั้น เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเช่นกัน แต่ทั้งหมดนี้ ก็เป็นความต้องการของเคนด้วย การที่ต้องอยู่กับเจ้าหมอผีนั่น มันก็ไม่ต่างจากการตกนรก หนทางที่จะช่วยเหลือก็ยิ่งเลือนราง ถ้าเขาไม่ทำในตอนนี้ เคนก็จะต้องอยู่กับเจ้าหมอผีนั่น…ตลอดไป

“ฉันเชื่อมั่นในเคน…เหมือนที่เคน…เชื่อมั่นในตัวฉัน ทางนี้เป็นทางเดียวที่พวกเราจะเอาคืนได้ ถ้าสามารถผลักดันสิ่งชั่วร้ายกลับคืนสนองผู้ใช้ได้ทั้งหมด ในยามที่เจ้าหมอผีนั่นอ่อนแรงลง ตอนนั้น…ฉันอาจจะสามารถตัดการเชื่อมต่อของสัญญาได้ เหมือนที่พ่อ…เคยทำในอดีต เพื่อให้เคนกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง”

“แต่ว่านั่น…มันต้องจ่ายค่าตอบแทนไม่ใช่รึไง” ธนัทย้อนถาม เขายังจำได้ดี ว่าพ่อของเจมส์นั้นอายุสั้นเพราะเหตุใด

“ใช่ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนนั่น…ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งนั้น อำนาจของเจ้าหมอผีนั่นมีมากพอดู สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือ ทุ่มสุดชีวิตเท่านั้น!”

“นัท…ห้ามบอกเรื่องนี้กับคุณวินต์…ห้ามบอกน้องปราง…ฉันตัดสินใจแล้ว”

เขาว่าพลางมองร่างที่หลับใหลบนเตียง มือของเขาลูบใบหน้าซีดขาวนั้นอย่างทะนุถนอม “อย่างน้อย…ฉันก็ไม่ได้ผิดสัญญากับคุณวินต์…ไม่ว่าจะเรื่องการมอบของนั่น…หรือการปกป้องเขาไว้ให้ได้!”

ธนัทอึ้งไปแล้ว เขาไม่คิดว่าการตัดสินใจของผู้เป็นเพื่อนจะเด็ดขาดจนน่ากลัวขนาดนี้

“แต่ว่า…แล้วนายจะทำยังไง กับเฮโรอีนทั้งหมดนั่นล่ะ คนทำผิด ก็ยังไม่ได้ชดใช้เลยนะ” เขาพยายามแย้ง

“ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง ไสยดำไม่เคยทำให้ใครได้ดี…ในเมื่อฉันตัดสินใจที่จะใช้มันแล้ว ผลตอบแทนของมัน ฉันย่อมยินดียอมรับมัน แต่ฉันก็เชื่อว่า…พวกที่ทำกรรมชั่วไว้ ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไร มันก็ต้องพบจุดจบที่เลวร้ายในที่สุด”

ดวงตาคมมองมาอย่างต้องการจะฝากฝัง “ถ้าฉันเป็นอะไรไป หรืออำนาจที่ควบคุมการซ่อนของนั้นอ่อนลง ของนั้นจะปรากฏขึ้นเอง ถึงตอนนั้น…ฝากของนั่น ให้คุณวินต์ เขาย่อมรู้เอง ว่าจะจัดการมันยังไง”

“ช่วงเวลาที่ฉันทำพิธี ฉันจะไม่สามารถคุ้มกันใครได้เลย ฝากดูแลน้องปรางกับคุณวินต์ด้วย ฉันขอร้องนายเท่านี้ อย่าให้ทั้งสองคนนั้นเป็นอะไรเด็ดขาด ฉันเชื่อมั่นในตัวนายนะ”

ธนัทมองเพื่อนสนิทนิ่งนาน เขารู้ดีว่าเจมส์ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว และไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้

“ฉันเข้าใจแล้ว…เจมส์…ฉันภูมิใจนะ ที่ได้เป็นเพื่อนกับนาย และฉันจะทำตามที่นายต้องการให้เอง ไม่ต้องห่วงนะ”

ชายหนุ่มมองธนัทด้วยความซาบซึ้งใจ เขาพึมพำขึ้นว่า “ขอบใจนะนัท นายก็เป็นเพื่อนที่ฉันภูมิใจมากเช่นกัน”


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 28-11-2011 15:16:43
เครียดๆๆๆๆๆ  เจมส์จะตายไหมนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 28-11-2011 15:43:22
ม่ๆจะต้องไม่มีใครตายใช่มั๊ยค่ะ :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-11-2011 16:26:26
 :monkeysad:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 28-11-2011 16:35:05
 :a5: o22 เึครียด !!  :serius2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-11-2011 16:56:56
หวานกันได้ไม่เท่าไหร่ก็เครียดกันอีกแล้ว
สงสารเคน ฮืออออ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 28-11-2011 17:06:39
เครียดแทนสู้ๆๆนะเจมส์เจมส์ต้องทำได้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 28-11-2011 17:09:02
ทั้งหวาน ทั้งเศร้าอะ สงสารเคนนนนน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 28-11-2011 17:30:35
 :serius2:
อย่าเป็นอะไรนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 28-11-2011 17:53:10
เรื่องกำลังสนุก มาต่อเร็วๆนะครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 28-11-2011 20:17:35
เริ่มเข้าสู่ไคลแมกซ์ของเรื่องแล้วใช่ไหม

อยากรู้จังว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง
 :bye2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 28-11-2011 23:39:58
ตอนที่แล้วว่าห่วงแล้ว ตอนนี้ห่วงยิ่งกว่าอีก
เคนจะต้องไม่เป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 29-11-2011 00:26:12
บีบหัวใจมากๆอ่ะ พออ่านตอนน้องเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 29-11-2011 01:31:41
พระเอกตายยาก

แต่

ผู้ร้ายตายยากกว่า

เห้อ

เครียดๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 29-11-2011 04:48:34
คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ :amen:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 29-11-2011 08:49:58
ธรรมะต้องชนะอธรรมซิ

เจมส์กับเคนต้องปลอดภัยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 29-11-2011 10:08:31
ว้ากกกกกกกกกกก  :z3:
จุกมาม่า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 29-11-2011 18:58:45
ไม่นะ ต้องไม่มีใครตายนะ ฝ่ายที่จะตาย โน่นฝ่ายมารโน่น
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 29-11-2011 20:17:56
คิดถึงเคน และ ทุกคนในเรื่องนี้สุดๆเลยครับ  ดีใจที่ใด้อ่านต่อด้วย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 29-11-2011 20:27:14
ทำไมๆๆๆๆๆ

ธรรมะต้องชนะอธรรม

เจมส์ต้องไม่เป็นอะไร  :m15:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: name ที่ 30-11-2011 01:14:43
รอๆๆๆคับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 02-12-2011 21:16:05
มารายงานตัวคร้า เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก
เรื่องนี้ สนุก น่าติดตามมาก บรรยายได้ถึงพริกถึงขิงจริงๆ
แต่ตอนนี้สงสารน้องเคน กับพ่อเจมส์มากเลยอ่ะ
ขอให้มีทางที่ทำให้ทั้งสามคน ได้อยุ่ด้วยกันที T^T :m15: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 15 (28/11/11)
เริ่มหัวข้อโดย: howru ที่ 03-12-2011 18:11:28
เครียด!!! +_-
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 04-12-2011 17:33:58
สืบเสน่หา

ตอนที่ 16



ปวินต์ที่ยังคงได้สติเป็นช่วง ๆ ถูกอุ้มมานอนที่ห้องพระ ธนัทปูผ้ารองเป็นที่นอนเตรียมไว้แล้ว ในตอนที่เจมส์ค่อย ๆ วางร่างนั้นลง มือบอบบางยังยึดจับมือแกร่งไว้ไม่ยอมปล่อย เสียงแผ่วเบาแทบขาดหายถามขึ้น ด้วยเห็นชายหนุ่มในชุดหมอผีเต็มยศอีกครั้ง ในสภาพที่พร้อมเตรียมใจเพื่อทำอะไรสักอย่าง

แววตาที่ดูแน่วแน่กว่าที่เคย ทำให้คนมองมาเริ่มหวั่นไหว เจมส์กำลังคิดจะทำอะไร ที่เสี่ยงอันตรายเพื่อเขาแน่ ๆ

“เจมส์…นายกำลังจะทำอะไรน่ะ”

เจมส์มองร่างที่นอนอยู่พลางยิ้มให้ เขาตอบว่า “ผมจะลองทำพิธีอีกครั้ง เพื่อช่วยคุณ” มือนั้นเสยผมนุ่มของอีกฝ่ายเบา ๆ จัดให้เข้าที่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะครับ”

“พิธีอะไรกัน”

“มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ผมพอจะหาได้น่ะครับ อะไรที่ทำให้ยังมีหวัง เราก็ควรลองใช่ไหมล่ะครับ” คนถูกถามตอบเลี่ยง

“มันก็ใช่…แต่ฉันไม่ต้องการให้นายฝืนนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะไม่ผิดสัญญากับคุณแน่ ๆ ดังนั้น…ให้ผมได้ลองเถอะครับ” มือนั้นบีบเบา ๆ อย่างคล้ายให้กำลังใจ ทั้งอีกฝ่าย…และกับตัวเอง

“ผมจะไม่แพ้…และจะต้องช่วยคุณให้ได้”

เสียงไอแผ่วเบาอย่างพยายามข่มกลั้นไว้ไม่ให้แสดงออกมา ทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขาหยิบผ้าชุบน้ำมาซับเช็ดให้ รอยเปื้อนสีแดงมากขึ้นทุกทีชี้ชัด ว่าไม่เหลือเวลาอีกแล้ว ก่อนที่ร่างกายของปวินต์จะไม่สามารถฟื้นคืนได้ตลอดกาล…ก่อนที่มันจะสายเกินไป

มือที่สั่นน้อย ๆ พยายามกุมมือชายหนุ่มไว้ไม่ยอมปล่อย “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น…ตราบใดที่นายยังคงรักษาสัญญา…ฉันจะอยู่กับนาย…ถึงจะต้องตายไปแล้วเป็นวิญญาณ…ฉันก็จะยังอยู่กับนาย”

“คุณต้องไม่ตายครับ ผมจะไม่ยอมให้คุณตายเด็ดขาด” เจมส์ตัดบทไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดเรื่องน่ากลัวมากไปกว่านี้

“นายก็ต้อง…ไม่ตายด้วยนะ” อีกฝ่ายพยายามบอก ชายหนุ่มมองมาด้วยแววตาที่อ่อนโยน

“ครับ…ผมจะพยายาม…หลับตาลงแล้วทำตามที่ผมบอก ผมจะไม่ทิ้งคุณแน่นอน ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน…เชื่อมั่นในตัวผมนะครับ”

“ฉันเชื่อนาย…มาตลอดอยู่แล้ว” ร่างผอมบางหลับตาลงอย่างว่าง่าย

“ขอบคุณครับ ที่เชื่อผม” ดวงตาที่ห่วงหามองมาอย่างอาลัยอาวรณ์ เขาจะไม่ลังเลอีกแล้ว

มีแต่ต้องทำ…และต้องทำให้สำเร็จด้วย!

สายสิญจน์เส้นยาวถูกวางขดวนรอบร่างที่นอนอยู่หลายชั้น โดยปลายข้างหนึ่งถูกผูกไว้กับสร้อยที่ยังคงคล้องคอปวินต์อยู่ ส่วนอีกด้าน อยู่ในมือของเจมส์ ที่ทรุดตัวลงนั่งด้านข้าง หันหน้าเข้าหาโต๊ะหมู่บูชาพระ ซึ่งเป็นที่ประจำยามเขาลงมือทำพิธี

มือของเขาแตะเบา ๆ ที่มือของผู้กองหนุ่ม ซึ่งรวบไว้ที่ส่วนอก และจับสร้อยเส้นนั้นพร้อมสายสิญจน์ไว้ พลางพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวผมจะเริ่มพิธีแล้วนะครับ…คุณอาจจะต้องทรมานมากหน่อย แต่ขอให้พยายามตั้งจิตให้เป็นสมาธิ แล้วสวดมนต์ นึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยไว้ จะสวดอะไรก็ได้ ที่ทำให้คุณรู้สึกดี ความดี…จะเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด และจะเสริมพลังให้ผมในการช่วยผลักดันสิ่งชั่วร้ายกลับไป”

“ผมจะอยู่ข้าง ๆ คุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามลืมตานะครับ คุณจะต้องมีสมาธิ เพื่อไม่ให้ของพวกนั้น ย้อนกลับมายังตัวคุณอีก เราจะต้องผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้”

มือของเขาบีบมือบอบบางให้กำลังใจอีกครั้ง “เราจะต้องไม่เป็นอะไร…แล้วผมจะพาคุณไปเดทนะครับ มีอีกตั้งหลายที่…ที่ผมอยากพาคุณไป เจ้าเคนคงจะงอแงแน่ถ้าเราไม่พาไปด้วย ถ้าเราจะเดทด้วยกันสามคน คุณคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ”

“ถ้าไม่เอาเคนไปด้วยสิ ฉันไม่ไปกับนายแน่ ยิ่งชอบฉวยโอกาสอยู่” ตำรวจหนุ่มตอบกลับ ทำให้อีกฝ่ายอมยิ้ม

ปวินต์จับมือชายหนุ่มไว้ แม้จะยังหลับตา “สัญญานะ ว่านายจะไม่เป็นอะไร พวกเรา จะต้องไปด้วยกันทั้งสามคน”

“ครับ” เจมส์ตอบรับด้วยน้ำเสียงอันมั่นคง กำลังใจ…เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องการในขณะนี้ และปวินต์ก็มักจะให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้เสมอ

“ทำสมาธิให้ดีนะครับ อย่าลืมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะต้องมีสมาธิอย่าว่อกแว่ก…ถ้าทำอะไรไม่ได้ แผ่เมตตาก็ยังดี กับทุกคนที่คุณอยากอโหสิให้ด้วย”

ใบหน้าซีดขาวนั้นพยักหน้ารับ แล้วนอนอย่างสงบมีสมาธิอย่างที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย เจมส์มองมาก่อนหยิบมีดอาคมมาจรดเหนือศีรษะ เขาพนมมือและเริ่มลงสวดมนต์ กระแสเสียงทุ้มนุ่มหนักแน่นแจ่มใสดังกังวานไปทั่วบริเวณ บุคลิกของเขาในยามนี้ เป็นผู้เรืองอาคมเต็มตัวเสียจนคนมองด้านข้างอยู่เงียบ ๆ อย่างธนัทกับปรางทิพย์ยังอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ด้วยความยำเกรง

ในตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในห้องพระ เด็กสาวยังงอนเล็กน้อยในตอนแรก ที่คิดว่าเจมส์จะไม่ยอมช่วยพี่ชายตน แต่พอเจมส์บอกจะทำพิธีอีกครั้ง เธอก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง จะมีทางไหนที่ช่วยปวินต์ได้ เธอก็ยินดีที่จะให้เจมส์ลองทำ

แต่พิธีครั้งนี้ ไม่เหมือนพิธีที่เจมส์เคยทำก่อน ๆ หน้านี้ บรรยากาศรอบตัวชายหนุ่มบ่งบอกได้ชัด จริงจัง…หนักแน่น…และไม่หวั่นไหว เป็นสัญญาณที่รู้สึกได้ ว่าคนทำก็พร้อมยอมเสี่ยงชีวิต

แม้เด็กสาวจะพยายามถามธนัท ที่คล้ายจะรู้อะไรมากกว่า แต่ชายหนุ่มก็บอกแต่เพียงว่า เจมส์จะพยายามทำดีที่สุด เพื่อช่วยพี่ชายเธอ

“ปรางจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ ๆ ค่ะ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ขออยู่ด้วยเถอะนะคะ” เธอบอกกับธนัทเช่นนี้ และในที่สุด เจมส์ก็ยินยอมให้เธอร่วมพิธีด้วย เด็กสาวเป็นหนึ่งในสายใยสัมพันธ์ของปวินต์ และหากมีอะไรที่ไม่คาดคิด ปรางทิพย์…อาจจะสามารถช่วยดึงปวินต์…ที่แทบจะก้าวเท้าครึ่งหนึ่งลงสู่ดินแดนแห่งความตาย ให้กลับคืนมาก็เป็นได้

ร่างบอบบางพนมมืออย่างตั้งใจ เธอไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นอกจากเชื่อมั่นในคนผู้นี้

ปวินต์จะต้องปลอดภัย คนดี ๆ อย่างพี่ของเธอ ไม่มีวันพ่ายแพ้แก่สิ่งชั่วร้ายอย่างแน่นอน



บ้านหมอคงเงียบเชียบกว่าทุกวัน วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว ซึ่งเป็นวันตามสัญญา หากหมดวันไม่ได้รับการติดต่อมาจากเจมส์ เขาจะลงมือสั่งสอนให้ชายหนุ่มได้รู้ ว่าผลของการดื้อรั้นจะเป็นเช่นไร แต่หมอคงเองก็รู้…ว่าคนอย่างเจมส์ ไม่มีวันปล่อยให้ปวินต์ตายแน่ ๆ ดังนั้นในวันนี้ คงได้เห็นการดิ้นรนอยู่บ้าง เนื่องจากด้วยศักดิ์ศรีของหมอผีด้วยกันแล้ว เขาแน่ใจว่าเจมส์คงจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ อยู่แล้ว

ต้องทำให้มันรู้ซึ้ง ว่าความทรมานที่แท้จริงเป็นอย่างไร หมอคงคิด เขากำลังเตรียมทำพิธีเพื่อตอกย้ำเวทย์ที่ร่ายไว้ ยาสั่งที่ร่างกายเหยื่อได้รับประทานเข้าไป บวกกับการร่ายคาถานี้ จะยิ่งทำให้เจ็บปวดทรมานมากเป็นทวีคูณ

แต่เขาจะไม่ให้ตายไวนักหรอก จนกว่าจะได้เห็นเจ้าหมอผีมือใหม่นั่น มาคุกเข่ากราบกรานขอร้อง

เขาจะจัดการพวกนั้น ให้สาสมกับที่พวกมันกล้ามาแหยมกับหมอคง!

“เตรียมตัวทำพิธีอยู่เหรอครับ” ร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูห้องพระมองมาพร้อมคำถาม

“ใช่…วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว มันแน่มาก…ที่ทนมาได้จนถึงวันนี้ แต่ไม่เกินวันนี้แหละ…ผมจะให้มันได้ลิ้มรสความทรมานที่แท้จริง!

คำพูดชวนสะพรึงนั้นทำให้คนฟังเริ่มหนาวเยือก ดวงตาที่มองมาของหมอคง ดูน่ากลัวกว่าที่เคย เมื่อพูดขึ้นว่า “วันนี้คงจะมีเรื่องยุ่ง ๆ เกิดขึ้นบ้าง คิดว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมหรอก แต่เพื่อความไม่ประมาท ผมถึงได้เรียกคุณมา”

“คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะมีปัญญาดิ้นรนเฮือกสุดท้ายได้งั้นเหรอครับ” สารวัตรธนดลถามขึ้นลอย ๆ

“มันก็ไม่แน่หรอก อีกอย่างที่สำคัญคือ ผมไม่อาจละออกจากวงพิธีในห้องนี้ได้ แต่วันนี้ ถ้าผมเล่นงานเจ้าหมอผีนั่นได้หนัก ๆ จัง ๆ สักที จะมีโอกาสที่ฤทธิ์ที่มันร่ายอาคมบังของสำคัญไว้ อาจจะเสื่อมลงได้ ซึ่งในตอนนั้น ผมอยากให้คุณไปจัดการชิงของนั่นมา”

“คุณหมายความว่า ของนั่นจะปรากฏขึ้น ให้พวกเราเอาไปได้ง่าย ๆ งั้นเหรอ”

“มันเป็นไปได้สูงทีเดียว และผมก็ไม่ไว้ใจให้ใครไปเอาของนั่น…นอกจากคุณ สารวัตรธนดล”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ผมเข้าใจ ก็พวกเราร่วมหัวจมท้ายกันแล้วนี่นะ ถ้าอย่างนั้นผมจะอยู่ดูคุณทำพิธีที่นี่ก็แล้วกัน และถ้าจังหวะนั้นมาถึงจริง ก็บอกกับผม แล้วที่เหลือ…” คนพูดเริ่มมีรอยยิ้ม “ผมจะจัดการเอง!” ว่าพลางชักปืนขึ้นโชว์ด้วยแววตากระหายเลือด

“คุณเป็นตำรวจไม่ใช่รึ” หมอคงย้อนเข้าให้ ดวงตาคมมองมาราวมองลึกเข้าไปในใจ

สารวัตรธนดลอมยิ้ม เขาตอบกลับโดยไม่สะทกสะท้าน “ใช่สิครับ ผมน่ะ เป็นตำรวจเต็มตัว…เรื่องง่าย ๆ อย่างเช่นการเป็นพยาน ว่าผู้กองปวินต์ สู้กับคนร้ายจนถึงแก่ความตายไปทั้งคู่…ด้วยปืนกระบอกนี้ มันเป็นไปได้ไม่ใช่หรือครับ…โดยเฉพาะถ้าปืนนี้ เป็นปืนที่ผมเอามาจากบ้านของปวินต์…และยังเป็นปืนที่เขาใช้ในการปฏิบัติงานเสมออีกด้วย!”

“หึ ๆ ๆ ผมล่ะยอมแพ้คุณจริง ๆ สำหรับเรื่องการป้ายสีคนอื่นแล้วเอาผลประโยชน์เข้าตัวเนี่ย”

คนฟังก้มหัวน้อย ๆ ก่อนจะพูดว่า “ผมจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”

“คุณจะจัดการกับตำรวจนั่นยังไงก็ตามใจ มันคงไม่ได้อยู่ในสภาพที่ต่อสู้ได้อยู่แล้ว…แต่เจ้าหมอผีนั่น เป็นของผม อย่าพึ่งรีบฆ่ามัน จนกว่ามันจะทรมานจนอยากจะตายสักหลาย ๆ ครั้ง ด้วยฝีมือผมเสียก่อน หลังจากนั้นคุณจะระเบิดสมองมันปิดฉาก ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก!”
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 04-12-2011 17:35:59
เสียงสวดมนต์ดังต่อเนื่องยาวนาน ร่างกายที่เจ็บแปลบเป็นพัก ๆ เริ่มมีเหงื่อโซมกาย ริมฝีปากบางขบกันแน่น ใบหน้าซีดขาว ยังคงซีดลงไปอีก แต่ปวินต์ก็พยายามนอนนิ่ง ๆ ไม่แสดงอาการทรมานนั้นออกไป ร่างที่นั่งด้านข้างยังคงอยู่ในท่าเดิมนานนับชั่วโมง แม้เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจากปวินต์จะเริ่มดังขึ้น

กลับเป็นปรางทิพย์ที่กระวนกระวายกว่า เธอผวาจะเข้าไปช่วยพี่ชายอยู่หลายครั้ง แต่ธนัทที่นั่งด้านข้างรั้งตัวไว้พร้อมกับส่ายหน้า เธอมองชายหนุ่มด้วยแววตาอันแสนทรมานใจ แต่สุดท้ายก็ยอมกลับมานั่งนิ่งตามเดิม

ร่างบนที่นอนนั้นดิ้นรนอีกครั้งอย่างสุดฝืน อาการปวดท้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวถูกของมีคมขูดกรีดภายในซ้ำแล้วซ้ำอีก เสียงไอรุนแรงถี่มีเลือดปะปน ยิ่งทำให้คนมองปวดใจนัก หากเจมส์ก็ยังคงสวดต่อไป มือของเขากำสายสิญจน์แน่น พยายามตั้งสติกับการสวดโดยไม่วอกแวก แม้ห่วงแสนห่วงคนเบื้องหน้า แต่ชายหนุ่มรู้ดี ว่าเขาจะต้องมีสติที่หนักแน่นมั่นคงเป็นที่สุด เพราะมันหมายถึงผลแพ้ชนะ…และชีวิตคนด้านข้างเลยทีเดียว

เสียงร้องอย่างทรมานดังกว่าเดิม เมื่อร่างกายนั้นสะท้านเฮือกเกร็งแน่น ดวงตาที่พริ้มหลับเนิ่นนานของเจมส์เบิกโพลงขึ้นแทบจะในทันที เขารู้สึกได้ถึงการต่อต้านจากอีกฝ่าย เจ้าหมอผีนั่นเริ่มพิธีแล้วเช่นกัน ในตอนนี้…ความพยายามที่จะผลักดันอาคมกลับ จะยิ่งยากขึ้นเป็นทวีคูณ

แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว ว่ามันจะต้องเกิดขึ้น อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมให้เขาตอบโต้ได้โดยง่าย เพราะมีศักดิ์ศรีของหมอผีค้ำคออยู่เช่นเดียวกัน

นี่พึ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น…เขาจะต้องหนักแน่นและเยือกเย็นให้ถึงที่สุด จะประมาทไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที

ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง รวบรวมสมาธิแล้วทำพิธีต่ออย่างตั้งใจ



หมอคงที่กำลังทำพิธีเริ่มรุกหนัก เสียงสวดเริ่มถี่กระชั้น ยิ่งเร่งเร้ายิ่งร้อนแรง จังหวะที่ใช้ยิ่งคล้ายจะก่อกวนจนคนฟ้งด้านข้างยังแทบรู้สึกปั่นป่วนไปด้วย เพียงแค่ได้ฟัง ธนดลก็รับรู้ ว่าคนถูกของนั้น จะต้องทุกข์ทรมานมากมายขนาดไหน

“ยังหรอก…ยังไม่ให้ตายหรอกน่า…ต้องเจ็บกว่านี้…ปวดกว่านี้…พวกแกต้องทรมานเสียให้พอ จนกว่าจะยอมแพ้…จะได้รู้สำนึกสักที ว่ากำลังเล่นกับใคร!”

เสียงหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองก่อนจะกำกับคาถาซ้ำระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้คนมองอดสยดสยองตามไปไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว สารวัตรหนุ่มก็ได้แต่นั่งมองต่อไป โดยไม่กล้าขัด หรือโต้แย้งให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ

เล่นเอาอดนึกสงสารเหยื่อของหมอคงขึ้นมาไม่ได้

เกมนี้พวกนั้นคงย่ำแย่แน่ ๆ เพราะหมอคงนั้น…เลือดเย็นกว่าที่คิดมากมายนัก!



ร่างที่นอนอยู่พลิกงอตัวกุมท้องแน่น เสียงร้องที่ไม่อาจข่มกลั้นไว้ได้ไหวดังมาเป็นระยะ เลือดที่อาเจียนออกมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้คนนั่งดูด้านข้างหวาดหวั่นจนแทบทำอะไรไม่ถูก เด็กสาวที่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นเกาะแขนธนัทไว้แน่น ทั้งหวาดกลัวและเป็นห่วง ได้แต่หลับตาแน่นหลั่งน้ำตาอยู่เงียบ ๆ ด้วยไม่กล้าจะรบกวนสมาธิของผู้ทำพิธี

เจมส์ที่ตอนนี้แม้จะยังนิ่ง แต่เริ่มมีเหงื่อผุดพราย ท่าทางที่เป็นหนักกว่าเก่าจนแทบจะนอนนิ่ง ๆ ไม่ไหวของผู้กองหนุ่มทำให้คนสวดเริ่มหนักใจ เขากลัวว่าคนกลางอย่างปวินต์จะทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหวเสียก่อน ยังเหลืออีกวิธีเดียว แต่มันเสี่ยงมากพอดู

นั่นคือการปล่อยให้อาคมทั้งหมด เข้าตัวเขาแทนปวินต์ แล้วค่อย ๆ ใช้พลังที่มีช่วยผลักดันมันกลับคืนไป

เพียงแต่ถ้าเขาไม่สามารถควบคุมสมาธิได้ ท่ามกลางความเจ็บปวด…เขาก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

งานนี้เป็นการสู้กันด้วยใจล้วน ๆ แต่เขาไม่มีทางถอย

เพราะถ้ามันพลาด ย่อมหมายถึงชีวิตของทุกคนด้วย ไม่ใช่แค่ของเขาเพียงคนเดียว!

ชายหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดในที่สุด เขารออีกไม่ได้แล้ว ร่างกายของปวินต์บอบช้ำเกินไป หากปล่อยเนิ่นนานกว่านี้ คนที่เขารักจะไม่อาจฟื้นคืนกลับสู่สภาพเดิมได้ ชายหนุ่มใช้สายสิญจน์ที่ถืออยู่พันรอบมือแทนที่ ทางเชื่อมนี้จะปล่อยให้ถูกตัดขาดไปไม่ได้แม้สติจะหลุดลอย มิเช่นนั้นสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดจะหวนกลับคืนสู่ผู้ถูกทำของ และปวินต์จะต้องตายอย่างแน่นอน เขาจะต้องควบคุมมันไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดขนาดไหน สติเท่านั้น…ที่จะชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้

คนด้านข้างยังคงดิ้นรนอย่างทรมาน เจมส์หันไปหาสองคนด้านข้าง แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “ผมจะทำพิธีที่สำคัญมาก ช่วยจับคุณวินต์ไว้ให้หน่อยครับ อย่าให้สายสิญจน์หลุดมือ อย่าให้มันหลุดจากสร้อยที่พันไว้ ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นภัยถึงชีวิต”

ทั้งคู่พยักหน้ารับ ก่อนขยับไปคนละฝั่ง ช่วยยึดจับร่างนั้นกับตัวสายสิญจน์ไว้ เจมส์มองทั้งสองที่ดูจะพร้อมแล้ว ก่อนขยับเข้าไปพูดกับคนที่นอนอยู่ใกล้ ๆ

“คุณวินต์ครับ อดทนอีกสักนิดนะครับ ความเจ็บปวดทั้งหมดของคุณ ผมจะรับเอาไว้เอง…คุณจะต้องไม่เป็นอะไร…คุณจะต้องหายดี…ผมสัญญา” เขาพูดปลอบเสียงแผ่วเบา ไม่ได้สนใจนักว่าปวินต์จะรับรู้หรือไม่ แต่มันคือความตั้งใจจริงของเขาเสียมากกว่า

“พ่อฮะ…อย่านะฮะ วิธีนี้อันตรายเกินไป!”

เสียงเด็กดังห้ามขึ้นเบา ๆ คนกำลังยึดจับมองหน้ากันอย่างแปลกใจ เสียงนั้นดังมาจากสร้อยที่ห้อยคอปวินต์ไว้นั่นเอง เจมส์มองสร้อยเส้นนั้นกลับด้วยแววตาอันตั้งใจจริง

“คุณวินต์ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…พ่อไม่อยากจะเสียทั้งเจ้าและคุณวินต์ไป และที่สำคัญ ความเจ็บปวดนี้…พ่อทนเห็นเจ้ารับคนเดียวไม่ได้หรอกนะเคน”

“แต่ถ้าพลาด…พวกเราจะแย่กันทุกคนนะฮะ” เด็กน้อยพยายามต่อไป

“พ่อจะไม่แพ้ เจ้าล่ะ พร้อมเดิมพันด้วยกันกับพ่อรึเปล่า” เสียงของเขาหนักแน่นมั่นคงนัก จนอีกฝ่ายสุดที่จะแย้งได้อีก

“ฮะ…ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็อยู่ข้างพ่ออยู่แล้ว” เคนตอบกลับโดยไม่ลังเล

เจมส์มองมาพลางยิ้มน้อย ๆ “ขอบใจนะ…จำไว้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ พ่อก็ยินดีเสี่ยงชีวิต เพื่อช่วยลูก”

ไม่มีเสียงตอบกลับอีก แปลได้ว่าตกลง เจมส์รู้ดีว่าเด็กน้อยกำลังเขิน แต่คงไม่มีแรงพอจะพูดล้อเล่นกับเขาได้เหมือนปกติแล้ว ในตอนนี้ กระทั่งเคนเองก็ต้องรับบทหนักเช่นเดียวกัน

“พ่อชวนคุณวินต์ไปเที่ยว เขาบอกว่าจะไม่ไป ถ้าเจ้าไม่ไปด้วย ดังนั้น…พวกเราต้องไปด้วยกัน ทั้งสามคนนะ” เจมส์พูดต่อด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน เล่นเอาคนฟังนิ่งอึ้งไปนานอย่างพูดไม่ถูก

“ฮะพ่อ…พวกเราจะไปด้วยกัน” เสียงตอบกลับในที่สุดมีสะอื้นปะปน จนเขานึกอยากกอดเด็กคนนี้ไว้ แม้ในตอนนี้ ร่างก็ยังไม่ได้เห็น…สัมผัสก็ไม่ได้ แต่เขากลับรู้สึกได้กระทั่ง…ใบหน้ากลมน่ารัก ที่กำลังยิ้มแย้มแม้รอยยิ้มนั้นจะยังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

“อื้ม” เจมส์ตอบรับ ร่างกายที่เตรียมพร้อมกว่าเก่ายืดตัวตรงอีกครั้ง ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก เขาเริ่มเปลี่ยนวิธีการร่ายอาคมให้เนิบช้า ชักนำคุณไสยทั้งหมดให้ไหลเข้าร่างตนเอง พิธีนี้อันตรายมาก แต่หากทำสำเร็จ อย่างน้อยปวินต์ที่เชื่อมต่อ ก็จะยังปลอดภัย แม้ตัวเขาเองจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ เพราะรับทุกอย่างมาเต็ม ๆ ก็ตามที

แล้วหลังจากนี้ จะเป็นการปะทะของเขา…กับเจ้าหมอผีนั่นโดยตรงแล้ว โดยมีเคนเป็นทางเชื่อม แต่ก่อนจะถึงการทำเช่นนั้น เขาต้องรับคุณไสยทั้งหมดเข้ามาให้สำเร็จเสียก่อน

มือที่ถูกพันสายสิญจน์ไว้แน่นกันหลุดเริ่มชาปลาบคล้ายถูกไฟฟ้าช็อต เพียงแค่รู้สึกถึงการเข้ามาของฤทธิ์อาคมอันชั่วร้าย ชายหนุ่มเกร็งมือแน่น บังคับไม่ให้สะบัดปล่อยตามสัญชาตญาณ เขาพยายามโน้มนำจิตใจตนให้เป็นสมาธิ เพื่อลดอาการต่อต้านของร่างกายลง

ฤทธิ์ของมันรุนแรงนัก เพียงแค่ไม่นาน เขาก็รู้สึกได้ถึงร่างกายที่ปวดร้าวแทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ อย่าว่าแต่ต้องตั้งสมาธิไม่ให้หลุดจากการร่ายอาคมเลย แค่พยายามจะนั่งให้ตัวตรงแบบเดิมก็ยังยากเย็นนัก

ปวินต์ต้องทนทรมานถึงขนาดนี้มาถึงหลายวันโดยไม่มีปริปากบ่น กับแค่เขาต้องทนเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพื่อผลักดันมันกลับไป ถือว่าน้อยมาก เขาต้องทนให้ได้…และยังต้องทำพิธีต่อไปให้รอดด้วย

หากเขาผลักดันกลับไปยังผู้ร่ายอาคมไม่ไหว และไม่สามารถเหนี่ยวรั้งมันไว้ได้ ทุกอย่างจะตีกลับซ้ำไปยังร่างกายของปวินต์…และเมื่อถึงตอนนั้น กระทั่งให้หมอคงมาเอง ก็คงไม่สามารถแก้ไขช่วยเหลืออันใดได้แล้ว

ดังนั้นเขาจะต้องทำให้ได้…สถานเดียวเท่านั้น!

ร่างกายปั่นป่วนนัก ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้าม กำลังโหมอาคมเพิ่มฤทธิ์ตัวยาให้รุนแรงขึ้นไปอีก แม้ยังไม่ถึงกับให้ตกตาย แต่ก็เจตนาให้เจ็บปวดปางตายเลยทีเดียว หมอคงยังไม่รู้…ว่าเขาได้ย้ายการออกฤทธิ์ยาทั้งหมด เข้ามาในร่างกายเขาแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมผลักดันกลับไป

ชั่วร้ายมากจริง ๆ พวกใช้ไสยดำเพื่อการฆ่าและทำลายเช่นนี้

ในฐานะที่เป็นหมอผีเช่นกัน เขาไม่มีทางปล่อยมันไว้

…ขอโทษนะครับพ่อ…แต่ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ผมคงต้องใช้มันเสียแล้ว ไสยดำที่พ่อพร่ำนักพร่ำหนา ว่าอย่าใช้ในทางที่ผิด แต่ครั้งนี้…ผมทำเพื่อช่วยชีวิตคนที่รัก ถ้าผลของมันจะเลวร้าย ผมก็พร้อมยอมลงนรกแต่เพียงผู้เดียว

คุณวินต์จะต้องปลอดภัย…เคนจะต้องรอด

ช่องท้องที่แสบร้อนราวถูกกรีดด้วยของมีคมและแผดเผาด้วยเปลวไฟช่างให้ความรู้สึกทรมานนัก ชายหนุ่มรู้สึกได้กระทั่งเลือด ที่ทะลักขึ้นมาในลำคอจนต้องกล้ำกลืนลงอย่างสุดฝืน เจมส์หลับตาลงแนบแน่น กลั้นใจสวดมนต์ซ้ำอีกครั้ง

ปวินต์ที่นอนด้านข้างสงบลงแล้ว และมีลมหายใจที่สม่ำเสมอ แม้จะยังไม่ได้สติ คนที่ช่วยยึดจับไว้ด้านข้างทั้งสองผ่อนลมหายใจลงอย่างโล่งอก หากโล่งได้ไม่มากนัก เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนทำพิธี ที่ตอนนี้กลับมีใบหน้าที่ซีดเผือดยิ่งกว่าปวินต์เสียอีก ยังคงพยายามทำพิธีอย่างอดทน

ปรางทิพย์ขยับจะพูดอะไรออกมา หากธนัทกลับส่ายหน้าน้อย ๆ แกมห้ามไว้

เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้จะรบกวนสมาธิเจมส์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็ทำได้เพียงเฝ้าดู

…เฝ้าดูและเชื่อใจ…

เพียงเท่านี้ที่ทำได้ในตอนนี้!


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 04-12-2011 17:47:29
 :m31: หมอคงแกเลวมาก
อยากให้หนูเคนกับว่าที่ภรรยารอด :z3:
อ่านแล้วลุ้นตัวโก่งเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 04-12-2011 18:04:38
สู้ๆนะ เจมส์  เคน วินต์  ความดีย่อมชนะความเลววววววว   :monkeysad:

อาดล หมอคง  :beat: :beat: :z6: :z6:
:amen: :amen: แช่งงงง หมอคงกะไอพวกคนเลว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-12-2011 18:32:55
เผลอกลั้นใจตอนอ่าน  เหนื่อยชะมัด
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Yunatsu ที่ 04-12-2011 20:50:32
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

เครียดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 04-12-2011 21:20:36
สารวัตรธนดลไอ้ตำรวจชั่ว ไอ้โจรในเครื่องแบบ และไอ้คงหมอผีชั่ว ขอให้ความชั่วย้อนเข้าทำลายตัวมันให้ย่อยยับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BirdJa ที่ 04-12-2011 21:24:20
อยากให้คนชั่วได้รับกรรมอย่างสาสม :fire:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 04-12-2011 21:29:59
สุดๆเลยครับพี่นักเขียน ลุ้นสุดๆเลยเหมือนกับว่าไปนั่งอยู่ในพิธีด้วยเลย
มันมากด้วย การต่อสู้ของหมอผีนี่มันอย่างนี้เอง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: arun do d ที่ 04-12-2011 21:46:01
 :serius2: เกลียดหมอคง คน(จัญ)ไรเลวจริง ๆ
ใครก็ได้ช่วย  :z6: :z6: :z6: จัดหนักหมอคงที
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 04-12-2011 22:03:04
 :z3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 04-12-2011 22:38:49
หมอคงเลวไม่ไหวเคลียร์อ่ะ ขอให้กรรมตามสนองทีเถิด
ขอให้เจมส์ ผู้กอง เคนน้อย ปลอดภัย คนอ่านไม่อยากได้ดราม่าน้า T^T
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 04-12-2011 23:02:41
สงสารเจม กับ ปวินต์มากๆ หวังว่า ฝ่ายมืด คงได้รับผลกรรมเลวที่ทำไว้
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 04-12-2011 23:11:21
ลุ้นมากมาย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 04-12-2011 23:29:22
เจมส์สู้ๆเพื่อเคน เพื่อคุณวิน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 05-12-2011 00:17:27
ตอนล่าสุด อ่านแล้วปวดหัวใจ :sad2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 05-12-2011 00:22:44
กลั้นหายใจอ่านกันเลยทีเดียว

ลุ้นซะ

 :laugh:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 05-12-2011 13:26:04
ลุ้นสุดๆ เจมส์รีบดูดไสยดำจากวินต์แล้วส่งคืนไอ้หมอคงแบบปล่อยพลังเต่าเลยนะ
เอาให้กระอักเลย :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 06-12-2011 09:53:35
ลุ้นกันจนเหนื่อยเลยทีเดียวเชียว ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบเจ้าเคน น่ารักอ้ะ  :-[ :-[

พีจังจ๋าาาา อัพไวๆน้า  :call: :call:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-12-2011 10:22:27
ง่า อ่านแล้วเครียด สู้ๆ ธรรมะต้องชนะอธรรม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 06-12-2011 12:05:14
อ่านจบตอน   น้ำ้ลายเหนียวเลย

สู้ สู้!!!!

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-12-2011 18:13:31
อ๊ากก อิหมอคง ไอ้เลวววว
แกไม่ตายดีแน่
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 16 (4/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 06-12-2011 21:53:34
 :serius2:   เครียดค่ะ
หมอคงมันร้ายอ่ะ ร้ายไปไหน ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่

โฮ้ยยยย
ต้องช่วยได้นะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 10-12-2011 15:46:06
สืบเสน่หา

ตอนที่ 17



“หึ มันยังทนอยู่ได้อีกงั้นรึ อึดกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย” หมอคงพึมพำอย่างนึกสนุก เขาไม่ได้เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อมานานแล้ว และครั้งนี้…ก็เป็นอีกครั้ง ที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้ อาคมที่ใช้ไปเมื่อครู่ แรงชนิดที่ทำให้ชิดชัยตายเลยด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถผ่อนฤทธิ์รุนแรงนั้นลงและควบคุมมันไว้ได้

ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะทนความเจ็บปวดได้นานนัก เขาเชื่อ ว่ามันจะต้องรีบติดต่อมา ถ้าไม่ต้องการให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น

ดวงตาคมเหลือบมองตุ๊กตากุมารทองเบื้องหน้า คราบเลือดที่หลั่งไหลแห้งเกรอะกรังไปแล้ว รอยแตกบางส่วนยังคงอยู่ แต่ไม่มากนัก เห็นได้ชัดว่าหลายวันนี้ ไม่มีความพยายามที่จะจู่โจมเขากลับเลย

“เจ้าก็เป็นเกราะกำบังที่ดีให้ข้าเหมือนกันนะ เจ้าเด็กน้อยหัวดื้อ” เขาพึมพำกับมันพลางหัวเราะชอบใจ

ไม่มีคำตอบจากตุ๊กตาตัวนั้น ใบหน้าของหมอคงมีรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนรวบรวมสมาธิเพื่อจะทำพิธีต่อ

เขาจะเพิ่มความแรงของอาคมให้มากขึ้นอีก เอาให้มากจนมันต้องร้องขอถึงความตายเลยทีเดียว!



“อึ้ก!” ร่างสูงของเจมส์ที่ยังคงนั่งสวดมนต์สะท้านเฮือก ภายในที่เจ็บแปลบเจ็บกว่าเดิมหลายร้อยเท่า เลือดที่ขึ้นมาในลำคอ บอกได้ชัดถึงความบอบช้ำ ชายหนุ่มพยายามกล้ำกลืนมันกลับไป แม้จะมีบางส่วนไหลเลอะมุมปากแล้ว มือของเขายังคงพนมอยู่แนบอก เพ่งสมาธิไว้เป็นจุดเดียว

หากไม่คิดว่ามันเจ็บ มันก็จะไม่เจ็บ กายของเขา…มันไม่ใช่กายของเขาแต่แรกอยู่แล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นสัจธรรม คิ้วเรียวขมวดเข้มแม้พยายามคิดให้ผ่อนคลาย หากในตอนนี้ก็คล้ายจะช่วยอันใดได้ไม่มากนัก

ในที่สุดเขาก็ดึงอาถรรพ์อันร้ายกาจของฤทธิ์ตัวยามาลงยังร่างตนเองได้ทั้งหมดแล้ว จะอย่างไรตอนนี้ ปวินต์ก็จะปลอดภัยไประยะหนึ่ง ไม่ต้องทรมานแบบนั้นอีก แต่ตัวเขาเองนั้นจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้ เพราะหากแรงที่เหนี่ยวรั้งสิ่งชั่วร้ายไว้คลายลง ทุกอย่างจะตีกลับหาปวินต์อีกครั้ง และนั่นจะเป็นความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง ทั้งกับตัวเขาเองที่ถูกเวทย์ตีกลับ และกับปวินต์ผู้รับเคราะห์

ถึงจะรู้สึกโล่งใจได้เปลาะหนึ่ง แต่ภาระอันใหญ่หลวงกว่าที่เขาทำใจลำบากตลอดมากำลังเริ่มขึ้นแทนที่ อาการเจ็บปวดนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะเขาพอจะเรียนรู้วิธีผ่อนคลายมันลงได้บ้าง แต่เรื่องสำคัญยังคงเป็น…การผลักดันอำนาจมืดทั้งหมดสนองกลับคืนผู้ใช้

การลงมือที่เสี่ยงต่อชีวิต…ทั้งกับเคนและเขา…และแน่นอน ยังเกี่ยวเนื่องกับชีวิตของปวินต์ด้วย

สำหรับการนี้จะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี และนั่นหมายถึง…เขาจะต้องคลายอาคมในการซ่อนของไว้เสียแล้ว

อาจจะผิดต่อปวินต์อยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถปกป้องของนั้นไว้ด้วยอาคมได้อีกแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ผิดคำสัญญา เพราะเขาไม่ได้นำมันไปแลกเปลี่ยนกับชีวิตของปวินต์ ตามที่อีกฝ่ายไม่ยินยอมให้เขาทำ

เพียงแต่ว่าอาจจะมีผู้บุกรุกเข้ามาเอาของนั่นไป ในขณะที่เขาไม่อาจขัดขวางได้ มันก็เท่านั้น

ของที่ถูกเอาไปได้ ก็แย่งกลับคืนมาได้…ไม่เหมือนกับชีวิตคน

แม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เพื่อเคนที่ยอมเสียสละตัวเองเป็นทางผ่านของอาคม เขาจะลังเลไม่ได้อีก!



ดวงตาที่พริ้มหลับลืมขึ้นทันควัน ก่อนใบหน้าแกร่งนั้นจะมีรอยยิ้ม เขารู้สึกได้ถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของอาคมของอีกฝ่าย แรงต่อต้านการรับอาคมลดทอนลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้น…อะไรบางอย่างกำลังถูกคลี่คลาย ม่านมนตราที่ปิดผนึกการมองเห็นภายในบ้านถูกสลายให้จางหายลงอย่างปุบปับ คล้ายที่กำบังตาถูกนำออกไป หมอคงสวดมนต์สั้น ๆ บทหนึ่งเรียกผีร้ายคนสนิทให้ออกมา

“เจ้ามั่น มานี่ซิ” เขาเรียกมันซ้ำอีกครั้ง พริบตาเดียวร่างที่คุ้นเคยของผีตายโหง ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างนอบน้อม

“เจ้าจงไปสำรวจบ้านของเจ้าหมอผีนั่นอีกครั้ง แล้วรีบกลับมาบอกข้า ว่ามันซุกซ่อนของไว้ที่ไหน ตอนนี้ของนั่นปรากฏขึ้นแล้ว เวทย์อำพรางของมันเสื่อมลง หรือไม่ก็ถูกมันเองสลายอาคมไปเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ล่ะ เราจะได้ไปเอาของสำคัญนั่นได้ไม่ลำบากแรง”

สารวัตรธนดลที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ มีประกายตาวาวขึ้นอย่างสนใจ “คุณรู้ที่ซ่อนของแล้วงั้นเหรอครับ” เขาถามขึ้นเพราะได้ยินสิ่งที่หมอคงพูด แต่ไม่เห็นผีเจ้ามั่น ที่หมอคงสั่งให้ไปทำงานแม้แต่น้อย

“ใช่ มันยอมคลายอาคมซ่อนของแล้ว อย่างที่ผมบอกไงล่ะ อาคมนี้มันใช้พลังสูง ถ้ามันคิดจะต้านผมไว้ให้ได้ล่ะก็ จะอย่างไร มันก็ต้องยอมคลายลง ไม่เช่นนั้นคิดเหรอ ว่าจะสู้ผมได้ทัดเทียม” คนพูดพึมพำอย่างมั่นใจในอำนาจที่ตนมี

“ถ้าอย่างนั้น…” ชายหนุ่มว่าอย่างตื่นเต้น “ผมก็ไปเอามันมาได้แล้วสิ”

“ยังก่อนครับสารวัตร รอเจ้ามั่นกลับมาก่อน ให้เราได้รู้ตำแหน่งของที่แน่นอน จากร่องรอยอาคมที่หลงเหลือ เพื่อที่จะได้เข้าไปเอามันออกมาได้โดยไม่ต้องเหนื่อยแรง จากนั้นคุณจะจัดการใคร ก็แล้วแต่คุณแล้ว”

“อ้อ งั้นเหรอ” คนฟังหัวเราะเบา ๆ “คุณนี่ก็รอบคอบดีนะ”

หมอคงมองมาด้วยแววตาเย็นเยียบ “ถ้าไม่รอบคอบ คงจะมีชีวิตอยู่ในวงการนี้ไม่ได้ วงการหมอผีที่แท้จริงน่ะ เคี่ยวกว่าที่คุณคิดไว้เยอะนะครับ การประมาทหมายถึงความตายได้เลยทีเดียว”

“ผมทราบแล้วละ…อย่างลึกซึ้งถึงใจเลย” ชายหนุ่มพูดต่อคล้ายพูดกับตัวเองมากกว่า ก่อนจะหันมาถามอีกฝ่ายว่า “แล้วหลังจากนี้คุณจะทำยังไงต่อ”

“หึ ลองมันยอมสลายอาคมทางนี้ ก็แสดงว่ามันคิดจะทุ่มสุดตัวสู้กับผมแล้ว ผมจะอยู่ในวงอาคมนี้ทำพิธีต่อจนกว่าจะตายกันไปข้างนึง แต่ยังไงมันก็คงไม่กล้าโจมตีผมหรอก” เขาว่าพลางเหลือบมองตุ๊กตาที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง “เพราะยังไงผมก็ยังมีตัวประกันตัวที่สองอยู่ ถ้ามันโจมตีมา คนที่เจ็บก็จะเป็นกุมารทองของมันต่างหากล่ะ ไม่ใช่ผม!”

“คุณยังคงโหดเหมือนเดิมนะครับ” คนฟังส่ายหน้าเบา ๆ เริ่มจะชินกับคนเบื้องหน้าอยู่บ้าง การจัดการคน ๆ นี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ สารวัตรหนุ่มคิดในใจ

“เดี๋ยวก่อนนะ” หมอคงหยุดชะงักไป เพราะมองเห็นสมุนผีตายโหงของตนกลับมาแล้ว ร่างนั้นคุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าก่อนรายงานว่า

“เจ้าพวกนั้นอยู่กันในห้องพระ ข้าเข้าไปในนั้นไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันบ้าง แต่ของที่นายท่านกำลังค้นหา ได้ปรากฏขึ้นแล้วจริง ๆ วางอยู่ที่มุมด้านหนึ่งของห้องนอนเจ้าหมอผีนั่นขอรับ”

“ของไม่ได้อยู่ในห้องพระงั้นรึ” หมอคงทวนคำอย่างพอใจ “แบบนี้ก็ดี คุณคงทำงานได้ง่ายขึ้นนะครับสารวัตร”

“หืม สมุนผี ๆ ของคุณกลับมารายงานแล้วงั้นเหรอ เขาพูดอะไรกัน” สารวัตรธนดลถามในทันที เพราะไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเหมือนหมอคง

“ใช่ครับ คุณจะเตรียมตัวเลยก็ได้ ของนั่นอยู่ในห้องนอนของเจ้าหมอผีนั่น คุณคงรู้ตำแหน่งมันดีใช่มั้ย เพราะผมได้ข่าวว่าคุณให้คนไปค้นอยู่หลายครั้ง แต่คว้าน้ำเหลวกลับมาตลอด” น้ำเสียงประโยคหลังเริ่มเสียดสี เพราะหมอคงนั้นไม่พอใจชวรัตน์สักเท่าใด ที่ชอบจิกหัวใช้คนอย่างเขา โดยที่ถือดีแค่มีเงินในมือเท่านั้น

“คุณนี่ช่างเหน็บแนมเสียจริง ผมยอมรับนะ ว่าไม่เคยเอาของนั่นมาได้เลย แต่ครั้งนี้ คงจะหาได้ง่าย ๆ งั้นสินะครับ”

“ก็คงไม่ยากหรอกนะ เพราะเจ้าพวกนั้นคงไม่มีแรงจะต่อต้านคนมีอาวุธในมืออย่างคุณหรอกมั้ง แถมเจ้าหมอผีนั่น ก็ยังติดการต่อสู้กับผม มันจะละสมาธิไปไม่ได้เลย เพราะนั่นจะเท่ากับความพ่ายแพ้ และความตายของคนที่มันรัก!”

“แต่ผมยังสงสัย ของที่โผล่มาแล้วครั้งหนึ่ง พวกมันจะซ่อนกลับไปได้อีกมั้ย เกิดผมไปถึงแล้วพวกมันซ่อนอีกรอบ ผมก็ไปเก้อน่ะสิครับ” สารวัตรธนดลถามต่อไป

“หึ…มันไม่มีพลังพอจะทำแบบนั้นได้หรอก ผมรับรอง!” หมอคงพูดโดยไม่ได้หันกลับมาจึงไม่ได้เห็นแววตาของอีกฝ่าย ที่จ้องมองมายังตัวเขา

“งั้นหรือครับ” คนพูดยิ้มน้อย ๆ อย่างเลือดเย็น “ถ้าอย่างนั้นผมคงไม่ต้องรีบไปเท่าไหร่ เพราะมีบางเรื่องที่สำคัญ จะต้องบอกคุณเสียก่อน”

“คุณคงไม่ได้คิดจะฆ่าปิดปากผม เพราะรู้ที่ซ่อนของแล้วหรอกนะครับ” คนถามที่ยังคงนั่งนิ่ง ไม่ได้หันกลับมามองเลยด้วยซ้ำ มือที่ชื้นเหงื่อซึ่งลอบกุมปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงตัดสินใจปล่อยมันลง ก่อนจะทำสีหน้าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ผมไม่กล้าหรอกน่า หมอคงก็น่าจะรู้…ว่าเราคบกันมานานแค่ไหนแล้ว แต่ว่าคนที่กล้า…คือเจ้าชวรัตน์นั่นต่างหาก มันจ้างผม ให้จัดการกับคุณ หลังได้ของมาเรียบร้อยแล้ว!”

“ผมน่ะ...เป็นพวกเดียวกับคุณนะหมอคง ของที่ได้มา มีส่วนแบ่งของคุณด้วยแน่นอน”

คนฟังหัวเราะเบา ๆ อย่างขบขัน “งั้นรึ ถ้าอย่างนั้น ก่อนจะจัดการเจ้าหมอผีของตายนั่น…สงสัยผมจะต้องทำอะไรกับท่านชวรัตน์ นายจ้างที่แสนดีของผมก่อนเสียแล้ว”

คนฟังลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างเฝื่อน ๆ รู้ดีถึงยาที่ในตอนนั้นหมอคงส่งให้ชวรัตน์กินเข้าไป หากเขาตัดสินใจฆ่าหมอคงเมื่อครู่ ดีไม่ดีตัวเขาเอง ก็อาจจะโดนทำของไปด้วยได้ ยิ่งอยู่ในระยะใกล้เสียขนาดนี้ ดังนั้นสุดท้าย เขาจึงตัดสินใจโบ้ยไปให้ชวรัตน์เป็นฝ่ายรับแทน เมื่อหมอคงชะล่าใจในภายหลัง เขาค่อยหาโอกาสปิดปากไว้อีกที

ชวรัตน์จะอยู่หรือตาย เขาก็ไม่สนใจนักหรอก เพราะเป้าหมายสำคัญของเขา หาใช่การจงรักภักดีทำงานให้ชวรัตน์ไม่

…แต่เป็นเฮโรอีนทั้งหมด ที่ชวรัตน์ต้องการให้เขานำกลับไปให้ต่างหากล่ะ!



หมอคงเริ่มสวดมนต์อีกครั้ง หากในตอนนี้ เป้าหมายกลับผิดแปลกออกไป โชคช่วยเจมส์โดยแท้ กระแสพลังที่ส่งผ่านมายังตัวเขา จู่ ๆ ก็ลดทอนลงอย่างเห็นได้ชัด เจมส์รู้ดี ว่าอีกฝ่ายกำลังลงมือจะชิงของแล้ว แต่เขาคงไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากฉกฉวยสภาวะนี้ ในการรุกกลับไปยังหมอผีอีกครั้งหนึ่ง โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเท่านั้น

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองมายังสร้อยเส้นน้อยที่ปวินต์คล้องคออยู่ ก่อนถามเด็กน้อยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า

“พ่อจะเริ่มพิธีผลักดันของกลับคืนไปแล้วนะ เจ้าพร้อมหรือยัง”

“ฮะพ่อ ผมพร้อมเสมอ อยากจะตั้นหน้าเจ้าหมอผีบ้านั่นเต็มแก่แล้ว พ่อรู้มั้ยว่ามันเอาหวายอาคมเฆี่ยนผมด้วย”

ดวงตาชายหนุ่มทอแววเศร้า “คงเจ็บมากสินะ พ่อขอโทษ ที่ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้เลย”

“ไม่หรอกฮะพ่อ…ผมจะไม่ยอมให้ใคร มาทำลายคนสำคัญในครอบครัวของเรา เจ็บแค่นี้เรื่องเล็ก”

“ขอบใจนะเคน…ขอให้เจ้ารู้ไว้ด้วยว่า ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน พ่อก็ยังอยากเป็นพ่อของเจ้าเสมอนะ”

“พ่อจะต้องไม่เป็นไร ผมก็จะไม่เป็นไร เราจะต้องชนะเจ้าหมอผีนั่นให้ได้!”

“อื้ม อดทนเข้าไว้แล้วกัน หลังจากนี้เราจะไปเที่ยวกันสามคนนะ”

“ผมจะรอนะฮะ”

คนพูดหลับตาลงอีกครั้งก่อนลงมือทำพิธีต่ออย่างจริงจัง


(เหลืออีกครึ่งตอน โพสต์เท่าไหร่ก็ไม่ติดสักที ขอเว้นไปสักพักเดี๋ยวจะมาลองใหม่นะคะ ระบบมันบอกแต่ว่าให้รอ 90 วินาที แต่รอแล้วก็ยังไม่ติด - -")
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 10-12-2011 16:36:32
ตอบกระทู้ไม่ได้มันเป็นอะไรนี่



อีกครึ่งจะมายังน้อ

แบบว่า  ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวเลยครับ ลุ้นมาก นิยายเรื่องนี้ให้ลุ้นนานมากๆหลายตอนที่ผ่านมาลุ้นตลอด  แต่มันมากที่ได้ลุ้นตลอด  แต่แยกให้ช่วยเคนออกมาได้โดยเร็วเป็นห่วงเคนนะครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 10-12-2011 16:41:45
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 10-12-2011 17:35:02
ทั้งรอและลุ้น เลยคับ สู้ๆนะทั้งสามคนเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: veeva ที่ 11-12-2011 00:59:55
เล้า โดนของ :z3:  ตอบกระะทู้ไม่ได้เลย พยายามโพสตั้งหลายรอบแล้ว o22

แล้วอีกสักพัก ถ้าคนเขียนไม่ยอมมาต่อจะปล่อยของใส่ด้วย  :fire:

ข้อหา ทรมาน เจมส์ เคน ปวินต์ นานเกินควร  :m31:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 (10/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 11-12-2011 08:30:31
ชวรัตน์ที่กำลังเอกเขนกอยู่บนเตียงสวีทขนาดใหญ่ พร้อมข้างกายมีหญิงสาวสวยเซ็กซี่ในชุดวาบหวิวคลอเคลียอยู่เคียงข้างถึงสองคน หยิบไวน์ขึ้นมาจิบอย่างสบายอารมณ์นัก สารวัตรธนดลแจ้งข่าวกับเขาเป็นระยะ ถึงความคืบหน้าที่เกิดขึ้น และช่องทางที่เขาจะได้มาซึ่งของนั้นในเวลาอีกไม่นานนักนั้นด้วย

และนั่นทำให้เขาอารมณ์ดีกว่าที่เคย เมื่อเทียบกับช่วงเดือนที่ผ่านมา

หากยังไม่ทันได้จิบอึกที่สอง ร่างนั้นก็ชะงักค้างเกร็งแน่น จู่ ๆ ช่องท้องก็มวนปวดแปลบ คล้ายปวดท้องด้วยอาหารเป็นพิษอย่างปุบปับ ร่างท้วมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนชันตัวจะลุกขึ้น สั่งหญิงสาวใกล้ ๆ ว่า “ปวดท้องจริง ไปหายาให้หน่อยซิ”

“ค่ะท่าน เธอรับคำก่อนลุกขึ้นจากเตียงนั้น ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวไปอีกแม้เพียงก้าว ร่างบอบบางนั้นก็ต้องสะดุดกึกด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินคนสั่งร้องโหยหวนอย่างทรมานแสนสาหัส

“ท้องชั้น…อ๊าค…ปวด…ปวดไปหมด ใครเอาอะไรมากรีดมัน…อึก…ไม่ไหว…ช่วยด้วย…อึ้ก!”

ร่างนั้นไอออกมาอย่างสุดกลั้น แล้วต้องสะดุ้งตกใจแทบช็อคอีกครั้ง เมื่อในมือนั้นกลับมีเลือด…และตะปูตัวงอสนิมเขรอะอีกหลายตัว!

“ไม่นะ…โดนมัน…อึ้ก…ทำของอีกแล้วเรอะ….หมอคง…ตามหมอคง…ให้ชั้นที..!”

คนสนิทรีบวิ่งเข้ามาตามเสียงเรียกหา หากไม่ทันการณ์แล้ว ร่างท้วมที่ดิ้นรนด้วยสีหน้าเหยเกอย่างทรมานอย่างสาหัส อาเจียนออกมาเป็นเลือดอีกกองโต ก่อนจะชักตาตั้งแล้วแน่นิ่งไป

“ท่านครับ…ท่าน!”

คนที่ยืนมองอย่างตกตะลึงรีบหันกลับไปสั่งคนที่ตามมาว่า “รถพยาบาล เรียกรถพยาบาลเร็ว!”

“ไม่ทันแล้วครับ…นายท่าน…สิ้นใจเสียแล้ว” ลูกน้องที่ด้านข้างตอบกลับ หลังจากเข้าไปดูอาการใกล้ ๆ ดวงตาเล็กหยีเหลือกถลน เลือดยังคงกลบปาก แถมในที่นอนนั้น…ยังมีตะปูตัวเขื่องอีกหลายตัว

ช่างเป็นการตายอย่างน่าสยดสยองเสียจนทุกคนรู้สึกกลัวจับหัวใจ



หมอคงกำลังยินดีกับชัยชนะ…เขาจัดการชวรัตน์ได้อย่างง่ายดาย เขาได้เตือนแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับฟังเอง ดังนั้นโทษทัณฑ์ถึงตาย ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับมันแล้ว

“ตะ…ตายแล้วงั้นเหรอครับ” สารวัตรธนดลเริ่มติดอ่าง หากยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ ร่างของหมอคงก็สะท้านเฮือกขึ้นมาทั้งอย่างนั้น

“อึก…นี่มัน…”

เลือดที่กลบปากทำให้จอมเรืองอาคมชะงัก จู่ ๆ ท้องเขาก็ปวดแปลบ แถมรุกหนักขึ้นจนแทบนั่งอยู่ไม่ไหว ร่างนั้นงอตัวลงกุมท้องอย่างตกใจ เสียงแผ่วคำรามในลำคออย่างโกรธเกรี้ยว

“เวทย์คืนสนองอาคม! พวกมันกล้าดียังไง…”

เขาหันมามองตุ๊กตากุมารทองเขม็ง ตัวตุ๊กตาเริ่มปริแตกมากขึ้นไปอีก พร้อมกับเลือดที่หลั่งไหล หากใบหน้าของมันกลับแสยะยิ้มคล้ายจะหัวเราะเยาะ

“แก…แผนของแกงั้นรึเจ้าเด็กเวร! คิดเหรอว่าชั้นจะปล่อยให้มัน…อึ้ก…”

เสียงเด็กหัวเราะขึ้นแม้จะยังเจือปนกระแสแห่งความเจ็บปวด “คิดว่าข้าจะยอมแกง่าย ๆ งั้นเหรอ…แกคิดผิดแล้ว เจ้าหมอผีโรคจิต!”

“ทางเชื่อม…พวกมันใช้แกเป็นทางเชื่อมส่งอาคมย้อนกลับมางั้นเหรอ” ดวงตาแดงก่ำที่กำลังทรมานจากการปวดท้องด้วยอาคมของตนเองจ้องเขม็ง ตอนนี้ยังไม่สาย เขาจะผลักดันอาคมพวกนั้น กลับคืนไป…ใช่ ต้องให้มันแรงกว่านี้สักสิบเท่า กล้าย้อนของคืนคนอย่างหมอคง พวกมันต้องไม่ตายดี!”

เขาตั้งท่าจะร่ายอาคมซ้ำ หากอีกฝ่ายกลับขู่ถ่วงเวลาไว้ “ถ้าแกร่ายเวทย์ต่อ ข้าจะตัดทางเชื่อมเดี๋ยวนี้แหละ”

“คิดว่าข้ากลัวหรือไง เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ถ้าเจ้าตัดทางเชื่อมนั้น เจ้าก็ต้องรับไสยมืดทั้งหมดที่ส่งไป พอ ๆ กับข้านั่นแหละ แล้วดวงวิญญาณของเจ้า…ก็จะแหลกสลายในที่สุด”

“…ถึงข้าต้องวิญญาณแตกสลาย ข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าไปด้วย” ร่างเล็กสวนคำอย่างไม่กลัวเกรง



“ไม่ได้นะเคน พ่อไม่ยอมเด็ดขาด” เจมส์ที่ได้ยินเสียงเช่นกันขัดขึ้น “พ่อจะตัดการควบคุมตัวเจ้ากับเจ้าหมอผีออกเดี๋ยวนี้ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร”

เสียงที่พยายามสะกดกลั้นความทรมานกล้ำกลืนไว้ ก่อนเด็กน้อยจะพูดขึ้นว่า

“ขอโทษนะฮะพ่อ…ผมตั้งใจจะทำแบบนี้อยู่แล้ว…พ่อตัดการเชื่อมต่อของเจ้าหมอผีนั่นไม่ได้หรอก แต่ผมน่ะ…ตัดการเชื่อมต่อของพวกพ่อได้ ให้คนเสียหายเป็นแค่กุมารทองอย่างผมก็พอแล้ว”

“ไม่นะเจ้าเคน พ่อทำได้ เหมือนที่พ่อธารเคยทำ พ่อจะต้องช่วยเจ้า”

เสียงตอบกลับเริ่มอ่อนล้า เพราะกำลังต้านฤทธิ์กับเจ้าหมอผีสุดกำลัง “พอเถอะฮะพ่อ เลิกทำเพื่อผมได้แล้ว…ผมไม่อยากให้ใคร…ต้องมาอายุสั้นแบบพ่อธารเพราะผมอีก…ผมทำผิดต่อพ่อ…ที่พรากชีวิตพ่อธารมา”

“นั่นเป็นการตัดสินใจของเขา ถึงตอนนี้ พ่อก็ยังยินดีทำเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่มีใครโทษว่าเป็นความผิดของเจ้าเลยนะเคน”

หากเด็กน้อยไม่ฟังแล้ว “ยังไงผมก็ไม่ยอมให้พ่อตายไปอีกคนหรอก ไม่งั้นผมจะมองหน้าพ่อธารได้ยังไง…..พ่อฮะ…ผมดีใจนะ ที่ได้เป็นลูกพ่อ…กับพ่อวินต์….ลาก่อนฮะ…ถึงวิญญาณผมจะสลายกระจายไป แต่ยังไง…ผมก็ยังรักพ่อนะ…” เสียงจากเด็กน้อยขาดหายไปทั้งอย่างนั้น



“รักกันจริงนะ…พวกมันก็แค่กะจะส่งแกมาตายให้ตัวเองรอดก็เท่านั้น ช่วยข้า..ผลักดันเวทย์กลับไปดีกว่าน่า เราจะได้รอดด้วยกันทั้งคู่” หมอคงเริ่มหว่านล้อม

“หึ แกทำไม่ได้หรอก เพราะข้าจะตัดทางเชื่อมเดี๋ยวนี้แล้ว!” เด็กน้อยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ สิ้นเสียงนั้นก็มีเสียงดังเปรี๊ยะใหญ่ ก่อนหนทางเชื่อมต่อกับเจมส์และปวินต์ จะถูกเคนสะบั้นลงในพริบตา

ร่างของหมอคงกระตุกเฮือกอย่างเจ็บปวดเมื่อได้รับทุกอย่างเข้าจัง ๆ โดยแก้ไขไว้ไม่ทัน ความเจ็บปวดนั้นส่งตรงไปถึงเคนที่เป็นตัวรับเคราะห์ด้วย ร่างเล็กที่ใกล้แตกสลาย มองอีกฝ่ายพลางรำพึง

“เจ้าก็เหมือนหมอผีคนก่อน…ที่ดูแลข้า…เขาคนนั้น…มีจิตใจมีแต่ความโกรธแค้นอิจฉาริษยา…ทั้ง ๆ ที่ทำคนอื่น…มันก็มีแต่จะย้อนกลับ…มาทำร้ายตัวเองแท้ ๆ ทุกอย่างมันคือกฎแห่งกรรม…เจ้าฝืนชะตากรรมไม่ได้หรอกนะ…”

“หึ…ข้าจะไม่แพ้เด็กอย่างเจ้าหรอกน่า…” หมอคงพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น หากยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้น ก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยง

ร่างที่กำลังทรมานชะงัก เมื่อเห็นรอยเลือดที่เสื้อตัวเอง ด้านหลังมีสารวัตรธนดล ยืนเล็งปืนอยู่ในระยะประชิดด้วยแววตาอันแสนจะเลือดเย็น

“กะ…แก…” ร่างนั้นมองมาก่อนจะสิ้นใจไปทั้งอย่างนั้น เพราะกระสุนนั่น…ตัดขั้วหัวใจไป ไหนจะยังพิษร้าย ที่คืบคลานเข้ามาจนยากแก่การควบคุม

“ระยะแค่นี้ผมไม่พลาดพอจะให้คุณร่ายอาคมได้อีกหรอกนะครับ” คนยืนมองเป่าเขม่าที่ปลายปืนช้า ๆ ก่อนถอยห่างออกมา ใบหน้ามีรอยยิ้มสะใจเป็นที่สุด

“น่าเสียดายนัก ที่คุณดันมาพลาดต่อหน้าผมเอง เงินทั้งหมดกับเฮโรอีนที่ได้ ผมขอก็แล้วกันนะครับ”

ว่าพลางหันหลังกลับเดินออกไป โดยไม่ใส่ใจศพที่นอนตายตาเหลือกอยู่เบื้องหลังแม้แต่น้อย



เจมส์ที่กำลังร้องเรียกเคนด้วยน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ยังคงถูกธนัทกับปรางทิพย์ช่วยจับตัวไว้ เขาขาดการติดต่อกับเด็กน้อยไปแล้ว และผลของมัน…คงจะเลวร้ายเกินคาดคิด เขากำลังจะสูญเสียเด็กคนนั้นไป…ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไร…เพื่อเด็กคนนั้นเลยสักอย่าง

ทำไมเคนต้องปฏิเสธการช่วยเหลือของเขาด้วย ทั้ง ๆ ที่เขาพร้อมแล้ว…ที่จะเสี่ยงชีวิต

ทำไมเด็กคนนั้นทำแบบนี้…เขาเป็นพ่อนะ เป็นพ่อ…ที่พร้อมจะปกป้องลูกด้วยมือของตัวเอง พร้อมจะปกป้อง…ด้วยชีวิต

“ไม่นะ…เคน…เจ้าเป็นลูกคนเดียวของพ่อ…พ่อไม่มีวันยอมให้เจ้าเป็นอะไร!”

สภาพของเจมส์แทบไม่เหลือความสามารถในการต่อสู้ได้อีก เส้นทางเชื่อมที่ถูกตัดขาด ทำให้เขาได้แต่นั่งอย่างตะลึงงันก่อนจะรีบผุดลุกขึ้นเสียอย่างนั้น คนทั้งคู่ที่มองอยู่ได้แต่ผวาลุกขึ้นตามเพื่อห้ามปรามชายหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนจะไม่มีสติพอจะทำอะไรได้อย่างสุขุมแล้ว

“นายจะไปไหนน่ะ” ธนัทถามขึ้นอย่างตกใจ

“ฉันจะไปหาเคน!” ชายหนุ่มเริ่มดิ้นรน แม้จะยังมีอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหมอคง แต่เขาก็แทบลืมเลือนมันไปจนหมดสิ้น

“ใจเย็นหน่อยสิเจมส์ นายจะทำให้การเสียสละของเคนเสียเปล่านะ”

“ไม่…ฉันจะไม่ยอมให้เด็กคนนั้นเป็นอะไร…ไม่ยอมเด็ดขาด…ฉันจะไปบ้านหมอคง จะไปรับเด็กคนนั้นกลับมา”

“แล้วคุณวินต์ล่ะ นายจะทิ้งเขาแล้วงั้นเหรอ” สีหน้าของปวินต์ที่ยังคงไม่ดีนัก ทำให้เจมส์ที่กำลังโวยวายหยุดกึก เขาแทบลืมเลือนไป…การตัดทางเชื่อม…ทำให้ปวินต์ได้รับผลกระทบมากเช่นกัน

ดวงตาที่จ้องมองมาเริ่มตื่นตกใจกว่าเดิม เมื่อพบว่าร่างที่นอนอยู่นั้น…ไร้ซึ่งวิญญาณเสียแล้ว!



ร่างที่กลวงเปล่าไร้วิญญาณ…คือสิ่งที่ปวินต์เป็นอยู่ในตอนนี้ แรงกระชากจากการตัดสะบั้นทางเชื่อม ทำให้วิญญาณของอีกฝ่ายหลุดลอยไป

ลมหายใจที่อ่อนระรวย แม้จะยังไม่ตาย…แต่ร่างที่ไร้วิญญาณ…อาจคงสภาพอยู่ได้ไม่นานนัก

ดีไม่ดี…ปวินต์เอง ก็อาจจะต้องหลับตลอดไป ไม่ฟื้นกลับคืนมาแล้ว

ไม่…เขาไม่มีวันยอมสูญเสียคนที่รักอีกต่อไปแล้ว

ชายหนุ่มตั้งสติได้ในที่สุด เขาทรุดตัวลงนั่งอีกครั้ง ก่อนเริ่มทำพิธีเรียกขวัญและวิญญาณให้กลับคืนมาสู่ร่างโดยด่วน

ยังไม่ทันได้เริ่มสวด เขาก็เริ่มนั่งไม่อยู่ ความอ่อนล้าและผลกระทบจากการตัดทางเชื่อม ตกอยู่ที่ตัวเขาด้วยเช่นกัน แม้ว่าเขา…จะแข็งแรงกว่าอีกฝ่าย จึงยังสามารถคงสติเอาไว้ได้

“เจ้านัท…จับฉันไว้ อย่าให้ล้มลงเด็ดขาดนะ…ฉันจะเรียกวิญญาณคุณวินต์กลับมา…”

ธนัทมองหน้าซีดขาวของชายหนุ่ม พลางถามขึ้นว่า “นายจะไหวงั้นเหรอเจมส์ ท่าทางนายแย่มากนะ”

“ไหวไม่ไหวก็ต้องทำ ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปอีกแล้ว ช่วงพิธีฉันจะไม่รู้สึกตัว แต่ฉันจะดึงวิญญาณคุณวินต์กลับมาให้ได้ น้องปรางครับ…ช่วยจับมือคุณวินต์ไว้ แล้วเรียกหาเขาบ่อย ๆ เรียกเขา…เรียกวิญญาณเขา ให้กลับคืนมานะครับ ผมจะพยายาม…ให้ดีที่สุด”

ธนัทสบตาปรางทิพย์ เด็กสาวพยักหน้ารับ

“อื้ม รู้แล้ว ฉันจะดูแลพวกนายให้ รีบจัดการเถอะ”

เจมส์จึงหลับตาลงอีกครั้งก่อนรวบรวมสมาธิ คราวนี้เขาจะไม่พลาดเด็ดขาด ต้องช่วยชีวิตปวินต์ไว้ให้ได้!


จบตอน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 11-12-2011 09:32:40
ตอบได้มั้ยหว่า...
**************************
หมอคงสมควรตายแล้ว
หนูเคนตายแล้วจริงๆเหรอ แล้วไหนจะคุณวินอีก :z3:
ลุ้นจริงๆ :fire:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-12-2011 11:15:07
ฮือออ ถึงจะสะใจเรื่องหมอคงแต่ตอนนี้เรื่องของเคน
กับคุณวินก็น่าเป็นห่วงมากกก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 11-12-2011 11:36:13
ลุ้นจริงๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 11-12-2011 11:36:34
เมื่อวานมันมีอาถรรพ์จันทรุปราคา เลยโพสต์ไม่ได้ เหอๆ
 :sad3:
ไอหมอคงตายง่ายจัง ก็ดี เพราะเจมส์ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ
ดึงวิญญาณวินกลับ ช่วยเคน จับไอธนดล โอย.. น่าจะแยกร่างได้เนอะ :try2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 11-12-2011 13:42:45
อะไรจะลุ้นกันขนาดนี้นี่  เรื่องมันมากต้องอ่านทุกตัวอักษรเลยจริงๆ และไม่อยากพลาดทุกตอนเลยครับ สนุกจริงๆ
แต่ เคนไม่เป็นไรใช่มั๊ยครับ เพราะไอ้หมอคงมันตายก่อนที่เคนจะเป็นอะไรใช่ป่าวครับ  เป็นห่วงเคน และคุณตำรวจด้วยครับ  และลุ้นกันต่อเลยครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 11-12-2011 13:54:50
เมื่อวานโพสต์ไม่ได้เลย อัดอั้นตันใจมาก!

ตอนต่อไปจะเป็นยังไงคะนี่ โอ้ย! ลุ้น !
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 11-12-2011 14:02:29
ไอ้สารวัตรนั่นอย่าได้มาบ้านเจมส์ตอนนี้นะ
ลุ้นให้เจมส์ช่วยวินให้ได้เถอะพวกเรา ก่อนอื่นน่ะ จะได้มีสองแรงแข็งขัน
มาช่วยกันรับมือไอ้โจรในเครื่องแบบคนนั้นไอ้สารวัตรธนดล
และถ้าเป็นวาระสุดท้ายของเคนจริงๆ แล้วถ้าเคนจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ก็ควรปล่อยเคนไปนะ(ตามความคิดของดิฉันน่ะ)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: missu2 ที่ 11-12-2011 14:51:54
โอ้ย ลุ้นจนตัวโก่ง

รู้ว่าวินต์น่าจะรอด.. ก็เป็นนายเอกนิ
แต่เจมส์ จะช่วยวินต์ยังไง
แล้วเคนยังอยู่รึเปล่า... แต่น่าจะอยู่นะ เอ๊ะหรือไม่อยู่แล้ว 
เรื่องของกลางอีก ไอ้สารวัตรธนดลจะมาเอาไปได้รึเปล่า

ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 11-12-2011 17:06:47
 :เฮ้อ:ลุ้นโคดๆเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 11-12-2011 17:23:45
 :angry2:ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 11-12-2011 19:02:13
โอ้ยยยย เหนื่อย!!!!!
แต่เอาน่า คนดี พระคุ้มครอง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-12-2011 19:14:52
โอย ลุ้นมาก รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: BaII ที่ 11-12-2011 19:38:09
อยากตื้บอิตาตำรวจคนนั้นจิง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Loveyoujung ที่ 11-12-2011 20:06:17
สนุกมากกก อ่านแล้วอินค่ะ
สายสัมพันธ์อันซาบซึ้งระหว่างพ่อกับลูกกกก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Allure-Q ที่ 11-12-2011 20:12:28
ลุ้น....จนเหนื่อยเลยตอนนี้ :z10:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vi2212 ที่ 12-12-2011 09:49:17
โคตะระจะลุ้นเลย :a3:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 13-12-2011 16:35:57
ลุ้น.....เง้ออออออ ลุ้นจนตัวโก่งแย้วน้าาาาาาาาาาาา  :sad4: :sad4:

รอร้อรอ รอตอนต่อไป แงๆๆๆๆ  :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 14-12-2011 03:43:08
โฮ้ยยยย  มันลุ้นสุดๆไปเลยเนี่ย
ไหนจะเฮโรอีน ไหนจะปวินต์ ไหนจะเคน ไหนจะเจมส์
โอยยย ทรมานใจค่ะ

บทจะตายหมอคงก็ตายแบบไม่ทันตั้งตัวเลย
ทำกับคนอื่นเขาไว้เยอะนัก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 14-12-2011 08:34:52
ขอแอบหวังว่าหนูเคนจะไม่เป็นไรมาก เพราะไอ้สารวัตรชั่วฆ่าไอ้หมอคงเสียก่อน

เจมส์สู้ๆ ช่วยวินต์ให้ได้แล้วรีบไปดูหนูเคน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 17 ลงให้จบตอนแล้วนะคะ ^^ (11/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-12-2011 11:19:06
เคนจะเป็นอะไรมั้ยอะนั่น
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-12-2011 07:59:32
สืบเสน่หา

ตอนที่ 18



ปวินต์ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง รอบตัวเป็นเพียงพุ่มไม้และทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่า ท้องฟ้าสีครามจัดแทบไร้ซึ่งเมฆหมอกบดบัง เขากำลังเดินอยู่บนพื้นหญ้านุ่มคล้ายพรมกำมะหยี่ด้วยเท้าเปล่า ตัวที่เบาหวิวกว่าที่เคยทำให้รู้สึกแปลกออกไป

   ชายหนุ่มมองร่างกายตัวเองอย่างประหลาดใจกว่าเก่า ร่างกายที่ไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว ความทุกข์ทรมานทั้งหมดได้จางหายไป ตอนนี้เขารู้สึกปกติดีทุกอย่าง น่าแปลกนัก หรือว่าตอนนี้…

   พื้นที่ที่ว่างเปล่า ไม่มีใครสักคนอยู่ที่นี่ ปวินต์มองไปรอบ ๆ ก่อนถอนใจยาว

   เขาอาจจะตายไปแล้วก็เป็นได้ ถึงได้มาอยู่ที่นี่ สถานที่ที่ดูเหมือนไม่น่ามีในโลกนี้ ถึงจะดูสวยงามสงบร่มรื่น ดอกไม้สีสวยเบ่งบานออกดอกหอมกรุ่น แต่ในที่นี้ กลับไม่มีใคร

   อาจจะดีแล้วก็ได้ ถ้าชีวิตเขา แลกได้กับอีกหลายชีวิต ที่ไม่ต้องเผชิญกับฤทธิ์ยาเสพติดอันเลวร้าย

   แต่ว่าเจมส์…จะเสียใจแค่ไหน ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ไม่สำเร็จ

   ทั้ง ๆ ที่สัญญาไว้แท้ ๆ ว่าจะไปเดทด้วยกัน…

   ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างเล็ก ๆ ก็โผเขากอดเขาจากด้านหลัง เสียงหัวเราะแผ่วเบาน่าเอ็นดู ทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับไปมอง

   “เคน…เคนนี่นา ทำไมถึง…”

   “พ่อวินต์ ดีใจจัง ที่ได้เจออีกครั้ง” น้ำเสียงนั้นเศร้านิด ๆ แต่ใบหน้านั้นยังคงยิ้มแย้มอย่างร่าเริง

   ชายหนุ่มกอดเด็กน้อยไว้แนบแน่น น้ำตาหลั่งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “พ่อขอโทษ…ที่ช่วยเคนไม่ได้…เจ็บมากไหม ทรมานรึเปล่า” เขารีบสำรวจทั่วตัวเด็กน้อยอย่างไม่สบายใจนัก เพราะกลัวที่จะเห็น…บาดแผลที่น่าสยดสยอง ภาพตุ๊กตาที่เขาได้เห็นในตอนนั้น ตุ๊กตาที่ปริแตกทั่วทั้งตัว…ไหนจะยังเลือด…สีแดงสด ที่ไหลริน

   แต่ร่างกายของเคนยังคงดูปกติดีทุกอย่าง ทำให้คนมองเริ่มโล่งอก

   “ผมไม่เป็นไรหรอกฮะ…พ่อวินต์…รีบกลับไปเถอะ”

   “กลับไปไหนล่ะ” ชายหนุ่มถามอย่างงง ๆ “ถ้าจะกลับ ก็กลับไปด้วยกันนะ” เขาคว้ามือเด็กน้อยไว้ไม่ยอมปล่อย

   เคนส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยท่าทางเศร้า ๆ “ขอโทษฮะ…ครั้งนี้…ผมก็ยังไปกับพ่อวินต์ไม่ได้อยู่ดี”

   ปวินต์จ้องมองมาอย่างจริงจัง “ไม่ได้นะ พ่อไม่ยอมอีกแล้ว ถ้าเคนไม่กลับไปด้วย พ่อก็ไม่กลับ จะอยู่ที่นี่นั่นแหละ”

   “พ่อเจมส์รอพ่อวินต์อยู่นะฮะ อย่าทำให้เขาเสียใจ ถ้าเขาต้องร้องไห้ ผมก็เสียใจเหมือนกัน”

   ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ “แต่ถ้าเคนไม่กลับไป พวกพ่อก็จะเสียใจเหมือนกันนะ”

   “มันไม่เหมือนกันหรอกฮะ”เด็กน้อยแย้งขึ้น “เพราะพ่อ…สามารถกลับไปได้…แต่ผม…ถึงอยากจะกลับไป…ก็กลับไปไม่ได้แล้ว” น้ำเสียงเบาหวิวนั่นทำเอาคนฟังใจหายวาบ

   “ไม่นะ! ทำไมล่ะ ก็เห็นอยู่ว่าปกติดี…ทำไมกลับไปไม่ได้…มาเถอะ เรากลับไปด้วยกัน พ่อจะพาไปสวนสนุกด้วยนะ ไปเล่นเครื่องเล่นกันสามคน นะเคน…” ดวงตาคู่สวยนองไปด้วยน้ำตาอย่างวิงวอน

   “ผมขอโทษฮะ…แต่ว่า…กลับไปไม่ได้จริง ๆ อืม…เอางี้ดีกว่า…พ่อรอผมได้ไหมล่ะฮะ อาจจะนานสักหน่อยแต่ว่า…”

   “ไม่ว่าจะนานกี่วันหรือกี่ปี…หรือต้องรอชั่วชีวิต พ่อก็จะรอ กลับมาได้ไหม…กลับมาเถอะนะ”

   “ฮะ…ถ้าพวกพ่อรอได้…ผมจะกลับมา…ถึงตอนนั้น อย่าลืมรับผมเป็นลูกอีกครั้งด้วยนะฮะ”

   “อื้ม…ถึงตอนนั้น…พวกพ่อจะพาไปเที่ยวด้วยนะ อยากได้ของเล่นอะไร อยากไปเที่ยวที่ไหน…พ่อจะให้หมดเลย”

   ดวงตากลมโตมีน้ำตาเอ่อคลอ “สัญญาแล้วนะฮะ…”

   “อื้ม มาเกี่ยวก้อยกันก็ได้” ว่าแล้วก็ยื่นนิ้วออกมา นิ้วเล็ก ๆ เกาะเกี่ยวรับ ก่อนจะยิ้มให้ทั้งน้ำตาพลางบอกว่า “เดี๋ยวพ่อเจมส์จะมาพาพ่อกลับไป…พ่อวินต์ต้องกลับไปนะฮะ…เพื่อที่จะได้รอพบกับผม…อาจจะนานอยู่สักหน่อย…แต่ผมสัญญา ว่าจะกลับมาแน่นอน”

   “พ่อเชื่อลูกนะ” เขากอดร่างเล็ก ๆ นั้นไว้แนบแน่น

   “ผมรักพ่อฮะ…ฝากบอกพ่อเจมส์ด้วย…ว่าผมก็รักพ่อเจมส์เหมือนกัน…พวกพ่อรอผมนะ…”

   ร่างในอ้อมกอดสลายไปอย่างช้า ๆ ในจังหวะเดียวกันนั้น…เขาก็ได้ยินเสียง…

   “คุณวินต์…คุณอยู่ที่ไหน…ผมรักคุณ…ผมรักคุณนะ…อย่าให้ผมต้องสูญเสียคุณไปอีกคน…ได้โปรด…กลับมาเถอะ”

   เขายังคงได้ยินกระทั่งเสียงของปรางทิพย์…ที่ยังคงร้องเรียกเขาอยู่ตลอดเวลา

   จู่ ๆ ทางเบื้องหน้าก็มีแสงเจิดจ้า ชายหนุ่มตัดสินใจก้าวเข้าไป มือที่ยื่นออกมาของเขา ถูกมือของใครบางคนยึดจับไว้

   “อ๊ะ” ปวินต์ร้องอย่างตกใจ

   “ผมจับคุณได้แล้ว…จะไม่ยอมปล่อยอีกแล้ว…คุณห้ามไปไหนโดยไม่บอกผมอีกนะ” เจมส์กอดร่างปวินต์ไว้แนบแน่น ด้วยตัวที่ยังคงสั่นเทา

“ผมไม่อยากเสียคุณไปเหมือนกับต้องสูญเสียเคน…ได้โปรดเถอะ”

   ปวินต์มองอีกฝ่าย ที่มีสีหน้าน่าสงสารนัก เจมส์คงเสียใจมาก ที่ต้องสูญเสียเคนไป ถ้าเขาทิ้งไปอีกคน ชายหนุ่มคงพังทลายแล้ว

   “กลับไปกับผมเถอะนะครับ”

   “อื้ม…ไปสิ…” เขากอดรับอีกฝ่ายไว้ พอตั้งใจได้ว่าจะกลับ ทุกอย่างก็ดับวูบลง



   ตอนนี้มืดสนิทแล้ว ในขณะที่บรรยากาศในห้องพระกำลังตึงเครียด รถคันหนึ่งกลับจอดที่ด้านข้างของบ้านอย่างเงียบเชียบ คนที่นั่งมาเดินลงมาจากรถพลางมองที่ประตูหน้าบ้าน ประตูนั้นยังคงมีรอยงัดแงะจนล็อคไม่ได้ จากการถูกขโมยเข้าบ้านอยู่หลายครั้งเพื่อหาของ และเจมส์เองก็ยุ่งจนไม่มีเวลาจะซ่อมมัน ไหนจะผีเจ้าที่ ที่ยังคงบาดเจ็บเกินจะแจ้งข่าวได้ว่ามีผู้บุกรุก

   ร่างสูงเดินฉายไฟฉายเข้าไปอย่างใจเย็น ในมือนอกจากจะมีไฟฉาย ยังมีกระเป๋าเดินทางใบเขื่องสองใบติดไปด้วย เขารู้ดีว่าพวกเจมส์กำลังยุ่งอยู่ในห้องพระ ส่วนห้องนอนที่ซ่อนของไว้นั้น คงไม่มีใครเข้าไป และทำให้การลงมือชิงของในครั้งนี้สะดวกขึ้นไม่น้อย

   สารวัตรธนดลจึงเดินขึ้นเรือนด้วยฝีเท้าที่พยายามก้าวให้เบาเป็นที่สุด เขาไม่อยากให้คนในบ้านรู้ถึงการมาของตัวเขา จนกว่าจะขนทุกอย่างเข้ารถได้หมดสิ้น

   และหลังจากนั้น ค่อยจัดการเก็บไปทีละคน…ก็ยังไม่สาย

   ต้องขอบคุณหมอคงจริง ๆ ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างสะดวกมากแล้ว ช่วงเวลานี้หลายฝ่ายกำลังยุ่ง บางทีกระทั่งเจมส์เอง ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าหมอคงที่ตนเองกำลังสู้ด้วย ได้ตายไปจากโลกนี้เป็นที่เรียบร้อย

   หมอผีก็เท่านั้น…ถึงจะปราบผีได้ แต่ก็ปราบคนไม่ได้หรอก

   ประตูถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ชายหนุ่มเดินเข้าไปก่อนสำรวจภายในโดยรอบ ในห้องมีข้าวของไม่มากนัก จัดวางไว้เป็นระเบียบ ตามประสานิสัยสมถะของเจ้าของห้อง หากมุมหนึ่งกลับมีของบางอย่างกองอยู่อย่างเห็นได้ชัด

   คงเพราะเจมส์คิดว่าอาคมกำบัง จะพรางทุกอย่างได้แนบเนียนดีแล้ว จึงไม่คิดจะซ่อนลึกไปกว่านี้ ยามอาคมเสื่อมลง ทุกอย่างเลยปรากฏให้เห็นจนนำออกมาได้ไม่ยาก

   คนมองเหยียดยิ้มอย่างสะใจ ในที่สุดของทุกอย่าง ก็ตกอยู่ในมือเขาง่ายดายเกินคาดเสียจริง เขาวางกระเป๋าไว้บนเตียง ก่อนเปิดฝามันออก แล้วค่อย ๆ ลำเลียงซองใส่ผงสีขาวจำนวนมากลงไป เฮโรอีนหนัก 20 กิโลกรัม ใส่ใบละ 10 กิโลกรัมก็เหลือเฟือ เขาคนเดียวหิ้วรอบเดียวก็เรียบร้อย

   กระเป๋าถูกแพ็คจนเต็ม ชายหนุ่มหิ้วมันกลับลงมา ยังไม่มีใครล่วงรู้ถึงการมาของเขาเลยด้วยซ้ำ

   เพื่อความรอบคอบ เขาเดินกลับไปที่รถ แล้วใส่กระเป๋าทั้งสองใบลงไปที่ด้านหลัง ก่อนจะคว้าปืนที่เหน็บไว้ที่เอวออกมากระบอกหนึ่งจากที่มีสองกระบอก แล้วเดินอย่างใจเย็น…กลับเข้าไปในบ้านอีกครั้ง

   และในครั้งนี้ เป้าหมายของเขาคือห้องพระ!

ต้องปิดปากดับลมหายใจของทุกคนให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วเฮโรอีนทั้งหมด ก็จะเป็นของเขาโดยสมบูรณ์

   เขาจะทิ้งเฮโรอีนสักห่อไว้ข้างศพเป็นที่ระลึกด้วย เพื่อมัดตัวเจมส์ในฐานะนักค้ายา พร้อมกับปืนอีกกระบอกในมือหลังสิ้นใจ ใส่ปืนไว้ที่มือของศพคนละกระบอก เพื่อที่จะได้จัดฉากให้เหมือนมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น

   ส่วนปวินต์ตำรวจแสนดีแสนสัตย์ซื่อนั้น ก็จะตายอย่างสมเกียรติ เหมือนกับพ่อของมัน!

   เขารู้ดีว่านอกจากเจมส์กับปวินต์แล้ว ยังมีเพื่อนของเจมส์ กับน้องสาวปวินต์อยู่เช่นกัน เพราะตามติดมาตั้งแต่ในงานเดินแฟชั่นโชว์แล้ว ดังนั้นสองคนนี้…ก็จะเป็นอีกสองศพ ที่โดนลูกหลงไปด้วย

   แล้วหลังจากนั้น สารวัตรธนดล ที่รู้ข่าวการจับกุม แต่มาสายจนเกินไป ก็เก็บได้เพียงเฮโรอีน 1 ห่อ ซึ่งตกอยู่เป็นหลักฐาน

   แล้วเขาก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับ ส่วนเฮโรอีนที่เหลือ ก็ค่อย ๆ ปล่อยทอดตลาดทำเงินไป

เรื่องทั้งหมดก็จะจบลงอย่างมีความสุข สารวัตรธนดลที่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อปวินต์…จะรู้สึกเสียใจกับการตายของเด็ก ๆ เป็นอันมาก และไปปลอบใจคุณนายที่อ้างว้าง เพราะลูกชายและลูกสาวตายจากไป

   หึ ๆ ยังเป็นครอบครัวสุขสันต์ได้อีก แถมทุกคนที่รู้เรื่อง ก็ลงนรกไปหมดแล้ว!

   ธนดลแต่งเรื่องไว้เสร็จสรรพ ที่หลงเหลือก็แค่จัดการให้เป็นไปตามแผนเท่านั้น เจมส์ที่สู้จนหมดแรง ปวินต์ที่โดนของจนปางตาย มีหรือจะทำอะไรได้ ส่วนธนัทก็เป็นแค่คนธรรมดาในวงการแฟชั่น ไม่ได้เก่งเรื่องการต่อสู้ กับปรางทิพย์ที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ

   เรื่องแค่นี้เขาจัดการได้สบายมากอยู่แล้ว!

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-12-2011 08:01:26
ปวินต์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ รู้สึกได้ถึงมือที่บีบกระชับแนบแน่น คนหลายคนล้อมรอบตัวเขา พยายามเรียกให้ฟื้นคืนอยู่ตลอดเวลา

   “คุณวินต์ฟื้นแล้ว!” เสียงที่อ่อนแรงของเจมส์พึมพำอย่างยินดี เขากอดร่างของปวินต์ไว้แน่น ในตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาจนได้

   “ผมกลัวเหลือเกินว่าจะเสียคุณไป” น้ำเสียงนั้นสั่นน้อย ๆ จนอีกฝ่ายต้องปลอบรับ

   “ฉันยังไม่ตายหรอกนะ ยังไม่ตายจริง ๆ”

   หากยังไม่ทันพูดได้มากกว่านี้ กลับมีใครบางคนแทรกขึ้นมาว่า “ใช่…ยังไม่ตาย น่าแปลกใจเสียจริง…แต่อีกเดี๋ยว ก็จะตายแล้วล่ะครับ ผมจะส่งทุกคนในที่นี้ ให้ไปทัวร์นรกเป็นเพื่อนคุณด้วยดีไหม”

   ทุกคนหันควับกลับไปมองอย่างตกใจ ประตูห้องพระที่เปิดออก กลับมีร่างสูงของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้น

   “สารวัตรธนดล!”

   ปวินต์อุทานอย่างตกใจ แต่ก็ต้องสะดุดกึก เมื่อมองเห็นปืนในมืออีกฝ่ายที่เล็งมาที่พวกเขา

   “คุณจะทำอะไรน่ะ”

   คนฟังหัวเราะหึ ๆ อย่างพึงพอใจ “เธอก็ยังไร้เดียงสาเหมือนเดิมนะวินต์…อ้อ ปรางก็อยู่ด้วย ไม่เจอตั้งนาน โตขึ้นเยอะเชียวนะ ฉันแค่แวะมาเอาของที่เจมส์รับฝากไว้…แล้วก็มาแวะส่งพวกเธอไงล่ะ…ว่าแต่ว่า อยากจะไปนรกหรือสวรรค์กัน?”

   “คุณ!”

   ธนดลเปลี่ยนเป้าหมาย เขาหันมายิ้มให้หมอผีหนุ่มแทนที่ “อ้อ เจมส์ ขอบคุณสำหรับของนะ ฉันขนไปเก็บท้ายรถเรียบร้อยแล้วล่ะ”

   เจมส์มองมาด้วยแววตาวาวโรจน์ เขารู้ดีว่ามนตรากำบังถูกปลดออกแล้ว ช่วยไม่ได้ที่จะถูกเจอของได้ง่ายนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ คนที่มาคือสารวัตรธนดล ผู้ซึ่งต้องการฆ่าปิดปากพวกเขาทุกคนเสียด้วย!

   ร่างกายที่หนักอึ้งเคลื่อนไหวแทบไม่ได้ เจมส์รู้ดีว่าตนเองใช้พลังไปจนหมดสิ้นแล้ว เขาแทบไม่มีแรงจะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ช่วยปกป้องคนสำคัญได้เลย

   ธนัทกอดปรางทิพย์ไว้แน่น อาศัยตัวเองเป็นโล่กำบัง เขาไม่มีวันยอมให้เด็กสาวต้องตกเป็นเหยื่อคนใจบาปคนนี้แน่

   ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่มีอาวุธ แต่อาวุธกลับอยู่ในมือคนร้ายเอาเสียนี่

   สถานการณ์คับขันนัก เจมส์มองมาพลางแกล้งขู่ “ผมรู้นะ ว่าเจ้าหมอผีนั่นคงไม่อยู่ในสภาพที่ทำอะไรได้แล้ว ในตอนนี้…ถ้าผมทำของใส่คุณล่ะก็…คุณคงไม่มีปัญญาให้ใครแก้ให้แน่!”

   คนฟังหัวเราะชอบใจ “ทำของใส่งั้นรึ เอาสิ…ถ้านายยังมีแรงพอนะ คิดเหรอว่าฉันจะกลัว ฉันรู้อยู่หรอก ว่านายหมดแรงขนาดไหน จากการต่อสู้กับหมอคงนั่น…อ้อ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันส่งหมอคงไปนรกก่อนหน้าพวกนายแล้ว ขนาดหมอคง…ยังไม่มีปัญญาจะทำอะไรฉันได้ แล้วคิดเหรอ ว่าพวกนายจะมีปัญญา!”

   ว่าแล้วก็เล็งปืนตรงมา เจมส์ใช้แรงเฮือกสุดท้าย ขวางร่างของทุกคนไว้ ถึงจะช่วยไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ยินยอมให้ใครตายก่อนเขา ทุกคนต้องมาลำบาก ก็เพราะเขาเองแท้ ๆ

   สารวัตรธนดลเลิกคิ้ว เมื่อสบตาจริงจังคู่นั้น เขายิ้มอย่างลำพองใจโดยไม่เกรงกลัวด้วยความเป็นต่อ

   “อ้อ นายจะตายคนแรกสินะ ได้อยู่ เดี๋ยวฉันค่อยส่งคนที่เหลือไป”

   “อย่านะเจมส์” ปวินต์รั้งตัวชายหนุ่มไว้ “ฉันไม่มีวันยอมให้นาย…”

   “ผมรักคุณนะครับ…นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูด แต่ขอให้ผม…ได้ปกป้องคุณ…จนวาระสุดท้ายด้วยเถอะครับ” ดวงตาของเขาแน่วแน่นัก ปวินต์ที่มองมา ได้แต่กอดร่างนั้นไว้

“ไม่นะ…ถ้าจะตาย ฉันจะตายพร้อมกับนาย”

คนฟังหัวเราะขึ้นเบา ๆ ปืนในมือยังคงเล็งมาที่ศีรษะของเจมส์ชนิดไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย ก่อนพึมพำอย่างอารมณ์ดี

“หืม? รักกันดีนะครับ ไม่ต้องกลัว ผมจะส่งคนที่เหลือตามไปแน่”

“ยิงฉันสิ จะยังไงฉันก็เชื่อในผลกรรม ใครทำอะไรไว้ ย่อมได้รับการตอบสนอง!” เจมส์ท้าออกไป ดวงตาสีเทาของเขาเข้มขึ้น ยามจ้องมองปืนกระบอกนั้น เขาดิ้นรนมามากแล้ว ถ้าครั้งนี้จะต้องตาย…มันก็คงช่วยไม่ได้

มีแค่เคน…เคนเท่านั้น ที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง เขาจะตายตาไม่หลับ ก็เพราะเรื่องนี้

“พ่อขอโทษนะเคน…พ่อปกป้อง…พ่อวินต์ของลูกได้แค่นี้” เขาพึมพำพลางหลับตาลง “ฆ่าสิ…ฆ่าฉันซะก่อน!” เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่

หากยังไม่ทันลืมตา เขากลับได้ยินเสียงสารวัตรธนดลร้องเสียงหลง ด้วยความตกใจ ปืนในมือถูกยิงไปในหลายทิศทางเบื้องหลัง คนที่เหลือมองมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เจมส์ที่ลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างแปลกใจ เป็นฝ่ายอุทานก่อน เมื่อได้เห็นร่างของผีหลายตน กำลังรุมล้อมสารวัตรธนดลไว้

“พวกพี่ ๆ …หายดีแล้วงั้นเหรอ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว จากที่เห็นคือพี่แก้ว พี่แม้น และผองเพื่อนของเจ้าเคน ยังมีเจนนี่ที่คอยกำกับอยู่อีกด้วย สารวัตรธนดลมองมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวแหวกท้องตัวเองออก เด็กตัวเล็ก ๆ โผล่หน้ามาทักทายพร้อมกระโดดเข้าหา เกาะร่างเขาไว้พลางแสยะยิ้มหวานชวนขนลุก ชายหนุ่มสะบัดร่างนั้นออกทันควัน หากยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้น เขาก็เห็นผีกระสือสาวส่งยิ้มมาให้ หัวของเธอลอยไปลอยมา เห็นได้ชัดถึงขดไส้สด ๆ ชุ่มฉ่ำ และหัวใจที่ยังคงเต้นตุบ ๆ อยู่ด้านบน

คนมองตาเหลือกลาน ผีอีกหลายตนเริ่มใกล้เข้ามา โดยกางกั้นบังร่างของพวกเจมส์ไว้ คล้ายเป็นเกราะกำบังภัยชั้นดี

“คนที่รังแกครอบครัวพวกเรา…มันจะต้องไม่ได้ตายดี!” พวกผีคำรามดังลั่น ก่อนรุกเข้าหาอีกครั้งอย่างเนิบช้า

สารวัตรธนดลหันกลับไป ประตูยังว่างอยู่ราวพวกภูตผีต้องการแหวกทางให้ เขารีบเผ่นลงจากบ้านอย่างรวดเร็วตรงไปสตาร์ทเครื่องยนต์ รถคันงามวิ่งออกไปด้วยความเร็วเต็มพิกัด คนขับเหลียวมองไปรอบ ๆ อย่างโล่งใจ ไม่มีใครตามเขามา ผีพวกนั้น…คงอยู่ได้แค่ที่บ้านเจมส์เท่านั้น

เอาเถอะ ปิดปากเจ้าพวกนั้นไม่ได้ในวันนี้ เขาก็จะทำให้ได้ในวันพรุ่งนี้ จะอย่างไร…เฮโรอีนทั้งหมด ก็อยู่ในมือของเขาแล้ว

เสียงบีบแตรทำให้ชายหนุ่มชะงัก เขาหันไปมองก็เห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งแล่นสวนมา

คนกำลังเซ็งเหยียบคันเร่งซะเต็มที่ เฉี่ยวอีกฝ่ายไปอย่างตั้งใจ เพียงเพราะเห็นว่าเป็นแค่มอเตอร์ไซด์เท่านั้น

หากพริบตาเดียวกันนั้น เขากลับเห็นใครบางคน นั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ พอเหลียวกลับไป ก็พบว่าเป็นหมอคง!

แถมหน้ารถ ยังมีผีอีกตน ที่ถูกรถชนจนสมองกระจาย นั่งอยู่บนกระโปรงรถ บังทัศนวิสัยทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

ชายหนุ่มหักพวงมาลัยหลบโดยสัญชาตญาณ หากยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ แสงไฟแรงจ้าก็สาดส่องเข้ามา เป็นรถสิบล้อคันหนึ่ง ที่พุ่งเข้าหาโดยแรง!

ธนดลมองมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ที่เบาะรถรอบตัวเขามีผีหมอคง กับผีสมุนกอดรั้งอยู่จนขยับไม่ได้ ทำได้เพียงมองเห็นรถคันนั้นแล่นเข้ามาและชนโครมเข้าอย่างจัง

กระจกรถที่แตกยุบยับเยิน หน้ารถบุบทะลุเข้าไปถึงด้านหน้า ที่พวงมาลัยมีซากไร้ชีวิตของชายหนุ่มคอหักถูกอัดก็อปปี้อยู่ชนิดแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้ เบาะที่นั่งชุ่มโชกไปด้วยเลือดจากกระจกและเศษซากเครื่องยนต์ที่ทิ่มแทง ดวงตาที่มองค้าง ยังคงค้างอยู่อย่างนั้น…

เสียงดังโหวกเหวกรอบข้าง ผู้คนล้วนเข้ามามุงดู และรถตำรวจกับรถพยาบาลก็เข้ามาในที่สุด แม้จะพบเพียงร่างอันไร้วิญญาณของคนขับในสภาพที่น่าสยดสยอง

ไม่มีกระทั่งเวลาจะกรีดร้องหรือโวยวายอันใด ก็ตายคาที่เสียแล้ว

ท่ามกลางซากรถที่จอดหมดสภาพอยู่นั้น และผู้คนที่เข้ามาช่วยเหลือ ในยามนี้กลับมีร่างของใครบางคนปรากฏขึ้น ทั้งหมดเดินตาม ๆ กันมา โดยมีคนนำตัวสูงใหญ่ นุ่งผ้าหยักรั้ง ถือสามง่ามอันโต

“ตามข้ามาลงนรกซะ คนทำชั่ว…ต้องได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำขึ้น” เสียงนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ หากวิญญาณทั้งหมดกลับเดินตามอย่างเชื่อฟัง…และหนึ่งในนั้น ก็คือสารวัตรธนดล ที่คอหักพับไปข้าง มีเลือดโซมทั่วทั้งตัว

ทั้งหมดเดินตามกันมาอย่างเซื่องซึมไปเป็นพรวน…และในที่สุดก็หายวับไป!
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-12-2011 08:03:49
ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้ว ในตอนที่สารวัตรธนดลจากไป เจมส์มองมายังปวินต์ ก่อนยิ้มให้อย่างอ่อนล้า

   “โชคดีที่พวกพี่ ๆ มาช่วยไว้ทันนะครับ คุณเลยปลอดภัยแล้ว”

   “พวกพี่ ๆ งั้นเหรอ?” ปวินต์ถามขึ้นเบา ๆ อย่างงุนงง เขามองไม่เห็นวิญญาณในห้องนั้น พอ ๆ กับปรางทิพย์และธนัท ที่ตอนนี้ใบ้กินไปแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังกอดเด็กสาวไว้ไม่ยอมปล่อย

   “พวกเขาเป็นผีที่อยู่แถวนี้น่ะครับ…เป็นครอบครัวที่ค้ำจุนผมมาตั้งแต่เสียพ่อไป เหมือนญาติผู้ใหญ่และเพื่อนสนิท…ที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้” ชายหนุ่มอธิบายต่อ

   “ผีสินะ…สารวัตรธนดล คงจะกลัวพวกนั้น…เลยหนีไปใช่ไหม” ปวินต์ถามต่ออย่างพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ผู้กองหนุ่มถอนหายใจอย่าง โล่งอก เป็นโชคดีในคราวเคราะห์แท้ ๆ ที่พวกนั้นมาช่วยได้ทันเวลา

   “ใช่ครับ” เจมส์ยิ้มให้ทุกคนก่อนบอกว่า “พวกพี่ ๆ บอกว่า…เคน…มาบอกพวกเขา ให้รีบมาช่วยพวกเรา”

   พอพูดถึงเคน คนฟังก็ชะงัก “เคน…เขาไม่เป็นอะไรสินะ” ปวินต์รีบถาม เขาอยากให้สิ่งที่เห็นในความฝัน เป็นเพียงแค่ความฝันเสียจริง

   หากชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า ด้วยสีหน้าที่เศร้าสลด “เขาไปแล้วครับ…นั่นเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย…ที่วิญญาณเขาจะทำได้…เพื่อช่วยพวกเรา พวกพี่ ๆ บอกว่า…” คนพูดแทบพูดต่อไปไม่ออก “วิญญาณของเด็กคนนั้น…สลายหายไป…หลังจากนั้น”

   “อะไรกัน…ถ้างั้นที่ฉันเจอเขา…ในความฝันนั่น…ก็จริงน่ะสิ” ปวินต์พึมพำอย่างตกใจ

   “คุณเจอเคนงั้นเหรอครับ เมื่อไหร่กัน” เจมส์หันมาถามทันที ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าเคนจากเขาไปแล้ว…จากไปจริง ๆ … เขาช่วยเด็กคนนั้นไว้…ไม่ได้

   ทั้ง ๆ ที่อยู่แค่เอื้อมแล้วแท้ ๆ

   “ผม…ช่วยเด็กคนนั้นไว้ไม่ได้…ขอโทษครับคุณวินต์…ผมขอโทษ จริง ๆ …เด็กคนนั้น…” เขาพึมพำด้วยร่างกายที่สั่นเทา การจากไปของเคน…ทำให้ตัวเขาเจ็บปวดนัก

   หากปวินต์กลับเรียกสติชายหนุ่มไว้ “เจมส์…ฉันมีเรื่องต้องบอกนาย”

   คนฟังก้มหน้ารับโดยไม่พูดไม่จาอีก ดวงตาที่แดงก่ำสร้างความสะเทือนใจยามเห็นได้ไม่น้อย

   ผู้กองหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเล่าต่อไป “ใช่…ก่อนฉันจะฟื้น เขามาหาฉัน…เจมส์…นายฟังฉันนะ” เขายิ้มให้ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เคนสัญญากับฉัน ว่าเขาจะกลับมา ขอให้พวกเรา…รอคอยอีกสักนิดเท่านั้น”

   ใบหน้าที่ก้มนิ่งเงยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น…เคนบอก…อย่างนั้นหรือ…

“เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอครับ!” เจมส์ถามกลับอย่างร้อนรน

   คนถูกถามพยักหน้ารับอย่างต้องการให้อีกฝ่ายมั่นใจ “ใช่ เขาพูดแบบนั้น แล้วก็หายตัวไป”

   เจมส์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด “แสดงว่าสัญญาที่รั้งตัวเขาไว้ถูกตัดขาดแล้ว เขาเป็นอิสระ…และอาจจะ…ไม่สิ…ต้องใช่แน่ ๆ…เขาจะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง!”

   “จริง ๆ งั้นเหรอ จริงใช่ไหมเจมส์” ปวินต์ถามกลับอย่างตื่นเต้นพอกัน เขาพึ่งเข้าใจสิ่งที่เคนบอก แต่ถึงจะไม่เข้าใจ เขาก็รับปากแล้ว ว่าจะรอ…ใช่ รอจนกว่าเด็กคนนั้น จะกลับมาตามสัญญา

   ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนตอบว่า “เสียดายคุณทำลูกให้ผมไม่ได้เสียด้วยสิ แบบนี้สงสัยต้องให้คนอื่นช่วยเสียแล้ว”

   คนฟังชะงักอย่างงุนงงเป็นครู่ ก่อนจะหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย “บ้าสิ ใครบอกฉันจะทำกับนายกัน”

   เจมส์กอดร่างของปวินต์ไว้พลางพึมพำว่า “เขาบอกว่าจะกลับมา เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว พวกเรามารอเขาด้วยกันนะครับ”

   “อื้ม ฉันสัญญากับเขาไว้เยอะเชียวนะ ว่าจะซื้อของเล่นให้ จะพาไปเที่ยวด้วย”

   ว่าพลางหันมาสบตาเจมส์ “พวกเราจะไปด้วยกัน…ใช่ไหมเจมส์”

   ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนพูดเสียงแผ่วที่ข้างหู “แน่นอนสิครับ…พวกเราจะไปด้วยกัน”

   “เฮ้อ…พวกนายนี่นะ บทจะสวีท ก็สวีทกันไม่มองใครเลยนะ” เสียงบ่นพึมพำของธนัท ที่หาจังหวะขัดทั้งสองคนไม่ได้สักทีดังขึ้น

   “ช่างพวกพี่เขาเถอะค่ะพี่นัท ไหน ๆ เขาก็อยากสวีทกันแล้ว ถ้าเราจะสวีทบ้าง เขาก็คงไม่ห้ามเราหรอกมั้งคะ” ปรางทิพย์ว่าพลางอมยิ้ม เธอยังรู้สึกใจเต้นแรงไม่น้อย เมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของธนัท…ที่ยินดีจะใช้ชีวิต…เพื่อปกป้องเธอไว้เช่นกัน เป็นคนดีที่ดีไม่แพ้เจมส์ของพี่ชายเธอเลยจริง ๆ

   “ใครอนุญาตกัน น้องฉันยังเด็กอยู่เลยนะ” ปวินต์ขัดขึ้น มาดพี่ชายหวงน้องสาวสุดที่รักกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ในครั้งนี้จะดูอ่อนกว่าคราวก่อนบ้าง เพราะสิ่งที่ธนัททำ เขาเองก็ได้เห็นแล้ว

   คนฟังหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงขี้เล่นอันเป็นนิสัยปกติของเจ้าตัวว่า “ถ้าไม่ได้น้องปราง ใครจะทำให้เคนมาเกิดได้ล่ะครับคุณพี่ เห็นใจพวกผมหน่อยเถอะนะ”

   “เลิกเรียกฉันว่าพี่ได้แล้ว เจ้าบ้านี่ อีกห้าปี…ฉันให้เวลาห้าปี แสดงความจริงใจ น้องฉันอายุครบ 20 เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน” ชายหนุ่มพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจัง

   ว่าแล้วก็นึกขึ้นมาได้ “จริงสิเจมส์ เราต้องไปตามสารวัตรธนดลนะ จะปล่อยให้เขาเอายาเสพติดพวกนั้นไปไม่ได้” เขาพึมพำอย่างร้อนรน เฮโรอีนพวกนั้น…พวกเขาพยายามแทบตาย ที่จะไม่ให้ตกอยู่ในมือคนชั่ว แต่ในตอนนี้ กลับถูกคน ๆ นั้นเอาไปเสียแล้ว

   เจมส์มองมาด้วยแววตาที่อ่อนล้า สังหรณ์บางอย่างทำให้เขาพอจะรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสารวัตรธนดลบ้าง และทำไมพวกพี่ ๆ จึงไม่ทำอะไร นอกจากปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปโดยง่ายเช่นนี้

“ไม่ต้องรีบหรอกครับ…กรรม…กำลังจะตามทันคน ๆ นั้นอยู่แล้ว…อีกอย่าง…ผมไม่ไหวแล้ว…ขอพักก่อนนะครับ” ว่าแล้วเขาก็สลบไปทั้งอย่างนั้น

ปวินต์มองร่างที่ซบฮวบอยู่บนตัวเขาอย่างตกใจ “เจมส์..นายเป็นอะไรเนี่ย” มือเพรียวเขย่าตัวคนไม่ได้สตินั้นเบา ๆ แต่ธนัทที่อยู่ใกล้ ๆ มาห้ามไว้

“เขาคงเหนื่อยเกินไป ผมว่าปล่อยให้เขาได้พักเถอะครับ”

“เรียกรถพยาบาลดีไหมคะ ให้หมอตรวจน่าจะดีกว่า” ปรางทิพย์เสนอ ปวินต์ที่ยังคงห่วงอีกฝ่ายมากเสียจนทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่พยักหน้ารับ ท่ามกลางความวุ่นวายอีกเล็กน้อย ในที่สุดเจมส์และคณะก็ได้ขึ้นรถพยาบาลไปถึงโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นจนได้



   ยามเช้ามาเยือนห้องสีขาวสะอาด ม่านโปร่งบางถูกแหวกออกอย่างช้า ๆ ปล่อยให้แสงสาดส่องเข้ามาในห้องจนคนนอนเริ่มกระพริบตาถี่ ภาพที่เห็นเลือนรางเหมือนความฝัน…หากเป็นฝัน…เขาก็ไม่อยากจะตื่นเลย

   เขากระพริบตาซ้ำให้เห็นชัดกว่าเดิม และคนเบื้องหน้า…ก็ยังอยู่

   “ฟื้นแล้วงั้นหรือ” เสียงคุ้นหูถามขึ้นอย่างยินดี และมันทำให้เขาใจเต้นแรง

   “คุณ…วินต์” เจมส์พึมพำเรียกหาอย่างไม่แน่ใจ เขากลัวนักว่าคนตรงหน้าจะหนีหายจากไปอีก

คนผู้นั้นหันกลับมายิ้มให้ เจมส์ที่นอนบนเตียงถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุด…เขาก็ได้เห็นคนที่เขารัก…ที่ยังปลอดภัยดีและมีชีวิต

เขาสามารถปกป้องคนสำคัญ…เอาไว้ได้แล้ว

   ปวินต์เดินกลับมาที่เตียงก่อนพูดต่อไป “นายตื่นก็ดีแล้ว นอนขี้เซามาตั้งสองวันแน่ะ เล่นเอาฉันกลัวนายจะไม่ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว” แววตาที่มองมาแสดงชัดว่าเป็นห่วง แม้น้ำเสียงจะฟังดูปั้นปึ่งแกมต่อว่า

   “หา…สองวันเชียวเหรอครับ” คนฟังอุทานอย่างงุนงง พึ่งจะรับรู้ได้ว่ากำลังนอนอยู่ในห้อง…ที่น่าจะเป็นห้องพักฟื้นผู้ป่วยในโรงพยาบาล เห็นได้จากแขนข้างหนึ่ง ที่ยังคงเสียบเข็มน้ำเกลือเอาไว้ด้วย

เขาสลบไปถึงสองวัน…ทั้ง ๆ ที่พอตื่นขึ้นก็แค่รู้สึกว่าได้นอนหลับไปเต็มที่เท่านั้น คงเป็นเพราะฝืนสังขารมากเกินไป แต่ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ค่อยฟื้นคืนสภาพกลับสู่ปกติพอสมควรแล้ว แม้จะมีอาการปวดแปลบช่องท้องบ้าง แต่มันก็ค่อย ๆ จางหายไป

   “ใช่ สองวันแน่ะ พวกเราเป็นห่วงกันมากเลยนะ” ดวงตาคู่สวยมองมาจริงจัง จนคนป่วยต้องหลบตาหนี

เจมส์หัวเราะแห้ง ๆ ก่อนบอกว่า “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง แต่ผมน่ะ…หนังเหนียวพออยู่แล้ว”

   “ฉันเชื่อ” ปวินต์ตอบพลางส่งยิ้มให้ “รู้มั้ย ระหว่างที่นายหลับ มีเรื่องวุ่น ๆ เกิดขึ้นอีกเยอะเชียวนะ”

   คนฟังเลิกคิ้วอย่างงุนงง “อะไรกันล่ะครับ”

   “กรรมตามทันไงล่ะ เหมือนที่นายพูดไว้ไม่มีผิด” ปวินต์พูดพลางเล่าต่อ “สารวัตรธนดลประสบอุบัติเหตุ ระหว่างออกมาจากบ้านเรา เขาขับรถประสานงากับสิบล้อจนเสียชีวิต เฮโรอีนหล่นเกลื่อนไปหมด ดีว่าตำรวจทางหลวงตามมาเก็บได้ทัน ทั้งหมดเลยกลายเป็นหลักฐาน เพื่อใช้สาวหาต้นตอการนำเข้ามาได้ต่อไป”

   ปวินต์มองหน้าคนป่วยที่ยังคงส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเวทนาชะตากรรมของอดีตศัตรูคนสำคัญ ก่อนเล่าต่อไปว่า

   “แถมในวันเดียวกันนี่ ชวรัตน์…เจ้านักการเมืองจอมโกงนั่น…ก็กระอักเลือดจนตาย อาการเดียวกับคุณชิดชัยเลย ตายอย่างสยดสยองแถมมีตะปูชุ่มเลือดออกมาอีกหลายตัว”

   เจมส์ไม่รู้สึกประหลาดใจนัก เขารู้ดี…ชวรัตน์ ติดต่ออยู่กับหมอคงมาตลอด บางทีคงจะเป็นนายจ้างเลยด้วยซ้ำ “คงโดนทำคุณไสย…เพราะหักหลังกันเองแน่ ๆ” เขารำพึงเบา ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้

   “แล้วหมอคงล่ะครับ เขาเป็นยังไงบ้าง ผมจำได้ว่า…สารวัตรธนดลบอกว่า…ฆ่าไปแล้ว”

   ปวินต์หันไปพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว พอพวกเรายกกำลังไปที่บ้านหมอคง ก็พบเขานอนจมกองเลือดอยู่ ทั้งบาดเจ็บหนักในช่องท้อง และถูกยิง…ตัดขั้วหัวใจ”

   เจมส์นิ่งไปเล็กน้อย เขาไม่ประหลาดใจนัก ธนดลคงเป็นคนยิง ส่วนอาการบาดเจ็บนั่น…ก็คงเกิดจากอาคมทั้งหมดของเจ้าตัวเอง…ที่ถูกคืนสนองกลับไป…หลังจากเคนได้ตัดทางเชื่อมกับตัวเขาและปวินต์ลง มนตราที่ร้ายกาจ ย่อมไม่มีทางออกทางอื่นอีก นอกจากเล่นงานผู้ส่งมาเข้าอย่างจัง

   ใช่…และอีกคนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง…ก็คงหนีไม่พ้นเคนด้วย…

   ปวินต์มองชายหนุ่มอย่างเข้าใจ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขายิ้มน้อย ๆ อย่างต้องการจะปลอบใจ แล้วจับมือชายหนุ่มไว้ พลางเล่าต่อว่า

“และที่นั่น…ก็เจอตุ๊กตากุมารทองตัวนั้นด้วย…ตุ๊กตาตัวนั้น แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จนต่อกลับไม่ได้แล้ว”

   เจมส์รับฟังอย่างครุ่นคิด ในน้ำเสียงที่ตอบกลับ มีกระแสความตื่นเต้นแทรกอยู่

“แสดงว่าเคนหลุดจากการผูกพันธะสัญญากับหมอคงแล้วล่ะครับ ตุ๊กตาแตกสลายไป วิญญาณเขาก็น่าจะเป็นอิสระได้ ถึงผมจะเคยบอกกับคุณว่า กุมารทองคือเด็กมีกรรม…แต่กรรมของเคน…อาจจะหมดลงแล้วก็ได้…ความดีที่เด็กคนนั้นได้ทำ…เพื่อพวกเรา มากมายนัก ผมคิดว่าเด็กคนนั้น จะได้ไปเกิดแน่ ๆ ครับ”

   ปวินต์สบตาชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนพูดว่า “ฉันเชื่อ…ว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น พวกเรามารอเขาด้วยกันนะ”

   “ครับ…เราจะรอเขาด้วยกัน…ดังนั้น คุณจะต้องมาเป็นคู่ชีวิตกับผมนะ…เราจะได้อยู่ด้วยกัน…ในตอนที่เขากลับมาเกิดใหม่”

   ว่าพลางขยับเข้าไปใกล้อีกนิดก่อนถามย้ำ “ว่าไงครับคุณวินต์…ผมรอคำตอบอยู่นะครับ”

   คนฟังใบหน้าแดงเรื่อ ถูกถามกันจะ ๆ แบบนี้ เขาจะตอบอย่างไรได้ ดวงตาสวยเหลือบมองอีกฝ่าย และยังเห็นว่ากำลังกลั้นใจรอคำตอบอย่างตื่นเต้นเสียจนเขาเองยังหลุดขำ

   “เอ้า…ตกลงก็ได้ เพื่อเคน ลูกชายฉันเลยนะเนี่ย”

   ชายหนุ่มกอดปวินต์ไว้อย่างดีใจ “ขอบคุณนะครับ…ผมสัญญา…ว่าจะดูแลปกป้องคุณ…ตลอดไป” เขาจูบที่หน้าผากอีกฝ่ายเบา ๆ อย่างนุ่มนวล แทนการประทับคำสัญญานับร้อยพัน   

“ผมรักคุณนะครับ”

   “ฉันก็จะรัก…ดูแลนายตลอดไปเหมือนกัน” ปวินต์ตอบรับ คนทั้งสองโอบกอดกันอย่างมีความสุขในที่สุด


จบตอนที่ 18
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 15-12-2011 08:10:15
บทส่งท้าย


แดดร่มลมตกแล้วตอนที่เด็กน้อยร่างป้อมกำลังเอนกายอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้ยาวตัวโต สวนสาธารณะแห่งนี้ร่มรื่นเย็นสบาย มีทั้งต้นไม้และเครื่องเล่นสำหรับเด็กเต็มไปหมด เขาออกมาเล่นได้พักใหญ่แล้ว ในตอนที่พวกพ่อ ๆ แอบไปจู๋จี๋กัน แถมเล่นเสียจนเริ่มเบื่อ พวกพ่อ ๆ ก็ยังไม่เลิกจู๋จี๋กันซะอีก

   “เฮ้อ พวกผู้ใหญ่นี่นะ แก่แดดกันซะจริง ที่สาธารณะแท้ ๆ” เด็กน้อยบ่นพึมพำ จากอายุคงประมาณเกือบสิบขวบเท่านั้นเอง แต่คำพูดดูเกินอายุไปมากแล้ว

   “เห็นมั้ยนายเนี่ย เจ้าเคนแอบนินทาเราแล้ว เลิกกอดได้แล้วน่า อายเด็กจะตายไป” เสียงเข้มของคนในพุ่มไม้ไม่ไกลออกไป ทำให้คนด้านข้างอมยิ้ม

   “ก็ให้เจ้าเคนดูต้นทางให้ ดีจะตายไปไม่ใช่เหรอ” เขาพึมพำหน้าตาเฉย

   “นายนี่นะ ลามกเกินไปแล้ว” ดวงตาดุ ๆ ค้อนให้ หากอีกฝ่ายทำเป็นไม่เห็น เขาจุ๊บที่ข้างแก้ม พลางพูดว่า

“ถึงจะลามกก็เพราะรักคุณนั่นแหละน่า” ร่างสูงกว่าพึมพำพลางหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ “ผมรักคุณนะครับ”

   “นายพูดทุกวันแล้ว ฉันน่ะ ฟังจนเบื่อ” เสียงบ่นพึมพำแก้เขิน   

“ถึงจะผ่านมาสิบห้าปีแล้ว นับจากที่เราได้พบกัน แต่ผมก็ยังรักคุณนี่นา ให้ผมพูดเถอะน่า…อ๊ะ จริงสิ” คนพูดเริ่มนึกอะไรได้ ก่อนหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมพูดเยอะไปแล้วสินะ แต่ผมน่ะ…ไม่ค่อยได้ยินคุณพูดบ้างเลย”

   คราวนี้เป็นคนฟังที่ก้มหน้างุด “บ้าสิ เราก็ไม่เด็กแล้วนะ อายุตั้งจะสี่สิบเข้าไปแล้ว ใครจะไปพูดได้”

   “อ้าว…โธ่คุณล่ะก็ ไม่รักผมแล้วเหรอ ไหนเคยบอกว่าจะรักผมตลอดไปไง” เสียงคนถามเริ่มออดอ้อน

   “เอ้า รักก็รัก…ถ้าบอกรักแล้ว อย่าลืมพาไปเดทอีกล่ะ” คนพูดพึมพำแม้จะเริ่มแก้มแดงเรื่อ

   “ผมพาไปแน่อยู่แล้ว วันหยุดของคุณครั้งหน้าเลยดีไหม พาเจ้าเคนไปดูต้นทางอีก”

   “ลามกเกินไปแล้วนะ ไปสอนเด็กแบบนั้นซะได้” เขาว่าเสียงดุอีกรอบ

   “ก็นั่นลูกผมนี่” คนฟังแย้งต่อไป

   “ลูกฉันเหมือนกันแหละน่า”

   “เอาเถอะ ตอนนี้ผมอยากจะจูบคุณนี่ ปล่อยเจ้าเคนเล่นข้างนอกไปเถอะ” ว่าแล้วเขาก็โน้มตัวลงสัมผัสริมฝีปากนุ่มนั้น ไม่ว่าจะนานแค่ไหน คนที่เขารัก…ก็ยังคงเป็นคนที่เขารักเสมอ

   ทั้งคู่ผละจากกันอย่างช้า ๆ ยังคงความหอมหวานไว้ครบถ้วน

“ฉันรักนายนะเจมส์” เสียงแผ่วพึมพำอย่างเขินอายเหมือนครั้งในอดีต

   “คุณก็น่ารักแบบนี้แหละนะ ผมก็รักคุณ…คุณวินต์ของผม”



   คนฟังที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ชักเริ่มเลี่ยน เด็กน้อยถอนหายใจเบา ๆ พลางบ่นพึมพำ “ชวนเรามาเล่นของเล่น หรือจะมาเล่นจ้ำจี้กันเองเนี่ย ไม่สนใจเด็กน่ารักอย่างเราบ้างเลย” ร่างเล็ก ๆ กอดอกไว้ ทำหน้างอนแก้มป่องอย่างไม่พอใจนัก

   หากยังไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็รู้สึกถึงแรงกระโดด ลงมานั่งที่เก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน

   “อ๊ะ” เด็กน้อยอุทานอย่างตกใจ ข้าง ๆ เขามีสาวน้อยน่ารัก ที่มีผมสีทอง ตาสีฟ้าสดใส อายุราว ๆ 6 ขวบ กำลังยิ้มมาให้อย่างร่าเริง

   “เอาคนนี้แหละ เจนนี่จะเอาคนนี้เป็นแฟนนะคะแม่”

   เสียงของเธอร้องเรียกหญิงสาวคนไทยลูกครึ่ง ที่ยืนเคียงข้างกับฝรั่งตัวสูงผู้เป็นพ่อ ที่ยืนมองห่างออกไป

   “อ่ะ…ใครจะเป็นแฟนเธอกัน” ร่างเล็กตอบอย่างขัดเขิน แล้วถอยกรูดไปจนติดพนักเก้าอี้อีกด้าน ด้วยท่าทางของสาวเจ้าช่างคุกคามน่ากลัวพิลึก

   “เอาน่า…ว่าแต่ว่าเธอน่ารักจัง ชื่ออะไรเหรอ” ร่างเล็กยังคงกระแซะเข้าหาไม่เลิก ก่อนถามกลับ

   “คะ…เคน” เด็กน้อยตอบตะกุกตะกัก ปกติเขาน่ะเจ้าคารมนัก แต่ไม่รู้ทำไม พอเจอเด็กคนนี้ กลับติดอ่างเสียได้

   ดวงตากลมโตสีสวยมองมาอย่างถูกใจกว่าเดิม “ว้าว ชื่อน่ารักจริง ๆ ด้วย” มือบอบบางจับแก้มเขาหันมา พร้อมกับจุ๊บที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเบา ๆ

   “เจนนี่ชอบเคนล่ะ เราเป็นแฟนกันเถอะนะ”

   “อ๊ะ…ใครบอกจะเป็นแฟนเธอ…อ่ะ…ใครให้จูบเนี่ย!…เฮ้ย! อย่ากอดสิ บอกว่าอย่ากอดไง!”

   ที่ร่มไม้นั้นมีคนเดินมาอีกคู่ หญิงสาวลูกครึ่งผู้เป็นแม่เจนนี่โบกมือทักทาย เธอพึ่งรู้จักกับคนคู่นั้นเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านที่ย้ายมาใหม่ “สวัสดีค่ะคุณปราง คุณนัท” หญิงสาวผู้นั้นทักขึ้นก่อน

   ร่างบอบบางของหญิงสาวเดินมาพร้อมชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา ทั้งสองยิ้มรับการทักทายนั้น ก่อนเธอจะชี้ชวนให้คนด้านข้างหันไปมอง

“พี่นัทคะ เจ้าเคนของเราอยู่นั่นไง ดูสิ โดนสาวจีบเข้าแล้วด้วย”

   “เฮ้อ ก็เพราะพวกพ่อ ๆ มัวแต่สนุกกันเองนั่นล่ะ แก่แล้วยังไม่เลิกอีก ดูซิ ปล่อยลูกเราไว้คนเดียว จนมีสาวมาติดแทนซะแล้ว”

   ปรางทิพย์หันมายิ้มให้ธนัท ก่อนจะพูดต่อไปว่า “ถ้างั้นก็ปล่อยคู่คนแก่กับเด็กจู๋จี๋กันไปเถอะค่ะ เราก็ไปสวีทกันบ้างทางนู้นดีกว่า”

   ว่าแล้วเธอก็ขอปลีกตัวออกมาจากสามีภรรยาคู่นั้น เก้าอี้อีกฝั่งยังว่าง ทั้งสองจึงทรุดตัวลงนั่งลงคู่กัน ร่างเล็กเอนอิงพิงตัวชายหนุ่มก่อนพึมพำ

    “สิบห้าปีแล้วสินะคะ เหมือนมันพึ่งผ่านมาเอง  แต่ปรางดีใจนะที่เคนกลับมาอยู่กับพวกเราอีก”

   “พี่ก็ว่าอย่างนั้น…พวกเราจะต้องดูแลเขาให้ดี ชดเชยกับที่ไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้ในตอนนั้น”

   “ค่ะพี่นัท แหม ถึงเราจะไม่ดูแลนัก พวกพี่ ๆ ก็เห่อกันอย่างกับอะไรดี แย่งกันเป็นพ่อทูนหัวกันใหญ่ ตอนนี้น่ะ เคนติดสองพ่อนั่น มากกว่าพี่นัทแล้ว”   

คนมองมาถอนใจยาวก่อนพูดว่า “นั่นสินะ แต่สำหรับเคน ยกให้หน่อยก็แล้วกัน ถ้าไม่มัวแต่จีบกันเองจนเด็กเสียคนก่อนล่ะก็นะ”

   หญิงสาวฟังคำพูดนั้นแล้วหัวเราะ

“จริงด้วยสิ…สงสัยต้องจับอบรมใหม่แล้ว ทั้งพ่อทั้งลูกเลย!”



จบบริบูรณ์


==================================


ในที่สุดก็จบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำคอมเมนต์ให้กำลังใจ ที่มีให้เสมอมา เรื่องนี้ก็รวมเล่มและเปิดจองแล้ว ถ้าสนใจอ่านรายละเอียดกันได้ค่ะ >> ที่นี่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php/topic,30161.0.html)

พบกันใหม่เรื่องหน้าเมื่อเรามีเวลาว่างพอนะคะ ส่วนหรรษาฆาตกรรม คงจะอัพช้าเช่นเคยนะคะ ช่วงนี้ภารกิจเยอะมากมาย ไม่ค่อยมีเวลาปั่นเลยค่ะ T^T


==================================

นิยายที่ลงไปแล้วในบอร์ดนี้ เผื่อสนใจอยากอ่านเพิ่ม: Special Triple (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12935.0), Absolution cafe (จบ) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13610.0), หรรษาฆาตกรรม (TBC) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27792)
เรื่องสั้น (จบแล้วทุกเรื่อง): ทายาทมรณะ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=12350.0), Full moon night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14120.0), Give me your hand (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=14381.0), เรื่องอย่างว่าของเซี่ยเอ๋อร์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=21649.0), เรื่องสั้นนัท-เนยซีรี่ส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=20360.0)
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: nishiauey ที่ 15-12-2011 09:21:25
ลุ้น....จนเหนื่อย

ขอบคุณนะคะสำหรับเรือ่งดีๆคะ

เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: dawnthesky ที่ 15-12-2011 10:35:01
 :pig4: ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ที่มีมาให้อ่านเสมอนะคะ อ่านแบบลุ้นตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนสุดท้ายเลย  :pigha2: สำหรับรวมเล่มก็จะไม่พลาดเช่นกันค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 15-12-2011 10:54:37
กรรมตามสนองคนชั่วหมดแล้ว

ดีจังที่เคนได้มาเกิดใหม่  เจนนี่ก็ด้วย แถมยังแพ้ทางกันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yayee2 ที่ 15-12-2011 12:30:30
บทส่งท้าย......
  ลงท้ายฝ่ายธรรมะ   จะชนะดังใจปอง
  อธรรมะคงต้อง      ปราชัยเป็นแน่นอน
  อันว่ามนุษย์โลก    ยังโชคดีไม่ย่อหย่อน
  อธรรมะราญรอน    ก็ชำนะแต่ชั่วพัก
ภายหลังข้างฝ่ายธรรม  จะชำนะประสิทธิ์ศักดิ์
เพราะธรรมะย่อมรักษ์  ผู้ประพฤติ ณ คลองธรรม
 "ธรรมาธรรมะสงคราม" ของล้นเกล้า รัชกาลที่6
ขอบคุณคนเขียน และขอมอบ  :L2: แทนคำว่าขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: vk_iupk ที่ 15-12-2011 13:01:10
จบแล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ในที่สุด เน้องเคนก็กลับมาเกิดใหม่ได้อีก เอิกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Horizon ที่ 15-12-2011 13:23:47
สนุก แต่ลุ้นมากมาย กว่าจะ happy ending
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุกๆ
+1
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-12-2011 14:25:24
กรรมตามสนองจริงๆ
ดีใจที่เคนได้กลับมาอีกครั้ง
อ่านไปลุ้นไป :z2:
แต่จบซะแล้ว :เฮ้อ:
ขอบคุณจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: sam3sam ที่ 15-12-2011 14:55:56
happy ending :กอด1:

ขอบคุณที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆ สนุกๆ อย่างนิยายเรื่องนี้นะคะ o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-12-2011 15:04:58
เย่ happy ending  o13 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 15-12-2011 15:29:33
จบดีมากเลย คนชั่วตายหมด
เจมส์กับวินต์ก็มีความสุข
เคนก็ได้ไปเกิดเป็นลูกปรางกับนัท มีเจนนี่มาเกิดเป็นแฟนอีก(คู่แท้สองโลกนะนี่)
แฮปปี้เอนดิ้ง เย้!
 :pig4:ขอบคุณ ppm สำหรับนิยายสนุก ลุ้นมันส์ ตลอดๆเรื่องนี้จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-12-2011 16:44:28
เย่
จบได้น่ารักมากเลยค่ะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 15-12-2011 17:28:41
ในที่สุดเคนก้อกลับมา น่ารักดีจริง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ordkrub ที่ 15-12-2011 19:18:08
ขอบคุณสำหรับความบันเทิงที่มอบให้ครับ
จะรออ่านเรื่องต่อไปนะครับ
แต่ว่า    ทำไมย้ายห้องเร็วอย่างเนี้ย  เกือบตามมาไม่ทัน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 15-12-2011 20:28:24
เย้ๆๆ หนูเคนน่ารักอะ

ตอนบู๊(?) นิ ลุ้นใจคอแทบพัง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: CarToonMiZa ที่ 15-12-2011 21:54:35
จบแบบแฮปปี้ :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 16-12-2011 00:07:37
ไม่ยากๆๆ

มีอีกคนซะก้อสิ้นเรื่อง
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: YaOi_KUKU ที่ 16-12-2011 09:23:33
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13

เอาปัยเร้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yotsaput ที่ 17-12-2011 10:16:22
สนุกไปอีกแบบคับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: tomodaging ที่ 17-12-2011 10:44:44
สนุกสุดๆไปเลยครับ
ไม่ซ้ำซากจำเจ สนุกติดอันดับท๊อปไฟว์จากหลายสิบเรื่องที่ผมอ่านมาทั้งปีเลยอ่ะครับ
กระชับ หลากอารมณ์ เล่นเอาทั้งลุ้นทั้งน้ำตาซึม
จะติดตามผลงานตลอดไปเลยนะคร้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 18-12-2011 00:10:45
ย้ายมาเมื่อไหร่ไม่รู้เรื่องเลย

จบแล้วววว สารวัตรตายง่ายไปนะ ยังไม่ทันได้เจ็บตัวสักนิดเลย
น่าจะเอาให้ทรมานหน่อย ทำกับคนอื่นเขาไว้เยอะนัก
ในที่สุดเคนก็กลับมา ><  อยูกันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะ
ครอบครัวสุขสันต์จริงๆ

รออ่านเรื่องใหม่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 21-12-2011 08:09:04
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ   :3123:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: roseen ที่ 21-12-2011 19:19:14
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ไก่จ้า ที่ 22-12-2011 14:16:25
สนุกมากๆ :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: fay_13 ที่ 23-12-2011 16:12:35
ลุ้นจนเหนื่อยเลยเรื่องนี้ แต่ก็สนุกมากๆเลย  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: som ที่ 24-12-2011 10:21:53
ดีใจจังเลยครับที่จบแบบนี้  ที่ทุกคนมีความสุขร่วมกัน ความสุขที่ได้ร่วมกันเลี้ยงเคนให้เป็นเด็กที่น่ารักต่อไป และดีใจที่เคนได้กับมาหาทุกคนแบบจับต้องได้เสียที
ขอบคุณครับพี่นักเขียนที่เอานิยายที่สนุกมาก ลุ้นมาก อ่านมันมากมาให้อ่าน
เรื่องนี้ชอบมากครับ

แต่ติดตามอ่านมาตั้งนาน แต่มาไม่เจอตอนจบ ถ้าเจ้สองไม่ขึ้นว่าย้ายห้องเรื่องนี้แล้วคงไม่ได้อ่านตอนจบแน่
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 02-01-2012 01:09:11
เขียนได้ดีนะครับ ลุ้นระทึกแบบตอนต่อตอน เลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 11-01-2012 02:11:50
เขียนได้สนุกและน่าติดตามตลอดเรื่องเลยค่ะ  o13

ในที่สุดก็แฮปปี้เนอะ  :mc4:

หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา ตอนที่ 18 (จบจ้า) (15/12/11)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 05-02-2012 11:03:25
มาแจ้งข่าวนะคะ หนังสือแพ็คเรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ และจะส่งของภายในสัปดาห์หน้าค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุน ^^

Edit: ส่งหนังสือแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ รอรับของได้เลยค่ะ ขอให้สนุกกับการอ่าน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: erng ที่ 06-02-2012 02:40:51
น่ารักมากกกค่ะ
ลุ้นมากกกกกก
สงสารทุกคนเลยยยย ไม่น่าต้องพรากจากกันเลยยย
แต่อย่าน้อยก็ยังกลับมาอยู่ด้วยกัน อิอิ

ปลงกับชีวิตเลยค่ะ

ขอบคุณมากๆๆๆนะค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: irako ที่ 07-02-2012 03:32:25
 :mc4: อ่านจบแล้ว สนุกมากๆเลยค่ะ เคนกับเจนนี่ น่ารักอะ  :m20:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 07-02-2012 16:40:06
อ่านไปลุ้นไปมากๆ้เลยค่ะ !!~
จบแบบคนอ่านแฮปปี้มากๆ ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันซักที  :กอด1:
ขอบคุณคุณppmสำหรับสืบเสน่หามากๆนะค๊า +1 ค่า ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ปุยหมาม่วง ที่ 25-02-2012 16:14:21
คนเขียนเขียนเก่งโคตรๆเลยค่ะ ทั้งพล็อตที่ซับซ้อนได้อีก และการบรรยายที่แบบว่าคำสวยแล้วก็เห็นภาพมากๆ
ยิ่งฉากบู๊ๆแนวจอมขมังเวทย์นี่เขียนได้ไงเนี่ย เก่งโคตรรร ><!!

ปอลอ.ร้องไห้หลายครั้ง จากเจ้าเคนล้วนๆ

ตามอ่านเรื่องอื่นๆมาบ้างแล้วและยังมีที่ยังไม่ได้อ่านอีก จะตามต่อไป

ขอบคุณนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: J_Dargon ที่ 08-03-2012 00:32:18
อ่านไปกลัวไป แต่สุดท้ายก็จบแบบแฮบปี้ สนุกมากเลยค่ะ

ขอบคุณคะ ^3^
หัวข้อ: Re: [รีปริ้นเฉพาะกิจ อ่าน P.1] สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ppm ที่ 17-03-2012 04:49:42
พอดีเราจะไปพิมพ์หนังสือเรื่องนี้เพิ่มเป็นการเฉพาะกิจ สำหรับเก็บไว้เองค่ะ เลยมาถามว่ามีใครสนใจบ้างไหมคะ จะได้สั่งเผื่อ

พร้อม ๆ กันนี้ก็รับจอง Absolution Cafe (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=13610.0) ด้วย แต่ขอให้โอนเงินภายในวันที่ 28 มีนาคมนี้นะคะ (แต่ถ้าต้องรอเงินเดือนออกก่อนถึงโอนได้ แจ้งไว้ได้ค่ะ เราต้องการทราบจำนวนก่อนเท่านั้น แต่ให้แน่ใจว่าเอาจริง ๆ นะคะ)

ดูรายละเอียดหนังสือได้ที่นี่ http://www.sm.ppmfic.com/index.php?board=11.0

สนใจเมล์มาที่ ppmfic at yahoo .com

เปิดจองแค่เรื่อง Absolution cafe กับ สืบเสน่หา ส่วน No Limit จะเปิดจองอีกครั้งเมื่อเล่มใหม่ออก เนื่องจากปิดงบไปแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: [รีปริ้นเฉพาะกิจ อ่าน P.1] สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ¡ииσcэиτ ที่ 26-03-2012 02:04:13
ตามมาอ่านทีหลัง~

เนื้อเรื่องสนุดมากเลย
ตั้งแต่กลางเรื่องแอบร้องไห้กับทุกตอนเลย
 :monkeysad: :monkeysad:

แต่ในที่สุดก็จบแบบแฮปปี้

 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-09-2012 02:23:58
ทุกอย่างจบด้วยดี น้องเคนเป็นพระเอกของเรื่อง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 28-09-2012 14:34:53
โล่งอกไปที ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: อากาศใต้ผ้าห่ม ที่ 29-09-2012 03:00:48
เรื่องนี้ เคนเป็นพระเอกนะเนี่ย  o13
สนุกมาก ๆ อ่านไปลุ้นไป กรี๊ดไป  :o8:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Angel_K ที่ 29-09-2012 18:52:03
เพิ่งเคยอ่านนิยายแนวนี้เป็นครั้งแรก และต้องขอยกนิ้วให้เลย สนุกมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 10-10-2012 15:37:55
สนุกค่ะ   ขอบคุณมากนะคะ   :pig4:      :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: tamako ที่ 14-03-2013 13:20:23
โอ้  ลุ้นกันจนเหนื่อย
ตอนท้ายๆบีบอารมณ์มากๆ
อ่านไปเครียดไปร้องไห้ไปจนหมดทิชชู่ไปหลายแผ่น :sad11:
ถึงเรื่องนี้จะค่อนข้างแปลกกว่าเรื่องอื่นๆของ ppmแต่ก็ยังคงกลิ่นอายความหลอนไวได้ไม่เสื่อมคลาย
+1  o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: SGL ที่ 16-03-2013 14:12:16
ขอบคุณมากค่ะ :L2:
ลุ้นเเทบตายฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 17-03-2013 04:11:50
เจนนี่ยังตามมาหาเคนได้อีกน่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-04-2013 18:01:11
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: na-au ที่ 16-04-2013 20:35:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ่านไป ลุ้นไป มันส์ดีอ่ะ  แนวนี้คนแก่ชอบ

 :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 17-04-2013 01:56:41
สนุกมากกกกก  ลุ้นตลอด 

แต่่งเรื่องได้น่าติดตามดีจิรงๆ
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: puchi ที่ 18-04-2013 01:06:42
สนุกมากคร่าาา อ่านไปลุ้นไป อ่านตอนกลางคืนด้วยอ่ะเห็นภาพตามหวิววววๆๆ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: VICTORY ที่ 27-04-2013 20:20:57
อ่านไปลุ้นไป
ตื่นเต้นมากก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 17-05-2013 14:16:18
อ่านรวดเดียวจบ  สนุกมากเลย  มีหลายฉากที่ทำให้เสียน้ำตาเลยล่ะ  555

ใครสร้างกรรมไว้กรรมนั้นคืนสนอง  555  สะใจ  ที่จริงอยากให้หมอคงทรมารกว่านั้นหน่อย  หึหึ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 31-05-2013 15:06:12
สนุกมากค่ะ มีให้ลุ้นทุกตอนเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Anyann ที่ 31-05-2013 21:12:41
สนุกมากเลยค่ะ ลุ้นสุดๆแทบทุกตอนเลย

ดีใจที่สุดท้ายทุกคนก็ได้กลับมาเจอกันอีก เจ้าเคนน่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 17-07-2013 17:02:35
สนุกมากเลยค่ะ

กรีดร้องน้องเคนๆทั้งเรื่องเลย โอ๊ยจุกน้อยของพี่ น่าสงสารมาก

หมอคงนะหมอคง :m16:

ตอนจบครอบครัวสุขสันได้กลับมาเจอน้องเจนนี่อีกครับ  :-[

พ่อๆสวีทกันเพลินเชียวค่ะ 55

รักน้องเคน เด็กน้อยแก้มยุ้ยน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 28-07-2013 13:20:59
สนุกมากๆเลย
ชอบเคนสุดๆ น่ารัก น่าหยิก น่ากอดมากเลย
รออ่านเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: preaw-sm ที่ 28-07-2013 15:18:26
สนุกมากเลยค่ะ ลุ้นตลอดเวลาเลย ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-07-2013 19:34:23
ลุ้นจนเหนื่อยสนุกมากๆเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-12-2013 23:31:28
สนุกมากเลยค่ะ ลุ้นจนเหงื่อแตกเลยทีเดียว
แอบร้องไห้หลายฉากเลยส่วนมากมาจากน้องเคน
เคนน่ารักมากกกกกกกก ดีจังที่จบแบบมีความสุขกันทุกคน
ขอบคุณมากค่าสำหรับนิยายดีๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Poes ที่ 19-12-2013 01:45:41
อ่านจบแล้ว หนุกมากจ้า ลุ้นแบบนั่งไม่ติดพื้นเก้าอี้เลย สงสารเคนมาก  :mew6:
แต่ก็จบแบบแฮปปี้   :impress2:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: pacharauksara ที่ 18-03-2015 11:12:31
 :pig4:ลุ้นตัวโก่งเลยค่ะ อย่าลืมมีผลงานดีๆมาให้อ่านอีกน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: zhanzhao ที่ 21-03-2015 23:26:33
อ่านเรื่องนี้แล้วมันส์มากกกก อยากเป็นหมอผีกันเลยทีเดียว สนุกมากเลยค่าา o13
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: supernatural ที่ 19-04-2015 10:59:37
เนื้อเรื่องดีนะคะ เขียนดี
แต่มันเน้นเรื่องคาถาอาคมมากเกินไป เรื่องคดีสืบสวนนู่นนี่มีน้อยมาก ประเด็นหลักเป็นเรื่องหมอผี แทนที่จะเอาเรื่องนี้แทรกเท่านั้น 
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sunipum ที่ 22-04-2015 00:30:01
เพิ่งเคยอ่านแนวนี้ สนุก ตื่นเต้นมาก
ขอบคุณนะค่ะที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้ได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 25-08-2015 19:23:28
สนุกมาก ๆ ครับ ........ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 28-08-2015 20:13:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: AeRoMoZa ที่ 07-07-2016 03:16:59
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆ นะคะ อ่านไปลุ้นไปเลยค่ะ ทั้งสนุก ทั้งลุ้นเลย
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 10-07-2016 11:54:50
ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกมาก
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-01-2017 13:05:38
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงในเงามืด ที่ 18-01-2017 22:45:40
สนุกค่ะ พล็อตดีด้วย แต่เราเข้าใจเรื่องที่ไมผ่านการพิจารณาของสำนักพิมพ์ ขอแนะไว้นิดๆนะคะ คืออิมเมจตัวละครน่ารำคาญไปค่ะ การใช้ประโยคพูดหรือการต่อคำบางช่วงค่อยข้างไร้สาระนิดหนึ่งคือการแสดงความรักไม่จำเป็นต้องพูดต้องหวานตลอดก็ได้ค่ะ เพราะมันจะทำให้น่าเบื่อ และหลงประเด็นไปได้ค่ะ และอีกอย่างคือควรจะทำให้เรื่องโดยรวมดูแข็งแรงขึ้นค่ะ อย่างรายละเอียดปลีกย่อยควรเก็บให้มากกว่านี้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เขียนบ่อยๆจะเก่งขึ้นแน่ๆค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sayfarnook ที่ 20-08-2018 11:13:23
ชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยค่ะ ><
มีเพจให้ติดตามนักเขียนไหมคะ
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-09-2018 00:10:36
อ่านรวดเดียวเลยสนุกมากค่ะ รักน้องเคนมากๆ ใครทำอะไรไว้ก็กรรมตามสนองนะ ร้องไห้ไปเยอะเลย ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ พลาดอะไรไปหลายปีเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 28-04-2020 18:50:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 30-04-2020 07:59:10
แนวใหม่ เพิ่งเคยอ่านด้านไสยศาสตร์
แปลกดีค่ะ ตำรวจกับหมอผี
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kunjirawaracom ที่ 06-05-2020 13:49:50
 o22นิยายสนุกมากไม่ค่อยได้อ่านแนวหมอผีเท่าไหร่แต่สนุกจร้า
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Aphrodite ที่ 10-05-2020 22:35:37
อ่านรวดเดียวจบ  ต้องชมนักเขียน  ในการตั้งชื่อเรื่องเลย เห็นชื่อเรื่องแว๊บแรกคือว่าคงเป็นตำรวจสิบคดีแล้วมีกุ๊กกิ๊กๆ ถคงเป็นสิบเสน่หา แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่อง สเน่หา ยาแฝด ของหมอผีกะตำรวจ  แบบ คาดไม่ถึง  พล๊อตแปลกกว่าทุกเรื่องที่อ่านเลยค่ะ ชอบมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: สืบเสน่หา (จบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 04-07-2020 01:36:49
อ่านยาวๆเลยค่า ลุ้นมากๆว่าจะเป็นยังไง
สมน้ำหน้าพวกชั่วๆนัก กรรมตามสนอง!!!
ปล. ชอบเจ้าเคนมากๆ น่ารักที่สุดเลยยยย :กอด1: