Butterfly 8
...ผมต้องกลับไปแสดงตัวที่บาร์เพื่อไม่ให้คุณตรีเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นผู้ชายขายน้ำ แค่โดนมองว่าเป็นอย่างนั้น ผมยังรู้สึกอายจนหน้าชา ถ้ายุทธไปก็คงรู้สึกอย่างเดียวกันเพราะเค้ามาทำงานที่บาร์ด้วยความหลงผิด ไม่ใช่ฟุ้งเฟ้ออยากได้อยากมี เค้ายังสำนึกได้ว่าอาชีพนี้ไม่ใช่อาชีพที่ได้รับการยอมรับจากสังคม คืนนี้เมื่อยุทธมาผมจะให้เค้าเสิร์ฟอย่างเดียว ให้เค้าได้มีเงินใช้อย่างสุจริต เผื่อว่าเค้าจะเลือกเป็นพนักงานเสิร์ฟอย่างเดียวไม่รับออฟ...
...เหตุผลอีกอย่างที่ต้องรีบกลับบาร์เพราะเทียนบุญเพื่อนของผมโทรมาบอกว่ารออยู่ที่บาร์ เมื่อไปถึงเราก็คุยกันเฮฮาจนยุทธมาถึง ผมก็ทำเป็นไม่สนใจจนเค้าเปลี่ยนชุดเป็นเด็กเสิร์ฟออกมาทำงาน เทียนบุญรู้สึกถึงความผิดปกติระหว่างผมกับยุทธและแกล้งจะขอออฟ ถึงจะพูดเล่น แต่ผมก็ใจแป้ว ถ้าอีกหน่อยเค้ารับออฟจริง ๆ ผมคงเสียใจจนบอกไม่ถูกเลย...
“ยุทธนี่มันเหลี่ยมจัดจริง ๆ” พี่ธัญญ่าเดินเข้ามาหาผมในห้องทำงานหลังจากเทียนบุญกลับไปแล้ว
“อะไรเหรอ”
“เมื่อเย็นป่วย พอกลางคืนมาทำงานเอาทิป”
“เค้าบอกกริชแล้วพี่ วันนี้เค้าขาดรายได้จากพี่ก็เลยขอมาทำงานตอนกลางคืนแทน”
“ถ้ามันโทรมาพี่จะไม่ให้มันมานะ ให้มันอดตายอยู่บ้านนั่นแหละ เล่นยาเพลินจนลุกมาทำงานตอนเย็นไม่ไหวมั้ง”
“ไม่หรอกพี่”
“กริชยังอ่อนต่อโลกเกินไป คนที่มาทำงานอย่างนี้น่ะ เป็นพวกรักสบายทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ติดหญิงก็ติดยา ไม่งั้นมันจะอยากได้เงินเยอะ ๆ ง่าย ๆ ไปทำไม งานอื่นมีให้ทำเยอะแยะ”
“ตอนแรกพี่ธัญญ่าบอกว่า คนที่มาทำงานนี้อาจจะมีพวกที่จำเป็น มีรายจ่ายที่ต้องรับผิดชอบ มีลูกมีเมีย มีพ่อมีแม่แก่ ๆ อยู่ต่างจังหวัดนี่” ผมเบรก
“มีอะไรกับยุทธหรือเปล่า ทำไมปกป้องมันจัง” พี่ธัญญ่าจ้องหน้าผมเพื่อจับผิด
“ไม่มีอะไร ก็แค่มองต่างมุม”
“เออ พี่อาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย แต่พี่ก็ไม่ชอบคนไม่มีความรับผิดชอบอ่ะ มันทำให้เราเสียโอกาสโปรโมทร้าน แถมกริชยังต้องโดนมองว่าเป็นไอ้ตัวอีก”
“พี่ธัญญ่าไม่ได้บอกยุทธใช่มั้ยว่าให้ไปงานอีเว้นท์นั่นในฐานะอะไร”
“ไม่ได้บอก”
“ถ้าเค้าคิดว่าไปในฐานะเพื่อนกริช หรือไปเป็นบอดี้การ์ด แล้วอยู่ดี ๆ มีคนมาถามราคาเค้า พี่คิดว่าคนที่ไม่เคยขายตัวจะรับได้มั้ยอ่ะ” ผมถามเสียงเรียบ
“ยุทธมาสมัครงานนี้แล้ว เค้าต้องรู้หน้าที่ของเค้า งานของเค้าคือขายบริการ ถ้ามีลูกค้ามาถามราคา แสดงว่าเค้าขายได้ ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของกิจการ เราต้องดีใจสิที่มีคนสนใจสินค้าของเรา”
“วันนี้กริชเหนื่อยจังเลยอ่ะพี่ ขอกลับบ้านก่อนนะ ฝากดูกิจการด้วย” ผมพูดเสียงเรียบเพราะไม่อยากให้พี่เค้าคิดว่าประชด
“อ้าว แล้วคุณตรีล่ะ รอเค้าอีกเดี๋ยวสิ”
“รอให้เค้ามาออฟกริชน่ะเหรอ” ผมพูดพลางเก็บของเข้าลิ้นชัก โดยไม่มองหน้าพี่ธัญญ่าเลย
*
*
...ก่อนจะกลับผมสบตากับยุทธนิดนึง เค้าขมวดคิ้วสงสัยว่าผมถือกระเป๋าเดินเชิดคอตั้งไปไหน ยิ่งดึกถนนนี้ยิ่งคึกคัก เด็กบาร์ทั้งชายหญิงเดินแทบจะชนกันตาย แต่ละคนดูไม่ออกจริง ๆ ว่ามาทำงานแบบนี้เพราะความจำเป็น หรือเพราะอาชีพนี้มันได้เงินง่าย...
“ฮัลโหล” ผมรับสาย
“คุณกริชไปไหนอ่ะครับ” เสียงยุทธก้องเหมือนกำลังป้องปากพูด
“กลับบ้าน”
“รอผมด้วย”
“รอทำไม คุณก็ทำงานไปสิ”
“ผมมาที่นี่เพราะผมอยากอยู่ใกล้ ๆ คุณ ไม่ใช่อยากมาทำงาน”
“....................................”
“เอาอย่างนี้ คุณกลับไปรอที่ห้องก่อนก็ได้ครับ อีกซักพักผมจะตามไป แค่นี้นะครับ พี่ธัญญ่าเดินมาแล้ว”
“เดี๋ยว ยุทธ” ผมร้องเรียก แต่เค้าวางสายไปแล้ว
*
*
...ผมไม่คิดว่ายุทธจะมาจริง ๆ หรอก ป่านนี้เค้าคงรับทิปแลกกับการโดนลูบโดนคลำเพลินไปแล้ว รูปร่างหน้าตามันทำเงินให้เค้าได้จริง ๆ แค่ยิ้มอย่างเดียวเกย์หนุ่มเกย์เฒ่าก็ระทวยแล้ว...
“ฮัลโหล คุณกริช ได้ยินผมมั้ย” ยุทธถามย้ำเมื่อผมรับสายแล้วเงียบไป
“อืม”
“ผมอยู่ข้างล่างคอนโดคุณแล้ว ลงมาหาหน่อยสิครับ”
“ขอโทษนะยุทธ วันนี้ผมเพลีย จะนอนแล้ว” ผมพูดเสียงเบา
“งั้นผมไม่รบกวนครับ พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ”
*
*
…ผมดูนาฬิกาบนผนัง ยุทธคงออกจากบาร์ตามหลังผมมาไม่นาน ตอนนี้ผมอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดย้วย ๆ กางเกงขาสั้น ผมที่สระเป่าแห้งฟูไม่เป็นทรง ใส่แว่นสายตาคู่ใจ หน้าวอกด้วยแป้งเด็กกลิ่นหอมอ่อน ๆ จะให้ผมลงไปเจอยุทธในสภาพแบบนี้น่ะเหรอ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งที่ร้ายแรงที่สุดของป้าธเนศเลยมั้ง...
“ปลอมตัวแบบนี้ผมแทบจะจำไม่ได้เลยนะ” ผมหันขวับไปตามเสียงทัก
“ปลอมตัวอะไรล่ะ นี่แหละน้องกริชตัวจริงเสียงจริง” พี่แม่ค้าขายบะหมี่เกี๊ยวพูดแทนให้
“ทำไมยังไม่นอนอีก”
“ผมหิวอ่ะ และผมก็คิดว่าคุณกริชก็ต้องหิวด้วย เพราะเราทานมื้อเย็นเวลาเดียวกัน” ยุทธพูดยิ้ม ๆ
“อืม ผมทานเสร็จพอดี ขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยวสิครับ นั่งเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ อ้อ แล้วคุณกริชหายเพลียแล้วเหรอ” ยุทธดึงข้อมือผมไว้
“.....................................”
“โกหกผมใช่มั้ยล่ะ วันนี้คุณแปลกไปนะ ไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก อากาศร้อน รถติด งานยุ่ง”
“อืม ผมเองก็คิดถึงบ้านนอก แรก ๆ กรุงเทพฯก็น่าตื่นตาตื่นใจ แต่พออยู่ไปซักพัก ที่นี่วุ่นวายมาก ผมอยากกลับไปพักผ่อนต่างจังหวัดจังเลย”
“อยากไปทะเล” ผมพูดลอย ๆ
“เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นทะเลเลยคุณกริชเชื่อป่าว” ยุทธพูดพลางคีบเส้นบะหมี่กินไปด้วย
“อยากเห็นมั้ยล่ะ”
“อยากเห็นสิครับ”
“งั้นเราไปกันคืนนี้เลย”
“จริงเหรอครับ” ยุทธถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เดี๋ยวเราไปเก็บกระเป๋ากัน ไปคืนนี้กลับเย็นวันมะรืนเลย โอเคป่ะ”
“โอเคครับ” ยุทธพยักหน้ารับแล้วรีบกินก๋วยเตี๋ยวในชามจนหมดภายในสามคำ
*
*
...นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ เป็นครั้งแรกที่ผมฝ่าฝืนคำสั่งของป้าธเนศทุกอย่าง แต่งตัวโทรม ๆ ออกไปกินข้าวข้างถนน คบกับเด็กบาร์ เกเรเรื่องงาน...ผมเริ่มที่จะปีกกล้าขาแข็งเพียงเพราะไม่ชอบการตอบแทนบุญคุณในลักษณะนี้ ผมสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมโดนตราหน้าว่าเป็นผู้ชายขายตัว...ซึ่งถ้ามองกันในแง่ร้ายผมก็เหมือนขายตัวให้ป้าธเนศแหละ เพียงแต่ผมไม่ต้องใช้เซ็กส์แลกทรัพย์สินพวกนี้มา...
“คุณขับรถไหวแน่นะ” ยุทธถามด้วยความเป็นห่วงขณะยัดกระเป่าเสื้อผ้าที่เบาะหลัง
“ไหวสิ ถ้าไม่ไหวก็นอนข้างทาง”
“ผมขับให้ก็ได้นะ”
“..............................” ผมมองหน้ายุทธด้วยความสงสัย
“ผมมีใบขับขี่นะครับ ตอนอยู่บ้านนอกผมก็ขับรถไปเรียน” ยุทธพูดพลางเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบใบขับขี่ให้ผมดู
“ตอนนี้ผมยังไหวอยู่ ไปถึงโน่นก็เช้ามืดพอดี”
“เราจะไปไหนกันเหรอครับ”
“ระยอง”
*
*
...ออกเดินทางตอนกลางคืนถึงจะดูอันตรายไปซักหน่อย แต่ผมกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่อมียุทธอยู่ใกล้ ๆ เค้าจะคอยดูป้าย ดูเส้นทางข้างหน้าให้ เมื่อมีรถสิบล้อขับตาม เค้าก็ให้ผมชะลอเพื่อหลีกทางให้รถใหญ่ไปก่อน เวลาผ่านศาลข้างทางเค้าก็จะยกมือไหว้ตลอด...
“ทำไมคลื่นลูกเล็กจัง ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลย” ยุทธเดินลุยน้ำทะเลตอนเช้า
“เดี๋ยวตอนบ่ายออกมาดูอีกทีสิ”
“ถ้าผมเล่นน้ำตอนนี้จะมีใครว่าผมบ้าหรือเปล่าครับ” ยุทธพูดพลางถอดเสื้อยืดออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัด
“ส่วนมากเค้าก็เล่นตอนเช้าหรือไม่ก็เย็นเลย กลางวันแดดร้อน”
“คุณกริชเล่นน้ำด้วยกันสิครับ”
“ไม่อ่ะ ขอพักก่อน ขับรถนานเมื่อยตัว”
“งั้นฝากเสื้อหน่อยนะครับ” ยุทธยื่นเสื้อให้ผม
...เราเข้าพักในรีสอร์ทส่วนตัวแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองเมื่อช่วงเช้ามืด หลังจากเก็บของเข้าที่ พระอาทิตย์ของฤดูร้อนที่ขึ้นเร็วกว่าปกติก็ส่องแสงสว่างยุทธวิ่งออกมาที่ชายหาดเหมือนเด็ก ๆ ร้องโวยวายเรียกให้ผมดูปูดูปลาที่ว่ายมาบริเวณน้ำตื้น...ผมรู้สึกเมื่อยขาก็เลยขอนั่งที่เก้าอี้ผ้าใบชายหาดในมือมีเสื้อยืดสีซีดของยุทธที่ฝากไว้ ส่วนเจ้าของเสื้อกำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล พอเหนื่อยก็ขึ้นมาคุยกับผมที ภาพผู้ชายร่างสูงผิวขาวตัวเปียกน้ำมายืนหอบใกล้ ๆ ในระดับสายตาของผมที่นั่งอยู่บนเตียงผ้าใบมองขึ้นมา หน้าท้องแบนราบมีกล้ามหกลูกเรียงกันเป็นระเบียบเหมือนจับวางทำให้ผมหายใจติดขัด...
“ถ้าคุณกริชง่วงก็ไปนอนก่อนนะครับ ผมเล่นน้ำอีกแป๊บนึงก็จะขึ้นแล้ว”
“อืม พอแดดออกก็เริ่มแสบตาอ่ะ” ผมตอบกลับพลางลุกขึ้น
“อ่ะ” ยุทธยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อโหนตัวขึ้นจากเก้าอี้
“ขอบคุณ” ผมจับมือยุทธ แต่เค้าดึงผมแรงไปหน่อยไม่รู้ว่าตั้งใจหรือบังเอิญทำให้ผมต้องเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเค้า
“หอมจัง” ยุทธพูดยิ้ม ๆ หลังจากฉวยโอกาสหอมแก้มผมฟอดใหญ่
“ปล่อย” ผมดันตัวออก
“..........................” ยุทธคลายอ้อมแขนออกแล้วมองผมด้วยสีหน้าสลด
“ตัวเปียกอ่ะ” ผมรีบบอก กลัวเค้าเข้าใจผิดคิดว่าผมรังเกียจ
*
*
...ผมแยกกับยุทธมานอนในห้อง ซึ่งรีสอร์ตที่ผมพักเป็นห้องสูทสองห้องนอน ดังนั้นผมไม่ต้องกังวลว่ายุทธจะทำอะไร จริง ๆ แล้วผมป้องกันไม่ให้ตัวเองเผลอตัวเผลอใจมากกว่า...ตื่นมาอีกครั้งในตอนบ่าย เราสองคนก็ตะลอนหาของกินในตัวเมืองระยองซึ่งผมคุ้นเคยจากการมาร่วมกิจกรรมรับน้องสมัยเรียน 4 ปีซ้อน ยุทธเองก็ดูสนุกสนานไปกับทริปนี้ที่ผมพาทัวร์ซะทั่วจังหวัดนี้ซึ่งจะหนักไปทางอาหารทะเล...มันเป็นการพักผ่อนที่ผมเองก็สนุกมากทั้ง ๆ ที่มากันแค่สองคน อาจจะเพราะตอนนี้เราสนิทกันมากกว่าเดิม ระหว่างทางเราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราสองคนชอบและไม่ชอบอะไรที่คล้ายกัน เพียงแต่ชีวิตบ้างช่วงของเราต่างกันราวฟ้ากับเหว...
“บอกตรง ๆ นะ กริชเห็นยุทธครั้งแรกไม่อยากเชื่อเลยว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้จะมา เอ่อ ทำงานบาร์” ผมพูดเสียงเบาท้ายประโยคหลังจากรู้ฐานะที่แท้จริงของครอบครัวเค้า
“ผมเองก็ไม่คิดว่าจะต้องมาสมัครงานแบบนี้หรอกครับ พ่อผมเค้าหวังให้ผมสืบทอดกิจการร้านขายวัสดุก่อสร้าง ผมเองก็เรียนจนจบเพื่อได้ดูแลธุรกิจของครอบครัว แต่ถ้าคุณเป็นคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเล็ก ๆ ที่คนรู้จักกันไปหมดแบบจังหวัดที่ผมอยู่ หน้าตาทางสังคมสำคัญกว่าลูกชายที่เป็นเกย์อย่างผม เค้าจับได้ว่าผมเป็นเกย์ในคืนวันฉลองรับปริญญาของผม คนที่ผมเคยมีอะไรด้วยหลายคนสมัยเรียนมาเจอกันโดยบังเอิญ และก็เกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทในงาน โต๊ะจีนพังไปหลายตัวเลยแหละ” ยุทธพูดขำ ๆ แต่แววตาเค้าดูเศร้ามาก
“รถไฟชนกันอย่างแรง” ผมเสริม
“ครับ รถไฟหลายขบวนด้วย แต่ละคนสุดยอดทั้งนั้น เดินเข้างานมาดูแมนมาก พอเจอโจทก์เท่านั้นแหละ สาวสนั่นด่ากันดังลั่นงานเลยครับ”
“แล้วพ่อกับแม่ยุทธอ่ะ เค้าว่ายังไงมั่ง”
“โห เค้าก็เป็นลมคาโต๊ะเลยสิครับ ใครจะไปคิดว่าลูกชายจะมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันได้ คนแก่ต่างจังหวัดก็อย่างนี้แหละครับ”
“คุณก็เลยหนีมากรุงเทพฯคนเดียว”
“ผมโดนไล่ต่างหาก เค้าด่าเหมือนผมไม่ใช่ลูก ด่าเช่าด่าเย็น จนผมทนไม่ไหวก็เลยทะเลาะกัน แล้วเค้าก็ไล่ผมออกจากบ้าน”
“คุณไม่เคยมากรุงเทพฯแล้วทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
“มีคนบอกว่ากรุงเทพฯมันมีโอกาสในการทำงานเยอะ และผมก็อยากมาที่นี่ตั้งแต่เด็กแล้ว แต่พ่อแม่ผมเค้าไม่เคยพามา เค้ากลัวผมใจแตก ผมเองก็ไม่มีปัญญามาเองด้วยเพราะต้องช่วยที่บ้านทำงานตลอด”
“อืม แต่ละคนก็มีปัญหาต่างกันเนอะ”
“คุณเองก็มีปัญหา ผมเห็นคุณครั้งแรกผมก็รู้แล้วว่าคุณไม่ชอบทำงานที่นั่นทั้ง ๆ ที่มันเป็นงานที่เกย์เยอะแยะอยากจะทำ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ตั้งแต่ผมเดินเข้าไปในซอยประตูชัย ทุกสายตามองผมด้วยความหื่นกระหาย แต่คุณเป็นคนแรกและคนเดียวที่มองผมแบบสงสารและเห็นใจ คุณมีโอกาสที่จะมีเซ็กส์กับผมในห้องทำงานโดยชอบธรรม แต่คุณก็ปฏิเสธ”
“กริชไม่ชอบมีอะไรกับคนแปลกหน้า”
“คุณไม่เคยมีอะไรกับใครเลยต่างหาก” ยุทธค้าน
“รู้ได้ยังไง” ผมอายจนหน้าชา
“อย่าลืมสิว่าผมมีประสบการณ์ด้านนี้เยอะ”
“อืม ก็เลยใช้ประสบการณ์ด้านนี้มาหางานที่เหมาะสมกับความเชี่ยวชาญ” ผมกัด
“วันที่คุณบอกว่าผมจะโดนตราหน้าว่าเป็นผู้ชายขายน้ำไปตลอดชีวิต มันทำให้ผมคิดได้ว่าไม่ควรเอาอนาคตของตัวเองไปทำลายแบบนั้น”
“หมายความว่าคุณจะไม่ทำงานที่บาร์แล้วใช่มั้ย” ผมถามด้วยความดีใจ
“ผมขอทำหน้าที่เสิร์ฟอย่างเดียวดีกว่าครับ ได้เงินน้อยหน่อยแต่ก็น่าจะพอเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้”
“ถ้าคุณต้องการวุฒิ คุณไปขอคัดลอกเอาก็ได้”
“ผมคิดว่าจะให้น้องชายไปซีร็อกซ์แล้วส่งเป็นอีเอ็มเอสมาให้ แต่ผมไม่อยากให้พ่อแม่รู้ที่อยู่ของผมที่นี่อ่ะครับ”
“ส่งมาที่คอนโดผมก็ได้”
“นั่นแหละครับที่ผมกำลังจะขออนุญาต”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน”
“ช่วยรับรักผมได้มั้ยล่ะ” ยุทธหยอดทีเผลอ
*
*
...ผมทำเป็นไม่ได้ยิน ลุกขึ้นพายุทธเดินไปที่เรือตังเกที่ผมจ้างไว้ไปตกปลาหมึกซึ่งเป็นกิจกรรมที่ยุทธน่าจะชอบ ซึ่งเค้าดูจะตื่นเต้นมาก ๆ กับการเดินทางโดยเรือแบบนี้...
“มันไม่อันตรายแน่นะคุณกริช ออกเรือกลางคืนแบบนี้อ่ะ” ยุทธกระซิบถามเมื่อเรือแล่นออกมาได้ซักพัก
“ตกปลาหมึกเค้าก็ต้องมาตอนกลางคืนสิ”
“ไปไกลมั้ยครับ”
“ก็ไกลอยู่นะ ต้องไปที่น้ำลึก ๆ อ่ะ”
“ผมเวียนหัวจังเลย” ยุทธพูดเสียงเบา
“สงสัยจะเมาเรือ นอนพักก่อนก็ได้ เดี๋ยวถึงแล้วปลุก”
“ครับ” ยุทธรับคำก่อนจะล้มตัวลงนอนเอาหัวหนุนตักผม
“เอ่อ” ผมอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
“ถ้ากริชเมื่อยก็บอกนะครับ” ยุทธพูดแล้วยิ้มให้
“อืม”
“คุณกริชตอนเป็นธรรมชาติอย่างนี้น่ารักกว่าตอนอยู่ที่บาร์อีก”
“ผมโดนบังคับ”
*
*
...ยุทธนอนฟังผมเล่าเรื่องของผมไปเรื่อย ๆ มีออกความเห็นบ้าง อาการเมาเรือของเค้าดูเหมือนจะหายไปจนถึงบริเวณที่เราจะตกปลาหมึกกันแล้ว เมื่อเรือจอดอยู่กับที่ ผมกับยุทธก็ออกมายืนดูเค้าเปิดไปส่องลงไปที่ทะเล แล้วเจ้าของเรือก็เอาเบ็ดมาให้เราคนละอันเพื่อหย่อนลงไปในทะเล...
“ผมเคยแต่ตกปลาที่คลองแถวบ้าน ไม่คิดว่าจะได้มาตกปลาหมึกอย่างนี้นะ”
“เดี๋ยวพอตกเสร็จทางเรือเค้าก็จะทำอาหารให้เรากินเลย”
“โห มีอย่างนี้ด้วย”
“ใช่ ตอนกริชมารับน้องที่นี่ก็มาตกปลาหมึกทุกครั้ง ยุทธลองกินแล้วจะรู้ว่าของสด ๆ มันอร่อยกว่าที่ขายในตลาดเยอะ”
“ครับ”
*
*
...เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วเสมอ...ในที่สุดเรือก็กลับเข้าฝั่ง เราสองคนเดินกลับมาขึ้นรถท่ามกลางเสียงคุยโม้ของยุทธที่คุยแต่เรื่องบนเรือไม่หยุด ส่วนผมก็ได้แต่หัวเราะไปกับมุขตลกของเค้า ตั้งแต่เรียนจบมาก็เพิ่งจะมีวันนี้ที่ผมสามารถหัวเราะได้อย่างมีความสุขจริง ๆ...
**************************************************************************************************
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะครับ โปรเจคใกล้จะปิดแล้ว เหลืออีก 2 ตอนก็จะจบตามวงจรชีวิตที่แสนสั้นของผีเสื้อ ตอนต่อไปจะเป็นยังไง เร็ว ๆ นี้เจอกันนะครับ
MonarcH