Level 1: สารภาพรักทายใจ“เฮ้ยเป็ด เดี๋ยวกูมา”
ผมรวบช้อนส้อมของตัวเอง หลังจากเพิ่งกินข้าวมันไก่หมด แล้วลุกจากที่นั่ง เป็ดที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามชักสีหน้าอย่างเบื่อหน่าย ทำให้ผมเข้าใจคำว่า 'เซ็งเป็ด' ได้เต็มตา
“มีแล็ปบ่ายนะมึง อย่ามัวแต่ส่องผัวมโนของมึงเพลิน”
“ผัวเผอมโนอะไร บางทีพี่เขาอาจจะอยากเป็นเมียกูในชีวิตจริงก็ได้”
เป็ดใช้สายตามองใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของผม ก่อนที่นัยน์ตาเหยียดหยามจะกลับไปสนใจข้าวขาหมูของ11ตัวเองต่อพร้อมกับน้ำเสียงระอา
“กูเบื่อความเชื่อมั่นแบบผิดๆ ของมึงว่ะบลู จะไปไหนก็ไป”
ผมยกยิ้มรับเล็กน้อย ก่อนจะมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ แล้วรีบวิ่งไปที่คณะบริหารเพื่อไปเจอหน้ารุ่นพี่ที่แอบปลื้มมาหลายเดือนครับ
แสงแดดตอนกลางวันไม่ได้บั่นทอนพละกำลังของผม หลังจากฝีเท้าที่ใช้งานในช่วงเวลาหนึ่งหยุดลง ผมก็หอบหายใจพลางกดที่ท้องเพราะรู้สึกจุกเล็กน้อย สายตาก็มองหารุ่นพี่ที่เป็นเป้าหมาย โต๊ะม้าหินที่เคยนั่งประจำว่างเปล่า ผมเห็นกลุ่มแฟนคลับของพี่เชาชะเง้อมองหาอยู่เหมือนกัน
ผมเดินนวดหน้าท้องพร้อมกับเดินไปหามุมเพื่อรอส่องรุ่นพี่ที่อยู่ในดวงใจ เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา เสียงกรี๊ดราวกับดาราเดินทางมาก็ทำให้ผมต้องมองตาม รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าชื้นเหงื่อ ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเอาไว้อย่างรวดเร็ว ร่างสูงในชุดนักศึกษาปล่อยชายกำลังเดินผ่านหน้าของผมไปอย่างทุกที เลนส์จากกล้องของโทรศัพท์มือถือกำลังซูมไปที่ใบหน้าหล่อขาวตามฉบับคุณชายที่ทำให้หลายคนใจละลาย ทว่าในขณะที่ความฟินของผมกำลังพุ่งสูงขึ้น หน้าจอก็กลายเป็นภาพแผ่นหลังของใครก็ไม่รู้แทน
อ้าวเฮ้ย!
“พี่ลิงก์คะ แนนอยากตอบคำถามขอบพี่ค่ะ”
เสียงฮือฮาดังขึ้น ผมรีบขยับตัวเพื่อมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า ผู้ท้าประลองในวันนี้เป็นสาวสวยหุ่นนางแบบเต็มขั้น พี่ลิงก์เลิกคิ้วขึัน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
สีหน้าที่เหมือนกำลังยิ้มเยาะนั้นเรียกเสียงกรี๊ดและทำให้ปลายนิ้วของผมต้องขยับถ่ายรูปไม่หยุด
ง่า...หล่ออ่ะครับ
ผมเพ้อกับตัวเองอยู่ในใจ แล้วปรับโหมดเข้าสภาวะปกติอีกครั้ง ในกลุ่มแฟนคลับหรือคนที่สนใจคนดังของมหาวิทยาลัยต่างก็เข้าใจว่า การขอตอบคำถามของพี่ลิงก์คือการขอเป็นแฟนครับ แต่เท่าที่รู้มา ยังไม่มีใครตอบคำถามผ่านสักคน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนที่พยายามก้าวผ่านเพื่อจะได้เป็นคนพิเศษของทายาทนักธุรกิจพันล้าน
พี่ลิงก์ยืนประจัญหน้ากับผู้ท้าชิงครู่หนึ่ง ก่อนเสียงทุ้มราบเรียบจะดังขึ้นพร้อมกับคำถาม
“มังคุด ละมุด ลำไยชอบอะไรครับ”
อืม…เอาอะไรดี?
ปริศนาของพี่ลิงก์ไม่ใช่คำถามที่อ้างอิงเรื่องของตัวเอง แต่เป็นการถามถึงเรื่องของคนตอบล้วนๆ วิธีนี้ก็คงเหมือนการคัดเลือกแบบจิตวิทยาที่คำตอบสามารถบ่งบอกนิสัยใจคอได้ มีแฟนคลับบางคนพยายามทำข้อมูลวิเคราะห์คำถามของพี่ลิงก์อย่างจริงจังจนผมที่เคยเช้าไปอ่านยังทึ่ง แต่ก็ยังหาคำตอบจากคำถามสารพัดรูปแบบของรุ่นพี่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี
“แนนเลือกมังคุด”
“โทษที ไม่ใช่คำตอบที่พี่ต้องการ”
พี่ลิงก์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินผ่านผู้เล่นที่ยังไม่สามารถก้าวผ่านคำถามสุดหยั่งนี้ได้ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมแพ้ มือเรียวดึงแขนใหญ่เอาไว้ พร้อมกับเอ่ยรั้ง
“คำถามบ้าบออะไรกัน! แนนไม่ดีตรงไหน!"
ความเงียบกลับมาอีกครั้ง พี่ลิงก์ตีหน้านิ่งพร้อมกับดึงแขนของตัวเองออก ก่อนเสียงทุ้มเรียบเรื่อยจะเย็นชามากขึ้น
“เพราะน้องน่ารำคาญไง”
เสียงกรีดร้องของคนถูกว่าดังขึ้น พี่ลิงก์ไม่ได้สนใจ แล้วเดินขึ้นตึกไปอย่างไม่รีบร้อน
ผมมองตามแผ่นหลังที่สะพายเป้ไว้ที่ไหล่ข้างขวาแล้วยิ้มบาง เมิ้อเห็นพวงกุญเจตุ๊กตหมีผูกโบว์สีเหลืองตัวใหญ่
ต้องตอบแบบไหน ถึงจะถูกใจคุณชายเท็ดดี้แบร์กัน?
ผู้คนโดยรอบเริ่มสลายตัว นี่เป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องการสานสัมพันธ์พิเศษกับพี่ลิงก์ครับ ผมก้มมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง แล้วรีบวิ่งกลับคณะของตัวเอง เพราะอีกไม่กี่นาทีขัางหน้าจะถึงเวลาเรียนช่วงบ่ายแล้ว
@@@@@@@@@@
ผมชื่อบลู อายุสิบเก้า เรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ชั้นปีที่สองครับ ผมเป็นพวกเก็บตัวและเปิดเผยกับเพื่อนสนิทที่มีอยู่คนเดียวก็คือเป็ด เราสองคนถูกจัดอยู่ในกลุ่มเด็กเนิร์ดที่เพื่อนจะเข้าหาเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้ให้ทำงาน
เพราะมีเพื่อนที่ไว้ใจอยู่คนเดียว ผมเลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้เป็ดฟัง ซึ่งก็รวมไปถึงความประทับใจแบบกะทันหันที่ผมมีต่อพี่ลิงก์ด้วยครับ
จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในวันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อหลายเดือนก่อน ผมถูกไหว้วานให้มาช่วยงานพี่ชายของเป็ดที่ทำงานในห้างที่มีอีเวนท์พิเศษ ครั้งนั้นผมต้องไปช่วยงานแทนเป็ดที่ป่วยเพราะท้องเสียหนักแทน โดยได้รับหน้าที่ใส่ชุดมาสคอตตุ๊กตาหมียืนทักทายคนที่มาร่วมงาน
ในเวลานั้นผมได้แต่นึกทอดถอนใจ ทั้งร้อนทั้งอึดอัด แถมยังต้องทำท่าปัญญาอ่อน แต่ก็ต้องอดทนเพราะทำเพื่อช่วยเพื่อน ทว่าในขณะที่ผมกำลังยืนนิ่งอู้งานอยู่ มือข้างหนึ่งของผมก็ถูกจับไว้
ตอนแรกผมนึกว่าเป็นเด็กน้อยสักคน แต่กลับเป็นเด็กโข่งหน้าหล่อหุ่นนายแบบแทนซะงั้น
ตอนนั้นผมตกใจพอสมควร ยิ่งได้สบตาที่มีประกายบางอย่าง รวมไปถึงรอยยิ้มเขินอายที่เหมือนเด็กอนุบาลแบบนั้น หัวใจที่เคยเต้นเป็นปกติก็เปลี่ยนจังหวะไป ทุกอย่างรอบตัวเหมือนกับจะหยุดนิ่ง มีเพียงผมกับคนแปลกหน้าเท่านั้น ก่อนฟองอากาศของความหวั่นไหวจะแตกสลาย เมื่อคนตรงหน้าถูกเรียก
“เหี้ยลิงก์! กูบอกแล้วไงว่าอย่า!”
“แค่มาดูเฉยๆ”
“เฉยพ่อมึงสิ! ถ้ากูช้ากว่านี้ มึงจะพุ่งเข้าไปกอดแล้ว! กูรู้นะเว้ย! โตเป็นควายแล้ว! ไม่อายเด็กบ้างหรือไงวะ!”
"ทำไมต้องอาย กูไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วกูก็ไม่ใช่ควายไอ้สัตว์"
"เออ! มึงไม่ใช่ควายแต่เป็นเหี้ย! ปล่อยมือเขาได้แล้วโว้ย!"
คนที่มาใหม่ต่อว่าไม่หยุด พี่พลที่ผมเพิ่งรู้จักชื่อทีหลังหันมาส่งยิ้มแห้งให้ผมพร้อมกับดึงพี่ลิงก์ที่หน้าบึ้งออกมา ผมรู้สึกงงแล้วก็เสียดายนิดหน่อย แต่ก็ทำได้แต่ยืนเฉยครับ
“ขอโทษครับ เพื่อนผมมันบ้า”
ผมไม่ได้ตอบรับอะไร ทำเพียงโบกมือลาให้พี่ลิงก์ที่ทำตาละห้อยยกมือบ๊ายบายให้ ใบหน้าหล่อที่มองมาอย่างอาลัยอาวรณ์ ทำให้ผมหัวใจเต้นแรงไม่หยุด แล้ววันนั้นผมก็กลับมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็ดฟัง มันเป็นความประทับใจที่ไม่รู้สาเหตุและให้คำนิยามไม่ได้ครับ
ทั้งที่ผมคิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันแล้ว อีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ผมก็เพิ่งรู้ว่า เราสองคนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน
ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็กลายเป็นหนึ่งในแฟนคลับของพี่ลิงก์ นักศึกษาคณะบริหารชั้นปีที่สามอย่างเต็มตัว
หลังจากเลิกเรียนกลับมาที่หอพัก ผมเอารูปของรุ่นพี่ในดวงใจมาแต่งเล็กน้อย แล้วเก็บไว้ในโน้ตบุ๊กอย่างที่ทำเป็นประจำ ผมมีความคิดเพ้อฝันว่า อยากจะทำโฟโต้บุ๊กให้พี่ลิงก์ในวันเกิดของเขา แต่ก็ต้องลบความตั้งใจนี้ไป เมื่อมีข้อความในเฟซบุ๊กของพี่ลิงก์ประกาศชัดเจนว่า 'กูมีเงิน ซื้อเองได้ ไม่รับของจากคนแปลกหน้า' ผมว่าเขาคงรำคาญที่มีแฟนคลับเอาของมาให้เยอะล่ะมั้งครับ
พี่ลิงก์มีทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี และทวิตเตอร์ แต่ก็ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่นัก นานๆ ทีถึงจะโพลต์รูป ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นรูปตุ๊กตาหมีในสถานที่ต่างๆ แฟนคลับต่างก็รู้กันดีว่า พี่ลิงก์คลั่งเท็ดดี้แบร์มากคร้บ
ผมปิดหน้าจอสังคมออนไลน์ลง แล้วเริ่มทำงานของตัวเองแทน ชีวิตประจำวันของผมไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจนักหรอกครับ นอกจากไปเรียน ถ่ายรุปพี่ลิงก์ แล้วกลับหอนอน
แต่มันก็มีความสุขดีครับ
@@@@@@@@@@
"ถามจริง มึงจะบ้าตามไปถายรูปพี่เขาไปถึงเมื่อไหร่วะ"
เป็ดหันมาถามผมอย่างสงสัย ผมละสายตาจากสไลด์หน้าห้องแล้วมองกลับไปพร้อมกับใช้ความคิด ผมมีรูปของพี่ลิงก์เป็นพันหรืออาจจะหมื่นรูปแล้วก็ได้ แต่ก็แค่เอามาเก็บไว้ดูคนเดียวเท่านั้น
"ไม่รู้ว่ะ แต่กูอยากทำ"
"แล้วถ้าพี่เขาเรียนจบไปแล้ว มึงจะทำยังไง"
ผมขมวดคิ้ว พี่ลิงก์เรียนปีสาม ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีที่จะได้ติดตามคนที่ตัวเองชอบได้แบบนี้ ผมไม่รู้ว่า ถ้าหากพี่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว ผมจะทำยังไงต่อเหมือนกัน บางทีอาจจะหาวิธีตามต่อหรือตัดใจไปอย่างช่วยไม่ได้ ซี่งผมเองก็ยังไม่เคยคิดไปไกลขนาดนั้นครับ
"บลู บางทีมึงก็ควรใช้เวลากับความจริงดีกว่าเสียเวลาทำอะไรแบบนั้น"
"หืม ความจริงที่ว่าคืออะไร มึงจะให้กูหาแฟนสักคเหรอ"
ผมมองเป็ดที่ทำหน้าซีเรียสด้วยรอยยิ้มบาง ผมเคยชอบเพื่อนสมัยประถมยันมัธยม แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็จางหายไป เมื่อไม่ได้รับการตอบสนอง มันอาจจะแย่ในตอนแรก แต่ทุกอย่างก็เลยผ่านไปตามกาลเวลา
"มึงมัวแต่เสียเวลากับคนที่เป็นไปไม่ได้ ระวังเป็นโสดยันแก่นะมึง"
"เดี๋ยวนี้โสดกันเยอะจะตาย ไม่เห็นเป็นไร"
ผมหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ผมเข้าใจเจตนาของเป็ดดีครับ แต่เรื่องแบบนี้มันก็ยากเกินจะห้ามใจเช่นเดียวกัน
"กูรู้ แต่ตอนนี้กูไม่อยากมองใคร นอกจากพี่เขาว่ะ"
"ถ้ามึงจะชอบพี่เขาขนาดนั้น ก็ไปสารภาพรักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อกหักตั้งแต่ต้นดีกว่าหวังนานเว้ย"
ผมไม่ได้ตอบรับ แต่ก็เก็บคำพูดของเป็ดมาคิด อันที่จริงผมเคยนึกอยากลองวิ่งไปสารภาพรักกับพี่ลิงก์อย่างที่เคยเห็นจนชินตาบ้างเหมือนกันครับ แต่ก็ยังกลัวว่าความรู้สึกที่สะสมมาจะแตกสลายไป แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่า หลังจากที่โดนปฏิเสธ ผมควรจะทำยังไงกับรูปภาพมากมายที่เก็บเอาไว้อีก
ความรู้สึกที่แตกกระจายจะใช้เวลาฟื้นฟูนานแค่ไหน
ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของตัวเองก่อนเวลาอันควรครับ ในเมื่อตอนนี้ก็มีความสุขที่ได้มองก็เพียงพอแล้ว
ผมเดินออกจากห้องเรียนพร้อมกับเป็ด ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกลับหอของตัวเอง หลังจากกินข้าวเย็นด้วยกันเสร็จ ผมเดินทอดน่องไปในซอยของหอพักอย่างเชื่องช้า ปล่อยให้สายลมกลางคืนพัดผ่านแผ่วเบา ในขณะที่กำลังเดินเหม่อไปเรื่อย ปลายเท้าของผมก็เหยียบบางสิ่งบางอย่างเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
"เฮ้ย!"
ผมรีบยกเท้าหนี แล้วก้มลงหยิบพวงกุญแจตุ๊กตาหมีสีดำขึ้นมามอง ความคิดถึงใครคนหนึ่งเข้ามาในสมอง เพราะผมเคยเห็นพวงกุญแจตุ๊กตาแบบนี้มาก่อน
"โคล!"
ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ดังขึ้นทันที นัยน์ตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นพี่ลิงก์วิ่งตรงเข้ามาหา แล้วหยุดยืนตรงหน้าของผม ใบหน้าหล่อที่มีแววกังวลก้มลงมองพวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่ผมถือเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผมต่อ
"นั่นเป็นของพี่ ขอบใจที่เก็บให้ครับ"
ผมนิ่งอึ้งอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้คุยกับพี่ลิงก์ต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ผมส่งพวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่ชื่อโคลคืนให้เจ้าของ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเพื่อนของพี่ลิงก์ที่เดินเข้ามาสบมบ
"เจอแล้วเหรอ แค่ตุ๊กตาหายจะเป็นจะตายนะมึง"
พี่พลชักสีหน้าบ่นอุบ ซึ่งพี่ลิงก์ที่กำลังเอาโคลยัดใส่เป้ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างไม่ยอมแพ้
"ถ้าสมาชิกในครอบครัวมึงหาย มึงจะไม่ตามหาเหรอวะ มึงมันคนไร้หัวใจ"
"กูหมดคำพูดกับมึงว่ะลิงก์ ถ้าสำคัญก็เก็บให้ดีหน่อย"
พี่ทีที่ยืนทำหน้านิ่งถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองพี่ลิงก์ด้วยสายตาระอาปยเหนื่อยใจ แต่เจ้าของเรื่องก็ยังโต้ตอบกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
"ก็ห่วงมันหลุดนี่หว่า กูจะรู้ไหมว่าร่วงไปตอนไหน"
"ถ้างั้นมึงก็เก็บไว้ในกระเป๋า เอามาห้อยเดี๋ยวก็หายอีก"
พี่พลสวนกลับ โดยไม่สนใจวว่าจะมีผมที่ยังยืนฟังอยู่ด้วย ดูเหมือนรุ่นพี่คณะบริหารทั้งสามคนจะเข้าโหมดส่วนตัวกันจนลืมโลกภายนอกไปแล้วล่ะครับ ทั้งที่ผมเองก็ควรจะเดินหนีเพราะหมดธุระไปแล้ว แต่ขาก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน
ก็ผมยังอยากมองพี่ลิงก์ ยังอยากได้ยินเสียง แล้วก็อยากรู้ว่าบทสรุปของการปะทะคารมนี้จะเป็นยังไง
"ถ้าเก็บไว้ในกระเป๋า โคลก็หายใจไม่ออกพอดี มึงชอบอยู่ในกระเป๋าเหรอ"
"กูเพลียกับมึงจริงๆ"
พี่ทีกับพี่พลมองพี่ลิงก์อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันมาทางผมที่ยังยืนอยู่ด้วย แล้วในตอนนั้นเองที่พวกรุ่นพี่ปีสามของคณะบริหารเพิ่งจะรับรู้การมีคัวคนของผมอีกครั้ง
"ลิงก์ มึงต้องตอบแทนน้องเขาที่หาโคลของมึงเจอนะเว้ย"
พี่พลหันไปบอกพี่ลิงก์ ใบหน้าหล่อที่แสดงความดื้อดึงหันมาทางผม เขาพยักหน้ารับ แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ก่อนจะยื่นแบงค์พันมาให้ผม
"พี่ให้ไว้กินขนมนะครับน้อง"
"ผมไม่เอาหรอกครับ"
ผมไม่รอให้พี่ลิงก์พูดอะไรต่อ ขาที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นก่อหน้านี้ก็รีบวิ่งหนีออกมาทันที ก่อนฝีเท้าจะชะลอความเร็วแล้วหยุดลง เมื่อนึกอะไรได้บางอย่าง ผมหันหลังกลับไปยังกลุ่มรุ่นพี่ที่ยังยืนอยู่ห่างออกไปด้วยความลังเล
ผมสูดลมหายใจเช้าลึก แล้วตัดสินใจวิ่งกลับไปยังจุดที่วิ่งหนีมาอีกครั้ง ถ้าหากวันนี้โชคชะตาทำให้ผมได้คุยกับพี่ลิงก์แล้ว ก็อยากจะลองใช้ความโชคดีในวันนี้อีกสักครั้ง
"พี่ลิงก์! เดี๋ยวครับ!"
ผมรีบเรียกพี่ลิงก์ที่กำลังเดินอยู่ให้หันหลังกลับมามอง เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แล้วทำท่าจะหยิบอะไรบางอย่างมาให้ผม แต่ผมก็พูดถึงจุดประสงค์ของตัวเองออกไปก่อน
"ผมอยากตอบคำถามของพี่ครับ"
@@@@@@@@@@
พี่ลิงก์แสดงสีหน้าแปลกใจในทีแรก ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะแต้มรอยยิ้มที่มุมปาก เขาหันมายืนเผชิญหน้ากับผมอีกครั้ง ก่อนจะตั้งคำถามประหลาดออกมา
"เฉาก๊วยกับลอดช่อง น้องชอบอะไรครับ"
ผมนิ่งอยู่ชั่วอึดใจ ผมคิดว่าจะตอบอะไรก็คงไม่ถูก ถ้าหากพี่ลิงก์ไม่ได้สนใจผม แล้วผมก็ไม่ได้ชอบเฉาก๋วยกับลอดช่องด้วย ผมชอบน้ำแข็งไสธรรมดาใส่น้ำหวานมากกว่าครับ
ผมมองใบหน้าที่ยังคงมองผมไม่ละสายตา พี่ลิงก์ไม่ได้เอ่ยปากเร่ง แต่สายตาที่เหมือนกำลังกดดัน ก็ทำให้ผมต้องเอ่ยปาก ไม่ว่าสิ่งที่พูดออกไปจะมีผลยังไงก็ตาม
"แล้วสองอย่างนี้พี่ชอบอะไรครับ"
พี่ลิงก์เลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตามีแววแปลกใจชัดเจน เขาวาดรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มเยาะอย่างที่ผมเคยเห็นประจำเวลาที่คนตรงหน้ามีต่อคนที่ถูกปฏิเสธ
"พี่ชอบเฉาก๋วยมากว่าลอดช่อง"
"ผมไม่ชอบทั้งสองอย่างเท่าไหร่ ผมชอบน้ำแข็งไสใส่น้ำแดงมากกว่าครับ"
ผมไม่แน่ใจผลลัพธ์ของการตอบคำถามนี้คืออะไร แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเอาไว้ ผมลอบภอนหายใจออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาอีกคู่ที่กำลังมองมา
"หยิบมือถืออกมา"
ผมก็รีบทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างงุนงง แล้วมองพี่ลิงก์ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้า เขามองผม ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหน้าจอโทรศัพท์มือถือของผมต่อ
"เข้าไลน์"
ผมรีบทำตามที่บอกด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้รับรู้ได้เลยว่าปลายนิ้วกำลังสั่นอยู่ พอเปิดแอพพลิเคชั่นสำหรับแชทได้ สิ่งที่ผมคาดหวังเอาไว้ก็มาถึง
พี่ลิงก์หยิบโทรศัพท์มือถือของผมไปกดแอดไอดีไลน์เอาไว้ ก่อนจะส่งคืนมาให้ ผมก็ได้แต่มองหน้าจอของไลน์ที่มีรายชื่อเพื่อนใหม่่ขึ้นมา
"ไว้ค่อยเจอกัน"
"อา...ครับ"
ผมมองกลุ่มของพี่ลิงก์ที่เดินห่างออกไปอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก สรุปว่าผมตอบคำถามผ่านหรือเปล่า ถึงได้ช่องทางติดต่อทางไลน์มาแบบนี้
ผมได้เป็นแฟนกับพี่ลิงก์แล้วเหรอ?!!!
ผมยังนึกงงกับตัวเองไม่หาย รอยยิ้มกว้างฉายบนใบหน้า ผมรีบวิ่งกลับหออย่างรวดเร็วด้วยหัวใจลิงโลด ใช่! ผมต้องรีบเล่าเรื่องนี้ให้เป็ดฟัง
ผมรีบกดโทรหาเพื่อนสนิททันที รอสายอยู่ไม่กี่วินาทีอีกฝ่ายก็ตอบรับ ผมรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและดีใจ
"มึงว่าพี่ลิงก์เขาคบกับกูแล้วหรือยังวะ!"
[กูจะไปรู้ไหม ก็แค่ให้ไลน์มาเฉยๆ ไม่ใช่เหรอ]
"แต่พี่ลิงก์ไม่เคยให้ไลน์ใครตอนตอบคำถามเลยนะเว้ย"
[มึงแน่ใจได้ยังไง ใครจะมาสารภาพรักพี่เขาตอนไหนบ้าง มึงรู้เหรอ]
ผมคิดตามคำพูดของเพื่อน หัวใจที่เคยพองโตค่อยๆ ลดระดับลง ผมไม่ได้ตามติดพี่ลิงก์ยี่สิบสี่ชั่วโมง แล้วก็แค่แจกไลน์ไม่ได้หมายถึงการตอบรับสถานะที่ผมต้องการ
แต่ไม่เป็นไร...ตอนนี้มีทางติดต่อส่วนตัวแล้ว ต่อไปก็ค่อยตามจีบต่อก็ยังได้ครับ
"อย่างน้อยมันก็ดีกว่าตอนตามถ่ายรูป เป็นคนไร้ตัวตนเหมือนเมื่อก่อนล่ะวะ"
[คงเพราะมึงเก็บของให้เขาได้ พี่เขาเลยยอมให้ไลน์มึงมั้ง]
"งั้นมั้ง ต้องขอบคุณโคลที่มาอยู่ตรงปลายเท้ากูอ่ะ"
[เออๆ แค่นี้ก่อน กูจะไปเข้าห้องน้ำ ปวดขี้]
"เออๆ"
ผมกดตัดสาย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักของตัวเองอย่างเชื่องช้า หลังจากวางกระเป๋าแล้วนั่งลงบนเตียง ผมก็กดไปยังไลน์ของพี่ลิงก์ นึกลังเลว่าควรจะกดอะไรส่งไปไหม แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจปิดมันลงพร้อมกับถอนหายใจออกมา
แค่นี้ก็ดีแล้วน่า ไอ้บลู...
ผมกลัวจะทำให้พี่ลิงก์รำคาญ ถ้ามีโอกาสได้สนิทมากกว่านี้ก็คงดี
@@@@@@@@@@
"กูงงกับมึงว่ะลิงก์"
"งงอะไร"
"ตกลงน้องเขาตอบคำถามงี่เง่าของมึงถูกไหม"
"เรื่องนั้นใครจะไปสนใจ กูก็ถามไปอย่างนั้น"
พลหันไปมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ลิงก์ก็แค่มองกลับ แล้วยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างกวนประสาทกลับไป ท่าทางวางท่าที่แสดงออกมา ทำให้คนงงเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาแทน
"ไม่เห็นทีจะเป็นแบบมึง"
ลิงก์หันไปมองเพื่อนอีกคนที่เดินอยุ่ข้างกัน ทีก็แค่มองตอบกลับมา แล้วมองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ
"มันก็อยากรู้ เแต่แม่งไม่กล้าแบบกูต่างหาก"
ทีหันไปมองพลด้วยสายตาเย็นชาที่ไม่ได้จริงจังนัก แน่นอนว่าเพื่อนสนิทย่อมรู้จักนิสัยกันดี พลเลยไม่สนใจท่าทางของคนที่พูดน้อย แล้วสานต่อบทสนทนาของตัวเองต่อ
"แล้วตกลงคำถามของมึงนี่ยังไงกันแน่"
ลิงก์หัวเราะรับ ก่อนจะยอมเฉลยเหตุผลในการตั้งคำถามปัญญาอ่อนของตัวเองที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว
"กูก็แค่อยากให้ใครสักคนถามกูกลับมาบ้างว่ากูชอบอะไร แล้วน้องเขาก็เป็นคนแรกที่ทำแบบนั้น"
"อ่า...แอบลึกซึ้งจนกูคาดไม่ถึง"
"กูไม่อยากคบกับคนที่ไม่สนใจความคิดของกู นึกแล้วน่ารำคาญฉิบหาย"
"มึงก็แค่อยากเอาแต่ใจฝ่ายเดียวนี่หว่า แล้วน้องจะทนมึงได้เหรอาะ"
"ถ้าน้องชอบกูจริง ก็ต้องทนได้"
"แล้วมึงจะคบทั้งที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเนี่ยนะ"
ลิงก์หันมามองเพื่อนช่างถามอีกครั้ง แล้วถอนหายใจออกมา
"เรื่องแบบนั้นก็ต้องใช้เวลาศึกษากันไปสิวะ"
TBC+++++++
Marionetta สวัสดีต่ะ สำหรับใครที่คยอ่านแล้ว ครั้งนี้แก้นิดหน่อยค่ะ ส่วนใครที่ไม่เคยอ่านก็ช่วยติดตามด้วยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ