Level 18: แฟนสไตล์ผมนัดเจอกับพี่ลิงก์หลังเลิกงานที่ร้านอาหารในห้างครับ หลังจากกินอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ เขาก็มาส่งผมที่หอพัก แล้วเอาของฝากให้ด้วย
"เม็ดบัวอบแห้ง ลิงก์ลองกินแล้ว อร่อยดี"
"ขอบคุณครับ แล้วพี่ไม่ขึ้นห้องเหรอ"
ผมรับถุงของฝาก แล้วมองพี่ลิงก์อย่างแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ดับเครื่องยนต์อย่างที่คิด เขายกมือมาบีบแก้มของผมเล่นพร้อมกับเสียงทุ้มที่ดังขึ้น
"หนีมาหาบู้อ่ะ อยู่นานไม่ได้ เดี๋ยวโดนบ่น"
"อ่า...ครับ"
ผมลูบแก้มที่โดนทำร้ายเท่าไหร่ก็ไม่ชินอย่างเข้าใจ ก่อนจะลงจากรถ ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตู เสียงของพี่ลิงก์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"จะไม่อ้อนหน่อยเหรอ"
ผมกะพริบตาทีหนึ่ง ไม่รู้ทำไม คำว่า 'อ้อน' ถึงทำให้ผมใจสั่นขึ้นมากะทันหัน ภาพเมื่อหลายวันก่อนวิ่งเข้ามาในความคิดทันทีเลยครับ
"ผมว่า พี่กลับไปพักผ่อนดีกว่า เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ "
"หึ....ไล่เหรอ พอเป็นแฟนกันแล้ว มึงก็คงไม่สนใจกูเท่าเมื่อก่อนแล้วใชไหม"
ผมได้แต่นั่งอึ้ง พี่ลิงก์ตีหน้านิ่งใส่พร้อมกับมือที่ปล่อยแขนของผมออก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเป็นเลิฟคอเมดี้แต่ทำไมตอนนี้กลายเป็นดราม่ากระชากอารมณ์ไปได้
"คือว่า..."
"คนซื่อบื้อแบบมึง ไม่เข้าใจหรอก"
ผมกลอกตาไปมา ก็ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ยอมปล่อยให้เราสองคนจากกันด้วยความรู้สึกขุ่นมัวแน่ๆ ผมลอบถอนหายใจออกมาพร้อมกับจับมือของพี่ลิงก์เอาไว้แน่น นัยน์ตาสีดำสวยของเขาเลื่อนมามองอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
"ผมไม่ได้ไล่พี่ แล้วก็สนใจพี่เหมือนเดิมครับ"
ผมมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ถึงแม้จะไม่แน่ใจว่า ความรู้สึกของพี่ลิงก์ตอนนี้คืออะไรหรือเขาอยากจะงี่เง่าขึ้นมา แต่ผมจะไม่ยอมให้คำพูดไม่ดีเหล่านั้นกล่าวหาตัวเองอย่างไร้เหตุผล
"ผมชวนพี่แล้ว แต่พี่ปฏิเสธไม่ใช่หรือครับ แล้วที่ผมไม่อ้อนให้พี่อยู่ต่อ เพราะผมไม่อยากเอาแต่ใจ ผมแคร์พี่มาก อยากให้พี่พักผ่อนเยอะๆ "
พี่ลิงก์ทำสีหน้าปั้นยาก เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะดึงผมเข้ามาในอ้อมกอดพลางลูบหัวของผมเบาๆ
"เข้าใจแล้วครับ ลิงก์ผิดเอง"
ผมได้แต่นั่งงงอยู่ในอ้อมแขนของพี่ลิงก์ แล้วแอบฉวยโอกาสกอดตอบไปแบบเนียนๆ กลิ่นน้ำหอมก็ยังไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับไออุ่นจากร่างกายของเขา ถึงจะตกใจนิดหน่อยกับสัมผัสนี้ แต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"พี่ลิงก์...."
"ลิงก์แคร์บู้เหมือนกันนะ แต่ลิงก์นิสัยไม่ดี ขอได้ไหม...ของี่เง่า เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผลกับบู่ได้หรือเปล่าครับ"
ผมได้แต่นั่งนิ่งในอ้อมกอดของเขาแบบไม่ขยับเขยื้อนไปไหน อาจเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ตอบรับอะไร พี่ลิงก์เลยคลายอ้อมแขนของตัวเองแล้วมองหน้าของผม
"บู้? "
เอ่อ...ที่เงียบไปคือไปสู่สุคติแล้วนะครับ ทำบุญด้วยรูปของพี่ลิงก์มาให้ผมด้วย!
พี่ลิงก์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะบีบแก้มของผมทั้งสองข้างบิดไปมาแบบไม่อ้อมแรงจนผมสะดุ้งร้องโวยวายออกมาเลยครับ
"โอ๊ย! "
"เมื่อกี้ได้ฟังไหมเนี่ย จะโกรธแล้วนะ"
"ฟังครับ ปล่อยแก้มของผมได้แล้ว"
"ถ้าฟังก็อย่าโวยวายสิ ก็บอกแล้วไงว่าจะเอาแต่ใจ"
"อื้อ! เจ็บอ่า! "
ผมได้แต่มองรอยยิ้มมุมปากของพี่ลิงก์ด้วยสายตาตัดพ้อ เพราะเขายังบีบแก้มของผมไปมาไม่ยอมปล่อย ผมเลยงัดไม้ตายขั้นสุดยอดออกมา
"ดาร์ลิงก์ ปล่อยแก้มบู้นะครับ"
พี่ลิงก์เม้มปากแน่น แล้วแทบจะปล่อยมือจากแก้มของผมทันที ผมก็ได้แต่ลูบคลำปลอบประโลมแก้มที่ถูกทำร้ายอย่างขุ่นเคืองปนระอาใจ
แก้มผมต้องเจ็บอีกกี่ครั้ง ถึงจะพอ ฮือ....
ผมหน้ามุ่ยออกมา แล้วตั้งใจจะลงจากรถอย่างไม่สนใจคนขับอีก แอบเคืองนะครับ แต่ไม่ได้โกรธ แล้วผมก็ไม่กล้าทำอะไรเขาคืนด้วย
ผมยังไม่ทันขยับตัวหนี มืออุ่นที่ทาบลงมาบนแก้มทั้งสองข้างก็ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะหลับตาปี๋เตรียมใจว่าแก้มคงจะโดนปู้ยี่ปู้ยำอีกแล้ว แต่ทว่าสิ่งที่ไดัรับนั้นเป็นสัมผัสอุ่นนุ่มที่แนบลงมาอย่างแผ่วเบาจนผมต้องลืมตาด้วยความประหลาดใจ
พี่ลิงก์หอมแก้มผม! ทั้งสองข้างด้วยอ่ะครับ!
พี่ลิงก์ส่งยิ้มให้ผม แล้วใช้ปลายนิ้วเกลี่ยแก้มของผมเบาๆ ราวกับปลอบใจที่ได้ทำร้ายมันอย่างเลือดเย็น
"เคยบอกแล้วไงว่าชอบแกล้งแฟนอ่ะ"
ทั้งที่ยังแอบไม่พอใจคนตรงหน้าอยู่ ทว่าน้ำเสียงเรียบเรื่อยและรอยยิ้มจางบนใบหน้าหล่อก็ละลายความขุ่นเคืองที่เคยมีไปจนหมด เพียงเพราะคำพูดแก้ต่างที่แสนเอาแต่ใจของเขาได้ทำร้ายหัวใจของผมตอนนี้
ไม่อยากให้พี่ลิงก์หยุดแกล้งเลยอ่ะครับ ฮือ....
ผมแทบจะน้ำตาตกในกับชะตากรรมที่ต้องเผชิญ หากยังอยากคบกับผู้ชายบ้าตุ๊กตาหมีคนนี้ ร่างกายอาจจะไม่ชินชาต่อความเจ็บปวด แต่หัวใจยอมศิโรราบไปแล้วครับ
"บู้อย่าเงียบ"
"ครับ แกล้งผมได้ตามสบายใจเลย"
"ประชด? "
"เปล่าครับ ก็ผมเป็นแฟนพี่ไม่ใช่หรือครับ"
ผมบอกด้วยน้ำเสียงเง้างอนพลางปลงตกในคราวเดียวกัน พี่ลิงก์ยกมือลูบหัวของผมอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำมองมาอย่างอ่อนโยนมากกว่าเดิมจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูก
"มันเขี้ยว ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวเอากลับไปแกล้งต่อที่บ้านเลย"
ผมชักสีหน้าใส่พี่ลิงก์ ก่อนจะรีบลงจากรถ ถึงจะชอบมากขนาดไหน ก็ไม่อยากโดนบีบแก้มจนเละหรอกนะครับ
เป็นอะไรกับแก้มผมมากไหมเนี่ย....
ผมได้แต่บ่นอีกฝ่ายในใจ หลังจากลงจากรถเรียบร้อย ผมก็มองโฟล์คบีเทิลที่ยังจอดติดเครื่อง พี่ลิงก์เลื่อนกระจกฝั่งข้างคนขับลง แล้วยกมือบ๊ายบายผม
"คืนนี้ไม่โทรหานะ ต้องรีบพักผ่อนเยอะๆ อย่างที่บู้บอก"
"ครับ ฝันดีนะครับ"
ผมยกมือบ๊ายบายกลับ ผมว่าผมติดท่าทางแบบนี้ของพี่ลิงก์มาแล้วนะครับ ยังดีที่ยังไม่ได้คลั่งตุ๊กตาหมีแบบเขา
"ฝันดีครับบู้"
พี่ลิงก์เลื่อนกระจกปิด แล้วพาโฟล์คบีเทิลสีดำขับออกไป ผมถอนหายใจออกมา ตอนนี้ไม่ได้เจ็บแก้มแล้ว แต่หัวใจยังเต้นแรงไม่หยุด
เจ็บแต่ก็ชอบมากเลยครับ เอ่อ...ชอบพี่ลิงก์นะครับ ไม่ได้ชอบความรุนแรง เฮ้อ...
@@@@@@@@@@
การทำงานพิเศษเดือนแรกผ่านพ้นไปด้วยดีครับ ส่วนพี่ลิงก์ก็เจอกันบ้างแล้วแต่เวลาจะสะดวก ผมไม่เคยไปหาที่บริษัท แต่เลือกที่จะมานั่งรอที่ร้านกาแฟในบริเวณนั้นแทน ผมยังไม่พร้อมเปิดตัว ถ้าหากบังเอิญไปเจอป๊าหรือพ่อของเขาที่ทำงานอยู่ที่นั่น
ก็ป๊อดนั่นแหละ....
ผมยังจำเรื่องของบุพการีทั้งสองของพี่ลิงก์ได้ดีครับ เรื่องเหลือเชื่อที่เขาเคยขู่ผมเอาไว้ก็เลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ผมก็ยังกลัวเกรงอยู่ดี ถ้าหากพวกท่านกล่าวหาว่า ผมมาหลอกลวงลูกชายของพวกเขาเข้า ผมคงไปไม่เป็น
ถ้าจะคบผู้ชายสักคน พี่ลิงก์ก็ควรคบหากับคนที่หน้าตาดีกว่านี้หรือไม่ก็ฐานะดีกว่านี้
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้เก็บเรื่องราวน่าน้อยใจมาคิดหรอกนะครับ ในเมื่อพี่ลิงก์ก็ยังคบกับผมอยู่ แล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะเลิกราหรือหนีหายไปไหน ซึ่งตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนแรกแล้วด้วยครับ
[พรุ่งนี้ลิงก์ลาหยุด]
พี่ลิงก์โทรมาบอกผมเกี่ยวกับวันครบรอบครับ เราสองคนไม่ได้นัดไปเที่ยวที่ไหน แต่เขาชวนผมไปที่คอนโดในวันหยุดงาน ทั้งที่ก็เคยไปมาแล้วสองครั้ง แต่ผมก็ยังตื่นเต้นมากอยู่ดี
"ได้ครับ"
[โอเค จะไปรับตอนเช้านะ]
"ครับ"
ผมวางสายของพี่ลิงก์ ก่อนจะเดินไปหาเป็ดที่นั่งรอกลับพร้อมกัน ผมตั้งใจว่าจะแวะซื้อของขวัญสักอย่างด้วยเงินเดือนแรกที่เพิ่งได้มา แต่ก็ไม่ได้ทุ่มทุนอะไรหรอกนะครับ เพราะผมคิดว่า พี่ลิงก์ก็ไม่ได้อยากได้ของแพงอะไรหรอก
"เป็ด มึงจะกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูจะเดินซื้อของหน่อย"
"ซื้ออะไรวะ นานป่ะ"
"ก็คงนานอ่ะ ต้องเดินดูก่อน มึงกลับก่อนเลยก็ได้"
เป็ดมองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ วันนี้มันเดินขาขวิดเลยครับ ทำนั่นทำนี่ไม่หยุด พี่นกใช้งานคุ้มมาก ถึงแม้ตอนแรกจะให้ทำงานฟรี แต่สุดท้ายพี่สาวก็ให้เงินเดือนน้องชายนะครับ
พี่น้องเป็นพวกปากร้ายใจดีกันทั้งคู่
"แล้วมึงจะกลับยังไง กูว่าฝนมันจะตกนะ"
"ก็นั่นแหละ มึงขับมอเตอร์ไซค์มา รีบกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวขับลำบาก ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูขึ้นแท็กซี่ ยังไงพรุ่งนี้ก็หยุดด้วย"
ช่วงนี้เริ่มเข้าฤดูฝนแล้วครับ อากาศแปรปรวน ร้อนบ้าง เย็นบ้าง ฝนตกบ้าง หากร่างกายปรับตัวไม่ไหวก็ป่วยได้ง่ายๆ เลยครับ
"อืม แต่ถ้าไม่มีรถกลับยังไง ก็โทรมา เดี๋ยวมารับ ฝนตกแม่งหารถกลับยาก"
"อืม ขอบใจ"
เป็ดพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วเดินแยกจากไปด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเดินดูของที่ต้องการ
ถึงผมจะคบกับพี่ลิงก์ได้ครบเดือนแล้ว แต่ผมก็รู้เรื่องราวของอีกฝ่ายไม่มากเท่าไหร่ครับ สิ่งที่เขาคลั่งไคล้ ยังไงก็คงเป็นตุ๊กตาหมีนี่แหละ
ผมเดินเข้าไปในร้านขายตุ๊กตาอย่างใช้ความคิด แล้วชั่งใจว่าควรจะซื้อตุ๊กตาให้พี่ลิงก์ดีไหม ทั้งที่เขาก็มีเยอะอยู่แล้ว หรือผมควรจะซื้ออย่างอื่น?
ผมจ้องหน้าตุ๊กตาหมีสีขาวนิ่ง แต่จะว่าไป...ถ้าจะให้ของขวัญในวันครบรอบแบบนี้ก็น่าจะหาของที่ใช้คู่กันหรือเปล่า อย่างเช่นเสื้อคู่ รองเท้าคู่ หรืออะไรทำนองนั้น
ผมเดินออกจากร้านขายตุ๊กตา แล้วมองหาของอย่างอื่นต่ออย่างครุ่นคิด ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านขายเคสโทรศัพท์มือถือ ผมยืนดูอยู่สักพัก โดยมีสายตาของคนขายเฝ้ามองพร้อมกับพยายามแนะนำสินค้าของตัวเองไปด้วย
ผมไม่ได้สนใจเสียงของพ่อค้าเท่าไหร่นัก สมองก็พยายามกลั่นกรองไอเดียที่มีอยู่น้อยนิดออกมาอย่างเต็มที่ แล้วตัดสินใจซื้อเคสพลาสติกสีดำเรียบธรรมดามาสองอันให้ตรงรุ่นของพี่ลิงก์และของตัวเอง หลังจากนั้นก็เดินไปที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ดต่อเพื่อซื้อสติกเกอร์รูปต่างๆ ที่เหมือนกันสองชุดครับ
ผมจะทำเคสโทรศัพท์มือถือคู่แบบแฮนด์เมด เนื่องจากทักษะด้านศิลปะมีอยู่น้อยนิด ก็เลยใช้สติกเกอร์มาเป็นตัวช่วยตกแต่งครับ
หลังจากที่ได้ของที่ต้องการครบถ้วน ผมก็ไปหามื้อเย็นลงท้องก่อนกลับห้องของตัวเอง และเมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ อากาศชื้นแฉะที่เป็นร่องรอยของฝนที่ตกไปแล้วก็ทำให้ผมผ่อนลมหายใจออกมา
โชคดีที่ฝนหยุดตกแล้ว...
ผมเดินทางด้วยรถเมล์ที่ยังมีผู้โดยสารหนาแน่น ทั้งที่เวลาใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เมื่อถึงห้องพัก ผมก็จัดการธุระส่วนตัว แล้วเริ่มลงมือทำงานของตัวเองทันที โดยที่ก่อนหน้านี้ได้ออกแบบลวดลายบนเคสโทรศัพท์มือถือในความคิดตั้งแต่ที่เลือกซื้อสติกเกอร์ในร้านขายของแล้ว
ผมใช้เวลาแค่ยี่สิบนาที ของขวัญครบรอบของผมกับแฟนคนแรกในชีวิตก็เสร็จ ผมชื่นชมผลงานของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะใส่กล่องของขวัญให้เรียบร้อยพร้อมส่งครับ
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาติดต่อพี่ลิงก์อย่างที่ทำเป็นประจำทุกคืน ทว่าสัญญาณที่ไร้การตอบสนองของอีกฝ่ายก็ทำให้ผมนึกแปลกใจ สุดท้ายก็เลือกที่จะส่งข้อความไปหาแทน แล้วเข้านอนครับ
ยังไงพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว...
@@@@@@@@@@
ในขณะที่ร่างกายกำลังพักผ่อน ผมก็ต้องตื่นขึ้นมากะทันหันเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ผมปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยเพราะความง่วงที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ทว่าเมื่อเพ่งสายตาจ้องมองหน้าจอที่สว่างในความมืด นัยน์ตาที่สะลึมสะลือก็พลันเบิกกว้างขึ้นทันที
พี่ลิงก์?!
ผมรีบกดรับสายด้วยความง่วงผสมความงง ยังไม่ได้พูดอะไร เสียงของอีกฝ่ายก็ยิ่งทำให้ผมตาโตขึ้นกว่าเดิม
[บู้ มารับแล้ว]
"ฮะ? "
ผมกะพริบตาอย่างพยายามตั้งสติ ก่อนจะรีบลุกจากเตียง แล้ววิ่งออกจากห้องด้วยความสับสนพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ หลังจากได้ยินเสียงของพี่ลิงก์
[รออยู่ข้างล่างครับ]
ผมแทบจะวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่าง ทว่าพอมองซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นใครหรือรถโฟล์คคันคุ้นตา ผมลอบถอนหายใจออกมา เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังจากปลายสาย
[วิ่งลงมาเหรอ ฮ่าๆ]
"พี่ลิงก์! "
นี่อำผมเล่นหรือไงวะ!
ผมชักสีหน้าออกมาด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะชะงักความขุ่นเคือง เมื่อทบทวนคำพูดของพี่ลิงก์อีกครั้ง เขารู้ว่าผมวิ่งลงมา ก็แสดงว่าอยู่แถวนี้ไม่ใช่เหรอ
นี่มันไม่ใช่เวลามาเล่นวิ่งไล่จับนะครับ!
"พี่อยู่ที่ไหนครับ"
ผมกวาดสายตามองไปรอบตัว แต่เพราะความมืดเลยเห็นสิ่งรอบข้างไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
[มาตรงรถสีขาวดิ]
ผมเลิกคิ้วขึ้น สายตาก็มองฝ่าความมืดที่มีแสงจันทร์และเสาไฟนำทาง บริเวณนี้มีหอพักจำนวนหนึ่งครับ เลยมีรถยนต์หลายคันจอดอยู่ แล้วรถยนต์สีขาวที่เกลื่อนเมืองก็มีอยู่หลายคัน แต่สายตาของผมก็สะดุดเข้ากับรถสปอร์ตคันหนึ่งเข้า
ถึงจะไม่เคยเห็นพี่ลิงก์ใช้รถนอกราคาแพงแบบนี้มาก่อน แต่คนมีเงินจะขับอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือครับ
[เดินไปทางไหนอ่ะ]
ผมชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินไปยังรถยนต์ที่เล็งเอาไว้ ความไม่พอใจเกิดขึ้นมาอีกครั้งและจางลง หลังจากเริ่มปรับอารมณ์ด้วยการถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
"พี่เล่นอะไรเนี่ย นี่มันกี่โมงครับ รู้หรือเปล่า"
นี่มันตีหนึ่งนะเว้ย!!!
พี่ลิงก์หัวเราะออกมาผ่านสายโทรศัพท์ ก่อนน้ำเสียงที่บ่งบอกความอารมณ์ดีจะดังขึ้นต่อ
[ก็บอกว่าจะมารับตอนเช้าไง ลิงก์ผิดอะไรครับ]
ผมพูดอะไรไม่ออก แต่จะให้ยืนเคว้งคว้างอยู่บนถนนก็ใช่เรื่อง แล้วพี่ลิงก์ก็คงแกล้งผมไม่หยุดจนกว่าจะสาแก่ใจของเขานั่นแหละ
โอ๊ย! นี่ผมนอนได้ไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ! แล้วทำไมต้องมาเดินหารถเหมือนโจรด้วยวะ?!
ผมนึกโมโหและปลงตกในคราวเดียวกัน ก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกครั้ง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นรถคันไหน อย่างมากก็แค่เดินไปหารถยนต์สีขาวทุกคันในบริเวณนี้เท่านั้นเอง
"พี่แกล้งผม"
ผมบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้ เสียงหัวเราะแผ่วเบาตอบรับ ทุกก้าวที่เดินมีทั้งความไม่มั่นใจและพะวง หวังว่าจะไม่มีใครมาเอาเรื่องกับผมที่ทำพฤติกรรมน่าสงสัยกลางดึกแบบนี้นะครับ
[จะได้หายง่วงไง]
"ผมตาสว่างตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงของพี่แล้ว"
[งั้นเหรอๆ]
น้ำเสียงกวนมากครับ หึ! อย่าให้ถึงทีของผมบ้าง ผมจะ...จะ...จะอะไรก็ช่างมันก่อนก็แล้วกัน!
[ว่าแต่...จะเดินไปไหนอ่ะ หลงทางแล้ว]
ผมขมวดคิ้วแต่ก็ยังไม่หยุดเดิน ถ้าไม่ใช่รถสปอร์ตที่เล็งเอาไว้ก็ถือว่ามาชมความแพงของมันอย่างใกล้ชิดก็แล้วกัน
"ถ้าไม่ใช่ ก็แค่เดินไปหาคันอื่นต่อ"
พี่ลิงก์เงียบไป ผมไม่ได้สนใจเสียงจากโทรศัพท์มือถือที่กำลังถือแนบหูอีก ยังไงอีกฝ่ายก็คงเฝ้ามองดูอยู่ ผมมองตรงไปยังรถยนต์สีขาวสวยที่จอดอยู่ไม่ไกล จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ค้านข้างของรถหรู แล้วเพ่งมองด้านในอย่างสงสัย
ไม่มีใคร… พลาด?
ผมชะโงกหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นเพื่อมองภายในรถอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อความเงียบถูกทำลายด้วยเสียงที่ดังอย่างไม่ทันคาดคิด
ติ๊ดๆ
เสียงปลดล็อกรถที่ดังขึ้น ทำให้ผมผงะถอยเท้าออกห่างโดยอัตโนมัติ แล้วก็ต้องเกร็งตัวขึ้น เมื่อถูกกอดเอาไว้จากด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัว
"ทำไมคิดว่าคันนี้อ่ะ"
เสียงทุ้มที่เคยส่งผ่านโทรศัพท์มือถือก่อนหน้านี้ดังขึ้นที่ข้างหู ผมเผลอกลั้นหายใจ เมื่อตอนนี้สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่พัดผ่านแก้มของตัวเอง ผมตั้งใจจะหันหลังไปมองคนชอบแกล้ง แต่อ้อมแขนของเขาก็กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม
"พี่ลิงก์"
"ตอบมาก่อน ทำไมเลือกคันนี้"
"ก็พี่รวยไง"
พี่ลิงก์หัวเราะกับคำตอบของผมพร้อมกับคลายพันธนาการของตัวเอง ทำให้ผมหันไปมองตากับเขา
พี่ลิงก์ใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะทั่วไป แต่ก็ยังดูดีเสมอต้นเสมอปลายครับ
"พี่ไม่รวย แต่ป๊ารวย"
พี่ลิงก์ยืนพิงกระโปรงหน้ารถด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาสีดำมีประกายบางอย่าง ก่อนจะจางหายไป ผมตั้งใจจะถามเรื่องรถสปอร์ตคันนี้เพราะไม่เคยเห็นเขาใช้มาก่อน ทว่าอีกฝ่ายกลับตั้งคำถามขึ้นมาเสียก่อน
“ทำไมถึงยอมทำตามที่บอก มาเดินแบบนี้ มันดูงี่เง่าจะตาย"
ก็ใช่น่ะสิ! เสียอารมณ์แล้วก็เสียเวลา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มีคำตอบของการกระทำโง่ๆ ของตัวเองในใจอยู่แล้วครับ
“เพราะเป็นพี่ลิงก์”
เพราะเป็นผู้ชายคนนี้ ผมถึงได้ยอมทำตัวบ้าบอแบบไร้เงื่อนไข ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว อย่าหวังว่าผมจะขยับตัวออกจากเตียงเลย สายก็ไม่รับหรอก แถมยังด่าคนมารยาททรามรบกวนเวลานอนอีกต่างหาก
พี่ลิงก์ยกมือขึ้นลูบหัวของผม เขายังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า สายตาที่ส่องสว่างในความมืดจ้องมองนิ่งจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง
“บู้ซื่อบื้อ”
ถึงจะเป็นคำต่อว่า แต่น้ำเสียงของพี่ลิงก์กลับอ่อนโยนจนหัวใจของผมเคลิบเคลิ้ม มือที่เคยลูบหัวของผมเลื่อนมาจับที่ต้นแขน ก่อนที่จะดึงผมเข้ามาใกล้ เขาก้มหน้าลงจนปลายจมูกของเราสองคนชนกัน ผมเม้มปากแน่นด้วยความเขินที่วิ่งทั่วใบหน้ากับความใกล้ชิดนี้
“แต่ลิงก์ก็ชอบมากเลยครับ”
พี่ลิงก์ไม่อ่อนโยนต่อหัวใจของผมเลย! ฮือ.... ฟินจังเลยครับ!
@@@@@@@@@@
ในช่วงบ่ายแก่ภายในห้องทำงานของประธานบริษัท ลิงก์ลอบมองผู้ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดของตึกหลังนี้อย่างพิจารณา เมื่อแน่ใจว่า อีกฝ่ายกำลังอู้งาน เขาจึงเอ่ยถึงเรื่องที่คิดอยู่ในใจ
“ป๊าถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่าไง”
“ป๊าจีบพ่อก่อน แต่พ่ออ่อยป๊าก่อนใช่ไหม”
ลิงก์นึกถึงความทรงจำที่อีกฝ่ายเคยถ่ายทอดให้ฟัง
“อืม อย่าหลุดปากให้พ่อรู้ล่ะ เขินขึ้นมาแล้วไม่ทำอะไรให้กิน จะซวยกันหมด”
เล้งส่งสายตาจริงจัง ลิงก์ก็พยักหน้ารับ
“แล้วคบกันใหม่ๆ เป็นยังไงบ้าง”
“ก็มีเรื่องอยู่บ้าง พ่องอนเก่ง ป๊าต้องโอ๋อยู่เรื่อย แต่บางทีป๊าก็แกล้งให้พ่อมาง้อบ้างเหมือนกัน ว่าแต่…ทำไมถึงถามเรื่องแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า”
เล้งเลิกคิ้วมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างสงสัย ลิงก์ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
“เปล่าป๊า ลิงก์ก็แค่ถามดูเฉยๆ”
TBC+++++++
Marionetta: สำหรับตอนนี้ก็ยังมาแบบหวานเบาๆ อ่ายเพลินๆ ชีวิตจริงมันเครียดพอแล้ว นิยายก็ให้สบายๆ กันเนอะ อิอิ พี่ลิงก์ชอบแกล้งน้อง แต่การแกล้งแต่ละครังก็ทดสอบอะไรบางอย่างไปด้วยล่ะนะ สู้ๆ นะบู้!
ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอมาค่ะ ^^ รัหษาสุขภาพกันด้วยนะคะ