“งั้นก็ให้ฉันออกค่าใช้จ่ายด้วย บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า เวลาจะซื้ออะไรมาให้ฉัน ต้องถามฉันก่อน แล้วก็ต้องให้ฉันมีส่วนร่วมในการออกเงินด้วย ฉันจะให้นายออกคนเดียวได้ไงเดียร์ นายอยู่ตัวคนเดียวก็จริง แต่บ้านก็ยังต้องเช่าอยู่ไม่ใช่เหรอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอยู่ล่ะ ใช้เงินหมดไปเรื่อยๆ แล้วจะเอาที่ไหนจ่ายหากมัน
ไม่พอขึ้นมาจะทำยังไง”
ผมพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เด็กหนุ่มหันมาสบตาผม เขายิ้มให้กับผม
“ดีใจจังเลย ที่เรียวพูดแบบนี้ แปลว่า เรียวห่วงใยผมแล้วใช่ไหมครับ รู้สึกอบอุ่นจังเลยนะ ที่มีคนแคร์ว่าเราจะอยู่จะกินอย่างไร ถ้าเรียวกลัวว่าผมจะไม่มีเงินจ่ายค่าที่พัก ค่าน้ำค่าไฟ เรียวก็ให้ผมมาอยู่ด้วยคนสิ ได้ไหมครับ”
ประโยคหลัง เดียร์หันมาทำท่าอ้อนผม
“เอาแล้วไง สงสารหน่อยเป็นได้ใจเชียวนะ”
ผมว่าเขา เดียร์แลบลิ้น ก่อนจะหัวเราะอย่างร่าเริง
“ล้อเล่นนะครับ อยากดูว่าเรียวจะตอบยังไง ถึงจะรู้อยู่แล้ว ว่าเรียวจะพูดออกมาแบบนี้ทุกครั้ง แต่ก็ยังอยากลุ้นอยู่ดี เผื่อว่าจะมีคำตอบดีๆที่ฟังแล้วทำให้ผมรู้สึกแช่มชื่นในหัวใจ ผมน่ะ อยากฟังคำพูดที่ทำให้ผมได้รับรู้ว่า เรียวเห็นผมเป็นคนสำคัญของเรียวจริงๆ แต่ว่า แค่นี้น่ะ ก็ดีแล้วน๊า ผมดีใจจนบอกไม่ถูกแล้ว ยิ่งได้อยู่ใกล้กันแบบนี้ พูดคุยกัน เรียวด่าผมบ้าง เหน็บแนมผมบ้าง มันก็ทำให้ผมมีความสุขได้ ถ้าเรียวเมินเฉยกับผม ไม่พูดด้วยนี่สิ ผมจะยิ่งทุกข์ใจไปใหญ่ เวลาเรารักใคร เราต้องรู้จักอดทนนะครับ จะรีบร้อนไม่ได้ ต้องให้เวลากับคนที่เรารักด้วย เขาจะได้เตรียมพร้อมเพื่อที่จะรักเราได้อย่างเต็มที่”
เดียร์ตอบผมด้วยท่าทางที่มุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง ความหวังเปี่ยมอยู่เต็มใบหน้าจนผมสังเกตเห็นได้ ผมมองแววตาใสซื่อของเดียร์อย่างค้นคว้า จริงหรือเปล่า ที่เด็กคนนี้ รู้สึกมีความสุขเวลาที่อยู่ใกล้ๆผม ทั้งๆที่บางครั้งผมก็ทำกริยาอาการไม่ดีกับเขามาตลอด เขาทำอย่างนี้ได้อย่างไรกันหนอ ไม่รู้สึกทุกข์ใจบ้างหรือไร ไม่เคยห่อเหี่ยวหรือหมดกำลังใจบ้างเหรอ ถ้าผมทำให้เขาผิดหวัง เขาจะเสียใจมากขนาดไหนนะ หรือเขาจะยังยิ้มสู้ด้วยหน้าตาที่ร่าเริงแบบที่เขาเคยทำมาตลอด เจ้าเด็กนี่ทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจจริงๆ
“เดี๋ยวมาเอาเงินกับฉันนะ ค่าของที่ซื้อมาทั้งหมดนี้น่ะ”
ผมเปลี่ยนเรื่องพูด
“ไม่รู้จะคิดไงครับ ไม่มีบิล ผมจำไม่ได้ด้วย”
“เฮ้อ........” ผมถอนหายใจ ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี เด็กนี่คงไม่ยอมรับเงินจากผมอีกเช่นเคย
“งั้นเอาเป็นว่า ฉันจะพานายไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ที่นายอยากไป สักหนึ่งที่ ฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้เอง แต่แบบไปเช้า เย็นกลับนะ”
ผมเสนอที่จะพาเขาไปเที่ยวเป็นการแลกเปลี่ยน เดียร์ทำตาโตมองผม ท่าทางดีอกดีใจ
“จริงๆเหรอครับ จะพาผมไปจริงๆนะ งั้นเป็นสามครั้งแล้วนะ ที่เรียวสัญญา เดี๋ยวผมจะจดไว้ในสมุดโน้ตกันลืมนะครับ”
เดียร์ทำท่ากระดี๊กระด๊า จนผมเริ่มรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอีกครั้ง เลยหันหลังเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น เพิกเฉยต่อความตั้งใจที่จะช่วยเขาทำครัวไปซะสิ้น
“เรียวรอผมแป๊บนะ เดี๋ยวผมจะทำข้าวเช้าไปให้ทานนะครับ”
เด็กหนุ่มตะโกนไล่หลัง ผมแอบยิ้มให้กับตัวเอง เดินมานั่งตรงโซฟาในห้องรับแขก ซึ่งเป็นโถงกว้างสามารถมองเห็นไปจนถึงห้องครัวได้ ผมมองเห็นเดียร์เดินวุ่นวายอยู่ในครัว ปากก็ผิวปากเป็นเพลง ท่าทางรื่นเริง ผมเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น กดปุ่มรีโมทเปิดทีวี แล้วพยายามจะให้ความสนใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า แต่ผมกลับดูไม่รู้เรื่อง ความคิดของผมล่องลอยไปไกลถึงเรื่องตัวเอง แล้วก็เรื่องของเด็กหนุ่มลูกครึ่ง คนที่พยายามวนเวียนอยู่ใกล้ๆผมตลอดเวลา
ตามปกติวันหยุดเสาร์อาทิตย์แบบนี้ ผมมักจะอยู่บ้านพักผ่อนอย่างเงียบสงบ นับตั้งแต่ เลิกรากับอรจิรา ผมเมาหัวราน้ำอยู่พักหนึ่ง บ้านช่อง หมาเหมอ ไม่เคยดูแล จนกระทั่งผมคิดได้ว่าได้ทำร้ายตัวเอง และทำร้ายเพื่อนยามยากของผมด้วย ผมเลยหยุดเที่ยวและไม่ค่อยได้ไปไหนอีกเลย หมกตัวอยู่ภายในบ้าน เอาแต่นั่งเล่น นอนดูทีวี และทำความสะอาดบ้านกับซักเสื้อผ้า เล่นกับเจ้าหญิง ฆ่าเวลาไปวันๆ พอให้ไม่เหงา
อาหารก็ซื้อมากินแบบสำเร็จรูป ไม่เคยคิดจะทำกินเองเลย เพราะอยู่คนเดียว หลังจากที่อรจิราจากผมไป ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีใครมาหาผมถึงบ้าน มาส่งเสียงคุยเจื้อยแจ้ว หัวเราะเสียงดัง ทำกับข้าวให้ผมทาน และ กินด้วยกันแบบวันนี้ เด็กนี่กลับทำให้บ้านผมมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ผมอยากทำอาหารให้เก่งๆหลายๆอย่างนะครับ เรียวจะได้กินกับข้าวที่หลากหลายออกไป จะได้ไม่ซ้ำซากจำเจ นี่ผมก็ซื้อตำรามาศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง แล้วก็ลองทำไปเรื่อยๆนะครับ ก็มีบ้างที่กินได้ บางอย่างก็ต้องปรับปรุงฝีมือการทำครับ กว่าจะเข้าขั้น”
เด็กหนุ่มทำอาหารไปก็ส่งเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วให้ผมได้ยิน ผมกดปุ่มปรับระดับเสียงทีวีให้เบาลง และหันไปมองเดียร์จากห้องรับแขกที่นั่งอยู่ อากัปกิริยาท่าทางของเขา ดึงดูดความสนใจของผม เด็กหนุ่มจับโน่น หั่นนี่ ปรุงนั่นด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ดูเหมือนเดียร์จะมีความสุขในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้ทำลงไป
ผมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเพลิดเพลิน เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขา เจ้าเด็กลูกครึ่งปิศาจคนนี้มีความกลมกลืนเป็นธรรมชาติกับทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ ณ ขณะที่เขากำลังทำอาหารอยู่ในครัวของผม ก็ดูประหนึ่งว่า เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้าน ไม่มีความรู้สึกเลยว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าในที่นี้ เขาทำตัวเหมือนคุ้นเคยกับตู้เย็นของผม รวมไปถึงอ่างล้างจาน มีด เขียง เตาแก๊ส ยังกับว่าเขาอยู่ที่นี่มานานแสนนาน
หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เดียร์ก็ยกสำหรับอาหารทั้งหมดมาวางบนโต๊ะ กลิ่นของมันหอมยั่วยวน จนทำให้ท้องของผมตอบรับด้วยการส่งเสียงร้องครวญคราง เด็กหนุ่มเดินมาหาผม แล้วดันหลังให้ผมเดินไปที่โต๊ะอาหาร เขาเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่งแล้วกุลีกุจอตักข้าวใส่จานให้ผม ส่วนตัวเขาก็นั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ เอามือสองข้างเท้าคางมองดูผม
“ไม่กินหรือไง” ผมถาม
“อื้อ อยากได้คำตอบก่อนครับว่า กับข้าวที่ผมทำให้เรียวอร่อยไหม”
ผมมองสำรวจอาหารที่วางตรงหน้า เดียร์ลงมือทำอาหารให้ผมทาน กินกันแค่สองคน มีกับข้าวสองสามอย่างแต่เขาก็ทำมามากมาย ผมลองตักอาหารชิมดูหลายๆอย่าง ฝีมือของเด็กหนุ่มคนนี้ก็ดีจนน่าทึ่ง อาหารเช้าที่ผมได้กินจากฝีมือเขา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารพอสมควร ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในช่วงชีวิตวัยรุ่นแบบเขา จะทำอะไรได้มากมายหลายอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าต้องอยู่คนเดียวมาตลอดนับตั้งแต่หนีออกจากบ้านมา ประสบการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตตามลำพัง อาจจะหลอมรวมทำให้เขากลายเป็นคนแกร่งและเก่งขึ้น เพราะต้องช่วยตัวเอง ไม่สามารถพึ่งพาใครได้
“ไม่แน่ใจฝีมือตัวเองเหรอ”
“ไม่แน่ใจว่าเรียวจะชอบกินรสที่ผมทำหรือเปล่านะสิครับ”
เด็กหนุ่มมองผมอย่างลุ้นๆ จนผมชักเขิน ที่ต้องมาทำท่าเป็นนักชิมอาหาร แล้วกำลังตัดสินฝีมือคนปรุง
“ฝีมือก็ใช้ได้นี่ นายน่าจะไปทำงานร้านอาหารนะ”
ผมกล่าวชื่นชมเขา เด็กหนุ่มยิ้มตาเป็นประกาย เขาขยับปากที่จะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ นั่งนิ่ง เอาแต่จ้องมองผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างเดียว
“ลงมือกินกันเถอะ ฉันไม่อยากกินคนเดียว”
ผมรู้สึกเขิน ที่จะกินข้าว โดยมีคนมานั่งมองตาเยิ้มแบบนี้ เดียร์กุลีกุจอตักข้าวเข้าปากตัวเอง ตาก็ไม่วายจ้องผม จ้องเอาจ้องเอา จนผมเริ่มหงุดหงิด
“เอ้า มองเข้าไป มองอยู่นั่นแหละ เห็นหน้าฉันแล้วจะทำให้อิ่มขึ้นหรือไง”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า ยิ้มทะเล้น ดวงตาแพรวพราวระยิบระยับ
“มีแต่จะทำให้หิวกระหายมากขึ้นนะสิครับ เรียวน่ะ น่ากินมากกว่าอาหารพวกนี้เสียอีก กำลังคิดว่า ต้องกินซักกี่ครั้งกันแน่น๊า ถึงจะหายอยาก สงสัยคงไม่มีวันเบื่อเหมือนกินอาหารอย่างอื่นแน่”
ผมแทบสำลักอาหารที่กินเข้าไป ต้องรีบดื่มน้ำตาม
“ไอ้เด็กบ้า ลามกตลอดศก”
ผมด่าเขาเสียงดัง เดียร์หัวเราะเอิ๊กอ๊าก อย่างชอบอกชอบใจ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตักข้าวกินไป ตาก็มองจ้องผม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนแก้มตุ่ย เห็นหน้าตาบ๊องแบ๊วตลกๆนั่น เลยทำให้ผมโกรธไม่ลง ต้องหัวเราะออกมาด้วยความขำ
****************************
พึงหัดโพสนะ มาต่อวันละตอนแล้วกันนะ