The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The rainbow project เรื่องสั้น 7 เรื่อง 7 คนเขียน (อัพให้ใหม่ง่ายกว่าทำลิ้งค์)  (อ่าน 265187 ครั้ง)

nubuggy

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วแอบยิ้ม.....................


ขอบคุณ นักเขียนนะครับ


 :o12: งะ นึกว่า น้องอเล็กซื จะมีแพื่อน....


yunjaelover

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1471 เมื่อ05-06-2011 23:05:34 »

เพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมชื่อเรื่อง butterfly  ถ้ามีทางเลือกอื่น ที่ดีกว่า ก็ควรไปทางนั้นเนอะ เฮ้อ

ถ้ายุทธมีเชื้อบวกจริง กริชก็โชคดีมากๆ เลย แต่ว่าที่ยุทธเล่ามาเนี่ย เริ่มไม่มั่นใจแหละ ว่าเรื่องจริง หรือ โกหก
:pig4:

PrinceTae

  • บุคคลทั่วไป

เล่ห์ร้าย
ตอนจบ

ลลิตรู้สึกว่าตนเองใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานมาก ทั้งอาบน้ำ สระผม เป่าผมจนแห้ง จัดขวดครีมอาบน้ำที่ชั้นวาง จนไม่รู้จะทำอะไรต่อดีแล้ว จึงค่อยๆ เดินย่องมาเปิดประตูเบาๆ แง้มออกดูความเคลื่อนไหวภายนอก ก็พบแต่ความเงียบสนิทเลยเปิดประตูให้กว้างขึ้น แล้วเดินออกมาช้าๆ มองไปที่เตียงก็เห็นวิธวินท์นอนสงบนิ่ง เสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ชายหนุ่มก็ยังนอนนิ่ง
เด็กชายจึงตัดสินใจหยิบลูกกุญแจมือจากโต๊ะหัวเตียงมาไขปลดล็อคให้กับวิธวินท์ เพื่อชายหนุ่มจะได้นอนในท่าที่สบายยิ่งขึ้น
แต่เมื่อได้เป็นอิสระ ชายหนุ่มที่นอนนิ่งก็ลืมตาโพลง มือทั้งสองรวบข้อมือเล็กเอาไว้ แล้วดันร่างเล็กให้นอนลงอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ!!!” ลลิตอุทานออกมาอย่างตกใจที่อยู่ๆ ก็ถูกรวบร่างเข้าไปกดแน่นกับเตียง เด็กชายดิ้นด้วยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างดึงเอวบางเข้ามากอดแนบลำตัวเปล่าเปลือยของตน
“ปล่อย ปล่อยฉัน” ร่างเล็กร้องออกมาพยายามดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนแกร่งที่รัดอยู่รอบเอว ขาเรียวที่ดิ้นไปมาอยู่บนเตียงถูกชายหนุ่มใช้ท่อนขากดเอาไว้จนขยับไม่ได้
“คุณหนูอยู่เฉยๆ นะครับ” วิธวินท์กัดฟันพูดอย่างพยายามอดกลั้น ใบหน้าของชายหนุ่มซบอยู่กับกลุ่มผมหอมข้างขมับของเด็กชาย
“ผมขอแค่กอดอย่างเดียว” ชายหนุ่มกัดฟันพูดต่อด้วยเสียงปนหอบ ร่างเล็กจึงหยุดดิ้น แต่ก็ยังควบคุมร่างกายให้หยุดสั่นไม่ได้เพราะยังตกใจอยู่ เมื่อวิธวินท์รู้สึกว่าลลิตหยุดดิ้นแล้วจึงปล่อยมือเล็กออก เปลี่ยนเป็นใช้มือมาโอบช่วงไหล่ให้แนบกับอกเขามากขึ้น แม้แขนของเด็กชายจะได้รับอิสระแล้ว แต่ก็ไม่สามารถขยับไปไหนได้ ทำได้แค่ยกแขนโอบกอดศีรษะได้รูปของชายหนุ่มเอาไว้ พลางลูบที่ผมชื้นเหงื่อเบาๆ
“กอดแน่นจัง ฉันหายใจไม่ออก” เด็กชายพูดเบาๆ เมื่อแรงรัดจากชายหนุ่มเริ่มมากขึ้น วิธวินท์ถึงได้รู้สึกตัว คลายอ้อมกอดออกนิดหน่อย แต่หน้ายังซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอหอมๆ อย่างหยุดไม่ได้
“ขอแค่กอดนะครับ ไม่ต้องกลัวผมนะครับ” ชายหนุ่มพูดปลอบเสียงหอบๆ ให้เด็กชายสบายใจ พยายามอดทนกับความต้องการของอารมณ์ดิบที่ถูกกระตุ้นจากฤทธิ์ยาอีกละรอกแม้จะเบากว่าเมื่อสักครู่แต่ก็ทำให้เขาปวดที่กลางกายอยู่ดี
ลลิตพยักหน้าตอบรับ เอียงคอหนีการซุกไซ้ของชายหนุ่มแต่ก็ไม่สามารถหลบได้มากมายนักเพราะติดอยู่ที่วงแขนที่ยังกอดเอาไว้ เด็กชายขยับตัวให้อยู่ในท่าทางที่สบายยิ่งขึ้นในอ้อมกอดของวิธวินท์ที่มือก็ยังอยู่ไม่ค่อยสุขลูบวนๆ ไปจนทั่วแผ่นหลัง ขาก็ก่ายแทรกเข้ามาระหว่างขาของร่างเล็ก จนทำให้ลลิตรู้สึกถึงความแข็งและร้อนที่กดแนบอยู่กับหน้าขาทะลุผ่านกางเกงนอนเนื้อนิ่มเข้ามา
“บะ บรูโน่ ตรงนั้น” เด็กชายพูดตะกุกตะกักรู้สึกเขินอายกับสัมผัสร้อนที่ได้รับ
“อย่าสนใจมันครับคุณหนู อืออ” ชายหนุ่มตอบมาเสียงแหบพร่า จมูกกดอยู่ที่แอ่งชีพจรที่เต้นถี่รัวของเด็กชาย
“ตะ แต่ว่า มัน เอ่อ... มัน” เด็กชายนอนตัวแข็งไม่กล้าขยับ พูดเสียงสั่น
“อย่ากลัวนะครับ อืออ” ชายหนุ่มกัดฟันอดทนพยายามเอ่ยปลอบเด็กชายเบาๆ แต่ส่วนนั้นของเขาก็ไม่ได้ลดความร้อนรุ่มลงเลย
“ฉันช่วยเอามั้ย” เด็กชายกลั้นใจถามออกไปเสียงสั่น ชายหนุ่มตกใจสะดุดหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่ววินาที แล้วสวมกอดร่างเล็กแน่นขึ้น
“ไม่ครับ” วิธวินท์ตอบออกไปเสียงเบา แม้ในใจนั้นอยากจะปลดปล่อย แต่เขาไม่อาจจะล่วงเกินคุณหนูไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาต้องอดทนให้มันผ่านไปให้ได้
“ทำไมล่ะ เมื่อกี้ฉันก็ยัง...” เสียงเด็กชายหายเข้าไปในลำคอเพราะความขัดเขินเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้
“ไม่แล้วครับ ผมจะอดทนให้ได้”
“เพราะอะไรล่ะ เพราะฉันเป็นผู้ชายใช่มั้ย” เด็กชายถามขึ้น แต่กลับได้รับความเงียบเป็นคำตอบ
“เพราะฉันไม่สวย ไม่มีหน้าอกเหมือนผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย” เด็กชายร้องถามต่อด้วยเสียงรัว มือเล็กพยายามดันไหล่ชายหนุ่มให้ออกไปพ้นๆ
“ไม่ใช่นะครับ อืออ” ชายหนุ่มพยายามตอบ แต่ร่างเล็กที่ดิ้นไปมาเสียดสีกับร่างกายที่ไวต่อความรู้สึกเป็นเท่าตัวของเขาทำให้เปล่งเสียงได้ลำบากเหลือเกิน จึงต้องเพิ่มแรงกดร่างเล็กเอาไว้ให้หยุดดิ้น
“แล้วทำไมล่ะ ทำไมๆๆๆ” ลลิตยังไม่หยุดดิ้น ปากก็ร้องถามเสียงดังแสดงความไม่พอใจ
“ผม ไม่ อืออ”
“ปล่อยฉันๆๆๆๆ” เด็กชายตะโกนออกมาซ้ำๆ ด้วยความขัดใจ ในสมองประมวลผลไปเรียบร้อยแล้วว่าชายหนุ่มไม่ได้ต้องการตนเอง ขนาดร่างกายบังคับให้เป็นแบบนี้แล้วแต่ก็ยังปฏิเสธ ความรู้สึกเสียใจและน้อยใจทำให้ร่างเล็กทั้งดิ้นทั้งถีบขาให้หลุดจากการกอดรัดของวิธวินท์
“คุณหนูครับ อืออ ไม่ใช่นะครับ ผม...” ชายหนุ่มพลิกร่างขึ้นคร่อมเด็กชายเอาไว้ แต่ร่างเล็กไม่สนใจรัวมือทั้งทุบทั้งดันร่างใหญ่กว่าให้พ้นทาง
“ปล่อยๆๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้” ลลิตหลับหูหลับตาร้องไม่หยุด วิธวินท์จึงใช้มือทั้งสองประคองหน้าเล็กเอาไว้ แล้วกดปากลงจูบแนบแน่น ลิ้นร้อนสอดเข้าไปในกลีบปากนุ่มสีชมพูอิ่ม ร่างเล็กชะงักหยุดดิ้นแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดตักตวงความหอมหวานจากเด็กชาย จนกระทั่งร่างเล็กอ่อนระทวยนอนให้ชายหนุ่มกอดนิ่งๆ
“ไม่ใช่เพราะคุณหนูนะครับ แต่ผมทำไม่ได้ครับ” วิธวินท์เอ่ยเสียงกระซิบที่ริมหูของเด็กชาย ร่างเล็กไม่ตอบแต่เอียงหน้าหนีไปอีกทาง ตามองนิ่งไปทิศทางที่ไม่มีหน้าของชายหนุ่มอยู่
“ผมไม่อยากเห็นแก่ตัว คุณหนูยังเด็ก ยังมีทางเลือกอีกเยอะ ผม...” ชายหนุ่มพยายามอธิบายเหตุผล
“ถ้าฉันไม่อยากเลือกใครล่ะ” เด็กชายหันกลับมาแล้วเอ่ยแทรกทันทีทั้งที่วิธวินท์ยังพูดไม่จบ
“ถ้าฉันจะเลือกแค่บรูโน่ล่ะ” ลลิตไต่มือที่ดันอกชายหนุ่มขึ้นไปคล้องคอไว้ แล้วยื่นหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากกับริมฝีปากชายหนุ่มเบาๆ ลิ้นเล็กๆ พยายามสอดเข้าไปในปากของชายหนุ่มเหมือนอย่างที่ชายหนุ่มเคยทำ ร่างเล็กเบียดเข้าหาเพิ่มความแนบชิดยิ่งขึ้น
“กล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
“อืออ” วิธวินท์ยังงงงันกับคำพูดของเด็กชาย จนลิ้นเล็กๆ ซุกซนผ่านเข้าไปแตะกับลิ้นร้อนๆ ของเขา ชายหนุ่มจึงตอบสนองสัมผัสหวามหวานนั้น แล้วพลิกให้ร่างเล็กขึ้นมานอนอยู่บนร่างของเขาแทนเพราะกลัวเด็กชายจะหนัก มือใหญ่ลูบเข้าไปในเสื้อนอนไล้แผ่นหลังเล็กๆ แล้วดึงให้เสื้อเลิกสูงขึ้น เด็กชายจึงยกลำตัวขึ้น ดึงชายเสื้อนอนแล้วถอดออกทางศีรษะโดยไม่เสียเวลาปลดกระดุม แล้วโยนส่งๆ ไปข้างเตียง
วิธวินท์อยากจะต่อต้านความต้องการให้ได้มากกว่านี้ แต่เพราะเด็กชายช่างเย้ายวนจนเลือดหนุ่มในกายร้อนระอุ ร่างเล็กขาวผ่องอยู่ท่ามกลางแสงนีออนสว่างไสวที่นั่งอยู่บนหน้าท้องของชายหนุ่ม จนเขาต้องรั้งลลิตลงมาคลุกเคล้านัวเนียไม่ห่าง ไม่รู้ว่ากางเกงนอนของร่างเล็กหลุดจากตัวเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มไม่สนใจที่จะหยุดทั้งร่างกายแล้วก็หัวใจของตนเองอีกต่อไปแล้ว ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวขาวเนียนละเอียด ริมฝีปากสัมผัสไปจนทั่วทุกบริเวณ
ลลิตที่ถึงแม้จะทำใจกล้าแต่ด้วยความที่อ่อนประสบการณ์ก็ยังทำให้ร่างเล็กสั่นเทาอย่างไม่อาจที่จะหยุดได้ เด็กชายนอนเกร็งหลับตานิ่ง ริมฝีปากขบเข้าหากันและมือกำผ้าปูที่นอนจนแน่น
“คุณหนูครับ แน่ใจนะครับ” เสียงทุ้มพร่าหอบเบาๆ ที่พยายามไม่ให้สั่นถามขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่วิธวินท์เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าหากคุณหนูปฏิเสธออกมา แล้วเขาจะสามารถหยุดตัวเองได้ไหม
เด็กชายพยักหน้าตอบแรงๆ ทั้งที่ยังหลับตา ชายหนุ่มจึงก้มตัวลงแล้วประกบปากจูบ จากเบาๆ ไปจนถึงแนบแน่น ดึงมือเล็กให้กอดคอตัวเองไว้ แล้วกดตัวเองลงไปช้าๆ


วิธวินท์หรี่ตาขึ้นนิดๆ เพราะแสงสว่างภายในห้อง ทั้งเสียงนกร้องที่ดังอยู่ด้านนอก ชายหนุ่มขยับยันตัวลุกขึ้น แต่รู้สึกถึงร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ ที่พลิกตัวไปอีกทางเพราะการเคลื่อนไหวของเขารบกวนการนอน ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังขาวผ่องที่มีรอยจ้ำแดงๆ อยู่หลายรอย ไล่ลงมาถึงเอวบางและสะโพกเล็กที่มีผ้าห่มปิดอยู่หมิ่นเหม่ แค่เห็นเนินเนื้อขาวเนียนนั้น ภายในช่องท้องของชายหนุ่มก็เกิดปั่นป่วนขึ้นมาอีก แม้เมื่อคืนจะปลดปล่อยไปแล้วหลายครั้งแล้วก็ตาม
“เฮ้ย ไอ้ยานี่ยังไม่หมดฤทธิ์อีกเหรอวะเนี่ย” ชายหนุ่มอุทานกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย วิธวินท์จึงดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดไว้
“อืออ” เด็กชายข้างๆ จึงขยับตัวขึ้นมาบ้าง
“อูยยย” เสียงซูดปากเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปประคอง
“เป็นยังไงบ้างครับคุณหนู”
“เจ็บจัง” เด็กชายตอบเสียงเบา ก้มหน้าไม่กล้าสบตาชายหนุ่ม
“เดี๋ยวผมหายาให้ทานนะครับ” วิธวินท์ทำท่าจะรีบลงจากเตียงแต่มือเล็กดึงไว้ซะก่อน
“อยู่กับฉันก่อนนะ” ใบหน้าเล็กๆ ซุกอยู่กับแขนของชายหนุ่ม
“ฉันไม่รู้หรอกว่าบรูโน่ชอบหรือเปล่า แต่ฉันไม่ปล่อยให้นายไปไหนแน่ๆ” ลลิตเอ่ยออกมาเบาๆ แต่ชายหนุ่มได้ยินอย่างชัดเจน
“บรูโน่ จำตอนที่นายบอกว่าเคยช่วยเด็กที่ตกน้ำได้มั้ย เด็กคนนั้นน่ะคือฉันเอง”
“เอ๊ะ แต่เด็กคนนั้นมอมแมมมากเลยนะครับ ผมเลยคิดว่าน่าจะเป็นลูกคนงาน”
วิธวินท์พยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาช่วยเด็กผู้ชายตัวเล็กจากการจมน้ำ แต่เมื่อปลอดภัยแล้ว เจ้าตัวเล็กก็วิ่งหนีเขาไป
“ฉันเองแหละ แล้วหลังจากนั้นฉันก็แอบมองบรูโน่มาตลอด” ลลิตก้มหน้า ใช้ปลายนิ้วเขี่ยต้นแขนชายหนุ่มเบาๆ
“จนถึงวันนั้นที่บรูโน่มาหาพ่อ ฉันก็อยากจะช่วยแต่ก็อยากจะแกล้งด้วย” เด็กอ้อมแอ้มบอกต่อ
“ในเมื่อมาอยู่กับฉันแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยไปไหนอีกแล้วนะ”
“ตอนนี้คุณหนูยังเด็กอยู่ อาจยังไม่เจอผู้คนมากนัก ต่อไปภายหน้า คุณหนูอาจจะมีคนดีๆ ที่พร้อมจะเข้ามาให้คุณหนูเลือกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็จะไม่ไปไหนและผมก็จะพยายามทำตัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้อาจจะไม่ดีเท่าใครๆ แต่ผมก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้คุณหนูภูมิใจ ผมจะอยู่กับคุณหนูตลอดไปครับ” วิธวินท์ลูบผมนุ่มอย่างเอ็นดู เขี่ยปลายผมให้ทัดหูเล็กๆ แล้วก้มลงไปจนชิด
“ผมชอบที่จะถูกคุณหนูแกล้ง และอยากเป็นผู้ชายที่ได้ดูแลคุณหนู” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแผ่วๆ แต่หนักแน่น มือที่ว่างดึงร่างเล็กขึ้นมานั่งบนตัก
“ผมรักคุณหนูครับ” แล้วจูบเบาๆ ที่ใบหูเล็กที่แดงระเรื่อ
“แล้วคุณหนูล่ะครับ” ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม
“บอก บอกแล้วนี่นาว่าไม่ปล่อยให้ไปไหน” ลลิตก้มหน้าต่ำลงไปอีก พยายามจะบิดตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่ม
“ยังไม่มีคำว่ารักเลย บอกผมหน่อยสิครับ นะครับ” ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียเบาๆ ที่ข้างแก้มเหมือนลูกหมาช่างประจบ
ลลิตยกมือปิดที่แก้มอย่างรวดเร็ว ทะลึ่งตัวถอยห่างจนหลุดจากกอดหลวมๆ ของวิธวินท์
“ไม่บอก!!!” แล้วรีบก้าวลงจากเตียง

ตุ๊บ!! แต่ด้วยขาเรียวที่ไร้เรี่ยวแรงทำให้ร่างเล็กลงไปนั่งแหมะอยู่ข้างเตียง วิธวินท์ตกใจรีบลุกจากเตียงลงมาประคองร่างเล็ก แล้วอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

วิธวินท์ยิ้มออกมากับความน่ารักของเด็กชายที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกไม่ยอมมองหน้าเขาเลย ไม่เป็นไรถึงวันนี้จะยังไม่ยอมบอก แต่ชายหนุ่มตั้งปณิธานไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องทำให้คุณหนูยอมบอกเขาให้จงได้ เขายอมทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตเพื่อคุณหนูลลิตคนนี้



===จบ===
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-06-2011 23:57:22 โดย PrinceTae »

yunjaelover

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบทสรุปของเรื่องนี้มากๆเลย เชื่อว่าคงโดนใจใครหลายๆ คน
ขอบคุณมากๆค่ะ :3123:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
หืม..คุณสายลมขา..มีหักมุมซะ แบบหักข้อศอกเลยนะคะ
ทำเอาคนอ่านเกือบตกข้างทางเลยทีเดียว
ขอบคุณปาฏิหาริย์ อืม..ความจริงต้องขอบคุณคุณสายลมนั่นแหละค่ะ
ที่ไม่ทำให้ผู้อ่านเศร้าในตอนจบ
ดังนั้นต้องขอ :กอด1:แน่นๆเพื่อขอบคุณแล้วล่ะค่ะ   :pig4:อีกครั้งนะคะคุณสายลม


ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
 o22
ฉับ!!!   

yunjaelover

  • บุคคลทั่วไป
จบได้น่ารัก มากๆ ค่ะ ว่าแต่   :-[ คุณหนูยังเด็กอยู่เลยนะ  อิอิ   บรูโน่ ระวังเจอคุณปวีณา เรียกสอบลุ 55
ปล. บรูโน่ พูดซะคนอ่านเคลิ้มตามเลย
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1477 เมื่อ05-06-2011 23:31:54 »

ทุกคนเป็นผู้ต้องสงสัยหมด
พี่ธัญญ่าปลอมผลเลือด (รึเปล่า) เพื่อให้กริชตัดใจ
ยุทธอาจจะหลอกกริช เพื่อความสบายของตัวเองในวันข้างหน้า
อร๊ายยยยยยย จะให้เชื่อใครล่ะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุก คุก คุก
พี่ิวินกินคุณหนูริชเข้าไปแล้ววววววววววววววว
โอ๊ย อกอีป้าจะวายยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1479 เมื่อ05-06-2011 23:36:59 »

โว๊ะ ยุทธผลบวก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
« ตอบ #1479 เมื่อ: 05-06-2011 23:36:59 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
คุณหนูโดนกิน  :m25:  :pig4:

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
บรูโน่เป็นตาแก่กินเด็กแต๊จริง

แถม...
........ยังเป็นตาแก่น้ำเน่าอีกตะหาก กร๊ากกกกกกกกกกกก
บร้าๆๆๆ น้ำเน้าาาาาาาาาน้ำเน่า

Nassiiz

  • บุคคลทั่วไป
The rainbow project [Green] "Doom" โดย Nassiiz/Ch.15 -Dead-zone- (5/6/54)
«ตอบ #1482 เมื่อ06-06-2011 00:02:52 »













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2011 00:05:27 โดย Nassiiz »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1483 เมื่อ06-06-2011 00:06:25 »

เป็นเช่นนั้นไป  :sad11:

สงสารเค้าอะ

นี่เราสงสัย วิธีการใช้คำนี่มาก
 
ประสพการณ์ จะสอนให้เราแกร่งขึ้น

ตกลงต้องใช้ ประสพ  หรือ ประสบ

เพราะ บางทีก็อ่านออกเสียง ว่า ปะ-สบ-พะ-การ

ลูกเป็ดท่าน เชี่ยวชาญ ด้านภาษา น่าจะลอง ช่วยๆกันพยายาม รวบรวมคำ ที่เรามัก เขียนผิด ไว้ด้วยนะครับ
เพราะ บางที ทั้งคนเขียน คนอ่าน ยังไม่แน่ใจ ว่า ตกลงที่ ใช้ กันเนี้ย บางคำเราใช้ถูกหรือเปล่าหว่า
ช่วยๆ กัน เพื่อภาษาของ เรา 5+++
เห็นรีพลายนี้ อดเข้ามาตอบไม่ได้ค่ะ(ดีใจกับการได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้)
ต้องใช้ว่า "ประสบการณ์" ค่ะ
ประสบ  แปลว่า  พบ พบปะ พบเห็น
ประสบการณ์  แปลว่า  การได้รู้ ได้เห็น ได้ทำมามาก    ส่วน
ประสพ  แปลว่า  การเกิดผล
คนมักเขียนผิด เพราะ สองคำนี้เป็นคำพ้องเสียง และคงไม่รู้ความหมายของคำ ประสบ กับ ประสพ ค่ะ









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2011 00:09:10 โดย yayee2 »

littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
จบแบบแฮปปี้มีความสุข อิอิ คุณหนูก็ไม่รอดจนได้ 55555+

ขอบคุณนะคะ^^

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
น่ารักที่สุดในโลก

เค้าชอบคู่นี้ ตะลอมเด็กนะบรูโน่นะ

indices

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1486 เมื่อ06-06-2011 00:10:10 »

ลุ้นระทึกมาก ๆ  ......

ใครพูดจริง/ใครโกหกกันแน่เนี่ย .....


ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1487 เมื่อ06-06-2011 00:13:18 »

กลิ่นมาม่าโชยมา  :a5:

Nassiiz

  • บุคคลทั่วไป
The rainbow project [Green] "Doom" โดย Nassiiz/Ch.16 -Laboratory- (5/6/54)
«ตอบ #1488 เมื่อ06-06-2011 00:14:48 »











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2011 00:21:24 โดย Nassiiz »

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1489 เมื่อ06-06-2011 00:15:24 »

โถ กริช ดอกรักพึ่งจะผลิดอกตูมๆเล็กๆขึ้นในหัวใจ ยังไม่ทันได้เบ่งบานเลย
จะเกิดดอกโศกเบ่งบานเบ้อเร่อซ้อนขึ้นมาทันทีทันใดเลยรึ
แล้วยุทธล่ะ ถ้าฟังตามที่เค้าวางแผนไว้นี่ เค้าก็ใฝ่ดีพอสมควรนะ แล้วอนาคตจะมิวูบไปเลยเหรอ
สงสารทั้งสองคนเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
« ตอบ #1489 เมื่อ: 06-06-2011 00:15:24 »





littleFiNgeR

  • บุคคลทั่วไป
เย้ๆๆ ดีใจที่สายลมพระเอกแสนดียังไม่ตาย ดีใจกับปลายฟ้าด้วยที่ปรับปรุงตัวเองได้

ในที่สุดก็จบลงด้วยดี ขอบคุณนะค้า ^_^

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
พรากผู้เยาว์ ฮ่าาาาาาาาาาา

Nassiiz

  • บุคคลทั่วไป
The rainbow project [Green] "Doom" โดย Nassiiz/Ch.17 -Bridge- (5/6/54)
«ตอบ #1492 เมื่อ06-06-2011 00:20:02 »








m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณนะครับที่ทำให้สายลมอยู่กับปลายฟ้าอีกครั้ง

ออฟไลน์ @BUA@

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +427/-8
พี่สายลมยังอยู่จริงๆ ด้วย  :laugh:



 :pig4:

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
"มกุฏโกเมน" ผมชอบชื่อนี้จังครับ
จบได้ดีครับ ให้ข้อคิดกับนักอ่าน
ทั้งที่รู้ว่าคือความจริงที่มนุษย์อย่างเราๆต้องเจอ
แต่ก็แอบเศร้าครับ

MonarcH

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Rainbow Project [Vermilion] "Butterfly" by MonarcH Part 8 PG. 5 [31/05/2011]
«ตอบ #1496 เมื่อ06-06-2011 00:39:24 »

Butterfly 10
...ไม่ช้าก็เร็วพี่ธัญญ่าต้องรู้เรื่องที่ยุทธเป็นโรคร้าย ผมจึงตัดสินใจเรียกให้พี่ธัญญ่าเข้ามาคุยที่ห้อง...
“คืนนี้บาร์เลิกแล้วจ่ายเบี้ยเลี้ยงมันไปก็จบ”  พี่ธัญญ่าพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่
“แล้วเราจะบอกเค้ายังไงอ่ะพี่”
“ก็บอกไปว่าเด็กเสิร์ฟเยอะแล้ว ถ้าไม่ทำโชว์ก็ออกไป”
“ถ้ายุทธยอมโชว์ล่ะ”
“พรุ่งนี้พี่จะให้คนพามันไปตรวจอีกทีเผื่อมีการผิดพลาด พี่ไม่เอาชื่อเสียงร้านไปเสี่ยงหรอก ถ้าอีกหน่อยอาการมันออกเราจะซวย ของพวกนี้คนในวงการดูด้วยตาเปล่าก็เห็น”
“แล้วเราไม่ต้องบอกให้เค้ารู้ว่าเค้ามีโรคเหรอ”
“มันเป็นหน้าที่ของแพทย์ ให้มันไปตรวจเองอีกทีดีกว่า”  พี่ธัญญ่าบอกปัด
“แล้วเค้าจะทำมาหากินอะไรล่ะ ป่วยแถมยังตกงาน”  ผมพูดเสียงเบา
“เราไม่เกี่ยว เค้าติดเชื้อก่อนที่จะมาทำงานที่นี่นะ”
*
*
...ผมเดินใจลอยลงไปหายุทธข้างล่าง ตาเค้าเริ่มเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ลูกค้ายื่นให้อีกแล้ว เมื่อปลอดคน ผมกระซิบบอกยุทธให้ดื่มเหล้าน้อย ๆ แค่จิบแบบไม่ให้ลูกค้าเสียน้ำใจ และเก็บทิปคืนนี้ไว้ดี ๆ เลิกงานแล้วให้ไปเจอผมที่คอนโด...
“ตกลงจะบอกยุทธเองเหรอ เห็นกระซิบกระซาบกันข้างล่าง”  พี่ธัญญ่าเดินเข้ามาถามเมื่อผมกลับห้องทำงาน
“กริชจำเป็นต้องบอกให้เค้าดูแลตัวเอง และไปตรวจเลือดใหม่”
“หวังว่ากริชคงไม่ต้องไปรับเลี้ยงเค้านะ” 
“กริชคงจะช่วยเค้าได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์”
“ส่วนมากพวกนี้เค้าก็กลับไปพักฟื้นรอวันตายที่บ้านเกิดนั่นแหละ”
“ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ อยู่ได้เป็นสิบปีนะพี่”
“แต่ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี”
“แล้วมีใครที่เกิดมาแล้วไม่ตายมั่งล่ะพี่ เค้าอาจจะไม่ได้ตายเพราะโรคก็ได้ ถ้าคนมันจะตาย เดินออกไปข้ามถนนอาจจะโดนรถชนตาย”  ผมแอบประชด
“งั้นก็ตามใจกริชเถอะค่ะ อยากทำอะไรก็ทำ พี่ไม่กล้าแตะต้องเด็กของกริชหรอก”
“ไหน ๆ คืนนี้ยุทธก็จะทำงานที่นี่เป็นคืนสุดท้าย กริชจะบอกความจริงก็ได้...ยุทธเป็นเกย์ และเรียนจบปริญญาตรี ที่บ้านมีฐานะ เป็นเจ้าของกิจการร้านวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ ทั้งหมดนี้กริชเช็คแล้วว่าที่เค้าพูดเป็นความจริง ถ้าพี่ธัญญ่าไม่เชื่อลองเอาชื่อนามสกุลเขาไปเช็คในอินเตอร์เนต หรือโทรไปสอบถามที่บ้านเค้าก็ได้...ที่ยุทธต้องมาทำงานนี้เพราะเค้าหลงผิดชั่ววูบจากการมีเพื่อนในสังคมแย่ ๆ ซึ่งตอนนี้เค้าย้ายอพาร์ทเม้นท์มาพักในโซนที่ดีกว่าแล้ว”
“อืม กริชก็เลยชอบเค้าใช่มั้ย”
“กริชแค่รู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเค้า”
“พี่เห็นพวกเธอสองคนมองกัน พี่ก็รู้แล้วว่าพวกเธอคิดอะไรเกินเลยจากนายจ้างลูกจ้าง”
“โอเค เรากำลังเริ่มจะศึกษากันอยู่”  ผมสารภาพ
“แล้วพอรู้ว่าเค้าเป็นเอดส์ กริชยังจะศึกษาเค้าต่ออีกมั้ยล่ะ”
*
*
...โรคเอดส์ไม่ได้ติดต่อกันง่าย ๆ ดังนั้นผมไม่ควรเลิกคบกับยุทธด้วยเหตุผลนี้ เราแค่เป็นเพื่อน เป็นกำลังใจ ดูแลช่วยเหลือเค้าเท่าที่ทำได้...
“มีอะไรเหรอครับ ก่อนกลับก็เห็นพี่ธัญญ่าบอกให้มาคุยเรื่องงานกับคุณกริชเหมือนกัน”  ยุทธถามทันทีที่ผมเดินมานั่งที่โซฟาชั้นล่างของคอนโด
“อ่ะ” ผมยื่นซองเงินเบี้ยเลี้ยงสองวันให้
“ค่าอะไรครับ” ยุทธแกะซองแล้วทำหน้างงเมื่อเห็นว่าเป็นเงินจำนวนนึง
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ยุทธไม่ต้องไปที่บาร์แล้วนะ”
“อ้าว ผมทำอะไรผิดเหรอ” ยุทธถามเสียงเข้ม
“......................................”
“ผลเลือด”  ยุทธครางเมื่อเห็นผมเงียบ
“ลองไปตรวจใหม่วันพรุ่งนี้นะ”  ผมพยาพยายามทำเสียงปกติแล้วยื่นซองเอกสารผลตรวจเลือดให้
“ผมป้องกันตัวเองตลอดนะครับ เป็นไปไม่ได้”  ยุทธเปิดอ่านและหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ไปตรวจอีกทีสิ”
“ผมขอเวลาทำใจหน่อยนะครับ”  ยุทธลุกขึ้นหันหลังเดินกลับทันที
“ยุทธ ไม่เป็นไรนะ ดูแลตัวเองดี ๆ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจนะ”  ผมก้าวยาว ๆ เดินตามไปพูด ซึ่งยุทธไม่หยุดหันมามองเลย
“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไรหรอก ชีวิตผมมันไม่มีอะไรให้เสียแล้วนี่” ยุทธยังเดินต่อ
“เฮ้ย ยุทธยังมีกริชนะ”
“เมื่อก่อนผมรู้ตัวว่าไม่คู่ควรกับคุณ ผมก็กำลังพยายามปรับตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่ว่าผมจะพยายามยังไง ผมก็ยิ่งไม่คู่ควรกับคุณ” ยุทธหันมาพูดเสียงเครือ ตาแดงก่ำ
*
*
...ผมกลับขึ้นมาบนห้อง พยายามข่มตานอน พลิกตัวไปมาทำยังไงก็ไม่หลับ ดูเวลาในโทรศัพท์ขณะนี้ก็เกือบตีห้าแล้ว เป็นห่วงยุทธเหลือเกิน กลัวว่าเค้าจะคิดสั้นเพราะรับเรื่องนั้นไม่ได้...ผมตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียกวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยที่รู้จักอพาร์ทเม้นท์ของยุทธจากการที่ผมเอารูปให้เค้าดู โชคดีที่เช้ามืดอย่างนี้เริ่มมีวินออกมารับผู้โดยสารหลายคัน และมีคนจำยุทธได้...ไปถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ ผมก็ต้องยืนอึ้งเพราะไม่รู้ว่าเค้าอยู่ห้องเบอร์อะไร ต้องลองถามแม้ค้าที่กำลังจัดของเข้าตู้เอารูปให้ดูอีกซึ่งก็ต้องใช้วิธีเดิมจนได้เบอร์ห้อง...แต่ยามไม่ให้เข้าซะงั้น ผมต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายคือ “เงิน” ยามลังเลกับแบงค์พันตรงหน้า ผมต้องบอกว่า ไม่ต้องกลัวผมว่าผมจะขึ้นไปทำสิ่งผิดกฎหมาย เพราะผมมาตัวเปล่า และขอให้พี่ยามขึ้นไปเป็นเพื่อนผมก็ได้ เมื่อเจ้าของห้องเปิดรับ พี่ยามก็ลงมาทำงานปกติ...
“เคาะตั้งนานแล้วทำไมไม่เปิดประตู เค้าเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย”  ยามพูดให้ผมใจแป้ว
“เดี๋ยวลองโทรเข้าไปหาดีกว่า”
“อ้าวน้อง มีเบอร์แล้วทำไมไม่โทรตั้งแต่แรก”  อีตายามพูดกวน ๆ
“ก็กลัวเค้าไม่รับโทรศัพท์อ่ะ”
“ทะเลาะกันมาเหรอ”  ยามถามเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังจากในห้อง แต่ไม่มีคนรับสาย และไม่มีคนเปิดประตู
“เปล่า พี่ขอกุญแจสำรองเปิดห้องได้มั้ย เผื่อเค้าคิดสั้นขึ้นมาเรายังพอช่วยทันนะ”  ผมเคาะประตูดังขึ้น
“รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ เดี๋ยวพี่ไปบอกเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก่อนนะ” ยามเห็นว่าผมเริ่มสติแตกจึงลุกลี้ลุกลนไปหากุญแจมาให้
*
*
...ระหว่างรอกุญแจผมก็โทรเข้ามือถือของยุทธอีก แต่ก็ไม่มีคนรับสายเช่นเคย ผมลงไปนั่งกับพื้นหน้าห้องของยุทธ เอาหน้าซบเข่าเพราะไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้ามองคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้...
“คุณกริช มาได้ไงครับ”  ยุทธก้มหน้ามาถาม
“ไปไหนมา ทำไมไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย ผมเป็นห่วงรู้มั้ย”
“ผมไปใส่บาตรมา เวลาอย่างนี้ผมไม่คิดว่าจะมีใครโทรมาก็เลยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย”  ยุทธยิ้มแต่แววตายังเศร้าอยู่
“โอเค ถ้ายุทธไม่ได้เป็นอะไรผมก็ขอตัวกลับเลยละกัน ง่วงแล้ว”
“คิดว่าผมจะฆ่าตัวตายเหรอ”
“.........................................”
“ยังไงผมก็ต้องตาย โรคนี้มันรักษาไม่หายนี่”  ยุทธพูดเสียงเบา
“ดูแลตัวเองดี ๆ ก็อยู่ได้อีกนาน”
“ใครจะมาดูแลผม ถ้ามีคนรู้ว่าผมเป็นเอดส์คงจะมีแต่คนรังเกียจ”  เค้าหยุดพูดเมื่อรู้สึกว่าเสียงเริ่มสั่น
“ผมไง ไม่ต้องกังวลนะ ผมจะหางานใหม่ให้”
“อย่าลำบากเพราะผมเลย”
“แล้วคุณจะทำยังไงกับชีวิต กลับไปนอนรอความตายที่บ้านเหรอ”
“ผมกลับบ้านไม่ได้คุณก็รู้นี่ แค่เป็นเกย์พ่อผมยังรับไม่ได้ แล้วถ้าต้องซมซานเป็นเอดส์กลับไป เค้า เค้า....”  ยุทธพูดไม่ออกเพราะเค้าปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
“อ้าว เจอเจ้าของห้องแล้วนี่ มีอะไรกันหรือเปล่า”  พี่ยามมาพร้อมกุญแจ
“ไม่มีอะไรพี่ ขอบคุณนะครับ”  ผมเอากุญแจจากมือยุทธไขเปิดประตู แล้วพยุงเค้าเข้าห้อง
*
*
...ผมปล่อยให้ยุทธร้องไห้สะอึกสะอื้นจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลียบนตักของผม ภาพผู้ชายรูปหล่อสูงขาวกล้ามเป็นมัดที่เคยมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองกลายเป็นผู้ชายที่นอนร้องไห้หมดสภาพด้วยความกังวลกับอนาคตที่นับถอยหลังสู่ความตายด้วยโรคร้าย...
*
*
...ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นยุทธนอนมองหน้าผมอยู่เงียบ ๆ ตาของเราทั้งคู่ประสานกันยุทธยิ้มบาง ๆ ทั้งที่น้ำตาเริ่มจะเอ่ออีกครั้ง...
“กี่โมงแล้ว”
“บ่ายสองกว่าแล้วครับ”
“ยุทธตื่นนานหรือยัง”  ผมลุกขึ้นจากเตียง
“ก่อนคุณกริชแป๊บนึงเองครับ”
“เรียกกริชเฉย ๆ เถอะ ผมไม่ได้เป็นเจ้านายคุณแล้ว”
“คุณรู้ว่าผมเป็นเอดส์ทำไมถึงกล้านอนกับผมล่ะ”
“เรานอนด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรกันนี่”
“เมื่อคืนผมลองโทรไปถามเพื่อน ๆ ที่เคยเที่ยวด้วยกันว่าถ้าแฟนมึงเป็นเอดส์ มึงจะทำยังไง ทุกคนบอกว่าเลิกกันหมดเลย แต่กริชทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแย่ที่ไม่รู้จักรักเดียวใจเดียว ถึงตอนนี้ผมเริ่มอยากจะรักอย่างจริงจังกับใครซักคน มันก็สายเกินไป ผมรู้จักกริชช้าไป”
“ผมขอกลับไปห้องก่อนนะ เดี๋ยวซื้ออะไรมาให้กิน”
*
*
...จากวันนั้นเป็นเวลาสามเดือน เราทั้งสองคนต่างได้เรียนรู้กันมากขึ้น ยุทธได้งานใหม่เป็นพนักงานออฟฟิศบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ต้องตรวจเลือดก่อนเข้างาน แรก ๆ เหมือนเค้าจะทำใจได้แล้ว แต่ไม่นานเค้าก็จิตตกเหมือนเดิม หน้าตาหมองคล้ำจากการเคร่งเครียดทำงานหนัก น้ำหนักลดเพราะเค้าหดหู่กับชีวิตจนกินข้าวได้น้อยลง เวลาเราสวนทางกัน เค้าถึงบ้าน ผมออกไปทำงาน มีแค่วันหยุดเท่านั้นที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน...เราเหมือนคู่รักกันทั่วไป เพียงแต่เราไม่มีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะดี แต่มีสิ่งเดียวที่ผมขอร้องเท่าไหร่ยุทธก็ไม่ยอมทำ...
“ยุทธจะกินแต่อาหารเสริมพวกนี้ไม่ได้นะ ไปหาหมอเถอะ”  ผมพูดเมื่อเห็นขวดอาหารเสริมชนิดใหม่ที่วางบนโต๊ะ
“ไม่เอาอ่ะ ผมอายหมอ”
“แต่ยุทธต้องกินยาต้านเชื้ออะไรพวกนั้นด้วยนะ ไปตรวจดูว่ามีเชื้อเพิ่มขึ้นด้วยหรือเปล่าก็ยังดี”
“ผมไม่เห็นมีอาการอะไรผิดปกติเลยนี่”
“ยุทธไม่รู้ตัวหรอก ลองไปส่องกระจกดูสิ น้ำหนักลดไปกี่โล หนวดก็ไม่โกนหน้าตาก็ยิ่งหมองไปกันใหญ่”
“....................................”
“กริชขี้บ่นไปหน่อย ขอโทษนะ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมต่างหากที่ต้องขอโทษกริชที่ทำให้เป็นห่วง”
“ถ้ายุทธรู้ว่ากริชเป็นห่วง ทำไมยุทธไม่เป็นห่วงตัวเองบ้างล่ะ ไหนบอกว่าจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ ไง กริชให้ยุทธไปหาหมอหลายครั้งแล้วยุทธก็ไม่ไปซักที”
“......................................”
“ไปเถอะนะ กริชขอร้อง ไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ให้เค้าจัดยาให้ดีที่สุดแค่ครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้นถ้ายาหมดกริชจะไปรับยาให้เอง ยุทธจะได้ไม่ต้องอาย”
“ถ้าทำแบบนั้นคนก็เข้าใจว่ากริชเป็นเอดส์สิ”
“แล้วไงอ่ะ ใครจะคิดก็คิดไป ไม่เห็นต้องแคร์เลย”
“ผมมันแย่ ผมมันเลว ผมมันน่ารังเกียจ”  ยุทธก้มหน้าไม่ให้ผมเห็นน้ำตาที่หยดลงขากางเกง
“สามเดือนที่ผ่านมากริชเคยทำให้ยุทธรู้สึกว่ากริชรังเกียจยุทธหรือเปล่า”
“ซักวันนึงกริชก็ต้องได้เจอคนที่คู่ควรกว่าผม”
“อย่าเปลี่ยนเรื่อง ถ้ากริชจะไปกริชไปตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่ายุทธเป็นเอดส์แล้ว”
*
*
...ในที่สุดยุทธก็ยอมไปโรงพยาบาลเอกชนในซอยลึกแห่งหนึ่งบนถนนสุขุมวิท ผมบอกให้เค้าตรวจเลือดและตรวจทุกอย่างในร่างกายอย่างละเอียดไม่ต้องรีบ เมื่อได้ผลแล้วให้โทรแจ้งและผมกับยุทธจะกลับมาหาหมออีกที...ระหว่างที่รอผล ยุทธกระสับกระส่าย สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด...
*
*
...เรากลับมาโรงพยาบาลเพื่อรับผลเลือดและพบหมออีกครั้ง ยุทธมือสั่นจนผมต้องกุมมือเค้าไว้ตลอดระหว่างรอคุณหมอเข้ามาที่ห้องตรวจพร้อมผลเลือด...
“คุณยุทธกรครับ”
“ครับ”  ยุทธสะดุ้งเมื่อคุณหมอเรียกชื่อ
“คุณไม่ได้ติดเชื้อ HIV นะครับ ยินดีด้วย”
“อะไรนะครับ”
“ผลการตรวจเลือดของคุณเป็นปกติดีทุกอย่าง ยกเว้นร่างกายอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อยเฉย ๆ”
“อ้าว เมื่อสามเดือนก่อนผมตรวจเลือดแล้วมีเชื้อนี่ครับ”
“เราตรวจดูอย่างละเอียด ผมรับรองได้ว่าคุณไม่มีเชื้อ HIV และไม่เคยเป็นมาก่อนแน่นอนครับ ผลเดิมอาจจะมีการผิดพลาดอะไรหรือเปล่า ลองไปตรวจทีเดิมอีกครั้งก็ได้นะครับ เพื่อความสบายใจ แต่ นั่นหมายความว่า คุณต้องไม่มีการเสี่ยงเร็ว ๆ นี้นะครับ”
“พอผมรู้ว่าเป็นเอดส์ ผมก็หยุดพฤติกรรมเสี่ยงทุกอย่าง ผมไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใครมาเกือบสี่เดือนแล้วครับ”
“เอดส์ไม่ได้ติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียว มันมีเรื่องของเลือด สารคัดหลั่งอื่น คุณมีการใช้เข็มร่วมกับใครหรือเปล่าล่ะ”
“ผมกลัวเข็มครับ และผมไม่ยุ่งกับยาเสพติด”
“ดีแล้วครับ เพราะผลเลือด ผลตรวจปัสสาวะ อุจาระ และเอ็กซ์เรย์ปรากฏว่าสุขภาพคุณดีมากเลยนะครับ”
“แต่ทำไมน้ำหนักเค้าลดแล้วก็หน้าตาหมองคล้ำล่ะครับคุณหมอ”  ผมถามแทรก
“คุณพักผ่อนน้อย และทานอาหารน้อยลงด้วยใช่มั้ย”  คุณหมอหันไปถามยุทธ
*
*
...เพื่อความมั่นใจ ผมกลับไปที่สถานพยาบาลเดิมที่เคยตรวจเลือดยุทธในครั้งแรก ทุกอย่างก็เหมือนการตรวจเลือดปกติ ยกเว้นบุรุษพยาบาลคนนึงที่เจอยุทธแล้วถึงกับชะงักหน้าถอดสี แต่เค้าก็ต้องมาดูแลยุทธตามหน้าที่...
“ครั้งนี้เราจ่ายเงินเองนะครับ ไม่ใช่มาจากบัตเตอร์ฟลายบอย”  ผมพูดพลางจ้องหน้าเค้าขณะเค้าเดินออกมานอกห้องตรวจ
“ครับ”
“จำคนนี้ได้มั้ย เมื่อสามเดือนก่อนเค้ามาตรวจแล้วครั้งนึง”
“ครับ”
“เค้ามีเลือดบวก”
“ครับ”
“วันนี้ตรวจให้ละเอียดนะ เราจะรับเค้ากลับไปทำงานที่บัตเตอร์ฟลายบอยใหม่”  ผมพูดพลางยื่นนามบัตรที่ระบุตำแหน่งของผมให้เค้าพร้อมแบงค์พันที่พับไว้ด้านล่าง
“การตรวจแบบเร่งด่วน อาจจะมีผิดพลาดได้บ้าง ครั้งนี้จะตรวจให้ละเอียดเลย”
“ผิดพลาดโดยตั้งใจหรือเปล่า”  ผมดักคอ
“เอ่อ”
“ใครสั่งให้คุณทำ”  ผมยัดแบงค์พันใส่มือเค้าอีกสองใบ
“มาม่าซังครับ”
“พี่ธัญญ่าใช่มั้ย”
*
*
...เดือนต่อมา ผมก็ได้เป็นอิสระจาก The Butterfly Boy เมื่อป้าธเนศบินด่วนกลับมาดูแลร้านต่อด้วยตัวเองเพราะผมยื่นคำขาดจะออกไปทำงานประจำตามที่ได้เรียนมา ผมรับไม่ได้กับธุรกิจประเภทนี้และเบื่อการการต้องสร้างภาพลักษณ์จนไม่เป็นตัวของตัวเอง บุญคุณผมขอทดแทนด้วยวิธีอื่น ให้ผมดูแลยามแก่เฒ่าก็ได้ แต่ผมขอร้องว่าให้ผมออกมาใช้ชีวิตของผมในแบบที่ผมต้องการเถอะ...
*
*
...ชีวิตที่ผมต้องการไม่มีอะไรมากหรอก แค่มีใครซักคนที่ตื่นนอนพร้อมกัน ออกไปทำงานพร้อมกัน กลับบ้านมากินข้าวเย็นด้วยกัน นอนกอดกันใต้ผ้าห่มอุ่นอย่างที่ผมกำลังนอนกอดยุทธอยู่อย่างนี้...
“พอสบายใจก็กินใหญ่เลย ระวังอ้วนนะ”  ผมพูดพลางลูบหน้าท้องยุทธ
“ผมออกกำลังกายทุกวันไม่อ้วนง่าย ๆ หรอก”
“มีเวลาออกกำลังกายด้วยเหรอ”
“แบบเมื่อกี้ก็คือการออกกำลังกายอย่างหนึ่งนะ เผาผลาญแครอลี่ได้เยอะเลย แถมบางท่ายังต้องเกร็งหน้าท้องด้วย”
“ทะลึ่งว่ะ”
“ใครทะลึ่งกันแน่ ถ้าไม่หยุดลูบเดี๋ยวก็จัดให้อีกรอบนึงนะ”  ยุทธพูดเสียงหื่น ผมต้องชักมือกลับทันที
“พอเถอะ วันนี้เหนื่อยแล้ว”
“แต่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดนะ”
“ไม่เบื่อเหรอ”  ผมถามพลางมองตายุทธฝ่าความมืด
“ไม่มีทางเบื่อ เพราะเรา Make love ไม่ใช่ Have sex ความรู้สึกมันต่างกัน เมื่อก่อนผมเคยมีอะไรกับใครมาเยอะ แต่ผมไม่เคยรู้สึกมีความสุขเหมือนตอนมีอะไรกับกริชเลยนะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็ผมรักคุณ คุณคือคนเดียวที่อยู่ข้างผมตอนที่ผมตกต่ำที่สุดในชีวิต หรือขณะที่ผมกำลังจะตาย คุณก็ไม่หนีไปไหน”
“เวลาที่เรารักใครซักคน เราต้องอยู่กับเค้าทั้งในยามสุขและทุกข์”
“ผมรักคนไม่ผิดเลยจริง ๆ” ยุทธพูดพลางจูบหน้าผากผมเบา ๆ

               *********************************The End***************************************

จบแล้วจ้า เรื่องสั้นที่ถือว่าสั้นที่สุดตั้งแต่เขียนนิยายมา เป็นความท้าทายมาก เพราะปกติจะถนัดเรื่องยาว ถ้าผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

MonarcH


ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
ถึงจะรู้สึกว่ารวบรัดตัดจบไปนิด แต่ก็ดีใจมาก ๆ ที่ไม่จบแบบดราม่า ( หวาดหวั่นกลัวจะจบดราม่ามากมาย ขอบอก )
แค่พี่เตยังอยู่กับไนท์ ไนท์ยังไม่จากพี่เตไปไหนเท่านั้น คนอ่านก็ปลื้มจะแย่แล้ว
จบแบบหวานเงียบ ๆ ตาม concept น้องไนท์ ที่เงียบได้จนจบสุดท้าย  :กอด1:
อยากรู้เรื่องหมอทอยกับระพีพัฒน์จัง อาการอิจฉาตาร้อนจนถึงขั้นลักพาตัวคนอื่นอย่างอิน้องระพี
จะเรียกว่าเป็นอาการทางจิตได้ม่ะ? ก็เหมาะที่จะรักษาแบบเฉพาะทาง(และเฉพาะตัว?) กับพี่หมอทอยที่สุดแล้ว
หวังว่าพี่หมอทอยจะรักษาจนหายขาด ไม่มาตามราวีชาวบ้านอีกนะค่ะ...

ออฟไลน์ taroni

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-27
Re: The rainbow project [Green] "Doom" โดย Nassiiz/Ch.15-17 ค่ะ (5-6/6/54)
«ตอบ #1498 เมื่อ06-06-2011 00:45:58 »

ปลอดภัยกันแล้ว o13

m_pop91

  • บุคคลทั่วไป
โดยส่วนตัวชอบสีนี้ที่สุด
อ่านแล้วไม่ปวดใจเท่าไหร่
ชอบเต อบอุ่นและเป็นผู้นำที่ดีให้ไนท์ได้
ชอบไนท์ที่เป็นตัวของตัวเอง
ต่างคนต่างเติมในส่วนที่ขาดให้กัน
ดีแล้วที่จบแบบนี้ ชอบครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด