ตอน 24 ปริ่มใจ- หมอนิว -
เช้าวันใหม่มาถึง ผมพลิกตัวสองสามครั้ง ก็รู้สึกปวดยอกไปทั้งตัว โดยเฉพาะท่อนล่างของตัวเอง หัวสมองก็เริ่มประมวลถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ใช่แล้ว! ผมกับพี่กี้ เรา…กันแล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนๆ เหมือนอยู่ดีๆ เลือดก็สูบฉีดมากองกันที่หน้าซะอย่างนั้น …ผมหันไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้ยังปิดเปลือกตานิ่ง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่ายังหลับสนิทอยู่ ผมใช้สายตาพิจารณาใบหน้าหล่อเหลานี้ ใบหน้าที่หลายคนหลงใหล อยากจับจองเป็นเจ้าของ แต่ตอนนี้คนคนนี้นอนอยู่ข้างกายผม
เป็นคนเดียวกันกับที่บอก 'รัก' ผมเมื่อคืน…
คิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึก 'ปริ่มใจ' อย่างบอกไม่ถูก…
ถามว่าผมรักพี่กี้หรือยัง? คำตอบที่ได้ก็คงเหมือนเดิม ไม่รู้จะเรียกว่ารักไหม แต่อยากอยู่ข้างกันแบบนี้ในทุกๆ วัน ตื่นมาก็เจอ ก่อนจะหลับตาลงก็เจอ หรือเป็นไปได้ในฝันก็อยากจะเจอ ^___^
เอ่อ ผมว่า ผมเว่อร์ไปละ ฮ่าๆๆ
หรือจริงๆ แล้วอาการแบบนี้เค้าเรียกว่า 'หลง' อันนี้ก็ไม่แน่ใจอีก
"ตื่นนานยังครับคนดี…"
พี่กี้ตื่นมาเจอใบหน้าผมที่กำลังสับสนระหว่าง 'รัก' กับ 'หลง' และเอ่ยทักทายผมขึ้น
"ไม่นานครับ…"
"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกพี่ละครับ หืมม์"
จบประโยคคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ พี่กี้ก็รวบผมไปนอนกอดไว้ โดยที่ผมก็ยอมให้พี่เค้ากอด แถมกอดตอบด้วยนะ
"เห็นพี่นอนสบายอยู่ เลยไม่อยากปลุก"
"น่ารักจริงๆ แฟนใครหว่า"
พร้อมกับที่พูด พี่กี้ก็กอดผมแรงขึ้น จนผมรู้สึกเจ็บลงไปถึงเบื้องล่าง
"…พี่กี้ เบาได้เบานะพี่"
พี่กี้ดูตกใจเมื่อเห็นท่าทางผมที่ตอนนี้หน้ายู่เล็กน้อย
"พี่ทำนิวเจ็บมากเหรอครับ"
"…ก็พอทนได้แหละพี่ แต่อย่ากอดแรง มันสะเทือน" พูดไป โดยไม่ยอมมองหน้าพี่เค้านะครับ ก็มันเขินอ่ะ
"แต่เมื่อคืนก็ไม่มีเลือดนะ พี่ว่าพี่ก็ระวังอยู่นะ …ให้พี่ดูให้ไหม เผื่อมีแผล จะได้หายามาทา"
"ไม่ต้องเลย… คงไม่ถึงกับเป็นแผลหรอก"
"แต่… พี่อยากดูให้"
"มันไม่ใช่แขนหรือขาที่จะให้ดูง่ายๆ นะ พี่ก็พูดเว่อร์ไป"
"หึหึ"
"หัวเราะอะไร น่านนนน มีแผนอีกล่ะสิ"
เบื่อพวกแผนสูงมากครับ เมื่อคืนก็มีแผนเถอะ ทำเป็นงอนผม ออกไปนอนโซฟา รู้อยู่แล้วว่ายังไงผมก็ต้องไปง้อ ไปง้อละยังไงล่ะ ก็ลงเอยที่ยังงี้ไง ก็รู้อยู่ว่าผมไม่เคยปฏิเสธพี่เค้าได้หรอก บางครั้งก็เบื่อตัวเอง รู้ทันแต่ก็ยอมตลอด
แต่ครั้งนี้…ผมไม่ยอม อย่าหวังว่าจะได้ดูแผลผม ผมก็เป็นหมอ รู้ว่ามันไม่ได้หนักหนามาก ร่างกายสามารถ compensate เองได้ จะเจ็บๆ บ้างในช่วงวันหรือสองวันนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับรบกวนชีวิตประจำวันหรอกนะ
"เดี๋ยวนี้เก่งนะ รู้ทันตลอด"
"รู้มานานละ แต่ทำเป็นไม่รู้เฉยๆ"
"งี้แหละ ค่อยสมกับเป็นแฟนหมอศัลย์"
"ทำไม หมอศัลย์มันกะล่อนเหรอ"
"ใช่ที่ไหนล่ะ ความกะล่อนต้องยกให้หมอ ortho" (หมอกระดูก)
"จะฟ้องพี่ดีนว่าพี่ว่าให้"
"ฟ้องไปสิ มันคงได้แต่หัวเราะ หึหึ"
"ไม่พูดกับพี่ละ ไปอาบน้ำดีกว่า"
พูดจบ ผมก็ลุกจากเตียงไปอาบน้ำเลยครับ เบื่อคนกะล่อน ได้ยินเสียงแว่วๆ ตามหลังมาว่า
"ให้พี่ไปอาบให้ไหม รำลึกความหลังที่ทะเลกันหน่อย หึหึ"
อิตาบ้าาาา หื่นจริงหื่นจัง หื่นอะไรขนาดนี้!!!
.
เราตื่นมาก็เกือบสิบโมงเช้า กว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้วครับ ก็พอดีกินข้าวเที่ยงล่างคอนโดเลย โปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรครับ กะว่าจะพาพี่กี้เข้าไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมพร้อมพ่อแม่และน้องชายซักหน่อย
ไปถึงบ้านไม่เจอพ่อครับ พ่อออกไปโรงงาน เจอก็แต่แม่และไอ้น้องชายตัวดี
"ตามสบายเลยนะลูก แม่ไปเตรียมอาหารก่อนนะ"
แม่เอ่ยกับพี่กี้หลังจากกล่าวทักทาย และถามถึงการเที่ยววัดเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรจริงจังหรอกครับ ออกแนวผู้ใหญ่ชวนคุยธรรมดาทั่วไป
พอแม่คล้อยหลังออกไปห้องครัวเท่านั้นแหละ น้องชายผมที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เริ่มส่งสายตาถมึงทึงมาทางผมและพี่กี้ และเริ่มซักไซ้เราสองคน
"เมื่อคืนมึงกลับกี่โมงนิว"
"ถึงคอนโดเที่ยงคืนกว่าๆ"
"พอรับได้กับเวลานี้…แล้วนอนกันยังไงอ่ะ"
สายตาน้องชายผมมันมองผมทีมองพี่กี้ที แต่มองพี่กี้ด้วยสายตาจ้องจับผิดสุดๆ ดูแล้วไม่น่ารักเลยสำหรับกิริยาที่ปฏิบัติตัวต่อผู้ใหญ่ ผมจึงปรามมันออกไป
"ถามดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องจ้องจับผิดขนาดนั้นหรอก แล้วนี่…พี่กี้ เป็นรุ่นพี่หมอกู ให้เกียรติพี่เค้านิดนึง"
"ไม่เป็นไรนิว พี่เข้าใจว่านัทคงเป็นห่วงนิวมาก" พี่กี้โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ตามด้วยยิ้มหล่อกระชากใจ แต่นี่เป็นไอ้นัท ยิ้มนั้นก็เลยไม่กระชากใจเท่าไหร่
"ก็ผมมีพี่อยู่คนเดียว ก็ต้องเป็นห่วงแหละครับ …ตรงๆ เลยนะพี่ พวกพี่เป็นอะไรกัน"
"ไอ้นัท!!"
ผมร้องเสียงหลงเลยครับ ตกใจไอ้น้องชายตัวดี ถามตรงเกินไป หรือไม่ก็ค่อยถามผมส่วนตัวก็ด้ายยย ส่วนพี่กี้นั้นหันมามองหน้าผมเหมือนจะหารือว่าให้ตอบยังไง ผมก็ทำได้แค่มองบนเลยครับนาทีนี้
"…เป็นแฟนครับ"นั่นเป็นคำตอบของพี่กี้ที่ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวๆ เลย โอ้ยยย ไม่รู้จะเขินหรือจะโกรธไอ้น้องชายตัวดีกันแน่!!
"ก็แค่นี้ ปิดอยู่ได้"
ผมมองหน้าน้องแบบงงๆ อ้าว มันไม่โกรธผมเหรอวะ นึกว่ามันจะโกรธหรือไม่ก็ล้อผม เพราะที่ผ่านมามีผู้ชายมาจีบ ผมก็เอาน้องชายเป็นไม้กันหมาบ่อยๆ
"มึงไม่โกรธกูเหรอวะที่คบกับผู้ชาย"
"กูจะโกรธมึงทำไม เดี๋ยวนี้โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้ากูรับไม่ได้ กูคงเป็นคนใจแคบมาก"
"ก็…แต่ก่อนกูให้มึงเป็นไม้กันหมาบ่อยๆ กูกลัวโดนด่าว่ากลืนน้ำลายตัวเอง"
"ก็นั่นมันตอนนั้น มึงยังไม่เจอคนที่ใช่ …ตอนนี้มึงเจอคนที่ใช่ละไง ใช่ไหมครับพี่เขย" ประโยคหลังนี่หันไปถามไอ้พี่กี้ ส่วนคนตอบนั้นยิ้มหน้าบานรออยู่ก่อนแล้ว
"คงงั้นมั้งครับ"
"ว่าแต่พี่เขยเถอะ… พี่รักพี่ผมจริงป่ะเนี่ย ถ้ารักไม่จริงนี่ผมไม่ให้น๊า"
"ถามนิวดูสิว่าพี่รักนิวแค่ไหน หึหึ"
อ้าวว ไม่ตอบ แถมโยนมาให้ผมซะงั้น แล้วผมจะตอบยังไงคร๊าบบบ
"พอเลยมึง ใครเค้าเอามาประกาศกัน"
ผมตัดบทให้เองครับ จะมาถามเซ้าซี้เรื่องอะไรพวกนี้ ไม่ใช่สาระสำคัญขนาดนั้น ส่วนไอ้น้องชายมันก็หัวเราะผมใหญ่เลยครับ ดูยังไงก็ล้อเลียนผมนั่นแหละ ผมเลยจับแยกพี่กี้ออกมาโดยการ จับยัดไอ้พี่กี้เข้าไปอยู่ในครัวกับแม่ผม เพราะพี่กี้ทำอาหารได้ ให้ไปช่วยแม่ผมดีกว่า
"แม่คร๊าบบบ พี่กี้ทำอาหารเป็น ตอนอยู่ที่โน่นทำให้นิวกินบ่อยๆ นิวว่าพี่กี้น่าจะช่วยแม่ได้ดีกว่านิวแน่ๆ"
"จริงเหรอลูก งั้นมานี่เลย"
หลังจากนั้นเหมือนแม่ได้ลูกชายคนใหม่ เดี๋ยวก็เรียกกี้มาชิมอันนี้ให้แม่หน่อย ซักหน่อยก็กี้ช่วยไปทำนู่นนี่นั่นให้แม่หน่อย ผมที่นั่งเล่นการ์ดกับไอ้นัทนี่แอบหมั่นไส้เบาๆ อะไรมันจะขนาดนั้น
"ดูท่าทางแม่จะชอบลูกเขยนะเนี่ย" ไอ้นัทครับ มันกระซิบคุยกับผม
"ลูกเขยเชี่ยอะไรของมึง"
"แน่ะ เขินด้วยเว้ยคนเรา"
"ระดับนี้ไม่มีเขินละเว้ย"
"แต่เอาจริงๆ นะ ดูแม่จะชอบแฟนมึงจริงๆ นะเนี่ยนิว"
"ก็ดีแล้วไง ตอนแรกกูยิ่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จะพามาบ้านดีไหม พอเจอแบบนี้กูเลยสบายใจไป"
"แต่แม่ก็ยังไม่รู้ซักหน่อยว่าพวกมึงคบกันยังไง ถ้ารู้นี่อาจไม่ใช่อย่างนี้นะมึง"
"มึงนี่ก็พูดให้กูคิดมากจังวะ …แต่กูคิดว่า คงไม่บอกหรอก แต่จะพามาหาบ่อยๆ เดี๋ยวคงรู้เองแหละ"
"อือ แม่น่ะไม่เท่าไหร่ พ่อเนี่ยสิ…มึงจะผ่านด่านได้ไหม ลูกชายคนโตของบ้านนะเว้ย ไม่เอาเมีย เสือกจะเอาผัวแทน"
"ก็มึงไง คนสืบสกุล"
"มาลงที่กูซะงั้น"
น้องชายผมทำหน้ามุ่ย แต่ผมก็รู้ว่ามันทำท่ากวนตีนผมไปงั้นแหละ เราเล่นการ์ดกันต่ออีกซักพัก ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าปู่ลื่นล้มห้องน้ำหมดสติ กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล พ่อจึงโทรหาผมให้ตามไปที่โรง'บาลด่วน เพราะผมน่าจะคุยกับหมอที่นั่นรู้เรื่องสุด
แม่ ไอ้นัท พี่กี้ และผมจึงวางมือในการทำกิจกรรมทุกอย่าง แล้วตามไปโรง'บาลด่วนเลยครับ พอไปถึงห้องฉุกเฉินโรง'บาล ก็พบว่าปู่มีรอยฟกช้ำที่หัว และกระโหลกศีรษะแตก จึงต้องได้รับการ ct-scan พอผลออกมาก็พบว่าเป็น Epidural hematoma* ต้องได้รับการผ่าตัดด่วน
ปู่ของผมถูกเข็นไปที่ห้องผ่าตัด พี่กี้เดินเข้าไปคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าเป็นรุ่นพี่มหา'ลัยเดียวกันกับพี่กี้ เป็นหมอ neuro ศัลย์ (ระบบประสาท) ที่เข้าเวรอยู่ตอนนี้ จึงคุยกันง่ายหน่อยครับ
แต่จริงๆ หมอ หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนก็ดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมดนั่นแหละครับ ไม่ได้แบ่งแยกหรอกว่าคนรู้จักจะต้องดูแลดีกว่าคนทั่วไป เราถูกสอนเรื่องจรรยาบรรณมาอย่างดีก่อนออกมาทำงานครับ ในกรณีนี้พี่กี้เพียงแค่เป็นตัวกลางบอกเล่าประวัติและอาการผู้ป่วยที่ได้รับฟังจากผมและพ่อให้หมอเจ้าของไข้ฟังเท่านั้น อาจจะแสดงความคิดเห็นทางการแพทย์บ้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับแพทย์เจ้าของไข้คนเดียวเท่านั้น ถึงผมกับพี่กี้จะเป็นหมอก็ไม่สามารถไปเข้าร่วมการผ่าตัดได้หรอกครับ เพราะตอนนี้เราอยู่ในฐานะญาติ ไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้
ถึงอย่างนั้นพี่กี้ก็วิ่งช่วยผมทุกอย่างครับ เดินเอกสารวิ่งเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ รอผลแลบต่างๆ เท่าที่จะช่วยได้ โดยที่มีผมวิ่งตามพี่เค้าตลอด ผมเห็นถึงความจริงใจ ความปรารถนาดีทุกอย่างที่พี่กี้เต็มที่กับครอบครัวผมมาก
นั่นทำให้ผม…ตกหลุมรักเข้าแล้ว
ผมพูดเว่อร์ไปไหม ไม่หรอก เราจะหาคนที่รักเรากี่คนก็ได้บนโลกใบนี้ แต่เราจะหาคนที่รักเราและรักครอบครัวเราไปด้วยนั้นมันไม่ได้หากันง่ายๆ นะครับ
ผมเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ของพี่กี้ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอคุณปู่อยู่หน้าห้องผ่าตัด
"วันนี้ผมขอบคุณพี่มากๆ เลยนะ"
"ไม่เป็นไร เพื่อนิว เพื่อครอบครัวนิว พี่ทำให้ได้"
"ถ้าไม่มีพี่ วันนี้ผมคงวุ่นน่าดู"
"แน่นอนสิ …นิวขาดพี่ไม่ได้หรอก"
ผมได้แต่ส่ายหัวกับประโยคที่โคตรจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่เถียงพี่เค้าซักคำ ทำได้แค่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ เท่านั้น หรือจริงๆ แล้ว ที่พี่เค้าพูดมานั้นมันคือความจริงในใจผม…
เวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ โดยมีผมและพี่กี้นั่งรอฟังอาการคุณปู่อยู่หน้าห้องผ่าตัด ส่วนพ่อแม่พี่น้องคนอื่นๆ ยืนคุยอยู่อีกจุดหนึ่ง ไม่นาน หมอเจ้าของไข้ก็เดินออกมาคุยกับพี่กี้
"กูเอาเลือดคั่งออกให้แล้วนะ เดี๋ยวรอแกฟื้นละกัน prognosis** โรคดีอยู่ โชคดีมากนะที่มาทัน"
"ขอบคุณมากพี่ วันหลังเดี๋ยวนัดเลี้ยงเบียร์"
"เออ เดี๋ยวค่อยว่ากัน นี่กูระดับปรมาจารย์เลยนะเว้ยที่มาทำให้เนี่ย …ละนั่นใคร น้องชายหรือเด็กแอ๊วของมึง"
"อืมม ไม่ใช่เรื่องของพี่น่า"
"จะหลอกเด็ก หรือจะโดนเด็กหลอกวะ …แต่เอาเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องของกูอยู่แล้ว"
"เอออ วันหลังเจอกันพี่"
แล้วพี่กี้ก็ดันหลังให้ผมเดินไปข้างหน้า โดยมีพี่สองคนเดินรั้งอยู่ด้านหลังผม เหมือนจะมีเสียงกระซิบกระซาบกันด้วยนะ แต่ผมก็ไม่ได้ยินหรอก ผมจึงเดินเลยไปหาพ่อแม่และญาติคนอื่นๆ เพื่อจะแจ้งข่าวหลังการผ่าตัดว่า ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รอคุณปู่ฟื้นเท่านั้นล่ะ ทุกคนต่างก็ดีใจ รวมถึงผมด้วย
.........
....
(แถม บทสนทนาที่กระซิบกระซาบ)
"เด็กมันก็งานดีนะ อ้อมๆ แอ้มๆ อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูก็เคลมซะเลย"
"อย่าคิดเชียวนะพี่"
"คนนี้เอาจริงเหรอ"
"อืมม เอาจริง"
"เอออ ก็ให้มันชัดเจนแบบนี้ กูจะได้ไม่ยุ่ง"
"ไม่ต้องเลย เคลมเด็กในสังกัดพี่ให้ครบก่อนเถอะ"
"กูไปต่อไม่เป็นเลยเนี่ย ฮ่าาา"
TBC.
*Epidural hematoma (EDH) คือ เลือดออกบริเวณเหนือเยื่อหุ้มสมองดูรา ส่วนใหญ่เกิดจากแขนงของหลอดเลือด middle meningeal artery ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่เลี้ยงเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เลือดมักออกบริเวณที่ถูกกระทบโดยตรง และสัมพันธ์กับการแตกของกะโหลกศีรษะ ผู้ป่วยที่มี EDH ถ้าได้รับการผ่าตัด โดยรวดเร็วผู้ป่วยมักมีการพยากรณ์โรคที่ดี สามารถกลับมาปกติได้ เนื่องจาก primary brain injury ไม่มาก ซึ่งต่างกับเลือดออกในสมองชนิดอื่นๆ แต่ถ้าได้รับการผ่าตัดช้า อาจเกิดสมองขาดเลือดจากความดันในกระโหลกศีรษะที่สูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก
https://w1.med.cmu.ac.th/surgery/images/documents/year5/Management of Closed Head Injury for medical student.pdf
**Prognosis คือ การพยากรณ์โรค เป็นการอธิบายผลที่น่าจะเกิดขึ้นของโรคนั้นๆ
TBC.
Talk : รู้สึกชอบคาแรคเตอร์หมอ neuro ศัลย์รุ่นพี่คนนี้มากเลยค่ะ จริงๆบทสนทนาระหว่างหมอกี้กับหมอ neuro ศัลย์นี้ เราไม่ได้แต่งเองนะคะ คนในแวดวงนี้เค้าแต่งให้ ที่สำคัญคนที่แต่งให้ คือ ผู้ชายแท้ๆเลย เอ๊ะ รึยังไง 55555
ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีไฟเลยค่ะ ขอกำลังใจรัวๆ หน่อยนะคะ (ที่เค้าแต่งให้ ก็เพราะเราแต่งไม่ถึงไหนซักทีนี่แหละ) ยังไงก็ขอกำลังใจรัวๆหน่อยนะค๊าา ขอบคุณค่าาา