DOUBLE-FACED: เสแสร้งแกล้งรัก
Chapter 11: I've just found my weakness, it has been hidden in my strength HIM: PORCHE
รถที่จับตัวพริกไปแล่นออกไปแล้ว ผมวิ่งตามจนไปถึงถนนใหญ่ ทำไงดี ไอ้พวกนั้นมันเป็นใครกันแน่ ผมรีบวิ่งกลับมาที่รถ ขับตามรถคันนั้นไป แล้วก็หยิบโทรศัพท์โทรหามาโค
เขาควรจะรู้เรื่องนี้ เพราะผมคนเดียวคนช่วยเด็กนั่นไม่ได้หรอก เพราะแต่จะเข้าไปช่วยผมยังถูกตบซะเลือดกลบปาก หน้าผมคงขึ้นสีแดงเป็นปืดแน่ๆ
แต่ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งมาโคก็ไม่รับ ช่วยรับหน่อยได้ไหม ผมรู้ว่าเขาคงจะหลัวว่าผมจะโทรไปตอแย แต่นี้มันหน้าซิ่วหน้าขวานนะ เมื่อโทรหายังไงมาโคก็ไม่รับ ผมเลยส่งข้อความไปบอกแทน ก่อนจะกดโทรออกอีกเบอร์หนึ่ง
โอชิน...
“ว่าไง คิดถึงฉันหรือไงถึงได้โทรหาเนี่ย” น้ำเสียงที่ออกไปทางกระเซ้าเย้าแหย่ทำให้ผมหมั่นไส้ แต่นี่ไม่ใช่เวลา ผมมองตามท้ายรถคันที่จับพริกไปที่กำลังจะเคลื่อนที่หนีหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับบอกคนปลายสายอย่างร้อนรน
“โอชิน เพื่อนนายถูกจับตัว พริกน่ะ! เขาถูกจับตัวไปแล้ว!” ผมพูดแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
หายไปไหนแล้ววะ! เมื่อกี้ยังอยู่เลย!
“อะไรนะ นายว่าอะไรนะพอร์ช!”
“ฉันบอกว่าเพื่อนนายหายตัวไป บ้าเอ้ย! Shit! ฉันตามรถมันอยู่แต่ มันหายไปแล้ว” ผมสบถอย่างหัวเสีย ทุบพวกมาลัยอย่างหงุดหงิดที่รถผมดันติดไฟแดง คงตามไปไม่ทันแล้ว ทำยังไงดีๆๆ
คิดสิพอร์ชคิด
โอ๊ยย! คิดไม่ออกเว้ย!
“ตอนนี้นายอยู่ไหน” เสียงของโอชินจริงจังขึ้น ผมสูดลมหายใจเข้าปอดช้าๆลึกๆ
“อยู่ตรงถนนสาย...” ผมบอกจุดที่ตัวเองอยู่
“งั้นนายไปรอที่ร้านตรงโรงแรม แกรนด์เนวาก่อน แล้วฉันจะรีบไปหา” โอชินพูดสั่งแล้วก็วางสายไป ผมขับรถไปที่โรงแรมที่โอชินบอกก่อนจะเข้าไปนั่งรอข้างในด้วยความร้อนรน แต่แล้วมือถือผมก็สั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นชื่อมาโคขึ้นที่หน้าจอ ผมรีบกดรับทันที
“หมายความว่ายังไงที่พริกถูกจับไป!!!” ผมยังไม่ทันได้พูดมาโคก็ตวาดใส่ผมเสียงดัง เขาดูเป็นห่วงพริกมากๆ และนั่นทำให้ผมน้อยใจ
เคยไหมที่เขาจะเป็นห่วงผมอย่างนี้บ้าง
ผมตอบให้เลยแล้วกันว่าไม่เคย!
“เรื่องมันยาว ถ้าพี่อยากรู้พี่ก็มาหาผมที่โรงแรมแกรนด์เนวาแล้วกัน” ผมพูดจบก็กดตัดสายทิ้ง ไม่อยากฟังเสียงตวาดตะคอกที่แฝงไปด้วยความห่วงใยของคนอื่น
ถ้าคนเราจะเปลี่ยนใจไม่รักคนอื่นง่ายๆก็ดีสิ ผมจะได้ไม่ต้องจมปรักอยู่กับเขา แล้วตัวเองก็มานั่งเจ็บเองคนเดียวอย่างนี้
“พอร์ช!” โอชินมาถึงก่อน เข้าวิ่งเข้ามานั่งข้างๆผมก่อนจะจับตัวผมหมุนไปมา
“อะไรของนาย ฉันเวียนหัว!” ผมบ่น คนยิ่งเครียดๆอยู่
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” มันถามหน้าเครียด
“เปล่า คนที่จะเป็นน่ะเพื่อนนายโน่น!” ผมว่าใส่หน้าโอชิน ผมอยากจะหายไปจากสถานการณ์นี้จริงๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น” โอชินถามหน้าเครียด ผมเลยเล่าให้มันฟังตั้งแต่แรก โอชินดูเหมือนจะเข้าใจดี แต่ตอนนี้ปัญหาคือเราไม่รู้จะไปตามหาพริกที่ไหน
“พอร์ช! นายทำอะไรพริกห๊ะ! พริกอยู่ไหน!!!” มาโคที่เพิ่งมาตรงเข้ามากระชากคอเสื้อเชิ้ตผมแล้วก็ดึงตัวผมขึ้น ผมรู้สึกอึดอัดที่คอเพราะถูกเสื้อรัดจนต้องดิ้น
“ปล่อยผมนะ ผมเจ็บ!”
“เฮ้ย ใจเย็นๆดิวะ ปล่อยมันก่อน” โอชินเข้ามาช่วยพูดกับมาโค เลยได้ตาขวางๆตอบกลับมาแทน แต่มาโคก็ปล่อยตัวผมโดยการผลักผมใส่โอชินแรงๆ
ผมจุกอกไปหมด ตัวสั่นเพราะความกลัว เขาไม่เคยทำรุนแรงกับผมแบบนี้มาก่อน
ไม่เคย...
“พอร์ช พริกอยู่ไหน!” มาโคดูหัวเสียมากๆ
“ผมไม่รู้” ผมบอก
“ที่พริกถูกจับตัวไปเป็นแผนของนายสินะ ทำไม อยากได้ตัวฉันมากเหรอไง!!!”
“ถึงผมจะรักพี่มากแค่ไหนนะ แต่ผมก็มีความเป็นคน ช่วยอย่ามาดูถูกผม!!!”
ผมหมดความอดทนแล้ว!
ในสายตาของเขาผมไม่เคยมีความดีเลยสินะ ถึงผมจะไม่ชอบพริกเพราะเขาทำให้มาโคสนใจเขามากกว่าผมได้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายใคร แต่ที่มาโคพูดแบบนี้มันเป็นการดูถูกผมชัดๆ
อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องช่วยพริกก็ได้ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับผม เพื่อนก็ไม่ใช่ แต่เขาเป็นศัตรูหัวใจ แล้วทำไมผมต้องไปช่วยเขาด้วย ไม่เกี่ยวกับผมสักนิด!
“แล้วจะให้ฉันคิดยังไง เขาอยู่กับนายแล้วถูกจับตัวไปน่ะห๊ะ!!!”
“คิดยังไงก็เรื่องของพี่แล้วกัน ถ้าคิดว่าผมมันเลวมากที่ทำแบบนั้นได้ก็เชิญ แล้วพี่ก็ตามหาตัวเด็กนั่นเองแล้วกัน!!!”
ผมลุกขึ้นเดินออกจากโรงแรม พอกันที ทำไมผมจะต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องของคนที่ไม่รู้จักด้วย ถ้ารู้ว่าทำดีแล้วต้องโดนแบบนี้ผมยอมเป็นคนใจแคบไม่สนใจอะไรเลยจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องโดนด่าแบบนี้ด้วย
แล้วน้ำตานี่จะไหลทำไม ทำไมต้องอ่อนแอด้วย!
“จะไปไหน!” มาโคเดินตามมากระชากแขนผม สะบัดแขนออกจากมือเขา เห็นโอชินวิ่งตามมาดูอย่างเป็นห่วง จะผิดไหมถ้าตอนนี้ผมจะบอกว่า...ผมอยากกอดมันจัง
“จะไปไหนก็เรื่องของผม ก็ผมเป็นคนทำให้พริกโดนจับตัวไปนี่ ผมกลับไปนอนสบายใจที่คอนโดท่าจะเป็นการดี!” ผมพูดประชดคำโต มันน่าน้อยใจไหมล่ะ ทำดีแล้วก็ไม่ได้ดี แถมคนที่ไม่เห็นความดีของเราคือคนที่เรารักอีก
ผมเจ็บนะ
“ใจเย็นๆได้ไหมวะ เห็นไหมว่าพอร์ชมันกลัวนายขนาดไหน” โอชินมายืนข้างๆผมพร้อมกับคว้าตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ ผมซุกหน้าลงกับอกมันปล่อยให้น้ำตาไหลด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
รักคนที่เขาไม่รักเรามันก็เจ็บอย่างนี้
“หุบปากไป บอกมาพอร์ช เกิดอะไรขึ้น แม่งเอ้ย!!! ป่านนี้มันพาพริกไปไหนต่อไหนแล้ววะเนี่ย!!!”
รู้ไหมผมถามตัวเองว่าอะไร
ถ้าผมหายไป จะมีใครออกตามหาผมแบบนี้หรือเปล่า
“เรื่องมันเป็นแบบนี้...” โอชินเล่าเรื่องทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ผมเล่าให้เขาฟัง มือหนาก็ลูบหลังผมไปด้วย ผมกำเสื้อเชิ๊ตของมันแน่นจนยับยู่ยี่ไปหมด
“จำป้ายทะเบียนได้ไหม!” มาโคบรรดาลโทสะ ผมผละออกจากโอชิน เช็ดน้ำตาออก จ้องมองมาโคที่ดูร้องรุ่นจนแทบจะยืนไม่ติดพื้น
“เป็นรถตู้สีขาว ป้ายทะเบียน พป 3489 ก่อนที่ผมจะตามไม่ทันดูเหมือนมันจะมุ่งหน้าไปทาง...ผมรู้แค่นี้แหละ” ผมบอกนิ่งๆ ก้มหน้ามองพื้น
“ขอบใจแล้วก็...ขอโทษ”
ผมเงยหน้ามองมาโคอึ้งๆ ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยคำขอโทษออกมา ผมพยักหน้ารับนิดหน่อย
“งั้นก็แยกย้ายกันตามหา เดี๋ยวฉันให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยอีกแรง” จบคำโอชินมาโคก็วิ่งไปที่รถของตัวเอง ผมมองตาหลังเขา รถของเขา จนมันหายลับไปกับตา
“ไปกันเถอะ” โอชินบอกแล้วก็จับมือผมให้เดินไปที่รถของเขา
เราขับวนดูไปทั่วในกรุงเทพ โอชินโทรหาเพื่อนที่เป็นตำรวจให้ประสานงานกับตำรวจจราจรหลายแห่งให้เฝ้าจับตาดูว่ารถตู้คันดังกล่าวขับผ่านไปบ้างหรือเปล่า
ส่วนผมเองก็สอดสายตามองตามรถตู้ที่เป็นสีขาวทุกคันว่าใช่คันเดียวกับที่จับพริกไปไหม เกือบสองชั่วโมงได้ที่เราตามหายังไงก็หาไม่เจอ มาโคก็ไม่โทรมาบอกว่าหาเจอหรือยัง ผมส่งข้อความไปถามเขาก็เงียบ ป่านนี้เขาคงร้อนรนมากแน่ๆ
พอย้อนกลับไปคิดตามที่มาโคพูดแล้ว ผมกลับมาย้อนถามตัวเองว่า เพราะผมหรือเปล่าที่ทำให้พริก ถ้าผมไม่ชวนเด็กนั่นออกมากินข้าว มันก็อาจจะไม่ถูกจับก็ได้ แต่ความคิดอีกด้านหนึ่งก็คือ เด็กนั่นไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า
โอ๊ยย!! ช่างมันเถอะ คิดเยอะปวดหัว นี่ก็ตาแห้งไปหมดแล้วเพราะต้องนั่งจ้องรถคันแล้วคันเล่า
“อย่าคิดมากเลย เราต้องหาพริกเจอ” โอชินเอ่ยขึ้น ผมนับถือเลย ในสถานการณ์แบบนี้ แต่มันดูมีสติมากกว่าคนอื่น
“นายไม่ห่วงเพื่อนนายหรือไง” ผมถาม เพราะดูมันไม่ค่อยจะแสดงอาการเท่าไหร่ และไม่ค่อยจะกวนประสาทอย่างทุกทีด้วย
“ห่วงสิ ห่วงมากด้วย แต่เครียดไปก็เท่านั้น ใช่ว่าจะหาเจอ” ที่มันพูดก็มีเหตุผล
“ฉันขอโทษ” ผมพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องคิดมาก นายไม่ผิดหรอก”
แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่า ผมผิดอยากมาก ผิดในทุกเรื่อง อาจจะผิดตั้งแต่เกิดมาแล้วก็ได้
HIM: MACO
ผมขับรถปาดหน้ารถคันอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงโทรศัพท์โทรตามให้กลับไปทำงานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผมยังไม่ทันได้เริ่มงานดูพอร์ชก็ส่งข้อความมาบอกว่าพริกถูกจับตัวไป เท่านั้นผมก็วิ่งออกจากสตูดิโอทันควัน ป่านนี้ทุกคนคงวิ่งวุ่นไปหมด แต่ใครจะสน ผมก็แค่ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายทั้งหมดแค่นั้น ช่างมัน ยังไงพริกก็สำคัญกว่า
แล้วกว่าจะรู้เรื่องรู้ราวก็กินเวลาไปไม่น้อย แล้วการตามหาคนโดยไร้จุดหมายปลายทางแม่งเป็นอะไรที่แย่มาก แล้วใครกันวะที่มาจับพริกไป เด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างพริกจะไปก่อเรื่องอะไรไว้ วันๆถ้าไม่ไปเรียน ทำงาน ก็กลับหอ แทบไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร
แต่เดี๋ยวนะ...
ไอ้มิล!!!
ทำไมผมเพิ่งจะนึกออกวะ สิ่งที่ไอ้ธันกับไอ้กัสพูดวันนั้นผมเพิ่งนึกขึ้นได้ ผมหักพวงมาไล่วันรถกลับทันที มุ่งหน้าไปที่ๆหนึ่งที่จะทำให้ผมได้เจอกับตัวการ
ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้านไอ้ดีน มันจะต้องรู้แน่ๆว่าไอมิลอยู่ที่ไหน และมันจะต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย ไอ้พวกเลวเอ้ย! มันคงจะกลัวว่าผมทำเดิมพันสำเร็จ เพราะแบบนี้ไงผมถึงเกลียดพวกแม่ง เล่นไม่ซื่อ!!!
กริ๊งๆๆๆ!!!
ผมย้ำกดกริ่งที่หน้าบ้านไอ้ดีนระรัว จนเจ้าของบ้านเดินออกมาด้วยสภาพที่เหมือนเพิ่งจะตื่น พอมันเห็นผมก็ชะงักเท้า มองหน้าผมงงๆ
“มึงเป็นประตูเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ดีน!” ผมพูดเสียงเข้ม ระงับอารมณ์ไม่ให้กระโจนข้ามรัวไปต่อยมันสักทีสองที แค่เห็นหน้ามันผมก็หมั่นไส้แล้ว
“มึงมาทำไม” มันเดินมาเปิดประตูรั้วให้ผมพลางถาม
ผลั๊ว!!!
“มึงเอาพริกไปไว้ไหน!” ผมเหวี่ยงหมัดใส่หน้าไอ้ดีนไปทีอย่างแรง ก่อนจะกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาถามแน่น ถ้าพริกเป็นอะไรไปผมไม่ปล่อยพวกแม่งไว้แน่ๆ
“อะไรของมึงไอ้มาโค” มันจับที่ข้อมือผมก่อนจะกระชากออก
“พริกหายตัวไป พวกมึงใช่ไหม อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะว่าพวกมึงคิดจะทำอะไร บอกกูมาว่าไอ้มิลเอาพริกไปไว้ไหน!!!”
“กูไม่รู้ แล้วไอ้มิลเกี่ยวอะไรด้วย!” มันขึ้นเสียง สีหน้ามันเริ่มจะเครียดเหมือนมันไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย แต่ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่ามันจะไม่รู้ ในเมื่อไอ้มิลเป็นเพื่อนมัน
“มึงติดต่อไอ้มิลเดี๋ยวนี้เลย!” ผมยกมือเสยผมอย่างหงุดหงิด ไอ้ดีนทำหน้าไม่เข้าใจแต่มันก็เดินเข้าไปในบ้าน ผมถือวิสาสะเดินตามมัน มันหันมามองแต่ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร แต่ดูแล้วเหมือนมันจะโทรไม่ติด มันเลยโทรอีกสองมาครั้ง
“มันไม่รับ” ไอ้ดีนพูดกับผมหน้าเครียด แต่ผมนี่ร้อนใจไปหมดแล้ว
“ไอ้เหี้ย! แม่งเอาพริกไปไว้ไหนวะ มึงไม่รู้หรือไงไอ้ดีน!!!”
“กูไม่รู้! กูไม่ได้เจอมันมาสองวันแล้วเนี่ย!”
“บ้านมันอยู่ไหน มึงพากูไปเดี่ยวนี้เลย!”
“เออ กูเปลี่ยนเสื้อผ้าแปบ”
“นี่มึงยังจะมีกะจิตกะใจแต่งตัวอีกเหรอ ไปเลยมึง ไม่ต้องแต่ง แฟนกูเป็นไงบ้างก็ไม่รู้
“ไอ้ห่า ให้กูไปสภาพนี้เนี่ยนะ”
“เร็วๆได้ไหมไอ้ห่านี่ กูรีบ เดี๋ยวปัดต่อยแม่งอีกหมัด” ผมด่า ไอ้ดีนเลยต้องจำยอมเดินส่ายหัวออกจากบ้าน ผมโยนกุญแจรถตัวเองให้มันขับ
ไอ้ดีนขับรถไปที่บ้านไอ้มิลที่อยู่ไม่ใกล้มากนัก แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ บ้านเงียบเฉียบ ไอ้ดีนเลยขับไปที่คอนโดไอ้มิลแทน โชคดีที่ไอ้ดีนมาที่คอนโดนี้บ่อยเลยเดินขึ้นไปยังห้องมันได้ แถมไอ้ดีนยังมีคีย์การ์ดกับกุญแจห้องไอ้มิลอีก นี่มันเป็นเพื่อนกันยังไงวะ พี่พร้อมขนาดนี้ เมื่อกี้ตอนไปบ้านไอ้มิล ไอ้ดีนมันก็มีกุญแจนะ แปลกๆไปปล่าววะ
แต่ช่างแม่งเถอะ ตอนนี้ผมโคตรจะหงุดหงิด ไม่รุ้ว่านี้พริกจะเป็นไงบ้าง จะร้องไห้หรือเปล่า ใครจะทำอะไรมันบ้าง ผมคิดไปร้อยแปด ผมเป็นห่วงมันจริงๆครับ ทั้งๆที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะห่วงใครนอกจากตัวเอง คนที่บ้านผมก็ไม่เคยห่วง พี่น้องเข้าโรงพยาบาลก็ไม่เคยคิดจะไปเยี่ยม แต่กลับพริกไม่ใช่ ผมไม่อยากให้มันเจ็บ ไม่อยากให้ใครทำร้ายมัน
ทำไมผมถึงได้เป็นห่วงมันขนาดนี้วะ!
มันจะต้องกลัวมากแน่ๆ
“ไม่อยู่ เอาไงมึง มึงแน่ใจใช่ไหมว่าไอ้มิลจับพริกไปจริงๆ”
“เออ เพื่อนมึงอ่ะพูดกับเพื่อนมันว่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พริกสนใจมัน แล้วพริกก็ถูกตัวไปต่อหน้าพอร์ช มึงคิดว่าจะมีได้อีก”
ต่อนี้เหมือนมีกองไฟมาสุมอยู่ในอก ร้อนรุ่มไปหมดเมื่อหาไอ้มิลไม่เจอ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาที่ไหนอีก แม่งเอ้ย! ไม่อยู่ไหนวะ อย่าให้กูเจอตัวนะมึง จะซัดไม่เลี้ยงเลยคอยดู
“บางทีอาจจะเป็นฝีมือแฟนเก่ามึงก็ได้” ผมตวัดสายตาแข็งมองไอ้ดีน
“พอร์ชไม่ใช่คนแบบนั้น”
ทำไมผมจะไม่รู้นิสัยคนที่ผมเคยคบ แต่ก่อนหน้านี้ที่ผมด่ามันไปเพราะผมสติแตกเป็นห่วงพริกมาก แต่ผมก็พอรู้อยู่ว่าพอร์ชไม่ได้ทำ ถึงมันจะแรงทำตัวปากดีแค่ไหน แต่อะไรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นความผิดมันกลัวจะตายห่า แค่จะแซงคิวมันยังไม่กล้าเลย นับประสาอะไรกับจะจับตัวคน
ไม่มีทางที่คนอย่างนั้นจะกล้าหรอก แค่ตอนนี้ผมกระวนกระวายใจมากเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ก็ไม่ด้อุ่นใจมากเลย แต่กลับเครียดยิ่งกว่าเดิม
[Krrrr Krrrr]
“ฮัลโหล” ผมรับสายพอร์ช
[พี่มาร์ค! รู้ที่อยู่พริกแล้ว!]
“ห๊ะ!!!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นยืน รู้สึกเหมือนตัวเองมีความหวังแล้ว “เมื่อกี้ว่าอะไรนะ” ผมถามอีกครั้ง
[เจอที่อยู่พริกแล้ว อยู่ที่...]
ผมเปิดสปีกโฟนให้ไอ้ดีนได้ยินด้วย พร้อมกับรีบลงไปที่รอที่จอดข้างล่าง เมื่อรู้ที่หมายผมก็ขับรถออกทันที รอฉันก่อนนะพริก ฉันทำลังจะไปช่วยนาน ส่วนมึงนะไอ้มิล มึงตาย!!!
ผมขับรถมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นรถของพอร์ชจอดอยู่ และทั้งพอร์ชและไอ้โอชินคนที่เป็นเพื่อนของพริกอยู่ลับๆล่อๆอยู่ที่ท้ายรถ ผมสั่งให้ไอ้ดีนดับเครื่องยนต์เพื่อไม่ให้เสียงดังจนไอ้คนที่จับตัวพริกมาได้ยิน
“เป็นไงบ้าง” ผมถาม ไอ้โอชินหันมาตอบ
“พวกมันที่อยู่ข้างนอกมีกันห้าคน พวกเราสามคนจัดการคงไม่อยาก
“ฉันด้วยสิ!” พอร์ชแย้ง พวกผมสามคนมองพอร์ชแบบเอือมๆ ช่างกล้าพูดวะ
“อย่ามาเป็นตัวถ่วงน่า” ไอ้โอชินว่าพลางส่ายหน้า
“ตัวถ่วงอะไร พูดให้มันดีๆนะ!”
“นี่พวกมึงจะทะเลาะกันทำไมวะ จะไม่เข้าไปช่วยพริกใช่ไหม” ไอ้ดีนที่ทนไม่ได้พูดขึ้น ทั้งสองคนเลยได้แต่ถลึงตาใส่กันเอง
เมื่อได้จังหวะที่เหมาะผม ไอ้ดีนและไอ้โอชินก็ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้านที่ค่อนข้างจะทรุดโทรมและทั้งเก่าทั้งร้าง ผมชี้มือไปทางซ้ายให้ไอ้ดีนไปจัดการ แล้วให้ไอ้โอชินแยกไปทางขวา ส่วนคนที่อยู่ตรงประตูหน้าสองคนผมจะจัดการเอง
พอได้จังหวะผมก็คว้ามับเข้าที่คอคนดูต้นทางคนหนึ่งแล้วจัดการหักคอมันจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น ก่อนจะทุบที่ท้ายทอยมันเข้าไปอีกที
“เฮ้ย!” ไอ้คนเฝ้าอีกคนหันมาเห็นก็พุ่งเข้ามาหาผม แต่ผมใช้เท้ายันมันออกห่างก่อนจะคว้าไม้หน้าสามที่อยู่ไม่ใกล้ฟาดเข้าที่ห้ากับที่หัวมัน ผมว่าตีที่อื่นมันน็อคช้า เล่นส่วนที่สูงที่สุดเนี่ยแหละ ผมสาดมันไปอีกสองสามทีจนมันลงไปนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“เฮอะ! ไอ้พวกกระจอก!” ผมถุยน้ำลายใส่พวกมันก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ชั้นล่างว่างเปล่า คงเป็นชั้นบน ไม่รอช้าผมรีบวิ่งขึ้นไปแล้วก็เจอช็อตเด็ดเข้าพอดี ไอ้มิลมันกำลังจะข่มขืนพริก เสียงร้องห้ามจะขาดใจของพริกฟังแล้วเสียดหูจนน่าเวทนา
ไอ้ระยำเอ้ย! มึงตายเถอะ!
“ออกไปจากตัวแฟนกูนะไอ้สัด!!!” ผมคำรามลั่น คว้าวตัวไอ้มิลที่กำลังจะเอาของส่วนตัวของมันเข้าไปในตัวพริก
“พี่มาร์ค ฮืออ” พริกที่เห็นผมร้องไห้โฮ หดตัวกอดตัวเอง เนื้อตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ผมเห็นแล้วยิ่งสงสารพร้อมกับแค้นที่ไอ้มิลที่ทำแบบนี้ แม่งไม่เห็นหรือไงวะว่าพริกกลัวแค่ไหน
“มึงกล้ามากที่แตะคนของกู!!!”
ผลั้ว!!!
ผมชกที่หน้าไอ้มิลทีหนึ่งหนักๆเน้นๆ ก่อนจะถีบมันยันข้างฝา ผมเดินตามไปต่อยมันอีกหลายทีก่อนจะเตะเข้าที่ลำตัวมัน มันสวนผมกลับเข้าที่หน้า ผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยซัดมันไม่หยุด ไม่สนใจว่ามันจะอยู่ในสภาพที่ทุเรศขนาดไหน
ไอ้สัตว์เอ้ย!
กูยังไม่เคยคิดจะทำให้มันร้องไห้มาก่อนเลย มึงกล้าทำได้ไงวะไอ้เวร!!!
“พอๆไอ้มาโค เดี๋ยวมันตาย” ไอ้ดีนห้ามผม แล้วลากตัวผมออก แต่ผมกำลังเลือดขึ้นหน้าไปฟังใครทั้งนั้น สะบัดตัวออกจากไอ้ดีนแล้วพุ่งเข้าไปเตะไอ้มิลอีกครั้ง
“พอๆ! นั่นเพื่อนกูนะเว้ย!”
“พอแล้ว เดี๋ยวมันตาย!”
คราวนี้ทั้งไอ้ดีและไอ้โอชินเข้ามาห้ามผม ผมสบัดตัวไม่ให้พวกมันจับ แต่คราวนี้ผมยืนหอบหายใจแรง ไม่เข้าไปซ้อมไอ้มิลที่ตอนนี้นอนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่อยู่ที่พื้น
“มึงจำไว้นะ ถ้ามึงเข้าใกล้พริกอีกไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร กูเอามึงถึงตายแน่!!!” ผมชี้หน้าไอ้มิลพร้อมลั่นวาจาด้วยความโมโหถึงขีดสุด ก่อนจะพูดไอ้ดีนที่หาผ้าไปคลุมตัวเพื่อนมันเอาไว้ “ส่วนมึงก็ช่วยดูแลเพื่อนมึงด้วย ถ้ามีอีกครั้งกูเล่นแม่งหมดรวมทั้งมึง!”
ผมพูดจบแล้วก็เดินไปหาพริกที่มีพอร์ชช่วยสวมเสื้อผ้าให้ พอเห็นผมเดินเข้าไปหามันก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ฉันดูแลเอง ขอบใจมาก” ผมบอก พอร์ชพยักหน้าแล้วก็ลุกออกจากเตียงเก่าๆ ผมเข้าไปนั่งแทนทีแล้วกอดพริกเอาไว้แนบอก พรมจูบที่ข้างขมับและหน้าผากคนในอ้อมกอดแผ่วเบาเพราะกลัวมันจะเจ็บ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ปลอดภัยแล้ว ฉันมาช่วยแล้ว”
............................................................................
# โอ๋ๆหนูพริกของพี่ ไม่ร้องนะไม่ร้อง เดี๋ยวให้พี่มาร์คของเราปลอบแบบจัดหนัก ฮ่าๆๆๆ
# ที่จริงต้องมาลงเมื่อวาน แต่ไม่สบายเพราะตากฝน เฮ้อ