บทที่ 20 ขี้โกง
รายกการทีวีที่ดูอยู่นั้นมันไม่ได้เข้าหัวของผมเลยสักนิดในเมื่อเวลานี้มันมีสิ่งสำคัญที่ผมจะต้องคิดและมันค้างคาใจมา
ตลอดวันจนแทบไม่มีสมาธิจะทำอะไร ภาพของแหวนสลักลายนกฟินิกส์นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความคิดของผม พยายามเฝ้าบอก
ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ทั้งลวดลายของแหวะและตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านในนั้นจะเหมือนกัน จะว่าไป
แหวนทองคำขาววงที่ผมมีมันก็หายไปตั้งแต่ผมมาที่ฟาร์มนี้เพราะปกติแล้วแม่ต้องการให้ผมใส่มันติดตัวไว้ตลอดเวลาถึงแม้ผมจะ
ไม่อยากที่จะใส่มันก็ตาม
“รัมภ์เห็นฟางมันบ้างไหม ไม่รู้หายหัวไปไหนของมันเรียกหาตั้งนานไม่โผล่หัวมาสักที”
“ทำไมเหรอครับ ผมไม่เห็นฟางสักพักแล้ว”ผมละสายตาจากจอทีวีหันไปตอบ
“ก็ทางโรงเรียนโทรมาบอกว่าน้องณินไปทะเลาะกับเพื่อนในห้อง แล้วตอนนี้นายหัวก็กำลังงานยุ่งพี่ก็กำลังเตรียมกับข้าว
เดี๋ยวเสร็จงานแล้วก็รีบไปเก็บค่าหวยอีก อุตส่าห์บอกแล้วเชียวว่าให้อยู่เฝ้าบ้าน คงจะแอบไปนั่งฟังหวยที่ไหนล่ะสิ กลับมาแม่จะ
ด่าซะให้เข็ด”
“งั้นให้ผมไปแทนดีไหมครับ ผมเองก็ว่างอยู่”ผมเสนอ
“เอางั้นเหรอ งั้นดีเลยพี่รบกวนหน่อยนะ เดี๋ยวพี่หาคนขับรถให้”
พี่นุ่มหันมายิ้มด้วยความโล่งใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นมาพอดีเรียกให้ทั้งผมและพี่นุ่มหันไป
มองร่างสูงใหญ่เจ้าของรอยยิ้มทะเล้นชูปิ่นโตข้าวขึ้นมาอวด
“พี่ล้างเอามาคืนน่ะ”
“ว่าแต่หายดีแล้วรึไงถึงได้เดินเอามาคืนแบบนี้”พี่นุ่มตอบรับหลังจากที่รีบปรี่เข้าหาพี่ตินพร้อมกับรอยยิ้มทันทีที่เห็น
“ถ้าได้กินกับข้าวอร่อยๆแบบนี้อีกสักมื้อสองมื้อคนจะหายดี”
“ทำเป็นพูดเข้ารอยช้ำที่เบ้าตายังไม่ทันหายดีเลยเชียว เกือบจะหมดหล่อแล้วไหมล่ะ”
“ว่าแต่ถือกุญแจรถจะไปไหนกันเหรอครับ”พี่ตินถามปรายตามองมองกุญแจรถในมือพี่นุ่ม
“จะให้น้องรัมภ์ไปรับน้องณินที่โรงเรียนน่ะ เห็นที่โรงเรียนทีมาบอกว่าไปทะเลาะกับเพื่อน เลยจะหาคนขับรถให้”พี่นุ่ม
สาธยาย
“แล้วได้คนขับรถรึยังครับถ้ายังไม่ได้ผมขับให้ก็ได้นะไม่คิดค่าเสียเวลา ช่วงนี้ยิ่งว่างจนเบื่อด้วยสิ”
“จะเอางั้นเหรอยังไม่หายดีไม่ใช่รึไง”
“แค่ขับรถเองสบายมาก”พูดจบก็คว้ากุญแจรถในมือพี่นุ่มไปถือซะเองก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับพี่นุ่มได้ม้วนไปมาทำท่าทำ
ทางเขินอายเอื้อมมือไปตีแขนพี่ตินเบาๆ
“งั้นก็ฝากด้วยนะ อย่าลืมเอากุญแจรถมาคืนล่ะ”
“ได้เลย ไปเตรียมตัวเลยครับหนุ่มน้อยเดี๋ยวพี่เป็นคนขับรถให้เอง”พี่ตินหันมายิ้มให้ ผมเข้าใจไปเองรึเปล่าว่าพี่ตินดูเหมือ
พยายามที่จะเข้าใกล้ผมมากกว่าเดิม หรือว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยได้สังเกตกัน
รถมาจอดอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลในตัวเมืองพอผมเดินเข้าไปคุณครูส้มก็เดินเข้ามาดึงแขนผมทันทีที่รถยังไม่ทันจอดด้วย
ซ้ำ ใบหน้าของครูส้มแสดงออกถึงความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“มาแล้วเหรอคะน้องรัมภ์ ผู้ปกครองฝั่งนู้นเค้าโวยวายไม่ยอมใหญ่เลย”ครูส้มพูดด้วยความกังวล ผมรู้ทีหลังว่าคุณครูส้ม
เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมทำให้พี่คินกับคุณครูส้มรู้จักกันพอสมควรและเป็นที่ไว้ใจพอที่พี่คินจะฝากน้องณินให้ดูแลเวลาอยู่ที่
โรงเรียน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”ผมถามเมื่อน้องณินกำลังนั่งกอดน้องมินอยู่บนโซฟาในห้องพักครูส่วนโซฟาอีกฝั่งก็เป็นเด็กผู้หญิง
ตัวเล็กๆกับผู้ปกครองที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเด็กคนนั้น
“ก็เด็กบ้าคนนี้มากัดลูกของฉันน่ะสิ แล้วเธอเป็นใครทำไมนายหัวภาคินถึงไม่เป็นคนมาเอง”
“นายหัวภาคินไม่ว่างครับผมเลยมาแทน”ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจกับสายตาไม่พอใจของแม่เด็กคนนั้นก่อนจะเดินเข้าไปหา
น้องณินกับน้องมินที่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา
“น้ารัมภ์น้องณินไม่ผิดนะคับ”
“เอะ จะไม่ผิดได้ยังไงในเมื่อมากัดลูกฉันจนเลือดซิบอย่างนี้”
“อย่าพึ่งขัดได้ไหมครับ ผมต้องการจะรู้สาเหตุก่อนว่าทำไมน้องณินถึงได้ทำอย่างนั้น ผมคิดว่าน้องณินไม่น่าจะทำอะไรที่
ไม่มีเหตุผล”
“ใจเย็นๆนะคะคุณแม่ของน้องแยม ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะ”คุณครูใหญ่แทรกขึ้น
“เด็กมันจะมีเหตุผลได้ยังไงล่ะคะ ยิ่งเด็กเกเรไม่มีพ่อแม่อย่างนี้ด้วยไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ หึ”พูดจบเธอก็
ยิ้มดูแคลนมองมาทางน้องณินอย่างดูถูก
“คุณรู้ตัวรึเปล่าครับว่าสิ่งที่คุณกล่าวหาเด็กมันทำให้อายุของคุณไม่สัมพันธ์กับความคิดเอาซะเลย แล้วอีกอย่าง การที่คุณ
พูดว่าเด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่ บางทีคุณอาจจะลืมว่านายหัวภาคินเป็นพ่อของน้องณินและอีกอย่างที่ผมจะบอกก็คือน้องณินไม่ได้
ไม่มีแม่แต่ผมต่างหากที่เป็นแม่ให้กับน้องณิน”
“หึ ที่แท้ก็พวกเกย์อย่างที่ชาวบ้านพูดกันจริงๆ”
“สิ่งที่คุณพูดถึงมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดนิสัยของเด็กนี่ครับ การสั่งสอนและการกระทำของผู้ใหญ่ต่างหากที่เป็นตัวสร้าง
นิสัยของเด็กขึ้นมา”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยิ้มเหยียดออกไปอย่างไม่พอใจ เพราะว่าไม่ชอบรอยยิ้มที่เหยียด
หยามและคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดมา คำพูดที่ชอบพูดว่าเด็กไม่มีพ่อแม่มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้
“ทำเป็นพูดดีไป ยังไงซะเด็กนั่นก็กัดลูกของฉันอยู่ดี”
“ช่างเถอะครับ ผมอยากรู้เรื่องราวจากเด็กๆมากกว่า”ผมตัดบทหันหน้าหนีเธออย่างไม่ใส่ใจ
“น้ารัมภ์น้องณินกับน้องมินไม่ผิดนะคับแยมนิสัยไม่ดีก่อน”
“แล้วทำไมน้องณินถึงไปกัดแยมล่ะครับ ไหนบอกซิ”
“ก็แยมแย่งของเล่นของน้องมิน น้องมินไม่ให้แยมก็จะตีน้องมินแต่น้องณินไม่ชอบน้องณินเลยไม่ให้ตี แยมเลยผลักน้องณิ
นกับน้องมินล้มแล้วแย่งของเล่นไปน้องณินก็เลยกัดแยมเพราะว่าแยมทำนิสัยไม่ดี”น้องณินเล่าให้ฟัง พอน้องณินเล่าจบผมก็ลูบ
หัวทุยๆของน้องณินกับน้องมินเบาๆเป็นการปลอบใจก่อนจะหันไปจ้องมองใบหน้าที่เริ่มซีดหลังจากฟังสิ่งที่น้องณินพูดจบ
“ไม่จริง เด็กคนนั้นมันโกหก ใช่ไหมลูกแยม”เธอหันไปถามลูกสาวตัวเอง
“ก็แยมอยากเล่นอันนั้น ฮึกๆ มินกับณินไม่ให้แยมก็เลยผลักแล้วแย่งมาแต่ณินก็กัดแยมเลือดออกฮือออออ”เด็กหญิงคนนั้น
สะอื้นอีกรอบ
“แล้วของเล่นมีเยอะแยะทำไมต้องไปแย่งเขาด้วยล่ะมันใช่เรื่องไหมที่จะต้องไปอยากได้กะอีแค่ของเล่นแค่นั้น”
“ก็แยมอยากเล่นเหมือนมิน ฮึกๆ แยมอยากให้ณินมาเล่นด้วย”พูดพลางใช้มือเล็กๆปาดน้ำตา
“จะให้เรื่องนี้จบโดยที่ไม่มีใครเป็นฝ่ายผิด หรือว่าจะให้จบโดยที่ลูกของคุณเป็นคนมาทำร้ายน้องณินกับน้องมินก่อน ผม
เข้าใจนะครับว่าคุณรักลูกตัวเองมาก แต่การที่คุณให้ท้ายลูกโดยที่ไม่สนความถูกผิดมันจะทำให้ลูกของคุณติดเป็นนิสัยเอา”
“เป็นแค่เด็กอย่ามาทำเป็นพูดอวดดีไปหน่อยเลยน่า”
“ผมแค่พูดตามที่ผมเห็นสมควร”ผมไหวไหล่ดึงเอาน้องมินมาอุ้มเมื่อน้องมินทำท่าว่าจะร้องอีกคน เหลือบมองไปทางน้อง
ณินที่กลับนั่งทำน่ามุ่ยไม่มีทีท่าว่าจะเสียใจหรือกำลังกลัวเลยสักนิด
“ผมขอรับน้องณินกับน้องมินกลับไปเลยนะครับ”
“เป็นไงบ้าง ว่าแต่ทำไมรัมภ์ถึงเอาเด็กคนนั้นมาด้วยล่ะ”พี่ตินถามเมื่อผมอุ้มน้องมินวางลงบนเบาะหลังก่อนจะก้มลงอุ้มน้อง
ณินขึ้นไปนั่งข้างๆ
“ลูกของหมอนทีน่ะครับ ส่วนเรื่องนั้นเคลียกันเรียบร้อยแล้ว”ผมตอบเสียงเรียบ
“งั้นก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้รัมภ์ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้มาก”พูดเหมือนไม่อยากให้ผมยุ่งเกี่ยวกับพี่คินและน้องณินไป
มากกว่านี้ จู่ๆมือใหญ่ก็เอื้อมมาจากฝั่งคนขับก่อนที่จะวางลงบนหัวผมเบาๆคล้ายกับกำลังปลอบใจอะไรบางอย่าง จริงอยู่ที่มือนี้
มันอุ่นมากจนทำให้ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยน แต่ความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวของพี่ตินมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้นทำให้ผมเริ่มไม่ไว้ใจ
ในตัวของพี่เขาเลย
“งั่ม!!!”
“โอ้ยยยย เป็นลูกหมาบ้ารึไงไอ้เปี๊ยกนี่”พี่ตินร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะชักมือกลับไปดูรอยเขี้ยวเล็กๆที่ทิ้งอยู่บน
ฝ่ามือ
“อย่ามาแตะน้ารัมภ์นะ น้ารัมภ์ของพ่อคินกับน้องณินคนอื่นห้ามแตะ แง่งๆ”พูดจบน้องณินก็ชะโงกหน้ามาแยกเขี้ยวใส่
“คนพ่อไม่อยู่ก็ให้คนลูกเฝ้าแทนสินะ”พี่ตินส่ายหน้าก่อนจะออกรถ “เฝ้าให้ดีๆเถอะ สักวันจะขโมยไปให้ได้เลยคอยดู”
“จะฟ้องพ่อ!!ว่าลุงตินจะขโมยน้ารัมภ์”
“ไปฟ้องเลยชิ่วๆ ต่อให้เอาไปซ่อนเอาไว้ก็ขโมยกลับไปจนได้ล่ะคอยดูสิ”
ผมพยายามคิดว่าพี่ตินพูดหยอกน้องณินแต่สิ่งที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นกลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความ
จริงจัง ผมได้แต่ลูบหัวน้องณินแล้วดันให้กลับไปนั่งคุยกับน้องมินที่เบาะหลังดังเดิมถึงแม้ว่าคนที่คุยอยู่คนเดียวจะเป็นน้องณินก็
ตาม
รถขับเข้ามาในเขตฟาร์มก่อนจะจอดลงที่หน้าบ้านริมหาด เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่คินเดินออกมาจากบ้านเพราะได้ยินเสียง
รถ ร่างสูงใหญ่เดินมารับน้องณินไปอุ้มก่อนจะหันมามองผมแล้วปรายตามองพี่ติน ดวงตาคู่คมกริบจ้องมองพี่ตินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ
หันกลับมาจับต้นแขนผมที่อุ้มน้องมินอยู่ให้เดินตามเข้ามาในบ้าน
“ไหนว่างานยุ่งไงล่ะครับ ทำไมถึงรีบกลับ”
“พี่ไม่มีสมาธิทำงานพอรู้ว่าน้องณินไปก่อเรื่องยุ่งพี่ก็เลยรีบกลับ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นน้องณินกับน้องมินไม่เป็นอะไรใช่
ไหม”
ในบทของความเป็นพ่อแล้วพี่คินดูเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องณินมากจนผมรู้สึกดีแทนน้องณินที่โชคดีได้พี่คินเป็นพ่อแบบ
นี้ ผมได้แต่ยิ้มเล็กๆก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไรแล้วครับ แค่เรื่องเข้าใจผิด”
“งั้นเหรอ ฟางเอาน้องณินกับน้องมินไปอาบน้ำที”พูดก่อนจะปล่อยให้น้องมินลงเดิน
พอสังเกตดีดีแล้วผมไม่รู้ตัวเลยว่าฟางแอบมายืนอยู่ใกล้ๆพี่คินตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมกับพี่นุ่มตามหาตัวไม่เจอ
แท้ๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเหยียดยิ้มเล็กๆให้กับเธอในจังหวะที่พี่คินเผลอ และฟางก็ยังคงปั้นยิ้มถึงแม้ว่าผมจะแสดง
ท่าทีแบบนั้น
“ไปกันเถอะ ตอนนี้พี่อยากอาบน้ำแล้ว”
เสียงทุ้มหัวดังพร้อมๆกับเอวถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะเฉียดลงมาบนผิวแก้มเบาๆ แอบสังเกตเห็นใคร
อีกคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าถ้าเทียบกับฟางแล้วไม่มีทางที่ผมจะเป็นฝ่ายแพ้
“รัมภ์”พี่คินเรียกเสียงเบาในขณะที่ผมกำลังไล่ปลดกระดุมเสื้อของพี่เขาทีละเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกสีเข้มแน่นไปด้วยมัด
กล้ามตึง บนลาดไหล่หนามีรอยเล็บจางๆสลักอยู่บนอกราวกับตราประทับที่ผมต้องการจะตีตราเอาไว้
“ว่าไงครับ”ผมตอบรับเสียงเบา เกลี่ยปลายนิ้วลงบนรอยจางๆนั่น
“พี่ไม่ค่อยชอบเวลาที่รัมภ์อยู่ใกล้ๆติน”แขนแข็งแรงค่อยๆโอบเอวของผมก่อนที่จะกระชับแน่นจนเซเข้าไปหา ใบหน้าแนบ
ลงบนแผ่นอกแข็งแรงจนได้ยินเสียงก้อนเนื้อที่มันเต้นอยู่ด้านใน
“ทำไมล่ะ ผมก็แค่ไปรับน้องณิน”ผมเงยหน้าตอบแต่ก็ต้องเบี่ยงหลบเมื่อริมฝีปากหยักฉกวูบลงมาไม่ทันได้ตั้งตัว สีหน้า
ของพี่คินนั้นดูไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของผมสักเท่าไร
“แต่พี่ไม่ชอบ ถึงเขาจะเป็นคนช่วยรัมภ์เอาไว้ก็ตาม”
“ผมก็แค่ อื้อ”
ยังพูดไม่ทันจบริมฝีปากก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากอันร้อนผ่าว สัมผัสได้ถึงความอุ่นที่แผ่นซ่านผ่านเข้ามาภายใน ปลาย
ลิ้นร้อนชื้นตวัดลงมาบนกลีบปากให้ได้เปิดรับความหอมหวานที่สอดแทรกด้วยความร้อนรุ่มทั้งถูกตักตวงและถูกป้อนจนรู้สึกว่า
ความคิดอ่านทั้งหมดกำลังถูกขโมยไปจนสมองนั้นขาวโพลน
รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเปลือยก็แนบชิดกับผ้าปูที่นอน ถูกทาบทับด้วยร่ากายอันสูงใหญ่ ริมฝีปากร้อนชื้นนั้นยังคงป้อนจูบอัน
จาบจ้วงไม่ยอมห่าง ผิวกายทั่วทั้งร่างถูกมือที่เป็นราวกับเปลวเผลิงลูบไล้ไปทั่วจนร่างแทบหลอมละลายไม่ต่างอะไรจากขี้ผึ้งที่
ถูกไฟลน
“ผม…ยังไม่ได้อาบน้ำ”บอกออกไปเสียงเบาพยายามที่จะดันอกแข็งแรงนั้นให้ออกห่าง
“ไม่เป็นไร พี่คิดว่ามันหอมสำหรับพี่”เสียงกระซิบอันแหบพร่าตอบกลับพร้อมกับฟันคมที่ขบกัดลงมาบนผิวคอ
แรงกัดไม่เบานักทำให้ผมสะดุ้งยกมือขึ้นเกาะบนลากไหล่หนาเพื่อหาที่ยึด ความเป็นชายอันร้อนเร่ากำลังผงาดถูกไถท่อน
กายของผมไปมาราวกับต้องการหยอกกล้อ
“ทะ ทะลึ่งนะครับ”
“แต่พี่เห็นว่ารัมภ์ชอบ”
ผมตีเข้าที่ไหล่หนาแรงๆเมื่อรอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากได้รูป บั้นเอวสอบยังคงขยับสั่งให้มันถูกไถจนเริ่มรู้สึกแน่น
ขัด ไม่นานความรู้สึกทั้งหมดก็คลายออกเมื่อท่อนกายแข็งกร้าวนั้นแทรกเข้ามาภายใน ผมได้แต่จิกปลายเท้าทั้งสองข้างลงบน
ผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่เมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเริ่มที่จะเอ่อล้นจนแทบทนไม่ไหว
“บะ เบาๆครับ”พูดพร้อมกับจิกเล็บลงบนลาดไหล่ ริมฝีปากถูกฟันคมขบจนมันเป็นรอยเพราะแรงกระทั้นที่มากจนทำให้ตัว
คลอน
ถึงแม้ว่าผมจะร้องขอแต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นกลับตรงกันข้ามสำหรับเวลาที่ใช้ร่วมกันสำหรับบทรัก ความรุนแรง ความร้อน
รุ่ม และอ่อนโยน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะถาโถมเข้ามาใส่
“พร้อมกันนะครับคนเก่ง”เสียงหอบประสานกับเสียงกระซิบที่แหบพร่าดังขึ้นข้างหู จูบร้อนจูบซับลงมาบนขมับ กลิ่นเหงื่อ
และกลิ่นกายไหลรวมกันจนแทบแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ผมปูที่นอนที่ถูกปูใหม่จนเรียบตึงบัดนี้มันทั้งหลุดลุ่ยและยับ
ยู่ยี่จนไม่เหลือสภาพเดิม และในที่สุดความขาวของมันก็ถูกป้ายจนเปรอะเปื้อนด้วยคราบคาวที่ถูกปลดปล่อยออกมา หลงเหลือ
เพียงเสียงหอบหายใจที่ดังก้องไปทั่วกับอ้อมกอดอุ่นที่เป็นตัวตอกย้ำว่าผมยังคงอยู่ในที่แห่งนี้
----------------------------------------------------------------------------------
“ทำไมกระต่ายถึงแพ้กระต่ายวิ่งเร็วกว่าตั้งเยอะ”น้องณินมุ่ยหน้ากอดอกทั้งที่นอนอยู่บนที่นอน จ้องมองมาทางผมด้วย
ความสงสัยและไม่พอใจ
“ก็กระต่ายแอบนอนหลับก่อนถึงเส้นชัยไงครับเต่าเลยชนะ”
“แล้วทำไมกระต่ายถึงต้องนอนล่ะคับ น้องณินไม่เข้าใจ”หน้าเล็กๆกลมๆยิ่งมุ่ยกว้าเก้าแถมแก้มป่องๆนั้นยังพองลมเหมือน
ไม่พอใจที่แพ้พนันให้กับผม เพราะว่าเราพนันกันก่อนที่จะอ่านนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
“กระต่ายคิดว่าตัวเองเก่งกว่าถึงได้ชะล่าใจแอบนอนหลับทำให้เต่าชนะแล้วเข้าเส้นชัยไปก่อน”ผมหัวเราะออกมาเล็กๆเมื่อ
น้องณินยังคงหน้ามุ่ย แอบได้ยินเสียถอนหายใจของใครบางคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังน้องณินที่หน้ามุ่ยไม่แพ้กันและสาเหตุก็คง
หนีไม่พ้นที่น้องณินมานอนด้วยในวันนี้
“แต่น้องณินไม่ชอบเรื่องนี้เลยน้ารัมภ์ ถ้าน้องณินเป็นกระต่ายน้องณินจะไม่นอนหรอก”
“แต่ว่าตอนนี้ได้เวลานอนแล้ว นอนสักทีไอ้ตัวแสบ”มือใหญ่เอื้อมมาผลักหัวลูกชายเบาๆด้วยท่าทางหมั่นไส้ แต่รอยยิ้ม
เล็กๆก็ผุดขึ้นบนรัมฝีปากได้รูป
“แต่น้องณินยังไม่อยากนอน อยากให้น้ารัมภ์อ่านนิทานให้ฟังอีก”
“ไอ้ตัวยุ่งนี่ มานอนแทรกกลางแล้วยังเรื่องมากอีก นอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อพาไปเที่ยว”
“จริงๆนะ!! พ่อคินจะพาน้องณินกับน้ารัมภ์ไปเที่ยวแน่นะ ห้ามโกหกน้องณินด้วยเย้ๆๆ ไปเที่ยวกับน้ารัมภ์กับพ่อ”น้องณินชู
มือขึ้นโบกไปมาอย่างดีใจ ยิ้มจนเห็นเหงือกสีสด
“นอนได้แล้วไม่งั้นจะไล่ให้ไปนอนข้างล่างเหมือนเดิม”
“ไม่เอาน้องณินอยากนอนกับพ่อคินกับน้ารัมภ์”พูดจบก็ทำท่าหลับตาปี๋
ไม่นานน้องณินก็หลับไปจริงๆในที่สุด พี่คินถอนหายใจอีกครั้งกับความแสบของลูกชาย ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้
จนปลายจมูกของเขาแตะกัน
“พี่คิน อื้อ น้องณินอยู่ด้วยนะครับ เมื่อเย็นพี่ก็เพิ่งทำไปเอง”ผมปรามเมื่อมือใหญ่แตะลงมาที่บั้นเอวแล้วลูบไปมา พี่คินได้
แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“แค่จูบก็ได้”
ยังไงซะอย่างน้อยทำการค้าก็ย่อมต้องได้ทุนคืน พี่คินไม่ยอมถอนตัวกลับไปง่ายๆแน่นอน ผมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกเล็ก
น้อย ขบฟันลงบนริมฝีปากหนาเบาๆ ก่อนแตะปลายลิ้นเลียขอบปากนั้นเบาๆ ได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์พี่เขาก็
อดที่จะยิ้มไม่ได้ แนบริมลงบนกลีบปากนุ่มเปิดรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา ฝ่ามือใหญ่แตะลงมาบนพวงแก้มอย่างแผ่วเบา
“อือ น้ารัมภ์”เสียงพึมพำของร่างเล็กข้างใต้ทำให้ทั้งผมและพี่คินผละจูบออกจากกันแล้วก้มลงไปมองที่เจ้าตัวแสบด้วย
ความตกใจกลัวว่าน้องณินจะเห็น แต่น้องณินก็เพียงแค่ละเมอก่อนจะเบียดตัวเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหนี พอ
เห็นดังนั้นผมกับพี่คนได้แต่พากันหัวเราะเบาๆ
“นอนได้แล้วครับคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพารัมภ์กับลูกไปเที่ยวกัน”ริมฝีปากอุ่นจูบลงมาบนขมับก่อนที่แขนแข็งแรงจะพาด
ลงมาดึงเอาตัวผมและน้องณินไปกอดเอาไว้ทั้งคู่
ขอบคุณทุกคำชมจ้าาาาา ถ้าไม่ดีหรือผิดพลาดตรงไหนก็บอกกันได้นะคะ