การเดินทางของศิลากับฟ้าคราม : เส้นทางสุดท้าย (.....สู่บทสรุป)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: การเดินทางของศิลากับฟ้าคราม : เส้นทางสุดท้าย (.....สู่บทสรุป)  (อ่าน 242998 ครั้ง)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
อยากบอกว่าอยากอ่านเรื่องภูกับพี แต่กลัวเศร้าอ่ะ  :a6:  :a6:  :a6:
ยิ่งถ้าต้นแต่งด้วยนะ  :m8:  :m8:  :m8:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป



คิดถึงคนแต่งจังเลยยยยยยยยยยยย

ยุ่งมากเลยชีวิต  แต่ยังมีเวลาคิดถึงนะ

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
ชีวิตของพีนี่เศร้ามากๆๆๆ จริงๆนะ  :m15: ..... เฮ้อ ...... ไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะมีใครสักคนมาช่วยเหลือพีได้นะ  :undecided: ..... ภู ... พี ... เมฆ .... เศร้าจัง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 36


เมื่อผมและซันเดินไปถึงป้ายรถบัสที่เราจะต้องขึ้นรถสายสีแดงต่อไปเพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกยังจุดชมวิว ไคล์กับพีก็ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว

“รถจะมาในอีกสิบนาทีครับ มาทันเวลาพอดีเลย” ไคล์พูด

พีกำลังมองมาที่ผมสองคนด้วยสายตาเป็นกังวล ผมจึงเดินเข้าไปหาเขา

“ปฐพี นักกีฬาบาสคนใหม่ เด็กปั้นของอาจารย์หนุ่ม” ผมยิ้ม

“เอ่ออ คืออ.....” เขาก้มหน้า ผมเดาเอาว่าเขาคงอายและทำอะไรไม่ถูกมั๊งนะ เพราะเขาเอานิ้วชี้ขึ้นมาเกาที่แก้มอีกแล้ว

“ขอโทษทีนะครับพี พี่เพิ่งนึกเรื่องทั้งหมดออกเมื่อกี๊นี้เอง ได้ไอ้ซันช่วยเตือนความจำน่ะ” ผมหันไปมองที่ไอ้ซันที่กำลังยืนยิ้มอยู่ พีเองก็หันไปมองมันด้วยเช่นกัน จากนั้นผมก็หันกลับมาหาเขา “ขอโทษจริงๆนะ ที่พี่ลืมเรื่องของพีไปหมด น่าจะเป็นเพราะพี่เคยถูกรถชนด้วยน่ะ” ผมบอกเขา

“ครับ ผมเข้าใจ” เขาตอบ “แล้วก็เราเคยเจอกันแค่แป๊บเดียวด้วย พี่ก็คงจำผมไม่ได้อยู่แล้ว”

“ไม่หรอก ไอ้ซันยังจำได้เลย พี่เองก็จำได้แล้วนี่ไง” ผมยิ้ม และคราวนี้เขาก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยเช่นกัน

“เดี๋ยวก่อนนะ ตกลงศิลากับพีทแล้วก็ซัน เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วจริงๆน่ะเหรอ” ไคล์ถามขึ้น

“ช่ายยย แต่ก็เอาน่า ไม่ใช่เรื่องของเราหรอก มานี่ดีกว่า ไอ้น้องชาย ไปถ่ายรูปกับพี่ตรงริมหน้าผานั่นดีกว่า วิวสวยดีมั๊ยนะ” ไอ้ซันพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอดคอไคล์เดินออกไป ก่อนที่จะเดินไปมันยังหันมายิ้มให้ผมนิดหนึ่งด้วย

แต่เมื่อไอ้ซันอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ผมกับพีอยู่ด้วยกันสองคน ผมกลับไม่รู้จะคุยอะไรกับเขาเสียอย่างนั้น แต่แล้วจู่ๆผมก็คิดถึงเรื่องหนึ่งคิดมาได้

“เดี๋ยวนะ ตอนนั้นพีเป็นรุ่นน้องพี่กับไอ้ซันปีนึง แล้วทำไมพีถึงมาโครงการนี้ได้ล่ะ ตอนนี้พีน่าจะกำลังเพิ่งขึ้นปีหนึ่งเองนี่นา” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็ใช่ครับ แต่ผมลงเรียนรามไว้ด้วยตั้งแต่อยู่มอปลายแล้ว ผมก็ใช้วุฒิตรงนั้นเอา แต่แค่นั้นมันก็คงยังไม่พอ......... คือ จริงๆแล้ว บริษัทนี้เป็นบริษัทของแม่ผมเองแหละครับ มันก็เลยไม่มีปัญหามาก” เขาพูดแบบไม่ค่อยจะพอใจเท่าใดนัก

“เอ้ออ ก็ดีออกนี่” ผมยิ้มกว้าง

“ก็ไม่ดีหรอกครับ บางคนอาจจะไม่คิดแบบพี่ก็ได้” เขาก้มหน้า

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ก็...... เปล่าหรอกครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ในแววตาของเขาตอนนี้มันยิ่งดูเศร้าสร้อยมากกว่าเดิมเสียอีก “อ้าวนั่น รถมาแล้วครับ เราไปต่อแถวขึ้นรถกันดีกว่า” เขาชี้ไปที่รถบัสพ่วงสองตอนคันเล็กๆ ที่กำลังขับรถวนมาจอด

ผมพยักหน้าแล้วก็หันไปเรียกซันกับไคล์ที่กำลังยืนชมวิวอยู่ไม่ไกล จากนั้นเราสองคนก็เดินไปต่อแถวที่มีคนจำนวนมากต้องการจะขึ้นรถไปชมพระอาทิตย์ตกด้วย เราสี่คนได้นั่งรถตอนหลัง ส่วนคราวนี้ผมนั่งกับซัน และพีนั่งกับไคล์อยู่ที่เบาะด้านหลังของเราสองคน

“กูเล่าให้ไคล์ฟังคร่าวๆแล้วนะ มันจะได้ไม่ต้องสงสัยมาก” ซันกระซิบบอกกับผมเบาๆ

“อืมๆ ขอบใจ” ผมกระซิบตอบ

“ว่าแต่เราต้องลงที่ไหนกันเนี่ย” ซันหันไปถามพี

“เดี๋ยวมันจะมีจุดชมวิวอยู่เป็นช่วงๆครับ เราจะลงตรงจุดไหนก็ได้ แต่ส่วนมากคนจะลงที่ โฮปิ พ็อยท์ แต่ผมไม่แนะนำครับ” เขาตอบ

“อ้าว ทำไมล่ะ”

“ก็คนมันเยอะน่ะครับ มันเห็นแกรนด์ แคนยอนในมุมกว้างได้ก็จริง แต่ผมไม่ชอบ ผมว่าจะพาไปที่ โมฮาวี พ็อยท์น่ะคับ สวยกว่า เงียบกว่าด้วย....... คือ แบบนั้นจะได้มั๊ยครับ” เขาถามความเห็น

“ได้อยู่แล้ว” ไคล์พูด “ผมไปที่ไหนก็ได้ที่พีทพาไปนั่นแหละครับ” เขายิ้มกว้าง

พีเองก็หันมายิ้มให้กับไคล์เช่นกัน

เรานั่งรถไปตามถนนเส้นเล็กๆขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เส้นทางตรงนี้ค่อนข้างจะแคบนิดหน่อยเหมือนกัน มิน่าล่ะว่าทำไมเขาถึงห้ามขับรถมาเอง และข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยธรรมชาติมากๆด้วย คนขับก็คอยพูดผ่านไมค์เพื่อบอกเราเป็นระยะๆว่าเรากำลังจะไปที่ไหนและมันมีความพิเศษยังไง จนเมื่อมาถึงโฮปิ พ็อยท์ อย่างที่พีบอก คนบนรถก็ลงกันไปเกือบจะหมดทั้งคันทีเดียว ผมมองออกไปด้านนอกแล้วก็เห็นว่า มันเป็นจุดชมวิวกว้างที่เราน่าจะสามารถมองเห็นได้ทั่วแทบจะเกือบทุกมุมของที่นี่อย่างที่พีบอกจริงๆ

“คนเยอะมากเลยว่ะ” ไอ้ซันพูดขึ้น

“เพราะงี้ พีถึงได้บอกเราว่าอย่าลงไปเลยสินะ กูว่าคนมันเยอะเกินไปจริงๆ” ผมเห็นด้วย

และหลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปอีกราวๆห้านาที พีก็บอกพวกเราว่าเราต้องลงข้างหน้านี้แล้ว เมื่อคนขับพูดชื่อว่า โมฮาวี พ็อยท์และเริ่มชะลอรถลง จนรถหยุดสนิท ก็มีเราเพียงสี่คนเท่านั้นที่ลงจากรถมา

“ลองดูที่ตำแหน่งของพระอาทิตย์สิครับ” พีเดินนำพวกเราไปยังขอบผา ผมมองไปรอบๆก็เห็นมีเพียงคนแก่คู่หนึ่งกับผู้หญิงอีกคนอยู่ไกลๆ นอกนั้นก็มีเพียงเราสี่คนเท่านั้นเอง

ผมว่าที่นี่สวยกว่าที่โฮปิ พ็อยท์เยอะเลยจริงๆด้วย เขาทำที่นี่ไว้เหมือนกับสวนสาธารณะเลยทีเดียว ต่างจากโฮปิ พ็อยท์ที่เป็นเหมือนลานเรียบๆที่ไม่มีอะไรมาก แต่ที่นี่มีเสาไม้กั้นเป็นทางเดิน และมีต้นไม้ร่มรื่นดีด้วย ในเวลาที่พวกเราลงจากรถนี้ แสงแดดจากพระอาทิตย์ที่ส่องลงมานั้นก็กำลังเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนๆ ความรู้สึกเหงาๆที่ผมมักรู้สึกทุกครั้งเมื่อเห็นบรรยากาศที่ชวนเศร้าสร้อยแบบนี้เริ่มเข้ามาครอบคลุมภายในใจของผมอีกครั้ง ถึงผมจะไม่ได้คิดแบบนี้บ่อยนัก และไม่ใช่ว่าผมเป็นคนที่อ่อนไหวหรือเพ้อฝันอะไรนักหรอก และยิ่งไม่ใช่ว่าเวลาที่ผมเห็นพระอาทิตย์ตกดินแล้วผมจะเกิดอารมณ์โรแมนติกขึ้นมาซะทุกครั้งไป แต่ว่าบางครั้งถ้าผมได้มีโอกาสอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบและสวยงามแบบนี้ ความงดงามที่แฝงไปด้วยความเศร้าของแสงสีส้มอ่อนๆของพระอาทิตย์ที่สะท้อนออกมาฉายเคลือบไปจนทั่วท้องฟ้าและหมู่เมฆราวกับพระเจ้าเป็นผู้ลงสีและมีแผ่นฟ้าเป็นผืนผ้าใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คราวนี้แสงและเงาของความเหนื่อยอ่อนที่ดูราวกับเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของดวงอาทิตย์ที่จะได้ส่องแสงมอบความอบอุ่นให้แก่พื้นโลกนั้นมันยังสะท้อนลงมาสู่พื้นดินและเนินเขาขรุขระของแกรนด์ แคนยอนเบื้องล่างจนเกิดเงาดำซ้อนทับและพาดผ่านลงบนพื้นผิวโลกอีกด้วย......... ทั้งหมดนี้มันจึงยิ่งมอบความรู้สึกให้แก่ผมราวกับว่านี่คือแสงสุดท้ายอันอ่อนแรง เศร้าโศก แต่ก็ยังคงอบอุ่นที่พระอาทิตย์กำลังพยายามจะมอบให้แก่พวกเราทุกคนก่อนที่จะลาจากก้อนเมฆ ท้องฟ้า และผืนดินไป หลังจากนั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นค่ำคืนอันมืดมิดและแทนที่ด้วยความหนาวเหน็บแก่พวกเราอีกครา.........

ผมรู้สึกตัวเองกำลังสั่นเล็กน้อยอยู่ภายใต้เสื้อแจ็กเก็ตของผม

“หนาวนะ” ไอ้ซันพูดแล้วเดินมาคว้ามือของผมไปกุม ความรู้สึกอบอุ่นที่จู่ๆก็รู้สึกที่อุ้งมือแล่นผ่านไปยังใบหน้าของผมทันที

“ขอบใจ” ผมตอบกลับไปสั้นๆและบีบมือของมันเบาๆ

พวกเราเดินตามพีและไคล์ไปยังจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่

“มุมมันจะไม่กว้างเหมือนกับที่โฮปิ แต่ผมว่ามันก็ใช้ได้นะครับ” เขาพูดแล้วชี้นิ้วไปยังพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่เหนือริมขอบผาของแกรนด์ แคนยอน ก่อให้เกิดเงาพาดผ่านพื้นผิวที่เป็นแก่งขนาดใหญ่ของมันมากมาย เป็นภาพที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ

“โอ้โห สวยมากเลยว่ะ” ผมอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง

“กูก็ว่างั้น สวยดีจริงๆนั่นแหละ โชคดีนะเนี่ยที่เลือกมาที่นี่” ซันพูด

“ต้องขอบใจพีเขาต่างหาก ไม่ใช่แค่โชคดี” ผมหันไปยิ้มให้กับพี เขาเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน

“สวยจริงๆนะ ผมว่าคุ้มเลยล่ะ ที่มา” ไคล์พูดขึ้นหลังจากถ่ายรูปวิวเบื้องหน้าเสร็จ “ขอบคุณนะครับ พีท” เขาหันไปบอกพี

“ไม่เป็นไรครับ” พีหันไปยิ้มตอบไคล์

“ผมว่าเราไปตรงนู้นกันมั๊ย”

ผมเห็นพีพยักหน้าตกลงจากนั้นเขาสองคนก็เดินจากไป เรามองตามหลังเขาสองคนจนกระทั่งพวกเขาเลี้ยวหายไปจากมุมสายตา

“สองคนนี้มันก็น่ารักดีนะ”

“คนหนึ่งไม่ค่อยพูด ส่วนอีกคนก็พูดเก่งชิบหาย” ไอ้ซันหัวเราะเบาๆ “กูว่าถ้าไอ้สองคนนั้นมันเกิดเป็นเพื่อนกันเข้าจริงๆนะ พีมันต้องหูชากับภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆของไอ้ไคล์แน่ๆเลยว่ะ”

เมื่อพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง อากาศก็เริ่มจะเย็นลงเรื่อยๆอย่างที่พีบอกจริงๆ ผมกระชับเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองให้แน่นขึ้นแล้วก็เอามืออีกข้างซุกลงไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์

“หนาวเหรอ”

“ก็นิดหน่อยว่ะ มึงไม่หนาวรึไง”

“หนาวสิ มานี่มา” ไอ้ซันหันหน้ามาหาผมแล้วแบมืออีกข้างที่ไม่ได้กุมมือผมออกมา

“อะไร” ผมสงสัย

“ส่งมืออีกข้างมา”

ผมชักมืออีกข้างออกจากกางเกงยีนส์แล้วยื่นไปให้มัน จากนั้นมันก็จับมือทั้งสองข้างของผมไปแนบเข้าที่แก้มอุ่นๆของมัน

“อี๋ยยยย์ มือมึงเย็นเฉียบเลยยย” มันพูด สั่นหัวน้อยๆ พลางยิงฟันกว้าง

“ก็แล้วจะทำแบบนั้นทำไมเล่า” ผมหัวเราะแล้วจะชักมือกลับ แต่มันก็ฝืนเอาไว้

“ก็กูอยากทำ” มันพูด แล้วก็แนบมือของผมลงไปที่แก้มของมันให้แน่นเข้าไปอีก “อุ่นขึ้นมั๊ย”

ตาของเราประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง “อื้อ อุ่นมากๆ เข้าใจคิดนะมึงเนี่ย” ผมยิ้ม

“ก็มึงอยู่กับหนุ่มฮ็อทน่ะนะ คนมันเร่าร้อนนนนน” มันทำเสียงล้อเลียน

“โอ๊ยยยย กูจะอ้วกกก” ผมหัวเราะแล้วก็ชักมือกลับ “เอ้านี่ จับมืออย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องเอาไปแตะที่แก้มอีก” ผมส่งมือให้มัน มันก็คว้ามือของผมไปกุมเอาไว้ทันที

เราสองคนยืนมองความงามของแสงและเงาของแกรนด์ แคนยอนอยู่อีกครู่หนึ่งจนกระทั่งพระอาทิตย์ลับหายไปด้านหลังของแผ่นหินแผ่นใหญ่เบื้องหน้านั่น เราจึงออกเดินดูวิวรอบๆ

“ที่นี่สวยมากจริงๆนั่นแหละ วันหลังมาอีกมะ” ผมถามไอ้ซัน

“ถ้ามึงอยากมา กูก็มา” มันตอบ

เราเดินหาไคล์และพีอยู่ครู่หนึ่งก็เจอเขาสองคนกำลังนั่งอยู่บนพื้นตรงเกือบที่จะเป็นริมหน้าผา

“เฮ้ย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” ไอ้ซันพูดขึ้นเมื่อเห็นอย่างนั้น

เมื่อทั้งสองคนได้ยินพวกเรา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วก็เดินตรงมาหาเราทันที

“ไม่ตกหรอกน่า ดูนี่สิ รูปนี้สวยมั๊ย” ไคล์ยื่นกล้องดิจิตอลมาให้เราสองคนดู มันเป็นรูปที่เขาถ่ายจากจุดที่เขานั่งอยู่เมื่อครู่นี้เอง

“สวยดีๆ พี่ชอบนะ” ผมตอบ ส่วนไคล์ก็ยิ้มกว้าง

“ผมบอกพีทให้พาผมมาอีกพรุ่งนี้ด้วย คราวนี้จะไปให้ถึงปลายทางเฮอร์มิท เรสท์เลย” ไคล์พูด

“อ้าวๆ เกรงใจเขาหน่อยสิ พรุ่งนี้พีเขาต้องทำงานนะ” ซันพูด

“เออใช่ๆ ไม่ใช่พรุ่งนี้ ผมพูดผิด วันถัดจากพรุ่งนี้น่ะ เพราะว่าพีทหยุดนี่ ใช่มั๊ย” ไคล์หันไปถามพี

“ใช่ครับ” พีพยักหน้า  “พรุ่งนี้ผมทำสองกะก็จริง แต่ว่าผมก็ได้เดย์ออฟอีกสองวันติดกันเหมือนกัน”

“แล้วมันจะไม่เป็นการรบกวนพีเขาหรอกเหรอ ไคล์” ไอ้ซันพูด

“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมยินดี” พีตอบ

“เรื่องนั้นเอาไว้ค่อยคุยกันก็แล้วกัน แต่ตอนนี้มันก็เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆแล้วะ เราจะกลับกันยังไง” ผมถาม

“เดี๋ยวจะมีรถขาลงวิ่งกลับมาครับ เราไปรอกันที่ๆเราลงรถเมื่อกี๊นั่นแหละ” พีตอบ

เราสี่คนเดินไปรอรถอยู่อีกราวๆห้านที รถคันที่พีบอกก็วิ่งมา จากนั้นเราก็นั่งรถกลับไปยังป้ายหยุดรถชัตเติ้ลบัสป้ายเดิมที่เรานัดเจอกันตอนแรก คนจำนวนมากลงจากรถแล้วก็เดินกลับไปยังที่พักของตนหรือไม่ก็เดินไปขึ้นรถของพวกเขาที่จอดเรียงรายกันอยู่ริมถนน ส่วนพวกเราก็เดินกลับไปตามทางเดินเดิมเพื่อไปทานข้าวที่แมสวิคคาแฟทีเรียพร้อมๆกับแขกอีกจำนวนหนึ่ง อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และความมืดก็เริ่มเข้ามาปกคลุมรอบตัวของพวกเราอย่างรวดเร็ว

“มืดเร็วเหมือนกันนะเนี่ย” ผมพูดขึ้นขณะที่เรากำลังเดินอยู่บนทางเดิน มีคนเดินตาม เดินนำ และเดินสวนพวกเราอยู่บ้างประปราย

“ตอนกลางคืนมืดสนิทเลยล่ะครับ ดาวเต็มฟ้าเลย” พีพูด

“ดาวเต็มฟ้าเหรอ” ผมพูดอย่างสนใจและหันไปมองหน้าของไอ้ซัน

“กูว่าแล้ว......” มันยิ้มกว้างแล้วหัวเราะเบาๆ “ดีใจล่ะสิ”

“เปล่าสักหน่อย” ผมปฏิเสธ แต่รู้สึกว่าคงไม่เนียนเท่าไหร่ “เออ....... ก็ไม่เชิงหรอก แต่มันก็สวยดีออกไม่ใช่รึไง และอีกอย่าง อยู่ในเมืองก็ใช่ว่าจะได้เห็นอะไรแบบนั้นบ่อยๆนี่”

“ก็นั่นน่ะสินะ” ไอ้ซันยิ้ม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าไอ้แสบนี่มันกำลังยิ้มและคิดอะไรของมันอยู่กันแน่

“ตกลงทุกคนจะทานข้าวที่นี่ใช่มั๊ยครับ” พีถามขึ้นเมื่อเราเดินมาถึงลานจอดรถแล้ว

“ก็คงงั้นแหละ ทำไมเหรอครับ” ไคล์ตอบ

“เปล่าครับ คือ........ ผมว่าทุกคนอาจจะเจอคนไทยเยอะหน่อยนะครับ” เขาพูด

“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่” ผมตอบ มองหน้าไอ้ซันแล้วหันกลับไปมองหน้าพี “พีไม่สบายใจเหรอ ถ้าเพื่อนๆเห็นว่าอยู่กับพวกเรา” ผมถาม

“เปล่าเลยครับ เปล่าเลย” เขารีบปฏิเสธ “ผมดีใจเสียอีกครับ ที่ได้เจอทุกๆคน แล้วก็สนุกมากด้วยเวลาอยู่กับพวกพี่ๆแล้วก็ไคล์ แต่ผมกลัวว่าทุกคนนั่นแหละครับ จะไม่สะดวกใจรึเปล่าที่ต้องมาเจอคนไทยเยอะๆอะไรแบบนั้น”

ผมกับซันมองหน้ากัน กำลังสงสัยว่าพีกำลังคิดอย่างที่ผมคิดรึเปล่า

“พีหมายถึงว่าพี่สองคนจะแคร์รึเปล่า ถ้าเกิดว่าคนอื่นเห็นพี่อยู่กับไอ้ซันแบบสนิทสนมอะไรอย่างนั้นน่ะเหรอ” ผมถามเป็นนัยๆ

เขาพยักหน้าแล้วก็ก้มหน้าลง

“เราสองคนไม่แคร์หรอก พี่ไม่อายที่มีแฟนหน้าตาดีนี่ และแน่นอนว่าไอ้เมฆเองก็ไม่อายที่มีคนหล่ออย่างพี่เป็นแฟนอยู่แล้วเหมือนกัน ใช่ป่าว” ไอ้ซันพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ผม

“กูจะอ้วก....... แต่ก็ต้องยอมรับว่ามึงพูดถูกตรงที่ว่าแฟนมึงน่ะหน้าตาดีจริง” ผมพูด จากนั้นก็หันไปหาพี “แต่พีเขาจะอายที่ต้องมานั่งกินข้าวกับเราสองคนรึเปล่าน่ะสิ”

“ไม่นะครับ ไม่อายเลยจริงๆ คือผมไม่ได้ตั้งใจหมายถึงอย่างนั้นน่ะครับ เพราะพี่สองคนก็ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็น...... เอ่อออ..... ว่าคบกันอยู่น่ะครับ” เขารีบเงยหน้าขึ้นมาตอบ “และถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะเจอทุกๆคนทุกวันเลยด้วยซ้ำ”

“เอ้า ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ไปกินข้าวกันเถอะครับ ผมหิวจะแย่แล้ว” ไคล์พูดขึ้นพลางเอามือลูบท้อง จากนั้นเราสี่คนก็เดินผ่านประตูกระจกอัตโนมัตินั่นเข้าไปข้างในคาเฟทีเรีย




ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
พระอาทิตย์ตก ณ โมฮาวี พ็อยท์




บรรยากาศเหงาๆ.......





ทั้งเงียบ ทั้งสงบ และไม่มีคน





แสงและเงาที่ทอดผ่าน






พระอาทิตย์จะตกแล้ววว




ก่อนกลับขอแอบถ่ายภาพเหงาๆของผู้หญิงคนนี้สักหน่อยดีกว่า




ไอ้สองหน่อนั่นแอบมานั่งกันอยู่ตรงนี้นี่เอง




ฝีมือถ่ายรูปของไคล์ ^_^




เริ่มมืดแล้ว หนาวด้วย รอรถกลับไปหาอะไรกินพร้อมคนพวกนี้ดีกว่า


ปล. สุดท้ายนี้ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งให้กับเหตุการณ์อุบัติเหตุของเครื่องบินวันทูโกครั้งนี้ด้วยจริงๆครับ......... T__T


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ กลุ่มนี้ได้ก๊วนเป็นสี่คนแล้ววุ้ย  :a1:  :a1:  :a1:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป

jedi2543

  • บุคคลทั่วไป
ภาพสวย

ชักอยากไปบ้างแล้วสิ เสียดายโครงการนี้จำกัดอายุคนทำงานแถมไม่บูมตอนที่เรียนมหาลัย

ถ้าบูม คงไม่ต้องไปไหนด้วยเงินตัวเองแล้ว

ninaprake

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เห็นรู้เรื่องเลย โครงการนี้เค้ามีตอนไหนเหรอ  :o8:

---------------

อยากให้พีมีความสุขจัง ชีวิตของพีเจอความเศร้ามามากพอแล้ว  :m15:  .... ไม่รู้จะเป็นไงต่อ หรือว่าไคล์จะเป็นคนๆนั้นที่จะช่วยพีได้?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sun

  • บุคคลทั่วไป
ภาพสวยมากๆเลยโนะ    :m1:
คงไม่มีปังยาไปเอิ้กๆ    o14
ขอชื่นชมภาพเอาแย้วกันแหะๆ     :m23:


คู่ไคล์ ก่าพีท น่ารักดีจริงๆแล่ อิอิ
คู่กันก้อดีโนะ      :give2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
อยากไปมั่งจัง สวยมากเลย ชอบบรรยากาศเหงาๆ :m1:  :m1:

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 37


ข้างในคาเฟทีเรียมีคนเยอะมาก และอาจจะเป็นเพราะว่ามันมีขนาดเล็กกว่าคาเฟทีเรียที่ยาวาพายเยอะ บวกกับลักษณะของการจัดวางโต๊ะและการตบแต่งก็ได้ จึงทำให้ที่นี่ดูแออัดและพลุกพล่านกว่าที่นั่นเยอะทีเดียว ผมกับซันเดินไปเลือกโต๊ะนั่งเอาไว้ก่อนในขณะที่อีกสองคนไปซื้ออาหาร และก็เป็นอย่างที่พีพูด ข้างในนี้มีคนไทยเยอะจริงๆนั่นแหละ ทั้งคนที่มาทานอาหาร และคนที่กำลังทำงานอยู่

“คนไทยเยอะจริงๆนะ” ผมพูด

“ใช่ ว่าแต่ มึงคิดว่าที่พีมันดูเหมือนมีท่าทางลำบากใจที่จะมากินที่นี่เนี่ย มึงคิดว่าเพราะอะไรวะ” ซันถาม

“อืมมมม กูก็ไม่รู้ว่ะ.....” ผมคิด และทันใดนั้นผมก็คิดไปนึกไปถึงที่พีพูดกับผมตอนก่อนที่เราจะขึ้นรถไปดูพระอาทิตย์ตกกันขึ้นมาได้ “แต่กูว่า........ พีคงมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจแน่ๆเลยว่ะ”

“หมายความว่าไง เรื่องของพวกเราน่ะเหรอ”

“คือ ไม่น่าใช่นะ กูก็ไม่รู้หรอก พูดจริงๆ ถ้ากูพูดอะไรออกไปมันก็แค่เดาน่ะนะ แต่บางทีอาจจะเป็นเรื่องของคนไทยที่ทำงานที่นี่ก็ได้มั๊ง” ผมตอบ

“ทำไมวะ มันมีปัญหากับคนอื่นเหรอ”

“กูว่าไม่นะ” ผมส่ายหน้า “เฮ้ย กูบอกแล้วไงว่ากูไม่รู้ กูก็แค่เดาเอาเท่านั้นเอง........”

“งั้นมึงก็เดาต่อดิ่ กูรู้ว่ามึงเก่ง” มันฉีกยิ้มกว้าง

“กูไม่ใช่หมอดูนะ ไอ้ห่า คืองี้ พีน่ะ เป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทที่พาเด็กมาทำงานที่นี่ เขาบอกกูเอง นั่นทำให้เขาสามารถมาทำงานที่นี่ได้ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะขึ้นปีหนึ่งเท่านั้น” ผมอธิบาย ส่วนไอ้ซันก็ทำหน้าประหลาดใจ “นี่มึงไม่ได้คิดถึงเรื่องของช่วงเวลาเลยใช่มะ เออๆ เอาเหอะ เรื่องก็คือเขาน่ะเรียนรามอยู่ด้วย เขาก็เลยมาได้ แต่ก็แน่นอนว่าต้องใช้อำนาจของพ่อหรือแม่เขาด้วยอยู่แล้วล่ะ ซึ่งกูเองก็บอกว่ามันเจ๋งดี เพราะกูชื่นชมเขานะ เขาอุตส่าห์มาทำงานถึงที่นี่ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นต้องมาลำบากเลย แต่เขากลับส่ายหน้าแล้วก็พูดเศร้าๆว่า คนบางคนอาจจะไม่ได้คิดแบบกูก็ได้” ผมเล่าให้ไอ้ซันฟัง

“กูพอจะนึกออกล่ะ” ไอ้ซันพยักหน้า

“ใช่มะ มึงก็คิดเหมือนกูรึเปล่า ว่าเด็กบางคนที่นี่มันอาจจะเห็นว่าพีเป็นเด็กเส้นอะไรพวกนี้ แล้วก็เลยไม่ชอบเขาน่ะ” ผมถามความเห็น

ซันพยักหน้า “และบวกกับที่มันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครด้วยแล้วนะ”

“ก็นั่นสินะ เขาก็เลยอาจจะไม่ค่อยมีความสุขกับการที่ถูกคนบางคนเขม่นเอาก็ได้ แต่ก็นั่นแหละนะ...... ทั้งหมดนี่กูก็แค่เดาเอาทั้งนั้น” ผมยักไหล่

“มึงจะถามมันมั๊ย” ไอ้ซันถามผม

“ถามเขาเรื่องนี้น่ะเหรอ” ผมขมวดคิ้ว “ทำไมกูต้องถามด้วยล่ะ”

“ก็กูคิดว่าพอมึงรู้แบบนี้แล้วมึงจะอยู่ไม่สุขน่ะสิ กูคิดว่ามึงคงเป็นห่วงมันและอยากจะช่วยปลอบใจหรือให้กำลังใจมันล่ะมั๊ง”

“เหออออ มึงคิดขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมยิ้มกว้าง

“ก็ประมาณนั้นมั๊ง” มันยักไหล่ “แล้วกูพูดผิดมั๊ยล่ะ”

“ก็ไม่ผิดหรอก เพราะกูก็ไม่อยากให้เขาไม่สบายใจจริงๆ คือ ก็อย่างที่มึงพูด ถ้ากูเห็นเขาไม่สบายใจแล้วกูก็ไม่อยากจะปล่อยมันผ่านไปน่ะนะ แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูจะทำอะไรได้มั่งหรอก” ผมเอนหลังพิงพนักพิง

“ก็ไม่แน่........” ไอ้ซันพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ผม

“อะไร มึงยิ้มแบบนั้นทำไม” ผมยิ้มกลับ

“เปล๊า ไม่มีอะไร” มันยังคงยิ้มให้ผมอยู่

ให้ตายสิ ผมล่ะเบื่อไอ้นิสัยกะล่อนของมันนี่จริงๆ

จากนั้นไคล์กับพีก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับอาหารเต็มถาดทั้งสองคน ผมกับซันก็ลุกขึ้นไปซื้ออาหารเช่นเดียวกัน และแน่นอน ว่าเมื่อผมรู้ว่าคนที่ขายอาหารอยู่ก็เป็นคนไทย ผมและซันจึงพูดภาษาไทยกับเขา แล้วก็ทำให้เราได้อาหารกลับมาเยอะกว่าปกติอีกด้วย จนเมื่อผมและซันกลับมาที่โต๊ะก็เห็นมีวัยรุ่นสองคนกำลังยืนคุยกับพีอยู่ แต่พอเราสองคนเดินเข้าไป พวกเขาก็ขอตัวกลับไปนั่งกับเพื่อนๆคนอื่นที่โต๊ะอื่นพอดี

“เพื่อนเหรอครับ เขาว่าไงมั่งล่ะ” ผมถามเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว

“เขามาบอกว่าวันนี้เขาก็ไม่ไปนอนที่ห้องน่ะครับ แล้วก็คุยกันอีกนิดหน่อย” พีตอบ

“แต่พวกเขาก็ไม่เคยนอนที่ห้องเลยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ไคล์พูดขึ้น

“ก็ใช่ครับ” พีพยักหน้า “สามสี่คืนแรกก็นอนหรอก แต่เดี๋ยวนี้เขาไปนอนห้องเพื่อนคนอื่นตลอดเลยน่ะ”

“แล้วไม่เหงาแย่เหรอ” ไคล์ถาม

“ก็นิดหน่อยน่ะครับ แต่ผมชินแล้วล่ะ........” พีพูด พลางใช้ส้อมที่ถืออยู่ในมือเขี่ยอาหารในจานไปด้วย “แต่ว่ามันก็ทำให้ห้องเงียบดีนะครับ”

ผมรู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวที่ถูกเก็บเอาไว้ในใจของเขามานานแล้วได้อย่างชัดเจน คนๆนี้คงต้องเคยผ่านอะไรในอดีตมามากแน่ๆ ผมสังเกตว่าบางครั้งแววตาและน้ำเสียงของเขาก็จะแฝงไปด้วยความเศร้าโดยที่บางทีเขาเองก็คงจะไม่รู้ตัว และพีในตอนนี้ก็ดูเป็นคนที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความเหงามากกว่าที่ผมเคยเห็นเขาเมื่อครั้งไหนๆเลยเสียอีก

“เอางี้ดีกว่า” ไคล์พูดขึ้นหลังจากเราเงียบกันไปสักพัก “คืนนี้พีทก็ไปนอนกับพวกเราสิ” เขาหันไปยิ้มกว้างให้พี แล้วก็หันมามองหน้าซันเป็นเชิงขออนุญาต “ได้มั๊ยครับ ได้เหอะน่า นะ”

ซันกับผมมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเราทั้งคู่ เราสองคนพยักหน้าเบาๆพร้อมๆกัน จากนั้นมันก็หันไปหาพี “เรื่องนี้ก็ต้องถามพีเขาดูนั่นแหละ”

พีหันมองหน้าไคล์ทีนึง ผมทีนึง สลับกับไอ้ซันเหมือนจะหาทางออก “เอ่อ คือ ผมไม่รบกวนดีกว่ามั๊งครับ”

“ไม่รบกวนหรอกครับ ไปนอนด้วยกันนั่นแหละ คนเยอะๆ สนุกดีออก แถมพรุ่งนี้ต้องออกมาทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ถ้านอนที่ห้องของพวกเรามันก็ใกล้กว่าเยอะนี่นา” ผมพูด

“ใช่ๆ แถมเตียงมันก็ใหญ่พออยู่แล้ว สองคนนั้นเขาก็นอนเตียงเดียวกัน ผมเลยนอนคนเดียวอ่ะ พีทไปนอนกับผม ผมจะได้ไม่เหงาไง” ไคล์หันไปยิ้มให้พี

“แต่ว่า........ คือ ผมต้องตื่นเช้านะครับ จะรบกวนเปล่าๆ”

“ก็ดีแล้วนี่ พรุ่งนี้จะได้ไปกินอาหารเช้าตอนพีทำงานไง” ผมบอกเขา

“เอ่ออ...... แต่ว่า......” พีทำท่าอึกอัก

“ทำไมล่ะ พีนอนกรนหรือชอบนอนละเมอรึไง” ไอ้ซันถามขึ้นบ้าง

“เปล่าๆครับ ไม่ใช่อย่างนั้น” เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“งั้นก็ไปเหอะน่า พวกเราอยู่ที่นี่ตั้งสี่คืนนะ แล้วถ้าเกิดผมตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นสองคนนั้นเขาคลุมโปงทำอะไรกันอยู่ ผมจะทำตัวยังไงล่ะ” ไคล์หัวเราะ

“ทะลึ่ง! ไอ้เด็กคนนี้” ซันพูด ทำเหมือนเป็นดุแต่จริงๆมันก็หัวเราะไปด้วย แถมยังทำเป็นลอบส่งสายตามาทางผมอีกต่างหาก เราทั้งสี่คนจึงหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน

พีเอานิ้วเกาแก้มเบาๆ จากนั้นก็หันไปหาไคล์ “แต่ถ้าผมไปนอนด้วย ผมก็จะต้องเบียดกับไคล์นะครับ”

ไคล์ยิ้มกว้าง “ถ้ากลางคืนมันหนาวแล้วมีคนได้มานอนเบียด มันก็ดีออกนี่”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นพีก็ก้มหน้าอายๆแล้วก็ยิ้มออกมา “เอ่อ งั้นก็ตกลงครับ ผมรบกวนด้วยแล้วกันนะครับ”

ไคล์ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ “งั้นเดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จแล้วไปเก็บของที่เคบินของพีทกันดีกว่านะ”

พวกเราสามคนพยักหน้า จากนั้นไคล์ก็หันไปพูดกับพีอีกครั้ง

“เนี่ยนะ ผมว่าเวลาพีทยิ้มแล้วน่ารักจะตาย มีลักยิ้มข้างนึงด้วย คราวหลังก็ยิ้มบ่อยๆหน่อยสิครับ ผมชอบออก” จากนั้นไคล์ก็หันมาหาผมเพื่อขอความเห็น “ศิลาก็คิดเหมือนกันรึเปล่า”

“ใช่ครับ ยิ้มเยอะๆหน่อยน่ะดีแล้วนะ ปกติก็เป็นคนหล่ออยู่แล้วด้วย” ผมพูด

พีก้มหน้าแล้วหน้าแดงเพราะความอายอย่างเห็นได้ชัด พอเห็นแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารักดีนะ โดนไอ้คนพูดเก่งอย่างไคล์รุมซะจนอายม้วนเลย แต่ผมก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยในเรื่องของไคล์เหมือนกัน เมื่อตอนกลางวันก็อีกอย่างนึง แต่พอตอนนี้ไคล์ดูเหมือนจะไม่คิดมากเรื่องของผมกับซันอีกเลย แถมยังดูท่าจะชอบใจพีมากเป็นพิเศษซะด้วย โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาชมพีเรื่องรอยยิ้มนั่น ผมเห็นได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่าไอ้ตัวคนชมก็เขินไม่แพ้กันเหมือนกัน แต่ที่น่ารำคาญใจที่สุดก็คือไอ้เจ้าตัวแสบของผมนี่แหละ ที่เอาแต่นั่งเงียบแล้วทำเป็นอมยิ้มอะไรของมันอยู่คนเดียวก็ไม่รู้

ระหว่างที่ทานข้าวกันเราก็คุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้หลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องแผนการเที่ยวที่เราสามารถทำได้เมื่ออยู่ที่นี่ด้วย จนหลังทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ซันก็ชวนไคล์ลุกขึ้นไปเติมน้ำอัดลมกันสองคน ทิ้งให้ผมกับพีอยู่กันตามลำพังอีกครั้ง

“ว่าแต่ปกติอยู่ว่างๆทำอะไรมั่งครับเนี่ย โทรศัพท์มือถือก็ใช้ไม่ได้ ทีวีก็ไม่มี อินเตอร์เน็ตก็ไม่มีด้วยนี่ ใช่มั๊ย” ผมถาม

“ครับ คือ ที่นี่มันค่อนข้างจะน่าเบื่อมากนะครับ ผมยังแปลกใจที่ทำไมพวกพี่อยู่กันตั้งห้าวัน กลัวว่าจะไม่เบื่อกันแย่เหรอ”

“โอโห ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่สำหรับพี่น่ะนะ พี่ว่าพี่อยู่ได้หรอก แต่ไอ้ซันกับไคล์นี่สิ.......... ว่าแต่แล้วมาอยู่นี่ตั้งหลายเดือนจะไม่ได้เล่นเน็ตเลยเหรอ” ผมถาม

“อ๋อ มีให้เล่นได้ครับ แต่ต้องเดินนิดหน่อย คือถ้าเป็นที่หอก็จะมีให้เล่นได้ครับ แต่ถ้าอยู่เคบินอย่างผม จะต้องเดินไปเล่นที่ เรคเซ็นเตอร์ ว่างๆผมพาไปก็ได้นะครับ ถ้าพวกพี่อยากเล่นกัน คือ ถ้าพี่เอาแล็ปท็อปมาด้วยน่ะนะครับ” เขาบอก

“ได้ด้วยเหรอ พวกพี่เป็นแขกนะ”

“ได้สิครับ ก็พวกพี่ก็คนไทยนี่นา เขาดูไม่ออกหรอก แต่ผมคิดว่าจริงๆแล้วที่นั่นใครจะไปใช้ก็ได้ครับ ส่วนมากก็คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เด็กที่เรียนที่นี่แล้วก็พวกพนักงานน่ะครับ เพราะตรงนั้นคนนอกไม่รู้จักทางหรอก เราแค่เดินเข้าไปนั่งตรงไหนก็ได้แล้วก็เปิดคอม จากนั้นจะแช่อยู่อย่างนั้นทั้งวันเขาก็ไม่ว่าครับ” เขาพูด

“อืมมมม ก็ดีนะ เอาไว้ถ้าไคล์หรือไอ้ซันเบื่อๆจะได้พาพวกนั้นไปเล่นได้” ผมพยักหน้า “แต่เมื่อกี๊บอกว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่กับเด็กที่เรียนที่นี่เหรอ” ผมสงสัย

“ครับ ที่นี่มันก็คือเมืองเล็กๆเมืองนึงนั่นแหละครับ มีโรงเรียนด้วย และคนที่อาศัยที่นี่ส่วนมากก็จะทำงานที่นี่ไปด้วย ยกเว้นบางคนก็อาจจะมีไปทำงานที่ทูซายานหรือไม่ก็แฟล็กสต๊าฟบ้าง”

“อืมมม เข้าใจล่ะ แล้วเรื่องโทรศัพท์มือถือล่ะ ที่นี่มันไม่มีสัญญาณนี่”

“มีครับ แต่แค่เครือข่ายเดียว เหมือนผูกขาดน่ะครับ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คนที่นี่เขาก็มีใช้กันทุกคน ยกเว้นแขกที่มาพักหลายคนก็จะใช้โทรศัพท์ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ส่วนอย่างพวกผมที่มาทำงานกัน บางคนก็จะซื้อซิมกับมือถือของระบบนั้นที่แฟล็กสต๊าฟมาไว้กันเลยก็มี แต่ผมใช้บัตรโทรศัพท์ที่ซื้อมาจากไทยน่ะครับ” เขาอธิบายอย่างละเอียด

 “อ๋ออ อืมๆ ว่าแต่....... พี่ขอถามอะไรอีกอย่างนึงได้มั๊ยครับ” ผมเริ่มจะเข้าเรื่อง ซึ่งไคล์กับซันก็กำลังเดินกลับมาพอดี

“ได้สิครับ”

“คือ.......” ผมมองหน้าซันที่กำลังนั่งลงที่เดิม แล้วหันกลับไปหาพีอีกครั้ง “มันก็ค่อนข้างจะพูดยากนะ อาจจะทำให้พีไม่สบายใจก็ได้”

“ครับ” เขาตอบสั้นๆแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้ผมพูดต่อได้

“คือ พีอยู่ที่นี่แล้วพีมีปัญหากับเพื่อนๆคนอื่นหรืออะไรรึเปล่า คือ พี่ไม่ได้จะละลาบละล้วงหรืออะไรหรอกนะครับ แต่ตอนที่พีคุยกับพี่ก่อนที่เราจะขึ้นรถไปดูพระอาทิตย์ตกกันน่ะ มันเหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะครับ แล้วพี่ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงด้วย” ผมบอกเขาตามความเป็นจริง ไคล์มีสีหน้างงๆ แต่พีกลับก้มหน้ามองจานเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็เงยเหน้าขึ้นมาสบตากับผมอีกครั้ง

“ครับ ก็มีบ้าง” เขาพูดอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก “แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกครับ แค่สองสามคนเท่านั้นเอง”

“เรื่องอะไรเหรอครับ บอกได้มั๊ย” ผมถามต่อ

เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า “ก็เรื่องที่ผมบอกพี่นั่นแหละครับ คือ คนบางคนเขาเข้าใจว่าผมเป็นเด็กเส้น แล้วก็เลยไม่ค่อยพอใจน่ะครับ”

“อะไรกันวะ เด็กเส้นห่าอะไรก็ต้องมาทำงานเป็นขี้ข้าคนอื่นๆเหมือนๆพวกมันนั่นแหละ” ไอ้ซันพูดอย่างไม่พอใจ จนผมต้องหันไปปรามมัน

“ครับ แต่ว่าพวกเขาคิดว่าผมมาที่นี่ได้ฟรีๆน่ะครับ แล้วก็.........” พีนิ่งไปพักหนึ่ง

“แล้วมาฟรีจริงรึเปล่าครับ” ไคล์ถาม

“เปล่าครับ ไม่ฟรีเลย เงินส่วนนั้นผมก็ต้องจ่ายเข้าบริษัทและเพื่อดำเนินการหลายๆอย่าง ไม่เกี่ยวอะไรกับเงินของที่บ้านผมสักนิด เพราะงั้นผมก็ต้องจ่ายเงินเท่ากับคนอื่นเหมือนๆกัน เพียงแต่พวกเขาไม่รู้และก็ไม่คิดแบบนั้นน่ะครับ” พีอธิบาย

“อ้าว แล้วทำไมไม่บอกพวกเขาไปล่ะ” ไคล์ถามอีกครั้งอย่างสงสัยและดูไม่ค่อยจะพอใจ

“ผมบอกครับ แต่บอกเฉพาะคนที่ถามผมนะครับ แล้วก็คุยกับคนที่รู้จักผมจริงๆบางคนบ้างเท่านั้นเอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนพวกนั้นเขาจะรู้หรือเปล่า” พีตอบ

“เดี๋ยวก่อนนะ แล้วที่พีพูดค้างไว้ว่า ‘แล้วก็’ เมื่อกี๊นี้นั่น แปลว่ามันยังมีอย่างอื่นอีกสินะ” ผมถามขึ้นบ้าง

“ครับ” เขาพยักหน้า “ก็อย่างเช่น...... คือ........ มีคนมาบอกผมแบบนี้อีกทีน่ะนะครับ.........” เขาก้มหน้าอย่างลำบากใจ “คือ มีคนเขาพูดว่า ผมมันพวก หน้าตาดี เรียนดี มีเงิน แต่ทำอะไรไม่เป็น แล้วก็หยิ่งน่ะครับ” พีหน้าแดงขึ้นมาทันที และผมก็รู้สึกว่านั่นมันไม่ใช่หน้าแดงเพราะความอายด้วย

“แต่นั่นมันไม่จริงนี่นา” ไคล์พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “พีทเป็นคนดีแล้วก็นิสัยดีมากๆเลยด้วย ไม่งั้นก็คงไม่พาพวกเรามาเที่ยวแถมยังมานั่งกินข้าวกับพวกเราแบบนี้หรอก จริงมั๊ย” เขาหันมามองผมกับซัน

“เพราะพีเป็นคนไม่ค่อยพูดสินะ” ผมพูด และไอ้ซันก็พยักหน้า

พียังคงหน้าแดงและก้มหน้าอยู่

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย พีทเป็นคนพูดน้อย แต่จริงๆแล้วข้างในเป็นคนดีมากๆ ไม่เหมือนกับคนบางคนที่มันพูดเก่งแต่จิตใจไม่ดีสักหน่อย อย่างไอ้คนที่พูดเลวๆนั่น” ไคล์สบถ

“ที่ไคล์พูดมันก็ใช่” ไอ้ซันพยักหน้า “แต่นิสัยคนไทยมันก็ค่อนข้างแตกต่างจากที่บ้านของเราหน่อยนะ ไคล์ คนไทยบางคนก็ชอบนิสัยเชื่อคนอื่นแบบปากต่อปากและก็สามารถหลงไปกับการนินทาว่าร้ายได้อย่างที่สุด”

ไคล์มีท่าทางฟึดฟัด แล้วก็นั่งกอดอกอย่างขัดใจ “งี่เง่าที่สุด”

“อย่าไปคิดมากนะครับพี” ผมพูด “ไคล์พูดถูก เรื่องนี้มันงี่เง่ามาก แต่พีก็ยังคงมีเพื่อนคนอื่นๆที่เขาดีกับพีอยู่นี่นา”

เขาพยักหน้า “ครับ คนอื่นๆส่วนมากแล้วก็ดีน่ะครับ แต่ว่าผมเองก็เป็นคนไม่ค่อยจะเดินเข้าไปหาใครก่อนอะไรแบบนั้นด้วย ผมหมายถึง ผมรู้จักคนไม่มากหรอกครับ แต่คนอื่นดูจะรู้จักผมกันทุกคน ผมก็เลยรู้สึกแปลกๆน่ะครับ เหมือนถูกเอาไปนินทาหรืออะไรแบบนั้น........”

“นี่ พีฟังพี่นะครับ เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก ไม่สำคัญว่าพีจะรู้จักคนมากหรือน้อย ไม่สำคัญที่คนอื่นเขาจะเอาเราไปนินทารึเปล่า เพราะพี่คิดว่าอยู่ในสังคมปิดแบบนี้ คนมันก็คงต้องมีปากต่อปากกันมั่งล่ะ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่มันสำคัญตรงที่ว่าถ้ามีใครเดินเข้ามาหาพี แล้วพีต้อนรับเขาด้วยความจริงใจอย่างที่พีมีล่ะก็ พี่รู้ว่าเขาคนนั้นก็ต้องชอบพีแน่ๆ” ผมยิ้มให้เขาแล้วหันไปมองไคล์ “เหมือนกับที่ไคล์ชอบพีนี่ไง”

“ช่ายๆ” ไอ้ซันหัวเราะแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

ไคล์หน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขายิ้มอายๆแล้วก็ก้มหน้ามองลงบนโต๊ะ ส่วนพีเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองไคล์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ และเมื่อเขาเห็นไคล์ทำท่าเขินอายแบบนั้นเขาก็หน้าแดงขึ้นมาอีก แถมยังเอานิ้วชี้ขึ้นมาเกาแก้มเบาๆด้วย

ผมมองหน้ากับไอ้ซันและมันก็ยักคิ้วข้างหนึ่งมาให้ผม

ดูท่าทางสี่วันที่เหลือจากนี้ไปคงจะมีอะไรสนุกๆและสวยงามให้ดูมากกว่าวิวทิวทัศน์ของแกรนด์ แคนยอนซะแล้ว...........



ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อิอิ อ่านแล้วอยากไปแกรนด์แคนยอนจัง

แล้วดีใจจัง สงสัยพีกับไคล์ จะได้ลงเอยกันป่าว อิอิ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ ตามลุ้นคู่ไคล์กับพีดีกว่า  :m11:   :m11:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
สังคมไทยอย่างไรก็หลีกหนีไม่พ้น

ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพัฒนาไปสู่สังคมที่เจริญแล้ว

ชอบนักข่าวลือ
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

sun

  • บุคคลทั่วไป
:m1:     "เนี่ยนะ ผมว่าเวลาพีทยิ้มแล้วน่ารักจะตาย มีลักยิ้มข้างนึงด้วย คราวหลังก็ยิ้มบ่อยๆหน่อยสิครับ ผมชอบออก"    :m1:
*
*
*

คิคิ  ..คำนี้คุ้นๆโนะ   เคยมีคนบอกพี ไปแล้วครั้งนึง
แต่คนนั้นเขาไม่อยู่บอกพีแล้วง่ะ      :m17: 
ต่อไป ไคล์ ก้อต้องคอยบอกพี บ่อยๆน๊า...
ไคล์ + พี   อุอุอุ น่ารักวุ้ย คู่นี้  ช๊อบชอบ...     :m4:

เหมือนซันจะอ่านอะไรออก ทะลุปรุโปร่งเลยนะเนี่ย....
เมฆ ตามทันความคิดของซันซะที เอิ้กๆ

มาลุ้นคู่ รักคู่ใหม่ ดีกว่า โฮ่ะๆ   :laugh3:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 38


หลังจากนั่งทานอาหารเย็นและพูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็ได้เวลาที่เราจะกลับห้องพักกันสักที และแน่นอนว่าในวันนี้เราจะมีแขกพิเศษอีกคนหนึ่งไปนอนกับเราด้วย

“เอาล่ะ สองทุ่มแล้ว กลับกันเลยแล้วก็กัน” ไอ้ซันพูดขึ้น

“เดี๋ยวเราไปเคบินของพีก่อนดิ่ ให้เขาไปเก็บของก่อน” ผมบอก แต่ซันหันไปมองหน้าไคล์

“ไม่เป็นไรครับ พวกพี่ๆกลับกันไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปกับพีทเอง แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปเจอกันที่ห้อง” ไคล์บอก

“อ้าว แล้วจะไปกันยังไง” ผมถาม

“ก็นั่งรถชัตเติ้ลบัสไปนี่แหละครับ ไม่ยากหรอก แถมพีทก็ไปกับผมด้วย ไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว” เขาตอบ

“เออน่า ปล่อยมันไปเหอะ งั้นเราก็ไปกันเถอะ” ซันลุกขึ้นยืน ทำให้พวกเราที่เหลือก็ต้องลุกตามมันไปด้วย

พอพวกเราสี่คนเดินออกมายืนอยู่ข้างนอกคาเฟทีเรียแล้วผมถึงได้สัมผัสกับอากาศจริงๆภายนอก ซึ่งมันค่อนข้างจะหนาวมากเลยทีเดียว ผมไม่ได้คิดไว้ว่ามันจะหนาวขนาดนี้เลยนะ

“เมื่อตอนกลางวันยังร้อนอยู่เลยนะเนี่ย อะไรวะ”

“ที่นี่ก็เป็นแบบนี้แหละครับ กลางวันร้อน กลางคืนหนาว และเห็นว่าอีกสองสามวันนี้หิมะอาจจะตกด้วยนะครับ พรุ่งนี้ตอนกลางวันอากาศก็คงจะยังเย็นขึ้นกว่าเดิมด้วยแน่ๆ” พีบอกพวกเรา

“หิมะตกด้วยเหรอ แล้วจะไปไฮค์ได้เหรอวะเนี่ย” ผมพูดเซ็งๆ

“ได้ครับ ดีเลยด้วย ถ้าช่วงก่อนหิมะตกอากาศแบบนี้จะทำให้ไฮค์กำลังดีครับ ไม่ร้อนเกินไป” พีตอบ

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ ว่าแต่มึงดูนั่น เมฆ” ไอ้ซันสะกิดผมให้เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า พวกเราทั้งสี่คนจึงแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนพร้อมๆกัน

“เช้ดดดดดด สวยโคตรรรรรรรร” ผมร้องออกมา

ที่นี่เวลามืดแล้วก็จะมืดสนิทจริงๆ ไม่มีแสงไฟจากตึกรามบ้านช่องและฝุ่นควันมารบกวนอย่างในตัวเมือง แถมท้องฟ้าก็ยังโปร่งมากๆ ทำให้เราสามารถเห็นดาวที่ลอยอยู่เกลื่อนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

“ดาวเยอะโคตรเลย กูไม่เคยเห็นดาวเยอะๆแบบนี้มาก่อนเลยนะเว้ยเนี่ย จริงๆ! ตอนที่ไปทะเล หรือที่เคยไปเข้าค่ายลูกเสือตอนเด็กๆนั่นก็ว่าเยอะแล้วนะ แต่นี่มันสุดยอดจริงๆ” ผมพูดพลางแหงนหน้าจนตั้งฉากกับลำคอ

“เป็นแบบนี้ทุกวันล่ะครับ” พีพูด

“เฮ้ยไอ้ซัน กูชักจะชอบที่นี่ซะแล้วว่ะ” ผมหันไปพูดกับไอ้แสบของผม

“กูยังไม่เห็นมึงจะไม่ชอบอะไรของที่นี่สักอย่างเลย” ไอ้ซันพูดแล้วเคาะหัวผมเบาๆ “แล้วเคบินพีอยู่ตรงไหน”

“อยู่ตรงนั้นครับ เดินเลียบถนนไปก็ถึงแล้ว” เขาชี้ไปยังฝั่งตรงข้ามของถนนที่มีเคบินตั้งอยู่เรียงราย

“งั้นเดี๋ยวเราไปเจอกันที่ห้องก็แล้วกันนะ ไคล์ไปกับพี ส่วนมึงมากะกู” ไอ้ซันหันมายิ้มให้ผม

“กลับกันได้ชัวร์รึเปล่า รถมันจะไม่หมดซะก่อนแน่นะ พี” ผมหันไปถามเขา

“ไม่ครับ ถ้าราวๆนี้ก็ยังไม่หมดหรอก” เขาตอบ

“งั้นก็รีบไปกันเถอะครับ อากาศเริ่มเย็นแล้ว” ไคล์พูด “งั้นเดี๋ยวเรากลับไปเจอกันที่ห้องนะครับ”

ผมกับไอ้ซันพยักหน้าแล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถ เมื่อเราอยู่กันสองคนขณะที่ไอ้ซันกำลังขับรถกลับไปยังที่พักของเรา จู่ๆมันก็หันมายิ้มให้กับผม

“อะไร” ผมถาม

“เปล่า แค่คิดว่า.......” มันอมยิ้มแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“คิดKอะไรของมึง คิดเรื่องของไคล์กับพีเหรอ หรือมึงวางแผนเหี้ยอะไรเอาไว้อีกเนี่ย” ผมดูจากสีหน้าและแววตาของมันแล้วก็รู้เลยว่าไม่น่าจะใช่แค่เรื่องของพีกับไคล์แน่ๆ

“โห อะไรวะ ไม่ใช่แผนเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ......” มันทำเสียงน้อยใจ “กูก็แค่คิดว่าในที่สุดกูก็มีโอกาสได้อยู่กับมึงสองคนบ้าง ก็เท่านั้นเอง”

ผมนั่งมองหน้ามันแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ จนกระทั่งเรามาถึงที่พัก พอผมกับไอ้ซันไขกุญแจห้องเข้าไปและถอดเสื้อแจ็คเก็ตของเราออกได้ มันก็เดินตรงเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังทันที

“อะไรของมึง” ผมหัวเราะ “กูกะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แล้วไหนบอกไม่มีแผนอะไรไง”

“ก็เปล่าสักหน่อย” มันยืนกราน “แต่อุตส่าห์ได้อยู่กันสองคนทั้งที เมื่อตอนเย็นก็ไม่มีโอกาสไปทีแล้วนะ”

“งั้นมึงรู้ได้ไงว่าไคล์กับพีจะยังไม่โผล่มาเร็วๆนี้” ผมดันตัวมันออกแล้วหันไปยิ้มให้มันอย่างรู้ทัน

ไอ้ซันยิ้มกว้างตอบกลับมา “ก็อย่างน้อยๆก็อีกหนึ่งชั่วโมงนั่นแหละ” มันหัวเราะแหะๆ

“กูว่าแล้วเชียว ไอ้ตัวแผนสูง” ผมหัวเราะ

“ก็ถ้ากูไม่บอกไอ้ไคล์ไปแบบนั้น กูกับมึงก็ไม่ได้อยู่กันสองคนสักทีนะเว้ย มึงไม่อยากอยู่กับกูสองคนมั่งหรือไง” มันเดินตรงเข้ามาหาผมแล้วก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด

“เออ กูก็อยากอยู่กับมึงสองคนเหมือนกัน กูก็ยังไม่ทันว่าอะไรมึงเลยนี่”

“งั้น........” ไอ้ซันดันตัวผมออก มันมองหน้าผมแล้วยิ้มกว้าง “ไปอาบน้ำกัน”

ผมเองก็ยิ้มตอบมันเช่นกัน จากนั้นก็เอื้อมมือไปคว้าเข้าที่เป้ากางเกงของมันที่แข็งรออยู่แล้ว ตอนแรกไอ้ซันก็สะดุ้งแล้วก็เบี่ยงตัวหลบนิดหน่อย แต่พอโดนมือของผมสัมผัสเข้าจังๆมันก็ยืนนิ่งแล้วก็ยิ้มกว้างออกมา ผมชะโงกหน้าเข้าไปหอมแก้มมัน มันเองก็หอมแก้มผมกลับเช่นกัน จากนั้นมันก็ค่อยๆดึงเสื้อของผมออกช้าๆจนลำตัวของผมเปลือยเปล่า มันนั่งคุกเข่าลงแล้วก็จูบเบาๆที่สะดือของผมแล้วก็ใช้ลิ้นเลียช้าๆ เมื่อผิวหนังของผมสัมผัสกับลิ้นเย็นๆของมันรวมเข้ากับอากาศที่เย็นมากๆเนื่องจากเรายังไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ ผมก็เกิดอาการสั่นขึ้นมาเล็กน้อยทันที

“แค่นี้ก็เสียวจนตัวสั่นแล้วเหรอวะ” ไอ้ซันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“กูหนาวต่างหาก ไอ้บ้า” ผมดันหัวของมันออกแล้วก็เดินไปเปิดฮีทเตอร์ทิ้งเอาไว้

จากนั้นไอ้ซันก็เดินมาจูงมือผมเข้าไปในห้องน้ำทันที เมื่อประตูถูกปิดลง ผมก็โดนมันเดินเข้ามาประกบอีกครั้ง คราวนี้มันเดินยิ้มตรงเข้ามาหาผมจนใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันแค่ไม่กี่มิลลิเมตร จากนั้นมันก็เอาจมูกของมันมาถูเข้ากับที่ปลายจมูกของผมช้าๆ ผมกับมันต่างก็หัวเราะออกมาเบาๆ ผมชอบรอยยิ้มของมันจัง ยิ่งเวลาที่มันทำแบบนี้กับผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่มีมันมอบความรักและความเอ็นดูให้แก่ผมมากขนาดนี้

“จะอาบน้ำรึเปล่าเนี่ย” ผมถาม

“มันก็ต้องอาบแหงอยู่แล้ว” มันยังคงเอาจมูกของมันมาแตะอยู่ที่ปลายจมูกของผมอยู่

“แล้วทำไมไม่ถอดเสื้อ”

“ถอดให้หน่อยสิ” มันตอบแล้วก็ประทับริมฝีปากของมันลงมาที่ปากของผมอย่างแผ่วเบา จากจูบที่เริ่มต้นอย่างนุ่มนวลก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นของมันถูกสอดเข้ามาพันกับลิ้นของผมอย่างรุนแรง ผมสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของมันดังขึ้นเรื่อยๆอย่างชัดเจน แต่ผมก็ไม่ยอมให้มันเอาเปรียบอยู่คนเดียวแน่นอนอยู่แล้ว เมื่อถึงคราวของผม ผมก็สอดลิ้นเข้าไปลิ้มรสชาติของมันบ้าง ส่วนมือของผมก็ป่ายไปทั่วตามร่างกายของมันจนเจอเข้ากับชายเสื้อผมและดึงมันขึ้น

เราถอนปากออกจากกันและกัน จากนั้นไอ้ซันก็ชูแขนขึ้นเพื่อให้ผมสามารถถอดเสื้อของมันออกได้บ้าง เมื่อเสื้อของมันถูกถอดออกไปแล้ว ผมจึงนั่งคุกเข่าลงแล้วก็จูบลงบนหน้าท้องอันแข็งเกร็งของมันอย่างแผ่วเบา ไอ้ซันจับหัวของผมเบาๆแล้วก็ลากมือไล่ไปตามเส้นผมของผมช้าๆ ผมค่อยๆใช้ลิ้นเลีย และลากไล่จากสะดือขึ้นมาเรื่อยๆตามร่องกล้ามของมันจนมาถึงที่กล้ามอก ผมละมือทั้งสองข้างที่ใช้ลูบไล้หัวนมของมันอยู่ลงมาจับที่หัวเข็มขัดและเริ่มปลดมันออกในขณะที่ใช้ลิ้นทำหน้าที่เดิมนั้นแทน ไอ้ซันส่งเสียงซี๊ดออกมาเบาๆเมื่อหัวนมของมันสัมผัสเข้ากับลิ้นเย็นๆของผม ผมจัดการค่อยๆปลดเข็มขัดแล้วก็ปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของมันออกช้าๆ ส่วนลิ้นของผมก็ยังคงทำงานให้กับหัวนมของมันทั้งสองข้างเท่าๆกัน

เมื่อกางเกงยีนส์ของมันถูกถอดลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าแล้ว ผมก็เลื่อนตัวต่ำลงไปอีกครั้ง ผมใช้ลิ้นวนที่สะดือของมันเล็กน้อยก่อนที่จะเลื่อนต่ำลงมาและใช้ปากงับเข้าที่ท่อนลำของมันที่ยังคงถูกห่อเอาไว้ด้วยกางเกงในสีขาว

“ซี๊ดดดดด อาาาาา” ไอ้ซันแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมทำอย่างนั้น ผมรู้สึกได้ถึงท่อนลำของมันที่กระตุกอยู่ตรงริมฝีปากของผม “กูทนไม่ไหวแล้วเว้ย” มันพูดออกมา จากนั้นก็ดึงตัวผมขึ้น

ไอ้ซันประทับริมฝีปากลงบนปากของผมอีกครั้ง เราแลกลิ้นกันอย่างยาวนานขณะที่มือของมันก็พัลวันปลดกางเกงของผมออกไปด้วย และไม่นานอย่างที่คิด กางเกงยีนส์ของผมก็ลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มของผมแล้วเช่นเดียวกัน ผมใช้เท้าเขี่ยมันออกไป

ไอ้ซันถอนปากออกแล้วก็ซุกลงมาที่ซอกตอของผมแล้วก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆพร้อมๆกับกับใช้ลิ้นเลียไล่ไปจนทั่วด้วย ผมครางออกมาในลำคอด้วยความเสียว ไอ้ซันยิ่งได้ใจใหญ่ มันชูแขนขวาของผมขึ้นแล้วก็ใช้ลิ้นไล่จากสีข้างของผมขึ้นไปเรื่อยๆ มันไล่ลิ้นจนมาถึงที่รักแร้ของผมแล้วก็ซุกหน้าลงไปพร้อมๆกับวนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งจากนั้นจึงไล่ลิ้นสูงขึ้นไปอีกจนไปถึงข้อศอกเลยทีเดียว

มันหันมายิ้มให้กับผม แล้วก็ชะโงกหน้ามาจูบกับผมอีกครั้ง เมื่อมันถอนปากออกมันก็ส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรารถนามาให้

“มึงมีกลิ่นที่พิเศษมากเลย มึงรู้เปล่า” พอพูดจบมันก็ซุกหน้าลงที่ซอกคออีกข้างของผมทันที

“อึ้ก....... อาาา.....” ผมแอ่นตัวตามเพราะความเสียว “มึง...... มึงจะบอกว่ากู..... ตัวเหม็นงั้นเหรอวะ” ผมพูดออกมาอย่างยากลำบาก

ไอ้ซันพูดตอบทั้งๆที่ยังคงคอยไซร้และไล่ลิ้นไปเรื่อยๆจนถึงรักแร้ข้างซ้ายของผม “เปล่าเลย....... มันหอมมากๆต่างหาก มันเป็นกลิ่นที่ออกมาจากข้างในร่างกายมึงเลยนะ” มันพูดพลางสูดลมหายใจเข้า

ผมยืนบิดตัวเร่าเพราะความเสียวและจักจี๋เล็กน้อยเมื่อไอ้ซันใช้ลิ้นเลียรักแร้ของผมจนชุ่ม ผมรู้สึกได้ถึงน้องชายของผมที่กำลังร้องอุทธรณ์ออกมาด้วยน้ำหยดใสๆหลายหยดจนผมรู้สึกว่ากางเกงในของผมคงเปียกชุ่มไปหมดแล้ว

ไอ้ซันไล่ลิ้นมายังหัวนมของผมและเอามือไปขยำน้องชายของผมเอาไว้ด้วย มันขยับตัวจากหัวนมข้างซ้ายไปยังข้างขวาอย่างช้าๆและสม่ำเสมอ ไม่ทำให้ผมรู้สึกที่ข้างใดข้างเดียวนานเกินไป แต่มือของมันต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะว่ามันกำลังใช้นิ้วบี้ที่ส่วนหัวของน้องชายของผมจนผมแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

“ไอ้ซัน..... กู จะไม่ไหวแล้วนะ” ผมร้องออกมา

“งั้นก็ไม่ต้องไหวซี่” ผมยิ้มกว้าง แล้วก็เลื่อนตัวต่ำลงไปยังกางเกงในของผม

ไอ้ซันใช้ปากงับเข้าที่ส่วนหัวของท่อนลำของผมแบบเดียวที่ผมทำให้กับมัน แต่มันยังใช้ลิ้นเน้นที่ตรงนั้นพร้อมๆกับมือของมันก็ยังขยำที่ถุงบอลแฝดของผมเบาๆไปด้วย ผมเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วจึงดึงขอบกางเกงในของตัวเองลงทันที และเมื่อน้องชายของผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ไอ้ซันก็ใช้ลิ้นเลียมันอย่างรวดเร็ว มันใช้ลิ้นเลียไล่ตั้งแต่ถุงไข่ของผมจนไปถึงสุดปลายยอด มันตวัดลิ้นเลียน้ำใสๆของผมเข้าไปจนหมด และยังซุกหน้าลงบนขนหัวหน่าวด้วย มันใช้มือขวากดท่อนลำของผมให้ชี้ออกมาตรงๆแล้วก็ออกแรงชักเบาๆพร้อมๆกับใช้ลิ้นเลียที่ขนของผมจนชุ่ม

“อาาาาา...... ซัน มึงทำแบบนี้..... เดี๋ยวกูก็เสร็จก่อนหรอก” ผมร้องแล้วแอ่นตัวขึ้นเพราะความเสียว

ไอ้ซันไม่ตอบ และยังไม่ยอมหยุดด้วย มันใช้ปากครอบลงบนท่อนลำของผมทีเดียวจนเกือบมิดด้าม ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสเข้ากับความเปียก นุ่ม และอุ่นของภายในปากของมัน ไอ้ซันขยับหัวเข้าออกช้าๆ ส่วนมือที่ว่างอยู่ของมันก็กำลังชักให้กับน้องชายของตัวเองไปด้วย

ผมอยากจะหยุดเพราะผมไม่อยากจะเสร็จไวแบบนี้ แต่ผมก็ชักจะทนไม่ไหวแล้ว

“ไอ้ซัน หยุดก่อน” ผมร้องออกมาก่อนที่มันจะสายเกินไป

มันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วก็ยืนขึ้น ผมรีบชะโงกหน้าเข้าไปประกบปากกับมันแล้วก็ถอดกางเกงในที่ถูกดึงลงแค่เพียงครึ่งเดียวออก ผมจับที่น้องชายของมันแล้วก็เอานิ้วชี้เขี่ยที่ส่วนหัวเบาๆ รู้สึกได้ถึงน้ำลื่นๆเหนียวๆที่เปียกจนชุ่มไปหมด เราสองคนถอนปากออกจากกันและกัน ผมสบตากับมันและเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาได้อย่างชัดเจน ผมแน่ใจว่ามันก็คงเห็นสิ่งเดียวกันในแววตาของผมเช่นกัน แต่สิ่งที่มันคงไม่รู้ก็คือ ผมชอบแววตาของมันที่กำลังมองผมอยู่ตอนนี้มากเหลือเกิน ผมรู้สึกถึงความรักที่เอ่อล้นขึ้นมาเต็มภายในอกของผม และมันก็เป็นแรงขับดันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกต้องการตัวของมันในตอนนี้ด้วย

ผมหอมแก้มของมันเบาๆจากนั้นก็ดึงตัวมันเข้าไปยืนอยู่ใต้ฝักบัว ผมเปิดน้ำอุ่นและปรับมันจนมันร้อนพอดีๆ จากนั้นจึงค่อยๆดันมันเข้าไปข้างใต้สายน้ำที่กำลังไหลลงมา ผมจับมันหลังหลังให้กับผมแล้วก็สวมกอดมันจากทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา น้องชายของผมที่ถูกเบียดเข้าที่แก้มก้นของมันขับน้ำหล่อลื่นออกมาอีกครั้ง เราสองคนยืนอยู่อย่างนั้นกันอีกครู่หนึ่งผมจึงผละออกมา

“กูถูหลังให้” ผมบอกมัน จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดสบู่เหลวลงในฝ่ามือ

ผมลูบไล้มือที่เปียกสบู่ไปจนทั่วแผ่นหลังของมัน ไอ้ซันยืนก้มหัวและเอามือพิงผนังห้องน้ำไว้อย่างผ่อนคลาย ผมเลื่อนมือจากแผ่นหลังขึ้นไปยังหัวไหล่ของมันและออกแรงนวดเบาๆ ผมค่อยๆลูบไล้ไปจนถึงต้นคอและเลื่อนต่ำลงมายังหัวไหล่อีกครั้ง ไอ้ซันดูผ่อนคลายมากทีเดียวเมื่อผมทำแบบนี้ เมื่อผมถูส่วนบนของแผ่นหลังของมันจนทั่วแล้ว ผมก็เลื่อนมือต่ำลงมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณเอวและสีข้าง ผมอ้อยอิ่งอยู่แถวนั้นครู่หนึ่งจากนั้นก็เลื่อนต่ำลงมาจนถึงแก้มก้นของมัน ไอ้ซันครางอือออกมาในลำคอเบาๆอย่างพอใจ ผมเลื่อนมือและขยำก้นของมันอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ใช้นิ้วไล่ไปตามร่องก้นจนไอ้ซันสะดุ้งเฮือกเมื่อผมไปสัมผัสถูกเข้ากับรูก้นของมัน ผมแกล้งไล่ผ่านเลยมันไปและเลื่อนอ้อมไปจนถึงตรงส่วนที่เป็นรอยต่อของปากทางเข้าตัวของมันและไข่แฝดคู่นั้น ผมรู้ว่าตรงจุดนี้เป็นจุดตายของมัน ไอ้ซันสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้งและเอามือมาจับมือของผมเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page

“เมฆ........” มันพูดเสียงต่ำและเต็มไปด้วยความต้องการ

ผมนั่งคุกเข่าลงและค่อยๆจับมือของมันออกและเลื่อนนิ้วไล่กลับขึ้นมาที่รูก้นของมันอีกครั้ง คราวนี้ผมไม่ได้หยุดอยู่แค่เขี่ยอีกต่อไป แต่ผมค่อยๆกดนิ้วเข้าไปข้างในด้วย เมื่อนิ้วชี้ของผมถูกดันผ่านส่วนแรกเข้าไป ไอ้ซันก็เงยหน้าขึ้นและครางออกมาเบาๆ

“อาาาา เมฆ.... นี่มึงจะอาบน้ำให้กู รึมึงจะทำอย่างอื่นเนี่ย” มันพูดพลางดันก้นกลับเข้ามาที่นิ้วของผมด้วย

“แล้วมึงไม่อยากให้กูทำรึไง” ผมตอบกลับไปเบาๆ พลางกดสบู่มาเพิ่มลงที่มืออีกข้างด้วย

“ถ้ามึงไม่ทำต่อ หลังจากนี้มึงไปนอนนอกห้องแน่” ไอ้ซันตอบ

ผมหัวเราะเบาๆจากนั้นก็เอามืออีกข้างมาลูบที่แก้มก้นของมันอีกครั้ง ตอนนี้ฟองสบู่บนตัวของมันก็มีปริมาณมากขึ้นแล้ว ผมขยับนิ้วชี้เข้าออกช้าๆอยู่สามสี่ครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆดึงมันออกมา คราวนี้ผมเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางสองนิ้วค่อยๆสอดเข้าไป ตอนแรกมันก็เข้าไปยาก แต่เมื่อผ่านไปสักพัก นิ้วทั้งสองของผมก็ค่อยๆจมหายเข้าไปทีละน้อยๆ

“เจ็บมั๊ย” ผมถาม

“ตอนนี้ไม่แล้ว” ไอ้ซันส่ายหน้า

ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ถูที่น่องขาของมัน และเลื่อนอ้อมสูงขึ้นๆจนไปถึงที่น้องชายของมันที่กำลังแข็งผงาดอย่างเต็มที่ ผมซอยนิ้วทั้งสองที่มือซ้ายช้าๆ ควานอยู่ข้างในเพื่อไปสัมผัสกับจุดตายด้านในนั้น และเมื่อผมสัมผัสถูกต่อมลูกหมากของมัน มันก็จะกระตุกและครางออกมาเพราะความเสียวทุกครั้งไป ขณะที่มือขวาของผมก็คอยชักให้มันจากทางด้านล่างไปด้วย เมื่อโดนปฏิบัติการทั้งสองฝั่งแบบนี้ไอ้ซันจึงยิ่งร้องครางออกมาดังมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก

ผมถอนนิ้วออกจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ไอ้ซันเองก็รู้ตัวแล้วด้วยเหมือนกันว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

“ใช้สบู่ได้มั๊ยวะ” ผมถาม

“ใช้ๆไปเหอะ ถ้าเจ็บแล้วเดี๋ยวบอก” มันตอบ

ผมกดสบู่เพิ่มขึ้นอีกและชโลมมันลงไปที่ท่อนลำของผมพร้อมๆกับที่ร่องก้นของไอ้ซันด้วย จากนั้นผมก็ดันนิ้วเข้าไปช้าๆ จากหนึ่งนิ้วเพิ่มเป็นสองนิ้ว และสุดท้ายก็สามนิ้ว นอกจากนั้นผมก็ยังคอยไซร้ที่ซอกคอของมันพร้อมๆกับชักให้มันไปด้วย เมื่อผมรู้สึกว่ามันพร้อมเต็มที่แล้ว ผมจึงถอนนิ้วออกและค่อยๆขยับตัวเข้าไปเบียดกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเอามือจับที่ท่อนลำของตัวเองให้ตรงกับปากทางเข้าของมันแล้วก็ค่อยๆสอดมันเข้าไปช้าๆ

“โอ๊ยยยย อาาาาา ช้าๆก่อนนะ มันฝืดโคตรๆเลย แม่งงงง” ไอ้ซันร้องออกมาเบาๆ

“เจ็บเหรอ ถ้าเจ็บกูหยุดนะ” ผมถามมันอย่างเป็นห่วง

“ถ้ามึงหยุดกูเตะมึงตกส้วมแน่” ไอ้ซันตอบ และผมก็รู้ด้วยว่ามันไม่ได้พูดเล่น

ผมยิ้มให้กับตัวเองเบาๆและก็งับลงที่ติ่งหูของมัน ไอ้ซันครางออกมาเพราะความเสียวทั้งจากลมหายใจที่ผมพ่นรดหูของมันและมือของผมที่กำลังทำงานให้น้องชายของมันไปด้วย

“มึงหยุดชักก่อน เดี๋ยวกูแตก” ไอ้ซันพูดเสียงกระเส่า

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็ถือเป็นสัญญาณว่ามันกลับมาพร้อมเต็มที่แล้ว ผมจึงค่อยๆดันท่อนลำแทรกผ่านตัวของมันเข้าไปอีกครั้ง ไอ้ซันเงยหน้าขึ้นและครางออกมาอีกหน ผมคิดว่าผมจะค่อยๆดันเข้าไปช้าๆ แต่ไอ้ซันกลับเอื้อมเอามือมากดสะโพกของผมแล้วดันเข้าไปทันที

“อึ๊กกกก........ มึงแช่ไว้เฉยๆก่อนนะ” ไอ้ซันพูดพร้อมกับเสียงหอบ

“มึงเจ็บรึเปล่า” ผมถามอีกครั้ง

“เปล่า แต่มันฟิต....... ขอกูอยู่เฉยๆให้ชินก่อน” มันตอบเบาๆ

มันพูดถูกทุกอย่าง ของมันฟิตและอุ่นมากๆ ผมรู้สึกถึงความแน่นของกล้ามเนื้อของมันที่ตอดท่อนลำของผมเป็นจังหวะๆ จริงๆแล้วผมเองก็เสียวมากจนเกือบจะแตกไปแล้วตั้งหลายครั้ง แต่ผมก็ทนเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากจะไปถึงสวรรค์ได้ง่ายๆแบบนี้ ไม่อยากนั้นมันจะเรียกว่าสวรรค์ได้ยังไงกัน

“ซอยได้แล้ว เอาเลย” ไอ้ซันบอกผม

ผมเริ่มเอามือไปกำที่ท่อนลำของมันอีกครั้งพร้อมๆกับเริ่มขยับตัวเข้าออกช้าๆ ไอ้ซันร้องครางออกมาทุกครั้งที่ผมขยับตัว และผมเองก็ส่งเสียงครางออกไปแข่งกับมันเพราะความเสียวและความรู้สึกฟิตสุดๆที่ท่อนลำของผมไม่แพ้กัน ผมเริ่มขยับตัวจากจังหวะช้าๆเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็สามารถจะซอยเข้าออกได้แบบสุดๆ และทุกครั้งที่ผมกระแทกลงไปแบบสุดๆ ไอ้ซันก็จะร้องออกมาอย่างพอใจทุกครั้งด้วย

“โอ๊ยยย เมฆฆ กูจะไม่ไหวแล้ว......” ไอ้ซันร้องออกมา

เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงถอนท่อนลำออกทันที ไอ้ซันเองก็คงตกใจที่จู่ๆก็รู้สึกโหวงขึ้นมา มันจึงหันมาถามผมด้วยความประหลาดใจ

“ทำไมวะ” มันหันตัวกลับมาเผชิญหน้ากับผม

ผมตอบโดยการจูบมันอย่างเร่าร้อน ไอ้ซันเองก็ดันลิ้นของมันเข้ามาหาผมทันทีเหมือนกัน เราจูบกันอยู่อีกสักพักจึงถอนปากออก

“ตามึงมั่งแล้ว” ผมพูด

ไอ้ซันยิ้มกว้าง จากนั้นมันก็จับผมพลิกสลับที่กับมันแล้วก็นั่งคุกเข่าลงบนพื้น สิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คือมือของมันที่เต็มไปด้วยสบู่กำลังลูบไล้แก้มก้นของผมช้าๆ แต่จากนั้นไม่นานไอ้ซันก็ลุกขึ้นและพลิกตัวผมกลับมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง มันจูบผมพร้อมๆกับใช้มือที่เปื้อนสบู่ชักให้ผมไปด้วย

ไอ้ซันดันตัวผมกลับเข้าไปอยู่ใต้น้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัวอีกครั้ง ทำให้สบู่ที่เคลือบอยู่เต็มตัวของพวกเราทั้งสองคนถูกสายน้ำอุ่นล้างออกไปจนหมด ผมไม่รู้ว่ามันคิดจะทำอะไรต่อแต่ก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะตอนนี้คนคุมเกมก็คือมันแล้ว

ไอ้ซันดันตัวผมให้หันกลับไปพิงกำแพงอีกครั้ง จากนั้นผมก็รู้สึกถึงลิ้นของมันที่กำลังเลียไล่จากร่องก้นของผมต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงที่รูก้น ผมร้องครางออกมาเพราะความเสียวอย่างห้ามไม่ได้ ไอ้ซันเองก็ดูชอบใจที่ได้ยินเสียงผมร้องออกมาแบบนั้นเช่นกัน มันจึงยิ่งใช้ลิ้นแยงเข้าไปให้ลึกมากขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นสักพัก ไอ้ซันก็ถอนลิ้นออกและเปลี่ยนเป็นใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยสบู่แยงเข้ามาแทน ผมรู้สึกถึงความแสบและแน่นตื้อเล็กน้อย แต่เมื่อมันค่อยๆสอดเข้าไปจนสุดนิ้ว ความแสบก็เริ่มหายไปและเปลี่ยนเป็นความเสียวแบบแปลกๆแทน ต่อจากนั้นไอ้ซันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสองนิ้วและสามนิ้วตามลำดับ

“เจ็บรึเปล่า” มันถามผม

“นิดหน่อยว่ะ แต่ทนได้ มึงจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ กูจะไม่ไหวแล้ว” ผมหอบออกมาเพราะความเสียวจากการที่ไอ้ซันใช้มืออีกข้างคอยคลึงท่อนลำของผมไปด้วย

เมื่อผมพูดจบ ไอ้ซันก็ค่อยๆดึงนิ้วออกแล้วเปลี่ยนลุกขึ้นยืนทันที ผมรู้แล้วว่าอะไรกำลังจะตามมา ไอ้ซันเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมเกิดอาการเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย มันจึงเขยิบตัวเข้ามาประกบกับผมและเอื้อมมือทั้งสองข้างมาบีบและคลึงที่หัวนมของผมเล่น ผมร้องครางออกมาเพราะความเสียวที่มันกำลังมอบให้ จากนั้นมันก็เลื่อนมือต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงที่กล้ามท้องของผม

“กล้ามแน่นจังนะ......” ไอ้ซันกระซิบเบาๆเข้าที่หูของผม

ผมรู้สึกได้ถึงท่อนลำของมันที่ถูกเบียดแน่นอยู่ที่ต้นขาของผม มันขยับตัวขึ้นลงช้าๆ ผมรู้สึกได้ถึงหัวใจของมันที่เต้นแรงและลมหายใจอุ่นๆของมันที่กำลังพ่นรดอยู่ที่ซอกคอของผม มือของมันเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆจนสุกท้ายก็มาขยำ บีบ และคลึงที่น้องชายของผมอย่างนุ่มนวล แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกทรมานและไม่สบายตัวมากขึ้นไปอีก ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหมดเรี่ยวแรงในการควบคุมตัวเองให้ยืนอยู่ได้เต็มทีแล้ว

“กู..... ไม่ไหวแล้ว ซัน........” ผมหอบออกมาอย่างอ่อนแรง

ไอ้ซันจึงคลายมือออกข้างนึงออกและสิ่งถัดมาที่ผมรู้สึกก็คือสิ่งแปลกปลอมที่กำลังถูกสอดเข้ามาภายในร่างกายของผม

“อาาาา ฟิตมากเลย...... เมฆ” ไอ้ซันพูดออกมาพร้อมเสียงหายใจแรง “มึงเจ็บรึเปล่า”

ผมส่ายหัว “กูทนได้”

ไอ้ซันค่อยๆดันตัวเข้ามาช้าๆ จนเมื่อส่วนหัวผ่านเข้าไปได้หมด ผมจึงต้องเอามือจับสะโพกของมันเอาไว้ก่อน

“มึงอย่าเพิ่งนะ ขอเวลากูเดี๋ยว” ผมบอก

ไอ้ซันเลื่อนมือข้างหนึ่งมาเล่นที่หัวนมของผมส่วนอีกข้างก็ลูบคลึงและรูดน้องชายของผมเข้าออกช้าๆ การถูกกระตุ้นที่หัวนมและความลื่นจากสบู่ที่ท่อนลำของผมก็ทำให้ผมต้องร้องครางออกมาเพราะความเสียว และยิ่งไอ้ซันกำลังขบกัดตรงซอกคอของผมอยู่ด้วยแล้ว ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังใกล้จะแตกอยู่รอมร่อแล้ว

“ซัน...... กูเสียวมากเลย มึงรีบๆทำเถอะ....... เร็วเข้า” ผมร้องขอ

ไอ้ซันจึงเริ่มขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ มันขยับอย่างนี้อยู่อีกสองสามครั้งและแต่ละครั้งที่มันดันเข้ามา มันก็จะดันท่อนลำให้เข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกถึงความคับแน่นภายในตัวของตัวเอง และเมื่อมันเริ่มซอยเร็วขึ้นๆ ผมก็รู้สึกถึงความเสียวและความพอใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งผมรู้ว่าคนที่กำลังทำแบบนี้ให้ผมอยู่ก็คือไอ้ซัน และรวมกับเสียงของไอ้ซันที่กำลังร้องครางอยู่อย่างพอใจตรงซอกหูของผมแล้ว มันก็ทำให้ผมเริ่มจะเข้าไปใกล้ถึงฝั่งมากขึ้นทุกทีๆ

“ซัน กูจะแตกแล้วนะ กูใกล้แล้ว มึงชักเร็วมากเลย อาาาาา เสียวมากเลย ซัน” ผมร้องครางออกมา

“กูก็ใกล้แล้วเหมือนกันเมฆ ปล่อยออกมาเลย ปล่อยมันออกมาเลยยย” ไอ้ซันพูดเสียงขาดเป็นห้วงๆ และเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้นอีกแค่ไม่ถึงสองนาทีผมก็รู้สึกว่าจุดสุดยอดของผมมันเริ่มกำลังก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ และทันใดนั้นเองผมก็รู้สึกว่าท่อนลำของไอ้ซันกระตุกแรงๆข้างในตัวของผมพร้อมๆกับร่างกายของมันด้วย

“โอ๊ยยยย ออกแล้วว เมฆ” ไอ้ซันร้องออกมาพร้อมกับซบลงบนบ่าของผม ร่างกายของมันกระตุกอีกสองสามครั้งแต่น้องชายของมันก็ยังคงแช่อยู่ภายในตัวของผม

ผมเองก็เช่นกัน ถึงตัวมันจะหยุดกระแทกแล้ว แต่มือของมันก็ยังคงทำงานอยู่ จนในที่สุดผมก็ร้องออกมาพร้อมๆกับกระสุนที่ถูกยิงออกมาอย่างแรง ผมกระตุกสามสี่ครั้งพร้อมๆกับน้ำรักปริมาณมหาศาลที่ถูกฉีดออกมาจนกระเด็นไปเปื้อนเต็มผนังห้องน้ำ แต่ไอ้ซันก็ยังคงไม่หยุดมือจนกระทั่งผมไม่มีอะไรจะปล่อยออกมาแล้วมันถึงได้หยุด

เราสองคนยืนหอบแบบนั้นกันอยู่อีกครู่หนึ่ง ไอ้ซันจึงหอมแก้มผมแล้วก็ค่อยๆดันตัวเองออก ผมรู้สึกถึงน้ำรักของมันที่ค่อยๆไหลสวนทางออกมาด้วย และรู้สึกว่าร่างกายของผมมันโหวงๆชอบกล

ไอ้ซันจับตัวของผมให้หันไปหามันอีกครั้ง จากนั้นมันก็ประกบปากเข้ากับผม เราแลกลิ้นกันอยู่ครู่หนึ่ง ไอ้ซันก็ถอนปากออกพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“น้ำแรกในอเมริกา” มันพูดแล้วหัวเราะเบาๆ

“แล้วจะเป็นน้ำสุดท้ายด้วยรึเปล่า” ผมถาม

“น้ำสุดท้ายของวันนี้ก็พอแล้ว” มันยิ้ม “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีน้ำแรกใหม่อีกหน”

เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน จากนั้นเราต่างก็อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้กันและกันอย่างแผ่วเบา เริ่มแรกผมเป็นคนที่ถูกมันล้างให้ก่อน ไอ้ซันดูจะใส่ใจที่ก้นของผมเป็นพิเศษ มันแสบนิดหน่อยเมื่อโดนสบู่ แต่ไอ้ซันก็ค่อยๆล้างมันอย่างเบามือและเอาน้ำรักของมันออกมาจนหมด เมื่อมันทำความสะอาดด้านหลังของผมเรียบร้อยแล้วมันก็หันมาทำตรงส่วนหน้าของผมด้วย มันถึงกับนั่งคุกเข่าลงและถูให้ผมจนจรดนิ้วเท้าเลยทีเดียว มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกรักและขอบคุณมันมากขึ้นไปอีกที่มันทำให้ผมมากขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะมันถึงกับล้างเท้าของผมหรอก แต่เป็นเพราะที่มันทำความสะอาดร่างกาย “ทุกส่วน” ของผมอย่างอ่อนโยนต่างหาก มันไม่เลือกที่จะทำแค่บางส่วนและเหลือบางส่วนไว้ให้ผมจัดการเอาเองเลย ผมรู้สึกว่าสิ่งๆนี้แสดงถึงความรักและความเอาใจใส่อย่างที่สุดจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงน้องชายของผมที่มันจะอ้อยอิ่งเป็นพิเศษกว่าส่วนอื่นนิดหน่อย ผมเองก็ทำให้มันเช่นเดียวกันกับที่มันทำให้แก่ผม ผมเองก็ถูตรงส่วนก้นแน่นๆของมันอย่างอ่อนโยน ผมค่อยๆใช้มือลูบไล้ไปตามร่างกายส่วนหน้าที่แน่นไปด้วยกล้ามท้องและไล่ต่ำลงไปจนถึงน้องชายของมันที่ยังคงกึ่งแข็งกึ่งอ่อนอยู่ และแน่นอนว่าผมก็ใช้เวลาที่ส่วนนั้นนานกว่าที่อื่นเช่นกัน จนเมื่อผมทำความสะอาดมันเสร็จตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว เราสองคนก็เช็ดตัวให้กันและกันจากนั้นก็เดินออกมาแต่งตัวที่ด้านนอกห้องน้ำ

เมื่อเราทั้งคู่ต่างก็ใส่เสื้อผ้าเสร็จเราก็มานอนกอดและพูดคุยกันอยู่บนเตียง ผมชอบที่จะมองตาของมันมากจริงๆ ไอ้ซันมีดวงตาที่ค่อนข้างจะเล็กแต่มีนัยน์ตาดำที่กลมโตเป็นประกาย มันเป็นแววตาที่ดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคง แต่ผมรู้ว่าจริงๆแล้วข้างในนั้นมันเป็นอย่างไร เพราะดวงตาคู่นั้นของมันก็สามารถที่จะฉายแววความอ่อนโยนออกมาได้มากมายอย่างเหลือเชื่ออย่างเช่นเวลานี้นี่เอง................



Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
คุณต้นไปฝึกปรือวิทยายุทธ...มาหรอคับ. :m10:


ออฟไลน์ ExecutioneR

  • จุ๊บ จู๊บบบบบ ~~ ♥
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1722/-40
    • FB Page
ตอนที่ 39


เราสองคนนอนกกนอนกลิ้งคุยกันอยู่บนเตียงได้ราวๆสิบนาที ไอ้ซันก็เริ่มต้นบทสนทนาในเรื่องที่เราทั้งสองคนต่างก็กำลังสนใจอยู่เหมือนๆกัน

“เมฆ มึงว่าพีมันเป็นเกย์เปล่าวะ”

“อืมมม...... มึงคิดว่าไงอ่ะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมตอบไปตามความจริง “แต่เขาขี้อายดีนะ น่ารักดี”

“เออ ชมเข้าไป กูมันไม่ใช่คนขี้อายนี่” ไอ้ซันทำน้ำเสียงไม่พอใจ

“เอาน่าๆ น่ารักยังไงก็ไม่น่ารักเท่าแฟนกูหรอก” ผมหัวเราะแล้วหยิกแก้มมันเบาๆ “ถึงแฟนกูจะหน้าด้านไม่ขี้อาย แต่ก็ขี้หึงเหมือนกันนะเนี่ยยย”

“พูดมากนะมึง” ไอ้ซันยิ้มกว้างแล้วปัดมือผมออก “ตกลงมึงคิดว่าไง เรื่องของไอ้สองคนนั้น”

“อืมมม กูก็ไม่รู้ว่ะ คือ กูก็ไม่รู้ว่าพีเขาเป็นเกย์รึเปล่านะ รู้แต่ว่าเขาเป็นคนขี้อายมาก และยิ่งถ้าถามว่าไคล์คิดยังไงอยู่เนี่ย กูยิ่งไม่รู้หนักเลย กูก็เพิ่งรู้จักเขาไม่กี่วันเอง มึงนั่นแหละที่น่าจะรู้นิสัยเขาดีกว่ากู แต่เท่าที่ดู กูรู้สึกว่าเขาก็ชอบพีอยู่เหมือนกันนะ แต่ชอบแบบไหนนี่กูก็ไม่รู้จริงๆว่ะ สุดจะเดา อาจจะแค่ชอบแบบเพื่อนหรือถูกชะตาอะไรแบบนั้นก็ได้มั๊ง........ บอกตามตรง กูก็ยังไม่คิด ไม่สิ ไม่อยากจะเชื่อมากกว่า ไม่อยากจะเชื่อว่าไคล์จะ เอ่อออ ทำใจเรื่องของเราสองคนได้เร็วขนาดนั้นหรอก”

“มึงพูดผิดอย่างนึง ถูกอย่างนึง”

“อะไรวะ” ผมถาม

“มึงพูดถูกที่ว่ากูรู้นิสัยไอ้ไคล์มันดีกว่ามึงจริง แต่มึงคิดในเรื่องที่ว่ามันทำใจเรื่องของเราสองคนผิดไปหน่อย”

“ยังไง”

“ไม่ใช่ว่ามันทำใจได้เร็วขนาดนั้นหรอก แต่ที่มึงรู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่น่าจะทำใจได้เร็วขนาดนี้ก็เพราะมึงเพิ่งได้คุยกับมันไปเมื่อตอนบ่ายนั่นเองน่ะสิ แต่จริงๆแล้วมันน่ะก็ทำใจเอาไว้นานแล้ว........ มึงจำได้มั๊ย ที่กูบอกมึงว่า ไอ้ไคล์มันไม่คิดเล็กคิดน้อยอะไรแบบนั้นหรอก กับเมื่อตอนที่เราอยู่ที่แมเธอร์ พ็อยท์แล้วกูบอกมึงว่ามันจะต้องไม่เป็นอะไรน่ะนะ”

 “อืมม จำได้ แล้วไงวะ” ผมพยักหน้า

“ก็ไม่แล้วไงอ่ะ” ไอ้ซันยักไหล่ “กูแค่จะบอกว่า มันไม่ได้เป็นอะไรมานานแล้วล่ะ โอเค ใช่ มันก็ยังคงมีคิดอยู่บ้างโดยเฉพาะเวลาที่มันเพิ่งได้มาเจอมึงตัวเป็นๆน่ะ แต่มันก็เหมือนกับการไปสะกิดแผลของมันออกมาอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง และการที่มันไปคุยกับมึงแบบนั้นก็เหมือนมันไปเกาแผลเก่าให้เลือดมันออกออกมาอีกครั้ง แต่แผลเก่าก็คือแผลเก่า แผลมันเล็กลงเยอะแล้วและเลือดก็คงออกไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย และที่สำคัญ มันไม่เจ็บเหมือนตอนมันเป็นแผลใหม่ๆหรอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันเป็นคนไปแกะแผลด้วยตัวเองด้วยแล้ว มันย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเจ็บและมันจะเจ็บสักแค่ไหน........ ถ้ามึงรู้ตัวว่ามึงทำอะไรลงไปแล้วมึงจะต้องเจ็บมาก มึงจะทำเหรอวะ ใช่มั๊ย”

ผมมองหน้าของมันด้วยความรู้สึกทึ่งนิดๆ

“โอโหหหห คมเว้ยยย คมมมมม” ผมแซว

“ทะลึ่ง” ไอ้ซันเคาะหัวผมอีกแล้ว “อุตส่าห์ซีเรียส ทำกูเสียเส้นจังนะ ไอ้เวรนี่”

เราทั้งคู่หัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน และทันใดนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ถามเจ้าตัวเอาเองเลยดีกว่ามั๊ง กูว่า” ผมถามมันแล้วก็เดินลุกขึ้นไปเปิดประตู

เมื่อประตูถูกเปิดออก ลมเย็นจากภายนอกก็ถูกพัดเข้ามาทันที

“เอ้า มากันแล้ว” ผมยิ้มให้ทั้งสองคน จากนั้นก็เขยิบตัวเพื่อให้เขาทั้งคู่เดินผ่านเข้ามา

ไคล์รับกระเป๋าของพีไปวางไว้ที่ข้างเตียงของเขา และเมื่อเขาทั้งสองคนนั่งลงบนเตียงของไคล์แล้ว ผมก็เดินลงไปนั่งกับไอ้ซันด้วยเหมือนกัน ผมเห็นไอ้ซันและไคล์แอบสบตากันนิดหนึ่งด้วย

“พีอาบน้ำแล้วรึยึง” ผมถาม

“เอ่ออ ยังครับ ไคล์บอกให้ผมมาอาบที่นี่เลยทีเดียว” เขาตอบ

“เอ้า งั้นทั้งคู่ก็ไปอาบพร้อมๆกันเลยสิ” ไอ้ซันพูดขึ้น

พีมีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาหน้าแดงแล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ส่วนไคล์เองก็ดูเขินไม่แพ้กันเช่นกัน แต่เขาก็เก็บอาการไว้ได้อย่างดี และแม้แต่ผมเองก็ยังตกใจเลยที่จู่ๆไอ้แสบมันก็โพล่งออกมาแบบนั้น

“อ้าว ทำไมล่ะ ไม่เสียเวลาดีออก” ไอ้ซันพูดต่อ “เมื่อกี๊พี่กับไอ้เมฆก็อาบพร้อมกัน เอ้อออ....... แต่ของพี่สองคนก็เสียเวลานิดหน่อยน่ะนะ” ไอ้ซันขยับตัวเข้ามากอดผมแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไอ้บ้า!” ผมด่ามัน แล้วรีบหันไปมองหน้าของทั้งสองคน

ไคล์หน้าแดงนิดหน่อยแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่พีนี่สิที่หน้าแดงมากและมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

“มึงทำน้องเขาขวัญหนีหมดแล้ว ไอ้โรคจิต!” ผมหันไปด่าไอ้ตัวแสบ “เดี๋ยวเขาก็วิ่งออกไปร้องตะโกนให้คนมาช่วยหรอก ถ้างั้นแล้วมึงจะทำยังไง”

ไคล์กับซันหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ส่วนพีเองก็หัวเราะออกมาเบาๆด้วย เขาก้มหน้าอายๆแล้วก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มกับไคล์

“ตกลงไม่ไปอาบน้ำกันก่อนเหรอ ไปสิ เดี๋ยวจะดึกซะก่อนนะ”ไอ้ซันเย้า

ไคล์หันไปสบตากับพี เหมือนเขาจะสามารถสื่อความหมายกันได้อยู่สองคน และทันใดนั้นไคล์ก็หัวเราะออกมา

“พี คุณไปอาบก่อนก็แล้วกันครับ” ไคล์บอก

“อ้าวทำไมล่ะ ก็บอกให้ไปอาบพร้อมๆกันเลยไง” ไอ้ซันยังคงไม่ยอมหยุด ผมเอาข้อศอกกระทุ้งที่สีข้างมันเบาๆ แต่มันก็ยังจะพูดต่อ “ไคล์อยู่ที่ไฮสคูลก็ต้องอาบน้ำพร้อมกับเพื่อนอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”

“นั่นมันก็ใช่ แต่ว่านี่มันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ” ไคล์ตอบ

“อ้าว ต่างกันตรงไหนล่ะ หรือว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆนั่นไม่ใช่แค่เพื่อน” ไอ้ซันพูด

ผมรีบเอากำปั้นเขกกะโหลกของมันทันที ส่วนไคล์เองก็หน้าแดงและพีก็ทำตัวไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด

“อย่าไปฟังมัน ทั้งสองคน ไอ้เหี้ยนี่มันบ้า” ผมบอกพวกเขา “พีไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวค่อยออกมาคุยกันนะ พี่ขอโทษแทนไอ้ปากหมานี่ด้วยก็แล้วกัน”

ไอ้ซันหันมาทำท่าจะเถียง แต่เมื่อมันสบตากับผมมันก็หุบปากลงทันที

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” พีก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าและเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อเราอยู่กันตามลำพังสามคน ผมก็หันไปมองหน้าไอ้ซันทันที

“ไอ้ปากหมานนนนนนน” ผมด่ามัน “ทำเอาน้องเขาขวัญเสียหมดแล้ว เดี๋ยวเขาก็รู้สึกอึดอัดตายหรอก เพิ่งจะรู้จักกันแค่วันเดียว ไอ้บ้าเอ๊ย เล่นอะไรเกินเลยไม่รู้เรื่อง”

ไอ้ซันทำหน้าทำตาเหมือนโดนขัดใจ แต่สุดท้ายมันก็พูดขอโทษ “เออๆ กูไม่ทำแล้ว ขอโทษก็ได้”

“ก็ลองไม่ขอโทษดิ่” ผมดึงแก้มมันแรงๆ “ชอบพูดอะไรไม่คิดนะมึง สนุกจนเลยเถิด”

“โอ๊ยยยย โอ๊ยยๆๆๆ อะไรเล่า กูก็ขอโทษแล้วไง” มันดึงมือของผมที่กำลังหยิกแก้มของมันออกแล้วก็เคาะหัวผมเบาๆ

“มึงเคาะหัวกูเหรอ ทั้งๆที่มึงเป็นฝ่ายผิดนะ มึงยังกล้าทำกูอีกเหรอ” ผมยื่นมือไปจะทำมันคืนบ้างแต่มันก็รีบกลิ้งตัวหลบไปซะก่อน

ไคล์นั่งมองเราสองคนทะเลาะกันแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ขำอะไร” ไอ้ซันหันไปแหวใส่ไคล์

“เปล่าครับ” ไคล์หยุดหัวเราะลงทันที

“มึงไม่ต้องไปพาลคนอื่นเขา” ผมได้โอกาสตบหัวมันเบาๆ “นี่ไง ถามไคล์สิ มีโอกาสแล้วนี่ เดี๋ยวพีก็ออกมาจากห้องน้ำก่อนหรอก”

“มึงอยากรู้ไม่ใช่เหรอ มึงก็ถามสิ” มันเกี่ยง

“มึงนั่นแหละที่เริ่มถามกูก่อน อย่ามาทำเนียน”

“เดี๋ยวๆก่อนทั้งสองคน นี่มันเรื่องอะไรกันครับ” ไคล์ถามขึ้น

ผมกับไอ้ซันมองหน้ากันครู่หนึ่งจากนั้นมันก็พยักหน้า และนั่นก็เป็นสัญญาณว่ามันโบ้ยมาให้ผมเต็มที่แล้ว และผมก็ไม่มีสิทธ์เกี่ยงอีกแล้วด้วย ผมถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วก็หันไปยิ้มให้กับไคล์

“คือ เราสองคนสงสัยกันว่า ไคล์คิดยังไงกับพีน่ะนะ........ แค่คนที่เพิ่งรู้จักหรือมากกว่านั้นอีกนิดหน่อย” ผมกับไอ้ซันหัวเราะออกมาเบาๆ

“บอกความจริงเท่านั้นนะ น้องชาย” ไอ้ซันพูดเสริม

ไคล์มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที ผมเห็นว่าเขาหน้าแดงเล็กน้อยจากนั้นก็มีท่าทางอึกอักแบบคนไม่รู้จะหาคำพูดแบบไหนออกมาพูด

“ทำไมทั้งสองคนถามแบบนั้นล่ะ” เขาถาม

“ก็ไอ้ซันมันถามพี่ และพี่ก็บอกว่าพี่เองก็ไม่รู้หรอก เพราะว่าพี่ก็ไม่รู้จักไคล์ดีขนาดนั้นที่พอจะดูออก แต่ไอ้ซันมันเกิดรู้สึกสะกิดใจขึ้นมาก็เลยบอกให้พี่ถามน่ะ” ผมรีบชิงพูดขึ้นมาก่อนที่ไอ้ซันจะทันได้อ้างอะไรมั่วๆออกมาอีก

ไอ้ซันมองหน้าผมอย่างเสียรู้นิดหน่อยแว่บหนึ่งจากนั้นจึงหันไปหาไคล์ “บอกมาตามตรงเร็ว น้องชาย ก่อนที่เขาจะอาบน้ำเสร็จ”

ไคล์หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง “คือ....... ขอเวลาเราอีกหน่อยก็แล้วกันนะครับ” เขาตอบ

ผมและซันมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม เพราะเมื่อครู่ไคล์ใช้สรรพนามว่า “เรา” ไม่ใช่ “ผม” ซึ่งนั่นมันก็ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่ทีเดียวเหมือนกัน

“งั้นก็ดีแล้ว” ไอ้ซันยิ้มอย่างพอใจ “ทำอะไรให้มันดีๆก็แล้วกัน งั้นต่อจากนี้ไปช่วงที่อยู่ที่นี่ถ้าอยากจะไปหาเขาหรือทำอะไรก็ทำได้เลยนะ ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ว่า”

“แบบนั้นมันจะดีเหรอครับ” ไคล์ถาม แต่กลับมีรอยยิ้มกว้างฉายอยู่บนใบหน้า

“ตามสบายเลย แต่ก็ทำตัวดีๆก็แล้วกัน รู้ใช่มั๊ยว่าอะไรควรอะไรไม่ควร และรู้ใช่มั๊ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น.......” ซันเน้นย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง

“ครับ ผมรู้” ไคล์พยักหน้าตอบ แล้วก็หันมามองหน้าผม “เอ้ออ ว่าแต่ไอ้เนี่ยน่ะ.........” เขาชี้ไปที่คอของตัวเอง

ผมยกมือขึ้นมาปิดที่ลำคอของผมตรงตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะใช่ทันที

“อีกแล้วเหรอเนี่ย” ผมร้องครวญ แต่ไอ้ซันกับไคล์กลับหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน “มึงจะหัวเราะทำไม มึงนั่นแหละต้นเหตุ”

“อ้อ แต่ผมจะบอกทั้งสองคนอย่างนึงนะครับ......” ไคล์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาบ้าง ผมและซันนั่งรอฟังอย่างตั้งใจ “ผมอยากจะขอเวลาให้กับพีทโดยเฉพาะเป็นพิเศษด้วยนะครับ เพราะว่าเขาเคย.........” ไคล์เงียบเสียงไปแบบไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่

ผมและซันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจเขาจึงยิ้มออกมาอีกครั้ง และตอนนั้นเองที่ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เราทั้งสามคนหันไปมองพีที่เดินออกมาเป็นตาเดียวกันจนเขามีสีหน้าประหลาดใจแกมตกใจเล็กน้อย

“อะไรครับ” เขาถามอย่างป้องกันตัว

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เอ้าไคล์ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวค่อยมานั่งคุยกันต่อดีกว่า” ผมพูด

จากนั้นไคล์ก็เดินเข้าห้องน้ำไป และพีก็มานั่งลงบนเตียงของไคล์ เขาดูท่าทางกังวลใจและทำตัวไม่ค่อยถูกเล็กน้อย ผมจึงเริ่มชวนเขาคุยเพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกกดดันมากนัก โดยเฉพาะจากสิ่งที่ไอ้ซันเพิ่งพูดไปนั่น และยังเพื่อเป็นการตัดหน้าไอ้ซันไม่ให้มันพูดอะไรพล่อยๆออกมาอีกด้วย

“พีจำวันที่เราเจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนได้รึเปล่า” ผมถามเขา

“ครั้งแรกเหรอครับ......” เขาถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ

“ช่าย ตอนที่ปิดเทอมแล้ววันนั้นน่ะ”

“อ๋ออ....... ครับ จำได้ครับ” เขาตอบ

“พูดถึงเรื่องวันนั้นนะ กูมีเรื่องอยากจะถามมึงพอดีไอ้เมฆ” ไอ้ซันพูดขึ้นบ้าง

“อะไรอ่ะ” ผมหันไปถามมัน

“ตอนนั้นมึงเพิ่งเจอกับพีเป็นครั้งแรกจริงๆใช่รึเปล่า แล้วอีกอย่าง ทำไมมึงต้องไปเล่นบาสทั้งๆที่ฝนตกแบบนั้นด้วย”

“ก็อกหักไง” ผมหัวเราะเบาๆ “แล้วก็คิดถึงที่มีคนเคยพูดกับกูว่าถ้ากูชอบเล่นบาส และถ้ากูเล่นบาสแล้วมันทำให้กูรู้สึกดีขึ้น............ กูก็เลยเล่นไง”

ไอ้ซันมองหน้าของผมนิ่ง แต่สุดท้ายมันก็ยิ้มออกมาเบาๆแล้วก็เริ่มเอามือมากอดมาก่ายผมอีก

“เอ่อ ว่าแต่พีไม่อึดอัดแน่นะครับ ที่เราสองคนนัวเนียกันแบบเนี๊ย” ผมหันไปถามพี

เขาส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่หรอกครับ ดีซะอีกที่พี่รักกันแล้วมีโอกาสได้แสดงออกออกมาน่ะครับ”

“มึงก็น้อยๆหน่อยมั่งเหอะซัน อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็เก็บๆมันเอาไว้บ้าง” ผมหันไปบอกไอ้ซันที่เพิ่งจะเขยิบตัวเข้ามาเบียดผมมากขึ้นอีก

“แต่ว่านั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมกับพี่เมฆเคยเจอกันหรอกนะครับ” พีพูดขึ้น

ผมสองคนหันกลับไปมองเขาแทบจะทันที ไอ้ซันดูท่าทางจะประหลาดใจมากกว่าผมซะอีก จากนั้นมันก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“ตกลงที่มึงถูกรถชนนี่ทำให้มึงลืมเรื่องของน้องเขาไปหมดเลยจริงๆใช่มั๊ยวะเนี่ย” มันถาม

“เฮ้ยยย กูว่าไม่นะ........... รึเปล่า” ผมชักไม่แน่ใจตัวเอง

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องรถชนหรอกครับ” พีพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ครั้งนั้นพี่คงจำผมไม่ได้อยู่แล้ว”

“ตอนไหนเหรอครับ พี่จำไม่ได้จริงๆ” ผมถามเขา

“คือ........ มันก็แค่แป๊บเดียวน่ะครับ เกือบจะไม่ต่างกับการเดินสวนกันเลยด้วยซ้ำ” พีเริ่มต้นเล่า “วันนั้นผมเดินไปที่สนามบาส แล้วลูกบาสมันก็กลิ้งมาชนขาผม และคนที่มาเก็บลูกบาสไปก็คือพี่เมฆครับ เราไม่ได้คุยอะไรกันมากหรอกครับ ก็แค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง”

ผมพยายามนึก และสุดท้ายผมก็นึกขึ้นมาได้ “อ๋อออ...... น้องคนที่ลูกบาสกระเด้งไปชนขาตอนนั้น”

พีพยักหน้า ส่วนไอ้ซันก็ยังคงจ้องมองหน้าของพีอยู่

“งั้นพี่ขอถามอะไรพีตรงๆอย่างนึงเลยนะ วันนั้น หมายถึงวันที่หน้าห้องเก็บอุปกรณ์น่ะ พีรู้มั๊ย ว่าตอนนั้นพี่กับไอ้เมฆเป็นอะไรกัน” ไอ้ซันถามพีขึ้นอีกครั้ง

เขาพยักหน้าอีกครั้ง “ผมคิดว่าผมพอเดาได้น่ะครับ”

ทันใดนั้นเองผมถึงได้นึกออกว่าทำไมตอนที่เขาเจอกับผมและซันครั้งแรกของวันนี้เขาถึงมีท่าทีแบบนั้น และเมื่อเขาเห็นไอ้ซันหอมแก้มผมในห้อง ทำไมเขาถึงได้ตอบว่าไม่แปลกใจที่รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน และยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกว่าทำไมไอ้ซันถึงได้กล้าทำแบบนั้นต่อหน้าเขา นั่นก็เพราะว่ามันพอจะมั่นใจว่าเขาก็รู้อยู่แล้วนี่เอง

“งั้นขออีกคำถามนึงนะ......” ไอ้ซันเริ่มถามต่อ “ตอนนั้นพีคิดยังไงกับไอ้เมฆมัน”

ผมถึงกับสะดุ้งและหันไปมองหน้ามันทันที แต่ไอ้ซันไม่ยอมมองผมตอบ มันกลับยังคงจ้องตาของพีนิ่งราวกับพยายามจะคาดคั้นเอาความจริงออกมาให้ได้ ผมหันไปเห็นพีมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที

ผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย หรือนี่แปลว่าเขาคิดอะไรกับผมอย่างนั้นจริงๆน่ะหรือ

“เพราะว่าตอนนั้นพี่เกิดรู้สึกอะไรขึ้นมานิดหน่อยน่ะนะ........ และมันก็ทำให้พี่ทำตัวงี่เง่าๆออกไปในตอนนั้นด้วย” ไอ้ซันพูดต่อ

พีพยักหน้าอีกครั้ง “ผมก็คิดว่าพี่คงจะหึงผมอยู่จริงๆเหมือนกันครับ แต่ว่าตอนนั้นผมยอมรับว่าผมเองก็รู้สึกดีๆกับพี่เมฆเหมือนกัน........”

ผมนั่งมองทั้งสองคนด้วยความช็อค

“แต่มันก็ไม่มีอะไรมากจริงๆครับ เพราะว่าผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมคิดยังไงกับพี่เมฆกันแน่” พีเริ่มเล่าต่อและก้มหน้าเพราะความอาย....... หรืออย่างน้อยๆผมก็คิดว่าอาจจะเป็นอย่างนั้นนะ “แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่าผมไม่ได้ชอบพี่เขาแบบนั้นครับ......... คือ ผมรู้สึกประทับใจบางอย่างในตัวพี่เมฆน่ะครับ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เจอพี่แล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นมาคุยกับซันต่อ พีมีท่าทางอึกอักที่จะพูดออกมาเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็พูดมันออกมา “ผมเคยชอบรอยยิ้มของพี่เขาน่ะครับ....... มันมีอะไรบางอย่างคล้ายๆกับ........ กับคนที่ผมรักมากเมื่อก่อนนี้.........”

ผมเชื่อว่าซันและผมต่างก็คงเห็นสีหน้าปวดร้าวของเขาเหมือนๆกัน ไอ้ซันจึงลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างๆพีแล้วก็หันมามองผมเป็นเชิงอนุญาต ผมพยักหน้าตอบ ไอ้ซันจึงสวมกอดพีทันที

พีดูท่าทางตกใจเล็กน้อย เขาหันมามองผมและผมก็ยิ้มให้เขา เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นและยกมือขึ้นมากอดไอ้ซันตอบเช่นกัน น้ำตาของพีเริ่มไหลออกมาหยดเล็กๆหยดหนึ่งที่หางตา เขาดันตัวของไอ้ซันออกแล้วรีบเช็ดน้ำตาไวๆ

“ขอโทษนะครับ” เขาพูดขึ้น

ไอ้ซันตบลงบ่าของพีเบาๆ “ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้ว่าแฟนพี่มันเสน่ห์แรง......... จะบอกอะไรให้รู้ป่าว สิ่งแรกที่ทำให้พี่รู้สึกชอบไอ้เมฆนั่นก็คือรอยยิ้มของมันเหมือนกันนั่นแหละ”

ผมยิ้มอายๆ รู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันคิดแบบนั้นกับผม ส่วนพีเองก็ยิ้มกว้างออกมาเช่นกัน และหลังจากนั้นเสียงประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก อีกครั้งที่เราทั้งสามคนหันไปมองยังหน้าห้องน้ำเป็นตาเดียวกัน

“อะไรกันเนี่ย” เขาถาม “ทำไมมองแบบนั้น นี่กำลังคุยอะไรเกี่ยวกับผมอยู่รึเปล่า”

พวกเราหัวเราะขึ้นพร้อมๆกัน จากนั้นซันก็ย้ายกลับมานั่งกับผมเหมือนเดิม เราสี่คนนั่งดูทีวี พูดคุยและหยอกล้อกันเล่นอีกพักใหญ่ๆ เป็นที่เห็นได้ชัดเลยว่าพีเองก็ท่าทางจะมีความรู้สึกดีๆให้กับไคล์ด้วยเหมือนกัน ทั้งสองคนสบตากันแบบที่มีแค่เขาสองคนเท่านั้นที่เข้าใจกันบ่อยมาก มากจนผมรู้สึกเลยว่าไอ้ซันอิจฉา เพราะมันเองก็เข้ามากอดมาป้วนเปี้ยนอยู่กับผมบ่อยเหลือเกิน จนเมื่อเวลาผ่านไปนานจนเราทุกคนก็เห็นพ้องกันว่าควรจะเข้านอนได้แล้วเพราะว่าพีต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า หลังจากเราทั้งสี่คนต่างก็เข้าห้องน้ำแปรงฟันกันจนครบทุกคนแล้วและผมกำลังจะปิดสวิตช์ไฟ พีก็พูดบางอย่างขึ้น

“คือ....... ก่อนนอนผมขอพูดอะไรหน่อยนะครับ” เขาบอกพวกเราทุกคน “ผมขอบคุณทุกคนมากจริงๆนะครับ ที่ทุกคนทำดีกับผมมากขนาดนี้........” เขาหันไปสบตากับไคล์ “คือ ผมเคยเรียนรู้มาอย่างหนึ่งว่า ถ้าผมมีอะไรที่คิดเอาไว้ ผมก็ควรจะพูดมันออกไปซะก่อนที่มันอาจจะสายเกินไปและทำให้ผมไม่มีโอกาสได้พูด..........”

“เรื่องนั้นพี่สองคนเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์” ไอ้ซันพูดขึ้น ผมกับมันต่างก็มองหน้ากันอย่างเข้าใจ

ผมเห็นไคล์กับพีสบตากันแบบนั้นอีกครั้ง แบบที่เขาเข้าใจกันอยู่แค่สองคน จากนั้นพีจึงเริ่มพูดต่อ “ผมอยากจะบอกว่าขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ แล้วก็อยากบอกให้รู้ว่าถึงผมจะเพิ่งได้เจอทุกๆคนแค่วันนี้เป็นวันแรก...... เอ่อ คืออาจจะโดยเฉพาะไคล์คนเดียว แต่วันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมได้รู้จักทุกคน แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับได้รู้จักทุกคนมานานมากแล้วจริงๆ ผมรู้สึกเหมือนวันนี้เป็นวันที่ยาวนานมากๆเลย และผมก็สนุกมากๆด้วยครับ”

ไคล์บีบหัวไหล่ของพีเบาๆ จากนั้น โดยที่ผมไม่ได้คาดคิด ไคล์ก็ดึงตัวของพีเข้าไปกอดทันที

“เดี๋ยวๆๆ รอปิดไฟก่อนแล้วค่อยว่ากันได้มั๊ย” ไอ้ซันพูดขึ้นจากนั้นก็หันมาพยักหน้าให้ผม ผมเห็นสองคนนั้นยิ้มเขินๆให้กันแค่เพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ทั่วทั้งห้องจะมืดลง

ผมนอนอยู่บนเตียงเดียวกับซัน เราสองคนต่างนอนกอดกันและกันอย่างอบอุ่น ไม่ใช่แค่ร่างกายแต่เป็นภายในใจด้วย เราสองคนต่างก็รู้ว่าเรื่องหลายๆเรื่อง เหตุการณ์หลายๆอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหน่ออ่อนของความรักที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใกล้ๆตัวของเราทั้งสองคน ถึงแม้เขาสองคนยังมีเรื่องให้ต้องเผชิญอีกมาก แต่ผมเชื่อว่าถ้าคนสองคนเกิดมาเพื่อคู่กันจริง........ พวกเขาจะต้องฟันฝ่ามันไปได้และปัญหาทุกปัญหาย่อมต้องมีทางออกแน่นอน

เหมือนอย่างเช่นผมกับไอ้ซัน............

.
.
.

คืนนั้นราวๆตีสองผมตื่นขึ้นมากลางดึกและหันไปเห็นไคล์และพีกำลังนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียง ผมยิ้มให้กับตัวเองเบาๆแล้วก็ปลุกไอ้ซันให้ตื่นขึ้นมาดูด้วย เมื่อไอ้ซันเห็นอย่างนั้นมันก็ยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับดึงตัวผมลงเข้าไปนอนกอดอีกครั้ง มันกระซิบบอกผมว่ามันก็จะไม่ยอมน้อยหน้าเตียงข้างๆเช่นกัน




ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

sun

  • บุคคลทั่วไป
   :m10:   :m10:   :m10:    เหอๆ (เช็ดเลือดก่อง)

ซันนี่ก้อ เจ้าเล่ห์ใช่ย่อยเลยนะเนี่ย เอิ้กๆ   :m18:

ที่แท้ ก้ออยากหาเวลาอยู่สอง ต่อสอง กับเมฆ  เพราะ นี่ด้วยอ่าดิ     :m12:

ไคล์เเหมือนจะรู้เห็นเป็นใจ ไปแล่ะ ฮ่าๆๆ     :laugh:

เปิดโอกาสให้สองหนุ่มเขากุ๊กกิ๊ก กัน ซะแล่ะ ฮี่ๆ      o14


 :m26:    แล้วคู่ไคล์ ก่า  พี ล่ะคุนต้น อิอิ   




อุ้ยๆ กำลังจะเม้น คุนต้นนุ่ม ก้อมาต่อพอดี ฮี่ๆ

อ่านแย้วอมยิ้ม     :m1:      หน้าหุบไม่ลงเลยอ่ะตอนนี้      :m1: 
ซันกับ เมฆ ผ่าน จุดนั้นกันมาแล้ว... แต่ก้อยังต้องเดินหน้าต่อไป
ต่อไปก้อเป็นไคล ก่าพี แล่ะโนะ....
ที่จะตามมาติดๆ   ความรัก มันก้อต้อง ค่อยๆเรียนรู้กันไป
ซันก่าเมฆ เหมือนพี่ชาย  ที่กำลังสอนน้องน้อย ให้หัดเดินเลยเนอะ น่าร๊ากกกกกกกก...    :m1: :m1: :m1:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
โอ.. พระเจ้าช่วยกล้วยทอด มันยอดมาก
ต้นเนี่ย  ได้ดังใจจริง ๆ

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
 :m10: อ่านแล้วสุดยอดคับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m10:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หมดโล่งไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมีใครมานั่งเสียใจ
รักคนที่เกิดมาคู่กับเราดีกว่า

 :m18: :m18: :m18: :m18: :m18:

ว่าแต่ฉากในห้องน้ำนี่
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด