Miracle 27 (ครึ่งแรก)
..ครูที่โรงเรียนบอกว่าคนที่เทะซึโอะเรียกว่าพี่ฮิโรกิมารับก่อนเวลา เห็นว่าเด็กรู้จักเลยยอมให้รับกลับไป..
ถ้อยประโยคเดียวที่ดังก้องอยู่ในหูของนาโอะครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับไม่อาจรับรู้เรื่องใดได้อีกต่อไป เจ้าของเรือนผมดำสนิทผลีผลามไปที่อื่นหลังบอกเบาะแสที่มีอยู่ให้ทราบ โดยย้ำคำหนักแน่นและปลอบประโลมว่าจะรีบตามหาเด็กชายให้่เจออย่างแน่นอน กระนั้นน้ำเสียงที่สั่นพร่าของเซย์จิกลับยิ่งทำให้หวาดวิตกยิ่งขึ้น นาโอะไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มยังตกใจอยู่ หรือเพราะกลัวว่าแม้แต่อิทธิพลของตนก็อาจช่วยเทะซึโอะไม่ได้กันแน่
แต่จะด้วยสาเหตุใดกันแน่นั้นนาโอะไม่อาจใช้สติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดคิดไตร่ตรองได้เลย ฝ่ามือเรียวขาวระริกไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ ตั้งแต่ได้ยินชื่อเพื่อนสนิทซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ ในตอนแรกนาโอะหลงคิดไปเองว่าบางทีฮิโรกิอาจอยากพาเด็กชายไปเที่ยวเล่น ทว่าเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนแผ่นฟ้าถูกย้อมละเลงด้วยผืนราตรีก็ยังไม่มีการติดต่อใด ๆ เข้ามา ความเชื่อใจที่เคยมีต่อผู้ต้องสงสัยพลันลดหายลงจนหมด ยิ่งประกอบกับความเปลี่ยนแปลงที่เพิ่งได้ประสบด้วยตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งพาลให้คิดจินตนาการไปในทางไม่ดีต่างๆนานา
เหตุการณ์เดิมกำลังเกิดขึ้นซ้ำสองเหมือนครั้งที่เซย์จิลักพาน้องชายคนสำคัญไป ทว่าครั้งนี้รอยแผลเดิมที่ถูกกรีดซ้ำกลับสร้างความเจ็บปวดให้ทวีขึ้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า ด้วยน้ำมือของผู้ที่นาโอะเคยไว้ใจที่สุด เขาไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าตลอดเวลาที่ต้องอยู่กับเซย์จิในบ้านหลังนี้เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสนิท และยิ่งจนปัญญาคิดหาสาเหตุของการกระทำครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ฮิโรกิที่รู้จักไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้เป็นอันขาด
..เพื่อนสนิทกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาโอะ..
เป็นเวลานานหลายชั่วโมงหลังรับรู้เรื่องทั้งหมด ที่นาโอะเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องเดิมไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนสัมปชัญญะจะกลับมาครบถ้วน และตระหนักได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ความกังวลจึงยิ่งถาโถมเข้าใส่ และโกรธเคืองความเบาปัญญาของตนยิ่งกว่าสิ่งใด สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกใช่การมัวมาคร่ำครวญเสียใจผิดหวังในตัวฮิโรกิไม่ เรื่องในคราวนี้ไม่ได้เหมือนครั้งก่อน ผู้ต้องสงสัยเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปหาใช่ผู้มีอำนาจที่ไม่อาจดิ้นรนต่อต้านได้ หากพยายามเร่งตามหาเข้าอาจพบตัวทั้งสองคนก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างที่ยังตั้งสติไม่ได้ ชายที่นาโอะคิดมาตลอดว่าเป็นเพียงคนนอกได้เริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างไปแล้ว เขาเองก็ควรทำอะไรบ้างแล้วเหมือนกัน
ทันใดนั้นเองนาโอะได้ยินเสียงคล้ายอะไรสักอย่างกระทบกันอย่างรุนแรงมาจากชั้นล่าง พอลองลงไปดูก็พบเซย์จิที่ออกจากบ้านไปเมื่อหลายชั่วโมง กำลังตวาดเสียงใส่โทรศัพท์มือถือด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเคร่งเครียด ประตูบ้านด้านหลังทางที่ชายหนุ่มเดินผ่านมาถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ถัดไปเป็นเศษแจกันกระจัดกระจายน้ำไหลนองไปทั่วบริเวณ ชายเสื้อแขนยาวข้างหนึ่งที่เปียกน้ำทำให้ัสันนิษฐานได้ว่า เจ้าของบ้านคงเผลอปัดมือไปโดนแจกันตกแตกด้วยแรงอารมณ์จนเกิดเสียงดังเมื่อครู่
" ฉันบอกให้หาให้เจอภายในคืนนี้ไงล่ะ "
" จะวิธีไหนก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้นแหละ! เลิกถามมากแล้วลงมือทำตามคำสั่งได้แล้ว "
น้ำเสียงเฉียบขาดดึงนาโอะให้หันไปสนใจผู้ที่เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจอีกครั้ง ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าปลายสายต้องเป็นคนจากโลกเบื้องหลังที่อยู่ในการควบคุมของเซย์ิจิอย่างแน่นอน นักธุรกิจทั่วไปคงไม่สามารถใช้อำนาจสั่งการลูกน้องด้วยเหตุผลส่วนตัวในเวลาเช่นนี้ได้ ชายคนนี้กำลังใช้อำนาจอันมิถูกมิควรเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการอีกครั้ง ทั้งที่เคยนึกชิงชังมาตลอด หากแต่คราวนี้นาโอะกลับเห็นด้วยกับวิธีนี้ แม้ในใจจะรู้สึกขมขื่นจากภาพความทรงจำในอดีตก็ตาม กระนั้นฝ่ามือทั้งสองข้างกลับเย็บเฉียบ เหงื่อไหลซึมออกมา ร่างทั้งร่างราวกับถูกถ่วงไว้ยากจะเคลื่อนไหวได้
วิญญาณร้ายกำลังสำแดงเดชดั่งที่เคยกระทำมาตลอด หากแต่ถ้านี่จะเป็นการช่วยเทะซึโอะได้ เขาก็ยินดีทนรับความเจ็บปวดจากรอยแผลเก่าเอาไว้ทั้งหมด อย่างน้อยยังดีกว่าทนห่วงหาน้องชายแทบขาดใจเหมือนที่กำลังเผชิญอยู่จนถึงเมื่อครู่
" บัดซบที่สุด! "
เซย์จิกดกระแทกนิ้วลงบนปุ่มวางสายอย่างหงุดหงิดหัวเสียเป็นที่สุด กว่าหลายชั่วโมงที่สั่งให้คนออกตามหาเด็กชาย รวมไปถึงตัวเขาที่ตระเวนไปตามที่ต่าง ๆ รอบบริเวณโรงเรียนแต่ก็ไร้ผล
"..เซย์จิซัง " เสียงแผ่วหวิวเอ่ยเรียกในที่สุด เจ้าของนัยน์ตาดำสนิทหันมองตามเสียงเรียกก็ให้ปวดใจยิ่งนัก เจ้าตัวอาจไม่รู้สึก แต่นาโอะในตอนนี้ดูน่าสงสารจับใจ ไม่ใช่มีสภาพน่าสมเพชเวทนา หากแต่เป็นแววตาเศร้าหมองคู่นั้นต่างหาก
" นาโอะมีอะไรเหรอ " เซย์จิรีบตรงเข้าไปหาร่างเพรียวที่ดูราวกับขอนไม้แท่งเล็กใกล้หักเต็มที
" เจอตัวเทะซึจังหรือยังครับ " ฝ่ามือเรียวคว้่าจับท่อนแขนแกร่งเอาไว้ ก่อนถามคำถามที่เซย์จิไม่อยากได้ยินมากที่สุด อิทธิพลและอำนาจล้นเหลือที่มีอยู่ช่างดูเปล่าประโยชน์ เขารู้ดีว่าต้องใช้เวลาในการค้นหา แต่เมื่อเห็นนาโอะในตอนนี้ความอดทนที่มีอยู่น้อยนิดก็แทบจะหมดลงเต็มที
"....ยัง " รู้สึกคล้ายลำคอตีบตันขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
" ผมจะออกไปตามหาด้วย " ทันทีที่ได้ยินคำตอบนาโอะก็ตั้งท่าจะพุ่งออกนอกประตูบ้านไป ทว่ายังเร็วไม่พอเซย์จิที่ดึงมือไว้ได้ทัน
" ไปตอนนี้ไม่ได้ มันมืดแล้วอันตราย นายอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว "
" ก็เพราะมันทั้งมืดทั้งอันตรายผมถึงต้องออกไปเองไง เทะซึจังยังเป็นเด็ก ไม่ยิ่งอันตรายกว่าเหรอครับ " นาโอะเถียงอย่างไม่ลดละ ขณะพยายามสะบัดมือที่ถูกจับกุมไว้ วงแขนแข็งแรงจึงโอบกอดร่างที่ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลังเอาไว้ก่อนเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
" เชื่อฉันแล้วอยู่ที่นี่เถอะนะ "
" ..จะ..จะให้ผมทนอยู่เฉยได้ยังไง..กันล่ะครับ เทะซึจังจะเป็นยังไงบ้างแล้วก็ไม่รู้.."
น้ำเสียงแผ่วเบาพร้อมแรงขัดขืนที่อ่อนลงทุกขณะ ราวกับร่างนี้ใกล้หมดลมหายใจ แค่เวลาที่เสียไปกว่าจะตั้งสติได้อีกครั้งก็มากเกินพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่เสี้ยววินาทีนาโอะก็ไม่อาจปล่อยให้ผ่านไปอย่างไร้ค่าได้อีกต่อไป แต่ในเมื่อเซย์จิยังควานหาคนทั้งสองไม่เจอ แล้วตัวเขาในตอนนี้จะทำอะไรได้
"..นาโอะ "
ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมาจากเรียวปากบางอีก แต่เซย์จิรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นบนเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่อยู่ ไหล่บางในอ้อมแขนระริกไหว โดยไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน เขาเคยเห็นนาโอะร้องไห้มาหลายต่อหลายครั้ง ดวงตาคู่สวยบวมช้ำกับหยาดน้ำตาที่พร่างพรูออกมาไม่ขาดสาย พร้อมถ้อยคำอ้อนวอนปนเสียงสะอื้นเป็นสิ่งที่เห็นจนชินตา ทว่าไม่มีครั้งใดที่นาโอะจะหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ ราวกับเจ็บปวดใจจนไม่อาจเปล่งเสียงพูดออกมาได้เลย
" ..ถ้ามันจะทำให้นายสบายใจขึ้นบ้าง ก็ร้องออกมาเถอะ "
ฝ่ามือหนาลูบแผ่นหลังของนาโอะอีกครั้ง พร้อมกันกับที่เรียวแขนเล็กยกขึ้นกอดเซย์จิเอาไว้ แล้วซบหน้านิ่ง รอยเปียกแผ่ขยายเป็นวงกว้างบนเสื้อสีขาว ยิ่งพูดปลอบเท่าไหร่ฝ่ามือที่เกาะกุมอยู่ด้านหลังเสื้อก็ยิ่งกำแน่นมากขึ้นเท่านั้น ความอัดอั้นตันใจกำลังถูกระบายออกมาทีละน้อย นาโอะรู้ดีว่าไม่ควรเสียเวลาให้กับความอ่อนแออีก แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น ขอซึมซับความอบอุ่นและกำลังใจจากเซย์จิให้มากพอจะทนรับกับอะไรก็ตามที่กำลังคอยอยู่ ให้มากพอจะเผชิญหน้ากับฮิโรกิได้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้นไม่ว่าชายคนนี้จะเสแสร้งหรือไม่นาโอะก็ไม่ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว
เมื่อเสียงนุ่มหูเรียกชื่อเจ้าของดวงตาแดงเรื่อก็เงยขึ้นมองอย่างว่าง่าย นิ้วเรียวบรรจงเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ กลีบปากบางเผยอขึ้นคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเม้มแน่นอีกครั้ง นาโอะในตอนนี้ดูอ่อนไหวราวกับจะสลายหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น
" ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะตามหาเทะซึโอะให้เจอให้ได้ " เซย์ิจิแนบริมฝีปากลงบนดวงตาสีอ่อนของผู้ที่พยักหน้าช้า ๆ เป็นเชิงรับรู้ ก่อนไล่ลามไปยังพวงแก้ม เป้าหมายต่อไปคือกลีบปากสีสวย ทว่าในวินาทีถัดไปก่อนจะได้ลิ้มชิมรสหอมหวาน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นคล้ายต้องการขัดจังหวะ
" มีอะไร "
เซย์จิกรอกเสียงลงไป ฝ่ามืออีกข้างลูบสัมผัสหลังของผู้ที่มองมาอย่างคาดหวังในข่าวสารที่กำลังจะได้รับ
" อืม " เขารับคำสั้น ๆโดยไม่พูดอะไรมาก
" เข้าใจแล้ว คอยดูไว้ให้ดูอย่าให้คลาดสายตา "
ทันทีที่วางสายลงใบหน้าคมก็แลดูตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง
" มีคนเห็นทั้งสองคนกำลังไปที่ทะเล " ชายหนุ่มหันมาพูดกับนาโอะ
..ทะเล สายน้ำและการพลัดพราก..
----------------------------------------
ครึ่งหลังอีกไม่เกินห้าัวัน(??)แน่นอนค่ะ ;__;
รู้สึกว่าตอนนี้แต่งยากจนเขียนต่อไม่ค่อยได้เลยล่ะค่ะ ขอโทษที่ดองด้วยนะคะ *โค้ง*