Miracle 21
มันเป็นวันเกิดที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา นาโอะกำลังยืนประจันหน้ากับผู้ที่ตนประกาศออกไปว่าเกลียดอย่างสุดหัวใจ หลังจากนั้นก็หนีไปนอนกับไดยะโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายพยายามเรียกสักเพียงใด หนึ่งคืนที่ผ่านมาเมื่อลองหวนคิดถึงเรื่องทั้งหมดนาโอะก็เริ่มตระหนักได้ว่าพูดแรงเกินไป
เพราะภาพความทรงจำในอดีตที่ประดังประเดกันเข้ามา กับคำขอโทษทำให้สุดจะกลั้นอารมณ์ได้อีก คำเพียงสองพยางค์ไม่อาจทดแทนสิ่งที่เพื่อนหนูทดลองคนอื่นประสบได้ ไม่อาจชดใช้ให้ชีวิตอีกมากมายที่สูญเสียไปแล้วได้ หรือแม้กระทั่งช่วงเวลาสิบปีอันเป็นดั่งขุมนรกสำหรับนาโอะ ทว่าก็ไม่อาจสามารถชดเชยทุกอย่างด้วยชีวิตของเซย์จิได้ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่นาโอะไม่คิดเสียใจที่ได้พูดออกไปคือคำว่าเกลียด
เขาเกลียดเซย์จิยิ่งกว่าอะไรดี..
บรรยากาศกดดันอันหนักอึ้ง ภายในห้องนอนของนาโอะที่เซย์จิบุกรุกเข้ามาอีกครั้งทันทีที่เห็นเจ้าของห้องกลับเข้ามานั้นเงียบกริบ ดวงตาสีอ่อนไม่หลบมองไปทางอื่นด้วยความกลัวอีก แต่จ้องมองมาโดยไม่ละไปไหน กระนั้นกลับไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมาจากกลีบปากบาง เข็มวินาทีเคลื่อนคล้อยผ่านไปดั่งความอดทนกำลังลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ ผู้บุกรุกเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นก่อนที่นาโอะจะหนีหายไปที่ไหนอีก
" ฉันเอาของขวัญวันเกิดมาให้ "
มือใหญ่ชูถุงกระดาษขึ้นให้ดู นาโอะเหลือบมองเพียงครู่ก่อนเอ่ยตอบเสียงห้วนในทันที
" ผมไม่อยากได้ "
" ทำไมนายไม่ลองแกะดูก่อนล่ะ "
" ผมบอกว่าไม่จำเป็นไงครับ "
นาโอะกล่าวตัดบท ทว่าในจังหวะที่จะผละออกจากห้อง ผู้ที่ยังไม่ละความพยายามกลับเอ่ยเรียกไว้อีกครั้ง
" ถ้างั้นอยากได้อะไรล่ะ "
เจ้าของเรือนผมสีอ่อนได้ยินเข้าก็แค่นยิ้มออกมา แล้วหันมาสบมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท ก่อนเอ่ยออกมาชัดเจนในทุกถ้อยคำ
" ที่ผมอยากได้มีแค่เทะซึโอะกับอิสรภาพของเราสองคนกลับคืนมา เซย์จิซังให้ได้มั้ยล่ะครับ "
ความเงียบเข้าเป็นใหญ่ภายในห้องอีกครั้ง ไม่นานนักคำตอบซึ่งไม่ผิดจากที่คาดไว้ก็หลุดออกมา
" ขอโทษนะนาโอะ แต่นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันให้ไม่ได้.."
แทนคำตอบรับดวงตาสีอ่อนผินมองไปทางอื่น นาโอะเมินหน้าหนีตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่เป็นอีกครั้งที่ถูกรั้งเอาไว้ ข้อมือบางถูกจับกุมไว้ด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลไม่มีทางสะบัดหลุดได้เลย จากนั้นเซย์จิจึงยื่นข้อต่อรองให้คู่สนทนาพิจารณา
" ถ้าฉันอยู่บ้านนายจะเจอเทะซึโอะเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างนี้พอจะแทนกันได้มั้ย "
ผู้ถูกเหนี่ยวรั้งไว้หันหน้ากลับมามอง นาโอะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเริ่มพร่างพรูความรู้สึกทั้งหมดออกมา ด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความชิงชังชายชื่อเซย์จิอย่างถึงที่สุด
" คุณสำนึกผิดแล้วไม่ใช่เหรอไงครับ ถ้างั้นก็ปล่อยพวกผมไปสักทีสิ หรือที่คุณพูดทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก "
" ฉันบอกด้วยนี่ว่าฉันรักนาย เพราะงั้นคงปล่อยไปไม่ได้หรอก "
"....คนเห็นแก่ตัว "
ดวงตาสองคู่ประสานกันไม่ละไปไหน นาโอะมองด้วยความเกลียดชัง รู้สึกขยะแขยงบริเวณข้อมือที่ถูกจับกุมไว้เหลือเกิน หากแต่เซย์จิกลับสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างที่ก่อร่างรวมกันเป็นนาโอะขึ้นมา ราวกับจะสลักฝังมันลงไปในความทรงจำไม่รู้ลืม เขาจะปล่อยมือจากทั้งนาโอะและเทะซึโอะได้อย่างไร ในเมื่อคนทั้งสองกลายมาเป็นครอบครัว เป็นคนสำคัญยิ่งไปแล้ว
----------------------------
หากอยากอยู่ร่วมกันจำเป็นต้องมีข้อตกลง
สายลมพัดแผ่วเบากระดาษที่ฝ่ามือใหญ่ถืออยู่ปลิวไปตามแรงลม กระนั้นเซย์จิก็ยังอ่านเนื้อความที่ถูกเขียนเอาไว้ได้อย่างชัดเจน มันคือข้อตกลงที่นาโอะและเขาทำร่วมกันตามที่ผู้ร่วมอาศัยขอร้องเชิงคำสั่งมา ดูเหมือนนาโอะจะลดท่าทางเกร็งเครียดลงจนหมดเมื่อกฎการอยู่ร่วมกันร่างขึ้นเป็นที่เรียบร้อย
ข้อห้ามแรกซึ่งสมกับเป็นนาโอะผู้รักน้องชายยิ่งกว่าสิ่งใด คือห้ามทำร้ายเทะซึโอะไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจอีก ไม่ใช่เรื่องยากลำบากเกินความสามารถของเซย์จิเลยแม้แต่น้อย หากพูดตามตรงแล้วกลับง่ายมากเสียด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับข้อตกลงที่เหลือ เพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้ขาดสติจนเผลอทำร้ายชีวิตน้อย ๆ นั้นได้
ส่วนข้อห้ามอีกสองข้อที่เหลือนั่นยากยิ่งนัก ห้ามเข้าห้องโดยพลการ และห้ามแตะต้องตัวนาโอะ ชายหนุ่มเข้าใจถึงเหตุผลที่นาโอะต้องเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ดี คงกลัวเซย์จิทำอะไรรุนแรงเหมือนดังแต่ก่อนอีก ทว่าเพียงแค่เข้าใจไม่อาจทำให้หักห้ามความต้องการของตัวเองได้ทั้งหมด แม้ไม่ได้กอดหรือจูบ แต่อย่างน้อยแค่ได้สัมผัสเรือนร่างนั้นบ้างก็ยังดี
สิ่งเดียวที่ทำให้เซย์จิยอมอดทนกับข้อตกลงเหล่านี้ได้ คือความตั้งใจอันแรงกล้่าที่ต้องการให้อีกฝ่ายยอมรับคำขอโทษและให้อภัยความผิดพลาดทั้งหมดที่เคยมีมา
นาโอะเป็นบุคคลร้ายกาจเหลือจะกล่าว ที่แทรกซึมเข้ามาในจิตใจทีละเล็กละน้อยผ่านช่วงเวลาอันยาวนาน จนกัดกร่อนเซย์จิให้พ่ายแพ้ผู้ชายที่ไม่มีอะไร ที่ไร้พิษสงใดอย่างนาโอะจนหมดท่า
ถ้าเช่นนั้นหากเซย์จิจะลองใช้วิธีเดียวกันนั้นกับนาโอะบ้างคงไม่ผิดอะไร..
" มองกระดาษแล้วทำหน้าเครียดอะไรของนายอยู่ได้ "
ไดยะที่บุกเข้ามาในห้องนอนอย่างกะทันหันฉวยกระดาษในมือเซย์จิขึ้นมาอ่าน แล้วคลี่ยิ้มคล้ายจะล้อเลียนเพื่อนสนิทอยู่ในที
" ฉันต้องทำข้อตกลงพวกนี้กับนายด้วยหรือเปล่า "
" พิเศษสำหรับนาโอะคนเดียว "
เซย์จิตีสีหน้าไม่พอใจแล้วแย่งกระดาษกลับมาเก็บไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง ผู้บุกรุกยังยิ้มพรายอยู่เช่นเดิม
" น่าน้อยใจชะมัด ที่ผ่านมานายไม่เคยเห็นใครสำคัญกว่าฉันเลยแท้ ๆ "
ไดยะบ่นไปตามเรื่องด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ขณะเปิดกระเป๋าใบใหญ่ที่ถือติดมือมาด้วย แล้วถือวิสาสะนำขวดยาจำนวนมากมาวางเรียงเต็มเตียง เจ้าของห้องลองหยิบขึ้นมาอ่านฉลากดูขวดหนึ่ง ก็พบว่าสรรพคุณมีเพียงแก้ปวดธรรมดาทั่วไปเท่านั้น แต่ลักษณะของเม็ดดูยังไงก็ต่างกับยาแก้ปวดที่เซย์จิเคยทานมาตลอด ยังไม่ทันได้ถามอะไรไดยะก็เฉลยออกมา
" นี่เป็นยาพิเศษสำหรับนาโอะทั้งหมด "
" ยาพิเศษ? หมายความว่ายังไง "
" ลืมไปแล้วเหรอไงว่านาโอะเคยโดนยามาตั้งขนาดไหน คิดว่าจะไม่เกิดอาการต้านยาตัวอื่นขึ้นมาบ้างเลยเหรอไง เอาเป็นว่าจากนี้ถ้าเกิดป่วยเป็นอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ให้กินยาพวกนี้ ห้ามพาไปหาหมอมั่วซั่วที่ไหนล่ะ ถ้าอาการหนักจริง ๆ ค่อยโทรมาหาฉัน "
ใบหน้าคมซีดเซียวลงทันที เมื่อคิดไปถึงอาทิตย์แรกที่นาโอะมาอยู่บ้านหลังนี้ แล้วไม่สบายหนักจากการโดนขืนใจที่ห่างหายมานานถึงแปดปี ในวันนั้นเขาให้สาวใช้ในบ้านไปค้นยาแก้ไข้อะไรก็ตามที่เจอในกล่องยา ซึ่งไม่ได้ใช้งานมานานปีมาให้กินแก้ขัดเท่านั้น ไม่รู้ที่นาโอะป่วยหนักจนลุกไม่ขึ้นหลายวันในตอนนั้นเป็นเพราะเกิดแพ้ยาขึ้นมาหรือเปล่า เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นอีก เซย์จิจึงตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่เพื่อนสนิทกำลังจะพูด แทนการต่อปากต่อคำด้วยเช่นทุกครั้ง
" พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปอยู่บ้านตัวเองแล้ว นายเองก็ศึกษาวิธีใช้ยาพวกนี้ให้ได้ล่ะ "
" เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พูดว่าจะกลับไปอยู่บ้านตัวเองเหรอ "
" ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ๆ นี่ "
" แล้วที่ว่าให้ศึกษาวิธีใช้ยาทั้งหมดเอง นายเป็นหมอแท้ ๆ ทำไมไม่อธิบายให้ฟังเองเลยล่ะ "
เซย์จิขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนไม่พอใจ ทั้งที่ตั้งใจรอฟังคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญ แต่คุณหมอกลับบอกปัดง่าย ๆเสียอย่างนั้น
" แค่อ่านฉลากก็รู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องให้ถึงมือหมออย่างฉันหรอก "
ไดยะก้มหน้าก้มตาจัดเก็บข้าวของในกระเป๋าให้เรียบร้อย คู่สนทนาจึงไม่ทันได้เห็นแววตาซึ่งเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เขาเชื่อว่าเซย์จิกลับตัวกลับใจแล้วจริง ๆ จากการทดสอบทั้งกลั่นแกล้ง การสร้างสถานการณ์ หรือแม้แต่ลอบสังเกตทุกอย่างด้วยตัวเองมานานเกือบเดือน
และยิ่งไว้ใจมากขึ้น เมื่อนาโอะหลบมาหาในค่ำคืนที่ผ่านมา แล้วเล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมแปลกประหลาดของเจ้าของบ้าน รวมไปถึงคำขอโทษที่ไม่น่าเชื่อหูด้วย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณหมอจอมป่วนจะรามือไม่ยุ่งเกี่ยวกับสองคนนี้อีก
เพราะไดยะเป็นดั่งสายลม เคลื่อนไหวตามใจนึกคิด
และไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาได้เลย
TBC Chapter 22
ขอโทษค่ะมาต่อช้าอีกแล้ว //ก้มหน้าสำนึกผิดแบบเซย์จิ ขอไม่ตอบคอมเม้นนะคะ ต้องรีบไปนอนแต่ก็ขอบคุณสำหรับทุกเม้นเช่นเคยนะค้าาา
ปล.มีคนถามว่านาโอะเลิกกลัวเซย์จิแล้วเหรอ เลิกกลัวแล้วค่ะ~ หรือเราบรรยายไม่ชัดเจนพอเลยอ่านแล้วงงกันคะเนี่ย จากนี้ไปจะปรับปรุงตัวค่ะ! TTwTT