ตอนที่ 10 หนี
ปลายฟ้าตื่นมารุ่งเช้าของอีกวัน วันนี้เขามีสติกับสถานการณ์ได้มากกว่าเมื่อวาน การที่คนที่จับเขายังไม่กลับมาทำให้ความคิดบางอย่างปรากฏขึ้นในหัว และถ้าสำเร็จเขาอาจหนีออกไปจากที่นี่ด้วยตัวเองก็เป็นได้
“ปลายฟ้าตื่นหรือยังครับ” เสียงหม่อนถามตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดประตูเข้ามา
พอได้ยินเสียงปลายฟ้าพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมด ทำตามแผนที่ตัวเองคิดไว้ เขาปั้นรอยยิ้มที่แสนหวานขึ้นบนใบหน้ารอต้อนรับคนที่กำลังจะเข้ามา
“หิวหรือยังครับ ผมเอาข้าวมาให้กินครับ” หม่อนเดินยิ้มอย่างมีความสุขเข้ามาหาปลายฟ้า
“ผมหิวน้ำมากกว่าครับ คุณหม่อนช่วยป้อนผมทีได้ไหม” ปลายฟ้าฝืนปั้นยิ้มให้
“จริงเหรอครับ ปลายฟ้าอยากให้ผมป้อนน้ำให้จริงหรือครับ” หม่อนทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นมากตอนนี้
“ครับ ก็คุณมัดผมไว้แบบนี้ ถ้าไม่ให้คุณป้อนแล้วผมจะดื่มน้ำยังไงล่ะครับ”
“นั่นสิ ผมก็ลืมไปเลย เดี๋ยวผมป้อนน้ำให้นะครับ” หม่อนรีบกุลีกุจอหยิบขวดน้ำพร้อมหลอดมาให้ปลายฟ้าดื่ม
ปลายฟ้าทำพูดดีเอาทำทุกอย่างอย่างที่หม่อนอยากให้ทำ รอยยิ้มที่ดูสดใสถูกปั้นแต่งขึ้นเป็นระยะ ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจปลายฟ้าออกจะหวาดกลัวและรังเกียจคนตรงหน้าก็ตาม หม่อนรู้สึกปลื้มและดีใจที่ปลายฟ้ายอมพูดดีกับเขา ยอมคุยกับเขาดี ๆ ต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
“หม่อนครับ ปล่อยผมก่อนไม่ได้หรือครับ ผมอยากเข้าห้องน้ำ” ปลายฟ้าเริ่มทำตามแผนที่คิดไว้
“ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวปลายฟ้าก็หนีผมไป เดี๋ยวผมเอากระโถนมาให้นะครับ” หม่อนปฏิเสธ
“ไม่เอานะครับ ถ้าแบบนั้นผมจะกล้าได้ยังไง อีกอย่างผมกับหม่อนยังไม่คุ้นชินกันมากขนาดนั้น เอาไว้เราคุ้นเคยกันมากกว่านี้ ผมจะทำทุกอย่างให้หม่อนดูยังได้เลย” ปลายฟ้าพยายามเพิ่มความเห็นใจมากขึ้น
“แต่ว่า..”
“ไม่ต้องแต่หรอกครับ อีกอย่างผมจะหนีไปไหนได้บ้านก็บ้านของหม่อน นะครับเชื่อใจผมบ้างไม่ได้หรือ ไหนบอกว่ารักและจะเชื่อผมคนเดียวเท่านั้นไง” ปลายฟ้าทำหน้าเศร้า แววตาเจอหยาดน้ำตาเล็กน้อย
“ไม่เอานะครับ ปลายฟ้าอย่าร้องไห้นะครับ ผมเชื่อแล้วผมปล่อยคุณเดี๋ยวนี้แหละ” หม่อนรีบลุกขึ้นไขกุญแจมือปลายฟ้าออกทั้งสองข้าง ก่อนแกะเชือกที่ผูกข้อเท้าออกให้
“ขอบคุณครับ แบบนี้ผมเชื่อแล้วว่าหม่อนรักผมจริง” ปลายฟ้ายิ้มให้พร้อมจับมือหม่อนไว้
หม่อนถึงกับหน้าแดงเมื่อโดนปลายฟ้าจับมือไว้ เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้รับการกระทำแบบนี้ แต่ปลายฟ้ากลับรู้สึกขยะแขยงที่มือเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดอยากจะสัมผัสตัวคนที่จับเขามากักขังไว้แบบนี้แม้แต่น้อย
“ห้องน้ำไปทางไหนครับ” ปลายฟ้าถามเพราะกลัวว่าหม่อนจะจับได้ว่า เขาแค่หรอกให้หม่อนปล่อยตัวเขาเท่านั้น
“ผมเกือบลืมเลย เดี๋ยวผมพาไปนะครับ” หม่อนลุกเดินนำหน้าปลายฟ้า พามาเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกบ้าน
ระหว่างเดินปลายฟ้าก็พยายามมองสำรวจรอบ ๆ ตัว และมองสำรวจไปไกล ๆ เผื่อว่าอาจจะหาทางหนีได้ ที่ที่เขาโดนจับมาเป็นบ้านยกสูง สร้างอยู่ห่างจากชายทะเลไม่มากเท่าไหร่ ปลายฟ้าจดจำทุกรายละเอียดตลอดทางที่เดินผ่านมา เขาเข้าห้องน้ำปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ถ่วงเวลาให้นานที่สุด เพราะยังไม่อยากกลับขึ้นไปที่ห้อง เขาล้างมือล้างตัวล้างปากล้างทุกส่วนที่สัมผัสโดนหม่อน เขาอยากเอาความรู้สึกที่น่ารังเกียจนี้ออกไป
“ปลายฟ้าครับ เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมนานจัง” หม่อนตะโกนถามเมื่อปลายฟ้าเข้าห้องน้ำนานผิดปติ
“เสร็จแล้วครับ” ปลายฟ้ารีบออกมา
“ทำไมเข้านานจังครับ”
“ผมคงยังไม่ชินสถานที่ และเข้าช้าไปหน่อยหม่อนไม่โกรธผมนะ” ปลายฟ้ารีบพูดเอาใจ
“ไม่หรอกครับ แค่ปลายฟ้ายอมพูดกับผมอยู่กับผมที่นี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ”
ปลายฟ้าพยายามพูดดีทำดีกับหม่อนทั้งวันจนพระอาทิตย์ตก หม่อนขอตัวกลับพร้อมกับล็อคห้องที่ปลายฟ้าอยู่ ปลายฟ้าแกล้งทำเป็นหลับ เพราะเขารู้ว่าหม่อนแอบมองอยู่ข้างนอก เขาแกล้งอยู่นานจนแน่ใจว่าหม่อนกลับไปแล้ว
ผ้าปูที่นอนถูกผูกติดกับขาเตียง แล้วต่อด้วยกับปลอกหมอนแล้วก็เศษผ้าที่มีอยู่ทั้งหมด ปลายฟ้าโยนฟ้าออกไปทางหน้าต่าง เขายืนกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ที่หน้าต่าง ถึงฉากแบบนี้จะเคยเล่นมาบ้างในหนังในละคร แต่ว่ากับชีวิตจริงเขายังไม่เคยทำ แต่ถ้าเทียบกับต้องเจอคนโรคจิตแบบหม่อน การเสียงแบบนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีมากกว่า
ตุ๊บ!!
ปลายฟ้าร่วงลงมานอนอยู่ที่พื้น เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามทางที่จำได้เมื่อตอนกลางวันอย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจวิ่งไปยังชายทะเล เพราะว่ามันคงโล่งและไปถึงบ้านคนอื่นได้ง่ายกว่า เพราะเขาจำได้ว่าเห็นบ้านหลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่ใกล้ชายทะเล เผื่อจะได้เข้าไปขอความช่วยเหลือได้บ้าง
ร่างบาง ๆ พยายามวิ่งหลบตามพุ่มไม้ หรือตามมุมมืดต่าง ๆ เพื่อให้ยากต่อการพอเห็น บ้านหลังเล็กที่ชายทะเลมีแสงไฟเล็ดลอดออกมา แสดงว่ามีคนอยู่ ปลายฟ้าเริ่มมองเห็นความหวังที่จะออกจากที่นี่ได้แล้ว
เมื่อวิ่งมาถึงบ้านเขากลับได้ยินเสียงดังจากข้างใน ปลายฟ้ารีบแอบอยู่ข้างหน้าต่าง เขาค่อยแอบมองลอดผ้าม่านหน้าต่างเข้าไป แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นหม่อนที่ยืนเหมือนกำลังทะเลาะกับใครอยู่ ปลายฟ้ามองไม่ถนัดเพราะเขานั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้พนักทรงสูง
“พ่อรู้ไหมครับพ่อทำอะไรไว้กับผมมั่ง พ่อทำให้ไม่มีใครเข้าใจผม พ่อจับผมมาขังไว้ที่นี่ทำไม” หม่อนตะโกนใส่คนที่ตนเองเรียกว่าพ่อ แต่กลับไม่มีเสียงตอบโต้ออกมาแม้แต่น้อย
“พ่อเป็นคนทำลายชีวิตผม พ่อทำให้ผมต้องเป็นคนแบบนี้ แต่ผมก็รักพ่อนะครับ” หม่อนทรุดตัวนั่งลงซบหน้าที่ตักคนที่นั่งอยู่พร้อมกับร้องไห้ ปลายฟ้าจ้องมองอย่างสนใจ เพราะเขาคิดว่าคนเป็นพ่ออาจจะบอกหม่อนให้ปล่อยเขาก็ได้
หม่อนซุกหน้าร้องไห้อยู่นานก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากบ้านไป ปลายฟ้ารีบหลบไปอีกทางหนึ่ง หม่อนเดินกลับไปที่บ้านที่เขาขังปลายฟ้าไว้ หลังจากเห็นหม่อนเดินหายลับตาไปกับความมืด ปลายฟ้าก็รีบหาทางเข้าไปในบ้านทันที
หลังจากที่เข้ามาข้างในได้แล้ว ปลายฟ้ารีบตรงเข้าไปห้องที่แอบมองเมื่อกี้ เก้าอี้พนักสูงหันหลังให้ ภายในห้องเหม็นกลิ่นเหมือนซากอะไรซักอย่าง แต่คงเพราะห้องอากาศไม่ได้ถ่ายเทเสียมากกว่า
“ช่วยผมด้วยครับ ลูกคุณจับผมมาขังไว้ คุณช่วยพูดกับเขาให้ที่ได้ไหมครับ” ปลายฟ้าขอความช่วยเหลือ แต่กลับไรซึ่งคำตอบรับ
“คุณครับ ไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือไงครับ ลูกชายคุณจับตัวผมมานะครับ” ปลายฟ้าใช้เสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ได้ผลเหมือนเดิม
เมื่อเป็นแบบนี้ปลายฟ้าเลยเดินเข้าไปหาใกล้ ๆ กลิ่นเหม็นก็เพิ่มมากขึ้นตามด้วย ปลายฟ้าเดินมาหยุดที่หลังเก้าอี้
“นี่คุณไม่คิดจะช่วยผมหน่อยหรือ ลูกคุณจับตัวผมมานะ” ผลเหมือนเดิมไม่มีการตอบรับกลับมา ทำให้ปลายฟ้าเริ่มโมโหขึ้นมา เขาจับเก้าอี้ให้หมุนหันหน้ามาหาเขา เพื่อจะได้คุยกันให้รู้เรื่อง
“เหวออออ”
ปลายฟ้าตกใจร้องเสียงหลงกับภาพที่เห็น สิ่งที่เห็นทำให้ต้องก้าวถอยหลังหนีออกมา ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นซากศพของชายแก่ แต่งกายด้วยชุดลำลอง เนื้อหนังแห้งเหี่ยวติดกระดูก ดวงตาลึกบุ๋มลงไปแก้มสองข้างแห้งติดกับโหนกแก้ม เส้นผมสีขาวเหลือติดอยู่บนหัวเป็นหย่อม ๆ
ปึก!!
ปลายฟ้าถอยหลังมาชนอะไรบางอย่างที่ผนัง ปลายฟ้าค่อย ๆ ใช้มือเอื้อมไปคลำสิ่งที่ชนอย่างช้า ๆ มันมีขนยาวและสากมือ
เฮ้ย!!
สิ่งที่เห็นทำให้ปลายฟ้ากลัวเป็นซากของสุนัขพันธ์โกลเด้นรีซีฟเวอร์ ถูกแขวนแห้งไว้กับผนังพร้อมกับข้อความว่า
‘ไซเฟอร์สุนัขตัวโปรด’
ปลายฟ้าเริ่มกลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูกแล้ว เพราะภาพที่เห็นทั้งหมดมันมากเกินกว่าที่จะรับได้ เขารีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อจะหนีหม่อนให้ได้
ควับ!!
ข้อมือของปลายฟ้าถูกคว้าไว้พร้อมบีบอย่างแรง ทำให้ปลายฟ้าวิ่งหนีออกไปต่อไม่ได้
“ปลายฟ้าจะไปไหน คิดจะทิ้งผมไปอีกคนใช่ไหม ผมไม่ยอมให้คุณหนีไปไหนหรอก” เสียงพูดอย่างโมโหร้าย
“ปล่อย ปล่อยนะ” ปลายฟ้าพยายามสะบัดข้อมือให้พ้นจากการดึงรั้งไว้
แต่แรงของหม่อนมากกว่าที่เขาคิดไว้มาก มือที่จับข้อมือจับแน่นราวกับคีมล็อคไว้ ถ้าเป็นเช่นนี้เขาคงต้องเป็นเหมือนอย่างในบ้านแน่นอน แล้วเขาสังเกตเห็นมีดเล่มยาวอยู่ในมือของหม่อนแล้ว
“ย๊ากกก...”
ปลายฟ้าออกแรงถีบเข้าไปที่ชายโครงของหม่อนที่อยู่ตรงหน้า คนโดนถีบไม่ทันตั้งตัวปล่อยมือเซถลาล้มลงไป ปลายฟ้ารีบหันหลังวิ่งออกไปทันที เมื่อวิ่งออกมาสักพักก็ถึงบริเวณชายทะเล ที่ตอนนี้มืดสนิทท้องน้ำสีน้ำเงินสดกลายเป็นสีดำเช่นเดียวกับตอนกลางคืน
“ปลายฟ้าคุณหนีผมไม่พ้นหรอก เลิกดิ้นรนเสียทีเถอะ” เสียงหม่อนตะโกนดังไล่หลังมา
ปลายฟ้าวิ่งไปตามชายหาดอย่างสุดกำลังที่มี เขาวิ่งโดยไม่สนใจว่าเบื้องหน้าจะเจอสิ่งใดบ้าง เพราะสิ่งที่ตามเขามานั่นมันน่ากลัวเสียยิ่งกว่า หลังจากวิ่งมาได้พักใหญ่ ปลายฟ้าไม่ได้ยินเสียงวิ่งตามมาสักพักแล้วด้วย เขาเลยหยุดพักหายใจสักหน่อย แต่ก็ยังไม่ลดความระวังพยายามมองไปรอบ ๆ ตัวบ่อย ๆ
ควับ!
สัมผัสเย็นเฉียบพัดผ่านแขนไปอย่างรวดเร็ว ปลายฟ้าหันไปมองเป็นหม่อนที่มาดักหน้าอยู่ก่อนแล้ว พร้อมมีดปอกผลไม้เล่มยาว เขารีบถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรู้สึกได้ถึงสัมผัสของเหลวไหลออกจากต้นแขน มืออีกข้างถูกใช้เพื่อพิสูจน์ทันที ว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่
เลือดสีแดงข้นไหลออกจากบาดแผลขนาดใหญ่ ที่เกิดจากมีดปอกผลไม้ เลือดไหลหยดลงบนผืนทรายเป็นทางตามที่ปลายฟ้าถอยหลังหนีไป ร่างสูงใหญ่เดินตามเข้ามาอย่างช้า ราวกับมั่นใจว่าคนข้างหน้าไม่สามารถหนีไปไหนได้อีกแล้ว
“ปลายฟ้า คุณต้องอยู่กับผมตลอดไป” หม่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
“ปล่อยผมไปเถอะนะ หม่อนคงไม่คิดจะฆ่าผมจริง ๆ ใช่ไหม” ปลายฟ้าพยายามพูดดีด้วย พร้อมกับถอยหลับหนี
“ใครบอกว่าผมจะฆ่าปลายฟ้าล่ะ ผมแค่จะทำให้คุณเป็นเหมือนพ่อผมเท่านั้นเอง” หม่อนยิ้มอย่างภูมิใจ
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต เลือกยุ่งกับกูสักทีได้ไหม” ปลายฟ้าไม่คิดจะสะกดอารมณ์อีกต่อไป
“ทำไมปลายฟ้าพูดกับผมแบบนี้ล่ะครับ ไม่อยากอยู่กับผมแล้วเหรอ”
“ไม่!! ใครจะอยากอยู่กับคนบ้าอย่างแก ไปตายซะไป” สีหน้าคงคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสิ้นคำนี้
“ปลายฟ้าต้องเป็นของผมคนเดียว” หม่อนวิ่งเข้าหาพร้อมเงื้อมมีดในมือ
ปลายฟ้ารีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีทันที แต่ปลายมีดก็ยังสัมผัสผ่านหลังเขาไป เลือดซึมออกมาแต่ไม่เยอะมาก ปลายฟ้าวิ่งสุดแรงเท่าที่มีในตอนนี้
ตูม!!
ด้วยความมืดเขาวิ่งสะดุดกิ่งไม้จนล้มกลิ้งตกลงน้ำทะเล เขารีบทรงตัวลุกขึ้นมา
“ตายเสียเถอะ..” หม่อนตามมาทันพร้อมกับแทงมีดเข้าใส่ปลายฟ้าที่กำลังจะลุกขึ้นจากน้ำ
ปลายฟ้าหมุนตัวหลบในน้ำก่อนจะหันมาถีบคนที่จะทำร้ายตน คนโดนถีบถลาหน้าทิ่มลงไปในน้ำ แต่ก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“นี่แหนะ” ปลายฟ้าปาทรายใส่หน้าทันทีที่หม่อนหันกลับมาจะเล่นงานเขา
“โอ๊ย!!” หม่อนร้องออกมาเพราะแสบตา ปลายฟ้าตัดสินใจเอาตัวพุ่งชนจนร่างของหม่อนกระเด็นออกไป มีดที่ถืออยู่หลุดจากมือ ปลายฟ้าตั้งหลักได้หันหลังกับเตรียมตัวหนี
“ซูม!!”
เขาถูกดึงขาจนจมลงไปในน้ำ ก่อนที่ร่างใหญ่จะลากเข้าไปหา ปลายฟ้าพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดแต่ก็ยังไม่หลุดพ้น
“ปล่อย.. ปล่อยนะ..” ปลายฟ้าพูดไปสำลักน้ำไป แขนทั้งสองข้างก็พยายามดิ้นรนให้รุดพ้นจากมือหน้าใหญ่
“ปลายฟ้าต้องอยู่กับผมคนเดียว เราจะไม่พรากจากกันอีกนะครับ” หม่อนพูดเมื่อดึงปลายฟ้ามาได้
หม่อนจับคอปลายฟ้าไว้สุดแรง ก่อนกดลงไปในน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ
“ชะ ช่วย.. อึก อึก ช่วยด้วย..” ปลายฟ้าสำลักน้ำเข้าไปอย่างมาก เขาพยายามดันตัวเองให้พ้นจากผืนน้ำทะเล
“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เราจะไม่พรากจากกันอีก” หม่อนพร่ำแต่พูดสองประโยคนี้ มือยังไม่เลิกจับปลายฟ้ากดลงไปในน้ำทะเล
‘พี่ก้อง พี่สายลม ช่วยผมด้วยครับ’
ปลายฟ้าได้แต่ภาวนาภายในใจ เพราะตอนนี้สติเขาเริ่มจะเลือนรางลงไปทุกขณะ เขาดิ้นทุรนทุรายจากการขาดอากาศหายใจ มือเกร่งของหม่อนกดคอเขาให้ทั้งตัวจมอยู่ใต้ท้องทะเลสีน้ำเงิน
============> โปรดติดตามตอนต่อไป