พิมพ์หน้านี้ - อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ฟิล์มเต็ม #4 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (จบ) 13/10/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: a-mee-ra ที่ 05-06-2020 14:42:08

หัวข้อ: อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ฟิล์มเต็ม #4 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (จบ) 13/10/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-06-2020 14:42:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


___________________________________________________

สารบัญ

มีจำหน่ายเป็น E-book จิ้มๆเลย (https://www.mebmarket.com/ebook-134001-อินเทิร์นจอมจุ้น...วุ่นหัวใจหมอศัลย์-Intern-VS-General-Surgeon)
สั่งซื้อรูปเล่ม จิ้มๆ (https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925c)

Intro (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4040957#msg4040957)
 ตอน 1 รับน้องโควิดวิบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4040958#msg4040958)
ตอน 2 สต๊าฟจอมโหด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041042#msg4041042)
ตอน 3 ปลาหมอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041162#msg4041162&gsc.tab=0)
ตอน 4 พี่...ช่วยผมด้วย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041266#msg4041266&gsc.tab=0)
ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041454#msg4041454&gsc.tab=0)
ตอน 6 Emergency room (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041662#msg4041662)
ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4041842#msg4041842&gsc.tab=0)
ตอน 8 วนมา OR (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4042073#msg4042073&gsc.tab=0)
ตอน 9.1 Idol?? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4042310#msg4042310&gsc.tab=0)
ตอน 9.2 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4042456#msg4042456&gsc.tab=0)
ตอน 10 คนไม่สบาย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4042754#msg4042754&gsc.tab=0)
ตอน 11 งอนแหละ ดูออก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043020#msg4043020&gsc.tab=0)
ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043225#msg4043225&gsc.tab=0)
ตอน 13.1 ชำระความ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043402#msg4043402&gsc.tab=0)
ตอน 13.2 ทะเลหวาน?  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043523#msg4043523&gsc.tab=0)
ตอน 14.1 หมอ…นวด? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043692#msg4043692)
ตอน 14.2 เริ่มชอบพี่บ้างรึยัง…ครับ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4043930#msg4043930&gsc.tab=0)
ตอน 15 เสร็จ หรือ ไม่เสร็จ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044103#msg4044103&gsc.tab=0)
 ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044229#msg4044229&gsc.tab=0)
ตอน 17 เค๊กส้ม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044382#msg4044382&gsc.tab=0)
ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044521#msg4044521&gsc.tab=0)
ตอน 19.1 เป็นแฟนกันไหม? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044628#msg4044628&gsc.tab=0)
ตอน 19.2  อยากจูบเธอ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044698#msg4044698&gsc.tab=0)
ตอน 20.1 เบื้องหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044867#msg4044867&gsc.tab=0)
ตอน 20.2 ทัศนคติที่เปลี่ยนไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4044987#msg4044987&gsc.tab=0)
ตอน 21 นายแบบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4045137#msg4045137&gsc.tab=0)
ตอน 22 ใส่ใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4045386#msg4045386&gsc.tab=0)
ตอน 23 ลงใจ (nc?) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4045517#msg4045517&gsc.tab=0)
ตอน 24 ปริ่มใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4045669#msg4045669&gsc.tab=0)
ตอน 25 ดูแล (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4045820#msg4045820)
ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046065#msg4046065)
ตอน 27 ความเมีย (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046371#msg4046371&gsc.tab=0)
ตอน 28.1 นอกกาย? (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046565#msg4046565&gsc.tab=0)
ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046734#msg4046734)
ตอน 29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046826#msg4046826&gsc.tab=0)
ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4046999#msg4046999&gsc.tab=0)
ตอน 31 คำรัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4047191#msg4047191&gsc.tab=0)
ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4047389#msg4047389&gsc.tab=0)
ตอน 33 วันสบายๆ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4047637#msg4047637&gsc.tab=0)
ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4047858#msg4047858&gsc.tab=0)
ตอน 35 เปิดโปง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4048066#msg4048066&gsc.tab=0)
ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4048206#msg4048206&gsc.tab=0)
ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4048393#msg4048393&gsc.tab=0)
ตอน 38 บทสรุป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4048561#msg4048561&gsc.tab=0)
ตอน 39 จบบริบูรณ์ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4048759#msg4048759)
ตอนพิเศษ #1 ยังงายยย ยังไง (ฟิล์มเต็ม) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4049034#msg4049034&gsc.tab=0)
ตอนพิเศษ #2 โลมาไม่ใช่ปลา (ฟิล์มเต็ม) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72060.msg4049162#msg4049162&gsc.tab=0)











หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น...วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon)
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-06-2020 14:42:35

Intro



สวัสดีครับ ผมชื่อ “นิว” เป็นแพทย์จบใหม่ หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘หมอ Intern’



ผมจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมหานคร เมื่อเรียนจบแล้วก็ต้องเลือกสถานที่ทำงานเพื่อใช้ทุนครับ ต้องจับฉลากเลือกโรงพยาบาล ผมเลือกทุกที่ในกรุงเทพฯ เพราะผมเป็นคนกรุงเทพฯ ก็ไม่อยากไปไกลจากบ้านซักเท่าไหร่ครับ แต่เหมือนผมจะทำบุญมาน้อย เพราะจับได้แต้มน้อยตลอดเลยครับ สุดท้ายผมเลยตกไปที่จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นจังหวัดเล็กๆ ใช้ชีวิต slow life ไม่มีมหาวิทยาลัย ไม่มีสนามบิน ไม่มีห้างชั้นนำ มีแค่ห้างท้องถิ่นในจังหวัดเท่านั้น



ที่สำคัญ ‘ไม่มีเพื่อน’ เลยครับ



เพื่อนที่จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันไม่มีใครลงจังหวัดนี้เลยครับ ผมเลยรู้สึกตัวคนเดียวมากๆ หัวเดียวกระเทียมลีบสุดๆ เพราะในชีวิตก็ไม่เคยมาจังหวัดนี้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่มาเหยียบจังหวัดแห่งนี้



แล้วอะไรรู้มั้ยครับ ช่วงนี้มีสถานการณ์โควิดไง พอมารายงานตัวที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เค้าก็ให้ไปกักตัวที่รีสอร์ทที่พี่เลี้ยงเตรียมรับน้องไว้ไงครับ พ่อกับแม่ที่มาส่งก็ทำได้แค่ส่งเข้ารีสอร์ท แล้วลากลับบ้านไปครับ



ทำให้ตอนนี้ผมนอนบนเตียงกว้าง มองเพดานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ถามตัวเองว่า จะเอายังไงกับชีวิต 14 วันที่ถูกกักตัว เพราะตั้งแต่เรียนหมอมา ชีวิตไม่เคยว่างขนาดนี้ ทั้งว่าง ทั้งเหงา ทั้งเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เฮ้อออ ชีวิตวัย 24 ปีของผม จากวัยเรียนก็จะก้าวเข้าสู่วัยทำงานซะแล้ว จะว่าตื่นเต้นมั้ย ก็ไม่ขนาดนั้น เพราะแอบผิดหวังนิดหน่อยที่ไม่ได้อยู่ใกล้บ้าน (จริงๆ ก็ไม่หน่อยหรอกครับ งืออ)



‘ก๊อก..ก๊อก..’



เสียงประตูห้องพักผมถูกเคาะเบาๆ ผมแปลกใจนิดหน่อย ใครมาเคาะกัน เพราะไม่น่าจะมีใครรู้จักผม แต่ผมก็เดินไปเปิดนะ



พอประตูเปิดออกก็พบว่าเป็นเพื่อนหมอผู้ชายคนหนึ่งที่มาใช้ทุนเหมือนกัน ที่รู้ว่าเป็นหมอใช้ทุนเหมือนกัน เพราะตอนไปรายงานตัวนั้นเจอกันแต่ยังไม่เคยพูดคุยกัน



เค้าตัวสูงกว่าผม ผิวขาว ตาคม จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาดี ดูสะอาด มีกล้ามหน่อยๆ รวมแล้วก็คือ หล่อนั่นแหละครับ ต่างจากผมที่เป็นคนตัวไม่สูงมาก ผอมแห้งแรงน้อย หน้ากลมๆ จมูกก็มีบ้างนิดหน่อย ผิวขาวเพราะไม่ค่อยได้ออกแดด คนทั่วไปที่ไม่รู้จักผมมักให้คำนิยามคนประเภทผมว่า ‘ไม่มองหญิง’



แต่จริงๆ คือ ผมมองหญิง สนใจผู้หญิง ชอบผู้หญิงนะครับ



ทันทีที่ผมเปิดประตู เขาก็ผลักประตูผมออก แล้วเดินเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉย ผมก็งงสิครับ ชื่อก็ยังไม่ทันจะรู้เลย



“เดี๋ยวๆๆ นะ นายชื่ออะไร เข้ามาในห้องเราทำไม เค้าให้กักตัว อยู่คนละห้องนี่นา”

มันหันมามองหน้าผม แล้วยิ้มกวนๆ ตอบกลับมาว่า “ถามเยอะจัง เอาทีละคำถามได้มั้ย”

“ก็อยากจะถามทีละคำถามอยู่หรอก แต่อยู่ดีๆ เดินพรวดพราดเข้ามาในห้องคนอื่นเนี่ยมันไม่ค่อยโอเคนะ”

“แล้วไงอ่ะ เข้ามาไม่ได้เหรอ” มันหันมายิ้มกวนใส่ผม แล้ววางก้นแหมะลงตรงเก้าอี้ตัวเดียวกลางห้อง

“ไล่ตอนนี้ ทันมั้ย”

“ไม่ทันละ กินข้าวกันเถอะ” ประโยคหลังมันหันมาชวนผมกินข้าวหน้าตาเฉย ผมทำตาโตขึ้นมาเลยครับ งงมากกกกก บ้านเมืองนี้เค้าเป็นอย่างนี้กันเหรอ คิดอยากจะเข้าออกห้องใครก็ได้เหรอ พลันคิดหาเหตุผลดีๆ ไล่คนตรงหน้าแบบอ้อมๆ เมื่อไล่ทางตรงแล้วไม่เกิดผล

“ก็ไปกินห้องตัวเองสิ เค้าให้กักตัว แยกกิน แยกอยู่ แยกอาศัย social distancining อ่ะ เข้าใจป่าว เป็นหมอแท้ๆ เรื่องแค่นี้ต้องให้ย้ำเหรอ”

“ไม่เอาอ่ะ กินคนเดียวมันเหงา กินกับเราดีกว่า” มันพูดไปยิ้มกวนบาทาไป เอ่อ...หน้าด้านจัง

“...ก็ได้เหรอ” ผมตอบกลับไปแบบงงๆ แบบไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเออๆ ไม่ออกก็ไม่ออกวะ

“ได้สิ ...กูชื่อ กี้ นะ จบจากม. ... แล้วมึงชื่ออะไร” มันบอกว่าจบจากมหาวิทยาลัยแถวนี้ล่ะครับ

“ชื่อ นิว จบจากม.ในกทม.”

“อ่อออ เด็กกรุงเตบบบบ นี่เอง ถึงว่าดูเงียบๆ นิ่งๆ ไม่มีเพื่อนมาด้วยอ่าดิ ...จะอยู่ไหวเร๊อออ ที่นี่ไม่มีห้างติดแอร์ให้เดินนะ”

น้ำเสียงมันดูถูกผมมาก มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะ เดินเข้ามาในห้องกู แล้วยังมาดูถูกกูอีก ม า ร ย า ท น่ะสะกดเป็นมั้ย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอคนประเภทนี้มาก่อน ละผมเกลียดการดูถูกมาก ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ชอบเอาชนะคำสบประมาทซะด้วย

“ก็คอยดู!!”

จบคำพูด ผมก็เดินไปหยิบข้าวกล่องที่มีคนมาห้อยไว้ให้หน้าห้องมาเปิดกินที่โต๊ะ พร้อมกับเดินไปเบียดให้มันลุกจากเก้าอี้ที่มีตัวเดียว ละมันก็ไม่ยอมลุกด้วยนะ

“ลุกเลยมึง นี่มันเก้าอี้ห้องกู” พอละกับคำแทนตัว ‘เรา’ และ ‘นาย’ คนแบบมึง ‘กู กับ มึง’ เท่านั้นเหมาะสุด

“ลุกก็ด้ายยย”

ละมันก็ลุกออกจากเก้าอี้ ย้ายตูดไปนั่งที่ปลายเตียงผมแทน ลากโต๊ะที่มีตัวเดียวของห้องไปวางข้าวกล่องแล้วกินต่อหน้าตาเฉยส่วนผมก็ต้องลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามมันไงครับ เปิดข้าวกล่องกินบ้างเหมือนกันครับ เฮอะ!!

“ถามจริงๆ นะ ตั้งใจจะอยู่ใช้ทุนให้ครบมั้ย” มันถามขึ้นครับ

“ก็ต้องให้ครบดิ มีคนดูถูกไว้” มันยิ้มชอบใจกับคำตอบของผม ยิ้มบ้าอะไรวะ กวนตีนแล้วนะมึง

“ถามจริงๆ”

“ไม่รู้เว้ย! ถามทำไม”

“เปล๊า... กูแค่ได้ยินว่างานหนักนะ รุ่นพี่ไปเรียนต่อเฉพาะทางเยอะ หมอเลยไม่พอ มึงอาจจะได้ควบเวรเช้าบ่ายดึก 3 วันต่อกันเลยนะเว้ย”

“สบ๊ายยย ตอนกูเป็น extern กูเฝ้าเคสไม่ได้หลับได้นอนมากกว่า 3 คืน กูก็ทำมาแล้ว” อวดหน่อยเถอะ กูเกียรตินิยมอันดับ 1 ด้วยนะเว้ย

“นี่มึงไม่กลัวเลยเหรอ”

“ไม่”

“ข่าวว่า สต๊าฟโหดด้วยนะ” สต๊าฟคือ หมอรุ่นพี่ที่เรียนจบแพทย์เฉพาะทางมาแล้ว หมอที่จบใหม่อย่างพวกผมจะเรียกพี่เหล่านี้ว่า ‘อาจารย์หมอ’ หรือ ‘สต๊าฟ’

“โหดแล้วไง ไม่กลัว”

“กูจะคอยดู”

ละมันก็เงียบไป เออดี ขี้เกียจคุยด้วย คนไม่มีมารยาท เกลียดว่ะ



พอกินเสร็จก็เก็บกล่องข้าวของใครของมันไปไว้ที่หน้าห้องผมครับ ละมันก็ยังไม่ยอมออกจากห้องผมนะครับ ยังเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ในห้องตัวเดิมของผมอีก เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย นี่ก็เกือบ 2 ทุ่มแล้ว ณ จุดนี้ ต้องการเวลาส่วนตัวมากครับ เผื่อเวลาให้กูได้เล่นเกม ส่องเฟซ ส่อง ig เผือกเรื่องชาวบ้านมั่งครับ

“อ้าว แล้วมึงยังไม่กลับห้องอีกเหรอวะ” ผมถามขึ้น แต่จริงๆ คือจะไล่นั่นแหละ

“ยังไม่อยากกลับอ่ะ ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน”

“กูไปตกลงตอนไหนว่าเป็นเพื่อนมึง” ผมเกาหัวแกรกๆ ถามกูซักคำยังว่ากูอยากเป็นเพื่อนกับมึงมั้ย

“ถ้ามึงไม่คบกู มึงก็ไม่มีเพื่อนแล้ว ยังจะเลือกอีกนะมึง ละเป็นเพื่อนกับกูมันไม่ดีตรงไหน กูออกจะหล่อขนาดนี้ ใครก็อยากเป็นเพื่อนกับกูทั้งนั้น” เชี่ยยยยย คนหลงตัวเองยุคโควิดวิบวับก็มาเว้ยยยย

“หลงตัวเองไปป่ะมึง”

“พูดความจริง ใครๆ เค้าก็บอกว่ากูหล่อ”

“เค้าอาจจะโกหกก็ได้”

“...อย่ามาหลงเสน่ห์กูละกัน”

พูดจบ ร่างสูงก็เดินออกไปจากห้องผมเลยครับ ไอ้บ้า ใครจะไปหลงเสน่ห์มึง ตลกแล้ว กูน่ะผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ละคนอย่างมึง คนที่ ‘ไม่มีมารยาท’ และ ‘หลงตัวเองอย่างร้ายกาจ’ แค่คำว่า ‘เพื่อน’ มันยังมากไปด้วยซ้ำ



TBC.



talk : สวัสดีค่ะ เป็นนักแต่งหน้าใหม่นะคะ จริงๆอาจจะไม่ใหม่ก็ได้ค่ะ 555 เมื่อ 10 ปีก่อนเคยเขียนฟิค แล้วหยุดไป 8-9 ปีค่ะ ช่วงนี้รู้สึกคิดถึงการเขียน เลยลองแต่งเล่นๆมาลงดูค่ะ วิธีลงนิยายก็แอบลืมแล้วค่ะ ใส่ลิงค์ในข้อความทำยังไงอ่าคะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น...วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon)
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-06-2020 14:43:09
ตอนที่ 1 รับน้องโควิดวิบวับ


เช้าวันรุ่งขึ้น



ตามกำหนดการของวันนี้ ต้องพบปะพี่เลี้ยงในการรับน้องเข้าทำงาน แต่ก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะสถานการณ์โควิดทำให้จัดกิจกรรมอะไรมากไม่ได้ ช่วงเช้าจึงเป็นการแนะนำตัวให้เพื่อนๆ พี่ๆ รู้จักกัน การรับน้องครั้งนี้จะประกอบด้วยสายวิทยาศาสตร์สุขภาพทุกคนที่จบแล้วเข้ามาทำงานปีนี้ในจังหวัดนี้ ประกอบด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล แพทย์แผนไทย และนักวิชาการสาธารณสุข



แต่วิธีการแนะนำตัวของพี่ๆ เขานี่สิครับ บอกดีๆ ก็ไม่ได้นะเออ ต้องบอกชื่อ แล้วบอกว่าจะไปทำอะไรที่ดวงจันทร์ เช่น



“ผมชื่อนาย ผมชื่อนาย จะไปค้าขายอยู่บนดวงจันทร์”

“จะไปค้าขายอยู่บนดวงจันทร์ จะไปค้าขายอยู่บนดวงจันทร์ เด้อนางเด้อๆๆ เด้อเด้อนางเด้อ ตึงๆ” นี่เป็นเสียงพี่เลี้ยง และเสียงกลองที่ประสานกัน พร้อมออกท่าทางสเต็ปแดนซ์ โยกหน้า โยกหลัง ถ้าโยกเบาก็จะให้โยกอยู่นั่นจนพี่ๆ จะพอใจ

“โอเคๆๆ ผ่านค่ะ คนต่อไปเลยค่า”

เป็นคิวของผมครับที่ต้องออกไป ผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปหน้าห้อง รับไมค์จากพี่เค้ามาถือไว้

“น้องชื่ออะไรคะ ดูจากน้าตาแล้ว ไม่น่าจะเป็นคนแถวนี้” พี่พิธีกรถามขึ้น

“...” ยิ้มแหยะๆ ไปก่อนครับ

“อ่ะๆ ให้น้องแนะนำตัวแบบเพื่อนเมื่อกี้นะคะ เริ่มเลยค่ะ” สิ้นเสียงพี่พิธีกร ก็มีเสียงกลองรอรับอยู่แล้ว

“ผมชื่อนิว ผมชื่อนิว จะไปดูงิ้วอยู่บนดวงจันทร์”

“จะไปดูงิ้วอยู่บนดวงจันทร์ จะไปดูงิ้วอยู่บนดวงจันทร์ เด้อนางเด้อๆๆ เด้อเด้อนางเด้อ ตึงๆ” ผมโยกหน้าโยกหลังตามจังหวะไปครับ แต่มันคงเบาไป พี่เค้าเลยขออีกรอบ

“เบาไปๆๆ ไม่เห็นเลยยยย”

คราวนี้ผมจัดให้แรงกว่าเดิมนิดหน่อย ก็อายๆ เขินๆ อยู่นะครับ เพื่อนใหม่หมดเลย เดี๋ยวภาพลักษณ์ผมจะเสียหมด ฮ่าๆๆ

“น่ารักอ่ะ” มีเสียงหนึ่งตะโกนดังขึ้นมาครับ จนผมต้องหันไปดูเจ้าของเสียงคือ ผู้ชายล่ำๆ คนหนึ่ง จากการมองเห็นป้ายชื่อในระยะไกล เป็นเภสัชกรจบใหม่รุ่นเดียวกันกับผม พี่พิธีกรได้ยินเข้าจึงเรียกออกมาแนะนำตัวบ้าง

“ชื่ออะไรเราอ่ะ แซวเพื่อนซะดังเลยนะ”

“ก็น่ารักจริงๆ นี่ครับ” พูดจบ มีการจ้องมาที่ผมด้วยนะ เอ่อ.. มองมาทำไมครับ แล้วคนในห้องก็มองมาทางผมเป็นตาเดียวด้วย จะบ้าตาย นี่กูผู้ชายนะครับ ผมก็ทำได้แค่ยิ้มแหยๆ ล่ะครับ

“เอาล่ะๆ ค่อยไปจีบกันทีหลังนะคะ ตอนนี้มาแนะนำตัวนิดนึงค่ะ”

ร่างสูงของเจ้าของเสียงที่แซวผมเดินออกมาหยุดอยู่หน้าห้อง พร้อมกับหันไปฉีกยิ้มกว้างให้กับเพื่อนๆ ทุกคน โดยเฉพาะผม ไม่น่าจะคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ เพราะตอนที่พี่พิธีกรบอกให้ผมกลับเข้าที่นั่ง เพื่อนคนนี้ก็มองตามผมเข้าไปด้วย

“ผมชื่อฟิล์ม ผมชื่อฟิล์ม จะไปนั่งยิ้มอยู่บนดวงจันทร์”

“จะไปนั่งยิ้มอยู่บนดวงจันทร์ จะไปนั่งยิ้มอยู่บนดวงจันทร์ เด้อนางเด้อๆๆ เด้อเด้อนางเด้อ ตึงๆ”

“น้องฟิล์มคะ ยังเบาไปค่ะ ขออีกรอบนะคะ”

“คร๊าบบบ” แล้วฟิล์มเภสัชก็จัดอีกรอบจนทุกคนร้องกรี๊ดออกมาเลยครับ ส่วนผมก็ยิ้มๆ สนุกดีครับ



“อ่ะ เหลือคนสุดท้ายแล้ว ออกมาเลยค่า” คนสุดท้ายที่กำลังลุกจากที่นั่งมาคือ ไอ้กี้ ไอ้คนไม่มีมารยาทและหลงตัวเองเมื่อวานนี้ละครับ

“เชิญแนะนำตัวเลยค่า”

“ผมชื่อกี้ ผมชื่อกี้...จะไปนอนปี้อยู่บนดวงจันทร์”

เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมด้วยข้อความติดเรทสุดๆ ทำเอาสาวๆ และพี่เลี้ยงกรี๊ดกร๊าดกันด้วยความพึงพอใจ

“กรี๊ดดดดดดดดด อร๊ายยยยยยย”

คงต้องเพิ่มข้อเสียให้ไอ้นี่อีกข้อแล้วล่ะ ‘ไอ้ทะลึ่ง’ จริงๆ ชื่อมันมีอะไรให้เล่นเยอะมากกกก แต่ไม่เล่นไง ชอบอะไรเชี่ยๆ แบบนี้

“จะไปนอนปี้อยู่บนดวงจันทร์ จะไปนอนปี้อยู่บนดวงจันทร์ เด้อนางเด้อๆๆ เด้อเด้อนางเด้อ ตึงๆ”

“เดี๋ยวๆ ค่ะน้อง ตรงท่อนเด้อนางเด้อ พี่เห็นไม่ชัดนะคะ”

สิ้นเสียงของพิธีกร ก็แทนที่ด้วยเสียงกลอง และเน้นอยู่ประโยคเดียวนั่นละครับ ส่วนไอ้กี้ก็จัดหนักๆ จนทุกคนกรี๊ดกร๊าดดังกว่าเดิมเสียอีกครับ โอ้ยยยยย ไอ้ทะลึ่ง ชอบมากสินะมึง เด้งหน้าเด้งหลังเนี่ยยยย

“อย่าเพิ่งไปนั่งที่ มาคุยกับทุกคนก่อนค่า” พี่พิธีกรยังไม่ยอมปล่อยให้มันไปนั่งง่ายๆ

“ครับ ว่าไงครับ” น้ำเสียงกวนประสาทสุดๆ

“มีคนอยากรู้ว่ามีแฟนรึยังคะ กลัวว่าจะหาคนไปปี้ที่ดวงจันทร์ไม่ได้ค่ะ กรี๊ดดด”

มันยิ้มกวนตีน พร้อมกับตอบว่า “ก็กำลังหาอยู่นี่ไงคร๊าบบบ”

“กรี๊ดดดดดดดด”

เสียงสาวๆ และพี่เลี้ยงพร้อมใจกันกรี๊ด กว่าจะดึงสติแต่ละคนกลับมาได้ ผมก็นั่งขำเบาๆ เหมือนกันนะครับ ไอ้บ้า โคตรอ่อยเลย พูดออกไปได้ โถวววววว



“หัวเราะอะไรวะ” เสียงไอ้ขี้อ่อยดังเบาๆ อยู่ข้างผมครับ พร้อมกับยิ้มพราวบนใบหน้า

“ไอ้บ้า พูดออกไปได้นะมึง”



“...เป็นแฟนกูให้หน่อยดิ”



สะดุ้งสิครับ หันมามองหน้ามันเต็มๆ เลย พร้อมกับชี้หน้าตัวเอง แล้วพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ



“กู ชอบ ผู้หญิง”

แถมหัวเราะแก้อาการหน้าร้อนผ่าวๆ นิดนึง ที่หน้าร้อนนี่ไม่ใช่เพราะเขินนะครับ แต่ช๊อค...เพราะโกรธมากกกก คนบ้าอะไร

‘ไม่มีมารยาท’

‘หลงตัวเอง’

‘ทะลึ่ง’

‘ขี้อ่อยเป็นที่สุด!!’

.

.

.

.

ช่วงบ่ายไม่มีกิจกรรมอะไรมากครับ เป็นการเข้ากลุ่มเพื่อค้นหาเป้าหมายของการทำงานในรูปแบบสหวิชาชีพ เน้นแสดงความคิดเห็น แล้วเลือกตัวแทนไปพรีเซ้นท์หน้าห้องครับ



พอถึงช่วงเย็น มีกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญ พบปะผู้บริหาร ต่อด้วยเล่นดนตรี folk song โดยพี่เลี้ยง ใครอยากขึ้นไปร้องเพลงแจมด้วยก็ได้ ส่วนผมนั้นนั่งกินข้าว พูดคุย ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่นๆ ในโต๊ะ

“นายชื่อนิวใช่มั้ย...เราเต็มนะ” เพื่อนผู้ชายหน้าตี๋คนข้างๆ ผมถามและบอกเล่าในประโยคเดียว เหลือบมองป้ายชื่อจบแพทย์เหมือนกันครับ

“ใช่ เราชื่อนิว เต็มเป็นคนจังหวัดไหนเหรอ”

“เราเป็นคนทุกที่น่ะ” เออเว้ย มุกห้าบาทสิบบาทก็เล่นเว้ย เอากับมันหน่อยสิ

“ฮ่าๆๆ กวนตีนละคร๊าบ”

“ฮ่าๆๆ ก็อยากสนิทด้วยไวๆ หาเพื่อนเล่นการ์ด มึงเล่นเป็นมั้ย” เอาอีกละ เพื่อนรุ่นนี้แม่งไม่มีปกติดีซักคน

“เล่นเป็น มึงเอามาด้วยเหรอ”

“เอามาด้วยสิ งั้นคืนนี้มึงไปเล่นห้องกูนะ ห้อง 1032”

หลังจากนั้นผมกับไอ้เต็มก็คุยกันดีๆ มันบอกมันเป็นคนจังหวัดนี้ เกิด เรียนประถม มัธยมก็อยู่ที่นี่ เว้นมหาลัยไว้เพราะที่นี่ไม่มีมหาลัย จบกลับมาก็ต้องมาประจำจังหวัดนี้ เพราะพ่อแม่คาดหวังว่าแก่ตัวมาอยากให้ลูกดูแล ลักษณะท่าทางไอ้เต็มก็เป็นคนคล้ายๆ ผมนะ ชอบเล่นการ์ด เล่นเกมเหมือนกัน ลักษณะทางกายภาพภายนอกก็คล้ายๆ กันอีก เออเว้ย ผมรอดแล้ว มีเพื่อนแล้วโว้ยยย



คุยกันกับเพื่อนเต็มไปได้ซักพัก ก็ได้ยินเสียงห้าวขึ้นไปร้องเพลงแจมกับพี่เลี้ยง เสียงคุ้นๆ พอมองไปเวที อ่อ ไอ้คนหลงตัวเองนี่หว่า

“เพลงนี้ขอมอบให้กับทุกคนที่มองหาความรัก..นะครับ”

ผมมองไปเวทีแวบนึง พอรู้ว่าเป็นไอ้กี้ ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้วบนเวทีนั้น ร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่ได้ฟังด้วย ผมหันมาคุยกับเพื่อนเต็มต่อ กำลังคุยออกรสออกชาติถึงการ์ดตัว rare item ซึ่งไอ้เต็มมีใบที่ผมอยากได้ และผมกำลังต่อรองขอซื้อกับมัน ละมันก็ไม่ยอมขายให้ผมด้วย โด่วววว อะไรวะ เซ็งเลย

“กรี๊ดดดดดด หล่อมากเลยยยย”

เสียงกรี๊ดของบรรดาสาวๆ ทำให้ผมต้องมองไปเวทีอีกครั้ง ก็ทันเห็นไอ้กี้ส่ง mini heart ให้สาวๆ ด้านล่างเวที ไอ้นี่ก็อ่อยจังวะ เห็นแล้วรำคาญลูกกะตามากๆ คือหน้าตามันก็ดีอยู่แล้วไง ละยังอ่อยเรี่ยราด ผู้หญิงคนไหนจะไม่หลงวะ แล้วเมื่อไหร่จะมีผู้หญิงตกถึงท้องกูเนี่ยยย ถ้าแม่งจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ หมั่นไส้มากครับในสายตาผู้ชายด้วยกัน

“เอาอีก เอาอีก เอาอีก”

ทั้งเสียงบรรดาพี่เลี้ยง เสียงสาวๆ พยาบาล สาวๆ ทันตแพทย์ สาวๆ เภสัชตะโกนขอให้ไอ้กี้ร้องเพลงอีก มันก็ได้ใจร้องต่ออีกสิครับ หมดกัน สาวๆ ที่ผมแอบเล็งไว้ แต่ละคนมีสายตาไว้มองไอ้กี้คนเดียวเลย

“เพลงต่อไป ขอมอบให้กับคนน่ารักทุกคนนะครับ”

มันพูดและกวาดสายตามองคนด้านล่างเวทีมาเรื่อยๆ จนมาหยุดและยิ้มให้ผม เป็นเวลาสามวินาทีได้ ไอ้บ้า นี่มึงเย้ยกูเหรอว่ามึงหล่อมาก สาวๆ กรี๊ดให้งี้ โอ้ยยยยย จะบ้าตาย คนหลงตัวเอง!



พอมันเริ่มร้องเพลง ผมก็หันมาคุยกับเพื่อนเต็มต่อครับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การเล่นการ์ดกัน แลกเบอร์โทร แลกไลน์แลกเฟซกันเรียบร้อยแล้วครับ พอมีการ์ดมาเป็นตัวเชื่อม กลายเป็นว่าเราสนิทกันเร็วมากๆ แถมนัดแนะเล่นการ์ดคืนนี้กันเสร็จสรรพ

“กรี๊ดดดดดดดดด เอาอีก เอาอีกได้มั้ยค๊า”

เป็นเสียงของสาวๆ อีกแล้วที่ทำให้ผมกับไอ้เต็มต้องหันไปสนใจหน้าเวที

“ใจเย็นๆ นะคะสาวๆ คืนนี้ยังมีเวลาอีกเยอะค่ะ ก่อนที่น้องกี้จะร้องไปหลายเพลงกว่านี้ พวกพี่มีอะไรจะมาเล่าให้ฟังค่ะ” พี่พิธีกรพูดแทรกเสียงกรี๊ด พร้อมกับเดินเข้าไปยืนข้างๆ ไอ้กี้

“วันนี้พวกพี่มี surprise นิดหน่อยค่ะ ... surprise อะไรต้องให้คุณหมอกี้เล่าเองนะค่ะ”

สิ้นเสียงพิธีกร ไอ้กี้ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งร้องเพลง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังขึ้นมาหน่อย



“สวัสดีครับน้องๆ ผมชื่อ กี้ นะครับ จบ General Surgery ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดของเรา...”



เหี้ยแล้ว…



“ผมปลอมตัวมาเป็นพี่แอบ ผมอยากรู้จักน้องๆ รุ่นนี้ว่าแต่ละคนนิสัยใจคอเป็นยังไงบ้าง”



เหี้ยแล้วกู!!

ซวยแล้ววววว

อาจารย์หมอก็มา!!



TBC.



Talk : เอาแล้วๆๆๆ น้องนิวจะเป็นยังไงน้อออ ชักเป็นห่วงแล้วสิ // ขอกำลังใจหน่อยนะคะ ❤️❤️
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 1 รับน้องโควิดวิบวับ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-06-2020 22:42:11
ตอน 2 สต๊าฟจอมโหด


จบสิ้นกันเสียทีครับกับ 14 วันที่ถูกกักตัว ตลอดระยะเวลา 14 วันนั้น ผมก็ลักลอบมาแอบได้เสีย ไม่! ไม่ใช่ครับ ผ่าม! ผมก็ได้ลักลอบเล่นการ์ดกันทุกวันกับเพื่อนเต็ม ทำให้ผมสนิทสนมกับเพื่อนเต็มมากๆ พอออกมาจากการกักตัว ก็ต้องย้ายตัวเองไปอยู่หอพักแพทย์ในโรงพยาบาล โชคดีอีกแล้วครับ ได้อยู่ห้องข้างไอ้เต็มเลย ทำให้ผมสองคนตัวติดกัน ไปกินข้าว ทำงาน ไปพร้อมกันครับ ยกเว้นวันที่ต้องอยู่เวร ซึ่งไม่ตรงกันอยู่แล้ว ก็ต้องแยกกันบ้าง



การทำงานของ Intern1 จะมีการวนวอร์ดไปเรื่อยๆ ได้แก่ แผนกศัลยกรรม , อายุรกรรม , สูติกรรมและนรีเวช , กุมารเวชกรรม และศัลยกรรม orthopedic (กระดูก) จะเปลี่ยนวอร์ดกันทุก 1เดือน การทำงานก็ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละวอร์ด บางวอร์ดก็วุ่นมาก แทบไม่มีเวลากินข้าว หรือก็แล้วแต่ว่าช่วงนั้นคนไข้แน่นมั้ย เตียงเต็มมั้ย แต่บอกเลยว่าช่วงโควิด คนไม่ค่อยป่วยครับ เตียงไม่เต็มซักวอร์ด ทำให้สต๊าฟลงมาสอน extern กับ intern มากขึ้น



ในหนึ่งอาทิตย์เรียนช่วงบ่ายวันพุธ และเช้าวันศุกร์ แค่ 2 ครั้ง/สัปดาห์ วันนี้ตรงกับเช้าวันศุกร์ ซึ่งเป็นคาบที่ 2 นับตั้งแต่เริ่มทำงานมา วันนี้ตามตารางจะมีการอัพเดตไกด์ไลน์โรคหัวใจขาดเลือด (MI) จากพี่หมอแนน หมอ med (อายุรกรรม) คนสวย ที่เพิ่งจบมาเป็นสต๊าฟได้ปีเดียว ผมแอบเหล่พี่เค้านิดหน่อย เพราะพี่เค้าน่ารักจริงๆ ตัวขาวๆ ตัวเล็กๆ เวลายิ้มนี่โรคสดใสโคตรๆ



ผมตั้งหน้าตั้งตารอเลยละครับ เพราะผมเหนื่อยมาหลายวันแล้ว บางครั้งคนไกลบ้านอย่างผมก็ต้องการกำลังใจ หาอะไรโฟกัสที่ไม่ใช่งานบ้าง จะได้ทำงานอย่างแฮปปี้มีความสุข เรื่องอายุผมไม่เกี่ยง หมอ med เรียนแค่ 3 ปี เพราะงั้นผมกับพี่เค้าอายุน่าจะห่างกันแค่ 4-5 ปีเท่านั้นเอง สบายมากครับ



เวลาผ่านไป 20 นาทีแล้ว พี่หมอแนนก็ยังไม่โผล่หน้าสวยๆ มาให้เห็น แต่ซักพักกลับเป็น...พี่หมอผู้ชายอีกคนเข้ามาในห้องแทน พร้อมกับพูดแทรกเสียงจ้อกแจ้กของพวกผม

“วันนี้ผมเข้าสอนแทนหมอแนนนะ”

ทันทีที่ผมเงยหน้ามองเต็มๆ ตา ฉิบหายละกู คำเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวผมเลย ไอ้พี่หมอกี้ ไอ้คนไม่มีมารยาท ไอ้คนหลงตัวเองจอมทะลึ่ง ขี้อ่อย

ตั้งแต่เริ่มทำงานมาเกือบจะครบอาทิตย์ก็เพิ่งมีโอกาสได้พบกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมภาวนามาตลอดว่าอย่าได้พบได้เจอกันเลย บอกตรงๆ ว่า ผมทำหน้าไม่ถูก เรียกอาจารย์ได้ไม่เต็มปากเต็มคำนักหรอก ยิ่งนึกย้อนไปถึงการกระทำและคำพูดตอนเจอกัน โอ้ยยยยย อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี อายว่ะ



หรือผมควรขอโทษอาจารย์ไปซะที่พูดจาไม่ดีด้วย จะได้จบๆ เรื่อง แต่อีกใจก็แบบไม่อยากขอโทษ เพราะนึกหมั่นไส้อาจารย์เบาๆ ตอนนี้ในหัวผมจึงตีกันให้วุ่น

เอาไงดีวะ...จะขอโทษเพื่อความอยู่รอด

หรือ...ปล่อยไปแบบนี้ล่ะ เป็นไงเป็นกัน

ในขณะที่ผมกำลังคิดหัวแทบระเบิดอยู่นั้น เสียงทุ้มต่ำก็เอ่ยขึ้น

“นิว นิวิฐ โอภาสตริสกุล... เมื่อกี้ผมบอกว่าจะสอนเรื่องอะไร”

“...” เอ๋อแดกสิครับ ไม่ได้ฟังเลย แล้วน้ำเสียงนี่จะโหดไปไหน

“ตั้งใจหน่อย ผมไม่ได้มีเวลามากมายมาสอนพวกคุณนะ ผมไม่สนนะว่าคุณจะเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 มา ที่นี่ไม่ใช้ความสำเร็จในอดีตมาวัดผลงาน ที่นี่ดูจากหน้างานจริง”

ทุกคนวางทุกอย่างในมือลง และตั้งใจฟังอาจารย์ท่านพล่ามไปเรื่อย หน้าตาก็ไม่ได้แก่เลยนะ แต่บ่นเป็นตาแก่ไปได้ เปลี่ยนโหมดจากวันที่เจอครั้งแรก ผมนี่ตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว แล้วคือตั้งใจจะแขวะผมคนเดียวด้วยนะ อิหยังวะ

“เอาล่ะ... ถ้าเจ็บบริเวณลิ้นปี่ร้าวทะลุหลัง คิดถึงโรคอะไร”

“ตับอ่อนอักเสบค่ะ”

“กระเพราะอาหารอักเสบค่ะ”

“แล้วมีอะไรอีกไหม... นิว นิวิฐ ตอบซิ”

“Aortic dissection* ครับ” รอดตัวไปครับ เพิ่งอ่านมาเมื่อวาน

หลังจากนั้นอาจารย์ก็สอนไป ไม่วุ่นวายถามอะไรผมอีก จนเวลาล่วงเลยผ่านไปใกล้จะเที่ยง เป็นอันจบเนื้อหาการเรียน จึงเอ่ยปากชวนเพื่อนเต็มรีบออกไปหาข้าวกิน เพราะตอนบ่ายมีตรวจ OPD (ผู้ป่วยนอก) แล้วยังมีเวรบ่ายอยู่ ER (ห้องฉุกเฉิน) ถึงเที่ยงคืนอีก (เวรบ่าย เริ่มเวลา 16.00 – 24.00 o.)

“เฮ้ยมึง รีบไปกินข้าวเถอะ ตอนบ่ายกูมีตรวจ OPD ต้องรีบเคลียร์เคสก่อนเข้าเวร ER”

“เออๆ เดี๋ยวแปปนึงนะ กูมีประเด็นสงสัย ขอกูไปถามอาจารย์แปป” ว่าแล้วไอ้เพื่อนเต็มก็เดินเข้าไปหาอาจารย์พี่กี้

“อาจารย์คร๊าบบ ผมสงสัยตรงนี้น่ะ...”

ผมเดินออกมารอมันข้างนอก ไม่อยากอยู่ในห้องนาน ไม่อยากเห็นหน้าอาจารย์พี่กี้ เพราะตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะขอโทษ หรือปล่อยเลยตามเลย แต่ในใจผมนี่เชียร์ยิกๆ ว่าปล่อยเลยตามเลยแม่ง ชอบเล่นกูดีนัก

ไม่นาน ไอ้เพื่อนเต็มก็เดินออกมาพร้อมกับอาจารย์พี่กี้

“มึง วันนี้อาจารย์จะไปกินข้าวกับพวกเราด้วย”

ผมมองหน้าผู้อาวุโสกว่าแวบนึง ก่อนจะตอบเพื่อนเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคนว่า “...ชวนมาทำไมวะ”

“ไม่ได้ชวน อาจารย์ขอไปเลี้ยงต้อนรับพวกเรา” นี่ก็กระซิบกระซาบตอบผมพอกัน

“ตัดสินใจกันยัง ว่าจะกินอะไร” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังผมสองคน ทำให้พวกผมต้องหยุดเดิน เพื่อให้ผู้ใหญ่เดินนำหน้า พร้อมกับไอ้เพื่อนเต็มตอบคำถามไป

“ยังเลยครับอาจารย์ อาจารย์อยากกินอะไร พวกผมกินได้หมดครับ”

“แน่นะ ว่ากินได้หมด งั้นผมเลือกเลยนะ”

“คร๊าบบบบ” สองเสียงของผมและเพื่อนเต็มประสานกันตอบอย่างพร้อมเพรียง

นาทีนี้ และนาทีถัดๆ ไป ผมว่าผมควรอยู่อย่างเงียบๆ ดีที่สุด ไม่อยากแกว่งปากหาตีน เดี๋ยวได้โดนอีก



ถึงละครับ ร้านที่พ่อเจ้าประคุณจะเลี้ยงรับพวกผม นั่นก็คือ ‘ร้านลาบยโส’ นั่นเอง ลักษณะเป็นเพิงไม้ตั้งอยู่ข้างถนน ข้างในร้านปูด้วยคอนกรีต ไม่มี air conditional มีแต่ air ข้างทางนี่ล่ะครับ มีโต๊ะม้าหินอ่อนสำหรับนั่งทานประมาณ 10 โต๊ะ แต่ทุกโต๊ะก็จัดเรียงให้ห่างกัน ตามนโยบาย social distancing

พอไปถึงอาจารย์พี่กี้ก็เลือกโต๊ะหลังๆ ร้าน แล้วจัดการสั่งอาหารเสร็จสรรพ โดยมีไอ้เพื่อนเต็มช่วยสั่งด้วย ส่วนผมนั่งเงียบๆ ไป ถามผมว่ากินอะไรได้บ้าง จะให้ผมตอบยังไงล่ะ ชีวิตเกิดมาตั้งแต่ตีนเท่าหอยมดจนมาถึงตอนนี้กูไม่เคยเข้าร้านแบบนี้เลยคร๊าบบบ

ระหว่างรออาหารมา ผมก็เปิดเกมขึ้นมานั่งเล่น หูก็ฟังไอ้เพื่อนเต็มกับอาจารย์พี่กี้คุยกันไป จับใจความได้ว่า ไอ้อาจารย์พี่กี้เพิ่งอายุ 30 หมาดๆ และเพิ่งเรียนจบเด้นท์ศัลย์มาไม่ถึงปี มาใช้ทุนที่โรง’ บาลนี้

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เป็นเพื่อนผมที่เอ่ยถามขึ้น น้ำเสียงดูเป็นห่วงนิดนึง (นิดนึง เท่านั้นล่ะ)

“ไอ้นิว มึงกินได้ป่าววะ”

“ได้ๆ” ผมตอบสั้นๆ พลางมองอาหารตรงหน้า นี่มันอะไรมั่งวะ เนื้อสีดำๆ เป็นชิ้นๆ อันนี้น่าจะเรียกว่าเนื้อแดดเดียว เพราะแอบคล้ายกับหมูแดดเดียว

“งั้นมึงต้องกินอันนี้เว้ย...นี่เรียก ก้อยขั้ว อร่อยมากกก” ผมมองตามมือเพื่อนที่ชี้ไปยังอาหารสีดำๆ อยู่บนจาน คล้ายๆ ลาบทั่วไป แต่อันนี้เหมือนมีน้ำแหยะๆ อยู่รอบชิ้นเนื้อด้วย

“ไม่กล้ากินเหรอ...”

เสียงทุ้มที่ผมเริ่มจะคุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา ทำให้ผมต้องหันขวับไปมองหน้าทันที ก็เห็นแววยิ้มเยาะในดวงตาคู่นั้น

“ทำไมจะกินไม่ได้...แค่นี้เอง” พูดจบ ผมก็ตัก ‘ก้อยขั้ว’ ใส่เข้ามาในจานข้าวตัวเองทันที แล้วตักอาหารเข้าปากอย่างไว

อืมมม...อืม รสชาติใช้ได้เลย เรียกว่าอร่อยเลยล่ะ

“เป็นไงมึง อร่อยใช่มั้ย”

“เออๆ อร่อยว่ะ เอามาอีก” ผมตักกินแต่ ‘ก้อยขั้ว’ นี่ล่ะคร๊าบจนข้าวจะหมดจาน แล้วก็มีอีกเมนูที่คนขายยกมาเสิร์ฟทีหลัง อันนี้เลือดสดๆ เลยครับ มีเนื้อสีแดงคลุกเคล้ามากับเลือดและเครื่องปรุง มีผักโรยหน้านิดหน่อย

“มึง อันนี้ทีเด็ดเลย ต้องลอง! ซกเล็ก”

ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแบบขอเถอะ จานนี้กูไม่อาววววว

“จานเมื่อกี้มีแต่เด็กๆ เค้ากิน ...ส่วนจานนี้ ของผู้ใหญ่” ไอ้อาจารย์กี้เล่นกูอีกแล้ววววว

“เอาเลยมึง กูยังกินเลยเนี่ยยย” เพื่อนเต็มครับ ตักเนื้อสดๆ และเลือดสดๆ ไปวางแหมะลงในจานข้าว ก่อนจะส่งเข้าไปในปากคำโต เห็นมันกินละขัดลูกกะตามาก ไอ้ตี๋ตัวเล็กๆ บางๆ แต่กินลาบเลือดคำโต เป็นอะไรที่ contrast กับหน้าตามาก

“...เอ้า ลองกินดู” ไอ้อาจารย์กี้ตักลาบเลือดสีแดงลงมาในจานข้าวผมครับ

“เอ่อ...”

“แค่นี้ป๊อดเหรอ” ผมหันขวับไปจ้องหน้ามันเลยครับ ไอ้อาจารย์จอมกวน

“...”

สุดท้ายผมก็ต้องตักลาบเลือดเข้าไปในปากอย่างกล้าๆ กลัวๆ หยึยยยยย ขมมากกกกก เนื้อมีความดึ๋งๆ อยู่ในปาก ส่วนเลือดไม่มีความคาวนะ สงสัยเครื่องปรุงช่วยไว้

พอเคี้ยวคำแรกหมด ผมต้องรีบดื่มน้ำตามลงไปทันที อดบ่นเบาๆ ไม่ได้ “อันนี้ขมอ่ะ ไม่อร่อยเลย”

“ฮ่าๆๆ” อีกสองคนประสานเสียงหัวเราะแข่งกัน เออออ ให้มันได้ยังงี้สิวะ

“อันนี้ผสมเพี้ย หรือเรียกอีกอย่างว่า ขี้อ่อนวัว”

“ห๊ะ! ขะ..ขี้อ่อน” ถึงจะรู้ว่าวัวเป็นสัตว์กินพืช แต่ขึ้นต้นคำว่า ‘ขี้’ นี่ก็ไม่ไหวนะ

“ใช่ ของดีเลยนะเว้ย ร้านนี้ใช้เพี้ยของจริง บางร้านใช้แบบสำเร็จรูป ไม่อร่อยเลย” ไอ้เพื่อนเต็มยังพยายามบรรยายสรรพคุณของ ‘ขี้อ่อน’ ต่อไป ส่วนผมนั้นรวบช้อนส้อมทันทีเลยครับ อิ่มขึ้นมาเฉยๆ

“ตลกคนกรุงเทพฯ ว่ะ ฮ่าๆๆ” เสียงไอ้อาจารย์พี่กี้หัวเราะผมอ่ะ

“ตลกตรงไหนวะ นี่มันแกล้งกันชัดๆ” ผมแหวร้องใส่เสียงดังเหมือนกัน

“ไม่มีใครเค้าแกล้งเลยนะ พี่ให้เราลองกินไว้ เผื่อออกต่างอำเภอแล้วเค้าเลี้ยงข้าว จะได้กินเป็น ไม่อายเค้า” ฟังดูเหมือนจะเป็นถ้อยคำที่หวังดี แต่ทำไมผมถึงได้เห็นแววตาวาวๆ เหมือนจะหัวเราะหน่อยๆ ในใบหน้าคมนั้น

“...” ผมไม่เถียงมันแล้วครับ ขี้เกียจเถียง เถียงไปก็เท่านั้น เดี๋ยวได้ถูกคาดโทษอีก

.

.

.

ผมตรวจ OPD เสร็จเร็วกว่าที่คิด ผมจึงมีเวลาไปนั่งแช่อยู่ในห้องพักแพทย์ ซึ่งห้องนี้จะเอาไว้ให้แพทย์พักผ่อนตามอัธยาศัย เป็นห้องประมาณ 6x6 เมตร มีอุปกรณ์สร้างความบันเทิงทุกอย่าง กีต้าร์ คีย์บอร์ด เครื่องเสียง โทรทัศน์จอใหญ่เอาไว้ดูหนังใน Netflix โซฟาหน้าทีวีที่พร้อมนอนสุดๆ ตู้เย็น พัดลม โต๊ะยาวกลางห้องเอาไว้นั่งกินข้าวหรือเม้ามอยกัน เตียง 2 ชั้น 2 หลังเอาไว้สำหรับอยู่เวรละเหนื่อย ง่วงนอน หมดสภาพ แพทย์ทุกคนมีสิทธิ์เข้ามาใช้บริการได้หมด

ผมเลือกที่จะนั่งเล่นเกมอยู่โต๊ะตัวยาว มีเพื่อนหมอผู้หญิงรุ่นเดียวกันนั่งกินขนมเม้ามอยกันอยู่ 3 คน ชื่อ เจน นุ่น โบว์ ทั้งสามจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน จึงคุยกันสนุกสุดๆ ชนิดที่ว่าลืมไปเลยว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้น

“พวกแกคิดว่าอาจารย์กี้เป็นป่าววะ”

“ไม่เป็นหรอก หล่อเท่ขนาดนั้น ถ้าเป็นนี่ฉันใจสลายเลยนะเว้ย”

“แต่หล่อขนาดนี้ ไม่มีแฟนเป็นไปได้เหรอวะ”

“ตอนนี้ยังไม่มี แต่อนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีก็ได้นะ”

“ยังไงๆ เล่ามาเลยยย”

“ก็เมื่อวานฉันไปอยู่เวร med เว้ย แล้วพอดีคนไข้อาจารย์แนนชัก ฉันเลยโทร consult อาจารย์ อาจารย์เลยเข้ามาดูเอง แต่มันจะธรรมดามาก ถ้าตอนนั้น’ จารย์แนนจะมาคนเดียว แต่เปล่าเลยจ้า อาจารย์กี้ตามมาด้วยจ้า ละตอนนั้นคือห้าทุ่มแล้วนะเว้ย เพื่อนกันเค้ากินข้าวด้วยกันถึงห้าทุ่มเลยเหรอวะ”

“เฮ้ยยยยย งี้ฉันก็อกหักดิวะ ละ’ จารย์แนนคือน่ารักมากกกกขาว สวย ตัวเล็ก ผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบวะ แพ้ว่ะ รู้สึกแพ้ตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งเลย”

“งานนี้นกค่ะเพื่อน เสียใจด้วยจริงๆ ฮ่าๆๆ”



ผมแอบเบ้หน้าไม่พอใจเล็กน้อยกับข่าวใหม่ที่เพิ่งได้ยินมา ไอ้อาจารย์พี่กี้ เอาอีกแล้วนะ ตัวขัดขวางความสุขผมชัดๆ ดันมาชอบผู้หญิงคนเดียวกันอีก แผนการที่จะไปขอโทษเป็นอันยกเลิกไปโดยปริยาย ไม่มีการขอโทษแล้วเว้ย โกรธมากกกก โกรธที่หน้าผมหล่อไม่ได้ครึ่งของมัน โมโหมากกกก โมโหที่ความสูงผมหยุดอยู่แค่ 175 cm หงุดหงิดมากกกก หงุดหงิดที่อายุเสือกน้อยกว่าอีก

ละผมจะเอาอะไรไปสู้กับมันเนี่ยยย โอ้ยยยย เจ็บไปทั้งหัวใจ ทำไมยังทน

จริงๆ ก็เว่อไปงั้นล่ะผม แค่ชอบมอง เพราะสวยน่ารัก อาหารใจคนไกลบ้าน T^T



ผมนั่งเล่นเกมต่อซักพัก ก็ลงไปเข้าเวร ER ละคือเวรจะเยินไปไหน แก้อาการเคสนี้เสร็จ อีกเคสนึงมาต่อ ต้องสอดท่อช่วยหายใจ มีคนไข้ Ischemic stroke (ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน) ต้องแพลนให้ Streptokinase (ยาละลายลิ่มเลือด) อย่างรวดเร็ว เกือบจะสี่ทุ่มยังมีเคสผัวหึงโหดเมียแอบมีกิ๊ก ผัวชักปืนออกมายิงกิ๊กเมีย ตอนนี้กิ๊กคนนั้นกำลังนอนเจ็บหนัก จากการประเมินแล้วต้องได้รับการผ่าตัดเอาลูกกระสุนออก เป็นหน้าที่ผมสิที่ต้องโทร consult อาจารย์หมอศัลย์

ไปยืนอ่านตารางเวรอาจารย์หมอศัลย์ที่รับ consult เคสวันนี้ และชื่อที่ปรากฏ คือ

‘นายกิตติคุณ พนมฤทัยนารถ’

ใครวะ กูยังจำชื่อใครไม่ค่อยได้ครับ เพิ่งมาทำงานได้ห้าวัน จึงหันไปถามพี่พยาบาลใกล้ๆ

“พี่ครับ นายกิตติคุณ พนมฤทัยนารถ นี่อาจารย์คนไหนเหรอครับ”

“หมอกี้ไงคะ เบอร์โทรอาจารย์หมอทุกคนอยู่บอร์ดตรงโน้นค่ะ รีบโทรให้ไวเลยค่ะ คนไข้แย่มากเลยตอนนี้”

“ครับๆๆ”

จบประโยค ผมรีบกระวีกระวาดวิ่งไปหาเบอร์โทร แล้วรีบกดเบอร์ไปยังปลายสาย รอสัญญาณไม่นาน ก็มีเสียงตอบรับกลับมา

“ฮัลโหล”

“อาจารย์ครับ มีเคสคนไข้ถูกยิง ตอนนี้เสียเลือดมาก”

“คนไข้ช๊อกมั้ย”

“ช๊อกครับ”

“เช็ค vital sign (สัญญาณชีพ), ให้สารน้ำไปแล้วเท่าไหร่, ฉี่ออกเท่าไหร่, ได้ CT scan** หรือยัง ถ้า CT แล้ว ขอผลด้วย ...... ผมขอรายละเอียดทั้งหมด ภายใน 20 นาที ส่งข้อมูลทุกอย่างเข้ามาในไลน์กลุ่มให้ไวที่สุด ส่งคนไข้เข้าห้องผ่าตัดเลย อีก 60 นาทีผมพร้อมสแตนบายด์”

แล้วสายก็ถูกตัดไป... เอ่อ ไม่เคยเจอไอ้อาจารย์กี้โหมดจริงจังในการทำงาน สั่งๆๆๆ สั่งๆๆๆ แล้วก็สั่ง ส่วนผมก็ต้องรีบไปจัดการตามคำสั่งมันไงครับ ทั้งขอข้อมูลพี่พยาบาล อะไรที่ยังไม่มีข้อมูลก็ต้องลงมือจัดการเอง ถ้าไม่ได้ภายใน 20 นาที กลัวจะโดนพ่อเจ้าประคุณหมายหัวไปอีกเรื่อง

กริ๊งงงงงง...กรี๊งงงงง..

เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น

“ฮัลโหลครับ”

“ข้อมูลที่ผมขอได้ยัง ผมต้องประเมินคนไข้”

“กำลังเร่งให้อยู่ครับ”

“ผ่านไป 20 นาทีแล้ว ช้าขนาดนี้ คนไข้ได้ตายห่ากันพอดี”

“ครับๆๆๆ จะเร่งกว่านี้ครับ” ระหว่างที่ตอบไป ขาผมก็เดินทำงานไปด้วย พร้อมกับสมองก็ต้องประมวลผลว่าต้องจัดการอะไรก่อนหลัง ทั้งยังต้องแบ่งสมองมาตอบคำถามคนปลายสาย

“อีก 2 นาทีถ้าผมไม่ได้ข้อมูล คุณโดนแน่” แล้วปลายสายก็วางไป วิ่งสิครับผม เอาอะไรมั่งวะ โอ้ยยยยยยย

ชีวิตอินเทิร์นที่หวังว่าจะสุขสบาย เพราะอยู่ในจังหวัดเล็กๆ ชิลๆ small country คิดผิดถนัด แถมยังมาเจอสต๊าฟจอมโหด กัดไม่ปล่อยแบบนี้ กูเริ่มเครียดแล้วคร๊าบบบบบ

ต่อจากนี้...ชีวิตผมจะเจออะไรบ้างเนี่ยยยย ฮืออออ



TBC.

*Aortic dissection คือภาวะที่เลือดไหลออกจาก aorta ในะดับทรวงอกไปอยู่ในผนังหลอดเลือด ในชั้น media ทําให้เกิด false lumen แล้วขยายไปยังบริเวณอื่น ๆ ของ aorta

**CT Scan (ซีที สแกน หรือ Computerized Tomography Scan) คือ การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งแพทย์จะฉายรังสีเอกซเรย์ตามร่างกายบริเวณที่ต้องการตรวจ แล้วใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็นภาพฉายลักษณะและอวัยวะภายในร่างกาย เพื่อประกอบการวินิจฉัยหาความผิดปกติของร่างกายต่อไป โดยวิธีการนี้จะได้ภาพที่มีความละเอียดสูงกว่าการเอกซเรย์แบบธรรมดา และสามารถใช้ตรวจอวัยวะภายในร่างกายได้เกือบทุกส่วน



talk : ตอนนี้ศัพท์แสงเยอะหน่อยนะคะ ทนๆอ่านนิดนึงค่ะ เพราะอาจต้องเจอในตอนต่อๆไป บอกก่อนด้วยว่าป้าไม่ใช่หมอนะคะ แค่ใกล้ชิดหมอเฉยๆ

ฝากคอมเม้นป็นกำลังให้ป้าหน่อยนะคะ ร๊ากกกกคนอ่านทุกคนเลยค่า ❤️❤️

หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 1 รับน้องโควิดวิบวับ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-06-2020 22:42:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 1 รับน้องโควิดวิบวับ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 06-06-2020 14:01:46
:katai2-1:

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 2 สต๊าฟจอมโหด
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-06-2020 16:50:02
 :pig2:
 :3123:
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 2 สต๊าฟจอมโหด
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 06-06-2020 20:37:56
:pig2:
 :3123:
ติดตามค่ะ

ขอบคุณค่าา
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 2 สต๊าฟจอมโหด
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 06-06-2020 20:42:14
ตอน 3 ปลาหมอ


หลังจากเมื่อคืนอยู่กับความเยินถึงเที่ยงคืนกว่า ผมก็รีบหอบตัวเองกลับห้องพัก เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแช่น้ำร้อนกินประทังชีวิต เพราะเมื่อวานเยินจนไม่มีเวลากินข้าวเย็น แบบนี้แหละครับ ถ้าอยู่เวร ER ก็จะเจอเหตุการณ์ประมาณนี้บ่อยๆ ผมเจอแบบนี้จนชินแล้วครับ ทำให้กินข้าวไม่ตรงเวลาเท่าไหร่ คุณภาพชีวิตก็ย่ำแย่ เพราะฉะนั้น ใครจะมีแฟนหมอ คิดดีๆ นะครับ

ผมเคยมีแฟนสาวนิเทศตอนเป็น extern ระหว่างที่กำลังเดตกัน ทานข้าวร้านข้างโรง’ บาลนั่นแหละครับ ไม่ได้ไปไหนไกลเลย อาหารที่สั่งเพิ่งลงโต๊ะ อยู่ดีๆ เพื่อนโทรตามให้ไปดูเคสที่รับผิดชอบ เพราะคนไข้อาการแย่ลง เป็นอันต้องเก็บอาหารใส่กล่อง ทางใครทางมันตั้งแต่วันนั้นเลยครับ



แปดโมงเช้าวันอังคาร.. ไม่ใช่ๆๆ ครับ วันเสาร์ต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ มุกห้าบาทสิบบาทก็เล่นเนาะ

ผมต้องลากสังขารไปราวด์วอร์ดกับอาจารย์หมอแต่เช้า เดือนนี้ผมอยู่วอร์ดอายุรกรรมชาย การราวด์วอร์ดทุกวันเป็นหน้าที่ของหมอ intern ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาหรือวันที่มีเวรหรือไม่มีเวรก็ต้องราวด์ ถ้าคนไข้ไม่มีอะไรมาก วันนั้นก็สบายไป

วันนี้ดูเหมือนคนไข้ในวอร์ดผมไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ผมเลยจะไปซื้อของมาตุนเก็บไว้ในห้อง สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก อาหารแห้งเอาไว้กินกันตายเหมือนเมื่อคืน ว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ต่อสายไปหาเพื่อนเต็ม

“ฮัลโหลมึง วันนี้ว่างป่าว ไปหาซื้อของเข้าห้องกัน”

“ไม่ว่างเลยมึง มึงลืมไปแล้วเหรอว่ากูมีเวร ER”

“เออว่ะ กูลืม ฝากซื้อไรป่าว”

“ไม่ๆ บ้านกูอยู่นี่ ขาดเหลืออะไร เดี๋ยวแม่กูก็หอบมาให้ถึงหอ”

“ใช่ซี๊ บ้านกูไม่ได้อยู่นี่นิ ต้องดูแลตัวเอง งั้นเท่านี้ล่ะ บาย” หมั่นไส้มันเล็กน้อยถึงปานกลาง หมั่นไส้มากไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีเพื่อนคบ ฮ่าๆๆ



ผมลงมาจากวอร์ดก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว ความหิวมาเยือนแล้วครับ เพราะเมื่อเช้าก็ไม่มีอะไรตกถึงท้อง ว่าจะรีบตรงดิ่งไปที่ห้างท้องถิ่น 1 เดียวในจังหวัด ระหว่างทางกำลังจะเดินไปที่รถตัวเองที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ใช้ ก็เจอรถคันหนึ่งบีบแตรใส่ตรงหน้ารถใครวะ ฟิล์มทึบมาก มองไม่เห็นข้างในเลย ซักพักกระจกด้านคนขับก็เลื่อนลงมา

“ขึ้นมาสิ จะไปไหน” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเบื้องหลังกระจกรถ

“...” เอ๋อนิดนึงครับ สมองไม่สั่งการกะทันหัน

“บอกว่าขึ้นมาไง คนยิ่งหิวๆ อยู่” คนในรถเริ่มหัวเสียแล้ว รับรู้ได้จากน้ำเสียง

“ครับๆๆๆ” ผมเลยต้องรีบวิ่งขึ้นรถไปนั่งเบาะข้างคนขับ

พอขึ้นมานั่งบนรถ มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครครับ จะมีก็แต่คนข้างๆ ที่วันนี้มาในลุ๊กแต่งตัวสบายๆ เชิ๊ตขาวแขนยาวพับมาถึงข้อศอก กับกางเกงยีนส์สีฟ้าซีดๆ ทำให้วันนี้ดูดีกว่าเดิมอีก ที่ชมนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ อิจฉา กูอยากมีหน้าหล่อๆ แบบนี้บ้าง ใส่อะไรแม่งก็ดูดี ไม่ว่าจะชุดลำลองหรือเสื้อกาวก็หล่อสัด พลันหันกลับมามองตัวเอง กูก็เชิ๊ตแขนยาวสีฟ้ากับกางเกงยีนส์นะ แต่กางเกงยีนนี่พับขาขึ้นมาข้อนิ้วนึง กูก็ว่าวันนี้กูรอดอยู่นะ แต่ทำไมรู้สึกแพ้วะ

คนบนรถทำหน้าถมึงทึงรอผมอยู่แล้ว อิหยังวะ อารมณ์ไม่ดีเหรอ แล้วจะชวนผมมาด้วยทำไม หมดกัน วันพักผ่อนที่แสนสงบสุขของผม

“จะไปไหน” คนข้างๆ เอ่ยถามผมขึ้น

“เอ่อ... ว่าจะไปซื้อของเข้าห้อง”

“ไปหาข้าวกินกันก่อน แล้วเดี๋ยวพาไปซื้อของ”

“อืม... ขออะไรอย่างได้ป่าว”

“ว่า”

“ไม่เอาข้าวแบบเมื่อวานได้ป่าว ไม่ใช่ไม่ชอบนะ แต่เมื่อวานท้องอืดน่ะ เลยไม่อยากกินซ้ำอีกวันนี้”

“ฮ่าๆๆ” ดูมันหัวเราะผมดิ เสียงสะใจมาก

“หัวเราะอะไร”

“เปล่า ไม่คิดว่าจะบอบบางขนาดนี้”

“บอบบางตรงไหนวะ แค่ท้องอืด ใครๆ เค้าก็เป็นกัน”

“พูดเพราะๆ หน่อย ...นี่ผมเป็นอาจารย์คุณนะ” อิหยังวะ อยู่ดีๆ โหมดโหดก็มา รับอารมณ์ไม่ทันว่ะ

“ผมพูดไม่เพราะตรงไหน”

“ก็ตรงที่มี ‘วะ’ ไง” แค่คำว่า ‘วะ’ 

“แล้วจะให้พูดไงอ่ะ ไม่ชินเลย เจอกันครั้งแรกก็พูด ‘กูมึง’ แล้วอ่ะ”

“ก็นั่นมันตอนผมเป็นพี่แอบ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นเพื่อนคุณ”

เกาหัวแกรกๆ เลยผม แล้วต้องพูดยังไงวะ โอ้ยยยยย ไอ้คุณอาจารย์พี่กี้!!

“โอเคๆ งั้นผมเรียกคุณว่า ‘อาจารย์’ พอใจมั้ย”

“ผมว่า... ไม่โอเค”

“เอ๊า แล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

“เรียก...พี่ ได้ไหม”

“โอเคๆ พี่ก็พี่”

จบครับ พอแล้วประเด็นนี้ มานั่งเถียงกันเรื่องเรียกสรรพนามคำแทนตัว แฟนก็ไม่ใช่ เพื่อนกูยังไม่ปวดหัวเท่านี้เลย ละนี่อะไร อาจารย์!! แล้วเป็นอาจารย์ที่กูไม่สนิทด้วยนะ ละก็ไม่ได้อยากสนิทด้วยอีกต่างหาก วุ่นวายจังวะ



รถมาจอดอยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ป้ายหน้าร้านติดชื่อว่า ‘Zennn’ เป็นร้านไม่เล็กไม่ใหญ่ ตกแต่งด้วยโทนสีขาว มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลากหลาย ทั้งบาร์เดี่ยว สองที่นั่ง สี่ที่นั่ง หรือเป็นกรุ๊ปเลยก็มี มีมุมให้ถ่ายรูปน่ารักๆ แต่ร้านก็เหมือนยังเปิดได้ไม่เต็มร้อย คงเพราะเพิ่งมีประกาศออกมาว่าให้ร้านอาหารสามารถเปิดและรองรับลูกค้าที่ต้องการนั่งทานอาหารที่ร้านได้ ดังนั้น ทั้งร้านจึงมีพวกผมแค่สองคน

“อยากกินอะไร” คนตรงหน้าเลื่อนเมนูมาให้ แล้วถามขึ้น

ผมหยิบเมนูมาเปิดดู ร้านนี้มีทั้งของคาวของหวาน อาหารไทย อาหารอิตาเลี่ยนจำพวก สปาเก๊ตตี้ หรืออาหารอีสานก็มี ส่วนของหวานก็เป็นพวกช๊อกโกแลตลาวา ฮันนี่โทส ปังกรอบ เครื่องดื่มก็มีทั้งชากาแฟนม ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เอ่อ ดีมากครับไอ้อาจารย์พี่กี้ที่เลือกร้านที่มีทุกอย่างไว้ให้ผมเลย

“เลือกได้ยัง” พี่เค้าถามผมขึ้นอีกรอบ สงสัยจะหิวมาก เพราะพี่แกสั่งไปแล้ว

“เอาสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่าครับ ของหวานเอาช๊อกโกแลตลาวา เครื่องดื่มขอเป็นอัญชัญน้ำผึ้งมะนาวครับ”

“สั่งรวดเดียวเลยเหรอ อิ่มแล้วค่อยสั่งใหม่ก็ได้”

“ไม่อ่ะ ชินแล้ว ถ้าค่อยๆ สั่งมันจะไม่ได้กิน กลัวโดนตามให้ไปดูเคสก่อน”

ใช่ครับ หมออย่างพวกผม ห้ามปิดมือถือ ห้ามหนีหาย ห้ามอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ เพราะถ้าเคสที่ดูอยู่มีปัญหา ต้องสามารถแก้ไขอย่างทันท่วงที

“วันนี้ก็ไม่ใช่เวรนิ ไม่โดนตามหรอก”

“ผมน่ะไม่โดนตามหรอก แต่พี่น่ะอาจจะโดนตามเพราะเคสเมื่อคืนไง” เรียก ‘พี่’ แล้วมันก็จั๊กจี้ปากยังไงไม่รู้

“ไม่โดนตามหรอก เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ตีสี่แน่ะ ก่อนออกมาก็แวะไปดูแล้ว...เรียบร้อยดี”

“อืม”

“ซื้อของแล้ว ไปไหนต่อ”

ผมทำหน้าคิดนิดนึง ก่อนจะตอบออกไป “ไม่มีอ่ะ ว่าง”

“งั้นก็ดี เดี๋ยวพาไปที่นึง”

ผมพยักหน้าตกลง ขี้เกียจจะคุยด้วยละ จึงเลือกหยิบมือถือขึ้นมานั่งเล่นเกมเพื่อรออาหาร...



พอกินข้าวเสร็จ ก็ไปเลือกซื้อของกัน ผมไม่เข้าใจทำไมไอ้อาจารย์พี่กี้เนี่ยถึงไม่ลากรถเข็นมาอีกคัน มาหยิบนู่นหยิบนี่ใส่รถเข็นผมจนจะเต็มอยู่แล้ว ไม่ใช่อะไรนะ ตอนจ่ายเงินจะได้ง่ายๆ ไม่ต้องมาจับแยกว่าเป็นของใคร เซฟเวลาไปเยอะเลย

ผมเดินไปเลือกครีมโกนหนวด ยืนเลือกอยู่นาน เพราะจำไม่ได้ว่าที่เคยใช้คือยี่ห้อไหน ที่ต้องพิจารณาเพราะเคยแพ้มาแล้ว เพราะงั้นจึงต้องยืนระลึกชาติอยู่นานสองนาน จนคนมาด้วยเดินมาแซว

“มีหนวดให้โกนด้วยเหรอ หน้าอ่อนขนาดนี้”

“มีดิ นี่ผู้ชายนะคร๊าบ” เอาจริงๆ หนวดผมก็เกิดไม่เยอะหรอก คนอื่นต้องโกนทุกอาทิตย์ แต่ผมโกนเดือนละครั้งพอ หนวดงอกช้ากว่าชาวบ้านชาวช่องเค้า

“มีใครเคยบอกไหมว่า ถ้าจับใส่วิกนี่ผู้หญิงเลย” ยัง.. ยังไม่เลิก

“มี แต่หน้าตาแบบนี้ก็ทำผู้หญิงท้องได้ละกัน” หงุดหงิดครับ จะอะไรกับหน้าตากูนักหนา

“แล้วมีใครเคยบอกไหมว่า... ทำหน้าโกรธๆ แบบนี้โคตรน่ารักเลย”

ผมหันไปจ้องหน้ามันเลยครับ ไอ้อาจารย์พี่กี้!! เอาอีกแล้วนะมึง พูดจบก็ยิ้มทั้งปากทั้งตาเลย โอ้ยยยย โดนอีกแล้วกู!!



พอซื้อของเสร็จ ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็พามาแวะตลาดสด ผมก็ลงจากรถไปช่วยถือของ ปกติไม่ค่อยได้เดินตลาดหรอกครับ ตื่นเช้ามาอาหารก็วางไว้ตรงหน้าแล้ว แม่ผมชอบทำอาหาร ผมเลยสบายไป

ไอ้พี่กี้ให้ผมถือปลาหมอที่ดิ้นไปมาอยู่ในถุง กำชับว่าให้ผมถือดีๆ ส่วนอย่างอื่นพี่แกถือเองหมด

เราใช้เวลาไม่นานอยู่ตลาดแห่งนี้ แล้วเราก็ค่อยๆ ขับรถออกมาจากความจอแจของตลาด รถเก๋งสีดำคันใหญ่ของไอ้พี่กี้เลี้ยวออกจากถนนเส้นหลัก วิ่งไปตามทางถนนลูกรัง ไม่นานก็มาถึงวัดแห่งหนึ่ง เงียบสงบร่มรื่น เราเดินลงจากรถ แล้วไปที่ท่าน้ำ ซึ่งวัดแห่งนี้ติดกับแม่น้ำสายเล็กๆ

“มานี่ มาปล่อยปลาหมอกัน” ไอ้อาจารย์พี่กี้เรียกให้ผมรีบเดิน ผมเดินเข้าไปใกล้ แล้วยื่นปลาหมอให้

“พี่ซื้อมาให้นิวปล่อย”

“อ้าว ทำไมอ่ะ”

“ตามความเชื่อคนไทย คนไม่สบายให้ปล่อยปลาหมอ จะได้หายไวๆ”

“เดี๋ยวๆ พี่ ผมสบายดี”

“ไม่สบายสิ ก็ไหนบอกท้องอืด”

“โอ้ยยยย แค่ท้องอืด กิน air-x ก็หายแล้ว ไม่ต้องปล่อยปลา” ผมจะบ้าตาย นี่ผมกำลังคุยกับหมอศัลย์ใช่มั้ย?!

“เอาน่า งั้นมาปล่อยด้วยกัน ทำบุญเริ่มต้นงานที่ใหม่ก็ได้ งานจะได้ราบรื่น” อันนี้ค่อยน่าฟังหน่อย เหตุผลนี้พอได้ ผมจึงเดินไปใกล้ๆ พี่เค้า เรานั่งลงแล้วค่อยๆ เทถุงปลาลงไปในน้ำด้วยกัน

“ปล่อยเสร็จแล้วก็แผ่บุญถึงบิดามารดา ญาติสนิทมิตรสหาย เทวดาเทพพรหมณ์ที่คุ้มครองรักษาตัวเรา พระแม่คงคา พระแม่ธรณี เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้ากรรมนายเวร..”

“พอๆๆ พี่ เรียกมาขนาดนั้น รบกวนท่านแย่เลย ฮ่าๆๆ” ผมอดขำไม่ได้จริงๆ คือ ไม่ใช่ผมไม่เชื่อนะ ผมก็เป็นคนนึงที่นับถือศาสนาพุทธ แต่ผมจะเน้นเอาคำสั่งสอนมาเป็นแนวทางของชีวิต ไม่ได้เน้นทางพิธีกรรมมากมาย ให้ทานก็แล้วแต่โอกาส ถ้าจะปล่อยปลาก็ไปซื้อตามวัดที่เค้ามีบริการปลาไว้ให้ปล่อยเลย ไม่ได้ไปซื้อปลาในตลาดขนาดนี้

“พูดดีๆ เดี๋ยวก็เกิดวจีกรรมหรอก” โดนดุเลยกู อิหยังวะ

“สาธุครับ ไม่พูดแล้วก็ได้... ว่าแต่ทำไมถึงต้องไปซื้อปลาในตลาดมาเลยล่ะ หรือเพราะวัดนี้ไม่มีขายให้”

“การซื้อปลาหน้าเขียง เป็นการช่วยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า เพราะงั้นกำลังบุญจะสูงมาก”

“อ่อ อย่างนี้เอง ...แล้วทำไมมาวัดนี้อ่ะ ไม่มีคนมาเลย ปกติคนส่วนใหญ่ชอบไปวัดที่คนไปกันเยอะๆ นี่นา”

“ชอบวัดนี้เพราะสงบดี เป็นสายวัดป่า พี่เคยมาบวชที่นี่ด้วย”

“อ่อ เข้าใจละ”

อันนี้เป็นการเปิดโลกทัศน์ผมพอสมควร ปกติใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มีแต่ความเร่งรีบวุ่นวาย และเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเรากำลังวุ่นวาย เพราะเราเคยชินกับวิถีชีวิตแบบนั้นแล้ว แต่พอมาเจอที่นี่ เข้าใจถึงคำว่า ‘Slow Life’ อย่างดีทีเดียว และที่วัดแห่งนี้ก็เงียบสงบ จน ‘สงัด’ เลยล่ะผมว่า



พอปล่อยปลาเสร็จ ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็พาผมลัดเลาะต้นไม้ เดินไปเรื่อยๆ จนไปเจอกุฎิพระที่ซ่อนอยู่ในป่า ผมมองรอบข้างด้วยความรู้สึกหวาดๆ น่ากลัวว่ะ ถ้าต้องนอนคนเดียว ตอนกลางคืนยิ่งไม่ต้องพูดถึง บรื๋ยยยย

“นี่เป็นกฏิท่านเจ้าอาวาส พี่ขอเข้าไปกราบท่านซักหน่อย นานแล้วที่พี่ไม่มีเวลามากราบท่าน”

“ตามสบายเลยพี่ เดี๋ยวผมรออยู่แถวนี้”

“ไม่สิ เข้าไปด้วยกัน”

“ไม่เป็นไร พี่เข้าไปเลย”

“ไม่ได้ แถวนี้ยุงเยอะ”

“ยุงเยอะก็ไม่เป็นไร เมื่อกี้ผมปล่อยปลาหมอแล้ว ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“เข้ามา” เริ่มเสียงแข็งแล้วครับ เออคร๊าบบบ เข้าไปก็ได้

ทันทีที่ก้าวเข้าไปภายในกุฎิ มีความรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เมื่อกี้ยังหวาดๆ อยู่เลย ตอนนี้รู้สึกเย็นปลอดภัยมาก

“กราบนมัสการหลวงพ่อครับ” พี่เค้ากราบพระท่าน 3 ครั้ง พร้อมกับดึงแขนเสื้อผมให้ทำตามด้วย ผมก็ทำตามพี่แกไปครับ

“ลมอะไรถึงได้หอบมาที่นี่ละโยม”

“ไม่มีลมอะไรหรอกครับ อยากมากราบหลายวันแล้ว แต่ไม่มีเวลาเลย พอดีวันนี้มีเวลา ประจวบกับมีน้องหมอจบใหม่มาด้วย เลยพามากราบด้วยเลยครับ”

“ดีแล้วล่ะ พาน้องเข้าวัดเข้าวา เป็นตัวอย่างที่ดีของน้องๆ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“แล้วนี่.. บ้านอยู่ไหนละโยม” ท่านเจ้าอาวาสหันมาถามผมครับ

“กรุงเทพฯ ครับ” พยายามตอบแบบสำรวมสุดๆ

“ค่อยๆ ปรับตัวนะ ...อยู่นานๆ อาจจะชอบที่นี่ก็ได้”

ผมยิ้มตอบท่าน ก่อนที่ไอ้อาจารย์พี่กี้จะคุยกับท่านอีกครู่หนึ่ง แล้วลากลับ แต่ก่อนจะกลับก็แวะไปกราบพระประธานที่โบสถ์

“อธิษฐานอะไร ทำไมนานจัง” ผมเอ่ยถามคนตัวสูงขึ้นมา หลังจากที่เห็นเค้าคลายจากสมาธิ

“ขอให้สมหวังเรื่องความรัก...ขอให้จีบติด”

ผมลุกขึ้นยืนเลยครับ ไม่ถามต่อแล้ว ก็เล่นมาชอบคนเดียวกันกับผม ถ้าไอ้อาจารย์พี่กี้จีบอาจารย์แนนติด ผมก็แห้วรับประทานสิครับ...



TBC.



Talk : เรื่องนี้เบาๆ คลายเครียดนะคะ ดีใจมากเลยที่มีคนอ่าน คนคอมเม้น ขอบคุณมากๆนะคะ รักๆทุกคนเลยค่า
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 3 ปลาหมอ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-06-2020 21:49:16
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 3 ปลาหมอ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 07-06-2020 21:42:13
ตอน 4 พี่...ช่วยผมด้วย


วันนี้ผมอยู่ ER ถึงสี่โมงเย็น หลังจากนั้นก็ว่างครับ คิดว่าวันนี้จะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะซักหน่อย การทำงานมีความเครียดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เราต้องหาวิธีจัดการกับความเครียดให้ได้ การออกกำลังกายก็เป็นวิธีหนึ่งที่ผมเลือก



ผมขึ้นหอพักไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อกีฬากับกางเกงบอลขาสั้น แล้วรีบลงมาด้านล่าง กำลังจะถอยรถออกจากที่จอด ก็ทันเห็นอาจารย์แนน เลยเปิดกระจกรถแล้วเอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับอาจารย์ ผมว่าจะไปวิ่ง ไปด้วยกันไหมครับ”

อาจารย์ทำท่าคิดอยู่แวบนึง ก่อนจะตอบตกลง “ไปดิ กำลังอยากลดหุ่นอยู่พอดี รอพี่แปปนึงนะ ไปพร้อมกัน”

“คร๊าบบบบบ”

โอ้ววววว แค่ลองทักเล่นๆ แต่ไปจริงเว้ยยย ดีใจนะเนี่ย จะได้อยู่ใกล้ๆ อาจารย์ที่แอบหมายปอง



ผมแอบรถเข้าข้างทางรออาจารย์แนนซักพัก ไม่นานคนตัวบางร่างเล็กก็เดินลงมาพร้อมชุดออกกำลังกายสีชมพูสวยหวาน กางเกงรัดรูปหน่อยๆ ส่งให้บั้นท้ายงอนสวยมาก นี่ผมเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมความคิดกูหื่นจังวะ ใจเย็นๆ ลูกพ่อ เดี๋ยวพี่เค้าจะกลัวซะก่อน



ผมปลดล๊อกประตูให้อาจารย์แนน แล้วคนตัวเล็กก็เข้ามานั่งข้างผมที่เป็นคนขับ รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่มีตุ๊กตาหน้ารถสวยขนาดนี้ อยากเปิดกระจกรถโชว์ชาวบ้าน แต่ไม่ต้องเปิดหรอกครับ ฟิล์มรถผมไม่มืดขนาดนั้น ใครมองเข้ามาก็เห็น เหมือนคนที่กำลังจะข้ามถนนไง อยู่ดีๆ ก็ชะโงกหน้ามองเข้ามาภายในรถผม แถมยังเคาะกระจกด้านตรงข้ามคนขับด้วย อาจารย์แนนเลยกดกระจกลง

“มีอะไรเหรอกี้”

“แนนจะไปไหนอ่ะ”

“ไปวิ่งที่สวนกับน้องนิว... กี้ไปด้วยกันป่าว”

อย่านะ อย่าตกลงเชียวนะมึง ผมมองหน้าไอ้อาจารย์พี่กี้ด้วยสายตาขวางๆ แต่ก็ต้องยกมือขึ้นไหว้อยู่ดี

“หวัดดีครับพี่ ไปด้วยกันป่าวครับ” ชวนมารยาทน่ะมึง เข้าใจมั้ยว่าชวนมารยาท อย่าเชียวนะ

“...น่าสน ไปด้วยดิ”

“...” ผมนี่เงียบไปเลย ไม่สบอารมณ์

“ดีเลยๆๆ แต่กี้ยังไม่เปลี่ยนชุดเลย รีบไปเปลี่ยนไป”

“แนนกับนิวล่วงหน้าไปก่อนเลย ไว้ค่อยไปเจอกันที่สวน เคนะ”

“เคๆ ละเจอกัน”

ผมค่อยๆ เลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้าไปสวนสาธารณะตามที่อาจารย์แนนเป็นคนบอกทาง ถ้าผมไปเองก็คงต้องพึ่ง google maps แต่โชคดีที่วันนี้มีคนสวยบอกทาง สงสัยไหมว่าทำไมผมไม่ชวนไอ้เพื่อนเต็ม วันนี้มันไม่ว่างอีกแล้ว มีตรวจ opd นอกเวลาถึงสองทุ่ม ชีวิตเด็ก intern มันก็แบบนี้แหละครับ ไม่ค่อยมีเวลา



พอมาถึงสวนสาธารณะ ผมกับอาจารย์แนนก็วิ่งไปด้วยกัน คุยกันสัพเพเหระ ทำให้ผมรู้จักอาจารย์มากขึ้น

“ถ้าผมเจออาจารย์ข้างนอก ผมคงคิดว่าอาจารย์เป็นรุ่นๆ เดียวกันกับผม อาจารย์หน้าเด็กมากกก ฮ่าๆ”

“ปากหวานไปอีก พูดขนาดนี้ อยากกินอะไรเนี่ยยย ฮ่าๆๆ”

“อาจารย์จะเลี้ยงผมเหรอ งั้นๆ งั้นกินอะไรดีน๊า” ทำท่าคิดไปวิ่งไปครับ

“แหม เอาใหญ่เลยนะ ...แล้วก็เลิกเรียกอาจารย์ซักที แค่พี่ก็พอไหม”

“ไม่อยากเรียกทั้งอาจารย์ทั้งพี่เลย เรียกอย่างอื่นได้ไหมน๊า” หยอดเล็กหยอดน้อย ฮึๆๆ มีความสุขว่ะผม

“ได้คืบแล้วจะเอาศอกเลยนะ โถถถ เด็กน้อย”

“ไม่เด็กแล้วนะครับ โตแล้ว มีแฟนได้ พ่อกับแม่อนุญาตแล้ว ฮ่าๆ”

“เหรอออจ๊ะ พี่จะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไหมอ่ะ ฮ่าๆ”

“ลองไหมล่ะคร๊าบบบ ฮ่าๆๆๆ”



“หัวเราะอะไรกัน เสียงดังเชียว”



เสียงทุ้มที่แสนจะคุ้นเคยดังสวนเสียงหัวเราะพวกผมมาเลยครับ เสียงเข้มมาเชียว สงสัยจะได้ยินพวกผมคุยกัน หึงอาจารย์แนนอ่าดิ ฮิๆๆ ก็บอกแล้วว่าชวนมารยาท ถ้ามาด้วยก็จะเจอช๊อตทำนองนี้แหละ ผมไม่ปล่อยให้โอกาสผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเฉยๆ หรอกนะครับ



“น้องนิวเป็นคนตลกอ่ะกี้ เราขำน้องเค้า ฮ่าๆๆ”

“ผมไม่ได้ตลกนะคร๊าบบ ผมพูดจริง ฮิๆๆ” ยังครับ ยังไม่เลิก หมายถึงผมนี่ล่ะยังไม่เลิกหยอดอีก ฮ่าๆๆ อยากลองของ ไอ้อาจารย์พี่กี้จะทำหน้าแบบไหนอีกวะ ฮ่าๆๆ

“เลอะเทอะแล้วน้อง ป่ะ วิ่งกันต่อได้แล้ว” แล้วไอ้อาจารย์พี่กี้ก็มาแทรกตรงกลางระหว่างผมกับพี่แนน ลากให้ผมทั้งสองคนวิ่งต่อไป โธ่ว อะไรวะ หมดมู๊ดดด กำลังไปได้ดีแท้ๆ มาเป็นก้างซะงั้น



พอวิ่งเสร็จ พี่แนนก็เสนอให้ไปกินข้าวต่อที่ร้านข้าวต้มบาทเดียว พร้อมกับเป็นเจ้ามือด้วย เพราะเมื่อกี้ติดผมไว้ มันจะดีมากถ้าไปกันสองได้ แต่ไม่ใช่ไง พ่อเจ้าประคุณคนนี้ตามติดชีวิตพวกผมมาก ถึงจะนั่งรถไปคนละคันก็เถอะ ผมมีเหตุผลที่จะดึงพี่แนนมาด้วย เพราะ ‘ไม่รู้ทาง’ ต้องมีคนคอยบอกตลอด ไม่งั้นผมจะหลง

“นิวอยากกินอะไร วันนี้พี่เลี้ยง สั่งได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“พี่แนนกินอะไร ผมก็กินได้หมดแหละครับ” พูดไปยิ้มไปครับ อ่อยแรง หมายถึงผมน่ะอ่อยเบอร์แรงมาก ฮ่าๆๆ

“มานี่.. เลือกเอง” เสียงเข้มสวนคำพูดผมมาอีกแล้ว อิหยังวะ หยอดแค่นี้ทำโกรธ แฟนกันก็ยังไม่ใช่ จะมาทำเสียงเข้มหวงพี่แนนทำไมแว๊

“โอ๋ๆๆ เป็นไรเนี่ยกี้ น้องมันหยอกเราเล่นเฉยๆ” เป็นพี่แนนครับที่ง้อไอ้อาจารย์พี่กี้เสียงหวาน ผมเลือกที่จะนั่งนิ่งๆ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น หนีสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดนี้

“...ให้มันจริงเหอะ”

น่านนน แขวะกูอีก กูอยู่เฉยๆ ละนะ เชิญมึงทำคะแนนไปครับ วันนี้กูพอละ จะยอมอยู่นิ่งๆ ให้แล้ว



พอกินข้าวเสร็จ พี่แนนขอแยกตัวไปจากผมขึ้นรถไปกับไอ้อาจารย์พี่กี้ เห็นว่าจะไปเอาของที่บ้าน ขากลับผมจึงต้องขับรถกลับอย่างเดียวดาย ถึงจะมีเสียง gps คอยบอกทางก็เถอะ ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยย เพราะตอนนี้ผมกำลังหลง ขนาดว่าตั้งปลายทางไปที่โรงพยาบาลแล้วนะ ผมรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ gps บอกให้เลี้ยวซ้ายออกจากถนนเส้นหลักลงไปถนนเส้นรองที่เป็นคอนกรีตแล้ว แต่ก็ยังเชื่อถือเทคโนโลยีก็เลยขับตามไปเรื่อยๆ แล้วก็บอกให้เลี้ยวซ้ายต่อขวาต่อซ้ายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้น่าจะอยู่กลางป่าอ้อยที่ไหนซักแห่งแล้วครับ



ข้างทางทั้งสองเป็นป่าอ้อยที่สูงท่วมหัวผม ยอดอ่อนของต้นอ้อยถูกลมพัดปลิวไปทางเดียวกัน มองจากภายในรถเห็นเป็นคลื่นไหลไปเรื่อยๆ ถ้าเปิดกระจกรถออก เสียงลมพัดคงหวีดหวิวเข้ามาในโสตประสาทอย่างแน่นอน ตอนนี้จินตนาการผมทำงานหนักมาก



ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ไม่กล้าหยุดรถด้วย กลัวทั้งคนทั้งผีครับตอนนี้ บรรยากาศรอบข้างคือน่ากลัวมาก ทั้งที่ตอนนี้แค่สามทุ่มเอง แล้วมันก็น่าจะใกล้ในเมืองด้วยนะ แต่ทำไมเหมือนหลุดมาอีกโลกเลยวะ



Gps ก็ยังพยายามหาทางออกให้ผม แต่ตอนนี้ผมไม่ฟังแล้วครับ ปิดไปเลย ช่วยกูไม่ได้ แล้วยังจะพากูหลงหนักกว่าเดิมอีก จากนั้นก็พยายามต่อสายหาไอ้เพื่อนเต็ม โทรหาสามสี่สาย ไม่รับโทรศัพท์ ไอ้บ้า นี่เพื่อนมึงกำลังตกทุกข์ได้ยากนะ ยังไม่ละความพยายามครับ โทรครั้งที่ห้า ก็ยังเหมือนเดิม



พอครับ.. กับไอ้เพื่อนเต็ม



สายต่อไป โทรหาพี่พยาบาลบนวอร์ดที่ผมคุยด้วยมากที่สุด ปรากฏว่า ปิดเครื่อง...



อยากจะโทรหาพี่แนน แต่...ยังไม่ได้ขอเบอร์



สุดท้ายละ... กูต้องโทรหามันจริงๆ เหรอวะ

ครับ... ไอ้อาจารย์พี่กี้นั่นแหละครับ

ผมมีเบอร์มัน เพราะตอนโทรไป consult เคสผัวยิงชู้ เลยเมมไว้ตั้งแต่ตอนนั้น กดโทรออกอย่างไวครับ รอสัญญาณไม่นาน ก็ได้ยินเสียงตอบรับ

“ฮัลโหล”

“พี่! ช่วยผมด้วย ผมหลงทาง!”

“แล้วตอนนี้อยู่ไหน”

“ไม่รู้เลย ด้านข้างมีแต่ป่าอ้อย บ้านคนก็ไม่มี”

“แล้วไปโผล่ตรงนั้นได้ไง”

“ไม่รู้พี่ ถ้ารู้จะโทรถามไหม”

“กวนตีนว่ะ ไหนเล่ามาตั้งแต่ออกจากร้านข้าวต้มเลยว่าเลี้ยวไหนบ้าง”

แล้วผมก็เริ่มเล่าให้มันฟังว่าผมขับไปทางไหน เลี้ยวตรงไหนบ้าง จนเริ่มจะงงๆ เพราะตอนหลังเลี้ยวเยอะเกิ๊น

“โอเค พี่พอจะรู้แล้วว่าเราอยู่ไหน จอดรถแล้วรอพี่อยู่ตรงนั้น เดี๋ยวได้คลาดกันอีกหรอก”

“ไม่พี่ ผมไม่กล้าจอดรถ มันน่ากลัว”

“ทีงี้ละทำกลัว ต่อหน้าผู้หญิงละปากเก่งจริงนะมึง” นั่นไง กูโดนอีกแล้ว

“ก็มันคนละอย่างป่าววะ”

“วะ กับกูอีกแล้ว”

“ก็พี่ยังขึ้นกูมึงเลยนี่นา”

“กูอายุมากกว่ามึง กูจะพูดยังไงกับมึงก็ได้ แต่มึงเป็นน้อง มึงจะมามึงกูกับกูไม่ได้”

“โอเคๆ ผมยอมละ ว่าแต่พี่ออกมายัง”

“กำลังลงจากห้อง”

“เร็วๆ เลย แล้วก็ห้ามวางโทรศัพท์ด้วย”

“อะไรมันจะขนาดนั้นวะ”

“ก็มัน...น่ากลัว”

“แล้วจอดรถยัง”

“ยัง”

“กูบอกให้มึงจอด”

“ก็...กลัว”

“จอดแล้วก็ล๊อกประตูไว้ มันจะกลัวอะไรนักหนา”

“ไม่ได้กลัวคน กลัว...ผี”

“ฮ่าๆๆ”

“หัวเราะอะไร ไม่ต้องเลยนะ คนยิ่งกลัวๆ อยู่”

“กูตลกมึง โตเป็นควายยังจะกลัวผีเป็นเด็กน้อยไปได้”

“เฮ้ยยยย มันไม่ตลกนะเว้ย ความกลัวของคนอื่นไม่ใช่เรื่องตลกนะ”

“ฮ่าๆๆ โทษทีๆ กูอดขำไม่ได้จริงๆ”

“ไม่ต้องเลย แล้วออกมายัง”

“กำลังสตาร์ทรถ”

“ให้ไวเลย”

“สตาร์ทรถยังไงให้ไววะ”

“อย่ามากวนพี่... อ่ะนี่ ผมจอดรถละ”

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าลืมล๊อกประตูด้วย”

“ล๊อกแล้ว”

“ดี”

“เมื่อไหร่จะถึงอ่ะ”

“กูเพิ่งออกจากประตูโรง’ บาล”

“โอ้ยยยย แล้วเมื่อไหร่จะถึง”

“ก็เร่งไปอยู่นี่... นิว มองกระจกด้านข้างซิ มีเงาใครอยู่รึเปล่า”

“ไอ้พี่กี้!!”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

“แกล้งเหรอ ทำไมเป็นคนแบบนี้ แกล้งน้องได้ไง”

“ก็ไม่อยากให้เครียดดด”

“เครียดหนักกว่าเดิมอีก... แล้วนี่ใกล้ถึงยัง”

“ลองมองกระจกหลังดิ”

“อะ..อ้าว นั่นรถพี่เหรอ”

“ใช่ กูเอง ขับตามกูมานะ”

แล้วรถคันข้างหลังก็แซงผมขึ้นไป ผมจึงรีบขับตามอย่างไวเลย แต่โทรศัพท์ก็ยังไม่วางนะ

“ทำไมพี่มาถึงไวจัง ไหนเมื่อกี้บอกว่าเพิ่งออกจากโรง’ บาล”

“ก็ที่มึงหลงทางอยู่นี่มันแค่หลังโรง’ บาล”

“อ้าววววว แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก!!”

“ถ้าบอก...ก็ไม่ได้เห็นคนกลัวดิวะ น้ำเสียงน่ารักขนาดนี้”

“บะ..บ้าแล้ว วางแล้วนะ ขอบคุณมาก...ครับ”

แล้วผมก็วางสายมันเลย ไอ้บ้า ไอ้คนขี้แกล้ง ชมกูอยู่ได้ว่าน่ารัก เกลียดมันว่ะ...



TBC.



Talk : อร๊ายยยย ตอนนี้เอ็นดูหมอนิวมากค่ะ รักน้อง หลงน้องอ่ะ ❤️❤️

ต่อไป ขออนุญาตอัพนิยายวันเว้นวันนะคะ ช่วงนี้งานเข้าค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเลยค่ะ ยังไงฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ ขอบคุณมากค่า

หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 4 พี่...ช่วยผมด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-06-2020 22:47:28
 :impress2:
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 4 พี่...ช่วยผมด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-06-2020 01:00:49
พี่กี้ทำไมชอบแกล้งน้อง 55555
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 4 พี่...ช่วยผมด้วย
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 09-06-2020 18:17:01
ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า


เช้าวันรุ่งขึ้น... ผมเดินไปเจอไอ้เต็มที่โรงอาหาร ไม่รอช้าครับ รีบเดินเข้าไปโบกหัวมันเลย

“อะไรของมึงเนี่ยยย จัดให้กูแต่เช้าเลย”

“ทำไมเมื่อคืนมึงไม่รับสายกู”

“รับเหี้ยอะไรล่ะ ตรวจ opd เสร็จ กูลากร่างกลับมาถึงห้องได้ก็บุญแล้ว คืนก่อนกูอยู่ ER ถึงเช้า มึงจำไม่ได้เหรอ”

“เออ กูลืม โทษทีว่ะ”

“แล้วมึงโทรมามีอะไรนักหนา ถ้าไม่มีอะไรนะ กูจะตบหัวมึงทิ่มเลย”

“ไม่มีได้ไง เมื่อคืนกูหลงทาง gps แม่งเล่นกู ว่าจะโทรถามเจ้าถิ่น แต่เจ้าถิ่นเสือกเทกู”

“แล้วสรุปมึงกลับมาได้ไง”

“กูไม่รู้จะโทรหาใคร เลยโทรหาอาจารย์กี้ แกเลยขับรถออกไปนำทางกูเข้ามา”

“โหหห ถึงขนาดขับรถออกไปนำทางเลยเหรอวะ” หน้าตาไอ้เพื่อนเต็มดูสงสัยแปลกๆ

“เออดิ แปลกตรงไหน”

“ก็คง...ไม่แปลกมั้ง”

แล้วเราก็เลิกคุยเรื่องนี้กัน หันมาตั้งหน้าตั้งตากินข้าว เพราะต้องรีบไปราวด์วอร์ดเช้าต่อ



วันนี้ผมมีเวรบ่าย ER ก็ต้องอยู่ตั้งแต่ 16.00-24.00 น. เหมือนเดิมครับ ได้แต่ภาวนา ขอให้วันนี้เป็นเวรนางฟ้า (เป็นชื่อเวรที่เค้าเรียกขานกันในวันที่ไม่ค่อยมีคนไข้ ทุกอย่างราบรื่น สบายๆ ชิลๆ) แต่คำภาวนาของผมไม่ค่อยเป็นผลครับ ตั้งแต่ห้าโมงเย็นเป็นต้นมายังไม่ได้นั่งดีๆ เลยครับ ทั้งอุบัติเหตุ หมากัด พ่นยาหอบ ตอนนี้หิวข้าวมากครับ สี่ทุ่มแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย



“อาจารย์กี้ มาทำอะไรคะ” เสียงพี่พยาบาลร้องทักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใน ER

“วันนี้ดูท่าทางจะเยินนะครับ”

“ใช่ค่ะ เยินพอควร แล้วนี่หอบอะไรมาคะ”

“อ่อ พอดีผมออกไปกินข้าวข้างนอก คิดว่าในนี้คงยังไม่มีใครกินข้าว ผมเลยซื้อมาฝากครับ ไม่แน่ใจว่าครบคนมั้ย”

ทุกคำพูด ผมได้ยินหมดครับ แต่ผมกำลังตรวจคนไข้อยู่ เลยทำเป็นไม่ได้ยินซะงั้น แต่สายตาก็เผลอหันไปมองไอ้อาจารย์พี่กี้อยู่นะ เห็นมันกำลังส่งข้าวกล่องมาให้พี่พยาบาล พอส่งข้าวเสร็จมันก็เงยหน้ามองมาทางผม สายตาเราสบกันแวบนึง เป็นผมที่ผละสายตามาดูคนไข้ต่อ

อิหยังวะ ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องหลบตามันด้วย แล้วทำไมกูไม่ยกมือสวัสดีมันวะ มันเป็นอาจารย์นะเว้ย ...เอาเป็นว่า ผมลืมตัวชั่วขณะละกัน

“อาจารย์ใจดีจังเลย ขอบคุณมากนะคะ”

“ครับ ไม่เป็นไรเลย ...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่าาาา”

แล้วมันก็เดินออกไปจากห้องฉุกเฉิน ทิ้งไว้ให้สาวน้อยสาวใหญ่ในห้องฉุกเฉินเพ้อไม่เป็นอันทำงานเลยทีเดียว

“อาจารย์กี้น่ะ ทั้งหล่อทั้งดี ใครจะโชคดีได้เป็นแฟนน๊า”

“ใช่ๆๆ อิจฉาคนที่จะมาเป็นแฟนเลย”

“เธออิจฉาฉันเหรออออ” คราวนี้เป็นเสียงจากสาวสองของน้องบุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่ประจำอยู่ห้อง ER

“ตื่นค่ะ!! กระเทย”

“ฉันว่าอาจารย์ต้องชอบแบบฉันแน่ๆ เลยว่ะแก”

“ยัง.. ยังไม่ตื่น”

“โอ้ยยยยย เป็นเมียในชีวิตจริงไม่ได้ ก็ขอเป็นเมียมโนหน่อยเถอะย่ะ”

“ฮ่าๆๆๆ”

แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน ทะยอยๆ เอาข้าวไปกิน ส่วนผมยังกินไม่ได้ครับ ยังสอดท่อช่วยหายใจอยู่...



ผ่านไปราว 20 นาที ผมก็เริ่มว่างครับ ประกอบกับไม่มีคนไข้มาเพิ่ม ผมจึงมีเวลาได้นั่งพักขาในห้องพักเจ้าหน้าที่ ER

“นี่ค่ะคุณหมอ”

น้องพยาบาลคนหนึ่งยื่นกล่องข้าวมาให้ผม พร้อมกับน้ำ 1 แก้ว ซึ่งเป็นแก้วเก็บความเย็น

“ของคุณหมอค่ะ”

“...ครับ ขอบคุณครับ”

ผมยื่นมือไปรับข้าวกล่องนั้นและน้ำ ซึ่งมีชื่อผมติดไว้ด้านข้าง ‘นิว’



พอเปิดกล่องข้าวออกก็เห็นเป็น ‘สปาเก๊ตตี้คาโบนาร่า’ ลองหยิบแก้วน้ำมาดูด มันคือ ‘อัญชัญน้ำผึ้งมะนาว’



ทำไมผมรู้สึกหน้าร้อนๆ วะ รู้สึกอิ่มขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ โอ้ยยยยหาคำอธิบายให้ตัวเองไม่ได้



พอครับ ไม่คิดอะไรแม่งแล้ว กินดีกว่านาทีนี้ เดี๋ยวมีคนไข้มาอีก จะไม่มีเวลากินเอา...

.

.

.

วันศุกร์สุดสัปดาห์มาถึง...

เย็นวันนี้ผมตั้งใจจะไปวิ่งที่สวนเหมือนเคย ระหว่างทางกำลังจะกลับหอเพื่อไปเปลี่ยนชุด เจอพี่แนนครับ

“นิว.. วันนี้ว่างป่าว”

“...ว่างครับ” ไหนเมื่อกี้กูบอกว่ากูจะไปวิ่งวะ -_-”

“งั้นดีเลย ไปทำอาหารกินกันที่ห้องพี่”

หืม? พี่แนนชวนผมเข้าห้อง? ตกลงสิวะ!!

“ขอฝากท้องเลยนะคร๊าบบบ”



ผมว่าความสัมพันธ์ของผมกับพี่แนนก็เริ่มพัฒนาอยู่นะ ไปออกกำลังกายด้วยกัน ทำอาหารทานกันที่ห้อง น่ารักอ่ะ ผมชอบแบบนี้ >.<



พี่แนนชวนไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อไปซื้อของมาทำอาหาร วันนี้เราจะทำอกไก่ย่าง สลัดทูน่า ทานคู่กับข้าวไรซ์เบอรี่ เป็นเมนูอาหารคลีนแบบง่ายๆ เพราะพี่แนนกำลังจะลดน้ำหนัก ส่วนผมนั้นกินได้หมดครับ ไม่ได้ต้องการจะลดหรือเพิ่มน้ำหนัก แต่ไอ้ที่อยากได้เพิ่มอ่ะ คือ แฟนคร๊าบบบบ ฮ่าๆๆ



พอกลับมาจากซูเปอร์ฯ แล้ว เราก็หอบของเข้าใปในห้องพี่แนนแล้วเริ่มกระบวนการทำอาหาร พี่แนนให้ผมเอาผักไปล้าง แล้วหั่นชิ้นเล็กๆ เพื่อทำสลัด ส่วนพี่แนนเป็นคนหุงข้าว และเอาไก่มาหมัก เตรียมเอาขึ้นย่าง



แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น... แก๊สหมดครับ



เอาไงละทีนี้ เตรียมทุกอย่างไว้แล้วด้วยสิ ไม่มีเตาหรือกระทะไฟฟ้าซะด้วย พี่แนนคิดอย่างรวดเร็วเลยครับ เดินออกไปนอกห้อง เคาะประตูฝั่งตรงข้าม

‘ก๊อก...ก๊อก..’

ไม่นานประตูก็เปิดออกมา...ไอ้อาจารย์พี่กี้นั่นเอง เค้าอยู่ห้องตรงข้ามกันเหรอ -_-”

“กี้ ทำอะไรอยู่”

“ไม่ได้ทำอะไร”

“พอดีแก๊สห้องเราหมด กำลังจะทำอาหาร ขอเข้ามาใช้แก๊สห้องแกหน่อยนะ”

“เอาดิ”

“น้องนิวววว ยกของๆ เราไปห้องกี้ทั้งหมดเลย” พี่แนนเดินเข้ามาตะโกนบอกผม ส่วนผมนั้น... มองบนแพร๊พ อิหยังวะ หมดกัน แผนกู

“รบกวนหน่อยนะกี้ แล้ววันนี้แกก็ทานข้าวด้วยกันกับฉันนี่แหละ” มองบนรัวๆ เลยผม หมดกัน ฉากสวีทผมกับพี่แนน เราสองสามคนอีกแล้ว

“งั้นเดี๋ยวเราทำอาหารเพิ่มละกัน” ไอ้อาจารย์พี่กี้เสนอตัวทำอาหารเพิ่มอีกรายการ จะทำอะไร ผมก็ไม่รู้หรอก เห็นทำงุดๆ อยู่คนเดียว ส่วนผมก็หั่นผักต่อครับ ทำอะไรเทือกนี้ไม่ค่อยเป็น



ผ่านไปเกือบชั่วโมง อาหารทุกอย่างถูกวางเรียงรายไว้บนโต๊ะกินข้าวห้องไอ้อาจารย์พี่กี้ กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอสุดๆ ครับ ส่วนอีกหนึ่งเมนูที่ถูกทำเพิ่มโดยเจ้าของห้อง คือ



‘สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า’



เป็นเมนูที่ผมกิน 2 ครั้งแล้วในรอบหนึ่งอาทิตย์นี้ เอาจริงๆ ก็เริ่มเอียนแล้วนะ... แต่ไม่รู้ว่าเอียนสปาเก็ตตี้ หรือ เอียนคนทำมากกว่ากัน



“ว้าววว เดี๋ยวนี้กี้ทำสปาเก็ตตี้ได้ด้วยเหรอ”

“เราก็ลองทำเล่นๆ ดู”

“นี่ครั้งแรกที่ทำเหรอ”

“ใช่ๆ”

“ไม่เชื่ออ่ะ อร่อยขนาดนี้” พี่แนนใช้ส้อมพันเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นไปชิม

“นิว ลองชิมดิ” เป็นพี่แนนที่ตักสปาเก็ตตี้มาไว้ในจานผม ผมจึงชิมตามคำชวน

“เป็นไงล่ะ อร่อยล่ะสิ”

“ครับ อร่อยมาก ...แต่ผมว่าอกไก่พี่แนนน่าจะอร่อยกว่านะ” ว่าแล้วผมก็ตักอกไก่ออกมาทาน

“ปากหวาน อยู่เป็น ฮ่าๆๆ” พี่แนนชมผมครับ ไม่แน่ใจว่านี่เรียกชมไหม ฮ่าๆๆ

“กินเยอะๆ เด็กวัยกำลังโต”

ไอ้อาจารย์พี่กี้ครับ มันเลื่อนจานสปาเก็ตตี้มาให้ผมคนเดียวเลย พอดีกับที่พี่แนนเดินไปหยิบขนมที่ห้องตัวเอง

“กินเยอะๆ มันก็เลี่ยนนะพี่”

“กินไปเลย อุตส่าห์ตั้งใจทำให้กิน” ห๊ะ อะไรนะ ตั้งใจทำให้!

“จะไม่กินก็เพราะตั้งใจทำให้นี่แหละ” อันนี้ผมขมุบขมินปากพูดเบาๆ กับตัวเองนะ ใครจะกล้าพูดให้ได้ยินคร๊าบ ส่วนมือก็ตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ”

“ปะ..เปล่า”

“งั้นก็เลิกบ่นแล้วกินๆ ไปซะ ...เพราะไม่ใช่แค่ตั้งใจทำ แต่ใส่ ‘ใจ’ ทำด้วย”

เอาแล้วไง เล่นกูอีกแล้ววววว ตายอย่างสงบศพสีชมพู



TBC.



Talk : อ่านแล้วสนุกมั้ยคะ หรือเฉยๆ เม้นบอกกันบ้างนะค๊าา
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร
เริ่มหัวข้อโดย: sarahwut032 ที่ 09-06-2020 22:10:04
 :-[ :- สนุกมากค่ะ อยากอ่านต่อ
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2020 22:15:23
 :katai2-1:



ไม่หวั่นไหวบ้าง ให้มันรู้ไป
หัวข้อ: Re: [NEW] อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-06-2020 15:51:24
หยอดตลอด แล้วยังงี้เราจะรอดเร๊อะนิว 5555 เออสนุกดีวะ อ่านเพลินๆ รอมาต่อตอนหน้าเลยจ้า  :pig4: :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
เริ่มหัวข้อโดย: manarina ที่ 10-06-2020 17:29:33
สนุกค่า ><
แอบระแวงนิดนึงว่าทำไมขับรถมาเร็วจัง...นึกว่าเป็นสิ่งลี้ลับ 555 ที่แท้หลงอยู่ใกล้นี่เอง เฮ้อออ
ติดตามนะค้า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 5 สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 11-06-2020 21:35:03
ตอน 6 Emergency room


เช้าวันเสาร์ที่อากาศน่านอนสุดๆ ฝนตกปรอยๆ แต่เช้าตรู่ ถึงจะน่านอนขนาดไหน ผมก็ต้องหอบร่างตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อไปราวด์วอร์ด หน้าที่อันใหญ่หลวงที่ผู้คนฝากชีวิตเอาไว้ ห้ามขี้เกียจ ห้ามอู้ เพราะทุกอย่างที่เราละเลย...นั่นอาจหมายถึงหนึ่งชีวิตที่จบไป



‘เรารักษาคน...ไม่ใช่รักษาโรค...หมอใช้ใจสิ...เรื่องนี้อยู่นอกเหนือจากตำราแพทย์นะ’



นั่นเป็นประโยคที่ผมไม่เคยลืม อาจารย์หมอท่านหนึ่งได้กล่าวกับผมเอาไว้ แต่ตอนนี้ท่านเกษียณตัวเองไปแล้ว ทำหน้าที่ตัวเองอย่างภาคภูมิจนถึงวัย 60 และใช้ชีวิตกับลูกหลานอย่างมีความสุข



ผมเดินขึ้นไปราวด์วอร์ดอย่างคุ้นเคย พูดคุยกับคนไข้ให้เหมือนเขาเป็นญาติคนหนึ่งของเรา

“คุณตา... พรุ่งนี้ก็น่าจะได้กลับบ้านแล้วนะครับ... ถ้าวันนี้ไม่มีไข้เหมือนเมื่อวาน”

“มื่ออื่นกะเมียบ้านได้แล้วติคุณหมอ ฉันล่ะดีใจคั๊ก บ้านฉันกะบ่ได้อยู่ในเมียง ตั้งแต่มาเฝ้าพ่อใหญ่ จั๊กค่ารถค่าเข่า หมดหลายละเดะคุณหมอ คั่นได้เมียมื่ออื่นกะดีซั่นแหล่ว” (คำแปล พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วเหรอคะคุณหมอ ฉันดีใจมาก บ้านฉันก็ไม่ได้อยู่ในเมือง ตั้งแต่มาเฝ้าคุณตา ไหนจะค่ารถค่าข้าว หมดไปเยอะแล้วนะคุณหมอ ถ้าได้กลับพรุ่งนี้ก็ดีนะสิ) เป็นเสียงหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคุณตาเอ่ยขึ้น ซึ่งผม...ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะเพิ่งมาอยู่ไม่ถึงเดือน จึงทำได้เพียงยิ้มตอบอีกฝ่าย จากนั้นก็ไปเตียงถัดไป



ผมเดินดูคนไข้เตียงแล้วเตียงเล่า จนครบทุกเตียง เพลินดีเหมือนกันครับ แปปๆ ก็เกือบ 11 โมงเช้าแล้ว วันนี้นัดกับเพื่อนเต็มไปหาข้าวกิน จากนั้นจะมานั่งเล่นการ์ดกันต่อที่ห้องของผม



“ทางนี้มึง” เสียงไอ้เพื่อนเต็มร้องเรียกผม มันนั่งรอผมอยู่ล่างหอพักแพทย์แล้ว

“เออๆ กินไรดีวะ” ผมเอ่ยถามมันขึ้น เพราะตอนนี้หิวมากกกกก

“กินข้างโรง’ บาลพอไหมมึง ขี้เกียจขับรถออกไป”

“เออดี กูก็ขี้เกียจเหมือนกัน”



ตกลงกันได้ก็ตรงดิ่งไปยังร้านอาหารตามสั่งร้านประจำที่ผมมักมาฝากท้องไว้ โดยเฉพาะในวันที่รีบเร่ง แต่วันนี้ไม่รีบนะ หรือจะเรียกว่ารีบวะ รีบไปเล่นการ์ดเกมส์น่ะ ฮ่าๆๆ จากนั้นเราก็เริ่มสั่งข้าวเป็นอาหารจานเดียว พอสั่งเสร็จ ไอ้เต็มก็หันมาถามผมขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย

“ไงมึง กูได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้มีคนส่งข้าวส่งน้ำเหรอ” สะดุ้งเล็กน้อยถึงปานกลาง...ข่าวไวจังวะ จมูกหมามากนะมึง

“หืมมม ได้ข่าวมาจากไหน”

“เค้าลือกันทั้ง ER ว่าเดี๋ยวนี้อาจารย์กี้ส่งข้าวส่งน้ำให้มึง”

“มั่วแล้ว วันนั้นอาจารย์แกก็ซื้อมาให้ทุกคน ไม่ใช่กูคนเดียวซักหน่อย”

“ไม่เหมือนกัน กล่องข้าวกับแก้วน้ำมึง เค้าเขียนชื่อไว้ ส่วนคนอื่นไม่ได้เขียนไว้”

“...” รู้ละเอียดเกิ๊นนนน ไปไม่เป็นเลยผม เอ่อออ... จะตอบว่าไงดีวะ กูก็ไม่รู้ว่ะ กูก็กำลังงงๆ อยู่

“ไงล่ะ ตอบไม่ได้เลยสิมึง ...กูกับมึงก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน มีอะไรมึงปรึกษากูได้นะเว้ย กูไม่ใช่คนปากโป้งหรอก ไว้ใจกูได้ กูรู้ว่าเรื่องไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด”

“...เอาจริงๆ นะ กูก็ไม่เข้าใจการกระทำของอาจารย์เค้าเท่าไหร่หรอก กูเลยไม่รู้จะปรึกษาอะไร”

“ตรงๆ เลยนะ ...มึงชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย” ไอ้บ้าาาา ถามมาได้

“กูก็ต้องชอบผู้หญิงสิวะ กูออกจะแมนขนาดนี้”

“แมนมากกกกกก” ทำไมต้องลากเสียงยาว เหมือนประชดกูวะ

“กูดูไม่แมนตรงไหนเหรอ”

“ทุกตรง!! ยกเว้น คำพูดที่สวนทางกับหน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอก”

จ๊ะ... เลิกพูดกับมันแล้ว พูดไปก็เข้าตัวกูอีก กูจะบ้าตาย ถ้ากูเลือกเกิดได้ กูก็อยากเป็นผู้ชายหุ่นหมีเหมือนกันแหละ จะได้เลิกเข้าใจว่ากูเป็นพวก ‘ไม่มองหญิง’ ซักที

.

.

.

.

หลังจากที่นั่งเล่นการ์ดกับไอ้เต็มถึงบ่ายสาม ผมก็ต้องออกมาอาบน้ำเตรียมตัวไปอยู่เวร ER ควบ 2 กะ บ่ายต่อดึก คือ 16.00 – 08.00 น. ของอีกวัน



ผมมาถึง ER ทุกคนมองผมแปลกๆ มองอะไรกันครับ วันนี้ผมหล่อมากกว่าทุกวันเหรอ แต่งตัวก็แบบเดิมๆ เสื้อกาวกับกางเกงสแลคสีดำ หน้าก็หน้าเดิม แต่ทำไมทุกคนมองผมแล้วก้มหน้าก้มตา หรือไม่ก็ยิ้มๆ แบบไร้เหตุผล



อ้อออออ... ผมว่าผมเจอสาเหตุละ



ก็ไอ้อาจารย์พี่กี้นะสิครับ นั่งกดไอแพดเล่นอยู่มุมหนึ่งของห้อง ER เลย!!



มาทำอะไรวะ??



ณ จุดๆ นี้ งงเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ยังไงก็ต้องทักทายตามมารยาทของน้องที่ดี

“หวัดดีครับพี่” พูดไปยกมือขึ้นไหว้ไปด้วยครับ

“อือ หวัดดี”

“พี่มีเคสที่ ER เหรอครับ”

“อืม... รพช. refer เคสมา พี่เลยมานั่งรอเคสน่ะ” ผมก็พยักหน้าหงึกๆ รับฟัง เฮ้อออ สบายใจละผม เค้ามาทำงาน ไม่เกี่ยวกับผมหรอกน่า



หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจไอ้อาจารย์พี่กี้อีกเลยครับ เพราะมีเคสมาเรื่อยๆ ต้องใช้สมาธิจดจ่อกับการทำงาน แต่รู้แหละว่าเจ้าตัวยังนั่งอยู่ที่เดิม จะว่าไป ก็ผ่านไป 2 ชั่วโมงละนะ เคส refer ของแกยังไม่มาเลย ผมเลยอดถามออกไปไม่ได้

“พี่กี้ เคสพี่ยังไม่มาอีกเหรอ”

“ยัง”

“แล้วพี่ไม่ตามเหรอ... ให้ผมตามให้ป่าว” เสนอตัวครับ เป็นเด็กดีก็งี้ละครับ เปล่าครับ...มารยาทล้วนๆ ฮ่าๆๆ

“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่จัดการเอง... ว่าแต่เราเหอะ หิวข้าวยังอ่ะ” หืมมเปลี่ยนเรื่องซะงั้น อะไรวะ งงเลยผม นาทีนี้พี่ต้องห่วงคนไข้สิถึงจะถูก

“ไม่เป็นไรพี่ ผมยังไม่หิวเท่าไหร่” ปฏิเสธไปก่อนผม ยังไม่อยากเป็นประเด็นให้คนเม้ามอยเหมือนครั้งก่อน แต่ผมว่าครั้งนี้ก็ไม่น่าจะรอดแล้วแหละ เพราะพอมองไปรอบห้อง แต่ละคนก็รีบหลบตาผม เสมองไปทางอื่นกันทุกคนเลย แต่มีน้องบุรุษพยาบาลสาวสองคนเดิมกล้าพูดขึ้นมาระหว่างที่ผมกับพี่กี้คุยกัน

“คุณหมอทั้งสอง ออกไปกินกันก่อน อุ๊บสส พูดผิดค่ะ ออกไปกินข้าวกันก่อนก็ได้นะคะ ถ้าออกไปกินใกล้ๆ ก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีอะไรด่วนจะรีบโทรหาเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ... ถ้าพี่กี้หิว ไปกินก่อนเลยครับ ผมค่อยฝากซื้อก็ได้ครับ” คือผมไม่สามารถทิ้งห้องฉุกเฉินไว้ได้จริงๆ ครับ อย่างที่บอกแต่แรก การละเลยเพียงน้อยนิด นั่นหมายถึงหนึ่งชีวิตที่จากไปได้เลย

“พี่ก็ยังไม่หิว...”

อ้าวววว... แล้วเมื่อกี้ชวนเพื่อ

ทุกคนรู้ โลกรู้ แต่ผมไม่รู้ เออ ช่างแม่งเหอะ เอาใจยากจังวะ ดูคนไข้ต่อแล้ว



ประมาณสองทุ่มกว่าๆ อาจารย์พี่แนนเดินเข้ามาในห้อง ER ครับ มาพร้อมถุงกล่องข้าวนับสิบ เอามายื่นให้ไอ้อาจารย์พี่กี้

“อ่ะนี่ ที่ฝากซื้อ” ไอ้อาจารย์พี่กี้รับกล่องข้าวมา แล้วส่งให้ทุกคนต่อ

“วันนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงนะครับทุกคน เห็นทุกคนทำงานเหนื่อยกัน” พูดจบ ส่งยิ้มพร้อมสายตาวิ้งๆ ให้กับน้องพยาบาลที่เดินไปรับกล่องข้าว ทำเอาสาวๆ อายจนตัวบิดเป็นเกลียวเลย ส่วนผมก็ชำเลืองมองห่างๆ เพราะนั่งดูฟิล์ม x-ray คนไข้อยู่ แต่ก็ไม่ลืมสวัสดีพี่แนนคนน่ารักนะครับ

“หวัดดีครับพี่แนน ลมอะไรหอบมาครับ ลมคิดถึงผมหรือเปล่าครับ”

“ฮ่าๆๆ ฉันจะคิดถึงแกทำไม เจอกันทุกวันเนี่ย” เดี๋ยวนี้ผมกับพี่แนนเจอกันบ่อยครับ สรรพนามก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว

“ก็ไม่รู้ดิคร๊าบบบ เอาข้าวมาให้ผมถึงที่เลย ฮ่าๆๆ”

“กี้ฝากซื้อหรอกย่ะ”

“พูดงี้ผมเสียใจแย่เลย” ไม่พูดเปล่านะผม ทำแก้มป่องพองลมให้ดูน่ารักด้วย ถึงจะไม่ค่อยชอบหน้าตาตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็รู้แหละว่าท่าทางแบบนี้ใช้อ้อนเอาอะไรก็ได้ ฮ่าๆๆ



“พูดมาก...น่ารำคาญ...กินข้าวไป”



เฮ้ยๆๆๆ อยู่ดีๆ ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็ยื่นข้าวมาให้ พร้อมกับลากผมเข้าไปในห้องพักเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน โดยไม่ปล่อยให้ผมพูดอะไรซักคำเลย พอจะพูดก็จุ๊ปากไม่ให้พูด บอกว่าอย่าเสียงดัง รบกวนคนไข้ พอเข้ามาถึงห้องที่มีแค่ผมกับเค้า ถึงได้ยอมให้ผมพูด

“อะไรเนี่ยพี่ ลากผมเข้ามาทำไม ยังดูฟิล์มคนไข้ไม่เสร็จเลย”

“เดี๋ยวกูดูให้... ตอนนี้มึงมีหน้าที่กิน ก็กินไป”

“ทำไมต้องบังคับกันด้วย ก็คนยังไม่หิวอ่ะ” ผมเริ่มนอยด์เบาๆ แล้วนะ น้ำเสียงก็หงุดหงิดเอาการอยู่

“ไม่หิวก็ต้องกิน ถึงเวลาแล้ว”

“ปกติก็กินไม่ค่อยตรงเวลาอยู่แล้วป่ะ พี่จะมาระเบียบจัดอะไรตอนนี้”

“...เป็นห่วง เข้าใจไหม” ไม่เข้าใจ อันนี้ตอบในใจ จะมาเป็นห่วงอะไรกูว้า กูโตขนาดนี้แล้ว พ่อกับแม่กูยังไม่มาวุ่นวายอะไรขนาดนี้เลย



“แค่ห่วงใช่ไหม”



“...ไม่ใช่ หวงด้วย”



ได้ยินคำตอบแล้วอยากตบปากตัวเอง ถามอะไรออกไปวะกู ไม่ทันละ ออกไปจากปากแล้วจ้า ละดูคำตอบ โอ้ยยยย แล้วกูจะดูคนไข้ต่อยังไงวะเนี่ยยยย ใจสั่นฉิบหายเลย สงสัยเพราะกินกาแฟก่อนเข้า ER แน่ๆ เลยว่ะ



ไม่ถง ไม่เถียง ไม่ถามอะไรมันแล้วครับ นั่งลงแล้วแกะกล่องข้าวกินเลย ส่วนมัน...พูดจบ ก็เดินออกไปอ่านฟิล์มให้ผมหน้าตาเฉย โอ้ยยยยย ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลมแล้วคร๊าบบบบบ







TBC.



Talk : งู้ยยยย เค้าห่วง เค้าหวงกันแล้ว แต่งไป เขิลไปเด้อ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ มีกำลังใจมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ก็เช่นเคยนะค๊าา  :mew1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-06-2020 22:41:00
 :impress2:



เขินนนนน อยู่เด้อออออ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-06-2020 23:45:17
ใจสั่นละเว้ยเห้ย! คำอธิษฐานพี่หมอกี้อาจจะเป็นจริงได้ในสักวัน จีบติด 555555 รรรรตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 12-06-2020 12:00:45
 :mew1: :L1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: manarina ที่ 12-06-2020 14:47:51
 :katai4: ชัดเจนที่สุดดด ห่วง แล้วก็หวงด้วย /แฝงตัวไปเป็นตัวประกอบกรี๊ดกร๊าดอยู่แถวๆกำแพงห้องได้มั้ยคะเนี่ยย เป็นจิ้งจกก็ยอมมม
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 12-06-2020 18:39:54
ชัดเจนดีไม่ต้องเยิ่นเย้อ เสียเวลา  ฮ่า ฮ่า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 12-06-2020 18:40:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 6 Emergency room
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-06-2020 23:25:56
โห มีความส่งข้าว ส่งน้ำ มานั่งเฝ้าด้วย ชัดเจนมากค่ะพี่กี้
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 13-06-2020 22:17:00
ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ


‘กริ๊งงง...กริ๊งงงง...’



ผมงัวเงียลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว บ่งบอกว่าคงเข้าสู่ช่วงเย็นแล้ว



“ฮัลโหลวววว” รับโดยที่ไม่ได้สนใจอ่านว่าปลายสายเป็นใคร

“ตื่นแล้วเหรอ... ไปหาอะไรกินกันเถอะ” น้ำเสียงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ไอ้อาจารย์พี่กี้ไง ตอนนี้ตื่นเต็มตาเลยผม

“ไม่ปายย จะนอน เท่านี้นะ”

แล้วผมก็วางสายไป ตั้งใจจะนอนต่อ เพราะเมื่อคืนที่ผมอยู่เวรบ่ายต่อดึก ผมแทบไม่ได้นอน คนไข้ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่เพราะคนที่โทรมาเมื่อกี้นั่นล่ะที่ทำผมวุ่นวายใจจนไม่มีเวลาแอบงีบเลย

พอลงเวรตอนแปดโมง ผมก็ต้องไปราวด์วอร์ดต่อ ดีนะที่เสร็จเร็วก่อนสิบโมง เลยมีเวลาไปกินข้าวแปปนึง พอกลับมาถึงห้องตอน 11 โมง อาบน้ำเสร็จก็นอนยาวจนมาถึงตอนนี้ละครับ ยกโทรศัพท์มาดูก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว จะว่าหิวก็หิวอยู่ครับ แต่ยังไม่อยากเจอหน้าไอ้อาจารย์พี่กี้ ขอพักหายใจหายคอก่อนได้ไหม



เรื่องของเมื่อคืนนั้นมีอยู่ว่า...



พอผมกินข้าวที่เค้า ‘บังคับ’ ให้กินเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องพักเจ้าหน้าที่ จะไปทำงานต่อ แต่พ่อเจ้าประคุณก็อ่านฟิล์ม และคุยกับคนไข้เรียบร้อยแล้ว ผมเลยว่างงานชั่วขณะ นั่งแหมะลงเก้าอี้ข้างๆ บุรุษพยาบาลสาวสองคนนั้น จริงๆ ชื่อนางคือ พี่มินนี่ สาวน้อยน่ารัก แสนสวย แห่งห้อง ER

“คุณหมอทานข้าวเสร็จแล้วเหรอคะ” นางเอ่ยถามผมขึ้น

“ครับผม เรียบร้อยแล้ว”

“คุณหมอนิวนี่โชคดีจริงๆ นะคะ” พูดไป ทำหน้าเพ้อฝันไปด้วยน่ะครับ

“โชคดียังไงครับ”

“ก็คุณหมอกี้เอาใจใส่ดีขนาดนี้”

“เอาใจใส่ตรงไหนครับ พี่เค้าแค่มารอเคส refer นะครับ คงเห็นว่าพวกเราเหนื่อยเลยเลี้ยงข้าวมากกว่าครับ ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก” แถไป... แถจนสีข้างถลอกละคร๊าบบบ

“อุ๊ย! ไม่มีเคส refer นะคะ ถ้ามีพวกพี่ต้องรู้ค่ะ”

“อ้าว แล้วทำไมพวกพี่ไม่บอกผมอ่ะ ปล่อยให้ผมถามซักไซ้พี่กี้อยู่ได้”

“ต๊ายยย ใครจะไปกล้าบอกคะ ออกตัวแรงขนาดนี้”

“คราวหน้าถ้ามีอะไร พวกพี่ต้องสะกิดผมนะ... ผมว่าพี่เค้าเริ่มทำตัวไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่”

“ตลกหมอนิวอ่ะ ฮ่าๆๆ”

“ตลกผมทำไม ...อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ อาจารย์กี้นี่เค้าเป็นคนยังไงเหรอครับ” ถามๆ ดูงั้นแหละครับ เก็บข้อมูลไว้ประเมินสถานการณ์หรอกน่า ไม่ได้สนใจอยากรู้จักอะไรขนาดนั้น

“คุณหมอกี้เป็นคนหล่อ...”

“อันนี้ผมรู้ พี่มินนี่ไม่ต้องย้ำครับ” รู้ครับ รู้ดี ไปที่ไหนมีแต่คนพูดถึงหมอกี้สุดหล่อ

“ก็มันอดไม่ได้นี่นา ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆๆ แบบอินไซด์เลยนะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเม้าว่าอาจารย์กี้ชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธง เพราะไปไหนมาไหนกับคุณหมอแนนบ่อยๆ ตอนหลังคนเลยเข้าใจว่าคุณหมอกี้จีบคุณหมอแนน แต่พอคุณหมอนิวเข้ามานี่แหละ คุณหมอกี้ก็ดูเหมือนจะตามแต่คุณหมอนิว คนเลยเริ่มเอาไปเม้ากันสนุกปากว่าสรุปแล้วคุณหมอกี้นี่ยังไง ชอบใครกันแน่ ...แต่ตอนนี้พี่ว่า พี่เข้าใจแล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร อิอิ”

“พี่มินนี่เข้าใจว่ายังไง”

“ไม่รู้วววว พี่ไม่พูดหรอก”

“ทำไมเป็นคนแบบนี้ พูดให้อยากแล้วจากไปเหรอ” เบะปากใส่เบาๆ รู้แหละว่าทำแบบนี้แล้วน่าเอ็นดู

“มันเป็นเรื่องของคุณหมอสองคน เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่งนะคะ ...อีกอย่าง จากการไปไล่ดูเฟซบุ๊คของคุณหมอกี้ตั้งแต่สมัครเข้ามา ก็ไม่ปรากฏเรื่องแฟนเลยนะคะ ส่วนมากจะอัพเดตไลฟ์สไตล์ทั่วไป และกิจกรรมสำคัญๆ เช่น เรียนจบแล้ว ได้รับใบประกาศแล้ว ไปเที่ยวกับครอบครัว ทำบุญกับครอบครัว ตอนบวชนี่คนอื่นแท๊กมา”

“โหหห พี่มินนี่ ละเอียดมาก ใครมันไปไล่ดูไทม์ไลน์คนอื่นขนาดนั้นวะ”

“...พี่เองจ๊ะ” ฉิบหายละกู เพิ่งด่าไปหยกๆ

“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นนะพี่”

“ก็หล่อซะขนาดนั้น ใครจะอดเผือกได้คะ จบเด๊นท์ใหม่ๆ นี่ทั้งเกย์กระเทยชะนีแทบจะถวายตัวค่า”

“รวมถึงพี่มินนี่ด้วยป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ”

“จะเหลือเหรอคะ แต่นกไง เค้าไม่อาววววเจ้”

“ฮ่าๆๆ แล้วยังไงต่อ มีอะไรอีกไหมครับ”

“คุณหมอกี้ไม่เล่นด้วยซักคน แกก็นิ่งๆ เงียบขรึม ทุกคนเลยถอย...ถึงได้บอกว่าคุณหมอนิวน่ะโชคดีไงคะ”

“มีผู้ชายมาทำท่าทางสนใจนี่เรียกว่าโชคดีเหรอครับ” ประชดครับ โชคดีบ้าอะไร นี่มันโชคร้ายชัดๆ ครับ ต้องไปอาบน้ำมนต์ล้างซวยด้วยไหม

“ทำไมเหรอคะ น่ารักออก พี่ว่าคุณหมอทั้งสองเหมาะสมกันจะตาย” เอิ่มมม... ผมเป็นผู้ชายนะคร๊าบบบ พี่กี้อาจจะแค่กันซีนผมออกจากพี่แนนก็ได้นะ

“บ้าแล้วพี่ ผมชอบผู้หญิง”

“ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ อาจารย์แกหล่อซะขนาดนี้ ดีซะขนาดนี้ เวรตัวเองก็ไม่ใช่ มาช่วยตรวจคนไข้ให้เฉยเลย น่าร๊ากกกกอ่ะ”

“...ผมไม่คุยกับพี่มินนี่ละ ไปดูคนไข้คนโน้นดีกว่า ไม่รู้ความดันลงยัง”

“จ้า คิดดีๆ นะลูกสาว”

“พี่มินนี่!!”



...ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ...



...ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ...



ขณะที่เท้าก้าวไปดูคนไข้ แต่ประโยคของพี่มินนี่ก็ยังคอยกวนใจผมอยู่ แวบเข้ามาในสมองเกือบตลอดเวลาเลย นี่ผมเป็นอะไรวะ ปกติเวลาทำงานผมมีสมาธิและจิตใจจดจ่อกับงานเสมอ แต่มาวันนี้สายตามันคอยมองหาแต่เจ้าของเสียงทุ้มต่ำคนนั้น ในหัวก็คิดถึงแต่คำว่า ‘ห่วง’ กับ ‘หวง’ แถมมีประโยคสำทับจากพี่มินนี่มาอีก



ทั้งสายตา ทั้งสมอง ทั้งหัวใจ... มันควบคุมไม่ได้เลยวันนี้



ยัง... ยังไม่จบครับ สำหรับค่ำคืนนี้



ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องพักเจ้าหน้าที่อย่างเมามันส์ เพราะไม่มีเคสให้ดูเลย เนื่องจากพ่อเจ้าประคุณกี้แย่งดูเคสให้หมดเลย ผมจึงว่างมากกกกก เวรนางฟ้ามากกกก อยู่ดีๆ ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็เดินมานั่งลงข้างผม แล้วเอาหัวมาซบไหล่ผม!!

สิ่งแรกที่ทำ คือ มองซ้าย มองขวา ซึ่งไม่มีคนอื่นอยู่อีกแล้ว สิ่งแวดล้อมเอย บรรยากาศเอย อะไรจะเป็นใจขนาดนั้น โล่งอกไปเปราะนึง ไม่มีใครเห็น

แต่...แต่พี่จะซบไหล่ผมแบบนี้ไม่ได้

โอ้ยยยยยยย ใจสั่นอีกแล้วว่ะ เมื่อไหร่กาแฟจะหมดฤทธิ์ซักที!!

ผมตัวแข็งเกร็งเลยครับตอนนี้ ไม่รู้จะพูดอะไร มือถือที่เล่นเกมส์ก็หล่นลงมาอยู่ที่ตักแล้วครับ

“เหนื่อยจังเลย...” เป็นเสียงของไอ้อาจารย์พี่กี้พูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“...เหนื่อยก็กลับห้องไปนอนดิ” ผมก็ตอบเบาๆ กลับไป

“มาช่วยดูเคสให้ถึงตีสี่... ขอบใจซักคำก็ยังไม่ได้เลยเรา”

“กะ..ก็พี่บอกว่ามารอเคสรีเฟอร์”

“เชื่อด้วยเหรอ”

“...จริงๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อ”

“แล้วคิดว่าพี่มาเพราะอะไร”

“...ไม่รู้ดิ”

แล้วไอ้อาจารย์พี่กี้ก็ผละออกจากไหล่ผม จับหน้าผมหันไปมองตาพี่เค้า แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ



“พี่ชอบนิวไง”

“...”

“พี่รู้ว่านิวยังไม่ได้ชอบพี่... พี่แค่อยากขออนุญาตนิว....”

“...”

“พี่ขออนุญาตชอบนิวได้ไหมครับ...”

“...คง ได้ แหละ..มั้ง”



..............................................................



คิดมาถึงตรงนี้ หัวสมองผมหมุนติ้วอีกรอบ แถมใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอก บ้าไปแล้ว ผมว่าผมต้องเป็นบ้าแล้วแน่ๆ ที่อนุญาตให้ไอ้อาจารย์พี่กี้ชอบผม ผมคงแค่เผลอไปกับบรรยากาศและหน้าหล่อๆ ของไอ้อาจารย์พี่กี้แน่ๆ



‘ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก...’



เสียงเคาะประตูหน้าห้องผมดังขึ้น สงสัยจะเป็นไอ้เพื่อนเต็ม เพราะตกลงกันไว้ตั้งแต่เที่ยงว่าจะออกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ผมจึงยอมลากร่างลงมาจากเตียงนอนพร้อมเปิดไฟในห้องให้สว่าง



ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็ต้องใจสั่นรอบเย็นอีกครั้ง

“ถึงเวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกัน” เสียงที่โคตรจะคุ้นเคยเอ่ยออกมาจากปาก แถมเจ้าของเสียงยังดันผมออกจากประตู แล้วเดินเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉย อะไรวะ ก็ได้เหรอวะ

“ผมยังง่วงอยู่ พี่ไปกินคนเดียวเลยไป” ว่าพลางผมก็เดินไปล้มตัวลงบนเตียงนอนอีกครั้ง หันหลังให้ด้วยนะ

“ลุกกกก” พี่เค้าพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นจากเตียง

“ไม่อาววว” ผมก็สะบัดๆ ตัวออกจากฝ่ามือพี่เค้า

“จะลุกดีๆ หรือจะให้พี่ปลุกด้วยวิธีอื่น”

“วิธีไหนก็ไม่ลุก”

“ลองดูไหมล่ะ”

นาทีนั้น ไอ้อาจารย์พี่กี้มันขึ้นมาบนเตียงผม แล้วพลิกตัวให้ผมนอนหงาย แล้วมันก็ขึ้นคร่อมตัวผมครับ โดยที่มือทั้งสองข้างของผมถูกล๊อกไว้เหนือศีรษะ จากนั้นพี่แกก็ก้มลงมาที่หน้าผม ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่กี่เซน ได้ยินเสียงลมหายใจจากฝ่ายตรงข้าม ตาเราจ้องกันนิ่ง แต่เป็นผมเองที่ผละสายตามองไปด้านข้าง

“จะลุก หรือ ไม่ลุก”

“...”

ผมได้แต่นิ่งเงียบ อยากนอนต่อก็อยากนอนอยู่หรอก แต่ท่านี้มันอันตรายนะเว้ย อันตรายต่อร่างกายและจิตใจผมมาก

“ว่าไง”

“...ลุกก็ได้ พี่ก็ปล่อยผม แล้วก็ลุกออกจาก...ตัวผมด้วย”

“พูดง่ายแต่แรกก็ไม่โดนแบบนี้หรอก” พูดจบ ไอ้อาจารย์พี่กี้มันก็โฉบจมูกลงมาที่แก้มผม แล้วหอมแรงๆ 1 ที ก่อนที่มันจะปล่อยมือ แล้วลุกออกจากตัวผม

“พี่กี้! ทำไมฉวยโอกาส” ถึงคราวผมโวยบ้างแล้วครับ

“ก็อยากน่ารักเองทำไมล่ะ”

“ทีงี้ละไม่ขออนุญาต” หมั่นไส้ครับ เมื่อคืนทำมาเป็นขออนุญาต เห้อออ

“ขอไม่ทัน... อดใจไม่ไหว”

“พอเลย คราวหน้าจะทำอะไร ขออนุญาตผมทุกครั้งนะ!”

“จะพยายาม”

“ไปอาบน้ำแล้ว อย่ามาแอบดูนะ”

“ไม่โรคจิตขนาดนั้นหรอกน่า ไวๆ หิวข้าวแล้ว”

“หิวนักก็ไปกินคนเดียวเลยไป” ผมว่าให้พลางเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

“ยังไม่หยุดเถียงใช่ไหม หรือจะให้พี่อาบให้”

“ไม่ต้อง!! นั่งรอเงียบๆ ไปเลย”



ระหว่างที่อาบน้ำไป หัวผมก็คิดวกไปวนมา นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ ผมยอมให้ผู้ชายเข้ามาจีบตัวเองได้ไง ทั้งที่แต่ก่อนก็มีผู้ชายมาสารภาพรักด้วยบ้าง มาบอกชอบผมก็หลายคน มาขอมีอะไรด้วยก็เยอะ แต่ผมกลับปฏิเสธคนเหล่านั้นไปแบบไร้เยื่อไยได้เลย แต่กับคนนี้มันแปลกไป มันรู้สึกอยากค้นหา อยากเรียนรู้ อยากทำความรู้จัก อยากใช้เวลาพิจารณา อยากลอง...



พี่กี้...แตกต่าง...



TBC.



Talk : อร๊ายยยยยย เค้าหอมแก้มกันแล้ววววว เขิลๆๆๆ 
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่ชื่มฉ่ำหัวในะค๊าาาา ดีใจที่มีคนอ่านแล้วชอบค่า ขอบคุณมากๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-06-2020 23:45:42
 :laugh:





ลูกสาวววววววว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดเหลืองพุงแขม่ว3357 ที่ 14-06-2020 02:17:58
 :o8:
ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ


‘กริ๊งงง...กริ๊งงงง...’



ผมงัวเงียลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์ ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว บ่งบอกว่าคงเข้าสู่ช่วงเย็นแล้ว



“ฮัลโหลวววว” รับโดยที่ไม่ได้สนใจอ่านว่าปลายสายเป็นใคร

“ตื่นแล้วเหรอ... ไปหาอะไรกินกันเถอะ” น้ำเสียงนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ไอ้อาจารย์พี่กี้ไง ตอนนี้ตื่นเต็มตาเลยผม

“ไม่ปายย จะนอน เท่านี้นะ”

แล้วผมก็วางสายไป ตั้งใจจะนอนต่อ เพราะเมื่อคืนที่ผมอยู่เวรบ่ายต่อดึก ผมแทบไม่ได้นอน คนไข้ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่เพราะคนที่โทรมาเมื่อกี้นั่นล่ะที่ทำผมวุ่นวายใจจนไม่มีเวลาแอบงีบเลย

พอลงเวรตอนแปดโมง ผมก็ต้องไปราวด์วอร์ดต่อ ดีนะที่เสร็จเร็วก่อนสิบโมง เลยมีเวลาไปกินข้าวแปปนึง พอกลับมาถึงห้องตอน 11 โมง อาบน้ำเสร็จก็นอนยาวจนมาถึงตอนนี้ละครับ ยกโทรศัพท์มาดูก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว จะว่าหิวก็หิวอยู่ครับ แต่ยังไม่อยากเจอหน้าไอ้อาจารย์พี่กี้ ขอพักหายใจหายคอก่อนได้ไหม



เรื่องของเมื่อคืนนั้นมีอยู่ว่า...



พอผมกินข้าวที่เค้า ‘บังคับ’ ให้กินเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องพักเจ้าหน้าที่ จะไปทำงานต่อ แต่พ่อเจ้าประคุณก็อ่านฟิล์ม และคุยกับคนไข้เรียบร้อยแล้ว ผมเลยว่างงานชั่วขณะ นั่งแหมะลงเก้าอี้ข้างๆ บุรุษพยาบาลสาวสองคนนั้น จริงๆ ชื่อนางคือ พี่มินนี่ สาวน้อยน่ารัก แสนสวย แห่งห้อง ER

“คุณหมอทานข้าวเสร็จแล้วเหรอคะ” นางเอ่ยถามผมขึ้น

“ครับผม เรียบร้อยแล้ว”

“คุณหมอนิวนี่โชคดีจริงๆ นะคะ” พูดไป ทำหน้าเพ้อฝันไปด้วยน่ะครับ

“โชคดียังไงครับ”

“ก็คุณหมอกี้เอาใจใส่ดีขนาดนี้”

“เอาใจใส่ตรงไหนครับ พี่เค้าแค่มารอเคส refer นะครับ คงเห็นว่าพวกเราเหนื่อยเลยเลี้ยงข้าวมากกว่าครับ ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรหรอก” แถไป... แถจนสีข้างถลอกละคร๊าบบบ

“อุ๊ย! ไม่มีเคส refer นะคะ ถ้ามีพวกพี่ต้องรู้ค่ะ”

“อ้าว แล้วทำไมพวกพี่ไม่บอกผมอ่ะ ปล่อยให้ผมถามซักไซ้พี่กี้อยู่ได้”

“ต๊ายยย ใครจะไปกล้าบอกคะ ออกตัวแรงขนาดนี้”

“คราวหน้าถ้ามีอะไร พวกพี่ต้องสะกิดผมนะ... ผมว่าพี่เค้าเริ่มทำตัวไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่”

“ตลกหมอนิวอ่ะ ฮ่าๆๆ”

“ตลกผมทำไม ...อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับ อาจารย์กี้นี่เค้าเป็นคนยังไงเหรอครับ” ถามๆ ดูงั้นแหละครับ เก็บข้อมูลไว้ประเมินสถานการณ์หรอกน่า ไม่ได้สนใจอยากรู้จักอะไรขนาดนั้น

“คุณหมอกี้เป็นคนหล่อ...”

“อันนี้ผมรู้ พี่มินนี่ไม่ต้องย้ำครับ” รู้ครับ รู้ดี ไปที่ไหนมีแต่คนพูดถึงหมอกี้สุดหล่อ

“ก็มันอดไม่ได้นี่นา ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆๆ แบบอินไซด์เลยนะ ก่อนหน้านี้ก็มีคนเม้าว่าอาจารย์กี้ชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าฟันธง เพราะไปไหนมาไหนกับคุณหมอแนนบ่อยๆ ตอนหลังคนเลยเข้าใจว่าคุณหมอกี้จีบคุณหมอแนน แต่พอคุณหมอนิวเข้ามานี่แหละ คุณหมอกี้ก็ดูเหมือนจะตามแต่คุณหมอนิว คนเลยเริ่มเอาไปเม้ากันสนุกปากว่าสรุปแล้วคุณหมอกี้นี่ยังไง ชอบใครกันแน่ ...แต่ตอนนี้พี่ว่า พี่เข้าใจแล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร อิอิ”

“พี่มินนี่เข้าใจว่ายังไง”

“ไม่รู้วววว พี่ไม่พูดหรอก”

“ทำไมเป็นคนแบบนี้ พูดให้อยากแล้วจากไปเหรอ” เบะปากใส่เบาๆ รู้แหละว่าทำแบบนี้แล้วน่าเอ็นดู

“มันเป็นเรื่องของคุณหมอสองคน เรื่องนี้พี่จะไม่ยุ่งนะคะ ...อีกอย่าง จากการไปไล่ดูเฟซบุ๊คของคุณหมอกี้ตั้งแต่สมัครเข้ามา ก็ไม่ปรากฏเรื่องแฟนเลยนะคะ ส่วนมากจะอัพเดตไลฟ์สไตล์ทั่วไป และกิจกรรมสำคัญๆ เช่น เรียนจบแล้ว ได้รับใบประกาศแล้ว ไปเที่ยวกับครอบครัว ทำบุญกับครอบครัว ตอนบวชนี่คนอื่นแท๊กมา”

“โหหห พี่มินนี่ ละเอียดมาก ใครมันไปไล่ดูไทม์ไลน์คนอื่นขนาดนั้นวะ”

“...พี่เองจ๊ะ” ฉิบหายละกู เพิ่งด่าไปหยกๆ

“ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นนะพี่”

“ก็หล่อซะขนาดนั้น ใครจะอดเผือกได้คะ จบเด๊นท์ใหม่ๆ นี่ทั้งเกย์กระเทยชะนีแทบจะถวายตัวค่า”

“รวมถึงพี่มินนี่ด้วยป่ะเนี่ย ฮ่าๆๆ”

“จะเหลือเหรอคะ แต่นกไง เค้าไม่อาววววเจ้”

“ฮ่าๆๆ แล้วยังไงต่อ มีอะไรอีกไหมครับ”

“คุณหมอกี้ไม่เล่นด้วยซักคน แกก็นิ่งๆ เงียบขรึม ทุกคนเลยถอย...ถึงได้บอกว่าคุณหมอนิวน่ะโชคดีไงคะ”

“มีผู้ชายมาทำท่าทางสนใจนี่เรียกว่าโชคดีเหรอครับ” ประชดครับ โชคดีบ้าอะไร นี่มันโชคร้ายชัดๆ ครับ ต้องไปอาบน้ำมนต์ล้างซวยด้วยไหม

“ทำไมเหรอคะ น่ารักออก พี่ว่าคุณหมอทั้งสองเหมาะสมกันจะตาย” เอิ่มมม... ผมเป็นผู้ชายนะคร๊าบบบ พี่กี้อาจจะแค่กันซีนผมออกจากพี่แนนก็ได้นะ

“บ้าแล้วพี่ ผมชอบผู้หญิง”

“ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ อาจารย์แกหล่อซะขนาดนี้ ดีซะขนาดนี้ เวรตัวเองก็ไม่ใช่ มาช่วยตรวจคนไข้ให้เฉยเลย น่าร๊ากกกกอ่ะ”

“...ผมไม่คุยกับพี่มินนี่ละ ไปดูคนไข้คนโน้นดีกว่า ไม่รู้ความดันลงยัง”

“จ้า คิดดีๆ นะลูกสาว”

“พี่มินนี่!!”



...ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ...



...ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอคะ...



ขณะที่เท้าก้าวไปดูคนไข้ แต่ประโยคของพี่มินนี่ก็ยังคอยกวนใจผมอยู่ แวบเข้ามาในสมองเกือบตลอดเวลาเลย นี่ผมเป็นอะไรวะ ปกติเวลาทำงานผมมีสมาธิและจิตใจจดจ่อกับงานเสมอ แต่มาวันนี้สายตามันคอยมองหาแต่เจ้าของเสียงทุ้มต่ำคนนั้น ในหัวก็คิดถึงแต่คำว่า ‘ห่วง’ กับ ‘หวง’ แถมมีประโยคสำทับจากพี่มินนี่มาอีก



ทั้งสายตา ทั้งสมอง ทั้งหัวใจ... มันควบคุมไม่ได้เลยวันนี้



ยัง... ยังไม่จบครับ สำหรับค่ำคืนนี้



ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่ในห้องพักเจ้าหน้าที่อย่างเมามันส์ เพราะไม่มีเคสให้ดูเลย เนื่องจากพ่อเจ้าประคุณกี้แย่งดูเคสให้หมดเลย ผมจึงว่างมากกกกก เวรนางฟ้ามากกกก อยู่ดีๆ ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็เดินมานั่งลงข้างผม แล้วเอาหัวมาซบไหล่ผม!!

สิ่งแรกที่ทำ คือ มองซ้าย มองขวา ซึ่งไม่มีคนอื่นอยู่อีกแล้ว สิ่งแวดล้อมเอย บรรยากาศเอย อะไรจะเป็นใจขนาดนั้น โล่งอกไปเปราะนึง ไม่มีใครเห็น

แต่...แต่พี่จะซบไหล่ผมแบบนี้ไม่ได้

โอ้ยยยยยยย ใจสั่นอีกแล้วว่ะ เมื่อไหร่กาแฟจะหมดฤทธิ์ซักที!!

ผมตัวแข็งเกร็งเลยครับตอนนี้ ไม่รู้จะพูดอะไร มือถือที่เล่นเกมส์ก็หล่นลงมาอยู่ที่ตักแล้วครับ

“เหนื่อยจังเลย...” เป็นเสียงของไอ้อาจารย์พี่กี้พูดออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“...เหนื่อยก็กลับห้องไปนอนดิ” ผมก็ตอบเบาๆ กลับไป

“มาช่วยดูเคสให้ถึงตีสี่... ขอบใจซักคำก็ยังไม่ได้เลยเรา”

“กะ..ก็พี่บอกว่ามารอเคสรีเฟอร์”

“เชื่อด้วยเหรอ”

“...จริงๆ ก็ไม่ค่อยเชื่อ”

“แล้วคิดว่าพี่มาเพราะอะไร”

“...ไม่รู้ดิ”

แล้วไอ้อาจารย์พี่กี้ก็ผละออกจากไหล่ผม จับหน้าผมหันไปมองตาพี่เค้า แล้วพูดช้าๆ ชัดๆ



“พี่ชอบนิวไง”

“...”

“พี่รู้ว่านิวยังไม่ได้ชอบพี่... พี่แค่อยากขออนุญาตนิว....”

“...”

“พี่ขออนุญาตชอบนิวได้ไหมครับ...”

“...คง ได้ แหละ..มั้ง”



..............................................................



คิดมาถึงตรงนี้ หัวสมองผมหมุนติ้วอีกรอบ แถมใจเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอก บ้าไปแล้ว ผมว่าผมต้องเป็นบ้าแล้วแน่ๆ ที่อนุญาตให้ไอ้อาจารย์พี่กี้ชอบผม ผมคงแค่เผลอไปกับบรรยากาศและหน้าหล่อๆ ของไอ้อาจารย์พี่กี้แน่ๆ



‘ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก...’



เสียงเคาะประตูหน้าห้องผมดังขึ้น สงสัยจะเป็นไอ้เพื่อนเต็ม เพราะตกลงกันไว้ตั้งแต่เที่ยงว่าจะออกไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ผมจึงยอมลากร่างลงมาจากเตียงนอนพร้อมเปิดไฟในห้องให้สว่าง



ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็ต้องใจสั่นรอบเย็นอีกครั้ง

“ถึงเวลากินข้าวแล้ว ไปกินข้าวกัน” เสียงที่โคตรจะคุ้นเคยเอ่ยออกมาจากปาก แถมเจ้าของเสียงยังดันผมออกจากประตู แล้วเดินเข้ามาในห้องผมหน้าตาเฉย อะไรวะ ก็ได้เหรอวะ

“ผมยังง่วงอยู่ พี่ไปกินคนเดียวเลยไป” ว่าพลางผมก็เดินไปล้มตัวลงบนเตียงนอนอีกครั้ง หันหลังให้ด้วยนะ

“ลุกกกก” พี่เค้าพยายามดึงผมให้ลุกขึ้นจากเตียง

“ไม่อาววว” ผมก็สะบัดๆ ตัวออกจากฝ่ามือพี่เค้า

“จะลุกดีๆ หรือจะให้พี่ปลุกด้วยวิธีอื่น”

“วิธีไหนก็ไม่ลุก”

“ลองดูไหมล่ะ”

นาทีนั้น ไอ้อาจารย์พี่กี้มันขึ้นมาบนเตียงผม แล้วพลิกตัวให้ผมนอนหงาย แล้วมันก็ขึ้นคร่อมตัวผมครับ โดยที่มือทั้งสองข้างของผมถูกล๊อกไว้เหนือศีรษะ จากนั้นพี่แกก็ก้มลงมาที่หน้าผม ตอนนี้หน้าเราห่างกันไม่กี่เซน ได้ยินเสียงลมหายใจจากฝ่ายตรงข้าม ตาเราจ้องกันนิ่ง แต่เป็นผมเองที่ผละสายตามองไปด้านข้าง

“จะลุก หรือ ไม่ลุก”

“...”

ผมได้แต่นิ่งเงียบ อยากนอนต่อก็อยากนอนอยู่หรอก แต่ท่านี้มันอันตรายนะเว้ย อันตรายต่อร่างกายและจิตใจผมมาก

“ว่าไง”

“...ลุกก็ได้ พี่ก็ปล่อยผม แล้วก็ลุกออกจาก...ตัวผมด้วย”

“พูดง่ายแต่แรกก็ไม่โดนแบบนี้หรอก” พูดจบ ไอ้อาจารย์พี่กี้มันก็โฉบจมูกลงมาที่แก้มผม แล้วหอมแรงๆ 1 ที ก่อนที่มันจะปล่อยมือ แล้วลุกออกจากตัวผม

“พี่กี้! ทำไมฉวยโอกาส” ถึงคราวผมโวยบ้างแล้วครับ

“ก็อยากน่ารักเองทำไมล่ะ”

“ทีงี้ละไม่ขออนุญาต” หมั่นไส้ครับ เมื่อคืนทำมาเป็นขออนุญาต เห้อออ

“ขอไม่ทัน... อดใจไม่ไหว”

“พอเลย คราวหน้าจะทำอะไร ขออนุญาตผมทุกครั้งนะ!”

“จะพยายาม”

“ไปอาบน้ำแล้ว อย่ามาแอบดูนะ”

“ไม่โรคจิตขนาดนั้นหรอกน่า ไวๆ หิวข้าวแล้ว”

“หิวนักก็ไปกินคนเดียวเลยไป” ผมว่าให้พลางเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

“ยังไม่หยุดเถียงใช่ไหม หรือจะให้พี่อาบให้”

“ไม่ต้อง!! นั่งรอเงียบๆ ไปเลย”



ระหว่างที่อาบน้ำไป หัวผมก็คิดวกไปวนมา นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาวะ ผมยอมให้ผู้ชายเข้ามาจีบตัวเองได้ไง ทั้งที่แต่ก่อนก็มีผู้ชายมาสารภาพรักด้วยบ้าง มาบอกชอบผมก็หลายคน มาขอมีอะไรด้วยก็เยอะ แต่ผมกลับปฏิเสธคนเหล่านั้นไปแบบไร้เยื่อไยได้เลย แต่กับคนนี้มันแปลกไป มันรู้สึกอยากค้นหา อยากเรียนรู้ อยากทำความรู้จัก อยากใช้เวลาพิจารณา อยากลอง...



พี่กี้...แตกต่าง...



TBC.



Talk : อร๊ายยยยยย เค้าหอมแก้มกันแล้ววววว เขิลๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่ชื่มฉ่ำหัวในะค๊าาาา ดีใจที่มีคนอ่านแล้วชอบค่า ขอบคุณมากๆเลยค่า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 14-06-2020 11:38:55
เบลอเพราะหน้าหล่อๆแน่ ตกหลุมหมอกี้แล้วหมอนิวอ่ะ 5555 ลองเปิดใจดูอาจจะดีกว่าที่คิดนะ อิอิ  :o8: :-[  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 7 พี่ขออนุญาต…นิวนะ
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 14-06-2020 12:48:24
 :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 15-06-2020 19:17:12
ตอน 8 วนมา OR


เช้าวันจันทร์ที่ต้องเปลี่ยนวอร์ด เพราะวอร์ดเก่าอยู่ครบ 1 เดือนแล้ว ละผมต้องไปวอร์ดไหนรู้ไหมครับ ‘แผนกศัลยกรรม’ ไงคร๊าบบบบ แผนกไอ้อาจารย์พี่กี้ไง



วันแรกที่ไปถึงก็เดินตามอาจารย์หมอราวด์วอร์ดแต่เช้า หนึ่งในอาจารย์ก็มีไอ้พี่กี้ด้วยครับ แต่ทุกอย่างปกติดี ทำตัวสมกับเป็นอาจารย์อยู่ครับ ไม่มีการคุยเล่น หยอกล้ออะไร เป็นอีกโหมดหนึ่งที่ผมไม่ค่อยเห็น โหมดจริงจัง discuss แต่ละเคสกันอย่างดุเดือด อินเทิร์นอย่างพวกผมก็ฟังไปจดไป



มีเพื่อนผู้ชายอีกคนมาวนวอร์ดนี้ด้วยกัน ชื่อ ตะวัน ซึ่งตอนรับน้องเข้าทำงาน ตะวันไม่ได้เข้ารับน้องด้วย เหมือนว่าที่บ้านตะวันมีคนเสียชีวิตนะถ้าผมจำไม่ผิด แต่จากการพูดคุยคร่าวๆ ตะวันมาจากภาคเหนือไม่มีเพื่อนเหมือนกันกับผมเลย เราจึงคุยและเข้าใจกันง่ายขึ้น



อาจารย์หมอให้ผมดูแลวอร์ดศัลยกรรมหญิง ตะวันดูแลวอร์ดศัลยกรรมชาย ส่วน ICU ศัลย์ฯ นั้นช่วยกันดูแล พวกผมต้องมาราวด์วอร์ดแต่เช้าทุกวัน ต้องเข้าเคสผ่าตัดอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง ถ้ามีเวรในเวลาราชการก็ต้องดูแลทุกเคสในวอร์ด ถ้านอกเวลาราชการดูแลแค่ช่วงที่มีเวร อาจจะไม่ต้องอยู่บนวอร์ด แต่ถ้าโทรตามต้องไปถึงหน้างานภายใน 5-15 นาที และมีหน้าที่ consult อาจารย์หมอเจ้าของเคสถ้าเคสมีปัญหา และทุกวันศุกร์เช้า ต้องนำเคสที่น่าสนใจมา discuss กับอาจารย์หมออย่างน้อยคนละ 2 เคส



สบายๆ ชิลๆ ครับ สำหรับเกียรตินิยมอันดับ 1 อย่างผม ฮ่าๆๆๆ



บ่ายวันนี้ ไอ้อาจารย์พี่กี้ให้ผมเข้าเคสห้องผ่าตัดด้วย เป็นเคสกระเพาะทะลุ หน้าที่ของผมไม่มีอะไรมาก มีหน้าที่ดึง retractor (เครื่องถ่างแผล) ให้ปากแผลเปิดตลอดเวลา อาจารย์พี่กี้จะได้เย็บกระเพาะได้สะดวก ซึ่งผมสังเกตการเย็บของพี่เค้าตลอด เย็บรวดเร็ว ปิดรอยรั่วได้ดีมาก ตอนปิดปากแผลที่หน้าท้องก็สวยงาม เนียนกริบ จริงๆ ทำศัลยกรรมเสริมความงามได้สบายๆ เลยนะแบบนี้ แต่ผมก็เคยถามพ่อเจ้าประคุณนะว่าไม่เปิดคลินิกรักษาความงามด้วยล่ะ แต่คำตอบที่ได้รับ คือ



‘ขี้เกียจ... แค่งานราชการก็ไม่ค่อยมีเวลาแล้ว... ถ้าเปิดคลินิก คงไม่มีเวลาหาเมียกันพอดี’



จ๊ะ พ่อ ...เอาที่สบายใจละกัน



หลังออกจากห้องผ่าตัด ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว กำลังจะเดินกลับหอพักแพทย์ ก็มีคนร้องเรียกไว้ก่อน ตะวันนั่นเอง

“นิว เพิ่งเสร็จเคสเหรอ”

“ใช่ มึงก็เพิ่งเสร็จเหรอ”

“อืม ไปหาอะไรกินกันไหม”

“ไปดิ หิวมากตอนนี้ แต่เดี๋ยวกูโทรหาไอ้เต็มก่อนนะ เผื่อมันว่างไปกินด้วยกัน”

“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเจอกันล่างหอเลยนะ กูไปเปลี่ยนชุดก่อน”

เออ ลืมไปว่าผมก็ต้องไปเปลี่ยนชุด เพราะตอนนี้อยู่ในชุดสีเขียว เป็นมนุษย์ห้อง OR อยู่ (ห้องผ่าตัด) ระหว่างเดินขึ้นห้อง ก็โทรหาไอ้เต็มไปด้วย ไม่นานมันก็รับสาย

“ฮัลโหลมึง ไปกินข้าวด้วยกันป่ะเนี่ย”

“ไม่อ่ะ กูซื้อขึ้นมาแล้ว กูก็นึกว่ามึงจะเสร็จเคสช้ากว่านี้”

“เออ ตอนแรกกูก็คิดว่าช้าแน่เลย แต่แบบ...พี่กี้อย่างเก่งอ่ะผ่าตัดเข้าไปแปปเดียวก็หารอยรั่วเจอเว้ย ละแกก็เย็บแผลในกระเพาะอย่างไว แผลด้านนอกก็กริบมาก เทพมากอ่ะ”

“ชมเก่งงงงงงงง” ลากเสียงยาวแบบนี้ ประชดกูอีกสินะสัด

“กูพูดเรื่องจริง ไม่ได้ชมเว่อไปเลย” อันนี้ผมยอมรับในฝีมือไอ้อาจารย์พี่กี้จริงๆ นะ ตอนเป็น extern ก็เคยเข้าไปห้องผ่าตัด แต่อาจารย์ที่สอนก็ยังไม่เป๊ะขนาดนี้

“แหม รีบแก้ตัวเชียวนะมึง ...ว่าแต่มึงเถอะ มีอะไรจะอัพเดตให้กูฟังไหม”

“อัพเดตเชี่ยอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” จมูกหมาอีกแล้วนะมัน

“อาจารย์กี้ไปช่วยอยู่เวร ER ให้ทั้งคืนนี่ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยเหรอวะ”

“ไม่มีเว้ย แค่นี้นะ กูวางละ กูจะเปลี่ยนชุดลงไปกินข้าวแล้ว” รีบชิ่งวางสายแม่งเลยครับ ถามอะไรมากความนะมัน แล้วอะไร มันไปรู้มาจากไหนอีก โอ้ยยยย ป่านนี้คนคงเม้ากันทั้งโรง’ บาลแล้วแหละ จะทำหน้ายังไงวะเนี่ยยย ยิ่งหน้าบางอยู่ด้วยกู



ลงมาด้านล่างหอพักแพทย์ ก็เจอไอ้ตะวันรออยู่แล้ว มันบอกว่าเอารถมันออกไปละกัน เพราะไม่ได้ขับหลายวัน ต้องเอาไปวิ่งบ้าง ผมเลยนั่งคู่ไปกับมัน ตกลงกันว่าจะไปกินโต้รุ่ง อาหารเยอะดี เลือกสรรได้ตามใจปาก



โต้รุ่งของจังหวัดนี้ คนก็ไม่ได้เยอะมากนะครับ ร้านอาหารต่างๆ ก็เหมือนกัน ไม่ค่อยมีซ้ำประเภท เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ก็มีให้เลือกแค่ 2 ร้าน คือ ลูกชิ้นแชมป์ กับ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ สมแล้วที่เป็นเมือง slow life สองทุ่มปิดสัญญาณไฟแดง รถบนถนนก็น้อยละ หรือเพราะโควิดวะ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะผมเริ่มทำงานช่วงโควิด ช่วงที่เค้าประกาศเคอฟิวแล้ว ตอนนี้เริ่มผ่อนปรนบ้างแล้วล่ะ แต่สถานบันเทิงก็ยังไม่เปิดนะ



ผมเลือกกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ เส้นเล็กพิเศษ กับอัญชันน้ำผึ้งมะนาวที่ผมโปรดปราน จริงๆ ผมไม่ได้ชอบสปาเก็ตตี้คาโบนาร่านะ แต่ผมชอบอาหารทุกอย่างที่เป็นเส้น ไอ้อาจารย์พี่กี้ควรรู้ไว้...



เดี๋ยว เดี๋ยวนะ... ผมว่า ผมลืมอะไรบางอย่างแล้วว่ะ



‘รอพี่ก่อนนะ ขอเวลา 15 นาที เขียนผลการผ่าตัดแปป ละเดี๋ยวออกไปกินข้าวด้วยกัน’



คือเดินออกมาจากห้องผ่าตัด แล้วพี่พยาบาลให้ผมช่วยยกของไง ละผมก็เลย...ลืมไปเลย

ซวยแล้ววววว ซวยแล้วกู เอาไงดีวะ... ทำไมรู้สึกผิดจังวะกู เหมือนไปทำความผิดฆ่าคนตายมายังไงยังงั้นเลย...



ผมล้วงหยิบมือถือขึ้นมา... โทร หรือ ไม่โทร ดีวะ



.

.



“ไอ้ตะวัน มึงรีบกิน กูเพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ... เสร็จแล้วกลับไปส่งกูที่หอด่วนเลย”

“เอ๊า ไอ้นี่ อะไรของมึงวะ ...แล้วนี่ไม่กินแล้วเหรอ เตี๋ยวไก่มึงน่ะ” มันเห็นผมวางตะเกียบกับช้อนลง ท่าทางไม่สนใจใยดีอาหารบนโต๊ะแล้ว ใช่ครับ ผมเพิ่งปรุงเสร็จ กำลังจะคีบเส้นเข้าปากเลยล่ะ แต่สมองสั่งการให้หยุด!!

“ไม่กิน! ให้ไวเลยมึง”

“อะไรของมึงเนี่ยยย กูเพิ่งกินได้สามคำ”

“หยุดพูด แล้วรีบๆ แดกไปซะ” ก่อนที่กูจะซวยไปมากกว่านี้

.

.

.



ไม่นาน ไอ้ตะวันก็มาส่งผมที่ล่างหอพัก รีบเปิดประตูรถออกไปอย่างไว ขาก็รีบก้าวเข้าไปในลิฟท์ กดขึ้นไปชั้น 3 พอสัญญาณลิฟท์เตือนว่าถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ก็รีบพุ่งตัวออกจากลิฟท์ ไปเคาะประตูห้องที่ผมก็จำหมายเลขห้องไม่ได้ แต่จำตำแหน่งของห้องได้อย่างแน่นอน



‘ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก..’



ไม่นานคนตัวสูงก็เปิดประตูออกมา... หน้าตาไม่บ่งบอกอารมณ์มาก หน้านิ่งๆ เป็นประจำของเค้านั่นแหละ แต่ในแววตาเหมือนมีความเย็นยะเยือกอยู่ในนั้น



“ป่ะ ไปกินข้าวกัน” เป็นผมที่เอ่ยปากชวน

“...ก็ไปกินมาแล้วนิ” แน่ะ นำเสียงจะงอนไปไหนคร๊าบบบ คนตัวโตหน้าหล่อๆ ทำน้ำเสียงแบบนี้ มันดูขัดกันยังไงไม่รู้

“ยังไม่ได้กินซักหน่อย”

“...”

มันไม่ยอมตอบผม แต่เดินไปนั่งดูทีวีเฉยเลย ปล่อยให้ผมเดินตามเข้าไปนั่งข้างๆ



“แค่ออกไป...เป็นเพื่อนไอ้ตะวัน แต่ยังไม่ได้กิน”



“.......”



“รอกินพร้อมพี่ไง”



ได้ผล!! มันหันมามองหน้าผมครับ จับคางผมเชยขึ้น



“ข้าวน่ะไม่อยากกินแล้ว...กินคนนี้แทนได้ไหม”



“......”



คราวนี้เป็นผมที่เงียบเองครับ!! เสมองไปด้านข้าง คิดคำตอบไม่ทันเลย โอ้ยยยยย ใจนี่ก็สั่นจังวะ!!



“ล้อเล่น”



เป็นน้ำเสียงที่ยั่วโมโหสุดๆ ไอ้อาจารย์พี่กี้ ไอ้พี่บ้า นี่ล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้นะเว้ยยย ยิ่งใจบางอยู่ช่วงนี้ โอ้ยยย





หลังจากที่ไอ้อาจารย์พี่กี้ทำผมใจสั่นรัวอยู่ซักพัก พี่แกก็ไปรื้อของเหลือในตู้เย็นมาทำให้กิน เมนูที่ได้คือ ข้าวผัดที่ใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงไป หน้าตาไม่ได้ดูดีหรอกนะ แต่อร่อยว่ะ หยิบมือถือขึ้นมาแชะรูปหน้าตาข้าวผัดไว้ซักหน่อย เก็บไว้เป็นที่ระทึก

“ถ่ายรูปไว้ทำไม” ไอ้อาจารย์พี่กี้ถามขึ้นครับ

“ถ่ายเก็บไว้ไง”

“ชอบเหรอ”

“...เฉยๆ”

“คนเราจะสนใจแค่สิ่งที่ ‘ชอบ’ และ ‘ไม่ชอบ’ เท่านั้น” คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินจากหนังหรือละครเรื่องไหนวะ

“หมายถึงอะไร” ผมเริ่มงงแล้วนะ

“...ข้าวผัดไง”

“ยอมรับก็ได้ว่าชอบข้าวผัด มันก็...อร่อยดี”

อยู่ดีๆ ไอ้พี่กี้มันก็หยิบมือถือมันขึ้นมาครับ แล้วกดแชะถ่ายรูปตอนผมกำลังกิน

“ถ่ายทำไม”



“ก็ชอบไง...ถึงได้ถ่ายเก็บไว้”



จ้าาาา เล่นกูอีกแล้วเนี่ยยยยยย....



TBC.





Talk : น้องหมอนิวน่ารักอ่าาา~~~ 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณมากมายเลยค่า  :mew1:

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-06-2020 20:41:55
หยอดเก่ง คนน้องก็เริ่มแคร์พี่ ไม่นานหร๊อก 55555 :katai2-1: :o8:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-06-2020 23:30:44
 :katai3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 17-06-2020 00:11:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Witachatt1993 ที่ 17-06-2020 05:57:55
รอร้อรอๆๆๆๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 17-06-2020 07:24:40
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 8 วนมา OR (15.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 17-06-2020 21:42:09
ตอน 9.1 Idol



- พี่กี้ –



ผมนั่งยิ้มมองคนข้างกาย ที่ตอนนี้หลับไปแล้ว สงสัยวันนี้จะเหนื่อย ผมให้ดึง retractor เกือบสองชั่วโมง คงจะเมื่อยมือน่าดู ด้วยกลัวว่าน้องจะเมื่อย ผมเลยต้องรีบเคลียร์เคสให้เสร็จไวๆ



พอกินข้าวเสร็จ ผมชวนน้องดูหนังต่อ น้องบอกว่าอยากดู The lion king 2019 ผมก็จัดให้ตามคำขอ เปิด Netflix ให้ดูเลยครับ แต่เปิดไปได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง เจ้าตัวก็หลับไปซะแล้ว



‘น่ารัก...น่าเอ็นดู...น่า...’



แก้มนวลใส...ที่มักซับด้วยสีเลือดฝาดอมชมพู มองทีไรชวนให้อยากเอาจมูกฝังลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนั้น...ตอนที่ผมไปปลุกน้องที่ห้อง ผมยอมรับกับตัวเองเลยว่า ผมห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ หน้าเราห่างกันแค่นิดเดียว ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวน้อง แล้วปากสีชมพูก็พูดเจื้อยแจ้ว เถียงไม่ยอมหยุด มันทำให้ผมอดใจไม่ได้จริงๆ



ดีขนาดไหนแล้วที่ผมห้ามตัวเองไว้ทัน...แค่หอมแก้ม

ทั้งที่สายตาผมจ้องแต่...ริมฝีปากสีชมพูคู่นั้น



เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมก็กำลังจ้อง...ริมฝีปากสีชมพูนี้อยู่



ผมเอื้อมมือไปลูบผมน้องเบาๆ ผมเส้นเล็กลู่ไปตามรูปของศีรษะเลื่อนมือลงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าผากลงไปพวงแก้มใส ไล้ไปปลายจมูกโด่งพาดผ่านไปแก้มอีกด้าน แล้วมาหยุดที่ริมฝีปากสวยได้รูปนี้ สัมผัมเบาๆ ด้วยนิ้วมือทั้งห้า ...สวย สวยจนไม่กล้าสัมผัสแรง กลัวจะช้ำ



ผมผละมือตัวเองออกมาจากใบหน้าน้อง หยิบโทรศัพท์ออกมากดแชะรูปน้องอีกนับสิบรูป ใครจะว่าผมโรคจิตแอบถ่ายก็ยอมครับ ก็น้องน่ารัก อยากเก็บไว้ในความทรงจำทุกมุม



ผมนั่งเช็ครูปในมือถือ ดูไป อมยิ้มไป น่ารักว่ะ เด็กบ้าอะไรวะ โคตรน่ารัก ครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าน้องที่สาธารณสุขจังหวัด ผมก็เกิดความคิดแผลงๆ เลยขอไปเป็นทีมงานรับน้องด้วย และทีมงานอยากได้พี่แอบอยู่พอดี ผมเลยรีบเสนอตัวเลยล่ะ อยากรู้จักนี่ครับ ผมไม่ใช่คนชอบคนง่าย แต่คนนี้คือ...ใช่เลย ชอบมาก ตรงสเป๊ก



หลังจากนั้นก็เข้าไปทำความรู้จักที่ห้อง แต่ด้วยความที่ผมตื่นเต้นหรืออะไรไม่รู้ ทำให้การทำความรู้จักกันครั้งแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แผนที่จะไปตีสนิทตอนรับน้องเลยถูกพับเก็บไป ทำได้แค่เสนอหน้าไปให้น้องเค้ารำคาญ พอน้องเริ่มมาทำงานที่โรงพยาบาล เลยให้เพื่อนสนิท คือ หมอแนน ช่วยไปตีซี้กับน้อง จะได้เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างผมกับน้อง ซึ่งก็เป็นไปได้ดีพอสมควร...



ละวันนี้ที่ผมรู้ว่าน้องไปกินข้าวกับน้องตะวัน เพราะผมทันเห็นหลังไวๆ ตอนวิ่งขึ้นรถเขาไป จะร้องเรียกก็ไม่ทัน ยอมรับว่านอยด์เบาๆ เลยรีบขึ้นห้องมาอาบน้ำ เอาความเย็นของน้ำมาช่วยดึงสติให้กลับมา กำลังจะหาอะไรทำกินเองที่ห้อง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้องนั่นแหละครับ



“...อือ...อืมมม”



เสียงคนข้างกายดังขึ้นเบาๆ เหมือนครางในลำคอออกมา ผมจึงเอื้อมมือไปแตะแขนเบาๆ



“นิว...นิว ตื่นได้แล้ว”

“หืมม..”

เป็นเสียงงัวเงียจากร่างบางของคนตรงหน้า แล้วเปลือกตาก็ค่อยๆ เปิดขึ้น

“อ้าว หนังถึงไหนละเนี่ย ทำไมพี่ไม่ปลุกผม”

“ใกล้จบแล้ว เห็นว่าเหนื่อย เลยไม่ปลุก”

“โหหห อะไรอ่ะ ไม่ได้ดูเลย” ไม่พูดเปล่านะ ทำปากจู๋ด้วย น่ารักไปนะนั่น

“เดี๋ยวพี่ย้อนกลับให้...เอาป่ะ”

“ไม่เอา หมด mood ละ”

“เอาใจยากเหมือนกันนะเรา”

“กลับห้องดีกว่า ไปละนะพี่ บาย” พร้อมกับพูด เจ้าของร่างบางก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปจากห้อง แต่ไม่ไวเท่าผมหรอก ผมคว้าเอวคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมแขน หมุนตัวให้มาเผชิญหน้ากับผม จับคางสวยเงยขึ้นมองมาที่ผม

“พี่ขออนุญาต...จูบนะ”

“มะ...ไม่...”

ในสายตาคู่นั้น มีแววสับสนอยู่ภายในใจ ทั้งอยากลอง ทั้งอยากปฏิเสธ... ผมรู้ ผมดูออก

“พี่ให้ตอบอีกครั้ง”

“.......”

“ถ้าไม่ตอบ พี่จะถือว่า...ตกลงนะ”

“...”

เงียบกริบ... ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมาจากคนตรงหน้า ยิ้มเลยสิผม ละผมก็ค่อยๆ เลื่อนปากเข้าไปใกล้ใบหน้าสวย เชยคางขึ้นมารับริมฝีปากร้อนจากผม แต่ผมก็ไม่กล้าส่งปลายลิ้นเข้าไปในปากน้องนะ การสัมผัสครั้งนี้จึงแค่ผะแผ่ว เหมือนจุ๊บและเม้มริมฝีปากให้เบาๆ สองสามที



จากนั้น ผมก็เลื่อนหน้าออกจากน้อง ปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระจากการกอดรัดไว้ สังเกตแก้มทั้งสองข้างของน้องแดงหนักมาก หูทั้งสองข้างก็แดงไม่ต่างกัน สงสาร...ถ้าทำมากกว่านี้ กลัวช้ำ

“ผมไปละ บาย”

“..หึหึ..”

แล้วร่างเล็กก็รีบวิ่งออกไปจากห้องผมเลย

น่ารักไปแล้ว น่ารักไม่หยุดไม่หย่อนบ้างเล้ยยยย...

.

.

.



- นิว –



ผมรีบวิ่งขึ้นมาบนห้องตัวเองที่อยู่ชั้นห้า พอถึงหน้าห้องก็รีบกระวีกระวาดไขกุญแจ มือไม้สั่นไปหมด กว่าจะเปิดห้องได้ ต้องใช้เวลาสองสามนาที พอเปิดห้องได้เท่านั้น รีบวิ่งไปมุดหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ เพื่อสลัดความ...เขินอายออกไปจากใจ



นี่ผม...กับไอ้อาจารย์พี่กี้...จูบกันแล้วเหรอ!?!



ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกถึงความหน้าร้อน ใจสั่น จะเป็นลม งงกับตัวเองมาก ทำอย่างกับไม่เคยจูบใครมาก่อน จริงๆ ผมเคยมีแฟนผู้หญิงสองคน คนแรกคือแฟนสาวนิเทศที่เลิกกันเพราะผมถูกเคสโทรตาม คนที่สองคบกันตอนเป็น extern ปีสุดท้าย คบได้ 3 เดือนเอง เป็นรุ่นน้องในคณะเดียวกันนั่นล่ะครับ เคยจูบมาแล้วทั้งสอง แต่ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น เพราะความสัมพันธ์มันจบก่อนทุกที



ตอนนี้ยิ่งทำให้ผมงงมาก ทำไมจุ๊บเบาๆ ที่ไม่ได้ร้อนแรงอะไรเลยของไอ้อาจารย์พี่กี้มันถึงได้มีอนุภาพทำลายล้างสติของผมมากขนาดนี้ อยากจะบ้าตาย ถ้าผมต้องโดนแบบนี้อีก ผมจะทำยังไงเนี่ยยยย



แต่...แต่ประเด็นคือ ก่อนพี่เค้าจะจูบผม เค้าก็ถามผมก่อนนี่นา

แล้ว...แล้วผมจะเงียบทำไมว้า ทำไมไม่ตอบไปเลยว่า...ไม่อนุญาต!!



โอ้ยยยยย ทำไมเรื่องแบบนี้มันเข้าใจยากจังวะ จะบอกว่าผมชอบไอ้อาจารย์พี่กี้เหรอ!?! ตลกละ ผมจะชอบได้ไง ทั้งชีวิตผมไม่เคยคิดพิศวาสผู้ชายเลย กับไอ้อาจารย์พี่กี้ ผมก็คงแค่เห็นมันเป็น ‘Idol’ ของผม คนเรามันก็ต้องมีต้นแบบที่ดีป่ะ ผมก็คงแค่อยากหล่ออยากเก่งเหมือนไอ้อาจารย์พี่กี้นั่นแหละมั้ง เคยเป็นกันรึเปล่าละครับ ที่เวลาเรายึดใครเป็น idol ของตัวเอง แล้วเราก็จะปลื้มๆ เค้า ถ้าเค้าพูดอะไรมา เราก็จะเห็นดีเห็นงามไปด้วยหมด โดยบางครั้งเราก็ลืมใช้ตรรกะว่าควรหรือไม่ควร



ในกรณีของผม...ผมว่ามันก็น่าจะเป็นแบบนี้นะ



พอคิดมาถึงตรงนี้ เฮ้อออ...สบายใจละ หายใจหายคอสะดวกขึ้น ใจก็เริ่มเต้นเป็นจังหวะปกติแล้ว บอกกับตัวเองว่า อย่าคิดมากๆๆ เรายังชอบผู้หญิงอยู่น่า





TBC.





Talk : ตอนนี้มานิดหน่อย เด๋วพรุ่งนี้มาต่ออีกครึ่งพาร์ทให้นะคะ ฝากด้วยค่ะ ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันค่าาาา
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.1 Idol?? (17.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 17-06-2020 21:47:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.1 Idol?? (17.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-06-2020 22:10:15
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.1 Idol?? (17.06.63)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-06-2020 08:42:25
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.2หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 18-06-2020 21:42:19
ตอน 9.2 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่



เช้าวันต่อมา



ผมไปราวด์วอร์ดแต่เช้า เจอไอ้อาจารย์พี่กี้ด้วย มันทำท่าจะทักผม แต่ผมรีบชิ่งเดินไปบอกมันว่า วันนี้ผมราวด์วอร์ดเสร็จแล้ว และวันนี้ผมต้องออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพราะเป็นเวรผม ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าเป็นเวรตอนไอ้เต็มส่งตารางออกให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้ผมตอนตีสอง โดยปกติคนทั่วไปคงไม่ตื่นมาอ่านไลน์หรอก แต่บังเอิญว่าเมื่อคืนผมนอนไม่หลับไง คงไม่ต้องบอกนะเพราะอะไร



ผมเดินมาขึ้นรถตู้ของโรงพยาบาลที่จอดรอบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งประกอบไปด้วย แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล และเจ้าหน้าที่อื่นๆ พอเดินขึ้นไปบนรถก็เหลือที่ว่างหนึ่งที่ คือ ข้างเพื่อนเภสัชกร จำกันได้ไหมครับ ฟิล์มเภสัชน่ะ ที่แซวว่าผมน่ารักตอนรับน้อง เอาจริงๆ ตอนทำงานก็ไม่ค่อยได้เจอกันนะ สงสัยผมสั่งยาไม่ค่อยผิด เลยไม่เคยเจอเภสัช consult มา

“เป็นไงบ้างครับนิว ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะครับ” เป็นมันที่เอ่ยทักผมก่อน แต่พูดเพราะเกินไปรึเปล่าคร๊าบบ

“หนักๆ อยู่เวรเกือบทุกวัน แล้วมึงล่ะ” ผมตอบกลับไปอย่างแมนๆ มึงไม่ต้องมาค้งมาครับกับกู

“เวรเหมือนกันครับ แต่คงไม่หนักเท่าหมอ”

“ทำๆ ไปเหอะมึง คิดซะว่า หาเงินแต่งเมีย”

“แล้วถ้าจะไปขอนิว นี่ค่าสินสอดเท่าไหร่เหรอคร๊าบบบ” มันพูดไป ยิ้มกริ่มไป ไอ้บ้า กูใช่เพื่อนเล่นมึงเหรอวะ

“พอเลย กวนตีนละมึง”

“ไม่ได้กวนนะครับ ถามจริงๆ”

“ยัง...ยังไม่เลิกนะมึง” คราวนี้ผมทำหน้าดุใส่มัน บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์มาก

“ฮ่าๆๆ แค่ล้อเล่นน่า ทำจริงจังไปได้”

“กูไม่สนุกเว้ย” พูดจบ ผมก็หยิบเกมมือถือขึ้นมาเล่น ไม่สนใจมันอีกครับ กูเบื่อครับ เบื่อที่มีแต่ผู้ชายเข้าหา ขอผู้หญิงน่ารักๆ ซักคนได้ม้ายยยยยย



พอมาถึงหมู่บ้านที่หน่วยแพทย์เคลื่อนที่เลือกมาลง ผมก็ประจำโต๊ะตรวจคนไข้เลยครับ มีผู้มาใช้บริการประมาณ 50 คน ส่วนมากเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด แต่มีเคสนึงที่เป็นผื่นแพ้ยามาเลย ผื่นขึ้นทั้งตัว ลักษณะขอบผื่นยกนูน เป็นหยักๆ และไม่ครบเป็นวงกลม ตรงกลางของผื่นดูซีดกว่าตรงขอบ เรียกผื่นชนิดนี้ว่า ‘Urticaria’

ผู้ป่วยถือยาที่คาดว่าจะแพ้มาด้วย เป็นยา 3 เม็ดเล็กๆ อยู่ในซองเดียวกัน ถามผม ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นยาอะไร ก็ต้องเรียกฟิล์มเภสัชมา Identify ยา (พิสูจน์เอกลักษณ์ของยา) แล้วออกบัตรแพ้ยาให้คนไข้ด้วย

“ป้าไปได้ยาพวกนี้มาจากไหนครับ” ฟิล์มเภสัชเริ่มซักประวัติคนไข้ ผมก็นั่งฟังไปด้วย

“ร้านขายของชำ”

“แล้วป้าเป็นอะไร ทำไมได้กินยาพวกนี้”

“เฮ็ดเวียกหลาย มันกะเจ็บกะปวดไปนำตนนำโตนั่นล่ะลูก” (ทำงานหนัก มันก็เจ็บปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัวนั่นแหละลูก)

“ต่อไปบ่เอาเด้อป้า คั่นเจ็บคั่นปวดกะมาหาหมออยู่อนามัยเด้อ” (ต่อไปอย่าทำแบบนี้นะ ถ้าเจ็บถ้าปวดก็ไปหาหมอที่รพ.สต.)

“ไปอนามัยกะได้แต่พารา มันสิเซาติลูก” (ไปรพ.สต.ก็ได้แต่พารา มันจะหายเหรอลูก)

“อย่างหนอย คั่นได้พารา ป้ากะบ่เป็นผื่นแบบนี้ด่อกครับ แม่นควมผมบ่” (อย่างน้อย ถ้าได้พารา ป้าก็คงไม่เป็นผื่นแบบนี้หรอกครับ ผมพูดถูกไหม)

ป้าไม่ตอบ ป้าเบือนหน้าหนีเล็กน้อยครับ ผมเข้าใจนะ บางทีก็ต้องมีดุคนไข้ให้กลัวบ้าง ไม่งั้นก็จะทำแบบเดิมๆ จากการอยู่จังหวัดนี้มาเดือนกว่าๆ ผมก็พอฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างครับ แต่ก็พอจับใจความได้ ผมหันไปถามฟิล์มเภสัช

“สรุปมันคือยาอะไรวะ”

“ตัวเม็ดสีชมพูรีๆ เล็กๆ คือ piroxicam (ยาแก้ปวดอักเสบ ชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ NSAIDs) ส่วนสีชมพูรี ใหญ่ขึ้นมาหน่อย คือ prednisolone (ยาแก้ปวดอักเสบ กลุ่มสเตียรอยด์) เม็ดสีฟ้าๆ คือ naproxen (ยาแก้ปวดอักเสบ ชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ NSAIDs)”

“โหหห NSAIDs 2 ตัว แถมยังมีสเตียรอยด์อีก ไม่หายปวดก็ไม่รู้จะว่ายังไงละ กินขนาดนี้กระเพาะไม่ทะลุเหรอวะ ไตยังทำงานดีอยู่ไหมเนี่ย”

“โชคดีที่แพ้ยาก่อนไง ไม่งั้นได้เป็นสองโรคนั้นแน่ๆ”

“แล้วรู้ไหมว่าแพ้ยาตัวไหน 3 ตัวนี้”

“เดี๋ยวคงต้องซักประวัติเพิ่มเติมอีกหน่อย แล้วก็เดี๋ยวให้ป้าแกทำแบบประเมินใบแพ้ยาด้วย ขอตัวคุณป้าไปก่อนนะ ได้เรื่องยังไง เดี๋ยวมารายงานผลให้ทราบครับคุณหมอ” ไอ้ประโยคสุดท้ายนี่เหมือนมีความประชดชันอยู่หน่อยๆ นะ แต่สายตาที่มองมานี่ดูแล้วยียวนกวนประสาทมากเถอะ



ผมนั่งตรวจไปเรื่อยๆ จนไม่มีคนไข้ให้ตรวจ ซักพักพี่ๆ ก็พาเก็บของกลับ แต่...แต่ไม่ใช่กลับโรง’ บาลนะครับ รถตู้ไปจอดที่รพ.สต หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ อนามัย นั่นเองครับ

“คุณหมอคะ วันนี้ทานข้าวเที่ยงที่นี่นะคะ รพ.สต. เค้าอยากเลี้ยงขอบคุณที่ทีมเรามาออกหน่วยนะค่ะ” เป็นเสียงพี่พยาบาลบอกกับผม

“ว่าแต่คุณหมอจะกินได้ไหมคะ อาหารเป็นเนื้อนะคะ”

“ได้ครับผม ไม่มีปัญหาเลย” แล้วหัวผมก็เริ่มคิดไปถึงเมนูที่ไอ้อาจารย์พี่กี้เลี้ยงต้อนรับ ได้แต่หวังให้มีอย่างอื่นที่ไม่ใช่ ‘ซกเล็ก’ ด้วยนะ

พอนั่งลงที่โต๊ะ มองหาโถข้าว ไม่มีครับ! แต่มีคนยื่นกระติ๊บข้าวเหนียวมาให้ เป็นกระติ๊บเล็กๆ ไม่ใช่ไม่เคยกินข้าวเหนียวนะครับ เคยกินกับหมูปิ้ง แต่ไม่เคยต้องหยิบขึ้นมาปั้นกลมๆ เป็นคำใหญ่ๆ กินกับซกเล็ก แบบที่คนอื่นเค้าทำกัน อ่อ ลืมชี้แจงว่า ช่วงนี้เค้าปลดล๊อคสถานการณ์โควิดแล้วนะครับ เพราะงั้นเลยกินข้าวร่วมวงกันได้

“นิว ใครเค้าให้หยิบข้าวเหนียวคำเล็กๆ กิน ต้องทำอย่างนี้เว้ย” ฟิล์มเภสัชพูดขึ้น พร้อมกับปั้นข้าวเป็นก้อนกลมๆ ให้ดู แล้วบอกให้ผมทำตาม ผมก็ทำตามแหละ แต่ข้าวเหนียวติดมือมาก

“ฮ่าๆๆ ตลกว่ะ มือเปื้อนเป็นเด็กๆ ไปได้”

“ก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนไหม” ขอเถียงซักหน่อยเถอะนะ แต่ก็เบาพอที่จะไม่ให้คนอื่นได้ยิน

“กินไปๆ อย่าพูดมาก” แล้วฟิล์มเภสัชก็ตักอาหารชนิดหนึ่งมาวางไว้บนจานรองช้อนผม ซึ่งอันนี้ไม่เคยกิน

“อันนี้ เค้าเรียก ‘ก้อยไข่มดแดง’ เป็นอาหารชั้นสูง ไม่ได้มีกินกันบ่อยๆ นะ” หยึยยย เม็ดเล็กๆ สีขาว ท่าทางอย่างกับหนอน จะกินลงมั้ยล่ะเนี่ย แต่ก็ยอมตักเข้าปากนะครับ พอสัมผัสแรกเข้าสู่ปาก อืมๆๆ ก็อร่อยดีนี่นา นัวๆ หลังจากนั้น ผมก็ตักกินเองเลยครับ ไม่ต้องอาศัยฟิล์มเภสัชแล้ว ฮ่าๆๆ

.

.

.

หลังกลับจากออกหน่วยได้ไม่กี่ชั่วโมง ท้องผมปั่นป่วนโครกครากมากครับ เข้าห้องน้ำเกือบสิบรอบแล้ว แทบจะคลานเข้าออกห้องน้ำละเนี่ยยย

โอ้ยยยย ต้องเป็นเพราะไข่มดแดงแน่ๆ ฮือออ คือมันอร่อย ผมก็กินเอาๆ สิครับ ยิ่งมีแต่คนบอกว่าเป็นอาหารชั้นสูง ยิ่งต้องรีบกินครับ เดี๋ยวไม่ทันคนอื่น แล้วผลสุดท้ายเป็นยังไง

เป็นยังงี้ไงคร๊าบบบบ ฮือออ.... มันมาอีกแล้วววว ปรู๊ดดดดด



‘กรี๊งงงง...กริ๊งงงง...’



เสียงมือถือผมดังขึ้น ผมเลยต้องลากสังขารตัวเองจากห้องน้ำมาเตียงนอน พร้อมกดรับโทรศัพท์

“โหล...” ผมตอบรับปลายสายด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนสุดๆ

“เป็นไรป่าวนิว ทำไมน้ำเสียงแปลกๆ” เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยไงครับที่โทรมา

“ท้องเสีย”

“อะไรวะ ออกหน่วยครั้งเดียว ท้องเสียเลย อ่อนว่ะ”

“ถ้าไม่คิดจะหายามาให้กิน ก็วางไปเลย” พูดจบ ผมกดตัดสายแม่งเลยครับ คนยิ่งไม่สบายอยู่ ไม่ช่วยแล้วยังจะมาซ้ำเติมกัน ไปไกลๆ เลยนะ



ไม่น้อยใจเลย...ซักนิด



TBC.





Talk : มาต่อให้ครึ่งพาร์ทที่เหลือตามสัญญาค่า 5555 ตอนนี้อาจไม่ค่อยหวาน แต่อยากจะกล่าวถึงน้องฟิล์ม กลัวคนลืมค่ะ เอาจริงๆ เราก็แอบลืมไปแล้วนะ 55555 (น่างสารซะจริง) มีวิชาการนิดนึง หวังว่าคงไม่เบื่อนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาอ่านและคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :mew1:





หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.2 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 19-06-2020 00:55:17
เนาะ ไม่ค่อยจะน้อยใจเล้ย 5555 อาหารชั้นสูงจริง ต้องแหย่ให้ด้วยถึงนะถึงจะได้กินอะ อยากกินนำเด้ 5555 เขาเรียกยาชุดปะที่ยายแพ้ สมัยก่อนที่หมู่บ้านคนแก่ชอบซื้อมากิน หลายๆสี หายทุกโรคจริง 555 แม่เราเองอะซื้อ เราด่าบ่นจนแกเลิกซื้อ กินแล้วติดอะ กว่าจะเลิกได้ 5555 รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.2 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 19-06-2020 16:36:53
เนาะ ไม่ค่อยจะน้อยใจเล้ย 5555 อาหารชั้นสูงจริง ต้องแหย่ให้ด้วยถึงนะถึงจะได้กินอะ อยากกินนำเด้ 5555 เขาเรียกยาชุดปะที่ยายแพ้ สมัยก่อนที่หมู่บ้านคนแก่ชอบซื้อมากิน หลายๆสี หายทุกโรคจริง 555 แม่เราเองอะซื้อ เราด่าบ่นจนแกเลิกซื้อ กินแล้วติดอะ กว่าจะเลิกได้ 5555 รอตอนหน้าจ้า  :pig4: :pig4:

ใช่ค่ะ ยาชุด ส่วนมากก็จะประกอบไปด้วยยาที่เรากล่าวถึงนะค่า ตอนนี้บางหมู่บ้านก็ยังมีอยู่นะคะ  :m15:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 9.2 หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 20-06-2020 08:56:20
รอจร้า :mew2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.60
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 20-06-2020 20:42:33
ตอน 10 คนไม่สบาย



- หมอกี้ -

ทันทีที่ได้ยินว่าน้องไม่สบาย ผมก็รีบกระวีกระวาดหายาลงไปให้น้อง เคาะประตูอยู่หลายครั้ง กว่าเจ้าตัวจะเปิดประตูให้ผมเข้าไป

“ไหน...เป็นไงบ้าง” ผมรีบจับตัวน้องมาอังฝ่ามือลงไปที่ศีรษะ

“......”

“มีไข้นี่นา” พอวัดไข้เสร็จ คนตัวเล็กก็เดินไปล้มตัวลงที่เตียง

“ถ่ายไปกี่ครั้งแล้ว”

“เป็นสิบแล้วมั้ง”

“งั้นรีบกินผงเกลือแร่เลย เดี๋ยวได้ช๊อคกันพอดี” ว่าแล้วผมก็เดินไปฉีกซองผงเกลือแร่ลงไปในแก้วน้ำ แล้วคนๆ มายื่นให้เด็กน้อยพร้อมกับยาลดไข้และยาฆ่าเชื้อท้องเสีย นิวก็รับยาไปกินอย่างว่าง่าย และจิบผงเกลือแร่เรื่อยๆ

“ไหน...ลองเล่าให้ฟังซิว่าไปกินอะไรมา” ผมถามพร้อมกับลูบหัวน้องเบาๆ เป็นเชิงปลอบประโลม

“...ก้อยไข่มดแดง”

“กินเข้าไปเยอะเหรอ” คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆ

“ทำไมกินเยอะล่ะ ไม่เคยกินไม่ใช่เหรอ”

“ก็ชิมแล้ว...มันอร่อย” ประโยคหลังนี้เสียงเบามากครับ ใช่สิ ความผิดตัวเองล้วนๆ ไม่มีใครบังคับให้กินด้วย

“ก็เลยจัดเต็มซะงั้น”

“ก็พี่เค้าบอกว่าเป็นอาหารชั้นสูง ไม่ได้หากินง่ายๆ นะ”

“ก็เลยเห็นแก่กิน”

“...อย่าว่าให้ได้ไหม” คนตัวเล็กทำแก้มป่องช้อนตามองผม อืออ... ทำผมแพ้ทุกทีกับท่าทางนี้

“ครับ... พี่ไม่ว่าให้แล้ว นอนนะครับ เดี๋ยวคืนนี้พี่อยู่เป็นเพื่อน”

พูดจบ ผมก็จัดแจงห่มผ้าให้น้อง แล้วย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟากลางห้อง คอยมองอีกฝ่ายบ่อยๆ ต้องการอะไรจะได้หยิบให้ทันใจ น้องนอนไปได้ซักพักก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำอีก 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็นอนยาวเลย

ผมมองสภาพคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนหมดพิษสงอยู่ตรงหน้า แก้มที่มักอมชมพูกลับขาวซีดจนน่าตกใจ ร่างบางนอนขดจนตัวงอเพราะมีอาการปวดท้องบิดร่วมด้วย



น่าสงสารเหลือเกิน... อยากแบกรับความเจ็บปวดนี้ไว้เอง



ผมพูดเท่เฉยๆ ครับ ด้วยความที่เป็นหมอก็รู้แหละว่าแค่ท้องเสียติดเชื้อแบคทีเรียธรรมดา ไม่ตายหรอกครับ ถ้าเทียบกับเคสผ่าตัดต่างๆ อันนี้เป็นปัญหามดไปเลย แต่มองหน้าน้องทีไร ก็พาลให้วุ่นวายใจเหลือเกิน...เป็นห่วง ไม่อยากให้เจ็บป่วยเลยแม้แต่น้อย

ผมแกะ kool fever มาแปะลงบนหน้าผากคนตัวเล็ก อย่าคาดหวังให้ผมหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวครับ สมัยนี้แล้ว ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกง่ายกว่าครับ ไม่มีซีนหวานๆ ซึ้งๆ ตอนป่วยแน่นอนครับ เพราะคนป่วยมันไม่มีอะไรน่าดูมาก และผมไม่ฉวยโอกาสทำอะไรน้องด้วยครับ เพราะถ้าจะทำค่อยขออนุญาตตอนน้องมีสติดีๆ ก็ได้ครับ ที่ผ่านมาผมก็ได้รับอนุญาตมาตลอดนะ หึหึ

ไม่นานผมก็เผลอหลับไปที่โซฟา ตื่นมาอีกทีตอนตีสี่ ได้ยินเสียงน้องไปเข้าห้องน้ำ พอออกมาจึงได้ถามขึ้น

“รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”

“อืม...”

“ยังปวดท้องอยู่ไหม”

“ไม่แล้ว...พี่นอนตรงนั้น สบายตัวอยู่เหรอ”

“ก็ได้แหละ”

“พี่กลับห้องก็ได้นะ ผมว่า..ผมหายแล้ว”

ผมเดินไปอังฝ่ามือเข้ากับหน้าผากน้องอีกรอบ ไม่มีไข้แล้วจริงๆ ต้องกลับห้องแล้วเหรอ...คนอย่างผมไม่กลับง่ายๆ หรอกครับ

“เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อนนิวจนถึงเช้าค่อยกลับ”

“ตีสี่แล้ว...เช้าแล้วเนี่ย”

“คนหนอคน...เอะอะก็มีแต่จะไล่เรากลับห้อง เราก็อุตส่าห์นอนเฝ้าไข้ เป็นห่วงขนาดนี้...เราหมดประโยชน์แล้วสินะ” ตัดพ้อไปครับ น้อยใจจริงๆ นะเนี่ย

“......”

“ก็ได้ กลับก็ได้” พูดจบ ผมก็ทำท่าจะเดินหันหลังออกจากห้องแต่อยู่ดีๆ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกระตุกที่ปลายชายเสื้อของตัวเอง ทำให้ผมต้องเอี้ยวตัวกลับมา

“...อยู่ต่ออีกซักหน่อยก็ได้”

“หึหึ”

“ขำอะไร”

“เปล๊า ขอบคุณพี่ด้วยสิที่มาดูแล”

“ขอบคุณ...ครับ”

สิ้นเสียงคำว่า ครับ เจ้าตัวก็รีบเดินกลับไปที่เตียงนอน แต่ก็ไม่ไวเท่าผมหรอก ผมคว้าเอวบางได้ก็หันเอาร่างน้องมาเผชิญหน้ากับผม

“ขอเป็นการกระทำที่แสดงออกถึงคำว่า ขอบคุณ ได้ไหมอ่ะ” ตอนนี้ผมยิ้มตาวาวเลยครับ บอกแล้วว่าผมชอบแบบซึ่งหน้า หึหึ

“อะไรอีกเนี่ย...แค่บอกขอบคุณก็พอแล้วมั้ง” คนตัวเล็กพูดไป ก้มหน้าลงต่ำไปด้วย ทำให้ผมต้องเชยคางน้องให้มองมาที่ตาผม

“ไม่พอ” แล้วผมก็ยื่นแก้มข้างขวาผมให้ ยื่นให้จนแทบจะทิ่มไปที่ปากคนตรงหน้าแล้วล่ะ

“...”

“เร็วดิ ไม่งั้นไม่ปล่อยนะ”

“..........จุ๊บ...”

ร่างบางรีบจุ๊บรีบเอาปากออกจากแก้มผม จริงๆ อย่าเรียกว่าจุ๊บเลย แค่เอาปากมาชนแก้มมากกว่า... ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ คงจะมีซักวันที่น้องนิวอยากจะหอมแก้มผมด้วยตัวเองแน่ๆ

.

.

.

- หมอนิว –



วันนี้ทั้งวันจิตใจผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เพราะคนเดียวนั่นแหละ ‘ไอ้อาจารย์พี่กี้’ ไง บ้าไปแล้ว ให้ผมหอมแก้มได้ไง เสียความมั่นใจฉิบหายเลย ประกาศไปปาวๆ ว่าชอบผู้หญิง แต่เมื่อตอนรุ่งเช้ากลับยืนหอมแก้มผู้ชาย ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ละที่วุ่นวายใจมาก คือ ผมเขินด้วยเว้ย หน้านี่ร้อนวูบวาบมาเลย ตัวร้อนๆ จนตอนแรกคิดว่าเป็นไข้กลับ มาแน่ใจว่าปกติดีก็ตอนที่ไอ้อาจารย์พี่กี้เดินกลับห้องนี่แหละ เพราะหลังจากนั้นหน้าผมก็หายร้อนเลย

“เมื่อไหร่มึงจะกลับห้องเนี่ย” ไอ้เต็มครับ ถามผมรอบที่ร้อยแล้วมั้ง คือมันนั่งอ่านเปเปอร์ (งานวิจัย) ไปตอบคำถามอาจารย์วอร์ดเด็กที่มันวนอยู่ไง ส่วนผมเหรอ...ตั้งแต่หลังสี่โมงเย็น ผมมาสิงอยู่ห้องมันจนตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว

“มึงหลบหน้าอาจารย์กี้ทำไม ถึงขนาดหลบหน้ากัน มึงควรเล่าให้กูฟังได้แล้วนะว่า...พวกมึงมีอะไรกัน” เหมือนจะเป็นห่วงผมนะ แต่น้ำเสียงมันมีความเสือกเล็กน้อยถึงปานกลาง

“โอ้ยยยยย ไอ้นิว ถ้ามึงไม่พูดอะไร มึงกลับห้องไปเลยนะ”

“กูไม่รู้จะเริ่มตรงไหน”

“ตั้งแต่ต้นเลย!!”

“มันยาว.. เสียเวลาทำงานมึงว่ะ”

“กูมีเวลาให้มึงทั้งคืน พูดมา!!”

“........กูกลับห้องดีกว่า”

ไอ้เพื่อนเต็มรีบคว้ามือผมไว้เลย คะแนนความเสือกเต็มสิบให้ร้อยอ่ะมันน่ะ

“อย่าเพิ่งกลับ เล่ามาก่อนนนน”

“เออๆ เล่าก็เล่าวะ ...ก็แบบ...คือ...กู...คือว่า..”

“โอ้ยยยย อะไรนักหนาวะ!! เอาเนื้อๆ มาเลย”

“คือ...กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไรเว้ย ทั้งที่กูชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิต แต่อยู่ดีๆ กูก็ยอมให้พี่กี้เข้าหากู เข้ามาทำดีด้วย มาคอยเอาอกเอาใจ ดูแลตอนกูไม่สบาย... ที่สำคัญคือ กูแม่ง... รู้สึกดีว่ะ... กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร กูสับสนว่ะ”

“กูเข้าใจนะเว้ย เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา... เราไม่สามารถหาคำตอบมันได้ทันทีว่ะเพื่อน... กูว่ามึงใจเย็นๆ ปล่อยให้เวลาได้ให้คำตอบมันเองเถอะ เพราะมึงกับพี่กี้ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน มีเวลาทำความเข้าใจอีกเยอะ”

“อือ... กูกลัวอ่ะมึง”

“กลัวอะไรวะ”

“กลัวใจตัวเองนี่แหละ”

“อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดมึง... กูอยู่ข้างมึงเสมอเว้ยเพื่อน” พูดจบ มันก็ตบไหล่ผมปุๆ เป็นอันเข้าใจกัน

“ขอบใจเว้ย”

“เออๆ แล้วก็เลิกคิดมากได้แล้ว คืนนี้นอนห้องกูไหมเนี่ย นอนคนเดียวไหวป่ะมึงน่ะ”

“ไหวดิ งั้นกูกลับห้องละนะ ขอบใจเว้ยมึง”

ขอบอกขอบใจเพื่อนเต็มแล้วก็กลับห้องตัวเองครับ ก่อนเปิดประตู แอบมองซ้ายมองขวาด้วยนะ กลัวเจอดีเข้า เพราะก่อนหน้านี้ไอ้พี่กี้มาหาผมที่ห้องสองรอบแล้ว แต่ให้ไอ้เพื่อนเต็มออกไปบอกว่าผมไปทำธุระนอกโรง’ บาล เลยรอดตัวไป แต่ไอ้พี่กี้ก็ไม่ละความพยายาม ยังโทรหาผมทุกชั่วโมง แต่ผมก็ไม่รับ ปล่อยมันดังไปแบบนั้นล่ะ ผมยังไม่อยากเจอ นึกไปถึงตอนจุ๊บแก้มไอ้พี่กี้ ผมละอยากแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ นะ อาย...

.

.

.

วันนี้ผมมาราวด์วอร์ดหกโมงเช้าเหมือนทุกวัน จริงๆ ไม่ต้องมาเช้าขนาดนี้ก็ได้ครับ แต่เพื่อป้องกันการเจอกับไอ้อาจารย์พี่กี้ ผมเลยยอมตื่นเช้าหน่อย ผมทำแบบนี้มาอาทิตย์หนึ่งแล้วครับ ส่วนการเข้าเคสผ่าตัด ผมก็ไม่เข้ากับไอ้อาจารย์พี่กี้เลย เข้ากับอาจารย์ท่านอื่น จึงเป็นไอ้ตะวันที่เข้าเคสกับไอ้อาจารย์พี่กี้เกือบทุกครั้ง

และวันนี้ ผมก็ตั้งใจจะทำแบบเดิม แต่...

“ไอ้นิว วันนี้มึงเข้าเคสกับอาจารย์กี้นะ”

“อ้าว ทำไมวะ”

“วันนี้เป็นเคสใหญ่ แล้วกูมีเวรบ่าย ER กลัวเสร็จไม่ทัน มึงเข้าแทนหน่อยละกัน”

“เออๆ ก็ได้ว้า”

ผมตอบตกลงไอ้ตะวัน ก่อนจะหยิบชาร์ตคนไข้มาศึกษาเคสที่กำลังจะต้องเข้าห้องผ่าตัด เป็นชายไทย อายุ 62 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ระยะเริ่มต้น ต้องผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกไป ดังนั้นการผ่าตัดครั้งนี้จึงเกิดขึ้น

ผมสวมชุดสีเขียวเสร็จ ก็เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด เจอไอ้อาจารย์พี่กี้อยู่ในห้องก่อนแล้ว กำลังวางแนวผ่าตัดให้คนไข้ ส่วนไอ้อาจารย์พี่กี้ก็ชำเลืองมองมาทางผมนิดหน่อย แล้วก็พูดคุยสั่งการกับพยาบาลต่อ

ไม่นานไอ้อาจารย์พี่กี้ก็เริ่มลงมือ กรีดมีดลงไปที่หน้าท้องของคนไข้ เลือดสีแดงสดไหลออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงมีอ้วก แต่ตอนนี้เริ่มชินแล้วครับ มองได้แบบไม่สะทกสะท้าน

“นิว ช่วยมาจับ retractor ให้หน่อย” นั่นเป็นประโยคแรกในหนึ่งสัปดาห์ที่ไม่ได้เจอหน้ากัน

“ครับ”

แล้วผมก็หยิบ retractor ไปถ่างปากแผลให้เหมือนเคย ดูการผ่าตัดไปแบบเพลินๆ ...ผ่านไปแล้วเกือบ 2 ชั่วโมง



“ผมผ่าตัดถึงขั้นตอนไหนแล้ว”

“...หืมม”

ผมสะดุ้งสุดตัว ถึงขั้นตอนไหนวะ ใครจะรู้วววว ก็เมื่อกี้ผมน่าจะ...หลับใน



“ถ้ามาราวด์วอร์ดเช้า แล้วมาหลับในห้องผ่าตัดแบบนี้... มันไม่ได้ทำให้คุณดู smart ขึ้นเลยนะ มันดูแย่มากเลยต่างหาก”

“ขอโทษครับ”

“ช่วยถ่างปากแผลให้กว้างกว่านี้ด้วย นี่ผ่าตัดท้องคน ไม่ใช่จิ๋มมด”

“ครับผม”



บรรยากาศในห้องผ่าตัดมาคุสุดๆ ทุกคนเงียบกริบ แทบจะหยุดหายใจกันเลยทีเดียว เพราะเคสนี้ยาก แถมยังมาเจอไอ้อาจารย์พี่กี้ที่ตอนนี้ดูหงุดหงิดมาก เคสที่ว่ายากยังดูน่ากลัวน้อยกว่าไอ้อาจารย์พี่กี้ตอนนี้ซะอีก

ผมเริ่มมามีสติและสมาธิในการผ่าตัดอีกครั้ง ดูเหมือนเนื้อร้ายมันจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเกินไป การจะตัดเนื้อร้ายนี้ออกต้องตัดพื้นที่ใกล้เคียงออกด้วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเนื้อร้าย และต้องมั่นใจว่าตัดออกไปแบบถอนรากถอนโคนแล้ว ซึ่งพื้นที่ใกล้เคียงที่ว่านั้นกินพื้นที่ของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ถ้าผ่าตัดไปโดนกล้ามเนื้อหูรูดจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถกลั้นอุจจาระได้เลย ซึ่งยากในการดูแล ดังนั้นไอ้อาจารย์พี่กี้จึงเลือกวิธีดึงลำไส้มาต่อออกทางหน้าท้องแทน นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์เครียดหนักเข้าไปอีก เพราะคิดแทนคนไข้แล้วว่า ต่อจากนี้เค้าจะไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้อีกต่อไป

ใจหนึ่งก็สงสาร เค้าอุตส่าห์ฝากชีวิตไว้กับเราแล้ว แต่เราไม่สามารถทำให้เค้ามีชีวิตแบบเดิมได้

อีกใจหนึ่งก็โล่งอก เพราะเราเลือกตัดสิ่งที่ ‘ทำร้าย’ เค้าออกไป เพื่อเลือกให้เค้ามีชีวิตอยู่ยาวนานยิ่งขึ้น



แล้ว... มีเหตุผลอะไรบ้างที่เราเลือกตัด ‘พี่กี้’ ออกจากชีวิตเราในช่วงนี้

เค้า ‘ทำร้าย’ เราเหรอ?

ก็เปล่า...



เพิ่งรู้สึกว่าตัวเอง ‘ใจร้าย’ ก็นาทีนี้แหละ...



.



เคสนี้ใช้เวลาหกชั่วโมง ยืนตลอด มือก็จับแต่ retractor มีเวลาได้พักตอนขอออกไปเข้าห้องน้ำแค่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้เคสเสร็จเรียบร้อยดี รอลุ้นว่าคนป่วยจะติดเชื้อในกระแสเลือดไหม ต้องติดตามอาการเป็นอย่างดีในระยะ 24 hr ต่อจากนี้

ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมนั่งรอไอ้อาจารย์พี่กี้ที่เขียนผลการผ่าตัดอยู่ วันนี้ตั้งใจจะชวนพ่อเจ้าประคุณไปกินข้าวเย็นซักหน่อย เผื่ออารมณ์จะดีขึ้นบ้าง หรือจะหงุดหงิดหนักกว่าเดิมวะ ผมยิ่งมีประเด็นอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่ด้วย

ผมเริ่มลังเล เอาไงดีวะ ฤกษ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ว่ะ

แต่แล้ว ร่างสูงที่คุ้นตาก็กำลังจะเดินเลยผ่านผมไป โดยไม่หันมาชำเลืองมองซักนิด

“พี่กี้...”

“...”

เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ พร้อมกับก้าวยาวๆ ที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเรื่อยๆ ผมก็ก้าวตามสิครับ ถ้าจะง้อ...ก็ต้องง้อให้สุด!!

“พี่กี้ รอด้วยดิ”

“...”

“เดินช้าๆ หน่อยดิ ก้าวตามไม่ทันเลย”

“...”

ผมรีบก้าวให้เร็วกว่าเดิม จนทันชายเสื้อพี่เค้า ผมเลยดึงชายเสื้อไว้ แรงกระตุกทำให้คนข้างหน้าหันกลับมามองผม

“รำคาญ จะไปไหนก็ไป อย่ามาวุ่นวาย เกะกะ” เสียงเย็นๆ ออกมาจากปากคนตรงหน้า ทำเอาผมหน้าชาเลย

“...”

เงียบเลยผม ไม่เคยเจอพี่กี้โหมดนี้ แล้วพี่แกก็ปลดมือผมออกจากชายเสื้อ ละเดินจากไปเลย ปล่อยผมไว้กับความงุนงง และเสียงเย็นๆ ที่วนกลับไปกลับมาในหัว

โกรธอะไรกูวะ... เรื่องในห้องผ่าตัด หรือ เพราะกูหลบหน้าวะ

โอ้ยยยยย เข้าใจยากจัง งอนหนักยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะนั่น กูต้องง้อยังไงวะ ซื้อกุหลาบเป็นช่อให้งี้เหรอ หรือเลี้ยงหนังซักเรื่อง หรือชวนไปกินอาหารร้านอร่อยๆ คือ ไม่เคยง้อผู้ชายไง เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แล้วแม่งผู้ชายตัวโตอย่างกับควาย ให้กูซื้อกุหลาบให้ คงพิลึกน่าดู



TBC.



Talk: พี่กี้งอลน้องแล้ววว นิวจะง้อยังไงน้อออ ลุ้นๆๆๆค่ะ คนแต่งก็ลุ้นไปด้วยนะเนี่ย ><

จริงๆวันนี้ 20/6/63 เป็นวันครบรอบ 1 เดือนที่เราเริ่มแต่งนิยายเรื่องนี้นะคะ เราเริ่มแต่งวันที่ 20/5/63 แต่เริ่มอัพลงโซเชียลวันที่ 4/6/63 เป็นนิยายเรื่องแรกที่กลับมาแต่งในรอบ10 ปี ยังไงก็ฝากผลงานด้วยนะคะ (10ปีก่อนก็ไม่ได้มีคนรู้จักมากหรอกค่ะ 5555) เป็นกำลังใจให้ด้วยค่า /รัก

a-mee-ra

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 21-06-2020 07:17:12
สนุกมากรอติดตามอยู่
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-06-2020 09:47:18
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 21-06-2020 10:54:29
เอ้อ ให้รู้ตัวซะบ้าง หลบหน้าไม่รับโทรศัพท์กันก่อนทำไมละ ถ้าไม่ชอบก็บอกไป แต่คือลังเลอยู่ไง สับสนอยู่ 555 พี่หมอกี้คะให้เวลาเขาหน่อย น้องยังงงๆกับความรู้สึกตัวเองอยู่เลย มันมาเร็วไง น้องหมอนิวตั้งตัวไม่ทัน ไปๆไปง้อเลย โกรธใหญ่แล้ว 555
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-06-2020 23:10:51
แงง หมอพูดแรงไปไหมอะ
น้องบอกพี่เขาด้วยนะว่าสับสนเลยไม่อยากติดต่อเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่
สงสารน้องอะ ทำตัวไม่ถูกแน่เลย


เพิ่งมาเจอเรื่องนี้เลยค่ะ ชอบมากก อยากให้ลงแพลตฟอร์มอื่นด้วยจังจะได้ตามง่ายๆเวลาลงนิยาย
แบบว่ามีแจ้งเตือนอะไรอย่างงี้
เป็นกำลังให้นะคะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 21-06-2020 23:54:15
แงง หมอพูดแรงไปไหมอะ
น้องบอกพี่เขาด้วยนะว่าสับสนเลยไม่อยากติดต่อเดี๋ยวเรื่องจะไปกันใหญ่
สงสารน้องอะ ทำตัวไม่ถูกแน่เลย


เพิ่งมาเจอเรื่องนี้เลยค่ะ ชอบมากก อยากให้ลงแพลตฟอร์มอื่นด้วยจังจะได้ตามง่ายๆเวลาลงนิยาย
แบบว่ามีแจ้งเตือนอะไรอย่างงี้
เป็นกำลังให้นะคะ

ลงที่อื่นด้วยค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า  :pig4:

readAwrite  https://www.readawrite.com/a/5a28286113bb25d5f85004f11a7d8f8c (https://www.readawrite.com/a/5a28286113bb25d5f85004f11a7d8f8c)
ธัญวลัย  https://www.tunwalai.com/story/441126/อินเทิร์นจอมจุ้นวุ่นหัวใจหมอศัลย์-intern-vs-general-surgeon-yaoi?page=1 (https://www.tunwalai.com/story/441126/อินเทิร์นจอมจุ้นวุ่นหัวใจหมอศัลย์-intern-vs-general-surgeon-yaoi?page=1)
Dek-d กำลังจะไล่อัพให้ทันกันค่ะ  https://my.dek-d.com/AmaraMee/writer/view.php?id=2113527 (https://my.dek-d.com/AmaraMee/writer/view.php?id=2113527)

———————

ขอบคุณคอมเม้นท่านอื่นๆด้วยค่ะ เราอยากกด +คะแนนให้ค่ะ แต่เราทำไม่เป็น ไม่รู้ต้องไปกดตรงไหนค่ะ ฝากผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยนะคะ   :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-06-2020 00:04:17
 :katai1:



วีนแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 22-06-2020 10:34:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน10 คนไม่สบาย 20.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 22-06-2020 20:42:35
ตอน 11 งอนแหละ ดูออก



ผมเดินกลับหอพักแบบหงอยๆ คิดไม่ออก คิดไม่ตก คิดแล้วเครียด ก็ไม่เคยเห็นไอ้อาจารย์พี่กี้เป็นแบบนี้นี่นา เลยไม่รู้จะรับมือยังไง คือ... ผมต้องง้อใช่ไหม งอนแหละ ดูออก แต่วิธีง้อนี่สิ จะง้อยังไงวะ

อ่อ... ผมว่าผมพอจะนึกออกละ ว่าแล้วก็หยิบมือถือออกมาโทรหาพี่แนน รอสัญญาณไม่นาน พี่แนนก็รับสาย

“ฮัลโหลคร๊าบบบ”

“ว่าไงนิว มีอะไรรึเปล่า”

“ไปวิ่งด้วยกันไหมครับวันนี้”

“ไปดิๆๆ”

“ฝากพี่แนนชวนพี่กี้ด้วย...ได้ป่าวครับ”

“กี้ไม่ว่างไปด้วยหรอก วันนี้ผู้แทนยานัดเลี้ยงข้าวเย็นนี้นะ”

“อ่อ... งั้นผมว่า... ผมไม่ไปวิ่งแล้วดีกว่า”

“โทรมาชวนแล้วไม่ไป คือไรเนี่ยยย ฮ่าๆๆ”

“ขอโทษคร๊าบบบ ผมขี้เกียจขึ้นมาเฉยๆ”

“งั้น... พี่จะไปกินข้าวกับกี้... นิวไปด้วยกันไหม”

“ไปๆๆๆๆ”

“ฮ่าๆๆ ตลกแกอ่ะนิว... งั้นเจอกันล่างหอทุ่มนึงนะ”

“คร๊าบบบผม”

ผมยังคิดหาวิธีง้อไม่ได้หรอกครับ แต่อันดับแรกต้องเสนอหน้าไปให้เห็นก่อน พ่อเจ้าประคุณอาจจะใจอ่อนลงบ้าง



ณ ร้านอาหารริมแม่น้ำในตัวจังหวัด

บรรยากาศร้านถูกตกแต่งด้วยหลอดไฟสีเหลืองนวล มีชานยื่นออกไปริมน้ำ กลางร้านเป็นโต๊ะไว้รองรับผู้มาใช้บริการจำนวนหลายโต๊ะ พอเดินผ่านกลางร้านก็มีทางแยกไปห้อง vip ซึ่งห้องที่พนักงานต้อนรับเดินนำเข้าไปเป็นห้องส่วนตัว มีคาราโอเกะให้ร้องเพลง

ในห้องมีอาจารย์หมอศัลย์คอยอยู่ก่อนแล้วสองท่าน ก็คือ อาจารย์ต๊ะ คนนี้เป็นหมอศัลย์สมอง เป๊ะเนี๊ยบทุกอย่าง ตั้งแต่การแต่งตัวไปจนถึงเรื่องทำงาน อีกคนคือ อาจารย์ปอนด์ จบศัลย์ทั่วไปแล้วก็ไปต่อหลอดเลือด คนนี้แต่งงานมีครอบครัวแล้ว

ผู้หญิงสวยอีกสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว คงจะเป็นผู้แทนยา

“เชิญนั่งตรงนี้เลยค่ะคุณหมอ” หนึ่งในผู้หญิงสวยเอ่ยขึ้น พร้อมกับผายมือให้พวกผมเดินไปนั่งโต๊ะอีกฝั่ง

ผมยิ้มทักทายสาวสวยทั้งสองอย่างเขินๆ เพราะไม่เคยมานั่งทานข้าวกับผู้แทนยาเลย สายตาผมก็แอบชำเลืองมองพี่กี้ที่เดินเข้ามาในร้านพร้อมกันกับผมและพี่แนน

ผมถูกจัดให้นั่งข้างพี่กี้ ก็ดีครับ จะได้มีโอกาสง้อบ้าง แต่... คนตัวโตไม่สนใจผมซักนิด ตั้งแต่นั่งรถออกมาด้วยกันแล้ว ไม่พูด ไม่มอง ไม่สบตา เหมือน...อยู่นอกสายตา

เคยเป็นคนที่อยู่ในสายตามาตลอด แต่วันนี้อยู่นอกสายตา...



‘เจ็บจี๊ด...’



“นี่ชื่อน้องนิว เป็น intern1 ส่วนคนนี้พี่กระต่าย คนนี้พี่กาญ เป็นผู้แทน novatas” พี่แนนแนะนำผมให้รู้จักกับพี่คนสวยทั้งสอง

“หวัดดีค่ะคุณหมอนิว พี่กระต่ายเป็นผู้จัดการภาค อาจจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นะคะ แต่อาจจะเจอกับน้องกาญบ่อยกว่าพี่ ยังไงพี่ก็ฝาก novatas ด้วยนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“ยินดีครับ” ผมยิ้มหวานตอบกลับไปครับ

“พี่กาญเดินยาสามจังหวัดละแวกนี้แหละค่ะ เข้าโรง’ บาลเดือนละ 2-3 ครั้ง หวังว่าจะได้เจอกันบ่อยๆ นะคะ”

“ครับ คงได้เจอกันบ่อยครับ”

“คุณหมอนิวดื่มไหมคะ” พี่กาญเอ่ยถามผมพร้อมกับชี้ไปที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“ได้นิดหน่อยครับ” ก่อนจะตอบรับ ผมก็แอบมองคนข้างๆ ก็ไม่เห็นจะสนใจผม นั่งคุยกับอาจารย์ปอนด์เฉยเลย แถมในมือก็มีแก้วเหล้าสีเข้มๆ แล้วด้วย

ไม่นานพี่กาญก็ส่งเหล้ามาให้ผม อึกแรกดื่มเข้าไป...ขมครับ คือผมไม่ค่อยดื่ม แล้วพี่เค้าก็ชงมาให้ผมอย่างเข้ม แต่ผมก็ดื่มต่อนะ เพราะยิ่งมองไอ้อาจารย์พี่กี้ แล้วยิ่งเห็นมันคุยจ้อกับคนอื่น ไม่สนใจผมเลยซักนิด ยิ่งดื่มหนักเลยครับ

ตอนนี้ผมน่าจะฟาดไปแล้ว 3 แก้ว โดยที่ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เริ่มจะมึนๆ แล้วสิ

“นิว... กินข้าวด้วย กินแต่เหล้าเดี๋ยวก็เมา” เป็นพี่แนนที่พูดกับผมอย่างเป็นห่วง

“ไม่หิวอ่ะ...”

“ไม่หิวก็ต้องกินนะ พี่ขี้เกียจลากแกขึ้นไปเก็บที่ห้อง”

“ก็ไม่ต้องลากดิพี่ ปล่อยผมไว้งี้แหละ” พูดไป กระดกเหล้าเข้าปากไปครับ



“ดื้อ”



ไม่ใช่เสียงพี่แนนครับ แต่เป็นเสียงคนข้างๆ ผมเอง ...สนใจผมแล้วเหรอ รู้ตัวว่าผมอยู่ข้างๆ แล้วเหรอ



“ยุ่ง...”



ยุ่งอะไรด้วย!! ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะสนใจเลย เพราะงั้นจะมายุ่งอะไรตอนนี้



ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักมาวางในจานผม พร้อมกับอาหารสองสามอย่างถูกเรียงรายมาไว้ตรงหน้า ก่อนที่คนข้างๆ จะตักอาหารเหล่านั้นมาใส่จานผมอย่างละนิดละหน่อย

“กินซะ”

“ทำไมผมต้องทำตามพี่ด้วย”

“บอกให้กินก็กิน อย่าถามมาก”

“ไม่กิน มีอะไรไหม”

“มี”

สิ้นเสียง มือใหญ่ของคนข้างๆ ก็ลากผมออกไปนอกห้อง ทุกสายตาในห้องจับจ้องมาที่ผม ก่อนออกจากห้อง ผมจึงทำได้แค่ก้มหน้างุดๆ เดินตามพี่แกออกไป แล้วพ่อเจ้าประคุณก็พาผมมาหยุดอยู่ที่ชานริมน้ำ ซึ่งเป็นมุมลับสายตา ไม่มีใครมองเห็น หากไม่สังเกตดีๆ

“ปล่อยผมได้แล้ว เจ็บมือ”

ใช่ครับ ไอ้พี่กี้จับมือผมแรงมาก มือผมแดงมากด้วย

“เจ็บเป็นด้วยเหรอ” ผมถูกถามสวนกลับ พร้อมกับมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

“เจ็บเป็นสิ คนนะ ไม่ใช่ก้อนหิน”

“...”

ไอ้พี่กี้เงียบไปครับ พร้อมกับหันมองไปทางแม่น้ำ เหมือนอดกลั้นอะไรซักอย่างไว้ ผมก็เริ่มได้สติ จึงเดินเข้าไปใกล้ แล้วถามเบาๆ

“พี่โกรธผมเรื่องอะไรอ่ะ”

“พี่มีสิทธิ์อะไรไปโกรธนิว”

“แล้วที่พี่หงุดหงิดใส่ผมนี่มันเพราะอะไรล่ะ”

“พี่...โกรธตัวเอง”

“ห๊ะ.. ยังไง ไม่เข้าใจ”

“ไม่ต้องเข้าใจหรอก...ยังไม่ถึงเวลา”

“งั้นถ้าพี่ไม่ได้โกรธผม พี่ก็อย่าหงุดหงิดใส่ผมสิ”

“...อย่ามาใกล้พี่มาก”

“ทำไม”

“พี่จะ...อดใจไม่ไหว”

“อดใจไม่ไหวเรื่องอะไร”

“ทุกเรื่อง...ที่เกี่ยวกับนิว”

เกาหัวแกรกเลยผม เออ ผมว่าไอ้อาจารย์พี่กี้คนเดิมกลับมาแล้วแหละ ถึงจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องก็เถอะ ก็ยังดีกว่าโหมดหน้าตาย มองผมแบบไม่มีตัวตน

พวกเรายืนอยู่นั่นเงียบๆ ต่างคนต่างเงียบซักพัก มือใหญ่อีกฝ่ายก็เอื้อมมาจับมือผมข้างที่แดงไปกุมไว้

“พี่ขอโทษนะที่ทำนิวเจ็บ พี่โกรธมากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย แค่รอยแดงเอง”

“ขอโทษที่...บอกว่ารำคาญ บอกว่านิวเกะกะ”

“...อืม”

อยู่ดีๆ หน้าผมก็ร้อนขึ้นมา ใจก็เต้นแรงอีกแล้ว จะเด้งออกมาจากอกไหมเนี่ยยย

“นิวยกโทษให้พี่ไหมครับ”

“...ไม่เคยโกรธเลย จะยกโทษให้ได้ไงอ่ะ” พูดไป ผมก็ก้มหน้ามองแต่เท้าตัวเองครับ

“ไม่เคยโกรธเลยเหรอ...”

“อืม” ผมพยักหน้ารับคำ พร้อมกับตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

“นิวก็ขอโทษพี่กี้นะ... อาทิตย์ที่ผ่านมาหลบหน้าพี่”

“...ทำไมหลบหน้าพี่ล่ะ”

“ผม... อยากลองอยู่โดยที่ไม่มีพี่มาคอยกวนใจดู”

“แล้วเป็นยังไงบ้าง”

“ก็...ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”

“งั้นต่อไปนี้จะหลบหน้าพี่อีกไหม”

ผมไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหัวไปมา พี่กี้ยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ แล้วโอบผมเข้าหาตัว...



เฮ้ยยยย! พี่จะกอดผมในที่สาธารณะแบบนี้ไม่ได้!



ผมขืนตัวออกจากร่างสูงตรงหน้า แต่ไม่เป็นผลเลย เพราะอยู่ดีๆ เรี่ยวแรงผมก็หายไปไหนไม่รู้ ตัวอ่อนปวกเปียกขึ้นมาซะงั้น หัวใจนี่ก็เต้นแรงจนจะเด้งออกมาจากอกแล้วเนี่ย หูผมก็คงแดงหนักมาก เพราะสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของไอ้พี่กี้ตรงข้างหูผม

“อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้กับใครนะ...ทำกับพี่แค่คนเดียว”

“บ้าเหรอ..” จะไปทำแบบนี้กับใครได้วะ

“เวลานิวพูดง่ายๆ นิวโคตรน่ารักเลยรู้ไหม”

“...”

ไม่รู้ครับ อันนี้ตอบในใจ ใครจะกล้าตอบออกไป เดี๋ยวได้หาว่าผมเถียง หรือกวนตีนอีก

พี่กี้ผละกอดออกจากผม แต่มือก็ยังรั้งเอวผมไว้นะ แล้วเค้าก็เชยคางผมขึ้นให้มองตา

“วันนี้ พี่ขออนุญาต...จูบ...ได้ไหม”

“ไม่!” ผมตอบโดยไม่คิดเลยครับ ครั้งนี้ผมจะไม่ให้เหมือนครั้งก่อนเด็ดขาด ผมต้องไม่ยอม!

“จูบเบาๆ แบบครั้งก่อนก็ไม่ให้เหรอ” หน้าละห้อยมากครับ จะสงสารดีไหมเนี่ย

“ไม่... นี่มันที่สาธารณะนะพี่ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้า มันจะไม่เหมาะ”

“งั้น ทำในห้องได้...ใช่ไหม”

“...”

เอิ่มมมม ไปไม่เป็นเลยผม โอ้ยยยยย ไม่เคยชนะอ่ะ เซ็งครับ!



พวกเรายืนดูวิวแม่น้ำด้วยกันซักพัก ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง vip พี่ๆ ในห้องถือไมค์ร้องคาราโอเกะกันแล้วครับ เจ้าของไมค์ที่กำลังร้องเพลงคือ พี่ปอนด์ พอท่อน hook จบไปก็แซวผมกับพี่กี้ขึ้นมา

“หายไปทำอะไรกันน๊า น๊านนานนนนน”

“ฮิ้วววว” คนอื่นๆ ก็เป็นลูกคู่รับ

“อารมณ์ดีกันขนาดนี้ มีข่าวดีอะไรแถลงมั้ยคร๊าบบบบ”

“ฮิ้ววววววว”

แล้วพี่ปอนด์ก็ยื่นไมค์ให้พี่กี้ พี่กี้มองหน้าผมนิดนึง ก่อนจะเอ่ยผ่านไมค์ออกไป

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ถ้าไม่มีใครร้องเพลง ผมร้องเองละนะ”

ผมยิ้มทันทีเมื่อได้ยินคำตอบจากปากคนข้างกาย... ขอบคุณนะพี่ คือ ผมยังไม่แน่ใจตัวเอง ผมยังสับสน ผมยังงงๆ ในชีวิตอยู่ ผมยังให้คำจำกัดความอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผม ให้เวลาผมหน่อยนะ ถ้าผมแน่ใจ แล้วผมจะพูดกับพี่เอง



อยากรู้จักอยากให้เธอรู้จัก

อยากเป็นคนรักเธอ

อยากให้เธอได้หันมอง

แบบว่าฉันคนธรรมดาไม่ใจร้าย

ถ้าลองได้คบจะดูแลเธออย่างดี



เสียงไอ้พี่กี้ครับ ร้องเพลงไป ตาก็คอยแต่จะมองมาทางผม ละดูเลือกเพลง โอ้ยยยยย สุ่มเสี่ยงกับการใจสั่นมากกก



ความรู้สึกเธอคือคนพิเศษ

อยากให้ลองรักดูอยากให้รู้ว่ารักเป็น

ก็เลยร้องมาเป็นทำนอง ชา ดี ดา

ถ้าได้เป็นแฟนจะดูแลเธออย่างดี



“ฮิ้วววววว”

บรรดากองเชียร์นี่ก็ทำงานดีเหลือเกิน



เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว

เธอคงต้องใจอ่อน

ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง



ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน

ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ

ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน

เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันที่รัก...เธอ



“ฮิ้ววววววว”

โอ้ยยยยย ทำตัวไม่ถูกแล้วคร๊าบบบบ ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู แต่สายตาก็ไม่กล้ามองคนร้องเพลงนะ เอาแต่ก้มหน้างุดโกยข้าวเข้าปากครับ หิวข้าวมากกกกกก



ลองคิดดูหากเธอยังว่างอยู่

เชิญเธอลองพิสูจน์เธอจะรักฉันรับรอง

ก็ตัวฉันเป็นคนตรงๆ ไม่รวนเร

ก็จะไม่เขวไม่มองใครนอกจากเธอ



แอบมองคนร้องแวบนึง ไอ้พี่กี้มันมองมาอยู่แล้วครับ สายตาเยิ้มมากกก นั่นเยิ้มเพราะเหล้าใช่ไหม ไม่ใช่เพราะเพลง อิอิ



เพราะคิดว่ารักเธอหมดตัว เธอคงต้องใจอ่อน

ถ้างั้นฉันถามเธอสักครั้ง



ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน

ขยับความสัมพันธ์ มารักกับฉันนะเธอ

ลองคบลองดูกันไหม เขย่าให้หัวใจเต้นตรงกัน

เธอจะมีแต่ความสุข เธอจะมีแต่ฉันที่รัก...เธอ*



‘เธอจะมีแต่ฉันที่รัก...เธอ’



เพลงจบ...แต่อารมณ์ไม่จบครับ

คราวนี้ผมตั้งใจฟังไอ้พี่กี้ร้องเพลงมาก ไม่เหมือนตอนรับน้องเข้าทำงานที่ผมไม่สนใจฟังเลย ทุกประโยคทำให้ผมยิ้มตาม ผมว่าผมบ้าไปแล้วแน่ๆ เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยออกมาแต่ละประโยคมันมีเสน่ห์มากๆ ตัวผมแทบจะอ่อนระทวยลงไปนอนกองกับพื้นเลย



ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึก...ตัวเล็ก...ต้องการการปกป้องได้มากเท่าคนนี้...

พี่กี้...แตกต่าง



TBC.



*เพลง ที่รัก (เธอ) ศิลปิน เอก สุระเชษฐ์





Talk : ไรท์ก็เขิลพี่กี้ร้องเพลงเด้อออ ><

ขอบคุณมากนะคะสำหรับการติดตาม ดีใจมากๆค่ะที่มีคนอ่านและติดตาม ขอกำลังใจหน่อยค่าาา  :กอด1:

พอดีมีคนถามว่าลงที่อื่นด้วยมั้ย ลงนะคะ ตามนี้ค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า  :pig4:

readAwrite  https://www.readawrite.com/a/5a28286113bb25d5f85004f11a7d8f8c (https://www.readawrite.com/a/5a28286113bb25d5f85004f11a7d8f8c)
ธัญวลัย  https://www.tunwalai.com/story/441126/อินเทิร์นจอมจุ้นวุ่นหัวใจหมอศัลย์-intern-vs-general-surgeon-yaoi?page=1 (https://www.tunwalai.com/story/441126/อินเทิร์นจอมจุ้นวุ่นหัวใจหมอศัลย์-intern-vs-general-surgeon-yaoi?page=1)
Dek-d กำลังจะไล่อัพให้ทันกันค่ะ  https://my.dek-d.com/AmaraMee/writer/view.php?id=2113527 (https://my.dek-d.com/AmaraMee/writer/view.php?id=2113527)

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน11 งอนแหละ ดูออก 22.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 22-06-2020 20:56:56
 :L2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน11 งอนแหละ ดูออก 22.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-06-2020 21:26:38
อะเลิกงอนกันมาจีบกันแทนดีกว่าเนอะ  :o8: ตลกนิวตอนชวนไปวิ่งแล้วไม่ไป พอชวนไปกินข้าวที่พี่หมอกี้ไปดันตอบรับเร็ว ไม่ค่อยจะชัดเลยนะหมอนิว ว่ามีไรกันในกอไผ่ 55555 ค่อยๆว่ากันไปค่อยๆรู้ใจไปว่าเลิฟๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน11 งอนแหละ ดูออก 22.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-06-2020 00:24:17
 :-[
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน11 งอนแหละ ดูออก 22.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 23-06-2020 11:39:34
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน11 งอนแหละ ดูออก 22.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: manarina ที่ 23-06-2020 13:10:26
 :mew3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 24-06-2020 17:42:16
ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ


วันนี้เป็นเวรผมที่ต้องดูแลวอร์ด ICU ศัลยกรรม เป็นวอร์ดที่รองรับผู้ป่วยวิกฤติจากการผ่าตัดโดยเฉพาะ ตอนนี้มีคนไข้ 10 เตียง แต่ละคนก็หนักหนากันทั้งนั้น หนึ่งในคนที่หนักก็คือ เคสผู้ป่วยชายไทยที่เป็นมะเร็งลำไส้ที่ผมเข้าเคสผ่าตัดกับพี่กี้ อาการไม่ค่อยดีเลย มีไข้มาสองวันแล้วนับจากวันที่ผ่าตัด ผมจึงต้องมาดูแลอย่างใกล้ชิด



ตั้งแต่เลิกงานสี่โมงเย็นจนถึงตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้ว ผมนั่งแก้ปัญหาแต่ละเคสไปเรื่อย แก้ได้ก็แก้ไป แก้ไม่ได้ก็โทร consult อาจารย์เจ้าของเคส เคสมะเร็งลำไส้ก็กำลังชั่งใจว่าจะโทรหาไอ้อาจารย์พี่กี้ดีไหม อยากลองเปลี่ยนยา antibiotics (ยาปฏิชีวนะ) ที่ให้ไปด้วย เผื่อไข้จะลดลงกว่านี้ ว่าแล้วก็ต่อสายถึงทันที

“ฮัลโหลคร๊าบ”

“ว่า”

“รายงานเคสครับ” ต้องพูดเพราะนิดนึง อยู่ต่อหน้าพยาบาล ซึ่งกำลังรายงานเคสให้อาจารย์ฟังอ่านะ

“ว่ามา”

“ผู้ป่วยชายไทย เคสมะเร็งลำไส้ ไข้ไม่ลดเลยอ่ะ ลองเปลี่ยน antibiotics ดีไหมครับ”

“WBC* เท่าไหร่”

“3,000”

“อุณหภูมิร่างกายเท่าไหร่”

“38 กว่าๆ ตลอดเลย”

“Respiratory rate** เท่าไหร่”

“28”

“เข้าเกณฑ์ sepsis*** ไหม”

“คิดว่าเข้า”

“ใช้คำว่า ‘คิดว่า’ ไม่ได้ ไปดูเรื่อง sepsis มา แล้วค่อยโทรมาบอกว่าควรจัดการยังไง”

“ดะ เดี๋ยว อย่าเพิ่งวางดิ”

“อะไรอีก”

“บอกหน่อยไม่ได้หรอ” อันนี้ผมเดินไปกระซิบคุยในที่ๆ คนอื่นไม่ได้ยิน

“ไม่ได้ ถ้าพี่บอก นิวก็ไม่เกิดกระบวนการการเรียนรู้”

“ใจร้ายว่ะ”

“ไม่ใจอ่อนบอกหรอกนะ เท่านี้แหละ พี่วางละ อย่ามัวคุยเล่น รีบไปจัดการคนไข้ อีก 5 นาทีพี่โทรหา”

แล้วสายก็ถูกตัดไปครับ โอ้ยยยยย ช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายยยย

บ่นไปก็เท่านั้นล่ะผม สุดท้ายผมก็ต้องมานั่งหาข้อมูลเอง จริงๆ เรื่องที่พี่แกถาม ผมก็เรียนมาหมดแล้วล่ะ บางครั้งมันก็ลืม เพราะไม่ค่อยได้เจอเคสเท่าไหร่ ผมนั่งทบทวนเกณฑ์การประเมิน sepsis และหา antibiotics guideline**** ก็พบว่าควรใช้ยาตัวไหน แต่ประเด็นคือไม่รู้ว่าควรใช้ขนาดเท่าไหร่ และควรบริหารยาอย่างไร จึงยกหูโทรศัพท์ไปหาห้องยา

“สวัสดีครับ ห้องยาในครับ”

“สวัสดีครับ ผมหมอนิว นิวิฐ นะครับ”

“ว่าไงครับคุณหมอ ผมฟิล์มนะ”

“เอ่อ ฟิล์ม เราว่าจะถามถึงการบริหารยา tazocin***** น่ะ”

แล้วฟิล์มเภสัชก็อธิบายซะยืดยาวครับ ผมก็จดตามที่เค้าพูด ก่อนจะกล่าวขอบคุณ

“ขอบใจมากเว้ยฟิล์ม”

“ไม่เป็นไร วันนี้เวรเหรอ”

“ใช่ เวร icu ศัลย์”

“เปลี่ยนคำขอบใจเป็นเลี้ยงข้าวซักมื้อก็ดีนะ”

“ได้เลย ไม่มีปัญหา ว่างก็ลองทักมาละกัน”

แล้วผมก็วางสายจากฟิล์มเภสัช แล้วรีบโทรหาไอ้อาจารย์พี่กี้ ต้องรีบชิงโทรหาก่อน เดี๋ยวจะหาว่าผมช้า ถามเท่านี้ก็ไม่ได้เรื่องได้ราว

“ได้คำตอบละเหรอ”

“ได้แล้ว”

“ว่ามา”

แล้วผมก็สาธยายให้ฟังว่าคนไข้เป็นยังไง ควรแก้ไขและจัดการปัญหานี้ยังไง และสิ่งที่ต้องระวังคืออะไร

“ก็ทำได้นิ”

“ชมสิว่าเก่ง”

“ไม่ชมให้เหลิงหรอก ...แล้วนี่กินข้าวยัง”

“กินแล้ว พี่พยาบาลซื้อมาให้”

“ก็ดี จะได้ไม่ต้องวุ่นวายซื้อไปให้”

“ไม่ได้ขอร้องป่ะ”

“หึหึ”

“แค่นี้ล่ะ คุยด้วยละเสียเวลาดูคนไข้มาก”

“เดี๋ยว... เอาหูมาแนบโทรศัพท์ดีๆ”

“อะไร” ปากผมถามไป แต่ก็ทำตามนะ

“...คิดถึงนะ”

ไอ้อาจารย์พี่กี้บ้า! ก่อนมาเข้าเวรก็เพิ่งเจอกัน จะมาคิดถุงคิดถึงอะไร เว่อร์ไปละ คิดได้แบบนั้นก็กดวางสายเลยครับ ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึแว่วมาก่อนตัดสาย โอ้ยยยยย คนกวนประสาท คนเยอะแห่งปี2020

.

.

.

เมื่อคืน ผมดูคนไข้ถึงตีสอง ดูท่าทางไม่น่ามีอะไรแล้วเลยกลับห้องมาอาบน้ำนอน ตื่นเช้าก็ต้องรีบไปราวด์วอร์ด ระหว่างทางเดินข้ามตึก เจอฟิล์มเภสัช ยิ้มร่ามาแต่ไกลเชียว

“หวัดดีครับคุณหมอนิว”

“อืม หวัดดี เมื่อคืนขอบใจมากนะเว้ย”

“ไม่เป็นไร หน้าที่เราอยู่แล้ว มีปัญหาเรื่องยา...ให้คิดถึงหน้าเราเลยนะ” ทำหน้ายิ้มกริ่มไปด้วยนะ นี่ก็คนเยอะ2020อีกคน

“อือ แล้วนี่จะไปไหน”

“ไปซื้อกาแฟ ไปด้วยกันป่าว”

“ไปดิ อยากได้พอดี เมื่อคืนอยู่ถึงตีสอง ละยังต้องมาราวด์เช้าอีก ง่วงมากเลยเนี่ย” ผมบ่นๆ ให้มันฟัง เพราะไม่รู้จะคุยอะไร

“ง่วงมาก ซบไหล่เราก่อนก็ได้นะ”

“กวนตีนละมึง”

“ฮ่าๆๆ หยอดนิดหยอดหน่อย ไม่ต้องเขินนะ”

“ขนลุกว่ะมึง พอเลย”

เราเดินมาถึงร้านกาแฟพอดี ทำให้ฟิล์มเภสัชเลิกกวนตีนผม หันไปสั่งกาแฟแทน

“เอาอเมริกาโน่ ไม่หวานครับ ...นิว เอาอะไร”

“อเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาว หวานน้อย.. เดี๋ยวกูเลี้ยง มึงไม่ต้องจ่าย” จะเลี้ยงขอบคุณที่มันช่วยผมเมื่อคืนซักหน่อย

“ไม่ต้องเลย อย่าเพิ่งชิ่งเลี้ยง... ถ้าจะเลี้ยงน่ะ เย็นนี้ค่อยไปเลี้ยงข้าวเย็นเรา” นั่นไง ความเยอะของมัน

“เย็นนี้ไม่ว่าง เวร ER เว้ย”

“งั้นพรุ่งนี้”

“ไม่ว่าง เวรตรวจ OPD นอกเวลาถึงสองทุ่ม”

“งั้นวันถัดไป”

“ไม่ว่าง”

“เวรอะไรอีก”

“ไม่มี แต่กูขี้เกียจ อยากพักผ่อน”

“คราวหน้าไม่ช่วยแม่งละ”

“โอ๋ๆๆ กูล้อเล่นนนน ฮ่าๆๆ” ตลกครับ นี่ก็ผู้ชายตัวโตๆ ทำหน้างอนใส่ผม ตลกฉิบหายเลยครับ ฮ่าๆๆ



“หัวเราะอะไรนิว”



เสียงเย็นๆ ที่แสนจะคุ้นเคย ดังมาจากด้านหลังของผม ทำให้ผมต้องรีบหันขวับกลับไปมองเจ้าของเสียง

“อ้าว พี่กี้ ดื่มกาแฟเหรอครับ” ทักทายตามประสาทั่วไปครับ

“จะซื้อข้าวมั้ง มาร้านกาแฟเนี่ย” น่านนน กวนตีนกูอีก

“สวัสดีครับ อาจารย์กี้” เป็นฟิล์มเภสัชที่เอ่ยทักและยกมือขึ้นสวัสดี

“ดูว่างงานเนอะเภสัชเนี่ย” อ้าววว พี่กี้ กวนตีนนะนั่น

“ไม่ว่างหรอกครับ พอดีง่วงๆ เลยขอแวบออกมาซื้อกาแฟ”

“แล้วซื้อเสร็จยัง”

“เสร็จแล้วครับ”

“เสร็จแล้วก็กลับไปทำงานได้แล้วมั้ง”

“ยังไปไม่ได้ครับ ...รอนิวอยู่” อ้าววว เกี่ยวอะไรกับกูคร๊าบบบ

“รอทำไม เป็นอะไรกัน”

“เป็น... เพื่อนร่วมรุ่น...ไงครับ”

“ไปก่อนเลยมึง เดี๋ยวกูต้องไปเข้าเคสผ่าตัดกับอาจารย์กี้” ผมรีบตัดบทให้เองครับ เดี๋ยวได้ยืดเยื้อกว่านี้ เท่าที่ดูสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีนัก

“แล้วที่นัดกันล่ะ”

“เออๆ ค่อยคุยกัน”

สุดท้ายฟิล์มเภสัชก็ยอมถอยออกไปจากร้านกาแฟ โล่งอกไปที นึกว่าจะเกิดสงครามอะไรขึ้นละเมื่อกี้ เฮ้อออ

“นัดอะไรกัน” นั่นไง เสียงเย็นๆ มาอีกแล้ว

“ยังไม่ได้นัด”

“ก็ที่มันบอกเมื่อกี้”

“ก็เมื่อคืนมันช่วยหาข้อมูลยา เลยจะนัดเลี้ยงขอบคุณ ...ก็เท่านั้นเอง”

“นึกว่าหาเอง ที่แท้ก็ยืมมือคนอื่น น่าผิดหวังว่ะ” โหหห ด่าแรงนะนั่น จุกเลยผม

“เภสัชเค้ารู้เรื่องยา ก็ต้องปรึกษาเค้าดิ งั้นจะมีเค้าไว้ในโรง’ บาลทำไม”

“ปรึกษาได้ แต่ไม่ใช่คนนี้”

“ทำไม”

“ไม่รู้รึไงว่ามัน...เต๊าะเราอยู่”

“แล้วทำไมล่ะ...พี่กับมัน...ก็ชอบผมทั้งสองคน... กับพี่ ผมยังคุยด้วยเลย... กับมัน ผมจะคุยด้วยก็ไม่เห็นแปลกอะไร

พูดจบ ผมก็คว้าแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จ แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟเลยครับ โกรธที่โดนด่าว่ายืมมือคนอื่น ไม่ชอบคำว่า ‘น่าผิดหวัง’ นี่มันดูถูกกันชัดๆ



ช่วงนี้ผมหงุดหงิดง่ายครับ อาจจะเป็นเพราะตั้งแต่ย้ายมาวอร์ดศัลยกรรม ไม่ค่อยว่างเลย แทบไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ไม่มีเวลาเล่นการ์ด ไม่มีเวลาผ่อนคลายเลย ทำให้มีอะไรมากระทบนิดกระทบหน่อย ผมก็เหวี่ยงได้ทันที แถมตารางเวรยังยาวเป็นหางว่าว มีแทบทุกวัน แดกกาแฟเช้าเที่ยงเย็น แทบจะแดกแทนข้าวอยู่แล้วครับ

ละยิ่งมีคนมากวนตีน มาวุ่นวาย ผมยิ่งหงุดหงิด รำคาญ บางครั้งก็อยากอยู่เงียบๆ คนเดียวบ้าง ใครจะจีบ จะเต๊าะ จะกัดกันก็เอาเลย ตามสบาย ผมขี้เกียจยุ่ง



-------------------------------------------------

วันเสาร์ที่แสนจะยุ่งเหยิง

ผมตื่นมาราวด์วอร์ดแต่เช้า เป็นสิ่งที่ต้องทำทุกๆ วัน แล้ววันนี้ต้องอยู่ยาวด้วย เพราะอาการคนไข้เคสมะเร็งลำไส้อาการไม่ค่อยดีเลย หลังจากที่เปลี่ยนยาอาการก็ดีขึ้นได้ 3 วัน หลังจากนั้นอาการก็แย่ลงอีก ซึ่งตอนนี้มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภาวะที่เพิ่งเกิด ผมต้องโทรรายงานไอ้อาจารย์พี่กี้ด่วนเลย

ซึ่งตั้งแต่วันนั้น ผมยังไม่คุยกับพี่แกดีๆ เลย เจอกันแค่ตอนราวด์วอร์ดในบางวัน หรือไม่ก็เจอในห้องผ่าตัด ซึ่งก็คุยกันแค่เรื่องงาน ไม่มีเรื่องอื่นเลย ละวันนี้ต้องโทรรายงานเคส ลำบากใจนิดหน่อย แต่ก็ต้องทำแหละ

“ฮัลโหลครับ”

“ว่า”

“เคสมะเร็งลำไส้ ตอนนี้หัวใจเต้นผิดจังหวะครับ”

“หาสาเหตุดิวะ เกิดจากอะไร”

“โปแตสเซียมต่ำไหมครับ”

“แล้วโปแตสเซียมต่ำเกิดจากอะไร”

“.....” เงียบครับ ถ้ารู้จะโทรหาไหม

“เพราะอาการข้างเคียงของยา tazocin ไหม” เออว่ะ ใช่ว่ะ

“ครับ ...แล้วผมควรเปลี่ยนยา หรือ ควรลดขนาดลงดี”

“เปิดไกด์ไลน์สิวะ จะถามทุกอย่างเลยรึไง”

“พี่กี้... ผมว่าพี่กี้มาดูหน่อยไหม ตอนนี้คนไข้หนักมาก ผมกลัว...กลัวจะเอาไม่อยู่” กลัวจริงๆ นะครับ ในขณะที่คุยไป มองดูคนไข้ไป คนไข้กระตุกไปด้วย บ่งบอกว่าการหายใจมีปัญหาหนักมาก

“เออๆ อีกห้านาทีถึง”



ไม่นาน ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็มาถึง เดินมาดูคนไข้ด้วยตัวเอง ผมจึงหันไปสนใจเคสอื่น ยังมีงานให้ทำอีกเยอะ การเป็นหมอ มันเป็นอาชีพที่ทำงานไม่จบไม่สิ้น แก้ปัญหาให้คนไข้ดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานก็ทรุดลงได้ การรักษาชีวิตคนหรือการยื้อชีวิตคน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันมีปัจจัยหลายอย่าง บางครั้งแค่ความรู้ไม่พอหรอก หลายครั้งที่รักษาจนสุดทาง หาทางออกไม่ได้ แต่ ‘ปาฏิหาริย์’ ก็เกิดขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับหากปฏิหาริย์ไม่เกิด นั่นหมายถึงการสูญเสีย

เราต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้ในจุดนี้ จุดที่เราต้องมองดูลมหายใจสุดท้ายของแต่ละชีวิต...



“คุณหมอคะ ชาร์จอีกรอบไหมคะ”

“ครับ มาเลย”

...ฟึ้บบบ...

เสียงสัญญาณชีพยังดังยาว ไม่ตอบสนองต่อการช่วยชีวิต

“อีกรอบนะลุง...กลับมาอยู่ด้วยกันก่อน”

...ฟึ้บบบ...

เสียงสัญญาณชีพยังดังยาวเหมือนเดิม...

“อดทนนะลุง รอบนี้...รอบสุดท้ายแล้ว กลับมาอยู่ด้วยกันก่อนนะ”

...ฟึ้บบบ...

เสียงสัญญาณชีพยังดังยาวเหมือนเดิม... พร้อมกับเครื่องหมายขีดยาวๆ ที่เคลื่อนผ่านหน้าจอ



...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...ไม่มีอะไรหยุดการสูญเสียครั้งนี้ไปได้จริงๆ เหรอ...



ผมขอ...ปาฏิหาริย์...เถอะนะ



เคสนี้เป็นเคสที่ผมตั้งใจดูแลมาก ยังไม่อยากให้จากไปแบบนี้...



“อาจารย์คะ เราชาร์จไป 3 รอบแล้วนะคะ”

“ครับ...ผมว่า แกไปแล้วแหละครับ... ญาติเค้าอยู่แถวนี้ไหม ถ้าอยู่ ผมจะไปคุยกับญาติเค้าเอง”



ไอ้อาจารย์พี่กี้หน้านิ่งมากตอนนี้ กำลังจะออกไปคุยกับญาติคนไข้ ส่วนผมนั้น... ช๊อกนิดนึงครับ ไม่ค่อยเห็นบ่อยเท่าไหร่กับการจากไปกะทันหันแบบนี้ ได้แต่เฝ้าถามตัวเอง ‘ผมทำอะไรผิดพลาดไปไหมวะ’ เครียดครับ ตอนนี้เครียดหนักกว่าเดิมอีก ถึงรู้ว่าการจากไปเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่ก็นั่นแหละ มองเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา มันจะไม่สะทกสะท้านได้ยังไงละครับ ผมก็มี...หัวใจ...นะ



ผมขอตัวออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเองโดยการออกไปกินข้าวเที่ยงซักหน่อยครับ ไม่ได้ไปกินไกลเลย แค่ร้านอาหารตามสั่งหน้าโรง’ บาลเท่านั้นล่ะ ผมหลบออกมาตอนที่ไอ้อาจารย์พี่กี้คุยกับญาติคนไข้อยู่ พี่แกเลยไม่เห็นผม

ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวพิเศษถูกวางตรงหน้าผม พร้อมกับร่างสูงที่คุ้นเคยเดินมานั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามผม

“จะออกมากินข้าว ไม่เห็นชวนพี่เลย” ทำไมต้องชวนวะ

“ก็เห็นพี่ยุ่งอยู่ เลยออกมาก่อน”

“...บ่ายนี้ว่างไหม” ผมเงยหน้ามองคนตรงหน้านิดนึง ก็เห็นอยู่ว่าวันนี้เวรผม จะว่างได้ไงวะ

“วันนี้ผมมีเวร”

“ก็ดูครบทุกเคสแล้วนิ”

“ก็เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบเมื่อกี้อีก”

“ไม่เป็นไร พี่บอกพี่พยาบาลแล้วว่าบ่ายนี้นิวไม่เข้า”

“อ้าว” วางช้อนส้อมในมือลงเลยครับ จะมาวุ่นวายอะไรกับผมขนาดนี้เนี่ย

“พี่ว่าช่วงนี้นิวเครียดไปแล้วนะ ออกไปผ่อนคลายบ้าง”

“ถ้าผมออกไป แล้วเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก... ใครจะรับผิดชอบ”

“...พี่รับผิดชอบเอง”

“ไม่เอาอ่ะ พี่ไปคนเดียวเลย ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก”

“นิว ฟังนะ ...เสียใจได้ ...แต่ห้ามโทษตัวเอง เราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ไม่มีใครหยุดความตายได้หรอก ขนาดพระพุทธเจ้ายังหยุดความตายไม่ได้เลย ...เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติของโลก ...เข้าใจและยอมรับมันซะเถอะ”

พูดมาขนาดนี้ ผมต้องไปด้วยสินะ เออๆ ไปด้วยก็ได้วะ

“อือ แล้วจะชวนไปไหน”

“ไปดูหนังกัน”

กินข้าวเสร็จผมก็เดินตามไอ้อาจารย์พี่กี้ต้อยๆ ใจง่ายฉิบหายเลยว่ะผม แค่เค้าชวนไปดูหนังก็ตกลงไปง่ายๆ เลย บางครั้งก็เบื่อตัวเอง บทจะใจอ่อนก็ใจอ่อนง๊ายยยยง่าย

อยู่ดีๆ คนตรงหน้าก็เอื้อมมือมาจับมือผม ผมเงยหน้ามองเหมือนจะถามว่าจับทำไม แต่ร่างสูงก็ยิ้มกว้างให้แทนโดยไม่ตอบอะไร พร้อมกับสอดนิ้วมือเข้ามาประสานกับนิ้วมือของผมไว้ กระชับเบาๆ ให้ความรู้สึก...อบอุ่น...อย่างบอกไม่ถูก ใจมันหวิวๆ เหมือนจะลอยคว้างอยู่กลางอากาศ รู้สึกได้ถึงหน้าร้อนๆ เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ

การที่มีคนคอยเดินกุมมืออยู่ข้างๆ ในวันที่เหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจ มันก็...รู้สึกดีเหมือนกันนะ



TBC.



*WBC คือ white blood cell เป็นเม็ดเลือดที่มีหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาร่างกาย

**Respiratory rate คือ อัตราหายใจ ตรวจดูว่าหายใจนาทีละกี่ครั้ง โดยนับการเคลื่อนไหวของทรวงอกหรือหน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นหรือลงเป็นจำนวนกี่ครั้งต่อหนึ่งนาที

***Sepsis คือ ภาวะที่ร่างกายของเรามีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการติดเชื้อ หรือ ต่อพิษของเชื้อโรค โดยทําให้เกิดการอักเสบขึ้นทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งการติดเชื้อนี้ อาจเกิดขึ้นที่ตําแหน่งใด ตําแหน่งหนึ่งของร่างกาย หรือเป็นการติดเชื้อทั่วร่างกายก็ได้

****Antibiotics guideline คือ แนวทางในการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะ

*****Tazocin คือ ยาปฏิชีวนะ มีข้อบ่งใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบบ moderate –severe ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อบริเวณกระดูกและข้อ การติดเชื้อภายในช่องท้องและการติดเชื้อในกระแสเลือดโดยยานี้จะครอบคลุมการรักษาการติดเชื้อ S.aureus, H.influenzae, Bacteroides และเชื้อแบคทีเรียแกรมลบอื่นๆ




Talk : ตอนนี้วิชาการมากไปหน่อย ใครอ่านชิลๆ ก็ข้ามตรง * ไปเลยนะคะ เราเอามาจาก google ค่ะ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยค่ะ แต่ตอนนี้จะสื่อว่า หมอโรง'บาลรัฐ คือทำงานหนักจริงๆค่ะ ใครคิดจะมีแฟนเป็นหมอ ต้องเสียสละเรื่องเวลาให้ได้ ห้ามงอแง ห้ามง๊องแง๊ง ไม่งั้นคบกันไม่รอดค่ะ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และคอมเม้นท์ตอนที่ผ่านๆมานะคะ ตอนนี้ก็เช่นเคยค่ะ ขอกำลังใจหน่อยค่าาา ><








หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ 24.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-06-2020 21:44:25
เออไปผ่อนคลายนะนิว เครียดไปด้วยเลย พี่หมอกี้อบอุ่นอ่าาา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยเรื่องงาน ดีละหมอนิวจะได้เก่งขึ้นด้วยตัวเอง ทำเองหาเองศึกษาเองก็จำได้ดี เนาะ คึคึ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ 24.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-06-2020 21:45:24
 :impress2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ 24.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-06-2020 21:56:00
เหนื่อยทั้งกายและใจเลยเป็นหมอ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 12 อยู่เวรวนไปสิ 24.6.63
เริ่มหัวข้อโดย: manarina ที่ 26-06-2020 07:31:25
กอดๆ นะคะหมอนิว Q~Q
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 13.1 ชำระความ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 26-06-2020 18:17:15
ตอน 13.1 ชำระความ


- หมอกี้ –



หลังจากที่แจ้งญาติผู้เสียชีวิตถึงการจากไปอย่างกะทันหันแล้วผมก็เดินตามคนตัวเล็กออกมากินข้าวที่หน้าโรง’ บาล ช่วงนี้ผมค่อนข้างเป็นห่วงน้อง เพราะทำงานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนจึงตั้งใจจะชวนไปดูหนัง

สองสามวันก่อนผมอยู่ในระยะทำใจ ...น้อยใจที่น้องมันตีค่าผมเท่ากับไอ้เด็กเภสัชคนนั้น แต่น้องมันคงไม่รู้ตัวหรอกว่าคำพูดมันทำร้ายจิตใจผมแค่ไหน แต่ถึงจะรู้ มันก็คงไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน ดีแค่ไหนแล้วที่น้องมันยอมให้เข้าใกล้

แต่ก็...แอบคาดหวังลึกๆ ว่าน้องมันคงชอบเราบ้างแหละ



พอกินข้าวเสร็จ ระหว่างทางเดินไปที่รถ ผมก็เอื้อมมือไปกุมมือน้องไว้ ประสานนิ้วเข้าหากัน ผมอยากปลอบประโลมเด็กน้อยที่ตอนนี้ขวัญเสียเพราะคนไข้ตายต่อหน้าต่อตา น้องเพิ่งเรียนจบ ประสบการณ์การรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ยังน้อยมาก กว่าผมจะรับมือได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ยิ่งตอนไปเรียนต่อเฉพาะทาง ยิ่งเจอแต่เคสหนักๆ เพราะมันไม่ค่อยมีเคสธรรมดาหรอกที่ส่งต่อมาให้ศึกษา



เรามาถึงหน้าโรงหนัง ให้น้องเลือกว่าอยากดูเรื่องอะไร ซึ่งเรื่องที่เลือกดูก็เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นทางฝั่งอเมริกา ผมสังเกตว่านิวชอบดูการ์ตูนมากกว่าดูหนัง นี่มันเด็กน้อยชัดๆ

“ยิ้มอะไรพี่” เป็นเสียงคนตัวเล็กที่เดินถือน้ำอัดลมและปอปคอร์นกล่องใหญ่มาตรงหน้าผม

“ยิ้มก็ผิดเหรอ”

“ไม่ผิดหรอก ถ้ายิ้มแบบคนทั่วไป... แต่นี่มันเหมือนยิ้มมีอะไรแอบแฝงอ่ะ”

“แล้วนิวคิดว่าพี่มีอะไรแอบแฝงล่ะ” พูดไปก็ยังไม่หุบยิ้มนะผม

“...ไม่คุยด้วยแล้ว”

พูดจบ คนตัวเล็กก็เดินนำหน้าผมไปหาพนักงานฉีกตั๋ว แล้วจัดการเอาบัตรยื่นให้พนักงานเองเสร็จสรรพ จากนั้นก็เดินเข้าโรงหนัง ที่นั่งที่เราเลือกเป็นโซนธรรมดานี่ล่ะครับ แถว C ตำแหน่ง 10, 11 ตอนนี้ยังว่าง ไม่มีคนในโรงหนังเลย จริงๆ ผมอยากนั่งโซนเก้าอี้คู่ แต่น้องไม่ยอมนั่งด้วย น้องบอกมันมากเกินไป คือ เราไปยืนเถียงกันตอนซื้อตั๋ว จนพนักงานแอบขำ เหมือนดูผัวเมียทะเลาะกันน่ะ



“พี่กี้ ขยับไปหน่อยดิ”

คนตัวเล็กบอกให้ผมขยับตัวออกห่าง เพราะตอนนี้ผมเอาแขนวางพาดไหล่น้องอยู่ ก็เหมือนโอบเบาๆ นั่นแหละ หึหึ ก็ดูสิ อยากรู้นักว่าไอ้เด็กเภสัชมันทำได้ขนาดนี้ไหม

“ไม่ขยับได้ไหม ท่านี้พี่กำลังสบายเลย”

“พี่สบายคนเดียว ผมไม่สบายด้วยหรอก”

“ทำไม ...นั่งท่านี้มันไม่สบายตรงไหน”

“ผมจะพิงพนักเก้าอี้ แต่แขนพี่มันขวางอยู่เนี่ย”

“ก็พิงแขนพี่มาเลย...” พูดไป ยิ้มกริ่มไปด้วยนะ ชอบจริงๆ เวลาที่ต้อนจนอีกฝ่ายจนมุมเนี่ย

“ไม่เอา... เอาแขนออกไปเลยนะ”

“งั้น...พี่วางตรงนี้นะ” พูดจบ ผมก็เอาแขนตัวเองออกมา แล้วเอื้อมมือไปกุมมือน้องไว้ อีกฝ่ายขัดขืนนิดหน่อย แต่ผมไม่ยอมหรอกนะ สุดท้ายก็ยอมให้ผมจับอยู่ดีนั่นแหละ

“อยู่นิ่งๆ ...อยากรู้นักว่าเพื่อนเภสัชของนิวเคยทำแบบพี่ไหม” ถึงเวลาชำระความแล้วล่ะนิว

“ใครจะกล้าทำตัวแบบพี่ คิดเองเออเองเสร็จสรรพ”

“ก่อนพี่จะทำอะไร พี่ขออนุญาตเราก่อน”

“พี่ไม่ได้ขอผมทุกครั้ง”

“ก็...เกือบทุกครั้ง แต่นิวก็ให้ความร่วมมือพี่ดีนี่นา”

“......”

คนข้างๆ เงียบ ไม่ตอบ ผมจึงฉวยโอกาสตอนที่โรงหนังเริ่มปิดไฟแล้ว แต่ยังไม่มีคนเข้ามา ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้หน้าน้อง น้องดูตกใจนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้ตกใจนาน ผมบดเบียดริมฝีปากของตัวเองเข้าหาปากสวยได้รูปตรงหน้า ส่งเรียวลิ้นอุ่นเข้าไปภายในปากน้อง รับรู้ได้ถึงรสปอปคอร์นอ่อนๆ จากปลายลิ้นที่เราสัมผัสกัน ผมดูดดุนริมฝีปากน้องจนพอใจ กินเวลาไปนาทีกว่าๆ จึงยอมปล่อยริมฝีปากสวยให้เป็นอิสระ

“ไอ้เด็กเภสัชมันเคยทำแบบนี้กับนิวไหม”

“...ไม่”

“ถ้างั้น...อย่าเอาพี่ไปเปรียบเทียบกับมัน พี่กับมันไม่เท่ากัน เข้าใจไหม”

“...อือ...”

“ถ้ามีครั้งต่อไป...พี่ไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”

“...อือ...”

“มือนิวนี่เหงื่อเยอะจังเลยนะ หึหึ”

“ไอ้พี่บ้า!!”





สุดท้ายก็ดูหนังไม่จบครับ เพิ่งดูได้ครึ่งเรื่อง พยาบาลก็โทรตามให้ไปดูคนไข้ พวกผมเลยออกจากโรงหนัง แล้วตรงดิ่งกลับโรง’ บาล นิวกลับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยไปช่วยดูเคส หรือเรียกอีกอย่างว่าไปเฝ้านิวนั่นแหละครับ กลัวคนโน้นคนนี้มาขายขนมจีบอีก ไอ้นี่ก็คุยกับเค้าไปทั่ว มนุษยสัมพันธ์ดีเกินไปแล้ว

ตอนแรกก็ว่าจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ตอนนี้รู้สึกคนมาวุ่นวายมันเยอะ ค่อยเป็นค่อยไปคงไม่ได้แล้ว รวบหัวรวบหางแม่งเลยดีไหม หึหึ

“พี่กี้ พี่กลับก่อนก็ได้นะ” เสียงไอ้ตัวดีมันไล่ผมกลับรอบที่ยี่สิบแล้ว

“ไม่อ่ะ อยู่ช่วยนิวดูเคสดีกว่า”

“พี่อยู่นี่ ผมยิ่งไม่มีสมาธิทำงาน”

“...พี่มีผลต่อการทำงานของนิวขนาดนั้นเลยเหรอ”

“...เฮ้ออออ”

เสียงถอนหายใจออกมาจากปากคนตรงหน้า แบบหน่ายโลกมาก หรือหน่ายหน้าผมก็ไม่รู้ ช่างสิ ก็ผมจะอยู่ตรงนี้

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง...

“พี่กี้ กลับกันเถอะ...”

“เสร็จแล้วเหรอ”

“อือ ก็น่าจะเรียบร้อยทุกเคสแล้วนะ”

“งั้นไปหาข้าวกินกัน”

“เคร เก็บของแป๊ป”



แล้วเราก็ออกไปกินข้าวหน้าโรง’ บาล กินเสร็จก็กลับห้องใครห้องมัน จริงๆ ผมก็อยากกลับเข้าห้องน้องนั่นแหละ แต่วันนี้รุกหนักแล้ว มากกว่านี้เดี๋ยวน้องมันกลัว หึหึ

อาบน้ำเสร็จก็กดโทรศัพท์เช็คโลกโซเชียลซักหน่อย มีข้อความทางไลน์จากแนนค้างอยู่

Nan : แกๆ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์หน้า ไปเที่ยวทะเลกันไหม

         วันเกิดฉันอ่ะ แกห้ามปฏิเสธนะ


ผมอ่านข้อความแนนแล้วเปิดดูตารางเวรว่าติดอะไรไหม ปรากฏว่า...ว่าง ไม่มีเวร ...ผมเปิดดูตารางเวรของอีกคนด้วย ใช่ครับ ตารางเวรน้องนิวไง ผมแอบเซฟเก็บไว้ตอนที่เด็กๆ แลกเวรกันในกลุ่มไลน์ ปรากฏว่า...ว่าง เหมือนกันเลย

Kie : ไปดิ ไปไหน

ทันทีที่ผมตอบไลน์ แนนก็ตอบกลับมาอย่างไว เหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว

Nan : เย้ๆๆๆ ชวนน้องนิวไปด้วยไหม เด๋วเราชวนให้

Kie : เอาดิ

แล้วแนนก็หายไปพักนึง ก่อนจะกลับมาตอบว่า

Nan : แกๆ น้องตกลงไปด้วย

Kie : (ส่งสติ๊กเกอร์ ‘เยี่ยมมาก’ กลับไป)

Nan : จริงๆ มีอีกคนที่ไปด้วยนะ ...พี่กายน่ะ


พี่กายคือแฟนแนน ที่เพิ่งคบกันไม่นาน พี่กายเป็นนักบินสายการบินต่างประเทศ สองคนนี้จึงไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย คนจึงไม่ค่อยรู้ว่าแนนมีแฟนอยู่แล้ว จะรู้ก็เฉพาะคนสนิทเท่านั้น

Kie : (ส่งสติ๊กเกอร์ ‘เหม็นฟามรัก’ ตอบกลับไป)

Nan : อย่ามาแซวๆๆ ของตัวเองเถอะ ถึงไหนแล้วกับน้องนิวน่ะ

Kie : เหมือนเดิมแหละ

Nan : ไปเที่ยวคราวนี้ ต้องเลื่อนสถานะได้แล้วนะ ฉันจะจองห้องสวีทเตียงคิงไซส์ให้แกเลย

Kie : เว่อร์ไปป่ะ เด๋วน้องมันก็กลัวเรา

Nan : แล้วแกจะรออะไรวะ รอให้น้องเภสัชคาบไปกินรึไง

Kie : ไม่ยอมให้มีวันนั้นแน่ๆ

Nan : งั้นก็ดับเครื่องชนได้แล้ว!!




TBC.




Talk : ตอนนี้มานิดหน่อย พรุ่งนี้มาลงเพิ่มให้อีกครึ่งตอนนะคะ …เค้าจะไปเที่ยวทะเลกันแล้ว ลุ้นจังเลย อิอิ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์กันนะค๊าาา ><

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 13.1 ชำระความ 26/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-06-2020 22:49:37
 :katai2-1:


หมอแนน เริ่ดดดดดด
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 13.1 ชำระความ 26/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 26-06-2020 23:13:37
เอ้า!หมอแนนแอบเชียร์คู่นี้อยู่นี่เอง 555 พี่หมอกี้ปากไวใจถึงจริง ไม่รอดๆหมอนิวไปเที่ยวครั้งนี้จะไหวตัวทันได้ไหม  :impress2: 55555  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 13.2 ทะเลหวาน
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 27-06-2020 18:17:40
ตอน 13.2 ทะเลหวาน?


- หมอนิว –



พี่แนนชวนผมไปเที่ยวทะเลครับ รีบตอบตกลงสิครับ รออะไรล่ะ โอกาสมาถึงแล้ว ถึงจะมีไอ้อาจารย์พี่กี้ไปด้วยก็เถอะ เราเดินทางกันไป 3 คน และจะมีเพื่อนพี่แนนมาสมทบที่นู่นอีก 1 คน นั่นเป็นข้อมูลที่ผมได้รับ

พวกเราเดินทางวันศุกร์ พักค้างคืนวันศุกร์และเสาร์ กลับวันอาทิตย์ ขับรถประมาณ 5 ชั่วโมงโดยไอ้อาจารย์พี่กี้ พอมาถึงที่พัก ก็รู้แหละว่าต้องพักห้องเดียวกันกับไอ้อาจารย์พี่กี้ แต่ไม่คิดว่าพี่แนนจะจองห้องสวีทสุดโรแมนติกให้ขนาดนี้ เตียงคิงไซส์ตั้งหราอยู่กลางห้อง มีผ้าพับเป็นรูปหัวใจวางไว้กลางเตียง โอ้ววววว แม่เจ้า นี่มันบรรยากาศสุ่มเสี่ยงกับการเสียตัวมากกกกกผมได้แต่ยืนอึ้งอยู่กลางห้อง ผิดกับอีกคนที่พักห้องเดียวกัน รายนั้นผิวปากสบายใจเก็บของเข้าตู้เฉยเลย

“พี่กี้ ไปเปลี่ยนห้องกันเถอะ”

“เปลี่ยนทำไม ห้องนี้ก็ดีอยู่แล้วนิ ...ดูสิ เป็น sea view ด้วย” เจ้าตัวเดินไปเปิดม่านออก มองเห็นวิวทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา

“วิวทะเลมันก็สวยดีหรอกพี่ แต่ผมอยากได้ห้องที่เป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง”

“ทำไม ...กลัวพี่รึไง” เจ้าของประโยคไม่พูดเปล่านะ เดินเข้ามาใกล้ผมมากอ่ะ แล้วจะให้ตอบยังไง ก็กลัวนะสิ แค่ตอนในโรงหนังก็ยังจูบผมได้ แล้วนี่อยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองกับเตียงคิงไซส์หลังใหญ่ อะไรจะเกิดขึ้น ผมไม่กล้าจินตนาการเลยล่ะ

“...ใช่ ท่าทางพี่ไม่น่าไว้ใจ”

“ที่ผ่านมา ก็ขอก่อนอยู่แล้วนี่นา จะกลัวอะไร”

“ตอนในโรงหนัง...ไม่เห็นจะขอเลย”

“ก็นั่นมัน...ทำโทษ...สำหรับคนดื้อ ที่ชอบพูดจาทำร้ายความรู้สึกพี่”

โอ้ยยยยย เห็นไหมล่ะ คือถ้าพี่แกจะทำอะไร แกก็สามารถหา ‘ข้ออ้าง’ ให้ตัวเองถูกได้ตลอดแหละ แล้วนี่ผมจะรอดไหมเนี่ยยยยย อยากจะบ้าตาย พี่แนนนะพี่แนน!!



พอเก็บของเรียบร้อย ก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ซึ่งเรานัดเจอกันที่ล๊อบบี้เพื่อออกไปหาร้านอาหารอร่อยๆ ทานมื้อเย็นกัน พอลงมาข้างล่างก็เห็นพี่แนนในชุดเดรสสายเดี่ยวกระโปรงยาวสีขาว สวยหวานละมุนมาก ข้างพี่แนนเป็นผู้ชายอีกคนนึง หน้าตาดีมาก ได้รับการแนะนำว่า

“นี่พี่กายนะนิว แฟนพี่เอง”

หืมมมม... นี่ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม พี่กาย แฟนพี่เอง...

“อึ้งอะไรขนาดนั้นนิว” เป็นคนข้างกายผมที่สะกิดเมื่อเห็นผมเงียบไปนาน

“อ่อครับ สวัสดีครับพี่กาย ผมชื่อ นิว นะครับ เป็นรุ่นน้องหมอพี่แนนครับ” พูดจบก็ส่งยิ้มให้ไปครับ ผมว่ายิ้มผมน่าจะแหยๆ หน่อย ดูไม่ค่อยจริงใจ ก็จะให้จริงใจได้ไงครับ คนมันอึ้ง เมื่อรู้ว่าคนที่แอบหมายปองมีชายอื่นแล้ว งือออ อยากร้องห้ายยยยย



แล้วเราก็ยกขบวนกันมาร้านอาหารทะเลร้านหนึ่ง อยู่ริมชายหาด บรรยากาศร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาว มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูป พี่แนนที่แต่งตัวเข้ากับร้านก็สนุกกับการถ่ายรูปมาก ส่วนผมนั่งดูพี่เค้ายิ้มให้กล้องก็มีความสุขแล้วล่ะ

...แชะ...

เสียงกล้องดังอยู่ข้างหูผม หันไปดูก็รู้ว่าเป็นไอ้อาจารย์พี่กี้มันแอบถ่ายรูปผม

“แอบถ่ายอีกแล้วนะ”

“ก็มุมนี้กำลังสวย”

“หล่อป่ะ ไม่ใช่สวย”

“ฮ่าๆๆ”

“หัวเราะอะไรพี่กี้!!”

“หัดส่องกระจกบ้างนะ หึหึ”

“หยุดเลยยยย”

“ป่ะ ไปถ่ายรูปกัน” แล้วไอ้อาจารย์พี่กี้มันก็ลากผมไปถ่ายรูปมุมนั้นมุมนี้ บังคับผม selfie คู่กันด้วยนะ นี่ไม่ได้อยากจะถ่ายด้วยเล้ยยยยย ถูกบังคับทั้งน้านนน

“กี้กับนิวไปยืนคู่กันฉากนั้น เดี๋ยวเราถ่ายให้” พี่แนนครับ บงการผมกับไอ้อาจารย์พี่กี้ แต่ผมก็ทำตามนะ

“กี้ โอบไหล่น้องหน่อย” คนข้างๆ ผมก็ปฏิบัติตามอย่างดี ส่วนผมนั้น...รู้สึกว่าอากาศมันร้อนขึ้นมาเฉยๆ

“กี้ ก้มลงมองหน้าน้องนิดนึง ส่วนนิว...หันหน้าไปมองหน้าพี่เค้าหน่อย” ละผมก็ค่อยๆ เงยหน้าไปมองไอ้พี่กี้ ก็เห็นว่าหน้าหล่อๆ มองมาก่อนแล้ว โอ้ยยยยย อากาศมันชักจะร้อนหนักกว่าเดิมแล้วนะ ใจนี่ก็สั่นจังวะ

“ยังงั้นแหละ ดี ดีมาก”

ถ่ายรูปเสร็จก็พอดีกับที่อาหารมา พวกเราจึงหันมาสนใจกุ้งตัวโตๆ ปลาหมึกสดๆ หอยตัวใหญ่ๆ ตรงหน้า ไม่นานทุกอย่างก็เกลี้ยงจาน เพราะความหิวและความเหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วยแหละ



พอกินข้าวเสร็จ พวกเราก็กลับโรงแรมที่พัก พี่กายกับพี่แนนออกไปเดินเล่นชายหาด ส่วนผมนั้นขอตัวขึ้นห้องไปอาบน้ำนอน ไอ้อาจารย์พี่กี้ก็เดินตามผมขึ้นห้อง พอถึงห้อง ผมก็รีบหยิบชุดนอนและผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำเลย พอเข้าไปซักพัก ถอดเสื้อผ้าแล้ว กำลังจะเปิดฝักบัว ก็มีเสียงที่คุ้นเคยมาเคาะหน้าห้องน้ำ

“นิว เสร็จยัง พี่ปวดท้อง”

“ยังไม่เสร็จ รอก่อนนนน”

“เร็วๆ พี่จะทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ”

“แป๊ปปปปปป” ตอบไปก็รีบเปิดฝักบัวอาบน้ำไปด้วย

“เปิดเลย ถ้าไม่เปิด พี่จะเปิดเข้าไปเองแล้วนะ” เวรแล้ววววว ผมลืมบอกไปว่าห้องน้ำมันเป็นแบบบานเลื่อน ไม่มีที่ล๊อกประตูด้วย คงเพราะความ ‘ห้องสวีท’ นี่แหละมั้งครับ มันถึงได้พิเศษขนาดนี้

ห้องน้ำแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซนฝักบัว มีประตูกระจกกั้นออกจากโซนชักโครก อีกโซนหนึ่งเป็นอ่างจากุชชี่ มีเทียนหอม และสบู่หลากหลายกลิ่นให้เลือกใช้ ส่วนผมเลือกใช้ฝักบัว ตั้งใจว่าจะรีบอาบรีบเสร็จ

“อย่าเพิ่งพี่!! แป๊ปเดียว ผมใกล้เสร็จแล้ววววว”

“ไม่ไหวแล้วว่ะ”



...ฟืบบบบ...

ประตูบานเลื่อนถูกเปิดออก และผมยังอยู่ใต้ฝักบัว...กำลังถูสบู่!!

โชคดีมากที่หันหลังให้ประตู!!



“ไอ้พี่กี้!!”

“นิว!!”



“ออกไปเดี๋ยวนี้!!”

“ไม่!! นิวอาบน้ำก็อาบไป พี่จะใช้ชักโครกตรงนี้”

“งั้นก็ปิดตา ห้ามดูผมอาบน้ำ!!”

“ห้ามได้ไง ก็อยู่ตรงหน้าเลยเนี่ย หึหึ”

ผมรีบเปิดฝักบัวล้างตัวเลยครับ ไม่สนใจว่าถูตัวครบทุกส่วนไหม จะบ้าตาย จะมาปวดท้องอะไรตอนนี้ โอ้ยยยย ละกลิ่น ‘ของเน่าเสีย’ ของพี่แกก็เริ่มโชยมานะ อยากจะอ้วกกกกก



“ขาวไปทั้งตัวเลยนะ”

“หลับตาเดี๋ยวนี้!!”



นาทีนี้ ผมรีบหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว แล้วก็หอบชุดนอนที่เอาเข้ามาด้วยรีบวิ่งออกจากห้องน้ำเลย โอ้ยยยย จะบ้าตาย เห็นไปถึงไหนละเนี่ยยยย อายว่ะ ขนาดพ่อกับแม่ยังไม่เคยเห็นตอนผมโตแล้วเลยนะ ไอ้พี่กี้นี่มันคนฉวยโอกาสชัดๆ ละคืนนี้ผมจะนอนหลับลงไหมเนี่ยยยยย



ผ่านไปซักพัก ผมเริ่มตั้งสติได้ จึงหอบหมอนและผ้าคลุมเตียงที่หนาพอสมควรไปลงหลักปักฐานที่โซฟา คืนนี้ผมจะนอนโซฟา ให้ไอ้พี่กี้นอนเตียงไปคนเดียวเลย ขืนนอนเตียงด้วยกัน ผมอาจเพลี่ยงพล้ำก็เป็นได้



ผมนอนกดมือถือเล่นไปมา ต้องอัพรูปลงเฟซนิดนึง บอกกล่าวประชาชนว่ามาเที่ยว อย่าโทรตามไปดูคนไข้เชียวนะ ว่าแล้วผมก็อัพรูปเดี่ยวที่พี่แนนถ่ายให้ พร้อมกับแคปชั่นที่ว่า



‘มาทะเลมันเหงา รู้งี้ไปหา...เขา...ดีกว่า’



ไม่นานก็มีบรรดาเพื่อนๆ มากดไลค์ และคอมเม้นท์กันอย่างสนุกสนาน

Temtem Apiruk งี้แหละ ไม่ชวนเพื่อน กูโกรธ มึงไม่ชวนกู

Minny Prettygirl รู้นะคะว่าไปกับใคร กลับมาแล้วมาอัพเดตให้พี่ฟังด้วยนะค๊า

Film Krongyuth ไม่ต้องไปหาเขา มาหาเราก็หายเหงาแล้วคร๊าบบ

Chuleeporn Nurse เที่ยวให้สนุกนะคะคุณหมอ คนไข้ทางนี้จะดูแลให้เองค่า ขอแค่ของฝากเยอะๆ ก็พอค่า อิ

Jane Kanokporn ใครถ่ายรูปให้อ่าแก ไม่เหงาหรอกม้างงงง

Noon Napapat @Jane Kanokporn ใช่ๆ แล้วใครถ่ายรูปให้อ่ะ อิอิ

Bo Narissara @Noon Napapat @Jane Kanokporn อยากรู้ววววใครถ่ายรูปให้ ไปเช็คตารางเวรแพร๊พพ ใครไม่อยู่มั่งช่วงนี้

และอีกมากมายหลายคน ประเด็นมันก็วนเวียนอยู่ตรงที่ใครถ่ายรูปให้นี่แหละ... ผมก็อ่านขำๆ ไม่ตอบซักคอมเม้นท์ ขี้เกียจต่อปากต่อคำ เดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้นอนกันพอดี



ไม่นานก็มีไลน์จากไอ้เต็มเด้งเข้ามา

TemTem : ซวยแล้วไอ้นิว พ่อมึงมาแล้ว

หลังข้อความนั้น ไอ้เต็มก็ส่งรูปที่ crop จากเฟซของไอ้พี่กี้ เป็นรูปที่พี่แนนถ่ายให้ผมกับไอ้พี่กี้ พร้อมแคปชั่นที่ว่า



‘มาเที่ยวทะเลกับน้องครับ’



เป็นประโยคสั้นๆ แต่ damage มาก เพราะนานๆ ทีไอ้พี่กี้จะอัพเฟซ แล้วส่วนมากที่อัพก็จะเป็นเรื่องงาน หรือทำกิจกรรมกับคนในครอบครัว แล้วผมเป็นอะไร? ถึงได้รับเกียรติไปปรากฏบนเฟซพ่อเจ้าประคุณ เป็นประเด็นอีกแล้วสินะกู!!!



ผมเข้าเฟซอีกรอบ เห็น tag ของโพสต์นี้ เพราะผมตั้งค่าให้ถามก่อนว่าจะอนุญาตให้ลงในหน้าเฟซไหม ซึ่งแน่นอนว่าผม ‘ไม่อนุญาต’ ลองไปไล่อ่านคอมเม้นท์

Minny Prettygirl กรี๊ดๆๆๆๆ อาจารย์เปิดตัวแล้วเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ

Nan Nattamon ลุ้นๆๆ ลุ้นยิ่งกว่าหวยอีกเด้อคู่นี้ เชียร์จ้า

Temtem Apiruk ฝากดูแลเพื่อนผมด้วยนะครับอาจารย์ ดื้อหน่อย แต่ผมว่าอาจารย์เอาอยู่

Chuleeporn Nurse เที่ยวให้สนุกนะคะ อย่าลืมของฝากค่ะ

Jane Kanokporn ยินดีด้วยนะคะอาจารย์ ...พวกแกๆๆ ไม่ต้องไปตามตารางเวรแล้ว เค้าเปิดตัวกันแล้ว ฮิ้ววววว @Bo Narissara@Noon Napapat

Fern Keeratiya ยินดีด้วยมากๆ ค่ะ

Pond Thanapong ยินดีด้วยครับ เปิดตัวซักทีนะครับ

Kratai Surattana ยินดีด้วยค่ะ เหมาะสมกันมากค่ะ

Ta Arnon ดูแลน้องดีๆ นะเว้ย ดูแลไม่ดีมีแย่งนะ 555

Kan Novatas เจอวันนั้นน่ารักมากๆ ค่ะ ยินดีด้วยกับทั้งคู่นะคะ




อีกมากมายหลายคน ซึ่งทุกคนล้วนมากล่าว...แสดงความยินดี...



และคอมเม้นท์สุดท้ายที่เพิ่งเข้ามาตอบคือ



Kie Kittikun ขอบคุณทุกคนมากครับ



ขออนุญาตช๊อกก่อนครับ นี่มันบ้าอารายยยยยย แล้วไอ้เจ้าของโพสก็ยังไม่ยอมออกมาจากห้องน้ำ ฮึ่มๆๆ โกรธว้อยยยยย โกรธๆๆๆ ควันออกหูละเนี่ย จะโพสอะไรไม่มีปรึกษากันก่อนเล้ยยยย ถถถถถ



TBC.



Talk : อร๊ายยยยย พี่กี้มาแล้วววว คราวนี้พี่กี้รุกหนักละน๊าาา ตื่นเต้นแทนนะเนี่ยยย แต่งไปอินไปเด้อ 5555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ให้หัวใจ บวกเข้า shelf นะคะ ขอบคุณมากค่าาา รักๆทุกคนเลยค่า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน13.2 ทะเลหวาน? 27/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 27-06-2020 19:22:17
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน13.2 ทะเลหวาน? 27/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-06-2020 22:10:57
 :m20:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน13.2 ทะเลหวาน? 27/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-06-2020 22:16:58
หยอดตลอด~~พี่หมอกี้เปิดตัวมากจ้า  :-[ :o8: คนชงก็ชงดีพี่หมอแนน 5555
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน14.1 หมอ…นวด?
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 29-06-2020 18:17:22
ผมยืนหน้านิ่งรอเจ้าของโพสมาอธิบาย แต่ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก พ่อเจ้าประคุณก็ยิ้มกว้างสามร้อยหกสิบองศาออกมาเลยครับ หนำซ้ำยังมีเสียงหัวเราะหึหึตามมาอีกด้วย ฮ่วยยยยมันจะมากไปละนะ

“พี่กี้!! ทำไมพี่โพสรูปคู่เราอ่ะ”

“ทำไมล่ะ รูปนี้ก็น่ารักดีออก”

“มันไม่เกี่ยวว่าน่ารัก หรือไม่น่ารัก ...แต่โพสแล้วมันเป็นประเด็นอ่ะ”

“ประเด็นอะไร”

“ก็คนอื่นเข้าใจผิดไปหมดว่า...” อยู่ดีๆ เสียงผมก็เบาลงซะงั้น

“ว่าอะไร”

“ว่า...เราคบกัน”

แล้วไอ้พี่กี้มันก็เดินเข้ามาหาผม ด้วยสายตายิ้มกริ่มแบบไม่น่าไว้ใจ



“งั้น...ก็ทำให้เค้าเข้าใจถูกสิ”



จบประโยค ไอ้พี่กี้มันผลักผมล้มลงบนเตียง แล้วตามขึ้นมาคร่อมทับผมไว้ สายตาจับจ้องที่ใบหน้าผม มือใหญ่สอดเข้ามาภายในเสื้อนอนผม ลูบไล้เบาๆ บริเวณหน้าท้อง ค่อยๆ เลิกเสื้อตัวบางขึ้น พร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่กวาดไล่ขึ้นมาด้านบน มาหยุดที่...หน้าอก...ผม



“ขาว...สวย...”



สิ้นเสียง ริมฝีปากของไอ้พี่กี้ก็เลื่อนลงมาปิดปากผม ส่งเรียวลิ้นเข้ามาภายใน ดูดเม้มริมฝีปากทั้งบนและล่าง ไม่ปล่อยให้ผมหายใจแม้แต่น้อย...



“อื้ออ...”



ผมปล่อยเสียงออกมาเมื่อไอ้พี่กี้ยอมให้อิสระกับตัวผม ตอนนี้หัวสมองผมโล่งไปหมด รอบข้างขาวโพลน สติสตังเหมือนจะลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้



“เมื่อกี้...ถือว่าทำโทษที่ไปโพสอ่อยคนอื่น”

“...”

“อย่าทำแบบนี้อีก...”

“...”

“แล้วก็...อย่านอนยั่วแบบนี้ด้วย”



จบประโยคของไอ้พี่กี้... ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนเลยครับ ใครไปนอนยั่ว ก็ตัวเองนั่นแหละที่ผลักผมลงเตียงเอง ทีงี้ละมาบอกยั่ว ตอนนี้ผมช๊อกมากกกก ยังไม่ปริปากพูดอะไรซักคำเลย ทุกอย่างมันกะทันหัน ตั้งตัวไม่ทัน โอ้ยยยยย สมองมึนงงมากกก ไปให้ไอ้พี่กี้บรรยายต่อเถอะ ผมไม่สามารถบรรยายอะไรได้แล้วตอนนี้!!





- หมอกี้ –



ผมตลกไอ้ตัวดีมาก ยั่วโมโหผมดีนัก ก็รู้อยู่ว่าผมไม่ชอบ ยังจะไปโพสอะไรแบบนั้น สงสัยทำโทษครั้งก่อนยังไม่จำ ครั้งนี้ผมเลยจัดหนักขึ้นอีกหน่อย ให้รู้ซะบ้างว่าตัวเองมีคน ‘Cf’ แล้ว

แล้วตอนนี้ไอ้ตัวดีมันนิ่งไปเลย ไม่พูดไม่จา ไม่กล้ามองหน้าสบตาผมด้วยซ้ำ ย้ายตัวเองไปอยู่โซฟา หอบผ้าหอบผ่อนไปด้วยนะ คิดว่าเอาตัวเองไปอยู่ที่นั่น แล้วจะรอดเหรอถ้าผมคิดจะทำอะไรจริงๆ ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ถ้าไม่เต็มใจ ผมไม่ขืนใจแน่นอนครับ

แต่ก็อดแซวไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้

“คืนนี้จะนอนโซฟาเหรอนิว” ยิ้มกริ่มไปด้วยนะผม

“ใช่! จะนอนตรงนี้ ผม...ยกเตียงให้พี่เลย นอนคนเดียวจะได้สบาย”

“สบายกาย แต่ไม่สบายใจ... อยากสบายทั้งกายและใจเลยอ่ะ”

“เยอะ”

“หาว่าพี่เยอะเหรอ... ถ้าพี่เยอะ เมื่อกี้พี่ไม่ปล่อยนิวไปหรอก หึหึ”

“เกี่ยวอะไรกับผม”

“เกี่ยวสิ ...ถ้านิวมานอนข้างๆ พี่บนเตียง พี่จะสบายใจมากขึ้น”

“งั้นพี่ก็นอนไปทั้งๆ ที่ไม่สบายใจนั่นแหละ!”

พูดจบ ไอ้ตัวดีก็รีบมุดเข้าไปในผ้าคลุมเตียงที่ตอนนี้กลายมาเป็นผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว... น่ารักว่ะ ยิ่งทำตัวแบบนี้ยิ่งน่ารัก แล้วคืนนี้ผมจะอดใจไหวไหมเนี่ย



ผมเดินไปสะกิดน้องสองสามที เจ้าตัวก็ยอมออกมาจากผ้าห่ม

“อะไรอีกพี่ นอนได้แล้วไหม”

“...ปวดเมื่อยตัวอ่ะ สงสัยคงเพราะขับรถมาไกลแน่ๆ” พูดไป ก็ทำท่าทางบิดตัวไปมาด้วยนะ

“แล้วเกี่ยวอะไรกับผม”

“เกี่ยวสิ นิวนั่งมาสบายๆ ส่วนพี่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งขับรถ... งี้ล่ะนะ คนเรา ไม่มีน้ำใจเอาซะเลย” ทำหน้าน้อยใจด้วย เอาสิ ถ้าไม่สงสาร ก็ให้มันรู้ไป

“พูดมาตรงๆ เลยพี่ จะให้ผมช่วยอะไร”



“...นวดให้หน่อยสิ”



“ห๊าา!! ผมนวดไม่เป็น”

“ไม่เห็นยากอะไร ก็แค่เอามือมากดแถวคอ บ่า หลัง ไหล่ แบบนี้” พูดไป ผมก็ยื่นมือไปกดๆ แถวไหล่น้อง

“พอๆๆ แค่นวดใช่ไหม...”

“ใช่”

“งั้นนั่งลง แล้วหันหลังมา”

ผมก็ว่าง่าย ทำตามที่น้องบอกครับ ผมนั่งลงโซฟาที่เจ้าตัวยึดครอง แล้วหันหลังให้ ส่วนน้องอยู่ด้านหลัง วางนิ้วมือลงมาที่บ่าผมเป็นอันดับแรก ค่อยๆ กดลงมาที่กล้ามเนื้อ แล้วไล่ไปตามเส้นกล้ามเนื้อ

“อือ...ดี...อือออ...”

มือเล็กเลื่อนมาที่ท้ายทอย แล้วค่อยๆ กดนวดคลึงเป็นจังหวะลงไปตามแนวเส้นประสาทสันหลัง

“ดีมาก...นิว...อืออ..”

“เว่อร์ไปป่ะพี่ ...แค่นวด ทำไมต้องครางอะไรเบอร์นี้”

“ก็มันรู้สึกดี...อือ...ตรงนั้นแหละ...กดลงไปแรงๆ เลย”

“พี่แม่ง...ซาดิสม์ว่ะ”

“เส้นมันอยู่ลึก ต้องกดแรงๆ”

“กดอะไรนักหนา เจ็บนิ้วไปหมดละเนี่ย”

“ถ้าเจ็บนิ้ว อนุญาตให้เหยียบได้นะ”

“ได้เหรอ... งั้นเหยียบนะ” น้ำเสียงไอ้ตัวดี มันดูสนุกสนานเหมือนเด็กได้ของเล่น

“แต่ต้องไปเหยียบที่เตียงนะ ...พี่จะได้นอนสบายๆ”

“ได้เลยคร๊าบบบบ”

แล้วผมก็ย้ายตัวเองไปนอนคว่ำลงที่เตียง มีไอ้ตัวดีขึ้นไปยืนเต็มสองขาอยู่บนตัวผม แอบเอี้ยวคอไปมองหน้านิดนึง สายตาเด็กมันดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ ขำมันอ่ะ คิดว่าจะทำอะไรผมได้ เด็กหนอเด็ก



“อืออ...เน้นขาข้างขวาหน่อย..อือออ..”

“จัดไปคร๊าบบบ”

“อืมม..ดีว่ะนิว...ขึ้นมาแถวโคนขาอีกหน่อย”

“คร๊าบบบ”

นิวมาเหยียบย้ำๆ แถวโคนขาข้างขวา ดีมากเลยครับ แต่แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงที่ตัวผม เปลี่ยนเป็นใช้มือนวดแทน ไล่ไปที่ขาทั้งสองข้าง แล้วนวดวนขึ้นมาแถวสะโพกของผม เอ๊ะ ผมว่าจังหวะการนวดมันชักจะอ้อยอิ่งเกินไปแล้วนะ

“นิว.. ทำอะไร ถ้าจะใช้มือก็นวดขึ้นมาย้ำแถวหลังนี่”

ไม่ใช่อะไรนะครับ มันยุ่งอยู่แถวต้นขาและสะโพกของผมเนี่ย มันอันตรายนะเว้ย

“ไม่อ่ะ อยากนวดแถวนี้”

พูดจบ เจ้าตัวก็เลิกเสื้อผมขึ้น แล้วเทน้ำมันอะไรซักอย่างลงไปที่หลังของผม มือเล็กค่อยๆ ลูบไล้น้ำมันพลางกดจุดนวดไปทั่วบริเวณ มันไปเอาน้ำมันมาจากไหนวะ?

“อือ...ดีจังเลย..ครับ..นิว..อืออ..”

“แบบนี้ดีไหมครับ”

เจ้าตัวกระซิบถามผม โดยที่ฝ่ามือซุกไซ้ลงไปใต้กางเกงผม ใช่ครับ นิวล้วงลงไปบีบก้นผม หึหึ เด็กบ้า นี่จะยั่วกันจริงๆ ใช่ไหม

“หรือว่า...แบบนี้ดีกว่า”

สิ้นเสียงร่างเล็ก ผมก็สัมผัสได้ถึงลิ้นอุ่นๆ ที่ไซ้บริเวณท้ายทอยของผม เลื่อนขึ้นมาจนถึงใบหูข้างซ้าย ก่อนจะดูดดุนในบางจังหวะ

“อือ..นิว...อยากได้แบบนี้เหรอ...ทำไมไม่บอกแต่แรก”

“พี่...เงียบไปเลย...เดี๋ยวนิวจัดการเอง”

นิวลงจากตัวผม แล้วให้ผมนอนหงาย ถอดเสื้อผมออกให้พ้นทาง เจ้าตัวกดริมฝีปากลงมาที่บ่าผม ไล่ลงมาจนถึงหน้าอก กัดเม้มเบาๆ แล้วย้ายไปอีกด้าน ส่วนมือบางนั้นก็ล้วงลงไปใต้กางเกงชั้นในของผม รูดขึ้นรูดลง ค่อยๆ ปลุกเร้าความเป็นชายของผม ไม่นานก็ชูชันขึ้นมา แล้วเจ้าตัวก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มกริ่มใส่ผม



“พี่...อยากได้ผมเหรอ”

“...มาก”



“ผม ไม่ ให้”

“...”

“ดูปากผมอีกครั้งนะ...ผม..ไม่..ให้..”

“นิววว...”

“ผมไปนอนก่อนนะ ที่เหลือ...พี่ก็...ดูแลตัวเองนะครับ”




พูดจบ เจ้าตัวก็ละจากตัวผม เดินลงจากเตียง แล้วไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาเหมือนเดิม โดยไม่หันมาสนใจผมซักนิด ...ไม่สนใจว่าผมกำลังค้างเติ่งอยู่สวรรค์ชั้นไหน



ถถถถถถ เสียท่าให้เด็กจนได้!!



สุดท้ายผมก็ต้องเข้าไปช่วยตัวเองต่อให้จบในห้องน้ำ กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ ก็ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ส่วนเจ้าคนก่อเรื่อง เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นนอนหลับบนโซฟาไปแล้ว เอาเถอะ วันนี้เสียท่าให้ 1 วัน ยังเหลืออีก 1 วันพรุ่งนี้ จะเอาคืนอย่างสาสมเลย ไอ้ตัวดี!!



TBC.





Talk : เอาแล้วววว น้องมันเล่นพี่แล้วววว อย่าคิดว่าน้องนิวจะยอมพี่กี้อย่างเดียวน๊าาา อิอิ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน มาคอมเม้นท์ และเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณมากกกกค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 14.1 หมอ…นวด? 29/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-06-2020 18:38:27
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 14.1 หมอ…นวด? 29/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-06-2020 20:51:01
5555 ซะงั้น โดนเด็กมันเล่นแล้ว มาหลอกให้อยากแล้วจากไปนะหมอนิว  :impress2: 55
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 14.1 หมอ…นวด? 29/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 29-06-2020 21:03:44
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 14.1 หมอ…นวด? 29/6/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-06-2020 23:46:37
 :m20:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์ (Intern VS General Surgeon) ตอน 14.2 เริ่มชอบพี่บ้างรึยัง
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 01-07-2020 16:22:27
ตอน 14.3 เริ่มชอบพี่บ้างรึยัง…ครับ



- หมอนิว –



ผมผละออกมาจากลำตัวของไอ้พี่กี้ แล้วรีบซุกตัวลงไปที่ใต้ผ้าห่มบนโซฟาอาณาจักรที่ผมยึดครอง อยากจะหัวเราะดังๆ



สะใจโว้ยยยยยยยย



โทษฐานที่ชอบแกล้งผมดีนัก ชอบพูดให้ผมอาย ชอบพูดให้ผมเขิน ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง และล่าสุดก็คือไปโพสต์รูปคู่ผมโดยไม่ขออนุญาตผมซักคำ นี่แหละ...โทษฐานที่ทำอะไรเอาแต่ใจ!!



ผมเหลือบมองไปทางเตียงใหญ่ก็เห็นไอ้พี่กี้กำลังลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ ใช่สิ เมื่อกี้ผมก็จัดให้หนักอยู่ สงสัยกันใช่ไหมครับ ทำไมผมถึงไม่อายไม่เขินอะไรเลยทั้งๆ ที่ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ผมน่ะ...ผู้ชายนะครับ หนังโป๊ก็เคยดู เรื่องพวกนี้มันเป็นไปเองโดยธรรมชาติครับ คิดให้เป็นธรรมชาติมันก็เป็นธรรมชาตินั่นแหละครับ สรีระร่างกายผู้ชายมันไม่ค่อยมีส่วนเว้าส่วนโค้ง ไม่มีอะไรน่าดึงดูดเท่าไหร่หรอก แต่ก็แปลกแฮะ... ทำไมตอนนี้ ‘นิวน้อย’ ถึงได้ชูชันขึ้นมาซะงั้น

‘นี่ผมมีอารมณ์กับไอ้พี่กี้เหรอ?’

โอ้ววววว ไม่นะ มันก็คงแค่อารมณ์ทางเพศแหละ ...ไม่ต้องชอบ ไม่ต้องรักกัน อารมณ์มันก็มาได้แหละ อย่าคิดมากนิว อย่าคิดมาก

แล้วผมจะเอามันลงยังไงวะ... ห้องน้ำก็ถูกช่วงชิงไปแล้ว ...นาทีนี้ต้องจัดใต้ผ้าห่มนี่แหละ!

ผมเดินไปหยิบกระดาษทิชชู่มาไว้ใกล้ตัว แล้วสอดตัวเองเข้าไปภายใต้ผ้าห่มอุ่น รีบจัดการธุระให้ตัวเองเสร็จสรรพ ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ผมก็รู้สึกสบายตัวขึ้น จากนั้นก็รีบยัดกระดาษทิชชู่ลงในถุงพลาสติก มัดปากถุงอย่างแน่นหนา แล้วค่อยไปหย่อนทิ้งถังขยะ พร้อมกับปิดฝาด้วย

สบายใจละ คืนนี้นอนได้ละผม มองไปที่ประตูห้องน้ำ ไอ้พี่กี้ยังไม่ออกมาเลย อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ นะ สะใจโคตรๆ

คิดได้แบบนั้น ก็ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ไม่นานก็หลับใหลไปในห้วงนิทรารมย์...

.

.

.

ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น ก็เห็นหน้าหล่อๆ ของไอ้พี่กี้วนเวียนอยู่แถวหน้าผม ตกใจเล็กน้อย แต่ความง่วงมีมากกว่า

“นิว ตื่นเถอะ”

“อะไรพี่ พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ” ผมงัวเงียพูดออกไป

“นั่นแหละ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน”

“ไม่ปายยย จานอน” ผมพลิกตัวหันหลังให้

“มาถึงทะเล ก็ต้องไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาดดิ”

“เช้าพรุ่งนี้ค่อยดูก็ได้พี่ วันนี้ผมง่วง”

“นิว...จะลุก หรือ ไม่ลุก” เสียงเย็นๆ มาอีกแล้วครับ ต้องลุกสินะ ไม่งั้นอาจเจอดีตั้งแต่เช้าก็เป็นได้

“...อืออ..”

ผมยอมลุกจากโซฟา แล้วไปล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินลงไปที่ชายหาด อากาศปลอดโปร่งมากครับ ผมสูดหายใจแรงๆ เข้าสู่ปอด สุดยอดดด บรรยากาศดีเว่ออออออร์

เราถอดรองเท้าแตะไว้ แล้วเดินลงไปผืนทรายสีขาวสะอาด น้ำทะเลใสตีขึ้นมากระทบฝั่ง โดนเท้าเราเบาๆ ให้ความรู้สึกอุ่นๆ เย็นๆ เหมือนกับเวลาที่เดินไปกับคนข้างๆ เลย

บางครั้งก็...อบอุ่น

บางครั้งก็...หนาวๆ

แต่ทุกครั้งก็...รู้สึกดีเสมอ

ผมมองคนข้างกายที่ตอนนี้แหงนหน้าไปทางท้องฟ้า สายตาจับจ้องพระอาทิตย์ที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่เมฆ ...ทำไมเป็นคนหล่อขนาดนี้นะ พ่อแม่เลี้ยงดูยังไง ตอนเด็กกินข้าวกับอะไร ทำไมถึงได้แตกต่างกับผมจัง อยากหล่อแบบนี้บ้าง

...และถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงตกหลุมรักนานแล้ว



“อะไร แอบมองพี่เหรอ” โดนจับได้ซะแล้วว่าแอบมอง

“...ไม่ได้มองซักหน่อย” เฉไฉไปเรื่อยล่ะผม

“ก็เห็นอยู่ว่าแอบมอง ...หลงรักพี่เข้าแล้วอ่าดิ” สะดุ้งแพร๊พ...เหมือนอ่านความคิดออก

“บะ..บ้าเหรอ”

ผมพูดจบ ไอ้พี่กี้ก็ยืนหันหน้ามาทางผม จ้องตาผมนิ่ง เอื้อมมาจับมือผมแล้วกุมไว้เบาๆ ทั้งสองข้าง เอ่ยถามประโยคหนึ่งออกมา



“...เริ่มชอบพี่บ้างหรือยังครับ”



“ก็...ชอบ...นิดหน่อย”



“แค่..นิดหน่อย..เองเหรอ”

“มากกว่า...นิดหน่อย...แหละ”

“มากกว่า...นี่เท่าไหนอ่ะ ถ้าคะแนนเต็มสิบ ให้ที่เท่าไหร่”

“ห้า”

“แล้วอีกห้าล่ะ ทำยังไงถึงจะได้เต็มสิบ”



“ไปทำนมมาดิพี่ ผมชอบคนนมใหญ่ๆ ฮ่าๆๆ”

“หมดกัน โหมดซึ้ง กูอุตส่าห์บิ้วท์”

แล้วเราก็หัวเราะกันเสียงดังเลย...



ถึงผมไม่ได้บอกว่าชอบพี่มาก แต่พี่ก็คือ ‘คนพิเศษคนเดียว’ ที่ผมอนุญาตให้เข้ามาใกล้ชิดขนาดนี้นะ...



ดูพระอาทิตย์ขึ้นเสร็จ พวกผมก็ไปทานอาหารที่โรงแรมจัดไว้ให้ เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เจอพี่แนนกับพี่กายนั่งทานอยู่ก่อนแล้ว จึงเดินเข้าไปสมทบ และนั่งด้วย

“เป็นไงบ้างนิว เมื่อคืนนอนหลับดีไหม” พี่แนนเอ่ยทักทายผม

“สบายดีคร๊าบบบ แล้วพวกพี่ล่ะ เป็นไงบ้างครับ”

“ดีมาก” เป็นพี่กายที่ตอบแทน พร้อมส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้พี่แนนส่วนพี่แนนนั้นอายม้วนไปแล้ว ทำเอาผมถามต่อไม่ถูกเลย เลยหันมาจัดการอาหารตรงหน้าตัวเอง ซักพักไอ้พี่กี้ที่ตักอาหารเสร็จก็เดินมานั่งข้างผม

“แหมๆๆๆ เปิดตัวแล้วใช่ไหมกี้” พี่แนนเอ่ยแซวพี่กี้ ด้วยน้ำเสียงอยากรู้มากกกก

“...ก็ไม่มีอะไร แค่อัพรูปเฉยๆ”

“มากันสี่คน อัพแค่สองคน คือไรอ่ะ”

“ก็ไม่อะไร... กินไปๆ เพื่อน”

“นิวก็พูดอะไรมั่งดิ” ไหงโยงมาหาผมซะงั้น

“จะให้ผมพูดอะไรพี่ ผมไม่ใช่คนอัพรูปลงซักหน่อย”

“ย่ะ ปากแข็งทั้งคู่อ่ะ”

หลังจากนั้นทุกคนก็สนใจอาหารการกินตรงหน้า ไม่มีใครพูดถึงประเด็นนี้อีกเลย

.

.

.

ตกเย็น

ผม พี่กี้ และพี่กายเตรียมเซอไพรส์วันเกิดพี่แนน พี่กายสั่งลูกโป่งหลากสีมาประดับตกแต่งในห้องที่โรงแรม ซึ่งพี่แนนไม่น่าจะรู้นะครับ เพราะวันนี้พี่กายและพี่แนนออกไปเที่ยวดำน้ำกัน ปล่อยให้ผมและพี่กี้เป็นคนจัดการธุระทางนี้ ซึ่งพวกผมก็จัดการเรียบร้อย รอให้พี่กายและพี่แนนกลับมาเปลี่ยนชุด ตอนนี้แหละที่เราจะทำการเซอไพรส์กัน

ไม่นาน พี่กายก็ไลน์มาบอกว่ากำลังจะขึ้นมาบนห้องแล้วนะ ให้พวกเราเตรียมตัว ซักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงกำลังจะเปิดประตูเข้ามา ผมกับพี่กี้ก็รีบจุดเทียนบนเค้กไปยืนรอตรงประตู



...แกร๊กกก...



บานประตูค่อยๆ เปิดออก...



“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู...”

“อธิษฐานก่อน อย่าเพิ่งเป่า” พี่กายเอ่ยกับพี่แนนเบาๆ แล้วพี่แนนก็หลับตาอธิษฐาน ไม่นานก็ลืมตาแล้วเป่าเทียน

“ขอบคุณทุกคนเลยนะ พี่กาย กี้ นิว... มาๆ มากอดหน่อย”

“ไม่เป็นไรเลยคร๊าบ เต็มใจทำให้ที่สุดครับ” ผมบอกพี่แนนตอนเรากอดกัน



จบการเซอไพรส์ พวกเราทุกคนก็ย้ายตัวเองไปร้านอาหารฟิวชั่นแห่งหนึ่ง พี่กายเป็นคนจองไว้ บรรยากาศในร้านคนไม่พลุกพล่าน เรียบหรู ดูดี เราได้โต๊ะที่มองออกไปเจอทะเล ช่วงค่ำแบบนี้ กำลังดีเลยล่ะครับ ท้องฟ้าสีเทากำลังจะถูกกลืนหายไปเป็นสีเดียวกับท้องทะเลกว้างใหญ่

“พี่สั่งอาหารเป็นคอร์สไว้ให้แล้วนะทุกคน อยากได้อะไรเพิ่มเติมไหม” พี่กายเอ่ยขึ้น แต่ก็ไม่มีใครสั่งเพิ่มซักคน

“นิว เอาไวน์ไหม” พี่แนนถามผม

“เอาครับ” ผมตอบตกลงทันที อยากซึมซับบรรยากาศให้ได้มากที่สุด

ไม่นานแก้วไวน์ก็มาอยู่ในมือผม ดื่มไปทีละนิด ตักอาหารเข้าปากทีละหน่อย มีเสียงเพลงคลอไปด้วย บางโมเม้นท์ก็แอบมองคนข้างกายที่กำลังพูดคุยกับพี่กายอย่างออกรสออกชาติ มองทีไรใจผมก็สั่นทู๊กกกกที คนบ้าอะไร หล่อฉิบหาย

ถ้าผมต้องเสียคนคนนี้ไป...ผมคงทนไม่ได้

พี่เค้า...เป็นของผม

นั่นเป็นความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาภายในใจ รู้สึก...ไม่อยากปล่อยมือ อยากให้พี่เค้ามาคอยกวนใจอยู่แบบนี้ อยากให้อยู่ใกล้ๆ ไม่ไปไหน เหมือนอย่างตอนนี้... ที่เราไม่ต้องพูดกันก็ได้ แต่ก็รู้ว่า ‘มีอยู่’ 



แก้วไวน์ของผมถูกเติมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนต้องเปิดไวน์ขวดใหม่ ผมรู้สึกเคลิ้มๆ อยากจะหลับ แต่ก็รู้แหละว่ายังหลับไม่ได้ ยังอยู่ร้านอาหารอยู่เลย ไม่นานไอ้พี่กี้ก็ดึงตัวผมไปซบลงที่ไหล่ พร้อมกับลูบหัวเบาๆ

“นิวเมาแล้ว พอนะครับ”

“ยัง...ยังไม่เมา”

“..ง่วงเหรอครับ”

“..อืออ”

“งั้นเรากลับห้องเรากันดีไหม”

“ดี”



แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวลอยๆ ใช่แล้ว ไอ้พี่กี้มันอุ้มผมขึ้น แล้วเดินออกจากร้านอาหาร ตรงไปยังรถ ผมถูกวางลงเบาะข้างคนขับ ไม่นาน ไอ้พี่กี้ก็มาประจำตำแหน่งคนขับ มันพยายามจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม แต่ผมก็ดิ้นยุกยิกไปมา เพราะอากาศมันร้อน ในขณะที่พัลวันกันอยู่ ปากของผมกับพี่กี้ก็เผลอชนกัน ยิ่งทำให้อากาศร้อนหนักกว่าเดิม

ผมสัมผัสได้ถึงเรียวลิ้นร้อนผ่าวที่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงปลายลิ้นของผม น้ำลายเหนียวชุ่มเปรอะเปื้อนไปตามข้างแก้มและคาง เราต่างฝ่ายต่างแลกลิ้นกันอย่างเมามันส์ ไม่มีใครยอมใคร ...แต่แล้วไอ้พี่กี้ก็ผละริมฝีปากจากไป



“เดี๋ยวค่อยไปต่อที่ห้องนะครับ...คนดี”



ค้างสิ... ค้างเติ่งเลยผม



TBC.



Talk : ตอนนี้น้องเริ่มยอมรับความรู้สึกดีๆ ของตัวเองบ้างแล้ว ดีใจแทนพี่กี้ เย้~~  ตอนหน้าจะเป็นไงน้ออออ ตื่นเต้นแทน 55555

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และคอมเม้นท์มากๆนะคะ ตอนนี้ไรท์มีทวิตเตอร์แล้วนะคะ (หลังจากที่ไม่ได้เล่นนานเกือบ 10 ปี 555) ฟอลเข้าไปพูดคุยกันได้ค่ะ @ameeram98048194 หรือ search หา #หมอกี้น้องนิว ก็ได้ค่ะ ไรท์จะอัพเดตเกี่ยวกับนิยาย หรือข้อมูลต่างๆ ในช่องทางนี้ค่ะ (จะพยายาม คือโดนเพื่อนไล่ให้ไปสมัครทวิตเตอร์ และให้ไปสร้าง hashtag เพื่อรี๊ดจะได้หาเจอได้ง่ายๆ นางว่างั้นนะ) เข้ามาคุยกันเยอะๆนะคะ บางครั้งป้าวัย 30+ ก็เหงาๆอยู่เหมือนกันค่ะ (ทำตางุ้งงิ้ง)





หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 01-07-2020 20:59:07
เอ้าๆ *มือปิดหน้า กางนิ้วออก*  :-[ :o8: จะรอดไหม 55555
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 01-07-2020 21:16:31
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-07-2020 21:21:41
 :z1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-07-2020 15:32:18
 :L2: :pig4:

เอาแล้วววว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-07-2020 17:31:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน14.2 ชอบพี่บ้างรึยังครับ 1/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 03-07-2020 12:27:43
รอ ฉันรอเธออยู่  :mew3:
ใจจะขาดดดดดด  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน15 เสร็จ หรือ ไม่เสร็จ
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 03-07-2020 18:42:16



ตอน 15 เสร็จ หรือ ไม่เสร็จ




ติดตามอ่านได้ที่นี่ค่ะ —> ReadAwrite (https://www.readawrite.com/c/28620947749cef260d86c6a8c5bc8c4c)  หรือ ธัญวลัย (http://www.tunwalai.com/story/441126)





















หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 15 เสร็จหรือไม่เสร็จ 3/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-07-2020 18:55:04
ชิชะ!! อาร๊ายย  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 15 เสร็จหรือไม่เสร็จ 3/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-07-2020 23:55:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 15 เสร็จหรือไม่เสร็จ 3/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-07-2020 18:34:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 15 เสร็จหรือไม่เสร็จ 3/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-07-2020 19:20:58
 :o8:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 15 เสร็จหรือไม่เสร็จ 3/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 04-07-2020 22:12:08
ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ


เช้าวันจันทร์

หลังจากไปเที่ยว กลับมาทำงาน ผมก็ยังต้องตื่นไปราวด์วอร์ดเหมือนเคย เอาของฝากไปฝากวอร์ดต่างๆ และพี่ๆ เพื่อนร่วมงานที่ผมสนิทสนม รวมทั้ง ER ด้วย

"ไปเที่ยวทะเล ทำไมไม่เห็นดำเลยคะคุณหมอนิว หรือว่าอยู่แต่ในห้องค๊าาา" ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไป ER พี่มินนี่ก็ทักทายซะผมไปต่อไม่เป็นเลยครับ จึงได้แต่หัวเราะแหะๆ แก้เก้อไป

"เหมือนน้ำทะเลจะหวานด้วยนะค๊าาา อิอิ" อันนี้เป็นเสียงพี่พยาบาลอีกคนแทรกเข้ามา

"แล้วยังไงคะ เปิดตัวแล้วเหรอคะ"

"ดีใจด้วยนะค๊าาา น่ารักมากเลยค่าาา"

ตอนนี้ผมเริ่มมึนกับแต่ละเสียงครับ จะตอบคำถามไหนก่อนดี จะแก้ตัวหรือตอบรับความปรารถนาดีของทุกคนไว้ แต่แล้วเสียงก็ค่อยๆ เงียบลง พร้อมกับรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆ จากฝ่ามือใหญ่ที่แตะลงแขนผม

"มีอะไรกันรึเปล่าครับ" ร่างสูงคุ้นตาโผล่หน้ามาจากด้านหลังผม

"ไม่มีอะไรค่าา แซวน้องนิดหน่อยค่าา" เป็นพี่มินนี่ครับ รีบออกหน้ารับแทนคนอื่น

"อ่อ คงแซวเรื่องผมอัพรูปคู่น้องใช่ไหมครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่แกล้งน้องเล่นเฉยๆ แค่…พี่น้องครับ" พูดจบ ก็แจกยิ้มหล่อกระชากใจ ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่สาวสองระทวยกันเป็นแถบๆ ส่วนผมนั้นได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อยู่ในใจ อยากรู้คำตอบอยู่เหมือนกันว่าไอ้พี่กี้จะว่าไง จะได้ว่าตามกัน

พูดจบ ไอ้พี่กี้ก็ลากผมออกมาจาก ER รวมทั้งลากผมไปด้วยทุกที่ในวันนี้ มันก็ดีนะ เพราะทุกคนที่เจอหน้าเราสองคน เป็นต้องถามถึงประเด็นนี้กันหมด การที่ผมไปกับไอ้พี่กี้ ทำให้ผมไม่ต้องตอบคำถามเอง ไม่ต้องลำบากใจ ไม่ว่าจะคำถามไหน ไอ้พี่กี้เอาอยู่ ผมก็เลยรอดตัวไป

แต่… แต่มีคนนึงที่ผมไม่รอดว่ะ มันดักรอผมอยู่ห้องเลย พอมันได้ยินเสียงผมเปิดประตูห้องเท่านั้นล่ะ มันก็รีบเปิดประตูห้องมันมาจ๊ะเอ๋ผมเลย ไม่ต้องเดาเลยครับ ไอ้เพื่อนเต็มไง รออัพเดตเต็มที่อ่ะ

"มานี่เลยมึง" มันไม่ยอมให้ผมเดินเข้าห้องตัวเอง มันลากผมเข้าไปห้องมันที่อยู่ข้างๆ

"ใจเย็นนนนน กูไม่หนีไปไหนหรอก"

 มันลากผมมาหยุดอยู่ที่โซฟากลางห้องมัน แล้วมันก็เริ่มซักไซ้ผม

"อะไรยังไงมึง ทำไมอาจารย์กี้ป่าวประกาศกับผู้คนว่าแค่พี่น้องวะ"

"ก็แค่พี่น้องจริงๆ ไง มีอะไรงงเนี่ย"

"หรือว่าพวกมึงยังไม่ตกลงคบกันวะ"

"ก็เออไง ยังไม่เป็นแฟนกันซักหน่อย"

"บรรยากาศดีขนาดนั้น พี่กี้ไม่ขอมึงเป็นแฟนเหรอวะ"

"อือ ก็ไม่เห็นขอ"

"แล้วถ้าพี่เค้าขอ มึงจะว่าไง"

"ไม่รู้ว่ะ กูยังงงๆ อยู่เลย"

"มึงงงอะไรวะนิว …เวลาอยู่กับพี่เค้า มึงมีความสุขไหม"

"ก็…รู้สึกดีแหละ"

"มึงชอบ หรือ ไม่ชอบ พี่เค้า"

"ก็…ชอบแหละ"

"แล้วมึงได้บอกพี่เค้าไหม"

"ก็บอกนะ แต่บอกว่า…ชอบนิดหน่อย"

"มึงนี่น๊าา ทำไมเป็นคนปากแข็งขนาดนี้"

"ปากแข็งตรงไหน ปากกูนุ่มจะตาย อิอิ" ปากผมนุ่มจริงๆ นะ ไม่งั้นไอ้พี่กี้คงไม่จูบแล้วจูบอีกหรอก ฮ่าๆๆๆ

"ยังตลกได้นะมึง" จะว่าไป ดูไอ้เต็มมันเครียดๆ นะครับ

"มึงนั่นแหละเป็นอะไร ดูซีเรียสกว่ากูอีกนะเนี่ย"

"เฮ้อออ จะไม่ให้กูซีเรียสได้ไงวะ ไอ้ฟิล์มน่ะ มันถามเรื่องมึงจากกูทุกเช้าเที่ยงเย็นเลยเนี่ย คือถ้ามึงชอบพี่กี้ กูจะได้บอกมันว่าตัดใจซะ จะได้ไม่เสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้"

"แล้วทำไมมันไม่มาถามกูเองวะ คิดจะจีบกู ก็ต้องเข้าหากูสิวะ นี่เข้าหามึงทำไมอ่ะ …เอ๊ะ หรือว่าพวกมึงมีซัมธิงอะไรกันอยู่" ผมชักจะได้กลิ่นอะไรบางอย่างแล้วนะ

"บ้าเหรอมึง มันก็แค่มาปรึกษากูเรื่องมึงเฉยๆ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" หลบตากูด้วยนะไอ้เต็มมึงน่ะ

"มันมาปรึกษามึงกี่ครั้งแล้ว"

"ก็หลายครั้งอยู่"

"กูว่า…มึงต้องอัพเดตอะไรให้กูฟ้งบ้างแล้วล่ะเต็ม"

"อัพเดตเชี่ยไรวะ …สรุปเลยนะ คือมึงก็ชอบพี่กี้อยู่ แต่ยังไม่ได้คบกันเป็นแฟน รอให้อะไรๆ มันชัดเจนกว่านี้ ละค่อยไปต่อเนอะ กูจะได้ไปบอกไอ้ฟิล์ม"

"ฝากบอกมันด้วย ถ้ามันชอบกู ช่วยเข้าหากูด้วย ตอนนี้ยังมีหวัง …คือ กูก็ยังไม่ปักใจที่พี่กี้หรอก เผื่อไอ้ฟิล์มดีกว่าไง …ละตอนนี้กูมีสิทธิ์เลือกใช่ไหม งั้นกูขอใช้สิทธิ์นั้น" พูดจบ ผมมองหน้าไอ้เต็ม อยากเห็นสีหน้ามันครับ ไม่ได้อะไรกับไอ้ฟิล์มหรอก แต่แค่แกล้งเพื่อนเฉยๆ

"มึงจะจับปลาสองมือเลยเหรอวะ" นั่นไง สีหน้ามันดูไม่ปกติอ่ะ

"กูจะจับแค่ตัวเดียว แต่กูกำลังเลือกอยู่ไง"

"…กูไม่คิดเลยว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้ เล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้" มันด่าผมครับ ด่าด้วยสีหน้าจริงจังด้วยนะครับ

"กูก็แค่…อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดเว้ย …ว่าแต่มึงเหอะ เป็นอะไร มึงเป็นเพื่อนกูไม่ใช่เหรอ มึงต้องอยากให้กูได้สิ่งที่ดีที่สุดสิวะ"

"………"

มันเงียบไป ไม่ตอบผมครับ ผมจึงเอื้อมมือไปกอดคอมัน แล้วพูดกับมันดีๆ

"มึงจำไว้นะ… ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึง"

พูดจบ ผมก็ตบบ่าไอ้เต็มสองสามครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้องมัน ทิ้งไอ้เพื่อนตัวดีไว้กับความสับสนงุนงงในหัวตัวเอง



ผมกลับมาถึงห้อง อาบน้ำปะแป้งเตรียมเข้านอน หยิบโทรศัพท์มาเลื่อนๆ ถูๆ ไปมา ดูซิมีอะไรให้อัพเดต ในไลน์มีข้อความไอ้พี่กี้ค้างอยู่ คือจะไลน์มาทำไมวะ เพิ่งแยกกันก่อนที่ผมจะเดินขึ้นห้องเอง

Kie : ฝันดีนะครับ คนดีของพี่

อ่านแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ไอ้พี่กี้ไลน์มาบอกฝันดี ผมจึงตอบกลับไป

New : ครับ ฝันดีครับพี่

ไม่นานก็มีเสียงตอบกลับมาอีก

Kie : ทำไมยังไม่นอน

New : ก็เพิ่งอาบน้ำเสร็จ

Kie : วันนี้ไม่ให้พี่ไปช่วยอาบน้ำเหรอ

New : หื่นว่ะ

Kie : หื่นแล้วรักไหมอ่ะ

New :  :o12:

Kie : ไปนอนด้วยได้ป่าว


เอ่ออออ…อยู่ดีๆ ก็ขอมานอนด้วยเว้ยคนเรา เอาไงดีวะ คิดๆๆๆ สมองฝั่งเหตุผลบอกว่าไม่ควร แต่ฝั่งความรู้สึกอ่ะไปแล้ววว อนุญาตไปแล้ววว เอาไงดีวะ เอาวะ ลองดูซักตั้งเว้ยยยย ไอ้นิว!

New : ก็มาดิคร๊าบบบบ

Kie : จริงเหรอ!!

New : อือ

Kie : อีก 2 นาทีรอเปิดประตูให้ด้วย

New : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'Ok' ตอบกลับไป)


ผ่านไปไม่ถึง 2 นาทีดีครับ ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง เลยต้องรีบวิ่งไปเปิดให้พ่อเจ้าประคุณ พอเปิดประตูออกไปก็เป็นคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละครับ เปิดประตูปุ๊ป เจ้าตัวก็รีบผลุบเข้ามาเลย พอปิดประตูเท่านั้นแหละ สองแขนก็เข้ามาโอบกอดผมเลย

"อะไรเนี่ยพี่"

"ขอกอดหน่อยยยย"

"เว่อร์ละๆๆ" ปากผมว่าให้ แต่มือผมก็โอบกอดตอบพี่เค้านะ อิอิ

"คิดถึงอ่ะ"

"แยกกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะพี่กี้ เกินไปไหม"

"1 วินาทีก็นานแสนนานละสำหรับพี่"

"โอ้ยยยย ขออ้วกได้ไหม" หมั่นไส้มากกกกครับ

"อะไร ยังไม่ได้กันจะท้องแล้วเหรอ หึหึ"

"ไอ้พี่กี้!!"

ผมเริ่มรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยแล้ว นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกที่อนุญาตให้ไอ้พี่กี้มานอนด้วยเนี่ย คืนนี้จะเป็นไงน้อ ภาวนาให้นอนจับมือกันใสๆ หลับไปละกัน อย่างน้อยถ้าจะมีอะไรกัน ก็ขอใช้คำว่า 'แฟน' ก่อนเถอะนะ

ผมมองดูเตียงนอนห้องตัวเอง เป็นเตียงเดี่ยวขนาด 3.5 ฟุต จะนอนกันยังไงวะ ผู้ชายสองคน ต้องเบียดกันเบอร์ไหนถึงจะนอนได้ ไอ้ตอนเค้าขออนุญาตละไม่คิด นิวเอ้ยยยย อยากจะเบิร์ดกระโหลกตัวเองซะจริงๆ

"พี่กี้ เปลี่ยนใจยังทันนะ เตียงห้องผมมันแคบ นอนไม่สบายหรอก"

"ไม่ใช่อุปสรรค" พูดจบ พ่อเจ้าประคุณก็ลงไปนอนที่เตียงของผมทันที พร้อมกับเหลือที่ให้ผมนิดหน่อย

"นี่ไง นิวนอนตรงนี้ ไม่ตกเตียงหรอก เดี๋ยวพี่กอดนิวไว้ หึหึ"

ผมมองดูเนื้อที่อันน้อยนิด แล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ จากนั้นก็เดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวลงบนเตียงนอน ทันทีที่หัวแตะหมอน แขนใหญ่ก็ช้อนมารองคอไว้ พี่กี้นอนหันหน้ามาทางผม ส่วนผมหนอนหงาย โดยลำตัวแทบจะอยู่ในอ้อมกอดของพี่กี้แล้ว เราตัวแนบชิดสนิทกันมาก มากถึงขนาดได้ยินเสียงลมหายใจ และเสียงจังหวะการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย

พี่กี้ต้องได้ยินเสียงเต้นหัวใจผมแน่เลย มันคงถี่รัวยิ่งกว่าตีกลองชุดซะอีก ใช่ครับ ตอนนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก คงเหมือนสาววัยแรกรุ่นที่เพิ่งถูกชายแตะตัวครั้งแรก ฮ่าๆๆ ผมอาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย แต่ฟีลมันใช่มากเลยครับ

"ใจเต้นแรงไปไหมนิว" นั่นไง ไอ้พี่กี้มันได้ยินโดยที่ไม่ต้องใช้ Stretoscope เลย

"ก็…ธรรมดานี่นา"

"อยู่ใกล้พี่แล้วตื่นเต้นเหรอครับ" ไอ้พี่กี้มันกระซิบถามผม

"ไม่ได้ตื่นเต้นซักหน่อย"

"เหรอ แต่เหงื่อเต็มฝ่ามือเลยนะ หึหึ" มันฉวยมือผมไปจับไว้ครับ งือออ ตัวก็ถูกกอดไว้ มือก็ถูกจับไว้ ขายังโดนขายาวๆ ของไอ้พี่กี้พาดทับอีกด้วย นี่ผมสูญสิ้นอิสรภาพแล้วใช่ม้ายยย

"เงียบไปเลยพี่ จะนอนไม่ใช่เหรอ นอนไปดิ" ผมทำเสียงดุใส่ แต่อีกฝ่ายก็ไม่เห็นจะกลัวเลย

"อยากนอนแล้วจริงๆ เหรอครับ"

"อือออ…"

"งั้นก่อนนอน ขอ goodnight kiss ได้ไหมครับ"

"เราเป็นแค่พี่น้อง ไม่ต้อง goodnight kiss ก็ได้พี่" ขอย้อนคำพี่แกหน่อยเถอะ

"พูดแบบนี้ แสดงว่า…นิวไม่อยากเป็นแค่พี่น้องแล้วใช่ไหมครับ"

"ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น" จริงๆ นะครับ ผมแค่หาข้ออ้างไม่ให้ไอ้พี่กี้ลวนลามผมเท่านั้นเอง

"งั้นหมายความว่าไง"

"ก็แค่เตือนสติพี่เฉยๆ …เดี๋ยวพี่จะหื่นใส่ผม"

"นิวกลัวพี่เหรอครับ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างอ่อนโยน

"ครับ…ผม…ยังไม่พร้อม" ผมตอบเบาๆ กลับไป เพราะผมรู้ว่าถ้ามีจูบ มันต้องมีพาร์ทต่อไป มันไม่จบที่จูบหรอก อยู่บนเตียงด้วยกันขนาดนี้แล้ว

"ได้ครับ…ไม่ให้ก็ไม่ให้ครับ"

พูดจบ ไอ้พี่กี้ก็โน้มริมฝีปากมาจูบผมที่หน้าผากแทน เป็นจูบบางเบา แต่รู้สึกอบอุ่นซาบซ่านไปทั้งหัวใจเลยล่ะครับ

"ขอบคุณนะครับพี่กี้…ที่เข้าใจนิว"

พี่กี้ไม่ตอบ แต่ลูบหัวผมด้วยความอ่อนโยน ผมจึงหันข้างเข้าหาร่างสูง แล้วจุ๊บไปที่คางพี่เค้าหนึ่งทีเบาๆ แล้วรีบหมุนตัวกลับมานอนหงายตามเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอพี่เค้าอย่างพึงพอใจ ส่วนผมนั้นก็ยังเขินๆ เหมือนเดิมคร๊าบบบ ><

.

.

.

เช้าวันถัดมา

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับร่างสูงใหญ่ของไอ้พี่กี้ที่อยู่ข้างกาย แขนยังโอบพาดตัวผมอยู่เลย ดวงตายังคงปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่าเจ้าตัวยังหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรารมย์ ผมมองดูคิ้วหนาทั้งสองข้าง เรื่อยลงมาที่สันจมูกโด่ง เรียวปากตรงหน้าที่เจ้าตัวชอบใช้มาบดขยี้ผมนักหนา มองแล้วก็ให้ความรู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมา นี่ผมเขินไอ้พี่กี้แม้กระทั่งตอนหลับเหรอเนี่ย ผมว่าผมเป็นเอามากอยู่นะ อาการหนักแล้วเรา

คิดได้แบบนั้น ผมจึงค่อยๆ เอาตัวเองออกมาจากการโอบกอดของไอ้พี่กี้ แต่ก็คงขยับแรงไปหน่อย ร่างสูงตรงหน้าเลยเปิดเปลือกตาออกมา สุดท้ายก็ตื่นจนได้

"ตื่นแล้วเหรอครับคนดี"

"ครับ พี่กี้นอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวนิวจะลุกไปอาบน้ำ"

ผมลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ถูกไอ้พี่กี้รั้งตัวลงไปนอนกอดเหมือนเดิม

"อย่าเพิ่งไปได้ไหม…ขออยู่แบบนี้อีกซักพัก" พูดไปก็เอาหน้ามาถูไหล่ผมด้วยนะ

"แต่วันนี้พี่มีเคสใหญ่ที่ต้องผ่านะ"

"ขอแค่ 5 นาทีน๊าา" ผมว่าไอ้พี่กี้มันก็ขี้อ้อนเหมือนกันนะเนี่ย

"…ก็ได้…ครับ" ละผมก็ใจอ่อนทู๊กกกกกกที

ห้านาทีของพี่กี้หมดไปกับการมองหน้าผม หอมแก้มผม ทำปูไต่ผม และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือการประทับจูบลงมาที่ปากผม ดูดเม้มริมฝีปากไปจนถึงส่งเรียวลิ้นเข้ามาด้านใน ทำเอาผมตัวอ่อนระทวย โอ้ยๆๆๆๆ แล้วเมื่อไหร่ห้านาทีมันจะหมดซักที หายใจจะไม่ออกอยู่แล้วครับ ให้ผมหายใจบ้างอะไรบ้าง งือออ

'กริ๊งงงงงงงงง'

ผมผลักอกพี่กี้ออกจากตัวเบาๆ ทำให้ไอ้พี่กี้ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระ จึงมีโอกาสได้พูด

"หมดเวลา 5 นาทีแล้วววว"

นั่นเสียงนาฬิกาปลุกผมเองล่ะ ตั้งไว้ 5 นาทีสำหรับพี่กี้ ถ้าไม่ตั้งไว้มีหวังล่อไปเป็นชั่วโมงแน่ๆ อิอิ



TBC.



Talk : วันนี้ลงพิเศษให้ค่ะ เนื่องจากครบรอบที่อัพนิยายเรื่องนี้ครบ 1 เดือน เย้!! เรื่องนี้อาจจะใช้เวลาเดินทางร่วมกันยาวนานหน่อยนะคะ อาจปาไป 40 ตอนเลยก็ได้ 55555 อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊าา (ไรท์ก็อย่าเพิ่งเบื่อน๊าา : บอกตัวเอง) เป็นเรื่องที่ดำเนินไปเรื่อยๆ อาจจะยังไม่มีจุดพีคอะไร ยังไงก็ฝากด้วยเหมือนเคยนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และติดตามค่ะ แล้วพบกันอีกทีวันจันทร์นะค๊าา #หมอกี้น้องนิว


หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ 4/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2020 22:23:39
 :katai2-1:


น้องหมอ อย่าจับปลาสองมือ !!
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ 4/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 04-07-2020 22:35:20
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ 4/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 05-07-2020 14:35:58
ขนาดนี้แล้วๆ  :กอด1: ยังต้องทบทวนไรใจไรอี๊ก 55 เพื่อนเต็มแอบชอบฟิล์มป่าวนาา  :hao4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ 4/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-07-2020 17:13:02
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 16 ก็มาดิคร๊าบ 4/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 06-07-2020 18:17:49
ตอน 17 เค๊กส้ม


- หมอนิว -

เช้าวันนี้ ผมเดินลงมากินข้าวพร้อมพี่กี้ที่โรงอาหารของโรง'บาล กินข้าวเสร็จก็ต้องไปราวด์วอร์ดต่อ แต่วันนี้ไอ้พี่กี้มีเคสใหญ่ เป็นไอ้ตะวันที่ต้องเข้าเคสด้วย ส่วนผมเข้าเคสกับอาจารย์ปอนด์ ซึ่งเป็นเคสธรรมดาไม่หนักหนามาก จึงใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็เสร็จ

พอออกมาจากห้องผ่าตัด กำลังจะไปเปลี่ยนชุด ก็ได้ยินเสียงไลน์เด้งเข้ามา เลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดดู เป็นข้อความจาก

Film Rx7 : วันนี้ว่างป่าว มาทวงสัญญา

ไอ้ฟิล์มเภสัชนี่หว่า ผมจึงตอบกลับไป

New : เที่ยงนี้เลยก็ได้นะ

Film Rx7 : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'Ok' กลับมา)

                นิวอยากกินอะไรครับ

New : กินอะไรก็ได้

Film Rx7 : งั้นไปคาเฟ่เปิดใหม่ แถวๆ โรง'บาลนี่แหละ มีทั้งอาหารคาว ของหวาน นิวน่าจะชอบ

New : เครๆ เจอกันที่ร้านเลยนะ

Film Rx7 : นิวไปถูกเหรอ ทางไปมันค่อนข้างซับซ้อนนะ ไปกับเราไหม

New : ได้


หลังจากนั้นผมก็มายืนรอไอ้ฟิล์มตรงจุดนัดหมาย ไม่นานมันก็ขับรถออกมารับผม แล้วเราก็นั่งออกมาทานข้าวด้วยกันสองคน



พอมาถึงร้าน ก็ให้ความรู้สึกมุ้งมิ้งมาก เพราะร้านตกแต่งสไตล์หวานๆ เหมาะกับพาสาวมานั่ง หรือสร้างเดตแรกที่ประทับใจอะไรเทือกนั้น ได้แต่ยิ้มๆ ในใจ ไอ้ฟิล์มนะไอ้ฟิล์ม จัดให้กูซะเป็นสาวหวานเลย

ไอ้ฟิล์มเลือกที่นั่งมุมหนึ่งของร้านค่อนข้างเป็นส่วนตัว พร้อมกับยื่นเมนูให้ผม แล้วถามว่าอยากกินอะไร แต่ผมโบ้ยไปให้มันสั่ง เพราะตั้งใจจะมาเลี้ยงมัน

"มึงนั่นแหละสั่งเลย วันนี้กูตั้งใจมาเลี้ยงมึงนะ"

"ที่นิวจะเลี้ยงเราน่ะ ติดไว้ก่อนก็ได้ เพราะวันนี้…เราอยากเลี้ยงนิว" พูดไป จ้องหน้าผมไปด้วยนะ เหมือนจะดูปฏิกิริยาตอบสนองผมอ่ะ

"ก็ได้"

ผมตอบตกลงง่ายๆ เพราะก็อยากรู้ว่ามันจะยังไงต่อ ผมจึงเลือกเมนูอาหารไปสามสี่อย่าง พร้อมกับสั่ง 'เค้กส้ม' ที่เป็น recommend ของทางร้านมาลองกินด้วย

ระหว่างรออาหาร ไอ้ฟิล์มมันก็ถามนู่นถามนี่ผมไปเรื่อย

"ตั้งแต่นิวมาทำงานที่นี่ ได้กลับบ้านบ้างยัง"

"ยังเลย ว่าจะกลับสิ้นเดือนนี้แหละ"

"แล้วจะกลับยังไงอ่ะ"

"ขึ้นเครื่องแหละ ง่ายดี" แต่ด้วยความที่จังหวัดที่ผมอยู่ไม่มีสนามบินไง ต้องนั่งรถไปอีกจังหวัดหนึ่ง หรือไม่ก็ขับรถไปจอดไว้ที่สนามบิน

"งั้นให้เราไปส่งขึ้นเครื่องนะ"

"ไม่เป็นไร เกรงใจมึง กูขับรถไปจอดไว้สนามบินง่ายกว่า"

"เราเต็มใจไปส่ง"

"ใกล้ๆ ก่อนละค่อยว่ากันละกันมึง" ตัดบทแบ่งรับแบ่งสู้ไปก่อนครับ

แต่ผมมีประเด็นอยากถามมันมากกว่า

"มึงกับไอ้เต็มสนิทกันเหรอ"

"จะเรียกว่าสนิทไหมก็ไม่แน่ใจ ตอนม.ปลายอยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันไง นิวถามทำไมอ่ะ"

"กูก็ถามไปงั้นแหละ" จะว่าไปไอ้เต็มไม่เคยบอกผมเลยนะว่าไอ้ฟิล์มเป็นเพื่อนเก่ามัน

"ตอนเรียนมหาลัย เรียนที่เดียวกันด้วยไหม"

"ที่เดียวกัน แต่คนละคณะไง ไอ้เต็มมันเป็นเด็กขยัน มันเลยติดแพทย์ เราขี้เกียจไง ฮ่าๆๆ"

ไม่นานอาหารคาวก็เริ่มมาเสิร์ฟ ไอ้ฟิล์มนี่ก็เห่อคาเฟ่ใหม่เหมือนกันนะ ขอถ่ายรูปอาหารก่อนกินด้วย แต่มันถ่ายรูปสวย ขนาดใช้กล้องมือถือยังถ่ายรูปออกมาดีเลย มันกดถ่ายรูปเดี่ยวผมตอนผมเผลอ ละมันก็เอาไปปรับแสงเพิ่มสีอะไรของมันก็ไม่รู้ พอมันเอามาโชว์ รูปคือดีมากกกก ดูดีกว่าตัวจริงผมมากอ่ะ บอกเลย ฮ่าๆๆ

"เดี๋ยวเราส่งรูปให้นะ"

"เออๆ …มึงถ่ายรูปสวยขนาดนี้ สาวๆ น่าจะชอบนะเว้ย" พูดไป กินไปครับ

"มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้นแหละที่เราถ่ายให้… แต่ตอนนี้เราอยากถ่ายรูปนิวอ่ะ" พูดจบ มีการมองหน้าจ้องตาผมด้วยนะ

"ไม่ดีม้างงงง… มึงเล่นกล้องด้วยป่ะเนี่ย"

"เล่นนะ… แต่เพิ่งเริ่มเล่นได้ไม่นาน ยังไม่เก่งหรอก… ถึงอยากได้นายแบบมาหัดถ่ายรูปไง"

"กูว่า…นางแบบดีกว่านะ ผู้หญิงชอบถ่ายรูปมากกว่าผู้ชาย"

"เราไม่สนใจนางแบบหรอก…เราสน 'นายแบบ' มากกว่า"

ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ กับประโยคของมัน ทำเป็นไม่สนใจครับ พอดีกับที่มีคนโทรเข้ามา ผมเลยรอดตัวไป



ไม่นาน ของหวานก็มาเสริฟ เค้กส้ม โอ้ววว มาเสิร์ฟพร้อมส้มเป็นลูกเลยครับ ระหว่างที่กำลังจะวางจานเค้กส้มลงที่โต๊ะ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นครับ ไม่รู้คนเสิร์ฟกะระยะผิดหรือยังไงทำให้จานหล่นลงพื้น ทำให้ผลส้มกลิ้งไปตามพื้น ละส้มมันก็หยุด …หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น ฮ่าๆๆๆ

เปล่าครับ ไม่มีเหตุการณ์ส้มหยุดอะไรหรอกครับ ผมล้อเล่นเฉยๆ ช่วงนี้ผมเสพไวรัลมากไปหน่อย ฮ่าๆๆ

กำลังจะตักเค้กส้มเข้าปาก แต่ไอ้ฟิล์มดึงเค้กไปถ่ายรูป เอ่อ…กูขอโทษ กูลืมไปว่ากูมากับตากล้องใหญ่ อดคิดไม่ได้ว่าแม่งเหมือนมากินข้าวกับเพื่อนผู้หญิง ต้องถ่ายรูปอาหารเครื่องดื่มทุกมุม ถ่ายคู่อาหาร ถ่ายหน้าตรง ถ่ายทีเผลอที่ไม่ได้เผลอจริงๆ

"กูกินได้ยัง"

"ได้ละๆ โทษที"

ผมจ้วงเค้กเข้าปาก เออว่ะ อร่อยจริง เนื้อเค้กนุ่มละมุน ไม่เปรี้ยวไม่หวานมากไป เลยสั่งซื้ออีก 1 ชิ้น ห่อใส่กล่องกลับ ก็ตั้งใจเอาไปฝากคนที่กำลังทำงาน ไม่รู้ว่าป่านนี้เสร็จเคสยัง คิดได้แบบนั้นเลยสั่งข้าวและกาแฟให้ด้วยครับ

"ใครฝากซื้อข้าวอ่ะนิว" ไอ้ฟิล์มมันถาม

"อาจารย์กี้" ต่อหน้าคนอื่นก็ต้องเรียกให้เกียรตินิดนึง อ่อ พี่กี้ไม่ได้ฝากซื้อหรอก แต่ซื้อไปฝาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอธิบายมันครับ

"ดูนิวกับอาจารย์กี้สนิทกันเนอะ"

"ก็…เรียกว่าสนิทมั้ง"

"เราอยากสนิทกับนิวบ้าง…"

เอ่อออ… ผมควรตอบว่าไงดีวะ

"มาเล่นการ์ดกับกูกับไอ้เต็มดิ จะได้สนิทกัน ทั้งสามคนเลย"

"เราเล่นไม่เป็น"

"ฝึกได้ ไม่ยากเว้ย"

"งั้นจะเล่นวันไหน ชวนเราด้วยนะ"

"เดี๋ยวกูบอกไอ้เต็มชวนมึงละกัน"

ไม่นาน อาหารใส่กล่องก็ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าผม จึงได้เวลาเช็คบิลแล้วออกจากร้านครับ



พอกลับมาถึงโรง'บาล ผมกับไอ้ฟิล์มก็แยกย้ายกันไปทำงาน ก่อนจะไปดูคนไข้ที่ ICU ศัลย์ ก็แวะเอาข้าว ขนม และกาแฟไปฝากไว้ให้ไอ้พี่กี้ที่ห้อง OR ไลน์บอกพ่อเจ้าประคุณนิดนึงว่า

'ซื้อข้าว ขนม กาแฟ ไปฝากไว้ให้ อย่าลืมกินนะ…ครับ'

พอกดส่งไลน์เสร็จ อยู่ดีๆ หน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมา… คงเพราะอากาศข้างนอกมันร้อนแหละ อิอิ



สงสัยเคสนี้จะยากจริง ไอ้พี่กี้เข้า OR ตั้งแต่เก้าโมงเช้า ตอนนี้บ่ายสี่โมงแล้วยังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลย ส่วนผมนั้นต้องไปตรวจ OPD นอกเวลาต่อ เลยไม่ได้สนใจตามว่าไอ้พี่กี้เสร็จเคสตอนไหน

"วันนี้เป็นอะไรมาครับคุณ"

"มี…เลือดออกทางทวารหนัก"

ผมเงยหน้ามองคนไข้แวบนึง แล้วก็ก้มหน้ามาอ่าน OPD card (บัตรบันทึกผู้ป่วยนอก) เป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 29 ปี มีอาการเลือดออกทางทวารหนัก ไม่แพ้ยา ไม่มีโรคประจำตัว ไม่เคยมีประวัติเป็นแบบนี้มาก่อน นั่นเป็นข้อมูลในที่พยาบาลหน้าห้องบันทึกมาไว้ให้ผม ผมจึงจำเป็นต้องซักประวัติเพิ่มเติม

"คุณมีอาการตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"

"เป็นมาตั้งแต่เมื่อวานครับ"

"ปกติมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายไหมครับ" ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่าคนไข้อาจจะเป็นโรคริดสีดวงทวารครับ

"ไม่มีครับ ถ่ายปกติ"

"มีท้องผูกบ้างไหมครับ"

"ไม่ครับ"

"เดี๋ยวนะครับ คุณถ่ายเป็นเลือด หรือว่า อยู่ดีๆ ก็มีเลือดออกทางทวารนะครับ" ผมว่า ผมน่าจะกำลังไปผิดทาง

"เอ่อ…จริงๆ ผมไม่ได้ถ่ายเป็นเลือด ละก็ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็มีเลือดออก พอดีว่า…" คนไข้เสียงเบา และขยับเข้ามาพูดกับผมใกล้ๆ "ผม…เพิ่งร่วมเพศทางทวารหนักกับแฟนมาครับ มันเป็น…ครั้งแรก ผมคิดว่ามันจะออกแค่ตอนทำกัน แต่ทำเสร็จแล้วก็ยังไม่หาย แฟนผมเลยกังวล เค้าอยากให้ผมมาหาหมอ"

"…เอ่อ"

เป็นผมเองครับที่พูดไม่ออก พอดีกับที่มีคนมาเคาะประตูห้องตรวจ OPD มองผ่านกระจกออกไปเป็น…ไอ้พี่กี้!!

จังหวะมันจะโบ๊ะบ๊ะอะไรขนาดนี้คร๊าบบบ ผมได้แต่มองคนไข้ที มองไอ้พี่กี้ที กูจะกลัวอะไรดีวะตอนนี้

"นิว พี่รออยู่ห้องตรวจข้างๆ นะ"  ไอ้พี่กี้เปิดประตูเข้ามาบอก แล้วก็ปิดประตูไว้ตามเดิม

"แฟนคุณหมอเหรอครับ…หล่อดีนะครับ"

"เอ่อ…พี่น้องครับ"

แล้วผมจะบอกคนไข้ทำไมละเนี่ย โอ้ยยยย ปวดหัวกับตัวเอง ไอ้พี่กี้ปรากฏตัวทีนี้มีผลต่อสติสมาธิผมมากๆ

"ว่าแต่คุณมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยไหมครับ"

"ก็ไม่มีนะครับ"

"อย่างเช่น หน้ามืด วิงเวียน คล้ายจะเป็นลม" กำลังประเมินว่าเสียเลือดมากไหมครับ

"ไม่มีนะครับ จะมีก็แค่ตอน แฟนมาอยู่ใกล้ๆ รู้สึกจะเป็นลม เพราะเหมือนมีผีเสื้อเป็นฝูงบินอยู่ในท้องตลอดเวลา"

ผมมองหน้าคนไข้ พลางเกาหัวแกรก มันขนาดนั้นเลยเหรอวะ

"งั้นเบื้องต้น หมอจะให้ยาแก้อักเสบ ยาบำรุงเลือด และยาทาเฉพาะที่ไปนะครับ …ถ้ายังมีเลือดไหลไม่หยุด ให้กลับมาพบแพทย์อีกครั้ง ละก็งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหายดีนะครับ ไม่งั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อนะครับ …เดี๋ยวออกไปรอรับยาเลยนะครับ"

ทันทีที่คนไข้เดินออกไปพ้นห้องตรวจ ผมถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกหายใจทั่วท้องขึ้น เมื่อกี้เหมือนกำลังโดนคนไข้ซักประวัติยังไงก็ไม่รู้



ผมตรวจคนไข้เสร็จ ไอ้พี่กี้ก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว กำลังจะเดินออกจากห้องตรวจ พี่พยาบาลก็พูดขึ้น

"ต้องขอบคุณอาจารย์กี้เลยนะคะที่วันนี้มาช่วยตรวจ ไม่งั้นวันนี้ยาวเลย"

"เหรอครับ"

"ถ้าหมอนิวมาอยู่เวรทุกวันคงดีค่ะ จะได้มีอาจารย์กี้มาช่วยตรวจทุกวันด้วยค่ะ"

"แค่ว่างมั้งครับ… ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ" รีบตัดบทก่อนครับ เดี๋ยวโดนแซวไปเรื่อยเปื่อย



"พี่กี้ ไม่เหนื่อยเหรอ เข้าเคสทั้งวัน" ผมถามไอ้พี่กี้ทันทีที่เดินออกมาด้วยกันสองคน

"หายเหนื่อยเลย หลังจากที่ได้กินเค๊กส้ม" พูดจบ มีการหันหน้ามาส่งยิ้มหล่อให้ผมด้วยนะ

"เว่อร์ละ แล้วกินข้าวยังเนี่ย"

"กินข้าวที่นิวซื้อให้ไง แต่…หิวอีกรอบละเนี่ย"

"หิวข้าว?"

"หิวนิว อยากกินนิว"

พูดไป ยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วยนะ โอ้ยยยย ไอ้พี่กี้ ไอ้คนหื่น ละผมก็คิดไปถึงคนไข้ที่เพิ่งเจอเมื่อกี้ด้วยนะ ทำเอาหน้าผมร้อนขึ้นมาทันทีเลย

"หน้าแดง หูแดงเชียวนะ …คิดอะไรอยู่ หึหึ"

"เปล่าาาาาา"

"ว่าแต่ วันนี้ไปได้เค๊กส้มมาจากไหน"

"ไปลองคาเฟ่ร้านใหม่มากับเพื่อนน่ะ อร่อยป่าว"

"อร่อยดี"

"งั้นเดี๋ยววันหลังนิวพาพี่ไป"

"อือ"

เราเดินมาถึงร้านอาหารตามสั่งหน้าโรง'บาลพอดีครับ เลยต้องพักบทสนทนาเอาไว้ก่อน เราเลือกสั่งอาหารจานเดียวมากินแบบง่ายๆ ผมรู้แหละว่าวันนี้พี่กี้เหนื่อยมาก ถึงคำพูดคำจาจะดูปกติ แต่ท่าทางเหนื่อยอ่อนมาก ผมจึงอยากรีบกินรีบเสร็จ พี่เค้าจะได้รีบกลับไปพักผ่อน

เราใช้เวลาไม่นานในการทานข้าว แล้วก็เดินกลับหอพักแพทย์ที่อยู่ด้านหลังโรง'บาล พี่กี้ไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง แล้วก็ขึ้นมานอนที่ห้องผมเหมือนเดิม เราไม่ได้พูดอะไรกันมาก ไม่นานพี่กี้ก็ผล็อยหลับไป ส่วนผมยังนอนไม่ได้ครับ ต้องหาข้อมูลเคสที่ผ่าตัดกับอาจารย์ปอนด์วันนี้เพื่อไป discuss ด้วยในวันพรุ่งนี้

ผมมองนาฬิกาหลังจากทำงานเสร็จ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสองแล้ว หันไปมองคนบนเตียงนอนเห็นหายใจสม่ำเสมอ คงหลับลึกไปแล้ว ผมปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เดินไปปิดไฟ แล้วมาล้มตัวนอนบนเตียงอีกฝั่งที่มีพื้นที่ให้นิดหน่อย ถึงจะเบียดกันไปบ้าง แต่ก็…อบอุ่นดี

ผมจ้องมองใบหน้าที่แนบชิดติดกับผมผ่านความมืด สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น อดไม่ได้ที่จะส่งปลายจมูกตัวเองไปสัมผัสแก้มคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน แล้วเขี่ยเบาๆ ที่ริมฝีปากพี่เค้า อดใจไม่ได้อีกแล้วครับ ปากพี่กี้น่าจูบจัง ผมจึงจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากพี่กี้ แล้วรีบถอนปากออกมา

"ฝันดีนะครับพี่กี้…ของนิว"



เช้าวันต่อมา

ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะนาฬิกาปลุกดังเตือนว่าเจ็ดโมงเช้าแล้ว พอเปิดเปลือกตาก็พบว่าร่างสูงนั่งกดมือถืออยู่โซฟากลางห้อง

"พี่กี้…ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกนิวอ่ะ"

"……"

เงียบครับ ร่างสูงไม่ตอบ แต่ส่งสายตานิ่งๆ เย็นๆ มาทางผม เป็นอะไรแต่เช้าวะ ผมจึงลุกจากเตียง แล้วเดินไปหยุดยืนตรงหน้าร่างสูง

"เป็นไรอ่ะ"

แทนคำตอบ ไอ้พี่กี้ยื่นมือถือส่งมาให้ผม ภาพที่ปรากฎบนหน้าจอคือ ภาพผมกำลังยิ้มไม่มองกล้อง โดยที่ในมือมีส้อมกำลังปาดเค๊กส้มบนจาน ชำเลืองไปมองที่มาของภาพนี้ เชี่ยละ เจ้าของคนโพสต์เฟซบุ๊คคือ ไอ้ฟิล์มไง!!



TBC.



Talk : เอาแล้วไง งานเข้าแล้วนิวเอ้ยยยย T^T

ฝากด้วยเช่นเคยค่าาา ขอบคุณสำหรับหัวใจ คอมเม้นท์ และ add shelf นะค๊าาา (ส่งหัวใจรัวๆให้รี๊ด) #หมอกี้น้องนิว



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 17 เค๊กส้ม 6/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-07-2020 21:41:43
จะบ้านแตกไหมเนี่ย?

เราว่าเต็มแอบชอบฟิล์มแน่ ๆ เลย
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 17 เค๊กส้ม 6/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-07-2020 21:43:03
555555 งานเข้าเพราะคนอื่นอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 17 เค๊กส้ม 6/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-07-2020 22:12:49
 :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 17 เค๊กส้ม 6/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-07-2020 23:35:49
เรื่องสนุกดีค่ะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 17 เค๊กส้ม 6/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 08-07-2020 18:17:27
ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ)


- หมอเต็ม -

ผมมองดูรูปเพื่อนตัวเองที่กำลังยิ้มแบบเผลอๆ แต่ถูกแอบถ่ายด้วยอีกคน คนที่ชอบถ่ายรูป คนที่ชอบไลน์มาถามผมถึงความเป็นไปของเจ้าของรูปตลอดเวลาตั้งแต่รับน้องจนกระทั่งมาทำงาน

ไอ้ฟิล์มครับ… มันเป็นเพื่อนผมตั้งแต่มัธยม ผมเรียนโรงเรียนเดียวกันกับมันตั้งแต่ม.ต้นยันม.ปลาย ระดับการเรียนก็ใกล้เคียงกัน เรียกว่าเป็นคู่แข่งกันมาตลอด สลับกันได้คะแนนท๊อปในแต่ละวิชา เกรดเฉลี่ยคู่คี่สูสี แต่ตอนแอดมิชชั่น มันดันไม่เลือกแพทย์ซักที่ มันบอกว่ามันไม่อยากไปยุ่งวุ่นวายกับคนไข้ ขอเป็นอาชีพที่ใกล้คนไข้น้อยที่สุดละกัน มันจึงเลือกลงคณะเภสัชศาสตร์ อย่างมากก็เจอคนไข้แค่ตอนจ่ายยา มันว่างั้นนะตอนเลือกเรียน

พอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เจอกันบ้างในช่วงปี 1 กับปี 2 ที่ต้องเรียนวิชารวม และเจอกันตอนเพื่อนโรงเรียนเก่านัดเลี้ยงรุ่น พูดถึงความสนิทสนมระหว่างผมกับมันนั้น…ไม่มีเลย ออกแนวเป็นคู่แข่งกันซะมากกว่า แต่ก็มีแค่เรื่องเดียวที่ผมแข่งกับมันได้ ก็คือเรื่องเรียน อย่างอื่นผมแพ้ทุกอย่างครับ

ฟิล์มเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียน

ฟิล์มเป็นนักกีฬาบาสของมหาวิทยาลัย

ฟิล์มเป็นเดือนของคณะเภสัชศาสตร์

ฟิล์มถ่ายรูปเก่ง

ฟิล์มมีคนมาขายขนมจีบเยอะ

ในขณะที่ผม ไม่เล่นกีฬา หน้าตาบ้านๆ หาความสามารถพิเศษไม่เจอ งานอดิเรกก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์ ถ้าเดินไปด้วยกัน ผมคือบุคคลที่ถูกมองข้ามอ่ะ ผมจึงไม่ค่อยอยากสนิทกับไอ้ฟิล์มเท่าไหร่ มันทำให้ผมรู้สึกต่ำต้อยมาก

จนมาเจอกันตอนรับน้องเข้าทำงาน ก็เพิ่งรู้ว่าต้องอยู่โรง'บาลเดียวกัน แต่ก็คิดว่าคนละฝ่าย งานคนละอย่าง คงไม่ค่อยได้เจอกันหรอก แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะตั้งแต่วันรับน้อง ไอ้ฟิล์มก็ไลน์มาหาผมตลอด ถามถึงแต่ไอ้นิว… นิวชอบกินอะไร นิวชอบทำอะไร นิวเกิดวันที่เท่าไหร่ นิวมีพี่น้องกี่คน นิวมีแฟนไหม นิวชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย นิวเคยมีแฟนมาก่อนใหม ถ้ามี มีมาแล้วกี่คน จนมาเจอคำถามที่ผมก็ตอบมันไม่ได้… นิวชอบอาจารย์กี้เหรอ?



วันแรกที่มันถามผม

"เต็ม เพื่อนหมอมึงอ่ะ ที่ชื่อนิวมีแฟนยังวะ" เป็นประโยคแรกที่เพื่อนเก่าทักทายกัน มันเดินมาถามผมตอนผมไปเข้าห้องน้ำระหว่างรับน้องเข้าทำงาน

"กูไม่รู้…กูยังไม่เคยคุยกับเค้าเลย"

"งั้นมึงไปถามให้กูหน่อย กูอยากรู้"

"มึงชอบมันรึไง" ผมถามมันกวนตีนเล่นๆ

"เออสิวะ" แต่คำตอบที่ผมได้รับ ทำเอาผมอึ้งมากกว่า

"มึงชอบแบบนี้เหรอวะ"

"เอออออ"

"เครๆ งั้นเดี๋ยวกูไปถามให้ละกัน"

หลังจากนั้นช่วงงานเย็นที่เป็นบายศรีสู่ขวัญ และมีดนตรี folk song ผมจึงเข้าไปพูดคุยกับนิว เพื่อหาข้อมูลให้ไอ้ฟิล์ม พอดีกับที่เล่นการ์ด yugioh เหมือนกัน ก็เลยคุยกันรู้เรื่อง ตอนรับน้องที่เค้าให้กักตัวก็แอบไปเล่นการ์ดด้วยกันบ่อยๆ สุดท้ายเลยสนิทกัน

ช่วงมาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว ไอ้ฟิล์มก็มักจะมาขอตารางเวรนิวกับผม ถามถึงความเป็นไปว่าตอนนี้นิวอยู่ไหน นิวทำอะไรอยู่ ผมก็บอกเท่าที่ผมรู้

"มึง วันนี้นิวมีเวร ER ไม่ใช่เหรอ เมื่อกี้กูเดินผ่าน ER ทำไมไม่เห็น"

"กูจะรู้ไหมล่ะ มันเข้าห้องน้ำมั้ง"

"มึงต้องรู้สิ มึงเป็นเพื่อนสนิทนิวนะ"

"เอ๊า ไอ้นี่ กูก็ต้องทำงานกูป่าววะ"

"เออๆ ช่างเถอะ เดี๋ยวอีกหน่อยกูค่อยเดินผ่านไปดูใหม่"

บางวันก็…

"มึงๆ เมื่อกี้กูเจอนิวด้วยที่โรงอาหาร นิวไปกินข้าวคนเดียวอ่ะ"

"แล้วยังไง"

"มึงเป็นเพื่อนนิว มึงก็ต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนนิวสิวะ"

"……"

"มึงไม่ควรปล่อยให้นิวไปกินข้าวคนเดียวนะ"

"…ห่วงมันมาก มึงก็ไปกินกับมันสิวะ"

หรือไม่ก็…

"มึงว่ารูปนี้นิวน่ารักไหม" ก่อนจะถามประโยคนี้ มันก็โชว์รูปที่มันแอบถ่ายนิวตอนเดินระหว่างตึก

"อือ" ตอบรับไปงั้นแหละครับ

"นี่ๆ กูยังมีอีกหลายรูปนะ มึงดูอีกไหม"

"พอๆ กูต้องรีบไปดูคนไข้ …มึงดูไปคนเดียวเลย"

บางครั้งก็ต้องรับบทเป็นที่ปรึกษาจำเป็น…

"มึง กูได้ข่าวว่าอาจารย์กี้ซื้อข้าวซื้อน้ำไปให้นิวตอนอยู่เวร ER เมื่อวานน่ะ"

"แล้ว?"

"จริงป่าววะ"

"กูจะรู้ไหมล่ะ กูไม่ได้ไปเข้าเวรกับมันนะ"

"มึงต้องไปสืบมาให้กูว่าจริงไหม"

"เพื่ออออ"

"เพื่อกูไง"

"เดี๋ยวนี้กูกับมึงสนิทกันเนอะ" ประชดครับ

"นะๆๆ นะเต็มเพื่อนรัก" พูดไป มันก็เอาหัวมาถูไหล่ผมด้วย ทำตัวน่ารักเชียวนะมึง

ผมจึงต้องไปถามไถ่พี่ๆ ที่ห้อง ER และเช็คข่าวจากนิวอีกรอบว่าจริงไหม แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธอย่างเดียว ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ยยยย บางครั้งไอ้นิวก็ความรู้สึกช้าไปนะ เพลียกับเพื่อนตัวเองครับ

ไม่นานระลอกสองก็มาอีกครับ คนที่กินไม่ได้นอนไม่หลับคือ ไอ้ฟิล์มครับ ระลอกที่อาจารย์กี้ไปเฝ้าไอ้นิวที่ห้อง ER ทั้งคืน ข่าวนั้นผมไม่ต้องไปถามใครเลย เพราะเค้าเม้าท์กันทั้งโรง'บาล เดือดร้อนผมต้องมารับฟังความทุกข์ของไอ้ฟิล์มอีก มันซื้อเบียร์มานั่งปรับทุกข์กับผมในห้องของผมเลย

"เต็ม มึงว่ากูควรทำยังไงดีวะ กูชอบเค้ามากเลยนะเว้ย"

"ถ้ามึงชอบเค้า มึงก็ต้องแสดงให้เค้าเห็นสิวะ"

"กูจะกล้าเหรอวะ ตอนนี้คนทั้งโรง'บาลไม่มีใครกล้าขวางทางอาจารย์กี้เลยนะเว้ย"

"แล้วไง มึงกลัวรึไง"

"ก็หวั่นๆ อยู่"

"คนที่มึงต้องสนใจคือ ไอ้นิวเว้ย …อาจารย์กี้ สถานะเดียวกันกับมึง แต่ถ้าตอนน้ีมึงไม่เริ่มจีบนิว อาจารย์กี้จะนำมึงไปไกลนะ"

"ละกูควรเริ่มจีบนิวยังไงวะ"

"เรื่องแบบนี้มึงต้องให้กูสอนเหรอวะ"

"คือ…คนนี้กูประหม่าจริงๆ ว่ะ"

"มันชอบกินอะไร มึงก็ซื้อไปให้สิ เริ่มพรุ่งนี้เลย"

"เครๆ งั้นเริ่มพรุ่งนี้เลยนะ"

หลังจากนั้นไอ้ฟิล์มก็กินเบียร์หมดไปหลายต่อหลายขวด แล้วเวิ่นเว้อของมันไป ส่วนผมก็ชนกับมันบ้าง ปล่อยให้มันกินไป ผมผละออกไปอาบน้ำ พอกลับมาก็เจอไอ้ฟิล์มเมาเรื้อน พยายามเข้ามากอดผม แต่ปากมันน่ะ…เพ้อถึงแต่นิว

"นิวคร๊าบบ ฟิล์มชอบนิวมากเลยนะครับ"

"ฟิล์ม นี่กูเอง…เต็มเพื่อนมึง ไม่ใช่ไอ้นิว"

"ไม่ๆ นี่ล่ะนิว …นิวตัวเล็กๆ น่ากอดแบบนี้ล่ะ ในที่สุดฟิล์มก็ได้กอดนิวซักที…นะคร๊าบ"

"เฮ้ยยยย มึง มีสติหน่อยสิวะ นี่กูเองงงงงงงง"

"ไม่เอาไม่พูดมากครับ…"

จบประโยคอ้อแอ้ของไอ้ฟิล์ม ปากของผมก็ถูกปิดหมับด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวจากคนเมา มันพยายามสอดลิ้นเข้ามาในปากผม แต่ผมปิดปากแน่นหนา มันจึงเลือกที่จะดูดเม้มริมฝีปากด้านนอกของผมแทน จนผมเริ่มรู้สึกเคลิ้มๆ ไปกับจูบของมัน จึงเผลอเปิดปากตัวเองออก ทำให้ไอ้ฟิล์มสอดลิ้นเข้ามาในปากผมได้ จากนั้นมันก็สำรวจปากผมจนทั่วเลยละครับ ผมพยายามผลักมันเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล ผมจึงยอมให้มันจูบจนพอใจ คิดซะว่า…ยังไงก็เพื่อนกันวะ คงไม่เป็นอะไรหรอก

หลังจากคืนนั้น มันก็ทำตัวเหมือนเดิมกับผมครับ ยังมาปรึกษาผมเหมือนเดิม เพราะเหตุการณ์คืนนั้น…มันจำอะไรไม่ได้เลย ผมก็ไม่คิดจะขุดคุ้ยมาเล่าให้มันฟังครับ เพราะคงเป็นผมเองที่รู้สึกเสียหน้า



"เต็ม…พรุ่งนี้กูต้องไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับมึง"

"อือ แล้วไงวะ"

"มึงลองไปขอเปลี่ยนกับนิวหน่อยดิ กูจะได้ใกล้ชิดนิวไง"

"บอกมันตอนจะตีสองเนี่ยนะ มันคงได้ด่ากูหรอก"

"น่าาาานะ ลองดู"

"เออๆ งั้นเดี๋ยวกูลองคุยกับมันแปปนะ"

นั่นเลยทำให้ไอ้ฟิล์มได้ไปออกหน่วยฯ กับนิวไงครับ ผมอยู่เบื้องหลังทั้งนั้น…



พอหลังกลับจากออกหน่วยฯ นิวก็ไม่สบาย ผมก็พอรู้แหละ แต่มาดูเพื่อนไม่ได้ไง เพราะวันนั้นมีเวรบ่ายต่อดึกที่ ER ก็อุตส่าห์คาบข่าวไปบอกไอ้ฟิล์มเพื่อนรักแล้วนะ แต่มันก็ช้าไง นู่นนนน มัวแต่ไปถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้า พอกลับเข้ามาโรง'บาล กำลังจะเอายาไปให้ไอ้นิวก็พอดีไปจ๊ะเอ๋อาจารย์กี้ที่ไปเคาะห้องไอ้นิว ผมให้มันเปิดเข้าไปอยู่ห้องผม เพื่อรอให้อาจารย์กี้ออกจากห้องนิว แล้วมันจะได้ไปดูแลต่อ แต่อาจารย์กี้ก็ไม่ออกมาซักที สุดท้ายเค้าก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน มันก็แซดสิครับ

ตกเย็นของวันนั้น เป็นไอ้นิวครับที่มาหมกตัวอยู่ห้องผม มันหลบหน้าอาจารย์กี้ ผมเลยได้รู้ว่า…ไอ้นิวมันเริ่มเปิดใจให้อาจารย์กี้แล้ว ความปวดหัวมาเยือนคนกลางอย่างผมสิครับ คนนึงก็เพื่อนที่กำลังสับสนในตัวเอง อีกคนก็เพื่อนที่ทั้งรักทั้งหลงไอ้คนแรก …แต่ดูเค้ารางแล้วยังไงๆ ไอ้ฟิล์มก็…แพ้ว่ะ แต่บอกไม่ได้ไง ยังไงก็ต้องสนับสนุนให้มันไปให้สุด ให้มันเป็นคนตัดสินใจเองว่าควรไปต่อ หรือพอเท่านี้

แต่ก็นั่นแหละ…ห่วงมันอ่ะครับ



"มึงงงงงงง เมื่อคืนนิวโทรมา consult เรื่องยาเว้ยยย"

"ก็ดีแล้วไง"

"โชคดีมากเลยที่กูอยู่เวรเมื่อคืน"

"แล้วยังไง มีอะไรคืบหน้า"

"นิวว่าจะเลี้ยงขอบคุณกู"

"เมื่อไหร่"

"ยังไม่ได้นัด…แต่แบบเมื่อกี้กูเดินไปซื้อกาแฟกับนิวที่ร้าน"

"เดี๋ยวนี้พัฒนานะ"

"จะเรียกว่าพัฒนาไหมก็ไม่รู้ เพราะไปเจออาจารย์กี้ด้วย …อาจารย์แสดงออกมากว่าหวงนิว ไม่อยากให้คุยกับกู"

"อือ แล้วมึงเอาไงต่อ"

"มาขนาดนี้แล้วก็ต้องสู้แหละ"

"เออ งั้นก็…สู้ๆนะ"

ผมพูดกับมัน โดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรที่มันดีกว่านี้แล้วครับ…



ณ วันที่นิวไปเที่ยวทะเลกับอาจารย์กี้และอาจารย์แนน เหตุการณ์มันเกิดขึ้นตอนที่ไอ้นิวโพสต์รูปเดี่ยวตัวเอง ผมอ่านแคปชั่นเพื่อนตัวเองแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว มึงจะอ่อยอะไรเรี่ยราดขนาดนี้วะนิว แต่ก็เข้าใจมันนะ มันเป็นคนประเภทไม่คิดมาก อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยคิดถึงผลของการกระทำตัวเองเท่าไหร่หรอก มันคิดแค่ว่าถ้าไม่เดือดร้อนใครก็เป็นเรื่องที่ทำได้

ไม่นานโพสต์ของอาจารย์กี้ก็ตามมา เรียกว่าเป็นการเปิดตัวเลยทีเดียว ผมก็ยินดีกับเพื่อนแหละ แต่หันมามองเพื่อนตัวเองอีกคน 'วันนั้นเมาเป็นหมา' เลยครับ แล้วไปเมาที่ไหน ห้องผมอีกแล้วครับ คราวนี้มันหอบเบียร์มาเยอะกว่าครั้งก่อน ผมนี่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เลยทีเดียว

"เต็ม ทำไมมึงไม่บอกกูว่าเค้าไปทะเลด้วยกัน"

"ถ้ากูบอกมึง…มึงก็เป็นแบบนี้ไง"

"กูเป็นแบบนี้แล้วยังไงวะ"

"กูไม่อยากให้มึงเสียใจ…"

"สุดท้ายยังไงกูก็ต้องเสียใจอยู่ดี บอกตอนไหนมันก็…มีค่าเท่ากัน ป่าววะ" พูดไปก็กระดกเบียร์เข้าปากไป

"กู…ไม่อยากเห็นมึงเสียใจน่ะ"

"ทำไมวะ มึงจะสมน้ำหน้ากูก็ได้นะ! กูมันไอ้ขี้แพ้! ไอ้คนไร้น้ำยา! มึงด่ากูสิ ด่ากูเลยยยย ฮืออ" มันร้องไห้ครับ ผมถึงกับอึ้งเลย ไม่รู้จะปลอบยังไง เลยให้มันซบไหล่ร้องไห้ เท่ฉิบหายเลยกู

นาทีนั้นผมสงสารมันมากครับ เลยยกเบียร์ซดไปเป็นเพื่อนมัน ไม่รู้หมดเบียร์ไปเยอะเท่าไหร่ แต่มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าเลย…

เช้าที่ผมกับไอ้ฟิล์มนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ในสภาพเปล่าเปลือย… เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งระเกะระกะอยู่รอบๆ เตียงนอน อีกทั้งผมยังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ขยับนิดหน่อยร่างกายท่อนล่างก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา เหมือนผ่านกิจกรรมอันหนักหน่วงมาอย่างยาวนาน



นี่ผม…กับไอ้ฟิล์ม…เรา…เป็นของกันและกัน…แล้วเหรอ?



ในขณะที่ผมยังงงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้า ไอ้ตัวก่อเรื่องข้างๆ ก็ลืมตาตื่นลุกขึ้นมานั่ง… มองผมที มองตัวมันที ส่วนผมนั้นพยายามจะลุกลงจากเตียง แต่เรี่ยวแรงหายไปไหนหมดไม่รู้ครับ ตัวอ่อนปวกเปียกเลย ทำให้พอผมยืนปุ๊บก็ต้องพับตัวลงนั่งเหมือนเดิม ไอ้ตัวก่อเรื่องเลยต้องรีบถลันตัวมารับผมไว้ ระหว่างเราได้แต่มองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายก็เป็นไอ้ฟิล์มที่เอ่ยปาก

"เต็ม กูขอโทษมึงนะเว้ย"

"…"

ผมไม่รู้เลยว่าผมควรตอบโต้สถานการณ์นี้ยังไง…

"กู…ขอโทษ มึงพูดอะไรมั่งดิวะ"

"…กู..ไม่รู้จะพูดอะไร" พูดไป ผมก็หลบตามันไปด้วย

"มึง…เจ็บมากไหม"

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ นั่นทำให้ไอ้ฟิล์มหน้าเสียไปอีก ผมจึงตัดสินใจพูดบางสิ่งออกไป

"กู…ไม่เป็นไรเว้ย มึงไม่ต้องรู้สึกผิด…เราคงผิดด้วยกันทั้งสองคน… เหตุการณ์เมื่อคืน เราแค่…ต้องลืม…เว้ยมึง ถ้ากูไม่พูดถึง มึงไม่พูดถึง ใครจะรู้ …โอเคไหม"

"เอางั้นเหรอวะ แต่…กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย เต็ม"

"ไม่เป็นไร กูไม่ใช่ผู้หญิง…ที่มึงต้องมารับผิดชอบ …คิดซะว่า one night stand นะมึง"

"…ถ้ามึงคิดว่าแบบนี้ดี กูก็ว่าตามมึง"

"อือ กูว่าแบบนี้ดีแล้วล่ะ"



"แล้วความสัมพันธ์แบบเพื่อนของเราล่ะ…จะยังอยู่ไหม"

"ยังอยู่สิวะ …เรื่องแค่นี้เอง มันไม่ทำให้กูเลิกเป็นเพื่อนกับมึงหรอกน่า"




"ได้ยินแบบนี้กูค่อยสบายใจหน่อย… งั้นเดี๋ยวกูอุ้มมึงไปอาบน้ำนะ"

จบบทสนทนาของเรา ไอ้ฟิล์มมันก็อุ้มผมไปอาบน้ำ หลังจากวันนั้นมันก็ปฏิบัติกับผมเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่มีอะไรเพิ่มขึ้นหรือลดลง

แต่…เป็นผมเอง ที่เริ่มคาดหวังว่าวันนี้มันจะโทรมาไหม? วันนี้มันอยู่เวรไหมนะ? หรือวันนี้มันกินข้าวรึยังวะ?



TBC.



Talk : ขอคั่นอารมณ์พี่กี้ด้วยแบคกราวน์ของอีกคู่นะคะ จริงๆ เราตั้งใจจะแต่ง 'เภฟิล์มหมอเต็ม' ในอีกเรื่องเลย แต่มันอดใจแต่งไม่ได้ค่ะ รู้สึกว่ามันควรดำเนินไปพร้อมกัน หวังว่าทุกคนจะชอบคู่นี้เหมือนคู่หลัก #หมอกี้น้องนิว นะคะ (ยิ้ม)

เดี๋ยววันศุกร์มาต่อคู่หลักให้นะคะ ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ (ยิ้มกว้าง)

#หมอกี้น้องนิว #เภฟิล์มหมอเต็ม #อินเทิร์นจอมจุ้นฯ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-07-2020 21:56:46
 :katai2-1:



คนเป็นที่ปรึกษา เกิดปัญหา
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: love-boy ที่ 08-07-2020 22:00:30
 :mew6: :mew6: หมอเต็มมมมม
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 08-07-2020 22:08:08
เฮ้ย!!มาแรงแซงคู่หลักไปแล้ว ปัดโธ่  :impress2: 555 ฟิล์มคนซึน กว่าจะรู้ใจตัวเองหมอเต็มคงเสียใจมาก อย่ายอมใจอ่อนง่ายๆนะ 55555
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-07-2020 01:51:35
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-07-2020 06:01:58
สงสารเต็ม :o12:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 09-07-2020 07:18:47
ชอบคู่ครองค่ะ :-[
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-07-2020 22:02:12
อย่าไปมีใจให้ฟิล์มเลยหมอเต็ม เห็นเราเป็นกระโถน รักไปก็เหนื่อย
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 10-07-2020 01:34:40
คู่รองมาแรง เต็มอย่าไปใจอ่อนง่ายๆนะ ใจแข็งเข้าไว้
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 18 ที่ปรึกษา(ใจ) 8/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 10-07-2020 16:19:25
ตอน 19.1 เป็นแฟนกันไหม?


- หมอกี้ -



ผมมองหน้านิวที่ตอนนี้ดูอึ้งนิดๆ เดาไม่ออกเหมือนกันว่าอึ้งเพราะอะไร เพราะผมเห็นภาพน้ี หรือเพราะไอ้เด็กเภสัชมันโพสต์รูปเจ้าตัวผ่านโซเชียล ผมนิ่งครับ เพราะผมพูดกับนิวหลายครั้งแล้วสำหรับประเด็นไอ้เด็กเภสัชคนนี้ คิดว่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก

"พี่กี้…"

เสียงไอ้ตัวดีมันเรียกผมครับ ผมจึงส่งสายตาเย็นๆ ไปให้

"นิวแค่จะไปเลี้ยงที่มันหาข้อมูลยาให้เองนะ… ไม่คิดว่ามันจะโพสต์รูปนิวลงเฟซ"

"…"

"พี่กี้…พูดอะไรมั่งดิ"

ไอ้ตัวดี มันนั่งลงบนโซฟาข้างผม แล้วเอาตัวมาเบียดผมอ่ะ

"…นิวจะให้พี่พูดอะไร พี่ไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอยู่แล้วนี่"

ใช่ครับ ผมไม่มีสิทธิ์พูดอะไรหรอก ผมมันก็แค่คนที่ชอบนิวอีกคนนึง…เท่านั้นเอง

"พี่ก็รู้ว่า…ยังไงผมก็แคร์พี่มากกว่าไอ้ฟิล์มอยู่แล้ว"

น้องเอื้อมมาจับมือผมไปกุมไว้ พร้อมกับพูดต่อ

"ผมขอพิสูจน์อะไรบางอย่างก่อนนะพี่… พี่กี้รอนิวก่อนนะ"

"…อือ"

ผมตอบรับ แล้วดึงมือน้องออก จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปที่ประตูห้อง …กลับห้องตัวเองสิครับ อาบน้ำแต่งตัวไปดูคนไข้ หน้าที่ต้องมาก่อนเรื่อง 'หัวใจ' เสมอ

.

.

วันนี้ผมมีผ่าตัด 8 เคส เป็นเคสเล็กๆ ไม่ซับซ้อนมาก วันทั้งวันของผมจึงหมดไปกับการอยู่กับคนไข้และพยาบาลในห้องผ่าตัด ไม่ได้โผล่หน้าออกไปไหนเลย พอเสร็จเคสสุดท้าย ผมจึงออกมาเปลี่ยนชุดและเตรียมตัวจะออกไปหาอะไรกิน เพราะนี่ก็สองทุ่มแล้ว

"อาจารย์กี้คะ หมอนิวฝากข้าวกับน้ำไว้ให้นะค่า วางอยู่ตรงนี้นะคะ" พี่พยาบาลร้องบอกผมก่อนที่เธอจะลงเวร

"ครับ ขอบคุณครับ"

ผมจึงเดินเข้าไปหยิบข้าวกล่อง และน้ำในแก้วเก็บความเย็น หอบกลับห้องตัวเอง …พลางคิดถึงคนเอามาให้ ป่านนี้คงกำลังหัวหมุนอยู่ในห้อง ER วันนี้เป็นเวรนิวอยู่ถึงเที่ยงคืน …ผมจำได้หมดแหละว่าน้องมีเวรวันไหนบ้าง บางครั้งจำได้ยิ่งกว่าเจ้าตัวซะอีก แต่วันนี้ผมไม่ไปเฝ้าหรอกนะ นิวต้องฝึกให้มากๆ จะได้เก่ง และอีกอย่างคือ… กำลังน้อยใจน้อง ขอเวลาทำใจให้เป็นปกติก่อนนะ แล้วเดี๋ยวผมไปตามตื๊อต่อครับ



วันต่อมา

ผมก็ยังใช้ชีวิตแบบทุกๆ วันครับ ตื่นมาราวด์วอร์ดเช้า และต้อง discuss เคสกับอินเทิร์น แต่วันนี้นิวไม่อยู่ นิวไปประชุมที่สาธารณสุขจังหวัด ทำให้ผมไม่ได้เจอนิวเลยทั้งเช้า

แต่… เที่ยงปุ๊บ ก็มีเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามาหาผม

"สวัสดีครับ ใช่คุณหมอกี้ไหมครับ"

"ครับผม"

"โทรจาก foodtiger นะครับ มีอาหารมาส่งครับ"

"โทรผิดรึเปล่าครับ ผมไม่ได้สั่ง"

"มีคนสั่งให้ แล้วบอกให้ส่งที่คุณหมอกี้ครับ"

"อ่าครับ ว่าแต่ใครสั่งให้ครับ"

"เค้าไม่ได้แจ้งชื่อไว้ครับ"

"อ่อครับ"

ผมจึงบอกพิกัดเค้าไป แล้ว 'ผัดไท' เจ้าที่อร่อยที่สุดในจังหวัดก็มาอยู่ในมือผม พร้อมกับ 'Cold brew' กาแฟสกัดเย็นที่มีขายร้านเดียวในตัวจังหวัด ผมพลิกหาข้อความ เผื่อจะมีโน๊ตแปะมากับกล่องอาหารหรือแก้วน้ำ แต่เปล่าเลย ไม่มีครับ



พอตกเย็น ก็มีเบอร์แปลกๆ โทรมาอีกแล้วครับ …เหมือนเดิมครับ มาส่งอาหาร คราวนี้เป็น 'เย็นตาโฟ' เจ้าที่ต่อคิวซื้อนานที่สุด 'ซาลาเปา' ร้านหน้าธนาคารที่ขายดีที่สุด ปิดท้ายด้วย 'เฉาก๊วยนมสด' เจ้าที่เพิ่งมาเปิดใหม่ แต่อร่อยโคตรๆ

ผมสงสัยจังว่าเป็นใครที่คอยส่งข้าวส่งน้ำในสองมื้อที่ผ่านมา อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเป็น 'นิว' แต่ก็ไม่กล้าหรอกครับ รายนั้นจะทำอะไรแบบนี้เป็นเหรอ เพราะนิวไม่ใช่คนโรแมนติก นิวเป็นคนตรงๆ ไม่น่าทำอะไรแบบนี้แน่นอน

เช้าวันต่อมา ในขณะที่กำลังจะไปราวด์วอร์ดเช้า พอเปิดประตูห้องพักออกมาก็เจอถุงก๋วยจั๊บห้อยอยู่หน้าประตู ผมเลยต้องแกะกินก่อนแล้วค่อยออกไปทำงาน

และทันทีที่ถึงเที่ยง ก็เหมือนเมื่อวานเลยครับ แต่เที่ยงนี้เป็น 'สปาเก๊ตตี้ผัดขี้เมา' และ 'อเมริกาโน่' ตกเย็น ผมก็เริ่มคาดหวังว่าเย็นนี้จะมีมาไหมนะ? ถ้ามีมา จะเป็นอะไรอีก? ใช้เวลาคอยไม่นานเลยครับ พี่ foodtiger ก็มาส่งเหมือนเคย คราวนี้เป็น 'ราดหน้ารวมมิตรทะเล' และ 'นมเย็น'

มาถึงตอนนี้ ผมว่าผมเริ่มแน่ใจแล้วล่ะว่าเป็นใคร ยังไงก็ต้องเป็น 'นิว' แน่นอน 100%

เพราะทุกเมนู คือ อาหารเส้น มีคนเดียวที่ชอบกินเส้นเป็นชีวิตจิตใจ นั่นก็คือ นิว ผมบอกแล้วว่านิวไม่ใช่คนโรแมนติก เพราะนิวสั่งแต่อาหารที่ตัวเองชอบ ถ้าเป็นคนโรแมนติก เค้าจะสั่งอาหารที่อีกฝ่ายชอบ ไม่ใช่อาหารที่ตัวเองชอบแบบนี้



พอรู้ว่าเป็นใครส่งอาหารมาให้ มันก็จะอารมณ์ดีหน่อยๆ ครับ แต่ก็ยังไม่โทรหานะ ถึงจะอยากเห็นหน้าแทบตาย ก็ต้องอดทนครับ จำไว้ว่า…เรางอนอยู่

จริงๆ ผมก็รู้แหละว่านิวไม่ได้คิดกับฟิล์มมากกว่าเพื่อน แต่ที่โกรธเพราะนิวมันไม่เล่าให้ผมฟังไงว่าไปไหนมาไหนกับใคร ทั้งที่คืนนั้นก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน ควรจะบอกกล่าวกันบ้าง ไม่ใช่ให้ผมรู้เองจากสื่อโซเชียลแบบนี้

…น้อยใจนะ…

เหมือนเป็นอากาศธาตุที่อีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสำคัญ คิดอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็ไม่บอก ถึงจะรู้ตัวเองดีว่าเป็นแค่คนแอบชอบ แต่มันก็อดรู้สึกเป็นเจ้าของไม่ได้ เพราะตอนนี้มีผมแค่คนเดียวที่เข้าใกล้นิวมากขนาดนี้ ความสัมพันธ์ที่ยังไม่ใช่แฟน แต่อยู่ในขั้น 'กำลังคุยๆ กันอยู่' และดูเหมือนมันจะไปได้ดีซะด้วย ผมเลยอดไม่ได้ที่จะ 'หึงหวง' น้อง

แต่ก็อย่างว่าแหละ อาจเป็นผมคนเดียวที่คิดไปเองก็ได้ว่าความสัมพันธ์ของเรากำลังเดินหน้า จริงๆ แล้วน้องมันก็อาจจะแค่เกรงใจที่ผมเป็นอาจารย์หมอ มันเลยยอมให้เข้าใกล้ก็ได้ เพราะมันก็บอกทุกคนว่ามันชอบผู้หญิง ไม่ได้ชอบผู้ชายซักหน่อย

เฮ้อออ คิดแล้วก็เศร้าครับ…



ผบทานอาหารเสร็จ ก็เข้าไปอาบน้ำ เตรียมตัวนอนครับ ไม่อยากคิดฟุ้งซ่าน เพราะพรุ่งนี้มีผ่าตัดเคสใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ

แต่แล้ว… ก็มีคนมาเคาะประตูที่หน้าห้อง ผมจึงรีบไปเปิด



นิวนั่นเองครับ…



"มาหาพี่ มีอะไร"

เสียงเย็นๆ หน้านิ่งๆไว้ก่อนครับ น้องไม่ตอบ เดินเลยเข้ามาในห้องผม เสมือนเป็นห้องตัวเอง

"มาหาพี่กี้…ต้องมีอะไรด้วยเหรอ" ร่างบางเอ่ยขึ้น พร้อมหยุดอยู่ที่กลางห้องผม

"…พี่มันก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง ไม่ได้พิเศษอะไร ก็เลยไม่กล้าสำคัญตัวเองเท่าไหร่"



"คิดถึงอ่ะ"



อยู่ดีๆ น้องก็พูดขึ้น ทำเอาผมเซอร์ไพรส์มากครับ เกือบจะหลุดยิ้มออกมา ผมยังนิ่งเงียบ รักษาอาการทุกอย่างไว้อย่างดีเยี่ยม เมื่อน้องเห็นผมไม่ตอบสนอง น้องก็เลยเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วกอดผมจากด้านหลัง พร้อมกับพูดต่อ



"คิดถึงพี่กี้จังเลยครับ…หันมาคุยกับนิวหน่อยนะ"



ผมหันกลับไปหาน้องตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยคดีด้วยซ้ำครับ แค่เห็นหน้า ใจผมก็อ่อนยวบลงแล้วครับ ยิ่งได้ยินเสียง ไม่ต้องพูดถึงเลย อยากจะกอดแล้วหอมแล้วจูบๆๆๆ ไปทั้งตัวเลย

"ทำไมนิวถึงคิดถึงพี่ละครับ"  ยังเก๊กเสียงแข็งอยู่นิดนึง

"นิว…อาจจะชอบพี่…มากกว่าห้าแล้วมั้ง"

"……ถึงสิบรึยังครับ"

"ขนาดนี้แล้ว พี่ว่า…ถึงยังอ่ะ"

น้องมันย้อนถามผมครับ ช้อนสายตามองมาที่ผมอย่างเว้าวอน ทำเอาใจผมอ่อนยวบลงไปอีกเท่าตัว

สุดท้ายแล้ว ด้วยสายตาและน้ำเสียงกระเง้ากระงอดของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาจนได้

"ให้ตายสิ เด็กบ้า ทำไมน่ารักขนาดนี้นะ"

ประโยคของผม ทำให้น้องยิ้มกว้างออกมา

"นิวให้พี่ 9.5"

"แล้วอีก 0.5 ล่ะครับ"

"พี่กี้ไม่ไปหานิวที่ห้อง ขอตัดคะแนน 0.5"

"แล้วทำยังไงพี่ถึงจะได้เต็มสิบล่ะครับ"



"พี่มาเป็นแฟนนิวสิ…"

"…!!!…"




อยู่ดีๆ ไอ้ตัวดีมันก็ขอผมเป็นแฟนครับ อึ้งสิครับ!! หายไปสองสามวันนี้เหมือนไปกินยาผิดมา!!



"มาเป็นแฟนกันนะพี่กี้…"

"อย่าเพิ่งนะ…พี่ต้องเป็นคนขอนิวเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ"

"ก็พี่กี้…ชักช้า อืดอาด ไม่ทันใจเลย"

"แบบนี้ก็ได้เหรอนิว"

"ใครขอก็เหมือนกันแหละ ปลายทางมันก็ลงเอยที่คำว่า…เรา…อยู่ดี"

ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออกครับ สำลักความสุขอยู่ เด็กมันมาขอเป็นแฟน ก็ไม่กล้าเล่นตัว กลัวน้องมันจะเปลี่ยนใจ สุดท้ายก็เลยตอบตกลงไปแบบง่ายๆ ไอ้ความน้อยใจทั้งหมดทั้งมวลก็ถูกยกออกจากอก มลายหายไปจนหมดสิ้น…



TBC.



Talk : งู้ยยยยย เค้าเป็นแฟนกันแล้ว น้องนิวขอพี่กี้เป็นแฟนเด้ออ 5555 นิยายเรื่องนี้ชอบมีอะไรเหนือความคาดหมาย 555

วันนี้มาต่อให้นิดๆหน่อยๆค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อให้อีกครึ่งพาร์ทนะคะ ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอบคุณรี๊ดทุกคนมากๆนะค๊าาา เลิฟฟฟ (ยิ้ม)

#หมอกี้น้องนิว #อินเทิร์นจอมจุ้นฯ



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 19.1 เป็นแฟนกันไหม? 9/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2020 17:17:03
 :z1: :z1: :z1: :z1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.1 เป็นแฟนกันไหม? 10/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-07-2020 21:24:54
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.1 เป็นแฟนกันไหม? 10/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 10-07-2020 22:13:55
พี่กี้ไม่ทันใจวัยรุ่น น้องนิวจัดการเองเลย
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.1 เป็นแฟนกันไหม? 10/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-07-2020 23:23:27
เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี้ยหมอนิว  o13 พี่หมอกี้ถึงกับสตั้นไป3วิ 555  :o8:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.1 เป็นแฟนกันไหม? 10/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-07-2020 23:39:02
งู้ยยยยย น้องนิวรุกพี่หมอกี้แรงมากเลย แต่ก็ดีแล้ว ฟิล์มจะได้ตัดใจ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.1 เป็นแฟนกันไหม? 10/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 11-07-2020 17:17:08








ตอน 19.2 อยากจูบเธอ






ติดตามอ่านได้ที่นี่ ——>  ReadAwrite (https://www.readawrite.com/c/4265dce13e6d7bab75fe16548a6ac9c1) หรือ  ธัญวลัย (http://‪http://www.tunwalai.com/story/441126)

















หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-07-2020 18:42:42
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-07-2020 20:55:04
โว้ยยยยย ฮ่า ๆ แต่ก็เข้าใจแหละชีวิตหมอ :m20:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-07-2020 21:17:33
 o22



นิวนำไป 2 แต้มมม
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-07-2020 21:25:02
ค้างเติ่งเลย  :impress2:  เอาใหม่นะเอาใหม่ 555
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 12-07-2020 01:43:48
พี่กี้ใจเย็นๆนะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 12-07-2020 17:08:05
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 13-07-2020 07:37:08
 :sad4:กำลังฟิน :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน19.2 อยากจูบเธอ 11/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 13-07-2020 18:17:11
ตอน 20.1 เบื้องหลัง


- หมอนิว-

วันนี้ผมก็ยังต้องตื่นมาราวน์วอร์ดตอนเช้าเหมือนเคย แต่ที่ไม่เหมือนเคยคงเป็นที่หน้าผมนี่แหละ บูดบึ้งจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ยังดีนะที่วันนี้ไม่ต้องไปตรวจ OPD ไม่งั้นคงมีเหวี่ยงลงที่คนไข้แน่นอน

นั่นไง…ไอ้ตะวัน เห็นหน้ามันละเหม็นเบื่อมากครับ เพราะเมื่อคืนไอ้พี่กี้หายไปทั้งคืน กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปหกโมงเช้า บอกว่าเคสยาก และจำเป็นต้องผ่าตัดด่วน ปล่อยให้ผมนอนรอทั้งคืน งึมๆๆ ตอนเช้าก็ได้คุยกันนิดหน่อย เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องรีบอาบน้ำออกมาดูคนไข้ต่อ

"เป็นอะไรไอ้นิว ไปโกรธใครมา หน้าหงิกขนาดนี้" ไอ้ตะวันครับ มันเอ่ยทักผมขึ้น จะให้กูบอกไหมล่ะว่าโกรธมึงน่ะ

"ก็ไม่อะไร มีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อย"

"อารมณ์ดีหน่อยสิวะ ถ้าหงุดหงิดแต่เช้า หนังสือพัฒนาตัวเองเค้าบอกว่ามึงจะหงุดหงิดทั้งวันเลยนะเว้ย"

"กำลังพยายามปรับอารมณ์อยู่ มึงก็อยู่ไกลๆ ตีนกูหน่อยละกัน"

"กูไปทำอะไรให้มึงคร๊าบบบบ"

"นี่ไง กำลังกวนตีนกูอยู่เนี่ย"

"นี่ไม่เรียกกวน นี่เรียกเป็นห่วงนะเพื่อน"

"มึงไปไกลๆ กูเลย …ถ้ามึงไม่ไป กูไปเอง"

สุดท้ายเป็นผมที่เดินหนีมันครับ เราเจอกันที่ทางเดินบนตึก และแยกกันตรงหัวมุมทางเดิน ส่วนผมขอไปสงบจิตสงบใจที่ร้านกาแฟของโรง'บาลแป๊ปนึง ก็รู้แหละว่าไม่ใช่ความผิดของตะวัน และไม่ใช่ความผิดของใครด้วย เพราะมันถูกต้องที่สุดแล้วที่ไอ้พี่กี้เลือกคนไข้ แต่ก็นั่นแหละครับ…อารมณ์คนน่ะ รู้ตัวเองว่าไม่ควรแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา แต่มันก็อดไม่ได้

อ่อ… ผมลืมเล่าเรื่องที่ผมไปจัดการมาให้ฟัง เรื่องมันมีอยู่ว่า…



เมื่อวันก่อนผมชวนไอ้เต็มและไอ้ฟิล์มเล่นการ์ด yugioh ที่ห้องไอ้เต็ม เป็นผมที่ต้องสอนไอ้ฟิล์มเล่น เพราะวันนั้นไอ้เต็มมันดูเงียบผิดปกติ ผมเลยไม่ค่อยกล้ากวนมันเท่าไหร่

"ถึงทีมึงทอยลูกเต๋าแล้ว ไอ้เต็ม" ผมเตือนเพื่อน เพราะตอนนี้มันดูเหม่อลอยมากๆ

"วันนี้กูพอละ พวกมึงเล่นกันสองคนเหอะว่ะ" อยู่ดีๆ ไอ้เพื่อนเต็มก็พูดขึ้นกลางวง แล้ววางการ์ดในมือลง

"ทำไมวะ มึงเป็นอะไรรึเปล่าเต็ม" ไอ้ฟิล์มครับ ถามขึ้น

"กูไม่ได้เป็นอะไร กูแค่…ปวดหัวนิดหน่อย"

"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก กินยายังเนี่ย" ไอ้ฟิล์มโวยวายครับ

"ยัง"

"งั้นรอแปป กูมียา เดี๋ยวกูเอาให้" ไอ้ฟิล์มอีกแล้วครับ มันรีบวิ่งไปหยิบยาในกระเป๋าตัวเองออกมาให้ไอ้เต็ม แกะเม็ดยาออกจากแผง พร้อมยื่นน้ำเปล่าให้ด้วย ส่วนผม…นั่งดูเงียบๆ

"แล้วมีอะไรรองท้องยัง เดี๋ยวยากัดกระเพาะนะ"

"กินข้าวตั้งแต่เย็นแล้วไง"

"ไม่ได้ ต้องหาอะไรรองท้องอีก" แล้วไอ้ฟิล์มมันก็เดินไปหยิบขนมในตู้เย็นของไอ้เต็มออกมาให้เจ้าของห้องกิน ดูมันจะคล่องแคล่วมาก เหมือนรู้ว่าอะไรวางตรงไหนในห้องนี้ ส่วนไอ้เต็มก็ทำตามไอ้ฟิล์มอย่างว่าง่าย

ผมว่ามันดูแลกันดีแบบแปลกๆ เพื่อนกันเค้าดูแลกันดีขนาดนี้เลยเหรอวะ ผมไม่เคยทำขนาดนี้ให้เพื่อนเลยนะ อย่างมากก็บอกให้กินยา หรืออย่างมากที่สุดก็ไปหายามาให้ ส่วนมันจะกินหรือไม่กินนั้นแล้วแต่มันเลย แต่ก็นะ จะเอามาตรฐานของผมไปตีค่าคนอื่นก็ไม่ได้หรอก

ผมทำเป็นกดมือถือเล่น ไม่สนใจพวกมัน แต่สายตาและหูของผมทำงานเต็มที่ นี่ผมไม่ค่อยจะชอบเผือกเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่หรอกนะ อิอิ

"กินขนมเสร็จแล้ว ตามด้วยยานะมึง" ไอ้ฟิล์มยื่นยาให้ไอ้เต็มอีกรอบ มีการเร่งให้กินด้วยนะ

"นี่น้ำ กินตอนนี้ให้กูดูเลย"

"…"

ไอ้เต็มเงียบและทำตามไอ้ฟิล์มโดยไม่เถียงอะไรซักคำ ผมละงง ทีกับผมนะเถียงได้เถียงดีจัง

"นอนเลยไหมมึง เดี๋ยววันนี้เลิกเล่นก่อนก็ได้…ใช่ไหมนิว" ประโยคหลัง ไอ้ฟิล์มมันถามผมขึ้น ผมจึงตอบกลับไป

"ได้ๆ ยังไงก็ได้"

"งั้นเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อนมึงนะเต็ม" ไอ้ฟิล์มมันเอ่ยกับไอ้เต็ม สายตามันดูเป็นห่วงมากอ่ะ ผมว่าผมแน่ใจแล้วล่ะ สองคนนี้มันต้องมีซัมธิงกันจริงๆ แหละ

"ถ้าฟิล์มอยู่เป็นเพื่อนมึง …งั้นกูกลับห้องนะ"

"กลับกันทั้งสองคนนั่นแหละพวกมึงน่ะ กูอยู่ได้ แค่ปวดหัวเอง" ไอ้เต็มครับที่พูดขึ้น

"แต่…"

"ไม่ต้องแต่เลยฟิล์ม กูอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว พวกมึงไปเถอะ" ไอ้เต็มมันยื่นคำขาด

"แน่น่ะมึง" ผมเอ่ยถามย้ำ

"อือ ห้องมึงก็อยู่ข้างๆ เป็นอะไรเดี๋ยวกูโทรหา"

"เคๆ งั้นมีอะไรโทรมาละกัน"

ผมบอกมันก่อนจะเดินออกมาจากห้องพร้อมไอ้ฟิล์ม พอออกมาปุ๊ป ไอ้ฟิล์มก็รั้งแขนผมไว้

"ถ้าเต็มโทรหานิว บอกว่าเป็นอะไร นิวช่วยโทรบอกเราด้วยนะ"

"อืม… เป็นห่วงไอ้เต็มเหรอ" ผมเอ่ยถามไอ้ฟิล์มตรงๆ

"ใช่"

"ตอนเรียนม.ปลาย พวกมึงสนิทกันเหรอวะ"

"ไม่สนิทเลย"

"แล้วทำไมมึงดูห่วงไอ้เต็มจังวะ"

"เพื่อนกันก็ห่วงกัน… เป็นเรื่องธรรมดาป่าววะ"

"คงใช่มั้ง… กูจะไปเซเว่น มึงไปกับกูไหม" ผมเอ่ยชวนไอ้ฟิล์ม เพราะรู้สึกยังอยากเผือกต่ออีกซักหน่อย แหะๆ

"ไปก็ไปดิ"

แล้วผมกับไอ้ฟิล์มก็เดินไปเซเว่นหน้าโรง'บาลกันสองคน ระหว่างทางผมก็ถามนู่นนี่นั่นมันไปเรื่อย

"…มึงชอบกูตรงไหนวะฟิล์ม"

"เอ่อ…"

"ตอบไม่ได้เหรอ"

"ตอบได้เหอะ แต่เราไม่คิดว่านิวจะถามเราตรงขนาดนี้"

"งั้นก็ตอบมา"

มันเงียบครับ ผมจึงเดินไปกันเงียบๆ ซักระยะหนึ่ง ซึ่งน่าจะเพียงพอในการประมวลผลคำตอบแล้ว ผมจึงเอ่ยถามย้ำ

"ว่าไงละมึง"

"เราชอบ เพราะนิวน่ารัก"

"น่ารักไงวะ อธิบายหน่อย"

"……"

"ถ้ามึงตอบไม่ได้ มึงกลับไปถามใจตัวเองนะ มึงอาจจะได้คำตอบที่ดีกว่านี้ก็ได้"

"เราเคยชอบนิวจริงๆ แต่ตอนนี้…เราไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่"

"เพราะไอ้เต็มใช่ไหม?"

"อืม"

"มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังไหม"

"เรา…พูดไม่ได้ว่ะ"

"งั้นถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยพูดก็ได้ …กูไม่อยากเห็นไอ้เต็มเสียใจนะมึง" ผมตบบ่ามันสองสามที หลังจากนั้นเราก็เงียบกันไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ ขากลับไอ้ฟิล์มครับ มันถามผมขึ้น

"แล้วนิวกับอาจารย์กี้ ถึงไหนแล้ว"

"ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไร"

"บอกเรามาตรงๆ เถอะ เราจะได้ตัดใจจริงจังซักที"

"อืม กูก็ชอบอาจารย์กี้แหละ" พูดไป ก็กระดากปากอยู่นะผม

"แล้วบอกให้อาจารย์รู้รึยัง"

"ยังไม่เคยพูดแบบจริงๆ จังๆ"

"งั้นก็พูดสิ… ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอนนะเว้ย"

"อืม หาจังหวะเหมาะๆ ก่อนละกัน"

ผมตอบรับมันไปงั้นแหละ ผมน่ะเหรอจะบอกไอ้อาจารย์พี่กี้ว่าชอบ แค่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็โอเคแล้วนะผมว่า

พอถึงหอพักแพทย์ ไอ้ฟิล์มก็เดินไปเคาะประตูห้องไอ้เต็ม แล้วก็หายเข้าไปในนั้น อยู่ทั้งคืนไหมอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ไอ้เต็มไม่โทรหาผมเลยคืนนั้น

เช้าตรู่ของวันถัดมา ผมถูกโทรปลุกตั้งแต่ตีห้า ให้ไปชันสูตรศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งที่เกิดเหตุคือ ในวัด ศพเป็นชายไทย อายุ 51 ปี มีเลือดไหลออกทางจมูกและปาก ไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย อยู่ในสภาพแข็งแล้ว คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 12 ชั่วโมง ซึ่งยังหาสาเหตุการเสียชีวิตไม่ได้

นาทีนั้นผมมองไปที่ศพที่กำลังจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขาวดิบ แล้วมองไปที่ญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งร้องไห้เสียใจหนักมาก แล้วก็พูดอยู่ตลอดเวลาว่า

'พ่อ ทำไมไปเร็วจัง ลูกยังคว้าใบปริญญามาให้พ่อดูไม่ได้เลย ฮืออ'

ชายคนนี้เป็นมักทายกวัด จึงเข้าออกวัดเป็นปกติ เมื่อวาานเค้าบอกว่าจะเข้าวัด แล้วไม่กลับเข้าบ้านเลย เช้านี้ลูกสาวเป็นห่วง เลยออกมาดูที่วัด ก็พบว่าเป็นศพแล้ว

เหตุการณ์นี้ ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า…



'อยากทำอะไร ให้รีบทำ'



เราไม่รู้ว่าความตายจะมาถามหาเราวันไหน ความตายอยู่เบื้องหน้า เกิดขึ้นได้เสมอ …เราควรระลึกถึงความตายอยู่ทุกขณะจิต



เพราะงั้น…ผมเลยกล้าที่จะพูดกับไอ้พี่กี้ว่า 'ผมชอบพี่เค้า และขอพี่เค้าเป็นแฟน'

เพราะผมไม่อยากตายไปโดยที่ยังมีอะไรค้างคา…



TBC.



Talk : บอกแล้วว่านิยายเรื่องนี้ไม่เน้นดราม่าค่ะ 5555 เพราะงั้นซีนดราม่าจะผ่านไปไวและถูกแก้ปัญหาให้อย่างรวดเร็ว 5555

อีกครึ่งพาร์ทขออนุญาตมาต่อให้วันพุธนะคะ ขอไปปั่นก่อน แหะๆ ขอบคุณทุกคนมากมายค่ะที่เข้ามาอ่าน คอมเม้นท์ ขอบคุณมากๆเลยค่า เยิฟฟฟฟฟ

#หมอกี้น้องนิว #เภฟิล์มหมอเต็ม #อินเทิร์นจอมจุ้นฯ



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-07-2020 19:49:47
หมอนิวแมนๆคุยกัน ดีจริง 555  o13
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-07-2020 20:15:40
ดีครับ ชีวิตคนเรามันสั้น
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-07-2020 00:33:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-07-2020 09:39:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-07-2020 06:17:45
 o13
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน 20.1 เบื้องหลัง 13/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 15-07-2020 16:35:31
ตอน 20.5 ทัศนคติที่เปลี่ยนไป


- เภฟิล์ม -

หลังกลับมาจากร้านสะดวกซื้อกับนิว ผมลองไปเคาะห้องไอ้เต็มดูอีกครั้ง เผื่อมีอะไรให้ผมช่วย แต่มันก็บอกว่าไม่มี และไล่ผมให้ไปทำคะแนนกับนิว แต่ผมบอกมันว่า วันนี้ทำคะแนนเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเป็นเวลาของเพื่อน มันจึงยอมให้ผมเข้าไปอยู่ด้วยในห้อง

"จริงๆ มึงไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนกูก็ได้นะ" ไอ้เต็มมันเอ่ยขึ้น

"ทำไมอ่ะ ก็กูอยากอยู่อ่ะ… กูหมายถึง ห้องมึงอยู่ข้างห้องนิวไง กูจะได้อยู่ใกล้นิวด้วย"

"เป็นเอามากนะมึง ถ้าขนาดนี้ ทำไมไม่ขอเข้าไปเล่นการ์ดต่อห้องไอ้นิวล่ะ"

"มันจะนอนแล้ว… ทำไมมึงไล่กูจัง หรือว่า… มึงกลัวหวั่นไหวกับกู"

"ถุยยย ถ้ากูจะหวั่นไหว กูควรหวั่นไหวนานแล้วป่ะ" ถุยซะแรงเลยนะมึง

"ก็ไม่รู้สินะ เผื่อเพิ่งคิดได้งี้"

"พอเลยมึง ถ้าจะอยู่นี่ก็เงียบๆ กูจะนอน"

พูดจบ ไอ้เต็มมันก็ล้มตัวลงนอนที่เตียง ส่วนผม…นั่งเรียงการ์ด หาความหมายของการ์ดแต่ละใบ มีพลังเท่าไหร่อะไรยังไง ต้องทำความเข้าใจครับ เดี๋ยวพูดกับแม่งสองคนนี้ไม่รู้เรื่อง

ผ่านไปซักพัก ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของคนบนเตียงนอน จึงเดินไปดูเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าหลับหรือยัง ซึ่งก็เห็นว่าไอ้เต็มหลับสนิทไปแล้ว ผมจึงเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนที่โซฟากลางห้อง

ระหว่างที่หลับตา ความคิด ความกังวลต่างๆ ก็ประดังประเดเข้ามาในหัวผม ถึงไอ้เต็มจะบอกว่าไม่ต้องมารับผิดชอบ แต่ผมกลับรู้สึกผิดเองที่ทำตัวแบบนี้กับเพื่อน ผมกลัว…กลัวจะเสียเพื่อนคนนี้ไป

เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม เรามักจะถูกพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เพื่อนๆ เปรียบเทียบกันอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้ผมกับไอ้เต็มไม่เคยสนิทกันซักที เพราะลึกๆ แล้วต่างฝ่ายต่างก็แข่งกันมาตลอด แต่พอผมเริ่มชอบนิว มันทำให้ผมสนิทกับไอ้เต็มมากขึ้น ได้เห็นไอ้เต็มในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้เข้าใจถึงการกระทำต่างๆ ของอีกฝ่าย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจ ออกจะหมั่นไส้เสียด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ ออกแนว…เอ็นดู…ซะมากกว่า

ผมงงตัวเองที่ผ่านมาทำไมผมไม่เคยมองไอ้เต็มเป็นอื่นเลย ทั้งที่มัน 'น่ารัก' ขนาดนี้ คิดมาถึงตรงนี้ ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ มีของดีใกล้ตัวแล้วแท้ๆ ยังจะไปไขว้คว้าของๆ คนอื่นทำไม

อดไม่ได้ครับ ผมลุกจากโซฟา แล้วเดินฝ่าความมืดไปนั่งลงข้างเตียงนอนไอ้เต็ม ใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ ไล้ลงมาข้างแก้มนุ่ม ก่อนจะฝังจมูกลงไปบางเบา สูดเอากลิ่นกายละมุนของอีกฝ่ายเข้าปอด แล้วค่อยๆ ถอนจมูกออกมา

"ฝันดีนะเต็ม ไอ้คู่แข่งที่น่ารัก"



.



ผมจบสาขาบริบาลเภสัชกรรม ซึ่งเป็นเภสัชที่เรียน 6 ปี มีบทบาท คือ ต้องสามารถดูแลผู้ป่วยได้ ไม่ใช่เพียงแค่จ่ายยา แต่ยังต้องทำงานร่วมกับแพทย์ในการวินิจฉัยโรค หาแนวทางการรักษา ติดตามผลการรักษาโรค รวมถึงให้ความรู้เรื่องยากับผู้ป่วยได้

ผมรับผิดชอบคลินิกหอบหืด (Asthma) และโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จะมีการทำงานร่วมกับวิชาชีพอื่น มีคลินิกดังกล่าวทุกวันอังคาร วันอื่นๆ ผมก็ต้องจ่ายยาอยู่ห้องยานอก แต่ถ้ามีเคสหอบหืดหรือ COPD admit เข้าโรง'บาล ผมก็ต้องไปดูที่วอร์ด เพื่อประเมินอาการร่วมกับทีมแพทย์ วางแผนการรักษา ตลอดจนการใช้ยา รวมถึงการสอนพ่นยาด้วย ซึ่งใช้ในการบรรเทาและรักษาอาการหอบหืดและ COPD

และวันนี้ผมต้องไปสอนเด็กพ่นยาหอบหืดที่วอร์ดเด็ก เพราะเด็กจะออกจากโรง'บาล ต้องไปสอนวิธีใช้ เพื่อจะได้ใช้ยาอย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด

"สวัสดีค่ะเภฟิล์ม มาเร็วจังเลยนะคะ คุณหมอยังราวน์วอร์ดไม่เสร็จเลย" พี่พยาบาลเอ่ยทักผมขึ้น ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในวอร์ด

"งั้นเหรอครับ หมอไหนครับที่กำลังราวน์"

"หมอเต็มค่ะ"

"อ่อ งั้นเดี๋ยวผมเดินไปทักทายหน่อยละกัน"

พูดจบ ผมก็มองหาร่างเล็กที่เริ่มจะคุ้นตา เห็นกำลังจดออเดอร์ลงในชาร์ตคนไข้อยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหา แล้วเอ่ยทักทาย

"ว่าไงครับคุณหมอ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมครับ" พูดไป ยิ้มกริ่มไปด้วย

ดูเหมือนคนตรงหน้าจะตกใจไม่น้อยที่ผมเอ่ยทัก

"อารายเนี่ย มาทำอะไร"

"มาทำงานสิ …คิดว่าผมมาทำอะไรเหรอครับ"

"ใครจะไปรู้ งานอยู่ห้องยาไม่ใช่เหรอ"

"ผมทำงานได้ทุกที่ครับ …ทุกที่ที่มีคุณ"

คุณหมอเต็มเงยหน้ามามองผมเต็มตาเลยครับ พร้อมกับพูดอะไรไม่รู้อยู่ในลำคอ แต่จากการอ่านปาก ได้ความว่า

'กวนตีน'

"หึหึ"

ผมหัวเราะหึหึในลำคอ แล้วก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

"หลบหน่อยครับคุณหมอ ผมมาสอนน้องพ่นยา …น้องเตียงที่คุณหมอยืนขวางอยู่น่ะ ผมก็เลยต้องมาอยู่ตรงนี้ไงครับ หึหึ"

พูดจบ ร่างเล็กของคุณหมอก็รีบเดินตรงแหน่วจากผมไปทันที อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้กับความเจ้าอารมณ์ที่แสนน่ารักนี้

จากนั้นผมก็ทำการสอนเด็กน้อยให้พ่นยาจนเสร็จ กำลังจะเดินออกจากวอร์ด ก็บังเอิญหันไปสบตากับคุณหมอเต็มอีกครั้ง ซึ่งคุณหมอก็กำลังจะเดินออกจากวอร์ดเหมือนกัน

"เชิญเดินออกไปก่อนเลยครับคุณหมอ"

ไอ้เต็มมันมองหน้าผม และพูดในลำคออีกครั้งว่า 'กวนตีน' แล้วก็เดินออกไปจากวอร์ดเลย ผมจึงรีบตามออกไป

"เอ๊า จะรีบไปตามควายที่ไหนละนั่น"

"อะไรของมึงเนี่ยฟิล์ม ตามกูมาทำไมวะ" ไอ้เต็มมันหยุด และแหวใส่ผม

"กูไม่ได้ตามซักหน่อย ก็ห้องยา…มันต้องเดินไปทางนี้" คำตอบของผมทำให้ได้เต็มหัวเสียหนักไปอีก มันจึงรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อ

"แต่จะว่ากูตามก็ได้ ถ้าคิดแบบนั้นแล้วมึงสบายใจ หึหึ" ผมที่เดินอยู่ด้านหลัง พูดไล่หลังให้ได้ยิน

"ไอ้ฟิล์ม! มึงจะเอายังไงกับกู" ไอ้เต็มมันหันมาแหวใส่ผมอีกรอบ พอดีกับมีซอกตึก มันจึงดึงผมเข้าไปคุยกับมันที่ซอกนั้น

"ช่วงนี้มึงเป็นอะไรวะฟิล์ม ชอบล้อเล่นกับกูจังวะ!"

"กู…ไม่ได้ล้อเล่น" พูดติดๆ ขัดๆ ซะงั้นผมน่ะ

"ไม่ได้ล้อเล่นแล้วมึงเป็นเชี่ยอะไร หยอดกูจังช่วงนี้"

"กูเห็นมึงปวดหัว กูก็แค่…ไม่อยากให้มึงเครียด อยากให้ยิ้ม ให้หัวเราะมากๆ"

"…แล้วไป"

ได้ยินเสียงไอ้เต็มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ทำไมใจผมมันเหี่ยวๆ ก็ไม่รู้ ถึงงั้นก็เถอะ ยังไงเราก็ต้องเดินหน้าต่อ

"วันเสาร์นี้ มึงว่างไหม"

"ทำไม"

"กูสมัครแข่งขันถ่ายรูป แล้วมันต้องถ่ายรูปคน มึง…ช่วยไปเป็นนายแบบให้กูหน่อยดิ"

"หน้าอย่างกูเนี่ยนะ!?!"

"เออ หน้าอย่างมึงเนี่ยแหละ"

"มึงไม่ไปขอให้ไอ้นิวเป็นนายแบบให้วะ ตอนนี้สนิทกันแล้วนี่นา มึงจะได้ทำคะแนนด้วยไง" หน้าตาไอ้เต็มจริงจังมากครับตอนนี้

"มึงลืมไปแล้วเหรอ ว่าเสาร์อาทิตย์นี้ นิวกลับบ้านที่กรุงเทพฯ"

"งั้นมึงก็รอมันกลับมาค่อยไปถ่ายก็ได้"

"ไม่ได้ หมดเขตส่งวันจันทร์นี้"

"แล้วก่อนหน้านี้ทำไมมึงถึงไม่ถ่าย ถ้าไม่ใกล้วันคงไม่ทำใช่ไหม ชอบจริงๆ เลยนะ ไฟลนก้นเนี่ย"

มันบ่นให้ผมชุดใหญ่ครับ บ่นได้บ่นไปครับ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ตกลงไปเป็นนายแบบให้ผมอยู่ดี จริงๆ แล้วการประกวดถ่ายรูปครั้งนี้ เค้าให้ส่งเลทสุดอาทิตย์ถัดไปครับ แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งนายแบบที่ต้องการ ก็ขอผิดศีลข้อสี่นิดหน่อยละกันครับ





- หมอนิว -

เย็นวันศุกร์

หลังจากที่ผมเคลียร์ทุกเคสแล้ว ช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา ผมตั้งใจจะกลับบ้านครับ เพราะตั้งแต่มาประจำที่โรง'บาลนี้ ยังไม่ได้กลับบ้านซักครั้งเลย จริงๆ ผมมีเวรนะ แต่ต้องไปขอร้องอ้อนวอนแลกกับเพื่อนคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งวันหยุด กว่าจะเคลียร์เวรออกไปได้ แทบลมจับ เพราะทุกคนก็อยากหยุดยาว แต่ผมมีเพื่อนดีไง ไอ้เต็มเลยรับอาสาอยู่เวร ER ให้

ผมสะพายเป้ลงมาล่างหอพักแพทย์หนึ่งใบ กะว่าไม่เอาอะไรไปมากครับ ไม่อยากโหลดกระเป๋าใต้เครื่องบิน อีกทั้งจะได้ไม่ต้องไปยืนรอกระเป๋าที่สายพานด้วย

ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคยยืนรอแล้ว พี่กี้นั่นเองครับ พี่เค้าบอกว่าจะไปส่งขึ้นเครื่อง ขากลับก็จะไปรับ ผมบอกว่าไม่ต้องไปส่งก็ได้ แต่พี่เค้ายืนยันจะไปส่งให้ได้ ผมเลยขี้เกียจห้ามละ อยากไปก็ไป

"อ้าว มีแค่เป้ใบเดียวเหรอ"

"อืม เอาไปอะไรเยอะแยะ เสื้อผ้าอยู่บ้านก็มีป่ะ"

"ก็จริง งั้นขึ้นรถกัน พี่เอารถออกมารอแล้ว"

พูดจบ ผมก็เดินตามไอ้พี่กี้ไปขึ้นรถ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ถึงสนามบินที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง พอถึงก็ไปหาที่จอดรถครับ จากนั้นไอ้พี่กี้ก็เดินไปเปิดประตูหลัง ถือกระเป๋าลากมาหนึ่งใบ ทำเอาผมงงๆ ก็เลยต้องถามขึ้น

"กระเป๋าใครอ่ะพี่"

"ของพี่ไง"

"แล้วพี่จะไปไหนอ่ะ"



"…เข้ากรุงเทพฯ กับนิวไง"



"ห๊าา!! อะไรนะ?!?"

ผมอึ้งอยู่ครับ ไม่เห็นบอกผมก่อนเลย แล้วจะไปทำอะไรที่กรุงเทพฯ!

"พี่ไม่เห็นบอกผมว่าจะเข้ากรุงเทพฯ ด้วย"

"ก็บอกอยู่นี่ไง" พูดหน้าตายอ่ะ

"ไม่ได้หมายถึงตอนนี้ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่บอกก่อน"

"บอกก่อนก็ไม่เซอไพรส์ดิ"

"จะเซอร์ไพรส์อะไร บอกมานะ"

"ไม่มีหรอก พูดเล่นไปงั้นแหละ"

"อารายยยย พูดให้อยากแล้วจากไป"

ผมเองครับที่เป็นฝ่ายแง้วๆ ใส่พี่เค้า ผมก็งงตัวเอง นี่ผมเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ ตั้งแต่เริ่มใช้สถานะ 'แฟน' กับไอ้พี่กี้ ผมทั้งพูดจาเอาแต่ใจ ทั้งออดอ้อนพี่เค้า ทำตัวน่ารักเข้าไปทุกวัน แล้วไอ้พี่กี้ก็ตามใจ เอาใจผมสารพัด แต่ก็มีบางครั้งที่ไม่ตามใจ เหมือนครั้งนี้ไง ผมเลยทำหน้างอนนิดนึง เดี๋ยวไอ้พี่กี้มันก็ง้อครับ

นั่นไง ร่างสูงเอื้อมมาจับมือผม แล้วเดินนำไปข้างหน้า พาผมเดินข้ามถนน ตลอดจน check in ขึ้นเครื่อง ไอ้พี่กี้ก็ไม่ยอมปล่อยมือผมเลย จะมีบ้างก็ตอนค้นหาบัตรประชาชน และต้องวางเป้เข้าเครื่องสแกน หลังจากนั้นพี่กี้ก็กลับมาเดินจูงมือผมต่อ โดยไม่สนใจสายตาประชาชนที่มองมาเลย บางครั้งผมก็เขินเป็นเหมือนกันนะ แบบว่ายังไม่คุ้นเคยกับสายตาของผู้คนที่มองมา

'เค้าจะหาว่ากูเป็นตัวประหลาดป่าววะ เดินจูงมือกับผู้ชายเนี่ย'

นั่นคือเสียงที่คิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองคิดนาน เพราะเบื้องหน้าผมคือแผ่นหลังที่เหยียดตรง เดินอย่างคนมาดมั่น ถ้ามีอะไรมากระทบก็คงไม่ไหวติง

แผ่นหลังของคนข้างหน้า ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น เหมือนได้รับการปกป้อง ความคิดหรือคำพูดของใครก็คงมาทำร้ายผมไม่ได้ ตราบใดที่…เรายังเดินจูงมือกันแบบนี้…เรื่อยไป

ขอบคุณนะครับ ที่เข้ามาในชีวิตผม ทำให้ทัศนคติที่มีต่อความรักของผมเปลี่ยนไป…อย่างสิ้นเชิง



TBC.



Talk : อีกคู่กำลังจะจีบกัน อีกคู่ก็กำลังปรับทัศนคติกันไป ค่อยๆ เดินทางกันไปนะคะ …ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆนะคะ ทั้งที่แสดงตัว และไม่แสดงตัว ร๊ากกกกทุกคนเลยค่า (ยิ้มกว้างงงงงง)

#หมอกี้น้องนิว #เภฟิล์มหมอเต็ม #อินเทิร์นจอมจุ้นฯ

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 15-07-2020 17:34:00
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-07-2020 19:41:38
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 15-07-2020 20:38:38
 o13
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-07-2020 22:35:42
 o13 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-07-2020 23:03:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 16-07-2020 06:46:17
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอ 20.2ทัศนคติที่เปลี่ยนไป 15|7|63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 17-07-2020 18:17:23
ตอน 21 นายแบบ



- หมอนิว -

ทันทีที่มาถึงสนามบินดอนเมือง พ่อกับแม่ผมที่มารอรับก็โทรมาทันที บอกว่ารออยู่หน้าประตูทางออกแล้ว ผมจึงหันไปถามคนข้างกายว่าคืนนี้จะไปพักไหน

"คืนนี้พี่จะไปพักไหนเนี่ย"

"ไปนอนบ้านนิวได้ไหมล่ะ" ถามผมด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มน่ะ

"…ก็ได้แหละ แต่ยังไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย"

"ล้อเล่น พี่มีคอนโดอยู่นี่ ซื้อไว้ตั้งแต่ตอนมาเรียนต่อเฉพาะทางแล้ว ให้นิวใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่เลย …แล้วเดี๋ยวเราค่อยนัดไปทำบุญกันนะ"

ผมพยักหน้ารับ พลางยิ้มขอบคุณพี่เค้า ขอบคุณที่เข้าใจผม เพราะป่านนี้พ่อกับแม่คงรอผม และคงอยากมีเวลาของครอบครัวเราแล้ว แต่ผมก็รั้งแขนพี่กี้ไว้

"อย่าเพิ่งไปพี่ …เดี๋ยวพาไปสวัสดีพ่อกับแม่" พูดไป ก็แอบชำเลืองคนข้างๆ ไปด้วย

"จริงดิ จะแนะนำพี่ว่าไงอ่ะ" ไอ้พี่กี้ตาลุกวาวเลยครับ

"อย่าคาดหวังมาก แค่จะบอกว่าเป็นอาจารย์หมอที่โรง'บาลเท่านั้นแหละ"

"ไรอ่ะ เซ็งเลย"

"ตามนั้นแหละ"

ไอ้พี่กี้หน้ามุ่ยไปนิดนึงครับ แต่ผมรู้ว่าแค่แกล้งทำเฉยๆ เราต่างฝ่ายก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันเร็วเกินไปที่จะอธิบายให้ผู้ใหญ่รับรู้ รอให้คบกันนานกว่านี้ หรือให้เราทั้งสองทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก่อน แล้วเราค่อยบอกพ่อกับแม่ก็ยังไม่สาย

พอเดินพ้นประตูทางออกมา ก็เจอพ่อกับแม่ยิ้มรอรับอยู่ก่อนแล้ว ข้างกายเป็น 'นัท' น้องชายคนเดียวของผม ซึ่งอายุห่างกับผมแค่ปีเดียว จบสถาปัตย์ ตอนนี้ทำงานกับบริษัทต่างชาติ น้องผมกับผมนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง นัทเป็น artist นิสัยอินดี้ แต่ผมเป็นพวกใช้เหตุและผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก

"สวัสดีครับพ่อกับแม่ คิดถึงจังเลยอ่ะ" ผมเดินเข้าไปกอดพ่อกับแม่ พลางทักทายไอ้น้องชายตัวดีด้วย

"ไงไอ้นัท ไหนว่าไม่กลับ"

"ไม่กลับได้ไง มึงกลับมาทั้งที พ่อกับแม่เลยกล่อมให้กูกลับเนี่ย อยากกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตางี้"

"ก็ดีแล้วไง โผล่หน้ามาให้พ่อกับแม่เห็นบ้าง ไม่ใช่กลับบ้านปีละครั้ง" ผมบ่นให้น้องชายนิดหน่อย แล้วก็รับรู้ได้ว่าสายตาแต่ละคนจับจ้องผู้ชายที่เดินมากับผม

"อ่อ นี่อาจารย์กี้นะครับ เป็นอาจารย์หมอศัลย์ที่โรง'บาลผม …นี่พ่อแม่ น้องชายครับ"

พูดจบ ไอ้พี่กี้ก็ไหว้พ่อกับแม่ผมด้วยท่าทีนอบน้อม พ่อกับแม่ผมก็ยิ้มรับไหว้

"สวัสดีลูก ดูอายุไม่น่าจะมาก เป็นอาจารย์แล้ว เก่งจังเลยลูก" พ่อผมครับ เอ่ยทักทายขึ้น

"ขอบคุณครับ ผมรีบไปเรียนต่อเร็วนะครับ"

"บ้านอยู่กรุงเทพฯ เหรอลูก"

"ไม่ครับ พอดีวันหยุดยาว เลยจะมาตระเวนทำบุญในกรุงเทพฯ ซักหน่อยครับ"

"อ่อ เอานิวไปด้วยสิ รายนี้ไม่ค่อยชอบเข้าวัด"

"พ่อคร๊าบบ ไม่ขายลูกนะคร๊าบบ" อันนี้เสียงผมเองครับ ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาดังเลย

"ว่าแต่ นอนไหนละลูก ถ้าไม่มีที่พัก ไปนอนที่บ้านพ่อกับแม่ก็ได้นะ"

เอ่อ ได้ข่าวเพิ่งเจอหน้ากันวันแรก ชวนเค้าไปนอนบ้านเลยเหรอพ่อ อันนี้ผมแอบคิดอยู่ในหัว งงกับพ่อตัวเองจัง

"ขอบคุณมากครับ แต่คงไม่ได้รบกวนนะครับ พอดีมีที่พักแล้วครับ"

"อ่อ ไว้ถ้ามีโอกาสก็เข้ามาทานข้าวที่บ้านพ่อกับแม่นะลูก"

แม่ผมเป็นฝ่ายชวนบ้างครับ มนุษยสัมพันธ์ดีจริงๆ ชวนเค้ามานอนบ้าน แล้วยังชวนมาทานข้าวที่บ้านอีก

"ขอบคุณครับ ไว้มีโอกาส ผมจะไปแน่นอนครับ"

หลังจากนั้น เราก็แยกย้ายกันกลับ ไอ้พี่กี้มีเพื่อนหมอมารับ ส่วนผมก็กลับกับครอบครัว พอมาถึงบ้าน อาจจะด้วยความเพลีย อาบน้ำเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงเตียงนอน มีเสียงข้อความทางไลน์เด้งเข้ามา

Kie : นอนยัง

New : กำลังจะนอน

Kie : ไม่มีพี่นอนข้างๆ หลับได้เหรอ

New : เว่อร์ไปป่ะ

Kie : ก็ไม่รู้สินะ

New : นอนแล้วนะ ฝันดีครับ

Kie : อย่าเพิ่งดิ พรุ่งนี้มีแพลนไปไหนป่าว

New : อยู่บ้าน ช่วยที่บ้านทำงาน


บ้านผมมีธุรกิจผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ครับ กิจการไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่ก็มีลูกค้าเกือบทุกจังหวัด เดี๋ยวนี้น้องชายผมก็ช่วยออกแบบดีไซน์งานให้ด้วย อนาคตคงเป็นน้องชายผมที่ต้องมารับช่วงต่อที่บ้าน ตอนนี้น้องบอกว่าขอไปหาประสบการณ์ก่อนซัก 4-5 ปี แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันต่อจากนี้

Kie : โอเค งั้นซักวันอาทิตย์ไปไหว้พระกันนะ

New : คร๊าบผม

Kie : งั้น…คืนนี้ฝันดีนะครับ

New : ฝันดีเหมือนกันครับ


หลังจบบทสนทนาทางไลน์ ผมก็ล้มตัวลงนอนทันทีครับ เหนื่อยครับ วันนี้เดินทางหลายต่อ แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอน เพราะอยู่เวร icu ศัลย์ คนไข้อาการไม่ดี ผมจึงต้องโทรรายงานเคสอาจารย์ต๊ะทุกชั่วโมงก็ว่าได้





- เภฟิล์ม -

วันเสาร์มาถึง

ผมนั่งรอไอ้เต็มที่ด้านล่างหอพักแพทย์ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็น ช่วงนี้กำลังถ่ายรูปสวยครับ แสงกำลังดีเลย ไม่นานก็เห็นร่างเล็กของไอ้เพื่อนเต็มเดินตรงมาทางผม

"รอนานไหมมึง" ไอ้เต็มครับ ถามผมขึ้น

"ไม่เลย เพิ่งมาเหมือนกัน" จริงๆ คือมารอตั้งแต่ 30 นาทีที่แล้ว

"มึงว่า…ชุดกูโอเคยัง"

"โอเคแล้ว ไม่เน้นชุด เน้นคนเว้ย"

"แต่องค์ประกอบก็ต้องได้ไง"

"แค่มีมึงเป็นนายแบบ …ทุกอย่างก็ดีหมดแล้ว"

"ก็อยากให้มันออกมาดีที่สุดไง"

"หึหึ" ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ครับ เพราะดูท่าทางคนตรงหน้ามีความกระตือรือร้นสูงมาก

"มึงขำอะไร ไอ้ฟิล์ม"

"กูตลกมึง จริงจังกว่ากูอีกนะเนี่ย"

"พอเลย ป่ะ ไปกันได้แล้ว"

เราจบบทสนทนากันแต่เพียงเท่านี้ครับ หลังจากนั้นผมก็ขับรถมารับมันออกไป location ที่เล็งไว้ คือ ถนนที่มีต้นยางขึ้นสูงสองฝั่ง แล้วลำต้นจะโน้มเข้าหากันเพื่อเป็นอุโมงค์ ฉากหลังสีเขียวของต้นไม้ ตัดกับทางโค้งของถนน เป็นภาพที่สวยงามมากๆ ครับ อยากให้ทุกคนได้เห็น (ลอง search google ดูนะครับ ไรท์บอกว่าแทรกรูปลงไม่เป็นครับ T^T)

"ว้าววว สวยมากเลยมึง"

หน้าตานายแบบของผมดูตื่นเต้นมากครับนาทีนี้ เหมือนเด็กเล็กๆ เลย น่ารักว่ะ

"ไม่เคยมาเหรอ อยู่ใกล้บ้านแค่นี้เอง"

"เอาเวลาที่ไหนมาวะ …แต่คือ สวยมากกกก มึงรู้จักที่นี่ได้ไงเนี่ย"

"ไม่มีคนเล่นกล้องคนไหนไม่รู้จักหรอก"

คำตอบผมทำเอาไอ้เต็มส่ายหัวให้ แต่ไม่นานมันก็ไปชื่นชมบรรยากาศรอบข้างต่อ ส่วนผมก็เตรียมกล้องครับ วันนี้มีแค่กล้องหนึ่งตัว กับเลนส์หนึ่งอัน ไม่ได้มีแฟลช และขาตั้งกล้อง เพราะงั้นบรรยากาศก็จะเป็นกันเอง ออกแนวมาถ่ายรูปเล่นซะมากกว่าครับ

ระหว่างที่ไอ้เต็มชื่นชมกับบรรยากาศ ผมก็แอบเก็บรูปมันไปด้วยครับ เป็นช๊อตเผลอๆ น่ารักดี

"แล้วไม่บอกก่อนวะว่าจะถ่าย จะได้เก๊กหล่อ"

"แบบนี้แหละ ธรรมชาติดี"

"เอาใหม่" สิ้นเสียง ไอ้เต็มก็เก๊กหน้านิ่งมองมาที่กล้อง ซึ่ง…ไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ เกร็งมาก แต่ผมก็กดแชะให้ตามคำสั่งเจ้าของรูป แล้วเจ้าตัวก็วิ่งมาดูรูปตัวเองที่กล้องกับผม

"อะไรวะ ทำไมกูดูไม่หล่อเลยวะ"

"บอกแล้วว่าทีเผลอเวิร์กสุด"

แล้วผมก็เลื่อนรูปทีเผลอให้มันดู มันก็เลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าพึงพอใจ ผมก็ดูไปด้วย ดูไปดูมา จังหวะไหนไม่รู้ครับ สงสัยผมจะก้มลงต่ำมากไป ทำให้แก้มผมไปชนกับแก้มไอ้เต็ม

ต่างฝ่ายต่างสะดุ้งสุดตัว!! รีบถอยห่างออกจากกันแทบไม่ทัน





"มึงยืนตรงกลางถนนเลย แล้วเงยหน้ามองกิ่งไม้กิ่งนั้น"

ผมบอกไอ้เต็ม พร้อมบอกจุดโฟกัสมันพร้อม เพราะตอนนี้มันดูนิ่งๆ ไป

"อมยิ้มนิดนึงนะมึง …ให้มึงจินตนาการถึงคนที่มึงชอบก็ได้"

"กู… ไม่มีคนที่ชอบอ่ะ คิดไม่ออกว่าต้องทำหน้ายังไง"

"ดารงดาราอะไรก็ได้ที่มึงคิดว่าเค้าสวยน่ะ"

"ดารา… กูแทบไม่ดูละคร"

"ดาราเอวีก็ได้มึง อย่าบอกกูอีกนะว่ามึงไม่เคยดู กูไม่เชื่อสัสๆ"

ผมพูดจบ มันหัวเราะก๊ากเลยครับ ผมก็รีบกดแชะสิครับ แชะถี่ๆ ไปเลย กว่าจะได้ความเป็นธรรมชาตินี้

เราถ่ายรูปไปได้ซักพักก็ต้องโบกมือบ๊ายบาย เพราะยุงเยอะมากกกก และรถก็ขับสวนไปมา ถ่ายไปได้ 2-3 รูป กำลังจะบิ้วท์อารมณ์ได้ รถก็วิ่งมา บางจังหวะ ท่าโพสต์กำลังได้ก็ต้องรีบตบยุง และจากสายตาที่มองไปยังขาขาวๆ ของไอ้เต็ม มีตุ่มแดงๆ บ้างประปรายแล้ว สงสารมันครับ ยิ่งตัวขาวๆ ถ้าอยู่นานกว่านี้ ไข้เลือดออกได้ถามหาแน่

"วันนี้พอเถอะเต็ม กูว่าค่อยไปหาโลเคชั่นที่อื่นดีกว่าว่ะ"

"อ้าว ทำไมอ่ะ"

"ยุงเยอะ เดี๋ยวไข้เลือดออกได้ถามหานะมึง …ค่อยนัดกันอีกทีพรุ่งนี้นะ"

"อะไรของมึงอีกเนี่ย พรุ่งนี้กูยังต้องเจอหน้ามึงอีกเหรอ"

"เออน่า ค่อยไปถ่ายรูปตอนเวียนเทียนที่วัดกัน"

"คือมึง…จะชวนกูไปเวียนเทียนเหรอ"

"จะว่างั้นก็ได้"

"อะไรของมึงเนี่ย ช่วงนี้ทำตัวติดกับกูแปลกๆ นะ"

"หรือมึงไม่อยากไปกับกู"

"ก็เปล่า… เพื่อนชวน ก็ไปดิ"

"แล้ว…เย็นนี้มึงมีนัดไหนไหม"

"ตอนนี้ยัง"

"งั้น… ไปกินชาบูกันไหม"

"ไปก็ไป"

แล้วผมกับมันก็ไปกินบุฟเฟ่ท์ชาบูร้านเปิดใหม่ ไปลองของใหม่ดิ เป็นไงจะได้โฆษณาต่อ ถามว่าได้ค่าจ้างไหมก็ไม่ แต่เปิดใหม่ต้องไปลองครับ ระหว่างที่นั่งกินไป ผมก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไอ้เต็มไปด้วย

"อะไรของมึงเนี่ย กินอยู่ก็ยังจะถ่าย"

"ก็ตอนกินนี่มึงเป็นธรรมชาติมาก"

"ธรรมชาติมากกกก เผื่อได้รูปตอนกูกำลังเคี้ยวอยู่ มึงไม่เก็บไว้แบล็คเมล์กูรึไง พอเลย รีบๆ แดก จะได้รีบๆ กลับ"

"มึงจะรีบไปไหนวะ เวรก็ไม่มี"

"นอน"

หมดคำจะพูดครับ ได้ยินแล้วถึงกับต้องรีบเก็บกล้องเลย คนห่าอะไร นอนได้นอนดี นอนเหมือนกับว่านอนให้เต็มที่กับวันสุดท้ายของชีวิตงี้ ตั้งแต่ผมสุงสิงกับมันมาซักพัก มันทำอยู่ 3 อย่างครับ 1. ทำงาน+ขึ้นเวร 2. เล่นการ์ด+เกมส์ 3. นอน ชีวิตมันนี่ไม่มีความสนใจด้านอื่นแล้วครับ มีเท่านี้จริงๆ





- หมอเต็ม -

เย็นวันนี้ผมไปเป็นนายแบบให้ไอ้ฟิล์มครับ ไม่มีอะไรมาก แค่ยิ้ม แค่หัวเราะ แค่พยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ เหมือนจะไม่ยากนะ แต่มันยากเพราะหลังเลนส์กล้องเป็น…ไอ้ฟิล์มไง

ผมรู้สึกดีนะ เวลาที่มันยกกล้องเล็งมาที่ผม รู้สึกว่ามันกำลัง 'โฟกัส' ผม

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ผมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป เพราะกลัว… กลัวว่ามันจะมองทะลุเข้ามาในใจผม

อย่างที่บอกครับว่าตั้งแต่วันนั้น วันที่ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนกับไอ้เต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างในใจผมเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไร สนใจเรื่องราวในชีวิตมันมากขึ้น มันแซวนิดแซวหน่อยก็เอามาคิดเป็นจริงเป็นจัง ละที่มันชวนผมมาถ่ายแบบด้วยก็แค่ 'แทนไอ้นิว' มันไม่ได้อยากถ่ายรูปผมจริงๆ หรอก ละไอ้ที่ชวนมากินบุฟเฟต์ชาบูนี่ก็ด้วย ก็แค่หาเพื่อนกินข้าว เป็นเรื่องปกติที่เพื่อนเค้าชวนกันป่ะ อ่ออ ที่พรุ่งนี้ชวนไปเวียนเทียนด้วย ก็แค่อยากถ่ายรูปซ่อมนะแหละ ไม่มีอะไรหรอก

ใช่สิ ก็มันชอบไอ้นิวขนาดนั้น มันคงไม่เหลือ 'ที่ว่าง' ไว้ให้ใครหรอก

"เป็นอะไรเต็ม อยู่ดีๆ ก็นิ่งไปเลย" ไอ้ฟิล์มครับ มันถามผมขึ้น สงสัยผมจะนิ่งคิดนานไปหน่อย

"เปล่าๆ รีบกินรีบกลับกันเถอะ"

"ช่วงนี้มึงแปลกๆ นะ"

ผมเงยหน้าจากถ้วยบุฟเฟ่ต์มามองคนตรงหน้าเลยครับ หรือว่ามันจับพิรุธอะไรผมได้

"แปลกอะไร ไม่มี๊"

"เสียงสูง มีพิรุธจริงๆ"

คิดๆๆ คิดหาเรื่องแก้ตัวก่อนครับ อ่ออออ ผมว่าผมได้เรื่องแก้ตัวแล้ว เมื่อกี้ไอ้นิวเพิ่งไลน์มาบอกว่าอาจารย์กี้ตามมันกลับที่กทม. จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยอยากพูดให้มันคิดมากหรอกนะ แต่ผมต้องหาเรื่องแก้ตัวไง ขายเรื่องเพื่อนก่อนละกันนะนาทีนี้

"จริงๆ ก็มีแหละ"

"อะไร"

"คือ…กูก็ไม่รู้ว่า…กูควรบอกมึงไหม แต่…มึงเคยบอกกูไว้ว่า ถ้าเป็นเรื่องนิวให้บอกมึงเลย"

"เล่ามาเลยมึง"

"ที่นิวกลับบ้านน่ะ อาจารย์กี้ตามนิว…ไปถึงกรุงเทพฯ เลย"

ผมพูดไปก็สังเกตสีหน้าไอ้ฟิล์มไปด้วย กลัวมันจะเสียใจหนักเหมือนตอนไปทะเล ซึ่งหน้ามันตอนนี้ออกจะนิ่งๆ ไปแวบนึง แต่แล้วก็มีท่าทีกังวลใจ เริ่มโวยวายตามแบบฉบับของมันละครับ

"แล้วทำไมมึงเพิ่งมาบอกกูวะ กูจะเอาเบียร์ สั่งมาเลย แดกให้หายช้ำซิคืนนี้"

ทันทีที่ได้ยินคำว่า 'เบียร์' ผมแทบสะดุ้ง อย่านะมึง อย่าแดกเบียร์เป็นอันขาด!! คราวนี้กูจะไม่ให้มึงขึ้นห้องกู!!

"อย่าเลยมึง พรุ่งนี้จะไปทำบุญไม่ใช่เหรอ งดแอลกอฮอล์เถอะนะ กูขอร้อง" ผมถึงกับต้องขอร้องมันเลยครับ

"ถัากูไม่แดกเบียร์ คืนนี้กูจะนอนได้ไง ไอ้เต็มมมม มึงต้องอยู่เป็นเพื่อนกูนะ ฮืออ"

เดี๋ยว เดี๋ยวนะ เหมือนภาพจะฉายซ้ำ มันส่งเสียงฟูมฟายออกมาครับ สงสารมึงกูก็สงสารอยู่หรอกนะฟิล์ม แต่กูเป็นห่วงสวัสดิภาพตัวเองมากกว่า ตอนคิดจะบอกไอ้ฟิล์มเรื่องนิว ก็ลืมคิดถึงความปลอดภัยของตัวเองเลย

สุดท้ายผมก็ห้ามมันไม่ได้ครับ มันสั่งเบียร์มาดื่มขวดแล้วขวดเล่า ผมได้แต่นั่งมองมันดื่ม ถือแก้วน้ำอัดลมชนกับมันหมดไปก็หลายแก้ว อยู่ดีๆ มันก็คอพับลง ผมจึงต้องรีบสะกิด กลัวเป็นอะไรไป แต่มันดันคว้ามือผมไปดม แล้วกล่าวว่า

"มือเล็ก…สวย…เหมือนหน้าเลย"

เอาอีกแล้วครับ อาการเดิม ผมต้องทำหน้าที่ 'ตัวแทน' อีกแล้วสินะ

"ป่ะ กลับกันเถอะมึง …ไม่เอา อย่าจับมือกู" ผมห้ามมัน หลังจากที่มันจับมือผมไม่ยอมปล่อย

"จับนิดจับหน่อยน๊าาา"

พูดจบ มันก็เลื่อนมือมันขึ้นมาที่แขนผม ผมจึงต้องรีบตะครุบไว้ แล้วรีบเรียกน้องพนักงานมาเช็คบิล จากนั้นผมก็ลากมันมาที่รถ เนื่องจากเอารถมันมา ผมจึงต้องค้นหากุญแจรถจากมัน เมาไม่ขับนะครับ ดังนั้นหน้าที่ขับรถและลากมันกลับจึงตกมาที่ผม

"ไอ้ฟิล์ม มึงเอากุญแจรถไว้ไหน"

"เป๋าเกงกู" ไม่พูดเปล่านะครับ เด้งช่วงสะโพกมาให้ผมล้วง(กระเป๋า)ด้วย

ผมจึงต้องใช้ร่างเล็กๆ ของผมพยุงมันให้ยืน และมืออีกข้างก็พยายามล้วงหากุญแจรถมัน ละคือมึงช่วยยืนดีๆ ได้ไหม จะตัวอ่อนไปไหน ตัวมึงก็ใหญ่จะตายห่า แค่พิงกู กูก็ยืนเซแล้ว ยังจะยืนตัวอ่อนไม่มีกระดูกอยู่ได้

ผมพยายามล้วงหากุญแจครับ แต่ล้วงเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จะควานหาก็ไม่ถนัดมือ ตำแหน่งล่อแหลมเกิน

"อ๊ะ อยู่นี่งายยย"

อยู่ดีๆ ไอ้ฟิล์มก็หยิบกุญแจมาจากไหนไม่รู้ครับ โชว์หราหน้าผมเลย

"ปล่อยให้กูล้วงอยู่ได้ แม่ง"

ผมรีบคว้ากุญแจมาปลดล็อคแล้วรีบยัดไอ้ฟิล์มเข้าไปในรถเบาะข้างคนขับ จากนั้นก็มาประจำตำแหน่งคนขับ ออกรถบึ่งไปยังหอพักบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆ ซึ่งเป็นตึกที่ตั้งอยู่ติดกับหอพักแพทย์นั่นแหละครับ ผมไม่เคยขึ้นไปห้องไอ้ฟิล์มเลยสักครั้ง วันนี้แหละจะได้ขึ้นไปครั้งแรก

ทันทีที่ถึงหอพัก ผมก็ลากมันออกมาจากรถ ทั้งฉุดทั้งดึงทั้งถูไถ กว่าจะถึงห้องมัน จริงๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ห้องไหน โชคดีที่เจอเพื่อนเภสัชเพิ่งลงเวรเลยอนุเคราะห์บอกข้อมูลให้

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องมัน ภายในห้องก็เป็นแบบแปลนเดียวกันกับห้องพวกผมเลย จากนั้นก็ลากมันไปทิ้งลงไว้บนเตียงนอน ตั้งใจว่าจะกลับห้องตัวเองละ แต่มือคนเมาดันรั้งแขนผมไว้ กระตุกนิดเดียวผมก็ล้มตัวลงไปบนเตียงมันแล้ว พร้อมกับที่มีร่างสูงใหญ่ของมันคร่อมทับผมเอาไว้

เชี่ยละ!! สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ!!

"จะไปไหน…"

"กลับห้องกูไง"

"ยังไม่ให้กลับ"

"มึงเมาแล้ว…นี่กูเต็มเพื่อนมึงไง"

"…อือ รู้ละ"

เอ๊าา นี่ไม่ได้เมาเหรอ ท่าทางตอนนี้มันไม่เหมือนคนเมาเลยซักนิด แล้วไอ้คนที่กูลากขึ้นมาเมื่อกี้มันหายไปไหนแล้ววะ!!

"รู้แล้วก็ปล่อยกู"

"มึงนี่ก็…น่ารักดีเหมือนกันนะ"

มันพูดไป จ้องหนัาผมไปครับ ในสภาพที่ตอนนี้ผมอยู่ใต้ร่างมัน สายตากรุ้มกริ่มอย่างเห็นได้ชัด นี่ไอ้ฟิล์มมันเป็นอะไรครับ!! เมื่อกี้ยังฟูมฟายกับไอ้นิวอยู่ดีๆ ตอนนี้มาพูดจาหยอกล้อผม!!

"มึงเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย!?!"

"…"

มันไม่ตอบผมครับ แต่ใช้สายตาโลมเลียผมตั้งแต่ใบหน้า ไล่ลงไปตามลำตัว ทำเอาผมหนาวๆ ร้อนๆ อยู่นะ มึงจะจ้องอะไรขนาดนี้…



ผมเริ่มได้สติ จึงผลักอกมันออกจากลำตัว แล้วรีบผลุบตัวลุกขึ้นยืน



"กูไปแล้วนะ… แล้วอย่าทำแบบนี้อีก… กูไม่ชอบ"



ผมพูดโดยไม่มองหน้ามัน แล้วรีบวิ่งออกจากห้องมันเลยครับ!!

ใช่!! ที่กูไม่ชอบ เพราะถ้ามึงทำแบบนี้บ่อยๆ ใจกูจะไม่ไหวแล้ว ใจกูจะไปหามึงอยู่แล้วเชี่ยเอ้ยยยยย



TBC.



Talk : เอาแล้วววว รักคู่รองไม่แพ้คู่หลักเลย จริงๆ เราชอบแต่งพาร์ทจีบกันมาก ชอบหยอด ชอบอารมณ์ตอนจีบกัน 55555

ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน คอมเม้นท์นะคะ ขอบคุณมากๆๆๆๆค่ะ เยิฟฟฟฟฟ (ยิ้มหวาน)


หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 17-07-2020 21:38:55
 o13
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-07-2020 21:48:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-07-2020 22:00:14
โอ๊ยๆๆทั้งคู่หลักคู่รอง  :-[
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 17-07-2020 22:31:15
เต็ม กับ ฟิล์ม ขอให้สมหวังในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-07-2020 00:29:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: Yarkrak ที่ 18-07-2020 10:00:35
ฟิล์มก็บอกไปเลยว่าถอยจากนิวขอคบกับเต็ม
เต็มจะได้ไม่นอยด์   :mew4:


เล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
บอกเผื่อนักอ่านและนักเขียนหลาย ๆ ท่านไม่ได้อ่านกฎและข่าวของเล้าค่ะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 18-07-2020 11:09:12
เล้าเป็ดรณรงค์ ให้ใช้เรียกนักเขียน นักอ่านแทน ไรท์เตอร์ รีดเดอร์ เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของเว็บเรากันนะคะ
บอกเผื่อนักอ่านและนักเขียนหลาย ๆ ท่านไม่ได้อ่านกฎและข่าวของเล้าค่ะ


ขอบคุณค่ะ เราไม่ได้อ่านจริงๆค่ะ พอดีเราอัพหลายที่ ตรง talk ก็เลยไม่ได้แก้ค่ะ
แต่จะปรับปรุงแก้ไขในตอนต่อๆไปนะคะ ตอนก่อนๆจะพยายามไปแก้ไขค่ะ แต่มันหลายตอนมาก อาจจะแก้ไขได้ไม่หมด
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 21 นายแบบ 17/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 20-07-2020 18:42:21
ตอน 22 ใส่ใจ


- หมอนิว -

เช้าวันอาทิตย์ที่ตรงกับวันอาสาฬหบูชา ผมตื่นแต่เช้ามาตักบาตรหน้าบ้านร่วมกับครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วยพ่อแม่ และน้องชาย ทันทีที่พระท่านมาถึง แม่ก็วางดอกบัวลงไปก่อน จากนั้นก็เป็นผมที่ใส่อาหาร ตามด้วยน้องชายที่ใส่ข้าวสวยร้อนๆ ปิดท้ายด้วยพ่อที่ใส่ขวดน้ำเปล่าบริสุทธิ์ลงไปในบาตร ทุกคนปิดวาจาและน้อมรับพรด้วยจิตใจอันเบิกบาน

พอใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาช่วยแม่เตรียมอาหารเช้า ส่วนน้องชายกับพ่อช่วยกันรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ไม่นานอาหารเช้าก็พร้อมรับประทาน ผมจึงอาสาไปตามพ่อกับลูกชายคนเล็กของบ้านมาทานข้าว

"วันนี้แม่ทำอะไรกินอ่าา" เสียงน้องผมครับ ทำเสียงออดอ้อนอย่างกับตัวเองเป็นเด็กน้อย บางครั้งผมก็หมั่นไส้มันครับ ตัวมันน่ะโตอย่างกับควายมาทำเสียงเล็กเสียงน้อย

"แม่ทำข้าวต้มปลาจ้า"

"ปลาอีกแล้วเหรอครับแม่ เมื่อคืนก็ปลานะ" น้องชายผมมันบ่นครับ

"ปลาน่ะดีแล้ว ดีต่อสุขภาพ เคี้ยวง่าย ไขมันต่ำด้วย" นี่เสียงผมเองครับ ต้องสนับสนุนทุกอย่างที่ดีต่อสุขภาพครับ

"จ้าาา พ่อหมอ" เสียงน้องชายประชดผมครับ

ผมกับน้องชายก็จะเป็นแบบนี้ละครับ ความเห็นไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกัน คุยกันก็ไม่ได้ไพเราะอะไรมาก ออกแนวกวนกันด้วยซ้ำ แต่มีปัญหาอะไรปรึกษาหรือคุยกันได้ตลอดนะ ตอนเรียนมหา'ลัยคุยกันบ่อยครับ พอมาทำงานไม่ค่อยได้คุยกัน ต่างฝ่ายต่างยุ่ง

"แล้ววันนี้ไปไหนอ่ะนิว"

พ่อผมครับ ถามขึ้น เพราะเมื่อวานผมอยู่ช่วยงานทั้งวันแล้ว

"ไปไหว้พระอ่ะครับ แต่ยังไม่รู้ว่าไปไหนบ้าง"

"ไปกับใครล่ะ"

"กับอาจารย์กี้ไง ที่พ่อเจอวันนั้นอ่ะ"

"อ่อๆ ก็ดี รู้จักเข้าวัดเข้าวา อยากจะตบรางวัลให้อาจารย์คนนี้ซะจริง ลากลูกพ่อเข้าวัดได้นี่" พูดจบประโยค พ่อผมหัวเราะชอบใจใหญ่เลย ผมนี่งงเลย อะไรวะ อยากรู้นักว่า ถ้าบอกพ่อว่าไอ้อาจารย์คนนี้แหละที่มันคิดกับลูกพ่อมากกว่ารุ่นน้องหมอธรรมดาทั่วไปเนี่ย พ่อยังจะตบรางวัลให้มันอยู่ไหม



.



จุดนัดหมายแรกของผมกับพี่กี้ คือ วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

เรานัดหมายกันเวลา 11.00 น. ที่ประตูพระฤาษี เป็นประตูทางเข้าของนักท่องเที่ยว ผมมาถึงก่อนเวลาเล็กน้อย จึงยืนรอพี่กี้อยู่แถวนั้น ไม่นานร่างสูงคุ้นตาในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวตัวเก่ง ปล่อยชายสบายๆ คู่กับกางเกงสแล็คสีครีมอ่อนหลวมๆ สวมรองเท้า slip on สีน้ำตาลกลางเก่ากลางใหม่ บนใบหน้ามีแว่นกันแดดยี่ห้อดังบดบังอยู่ครึ่งหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

แฟนใครวะ โคตรเท่เลย…

นั่นเป็นประโยคแรกที่เด้งเข้ามาในหัวผม มีความภูมิใจลึกๆ อยู่ข้างในที่ไม่สามารถอธิบายให้ใครฟังได้

"รอนานป่าว"

พี่กี้ถามผมขึ้นทันทีที่เดินมาถึงจุดนัดหมาย

"ไม่อ่ะ เพิ่งมาถึงไม่นานเอง"

"ป่ะ งั้นไปไหว้พระกัน"

แล้วผมกับพี่กี้ก็เดินเข้าไปข้างในด้วยกันอย่างสำรวม ค่อยๆ เดินตามนักท่องเที่ยวคนอื่นเข้าไปครับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นชาวต่างชาติ เพราะยังอยู่ช่วงโควิด แต่ก็ปลดล๊อกไปหลายแห่งแล้ว เราจึงสามารถเดินเที่ยวได้

ตั้งแต่เด็กจนมาถึงตอนนี้ ผมมาวัดพระแก้วบ่อยมาก นับครั้งไม่ถ้วนครับ มาทั้งกับที่บ้าน มากับโรงเรียน มากับเพื่อน และล่าสุดมากับ…แฟนครั้งนี้แหละครับ เราเดินชมภายในวัดจนมาถึงในส่วนพระอุโบสถ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน 'พระแก้วมรกต' แล้วเราก็เข้าไปไหว้ขอพร จากนั้นก็เดินออกมาเงียบๆ เก็บภาพทุกอย่างไว้ในความทรงจำ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง เราไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ครับ



หลังจากนั้น ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง เราจึงหาอะไรกินแถวนั้น เป็น street food จากนั้นก็ไปต่อที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ เป็นวัดที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย

เราเดินเข้าไปไหว้พระขอพรเหมือนที่ผ่านมา ผมอธิษฐานขอให้การทำงานของผมราบรื่น อย่าได้มีอะไรติดขัด สุขภาพกายสุขภาพใจดี มีกัลยานมิตรที่ดี รวมถึงมี 'คนรัก' ที่ดีด้วย

ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาก็พบว่าไอ้พี่กี้มันนั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว

"อะไรเนี่ย ทำไมมองนิว …แล้วไม่ไหว้พระเหรอ"

"ไหว้เสร็จแล้ว ดูคนโลภ สงสัยจะขอเยอะ"

"ไม่เห็นเยอะเลย นิดเดียวเอง"

"ขออะไรบ้าง มีพี่อยู่ในสิ่งที่ขอไหม"

"ไม่บอก"

พูดจบ ผมก็ก้มลงกราบพระสามครั้ง แล้วเดินออกมาเลยครับ ไม่นานไอ้พี่กี้ก็ตามมา บริเวณนั้นเห็นมีป้ายบอกว่าบริการนวดด้วย ผมจึงสะกิดพี่กี้เบาๆ

"พี่กี้ ไปนวดไหม …ชอบนวดไม่ใช่เหรอ"

"ไม่ให้หมอคนไหนนวดแล้ว ให้หมอคนนี้นวดได้คนเดียว"

พูดจบ ไอ้พี่กี้มันก็ยื่นมือใหญ่มาบีบจมูกผมเหมือนหมั่นเขี้ยวน่ะครับ นิดๆ หน่อยๆ ก็เอานะคนเรา ผมจึงแอบดุไป

"ในวัดก็ไม่เว้นนะพี่"

"ช่วยไม่ได้ อยากน่ารักเองทำไม"

อืมมม หมดคำจะพูดครับ พอครับ ขี้เกียจเถียง…



วัดต่อไป เราต้องนั่งเรือข้ามฟากไปครับ คือ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในระหว่างที่เรากำลังนั่งเรืออยู่นั้น เรือมันโงนเงนครับ ทำให้ผมที่มัวแต่หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปบรรยากาศรอบข้างเอนไปซบไหล่ไอ้พี่กี้ แทนที่คนถูกซบจะทำตัวนิ่งๆ ไป แต่เปล่าเลย กลับโอบผมเข้าไปชิดมากกว่าเดิมซะอีก คนที่นั่งอยู่แถวนั้นมองแล้วอมยิ้มใหญ่เลย ทำเอาผมเขินๆ อยู่เหมือนกันนะ

ไม่นานเราก็ข้ามมาอีกฟากสำเร็จ เดินเที่ยวชมภายในวัด มาหยุดใช้เวลาที่พระปรางค์ใหญ่วัดอรุณฯ ถือได้ว่าเป็นศิลปกรรมที่สง่าและโดดเด่นที่สุด บนพระปรางค์ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องเคลือบและเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่นำเข้ามาจากจีน ซึ่งมีลวดลายงดงามเป็นของเก่าแก่และหายากมาก

เราเดินขึ้นบันไดของพระปรางค์ที่ค่อนข้างสูงและชัน บางช่วงก็ค่อนข้างแคบ ทำให้เราต้องใช่ความระมัดระวังมากๆ ซึ่งพี่กี้จะให้ผมอยู่ข้างหน้าเสมอ แล้วพี่เค้าจะอยู่บันไดด้านหลังในตอนขาขึ้น ส่วนขาลงก็เดินนำลงก่อน ให้ผมค่อยๆ เดินตาม ทั้งยังจับมือผมไม่ปล่อย ทำให้ผมรู้สึก…ปลอดภัย…สบายใจ…วางใจเป็นที่สุด

มาเที่ยววัดครั้งนี้ นอกจากจะอิ้มบุญแล้ว ผมยัง 'อิ่มใจ' มากๆ เลยล่ะครับ…



.



หลังจากที่เราเที่ยวชมวัดเสร็จ ตกเย็นกำลังจะไปหาอะไรกินแถวสยามด้วยกันกับพี่กี้ ไม่รู้เพื่อนผมมันไปเอาข่าวมาจากไหนถึงรู้ว่าผมกลับบ้าน แต่ละคนในกลุ่มจึงนัดรวมพลกันโดยฉุกละหุกสุดๆ มีทั้งคนที่มาได้และไม่ได้ เป็นเพื่อน 'หมอ' ที่เรียนด้วยกันตั้งแต่ม.ปลายครับ

แน่นอนอยู่แล้วว่า…ผมต้องลากไอ้พี่กี้ไปด้วย จะไล่กลับก็กระไรอยู่ จริงๆ ก็อยากไล่กลับนะแหละ ยังไม่พร้อมบอกเพื่อน เพราะที่ผ่านมาไอ้พวกนี้มันรู้อยู่แล้วว่าผมไม่ชอบผู้ชาย แถมใช้พวกมันเป็นไม้กันหมาก็บ่อย พอมาตอนนี้ดันต้องมากลืนน้ำลายตัวเอง คบกับผู้ชาย พวกมันต้องล้อผมแน่ๆ

"เป็นอะรไรนิว"

ไอ้พี่กี้ถามผมขึ้นระหว่างนั่งรอเพื่อนที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ที่มีทั้งอาหารคาวและหวาน

"เปล่า"

"เปล่าอะไร หน้าดูเครียดๆ นะ"

"…กังวลน่ะ"

"เรื่อง?"

"…กลัวโดนเพื่อนล้อ"

"อ่อ เรื่องพี่เหรอ"

"อือ"

"กลัวอะไร พี่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งคน"

พูดจบ พี่กี้ก็เอื้อมมือมาจับมือผมที่ใต้โต๊ะ แล้วบีบเบาๆ ให้กำลังใจ

"เพื่อนสนิทนิวไม่ใช่เหรอ กลัวอะไร อย่างมากก็ล้อเล่น คงไม่เอาจริงเอาจังหรอกมั้ง"

 ทันทีที่จบประโยคของพี่กี้ เพื่อนผมก็โผล่หน้ามาทันที เรียงหน้ากันมาพร้อมกันเลยทีเดียว

"เฮ้ยยย ไอ้นิว มานานยังมึง" นี่ไอ้ชาย ชายน้อยแห่งบ้านทรายทอง ไม่ใช่ละ มันชื่อชาย หนึ่งในแก๊ง 'หมอ' ของพวกผม ไอ้นี่เป็น 'หมอฟัน'

"ไอ้นิวววว กูคิดถึงมึงจังเลยยยย" เสียงนี้ คือ ไอ้บอส หนึ่งในแก๊งหมอเหมือนกัน คนนี้เป็น 'หมอสัตว์'

"กลับบ้านทั้งทีไม่มีบอกเพื่อนเลยนะมึง" เสียงสุดท้ายนี่คือ ไอ้ใหญ่ เป็น 'หมอนวด' ที่ได้ฉายาหมอนวด เพราะธุรกิจที่บ้านมันเปิดร้านนวดกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ

"แล้วอีก 2 ตัวไม่มาเหรอวะ" ผมถามหาอีกสอง 'หมอ' ครับ เพราะยังไม่ครบแก๊ง

"พ่อหมอโชค ช่วงนี้คนไปทำบุญด้วยเยอะ พา fc ไปทำบุญ 9 วัด" พ่อหมอโชค เป็น 'หมอดู' สืบสายการดูดวงจากรุ่นปู่ย่าตาทวด

"ส่วนไอ้เพชร ช่วงนี้คนบวชเยอะ ไปร้องเพลงตามงานบวชว่ะมึง" คนสุดท้ายชื่อ ไอ้เพชร เป็น 'หมอลำ' มีชื่อในวงการว่า 'เพชรลดา ฟ้าจรัส'

"อ่อ กูลืมไปว่าช่วงนี้เพื่อนหาเงิน" เสียงผมเองครับ

"แล้วเนี่ย ใครคร๊าบบบ จะไม่แนะนำให้เพื่อนรู้จักเลยเหรอคร๊าบบบ" เสียงไอ้ชายครับ ฟังแล้วมีความอยากรู้อยากเห็นสุดๆ

"อ่อ นี่พี่กี้ รุ่นพี่หมอที่โรง'บาลกู"

สิ้นเสียงผม เพื่อนทั้งสามก็ยกมือขึ้นไหว้พี่กี้อย่างพร้อมเพรียง ทำเอาคนข้างๆ แทบจะรับไหว้ไม่ทัน

"หวัดดีครับน้องๆ"

"ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ เพื่อนผมเป็นไงบ้างครับอยู่ที่นู่น" ไอ้ใหญ่ครับ เอ่ยทักทายเหมือนเป็นตัวแทนชาวแก๊ง

"นิวเก่ง…ปรับตัวเก่ง มีแต่คนชอบ คนรัก คนหลง" ไอ้พี่กี้ครับ พูดไป ยิ้มกรุ้มกริ่มไป ทำเอาพวกเพื่อนผมส่งสายตามีเลสนัยหากัน

"หมายความว่าไงครับพี่" ไอ้บอสครับ รีบโพล่งขึ้นมาเลย

"ตามนั้นแหละครับ หึหึ …เดี๋ยวพี่ขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ"

จบประโยค ไอ้พี่กี้ก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอกร้าน และในทันทีที่ร่างสูงพ้นจากสายตา ไอ้ชายรีบซักไซ้ผมเลย

"แค่พี่จริงเหรอวะ"

"พี่สิวะ"

"กูไม่เชื่อ สายตาพี่เค้าไม่คิดกับมึงแค่น้อง" ไอ้ใหญ่ครับ รู้ดีจริงนะมึง

"กูบอกว่าพี่ก็พี่สิวะ พวกมึงนี่สงสัยอะไรกันจัง"

"ความลับไม่มีในโลกนะนิว" ไอ้บอสครับ กดดันผมมาอีกเสียง

"ความลับเชี่ยอะไร พวกมึงนิ"

"ยัง ยังไม่ยอมพูดนะนิว" ไอ้ชายกดดันผมอย่างต่อเนื่อง

"อย่ามาทำเป็นไม่รู้" ไอ้บอสก็เอาอีกแล้วครับ

"เดี๋ยวนี้มึงมีความลับกับเพื่อนเหรอวะ" ไอ้ใหญ่สำทับกันเข้าไป

โอ้ยยยย พวกมึงนิ จะเอากับกูให้ได้เลยใช่ไหม!

"เออๆ กูบอกก็ได้ …กู กับ พี่กี้ เป็นแฟนกัน …พอใจพวกมึงแล้วใช่ไหม"

สุดท้ายผมก็ต้องบอกพวกมันจนได้ ไม่เคยรักษาความลับกับพวกมันได้เลยซักครั้ง

"ไอ้ย๊ะ!!"

ทั้งสามเสียงประสานมาพร้อมกัน หน้าแต่ละคนอึ้งไปตามๆ กัน

"นิว ที่ผ่านมามึงไม่เคยยุ่งกับผู้ชายเลยนะเว้ย" ไอ้บอส เหมือนจะเตือนความจำผมครับ เออ กูรู้ กูจำได้

"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงได้ไปเป็นแฟนกับพี่เค้า" ไอ้ใหญ่ ถามมาติดๆ



"…ก็กูชอบเค้า"



"บรึ๊ยยย" นั่นเป็นเสียงอุทานของเพื่อนผมที่คงจะตกใจมาก

"เค้าป้ายยามึงรึเปล่าวะ นิวคนที่ชอบผู้หญิงนมใหญ่ๆ คนที่ด่าผู้ชายแทบทุกคนที่เข้ามาจีบหายไปไหนวะ" ไอ้ชายสำทับมาอีก

"นั่นสิ พี่กี้…แม่งมีอะไรดีวะ ทำให้เพื่อนเราเปลี่ยนไป๋"

"หรือว่ามึงเปลี่ยวมากจนต้องหันไปหาผู้ชายวะ"

"กูว่าเรื่องนี้ต้องถึงพ่อหมอโชคว่ะ ต้องให้มันดูดวงมึงซิว่าโดนของรึเปล่า"

"เออๆ กูเห็นด้วย ต้องให้ไอ้โชคดูดวงมันว่าช่วงนี้ดาวมรณะเรื่องความรักมาทักทายรึเปล่า"

ผมนั่งฟังแต่ละคนวิจารณ์เรื่องของผมอย่างสนุกปาก ไม่รู้จะเถียงอะไรครับ เถียงไม่ออก

"ไอ้ตัวดี มึงพูดอะไรมั่ง นั่งเอ๋ออยู่ได้" ไอ้ชายสะกิดผมที่ตอนนี้สายตามองออกไปนอกร้าน จับจ้องไปยังร่างสูงที่คุ้นเคยกำลังคุยกับใครบางคน ซึ่งดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกัน

"หืมม? พวกมึงว่าอะไรนะ"

"ไปดูดวงกับไอ้โชคไหม"

"ไม่ไป ไปทำไมวะ"

"เพื่อนๆ สงสัยว่ามึงโดนของ"

"ของเชี่ยอะไร… กูก็แค่…ลองเปิดใจเว้ย …พี่เค้าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร"

"แต่พี่เค้าเป็นผู้ชายนะ"

"ผู้ชายแล้วไง กู…มองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้วว่ะมึง กูมองที่ 'ใจ' พี่เค้าเว้ย"

"บร๊ะะะะ!!!" พร้อมใจกันประสานเสียงอีกแล้วครับเพื่อนผม

"สุดมากกกกเพื่อนกู" ไอ้ใหญ่ครับ

"หรือว่าพวกมึงไม่ชอบพี่เค้า" ผมถามพวกมัน เพราะดูเหมือนพวกมันจะไม่ค่อยโอเค

"ไม่ใช่ไม่ชอบ พวกกูแค่แปลกใจ เพราะที่ผ่านมามึงวิ่งหนีผู้ชายมาทั้งชีวิต แต่อยู่ดีๆ มึงก็ประกาศกับพวกกูว่ามึงชอบผู้ชาย พวกกูเลยสงสัยเฉยๆ แล้วก็เป็นห่วงมึงเท่านั้นแหละ" ไอ้ชายครับ มาซะยาวเหยียดเลย

"อ่อ กูก็ไม่รู้ว่ะ …กูแค่รู้สึกว่า ตอนนี้มันใช่ ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นไง แต่ก็จะพยายามดูแลรักษามันไว้อย่างดีแหละ"

"พวกกูทุกคนอยู่ข้างมึงนะ" ไอ้ชายอีกครับ ที่ตบบ่าผมปุๆ สองสามที

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ พวกเราจึงคุยไปกินไปครับ พี่กี้ก็เดินกลับเข้ามาด้วย ทั้งโต๊ะพูดคุยกับพี่กี้อย่างสนุกสนาน เสมือนไม่ใช่คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ทำเอาผมวางใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยเพื่อนผมก็ต้อนรับ 'แฟน' ผมอย่างดี…



จบการพบปะเพื่อนฝูง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ปรากฏว่าเกือบ 3 ทุ่มแล้ว คงต้องแยกกับพี่กี้แล้วครับ ผมก็ต้องกลับบ้าน ไอ้พี่กี้กลับคอนโดตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรอพี่เค้าอยู่หน้าห้องน้ำ ไม่นานร่างสูงก็ออกมา แล้วเอ่ยปากชวนผมไปต่อ

"วันนี้ พี่ว่าจะไป hang out กับเพื่อนแถวสุขุมวิท นิวไปกับพี่ไหม"

"…"

"พอดีเพื่อนเพิ่งโทรมาชวนเมื่อกี้ …นิวไม่ไปก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่งนิวที่บ้านก่อน แล้วพี่ค่อยไปหาเพื่อน"

"ไม่อ่ะ นิวจะไปกับพี่"

ใช่ครับ ผมควรไป จะได้รู้จักพี่เค้าและเพื่อนพี่เค้า อยากรู้จักหลายๆ มุม อยากรู้จักมากขึ้น…มากขึ้นไปอีก



ไม่นาน เราก็ไปถึงร้าน food & drink ร้านหนึ่งที่ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านมากนัก เพื่อนไอ้พี่กี้โบกมือรอแล้วครับ เราจึงเดินไปตามสัญญาณมือนั้น ก็ปรากฏว่าเป็นคนที่ผมเห็นยืนคุยกับพี่กี้เมื่อตอนเย็นวันนี้เอง

"ทางนี้ กี้"

"มาถึงนานยังวะ"

"ไม่นานๆ"

"เออนี่… เพื่อนพี่นะ ชื่อ ดีน เป็นหมอ ortho (กระดูก) ส่วนนี่… น้องนิว intern1 ที่โรง'บาลกู"

"อ่อ น้องที่ไปเที่ยวทะเลกับกี้ใช่ไหม"

"อ่อครับ สวัสดีครับพี่" ผมกล่าวสวัสดีพี่ดีน พร้อมกับตอบรับที่พี่เค้าจำผมได้จากหน้าเฟซไอ้พี่กี้ ควรดีใจใช่ไหมครับ ฮ่าๆๆ

"ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะเนี่ย"

"ครับ ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ" เริ่มชินละครับกับคำว่า 'น่ารัก'

บทสนทนาของเราถูกตัดด้วยมีเพื่อนของพี่กี้มาเพิ่มอีกสองคน เป็นหมอศัลย์ด้วยกันทั้งคู่ ฟังจากบทสนทนาก็รู้ว่าจบเฉพาะทางมารุ่นเดียวกัน ส่วนมากผมจะนั่งฟังพี่ๆ เค้าคุยกันมากกว่าครับ เค้าคุยกันเรื่องเคสผ่าตัดยากๆ ผมก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง จะมีพี่ดีนนี่แหละที่ชวนผมคุยบ่อยที่สุด

"นิวคิดไว้รึยังว่าอยากต่ออะไร"

"ยังเลยครับ แหะๆ"

"คิดไว้เลยนะ มีทุนมา แล้วจะได้รีบคว้าเลย"

"ครับ จริงๆ ก็สนใจศัลยกรรมอยู่เหมือนกัน"

"งั้นก็ดีเลย มี back ส่วนตัวดีอยู่แล้ว"

"ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ"

"อย่าแซวมาก เดี๋ยวน้องเขิน" ไอ้พี่กี้พูดแทรกผมกับพี่ดีนขึ้นมา ผมก็นึกว่าพี่เค้ามัวคุยแต่กับพี่สองคนนั้น จริงๆ ก็แอบฟังผมอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

นี่สินะ ที่เค้าเรียกว่า 'ความใส่ใจ' แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดูแล ผมรู้สึกใจพองฟูขึ้นมาอีก เพราะวันนี้ทั้งวันพี่กี้ดูแลผมดีมาก ตั้งแต่ไปวัด ไปหาเพื่อนผม จนมาถึงตอนนี้ที่อยู่กับเพื่อนพี่เค้า ผมไม่รู้สึกว่าเป็นคนนอกเลย ทั้งที่ผมคุยกับพี่ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่

ผมแอบมองเสี้ยวหน้าคนข้างกายที่ตอนนี้พูดคุยหัวเราะกับเพื่อนตัวเอง แต่ส่งฝ่ามือใหญ่มากุมมือผมไว้ที่ใต้โต๊ะ อยากจะบอกมากว่า…

'ขอบคุณมากนะครับพี่กี้ ที่คอยอยู่ข้างๆ นิวมามาตลอดเลย'



สงสัยผมจะมองพี่กี้นานไปหน่อย เจ้าตัวดันรู้ตัว หันหน้ามามองผมคืนซะงั้น

"มีอะไรรึเปล่านิว"

ผมส่ายหน้า แล้วยิ้มตอบกลับไป แต่ไอ้พี่กี้คงจะไม่เข้าใจ หันหน้ามากระซิบหูผมให้ได้ยินกันสองคน

"นิวอยากกลับรึยังครับ" ผมจึงกระซิบกระซาบตอบไปเหมือนกันว่า

"ยัง พี่คุยกับเพื่อนเสร็จเมื่อไหร่ ค่อยกลับก็ได้ครับ"

"น่ารักจังเลยที่เข้าใจพี่ เดี๋ยวคืนนี้…นิวนอนคอนโดพี่นะครับ"

น้ำเสียงออดอ้อนและส่งสายตาหวานเยิ้มมาหาผม แล้วผมจะตอบยังไงได้ นอกซะจากคำว่า

"…ครับ"

จากนั้น พี่กี้ก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อ แอบเห็นสายตาพี่ๆ มองมาอยู่นะครับ แต่ละคนอมยิ้มเบาๆ แต่ไม่มีใครแซวนะ คงเพราะพี่เค้าเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และคงเพราะเกรงใจพี่กี้ด้วยแหละมั้งครับ

ผมหยิบมือถือไลน์ไปบอกคนทางบ้านในกลุ่ม 'Family'

New : วันนี้นิวนอนคอนโดพี่กี้นะครับ ตอนนี้ hang out อยู่ที่ร้าน xxx

Nut : ให้กูไปรับไหม

New : ไม่เป็นไร น่าจะนั่งอีกยาว

Nut : ตามใจ

Mom : อย่าดื่มหนักมากนะลูก

New : ครับแม่

Dad : ดูแลตัวเองด้วยนะ

New : ครับ …วันนี้เอาบุญมาฝากครับผม


จากนั้นก็ส่งรูปไปวัดรัวๆ เข้าไปในกลุ่ม ทุกคนต่างก็ 'สาธุ' มาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ก็มีไลน์ส่วนตัวจากน้องชายเด้งเข้ามา

Nut : นิว มึงระวังตูดมึงด้วยนะคืนนี้ อย่าคิดว่ากูดูไม่ออกนะระหว่างมึงกับไอ้อาจารย์คนนั้น

ทันทีที่กดอ่าน ผมแทบสะดุ้งกับข้อความจากน้องชาย เซ้นส์ดีจริงจริ๊งงงงงง

New : ไม่มีอะไรหรอกน่า คิดมากน่ามึง

Nut : คิดมากเชี่ยอะไร มึงสิคิดน้อยไป

New : เออๆ กูจะระวังตัว

Nut : อย่าให้กูรู้นะว่ามึงก็อยากได้ไอ้อาจารย์คนนั้นด้วย

New : เพ้อเจ้อละมึง กินนมละไปนอนซะ

Nut : เออ …มีอะไรฉุกเฉิน โทรมาได้ตลอดทั้งคืน บาย

New : ขอบใจที่เป็นห่วง ถ้ามีอะไร เดี๋ยวโทรหา ฝันดีเว้ย




บางครั้งก็เกลียดน้องชายตัวเองครับ รู้ทันตลอด!!



TBC.



Talk : ตอนนี้จะมีความละมุนอวลอยู่ในบรรยากาศ แต่ไม่รู้เราแต่งออกมาได้ละมุนมากพอไหม 55555 ยังไงก็จินตนาการให้ละมุนละกันนะคะ 5555 ส่วนตอนต่อไปก็ลุ้นๆ นะคะว่าจะเป็นไง อิอิ

ขอบคุณทุกคนที่อ่านและติดตามมาถึงตอนนี้ค่ะ ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ (ยิ้ม)



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 22 ใส่ใจ 20/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-07-2020 20:53:48
ตอนต่อๆไปจะมีดราม่าไหมนะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 22 ใส่ใจ 20/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-07-2020 22:59:00
 :katai2-1:


หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 22 ใส่ใจ 20/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 23-07-2020 13:35:00



ตอน 23 ลงใจ (nc?)




ติดตามอ่านได้ที่นี่ ——-> ReadAwrite (https://www.readawrite.com/c/948b0958c075e5ce643e7f1571c88eed)




















หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 23 ลงใจ (NC?) 23/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-07-2020 20:26:25
 :o8: :impress2: :-[ :haun4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 23 ลงใจ (NC?) 23/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-07-2020 21:55:59
 :laugh:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 23 ลงใจ (NC?) 23/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 24-07-2020 07:11:03
 :katai2-1:ได้ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 23 ลงใจ (NC?) 23/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-07-2020 19:10:27
อร๊ายยยยย หวานกำลังดี
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 23 ลงใจ (NC?) 23/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 25-07-2020 19:19:47
ตอน 24 ปริ่มใจ



- หมอนิว -

เช้าวันใหม่มาถึง ผมพลิกตัวสองสามครั้ง ก็รู้สึกปวดยอกไปทั้งตัว โดยเฉพาะท่อนล่างของตัวเอง หัวสมองก็เริ่มประมวลถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

ใช่แล้ว! ผมกับพี่กี้ เรา…กันแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองมันร้อนๆ เหมือนอยู่ดีๆ เลือดก็สูบฉีดมากองกันที่หน้าซะอย่างนั้น …ผมหันไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้ยังปิดเปลือกตานิ่ง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ บ่งบอกว่ายังหลับสนิทอยู่ ผมใช้สายตาพิจารณาใบหน้าหล่อเหลานี้ ใบหน้าที่หลายคนหลงใหล อยากจับจองเป็นเจ้าของ แต่ตอนนี้คนคนนี้นอนอยู่ข้างกายผม

เป็นคนเดียวกันกับที่บอก 'รัก' ผมเมื่อคืน…

คิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึก 'ปริ่มใจ' อย่างบอกไม่ถูก…

ถามว่าผมรักพี่กี้หรือยัง? คำตอบที่ได้ก็คงเหมือนเดิม ไม่รู้จะเรียกว่ารักไหม แต่อยากอยู่ข้างกันแบบนี้ในทุกๆ วัน ตื่นมาก็เจอ ก่อนจะหลับตาลงก็เจอ หรือเป็นไปได้ในฝันก็อยากจะเจอ ^___^

เอ่อ ผมว่า ผมเว่อร์ไปละ ฮ่าๆๆ

หรือจริงๆ แล้วอาการแบบนี้เค้าเรียกว่า 'หลง' อันนี้ก็ไม่แน่ใจอีก

"ตื่นนานยังครับคนดี…"

พี่กี้ตื่นมาเจอใบหน้าผมที่กำลังสับสนระหว่าง 'รัก' กับ 'หลง' และเอ่ยทักทายผมขึ้น

"ไม่นานครับ…"

"ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกพี่ละครับ หืมม์"

จบประโยคคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ พี่กี้ก็รวบผมไปนอนกอดไว้ โดยที่ผมก็ยอมให้พี่เค้ากอด แถมกอดตอบด้วยนะ

"เห็นพี่นอนสบายอยู่ เลยไม่อยากปลุก"

"น่ารักจริงๆ แฟนใครหว่า"

พร้อมกับที่พูด พี่กี้ก็กอดผมแรงขึ้น จนผมรู้สึกเจ็บลงไปถึงเบื้องล่าง

"…พี่กี้ เบาได้เบานะพี่"

พี่กี้ดูตกใจเมื่อเห็นท่าทางผมที่ตอนนี้หน้ายู่เล็กน้อย

"พี่ทำนิวเจ็บมากเหรอครับ"

"…ก็พอทนได้แหละพี่ แต่อย่ากอดแรง มันสะเทือน" พูดไป โดยไม่ยอมมองหน้าพี่เค้านะครับ ก็มันเขินอ่ะ

"แต่เมื่อคืนก็ไม่มีเลือดนะ พี่ว่าพี่ก็ระวังอยู่นะ …ให้พี่ดูให้ไหม เผื่อมีแผล จะได้หายามาทา"

"ไม่ต้องเลย… คงไม่ถึงกับเป็นแผลหรอก"

"แต่… พี่อยากดูให้"

"มันไม่ใช่แขนหรือขาที่จะให้ดูง่ายๆ นะ พี่ก็พูดเว่อร์ไป"

"หึหึ"

"หัวเราะอะไร น่านนนน มีแผนอีกล่ะสิ"

เบื่อพวกแผนสูงมากครับ เมื่อคืนก็มีแผนเถอะ ทำเป็นงอนผม ออกไปนอนโซฟา รู้อยู่แล้วว่ายังไงผมก็ต้องไปง้อ ไปง้อละยังไงล่ะ ก็ลงเอยที่ยังงี้ไง ก็รู้อยู่ว่าผมไม่เคยปฏิเสธพี่เค้าได้หรอก บางครั้งก็เบื่อตัวเอง รู้ทันแต่ก็ยอมตลอด

แต่ครั้งนี้…ผมไม่ยอม อย่าหวังว่าจะได้ดูแผลผม ผมก็เป็นหมอ รู้ว่ามันไม่ได้หนักหนามาก ร่างกายสามารถ compensate เองได้ จะเจ็บๆ บ้างในช่วงวันหรือสองวันนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับรบกวนชีวิตประจำวันหรอกนะ

"เดี๋ยวนี้เก่งนะ รู้ทันตลอด"

"รู้มานานละ แต่ทำเป็นไม่รู้เฉยๆ"

"งี้แหละ ค่อยสมกับเป็นแฟนหมอศัลย์"

"ทำไม หมอศัลย์มันกะล่อนเหรอ"

"ใช่ที่ไหนล่ะ ความกะล่อนต้องยกให้หมอ ortho" (หมอกระดูก)

"จะฟ้องพี่ดีนว่าพี่ว่าให้"

"ฟ้องไปสิ มันคงได้แต่หัวเราะ หึหึ"

"ไม่พูดกับพี่ละ ไปอาบน้ำดีกว่า"

พูดจบ ผมก็ลุกจากเตียงไปอาบน้ำเลยครับ เบื่อคนกะล่อน ได้ยินเสียงแว่วๆ ตามหลังมาว่า

"ให้พี่ไปอาบให้ไหม รำลึกความหลังที่ทะเลกันหน่อย หึหึ"

อิตาบ้าาาา หื่นจริงหื่นจัง หื่นอะไรขนาดนี้!!!



.



เราตื่นมาก็เกือบสิบโมงเช้า กว่าจะอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็ปาไปเกือบเที่ยงแล้วครับ ก็พอดีกินข้าวเที่ยงล่างคอนโดเลย โปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรครับ  กะว่าจะพาพี่กี้เข้าไปกินข้าวเย็นที่บ้านผมพร้อมพ่อแม่และน้องชายซักหน่อย

ไปถึงบ้านไม่เจอพ่อครับ พ่อออกไปโรงงาน เจอก็แต่แม่และไอ้น้องชายตัวดี

"ตามสบายเลยนะลูก แม่ไปเตรียมอาหารก่อนนะ"

แม่เอ่ยกับพี่กี้หลังจากกล่าวทักทาย และถามถึงการเที่ยววัดเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรจริงจังหรอกครับ ออกแนวผู้ใหญ่ชวนคุยธรรมดาทั่วไป

พอแม่คล้อยหลังออกไปห้องครัวเท่านั้นแหละ น้องชายผมที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เริ่มส่งสายตาถมึงทึงมาทางผมและพี่กี้ และเริ่มซักไซ้เราสองคน

"เมื่อคืนมึงกลับกี่โมงนิว"

"ถึงคอนโดเที่ยงคืนกว่าๆ"

"พอรับได้กับเวลานี้…แล้วนอนกันยังไงอ่ะ"

สายตาน้องชายผมมันมองผมทีมองพี่กี้ที แต่มองพี่กี้ด้วยสายตาจ้องจับผิดสุดๆ ดูแล้วไม่น่ารักเลยสำหรับกิริยาที่ปฏิบัติตัวต่อผู้ใหญ่ ผมจึงปรามมันออกไป

"ถามดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องจ้องจับผิดขนาดนั้นหรอก แล้วนี่…พี่กี้ เป็นรุ่นพี่หมอกู ให้เกียรติพี่เค้านิดนึง"

"ไม่เป็นไรนิว พี่เข้าใจว่านัทคงเป็นห่วงนิวมาก" พี่กี้โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ตามด้วยยิ้มหล่อกระชากใจ แต่นี่เป็นไอ้นัท ยิ้มนั้นก็เลยไม่กระชากใจเท่าไหร่

"ก็ผมมีพี่อยู่คนเดียว ก็ต้องเป็นห่วงแหละครับ …ตรงๆ เลยนะพี่ พวกพี่เป็นอะไรกัน"

"ไอ้นัท!!"

ผมร้องเสียงหลงเลยครับ ตกใจไอ้น้องชายตัวดี ถามตรงเกินไป หรือไม่ก็ค่อยถามผมส่วนตัวก็ด้ายยย ส่วนพี่กี้นั้นหันมามองหน้าผมเหมือนจะหารือว่าให้ตอบยังไง ผมก็ทำได้แค่มองบนเลยครับนาทีนี้



"…เป็นแฟนครับ"



นั่นเป็นคำตอบของพี่กี้ที่ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวๆ เลย โอ้ยยย ไม่รู้จะเขินหรือจะโกรธไอ้น้องชายตัวดีกันแน่!!



"ก็แค่นี้ ปิดอยู่ได้"



ผมมองหน้าน้องแบบงงๆ อ้าว มันไม่โกรธผมเหรอวะ นึกว่ามันจะโกรธหรือไม่ก็ล้อผม เพราะที่ผ่านมามีผู้ชายมาจีบ ผมก็เอาน้องชายเป็นไม้กันหมาบ่อยๆ

"มึงไม่โกรธกูเหรอวะที่คบกับผู้ชาย"

"กูจะโกรธมึงทำไม เดี๋ยวนี้โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ถ้ากูรับไม่ได้ กูคงเป็นคนใจแคบมาก"

"ก็…แต่ก่อนกูให้มึงเป็นไม้กันหมาบ่อยๆ กูกลัวโดนด่าว่ากลืนน้ำลายตัวเอง"

"ก็นั่นมันตอนนั้น มึงยังไม่เจอคนที่ใช่ …ตอนนี้มึงเจอคนที่ใช่ละไง ใช่ไหมครับพี่เขย" ประโยคหลังนี่หันไปถามไอ้พี่กี้ ส่วนคนตอบนั้นยิ้มหน้าบานรออยู่ก่อนแล้ว

"คงงั้นมั้งครับ"

"ว่าแต่พี่เขยเถอะ… พี่รักพี่ผมจริงป่ะเนี่ย ถ้ารักไม่จริงนี่ผมไม่ให้น๊า"

"ถามนิวดูสิว่าพี่รักนิวแค่ไหน หึหึ"

อ้าวว ไม่ตอบ แถมโยนมาให้ผมซะงั้น แล้วผมจะตอบยังไงคร๊าบบบ

"พอเลยมึง ใครเค้าเอามาประกาศกัน"

ผมตัดบทให้เองครับ จะมาถามเซ้าซี้เรื่องอะไรพวกนี้ ไม่ใช่สาระสำคัญขนาดนั้น ส่วนไอ้น้องชายมันก็หัวเราะผมใหญ่เลยครับ ดูยังไงก็ล้อเลียนผมนั่นแหละ ผมเลยจับแยกพี่กี้ออกมาโดยการ จับยัดไอ้พี่กี้เข้าไปอยู่ในครัวกับแม่ผม เพราะพี่กี้ทำอาหารได้ ให้ไปช่วยแม่ผมดีกว่า

"แม่คร๊าบบบ พี่กี้ทำอาหารเป็น ตอนอยู่ที่โน่นทำให้นิวกินบ่อยๆ นิวว่าพี่กี้น่าจะช่วยแม่ได้ดีกว่านิวแน่ๆ"

"จริงเหรอลูก งั้นมานี่เลย"

หลังจากนั้นเหมือนแม่ได้ลูกชายคนใหม่ เดี๋ยวก็เรียกกี้มาชิมอันนี้ให้แม่หน่อย ซักหน่อยก็กี้ช่วยไปทำนู่นนี่นั่นให้แม่หน่อย ผมที่นั่งเล่นการ์ดกับไอ้นัทนี่แอบหมั่นไส้เบาๆ อะไรมันจะขนาดนั้น

"ดูท่าทางแม่จะชอบลูกเขยนะเนี่ย" ไอ้นัทครับ มันกระซิบคุยกับผม

"ลูกเขยเชี่ยอะไรของมึง"

"แน่ะ เขินด้วยเว้ยคนเรา"

"ระดับนี้ไม่มีเขินละเว้ย"

"แต่เอาจริงๆ นะ ดูแม่จะชอบแฟนมึงจริงๆ นะเนี่ยนิว"

"ก็ดีแล้วไง ตอนแรกกูยิ่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ จะพามาบ้านดีไหม พอเจอแบบนี้กูเลยสบายใจไป"

"แต่แม่ก็ยังไม่รู้ซักหน่อยว่าพวกมึงคบกันยังไง ถ้ารู้นี่อาจไม่ใช่อย่างนี้นะมึง"

"มึงนี่ก็พูดให้กูคิดมากจังวะ …แต่กูคิดว่า คงไม่บอกหรอก แต่จะพามาหาบ่อยๆ เดี๋ยวคงรู้เองแหละ"

"อือ แม่น่ะไม่เท่าไหร่ พ่อเนี่ยสิ…มึงจะผ่านด่านได้ไหม ลูกชายคนโตของบ้านนะเว้ย ไม่เอาเมีย เสือกจะเอาผัวแทน"

"ก็มึงไง คนสืบสกุล"

"มาลงที่กูซะงั้น"

น้องชายผมทำหน้ามุ่ย แต่ผมก็รู้ว่ามันทำท่ากวนตีนผมไปงั้นแหละ เราเล่นการ์ดกันต่ออีกซักพัก ก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อว่าปู่ลื่นล้มห้องน้ำหมดสติ กำลังนำตัวส่งโรงพยาบาล พ่อจึงโทรหาผมให้ตามไปที่โรง'บาลด่วน เพราะผมน่าจะคุยกับหมอที่นั่นรู้เรื่องสุด

แม่ ไอ้นัท พี่กี้ และผมจึงวางมือในการทำกิจกรรมทุกอย่าง แล้วตามไปโรง'บาลด่วนเลยครับ พอไปถึงห้องฉุกเฉินโรง'บาล ก็พบว่าปู่มีรอยฟกช้ำที่หัว และกระโหลกศีรษะแตก จึงต้องได้รับการ ct-scan พอผลออกมาก็พบว่าเป็น Epidural hematoma* ต้องได้รับการผ่าตัดด่วน

ปู่ของผมถูกเข็นไปที่ห้องผ่าตัด พี่กี้เดินเข้าไปคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าเป็นรุ่นพี่มหา'ลัยเดียวกันกับพี่กี้ เป็นหมอ neuro ศัลย์ (ระบบประสาท) ที่เข้าเวรอยู่ตอนนี้ จึงคุยกันง่ายหน่อยครับ

แต่จริงๆ หมอ หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนก็ดูแลผู้ป่วยทุกคนอย่างเท่าเทียมกันทั้งหมดนั่นแหละครับ ไม่ได้แบ่งแยกหรอกว่าคนรู้จักจะต้องดูแลดีกว่าคนทั่วไป เราถูกสอนเรื่องจรรยาบรรณมาอย่างดีก่อนออกมาทำงานครับ ในกรณีนี้พี่กี้เพียงแค่เป็นตัวกลางบอกเล่าประวัติและอาการผู้ป่วยที่ได้รับฟังจากผมและพ่อให้หมอเจ้าของไข้ฟังเท่านั้น อาจจะแสดงความคิดเห็นทางการแพทย์บ้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับแพทย์เจ้าของไข้คนเดียวเท่านั้น ถึงผมกับพี่กี้จะเป็นหมอก็ไม่สามารถไปเข้าร่วมการผ่าตัดได้หรอกครับ เพราะตอนนี้เราอยู่ในฐานะญาติ ไม่ใช่แพทย์เจ้าของไข้

ถึงอย่างนั้นพี่กี้ก็วิ่งช่วยผมทุกอย่างครับ เดินเอกสารวิ่งเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ รอผลแลบต่างๆ เท่าที่จะช่วยได้ โดยที่มีผมวิ่งตามพี่เค้าตลอด ผมเห็นถึงความจริงใจ ความปรารถนาดีทุกอย่างที่พี่กี้เต็มที่กับครอบครัวผมมาก



นั่นทำให้ผม…ตกหลุมรักเข้าแล้ว



ผมพูดเว่อร์ไปไหม ไม่หรอก เราจะหาคนที่รักเรากี่คนก็ได้บนโลกใบนี้ แต่เราจะหาคนที่รักเราและรักครอบครัวเราไปด้วยนั้นมันไม่ได้หากันง่ายๆ นะครับ

ผมเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ของพี่กี้ระหว่างที่เรากำลังนั่งรอคุณปู่อยู่หน้าห้องผ่าตัด

"วันนี้ผมขอบคุณพี่มากๆ เลยนะ"

"ไม่เป็นไร เพื่อนิว เพื่อครอบครัวนิว พี่ทำให้ได้"

"ถ้าไม่มีพี่ วันนี้ผมคงวุ่นน่าดู"

"แน่นอนสิ …นิวขาดพี่ไม่ได้หรอก"

ผมได้แต่ส่ายหัวกับประโยคที่โคตรจะคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงไม่เถียงพี่เค้าซักคำ ทำได้แค่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ เท่านั้น หรือจริงๆ แล้ว ที่พี่เค้าพูดมานั้นมันคือความจริงในใจผม…



เวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ โดยมีผมและพี่กี้นั่งรอฟังอาการคุณปู่อยู่หน้าห้องผ่าตัด ส่วนพ่อแม่พี่น้องคนอื่นๆ ยืนคุยอยู่อีกจุดหนึ่ง ไม่นาน หมอเจ้าของไข้ก็เดินออกมาคุยกับพี่กี้

"กูเอาเลือดคั่งออกให้แล้วนะ เดี๋ยวรอแกฟื้นละกัน prognosis** โรคดีอยู่ โชคดีมากนะที่มาทัน"

"ขอบคุณมากพี่ วันหลังเดี๋ยวนัดเลี้ยงเบียร์"

"เออ เดี๋ยวค่อยว่ากัน นี่กูระดับปรมาจารย์เลยนะเว้ยที่มาทำให้เนี่ย …ละนั่นใคร น้องชายหรือเด็กแอ๊วของมึง"

"อืมม ไม่ใช่เรื่องของพี่น่า"

"จะหลอกเด็ก หรือจะโดนเด็กหลอกวะ …แต่เอาเถอะ มันก็ไม่ใช่เรื่องของกูอยู่แล้ว"

"เอออ วันหลังเจอกันพี่"

แล้วพี่กี้ก็ดันหลังให้ผมเดินไปข้างหน้า โดยมีพี่สองคนเดินรั้งอยู่ด้านหลังผม เหมือนจะมีเสียงกระซิบกระซาบกันด้วยนะ แต่ผมก็ไม่ได้ยินหรอก ผมจึงเดินเลยไปหาพ่อแม่และญาติคนอื่นๆ เพื่อจะแจ้งข่าวหลังการผ่าตัดว่า ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี รอคุณปู่ฟื้นเท่านั้นล่ะ ทุกคนต่างก็ดีใจ รวมถึงผมด้วย

.........

....

(แถม บทสนทนาที่กระซิบกระซาบ)

"เด็กมันก็งานดีนะ อ้อมๆ แอ้มๆ อยู่นั่นแหละ เดี๋ยวกูก็เคลมซะเลย"

"อย่าคิดเชียวนะพี่"

"คนนี้เอาจริงเหรอ"

"อืมม เอาจริง"

"เอออ ก็ให้มันชัดเจนแบบนี้ กูจะได้ไม่ยุ่ง"

"ไม่ต้องเลย เคลมเด็กในสังกัดพี่ให้ครบก่อนเถอะ"

"กูไปต่อไม่เป็นเลยเนี่ย ฮ่าาา"



TBC.



*Epidural hematoma (EDH) คือ เลือดออกบริเวณเหนือเยื่อหุ้มสมองดูรา ส่วนใหญ่เกิดจากแขนงของหลอดเลือด middle meningeal artery ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่เลี้ยงเยื่อหุ้มสมองฉีกขาด เลือดมักออกบริเวณที่ถูกกระทบโดยตรง และสัมพันธ์กับการแตกของกะโหลกศีรษะ ผู้ป่วยที่มี EDH ถ้าได้รับการผ่าตัด โดยรวดเร็วผู้ป่วยมักมีการพยากรณ์โรคที่ดี สามารถกลับมาปกติได้ เนื่องจาก primary brain injury ไม่มาก ซึ่งต่างกับเลือดออกในสมองชนิดอื่นๆ แต่ถ้าได้รับการผ่าตัดช้า อาจเกิดสมองขาดเลือดจากความดันในกระโหลกศีรษะที่สูงเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดความพิการหรือเสียชีวิตได้

ข้อมูลจาก https://w1.med.cmu.ac.th/surgery/images/documents/year5/Management of Closed Head Injury for medical student.pdf

**Prognosis คือ การพยากรณ์โรค เป็นการอธิบายผลที่น่าจะเกิดขึ้นของโรคนั้นๆ



TBC.



Talk : รู้สึกชอบคาแรคเตอร์หมอ neuro ศัลย์รุ่นพี่คนนี้มากเลยค่ะ จริงๆบทสนทนาระหว่างหมอกี้กับหมอ neuro ศัลย์นี้ เราไม่ได้แต่งเองนะคะ คนในแวดวงนี้เค้าแต่งให้ ที่สำคัญคนที่แต่งให้ คือ ผู้ชายแท้ๆเลย เอ๊ะ รึยังไง 55555

ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีไฟเลยค่ะ ขอกำลังใจรัวๆ หน่อยนะคะ (ที่เค้าแต่งให้ ก็เพราะเราแต่งไม่ถึงไหนซักทีนี่แหละ) ยังไงก็ขอกำลังใจรัวๆหน่อยนะค๊าา ขอบคุณค่าาา

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-07-2020 20:04:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-07-2020 20:46:19
หวังว่าที่บ้านจะเข้าใจและยอมรับนะครับน้องนิว-พี่กี้
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 25-07-2020 21:15:50
 o13
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-07-2020 00:33:36
 :katai2-1:


เด็กแอ๊ว ชอบๆ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: Pakeleiei ที่ 26-07-2020 23:28:34
นิวดูน่ารักขึ้นเยอะ :z2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-07-2020 00:08:09
เขินพี่หมอกี้กับน้องหมอนิวไม่ไหมแล้ววววว  (>///<) :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 24 ปริ่มใจ 25/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 27-07-2020 18:17:37
ตอน 25 ดูแล


หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น คุณปู่ก็ถูกย้ายไปที่ห้อง ICU ศัลย์ เพื่อรอดูอาการ ญาติเข้าไปเยี่ยมได้เฉพาะเวลาให้เยี่ยมเท่านั้น ทุกคนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปหาคุณปู่ ครอบครัวผมและพี่กี้เป็นคิวสุดท้ายที่ได้เข้าไปเยี่ยม

ผมมองดูคุณปู่ที่มีผ้าก๊อซสีขาวพันรอบศีรษะไว้ ไม่สามารถหายใจด้วยตนเองได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ดวงตาหลับสนิททั้งสองข้าง ผมรู้ว่า EDH นั้นไม่รุนแรงเท่ากับการบาดเจ็บทางสมองแบบอื่นๆ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ครับ เพราะคุณปู่อายุมากแล้ว การฟื้นตัวก็ไม่เร็วเท่าคนวัยหนุ่มสาว แต่จากการบอกเล่าของรุ่นพี่ของพี่กี้ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร ก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง

"ปู่ครับ ฟื้นเร็วๆ นะครับ พวกเรารอกินข้าวด้วยอยู่นะเนี่ย"

น้องชายผมครับ มันพูดขึ้น ทำให้พ่อผมพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง

"เดี๋ยวก็ฟื้นครับพ่อ คุณปู่แข็งแรงขนาดนี้" ผมสำทับไปอีกเสียง

"ใช่ครับ การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี ผมว่าไม่นานคุณปู่ก็ฟื้นครับ" พี่กี้ก็เอาบ้างครับ ทำคะแนนเก่งงงงง

"วันนี้พ่อต้องขอบใจหมอกี้มากๆ เลย ถ้าไม่ได้หมอกี้คงแย่แน่ๆ เลย"

"ไม่หรอกครับ ผมก็ไม่ค่อยได้ช่วยอะไรหรอกครับ แค่บังเอิญพี่หมอที่รู้จักอยู่เวรพอดี ก็เลยพอจะคุยกันรู้เรื่องหน่อย"

"ขอบใจมากนะลูก" พ่อผมตบบ่าพี่กี้อย่างคนซาบซึ้งใจมาก

ระหว่างที่เรากำลังพูดคุยกัน ผมสังเกตเห็นนิ้วมือคุณปู่ขยับ ทำให้ทุกคนหยุดพูดคุยกันแล้วหันมาสนใจคุณปู่ ซึ่งไม่นานก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ทุกคนต่างยินดีกับการฟื้นคืนมาของคุณปู่ ผมก็เช่นกัน ชำเลืองไปมองคนข้างกายที่ตอนนี้ก็ยิ้มไปกับเค้าด้วยแฮะ เหมือนเป็นญาติตัวเองงั้นแหละ อดแซวไม่ได้ครับ เลยกระซิบกระซาบกันสองคน

"ปู่ผมเป็นญาติฝั่งไหนพี่เนี่ย ถึงยิ้มร่าขนาดนี้"

"ฝั่งเมียไง หึหึ"

ได้ยินคำตอบ หุบปากเลยผม ไม่คุยด้วยแล้ว หันไปสนใจคุณปู่ดีกว่าครับ



เราอยู่ใช้เวลากับคุณปู่อีกพักหนึ่ง ก็หมดเวลาเยี่ยมครับ เราเลยต้องหอบกันกลับมาบ้าน รวมถึงไอ้พี่กี้ด้วยนะ กลับมากินข้าวที่แม่ผมกับพี่กี้ทำไว้ ซึ่งก็ทำไว้ได้ 2-3 อย่าง เราก็กินกันแค่นั้นละครับ

"คืนนี้ลูกกี้นอนที่นี่นะ วันนี้เหนื่อยมามากละ"

แม่ผมครับ พูดขึ้น พูดเต็มปากเต็มคำ 'ลูกกี้' ได้ยินแล้วแอบหมั่นไส้เบาๆ

"ถามเค้ารึยังครับแม่ ว่าเค้าอยากนอนที่นี่ป่าว" อันนี้น้องชายผมเองครับ

"นอนได้ครับนอนได้ ไม่มีปัญหาเลย" ไอ้พี่กี้ครับรีบตอบเลย เหมือนกลัวว่าจะไม่ได้นอนค้างบ้านผมงั้นแหละ

"งั้นก็นอนห้องนิวนั่นแหละ มาเอาผ้าห่มเพิ่มที่ห้องแม่นะนิว" ประโยคหลังแม่บอกผม

"คร๊าบบบ" ผมก็ได้แต่ตอบรับไป

จะว่าไป พ่อผมก็เงียบแปลกๆ จะว่ากังวลเรื่องคุณปู่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะคุณปู่ก็ฟื้นแล้ว ผมเลยตักอาหารไปใส่จานข้าวพ่อผม เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

"กินเยอะๆ ครับพ่อ เดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกคน"

"…อืม"

พ่อผมไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ครับ แกกินข้าวเงียบๆ ของแกไป ทำให้คนอื่นๆ เลยไม่ค่อยกล้าพูดเล่นอะไรกันมาก จากนั้นผมกับพี่กี้ก็อาสาเก็บจานชามไปล้าง เพราะพ่อกับแม่เหนื่อยแล้ว ให้ท่านไปพักผ่อนเถอะ

"พี่ไปล้างน้ำสะอาดไป เดี๋ยวนิวถูคราบสกปรกเอง"

ผมตกลงหน้าที่ในการล้างจานกับไอ้พี่กี้ จากนั้นเราก็ประจำตำแหน่ง ด้วยความที่ซิงค์ล้างจานมันเล็ก เราต้องยืนใกล้กันมาก เรียกว่าเบียดกันเถอะ

"พี่กี้ ขยับออกไปอีกได้ไหม เกะกะว่ะ"

"เดี๋ยวนี้หาว่าพี่เกะกะนะคนเรา… ไม่ใช่เพราะพี่เหรอที่วันนี้เรื่องของคุณปู่นิวถึงราบรื่น"

"คนละเรื่องเลยยยย ละนี่ทวงบุญคุณเหรอ"

"เปล๊าาาา"

"นิวหมายถึง ขยับออกไปหน่อย เผื่อพ่อกับแม่เดินลงมาข้างล่างเดี๋ยวเห็น"

เหมือนพี่กี้จะเข้าใจครับ ยอมถอยห่างจากตัวผมแล้ว แต่ปากก็ยังไม่วายพูดนะคนเรา

"ถ้าเดินลงมานี่สวัสดีครับพ่อตาแม่ยายเลยนะ"

"ปากดี"

"ไม่ใช่แค่ปากดีนะ อย่างอื่นก็ดีด้วย หึหึ" พูดไป ทำหน้ากรุ้มกริ่มด้วยนะ

"ไม่หยอดนิวซักวันนี่จะเป็นไรไหม"

"เป็น"

"เป็นอะไร"

"เป็นสา…"

คำพูดของไอ้พี่กี้ถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอ เพราะได้ยินเสียงกุกกักจากทางบันได และก็เป็นอย่างที่ผมคิดครับ พ่อผมเดินลงมาข้างล่าง…………มาเอาไวน์

"พ่อมาเอาแค่…ไวน์ใช่ป่ะ"

ผมถามพ่อออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักนิดหน่อย

"อืม…มีอะไรรึเปล่า"

"เปล่า"

"แล้วนี่…ยังล้างจานไม่เสร็จกันอีกเหรอ"

"ใกล้แล้วครับพ่อ"

"หมอกี้…ไปดื่มไวน์กับพ่อหน่อยสิ"

"คะ ครับ"

ไอ้พี่กี้แทบจะรับคำไม่ทันครับ พ่อผม มาไม้ไหนวะ

"นิวไปดื่มไวน์ด้วยนะครับพ่อ" ผมเสนอตัวไปด้วย

"ไม่ถนัดไม่ใช่เหรอ นิวเมาไวน์ง่ายกว่าเหล้าอีกนะ"

พ่อผมครับ รู้จักผมดีซะจริง ซึ่งก็จริงนั่นแหละครับ เห็นได้จากตอนไปทะเลที่ผมดื่มไวน์ละเมาหนักมาก แต่เดี๋ยวนะ พ่อผมชวนไอ้พี่กี้ไปดื่มไวน์ แล้วไม่ให้ผมไปดื่มด้วย นี่มันหมายความว่าไงวะ ผมกำลังถูกกันออกมานะเนี่ยยย

"เดี่ยวพี่ไปดื่มเป็นเพื่อนพ่อเอง ส่วนนิวก็…อาบน้ำนอนเลย"

ไอ้พี่กี้มันพูดกับผม พร้อมกับส่งสายตามาบอกว่าอย่ากังวลเลย ผมจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะเก็บจานใบสุดท้ายเข้าชั้น แล้วปลีกตัวขึ้นห้องนอนเลย…



- หมอกี้ -

ผมเดินออกมานั่งระเบียงข้างบ้านนิว เป็นระเบียงที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก มีโต๊ะเก้าอี้หวายตั้งอยู่ 1 ชุด เหมือนเป็นที่เอาไว้ปล่อยอารมณ์ของคนในบ้าน

ผมเปิดฝาขวดไวน์ออก แล้วรินไวน์ใส่แก้วให้คุณพ่อนิว จากนั้นก็ค่อยรินใส่แก้วตัวเอง

พ่อนิวจิบไปหนึ่งที แล้วเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"ตอนเกิด นิวหนักแค่ 2.6 กิโล …ตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นมาก จนต้องได้อบ"

จากนั้นก็จิบไวน์ไปอีกหนึ่งอึก

"ตอนนั้น พ่อกลัว… กลัวมากว่าลูกพ่อจะไม่รอด อีกทั้งเป็นลูกคนแรก พ่อทำอะไรไม่เป็น อุ้มลูกก็ไม่เป็น กลัว…กลัวทำนิวหลุดมือมาก กว่าจะยอมอุ้มนิวได้ ผ่านไปเกือบอาทิตย์แน่ะ ถึงยอมอุ้ม"

พ่อหยุดจิบไวน์อีกรอบ จากนั้นก็เล่าต่อ

"นิวเป็นเด็กน่ารัก ตัวขาวๆ ใครเห็นก็เข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิง พ่อกับแม่ต้องแก้ตัวให้ตลอดตั้งแต่เด็ก…จนมาถึงปัจจุบัน"

แล้วพ่อก็ยื่นรูปเด็กน้อยคนหนึ่งมาให้ดู อายุคงราวๆ 3-4 ขวบ มองผ่านๆ ก็คงเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิง ถึงรูปลักษณ์จะคล้ายผู้หญิง แต่ในแววตานั้นฉายแววดื้อรั้นเอาแต่ใจออกมา มันเป็นแววตาเดียวกันกับคนที่ผมกอดผมจูบอยู่บ่อยๆ ใช่แล้วล่ะ ดูยังไงก็คือนิวในวัยเบบี๋ครับ

ผมรับรูปนั้นมามองแล้วยิ้มตามคนในรูป น่ารักจริงๆ น่ารักตั้งแต่เด็กยันโต

"เป็นไงล่ะ ลูกชายพ่อน่ารักใช่ไหม"

"ครับ ก็น่ารักดี"

"นิวอยู่ที่นู่นเป็นไงบ้าง ไม่ค่อยโทรหาพ่อกับแม่เลย โทรไปทีไร ยุ่งตลอด ถ้าไม่อยู่เวร ก็กำลังนอน"

"ครับ ยุ่งจริงครับ ที่นู่นมีหมอไม่เยอะ เลยต้องวิ่งขึ้นเวรเยอะหน่อยครับ"

"แล้ว…มีผู้หญิงมาชอบนิวบ้างไหม"

"ไม่แน่ใจครับ อันนี้คงต้องถามเจ้าตัวแล้วล่ะครับ"

ใช่ครับ ผู้หญิงน่ะผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าผู้ชายนี่มีแน่นอนครับ

"ตั้งแต่โตเป็นหนุ่มมา เคยได้ยินว่ามีแฟนแค่ 2 คน แถมยังคบกันไม่นาน พ่อละกลัวว่านิวมันจะหาแฟนไม่ได้ นี่ก็เรียนจบแล้ว ตอนนี้ทำงานแล้วก็อยากให้นิวมันมีแฟนซักที พ่อกับแม่…อยากอุ้มหลานแล้ว"

"……"

"เพื่อนๆ พ่อเค้ามีหลานอุ้มกันแล้ว พ่อก็อยากมีโมเม้นท์นั้นบ้าง …พ่อเห็นหมอกี้หน้าตาดี คิดว่าน่าจะจีบสาวเก่ง พ่อเลยอยากให้สอนนิวบ้าง"

"เอ่อ…ผมว่า…นิวก็..น่าจะจีบสาวเป็นอยู่นะครับ"

"จริงเหรอ…พ่อไม่เห็นจะมีใครที่นิวมองๆ ไว้เลย …ที่เห็นตามๆ นิวก็มีแต่…ผู้ชายทั้งนั้น"

สะดุ้งแพร๊พครับพ่อ!!

"แล้ว…พ่อจะให้ผม…ช่วยยังไงครับ"



"หาแฟนให้นิวหน่อยสิ"



พ่อจ้องหน้าผมนิ่ง เหมือนจะให้ผมทำภารกิจนี้ให้สำเร็จจริงจัง นาทีนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนชก!! กรรมการกำลังนับ 1 2 3 แล้ว ละผมจะตอบยังไงวะ แฟนนิวก็กำลังคุยกับพ่ออยู่นี่ไงครับ ผิดหน่อยก็ตรงที่ ไม่ใช่ผู้หญิง! เท่านั้นเอง

















"พ่อพูดเล่น"



"ห๊าาา"

"พ่อหวงนิวมากเลยนะ… ยังไงก็…ดูแลนิวดีๆ นะหมอกี้ นิวคือดวงใจของพ่อกับแม่นะ"

"คะ ครับ"

หลังจากผมตกปากรับคำ พ่อของนิวก็ชนแก้วกับผมครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมเริ่มมึนๆ พ่อจึงไล่ให้ผมกลับห้องไปนอนได้แล้ว

พอมาถึงห้อง ก็เห็นน้องนอนเล่นโทรศัพท์รออยู่

"อ้าว พี่เมาเหรอ"

"ม่ายยย พี่ไม่เมา"

"นี่นะ ไม่เมา"

"ม่ายยยเมาจริงๆ พี่ไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จละพี่ออกมาดูแลนิว"

ผมคว้าผ้าขนหนูและเสื้อผ้าที่นิวยื่นมาให้ กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนนิว ก็รู้สึกมึนๆ อ่อออ ผมเดินชนขอบเตียงนอน เกือบล้มแล้วไหมล่ะ

"มานี่ เดี๋ยวนิวอาบให้"

ผมได้ยินเสียงนิวเพียงเท่านั้น จากนั้นผมก็รู้สึกว่ามีมือเล็กๆ ทั้งฉุดทั้งดึงผมเข้าห้องน้ำ พยายามถอดเสื้อผ้าผมออกจากร่างกายจนสำเร็จ ไม่นานก็รู้สึกว่ามีน้ำเย็นๆ รินรดลงมาที่หัว แล้วค่อยไหลลงมาตามลำตัว จากนั้นมือเล็กๆ นั้นก็พยายามถูสบู่ให้ผม มันจั๊กจี้จังเลยครับ ผมอดรนทนไม่ไหว กระตุกมือน้องเบาๆ ร่างเล็กนั้นก็เข้ามาอยู่ใต้ฝักบัวกับผมซะแล้ว

สายน้ำจากฝักบัวไหลพาดผ่านใบหน้านิวเรื่อยลงไปตามลำตัวที่ตอนนี้เสื้อสีขาวแทบไม่ช่วยอะไร จุดเล็กๆ บนหน้าอกน้องชูชันขึ้นมาหยอกล้อสายตาของผม แทบจะในทันทีที่เห็น ผมก้มลงไปดูดดุนจุดเล็กๆ นั้นผ่านเสื้อยืดสีขาว ให้ความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก

"อ๊ะ! พะ พี่กี้ ทำอะไรน่ะ!"

ดูเหมือนนิวจะตกใจมากกับการกระทำของผม ใช่ครับ ผมก็ตกใจกับการกระทำของตัวเองเหมือนกัน ก็นาทีนี้ผมดีใจ ดีใจที่คุณพ่อนิวเปิดทางให้แล้ว ให้ดูแลนิวแทนแล้ว ผมจึงอยากแสดงความเป็นเจ้าของกับน้องซักหน่อย แต่ด้วยความมึนเมา ทำให้ผมควบคุมสัญชาตญาณดิบในตัวไม่ได้

"นิวคร๊าบบบ มาเป็นของพี่นะคร๊าบคืนนี้"

"อ๊ะ! พี่กี้! ใจเย็.."

ผมไม่รอให้นิวพูดจบประโยค ผมบดเบียดเรียวปากของตัวเองเข้าหาริมฝีปากสวยของน้อง ลิ้มรสความหอมหวานเฉพาะตัวอย่างหิวกระหาย ทั้งที่เมื่อคืนผมก็เพิ่งลองลิ้มชิมรสน้องไป มาถึงตอนนี้ผมก็อยากชิมอีกแล้ว

อยากชิมอีก…อยากชิมเรื่อยๆ …อยากชิมทุกวัน…อยากชิมนานๆ

ระหว่างที่ผมดูดดุนริมฝีปากน้องอยู่นั้น ผมก็จัดการชุดของน้องออกให้พ้นสายตา จะได้มองเห็นผิวเนื้อขาวๆ ที่มีสายน้ำพาดผ่าน ซึ่ง…ร่างเเปล่าเปลือยนี้กำลังทำให้ความปรารถนาของผมดิ้นเร่าๆ ร่างกายของผมทุกส่วนร้อนผ่าวไปหมด เลือดสูบฉีดเร็วและแรง สุดท้ายไปกระจุกที่จุดๆ เดียว นั้นทำให้ผม 'พร้อมมาก'

"พะ พี่กี้ ตรงนี้เลยเหรอ" น้องถามผม เมื่อผมยอมผละริมฝีปากออกมา และจากสายตา น้องกำลังจ้อง 'ความแข็งขึง' ของผมเขม็งเลย

"ครับ ตรงนี้แหละ …พี่ไ..ม่ไหวแล้ว พี่ขออนุญาตนิว…นะครับ"

"ดะ ได้เหรอครับ"

"ได้สิ ตรงนี้ตื่นเต้นกว่าบนเตียงนะ"

ผมล่อหลอกน้องไปเรื่อยครับ ตอนนี้จะที่ไหนก็ได้ ตรงไหนก็ได้ ท่าไหนก็ได้ ผมโอเคหมด เพราะผมจะไม่ไหวแล้ว กับการมองเห็นร่างบางๆ แล้วมีน้ำเกาะพราวไปตามตัว มันทั้งเซ็กซี่ มันทั้งเร่งเร้าให้ผมครอบครองน้องไวๆ ใช่ครับ ตอนนี้ผมใจจะขาดแล้ว…ต้องการนิวมากๆ

จากนั้นผมก็หรี่ฝักบัวลง จับร่างบางของนิวหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ สองมือเล็กยันกายตัวเองกับฝาผนังตรงหน้า ผมรั้งเอวบางเข้าหาส่วนแข็งขึงของผม ปากผมก็พรมจูบสลับกับดูดเม้มไปตามไหล่บางทั้งสองข้าง ผมเปิดทางให้นิวด้วยสบู่เหลวในห้องน้ำ

"อ๊ะ! แสบ…จัง"

"อดทนหน่อยนะครับคนดี พี่จะไม่ไหวแล้ว อื้ออ"

"อืมม…"

ผมสอดใส่ความแข็งขึงของตัวเองเข้าไปในกายน้องแทนที่เรียวนิ้วที่สอดแทรกก่อนหน้านั้น ได้ยินเสียงครางด้วยความเจ็บปวดออกมาเบาๆ เหมือนจะทำให้ผมได้สติ

นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่?

ผมกำลังทำอะไรกับคนที่ผมรัก?

ดูเหมือน…ผมกำลังจะข่มขืนน้องเลยนะ

คิดได้ดังนั้น… ผมก็ถอนแก่นกายของตัวเองออกมา หมุนตัวน้องหันหน้ามาทางผม ผมจ้องตาร่างบางที่มีน้ำสีใสเอ่อล้นออกมาทางหางตา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นน้ำจากฝักบัวหรือน้ำตากันแน่ แต่ที่เริ่มมั่นใจว่าเป็นอย่างหลัง ก็เพราะตาแดงๆ ของน้องต่างหาก

นั่นทำให้ผม…หัวใจแทบสลาย

"นิว… พี่ขอโทษนะครับ พี่จะไม่ทำแบบนี้อีก"

"ฮึก นิว…กลัว ฮืออ"

"ไม่เอาไม่ร้องนะครับ พี่ขอโทษจริงๆ พี่รักนิวนะครับ"

"ฮืออ อย่าทำแบบนี้อีกนะ..นิว กลัว"

นาทีนี้ อาการมึนๆ เมาๆ หายเป็นปลิดทิ้งครับ ผมกอดนิวไว้แนบอก พร่ำบอกขอโทษ และบอกรักสลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น จนเสียงน้องเริ่มเป็นปกติ ผมจึงปล่อยน้องจากการโอบกอด แล้วอุ้มน้องออกมาวางไว้บนเตียงใหญ่ในห้องนอน

ผมหาเสื้อผ้าชุดใหม่มาสวมใส่ให้นิว และตัวเองด้วย จากนั้นก็คลานขึ้นเตียงไปนอนกอดร่างบาง

ผมไม่เคยเห็นนิวร้องไห้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็น น้ำตานิวทำให้ผมแทบใจสลาย… ผมบอกกับตัวเองไว้ว่า ผมจะไม่ทำให้น้องต้องเสียน้ำตาอีก!

ผมขอสัญญากับตัวเองไว้เลย…



TBC.



Talk : ตอนนี้ไฟในการแต่งกลับมาแล้วค่ะ ต้องขอบคุณนักอ่านมากๆค่ะ ส่งกำลังใจมารัวๆเลย รักทุกคนมากๆๆๆนะคะ ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอกำลังใจเป็นคอมเม้นท์ หรือหัวใจก็ได้นะค๊าา ขอบคุณมากๆๆเลยค่า (ยิ้มหวานนนน)


หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 25 ดูแล 27/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2020 20:39:19
พี่กี้รุนแรงกะน้องได้ไง เด้ยวเหอะ  :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 25 ดูแล 27/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-07-2020 23:03:58
 :m16:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 25 ดูแล 27/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-07-2020 23:48:46
อย่ารังแกน้องนะครับ ตั้งสติก่อน
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 25 ดูแล 27/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 28-07-2020 07:01:30
ใจเย็นก่อนพี่กี้
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 25 ดูแล 27/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 31-07-2020 18:17:19
ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า


- หมอนิว -

หลังจากหยุดไปหลายวัน ผมก็ต้องกลับมาชดใช้เวรกรรม เวรที่แลกไปยังไงละครับ และก็ต้องวนไปวอร์ดใหม่ครับ  นั้นก็คือแผนกศัลยกรรม orthopedic (กระดูก) เคสไม่ค่อยเยอะเท่าวอร์ดก่อน แต่ก็มีมาเรื่อยๆ ครับ

การเปลี่ยนวอร์ดทำให้ผมกับพี่กี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย เพราะพี่กี้ก็แลกเวรไปเหมือนกัน กลับมาก็เลยต้อง set เคสผ่าตัดแบบรัวๆ เลย บางวันที่ผมไม่มีเวรบ่ายหรือดึกที่ ER พี่กี้ก็ผ่าตัดยันเช้า ทำให้ช่วงกลางคืนก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีก ส่วนมากจึงเป็นการคุยกันผ่านทางไลน์ซะมากกว่า

Kie : เหนื่อยจังเลยครับวันนี้ ขออ้อนหน่อย

New : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'กอด' กลับไป)

Kie : มากกว่ากอดได้ป่าว

New : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'จูบ' กลับไป)

Kie : มากกว่าจูบได้ป่าว

New : สติ๊กเกอร์มันมีเท่านี้อ่ะ

Kie : ถ้าไม่ใช่แค่ในสติ๊กเกอร์… จะเป็นอะไรนะ

New : เยอะ!

Kie : เยอะแล้วรักไหม

New : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'เพลีย' กลับไป)

Kie : หึหึ ว่าแต่ตอนนี้กินข้าวยังครับ

New : กินแล้วครับ แล้วพี่ล่ะ กินยัง

Kie : ยังเลย เพิ่งเสร็จเคส แต่กำลังจะ set ผ่าอีกเคส

New : งั้นก็รีบกินก่อนเข้าเคสนะพี่ …นิวเป็นห่วง


ตอนนี้ผมอยู่เวรบ่าย ER ครับ นี่ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว ไอ้พี่กี้ยังไม่ได้กินข้าว สงสารก็สงสารอยู่หรอกครับ แต่ผมก็กระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ก็หวังว่าเจ้าตัวจะดูแลตัวเองก่อนเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ มีแฟนเป็นหมอก็จะแบบนี้แหละครับ ไม่สามารถดูแลแฟนได้ตลอดเวลานะครับ แฟนต้อง strong สุดๆ และที่สำคัญไม่ค่อยมีเวลาให้ ก็หวังว่าผมกับพี่กี้จะไม่มีปัญหากันเรื่องนี้นะ

Kie : ครับผม คิดถึงนิวนะครับ

New : ครับ คิดถึงเหมือนกัน


แล้วบทสนทนาเราก็จบไป ผมหันมาสนใจงานตรงหน้า ไม่นานเวลาก็ผ่านไปถึงเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ผมออกเวรพอดี จึงไลน์ไปหาพี่กี้อีกครั้งว่าเอาอะไรไหม ผมจะแวะร้านสะดวกซื้อ แต่ก็เงียบไม่มีการตอบรับ ผมจึงซื้อข้าวไปเผื่อซักกล่อง พร้อมกับน้ำหวานที่ช่วยเพิ่มพลังงาน จะได้กระปรี้กระเปร่า

กลับมาถึงห้องผมก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุด แล้วลงไปที่ห้องพี่กี้พร้อมกับเสบียงที่ซื้อมาฝาก เดี๋ยวนี้ผมลงไปนอนที่ห้องพี่กี้ประจำครับ เพราะพี่กี้เปลี่ยนเตียงใหม่แล้ว เป็นเตียงใหญ่ นอนสองคนสบายๆ เตียงใหม่ที่ได้มานั้นก็มาจากโรงงานผมนั่นแหละ มารู้ทีหลังตอนที่เตียงมาถึงห้อง ถามหาคนส่งว่าเป็นใคร ก็เลยได้รู้ว่ามาจาก 'K. นัท' ผมนี้อยากจะเตะเจ้าน้องชายตัวดีซักทีสองที ยุ่งไม่เข้าเรื่องดีนัก แต่ถามว่าดีไหม… ก็ดีแหละ นอนสบายกว่าเดิมเย้อออ ฮ่าๆๆ

หลังจากวันนั้น ผมก็หิ้วตัวเองลงมานอนห้องพี่กี้ตลอด แต่แทบไม่เจอเจ้าของห้องเลย วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเจอไหม เพราะไม่รู้ว่าจะผ่าตัดเสร็จตอนไหน ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ หยิบโทรศัพท์ออกมาไลน์หาเจ้าของห้องอีกครั้ง ข้อความเดิมที่ส่งหายังไม่ได้รับการอ่าน

New : นิวนอนรอที่ห้องพี่นะ

         สู้ๆ นะครับ

         (ส่งสติ๊กเกอร์ 'กอด' ไป)


ผมนอนรอการตอบรับจากไลน์แป๊ปนึง แต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ ผมเลยตัดสินใจนอนครับ หัวถึงหมอนได้ไม่นาน ผมก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า…



ผมรู้สึกตัวอีกครั้งราวๆ ตีสาม เพราะมีใครอีกคนคลานขึ้นเตียงมานอนด้วยกัน สัมผัสได้ถึงอ้อมกอดที่คุ้นเคยดึงผมเข้าไปซบอกหนา ผมก็ซุกตัวเข้าหาอย่างง่ายดาย

"หลับต่อนะครับคนดี ขอโทษที่พี่ทำให้ตื่นนะ"

"อืมม…"

ผมรับคำในลำคอ แล้วก็หลับต่ออย่างรวดเร็วครับ อาจจะเพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันนั้นเอง



กริ๊งงงง…กริ๊งงงง…

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ผมดังขึ้น บ่งบอกว่าเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว อยากจะเลื่อนปลุกไปอีกซักสิบนาที แต่นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ต้องรีบไปราวด์วอร์ด เพราะมีตรวจ opd ต่อ จึงต้องตัดใจลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งที่พบข้างกาย คือ ความว่างเปล่า ใบหน้าของคนที่คาดว่าจะได้เจอในเช้านี้ก็ไม่เจอซะแล้ว

ผิดหวังสิครับ นี่ผมกับพี่กี้ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับ…

ไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่าหยิบมือถือมาไถเล่นไปเรื่อย พอเปิดเข้าไลน์ก็เจอข้อความของพ่อเจ้าประคุณกี้ส่งมาตอนตีห้ากว่าๆ

Kie : เคสที่ผ่าเมื่อคืนอาการไม่ดี พี่เลยออกมาดูนะ

        น่าจะได้ผ่าอีกรอบ พี่ไลน์มาบอกไว้ก่อน

        กลัวนิวตกใจ ตื่นมาแล้วไม่เจอพี่

        เย็นนี้ออกไปกินข้าวด้วยกันนะครับ

        (ส่งสติ๊เกอร์ 'จูบ' ไปด้วย)


ผมอ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เฮ้ออออ… ต้องทำใจสินะผม ขนาดว่าเป็นหมอด้วยกัน ตอนนี้ผมก็ยังแอบนอยด์อยู่นะ เพราะนี่มันก็หลายวันแล้วที่แทบไม่ได้เจอกันตัวเป็นๆ เจอกันแวบเดียวเมื่อคืน เรียกว่าเจอกันไหม ผมแทบไม่รู้สึกตัว นี่ถ้ารู้ว่าเช้านี้จะไม่ได้เจอกัน ผมคงตื่นมาคุยกับพี่แกดีๆ แล้ว

อ่านข้อความทางไลน์ทวนซ้ำอีกครั้ง แล้วผมก็ส่งสติ๊เกอร์ 'OK' ตอบกลับไป รอซักพักว่าจะตอบไหม แต่ก็…เงียบ

เฮ้อออ…

ถอนหายใจรอบที่ร้อย แล้วก็ทำใจลุกจากเตียงนอนไปอาบน้ำครับ…



ผมราวด์วอร์ดเสร็จก็เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว รู้สึกยังไม่ค่อยเฟรช เลยเดินไปหากาแฟกินที่ร้านคาเฟ่ในโรง'บาล ก็เจอกับพี่แนนที่พักหลังไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่

"สวัสดีครับพี่แนน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะคร๊าบบ"

"ขยันหยอดฉันจริงๆ เลยนะแก เดี๋ยวกี้มาได้ยินหรอก"

"ไม่ได้ยินหรอกครับ ช่วงนี้พี่กี้งานหนัก ผมนี่แทบไม่ได้เห็นหน้าเลย"

"คงใช่แหละ กี้มันทำงานละเอียดไง รู้ไหมว่ามีโรง'บาลเอกชนมาขอซื้อตัวมันด้วยนะ บอกว่าจะให้ทุนไปเรียนต่อด้วยถ้าอยากไปเรียนน่ะ"

"เมื่อไหร่อ่ะครับพี่แนน"

"เมื่อวานนี้เอง พอดีเมื่อวานมีงานประชุมวิชาการไง ลูกชายโรง'บาลเอกชนเดินมาชวนกี้เองเลยนะ"

"แล้วพี่กี้ว่าไงอ่ะครับ"

"กี้มันก็ปฏิเสธไปแหละ แต่น่าเสียดาย ถ้าไปอยู่ที่นู่น ได้เงินไม่ต่ำกว่าเดือนละแสนแน่นอน"

"ผมว่าพี่กี้แกคงไม่ชอบฟีลนั้นมั้ง"

"ใช่ กี้ไม่ใช่คนทำงานเพื่อเงิน แต่กี้ทำงานเพื่อผู้ป่วยจริงๆ"

ได้ยินประโยคชื่นชมแฟนตัวเองจากปากคนอื่น นี่มันก็สุขใจเหมือนกันนะครับ เป็นปลื้ม ภูมิใจแทน

จากนั้นพี่แนนก็ขอตัวไปทำงานต่อ ผมก็เหมือนกัน ได้กาแฟแล้วก็ไปตรวจ opd ต่อครับ แอบหยิบมือถือมาเช็คข้อความแวบนึง แต่ก็ยังไม่มีข้อความจากพี่กี้เลย…



วันทั้งวันไม่มีข้อความทางไลน์เข้ามาเลยครับ มีแต่ผมที่ส่งไปหาจำพวก ทานข้าวเที่ยงรึยัง เย็นนี้กินอะไรดี เลือกร้านไหนไว้รึยัง ผ่าตัดเสร็จรึยัง เหนื่อยไหม แต่ก็เงียบไม่มีการอ่านและตอบกลับเลย

ตกมาตอนเย็นที่ผมไม่มีเวร ผมเลยรีบอาบน้ำแต่งตัวมารอพี่กี้ที่ห้องตั้งแต่หกโมงเย็น แต่ตอนนี้สองทุ่มแล้ว ยังไร้เงาเจ้าของห้อง เปิดดูไลน์ก็ไม่มีการอ่านและตอบกลับเหมือนเดิม ผมจึงตัดสินใจเดินไปดูที่ห้องผ่าตัด ไหนไปดูซิว่าทำอะไรอยู่ มือถือไม่รู้จักเปิดอ่านเนี่ย

พอไปถึงห้องผ่าตัด พี่พยาบาลแจ้งว่า พี่กี้ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลย ผมเลยขอเข้าไปนั่งรอด้วย ผ่านไปเกือบชั่วโมง คนที่ผมเฝ้ารอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด ชุดสีเขียวมีเลือดกระจายเป็นหย่อมๆ

"อ้าว นิว มารอพี่นานรึยัง"

"ซักพักแล้ว"

"งั้นเดี๋ยวพี่เปลี่ยนชุดแปปนึงนะ"

"ครับ"

พี่กี้ใช้เวลาเปลี่ยนชุดไม่นาน จากนั้นก็เดินออกมาหาผม หน้าตามีแววเหนื่อยล้ามาก ใช่สิ นอนก็ไม่พอ กินก็ไม่รู้ได้กินอะไรบ้างไหมวันนี้ เห็นแล้วสงสารครับ ต้องเอาใจคนเหนื่อยหน่อยแล้วล่ะ

"พี่กี้อยากกินอะไร"

"พี่กินอะไรก็ได้ที่นิวอยากกิน"

"ไม่เอาสิ วันนี้นิวตามใจพี่ เดี๋ยวนิวขับรถให้นั่งด้วยวันนี้"

พี่กี้ยิ้มออกมา พร้อมกับเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

"น่ารักจังเลย แฟนใครหว่า"

ผมไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มเขินออกมาเบาๆ พอดีกับที่เราเดินมาถึงรถ ผมก็ประจำที่คนขับ พี่กี้นั่งด้านข้าง แล้วเราก็ตัดสินใจไปร้าน food&drink ร้านที่ตั้งอยู่ใกล้โรง'บาล ซึ่งวันนี้ผู้คนแน่นขนัดมาก เพราะเป็นคืนวันศุกร์ จากนั้นเราก็สั่งอาหารและเบียร์มากิน พี่กี้บอกขอดื่มคลายเครียดนิดนึง หนักมาทั้งอาทิตย์แล้ว ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ไม่ห้ามแฟนดื่มนะ แต่ผมดื่มด้วยนิดหน่อย เพราะวันนี้เป็นสารถีขับรถให้ ปลอดภัยไว้ก่อนครับ

ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักพี่กี้

"สวัสดีครับคุณหมอกี้"

"ครับ คุณ…"

"อิสราครับ เรียกอิสเฉยๆ ก็ได้ครับ …แล้วน้องคนนี้.." คนที่ชื่ออิสหันมาสนใจผมครับ

"น้องหมออินเทิร์นที่โรง'บาลครับ ชื่อนิว" พี่กี้แนะนำตัวให้ผมเรียบร้อย

"ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องหมอนิว …ไม่คิดเลยนะครับว่าจะมาเจอคุณหมอกี้ที่นี่" ประโยคหลังหันไปคุยกับพี่กี้ครับ

"นานๆ ทีออกมาครับ …คุณอิสมาบ่อยเหรอครับ"

"ไม่ค่อยบ่อยหรอกครับ พอดีออกมาเลี้ยงรับคุณหมอ ortho คนใหม่ของโรง'บาล นี่ก็อยากเลี้ยงต้อนรับคุณหมอกี้จะแย่อยู่แล้ว" คุณอิสพูดไป ส่งสายตาหวานๆ ให้พี่กี้ด้วยนะ อ่อ คนนี้สินะที่พี่แนนพูดถึง คนที่เป็นลูกชายเจ้าของโรง'บาลเอกชนแล้วมาชวนพี่กี้ไปทำงานด้วย

"ครับ"

"อยากเป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณหมอกี้นะครับ รับข้อเสนอของโรง'บาลเราไปพิจารณาดีๆ ครับ ผมรอเลี้ยงรับอยู่" ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคำพูดคำจาเค้ามันไม่ใช่แค่ชวนร่วมงานธรรมดา แต่เหมือนชวนไปร่วมอย่างอื่นด้วย

"ครับ"

พี่กี้ก็ได้แต่ตอบครับๆๆ ไปเหมือนให้มันจบๆ ไปน่ะครับ

"ตอบ 'ครับ' นี่คือตกลงแล้วใช่ไหมครับ" คุณอิสพูดไปหัวเราะไปด้วยนะครับ เหมือนจะหยอกๆ น่ะ

"ยังครับ ขอหาประสบการณ์ที่โรง'บาลรัฐก่อนนะครับ รู้สึกประสบการณ์ยังไม่เยอะ กลัวไปทำงานให้ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายน่ะครับ" พี่กี้ปฏิเสธอย่างสุภาพมากๆ ครับ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมแพ้

"ระดับคุณหมอกี้แล้ว ผมเชื่อใจ เอ้ย เชื่อมือครับ"

นั่น… กำลังหยอดพี่กี้ของผมใช่ไหม ผมเริ่มรู้สึกกับบทสนทนานี้ รู้สึกเหมือนกำลังมีคนมาจีบแฟนตัวเองต่อหน้า ซึ่ง… ผมไม่ชอบใจเอามากๆ

"คุณอิสก็พูดเกินไป ผมยังไม่เก่งขนาดนั้นซักหน่อย"

"มาฝึกกับผม เอ้ย กับทางเราก็ได้ครับ รับรองมีเคสเยอะแยะเลยครับ"

ผมชักจะอดรนทนไม่ไหวแล้วนะ มาจีบแฟนคนอื่นต่อหน้าต่อตาเนี่ยยยย



"คุณอิสครับ ขอเวลาส่วนตัวให้เราด้วยนะครับ…"



พูดจบ ผมก็ส่งยิ้มหวานให้คุณอิส แล้วยังเอื้อมมือไปจับมือพี่กี้ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงข้าม นี่คือการแสดงความเป็นเจ้าของชนิดที่ผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำ แต่ทำไงได้ครับ คนมันหวง!! แถมยังเปล่าเปลี่ยวมาทั้งอาทิตย์ อยู่ดีๆ มีใครก็ไม่รู้มาช่วงชิงเวลาอันมีค่าแสนน้อยนิดนี้ไป

คุณอิสมองหน้าผมที มองมือผมที แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมา แล้วกล่าวลาไปในที่สุด

"วันนี้คุณหมอกี้ไม่ว่างไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวอิสแวะไปยื่นข้อเสนอให้ตอนที่คุณหมอกี้..ว่าง..แล้วก็ได้ครับ"

"ครับผม"

พอไอ้คุณอิสนั้นเดินลับสายตาไป ผมก็รีบปล่อยมือพี่กี้ ไม่วายบ่นให้ด้วย

"ทำไมพี่ไม่ปฏิเสธไปเลยล่ะ ตอบแต่ครับๆๆๆ อยู่นั่นแหละ"

"อยู่ในวงการเดียวกัน พี่ไม่อยากพูดตัด …เผื่อมีอะไรได้ช่วยเหลือกัน"

"เค้าไม่ได้อยากได้พี่ไปเป็นแค่หมอในโรง'บาลเค้าหรอกนะ เค้าอยากได้พี่ไปทำอย่างอื่นด้วย"

"หึหึ"

"ยังจะมาหัวเราะอีก นี่ผมหงุดหงิดอยู่นะ"

"ชอบจัง"

"ชอบอะไร"

"ก็ชอบที่นิวหวงพี่แบบนี้ไง"

"บ้าแล้ว…"

พี่กี้นะพี่กี้ ตั้งแต่จีบยันคบกันเป็นแฟนก็ยังทำให้ผมเขินได้ตลอดๆ คนอะไรเสมอต้นเสมอปลายซะจริง!



ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เราก็กินไปคุยกันไป ผมต้องกอบโกยเอาเวลาอันมีค่านี้ไว้ครับ ไม่รู้ว่าพี่กี้จะโดนโทรตามอีกเมื่อไหร่ เพราะพี่เค้าบอกว่าเคสที่ผ่าไปไม่ค่อยดีนัก จึงใช้เวลาในการดื่มกินไม่นานมาก จากนั้นเราก็ขับรถกลับหอพักแพทย์ครับ ผมแยกตัวไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง แล้วลงไปหาพี่กี้ที่ห้องเหมือนเคย

พี่กี้เดินมาเปิดห้องให้ผมในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวคงหลับไปแล้ว ผมเห็นสภาพแล้วก็ได้แต่นึกสงสาร ไม่ได้นอนหลับดีๆ มาหลายคืนแล้ว ผมจึงเลือกที่จะไม่กวนพี่เค้า ล้มตัวลงไปนอนข้างๆ คิดว่าต่างฝ่ายต่างนอน ไม่ต้องกอดกันก็ได้ กลัวพี่เค้าจะนอนไม่สบายตัว แต่แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมาคว้าเอวผมให้เข้าไปหา

"ทำไมอาบน้ำนานจังครับ… พี่รอจนหลับไปเลย"

"ก็…ปกตินี่นา"

"อืออ"

เสียงครางลึกๆ ในลำคอทำให้ผมแน่ใจว่าพี่กี้พร้อมจะหลับต่อแล้ว ผมก็ไม่คิดจะกวนต่อไป อยากให้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม

แค่…ได้นอนกอดกันแบบนี้ก็ดีมากพอแล้ว

แค่…ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอก็รู้สึกดีมากแล้ว

แค่…ได้นอนมองหน้าแบบนี้ก็อิ่มเอมใจมากแล้ว

แค่…ได้รัก…ก็มีความสุขสุดๆ แล้ว




TBC.



Talk : เราว่าจะแต่งคู่ #เภฟิล์มหมอเต็ม เป็นตอนพิเศษนะคะ ขอแยกออกไปเลยละกันค่ะ เราไม่สามารถแต่งพร้อมกันได้จริงๆ ค่ะ แบ่งพาร์ทความรู้สึกในหัวตัวเองไม่ได้เลย ยังแต่งไม่เก่งขนาดนั้นค่ะ งือออ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอหัวใจและคอมเม้นท์เป็นกำลังใจหน่อยนะค๊ามา (ยิ้มหวานนนน)
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า 31/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 31-07-2020 20:24:57
อย่ามีดราม่าเลยครับ //ทำใจไม่ได้ T^T
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า 31/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2020 23:05:34
 พี้กี้เสน่ห์แรงจริงๆ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า 31/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-07-2020 23:09:36
 :laugh:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 26 เวลาคือสิ่งมีค่า 31/7/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-08-2020 18:42:32
ตอน 27 ความเมีย


ผมตื่นเช้ามาพบกับความว่างเปล่าข้างกายอีกครั้ง และก็ต้องหยิบมือถือมาเช็คเหมือนเคย พบกับข้อความทางไลน์จากพี่กี้บอกว่า

Kie :  มีเคสผ่าตัดด่วน พี่ออกมาผ่านะ

        ถ้าพี่เสร็จเคสเร็ว รอไปกินข้าวเช้าด้วยกันนะครับ


เวลาที่ส่งมาคือตีห้ากว่าๆ ครับ เฮ้อออ… ผมต้องทำใจให้ชินครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมพร่ำบอกกับตัวเองมาตลอด คิดไปถึงสมัยที่ตัวเองคบกับแฟนสาวทั้งสองคนที่ผ่านมา คนเหล่านั้นคงคิดแบบเดียวกันกับผมตอนนี้ที่ผมไม่มีเวลาให้เค้าเลย ซึ่งตอนนี้ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยล่ะกับคำว่า 'ไม่มีเวลา'



ผมอาบน้ำแต่งตัวไปราวด์วอร์ด รีบราวด์ให้เสร็จครับ จะได้ไปกินข้าวเช้ากับพี่กี้ แต่ผมรอถึงเที่ยงแล้วก็ยังไร้วี่แวว ผมจึงเดินไปหาที่ห้องผ่าตัด พี่พยาบาลคนเดิมก็บอกผมว่ายังผ่าตัดไม่เสร็จเลย ผมเลยเปลี่ยนแผน สั่งอาหารผ่าน foodtiger มานั่งกินรอพี่กี้ เพราะผมก็หิวแล้วด้วย ผ่านไปพักใหญ่เลยครับ พี่กี้ถึงออกมาจากห้องผ่าตัด ทันทีที่เห็นหน้าผม เจ้าตัวก็รีบขอโทษใหญ่เลย

"พี่ขอโทษที่พาไปกินข้าวเช้าไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าจะเคลียร์เคสเสร็จเร็ว แต่พอผ่าเข้าไป ดันไปเจออีกปัญหานึง เลยแก้ยาวเลย"

"ไม่เป็นไร นิวเข้าใจ มาๆๆ มากินข้าว"

ขณะที่พูด ผมก็แกะผัดไทใส่จานให้พี่กี้ไปด้วย

"พี่หิวมากๆ เลย ดีใจจังที่มีคนมาส่งข้าวส่งน้ำ" จบประโยคก็ส่งยิ้มหล่อกระชากใจมาให้ผมทึนึง ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ แหละครับ

"หิวก็กินเยอะๆ ถ้าไม่อิ่มยังมีสปาเก๊ตตี้คาโบนาร่าอีกนะ" ว่าไปพลางยกอาหารขึ้นมาโชว์อีกกล่อง

"แล้วนิวอิ่มแล้วเหรอ"

"ยังไม่อิ่ม แต่กินรอพี่ไปหน่อยนึงละ"

"น่ารักที่สุด ยังอุตส่าห์รอกินพร้อมพี่นะ"

"ก็พี่บอกให้รอ"

คำตอบผมทำให้พี่กี้ยิ้มกว้างสามร้อยหกสิบองศาเลยครับ พลางเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ เป็นสัมผัสเล็กน้อยแค่โคตรจะมีความหมายเลยสำหรับผม เดี๋ยวนี้เวลาพี่กี้โดนตัวนิดโดนตัวหน่อย ผมก็รู้สึกหวิวๆ ในหัวคิดไปถึงเรื่องติดเรทขึ้นมาซะงั้น สิ่งที่ผมทำได้คือ ต้องมีสติมากๆ บางครั้งถึงกับต้องสะบัดหัวแรงๆ ไม่งั้นภาพในหัวจะไม่หายไป

"เป็นอะไรนิว สะบัดหัวทำไม"

"เอ่อ… ไม่มีอะไรหรอก"

"เดี๋ยวนี้แปลกๆ นะ"

"แปลกอะไร ก็…ธรรมดา พี่กินข้าวเถอะ อย่าสนใจนิวเลย"

พี่กี้มองดูผมเหมือนหาสิ่งผิดปกติ แต่ก็หาไม่เจอ เลยลงมือกินอาหารต่อ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มๆ อยู่คนเดียว แล้วก็หันไปกินผัดไทในจานตัวเองบ้าง แล้วเราก็คุยกันไปกินไปเรื่อยๆ เพราะพี่กี้บอกว่ายังมีผ่าอีกเคส ตอนนี้รอเจ้าหน้าที่ set case เตรียมผ่าอยู่ จึงมีเวลามานั่งกินข้าว

"วันนี้นิวมีเวรบ่าย ER ใช่ไหม"

"ครับ"

"เย็นนี้พี่ต้องไปเลี้ยงวันเกิดพี่ต๊ะนะ จริงๆ พี่ต๊ะชวนนิวด้วย แต่คงไปไม่ได้ เพราะติดเวร"

"เลี้ยงไหนอ่ะ"

"ร้านเมื่อคืนที่เราไปกันน่ะ"

"อ่อ แล้วไปกันเยอะไหม"

"พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่พี่ขออนุญาตนิวไปนะ"

"ไปดิ นิวไม่ว่าอะไรหรอก"

รู้สึกแปลกๆ ครับ อยู่ดีๆ ก็มีคนมาขออนุญาตไป hang out ปกติผมเป็นคนไม่เยอะอยู่แล้ว เลยรู้สึกแปลกๆ นิดนึง แต่ก็…ดีใจแหละ…ที่พี่เค้าขอผมก่อนไป

"ใจดีจังแฟนเรา"

"ไปก็อย่าดื่มหนักละกัน นิวเป็นห่วง"

"คร๊าบบ ไม่ดื่มหนักหรอก รู้ว่ามีคนคอยอยู่"

"ดีมาก"

หลังจากเรากินข้าวเสร็จ พี่กี้ก็เข้าห้องผ่าตัดต่ออีกเคส ส่วนผมก็กลับห้องมาเตรียมตัวไปอยู่เวร ER แต่ยังไม่ถึงเวลา เลยเดินไปเคาะห้องไอ้เต็มเพื่อนรัก แต่ก็ไร้การตอบรับ เลยโทรหาซักหน่อย รอสายไม่นาน มันก็กดรับ

"ไงมึง ไม่อยู่ห้องเหรอ" ผมเอ่ยทักทายมันก่อน

"อืม มึงมีอะไรรึเปล่า"

"ไม่มี กูแค่เหงาๆ"

"เหงาเชี่ยอะไร ตอนกลางคืนไม่เคยจะอยู่ห้อง ไปนอนที่ไหนบอกกูมาเลย"

"คนที่มึงก็รู้ว่าใคร"

"มึงอย่ามาเล่นลิ้นกับกู บอกกูมาตรงๆ เลย"

"เออ… ก็พี่กี้นะแหละ"

"พวกมึงถึงไหนกันละ"

"ก็…คบกันแหละ"

"เฮ้อออ กูจะได้สบายใจซักที"

"สบายใจอะไร"

"จะได้บอกไอ้ฟิล์มให้ตัดใจจากมึงซักทีไง"

"อืม …แล้วมึงอ่ะเป็นไง"

"กู… เป็นไง อะไรวะ งง"

"อย่ามาทำเป็นงง มึงคิดว่ากูดูไม่ออกเหรอระหว่างมึงกับไอ้ฟิล์มน่ะ"

"เอ่อออ…"

"ไม่ต้องมาเอ่อเลย"

"ก็มันชอบมึง ไม่ได้ชอบกูซักหน่อย"

"เต็มมึงนี่โง๊โง่เนอะกับเรื่องของตัวเองน่ะ ทีเรื่องคนอื่นละฉลาดจริงๆ"

"นี่มึงด่ากูเหรอ"

"เออ กูด่ามึง เท่านี้แหละ กูจะไปอยู่เวรแล้ว เบื่อมึงว่ะ"

"ใช่ซี้ กูไม่ใช่อาจารย์กี้หนิ"

ผมตัดสายมันก่อนที่มันจะพูดอะไรยืดยาวครับ ขี้เกียจฟังมันบ่น จากนั้นผมก็ไปเข้าเวรบ่าย ER เจอพี่มินนี่ที่ตอนหลังอยู่เวรไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ แต่วันนี้ดันโคจรมาเจอกัน

"Hi ลูกสาวววว" เสียงนี่ลากยาวดังมาแต่ไกลเลยครับ

"สวัสดีครับพี่มินนี่คนสวย"

"แน่ะ ปากหวาน หวานจริงป่ะเนี่ย แม่ชิมได้ไหม" ผมก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ เพราะไม่รู้จะตอบพี่แกว่ายังไงดี

"ล้อเล่นนนน …ไหนๆ มีอะไรมาอัพเดตให้พี่ฟังไหมคะ" แล้วพี่มินนี่ก็ถามตรงประเด็น ทำเอาเจ้าหน้าที่ที่ยินอยู่แถวนั้นหูผึ่งมาก

"อัพเดตเรื่องอะไรครับ" เนียนๆ ไม่รู้ไปก่อนผม

"เอ๊าาา ก็ความสัมพันธ์ขอคุณหมอกี้กับคุณหมอนิวไงคะ …เดี๋ยวนี้คุณหมอนิวเป็นฝ่ายไปเฝ้าคุณหมอกี้ที่ห้องผ่าตัดแล้วเหรอคะ อิอิ" ผมตกใจเล็กน้อยครับ ข่าวมันไปไวจังวะ ทั้งที่ผมเพิ่งไปเฝ้าเมื่อวานกับวันนี้เองนะ

"อย่าเรียกว่าเฝ้าเลยครับ แค่เอาข้าวไปให้เฉยๆ"

"เนี่ยยยย เหมือนกันเลย ก่อนหน้านี้คุณหมอกี้ก็แค่เอาข้าวมาส่งคุณหมอนิวเฉยๆ อิอิ"

เอิ่มมม ไปต่อไงดีครับทีนี้ ดูเหมือนผมกำลังถูกไล่ต้อนนะ คิดถึงพี่กี้จังเลย คำถามแบบนี้พี่กี้น่าจะรับมืออยู่

"ก็ ก็ไม่มีอะไรครับ เดี๋ยวผมดูเคสดีกว่านะครับ"

ผมรีบตัดบท และเดินหนี ผมรู้ว่ามันดูไม่เนียน แต่ผมก็ไม่รู้จะตอบโต้ยังไงแล้วครับ

"น่านนน มีพิรุธ บอกพวกพี่มาเถ้อออ ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ ทุกคนเชียร์อยู่นะค๊าาา" เสียงพี่มินนี่ไล่หลังผมมาเลย แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ นั่นยิ่งทำให้พี่มินนี่หัวเราะกับท่าทางของผม ก็ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะผมยังไม่ได้ตกลงกันกับพี่กี้เลยว่าเราจะบอกคนอื่นแบบไหน ไม่แน่ใจว่าควร 'เปิด' หรือ 'ปิด' กันแน่

แต่การอยู่เวรก็ทำให้ผมไม่มีเวลาคิดนานครับ เพราะมีเคสมาเรื่อยๆ ตั้งแต่หมากัด ยันต้องปั๊มหัวใจ เรียกว่าเยินพอสมควร แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เริ่มเงียบๆ ก็ตอนใกล้จะเที่ยงคืน ผมและพี่ๆ เจ้าหน้าที่จึงมีเวลาหยิบมือถือขึ้นไถเล่น

"ว้ายยย นี่ใครกันยะ ทำไมกล้าถ่ายรูปกับคุณหมอกี้ใกล้ขนาดนี้" เสียงมินนี่ดังขึ้นครับ ผมจะไม่สนใจเลย ถ้าในประโยคนั้นจะไม่มีชื่อ 'พี่กี้'

"คุณหมอนิว ดูนี่ๆๆๆ"

แล้วพี่แกก็ส่งโทรศัพท์ที่มีรูปคนสองคนมาให้ผมดู เป็นรูปพี่กี้กับไอ้คุณอิส โดยที่ไอ้คุณอิสโอบเอวพี่กี้ แล้วยืนใกล้กันมาก หน้าตาพี่กี้ก็ยิ้มแย้มแจ่มใส่ดีมาก พอกดดูที่มาก็พบว่าเป็นรูปแท๊กมาจาก fb ของคนที่ชื่อ Issara Isss มีข้อความในโพสท์ว่า



'ว่าง…เมื่อไหร่ก็แวะมานะครับ ยินดีต้อนรับเสมอ'



ผมอ่านแล้วก็รู้สึกนอยด์นิดนึง อะไรวะ ไปงานวันเกิดอาจารย์ต๊ะ แต่ดันไปเจอไอ้นี่ด้วย อ่ออ ผมลืมไปว่า อาจารย์ต๊ะรับงาน part rime โรง'บาลเอกชนด้วย ก็คงเป็นโรง'บาลของไอ้คุณอิสนี่แหละ

"ลูกสาวอย่าคิดมากนะ เค้าอาจจะแค่เป็นเพื่อนกันก็ได้"

"ครับ"

"เดี๋ยวคุณแม่ไปสืบให้นะคะ"

"ครับ ผมไม่เป็นไรหรอกครับพี่มินนี่"

"แต่หน้าไปแล้วนะคะ พร้อมชนมากเลยค่ะตอนนี้"

ผมลูบหน้าตัวเองเบาๆ นี่หน้าผมมันไปแล้วเหรอ ก็ใครจะทนได้ครับ นั่นมันคนของเรา! แล้วดูก็รู้ว่าจงใจถ่ายรูปและแท๊กให้ผมเห็น

"ไม่เป็นไรนะคะคุณหมอนิว ยังไงเราก็ตัวจริงค่ะ เราต้องนิ่งๆ สวยๆ เข้าไว้นะคะ" นาทีนี้ผมไม่แก้ตัวอะไรกับพี่มินนี่แล้วครับ ไม่มีอารมณ์จะแก้ตงแก้ตัวละ

"หน้าตาสู้คุณหมอนิวไม่ได้เลยค่ะ เราสาวเราสวยกว่าเยอะ"

"ครับ"

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู นี่ก็ใกล้เที่ยงคืนมากแล้ว พอดีกับที่ไอ้ตะวันมารับเวรต่อ ผมจึงรีบชิ่งหนีออกมาจาก ER เลยครับ พลางก็หยิบมือถือออกมาโทรหาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

แต่… ไม่มีการตอบรับ

มีสัญญาณนะ แต่ไม่รับสาย ผมกดโทรหาอีกรอบ ก็เหมือนเดิม ไม่มีการตอบรับ ผมเลยเปลี่ยนไปโทรหาอาจารย์ต๊ะแทน ซึ่งมีคนกดรับสาย

"ว่าไงนิว ออกเวรแล้วเหรอ มาจอยไหม"

"สุขสันต์วันเกิดครับอาจารย์ พี่กี้อยู่แถวนั้นไหมครับ"

"เมื่อกี้ก็อยู่นี่ แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหนแล้ว"

"พี่กี้เมาไหมครับ"

"ไม่ๆๆ แทบไม่แตะแอลกอฮอล์เลย"

"อ่ะ นั่นๆ มานู้นละ …กี้ มารับสายหน่อย เมียโทรตาม" ประโยคหลังนี่ทำเอาผมสะดุ้งทุกครั้ง ที่ได้ยินคำว่า 'เมีย' ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่

"ว่าไงครับนิว" เสียงไอ้พี่กี้ดังผ่านสัญญาณโทรศัพท์มา พอได้ยินเสียงก็ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องโทรหาด้วยวะ

"เมาไหมเนี่ย"

"ไม่นะ ฟังเสียงพี่เหมือนคนเมาเหรอ"

"ก็ไม่ …นิวโทรหาทำไมไม่รับ"

"อ้าว โทรมาเหรอ พี่ไม่ได้ยินเสียง สงสัยเสียงเพลงมันดัง นี่พี่เดินออกมาคุยหน้าร้านนะเนี่ย"

"แล้วเมื่อไหร่กลับ"

"คงอีกซักพักน่ะ พี่หาจังหวะปลีกตัวอยู่"

"แล้ว…แล้วทำไมถ่ายรูปกับมัน"

"ถ่ายรูปอะไร กับใคร" น้ำเสียงพี่กี้งงมากครับ

"ก็ไอ้คุณอิสไง"

"อ่อออ พอดีจังหวะนั้น เค้าถ่ายรูปแฮปพี่ต๊ะกันอยู่ แล้วมีกล้องตัวนึงแพลนมาทางพี่ พี่ก็เลยยิ้มใส่กล้อง ไม่รู้คุณอิสเดินมาจากไหน มาเข้าเฟรมด้วยซะงั้น"

"เท่านั้นเลยใช่ไหม"

"ใช่สิ หรือนิวจะตามมาดูไหม"

"ไม่อ่ะ เหนื่อย จะอาบน้ำนอนแล้ว"

"ครับผม งั้นไปรอพี่ที่ห้องนะ …เดี๋ยวพี่กลับไปจัด..ให้เบาๆ ก่อนนอน หึหึ"

"หื่นว่ะ เท่านี้แหละ …รีบกลับด้วย..ครับ"

แล้วผมก็วางสายไป สบายใจขึ้นนิดนึงครับ ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็เห็นอยู่ว่าพี่กี้ไม่เล่นด้วย ถึงเค้าจะชอบยังไง ถ้าคนของเราไม่เอาด้วย ก็ไม่มีความหมายอะไร

เรื่องนี้ผมควรปล่อยผ่านสินะ… ใช่แหละ ผมควรทำแบบนั้น

คิดได้ดังนั้น ผมก็รีบขึ้นห้องมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปรอพี่กี้ที่ห้องเหมือนเดิมครับ อารมณ์ดีแล้ว ^___^



ผมงีบไปได้ซักพัก ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้อง มองฝ่าความมืดที่มีไฟจากด้านนอกลอดเข้ามาก็พบว่าคือร่างคุ้นตา พี่กี้นั่นเอง ผมจึงงัวเงียลุกขึ้นมานั่ง

"เปิดไฟก็ได้นะพี่กี้"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวแสงแยงตานิว"

พี่กี้เดินมาลูบหัว แล้วจูบลงมาที่กลุ่มผมสีดำสนิทของผม ทำให้ได้กลิ่นเหล้า บุหรี่ และน้ำหอมที่ผมไม่คุ้นเคย สองสิ่งแรกนั้นไม่แปลกใจ เพราะดื่มเหล้าก็ต้องได้กลิ่นเหล้า อยู่ในร้านเหล้าจะมีกลิ่นบุหรี่ติดมาก็ไม่แปลก แต่กลิ่นน้ำหอมนี่สิ ถ้าไม่ใกล้ชิดกันมาก มันคงไม่ติดตัวมาขนาดนี้

เพื่อความแน่ใจ ผมเลยโน้มคอพี่กี้ลงมากอด แต่จมูกฟุดฟิดอยู่แถวซอกคอและไหล่หนา ซึ่งแน่นอนว่ามันชัดเจนมาก

"เป็นอะไรเนี่ยวันนี้ อ้อนพี่มากกว่าปกตินะเรา"

"…แล้วพี่ไม่ชอบเหรอ"

"ชอบสิครับ ชอบมากเลย …แต่พี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวมากเลย"

"ครับ นิวนอนรอนะ"

แล้วพี่กี้ก็ผละออกไปอาบน้ำชำระร่างกาย ส่วนผมนั้น… มีคำถามเต็มอยู่ในหัว นี่มันกลิ่นมาจากไหนกันนะ ใช่กลิ่นจากไอ้คุณอิสไหม แต่แค่โอบเอวกลิ่นมันจะแรงขนาดนี้เลยเหรอ หรือจริงๆ แล้วมันมากกว่าโอบเอว แต่เราไม่เห็นไง

แล้วเราจะเชื่อคำพูดพี่กี้ได้ขนาดไหนนะ เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่รู้จักพี่กี้ดีหรอก เรารู้จักกันแค่สามเดือนกว่าเอง มีอีกหลายแง่มุม หลายอย่างที่เราต้องศึกษาเรียนรู้กัน เหมือนอย่างเรื่องนี้ ผมก็ต้องพยายามทำความเข้าใจสินะ แต่ผมจะทำไงดีล่ะ ถ้าถามออกไป มันจะดูเหมือนผมเป็นคนงี่เง่า คอยจ้องจับผิดเกินไปไหม เพราะก่อนหน้านี้ผมก็เพิ่งถามเรื่องรูปถ่ายไป เพราะงั้น… เรื่องนี้ผมจะปล่อยผ่านก่อน แต่ผมจะ 'จำไว้' ค่อยหาคำตอบทีหลังละกันครับ…



TBC.



Talk : นุ้งนิว ลูกกกก จมูกดีไปอี๊กกกก (แซวๆ) 55555

ช่วงนี้ปลายปีงบ เราต้องเร่งเคลียร์งบ เพราะงั้นเราต่อช้านะคะ ตอนต่อไปจะต่อให้วันเสาร์นี้นะคะ ยังไงก็จะแต่งให้จบแน่นอนค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และคอมเม้นท์ให้นะคะ ตอนนี้ก็ขอเหมือนเดิมค่า เติมกำลังใจให้เราหน่อยนะค๊าา *อ้อนๆๆ*

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 27 ความเมีย 5/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 05-08-2020 19:20:43
 :z3: :z2: :z10:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 27 ความเมีย 5/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-08-2020 19:57:56
อ้าวว อีพี่กี้แค่ถ่ายรูปทำไมกลิ่นติดตัวมา  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 27 ความเมีย 5/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-08-2020 00:28:04
 :z3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 27 ความเมีย 5/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 07-08-2020 22:23:30
 :hao4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 27 ความเมีย 5/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 08-08-2020 17:35:14
ตอน 28.1 นอกกาย?


- หมอนิว -

ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาออกมารับเช้าวันใหม่ที่แสนสดใส เพราะแสงแดดแยงตาเข้ามาตามช่องระเบียง หยิบมือถือมาดูเวลา พบว่าเพิ่งหกโมงเช้าเอง แต่แดดแรงมาก

หันไปมองคนข้างกาย ก็เห็นว่าตื่นก่อนผมแล้ว กำลังนอนไถโทรศัพท์อยู่ในมือไปมา อยากแกล้งครับ ผมตื่นแล้วยังไม่สนใจผมเลย ผมจึงกอดหมับเข้าที่เอว แล้วเอาหัวไปถูที่ท้อง

"ทำอะไรคร๊าบนิว"

ได้ผลครับ พี่กี้วางมือถือแล้วหันมาสนใจผม

"เมื่อคืนยังไม่พอใช่ไหมครับ อยากให้เช้านี้พี่จัดให้อีกรอบเหรอครับ" อะไรกัน ผมแค่แกล้งเล่น แต่พี่กี้ชอบตีความไปแนวติดเรทตลอดเลย

"ไม่ใช่ยานะพี่ ที่ต้องกินทั้งก่อนนอนและตอนเช้า"

"ก็กำลังยั่วพี่อยู่ไม่ใช่รึไง"

"ยั่วตรงไหน แค่เอาหัวมาซบพุงแค่เนี้ย ฮิฮิ" แล้วผมก็ถูหัวกับพุงพี่เค้าใหญ่เลย ไอ้พี่กี้จั๊กจี้หนักมาก ฮ่าๆๆ

"ฮ่าๆๆ โอ้ยยย นิว จั๊กจี้ไป ฮ่าๆๆ"

ผมหยุดเล่น เมื่อรู้สึกว่าพี่กี้เริ่มหัวเราะเสียงดังเกินไปแล้ว เดี๋ยวข้างห้องได้ยินครับ จากนั้นผมก็เงยหน้าจ้องมองพี่กี้ แล้วพูดบางอย่างออกไป บางอย่างที่อยู่ในใจผม

"พี่เครียดมาหลายวันแล้ว นิวอยากเห็นพี่หัวเราะแบบนี้แหละ นิวดีใจนะที่นิวทำให้พี่ยิ้มและหัวเราะได้"

"ดีใจจังที่นิวเอาใจใส่ความรู้สึกพี่"

"ก็…อยู่ด้วยกันมันต้องทำให้ดีกว่าอยู่คนเดียวดิ"

พี่กี้ไม่ตอบผมครับ ได้แต่ยิ้มกว้างเหมือนภูมิอกภูมิใจในตัวผมมาก แล้วดึงผมเข้าไปกอดแนบอกอุ่น ทำให้ผมได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจพี่กี้ด้วย มันทั้งทุ้มทั้งสม่ำเสมอ ผมเลยนอนฟังเพลินเลยทีเดียว

ณ โมเม้นท์นี้ผมมีความสุขจังเลยครับ ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บป่วยของผู้คน ขังตัวเองอยู่กับความสุขความสบายใจนี้ มีแค่เราสองคนก็เพียงพอแล้ว

แต่ความสุขก็อยู่กับเราไม่นานหรอกครับ ชีวิตคนเราย่อมมีทั้งทุกข์และสุข วุ่นวายเวียนวนอยู่แบบนี้เสมอ วันหนึ่งเมื่อพี่กี้ต้องไปประชุมวิชาการที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา 3 วัน เมื่อกลับมาพ่อเจ้าประคุณก็รีบมารับผมไปกินข้าว บอกว่าคิดถึงหนักมากกกก อยากกอดอยากหอมแก้ม บางครั้งพี่กี้ก็เว่อร์ไป แค่ไม่เจอกันสามวันเองนะ

พอกลับมาถึงห้อง กำลังจะอาบน้ำ มือถือพี่กี้ก็ดังขึ้น มาจากห้องผ่าตัดนั่นเอง โทรตามให้ไปดูเคสด่วน ผมก็ต้องรอที่ห้องไปโดยปริยาย ด้วยความที่ว่างไม่มีอะไรทำ จึงไปรื้อกระเป๋าเดินทางพี่กี้ออกมา จะได้แยกผ้าเพื่อเอาไปส่งซัก แต่แล้วผมก็ดันไปเจอสิ่งที่ไม่สมควรเจอ นั่นก็คือ…ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว

นั่นทำให้ผม…อึ้ง…อยู่พักใหญ่

ความรู้สึกงงงวยปนไปกับความกลัวที่แอบซ่อนอยู่ภายในใจลึกๆ มันกำลังทำร้ายผม ความคิดล่องลอยจินตนาการไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และคำถามที่ดังในหัวอีกข้อคือ…กับใครวะ?

มันไม่ใช่สิ่งของที่ใช้เองคนเดียวได้ มันต้องมีอีกคนที่ใช้ด้วย ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เข้า application ที่เปิดกว้างมากที่สุดแล้ว นั่นก็คือ facebook เข้าไปหน้าเฟซพี่กี้ แล้วไล่ดูว่าเจ้าตัวอัพเดตกิจกรรมอะไรบ้าง แน่นอนว่าพี่กี้ไม่อัพเฟซเลย แต่มีคนแท๊กมา ซึ่งคนที่แท๊กมาคือ พี่แนน ใช่ครับ พี่กี้พี่แนนไปประชุมวิชาการด้วยกันสองคน แต่สองคนนี้ก็เป็นเพื่อนกันไหม เค้ารู้จักกันมาก่อนที่จะรู้จักผมซะอีก ถ้าจะมีอะไรกันมันควรมีตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วไหม และพี่แนนก็มีแฟนแล้วด้วย ที่สำคัญเชียร์ผมกับพี่กี้ออกหน้าออกตามาก ไม่น่าจะใช่พี่แนนนะครับ

แลัวมันเป็นใคร?

ผมเก็บหลักฐานและเสื้อผ้าพี่กี้ไว้ที่เดิม แต่ก็ไม่ลืมถ่ายรูปเก็บไว้นะ แล้วเปิดประตูออกจากห้องพี่กี้ ไปเคาะห้องพี่แนนทันที ความร้อนรนใจทำให้ผมลืมดูเวลาไปเลยว่าตอนนั้นเที่ยงคืนแล้ว พี่แนนงัวเงียมาเปิดประตู

"ว่าไงนิว มีอะไร มาซะดึกเชียว"

"ผมขอเข้าไปถามอะไรซักหน่อยดิพี่"

"อืม เข้ามาดิ"

แล้วพี่แนนก็เปิดประตูกว้างให้ผมเข้าไปในห้อง จากนั้นผมก็ถามพี่แนนทันทีเลย

"ตอนไปประชุม พี่กี้ไปเจอใครบ้างครับพี่แนน" ผมพูดด้วยน้ำเสียงเครียด ส่วนพี่แนนนั้นทำท่านึกอยู่ซักพัก ก่อนจะตอบคำถามผม

"ก็เจอทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่หมอ ที่มหา'ลัย และที่เรียนเฉพาะทาง …มากกว่านี้พี่ไม่รู้อ่ะ เพราะคืนก่อนกลับเค้าไป hang out กัน"

"พี่แนนพอจะถามเพื่อนพี่กี้ให้ผมได้ไหมครับ ว่าคืนนั้นพี่กี้ไปต่อกับใครไหม"

"ทำไมเหรอนิว" พี่แนนเหมือนเพิ่งตื่น ถามผมด้วยความสงสัย

"ผมเจอ…ถุงยางอนามัยใช้แล้ว…ในกระเป๋าเดินทางพี่กี้"

"เฮ้ยย! จริงดิ!!" น้ำเสียงพี่แนนคือตื่นเต็มตาแล้วครับตอนนี้

"จริงพี่.."

ผมตอบพี่แนนด้วยน้ำเสียงหมาหงอยสุดๆ ความมั่นใจเต็มร้อยที่เคยมีหายไปกับถุงยางอนามัยจิ๋วอันนั้น ตอนนี้ไม่มั่นใจในตัวเอง ทั้งไม่ไว้ใจพี่กี้ด้วย

"เดี๋ยวพี่ลองคิดก่อนนะว่ามันเจอใครบ้างที่เข้าข่ายเด็กเก่ามันบ้างไหม"

พี่แนนคิดนานมากครับ ทำให้ผมแอบคิดว่า หรือเด็กเก่าพี่กี้จะเยอะมาก จนนับไม่หวาดไม่ไหว

"เด็กเก่านี่ไม่คิดว่าจะเจอนะ แต่มีคนนึงที่ตอนนี้กำลังตามตื๊อกี้… คุณอิสรา ที่เป็นลูกเจ้าของโรง'บาลเอกชน เค้าได้รับเชิญให้ไปประชุมครั้งนี้ด้วย เห็นตอนประชุมเค้าเดินมาทักกี้ แต่กี้ก็ดูไม่อะไรนะ จะใช่ไหมอ่ะ"

ชื่อนี้มาอีกแล้ว 'คุณอิสรา' ชื่อที่ผมแอบลืมไปพักนึง ตอนนี้ตามมาหลอกหลอนผมอีกแล้ว นี่ยังไม่เลิกตามตื๊ออีกเหรอ

"ผมว่าคนนี้ก็น่าสงสัยนะครับ ครั้งก่อนตอนงานวันเกิดอาจารย์ต๊ะ ผมได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆ มาจากตัวพี่กี้ แล้วเป็นวันเดียวกับที่คุณอิสแท๊กรูปโอบเอวพี่กี้มาในเฟซด้วย"

"แล้วนิวได้ถามกี้ไหมว่ากลิ่นน้ำหอมมันมาได้ไง"

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ เพราะตอนนี้ผม…ไม่อยากพูดอะไรเลย ยังช๊อกอยู่ครับ ไม่คิดว่าคนที่บอกรักกันเกือบทุกวันจะทำแบบนี้กับผมได้

"พี่เข้าใจนิวนะ ใครจะกล้าถามเนอะ …แต่พี่ก็มั่นใจในตัวเพื่อนพี่นะว่ามันไม่มีทางนอกใจนิว มันทั้งรักทั้งหลงนิวจะตาย"

"พี่กี้อาจจะไม่ได้นอกใจ แต่อาจจะ…นอกกายก็ได้"

"ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง นิวรับได้ไหมอ่ะ"

"…ไม่ นิวรับไม่ได้ เพราะการนอกกายมันคือจุดเริ่มต้นของการนอกใจ"

"พี่เข้าใจนิวนะ เอางี้ เดี๋ยวพี่จะลองตะล่อมๆ ถามกี้ดูให้นะ …ช่วงนี้นิวก็ทำตัวปกติไปก่อน แล้วอย่าคิดมากล่ะ พี่อยากให้นิวเชื่อมั่นในความรักของตัวเองกับกี้"

"นิวจะพยายามนะ…"

"นิวต้องใจเย็นๆ นะ เรายังไม่รู้ความจริงเลย ความจริงมันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้… อย่าเพิ่งคิดไปไกลนะ"

"…ครับ นิวขอบคุณพี่แนนนะครับ เดี๋ยวนิวขอตัวก่อนละกัน รบกวนพี่แนนนานแล้ว"

"อย่าคิดว่ารบกวน นิวก็เหมือนน้องพี่ มีปัญหาอะไรมาหาพี่ได้เสมอ… แล้วคืนนี้อยู่คนเดียวไหวเหรอ"

"นิวจะเข้าไปรอพี่กี้ที่ห้อง เดี๋ยวพี่กี้คงกลับมาครับ"

"โอเค ถ้าไม่ไหวก็มาเคาะห้องพี่ได้ตลอดเลยนะ"

"ครับ ขอบคุณครับ"

ผมออกมาจากห้องพี่แนน เปิดกลับเข้าไปห้องพี่กี้ ยืนนิ่งพิงหลังกับบานประตู… ความรู้สึกต่างๆ มันประดังประเดเข้ามาในหัว ไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ เสียใจ ความรู้สึกเหล่านี้มันค่อยๆ กลั่นตัวเป็นหยดน้ำไหลออกมาทางหางตาของผม… ถึงพี่แนนบอกว่าจะถามความจริงจากพี่กี้ให้ แต่…หลักฐาน…มันคาตา… จะอธิบายยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นหรอก

ที่สำคัญ…นี่มันครั้งที่สองแล้ว!

ผมควรจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงกันนะ ที่ผ่านมาผมคงมั่นใจในตัวพี่กี้มากไปหน่อย ต่อจากนี้ผมต้องสังเกตพฤติกรรมทุกอย่าง! เล็กๆ น้อยๆ ก็จะไม่ให้คลาดสายตาเลย!



TBC.



Talk : ความดราม่าบังเกิด ก็ว่าจะไม่ดราม่า ไม่ nc เท่าไหร่ แต่พอแต่งจริงๆ มีทุกอย่างเลยจ้าา 5555 แต่ก็อย่างว่าค่ะ ไม่มีก็ไม่ได้ งั้นมันจะไม่สนุกเนอะ รอติดตามไปด้วยกันนะคะ อีกครึ่งพาร์ทมาต่อให้วันจันทร์นี้นะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน คอมเม้นท์ กดหัวใจให้นะคะ ตอนนี้ก็ขอกำลังใจเหมือนเคยค่า เลิฟๆๆนะค๊าา

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.1 นอกกาย? 8/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-08-2020 17:54:06
อืม ....หนักๆคับ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.1 นอกกาย? 8/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-08-2020 17:58:01
เอ่อมมม อีพี่กี้ทำจริงไหมเนี่ยะ เฮ้อออ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.1 นอกกาย? 8/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 10-08-2020 18:19:01
ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด


- หมอนิว -

ผมตื่นเช้ามาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว หน้าตาไม่สดชื่นนัก เพราะนอนไม่ค่อยหลับ ส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หวังว่าหน้าผมคงยังไม่เหี่ยวเหมือนหัวใจนะ เมื่อคืนผมขึ้นมานอนห้องตัวเองครับ ไลน์บอกพี่กี้ว่าทำงานค้างอยู่ เลยหนีขึ้นมาได้ ผมไม่สามารถทำหน้านิ่งเฉยอยู่ต่อหน้าพี่กี้ได้หรอก เพราะผมไม่ใช่คนเก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่งนัก

ผมเปิดอ่านไลน์ เจอข้อความพี่กี้ค้างอยู่ตอนตีสอง

Kie : โธ่ กลับมาจากประชุมก็นึกว่าจะได้นอนกอด

        (ส่งสติ๊กเกอร์ 'ร้องไห้' มาด้วย)


ผมเลยตอบกลับไปว่า

New : อ่ะ กอดดดด

        (ส่งสติ๊กเกอร์ 'กอด' ไป)


มีข้อความตอบกลับมาทันที

Kie : ไม่เอากอดทางไลน์ดิ

New : ทางไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ

Kie : ไม่เหมือน… อยู่ห้องใช่ไหม เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา

New : ไม่ต้องมา… นิวกำลังจะอาบน้ำ

Kie : พี่ขอ 5 นาที


ผม…อ่าน…แต่ไม่ตอบครับ และแน่นอน คนอย่างพี่กี้ ไม่นานก็มายืนเคาะประตูหน้าห้องผมแล้ว และผมก็ต้องเปิดให้ตามเคย พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติสุดๆ

"พี่ขอ 5 นาที"

"อะไรของพี่เนี่ย… วันนี้นิวต้องรีบไปราวด์นะ เพราะมีตรวจ opd เช้า"

พี่กี้ไม่ตอบโต้ผม แต่เดินเข้ามาในห้องผมอย่างคุ้นเคย หลังบานประตูปิดลง พี่กี้ก็โอบกอดผมไว้แนบอก หอมแก้มซ้ายขวา ก่อนจะมาหยุดที่ริมฝีปาก…เหมือนทุกๆ ครั้ง แต่ครั้งนี้ผมกลับไม่มีอารมณ์ร่วม อึดอัด รู้สึกขยะแขยง เพราะภาพในหัวนั้นคิดไปแล้วว่าก่อนที่ปากนี้จะมาจูบผม ไม่รู้เอาไปประกบใครมาแล้วบ้าง นั่นทำให้พี่กี้รู้ว่าผม…แปลกไป เลยค่อยๆ ถอนปากออกมาจากผม

"เป็นอะไรครับคนดี ทำไมวันนี้ไม่ตอบสนองพี่เลย ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งหลายวัน ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอครับ"

"นิวเหนื่อย…"

ผมตอบแค่นั้น แล้วก็เสตามองไปทางอื่น ไม่อยากให้พี่กี้เห็นแววตาผม

"พี่ทำให้หายเหนื่อยนะ" จบประโยค พี่กี้ก็จับผมนั่งลงโซฟา แล้วนวดไปตามไหล่ผม… ความอ่อนโยนนี้ทำให้อารมณ์ผมเย็นลงมาบ้าง ผมจึงเอ่ยบางอย่างออกไป

"พี่กี้… พี่ว่าเราควร 'เปิด' หรือ 'ปิด' ว่าเราเป็นแฟนกัน"

"พี่ว่า…ถึงเราไม่พูด คนก็เดาออกนะ"

"นิวหมายถึง…ระบุ status ในเฟซไปเลย"

พี่กี้ก้มมามองหน้าผม เหมือนไม่ค่อยเชื่อหูตัวเอง

"อะไรทำให้นิวอยากป่าวประกาศให้คนรู้ขนาดนั้น"

"พี่พูดงี้หมายความว่า พี่ไม่อยากให้คนรู้ว่าเราคบกันเหรอ" ผมมองหน้าพี่กี้แบบหาเรื่องเลยครับ

"ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่แปลกใจที่อยู่ดีๆ นิวอยากให้คนรู้ ทั้งที่เราคบกันมาซักพักแล้ว"

"นิวแค่อยากทำอะไรให้มันชัดเจน ก็เท่านั้น"

"การกระทำของพี่มันยังชัดไม่พอเหรอครับ"

"นิวไม่ได้หมายถึงการกระทำของพี่ไม่ชัดเจน แต่นิวแค่อยากให้คนอื่น 'ชัดเจน' ด้วยก็เท่านั้น"

"เราคบกันสองคนนะนิว …เราจำเป็นต้องมานั่งอธิบายอย่างชัดเจนให้คนอื่นฟังด้วยเหรอครับ"

"พูดแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นด้วยใช่ไหม"

"ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย แต่พี่แค่มองหาเหตุผลไม่เจอว่าทำไมเราต้องขึ้นสถานะในเฟซ"



"ตรงๆ เลยนะ …นิวหวงพี่… ทีนี้เข้าใจรึยัง"



"พูดตรงๆ ซะแต่แรกก็จบ มัวอ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้ หึหึ"

พี่กี้หัวเราะชอบใจใหญ่เลยครับ โอ้ยยยย นี่ก็ล่อให้ผมพูดจังเลย ก็รู้อยู่ว่าเหตุผลมันก็คงประมาณนี้อยู่แล้ว

พี่กี้หยิบมือถือมาแล้ว กดๆๆๆ กดไปซักพัก แล้วก็ยื่นมือถือของตัวเองมาให้ผมดู… เป็นหน้าเฟซบุ๊ค มีข้อความระบุว่า



'มีแฟนแล้ว กับ New Niwit'



"บอกให้พี่เพิ่มสถานะแล้ว ของนิวก็ไปเพิ่มด้วยล่ะ… พี่ไปแล้วนะ มีเคสผ่าหลายเคสเลย"

พี่กี้พูดจบ ก็ก้มลงมาหอมแก้มผมอีกครั้งนึง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องผม ส่วนผม… ยังอึ้งอยู่ อะไรมันจะง่ายดายขนาดนั้นวะ เมื่อกี้ยังเถียงผมอยู่เลย ตอนนี้ทำตามที่ผมต้องการแล้ว ก็ถือว่าพี่กี้กล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนอยู่นะ อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าผม 'ตัวจริง' อยู่ ไม่ได้เป็นสองรองจากใครหรอก แต่จะมีคนมาเป็นสองรองจากผมไหม อันนี้ไม่แน่ใจ ต้องค่อยๆ ดูกันต่อไป

แต่เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครอยากเป็นที่หนึ่ง หรือที่สองหรอกครับ แน่นอนว่าก็ต้องอยากเป็นแค่ 'คนเดียว' อยู่แล้ว

จากนั้นผมก็เปลี่ยนสถานะของตัวเองบ้าง



'มีแฟนแล้ว กับ Kie Kittikun'



ทันทีที่เปลี่ยนสถานะ คอมเม้นท์มากมายก็หลั่งไหลมา… ทั้งแสดงความยินดี และแปลกใจไปตามๆ กัน แปลกใจสิ คนที่ปฏิเสธการคบกับผู้ชายมาทั้งชีวิตอย่างผม อยู่ดีๆ ขึ้นสถานะว่าคบกับผู้ชาย ใครๆ ก็แปลกใจ โดยเฉพาะเพื่อนเก่า แต่ช่างเถอะ คนเรามันต้องเดินหน้า กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ก็ต้องกล้าเปิดเผยและยอมรับความจริงให้ได้

ผมเปิดไปอ่านคอมเม้นท์ของสถานะพี่กี้บ้าง อยากรู้กระแสตอบรับว่าเป็นไง… ก็มีแสดงความยินดี และออกแนวชื่นชมผม..รึเปล่า.. อันนี้ก็ไม่แน่ใจ เพราะเค้าเม้นท์มาบอกว่า

'ระดับหมอกี้ ไม่เคยทำให้ผิดหวัง คบแต่คนน่ารักๆ'

เม้นท์นี้ทำให้ผมอยากเห็นแฟนเก่าพี่กี้ซะจริงๆ รู้ตัวดีว่าไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนเก่าของเค้า แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละครับ

และมี 1 คอมเม้นท์ที่ดูมีมูล



'เห็นวันก่อน ไม่ใช่คนนี้นี่นา'



ผมรีบคลิ๊กไปดูว่าคนที่เม้นท์คือใคร ซึ่งข้อมูลที่โชว์คือ เป็นหมอศัลย์ฯ เหมือนพี่กี้ งั้นก็น่าจะเป็นเพื่อนเรียนเฉพาะทางด้วยกัน… ไม่นานพี่กี้ก็มาตอบเม้นท์นี้ว่า

'ไม่หาเรื่องให้เพื่อนนะครัช'

แล้วคนนี้ก็มาตอบกลับอีก…

'แล้วคนนั้นเป็นใครครัช'



ผมนั่งรออ่านว่าพี่กี้จะมาตอบว่าไง แต่ก็เงียบหายไปเลยครับ ฮึ่มมมม มันยังไงๆๆ โกรธแล้วนะ โมโหแล้วววว ฮึ่มมม

ก่อนที่ผมจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ผมก็รีบพาตัวเองไปอาบน้ำ จะได้รีบไปราวด์วอร์ด และไปตรวจ opd ต่อครับ ไม่งั้นไม่ได้การได้งานกันพอดี ถ้ามัวแต่รอคำตอบไอ้พี่กี้



วันนี้ทั้งวัน ผมจดจ่ออยู่กับเม้นท์นี้เม้นท์เดียวเลยครับ นี่ก็เที่ยงแล้ว แต่ยังไร้วี่แววพี่กี้มาตอบ อยากจะไลน์ถามแทบตาย แต่ต้องอดทนไว้ ยิ่งพอเอาหลายเรื่องมารวมกัน มันยิ่งดูมีเค้ามีมูล หรือผมจะ dm ถามเพื่อนพี่กี้คนนี้เลย

เอาวะ dm ถามเลยละกัน วิญญาณโคนันประทับร่างแล้ว

                                           สวัสดีครับพี่

                                           ผมเป็นแฟนพี่กี้นะครับ

                                           ที่พี่บอกว่า 'เห็นวันก่อนไม่ใช่คนนี้'

                                           หมายความว่าไงครับ



ผมรอไม่ถึงสามนาที พี่เค้าก็ตอบกลับมา



พี่ล้อเล่นนนนนครับ

อย่าบอกนะว่าน้องคิดจริงจัง

ไอ้กี้มันไม่เคยมีประวัตินอกใจแฟนครับ

พี่ขอโทษนะครับ

พี่ไม่คิดว่าน้องจะคิดมาก

                                            ไม่ได้คิดมากหรอกครับ

                                            แค่สงสัยเฉยๆ

พี่ขอโทษมากๆๆๆเลยนะครับ

ปกติพวกพี่ล้อกันเล่นแบบนี้อยู่แล้ว

                                            ครับ ถ้าไม่มีก็แล้วไปครับ

                                            ขอบคุณที่ตอบผมครับ

ยินดีครับ

ยินดีด้วยอีกครั้งนะครับ

                                            ขอบคุณมากครับ

                                            (ส่งสติ๊กเกอร์ 'ขอบคุณ')



ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เฮ้ออออ รอดตัวไปนะพี่กี้!!



ผ่านไปประมาณ 5 นาทีได้ครับ ไอ้พี่กี้โทรเข้ามาหาผม

"ฮัลโหล"

"นิวเชื่อไอ้บิ๊กจริงๆ เหรอ" บิ๊ก คือ ชื่อเพื่อนพี่กี้คนเมื่อกี้แน่ๆ

"ไม่เชื่อไง เลยต้องถามดู"

"มีอะไรถามพี่ดิครับ"

"ถ้าถามพี่ พี่ก็ต้องตอบว่าไม่จริงอยู่แล้วป่ะ"

"แล้วนิวไม่เชื่อใจพี่เลยเหรอ…" น้ำเสียงมีแววน้อยใจปนอยู่

"…นิวก็อยากจะเชื่อใจพี่ แต่เราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน นิวจะเชื่อใจพี่ทั้งหมดได้ยังไง"

"ที่ผ่านมาพี่เคยโกหกนิวไหม?" คำถามเดิมที่พี่กี้เคยถามผมเมื่อนานมาแล้ว ครั้งก่อนผมตอบว่าพี่กี้ไม่เคยโกหก… แต่ครั้งนี้ ผมตอบได้ไม่เต็มปากนัก

"นิวจะรู้เหรอถ้าพี่โกหกนิวจริงๆ"



"…ค่อยคุยกันเย็นนี้นะ พี่ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้ว"



แล้วสายก็ถูกวางไป… ซึ่งปัญหาที่ผมต้องรับมือเย็นนี้ คือ เรื่องความเชื่อใจสินะ เฮ้อ!!



TBC.



Talk : วันนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ยยพวกแก เด๋วก็ราวด์ เด๋วก็เข้าห้องผ่าตัด แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ ค่ะ บางครั้งทะเลาะกันจนลืมไปเลยว่าทะเลาะอะไรกัน แต่เคสสองหมอนี้เรื่องใหญ่ น้องหมอนิวไม่น่าจะลืมได้ น่างสารน้อง

นิยายเรื่องนี้มีภาพแปะหน้าปกแล้ว ดีใจมากๆๆ ค่ะ หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะคะ สุดท้ายฝากตอนนี้ด้วยเช่นเคยค่ะ ขอคอมเม้นท์ หัวใจรัวๆๆ มาเลยนะคะ ขอบคุณมากค่าา
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2020 19:23:17
เฮ้ออ สรุปก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี เมื่อไหร่จะเคลียร์ให้จบๆหว่า คาใจนะเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 10-08-2020 19:29:40
หนักใจแทนคับ :z3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 10-08-2020 20:56:56
คาใจมาก ๆ ครับ อิสนี่เป็นคนที่น่าสงสัยสุด ๆ เลยครับตอนนี้ :m16: :m31: :fire: :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-08-2020 22:12:00
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 10-08-2020 22:25:38
ยังไงๆ ถ้าทำจริง บายเลยนะหมอนิว  :serius2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 28.2 เปิด หรือ ปิด 10/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 12-08-2020 18:35:17
ตอน 29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’


- หมอนิว -

บ่ายวันนี้ผมเคลียร์เคสบนวอร์ดเสร็จเร็ว ผมจึงขับรถออกไปปล่อยอารมณ์คลายเครียดที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่คนไม่พลุกพล่านมากนัก มาคนเดียว กินคนเดียว สั่งอเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาวจนเคยชิน กับเค๊กหนึ่งชิ้น

ไม่นานของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปคู่กับของหวานแล้วเช็คอินเหงาๆ คนเดียว





'ออกจากโรง'บาล มาเติม…ความหวาน…ซักหน่อย'





ไม่นานเลยครับ คอมเม้นท์ก็มาเป็นพรวน คือ ว่างกันมากกกกเหรอคร๊าบบบ ไม่ทำการทำงานกันเหรอคร๊าบบบ

Temtem Apiruk เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานหรอกมึง อยู่ในโรง'บาลก็หวาน ออกไปนอกโรง'บาล ยังจะเสือกหวานอี๊กกกก

Nut Arch เบาได้เบานะพี่ชาย #หมั่นไส้

Minny Prettygirl โอ้ยยยยย อิจฉาจังเลยค่าา ไหน ไปกับใครคะ ขอรูปคนข้างๆ ด้วยค่าาา

Chokchai Horo อยากเห็นหน้าเพื่อนเขยครัช #ขอรูปคู่

Boss Vet ขยันหวานจังนะมึง เช้าถึงบ่ายถึง งี้ดึกๆ ก็คงถึงอีกล่ะสิ ฮิ้วววว #ขอรูปคู่

Jane Kanokporn ชะนีอิจฉาค่าาา เบาได้เบาค่ะเพื่อนนนน


และอีกมากมายที่ขอดูรูปคนข้างๆ โธ่ววว คิดไปไกลมากแต่ละคน อยากพิมพ์บอกมากว่า…มาคนเดียวครัช!!





ไม่นาน ก็มีไลน์เด้งมาครับ มาจาก…คนที่คุณก็รู้ว่าใครไงล่ะ

Kie : ไปกับใคร

New : คนเดียวดิ

Kie : แน่นะ

New : ใช่สิ จะให้ไปกับใคร

Kie : แล้วทำไมไปคนเดียว

New : เครียด เลยหาที่นั่งเงียบๆ

Kie : เครียดเรื่อง?

New : …ทั่วไป

Kie : รอนั้นนะ เดี๋ยวพี่ออกไปหา อีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง

New : อืม






จากนั้นผมก็ไม่สนใจเฟซบุ๊คและไลน์อีกแล้วครับ ขอตัดจากโลกภายนอกแป๊ป นั่งเล่นเกมสบายใจกว่าเยอะ ในหัวก็คิดไปด้วยว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ทั้งกับพี่กี้ และชู้ที่คิดว่าน่าจะเป็นไอ้คุณอิส

และแน่นอนว่า เมื่อเราคิดวกวนถึงเรื่องอะไร ก็จะเป็นการดึงดูดให้สิ่งนั้นเข้ามาหาเรา นั่นไง… ไอ้คุณอิสเดินมานู่นแล้ว กำลังเดินเข้ามาในร้าน มาคนเดียวด้วย ละดูเหมือนไอ้คุณอิสมันจะมองเห็นผมด้วย พอมันเดินไปสั่งเครื่องดื่มเสร็จ มันก็ตรงดิ่งมาทางผม อยู่ดีๆ ก็นั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามผม

"สวัสดีครับ น้องหมอ… อะไรนะครับ จำชื่อไม่ได้แล้ว"

"นิวครับ"

"อ่อ น้องหมอนิว ต้องขอโทษจริงๆ ที่พี่จำชื่อน้องไม่ได้ …แล้ววันนี้มาคนเดียวเหรอครับ"

"ครับ …แต่พี่กี้กำลังจะตามมา"

"คงจะต้องการเวลาสวีทใช่ไหมครับ เพราะคุณหมอกี้เพิ่งกลับมาจากประชุมนี่นา …น้องหมอนิวก็คงคิดถึงอยู่ไม่น้อย"

"เฉยๆ ครับ เพราะพี่กี้โทรหาตลอด"

"น่าอิจฉาจังเลยนะครับ คุณหมอกี้เอาใจใส่น้องหมอดีจังเลย …งี้ก็ต้องมีของมาฝากด้วยสิครับ ว่าแต่น้องหมอได้รับ 'ของฝากพิเศษ' รึยังครับ"

ไอ้คุณอิสเน้นกับคำว่า 'ของฝากพิเศษ' มาก ผมแน่ใจเลยล่ะว่ามันต้องหมายถึง 'ถุงยางอนามัยอันนั้น'

"ครับ เห็นแล้ว …ของฝาก ก็คือ ของฝาก แหละครับ แค่บางครั้งคราว …ไม่ใช่ของจำเป็นที่ต้องใช้ทุกวัน ยังไงซะพี่กี้ก็ให้ความสำคัญกับอะไรที่มันต้องใช้ทุกวันมากกว่าอยู่แล้ว"

"พี่ชักจะชอบความมั่นใจของน้องหมอซะแล้วสิครับ …แต่ก็อย่าลืมว่า อะไรที่บางครั้งคราว มันอาจจะตื่นเต้นกว่าก็ได้นะครับ"

พอแล้วครับกับการพูดอ้อมค้อม ผมขอพูดแบบตรงไปตรงมาเลยละกัน!!

"ก็ถ้าคุณอิสคิดว่า… คุณสำคัญกว่าผม คุณคงไม่ต้องส่งของฝากพิเศษมาให้ผมดูต่างหน้าหรอกครับ ปกตินิสัยของคนลักกินขโมยกิน เค้าจะไม่ค่อยแสดงตัวหรอกครับถ้า 'ได้รับ' อย่างเพียงพอ แต่ที่แสดงตัวออกมา คงเพราะ…ยังไม่พอ นั่นหมายถึง กำลังเรียกร้องความสนใจจากพี่กี้นั่นเอง …ผมเลยมองไม่เห็นว่า ผมจะดิ้นไปตามเกมคุณทำไม ละนั่น…พี่กี้เดินมานู่นแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็…จำชื่อผมไว้บ้างก็ได้ เพราะนั่นคือชื่อ 'เจ้าของ' คนที่คุณกำลังเล่นชู้ด้วย!! "

พูดจบ ผมก็เดินหนีออกมาเลย!! ตอนนี้โมโหเลือดขึ้นหน้าแล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้ผมได้ต่อยปากมันแน่ ไอ้เชี่ยนี้มันหน้าด้านจริงๆ





"อ้าวนิว แล้วทำไมรีบออกมา จะกลับแล้วเหรอ" ไอ้พี่กี้ถามผมหน้าเหรอหราตรงหน้าประตูร้าน เพราะเห็นผมหน้าบูดบึ้งเดินออกมา

"กลับแล้ว! แต่ถ้าพี่อยากอยู่กับชู้พี่ก็เชิญตามสบาย! " ผมพูดโดยที่ใช้มือผลักอกพี่กี้ให้หลีกทาง นาทีนี้ฟิวส์ขาดแล้วครับ เรื่องที่ตั้งใจจะสืบเอง หรือรอให้พี่แนนถามให้ก็เผลอหลุดปากออกมาแล้ว!

"ชู้อะไรนิว พูดถึงใครเนี่ย พี่งง"





"ไม่ต้องมาทำเป็นงง ไปประชุมน่ะไปเอากับใครมา!! "





"เอากับใคร อะไร พี่งงไปหมดแล้ว! อย่าเดินหนีพี่ หันหน้ามาคุยกับพี่ดีๆ " ไอ้พี่กี้ดึงแขนผมให้หันไปคุยด้วย แต่ผมปัดมือพี่เค้าออก แล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถตัวเอง ละสตาร์ทขับออกไปอย่างไว

ทันทีที่อยู่คนเดียว… น้ำตาผมก็ไหลพรั่งพรูออกมา ผมเสียใจ ผมเจ็บ ที่มันกล้าหยามผมถึงขนาดส่งถุงยางอนามัยมา แล้วยังเชิดหน้าชูตาเดินมาคุยกับผมได้เป็นปกติ ที่เจ็บและเสียใจมากๆ คือคนของเราทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อกี้ยังทำท่างงๆ อยู่เลย ถึงพี่กี้จะปฏิเสธ แต่…หลักฐานมันชัดเจนมากๆ ยากที่จะบอกว่าเข้าใจผิด

ผมขับรถมาจอดอยู่ที่สวนสาธารณะที่แต่ก่อนมาวิ่งบ่อยๆ นาทีนี้ผมต้องจอดครับ เพราะน้ำตาไหลหนักมาก มองถนนไม่ชัด เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุไปซะก่อน ผมหยุดร้องไห้ไม่ได้ ความรู้สึกมันจุกอก มันแน่น มันไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดยังไง มันผิดหวัง มันเสียใจสุดๆ





กริ๊งงงงง……กริ๊งงงง……





เสียงโทรศัพท์ผมดัง หยิบมาดูว่าเป็นใคร แน่นอนว่าเป็นไอ้พี่กี้ และแน่นอนว่าผมไม่รับ!! ปิดเสียงไปเลย ปิดเครื่องไม่ได้ครับ เผื่อโรง'บาลโทรมา ยังไงเรื่องงานก็ยังต้องมาอันดับหนึ่ง!





'ก๊อก…ก๊อก…'





เสียงเคาะกระจกรถด้านข้างคนขับดังขึ้น ทำให้ผมสะดุ้งตกใจ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือ คนที่เคาะคือ ไอ้พี่กี้!!





"เปิดออกมาคุยกันหน่อยนิว"

"…"

"นิว ออกมาคุยกับพี่หน่อยนะครับ..นะครับ"

"…"

"นิวพูดเรื่องอะไร พี่ไม่เข้าใจ… ถ้ายังรู้สึกดีๆ กับพี่อยู่ก็เปิดออกมาคุยกันเถอะนะ…นะครับ"

สายตาของพี่กี้ก็ดูเจ็บปวดมาก ดูร้อนรนไม่แพ้ผมตอนนี้ ผมจึง…ใจอ่อน…ยอมเปิดประตูออกไปคุย





"ขอบคุณที่เปิดประตูออกมาคุยกัน…" พี่กี้เดินเข้ามาลูบหน้าผม แล้วทำหน้าตกใจที่เห็นตาผมบวมแดง

"นิว ร้องไห้เหรอครับ"

"อืม พี่มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ"

"พี่ไม่รู้ว่านิวไปได้ยินได้ฟังอะไรมา ทำไมนิวถึงเป็นแบบนี้"

"ถ้าคนอื่นเล่า นิวคงไม่เป็นถึงขนาดนี้หรอก แต่นิว…เห็นเองไง นิวถึงได้เจ็บมากขนาดนี้"

"นิวเห็นอะไรมา?? "





"…ถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วในกระเป๋าเดินทางพี่ไง!! "





"…!!!!! …"

"ตกใจละสิที่นิวเห็น! "

"ใช่ ตกใจ… ตกใจ เพราะกำลังงงว่าในกระเป๋าตัวเองมีของแบบนั้นด้วยเหรอ"

"อย่ามาทำเป็นตกใจ! พี่เอาไปใช้กับใคร บอกมาเลยนะ! " นาทีนี้ ผมอดไม่ได้ครับ ดึงคอเสื้อพี่กี้มา เงื้อหมัดเตรียมจะชกแล้ว อยู่ดีๆ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลลงมาอีกรอบ เจ็บฉิบหาย หมัดที่ยกสูงจึงค่อยๆ ลดต่ำลงมา

"นิววว ใจเย็น พี่งง ถุงยางอะไร"

"ฮืออ ไม่ต้องมาทำงงเลย ฮืออ ก็พี่ไปมีอะไรกับไอ้คุณอิสตอนไปประชุมเมื่อกี้ไง ฮืออ คนใจร้าย"

"นิวเข้าใจผิดแล้ว พี่กับคุณอิสไม่เคยมีอะไรกันนะ"

"ไม่มี! แล้วถุงยางมันจะโผล่มาได้ไง!! ฮืออ"

"นิวเห็นถุงยางที่ไหนครับ"

"ในกระเป๋าเดินทางพี่ไง!! ฮืออ"

"ไม่มีทาง ในกระเป๋าพี่ไม่มีทางมีของแบบนั้น! "

ผมหยิบมือถือของตัวเองออกมาเปิดรูปที่ถ่ายเก็บไว้ เอามายื่นให้พี่กี้ดู

"นี่เค้าเรียกว่าอะไร?! "

ผมพยายามจ้องหน้าพี่กี้ดูปฏิกิริยาตอบสนอง พบกับความงงงวยบนใบหน้าฉายชัดออกมา

"เฮ้ย!! มันมาอยู่ในกระเป๋าพี่ได้ไงอ่ะ?! "

"นิวสิต้องเป็นคนถามพี่!! "

"พี่ไม่รู้ มันไม่ใช่ของพี่นะนิว" สายตาพี่กี้มองมาทางผมด้วยความเว้าวอน เหมือนอยากให้เชื่อที่เค้าพูด

"ไม่ใช่ของพี่แล้วจะของใคร มันอยู่ในกระเป๋าพี่อ่ะ" ผมก็เถียงหัวชนฝาเหมือนกัน ก็ใจมันเชื่อไปแล้ว

"งั้นไปพิสูจน์กัน"

พี่กี้ลากผมไปที่รถพี่เค้า แล้วส่งผมเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ ผมจึงต้องรีบกดล๊อกรถของตัวเอง จากนั้นพี่กี้ก็ค่อยๆ เคลื่อนรถออกไป ระหว่างทางเราไม่พูดอะไรกัน น้ำตาผมก็ค่อยๆ หยุดไหลไปเอง ไม่นานรถก็มาจอดที่ล่างหอพักแพทย์ แล้วพี่กี้ก็มาเปิดประตูให้ผมลง ยื่นมือมาตรงหน้า เหมือนจะให้จับ แต่ผมปัดมือพี่เค้าออก แล้วเดินตรงดิ่งไปที่ลิพท์

พี่กี้เดินตามมากดลิพท์ไปยังชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นห้องพักพี่เค้า พอลิฟท์มาถึงชั้นที่ต้องการก็เปิดออก ผมทำท่าจะไม่เดินออกไปด้วย ทำให้พี่กี้ต้องลากผมออกมา ผมก็สะบัดครับ ไม่ต้องมาลาก เดินไปเองได้ ฮึ!

พอมาถึงห้อง เจ้าของห้องก็ไปลากกระเป๋าเดินทางออกมา

"มันอยู่ตรงไหน รื้อออกมาสินิว"

จบประโยคที่ดูเหมือนเป็นคำสั่ง ผมก็ตรงดิ่งไปรื้อกระเป๋าตรงที่มีถุงยางปริศนาซ่อนอยู่ แน่นอนว่าผมจำได้ว่ามันอยู่ตรงไหน!! ไม่นานถุงยางอันจิ๋วก็ถูกยื่นไปตรงหน้าไอ้พี่กี้! เจ้าตัวก็รับไปอย่างไว หยิบมันออกมาจากถุงฟอยล์ที่ห่อหุ้ม พลิกถุงฟอยล์ไปมา มีชื่อยี่ห้อดังคาดอยู่

"ฟอยล์สีนี้ ยี่ห้อนี้ มันคือขนาด 56 มม มันใหญ่เกินไป …ของพี่มาตรฐานชายไทย 52 มม"

"…"

"นิวก็น่าจะรู้ดีว่าของพี่ขนาดไหน"

"…"

เอ่อ นาทีนี้ผมเหมือนโดนตบหน้า หน้าชามาก อะไรยังไง ไม่ใช่ของพี่กี้…หรอกเหรอ?!

"ไม่ต้องมาทำหน้าเอ๋อเลยไอ้ตัวดี คิดไปถึงไหนต่อไหน"

"…ชะ ใช่เหรอ แล้วนิวจะเชื่อได้ไงว่าซองนี้มันคือไซส์นี้จริง"

"ไปเซเว่นไหม ไปซื้อมาเปรียบเทียบกันเลย …พี่เคยซื้อมาลองใช้ทุกไซส์ ทุกแบบแล้ว แต่ 56 มันหลวมไป พี่ไม่ชอบ"

"หื่น มักมากว่ะ" นาทีนี้ผมกำลังหลบตาพี่กี้ครับ รู้สึกเสียหน้ายังไงก็ไม่รู้ หน้ามันร้อนๆ ได้แต่เฉไฉด่าพี่เค้าไป

"พี่อายุ 30 แล้วนะ จะมีเซ็กส์มันก็ไม่แปลก แต่พี่ไม่เคยมั่ว พี่มีแค่กับแฟนเท่านั้น"

"…"

"หรือว่านิวไม่เคยมีอะไรกับแฟนคนที่ผ่านๆ มา"

เป็นคำถามที่คิดได้หลายแง่ครับ ถ้าในมุมมองผู้ชายด้วยกัน นี่มันกำลังหยามกันชัดๆ แต่ถ้าในมุมมองของพี่กี้ตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าถามผมเพื่ออะไร?!

"…ไม่เคย ให้เกียรติผู้หญิงตลอด"

"…!!! …"

หน้าไอ้พี่กี้ตกใจมากครับ เหวอไปแล้ว

"จริงดิ! ตอนแรกพี่คิดว่าพี่เป็นผู้ชายคนแรกของนิว แต่นี่เซอไพร้ส์ไปอีก เป็นเซ็กส์ครั้งแรกของนิวด้วยเหรอ"

"เออสิ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องไปไกล …ถ้าถุงยางอันนี้มันไม่ใช่ของพี่ แล้วมันเป็นของใคร"

"นั่นสิ ของใครวะ"

พี่กี้เกาหัวแกรก คงกำลังคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ในวันที่ไปประชุม…









- หมอกี้ -

ผมคิดทบทวนถึงวันที่ไปประชุม เป็นการจัดประชุมวิชาการ 3 วัน 2 คืน ที่พัทยา ผมนอนพักคนเดียว ไม่มีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับของใช้ส่วนตัวผมได้ อ่อ จะมีก็แต่แม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดในทุกๆ วัน แล้วแม่บ้านจะเอาของแบบนี้มาใส่กระเป๋าผมเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้มั้ง

แนนที่ไปด้วยกัน พอไปถึงที่พักก็แยกคนละห้องเลย แล้วแนนก็ไม่เคยเข้ามาในห้องผมด้วย แล้วมีคนอื่นเข้ามาในห้องผมอีกไหมนะ คิดอีกสิ คิดอีก ถ้าคิดไม่ออก คือ งานเข้าหนักมากกก แค่เห็นนิวตาแดงๆ เพราะร้องไห้ ก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว

ผมร้อนใจ พยายามคิดให้ออกว่ามีจุดไหนที่ตัวเองพลาดไปไหม เริ่มคิดมาถึงเหตุการณ์คืนที่สอง ที่ออกไป hang out กับเพื่อนหมอศัลย์สามสี่คน ร้านตรงข้ามโรงแรมที่พักเลย

"เฮ้ยย ไอ้กี้ กูได้ข่าวว่ามึงคบเด็กเหรอวะเดี๋ยวนี้" เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันปีกว่าๆ ถามขึ้น

"เออ"

"แล้วไม่คิดจะเปิดตัวเหรอว้าาา"

"รอให้น้องเค้าพร้อมก่อน"

"ทำไมวะ น้องเค้าไม่พร้อมได้ไง คบกับคนหล่ออย่างมึง มีอะไรน่าอายวะ"

"เพิ่งคบกันไม่นาน"

"งี้ต้องฉลองที่เพื่อนได้เมีย อ่ะ ชนนนนน"

"ชนๆๆๆ เว้ย หมดแก้วๆๆๆ " เสียงเชียร์จากเพื่อนๆ ทำให้ผมต้องทำตาม เพราะพอผมเอาแก้วออกจากปาก ก็จะมีมือมาดันเข้าไปในปากผมอีกครั้ง สุดท้ายก็ต้องหมดแก้วตามคำเรียกร้อง

"ไหนๆ มีรูปน้องไหม กูอยากเห็น"

"กูไม่ให้ดู กูหวง"

"โอ้ยยยย กูหมั่นไส้ได้ไหม"

ระหว่างที่ผมกำลังนั่งยิ้มหัวเราะกับพวกมัน มีมือหนึ่งมาหยิบโทรศัพท์ผมไป แล้วหันกล้องมาสแกนหน้าผม แล้วโทรศัพท์ก็ปลดล๊อกทันที พวกมันกดไปยัง gallery แน่นอนว่าต้องมีรูปนิวอยู่แล้ว

"โหหหห น่ารักว่ะ"

"มึงทำบุญด้วยอะไร ทำไมมีเมียแต่คนน่ารักๆ "

"เอาคืนมาาา"

"ให้กูดูก่อน น่ารักขนาดนี้"

"ชนๆๆๆ ชนให้เมียเพื่อนที่น่ารักๆ ไอ้กี้ มึงต้องหมดแก้ว เพราะเมียมึงน่ารัก หมดแก้วๆๆๆ "

อีกแล้วครับ ปฏิเสธไม่ได้เลย ต้องหมดแก้วอีกแล้ว

"ละนี่รูปอะไร ทำไมมีผู้ใหญ่ด้วย อย่าบอกนะว่ามึงเข้าบ้านน้องเค้าแล้ว"

"อืมม"

"ไหนมึงบอกเพิ่งคบกัน ทำไมเข้าบ้านเค้าเร็วจังวะ"

"เค้าไม่ได้ชวนกูหรอก กูตามไปบ้านเค้าเอง"

"งี้มึงก็หน้าด้านไปเองนี่หว่า"

"เออ จะเรียกว่างั้นก็ได้"

"ชนหน่อยยย ชนให้กับความหน้าด้านของเพื่อนเราเว้ยยย ไอ้กี้ หมดแก้วอีกนะมึง หมดแก้วๆๆๆ "

อีกแล้วครับ หมดแก้วอีกแล้ว โซดานิดหน่อย เหล้าเยอะๆ เพื่อนผมมันชอบชงกันแบบนี้ ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกตัวร้อนๆ แล้ว แต่พวกมันก็ยังไม่เลิก หาเหตุผลมาให้ผมหมดแก้วหลายต่อหลายครั้ง

"พวกมึง…จะมอมเหล้ากูรึไงวะ" ผมเริ่มจะพูดช้าแล้วครับ

"มอมเชี่ยอะไร แค่ไม่กี่แก้วเอง"

"เจ็ดแก้วเข้มๆ น่ะนะ"

"ธรรมดาป่ะ แต่ก่อนก็กินกันเท่านี้ มึงนั่นแหละ คงไม่ค่อยได้กิน กูได้ยินว่าตั้งแต่มึงสึกจากบวช มึงก็เข้าวัดบ่อยนี่หว่า คงไม่ค่อยได้กินเหล้า ตอนนี้เริ่มมึนละสิ"

"ยาง แค่ร้อนๆ ตัว"

"เสียงมันเริ่มไปแล้วว่ะ ฮ่าๆๆ ไอ้กี้เอ้ยยย"

"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ต้องเอาของเหลวออกจากตัวบ้างครับ จะได้สบายตัวขึ้น

หลังจากที่ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จ กำลังจะเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ดันไปชนกับใครคนหนึ่ง แต่ด้วยความแรงหรืออะไรไม่ทราบ ทำให้เหล้าที่กินลงไปตีขึ้นมาทางเดิม และผมก็อาเจียนใส่คนโชคร้ายคนนั้น!

ผมค่อยๆ มองไปตรงหน้า เลอะเต็มเสื้อเค้าเลยว่ะ ผมไล่สายตามองไปที่ใบหน้า เฮ้ยยย!!

"คุณอิส!! "

"คุณหมอกี้!! "

"ผมขอโทษครับคุณอิส สงสัยผมจะเมาแล้ว"

"ไม่เป็นไรเลยครับ เดี๋ยวผมถอดเสื้อล้างออกได้ครับ"

"ไม่ได้สิ ถอดเสื้อล้างออกก็ยังเหม็นอ้วกอยู่ เอางี้ดีกว่าครับ ขึ้นไปล้างตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อที่ห้องผมก็ได้ ผมพักโรงแรมตรงข้ามนี้เอง"

"เอางั้นเหรอครับ"

"ครับ ตามผมมาเลย"

ผมเดินมาร่ำลาเพื่อนที่โต๊ะ แล้วเดินกลับโรงแรม โดยมีคุณอิสเดินตามหลังมาเงียบๆ ไม่นานก็มาถึงห้องผม จากนั้นผมก็ยื่นเสื้อให้คุณอิส เจ้าตัวก็รับแล้วเดินเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำ

ผมนั่งลงโซฟา เพื่อรอเดินไปส่งคุณอิสที่ล๊อบบี้ แต่คุณอิสใช้เวลาในห้องน้ำนานมากครับ ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่ออกมา ผมจึงเผลองีบหลับไป





ผมรู้สึกว่าโซฟาข้างๆ มันยวบลง นั่นทำให้ผมลืมตาตื่น มองไปด้านข้างก็เห็นคุณอิสกำลังขยับเข้ามาใกล้ผม ไม่สิ ไม่ใช่แค่ใกล้ เรียกว่าแนบชิดเลยดีกว่า

"คุณหมอกี้… ง่วงเหรอครับ"

"นิดหน่อยครับ สงสัยเมา เลยง่วง"

"ผมก็ง่วงครับ…" ทันทีที่จบประโยค คุณอิสก็โน้มศีรษะลงมาซบตรงไหล่ผม อยู่ดีๆ ภาพนิวก็ลอยเข้ามาในหัว…

"คุณอิสพักที่ไหนครับ"

คุณอิสบอกชื่อโรงแรม ซึ่งอยู่ไกลจากที่พักผมพอสมควร

"ให้ผมลงไปส่งที่ล๊อบบี้ไหมครับ"

"ผมขออยู่แบบนี้ก่อนได้ไหมครับ…"

"เอ่อ… ผมว่า… ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนละกันครับ คุณอิสนอนที่โซฟาน่าจะสบายกว่าไหล่ผมนะครับ"

พูดจบ ผมก็ค่อยๆ ยกศีรษะนั้นออกไปจากไหล่ด้วยความอ่อนโยน จากนั้นก็ลุกจากมา หยิบเสื้อผ้าได้ก็ตรงดิ่งเข้าห้องน้ำเลยครับ ผมใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานมาก พอเดินออกมาก็พบว่าคุณอิสหลับไปแล้ว ผมจึงไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวลงบนเตียงใหญ่ ไม่นานผมก็หลับไปอย่างรวดเร็ว…





.





ผมรู้สึกว่ามีใครบางคนมายุ่งวุ่นวายอยู่แถวใบหน้า นั่นทำให้ผมลืมตาตื่น แต่ก็เห็นอะไรไม่ค่อยชัด เพราะปิดไฟมืด ร่างนั้นพยายามจะจูบผม มือไม้ก็ลูบไล้ไปตามลำตัวผม บีบคลึงไปเรื่อย ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟที่หัวเตียง นั่นจึงทำให้ผมเห็นอะไรชัดขึ้น

"คุณอิส!! "

"อย่าเพิ่งหลับนะครับ~ มาสนุกกันก่อน…"





TBC.





Talk : ตอนนี้มาต่อให้ยาวๆ ค่ะ เพราะเจอกันอีกทีวันเสาร์เลยนะคะ ตอนต่อไปรีบเข้ามาอ่านนะคะ จะติดเหรียญใน raw และธัญวลัย แต่จะปล่อยให้อ่านฟรีก่อนค่ะ จะลบตอน 7.00 น.วันถัดไป และตามไปอ่านในสองที่ข้างต้นได้ค่ะ

สุขสันต์วันแม่ค่ะ ขอให้รี๊ดที่เป็นแม่ๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ส่วนรี๊ดที่เป็นลูกๆ ก็ขอให้สุขสมหวังในทุกเรื่องเลยค่ะ

ขอบคุณที่แวะเวียนเข้ามาอ่านกันนะคะ ขอคอมเม้นท์ เป็นกำลังใจเช่นเคยค่า (ยิ้มหวาน)

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-08-2020 18:53:55
เรื่องนี้มันมีเงี่ยนงำ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-08-2020 21:24:43
 :m31:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-08-2020 22:40:01
เฮ้อออ มห้อีคุณอิสเข้ามายุ่งวุ่นวายใกล้ชิดเกินไปไหมอีพี่กี้
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 12-08-2020 22:42:11
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 13-08-2020 21:57:04
เอ๊ะ!ยังไงยังงายยยยยคุณพี่หมอกี้คะ?????
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-08-2020 20:05:00
นั่นสิครับ ... ยังไงกันหมอกี้  เห็นใจน้องหมอนิวสุด ๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon)ตอน29 ‘52’ ไม่ใช่ ‘56’ 12/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 15-08-2020 18:05:34





ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ ——>  https://www.readawrite.com/c/9111ccad7e7f9b3e57b372b724c95cd9 (https://www.readawrite.com/c/9111ccad7e7f9b3e57b372b724c95cd9)















หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ 15/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-08-2020 19:00:56
:pighaun:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ 15/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 15-08-2020 20:32:25
 :oo1: :pighaun: :pighaun: :oo1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ 15/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-08-2020 02:13:18
 :laugh:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ 15/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-08-2020 18:08:23
อ่านตอนสุดท้ายไม่ได้ :z3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 30 เรียนรู้และจดจำ 15/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 18-08-2020 18:17:13
ตอน 31 คำรัก


- หมอนิว -


เช้านี้ผมตื่นมาด้วยอาการปวดหัว ตัวรุมๆ น่าจะมีไข้นิดหน่อย พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แต่ก็ลำบากเหลือเกิน เพราะปวดเมื่อยตามตัวไปหมด ผมจึงทำได้แค่นอนนิ่งๆ กรอกตาไปมา หันไปมองคนข้างกาย ก็พบกับความว่างเปล่า

เฮ้อออ ไปดูคนไข้อีกแล้วสินะ

ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ทั้งที่เพิ่งจะผ่านค่ำคืนหฤหรรษ์มาด้วยกัน เอ๊ะ หรือจะเรียกว่าหฤโหดดีนะ เพราะเมื่อวานเราใช้เวลาด้วยกันกับเรื่องอย่างว่าตั้งแต่สี่โมงเย็นจนเกือบสามทุ่ม ถ้าผมไม่บอกว่าต้องกลับไปเอารถที่สวนสาธารณะ พี่กี้ก็คงไม่ยอมหยุด ดังนั้นไม่แปลกเลยที่วันนี้ผม…อยู่ในสภาพนี้ แต่ที่แปลกใจ พี่กี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ ยังมีแรงไปผ่าตัดต่ออีกเหรอครับ ยอมในความอึดจริงๆ



แกร๊กกก…

เสียงประตูเปิดออกมาจากด้านนอก ผมมองไปตามเสียง พบกับร่างสูงของพี่กี้ ในมือมีถุงอาหารหิ้วมาด้วย

"ตื่นแล้วเหรอนิว พี่ไปซื้อโจ๊กมาให้น่ะ"

อ้าววว ไม่ได้ไปดูคนไข้เหรอ -*-

"พี่ตื่นมาแล้วจับตัวนิวดู เห็นตัวอุ่นๆ เลยไปหาซื้อพวกแผ่นแปะลดไข้มาให้ด้วย"

"…"

พี่กี้วางของในมือบนโต๊ะ แล้วเดินมานั่งข้างผม ส่วนผมนั้นไม่กล้าสบตาพี่แกเท่าไหร่ ไม่ค่อยชินกับการถูกดูแลตอนป่วย ปกติเคยแต่เป็นคนต้องดูคนป่วยเอง แล้วพี่กี้โหมดนี้คืออ่อนโยนมาก มากซะจนผมเขิน ทำตัวไม่ถูกเลยครับ

"ไหนพี่ลองวัดไข้อีกทีซิ" จบประโยค พี่กี้ก็ใช้ฝ่ามือใหญ่อังมาที่หน้าผากผม "ยังตัวรุมๆ อยู่เลย"

"…นิวไม่เป็นไรหรอก ไข้ไม่สูงเท่าไหร่" ผมเหมือนคนเพิ่งหาปากตัวเองเจอครับ

"เป็นสิ วันนี้ไม่ต้องไปดูคนไข้นะ"

"ไม่ได้ดิ วันนี้มีเคสตัดขา นิวต้องเข้าไปช่วยอาจารย์อาร์" ผมต้องเข้าไปดูเคสนี้จริงๆ นะครับ เพราะเป็นเคสเตียงที่ผมดูอยู่

"พี่ไม่ให้ไป เดี๋ยวพี่บอกพี่อาร์ให้"

"ไม่อ่ะ นิวอยากเข้าไปดู"

ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากพี่กี้ คงจะเบื่อหน่ายผมที่เถียงเอาๆๆ ก็ผมอยากเข้าไปดูเทคนิคนี่นา

"ห้องผ่าตัดเป็นห้องปลอดเชื้อนะนิว ตอนนี้นิวมีไข้ อาจจะไม่ปลอดภัย และอาจจะเอาเชื้อโรคไปติดคนไข้ได้นะ …ยังไงซะ ก็ต้องถูกพี่พยาบาลคนอื่นห้ามเข้าด้วยแน่นอน เพราะงั้นวันนี้นอนพักที่นี่"

พี่กี้พูดมาซะยืดยาว ทำเอาผมมองบนรัวๆ เห็นทางแล้วว่ายังไงซะวันนี้ก็คงต้องนอนแบ่บอยู่ห้องนี้ทั้งวันแน่ๆ แต่ก็ขอเถียงหน่อยเถอะ

"แค่นี้เอง กินยาเดี๋ยวไข้ก็ลด"

พี่กี้มองผมอย่างเซ็งๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า "ยืนไหวเหรอ ผ่าตัดขา นานนะ" แล้วก็เหล่มองผมอย่างมีเลสนัย กะจะให้ผมเขินละสิ ไม่ได้ผลหรอกนะ ฮึ

"ไหวดิ แค่นี้เอง"

"คนเรา…ไม่ไหวบอกไหว" แล้วเพลงพี่บอยพีซ ก็ดังเข้ามาในหัว เจ็บแค่ไหน ฉันก็จะฝืนแกล้งทำว่าไม่เป็นไร

"นิวแข็งแกร่ง ไม่อ่อนปวกเปียกขนาดนั้นหรอกน่า"

"รู้งี้กลับจากเอารถ พี่จัดต่อจนถึงเช้าคงจะดี อยากรู้นักว่าแข็งแกร่งขนาดไหน หึหึ"

"เกินไปไหม จะอยากอะไรขนาดนั้น"

"ก็อยากรู้ว่าเก่งเหมือนปากว่ารึเปล่า หึหึ"

"หยุดเลย นิวจะไปอาบน้ำแล้ว" ผมทำท่าจะลุกจากเตียงนอน แต่พี่กี้จับผมนอนลงเหมือนเดิม

"เดี๋ยวพี่เข้าไปช่วยพี่อาร์เอง พี่บอกให้..นอน เข้าใจไหมว่าเป็นห่วง"

ประโยคหลังทำให้ผมต้องหยุดชะงัก เพราะคราวนี้พี่กี้ใช้เสียงแข็งๆ บ่งบอกว่าหมายความตามนั้นจริง ผมจึงต้องนอนลงไปตามเดิม แล้วมองดูการกระทำของพี่กี้ที่เดินไปเปิดถุงโจ๊กแล้วเดินลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ

"ลุกขึ้นมากินโจ๊กก่อนนะนิว…"

ผมก็ทำตามพี่แกครับ ลุกขึ้นมานั่งเอาหลังพิงพนักหัวเตียง

"เดี๋ยวพี่ป้อน อ้าปากนะครับ"

มาไม้ไหนวะคร๊าบบบ พี่กี้สูตรอ่อนโยนโคตรๆ ทำเอาผมนึกถึงละครหลังข่าวที่ฉากนางเอกเสียตัวให้พระเอก พอเช้ามาพระเอกก็เอาใจสารพัด คืออยากจะบอกมากว่า ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้พี่ ผมไม่ได้เป็นง่อย มือใช้งานได้ แต่..ผมก็อ้าปากให้พี่แกป้อนนะ เห็นถึงความตั้งใจ มีความเอาใจใส่ดี

"รู้สึกว่าโจ๊กมันหวานไหม" พี่กี้ถามผมขึ้น ผมก็พยักหน้ายิ้มๆ

"อยากลองชิมอ่ะ"

แทนที่พี่แกจะตักโจ๊กเข้าปากตัวเอง แต่เปล่าเลยครับ ตักโจ๊กเข้าปากผม แล้วพี่แกก็ตามมาแย่งผมกินโดยใช้วิธีปากประกบปาก อื้ออ..อืมม จากที่โจ๊กเค็มๆ ผมว่ามันก็ชักจะเริ่มหวานจริงๆ แล้วล่ะ

ไม่นานเราก็ผละริมฝีปากออกจากกัน…

"หวานจริง หึหึ"

"เว่อร์ไปไหมพี่" ผมบ่นอุบอิบ แล้วก็รู้สึกว่าหน้าผมร้อนหนักกว่าเดิม ผมว่า..พี่กี้ทำผมไข้ขึ้นสูงแล้วล่ะครับ

"…วันนี้พี่ไม่อยากไปดูคนไข้เลย พี่อยากอยู่กับนิว..ทั้งวัน..ทั้งคืน"

"เกินไปแล้วววว"

"ไม่เกินไปเลย พี่พูดจริงๆ นะ"

พูดจบก็มองตาผมหวานเยิ้ม เป็นเอามากว่ะ แต่ก็อดคิดไปถึงชีวิตครอบครัว ที่มีคนเคยบอกไว้ว่า



'เซ็กส์ ไม่ใช่ปัจจัยหลักในชีวิตคู่ แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่'



ผมเห็นด้วยเลยล่ะ จากที่เมื่อวานทะเลาะกันจนผมเกือบจะชกหน้าพี่กี้แล้ว วันนี้อะไรๆ มันก็ดีไปหมด ขนาดโจ๊กเค็มๆ ยังบอกว่าหวาน ปากที่ยังไม่แปรงฟันยังสามารถจูบกันได้โดยที่ไม่บอกว่าเหม็น แสงแดดที่แยงตาเข้ามายังมองว่าอบอุ่นน่ะ



"กินโจ๊กแล้ว คราวนี้กินยานะ"

พี่กี้ยื่นเม็ดยาลดไข้มาให้ผมพร้อมกับแก้วน้ำเปล่า ผมก็รับมา แอบแซวยิ้มๆ

"อ้าว นึกว่าจะป้อนยาด้วย"

"เอาป่ะล่ะ… แต่ไม่ป้อนด้วยมือนะ จะป้อนด้วยปาก"

"อีกละ… ไม่เบื่อบ้างรึไง"

"ไม่มีวันเบื่อ"

"จำคำพูดตัวเองไว้ดีๆ ล่ะ"

จากนั้นผมก็รีบกลืนยากับน้ำลงท้อง กลัวใจพี่แกจะเอาปากป้อนจริงๆ ผมไม่ชินกับความขมของยาเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วยาอาจจะรสหวานไปเลยก็ได้ ฮ่าๆๆ

พี่กี้มองผมกินยาเรียบร้อยแล้วก็เอาแผ่นแปะลดไข้มาวางลงบนศีรษะผม แล้วเจ้าตัวก็อาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะออกไปจากห้อง ก็เดินเข้ามาหอมแก้มผมหนึ่งที บอกว่าขอกำลังใจไปทำงาน เอ่อออ ทุกวันไม่เห็นต้องขอ พอเป็นวันนี้ละเอาใหญ่เลยนะครับ

พอพี่กี้ออกจากห้องไม่นาน ผมก็หลับไปด้วยความเพลีย…



.



ผมรู้สึกตัวตื่นอีกครั้ง เมื่อมีคนมาเคาะประตูหน้าห้อง ผมจึงลุกไปเปิด เป็นพี่แนนนั่นเอง ในมือมีอาหารสองสามถุง

"เที่ยงแล้วนิว กินข้าวกัน กี้มันฝากให้พี่ซื้อข้าวมาให้นิว มันยังตัดขายังไม่เสร็จเลย" พูดจบ พี่แนนก็ก้าวเข้ามาในห้อง แล้วเดินไปวางของบนโต๊ะอาหาร และไปหยิบจานชามออกมา

"แล้วไข้ลงหรือยัง ไหนพี่ดูซิ" พี่แนนวางมือบนหน้าผากผม

"ก็ลงแล้วนี่… มาๆ มากินข้าว"

"นิวบอกพี่กี้แล้วว่านิวไม่เป็นอะไรมาก แต่พี่กี้ไม่ยอมให้นิวไปดูคนไข้"

"ก็ถูกของกี้มันแล้ว พักบ้างเหอะแก"

ระหว่างที่คุยไป เราก็ช่วยกันแกะถุงกับข้าวใส่จาน เป็นอาหารอ่อนๆ ทั้งนั้น

"แลัวเป็นไง คุยกับกี้ยัง"

"คุยแล้ว"

"สองสามวันมานี้ เคสพี่มีปัญหา เลยไม่มีเวลาถามให้นิวเลย …แล้วคุยกันเป็นไงบ้าง"

"พี่กี้บอกว่าไม่ใช่ของพี่กี้ น่าจะเป็นคุณอิสที่แอบเอามาใส่ไว้ พอดีคืนสุดท้ายคุณอิสได้ขึ้นไปห้องพี่กี้"

"สุดมากกกก ทำไมกล้าทำเรื่องแบบนี้" หน้าพี่แนนดูตกใจมากครับ ใช่สิ ใครจะคิดว่าชีวิตจริงจะมีคนทำเหมือนตัวอิจฉาในละคร

"ดูเค้าจะอยากได้พี่กี้มากๆ อ่ะพี่ เมื่อวานนิวเจอเค้าที่คาเฟ่ เค้าถามถึงถุงยางด้วย"

"เค้าถามว่าไงอ่ะ?!"

"ถามว่า นิวได้รับของฝากพิเศษรึยัง"

"แล้วนิวว่าไง?!"

"นิวก็บอกว่าได้แล้ว แต่ก็…พูดกับเค้าแรงอยู่ หวังว่าจะคิดได้"

"อืม …พี่ได้ข่าวว่า เค้ามีคาเฟ่เป็นของตัวเองด้วยนะ ว่างๆ เราไปเยี่ยมเยียนเค้าหน่อยไหม"

พี่แนนชวนผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เหมือนกำลังมีเรื่องสนุกๆ รออยู่ข้างหน้า มีเหรอที่ผมจะไม่ตอบรับ แน่นอนว่าต้องตอบรับอยู่แล้ว จริงๆ ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยเลยนะไอ้คุณอิสเนี่ย แต่ผมก็รู้สึกอยากแสดงความเป็นเจ้าของอ่ะ ว่าอย่ามายุ่งกับคนของผม คนเค้าไม่เอาแล้วยังมาตามตื๊อ คืออะไร?! มันเกินไปนะ ถ้าพี่กี้ไม่จัดการขั้นเด็ดขาด ผมนี่แหละจะจัดการเอง

"บ่ายนี้พี่แนนว่างไหมอ่า" ผมถามพี่แนนขึ้น

"ว่างนะ เคลียร์เคสเสร็จหมดแล้ว"

"งั้น…บ่ายนี้เราไปเยี่ยมคุณอิสเลยดีไหมครับ?"

"ได้เสมอจ๊ะ"

ผมกับพี่แนนมองหน้ากันยิ้มๆ แล้วก็วางแผนอะไรบางอย่าง จากนั้นเราก็เริ่มจัดการภารกิจที่เพิ่งคิดออกกันอย่างรวดเร็ว…



.



ผมเดินสำรวจความเรียบร้อยภายในร้านที่มีลูกโป่งหลากสีตกแต่ง และมีริบบิ้นสีหวานโยงตั้งแต่ประตูร้านจนเข้ามาด้านใน มีตัวหนังสือเรียงต่อกันเป็นคำว่า



'Thank you my love'



ผมกำลังจะจัดงานเซอร์ไพรส์เล็กๆ ให้พี่กี้ครับ ปิดคาเฟ่เลี้ยงเลยครับ เป็นไงล่ะ ใจป๋าไหมละผม อาศัยสถานที่คือคาเฟ่ของคุณอิส ซึ่งผู้จัดการร้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็รับหน้าที่จัดการตกแต่งภายในร้านให้เสร็จสรรพ ซึ่งผมพอใจมาก เพราะรีเควสไปแบบไหนก็ได้ตามที่ต้องการ

"มีอะไรให้แก้ไขเพิ่มเติมไหมคะคุณหมอนิว" พี่ผู้จัดการร้านถามผมขึ้น

"ไม่แล้วครับ สวยมากเลย …อาหารเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ"

"ใกล้แล้วค่ะ เหลือแค่บางอย่างที่ต้องทำก่อนเสิร์ฟค่ะ"

"โอเคครับ ผมพอใจมาก …ว่าแต่เจ้าของร้านจะเข้ามาแน่ใช่ไหมครับ"

"ปกติก็เข้าทุกเย็นค่ะ ถ้าท่านไม่ติดอะไรก็คงเข้าค่ะ …หรือจะให้ดิฉันโทรเชิญให้ท่านเข้ามาไหมคะ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมก็อยากให้คุณอิสเซอร์ไพรส์เหมือนกัน"

"ได้ค่ะ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวแล้วนะคะ"

จบการพูดคุย ผมก็กดเบอร์ไปหาคนที่คุณก็รู้ว่าใครทันที

"เป็นไงบ้างครับนิว"

"นิวหายแล้ว …ตอนนี้ออกมาข้างนอกกับพี่แนน"

"อ้าว แล้วไม่พักผ่อนให้หายดีก่อนอ่ะ"

"หายดีมากแล้ว พี่กี้ตามมานะ เดี๋ยวนิวแชร์โลฯ ให้"

"คร๊าบผม คงอีกซักครึ่งชั่วโมงนะ"

"ครับผม นิวรอนะ"



ผมนั่งรอพี่กี้พลางถ่ายรูปเล่นกับพี่แนนไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานพี่กี้ก็มาถึง ดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นบรรยากาศร้าน

"อะไรเนี่ยนิว"

"เซอร์ไพรส์ส์ส์ส์ส์!!"

แล้วพลุกระดาษก็พุ่งออกมาจากสองข้างทางเดินเข้าร้าน แล้วผมก็เดินเอาช่อดอกไม้ไปมอบให้พี่กี้ รู้สึกตัวเองแมนมาก ณ จุดๆ นี้ ฮ่าๆๆ

"ขอบคุณครับนิว ขอบคุณมากๆ" ระหว่างที่พี่กี้พูดขอบคุณ ก็กอดผมไว้ด้วย ยิ้มไม่หุบเลยล่ะ

"นิวก็ขอบคุณพี่กี้นะที่คอยช่วยเหลือนิวมาตลอด…รักพี่กี้นะครับ"

ประโยคหลังนั้นผมตั้งใจพูดให้พี่กี้ได้ยินคนเดียว ไม่อยากให้คนอื่นได้ยินด้วย ก็อายอยู่น๊าา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมบอกรักพี่กี้น่ะ

"พี่ก็รักนิวนะครับ"

แล้วเราก็กอดกันแน่นกว่าเดิม มีเสียงปรบมือรายล้อมอยู่รอบข้าง นาทีนี้ผมโคตรมีความสุขเลยครับ ยิ้มทั้งปากทั้งตา เหมือนโลกนี้จะมีแค่สองเรา จนพี่แนนต้องสะกิด

"พอได้แล้วมั้ง รอบข้างยังมีคนอื่นๆ อยู่นะ"

ผมกับพี่กี้จึงยอมผละออกจากกัน พอมองไปรอบข้างก็เห็นคุณอิสยืนยิ้มๆ อยู่ข้างผู้จัดการร้าน

"ในฐานะเจ้าของร้าน ยินดีด้วยมากๆ นะครับ"

"อ้าว นี่ร้านคุณอิสเหรอครับ" เป็นพี่กี้ที่หน้าตาเหรอหรามาก

"ครับ ร้านผมเอง"

พี่กี้มองหน้าผมแวบนึง ก่อนจะคุยกับคุณอิสต่อ

"ร้านสวยมากเลยครับ ไม่รู้มาก่อนนะครับว่านอกจากเป็นทายาทโรงพยาบาล แล้วยังมีคาเฟ่สวยๆ อีก"

"ปกติก็ไม่ได้ตกแต่งแบบนี้ทุกวันหรอกครับ พอดีว่าคุณหมอนิวรีเควสมา ทางร้านก็เลยจัดให้ ยิ่งรู้ว่าเป็นโอกาสพิเศษของคุณหมอทั้งสอง ผมยิ่งดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจครั้งนี้ครับ"

"ขอบคุณมากครับ"

"ผมก็ขอบคุณคุณอิสมากนะครับ ที่เนรมิตให้อย่างที่ผมต้องการเลย"

"ด้วยความยินดีครับ"

จบประโยคของคุณอิส ผมกับพี่กี้ก็ตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีเทียนตั้งอยู่ เป็นดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียนเล็กๆ ที่ดูอบอุ่น อาหารก็ไม่ได้มากมาย มีแค่ไม่กี่อย่าง แต่เป็นสิ่งที่ผมชอบและพี่กี้ชอบทั้งหมดเลย

ค่ำวันนั้น ผมกับพี่กี้คุยกันเงียบๆ ไม่มีใครมารบกวน พี่แนนขอตัวกลับแล้ว ผมไม่ลืมที่จะขอบคุณพี่แนนด้วย เพราะถ้าไม่มีพี่แนน ทุกอย่างคงไม่ออกมาเพอร์เฟคขนาดนี้…

"มาแอบเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับนิว" พี่กี้เอ่ยถามผม พร้อมกับอมยิ้มทั้งปากและตา

"เพิ่งมาเตรียมช่วงบ่ายวันนนี้เอง เป็นไงอ่า ออกมาดีใช่ม๊าา"

"ครับ ไม่อยากจะเชื่อว่าเพิ่งเตรียม …แต่ร้ายนะเรา ตอนเช้านอนป่วยอยู่ดีๆ ตกเย็นมีเซอร์ไพรส์ให้พี่ซะงั้น"

"ชอบไหมล่ะ" ผมถามพี่กี้ตาวาวเลย

"ชอบสิ"

"แล้วชอบดอกไม้ช่อนี้ไหม"

"ฮ่าๆๆ"

พี่กี้ไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะขำครับ คือผมเคยคิดไว้นานแล้ว ตั้งแต่ตอนจะง้อพี่กี้ว่าผมจะซื้อดอกไม้เป็นช่อให้ แต่ไม่มีโอกาสซักที เลยถือโอกาสนี้ซื้อให้ซะเลย เป็นการให้แทนคำขอบคุณ นี่คือที่มาของดอกไม้ช่อนี้ครับ

"หัวเราะไรอ่าา"

"พี่ตลกที่นิวซื้อช่อดอกไม้ให้พี่ ฮ่าๆๆ"

"ตลกตรงไหน ตอนมีแฟนเป็นผู้หญิง นิวก็ซื้อให้เค้าออกบ่อย แต่ละคนดีใจจะตายที่ได้ดอกไม้จากนิว"

"แต่พี่ไม่ใช่ผู้หญิงไง ฮ่าๆๆ"

"ทำไม หรือไม่ชอบ ถ้าไม่ชอบก็ทิ้งไปเลย" ผมเริ่มหน้างอแล้วครับ งอนอ่ะ

"ชอบสิ พี่ชอบทุกอย่างที่นิวให้นั่นแหละครับ แต่พี่แค่ไม่คิดว่านิวจะซื้อดอกไม้เป็นช่อให้พี่นะครับ หน้าตาพี่มันไม่เหมาะกับช่อดอกไม้เท่าไหร่ ถ้าพี่เป็นคนซื้อให้นิวก็ว่าไปอย่าง หึหึ"

"ไม่รู้ล่ะ ซื้อให้แล้ว ยังไงก็ต้องชอบ"

พูดจบ ผมก็ก้มลงตักอาหารเข้าปากแทนการต่อปากต่อคำกับพี่กี้ แต่ดูเหมือนพี่กี้จะอยากพูดต่อ

"แล้วปิดร้านเลี้ยงพี่วันนี้เนื่องในวันอะไร พี่ยังไม่รู้เลย"

"ขอบคุณพี่ไง" ผมเงยหน้ามาพูดดีๆ กับพี่กี้

"นิวอยากขอบคุณที่พี่กี้ดูแลนิวมาตลอด ตั้งแต่มาทำงานใหม่ๆ จนมาถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ก่อนคบกัน จนมาเป็นแฟน พี่ก็ยังเสมอต้นเสมอปลายกับนิวตลอด เผลอๆ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ นิวไม่รู้จะตอบแทนพี่กี้ยังไง เลยจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆ น่ารักให้"

พี่กี้เอื้อมมาจับมือผม แล้วพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

"นิวไม่ต้องตอบแทนพี่ครับ เพราะพี่ทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ แค่ได้อยู่ข้างๆ ในวันที่นิวเหนื่อยล้าหรือต้องการใคร ก็เพียงพอแล้วสำหรับพี่"

ผมยิ้มกับคำพูดของพี่กี้…เป็นประโยคบอกรักที่ไม่มีคำว่า 'รัก' แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

"นิวขอบคุณนะครับ"

พี่กี้ไม่ตอบ ได้แต่ส่งยิ้มหล่อกระชากใจมายังผม แล้วกุมมือผมขึ้นไปจุ๊บเบาๆ จากนั้นเราก็ทานอาหารกันต่อ แบบไม่มีใครมากวนใจเลย งงเหมือนกันที่วันนี้ไม่มีสายโทรศัพท์ดังเข้ามารบกวนทั้งเครื่องของผมและพี่กี้ เราจึงใช้เวลาด้วยกันอย่างคุ้มค่าที่สุด





ณ สนามหญ้าหน้าร้านมุมหนึ่ง

ร่างสูงของใครบางคนกำลังคีบบุหรี่อยู่ในมือ พลางยกขึ้นจรดใส่ปากสีสดเป็นบางครั้งคราว เหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่ในหัว เขาเดินวนไปเวียนมาอยู่อย่างนั้น จนไม่ทันสังเกตว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาหาตนเอง

"นี่คุณอิส! ฉันขอพูดตรงๆ เลยนะว่าเลิกยุ่งกับเพื่อนฉันได้แล้ว เห็นใช่ไหมว่าเค้ารักกันมากขนาดไหน"

"ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดดูไม่ออกนะครับคุณหมอแนน"

"งั้นคุณก็เลิกยุ่งกับพวกเค้าซักที!"

"ผมก็อยากจะเลิกยุ่ง แต่เพื่อนคุณต่างหากที่ไม่ยอมเลิกยุ่งกับผม"

"คุณเอาอะไรมาพูด เพื่อนฉันไม่มีทางมายุ่งกับคุณได้"

"เค้าไลน์หาผมทุกวันเลยนะครับ"

จบประโยค ร่างสูงก็หยิบมือถือของตนเองขึ้นมา แล้วเปิดโชว์หน้าไลน์ที่มีการพูดคุยกันระหว่างเขากับ 'Kie' มีข้อความต่างๆ นาๆ ทั้งบอกฝันดี คิดถึง อยากเจอหน้า คบน้องนิวเพราะสงสาร และล่าสุดวันนี้เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อ 20 นาทีที่แล้ว

Kie : วันนี้น่ารักเป็นพิเศษนะครับ

ทั้งชื่อ และรูป display ที่โชว์คือกี้เพื่อนของตนมากๆ หมอแนนคิดในใจ เห็นข้อความที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดูก็ถึงกับอึ้ง นี่ใช่เพื่อนเค้าอยู่เหรอ ทำไมส่งข้อความหาคุณอิส แต่จะเข้าไปถามเพื่อนตัวเองตอนนี้ก็ใช่เรื่อง

"คุณหมอแนนคิดว่าไงครับ ผมควรทำตัวยังไงดี"

"ไม่มีทาง เพื่อนฉันไม่ใช่คนแบบนี้!"

"ถ้าไม่ใช่ แล้วใครกันครับ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว ผมไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง คุณหมอกี้ในไลน์กับคุณหมอกี้ที่ผมเจอตัวจริง การกระทำที่มีต่อผมช่างแตกต่างกันมาก จนผมไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอกแล้วครับตอนนี้ คุณหมอแนนช่วยยืนยันให้ผมทีนะครับ"

"งั้น… คุณแคปที่คุยกันแล้วส่งมาให้ฉันทีค่ะ ฉันจะสืบดูว่ามันอะไรยังไงเรื่องนี้"

หลังจากนั้นรูปข้อความการสนทนาก็เข้ามาอยู่ในมือถือของหมอแนน เพื่อรอค้นหาคำตอบต่อไป…



TBC.



Talk : จริงๆ นิยายเรื่องนี้จะจบบริบูรณ์ตอนนี้เลยก็ได้นะคะ แต่เรายังอยากแต่งต่อค่ะ 55555 ก็เลยวางระเบิดให้พี่กี้กับน้องนิวปวดหัวอีกแล้ว คราวนี้ปวดหัวมาถึงหมอแนนด้วยค่ะ ทั่วถึงมากๆ 555

อ่านตอนนี้แล้วอย่าโฟกัสที่บทท้ายๆ นะคะ เดี๋ยวจะเครียด พาลเอาความจิกหมอนช่วงแรกๆ หายไปด้วย ทั้งที่ตอนนี้หวานสุดๆไปเลย ฮี่ๆๆ

สำหรับคนที่ไม่ทันอ่านตอนก่อน ข้ามมาอ่านตอนนี้ได้นะคะ เราว่าก็พอเข้าใจอยู่ค่ะ เราชี้แจงในตอน 29 แล้วว่าจะมีบางตอนที่ปล่อยให้อ่านฟรี ถึง 7.00 น. วันถัดไป บางตอนก็จะปล่อยฟรีเลย ชี้แจงตามนี้ค่ะ  https://www.readawrite.com/c/6c36a09e928a7af2eff037c4c2f35448 (https://www.readawrite.com/c/6c36a09e928a7af2eff037c4c2f35448)

ฝากตอนนี้ด้วยเช่นเคยค่ะ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เราหน่อยนะค๊าา ขอบคุณมากค่าาา/รัก



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 31 คำรัก 18/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-08-2020 18:50:01
 o22
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 31 คำรัก 18/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-08-2020 21:26:55
วางระเบิดไว้ซะอย่างงั้น
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 31 คำรัก 18/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-08-2020 21:44:51
 :fire:


ต้องให้เจ๊แนนจัดการ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 31 คำรัก 18/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 20-08-2020 17:18:28
อะไรอี๊กกกกกกกกกก what??
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 31 คำรัก 18/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 21-08-2020 18:39:49
ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด


- หมอกี้ -

วันนี้อากาศสดชื่นแจ่มใสมากครับ แถมเคสที่ว่ายาก ผมยังสามารถผ่าตัดเสร็จน้อยกว่าเวลาที่กำหนดอีกด้วย มันก็จะอารมณ์ดีหน่อยๆ ครับ และวันนี้ผมตั้งใจจะกลับบ้าน ซึ่งบ้านผมอยู่ต่างอำเภอ ไม่ได้อยู่ในเขตอำเภอเมือง ผมจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ แต่จริงๆ ผมก็แวะมาบ้านบ้าง แต่แค่ไม่ได้บอกเท่านั้นเองครับ

ที่วันนี้ผมตั้งใจจะกลับบ้าน เพราะเป็นวันเกิดป๊า อายุครบ 62 ปี ทุกคนต้องมากินข้าวที่บ้านด้วยกัน ผมมีพี่น้องด้วยกัน 5 คน ผมเป็นคนที่สาม ผมมีพี่ชาย 2 คน และน้องสาว 2 คน โชคดีที่วันนี้คือวันศุกร์ เลยปลีกตัวจากงานกันง่ายหน่อยครับ และอีกเหตุผลที่ทำให้ผมอารมณ์ดีก็คือ วันนี้จะพานิวไปเปิดตัวด้วยครับ ซึ่งผมต้องไปรับนิวที่รพ.สต.แห่งหนึ่ง เป็นทางผ่านไปบ้านผมอยู่แล้วครับ เพราะวันนี้นิวไปออกหน่วยฯ ที่นี่ ว่าแล้วก็หยิบมือถือออกมาโทรหาน้องซะเลย

รอสายซักพัก ก็ได้ยินเสียงใสๆ กดรับ

"ว่าไงคร๊าบพี่"

"เสร็จยังคร๊าบ"

"ใกล้แล้วคร๊าบ"

"โอเค พี่ใกล้ถึงแล้วนะ"

"เคคร๊าบ บายครับ"

แค่ได้ยินเสียงใสๆ ผมก็ยิ้มออกมาแล้วครับ เดี๋ยวนี้นิวน่ารักขึ้นเยอะครับ พูดจาไพเราะรื่นหูขึ้นมาก แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะกับผมไหมนะครับ กับคนอื่นอาจจะเหมือนเดิมก็ได้ ฮ่าๆๆ



ไม่นาน ผมก็มาถึงรพ.สต. พี่พยาบาลเดินมาส่งนิวขึ้นรถ มีแอบแซวเบาๆ

"คุณหมอกี้น่ะ มาแอบฉกหมอนิวไป น้องๆ ที่รพ.สต.บ่นอุบเลย ไม่มีอาหารตาให้มองซะแล้ว"

"ไว้คราวหน้า เดี๋ยวผมมาปล่อยทิ้งไว้นะครับ" พูดจบ ก็ส่งยิ้มทั้งปากและตาไปให้ด้วย

"นี่คนๆๆ ไม่ใช่หมาแมวนะที่จะมาปล่อยทิ้งไว้" นิวครับ มันเถียงผม เอ่อ เมื่อกี้เพิ่งชมในใจไปหยกๆ ขอกลับคำตอนนี้ทันไหม ฮ่าๆๆ

"ล้อเล่นนน ใครจะกล้าปล่อยทิ้งได้ลงคอ"

"แหมๆๆ หวานกันขนาดนี้ พี่ลาแล้วค่า ขับรถดีๆ นะคะหมอกี้"

"ขอบคุณมากครับพี่ สวัสดีครับ"

แล้วผมกับนิวก็ร่ำลาพี่พยาบาล แล้วขับรถออกมาด้วยกัน ผมหันไปมองหน้านิวแวบนึง เพราะหลังออกมาจากรพ.สต. นิวเงียบนิดหน่อย

"เป็นอะไรเนี่ย ทำไมเงียบแปลกๆ"

"ตื่นเต้น"

"ทุกคนที่บ้านพี่สบายๆ ทุกคนรู้หมดว่าพี่ชอบผู้ชาย เพราะงั้นพาแฟนผู้ชายเข้าบ้านนี่เรื่องปกติ แต่ถ้าพาผู้หญิงเข้าบ้านนี่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกของบ้านเลยล่ะ"

"อ่ออออ งั้นแสดงว่า…ที่ผ่านมาพี่พาแฟนเข้าบ้านทุกคนเหรอ"

ผมหันไปมองหน้านิวอีกครั้ง รับรู้ได้ถึงรัศมีเย็นๆ บางอย่าง

"พี่เพิ่งมีแฟนสองคนเอง…เคยพาเข้าบ้านแค่คนเดียว"

"คนไหน"

"คนเรียนป.ตรีด้วยกัน"

"…เป็นรักแรกของพี่ด้วยไหม"

"ไม่นะ รักแรกของพี่เป็นผู้หญิงตอนอนุบาล"

"ฮ่าๆๆ แก่แดดแต่เล็กแต่น้อย ว่าแต่ใครอ่ะ"

"แนนไง"

"จริงดิ?!?"

ผมหันไปมองหน้านิวแวบนึง ดูตกใจมาก จะตกใจอะไรขนาดนั้น แค่ puppy love เองนะครับ

"ตกใจอะไรขนาดนั้น"

"ก็พี่ไม่เคยเล่าให้นิวฟังเลย"

"แค่ puppy love สมัยเด็ก ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนี่หว่า"

"สำคัญสิ เพราะคือพี่แนนไง"

"หึงหรือไง"

"ป๊าววว"

"เสียงสูงขนาดนี้ ไม่หึงเล้ยยย"

"แล้วนิวควรหึงไหมอ่ะ"

น้องจ้อมผมตาใสเลยครับ ควรให้หึงดีไหมเนี่ย ท่าทางแบบนี้ โอ้ยยยย น่ารักไปว่ะนิว

"หึงได้ เพราะพี่ชอบให้นิวหึงอยู่แล้ว หึหึ"

"บ้า"

ผมหัวเราะออกมากับน้ำเสียงเขินๆ ของนิว ชอบหยอดน้องให้เขินมากครับ เป็นสิ่งที่ผมทำไม่เคยเบื่อเลย ฮ่าๆๆ



ไม่นาน ผมก็ขับรถมาถึงบ้าน เห็นรถของพี่ๆ น้องๆ จอดรออยู่ก่อนแล้ว ยกนาฬิกามาดู เพิ่งห้าโมงเย็นนี่หว่า ถามตัวเองในใจ นี่ผมมาช้า หรือคนอื่นมาไวกันแน่นะ ฮ่าๆๆ วันนี้ผมหัวเราะบ่อยหน่อยนะครับ เพราะผมอารมณ์ดี

บ้านผมทำธุรกิจโรงสีข้าวครับ พี่ชายคนแรกกับคนรองสืบทอดกิจการ พัฒนางานกับป๊าจนตอนนี้มีข้าวเป็นแบรนด์ของตัวเอง ส่งออกนอกไปแล้วเรียบร้อยครับ ทั้งสองมีครอบครัวแล้ว กำลังมีหลานวัยกำลังซนเลยทีเดียว ทันทีที่ผมจอดรถและเดินเข้าบ้านโดยมีนิวเดินตามมาติดๆ หลานตัวน้อยก็วิ่งมาต้อนรับ

"อากี้~~ ข้าวหอมคิดถึงอากี้ที่สุดเลยค่ะ"

"อากี้~~ ข้าวกล้องก็คิดถึงอากี้นะคร๊าบบ"

"อากี้ก็คิดถึงทั้งสองคนเลยคร๊าบบ"

หลานฝาแฝดชายหญิงของพี่ชายคนโตวิ่งเข้ามาเกาะแข้งเกาะขาผม ผมจึงนั่งลงฟัดเด็กน้อยทั้งสอง ทั้งกอดทั้งหอมจนเจ้าตัวดิ้นขลุกขลักอยากออกจากวงแขนแล้ว

"ไหนบอกคิดถึงอา ให้กอดแค่นิดเดียวเอง"

"ข้าวหอมงอนอากี้อยู่"

ริมฝีปากเล็กเชิดจนจะชิดจมูกอยู่แล้วครับ หลานสาวของผม ผมจึงลูบหัว แล้วรั้งมากอด พร้อมกับคุยไปด้วย

"งอนอาเรื่องอะไรคะคนดี"

"ก็คุณพ่อบอกว่าอากี้ติดแฟน อากี้เลยไม่ค่อยกลับมาหาข้าวหอมกับข้าวกล้อง~~"

ประโยคตัดพ้อแสนน่ารักของหลานสาวทำเอาผมหัวเราะขำออกมา สายตาก็เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง เห็นกำลังยกมือขึ้นสวัสดีคนโน้นคนนี้อยู่ ผมจึงอุ้มข้าวหอมขึ้นมา ส่วนข้าวกล้องก็ใช้มืออีกข้างลูบหัวไปด้วย

"นี่อานิว แฟนอากี้นะคะ คนเก่งเจอผู้ใหญ่ต้องทำยังไงคะ"

เด็กน้อยทั้งสองยกมือขึ้นสวัสดี 'อานิว' ส่งสายตาหวาดๆ แบบคนเจอกันครั้งแรกไปให้ ส่วนอานิวก็ยิ้มแหะๆ รับไหว้ อย่างคนที่ไม่คุ้นเคยกับเด็กมากนัก

"สวัสดีครับ ข้าวหอม ข้าวกล้อง"

นิวทักทายเสร็จก็ส่งยิ้มหวานให้ แต่เด็กน้อยกลับหน้ามุ่ยใส่ จนพี่สะไภ้ต้องเข้ามาดุ และเอาตัวหลานทั้งสองออกไป ผมเลยได้โอกาสแนะนำนิวอย่างเป็นทางการให้ทุกคนรู้จัก เพราะป๊า แม่ ครอบครัวพี่ชายทั้งสอง และน้องสาวมองมาที่นิวเป็นตาเดียวแล้วครับ

"สวัสดีครับทุกคน นี่…น้องหมอนิว แฟนกี้เอง"

"สวัสดีครับๆๆๆๆๆๆๆ"

นิวยกมือขึ้นสวัสดีทุกคนอีกรอบ หลังจากนั้นผมก็แนะนำว่าคนโน้นคนนี้เป็นใครบ้าง มาหยุดอยู่ที่ป๊ากับแม่นี่แหละนานหน่อย

"นี่ป๊ากับแม่พี่ ป๊าเป็นคนจีน 100% ส่วนแม่เป็นไทยแท้ 100%"

"ป๊ามาอยู่ไทยตั้งแต่เกิด ป๊าก็เป็นคนไทยแล้วลูก มาๆๆ นั่งกินไป คุยกันไปดีกว่านะ ยืนคุยกันทำไมให้เมื่อย" พูดจบ ป๊าก็นั่งลงที่โต๊ะอาหารเก่าแก่ของบ้าน ไม่ยอมเปลี่ยนซักที เป็นโต๊ะทรงกลมแบบหมุนได้

ผมเลื่อนเก้าอี้ให้นิวนั่งข้างผม อีกข้างนั่งติดกับน้องสาวคนเล็ก จริงๆ แล้วอายุเท่ากันกับนิว น่าจะทำให้นิวไม่เกร็งมาก

"กรีนอายุเท่ากับนิวนะ เป็นเพื่อนกันเลย" ผมเปิดบทสนทนาให้ทั้งสอง นิวจะได้มีเพื่อนคุย

"อ้าวเหรอ นิวอายุเท่ากรีนหรอกเหรอ นึกว่าเป็นพี่ซะอีก"

"กรีนจะบอกว่าหน้าเราแก่เหรอครับ ฮ่าๆ" นิวพูดติดตลกตามสไตล์กวนตีนหน่อยๆ นั่นละครับ

"ใจเย็นนิว เราจะกวนตีนกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกไม่ได้นะ"

กรีนกระซิบพูดเบาๆ เหมือนจะคุยกันสองคน แต่ผมได้ยินครับ แอบยิ้มกับตัวเองเบาๆ ดูเหมือนสองคนจะไปกันได้ดีแล้ว จึงปล่อยให้ทั้งสองคุยกันไป จากนั้นผมก็หันไปคุยกับพี่ชายที่ไม่ค่อยได้เจอกัน นานๆ หันมาดูนิวที ก็เห็นกำลังคุยกับกรีนอย่างออกรสออกชาติ มีบ้างบางจังหวะที่ผมตักอาหารมาใส่จานนิว แล้วเจ้าตัวก็ยิ้มๆ ให้ แล้วตักอาหารอย่างอื่นใส่จานผมคืนบ้าง

"แล้วคืนนี้นอนที่บ้านไหมกี้" ป๊าผมถามขึ้น ผมจึงหันไปตอบ

"ไม่ได้นอนป๊า เที่ยงคืนนิวต้องไปอยู่เวรห้องฉุกเฉิน"

"งั้นกินเยอะๆ เลยลูก ตัวยิ่งเล็กๆ คืนนี้คงไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะงั้นลูกต้องสะสมพลังงานนะ" แม่ผมครับ มาซะยืดยาว พูดจบมีการตักไข่พะโล้ที่แม่ผมทำเองใส่จานข้าวให้นิวด้วยนะ

"ขอบคุณครับแม่"

"อ่อ ก่อนกลับเดี๋ยวแม่เอากาแฟโสมจากเกาหลีให้ไปด้วยดีกว่า กลัวคืนนี้ลูกจะง่วงนอนจนทำงานไม่ได้" โหห แม่ผม จัดหนักมาก ผมมองหน้าแม่ทีมองหน้านิวที นิวมันป้ายยาแม่ผมป่าววะครับ คือปกติแม่ผมจะหวงกาแฟโสมอันนี้มาก ไม่ยอมให้ใครง่ายๆ แต่นี่จะเอาให้นิว คนที่เพิ่งเจอกันวันแรก

"ขอบคุณมากครับแม่ แต่นิวเกรงใจจัง"

"ไม่ต้องเกรงใจ ของมันดีแม่ก็อยากให้เราได้กิน"

"ทีผมขอละไม่ยอมให้" ผมเองครับ ของอนแม่นิดนึง

"ก็ตอนกี้ขอ ของมันใกล้หมดแล้ว พอดีเพิ่งได้ใหม่มา 6 แพ๊ค" แม่ผมรีบแก้ตัวใหญ่เลย ผมก็ยิ้มๆ แล้วเอื้อมไปกอดแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ

"ให้น้องหรือให้ผม ยังไงผมก็ได้กินด้วยอยู่แล้วละครับ"

"แล้วมาทำงอนแม่ ลูกชายคนกลางเนี่ย" แม่ผมลูบหลังผมเบาๆ ไปด้วย ผมหันไปส่งยิ้มให้นิว ซึ่งน้องก็มองยิ้มๆ มาก่อนอยู่แล้ว

ผมผละออกมาจากแม่ แล้วจับมือน้องไว้ที่ใต้โต๊ะ มือเราประสานกันทั้งห้านิ้ว ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจับมือกันแบบนี้ แต่วันนี้มันพิเศษกว่าทุกวัน… มันรู้สึกปริ่มๆ ใจมันพองๆ อยากยิ้ม อยากหัวเราะอยู่ตลอดเวลา…

การที่มีน้องมานั่งอยู่ข้างๆ กับครอบครัวของผมในวันนี้…มันดีกว่าที่คิด



หลังจากเราทานข้าวกันเสร็จ เป็นธรรมเนียมของบ้านผมครับ ถ้าเป็นวันเกิดป๊าหรือแม่ หรือวันพ่อวันแม่ ลูกๆ หลานๆ ก็จะถือพวงมาลัยมาไหว้ขอพรพระในบ้าน ก็คือป๊ากับแม่นั่นแหละ เรียงลำดับจากพี่ชายคนโตจนไปถึงเจ้ากรีน

พอถึงคิวผม ผมก็จูงมือนิว แล้วไปรับพวงมาลัยจากพี่สะไภ้ พาน้องเดินไปไหว้ป๊ากับแม่ที่โซฟา ผมกับนิวนั่งต่ำกว่า และสองมือประนมแนบอก ก้มลงไหว้ที่หน้าตักผู้อาวุโส แม่ผมลูบหัวนิวเบาๆ

"ขอให้ป๊ากับแม่สุขภาพแข็งแรงๆ อยู่กับลูกไปนานๆ นะครับ"

"ขอให้ลูกทั้งสองรักกันนานๆ"

"ป๊าๆๆ ผิดงานแล้ว นี่วันเกิด ไม่ใช่งานแต่ง" เสียงเจ้ากรีนนั้นเองครับ หลังจากที่ป๊าแกล้งอวยพรฮาๆ ผมก็อดขำไม่ได้

"รู้ๆ ล้อเล่นน่าอาหมวย… เอาใหม่ๆ ขอให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เงินทองไหลมาเทมานะ แล้วก็ดูแลสุขภาพดีๆ กันด้วยล่ะ ป๊ากับแม่ละเป็นห่วงจริงๆ เป็นหมอกันทั้งสอง เวลานอนก็ไม่ค่อยจะมี ถ้ารู้แบบนี้ไม่ให้เจ้ากี้ไปเรียนหมอหรอก" ผมว่าประโยคหลังป๊าเริ่มบ่นแล้วล่ะ

"ไม่ทันแล้วล่ะป๊า จนจบเฉพาะทางแล้วเนี่ย กำลังตัดสินใจว่าจะไปต่อ fellow* ดีไหม"

"อะไรเฟลล่ง เฟลโล่ว"

"เฉพาะทางไปอีกนะป๊า"

"พอๆๆๆ ป๊ากับแม่ไม่ให้ไปแล้ว"

แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน เพราะทุกคนรู้ดีว่าผมทำงานไม่เป็นเวลา ทั้งที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน แต่กลับบ้านได้ไม่บ่อยนัก ยิ่งเมื่อกี้ได้ยินว่านิวจะไปอยู่เวรต่อตอนเที่ยงคืน แม่ผมยิ่งเป็นห่วง กลัวจะไม่ได้หลับได้นอน กลัวจะง่วง กลัวไปสารพัดเลยครับ



ไม่นานก็เสร็จสิ้นพิธี เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว หลานๆ มาร่ำลาผมก่อนพี่สะไภ้จะเอาตัวไปนอน ส่วนแม่นั้นรีบไปเตรียมกาแฟโสมมาให้นิว

"อ่ะนี่ๆๆ แม่ให้แพ๊คนึงเลยนะ อ้าว! แล้วน้องล่ะ หายไปไหน"

"นิวเข้าห้องน้ำแม่"

"เออๆ เข้าห้องน้ำห้องท่าไว้ ตอนขับรถกลับจะได้ไม่ต้องแวะเข้าปั๊ม"

"แค่ 40 กว่ากิโลเองแม่"

"อย่าประมาท ขับรถก็อย่าให้เร็วมาก ยิ่งมืดค่ำ มองเห็นไม่ชัดเท่าตอนกลางวันนะ …เอาลูกเค้ามา ก็ต้องดูแลให้ดี เข้าใจไหมกี้ น้องยิ่งตัวเล็กๆ บอบบางขนาดนั้น แม่ละเป็นห่วง"

"ผมดูแลน้องดีอยู่แล้วแม่"

"ดูแลดีอะไร ผอมกะหร่องขนาดนั้น"

"เอ๊า แล้วจะให้ผมทำยังไง ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำด้วยไหม"

"ไอ้ลูกคนนี้ พูดประชดแม่อีก! …เอางี้ พามากินข้าวที่บ้านเราบ่อยๆ แม่จะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กิน"

"แม่ชวนเองดิ นู่น เดินมานู่นแล้ว …ว่าแต่ คนนี้ แม่ชอบไหม" ประโยคหลัง ผมแอบกระซิบถามแม่ให้ได้ยินกันสองคน แม่ก็ตอบมาเบาๆ

"ชอบ"

ผมยิ้มให้กับคำตอบของแม่ วันนี้ภารกิจสำเร็จแล้ว แม่ผมชอบนิว และดูเหมือนนิวจะเข้ากันได้ดีกับคนในบ้านผมด้วย เพราะผมเห็นคุยกับพี่ชายน้องสาวผมได้สบายๆ จะมีก็แต่หลานฝาแฝดที่ยังไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ คิดว่าถ้าพามาบ่อยๆ ก็คงเข้ากันได้ดี

จากนั้นเราก็ร่ำลาทุกคน แล้วขับรถออกมา ในมือนิวก็มีทั้งกาแฟโสม ทั้งห่อข้าวที่ทำเป็นปิ่นโตเล็กๆ ติดมาด้วย แม่บอกนิวว่า

'เผื่อตีสองตีสามหิวข้าว ก็เปิดปิ่นโตใจออกมากินนะลูก'

ดูท่าแล้ว แม่ผมคงจะชอบนิวเอามากๆ เพราะไม่เคยมีใครที่แม่เอาใจมากขนาดนี้ พออยู่บนรถกันสองคน ผมก็อดแซวนิวไม่ได้

"มาวันแรก ก็ได้เป็นลูกรักเลยอ่ะ"

"อารายยย อย่าแซวดิ"

"เขินด้วย" ดูเหมือนจะเขินจริงครับ ยิ้มไม่หุบเลยคนเรา

"ไม่ได้เหรอ"

"ได้อยู่แล้ว… วันนี้พี่ดีใจมากเลยนะที่นิวเข้ากันได้ดีกับครอบครัวพี่" ผมหันไปมองหน้าน้องแวบนึง ก่อนจะพูดต่อ "แล้ววันนี้นิวก็ทำตัวน่ารักมาก"

"นิวน่ารักทุกวันอยู่แล้วป่ะ"

"วันนี้น่ารักเป็นพิเศษ อยากมอบรางวัลให้มากเลย"

"รางวัลอะไร"

"หอมแก้มซักฟอด หรือจูบซักที หรือ…อะไรดีน๊าา"

"……"

"พี่ว่า…ในรถก็น่าตื่นเต้นดีนะ นี่ก็เพิ่งสามทุ่ม กว่าจะถึงเที่ยงคืน น่าจะ…ได้อยู่"

"ขับรถไปเลยพี่ คิดอะไรหื่นๆ อีกละสิ"

"เปล่านี่ พี่หมายถึง…เปิดหน้าต่างรถ ให้ลมเย็นๆ ปะทะผิวหน้าบ้าง น่าจะได้อีกฟีลนึงนะ หรือนิวคิดว่าไง" ผมหันไปยิ้มให้นิว เห็นส่งสายตาหวั่นๆ มาทางผม

"อะไรเนี่ยยย คิดว่าพี่จะทำอะไร"

"ใครจะไปรู้ นิวไม่คุยด้วยแล้ว นิวจะนอนเอาแรงแล้วนะ …ขับรถดีๆ ด้วย ถ้าง่วงก็ปลุกนิวมาคุยด้วยละกัน"

พูดจบ น้องก็เอนเบาะลงนอน ไม่นานก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ ผมได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียว…วันนี้ผมมีความสุขที่สุด



พอมาถึงหอพักแพทย์ นิวก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปห้อง ER ผมเดินไปส่งน้องพร้อมปิ่นโตใจของแม่ ใจก็อยากจะอยู่ช่วยนิว แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่ต้อง จริงๆ คือนิวกลัวคนแซวมากกว่าผมรู้ หึหึ แต่ไปส่งถึงหน้าห้องขนาดนั้น ไม่รอดพ้นอยู่แล้ว

"โอ้ยๆๆๆ หิวข้าวอ่ะ อยากกินข้าวในปิ่นโตจังเลยยย"

"อยู่เวรมาตั้งแต่สี่โมงเย็น หิวข้าวเหมือนกัน"

"จะมีใครมาส่งข้าวบ้างไหมน๊าาา"

"กินข้าวกับผมไหมครับ" นิวครับ คงไม่รู้จะทำตัวยังไง เลยลงท้ายที่ชวนทุกคนกินข้าว ผมก็ยิ้มๆ ให้กับท่าทางนั้น

"ไม่กล้าแย่งหรอกค่ะ กลัวคนหิ้วมาฝาก เค้าจะเสียใจ อิอิ"

"พี่กี้ไม่ว่าอะไรหรอกครับ"

"กลัวคุณหมอนิวไม่อิ่มค่ะ ยิ่งตัวบางๆ อยู่ด้วย"

"เอาไปเก็บเถอะค่ะ พวกพี่แซวเล่นค่ะ เห็นแล้วอิจฉา"

"ครับ …นิวทำงานแล้วนะ" ประโยคหลังไอ้ตัวดีมันหันมาบอกผม

"อุ๊ยๆๆ เมื่อกี้เค้าใช้คำแทนตัวเองว่าไงนะ น่าร๊ากกกกอ่ะ" เป็นพี่พยาบาลคนเดิมครับที่ยังแซวไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้นิวเขินไปกันใหญ่ ผมจึงลูบหัวนิวสองสามที แล้วเดินออกมาจากห้อง ER ได้ยินเสียงสาวๆ กรี๊ดเบาๆ

"อร๊ายยย หัวใจสาววายกระชุ่มกระชวยมากกกกกค่ะ มีแรงทำงานแล้ว อยู่เวรถึงเช้าได้สบายๆ เลยค่าาา"



กลับมาจากส่งนิว ผมก็อาบน้ำเตรียมจะเข้านอน ก่อนนอนก็หยิบมือถือมาไถดูข้อความที่ค้างอยู่ เพราะตอนกลับบ้าน ไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาดูเลย มีหลายข้อความค้างอยู่ ผมก็ค่อยๆ ไล่ตอบ จนมาถึงข้อความของแนน

Nan : แก อธิบายฉันมาว่านี่มันคืออะไร

จากนั้นก็เป็นรูปข้อความแชทไลน์นับสิบ ผมค่อยๆ เปิดดูแต่ละรูป สิ่งแรกที่เด้งเข้ามากระแทกตาคือ display ไลน์ มันคือรูปผม ชื่อเจ้าของไลน์นี้ก็ยังเป็นชื่อผม ที่สำคัญ ทั้งรูปและชื่อคือเหมือนกันกับไลน์จริงๆ ที่ผมใช้!!

แต่สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าผมไม่ใช่เจ้าของไลน์นี้ คือ ข้อความที่พิมพ์พูดคุยกับอีกฝ่ายที่ชื่อ 'Isssra' นั้นช่างหวานเหลือกัน ซึ่งผมไม่เคยพิมพ์อะไรแบบนี้แน่นอน คนที่ผมจะหวานด้วยขนาดนี้ มีเพียงคนเดียว คือ นิว

ผมจึงตอบแนนไปอย่างร้อนใจ

Kie : แกไปเอามาจากไหน ไม่ใช่เรานะ

Nan : คุณอิสส่งให้เราน่ะ ไม่ใช่แกจริงๆ ใช่ไหมกี้

Kie : จะบ้าเหรอ เราไม่ใช่คนแบบนี้ แกก็น่าจะรู้จักเราดี

Nan : เราก็ไม่เชื่อว่าเป็นแกเหมือนกัน เราถึงได้เอามาถามแกไง แต่คุณอิสคิดว่าเป็นแกจริงๆ ไง เค้าก็เลยยุ่งกับแกไม่เลิกเนี่ย

Kie : แล้วเราควรทำไงดีวะ

Nan : สืบ เราต้องสืบว่าใครปลอมตัวเป็นแกเว้ย

Kie : ok สืบก็สืบวะ แต่เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกนิวนะ เดี๋ยวนิวไม่สบายใจอีก

Nan : ได้ๆ ไว้เดี๋ยวเราค่อยนัดกันว่าเอาไงต่อ

Kie : ok




TBC.



*Fellow คือ แพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ ซึ่งก็คือแพทย์ที่จบสาขาเฉพาะทางแล้วยังต้องการเป็นแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาย่อยลงไปอีก เช่น จบเฉพาะทางศัลยกรรมทั่วไปแล้ว ก็ไปต่อ fellow ด้านศัลยกรรมหลอดเลือดอีก (ที่มา https://thedoctorstory.blogspot.com/2012/01/intern-extern-resident-fellow.html )



Talk : ตอนนี้มีความอบอุ่นแนวแฟมิลี่ไปอีก ค่อยเป็นค่อยไปเนอะกับปมที่ทิ้งระเบิดไว้ อิอิ เสาร์อาทิตย์นี้ไรท์หนีเที่ยวอีกแล้วนะคะ เจอกันอีกทีซักวันอังคารนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน กดเหรียญ กดหัวใจ โดเนท และคอมเม้นท์ให้ ตอนนี้ขอเป็นกำลังใจเช่นเคยค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆนะคะ /รัก



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด 21/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-08-2020 19:11:55
นักสีบโคนัน ก็มา คริคิริ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด 21/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-08-2020 20:17:02
กำลังไปได้ดี อย่างเพิ่งมีดราม่าเลยนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด 21/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-08-2020 20:39:36
 :angry2: :L3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด 21/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-08-2020 21:28:02
 :fire:


ร้ายนักน่ะ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 32 มันดีกว่าที่คิด 21/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 25-08-2020 18:12:23
ตอน 33 วันสบายๆ


- หมอนิว -



วันนี้เป็นวันเสาร์ครับ ผมตื่นมาราวด์วอร์ดเหมือนเดิม พี่กี้ก็ออกไปดูคนไข้เช่นกัน แต่เรานัดกันว่า 11 โมงเช้าต้องเคลียร์เคสให้เสร็จนะ เพราะเราจะไปดูหนังกัน นานๆ ทีจะได้ออกไปเดทด้านนอก จริงๆ อย่าเรียกว่าเดทเลย คือของใช้ส่วนตัวหมด ก็เลยต้องออกไปซื้อครับ ดูหนังเป็นผลพลอยได้

ใกล้เวลานัดหมายผมก็เคลียร์เคสเสร็จพอดี เดินกลับมาถึงหอ เห็นพี่กี้นั่งรออยู่ด้านล่างหอพักแล้ว จึงเดินเข้าไปหา

"เสร็จนานยังพี่"

"เพิ่งเสร็จนี่แหละ นี่เรียบร้อยแล้วใช่ไหม"

"อืม"

"งั้นเดี๋ยวรอตรงนี้นะ พี่ไปเอารถมารับ อ่อ เมื่อเช้ากรีนแวะเอาขนมทองม้วนสดมาให้ แม่เป็นคนทำน่ะ ฝากเอามาให้นิวกินด้วย"

"แม่น่ารักจังเลย"

"เดี๋ยวนี้เป็นลูกรักไปแล้วนะ พี่ตกกระป๋องแล้วอ่ะ"

"พี่ก็พูดเว่อร์ไป แล้วไหนบอกจะไปเอารถ ไปดิ"

ก่อนพี่กี้จะงอนมากกว่านี้ ผมต้องไล่ให้ไปเอารถครับ ตั้งแต่ผมไปบ้านพี่กี้ครั้งนั้นก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว และทุกครั้งที่มีคนเข้ามาในเมือง แม่ก็จะชอบฝากของกินมาให้ผมตลอด บอกว่าผมผอมไป ต้องกินเยอะๆ และน้ำหนักผมก็ขึ้นเรียบร้อยไปแล้วครับ

เอิ่มมม มีแววว่ามันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าแม่ยังส่งของกินมาให้แบบนี้ ถ้าขึ้นไม่เกินห้ากิโล ผมก็พอรับได้ แต่ถ้ามากกว่านั้น และไม่ได้ออกกำลังกายด้วย ลงพุงแน่นอน ซึ่งผมยังไม่อยากเป็นแบบนั้น

คิดมาถึงจุดนี้ บอกตัวเองว่า ผมต้องออกกำลังกายแล้วล่ะ ในหัวก็คิดไปถึงการวิ่งในสวนสาธารณะที่ผมชอบไปตอนมาทำงานใหม่ๆ ใช่แล้ว ต่อไปนี้ผมต้องไปวิ่งทุกเย็นแล้วละครับ

พี่กี้วนรถมารับผม ระหว่างทางไปห้างสรรพสินค้า ผมก็หยิบทองม้วนสดออกมากิน ป้อนคนข้างๆ ไปด้วย ช่วยคลายหิวไปได้มากครับ เพราะเมื่อเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และนี่ใกล้เที่ยงแล้ว ไม่ต้องบอกนะครับว่าหิวขนาดไหน เพราะทองม้วนหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็รู้สึกยังไม่อิ่มท้องเลยครับ

มาถึงห้างฯ ผมก็เลือกร้านอาหารก่อนเลย ยังดีที่รองท้องมาบ้าง ระหว่างรอจึงไม่หงุดหงิดมาก

"พี่ว่าจะซื้อมือถืออีกเครื่องอ่ะนิว" อยู่ดีๆ พี่กี้ก็พูดขึ้นครับ

"ใช้ทำไมหลายเครื่อง"

"เครื่องนึงใช้เรื่องงาน อีกเครื่องใช้เรื่องส่วนตัวไง"

"มี iPad อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็โทรไลน์ได้นี่นา"

"แต่ไอแพดมันโทรเข้าโทรออกไม่ได้นะ"

"ตามใจ เงินพี่นี่นา"

ตามนั้นเลยครับ ผมไม่จำกัดเสรีภาพแฟนอยู่แล้ว อยากทำอะไรทำเลย ขอแค่บอกกันตรงๆ ก็พอ ถึงบางครั้งจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ยอมตามใจครับ ผมถือคติที่ว่า

'บางครั้งชีวิตคนเราก็ต้องทำอะไรที่ถูกใจมากกว่าถูกต้องบ้าง'

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่ถูกใจก็ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่นหรือตัวเองด้วยนะครับ



ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ เราลงมือกินกันซักพัก ก็ออกมาหาหนังดู ไม่ได้รีวิวหนังเรื่องไหนมาเลย เราเลยเลือกเรื่องที่กำลังจะฉาย เป็นหนังฝรั่งแนวแฟนตาซี ก็ดีครับ ผมชอบอยู่นะ

ระหว่างดูหนัง พี่กี้หันมาซบไหล่ผมนอนครับ ไม่ได้เกรงใจคนอื่นเล้ยยย คนข้างๆ เค้าก็มอง นี่มันมานอนหรือมาดูหนัง แต่ผมเข้าใจพี่กี้นะ เพราะเมื่อคืนผ่าตัดถึงตีสอง ไม่ได้นอนดีเท่าไหร่ ผมจึงปล่อยให้พี่แกซบหลับต่อไป ถ้าเริ่มกรนก็ต้องรีบสะกิด เกรงใจคนอื่นเค้าครับ

ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง หนังจบ ผมแฮปปี้ และพี่กี้ก็นอนอิ่ม ถือว่าวันนี้วินวิน จากนั้นเราก็ไปดูโทรศัพท์ พี่กี้เลือกซื้อสมาร์ทโฟนราคาไม่สูงมาก บอกว่าไม่เน้นฟังค์ชั่นอะไรเยอะ แค่เอาไว้คุยงานก็พอ

จากนั้นก็ถึงเวลาไปเลือกซื้อของเข้าห้อง ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ยาสีฟัน ครีมโกนหนวด และ…ถุงยางอนามัย

สามสี่อย่างแรกก็เดินเลือกซื้อไปเรื่อยเปื่อย พอถึงอย่างสุดท้ายนี่สิ

"นิวอยากลองแบบอื่นไหม ที่ไม่ใช่แบบบางเฉียบที่เคยใช้" พี่กี้ถามผมขึ้น รู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาซะงั้น แอร์ในห้างก็เย็นดีอยู่นะครับ

"…แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว" ตอบเสียงเบาหวิวเลยครับ

"ก็เผื่อนิวอยากลองแบบอื่นไง หึหึ"

ผมมองหน้าพี่กี้แวบนึง ก็เห็นแววยิ้มยั่ว เหมือนกำลังสนุกที่ได้แกล้งผม

"แกล้งอีกแล้วววว รีบหยิบๆ มาเลย"

"ตกลงเอาแบบเดิมนะ หึหึ"

"อือ"

จากนั้นพี่กี้ก็กวาดถุงยางมาประมาณครึ่งโหล ผมมองถุงยางทีมองหน้าพี่กี้ที เอิ่มมม มันไม่น้อยนะครับ 1 กล่องมี 3 ชิ้น ถ้า 6 กล่องก็ 18 ชิ้น

"เยอะไปไหมพี่"

"ก็ซื้อทีเดียว ใช้นานๆ ไง"

"ไหนดูวันหมดอายุซิ" ผมพลิกกล่องนึงขึ้นมาดูวันหมดอายุ พบว่าเป็นช่วงต้นปีหน้า ซึ่งตอนนี้ก็ประมาณเดือนกันยาแล้ว

"ใช้ทันแน่นอน"

พี่กี้พูดออกมาด้วยความมั่นใจ เอิ่มมม ขอความเห็นผมนิดนึงก็ได้นะ ทีเมื่อกี้ละทำเป็นถามจัง



เมื่อเราซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็กลับห้องมาเก็บของครับ วันนี้ตอนเย็นผมตั้งใจจะไปวิ่ง จริงๆ ตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วล่ะ ผมจึงชวนพี่กี้ออกไปวิ่ง แต่เจ้าตัวบอกว่าต้องออกไปดูเคสที่ผ่าเมื่อคืน เพราะอาการไม่ดีเท่าไหร่ ผมจึงปลีกตัวไปวิ่งคนเดียว จริงๆ ก็โทรชวนหลายคน ไอ้เต็ม ไอ้ตะวัน พี่แนน แต่ทุกคนไม่ว่างหมดเลย ผมจึงต้องออกไปวิ่งอย่างหงอยๆ คนเดียว

ระหว่างวิ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่าเพิ่งได้เพื่อนใหม่นี่หว่า จึงทักไปหากรีน น้องสาวพี่กี้ นางน่าจะว่าง เพราะกำลังรอเรียกตัวเข้าทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง นางจบบัญชีมาไง

"ว่าไงนิว"

"หาเพื่อนกินข้าวเย็น"

"แล้วพี่ชายฉันล่ะ"

"ดูคนไข้"

"ก็เลยเหงาว่างั้น"

"นิดนึง …ยังอยู่ในเมืองใช่ไหม เห็นเมื่อเช้าพี่กี้บอกว่าแกออกมาเล่นกับเพื่อนในเมือง"

"ย่ะ พอดีกำลังจะกลับ แล้วนี่แกอยู่ไหน"

"มาวิ่งที่… กำลังจะเสร็จพอดี"

"งั้นเดี๋ยวฉันรอที่ร้าน zennn นะ อยากกินร้านนี้อ่ะ"

"นี่ไม่คิดจะถามเพื่อนเลยนะว่าอยากกินร้านนี้ไหม"

"ไม่อ่ะ ยังไงแกก็ต้องตามใจฉัน แค่นี้ล่ะ วางแล้ว"

ผมกดวางโทรศัพท์ครับ ส่ายหัวนิดหน่อยให้กับเพื่อนสาวคนใหม่ นี่มันนิสัยน้องเล็กของบ้านจริงๆ ไอ้นิสัยเอาแต่ใจเนี่ย แต่ผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรนะครับ เพราะถ้าผมไปกับเพื่อนผู้หญิง ผมก็ไม่ค่อยมีสิทธิ์เลือกอะไรอยู่แล้ว ส่วนมากก็จะตามใจสาวๆ ทั้งนั้น แต่ก่อนจึงมีคนให้ฉายาผมว่า 'นิว สปอร์ต ใจดี กทม.' ตั้งแต่ช่วงที่เค้าฮิตๆ กันนะครับ ฮ่าๆๆ



ไม่นานผมก็มาถึงร้าน zennn เห็นกรีนนั่งไถโทรศัพท์อยู่ เลยเดินเข้าไปหาในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อบอลที่เพิ่งใส่วิ่งนั่นแหละครับ โชคดีหน่อยที่มันหายเปียกแล้ว เพราะก่อนจะออกมาจากสวนสาธารณะผมก็เดินให้ลมโกรกซักหน่อย เดี๋ยวเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยังไงซะกรีนก็เป็นผู้หญิง

"ทางนี้แก" กรีนโบกมือทักทาย ผมก็โบกมือตอบ แล้วเดินเข้าไปหา

"แล้วสั่งอะไรบ้างยัง" ผมถามกรีนขึ้น

"สั่งแค่น้ำอ่ะ"

ผมหยิบเมนูมาดู แล้วถามคนตรงหน้า

"กรีนอยากกินอะไร" ถึงผมจะคบผู้ชาย แต่เรื่องให้เกียรติผู้หญิงนี่ผมก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยมนะ จากนั้นเมนูต่างๆ ก็หลุดออกมาจากปากกรีน ผมก็ตามใจเค้าครับ ผมกินอะไรก็ได้

ระหว่างนั่งรออาหาร ผมก็เจออาจารย์ต๊ะมากับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตัวเล็กๆ น่ารักๆ ดูแล้วยังอยู่ม.ปลายแน่ๆ อยากจะเดินไปแซวมากว่า…อาจารย์กินเด็กเหรอคร๊าบบบ แต่ก็ไม่กล้าครับ เพราะดูเหมือนเค้าจะ 'งอนๆ กันอยู่' อาจารย์ต๊ะเอื้อมมือไปกุมมือน้องบนโต๊ะ แต่น้องสะบัดออก อุต๊ะ! นี่ผมเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็นซะแล้ว

ผมจึงขอเปลี่ยนที่นั่งกับกรีน เพราะจะได้หันหลังให้กับทั้งสองคน กลัวอาจารย์ต๊ะจะเห็นผม ผมไม่อยากเป็นคนที่ต้องมาเก็บความลับให้ หรือจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่ความลับอะไร แต่ผมก็ไม่อยากยุ่งวุ่นวายด้วยอยู่ดี

แต่ๆๆๆ อยู่ดีๆ น้องคนนั้นก็เดินหนีออกจากร้านอาหาร ทำให้อาจารย์ต๊ะต้องรีบวิ่งตามออกไป ทิ้งเงินไว้บนโต๊ะ นี่ผมก็ไม่ค่อยอยากรู้เรื่องของเค้าเท่าไหร่หรอก แต่วิ่งตามออกไปดูนะ ก็เห็นว่าเค้าทั้งสองขับรถออกไปด้วยกันแล้ว

เกิดอะไรขึ้นครับ!?! รู้สึกอยากกินเผือกขึ้นมาทันที!



.



ผมกลับมาถึงห้องพร้อมข้าวกล่องให้พี่กี้ พอดีเห็นเจ้าตัวนั้งจิ้มโทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะ อดแซวไม่ได้ครับ

"เห่อจังเลยนะ มือถือใหม่เนี่ย …ถ้ามีแฟนใหม่คงจะเห่อเหมือนกันสินะ"

"มือถือกับแฟนไม่เหมือนกันนะ เปรียบเทียบกันไม่ได้"

"คร๊าบบบ แล้วนี่จะกินข้าวเลยไหม นิวจะได้เอาออกจากกล่องให้" ผมถามพี่กี้ แต่ดูเหมือนพี่แกจะไม่ได้ยินที่ผมถามนะ จนผมต้องเดินไปใกล้ๆ แลัวเอ่ยถามอีกครั้ง

"พี่จะกินข้าวตอนนี้ไหม นิวจะแกะออกให้"

"กินๆๆ วางไว้นั้นแหละ เดี๋ยวพี่จัดการเอง"

พี่กี้ตอบผมโดยที่ยังไม่วางตากับโทรศัพท์ เอ่อ… ผมว่ามันมากไปหน่อย แต่เรื่องของพี่แก ผมขี้เกียจบ่นให้ จึงวางถุงข้าวกล่องไว้โต๊ะอาหาร แล้วออกมาจากห้องพี่กี้ เพื่อออกไปอาบน้ำที่ห้องตัวเอง เหม็นตัวเหม็นหัวมากครับ

พออาบน้ำเสร็จ ผมก็นั่งทำงานอยู่ห้องตัวเองครับ ต้องหาเปเปอร์และอัพเดตไกด์ไลน์ล่าสุดเรื่องโรคทางข้อและกระดูกหลายโรคพอสมควร เพราะงั้นคืนนี้ผมน่าจะยาว จึงไลน์ไปบอกพี่กี้ว่าคืนนี้ไม่ลงไปหาที่ห้อง แต่ก็ไร้การตอบกลับ แน่ละสิ ก็คงกำลังเห่อโทรศัพท์ใหม่ คงไม่หยิบเครื่องเก่ามาดูเลย



เช้าวันถัดมา

ผมราวด์วอร์ดเสร็จเร็วครับ เพิ่งเก้าโมงเช้าเอง พี่กี้เลยชวนออกไปกินข้าวเช้าข้างนอก ลงเอยที่ร้านก๋วยจั๊บและไข่กระทะเจ้าดัง ระหว่างรออาหารพี่กี้ก็ยังคงเห่อโทรศัพท์อยู่

"สมัครไลน์แล้วเหรอพี่"

"ยัง"

"ถึงว่าล่ะ ยังไม่เห็นเด้งขึ้นมาเลย แล้วทำไมยังไม่สมัคร ไหนว่าเอามาไว้ทำงาน"

ส่วนมากเค้าจะรายงานเคสกันทางไลน์ครับ งงกับพี่กี้นิดหน่อยว่าทำไมยังไม่สมัครไลน์

"ค่อยสมัครก็ได้"

"อืม ถ้าไม่คุยไลน์ แล้วนั่นคุยกับใคร ผ่าน app ไหน" อันนี้ผมสงสัยจริงครับ ในประเทศไทยก็เห็นไลน์นี่ล่ะที่คนนิยมใช้กัน

"ไม่ได้คุยกับใครหรอกคร๊าบบ แค่ศึกษาลูกเล่นโทรศัพท์ มันไม่เหมือนไอโฟนไง ต้องทำความเข้าใจใหม่หมด แค่แคปหน้าจอยังไม่เหมือนกันเลย …หึงโทรศัพท์เหรอเรา หึหึ"

"บ้าเหรอ ใครจะไปหึงโทรศัพท์กัน"

"งั้นพี่เก็บก่อนก็ได้" จบประโยค พี่กี้ก็เก็บมือถือ อืมม แบบนี้ค่อยโอเคหน่อย

กินเสร็จเราก็กลับหอครับ ผมหอบงานที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาทำต่อที่ห้องพี่กี้ ส่วนเจ้าของห้องก็ยังคงปลุกปล้ำกับโทรศัพท์เครื่องใหม่ต่อไป นานๆ ทีจะเดินมากวนผม กวนด้วยการหอมแห้มแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือแกล้งจ้องหน้าผมให้ผมเสียสมาธิ

ตอนแรกผมก็นั่งทำงานที่โต๊ะเก้าอี้ ตอนหลังเริ่มเมื่อยเลยเปลี่ยนมาพิงพนักหัวเตียงนอนอ่านเปเปอร์แทน ถึงท่านี้จะเสี่ยงต่อการง่วงนอน แต่ก็ยอมเสี่ยงครับ หรือจริงๆ ก็อยากแอบงีบนั้นแหละครับ ฮ่าๆๆ

ไม่นานเลยครับ คนขี้แกล้งที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ก็เอาหัวมาหนุนลงที่ตักผม แล้วก็เงยหน้าจ้องตาให้ผมเสียสมาธิ

"อะไรพี่ นิวจะอ่านเปเปอร์ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปตอบคำถามอาจารย์อาร์"

"เดี๋ยวค่อยอ่าน…" พี่กี้หยิบชีทในมือผมออกไปวางแหมะไว้ข้างหัวเตียง

"อย่าเพิ่งกวนได้ป่าว ให้นิวอ่านจบก่อน"

"นิวนั่งอ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ต้อง relax แล้วนะรู้ไหม"

"Relax ยังไง"

พี่กี้ไม่ตอบ แต่โน้มใบหน้าผมลงไปหา ก่อนจะบดจูบเรียวปากตนเองเข้าหาริมฝีปากผม ค่อยๆ ละเลียดฟันคมไปตามแนวปาก…ไม่เร่งร้อน ไม่เร่งเร้า เหมือนบรรยากาศสบายๆ ของวันนี้ เราต่างผลัดกันส่งเรียวลิ้นเข้าไปในปากของกันและกัน ลิ้มรสสัมผัสเฉพาะตัวกันไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มขาดอากาศหายใจ พี่กี้จึงยอมปล่อย

"หวานจัง อยากชิมอีก…ได้ไหม~"

พี่กี้เอ่ยขอผมครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มๆ เมื่อกี้มันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ถ้าจูบอีกทีนี่เปเปอร์ไม่ได้อ่านกันพอดีครับ …ลากยาวแน่นอน ผมไม่ต้องบอกนะครับว่าอะไร ผู้ชายน่ะครับ เรื่องพวกนี้มันไวมาก แตะนิดแตะหน่อยมันก็ไปแล้วครับ

"ให้นิวอ่านจบก่อน" ต้องต่อรองครับ ให้ทุกครั้งที่ขอไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะกลายเป็น 'ของตาย'

"นี่เราก็ไม่ได้อะไรกันมาเกือบอาทิตย์แล้วนะ" พี่กี้ยังไม่ยอมครับ แถมช้อนตามองมายังผมแบบน่าสงสาร

"ให้นิวอ่านจบก่อนไง"

"งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยอ่าน ช่วยสรุปให้ โอเคไหม"

"แล้วไม่บอกแต่แรก"

จากนั้นเราก็แบ่งกันอ่านคนละหัวข้อ แล้วสรุปให้กันฟัง เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนท้องเราส่งเสียง ด้วยความที่ข้างนอกฝนตก พี่กี้จึงทำข้าวผัดที่ใส่สารพัดทุกอย่างให้กิน ทำให้นึกไปถึงครั้งหนึ่ง พี่กี้ก็เคยทำให้กินแบบนี้ แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่พี่กี้ก็จีบผมหนักอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ครับ นั่งค้นรูปในมือถือก็เห็นข้าวผัดหน้าตาแปลกๆ ผมเลยถ่ายรูปข้าวผัดจานนี้ไว้อีกครั้ง เอารูปมารวมกันเป็นรูปเดียว ซ้ายคือรูปเดิม ขวาคือรูปใหม่ อดที่จะโพสต์ลงในเฟซไม่ได้ครับ



'ข้าวผัดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ…อร่อยขึ้น'



และก็มีคนมาคอมเม้นท์เหมือนเดิม แซวตลอดครับ

Minny Prettygirl อยากกินข้าวผัดนะค่าา อร๊ายยยยย

Green Kewalin งั้นเย็นนี้คงไม่กินสปาเก๊ตตี้เส้นสดที่แม่ทำแล้วมั้ง #กำลังจะเอาไปให้

Nanny Med แบ่งห้องตรงข้ามบ้างนะจ๊ะ อิอิ

Temtem Apiruk เอาข้าวผัดมาส่งเพื่อนหน่อย อยู่เวร ER ณ บัดนาว หิวมากกกก #แต่อาจารย์กี้คงไม่ยอม

Film Krongyuth @Temtem Apiruk แค่ข้าวผัดอิ่มเหรอ เอาน้ำ นม ขนม กาแฟด้วยไหมคร๊าบบบ

Temtem Apiruk @Film Krongyuth -*-


อะไรคือการมาจีบกันที่หน้าเฟซคนอื่นครับ หมั่นไส้เพื่อนได้ไหม แต่ก็อดแซวไม่ได้ครับ ฮ่าๆๆ

New Niwit @Film Krongyuth @Temtem Apiruk เปิดตัวได้แล้วนะ ถ้าจะขนาดนี้



แต่แล้วก็มีอีก 1 คอมเม้นท์เด้งขึ้นมา ซึ่งทำให้อารมณ์อยากแซวเพื่อนของผมหยุดชะงัก!



Kie Kittikun ข้าวผัด หรือ พี่ครับ …ที่อร่อย



Minny Prettygirl กรี๊ดดดดดดด หมอกี้มาเอง #กินกันแล้วเหรอคะถึงรู้ว่าอร่อย อร๊ายยยยย fc ฟินมากกกก

Jane Kanokporn อร๊ายยยยยย กินกันแล้วเหรอคะ

Green Kewalin กิน กัน แล้ว ?

Nanny Med อยากรู้ววว #ทีมป้าข้างบ้าน

Temtem Apiruk แถลงเลยยยย @New Niwit




และคอมเม้นท์อีกมากมายตามมาเป็นพรวนอย่างรวดเร็ว งานเข้าละผม พี่กี้นะพี่กี้! นั่งข้างกันยังอุตส่าห์ไปพิมพ์ตอบใต้โพสต์สร้างกระแสได้อีกเนอะคนเรา แล้วอะไร?!? โพสต์รูปข้าวผัดอยู่ดีๆ ไหงกลายเป็นประเด็นเรื่อง 'กินกันหรือยัง' โอ้ยยยยยย พรุ่งนี้ต้องตอบอีกกี่คนครับเนี่ยยย

ละคนต้นเรื่องนะเหรอ นั่งกดมือถือหัวเราะเฉยเลยครับ โอ้ยยยย จะบ้าตาย!!



"ละอิ่มยังนิว มัวแต่สนใจคนในเฟซ… เปเปอร์ก็ช่วยอ่านจนจบแล้ว ข้าวก็ทำให้กินแล้ว …ไปปั่มปั๊มกันได้แล้วมั้ง"



TBC.



Talk : หายไปหลายวัน หวังว่าคนอ่านคงยังไม่ลืมนะคะ อิอิ ตอนนี้ก็ชิลๆ ยังไม่มีอะไร ตอนหน้าล่ะ จะมีอะไรไหม อันนี้ก็ไม่รู้ค่ะ เพราะยังไม่แต่ง 5555 ตอนนี้ก็กดหัวใจ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เราหน่อยนะค๊า ขอบคุณมากๆ ค่ะ (ยิ้มหวาน)



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 33 วันสบายๆ 25/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-08-2020 20:54:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 33 วันสบายๆ 25/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-08-2020 21:33:18
 :-[ หวานเสียจนคนโสดอย่างเราอิจฉา :sad4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 33 วันสบายๆ 25/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-08-2020 22:33:37
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 33 วันสบายๆ 25/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 29-08-2020 17:34:59
ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม


- หมอนิว -



เช้าตรู่วันจันทร์

ผมรู้สึกตื่นเพราะคนข้างกายขยับตัว พอลืมตาก็เห็นพี่กี้กำลังกดโทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ในมือ โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าผมตื่นแล้ว ผมจึงแกล้งยกขาไปพาดท้องพี่เค้า ทำเอาพี่กี้สะดุ้งโหยงเลยทีเดียว

"ตื่นแล้วเหรอครับ คนดี" พี่กี้เอ่ยทักทายผม แต่มือก็ยังไม่ยอมวางโทรศัพท์นะ

"อืม …แล้วพี่ตื่นนานยัง" ผมถามกลับ พร้อมกับเอาหัวไปซบที่ไหล่คนข้างกาย หวังจะดูว่าอีกฝ่ายทำอะไรในมือถือ แต่พี่กี้ก็รีบชิงโยนมือถือไปไว้ไกลๆ แล้วหันมาสนใจผมแทน

"อ้อนแต่เช้าเลยนะเรา" พูดจบ ก็กดจมูกลงมาที่หน้าผากผม

"ก็แฟนไม่สนใจ สนใจแต่มือถือ" ผมตัดพ้อเบาๆ น้ำเสียงมีแววน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด

"ตั้งแต่บ่ายยันค่ำเมื่อวาน พี่ก็สนใจนิวคนเดียวเลยนะ …หรือว่าเช้านี้อยากได้อีกครับ" พี่กี้ถามผมตาวาว

คือเมื่อวานนี้ ตั้งแต่กินข้าวผัดเสร็จ ผมก็ต้องทำตามที่ตกลงกับพ่อเจ้าประคุณไว้ ตั้งแต่บ่ายยันค่ำนะครับ ตอนนี้ยังเพลียๆ อยู่เลย แล้วคือเมื่อกี้ยังกล้าถามว่าผมอยากได้อีกไหม โถวว คนที่อยากได้น่ะน่าจะตัวเองมากกว่ามั้งครับ

"นิวเพลียแล้ว เหนื่อยจะตาย พี่ไม่เหนื่อยบ้างรึไง"

พี่กี้ไม่ตอบ แต่ส่ายหน้าแทน แล้วกดจมูกมาที่หน้าผากผมอีกครั้ง

"เหนื่อยก็นอนต่ออีกนิดนะ นี่เพิ่งหกโมงหน่อยๆ เอง ซัก 7 โมงค่อยลุกไปอาบน้ำนะครับ"

"อืม… แต่พี่ต้องนอนกอดนิวด้วยนะ วางมือถือก่อนได้ไหม เย็นนี้นิวมีเวร ER ด้วย พี่ก็มีเวร คืนนี้ไม่รู้เราจะได้เจอกันไหม เพราะงั้น…กอดนิว เติมพลังใจให้นิวหน่อยนะ"

พี่กี้ลูบหัวผมเบาๆ พลางพูดว่า "ได้สิ จะกอดจนตัวแตกเลย หึหึ"

จบประโยค พี่กี้ก็หันมานอนกอดผม ผมก็กอดตอบบ้าง เรานอนหันหน้าเข้าหากัน สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดอยู่แถวแก้ม… เช้านี้ผมรู้สึกอบอุ่นจังเลยครับ~



ผมหลับไปไม่นาน พี่กี้ก็ปลุกผมให้ลุกไปอาบน้ำ เพราะเจ็ดโมงแล้ว จากนั้นเราก็ลงไปกินข้าวที่โรงอาหารโรงพยาบาล เจอพี่มินนี่แต่เช้าเลยครับ เหอๆ

"สวัสดีค่าาา หมอกี้หมอนิว วันนี้ลงมากินข้าวเช้าด้วยกันด้วยยยย" พี่มินนี่ทักทายเสียงดังมาแต่ไกลเลยครับ

"ครับ แล้วได้อะไรกินบ้างล่ะครับ" พี่กี้ทักตอบ

"ข้าวผัดค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะอร่อยเท่าจานในเฟซหมอนิวไหมนะคะ อิอิ"

พี่กี้หัวเราะขำๆ ตอบกลับไป ส่วนผมนั้นทำตัวเป็นอากาศธาตุไปครับ

"แต่ข้าวผัดก็คงไม่อร่อยเท่าหมอนิวใช่ไหมคะหมอกี้ อิอิ …ไม่ต้องตอบพี่ก็ได้ค่ะ พี่แค่แซวเล่น มีโมเม้นท์ให้เห็นบ่อยๆ นะคะ fc จะได้ฟิน อิอิ …พี่ไปทานข้าวแล้วนะคะ" พูดจบ พี่มินนี่ก็เดินตรงไปยังโต๊ะอาหารตองตนเอง ทิ้งผมกับพี่กี้ไว้กับความเขินนิดๆ

จากนั้นเราก็กินข้าวราดแกง อะไรที่ง่ายๆ ครับ ต้องไปราวด์วอร์ดแล้ว และเราก็แยกกันตรงหน้าโรงอาหารนั่นแหละ

ผมไปราวด์วอร์ดเหมือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือคนรอบข้าง มองผมแปลกๆ แล้วอมยิ้ม พอผมสบตาก็รีบหลบสายตา จริงๆ คนที่ควรหลบสายตาคนอื่นคือผมนะ อยากจะแทรกแผ่นดินหนีจริงๆ เพราะผมมั่นใจว่าต้นเหตุมันเพราะคอมเม้นท์ของพี่กี้เลย

ผมหลบไปร้านกาแฟในโรง'บาล หลังจากราวด์วอร์ดเสร็จ ไปเจอพี่กี้กับพี่แนนนั่งคุยกันออกรสออกชาติมาก ไม่รู้คุยอะไรกัน แต่ทันทีที่เห็นผม ทั้งสองต่างก็เงียบ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย

ผมเดินไปนั่งลงข้างพี่กี้ ทำให้พี่กี้ต้องขยับเก้าอี้ให้นั่งสบายๆ พร้อมกับถามผมขึ้น

"แล้วนี่ดูคนไข้เสร็จแล้วเหรอ" ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

"แล้วพวกพี่ว่างเหรอ" ผมถามขึ้นบ้าง

"พี่รอผลแลบคนไข้อยู่" พี่แนนตอบผม

"พี่รอห้องผ่าตัดว่างอยู่ ก็เลยเดินมาหากาแฟกิน" อันนี้คำตอบพี่กี้ครับ

"แล้วพวกพี่คุยอะไรกันอยู่ ไม่ได้นินทานิวใช่ไหม เดินเข้ามาละเงียบเลย"

"เออ กำลังนินทาเลยว่าช่วงนี้แกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะ" พี่แนนเอ่ยขึ้น

"จะบอกว่าอ้วนขึ้นก็พูดมาตรงๆ เลยพี่"

"ไม่ใช่อ้วน แค่รู้สึกว่าช่วงนี้ดูมีออร่าน่ะ" เอิ่มมม จากคำพูดและน้ำเสียงก็ไม่พ้นเรื่องแซวผมนั่นแหละครับ

"ออร่งออร่าอะไร พี่แนนก็เป็นไปกับเค้าด้วยเหรอเนี่ย" ผมตอบแบบเซ็งๆ ครับ

"ก็ใครใช้ให้แกไปโพสต์โชว์หวานแบบนั้นล่ะ ฮ่าๆ"

"ผมแค่โพสต์ข้าวผัด คนก่อเรื่องน่ะคนนี้เลย" ผมชี้มือไปที่พี่กี้ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้สนใจผมกับพี่แนนเล้ยยย สนใจก็แต่เจ้ามือถือเครื่องนั้น เห็นแล้วขัดลูกกะตามาก อยากจะแย่งมาแล้วเขวี้ยงทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

"พี่กี้! วางมือถือซักแป๊ปนึงน่ะได้ไหม!" ผมเองครับ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ตวาดใส่เลย

"อ่ะ วางๆๆๆ" พี่กี้รีบทิ้งโทรศัพท์เลยครับ

"ฮ่าๆๆ ขอขำได้ไหม ฉันว่าฉันเจอละ คนกลัวเมีย2020"

"ก็มันน่าหงุดหงิด ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมติดมือถือนัก อย่าให้รู้นะว่าแอบคุยกับใคร พ่อจะจัดให้หนักเลย"

"กลัวแล้วคร๊าบบบบ อย่าทำอะไรพี่เลยนะคร๊าบบบบ" พี่กี้พูดพร้อมกับช้อนสายตามองมาทางผม มือก็เอามาบีบๆ นวดๆ แขนผม ทำเอาใจผมนะครับ

"ฮ่าๆๆ ขำอ่ะ ไม่เคยเห็นแกโหมดนี้เลยว่ะกี้ เสียอาการมาก ฮ่าๆๆ" พี่แนนขำหนักเลยตอนนี้ แต่ผมขำไม่ออกหรอกนะ งอนอยู่!

"อย่าแซวๆ ยอมให้คนนี้คนเดียวเท่านั้นล่ะ หึหึ"

เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกำลังจะแสดงแสนยานุภาพต่อพี่กี้ ก็มีสายโทรศัพท์ดังเข้ามา มาจากวอร์ดนั่นเอง โทรมาตามไปดูเคส เพราะเตียงที่ผมดูแลอยู่มีปัญหา ผมจึงต้องรีบวิ่งไปดูก่อน แต่ก็ยังไม่วายทิ้งระเบิดไว้ให้พี่กี้หวั่นใจเล่น

"ว่างแล้วคุยกันหน่อยนะพี่!"

แล้วผมก็เดินไปคว้าแก้วกาแฟออกจากร้านไปเลย ได้ยินเสียงหัวเราะพี่แนนไล่หลังตามมาติดๆ



.



กว่าผมจะเข้าเวร ER เสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วครับ วันนี้เคสค่อนข้างเยอะ เลยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เย็น หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพี่กี้เป็นเรื่องปกติ จะถามว่ากินอะไรรึยัง ถ้ายังไม่กิน จะชวนออกไปหาข้าวต้มกินข้างนอก

"ว่าไงครับนิว"

"พี่เคลียร์เคสเสร็จยัง"

"เสร็จแล้ว พี่อยู่หอแล้วเนี่ย"

"ออกไปหาอะไรกินไหม นิวยังไม่กินไรเลย หิวอ่ะ"

"พี่เหนื่อยว่ะ วันนี้ยืนผ่าตัดตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึง 5 ทุ่มเลย"

"เครๆ งั้นนิวหาอะไรกินง่ายๆ ที่เซเว่นก็ได้"



'พี่กี้ไม่เคยเป็นแบบนี้'

นั่นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่ในหัว ถึงจะเหนื่อยขนาดไหนก็ไม่เคยปฏิเสธผมซักครั้ง ถ้าเหนื่อยมากๆ ก็ให้ผมเป็นคนขับรถ แต่นี่รีบบอกว่าตัวเองเหนื่อยเลย เป็นการปฏิเสธผมกลายๆ นั่นแหละ

นาทีนี้ผมทั้งหิว ทั้งเหนื่อย ทั้งหงุดหงิดพี่กี้ พอเอาหลายเรื่องมาปนกัน มันก็จะนอยด์พอสมควร ทำให้ไม่อยากเห็นหน้าพี่กี้เอาซะเลย พอผมซื้อข้าวในร้านสะดวกซื้อเสร็จก็ตรงดิ่งขึ้นห้องตัวเองเลย ไม่แม้แต่จะไปเคาะห้องพี่กี้เพื่อโผล่หน้าไปให้เห็น ไม่ใช่อะไรนะครับ ผมรู้ว่าตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดี ถ้าเข้าไปคุยกับพ่อเจ้าประคุณตอนนี้ ระเบิดลงแน่นอน ได้ทะเลาะกันแน่ๆ เพราะงั้นเลี่ยงดีกว่า อารมณ์เย็นแล้วค่อยมาว่ากัน ถึงแม้ในใจผมจะน้อยใจพี่กี้อยู่ก็ตามเถอะ

พอถึงห้อง ผมก็แกะข้าวกิน ต้องสองกล่องนะครับ กล่องเดียวไม่พอแล้ว หิวหนักมาก ระหว่างที่กินข้าวก็นั่งเช็คข้อความทางไลน์ เพราะตอนอยู่เวรเมื่อกี้แทบไม่มีเวลาหยิบมือถือออกมาดูเลย มีข้อความไอ้เต็มค้างตั้งแต่ตอน 6 โมงเย็น ผมเลยเปิดเข้าไปดู

TemTem : มึง กูไม่อยากให้มึงไม่สบายใจนะ แต่กูว่ามึงสมควรต้องรู้

                ถามอาจารย์กี้ดีๆ นะมึง เค้าอาจจะนัดคุยกันเรื่องงานก็ได้


หลังจากข้อความก็เป็นรูปพี่กี้นั่งตรงข้ามกับคุณอิสที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง! ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเลย แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่โรง'บาล คุยงานเค้าต้องคุยกันที่โรง'บาลป่ะ ไม่ใช่ร้านอาหาร

New : มึงไปได้รูปนี้มาจากไหน

ผมถามไอ้เต็มไป หวังว่าจะได้รับคำตอบทันที แต่เพื่อนก็ไม่ยอมตอบซักที ผมเลยเดินออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ ที่เป็นห้องไอ้เต็มนั่นล่ะ ไม่นานประตูก็เปิดออก แต่…ไม่ใช่ไอ้เต็มครับที่มาเปิดประตู เป็นไอ้ฟิล์มครับ แถมไม่ใส่เสื้อด้วยนะ ใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว โอ้ยยยยย อยากจะบ้าตายกับไอ้คู่นี้

"สวัสดีครับนิว นิวมีอะไรรึเปล่า พอดีเต็ม…หลับอยู่"

"ขอโทษที่กูรบกวนดึกๆ ดื่นๆ นะ พอดีไอ้เต็มมันส่งรูปพี่กี้กับคุณอิสรามาให้กูน่ะ กูเลยอยากรู้ว่ามันได้มาจากไหน"

"อ่อ ตอนนั้นเราก็อยู่กับเต็ม พอดีเย็นวันนี้เรากับเต็มออกไปกินข้าวกัน เลยเจออาจารย์กี้กับผู้ชายคนนั้น เต็มเลยถ่ายรูปส่งให้นิวดู"

"เจอตอนกี่โมงอ่ะ"

"6 โมงเย็น"

"แล้วท่าทางเป็นไงบ้าง"

"ก็คุยกันธรรมดานะ เค้าคงไม่มีอะไรมั้งนิว เต็มมันแค่เป็นห่วงนิวน่ะ เลยแค่จะส่งรูปมาให้นิวดู เผื่อนิวจะถามอาจารย์กี้ดู"

"อืม งั้นกูไม่รบกวนแล้ว อ่อ…คราวหน้า ก่อนจะมาเปิดประตู มึงก็หัดใส่เสื้อผ้าซะบ้าง ถ้าเป็นคนอื่น เค้าจะคิดยังไง ไว้หน้าเพื่อนกูบ้าง"

พูดจบ ผมก็เดินกลับห้องตัวเองเลยครับ บอกแล้วว่าผมอารมณ์ไม่ดี ผมพร้อมฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกสิ่ง ขนาดไอ้ฟิล์มยังโดนไปหนึ่งดอกเมื่อกี้ แล้วนับประสาอะไรกับพี่กี้ ถ้าจะถามกันตอนนี้

ไหนจะโกหกว่าผ่าตัดตั้งแต่ 4 โมงเย็น แต่ 6 โมงไปนั่งกินข้าวอยู่นอกโรง'บาล คืออะไร?!

ผมกลับมานั่งจ้องภาพนั้นอีกครั้ง เหมือนจ้องหาคำตอบ เสมือนว่าภาพมันสามารถไขความกระจ่างทุกอย่างได้ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าภาพมันคงบอกอะไรมากกว่านี้ไม่ได้หรอก แต่ก็ยังอุตส่าห์จ้องมองต่อไป… เหมือนแผลเก่าที่แห้งสนิทแล้ว แต่ตอนนี้ถูกกรีดซ้ำลงที่เดิม

นี่มันเกิดอะไรขึ้นอีก?! ผมก็นึกว่าเคลียร์ชัดแล้วนะประเด็นไอ้คุณอิสเนี่ย หรือเค้าจะมีอะไรกันจริงๆ

ความรู้สึกต่างๆ มันถาโถมเข้ามา ทั้งกังวลทั้งกลัว กลัวไปสารพัด โดยเฉพาะ…กลัวจะเสียพี่กี้ไป

ความไว้ใจที่ให้ไปมันไร้ค่า เมื่ออีกฝ่ายไร้ซึ่งความซื่อสัตย์



เช้าวันใหม่มาเยือน

ผมตื่นมาในสภาพโทรมสุดๆ เพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ กว่าจะหลับก็เกือบตีสี่ คิดเรื่องนั้นโยงเรื่องนี้มาหากันวุ่นวายไปหมด อาบน้ำเสร็จก็มีคนมาเคาะประตูหน้าห้อง จึงเดินไปเปิด เป็นพี่กี้ครับ

"เมื่อคืนทำไมไม่ลงไปนอนกับพี่ครับ" เจ้าตัวแทรกตัวเข้ามาในห้องผม พร้อมกับปิดประตูตามหลังดังปัง

"ก็พี่บอกว่าเหนื่อย นิวเลยไม่ไปกวนไง" ผมตอบโดยที่เดินมาเก็บของเข้ากระเป๋าตัวเอง เตรียมตัวจะออกจากห้อง

"โกรธพี่เหรอครับที่ไม่พาไปกินข้าว"

"……"

"พี่ขอโทษนะคร๊าบ เมื่อวานพี่เหนื่อยจริงๆ งั้นเที่ยงวันนี้พี่แก้ตัวนะ"

"……"

"นิวอยากกินอะไร พี่พาไปกินทุกอย่างเลย"

"……"

"พูดอะไรกับพี่บ้างสิครับ นิว"

"ถอยไป นิวจะไปทำงาน" ผมจะเดินออกจากห้อง แต่พี่กี้ขวางทางไว้

"คุยกันก่อน…"

"นิวไม่มีอะไรจะคุยกับพี่" ผมตอบพี่เค้าโดยไม่มองหน้า ถ้ามองหน้า…พี่เค้าจะเห็นว่านัยน์ตาผมมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่

พี่กี้เอื้อมมาจับมือผม แต่ผมสะบัดออก

"นิวเป็นอะไร คุยกันก่อนนะครับ"

พี่กี้พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเคย แต่ทันทีที่จบประโยค ผมก็ได้ยินเสียงไลน์ดังมาจากมือถือพี่เค้า ซึ่งเจ้าตัวเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง และพี่กี้ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู…ต่อหน้าต่อตาผม ทั้งที่เรายังคุยกันไม่จบ ท่าทางแบบนี้ของพี่กี้ทำให้ผมหมดความอดทนที่จะยืนอยู่ตรงนั้น จึงเบี่ยงตัวหลบพี่กี้แล้วเดินออกมาจากห้องเลย โดยที่ไม่สนใจคนที่อยู่ในห้องผมแม้แต่น้อย…



.



ผมมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว หยิบโทรศัพท์ออกมาดู หวังว่าจะมีข้อความไลน์ค้างอยู่จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่เปล่าเลย ไม่มีเลย miss call ก็ไม่มีซักสาย

นั่งเล่นเกมรอซักพักครับ เผื่ออีกหน่อยโทรมา แต่…ผ่านไปแล้วครึ่งชั่วโมง ก็ยังเงียบๆ อยู่

พอครับ! ไม่รอแล้วครับ!!

ผมเก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกไปซื้อข้าวในร้านสะดวกซื้อมากิน เพราะจะมีประชุม video conference ในอีก 10 นาทีข้างหน้า ทุกอย่างต้องรวดเร็วฉับไว ไม่งั้นเข้าประชุมไม่ทันกันพอดีครับ เสียเวลาไปกับการรอ…ใครบางคนไปนานเท่าไหร่แล้ว

พอไปถึงห้องประชุม เห็นที่นั่งข้างไอ้เต็มว่างอยู่ ผมเลยเดินไปนั่งข้างมันซะเลย

"ไงมึง ถามอาจารย์กี้ยัง" ไอ้เต็มเอ่ยถามผมทันทีที่ผมหย่อนก้นลงที่นั่ง

"ยัง"

"อ้าว แล้วทำไมไม่รีบถามวะ"

"ยังไม่มีเวลาถาม"

"โทรถามกริ๊งเดียวก็รู้แล้ว ไม่ถึงนาทีหรอก"

"กูโกรธพี่เค้าอยู่"

"โกรธเชี่ยอะไร อย่าบอกนะว่าเรื่องที่กูส่งรูปไปให้"

"ไม่ใช่! ช่วงนี้พี่กี้แม่งทำตัวแปลกๆ ทำตัวติดโทรศัพท์ตลอด ไม่รู้คุยกับใคร พอกูถามก็เฉไฉไปเรื่องอื่น"

"อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะมึง อย่าเพิ่งคิดไปไกลดิวะ" ตอนนี้ไอ้เต็มตบหลังผมปุๆ ปลอบใจ

"มึง ไม่ใช่ครั้งแรกนะเว้ยกับไอ้คุณอิสน่ะ นี่ครั้งที่สามแล้วนะเว้ย"

"อ้าวเหรอ ครั้งแรกกับครั้งที่สองมันยังไงวะ"

แล้วผมก็เล่าเหตุการณ์เรื่องกลิ่นน้ำหอมและถุงยางอนามัยให้ไอ้เต็มฟัง ไอ้เต็มถึงกับยกมือทาบอก ตกใจมากสินะมึง เออ! กูก็ตกใจเนี่ย ตกใจจนตอนนี้เริ่มท้อใจแล้ว เริ่มเบื่อหน่ายกับปัญหาเดิมๆ คนเดิมๆ มากแล้วครับ มันไม่จบไม่สิ้นซักที คราวนี้ผมจะจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย คอยดูสิ!

"มึงก็ยังอุตส่าห์นิ่งอยู่ได้เนอะ เป็นกูนะ เรียกมาคุยแล้วป่านนี้"

"กูไม่ได้นิ่ง กูแค่ตั้งหลักก่อน ว่าจะยังไงต่อไป …กูเหนื่อยว่ะมึง กูไม่ชอบแบบนี้เลย"

"ยังไงวะ"

"ก็แบบ… ปัญหาเดิมๆ กับคนเดิมๆ"

"มึงต้องคุยกับอาจารย์กี้เว้ย อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรนะ คุยกันก่อน เชื่อกู"

"อืม คุยก็คุย"

จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ไอ้เต็มนั้นตั้งใจฟังเนื้อหามาก ส่วนผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะตอนนี้ในหัวผมมีแต่เรื่องพี่กี้เต็มไปหมด

ในระหว่างที่ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้างนั้น อยู่ดีๆ มือถือผมก็สั่น เป็นพี่กี้ครับที่โทรเข้ามา ซึ่ง…ผมไม่รับ จะโทรมาอะไรตอนนี้ จนจะบ่ายสองอยู่แล้ว ใครเค้าจะหิ้วท้องรอ!

ไม่นาน สายก็ถูกตัดไป แต่มีข้อความทางไลน์เข้ามา ผมไม่เปิดไปอ่านนะครับ แต่ข้อความหน้าจอมันโชว์ว่า



Kie : ประมาณ 5 โมงเย็นวันนี้ เจอกันที่ร้านคุณอิสนะ พี่จะอธิบายทุกอย่างให้นิวฟัง



TBC.



Talk : อะไรยังไง อยากรู้แล้วววว รอลุ้นไปพร้อมกันตอนหน้านะคะ น่าจะลงให้วันพุธค่ะ เราต้องเร่งแต่งเรื่องนี้ให้จบภายในเดือนกันยานี้นะคะ เนื่องจากปลายปีไรท์จะมีงานมงคล ต้องรีบเคลียร์ให้จบค่ะ ถ้าไม่จบนี่คือเจอกันอีกทีเดือนธันวาเลยค่ะ ซึ่งถ้าไม่ได้แต่งนาน ฟีลลิ่งมันก็จะหายไปค่ะ ยังไงไรท์ก็จะพยายามเคลียร์ให้จบนะคะ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ไรท์วางพล๊อตไว้ ก็ประมาณ 38-39 ตอนจบบริบูรณ์ค่ะ ส่วน #เภฟิล์มหมอเต็ม นี้น่าจะประมาณ 5-6 ตอนค่ะ จะแต่งเป็นตอนพิเศษให้ค่ะ

ตอนนี้ก็ฝากด้วยเช่นเคยนะคะ ขอกำลังใจเป็นหัวใจ  และคอมเม้นท์หน่อยค่า ขอบคุณมากๆๆ เลยค่ะ (ยิ้มกว้างมาก)

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 29-08-2020 17:51:08
 :z13:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-08-2020 18:35:49
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-08-2020 18:38:37
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 29-08-2020 20:08:30
ไหนว่ามาซิคุณพี่หมอกี้คะ???? มันอะไรยังไงถึงได้กวนใจหมอนิวไม่เลิก คึคึ
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-08-2020 21:22:45
 :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 34 ไม่เหมือนเดิม 29/8/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 02-09-2020 22:22:41
ตอน 35 เปิดโปง


ร่างบางในชุดเสื้อเชิ๊ตสีขาวพับแขนขึ้นลวกๆ กับกางเกงแสลคสีครีมนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้มุมหนึ่งของร้านอาหารของตนเอง วันนี้เขาตั้งใจปิดร้าน ไม่รับลูกค้า เพื่อเคลียร์ปัญหาที่ติดค้างในใจ

เขารอ…รอใครบางคนที่ทำให้เขา 'สับสน'

นี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของ…คนคนนั้น เขาเริ่มร้อนรนในใจ หรือแผนของเขาจะแตกกันนะ แต่ไม่นานก็ปรากฏร่างคุ้นตาของชายที่นัดหมาย นั้นทำให้เขายิ้มออกมาเบาๆ …สุดท้ายก็มาจนได้

"คุณอิสรอนานไหมครับ"

"ไม่นานเท่าไหร่ครับ"

"พอดีผมติดเคสเลยออกมาช้า นี่ก็เร่งเคลียร์ที่สุดแล้วครับ"

"ครับ ไม่เป็นไรเลย"

"คุณอิสนัดผมมาทานข้าว มีธุระอะไรรึเปล่าครับ"

"จะว่ามีก็มี จะว่าไม่มีก็…ไม่ได้"

"งั้นมีอะไรเหรอครับ"

"ใจเย็นๆ ครับ เราทานไปคุยกันไปดีกว่าเนอะ"

"ได้ครับ"

นิ้วเรียวสวยขยับเรียกพนักงานเสิร์ฟให้นำเมนูอาหารเข้ามาให้ ไม่นานเมนูหลากหลายก็เข้ามาอยู่ในมือคนทั้งสอง

"สั่งได้เลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง" ริมฝีปากสวยเอ่ยขึ้น พร้อมกับยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก

"ว้าว เป็นเกียรติมากเลยนะครับที่เจ้าของร้านเลี้ยงข้าว" ชายหนุ่มยิ้มตอบเขินๆ

"ผมสิครับต้องรู้สึกได้รับเกียรติ เพราะเวลาของคุณมีค่ากว่าผมเยอะ แค่คุณสละเวลามานั่งทานข้าวกับผม ผมก็รู้สึกดีมากแล้ว"

"คุณอิสอย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมเขินแย่เลย"

"จริงๆ นะครับ เหมือนผมขโมยเวลาที่คุณควรจะอยู่กับแฟน หรือเวลาที่คุณผ่าตัดคนไข้มาเลย"

"ไม่หรอกครับ ผมจัดสรรเวลาให้คุณอิสได้เสมอ…ถ้าเพียงแค่ คุณอิสเอ่ยขอมา"



.



.



.



.



.



"จริงเหรอครับ…คุณหมอต๊ะ?"

"จริงที่สุดครับ"

"ทำไมล่ะ"



ติ๊ง…ติ๊ง…ติ๊ง



เสียงไลน์เด้งเข้ามาในมือถือของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอ เจ้าของโทรศัพท์ชำเลืองมองข้อความ มีแววประหลาดใจฉายออกมาครู่เดียว แล้วก็เปลี่ยนเป็นปกติอย่างรวดเร็ว



"มีอะไรรึเปล่าครับ"

"อ่อ เปล่าครับ"

"แต่ผมว่า…น่าจะมีนะครับ ใครไลน์เข้ามาเหรอครับ"

อิสรามองตาคนตรงข้ามนิ่ง ราวกับจะอ่านให้ลึกเข้าไปถึงภายใน นั่นทำให้อีกฝ่ายหลบสายตา… มีพิรุธ





- หมอกี้ -

ผมเดินออกมาจากห้องครัวร้านอาหารของคุณอิส ในมือมีโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เพิ่งกดส่งไลน์เข้าไปเมื่อกี้ มีข้อความว่า



Issara : ทำไมถึงเป็นผมครับ?

            คุณชอบผมเหรอ

            คุณหมอต๊ะ!




ใช่ครับ ผม แนน และคุณอิสวางแผนตลบหลังคนที่ปลอมเป็นผมคุยไลน์กับคุณอิส เป็นผมเองที่คุยกับไลน์ 'Kie' ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ทำให้จับพิรุธได้หลายอย่าง จนแน่ใจประมาณ 80% ว่าเป็น 'พี่ต๊ะ'

พี่ต๊ะมีโทรศัพท์สองเครื่อง

พี่ต๊ะเป็นคนที่เข้าออกโรงพยาบาลของคุณอิสได้ตลอด เพราะรับ part-time จึงรู้ความเคลื่อนไหวของคุณอิส

พี่ต๊ะเป็นหมอศัลย์ ทำงานโรงพยาบาลของรัฐที่เดียวกันกับผม จึงรู้ความเคลื่อนไหวของผมด้วยเช่นกัน

ช่วงนี้พี่ต๊ะมีปัญหากับแฟน เพราะผมได้ยินพี่ต๊ะไปแอบคุยโทรศัพท์ แล้วมีปากเสียงบ่อยๆ

วันนี้ผมเริ่มแน่ใจ เพราะตอนเที่ยงที่ผ่านมาผมไลน์เข้าไปหา 'Kie' ถามว่ากินข้าวกับอะไร ซึ่งวันนี้มีผู้แทนยานำข้าวมาเลี้ยงบรรดาหมอศัลย์ ซึ่งผมเห็นพี่ต๊ะถ่ายรูปอาหารที่ได้รับจากผู้แทนยาแล้วส่งกลับมาที่ไลน์ 'Issara' เป็นอาหารเดียวกันกับที่ผมได้รับและมุมเดียวกับที่พี่ต๊ะถ่ายรูปเมื่อกี้เลย ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจ จึงบอกให้คุณอิสนัดพี่ต๊ะไปเจอเลย จะได้คุยกันให้เคลียร์

และตอนนี้ผมก็มั่นใจเกิน 100% เสียอีกครับว่าพี่ต๊ะ คือ 'Kie'

แต่ที่ไม่รู้คือ ทำไปเพื่ออะไร?!



"สวัสดีครับพี่ต๊ะ ไม่ใช่สิ คุณ Kie"

ใบหน้าพี่ต๊ะฉายแววตกใจ เมื่อเห็นผมเดินออกมาจากห้องครัวด้านหลังร้าน แล้วผมก็เดินไปประจันหน้ากับพี่ต๊ะที่ตอนนี้ยืนขึ้นเต็มความสูง สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน มีพลังงานบางอย่างที่พร้อมจะระเบิดออกทุกเมื่อ

"พี่ทำแบบนี้ทำไม" ผมเอ่ยถามเสียงแข็ง

"ไม่มีเหตุผล" พี่ต๊ะตอบด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

"พี่ทำแบบนี้ ผมเดือดร้อนนะ ผมมีปัญหากับนิวเพราะคุณอิสหลายครั้งแล้ว เพราะพี่ทำให้คุณอิสเข้าใจผิดว่าเป็นผมที่คุยกับเค้า!"

"แล้วไงวะ"

"พี่มีแฟนแล้วนะเว้ย พี่ไม่ควรทำแบบนี้!"

"กูจะทำแบบไหนก็เรื่องของกู!"

"ก็ถ้าสิ่งที่พี่ทำมันไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ผมก็โอเค แต่นี่พี่ทำผมเดือดร้อน!"

"กูขอโทษละกัน"

"ขอโทษแล้วมันหายไหมล่ะ?!"

หมัดหนักๆ ของผมฟาดไปที่ปากคนตรงหน้า ผมอดทนต่อไปไม่ได้แล้วครับ ทำผิดสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วยังลอยหน้าลอยตาพูดขอโทษแบบขอไปที

เมื่อผมเปิดเกม พี่ต๊ะก็ซัดผมกลับมาเหมือนกัน มุมปากผมถูกฟาดมาเต็มๆ คุณอิสที่นั่งอยู่รีบวิ่งเข้ามาห้าม

"หยุดๆ หยุดเดี๋ยวนี้!"

แต่นาทีนี้ไม่มีใครฟังคนห้ามหรอกครับ เลือดบ้ามันมาแล้ว เงื้อมหมัดฟาดแหลกไม่รู้โดนจุดไหนบ้าง ผมก็โดนหนัก รู้สึกมึนๆ และมองภาพไม่ค่อยชัด เพราะโดนซัดเข้าที่เบ้าตา

หมาบ้าสองตัวตะลุมบอนกันซักพัก ก็ล้มไปอยู่คนละฟาก คุณอิสเดินมาตรงกลางระหว่างผมกับไอ้หน้าตัวเมียนั่น พร้อมกับพูดเสียงดัง

"หยุด! หยุดทั้งสองคน!"

แล้วพนักงานในร้านก็เข้ามาจับผม กับไอ้บ้านั่นให้อยู่คนละมุม ถ้าไม่มีคนจับไว้ ผมพร้อมจะฟัดมันอีกรอบ!

"นี่ร้านอาหาร ไม่ใช่สนามมวย" แล้วคุณอิสก็เดินไปหาไอ้บ้านั่น แล้วพูดด้วยว่า

"ถ้าคุณชอบผม ก็แค่เดินเข้ามาคุยดีๆ อย่าใช้วิธีนี้ ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่คุณจะมาทำแบบนี้ด้วย แต่ตอนนี้…แค่หน้าคุณ ผมก็ไม่อยากเห็น เพราะงั้น…โอกาสที่คุณพึงได้ มันก็จบลงด้วยเหมือนกัน ลาก่อน คุณต๊ะ"

จบประโยคของคุณอิส ไอ้บ้านั่นก็สะบัดพนักงานที่มารั้งตัวมันออก มองหน้าเจ้าของสถานที่ และเลยมองมาทางผมด้วยแวบนึง ก่อนจะเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบๆ



ผมเริ่มรู้สึกปวดหนึบๆ บริเวณมุมปาก เบ้าตา และตามบริเวณร่างกายหลายส่วน ทำให้ขาสองข้างเริ่มหมดแรงยืน ผมจึงทรุดตัวลงกับพื้น ทำให้ทุกคนในร้านตกใจมาก

"นิดหน่อย ไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา เดี๋ยวผมจะทำแผลเบื้องต้นให้หมอกี้ก่อน"

"ค่ะ คุณอิส"

ทันทีที่รับคำ พนักงานร้านของคุณอิสก็รีบกระวีกระวาดไปหากล่องปฐมพยาบาลมาให้นาย ส่วนผมนั้นถูกนำตัวมาวางไว้โซฟามุมหนึ่งของร้าน จากนั้นคุณอิสก็ตามมาดูแผลที่หน้าผม

"มีเลือดออกที่มุมปากนะครับหมอกี้ เดี๋ยวทำแผลให้นะ"

จากนั้นมือเรียวก็ใช้สำลีชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดลงไปที่แผลสดบริเวณมุมปาก เพื่อทำความสะอาดแผล จากนั้นก็ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ แล้วเช็ดบริเวณรอบๆ แผล อันนี้แสบครับ ถึงจะไม่โดนแผล แต่ก็แสบใช้ได้อยู่

"เบาๆ ครับ อื้ออ"

"แสบเหรอครับ ผมมือหนักไปเหรอ"

"ไม่ๆๆ คุณอิสมือไม่หนักหรอก แต่คงเพราะแอลกอฮอล์เผลอไปโดนแผล มันเลยแสบ"

"หมอกี้อย่าเพิ่งพูดนะครับ ยิ่งพูดแผลจะยิ่งฉีกนะ …ใครก็ได้ โทรเรียกรถโรง'บาลเรามาที" ประโยคหลัง คุณอิสสั่งลูกน้อง เพราะคงเห็นแผลแล้วว่าอาจต้องเย็บ

"แผลกว้างเหรอครับ ถึงกับต้องเข้าไปเย็บที่โรง'บาล"

"ไม่หรอกครับ ผมแค่…เป็นห่วงน่ะ" ประโยคหลังนี้คุณอิสพูดโดยไม่มองหน้าผม ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาทันที

"ขอโทษนะครับคุณอิส"

"หมอกี้จะขอโทษผมทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย"

"ขอโทษที่ผมคงตอบรับความรู้สึกดีๆ ของคุณอิสไม่ได้"

"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจดีแล้ว …หมอนิวน่ะ เหมาะสมกับหมอกี้แล้ว ทั้งน่ารักสดใส อยู่ด้วยแล้วน่าจะมีความสุข ต่างจากผมที่อยู่ด้วยแล้วคงน่าเบื่อ"

"อย่าพูดแบบนั้นสิครับ คุณอิสแค่ยังไม่เจอคู่ของตัวเอง เดี๋ยวก็เจอนะครับ ผมจะคอยเชียร์"

"ขอบคุณครับ …หมอนิวนี่โชคดีจังเลยนะครับที่ได้หมอกี้ไปเป็นแฟน"

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนนึง แต่นิวเค้า hot นะครับ มีคนจีบเค้าเยอะตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ผมต่างหากที่โชคดีที่นิวเลือกผม ยอมเปิดใจให้ผม เพราะงั้นผมจะไม่ทำให้เค้าเสียใจเด็ดขาด"

"น่าอิจฉาทั้งคู่เลยครับ"

ในระหว่างที่เราคุยกันไป มือคุณอิสก็ทำแผลให้ผมไปเรื่อยนะครับ สายตาผมเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือ ก็พบว่าเป็นเวลาเกือบจะ 5 โมงครึ่งแล้ว ป่านนี้แล้ว นิวคงไม่มาแล้วแหละ คงกำลังงอนผมหนักเลยล่ะ นี่ต้องไปง้อยังไง ผมยังคิดไม่ออกเลย ตอนแรกจะพาไปกินข้าวเที่ยง ก็ไปไม่ได้ เพราะรู้แล้วว่าเป้าหมายเป็นใคร จึงต้องรีบประชุมลับกับคุณอิสและแนน จริงๆ เย็นนี้ต้องมีแนนมาด้วย แต่ก่อนออกมา เคสแนน arrest จึงต้องอยู่ดูก่อน ผมเลยต้องมาลุยกับคุณอิสสองคน

"ที่หน้าเรียบร้อยแล้วครับหมอกี้ ขอดูตามตัวหน่อยสิครับว่ามีบาดแผลที่อื่นไหม"

ผมยื่นแขน ยกขาให้คุณอิสดู ก็พบรอยฟกช้ำบ้างเป็นบางจุด พอเห็นสภาพตัวเองแล้วก็นึกเสียใจ ไม่น่าเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกก่อนเลย เพราะจริงๆ แล้วเราก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ไม่ควรใช้กำลังแบบนี้ พรุ่งนี้ก็ยังต้องเจอกันที่ทำงาน ยังต้องร่วมงานกันอยู่ จริงๆ น่าจะคุยได้ ขอโทษขอโพยกันแล้วก็จบ แต่สุดท้ายมันออกมาในรูปแบบนี้ ก็ต้องยอมรับกรรมกันไป

เมื่อใดที่เอาอารมณ์มาแทนที่เหตุผล เมื่อนั้นจะพบกับความฉิบหาย

ตอนบวช หลวงพ่อเคยสอนผมไว้ ผมว่าผมเริ่มเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว ก่อนหน้านี้ก็แค่เข้าใจ แต่พออยู่ในเกมเอง เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยละครับ เข้าใจแม้กระทั่งว่า… สิ่งเดียวที่จะดับอารมณ์ในตอนนั้นได้ คือ สติ ซึ่งผมก็คิดว่าผมมี 'สติ' ตลอดเวลาอยู่นะ แต่เอาเข้าจริงๆ เวลาเข้าตาจน เราก็ลืมใช้ 'สติ' กลับใช้ 'อารมณ์' เป็นที่ตั้งอยู่ดี

ตอนนี้เริ่มเย็นแล้วไงครับ เริ่มคิดได้ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์นี้ได้ เพราะงั้นก็ต้องยอมรับผลของการกระทำนะครับ

คุณอิสทายาแก้ฟกช้ำให้ผมเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บยาและอุปกรณ์ทำแผลเข้ากล่อง ลุกขึ้นกำลังจะเอากล่องยาไปเก็บ เท้าก็ดันไปเกี่ยวกับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เพราะตอนตะลุมบอนกันนั้น โต๊ะเก้าอี้ระเนระนาดพอสมควร

พอเท้าคุณอิสเกี่ยวปุ๊บ ร่างบางๆ ของคุณอิสก็ล้มลงมาทับผม…



โดยที่ปากของเราประกบกัน!!



และเป็นวินาทีเดียวกันกับ ประตูร้านอาหารของคุณอิสถูกเปิดออก คนที่ก้าวเท้าเข้ามา คือ นิว!!



คนดีของผมมองภาพตรงหน้านิ่งประมาณสองวิ จากนั้นก็หมุนตัวกลับ เปิดประตูแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว…



"นะ..นิว!"




TBC.



Talk : เอาแล้ววววววว มาเจอช๊อตเด็ด โอ้ยๆๆๆๆ แล้วน้องหมอนิวจะทำยังไงเนี่ย พี่กี้จะง้อยังไง ภาพมันฟ้อง งือออ ไรท์แต่งไปก็อินไปเด้อ รอลุ้นตอนต่อไปจ้าา

ละคือไรท์แอบชอบคุณอิส อยากหาแฟนให้น่ะ ดูลุ๊กนิ่งๆ พูดจาไพเราะ ดูนางพญาดี หาคู่ให้คุณอิสดีกว่าเนอะ เห็นด้วยกับไรท์ป่าวคะ อิอิ

ตอนนี้มาไม่เยอะ แต่เคลียร์นะ มีรี๊ดเดาถูกด้วย เก่งมากกกกกค่า (ปรบมือรัวๆ) ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน กดหัวใจ กดโดเนท และคอมเม้นท์ให้มากๆนะคะ ตอนนี้ก็ขอกำลังใจเช่นเคยค่ะ (เลิฟมากมายค่าาา)
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 02-09-2020 22:59:38
โอ๊ยยยยยยจังหวะหมามาก งานเข้าคุณพี่หมอกี้ต่อ เตลิดไปไกลแล้ว ถ้าไม่รีบเคลียร์มียาวอ่ะ 5555 พี่หมอต๊ะ ปสด.มากจ๊ะ  :z6:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-09-2020 23:18:04
เอ่อมม ดราม่าปัญญาอ่อนไปนะ บางที
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-09-2020 23:31:06
 :serius2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 03-09-2020 07:55:22
 :hao5:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-09-2020 17:49:40
ปวดใจแทนน้องนิว :o12:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 35 เปิดโปง 2/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 05-09-2020 17:31:55
ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน


- หมอนิว -



ภาพที่ผมเห็นอยู่เบื้องหน้า คือ คนสองคนกำลังจูบกัน!!

ผมทนมองได้ไม่เกินสองวิ จากนั้นขาของผมก็ก้าวยาวๆ ออกจากร้านทันที นี่เหรอ! สิ่งที่พี่กี้เรียกผมมาเคลียร์! เรียกให้ผมมารับรู้ความจริง! นี่สินะคือความจริง!

คุณอิส…คือ ความจริง!

ส่วนผม…คือ ความหลอกลวง!

พอกันที!!

ผมขับรถออกมาจากสถานที่แห่งนั้นด้วยจิตใจที่เจ็บช้ำ แตกสลาย น้ำตามากมายไหลออกมา… ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว แต่ในขณะเดียวกันมือที่กำพวงมาลัยก็สั่นระริก จนแทบจะควบคุมรถไม่ได้ ในหัวผมมีคำถามมากมาย

ทำกับผมแบบนี้ทำไม?

เพื่ออะไร?

ผมบกพร่องตรงไหนทำไมถึงมีคนอื่น?

ทำไมไม่รู้จักพอ?

เห็นผมเป็นคนโง่มากใช่ไหม?!

ผมอยากจะถามนัก แต่ผมก็ใจไม่แข็งพอที่จะอยู่ถามคำถามเหล่านี้กับพี่กี้ ผมกลัว…กลัวที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น ไม่อยากให้ 'คนนั้น' เห็นความอ่อนแอของตัวเอง ถึงแม้ในใจจะเจ็บมากเพียงใดก็ตาม

ผมเจ็บ เจ็บจนไม่รู้ว่าพาตัวเองกลับมาถึงหอพักแพทย์ได้อย่างไร ผมกดลิฟท์ไปยังชั้นห้องพักของพี่กี้ เปิดประตูบานที่คุ้นเคยเข้าไป เก็บเสื้อผ้า สิ่งของของตัวเองยัดใส่กระเป๋าเป้ที่หยิบติดมือมาจากรถ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรต้องทำยังไงต่อไป นาทีนี้ขออยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ก่อน เพราะอีกหน่อยพี่กี้ก็คงตามมาง้อผมเหมือนทุกครั้ง และทุกครั้งก็จบลงที่…ผมเข้าใจผิด



แต่คนเรามันคงไม่เข้าใจผิดครั้งแล้วครั้งเล่า กับเรื่องเดิมๆ …ใช่ไหมครับ



เพื่อป้องกันความใจอ่อนของตัวเอง ผมขอห่างจากพี่กี้ไปตั้งหลักก่อนละกัน ไม่ได้ห่างไปไหนหรอกครับ แค่จะกลับไปอยู่ห้องตัวเอง

ระหว่างที่ผมเดินเก็บของอยู่นั้น ชุดผ่าตัดสีเขียวของพี่กี้ที่เพิ่งส่งซักเสร็จ ก็หลุดจากไม้แขวน ทั้งที่ผมไม่ได้เฉียดเข้าไปใกล้เลย และไม่มีลมพัดเข้ามาด้วย นั่นทำให้ผมชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แค่เดินไปเก็บขึ้นมาแขวนไว้ตามเดิม

จากนั้น ผมก็เดินไปสำรวจห้องน้ำ ไปหยิบของใช้ส่วนตัวมายัดลงกระเป๋าเป้ แล้วก็ยืนซึมซับบรรยากาศเดิมๆ บรรยากาศเก่าๆ ของเราสองคนไว้ในใจ

ต่อจากนี้…ผมคงไม่ได้เข้ามาห้องนี้อีกแล้ว ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำที่สวยงาม ครั้งหนึ่งผมเคยมีความสุขมากแค่ไหน เคยยิ้มเคยหัวเราะ เคยมีคนเอาใจใส่ เคยมีคนคอยห่วงใย แต่ต่อจากวันนี้…ทุกอย่างจะไม่มีอีกแล้ว

มันจะกลายเป็น…ความทรงจำที่สวยงาม

คิดมาถึงตรงนี้ น้ำในตาผมก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีก ราวกับทำนบเขื่อนแตก มีเสียงสะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจ

"ฮืออ…นิวรักพี่นะ…ฮืออ…ลาก่อน…"

จบประโยค ผมค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างมั่นคงตรงไปยังประตูหอพัก บอกกับตัวเองว่า…ถ้าก้าวออกไปแล้ว อย่าได้ก้าวกลับเข้ามาอีกนะ ต้องใจแข็งนะ ถ้าเค้ามาง้อ ก็ต้อง…ใจแข็งเข้าไว้

ทันทีที่มือสัมผัสกับลูกบิดเย็นยะเยือกนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาที่มือถือของผม ผมจึงยั้งมือไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดรับ ซึ่งเป็นเบอร์จากพี่มินนี่…







- หมอกี้ -

วินาทีที่นิวเปิดประตูเข้ามาในร้านคุณอิส แล้วเห็นคุณอิสนอนทับผม โดยที่ปากเราประกบกัน ผมเห็น…นัยน์ตาคู่นั้นมีแววตกใจ และตามมาด้วยความเจ็บปวด ดวงตารีเล็กสั่นระริกรีบเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้า แล้ววิ่งออกจากร้านไป

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเบื้องหลังใบหน้านั้น…น้ำในตาคงไหลเปื้อนสองแก้มออกมาราวกับเขื่อนทะลัก น้องคงเจ็บปวดกับภาพตรงหน้ามากๆ …ผมไม่ยอมให้น้องเจ็บไปมากกว่านี้แล้ว

นาทีนี้…ผมต้องตามไปอธิบายทุกอย่างให้น้องเข้าใจ

ผมปล่อยไว้ไม่ได้อีกแล้ว ผมกลัวที่จะเสียน้องไป…ถ้าเสียน้องไป ผมคงทำใจไม่ได้

ผมจึงรีบวิ่งออกจากร้านคุณอิส แล้วขับรถตามน้องออกไปด้วยสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก แขนขายังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพดี แต่สายตานี่สิ จากการที่ถูกชกเข้าเบ้าตาทำให้มีอาการปวดหนึบๆ จนบางครั้งหนังตาแทบจะปิดลงมา แต่ผมก็ยังฝืน เพราะผมต้องการไปอธิบายให้น้องเข้าใจ

ผมไม่พร้อมที่จะเสียน้องไปจริงๆ …

มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ นั้นบอกผมว่า…หากผมไม่ตามไปตอนนี้ ผมจะเสียน้องไปแน่นอน นั่นทำให้ผมตัดสินใจขับรถออกมา ทั้งที่คุณอิสก็เรียกผมไว้ และเสนอตัวว่าเดี๋ยวจะขับรถไปให้ แต่ผมไม่ฟัง และผมไม่อยากให้นิวเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ผมจึงขับรถออกมาเองโดยลำพัง

ตอนนี้ผมรู้สึกปวดหัวมากๆ แถมหนังตาก็กำลังจะปิดลงมา แต่ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงโรงพยาบาลมากแล้ว ผมจึงไม่สามารถหยุดรถได้ เพราะคิดว่า…อีกแค่นิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น …นิวอยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม…อดทนนะกี้ ต้องอดทน!

นั่นคือสิ่งที่ผมบอกตัวเองในใจ…

หลังจากนั้นผมก็รู้สึกได้รับแรงกระแทกอย่างจัง! หนังตาก็ค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับภาพในหัวที่ตัดไปเป็นภาพของนิวกำลังจะเดินจากผมไป…ผมเห็นแค่ด้านหลังของน้อง ผมร้องเรียกน้องหลายต่อหลายครั้ง แต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมหันมามองผมสักนิด เอาแต่เดินไปข้างหน้าโดยไม่แม้แต่จะหยุดเพื่อให้ผมก้าวตามทัน หรือไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองผมเลย…







- หมอนิว -

ทันทีที่มือสัมผัสกับลูกบิดเย็นยะเยือกนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้ามาที่มือถือของผม ผมจึงยั้งมือไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นหยิบมือถือขึ้นมากดรับ ซึ่งเป็นเบอร์จากพี่มินนี่

"ฮัลโหล…" ผมกดรับสายด้วยเสียงเบาหวิว พยายามไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ว่ากำลังร้องไห้อยู่

"น้องหมอนิวคะ… ค่อยๆ ฟังพี่นะคะ แล้วก็ทำใจดีๆ ไว้ด้วยค่ะ"

"คะ ครับ มีอะไรเหรอครับ" ผมเริ่มมีสตินิดนึง

"คือว่า…หมอกี้ประสบอุบัติเหตุ เมื่อกี้กู้ภัยเพิ่งโทรมาแจ้งค่ะ"

"…!! …"

"หมอนิว! ยังฟังอยู่ไหมคะ?! "

"คะ ครับ …ที่ไหน อะไรยังไงครับ!?! " วินาทีนี้สติผมมาเต็มแล้วครับ

"สะพานใกล้ๆ โรง'บาล นี่แหละค่ะ กู้ภัยเพิ่งนำตัวออกมาจากรถได้ กำลังจะนำตัวส่งโรง'บาลเรานี่แหละค่ะ อีกหน่อยคงมาถึง ER"

"เดี๋ยวผมลงไปตอนนี้เลย! "

ผมทิ้งเป้ที่เพิ่งเก็บเสร็จไว้แทบเท้า ไม่สนใจใยดีมันซักนิด จากนั้นก็รีบเปิดประตูออกจากห้อง พาตัวเองไปยังห้อง ER ให้ไวที่สุดเท่าที่ขาของผมจะวิ่งไปได้…





ผมรีบวิ่งมายังห้อง ER ก็พบพี่แนนยืนอยู่ก่อนแล้ว คนที่อยู่เวรตอนนั้น คือ ไอ้ตะวัน ผมวิ่งไปดูไอ้ตะวันปั๊มหัวใจพี่กี้ เพราะตอนนี้พี่กี้เสียเลือดมาก จากการสอบถามพี่พยาบาล ได้ความว่ามีกระดูกหักที่แขนและขา ได้ยินแค่นั้น หัวใจผมก็แทบหยุดเต้นตามไปด้วย

ถ้าผมไม่รีบวิ่งออกมาจากร้านคุณอิส พี่กี้ก็คงไม่รีบตามผมออกมา เหตุการณ์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น!

ทุกอย่างเกิดขึ้น…เพราะผมคนเดียว ผมเป็นต้นเหตุให้พี่กี้ต้องเจอกับสถานการณ์อันเลวร้ายนี้

ถ้าพี่กี้ต้องจากไปจริงๆ นั่นก็เป็นเพราะผม ไม่ใช่ใครอื่นเลย…

นาทีนั้น ผมไม่สามารถทำหน้าที่แพทย์ได้เลย ผมไม่สามารถทนดูเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายพี่กี้ได้ น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้ว อยู่ดีๆ ก็ไหลออกมาอีกรอบโดยไม่อายใครแม้แต่น้อย พี่แนนเป็นคนเข้ามากอดปลอบใจผม

"ไม่เป็นไรนะนิว กี้เป็นคนดี เป็นคนเข้มแข็ง กี้ไม่ไปจากเราง่ายๆ หรอก"

"ฮืออ พี่แนน นิวกลัว ฮืออ"

"ไม่เป็นไร เชื่อพี่นะนิว กี้จะต้องไม่เป็นอะไร"

"ฮึก นิวกลัว..นิวกลัวเสียพี่กี้ไป ฮืออ"

"กี้จะต้องไม่เป็นอะไร นิวต้องเข้มแข็งนะ นิวต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นกำลังใจให้กี้ได้สู้ต่อนะ"

"อือ นิวจะพยายาม ฮึก"

"หยุดร้องก่อนนะคนเก่ง…นิวมีเบอร์ที่บ้านกี้ใช่ไหม โทรแจ้งแม่กับป๊ากี้ก่อนนะตอนนี้"

"อือ"

ประโยคของพี่แนนทำให้ผมเริ่มได้สติว่าผมต้องโทรแจ้งที่บ้านพี่กี้ เพราะตอนนี้ยังไม่น่าจะมีคนรู้ ผมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่สองสามครั้งเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง และให้หยุดร้องไห้ พอเริ่มรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมก็หยิบมือถือออกมาโทรหากรีน ไม่นานกรีนก็รับสาย

"ว่าไงนิว"

"กรีน…กรีนทำใจดีๆ ไว้นะ" เสียงผมเศร้า และเบามาก

"อะไรของแกเนี่ย"

"พี่กี้…เกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉินโรง'บาล…กำลังปั๊มหัวใจ"

"ห๊ะ!! "

"แกตั้งสติดีๆ นะ ค่อยๆ บอกป๊ากับแม่"

"แล้วอาการเป็นไงบ้างแก!? "

"50/50 น่ะ ถ้าปั๊มกลับมาได้ก็รอด มีกระดูกหักด้วย แต่แกก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะ…ยังไงพี่กี้ก็ต้องรอด" ประโยคหลังที่ผมบอกกรีน ก็เหมือนกับสร้างความมั่นใจให้ตัวเองไปด้วย

"โอเคแก เดี๋ยวฉันจะค่อยๆ บอกป๊ากับแม่ แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปที่โรง'บาล"

"โอเค แกขับรถดีๆ นะ"

แล้วสายก็ถูกวางไป พร้อมกับที่พี่แนนเดินเข้ามาสะกิดบอกผมว่า ตะวันปั๊มหัวใจเอาพี่กี้กลับคืนมาได้แล้ว! นั่นทำให้ผมยิ้มออกมาจนได้!!

นาทีนั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เป็นสายจากอาจารย์อาร์นั่นเอง

"นิว อยู่ไหน"

"อยู่ ER"

"อยู่กับกี้ใช่ไหม"

"ครับ"

"รู้ใช่ไหมว่ากี้กระดูกหัก"

"ครับ"

"พี่ต้องผ่าตัดให้กี้น่ะ นิวมาช่วยพี่ได้ไหม…ไหวไหม? "

"…ครับ ไหว"

"งั้นตอนนี้มาเตรียมตัวเลยนะ"

"ครับ"

แล้วสายก็ถูกวางไป ส่วนผมนั้น…ยังยืนนิ่ง กำมือถือแน่น จนพี่แนนมาสะกิดอีกรอบ

"มีอะไรรึเปล่านิว"

"ผมต้องไปช่วยอาจารย์อาร์ผ่าตัดให้พี่กี้น่ะ"

"ไหวเหรอแก?! ให้น้องคนอื่นไปแทนไหม?! "

"ไม่! นิวจะเข้าไปช่วยอาจารย์อาร์เอง! "

"แน่ใจนะ?! "

"อืม นิวเป็นคนที่ทำให้พี่กี้เกิดอุบัติเหตุ นิวก็ต้องเป็นคนช่วยให้พี่กี้กลับคืนมา"

"นิวอย่าโทษตัวเองเลย มันไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้หรอก"

"อืม เพราะงั้นนิวต้องไปแก้ไขให้มันดีขึ้น …นิวไปเตรียมตัวแล้วนะพี่ นิวฝากทางนี้ด้วยนะ"

"ไม่ต้องห่วงทางนี้ นิวไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเถอะ พี่เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ "

ผมรับคำพี่แนน แล้วรีบตรงไปยังแผนกศัลยกรรม othopedic เพื่อเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด







สิ่งที่ท้าทายในอาชีพหมออีกอย่างหนึ่ง คือ หากเราต้องทำการรักษาคนใกล้ตัว เราต้องใช้กำลังใจมากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะเราจะกดดันตัวเอง อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในตอนปฏิบัติงานได้ เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือ ต้องทำใจร่มๆ พยายามประคองสติตัวเองให้ปกติที่สุด

ผมเปลี่ยนชุดจากเสื้อกาวน์เป็นชุดสีเขียวของห้องผ่าตัด นั่งรอเขาเข็นพี่กี้เข้ามา ผ่านไปแล้วกว่าสิบนาทีก็ยังไม่เห็น คงกำลังส่งตัวไปเอ๊กซเรย์อยู่ ผมจึงมีเวลานั่งทำใจต่ออีกซักพัก ระหว่างนั้นอาจารย์ต๊ะเดินเข้ามาในห้องพักแพทย์ที่ผมนั่งอยู่

"นิว พี่ขอโทษนะ"

ผมหันไปมองอาจารย์ต๊ะแบบงงๆ ขอโทษผมทำไม?

"ก่อนกี้เกิดอุบัติเหตุ พี่กับกี้มีเรื่องกันนิดหน่อย"

"ห๊ะ?! " ผมงงหนักมากครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!

"เราชกต่อยกัน กี้ก็น่าจะเจ็บหนักอยู่" ผมมองหน้าอาจารย์ต๊ะ ท่าจะจริงครับ เพราะที่หน้าผากกับมุมปากของอาจารย์ต๊ะมีผ้าก๊อซแปะอยู่

"ทำไมอ่ะ"

"หมอคะ หมอกี้มาแล้วค่ะ ทีมก็พร้อมแล้ว เชิญคุณหมอนะคะ"

การสนทนาของเราต้องหยุดชะงักลงเท่านั้นก่อน เพราะพี่พยาบาลมาตามเราให้เข้าห้องผ่าตัดแล้ว อาจารย์ต๊ะจึงได้แต่บอกผมว่า

"เดี๋ยวผ่าตัดเสร็จ พี่เล่าให้ฟังละกัน…ถึงก่อนหน้านี้พวกพี่จะมีเรื่องกัน แต่พี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กี้ต้องเกิดอุบัติเหตุ ยังไงพี่ก็จะช่วยให้เต็มที่นะ"

ผมยิ้มรับคำพูดของอาจารย์ต๊ะอย่างเนือยๆ ผมไม่มีแรงแม้แต่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มครับ ทุกอย่างมันหนักไปหมด ทั้งร่างกายและสภาพจิตใจในตอนนี้









พอมาถึงห้องผ่าตัดก็เจออาจารย์อาร์และทีมรออยู่ก่อนแล้ว ผมมองไปที่เตียงเห็นร่างพี่กี้ที่ดวงตาปิดสนิท มีบาดแผลตามร่างกาย และบนใบหน้า นั่นทำให้ก้อนสะอื้นวิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ ผมต้องอดทนและอดกลั้นไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

เมื่อเช้า…คนคนนี้ ยังยิ้มและหัวเราะให้ผมอยู่เลย

ผมไม่ชิน…ผมรับไม่ได้ที่เห็นพี่กี้นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ปกติต้องเป็นพี่กี้ที่ยืนผ่าตัดให้คนไข้สิ

ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งสนิท เอื้อมไปจับมือใหญ่ที่เจ้าตัวชอบใช้มาลูบหัวผม มือนั้นเย็นเฉียบ…ราวกับไร้ลมหายใจ จังหวะนั้นผมอดกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้วครับ น้ำตาผมไหลออกมาอีกรอบ พร้อมกับสะอื้นหนักๆ จนพี่พยาบาลต้องเข้ามากอดปลอบผมไว้

"โอ๋ๆๆ ไม่เป็นไรนะคะหมอนิว เดี๋ยวหมอกี้ก็ฟื้นแล้ว"

"ฮึก ผม..ฮืออ"

"ไม่ต้องพูดอะไรนะคะ คุณหมอไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ออกไปรอข้างนอกก็ได้ค่ะ ทางนี้มีคุณหมอต๊ะมาช่วยอีกแรงแล้ว ก็น่าจะเอาอยู่แล้วล่ะค่ะ"

"นิวรอข้างนอกก็ได้ ตอนแรกไม่คิดว่าต๊ะจะมาช่วย พี่เลยเรียกนิวมา" อาจารย์อาร์สำทับมาอีกเสียง

"ฮึก ไม่เป็นไร..นิวอยากช่วย..ฮึก..พี่กี้"

"งั้นนิวต้องใจเย็นๆ นะ ถ้าไม่ไหวต้องรีบบอกทีมนะ"

ผมพยักหน้ารับ แล้วกลับออกไปห้องพักแพทย์เพื่อเรียกสติให้ตัวเองอีกครั้ง ผ่านไปประมาณ 10 นาที ผมก็คิดว่าผมดีขึ้นแล้ว จึงเดินกลับเข้าไปห้องผ่าตัด

ภาพที่เห็น คือ พี่กี้นอนหงายกางแขนออก มีผ้าคลุมทั้งตัว ยกเว้นแขนขวาและขาข้างขวาที่หัก มีพี่พยาบาลกำลังทำความสะอาดแผลด้วยผ้าก๊อซที่จุ่ม chlohexidine จากการสอบถามพบว่า ก่อนหน้านี้ได้ block แขนและขาที่หักของพี่กี้ไปแล้ว

เมื่อทำความสะอาดแผลเสร็จ อาจารย์อาร์ก็พูดขึ้น

"พี่จะลงมีดแล้วนะนิว"

"ครับ"

แล้วอาจารย์อาร์ก็ค่อยๆ กรีดลงไปที่ชั้นกล้ามเนื้อแขนของพี่กี้ พยายามหลบไม่ให้โดนเส้นเลือดและเส้นประสาท จากนั้นก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องไปดึง retractors เพื่อเปิดปากแผล และให้อาจารย์หาตำแหน่งกระดูกที่หักให้เจอ ใช้เวลาไม่นานก็พบว่าเป็น Right ulna ที่หัก จากนั้นอาจารย์อาร์ก็ค่อยๆ จัดเรียงกระดูก แล้วก็ทำความสะอาดบริเวณที่หัก เนื่องจากมีชิ้นเนื้อและเศษกระดูกอยู่บริเวณนั้น

ขั้นตอนต่อมาคือ ต้องยึดกระดูกให้ติดกันด้วยแผ่นโลหะและสกรู (Internal fixation*) จากนั้นอาจารย์ต๊ะก็เข้ามาช่วยเย็บปิดชั้นเนื้อเยื่อและชั้นใต้ผิวหนัง ท้ายสุดคือต้องเย็บผิวหนังให้ชนกันเพื่อปิดแผล

ระหว่างที่อาจารย์ต๊ะเย็บผิวหนังที่แขนนั้น อาจารย์อาร์ก็เริ่มการลงมีดที่ขาขวาบริเวณ femur (กระดูกโคนขา) ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับที่ผมก็เริ่มมีสติมากยิ่งขึ้น ผมได้แต่ภาวนาให้การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี…







ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง การผ่าตัดก็เสร็จสิ้นลง พร้อมกับที่ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะการผ่าตัดครั้งนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ก่อนจะออกจากห้องผ่าตัด อาจารย์อาร์เรียกผมให้หยุดคุยกันก่อน ซึ่งตอนนั้นมีแค่ผมและอาจารย์อาร์ที่ยืนอยู่

"นิวรู้ใช่ไหมว่าโอกาสที่กระดูกจะปิดเองได้มีมากกว่า 90% และอีก 10% กระดูกอาจจะบิดเบี้ยว ทำให้ขยับมือได้ไม่สุด"

"ครับ"

"ถ้ากี้อยู่ใน 10% อาจมีผลต่อการผ่าตัดของกี้นะ"

"หมายความว่า? "

"กี้อาจจะมีปัญหาในการผ่าตัดคนไข้ แต่ก็ไม่ถึงกับผ่าตัดไม่ได้หรอก"

"……"

"ยังไงซะก็ต้องงดผ่าตัดอย่างน้อย 2-3 เดือน นิวก็ดูแลกี้ดีๆ ละกัน กายภาพบ่อยๆ จะได้หายไวๆ "

"ครับ ขอบคุณครับ นิวจะทำให้ดีที่สุด"

คำพูดอาจารย์อาร์ทำให้ผมคิดหนัก เพราะสำหรับหมอศัลยกรรมนั้น แขน ข้อมือ และมือ คือสิ่งที่มีค่าที่สุด! แต่ตอนนี้แขนของพี่กี้มีปัญหาแล้ว โดยที่มีผมเป็นต้นเหตุ นั่นยิ่งทำให้ผมเสียใจมากกว่าเดิม





ถ้าเปลี่ยนเป็นแขนผมแทน…คงจะดีกว่านี้





TBC.



*Internal fixation คือ การผ่าตัดใส่โลหะเพื่อยึดตรึงกระดูก ทําได้ทั้งแบบผ่าตัดเปิดให้เห็นรอยแยกของกระดูก หรือใช้วิธีสอดใส่โลหะจากผิวหนังเข้าไปยึดตรึงกระดูก เพื่อให้รอยหักอยู่นิ่งในแนวปกติ ช่วยให้ใช้งานส่วนบาดเจ็บได้เร็วขึ้น โดยไม่เสี่ยงต่อการเคลื่อนของชิ้นที่หักและไม่เจ็บปวดทรมาน ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยลง และสามารถกลับไปประกอบอาชีพได้เร็วขึ้น

ที่มา http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/51929821/chapter2.pdf



Talk : สงสารน้อง ฮือออ แต่งไปก็จะร้องไห้ตามน้องละเด้อ ฮือออ แถมเล่นใหญ่พี่กี้อีกต่างหาก 5555

สำหรับตอนนี้ เราทำการบ้านหนักค่ะ consult หมอ otho ให้อธิบายการผ่าตัดเพื่อให้เราเห็นภาพตาม แล้วเราถึงจะเขียนออกมาได้ ต้องขอบคุณหมอท่านนี้มากๆ (Special thanks) และเรายังไปหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ (ตอนเรียนจริงจังขนาดนี้ไหม 555) กลัวเขียนแล้วแป๊ก แต่ถ้ามันแป๊กก็ข้ามๆ ไปนะคะ ให้เข้าใจว่ามันคือนิยาย 5555

สำหรับตอนนี้ก็ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ กดหัวใจ โดเนท add shelf และคอมเม้นท์เป็นกำลังใจไรท์บ้างนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่าา (รักมากมาย)



หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-09-2020 17:55:29
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-09-2020 18:08:20
 :z3: :z3: :z3:
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 05-09-2020 18:26:22
 :hao5:1
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-09-2020 22:27:30
ยังสงสารน้องอยู่ดี T^T
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-09-2020 22:55:41
 :katai1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 06-09-2020 17:31:00
จะพิสูจน์รักไปถึงไหนน  :hao5: หายเร็วๆนะหมอกี้ หมอนิวใจจะขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าน้อย ที่ 08-09-2020 06:52:31
หมอนิวสู้ๆน้า
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 36 สิ่งที่ไม่คาดฝัน 5/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 09-09-2020 17:42:20
ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง


- หมอนิว -

ผมเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวแม้ว่าผลการผ่าตัดจะออกมาดี ที่หน้าห้องผ่าตัดนั้นมีป๊ากับแม่ กรีน พี่ชายคนโตของพี่กี้ พี่แนน และคุณอิสยืนรออยู่ก่อนแล้ว โดยที่อาจารย์อาร์กำลังคุยรายละเอียดการผ่าตัดกับครอบครัวพี่กี้

พี่แนนเดินมาหาผมทันทีที่เห็นหน้าผม

"เป็นไงบ้างนิว"

"การผ่าตัดผ่านไปด้วยดี…"

"อันนั้นพี่รู้แล้ว …พี่หมายถึงนิวน่ะ โอเคไหม"

"โอเค…"

ผมตอบพี่แนนเสียงเบาหวิว มองไปทาง 'คุณอิส' แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี เพราะไม่อยากเห็นหน้าแม้แต่น้อย

"นิวขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะพี่"

"อย่าเพิ่งไป ไปสวัสดีป๊ากับแม่ก่อน" พี่แนนรั้งผมไว้ แล้วก็เข้ามากระซิบผมเบาๆ ที่ข้างหู "พี่รู้เรื่องทั้งหมดแล้วว่านิวไปเจออะไรมา คุณอิสเล่าให้พี่ฟังแล้ว เดี๋ยวคุณอิสเค้าอยากคุยกับนิว แต่ตอนนี้ไปสวัสดีป๊ากับแม่ก่อน"

ผมพยักหน้ารับคำพี่แนน ตอนนี้ผมเริ่มเบลอแล้วครับ ใครจูงให้ทำอะไรก็ทำ เพราะตั้งแต่เช้ามานี้มีหลายเรื่องเหลือเกินที่ผมเจอ

ผมเดินเข้าไปสมทบอาจารย์อาร์ แล้วยกมือขึ้นไหว้ป๊ากับแม่

"สวัสดีครับป๊ากับแม่"

แม่ลูบหลังผมเบาๆ แล้วโผเข้ามากอดผม รับรู้ได้ถึงน้ำตาชื้นที่หยดลงบริเวณหลังผม ผมก็กอดตอบแม่ด้วย

"ขอบใจลูกนิวมากนะ ที่เข้าไปช่วยผ่าตัดให้พี่เค้า"

"นิวไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกครับ อาจารย์อาร์กับอาจารย์ต๊ะช่วยไว้ทั้งนั้น"

"ไม่รู้ล่ะ แม่ขอบใจทุกคนเลย"

"ครับ แม่สบายใจได้นะครับ เดี๋ยวพี่กี้คงดีขึ้นตามลำดับ"

พอกอดกันได้ซักพัก เราก็คลายอ้อมกอดออกจากกัน ผมเช็ดน้ำตาจากแก้มผู้สูงวัยด้วยสองมือ แม่ยิ้มเขินๆ นั่นทำให้ผมยิ้มตาม แม้ว่าจะเป็นยิ้มเนือยๆ ก็ตาม อย่างน้อยก็ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลงมานิดหน่อย

"น้องเก่งมากครับ ต่อไปต้องเป็นหมอที่ดีแน่นอน" อาจารย์อาร์กล่าวชมผมต่อหน้าผู้อาวุโส ผมยิ้มรับคำเนือยๆ ไม่มีแรงแม้แต่จะขอบคุณที่อาจารย์กล่าวชื่นชมผม

"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" อาจารย์อาร์ขอตัวออกไป หลังจากที่คุยรายละเอียดกับป๊าและแม่แล้ว

"แล้วนิวกินอะไรบ้างรึยัง" เป็นแม่อีกแล้วครับที่เอ่ยถามผมขึ้น

"ยังเลยครับ แต่ผมไม่อยากกินอะไรเลย"

"ไม่ได้นะ ลูกต้องกินอะไรบ้าง นี่ก็จะสามทุ่มแล้ว เดี๋ยวก็ล้มไปอีกคนหรอก"

"ป่ะ ไปหาที่กินข้าวกัน" กรีนชวนผมโดยที่ชูปิ่นโตในมือให้ดู "แม่ทำไว้เป็นอาหารเย็น พอรู้ข่าวพี่กี้ เลยให้เราห่อมาด้วยเนี่ย กลัวแกจะวุ่นจนไม่ได้กินอะไร"

ผมหันไปยิ้มแหยๆ ให้แม่ ทำไมแม่น่ารักกับผมจัง ผมจึงชวนป๊ากับแม่ทานด้วย แต่ท่านบอกว่าเรียบร้อยตั้งแต่ตอนนั้งรอหน้าห้องผ่าตัดแล้ว ผมจึงตอบตกลงกับกรีน ก็พอดีพี่พยาบาลเดินมาบอกว่า มีห้องพักผู้ป่วยพิเศษว่างอยู่นะ เข้าไปอยู่ก่อนคนไข้ก็ได้ ทุกคนจึงยกโขยงกันไปที่ห้องพิเศษ แต่ผมขอตัวไปเปลี่ยนชุดผ่าตัดสีเขียวออกก่อน แล้วจะตามไป

ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินกลับเข้าไปห้องพักแพทย์ คุณอิสก็เข้ามารั้งแขนผมไว้ ผมสะบัดออกโดยอัตโนมัติ

"ผมมีเรื่องจะคุยด้วย…"

"พูดมาตอนนี้เลยสิ" น้ำเสียงผมเริ่มไม่ดีแล้วครับ

"…ผมกับหมอกี้ เราไม่เคยมีอะไรกัน"

ผมหัวเราะเยาะให้กับประโยคที่เพิ่งได้ยิน เอาไปหลอกเด็กเถอะ ผมไม่โง่อีกแล้ว

"ผมไม่ได้โง่นะที่จะดูไม่ออกว่าพวกคุณแอบกินกันอยู่"

"หมอนิวกำลังเข้าใจผิด เชื่อผมนะ"

"คุณเป็นใคร ผมถึงต้องเชื่อคุณ"

"ผมยอมรับว่าผมชอบหมอกี้ แต่หมอกี้ไม่ได้ชอบผม …หัวใจหมอกี้มีให้คุณคนเดียว"

"แล้วยังไง คุณจะพูดอะไรกันแน่"

"…ผมขอโทษเรื่องถุงยางอนามัย เป็นผมเองแหละที่แอบเอาไปใส่ไว้กระเป๋าหมอกี้ ผมทั้ง..ยั่ว ทั้งให้ท่าเค้า แต่เค้าก็ไม่สนใจผมเลย …ส่วนเรื่องเมื่อตอนเย็น มันเป็นอุบัติเหตุที่ขาผมไปเกี่ยวโต๊ะทำให้ผมล้มทับหมอกี้ แล้วบังเอิญ…ปากเราชนกัน"

"คุณดูซีรี่ส์มากไปรึเปล่า จังหวะอะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น" ผมยิ้มเยาะและหัวเราะให้กับเรื่องตลกร้ายที่ไม่คิดว่าจะได้ยินในชีวิตจริง

"ถ้าคุณไม่เชื่อ เดี๋ยวผมย้อนกล้องวงจรปิดที่ร้านให้ดูก็ได้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมต้องเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่แรกให้คุณฟังว่าทำไมวันนี้หมอกี้ถึงได้ไปหาผมที่ร้าน"

หลังจากนั้นเรื่องราวต่างๆ ระหว่างไลน์ 'Kie' และ 'Issara' กับบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างอาจารย์ต๊ะก็ถูกถ่ายทอดให้ผมฟัง มันดูไม่น่าเชื่อ แต่ผมต้องจำนนต่อหลักฐานทุกอย่างที่คุณอิสโชว์ให้ผมดู ทั้งข้อความทางไลน์ และกล้องวงจรปิดตอนที่เกิดเรื่อง เป็นข้อดีของเทคโนโลยีสมัยนี้ที่สามารถบันทึกไว้ได้ทั้งภาพและเสียงโดยที่ย้อนดูผ่าน application ทางมือถือได้เลย

และประโยคคำพูดที่ผมได้ยินชัดเจนและจำได้ดีเลย คือ



'ผมต่างหากที่โชคดีที่นิวเลือกผม ยอมเปิดใจให้ผม เพราะงั้นผมจะไม่ทำให้เค้าเสียใจเด็ดขาด'



เป็นประโยคที่ทำให้น้ำตาผมรื้นขึ้นมา …คำพูดและการกระทำที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้ยินหรือได้เห็นจากพี่กี้ ตอนนี้หัวใจผมมันเต้นรัวแรงขึ้นมาแล้ว…เต็มตื้น…อิ่มเอม…ดีใจ…ใจมันพองฟู…ตัวก็จะลอยแล้ว ผมไม่รู้จะหาคำจำกัดความไหนมาอธิบายความรู้สึกของผมตอนนี้เลยครับ

"ยิ้มได้แล้วใช่ไหมครับ" คุณอิสแอบแซวผม

"นิดนึงครับ"

"ต่อไปน้ีก็วางใจผมได้แล้วนะครับ ผมกับหมอกี้ไม่มีทางเป็นไปได้"

"ขอบคุณคุณอิสมากเลยนะครับที่อุตส่าห์มาบอกผม ทั้งที่จริงๆ ไม่ต้องมาบอกก็ได้"

"ไม่ได้หรอกครับ ผมไม่อยากให้คุณเข้าใจผิด"

"ครับ ขอบคุณมากจริงๆ "

ระหว่างที่ผมคุยกับคุณอิส ก็เห็นอาจารย์ต๊ะ ดูท่าทางแล้วเหมือนมีเรื่องอยากคุยกับผม ผมจึงขอปลีกตัวจากคุณอิส สังเกตเห็นสายตาที่คุณอิสมองอาจารย์ต๊ะนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา อาจารย์ต๊ะก็ดูเครียดๆ ผมจึงดึงตัวอาจารย์ต๊ะเข้าไปคุยที่ห้องพักแพทย์

"อาจารย์มีเรื่องอะไรอยากบอกผมรึเปล่าครับ"

"คุณอิสคงเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้นิวฟังแล้วใช่ไหม"

"ครับ"

"พี่ขอโทษที่สวมรอยเป็นกี้ ตอนแรกพี่แค่โดนเพื่อนท้าเฉยๆ ว่ากล้าจีบคุณอิสไหม แต่พี่มีแฟนอยู่แล้วไง กลัวว่าถ้าใช้ไลน์ตัวเอง แฟนพี่จะรู้ แล้วก็คิดแค่ว่าทำเล่นๆ ขำๆ ไม่ซีเรียสอะไร แต่พอเอาเข้าจริง ดันติดคุยไลน์กับคุณอิสซะงั้น จนตอนนี้…พี่ไม่เหลือใครแล้ว แฟนพี่ เค้าก็ทิ้งพี่ไปแล้ว"

"อืม ผมแค่รับฟังไว้นะครับ ไว้พี่กี้ฟื้น อาจารย์ค่อยไปบอกขอโทษพี่กี้เองนะ"

"พี่รู้ว่าพี่ต้องไปขอโทษกี้เอง แต่พี่รู้สึกผิด พี่เลยมาขอโทษนิวก่อน"

"เอาเป็นว่า…ในส่วนของผม ผมให้อภัยนะครับ"

"ขอบใจมากนิว"

ผมยิ้มให้อาจารย์ต๊ะ แล้วก็ขอตัวไปเปลี่ยนชุด วันนี้ผมเหนื่อยมาก อยากพักแล้ว ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว แค่อยากเปลี่ยนชุดแล้วไปนั่งรอพี่กี้ฟื้นก็เท่านั้น อย่างอื่นผมไม่อยากคิดและไม่อยากฟังแล้ว

แค่ได้รู้ว่า…พี่กี้ยังรักและซื่อสัตย์กับผมเหมือนเดิม ผมก็มีความสุขมากแล้ว

อยากบอกพี่กี้มากว่า…นิวขอโทษ นิวจะไม่หันหลังให้พี่อีกแล้ว มีอะไรนิวจะถามพี่ก่อน นิวจะไม่คิดเองเออเองอีกแล้ว…

ครั้งนี้คือบทเรียน…ที่เกือบพรากหนึ่งชีวิตที่แสนมีค่าจากผมไป คิดไม่ออกเลย หากผมต้องเสียพี่กี้ไปจริงๆ ผมจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร



ผมเดินกลับมาห้องพิเศษอีกครั้ง พบว่าเจ้าหน้าที่เข็นเตียงพี่กี้มาแล้ว แต่คนบนเตียงก็ยังไม่ฟื้น ดวงตายังคงปิดสนิท ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปเที่ยวไหนกันนะ

"นิว มากินข้าวได้แล้ว" กรีนเรียกผมให้ไปกินข้าว ผมจึงเดินไปนั่งลงข้างกรีน

"นิว พี่จะพาป๊ากับแม่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้ถึงจะมาเยี่ยมใหม่" พี่ไกร พี่ชายพี่กี้เอ่ยขึ้น

"ครับ มีอะไรเดี๋ยวผมจะรีบโทรบอกนะครับ"

"เดี๋ยวกรีนอยู่เป็นเพื่อนนิวเอง ป๊า แม่ พี่ไกร ไม่ต้องห่วงนะ" กรีนเสนอตัวอยู่เป็นเพื่อนผม

"งั้นก็ดี แม่จะได้หายห่วง"

"เดี๋ยวกรีนไปเอาของที่รถก่อนนะนิว อยู่คนเดียวไปก่อนนะ"

กรีนบอกผม แล้วลงไปเอาของพร้อมป๊า แม่ และพี่ไกร ทำให้ผมมีเวลาอยู่กับพี่กี้ตามลำพัง ผมเดินเข้าไปนั่งข้างเตียงพี่กี้ มองใบหน้าที่มักจะยิ้มให้ผมเสมอ แต่บัดนี้ดวงตาปิดสนิท ริมฝีปากเผยอออกน้อยๆ มีเพียงลมหายใจเข้าออกเท่านั้นที่ทำให้รู้สึกว่าเจ้าตัวยังมีชีวิต 

ผมกุมมือใหญ่แล้วบีบเบาๆ เพื่อส่งกำลังใจ หวังเหลือเกินว่า…พี่กี้จะรับรู้ว่าผมอยู่ข้างๆ ผมไม่ได้ไปไหน ผมพร้อมที่จะเดินไปกับพี่ ถึงพี่จะผ่าตัดไม่ได้ หรือสมรรถภาพการทำงานพี่จะลดลง แต่สำหรับผมแล้ว…พี่มีค่าเสมอ พี่ไม่ได้ด้อยค่าลงเลยแม้แต่น้อย

เพราะผมรักที่ตัวตนของพี่…

"รีบตื่นมาคุยกับนิวนะครับ นิวมีหลายเรื่องอยากบอกพี่เลย…"

"……"

"นิวคิดถึงพี่จังเลย ทั้งที่เมื่อเช้าเราเพิ่งคุยกันเนอะ แต่ทำไมนิวรู้สึกว่ามันน๊านนานเลยที่เราไม่ได้คุยกัน…"

"……"

"ตื่นมาหอมแก้ม แล้วลูบหัวนิวซักทีสิ… ถ้าพี่ไม่ตื่นขึ้นมา นิวจะขโมยหอมแก้มพี่แล้วนะ"

"……"

"คิดว่านิวไม่กล้าทำเหรอ นิวทำจริงๆ นะ …นับ 1 - 3 ถ้าไม่ตื่นจะหอมจริงๆ แล้วนะ"

"……"

"หนึ่ง…สอง…สองครึ่ง…สองจุดแปด…สองจุดเก้า…สา"

"อือ…"

"พะ พี่กี้! พี่ตื่นแล้วเหรอ?!"

"อือ ขอ…น้ำ"

"เอาน้ำเหรอ แปปๆๆ เดี๋ยวนิวรินให้"

ว่าแล้วผมก็รีบเทน้ำเปล่าใส่แก้ว พร้อมเสียบหลอดดูด จากนั้นก็นำไปเสิร์ฟพี่กี้ถึงที่เตียง โดยที่ผมต้องปรับระดับเบาะให้พี่กี้อยู่ในท่าที่สบาย

"ค่อยๆ ดื่ม เดี๋ยวนิวถือแก้วให้"

พี่กี้พยายามขยับแขนด้านขวา แต่ความปวดร้าวก็แล่นเข้าสู่ความรู้สึกอย่างจัง

"อ๊าา! ทำไมพี่เจ็บแขนด้านนี้"

ผมเอื้อมไปกุมมือใหญ่อีกรอบ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาสองข้างของพี่กี้ แล้วค่อยๆ เอ่ยกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"พี่ประสบอุบัติเหตุ แขนขวาและขาขวาของพี่หัก ตอนนี้พี่นอนอยู่โรงพยาบาลของเรา"

พี่กี้ดูตกใจกับประโยคบอกเล่าของผม ผมจึงบีบมือใหญ่แรงขึ้น เพื่อส่งผ่านกำลังใจให้

"แต่ไม่เป็นไรนะ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี"

"แล้ว…นิวมาอยู่นี่ได้ไง?" เหมือนพี่กี้ยังงงๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า

"พี่อยู่ไหน นิวก็อยู่นั้นแหละ… ไม่เอา พี่อย่าเพิ่งพูด อย่าเพิ่งถามอะไรเลย เอาเป็นว่านิวจะอยู่ข้างพี่ตรงนี้แหละ ตอนนี้กินน้ำก่อนนะครับ"

พี่กี้ค่อยๆ ดูดน้ำ แล้วมองมายังผมด้วยสายตาที่เหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง พอเอาหลอดออกจากปาก พี่กี้ก็เอ่ยขึ้นมา

"ขอบคุณมากนะนิว…ที่ยังอยู่ข้างกัน"

ผมไม่ได้ตอบอะไร แค่ยิ้มให้แล้วก้มลงไปหอมแก้มคนบนเตียงหนึ่งที…โทษฐานที่ตื่นช้า!



TBC.



Talk : พี่กี้ตื่นแล้ว เย้~~

เรื่องนี้ก็ดำเนินมาใกล้จบแล้วนะคะ เราจะรวมเล่มและมีตอนพิเศษที่ไม่ลงที่ไหนๆ เลยนะคะ เผื่อท่านใดสนใจ ขอแจ้งข่าวไว้ก่อนค่ะ เผื่อจะได้เก็บตังค์รอ (จะมีคนอุดหนุนไหม T^T) จริงๆ เราตั้งใจจะรวมเล่มเก็บเองคนเดียว แต่ถ้าพิมพ์แค่ 1 เล่ม มันแพงค่ะ เลยหาคนช่วยหาร แหะๆ มาช่วยเค้าหารหน่อยน๊าาา ><~~ แล้วก็จะทำ E-book ด้วยนะคะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในช่วงปั่นตอนพิเศษค่ะ เขียนตอนพิเศษเสร็จเมื่อไหร่ จะมาแจ้งรายละเอียดทั้งหมดนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านงานเขียนของนัก(ฝึก)เขียนโนเนมคนนี้ ตอนนี้ก็ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอกำลังใจเป็นหัวใจ โดเนท คอมเม้นท์หน่อยนะค๊าาา เลิฟทุกคนค่าา ^___^

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-09-2020 18:00:14
หวังว่าพี่กี้จะดีขึ้นเร็ว ๆ :L2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-09-2020 18:28:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-09-2020 19:27:40
 :hao5:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-09-2020 21:19:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-09-2020 22:02:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 11-09-2020 17:10:36
 :impress2: พี่กี้ตื่นแล้ววว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 11-09-2020 21:33:04
เย้~~ หายเร็วๆนะ หมอกี้ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 37 หรือฉันคิดไปเอง 9/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 12-09-2020 20:25:14
ตอน 38 บทสรุป


- หมอกี้ -

ผมเดินตามนิวไปเรื่อยๆ น้องเลี้ยวซ้ายผมก็เลี้ยวด้วย เลี้ยวขวาหรือทางคดเคี้ยวขนาดไหน ผมก็เดินตามนิวไปตลอด แต่แปลก…ไม่ว่าผมจะเพิ่มความเร็วของฝีเท้าขนาดไหน ผมก็เดินตามน้องไม่ทันซักที

และไม่ว่าจะร้องเรียกจนคอแทบแตก น้องก็ไม่ยอมหันมา หลายครั้งที่ผมถามตัวเองว่าหรือเราจะหยุดตามน้องดีนะ แต่ส่วนลึกในใจก็บอกว่าต้องไปต่อ ห้ามหยุดเดิน



"พี่กี้…พี่กี้…"

ผมหันซ้ายแลขวา เสียงเรียกชื่อผมมาจากไหนกันนะ ผมหาต้นเสียงไม่เจอ แต่ผมมั่นใจว่านั่นคือเสียงนิวอย่างแน่นอน!

"สองจุดห้า…สองจุดแปด…"

เสียงนิวดังมาอีกแล้วครับ คราวนี้รู้สึกเหมือนก้องอยู่ในหัว ผมจึงหยุดเดินแล้วหลับตาลงช้าๆ ใช้สองมืออุดหูทั้งสองข้าง เสียงน้องยิ่งชัดเจนมากขึ้น

"สองจุดเก้า…"

ผมลืมตาตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่มองเห็นคือเพดานสีขาวที่คุ้นเคย มองมายังด้านข้างก็เห็นใบหน้าคนที่อยู่ในความฝัน…นิวนั่นเอง!

ผมพยายามจะยกมือขึ้นไปสัมผัสหน้าน้อง แต่แปลก…ทำไมผมขยับไม่ได้ มันหนักไปทั้งแขน แถมยังรู้สึกเจ็บร้าวราวกับกระดูกข้างในแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นั่นทำให้ผมสงสัยในตัวเองยิ่งนัก เตรียมขยับปากจะถามความเป็นไปกับนิว ก็ไร้เสียงออกมาจากริมฝีปาก แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม ท้ายสุดแล้ว ผมก็เค้นเสียงพูดออกมาได้เพียง

"อือ ขอ…น้ำ"

แล้วนิวก็กระวีกระวาดหาน้ำมาให้ผมดื่ม พอได้น้ำเปล่าบริสุทธิ์ คอที่แห้งผากของผมก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น จึงพยายามขยับแขนขวาอีกครั้ง

"อ๊าา! ทำไมพี่เจ็บแขนด้านนี้"

นิวตกใจที่ได้ยินผมร้องขึ้น แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าแทบจะในทันที น้องส่งสายตามาหาผมด้วยความอ่อนโยนและเป็นห่วง ซึ่งผมรับรู้ได้ มือเล็กเกาะกุมมือผมไว้ แล้วจ้องเข้ามาในดวงตาผม ราวกับจะสื่อสิ่งที่อยู่ในใจให้ผมรับรู้

"พี่ประสบอุบัติเหตุ แขนขวาและขาขวาของพี่หัก ตอนนี้พี่นอนอยู่โรงพยาบาลของเรา"

ผม…เกิดอุบัติเหตุ!? ผมส่งสายตามองไปที่แขนขวาและขาขวาของตัวเอง ก็พบผ้าก๊อซพันรอบไว้ทั้งสองตำแหน่ง ผมพยายามจะขยับอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

"แต่ไม่เป็นไรนะ การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี"

ระหว่างที่นิวบอกกล่าวเรื่องราว ในหัวผมก็คิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามเรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่ผมไปร้านคุณอิส จนมีเรื่องชกต่อยกับพี่ต๊ะ และภาพสุดท้ายที่ทำให้ผมแทบครองสติไม่อยู่ คือ นิวหันหลังแล้วเดินจากผมไป จากนั้นผมก็ขับรถตามนิวไป ผมปวดหัวและปวดตามากๆ ท้ายสุดเปลือกตาผมก็ปิด จากนั้นสติผมก็ดับวูบลง

ผมหันมองรอบห้องอีกครั้ง แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้านิว

"แล้ว…นิวมาอยู่นี่ได้ไง? "

"พี่อยู่ไหน นิวก็อยู่นั้นแหละ… ไม่เอา พี่อย่าเพิ่งพูด อย่าเพิ่งถามอะไรเลย เอาเป็นว่านิวจะอยู่ข้างพี่ตรงนี้แหละ ตอนนี้กินน้ำก่อนนะครับ"

นิวหายโกรธผมแล้วเหรอ? เป็นสิ่งที่ผมอยากเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไปมาก แต่น้องก็ดันสั่งห้ามผมไว้ ผมทำได้แค่บอกขอบคุณ แทนทุกอย่างจากหัวใจ

"ขอบคุณมากนะนิว…ที่ยังอยู่ข้างกัน"

น้องไม่ตอบอะไรผมครับ แต่ดันก้มลงมาหอมแก้มผมซะงั้น กำลังอ้าปากจะถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ แต่ประตูห้องพักก็เปิดออก…กรีนนั่นเอง

"เฮีย! ตื่นแล้วเหรอ?!" ร่างบางๆ ของน้องสาวผมรีบวางของแล้วตรงดิ่งมาทางผม ดูตื่นเต้นมาก ออกจะเกินไปหน่อย

"อือ"

"เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนไหม" แล้วกรีนก็จับๆ ไปตามตัวผม อยากบอกน้องตัวเองมากว่า จะเจ็บก็ตอนมันจับตัวผมนี่แหละ แต่สภาพผมไม่อำนาย นอนนิ่งๆ ไปดีกว่า

"ฟื้นเร็วกว่าพี่หมออาร์บอกอีกนะเนี่ย เดี๋ยวกรีนโทรบอกป๊ากับแม่ก่อนนะ" ผมพยักหน้ารับคำ

จากนั้นผมก็ไม่ได้สนใจใครอีกครับ แม้จะเป็นนิวหรือกรีนก็ตาม เพราะผมเพิ่งมีสติคิดได้ว่าขาขวาที่หักนั้น ช่วงแรกก็คงต้องนั่งรถเข็น แล้วค่อยใช้ไม้ค้ำยัน นั่นทำให้ผมเคลื่อนไหวลำบาก แต่อะไรก็ไม่เลวร้ายเท่าแขนหักหรอกครับ เพราะผมจะไม่สามารถผ่าตัดได้เลย อย่างน้อยๆ ก็ 2-3 เดือน หรืออาจจะนานกว่านั้น

พอคิดไปถึงชะตากรรมที่ผมต้องแบกรับ ผมก็รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

ผม…รักการผ่าตัด

ผม…รักการเป็นแพทย์ศัลยกรรม

ผม…คงทนไม่ได้ หากผมต้องสูญเสียความสามารถในการผ่าตัดนี้ไป






- หมอนิว -

เข้าสู่วันที่สามที่พี่กี้นอนโรงพยาบาล ผมมาเฝ้าตลอดครับ ยกเว้นในวันที่มีเวรก็ต้องเป็นกรีน ตอนนี้กรีนกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ส่วนผมก็เพิ่งราวด์วอร์ดเสร็จ จึงรีบมาดูพี่กี้ทันที

ตั้งแต่ฟื้นมา พี่กี้กลายเป็นคนพูดน้อย ถามคำตอบคำ หน้าตาไม่ค่อยสดชื่นมากนัก นั่นทำให้ผมเป็นห่วง ก็เลยแอบ consult จิตแพทย์ ได้ความว่า เป็นภาวะหลังเกิดเรื่องสะเทือนใจครั้งใหญ่ ต้องรอดูว่า ถ้ามีอาการแบบนี้ติดต่อกันนานกว่า 2 อาทิตย์ ค่อยมาประเมินกันอีกครั้งว่าควรรักษายังไง

"พี่กี้กินส้มไหม เดี๋ยวนิวปลอกให้" ผมเอ่ยถามคนที่เอาแต่นอนมองหน้าต่างห้องพัก

"ไม่เป็นไร"

"กินหน่อยน๊าา" ผมต้องใช้ลูกอ้อนครับ ซึ่งมักจะได้ผล ถ้าพี่กี้เริ้มดื้อ

"งั้นก็ปลอกมา"

แล้วผมก็รีบปลอกส้มให้ แกะเป็นกลีบเรียงไว้ในจานอย่างสวยงาม ไม่ให้มีเส้นใยติดเลยล่ะ สงสัยไหมครับ ทำไมผมทำเป็น แม่พี่กี้สอนผมทั้งนั้น ตั้งแต่มาเฝ้าพี่กี้ ก็มีวิชาความรู้แม่ศรีเรือนมาสอนผมตลอด แต่ผมเรียนแล้วมันออกจะเป็นผีบ้านผีเรือนซะมากกว่า

"อ้าปาก เดี๋ยวนิวป้อน" ผมบอกคนบนเตียงให้อ้าปาก ซึ่งคนทำตามก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

"อร่อยไหมครับ" ผมเอ่ยถามพี่กี้ด้วยน้ำเสียงห่วงใย

"อืม"

ผมยิ้มให้คำตอบรับที่แสนจะสั้น แล้วก็ป้อนไปเรื่อยๆ จนเหลือกลีบสุดท้าย ผมนึกอยากให้พี่กี้อารมณ์ดีกว่านี้ ผมจึงหยิบส้มชิ้นนั้นเข้าปากตัวเอง แล้วโน้มใบหน้าเข้าหาพี่กี้ ประคองใบหน้าอีกฝ่ายไว้ พี่กี้มองผมด้วยสายตาแปลกๆ แต่ผมก็ไม่สนใจ ผมประกบปากตัวเองเข้าหาเรียวปากที่คุ้นเคย ดูดดุนตามขอบปาก เพื่อให้อีกฝ่ายเปิดรับสัมผัสที่ผมจะป้อนให้ พี่กี้ก็ไม่ขัดขืน ทำตามความประสงค์ของผม แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าพี่กี้ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมมากนัก จึงเป็นผมที่แอบหงอยเอง

ผมเดินไปล้างและเก็บจานเงียบๆ เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ผมเสียเซลฟ์นิดหน่อย แต่ผมก็ไม่คิดจะหยุดดูแลพี่กี้หรอกนะครับ

"มานี่สิ นิว" พี่กี้เรียกผมให้ไปหา ผมจึงเดินไปหา

"ขึ้นมานอนข้างๆ พี่บนเตียงนี่" พี่กี้ใช้มือซ้ายตบเบาะข้างๆ ตัวเอง ซึ่งมีพื้นที่น้อยนิด แต่ผมก็มั่นใจว่าสามารถขึ้นไปนอนได้

ผมปีนขึ้นไปนอนข้างๆ พี่กี้ เรานอนหันหน้าเข้าหากัน สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีใครพูดอะไร เอาแต่จ้องตากันนิ่ง

"พี่ไม่เหมือนเดิมนะนิว…" เป็นพี่กี้ที่เอ่ยทำลายความเงียบ

"แล้ว…"



"นิวรับได้เหรอ…นิวอาจจะมีแฟนเป็นคนพิการนะ"



พี่กี้พูดด้วยน้ำเสียงของคนสิ้นหวัง แต่ก็เป็นคำถามที่วัดใจผมพอดู



"ถึงร่างกายพี่จะพิการ…แต่นิวมั่นใจว่า จิตใจพี่ไม่พิการแน่นอน"



ผมตอบโดยที่จ้องดวงตาพี่กี้นิ่งเลย เพื่อยืนยันว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ



"มันไม่ง่ายนะนิว ถ้าต้องมาใช้ชีวิตกับคนพิการ"

"พี่ก็พูดเว่อร์ไป แค่นี้เองมันจะพิการได้ไง พี่ก็รู้อยู่แล้ว" ขอว่าให้คนป่วยหน่อยเถอะ แค่กระดูกขากับแขนหัก 2 ท่อนเอง แถมเป็นกระดูกชิ้นที่กลับคืนมาปกติได้ด้วย จะมาพิกงพิการอะไรกัน

"ไม่หลงกลหน่อยเหรอ"

"นั่น! แกล้งนิวเหรอ" ฮึ่มมม ขนาดป่วยก็ยังแกล้งผมได้อีก ผมว่าไม่ต้อง consult จิตแพทย์แล้วล่ะ พี่กี้คนเดิมกลับมาแล้ว

"ไม่ได้แกล้ง พี่อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าพี่พิการ นิวจะยังอยู่ข้างพี่ไหม" ในขณะที่พูดไป แขนข้างซ้ายของพี่กี้ที่เป็นปกติก็เริ่มโอบผมไว้หลวมๆ แล้ว

"อยู่ดิ…ทำไมถึงคิดว่านิวจะไม่อยู่ข้างๆ พี่ล่ะ" ขอถามกลับบ้างเถอะ ชอบแกล้งผมดีนัก

"อนาคตนิวยังอีกไกลนะ จะเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับคนไม่สมประกอบทำไมล่ะ หืม?" พี่กี้ใช้มือด้านที่เป็นปกติลูบแก้มผมเบาๆ

"…อนาคตของนิว คือ พี่ไง …เราจะเดินไปด้วยกัน นิวจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน เพราะ…นิวรักพี่"

"พี่ก็รักนิวครับ"

คำรักของพี่กี้ในนาทีนี้ มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันมีชีวิตชีวา มันมีพลัง… ผมเชื่อเสมอว่า ตราบใดที่เรายังจับมือกัน ปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ เราก็จะฝ่าฟันมันไปให้ได้

พี่กี้รั้งผมเข้าไปหา จุมพิตบางเบาที่หน้าผาก มือใหญ่กอดผมไว้หลวมๆ ผมก็กอดตอบอย่างไม่ลังเล…เราจะมีกันและกันแบบนี้ตลอดไป



.



ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเคาะจากด้านนอก ผมที่กำลังจะพยุงพี่กี้ไปเข้าห้องน้ำก็ต้องผละตัวออกมาเพื่อไปเปิดประตู

…คุณอิสนั่นเอง…

จริงสิ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น ผมกับพี่กี้ยังไม่มีใครเอ่ยถึงประเด็นเกี่ยวกับคุณอิสเลย ผมก็ไม่แน่ใจว่าที่เราไม่พูดถึงกันนั้น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องต้องห้าม หรือแค่ไม่อยากเอ่ยถึงให้เสียบรรยากาศกันแน่ และผมไม่ได้เล่าให้พี่กี้ฟังด้วยว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ดังนั้น พอคุณอิสปรากฎตัว พี่กี้จึงมีท่าทีตกใจอยู่ไม่น้อย และแปลกใจมากขึ้น เมื่อเห็นผมกับคุณอิสคุยกันดีๆ ออกจะเป็นการหยอกล้อเสียด้วยซ้ำ

"หมอนิว เหนื่อยไหมครับ ได้ยินว่าเฝ้าหมอกี้ตลอดเลย"

"เหนื่อยมากครับ คนป่วยขี้แกล้ง ฮ่าๆ"

"งั้นพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวผมดูให้" คุณอิสต่อปากต่อคำผมด้วยรอยยิ้มขำๆ

"ไม่เป็นไรครับ หวง ฮ่าๆ" ผมก็ตอบโต้ไม่ยอมลดละนะครับ ทำให้พี่กี้มองผมทีมองคุณอิสที คงงงว่าระหว่างผมกับคุณอิสมันเกิดอะไรขึ้น

"หมอกี้ไม่ต้องงงนะครับ เราสงบศึกกันแล้ว เราตกลงกันว่า…วันคู่หมอกี้เป็นของผม ส่วนวันคี่หมอกี้เป็นของหมอนิว"

"ห๊ะ!?!"

ตลกมากครับ ตอนนี้หน้าพี่กี้เหวอไปแล้ว ส่วนผมสองคนนี้หัวเราะกันหนักมาก

"เชื่อจริงเหรอครับ ว่าหมอนิวจะยอม" คุณอิสเดินเข้าไปคุยกับพี่กี้ที่ข้างเตียง

"ก็กำลังงงๆ อยู่นี่แหละครับ สรุปแล้วไปญาติดีกันตอนไหน"

"หลังหมอกี้เกิดอุบัติเหตุ …ผมเล่าทุกอย่างให้น้องหมอนิวฟังหมดแล้วครับ เพราะงั้นเราเลยเข้าใจกันแล้ว"

"รวมถึงเรื่อง…พี่ต๊ะ?"

"ใช่ ทุกเรื่องเลยครับ"

"ถึงว่าล่ะ หลังจากที่ฟื้น นิวไม่ถามอะไรพี่ซักคำเลย …ร้ายนะเรา รู้แล้วก็ไม่ยอมบอกพี่" ประโยคหลัง พี่กี้หันมาส่งสายตางอนๆ มาทางผม

"ก็พี่ไม่ถามนิวเอง… มาครับ ไหนว่าอยากเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวนิวพยุงไป" แล้วผมก็ค่อยๆ พยุงพี่กี้ลงจากเตียง มีคุณอิสช่วยอยู่อีกข้าง

พอเข้าไปถึงห้องน้ำ คุณอิสก็ออกมารอด้านนอก เป็นผมเองที่จัดการธุระในห้องน้ำให้พี่กี้ ผมทำจนชินแล้วล่ะครับ เพราะตั้งแต่วันแรกที่พี่กี้ฟื้นจนมาถึงวันนี้ ทุกคนก็มอบหน้าที่นี้ให้ผมไปโดยปริยาย ไม่ว่าจะเช็ดตัว เปลี่ยนชุด พาเข้าห้องน้ำ เป็นผมทั้งนั้น ถ้าวันไหนผมติดเวร พี่กี้จะไม่ยอมให้ใครทำหน้าที่นี้แทนเลย รอผมคนเดียวเลยครับ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆ ก็แค่มีคนพยุงไปส่งหน้าห้องน้ำพอ นอกนั้นเจ้าตัวจัดการเอง

บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจคนป่วย ทั้งที่ไม่มีผมก็จัดการธุระตัวเองได้นะ แต่พอมีผมเท่านั้นล่ะ อะไรๆ ก็ทำไม่ค่อยได้ อยากจะหมั่นไส้ แต่หมั่นไส้ไม่ลงครับ

พอออกมาจากห้องน้ำ ก็พบกับแขกอีกหนึ่งคนที่เพิ่งปรากฎตัว…อาจารย์ต๊ะนั่นเอง…ตั้งแต่พี่กี้ฟื้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่อาจารย์ต๊ะมาเยี่ยม

ผมรับรู้ได้ว่ามีพลังงานบางอย่างระหว่างคนด้านนอกทั้งสอง…ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

"อาจารย์ต๊ะ มานานยังครับ" เป็นผมเองที่เอ่ยทักขึ้น เพราะคนอื่นๆ ดูไม่ค่อยจะต้อนรับมากนัก

"เพิ่งมาครับ พี่ซื้ออาหารเที่ยงมาเยี่ยมด้วย น่าจะยังไม่มีคนทานใช่ไหมครับ" ประโยคหลัง เหมือนถามคนอื่นๆ แต่ทุกคนก็เงียบ ไม่มีคนตอบ จึงเป็นผมอีกแล้วที่ต้องตอบ

"เพิ่ง 11 โมงเอง ยังไม่มีใคนทานหรอกครับ …คุณอิสก็ยังไม่ทานใช่ไหมครับ" ผมหันไปถามคุณอิส เมื่อเราพยุงพี่กี้ไปถึงเตียง

"ยัง แต่ผมคงต้องขอตัวนะครับ ตอนเที่ยงมีนัดทานข้าวกับผู้บริหารท่านอื่น"

"งั้นก่อนคุณอิสไป พาผมไปซื้อของให้พี่กี้หน่อยสิครับ …แค่ด้านล่างเองครับ"

ผมเอ่ยชวนคุณอิสออกมาจากห้อง เพราะต้องการให้พี่กี้กับอาจารย์ต๊ะปรับความเข้าใจกัน อย่างน้อยอาจารย์ต๊ะก็แสดงความจริงใจด้วยการเข้าไปช่วยผ่าตัดพี่กี้มาแล้ว และพี่กี้ก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร ทั้งสองน่าจะปรับความเข้าใจกันได้

จากนั้นผมก็ลากคุณอิสมานั่งดื่มกาแฟที่ร้านของโรง'บาลด้านล่างครับ เราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย เหมือนที่ผ่านมาไม่เคยมีประเด็นอะไรกันมาก่อน พอดีเจอพี่แนน ก็เลยลากพี่แนนมาเม้าท์มอยกันด้วยอีกคน…สนุกสนานกันทีเดียว

ถ้ามีใครที่ไม่รู้จักเราสามคน คงเข้าใจว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เลยล่ะ…





- หมอกี้ -

ผมมองดูคนที่เพิ่งเดินเข้ามาแล้วยืนทำตัวเก้ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะนั่งหรือยืนดี เพราะตอนนี้เหลือแค่ผมกับเขาสองคน สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น

"นั่งก่อนสิพี่"

"อืม"

สิ้นคำตอบรับ พี่ต๊ะก็นั่งลงตรงโซฟารับแขกที่อยู่ข้างเตียงผู้ป่วย มีโต๊ะรับแขกวางกั้นระหว่างผมกับเขา

"พี่มาหาผมทำไม" ผมถามตรงประเด็นทันที ไม่ต้องไว้หน้ากันแล้ว

"พี่มา…ขอโทษ"

"……"

"กูขอโทษนะเว้ยที่ปลอมไลน์เป็นมึง กูมันเหี้ยเอง มีแฟนแล้วยังไม่รู้จักพอ …แถมชอบเค้า ก็ยังไม่กล้าบอกว่าเป็นตัวเอง ยังใช้ชื่อมึงอีก…แล้วก็ขอโทษที่วันนั้นมือหนักไปหน่อย เล่นซะจนมึงขับรถไม่ได้ จนเกิดอุบัติเหตุใหญ่ขนาดนี้…กูขอโทษมึงจริงๆ นะเว้ย ไม่คิดว่าจะเดือดร้อนกันขนาดนี้"

"ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว"

"ถึงจะผ่านไปแล้ว กูก็ยังไม่สบายใจเท่าไหร่"

"พี่ก็เข้าไปผ่าตัดให้ผมแล้วไง เข้าไปช่วยชีวิตผมแล้วหนิ เจ๊ากันแล้ว อย่าคิดมากเลยพี่" ตั้งแต่วันที่ฟื้นมา ทุกคนก็พูดกรอกหูผมว่าใครเข้าไปช่วยผมในห้องผ่าตัดวันนั้นบ้าง ตอนนี้ผมแทบจะไล่ชื่อเจ้าหน้าที่ได้ทุกคนแล้วครับ

"วันนั้นกูแม่ง…โคตรรู้สึกผิดเลยว่ะ ถ้ากูไม่เข้าไปช่วยมึง กูคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต"

"ขนาดนั้นเลยเหรอพี่"

"เออสิวะ"

"เอาเป็นว่าผมไม่ถือโทษโกรธอะไรพี่แล้วกัน ต่างฝ่ายก็ได้รับผลกรรมแล้ว ได้ข่าวว่าพี่เพิ่งเลิกกับแฟนด้วยหนิ"

"อืม ก็สมควรแล้วล่ะ เค้าจับได้ว่ากูคุยกับคุณอิสนี่แหละ เค้าเลยขอเลิกกับกูเลย"

"ก็ดีแล้ว ปล่อยเด็กให้มันไปมีอนาคตที่ดีเถอะพี่"

"อยู่กับกูไม่มีอนาคตหรือไงวะ"

"อนาคตน่ะมี แต่ไม่รู้จะถูกเขี่ยทิ้งเมื่อไหร่"

"ยังไงกูก็ให้เค้าที่หนึ่งป่ะ กังวลอะไรวะ"

"ความรักนะพี่ ไม่มีใครอยากเป็นที่หนึ่ง หรือที่สองหรอก อยากเป็นแค่…หนึ่งเดียว"

"กูยังเข้าไม่ถึงความรู้สึกนั้นว่ะ"

"พี่ก็ลองดูอีกซักครั้งสิ…ตอนนี้พี่ก็ว่างแล้ว คุณอิสก็ว่างอยู่ ไหนๆ พี่ก็หงายไพ่ในมือแล้ว ไปต่อสิ จะรออะไร"

"มึงพูดจาดีมีเหตุผลว่ะ…"

เราพูดกันมาถึงตรงนี้ ประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะ แล้วก็ถูกเปิดออกจากข้างนอก คนที่ก้าวเท้าเข้ามาก็คือ นิว ผมจึงอดถามหาอีกคนไม่ได้

"อ้าว แล้วคุณอิสล่ะนิว"

"กลับแล้ว …พวกพี่คุยกันเรียบร้อยยังเนี่ย"

พวกผมพยักหน้ากันหงึกๆ แล้วผมก็บุ้ยใบ้ปากให้พี่ต๊ะรีบตามไปสิ ตามไปตอนนี้ก็น่าจะทันอยู่ แล้วพี่ต๊ะก็ขอตัวออกจากห้องไป ทำเอานิวถึงกับงง เพราะเมื่อกี้เพิ่งชวนกินข้าว แต่อยู่ดีๆ ก็รีบกระวีกระวาดออกไปจากห้องซะงั้น

ผมชักจะมีเรื่องให้สนุกอีกแล้วสิครับ หึหึ



TBC.



Talk : แต่ละฝ่ายเข้าอกเข้าใจกันแล้ว เมื่อทุกคนแฮปปี้ ไรท์ก็แฮปปี้ค่าาา อิอิ วันพุธมาต่อตอนจบให้นะคะ ส่วนตอนพิเศษ #เภฟิล์มหมอเต็ม ต่อให้อีกทีวันเสาร์นะคะ ส่วนเรื่องรวมเล่มกำลังอยู่ในช่วงหา inspire เขียนตอนพิเศษ #หมอกี้น้องนิว ฝากทุกคนรอติดตามด้วยนะค๊าาา ><~~~

ตอนนี้ฝากด้วยเช่นเคยค่ะ ขอกำลังใจเป็นหัวใจ โดเนท หรือคอมเม้นท์น่ารักๆหน่อยนะค๊าา ขอบคุณค่าา

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 12-09-2020 20:36:56
เออเคลียร์ๆกันไปสักทีเถ๊อะ เรื่องร้ายๆกำลังจะผ่านไป ว่าแต่เรื่องสนุกอารายอีกละจ๊ะ อุ๊ต๊ะๆ 555 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-09-2020 20:40:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-09-2020 22:20:27
 :hao3:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-09-2020 23:27:27
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 13-09-2020 10:18:16
พี่กี้หายเป็นปกติเร็ว ๆ นะครับ สงสารน้องนิว
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-09-2020 22:40:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 38 บทสรุป 12/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 16-09-2020 17:57:42
ตอน 39 จบบริบูรณ์


- หมอนิว -

หลังจากพี่กี้นอนโรง'บาลได้อาทิตย์กว่าๆ อาจารย์อาร์ก็ให้ออกจากโรง'บาลได้ คำถามคือ พี่กี้จะพักฟื้นที่หอพักแพทย์? หรือ ที่บ้าน? เพราะต้องพักงาน 2-3 เดือนเลยทีเดียว ถ้าเป็นคนอื่นคงตอบทันทีว่ากลับไปพักฟื้นที่บ้าน แต่พี่กี้บอกกับทุกคนว่าขออยู่ที่หอพักแพทย๋

แน่นอนว่าทุกคนไม่เห็นด้วย ห้องที่ไม่ใหญ่มาก ไม่มีคนดูแลตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระผมไปโดยปริยาย …นั่นคือคนอื่นคิด แต่สำหรับผมไม่มีปัญหาเลย อาจจะขลุกขลักบ้างในวันที่ผมมีเวร แต่ผมมั่นใจว่าผมจัดการได้ และผมก็ไม่อยากห่างจากพี่กี้ด้วย กลัวคนป่วยซึมเศร้า และก็แอบกลัวตัวเองซึมเศร้าด้วยเหมือนกัน ก็คนมันเคยอยู่ด้วยกันนะครับ ถ้าถูกจับแยกนี่ก็โหวงๆ อยู่นะ

"แม่ว่ากี้กลับไปอยู่บ้านเราดีกว่า ที่นี่ไม่มีคนดูแลตลอดนะ"

"กี้พอไหวน่าแม่ ยังไม่ถึงกับพิการ พอช่วยเหลือตัวเองได้อยู่"

"แม่กลัวน้องกังวล ไหนจะทำงาน ไหนจะต้องรีบกลับมาดูเราอีก"

"ไม่เป็นไรครับแม่ นิวไหว" ผมรีบบอก เดี๋ยวทุกคนจะเข้าใจแบบนั้นจริงๆ

"ดูแลคนป่วย มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก ไหนจะหาข้าวหาน้ำ พาเข้าห้องน้ำอีก"

"นิวว่า ลองซักอาทิตย์นึงก่อนก็ได้นะครับ ถ้าไม่ไหว เดี๋ยวนิวรีบบอกเลยครับ" ต้องต่อรองครับ

"เฮ้ออ แม่ต้องยอมใช่ไหมเนี่ย ดื้อกันทั้งสองคนเลย"

"เอาน่าแม่ เดี๋ยวกรีนแวะมาหาบ่อยๆ" กรีนเอ่ยสำทับขึ้น

สุดท้ายแม่ก็ยอมให้พี่กี้อยู่หอพักครับ จากนั้นก็เป็นหน้าที่ผมที่ต้องจัดการเวลา และจัดการคนป่วยที่บางวันก็ดื้อเหลือเกิน

"พี่กี้ ถึงเวลากินข้าวแล้ว เดี๋ยวนิวพยุงมาที่โต๊ะนะ"

ผมพูดกับคนป่วยที่ตอนนี้ติดซีรี่ส์ US หนักมาก และดูท่าทางแล้วไม่น่าจะได้ยินที่ผมพูด

"พี่กี้! ฟังนิวไหมเนี่ย?!"

"ฟังๆๆ ครับ"

"งั้นก็กด pause ไปก่อน มากินข้าวเร็ว" ผมมายืนอยู่ตรงหน้าคนป่วยแล้วครับตอนนี้ ส่วนคนป่วยนั้น

"แป๊ปๆ กำลังสนุกเลย"

"ไม่ได้! วันนี้นิวมีตรวจ opd ต้องรีบราวด์รีบไปตรวจ เข้าใจไหม?!" ผมเริ่มแหวใส่แล้วครับ ทำให้คนป่วยยิ้มแหยๆ แล้ววางไอแพด ยอมยืดตัวขึ้น แล้วหย่อนขาลงเตียง เพื่อให้ผมพยุงได้สบายๆ ผมก็เข้าไปพยุง แล้วค่อยๆ เดินกันมาที่โต๊ะอาหาร ผมจึงเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง คนป่วยก็นั่งลงอย่างว่าง่าย

จากนั้นผมก็ตักข้าวเตรียมจะป้อน แต่คนป่วยกลับเอ่ยขึ้น

"เดี๋ยวพี่กินเอง จะลองฝึกใช้มือซ้าย"

"ไหวเหรอพี่ ให้นิวป้อนนี่แหละ"

"ไม่เอา อยากลองช่วยตัวเองบ้าง"

สุดท้ายผมก็ต้องยอมครับ เอาถ้วยโจ๊กไปวางไว้ตรงหน้าคนป่วย มือซ้ายหยิบช้อนขึ้นมา ตักโจ๊กขึ้นมาหนึ่งคำ พยายามจะเอาเข้าปากตัวเอง แต่ก็ดูลำบากเหลือเกิน ผมทนมองภาพนั้นไม่ได้ จึงต้องไปแย่งช้อนในมือพี่กี้มาถือไว้ซะเอง

"มานี่ เดี๋ยวนิวป้อน …อย่าคิดมากน่า นิวไม่ได้รู้สึกว่าพี่เป็นภาระ เพราะงั้นนิวป้อนพี่เอง" ประโยคหลังๆ ผมพูดไปพร้อมกับจ้องตาพี่กี้นิ่งนาน สุดท้ายคนป่วยก็ต้องยอมอ้าปาก และกลืนโจ๊กลงไปในลำคอ

"ว่าง่ายแบบนี้ น่ารัก" ผมเอ่ยชมคนป่วยจากใจจริงเลยครับ

"จากหล่อๆ กลายเป็นคนน่ารักเลยเรา" พี่กี้บ่นไม่จริงจังอะไรนักครับ ทำเอาผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

"เปลี่ยนกันไหม"

"เปลี่ยนอะไร?"

"เปลี่ยนตำแหน่งกัน"

"ตำแหน่งอะไร"

"บางครั้ง…นิวก็…อยาก…รุกบ้าง"

"ไม่มีทาง"

"ฮ่าๆๆ" ผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ครับ ดูพี่กี้จะกลัวจริงจังนะว่าตำแหน่งรุกจะถูกผมแย่งชิงไป  ฮ่าๆๆ

"หัวเราะชอบใจใหญ่เลยนะ"

"ก็มันอดไม่ได้นี่นา ฮ่าๆๆ"

"เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำทั้งอย่างนี้เลย"

"ฮ่าๆๆๆๆ" เป็นอีกครั้งที่ผมขำออกมาหนักมากกก โถววว แค่เดินยังต้องพยุง จะมาจับเราปล้ำ ฝันรึเปล่าพ่อ เอ็นดูววว ฮ่าๆๆ

"ระวังตัวไว้เถอะไอ้ตัวดี"

"กลัวจังเลยคร๊าบบบ"

แล้วเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ดีจังเลยครับบรรยากาศแบบนี้ ทำให้คนป่วยไม่ป่วยใจตามไปด้วย ไม่นานผมก็ป้อนโจ๊กพี่กี้เสร็จ จากนั้นก็พยุงคนป่วยไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะกว่าผมจะกลับมาคงเที่ยงเลยครับ สงสารคนป่วยก็สงสารอยู่ แต่ทำไงได้ ต้องอดทนไปด้วยกันนะครับ ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากแบบนี้ เป็นช่วงเวลาทดสอบใจกันเลยล่ะ



.



พอเที่ยงผมก็รีบไปป้อนข้าวพี่กี้ครับ ส่วนอาหารนั้นผมเลือกผูกปิ่นโตร้านอาหารตามสั่งหน้าโรง'บาล เค้ามาส่งทุกเช้าเที่ยงเย็นที่ล่างหอพัก พอผมเดินไปถึงหอ อาหารก็ถูกวางไว้มุมประจำอยู่แล้ว เพราะงั้นเรื่องอาหารจึงตัดไปได้เลย ผมจัดการแล้ว เรื่องเสื้อผ้าก็ส่งซักรีดเป็นประจำอยู่แล้ว ของใช้ส่วนตัวก็ซื้อมากักตุนไว้เยอะอยู่ ถ้าหมดก็พึ่งพาร้านสะดวกซื้อไปก่อน เรื่องเงินก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะแม่พี่กี้มาทีไรก็ชอบยัดเงินใส่มือผม ซึ่งผมก็ไม่อยากรับไว้หรอกครับ เพราะผมก็ไม่ได้เดือดร้อนมาก แต่พี่กี้บอกว่าให้รับไว้เถอะ แม่จะได้สบายใจ

ส่วนเรื่องเวลานั้นเป็นเรื่องที่จัดการยากที่สุดครับ แต่ก็พยายามจัดสรรอย่างดีที่สุด โชคดีที่พี่ๆ เพื่อนๆ เข้าใจผม จึงจัดเวรให้ผมเบาๆ ไม่ค่อยมีเวรดึกเท่าไหร่ หรือถ้ามี ก็จะขอแลกกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็ใจดีครับ ยอมแลกด้วยตลอด

"เย็นนี้ เราไปเดินเล่นที่สวนของโรง'บาลดีไหมพี่" ผมเอ่ยชวนพี่กี้ เพราะคนป่วยอยู่แต่ในห้องมาเป็นอาทิตย์แล้ว

"เอาสิ"

"งั้นนิวรีบดูเคส แล้วรีบกลับมานะ"

"…เหนื่อยไหม" อยู่ดีๆ พี่กี้ก็ถามผมขึ้นครับ

"ไม่เหนื่อย"

ผมตอบพี่กี้เสียงใส แต่ความจริงมันก็มีความเหนื่อยอยู่บ้างแหละครับ แต่เพื่อคนที่เรารัก ความเหนื่อยมันก็อันตรธานหายไปเอง ถูกเติมเต็มด้วยความสุขใจแทน

"ขอบใจมากนะครับ…ที่ดูแลพี่ดีมาตลอด"

พี่กี้ค่อยๆ ยกแขนขวาขึ้น แล้วก็ยกขึ้นได้ นั่นทำให้ผมตื่นเต้นมาก เจ้าตัวก็ตื่นเต้นไม่ต่างจากผมเลย

"พี่ยกแขนได้แล้วหนิ!"

"อืม นี่ครั้งแรกเลยนะ!"

"เก่งมากกกก เพิ่งพักฟื้นไม่นานเองนะ"

นาทีนี้ผมดีใจกับพี่กี้มากๆ เหมือนเราได้เห็นพัฒนาการจากวันแรกจนมาถึงวันนี้ เห็นถึงความตั้งใจที่พี่กี้ทำกายภาพเองบ่อยๆ แม้ว่าจะนั่งดูซีรี่ส์ไป แต่แขนก็พยายามทำกายภาพตามที่นักกายภาพสอนอยู่ตลอดเวลา นั่นจึงทำให้พี่กี้ฟื้นตัวเร็ว ที่เหลือก็คงเป็นขา แน่นอนว่าต้องไปเดินที่สวนโรง'บาลบ่อยๆ เพราะเค้าทำราวไว้สำหรับฝึกเดินด้วย



ตกเย็นมา ผมก็พาพี่กี้ไปยังสวนโรง'บาลโดยอาศัยรถเข็น ระหว่างทางก็เจอคนรู้จักเต็มเลย ทุกคนล้วนบอกให้พี่กี้สู้ๆ เจ้าตัวก็ยิ้มรับทุกความห่วงใย และขอบอกขอบใจทุกคน วันนี้ผมรู้สึกดีนะ เพราะทุกข้อความที่บอกให้สู้นั้นไม่ได้ส่งถึงแค่พี่กี้ แต่คำเหล่านั้นมันส่งมายังผมด้วย ผมจึงรู้สึกมีพลังมากกว่าทุกวัน

ไม่นานเราก็มาถึงสวนครับ เป็นสวนที่ไม่ใหญ่มากครับ เอาไว้ให้ผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่มาเดินทอดอารมณ์ เวลาทำงานเครียดๆ เพราะมีต้นไม้ดอกไม้เยอะพอสมควร ได้ยินเสียงน้ำตกจำลอง ช่วยทำให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป

ผมจอดรถเข็นไว้มุมหนึ่งใกล้กับราวที่ใช้ฝึกเดิน จากนั้นก็ค่อยๆ พยุงพี่กี้ลุกขึ้น แล้วเดินมายังราว เมื่อมาถึง ผมก็ค่อยๆ ปล่อยตัวพี่กี้เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวจับราวทั้งสองมือแล้ว แต่ผมก็อยู่ข้างๆ ไม่ไปไหนนะครับ

"ลองดูก่อนนะพี่กี้ ถ้าไม่ไหวก็ค่อยหยุด …นิวอยู่ข้างๆ พี่ ไม่ไปไหนแน่นอน"

ผมสร้างความมั่นใจให้พี่กี้ เมื่อเห็นสายตาคนข้างๆ มีแววกล้าๆ กลัวๆ อยู่ในที แต่เมื่อได้ยินคำพูดผม พี่กี้ก็ก้าวเท้าขาข้างที่หักไปข้างหน้าช้าๆ ดูลำบากมากครับ ผมนี่สงสารจนจับใจ คนที่เคยเดินเหินได้สะดวก อยู่ดีๆ ต้องมานั่งรถเข็น แถมยังต้องมาฝึกเดินใหม่ มันเป็นอะไรที่สะเทือนใจมากครับ ผมที่เป็นคนดูแลก็ต้องสร้างกำลังใจ และส่งคำพูดที่เป็นพลังบวกให้อยู่เสมอ

"เก่งมากครับพี่กี้ อีกก้าวครับ เดี๋ยวก็ถึงปลายทางแล้ว"

"สุดยอดเลยพี่กี้ อีกนิดเดียวๆๆ"

"อ่าา ใกล้แล้วๆๆๆ"

"ว้าววว สุดยอดด แฟนใครเก่งจังเลยครับ!"

ผมกอดรับพี่กี้เมื่อเจ้าตัวเดินมาถึงปลายทาง เจ้าตัวก็ยิ้มดีใจมีความสุข พลางกอดผมตอบด้วย มันเป็นโมเม้นท์เล็กๆ ที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกครับ แค่เห็นเขาพัฒนาขึ้น เราก็มีความสุขมากแล้วครับ

"พี่ทำได้ว่ะนิว" พี่กี้พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

"ใช่ พี่ทำได้อยู่แล้ว เก่งมากเลยครับ"

"เดี๋ยวพี่จะลองเดินกลับนะ นิวอยู่ข้างๆ พี่นะ"

"ครับผม ได้เลย" ผมตอบรับพี่กี้ พร้อมกับจับไหล่คนป่วยให้ค่อยๆ หมุนกลับ จากนั้นเจ้าตัวก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับไปอีก ซึ่งผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังไม่สามารถเดินได้เองโดยไม่มีราวจับ

จากการที่ดูแลพี่กี้มาระยะหนึ่ง และจากการตรวจของอาจารย์อาร์ ผลออกมาว่าพี่กี้ฟื้นตัวเร็วมาก ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะผ่าตัดไม่ได้ ข้อมือก็สามารถบิดได้ครบทุกทิศทาง เป็นผลดีจากการทำกายภาพล้วนๆ นั่นยิ่งทำให้พี่กี้มีกำลังใจและขยันกายภาพกว่าเดิมอีก

เมื่อผมเห็นว่าวันนี้สมควรแก่เวลาแล้ว ก็ชวนคนป่วยกลับห้องครับ เจ้าตัวก็ไม่อิดออดอะไร พอมาถึงหน้าห้อง ผมกำลังจะเอากุญแจออกมาไขเข้าไป พี่กี้กลับบอกว่า

"แค่เคาะห้องก็พอ"

"มีคนอยู่ข้างในเหรอ" ผมถามขึ้นงงๆ เพราะไม่มีใครบอกก่อนนี่นาว่าวันนี้จะมีคนมาหาที่ห้อง

"ลองเปิดเข้าไปสิ"

ก็ยังงงกับคำพูดพี่กี้ สุดท้ายก็เลยเคาะหนึ่งที แล้วหมุนลูกบิดประตูให้เปิดออก…



"Surprissssssse!!!"



ภาพที่ผมเห็น คือ พี่แนน กรีน เต็ม ฟิล์ม ตะวัน คุณอิส อาจาร์ต๊ะ อาจารย์อาร์ พี่มินนี่ อยู่ในห้องพี่กี้ พูดคำว่า 'Surprise' ออกมาพร้อมกัน มีตัวแทนหนึ่งคนที่ถือเค๊กมา คือ พี่แนน บนเค๊กเขียนว่า



'สุขสันต์วันเกิด New คนเก่ง'



ใช่แล้วครับ วันนี้วันเกิดผม! ผมแทบจะลืมไปแล้วด้วย เพราะวันทั้งวันวุ่นวายมาก เพิ่งมีเวลาหายใจหายคอก็ตอนเข็นพี่กี้ออกไปเดินเล่นที่สวนนี่แหละครับ นาทีนี้ตื่นเต้นจังเลย มีทั้งเพื่อนๆ และพี่ๆ มาเซอร์ไพรส์ถึงห้อง ไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนทำแบบนี้ให้ เขินอยู่นะครับเนี่ย

พี่แนนเดินเอาเค๊กไปให้พี่กี้ถือ คนบนรถเข็นก็รับไว้พร้อมรอยยิ้มกว้าง



"แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู๊ยู…แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู๊ยู…แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู๊ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู๊ยู"



"เป่าเลยๆๆ" เสียงเชียร์จากทุกคนให้ผมเป่าเทียนบนเค๊กในมือพี่กี้



ผมจะทำไงได้ละครับ เดินไปหาพี่กี้อย่างเขินๆ แล้วก็นั่งลงเป่าเทียนที่อยู่บนตักพี่กี้ผู้ซึ่งนั่งในรถเข็น ได้ยินเสียงกระซิบเบาๆ ข้างหู

"ชอบไหมครับ"

ผมไม่ตอบ แต่ยกตัวขึ้นหอมแก้มพี่กี้ต่อหน้าทุกคน ทำเอามีเสียงวี๊ดว้ายตามมาพอสมควร คนถูกหอมก็ดึงผมไปหอมคืนด้วยนะ อู๊ยยยย เขินจนตัวบิดได้แล้วครับ >____<

อยู่ดีๆ พี่แนนก็เดินมาดึงเค๊กไปจากมือพี่กี้ แล้วไฟในห้องก็ติดขึ้น ผมมองเห็นว่าพี่กี้กำลังล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

สิ่งที่พี่กี้ดึงออกมา คือ กล่องเล็กๆ พอเปิดออก สิ่งที่อยู่ภายใน คือ



'แหวนหยก 2 วง'



เป็นแหวนหยกที่มีลวดลายสวยงามเป็นธรรมชาติ ปรากฎทั้งสีเขียวอ่อน เขียวแก่ และสีขาว ผสมกันในหนึ่งวง …นาทีนี้ผมยิ้มไม่หุบเลยครับ หัวใจก็เต้นจนจะเด้งออกมาจากอกอยู่แล้ว ตื่นเต้นนะเนี่ยยยย โอ้ยๆๆๆๆ จะเป็นลม

พี่กี้ดึงมือผมข้างซ้ายไปจับไว้



"เราก็คบกันมาได้ซักพักแล้วเนอะ อาจเป็นเวลาที่ไม่ได้มากมายอะไร แต่นิวก็ทำอะไรเพื่อพี่หลายอย่าง พี่ซาบซึ้งจนไม่รู้จะพูดออกมายังไงให้หมด วันนี้ พี่คิดว่าพี่มั่นใจพอสมควร…พี่อยากขอให้นิวมาเป็นครึ่งหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของพี่…มาเป็นหุ้นส่วนในชีวิตของพี่นะครับ"



"ครับ ตกลง"



พี่กี้ขอผมแต่งงานใช่ม้ายยยยย แต่ลึกซึ้งกว่าคำว่า 'แต่งงาน' ก็คือ 'หุ้นส่วนในชีวิต' อร๊ากกกกก กรีดร้องอยู่ภายในใจ~~

ทันทีที่ผมตอบตกลง ทุกคนก็เฮขึ้นพร้อมกัน และพี่กี้ก็สวมแหวนหยกที่นิ้วนางข้างซ้ายให้ผม อีกหนึ่งวงที่เหลือ พี่กี้ก็ให้ผมสวมให้เจ้าตัวที่นิ้วนางข้างซ้ายเหมือนกัน

เมื่อใส่แหวนเสร็จ พี่กี้ก็ดึงผมเข้าไปกอด เรากอดกันแนบแน่นจนแทบจะลืมว่ารอบข้างยังมีเพื่อนๆ พี่ๆ อยู่ จนพี่แนนต้องมาสะกิดอีกนั่นแหละครับ ฮ่าๆๆ เห็นใจผมนิดนึงครับ เซอร์ไพรส์วันเกิดก็ว่าดีใจแล้ว นี่เซอร์ไพรส์ขอเป็นหุ้นส่วนชีวิตอีก ใจบางมากคร๊าบบบบบตอนนี้

พี่แนนสะกิดให้ผมกับพี่กี้หันหน้าไปถ่ายรูปคู่กัน รูปที่ได้คือ ผมกับพี่กี้ใช้มือด้านที่ใส่แหวนปิดหน้าตัวเองครึ่งหนึ่ง โดยที่ผมย่อตัวลงไปให้หน้าผมอยู่ระดับเดียวกันกับพี่กี้ที่นั่งรถเข็น เป็นภาพน่ารักๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ถ่ายเลยครับ

พอถ่ายรูปคู่เสร็จ พี่แนนก็เรียกถ่ายรูปรวม ได้ยินเสียงหัวเราะ มองเห็นรอยยิ้มของทุกคน ผมก็มีความสุขตามไปด้วยครับ ยิ่งมองไปยังคนข้างๆ ที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว ก็เห็นทั้งรอยยิ้มระยับในดวงตาและใบหน้าหล่อเหลานี้…ผมมีความสุขมากเหลือเกิน

ขอบคุณ…ทุกคนที่สร้างโมเม้นท์อันน่าจดจำให้ผมและพี่กี้

ขอบคุณ…คนข้างกายที่ไม่หลงลืมวันสำคัญของผม

ขอบคุณ…คนข้างกายที่มั่นใจในตัวผมและพร้อมจะเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน

ขอบคุณ…ความรักของเราที่ดำเนินมาจนถึงตรงนี้และมันจะยังดำเนินต่อไปในทุกๆ วัน

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ



จบบริบูรณ์



Talk with writer
|
|
|
|
|
V

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 16-09-2020 17:59:46
Talk with writer

และแล้วก็จบลงสำหรับเรื่องราวความรักระหว่าง 'หมอกี้' และ 'หมอนิว' จริงๆ แล้วไม่อยากให้จบค่ะ แต่ไรท์ติดภารกิจที่จะต้องห่างหายจากงานเขียนไปเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ทำให้ต้องตัดสินใจจบเรื่องราวนี้ลงค่ะ แต่ถ้าพวกเขามีชีวิตจริงๆ ความรักของพวกเขาก็ยังจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ สำหรับใครที่ยังคิดถึงคุณหมอทั้งสองก็รอตอนพิเศษนะคะ จะมีทั้งหมด 3 ตอน แบบจัดหนักเลยค่ะ (เดี๋ยวจะเอาตัวอย่างพอกรุบกริบมาให้ลองอ่านดูก่อนค่ะ) ซึ่งตอนพิเศษนี้จะมีแค่ใน e-books หรือ หนังสือรวมเล่มเท่านั้นค่ะ ถือว่าให้รางวัลพิเศษสำหรับ fc หมอกี้หมอนิวละกันนะคะ ส่วนเรื่องของ 'เภฟิล์ม' และ 'หมอเต็ม' มีประมาณ 5-6 ตอน จะลงให้อ่านฟรีค่ะ

เรื่องขายของพอก่อนค่ะ 555 สิ่งที่เราอยากบอกรี๊ดมีอีกมากมายเลยค่ะ เรามีความสุขที่ได้เขียนนิยายเรื่องนี้มากๆ ถึงภาษาจะไม่ได้สวยงามอะไรเลย เราตั้งใจให้มันเป็นภาษาพูดค่ะ เพราะเป็นการดำเนินเรื่องโดยใช้มุมมองของตัวละคร เป็นการพูดและคิดแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมา จึงใช้ภาษาที่สั้นกระชับ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น ไม่ได้บรรยายเวิ่นเว้อ ยกเว้น nc ที่ต้องขยายความหน่อยค่ะ ไม่งั้นจะเสียอรรถรส เพราะฉะนั้นรี๊ดที่อ่านมาจนถึงตอนจบนี้ คือ คนที่มีความอดทนจริงๆ อดทนกับความ 'ไม่สวยงาม' ที่เราตั้งใจให้มันไม่สวยงามจริงๆ

นิยายเรื่องนี้ไม่มีพล๊อต ไม่มีการวางตัวละครใดๆ ก่อนแต่ง อยู่ดีๆ เราก็อยากแต่งนิยายวายขึ้นมาเฉยๆ (เมื่อก่อนเคยแต่งฟิคชั่น) แต่เนื่องจากไม่ได้แต่งมานานมาก จนลืมไปแล้วว่าควรเตรียมตัวยังไงบ้างนะ วันที่ 20 พ.ค. 63 คือวันแรกที่เราเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วพิมพ์บทนำ เพราะเราเพิ่งไปรับน้องหมอ น้องทันตแพทย์จบใหม่มา บวกกับเอาคาแรคเตอร์ของคนสนิทมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง เอาฉากและเหตุการณ์ที่ได้รับรู้มาใส่ตัวละครและบทบาทลงไป ค่อยๆ ทำแบบนี้ไปทีละตอน พล๊อตคิดสด เพราะเราทำงานประจำตั้งแต่ 8.30 - 20.00 น. ทุกวัน มีวันหยุดแค่เสาร์หรืออาทิตย์ 1 วัน (ไม่นับวันที่อู้หนีเที่ยว 555) เพระงั้นทุกอย่างจะด้นสดเกือบหมดค่ะ มีฉากที่ต้องใช้ความรู้วิชาชีพก็ค่อย consult บรรดาหมอๆ ก็ต้องขอบคุณคุณหมอทุกท่านด้วยที่ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจ แม้ว่าบางครั้งจะถามหลายรอบ

ด้วยความที่ด้นสุด เพราะงั้นนิยายเรื่องนี้จะมีช่วงที่อืดๆ จะมีช่วงที่พีคๆ เราคงรีไรท์ได้แค่บางส่วนก่อนทำเล่ม และ e-books เพราะงั้นก็ต้องขออภัยผู้อ่านไว้ก่อนนะคะ เพราะสำหรับเราแล้ว ด้นสดได้ขนาดนี้ก็รู้สึกขอบคุณความพยายามของตัวเองมากแล้วค่ะ 39 ตอน ในเวลาเกือบ 4 เดือน และยังเป็นนิยายเรื่องยาวมากที่สุดที่เคยแต่งมาเลยค่ะ และไม่เคยแต่งเร็วขนาดนี้ด้วย เรายอมรับว่านิยายเรื่องนี้ของเรายังไม่ 'เพอร์เฟค' ยังมีข้อด้อยหลายอย่าง เราจะเอาไปแก้ไขและปรับปรุงในเรื่องต่อๆ ไปค่ะ

อ่อ ตอนแรกแต่งได้ประมาณ 7 ตอน ไม่อัพลงไหนเลยค่ะ เพราะไม่รู้จะอัพลงไหน ไม่รู้จักแพลตฟอร์มใดๆ แต่ก่อนเคยลง dd บ้าง แต่ไม่ใช่ช่องทางหลัก ก็เลยลองส่งนิยายให้เพื่อนอ่านก่อนแล้วค่อยหาช่องทางลง เพราะจริงๆ แล้วไม่มั่นใจในตัวเองเลย ไม่ได้แต่งมานาน มันก็จะขาดความมั่นใจ อีกทั้ง fc งานเขียนเก่าๆ ของเรา ป่านนี้ก็น่าจะแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว ไม่น่ามีหลงเหลืออยู่ (เพราะก่อนหน้านี้ ประกาศชัดเจนเลยว่าเลิกแต่งฟิควาย ด้วยเหตุผลส่วนตัว) จึงรู้สึก 'กลัว' อยู่ลึกๆ ว่า ถ้าลงนิยายไปจะมีคนอ่านอยู่เหรอวะ? เพราะตอนนั้นแค่ได้แต่งก็รู้สึกมีความสุขแล้ว แค่เพื่อนบอกว่า 'นิยายเมิงสนุกว่ะ' คนเดียวก็เพียงพอแล้ว

แต่ภายในใจลึกๆ นั้นก็อยากให้มีคนเข้ามาอ่าน เข้ามาชื่นชมผลงานเราอยู่ สุดท้ายแล้วเพื่อนก็ต้องมาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ 'โลกของนิยาย' เค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว โหลด raw joy twl dd meb ook คือโหลดมาทุกสิ่งมาประดับเครื่องไว้ก่อน เข้าไปอ่าน joy งงมาก อะไรวะนิยายแชท (ปัจจุบันก็ยังงงอยู่ ป้าตามโลกไม่ทันจริงๆ) สุดท้ายก็พบว่านิยายของเราควรลงแพลตฟอร์มไหน ก็ใช้เวลางมพอสมควร พอเริ่มอัพตอนแรกๆ มียอดวิวขึ้นถึงหลักสิบก็ดีใจแล้วค่าาา ยิ่งมีคอมเม้นท์เข้ามานี่คือ ตอบขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ดีใจที่มีคนอ่านนิยายเราด้วยวุ้ย~~ ยิ่งช่วงหนึ่งมีคนเอานิยายเราไปรีวิวให้นี่คือโคตรดีใจเลยค่ะ รักคนรีวิวมากๆ อยากจะกอดแล้วหอมซักฟอดเลยทีเดียว เพราะช่วงนั้นยอดทุกอย่างเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

จนมาถึงวันนี้ วันที่มีคนติดตามพอสมควร อาจจะไม่ได้มากมาย แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เรายิ้มได้ หัวเราะได้เวลายอดวิว ยอดหัวใจ ยอด add shelf ขยับ และเวลาเลื่อนอ่านคอมเม้นท์ มันทำให้รู้ว่าความพยายามของเราไม่สูญเปล่า มีคนเห็นคุณค่าของงานเรา เรามีความสุขมากๆ ค่ะ

วันนี้เราจะถือโอกาสขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน และรี๊ดทุกคน ทุกช่องทาง raw dd twl tbl ถ้าไม่มีพวกคุณ เราอาจจะเลิกแต่งไปตั้งแต่สิบตอนแรกก็ได้ค่ะ ขอบคุณที่เดินทางมาด้วยกัน มาก่อน มากลาง มาหลัง ทุกคนมีความหมายกับเรามากๆ เราขอพูดคำเดียวกับน้องนิวเลยนะคะ

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ

a-mee-ra




twitter : @ameera2465

hashtag : #หมอกี้น้องนิว #เภฟิล์มหมอเต็ม #อินเทิร์นจอมจุ้นฯ

ฝากกดติดตาม ถ้าคิดถึงกันก็ mention หาได้ค่ะ (ยิ้มหวาน)

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-09-2020 22:17:42
 :L2: :3123: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 17-09-2020 00:46:17
เขินไปหมดด :o8: หวานและโรแมนติก สวมแหวนและขอแต่งงาน  :-[ :กอด1: :L2: :3123: กว่าจะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรกันมาเยอะ สนุกกกกมากก ขอบคุณที่มอบความสุขกับนิยายเรื่องนี้ แต่งดี รอตามผลงานหน้านะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 18-09-2020 21:55:41
:L2: :3123: :L1: :pig4:

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนจบค่ะ รออ่านตอนพิเศษ #เภฟิล์มหมอเต็ม นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 18-09-2020 21:56:33
เขินไปหมดด :o8: หวานและโรแมนติก สวมแหวนและขอแต่งงาน  :-[ :กอด1: :L2: :3123: กว่าจะมาถึงวันนี้ ผ่านอะไรกันมาเยอะ สนุกกกกมากก ขอบคุณที่มอบความสุขกับนิยายเรื่องนี้ แต่งดี รอตามผลงานหน้านะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณที่ชื่นชอบผลงาน และอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนจบค่ะ รออ่านตอนพิเศษ #เภฟิล์มหมอเต็ม นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 21-09-2020 11:19:59
สนุกมากค่ะ เอ็นดูหมอนิวจัง แต่แอบสงสารหมอกี้ที่เจออุบัติเหตุ แต่มีหมอประจำตัว คงดีวันดีคืน เสียดายที่ไม่ได้อ่านบทที่ล๊อคไว้(ทำไม่เป็นค่ะเลยไม่ได้อ่าน)แต่ยังไงก็ขอบคุณ สำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 21-09-2020 22:22:55
ดราม่า มาจุกๆ ตอนท้าย กลั้นหายใจเลยครับ 555
แต่ก๋น่ารักมากครับ  ชอบมาก ^^
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้น..วุ่นหัวใจหมอศัลย์(Intern VS General Surgeon) ตอน 39 จบบริบูรณ์ 16/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 23-09-2020 17:39:40
(คำแนะนำ : กลับไปอ่านตอน 'นายแบบ' ก่อนนะคะ แล้วจะเพิ่มอรรถรสในการอ่านมากขึ้น)



- หมอเต็ม -

และวันนี้ผมก็ต้องไปเวียนเทียนกับไอ้ฟิล์มตามที่ตกลงกับมันไว้ เนื่องจากกว่าจะถึงเวลาเวียนเทียนนั้นอีกนาน เราจึงตกลงกันออกไปหาข้าวกินก่อน มันให้ผมเลือกว่าอยากกินร้านไหน แต่ผมบอกว่ากินอะไรก็ได้ง่ายๆ จะได้รีบกิน รีบถ่าย รีบกลับ แต่มันบอกว่า

"จะรีบกลับไปทำไม ห้องมึงไม่หายไปไหนหรอก"

"กวนตีนนะมึง"

"ไม่ได้กวน กูพูดจริง …กูว่าไปร้าน zennn ดีกว่า มีมุมถ่ายรูปด้วย"

"ไหนว่าจะไปถ่ายตอนเวียนเทียน"

"เก็บหลายๆ โลเคชั่น จะได้มีรูปให้เลือกเยอะไง"

"อือๆ ตามใจมึงละกัน"

ขี้เกียจเถียงกับแม่งละ อะไรคือการให้กูเลือกร้านอาหาร แต่พอกูบอกว่าต้องการอะไร ก็ไม่ตามใจกู ก็ได้เหรอวะ





สุดท้ายเราก็มาจบที่รัาน zennn ระหว่างรออาหาร มันก็ไล่ให้ผมไปยืนมุมนั้นมุมนี้ของร้าน สั้งให้ยิ้ม สั่งให้เผลอ (เผลอก็ต้องมีท่านะเออ) ผมก็ทำๆ ไปตามที่มันต้องการ ต้องตามใจมันครับ จะได้รีบถ่ายรีบเสร็จ ไม่อยากไปไหนมาไหนกับมันบ่อยๆ เดี๋ยวจะเสียอาการ

"พอยังมึง กูว่าได้หลายรูปแล้วนะ" ผมถามมันหลังจากให้ผมเปลี่ยนมุมถ่ายรูปไปแล้วแปดมุม

"ได้หลายรูปอยู่ แต่กูอยากได้รูปหน้าร้านด้วยอ่ะ"

น่านนน ได้คืบจะเอาศอก คนเรา แล้วผมก็ต้องเดินตามมันออกไปหน้าร้าน พอเริ่มมืด ร้านจะเปิดไฟที่ประดับตกแต่งไว้ตามทางเดิน และมุม outdoor หลายมุม

"มึงไปยืนตรงนั้น แล้วก็หันข้างให้กูนะ" ผมทำตามที่มันบอก

"เงยหน้าขึ้นมองไฟ แล้วก็ยิ้มน้อยๆ …มึงปัดผมขึ้นไปอีกหน่อย มันบังหน้ามึงอ่ะ" แล้วผมก็ปัดผมตามที่มันบอก

"ไม่ใช่มึง ปัดไปอีกทางนึง" ผมก็ทำตามอีก

"ปัดขึ้นอีกนิดมึง"

"อะไรของมึงเนี่ย ก็กูปัดแล้ว"

ดูเหมือนผมจะปัดผมไม่ได้ดังใจมัน มันเลยเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วเอื้อมมือมาปัดผมที่ตกระนิดหน่อยที่ใบหน้าให้ย้ายไปอยู่ฝั่งซ้าย วินาทีนั้นผมแทบกลั้นหายใจไว้เลยครับ เพราะหน้าเราใกล้กันมาก ลมหายใจรินรดกัน อยู่ดีๆ หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นมาซะงั้น

มันจะรู้ตัวไหมนะว่า การที่เข้ามาใกล้ผมขนาดนี้ ผมมีท่าทีผิดปกติไปแล้ว

"กูว่าผมมึงเริ่มยาวแล้วนะเต็ม พรุ่งนี้ไปหาร้านตัดผมกัน" เดี๋ยวๆๆ ถ้ากูจะตัดผม กูไปตัดเองคนเดียวได้

"ผมกู กูไปตัดเองคนเดียวได้"

"กูมีร้านแนะนำ ตัดดีมาก"

"บอกชื่อร้านมา เดี๋ยวกูไปเอง"

"ไม่ได้ มึงหาไม่เจอหรอก"

"ไป google maps ก็ได้"

"ไม่ได้ เพราะกูรู้จักเจ้าของร้าน คุยกันง่ายกว่าถ้ามึงไปกับกู"

"งั้นกูจะบอกว่ากูรู้จักมึง เดี๋ยวเค้าก็คงคุยง่ายกับกู"

"ไม่ได้…"

"ไม่ได้อะไรอีก!? "

"…ใดๆ คือ กูอยากไปกับมึง"

เอิ่มมมม ยังงาย ยังงายยยวะไอ้ฟิล์ม กูต้องยังไงกับมึงวะเนี่ย??





พอกินข้าวเสร็จ เราก็ไปวัดประจำจังหวัด จริงๆ วันนี้เค้ามีสวดมนต์ทำวัตรเย็นด้วย แต่พวกผมมาช้าไป เลยได้แค่เวียนเทียน เราไปทำบุญ แล้วหยิบดอกไม้ธูปเทียนออกมา แล้วเดินเวียนขวาเป็นจำนวนสามรอบ ระหว่างนั้นไอ้ฟิล์มก็เก็บภาพผมไปด้วย ไม่ค่อยมีสมาธิเวียนเทียนเลยผม สรุปแล้วจะได้บาปหรือบุญกันแน่เนี่ย

"เต็ม หันมานี่หน่อย"

…แชะ…

"ดี ดีมาก แสงตรงนี้กำลังสวยเลย"

…แชะ…แชะ…แชะ…

"กูเดินได้ยัง"

"ได้ละๆๆ "

ผมเดินต่อครับ มันก็มาเดินข้างผม นี่เป็นการเวียนรอบสุดท้ายแล้ว ผมเลยบอกมันว่า

"เวียนรอบสุดท้ายแล้ว รอบนี้ตั้งใจนะมึง" …จะได้ทำบุญร่วมชาติบ้าง

"อืมๆ "

มันตอบรับ แล้วปิดเลนส์กล้องไว้ รับดอกไม้ธูปเทียนที่ฝากผมไว้ไปถือแทน จากนั้นเราก็เดินเวียนเทียนกันเงียบๆ ต่างคนต่างใช้สมาธิไม่พูดคุยกัน จนกระทั่งครบรอบ พวกเราก็นั่งลงตรงหน้าพระพุทธรูป สวดมนต์ แผ่บุญ พร้อมกับอธิษฐานขอพร ซึ่งไอ้ฟิล์มก็แอบถ่ายตอนผมนั่งลงไหว้พระอีกแล้วครับ คือจะเอาทุกอิริยาบถเลยใช่ไหม ผมว่ามันได้รูปผมเป็นร้อยแล้วนะครับ แค่วันนี้วันเดียวด้วยนะ

"เต็ม เรามาถ่ายรูปคู่กันดีกว่า"

ว่าแล้วมันก็ยกกล้องขึ้นมา selfie ระหว่างผมกับมัน โดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัวเลยสักนิด รูปมันต้องออกมาตลกแน่ๆ เลย

"ไม่ให้กูตั้งตัวอีกแล้ว"

"เชื่อมือกูเถอะน่า"

"ไหนเอามาดูซิ"

แล้วมันก็ยื่นกล้องให้เช็ครูป เออว่ะ รูปออกมาดีอยู่นะเนี่ย

"เป็นไงล่ะ ใช้ได้เลยดิ"

"ก็ดี… รูปก็ได้แล้ว เวียนเทียนก็เรียบร้อยแล้ว ทีนี้กลับกันเถอะ" ผมรีบตัดบทครับ เพราะไม่อยากใช้เวลากับมันนานกว่านี้

"อย่าเพิ่งกลับได้ไหม กูหิวอีกรอบแล้วอ่ะ"

"ห๊ะ เพิ่งกินไปไม่ถึงสองชั่วโมง หิวอะไรอีกวะมึง" จะบ้าตาย เพิ่งกินไปหยกๆ จะมาหิวอะไรอี๊กกก ไม่เข้าใจรึไงว่ากูไม่อยากอยู่กับมึงนานๆ

"อยากกินนมอ่ะ ไปนั่งร้านนมกันเถอะ"

"อะไรของมึงอีกเนี่ยยย มึงไปคนเดียวได้ไหม กูอยากกลับแล้ว"

"ไปกินแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็กลับ เถอะน่า" มันคะยั้นคะยอผมมากเลยครับ โอ้ยยยย ไปก็ไปวะ

"เออ ไปก็ไป"

หลังจากนั้นเราก็ออกมาจากวัด แล้วขับรถไปร้านนมแถวนั้นละครับ วันนี้ผมก็นั่งมากับมันเหมือนเดิม หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์เหมือนเมื่อคืน ก็คงไม่มีหรอกมั้งครับ เพราะวันนี้กินนม ไม่ได้กิน 'เบียร์'

วันนี้ผมน่าจะ…ปลอดภัย





พอมาถึงร้านนม เป็นร้านที่ต้องนั่งพื้น มีโต๊ะญี่ปุ่นกั้นกลางเราสองคนไว้ บรรยากาศสบายๆ เปิดเพลงเบาๆ คลอไปด้วยทำให้ผมอารมณ์ดีกว่าเดิมนิดหน่อย

"เต็ม มึงอยากกินอะไร" ไอ้ฟิล์มมันถามผม ซึ่งต้องเขียนเมนูที่สั่งไปส่งเจ้าของร้าน

"นมเย็น"

"กินอะไรหวานแหววน่ารักเชียวนะมึง"

"จะนอนแล้ว จะให้กูสั่งกาแฟก็ไม่ใช่ป่ะ" เนี่ยยย เริ่มจะอารมณ์ไม่ดีก็เพราะมันนี่แหละ

"กินพวกปังปิ้งไหม"

"ไม่อ่ะ กูอิ่มแล้ว"

"แต่กูอยากกิน"

"มึงก็สั่งมากินคนเดียวมึงอ่ะ"

"ใจร้าย กินเป็นเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้"

ดูมันว่าให้ผม กูอุตส่าห์มาเป็นนายแบบ ออกมากินนมด้วยนี่ยังหาว่ากูใจร้ายอีกเหรอ โอ้ยยย คนเรา

"ถ้ากูใจร้าย กูไม่ออกมากับมึงหรอก" อันนี้ผมแอบพูดคนเดียวเบาๆ

"มึงว่าอะไรนะเมื่อกี้"

"เปล่า… รีบเอาเมนูไปส่งเค้าสิ" รีบตัดบทครับ ขี้เกียจเถียงมัน

ระหว่างมันเดินกลับมานั่งที่ มันแวะไปอีกโต๊ะนึง ผมพยายามมองว่ามันไปหาใคร เผื่อผมรู้จัก แต่มุมของโต๊ะนั้นไม่ค่อยสว่างจึงมองไม่ชัดนัก ผมเลยเลิกสนใจ แล้วหยิบมือถือออกมาเล่นเกมแทน

ไม่นาน ไอ้ฟิล์มก็กลับมาโต๊ะพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมว่าผมคุ้นๆ ผู้หญิงคนนี้นะ น่าจะเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่า

"เต็ม มึงจำน้องพริกได้ป่าว น้องที่โรงเรียนเราอ่ะ" นั่นไง ว่าแล้วเชียว

"สวัสดีค่ะ พี่เต็ม"

"สวัสดีครับ น้องพริก"

"พอดีน้องเค้ามากินนมอยู่โต๊ะโน้น แล้วพ่อน้องเค้าป่วย น้องเค้าเลยอยากมาปรึกษามึงหน่อย"

"อ่อครับ นั่งก่อนครับ …มีอะไร ว่ามาเลยครับ" ผมยิ้มให้น้อง เอาจริงๆ น้องก็สวยน่ารักเลยล่ะ

"พอดีคุณพ่อเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังนะค่ะ"

"ยังไงครับ มีผื่นไหม"

"เป็นผื่น…"

"เดี๋ยวกูมานะเต็ม มึงคุยกับน้องเค้าไปก่อน"

ผมมองตามทางที่มันเดินไป มันไปสมทบกับเพื่อนโต๊ะเมื่อกี้ มีผู้ชาย 2-3 คน ผู้หญิง 1 คน แล้วอะไรคือการมาทิ้งน้องผู้หญิงไว้กับผมครับ

พอมองกลับมาดูคนที่โต๊ะ ก็ยิ้มรอผมอยู่แล้ว จากนั้นน้องก็ชวนคุยไปเรื่อยครับ มีประเด็นพ่อป่วยนิดหน่อย นอกนั้นถามเกี่ยวกับตัวผม ชีวิตความเป็นมาอะไรยังไงบ้าง ผมก็ถามกลับเป็นมารยาทครับ เราคุยกันนานพอสมควร มองไปทางไอ้ฟิล์มก็เห็นมันกำลังคุยสนุกสนานกับเพื่อนมัน ไม่ยอมกลับโต๊ะซักทีนะมึง ผมจึงต้องคุยกับน้องเค้าไปเรื่อย คุยจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว สุดท้ายน้องก็เลยขอกลับโต๊ะ ก่อนกลับก็ขอ id line ผมไว้ด้วย เผื่อไว้ปรึกษาเรื่องพ่ออีก ผมก็ให้ไปแหละครับ

"ถ้าไลน์ไป ตอบไลน์พริกด้วยนะคะพี่เต็ม"

"ครับผม"

"บายค่ะ ไว้เจอกันอีกนะคะ"

"ครับ บาย"

จบประโยค น้องก็จากไปด้วยอาการใช้มือข้างซ้ายลูบผมไปเหน็บที่ข้างใบหู ยิ้มน้อยๆ มายังผมแล้วเดินจากไป…

เอ่อ…นี่ผมกำลังถูกขายขนมจีบเหรอ??

เกิดมาเป็นลูกผู้ชายอายุย่างเข้าวัย 25 นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาแสดงท่าทีสนใจ ผมควรจะดีใจ แต่ทำไมใจผมมัน 'ปวดหนึบๆ ' หรือเพราะจริงๆ แล้ว คนที่ผมอยากให้สนใจ คือ คนที่พาน้องเดินมาหา ไม่ใช่น้องพริกคนสวยคนนี้?





ไม่นาน ไอ้ฟิล์มก็เดินกลับมาที่โต๊ะ ผมเบือนหน้าหนีไม่สนใจมัน หงุดหงิดครับ! อยู่ดีๆ ก็เหม็นขึ้หน้ามันขึ้นมาซะงั้น

"เป็นไงมึง น้องเค้าโอเคไหม"

"…"

"เงียบแบบนี้ หรือว่ามึงไม่ชอบวะ"

"…"

"มึงโอเคไหมเนี่ย หันมาคุยกับกูดิ"

"…รีบกินนมที่มึงสั่งมาสิ น้ำแข็งละลายหมดแล้ว" แก้วนมที่มันสั่งมา ยังไม่ถูกดูดซักอึก

"ช่างนมเถอะ"

"อ้าว ไหนตอนแรกบอกหิว"

"ตอนนี้ไม่หิวแล้วไง"

"งั้นก็กลับ"

ผมสรุปให้เอง เรียกพนักงานร้านมาเช็คบิล จ่ายเงินเสร็จสรรพก็ออกมาเลย มันไม่พูดกับผม ผมก็ไม่พูดกับมัน ระหว่างทางเรามีแต่ความเงียบ เป็นอะไรที่อึดอัดสุดๆ แต่ก็ไม่มีใครปริปากออกมา พอมาถึงหอพัก เราก็แยกย้ายกันไปโดยไม่มีใครพูดอะไรอีกเช่นเคย

ผมเดินไปกดลิฟท์ที่คุ้นเคย พอลิฟท์ลงมาถึง ผมก็เดินเข้าไปเป็นปกติ วินาทีที่ลิฟท์กำลังจะปิด มีมือใหญ่มาขวางไว้ให้เปิดออกอีก พอผมเงยหน้ามองก็พบว่า…เป็นมัน ไอ้ฟิล์มไง

มันแทรกตัวเข้ามาในลิฟท์ อยู่ดีๆ มันก็ดึงมือผมไปถือไว้ ถูกแล้วครับ 'ถือไว้' ไม่ใช่ 'จับ'

พอลิฟท์เปิดออกชั้นที่เป็นห้องพักของผม มันก็ดึงผมออกมาจากลิฟท์ ตรงไปยังห้องผม พอถึงหน้าห้อง มันยื่นมือมาขอกุญแจผม ผมก็ไม่อยากโวยวาย เดี๋ยวคนอื่นได้เปิดประตูออกมาดู เลยตัดสินใจหยิบกุญแจออกมาให้มัน

มันไขกุญแจเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว เหมือนกับเป็นห้องของตัวเอง พอเข้ามาในห้อง ผมก็สะบัดมือของผมออกจากฝ่ามือใหญ่ของมัน

"อะไรของมึงเนี่ยไอ้ฟิล์ม?! "

"มึงนั่นแหละเป็นอะไร เงียบทำไม?! "

"ก็กูไม่มีอะไรจะพูด! "

"มึงชอบหรือไม่ชอบน้องเค้า มึงก็บอกมาสิ! "

"แล้วทำไมกูต้องบอกมึง?? "

"……"

"มึงมีอะไรจะพูดอีกไหม ถ้าไม่มี ก็กลับห้องไป กูจะอาบน้ำนอนแล้ว เหนื่อย! "

"…เออๆ กูกลับแล้วก็ได้"

พูดจบ มันก็เดินออกไปจากห้องผม ก่อนจะเปิดประตูออกไป มันชะงักนิดนึง หันหน้ามาหาผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายสุดแล้ว ก็ไม่ยอมพูดอะไร…





- เภฟิล์ม -

ผมเดินออกมาจากห้องไอ้เต็มด้วยความรู้สึกสับสน ความคิดวกวนอยู่ในหัวตัวเอง นี่ผมหวงไอ้เต็มเหรอครับ? จะเอาสิทธิ์อะไรไปหึงไปหวงมันครับ ก็แค่เพื่อนสมัยเรียน ที่ดันมาเป็นเพื่อนในวัยทำงานอีก

จริงๆ วันนี้ผมไม่อยากให้น้องพริกมาคุยกับไอ้เต็มเลยนะ แต่พอผมเดินผ่านโต๊ะนั้น ก็เห็นว่าเป็นรุ่นน้อง เลยหยุดทักทาย อยู่ดีๆ น้องพริกก็บอกว่าอยากคุยกับไอ้เต็ม ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง เลยต้องเดินไปส่งน้องเพื่อเปิดทางให้ทำความรู้จักกัน

ในขณะที่เค้าคุยกัน ผมก็มองไปเกือบตลอดแหละ ก็เห็นว่าไอ้เต็มพูดคุยยิ้มหัวเราะกับน้องเค้าดี ไม่ได้มีท่าทีเบื่อหน่ายเลย มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด ยิ่งพอน้องพริกเดินกลับมาโต๊ะ แล้วบอกกับทุกคนว่าได้ไลน์พี่เต็มด้วย ผมยิ่งฉุนไปกันใหญ่ เพราะการให้ไลน์หมายถึงการที่สนใจอีกฝ่ายพอสมควร

แต่ก็นั่นแหละครับ ถึงผมจะหงุดหงิดแค่ไหน ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นแค่ 'เพื่อนกัน'

ขนาดเคยมีอะไรกันมาแล้ว ไอ้เต็มมันยังบอกให้ผม 'ลืม' เลย สำหรับมันแล้ว…ผมก็คงเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าอะไร

สังเกตเวลาไปไหนด้วยกัน ถ้าผมไม่ชวนไปต่อ มันก็ไม่คิดชวนผมเลย บางครั้งยังมีท่าทีอิดออดไม่อยากไปอีกต่างหาก เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่า…มันวางตำแหน่งให้ผมเป็นแค่เพื่อน เพราะงั้น…มันขีดเส้นให้อยู่ตรงไหน ก็อยู่มันตรงนั้นล่ะ



ตั้งแต่วันไปกินนมด้วยกัน ผมก็ไม่ทักไลน์หรือเฟซไปกวนมันเลยครับ นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ยอมรับเลยว่ารู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป แต่ก็ต้องทำใจให้ชินแหละครับ

ผมเดินออกมาร้านกาแฟระหว่างพักเที่ยง กินข้าวเสร็จก็ต้องหากาแฟกระแทกปากนิดนึงครับ จะได้ไม่ง่วงตอนบ่าย กำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในร้าน สายตาก็ปะทะเข้ากับคนที่ผมเฝ้าคิดถึงในช่วง 2-3 วันมานี้ สายตาเราประสานกันประมาณ 2 วินาที แล้วต่างฝ่ายก็เสหลบไปทางอื่น ทำเหมือนมองไม่เห็นกัน

ผมเดินเลยผ่านมันไป เหมือนอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุ ผมสั่งกาแฟเสร็จก็เดินเลี่ยงไปอีกมุมของร้าน มุมที่อยู่ด้านหลังมัน เป็นมุมที่สามารถแอบมองมันได้โดยที่มันจะไม่รู้ตัวเลย

ผมนั่งลง แล้วมองไปที่แผ่นหลังบางนั้น มันมาคนเดียว ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไม่สนใจใครเลย รวมถึงผมด้วย ไม่นานพนักงานก็เรียกให้มันไปเอากาแฟ มันก็ลุกไปหยิบแล้วเดินจากไป โดยที่ไม่เหลียวมาทางผมสักนิด

รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่ใจ แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ สิ่งที่ทำได้ คือ มองตามแผ่นหลังนั้นจนลับสายตาหายไป…



เย็นนี้ รุ่นน้องที่เจอในร้านนมวันนั้นชวนผมไปเล่นบาสครับ ด้วยความที่อยากหาอะไรทำ จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน จึงตอบตกลงไปเล่นด้วย

พอไปถึงสนามบาสก็เจอคนอื่นๆ ที่เคยเล่นด้วยกันสมัยมัธยมเยอะเลยครับ ตั้งแต่ผมจบมายังไม่ได้ไปเหยียบสนามบาสเลย นี่เป็นครั้งแรก เลยมีคนเข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบเยอะหน่อย ผมก็คุยกับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อยครับ กำลังแบ่งทีมเพื่อจะเล่นบาส อยู่ดีๆ มือถือผมก็สั่น เป็นข้อความมาจากไลน์



TemTem : ว่างไหม ไปหาข้าวกินกัน



ผมยิ้มให้กับข้อความสั้นๆ พร้อมกับบอกทุกคนว่า



"เดี๋ยววันหลังมาเล่นด้วยนะเว้ย พอดีมีธุระด่วนต้องไปจัดการ"



TBC.



Talk : ขอโทษที่มาลงให้ช้า ตอนแรกว่าจะลงให้วันเสาร์ที่ผ่านมา แต่แต่งไม่เสร็จ มัวปั่นตอนพิเศษคู่หลักอยู่ค่ะ แหะๆ วันนี้ได้ฤกษ์ของคู่ #เภฟิล์มหมอเต็ม หวังว่าทุกคนจะชอบเหมือนคู่หลักนะคะ ฝากติดตามต่อด้วยนะคะ

ฝากกดหัวใจ คอมเม้นท์ มาเป็นกำลังใจให้ไรท์ก็ได้นะค๊าา ขอบคุณมากค่าา (ยิ้มหวานนน)
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ตอนพิเศษ #1 ยังงายย ยังไง (ฟิล์มเต็ม) 23/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 26-09-2020 18:21:55
เภฟิล์มหมอเต็ม #2 โลมาไม่ใช่ปลา


- หมอเต็ม -

ทันทีที่มือกดส่งข้อความออกไป ก็อยากจะกด 'ยกเลิกข้อความ' เหลือเกิน ทั้งที่คิดว่า ไม่คุยกันแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ให้ค่อยๆ ห่างกันไป แต่ 'สิ่งที่ควรจะเป็น' กับ 'สิ่งที่อยู่ภายในใจ' มันกลับสวนทางกันเสมอ

ผมแทบไม่ต้องรอการตอบกลับที่ยาวนานเลยครับ พอผมส่งข้อความไป มันก็ตอบกลับมาในทันทีด้วยสติ๊กเกอร์ 'Ok'

แล้วเสียง line call ก็ดังขึ้น มาจากมันนั่นแหละครับ ผมก็รีบกดรับอย่างไว

"ฮัลโหล"

"ออกไปตอนนี้เลยไหมเต็ม? "

"ได้"

"งั้นเดี๋ยวรอกูแปปนึง พอดีกูออกมาข้างนอก เดี๋ยววนรถเข้าไปรับ"

"อืม"

"อีกประมาณ 10 นาที ลงมารอล่างหอเลย"

"อืม"

แล้วสายก็ถูกวางไป ผมคิดไปเองไหมนะ ว่าน้ำเสียงมันออกจะดี๊ด๊าเกินไปหน่อย…





ไม่นานมันก็มาถึง ผมเข้าไปนั่งข้างคนขับเหมือนเคย มันถามผมว่าอยากกินอะไร เหมือนเดิมครับ พอผมบอกไปว่าอยากกินอะไร มันก็บอกว่า ไปกินอีกร้านดีกว่า เอ่อ ถามกูเพื่อออ

"คราวหน้ามึงไม่ต้องถามกูแล้วนะว่าอยากกินอะไร" ผมอดรนทนไม่ไหว เหน็บมันซะหน่อย

"ทำไมอ่ะ กูต้องเอาความชอบมึงเป็นที่ตั้ง"

"ก็ไม่เห็นมึงตามใจกูวะ"

"ทำไมถึงว่ากูไม่ตามใจ"

"ก็กูบอกว่าวันนี้อยากกินชาบูร้านน้องเก้า"

"ในเมื่อกูรู้ว่าชาบูร้านน้องเก้ามันไม่อร่อยเท่าร้านน้องสิบ กูก็ต้องเลือกร้านน้องสิบที่ชาบูอร่อยให้มึงไง"

"กูบอกว่ากูอยากกินชาบูร้านน้องเก้า ไม่ได้บอกว่าอยากกินชาบูร้านน้องสิบ"

"กูมองว่าสิ่งที่มึงต้องการ คือ ชาบู …ในเมื่อกูรู้อยู่แล้วว่าร้านน้องสิบอร่อยกว่าร้านน้องเก้า กูก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้มึง"

"กูบอกมึงซักคำรึยังว่า…กูต้องการสิ่งที่ดีที่สุด"

"ยัง แต่กูแค่อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับมึง"

"มึงก็เป็นซะยังงี้ ถามกูซักคำก่อนก็ได้ว่ากูต้องการไหม"

ผมเริ่มรู้สึกว่าบทสนทนาเรา มันไม่ได้หมายถึงร้านอาหารแล้วครับ มันเริ่มจะเป็นประเด็นอ่อนไหวอื่นๆ อย่างเช่น น้องพริก ที่มันใส่พานมาถวายผม แต่ผมไม่ต้องการไง แต่มันก็คิดเองเออเองว่าผมต้องการ

"แล้วมึงต้องการอะไร"

"มึง"

"ห๊ะ! มึงว่าอะไรนะ"

"กูหมายถึง มึง…ต้องตามใจกู"

"อ่อ แล้ววันนี้มึงอยากให้กูตามใจเรื่องอะไร"

"เรื่องชาบูนี่แหละอันดับแรก"

"เออๆ ร้านน้องเก้าก็ได้วะ"

จากนั้น เราก็ไปกินชาบูร้านน้องเก้าครับ อร่อยหรือไม่อร่อย ผมไม่สนใจแล้ว แต่ที่สนใจคือคนตรงหน้าที่กินไปคีบเนื้อใส่ถ้วยผมไปด้วย เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ อัพเดตชีวิตว่าช่วงมหา'ลัยใครเป็นไงบ้าง ผมหัวเราะขำมันเรื่องที่มีสาวสองเปิดประตูหอพักมันเข้ามาขอมีอะไรด้วย ละคือมันเกือบเสียตัวให้สาวสองคนนั้น

"ฮ่าๆๆ ละมึงรอดมาได้ไงวะ โอ้ยยย ขำ"

"กูร้องตะโกนให้คนช่วยไง ช่วยด้วยๆๆๆๆ ผมจะถูกข่มขืน ฮ่าๆ "

"ละมีคนมาช่วยมึงเหรอ ฮ่าๆๆ "

"จะเรียกว่าช่วยก็คงใช่ เหมือนมีคนเดินผ่าน แล้วกูได้ยินเค้าโทรเรียก 191 แจ้งเหตุว่าจะมีคนถูกข่มขืน สาวสองคนนั้นก็เลยกระโดดระเบียงหอพักกูออกไปเลย ดีนะแค่ชั้นสอง ฮ่าๆๆ "

ผมทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อย ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ที่ไอ้ฟิล์มมันเล่า มันดูคุ้นๆ ยังไงก็ไม่รู้

"แล้วคนที่โทรแจ้ง 191 เป็นใครวะ"

"กูไม่รู้ พอกูเดินออกมานอกห้อง ก็ไม่เห็นใครแล้ว"

"เฮ้ยยย คุ้นจัง มึงอยู่หอนับดาวรึเปล่า"

"ใช่ๆ กูอยู่หอนั้น"

"เฮ้ยยย แล้วตอนเกิดเหตุ มึงอยู่ปีสามรึเปล่า"

"ใช่เลย อย่าบอกนะว่า…"

"ใช่! กูเองเป็นคนร้องดังๆ ให้เหมือนโทรหา 191 แต่ก็ไม่ได้โทรจริงหรอก กะให้ได้ยินเฉยๆ "

"เฮ้ยยย จริงดิ เซอร์ไพรส์มากนะเนี่ย"

"เออดิ เซอร์ไพรส์จริง วันนั้นกูไปติวหนังสือสอบที่ห้องเพื่อน กูแค่ไม่อยากให้หอวุ่นวาย กลัวรบกวนการอ่านหนังสือ กูเลยร้องช่วยเฉยๆ นี่แหละ"

"โธ่ ก็นึกว่าเป็นห่วงจริงๆ "

"ฮ่าๆๆ ใครจะไปคิดว่าเป็นคนรู้จักวะที่โดน ฮ่าๆๆ "

แล้วเราก็คุยไปหัวเราะไป เรื่องนี้จบก็ต่อเรื่องใหม่ มีเรื่องให้คุยเยอะแยะไปหมดเลยครับ นั่งกินตั้งแต่หกโมงเย็น ยันสามทุ่ม ดีนะที่เค้าไม่กำหนดเวลากิน ไม่งั้นได้หาร้านอื่นสิงต่อแน่ๆ ครับ

ผมรู้สึกมีความสุขจังเลยวันนี้ เราคุยกันโดยที่ไม่มีประเด็นของคนอื่น มีแค่เรื่องของ 'ผม' กับ 'มัน' เพียงสองคน…





พอกินเสร็จ เราก็กลับหอพักครับ ผมสงสัยตั้งแต่ตอนเย็นแล้วว่าทำไมมันแต่งตัวเหมือนไปเล่นบาสมา แต่ก็ลืมถาม ระหว่างทางกลับเลยอดถามไม่ได้

"ทำไมวันนี้มึงใส่ชุดเล่นบาสวะ"

"ก็…ใส่แล้วมันสบาย"

"ไม่ใช่ว่ามึงกำลังจะไปเล่นบาสนะ"

"เปล๊า"

"เสียงสูงเชียวนะมึง กูไลน์ไปทำลายความตั้งใจมึงรึเปล่าเนี่ย"

"ไม่หรอก บาสน่ะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่…ไปกินข้าวกับมึงน่ะ ต้องวันนี้เท่านั้น"

"ยังไงวะ"

มันหันมามองผมแวบนึง ก่อนจะพูดต่อ

"กูก็แค่…อยากไปกินข้าวกับมึง กูไม่ชอบ 2-3 วันที่ผ่านมาเลย กูไม่อยากให้เราเมินเฉยใส่กัน ทั้งที่เราไม่ได้มีเรื่องให้ผิดใจกันซักหน่อย"

"อืม กูก็ไม่ชอบแบบที่ผ่านมาเหมือนกัน กูเลยไลน์ชวนมึงนี่แหละ"

"ขอบใจนะที่ไลน์มาวันนี้"

พูดจบมันก็หันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มให้มันเหมือนกัน จากนั้นเราก็เงียบ ไม่มีใครพูดอะไร แต่แปลกนะครับ การเงียบครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนที่มีแต่ความอึดอัด แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสบายใจ ราวกับมีมวลอากาศที่แสนอบอุ่นล้อมรอบเราสองคนไว้





หลังจากไปกินชาบูด้วยกันวันนั้น ผมกับไอ้ฟิล์มก็กลับมาพูดคุยสนิทสนมกันเหมือนเดิม ออกจะสนิทมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะบางวันมันก็มาเล่นห้องผมโดยไร้เหตุผล แต่ก่อนมันมาห้องผมด้วยเหตุผลที่ว่า…มาดักเจอนิว แต่ตอนนี้แค่อยากมา มันก็มา บางวันไม่ได้มีกิจกรรมอะไรเลย แค่มานอนเล่นเฉยๆ เสียด้วยซ้ำ

เหมือนวันนี้ที่เป็นวันเสาร์ มันก็มานอนเอกเขนกยึดครองโซฟากลางห้องผมไปโดยปริยาย

"วันนี้กูมีเวรบ่าย ER นะมึง" ผมบอกมัน

"กูรู้แล้ว ถึงได้รีบมาหาตั้งแต่เช้าไง"

"แล้วนี่มึงกินข้าวเช้ายัง"

"ยัง รอมึงราวด์เสร็จไง จะได้ไปกินด้วยกัน"

"กูขี้เกียจออกไปอ่ะ กูต้องอ่านเปเปอร์ไปตอบคำถามอาจารย์กี้วันจันทร์นี้น่ะ มึงออกไปซื้อแล้วเอากลับมากินที่ห้องได้ไหม เผื่อกูด้วย"

"อือๆ แล้วมึงจะกินอะไร แค่หน้าโรง'บาลพอนะ"

"อืม"

แล้วผมก็บอกเมนูมันไป จากนั้นมันก็ออกไปซื้อ ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับอาหารตามสั่ง เราเปิดข้าวกล่องกินกันไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ ไลน์ผมก็ดังขึ้น ผมจึงหยิบมาดู เป็นข้อความจากน้องพริกคนสวย ผมแอบเห็นไอ้ฟิล์มเหล่ตามองโทรศัพท์ผมด้วยนะ


Prik : สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่เต็ม

ทำอะไรอยู่น๊าา




ผมก็กดตอบไปตามมารยาทครับ



TemTem : ทานข้าวครับ

Prik : พริกก็กำลังทานข้าวค่ะ

        พี่เต็มทานอะไรคะ ถ่ายรูปมาให้ดูได้ไหมคะ






ผมเลยถ่ายรูปข้าวกล่องของตัวเองส่งให้อีกฝ่าย





TemTem : (รูปข้าวผัดกระเพราไข่ดาว)

Prik : กินข้าวกล่องเหรอคะ

         ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนะคะ

         วันหลังพริกทำใส่ปิ่นโตไปให้นะคะ

TemTem : ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เกรงใจครับ

Prik : ไม่เป็นไรค่ะ พริกชอบทำอาหารค่ะ

        คิดซะว่าเป็นการตอบแทน เพราะพ่อพริกอาการดีขึ้นมาก จากการที่พี่เต็มแนะนำค่ะ






ผมกำลังจะพิมพ์ตอบ อยู่ดีๆ ก็มีมือใหญ่ของไอ้ฟิล์มดึงโทรศัพท์ผมไปวางไว้ที่โซฟากลางห้อง

"กิน ไม่ใช่เวลาเล่นไลน์"

"แค่ตอบแป๊ปเดียวเอง"

"เวลากินก็คือเวลากิน" มันพูดไปหน้าบึ้งไปด้วยครับ อะไรวะ เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีๆ อยู่เลย

"อะไรวะ โทรศัพท์ก็โทรศัพท์กู ไลน์ก็ไลน์กู …กูจะคุยตอนไหนก็ได้ป่าววะ"

"ตอนนี้มึงอยู่กับกู…มึงก็คุยแค่กับกู…โอเคไหม"

"กูก็คุยกับมึงอยู่นี่ไง"

"กูไม่ได้หมายความว่ายังงั้น"

"แล้วมึงหมายความว่าไง"

"…ก็ตามนั้นแหละ"

"อะไรวะ งงกับมึงนะเนี่ย"

"เออๆ ไม่มีอะไรหรอก กินเข้าไปข้าวน่ะ"

จากนั้น ผมก็กินข้าวต่อ ขี้เกียจซักไซ้มัน เดี๋ยวได้มีเรื่องกันอีก พาลมองหน้ากันไม่ติดอีก ผมเลยตั้งหน้าตั้งตากิน แล้วรีบไปนั่งอ่านเปเปอร์ โดยที่ลืมไปเลยว่าโทรศัพท์น่ะโดนไอ้ฟิล์มยึดไปแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้ยึดหรอกครับ แค่มันเอาไปวางที่โซฟา ซึ่งเป็นพื้นที่ของมัน ผมก็เลยไม่เข้าไปยุ่ง ปล่อยมันทิ้งไว้นั่นแหละ เพราะจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้ติดโทรศัพท์มากมายขนาดนั้น

ผมอ่านเปเปอร์ไปซักพัก ไอ้ฟิล์มก็เปลี่ยนมานอนเล่นเกมมือถือบนเตียงนอนผม ซึ่งโต๊ะทำงานผมตั้งอยู่ข้างเตียงนอน ไม่นานมันก็ผล็อยหลับไปครับ ผมอดที่จะแอบมองหน้ามันไม่ได้ครับ จริงๆ แล้วมันเป็นคนหน้าตาดีคนนึงเลยนะครับ แต่แปลกจัง ทำไมมันไม่มีแฟน หรือ type แบบมันหาแฟนยาก แต่ผมว่าไม่น่าจะยากแล้วนะ สังคมสมัยนี้เค้าเปิดกว้างแล้ว

มองมันไปเพลินๆ ผมก็เริ่มง่วงนะครับ เลยดันให้มันขยับไปอีกหน่อย ผมจะได้นอนอีกด้านได้ หลังจากพอมีพื้นที่ให้ตัวเองนอนแล้ว ผมก็ล้มตัวลงนอนอีกด้าน หันหลังให้มันด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ยังจำได้เสมอว่าเกิดอะไรขึ้นบนเตียงนี้ แต่ตอนนี้ง่วงมาก ขอนอนก่อนละกัน คงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรอก เพราะ 'ไม่มีคนเมา'

.

.

ผมรู้สึกตัวตื่น เพราะสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนรินรดบริเวณท้ายทอย อีกทั้งรู้สึกว่ามี 'บางอย่าง' ดุนดันอยู่แถวก้นผม

ตกใจนะครับ!! ตื่นมาเจอกับอะไรแบบนี้ แต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมจึงนอนตัวแข็งเกร็ง ไม่ยอมกระดุกกระดิกตัวเลย พร้อมทั้งหลับตาปี๋เหมือนเดิม ทำเสมือนว่าตัวเองยังหลับอยู่ แต่จริงๆ คือรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร

อยู่ดีๆ ไอ้ฟิล์มก็โอบกอดผมจากด้านหลัง มันขยับตัวมาชิดผมมากขึ้น และผมก็สัมผัสได้ถึง 'ความแข็งขึง' ที่เบียดชิดผมมากกว่าเดิม นั่นทำให้เลือดในกายผมสูบฉีดเร็วและแรง จนรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนมาก และความร้อนนั้นมันก็ไม่ได้ไปกระจุกแค่ที่หน้า แต่มันดันไปรวมตัวอยู่อีกที่ คือ ส่วนกึ่งกลางลำตัวของผม

และแน่นอนว่า…มันค่อยๆ ตื่นจากการหลับไหล

นาทีนี้ผมกลัวมาก กลัวว่าไอ้ฟิล์มมันจะจับได้ว่าผมไม่ได้หลับจริง และผมดันมีอารมณ์กับมันซะแล้ว

"เต็ม…"

เสียงครางเรียกชื่อผมเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง ทำเอาใจผมเต้นรัวเร็ว เหงื่อก็ผุดออกมาจากลำตัวเพราะความร้อนรุ่มที่ถูกปลุกเร้า

ผมสับสนไปหมดแล้วครับ ทั้งที่ไอ้ฟิล์มมันไม่ได้เมา แต่ทำไมมันถึงทำแบบนี้กับผม หรือนาทีนี้ผมควรหันไปเผชิญหน้า และถามมันตรงๆ ไปเลย จะได้รู้ว่าควรไปต่อยังไง

แต่…ถ้ามันไม่ได้คิดอะไร ก็แค่คนมีอารมณ์น่ะ ผมจะรับได้เหรอถ้ามันบอกแบบนี้

แน่นอนว่า…ผมรับไม่ได้ ผมอยากให้ความสัมพันธ์ของเราอยู่เท่านี้ เท่าที่เป็นอยู่ มันดีมากแล้ว…

คิดได้แบบนั้น ผมก็ค่อยๆ พลิกตัวหันไปหามัน มองตามันนิ่ง ไอ้ฟิล์มอึ้งนิดนึงที่เห็นผมตื่นเต็มตา

"มึงกำลังจะทำอะไรกู" ผมเอ่ยถามมันตรงๆ พร้อมกับจ้องตามันไม่กระพริบ

"เอ่อ…"

"มึงอยากเหรอ? "

"อือ…"

"นู่น ห้องน้ำ"

"กับมึงไม่ได้เหรอ"

"ไม่ได้"

"ทำไมวะ"

"…กูอยากให้ความสัมพันธ์ของเราอยู่เท่านี้ อยู่แบบนี้ไปนานๆ ถ้ากูกับมึงมีอะไรกันอีก ความสัมพันธ์แบบนี้อาจจะจบลงก็ได้"

"…ได้ ถ้ามึงต้องการแบบนี้ กูก็โอเค"


มันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกจากเตียง แล้วเดินคอตกไปเข้าห้องน้ำ…

ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกัน หลังจากที่มันลุกออกไปแล้ว เฮ้ออออ…





TBC.



Talk : อ่านแล้วเป็นไงกันบ้างคะ คอมเม้นท์บอกไรท์บ้างนะค๊าา (ยิ้ม) ในส่วนของชื่อตอนนั้น ช่วงนี้เราอินกับเพลงนี้มาก รู้สึกว่ามันเข้ากับตอนนี้อยู่นะ 55555

น่าจะมีการเปิดจองรูปเล่มเร็วๆ นี้นะคะ เราจะทำแค่ 12 เล่ม เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีคนสนใจเท่าไหร่ 555 (12 เล่มก็ให้มีคนอุดหนุนเถ้อออ 55555) แล้วก็จะลงตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านเบาๆ ฝากรอติดตามด้วยนะคะ ><

ขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องนี้ ดีใจมากๆ ค่ะ ที่มีคน add shelf ถึงหลักพันแล้ว มันเกินความคาดหมายสำหรับนิยายเรื่องแรกในรอบสิบปีของเรามากค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านและสนับสนุนมากๆ นะคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสนับสนุนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ (รักก็คือรัก)

หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ตอนพิเศษ #2 โลมาไม่ใช่ปลา (ฟิล์มเต็ม) 26/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 30-09-2020 18:39:15
เภฟิล์มหมอเต็ม #3 พูดไม่ออก

- เภฟิล์ม -

วันนี้ผมมีนัดเล่นบาสกับรุ่นน้องกลุ่มเดิม กลุ่มที่ครั้งก่อนไปถึงสนามแล้วไม่ได้เล่นด้วยนั่นแหละครับ ครั้งนี้ไม่น่าจะมีอะไรมาขวางกั้น เพราะไอ้เต็มมาด้วย มันบอกว่ามันเล่นบาสไม่เก่ง แถมตัวเตี้ย แย่งลูกบาสใครเค้าไม่ได้หรอก อย่างมากก็เข้าไปวิ่งเล่นในสนามบาส กลัวไปขัดแข้งขัดขาคนอื่นมากกว่า มันเลยขอนั่งดู หรือรอไปเก็บลูกบาสให้ดีกว่า ผมก็ไม่ว่าอะไรครับ ตามใจมันเลย

แค่มันมาด้วย…ก็ดีมากพอแล้ว

หลังจากวันนั้น วันที่มันไม่ยอมมีอะไรกับผม ผมกับมันก็ใช้ชีวิตปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังไปกินข้าวด้วยกัน ทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกันเหมือนเดิม มองแบบผิวเผิน ทุกอย่างก็คงดูปกติ และไอ้เต็มก็คงปกติ แต่สำหรับผมแล้ว…ไม่ปกติ

ผมรู้ชัดเจนแล้วว่าผมต้องอยู่ 'สถานะ' ไหน มันวางให้ผมเป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่ง ผมก็ต้องเป็นเพื่อนที่ดีให้มัน ถึงจะลำบากใจไปบ้าง แต่ก็ต้องทำใจและยอมรับให้ได้ เพราะเรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ถึงจะอยากพัฒนาความสัมพันธ์ขนาดไหนก็ตาม

'จงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่'

นั่นคือสิ่งที่ผมใช้เตือนสติตัวเองทุกวัน พร่ำบอกตัวเองทุกครั้งที่ต้องไปไหนมาไหนกับมัน ดังเช่นวันนี้

"มึงไม่ลงเล่นกับพวกกูจริงเหรอวะ นั่งข้างสนามคนเดียวเหงานะเว้ย" ผมถามมันขณะที่กำลังใส่ถุงเท้าและเปลี่ยนรองเท้าเพื่อลงเล่น ในขณะที่มันนั่งอยู่ข้างสแตนด์เชียร์

"คนเดียวที่ไหน คนดูเยอะแยะ" มันชี้มือไปคนอื่นๆ ที่นั่งห่างออกไป

"แล้วมึงรู้จักเค้ารึไง"

"ไม่รู้จัก"

"แล้วมึงจะอยู่ยังไง"

"ก็นั่งอยู่ตรงนี้แหละ ถ้าเบื่อกูก็แค่เล่นโทรศัพท์ ไม่เห็นยากเลย"

"คราวหน้าไม่พามาด้วยดีกว่า"

"ทำไม หรือมึงมีเด็กแถวนี้"

"กูจะเอาเวลาไหนไปมีเด็ก กูตัวติดกับมึงขนาดนี้ ถ้าบอกคนอื่นว่าเป็นผัวเมียกัน เค้าก็เชื่อเหอะ"

"ฮ่าๆๆ ถ้าต้องการเวลาส่วนตัวก็บอกกูละกัน กูจะได้ปลีกตัวให้ ฮ่าๆๆ"

จบประโยคของมัน ผมก็เปลี่ยนรองเท้าเสร็จพอดี ก็เลยลงเล่นบาส หันไปโบกมือให้มันเป็นระยะ ทุกครั้งที่มองไปก็เห็นมันมองผมตลอด อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ บางครั้ง…แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

จบเซตแรก ทีมผมชนะครับ ก็จะไม่ให้ชนะได้ไง มีแต่ตัวแทนเก่าของโรงเรียน ตัวเก๋าๆ ทั้งนั้น ผมเดินออกจากสนาม ตรงไปหาไอ้เต็ม มันเปิดน้ำรออยู่ก่อนแล้ว ผมจึงฉวยน้ำในมือมันมา กำลังจะกรอกเข้าปาก แต่อยู่ดีๆ ก็มีน้องคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าผม แล้วยื่นเครื่องดื่มยี่ห้อ 'สปอนเซอร์' ให้

"ช่วยรับไว้ด้วยครับ" น้องใส่ชุดนักเรียน ผมรองทรงสีน้ำตาล ผิวขาว เวลายิ้มออกมาก็เห็นลักยิ้มน้อยๆ ข้างแก้มใส

"ให้พี่เหรอครับ"

"ครับ" น้องพูดกับผม โดยที่ไม่ยอมเงยหน้ามามองผมเลย

"ขอบคุณครับ" ผมเอื้อมไปหยิบเครื่องดื่มในมือน้อง แล้วน้องก็รีบวิ่งหลบไปทางกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอลุ้นช่วยอยู่อีกฝั่งของสนาม ผมก็ได้แต่มองตามไป แต่ก็…งงๆ กับเหตุการณ์เมื่อกี้

ผมมองดูภายในมือตัวเอง ขวา คือ น้ำเปล่าของไอ้เต็ม ซ้าย คือ เครื่องดื่มของน้อง แล้วเลยมองไปยังหน้าไอ้เต็ม เห็นมันยิ้มๆ ไม่เข้าใจความหมายเหมือนกันว่ายิ้มทำไม

"กินให้น้องเค้าหน่อย น้องเค้าอุตส่าห์รวบรวมความกล้าเอามาให้"

มันบอกผมครับ ผมเลยกระดกเครื่องดื่มขวดนั้นไปครึ่งขวด แล้วตามด้วยน้ำเปล่าของไอ้เต็มอีกครึ่งขวด ขวด 600 มิลลิลิตรนะครับ ไม่ใช่ 1.5 ลิตร เดี๋ยวได้จุกกลางสนามกันพอดี

หลังจากนั้นผมก็ลงสนามอีกครั้ง คราวนี้ต้องแบ่งสายตาไปมองน้องเค้าด้วยครับ ยอมรับเลยว่าน้องเค้าน่ารักมาก ตรงสเป๊คเลย อดไม่ได้ที่จะมองไปบ่อยๆ น้องเค้าก็ยิ้มให้ผมบ้าง ส่วนเพื่อนๆ น้องเค้านั้นร้องเชียร์ผมเต็มที่ ฮึดสู้สิครับ มีคนน่ารักเชียร์อยู่ทั้งที อิอิ



- หมอเต็ม -

ผมนั่งมองไอ้ฟิล์มเล่นบาส บวกกับดูมันส่งสายตาให้น้องคนนั้น ดูก็รู้ว่ามันสนใจ แล้วหันมาถามตัวเองว่า…แล้วกูมานั่งทำอะไรตรงนี้วะ? ทั้งที่หนังสือก็ต้องอ่าน แต่เสือกมานั่งเฝ้าไอ้ฟิล์มเล่นบาส แค่มันชวนมาด้วย ผมก็ใจง่ายตามมันมา น่าตีตัวเองจริงๆ

แล้วยังไงล่ะทีนี้ พอมาเห็นมันส่งสายตาให้คนอื่นก็เซ็ง ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ เป็นผมเองที่บอกมันให้ดื่มเครื่องดื่มจากน้องเค้า นี่ก็น่าตีปากตัวเองจริงๆ

บางครั้งก็เบื่อตัวเอง ที่ปากไม่ตรงกับใจ จริงๆ ก็อยากเป็นแบบน้องเค้า ชอบก็แสดงออกเลยว่าชอบ แต่คิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อผมเลือกแล้วว่าจะวางความสัมพันธ์ของผมกับมันไว้จุดไหน ก็ต้องเป็นไปตามนั้นแหละครับ ถ้ามันจะสานต่อกับน้องเค้า ผมก็ต้องเป็นเพื่อนที่ดีสนับสนุนให้เพื่อนมีแฟนเป็นตัวเป็นตน

ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ดูนาฬิกาข้อมืออีกทีก็เกือบสองทุ่ม น้องคนนั้นกลับไปนานแล้วครับ แต่เกมเพิ่งจบ ไอ้ฟิล์มมันเลยเดินมาหาผม แล้วชวนไปหาอะไรกิน

"ป่ะ ไปหาอะไรกินกัน"

"อืม มึงอยากกินอะไรล่ะ" ผมถามมันครับ

"กินอะไรก็ได้ เบาๆ วันนี้กูเหนื่อยว่ะ กินหนักๆ ไม่ค่อยลง"

"ไม่ได้เล่นนานละสิ"

"เออสิ มาเล่นทีนี่แทบหมดแรง"

"งั้นแวะกินก๊วยเตี๋ยวก่อนกลับละกัน เคไหม"

"ได้ ตามนั้น …มึงขับรถให้กูด้วย" แล้วมันก็ยื่นกุญแจรถมาให้ผม ผมก็รับมา แล้วเดินนำไปที่รถมัน

ระหว่างทางที่นั่งไปบนรถ ผมเห็นมันคุยไลน์ตลอดเลยครับ อดแซวไม่ได้

"มึงคุยกับใคร อย่าบอกนะว่าคุยกับน้องคนนั้น"

"เออสิ"

"ไปแอบให้ไลน์กันตอนไหนวะ ทำไมกูไม่เห็น"

"แสดงว่ามึงไม่ได้มองกูตลอดเวลา"

"ใครจะไปมองมึงตลอดเวลาวะ กูก็ต้องมองอย่างอื่นบ้างสิ" เปล่าครับ จริงๆ ผมมองมันเกือบตลอดเวลา แล้วมันเอาให้กันตอนไหนวะ ผมงงเลย

"กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องเค้าไปเอาไลน์กูมาจากไหน เล่นบาสเสร็จ กูก็เพิ่งได้เห็นข้อความที่น้องเค้าส่งมานี่แหละ"

"อ่อออ แล้วมึงพูดให้กูฟังทำไม"

"ก็มึงเป็นเพื่อนกูไง กูก็ควรเล่าทุกอย่างให้มึงฟังไหม"

"อ่อออ"

ผมก็ได้แต่ลากเสียงยาว แล้วหาที่จอดรถพามันลงไปกินก๊วยเตี๋ยวครับ…

อ่อ มีอีกประเด็นนึงที่ผมยังไม่เคลียร์เท่าไหร่ ก่อนมันจะไปต่อกับน้องคนนั้น ผมต้องมั่นใจก่อนว่ามันไม่คิดอะไรกับนิวแล้ว ผมไม่เคยถามมัน เพราะกลัวมันเจ็บ เนื่องจากนิวกับอาจารย์กี้เค้าก็เปิดตัวมาซักพักแล้ว มันก็น่าจะทำใจได้บ้างแล้วล่ะ

"กูขอถามมึงหน่อยดิ… มึงเลิกชอบนิวแล้วเหรอ ช่วงนี้กูไม่ค่อยเห็นมึงถามถึงนิวเลย"

"ก็ต้องเลิกแล้วไหม เค้าเปิดตัวกันขนาดนั้น กูคงไม่บ้าไปเป็นมือที่สามให้คนประณามทั้งโรง'บาลหรอก"

"ทำไมมึงเลิกชอบได้รวดเร็วจังวะ ทีตอนชอบนี่ถามกูทุกเช้าเที่ยงเย็น"

"…ไม่รู้ว่ะ จริงๆ กูอาจจะแค่ปลื้มนิวเฉยๆ ก็ได้ เหมือน fc อ่ะ แค่ได้เห็น ได้มอง ไม่ต้องครอบครอง ก็มีความสุขแล้ว"

"เป็นเอามากว่ะมึง แล้วตอนนี้ยังปลื้มอยู่ไหม"

"มึงถามกูจังวะ"

"ก่อนที่มึงจะไปต่อกับน้องคนนั้น มึงก็ต้องเคลียร์ตัวเองก่อนไหม"

"เอาเป็นว่า…กูรู้ว่ากูไม่มีหวังกับนิวแล้ว กูก็หยุด และพยายามตัดใจ ก็ต้องขอบคุณมึงที่อยู่กับกูตลอด มันทำให้กูตัดใจได้เร็วขึ้น"

"กู…มีส่วนช่วยให้มึงตัดใจได้ด้วยเหรอ" ผมชี้นิ้วมาที่ตัวเองแบบงงๆ

"ก็เวลาอกหัก เค้าบอกว่าให้อยู่กับเพื่อน จะได้ทำใจได้ไว …กูก็ทำแบบนั้นไง"

"อ่ออ กูเข้าใจแล้ว งั้นมึงเคลียร์แล้วนะ… กูว่ามึงไปต่อได้"

"มึงว่าน้องคนนี้โอเคไหม?" มันถามผมครับ ดูน้ำเสียงจริงจังอยู่นะ

"ก็น่ารักดี เหมาะกับมึงดี" ตอบปัดๆ ไปครับ

"ถ้ามึงบอกว่าเหมาะกับกู กูก็จะเดินหน้าละนะ" ทำไมผมรู้สึกปวดหนึบๆ กับคำว่า 'เดินหน้า' ของมันวะ

"แล้วแต่มึงสิ เกี่ยวอะไรกับกูวะ"

เกลียดปากที่ไม่ตรงกับใจตัวเองอีกแล้วครับ…



.



วันนี้ผมต้องไปตรวจ opd คลินิก asthma & COPD แทนอาจารย์หมอที่รับผิดชอบประจำ เพราะท่านไปประชุมวิชาการต่างจังหวัด พอไปถึงหน้าห้องตรวจก็ไปเจอไอ้ฟิล์มที่เตรียมอุปกรณ์สอนการพ่นยาอยู่ เลยแวะไปทักทายมันนิดหน่อย

"ไงมึง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะ"

"คิดถึงกูเหรอ" มันยิ้มตอบผมหน้าตาย กวนตีนอีกแล้วนะมึง

"ทำไมกูต้องคิดถึงมึงวะ"

มันเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน

"อย่างน้อยกูก็เคยเป็นผัวมึงตั้งคืนนึงนะ"

พูดจบ มันก็ส่งยิ้มให้ผม แล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์ต่อไป ส่วนผมนั้นรู้สึกว่า…โคตรเสียหน้าเลยว่ะ ทั้งที่ก็รู้นะว่าแค่พูดเล่นกัน แกล้งกันขำๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาก็ไม่รู้



ระหว่างที่นั่งตรวจคนไข้ไป ตาผมก็คอยแต่จะเหลือบมองมันไปด้วย มุมที่ผมนั่งสามารถมองเห็นมันที่นั่งรอสอนคนไข้พ่นยาหอบหืดอยู่ ผมเห็นมันคุยไลน์ตลอดเวลา ไม่รู้คุยกับใคร ถ้าให้เดาก็คงคุยกับเด็กมันนั่นแหละ

อยู่ดีๆ ไลน์ผมก็เด้งขึ้นมาครับ เป็นน้องพริกนั่นเอง

Prik : เที่ยงนี้พี่เต็มว่างไหมคะ

TemTem : ยังไม่แน่ใจเลยครับ ยังตรวจคนไข้ไม่เสร็จเลย

Prik : วันนี้พริกเข้าครัว เลยจัดปิ่นโตมาเผื่อพี่เต็มด้วยค่ะ

        พริกเอาปิ่นโตไปให้ได้ไหมคะ

        (รูปอาหารในปิ่นโต)

TemTem : ว้าววว น่าทานจังเลยครับ

                แต่เกรงใจจังเลย

Prik : พริกตั้งใจทำมาให้อยู่แล้วค่ะ

TemTem : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'ปลื้มปริ่ม' ไปให้)

Prik : งั้นตอนเที่ยงพริกแวะเอาปิ่นโตไปให้นะคะ

TemTem : (ส่งสติ๊กเกอร์ 'ขอบคุณ' ไปให้)




พอเที่ยงปุ๊ป น้องพริกก็แวะเอาปิ่นโตมาให้ถึงหน้าห้องตรวจ จริงๆ ก็อยากจะชวนน้องทานด้วยกัน แต่ผมยังเคลียร์คนไข้ไม่หมดเลยครับ ยังเหลืออีกเกือบสิบเคส เลยต้องขอติดเลี้ยงข้าวน้องไว้ก่อน น้องก็เข้าใจ และรีบลากลับไป เพราะน้องก็ต้องรีบเข้างานบ่ายโมงเหมือนกัน

การปรากฎตัวของน้องพริกทำให้เจ้าหน้าที่ที่ออกคลินิกวันนี้เอ่ยแซวผมแทบทุกคน แต่มีคนเดียวที่นิ่งเงียบไปเลย คือ ไอ้ฟิล์ม

ไม่นาน ผมก็ตรวจเสร็จ แต่มองไปทางด้านไอ้ฟิล์ม มันยังเหลือคนไข้อีกสองสามคน ผมจึงทำเป็นอ้อยอิ่งเก็บนู่นเก็บนี่เข้ากระเป๋าไม่เสร็จซักที พอมองไปอีกทีก็เห็นมันกำลังตะเก็บอุปกรณ์สอนคนไข้กลับห้องยา ผมเลยเดินเข้าไปหา พร้อมกับชวนมันไปทานข้าวด้วยกัน

"มึง วันนี้กินข้าวด้วยกันไหม"

มันมองปิ่นโตในมือผม แล้วเลยมองมายังหน้าผม พร้อมกับพูดขึ้นว่า

"เดี๋ยวนี้พัฒนานะมึง มีการมาส่งปิ่นโตด้วย"

"ก็ธรรมดาคนคุยกัน… สรุปแล้วกินด้วยกันไหมเนี่ย"

"กินก็กิน"

"งั้นไปนั่งกินโรงอาหารละกัน มึงอ่ะรีบเก็บไวๆ เลย"

"มึงก็ช่วยกูสิวะ ยืนบ่นอยู่ได้"

"เออๆ"

แล้วผมก็เลยต้องช่วยมันเก็บของไปไว้ห้องยา ระหว่างทางอดถามมันไม่ได้ครับ

"ว่าแต่มึงเถอะถึงไหนแล้ว กับน้องคนนั้นน่ะ"

"ก็…แค่คุยผ่านไลน์"

"ทำไมยังไม่พัฒนาอีกวะ"

"เด็กอายุสิบหกนะมึง กูพรากผู้เยาว์เลยนะ"

"สิบหกแล้ว ไม่เด็กแล้วนะเว้ย"

"มึงอยากให้กู…มีแฟน…จริงๆ เหรอวะเต็ม"

อยู่ดีๆ ไอ้ฟิล์มก็ถามผมขึ้น หน้าตาดูจริงจังมาก ผมเลยตอบทีเล่นทีจริงออกไป เพราะไม่อยากให้บรรยากาศเครียดนัก

"ก็อยากสิวะ ถ้ามึงไม่มีแฟน เดี๋ยวมึงก็มาขอมีอะไรกับกูอีก ฮ่าๆๆ"

"ทำเป็นพูดดีไปเถอะมึง ถ้ากูมีแฟนจริงๆ ละเดี๋ยวมึงจะหนาว"

"กูไม่หนาวเว้ย กูมีน้องพริกสุดสวยอยู่ ฮ่าๆๆ"

"กูจะคอยดูละกัน ฮ่าๆ"

แล้วเราก็หัวเราะกันออกมา แต่มันคงเป็นเสียงหัวเราะที่แปร่งๆ ไม่ค่อยเต็มเสียงนักหรอกครับ…



TBC.



Talk : ใกล้จบแล้วนะคะ สำหรับเภฟิล์มกับหมอเต็ม ตอนต่อไปก็จบแล้วจ้า ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ

สำหรับหนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ตามไปที่ลิงค์นี้ค่ะ (มีตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านด้วยค่ะ) https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925c (https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925c)

ส่วน e-books รอ MEB อนุมัติอยู่ค่ะ คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 1-3 วันนี้

หากชอบ ก็ฝากอุดหนุนเป็นกำลังใจให้เรา เพื่อจะได้มีแรงแต่งนิยายเรื่องต่อไปหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ (รัก)
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ตอนพิเศษ #3 พูดไม่ออก (ฟิล์มเต็ม) 30/9/63
เริ่มหัวข้อโดย: a-mee-ra ที่ 13-10-2020 18:51:51
เภฟิล์มหมอเต็ม #4 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (จบ)


- หมอเต็ม -

หลังจากวันนั้น ผมก็เจอกับไอ้ฟิล์มน้อยลง มันไม่ค่อยมาหาผม ซึ่งปกติมันจะเป็นคนเข้าหาผมก่อนอยู่แล้ว เมื่อมันไม่เข้าหาผม แน่นอนว่าเราก็ค่อยๆ ห่างกันไป เพราะผมก็ไม่ติดต่อไปเหมือนกัน

วันนี้หลังเลิกงาน ผมมีนัดดูหนังกับน้องพริก เป็นเดตแรกของเรา หลังจากที่คุยกันทางไลน์มาสองอาทิตย์กว่า ผมขับรถไปรับน้องที่ทำงาน ซึ่งน้องเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง

"พริกคิดไว้รึยังครับว่าจะดูหนังเรื่องอะไร" ผมเอ่ยถามน้องหลังจากรับขึ้นมาบนรถแล้ว

"พริกอยากดูมู่หลานค่ะ พี่เต็มอยากดูเรื่องอื่นรึเปล่าคะ"

"พี่ดูอะไรก็ได้ที่น้องพริกอยากดูครับ" พูดจบ ก็ส่งยิ้มให้คนข้างๆ

"งั้นพริกหารอบหนังเลยนะคะ"

"ครับผม"

จากนั้น น้องก็ได้รอบหนังตอนเกือบสองทุ่ม เราจึงต้องหาข้าวกินกันก่อน ผมก็ถามน้องอีกตามเคยครับว่าอยากกินอะไร น้องอยากกินอาหารญี่ปุ่น ผมก็พาไปกินครับ พอกินเสร็จก็รีบมารอดูหนังในห้างสรรพสินค้าที่มีหนึ่งเดียวของจังหวัด ซึ่งเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่ง หนึ่งในนั้นก็มีติวเตอร์ต่างๆ

ในขณะที่ผมกับพริกกำลังจะเดินไปดูหนัง สายตาผมก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังที่คุ้นเคย ข้างกายมีนักเรียนม.ปลาย ทั้งคู่เดินจับมือกัน กำลังพูดคุยยิ้มหัวเราะให้กันราวกับโลกนี้มีเพียงพวกเขาสองคน

ทำไมใจผมมันเจ็บแปล๊บๆ ขึ้นมาอีกแล้ว

"พี่เต็ม นั่นใช่พี่ฟิล์มไหมคะ" น้องพริกชี้ไปที่คนคู่นั้น แล้วเอ่ยถามผมออกมา

"ไม่แน่ใจอ่ะ เห็นแต่ด้านหลัง พี่จำไม่ได้หรอก"

"แต่พริกว่า ต้องใช่แน่ๆ ค่ะ ว่าแต่…เด็กข้างๆ เป็นใครกันนะ ทำไมเค้าจับมือกัน"

"อันนี้พี่ก็ไม่รู้ครับ"

"พี่เต็ม! หรือว่าพี่ฟิล์มเค้าเป็น?! "

"เอ่อ พี่ไม่ทราบครับ"

"พริกว่าเราไปทักเค้าหน่อยไหมคะ? " ตอนนี้น้องพริกที่แสนเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก กลายเป็นอีกคนไปแล้วครับ ผมนึกเอ็นดูอยู่ในใจ

"ไม่ดีมั้งครับ เค้าอาจจะอยากมีเวลาส่วนตัว"

"พี่เต็มรู้อะไรแน่ๆ เล่าให้พริกฟังหน่อยสิ นะคะ นะคะ" น้องพริกใช้สองมือเล็กๆ เขย่าแขนผม เหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ ผมจึงเอื้อมมือไปกุมมือเล็กของอีกฝ่ายให้หยุดเขย่า พลางเปลี่ยนเรื่องให้อีกฝ่ายเลิกสนใจ

"พี่ไม่รู้อะไรจริงๆ ครับ ใกล้ถึงเวลารอบหนังเราแล้วนะ เราไปนั่งรอตรงโน้นดีกว่าไหมครับ" ผมพยายามพูดกับน้องด้วยความอ่อนโยน งงตัวเองเหมือนกัน พูดแบบนี้ก็เป็นด้วย โคตรจะแมนเลย

ระหว่างที่ผมคุยกับน้องพริกอยู่นั้น ไอ้ฟิล์มกับเด็กมันก็เดินเข้ามาใกล้พวกผม พอหันไปเจอ มันก็จำเป็นที่จะต้องทักทายแล้วล่ะครับ

"ไงมึง มาดูหนังเหรอ" มันทักผมก่อน

"อืม แล้วมึงล่ะ"

"มารับน้องเรียนพิเศษเสร็จ แล้วจะเลยไปส่งที่บ้าน"

"อ่อ งั้นพวกกูขอตัวก่อนนะ หนังใกล้เริ่มแล้ว"

"อือ"

แล้วผมก็จูงน้องพริกเลี่ยงออกมา พาเดินไปซื้อป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมเพื่อรอเข้าไปในโรงหนัง ผมอดที่จะมองตามคนอีกคู่ไม่ได้ ก็เห็นกำลังเดินคล้องแขนกันลงบันไดเลื่อน เด็กมันพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ มองดูแล้ว…เหมาะสมกันดี

ผมเบือนหน้าหนี หันมาสนใจร่างเล็กคนที่อยู่ข้างๆ ผม ที่ตอนนี้ก็พูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อย สดใส มีชีวิตชีวา ร่าเริง น่ารัก อยู่ด้วยแล้วน่าจะสบายใจ แต่…ผมกลับรู้สึกไม่แฮปปี้ ใจผมวนเวียนคิดถึงแต่หน้าไอ้ฟิล์ม ยิ่งมาเห็นมันเดินยิ้มมีความสุขกับเด็ก ใจผมยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข

"พี่เต็ม! พี่เต็ม! ฟังพริกอยู่ไหมคะเนี่ย?! "

"อ่อๆ ฟังครับ" เปล่าครับ ไม่ได้ฟังเลย

"งั้นเมื่อกี้พริกพูดอะไรคะ"

"พริกบอกว่า…บอกว่าอะไรนะ…เอ่อ…อะไรน๊าาา"

"ไม่ต้องเลย ไม่ตั้งใจฟังพริกอ่ะ"

"งั้นน้องพริกพูดใหม่ เดี๋ยวคราวนี้พี่ตั้งใจฟังเลยครับ"

"ไม่เอา พริกไม่พูดแล้ว"

ไม่พูดเปล่านะครับ งอนเดินหนีผมแล้ว อิหยังวะ เรื่องแค่นี้ก็โกรธเหรอ? ผมงงเล็กน้อยตามประสาคนไม่เคยมีแฟนครับ





ผมกลับห้องมาด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ไม่ใช่เพราะน้องงอนผมนะครับ เพราะน้องงอนผมแค่แป๊ปเดียว ผมแค่ซื้อลิปสติกให้หนึ่งแท่ง น้องก็หายงอนแล้ว แต่ที่เซ็ง เพราะในหัวผมมีแต่ภาพไอ้ฟิล์มกับเด็กนั่นเต็มไปหมด คิดจินตนาการไปต่างๆ นานา ว่าเค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว

นี่ผมชอบมันจริงๆ เหรอครับ?

ทำยังไงถึงจะสลัดความรู้สึกนี้ออกไป ทั้งที่พยายามทุกทาง ไม่ว่าจะขีดเส้นอย่างชัดเจนว่าให้มันเป็นแค่เพื่อน หรือพยายามไปคบคนอื่นเพื่อลบภาพมันออกจากหัว แต่ทุกทางที่ทำไปไม่ได้ช่วยให้ผมลบภาพมันออกไปได้เลย

มีแต่ 'ชัดเจน' มากขึ้นทุกวัน

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อกผมต้องระเบิดเข้าซักวันแน่ๆ





- เภฟิล์ม -

วันนี้ผมต้องไปรับน้องจากที่เรียนพิเศษเหมือนเคยครับ ผมทำแบบนี้ได้อาทิตย์กว่าแล้ว ก็ตั้งแต่ที่ไอ้เต็มมันไล่ให้ผมไปมีแฟนนั่นแหละ ผมก็เริ่มเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์กับน้อง น้องก็น่ารักตามวัย ยังใสๆ ยังอ่อนต่อโลก ครอบครัวเค้าเลี้ยงมาดี ผมก็ไม่กล้าทำน้องเค้าแปดเปื้อนหรอกครับ อย่างมากก็เดินจับมือกันใสๆ แค่นั้นน้องเค้าก็เขินจะแย่อยู่แล้วครับ

"วันนี้พี่ฟิล์มอยู่เป็นเพื่อนบีมก่อนได้ไหมครับ พ่อกับแม่ไปงานเลี้ยงยังไม่น่าจะกลับ" น้องเอ่ยชวนผม ระหว่างที่ใกล้ถึงบ้านน้องแล้ว

"ได้สิครับ" ผมหันไปส่งยิ้มน้อยๆ ให้ด้วย

พอถึงบ้านน้อง ผมก็ขับรถเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย แต่ผมก็เคยเข้าไปแค่ห้องรับแขกนะครับ เพราะน้องเคยพาผมเข้าไปสวัสดีพ่อกับแม่ โดยที่แนะนำว่าผมจะมาติววิชาอื่นๆ ที่น้องไม่ได้เรียนพิเศษให้ พ่อกับแม่น้องจึงต้อนรับขับสู้ผมอย่างดี

จอดรถเสร็จ ผมก็เดินตามน้องเข้าไปในบ้าน แล้วก็นั่งลงโซฟารับแขกเหมือนเคย แต่น้องบอกว่าเข้าไปนั่งเล่นห้องนอนน้องก็ได้ น้องก็คงเชื้อเชิญเพราะไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับผม คนที่ผ่านโลกมาพอสมควร ก็อดคิดไม่ได้ว่า…โอกาสมาถึงแล้ว

ผมเดินตามน้องเข้าไปในห้องนอน เป็นห้องเรียบๆ ไม่มีอะไรตกแต่งมาก มีโต๊ะคอมฯ ตู้เสื้อผ้า และเตียงนอนใหญ่อยู่กลางห้อง และประตูเปิดสู่ห้องน้ำส่วนตัว

"พี่ฟิล์มนั่งเล่นที่เตียงบีมก็ได้นะครับ เดี๋ยวบีมไปอาบน้ำก่อน"

ผมรั้งแขนน้องไว้ น้องก็หันหน้ามามองผมด้วยความแปลกใจ แต่ผมอาศัยจังหวะนั้นฝังเรียวปากของตัวเองลงไปยังริมฝีปากอิ่มเต็มตรงหน้า ดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะผละออกมา ผมจ้องตาน้องนิ่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า

"อย่าชวนใครเข้าห้องนอนง่ายๆ แบบนี้อีกนะครับ…มันอันตราย"

"คะ ครับ"

"รีบไปอาบน้ำเถอะครับ ก่อนที่พี่จะอดใจไม่ไหว"

"คะ ครับ"

"พี่ออกไปรอข้างนอกนะครับ"

"…ครับ"

พูดจบ ผมก็ปล่อยมือน้อง แล้วเดินออกมานั่งรอที่ห้องรับแขก ที่ผมเดินออกมา ไม่ใช่เพราะผมจะอดใจไม่ไหวหรอกนะครับ แต่ขณะที่ปากผมจูบกับน้องบีม หน้าไอ้เต็มกลับลอยเข้ามาในหัว นี่ผมท่าจะอาการหนักแล้วนะครับ

จริงๆ ผมเริ่มหัวเสียตั้งแต่เห็นมันยืนกุมมือน้องพริกอยู่หน้าโรงหนังแล้วครับ แต่ผมก็แสดงออกไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทักทาย แต่ก็ดูมันไม่อยากให้ผมเข้าไปทักนักหรอกครับ

แต่ก็ช่างเถอะครับ ผมก็ไม่อยากทนมองภาพบาดตาบาดใจนั้นซักเท่าไหร่ ก็ดีแล้วที่มันรีบขอตัวเดินออกไป เพราะถ้าอยู่นานกว่านี้ อาจเป็นผมที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

ผมคิดไปถึงวันที่มันบอกให้ผมไปมีแฟน ดูท่าทางมันก็คงอยากให้ผมมีแฟนจริงๆ เพราะมันจะได้ไม่ตัวติดกับผมไง แล้วที่ผมมาคุยกับน้องบีมก็เพราะมันเลยนะ ถ้าวันนั้นมันบอกให้ผมไม่สนใจเด็กคนนี้ ผมก็จะไม่สนเลย เพราะยังไงผมก็แคร์มันมากกว่าอยู่แล้ว

ไม่ใช่ว่าผมโทษมันนะที่ผมต้องมาเป็นแบบนี้ แต่ผมเต็มใจทำตามสิ่งที่มันต้องการ…ผมเต็มใจทำเพื่อมันเอง

พอพ่อแม่น้องมาถึงแล้ว ผมก็ขอตัวออกมาเลยครับ โดยที่น้องยังอาบน้ำไม่เสร็จ ผมขับรถออกมาเรื่อยๆ โดยไร้จุดหมาย ยังไม่คิดจะกลับหอพัก เปิดเพลงเบาๆ คลอไปกับบรรยากาศเหงาๆ ยิ่งทำให้ความรู้สึกจมดิ่งสู่เบื้องลึกของจิตใจ

บางครั้งอาจถึงเวลาที่ต้องให้ค่ากับ 'ความรู้สึกของตัวเอง'

ชอบ…ก็บอกไปเลยว่าชอบ

ผลจะออกมาแบบไหน ก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าเก็บไว้อีกต่อไป ความรู้สึกเหล่านี้มันคงจุกอกผมตายเข้าซักวัน



ผมขับรถกลับหอพักอย่างคนที่มีเป้าหมาย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ผมไม่สนใจเวลาแล้วครับ ผมเดินเข้าไปในหอพักแพทย์ กดลิฟต์ไปยังชั้นห้า ออกจากลิฟต์ก็ไปเคาะประตูห้องบานที่คุ้นเคย

ไม่นานประตูก็เปิดออก…

หลังบานประตู คือ ไอ้เต็มในสภาพที่เหมือนคนหลับไปแล้ว หัวเหอยุ่งเหยิงยืนหน้าหงิกมองผมอย่างเคืองๆ

ผมไม่สนใจแล้วว่ามันจะอยู่สภาพไหน ผมเดินเข้าไปในห้องของมัน ปิดประตูตามหลัง ทันทีที่ได้ยินเสียงบานประตูกระทบกัน เป็นสัญญาณว่า…โลกทั้งใบมีเพียงเราสองคน ผมก็สาวเท้าเข้าไปกอดมัน กอดแนบแน่นชนิดที่ไม่ยอมให้อากาศลอยผ่านได้เลย มีแรงยั้งตัวจากมันนิดหน่อย แต่แค่นิดหน่อยจริงๆ เพราะหลังจากนั้นมันก็โอบกอดผมตอบ…แนบแน่นไม่ต่างกัน



หลังจากที่เรายืนกอดกันนิ่งนาน เป็นเวลากี่นาทีก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ มันรู้สึกดีจนผมไม่อยากละอ้อมแขนไปไหนเลย แต่ก็เป็นไอ้เต็มอีกนั่นแหละครับที่ผละตัวออกมาก่อน แต่ผมก็รั้งแขนมันไว้ ราวกับว่า กลัวมันจะหายตัวไปเสียอย่างนั้น มันเลยจับมือผมแล้วจูงไปนั่งลงที่ปลายเตียงนอน

สัมผัสอบอุ่นจากมือนุ่มของมันทำให้ผมจับไว้ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าเราจะนั่งอยู่ข้างกันก็ตาม ผมก้มลงไปมองหน้ามันที่เงยมองผมอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาฉายแววสับสน มีความกล้าๆ กลัวๆ อยู่ในดวงตาคู่นี้ เรื่อยลงไปเป็นจมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้เผยอน้อยๆ ภาพตรงหน้าทำให้ผมอดใจไม่ไหว ฝังจมูกและปากลงไปยังใบหน้าคนข้างกาย รับรู้ถึงการตอบรับอันดี ไม่ใช่แรงต้านอย่างที่นึกกลัว

ลิ้นร้อนไล้เลียขอบปากอิ่มอย่างเชื่องช้า ไม่เร่งร้อน ไม่เร่งเร้า ราวกับต้องการจดจำทุกสัมผัสให้ติดตรึงไว้ในความรู้สึก…

ผ่านไปนานพอสมควร ผมถึงยอมปล่อยริมฝีปากมันให้เป็นอิสระ เรานั่งจ้องตากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากแต่ละคน เหมือนกลัว…กลัวว่าถ้าฝ่ายใดพูดออกมาแล้วจะกลายเป็น 'คนแพ้'

เพราะความสัมพันธ์ของพวกผมมันเป็นความสัมพันธ์ที่ 'แข่งขัน' กันมาตลอด 

แต่ท้ายสุดแล้ว…ผมก็ต้องยอมแล้วล่ะครับ ยอมเป็นคนแพ้ในการแข่งขันนี้



"วันนี้กูนอนด้วยนะ…"

ผมพูดออกไป โดยที่ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว มันก็พยักหน้าหงึกหงักเหมือนเป็นการอนุญาตไปในตัว ผมจึงยอมปล่อยมือมัน เพื่อจะลุกไปนอนโซฟาซึ่งเป็นที่ของผม แต่มันก็กระตุกข้อมือผมไว้ แล้วเอ่ยขึ้น

"นอนเตียงด้วยกันก็ได้…จะได้นอนสบาย"

พูดจบ มันก็หลบสายตาผม ผมจึงมองไม่เห็นว่านัยน์คู่นั้นฉายแววอะไรออกมา แต่ในเมื่อมันชวนแล้ว ผมก็ทำตามที่มันบอก ล้มตัวลงนอนแทบจะในทันที มันก็เดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวนอนอีกด้านของเตียง เตียงเล็กๆ ที่มีผู้ชายสองคนนอนข้างกันก็ทำให้เราตัวติดกันไปโดยปริยาย

เรานอนหงายมองเพดานไปได้ซักพัก ผมก็ตะแคงข้างหันมาหามัน และมันก็เปลี่ยนมานอนแบบผม ตอนนี้เราจึงจ้องหน้ากันนิ่ง รับรู้ได้ถึงลมหายใจที่รินรดกันและกัน แต่ก็ไม่มีใครยอมพูดอะไร

ผมหายใจลึกๆ อีกครั้งก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา

"ถ้าตอนนี้ เรากำลังแข่งกันอยู่ เกมนี้มึงชนะว่ะเต็ม…กูแพ้ราบคาบเลย"

"ทำไมวะ"

"กูว่า…กูชอบมึงเข้าแล้วว่ะ มึงชนะกูแล้ว กูยอมมึงทุกอย่างแล้ว"

"…ไม่ว่ะ มึงไม่ได้แพ้ เกมนี้เราเสมอกัน เพราะกู…ก็ชอบมึงเหมือนกัน"

"กูไม่ได้ชอบมึงแบบเพื่อนนะ"

"แล้วมึงคิดว่ากูชอบมึงแบบเพื่อนรึไง…ไม่มีเพื่อนที่ไหนเค้าเอากันหรอก"

"มึงนี่น๊าา แล้วอะไรคือการไล่ให้กูไปมีแฟน"

"ก็กู…กลัว"

"กลัวอะไรของมึง"

"…กลัวแพ้มึงไง"

จบประโยค ผมก็ดึงมันเข้ามากอดแนบอกอุ่น…บอกตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยอ้อมกอดนี้อีกแล้ว ต่อให้เป็นการแข่งขันที่ผมต้องแพ้ ผมก็ยังจะอยู่ตรงนี้ รอกอดมันอยู่อย่างนี้ตลอดไป…



End.




Talk : จบแล้วนะคะ สำหรับเภฟิล์มกับหมอเต็ม  :mew1: :mew1:

สำหรับหนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ตามไปที่ลิงค์นี้ค่ะ (มีตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านด้วยค่ะ) https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925c

ส่วน e-book ลิงค์นี้เลยจ้า https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzk4NDA4NyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzNDAwMSI7fQ&page_no=1

ตัวอย่างตอนพิเศษ #หมอกี้น้องนิว 3 ตอน **ไม่ลงที่ไหน**


Special : พี่เลี้ยงจำเป็น (Mini NC) (ประมาณ 21 หน้า raw)

"ลูกชายคนโตหิวรึยังครับ หึหึ" พี่กี้แซวผม

"หิวครับ" ผมก็เล่นไปกับเค้า

"ให้แกะสปาเก๊ตตี้ให้เลยไหมครับ"

"ไม่หิวสปาเก๊ตตี้ครับ…หิวแด๊ดดี้น่ะครับ หึหึ" แซวผมดีนัก เอาคืนซะเลย ฮ่าๆๆ

"กินแด๊ดดี้ไม่ได้นะครับอานิว" ข้าวกล้องเอ่ยขึ้น ในระหว่างที่เคี้ยวอาหารหมดคำแล้ว

"ทำไมละครับข้าวกล้อง" ผมเอ่ยถามเด็กน้อยอย่างขำๆ

"ก็คุณครูสอนมาว่าป่าป๊า ก็คือพ่อ แล้วพ่อก็คือ daddy ซึ่ง…พ่อ ไม่ใช่ อาหาร นะครับ งั้นอานิวกิน daddy ไม่ได้นะครับ" เด็กน้อยขยายความให้ผมเข้าใจ นั่นแทบจะทำให้ผมกลั้นหัวเราะไม่ได้ เด็กหนอเด็ก

"โอเคๆ อานิวเข้าใจแล้วครับ อานิวไม่กิน daddy แล้วก็ได้"

ผมมองไปที่พี่กี้ ก็เห็นอีกฝ่ายยิ้มรอรับอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็เดินมากระซิบที่ข้างหูผม ให้ได้ยินกันสองคน

"แต่ daddy กินลูกชายได้นะ"

ผมมองตอบพี่กี้เขินๆ อย่างไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดีแล้วครับ…คนหื่นก็คือคนหื่นนั่นแหละ!




Special : ในวันที่เราต้องไกลห่าง (ประมาณ 26 หน้า raw)

ผมตื่นแต่เช้าขึ้นมาในห้องที่เริ่มจะคุ้นเคย เพราะอาศัยมากว่าสองอาทิตย์แล้ว ห้องที่ไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงเตียงนอน และห้องน้ำในตัวเท่านั้น สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ถูกดัดแปลงมาจากห้องพักผู้ป่วย แต่บัดนี้กลายมาเป็นห้องพักแพทย์เสียแล้ว

ตอนนี้ผมเป็นอินเทิร์นสอง หมายความว่า ทำงานเข้าสู่ปีที่สอง และในปีนี้จะต้องถูกส่งไปโรงพยาบาลชุมชน หรือ รพช. หรือ โรงพยาบาลประจำอำเภอที่มีขนาด 10-120 เตียง ผมจับฉลากกับเพื่อนๆ ได้รพช. ขนาด 30 เตียง ก็จัดว่าเป็นขนาดเล็ก ไม่วุ่นวายเท่ารพท. (โรงพยายาลประจำจังหวัดทั่วไป) ที่เคยอยู่มา ปริมาณคนไข้น้อยกว่า แต่ต้องมีความรู้แทบทุกด้าน เพราะมีหมอแค่ 3 คน รวมผู้อำนวยการโรงพยาบาลแล้ว

หนึ่งในหมอ 3 คนก็มีไอ้ตะวันด้วย ดวงผมจะสมพงษ์กับมันเกินไปแล้วนะครับ ตอนเป็นอินเทิร์นหนึ่งก็วนวอร์ดเดียวกันตลอด พอมารพช. ยังได้โรง'บาลเดียวกันอีก แต่จริงๆ แล้วผมก็แอบอุ่นใจนะที่เป็นมัน เพราะทำงานร่วมกันบ่อย จนคิดว่ารู้จักกันดีประมาณหนึ่งแล้ว

เรื่องงานก็หนักใจไปอีกแบบ แต่ก็ไม่มาก รอให้เข้าที่เข้าทางก็คงดีกว่านี้ แต่เรื่องที่มีผลต่อจิตใจมากกว่า คือ ต้องอยู่ห่างไกลกับพี่กี้เป็นระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร เพราะเป็นอำเภอที่อยู่ติดกับอีกจังหวัด

ผมไม่เคยต้องอยู่ไกลกับพี่กี้มากขนาดนี้ และนานขนาดนี้ ใจมันก็หวิวๆ หน่อยครับ ปกติมีคนกินข้าวด้วย มีคนนอนรออยู่ที่ห้อง แต่ตอนนี้มองไปทางไหนมันก็ว่างเปล่าไปหมด ยิ่งต้องมาอยู่ในสภาพ 'ห้องผีสิง' ที่กรีนให้คำนิยามไว้ ใจมันยิ่งห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก...



Special : Honeymoon trip (NC) (ประมาณ 27 หน้า raw)

เราผละริมฝีปากออกจากกัน น้องมองตาผมนิ่ง…นาน

ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ ทว่า…ชัดเจน

"ทีนี้ ตาผมแล้วนะ"

"หืมม์? "

ผมถามด้วยความงงงวย มีเครื่องหมายคำถามตัวเบ้อเริ่มอยู่ในหัว

"ก็ที่พี่บอกจะให้นิวไง"

"ให้อะไร"

"ให้นิวรุกพี่"

"เอิ่มมม"

"ไม่ต้องเอิ่ม ป่ะ ไปต่อที่เตียงกัน"

พูดจบ น้องก็กึ่งลากกึ่งจูงผมขึ้นมาจากน้ำ ส่วนผมนั้นยังขาอ่อนปวกเปียกจากการเสียน้ำเมื่อครู่อยู่เลยครับ น้องลากผมเข้าไปชำระล้างร่างกายภายใต้ฝักบัวอันเดียวกัน โรแมนติกสุดๆ แต่จะโรแมนติกกว่านี้ ถ้าฉากต่อไป ไม่ใช่ผมที่ต้องเสียตัวให้น้อง!

///////////////////////////////////////////////////

หากชอบ ก็ฝากอุดหนุนเป็นกำลังใจให้เรา เพื่อจะได้มีแรงแต่งนิยายเรื่องต่อไปหน่อยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ (รัก)

ำหรับหนังสือเปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ตามไปที่ลิงค์นี้ค่ะ (มีตัวอย่างตอนพิเศษให้อ่านด้วยค่ะ) https://www.readawrite.com/?action=view_preorder_detail&article_guid=85b4dfa8579583fcf7982a60b8fe925c

ส่วน e-book ลิงค์นี้เลยจ้า https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMzk4NDA4NyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzNDAwMSI7fQ&page_no=1
หัวข้อ: Re: อินเทิร์นจอมจุ้นฯ (Intern VS General Surgeon) ฟิล์มเต็ม #4 ลบไม่ได้ช่วยให้ลืม (จบ) 13/10/63
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 21-10-2020 18:57:11
 :pig4: