ตอนที่ 12 สายลมที่หวังดี
หกเดือนผ่านไป
หนังของหม่อมเอียดมีการระงับการถ่ายทำไว้ก่อน เพราะว่าเกิดปัญหาขึ้นหลายอย่าง ปลายฟ้าเองก็ขอดูแลตัวเองไม่ขอมีผู้จัดการส่วนตัวใหม่ เพราะเขาไม่อยากให้มีคนอื่นเข้ามาอยู่ในที่ของสายลม หลังจากเรื่องครั้งนั้นปลายฟ้าเปลี่ยนตัวเองเป็นคนละคน เขาไม่เคยโมโหร้ายใส่ใคร มีความอดทนอดกลั้นมากขึ้น หันไปทำงานเพื่อสังคมมากยิ่งข้น จนเป็นที่รักของแฟนคลับรวมทั้งสื่อมวลชนต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
วันนี้ปลายฟ้าออกช่วยหาเงินบริจาคเพื่อช่วยประสบภัยน้ำท่วมทางภาคใต้ เขาเดินขอรับบริจาคอยู่หน้าห้างชื่อดังใจกลางกรุง ผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาขอถ่ายรูปพร้อมพูดคุย ปลายฟ้ายิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาที่ได้พูดคุยกับคนอื่น รอยยิ้มที่คราวนี้ยิ้มออกจากใจจริงถูกส่งให้คนแล้วคนเล่า กล่องบริจาคอัดแน่นไปด้วยธนบัตรสีต่าง ๆ จนแน่นขนัด
“พี่สายลมครับ พี่เห็นไหมครับว่าผมก็ทำงานแบบนี้ได้” ปลายฟ้าเงยหน้ามองแล้วพูดกับท้องฟ้าขณะที่มีสายลมพัดผ่านเขาเอื่อย ๆ
ปลายฟ้าไม่เคยลืมสายลมได้ แม้จะผ่านมานามแล้วก็ตาม เพราะทุกครั้งที่มีลมพัดผ่านตัว เขารู้สึกว่านั่นคือการสื่อสารของสายลมที่อยู่บนฟ้าไกล สายลมมักพัดผ่านยามเขารู้สึกท้อ รู้สึกเหงา รู้สึกเสียใจ แต่เมื่อผ่านมาทุกครั้งจะพัดความรู้สึกเหล่านี้ของปลายฟ้าหายไปด้วย เพราะปลายฟ้าคิดเสมอว่าจะไม่ทำให้สายลมต้องเป็นห่วงอีกแล้ว
ถึงจะบอกว่าทำใจได้แต่ปลายฟ้ากลับรับงานเยอะขึ้น เพื่อที่จะได้กลับเข้าห้องช้าและนอนเลย เพราะมันทำให้เขานึกถึงสายลมอยู่ตลอดเวลา ปลายฟ้าเลิกกับก้องเกียรติโดยให้เหตุผลว่าไม่อาจทำใจได้ในตอนนี้
“พี่สายลมผมกลับมาแล้วนะครับ” ปลายฟ้าพูดเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
ปลายฟ้ามักจะทักแบบนี้ทุกครั้งที่กลับเข้ามาในห้อง ถึงแม้เขารู้ว่าจะไม่มีเสียงตอบรับก็ตาม แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าสายลมอยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ ปลายฟ้าจะเดินเข้าไปนอนที่ห้องของสายลมก่อนทำอย่างอื่นเสมอ วันนี้ก็เหมือนเช่นทุก ๆ วัน เขาเข้าไปนอนหลับอยู่บนเตียงปลายฟ้า
“พี่สายลมครับ ผมคิดถึงพี่ครับ” ปลายฟ้านอนละเมอพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาเสมอ ๆ
ปลายฟ้าสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนมาเช็ดน้ำตาที่แก้มเบา ๆ แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบเพียงแต่ความว่างเปล่า ปลายฟ้าสัมผัสที่แก้มตัวเองเบา ๆ เขายังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่สัมผัสหน้าได้อยู่ หรือว่าวิญญาณสายลมต้องการจะมาปลอบใจ ปลายฟ้าจึงทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เผื่อเขาอาจจะรับรู้ถึงการเป็นอยู่ของสายลมได้อีกครั้ง
“อืม!! บรรยากาศยามเช้าช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้” ปลายฟ้าขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าบนดาดฟ้าคอนโด
สายลมเย็นสดชื่นยามเช้า พัดบนยอดตึกตลอดเวลา นี่อาจเป็นสิ่งเสพติดอย่างหนึ่งของปลายฟ้าก็ได้ เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้สายลมคนที่แสนดีสำหรับเขามากไปอีกนิด
“พี่สายลมครับ ผมพยายามเข้มแข็งอย่างที่พี่เคยบอกไว้แล้วนะครับ แต่ไม่รู้พี่จะเห็นหรือเปล่านะสิ” ปลายฟ้าเงยฟน้าพูดกับท้องฟ้าสีน้ำเงินใสยามเช้า แม้ว่าจะดูสดใสแต่ก็ยังแฝงความว้าเหว่อยู่ไม่น้อย
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ พี่สายลมเอาใจช่วยผมจากบนนั้นด้วยนะครับ” ปลายฟ้าพูดหลังจากมองท้องฟ้าอยู่นาน
“ปลายฟ้าคะ รู้สึกยังไงกับการได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองนักแสดงนำยอดเยี่ยมปีนี้คะ” นักข่าวสายบันเทิงรุมล้อมปลายฟ้าเมื่อเดินออกจากบริษัทหลังจากทำงานเสร็จ
“ผมรู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากครับ แสดงว่าความตั้งใจทั้งหมดของผมที่ผ่านมา มีคนมองเห็นมันแล้ว” ปลายฟ้ายิ้มตอบอย่างยินดีกับข่าวที่ได้รับมา
“แล้วเรื่องที่มีคนสงสัยว่าทำไมอยู่ปลายฟ้าถึงได้แสดงดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เพราะว่าทำเพื่อคนคนหนึ่งจริงไหมคะ”
“ก็คงจะจริงนะครับ ที่ผมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ก็เพราะคน ๆ หนึ่งจริง ๆ” ปลายฟ้าตอบอย่างภูมิใจ
“ใช่คุณสายลมผู้จัดการส่วนตัวคนเก่าที่เสียไปแล้วหรือเปล่าคะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมต้องรีบไปต่อแล้ว” ปลายฟ้าไม่ตอบคำถามพร้อมกับขอตัวออกมา
ถึงแม้ปลายฟ้าจะรับรู้ว่าสายลมได้ตายไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากตอบคำถามนี้กับคนอื่น เพราะเขาไม่อยากรู้สึกว่าสายลมได้ตายไปจากเขาจริง ๆ เขามักเรียงตอบคำถามที่พูดถึงสายลมเสมอ ๆ
“ฉันเตือนเธอแล้วใช่ไหมล่ะว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้ แค่นี้ก็สงสารปลายฟ้าจะแย่แล้ว นี่เธอยังไปพูดให้เขาคิดถึงเรื่องเก่าอีก” เพื่อนนักข่าวด้วยกันว่ากล่าวนักข่าวคนที่ถาม ไม่มีนักข่าวคนไหนว่าปลายฟ้าในเรื่องนี้ เพราะทุกคนเข้าใจในความรู้สึกของปลายฟ้าเป็นอย่างดี
ปึก!!
ปลายฟ้าเดินชนคนอื่นจนล้มลงไปที่พื้น เป็นเพราะรีบเดินไม่อยากให้คนอื่นเห็นความอ่อนแอของเขา เพราะเมื่อมีคนพูดถึงสายลมเขามักจะอดคิดถึงเรื่องเก่า ๆ และร้องไห้ออกมาไม่ได้
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจครับ” ปลายฟ้ารีบก้มหน้าเข้าไปช่วย กลัวคนที่ชนเห็นน้ำตาของเขา
เขาเพิ่งรู้ว่าคนที่ชนเป็นคนพิการเพราะว่าต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ยิ่งทำให้รู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก เขารีบเข้าไปช่วยพยุงคนที่ล้มอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว
วูบ!!
ความรู้สึกบางอย่างพัดผ่านเขาไปอย่างคุ้นเคยเมื่อสัมผัสคนที่ล้มอยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมลุกเองได้ คุณรีบไปไม่ใช่หรอครับ ไปเถอะครับ” ชายที่โดนชนรีบบอกพร้อมกับหลบหน้าลงต่ำ
“ไม่ได้หรอกครับผมชนคุณจนล้ม แล้วจะเลยไปเลยโดยไม่ช่วยได้ยังไงล่ะครับ” ปลายฟ้าพยุงชายคนนั้นยืนขึ้นก่อนหันไปหยิบไม้เท้าช่วยเดินมาให้
“นี่ครับ” “ขอบคุณครับ” ชายคนนั้นรีบรับไม้เท้าพร้อมกับเดินออกไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่หันหลังกลับมามองปลายฟ้าแม้แต่น้อย
วูบ!!
สายลมพัดผ่านมาจากด้านหลังของปลายฟ้า แต่สายลมคราวนี้สร้างความรู้สึกคุ้นเคยและอบอุ่นให้อย่างมาก มันช่างเหมือนความรู้สึกยามที่สายลมอยู่เคียงข้างเอามาก ๆ
ปลายฟ้าหันกลับไปมองด้านหลังเพื่อมอง คนที่เขาเดินชนตอนนี้หายไป ปลายฟ้ารู้สึกสงสัยในตัวชายคนนั้นมากเป็นพิเศษ แต่คงคิดมากไปเองเขาตัดใจเรื่องที่คิดแล้วขึ้นรถไปทำงานต่อ
“กลับมาแล้วครับพี่สายลม” ปลายฟ้าทักเหมือนเดิมทุกครั้งที่กลับเข้าห้อง
“พี่สายลมวันนี้ผมได้รูปที่ไปออกงานมา มาดูด้วยกันนะครับ” ปลายฟ้าบอกเมื่อเข้าไปนอนอยู่ในห้องสายลม
ปลายฟ้านอนดูรูปที่ทีมงานส่งมาให้ ระหว่างที่ดูเขารู้สึกสังเกตุบางอย่างได้ เพราะในหลาย ๆ งานมีรูปที่คล้าย ๆ ชายพิการในวันนี้ติดอยู่ด้วย แต่ทำไมเขากลับรู้สึกคุ้นและผูกพันกับชายคนนี้นักนะ ปลายฟ้าเลือกรูปที่มีชายคนนั้นอยู่ออกมารวมกันไว้ เขาพยายามสังเกตุรายละเอียดให้มากที่สุด แต่ก็ไม่รู้อะไรมากเพราะชายคนนั้นค่อนข้างแต่งตัวมิดชิด ปลายฟ้ารอบตัดสินใจว่าเจอกันครั้งหน้าต้องเห็นหน้าและพูดคุยให้ได้
วันแถลงข่าวผู้เข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทอง
“ปลายฟ้ารู้สึกยังไงบ้างคะ ที่เป็นตัวเกร็งสำหรับรางวัลในครั้งนี้”
“ตื่นเต้นและก็ลุ้นสิครับ เพราะนี่ถือว่าเป็นรางวัลสำคัญมากสำหรับผมเลยทีเดียว และผมหวังว่าแฟน ๆ จะส่งแรงใจช่วยผมกับรางวัลนี้เหมือนกันครับ”
ขณะที่ให้สัมภาษณ์ปลายฟ้าเหลือบไปเห็นคนที่คุ้นตา คนที่กำลังตามหา ชายพิการคนนั้นนั่นเอง
“ขอตัวสักครู่นะครับ” ปลายฟ้ารีบขอตัวเมื่อเห็นว่า คน ๆ นั้นกำลังเดินจากไป
“คุณครับเดี๋ยวก่อนครับ” ปลายฟ้าเรียก ชายพิการกลับไม่สนใจเดินต่อไป
“คุณครับหยุดก่อนครับ” ปลายฟ้ารีบวิ่งตาม ชายพิการกลับรีบเดินเร็วขึ้น
“นี่คุณ หยุดก่อนได้ไหมครับ” ปลายฟ้าพยายามเรียกให้หยุด
ชายพิการนอกจากไม่หยุดยังเดินเร็วขึ้นไปอีก ปลายฟ้าพยายามแทรกผู้คนที่มางานแถลงข่าว ชายพิการเดินหลบเข้าซอกตึกไปอย่างรวดเร็ว
“หยุดก่อนครับ” ปลายฟ้าตามมาจนทันพร้อมกับจับไหล่ชายพิการไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหน
“เออ คุณมีอะไรกับผมหรือครับ” เสียงแหบแห้งถามกลับมา เหมือนกับไม่ใช่เสียงที่แท้จริง
“วันนั้นผมยังไม่ได้ขอโทษคุณจริง ๆ จัง ๆ เลย วันนี้เลยอยากคุยและขอโทษด้วยเลย” ปลายฟ้าหาข้ออ้างที่จะคุยด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นั้นเองผมขอตัวก่อนนะครับ” ชายพิการไม่ยอมหันกลับมามอง แต่พยายามจะเดินจากไป
“เดี๋ยวสิครับ ไม่คิดจะหันมาคุยกันสักหน่อยหรือครับ”
“ไม่ดีกว่าครับ หน้าตาผมไม่ได้หน้าดูขนาดนั้น” ชายพิการแกะมือปลายฟ้าออก
“หันมาคุยกันก่อนสิครับ” ปลายฟ้าเดินอ้อมไปด้านหน้าทันที
“ฮึก... ฮึก... ฮึก...”
ปลายฟ้าน้ำตารินไหลอาบสองแก้มทันทีที่เห็นหน้าคนตรงหน้าชัดเจน เขาโผเข้ากอดจนคนที่โดนกอดเซไปชิดติดกำแพง
“ทำไม ทำไมต้องโกหกผมด้วย” เสียงสะอึกสะอื้นถามคนที่โดนกอดไว้แน่น เหมือนกลัวว่าจะหนีไปไหนอีก
“ทำไมครับ ทำไมพี่สายลม”
ร่างสั่นเทาของคนที่กอดทำให้คนที่โดนกอดใจสั่นตามไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามที่ได้ยิน เขาพยายามจะไม่สนใจกับคนตรงหน้า แต่หัวใจเขากลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น สองมือกลับประคองกอดเพื่อปลอบใจ น้ำตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้างอย่างไม่รู้ตัว
“ทำไมครับ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้กับผมด้วย พี่รู้ไหมครับว่าผมคิดถึงพี่มากขนาดไหน” ปลายฟ้าตัดพ้อออกมา
ถึงจะถามยังไงก็ไม่ได้คำตอบจากคนในอ้อมกอดอยู่ดี ได้รับเพียงอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นกลับมาอีกครั้ง ทั้งสองคนกอดกันอยู่นานในมุมตึก
“ตกลงพี่จะบอกผมได้หรือยังว่าทำไมต้องโกหกผมว่าตายแล้วด้วย” ปลายฟ้าคาดคั้นอีกครั้งหลังจากความคุมอารมณ์ได้
“พี่ไม่อยากเป็นภาระให้ฟ้าไงครับ พี่ไม่อยากให้ฟ้ามาดูแลคนพิการอย่างพี่ พี่เลยคิดว่าถ้าพี่บอกว่าตายไปเสียฟ้าคงจะทำใจและลืมพี่ได้ง่ายกว่า” สายลมยอมพูดออกมาแล้วตอนนี้
“ทำไมพี่คิดแบบนั้นล่ะครับ พี่เห็นผมเป็นคนแบบนั้นเลยหรือครับ” ปลายฟ้ามีน้ำเสียงเง้างอน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ พี่รู้ว่าฟ้าของพี่เป็นคนยังไง แต่พี่ไม่อยากให้ฟ้าลำบากเพราะพี่อีกต่างหาก” สายลมรีบอธิบาย
“ตอนนี้ผมโกรธพี่สายลมแล้วจริง ๆ ด้วยกับเรื่องนี้”
“พี่หวังดีนะครับ ฟ้าอย่าโกรธพี่เลยนะ”
“ไม่ครับ ถ้าจะให้หายพี่สายลมต้องสัญญากับผมเรื่องหนึ่งก่อน”
“เรื่องอะไรครับ ฟ้าลองบอกมาก่อนสิ”
“ก็ต่อไปพี่สายลมจะไม่จากผมไปไหนอีก ให้ผมดูแลพี่บ้างนะครับ”
“ครับ พี่ก็ไม่คิดจะหนีฟ้าไปไหนอีกแล้ว พี่จะหยุดหัวใจไว้ที่ปลายฟ้าครับ”
จบบริบูรณ์