ตอนที่ ๗
“ทำไมเพิ่งกลับเจ ไปไหนมา”
มกุฏโกเมนกลับถึงบ้านตอนสี่โมงเย็นของวันรุ่งขึ้น เขาดูซีดเซียวไม่มีเรี่ยวแรง
“ค้างบ้านเพื่อนน่ะพี่”
“อะไรกันทำไมไม่โทรฯมาบอก ม้าเป็นห่วงนะรู้ไหม”
“โทษทีพี่ ผมลืม”
“เจ ทำไมเหลวไหลแบบนี้ คราวหน้าพี่ไม่ให้ไปอีกนะ”
“ครับพี่ ผมไปนอนก่อนนะเพลีย”
“เจ”
มณีอารียาร้องตามหลังของชายหนุ่มแต่เขาไม่สนใจที่จะฟังเดินขึ้นชั้นบนเข้าห้องไป มณีอารียาครุ่นคิดมากกว่าเดิม
“ทาน เรื่องงานแต่งน่ะค่ะ ตกลงว่าจะเอายังไง นี่เราสองคนยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
มณีอารียานัดเจอกับธรรมทานในวันต่อมาเพราะมารดาของเธอเร่งเร้า
“เอ่อ เดี๋ยวทานต้องปรึกษากับพ่อก่อนนะเมย์ เมย์รีบเหรอ”
“รีบ ทานทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ เมย์เนี่ยเหรอจะรีบ ที่นัดทานมาคุยเพราะหมั้นไว้นานแล้วนะคะ ฝ่ายม้าของเมย์เองไม่สบายใจ”
“อ้อครับเมย์ บอกคุณแม่ได้เลยนะว่าอย่าห่วง ผมแต่งแน่ๆ”
“หึ ค่ะ”
หัวเราะออกมาจากลำคอ นี่น่ะหรือผู้ชายคนที่จะใช้ชีวิตด้วย เป็นแบบนี้หรอกหรือ
“เจ ขอบคุณนะครับที่มา พี่ดีใจมากเลยนะที่เจยอมมาเจอพี่”
เทียนบุญพยายามติดต่อกับมกุฏโกเมนทุกช่องทาง ตอนแรกเขาไม่ยอมรับโทรศัพท์ แต่คนอย่างเทียนบุญไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เข่าส่งข้อความไปนับครั้งไม่ถ้วน จนชายหนุ่มใจอ่อน
“มีไรพี่”
“พี่คิดถึงเจน่ะ อยากเจอ”
“อย่าเจอกันอีกเลยดีกว่าพี่ เรื่องวันนั้นถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”
เขาพูดออกมาไม่สบตา เทียนบุญรู้สึกแปลบปลาบในใจอย่างประหลาด
“ครับพี่เข้าใจ ถ้านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน ก็ไม่เป็นไรครับ”
เสียงที่เปล่งออกไปมันละห้อยเสียจนอีกฝ่ายหันกลับมามอง
“เอ่อ คือผม”
“ไม่เป็นไรครับ พี่เข้าใจดี เรามีโลกของเรา พี่ก็มีโลกของพี่ แค่อยากเจอและบอกว่าพี่ชอบเรานะเจ”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกพี่ ผมเป็นผู้ชาย ผมมีแฟนแล้ว มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้”
“ครับ”
เทียนบุญเม้มปากแน่น มกุฏโกเมนเองก็เหมือนกำลังคิด
“คืนนั้นพี่มีความสุขมากที่สุด อยากให้เจรู้ไว้นะครับ”
น้ำตาไหลออกมา คราวนี้เหมือนว่าเขาไมได้แกล้งทำ มันรู้สึกสะเทือนใจจริงๆ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยสัมผัสหรือรับรู้กับคำว่าอกหัก ใจ้ร้าว ไม่เคย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะเป็นคนไปเองตลอด
“พี่”
มกุฏโมเนเองก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตา ถามว่าชอบไหม ไม่เลย ผู้ชายทั้งแท่งมีแฟนสาวสวยสะพรั่งอย่างเขาไม่มีทางจะมาชอบเพศเดียวกัน แต่ถามว่าเรื่องบนเตียงล่ะชอบไหม ตอบได้เลยว่ามาก มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่เขาไม่เคยลอง
“พี่ขอโทษนะครับเจ ที่ทำให้เราแปดเปื้อน พี่มันไม่ดีเอง พี่ขอโทษ”
ร่ำไห้ออกมาร่างทรุดลงนั่งกับพื้นห้อง มกุฏโกเมนต้องนั่งลงประคองร่างของเทียนบุญไว้
“ผมไม่รู้”
เขาตอบออกมาเสียงสั่นๆ เทียนบุญกอดเขาไว้แน่น
“ให้พี่เจอบ้างได้ไหมเจ เจอกันบ้าง ไม่ต้องบ่อย แค่อยากเจอ ถ้าไม่เจอพี่คงเสียใจมาก”
คร่ำครวญเหมือนคนปวดใจ มันเป็นเช่นนั้นจริงแต่ท่าทางที่แสดงออกมามันเจ็บปวดแค่เพียงกึ่งหนึ่ง ที่เหลือคือจริตมารยา ก็จะเอาบอกแล้ว จะเอาต้องได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ
“เอ่อ ไม่”
“เจ”
เทียนบุญโน้มคอของเขาลงหาประกบปากสอดลิ้นเข้าไปทันที เขาเองขัดขืนในตอนแรกแต่ไม่มีเพียงแต่ลิ้นที่ทำงาน เทียนบุญใช้มือทั้งสองข้างของเขาถลกเสื้อเชิ้ตของเขาขึ้น ปากเปลี่ยนเป้าหมายลงมาที่ยอดอก
“อ่า พี่ไม่”
“เจ พี่คิดถึงเจเหลือเกิน”
ลีลาระรัวละเลงลิ้นของเทียนบุญไม่ได้น้อยหน้าใคร จากยอดอกซ้ายไปขวา ตวัดปลายลิ้นใช้ฟันขบเบาๆที่ปลายของส่วนยอด
“อะพี่”
เทียนบุญจับแขนของเขายกขึ้นทั้งที่เสื้อยังติดอยู่ที่คอ เขาซุกหน้าเข้าไปในรักแน้ของชายหนุ่มตวัดปลายลิ้นเช่นกัน ไม่ได้รังเกียจ ร่างของมกุฏโกเมนอ่อนระทวย นอนราบลงกับพื้นในทันที ก่อนที่เขาจะได้สติหรือมีส่วนดีของมโนจิตมาฉุดรั้งเทียนบุญเลื้อยลงต่ำแกะกระดุมกางเกงยีนส์ออกโดยเร็ว ฉกลิ้นซอกซอนตามขอบกางเกงชั้นใน แก่นกายนั้นตื่นตัวแล้ว ลิ้นที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายอุ่นๆทำให้ชายหนุ่มเกร็งตัว ทันทีที่กางเกงชั้นในถูกร่นลงมาที่หน้าขาปากของเทียนบุญก็ครอบลำนั้นไว้จนมิดแล้ว ไม่มีทางอื่นแล้ว นอกจากปล่อยให้มันเลยตามเลย จิตวิญญาณของชายหนุ่มถึงดึงขึ้นสูงละลิ่ว เหมือนปุยนุ่นต้องลมแรงปลิวขึ้นสูงสู่ชั้นฟ้าหิมาลัย
“อ่า มะ ไม่ไหวแล้ว พี่”
ร่างของมกุฏโกเมนเกร็งเขาเอามือจะดึงหัวของเทียนบุญออกจากหว่างขา ปากของเทียนบุญยังรูดครอบอยู่กับแก่นกายของเขา
“ไม่เป็นไร พี่รักเจนะ พี่รักเจ ปล่อยมาเลย ปล่อยเลย”
ดึงปากออกมาจากท่อนลำแล้วจ่อไว้ตรงปลายร้องบอกออกมาก่อนจะครอบลงไปอีกครั้งร่างของชายหนุ่มเกร็งกระตุก
“โป้ง เมย์คิดว่าเมย์ยอมแพ้กะเทยคนนั้นแล้วล่ะ เมย์ไม่อยากจะสู้แล้ว”
มณีอารียาเอ่ยขึ้นเสียงนิ่งราบเรียบ
“หา หมายความว่ายังไงเมย์ นี่เมย์”
“เมย์ยอมแพ้แล้ว ถ้าเขาอยากได้ทานมากนักเมย์ก็จะยอม”
“เมย์ เราดีใจที่สุดเลยนะที่เมย์คิดแบบนี้ รู้ไหมเราดีใจที่สุด”
“แหมนะโป้ง ทำไมดีใจออกหน้าออกตาขนาดนั้น แทนที่จะเห็นใจเมย์นะที่เป็นฝ่ายแพ้”
“เมย์ ใครบอกเมย์แพ้ เราว่าเมย์ทำถูกแล้วนะที่ปล่อยเขาไป เขาไม่เหมาะกับเมย์หรอกน่า”
“แหมแล้วใครจะเหมาะล่ะโป้ง”
“เมย์ ไม่เคยมองเราบ้างเลยเหรอ”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเสียงหวานสายตาที่ส่งมอบให้มันเต็มไปด้วยความหวัง
“โป้ง มองสิ ก็นี่ไงเมย์มองอยู่นี่ไง”
“ไม่ใช่ เคยมองเราบ้างไหม นอกจากคำว่าเพื่อน”
“โป้ง รอก่อนนะ ให้เมย์จัดการทุกอย่างให้สำเร็จก่อน”
มณีอารียายิ้มหวานให้เขา รอยยิ้มที่ไม่มีอะเคลือบแฝง
“เจ พี่รักเจนะ”
ร่างเปล่าเปลือยของทั้งคู่นอนก่ายกอดกันอยู่บนเตียงนอนของคอนโดฯของเทียนบุญ สองรอบแล้ว มกุฏโกเมนเองไม่ได้ขัดขืน เขาเต็มใจให้เทียนบุญทำในอย่างที่เขาอยากจะทำ
“อย่าพูดเลยพี่”
“ครับ พี่แค่อยากให้รู้ไว้”
“เราเพิ่งจะเจอกันเองนะ”
“รักแรกพบ นึกว่ามันจะมีแต่ในนิยาย”
“หึหึ”
มกุฏโกเมนหัวเราะออกมาจากลำคอ เขาคิดไม่ออกว่าต่อจากนี้จะทำอะไรต่อ หรือมันจะเป็นไปในรูปแบบไหน แต่ตอนนี้มือของเทียนบุญกำลังลูบตามเนื้อตัวของเขาอยู่
“อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จังนะ”
เทียนบุญครางออกมาแล้วไซร้ตามสีข้างของชายหนุ่ม ร่างกายที่เบียดกันแน่นไม่ยอมห่างทำให้อารมณ์ที่เพิ่งจะมอดดับคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เทียนบุญเองมีผิวพรรณที่ไม่ได้เลวร้ายอะไร ขาวสะอาดผิวละเอียดเสมอกัน เวลาสัมผัสไปแล้วก็นุ่มมือเหมือนสัมผัสผ้าไหมงามก็ไม่ปาน จึงไม่แปลกที่มกุฏโกเมนจะยอมให้เขาทำอะไรก็ได้ตามใจ ปากพรมจูบไปทั่วเรือนร่างจากหน้าอกเลื้อยลงผ่านหน้าท้อง วนลิ้นรอบสะดือ ชายหนุ่มดิ้นครางออกมา ชิวหานั้นช่างซุกซนนัก มันตวัดวนเบาบ้างหนักบ้างไล่ลงมา ข้ามตรงจุดสำคัญไป เลื่อนลงมาตามหน้าขา หัวเข่า เทียนบุญเอาลิ้นดุนหัวเข่าของเขาขบกัดเบาๆ พรมจูบลงมาเรื่อยๆจนถึงปลายเท้า
“พี่อย่า มันสกปรก”
เขาร้องปรามขึ้นผงกหัวขึ้นมาจะชักเท้ากลับ
“พี่รักของพี่ ต่อให้สกปรกกว่านี้ก็จะทำ นะครับเจ”
เทียนบุญอ้อนวอนด้วยสายตา ยิ้มหวานให้เขา ชายหนุ่มถอนหายใจ ตัวเริ่มเกร็งเพราะตอนนั้นที่เขาทำ น้ำเมามันยึดครองสติจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก แต่ตอนนี้สติมันอยู่เต็มร้อย ขัดเขินขึ้นมา แต่เทียนบุญไม่หยุด ปลายลิ้นยังตวัดตามหัวนิ้วแม่เท้าขบกัดอยู่อย่างไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย
“อา พี่”
เขาดิ้นอีกครั้ง เทียนบุญขัยบตัวขึ้นไปก้มหน้าลงตรงหว่างขาของเขา ปลายลิ้นตวัดพวงสวรรค์นั้นบางเบาให้สัมผัสมันอ่อนละมุนมากที่สุด ชายหนุ่มเกร็งตัวขึ้นมามือกดหัวของเทียนบุญไว้แน่น เทียนบุญรุกไล่เร็วขึ้น ปากและลิ้นสัมพันธ์สอดคล้องกัน
“ลองท่านี้ไหมเจ”
เทียนบุญเห็นว่ามันปริ่มเต้มที่แล้วเขาจึงเอ่ยขึ้น มกุฏโกเมนมองท่าทางของเทียนบุญแล้วเม้มปาก เทียนบุญทำท่าคลานเข่า มกุฏโกเมนก็ลุกขึ้นนั่ง เทียนบุญไม่รอให้เขาจัดแจงท่าทางอันใดทั้งนั้น ใจร้อน ไม่ไหวจะทน เขาแหวกขาออกให้กว้างแล้วดันบั้นท้ายให้ประชิดติดกับแก่นกายของเขา
“อ่า”
เขาและเทียนบุญครางออกมาพร้อมๆกัน
“พี่รักเจนะครับ อ่า”
เทียนบุญเห็นเขาขยับเชื่องช้าจึงเป็นคนดำเนินการเอง ซึ่งนั่นมันก็สร้างความพึงพอใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก มากเสียจนมันปริ่มมันล้นออกมา
“เทียนทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยว่างเลย งานก็ไม่ได้ทำแล้วำม่ใช่เหรอ มาเจอทานหน่อยสิ ทานเหงา”
ธรรมทานเองก็มัวแต่จัดการเรื่องงานของตน เกือบเดือนแล้วที่เขาไมได้เจอหน้าเทียนบุญ และเกือบเดือนแล้วที่ความสัมพันธ์ของเทียนบุญกับมกุฏโกเมนเป็นไปอย่างรวดเร็วไม่มีใครรู้ เทียนบุญมีความสุขขึ้นมาก เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเขา มองมุมต่างแล้วทำให้บางอย่างในใจเปลี่ยนไป ความรักที่เขาคิดว่าเขามีให้กับธรรมทานตอนนี้เขาให้คำตอบกับตัวเองแล้วว่า มันเป็นเพียงความต้องการ ความใคร่อยาก หวงไว้ แต่รักไหม น่าจะมีบ้างแต่ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่มีกับมกุฏโกเมน จากที่เจอกันบ้างบางวัน แต่เดี่ยวนี้เจอกันทุกวัน วันละครั้งสองครั้ง เติมรักให้กันจนเปี่ยมจนล้น
“เทียนไม่ว่างนี่ทาน มีอะไรเหรอ”
“ทำไมทำเสียงห่างเหินแบบนั้นล่ะเทียน ทานคิดถึงเทียนนะ”
“ทาน แล้วแม่คู่หมั้นของทานล่ะ ไม่นัดเจอล่ะ เทียนคิดแล้วนะว่าเทียนคงไม่ทำบาปแล้วล่ะ”
“เทียน ทานบอกเทียนไปแล้วนะว่ามันเป็นแค่ธุรกิจ”
“นี่ทาน ผู้ชายน่ะเขาไม่พูดแบบนี้หรอกนะ ธุรกิจของทานแต่มันหลอกผู้หญิงคนหนึ่งเลยนะ ไม่หลัวบาปเหรอ”
ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นคำพูดของเทียนบุญ ชายคนที่เขารู้จักมาหลายปี ไม่อยากจะเชื่อ ธรรมทานอึ้งเงียบไป
“เทียน นี่เทียนอย่าบอกนะ”
“ไม่หรอกทาน แค่ได้อยู่กับตัวเองเยอะขึ้น มันก็มีเวลาคิดมากขึ้นน่ะ ทานอยากเจอเทียนเหรอ”
“ใช่ ทานอยากเจอเทียนมาก ให้ทานไปหานะ”
“ไม่ต้องหรอกทาน เดี๋ยวเทียนไปหาทานเอง ที่ไหนล่ะ”
ธรรมทานบอกสถานที่ออกมา
“ไม่อยากไปเจอที่โรงแรม เจอกันที่ร้านอาหารนะ ที่เดิม”
เทียนบุญวางสายไปแล้ว สายตามองจ้องอยู่ทีโทรศัพท์
“ผู้ชายอย่างทานน่ะ ให้อีนั่นไปเถอะ ไม่เหมาะกับเทียนหรอกนะ”
แสยะยิ้มออกมาแล้วเดินลงไปร่วมโต๊ะทานข้าวเย็นกับที่บ้าน คุณเทียนทิพย์นั่งอยู่หัวโต๊ะ มีปาริฉัตรนั่งอยู่ข้างๆ และทินกรที่พอเห็นว่าใครเดินลงมาจากชั้นบนก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งเฉยทันที
“รอนานแล้วนะเทียน”
คุณเทียนทิพย์เอ่ยขึ้น ปาริฉัตรเอามือแตะที่แขนของเขา เพราะรู้ว่าเทียนบุญคงจะไม่พอใจ
“โทษทีพ่อ เทียนคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่น่ะ ไม่กินกันก่อนเลยล่ะ เทียนกินเมื่อไหร่ก็ได้”
คำพูดของเทียนบุญทำให้คุณเทียนทิพย์ตาโตมองหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“เรื่องเรียนน่ะ พ่ออนุญาตนะแม็ค”
“คุณคะ อย่าไปตามใจลูกแบบนั้นสิคะ เรียนอินเตอร์มันแพงนะ”
พอทานข้าวไปสักพัก สองสามีภรรยาก็เอ่ยขึ้น ทินกรก้มหน้าเงียบร้อนๆหนาวๆว่าใครอีกคนจะแว้ดเสียงขึ้น
“เอาน่า ผมอยากให้ลูกได้เรียนอินเตอร์”
“อะไรพ่อ เรียนอะไรนะ”
เสียงสูงขึ้นอย่างที่คิด ปาริฉัตรหน้าซีดลง คุณเทียนทิพย์หันมาทางเทียนบุญ
“น้องเขาอยากเรียนอินเตอร์น่ะ พ่อโอเค”
“อะไรกันพ่อ ไม่ได้นะ จะเรียนทำไมอินเตอร์ ไร้สาระ”
เทียนบุญจ้องไปที่ทินกรซึ่งก้มหน้าจนมองเห็นแต่หัว
“เทียน นี่มันเงินพ่อนะ พ่อมีสิทธิ์ ไม่ใช่เรื่องของเทียน”
“ไม่ใช่เรื่องของเทียนแล้วมาเล่าบนโต๊ะอารทำไมล่ะพ่อ เทียนมีสมองนะ ไม่ใช่ปูนปั้นที่จะฟังแล้วไม่คิดตาม”
“เอ๊ะ แกนี่ยังไง ทีแกพ่อยังส่งไปเรียนได้ แล้วน้องอยากเรียนอินเตอร์แค่นี้ทำไมจะไม่ได้”
“พ่อ จะเรียนทำไมล่ะอินเตอร์เปลืองเงินเปล่าๆ ถ้าจะเสียเงินแล้ว ทำไมไม่ให้มันไปเรียนอังกฤษหรือไม่ก็แคนาดาล่ะพ่อ เรียนอะไรอินเตอร์จะอินเตอร์เหมือนเขาจริงหรือเปล่าล่ะ”
“เทียน”
ทั้งสามคนอ้าปากค้าง คุณเทียนทิพย์เองตาโตมองลุกชายของตนไม่อยากจะเชื่อ ส่วนปาริฉัตรและทินกรเหมือนได้ยินไม่ชัด จ้องมองเทียนบุญอ้าปากค้าง
“อะไร มองเทียนแบบนั้นทำไม”
“นี่แกโอเคไหมเทียน พ่องงไปหมดแล้ว”
“งงอะไรพ่อ ไม่เอาแล้วไม่กินแล้ว เดี๋ยวเทียนจะออกไปข้างนอกนะ”
เทียนบุญลุกจากโต๊ะไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความสับสนงุนงงให้กับคนทั้งสาม