ตอนที่ 20 แก้วร้าว.....[60 เปอร์เซ็นต์]
“พี่ไนท์ก็ไม่น่าไปแกล้งพี่กรณ์เลยนะครับ.....ดูท่าจะโกรธพี่เอามากๆ”ผมไล่ดูหนังสือที่จะเอากลับไปอ่านอย่างช้า แต่ปากก็ยังบ่นเรื่องที่พี่ไนท์ไม่สมควรจะทำ
“ก็มันฮานี่หว่า....แม่งดูไอ้เตี้ยเวลาโกรธหูกับหางสั่นระริก”
“พี่กรณ์ไม่ใช่หมาหรือแมวนะครับ -*-”
“ก็แค่เปรียบเทียบเท่านั้น”
“คราวหลังผมหวังว่าพี่ไนท์จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วนะครับ.....”
“อ่ะ! หนังสือแปลเล่มนี้ก็น่าอ่าน เอาปอ่านด้วยดิ”
“ฟังที่ผมพูกบ้างรึเปล่าครับเนี่ย”
“โอ๊ะ! มีสองเล่มจบเอาไปทั้งสองเลยแล้วกัน”ผมพยายามพูดแต่พี่ไนท์กลับพยายามเฉไฉไปพูดเรื่องอื่นอยู่เรื่อยจนผมเหนื่อยใจครับ
“พอแล้วครับสามเล่มก็อ่านพอแล้ว”
“งั้นไปจ่ายตั้ง กรูจ่ายให้เอง^^”
“ครับ”
ผมเดินไปที่เค้าเตอร์จ่ายเงินพร้อมกับพี่ไนท์ที่ควักเอาบัตรขึ้นมารูด ในขณะที่ผมกำลังรอพี่ไนท์สายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับผู้ชายร่างสูงใส่เสื้อเชิตสีเทาหุ่นสมาทที่กำลังเดินอยู่กับผู้ชายอีกคนที่ตัวเตี้ยกว่าผู้ชายเสื้อเชิตสีเทานิดหน่อยครับ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้หยุดสายตาคู่นี่ของผมไว้ตรงสองคนนั้นที่อยู่ไกลเกินจะมองเห็นหน้าได้ แต่เหมือนว่าสองคนนั้นกำลังเดินมาทางนี้เรื่อยๆ ครับ เดินพูดคุยกันอย่างสนิทสนม และเมื่อสองคนนั้นอยู่ในระยะสายตาที่ผมสามารถมองเห็นได้ชัดเจน.....หัวใจของผมก็วูบลงจนแทบเซถลาไปชนกับชั้นหลังสือใกล้ๆ ครับ นั่นเพราะว่าคนที่ผมเห็นก็คือพี่ทิวา......กับใครคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จักครับ
“กลับกันได้รึยัง.....”
“..........”แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกปวดใจขนาดนี้ด้วยครับ
“กรูถามว่ากลับได้รึยัง....หรือมึงจะแวะที่ไหนอีก?”
“..........”ความรู้สึกเหมือนถูกต่อยด้วยหมัดเพียวๆ กลางหน้านี่มันอะไรกัน......
“เดย์!”
“คะครับ!”
“จะกลับเลยรึเปล่า”
“กะกลับเลยครับ ผมง่วงแล้วครับ....”
“อื้ม.....เป็นอะไรรึเปล่าวะดูมึงหน้าซีดๆ”พี่ไนท์จับหน้าผมเชิดขึ้นมาดู ผมเลยยิ้มแห้งๆ ไปให้ครับ
“เปล่าครับ ^^ กลับกันดีกว่านะครับพี่”
เพราะว่าผมไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินแม้แต่วินาทีเดียวครับ......
“กลับดีๆ นะครับพี่”
“อื้ม! มีอะไรโทรมานะเว้ย ดูมึงซึมๆ ตั้งแต่ที่ห้างแล้ว ไม่สบายก็อย่าลืมหายากินด้วย”
“ครับ ไม่ต้องห่วงหรอก”
หลังจากที่พี่ไนท์มาส่งผมที่บ้านแล้วบอกว่าจะไม่ค้าง แต่ผมก็ไม่ได้ถามครับว่าพี่ไนท์จะไปนอนที่ไหน ขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นบน ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นของบ้านซึ่งเสียงโทรศัพท์บ้านที่ดังขึ้นทำให้ผมหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปรับครับ....มองหาป้าแม่บ้านหรือใครสักคนอยู่นานสองนานก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมรับมัน ผมเลยจำใจต้องไปรับโทรศัพท์บ้านด้วยตัวเอง
“(สะสวัสดีครับบ้านคุณทัศเทพครับ.....)”
“(มึงเองเหรอ....)”พี่ทิวาโทรมาครับ แต่.....ทำไมผมถึงรู้สึกไม่อยากจะพูดกับพี่ทิวาเลย
“(ครับ......พี่ทิวามีอะไรเหรอครับ)”ผมกำลังนึกภาพพี่ทิวากำลังพูดโทรศัพท์พร้อมกับมีใครคนหนึ่งอยู่ข้างๆ แล้วรู้สึกมือไม้สั่นเหมือนจับไข้
“(คืนนี้กรูจะไม่กลับบ้าน....)”วูบหนึ่งที่ประโยคนั้นทำหัวใจผมปวดร้าวราวถูกสายฟ้าฟาด “(จะกลับบ้านตอนเช้า....ฝากบอกแม่บ้านเตรียมอาหารเช้าด้วย)”
“(คะครับ....แล้ว...แล้วพี่ทิวาทำไมถึงไม่กลับล่ะครับ.....)”ผมพยายามรักษาเสียงให้อยู่ในระดับปกติครับ ไม่ให้สั่นเครือจนพี่ทิวาสงสัย
“(กรูมีธุระ อย่าถามมาก....แค่นี้นะ)”
“(คะครับ......)”
“(นอนหลับอย่าลืมห่มผ้าล่ะ.....เดี๋ยวจะไม่สบาย)”
“(...............ติ๊ด!)”
แปะ เปะ!
ผมวางโทรศัพท์บ้านอย่างช้าๆ ด้วยหัวใจที่เหมือนจะแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาที่เอ่อคลอค่อยๆ ไหลอาบแก้มจนเย็นเยือก สายตาของผมเหม่อมองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางลงไปพร้อมน้ำตาที่ยังพรั่งพรูหล่นร่วงเป็นสาย ความรู้สึกเศร้าปะปนกับความสับสนกำลังกัดกินหัวใจของผมไปเรื่อยๆ อย่างทรมานช้าๆ มันเจ็บมากจนผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเจ็บปวดเพราะคนๆ หนึ่งด้วย.....
“ฮือๆ ๆ”เสียงสะอื้นที่ผมไม่อาจสะกดกลั้นกำลังครอบงำให้ผมจมอยู่กับความทุกข์ ผมพยายามเอามือปิดปากตัวเองให้สนิทเพื่อไม่ให้ใครได้ยินเสียงที่น่าสมเพชพร้อมกับน้ำตาที่ไร้ซึ่งความหมายแบบนี้
ฮือๆ.......ทำไมพี่ทิวาถึงต้องทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ด้วยครับ ความรู้สึกรัก รู้สึกห่วงหา รู้สึกสับสน รู้สึกเศร้าเสียใจ.....ผมไม่ได้จะต้องการมันสักหน่อย.......ทำไมต้องทำกับผมแบบนี้ด้วยครับบบบบบบ!
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่.....ที่ผมผลอยหลับไปทั้งที่ร้องไห้อย่างหนักครับ ตาของผมมันก็เลยรู้สึกปวมๆ จนแทบลืมไม่ขึ้น นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วใจผมยังรู้สึกเจ็บไม่หาย ผมมองไปที่พื้นข้างๆ เตียงซึ่งเคยวางโคมไฟตุ๊กตาเอาไว้แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะผมเอามันไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้ว ผมไม่อยากเห็นผมไม่อยากมองมันครับ......
วันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็รีบลงไปบอกป้าแม่บ้านในครัวที่กำลังวุ่นเตรียมอาหารเช้า ผมบอกป้าว่าเตรียมอาหารเช้าเผื่อพี่ทิวาด้วยเพราะพี่ทิวาจะกลับมากินครับ ผมว่างอยู่พอดีเลยช่วยป้าแม่บ้านเตรียมอาหารครับ วันนี้ป้าทำข้าวต้มทะเลทรงเครื่อง กลิ่นหอมฟุ้งท่าทางน่ากินมาก แถมตอนเช้าผมอาสาออกเดินไปปากซอยเพื่อไปซื้อปาท่องโก๋มาทานพร้อมข้าวต้ม เพราะผมเคยกินแล้วติดใจครับ อร่อยน่าดู
โชคดีครับที่ป้าแม่บ้านบอกว่ามีจักรยานของคุณลุงที่ทำสวนอยู่ ให้ผมปั่นไปซื้อ ผมเลยไม่ต้องเหนื่อยเดินไปเพราะปากซอยก็อยู่ไม่ได้ใกล้สักเท่าไหร่เลยครับ ผมซื้อไปเผื่อพี่ทิวาด้วยครับ....เผื่อพี่ทิวาอยากจะทานด้วย แต่พอจะกลับด็ดันเจอร้านขายน้ำเต้าหู้ผมเลยอดไม่ได้ที่จะซื้อกลับมาสองถุงครับ น้ำเต้าหู้ท่าทางจะอร่อยเพราะคนเยอะมาครับผมเลยต้องต่อคิวซะยาวกว่าจะได้ เล่นเอาเหงื่อไหล่โชคเลยครับ
ออกมาข้างนอกเช้าๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ มันทำให้ผมไม่รู้สึกฟุ้งซ่าน....
“รถพี่ทิวา.....”ทันทีที่ผมปั่นจักรยานเข้าบ้านมาผมก็เห็นรถพี่ทิวาจอดอยู่ครับ ถึงเมื่อคืนผมจะเอาแต่ร้องไห้นึกถึงแต่เรื่องไม่สบายใจ แต่พอตอนเช้าคิดว่าจะได้เจอพี่ทิวาอีกผมก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด ผมมองน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่ซื้อมาด้วยร้อยยิ้มก่อนจะรีบจอดจักรยานแล้วเดินเข้าบ้านไป ตอนนี้ป้าแม่บ้านคงเตรียมตั้งโต๊ะไว้รอแล้วล่ะครับ
ผมวิ่งรวดเดียวจนไปถึงโต๊ะอาหารเลยครับผมเห็นป้าแม่บ้านยืนอยู่ก่อนจะเห็นพี่ทิวานั่งอยู่ตรงโต๊ะ
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณ....เหงื่อโชคเชียวป้าให้ลุงไปซื้อให้ก็ไม่ยอม”
“ไม่เป็นไรครับผมอยากออกไปซื้อเองมากกว่า ^^”ผมยิ้มก่อนจะรับกระดาษทิชชูที่ป้าแม่บ้านส่งให้มาซับเหงื่อ แล้วยื่นถุงปาท่องโก๋กับถุงน้ำเต้าหู้ให้ไปจัดการ
แอ๊ะ! พี่ทิวาไม่ได้นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารอยู่คนเดียวหรอกเหรอครับ ?
“มาถึงก็ดีแล้วมานั่งสิ.....กรูรอมึงกินข้าวอยู่”พี่ทิวายืนแล้วกวักมือเรียกผมครับ เสื้อยังเป็นตัวเมื่อวานอยู่เลยครับ...
“ครับ.....”ผมเดินไปจะนั่งตรงที่ประจำของผม แต่ว่า....มีใครบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้วครับ และคนๆ นั้นถึงกับทำให้ผมสะอึกครับ....
“นี่โจ.....รุ่นน้องที่มหาลัย”พี่ทิวากระอักกระอวนที่จะแนะนำคนๆ นั้นให้ผมรู้จักครับ ถ้าผมจำทั้งรูปร่างและหน้าตาไม่ผิด คนๆ นี้ผมเคนเห็นอย่ครั้งสองครั้งครับ ครั้งที่สองอยู่ที่ห้างกับพี่ทิวา....ส่วนครั้งแรก....ที่บ้านหลังนี้ครับ
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหวตามมารยาท ผู้ชายคนนั้นเงยหน้ามามองผมก่อนจะยิ้มให่ครับ ทั้งรูปร่างและหน้าตาเป็นผู้ชายที่จัดว่าหล่อครับ คิ้วเข้ม จมูกรั้นเชิดขึ้น ปากอิ่มยิมสวย...
“เค้าจะมาอยู่กับพวกเราระยะหนึ่ง.....มึงคงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ย”
วูบ! สิ่งที่พี่ทิวาบอกถึงกับทำให้ผมแทบทรุดครับ ผมไม่รู้หรอกครับว่าพี่ทิวากับพี่โจเป็นอะไรกัน แต่ทำไมต้องพามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยครับ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับ แต่......ผมมีสิทธิ์ห้ามเหรอครับมันเป็นสิทธิ์ของพี่ทิวานี่ครับที่จะเอาใครมาหรือหรือไล่ใครออก....
ฮึก........มะไม่ได้นะ....ผมจะมาร้องไห้ตอนนี้ได้ยังไงต้องยิ้มสิ
“ผม.....ผมจะไปว่าอะไรล่ะครับ ก็ที่นี่ไม่ใช่บ้านผม”
“พี่ทิวาครับผมหิวแล้วเราจะกินกันได้รึยัง....”พี่โจพูดดังขึ้นจนผมคุ้นกับเสียงนั่นมากครับ....เหมือนกับเสียงจากโทรศัพท์เมื่อวันก่อน! ที่โทรมา.....
“นั่งสิ....ไม่กินรึไง”ผมจำใจต้องหาที่นั่งใหม่ครับเพราะที่ของผม ถูกใครบางคนเข้ามาแทนซะแล้วครับ แล้วผมก็เลือกนั่งที่ถัดไปจากพี่โจเพราะมีถ้วยข้าวต้มตั้งเตรียมไว้อยู่ครับ
ผมรู้สึกหายใจไม่ออกครับ ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด มือสั่นอย่างไร้สาเหตุ ผม....ผมอยากจะออกไปจากที่ตรงนี้ก่อนที่ผมจะ.....
“ขอโทษนะคะ...นี่ปาท่องโก๋ที่คุณเดย์ซื้อมาค่ะ ยังอุ่นๆ อยู่เลย....แล้วก็น้ำเต้าหู้สองแก้ว.....”
“ผมอยากกินน้ำเต้าหู้บ้างจังเลย”จู่ๆ พี่โจก็พูดขึ้นหลังจากที่ป้าแม่บ้านวางแก้วน้ำเต้าหู้ลงตรงที่พี่ทิวาและตรงข้างๆ ผม
“เอาของกรู.......”พี่ทิวาทำท่าจะพูดแต่ผมก็รีบขัดขึ้นมาซะก่อนครับ แก้วนั้นผมตั้งใจจะซื้อมาฝากพี่นะครับ ทำไมพี่ต้องยกมันให้คนอื่นด้วยล่ะครับ
“พี่ทิวา!”
“มีอะไร”พี่ทิวามองผมด้วยสายตาสงสัย ผมหลุบตาลงก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะไม่ปกติ
“ปะเปล่าครับ....น้ำเต้าหู้เอาของผมไปก็ได้ครับ ไว้วันหลังผมจะไปซื้อมากินใหม่.....”ผมยกน้ำเต้าหู้แก้วของตัวเองให้พี่โจก่อนจะรีบตักข้าวต้มใส่ปากตัวเองไม่พูดไม่จา ผมรู้ครับว่าพี่ทิวากำลังมองผมอยู่ด้วยความรู้สึกบางอย่างไม่วางตา
ความรู้สึกของผมตอนนี้กำลังว้าวุ่นจนแทบคลั่งเลยครับ.... ทั้งรู้สึกสับและเสียใจ
“เป็นอะไรรึเปล่า.....”พี่ทิวาเอ่ยถามผมด้วยเสียงแผ่วเบา ผมก้มหน้างุดมองถ้วยเข้าต้มตัวเองด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกครับ แถมขอบตาก็ยังร้อนผ่าว ผมรู้ครับว่าตัวเองกำลังทำนิสัยเอาน้ำตาเข้าแลกอีกแล้ว....แต่ผม....ผมกำลังพยายามกดกลั้นอยู่ครับ
“ไม่ครับ....ผมไม่เป็นอะไร....”ผมตักข้าวต้มอีกคำเข้าปากเคี้ยวมันแล้วกลืนลงคออย่างยากลำบาก
“เงยหน้าขึ้น”พี่ทิวาสั่ง ผมเลยเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มระคนปวดใจให้พี่ทิวาครับ
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ครับ....เอ่อ....ผมขอตัวนะครับอิ่มแล้ว”
“กรูไม่เห็นมึงจะกินได้สักกี่คำ”
“พี่ทิวาอย่าเซ้าซี้น้องเค้าเลยครับ อิ่มแล้วก็ปล่อยไป”พี่โจพูดขึ้นมองผมที่ลุดขึ้นยืนครับ พอพี่โจพูดเสร็จผมก็เดินออกมาเลยครับ ก่อนที่น้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นได้ไหลทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมความรู้สึกแย่สุดๆ ครับ
ฮือๆ ๆ ผมไม่รู้จะทำยังไงดีจริงๆ ครับ มือผมปากผมมันสั่นไปหมด ผมไม่สามาถอยู่ตรงนั้นได้อีกแล้วจริงๆ ครับ ผมไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอพี่ทิวากับพี่โจได้หรอกครับ ในเมื่อพามาอยู่ด้วยกันแบบนี้นั่นหมายถึงผมต้องหลีกทางหลบให้ห่างใช่มั้ยครับ.......
ปังๆ ปังๆ
“เดย์!”เสียงเรียกที่จริงจังจากพี่ทิวาดังขึ้นมาทางด้านหน้าห้องผม ผมไม่เคยได้ยินพี่ทิวาเรียกชื่อผมแบบนี้มาก่อนครับ แต่ถ้าจะให้ผมเปิดประตูให้ล่ะก็.....ตอนนี้ผมไม่พร้อมจริงๆ ครับ
“มึงเป็นอะไรออกมาพูดกับกรูนี่ ทำไมต้องหนีด้วยวะ!”ผมถอยหลังจนตัวประชิดขอบเตียงครับ ไม่อยากได้ยินเสียงพี่ทิวา
“พี่ครับไปเถอะ จะเอาอะไรกับน้องเค้าก็ไว้เจอกัน ทำไมต้องมาตะโกนเรีกยกันเหมือนเด็กๆ ไหนพี่สัญญาว่าจะดูแลผมไง.....แล้วจะสนใจคนอื่นทำไม”
คำว่าคนอื่นของพี่โจยิ่งทำให้ผมปวดใจครับ ตอนนี้ผมอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะคนอื่นไปแล้วเหรอครับ
“.......ได้....งั้นมานี่กับกรู”
แกร็ก! ปัง!
เสียงพดคุยกันข้างนอกทำให้ผมไม่อยากออกไปจากห้องนี้อีกแล้วครับ
ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อนฮับเลยเข็นออกมาได้แค่ 60 เปอร์เซ็นต์(โทษฟ้าดินอากาศใช่มั้ยเนี่ย เพราะแกขี้เกียจเองมิใช่เรอะ!!!!)

ฮาๆๆๆ แต่ยังไงก็ตามแต่จะรีบกลับมาอัพให้ครอบร้อยแล้วตามด้วยตอนต่อไปแล้วกันนะฮับ

แง่ๆ ขอโทษๆๆๆ

ปล. ขอบคุณทุกรีฮับที่ติดตาม(โค้งงามๆ สามครั้ง)

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าฮับ ! (ได้ข่าวตอนนี้ยังไม่จบมิใช่เรอะ! - -^)
