พิมพ์หน้านี้ - ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 12-03-2016 12:45:49

หัวข้อ: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 12-03-2016 12:45:49
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



- - - - - - - - - -
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 จุดเริ่มต้น
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 12-03-2016 13:14:55
จุดเริ่มต้น




   นี่ใช่ไหมบทลงโทษที่ผมสมควรจะได้รับ

   หากย้อนเวลากลับไปได้…

   ผมจะไม่ทิ้งเขา….จะไม่เข้าไปทำความรู้จักกับเขา…และจะไม่เดินเข้าไปเขาในวันนั้น

   “นี่คือบทลงโทษของนาย…ที่นายทิ้งฉัน…จำเอาไว้”

   เสียงก้องกังวานดั้งไปทั่วโสตประสาต….

   มันสายเกินไป….ที่ผมจะเอ่ยคำว่า “ขอโทษ”….กับเขา

   มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลปะปนกับหยาดเหงื่อ พร้อมกับเสียงทุ้มหูกึกก้องอยู่ในใจ จมดิ่งสู่ความมืดมิด

   ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปได้….



===============================================================



เป็นแนวทรมานกายใจนะ เคนะ เข้าใจนะ เตือนไว้ก่อน ฝากด้วยล่ะคนดีทั้งหลาย






หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 12-03-2016 17:42:23
บทที่ 1 จุดเริ่มต้นของบทเรียน



   ผมผิดเองที่หันไปมองเขาเขา…

   เข้าไปทำความรู้จักกับเขา…

   แล้วก็ทิ้งเขาไป…..

   ถ้าหากผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ทำทำอย่างนั้นเด็ดขาด…





   ผมไม่น่าเชื่อคำของเพื่อน…ไม่น่าไปรับคำท้าที่บ้าบอแบบนั้น

   ผมเข้าไปทำความรู้จักกับเขา…ชวนเขาไปกินข้าว…ดูหนัง…และไปเที่ยวกัน

   สามเดือนที่เรารู้จักกัน ทำให้ผมรู้ว่าภายนอกที่เงียบขรึมนั้นซ่อนบางอย่างเอาไว้ข้างใน

   บางอย่างที่คนอื่นมองข้ามมันไป…นั่นก็คือความอ่อนโยน

   พี่เขาเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวาย ดังนั้นคนที่เขาคุยด้วยมากที่สุดก็คือ…ผม

   ตลอดเวลาสามเดือน…พี่เขาดีกับผมมาก…มากเสียจนผมรู้สึกผิด

   เวลาสามเดือนที่ผมจะต้องทำให้เขารักแล้วก็บอกเลิกเขา…ตามคำท้าของเพื่อนเพื่อเงินเพียงไม่กี่พัน

   “เราเลิกกันนะครับ”ผมบอกพี่คินเสียงเบา

   ‘ภาคิน’คือชื่อของพี่เขา

   เขาโกรธผมมาก…นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของพี่เขา

   ผมเดินหันหลังให้กับพี่คิดน…เดินออกมาโดยไม่ฟังเรียกเรียกที่สั่นเครือของพี่เขา

   พี่คินเสียใจ…ผมรู้ดี….เพราะผมเองก็เสียใจ





   กระดาษที่เรียกว่า ‘เงิน’ เพียงไม่กี่ใบในที่สุดผมก็ได้มันมา…แต่ผมไม่เคยรู้สึกยินดีกับมันเลย…ไม่เลยสักนิด

   ผมทำตัวห่างเหินพี่เขา แม้ว่าเขาจะยังคอยตามตื้อผมอยู่ก็ตาม ความห่างเหินทำให้นานวันเข้าผมค่อยๆลืมเลือนพี่เขาไปทีละนิด

   ในที่สุดผมมีผู้หญิงคนใหม่….และพี่เขาก็ทำในสิ่งที่ผมตกใจ…นั่นคือเขาแย่งผู้หญิงคนนั้นไปจากผม

   ทุกครั้งที่เราเดินสวนกัน…พี่เขามักจะจ้องมองผมด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง

   ผมทำผิด…ผมรู้

   “เฮ้ย รัมภ์ พี่เขามองมึงไม่วางตาเลยว่ะ มึงไปบอกเลิกเขาอีท่าไหนวะ”

   ‘รัมภ์’ หรือ ‘รัมภา’ นี่คือชื่อของผม

   “เออน่า เรื่องมันจบไปแล้ว”ผมตอบก้มหน้าก้มตากินอาหารกลางวันตรงหน้า ถึงแม้ว่าสายตาของพี่เขากำลังจ้องมองผมอยู่ก็ถาม

   ผมไม่ขอให้พี่เขายกโทษให้…เพราะผมไม่สมควรจะได้รับมัน…สิ่งที่ผมทำมันมากเกินไป

   “แต่กูคิดว่าพี่เขาไม่จบกับมึงนะ”

   ใช่พี่เขาไม่ยอมจบ…

   ตอนนี้ผมขึ้นปีสามแล้ว ส่วนพี่คินอยู่ปีสี่ เขายังคงมองตามผมด้วยสายตา

แบบนั้น คอยแย่งผู้หญิงที่ผมคบด้วยไป

   ผมรู้ว่าพี่เขากำลังแก้แค้นผม…แต่ไม่เป็นไร ผมทนได้ อีกแค่ปีเดียวพี่เขาก็จะเรียนจบ

   ผมต้องทนอีกแค่ปีเดียว…

   “ไอ้รัมภ์พี่คินเขาแย่งแฟนมึงอีกแล้วเหรอวะ”

   “อืม”

   “มึงไม่โกรธเขาเหรอวะ นี่มึงกับพี่เขาเลิกกันเป็นปีๆแล้วนะเว้ย”

   “เออ ช่างเขา”ผมบอกไปอย่างนั้นแล้วฟุบหน้าลงบนโต๊ะ

   ก็ดีแล้วที่เขาแย่งคนผู้หญิงพวกนั้นไปจากผม…อันที่จริงพวกเราก็แค่คุยกันผิวเผิน เพราะผมรู้ดีว่ายังไงพี่เขาก็ต้องแย่งไปอยู่ดี

   พี่คินเป็นคนเก่ง เรียนได้อันดับต้นๆของชั้นปี พี่เขาหน้าตาดี ประกอบกับฐานะทางบ้าน ไม่ยากเลยที่พี่เขาจะแย่งผู้หญิงของผมไป
ได้ตลอด

   เพราะคนอย่างผม มีดีก็แค่หน้าตาที่พ่อทิ้งเอาไว้ให้ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน เหมือนกับสีผม ผิวขาวสะอาดซึ่งเวลาเจอแดดแล้วจะขึ้น
เป็นกระอย่างง่ายดาย

   แม่บอกว่าพ่อเป็นชาวสเปน แต่ผมก็ยังไม่เคยเจอหน้าพ่อ…พูดง่ายคือผมกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงดูผมมาคนเดียวตลอดยี่สิบ
ปีที่พ่อทิ้งเราไป

   “กูกลับก่อนนะ มึงขึ้นรถเมล์กลับดีดีล่ะ”วินบอกก่อนจะขี่มอเตอร์ไซคู่ใจของมันออกไป

   ผมเดินลัดตึกคณะเพื่อไปยังห้องสมุดเพราะผมต้องไปคืนหนังสือ ผมเดินไปเรื่อยๆเพราะตอนเย็นแบบนี้นักศึกษาคนอื่นๆกลับไป
กันหมดแล้ว เหลือแค่ไม่กี่คน


   ผมเดินมองปลายเท้าตัวเองไปพลางคิดอะไรไปพลาง ตาก็ไปสะดุดเข้ากับรองเท้าหนังขัดมันราคาแพง

   ผมรู้ได้ทันทีว่ารองเท้าคู่นี้เป็นของใคร…ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตามองพี่เขา

   พี่คินยังคงมองมาที่ผมด้วยแววตาเช่นเดิม…โกรธเคือง

   เช่นเดิมที่ผมจะเป็นฝ่ายหลุบตาลง แล้วเบี่ยงตัวหนี…เพราะผมไม่มีอะไรจะ

คุยกับพี่เขา

   แต่พี่คินก็คว้ามือผมเอาไว้ไม่ให้เดินหนีเหมือนกับทุกครั้งที่ผมมักจะเป็นฝ่ายหนีจากพี่เขาไป

   “พี่จะถามรัมภ์อีกแค่ครั้งเดียว…รัมภ์จะยอมกลับมาหาพี่ไหม”

   เสียงนั้นก้องกังวานเหมือนเดิม ดวงตาของผมมันสั่นเล็กน้อยกับน้ำเสียงอันเว้าวอนนั้น

   แต่คำตอบที่ผมมีให้ก็เหมือนกับทุกที

   “ไม่ครับ”

   ผมตอบด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบแล้วดึงแขนตัวเองออกจากมือของพี่เขา…มือที่ผมเคยกุมมันเอาไว้ ก่อนที่ผมจะเดินออกมาจาก
ตรงนั้นโดยไม่หันไปมอง

   นั่นเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของผมกับพี่เขา เพราะเขาเรียนจบเร็วกว่า

กำหนดไปครึ่งปี

   ผมดีใจที่ไม่ต้องเจอหน้าเขาอีกแล้ว…ดีใจที่หลุดพ้นจากเรื่องราวที่ผมทำ

ผิดพลาดเอาไว้…ผมคิดเช่นนั้น

   แต่มันกลับเป็นอย่างที่ผมคิด…มันไม่ใช่เลยสักนิด

   นั่นมันเป็นแค่การเริ่มต้นต่างหาก

   มันสายไปแล้วที่ผมจะพูดคำว่า “ขอโทษ”…ออกไป



8888888888888888888888888888888888888888888888888888
[/color]
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 12-03-2016 21:19:03
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2016 21:39:33
รอว่าคินจะทำยังไงต่อ
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-03-2016 21:47:27
อีพี่คินมีแผนไรอีกเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 13-03-2016 01:01:44
ชอบอ่ะ ขอแบบซาดิสๆนะ
เราชอบ มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 13-03 -------- ลงโทษที่ทิ้งกัน (18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 13-03-2016 17:50:28

1.2 ลงโทษที่ทิ้งกัน

   ร่างกายเปลือยเปล่าถูกมัดตรึงเอาไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ ปิดกั้นอิสรภาพเอาไว้ทำให้ผมไม่มีทางดิ้นหลุดไปจากพันธนาการ
นี้ไปได้

   ผมฟุบหน้าลงกับฟูกนอน ข้อมือทั้งสองข้างถูกรวบขึ้นไปแล้วมัดติดเอาไว้กับหัวเตียง ข้อพับเข่าทั้งสองข้างก็เช่นกัน เชือก
เส้นยาวร้อยสอดเอาไว้แล้วตรึงให้มันชันขึ้น ให้ผมอ้าขาบั้นท้ายโก่งขึ้นอวดช่องทางให้กับดวงตาคมกริบที่จ้องมอง

   ผมไม่รู้ว่าพี่คินกำลังจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาแบบไหน ผ้าเช็ดหน้าสีทึบผืนยาวมัดรวบใบหน้าช่วงบนเอาไว้ทำให้ผม
มองไม่เห็นสายตาคู่นั้น

   ร่างกายร้อนผ่าวและเปลือยเปล่าเคลื่อนกายขึ้นมาบนเตียง ทาบทับร่างกายของผมจากทางด้านหลัง ผมสะดุ้ง ตัวสั่นเทา
ฝ่ามือร้อนสอดเข้ามาที่ช่วงท้อง ลูบไล้เรือนกายผมอย่างแผ่วเบาจนรู้สึกวูบโหวง

   “พะ พี่คิน ปล่อยผม ฮึก ไปสักที”น้ำตาที่ไหลลงมาจนเหือดแห้งไม่รู้กี่ครั้งปะปนกับหยาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากขมับ

   ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหูให้ขนคอผมลุกชัน ผวาเมื่อกายร้อนผ่าวแข็งขืนถูกไถไปที่ต้นขา ผมกำลังสั่นและกลัว ความ
มืดและความกลัวเท่านั้นที่ผมสัมผัสได้

   พี่คินหอบกระเส่าข้างหู ฟันคมกัดลงบนติ่งหูของผมแรงจนผมกัดฟันเพื่อปิดกั้นเสียงเอาไว้

   “ฮึก ผม ปล่อย ผม”ร้องขอจนเสียงแหบแห้งแต่ก็ไร้ผลเมื่อพี่เขาดูเหมือนจะไม่ฟังคำอ้อนวอนของผม


   เหมือนกับที่ผมไม่เคยฟังคำอ้อนวอนขอพี่เขา…

   ผมพยายามดิ้น แต่ยิ่งดิ้นเชือกที่รัดเอาไว้ก็ยิ่งรัดแน่นจนรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมา ฝ่ามือของพี่เขาลูบไล่ไปทั่วร่างกายจนผมสั่น
สะท้าน


   แก่นกายถูกหยอกล้ออย่างย่ามใจ ลิ้นชื้นตวัดเลียลงบนต้นคอไล่ไปที่ลาดหลังของผม สะโพกถูกจับให้ชันขึ้น บีบเคล้น
แก้มก้นแล้วแหวกมันแกจนผมสะดุ้งเฮือก ของเหลวเย็นวาบไหลลงมาผ่านร่องก้นลงไปสู่ช่องทาง

   “พี่คิน พะ พี่จะทำอะไร ฮึก ผม ผมกลัว”ผมบอกไปตามความจริงด้วยน้ำเสียงสั่นเทาแต่พี่เขาไม่ตอบ นิ้วแข็งขืนสอดดัน
เข้ามารวดเดียวสองนิ้วผ่านปากทางนุ่มให้ผมผวาซุกหน้าลงบนที่นอน

   ความมืดที่ทำให้ผมมองไม่เห็นสิ่งใด ทำให้ความกลัวของผมมันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


   “พี่คิน ผม เจ็บ”

   “พี่รู้รัมภ์เจ็บ พี่เองก็เจ็บเหมือนกัน”พี่คินโน้มตัวมากระซิบข้างหู แผ่นอกทาบลงมาชิดกับแผ่นหลังที่สั่นเทา

   “อะ เอาออก ผมเจ็บ”

   “พี่เสียใจมากนะ…รัมภ์รู้ไหม”เหมือนว่าพี่เขาจะไม่ฟังผมเลย นิ้วแข็งกลับสอดลึกเข้ามา เจ็บจนต้องกัดฟันลงบนริมฝีปาก
เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ น้ำตาไหลออกมาจนผ้าเช็ดหน้าเปียกชุ่ม

   “ผม เจ็บ ยะ หยุดที”

   “พี่อยากให้รัมภ์รู้ว่าพี่เจ็บมากแค่ไหน…ตอนนี้รัมภ์รู้แล้วใช่ไหม”เสียงทุ้มกระซิบถามข้างหู

   ผมพยักหน้ารัวให้กับคำถามของพี่เขา…ผมรู้ ผมรู้มาตลอดว่าพี่เจ็บ…รู้แต่ไม่เคยสนใจ...ผมผิดเอง

   “ฮึก เอาออก เอาออกให้ผมที”ผมร่ำร้อง แต่ดูเหมือนว่าพี่เขาจะจงใจแกล้งขยับนิ้วสองนิ้วนั้นเข้าออกไม่หยุด

   “รัมภ์น่ารัก…รัมภ์รู้ตัวไหม ไม่แปลกใจว่าทำไมพี่ถึงได้รักรัมภ์”

   “อะ อึก”แทนที่จะถอนนิ้วออก แต่นิ้วที่ใส่เข้ามากลับเพิ่มขึ้นมากขึ้น ทำให้รู้สึกว่าช่องทางข้างหลังมันกำลังจะฉีกขาดเต็ม

ทน

   “แต่รัมภ์ทำแบบนี้กับพี่…มันไม่น่ารักเลยรู้ไหม”ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงกลับแข็งกร้าว นิ้วทั้งสามกดเข้ามาจนลึกรวดเดียว
ผมเจ็บจนสะอื้นจิกเล็บลงบนผ้าปูอย่างแรง ร่างกายมันกระตุกและสั่นจนควบคุมไม่ไหว

   “ฮึก พี่คิน รัมภ์กลัว ปล่อยรัมภ์ไปเถอะ อะ อือ”

   “ให้พี่ปล่อยรัมภ์ไปอย่างนั้นเหรอ เหมือนกับตอนที่รัมภ์บอกเลิกพี่ใช่ไหม”

   ผมพยักหน้าให้กับคำถาม นิ้วที่ขยับเข้ามาข้างในตัวค่อยๆถอนออกไป

   “ปล่อย รัมภ์ไปเถอะนะ รัมภ์อยากกลับบ้าน ฮึก”

   “พี่เคยรักรัมภ์มาก…แต่รัมภ์ใจร้ายกับพี่…รัมภ์คิดว่าพี่ควรจะทำยังไงกับรัมภ์ดี”

   “ปะ ปล่อยผมไปเถอะนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ ฮึก ผม อือ”น้ำเสียงมันสั่นจนควบคุมไม่ได้ แก่นกายด้านหน้าถูกอุ้งมือใหญ่หยอก
ล้อจนมันตื่นตัวตอบรับกับสิ่งเร้า

   “พี่ควรจะทำยังไงกับรัมภ์ดี…ไหนรัมภ์ลองตอบคำถามพี่สิ”

   “ผม ฮะ ฮึก ผม ไม่ไหว พี่ปล่อย ผะ ผมที”ร่างกายด้านหน้าถูกกระตุ้นและเร่งเร้าจนแทบทนไม่ไหว ลมหายใจของพี่คินยัง
คงเป่ารดต้นคอและกระซิบข้างหู

   “เด็กไม่ดีอย่างรัมภ์…ต้องถูกลงโทษ”

   สิ้นเสียงช่องทางด้านหลังเหมือนกับถูกฉีกจนขาดให้ได้ ร่างกายใหญ่โตโถมลงมาทาบทับ สอดประสานแก่นกายร้อน
ราวกับแท่งเหล็กเข้ามาในร่างกายของผมจนสุด

   “เจ็บ พี่คิน ผมเจ็บ”ผมร้องขอเมื่อกายนั้นกระแทกลงมาไม่ออมแรง ผมผวาไปตามแรงกระทั้นกายที่ส่งผ่านเข้ามา กายข้าง
ในมันเจ็บและปวดร้าวราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกกระชากให้ขาดออกจากกัน

   พี่เขารุนแรง และไม่ฟังคำร้องขอ…ผมเจ็บ แต่พี่เขาไม่หยุด…ท่อนเนื้อร้อนดันเข้ามาจนสุดให้ผมเกร็งตัว จิกนิ้วลงกับ
ผ้าปูที่นอนจนยับย่น

   น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่ไหลกลับลงมาอีกครั้ง ไหลลงมาอาบแก้ม พี่คินกระแทกกายเข้ามา ผมได้แต่กัดฟันลงกับ
ผ้าปูที่นอน ข้อพับเข่าถูกเชือกรัดให้ขาอ้าออกกว้างจนเจ็บ บั้นเอวถูกมือใหญ่ตะปบราวกับเสื้อตะปบเหยื่อ ถูกบีบเคล้นจนมันช้ำ

   พี่เขาคำรามอย่างพอใจ…แต่ผมกำลังร้องไห้

   พี่เขาไม่สนใจที่ผมเจ็บ…เหมือนกับผมไม่เคยสนใจที่พี่เขาเจ็บ

   ความมืดมิดมันกำลังกลืนความคิดของผมให้จมดิ่งลงไป  พี่คินยังคงไม่หยุด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กายใหญ่นั้นกระแทกเข้ามา
ตักตวงเอาความพึงพอใจไปทิ้งเอาไว้แต่คราบคาวไหลรินเอ่อล้นออกมาเมื่อร่างกายของผมมันรับไม่ไหวอีกต่อไป

   นี่ใช่ไหม…บทลงโทษที่ผมสมควรจะได้รับ



8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8

   
ฮืมมมมม พระเอกโรคจิต เคนะ ไม่ว่ากันนะ

หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 13-03-59 ------- ลงโทษที่ทิ้งกัน 18+
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 13-03-2016 19:14:14
เราชอบนะพระเอกโรคจิตแบบนี้ :hao7:มาต่อเร็วๆนะขอแบบยาวๆด้วยล่ะกัน :hao3:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนการ
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 14-03-2016 03:20:51
รวมมมมมมมมม  :mew1:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนการ
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 14-03-2016 04:14:39
ปูเสื่อรอกันเลยทีเดียวเชียว
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนการ
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 14-03-2016 08:05:04
รอตอนต่อไปค่ะ
ชอบพระเอกจังโรคจิตดี-.,-
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนการ
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 14-03-2016 08:24:07
รอตอนต่อไปจร้า
มาต่อเร็วๆนะ ขอยาวๆหน่อย
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 14-03-2016 14:59:40
บทที่ 2 แผนการ


   “รัมภ์ได้ข่าวว่ามึงมีที่จองตัวมึงไปฝึกงานที่หว่า จึงเหรอวะ”วันเดินเข้ามาถามยกแขนขึ้นกอดคอผมอย่างสนิทสนม

   “เออ ประมานนั้นแหละ แล้วมึงอะ”ผมตอบ



   ตอนนี้พวกเราขึ้นปีสี่กันแล้ว ต่างคนต่างก็ต้องหาที่ฝึกงาน

   “กูฝึกงานที่บริษัทเพื่อนพ่อว่ะ อยู่ไม่ไกลจากบ้านด้วย กูล่ะเซ็ง”

   “ไม่ดีรึไง จะได้กลับบ้านเจอหน้าพ่อแม่มึงบ้าง”

   “แล้วมึงอะ ฝึกที่จังหวัดไหนวะ หรือว่ากรุงเทพ”

   “ไม่อะ ชุมพร กูยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะไปรึเปล่า กูว่ามันไกลเกินไปว่ะ กูอยากกลับบ้านไปหาแม่กูบ้าง”ผมตอบวินไป

   มันดีที่ผมไม่ต้องไปหาที่ฝึกงานเอง ทว่าที่ที่เสนองานมามันไกลเกินไป ยากมากที่จะเดินทางกลับมาหาแม่ได้ง่ายๆ

   แม่เปิดร้านขายอาหารตามสั่งใกล้โรงเรียนในตัวเมืองจังหวัดนนท์บุรี แม่เป็นผู้หญิงคนเดียวอยู่ตามลำพัง มันทำให้ผม
ตัดสินใจยากที่จะต้องเลือกระหว่างการฝึกงานในที่ที่เงินเดือนสูงมากแต่ต้องเดินทางไกลๆกับเงินเดือนเพียงไม่กี่พันกับการหาที่

ฝึกงานเอาแถวนี้

   “ชุมพรติดกับประจวบเลยมึง ถ้ามึงฝึกงานที่นั่นว่างๆกูพามึงเที่ยวได้พอดีเลยมึง”

   “เออกูรู้ แต่กูเป็นห่วงแม่”

   “แม่มึงก็มีลุงข้างบ้านคอยดูให้อยู่ไม่ใช่รึไง”วินพูดถึงลุงสินที่อยู่ข้างบ้าน ลุงสินชอบแม่มานานมาก แต่ไม่ได้แสดงออกท่าทีอะไรมากมายนอกจากคอยดูแลอยู่ห่างๆมาตลอด

   “กูรู้ แต่เขาไม่ใช่คนในครอบครัว”

   “ก็เขาชอบแม่มึง”

   “อันนั้นมันไม่เกี่ยวกัน มึงก็รู้”ผมถอนหายใจ อีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้วที่ผมต้องเลือก





   “แม่ เก็บของเสร็จแล้วเหรอรัมภ์ว่าจะมาช่วย”ผมถามเมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านเห็นแม่กำลังปิดประตูร้าน

   ร้านหรือว่าบ้านของเราเป็นตึกแถวสองชั้น เรื่องอายุของมันไม่ต้องพูดถึง แม่บอกว่าอายุของมันมากกว่าอายุของแม่ซะอีก

   “ไม่เป็นไร วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าแม่เลยเก็บเร็ว ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงกลับมาล่ะ ปกติมาพรุ่งนี้เช้านี่”

   “พอดีรัมภ์มีเรื่องอยากปรึกษาแม่”

   “เรื่องอะไรล่ะ ถึงทำให้รัมภ์ลูกแม่กลุ้มใจถึงขนาดกลับมาหาแม่เร็วกว่ากว่าทุกทีอย่างนี้ หืม”แม่ถามพลางยิ้มดึงผมเข้าไป
กอด

   “เรื่องฝึกงานน่ะแม่”

   “ทำไมเหรอ หรือว่ายังหาไม่ได้”

   “ไม่หรอก อาจารย์ที่ปรึกษาเขาบอกว่ามีคนเสนอให้รัมภ์ไปฝึกงานที่บริษัทเขา”

   “ก็ดีแล้วนี่ แล้วรัมภ์กลุ้มใจอะไรล่ะ”แม่ยิ้มยกมือขึ้นลูบหน้าผมอย่างเบามือ

   แม่มักทำอย่างนี้เสมอ แม่ชอบมองตาผมเพราะตาของผมเหมือนกับพ่อ…พ่อที่ทิ้งเราไป

   “มันก็ดี แต่ที่ที่เขาเสนอให้รัมภ์ไปฝึกงานมันอยู่ที่ชุมพรเลยนะแม่”

   “ชุมพรเลยเหรอ แต่แม่ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ดีซะอีก จะได้ไปเที่ยวด้วย”

   “แต่รัมภ์เป็นห่วงแม่”

   “ไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ แม่เคารพการตัดสินใจของรัมภ์ ถ้ารัมภ์อยากไปแม่ก็จะไม่ว่า”

   “รัมภ์ไม่อยากให้แม่อยู่คนเดียวนานๆ รัมภ์คิดถึง”

   “ก็โทรมาหาแม่สิ เหมือนกับทุกที”

   “งั้นเอาไว้รัมภ์คิดดูอีกที รัมภ์ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวจะลงมากินข้าง คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ยุพินใจจะขาด”ผมก้มลงหอมแก้ม
แม่ฟอดใหญ่

   เพราะเรามีกันอยู่แค่นี้…มีกันอยู่แค่สองคนจึงทำให้เรารักกันมาก

   “จ๊ะรัมภา วันนี้แม่ทำแตงกวาผัดไข่รีบลงมากินล่ะ ไม่งั้นแม่กินหมดนะ”รัมภาชื่อที่แปลว่านางฟ้า เพราะตอนที่ผมเกิดแม่ฝัน
เห็นนางฟ้า

   ผมหัวเราะร่วนกับคำขู่ของแม่แล้ววิ่งขึ้นมายังชั้นบน



   พออาบน้ำเสร็จเมื่อเดินลงมาผมแอบเห็นแม่กำลังนั่งกุมขมับให้กับสมุดบันทึกรายรับรายจ่ายของบ้าน พอเห็นว่าผมลงมา
แม่ก็ปิดสมุดนั้นลงทันทีราวกับกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ไม่อยากให้ผมรู้

   “แม่ซ่อนอะไรรัมภ์รึเปล่า”ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด แม่กำลังฝืนยิ้ม

   “ปะ เปล่า แม่ไม่ได้ซ่อนอะไรเราสักหน่อย ไปไปกินข้าว เดี๋ยวกับข้าวเย็นหมดพอดี”

   “เอาสมุดมาให้รัมภ์ดูหน่อย”

   “จะดูทำไม มันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ไปไปกินข้าว”

   “แม่ เอามาให้รัมภ์ดู”

   “ลูกคนนี้ ไปกินข้าวไป ดื้อไม่เข้าเรื่อง”แม่ดันผมให้ออกจากตรงนั้นแล้วเก็บสมุดรายรับรายจ่ายลงในลิ้นชัก แต่นั่นมันก็ไม่
ทำให้ผมวางใจ

   เรากินข้าวด้วยกันเหมือนทุกครั้ง หลังจากกินข้างเสร็จก็จะมานั่งดูละครตอนเย็นเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ผมกลับอาศัยจังหวะที่
แม่เผลอ

   ผมปล่อยปะละเลยความสงสัยที่มีอยู่ไปไม่ได้เลย ผมแอบมาเปิดลิ้นชักแล้วหยิบสมุดเล่มหนาออกมาเปิด

   รายรับรายจ่ายของแม่ช่วงหลายเดือนให้หลังดูน้อยลงไปถนัดตาจนเกือบจะติดลบ นี่คือสาเหตุที่ทำให้แม่นั่งกุมขมับ

   “รัมภ์”เสียงแม่เรียกทำให้ผมหันไปมอง แม่ดูมีสีหน้าตกใจ

   “ทำไมแม่ไม่บอกรัมภ์เลย รัมภ์จะได้ทำงานพาร์ทไทม์”

   “แต่แม่อยากให้รัมภ์ตั้งใจเรียน อีกอย่างรัมภ์ก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว อีกไม่ถึงปีเอง”

   “แต่แม่แทบไม่เหลือเงินเก็บ”

   “แม่ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรมากมายสักหน่อย ดึกแล้ว ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ได้ไปตลาดแต่เช้า”แม่ยังคงทำเหมือนว่านั่น
ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราแต่เป็นปัญหาของแม่คนเดียว

   มันทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่าผมควรทำยังไง





8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-



   “ผมเป็นเด็กฝึกงานที่นัดเอาไว้น่ะครับ ผมจะมารายงานตัว”ผมติดต่อที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

   “ขึ้นชั้นบนห้องซ้ายมือนะคะ รอสักครู่เดี๋ยวอิงติดต่อคุณฟ้าให้”

   “ขอบคุณครับ”ผมตอบรับแล้วส่งยิ้มให้เธอ

   ในที่สุดผมก็ตกลงเข้าฝึกงานบริษัทที่ติดต่อผมผ่านทางอาจารย์ที่ปรึกษา ที่นี่เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับรังนก งานที่ผม
จะต้องทำก็คงจะเกี่ยวกับพวกเอกสารต่างๆตามสายที่ผมเรียนมาไม่น่าจะมีอะไรผิดไปจากที่ผมคิดสักเท่าไร

   สำนักงานของที่นี่เป็นตึกสูงสองชั้นแบ่งแยกสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน ชั้นล่างไว้สำหรับพนักงานแผนกต่างๆที่ทำงานอยู่ด้าน
นอกและแขกมาติดต่องาน ส่วนชั้นบนก็หนีไม่พ้นห้องรับแขกและแผนกที่เกี่ยวกับเอกสารซึ่งมีเพียงไม่กี่คน

   “มาแล้วเหรอคะคุณรัมภา กำลังรออยู่พอดีเลย”

   “เรียกรัมภ์เฉยๆก็ได้ครับ”

   “ได้ค่ะ นี่สัญญาจ้างค่ะ ไม่เข้าใจตรงไหนถามฟ้าได้นะคะ”คุณฟ้าเป็นผู้หญิงผิวเข้มตามสไตล์ของคนใต้ตาหวานหน้าคม ดู
จากรูปการคงจะเป็นเลขาหรือฝ่ายบุคคลของที่นี่แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเธอนั่งจ้องผมไม่ยอมไปไหน
มากกว่า”

   “เอ่อ คือ เดี๋ยวถ้าเสร็จแล้วผมเอาไปให้ก็ได้ครับ”ผมบอก เพราะถ้ามีคนมาจ้องอย่างนี้คงไม่มีสมาธิอ่านสัญญา

   “ไม่เป็นไรค่ะพอดีฟ้ารีบด้วยต้องทำจ่ายเงินเดือนพนักงาน เอาไปเลยทีเดียวง่ายกว่าค่ะ”ถ้าบอกขนาดนี้ผมคงต้องเกรงใจ
แล้วรีบเซ็นๆซะให้จบจะได้ไม่รบกวนเวลาคุณฟ้ามาก


   “งั้นผมเซ็นเลยดีกว่าครับ สัญญาคงไม่น่าจะมีอะไรที่เป็นปัญหา”

   “ค่ะ ไม่คิดว่ามี”คุณฟ้ายิ้ม

   สุดท้ายผมก็เซ็นสัญญาโดยไม่ได้อ่านจนได้

   “เสร็จแล้วให้ผมเอาของไปเก็บไว้ที่ไหนครับ”ผมพูดถึงกระเป๋าเสื้อผ้าของใช้ต่างๆสองกระเป๋าใหญ่

   “อ๋อไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวจะมีคนมายกไปให้เองคุณรัมภ์ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวนั่งรอก่อนฟ้าจะเอาขนมกับน้ำมาให้”


   “มะ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเก็บของเลยก็ได้”มันจะดูแลกันดีเกินไปหน่อยรึเปล่า ผมเองก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน

   “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถือว่าเป็นรางวัลที่คุณรัมภ์ช่วยประหยัดเวลาฟ้า”

   และแล้วคุกกี้กับน้ำส้มก็มาวางอยู่ตรงหน้าของผมจนได้ อันที่จริงก็หิวอยู่พอดี อยู่ต่ออีกหน่อยคงไม่เป็นไร จะได้มองดู
ทำเลที่ทำงานไปในตัวด้วย

   ใช้เวลาไปไม่นาน รู้ตัวอีกทีก็ดื่มน้ำส้มไปจนหมดแก้ว เป็นเพราะความเย็นจากเครื่องปรับอากาศรึเปล่าก็ไม่แน่ใจที่ทำให้
ผมรู้สึกง่วงขึ้นมา

   เปลือกตามันหนักอึ้งจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ถึงแม้ว่าจะกระพริบตาถี่ๆเพื่อที่จะไล่ความง่วงแต่ก็ไม่สำเร็จ จนสุดท้ายเปลือกตา
ของผมมันก็ปิดลงสนิท นำพาผมจมดิ่งสู่ห้วงนิทราจนร่างของผมล้มฟุบลงไปบนโซฟาอย่างง่ายดาย



8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-
รัมภ์เป็นอะไรไป จะเป็นอะไรรึเปล่า คึคึคึ
   

   

หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: paiongza1669 ที่ 14-03-2016 15:05:22
มีความโดนวางยานอนหลับ 555 จากพระเอกรึป่าวน้า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-03-2016 17:01:42
มาารอ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 14-03-2016 19:45:32
จะโดนทำไรน้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: jajomjun ที่ 14-03-2016 21:21:22
อะยึ้ยย!!  ชอบๆๆเอาอีกกๆ
+1 เป็ด :impress2:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: kyungploy ที่ 14-03-2016 22:03:08
ชอบอะไรแบบนี้จัง 5+
แต่พี่คินก็ดูรักรัมภ์มากเลยนะ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-03-2016 10:07:42
ตามจร้าาา
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-03-2016 22:50:42
แผนลักพาตัวสินะ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 16-03-2016 00:03:35
โดนวางยาละ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 16-03-2016 06:45:40
สงสารพระเอก มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 14-03-59 บทที่ 2 แผนร้าย(ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 19-03-2016 01:07:52
 :mew1:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 19-03-2016 03:19:00
บทที่ 3 หนี

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีด้วยอาการปวดหัวรุมเร้าจนต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ ทว่าแขนขากลับรู้สึกไม่เป็นอิสระเท่าที่ควร ถูกตึงเอา
ไว้ด้วยเชือกให้อยู่ในท่าที่น่าอาย ตาถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าสีทึบทำให้มองอะไรไม่เห็น ใบหน้าด้านข้างฟุบลงกับฟูกนอนคู้กาย
เข้าหากันทั้งที่ข้อมือถูกดึงรวบขึ้นไปแล้วมัดตรึงเอาไว้

   “ตื่นแล้วเหรอ หลับไปนานเลยนะ”น้ำเสียงทุ้มลึกกระซิบไม่ไกวจากหูเรียกให้ผมสะดุ้งเล็กๆ เหมือนกับมีนิ้วร้อนๆกรีดลงา
บนแผ่นหลังไล่ไปตามแนวไข่สันหลังจนขนลุกซู่ ทำให้รับรู้ได้ว่าร่างกายของผมมันกำลังเปลือยเปล่า

   เสียงนี้ผมจำได้ดี…เสียงของพี่คิน…เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาเป็นปีแล้ว

   “พะ พี่คิน”ผมพึมพำ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

   “ไงครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”พี่คินกระซิบ ลิ้นร้อนชื้นตวัดลงบนติ่งหูของผมอย่างลามก

   ผมไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น
   “พี่ ช่วยแก้มัดผมที”

   “ถ้าพี่แก้มันรัมภ์จะหนีพี่ไป”

   “หมายความว่าไงครับ…พี่…จะทำอะไรกันแน่”ผมถามออกไปในเวลานั้นด้วยความกลัวที่กำลังเริ่มจะกัดกินหัวใจ

   “กำลังทำโทษเด็กไม่ดีครับ”

   พี่คินสอดกายลุกล้ำเข้ามาในตัวของผมครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ร่างกายของผมถูกพันธนาการและปิดกั้นเอาไว้ให้มองไม่เห็น
ในสิ่งที่เขากระทำ

   บทลงโทษที่ผมสมควรจะได้รับ…ลงโทษให้กับความรู้สึกของคนดีดีอย่างเขาที่เสียไป

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีร่างกายมันเหมือนกับแก้วที่ร้าวจวนเจียนจะแตกอยู่เต็มกลืน ร่างกายพันธนาการถูกปลดออกหลงเหลือ
เพียงแต่ร่องรอยเอาไว้ที่ข้อมือและข้อพับเข่าตอกย้ำให้ผมจำจดสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผมจะมองไม่เห็นมันก็ตาม…ผมไม่กล้า
แม้แต่จะจินตนาการเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม

   ของเหลวเหนียวหนืดที่ผมรู้ดีว่ามันคืออะไรไหลย้อนลงมาที่โคนขายามที่ผมลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา

   ประตูที่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ว่าพยายามจะบิดลูกบิดสักแค่ไหนมันก็ไม่ยอมเปิดออก เพราะมันล็อกอัตโนมัติจากด้านใน ทางเดียว
ที่จะเปิดออกจากด้านนี้ได้จะต้องมีรหัสซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

   ผมทิ้งกายลงบนพื้นไม้ผิวมันด้วยขาที่สั่นเทา ร่างกายถูกชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน สวมใส่ชุดนอนให้อย่างดิบดี หากแต่สิ่ง
ที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจมันยังทำให้ผมรู้สึกว่าร่างกายผมยังคงสกปรก

   “ปะ เปิดประตู”ผมร้องบอกเสียงแห้งผากความหิวเริ่มเข้ามาครอบงำจนท้องร้องออกมา

   กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยที่อยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างเรียกให้ผมหันไปมองแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ถึงแม้ว่าจะไม่วางใจที่จะกินมัน แต่
ก็คงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ผมต้องกินมันเพื่อให้ผมมีแรงที่จะรับมือเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกสักเท่าไร…ผม
ไม่รู้ว่าพี่คินคิดอะไร และจะทำอะไรกับผมอีก

   “ลมอ่อนๆพัดเอากลิ่นเค็มเข้ามาผ่านบานหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งเอื่อยๆทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าบ้าน
หลังนี้อยู่ไม่ไกลจากชายหาด

   โชคดีที่อาหารที่กินไปไม่มีอะไรผิดปรกติ ผมถอนหายใจเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนผืนเตียง ช่องทางด้านหลังยังคงเจ็บแสบ
สิ่งที่อยู่ข้างในยังคงคั่งค้าง เพราะผมไม่รู้ว่าจะเอามันออกมายังไง…สิ่งที่พี่เขาทิ้งเอาไว้ในร่างกายของผม

   พอทอดมองไปที่นอกหน้าต่าง แสงจันทร์เหลืองนวลส่องกระทบผืนทะเลที่ไม่เคยนิ่งสงบประจักษ์สู่สายตา ทำให้ผมคิด
อะไรออก แล้วลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง ชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างก้มลงไปมอง เป็นอย่างที่คิด พื้นเบื้องล่างเป็นฝืนทราย หาก
ตกลงไปคงไม่เจ็บมาก

   เคยเห็นแต่ในหนังที่เวลาหนีออกจากหน้าต่างจะใช้ผ้าปูที่นอนโรยตัวลงไป ได้ทำเอาจริงๆก็วันนี้

   ผ้าปูที่นอนถูกปลดออก ผมฉีกมันออกเป็นสองส่วนแล้วมัดมันเข้าหากันจนแน่นดีแล้วผูกกับขาเตียง

   ผมถอนหายใจอีกครั้ง ถึงแม้ว่าไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่โทรศัพท์หรือว่าเงิน แต่ผมก็เลือกที่จะไป

   ผมค่อยๆหย่อนตัวลงมาผ่านบานหน้าต่างชั้นสอง แต่แล้วความมืดก็ทำให้ผมกะระยะผิดเพราะเหลืออีกตั้งช่วงตัวกว่าจะถึง
พื้น ตัดสินใจกระโดดลงไปด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า

   เขาเดินเลาะมายังด้านหลังของตัวบ้านเป็นระเบียงยื่นออกมาติดกับชายหาด ได้ยินเสียงคนคุยกันจึงย่อตัวหลบแล้วถอย
อ้อมไปอีกทาง

   โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน ผมลัดเลาะผ่านสวนของบ้าน ผ่านหลังตึกสองชั้นที่มีลักษณะเหมือนอพาร์ทเม้นท์ น่าจะเป็น
ที่พักของคนงาน เดินออกมาอีกกว่าสิบนาทีจนเจอกับถนนแคบๆสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม่ไม่มีบ้านของใครอยู่เลย

   มีเพียงแสงจันทร์ที่เป็นตัวช่วยทำให้เดินผ่านความมืดโดยไม่ผิดพลาดง่ายๆ ผมเดินย่ำเท้าเปลือยลงบนถนนลาดยางแคบๆ
กอดอกคู้กายเข้าหาตัวเองเมื่อรู้สึกถึงอากาศที่เย็นเฉียบ ความสว่างจากแสงของดวงจันทร์มันคงไม่พอ ความรู้สึกเจ็บแปลบที่
ปลายเท้าทำให้ผมสะดุ้ง สัมผัสได้ถึงของเหลวเย็นฉ่ำกับกลิ่นคาวของเลือดขึ้นมาจนขนลุก

   แต่ถึงยังไงผมก็ต้องเดินต่อไป หวังว่าจะมีรถผ่านมาสักคัน

   เหมือนว่าคำขอของผมจะสมหวัง รถกระบะคันเก่าขับผ่านมาเรียกให้ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเดินเท้า
เปล่าทั้งที่เท้ายังเจ็บไปจนถึงสถานีตำรวจ

   “ทำไมมาเดินเท้าเปล่าเอาแถวนี้ล่ะหนุ่ม”คนที่นั่งข้างคนขับลดกระจกลงมาถามเป็นภาษาใต้

   “คือ ผม จะไปสถานีตำรวจ”อย่างน้อยที่นั่นก็น่าจะช่วยเหลือส่งผมกลับบ้านได้

   “ไปสิ มืดค่ำป่านนี้เดินคนเดียวอันตราย เดี๋ยวไปส่งให้”คนขับตอบแล้วยิ้มให้ผิดกับหน้าตาที่ดูหน้ากลัว

   ผมถูกจัดที่นั่งให้นั่งทางข้างหลังของคนขับ จนรถขับออกไป

   “เอ่อ แน่ใจนะครับว่าไปทางนี้”ผมถามจ้องมองสองข้างทางเพราะมันเป็นทางที่ผมเดินผ่านมา

   “อืม ทางนี้แหละหนุ่ม ถูกทางแล้ว”

   “อ่า ครับ”ผมพยักหน้า จะเถียงผู้รู้ก็ไม่ได้ ก้มมองปลายเท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่บางส่วนแห้งเกรอะกรัง

   คิดซะว่าเป็นบทสงโทษที่ผมทำกับพี่เขาเอาไว้…เหยียบย่ำความรู้สึกดีดีที่พี่เขามีต่อผมตลอดเวลาที่ผ่านมา




มีต่อ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 19-03-2016 04:14:37
นึกว่าต่อวันนี้
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 19-03-2016 07:39:08
 :mew1:  มาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 19-03-2016 09:03:27
โดนส่งตัวกลับมาแหง
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 19-03-2016 12:10:08
ชอบมาก ให้คินลงโทษรัมให้หนักๆเลยนะ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-03-2016 14:50:46
มาซะค้าง
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 19-03-2016 15:46:57
บทที่ 3 หนี

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีด้วยอาการปวดหัวรุมเร้าจนต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ ทว่าแขนขากลับรู้สึกไม่เป็นอิสระเท่าที่ควร ถูกตึงเอา
ไว้ด้วยเชือกให้อยู่ในท่าที่น่าอาย ตาถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าสีทึบทำให้มองอะไรไม่เห็น ใบหน้าด้านข้างฟุบลงกับฟูกนอนคู้กาย
เข้าหากันทั้งที่ข้อมือถูกดึงรวบขึ้นไปแล้วมัดตรึงเอาไว้

   “ตื่นแล้วเหรอ หลับไปนานเลยนะ”น้ำเสียงทุ้มลึกกระซิบไม่ไกลจากหูเรียกให้ผมสะดุ้งเล็กๆ เหมือนกับมีนิ้วร้อนๆกรีดลงมา
บนแผ่นหลังไล่ไปตามแนวไขสันหลังจนขนลุกซู่ ทำให้รับรู้ได้ว่าร่างกายของผมมันกำลังเปลือยเปล่า

   เสียงนี้ผมจำได้ดี…เสียงของพี่คิน…เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาเป็นปี

   “พะ พี่คิน”ผมพึมพำ แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

   “ไงครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”พี่คินกระซิบ ลิ้นร้อนชื้นตวัดลงบนติ่งหูของผมอย่างลามก

   ผมไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าผมอยู่ที่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้น

   “พี่ ช่วยแก้มัดผมที”

   “ถ้าพี่แก้มันรัมภ์จะหนีพี่ไป”

   “หมายความว่าไงครับ…พี่…จะทำอะไรกันแน่”ผมถามออกไปในเวลานั้นด้วยความกลัวที่กำลังเริ่มจะกัดกินหัวใจ

   “ทำโทษเด็กไม่ดีครับ”

   พี่คินสอดกายลุกล้ำเข้ามาในตัวของผมครั้งแล้วครั้งเล่าโดยที่ร่างกายของผมถูกพันธนาการและปิดกั้นเอาไว้ให้มองไม่เห็น
ในสิ่งที่เขากระทำ

   บทลงโทษที่ผมสมควรจะได้รับ…ลงโทษให้กับความรู้สึกของคนดีดีอย่างเขาที่เสียไป

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีร่างกายมันเหมือนกับแก้วที่ร้าวจวนเจียนจะแตกอยู่เต็มกลืน ร่างกายพันธนาการถูกปลดออกหลงเหลือ
เพียงแต่ร่องรอยเอาไว้ที่ข้อมือและข้อพับเข่าตอกย้ำให้ผมจำจดสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผมจะมองไม่เห็นมันก็ตาม…ผมไม่กล้า
แม้แต่จะจินตนาการเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม

   ของเหลวเหนียวหนืดที่ผมรู้ดีว่ามันคืออะไรไหลย้อนลงมาที่โคนขายามที่ผมลุกขึ้นยืนด้วยขาที่สั่นเทา

   ประตูที่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ว่าพยายามจะบิดลูกบิดสักแค่ไหนมันก็ไม่ยอมเปิดออก เพราะมันล็อกอัตโนมัติจากด้านใน ทางเดียว
ที่จะเปิดออกจากด้านนี้ได้จะต้องมีรหัสซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

   ผมทิ้งกายลงบนพื้นไม้ผิวมันด้วยขาที่สั่นเทา ร่างกายถูกชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน สวมใส่ชุดนอนให้อย่างดิบดี หากแต่สิ่ง
ที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจมันยังทำให้ผมรู้สึกว่าร่างกายผมยังคงสกปรก

   “ปะ เปิดประตู”ผมร้องบอกเสียงแห้งผากความหิวเริ่มเข้ามาครอบงำจนท้องร้องออกมา

   กลิ่นข้าวต้มหอมฉุยที่อยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างเรียกให้ผมหันไปมองแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ถึงแม้ว่าจะไม่วางใจที่จะกินมัน แต่
ก็คงไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้แล้ว ผมต้องกินมันเพื่อให้ผมมีแรงที่จะรับมือเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกสักเท่าไร…ผม

ไม่รู้ว่าพี่คินคิดอะไร และจะทำอะไรกับผมอีก

   “ลมอ่อนๆพัดเอากลิ่นเค็มเข้ามาผ่านบานหน้าต่างที่เปิดเอาไว้ เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งเอื่อยๆทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าบ้าน
หลังนี้อยู่ไม่ไกลจากชายหาด

   โชคดีที่อาหารที่กินไปไม่มีอะไรผิดปรกติ ผมถอนหายใจเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนผืนเตียง ช่องทางด้านหลังยังคงเจ็บแสบ
สิ่งที่อยู่ข้างในยังคงคั่งค้าง เพราะผมไม่รู้ว่าจะเอามันออกมายังไง…สิ่งที่พี่เขาทิ้งเอาไว้ในร่างกายของผม

   พอทอดมองไปที่นอกหน้าต่าง แสงจันทร์เหลืองนวลส่องกระทบผืนทะเลที่ไม่เคยนิ่งสงบประจักษ์สู่สายตา ทำให้ผมคิด
อะไรออก แล้วลุกขึ้นจากเตียงอีกครั้ง ชะโงกหน้าออกจากหน้าต่างก้มลงไปมอง เป็นอย่างที่คิด พื้นเบื้องล่างเป็นฝืนทราย หาก
ตกลงไปคงไม่เจ็บมาก

   เคยเห็นแต่ในหนังที่เวลาหนีออกจากหน้าต่างจะใช้ผ้าปูที่นอนโรยตัวลงไป ได้ทำเอาจริงๆก็วันนี้

   ผ้าปูที่นอนถูกปลดออก ผมฉีกมันออกเป็นสองส่วนแล้วมัดมันเข้าหากันจนแน่นดีแล้วผูกกับขาเตียง

   ผมถอนหายใจอีกครั้ง ถึงแม้ว่าไม่มีอะไรติดตัวแม้แต่โทรศัพท์หรือว่าเงิน แต่ผมก็เลือกที่จะไป
   ผมค่อยๆหย่อนตัวลงมาผ่านบานหน้าต่างชั้นสอง แต่แล้วความมืดก็ทำให้กะระยะผิดเพราะเหลืออีกตั้งช่วงตัวกว่าจะถึงพื้น
จึงตัดสินใจกระโดดลงไปด้วยเท้าที่เปลือยเปล่า


   ผมเดินเลาะมายังด้านหลังของตัวบ้านเป็นระเบียงยื่นออกมาติดกับชายหาด ได้ยินเสียงคนคุยกันจึงย่อตัวหลบแล้วถอยอ้อมไปอีกทาง


   โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน ผมลัดเลาะผ่านสวนของบ้าน ผ่านหลังตึกสามชั้นที่มีลักษณะเหมือนอพาร์ทเม้นท์ น่าจะเป็นที่พักของคนงาน ผมอ้อมด้านหลังตึกออกมาอีกกว่าสิบนาทีจนเจอกับถนนแคบๆสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม่ไม่มีบ้านของใคร

อยู่เลย

   มีเพียงแสงจันทร์ที่เป็นตัวช่วยทำให้เดินผ่านความมืดโดยไม่ผิดพลาดง่ายๆ ผมเดินย่ำเท้าเปลือยลงบนถนนลาดยางแคบๆ
กอดอกคู้กายเข้าหาตัวเองเมื่อรู้สึกถึงอากาศที่เย็นเฉียบ ความสว่างจากแสงของดวงจันทร์มันคงไม่พอ ความรู้สึกเจ็บแปลบที่
ปลายเท้าทำให้ผมสะดุ้ง สัมผัสได้ถึงของเหลวเย็นฉ่ำกับกลิ่นคาวของเลือดขึ้นมาจนขนลุก

   แต่ถึงยังไงผมก็ต้องเดินต่อไป หวังว่าจะมีรถผ่านมาสักคัน

   เหมือนว่าคำขอของผมจะสมหวัง รถกระบะคันเก่าขับผ่านมาเรียกให้ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าทั้งที่เท้ายังเจ็บไปจนถึงสถานีตำรวจ
   “ทำไมมาเดินเท้าเปล่าเอาแถวนี้ล่ะหนุ่ม”คนที่นั่งข้างคนขับลดกระจกลงมาถามเป็นภาษาใต้

   “คือ ผม จะไปสถานีตำรวจ”อย่างน้อยที่นั่นก็น่าจะช่วยเหลือส่งผมกลับบ้านได้

   “ไปสิ มืดค่ำป่านนี้เดินคนเดียวอันตราย เดี๋ยวไปส่งให้”คนขับตอบแล้วยิ้มให้ผิดกับหน้าตาที่ดูหน้ากลัว

   ผมถูกจัดที่นั่งให้นั่งทางข้างหลังของคนขับ จนรถขับออกไป

   “เอ่อ แน่ใจนะครับว่าไปทางนี้”ผมถามจ้องมองสองข้างทางเพราะมันเป็นทางที่ผมเดินผ่านมา

   “อืม ทางนี้แหละหนุ่ม ถูกทางแล้ว”

   “อ่า ครับ”ผมพยักหน้า จะเถียงผู้รู้ก็ไม่ได้ ก้มมองปลายเท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดที่บางส่วนแห้งเกรอะกรัง

   คิดซะว่าเป็นบทสงโทษที่ผมทำกับพี่เขาเอาไว้…เหยียบย่ำความรู้สึกดีดีที่พี่เขามีต่อผมตลอดเวลาที่ผ่านมา



   รถขัยมาได้ไม่กี่นาทีผมร่างกายผมก็เกร็งตัวขึ้นมาเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในถนนแคบคุ้นตา ถึงแม้ว่ามันจะมืดแต่ผมก็จำได้ดีว่า
ทางนี้เป็นทางออกจากบ้านของพี่คิน

   “ไม่ใช่ที่นี่นะครับ จอดรถ จอด ไม่ใช่ที่นี่ จอดรถทีผมร้องห้ามทันทีเมื่อรถขับผ่านตึกสามชั้นที่พักของคนงานเข้ามาจอดที่

หน้าบ้านพักริมทะเล

   ผมตัวสั่นคู้กายอยู่หลังเบาะคนขับ มองดูคนงานกว่าสิบคนที่มารวมตัวแล้วเดินไปมาเหมือนกับว่ากำลังมองหาอะไร

   ผมสะดุ้งเมื่อประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกเบาะถูกปรับให้เอนไปด้านหน้า…ไม่มีที่ให้ผมหลบอีกต่อไป

   “ลงมาได้แล้ว”เสียงทุ้มดูแข็งกระด้างสั่งเรียกให้ผมรู้สึกกดดันจนแทบอยากจะอาเจียนแต่ก็ยังคงนิ่งเฉย เพราะผมไม่อยาก
ลงไป

   “บอกให้ลงมา”พี่เขาขึ้นเสียงก่อนที่ข้อมือของผมถูกฉุดกระชากให้ผมเดินตามลงมาจากรถ คนงานหลายคนต่างก็จ้องมอง
มาทาผมด้วยความสนใจ บางคนก็กระซิบกระซาบ

   “ปล่อยผม ผมอยากกลับบ้าน”ผมยื้อเอาไว้แต่พี่คินกลับไม่สนใจยังคงดึงให้ผมเดินตาม เลือดที่หยุดไหลเริ่มไหลออกมา
อีกครั้ง

   “พี่คิน…ผมเจ็บ หยุด ก่อน”ผมร้องบอกเมื่อเผลอมันเริ่มรู้สึกปวดระบมอีกทั้งเดินเท้าเปล่าเหยียบย้ำไปบนพื้นถนนตั้งไกล

   พี่คินหยุดชะงักดวงตาดุดันหันมาลดสายตาจ้องมองมาที่เท้าผม ทันทีที่เห็นเลือดแห้งเกรอะกรังดวงตาคู่นั้นดูโกรธขึ้นมา
อย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันตั้งตัวร่างของผมก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าผ่านสายตาของคนงานนับหลายสิบคู่

   “จะพาผมไปไหน ปล่อยผมลง”พี่คินไม่สนใจเสียงร้องขอของผม แต่กลับอุ้มผมเดินผ่านบันไดขึ้นมายังชั้นบนของตัวบ้าน

   เข้ามายังห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้…ห้องที่ผมเพิ่งจะออกไป ผ้าปูที่นอนสีขาวถูกเปลี่ยนใหม่เรียบร้อย

   “ภูผาไปตามหมอนทีมา”พี่คินวางผมให้นั่งลงที่ริมเตียงแล้วหันไปสั่งเด็กผู้ชายที่เดินตามขึ้นมาบนบ้านยืนรออยู่หน้าประตู

   “อะ คะ ครับนายหัว”เด็กผู้ชายคนนั้นตอบรับก่อนจะเดินออกไป

   “ผม…”ผมอ้ำอึ้งเบือนหน้าหนีเมื่อมือใหญ่จับฝ่าเท้าของผมให้ยกขึ้นมาก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเลือดออก

   ไม่นานผู้ชายที่คิดว่าน่าจะเป็นหมอก็เข้ามาพร้อมกับกล่องเครื่องมือแพทย์ พี่คินจ้องมองดูผมทุกอิริยาบถยามที่หมอทำ
แผลให้ผมจนผมอึดอัด

   สายตาคู่นั้นจ้องมองมาราวกับว่าผมเป็นอะไรสักอย่างที่เขาเป็นเจ้าของ อาจจะเหมือนเจ้านายกับลูกน้องที่ทำผิด หรืออะไรสักอย่างที่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ

   “ฉีดยากันบาดทะยักให้แล้ว ช่วงนี้ก็อย่าเดินมาก แผลจะไม่ระบม”หมอในชุดลำลองหันไปบอกกับพี่คินก่อนจะเดินออกไป

   พี่เขาพยักหน้าเดินไปปิดประตูลงหลังจากที่หมอออกไปจากห้องแล้ว เสียงล็อกอัตโนมัติดังเบาๆทำให้ผมสะดุ้งเล็กๆ ถอย
กายออกห่างเมื่อพี่เขาเดินเข้ามาใกล้

   “กล้ามากเลยนะที่หนีไปแบบนี้”พี่คินพูดเสียงเบาแตะลงบนต้นแขนของผม

   “พี่…จับผมมาทำไม”ผมถามออกไป เบี่ยงหน้าหลบมือใหญ่ที่แตะลงมาบนผิวหน้า ทว่าพี่คินก็คว้าแขนของผมเอาไว้

   ไม่ทันได้ระวังตัว ผมถูกจับให้คว่ำหน้าลงกับที่นอน จับแขนล็อกไขว้หลังเอาไว้ให้ขยับไปไหนไม่ได้
   “พะ พี่จะทำอะไรผม”

   “รัมภ์ก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ”กางเกงนอนขอบยางยืดถูกดึงให้ร่นลงจากทางด้านหลัง ทั้งที่พยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถฝืน
แรงที่มีมากกว่าได้

   แก้มก้นถูกนิ้วแข็งแรงดันแยกออกจากกันทำให้ผมเกร็งตัวขึ้นมา สิ่งที่พี่คินทำกับผมเมื่อตอนกลางผมยังไม่หายเจ็บดีเลย

ด้วยซ้ำ

   “อย่า”

   “ทั้งที่ข้างในตัวยังมีของของพี่ติดอยู่มันไม่ดูใจกล้าไปหน่อยรึไง”

   “ฮึก”นิ้วยาวสอดเข้ามาผ่านช่องทางของผมโดยไม่ทันตั้งตัว ผมสะอื้นเกร็งตัวเมื่อนิ้วที่สอดเข้ามานั้นกำลังคว้านวน
ของเหลวที่อยู่ภายในแล้วดึงมันออกมา

   “ถ้ารัมภ์หนีพี่ไปอีก ครั้งต่อไปพี่จะล่ามรัมภ์ไว้ เข้าใจไหม”พี่คินโน้มตัวมากระซิบข้างหู

   ร่างกายของผมมันสั่นเทานิ้วที่ดึงออกมาถูกสอดเข้ามาในปากให้ผมได้ลิ้มรสสิ่งที่พี่เขาทิ้งเอาไว้ในร่างกายของผม

   “ว่าไง…รัมภ์เข้าใจไหม ตอบพี่สิ”นิ้วแข็งขืนตวัดหยอกล้อดึงลิ้นของผมให้ขยับตามจนน้ำลายของผมไหลย้อนลงมาที่มุม
ปาก ภาพเบื้องหน้าเริ่มจะพร่ามัวเพราะความกลัวกำลังผลักดันให้ผมอ่อนแอ

   ผมพยักหน้าให้กับคำถามของพี่เขา นิ้วถูกถอนออกไปพร้อมกับร่างของพี่คินลุกขึ้นจากเตียง ปล่อยผมให้เป็นอิสระ

   ผมกระถดกายขึ้นไปชิดหัวเตียงดึงกางเกงขึ้นมาให้เหมือนเดิมแล้วจ้องมองพี่เขาด้วยความกลัว

   “ไม่เอานะ อย่าทำเลย”ผมส่ายหน้าเมื่อพี่คินค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนมันลงตะกร้าผ้าท่างอยู่มุมห้อง พี่
คินยกยิ้มมุมปากคล้ายกับลังขบขัน

   “ไม่สบายก็ต้องฉีดยาสิ”พี่คินหัวเราะในละคอ ดึงข้อเท้าของผมเข้าไปหาตัว กดผมให้อยู่เบื้องล่าง

   “ไม่เอา ผมไม่เอาแล้ว”ผมผลักพี่เขาออก ข้างหลังของมันมันยังรู้สึกเจ็บอยู่เลย

   แต่พี่เขาก็ไม่ฟังดึงเอาเสื้อผ้าออกจากร่างกายของผม ฝ่ามือสากลากผ่านผิวกายของผมไปทั่ว ริมฝีปากขบเม้นซอกคอไล่
ไปทั่วทั้งตัว

   “ฮึก ผมขอร้อง อย่าทำเลย”ดวงตาของผมกำลังสั่นระริก แต่ดวงตาของพี่คินกำลังดูมีความสุข

   มือทั้งสองข้างถูกจับตรึงเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ลิ้นร้อนลากผ่านผิวกายตวัดลงบนยอดอกแล้วดูดดึงจนมันตั้งชัน

   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหยียดขึ้นที่มุมปากของพี่เขายามที่ผมหลุดเสียงครางประหลาดออกมา ร่างกายของผมกำลังถูกรบกวนให้
คล้อยตามทั้งที่ใจกำลังต่อต้าน ท่อนกายแข็งขืนสอดเข้า ถึงแม้จะไม่รุนแรงแต่มันก็ใหญ่มากพ่อที่จะทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

   จูบร้อนตะโบมจูบลงมาส่งลิ้นชื้นสอดเข้ามาจาบจ้วงตักตวงเอาความหวดกลัวของผมเอาไปจนสิ้น

   ผมตัวสั่นเทา ร่างกายกระตุกทุกครั้งเมื่อพี่เขาสอดกายเข้ามาลึก แรงกระแทกทำให้ผมรู้สึกทรมานจนแทบคลั่งปลดปล่อย
ความสุขออกมาทั้งที่ใจไม่ต้องการ พี่คินดูชอบใจที่เห็นสีหน้าของผมราวกับสีหน้าของสัตว์ที่กำลังถูกล่า

   ผมหลับตาลงเพื่อหลบสายตาของผู้ล่าที่จ้องมองมา ช่องทางตอบรับกายแข็งขืนที่ล่วงล้ำเข้ามาไม่มีทีท่าจะว่าหยุด
นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่แต่พี่เขายังคงไม่หยุด ตักตวงความสุขจากร่างกายของผมทั้งที่ผมแทบไม่เหลือ
เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน

   ผมหอบหายใจถี่รัว เมื่อกายของเขาถอนตัวออกไป ของเหลวรอบใหม่ที่คั่งค้างไหลย้อนออกมาอีกรอบ ผมไม่มีแรงแม้แต่
จะลืมตาขึ้นมา รู้สึกตัวเหมือนมีอะไรสอดเข้ามาอีกครั้งแล้วควานเอาของที่อยู่ข้างในออกไป ผ้าชุบน้ำเช็ดไปทั่วร่างกายของผม
แต่ผมกลับไม่ได้สนใจมัน เพราะตอนนี้ผมไม่อยากจะสนใจอะไร

   ร่างกายนี้ถูกกระทำราวกับว่าผมไม่ใช่เจ้าของมันอีกต่อไป…เมื่อไรพี่เขาจะปล่อยผมไปสักที   



   กลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นปลุกให้ผมลืมตาขึ้นมา ผมกระพริบตาถี่ๆจ้องมองเด็กผู้ชายตัดผมสกินเฮดอายุไม่น่าจะเกินสิบแปดปีดู
จากทรงผม

   “ดะ เดี๋ยว”ผมรีบเรียกเอาไว้ด้วยเสียงแห้งผากก่อนที่เด็กคนนั้นจะออกจากห้องไป

   เขาสะดุ้งเล็กๆเมื่อผมเรียกเอาไว้ แต่ก็เดินต่อทำเหมือนกับไม่ได้ยิน

   “นี่ เดี๋ยวก่อน”ผมลุกขึ้นมาเรียกเอาไว้

   “นายหัวสั่งไม่ให้คุยกับพี่”

   “ใคร…คือนายหัว”

   “นายหัวภาคินไง สั่งให้เอาข้าวเอาน้ำมาให้เท่านั้น แต่ห้ามพูดคุยด้วย”เด็กคนนั้นตอบสีหน้าหลุกหลิกจ้องมองมายังแผลที่
เท้า

   นายหัวที่ว่านี่คงจะหมายถึงเจ้านาย หากนายหัวคือเจ้านายจริงพี่คินก็คือเจ้าของบริษัทนี้ใช่ไหม…หรือว่าผมจะคิดไปเองกัน

   บางทีพี่คินอาจจะเป็นคนวางแผนให้ผมมาฝึกงานที่นี่…เพื่อที่จะ…จับผมมา

   “อยู่ที่นี่เหรอ”ผมถาม

   “อืม”พยักหน้าตอบ

   “ขอบใจนะ”

   “อืม”พยักหน้าอีกครั้ง “เจ็บไหม”ถามพลางมองมาที่แผลที่เท้า

   “ไม่เจ็บเท่าไร”ผมส่ายหน้า ถ้าหากเทียบกับใจแล้วแผลแค่นี้เทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ “ชื่ออะไรเหรอเราน่ะ”

   “ภูผา”

   “ภูผาช่วยพาพี่ออกไปหน่อยได้ไหม”ในที่สุดผมก็ถามออกไป เพราะเด็กคนนี้เข้าออกในห้องนี้ได้แสดงว่าเด็กคนนี้จะต้องรู้
สหัส

   ภูผาขมวดคิ้วเหมือนใช้ความคิดดวงตาคมหลุกหลิกไปมาคล้ายกำลังสับสน

   “ผะ ผมเข้าใจว่าถูกขังมันเป็นยังไง…แต่ช่วยพี่หนีไม่ได้หรอก นายหัวเอาผมตาย”

   “งั้นเหรอ”มันก็จริง ถ้าหากภูผาพาผมออกไปจากที่นี่ พี่คินคงไม่ปล่อยภูผาเอาไว้แน่

   “พี่เกลียดนายหัวเหรอ”

   จู่ๆภูผาก็ถามขึ้นมา เป็นคำถามที่ผมเองก็ยังไม่มีคำตอบ ผมไม่รู้ว่าผมเกลียดพี่เขาไหม ผมรู้ว่าผมกำลังกลัว…กลัวสิ่งที่ใจ
ของพี่คินคิด

   ผมส่ายหน้าไม่ตอบ ภูผาไหวไหล่เล็กๆ

   “พี่กินข้าวเถอะ เดี๋ยวถ้านายหัวมาเจอนายหัวจะโกรธเอาได้”ภูผาทิ้งทายก่อนจะเดินออกไป



   “เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”พี่คินถามพลางเหลือบมองชามข้ามต้มเกลี้ยงชาม อันที่จริงผมกินมันไปแค่ไม่กี่คำ ที่
เหลือเอาไปเททิ้งลงชักโครก

   ผมส่ายหน้าเบือนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง…หน้าต่างที่ตอนนี้มีเหล็กดัดเป็นลวดลายติดเอาไว้กันไม่ให้ผมหนีออกไป
อีกครั้ง

   “เจ็บมากไหม”พี่คินย่อตัวลงนั่งบนพื้นเบื้องหน้าจับเท้าของผมข้างที่เป็นแผลอย่างเบามือ

   พี่เขาดูไม่สนใจคำตอบของผมเท่าไร ผมเองก็ไม่สนใจที่จะตอบเช่นกัน ปล่อยให้พี่คินล้างแผลให้จนเสร็จ

   “ถ้าทำตัวดีดี ไม่หนีพี่ไปอีก พี่จะพาไปเดินเล่นที่หาดหลังบ้าน”พี่คินพูดราวกับเอาขนมมาหลอกล่อเด็ก

   เรียกให้ผมปรายตามองเขาเล็กน้อย และเขาก็ดูจะพอใจยิ้มออกมาเมื่อผมหลงกล

   “ผมอยากกลับบ้าน”

   ผมบอกแต่พี่คินไม่สนใจทำราวกับว่าไม่ได้ยินที่ผมพูด พี่เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปล้างมือในห้องน้ำแล้วเดินออกมานั่งบน
เตียงข้างๆผม

   “พี่จะปล่อยรัมภ์กลับบ้านถ้าพี่ได้สิ่งที่พี่ต้องการจากรัมภ์แล้ว”

   “พี่ต้องการอะไรจากผม”

   “พี่อยากให้รัมภ์รู้ด้วยตัวเอง”พี่คินตอบก่อนจะดึงตัวผมให้ล้มลงไปนอน พาดแขนลงกอดผมกักผมเอาไว้ในอ้อมแขน

   ผมไม่รู้ว่าพี่เขาต้องการอะไร ไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไง ผมควรจะตัวยังไงดีในเมื่อผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะผลักไสหรือจะนิ่งเฉย
กับอ้อมกอดนี้

   

 :katai2-1:


โอยยยย ขอโทดจ้าาาา บอกว่าจะมาต่อแต่ดันหลับ 555 ไม่ได้ตั้งใจให้ค้างเจงๆ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 19-03-2016 17:49:46
โผเข้ากอดนายหัว 555
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 20-03-2016 00:43:56
อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 20-03-2016 08:30:30
อูยยย  จำเลยฮัก   จะมาหลอกให้รัมภ์รักแล้วเฉดหัวทิ้งหรือเปล่าน้อ

ตอนที่รัมภ์หนีนั้นคนเขียนเล่าโดยผ่านมุมมองของรัมภ์โดยใช้*ผม*  แต่มีที่หลุดออกมาใช้เป็น*เขา*อยู่นะคะ   ถ้าเล่าโดยใช้ผมแล้วไม่ควรใช้เขาค่ะ  ทำให้กระโดดไปมาระหว่างการเดินเรื่องโดยบุคคลที่หนึ่งกับบุคคลที่สาม
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 20-03-2016 11:32:48
เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไยยยย  :z3:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: naoai ที่ 20-03-2016 15:16:58
คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 21-03-2016 05:26:19
ต้องการความรักจากรัมภ์สินะฮือ
จริงๆก็แอบสงสารพี่คินนะ เเลดูรักรัมภ์มาก
รัมภ์คงยังไม่รู้หัวใจตัวเองรึเปล่า มาต่อไวๆน้า
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 19-03-59 บทที่ 3 หนี (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 21-03-2016 13:36:13
เมื่อไหร่จะมาต่ออยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 21-03-2016 20:01:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 21-03-2016 20:33:55
คับ :mew1:
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 21-03-2016 22:13:46
ในโลกนี้ยังมีหลายคนทีแพ้แปลกๆเช่น แพ้เครื่องใน แพ้ยีสต์ แบบแปลกมาก
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 21-03-2016 23:04:22
โรคแพ้ถั่วนี่บอกเลยนะว่าสำหรับคนบางคนรุนแรงมากๆ   มีเด็กสาวฝรั่งคนหนึ่งแพ้พวกนี้ ปกติก็ดูแลตัวเองดีทุกอย่าง  มาวันหนึ่งไปซื้อช็อคโกแล๊ตมาทานแล้วก็เกิดอาการช็อค จนเสียชีวิตเพราะว่าในช็อคโกแล๊ตอันนั้นมีส่วนผสมที่อาจจะมี(ร่องรอย)ถั่วผสมอยู่ อันนี้แปลตรงๆจากภาษาแสกนนะ  แต่ตัวหนังสือมันเล็กมากๆ  เด็กคนนั้นปกติทานยี่ห้ออื่น  มาวันนั้นที่กินประจำหมด  อ่านส่วนผสมแล้วแต่เดาเอาว่าตัวเล็กมากๆเลยมองไม่เห็น

น่าจะคิดได้แล้วมั๊งว่าอีกฝ่ายกลัวตัวเองจนขนาดยอมกินสิ่งตัวเองแพ้
หัวข้อ: Re: # Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา # [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 22-03-2016 00:04:54
แอบใจดีนะเนี้ย :mew4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 21-03-59 บทที่ 4 แพ้
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 22-03-2016 13:36:04
ดัน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 22-03-2016 16:47:13
บทที่ 4 แพ้ + ยอมทิ้ง


   ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เหมือนมีใครกำลังเอามือลูบหน้าอยู่ ทำให้ต้องฝืนลืมตาขึ้นมา หากเป็นไปได้ผมอยากจะหลับลงไป
อีกครั้งแล้วคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน ผมจ้องมองดวงตาสีดำสนิทราวกับขนของปีกอีกาทอดมองมาที่ผมด้วย
แววตาที่ผมเองก็อ่านมันไม่ออก

   ผ่านไปสามวันแล้วกับการที่ต้องถูกพี่คินขังเอาไว้ที่นี่…ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆในบ้านริมทะเลของพี่เขา ตลอดระยะเวลาสาม
วันที่ผ่านมา ครั้งแล้วครั้งเล่าพี่พี่คินเฝ้าหมกมุ่นอยู่กับร่างกายของผมตลอดทั้งคืน มีก็แค่ตอนกลางวันเท่านั้นที่พี่เขาจะออกไป
ทำงานและปล่อยให้ผมได้พักผ่อน

   “เดี๋ยวตอนเย็นพี่ไปทำธุระในเมืองรัมภ์จะเอาอะไรไหม”ดวงตาดุดันนัยน์ตานิ่งเฉยจ้องมองมาที่ผมที่ยังคงนิ่งงันไม่ขยับ
ตัว…ไม่แม้แต่จะเบือนหน้าหนีมือที่สัมผัสอยู่บนใบหน้า

   เพราะรู้ว่าหนียังไงก็คงไม่พ้น…นี่คือบทลงโทษของผม

   ผมส่ายหน้าถอนหายใจปล่อยให้พี่เขาไล่มือลงไปจากพวงแก้มแตะลงที่ต้นคอแผ่วเบาและผ่านลงไปที่แผ่นอกราวว่ากับ
กำลังชื่นชมสิ่งของ

   “ไว้พี่จะซื้อขนมมาฝาก พี่รู้ว่ารัมภ์ชอบกินขนม”พี่คินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบส่งสายตามาสำรวจผิวกายที่โผล่พ้นจาก
ผ้านวมผืนหนา

   สามเดือนที่เราเคยคบกันมันมากพอที่จะทำให้ผมและพี่คินรู้จักอุปนิสัยใจคอและความชอบซึ่งกันและกัน…แต่นั่นมันก็แค่
ผิวเผิน

   เมื่อผมไม่ตอบพี่คินก็เลิกสนใจละออกจากร่างกายของผมแล้วลุกออกไปในที่สุด เสียงปิดประตูพร้อมเสียงล็อกอัตโนมัติดัง
ปิ๊บเรียกให้ผมได้คำนึกและสำนึกอยู่ทุกช่วงเวลาว่าผมเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยงของพี่เขาที่กำลังถูกขังอยู่ในกรง

   ผมค่อยๆลุกออกจากที่นอนด้วยร่างกายที่อ่อนแรง ข้าวที่ภูผายกมาให้ในทุกมื้อมันไม่ได้ชวนให้อยากจะกินแต่ผมต้องกิน
มันเพียงเพื่อประทังชีวิต แล้วเทมันทิ้งลงชักโครกเหมือนทุกครั้ง…ผมอยากกลับบ้าน ผมคิดถึงแม่ ครั้งสุดท้ายที่คุยกับแม่ก็ตอนที่
ผมโทรไปบอกแม่ว่าผมมาถึงแล้ว

   ผมจ้องมองตัวเองผ่านกระจกเงาในห้องน้ำ รอยช้ำรอยจูบมากมายประปรายอยู่บนร่างกายตอกย้ำว่านี่ไม่ใช่ความฝัน นี่คือ

ความเป็นจริงที่ผมควรจะยอมรับ

   ตลอดทั้งวันเวลาที่ผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไร ผมเอาแต่คิดวนไปมาว่ามันสมควรแล้วใช่ไหมกับสิ่งที่ผมได้กระทำเอาไว้
ความเงียบงันและความเหงากำลังกัดกินหัวใจให้ผมจมดิ่งสู่ความมืดมิดที่แสงสว่างจากทางเข้าค่อยๆเลือนหายไปในขณะที่มอง
ไม่เห็นทางออกเลยแม้แต่นิดเดียว

   ตกเย็นบรรยากาศด้านนอกเริ่มเงียบสงัดจนได้ยินเสียงคลื่นไกลๆ ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทเห็นเพียงแสงดาวระยิบระยับบน
ท้องฟ้าผ่านบานหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็กที่พอจะเชื่อมผมเอาไว้จากโลกภายนอกได้บ้าง


   เสียงปลดล็อกดังปิ๊บเรียกให้ผมหันไปมองคิดว่าเป็นภูผาที่ยกอาหารมื้อเย็นมาให้เหมือนทุกที แต่เปล่าเลย เจ้าของใบหน้า
คมคายที่ดูต่างจากตอนที่เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อปีกว่าเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารส่งกลิ่นหอม ในนั้นมีจานผัดไทยมีควันลอย
กรุ่นขึ้นมาเรียกให้น้ำลายไหลอยู่สองจาน

   “พี่เห็นผัดไทยข้างทางน่ากินเลยซื้อมา คิดว่ารัมภ์น่าจะชอบ”พี่คินวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะข้างหน้าต่างจ้องมองมาทางผม
แล้วยิ้มให้เล็กๆ

   ผมมองมันนิ่งแล้วเบือนหน้าหนีออกไปมองม่านท้องฟ้าประดับแสงดาวราวกับผืนผ้าปักดิ้นทองเลอค่าโดยไม่สนใจคำพูด
ของพี่คิน

   “ลุกมากินผัดไทยสิรัมภ์”พี่คินเรียก

   “  ”

   “รัม…พี่บอกให้ลุกมากินผัดไทย”พี่คินเริ่มเน้นเสียงเมื่อผมทำเหมือนไม่ได้ยิน

   “  ”

   “รัมภ์ ถ้าไม่กินก็ขึ้นไปถอดเสื้อผ้านอนรอพี่บนเตียง”พี่คินพูดด้วยน้ำเสียงแข็งลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ มันทำให้ผมสะดุ้งเล็กๆหัน
ไปปรายตามองทางเขาด้วยความกลัวและไม่พอใจ

   “ถ้าผมกินพี่จะไม่ทำใช่ไหม”ผมถามลุกขึ้นจากเตียงเดินไปนั่งลงบนเก้าฝั่งตรงข้าม

   “ก็อาจจะ…ถ้ารัมภ์ทำตัวดี”

   เขาไหวไหล่ยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจเมื่อผมยอมทำตามที่เขาสั่ง ผมตักผัดไทยในจานเข้าปาก หัวใจที่อยู่ในอกเต้นแรง
เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวผม ผมฝืนกินมันจนหมดเพราะพี่เขาออกคำสั่ง ในขณะที่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองผม
แทบทุกอิริยาบถ

   

   หลังจากที่เรากินผัดไทยกันเสร็จสักพักพี่คินดึงให้ผมกลับมานั่งที่ปลายเตียงข้างๆพี่เขา วงแขนใหญ่โอบรัดเอวผมให้
เข้าไปชิด มือใหญ่สอดเข้าในในกางเกงนอนทำให้ผมสะดุ้งผละตัวออกมา แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมือของเขาที่จับให้ผมกลับไปนั่งอยู่ที่
เดิม

   “ไหนพี่บอกว่าจะไม่ทำ”

   “พี่บอกว่าอาจจะ”พี่คินย้ำ

   หัวใจของผมเริ่มเต้นแรงจนรู้สึกหายใจแทบจะไม่ทัน ปล่อยให้พี่คินสอดมือเข้ามาในกางเกงเพราะไม่สามารถห้ามเขาได้
รู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วปวดจนต้องเผยอปากออกมาสูดลมหายใจเข้าไปช่วย ข้างในท้องมันกำลังปั่นป่วน หัวสมองหนักอึ้งจน
รู้สึกทั้งปวดหัวและเวียนหัวไปในเวลาเดียวกัน

   พี่คินจ้องมองผมเมื่อหน้าผากเริ่มมีเหงื่อผุดซึมออกมา ผมผลักพี่เขาออกเบาเบาแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ผัดไทยที่กิน
เข้าไปเมื่อครึ่งชั่วโมงผมอาเจียนมันออกไปจนหมด อาเจียนจนแทบไม่เหลืออะไรให้ออกมา เว้นก็แต่เมือกเลือดสีแดงสดที่ปะปน
มากับน้ำลาย

   “รัมภ์เป็นอะไร ทำไมถึงได้อ๊วกออกมาแบบนี้”พี่คินเข้ามาลูบหลังให้ แต่ผมยังคงโก่งคอขย้อนสิ่งที่อยู่ข้างในให้ออกมา
เพราะอาการคลื่นไส้ยังคงไม่หาย ถึงแม้ว่าจะมีมีอะไรให้ออกมาแล้วก็ตาม

   “รัมภ์ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่สบายตรงไหน ทำไมไม่บอกพี่”

   นานนับสิบนาทีจนไม่มีอะไรจะออกมาจริงๆแล้ว ผมถูกดึงให้ลุกขึ้นมาจากพื้นห้องน้ำ ถูกประคองด้วยมือของพี่คินจนมาถึง
เตียง ผมทิ้งตัวด้วยความอ่อนเพลียและหมดแรงไปกับการอาเจียนและอาการเวียนหัวและปวดหัวในเวลาเดียวกัน

   ครึ่งชั่วโมงต่อมา หมอนทีที่เป็นหมอประจำที่นี่ตามคำบอกเล่าของภูผาก็มาถึง ผมถูกฉีดยาไปหนึ่งเข็มโดยที่พี่คินยังคงเฝ้า
อยู่ไม่ห่างด้วยท่าทีกังวล

   ทำไมเขาต้องกังวลในเมื่อเขาน่าจะดีใจที่ผมเป็นแบบนี้

   “รัมภ์เป็นอะไร”พี่คินถามทันทีที่เห็นว่าหมอนทีกำลังเก็บกระเป๋า สองครั้งแล้วที่หมอนทีต้องมาที่นี่สองครั้งภายในเวลาไม่
ถึงอาทิตย์เพื่อมารักษาผม

   “ฉันฉีดยาแก้แพ้ให้แล้ว ว่าแต่แกให้รัมภ์กินผัดไทยเข้าไปได้ไง”

   “ทำไมจะไม่ได้”

   “แล้วแกไม่รู้รึไงว่ารัมภ์แพ้สารจำพวกเลซิติน”

   “ฉันไม่เข้าใจ”

   “เป็นอาการของคนแพ้ถั่ว แต่ไม่ต้องห่วง ยังอยู่ในระยะไม่ร้ายแรงมาก”หมอนทีตอบ

   “ตั้งแต่เมื่อไร”พี่คินหันมามองทางผมแล้วตั้งคำถามอย่างไม่พอใจ “ทำไมพี่ถึงไม่รู้”

   “ใจเย็น ยังไงก็คุยกันดีดี ฉันกลับก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะดึก”

   จนหมอนทีออกจากห้องไป พี่คินยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาดุดันจ้องมองผมไม่วางตาจนผมรู้สึกอึดอัดทั้งที่อาการน่า
จะเริ่มดีขึ้น

   “พี่ถามว่าตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมไม่บอกพี่”เมื่อไม่ได้คำตอบเสียงของพี่คินเริ่มแข็งกร้าวขึ้นทำให้ผมรู้สึกกลัวว่าเขาอาจจะ
ทำร้ายผมขึ้นมาด้วยความไม่พอใจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน

   “พี่จะถามอีกแค่ครั้งเดียว ว่าตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่บอกพี่ก่อนกิน!!พี่จะได้หาอย่างอื่นให้กินแทน”คราวนี้พี่เขาปรี่เข้ามาหา
ผมดึงกระชากเอาผ้าห่มที่คลุมกายผมออก ถึงแม้ว่าพี่เขาจะยังไม่ได้ลงไม้ลงมือ แต่ท่าทางที่พร้อมจะกระโจนเข้ามาใส่ผมทุกเมื่อ
มันทำให้กระบอกตาของผมเริ่มร้อนผ่าว

   “สะ สองปี พึ่งเป็นได้สองปี”ผมตอบเสียงแหบแห้ง

   “แล้วทำไมถึงไม่บอกก่อนที่จะกิน”พี่คินถามย้ำ

   ผมไม่รู้จะตอบคำถามนี้ได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นคนขู่ผมให้ต้องกิน…เพราะผมไม่อยากให้เขาแตะต้องตัวผม ถ้าผมตอบไป
พี่เขาจะรู้สึกยังไง จะโมโหไม่พอใจผมรึเปล่า

   สุดท้ายผมก็เลือกที่จะไม่ตอบ พี่คินโกรธจนหายใจเข้าออกแรงจนเห็นได้ชัด ดวงตาดุดันจ้องมองผมราวกับว่าพร้อมจะเข้า
มาฉีกทึ้งผมได้ทุกเมื่อ

   “ช่างเถอะ คราวหลังมีอะไรก็บอก จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกันขนาดนี้”

   พี่เขากระแทกตัวลงนั่งริมขอบเตียงข้างๆผม หันหลังให้ผมด้วยความหงุดหงิด ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่เห็นหน้าของพี่เขา แต่
ผมก็รู้ว่าพี่เขากำลังพยายามระงับอารมณ์

   พี่คินกำลังโกรธ แล้วผมจะขอสิ่งที่ผมคิดจะขอเขาได้ไหม…ผมอยากโทรหาแม่ อยากได้ยินเสียงแม่ ไม่อยากให้แม่เป็น
ห่วง



   นานนับหลายสิบนาทีที่เราต่างคนก็ต่างนิ่งเงียบได้ยินเพียงเสียงคลื่นลมด้านนอกกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่คั่นกลาง
ระหว่างเรา

   “แล้วรัมภ์แพ้อะไรอีกไหม พี่จะได้รู้ ได้ไม่ต้องวุ่นวายกันอีก”ดูเหมือนว่าสาเหตุที่พี่คินโกรธ จะเป็นเพราะผมทำให้พี่เขา
วุ่นวาย

   หันกลับมามองผมอีกครั้งคราวนี้สีหน้าเรียบนิ่งดวงตาคมดุคู่นั้นค่อยๆกลับมานิ่งสงบดังเดิมรวมทั้งน้ำเสียงที่ไม่เจือถึง
อารมณ์ใดใด

   ผมส่ายหน้าเบาเบา เบือนสายตาหนีไปทางอื่น ผมไม่รู้ว่าผมควรจะขอพี่เขาในเวลานี้ดีไหมในเมื่ออารมณ์ของพี่เขายังไม่
นิ่งสงบแบบนี้

   “แน่ใจนะว่าไม่มี”

   “แค่ถั่ว ทุกอย่าง น้ำมันพืช ซอส ขนม ที่มีถั่ว”ผมตอบคำถามตามที่พี่เขาอยากให้ผมตอบเพราะอยากให้เขาวางใจและ
อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

   พี่เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเกือบที่จะสังเกตไม่เห็น แล้วลุกขึ้นจากเตียง

   “นอนเถอะ พรุ่งนี้ได้ตื่นแต่เช้า”

   แต่ผมเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของพี่เขาไว้ เรียกให้เขาหันมามองด้วยความแปลกใจ



   “ผม…ขอโทรหาแม่ได้ไหม”ผมช้อนตาขึ้นมอง ไม่ได้ต้องการอ้อนวอน แต่เพื่อที่จะมองปฏิกิริยาว่าพี่เขาจะทำอย่างไร จะ
ยอมให้ผมติดต่อแม่ได้ไหม หรือว่าจะกักขังผมจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

   หัวใจของผมเริ่มเต้นไม่ตรงจังหวะกลัวคำตอบที่จะได้รับ กลัวจะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่เขาไปโดยสมบูรณ์

   “พี่บอกให้รัมภ์นอนรัมภ์ก็ต้องนอน ไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง”

   “แต่…”ผมพูดคำว่าแต่เอาไว้เพียงแค่นั้น ไม่สามารถพูดอย่างอื่นต่อไปได้ เพราะมันอาจจะดูเหมือนเป็นการร้องขอหรือ
อ้อนวอน…ผมไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น

   ผมหลุบตาลงจ้องมองผืนผ้าห่มสีขาวสะอาดปล่อยมือออกจากชายเสื้อของพี่เขา



   “ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยโทร วันนี้นอนพักไปก่อน”พี่คินตอบแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

   เสียงน้ำตกกระทบพื้นดังแว่วมาจากห้องน้ำ ทั้งที่คำตอบที่ได้รับมามันควรจะทำให้ผมรู้สึกมีความหวัง แต่กลับไม่เลยสักนิด
คิดว่าพี่คินคงแค่บอกปัดเพื่อตัดความรำคาญ ไม่ให้ผมเรียกร้องอะไรอีก…ก็แค่รับปากไปอย่างนั้น เพราะพี่เขาใจร้ายกับผมมา
ตลอดตั้งแต่ผมทิ้งเขา

   ผมพลิกตัวหันหลังให้กับประตูห้องน้ำ หันหน้าไปทางหน้าต่าง อย่างน้อยผมก็ยังมองเห็นดาวบนท้องฟ้า…ดาวที่มันส่อง
แสงได้อย่างอิสระ

   นานนับสิบนาทีจนเลอหลับไป เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลงพร้อมกับเสียงเปิดประตูออกมาไม่นานเตียงอีกฟากก็ยวบตัวลง
กายสูงใหญ่สอดเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ดึงรั้งร่างกายของผมเข้าไปกกกอดเหมือนทุกที ราวกับต้องการจะตอกย้ำว่าผมไม่สา
รถหลุดรอดออกไปจากอ้อมแขนแข็งแรงนี้ได้



   ผมตื่นมาอีกทีก็รู้สึกว่ามือเย็นๆแตะลงมาที่แขนเบาๆหลายที ผมเงยหน้าสบตากับดวงตาดุดันสีดำสนิท ทุกครั้งพี่คินมักจะ
ตื่นก่อนผมเสมอ เหมือนกับครั้งนี้

   พี่เขาอยู่ในชุดสุภาพเป็นทางการเสื้อเชิ้ตสีเข้มพอดีตัวส่งให้ดูสุขุมและเกรงขามกว่าทุกครั้ง ผมยันตัวขึ้นลุกนั่ง จ้องมอง
หน้าของเขาเพราะมันดูเหมือนกับว่ามีอะไรซ่อนอยู่

   “จะโทรหาแม่ไม่ใช่เหรอ”พี่คินนั่งลงบนเตียงส่งยิ้มเล็กๆมาให้ แต่ยิ้มนั้นมันทำให้ผมรู้สึกแปลกจนต้องเบือนหน้าหนีแล้ว
พยักหน้าตอบรับแทน

   “รู้ใช่ไหมว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”

   “อืม”ผมพยักหน้าตอบรับ

   “ถ้ารัมภ์พูดในสิ่งที่พี่คิดว่ารัมภ์ไม่น่าพูด พี่จะไม่ให้รัมภ์ใช้โทรศัพท์อีกตกลงไหม”

   เหมือนกับเป็นข้อต่อรองแต่มันคือกฎกติกาที่ผมควรทำอย่างเคร่งครัดไม่มีทางเลี่ยงมันได้เมื่อผมต้องการมัน

   ร่างของผมถูกอุ้มให้ลุกขึ้นมาแล้วนั่งซ้อนอยู่บนตัก ซึ่งมันทำให้ผมผลักมือลงบนอกพี่เขาแล้วผละตัวออกมาโดยอัตโนมัติ

   “ผม ไม่ชอบ”ผมตอบไปตามตรง ผมไม่อยากให้พี่เขาจับผมนั่งตักเพราะมันดูเหมือนว่าผมเป็นผู้หญิงของเขาและดูเหมือน
ไร้ศักดิ์ศรี ผมไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเหมือนเด็กไม่ได้บอบบางเหมือนผู้หญิง ผมไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น


   “อย่าขัดใจพี่ พี่บอกหลารออบแล้วใช่ไหม”พี่คินพูดเสียงแข็งขึ้นมา ใบหน้าเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจเล็กน้อย

   ผมเชิดหน้าขึ้นเล็กๆยังคงขืนตัวเอาไว้ทั้งที่มือใหญ่กำลังจับที่ต้นแขนเริ่มออกแรงบีบจนรู้สึกเจ็บ

   “ถ้ารัมภ์ยังดื้ออยู่อย่างนี้ก็ไม่ต้องโทร พี่เสียเวลามามากพอแล้ว พี่ต้องไปทำงาน”พี่คินลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ

   มันทำให้ผมเม้มปากแล้วยอมทิ้งสิ่งที่ถือเอาไว้ให้ร่วงลงไปอย่างไม่ใยดี ผมยื้อแขนพี่เขาเอาไว้ มือสั่นเทาเพราะกลัวว่าพี่
เขาจะไม่ให้ผมได้คุยกับแม่

   พี่คินนั่งลงแล้วดึงผมขึ้นไปนั่งบนตักยื่นโทรศัพท์เครื่องแพงมาให้ อ้อมแขนที่เป็นราวกับโซตรวนกอดรัดเอาไว้ที่รอบเอวผม
แน่น บังคับให้ผมเปิดลำโพงเพื่อที่จะได้ยินการสนทนาทั้งหมดในขณะที่จมูกโด่งก้มลงมาคลอเคลียที่พวงแก้มของผม

   เสียงรอสายดังอยู่นานกว่าแม่จะยอมรับโทรศัพท์ ผมเกร็งตัวขึ้นมาเมื่ออ้อมแขนที่โอบรัดกระชับแน่นขึ้น

   “มะ แม่”

   ‘อ้าวนี่รัมภ์เอาเบอร์ใครโทรมาล่ะลูก’

   “เบอร์คนรู้จักน่ะ พอดีว่าโทรศัพท์รัมภ์เสีย”ทันทีที่ได้ยินเสียงแม่ความเข้มแข็งของผมราวกับพังทลายลงมา ผมสะอื้นเล็กๆ
พยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น โกหกออกไป…เพราะไม่อย่างแสดงความอ่อนแอให้พี่เขาได้เห็น

   ‘ไม่เห็นโทรมาหาแม่หลายวัน แม่ก็เป็นห่วง ไม่กล้าโทรไปกลัวจะงานยุ่ง ที่แท้โทรศัพท์พังนี่เอง แล้วที่นั่นเป็นยังไงบ้าง
สบายดีไหม’

   “สบายดีแม่ ช่วงนี้รัมภ์ยุ่งๆ ยังเก็บของไม่เสร็จแล้วก็กำลังเรียนงาน แม่ไม่ต้องห่วงรัมภ์นะ รัมภ์สบายดี”

   ‘ถ้าสบายดีก็ดีแล้ว’

   “แม่อยู่ที่ไหน ทำไมรัมภ์ได้ยินเสียงดัง”ผมถามเมื่อได้ยินเสียงคนจอแจ แล้วมีเสียงเรียกชื่อเหมือนกับกำลังรอคิวหรือทำ
อะไรสักอย่าง

   ‘แม่อยู่ข้างนอกน่ะ’แม่ตอบเสียงเบาต่างจากปกติ สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อแม่ให้เข้าห้องตรวจแว่วมาตามสาย ผมรู้ได้
ทันทีเลยว่าแม่อยู่ที่ไหน

   “แม่เป็นอะไร ทำไมต้องไปโรงพยาบาล”ผมถามเสียงเครือน้ำตาที่กักเอาไว้จวนเจียนจะไหลลงมาเต็มทน

   ‘แค่นี้ก่อนนะรัมภ์ แม่ไม่เป็นไรหรอก แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย’

   สุดท้ายแม่ก็ตัดสายไปทั้งที่ผมมีอะไรจะถามอีกมากมาย ผมบังคับตัวเองไม่ได้ที่จะไม่ให้ร่างกายมันสั่นเทา

   ผมเป็นห่วงแม่…อยากกลับบ้านไปหาแม่ ฟังจากน้ำเสียงผมรู้ดีว่าแม่โกหกเพื่อไม่ให้ผมเป็นห่วง

   พี่คินเก็บโทรศัพท์ไปแล้ว ปล่อยผมออกจากอ้อมแขนแล้วลุกขึ้นจากเตียง

   “พี่จะขึ้นไปทำธุระที่กรุงเทพฯสองวัน อาจจะกลับเย็นวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็เช้าวันถัดไป พี่หวังว่ารัมภ์จะทำตัวดีๆ”พี่คินหันมาสั่ง
ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โน้มตัวลงมา ยื่นฝ่ามือใหญ่ช้อนกรอบหน้าผมให้รับจูบร้อนๆที่ส่งมาพักใหญ่ก่อนจะผละออก

   ในขณะที่พี่คินหันหลังเตรียมจะเดินออกไป ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องหน้ายินดีที่จะไม่เจอหน้าพี่เขาอีกสองวัน ผมน่าจะมีความ
สุขแต่ใจมันกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น ผมดึงแขนพี่เขาไว้อีกครั้งและเลือกที่จะทำในสิ่งที่ไม่อยากจะทำ…นั่นคือการร้องขอ

   “ผม…อยากกลับบ้าน ผมเป็นห่วงแม่”พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นไปกว่านี้

   “รัมภ์จะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นถ้าพี่ยังไม่ได้ในสิ่งที่พี่ต้องการ”พี่คินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ใยดี มันทำให้ผมสะอึก

   “พี่จะขังผมแบบนี้ตลอดไม่ได้ แม่ผมไม่สบาย พี่ก็ได้ยิน ผมต้องกลับไปหาแม่”

   “เรื่องแม่รัมภ์ไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการเอง ถ้ารัมภ์ต้องการอะไรอยากได้อะไรพี่จะจัดการให้ แต่อย่างเดียวที่พี่ให้รัมภ์ไม่ได้คือ
การปล่อยรัมภ์กลับไป”

   “ทะ ทำไมล่ะ แล้วเมื่อไรที่พี่จะพอใจ เมื่อไรที่พี่จะได้สิ่งที่พี่ต้องการ”ผมเริ่มจะคิดแล้วว่าสิ่งที่พี่คินต้องการไม่มีตัวตนอยู่
จริง ผมไม่รู้ว่าพี่เขาต้องการอะไร อยากได้อะไรจากผมกันแน่ เพราะเวลานี้หัวสมองของผมมันคิดอะไรไม่ออกเลย



   “เรื่องนั้นรัมภ์ต้องเป็นคนตอบเองตัวเอง ไม่ใช่พี่”



   หลังจากที่พี่คินปิดประตูลงเสียงดังด้วยความไม่พอใจ สิ่งที่ผมพยายามสะกดกั้นเอาไว้ก็พังทลายลงมาในเสี้ยววินาที น้ำตา
ที่แสดงให้เห็นถึงความไร้ค่า ไม่สารถแม้จะทำในสิ่งที่ต้องการจะทำได้…ไม่แม้แต่จะมีอิสระ

   เสียงปลดล็อกประตูดังขึ้นทำให้ผมรีบเช็ดสิ่งที่อาบเปื้อนอยู่บนใบหน้าเพราะไม่ต้องการให้ใครมาเห็นใจหรือสงสารใดใด
ทั้งสิ้น

   ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารส่งกลิ่นหอม แต่ผมกลับไม่รู้สึกอยากมันเหมือนกับทุกที ภูผาชะงักเหมือนเห็นคราบ
น้ำตาเปื้อนอยู่บนใบหน้าของผม ดวงตากลมหลุบลงมองพื้นแล้ววางถาดอาหารลงบนโต๊ะ

   “พี่ ทะเลาะกับนายหัวเหรอ”ภูผาถามเสียงเบา

   ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ภูผาหลับหยิบกล่องกระดาษทิชชู่บนโต๊ะยื่นมาให้

   “ตอนออกไป นายหัวดูไม่ค่อยพอใจ ปกตินายหัวจะไม่โกรธใครง่ายๆ”

   “อืม”

   “ผมจะไม่ถามหรอกว่าทำไมนายหัวถึงทำอย่างนี้กับพี่ แต่ผมไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้เลย ผมไม่อยากให้พี่ร้องไห้ เพราะ
น้ำตามันจะยิ่งทำให้คนเราอ่อนแอ ถึงให้ผมเพิ่งจะรู้จักพี่แค่ไม่กี่วัน แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่รู้สึกยังไง”ภูผาส่งยิ้มมาให้คล้ายกับต้องการ
เป็นกำลังใจ

   ภูผาพูดถูกน้ำตามันไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอและด้อยค่า ผมเงยหน้าขึ้นจ้องมองใบหน้าเกลี้ยงเกลา
เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งตามแบบของคนใต้

   “งั้นภูผาช่วยพี่ออกไปจากที่นี่ได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ต้องกลับไปหาแม่พี่ แม่พี่อยู่คนเดียว”ผมดึงแขนเล็กเอาไว้

   “ไม่ได้หรอกพี่ นายหัวมีบุญคุณกับผมมาก ผม…ทำไม่ได้หรอก”ภูผาหลบตาหันไปมองทางอื่น

   มันก็จริง ถ้าหากภูผาช่วยผมให้ออกไป คนที่อยู่ที่นี่อย่างภูผาคงจะต้องเป็นคนแบกรับความผิดทั้งหมดไว้คนเดียว

   “ผมไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวในบ้านจะสังเกตว่าผมขึ้นมานาน”ภูผาดึงแขนออกจากมือผมแล้วหันหลังจากไป

   ทิ้งให้ผมจมลงสู่ความเงียบอีกครั้ง สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียว ไม่เหลือใครอยู่เคียงข้าง ผมเลือกที่จะทิ้งให้อาหารที่ส่งกลิ่น
หอมคลุ้งนอนแน่นิ่งอยู่ในจานตามเดิมโดยไม่แตะมัน

   จนมื้อเที่ยง ภูผากลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมถาดอาหารถาดใหม่

   “พี่ไม่กินเลยเหรอ”

   “พี่ไม่หิว”ผมตอบส่ายหน้าเบาเบานอนหันหน้าเข้าหาหน้าต่างทอดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่นานครั้งจะมีนกบินผ่านมาให้เห็น
สักตัว…อย่างน้อยสัตว์ตัวเล็กๆพวกนั้นมันก็มีอิสระมากกว่าผม

   อีกมื้อที่ผมปล่อยให้มันแน่นิ่งอยู่ในจานจนมันเย็นชืด ภูผากลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อท้องฟ้าด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีดำครึ้มวาง
ถาดอาหารลงบนโต๊ะ

   “นายหัวบอกว่า ถ้าพี่ไม่ยอมกินข้าวอีก เขาจะไม่ให้ใช้โทรศัพท์”ภูผาอ้ำอึ้ง เก็บถาดอาหารมื้อกลางวันออกไป

   มันทำให้ผมรู้ว่าภูผาต้องคอยรายงานเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของผมตลอดเวลา แต่ผมเลือกที่จะขัดคำสั่งของพี่เขา ทิ้งให้
อาหารเย็นชืดทั้งที่ร่างกายมันต้องการแต่จิตใจกลับไม่รู้สึกอยากมันเลยสักนิดเดียว



-----------------------------------------------------------------------------------------------

โรคแพ้ถั่วนี่ไม่ตลกนะ อาจจะเฮ้ยจะบ้าเหรอมันต้องเป็นตั้งแต่เกิด ไม่ได้เป็นตั้งแต่เกิดก็มี ตัวคนเขียนเนี่ยแหละ กินนมถั่วเหลือง
ทุกวัน ผัดไทยเป็นอาหารโปรด กินนมถั่วเหลืองหลังมื้อกลางวันทุกวัน แล้วก็แบบเอ๊ะ ทำไมฉันอาเจียนหลังกินข้าวทุกวัน แถมมี
เลือดปนมาด้วย แล้วบางทีกินขนม หรือกินอะไรก็อาเจียน คิดว่าเฮ้ยท้องรึเปล่า แต่ก็ไม่นะ ชั้นยังอยู่ในระยะหาพ่อพันธุ์ ก็เลย
สังเกตตัวเองว่ากินอะไร แล้วคอยอ่านฉลากว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบ สุดท้ายก็รู้แน่แท้ว่าแพ้ถั่ว ไปหาหมอเลยได้ยาแก้แพ้มา
โชคดีไม่เป็นถึงระยะที่กินแล้วเป็นผื่นขึ้นตามตัวหน้าบวม เป็นแค่อาเจียนเวียนหัวหมดแรง ประมาณนั้น ไขข้อสงสัยนะจ๊ะ





หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 22-03-2016 18:10:13
มีความหน่วงอ่า มาต่ออีกกกก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 22-03-2016 19:20:29
ทำไมไม่คุยกันดีๆ เปิดอกคุยกันไปเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 22-03-2016 21:44:24
มาตามอ่านมาให้กำลังใจจ้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 22-03-2016 22:29:29
สนุกมากๆ รอตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: jajomjun ที่ 22-03-2016 23:31:55
ชอบบบๆๆๆๆๆ :ling1:
+1  เป็ด
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 22-03-59 บทที่ 4.2 ยอมทิ้ง
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 24-03-2016 07:17:15
คินต้องการความรักหรือความสำนึกที่รัมทำไปเปล่างะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 24-03-59 บทที่ 5 ผิดสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 24-03-2016 20:37:47
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 24-03-59 บทที่ 5 ผิดสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 24-03-2016 20:49:54
อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 24-03-59 บทที่ 5 ผิดสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-03-2016 21:31:54
เมื่อไหร่นะ ที่ทั้งคู่จะเข้าใจกัน   :ling1: อยากให้พี่คิน กับรัมภ์ ดีกัน ไวๆ
รออออ ตอนใหม่   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 24-03-59 บทที่ 5 ผิดสัญญา
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-03-2016 21:49:21
เราเห็นรัมนะแต่บางทีก็แบบนางทำตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 31-03-59 บทที่ 5 หนีอีกครั้ง (แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 31-03-2016 19:44:58
บทที่ 5 หนีอีกครั้ง

   ภูผาเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับถาดอาหารเช้าถาดใหม่ ภูผาหันมามองผมเล็กน้อยนัยน์ตาทอประกายรู้สึกผิดอยู่ข้างใน
ก่อนจะเก็บถาดอาหารเย็นของเมื่อวานที่ยังคงไม่พร่องออกไป แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

   ผมถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นมาจากเตียงเพื่อเดินไปไหนมาไหน วันนี้แล้วที่พี่คินจะกลับมา ผมไม่รู้ว่า
จะมีโอกาสอีกเมื่อไรทีพี่เขาจะปล่อยให้ผมอยู่ลำพัง

   เสียงนกนางนวลบินร่อนไปมานอกหน้าต่างบานเล็กที่ถูกปิดทับด้วยลูกกรงเหล็กดัด ผมรู้สึกอิจฉานกพวกนั้นที่ได้บินไปบน
ท้องฟ้าได้อย่างอิสระ ต่างจากผมที่ต้องนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นอนนิ่งราวกับไร้ชีวิตยามที่ริมฝีปากร้อนลากผ่านไปทั่ว
ร่างกาย

   นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาเกือบจะเที่ยง ภูผากลับเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป กลิ่นข้าวต้มยังหอมฉุยเหมือน
เดิม แต่ภูผากลับมีท่าทางหลุกหลิก

   “พี่กินข้าวนะพี่ วันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่นอกจากผม ผมจะรอนะ”ภูผารีบพูดก่อนจะรีบออกไป

   ผมไม่แปลกใจว่าทำไมภูผาถึงไม่ค่อยอยากคุยอะไรมากนัก ภูผาเคยบอกในห้องนี้มีกล้องติดเอาไว้นานแล้วตั้งแต่ผมยังไม่

มาอยู่ที่นี่ ซึ่งภูผาเองก็ไม่ได้บอกว่าติดไว้ทำไม

   แต่ที่น่าสงสัยก็คือทำไมต้องบอกว่ารอ ทำไมต้องบอกว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ผมเหลือบมองชามข้าวต้มควันกรุ่น ท้องเริ่ม
ร้องโครกครากเพราะไม่ได้กินอะไรเกือบสองวันแล้ว

   ผมรวบรวมแรงที่แทบไม่ค่อยจะเหลือพาตัวเองไปยังโต๊ะริมหน้าต่าง สายตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษถูกซ่อนเอาไว้ใต้
ชามข้าวต้ม

   ‘ผมวางรองเท้าเอาไว้ประตูหลังบ้าน รอพี่ที่ปากทางเข้าฟาร์มตอนบ่ายสอง’

   ข้อความสั้นๆทำให้หัวใจสั่นรัว หันไปมองประตูก็พบว่ามันปิดไม่สนิท มีอะไรบางอย่างกั้นมันเอาไว้ไม่ให้ปิดลง นาฬิกาบน
ฝาผนังบอกเวลาเลยเที่ยงวันมาแล้ว ความหวังเดียวของผมในตอนนี้ก็คือภูผา หากแต่มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวเกินไปไหมหากผม
จะเอาตัวรอดแล้วปล่อยให้ภูผาอยู่ที่นี่ยอมรับชะตากรรม

   ข้าวต้มในชามถูกส่งลงไปนอนอยู่ในท้องผมเกือบหมด จนบ่ายโมงตรงผมค่อยๆผลักประตูออกไป ลอบมองทั่วชั้นบนของ
ตัวบ้าน แต่ก็ไม่มีเสียงใดใดที่บ่งบอกว่ามีใครอยู่ภายในบ้านเลย ผมลงมายังชั้นล่างของตัวบ้าน ได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากด้าน
หน้าของตัวบ้านอยู่ไกลๆทำให้ต้องก้มตัวหลบแล้วมองหาประตูหลังบ้าน เปิดมันออกไปพบว่ารองเท้าถูกวางหลบเอาไว้ด้านข้าง

   แผลที่เท้าครั้งเก่าตอนที่หนีออกไปเกือบจะหายดีแล้วเหลือแค่แผลตกสะเก็ดที่ยังคงตอกย้ำผลของการคิดไม่รอบคอบ แต่
ครั้งนี้ต่างออกไป ผมมีคนคอยช่วยเหลือถึงแม้ว่าใจจะรู้สึกผิดมากก็ตาม ผมเดินลัดเลาะออกมาตามแนวป่าด้านหลังของตัวบ้าน
และตัวตึกที่ทำเป็นบ้านพักของคนงาน โชคดีที่เวลานี้คนอื่นๆต่างก็ออกไปทำงานกันหมดเหลือไม่กี่คนที่เดินไปมา

   จนมาถึงปากทางเข้าฟาร์ม แขนก็ถูกดึงให้เข้าไปที่ด้านหลังพุ่มไม้ ภูผาส่งเสื้อแขนยาวกับหมวกใบหนึ่งมาให้ผมด้วยความ
ร้อนรน

   “ถ้าไม่รีบนายหัวจะกลับมาซะก่อน ใส่พวกนี้เอาไว้ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผิวขาวหน้าลูกครึ่งอย่างพี่นักหรอก คนแถวนี้รู้จักกับ
นายหัวกันเยอะ”

   “ขอบใจ”

   “ไม่ต้องหรอก รีบใส่แล้วก็ก้มหน้าเอาไว้ก็พอ อย่าให้ใครเห็นหน้าพี่ คนที่นี่รู้จักหน้าพี่กันหมดแล้ว”

   “อืม”ผมพยักหน้า

   ภูผาขับรถมอเตอร์ไซพาผมผ่านทางลาดยางสองเลนแคบข้างทางแทบจะไม่มีบ้านคนมีแต่ต้นไม้สูงชะลูดปรกคลุมทอด
ยาวออกไป นานครั้งถึงจะมีรถขับสวนมา ซึ่งผมก็ได้แต่ก้มหน้าตามที่ภูผาบอกด้วยความตื่นเต้นจนถึงท่ารถในตัวอำเภอ

   “อย่าลืมนะพี่ ห้ามสบตาใคร แล้วก็เอานี่ไป นี่น่าจะพอถึงกรุงเทพ”เงินแบงค์สีแดงกับสีเขียวยับยู่ยี่ถูกยัดใส่มือ

   “ขอบใจนะ ไว้พี่จะใช้คืน”

   “ไม่ต้องหรอก แค่พี่ถึงบ้านก็ดีแล้ว”

   “อืม”ผมพยักหน้า รู้สึกตื้นตันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

   ภูผากับผมพึ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แทบจะไม่มีการพูดคุยระหว่างกัน แต่ภูผาก็ยอมที่จะช่วยทั้งที่รู้ว่าตัวเองจะต้องกลายเป็น
คนทรยศต่อเจ้านาย

   “เดี๋ยว”ผมเตะเขนภูผาเอาไว้ก่อนที่ภูผาจะกลับ

   “เขาจะทำอะไรภูผาไหม ถ้าหากพี่ไป”

   “พ่อเลี้ยงเขาไม่ทำอะไรผมหรอก ผมไม่ใช่คนของเขา”ภูผาส่ายหน้าฝืนยิ้ม ดันผมขึ้นรถเมื่อเห็นว่าผมกำลังเป็นกังวล

   “ขอบใจนะ”

   ผมนั่งอยู่ด้านในสุดของรถสองแถวที่จะเข้าเมืองเพื่อไปต่อรถที่บขส. ระหว่างทางที่รถออก ถึงแม้จะนั่งก้มหน้าพยายามเก็บ
มือขาวเผือดที่โผล่พ้นเสื้อออกมาแต่คนในรถก็ยังคงจ้องมองผมราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง

   “พ่อหนุ่ม จะไปไหนเรอะ”

   “กลับกรุงเทพฯครับ”ผมตอบเสียงเบาโหวงเมื่อผู้ชายตัวใหญ่ด้านข้างถามทักขึ้นมา

   “ใช่คนของฟาร์มสานรักรึเปล่า หน้าตาคุ้นๆ”คำถามของเขาทำให้ผมเข้าใจที่ภูผาบอกว่ามีคนรู้จักหน้าผมเยอะได้เป็นอย่าง
ดี

   “ไม่ ไม่ใช่ครับ ผมมาเยี่ยมเพื่อนที่อยู่แถวนี้ กำลังจะกลับ ไม่รู้จักฟาร์มสานรักอะไรนั่นหรอกครับ”

   “งั้นเรอะ”เขาตอบรับแล้วหันไปโทรศัพท์ ทำให้ผมโล่งใจแล้วก้มหน้าก้มตาไม่สนใจใครดังเดิมถึงแม้ว่าคนในรถยังคงมอง
มาที่ผมอยู่ก็ตาม

   จนรถขับออกมาจากตัวอำเภอได้เกือบครึ่งชั่วโมงก็จอดลงทั้งที่สองข้างทางยังมีแต่ต้นไม้ขึ้นสูง เห็นบ้านคนอยู่ไกลลิบตา
ทำให้ผมเริ่มเกร็ง

   เสียงพูดคุยของคนขับกับใครสักคนเป็นภาษาใต้ที่ผมเองก็ฟังแทบจะไม่ออกเริ่มทำให้ผมเป็นกังวล ตามมาด้วยเสียงคน
เดินมายังด้านหลังที่เป็นส่วนของผู้โดยสาร

   ฝีเท้าที่ย่างก้าวอย่างมั่นคงทำให้ผมยิ่งก้มหน้าต่ำ แต่ถึงกระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปจ้องมองร่างกายครึ่งท่อนล่างที่ผมคุ้น
เคยและจดจำมันได้เป็นอย่างดี

   “ลงมา”เสียงทุ้มห้วนออกคำสั่ง แต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วหันกลับมา ก้มหน้าลงจ้องมองปลายเท้าตัวเอง

   “ลงมา”อีกครั้งที่พี่เขายังคงเรียกและผมยังคงทำเป็นหูทวนลม

   “กลับไปปรับความเข้าใจกันดีดีเถอะพ่อหนุ่ม”สำเนียงแปร่งๆจากผู้ชายคนเมื่อกี้ที่ทักผมทำให้ผมปะติดเรื่องราวได้ทันทีว่า
โทรศัพท์สายที่เขาโทรไปหลังจากที่คุยกับผมเขาโทรหาใคร

   “จะลงมาดีดี หรือต้องให้พี่ไปลากลงมา”คราวนี้น้ำเสียงกลับแข็งกร้าว ไม่รอคำตอบจากผมร่างสูงใหญ่พี่เดินขึ้นมาบนร
ถลากเอาผมลงไปแม้ว่าผมจะขืนตัวเอาไว้ก็ตาม พี่คินลากผมมายังหน้ารถแล้วหันไปขอบคุณคนขับรถสองแถวเป็นภาษาใต้

   ผมถูกผลักเข้ามาในรถด้านหลังคนขับ มองเห็นด้านหน้ามีคนขับรถประจำที่อยู่แล้ว พอตั้งตัวเพื่อจะเปิดประตูรถอีกฝั่งก็ถูก
ดึงมือรวบเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน

   ผมพยายามข่มใจไม่ให้สั่นเทาเมื่อรถขับมาจอดที่หน้าบ้านหลังเดิม ผมมองเห็นภูผาผ่านกระจกรถ ใบหน้าคมดูหม่นลงและ
ก้มหน้านิ่งไม่สบตาใคร

   “ลงมา”

   “ไม่”ผมตอบสั้นๆแต่นั่นก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวเมื่อมันไปทำให้พี่เขายิ่งโกรธแล้วดึงผมออกมาจากรถ ลากให้ผมเดินตาม
ผ่านภูผาและคนอื่นๆขึ้นมายังชั้นบนของตัวบ้าน ถูกผลักลงโยนเตียงให้ล้มลงไป

   “รัมภ์สัญญากับพี่แล้วใช่ไหมว่ารัมภ์จะทำตัวดี”ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

   ผมได้แต่เบือนหน้าหนีราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาถาม และนั่นก็ยิ่งทำให้พี่คินไม่พอใจตรงเข้ามาจับกรอบหน้าบีบบังคับให้
ผมหันไปจ้องตอบ

   “พี่ถามรัมภ์ต้องตอบ”

   “ผมไม่ได้สัญญาอะไรกับใคร”

   “รัมภ์แน่ใจว่าไม่ได้สัญญา?”

   “ใช่”ผมกัดฟัน จ้องตอบดวงตาดุดันน่ากลัวคู่นั้นกลับไป

   “รัมภ์คงจะจำไม่ได้ งั้นพี่จะเตือนความจำให้รัมภ์เอง”พูดจบพี่คินก็ปล่อยมือออกจากหน้าผมแล้วเดินไปหยิบเอกสารอะไร
บางอย่างในลิ้นชักหัวเตียงออกมาส่งให้

   “นี่น่าจะทำให้รัมภ์เลิกคิดที่จะหนีได้”

   “อะ อะไรกัน”ผมพึมพำออกมาเสียงแผ่วเมื่อลายมือที่เซ็นกำกับสัญญานั้นเป็นชื่อผม หากแต่เนื้อหาที่ระบุอยู่บนแผ่น

กระดาษตรงหน้ามากกว่าที่ทำให้ตกใจ

   “เลิกคิดจะหนีพี่รึยัง”พี่คินถามสียงเรียบ ตอกย้ำให้ผมยิ่งจมอยู่กับความสิ้นหวัง

   “นี่มันตั้งหลายแสน พี่ก็รู้ว่าผมไม่มีเงิน”สัญญาระบุเอาไว้ว่าผมจะถูกปรับสามเท่าเมื่อทำงานให้ไม่ครับสามเดือนซึ่งนั่นเป็น
เงินทั้งหมดเกือบสามแสน ผมไม่มีปัญญาจ่ายให้เขาแน่นอน “ทั้งหมดนี่…เป็นแผนของพี่ใช่ไหม”

   แผนที่หลอกให้ผมรีบเซ็นสัญญา รวมหัวกับคนอื่นๆเพื่อที่จะทำกับผมราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง ขังผมเอาไว้ในห้องแคบๆแบบนี้

   ผมฉีกกระดาษสัญญาในมือออกเป็นชิ้นเล็กๆทันที บีบขยี้มันจนมันย่ำยู่ยี่กับความโง่เขลาของตัวเองที่ไว้ใจคนอื่นมากเกิน
ไป

   “รัมภ์ก็รู้ว่ามันเป็นสำเนา ไม่ใช่ตัวจริง”

   “พี่ทำแบบนี้กับผมทำไม”ถามออกไปเสียงสั่น กระบอกตามันรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด

   “คำถามนี้พี่ขอคืนให้รัมภ์”พี่คินเหยียดยิ้ม ซึ่งนั่นมันทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังถูกเยอะเย้ย

   “ทะ ทำไมกัน”

   “ถอดเสื้อผ้าออก”

   “อะไรนะ”ผมถามย้ำแทบไม่เชื่อหูเมื่อจู่ๆพี่เขาก็สั่งให้ผมถอดเสื้อผ้า

   “จะถอดออกเองหรือจะให้พี่ขึ้นไปถอดให้”

   “ไม่ ผมไม่ถอด”ไม่ไหวแล้วหากต้องให้พี่เขาแตะต้องร่างกายโดยที่ผมเองไม่รู้อะไรเลย

   “รัมภ์เลือกเองนะ”สิ้นเสียงพี่เขาก็กระโจนขึ้นมากดร่างผมเอาไว้กับผืนเตียง ถอดกระชากเสื้อผ้าออกจากร่างกายของผมที
ละชิ้นจนไม่เหลือ ทิ้งให้ผมซุกกายเข้ากับตัวเองกอดร่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้หวังจะพ้นสายตาที่เป็นราวกับเจ้าป่าที่กำลังล่าเหยื่อ

   พี่คินปล่อยผมให้เป็นอิสระทันทีที่ร่างกายของผมไม่เหลืออะไรปกปิด เขาเดินลงไปจากเตียง เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบ
อะไรสักอย่างออกมา




   อะไรที่มันทำให้ร่างกายของผมมันเย็นวาบไปทั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองมัน ผิวกายสั่นระริกเมื่อเสียงของมันกระทบกัน
ไปมาเสียดหู

   “พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่ใช่สัตว์”ผมส่ายหน้า เมื่อพี่เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับโซ่เส้นใหญ่ในมือ

   “พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าหนีพี่ไปอีกครั้งรัมภ์จะถูกล่ามเอาไว้”


   “อย่า ผมไม่เอา”ผมถอยหนีไปจนชิดหัวเตียง แต่ข้อเท้าก็ถูกจับเอาไว้แล้วดึงลากเข้าไปหา

   เสียกล็อกของโลหะดังกริ๊กพร้อมกับความเย็นวาบแล่นเข้ามาที่ข้อเท้า ถูกล่ามเอาไว้กับขาเตียง

   “บทลงโทษที่รัมภ์พยายามจะหนีพี่ครั้งแล้วครั้งเล่า”เสียงที่ฟังดูน่าขนลุกกระซิบพร้อมกับจมูกโด่งคลอเคลียลงมาที่พวง

แก้ม

   “ฮะ ฮึก”

   “รัมภ์เป็นของพี่”ลิ้นร้อนลากลงมาเกี่ยวกระหวัดติ่งหูให้ผมสะดุ้ง

   “มะ ไม่เอาอย่าทำ”ผมส่ายหน้าไปมา

   ฝ่ามือร้อนกำลังลากผ่านผิวกายของผมไปทั่ว ยอดอกถูกนิ้วทั้งสองของพี่บีบขยี้จนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ขัดขืนไม่ได้เมื่อถูกกดลง
ไปบนเตียง

   พี่คินถอดเน็คไทล์ของตัวเองออกอย่างลวกๆ แล้วทำในสิ่งที่ผมกำลังกลัว นั้นก็คือใช้มันมาพันธนาการมือทั้งสองของผม
เอาไว้ไม่ให้ขัดขืน

   “รัมภ์น่าจะเชื่อฟังพี่บ้าง ไม่อย่างนั้นรัมภ์คงไม่ต้องเป็นแบบนี้”พี่คินพูดพลางถอดเสื้อเชิ้ตสีเข็มออก แล้วเอามันมาคลุมไว้ที่
หน้าของผม ใช้แขนเสื้อผูกเอาไว้ไม่ให้หลุดออก ทำให้ผมมองไม่เห็น

   มันทำให้ผมรู้สึกถึงวันแรกที่พี่เขาทำกับผม ผูกมัดผม ตรึงผมเอาไว้ให้ผมไร้ทางสู้ ไม่ให้มองเห็นสิ่งที่เขากระทำกับร่างกาย
ของผม

   “อย่า”

   ร่างกายของผมถูกจับให้พลิกคว่ำ กดหัวให้ต่ำลงไปทั้งที่มองไม่เห็น เจลร้อนถูกราดลงมาผ่านระหว่างร่องหลืบด้านหลังจน
มันชุ่ม

   “ครั้งนี้พี่จะทำให้รัมภ์เจ็บ จนไม่กล้าที่จะหนีพี่ไปอีก”

   “อะ อึก”

   ความจุกเสียดในครั้งเดียวที่โถมเข้ามาทำให้ร่างกายของผมมันสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ กายร้อนผ่าวที่ลุล้ำเข้ามามัน
ใหญ่โตเกินที่ผมจะรับมันไหว ขาทั้งสองข้างสั่นจนแทบจะทรงตัวเอวไม่อยู่

   “โทษที่รัมภ์ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น”


   “อะ อึก เจ็บ”

   พี่คินกระแเทกกายเข้ามาจนสุด ทั้งรุนแรงและหนักหน่วง ผมได้แต่ซุกหน้าลงกับที่นอน จิกนิ้วลงบนผ้าปูเมื่อท่อนเนื้อร้อน
ราวเหล็กนาบไฟสอดใส่เข้ามาไม่หยุด

   จากที่เจ็บแสบเริ่มรู้สึกหน่วงๆ แก่นหายเบื้อหน้าถูกมือหยาบกร้านปลุกเร้าจนรู้สึกทรมานราวกับถูกแขวนเอาไว้บนที่สูงแล้ว
ถูกยังคับให้ต้องมองลงมาทั้งที่กำลังหวาดกลัว

   “ยะ หยุดที”ถึงแม้จะร้องขอแค่ไหน แต่เสียงของผมก็ยังคงส่งไปไม่ถึง พี่เขายังคงโถมกายเข้ามา กระหน่ำความป่าเถื่อน
เข้ามาราวกับเป็นบทลงโทษที่ผมพยายามหนีอีกครั้ง

   “คราวหลังอย่าคิดหนี อย่าคิดเข้าใกล้คนอื่น อย่าร้องขอให้คนอื่นมาช่วย”


   เสียงคำรามขู่ดังก้องอยู่ในหู พี่คินกระแทกกายเข้ามาทั้งเร็วและรุนแรงจนผมทนต่อไปไม่ไหว เบื้องหน้าที่รู้สึกอัดอั้นถูก
ปลดปล่อยออกมาจนสิ้น ร่างกายสั่นระริก ภายในตอดรัดท่อนกายใหญ่ถี่รัวขัดแย้งกับความรู้สึกทีมี

   พี่คินปลดเสื้อที่คลุมหน้าผมไว้ออก ทำให้ผมกลับมามองเห็นอีกครั้ง แต่ผมก็ยังไม่เห็นหน้าของเขาอยู่ดี เพราะถูกจับให้
นอนคว่ำ บังคับให้ต้องยกสะโพกรับกายของพี่เขาเข้ามา

   แล้วสิ่งที่ทำให้ผมหน้าชาราวกับโดนตบก็คือประตูที่น่าจะปิดลงกลับถูกแง้มเอาไว้ ดวงตาคมของใครบางคนทำให้ผมเบิก
ตากว้าง

   ภูผาถูกบังคับให้ยืนอยู่ตรงนั้น ข้างหลังประตูแล้วจับให้มองมาที่ผมทั้งที่ดวงตากำลังสั่นระริก โดยมีหมอนทียืนซ้อนอยู่ด้าน
หลัง

   “รู้ไหมว่าความดื้อรั้นของรัมภ์ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”พี่คินกระซิบจับใบหน้าของผมให้หันไปอีกทางก่อนที่ลิ้นร้อนแลบเลีย
ลงมาที่พวงแก้ม

   “ทะ ทำไมกัน”

   ถูกภูผากับหมอนทีเห็นหมดแล้ว เห็นว่าผมกำลังถูกพี่คินกอดด้วยความป่าเถื่อน ทำไมพี่เขาต้องทำกับผมถึงขนาดนี้กัน

   “ยะ หยุด”

   ผมพยายามดิ้น แต่มือที่ถูกพันธนาการเอาไว้ทำให้ผมเป็นเหมือนกับสัตว์ตัวเล็กที่กำลังถูกผู้ล่ากัดเข้าที่คอ ไม่มีวันหลุด
รอดไปจากคมเขี้ยว

   เสียงโซ่กระทบกันยามที่พี่เขากระแทกกายเข้ามายังคงดังก้องหู ผมอยากให้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขั้นเป็นเพียงแค่ความ
ฝัน อยากจะตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเก่าๆ ในตึกสองแถวที่ซึ่งเป็นบ้านของผมกับแม่ ผมอยากกลับไปหาแม่


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พระเอกขาโหด มีคนบอกว่าเรื่องนี้แนวจำเลยรัก ไอ้เราก็ไม่เคยดูหรอก รู้แค่ว่าชอบ 555 ชอบพระเอกเย็นชา กักขังหน่วงเหนี่ยว เก็บไว้รักคนเดียว ห้ามออกไปไหน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 31-03-59 บทที่ 5 หนีอีกครั้ง (แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-03-2016 21:48:05
ใช่เลย จำเลยรัก  :ling1:
เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันใย  รัมภ์ทำผิดที่หลอกให้พี่คินรัก
พี่คินถึงกับจับรัมภ์ กักขัง ข่มขืน ล่ามโซ่ เป็นที่ระบายความใคร่ :katai1:
พี่คินโหดไปไหม   :m16:
เมื่อไหร่จะรักกันดีๆ นะ  :กอด1:
รอตอนใหม่  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 31-03-59 บทที่ 5 หนีอีกครั้ง (แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 31-03-2016 22:54:40
 :เฮ้อ: อิชั้นพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 31-03-59 บทที่ 5 หนีอีกครั้ง (แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 01-04-2016 03:55:23
เมื่อไหร่จะได้รักกันสักที พี่คินเบาๆกับน้องหน่อยก็ได้
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 31-03-59 บทที่ 5 หนีอีกครั้ง (แก้ไข
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 01-04-2016 07:51:36
ถ้าได้รักกันจริงๆจะไว้ใจกันได้ไหม
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 01-04-2016 14:32:04
บทที่ 6 บาดแผล

   สามวันแล้วที่ผมยังคงถูกล่มด้วยโซ่ตรวน เสียงของมันยามยามลากเสียดสีกระทบไปกับพื้นห้องช่างบาดหู ถึงแม้ว่ามันจะ
ไม่ได้รัดข้อเท้าของผมแน่นมาก แต่ความพยายามที่จะเอามันออกก็ทำให้ข้อเท้าเริ่มเป็นรอยเขียวช้ำดูน่ากลัว

   “ตื่นแล้วเหรอ”น้ำเสียงทุ้มหูทักทาย

   มันเป็นเสียงที่อ่อนโยน แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่ามันน่าฟังเอาซะเลย พี่คินดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของผม
แผ่วเบา

   “ไปอาบน้ำได้แล้ว”

   พี่เขาดึงผมให้ลุกดึงเอาโซ่ตรวนลากไปกับพื้นร้าวกับเป็นนักโทษให้ผมเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ

   น้ำอุ่นถูกเปิดให้ไหลผ่านร่างกาย  ผมไม่ต้องเสียเวลาถอดเสื้อผ้าเพราะเสื้อผ้าทั้งหมดถูกพี่เขาเก็บไปหมด ปล่อยให้ผม
ต้องเปลือยตลอดเวลาเพราะเขากลัวว่าผมจะหนีไปอีกครั้ง

   “น้ำร้อนไปไหม”เขาถามเสียงเบาปรับอุณหภูมิน้ำให้เย็นขึ้นเล็กน้อย ผมได้แต่นิ่งเงียบปล่อยให้พี่เขาทำตามที่ใจอยาก

   “เจ็บไหม”เขาถามยามที่สอดนิ้วเข้าไปล้วงเอาของที่คั่งข้างข้างในออกมา ทิ้งให้ผมได้แต่สั่นเล็กๆเมื่อนิ้วนั้นกวาดวนไปทั่ว
กัดฟันให้กับความรู้สึกจุกหน่วงที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น



   “ใส่เสื้อผ้าสิ”เสื้อผ้าถูกโยนมาตรงหน้าหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จ ผมเงยหน้ามองพี่คินเล็กน้อย แปลกใจที่พี่เขายอมให้ผม
ใส่เสื้อผ้า

   “วันนี้วันหยุด พี่อยากพักผ่อน”พี่คินบอกแค่นั้นแล้วย่อตัวลงเบื้องหน้า จับข้อเท้าของผมข้างที่ถูกล่ามเอาไว้ขึ้นมาด้วย
ความเบามือ แล้วบรรจงลูบรอยช้ำนั่น

   “รัมภ์สัญญากับพี่ได้ไหมว่ารัมภ์จะไม่หนีพี่อีกถ้าหากพี่ปลดโซ่นี่ออก”

   คำถามที่พี่เขาเองก็น่าจำรู้คำตอบดีว่ายังไงผมก็ต้องยอม อย่างน้อยก็เพื่อให้ผมยังรู้สึกอยู่บ้างว่าผมไม่ใช่นักโทษที่ต้องล่ม
โซ่เอาไว้ตลอดเวลา ผมพยักหน้าเบาๆ

   พี่คินปลดโซ่ออก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจูบลงบนรอยช้ำนั่น ผมสะดุ้งชักเท้าหนี แต่ก็ถูกจับเอาไว้ไม่ให้ขืนหนี

   “ไปกินข้าวกัน”

   พี่คินดึงมือให้ผมลุก ผมได้แต่เงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ เพราะปกติจะมีคนเอาอาหารมาให้ ถึงแม้ว่าสามวันที่ผ่านมา
ผมจะไม่เจอภูผาเลยก็ตาม

   อดไม่ได้ที่ผมจะเป็นห่วงภูผา ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน สีหน้าของภาดูเหมือนกำลังหวาดกลัวและรู้สึกผิด ยามที่ตาคู่นั้นจ้อง
มองผมในตอนที่พี่คินกำลังกอดผมอย่างป่าเถื่อน

   “แล้วภูผาล่ะ”ผมถามถึงภูผาเมื่ออดเป็นห่วงไม่ได้

   “โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ภูผาต้องไปเรียน”ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมภูผาถึงไว้ผมทรงสกินเฮด

   “ไม่ได้ทำอะไรภูผาใช่ไหม”

   “พี่ไม่มีสิทธิทำอะไรภูผา ภูผาไม่ใช่คนของพี่ ถ้ารัมภ์เป็นห่วงภูผานักก็จำไว้ว่าอย่าดึงใครเข้ามาเดือดร้อน”

   “ภูผาไม่ผิด”

   “เรื่องนั้นรัมภ์ไม่จำเป็นต้องบอกพี่ เพราะพี่ไม่ใช่คนตัดสิน”พี่คินเสียงแข็งมากขึ้นเมื่อผมพูดถึงภูผาบ่อยครั้ง “วันนี้วันเสาร์
บางทีรัมภ์อาจจะได้เจอภูผา”

   “ผมจะโทรหาแม่ได้อีกไหม”ผมถามเมื่อพี่คินเคยขู่เอาไว้เรื่องโทรศัพท์

   “รัมภ์สามารถโทรหาแม่ได้ แต่ก่อนอื่นรัมภ์จะต้องลงไปกินข้าวกับพี่ก่อน”

   ผมพยักหน้ารับทันทีแล้วเดินตามพี่คินลงมายังชั้นล่าง จนถึงในครัว พี่คินดันให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้เบื้องหน้าเป็นโต๊ะกินข้าว

   แล้วก็ตามที่พี่คินได้บอกเอาไว้ ผมเหลือบมองภูผาที่ทยอยยกกับข้าวมาวางลงบนโต๊ะทีละอย่าง ข้อมือทั้งสองข้างพันผ้า
พันแผลเอาไว้ รวมถึงที่คอเองก็มีผ้าพันแผล

   ผมได้แต่มองตามจนรู้สึกว่าพี่คินเริ่มไม่พอใจ ถึงได้ละสายตาลงมามองจานข้าวของตัวเอง ปล่อยให้ภูผาและผู้หญิงอีกคน
ที่ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านยกข้าวมาให้

   น่าแปลกใจที่กับข้าวตรงหน้าเป็นกับข้าวที่ผมชอบทั้งหมดทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าพี่เขา

   “กินสิ รัมภ์น่าจะชอบ พี่สั่งทำให้รัมภ์โดยเฉพาะเลยนะ”พี่คินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่สายตาที่จ้องมาเหมือนกับ
เป็นการบังคับซะมากกว่า

   เผลอแปบเดียวภูผากับผู้หญิงคนนั้นก็หายไปแล้ว ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความอึดอัดสองต่อสองกับพี่เขา กับข้าวที่ถึงแม้จะ
เป็นของชอบ แต่ก็ดูฝืดคอจนรู้สึกว่ามันไม่อร่อย

   ในที่สุดผมก็คว่ำช้อนลองเพราะกินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ผมลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินกลับไปที่ห้อง ทว่าข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้ ดึง
ให้ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ดังเดิม

   “พี่ยังกินไม่เสร็จ!!”

   สั้นๆแต่ได้ใจความ และผมก็ต้องฟังคำสั่งของพี่เขา เพื่อที่จะได้ใช้โทรศัพท์ตามที่ต้องการ

   รอจนพี่คินกินเสร็จ ผมถึงได้ลุกจากเก้าอี้อีกครั้งแล้วเดินตรงไปที่บันไดเพื่อกลับไปที่ห้องตัวเอง ถึงแม้จะแปลกใจที่พี่คิน
ยอมให้ผมออกมาจากห้อง พาผมลงมากินข้าวในครัว แต่ยังไงผมก็รู้ดีว่าผมก็ต้องกลับไปอุดอู้อยู่ในห้องนั่นอีก

   “จะไปไหน”

   แทนคำตอบผมเหลือบมองชั้นบนของตัวบ้าน แต่พี่คินส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้มออกมา ดึงให้ผมเข้าไปในห้องรับแขก ก่อน
จะหยิบรีโมทกดเปิดทีวี เป็นรายการที่ผมคุ้นตาดี เพราะชอบดูกับแม่ในวันหยุดตอนที่ช่วยแม่รับลูกค้าที่มาสั่งอาหาร

   “รัมภ์รู้ใช่ไหมว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด”โทรศัพ?ถูกหยิบออกมาโชว์อยู่เบื้องหน้า

   ผมพยักหน้าแล้วรับมันมาไว้ในมือ รีกดเบอร์ที่จำได้ต่อหาปลายสายทันที

   “ฮะ ฮัลโหลแม่”ผมกรอกเสียงลงไป พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น

   ‘รัมภ์เหรอลูก เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม รัมภ์ไม่เห็นบอกแม่เลยว่าเจ้านายรัมภ์ที่เขาให้รัมภ์ไปฝึกงานเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย’แม่
พูดในสิ่งที่ทำให้ผมขมวดคิ้ว เกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อถูกดึงให้ขึ้นไปนั่งเกยตักในแบบที่ผมไม่ชอบ

   “ระ รัมภ์ยังไม่ได้บอกแม่เหรอ”

   ‘ขี้ลืมจริงๆลูกคนนี้ แม่เองก็เพิ่งจะรู้เอาตอนที่พี่เขามาหาแม่เมื่อสี่ห้าวันก่อน แถมเอารังนกมาให้แม่ต้มกินอีก’

   “เขาไปหาแม่เหรอ”ผมหันหน้าไปมองพี่คินด้วยความไม่พอใจขึ้นมาทันที

   แค่ผมเขายังไม่พอใจอีกรึไง ถึงได้ไปยุ่งกับครอบครัวผมแบบนั้น

   ‘ใช่จ๊ะ เขามาหาแม่ บอกว่ารัมภ์สบายดี แล้วก็เอาเงินเดือนที่รัมภ์ฝากเขามาให้แม่แล้วนะ’

   “งะ เงินเดือนอะไร”

   ‘อ่าว เจ้าลูกคนนี้ จำไม่ได้รึไงว่าตัวเองเอาเงินเดือนฝากพี่เขามาให้แม่’

   “อื้อ รัมภ์ลืมน่ะแม่ แล้วแม่ไปหาหมอวันนั้นหมอว่าไงบ้าง”

   ‘แม่ไม่เป็นไร หมอแค่บอกว่าแม่พักผ่อนน้อย เพราะแม่เปิดร้านดึก แต่เดี๋ยวนี้แม่ปิดร้านเร็วแล้วนะ สี่โมงเย็นแม่ก็ปิดแล้วล่ะ
บังเอิญมีบริษัทอะไรสักอย่างเนี่ยแหละมาผูกปิ่นโตข้าวกล่องแม่ทุกวันวันละหลายสิบกล่องให้แม่ทำไว้แล้วเขาก็มารับเอาไปตอน
สิบโมงไปให้พนักงาน แม่เลยมีเวลาพักผ่อนเยอะกว่าเดิม รัมภ์ไม่ต้องห่วงแม่หรอกนะ เงินเดือนๆหน้าก็เก็บเอาไว้ใช้ เอาไว้ซื้อ
ของที่อยากได้’

   “อื้อ แม่ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”ผมบอกเสียงสั่น ผมไม่คิดว่าร้านขายออาหารตามสั่งเล็กๆจะมีคนมาสั่งข้าวกล่องอะไรทุก
วันขนาดนั้น มันเป็นการบังเอิญที่จงใจเกินไป

   ‘เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ แม่ต้องทำข้าวกล่องอีก เดี๋ยวจะเสร็จไม่ทันตอนเขามารับ’

   “อืม แม่อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”

   ‘รัมภ์เองก็ดูแลตัวเอง อย่าลืมห่มผ้าล่ะ แม่คิดถึงรัมภ์นะ’

   “รัมภ์ก็คิดถึงแม่”ผมตอบเสียงพร่าก่อนปลายสายจะตัดไป กระบอกตารู้สึกร้อนผ่าวราวกับน้ำตาที่พยายามกักเก็บเอาไว้
กำลังจะเอ่อล้น

   “พี่ทำบ้าอะไร พี่ไปหาแม่ผมทำไม”ผมสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนที่กอดรัด ลุกขึ้นมาจ้องหน้าพี่เขาด้วยความไม่พอใจที่เขา
ล้ำเส้นจนเกินไป “แล้วข้าวกล่องอะไรนั่นฝีมือพี่ใช่ไหม ถ้าพี่คิดจะเล่นอะไรล้ำเส้นอยู่ล่ะก็ หยุดเดี๋ยวนี้ อย่ามายุ่งกับครอบครัวผม”
เพราะผมมีแม่เหลือแค่คนเดียวในโลกนี้

   “พี่กำลังช่วยรัมภ์ไง ไม่ดีรึไงที่แม่รัมภ์จะได้พักผ่อน”

   “ถ้าพี่อยากจะช่วยผมพี่ก็ปล่อยผมไปสักที”

   “รัมภ์ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ พี่ไม่ยอมปล่อยรัมภ์ไปเด็ดขาด”น้ำเสียงแข็งกร้าวตวาดดังก้องก่อนจะดึงผมให้กลับไปนั่งบนตัก
กว้าง

   “ผมบอกว่าผมไม่ชอบ!!”ผมขืนตัวเอาไว้

   “วันนี้วันหยุด พี่อยากพักผ่อน รัมภ์อย่าดื้อได้ไหม”

   ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่พี่คินก็ยอมปล่อยมือให้ผมนั่งลงข้างๆแทนที่จะนั่งบนตักของเขา

   “ครบสามเดือนผมจะคืนเงินที่พี่เสียไปทั้งหมด”

   “พี่ไม่ได้ต้องการเงินคืน แต่พี่ต้องการอย่างอื่นคืน”

   นั่นคือคือคำตอบของพี่เขา และมันก็เป็นเหมือนเดิม เหมือนเดิมที่ผมไม่รู้ว่าพี่เขาต้องการอะไรจากผม



   -8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8-8



   “ชอบไหม”เสียงกระซิบถามแข่งกับเสียงของลมทะเลที่พัดเข้าฝั่งจนผมที่เริ่มยาวปลิวมาปกหน้า

   “อืม”ผมพยักหน้าตอบรับย่ำฝ่าเท้าลงไปบนฝืนทรายขาวเม็ดละเอียด

   “ถ้ารัมภ์ชอบพี่จะพารัมภ์มาบ่อยเท่าที่รัมภ์ต้องการ”พี่คินบอกก่อนจะเดินมาชิดด้านหลังจมูกโด่งเฉียดแก้มผมไปแค่นิด
เดียวทำให้ผมสะดุ้งหันไปมองรอบๆเพราะยังมีคนงานหลายคนเดินอยู่แถวนี้

   “อย่า”

   “กลัวคนอื่นเห็น?”

   พี่คินถามแต่ผมไม่ตอบหลุบตามองพื้นทรายเบื้องล่างเมื่อเห็นคนงานสองคนกำลังมองอยู่ไกลๆ ดูเหมือนว่าคนที่นี่จะรู้กัน
หมดแล้วว่าผมเป็นใคร และที่ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกกลับไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ

   “คนที่นี่เขารู้ว่ารัมภ์เป็นอะไรสำหรับพี่”พี่คินกระซิบดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะจูบลงบนแก้มเบาๆ

   ทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตาที่ต้องคอยทำตามที่พี่เขาสั่ง

   “กลับกันเถอะ วันนี้ลมแรง เดี๋ยวจะไม่สบาย ไว้วันอื่นพี่จะพารัมภ์มาเล่นน้ำ”

   ผมเหลือบมองประโยคสุดท้ายด้วยความสนใจทำให้พี่คินยิ้มออกมาเล็กๆ เขารู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมสนใจ อะไรที่ทำให้ผมไม่
พอใจ สามเดือนที่เราเคยคบกันทำให้เราต่างก็ศึกษาซึ่งกันและกันมากพอ



   หลังจากวันนั้นที่โซ่ถูกปลดออกไป พี่คินยอมให้ผมออกมาจากห้องเวลาที่เขาอยู่โดยที่มีเขาคุมอยู่ใกล้ๆ ผมถูกอนุญาตให้
เดินไปมาภายในบ้าน แต่ห้ามออกกไปข้างนอกหากไม่ได้รับอนุญาต ผมจะเจอกับภูผาแค่วันเสาร์กับอาทิตย์ แต่ถึงอย่างนั้นพี่คิ
นก็มักจะจับจ้องเอาไว้ด้วยสายคาดุดัน บังคับไม่ให้ผมเข้าใกล้ภูผาเกินเหตุ

   สองอาทิตย์แล้วที่พี่คินปล่อยให้ผมเดินไปมาในบ้านเวลาที่เขาอยู่ ยอมให้ผมคุยกับพี่นุ่มซึ่งเป็นคอยดูและเรื่องอาหารและ
เรื่องความสะอาดในบ้านหลังนี้เวลากลางวันและจะเลิกงานกลับบ้านในเวลาห้าโมงเย็นของทุกวัน ทำให้ผมรู้ว่าในเวลากลางคืน
ผมจะถูกทิ้งให้อยู่ในบ้านหลังนี้กับพี่คินสองคนเท่านั้น

   แล้ววันนี้พี่คินก็ทำให้ผมแปลกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อผมถูกพานอกฟาร์มสานรัก มาหยุดอยู่ที่ตลาดนัดของหมู่บ้านซึ่งมีทุกเย็น
ของวัน

   “พาผมมาที่นี่ทำไม”ผมถาม

   “ต่อไปนี้รัมภ์จะต้องเป็นคนทำกับข้าวเอง”

   “พี่นุ่นเป็นคนทำอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”ผมเบือนหน้าหนี

   ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเอายังไงกันแน่ แค่ขังริบอิสระของผมไปมันก็พอแรงอยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะบังคับให้ผมทำกับข้าวอีก

   “พี่อยากกินกับข้าวฝีมือรัมภ์”พี่คิดตัดบทพาดึงมือผมให้เดินตามไปยังแผงขายผัก ซึ่งป้าคนขายก็ยิ้มทักพี่คินด้วยภาษาใต้
อย่างสนิทสนม

   ผมเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาดูกร้านขึ้นเล็กน้อยจากสีผิวที่เข้มขึ้นและหนวดเคราที่เริ่มขึ้นครึ้ม อาจจะเป็นเพราะพี่คิน
ดูคมผิวเข้มเป็นทันเดิมเหมือนคนใต้อยู่แล้วจึงทำให้ยิ่งดูเถื่อนเข้าไปอีกเมื่อไม่ได้ใส่ใจกับไรเคราดกบนใบหน้า

   “เลือกสิ”คำสั่งที่ผมขัดไม่ได้ จำใจเลือกผักหลายอย่างใส่ตะกร้าส่งให้ป้าคนขาย

   แล้วก็ต้องยิ้มตอบเมื่อป้าเขายิ้มให้ผมเหมือนกับคุ้นเคย แล้วรับถุงผักมาถือไว้

   “พ่อหนุ่มนี่หน้าตาดีเนอะ มิน่านายหัวถึงหวงนักหวงหนา”สำเนียงออกแปร่งๆชวนคุย


   “ครับ”ตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่มีโอกาสและไม่คิดที่จะอธิบายอะไร

   ถุงผักถูกดึงไปถือแทนส่วนมือของพี่เขาอีกข้างก็ยังคงจับจูงให้ผมเดินตามไปยังเขียงหมู

   เหมือนเดิม พี่คินยังคงทักลุงคนขายหมูด้วยภาษาใต้ ซึ่งผมไม่คิดจะสนใจฟังบทสนทนาเพราะคิดว่าคงฟังไม่ออกอยู่แล้ว

   “เอาแบบไหนดี”พี่คินถามดันให้ผมเลือกเนื้อหมูส่วนต่างๆวางเรียงรายอยู่เบื้องหน้า”

   “เอาสันในชิ้นนี้ก็ได้ครับ แล้วก็สามชั้นชิ้นนี้”ผมจิ้มนิ้วไปที่ชิ้นเนื้อที่คิดว่าสวยที่สุดในแผง ได้วิชาเลือกของสดมาจากแม่
เพราะไปช่วยแม่ถือของจ่ายตลาดตอนเช้ามืดบ่อย

   “นอกจากจะตาน้ำข้าวแล้วยังตาถึงอีก มิน่านายหัวถึงไม่ปล่อยไปไหน”อีกแล้วที่ทั้งถูกชมและเหมือนถูกมองในแบบที่
ทำให้รู้สึกละอายใจในคราวเดียวกัน

   ผมรับถุงหมูมาถือไว้ และเหมือนเดิมพี่คินแย่งมันไปถือเอง ตลอดเวลาที่เดินอยู่ในตลาดนัดตอนเย็น รู้สึกเหมือนมีสาย
หลายคู่จ้องมองเหมือนตัวประหลาด พยายามคิดว่าที่เขามองผมเป็นเพราะผิวที่ขาวจัดกับสีตาและสีผมที่ได้มากพ่อ ไม่ใช่ใน
ฐานะอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับพี่คิน



   สุดท้ายผมก็กลายเป็นคนทำกับข้าวแทนพี่นุ่มไปโดยปริยาย พี่คินจะออกไปทำงานในเวลาสิบโมงเช้าของทุกวันและจะ
กลับมากินข้าวกลางวันในเวลาบ่ายโมงเลิกงานห้าโมงเย็นซึ่งผมจะต้องคอยเตรียมสำรับข้าวรอพี่เขาสามมื้อต่อวัน ทำเหมือนผม
เป็นแม่บ้านของพี่เขาที่ต้องคอยดูแลเรื่องอาหารการกินภายในบ้าน

   “พี่กลับก่อนนะรัมภ์”พี่นุ่มบอกลาเมื่อถึงเวลาเลิกงาน

   น่าแปลกที่พี่คินยังไม่กลับทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่กล้าที่จะหนีอีกแล้ว จำนวนเงินที่ระบุในสัญญา
มันมากเกินไป อีกอย่าง ผมกลัวว่าพี่คินจะพาลไปลงกับแม่ที่อยู่คนตัวเดียว

   ในระหว่างที่กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อดูของสดในตู้เตรียมทำมื้อเย็น เสียงกุกกักที่หน้าประตูหลังบ้านเรียกให้ผมหันไปมองด้วย
ความสงสัยคิดว่าเป็นพี่คิน แต่กลับไม่ใช่

   “อะ เอ่อ ผมลืมของเอาไว้เมื่อวันก่อน”ภูผาบอกเสียงขาดหาย ใบหน้าคมดูลำบากใจเมื่อผมจ้องอยู่

   “เดี๋ยวสิ อย่าพึ่งไป”ผมรั้งแขนภูผาเอาไว้

   “พี่ มีอะไรรึเปล่า”

   “พี่คิน เอ่อ พี่หมายถึงนายหัวของภูผา เขาไม่ได้ทำอะไรเราใช่ไหม”ผมถามด้วยความเป็นห่วง เพราะภูผาดูเกรงกลัวขึ้น
เยอะเวลาที่เข้าใกล้ผม

   “ไม่ นายหัวไม่ได้ทำอะไรผม พี่ไม่ต้องห่วง นายหัวภาคินไม่ใช่คนเลว”ภูผาส่ายหน้า “แล้ว เอ่อ พี่ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม นาย
หัวภาคินเป็นคนใจดี ถ้าพี่เชื่อฟังนายหัวจะดีกับพี่”

   “เรื่องนั้นพี่รู้”ผมพยักหน้า หลายวันที่ผ่านมาผมเรียนรู้แล้วว่าหากผมเชื่อฟังเขาเขาจะให้ในสิ่งที่ผมต้องการและเขาให้ได้

   “ผม ไม่ได้ตั้งใจมองพี่วันนั้น”ภูผาบอกเสียงแผ่ว เรื่องราวในคืนนั้นวนเวียนเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง

   “ช่างมันเถอะ ภูผาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากดึงภูผามาเดือดร้อน”

   “ผมเข้าใจดีว่าการถูกขังเอาไว้มันเป็นยังไง ที่ผมช่วยพี่ผมเต็มใจ พี่ไม่ต้องห่วง ผมต้องกลับแล้ว ไว้วันเสาร์ผมจะมาใหม่”

   “อืม”ผมพยักหน้ารับเมื่อภูผาดูกังวลกับเรื่องเวลา

   

   “คุยอะไรกัน”ทันทีที่ภูผาเดินออกไปทาประตูหลัง เสียงไถ่ถามก็ดังขึ้นมา หันไปมองนัยน์ตาคู่คมกริบจ้องมองมาเหมือน
กำลังจับผิด

   วันนี้ดูเหมือนจะแตกต่างไปจากทุกทีเมื่อพี่คินดูเหมือนจะหงุดหงิดกับอะไรมาก่อนหน้านี้

   “ภูผามาเอาของที่ลืมไว้”ผมรีบตอบไปตามความจริงเพราะกลัวว่าภูผาจะซวยเดือดร้อน

   “แค่นั้น?”

   “อืม”ผมพยักหน้า

   “พี่มีอะไรจะถามรัมภ์”พี่คินดึงแขนให้ผมเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนจะเปิดรายการข่าวช่วงเย็นทิ้งเอาไว้

   “รัมภ์รู้จักคนในรูปนี้ไหม”กระดาษเอสี่หลายแผ่นถูกวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า แต่ละแผ่นปริ้นรูปที่เหมือนจะตัดมาจากกล้อง
วงจรปิดในนั้นมีรูปของผู้ชายร่างสูงอายุประมานสามสิบกว่าๆท่าทางเหมือนกำลังติดต่อกับพนักงานที่เค้าน์เตอร์ของฟาร์มสานรัก

   “ไม่”ผมส่ายหน้ายื่นรูปพวกนั้นคืน

   “รัมภ์แน่ใจนะว่ารัมภ์ไม่รู้จัก”พี่คินคาดคั้น

   ผมได้แต่พยักหน้า จ้องตอบดวงตาคู่ดุที่มองมาเหมือนกับกำลังจับผิด ก็แล้วทำไมผมถึงจะต้องรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยในเมื่อ
ผมไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้น

   “ผู้ชายคนนี้มาถามหารัมภ์ที่ออฟฟิต พี่อยากรู้ว่าเขารู้ได้ยังไงว่ารัมภ์อยู่ที่ฟาร์มสานรัก”

   “ผมไม่รู้”ผมตอบเสียงแข็งเมื่อถูกคาดคั้น ในเมื่อผมยืนยันไปแล้วว่าผมไม่รู้จักกับผู้ชายในรูป ทำไมพี่เขาจะต้องทำเหมือน
กับกำลังจับผิดทั้งที่ผมไม่ผิด

   “ถ้ารัมภ์ยืนยันแบบนั้นพี่ก็จะเชื่อรัมภ์”พูดจบพี่คินก็ถึงผมเข้าไปใกล้เหมือนทุกครั้งที่ทำเวลาที่กลับมาจากทำงาน ดึงผม
เข้าไปกอดแล้วก็จูบลงมา

   แต่ครั้งนี้กลิ่นสาบแปลกๆปะปนกับกลิ่นดินที่ติดมากับตัวของพี่เขาทำให้ผมขืนตัวออก

   “รัมภ์เหม็น?”

   ผมพยักหน้ามองดูพี่เขาก้มลงดมเสื้อของตัวเอง วันนี้พี่คินอยู่ในชุดทำงานที่รัดกุมเหมือนชุดของคนงานคนอื่นๆไม่เหมือน
ทุกวันที่อยู่ในชุดสุภาพดูสุขุม

   “พี่เข้าไปดูนกในถ้ำมา เห็นคนงานบอกว่าช่วงนี้นกหายไปเยอะผิดปกติ”

   “อืม”ผมพยักหน้าเตรียมลุกขึ้นเพื่อจะไปทำกับข้าว


   “จะไปไหน รัมภ์ยังไม่ได้ทักทายพี่”

   ถูกดึงมือเอาไว้ให้หันกลับไปแล้วตอบรับจูบทั้งที่กลิ่นดินยังปะปนติดอยู่บนร่างกายของพี่เขา

   นานนับหลายนาทีจนพี่เขายอมปล่อยผม แล้วเดินขึ้นชั้นบนเพื่ออาบน้ำ ทิ้งเวลาให้ผมได้ทำกับข้าวเตรียมเอาไว้สำหรับมื้อ
เย็น

   



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จริงๆนายหัวของเราเค้าเป็นคนอ่อนโยนนะ ส่วนน้องรัมภ์เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองต้องทำยังไง


หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 01-04-2016 15:34:10
เริ่มปรับตัวสินะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 01-04-2016 16:18:08
คินคงทั้งรักทั้งแค้นแหละ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 01-04-2016 16:43:34
มีเรื่องแยกหรือตอนพิเศษของภูผาไหมคะ เหมือนน้องจะมีอะไรในใจสักอย่าง อยากรู้อ่ะ อิอิ  :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 01-04-2016 20:11:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 01-04-2016 20:21:53
ชอบตอนนี้นะแต่ก็ไม่อยากให้รัมภ์ใขอ่อนง่ายๆในสามเดือนนี้อ่ะ   
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2016 22:41:37
ใครนะ มาถาม ตามหารัมภ์  :katai1:
พี่คิน มั่นคงในรัก รักรัมภ์จริงๆ เป็นคนรักที่ใครก็อยากได้  :o8:
อยากให้ความใกล้ชิด การทำดีต่อแม่รัมภ์ ทำให้รัมภ์ เห็นความรักจริงของพี่คิน  :man1:
รอ นะ  :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 02-04-2016 02:37:28
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 02-04-2016 14:08:25
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 01-04-59 บทที่ 6 บาดแผล
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-04-2016 16:17:47
ใครได้พี่คินเป็นแฟนรักตายเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 02-04-2016 17:16:15
บทที่ 7 ทำงาน

   “รัมภ์”เสียงกระซิบข้างหูปลุกให้ผมสะลึมสะลือตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า

   “รัมภ์”พี่คินเรียกย้ำคราวนี้จมูกโด่งคลอเคลียช่วงลาดไหล่ของผม กระดุมเสื้อค่อยๆถูกปลดออกทีละเม็ดอย่างเบามือ

   “อือ”ผมครางอือในลำคอเพราะยังคงง่วงงัน เบือนหน้าหนีเล็กน้อยเมื่อไรเคราสากถูกไถต้นคอชวนให้รู้สึกจั๊กจี้

   “รัมภ์ ตื่นได้แล้ว เด็กดี”

   “อือ ไม่เอา”ผมผลักพี่เขาออกเมื่อท้องฟ้านอกหน้าต่างยังคงมืดครึ้ม

   เสื้อนอนถูกปลดกระดุมออกจนหมด มือใหญ่กร้านแหวกสาบเสื้อออกจากกันก่อนที่พี่คินจะก้มลงไปตวัดลิ้นเลียปลายยอด
เล็กๆบนแผงอกให้ผมได้สะดุ้งลืมตาขึ้นมามองด้วยความตกใจ

   “ตื่นได้แล้วคนเก่ง”พึมพำทั้งที่ยังดูดดึงปลายยอดที่อยู่ในปากทำให้ผมขนลุกซู่

   “จะ จะทำอะไร”

   ได้แต่ถามเสียงสั่นเมื่อกางเกงขอบยางยืดถูกดึงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้ากายหลับใหลถูกกอบกุมกระตุ้นด้วยมือร้อนผ่าวจน
ตื่นขึ้นมาถึงแม้ว่าใจจะไม่ได้ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นก็ตาม

   “คนเก่ง”

   เสียงปลอบประโลมยังคงดังพึมพำเมื่อริมฝีปากหยักพรมจูบลงมาทั่วหน้าในความมืด

   “ผมง่วง”

   ผมบอกออกไม่ ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับความต้องการของพี่เขาที่จู่ๆดันมาเกิดขึ้นเอาตอนเช้ามืดแบบนี้ ร่างกายของผม
สั่นเล็กๆเมื่อมือสากลากผ่านไปทั่วพร้อมกับลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดลงบนต้นคอไล่ไปจนถึงแผงอก

   “รัมภ์รู้ไหมว่ารัมภ์ตัวหอม”

   พี่คินพึมพำ เสียงหายใจหอบกระเส่ากระซิบข้างหู สองมือของพี่เขาจับขาของผมให้อ้าออกกว้างตอบรับกายสูงใหญ่แทรก
มาคั้นตรงกลาง

   ความง่วงของผมหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจลเย็นวาบถูกเทราดลงไปบนช่องทางด้านหลัง นิ้วแข็งกร้านถูกสอดเข้ามาทีเดียว
จนผมสะดุ้งคว้าคอพี่เขามากอดไว้อย่างไม่ตั้งใจ

   “อือ อย่าลึก”

   ผมร้องห้าม นิ้วที่ทั้งแข็งทั้งร้อนสอดเข้ามาแล้วคว้านไปทั่ว ผมได้แต่กัดฟันพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมา

   “ร้องออกมาสิรัมภ์ พี่อยากได้ยินเสียงเวลาที่พี่เข้าไปในตัวรัมภ์”คำพูดลามกกำลังทำให้หน้าผมร้อนวูบ

   จูบเร่าร้อนถูกป้อนลงมาส่งลิ้นชื้นน้ำลายเข้ามาเกี่ยวกระหวัดข้างในโพลงปาก ร่างกายของผมกำลังถูกทาบทับด้วยร่างกาย
ที่ทั้งใหญ่แล้วก็แข็งแรง ผิวเนื้อร้อนราวกับไฟนาบลงมาแนบชิดชวนให้แทบหลอมละลายเหมือนขี้ผึ้งที่ถูกไฟลน

   “อือ”ผมครางออกมาเสียงเบาเมื่อพี่คินถอนนิ้วออก ปลายท่อนลำอุ่นร้อนจรดลงบนปากทางอ่อนไหว

   มันถูไถอยู่อย่างนั้น ทำให้ผมเกร็งตัวเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรพี่เขาจะเข้ามา

   “อยากได้ไหม”พี่คินถามเสียงพร่าดวงตาดุดันแต่ดูแพรวพราวจ้องมองผมเหมือนกับกำลังพยายามอ่านใจ

   “ไม่”ผมตอบเสียงสั่นส่ายหัว

   “เป็นเด็กไม่ดีเลยรู้ไหม”พี่คินกระซิบ

   ก่อนที่ผมจะเบิกตากว้าง ท่อนเนื้อร้อนผ่าวอีกทั้งแข็งขืนสอดเข้ามารวดเดียว

   “ฮะ ฮึก”ผมสะอื้นจิกเล็บลงบนบ่ากว้าง ถึงแม้จะไม่เจ็บแต่ก็รู้สึกจุกหน่วงจนสิ่งที่พยายามอดกลั้นเอาไว้แทบจะปลดปล่อย
ออกมา

   พี่คินยังคงกระซิบทั้งคำปลอบโยนและคำพูดลามกน่าอายข้างหู แต่สำหรับผมแล้วมันกลับไม่เข้ามาในหูผมเลยเมื่อท่อน
กายใหญ่โตกระทั้นเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฉุดดึงผมให้จมสู่ความกระสันที่ไม่อาจจะควบคุมได้

   “อะ อื้อ พี่คิน ผม พอ”ผมร้องไม่เป็นคำยามที่กายแข็งขืนดันเข้ามาจนสุด กระตุ้นให้ด้านหน้าบวมเป่งและใกล้จะปลดปล่อย
ออกมาเต็มทน

   ผมไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่เขาปล่อยให้ผมนอนอีกครั้งตอนไหน รู้แค่ว่าเขาฝากฝังของต่างหน้าเอาไว้ข้างในกายจนมันไหล
ย้อนออกมา ก่อนร่างกายจะถูกดึงเข้าไปกอดแล้วหลับลงไปอีกครั้ง



   “รัมภ์ ตื่นได้แล้ว คนเก่ง”พี่คินแตะที่แขนผมอย่างเบามือ แต่ผมกลับสะดุ้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาปลุกผมด้วยการ
เรียกชื่อแบบนี้ผมต้องเจอกับอะไร

   ของเหลวที่ไหลย้อนออกมาทางช่องทางด้านหลังเรียกให้ผมหวนนึกถึงเมื่อเช้ามืด เบือนหน้าหนีสายตากรุ่มกริ่มมองมา
อย่างมีความหมาย

   “ไปอาบน้ำได้แล้ว”

   พี่เขาฉุดให้ผมลุกขึ้นจากเตียง แต่ขาเจ้ากรรมมันดันไม่มีแรงทำให้ผมเกือบจะทรุดลงไปด้วยความที่ไม่ตั้งตัวหากไม่มีแขน

แข็งแรงฉุดเอาไว้เสียก่อน

   “เป็นอะไรไป”ถามเสียงเรียบ ซึ่งนั่นทำให้ผมหงุดหงิด

   

   “ใส่ชุดนี้สิ”ชุดทำงานที่เหมือนกับชุดของคนสวนถูกยื่นมาข้างหน้า

   “ทำไมต้องชุดนี้”

   “วันนี้เราจะไปทำงานกัน”พี่คินใช้คำว่าเรา ผมเข้าใจทันทีว่ายังไงผมก็เลี่ยงคำสั่งไม่ได้

   ได้แต่รับชุดคนสวนนั้นมาใส่ทั้งที่ไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่อย่างน้อยก็ต้องใส่กางเกงขายาวสุภาพกับเสื้อเชิ้ตแท้ๆ หรือว่าเขา
ต้องการจะแกล้งให้ผมอายต่อหน้าคนอื่น



   “ออฟฟิตไม่ได้ต้องขับรถไปเหรอครับ”ผมดึงแขนเสื้อของพี่เขาเอาไว้เมื่อเราสองคนเดินเลยรถของพี่เขาเข้าในป่าช่องทาง
เดินกว้างเท่าถนนเลนเดียว พื้นทางเดินค่อยๆชันขึ้นและเริ่มมีก้อนหินและเถาวัลย์ขึ้นรกเต็มไปหมด

   “เราไม่ได้จะไปออฟฟิต”

   เรามาหยุดอยู่ตรงปากทางเข้าถ้ำด้านหน้าของหน้าผาสูง เริ่มเห็นคนงานเดินสวนออกมาบ้าง ต่างก็ยิ้มทักทายนายหัวของ
พวกเขา พี่คินดึงผมให้ยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วเอไฟฉายแบบสวมหัวสวมสวมให้ ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้คาดคิดว่าเราจะต้อง
เข้าไปในถ้ำที่เกือบจะมืดสนิทแบบนั้น

   “พร้อมไหม”ถามเสียงเบาพลางเกลี่ยเอาปอยผมออกจากใบหน้าให้ ผมได้แต่พยักหน้า เพราะคิดว่าไม่พร้อมก็ต้องพร้อม
มาถึงขนาดนี้แล้ว

   เราสองคนเดินเข้ามาในถ้ำ พื้นถ้ำค่อนข้างมีหินงอกขึ้นมาทำให้พื้นไม่เงียบเสมอเวลาเดินจึงค่อนข้างลำบาก แต่พี่คินก็คอย
จับเอาไว้จากที่เกือบหน้าคว่ำไปหลายรอบ

   “ขึ้นไปสิ”

   ยิ่งเดินเข้ามายในถ้ำยิ่งมืดสนิทเรามาหยุดอยู่ที่นั่งร้านตัวสูงมีบันไดให้ปีนขึ้นไป ผมส่ายหน้าเบาๆ ถึงแม้มันจะไม่สูงมากแต่
มันก็ทั้งมืดทั้งเงียบจนน่ากลัว ผมมองไปรอบๆถ้ำ ถึงจะมีแสงจากไฟฉายบนหัวแต่มันก็ไม่ได้สว่างจนมองเห็นรอบด้าน แสงมันแค่
พอเห็นทางเดินข้างหน้าในระยะสั้นๆ จะมองเห็นแสงไฟจากไฟฉายของคนงานคนอื่นๆอยู่ไกลๆบ้างในบางครั้ง

   “ไม่เป็นไร พี่คอยจับเอาไว้อยู่”พี่คินดันผมขึ้นไปแล้วก็ปีนตามขึ้นมาติดๆ

   เรามาถึงแค่ชั้นตรงกลางของนั่งร้าน ถูกดันให้นั่งลงทั้งที่ขายังสั่น

   “ดูนี่สิ ตัวนี้พึ่งจะฝักออกจากไข่มาได้สองวัน”พี่คินชี้ให้ดูรังนกที่ซ่อนอยู่ในซอกหินมีลูกนกตัวเล็กเท่าปลายนิ้วมือขยับไป
มาอยู่ข้างใน

   “เราจะเก็บรังนี้ไปเลยเหรอ”ผมถามเมื่อลูกนกมันยังรอนอนรอพ่อแม่ของมันอยู่ในรัง

   “เราจะยังไม่เก็บมัน ต้องรอให้ลูกนกบินได้ก่อนถึงจะเก็บได้”

   “อืม”

   “รัมภ์อยากลองเก็บรังนกดูไหม รังตรงนั้นลูกนกพึ่งจะบินได้แล้วทิ้งรังไป”

   “แล้วมันจะไปอยู่ที่ไหน”ถามออกไปด้วยความที่สงสัยมานานเกี่ยวกับการเก็บรังนก

   เพราะมันเป็นการคุกคามและเป็นการแย่งเอาที่อยู่อาศัยของนกไปทำให้นกต้องทำรังใหม่ เคยได้ยินมาว่านกบางตัวทำรัง
ด้วยน้ำลายจนน้ำลายกลายเป็นเลือด

   “มันจะสร้างรังใหม่ ถ้าไม่เก็บรังมันมันจะมาอยู่รังเก่า”

   “ก็ให้มันอยู่รังเก่าไปไม่ได้รึไง”ผมเบือนหน้าหนีไปมองเจ้าลูกนกกระดุกกระดิกไปมา

   “ได้มันก็ได้อยู่ แต่รังเก่าบางครั้งมันก็แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนัก บางทีแม่นกตัวเดิมกลับมาวางไข่ไข่อาจจะร่วงลงไปได้”

   “พี่เก็บรังของมันบ่อยแค่ไหน”

   “หลังฤดูผสมพันธุ์ตอนที่ลูกนกหัดบิน ปีหนึ่งก็สี่ห้าครั้ง ส่วนมากคนงานที่เข้ามาทุกวันพี่จะให้คอยดูแลนกในถ้ำอยู่ไกลๆ”

   ผมพยักหน้ารับพลางลุกขึ้นอีกครั้งไปยังอีกฟากของนั่งร้าน มองดูรังนกที่พี่คินชี้ให้ดูรังนกตรงหน้า

   “เอากระจกลงส่องดูข้างใน ถ้าไม่มีอะไรรัมภ์ก็เก็บมันได้”พี่คินส่งกระจกบานเล็กๆใส่มือ

   “ไหนพี่บอกว่ามันร้างแล้ว”

   “ส่องเพื่อยืนยันว่าเราไม่ได้เก็บรังผิด แม่นกจะได้ไม่หนีไปที่อื่น”

   พี่คินอธิบายจับมือที่ถือกระจกไปส่องดูด้านในของรังนก ปรากฏว่าข้างในไม่มีอะไรพี่เขาจึงหยิบอุปกรณ์อะไรสักอย่างที่เป็น
เหล็กแผ่นแบนๆแล้วก็มีด้ามจับ

   “ลองทำดูสิ”พี่คินกระซิบเพราะกลัวว่านกในถ้ำจะตื่นจับมือให้ผมกดแผ่นเหล็กมีด้ามจับลงไปที่ด้านข้างของรังแล้วเอามือ
รองรับเอาไว้

   ในที่สุดรังนกสีขาวมอมมีขนนกติดอยู่ประปรายก็มาอยู่ในมือ

   “เก่งมากเด็กดี”พี่คินกระซิบโน้มหน้าลงมาใกล้แล้วจูบลงมาบนขมับ

   “แค่นี้เหรอ”

   “อืม แค่นี้”พี่คินพยักหน้า

   น่าแปลกที่เวลาเหมือนผ่านไปเร็วกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะผมได้ออกมาข้างนอก ได้ทำอะไรที่แปลกใหม่น่าตื่นเต้น
อย่างการปีนนั่งร้านขึ้นมาเก็บรังนกแบบนี้

   “กลับกันเถอะ วันนี้เราเก็บกันเยอะแล้ว”

   พี่คินชูถุงผ้าใส่รังนกที่เราเก็บขึ้นมาทั้งที่ในนั้นมีรังนกไม่ถึงสิบรังด้วยซ้ำ

   “นั่นเรียกว่าเยอะ?”

   “แค่นี้ก็พอแล้ว เดี๋ยวคนงานไม่มีงานทำ”บอกเสียงเบาก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวผม

   ผมโยกหัวหลบเบือนหน้าหนี รู้สึกใจสั่นๆเมื่อพี่คินเป็นพี่คินอีกคน ไม่ใช่คนที่จับผมล่ามโซ่ในวันนั้น กลับไปเหมือนกับพี่คิ
นที่ผมเคยรู้จักเมื่อตอนที่เราเคยคบกัน

   “กลับกันได้แล้ว”พี่คินส่งถุงผ้าใส่รังนกให้คนงานที่อยู่แถวนั้นก่อนจะจูงมือให้เดินตามไปยังทางกลับบ้าน ระหว่างทางกลับ

   ผมเงยหน้ามองสองข้างทางต้นไม้ขึ้นสูงแผ่กิ่งก้านบดบังแสงอาทิตย์มีเพียงช่องว่างเล็กน้อยที่แสงจะลอดลงมา ดูเหมือน
เป็นดวงตาระยิบระยับประดับอยู่ด้านบน สายลมอ่อนๆพัดผ่านร่างของเราสองคนผสานกับเสียงคลื่นและเสียงนกหลายพันธุ์ที่เกาะ
อยู่บนกิ่งไม้ บางตัวก็บินผ่านหัวเราสองคนไปมา

   “อื้อ ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”

   พอมาถึงบ้านพี่คินก็ดึงผมขึ้นไปยังห้องนอนทันที ผมถูกดึงไปกอดก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะกดจูบลงมาทำให้ต้องเบี่ยง
หลบ

   “ไม่เป็นไร”เสียงพร่าพลางพยายามปลดกระดุมเสื้อของผมออกทีละเม็ด

   “ผมยังไม่ได้อาบน้ำ”

   พยายามบอกแต่เขาก็ไม่ฟัง พี่คินเบียดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง สอดมือเข้ามาใต้เสื้อลูบผ่านบ้านเอวไปผมพาลให้ผมขนลุก

   “รู้ไหมว่าพี่ต้องอดทนขนาดตอนที่อยู่ในถ้ำนั่น”

   เสียงกระซิบแหบห้าวดังอยู่ข้างหู แต่เพราะผมดึงดันที่จะไม่ยอมเพราะต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่ได้อาบน้ำ พี่เขาเลยดึงเราทั้งคู่
เข้าไปในห้องน้ำ สายน้ำอุ่นจากฝักบัวไหลผ่านร่างกายของราสองคน แต่พี่คินก็ยังไม่ปล่อยจูบ มือร้อนสากลูบผ่านร่างกายของ
ผมไปทั่ว

   จมูกโด่งถอยออกมาคลอเคลียพวงแก้มไล่ลงไปที่ซอกคอ ผมถูกจับให้หันหลังชิดผนังเย็นชืด ขาข้างหนึ่งถูกจับให้ยกขึ้น
มาเกี่ยวกับเอวสอบหนา แก่นกายของพี่คินร้อนผ่าวและแข็งขืนน่ากลัวจนผมต้องเบือนหน้าหนี เขาจับให้ท่อนกายของเราเสียดสี
กันไปมาจนผมเริ่มรู้สึกร่วมตามพี่เขาอย่างง่ายดาย

   สุดท้ายเราก็มีอะไรกันในห้องน้ำจนได้ เสียงหยดน้ำตกกระทบพื้นกับเสียงกระกระแทกกายลงมาของพี่เขายังคงก้องอยู่ใน
หู

   ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าที่ควรจะเป็น ผมทรุดกายลงนั่งริมเตียงนอนโดยมีพี่คินนั่งซ้อน
อยู่ด้านหลัง พี่คินถือผ้าขนหนูเอาไว้แล้วเช็ดลงมาที่หัวของผมอย่างเบามือจนผมเริ่มแห้งหมาดผมจึงได้ลมตัวลงนอน ลอบมองพี่
เขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาใส่

   “นอนอยู่นี่นะ เดี๋ยวพี่กลับมา”พี่คินก้มลงมากระซิบแล้วจูบลงบนหน้าผากทิ้งให้ผมนอนอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงประตูล็อก
อัตโนมัติปิดลงอีกครั้งจึงได้ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง



-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อันนี้เขาเรียกว่าบทสวีทไหม ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไรไอ้บทสวีทของพระนายเนี่ย ขอบคุณที่เข้ามากอ่านกันนะเจ้าคะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคำชมนายหัวภาคินของเรา ยินดีตอบรับทุกคำติชมเจ้าค่า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: ploy ที่ 02-04-2016 19:43:50
สงสารรัมภ์อ่ะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 02-04-2016 20:21:12
ชอบภาคินอ่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 02-04-2016 20:22:28
สงสารรัมภ์มากๆ อยากเมือไรก็เอาหรอ?  :beat:  :z6:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-04-2016 20:26:08
จะกลิ่นถ้ำกลิ่นขี้นกก็ไม่อาจกลบกลิ่นน้องรัมได้ อิพี่คินมันหื่นตลอดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 02-04-2016 21:06:27
พึ่งเข้ามาอ่าน .ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ .เป็นนกำลังใจให้คนเเต่งครับ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 02-04-2016 21:26:32
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: TORORO-PD ที่ 02-04-2016 21:29:46
พี่คิน ร้ายกาจจจจ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 02-04-2016 23:05:16
ภาคินสุดยอด พระเอกแห่งปี
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 02-04-59 บทที่ 7 ทำงาน
เริ่มหัวข้อโดย: jillongame ที่ 02-04-2016 23:56:16
 :hao3: :hao6: จริงๆโลเกชั่นในถั้มนี้ก็ไม่เลวนะ อิอิอิอิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 10-04-2016 06:14:36
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 10-04-2016 07:58:28
พระเอกอยู่ไหน มาปลอบขวัญด่วน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 10-04-2016 08:54:20
อย่าเป็นอะไรน้ะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 10-04-2016 09:02:25
หือน้องรัมภ์จะโดนยิงหรือเปล่าเนี่ย ไอ้พวกเลว
พี่คินรีบมาช่วยน้องเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 10-04-2016 11:21:35
ถูกยิง . โอ้มั้ย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 10-04-2016 11:48:55
พี่คินนนมาเร็วๆเลย! น้องกำลังแย่นะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 10-04-2016 12:44:17
รอพี่คินมาช่วย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 10-04-2016 17:23:17
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-04-2016 18:02:12
กรี๊ดด น้องรัมภ์ของพี่ อย่าเป็นไรน้าา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 10-04-2016 19:14:49
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 10-04-2016 20:13:19
รัมภ์หวั่นไหวแล้วสินะ เรานึกถึงทฤษฎีสะพานแขวนเลย  :hao3:
ขอให้คนร้ายถูกจับได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 10-04-2016 23:24:01
สรุปว่าไม่ได้โดนยิง แค่สะดุดล้มกระแทกหิน จริงอ่ะ!!!? เข็มพันเล่มทิ่มนี่คือ. เจ็บจนชานี่คือ .กระแทกหิน !?  โอ้วววว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-04-2016 00:45:05
รัมภ์ เริ่มรู้สึกดีที่มีคนดูแล ปกป้องแล้ว   :กอด1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 10-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (ต่อ)
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 11-04-2016 02:10:26
ล้มกระแทกพื้น? เอาจริงดิ คนเขียนเล่นงี้เลย :z3: :a5: o22
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 11-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (แก้พลอต)
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 11-04-2016 20:37:55
บทที่ 8 เสียขวัญ

   ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นโชคดีของผมรึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ พี่คินเริ่มกลับดึกมากขึ้นในบางวันก็กลับมาตอนเกือบสว่างและจะรีบออก
ไปอีกครั้งในช่วงสาย จึงทำให้พี่เขาไม่มีเวลาได้แตะต้องร่างกายของผมสักไร

   ผมได้รู้มาจากพี่คินบ้างในเวลาสั้นๆที่พี่เขากลับมากินข้าวที่บ้านว่าพ่อแม่นกในถ้ำเริ่มทยอยพากันทิ้งรังทั้งที่ลูกนกยังบินไม่
ได้ บางรังลูกนกยังไม่ฟักตัวเลยด้วยซ้ำ โดยที่คนงานในฟาร์มยังคงหาสาเหตุไม่ได้ว่าเพราะไร

   น่าแปลกที่ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่เขาและยิ่งแปลกที่ผมเองก็พาลนอนไม่หลับทั้งที่ควรจะหลับอย่างสบายใจไม่ต้องมากังวล
คอยระแวงว่าพี่เขาจะทำอะไรผมเมื่อไร

   “ทำไมรัมภ์ยังไม่นอน”

   เสียงทุ้มหูถามทันทีที่เปิดประตูเข้ามา นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาตีสองพอดิบพอดี พี่คินเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทาง
เหนื่อยอ่อนชุดที่สวมใส่และตามตัวมีคราบดินเปื้อนอยู่ประปรายดูมอมแมม

   “ผมนอนไม่หลับ”

   ผมตอบไปตามตรงพลางจ้องมองใบหน้าดูเหนื่อยๆของพี่เขา รอยยิ้มบางๆของพี่คินคลี่ยิ้มส่งมาให้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้

   “รอพี่?”

   “ผมเปล่า”

   ผมส่ายหน้า เบี่ยงหน้าเล็กน้อยเมื่อมือที่เอื้อมมาใกล้นั้นเปื้อนดินจนมือดำ

   “คราวหลังไม่ต้องรอพี่ก็ได้ รัมภ์นอนไปก่อนเลย”

   “ผมบอกว่าไม่ได้รอ”ผมขมวดคิ้วไม่ชอบใจกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของพี่เขา

   “หนังสือที่พี่หามาให้อ่านจบหมดแล้วเหรอ”พี่คินเหลือบตามองหนังสือสองสามเล่มบนโต๊ะ

   “อืม”

   “พี่จะไปอาบน้ำ ถ้ารัมภ์ง่วงก็นอนเลย ไม่ต้องรอพี่”

   พี่คินคว้าผ้าขนหนูเดินเข้าไปในห้องน้ำทิ้งให้ผมลอบมองตามเมื่อพี่เขาหันหลังให้

   ไม่นานกลิ่นสบู่หอมฟุ้งก็ลอยออกมาเตะจมูก พี่คินนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ อวดแผงอกสีเข้มกำยำกับ
ช่วงเอวสอบดูแข็งแรงเรียกให้ผมอิจฉา ดวงตาคมกริบยังตงจับจ้องมองมาที่ผมเหมือนกับทุกครั้ง

   “ไว้เข้าเมืองพี่จะหาหนังสือเล่มใหม่มาให้”

   พี่คินทิ้งตัวนั่งลงข้างเตียง ก้มลงมาจูบลงบนแก้มผมเหมือนทุกที ก่อนจมูกและไรเคราจะคลอเคลียอยู่บนใบหน้าไม่ห่าง นิ้ว
หยาบกร้านแตะลงมาบนใบหน้าเกลี่ยไปมาแผ่วเบา ดวงตาคู่ดุยังคงจ้องมองมาเหมือนกับกำลังแฝงอะไรบางอย่างจนผมต้อง
หลุบตาหนี สะดุดตาเข้ากับรอยแผลถลอกบนท่อนแขน มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย

   “ไปโดนอะไรมา”ผมผละออกจ้องมองรอยแผลที่แขนพี่เขา

   “แผลนี่น่ะเหรอ หินมันบาดตอนที่ก้มเก็บไข่ในรัง ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

   พี่คินส่งยิ้มให้แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมวางใจสักเท่าไร จึงต้องลุกไปหยิบกล่องยาในตู้ปลายเตียงแล้วเดินกลับมานั่งลงตรง
หน้าของพี่เขา

   พี่คินดูแปลกใจแต่ก็ยังคงยิ้มเล็กน้อยจ้องมองผมที่บรรจงทำความสะอาดแผลและติดปลาสเตอร์ยาให้

   “รัมภ์มักจะใจดีกับคนอื่นตลอด”พี่คินพูดเสียงเบา ยกมือขึ้นมาลูบหัวผมอย่างเบามือ “แต่พี่ไม่อยากให้รัมภ์ทำดีกับคนอื่น
นอกจากพี่” ประโยคนี้พี่คินดูไม่ค่อยพอใจ

   “พี่นอนเหอะ”ผมบอกเพราะพี่เขาจะต้องตื่นไปทำงาน

   “ขอบใจนะ ที่รัมภ์รอพี่”

   “ผมก็บอกว่าผมไม่ได้รอ”

   ผมสะบัดเสียงเล็กน้อย เบี่ยงหลบริมฝีปากที่ใกล้ลงมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่รอดมือเมื่อถูกดึงเข้าไปหา ริมฝีปากร้อนบดจูบลงมา
อยู่นานสองนานกว่าพี่เขาจะปล่อยให้ผมนอนหลับในอ้อมกอดของเขาเช่นเคย



   ---------------------------------------------------------------------------------------------



   พี่คินกลับมากินข้าวอีกครั้งตอนห้าโมงเย็น ผมลอบมองหยดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผากของพี่เขาประปรายตอนที่พี่เขากลับมา

   “ผมขอไปด้วยได้ไหม”ผมถามรั้งเอาไว้หลังจากที่พี่เขาใช้เวลากินมื้อเที่ยงแค่ไม่กี่นาที

   “อีกเดี๋ยวก็มืดแล้ว มันอันตราย พี่ไม่อยากให้รัมภ์ลำบาก”พี่คินส่ายหน้า

   “แต่ผมอยากไป”ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังผลักดันให้ผมตามเขาไป

   “รัมภ์ขึ้นห้องได้แล้ว”

   “ให้ผมไปด้วย ผมอยากรู้ว่าทำไมพ่อแม่นกถึงทิ้งลูกของมัน”

   “ก็ได้ ถ้ารัมภ์ยืนยันว่าจะไปพี่ก็ไม่ห้าม แต่รัมภ์ต้องอยู่ใกล้พี่ตลอด ตกลงไหม?”

   “อืม”

   ผมตอบรับ ในบางทีผมก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าอยากจะรู้สาเหตุที่นกทิ้งรังหรือว่าไม่อยากอยู่ในห้องแคบๆคนเดียวกันแน่



   “อยู่ใกล้ๆพี่ ตกลงไหม”พี่คินกำชับขณะสวมไฟฉายลงมาบนหัวของผม

   “ผมรู้แล้ว”

   ผมพยักหน้าเดินตามพี่เขาเข้าไป แสงไฟจากไฟฉายค่อนข้างจะริบหรี่มากกว่าครั้งที่แล้วที่ผมเข้ามาในตอนกลางวันเพราะ
กลัวว่ามันจะไปรบกวนนกที่ยังเหลืออยู่

   ผมมองแสงไฟของคนงานคนอื่นอยู่ในระยะไกลๆกันอีกสามดวง ปีนขึ้นไปบนนั่งร้านตัวที่อยู่ใกล้ปากถ้ำมากที่สุด

   “ถ้ารังไหนไม่มีพ่อแม่มันเฝ้าก็ลองเอากระจกส่องดู ค่อยๆส่อง เดี๋ยวนกมันจะตกใจ ถ้ารังไหนมีลูกนกหรือไข่ให้เรียกพี่ แต่
ถ้ารังไหนไม่มีรัมภ์ก็เก็บเหมือที่พี่สอน จำได้ไหม”พี่คินอธิบายแล้วหันมาถามเสียงเบา

   แสงไฟริบหรี่ส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าคมกร้านดูจริงจังมากกว่าทุกที อาจจะเป็นเพราะว่ายังหาสาเหตุที่นกพากันทิ้งรังไม่ได้
เลยทำให้พี่เขาเป็นกังวล

   “จำได้”ผมพยักหน้า

   พี่คินขยับไปดูตรงนั่งร้านอีกฝั่งหนึ่ง ผมมองดูคนงานคนอีกคนที่อยู่ไกลๆในความมืดด้วยความสนใจเพราะว่าเขาไม่ได้ปีน
นั่งร้านแต่จะใช้เชื้อโรยตัวปีนขึ้นไปเพราะสภาพพื้นที่ที่แตกต่างกัน

   “ตรงนี้มีลูกนก”ผมหันไปเรียกเสียงเบาจนเกือบกระซิบ

   “รังไหน”


   พี่คินขยับเข้ามาใกล้ ใช้กระจกส่องไปดูรังนกที่ผมชี้ ผมมองดูมือใหญ่ของพี่เขาค่อยๆช้อนลูกนกออกมาอย่างเบามือ ลูกนก

ตัวเล็กดิ้นไปมาส่งเสียงร้องอย่างหิวโหยบ่งบอกว่ามันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ที่พ่อแม่ของมันทิ้งไป
      “เปิดกล่องใบนั้นให้พี่หน่อย”

   พี่คินพยักหน้า ผมเปิดกล่องตามที่พี่เขาบอก ข้างในกล่องมีผ้าขนหนูผืนหนาปูเอาไว้ พี่คินค่อยๆวางเจ้าลูกนกตัวน้อยลงไป
อย่างเบามือก่อนจะปิดลง

   “จะเอามันไปไหน”

   “เอามันไปไว้ในห้องพักฟื้น”พี่คินตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา

   “แล้วถ้าเป็นไข่พี่จะทำยังไง”

   “ถ้าเป็นไข่ก็ต้องฟักแล้วค่อยปล่อยพวกมันไป”

   “อืม”

   ผมพยักหน้ารับ รู้สึกไม่ค่อยดีที่เห็นใบหน้าของพี่เขาเต็มไปด้วยความกังวลแบบนี้



   “นายหัว นายหัว ไอ้กิ่งมันโดนอะไรกัดมือไม่รู้ มันตกใจตกลงมาจากนั่งร้านเลือดออกเต็มขาเลยครับ”หนึ่งในคนงานเรียก
ด้วยภาษาได้ทำให้ทั้งผมและพี่คินหันไปมอง

   “อยู่ตรงไหน ไปเอากล่องยามารึยัง”

   “เอามาแล้วครับอยู่ตรงนั่นร้านตรงนู้น แต่ไอ้กิ่งมันดิ้นไม่ยอมให้ทำแผล”

   “จะไปดูเดี๋ยวนี้แหละ”พี่คินตอบรับก่อนจะหันมาหาผม “รัมภ์อยู่นี่นะ ห้ามไปไหน เดี๋ยวพี่มา”

   “อะ อืม”ผมพยักหน้าทั้งที่เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

   สักพักพี่คินก็หายเข้าไปในความมืด ความเงียบทำให้ผมรู้สึกกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ คนงานที่ก่อนหน้านี้อยู่ไม่ไกลก็หายเข้าไป
พร้อมกับพี่คิน

   แสงไฟจากไฟฉายด้วงเดียวที่อยู่บนหัวของผมจู่ๆมันก็กระพริบคล้ายกับว่ากำลังจะดับทำให้ผมเป็นกังวลเพราะมองไม่เห็น
แสงไฟของใครเลย

   ในที่สุดผมก็ตัดสินใจปีนลงมาก่อนที่ไฟฉายบนหัวมันจะเสียเข้าจริงๆ จำได้ว่าตู้ที่อยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำมีไฟฉายอยู่หลาย
อัน

   ผมเดินออกมาจนถึงปากทางเข้าถ้ำได้ยินเสียงกึ่งกระซิบกันทำให้ชะงักกับบทสนทนานั้นที่ได้ยิน

   “รีบๆเอาไปปล่อยสิวะ เดี๋ยวพวกมันก็ออกมาเห็นกันพอดี”คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยภาษาใต้

   “เออ นี่กูก็เอามาปล่อยเป็นร้อยๆตัวแล้วนะเว้ย เมื่อไรเสี่ยจะสั่งให้พอวะ กูขี้เกียจไปหาจับ”อีกคนก็ตอบกลับในภาษาใต้
เหมือนกัน

   ถึงจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้ผมต้องหยุดยืนอยู่ข้างตู้แล้วฟังบทสนทนาของสองคนนั้นถึงแม้จะยังไม่
เข้าใจ

   “เทๆไปเลยจะได้รีบกลับกันสักที”

   “กูรู้แล้วน่า พรุ่งนี้มึงไปบอกเสี่ยเก้าด้วยนะมึงว่าปล่อยไปหลายร้อยตัวแล้ว เสี่ยเขาจะได้บอกให้หยุดสักที”

   “เออๆ เดี๋ยวกูไปบอกให้”

   แล้วบทสนทนาก็เงียบไปแทนที่ด้วยเสียงร้องจี๊ดๆเสียดแก้วหูร้องระงม ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อหนูหนึ่งในจำนวนหลายสิบตัวปีน
ขึ้นมาบนตัวเกือบจะมุดเข้าไปในเสื้อหากว่าผมไม่รีบปัด

   “ฮะ เฮ้ย”แต่เหมือนว่าความตกใจทำให้ผมร้องออกมาเสียงดัง สะดุ้งตัวออกมาจากที่ซ่อนทำให้ตอนนี้เผชิญหน้ากับผู้ชาย
ร่างใหญ่สองคนซึ่งอยู่ห่างจากผมไปไม่ถึงสิบก้าว แสงไฟจากไฟฉายบนหัวของพวกเขาทำให้ผมเห็นหน้าของเขาสองคนได้
ชัดเจน

   “มึงเป็นใครวะ”

   “มันเห็นหน้าพวกเราแล้ว”

   “ไอ้ห่าเอ้ย เอาจนได้ จับมันมาก่อน ไม่งั้นมันจะไปฟ้องนายหัวของพวกมันพวกเราจะแย่”อีกคนหนึ่งสั่งทำให้ผมเริ่มลุกลี้
ลุกลน

   “มึงเป็นใคร ทำไมกูไม่เคยเห็นหน้า”อีกคนถามขณะเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมต้องถอยหนี

   “ไม่ได้ยินที่ถามรึไง”อีกคนหนึ่งถามย้ำ

   “จับมัน”ทันทีที่อีกคนออกคำสั่งผมก็รีบวิ่งไปที่ทางเข้าถ้ำทันที

   “หยุดสิวะ ไม่หยุดกูยิงทิ้งแน่”

   “ยิงมันเลย มันเห็นหน้าพวกเราแล้ว ถ้ามันไปบอกนายหัวของมันเสี่ยไม่เอาพวกเราไว้แน่”

   “มึงจะบ้าเหรอ ถ้ายิงพวกมันก็แห่มากันหมด”

   “แต่มันเห็นหน้าเราแล้วนะไอ้ต้น”

   สองคนวิ่งตามมา ผมหันหลังกลับไปมองทั้งที่รอบด้านมืดสนิทมีเพียงแสงจากไฟฉายที่กระพริบติดๆดับๆคอยนำทาง ใน
มือของผู้ชายคนหนึ่งกำลังถือปืนเล็งมาที่ผม

   ปัง!!!

   เสียงปืนดังก้องไปทั่วจนหูผมรู้สึกอื้อไปหมด วินาทีนั้นราวกับเรี่ยวแรงที่มีมันเหือดหายลงไปในพริบตา ร่างของผมล้มลงไป
กระแทกพื้นเต็มแรง ความเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงลงมาที่ช่วงเอว เจ็บจมร่างกายมันสั่นเทายากที่จะควบคุม

   “ไอ้ห่านี่ เดี๋ยวพวกมันก็แห่มากันหมด”

   ผมจับใจความได้เพียงแค่นั้น ไฟฉายที่อยู่บนหัวดับลงในที่สุด ผมพยายามลุกขึ้นกุมมือลงที่บั้นเอวรู้สึกถึงของเหลวมีกลิ่น
คาวคลุ้งค่อยๆไหลซึมออกมา ทางเบื้องหน้ามืดสนิทมองไม่เห็นอะไร แต่ผมก็ยังใช้มืออีกข้างพยายามคลำทางและเดินต่อไป หู
ของผมมันอื้ออึงมีแต่ความกลัวเท่านั้นที่ผมรับรู้ในเวลานี้

   ผมต้องการเขา ผมไม่สนใจว่าผมกำลังจะเดินไปทางไหน รู้แค่ว่าผมต้องหนี รู้แค่ว่าผมอยากจะเจอเขา ผมไม่กล้าหันไป
มองข้างหลังเพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะตามมา ในเวลานี้สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดก็คือพี่คิน

   ผมล้มลงไปหลายครั้งเพราะความมืดทำให้มองไม่เห็นพื้นขรุขระหรือแม้กระทั่งก้อนหินที่งอกอยู่บนพื้น ร่างกายมันกำลังสั่น
เทา มือที่กุมบาดแผลเอาไว้กำลังฉ่ำไปด้วยของเหลวที่ไหลซึมออกมา

   จนในที่สุดผมปะทะเข้ากับใครตนหนึ่งจนเกือบล้มลงไปอีกครั้งหากไม่มีมือนั้นคอยประคองและรับเข้าไปสู่อ้อมกอด

   ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าผมจะต้องซุกกายเข้าหาอ้อมกอดนั้น ร่างกายกำลังสั่นเทายากที่จะควบคุม
แนบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงกับแผ่นอกราวกับลูกนกกำลังหาที่พึ่ง

   “ทำไมรัมภ์ถึงไม่รอพี่ พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้รัมภ์รอพี่”

   “พะ พี่คิน”เสียงของผมกำลังสั่นระริก มือที่กุมแผลเอาไว้ราวกับไร้สิ้นเรี่ยวแรง

   “รัมภ์เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”พี่คินผลักผมออก มองสำรวจไปทั่ว

   “จะ เจ็บ ผมเจ็บ”ผมบอกออกไป ทันทีที่พี่เขามองเห็นเลือดที่ซึมออกมา ดวงตาดุดันคู่นั้นก็สั่นระริกทันที

   “กันไปเตรียมรถ”

   ผมได้ยินพี่เขาหันไปบอกคนงานอีกคนแค่นั้น ร่างของผมมันก็ไร้สิ้นเรี่ยวแรง ความเจ็บปวดฉุดดึงให้สติของผมดับวูบลงไป
ในที่สุด

   ------------------------------------------------------------------------------------------

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในห้องพิเศษของโรงพยาบาลที่อยู่ในตัวอำเภอ กลุ่มผมสีดำที่อยู่ห่างจากสายตาไปไม่เท่าไรเรียกให้ผม
ชะงัก ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะว่าพี่เขากำลังหลับ

   ผมขยับตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจจากความเมื่อยล้า แต่ทันทีที่ขยับตัวความเจ็บปวดมันก็แล่นริ้วทั่วบั้นเอว

   “อะโอ๊ะ”ผมร้องออกมาเสียงเบา แต่ขนที่กำลังหลับอยู่ก็ดันตื่นขึ้นมาจนได้

   “ตื่นแล้วเหรอรัมภ์  เจ็บตรงไหนไหม ให้พี่เรียกหมอรึเปล่า”

   “มะ ไม่ ผมแค่หิวน้ำ”ผมตอบกลับไป ใบหน้าคมคายดูอ่อนล้ามากกว่าเดิมจนผมรู้สึกผิด

   “เอานี่น้ำ”

   “อืม”ผมพยักหน้ารับ “ผมถูกยิงเหรอ?”

   “หมอบอกว่ากระสุนแค่ถากๆ พี่ผิดเองที่ปล่อยให้รัมภ์อยู่คนเดียว”

   “ผมเป็นคนไปเอง”ผมแก้ต่าง รู้สึกไม่ค่อยดีเอเห็นสีหน้าดูเหนื่อยๆของพี่เขากำลังรู้สึกผิด

   “รัมภ์ไปทำอะไรตรงนั้น เห็นหน้าคนยิงรึเปล่า”

   “อืม มีสองคน”ผมพยักหน้า “แล้วจับได้ไหม”

   “ยังจับไม่ได้ มันหนีไปก่อน เรื่องนั้นช่างมันก่อน แค่รัมภ์ไม่เป็นอะไรมากก็พอ”พี่คินดึงมือผมไปจับ

   ความร้อนถูกส่งผ่านมาทางอุ้งมือ ดวงตาคมกริบดุเป็นกังวลนั้นกำลังจ้องมองมาที่ผมทำให้ใจนึกสั่น ผมยอมรับว่าในเวลา
นั้นผมต้องการพี่คินมาก ผมต้องการเพียงพี่เขาเท่านั้น อยากให้เขาปกป้องผม หากแต่ความคิดที่วูบขึ้นมาทำให้มันลบล้างความ
คิดที่ว่าไปโดยทันที

   ทั้งที่พี่เขาน่าจะดีใจที่ผมเจ็บ น่าจะดีใจที่ผมเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีว่าเป็นห่วงผม ทำไมเขาถึงแสดงท่าทีว่า
รู้สึกผิดแบบนั้น

   พอช่วงสายก็มีตำรวจคนหนึ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับคนงานชื่อกันอีกคนที่อยู่ด้วยเมื่อคืน

   “ผมอยากจะถามน้องเขาหน่อยนะว่าเห็นหน้าคนร้ายหรือเปล่า หรือรูปพรรณลักษณะอะไรก็ได้เผื่อจะมีประโยชน์ในการตาม
จับผู้ร้าย”ตำรวจคนนั้นถาม

   “ต้องสอบพยานตอนนี้เลยรึไง คนเจ็บต้องพักผ่อน”เป็นพี่คินที่ไม่พอใจขึ้นมาทันที

   “ผมไม่เป็นไร ผมจำได้ มีคนหนึ่งที่ชื่อต้น แล้วพวกนั้นก็พูดถึงเสี่ยอะไรสักอย่าง ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะชื่อเก้าหรืออะไรประ
มานนั้นครับ”

   ผมห้ามทัพเอาไว้เพราะพี่คินดูหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่พูดถึงคนร้าย ผมต้องการให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้เพราะเป็นห่วงว่า
คนพวกนั้นจะไม่ยอมหยุดแค่นั้น

   ผมไม่อยากให้ลูกนกโดนทิ้งไปมากกว่านี้ เพราะเข้าใจว่าการถูกพ่อแม่ทิ้งมันเป็นยังไง ยังไงซะนกพวกนั้นก็สำคัญมาก
สำหรับพี่คิน มันถึงทำให้เขาดูไม่พอใจมากขนาดนี้

   ใช้เวลาสอบปากคำไปพักใหญ่จนเจ้าหน้าที่นำยาและมื้อกลางวันมาให้ตำรวจและคนงานถึงกลับกันไป ผมได้ยินตำรวจ
และพี่คินพูดกันถึงชื่อเสี่ยเก้าที่เจ้าของฟาร์มรุ่งฤดีซึ่งเป็นคู่แข่งของฟาร์มสานรักของพี่คินแต่ระหว่างนี้กำลังอยู่ในการรวบรวม
หลักฐานเพราะไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเชื่อมโยงระหว่างคนร้ายสองคนกับเสี่ยเก้า

   “รัมภ์รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงรัมภ์แค่ไหน”พี่คินเดินกลับเข้ามาหลังจากเดินไปส่งตำรวจ

   ร่างสูงยืนชิดข้างเตียงก่อนจะโน้มหน้าลงมา ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาบนขมับอย่างแผ่วเบา ความอบอุ่นและความรู้สึก
ปลอดภัยทำให้ผมอุ่นใจ

   “กินข้าวเถอะ เดี๋ยวพี่ป้อนให้”ข้าวต้มคำแรกถูกเป่าแล้วส่งมาชิดริมฝีปาก หากแต่ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่พอใจ

   “มือผมไม่ได้เจ็บ ผมกินเอง”

   “รัมภ์เป็นคนป่วยอย่าดื้อได้ไหม”


   “ผมจะกินเอง”

   “ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”พี่คินยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แต่มันก็ไม่ทันแล้วที่ผมจะเบี่ยงหลบและเสีย
ท่าให้กับความร้ายกาจของพี่เขา

   “อะไร อะ อื้อ”ริมฝีปากหยักทาบทาบลงมาก่อนลิ้นร้อนชื้นจะสอดเข้ามาสำรวจเป็นแบบนี้อยู่นานสองนานกว่าจะถูกปล่อย
ออกมา

   “เท่านี้ก็กินเองได้แล้ว”พี่คินยิ้มกริ่ม

   “นี่มันโรงพยาบาล!!อะไรของพี่ ละ แล้วผมก็ยังไม่ได้แปรงฟัน”ผมเช็ดปากถูไปมากับความโลภมากของพี่เขา

   “ไม่เป็นไร พี่เองก็ยังไม่ได้แปรง”ถึงพี่เขาจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ได้กลิ่นยาสีฟันในปากของเขาอยู่หรอก ว่าแต่ทำไมผมถึง
ได้ยิ้มออกมาทั้งที่ควรจะเจ็บแผลถูกยิง



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แก้ใหม่ค่ะ น่าจะหวานกว่าเดิม ถามว่านายหัวพี่คินโกรธไหม โกรธ แต่ไม่แสดงออกให้รัมภ์เห็น นายหัวพี่คินจะจัดการยังไงก็ต้องรอดู ต่อไป
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 11-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (แก้พลอต)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 15-04-2016 02:56:44
ดูหวานขึ้นเป็นกองเลย >__<
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 11-04-59 บทที่ 8 เสียขวัญ (แก้พลอต)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2016 08:36:38
เริ่มหวาน แต่สั้น........ :katai1:
อัพยาวๆ นะ  :mew1:
รอตอนต่อไป :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ [SM] 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 16-04-2016 03:58:48

บทที่ 9 ปองร้าย

   “อะ เอ่อ ผมเคาะประตูแล้ว แต่ไม่มีใครเปิด ผมคิดว่าพี่หลับ”เสียงของภูผาขาดหายขณะที่ดวงตาคมหลุบต่ำมองพื้น “เดี๋ยว
ผมค่อยมาใหม่ดีกว่า”

   ผมผลักพี่คินออกทันทีที่ตั้งตัวได้ อีกแล้วที่คนอื่นมาเห็นผมในสภาพแบบนี้ ทำเหมือนกับว่าผมเป็นผู้หญิงของพี่คิน เหมือน
คนที่จะทำเรื่องอย่างว่าได้ง่ายๆไม่ว่าจะที่ไหนหรือต่อหน้าใคร

   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก พี่จะกินข้าวพอดี เข้ามาก่อนสิ”

   “เจ็บไหมพี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”ภูผานั่งลงบนโซฟาอีกฝั่งของห้อง ท่าทีสงบเสงี่ยมเพราะสายตาคมดุของพี่คินจับจ้อง
ภูผาอยู่วูบหนึ่งก่อนจะละความสนใจ คงจะเป็นเพราะที่ภูผาพาผมหนีไปครั้งที่แล้ว ภูผาเลยดูเกรงใจพี่คินขึ้นมาก

   “ไม่หรอก แค่ถากๆ แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

   “วันนี้วันเสาร์ ผมไม่ได้ไปหรอก”

   “นั่นสินะ แล้วกินข้าวมารึยัง”ผมชวนคุย

   “ผม กินมาแล้ว”

   “งั้นเหรอ”ผมพยักหน้ารับ

   “กินข้าว อย่ามัวแต่คุย”สุดท้ายก็ถูกปรามเมื่อผมไม่ได้กินข้าวสักที

   “พี่เองก็ไปหาอะไรกินได้แล้ว ไม่ต้องเฝ้าก็ได้ ผมไม่ได้หายไปไหน”อดประชดประชันไม่ได้ สัญญาฉบับนั้นมันก็น่าจะ
ยืนยันได้แล้วว่าผมไม่มีทางหนีไหน และต่อให้หนีผมก็ไม่มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายหลายแสนนั่นได้อยู่ดี อีกอย่างภูผาก็ดูอึดอัด
มาก

   “งั้นก็ได้ ฝากดูรัมภ์ด้วยล่ะ”ประโยคสุดท้ายหันไปบอกภูผาแล้วเดินออกจากห้องไป

   “ผมช่วย”ภูผาลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินไปหยิบขวดน้ำให้เพราะเห็นว่าผมเอื้อมไม่ถึงหลังจากกินข้าวเสร็จ

   “ขอบใจ”ผมยิ้มรับ พอภูผาเข้ามาใกล้แล้วถึงได้เห็นว่าที่คอไม่ได้มีผ้าพันแผลแล้ว แต่มีรอยแผลเป็นใหม่สีจางๆอยู่ตรง
ต้นคอ

   “นายหัวไม่พอใจพวกนั้นมาก พี่รู้ไหม ตอนนี้คนงานเกือบทั้งหมดกำลังตามหาคนร้าย”

   “เป็นใครใครก็ไม่พอใจ นกพวกนั้นน่าสงสาร”

   “ไม่ใช่เพราะนกหรอก เพราะพี่ต่างหาก”

   “ไม่ใช่หรอก ถ้าเป็นพี่เราก็จะเข้าใจเอง”ว่าเขาไม่ได้เป็นห่วง เพราะว่าสิ่งที่ผมทำกับเขามันมากเกินไปที่จะทำให้เขามาห่วง
ผมได้

   “เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง ว่าแต่หมอให้พี่กลับบ้านได้วันไหนอะพี่”

   “ยังไม่รู้”ผมส่ายหน้า

   จากการที่ภูผาเป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือผมคอยเอาข้าวมาให้ผมในตอนที่ผมถูกขังเอาไว้ในห้องทำให้ผมเลือกที่จะ
วางใจและคุยกับภูผามากกว่าคนอื่นโดยไม่มีอะไรแคลงใจสักเท่าไร ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ

   สักพักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยร่างสูงของหมอนทีเปิดประตูเข้ามา ดวงตาคมดุดูเฉยชาปรายตามองภูผาอยู่วูบหนึ่ง
ก่อนจะหันมาคลี่ยิ้มบางให้กับผม

   “กินยาแล้วใช่ไหม”

   “ครับ”ผมพยักหน้ารับ ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าการแสดงออกที่ดูเป็นคุณหมอใจดีมันแตกต่างจากนัยน์ตาคู่นั้นที่แสดงออกมา
กัน

   “ออกไปรอข้างนอกก่อน”หมอนทีหันไปสั่งภูผา ทว่าภูผากลับทำเมินกับคำสั่งของเขาแล้วสนใจหน้าจอโทรศัพท์ในมือ
ราวกับว่าไม่ได้ยินคำสั่ง

   ทั้งที่เป็นเด็กที่ดูเชื่อฟัง แต่ทำไมถึงแสดงออกก้าวร้าวกับหมอนที พอคิดแบบนั้นภาพในคืนที่พี่คินทำร้ายผมในวันนั้น
หมอนทีก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นผมในสภาพนั้น

   “ไปรอข้างนอก”คราวนี้กดเสียงต่ำ ภูผาถึงได้ลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงแล้วเดินออกไปนอกห้อง

   “ตอนนี้ยังเจ็บมากอยู่ไหม ขอพี่ดูหน่อย”เขาแทนตัวเองว่าพี่แทนที่จะเป็นหมอ

   “ไม่ค่อยเจ็บเท่าไรแล้วครับ”

   “งั้นเหรอ โชคดีที่แผลแค่ถากๆ ถ้าเป็นอะไรไปคินคงจะแย่”

   “ครับ”

   ตอบไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย ถ้าผมเป็นอะไรไปพี่คินน่าจะดีใจมากกว่า ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องมาห่วงผมเหมือนที่คนอื่นๆชอบ
คิด

    ผมปล่อยให้หมอนทีตรวจ ดีที่แผลไม่ลึกมากผมจึงได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้เช้าวันพรุ่งนี้ อย่างน้อยห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
มันก็ยังรู้สึกดีกว่าโรงพยาบาลที่มีแต่กลิ่นยาฆ่าเชื้อ

   “อ้อ เกือบลืม คินเขาฝากให้พี่มาบอกว่าออกไปทำธุระ เดี๋ยวกลับมา”

   “ครับ”พยักหน้ารับมองดูหมอนทีเดินออกจากห้องไป ไม่นานภูผาก็เดินเข้ามา

   “เขาว่ายังไงบ้าง”

   “พรุ่งนี้ก็กลับได้แล้ว”

   “ดีแล้วพี่ อยู่โรงพยาบาลน่ากลัวออก”

   “อืม คิดเหมือนกัน”ผมยิ้มบาง

   “เอ่อ พี่”

   “ว่าไง”

   “เดี๋ยวผมมานะ”บอกเสียงแผ่ว “พี่อยู่ได้ใช่ไหม”

   “อืม แผลแค่นี้ พี่อยู่ได้”

   “งั้นเดี๋ยวผมมานะ”ว่าแล้วภูผาก็ออกไปอีกครั้ง ยาที่กินเข้าไปเริ่มออกฤทธิ์ทำให้รู้สึกง่วงขึ้นมา

   ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก อึดอัดที่ช่วงคอทำให้ต้องลืมตาขึ้นมามอง คิดว่าเป็นพี่คิด แต่
กลับไม่ใช่ ดวงตาแดงก่ำของชายฉกรรจ์เบื้องหน้าทำให้ร่างกายของผมชาวูบความกลัวแล่นพล่านจนถึงขีดสุด

   เขากำลังบีบคอผมแล้งลงมือหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มดิ้นทุรนทุรายในขณะที่แผลเริ่มปริได้กลิ่นเลือดจางๆออกมา แต่ความ
เจ็บนั้นมันไม่เทียบเท่าความกลัวที่เกินขึ้น คนคนนี้กดกายโถมลงมาจนลมหายใจของผมเริ่มขาดห้วงมากขึ้นจึงต้องเผยอปาก
พยายามหายใจ

      “มึง เป็นเพราะมึงคนเดียวเสี่ยถึงไล่กูออก”

   ผมทั้งจิกทั้งผลักและทุบที่ใบหน้า แต่เหมือนคนคนนี้จะเลือดขึ้นหน้าจากดวงตาที่แดงก่ำและคำสบถที่ดูหยาบคายและ
เคียดแค้นผมมาก ผมจำใบได้ดีว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นหนึ่งในสองคนเมื่อคืนที่บุกรุกเข้ามาปล่อยหนูในฟาร์ม ทำให้นกทิ้งรังและ
ลูกๆของมันเอาไว้   “ปะ ปล่อย”

   “ตายซะเถอะมึง งานนี้กูจะพลาดไม่ได้ ถ้ากูพลาดลูกเมียก็ก็ไม่รอด”

   “แค่กๆๆ”ผมเริ่มไอออกมา ยกเท้ายันที่บั้นเอวของผู้ชายตรงหน้า แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้เลยเพราะความเจ็บแสบตรงแผล
ที่มีมากขึ้น   

      “กูจะเป็นจริงๆ อโหสิให้กูด้วย”

   จบคำพูดนั้นวินาทีนั้นลมหายใจแทบจะขาดห้วงสติของผมกำลังจะเลื่อนลอยเต็มที ทำไมผมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย
ผมได้แต่คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในช่วงเวลาที่สุดแสนจะสั้น แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง

   เพล้ง!!

   แจกันกระเบื้องเคลือบกระแทกลงมาที่หัวของผู้ชายตรงหน้าผมอย่างแรง แรงพอที่จะทำให้เขาล้มลงไปกองบนพื้นและ
หมดสติไปในที่สุด

   “ผมขอโทษ ผมไม่น่าทิ้งพี่ไว้คนเดียว ผมขอโทษ”ภูผาบอกเสียงสั่น ดวงตาสั่นระริกจ้องมองผู้ชายตรงหน้าที่ล่มลงไปกอง
อยู่บนพื้นห้อง

   “มะ ไม่เป็นไร”ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่แผลที่เอวเลือดซึมออกมา มือทั้งสองข้างสั่นเทาไม่แพ้กัน

   “เกิดอะไรขึ้น!!! รัมภ์!!”พี่คินเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนกพร้อมกับผู้ชายในเครื่องแบบอีกคน คงจะได้ยินเสียง
แจกันแตก

   ทันทีที่เห็นคนร้ายนอนกองอยู่ที่พื้นด้วยสภาพเลือดอาบใบหน้า ร่างสูงใหญ่ก็ปรี่เข้าหาผมทันที

   “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ภูผาไปตามหมอเร็ว”หันไปสั่ง ในขณะที่ตำรวจที่มาพร้อมกับพี่คินกำลังจัดการกับคนร้ายที่ไม่ได้สติ
“รัมภ์เป็นอะไรไหม มองหน้าพี่”

   หน้าของผมถูกจับให้หันไปหาพี่คิน ถูกบังคับให้จ้องมองดวงตาคู่คุ้นเคย ฝ่ามือใหญ่ลูบลงมาที่หัวซ้ำไปซ้ำมาแล้วถูกดึง
เข้าไปกอด อีกแล้วที่ผมรู้สึกว่าผมปลอดภัยเวลาอยู่ในอ้อมกอดนี้

   สองครั้งแล้วที่ผมเกือบจะถูกฆ่า สองครั้งแล้วที่ผมเกือบต้องตายโดยที่ยังมีเรื่องมากมายค้างคาอยู่ในใจ



   -----------------------------------------------------------------------------------------

   สุดท้ายผมก็ต้องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด คนร้ายถูกตำรวจจับไปในที่สุด แต่ก็ไม่ยอมเปิดปากบอกอยู่ดีว่าใครเป็น
คนบงการอยู่เบื้องหลังจึงทำให้พี่คินต้องพาผมกลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านโดยมีตำรวจผลัดเปลี่ยนเวรมาคอยคุ้มกันในฐานะพยาน

   ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์พี่คินสั่งให้คนงานช่วยกันจับหนูในถ้ำออกเหลืออีกเพียงเล็กน้อย นกเริ่มทยอยกลับเข้ามาทำรังใน
ถ้ำอีกครั้ง ส่วนลูกนกกำพร้าที่เหลือก็ถูกเลี้ยงดูในห้องพักฟื้นอย่างดี

   การจัดการปัญหาของพี่คินทำให้ผมเห็นได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในฟาร์มสานรักแม้แต่ไข่นกฟองเดียวก็มีความสำคัญสำหรับพี่
เขามาก ผมไม่รู้ว่าสำหรับเขาแล้วผมจะสำคัญแบบนั้นบ้างรึเปล่า การที่เขาทำท่าเหมือนห่วงใยทั้งที่เขากักขังและดึงรั้งผมเอาไว้
ไม่ให้ไปจากที่นี่

   หนึ่งอาทิตย์แผลเริ่มตกสะเก็ด หมอนทีแวะมาทำแผลให้ผมทุกวัน สุดท้ายผมก็กลับมาอยู่แต่ในบ้านเหมือนเดิม แต่อย่าง
น้อยกรงที่ขังมันก็กว้างขึ้น

   “วันนี้มีอะไรกินเหรอนุ่ม”ถามพี่นุ่มแต่กลับมายืนซ้อนด้านหลังของผมในขณะที่ผมกำลังใส่มะเขือเปาะลงไปในหม้อแกงป่า
ลมหายใจร้อนๆเป่ารดลงมาที่หลังหูก่อนที่ฟันคมจะขบเม้มติ่งหูของผมเบาๆ

   “แกงป่ามะเขือกับเนื้อครับ แล้วก็ไข่เจียวมะเขือเทศ”ผมตอบแทนเพราะหันไปหาคนที่ถูกถามอีกทีสาวเจ้าก็เดินถอยหลัง
ยิ้มกริ่มออกไปจากครัวเสียแล้ว

   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่นิ่มเข้าข้างนายหัวของเขาและรู้เห็นกันอย่างดิบดี

   “หอม”บอกแบบนั้นแต่ก็กดจมูกลงมาที่หลังคอของผม แต่ผมก็เลือกที่จะนิ่งเฉย เพราะยังไงก็คงขัดพี่เขาไม่ได้อยู่แล้ว

   “หยิบถ้วยให้ผมหน่อย”เพราะว่าพี่คินทำให้พี่นุ่มลูกมือของผมหนีไปผมจึงต้องใช้เขาแทน จะถือว่าเป็นการแก้แค้นหรือเอา
คืนก็คงจะใช่

   “กล้าใช้เจ้านาย?”

   “อืม”ไม่ต้องย้ำผมก็รู้ว่าพี่เขาเป็นเจ้านาย เพราะผมต้องทำตามในสิ่งที่พี่เขาต้องการทุกอย่าง ผมรับถ้วยเซรามิคเคลือบมา
ไว้ในมือ

   “ยังเจ็บแผลอยู่ไหม”ถามพลางสอดมือเข้ามาในเสื้อของผมแล้วลูบอย่างเบามือ

   “เจ็บ”ไม่ได้สำออยแต่ก็ต้องตอบไปอย่างนั้น เพราะกลัวว่าพี่คินจะทำอะไรผมหลังจากที่เขาละเว้นเรื่องนั้นมานาน

   ได้ยินเสียงถอนหายใจเหมือนจะเนือยๆของพี่เขา เขาผละออกไป ผมปลายตามองยังโต๊ะทานข้าว พี่เขาไปนั่งรอแล้ว
สายตายังคงจับจ้องการกระทำของผมเช่นเดิม น่าอึดอัดแต่ก็จำใจจะต้องชินกับมัน

   “นายหัวคะ อาทิตย์หน้าน้องณินก็จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ นุ่มล่ะคิดถึ๊งคิดถึงเสียงน้องณิน”

   “อาทิตย์หน้านั่นล่ะ”

   ได้ยินเสียงนายหัวคุยกับเด็กในบ้าน จับใจความไม่ค่อยได้เพราะเป็นภาษาใต้ ถึงจะอยู่มาได้พักใหญ่แต่ยังไงก็ฟังไม่ค่อย
ออกอยู่ดี จึงได้ไม่สนใจตักกับข้าวใส่ถ้วยแล้วเตรียมเจียวไข่เป็นลำดับสุดท้าย



   “วันนี้ให้ผมไปด้วยได้ไหม”ถามหลังจากทานข้าวเสร็จ

   “แผลยังไม่หายดี รัมภ์อยู่ที่นี่ดีแล้ว”

   “ผมไม่ใช่ตัวเกะกะ”

   “การที่พี่ไม่ให้ไปด้วยไม่ได้หมายความว่ารัมภ์เป็นตัวเกะกะ”

   “งั้นก็ให้ผมไปสิ ผมอยากทำงาน”อย่างน้อยมันจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกับเงินเดินที่พี่เขาจ่ายให้ ถึงแม้ว่าเงินนั้นจะถูก
ส่งไปถึงมือแม่ก็ตาม

   พอนึกถึงแม่ เรื่องที่ผมถูกทำร้ายถึงสองครั้งสองคราจะให้แม่รู้ไม่ได้เด็ดขาด ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วงไปมากกว่านี้

   “ไม่ได้”

   “อย่างน้อยให้ผมดูแลลูกนกก็ได้ มันไม่ต้องใช้แรงอะไรมากนี่”แตะแขนพี่คินเอาไว้ก่อนที่พี่เขาจะเดินหนี

   ถ้าไม่ได้คิดไปเองเวลาที่ผมพยายามขออะไรซ้ำๆพี่เขาจะยอมให้ผมตลอด อย่างเช่นครั้งนี้ ดวงตาคมดุอ่อนลงถอนหายใจ
ออกมาเบาๆ

   “งั้นก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่ให้แค่ดูนกนะ”

   “อืม”พยักหน้ารับแล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ออย่างน้อยก็มีอะไรทำ อย่างน้อยก็ได้ทำงานที่เป็นงาน ไม่ใช่เป็นแค่ที่
รองรับอารมณ์ของพี่เขา



   ---------------------------------------------------------------------------------------



   พี่คินพาผมมาที่อาคารระบบปิดหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ใช้เวลาเดินเกือบสิบนาที พอได้เดินไปมาภายในฟาร์มสานรัก
แล้วถึงได้รู้สึกว่ามันกว้างกว่าที่เห็น พื้นที่ส่วนมากถูกปล่อยให้เป็นป่ารกตามธรรมชาติ

   เหมือนจะมองว่าพื้นที่กว้างแต่ถูกปล่อยให้รกร้างต้นไม้ขึ้นเกะกะแต่จริงๆแล้วมันคือแหล่งธรรมชาติอาหารชั้นดีสำหรับนก
นางแอ่นที่อยู่ในถ้ำ สภาพพื้นที่ภายในฟาร์มจึงได้ถูกใช้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว

   ผมเดินตามพี่คินเข้ามาในห้องสีขาวมีกระจกกั้นเป็นระบบปิด ภายในห้องถูกแบ่งเป็นสัดส่วน ข้างในค่อนข้างสลัวเพราะ
จำลองบรรยากาศให้เหมือนภายในถ้ำมากที่สุด

   พื้นที่ส่วนหนึ่งถูกแบ่งไว้ฟักไข่ อีกส่วนแบ่งไว้สำหรับลูกนกที่กำลังโต เสียงลูกนกร้องระงมมีคนงานอีกสองคนกำลังผลัด
กันป้อนอาหารให้ลูกนกทีละตัว

   “รัมภ์นี่ลุงเมฆเป็นคนคอยดูแลนกในฟาร์ม นี่ติน คนงานใหม่พึ่งจะเข้ามาทำงานได้สองอาทิตย์”พี่คินแนะทำให้ผมรู้จักคน
งานสองคนหลังจากที่สวมถุงมือยางให้ผมเรียบร้อย

   คนแรกลุงเมฆคุณลุงวัยกลางคนที่ดูท่าจะเหมือนพวกสัตวแพทย์หรืออะไรสักอย่างที่ดูเชี่ยวชาญเรื่องนกนางแอ่นมากเป็น
พิเศษ อาจจะเพราะลุงเมฆคลุกคลีอยู่กับฟาร์มนี้มานานตั้งแต่รุ่นพ่อของพี่คิน จะว่าไปผมยังไม่เคยเห็นพ่อพี่คินเลยแม้แต่ครั้ง
เดียว

   “รัมภ์”คนที่ชื่อตินหลุดปากเรียกชื่อผมออกมาเหมือนกับรู้จักผมอยู่ก่อนหน้า

   “พี่รู้จักผมด้วยเหรอ”

   “อะ เอ่อ รู้จักสิ คนในฟาร์มนี้เขาก็รู้จักกันหมดแหละ”เขายิ้มตอบกลับ

   คนที่ชื่อตินอายุมากกว่าผมเล็กน้อย น่าจะรุ่นเดียวกับพี่คินหรือมากกว่านั้น แต่ที่ผมสนใจไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนงานใหม่
แต่ท่าทางสูงใหญ่รูปร่างดีผิวขาวสะอาดอีกทั้งหน้าตาดีไม่ดูแล้วไม่น่าจะมาทำงานเป็นคนงานในฟาร์มได้ พี่คินเล่าให้ฟังอีกทีว่า
เขาถูกผู้หญิงหลอกจนหมดตัวเลยมาของานทำ

   “ถ้ามีอะไรหรือว่าเจ็บแผลก็ให้คนไปตาม พี่จะได้พากลับบ้าน”

   “อืม”พยักหน้ารับ

   “เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่มารับกลับไปกินข้าว”

   “อืม ผมรู้แล้ว”

   เริ่มไม่พอใจ เพราะพี่คินไม่ยอมไปสักที

   “อย่าดื้อล่ะ”พูดส่งท้ายก่อนจะยกมือขึ้นมายีหัวผมจนฟูแล้วเดินยิ้มออกไป



   “ตินเดี๋ยวลุงฝากดูรัมภ์ด้วยนะ หนอนใกล้จะหมดแล้ว เดี๋ยวลุงไปเอามาเพิ่ม”ลุงเมฆหันมาบอกพี่ตินก่อนจะเดินออกไปไล่
หลังพี่คินไปติดๆ

   “ครับ เดี๋ยวผมดูให้”พี่ตินตอบรับหันมายิ้มอวดฟันขาวให้ผม ถ้าหากสีตาหรือสีผมของเขาไม่ใช่สีดำผมคงจะคิดว่าพี่เขาเป็น
ลูกครึ่งแน่

   “ได้ข่าวว่ารัมภ์พึ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่เหรอ”พี่ตินถามพลางจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อสอนงานผม

   “ครับ จะเรียกว่ามาอยู่ก็ไม่ถูก ผมมาทำงานน่ะ”เพราะรอยยิ้มกว้างที่ดูจริงใจทำให้ผมคุยกับขาวด้วยประโยคยืดยาวได้โดย
ไม่ติดขัด ผมเองก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน

   “ทำไมถึงเลือกมาทำงานที่นี่ล่ะ เป็นคนกรุงเทพไม่ใช่เหรอ”

   “ไม่รู้สิ เพราะเงินเดือนละมั้งครับ แต่ถ้าให้เลือกตอนนี้ผมเองก็ไม่อยากทำ”เพราะมันดูเหมือนผมเป็นสัตว์เลี้ยงในกรง
มากกว่าพนักงานในฟาร์ม

   “ทำไมล่ะ รัมภ์ไม่ชอบ?”

   “ไม่ใช่ไม่ชอบ เหตุผลอื่นน่ะ”ผมแค่นยิ้มรับตะกร้าอุปกรณ์มาถือไว้

   “แสดงว่ารัมภ์ไม่เต็มใจ?”

   คำถามของพี่ตินเหมือนจกตรงจุด แต่ผมก็ไม่ได้ตอบรับจับอุปกรณ์ในตะกร้าสำรวจว่ามีอะไรบ้าง

   “แล้วพี่ล่ะ ทำไมถึงมาทำงานที่นี่”

   “อยากเลี้ยงนกมั้ง”ตอบกวนอีกทั้งหัวเราะในลำคอไม่วายส่งยิ้มมาให้อีกเช่นเคย

   “อันนี้เอาไว้ทำอะไร”

   ผมชูกระบอกสลิ้งขั้นมาถามเพราะมันเหมือนกับเข็มฉีดยาที่ไม่มีปลายเข็มแหลมๆ

   “อันนี้น่ะเหรอ นี่ไง ถอดออกมาแล้วตักอาหารเหลวใส่แบบนี้แล้วก็ปิด เสร็จแล้วก็นี่เลย เอาไว้ป้อนลูกนกที่ยังกินอาหารเอง
ไม่ได้”ว่าพลางตัดอาหารเหลงสีน้ำตาลอ่อนใส่สลิ้งแล้วจับลูกนกตัวเล็กมาตัวหนึ่งค่อยๆกดสลิ้งลงดันอาหารลงไปในปากเล็กๆ

   “แล้วตัวใหญ่พวกนั้นล่ะ”

   “พวกนั้นต้องกินไอ้นี่”ว่าแล้วก็หยิบกล่องพลาสติกใสมีหนอนยั้วเยี้ยดิ้นไปมายื่นมาเกือบจะชิดหน้าให้ผมถอยหลังหนี ไม่
วายได้ยินเสียงหัวเราะของเขาออกมาจากลำคอ

   “ไม่ตลกนะครับ”

   “แต่ก็ยิ้มนี่”มันก็จริงอย่างที่เขาบอกว่าผมยิ้ม ก็ยิ้มตามเขานั่นแหละ





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว พี่คินเองก็ยังคลุมเครือหรือน้องรัมภ์เข้าใจยากก็ไม่แน่ใจ รู้แค่ว่าตัวละครตัวใหม่ขาวสูงหล่อยิ้มเก่งพอที่จะทำให้น้องรัมภ์วางใจได้เลยล่ะ(เรียกว่าสปอยรึเปล่านะ)
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 16-04-2016 04:43:13
พี่ติณนี่คือคนของพ่อน้องส่งมาตามหารึเปล่า(แอบคิดในแง่ดีว่าพ่อน้องมีความจำเป็นที่ต้องทิ้งน้องกับแม่ไป 555)
ส่วนสิ่งที่นายหัวอยากได้จากน้องเราว่าน่าจะเป็นความรักนะ แต่คืออออ เอ็งทำแบบนี้กับน้องเนี่ยนะน้องคงรู้ด้วยหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-04-2016 05:15:29
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 16-04-2016 12:12:57
พี่ตินสูงขาวหน้าตาดี  :hao7:
นายหัวดิบเถื่อนเหมือนเดิมมม
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 16-04-2016 15:48:01
พี่ตินแท้จริงเป็นใครกันหนอ
น้องอ้อนนิดอ้อนหน่อยยอมตลอดเลยเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-04-2016 17:20:03
รัมภ์ รู้สึกปลอดภัยที่คินอยู่ใกล้  :mew1:
รัมภ์ รับรู้ว่าคินใจดีกับรัมภ์เวลาขออะไรก็ให้  :katai1:
แต่รัมภ์ ยังไม่รับรู้ความรักของคิน   :เฮ้อ:
ภูผา ดูแปลกๆ กับหมอนที หมอทำอะไรภูผาหรือเปล่า ?
ติน จะดีจะร้ายกับรัมภ์นะ ดูกันต่อไป  :hao3:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: lalaly ที่ 16-04-2016 18:50:39
พี่ตินเป็นคนบงการเรื่องปล่อยหนูหรือป่าวน่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2016 21:45:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 16-04-2016 23:53:17
สนุกมากครับ เพิ่งเขามาอ่าน

อ่านไปก็สงสัยไป ว่าคินต้องการอะไรจากตัวน้อง


มาต่อไวๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 1ุ6-04-59 บทที่ 9 ปองร้าย
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 17-04-2016 17:01:00
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 23-04-2016 06:41:46
บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ


   ‘พี่นั่งคนเดียวเหรอพี่’ผมถามแต่เขาไม่ตอบกลับก้มลงอ่านหนังสือหลักเศรษฐศาสตร์ในมือไม่สนใจที่ผมทักไป

   ‘ผมขอนั่งด้วยนะ’ไม่ตอบอีกเหมือนเคย เย็นชาและเงียบขรึมอย่างที่คนอื่นชอบพูดถึงพูดถึงพี่เขา ไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคน
นี้ผู้ชายที่ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของชั้นปีติดต่อกันทุกปี

   ‘ผมชื่อรัมภ์’ปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะก้มลงอ่านหนังสือเหมือนเก่า ในตอนนั้นผมรู้สึกว่ายากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่
จะทำความรู้จักกับคนคนนี้

   ‘รัมภ์มาจากรัมภา ที่แปลว่านางฟ้า ตอนแม่ท้องผมแม่ฝันเห็นนางฟ้า’ชวนคุยถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบโต้แต่ก็รู้ว่าพี่เขาฟัง

ผมอยู่





   ‘ยากว่ะมึง พี่เขาไม่สนใจกูเลย’

   ‘แต่มึงก็รู้ว่ารู้ชอบแจ่มมันตั้งแต่ปีหนึ่ง แล้วตอนนี้แจ่มมันก็ไปชอบพี่เขา กูมองไม่เห็นใครแล้วนะมึง’เพื่อสนิทจับแขนผม
แน่น พยายามร้องขอ

   ‘สองพัน’

   ‘อะไร’   

   ‘กูขอเพิ่มอีกสองพัน’ต่อรองเพื่อเงินที่จะเอามาจ่ายค่าเทอมในเทอมถัดไปเพราะไม่อยากให้แม่ลำบากไปมากกว่านี้

   ‘เออๆ เพิ่มก็เพิ่ม แต่มึงต้องจีบพี่เขาให้ได้นะมึง ให้แจ่มมันเห็นว่าพี่เขามีแฟนแล้วแล้วพี่เขาเป็นเกย์ แจ่มมันจะได้เลิกชอบ
พี่เขาสักที’   

   ‘ก็แล้วทำไมมึงไม่จีบแจ่มมันวะ’

   ‘เออน่าเรื่องของกู’

   ‘ทีอย่างนี้มาเรื่องของกู’ตอบกลับไป เวลานั้นคิดแค่ว่าต้องทำยังไงถึงจะเข้าไปทำความรู้จักกับพี่เขาแล้วทำให้เขาสนใจ





   ‘ผมนั่งนะพี่’เชิญตัวเองนั่งลงตรงม้านั่งตัวตรงข้ามของพี่เขาเองทุกครั้ง หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป แทบจะไม่มีคำโต้กลับสำหรับ
เขาเลย

   ‘อ้าวพี่จะไปไหน’

   ‘กินข้าว’ในที่สุดก็ยอมตอบกลับ อาจจะเป็นเพราะรำคาญผมก็เป็นได้เลยลุกหนีไป

   ‘จริงดิ ผมไปด้วย หิวเหมือนกัน’เดินตามพี่เขาไป

   ‘โรงอาหารไปทางนี้’

      ‘วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว’คำตอบที่ได้รับในเวลานั้นทำให้นึกแปลกใจ ในเมื่อไม่มีเรียนแล้วจะมานั่งอ่านหนังสือใต้ตึกคณะ
ทำไมในเมื่อกลับไปอ่านที่ห้องก็ได้ แล้วก็ได้รู้ว่าเขารอให้ผมเลิกเรียน



   ‘พี่แวะนี่ให้หน่อยดิ’บอกขณะที่พี่เขาขับรถผ่านห้างสรรพสินค้า

   ‘ทำไมต้องแวะ’

   ‘ไหนพี่จะกินข้าวไง มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง’สุดท้ายก็ยัดเยียดให้พี่เขาจอดรถที่ห้างสรรพสินค้าแล้วซื้อของสด

   เป็นครั้งแรกที่มาที่ห้องของพี่เขา คอนโดขนาดพอดี เป็นระเบียบเรียบร้อยตามที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ทำกับข้าวง่ายๆให้พี่เขา
กิน แอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเวลาที่ข้าวคำแรกเข้าปากของเขา

   ‘ตอบแทนที่ผมเลี้ยงข้าวพี่ พี่ไปส่งผมที่หอหน่อยสิ’มัดมือชกเสร็จสรรพ มันง่ายมากที่จะปฏิเสธแต่พี่เขาก็ยอมไปส่งผมที่
หอ



   ‘ผมนั่งนะ’เชิญตัวเองอีกเช่นเคย

   ‘หิวข้าว’พี่เขาบอกแบบนั้นในวันถัดมาแล้วเดินออกไป ครั้งแรกผมงงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาแล้วเดินตามเขาขึ้นรถไป
แวะที่ห้างสรรพสินค้าเดิม ทำกับข้าวเมนูใหม่ให้พี่เขากิน แอบเห็นรอยยิ้มที่มุมปากแล้วพี่เขาก็ไปส่งผมที่ห้องเหมือนเดิม แต่ไม่
เหมือนเดิมตรงที่

   ‘พี่ผมยืมโทรศัพท์หน่อย’

   ‘เอาไปทำอะไร’ถามกลับมาเสียงเรียบแถมมองมาเหมือนไม่ไว้ใจแต่ก็ยื่นให้

   ‘นี่เบอร์ผมนะ ไว้หิวตอนไหนโทรเรียกได้เลย’

   ‘ไม่ได้อยากได้’

   ‘เอาไว้โทรเรียกผมเวลาหิวไง’บอกไปแบบนั้นอันที่จริงต้องการจะเม็มเบอร์เพื่อเอาไลน์ของพี่เขาต่างหาก


   I am Rampa : สวัสดีครับ นอนรึยังครับ

   Pakin : ใคร?

   I am Rampa : ผมเอง

   I am Rampa : พ่อครัวของพี่ไง

   Pakin : มีอะไร?

   I am Rampa : เปล่า แค่อยากคุย

   Pakin :อืม (แค่นั้นแล้วก็เงียบหายไปพักใหญ่)

   I am Rampa : หิวไหมพี่

   Pakin : ไม่

   I am Rampa : พี่อาบน้ำยัง

   Pakin : อืม

   I am Rampa : อึมนี่คือ?

   Pakin : อาบแล้ว

   I am Rampa : แล้วพี่มีแฟนยัง (พอถามไปแบบนั้นข้อความถูกอ่านแต่พี่เขาก็หายไป)

   I am Rampa : เงียบ

   I am Rampa : หาย?

   I am Rampa : หลับ?

   I am Rampa : ปกติพี่นั่งตรงนั้นทุกวันรึเปล่า

   I am Rampa : ปกติเสาร์อาทิตย์พี่จะไปไหน

   I am Rampa : ปกติพี่เป็นคนเงียบๆแบบนี้เหรอ? (ยิงคำถามรัวไปเมื่อพี่เขาไม่ยอมตอบ ตอนนั้นไม่ได้สนใจเงิน แต่สนใจ
รอยยิ้มของพี่เขาและตัวตนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งๆนั่นมากกว่า)

   Pakin : ปกติ

   I am Rampa : ปกติเป็นคนเงียบๆเหรอ?

   Pakin : ปกติจะถามคนอื่นว่ามีแฟนแล้วแบบนี้งั้นเหรอ (เป็นประโยคที่ยาว แต่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาเพราะเหมือนกับถูกพี่
เขากวนตีนกลับยังไงยังนั้น

   I am Rampa : ผมถามแค่พี่คนเดียว

   Pakin : นอนแล้ว

   I am Rampa : ฝันดีครับ

   Pakin : อืม

   Pakin : ฝันดีเช่นกัน

   จำได้แค่ว่าวันนั้นเป็นวันที่ผมฝันดีมากอีกหนึ่งวัน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ติดอยู่บนใบหน้าจนคนรอบข้างต่างก็ตาม
ความรู้สึกในตอนนั้นมันถูกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว



   “รัมภ์ เสร็จแล้วทำไมไม่ลงไปล่ะ”พี่คนเปิดประตูเข้ามา ถามคำถามทันทีเมื่อเห็นว่าผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่
กลับนอนต่อ

   “ครับ”ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วลุกขึ้นนั่ง ผมนอนต่อเพราะพี่เขาบอกไม่ให้ผมทำกับข้าวแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีที่ผมไม่ต้อง
ทำอะไรที่มันไม่ใช่งาน

   “มีคนที่พี่อยากให้รัมภ์เจอ”พี่คินเดินเข้ามาจับมือของผมแล้วดึงให้เดินตาม

   ผมเดินตามแรงดึงอย่างว่าง่าย จ้องมองมือใหญ่ที่กุมมือด้วยสายตาว่างเปล่า เดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะกินข้าวในครัว ปกติจะมี
แค่พี่นิ่มบางวันก็มีภูผา แต่วันนี้กลับแปลกไป แปลกไปจนผมนึกใจสั่น

   ผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่พี่นิ่มยืนอยู่ในครัวจับจ้องมองมาทางผม กับเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวเข้มนั่งอยู่ตรงที่ผมเคยนั่ง ทั้งคู่จ้อง
มองมาที่ผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

   “รัมภ์นี่ฟาง เป็นพี่เลี้ยงของณิน”

   “อืม”ผมพยักหน้ารับ ดวงตากระตุกวูบเมื่อสายตาไม่เป็นมิตรของฟางหายวับไปกับตาเวลาที่พี่คินหันไป

   “ณินนี่น้ารัมภ์สวัสดีน้ารัมภ์สิ”

   “ณินไม่หวัดดี ณินไม่ชอบเขา เขาจะมาแย่งพ่อไปจากณิน”คำพูดของเด็กคนนั้นทำให้ผมหน้าชา มือที่กำแน่นสั่นจนแทบ
จะควบคุมไม่ไหว

   “ใครเป็นคนบอกกับณินแบบนั้น”

   “อะ เอ่อ มะไม่ใช่นะคะนายหัว ฟางแค่บอกว่าพี่รัมภ์จะมาเป็นแม่น้องณิน”เธอรีบบอกพลางโบกมือปฏิเสธ

   “ณิน ขอโทษน้ารัมภ์เดี๋ยวนี้”

   “ไม่เป็นไร ผมขอตัว”ผมบอกไปแบบนั้นแล้วกลับขึ้นมาบนห้องไม่สนใจเสียงเรียกที่ไล่หลังมา

   “รัมภ์ กลับไปกินข้าว”เป็นอย่างที่คิด พี่คินเดินตามขึ้นมาแล้วดึงแขนของผมเอาไว้ให้หันกลับไป

   “ผมไม่หิว”

   “ไม่หิวก็ต้องกิน รัมภ์เป็นคนบอกพี่แบบนี้เอง”

   “ผมไม่อยากกิน”ผมดึงแขนเอาไว้เมื่อพี่เขาพยายามดึงให้ผมเดินตาม

   “รัมภ์อย่าดื้อจะได้ไหม ไม่ใช่เด็กๆ”

   “พี่โกหก โกหกผม”ในที่สุดก็ทนไม่ไหม

   พี่เขาบอกว่าไม่เคยมีใคร ไม่เคยบอกว่ามีคนอื่น ไม่เคยบอกว่ามีลูก แล้วนี่อะไร ลูกโตตั้งสี่ห้าขวบขนาดนี้มันอะไรกัน

   มันเหมือนกับฟ้าผ่ากลางแจ้ง ความรู้สึกมันเจ็บจนบอกไม่ถูก

   “รัมภ์พูดอะไร”

   “ผมผิดมากใช่ไหมที่ทิ้งพี่ไป แล้วทีพี่ล่ะ ทั้งที่มีลูกโตขนาดนี้แล้วยังจะมาคบกับผมทำไม ทั้งที่บอกว่าไม่มีใครไม่ใช่รึไง”

   “ฟังพี่ก่อน”พี่คินเริ่มเสียงแข็ง มือหยาบกร้านจับต้นแขนทั้งสองข้างของผมแล้วดึงเข้าไปหา

   “ปล่อย”

   “รัมภ์!! ฟังพี่”

   ผลั๊วะ!!

   เพราะความโมโหและความไม่พอใจเหมือนกับถูกหักหลังทำให้ผมบัลดาลโทสะออกไป เข้าใจความรู้สึกของพี่คินก็วันนี้
เข้าใจว่าเวลาถูกหักหลังมันรู้สึกยังไง

   ผมกัดฟันแน่นจ้องมองใบหน้าของพี่เขานิ่ง หยดเลือดสีแดงสดซึมออกมาจากมุมปากของพี่เขา

   “รัมภ์คงจะอยากอยู่คนเดียว”

   บอกด้วยเสียงราบเรียบก่อนจะปิดประตูห้อง ได้ยินเสียงล็อกดังทำให้รู้ได้ทันที่ว่าผมถูกขังเอาไว้อีกแล้ว



   “ผมเอาข้าวมาให้ พี่เจอน้องณินแล้วใช่ไหม”ภูผาเปิดประตูเข้ามาในตอนสายพร้อมกับมื้อเช้า

   “เจอแล้ว แล้วนี่ไม่ไปโรงเรียนรึไง”

   “วันนี้วันเสาร์พี่ ทำไมพี่ชอบถามผมแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน”

   “ไม่รู้สิ ขี้เกียจนับวันมั้ง”เพราะยิ่งนับมันก็รู้สึกเหมือนวันเวลามันยิ่งผ่านไปช้าลงทุกวันๆ

   “ทำไมพี่ถึงได้ถูกขังอีกแล้ว”

   “เผลอไปต่อยนายหัวของเราเข้า”

   “โม้แล้วพี่ พี่กล้าต่อยนายหัวด้วยเหรอ”ภูผาหัวเราะเล็กๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมยิ้มตาม

   “ทำไมจะไม่กล้า แล้วแผลที่คอหายดีรึยัง”

   “พี่เห็นเหรอ”จากที่ยิ้มอยู่รอยยิ้มเลือนหายไปแทบจะทันทีที่ถาม

   “อืม”

   “หายแล้ว แต่คงเป็นแผลเป็น ผมไปก่อนนะพี่ ขึ้นมานานคนข้างล่างจะว่าเอา”

   “พี่ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”

   “เอาดิ”

   “แม่ของน้องณินเป็นใครเหรอ”

   “เป็นคนแถวนี้แหละพี่ แต่ตายไปได้สองปีแล้วมั้ง”

   “งั้นเหรอ ช่วยพี่อีกอย่างสิ”

   “จะดีเหรอพี่?”ถามกลับพลางขมวดคิ้วมุ่น สงสัยคิดว่าผมจะให้พาหนีอีกครั้ง

   “ไม่ได้ให้พาหนี แต่ไปซื้อขนมให้หน่อย แถวนี้มีช็อกแลตขายไหม”

   “มีดิ ไม่ได้บ้านนอกขนาดนั้น เดี๋ยวตอนเที่ยงผมเอามาให้”

   “อืม ขอบใจ”ผมยิ้ม

   เวลาแล้วตกอยู่ในความคิดอีกรอบ ภาบอกว่าแม่ของน้องณินเสียไปเมื่อสองปีก่อน เป็นเวลาเดียวกับที่ผมบอกเลิกพี่คิน ซึ่ง
หมายความว่าในระหว่างนั้นพี่เขาคบผมทั้งที่มีลูกและคนอื่นอยู่แล้ว

   ผมควรจะทำยังไงดี เจ็บจนไม่อยากจะรับรู้อะไร ตาของผมมันสั่นพร่า ภาพที่เห็นพล่าเบลอไปหมด ในเมื่อพี่เขามีคนอื่นอยู่
แล้ว มีลูกอยู่แล้วแล้วเขาจะขังผมเอาไว้ทำไม ให้ผมเป็นเหมือนสัตว์ในกรงผมก็พอจะรับไหวเพราะเข้าใจว่าที่เป็นบทลงโทษที่

ผมสมควรจะได้รับ แต่จะให้ผมมารับรู้ว่าพี่เขามีคนอื่นผมรับไม่ไหวจริงๆ

   ถ้านี่เป็นการแก้แค้นมันก็มากเกินไปแล้ว มากจนหัวใจของผมมันรู้สึกว่ารับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ไหวอีกต่อไป ผมควร
ทำยังไงดีในเมื่อทั้งอยู่ต่อและจากไปมันเจ็บพอๆกัน

   



ตัวละครใหม่มาเพิ่มอีกแล้ว จะงงกันไหมนะ อย่าเพิ่มทิ้งกันไปไหนน๊าาาาาา อยู่ด้วยกันก่อนนนน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 23-04-2016 07:51:32
ไม่ทิ้งๆรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 23-04-2016 08:02:01
 :pig4:  :z13:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: benicezii ที่ 23-04-2016 08:34:34
เริ่มจะซัยซ้อนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: ifangza! ที่ 23-04-2016 15:21:17
รอทุกวัน จะให้ทิ้งไปได้ไงล่าาา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ดื้อ ที่ 23-04-2016 21:18:43
รอตลอดน้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-04-2016 21:52:50
ใช่ลูกคินจริงๆ หรือ  :katai1:
รัมภ์เจ็บปวด ที่คินคบซ้อนมีลูก แต่รัมภ์รักคิน แล้วทิ้งคิน ?
ถ้าคนที่รักรัมภ์ ยึดติดรัมภ์อย่างคินจะคบซ้อน ไม่น่าเป็นไปได้  :hao7:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: MK ที่ 23-04-2016 22:03:05
เจ็บปวดดดดด

เพราะรักจึงเจ็บปวด

เรานี่มันสายmสุดๆ

ฮือออออออ  น้องรัมภ์น่าสงสารนะ แต่พี่เค้าก็น่าสงสารเหมือนกัน

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-04-2016 23:43:20
น้องณินอาจไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพี่เขาก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: loneliest ที่ 24-04-2016 07:37:59
เนื้อเรื่องสนุกและน่าติดตามมากค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-04-2016 08:21:51
ไม่ทิ้งเรื่องสนุกๆอย่างนี้แน่นอน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-04-59 บทที่ 10 คนที่อยากให้เจอ
เริ่มหัวข้อโดย: Sweettemp ที่ 24-04-2016 18:19:50
เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ รอต่อๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 26-04-2016 04:54:41
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ดื้อ ที่ 26-04-2016 11:39:39
ชอบน้องงง น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-04-2016 16:00:06
เข้าใจกันแล้ว กำลังจะลงโทษหวานๆ กันซะหน่อย
มีคนกล้ามาขัดจังหวะนายหัว  :z6:
ฟาง ตัวจุ้น เสี้ยมน้องนิน หวังจะเป็นเมียคินเองป่ะ  :m16:
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 26-04-2016 18:23:27
คิดเหมือนรัมภ์เลย จะเลี้ยงน้องยังไงก็ให้มีลิมิตหน่อยไม่ใช่เอาแต่ใจแบบนี้ พี่เลี้ยงโคตรเจือกกกกก จุ้นเรื่องชาวบ้าน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-04-2016 21:26:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: tookta18515 ที่ 26-04-2016 23:50:52
น่ารัก >////< :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 15-05-2016 12:08:22
บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย




   ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงกุกักจากปลายเตียงจึงได้หรี่ตาขึ้นมอง

   แต่สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจไม่ใช่ร่างคุ้นตาของพี่คิน แต่เป็นร่างปุ๊กลุกของเด็กตัวเล็กผิวเข้มใบหน้ากลมเเป้นแล้นแก้มใส
ป่องจนเกือบจะปิดเวลาที่ยิ้มจนตาหยี

   น้องณินเข้ามาในห้องน้ำไม? แล้วเข้ามาได้ยังไง? ผมขมวดคิ้วจ้องมองร่างของเด็กตัวเล็กเดินต้วมเตี้ยมไปที่โต๊ะริมหน้า
ต่างค่อยๆตะกายปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ ส่งเสียงฟึดฟัดขัดใจเล็กน้อยเมื่อเก้าอี้มันสูงจนเกือบจะปีนไม่ถึง


   จนสุดท้ายก็ปีนขึ้นไปจนได้ ดูท่าน้องณินจะยังไม่รู้ว่าผมนอนมองลุ้นอยู่บนเตียงว่าจะล่วงหรือจะรอด พอปีนขึ้นไปได้น้องนิ
นก็ยืนบนเก้าอี้ ปากเล็กยิ้มแป้นโชว์ฟันน้ำนมกับเหงือกสีสดออกมาเมื่อมองไปยังถาดอาหารกลางวันของผม

   หมดทันทีสงสัยว่าทำไมน้องณินถึงมาทีนี่ ช็อกโกแลตที่วางอยู่ในถาดข้าวถูกหยิบขึ้นมา ได้ยินเสียงพึมพำเหมือนร้องเพลง
ที่ไม่รู้ว่าเพลงอะไรอย่างอารมณ์ดีแว่วๆ

   หัวขโมยตัวเล็กย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้แกะห่อช็อกโกแลตส่งมันเข้าปาก หารู้ไม่ว่าเจ้าของช็อกโกแลตแท่งนั้นกำลังนอนมอง
อยู่ แต่แล้วทันทีที่ได้ลิ้มรสช็อกโกแลตหัวขโมยน้อยก็คายออกมาแทบจะทันที

   “แค่กๆ แหวะ ขมปี๋ ไม่เห็นอร่อยเลย”สำเนียงแปร่งๆพูดออกมา ยกมือป้อมๆเช็ดปากตัวเอง จะไม่ให้ขมได้ยังไงในเมื่อมัน
เปนดาร์กช็อกโกแลต

      “ไม่มีใครบอกเหรอครับว่ากินของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเขาเรียกว่าขโมย”

   พอบอกแบบนั้นดวงตากลมเล็กก็เบิกกว้างหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจแล้วก็เปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ยใส่ผมทันที

   “น้องณินไม่ใช่ขโมย พี่ฟางบอกว่าน้องณินกินได้ทุกอย่างที่อยู่ในบ้านนี้ ไม่ต้องขอใคร”เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
เชื่อเลยว่าเด็กๆมักจะติดนิสัยมาจากพี่เลี้ยง

   “กินของอื่นโดยไม่ขอยังไงก็เป็นขโมยอยู่ดี”


   “แต่น้องณินไม่ใช่ขโมยนะ”น้องนินเถียงแต่หน้าเริ่มเสีย “อันนี้ของน้ารัมภ์เหรอ”ถามเสียงอ่อย

   “ใช่”

   พอเห็นหน้ากลมๆมุ่ยหน้า แต่ก็หน้าเสียทำให้รู้สึกว่าอยากจะแกล้งขึ้นมา แต่ลึกๆแล้วอยากจะสอนเด็กให้ถูกต้องมากกว่า
ไม่รู้ว่าพี่เลี้ยงของน้องณินเป็นพี่เลี้ยงประเภทไหนกันแน่ถึงได้เลี้ยงให้เอาแต่ใจแบบนี้

   “แต่มันอยู่ในบ้านของพ่อคิน”

   “แต่มันเป็นของน้า ถ้ากินโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของยังไงก็ต้องเป็นขโมย”

   “แต่น้องณินไม่อยากเป็นขโมย”น้องณินทำท่าจะร้องไห้ ปีนขึ้นมาบนเตียงนั่งจุมปุ๊กลงข้างๆผม ตากลมโตนัยน์ตาสีดำสนิท
ช้อนขึ้นมามอง

   “ถ้าไม่อยากเป็นขโมยก็ต้องขอกันก่อน”

   “ทำไมต้องขอด้วย”


   “ถ้าไม่ขอก็เป็นขโมย ตกลงจะขอไม่ขอ”

   “งั้นน้องณินขอได้ไหม แต่ช็อกแลตอันนั้นมันไม่อร่อยเลย”

   “เห็นไหม คราวหลังจำเอาไว้ด้วยล่ะว่ากินอะไรต้องขอผู้ใหญ่ก่อน บางอย่างมันไม่ใช่ของที่จะกินได้ เหมือนช็อกโกแลตอัน

นี้ เข้าใจไหม”

   “อื้อ น้องณินเข้าใจ”ผงกหัวหงึกๆ “น้องณินไม่เป็นขโมยแล้วใช่ไหม”

   “ใช่ ไม่เป็นแล้ว”ผมพยักหน้า ดูๆไปแล้วน้องณินเป็นเด็กที่สอนง่าย แต่การสอนง่ายมันก็ส่งผลเสียตรงที่เชื่อคนสอนง่ายๆ
โดยไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

   ถ้าน้องณินไม่ได้เป็นลูกของผู้หญิงคนอื่นของพี่คิน บางทีผมอาจจะเอ็นดูน้องณินมากกว่านี้

   “น้ารัมภ์เป็นแฟนกับพ่อคินเหรอ”เงยหน้าขึ้นมาถาม

   ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้าแทน ไม่ได้ยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ที่ส่ายหน้าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะแทนสถานะอะไรให้ตัวเองใน
เมื่อพี่เขามีคนอื่นอยู่แล้ว

   “แต่น่าฟางบอกว่าน้ารัมภ์จะมาแย่งพ่อ น้ารัมภ์เป็นแฟนพ่อ น้ารัมภ์จะมาเอาพ่อไป”

   “น้าไม่เอาพ่อของน้องณินไปหรอก วางใจได้”เพราะเมื่อครบสามเดือนผมก็จะไปตามทางของผมสักที

   “จริงเหรอ”

   “อืม แล้วเข้ามาได้ไง ประตูมันล็อกไม่ใช่รึไง”

   “น้องณินเอากุญแจไขเข้ามา”น้องณินยิ้มเหมือนจะภูมิใจรีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบกุญแจขึ้นมาอวด “ห้องนี้เป็นห้องของ
น้องณิน แต่พ่อให้น้องณินย้ายไปอยู่ข้างล่างเพราะน้องณินเคยตกบันได เจ็บขาตรงนี้”มือป้อมชี้ตรงข้อเท้าตัวเอง



      “แล้วแม่น้องณินไปไหนล่ะ”ไม่รู้จะถามอะไร แต่พอถามออกไปก็พึ่งจะรู้ตัวว่าไม่ควรถาม

   น้องณินชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มแป้น

   “พ่อบอกว่าแม่กับพ่อของน้องณินอยู่บนนั้น”น้องณินชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้านอกหน้าต่าง

   แต่ถ้าผมหูไม่เพี้ยนหรือว่าน้องณินพูดผิดทำไมน้องณินถึงได้บอกว่าพ่อกับแม่อยู่บนนั้นทั้งที่น่าจะเป็นแค่แม่อย่างเดียว จู่ๆก็
รู้สึกมีหวังขึ้นมาทั้งที่มันไม่เป็นจะจำเป็นอะไรเลยสักนิด

   “ทำไม…ถึงบอกว่าพ่อกับแม่ล่ะ พ่อก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่รึไง”

   “หื้อ ไม่ใช่ พ่อคินเอาน้องณินมาเลี้ยง น้องณินรักพ่อ”

   น้องณินส่ายหน้า คำตอบของน้องณินทำให้หัวใจผมมันอุ่นวาบขึ้นมาทันที ถ้าน้องณินไม่ใช่ลูกของพี่คิน ก็แสดงว่าพี่คินไม่
ได้โกหกผม ไม่ได้นอกใจผม

   ทั้งที่ไม่มีสิทธิที่ไม่ควรจะโกรธไม่ควรจะไม่พอใจที่พี่เขามีคนอื่น เพราะผมทิ้งพี่เขาและหลอกพี่เขา แต่ผมก็ทำ ความรู้สึก
ผิดในเวลานี้มันเข้ามาแทนที่ความดีใจเสียแล้ว

   ผมก้มมองน้องณินที่ตอนนี้นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนที่นอนข้างๆผม แต่ก็ยังมีอีกอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจ ในเมื่อพี่คินรับน้อง
ณินมาเลี้ยงได้สองปีแล้วก็แสดงว่าพี่เขารับน้องณินมาเป็นลูกตั้งแต่ยังไม่เลิกกับผม

   แล้วประตูห้องก็เปิดออกแต่ไม่ใช่พี่คินที่ผมอยากเจอในตอนนี้ กลับเป็นภูผาที่ยืนถอนหายใจเมื่อเห็นว่าน้องณินนอนกลิ้งอยู่
บนที่นอน

   “กะแล้วว่าต้องมาอยู่ที่นี่ มานี่เลยไอ้แสบ”พูดเป็นภาษาใต้ก่อนจะตรงเข้ามาดึงขาน้องณิน

   แต่หัวขโมยตัวเล็กก็คลานหนีหัวเราะคิกคัก หนำซ้ำปีนขึ้นมาหลบอยู่ข้างหลังของผม

   “ไม่เอาๆ น้องณินอยู่นี่”

   “น้องณินมากวนพี่รึเปล่า เผลอแปบเดียวแอบตามช็อกโกแลตมาจนได้”ภูผาส่ายหน้า

   “ไม่กวน แค่พูดมากไปหน่อย”ผมยิ้มบาง ตอนนี้เรื่องที่หนักใจมันคลายออกไป ตอนนี้ก็เหลือแค่…ขอโทษพี่คินที่ผมต่อยพี่
เขา

   “น้ารัมภ์เล่านิทานเป็นไหม”

   “ไม่”

   “จริงเหรอ ทำไมบนนั้นมีนิทานด้วย”ชี้ไปที่หนังสือบนโต๊ะ

   “นั่นเรียกว่านิยาย ไม่ใช่นิทาน”

   “ไม่เหมือนกันเหรอ”เอียงคอถาม

   “ไม่”ขืนตอบว่าเหมือนคงจะต้องโดนถามอีกเยอะแน่ ผมส่ายหน้ามองไปทางภูผา เห็นว่าเจ้าเด็กหัวเกรียนขยิบตาให้แล้ว
พูดภาษาปากชี้ไปที่หัวขโมยช่างจ้อ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไร

   ผมคว้าตัวน้องณินช่างจ้อเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะซนไปหยิบหนังสือนิยายมาถามมากความส่งให้ภูผารับตัวไป

   “ไปกินข้าวได้แล้ว ไม่งั้นจะฟ้องนายหัว”

   “ไม่เอา น้องณินดูนิยายได้ไหม น้ารัมภ์เล่านิยายให้ฟังได้เปล่า ไม่เหมือนกันเหรอ”

   สุดท้ายก็ได้ยินแค่เสียงแว่วๆหลังจากที่ประตูปิดลง ผมถอนหายใจ อะไรหลายอย่างมันเริ่มเด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง จนผมนึก
กลัวใจตัวเอง



   ------------------------------------------------------------------------------------

   

   ผมเฝ้ามองนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาเลิกงานของนายหัวของฟาร์ม แต่พี่เขาก็ไม่มาสักที หนังสือนิยายเล่มใหม่ที่พี่คิน
หามาให้ปิดลงเป็นรอบที่เท่าไรผมเองก็จำไม่ได้ รู้แค่ว่าคอยสลับหันไปมองประตู รอว่าเมื่อไรมันจะเปิดออก จนในที่สุดสิ่งที่ผมรอ
คอยมันก็สิ้นสุดลง

   “กินข้าวได้แล้วรัมภ์”พี่คินเดินเข้ามาบอกเสียงเรียบ

   “อืม”ผมพยักหน้าตอบรับ หลุบตาเมื่อมองเห็นรอยช้ำบริเวณมุมปากของพี่เขา

   “ภูผาบอกว่าน้องณินเข้ามาในนี้ เขากวนรัมภ์รึเปล่า”

   “ไม่ครับ”ผมส่ายหน้า มองร่างสูงยืนอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพลางปลดกระดุม

   ตอนนี้เริ่มกระดากใจแล้วว่าจะขอโทษยังไงเพราะผมเป็นคนผิดที่ไม่ยอมฟังอะไรจากพี่เขา

   ผมเดินเข้าไปใกล้ได้กลิ่นกายประจำตัวของพี่เขาลอยเข้ามาในจมูก เดินไปหยุดอยู่เบื้องหน้าแล้วช่วยปลดกระดุมให้ที
ละเม็ด

   “ผมช่วย”

   “หิวแล้วเหรอ?”

   ผมส่ายกับคำถาม คำขอโทษมันติดอยู่ที่ปาก แต่ก็พูดไม่ออกเพราะมันกระดากใจกับรอยช้ำที่มุมปากนั้น

   แต่แล้วริมฝีปากนุ่มโน้มลงมากดจูบลงบนหน้าผากทำให้เงงยหน้าขึ้นไปมองพี่เขา ดวงคู่ดุจ้องมองลงมา

   “น้องณินเป็นเด็กที่พี่รับมาเลี้ยง น้องณินเป็นลูกบุญธรรม”

   “อืม ผมรู้แล้ว”

   ผมตอบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดส่งให้

   “พ่อแม่น้องณินเสียได้สองปีแล้ว พี่รับน้องณินมาเลี้ยงตอนที่เรายังคบกัน ตอนนั้นน้องณินอายุสองขวบเกือบจะสามขวบ ที่
พี่ไม่ได้บอกกเพราะว่าพี่กลัวว่ารัมภ์จะไม่พอใจเพราะพี่ไม่ได้ถามความสมัครใจจากรัมภ์”

   “พี่ไม่จำเป็นจะต้องถามผมถ้าพี่อยากจะทำ”

   “ต้องถาม เพราะถ้าพี่ถ้าน้องณินเป็นลูกของพี่ น้องณินก็ต้องเป็นลูกของรัมภ์เหมือนกัน”คำพูดของพี่เขามันทำให้หัวใจของ
ผมสั่นรัว มันเหมือนกับพี่เขากำลังบอกผมว่าเขาแคร์ความรู้สึกของผมทุกเวลาในตอนที่เราคบกัน

   “ผม…หลังจากกินข้าวเสร็จผมไปเดินเล่นที่หาดได้รึเปล่า”ผมเบือนหน้าหนีฝ่ามือที่แตะลงมาบนแก้ม

   ผมผิดทั้งหมด ทั้งที่หลอกพี่เขา ทิ้งพี่เขา อีกทั้งยังไม่ฟังพี่เขา แล้วทำไมพี่คินถึงยังรั้งผมเอาไว้ ถ้าจะแก้แค้นก็ทำร้ายผม
กลับสิ ไม่ใช่มาเล่นกับหัวใจของผมอย่างนี้ มันสั่นจนผมแทบบ้าอยู่แล้ว




   ---------------------------------------------------------------------------------------



   “พ่อกับน้ารัมภ์จะไปไหน ณินไปด้วยได้ไหม”

   “ไปไม่ได้ เข้านอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน”พี่คินอุ้มน้องณินส่งให้ฟางก่อนเจ้าตัวที่สุดแสนจะพูดมากจะตามออกมา

   “มืดแล้วจะไปไหนกันเหรอคะ”

   พี่เลี้ยงของน้องณินถามทันที ซึ่งนั่นทำให้ผมมองหน้าเธอ ยังไงพี่คินก็เป็นเจ้านาย ไม่ใช่เรื่องที่เจ้านายจะต้องคอยรายงาน
ลูกน้องว่าจะไปไหนมาไหน ผมดึงแขนพี่คินออกมาก่อนที่จะตอบ ได้ยินเสียงน้องณินเรียกไล่หลังตามมาแว่วๆ

   เราเดินมาที่ชายหาดหลังบ้าน ท้องทะเลยามค่ำคืนเงียบสงัดแต่มันก็ไม่ได้สงบ คลื่นน้ำยังคงซัดสาดเข้าหาฝั่ง สายลมพัด
ผ่านพาให้เส้นผมบนหัวปลิวมาปรกหน้า เรสองคนเดินย่ำหากทรายสีขาวด้วยเท้าเปลือยเปล่าวไปเรื่อยๆ

   “อย่าใส่ใจเลย น้องณินอาจจะพูดมากไปหน่อย แต่น้องณินเป็นเด็กฉลาด”พี่คินบอกเสียงเบาพลางเกลี่ยปอยผมออกจาก
หน้าของผม ดวงตาคู่ดุในความมืดจ้องลึกลงมาราวกับว่าต้องการจะอ่านใจผม

   “พี่…เจ็บไหม”ถามพลางแตะนิ้วลงตรงรอยช้ำบนมุมปาก พี่คินส่ายหน้าเบาๆ   

   “พี่ผิดเองที่ไม่บอกรัมภ์ก่อน”

   “พี่ไม่ผิด ผมต่างหากที่เป็นคนผิด ผมไม่ยอมฟังพี่เอง” ผมหลุบตามองฝืนทราบ มองดูปลายเท้าเปลือยเปล่าของเรากำลัง
แตะกัน “ตอนนั้นผมไม่พอใจมาก แต่ผมไม่ตั้งใจจะทำพี่เจ็บ ผมขอโทษ”

   “เวลาขอโทษใครอย่าหลบตาสิ”พี่คินบอกเสียงเบา ช้อนใบหน้าของผมขึ้นมาบังคับให้จ้องตอบนัยน์ตาคู่ดุนั่น ใบหน้า
คมคายเบื้องหน้าค่อยๆโน้มลงมาใกล้ขึ้นจนผมนึกหวั่นกับสิ่งที่พี่เขากำลังจะทำ

   “จะทำอะไร”

   “พี่จะคิดค่าขอโทษเป็นจูบจากรัมภ์ก็แล้วกัน”รอยยิ้มเล็กๆจุดอยู่ที่มุมปากของพี่เขา แต่ผมก็ผละออกเพราะกลัวว่าคนอื่นจะ
มาเห็น

   “ที่นี่ไม่ได้”

   “ไม่เป็นไร ตอนกลางคืนไม่มีใครมาที่นี่”

   “กลับไปทำที่ห้องได้ไหม”ผมดันตัวออกจากวงแขนแข็งแรงที่โอบรัด แต่พี่คินเองก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆรั้งผมเข้าไปจนชิด

   ถึงแม้ว่าจะผิดและต้องชดใช้ แต่ผมคิดว่ามันมากเกินไปที่จะบังคับให้ผมทำอะไรในที่โล่งแจ้งแบบนี้

   ผมพยายามขืนตัวเอาไว้เบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่ฉกจูบลงมาจนมันเบียดเข้าที่แก้ม ผมรู้ว่ายังไงมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะ
ต้องชดใช้ แต่อย่างเดียวที่ผมจะยอมรับไม่ได้ก็คือการที่ผมจะต้องอับอายกับการต้องทำอะไรในที่โล่งๆแบบนี้

   ผมไม่รู้ว่าสวรรค์หรือนรก อะไรที่เข้าข้างผมกันแน่ในเมื่อมีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาขณะที่พี่คินกำลังจะจูบผมให้ได้



   “บังเอิญจังเลยนะครับ ไม่รู้ว่านายหัวกับน้องรัมภ์ก็ออกมาเดินเล่นเหมือนกัน”พูดแทรกขึ้นมา เดินออกมาจากมุมมืด

   “ไม่มีใครบอกรึไงว่าห้ามคนงานมาเพ่นพ่านที่หาดเวลากลางคืน”พี่คินพูดในเชิงดุ ดวงตาคมปรายตามองไปทางคนงาน
ใหม่ของฟาร์ม

   “อา จริงเหรอครับ ผมต้องขอโทษด้วย ไม่มีใครบอกผมเลย ผมไม่รู้ว่าที่นี่มีกฎแบบนี้ ยังไงก็ขอโทษที่มารบกวนนะ
ครับ”ผงกหัวขอโทษพลางยิ้มแห้ง

   “คราวหลังก็จำเอาไว้แล้วกัน”

   พี่คินพูดจบก็ดึงผมเดินออกมาจากหาด แต่มันจะบังเอิญหรือว่าอะไรที่ผมหันกลับไปมองพี่ตินเวลาที่พี่คินเผลอด้วยความ
มึนงงว่าพี่เขาโผล่มาได้ยังไง แต่แล้วพี่เขาขยิบตาให้พลางยกนิ้วโป้งขึ้นมาสองนิ้วเหมือนกับส่งซิกอะไร หรือว่าผมคิดไปเองกัน
แน่ว่าพี่เขาจงใจจะมาขัดพี่คินเอาไว้ แต่ผมก็ยิ้มตอบให้ทั้งที่ยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว



   



--------------------------------------------------------------------------------------------------

ครอบครัว 3 ภา จะบอกว่าพี่คินนอกจากจะขี้หวงแล้วขี้งกมาก คิดค่าขอโทษเป็นจูบเลยล่ะ

                                                             Numb Girl เด็กหญิงเย็นชา


หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: chouxcream59 ที่ 15-05-2016 14:05:02
ยัยพี่เลี้ยงนี่คิดจะจับนายหัวใช่ไหม  :z6:
น้องณินน่ารักมากกก ช่วยพ่อกับแม่ปรับความเข้าใจกันหน่อยยย
รออ่านอยู่ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 26-04-59 บทที่ 11 ภาณินหัวขโมยตัวน้อย
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 20-06-2016 20:28:49
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 20-06-59 บทที่ 12 หลายบทบาท
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-06-2016 21:09:17
 :katai2-1:ดีใจมาต่อแล้ว
ฟาง นี่น่าจะมีคนมาทำให้สำนึกนะ ทำตัวเกินฐานะ
แล้วยังวุ่นวายอีก ชอบส่อเสียด เสือกจริงๆ
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 20-06-59 บทที่ 12 หลายบทบาท
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 20-06-2016 23:35:56
หายนานจังค่ะ เข้ามาส่งข่าวบ้างอะไรบ้าง
ชะนีฟางน่าหมั่นไส้ขึ้นแบบทวีคูณเลยทีเดียว  :beat:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 20-06-59 บทที่ 12 หลายบทบาท
เริ่มหัวข้อโดย: เอมมี่ ที่ 21-06-2016 10:57:40
ยังรออยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 20-06-59 บทที่ 12 หลายบทบาท
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 22-06-2016 16:45:27
ยังติดตามอยู่นะครับ คือแบบหายไปนานมากอ่ะ
นี่ต้องย้อนไปอ่านใหม่ ว่าเกิดอะไรขึ้น 555+
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ6-07-59 บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 26-07-2016 14:29:03
บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง


   “กลืนเข้าไป อย่าให้โดนฟันนะ อย่างนั้น เด็กดี ค่อยๆทำ”เสียงแหบพร่ากระซิบเบายาวที่มือใหญ่คอยประคองหัวของกดลง
เข้าหากึ่งกลางกาย

   ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผมยังคงอ้างว่าตัวเองเจ็บแผล ข้างในโพลงปากมันกำลังคับแน่นและร้อนผ่าว มีเพียงเสียงของเครื่อง
ปรับอากาศกับเสียงกระซิบแผ่วเบาเท่านั้นยามในเวลากลางดึกอย่างนี้

   ผมถูกปลุกขึ้นมาในระหว่างที่กำลังนอนหลับ ถูกมือคู่เดิมปลุกเร้าและหลอกล่อให้ยอมทำตาม เพราะหากไม่ทำตาม
สุดท้ายแล้วคงจะเป็นผมเองที่เป็นฝ่ายที่ถูกกกกอกจนไม่ได้นอน



   ตื่นขึ้นมาอีกทีแสงแดดก็ส่องเข้ามาแยงตา กว่าจะถูกปล่อยให้นอนเวลาก็ล่วงเลยเข้าไปเกือบรุ่งเช้า ประตูห้องถูกเปิดออก
ทำให้ผมชะงักและจ้องมองเมื่อคนที่เข้ามาไม่ใช่เจ้าของห้องอย่างพี่คิน และไม่ใช่พี่นุ่มหรือว่าภูผาที่มักจะเข้ามาทำความสะอาด
หรือว่าเก็บผ้าไปซัก

   “นานกินบ้านกินเมืองไม่รู้จักเวล่ำเวลาซะจริง”

   ถูกพี่เลี้ยงของน้องณินเหน็บแนมเข้าจนได้ ผมยันตัวขึ้นลุก จ้องมองเด็กสาวอายุน้อยกว่าผมแค่ปีหรือสองปีเดินลงส้นเท้า
เข้ามาในห้องพลางถือตะกร้าผ้าไว้ในมือ

   ผมคงจะลืมตัวไปว่าตัวเองใส่แค่กางเกงชั้นในแบบขาสั้นตัวเดียวถึงได้ทำให้ฟางที่หันมามองค้อนหน้าแดงอยู่แบบนั้น แค่
แปบเดียวก่อนเจ้าหล่อนจะหันหน้าหนีก้มเก็บผ้าในตะกร้ามุมห้อง

   “หน้าไม่อาย”

   ไม่วายพูดเหน็บผมอีกเช่นเคย จนผมเริ่มชิน จึงได้ลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่ใส่แค่กางเกงชั้นในขาสั้นตัวเดียวอย่างนั้น

   “แล้วใครบอกให้เข้ามาในห้องโดยไม่ถามคนข้างในก่อนล่ะ”ผมยืนกอดอกเหยียดยิ้มจ้องมองดูฟางเก็บจัดของหน้าโต๊ะ
เครื่องแป้ง

   มองเห็นหน้าฟางบนเงาสะท้อนของกระจก ผมจ้องมองฟางอยู่อย่างนั้น ตั้งใจที่จะกวนสมาธิของเธอ จะให้ยอมรับตามตรง
ผมไม่ชอบสายตาที่ฟางมองมาที่ผม มันเหมือนกับว่ากำลังโดนดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ยอมง่ายๆ

   เคร้งงงงง

   กระป๋องแป้งหล่นลงมาบนพื้นเพราะมัวแต่ลนลานจ้องระหว่างกระจกกับบนโต๊ะทำให้ฟางพลาดทำของตก

   “ให้ช่วยไหม”ผมถามคล้ายจะเย้ย จงใจเดินเข้าไปใกล้ พออยู่ในระยะแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าระดับความสูงของผมกับฟางต่าง
กันแค่ไหน

   “ว่าไง ให้ช่วยไหมล่ะ”ผมก้มลงจ้องมองฟางนิ่ง

   “ไม่ต้องมายุ่ง ออกไปห่างๆสิ จะเข้าไปใกล้ทำไม นะหน้าไม่อายจริงๆเลย เป็นผู้ชายซะเปล่า ไม่เลือกหน้าเลยจริงๆ”

   ฟางผละออกไป ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นรอยจูบที่หลงเหลืออยู่บนตัวผม ถึงได้จ้องมองไม่วางตาอยู่อย่างนั้น

   “ทำไมล่ะ เก็บเสร็จแล้วรึไง เอานี่ไปสักด้วยสิ”ทำท่าจะถอดกางเกงชั้นใน

   แต่ฟางก็รีบคว้าตะกร้าผ้าผลุนผันออกไปจากห้องซะก่อน ผมอดจ้องมองตามแผ่นหลังของฟางไม่ได้

   แบบนี้แหละดีแล้วเพราะผมไม่ชอบใจเวลาที่ฟางเข้ามาในห้องนี้โดยไม่เคาะประตู ถ้าหากว่าพี่คินอยู่ในห้องนี้คนเดียวผม
คิดว่าผมคงจะรู้สึกไม่พอใจ



   ------------------------------------------------------------------------------



   “ตื่นแล้วเหรอ พอดีเลย กิ่งมันมาตามแน่ะ เห็นบอกว่านายหัวให้มารับไปที่ออฟฟิต”พี่นุ่มบอกทันทีที่มเดินลงมาจากชั้นบน

   “อ่อ ครับ งั้นพี่นุ่มบอกให้พี่เขารอแปบนะครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”ผมบอกพลางเหลือบมองฟางยืนมองค้อนมา
ที่ผมอยู่ไม่ไกล



   ผมใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก่อนจะเดินตามพี่กิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้าน ระหว่างทางผมเหลือบไปมองที่ขาของ
พี่กิ่ง ปกติต้องใส่กางเกงขายาวแต่ครั้งนี้ใส่กางเกงขาสั้นเพราะมีผ้าปิดแผลปิดเอาไว้

   “แผลเป็นยังไงบ้างครับ ใกล้หายดีรึยัง”ผมชวนคุย

   “อ้อ นี่เหรอ เล็กน้อย ว่าแต่น้องรัมภ์ แผลที่ถูกยิงล่ะ ใกล้หายดีรึยัง ไอ้พวกนั้นมันก็เหลือเกินจริงๆ เล่นสกปรกครั้งแล้วครั้ง
เล่า”พวกนั้นคงหมายถึงเสี่ยเก้าที่พี่คินเคยพูดถึง ยิ่งทำให้ผมสงสัยว่าทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ ถ้าถึงขั้นเอาชีวิตกันคงจะไม่ใช่
เรื่องเล่นๆของคู่แข่งทั่วไป



   “ว่าแต่ผมขอถามจะได้ไหมครับว่าทำไมคนของเสี่ยเก้าที่ว่าจะต้องทำอย่างนั้นด้วย มันไม่แรงไปหน่อยเหรอครับที่จะทำกัน
แบบนี้”

   “จะว่าแรงมันก็แรงไปนั่นแหละ เรื่องมันก็นานมาแล้ว จะว่าเป็นเพราะความอิจฉาก็ได้ เพราะฟาร์มนู้นเขาไม่ใช่ฟาร์มแบบ
ธรรมชาติเหมือนของฟาร์มเรา”

   “ไม่ใช่ฟาร์มธรรมชาติ?”

   “จะให้อธิบายยังไงดี มันก็เหมือนเป็นบ้านที่สร้างขึ้นมาให้พวกนกเข้าไปทำรังนั่นแหละ”

   “แล้วมันต่างกันยังไงในเมื่อก็ได้รังนกออกมาเหมือนกัน”

   “ถ้าเหมือนมันก็ดีน่ะสิ ใครๆก็รู้ว่ารังนกที่ได้มาจากธรรมชาติมันหอมกว่า แล้วอีกอย่างในอำเภอนี้แถวนี้มีที่ฟาร์มสานรักที่
เดียวแหละที่เป็นรังนกที่ได้จากฟาร์มธรรมชาติ นกฟาร์มอื่นๆส่วนมากก็กินอาหาร บางฟาร์มก็เก็บรังนกบ่อยจนพ่อแม่นกพากันหนี
อย่างฟาร์มของเสี่ยเก้านี่ยิ่งแล้วใหญ่ ลูกค้าส่วนมากก็ชอบของที่มันมาจากธรรมชาติอยู่แล้ว จะว่าพาลมันก็พาลนั่นแหละนะ”

   “อ่อ  ขัดแย้งทางผลประโยชน์สินะครับ”

   “ไอ้เรื่องนั้นก็เรื่องหนึ่ง เรื่องที่ใหญ่กว่าก็คงจะไม่พ้นนายหัวไปปฏิเสธไม่ยอมรับลูกสาวของเสี่ยเก้าเป็นเมีย เห็นๆกันอยู่ว่า
หวังจะใช้ลูกสาวมาฮุบฟาร์มสานรักของฝั่งนี้ถึงได้จับคู่กันเองดิบดี ดีที่นายหัวไม่สนใจ”

   “อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าเล่นกันถึงตาย”

   อดพูดประชดออกไปไม่ได้ เกือบที่จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งให้กับความอิจฉาความโลภมากของคนอื่นโดยใช่เรื่องซะแล้ว



   ---------------------------------------------------------------



   “มาแล้วเหรอคะน้องรัมภ์ เดี๋ยวพี่อิงขอโทรไปบอกนายหัวแปบนึงนะคะ น้องรัมภ์จะเดินขึ้นไปชั้นบนก่อนก็ได้ค่ะ ห้อง
ทำงานนายหัวอยู่ริมในสุดนะคะ”พี่อิงประชาสัมพันธ์ยิ้มรับก่อนจะยกหูโทรศัพท์

   “ขอบคุณครับ”

   ผมพยักหน้าก่อนจะเดินผ่านพนักงานคนอื่นๆขึ้นมายังชั้นบน พอก้าวพ้นบันใดไม่ทันได้ครึ่งก้าว แขนก็ถูกดึงให้ไปตามแรง

   “ให้คนไปตามผมมาทำไมครับ”

   ผมเงยหน้าถาม ดันตัวออกห่างพี่คินเมื่อพนักงานสองสามคนที่ประจำอยู่ชั้นบนพากันหันมามอง

   “รัมภ์รู้ใช่ไหมว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด อย่าดื้อนะ เข้าใจไหม”พี่คินกระซิบข้างหูก่อนจะกดจูบลงมาบนขมับ

   นั่นทำให้ผมตกใจหันไปมองรอบๆ เห็นเพียงแต่รอยยิ้มของพนักงานที่พากันมองมา ในสายตาของพวกเขาผมคงจะเป็น
เหมือนคนรักของพี่คินสินะ

   “เข้าไปข้างในสิ”

   ถูกดันหลังให้เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ด้านในสุด แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือร่างสูงโปร่งของคนที่ผมคุ้นเคยดึงให้ผม
เข้าไปหา



   “ไอ้รัมภ์ เงียบไปเลยนะมึง ทำไมมึงไม่บอกกูวะว่าเจ้าของบริษัทที่มึงมาฝึกงานคือพี่คิน แล้วนี่มึงไม่ได้ทำงานที่นี่รึไง หรือ
ว่าพี่เขามีออฟฟิตที่อื่น”วินดึงผมเข้าไปกระซิบกระซาบ ไม่วายเหลือบมองไปข้างหลังผมด้วยความระแวงว่าพี่คินจะได้ยิน

   “วันนี้วันหยุดน่ะ”ผมตอบ ปลายตามองไปทางพี่คินที่เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ส่วนผมกับวินนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรง
กันข้าม

   “แล้วทำไมมึงเงียบหายไปเลย ไม่ติดต่อกูบ้าง ดีที่กูแวะมาทำธุระกับพ่อแถวนี้ เลยขอที่อยู่มาจากจารย์ ว่าแต่มึง โอเคไหม
เนี่ย ต้องมาทำงานอยู่ใกล้ๆพี่เขา มึงคงลำบากแย่”

   “อืม กูเลือกไม่ได้น่ะ”ฝืนยิ้มตอบวินมันออกไป

   “มึงคงไม่กำลังอึดอัดอยู่ใช่ไหม”

   “กูเลือกไม่ได้กูบอกแล้ว”

   “นั่นสินะ ว่าแต่ทำไมกูถึงโทรหามึงไม่ติดล่ะ”

   “โทรศัพท์กูพัง กู…ยังไม่มีเวลาไปซื้อใหม่เลย”ผมโกหกพลางจ้องมองไปทางพี่คิน เป็นอย่างที่คิด พี่คินกำลังจ้องมองมา
ทางผมกับวินเหมือนจะจับผิดอยู่เป็นระยะ พี่เขาคงไม่พอใจที่มีคนใกล้ชิดกับผมมาหาผมที่นี่ พี่เขาคงกลัวว่าผมจะบอกความลับ
กับคนอื่น



   “แล้วกูจะติดต่อกับมึงยังไงวะ มึงก็ไม่โทรมาหากูบ้าง”

   “กูจำเบอร์มึงไม่ได้น่ะ คงต้องรอซื้อโทรศัพท์ใหม่”ผมบ่ายเบี่ยง หลุบตามองไปทางอื่น

   “งั้นเอางี้ มึงเอาเบอร์กูไป เดี๋ยวกูจดให้”วินยังคงเป็นตัวของตัวเอง ยังพูดมากและจัดการอะไรเองทุกอย่างเหมือนเดิม ต่าง
จากผมที่กำลังอึดอัดจากสายตาที่คอยจับจ้อง

   นี่คงจะเป็นสาเหตุที่พี่คินบอกให้ผมพูดอะไรที่ควรพูดและห้ามพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด

   “พี่คินมีกระดาษโน้ตกับปากกาไหมพี่ ผมขอหน่อยดิ จะเขียนเบอร์ให้รัมภ์มัน”วินหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่คิน ซึ่งผมก็
เกือบจะเอื้อมมือไปรั้งมันไว้ หากสายตาคู่คมกริบไม่จ้องมองมาที่ผมให้ชะงักเอาไว้ก่อน

   “มาเอาสิ”พี่คินตอบเสียงเรียบ

   “ขอบคุณครับพี่”วินเดินถือปากกากับกระดาษโน้ตแผ่นเล็กกลับมาจากโต๊ะทำงานของอย่างอารมณ์ดี

   ผมเหลือบมองพี่คิน อาศัยจังหวะที่พี่เขาเผลอดึงตัววินมันเข้ามาใกล้ก่อนกระซิบ

   “เขียนเบอร์มึงใส่มือกูที อย่าให้พี่เขาเห็น”วินมีท่าทีแปลกใจแต่ก็พยักหน้าและทำตาม แอบเขียนเบอร์ใส่มือของผมไว้
ก่อนจะเขียนใส่กระดาษโน้ต



   ผมกับวินคุยกันพักใหญ่ก่อนที่วินจะเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังห้องแล้วถอนหายใจ

   “เดี๋ยวกูต้องไปแล้วนะ ต้องไปรับพ่อที่บ้านเพื่อน เดี๋ยวไปช้าพ่อกูด่าเอาอีก”

   “อะ อืม”ผมตอบรับอย่างรู้สึกเสียดาย

   ข้างในใจมันรู้สึกอึดอัดอยากจะบอกสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจกับเพื่อสนิทเต็มกลืน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะโซ่ตรวนที่มองไม่เห็นมัน
กำลังรัดผมเอาไว้แน่น หลายอย่างทำให้ผมต้องกลืนทุกสิ่งทุกอย่างลงคอไป ฝืนยิ้มมองวินมันลุกขึ้นบอกลาพี่คิน

   “ผมไปก่อนนะพี่ พ่อรออยู่ ผมฝากดูรัมภ์มันด้วยล่ะ”วินบอก พี่คินได้ตอบรับด้วยการพยักหน้า “กูไปก่อนนะรัมภ์ ไว้เจอกัน
อย่าลืมโทรหากูล่ะ”พูดจบวินก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดแล้วตบไหล่อย่างที่เคยทำ

   “เดี๋ยวกูไปส่ง”ผมออกปากเสนอ มีหลายอย่างที่ผมอยากจะพูดกับวิน

   “ไม่ต้องหรอก กูไปเองได้น่า มึงนี่ก็ผิดปกติแปลกคน”

   “ให้กูไปส่งมึงนะ”ผมยังคงยืนยัน

   “พี่ว่าไม่ต้องหรอก วินไม่ใช่เด็ก ออฟฟิตเล็กๆแค่นี้คงจะไม่หลงทางหรอก ใช่ไหม”ประโยคสุดท้ายหันไปถามวิน

   เมื่อไรไม่รู้ที่พี่คินเดินมาจากโต๊ะแล้วยืนซ้อนอยู่ข้างหลังของผม ตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าแผ่นหลังรู้สึกเย็นเยือกอย่างไม่เคยเป็น
สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือใหญ่แตะลงบนไหล่ก่อนจะออกแรงบีบเล็กน้อยราวกับว่าเป็นคำเตือน

   “กลับดีดีล่ะ”พี่คินบอกย้ำก่อนจะส่งยิ้มให้วิน รอยยิ้มที่ดูยังไงก็เป็นการแสร้งยิ้มออกมา

   “ครับ กูไปนะ”

   วินบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป แล้วประตูห้องก็ปิดลง กายของผมมันแข็งทื่อเมื่อรอบเอวถูกกอดรัด
ด้วยอ้อมแขน ถูกดึงเข้าไปหา ทั้งที่พยายามขืนตัวเอาไว้แต่ก็เซตามแรงดึงจนนั่งทับลงบนหน้าขาของพี่เขา

   “ไอ้นี่น่ะ พี่จะเป็นคนเก็บไว้ให้เอง”กระดาษโน้ตจดเบอร์โทรศัพท์พึ่งได้รับมาถูกดึงออกไปจากมือ

   พี่คินเก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต ตามที่ผมคาดเอาไว้ ผมกำมือแน่น รู้สึกเป็นกังวลไม่น้อยกลัวว่าพี่เขาจะเห็นสิ่งที่ผมซ่อนเอา
ไว้ในมือ

   “ปล่อยผม”

   ผมพยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนและตักของพี่เขาเพราะผมไม่ชอบนั่งอยู่บนตัวใครเหมือนผู้หญิง อีกทั้งที่นี่ยังเป็นที่
ทำงาน มีพนักงานอีกหลายคนที่ทำงานอยู่ข้างนอก ประตูเองก็แค่ปิดเอาไว้ ไม่ได้ล็อก บอกไม่ได้เลยว่าจะมีใครเข้ามาเห็นสภาพ
แบบนี้ของผมเมื่อไรไม่รู้เลย

   แต่คำพูดของผมคงจะเป็นเหมือนสายลมสำหรับพี่เขา ริมฝีปากร้อนกดจูบลงมาเร็วจนผมต้องนิ่วหน้า พยายามเบี่ยงหลบ
แต่ก็จับหน้าบังคับเอาไว้ให้ตอบรับจูบ

   ลิ้นร้อนชื้นดันทุรังสอดเข้ามาในปากของผมได้ในที่สุด รู้สึกผ่านการเคลื่อนไหวได้ทันทีว่าพี่คินกำลังไม่พอใจกับสิ่งที่เกิด
ขึ้นมากแค่ไหน

   “อะ อื้อ ปะ ปล่อย”

   ยิ่งขืนจูบที่ถูกป้อนก็ยิ่งหนักแน่น และแข็งกร้าว  แขนที่โอบรอบเอวกอดกระชับให้ผมขยับเข้าไปใกล้พี่เขามากขึ้น

   แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ประตูห้องทำงานของพี่คินถูกเปิดออก คนที่ผมไม่อยากให้มาเห็นในสภาพนี้มาก
ที่สุดเดินเข้ามา ก่อนที่ดวงตาที่จ้องมองมาจะเบิกกว้าง

   “อะ เอ่อ ผมหาโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ว่าลืมเอาไว้ที่นี่รึเปล่า”วินเดินเข้ามาพลางยิ้มแห้งๆให้กับพี่คิน

   “อยู่บนโต๊ะน่ะ มาเอาไปสิ”พี่คินผละจูบออกก่อนจะพยักหน้าไปที่โต๊ะ ให้ผมได้มองตาม

   โทรศัพท์อยู่บนโต๊ะจริงๆ ซึ่งนั่นแสดงว่าพี่คินรู้อยู่ก่อนแล้วว่าวินจะต้องกลับมาเอามัน ผมผละตัวลุกออกมาจากพี่คิน จ้อง
มองพี่เขาด้วยความไพอใจก่อนจะหันไปทางเพื่อนสนิทอย่างวิน

   “มะ มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะวิน”ผมละล่ำละลัก “มึงกำลังเข้าใจกูผิด มันก็แค่…”

   “ลืมอะไรอีกไหม”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นแทรกก่อนที่ผมจะพูดแก้ตัวไปมากกว่านี้

   “มะ ไม่เป็นไร กูเข้าใจ กูไปก่อนนะ พ่อกูรอ”วินยิ้มแห้งก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปอีกรอบ

   “ดะ เดี๋ยว”ผมได้แต่นิ่งอึ้ง กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีวินก็ออกไปแล้ว ผมจะปล่อยให้วินเข้าใจผิดกับสิ่งที่เห็นไม่ได้

   พอนึกได้ผมก็รีบตามออกไปทันที ทว่าเดินออกไปไม่กี่ก้าวแขนก็ถูกดึงเอาไว้ด้วยมือที่แข็งราวกับคีมเหล็ก

   “ปล่อยผม”ผมบอกเสียงเข็ง “พี่ทำทำไม พี่ก็รู้ว่าวินมันจะต้องกลับมา ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้กับผมด้วย วินมันเป็นเพื่อนผม
พี่ก็รู้”

   “อย่าปล่อยให้ใครมาแตะต้องตัวง่ายๆ พี่ไม่ชอบ รัมภ์น่าจะรู้ดี”

   คำตอบที่ได้รับไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการเลยสักนิด ผมได้แต่จ้องมองตาคู่คมด้วยความไม่พอใจ ผมจะต้องเสียอีกแค่ไหน
กันถึงจะสาแก่ใจของพี่เขากันแน่

   

   

   

   
นายหัวทำเกินไปม๊ายยยย ขี้อวดมากมายเจ้าค่า แต่ขี้หวงเกินไปเจงๆ นั่นเพื่อนเขานะนายหัวววววววว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ6-07-59 บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง up
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-07-2016 21:06:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ6-07-59 บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง up
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-07-2016 21:35:07
นายหัว ทำเกินไปมั้ย กอด หอม รัมภ์ อวดวิน
 :เฮ้อ: ทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งหื่น
เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซักที
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ6-07-59 บทที่ 12 เหตุผลของคู่แข่ง up
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 27-07-2016 01:02:23
ต้องการความรักแหงๆๆๆๆๆ   อีกคนอยากไป อีกคนอยากให้อยู่ 

แต่ดูเหมือนรัมภ์เองก็เริ่มรักหน่อยๆแล้วนะ

 :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ7-07-59 บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 27-07-2016 19:06:06
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ7-07-59 บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-07-2016 19:25:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ7-07-59 บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 27-07-2016 19:36:10
ติดตามตอนต่อไป ไป ไป

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ7-07-59 บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-07-2016 19:59:35
มีตัวละครใหม่ให้แปลกใจกันอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ7-07-59 บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว
เริ่มหัวข้อโดย: plengtwtf ที่ 29-07-2016 02:09:23
หลงรักน้องณิน เข้าแล้ววว  :katai2-1:  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ9-07 บทที่ 13 ภูมินทร์ [100%] แก้ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 29-07-2016 04:22:47
ตอนนี้เขียนขึ้นใม่ทั้งตอนเลย อยากให้ลองอ่านใหม่ดู ขออภัยในความไม่สะดวกล่วงหน้านะคะ

บทที่ 13 เด็กตัวเล็กผิวขาว


   ‘พี่ วันนี้ผมได้ส่วนลดตั๋วหนังมา ไปดูหนังกันไหม’ผมถามเสียงดังก่อนจะเชิญตัวเองลงนั่งตรงข้ามพี่คินตามปกติ เป็นเวลา
หลายสัปดาห์ที่แล้วที่เรารู้จักกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันแทบทุกวัน

   ‘รัมภ์อยากไป?’พี่คินเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนก่อนจะเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

   ‘ใช่ ผมอยากไปดูหนังกับพี่ ไปเถอะนะ หนังเข้าใหม่โคตรน่าดูอ่ะ ไปกับผมนะ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง’

   ‘เอาสิ พี่ตามใจรัมภ์’พี่คินพยักหน้าตอบรับ เวลาที่ผมขออะไรย้ำๆมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ จบที่พี่คินยอมตามใจผมจนได้

 

   ‘โคตรหนุกเลยเนอะ’ผมหันไปมองพี่เขาหลังจากเดินออกมาจากโรงหนัง ผมหันไปจ้องหน้าพี่เขาเพื่อที่จะสังเกตสีหน้าและ
ท่าทางของเขาเวลา แต่ก็ถูกจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว

   ‘อืม สนุก ไว้ภาคต่อพี่จะพารัมภ์มาดู’พี่คินยิ้ม

   ‘พี่สัญญากับผมแล้วนะว่าจะพาผมมาดูอีก’

   ‘อืม’

   ‘ผมหิวแล้ว เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า’

   ‘รัมภ์อยากกินอะไรล่ะ’

   ‘ผมอยากกินผัดไทยที่แถวๆหอผมน่ะ เจ้านี่เจ้าอร่อยเลย พอดีพี่ไปส่งผมด้วยไง’


   ‘เอาสิ พี่ตามใจรัมภ์’ไม่บ่อยที่พี่เขาจะยิ้ม

   ในตอนนั้นผมรับรู้ได้ทันทีว่าพี่เขาค่อยๆเปิดรับผมเข้าไปในชีวิต ทั้งที่พี่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จนแทบจะไม่มี
เพื่อนที่เรียกว่าสนิทกันจริงๆ ครั้งแรกที่เจอกัน ผมคิดว่าเขาเป็นคนหยิ่งไม่เข้ากับใคร แต่จริงๆแล้วพี่เขาเป็นคนที่ใจดีและค่อนข้าง
จะเอาใจใส่คนรอบข้างมากเลยทีเดียว



   ‘รกหน่อยนะ ผมอยู่คนเดียวน่ะ ห้องอาจจะเล็กไปสำหรับพี่ พี่จะนั่งบนเตียงก็ได้นะ ผมไม่ถือ’ครั้งแรกที่ผมพาพี่คินมาที่ห้อง
ผม หอ้งที่เมื่อเทียบกับคอนโดของพี่เขาแล้วดูเล็กไปถนัดตา

   ‘ไม่เป็นไรครับ’พี่คินส่ายหน้าพลางยิ้มอย่างไม่ถือตัว

   ‘เอาน้ำไหม มีแต่แบบไม่เย็นนะ”เพราะห้องผมไม่มีตู้เย็น

   ‘ไม่เป็นไร พี่กินได้’ผมยื่นขวดน้ำให้พี่เขา

   พี่คินไม่ได้รับขวดน้ำจากมือผม แต่จับแขนมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปหาจนผมเซเข้าใส่พี่เขา เข่าข้างหนึ่งยันกับที่นอนเอาไว้
มือข้างหนึ่งวางบนไหล่หนาเพื่อที่จะทรงตัว

   มือที่ทั้งใหญ่ทั้งร้อนถูกส่งมาเบื้องหน้าของผม ผมมองมันนิ่งด้วยความตกใจ ในท่าทางของเรา แต่ผมก็ทำอะไรไม่ถูก
ปล่อยให้มือนั้นวางลงบนใบบนกรอบหน้าก่อนจะประครองให้เงยหน้าขึ้นจ้องตอบนัยน์ตาที่ดุดัน ใบหน้าหล่อเหลาของพี่เขาค่อยๆ
เคลื่อนเข้ามาใกล้จนเห็นขนตาเส้นเล็กๆจมูกโด่งของพี่เขาแตะลงมาชนที่จมูกของผม ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปของเราจะชนกัน พี่คิ
นกดน้ำหนักลงมาแผ่วเบาค่อยๆเน้นย้ำ ใช้ปลายลิ้นแลบเลียริมฝีปากของผมให้เปิดออก ก่อนที่ลิ้นร้อนจะลอดเข้ามา ปลายนิ้ว
หยาบกร้านเกลี่ยลงมาบนแก้มของผมอย่างเบามือ ค่อยๆลูบไปมาราวกับพยายามจะปลอบประโลม

   และที่สำคัญนั้นผมไม่ได้ขัดขืน กลับตรงกันข้าม ผมตอบรับในจูบแรกของผม ตอบรับในจูบแรกของเราด้วยความเต็มใจ

   นั่นคือภาพในอดีตที่ยากจะลบเลือน มันยังคงฝังลึกและตราตรึงอยู่ในจิตใจของผมเสมอ







   “รัมภ์”

   “รัมภ์”

   “รัมภ์ ถึงแล้ว”เสียงทุ้มหูเอ่ยเรียกอยู่หลายรอบจนผมตื่นจากภวังค์แห่งความคิดของตัวเอง ผมนั่งเหม่อมองออกไปนอก
หน้าต่างรถอยู่นานสองนาน

   “ครับ”ผมพยักหน้ารับ

   วันนี้พี่คินไม่ได้ไปทำงานเพราะวันนี้เป็นวันหยุดของออฟฟิต แต่ทว่าพอตื่นขึ้นมาพี่เขาก็บอกให้ผมแต่งตัว ในตอนนั้นผมได้
แต่สงสัย แต่ก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้



   “เรามาที่นี่กันทำไมครับ”ผมถามเสียงเบา จ้องมองไปรอบๆ

   รถมาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง เป็นห้างขนาดไม่ใหญ่มากเท่าในกรุงเทพฯ แต่คาดเดาจากระยะ
ทางและเวลาการเดินทางแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวจังหวัด

   “ไปกันเถอะ”พี่คินไม่ตอบคำถาม

   แต่กลับเปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมมายังฝั่งที่ผมนั่ง เปิดประตูรถแล้วดึงให้ผมลงไป

   มือใหญ่จับมือของผมเอาไว้ สอดประสานมันเข้ากับมือของมก่อนจะจูงให้ผมเดินตามอย่างว่าง่าย ผมได้แต่จ้องมองมือของ
เราทั้งสองคนแกว่งไปมา

   พอเดินเข้ามาในตัวห้าง คนหลายคนเริ่มจับจ้องมองมาที่เรา หลายคนยิ้มทักทายพี่คินเหมือนรู้จัก แต่ส่วนมากก็แค่มองมาที่
เรา พอเห็นแบบนั้นผมรู้สึกว่าสายตาพวกนั้นมันกำลังทำให้ผมอึดอัด

   ผมได้แต่ภาวนาเพียงแค่ว่าพวกเขาจะมองที่ผมเป็นแค่เด็กลูกครึ่งสีตาและสีผมเป็นสีน้ำตาลไหม้ดูแปลกตาเพียงแค่นั้น
ไม่ใช่ในฐานะผู้ชายของพี่คิน

   เราเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมายังชั้นสองของตัวห้าง เดินมาหยุดที่หน้าโรงหนังที่ในช่วงสายแบบนี้ไม่ค่อยจะมีคนสักเท่าไร

   “เรามาทำอะไรที่นี่?”ผมถามเมื่อมองเห็นภาพโปรโมทหนังเรื่องหนึ่งที่คุ้นหา หากแต่ว่ามันเป็นภาคต่อของหนังเรื่องนั้นที่
เราดูด้วยกัน

   “พี่อยากจะทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับรัมภ์”พี่คินยิ้มออกมาบางเบาก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมาแตะหัวผมแล้วลูบอยู่สอง
สามที

   ผมอยากจะโยกหัวหลบสัมผัสนั้นที่ทำให้คนรอบข้างมอง หากแต่ว่าหัวใจของผมกำลังจะเต้นรัว ผมยังจำได้ดีกับสัญญาที่พี่
เขาเคยให้ไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมไม่เคยคิดที่จะใส่ใจ เพราะว่าเวลานั้น อีกไม่นานความสัมพันธ์ของเราจะต้องตัดขาดออกจากการ



   -----------------------------------------------------------------------



   “สนุกไหม”พี่คินถามเสียงเบาเมื่อเราเดินออกมาจากโรงหนังหลังจากที่หนังจบ

   “อืม สนุกดีครับ ไม่คิดว่าตัวโกงที่ตายในภาคที่แล้วจะฟื้นกลับมาอีก”

   “พี่เคยบอกรัมภ์แล้วไง ว่ายังไงตัวโกงตัวนี้ไม่ตายง่ายๆ เห็นไหมล่ะ”พี่คินยิ้ม

   “ใครจะไปฉลาดเหมือนพี่ล่ะ”ผมเบือนหน้าหนี จงใจจ้องมองไปทางอื่นเพราะรอยยิ้มที่พี่เขาส่งมานั้นมันเหมือนกับตอนที่
เราคบกัน

   “ไปกันเถอะ”พี่คินจับมือของผมอีกครั้งก่อนนะจูงให้ผมเดินตาม





   “เราไม่ได้กลับกันเหรอครับ”

   “พี่เคยบอกแล้วไง ว่าจะพารัมภ์มาซื้อหนังซื้อ”พี่คินพาผมมาหยุดที่หน้าร้านหนังสือ “ร้านนี้หนังสือจะมาใหม่บ่อย รัมภ์ลอง
เข้าไปเลือกสิ”พี่คินดันหลังของผมให้เดินเข้าไปในร้าน

   ความอ่อนโยนของพี่เขาช่างแตกต่างกับตอนที่วินมาหาผมที่ออฟฟิต พอนึกย้อนไปตอนนั้น ทั้งน้ำเสียงและแววตามันช่าง
แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวตนไหนกันแน่ที่เป็นตัวตนจริงๆของพี่เขา





   “เสร็จแล้วครับ”ผมบอก

   “แค่นี้ใช่ไหม”ผมพยักหน้า พี่คินเอื้อมมือมารับหนังสือในมือของผมไปถือเอาไว้เองก่อนจะเดินนำไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน

   “เดี๋ยว…ก่อนครับ”ผมดึงแขนพี่คินเอาไว้เมื่อเดินผ่านโซนของหนังสือเด็ก

   “รัมภ์อยากได้อะไรเพิ่มรึเปล่า”

   “ผมขอเลือกอีกนิดนึง”ผมบอกเสียงเบา

   ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกหนังสือเด็ก หนังสือส่วนมากที่ผมเลือกจะเป็นหนังสือสองภาษากับหนังสือป็อบอัพแบบสามมิติที่
เด็กๆชอบอ่าน

   เพราะจำได้ว่าน้องณินเคยบอกว่าชอบหนังสือนิทาน และเคยรบเร้าให้เล่านิทานให้ฟัง คงจะไม่เป็นไรถ้าผมจะเอ็นดูน้อง
ณิน

   “เอาหนังสือเด็กพวกนี้ด้วยเหรอ?”พี่คินมองหน้าเป็นเชิงตั้งคำถาม

   “ครับ”



   

   หลังจากที่ผมเลือกหนังสือเสร็จ พี่คินก็ขอตัวเข้าห้องน้ำ ผมจึงรอพี่เขาอยู่หน้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นที่ผมเอาแต่จ้องมอง
ปลายเท้าตัวเองเพราะความอึดอัดจากสายตาของหลายๆคนที่มองมา

   ผมสะดุดเข้ากับรองเท้าหนังคู่สีน้ำตาลคู่หนึ่งในระยะประชิด อีกแค่ไม่ถึงครึ่งก้าวหากเจ้าของรองเท้าหนังคู่นั้นไม่หยุดเดิน
เขาก็จะเหยียบเท้าของผม หรือไม่ก็ชนผม โชคดีที่เขายอมหยุด แต่เขายังยืนอยู่เบื้องหน้าของผมไม่ยอมเคลื่อนที่ไปจากตรงนั้น
ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามองเขา

   เขาเป็นชายวัยกลางคนท่าทางยังดูไม่แก่มากเท่าไร แต่ผมสะดุดตาเขาตรงที่ว่าเขากำลังจ้องมองผมด้วยสายตาที่แตกต่าง
จากคนอื่น สายตาที่เหมือนกับกำลังดูถูกและเหยียดหยาม จ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า พลางเหยียดยิ้มน่ากลัว

   “ดูสิว่าเรามาเจอใคร”เขาพูดกับผู้ชายที่ติดตามเขามาอีกสองคน

   ผมมองผ่านข้างหลังของเขา เขาดูเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเมื่อด้านหลังของเขามีผู้ติดตามมาด้วย

   “ท่าทางแปลจะหายดีแล้วสินะ”สิ่งที่เขาพูดในประโยคถัดมาทำให้ผมหน้าชา

   เขารู้ได้อย่างไรว่าผมมีแผลและแผลกำลังจะหายดี!!

   “เพิ่งจะเคยเห็นฝรั่งขี้นกใกล้ๆ ไม่คิดว่าสีตากับสีผมจะเป็นแบบนี้จริงๆสินะ คงไม่ได้ย้อมมาใช่ไหม”

   น้ำเสียงที่เหยียดหยันปนเยาะเย้ยยังคงพูดดูถูกผมเรื่อยๆ เขาเอื้อมมือมาข้างหน้าของผม มือนั้นมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีก
เพียงไม่ถึงคืบ มือนั้นก็จังแตกลงบนหน้าของผม แต่ทว่า



   “อย่าแตะต้องของคนอื่นง่ายๆสิครับเสี่ย”เสียงทุ้มหูแต่กลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจดังขึ้นขัด ก่อนที่มืออันคุ้นเคยจะปัดมือ
หยาบนั้นออกห่างจากใบหน้าของผม

   “ก็เห็นว่าเจ้าของมันไม่ได้เฝ้าอยู่นี่นะ ก็เลยกะว่าจะมาเล่นด้วยแก้เหงาสักพัก”

   คำว่าเจ้าของยิ่งทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว ผมจ้องมองเขาด้วยความไม่พอใจ ทั้งไม่พอใจและทั้งกลัวในสิ่งที่เขาพูด เพราะ
ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ผมไม่จำเป็นจะต้องมีเจ้าของ

   “ถ้ามีเวลามาเล่นกับคนอื่น ทำไมไม่ลองไปตามหาคนของตัวเองดูล่ะครับ ผมได้ข่าวว่าคนงานในไร่ของเสี่ยหายไปไม่ใช่รึ
ไง”น้ำเสียงของพี่คินดูแข็งกร้าวต่างออกไปจากทุกที ใบหน้านิ่งขรึมไม่แสดงออกถึงความรู้สึกใดใดทำให้ดูน่ากลัว พี่คินที่อยู่ตรง
หน้าในตอนนี้ต่างออกไปจากทุกที เป็นพี่คินที่ทั้งแข็งกร้าวและน่ากลัว

   “ฉันก็แค่มาเดินดูสถานการณ์ ได้ข่าวว่าฟาร์มสานรักมีสมาชิกใหม่ที่น่าสนใจเข้ามา เพิ่งจะได้เห็นด้วยตาตัวเองนี่เอง มิน่า
ล่ะชาวบ้านเขาถึงได้ชมนักชมหนาว่าสมาชิกใหม่ของฟาร์มสานรักไม่ธรรมดา”

   “ผมว่าเอาเวลาเดินเล่นของเสี่ยไปจัดการเรื่องที่คนงานของตัวเองหายไปดีกว่านะ บางทีคนคนนั้นอาจจะตกอยู่ในมือของ
คนที่เสี่ยคิดไม่ถึงอยู่ก็ได้”

   “หึหึ ดูท่าว่าการมาเดินเล่นครั้งนี้จะไม่สนุกแล้วสินะ”เขาชักสีหน้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปั้นยิ้มกลับมาเหมือนเดิม คนคนนี้คง
เป็นเสี่ยก้าวอย่างที่พี่คินเคยบอกสินะ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงจ้องมองและพูดกับผมด้วยคำพูดพวกนั้น
   “ชื่อรัมภ์สินะ ไว้เจอกันใหม่ล่ะ”

   สิ่งที่เขาพูดกับแววตาที่เขาจ้องมอง มันเหมือนกับกำลังสูบเรี่ยวแรงที่มีอยู่ไปจากผม มันเหมือนกับเป็นคำขู่ให้ผมระวังตัว
และเป็นคำเตือนว่าเราจะต้องได้พบกันอีก ผมได้แต่จ้องมองเสี่ยก้าวเดินออกไปด้วยความกลัว มือของผมจู่ๆมันก็สั่นขึ้นมาเมื่อ
นึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมเกือบตายถึงสองครั้งสองครา

   ความเจ็บตรงที่รอยแผลถูกยิงมันยังคงตอกย้ำอยู่ตรงนั้น เช่นเดียวกับความอึดอัดที่ช่วงคอ ตรงที่มือของใครที่ผมไม่เคย
รู้จักกดและบีบลงมาเพื่อที่จะปลิดชีพของผม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกกลัว กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แค่คิดขามันก็พาลก้าวไม่ออกขึ้น
มา ทว่าเสียงๆหนึ่งก็ดังเรียกสติของผมเอาไว้ ฉับพลัน ความกลัวทั้งหมดก็เหมือนจะหายไปลับตาเมื่อความอุ่นร้อนถูกส่งผ่านมา
ทางมือที่ถูกกุมเอาไว้



   “อย่ากลัวไปเลย พี่อยู่ตรงนี้ พี่จะเป็นคนปกป้องรัมภ์เอง”



   ----------------------------------------------------------------------------------



   รถขับแล่นออกมาจากห้างสรรพสินค้าจนเข้ามาในตัวอำเภอที่ฟาร์มสานรักตั้งอยู่ แต่ก็ยังไม่ใช่ทางกลับบ้านอยู่ดี

   “ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่ครับ”ถึงจะไม่คุ้นเคยเส้นทาง แต่พอนานวันเข้าผมก็พอจะจำทางได้บ้างแล้ว

   “พี่ต้องไปรับน้องณินที่โรงเรียน”

   ผมพยักหน้ารับ พอพูดถึงน้องณิน น้องณินคงจะดีใจถ้าหากรู้ว่าผมซื้อหนังสือนิทานมาให้ แอบคาดเดาอยู่ในใจลึกๆว่า พอ
น้องณินได้หนังสือเล่มใหม่แล้ว น้องณินจะให้ผมอ่านให้ฟัง หรือว่าจะเอาไปให้พี่เลี้ยงอ่านให้ฟังกันแน่



   รถขับมาได้อีกสักระยะก็เลี้ยวเข้าโรงเรียนอนุบาล หน้าโรงเรียนมีสนามเด็กเล่นและมีครูหลายคนคอยยืนคุมระหว่างที่เด็กๆ
กำลังเล่นและรอให้ผู้ปกครองมารับ

   ผมเดินตามพี่คินเข้ามาในตึกกลาง มีเด็กหลายคนกำลังนั่นเล่นในห้องที่เต็มไปด้วยของเล่น บางคนก็กำลังกินนมอย่าง
เอร็ดอร่อย บางคนก็กำลังสะลืมสะลือเนื่องจากพึ่งตื่นนอน

   “มารับเด็กๆเหรอคะนายหัวภาคิน ว่าแต่คนนั้น”ว่าแล้วคุณครูผู้หญิงที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่คินก็หันมามองทางผม
“คนนั้นน้องรัมภ์สินะคะ”

   “ครับ”พี่คินพยักหน้าส่งยิ้มให้คุณครู

   “รอสักครู่นะคะ ส้มเดี๋ยวจะเข้าไปตามให้”

   คุณครูส้มหันมายิ้มให้ผมก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับน้องณินกับเด็กผิวขาวตัวเล็กอีกหนึ่งคน

   น้องณินเดินตามครูส้มออกมาด้วยท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่น มือป้อมยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองไปมา บนใบหน้าสีน้ำผึ้งทาแป้งจน
ขาววอกดูน่าเอ็นดูไปอีกแบบจนผมอดหลุดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางน่าชังแบบนั้น

   “น้ารัมภ์มาด้วยเหรอ น้ารัมภ์มารับน้องณินด้วย”พอเจ้าตัวลืมตากลมๆขึ้นมาเห็นผม ปากเล็กๆก็ยิ้มกว้างออกมาจนเห็น
เหงือกแดงๆ

   ดูท่าเจ้าตัวคงจะตื่นเต็มตาแล้ว ถึงได้วิ่งเข้ามาเกาะขาผม ทว่ายังไม่ทันไร เจ้าตัวเล็กตัวแสบก็ถูกหิ้วขึ้นมาด้วยฝีมือของพี่
คิน ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้ามุ่ยใส่

   “ไม่เอาพ่อคินอุ้มไม่ได้เหรอ อยากให้น้ารัมภ์อุ้มบ้าง”

   “ไม่ได้”พี่คินส่ายหน้าไปใส่ ยิ้มให้ลูกชายตัวเอง

   พอมองดูพี่คินแบบนี้แล้ว นี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งบุคลิกสินะ ที่ผมยังไม่เคยเจอ

   “อยากให้น้ารัมภ์อุ้มอะ น้องณินเบื่อพ่อคินอุ้มแล้วนี่”น้องรินทำแก้มป่องกอดใส่พี่คิน

   “กลับกันได้แล้ว อย่าดื้อ”พี่คินดุเบาๆก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ผม

   แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออกไป มันเหมือนมีอะไรที่ทำให้ผมก้าวขาไม่ออก อะไรบางอย่างที่ทำให้ผมก้มลงไปมอง



   “พี่…คิน”ผมเรียกพี่คินเอาไว้เมื่อก้มลงไปมองเห็นอะไรบางสิ่งบางอย่างที่มันผิดปกติ

   เด็กตัวเล็กผิวขาวไม่ต่างจกน้ำนมกำลังเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองผมด้วยดวงตากลมใส มือเล็กป้อมนั้นกำลังจับชายเสื้อของ
ผมเอาไว้และกำเอาไว้แน่น ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวว่ามีเด็กมาเกาะเอาตอนไหน

   “อุ้มเขามาด้วยสิ”

   “ทำไมล่ะ เอาเขากลับไปด้วยเหรอครับ”

   ผมยังไม่รู้เลยว่าเด็กตัวเล็กๆนี่เป็นใคร จู่ๆก็มาเกาะเสื้อผมไม่ปล่อย แถมยังจ้องผมตาแป๋วแบบนั้นอีก ผมมองหน้าพี่คินอีก
ครั้งเพื่อถามย้ำให้แน่ใจ แต่พี่คินก็พยักหน้ารับ

   เลี่ยงไม่ได้จึงได้ย่อตัวอุ้มเด็กตัวเล็กผิวขาวคนนั้นขึ้นมาอย่างงงๆก่อนจะเดินตามพี่คินออกไป ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มแห้งๆให้
กับคุณครูที่ส่งยิ้มมาให้



   ระหว่างที่รถกำลังขับตรงกลับบ้าน ผมได้แต่ลอบมองไปยังเบาะหลัง จ้องมองเด็กตัวเล็กๆผิวขาวที่นั่งนิ่งมองไปยังท้อง
ถนนเบื้องหน้า แตกต่างจากน้องรินที่อยู่ไม่สุขสักเท่าไร

   หวังว่านี่คงจะไม่ใช่ลูกอีกคนของพี่คิน ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกว่าตัวเองรู้จักพี่เขาน้อยลงไปทุกที

   “นั่นลูกของหมอนที”พี่คินตอบแทนคำตามที่ผมตั้งผ่านทางสายตา

   “ผมไม่รู้ว่าหมอนทีมีลูก”บางทีผมอาจจะคิดไปเองว่าหมอนทีกับภูผามีอะไรแปลกๆระหว่างกัน ผมคงจะคิดมากไปเอง

   “ชื่อภูมินทร์ หรือจะเรียกเขาว่าน้องมินก็ได้ วันนี้ภูผาไม่ว่างมารับหมอนทีเลยฝากให้พี่มารับ”

   “ครับ”

   ผมพยักหน้าตอบรับ มองน้องมินผ่านกระจกมองหลังอีกครั้ง

   “มินมิน ไปเล่นหุ่นยนต์ของพี่ณินไหม พี่ณินมีหุ่นยนต์ตัวใหม่ด้วย พ่อคินซื้อให้ใหม่”

   “เอาสิ”น้องมินตอบเสียงเรียบ ว่าแต่ ไอ้พี่ณินที่ว่านี่คืออะไร ผมได้ข่าวว่าสองคนนี้อยู่อนุบาลสองเหมือนกัน

   “ไม่อยากให้น้าภูผามารับมินมินเลย พี่ณินอยากเล่นกับมินมินทั้งคืนเลย”

   “อื้อ”

   คนหนึ่งท่าทางตื่นเต้นพูดมาก อีกคนกลับตรงกันข้าม น้องมินเป็นเด็กที่ค่อนข้างนิ่ง นิ่งจนไม่ค่อยพูดอะไร ไม่แม้แต่
แสดงออกทางสีหน้า จนผมอดตกใจไม่ได้ว่ามีเด็กแบบนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นน้องมินทร์ก็ดูน่ารักเหมือนกับตุ๊กตา
กระเบื้องเคลือบ ยังดีที่น้องมินไม่พูดมากเหมือนน้องณิน ไม่อย่างนั้นในรถคันนี้คงจะหนวกหูไม่น้อย

   



-----------------------------------------------------------------------------------------

ชื่อนางครึ่งหนึ่งเหมือนใคร ให้เดาเอาเนอะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ9-07 บทที่ 13 ภูมินทร์ [100%] แก้ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 29-07-2016 16:42:52
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ9-07 บทที่ 13 ภูมินทร์ [100%] แก้ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 29-07-2016 19:57:34
ตามต่อ หน้า 3
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 2ุ9-07 บทที่ 13 ภูมินทร์ [100%] แก้ใหม่
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-07-2016 20:40:35
รัมภ์ ต้องเจอภัยจากเสี่ยแน่ๆ เลย :katai1:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 14 ของขวัญ >>อัพค่า
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 30-07-2016 16:41:38
บทที่ 14 ของขวัญ

   “พี่ไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่จะกลับมากินข้าวด้วย”

   เสียงกระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะกดจูบลงมาบนซอกคอขบเม้มทิ้งร่องรองเอาไว้เพิ่ม

   ผมขมวดคิ้วขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเบี่ยงตัวหนี ความง่วงงุนที่ยังคงเข้ามาโจมตีเมื่อถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อรองรับบทรัก
ของพี่คินจนเกือบถึงรุ่งเช้า

   “อือ”

   “อย่าลืมดูลูกด้วยล่ะครับ”จูบลงมาที่ขมับอีกครั้ง ทำเหมือนสามีสั่งภรรยาเวลาจะออกไปทำงานยังไงไม่รู้ ผมรู้สึกว่ามันเป็น
แบบนั้น

   “ตะ เดี๋ยวก่อน วันนี้…ผมขอไปที่ฟาร์มได้ไหม อยากไปดูลูกนก”ผมขอเสียงเบา ปรือตาขึ้นมาจ้องมองพี่เขาด้วยความหวัง

   “เอาไว้พรุ่งนี้นะครับ วันนี้รัมภ์ต้องดูแลเด็กๆแทนพี่ พี่ไปนะครับคนเก่ง”วางมือลงมาบนหัวของผมแล้วลูบเบาๆ

   หลายวันแล้วหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ร้ายๆขึ้นกับผม ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเลยหากว่าพี่คินไม่อยู่ด้วย ไม่
ได้ไปทำงานอย่างที่อยากทำ ความรู้สึกที่ว่าตัวเองยิ่งไร้ค่าเมื่อทำอะไรไม่ได้เลยมันก็กลับมาอีกครั้ง



   ผมค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความเมื่อยล้า หยุดยืนอยู่หน้ากระจก จ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองผ่านกระจกเงา รูปร่าง
สูงโปร่งพอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้างสะท้อนภาพขึ้นมา ผิวขาวจัดที่ก่อนหน้ามักจะตกกระเพราะเจอแดดแรงๆตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยรอย
จูบประปรายทั่วร่าง

   ยังสัมผัสได้ถึงความร้อนของฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั่วร่างได้เป็นอย่างดี ราวกับว่าจะตอกย้ำว่าผมไม่มีทางหลีกหนีไปจากเงื้อมือ
นั้นได้

   กี่วันแล้วนะหลังจากที่ผมถูกพี่คินจับมาขังเอาไว้ที่นี่ ผ่านไปนานเท่าไรแล้วที่ถูกริบรอนอิสระราวกับนกที่ถูกเด็ดปีกไม่
สามารถโผบินไปบนท้องฟ้าอย่างที่ใจนึกได้

   ผมเหลือบมองวันที่บนปฏิทินที่ไม่ได้ได้สนใจจะมองมันมาหลายวัน วันที่หกมิถุนายน ในที่สุดวันนี้ของปีก็เวียนกลับมาอีก
ครั้ง



   ‘พี่ วันนี้ตอนเย็นพี่ไปไหนไหม มีธุระที่ไหนรึเปล่า’ผมถามพลางเคี้ยวข้าวเที่ยงแล้วกลืนลงกระเพาะด้วยความหิวหลังจากที่
ผ่านวิชาเรียนแสนโหด

   ‘ไม่มีนี่ รัมภ์มีอะไรรึเปล่า หรือว่าอยากจะไหน’

   ‘งั้นวันนี้ผมแวะไปห้องพี่นะ แต่ว่าผมมีธุระต้องไปทำกับเพื่อก่อนคงจะตามพี่ไปทีหลัง’

   ‘ได้สิ ถึงแล้วก็โทรบอกพี่แล้วกัน’พี่คินยิ้มรับ



   หลังจากที่เลิกเรียนเสร็จ วันนี้ต่างจากทุกทีที่ผมไม่ได้กลับกับพี่คินหรือว่าแวะไปไหนด้วยกันก่อนที่เราจะแยกย้ายกลับห้อง

   ผมแวะไปที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ระหว่างทางไปคอนโดพี่คินเพื่อซื้อของสดมาเตรียมทำกับข้าว จากนั้นก็แวะไปที่ร้านเบเก
อรี่เพื่อรับเค้กวันเกิดที่แอบมาสั่งเอาไว้

   ‘ซื้ออะไรมาเยอะแยะล่ะรัมภ์ ทำไมไม่ให้พี่ไปรับ’

   ‘ไม่เป็นไร ผมนั่งแท็กซี่มา เดี๋ยววันนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่นะ หายกันที่ผมปล่อยให้พี่กลับมาก่อนคนเดียว’

   เพราะว่าเค้กก้อนไม่ใหญ่มากกล่องของมันเลยถูกหิ้วรวมๆไปกับถึงของสด โชคดีที่พี่คินไม่สังเกตเห็นมัน

   ผมทำกับข้าวตามปกติเหมือนที่เคยทำให้พี่คินกิน ต่างจากที่เคยก็ตรงที่มีเค้กซ่อนเอาไว้ในครัวเตรียมเอามันออกมาเซอ
ไพรส์

   พอกินข้าวเสร็จเราสองคนก็มานั่งดูทีวีกันต่อเงียบๆเหมือนกับทุกที มีชวนคุยกันบ้างเมื่อหนังที่ดูอยู่เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

   ‘ผมไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวผมมา’บอกเมื่อนาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืน

   ผมแอบชะเง้อมองเมื่อพี่คินยังคงสนใจหนังที่ฉายอยู่บนจอทีวี อาศัยจังหวะนั้นเบี่ยงทำทีเป็นเข้าห้องน้ำแต่เบี่ยงตัวหลบ
เข้ามาในครัว

   จุดเทียนเล่มสีฟ้าที่ปักอยู่บนเค้กก้อนขนาดหนึ่งปอนด์พลางยิ้มอย่างตลกเมื่อจินตนาการถึงสีหน้าของพี่เขาเวลาที่เห็นเค้ก
ก้อนนี้

   พรึบ!!


   ไฟในห้องดับลงหลังจากที่ผมสับสวิตซ์

   ‘รัมภ์’พี่คินเรียกหาผมทันทีที่ไฟดับ

   แต่พอพี่เขาจะลุกขึ้นมาเพื่อไปตามผมที่ห้องน้ำ ผมก็ยืนถือก้อนเค้กอยู่ข้างหน้าพี่เขาแล้ว

   ‘แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ’ผมยิ้ม

   พี่คินเองก็ยิ้มตาม สีหน้าที่ดูประหลาดใจและดีใจนั้นติดตาผมไม่มีวันลืม

   ‘เป่าได้แล้ว เดี๋ยวเทียนก็ดับพอดี อย่าลืมอธิฐานล่ะ’



   ‘อื้ม’พี่คินพยักหน่าก่อนจะก้มลงเป่าเทียน

   ‘อธิฐานว่าไรอะ บอกผมหน่อยดิ’

   ‘ถ้าบอกก็จะไม่เป็นจริงน่ะสิ’ตอบพลางอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

   



   ‘ผมกลับแล้วนะพี่’บอกเมื่อเห็นนาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบจะตีสอง

   ‘ดึกแล้ว นอนค้างที่นี่เถอะ พี่ไม่อยากให้รัมภ์กลับ มันอันตราย’พี่คินดึงมือของผมเอาไว้

   เป็นครั้งแรกที่ผมนอนค้างห้องพี่เขา นั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดเอาไว้ล่วงหน้าว่ามันจะเลยเถิดมาจนถึงขนาดนี้ หลับในอ้อม
กอดของพี่เขาโดยที่ผมไม่รู้ตัว เป็นอีกหนึ่งความทรงจำของผมที่มันยากจะลบเลือน



   พอนึกๆดูแล้ว สถานะของผมในตอนนี้ผมควรจะต้องให้อะไรกับพี่เขาในวันนี้ไหม เพราะว่าผมไม่รู้ว่าตัวตอนของผมสำหรับ
พี่เขาในเวลานี้คืออะไร ลูกจ้าง หรือว่า ของเล่น

   ผมถอนหายใจก่อนจะเดินลงมายังชั้นล่าง เสียงเอะอะดังลอดเข้ามาในหูตั้งแต่เท้ายังก้าวไม่ถึงพื้น

   “น้ารัมภ์มาแล้ววววววว”ไอ้แสบพูดมากกระโดดมาเกาะขา ในมือถือหุ่นยนต์ตัวสีเหลืองเอาไว้พลางเงยหน้าขึ้นมายิ้มแป้น

   “เอะอะอะไรแต่เช้า”พยายามงัดลิงตัวเล็กออกไปจากขา

   “น้ารัมภ์มาอ่านนิทานให้ฟังหน่อย วันนี้น้องมินมาเล่นด้วย”น้องณินดึงมือให้เดินตามที่ที่ห้องนั่งเล่น เจอเข้ากับน้องมินนอน
วาดรูประบายสีอยู่บนพื้น น้องมินเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้ผมเล็กๆ

   จะว่าไปหนังสือนิทานที่ผมซื้อมาเมื่อครั้งก่อน ผมยังไม่ได้เอาให้น้องณินเลย ลืมไปซะสนิท

   “ถ้าจะให้ผู้ใหญ่ทำอะไรให้ต้องพูดว่าไงครับ”

   “อ่านนิทานให้ฟังหน่อย”พอสังเกตดูแล้ว น้องณินเป็นเด็กที่พูดไม่มีหางเสียงเลยสักครั้ง ผมไม่เข้าใจเลยว่าแค่เรื่องง่ายๆ
ทำไมฟางถึงไม่สอน

   “ไม่ใช่ครับ”

   “อ่านนิทานให้ฟังที”

   “ไม่ใช่ครับ”

   “แล้งน้องณินต้องพูดว่าไงอ่า น้ารัมภ์บอกน้องณินหน่อยนะ”

   “ไม่เอาครับ คิดเอาเอง”ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา น้องณินเองก็ปีนตามขึ้นมา ไม่พอแค่นั้น ยังทิ้งตัวลงมานั่งบนตักแล้วเงย
หน้าจ้องมองผมอีกต่างหาก

   “ดุจัง”น้องณินกอดอกมุ่ยหน้าใส่ หันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อวันเดียวกัน “น้องมิน พี่ณินต้องพูดว่าไงอะ” ถึงจะอย่าง
นั้นทำไมน้องณินถึงเรียกตัวเองว่าพี่ตลอดทั้งที่อายุเท่ากันล่ะนั่น

   “ต้องพูดว่าครับ”น้องมินตอบเสียงเบา

   “งั้น น้ารัมภ์อ่านนิทานให้น้องณินกับน้องมินฟังหน่อยนะครับ…อย่างนี้ถูกไหม”

   “ถูก แต่ต่อไปนี้ต้องพูดครับต่อท้ายทุกครั้ง เข้าใจไหม”ผมยกนิ้วขึ้นชี้หน้าอย่างคาดโทษ

   “โอเชครับ”พอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแป้น ยกมือขึ้นมาทำท่าตะเบะใส่

   “งั้นรออยู่นี่ เดี๋ยวน้ามา”

   ผมเดินย้อนกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งก่อนจะกลับมาพร้อมหนังสือนิทานป๊อบอัพเล่มใหม่ เลือกที่จะหยิบมาเล่มเดียว เพราะ
คิดว่าเด็กๆควรได้อะไรทีละชิ้นเพื่อเห็นค่าในสิ่งที่ได้รับมา

   “อ่าวพี่ ลงมาแล้วเหรอ กินอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวผมไปเตรียมให้”ภูผาทักเมื่อเดินออกมาจากห้องครัวแล้วเจอผมพอดี

   “ไม่เป็นไร พี่ยังไม่หิว เดี๋ยวกินแค่กาแฟก็พอ”ผมส่ายหน้ายิ้มออกมา

   “งั้นผมฝากดูน้องมินด้วยนะพี่ น้องมินอาจจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่ถ้าถามอะไรไปรับรองว่าตอบทุกคำถามนั่นแหละ”

   “อืม ไม่เป็นไร”ผมยิ้มรับ มันก็จริงที่เวลาถามอะไรแล้วน้องมินจะตอบทุกคำถามอย่างที่ว่า ไม่เหมือนไอ้แสบน้องณิน ถาม
อย่างตอบอย่าง ถามอย่างเดียวตอบสิบอย่าง จ้อไม่ยอมหยุดจริงๆ

   

   “น้ารัมภ์เอาอะไรมา…ครับ”น้องณินวิ่งเข้ามากระโดดดูสิ่งที่มือผมถือเมื่อมันไม่คุ้นตา ก่อนจะไม่ลืมลงท้ายอย่างที่ผมสอน
พอสอนไปก็ว่าง่ายดีนี่ ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่สอนกันบ้างเลย “หูย นิทานเล่มใหม่ น้องมินมาดูดิ น้ารัมภ์มีนิทานเล่มใหม่”

   ทันทีที่นั่งลงไอ้เด็กตัวแสบมันก็ปีนขึ้นมา เห็นนิทานเล่มใหม่ก็กระโดดดีใจยกใหญ่ เรียกให้น้องมินเงยหน้าขึ้นมาจากสมุด
ระบายสี ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะปีนตามขึ้นมานั่งขนาบข้างกับผมด้วย

   “หูยมีภาพขยับด้วยอะ”น้องณินผู้โอเว่อในทุกเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นร้องออกมาเมื่อเปิดหน้าแรกแล้วกระดาษป๊อบอัพมันก็เด้ง
ออกมาเป็นสามมิติ “โคตรเท่เลยอะ”อ้าปากค้างทำตาเป็นประกาย ไม่ยอมหยุดตื่นเต้นสักที

   หรือว่าผมคิดผิดที่ซื้อเจ้านี่มาให้เด็กพูดมากแบบนี้กันนะ ยังดีที่น้องณินยอมเงียบตั้งใจฟังทันทีที่ผมเริ่มอ่านนิทานให้ฟังจน
จบ

   “น้ารัมภ์ใจดี”น้องมินบอกเสียงเบา เอนตัวลงมาพิงผม

   “ใช่ไหมล่ะ พี่ณินบอกน้องมินแล้วว่าน้ารัมภ์ใจดี น้ารัมภ์จะมาเป็นแม่ใหม่น้องณิน”น้องณินขี้อวดพูดเกทับ

   แต่ว่าประโยคสุดท้ายของน้องณินทำให้ผมรู้สึกแปลกๆขึ้นมา แม่ใหม่งั้นเหรอ ดูเหมือนว่าน้องณินจะยังเข้าใจผิดอยู่สินะ
น้องณินคงไม่รู้ว่าหลังจากครบสามเดือนไปแล้ว คนที่น้องณินบอกว่าจะมาเป็นแม่ใหม่อย่างผมจะหายออกไปจากชีวิตของเขา
ตลอดกาล

   น้องณินกับน้องมินนั่งเล่นหนังสือยังคงนั่นเล่นหนังสือนิทานป๊อปอัพกันอยู่สักพัก ก่อนที่น้องมินจะเป็นฝ่ายเผลอหลับไป
ก่อน ตามด้วยน้องณินที่หลับคาหนังสือนิทานอีกคน

   นี่สินะที่เรียกว่าเด็ก นึกจะหลับตอนไหนก็หลับเอาง่ายๆ ผมจัดท่าทางของเด็กๆให้นอนบนฟูกปูพื้นหน้าทีวีก่อนจะเอา
หมอนมารองให้



   “หลับกันแล้วเหรอเนี่ย นี่กาแฟ พี่เอามาให้ เห็นน้องรัมภ์ไม่เข้าไปหาอะไรกินสักที”พี่นุ่มเดินสวนออกมาขณะที่ผมกำลังจะ
เดินเข้าไปในครัว

   “ครับ หลับกันไปแล้ว”ผมพยักหน้ารับแก้วกาแฟมาดื่ม “พี่นุ่มครับ ถ้าหากว่าผมอยากจะขอออกไปข้างนอกเพื่อซื้อของ พี่
ช่วยโทรไปขอนายหัวให้ผมหน่อยได้ไหม”ออกปากถามออกไป

   “จะออกไปข้างนอกเหรอ วันนี้ทุกคนก็ยุ่งกับการเตรียมงานเลี้ยงด้วยสิ งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวพี่ลองโทรถามนายหัวให้นะ”พี่
นุ่มพยักหน้าก่อนจะโทรศัพท์ไปหานายหัวของพวกเขา ได้แต่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆว่าเขาจะยอมรึเปล่า หากว่าผมจะออกไปข้างนอก
โดยที่ไม่มีพี่เขาไปด้วย

   “ว่าไงครับ”

   “นายหัวจะคุยด้วยน่ะ”พี่นุ่มยื่นโทรศัพท์มาให้ ผมรับมันมาคุยเองอย่างช่วยไม่ได้



   “ครับ”

   ‘ทำไมเมื่อเช้ารัมภ์ไม่บอกพี่ล่ะว่าอยากออกมาซื้อของ’

   “ผมพึ่งนึกได้น่ะ”ตอบเสียงเบา

   ‘รัมภ์อยากได้อะไรล่ะ เดี๋ยวขากลับพี่แวะซื้อไปให้’

   “แต่ผมอยากไปเลือกเอง”

   ‘ไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยพาไปซื้อ’

   “ผมต้องใช้วันนี้”

   ‘เอางั้นก็ได้ งั้นเอาโทรศัพท์ให้พี่คุยกับนุ่มอีกที’ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเล็กลอดออกมาจากโทรศัพท์ก่อนจะส่งคืนให้กับ
พี่นุ่ม



   “เขาว่าไงบ้างครับ”ผมถามย้ำอีกรอบ

   “วันนี้นายหัวยุ่งมากเลยล่ะ แต่นายหัวก็อนุญาตนะ แต่ต้องเอาภูผาไปด้วยนะ”

   “ขอบคุณพี่นุ่มมากครับ”

   “ไม่เป็นไร มีอะไรก็บอกพี่ได้ เดี๋ยวรอพี่แปบนะ ไม่รู้ว่าคนงานในฟาร์มตอนนี้มีใครว่างบ้าง เดี๋ยวพี่ไปเรียกมาขับรถให้”

   ผมเดินตามพี่นุ่มออกมายังหน้าบ้าน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พี่ตินเดินยกลังน้ำอัดลมผ่านมาพอดี

   “ติน ติน มานี่หน่อยสิ มีอะไรจะวานหน่อยน่ะ”พี่นุ่มตะโกนเรียก

   ผมไม่รู้ว่าผมคิดเองรึเปล่า ว่าทันทีที่พี่ตินหันมาเจอผม รอยยิ้มบนใบหน้าของพี่เขาก็ผุดขึ้นมาทันที เป็นยิ้มที่ทำให้ผมอด
ยิ้มตอบคืนไม่ได้

   “ว่าไงครับ มีอะไรให้ผมคนนี้รับใช้รึเปล่า”พี่ตินเดินเข้ามาในส่วนของหน้าบ้านถามอย่างอารมณ์ดี

   “ว่างไหม อยากจะให้ช่วยขับรถพาน้องรัมภ์เข้าไปในเมืองหน่อยน่ะ”

   “ว่างเสมอถ้าหากเป็นนุ่มคนนี้”พี่ตินไหวไหล่ยกยิ้มให้พี่นุ่มเชิงหยอกล้อตามปกติของพี่เขา “ยิ่งถ้าเป็นน้องรัมภ์ล่ะก็ ว่าง
ตลอดยี่สิบสี่”

   “ทำเป็นพูดไป เอานี่กุญแจรถ”

   “ครับๆ”พยักหน้าอย่างอารมณ์ดี “ไปแต่งตัวรอเลยหนุ่มน้อย เดี๋ยวโชเฟอร์คนนี้จะวนรถมารับเอง”ไม่วายหันมาพูดติดตลก
ใส่

   “ผมไม่มีทิปให้หรอกนะ”อดเบ้ปากพูดเหน็บกลับไม่ได้กับท่าทีขี้เล่นแบบนั้น

   พี่ตินหัวเราะออกมา ผมเองก็เช่นกัน อดหัวเราะออกมาเบาๆตามพี่เขาไม่ได้ ไม่เคยรู้เลยว่าบนโลกใบนี้มีคนอารมณ์ดีตลอด
เวลาแบบนี้อยู่จริง



   ------------------------------------------------------------------------



   พี่นุ่มให้เงินสดผมติดตัวมาพันหนึ่งกับบัตรเครดิตสีเงินอีกใบหนึ่งเพื่อใช้ซื้อของ เรามาหยุดอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง
ที่เดียวกับที่พี่คินพาผมมาดูหนังเมื่อครั้งที่แล้ว อดหวั่นใจลึกๆไม่ได้ว่าจะถ้าเจอกับเสี่ยก้าวอีกครั้งผมจะทำยังไงดี

   “พี่มาซื้อไรอ่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นอยากออกมาข้างนอก”ภูผาถาม

   “พี่ยังไม่รู้เลย”ผมส่ายหน้า มันก็จริงอยู่ที่ให้บัตรเครติตผมมาแล้วบอกว่าจะซื้ออะไรก็ได้ แต่จะให้ผมเอาอัฐยายมาซื้อขนม
ให้ยายผมเองก็รู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่

   “จะซื้อของขวัญให้เขาใช่ไหมล่ะ”พี่ตินเดินมาขนาบข้าง กระซิบเสียงเบา ไม่รู้ว่าพี่เขารู้ได้ไง แต่ผมก็พยักหน้าตอบรับ

   ยอมรับว่าอยากจะซื้ออะไรสักอย่างให้กับพี่คิน แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้

   “ภูผา ไปซื้อน้ำให้พี่หน่อยสิ”พี่ตินหันไปยื่นเงินแบงค์ร้อยให้ภูผา

   “ทำไมผมต้องไปซื้อให้พี่ด้วยอะ”ภูผาหันไปบ่นใส่พี่ติน

   “งั้นเอาไป ซื้อน้ำอะไรมาก็ได้ ไม่ต้องมาทอน”ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นแบงค์ห้ารอย แล้วก็อย่างที่คิน ภูผาคว้าหมับเอาไปทันที

   “ผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะ แค่กลัวเสียดุลการค้า รออยู่นี่ล่ะ เดี่ยวไปซื้อมาให้”พุดจบก็เดินไปยังร้านน้ำที่อยู่ไม่ไกล

   “เราไปลองไปดูที่ร้านนาฬิกาดูไหม เผื่อมีอะไรที่รัมภ์ถูกใจ”

   “แต่ว่าภูผา…”ไม่ทันได้พูดจบพี่จับแขนให้ผมเดินไปตามแรงดึงอย่างช่วยไม่ได้

   พอหันมามองหน้าพี่เขาก็พบว่าพี่เขากำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาที่ผม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงบอกภูผาว่าไม่ต้องทอน

   เพราะว่าพี่เขาตั้งใจจะดึงตัวผมออกมาจากภูผาตั้งแต่แรกแล้ว

   “ทำไมถึงไม่รอภูผาล่ะครับ”

   “นานๆทีพี่จะเจอรัมภ์พี่อยากอยู่กับรัมภ์แค่สองคนมากกว่า”เขาหันมายิ้มให้



   เราเดินมาหยุดอยู่ที่ร้านนาฬิกาที่ดูท่าแล้ว ราคาคงจะไม่ใช่เล่นๆเลย

   “ทำไมต้องนาฬิกาล่ะครับ”

   “ก็เวลาที่เราซื้ออะไรให้ใครสักคนเพื่อเป็นของขวัญ เราก็อยากให้เขาได้ใช้มันใช่ไหมล่ะ นาฬิกาก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะติด
อยู่กับตัวผู้ใช้ตลอดเวลา นาฬิกาเนี่ยแหละ ดีที่สุดแล้ว”

   “นั่นสินะ พี่คงจะซื้อให้ผู้หญิงบ่อยๆใช่ไหม ถึงได้ชำนานแบบนี้”อดแซวไม่ได้กับท่าทางที่ดูอารมณ์ดีและเจ้าชู้เวลาคุยกับผู้
หญิงแบบนี้

   “ใช่ที่ไหนกันเล่า ไปๆเข้าไปเลือกได้แล้ว เดี๋ยวไอ้ตัวเกะกะมันก็มาเจอพอดี”พี่ตินพูดถึงภูผาสินะ



   ในที่สุดเราก็กลับมาถึงบ้านจนได้ ระหว่างทางภูผาก็บ่นกระปอดกระแปดตลอดเวลาว่าผมกับพี่ตินทิ้งให้เขาเดินหาทั่วห้าง
จนน้ำที่ซื้อมาหายเย็นหมด แต่พี่ตินก็จ่ายค่าปิดปากด้วยใบสีแดงไปอีกใบจนเงียบไป จะว่าไปภูผาเองก็ตอบสนองกับเงินอยู่ไม่
น้อยเลยทีเดียว ผมได้แต่หัวเราะกับคนสองคนที่นั่งเถียงกันมาตลอดทาง

   นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้หัวเราะแบบที่ลืมทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ตั้งแต่มาที่นี่



   “รัมภ์”

   ระหว่างที่กำลังจะเดินตามภูผาเข้าไปในบ้าน ข้อมือก็ถูกดึงเอาไว้ให้หันไปมองตามเสียงเรียก

   “มีอะไรเหรอครับ”

   “คืนนี้เจอกันที่งานเลี้ยงนะ”เสียงที่ดูห่วงใยบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้ มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบเบาๆที่หัวผม น่าแปลกที่มันดู
เหมือนกับว่าผมคุ้นเคยกับมือนี้เป็นอย่างดี

   “ครับ”พยักหน้า

   คืนนี้ที่ฟาร์มจะมีงานเลี้ยงฉลองที่หาดเหมือนทุกปีที่เคยจัดเพื่อฉลองให้กับคนงานได้ผ่อนคลายกับการทำงานหนักมา
อย่างเต็มที่ ทุกคนต่างก็เฝ้ารอให้ถึงเวลาอย่างใจจดใจจ่อ

   ของขวัญในกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินถูกเอาไปเก็บซ่อนเอาไว้ที่ลิ้นชักตู้ปลายเตียง รอคอยให้ถึงเวลาที่ผมจะเอาออกมาให้
กับเจ้าของที่แท้จริง



   ------------------------------------------------------------------







   




เรื่องนี้มันน่าเบื่อมากเลยใช่ไหมเนี่ยยยย ทำไมคนอ่านถึงได้น้อยขนาดเน้ๆๆๆๆ ผิดพลาดตรงไหนใครก็ได้ช่วยบอกเจ๊ที



หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 14 ของขวัญ >>อัพค่า
เริ่มหัวข้อโดย: jaejae ที่ 30-07-2016 17:16:14
ไม่น่าเบื่อจร้า สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลย

เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 14 ของขวัญ >>อัพค่า
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 30-07-2016 23:29:22
ไม่น่าเบื่อค่า สนุก ชอบ

รู้สึกว่าพี่คินรักรัมภ์มากอ่ะ แต่รัมภ์ยังไม่รู้ตัวหรือป่าวว่ารัก

คือตอนนี้มันมึน ๆ อึน ๆ พี่คินคิดว่ารัมภ์รู้ว่ารัก แต่รัมภ์ไม่รู้งัยว่าอยู่ในฐานะอะไร

โอ๊ยเมื่่อไหร่จะเข้าใจกันเนี่ย

อยากอ่านพาร์ทพี่คิน ตอนที่โดนรัมภ์บอกเลิกค่ะ หลังจากนั้นที่ตามราวี แย่งแฟน เรียนจบไป แล้วกลับมาแก้แค้น
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 14 ของขวัญ >>อัพค่า
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 01-08-2016 07:50:36
ณินกับมิน สงสัยสลับพ่อกันแน่ๆเลย. ตรงกันข้ามทุกอย่าง
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 14 ของขวัญ >>อัพค่า
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-08-2016 13:57:29
แต่งสนุกน้า อย่าน้อยใจไปค่า
รักน้องณินเด็กช่างจ้อ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 01-08-2016 16:25:34
บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา

   และแล้วเวลาของค่ำคืนที่ทุกคนต่างรอคอยก็มาถึง จังหวะของดนตรีที่ถูกเปิดจนดังกำลังผสมผสานกับเสียงของเกลียว
คลื่นที่ถูกพัดมากระทบฝั่งอย่างลง

   ผมเดินตามพี่คินออกมายังหาดทรายขาวหลังบ้านที่ถูกเนรมิตแต่งแต้มด้วยแสงไฟนับร้อยดวง ตรงกลางมีกองไฟขนาด
ใหญ่จุดเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นยามค่ำคืนและเพิ่มสีสันให้กับงาน

   “กินนี่สิ”พี่คินส่งจานอาหารพื้นบ้านอะไรสักอย่างมาให้ก่อนที่จะดึงให้ผมนั่งลงบนขอนไม้ยาวที่ถูกเอามาวางล้อมกองไฟ
เป็นวงกลมเพื่อเอาไว้นั่ง

   งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างครึกครื้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและโห่ร้องตามแบบฉบับของการเฉลิมฉลอง บางคนก็กำลังได้ที่
เดินเข้าไปเต้นรอบกองไฟตามจังหวะของเสียงเพลง บางคนก็นั่งดื่มไปคุยไปเหมือนไม่ได้คุยกันมานานนับปี

   “วันนี้ไปซื้ออะไรมาล่ะ”พี่คินถามก่อนจะกดจมูกลงมาบนกลุ่มผม ได้ยินเสียงสูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา

   “ซื้อของใช้ทั่วไปน่ะ”ตอบพลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองที่จมไปกับผืนทราย พยายามทำใจให้ชินกับการแสดงบทรัก
ต่อหน้าคนอื่นของพี่เขา ทั้งที่จริงๆแล้วรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะประสบการณ์เป็นตัวบอกผมว่ายิ่งขัดขืน
มากเท่าไร พี่คินก็จะยิ่งไม่พอใจและทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามมากเท่านั้น

   “พี่เป็นห่วงรัมภ์ ไม่อยากให้รัมภ์ออกไปไหนเวลาที่ไม่มีพี่ คราวหลังบอกพี่ก่อนนะครับเด็กดี”จมูกโด่งยังคงคลอเคลียอยู่บน
กลุ่มผมสีน้ำตาลของผม

   “ผมรู้”ผมรู้ดีว่าพี่เขากลัวว่าผมจะหนีไป

   “มาอยู่ที่นี่เองนายหัว ผู้ใหญ่บ้านเขามาถึงแล้วน่ะครับ อยู่ทางนู้น”พี่กิ่งเดินมาตามนายหัวของพวกเขา ด้วยภาษาใต้

   “อยู่นี่นะครับ อย่าไปไหน เดี๋ยวพี่มา”พี่คินหันมาบอก ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะเดินหายไปทิ้งให้ผมนั่งอยู่คนเดียว



   “ไง ทำไมมานั่งเหงาอยู่คนเดียว”ทันทีที่พี่คินลุกหายไป พี่ตินก็มานั่งแทนที่โดยไม่รีรอให้ผมอนุญาตให้นั่งลง

   “ก็ผมไม่ค่อยรู้จักใครเหมือนพี่นี่ครับ”มาไม่ทันไรพี่ตินก็รู้จักคนอื่นๆไปทั่วฟาร์มแล้ว ด้วยบุคลิกที่ยิ้มเก่ง พูดเยอะจึงทำให้
เข้ากับคนได้ง่าย

   “ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ก็คุยๆไปเดี๋ยวก็รู้จัก แบบพี่นี่ไง”

   “ผมไม่ได้หน้าเป็นเหมือนพี่สักหน่อย”

   “พี่จะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกัน”ยิ้มรับหน้าตายเหมือนเดิม “ว่าแต่สีตากับสีผมของรัมภ์นี่สวยดีนะ ได้มาจากใครล่ะพ่อหรือ
ว่าแม่”ไม่ว่าเปล่า กลับเอื้อมมือมาแตะเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกให้

   “ได้มาจากพ่อน่ะ”ตอบเสียงเบากับคำถามที่ได้ยินมาทั้งชีวิต

   “งั้นแสดงว่าพ่อของรัมภ์นี่คงจะหล่อไม่เบา”

   “ผมก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่เคยเจอเขา”พ่อทิ้งไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ตั้งแต่แม่พึ่งจะตั้งท้องได้ไม่กี่เดือน นั่นเป็นสิ่งที่
ทำให้ผมทั้งเสียใจและเจ็บใจในเวลาเดียวกัน

   เจ็บใจที่พ่อทิ้งผมไปตั้งแต่ผมยังไม่ลืมตาขึ้นมาดูโลก เสียใจที่พ่อมองข้ามความรักของแม่แล้วปล่อยให้แม่อุ้มท้องและ
เลี้ยงผมมาด้วยตัวคนเดียว

   “พี่ขอโทษที่ถามรัมภ์”

   “ไม่เป็นไร ผมไม่ถืออยู่แล้ว ผมชินแล้วล่ะ เขาทิ้งผมกับแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กน่ะ”

   “แล้วทำไมรัมภ์ถึงไม่ลองตามหาดูล่ะ”

   “ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา แม่ไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับพ่อเลยสักอย่าง”

   “ถ้าพี่ถามว่ารัมภ์อยากจะเจอพ่อไหม รัมภ์จะตอบพี่ได้ไหม”พี่ตินถาม

   “ไอ้อยากมันก็อยากอยู่หรอก แต่ว่าเขาคงไม่อยากจะเจอผมสักเท่าไร”

   “ใครว่าล่ะ บางทีเขาอาจจะตามหารัมภ์อยู่ก็ได้ ใครจะรู้”จริงๆแล้วถ้าพ่อออกตามหาผมอย่างที่พี่ตินพูดมาก็คงจะดี มีหลาย
อย่างที่ผมคนนี้อยากจะพูดกับพ่อ หลายอย่างที่ผมเก็บเอาไว้ในใจตั้งแต่เด็ก

   “แต่ถึงเจอกันผมก็คงจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องหรอก ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยสักนิด”

   “แล้วใครบอกล่ะว่าคนอิตาลีใช้ภาษาอังกฤษ”มือใหญ่เอื้อมมาขยี้หัวของผมเบาๆด้วยท่าทางหมั่นเขี้ยว

   แต่นั่นทำให้ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ทำไมพี่ตินถึงได้รู้ล่ะว่าพ่อของผมเป็นคนอิตาลี ทั้งที่ผมไม่เคยบอกใคร แล้วรู้ได้
ยังไงว่าคนอิตาลีไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ

   “พี่รู้ได้ไงว่าพ่อผมเป็นคนอิตาลี”ผมถามกลับไปทันที พี่ตินมีท่าทีตกใจเล็กน้อยภายในเสี้ยววินาทีก่อนจะปั้นยิ้มกลับมา
เหมือนเดิม แต่นั้นผมก็สังเกตเห็นมัน

   “ก็เดาเอาไง เห็นสีผมกับสีตาคล้ายๆคนแถบนั้น นี่พี่เดาถูกเหรอเนี่ย เป็นไง พี่เก่งไหม”

   “แน่ใจนะครับว่าเดา”ผมหรี่ตาจับผิด เพราะมีหลายอย่างในตัวของพี่เขาที่ทำให้ผมสงสัย

   “ก็ใช่น่ะสิ เป็นชาวอิตาลีจริงๆเหรอเนี่ย พี่เดาเก่งใช่ไหมล่ะ La fata”ท้ายประโยคพี่ตินพูดสำเนียงแปลกๆออกมา

   “อะไรคือลาฟาตา”

   “ก็ถ้ารัมภ์มีเชื้อสายอิตาลี ชื่อของรัมภ์ในภาษาอิตาลีก็คงเป็นLa fata ที่แปลว่านางฟ้าเหมือนกัน”

   “พี่รู้ภาษาอิตาลีได้ยังไง”

   “ก็เคยได้ยินผ่านหูมาคำสองคำ เอาเถอะ เราไปเต้นกันกับเขาบ้างดีกว่า น่าสนุกออก”

   ยังไม่ทันได้จับผิดกับสิ่งที่พี่ตินพูด ผมก็ถูกดึงมือให้ตามออกไปยืนอยู่กลางวงใกล้ๆกับกองไฟตรงกลางหาด สังเกตเห็นว่า
หลายคนพอเห็นผมกับพี่ตินเดินเข้ามาก็เข้ามาร่วมวงชวนพวกเราเต้นตามจังหวะเพลง


   หลายคนเข้ามาชวนคุย ถามสารทุกข์สุขดิบผมตามภาษาของชาวบ้าน ไม่รู้ตัวว่าเมื่อไรที่ผมเผลอปล่อยให้ใจของตัวเอง
ไหลไปตามน้ำ พอผ่านไปนานๆเข้าผมเริ่มเต้นกับทุกคนยิ้มให้กับรอยยิ้มของทุกคนที่ส่งมา ร่วมเต้นกับคนงานคนอื่นๆและพี่ติน
   “ลองกินดูหน่อยไหมน้องรัมภ์”พี่กิ่งโพล่มาจากไหนไม่รู้ เต้นมากระแซะข้างๆ ยื่นแก้วในเล็กๆมีน้ำสีดำอมน้ำตาลเกือบเต็มแก้ว

   “ผมไม่ดื่มเหล้า”ผมส่ายหน้า

   “อย่าเลยพี่เดี๋ยวน้องเมา”พี่ตินช่วยปฏิเสธดันแก้วออกไปจากตรงหน้าผม

   “เฮ้ยเอาน่า ไม่ใช่เหล้าสักหน่อย นี่มันสมุนไพร นารีรำพึงน่ะ เคยได้ยินไหม”

   “สมุนไพรแน่นะ”ในที่สุดก็ถูกคะยั้นคะยอให้กินน้ำสมุนไพรรสขมที่ว่าไปจนหมด

   กินเข้าไปอึกหนึ่งรู้สึกว่าสมองมันโล่งๆดีพิลึก คงจะเป็นสมุนไพรจริงๆอย่างที่ว่าสินะ ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกสนุกแบบนี้

   พี่ตินจับมือของผมให้เต้นไปตามจังหวะ ท่าเต้นของพี่เขาแปลกๆไม่เหมือนกับท่าเต้นของคนอื่นๆ จะว่ายังไงดี มันเหมือน
กับท่าเต้นในหนังต่างประเทศเวลาที่มีงานเฉลิมฉลองอะไรแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกสนุกว่ามันกำลัง
ทำให้ผมลืมเรื่องราวต่างๆที่ทำให้ผมอึดอัดใจไปจนหมด รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพี่ตินและคนรอบข้าง ทำให้ผมหัวเราะออก
มาอย่างสนุกจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหลุดออกจากความคิดที่อยู่ในเบื้องลึก

   จ้องมองพี่ตินที่เต้นอยู่เบื้องหน้า ความอ่อนโยนและความใจดีของพี่เขา แบบที่เขาเป็นอยู่นั้น ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใคร
ใจดีกับผมเท่าพี่ตินเลย พี่ตินยิ้มให้และส่งมือมาข้างหน้าเป็นเชิงให้ผมเอื้อมมือไปจับเพื่อเต้นด้วยกัน

   ทว่าก่อนที่ขาจะก้าวออกไป เอวก็ถูกแขนแข็งแรงโอบเอาไว้ก่อนจะถูกดึงจนเซไปด้านหลัง แผ่นหลังรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่
คุ้นเคยของใครบางคน ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหู ถึงจะมองไม่เห็นว่าเขาคือใคร แต่สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ผมรับรู้ได้ทันทีว่า
เขาคือพี่คิน

   พี่คินโอบกระชับเอวของผมเอาไว้จากทางด้านหลัง แทบชิดลำตัวของเราเข้าหากัน คางของพี่เขาก้มลงมาวางเอาไว้ที่คอ
ของผมก่อนจะเอียงศีรษะเข้ามาใกล้ พูดเสียงเบาข้างหู

   “พี่ไม่อยู่แปบเดียว แอบดื่มมาเหรอครับ”มันเหมือนมีอะไรในน้ำเสียงที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกไปทั้งร่างกาย

   ผมมองไปเบื้องหน้า พี่ตินกำลังจ้องมองผมอยู่ รอยยิ้มนั้นค่อยๆเลือนหายไปทีละน้อยก่อนจะหลงเหลือเพียงสีหน้าที่ดูปกติ
เหมือนกับคนอื่นๆ

   “พี่บอกแล้วไง ว่าอย่าให้ใครแตะตัวง่ายๆ รัมภ์ลืมไปแล้วเหรอครับ คนเก่ง”

   พูดจบก็กดจมูกลงมาบนแก้มของผม อะไรบางอย่างมันกำลังบอกว่าหลังจากที่หอมแก้มผมแล้ว พี่คินหันไปจ้องมองพี่คิน
ต่อ

   เป็นจังหวะเดียวกับที่คนงานในไร่อีกคนเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างสถานการณ์ที่น่าอึดอัด

   “นายหัว นายหัวครับ นายอำเภอมาแหนะ กำลังจอดรถ”เสียงบอกเล่าเป็นภาษาพื้นถิ่นบอกทำให้พี่คินยอมผละออก

   “งั้นเดี๋ยวพี่มานะครับ”บอกผมด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย แต่ในดวงตานั้นกำลังไม่พอใจ ผมรู้ดี “ฝากดูรัมภ์ด้วย
ล่ะ”ประโยคถัดมาหันไปบอกพี่ตินก่อนจะเดินหายออกไปจากบริเวณชายหาด



   “เดี๋ยวผมขอไปห้องน้ำก่อน ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร”ผมบอกพี่ตินเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลับมาอึดอัดอีกครั้ง อีกทั้ง
เริ่มรู้สึกว่ามึนหัวคล้ายๆว่าโลกมันเอียงและเริ่มจะหมุน อาจจะเป็นผลข้างเคียงมาจากนารีรำพึงอะไรสักอย่างที่พี่กิ่งให้ดื่มเข้าไป
สินะ

   “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

   “มะ ไม่เป็นไร ผมไป ไปคนเดียวได้”เริ่มรู้สึกว่าสมองมันเบาโหวงคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาซะดื้อๆจึงตอบไปแบบกระท่อนกระ
แท่น

   “แน่ใจนะว่าไม่”

   “ครับ..อึก แน่จาย”เสียงที่พูดออกไปเริ่มยานคาง



   ผมเดินออกมาจากหาดตรงมาทางบ้าน พื้นมันเอียงไปเอียงมาไม่อยู่นิ่งจนเดินเซไปแบบไม่รู้ตัว สงสัยผมจะโดนพี่กิ่งหลอก
ว่านารีรำพึงอะไรนั่นกินแล้วไม่เมา

   “รัมภ์”ใครบางคนเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงตัวบ้าน

   “มีอารายครับ”ถามกลับไป พยายามจ้องมองคนงานที่หน้าไม่คุ้นตาเอาซะเลยกำลังกวักมือให้ผมเข้าไปหา

   “นายหัวเรียกแน่ะ ตามมาสิ”

   นายหัวอีกแล้ว แต่สุดท้าย ทั้งๆที่ไม่อยากไป แต่ก็ต้องเดินตามไปอยู่ดี เพราะผมไม่รู้เลยว่าถ้าหากไม่ยอมทำตามคำสั่ง
แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

   ผมเดินตามคนงานที่หน้าไม่ค่อยคุ้นตาอาจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้สนใจใครจึงไม่ค่อยคุ้นหน้าเขาล่ะมั้ง เขาพาผมเดินเข้า
มายังพื้นที่ที่มีต้นไม้ขึ้นสูงทำให้มองไม่เห็นบริเวณบ้านและชายหาดแล้ว

   “นายหัว..อึก..อยู่ที่ไหนนน”ถามออกไปเมื่อเดินเข้ามาลึกเรื่อยๆ แต่หันไปอีกที่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว



   “รัมภ์”

   ทว่าเสียงเรียกที่คุ้นหูก็เรียกมาจากทางข้างหลังให้ผมหันไปมองด้วยสติที่กำลังมึนงงมากขึ้นไปทุกที

   ผมหันหลังกลับไปมองเห็นพี่ตินยืนอยู่ข้างหน้า แต่ว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่หันกลับไป มือที่โพล่มาจากข้างหลังพร้อมกับ
ผ้าเช็ดหน้าที่มีกลิ่นฉุนจมูกปิดลงมาบนใบหน้าของผม ทำให้ผมสูดกลิ่นฉุดนั้นเข้าไปเต็มปอดโดยไม่ทันตั้งตัว ผมพยายามที่จะ
ดิ้นออกจากมือที่กดผ้าเช็ดหน้าลงมา แขนทั้งสองข้างกำลังถูกฉุดและดึงเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน

   กลิ่นนั้นที่สูดเข้าไปทำให้ผมรู้สึกราวกับวิญญาณถูกดึงออกไปจากร่าง เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบจะยกไม่ไหว ภาพสุดท้าย
ที่เห็นคือภาพของพี่ตินที่กำลังยืนมองผมอยู่ ผมไม่รู้ว่าเขามองมาด้วยสีหน้าแบบไหน ใช้สายตาแบบไหนมองมาที่ผม ผมรู้เพียง
แค่ว่า สิ่งที่ผมสงสัยในตัวของพี่เขามันเป็นจริง




ขอคนละความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวพี่ตินในสิ่งที่คนอ่านคาดเดา อยากรู้จะเดาว่าอะไรกันเนอะ

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 01-08-2016 21:01:38
 :hao3: :z13:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 01-08-2016 22:32:29
ตินต้องเป็นคนของพ่อรัมแน่เลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 02-08-2016 05:41:19
รอติดตามมม..
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2016 12:11:19
รอ ร้อ รอ รอ มาตลอด คิดถึง ไร้ท :mew1: :mew1: :mew1:
จริงๆ รัมภ์  เป็นที่รัก
สุดที่รักเลยแหละ ของพี่คิน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เมื่อไหร่ที่ รัมภ์ยกโทษให้ตัวเองได้
รัมภ์ ก็จะพบกับความสุข เมื่อนั้น :o8: :o8: :o8:
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-08-2016 13:08:24
คนของพ่อรัมย์ป่ะอะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-07 บทที่ 15 งานเลี้ยงเลิกรา uppp
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2016 13:19:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 03-08-2016 21:56:12
บทที่ 16 ติดร่างแห


   “ถ้าอยากได้คนของตัวเองคืนก็เอาคนฉันที่เก็บเอาไว้มาแลกสิ บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้คนของนายหัวกลับไปในสภาพ
เรียบร้อย ไม่มีรอยขีดข่วน ฉันให้เวลาแค่เช้าวันพรุ่งนี้ ถ้ายังไม่ได้รับการติดต่อขอแลกตัวล่ะก็ ไม่รับประกันว่าจะได้กลับคืนไปแค่
ชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง”

   คำพูดที่ทั้งเสียงดังและยืดยาวปลุกให้ผมตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง อาการปวดหัววิ่งเข้ามาในหัวราวกับรถที่กำลังแล่นด้วย
ความเร็วแล้วชนเสาไฟฟ้าเข้าอย่างจัง

   เพราะแขนและขาที่ขับได้ไม่อิสระอย่างที่เคยทำให้ผมรู้ตัวเองว่ากำลังถูกมัดเอาไว้ พาลให้หวนนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้ง
สุดท้ายที่ผมยังได้สติ จำได้ว่าถูกโปะยาสลบจนไม่ได้สติแล้วลักพาตัวเอามาจากบ้านพี่คิน คนสุดท้ายที่ผมเห็นก็คือพี่ตินที่กำลัง
ยิ้ม ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ตินถึงได้ทำแบบนี้ เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้กันแน่

   ผมจ้องไปยังต้นเสียงที่เหมือนพึ่จะคุยโทรศัพท์จบ  และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเสี่ยก้าวที่เคยขู่ผมเอาไว้ว่าเรา
ต้องเจอกันอีก

   แล้วเราก็เจอกันจริงๆ เป็นจังหวะเดียวที่เสี่ยก้าวก้มลงมามองผม รอยยิ้มที่ดูกักขฬะนั่นเหยียดยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผมตื่น
แล้ว เขาเดินเข้ามาใกล้ผมที่นอนราบอยู่บนพื้น แขนถูกมัดติดกับขาไม่ให้ขยับไปไหนได้

   “ไง ตื่นแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะต้องเจอกันอีก”

   “จับผมมาทำไม”

   ถามออกไปทั้งที่รู้ดีว่าเขาต้องการจะปิดปากผมเรื่องที่ทำกับฟาร์มสานรักเอาไว้แบบนั้น อีกทั้งเรื่องที่พยายามจะฆ่าปิดปาก
ผมในครั้งที่แล้ว

      “ก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไรยังจะมาถามให้มากความ อย่าห่วงไปเลย ยังไงซะเจ้าของของนายก็ต้องมา
สัตว์เลี้ยงแบบแกอยู่ดี เพราะถ้ามันไม่มา ฉันคงไม่รู้ว่าจะเก็บนายไว้ทำอะไร”

   สิ้นเสียงปลายเท้านั้นก็เตะลงมาที่ท้องของผมอย่างแรงจนผมต้องงอตัวขบฟันลงบนริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อกั้นเสียงสะอื้น
เอาไว้ ริมฝีปากที่ขบเม้มเอาไว้สั่นจนไม่สามารถเก็บซ่อนอาหารเอาไว้ได้

   “อึก มันเจ็บนะ”

   “เจ็บก็ดี ยิ่งนายเจ็บเท่าไรยิ่งดี ไอ้นายหัวภาคินมันจะได้สำนึกว่ามันเล่นกับคนผิด”

   “เขาไม่มาหรอก”

   “เดี๋ยวก็ได้รู้กันว่ามันจะมาหรือไม่มา เพราะตอนนี้สัตว์เลี้ยงของมันอยู่ในมือของฉัน”

   “ผม…ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง”แค่นเสียงตอบกลับไป

   เอาแต่คอยพูดว่าผมเป็นสัตว์เลี้ยงซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ มันยิ่งตอกย้ำให้ผมเห็นตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในกรง เหมือนกับ
ทุกๆวันที่เจอมาตลอด ผมได้แต่จ้องมองเสี่ยก้าวด้วยความไม่พอใจ

   “ถ้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แล้วทำไมมันถึงเก็บนายเอาไว้แต่ในบ้าน คอยเก็บเอาไว้ให้อยู่แต่ในสายตาเหมือนกับจับหมาใส่กรงขัง
เอาไว้ไม่ให้ออกไปไหน หึ ที่ฉันพูดมันผิดตรงไหนรึเปล่าล่ะ มันไม่ต่างอะไรกับสัตว์เลี้ยงเลยสักนิด เว้นก็แต่นายไม่ได้สวม
ปลอกคอก็แค่นั้น”

   เขาก็หัวเราะออกมาอย่าพอใจเมื่อเห็นว่าผมกำลังโกรธ แต่ก็ถูกแล้ว เขาพูดถูกแล้วว่าผมถูกกระทำราวกับสัตว์เลี้ยง ขังเอา
ไว้ในกรงไม่ให้หนีไปไหน หากว่าหนีหรือไม่พอใจก็จะถูกล่ามเอาไว้เพื่อสั่งสอน หากว่าต้องการให้เชื่องเมื่อไรก็จะป้อนคำพูด
หวานหูด้วยน้ำเสียที่อ่อนโยนให้เชื่อฟังราวกับหยิบยื่นกระดูกให้ยอมอ่อน

   “ยังไงเขาก็ไม่มาหรอก”

   “เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับแค่สัตว์เลี้ยงของศัตรูที่สามารถแว้งกัดฉันได้ทุกเมื่อ เอาเป็นว่านายช่วย
นอนเงียบๆรอให้เจ้านายมารับ เหมือนกับคนที่นอนอยู่ข้างหลังนายแล้วกันนะ”

   เสี่ยก้าวบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ทันทีที่เขาพูดจบ สิ่งที่เขาพูดออกมาเกี่ยวกับใครอีกคนทำให้ผมต้องเอี้ยวตัวไปทางด้าน
หลังทันทีด้วยความอยากรู้ เพราะว่าผมไม่รู้ว่าเสี่ยก้าวกำลังพูดถึงใคร แต่ใบหน้าที่มองเห็นได้ในระยะใกล้ทำให้ผมหน้าชาราวกับ
ถูกตบหน้าอย่างแรง

   ใบหน้าของพี่ตินมีรอยเขียวช้ำและขาวซีด ทั้งที่เสียงของเสี่ยก้าวดังก้องไปทั่วขนาดนี้ แต่พี่คินก็ยังคงไม่ได้สติ นอนแน่นิ่ง
ราวกับไร้ชีวิต

   ทำไมพี่ตินถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมได้แต่เฝ้าถามตัวเองพลางจ้องมองร่างสูงเบื้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ อะไรบางอย่างใน
ความคิดที่ผุดขึ้นมาบอกผมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดเกี่ยวกับตัวพี่ตินมันผิดหมด

   “จับเขามาทำไมกัน ทำไมเขาได้ไม่ตื่นล่ะ คุณทำอะไรกับเขา”

   “ก็ช่วยไม่ได้นี่ มันอยากหาเรื่องเอง แส่ดีนักเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ก็เลยเก็บรวบมันมาด้วยซะเลย แต่อย่างน้อยนายก็จะ
ได้ไม่เหงาไม่ใช่รึไง ถ้ามันไม่ตายไปซะก่อนล่ะก็”เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมได้แต่จ้องมองบานประตูไม้ปิดลง ทิ้งให้ภายในห้องตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงที่ลอดมาจากช่องลงเท่านั้นที่ให้ความ
สว่างในห้องปิดทึบแห่งนี้

   

   “รัมภ์”เสียงเรียกอันแหบพร่าดึงความสนใจของผมให้หันไปมอง


   “พี่เป็นอะไรรึเปล่า เจ็บตรงไหนบ้างไหม”

   “เจ็บสิ เจ็บเป็นบ้าเลย ฟาดลงมาได้ บ้าชิบ”พี่ตินสบถออกมาอย่างเหลืออดพลางขยับตัวอย่ายากลำบาก “รัมภ์ไม่เป็นอะไร
ใช่ไหม ไอ้พวกเวรนั่นไม่จบสักทีสินะ”

   “ผม…ไม่เป็นไร แล้วพี่ ยังเจ็บอยู่ไหม ทำไมถึงถูกจับมาที่นี่ได้ล่ะ”

   “ตอนนั้นพี่เห็นว่ารัมภ์เดินเซไปเซมาเลยเป็นห่วงว่าจะไปล้มที่ไหน ก็เลยเดินตามไป รู้ตัวอีกทีก็ถูกทุบเข้าที่หัวไปหลายที”

   “เป็นเพราะผม พี่ถึงได้เจ็บตัวฟรีแบบนี้”ผมบอกเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิดที่คิดว่าพี่ตินจะมีส่วนกับเรื่องนี้

   “อะไรล่ะนั้น ไม่ต้องหลงตัวเองคิดโทษตัวเองแบบนั้นเลยนะ พี่ผิดเองที่ทะเล่อทะล่าตามไปไม่ดูตาม้าตาเรือ แต่ก็นะ ถ้าไม่
ได้ตามมาด้วยคงจะรู้สึกผิดไปจนวันตายเลยล่ะที่ปล่อยให้รัมภ์ต้องเจออันตรายคนเดียวแบบนี้”

   “พี่อย่าพูดเหมือนดีใจที่ได้ตามมาจะได้ไหม แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าพี่แปลกจนไม่รู้จะแปลกยังไงแล้วล่ะ”

   “ทำไมถึงคิดว่าแปลกล่ะ รัมภ์ไม่ชอบพี่รึไง”

   “แล้วมันใช่เวลาที่ต้องมาคุยเรื่องนี้กันไหมล่ะครับ”

   “ถามก็ตอบมาก่อนว่าชอบพี่ไหม”พี่ตินถามย้ำ ริมฝีปากได้รูปฉีกยิ้มออกมาทั้งที่มุมปากมีรอยช้ำ

   “แล้วมันมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องไม่ชอบพี่ล่ะ จนป่านนี้พี่ก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อน ผมล่ะไม่เข้าใจพี่จริงๆ”ผมส่ายหน้ากับรอยยิ้ม
ของพี่เขาที่มีได้ทุกสถานการณ์

   “ไม่ดีรึไง พี่ดีใจนะที่รัมภ์ไม่ได้เกลียดพี่ พี่ไม่อยากให้รัมภ์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ต่อให้เราจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็
เถอะนะ ยังไงก็อยากเห็นแต่รัมภ์ยิ้มออกมา”

   “รอยยิ้มมันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นนะครับ”

   “แต่มันก็ช่วยทำให้คนที่เห็นมีความสุขนี่ หรือว่าไม่จริง”

   “เริ่มจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วครับ ผมไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับพี่แล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจะออกไปจากที่นี่ยังไง”

   “ถ้าพูดถึงเรื่องจะออกไปจากที่นี่ล่ะก็…ทางนั้นไง”

   “ก็รู้อยู่ว่าทางนั้น ประตูมันมีแค่ประตูเดียว แต่มันถูกล็อกจากข้างนอก แถมยังมีคนเฝ้าเอาไว้อีก อีกอย่างก็ถูกมัดเอาไว้ทั้งคู่
ตอนนี้เรื่องหนีไม่ได้อยู่ในหัวผมเลยสักนิด ให้คิดยังไงก็ไม่มีทางหนีออกไปได้หรอกครับ”ผมถอนหายใจให้กับความขี้เล่นไม่เข้า
กับสถานการณ์ของพี่ติน

   “งั้นพี่จะบอกอะไรดีดีให้เอาไหม”

   “อะไรดีดีที่พี่ว่านี่คืออะไร ตอนนี้ยังจะมีเรื่องดีอยู่อีกเหรอ”

   “ก็ต้องมีสิ นี่ไง ระหว่างที่รัมภ์กำลังบ่นพี่ก็แก้มันจนเสร็จแล้วล่ะ”

   “เฮ้ย พี่ทำได้ไงอ่ะ”ไม่ทันได้สังเกต ทั้งที่แขนและขาของพี่ตินเชือกที่มัดเอาไว้มันหลุดออกหมดแล้ว

   “แล้วคราวนี้จะยิ้มได้รึยัง ฮึ La fata”

   อีกแล้ว ลาฟาตาอีกแล้ว ถึงจะรู้ว่ามันหมายถึงนางฟ้าในภาอิตาลี แต่มันก็ทำให้ผมคาใจอยู่ดีว่าพี่เขาไปรู้คำพวกนี้มาจาก
ไหน แล้วอีกอย่าง เชือกที่มันมัดพวกเราเอาไว้มันก็ไม่ใช่เล่นๆเลย ไม่ทันสังเกตเลยสักนิดว่าพี่ตินไปแก้มัดเอาตอนไหน ทั้ง
ที่นอนหันหน้าเข้าหากัน



   -----------------------------------------------------------------------------------



   “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”

   ผมไม่รู้ว่าเสียงหอบอันแหบพร่านี้เป็นของใครกันแน่ เพราะเราสองคนกำลังหอบด้วยกันทั้งคู่

   ผมกับพี่ตินวิ่งผ่านป่าที่รกชัฏไปด้วยต้นไม้เต็มไปหมด เราวิ่งออกมาทั้งที่ไม่รู้ว่ากำลังจะไปทางไหน รู้แค่ว่าต้องหนีพวกที่
วิ่งตามหลังเรามาติดๆ

   “รัมภ์ไหวไหม”พี่ตินหันมาถามทั้งที่น่าจะถามตัวเองมากกว่า

   เพราะก่อนหน้านี้พี่ตินต่อสู้กับลูกน้องของเสี่ยก้าวถึงสามคนในเวลาเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าพี่เขาไปเรียนศิลปะการต่อสู้มาจาก
ไหน แต่คนคนเดียวกับคนสามคนมันเป็นไปได้อยู่แล้วว่าไม่ได้เต็มร้อยแน่นอน หลายครั้งที่พี่เขาถูกสวนกลับโดยไม่สามารถ
ป้องกันเอาไว้ได้  และผมก็ได้แต่คอยหลบอยู่ห่างๆไม่สามารถที่จะช่วยอะไรพี่ตินได้เลย



   “ผม…ไหว”

   พยักหน้ารับ จ้องมองมือของตัวเองที่ถูกกุมเอาไว้ ดึงให้ผมวิ่งตามไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางสิ่งบางอย่างมันเหมือน
เป็นสิ่งที่คุ้นเคยทำให้ผมกล้าที่จะไว้ใจและวิ่งตามเจ้าของมือนี้ไป

   แต่แล้วสุดท้ายโชคก็ไม่เข้าข้างเราเมื่อด้านหน้าเป็นหน้าผาหินชันที่นำไปสู่ท้องทะเลลึก เบื้องล่างเต็มไปด้วยหินโสโครก
พวกเรามองย้อนกลับไปข้างหลัง เสียงของสองคนข้างที่ตามพวกเรามาก็ใกล้เข้ามาทุกที

   “เราจะทำยังไงดี”ในเวลานี้ความกลัวของผมกำลังจะถึงขีดสุด ได้แต่สูดเอาอากาศเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับคนกำลัง
จะขาดอากาศหายใจ

   “รัมภ์ไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ตรงนั้น”พี่ตินชี้ไปที่พุ่มไม้ที่อยู่อีกฟาก

   “แล้วพี่ล่ะ”

   “เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่แถวนี้ รัมภ์ห้ามอย่าออกมาถ้าพี่ไม่ได้เรียก เข้าใจไหม”

   “ขะ เข้าใจ”พยักหน้ารับทั้งที่ร่างกายยังคงสั่น

   “เอานี่ไป”พี่ตินส่งมีดพกที่เอามาจากลูกน้องของเสี่ยก้าวมาให้ มือของผมรับมันมาทั้งที่ยังหยุดสั่นไม่ได้เลย “อย่าลืมล่ะ
อย่าออกมาถ้าพี่ไม่ได้เรียก”

   พูดจบก็ดันผมเข้าไปหลบในพุ่มไม้ส่วนตัวเองกลับเดินกลับไปที่ริมหน้าผา ผมได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง พี่ตินถอด
เสื้อของตัวเองแล้วโยนลงไปยังข้างล่างของหน้าผา

   ก่อนจะเดินไปหลบอยู่ในพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากริมผานัก ไม่นานเสียงหอบหายใจของลูกน้องเสี่ยก้าวก็ใกล้เข้ามา

   ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้หายใจดังไปกว่านี้ เพราะหนึ่งในสองคนนั้นกำลังถือวัสดุสีดำเมื่อมสะท้อนกับแสงจันทร์อยู่
ในมือ


   ทั้งสองคนก้มมองลงไปเบื้องล่างของหน้าผาสูง คงเป็นเสื้อที่พี่ตินถอดทิ้งเอาไว้จึงทำให้ลูกน้องของเสี่ยก้าวทั้งสองคนมัวแต่เพ่งมองเสื้อนั่นไม่ทันได้ตั้งตัวพี่ตินก็ยกเอาท่อนไม้ขนาดใหญ่ฟาดไปที่คนหนึ่งอย่างแรงจนหมดสติล้มลงไป ปืนนั้นกระเด็นตกลงไปจากหน้าผาทำให้ผมโล่งใจได้เปราะหนึ่ง

   ยังเหลือลูกน้องเสี่ยก้าวอีกหนึ่งคนที่ถือมีดอยู่ในมือและกำลังจ้วงเข้าใส่พี่ตินไปมา พี่ตินหลบและเตะมีดนั่นออกจากมือ
ของลูกน้องเสี่ยก้าวได้ก่อนมันจะตกลงไปบนพื้น ร่างสูงใหญ่คร่อมทับร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะเงื้อมือเตรียมปล่อยหมดใส่อีก
ฝ่าย



   ทว่าความเย็นเยือกของโลหะอะไรบางอย่างมันกำลังจ่อที่หัวผมจากทางด้านหลัง มันกำลังทำให้ผมตัวแข็งทื่อราวกับถูก

แช่แข็งเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน

   “ถ้าไม่อยากตายก็เดินออกไป”

   เสียงแหบห้าวออกคำสั่งให้ผมเดินออกไปจากพุ่มไม้ และทันทีที่พี่ติน ดวงตาคู่คมก็เบิกออกกว้างด้วยความตกใจ มือที่เงื้อ
เอาไว้ลกลงทันทีเมื่อเห็นว่าปลายกระบอกปืนกดลงมาที่หัวของผมพร้อมจะลั่นไกได้ทุกเมื่อ เป็นจังหวะเดียวกับลูกน้องของเสี่ย
ก้าวที่ถูกตีจนสลบไปฟื้นขึ้นมา

   “ถอยออกมา”เสี่ยก้าวสั่งทั้งที่จับผมเอาไว้เป็นตัวประกัน

   “พวกมึงสองคนไม่อยากตายดีใช่ไหม ถึงได้หนีออกมาแบบนี้!!”เสียงนั้นตวาดก้อนไปทั้งความมืดทำให้ผมสะดุ้ง

   มือของเขาบีบแขนผมเอาไว้แน่น แน่นจนเล็บของเขามันจิกเข้ามาที่เนื้อแขนจนแสบ กัดฟันจ้องมองพี่ตินถูกลูกน้องของ
เสี่ยก้าวสองคนรุมทร้ายโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

   “ไง ไอ้ตัวดี กูอุตส่าห์พูดดีดีกับมึง มึงก็ไม่ชอบ เสือกหนีออกมา หรือกว่ามึงกลัวว่าเจ้านายของมึงไม่มารับกัน ถึงได้หนีออ
กกมาแบบนี้”

   “ฮึก”ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายกระบอกปืนเย็นเฉียบนาบลงมาบนแก้ม

   “จริงๆกูจะฆ่ามึงทิ้งก็เสียดายอยู่ ถ้าเอาไปขายคงจะได้ราคาดี แต่ดูมึงตอนนี้สิ คงอยากจะตายกันมากใช่ไหม!!”

   “ปะ ปล่อย”

   “ตอบกูมาสิ!! เลือกมาว่าจะเอาใครตายก่อน ระหว่างมึง กับมัน”เสี่ยก้าวชี้ปลายกระบอกปืนไปทางพี่ติน


   ผมได้แต่จ้องมองภาพนั้นด้วยสายตาที่พร่าเบลอ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มด้วยความกลัว คมมีดวาววับในมือของลูกน้อง
เสี่ยก้าวกำลังถูกเงื้อขึ้นมาและค้างเอาไว้อย่างนั้นราวกับว่ากำลังจะรอคำสั่งเพื่อที่จะปลิดชีพร่างที่ถูกซ้อนจนหมดสภาพภายใน
เสี้ยววินาที

   “ยะ อย่า”

   เสียงร้องห้ามของผมมันทั้งแหบแห้งและสะอื้นออกมาไม่ได้ใจความ ในเวลานี้ผมห้ามความกลัวของตัวเองไม่ได้เลย กลัว
ในทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังจะคิด กลัวว่าพี่ตินจะต้องตายเพราะเอาตัวเองมาช่วยผมเอาไว้ กลัวว่าผมจะต้องตายไปทั้งที่ถูกทิ้ง
ราวกับสุนัขที่เจ้าของไม่รัก ตอนนี้ต่อให้ผมเป็นอะไรสำหรับพี่คินผมก็ไม่สนอีกต่อไปแล้ว ต่อให้อยู่ในฐานะของสัตว์เลี้ยง ของเล่น
หรือแม้แต่อะไรที่ไร้ค่าผมก็ยอม ขอแค่ได้รับอ้อมกอดอุ่นนั้นอีกครั้ง ให้ผมได้จมเข้าไปในอ้อมแขนที่ปลอดภัยนั่นอีกครั้ง ผมไม่

ออยากให้ทุกอย่างมันจบแบบนี้ ไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดมันจบแบบนี้ทั้งที่ทุกอย่างยังคงค้างคา เพราะผมไม่อยากตายไปโดยที่
ยังไม่ได้แก้ไขความผิดของ

   ผมขอแค่โอกาสที่จะได้บอกสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะบอกกับพี่เขา คำว่าขอโทษ ผมไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้ง ขอโทษ
ในสิ่งที่ผมได้ทำเอาไว้ ทำร้ายหัวใจที่พี่เขามอบให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุกๆอย่างที่ผมเคยทำผิดเอาไว้ผมไม่เคยขอโทษพี่คิน
เลย เพราะทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าผมเองก็สูญเสียไม่ต่างจากพี่เขาเลย ผมเองก็สูญเสียความรักที่มีให้กับพี่เขา เหมือนกันที่เขา
เสี่ยมันไปเพราะผม ความรักที่ผมไม่ตั้งใจจะให้มันเกิดขึ้น ความรักที่จงใจเหยียบย่ำมันเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของใจตัวเองเพื่อ
ไม่ให้ใครได้ล่วงรู้กับความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น ผมกลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายแล้วความลับที่เก็บเอาไว้มาตลอดหลายปีมันจะหาย
ลับไปโดยที่ไม่เคยบอกให้พี่เขาได้รับรู้ ว่าผมเองก็รักเขา ไม่ต่างอะไรกับที่เขาเคยรักผม


ในที่สุดความจริงที่รัมภ์เก็บเอาไว้ก็เปิดเผยสักที เฮ้ออออออ หนักใจ







หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 03-08-2016 23:12:53
สงสัยหนักมาก. รัมภ์รักคินแล้วตอนนั้นขอเลิกทำไม ตอนหลังคินมาง้อหลายครั้งก็ไม่ยอมกลับไปคบ ยังงัยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2016 23:52:19
รัมภ์ รักพี่คิน แต่กดเก็บความรู้สึกนี้ไว้
เพราะรู้สึกผิด ที่ไปหลอกให้พี่คินรัก
จึงทำตรงกับข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง
ติน เป็นคนที่ตามหารัมภ์ ให้พ่อรัมภ์แน่เลย
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-08-2016 23:58:41
รอดไปได้ก็บอกพี่คินเขาซะนะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 04-08-2016 02:18:09
สนุกค่ะ รอตอนต่อไป :)
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Dee^daY ที่ 04-08-2016 14:38:11
รอการช่วยเหลือ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 03-07-59 ❤ บทที่ 16 ติดร่างแห ❤
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 04-08-2016 18:38:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 13-08-59 ❤ บทที่ 17 คำเฉลย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 13-08-2016 18:08:56
บทที่ 17 คำเฉลย


   ผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในตอนนี้จะดีขึ้นหรือว่าเลวร้ายลงไปอีกเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกพร้อมกับใครอีกหลายคนรุม
ล้อมเข้ามา

   “หยุด!! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้”

   ตำรวจหลายสิบคนค่อยๆล้อมเข้ามา ต้อนทุกคนให้มาสุดอยู่ที่ริมผา แต่ถึงอย่างนั้นปลายกระบอกปืนสีดำเงามันยังจงจ่ออยู่
ที่หัวของผม

   ภาพตรงหน้าที่มองเห็นมันพร่าเบลอจนผมแทบไม่รับรู้ว่าใครเป็นใคร ความรู้สึกกลัวมันกำลังกัดกินจิตใจ สิ่งเดียวที่มองเห็น
ได้ชัดเจนเบื้องหน้าก็คือร่างของพี่คินที่ยืนอยู่ไกลออกไป

   คนที่ผมรอคอยด้วยความหวัง หัวใจของผมเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันกำลังมีความสุขจนแทบบ้า แต่ถึงอย่างนั้นอะไร
บางอย่างมันกำลังบอกผมว่ามันจะไม่จบอยู่แค่ตรงนี้ สัญชาตญาณบอกผมว่ามันกำลังมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง


ผมจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและเป็นกังวล สุดท้ายผมก็ทำให้คนคนนี้เดือดร้อนอีกครั้ง



   “ดูเหมือนตอนนี้กูจะไม่มีทางเลือกสินะ ถ้าพวกมึงเข้ามาใกล้อีกล่ะก็สมองไอ้เวรนี่กระจายแน่”

   น้ำเสียงโหดเหี้ยมประกาศก้องราวกับเป็นคำพิพากษาเมื่อตำรวจหลายคนเริ่มปิดล้อมทางหนีและเดินเข้ามาใกล้ แขนของ
เสี่ยก้าวล็อกคอผมเอาไว้แน่นดึงให้ผมถอยหนีจนมาสุดที่ริมผา



   “ไง มึงเลือกเอาสิว่าจะให้กูยิงมันหรือว่ายิงมึง”

   “มะ ไม่”ผมส่ายหน้าสั่นรัวเมื่อถูกบังคับให้หันไปทางพี่คิน บอกให้รู้ว่ามันที่หมายถึงคือใคร

   “อยากได้มันคืนนักใช่ไหม ถ้าอยากได้คืนนักก็มาเอาสิ มาแลกกันระหว่างมันกับมึง”เสี่ยก้าวได้แต่หัวเราะด้วยความสะใจ
จ้องมองไปทางพี่คินด้วยสายตาอันหยาบกระด้างราวกับคนเสียสติ

   ผมได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เรื่องที่คาดหวังมันเกิดขึ้น แต่แล้วร่างสูงใหญ่คนเดียวที่ผมมองอยู่ก็ก้าวเท้าออกมาอย่างช้าๆ
ยกมือทั้งสองข้างชูขึ้นเหนือหัว และค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบิกตากว้างทั้งที่น้ำตายังเอ่อล้นด้วย
ความตกใจ ผมจะปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้

   “ปล่อยรัมภ์คืนมาให้ผมเถอะ แล้วผมจะไม่เอาผิดเสี่ยทุกเรื่องที่เกี่ยวกับฟาร์มสานรัก”น้ำเสียงทุ้มห้าวบอกเสียงดังทั้งที่ยัง
คงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าว

   “หึหึ นี่ไง กูก็กำลังจะปล่อยมันนี่ไง แต่จะเอามึงไปแทน”

   “ก็ได้ผมตกลง ผมจะเปลี่ยนตัวกับรัมภ์”น้ำเสียงอันหนักแน่นนั้นตอบกลับราวกับว่าไม่ต้องใช้เวลาคิด

   ผมจ้องมองพี่คินด้วยแววตาสั่นระริก อยากจะร้องห้ามออกไปแต่ความกลัวที่มีทำให้ริมฝีปากของผมมันหนักอึ้ง ทั้งที่ไม่
จำเป็นแต่ทำไมพี่คินถึงทำขนาดนี้ ทั้งที่รู้ว่าที่เสี่ยก้าวพูดมันแทบไม่มีความจำเป็นและเป็นไปได้เลยที่เสี่ยก้าวจะปล่อยพี่คินไป
ง่ายๆ ทำไมพี่คินถึงต้องเอาตัวเองมาแลกกับคนที่เคยหลอกตัวเอง ใบหน้าคมคายนั้นแน่นิ่งไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนใจหรือลังเลแม้แต่
น้อย



   “กูไม่คิดเลยว่ามันจะโง่ขนาดนี้ มึงคงจะสำคัญสำหรับมันมากสินะ มึงคอยดูนะ พอมันเข้ามาใกล้กูก็จะยิงมัน ให้มึงเห็นมัน
ได้ชัดๆ กูจะให้มึงมองเห็นมันตายตรงหน้า จะให้มันตายทั้งที่ทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่ช่วยคนอย่างมึง ให้มันตายต่อหน้าคนรัก
ของมัน”

   สิ่งที่เสี่ยก้าวพูดทำให้ผมหน้าชาราวกับถูกตบนับพันครั้ง เสี่ยก้าวหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายเมื่อพี่คินเดินเข้ามาใกล้พวกเรา
มากขึ้นเรื่อยๆ

      “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว พี่มาช่วยแล้วนะครับ คนเก่ง”พี่คินพูดออกมาเมื่อเดินเข้ามาใกล้จนเห็นใบหน้านั้นได้ชัด น้ำ
เสียงนั้นดูอบอุ่น ริมฝีปากได้รูปนั้นจะแย้มยิ้มออกมาราวกับกำลังปลอบประโลมแต่มันไม่ได้ช่วยให้ใจของผมดีขึ้นเลย

   “ไม่”

   เสียงร้องห้ามของผมเป็นราวกับเสียงกระซิบที่ไม่มีวันส่งไปถึง ย่างก้าวของพี่คินนั้นยังคงมันคง

   “ดีมาก ค่อยๆเดินมาอย่างนั้น”เสี่ยก้าวยังคงพูดกรอกหูด้วยน้ำเสียงอันน่าขนลุก

   “ไม่เป็นอะไรแล้วนะรัมภ์ พี่อยู่ตรงนี้ อย่ากลัวไปเลย คนเก่ง”

   “เอาล่ะ หยุดอยู่แค่นั้นล่ะ!!”

   เสียงประกาศก้องของผู้ที่เหนือกว่าทำให้ความกลัวที่มีอยู่ฉุดดึงให้ผมสติหลุด ในเสี้ยววินาทีที่ปลายประบอกปืนนั้นกำลัง
เปลี่ยนเป้าหมาย ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ก้าว อีกนิดเดียวเท่านั้นที่มือจะเอื้อมไปถึง

   ผมจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ไม่ได้ จะปล่อยให้พี่คินตายไม่ได้ ในเมื่อผมยังไม่ได้แก้ไขในสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้ ยังไม่ได้
พูดคำขอโทษออกไป ยังไม่ได้ทำอะไรอีกหลายๆอย่างที่อยากจะทำเพื่อชดใช้ให้กับพี่เขา ผมจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น
ไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นไม่ได้!!



   “ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”



   ผมไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงยังไง จะต้องสูญเสียไปอีกมากมายแค่ไหน ความนึกคิดของผมมันถูกฉุดรั้งให้จมดิ่งสู่
ความมืดมิด ถูกความกลัวกัดกินจนสมองมันว่างเปล่า รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงเรียกปลุกให้ตื่นขึ้นจากความมืดแล้วลืมตามองภาพ
เบื้องหน้า

   “รัมภ์!!”

   ร่างของเสี่ยก้าวค่อยๆทรุดลงกับพื้นทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดที่ทะลักออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด กลิ่นคาวเลือด
คละคลุ้งไปทั่ว ผมได้แต่จ้องมองร่างนั้นนอนกองลงไปในที่สุด มือทั้งสองข้างของผมกำลังสั่นเทา มันช่ำเยิ้มไปด้วยของเหลวสี
แดงสด มันเกิดอะไรขึ้น!! ผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด มือข้างหนึ่งกำมีดเปื้อนเลือดเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่มีวันที่จะปล่อยตราบใดที่ยัง
ไม่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย ผมทำอะไรลงไป!!

   สิ่งที่เห็นมันยิ่งทำให้ตัวของผมสั่นเทิ้ม น้ำตาไหลลงมาราวกับว่ามันหยุดไม่อยู่ผม เลือดสีแดงแต่ละหยดค่อยๆหยดลงบน
พื้น แต่ตอนนี้ผมไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ไม่รับรู้แม้กระทั่วเสียงอันวุ่นวายของคนรอบข้าง ได้แต่ส่ายหน้าไปมาราวกับคนไม่มีสติ

   “มะ ไม่”

   พูดออกไปเพียงแค่นั้น เพราะความคิดในตอนนี้มันถูกลบออกไปจนหมด สมองมันโล่งจนขาวโพลน

   “รัมภ์ ได้ยินพี่ไหม”เสียงทุ้มหูอันคุ้นเคยเสียงให้ผมหันไปมอง

   ร่างสูงใหญ่ของพี่คินกำลังยืนอยู่เบื้องหน้า ผมได้แต่จ้องมองมัน ทั้งที่อยากจะโผเข้าไปกอดเต็มกลืน แต่ขาทั้งสองข้างมัน
ช่างหนักอึ้งราวกับเอาหมุดมาตอกเอาไว้

   “ฮึก มะ ไม่”ผมส่ายหน้าไปมา จ้องมองมือเปื้อนเลือกทั้งสองข้างที่สั่นเทา มีดที่อยู่ในมือยังคงถูกกำไว้แน่นไม่มีท่าทีจะจะ
ปล่อยมันไป

   อีกแค่เอื้อมมือ แค่เอื้อมมือเท่านั้นที่ผมจะคว้าร่างสูงตรงหน้าเอาไว้  อยากจะบอกสิ่งที่เก็บมันมาตลอด



   “ไม่เป็นไรแล้วนะรัมภ์ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้ว”เสียงนุ่มหูปลอบประโลม

   รู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่น มือที่กำมีดเอาไว้ถูกแกะให้คลายออก ปล่อยให้มันร่วงลงสู่พื้น มือใหญ่ลูบลงมาบนเส้นผม
อย่างแผ่วเบา ดันให้ผมซบหน้าลงบนแผ่นอกแข็งแรง กระซิบถ้อยคำต่างๆนาๆอย่างเป็นห่วงเป็นใย หากแต่ว่าคนที่ฉุดรั้งผมให้
เข้าสู่อ้อมกอดนั้นไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้

   “พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ ลาฟาตา ทุกอย่างมันจบแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ไม่มีอะไรแล้ว”จุมพิตร้อนแนบลงมาบนหน้าผากแผ่ว
เบา ยิ้มให้เหมือนกับที่เคยยิ้ม



   ---------------------------------------------------------------------

   เสียงสายน้ำจากฟักบัวตกกระทบลงบนพื้นกระเบื้องเนื้อดีไม่ขาดสาย มันค่อยๆไหลผ่านร่างกายส่งผ่านความอุ่นของมัน
ก่อนจะร่วงลงสู่พื้น

   “ฮึก มันลึก อะ อึก”ผมสะอื้นเสียงแหบพร่าเมื่อนิ้วร้อนสอดเข้ามาในร่างกาย

   ริมฝีปากร้อนผ่าวยิ่งกว่าน้ำอุ่นจูบลงมาบนตั้นคอทิ้งเอารอยจูบเอาไว้ทั่วราวกับต้องการจะตีตรา มือใหญ่กร้านลูบไปทั่วกาย
พาเอาเนื้อสบู่ถูไปจนทั่วร่างกายราวกับต้องการจะล้างคราบเลือดทั้งหมดออกไปจากตัวไม่ให้เหลือแม้แต่อณูเล็กๆ

   “ไม่เป็นไรรัมภ์ ไม่ต้องกัดปาก”นิ้วร้อนสอดเข้ามาแยกไรฟันออกจากริมฝีปากที่ถูกกัดจนช้ำ

   ร่างกายอันร้อนผ่าวราวกับเหล็กนาบไปทาบลงมา ทั้งแผ่นอกและหน้าท้องที่แข็งแรงกำลังทาบทับอยู่เบื้องหลัง

   “อือ อื้อ”

   แก่นกายด้านหน้าถูกรูดรั้งไปมาคล้ายกำลังหยอกล้อให้หลงระเริงไปความความเสียวซ่านที่ถูกมอบให้ ไม่ต่างอะไรกับถูก
ลบความทรงจำแล้วเขียนใหม่ ปลอบประโลมด้วยร่างกาย แทนที่ด้วยความสุขสมให้ลืมเรื่องราวเลวร้ายที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ชำระล้าง
ร่างกายด้วยสายน้ำอุ่นที่ไหลลงมา ลูบไล้ร่างกายไปไม่ต่างอะไรกับประทับตาเป็นเจ้าของ

   ถูกอุ้มให้ปลายเท้าลอยขึ้นเหนือพื้นปล่อยแผ่นหลังให้แนบลงไปกับที่นอนนุ่น เปิดปากรับริมฝีปากที่บดเบียดลงมาราวกับ
กำลังจะป้อนยารักษาหัวใจที่มันแตกร้าว ผมยกแขนทั้งสองข้างโอบขึ้นรอบคอ แยกข้าทั้งสองข้างออกตอบรับร่างกายสูงใหญ่
และเปลือยเปล่าเข้ามาแนบชิด

   ประสานสายตาเข้ากับดวงตาคู่คมดุที่จ้องมองมา ราวกับว่าร่างกำลังหลอมละลาย ปลายลิ้นชื้นตวัดหยอกเย้าอยู่ด้านใน
แก่นกายอันใหญ่โตร้อนเผ่าและแข็งขืนกดลงมาบนปากทางนุ่ม

   “ไม่เป็นไรนะครับคนเก่ง พี่อยู่ตรงนี้แล้ว พี่อยู่ตรงนี้”

   พี่คินกระซิบข้างหู หลังจากที่กลับมาผมก็เอาแต่เหม่ลอยเพราะความตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเลือดมือเปรอะเปื้อน
ไปตามร่างกายจะถูกเช็ดออกไปแล้ว แต่บางสิ่งบางอย่างมันยังคงหลงเหลือ ความกลัวและความรู้สึกผิด

   ถูกพาขึ้นมาบนห้องทั้งที่มือใหญ่นั้นกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยตั้งแต่เรื่องทั้งหมดจบลง ถูกดึงออกมาจากอ้อมกอดของพี่ตินรา
วกับว่ากำลังหวงแหน ดึงให้เดินตามและเข้าสู่อ้อมกอดนี้อีกครั้ง

   ร่างกายของเราสองคนสอดกระสานกันแนบแน่น ตอบรับความเคลื่อนไหวที่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงคล้ายกับว่าต้องการให้
ผมรู้สึกเพียงแค่ความสุขสมที่ถูกมอบให้เพียงแค่อย่างเดียว

   “ไม่เป็นไรแล้ว พี่อยู่ตรงนี้คนเก่ง”

   เสียงแหบพร่าและทุ้มต่ำยังคงกระซิบข้างหูไม่หยุด ลมหายใจร้อนผะผ่าวเป่าลงมาข้างหู จูบซับลงพวงแก้มขณะที่กายร้อน
ผ่าวยังคงสอดใส่เข้ามาไม่หยุดหย่อน”

   “ฮึก อือ อีก”

   ร้องขออกไปทั้งที่เสียงนั้นจับใจความแทบไม่ได้อยากจะถูกกอดด้วยร่างกายนี้ อยากจะถูกปลอบโยนถูกกักขังเอาไว้ด้วย
โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น ถึงแม้ว่าจะไม่เคยรู้เลยว่าโซ่ตรวนเส้นทีถูกทักทอด้วยความรู้สึกใด แต่มันก็มากมายเพียงพอที่จะตอบ
สนองกับสิ่งที่ผมกักเก็บเอาไว้

   เท้าทั้งสองข้างจิกลงบนผ้าปูที่นอนนุ่มจนมันยับยู่ยี่ มือทั้งสองข้างจิกลงไปบนลาดไหล่แข็งแรงทิ้งลอยเล็บเอาไว้ราวกับ
กำลังตีตราให้กับความรู้สึกของตัวเอง

   “อะ อา ลึกอีก”

   อยากให้พี่คินตอกย้ำร่างกายของเขาลงไปในร่างกายของผม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ความร้อนถูกปลดปล่อยเข้ามาในร่างกาย
ได้ยินเสียงหอบหายใจแหบพร่าดังก้องไปทั่วห้องนอน กายแข็งแรงชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อทิ้งตัวลงมาทาบทับทั้งที่ท่อนเนื้อยังคง
ค้างคาอยู่ข้างใน

   “คนเก่ง”

   ริมฝีปากได้รูปจูบลงมาบนหน้าผากอย่างแผ่วเบายังคงกระซิบด้วยถ้อยกำอันอ่อนโยน ผมไม่รู้เลยว่าถ้อยคำพวกนี้จะตะเป็น
ตะกอนเล็กๆอยู่ในใจอีกนานแค่ไหน เวลาที่เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆจู่ๆมันก็เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน อีกแค่เดือนเดียว แค่เดือนเดียวที่
ผมจะต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ อยู่กับคนที่ผมรักด้วยสถานะที่ไม่ชัดเจน ถูกกอดที่ร้อนราวกับเปลวไฟ ถูกกระทำด้วยความอ่อนโยนที่
ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

   “ผม…อยากกลับบ้าน”

   ในที่สุดก็พูดออกไป เพราะไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหนกับความลับที่เหยียบย่ำมันเอาไว้กลัวว่าสักวัน มันจะ
เอ่อล้นออกมาโดยที่ผมเองไม่สามารถปิดบังมันได้อีกต่อไป กลัวว่าจะถูกทำอย่างเดียวกับที่ผมเคยทำกับพี่เขาเอาไว้

   ทันทีที่บอกออกไปนัยน์ตาคู่คมของพี่คินก็สั่นไหวจ้องมองราวกับว่าเจ้าของของมันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยิน

   “พี่ขอโทษที่พี่ดูแลรัมภ์ไม่ดีพอ ทำให้รัมภ์ต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายอยู่ตลอดทั้งที่พี่เป็นต้นเหตุ พี่ขอโทษที่ทำให้รัมภ์รู้สึก
ไม่ดีกับสิ่งที่พี่ทำ แต่ว่า….”พี่คินพูดด้วยน้ำเสียงขาดห้วง “พี่คงจะปล่อยรัมภ์กลับไปไม่ได้ จะเกลียดพี่ที่พี่เห็นแก่ตัวพี่ก็จะไม่ต่อ
ว่ารัมภ์ เพราะต่อให้พี่ต้องขังรัมภ์เอาไว้ไม่ให้ออกไปไหนไม่ให้เจอกับคนอื่นๆพี่ก็จะทำ หากว่านั่นมันทำให้รัมภ์ได้อยู่กับพี่”

   “ทะ ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงต้องการให้ผมอยู่ข้างๆ ทั้งที่ผมเองก็เคยหลอกพี่”

   “เพราะไม่ว่ายังไง…”ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดต่อที่ข้างหู “ตรงนี้ของพี่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ว่ารัมภ์จะเป็น
ยังไง จะทำร้ายพี่แค่ไหน พี่ก็ยังเชื่อใจรัมภ์”เสียงุท้มกระซิบเบา มือหยาบกร้านดึงเอามือของผมเข้าหาตัวก่อนจะจับมันทาบทับ
ลงบนแผ่นอกข้างซ้าย

   ก้อนเนื้อที่อยู่ในอกแข็งแรงนั้นกำลังสั่นรัวจนผมได้ยินเสียงของมัน ฉับพลันน้ำตาที่เหือดแห้งไปไม่เท่าไรก็ไหลลงมาอีก
ครั้ง ต่างกันแค่ว่าความรู้สึกของมันเป็นราวกับฟ้าและเหว

   “ผม…ฮึก…ผมขอโทษ”

   พูดออกไปแล้ว สิ่งที่อยากจะพูดออกไปและปิดบังมันเอาไว้มาตลอดหลายปี ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อรอยยิ้มอัน
อ่อนโยนผุดขึ้นมาบนริมฝีปากได้รูป ดึงเอาผมจมลงไปในอ้อมกอดที่เหมือนเดิม ความรู้สึกที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็น
หลังมือ ไม่ต่างอะไรจากยกภูเขาออกจากอก ตอบรับจุมพิตบางเบาลงมาบนพวงแก้ม แนบใบหน้าลงกับแผงอกหนาก่อนที่
เจ้าของของมันจะจมสู่นิทราด้วยความเหนื่อยอ่อน

   ผมขยับตัวเบี่ยงออกมาจากอ้อมแขนนั้น ลุกขึ้นนั่งและจ้องมองใบหน้าของคนที่หลับสนิท จากครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน
ใบหน้านี้ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงดูดีและเคร่งขรึมไปในเวลาเดียวกัน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนอื่นๆถึงได้นับถือนายหัว
ของเขา ก็เพราะว่านายหัวของเขาคนนี้ทั้งใจดี และมีความอ่อนโยน  ให้อภัยได้แม้กระทั่งความผิดที่ไม่อาจจะให้อภัย ผมค่อยๆ
โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าของคนหลับ กดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มก่นจะกระซิบเสียงเบาถึงแม้จะรู้ดีว่าพี่เขาจะไม่ได้ยิน ขอ
เพียงแค่ผมได้พูดมันออกไป



   “ผม รัก พี่”



   
   

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เออ จะเดินเข้าไปกอดนายหัวไง แต่ถูกพี่ตินดึงไปกอดก่อน แย่งซีนมากอะ นายหัวไม่ตบเอาก็บุญแระ แกนี่ร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 13-08-59 ❤ บทที่ 17 คำเฉลย [18+] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-08-2016 19:21:49
รัมภ์ ปลอดภัยแล้ว
นายหัวคิน ได้เยียวยารัมภ์ ด้วยสัมผัส
ด้วยความรักที่เหมือนเดิม เติมเต็ม รัมภ์
ไม่ว่ารัมภ์จะเคยทำร้ายเขาอย่างไร
หวังว่า รัมภ์ จะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นๆ
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 13-08-59 ❤ บทที่ 17 คำเฉลย [18+] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-08-2016 22:58:53
อ๊ากกกกก อยากให้พี่คินได้ยิน คือพี่คินไม่ได้หลับจริงๆใช่ไหมเนี่ย? เสียดายแทนเลยนะ

และ...พี่ตินคือพี่ชายของรัมภ์ และพี่คินอาจจะรู้อยู่แล้วเลยยอมให้เข้าใกล้แล้วก็ดูแลรัมภ์ (แต่ก็ยังแอบหวงอยู่ดี) ไรงี้ #เดาล้วนๆ

ปล. รอติดตามตอนต่อไปนะค๊าาาา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 13-08-59 ❤ บทที่ 17 คำเฉลย [18+] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-08-2016 23:18:44
ทำไมไม่บอกรักตอนพี่เขาตื่นล่ะค้าาา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 13-08-59 ❤ บทที่ 17 คำเฉลย [18+] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: numainumoo ที่ 14-08-2016 01:06:38
ชอบมากเลยค่ะ สนุกสุดๆ เป็นกำลังใจให้นะ เเต่งต่อไวๆ อัพไวๆ คุณเขียนได้ดีมากอยากจะอ่านต่อเเล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 17-08-59 ❤ บทที่ 18 คุณค่าของเวลา ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 17-08-2016 02:41:40
บทที่ 18 คุณค่าของเวลาที่เหลือ
   


   ผมค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆหลังจากที่ตื่น คาดหวังว่าจะได้เห็นใบหน้าเจ้าของท่อนแขนหนาที่พาดลงมาบนตัวกำลังหลับใหล
แต่เปล่าเลยสิ่งที่เห็นอันดับแรกในเช้าวันใหม่กลับเป็นดวงตาคู่คมดุจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งริมฝีปากหยักนั้นกำลังยิ้มราวกับว่า
มีความสุขทั้งที่นาฬิกาบนผนังยังบอกเวลาเช้าอยู่

   “ยิ้มอะไรครับ”ถามออกไปด้วยความสงสัยทาบมือลงบนแผ่นอกแข็งแรงข้างซ้ายเพื่อที่จะฟังเสียงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นอยู่
ข้างในอก

   “พี่ก็แค่ดีใจ”

   “ดีใจอะไร?”

   “ดีใจที่รัมภ์ปลอดภัย”พูดจบก็โน้มหน้าลงมาประทับจูบลงบนหน้าผากของผมเบาๆ

   แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อผ่ามือร้อนผ่าวใต้ผ้าห่มกำลังลูบอยู่บนบั้นท้ายของผม แยกเนินเนื้อทั้งสองออกจากกันจนสิ่งที่
ถูกทิ้งค้าวเอาไว้ข้างในมันไหลย้อนออกมา

   “ไปอาบน้ำกันดีกว่า”

   ใบหน้านั้นบ่งบอกในสิ่งที่ผมกำลังคิดว่าผมจะต้องเจอ แต่นั้นมันเป็นเรื่องของหลังจากนี้ เรื่องที่ผมจะต้องทำตามใจของตัว
เองกับสิ่งที่เหลืออยู่



   สุดท้ายแล้วเสี่ยก้าวก็ถูกจับด้วยหลายข้อหาแต่เพราะใช้เส้นสายเลยถูกลดโทษให้เหลือแค่จำคุกตลอดชีวิตหลังจากที่ออก
จากโรงพยาบาลแล้ว ข้อหาที่หนักสุดก็คงจะไม่พ้นเรื่องพยายามฆ่าและลักลอบขนยาเสพติดเข้าออกประเทศโดยซุกซ่อนไป
พร้อมกับรังนกในฟาร์ม

   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นผมได้อโหสิเขาและขอให้เขาอโหสิในสิ่งที่ผมทำลงไปด้วยเช่นกัน ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนั้นคิดอะไร
อยู่ รู้แค่ว่าไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ทำให้ผมใช้มีดที่กำอยู่ในมือแน่นแทงเสี่ยก้าวไปหลายครั้งจนร่างนั้นแน่นิ่ง
และฟุบลงไป

   และถึงแม้ว่าภาพที่เห็นนั้นยังคงติดตา หยดเลือดสีแดงสดที่เปรอะอยู่ตามร่างกายมันจะตกตะกอนอยู่ในใจของผมติดตัวไป
ตลอดชีวิต แต่มันมีอะไรที่ดีกว่านั้นที่ผมจะต้องคิด นั่นก็คือเวลาอีกหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่ เวลาอีกแค่เดือนเดียวที่ผมต้องเริ่มต้น
ใหม่ ยอมรับความรู้สึกของตัวเองและใช้มันอย่างคุ้มค่าก่อนที่เวลานั้นจะหมดลง



   “จะไปทำงานเหรอครับ”ถามเมื่อชุดทำงานถูกหยิบออกมาจากตู้เสื้อผ้า

   “พี่ต้องไปตรวจเอกสารสั่งจ่ายเงินเดือนคนงาน รัมภ์จะได้กับพี่ด้วยไหม หรือยังอยากจะนอนพักต่อ”

   “ผมไปด้วยได้จริงๆเหรอ”ถามพลางเข้าไปช่วยติดกระดุมทั้งที่ตัวเองยังใส่แค่กางเกงชั้นในขาสั้นตัวเดียว

   “ได้สิพี่อนุญาต ต่อไปนี้รัมภ์จะออกเดินเล่นในฟาร์มตอนไหนก็ได้ หรือถ้าอยากออกไปไหนก็บอกพี่พี่จะให้คนพาไปพี่จะไม่
ห้ามรัมภ์”อาจจะเป็นเพราะเสี่ยก้าวหรือเปล่าที่ทำให้พี่คินยอมอนุญาตให้ผมมีพื้นที่การใช้ชีวิตเพิ่มมากขึ้น ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเลยว่า ส่วนหนึ่งที่พี่คินเก็บผมเอาไว้ใกล้ตัวก็เพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง

   “ไม่เป็นไร ถ้าผมจะไปไหนผมจะขอให้พี่พาผมไปเอง”เพื่อที่จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าก่อนที่มันจะหมดลง

   “แล้วตกลงจะไปกับพี่ด้วยไหม หืม คนเก่ง”

   พูดจบริมฝีปากหยักก็กดจูบลงมาบนพวงแก้มก่อนจะดึงรั้งผมเข้าไปกอด แต่ไม่นานก็ต้องผละออกเพราะผมขืนตัวเอาไว้

   “เดี๋ยวเสื้อยับครับ”ผมบอกก่อนจะพยักหน้าตกลง

   “งั้นก็แต่งตัวเลย เดี๋ยวพี่ลงไปดูน้องณินรอข้างล่าง”พูดจบพี่ตินก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งเตรียมที่จะหยิบนาฬิกาเรือนเก่า
มาใส่ ทว่าผมก็เอื้อมมือไปแตะมือนั้นเอาไว้ให้ชะงักหันมาเลิกคิ้วตั้งคำถามด้วยความสงสัย

   “ผมมีอะไรจะให้พี่”บอกพลางเดินไปที่ตู้ปลายเตียงที่เก็บซ่อนของสำคัญเอาไว้ก่อนจะเปิดมันออก โชคดีที่มันยังอยู่และไม่
ได้หายไปไหน

   ผมเดินถือมันกลับมาก่อนจะเปิดกล่องกำมะหยี่ในมือออก สวมนาฬิกาสีเงินเรือนใหม่ลงกับข้อมือแข็งแรง และไม่แปลกใจ
เลยที่ทำไมนาฬิกาเรือนนี้ถูกปรับสายมาอย่างพอดิบพอดีกับข้อมือนี้ บางที…ผมอาจจะรู้จักพี่คินมากกว่าที่ตัวเองคิด ผมเงยหน้า
เข้าไปใกล้ก่อนจะกดจมูกลงแตะแก้มสากและกระซิบข้างหูของพี่เขาเสียงเบา

   “สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะครับ”



   ------------------------------------------------------------------



   หลังจากที่พี่คินเดินลงไปชั้นล่างล่วงหน้าผมไปได้สักพักจนผมแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินตามลงไปสายตาก็เหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่พี่คินหยิบเตรียมเอาไว้แต่ลืมเอาลงไปจึงได้หยิบมันขึ้นมา

   ทว่าอะไรบางอย่างมันดึงดูดให้ผมเปิดมันออกมาเพื่อที่จะดูสิ่งที่อยู่ข้างใน ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นเอกสารสั่งจากเงิน
เดือนของคนงานในฟาร์มทั่วไป ผมแค่อยากจะรู้แค่นั้นว่าเงินเดือนที่สั่งจ่ายเข้าบัญชีของผมมันเป็นจำนวนเงินเท่าไร แต่ทว่า
เอกสารทั้งหมดที่อยู่ในซองสีน้ำตาลนั้นกลับเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือเดินทางและประวัติส่วนบุคคลที่เป็นภาษาอังกฤษ
ทั้งหมด

   ผมจะไม่สนใจและเก็บมันกลับลงซองถ้าหากว่ารูปถ่ายของคนคนนั้นมันทำให้ผมชะงักและจ้องมองมันนิ่ง จู่ๆหัวใจของผม
มันก็เต้นระรัวเมื่อภาพของชายชาวต่างวัยกลางคนชาติเรือนผมสีน้ำตาลกับนัยน์สีตาสีเดียวกันมันทำให้รู้สึกราวกับว่าคุ้นเคย แต่
นั่นก็เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นในเมื่อผมกับคนในรูปนั้นไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง

      Alberto Bartholomew (อัลเบอโต้ บาร์โธโลมิว)

   ในที่สุดผมก็สอดเอกสารไม่กี่ใบพวกในมือกลับลงซอง ก่อนจะเดินถือมันติดมือลงมายังชั้นล่างเพื่อที่จะเอาไปให้พี่คินอ
ย่างที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เห็น ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าพี่คินมีประวัติของคนคนนี้ไปเพื่ออะไร

   “พี่ลืมเอกสารเอาไว้”

   ส่งซองเอกสารให้พี่คินที่นั่งจบกาแฟระหว่างดูข่าวในทีวี บนตักมีน้องณินกำลังนั่นดูดนมกล่องด้วยท่าทางงัวเงียเหมือนยัง
ไม่ตื่นดี ตาคู่คมของพี่คินไหววูบเล็กน้อยก่อนที่จะเอื้อมมือมารับมันไป

   “รัมภ์ได้เปิดมันดูก่อนรึเปล่า”

   “ไม่ครับ ไม่ได้เปิด”ส่ายหน้าเบาๆโกหกออกไป



   พี่คินขับมาจอดที่หน้าโรงเรียนเพื่อแวะมาส่งน้องณินก่อนไปทำงาน น้องณินในตอนนี้ดูเหมือนจะตื่นเต็มตาและเริ่มพูดมาก
เหมือนอย่างที่เคยเป็น ยืนยันว่าจะนั่งตักผมระหว่างทางมาโรงเรียนแทนที่จะนั่งเบาะหลัง

   “น้ารัมภ์จับมือครับ”เสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับอุ้งมือเล็กสะกิดมาที่ฝ่ามือก่อนที่ใบหน้ากลมแป้นจะเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มให้

   ผมยอมจับมือข้างหนึ่งของน้องณินเอาไว้และมืออีกข้างของน้องณินก็ถูกพี่คินจับเอาไว้เช่นกัน ความรู้สึกที่เป็นราวกับ
ครอบครัวกำลังจะถูกเติมเต็มฉุดให้ผมยิ้มรับออกมา

   “ตั้งใจเรียนล่ะ ถ้าตั้งใจเรียนก็จะให้นิทานเล่มใหม่ตอนที่กลับไปถึงบ้านแล้วโอเคไหมครับ”ผมขยี้มือเข้ากับหัวทุยๆนั้นอย่าง
หมั่นไส้

   “รับทราบครับ น้ารัมภ์แม่ใหม่ใจดี น้องณินรักน้ารัมภ์มากครับ”คำบอกรักอันใสซื่อของน้องณินนั้นยิ่งทำให้ผมมีความสุขกับ
ช่วงเวลาที่เป็นอยู่

   “ไปเรียนได้แล้ว”ผมยิ้มส่งเจ้าตัวแสบพูดมากก่อนจะดันให้เดินไปส่งเจ้าตัวให้กับคุณครูที่รอรับ

   “พี่ดีใจนะที่รัมภ์ยิ้มได้”พี่คินบอกพร้อมกับยิ้มให้ ส่งมือใหญ่มาลูบหัวของผมเบาๆก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ

   



--------------------------------------------------------------------------------

เดาไม่ยากกันใช่ไหมว่าาาาาาาา อัลเบอร์โต้ บาร์โธโลมิว คือผู้ใด อัย อัย อัย อัย(เสียงแอคโค่)

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 17-08-59 ❤ บทที่ 18 คุณค่าของเวลา ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-08-2016 08:05:21
เรื่องราว จะเป็นยังไงน้อ
แสดงว่า พี่คิน รู้เรื่องพ่อของรัมภ์ ตามหารัมภ์อยู่
พี่คิน ได้ยินที่รัมภ์ บอกรักหรือเปล่า
แต่ถ้าได้ยิน พี่คิน คงแสดงความดีใจสุดๆ ไปเลย
คงไม่แค่ยิ้มๆ เท่านั้น
เอาน่า ไม่ได้ยินตอนนี้ ก็ต้องมีอีกหลายครั้ง
ที่รัมภ์บอกรักพี่คินอีก ละนะ
รอรัมภ์ เข้าใจตัวเอง เข้าใจพี่คิน
แล้วทั้งรับและให้ ความรักจากพี่คินเต็มๆไปเลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 18-08-2016 04:03:58
บทที่ 19 ความลับของแหวน

   หลายวันมาแล้วหลังจากที่เรื่องของเสี่ยก้าวจบลง พื้นที่การใช้ชีวิตของผมเริ่มมีมากขึ้น ผมเริ่มที่จะเดินออกไปนอกบ้าน
เดินไปที่ห้องพักฟื้นซึ่งตอนนี้เหลือเพียงลูกนกไม่กี่ตัวที่กำลังอยู่ในช่วงกำลังหัดบินและรอที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ บางครั้งก็
เดินไปที่ชายหาดเพื่อลับลมทะเลเย็นๆและจุ่มปลายเท้าแตะเข้ากลับเกลียวคลื่นที่ถูกพัดพามาจากที่ที่ไกลแสนไกล

   และวันนี้ก็อีกเช่นกันผมเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นเจอเข้ากับลุงเมฆที่คอยดูแลห้องนี้ ลุงเมฆกำลังถือกล่องลังที่บรรจุลูกนก
วัยกำลังโตกระพือปีกอยู่ข้างในเตรียมที่จะบิน

   “จะเอาไปปล่อยแล้วเหรอครับ”ผมยิ้ม ถ้าหากเป็นแต่ก่อนผมคงจะอิจฉาที่นกพวกนี้ได้รับอิสระก่อนผม แต่ว่าเวลานี้ผมกลับ
ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย ผมกลับรู้ตรงกันข้ามที่อยากให้เวลาที่มีอยู่นั้นมันยืดยาวออกไปจนไม่มีที่สิ้นสุด

   “อื้อ จะเอาไปปล่อยน่ะ เหลืออีกไม่กี่สิตัวหรอก”

   “งั้นเหรอครับ อีกหน่อยคงจะทำรังกันเองได้”

   “นั่นสินะ”ลุงเมฆยิ้มเหมือนจะดีใจไปกับนกพวกนี้

   “ว่าแต่ พี่ตินยังไม่มาทำงานอีกเหรอครับ”

   ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ตอนที่ถูกพี่คินช่วยพาหนีออกมา ยังจำได้ติดตาว่าใบหน้าที่ดูดีนั้นชุ่มไปด้วยเลือดและรอยฟกช้ำแค่
ไหนจนต้องนอนพักที่โรงพยาบาลถึงหนึ่งวันเต็ม จะว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ยังไม่ได้ขอบคุณที่พี่ตินช่วยผมเอาไว้เลย

   “ยังไม่มาหรอก นอนพักอยู่ในห้องนั่นแหละ สงสัยยังเจ็บอยู่”

   “พอจะรู้รึเปล่าครับว่าพี่ตินเขาพักอยู่ห้องไหน”

   “ชั้นสามห้องริมสุดทางเดินนั่นแหละจะไปเยี่ยมเรอะ”

   “ครับว่าจะไปเยี่ยม ตั้งแต่จบเรื่องผมก็ยังไม่เจอพี่เขาเลย”ผมบอกเสียงอ่อย เพราะไม่กล้าขอพี่คินตรงๆ

   “งั้นก็ฝากบอกให้รีบหายไวไวแล้วกัน เดี๋ยวจะมาไม่ทันนกบินได้หมดซะก่อน”ลุงเมฆหัวเราะก่อนจะเดินถือกล่องลังใส่นก
ออกไป



   -----------------------------------------------------------------------------

   “ยังไม่กี่โมงเลยทำไมน้องรัมภ์รีบทำกับข้างซะล่ะ หรือว่าวันนี้นายหัวจะกลับมากินข้าวเที่ยวเร็ว”พี่นุ่มถามพลางชะโงกหน้า
มาดูหม้อต้มแกงจืดผักกาดที่กำลังเดือดได้ที่

   “ไม่ใช่หรอกครับ อันนี้ผมทำไปให้คนป่วย”

   “อ้อ ตินน่ะเหรอ พี่เองพี่ก็ไม่ได้ไปดูเลย เห็นว่าโดนมาหนัก แต่ก็นะถ้าไม่มีตินไปด้วยป่านนี้พี่ไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องรัมภ์
จะเป็นยังไง”

   “ก็คงจะแย่น่ะครับ คงไม่ได้มายืนทำแกงจืดอยู่ตรงนี้”ผมตอบหัวเราะในลำคอ

   “ทำเป็นพูดไป พอนึกถึงวีรกรรมเสี่ยก้าวทีไรล่ะขนลุกทุกที บรื๊ยยย”พี่นุ่มทำท่าขนลุก “ว่าแต่ทำเสร็จแล้วจะให้พี่เอาไปให้
ไหมจะได้ไม่ต้องลำบากน้องรัมภ์”

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเองกก็กะจะไปดูเขาด้วยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง”

   “จะดีเหรอ”พี่นุ่มเหมือนจะคิดเล็กน้อย “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก นายหัวอนุญาตแล้วนี่เนอะ งั้นเดี่ยวพี่แวะไปส่งหวยในหมูบ้าน

แปบนึง วันนี้หวยออก กะจะถูกเข้าจังๆสักหมื่นสองหมื่น จะได้ไปทำสวยกับเขาบ้าง”

   “แหม สวยยังไงผู้ชายมันก็ไม่มองหรอก เดี๋ยวนี้มันใช่ธรรมดาซะที่ไหน ผู้ชายหันมาจับผู้ชายกันเองหมดจะมีเหลือมาถึงมือ
ผู้หญิงอย่างเราๆได้ยังไง”   

   เสียงกระแนะกระแหนเรียกให้ผมกันไปมองคนที่หิ้วตะกร้าผ้าเดินเข้ามาในครัว รอยยิ้มเหยียดยังคงมีคงอยู่บนหน้าของฟาง
เสมอไม่ยอมหายไปไหน

   “ปากดีนักนะแกนี่ รีบเอาผ้าไปซักเลยไป พูดจาหมาล้นปาก แล้วก็อย่าออกไปไหนตอนที่ฉันไปส่งหวยล่ะ ไม่อย่างนั้นกลับ
มาเจอดีแน่”

   “หึ มาห้ามแต่ฉันได้ยังไงล่ะพี่นุ่ม ทีคนอื่นล่ะพอเดี๋ยวนี้นายหัวยอมให้ออกไปข้างนอกได้หน่อยก็อยู่ไม่ติดกับบ้านเลย”

   “ยังจะมาพูดเหน็บคนอื่น ที่รัมภ์เขาออกไปเขาไปช่วยงานลุงเมฆเถอะ ไม่ใช่แก พอน้องณิไปโรงเรียนก็เอาแน่นั่งดูละครนั่ง
เม้าไปวันๆ ระวังเถอะ สักวันถ้าน้องณินโตนายหัวเขาจะไล่ออกเอา”

   “พี่พูดอะไรของพี่น่ะ คอบดูสักวันนายหัวจะไม่มีวันไล่ฉันออกไปจากบ้านนี้แน่นอน เชอะ!!”พูดจบฟางก็เดินสะบัดหน้าออก
ไปทางประตูหลังบ้านพร้อมตะกร้าผ้า ไม่วายหันมาตวัดตามองผมด้วยความไม่พอใจ

   ผมพอจะรู้มาบ้างว่าฟางไม่ชอบขี้หน้าผมที่มาเพิ่มงานให้และมาในฐานะที่เหนือกว่าเธอ แต่หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าฟางมักจะ
แสดงออกมาชอบนายหัวของเขาและพยายามที่จะชวนคุยและทอดสะพานให้เสมอเวลาที่มีโอกาส ถึงแม้ว่าลึกๆแล้วผมจะอด
รู้สึกไม่พอใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกที่เรียกว่าเชื่อใจมันทำให้ผมปล่อยผ่านสิ่งที่ฟางทำลงไป

   -----------------------------------------------------------------------

   ผมกระชับปิ่นโตเถาใหญ่ในมือแน่นระหว่างเดินขึ้นบันไดของตึกที่เป็นที่พักสำหรับคนงาน บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ
เนื่องจากคนงานส่วนมากไปทำงานกันหมด ผมมาหยุดอยู่ที่ห้องริมสุดทางเดินของชั้นสาม เคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ประตูก็ไม่
ยอมเปิดออก

   “พี่ติน”

   ผมส่งเสียงเรียกเพราะกลัวว่าพี่เขาจะหลับแต่ก็ยังคงไร้เสียงตอบรับถึงแม้ว่าจะเคาะประตูเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

   “หรือว่าจะไม่อยู่?”ผมพึมพำ

   แต่ก็ลองบิดลุกปิดประตูดูเผื่อจะไม่ได้ล็อก แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้ประตูไม้บานสีขาวสะอาดค่อยๆเปิดออกเผย
ให้เห็นสภาพภายในห้องที่ว่างโล่ง มีเพียงฟูกนอนกับชั้นวางของเล็กๆและตู้เสื้อผ้าเท่านั้นที่มีอยู่ข้างใน นอกนั้นก็เป็นขยะและ
ของใช้ต่างๆวางเรี่ยราดเพราะคนป่วยไม่มีเวลาเก็บมัน

   ผมเดินเข้ามาด้านในอย่างถือวิสาสะ ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำดังก็ถึงบางอ้อว่าทำไมพี่ตินถึงไม่ตอบรับเสียงเรียก ผมวาง
ปิ่นโตข้าวลงบนชั้นวางของที่มุมห้อง แต่แล้วของที่ถูกวางอยู่ก่อนหน้านั้นทำให้ผมสะดุดตาแล้วหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความตกใจ

   แหวนทองคำขาวสลักรูปนกฟินิกส์คล้องอยู่กับสร้อยคอถูกวางทิ้งเอาไว้บนชั้นวางของ ผมพยายามเพ่งมองแหวนที่ถูก
คล้องกับสร้อยนั่นเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นผมไม่ได้คิดไปเอง แต่ยิ่งเพ่งมองมันผมก็ยิ่งแน่ใจว่าแหวนวงนี้เหมือนกับ
แหวนที่ผมมีอย่างกับวงเดียวกัน หากแต่วงที่ผมมีนั้นมันมันเล็กกว่านี้เพราะมันเป็นของแม่ผมและเป็นของที่พ่อเคยให้เอาไว้และ
อักษรที่สลักบนแหวนวงนี้มันก็เหมือนกันแหวนที่ผมมี

   ‘BL and YP’

   เสียงปลดล็อกกลอนประตูห้องน้ำทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบวางแหวนวงนั้นกลับคืนที่เก่าแล้วรีบหยิบปิ่นโตมาถือเอา
ไว้ทำทีเหมือนกับพึ่งเข้ามา

   “รัมภ์ ทำไมถึงมาได้ล่ะ”

   พี่ตินยิ้มและดูดีใจที่เจอผมมากจนปรี่เข้ามาดึงผมไปกอดเอาไว้

   “ผมเอาปิ่นโตข้าวมาให้ กลัวว่าพี่จะหิว”

   “พี่ดีใจนะที่รัมภ์มาหาพี่”ดูเหมือนว่าพี่ตินจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย “แล้วรัมภ์เป็นอะไรตรงไหนไหม ยังเจ็บตรงไหนรึเปล่า
หายตกใจรึยัง”จับผมหันไปมา

   “ดะ เดี๋ยวก่อน ก่อนจะถามผม พี่ดูตัวเองก่อนดีกว่า”ใบหน้าอิดโรยดูซูบผมไปกว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด
เข้าไปใหญ่ พอสังเกตดูดีดีแล้วบนชั้นวางของก็เต็มไปด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสจืดเต็มไปหมด “คงไม่ใช่ว่ากินแต่บะหมี่กึ่ง
สำเร็จรูปใช่ไหม”

   “พี่ขี้เกียจลงไปหาอะไรกินน่ะ ว่าแต่ในนั้นอะไรเหรอ เอามาให้พี่ใช่ไหม”พี่ตินยิ้มแหยแย่งเอาปิ่นโตในมือของผมไปถือ
แทนก่อนจะเปิดมันออกด้วยความตื่นเต้นกับกับข้าวในปิ่นโต

   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแคลงใจกับแหวนวงนั้นของพี่ตินอยู่ดีในเมื่อแหวนวงนี้ที่ดูเหมือนจะราคาแพงและสั่งทำพิเศษโดย
เฉพาะ ทำไมพี่ตินถึงได้มีมันได้และที่สำคัญข้อความที่สลักเหมือนกันกับฐานะที่พี่ตินแสดงออกมานั้นมันไม่ใช่คนที่น่าจะมา
แหวนราคาแพงแบบนี้อยู่ในมือได้เลย

   “อร่อย พี่นุ่มเป็นคนทำเหรอรัมภ์”พูดพลางเคี้ยมต้มจืดเต็มปาก มือก็กำลังตักไข่เจียวกุ้งสับใส่จานข้าวท่าทางหิวโหย

   “ผมทำเอง”

   “รัมภ์ทำเหรอสุดยอดเลย ถ้าพ่อรู้ว่ารัมภ์ทำกับข้าวเก่งแบบนี้คงจะตื่นเต้นแน่”พี่ตินยังคงพูดไปกินไป แต่บุคคลที่สามที่อ้าง
ออกมานั้นยิ่งทำให้ผมแคลงใจเข้าไปใหญ่ ทำไมพี่ตินถึงได้ชอบพูดถึงพ่อของผมนักทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน

   “ทำไมพี่ถึงได้ชอบพูดถึงพ่อผมนักล่ะ ผมเองไม่เคยหวังหรอกนะครับว่าจะได้เจอเขา”

   “ทำไมล่ะ ในเมื่อความหวังทำให้คนเรามีความสุขเมื่อมันเป็นจริง”พี่ตินหยุดกินแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูด

   “แต่ถ้าหวังลมๆแล้งๆกับเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเกิดว่ามันไม่เป็นจริงขึ้นมา มันก็จะทำให้คนที่หวังนั่นเจ็บปวดเพิ่มมาก
ขึ้น”เพราะหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่จำความได้ผมก็ได้แต่หวังว่าสักวันพ่อจะกลับมาหาผมกับแม่ แต่ก็เปล่าเลยยิ่งนานวันความหวัง
พวกนั้นมันยิ่งค่อยๆเลือนหายไปและหมดสิ้นไปในที่สุด

   “แต่พี่เชื่อว่าสักวันรัมภ์จะเจอพ่อ”พี่ตินพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ใบหน้าที่ดูดีขึ้นมาเล็กน้อยหันมาจ้องมองผม ดวงตาคู่สีดำ
สนิทจ้องมองเข้าในลึกในดวงตาของผมราวกับต้องการสะกดจิตให้ผมเชื่อในคำพูดของเขา

   “ช่างเถอะครับ มันเป็นเรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”ตอบพลางหลุบตามองปลายเท้าตัวเอง ยังไงซะกับ
เรื่องพ่อผมก็หมดความหวังไปแล้ว

   “งั้นพี่ขอถามอะไรรัมภ์อย่างหนึ่งได้ไหม”

   “ถามอะไรครับ?”

   “ถ้าหากว่าวันหนึ่งรัมภ์เจอพ่อ รัมภ์จะยอมไปจากที่นี่ไหม”ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ครั้งนี้
นัยน์ตาคู่สีดำสนิทนั้นยิ่งดูแน่วแน่กับสิ่งที่พูดมากกว่าเก่า ไร้รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าที่หล่อเหลานั่น

   “ไปสิ ต่อให้ผมไม่ได้เจอพ่อผมก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี”เพราะว่ามันคือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำลงไป
นั้นจะถูกยกโทษให้แล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจมันก็ยังคงอยู่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

   “แล้วทำไมรัมภ์ถึงไม่ไปตอนนี้เลยล่ะ ออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ทำไมถึงได้ยังอยู่ในที่แบบนี้ยอมให้เขาทำเหมือนเป็น
สิ่งของแบบนี้”

   พี่ตินไม่พูดเปล่ายังเอื้อมมือใหญ่นั้นมาดึงแขนผมไปจับเอาไว้ก่อนที่มือร้อนผ่าวนั้นจะกุมมันเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่ยอม
ปล่อย

   “ไม่ได้หรอก มันยังไม่ถึงเวลาของผม”

   “แล้วเมื่อไรจะถึงเวลาของรัมภ์ล่ะ พี่ไม่เข้าใจว่ารัมภ์อยู่ที่นี่เพื่ออะไร ในเมื่อวันๆหนึ่งก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย
นอกจากอยู่แต่ในบ้านหลังนั้น”

   “ช่างเถอะ ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว พี่เองก็กินข้าวดีกว่ากับข้าวจะเย็นหมด เดี๋ยวผมจะเก็บขยะลงไปทิ้งให้เอง”

   “สุดท้ายรัมภ์ก็ไม่ยอมบอกพี่สักทีว่าทำไมถึงต้องอยู่ที่นี่ ทั้งที่ทำท่าเหมือนไม่มีความสุขมาตลอด”มือที่กุมแขนของผมเอา
ไว้มันค่อยๆบีบแน่นและเขย่าไปมาเหมือนไม่พอใจ ผมได้แต่แกะมือที่จับแจนเอาไว้ออกก่อนจะลุกขึ้นทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ตินถึงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผมมากมายขนาดนี้ ผมเองก็รู้สึกดีใจที่มีใครสักคนพยายามที่จะ
เข้าใจความรู้สึกของผม เหมือนว่าพยายามที่จะช่วยผมเมื่อเห็นว่าผมรู้สึกไม่มีความสุข แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพี่ตินจะ
ต้องมารับรู้ เพราะยิ่งถลำลึกมากเท่าไรบางทีการที่เอาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับผมมากๆอาจจะทำให้เขาเดือดร้อน

   “พี่จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ”

   “เรื่องอะไรล่ะครับ”ถามพลางก้มเก็บขยะที่เกลื่อนอยู่บนพื้นห้องใส่ถุงดดยที่ไม่มองหน้า

   “พี่จะไม่ยอมแพ้ทั้งเรื่องที่จะพารัมภ์ออกไปจากที่นี่และเรื่องที่จะช่วยให้รัมภ์ได้เจอพ่อ”



   “แต่ผมยอมแพ้ไปนานแล้ว”

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
พยายามเขียนให้เดาได้ง่ายๆเพื่อที่จะได้ไม่เบื่อแก้ปริศนากันเนอะ วันนี้มีของมาอวด ภาพร่างหน้าปกบทร้ายของเรานั่นเอง
นายหัวกับน้องรัมภ์มุ้งมิ้งมากเจ้าค่าาาาา ปลื้มปริ่มยิ้มหน้าบาน เปิดพรีหาเงินแต่งงาน 25สิงหาคมนี้นะคะ เตรียมไตรอเลย
(http://www.mx7.com/i/d46/wlJAlS.jpg) (https://www.facebook.com/SinsinsinCallMeSin/)



หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2016 07:41:02
ภาพสวยมาก  :mew1: :mew1: :mew1:
พี่ติน แค่อยากให้รัมภ์ออกไปจากที่นี่
และเจอพ่อเท่านั้นหรือ?
ไม่คิดอะไรกับรัมภ์  ?  ไม่เชื่อ
เบื่อ นังฟาง คงคอยคิดทำอะไรเลวๆ
กับนายหัวเพื่อได้เป็นนายหญิงแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 18-08-2016 14:40:11
ภาพร่างสวยมากค่าา
ขอยืดเวลาหวานๆอีกหน่อยน้าา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-08-2016 17:17:17
พี่ตินเป็นพี่ชายรัมภ์สินะ (เดาล้วนๆ)

ปล. ภาพปกสวยมากเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-08-2016 23:03:51
รู้ใจตัวเองแล้วทำไมถึงต้องจากไปอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 19 ความลับของแหวน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 20-08-2016 16:00:56
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง ❤
เริ่มหัวข้อโดย: lazysheep ที่ 20-08-2016 17:10:52
อ่านเพลินเลยค่ะ สนุกมาก^^
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-08-2016 17:48:42
รัมภ์ ตอบโต้ แม่เด็กที่น้องณินกัด ดีมากกกก
นายหัว ไม่ชอบใจที่ติน ไปกับรัมภ์
แต่พี่คินไม่สงสัยหรือว่า
ทำไมรัมภ์ถึงต้องไปรับน้องณิน น้องมินที่โรงเรียน
ทั้งที่หน้าที่นี้เป็นของฟาง
พี่ติน เอาจริงสินะเรื่องพารัมภ์ออกไปจากที่นี่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 18-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 20-08-2016 18:18:47
 o18 :z3: สนุกดีแต่สั้นไปน่ะตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง [18+]❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 21-08-2016 03:34:42
บทที่ 20 ขี้โกง

   รายกการทีวีที่ดูอยู่นั้นมันไม่ได้เข้าหัวของผมเลยสักนิดในเมื่อเวลานี้มันมีสิ่งสำคัญที่ผมจะต้องคิดและมันค้างคาใจมา
ตลอดวันจนแทบไม่มีสมาธิจะทำอะไร ภาพของแหวนสลักลายนกฟินิกส์นั้นยังคงตราตรึงอยู่ในความคิดของผม พยายามเฝ้าบอก
ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ทั้งลวดลายของแหวะและตัวอักษรที่สลักอยู่ด้านในนั้นจะเหมือนกัน จะว่าไป
แหวนทองคำขาววงที่ผมมีมันก็หายไปตั้งแต่ผมมาที่ฟาร์มนี้เพราะปกติแล้วแม่ต้องการให้ผมใส่มันติดตัวไว้ตลอดเวลาถึงแม้ผมจะ
ไม่อยากที่จะใส่มันก็ตาม

   “รัมภ์เห็นฟางมันบ้างไหม ไม่รู้หายหัวไปไหนของมันเรียกหาตั้งนานไม่โผล่หัวมาสักที”

   “ทำไมเหรอครับ ผมไม่เห็นฟางสักพักแล้ว”ผมละสายตาจากจอทีวีหันไปตอบ

   “ก็ทางโรงเรียนโทรมาบอกว่าน้องณินไปทะเลาะกับเพื่อนในห้อง แล้วตอนนี้นายหัวก็กำลังงานยุ่งพี่ก็กำลังเตรียมกับข้าว
เดี๋ยวเสร็จงานแล้วก็รีบไปเก็บค่าหวยอีก อุตส่าห์บอกแล้วเชียวว่าให้อยู่เฝ้าบ้าน คงจะแอบไปนั่งฟังหวยที่ไหนล่ะสิ กลับมาแม่จะ
ด่าซะให้เข็ด”

   “งั้นให้ผมไปแทนดีไหมครับ ผมเองก็ว่างอยู่”ผมเสนอ

   “เอางั้นเหรอ งั้นดีเลยพี่รบกวนหน่อยนะ เดี๋ยวพี่หาคนขับรถให้”

   พี่นุ่มหันมายิ้มด้วยความโล่งใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังขึ้นมาพอดีเรียกให้ทั้งผมและพี่นุ่มหันไป
มองร่างสูงใหญ่เจ้าของรอยยิ้มทะเล้นชูปิ่นโตข้าวขึ้นมาอวด

   “พี่ล้างเอามาคืนน่ะ”

   “ว่าแต่หายดีแล้วรึไงถึงได้เดินเอามาคืนแบบนี้”พี่นุ่มตอบรับหลังจากที่รีบปรี่เข้าหาพี่ตินพร้อมกับรอยยิ้มทันทีที่เห็น

   “ถ้าได้กินกับข้าวอร่อยๆแบบนี้อีกสักมื้อสองมื้อคนจะหายดี”

   “ทำเป็นพูดเข้ารอยช้ำที่เบ้าตายังไม่ทันหายดีเลยเชียว เกือบจะหมดหล่อแล้วไหมล่ะ”

   “ว่าแต่ถือกุญแจรถจะไปไหนกันเหรอครับ”พี่ตินถามปรายตามองมองกุญแจรถในมือพี่นุ่ม

   “จะให้น้องรัมภ์ไปรับน้องณินที่โรงเรียนน่ะ เห็นที่โรงเรียนทีมาบอกว่าไปทะเลาะกับเพื่อน เลยจะหาคนขับรถให้”พี่นุ่ม
สาธยาย

   “แล้วได้คนขับรถรึยังครับถ้ายังไม่ได้ผมขับให้ก็ได้นะไม่คิดค่าเสียเวลา ช่วงนี้ยิ่งว่างจนเบื่อด้วยสิ”

   “จะเอางั้นเหรอยังไม่หายดีไม่ใช่รึไง”

   “แค่ขับรถเองสบายมาก”พูดจบก็คว้ากุญแจรถในมือพี่นุ่มไปถือซะเองก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับพี่นุ่มได้ม้วนไปมาทำท่าทำ
ทางเขินอายเอื้อมมือไปตีแขนพี่ตินเบาๆ

   “งั้นก็ฝากด้วยนะ อย่าลืมเอากุญแจรถมาคืนล่ะ”

   “ได้เลย ไปเตรียมตัวเลยครับหนุ่มน้อยเดี๋ยวพี่เป็นคนขับรถให้เอง”พี่ตินหันมายิ้มให้ ผมเข้าใจไปเองรึเปล่าว่าพี่ตินดูเหมือ
พยายามที่จะเข้าใกล้ผมมากกว่าเดิม หรือว่าก่อนหน้านี้ผมไม่เคยได้สังเกตกัน



   รถมาจอดอยู่หน้าโรงเรียนอนุบาลในตัวเมืองพอผมเดินเข้าไปคุณครูส้มก็เดินเข้ามาดึงแขนผมทันทีที่รถยังไม่ทันจอดด้วย
ซ้ำ ใบหน้าของครูส้มแสดงออกถึงความเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

   “มาแล้วเหรอคะน้องรัมภ์ ผู้ปกครองฝั่งนู้นเค้าโวยวายไม่ยอมใหญ่เลย”ครูส้มพูดด้วยความกังวล ผมรู้ทีหลังว่าคุณครูส้ม
เป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมทำให้พี่คินกับคุณครูส้มรู้จักกันพอสมควรและเป็นที่ไว้ใจพอที่พี่คินจะฝากน้องณินให้ดูแลเวลาอยู่ที่
โรงเรียน

   “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”ผมถามเมื่อน้องณินกำลังนั่งกอดน้องมินอยู่บนโซฟาในห้องพักครูส่วนโซฟาอีกฝั่งก็เป็นเด็กผู้หญิง
ตัวเล็กๆกับผู้ปกครองที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ของเด็กคนนั้น

   “ก็เด็กบ้าคนนี้มากัดลูกของฉันน่ะสิ แล้วเธอเป็นใครทำไมนายหัวภาคินถึงไม่เป็นคนมาเอง”

   “นายหัวภาคินไม่ว่างครับผมเลยมาแทน”ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจกับสายตาไม่พอใจของแม่เด็กคนนั้นก่อนจะเดินเข้าไปหา
น้องณินกับน้องมินที่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา

   “น้ารัมภ์น้องณินไม่ผิดนะคับ”

   “เอะ จะไม่ผิดได้ยังไงในเมื่อมากัดลูกฉันจนเลือดซิบอย่างนี้”

   “อย่าพึ่งขัดได้ไหมครับ ผมต้องการจะรู้สาเหตุก่อนว่าทำไมน้องณินถึงได้ทำอย่างนั้น ผมคิดว่าน้องณินไม่น่าจะทำอะไรที่
ไม่มีเหตุผล”

    “ใจเย็นๆนะคะคุณแม่ของน้องแยม ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะ”คุณครูใหญ่แทรกขึ้น

   “เด็กมันจะมีเหตุผลได้ยังไงล่ะคะ ยิ่งเด็กเกเรไม่มีพ่อแม่อย่างนี้ด้วยไม่แปลกเลยว่าทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้ หึ”พูดจบเธอก็
ยิ้มดูแคลนมองมาทางน้องณินอย่างดูถูก

   “คุณรู้ตัวรึเปล่าครับว่าสิ่งที่คุณกล่าวหาเด็กมันทำให้อายุของคุณไม่สัมพันธ์กับความคิดเอาซะเลย แล้วอีกอย่าง การที่คุณ
พูดว่าเด็กคนนี้ไม่มีพ่อแม่ บางทีคุณอาจจะลืมว่านายหัวภาคินเป็นพ่อของน้องณินและอีกอย่างที่ผมจะบอกก็คือน้องณินไม่ได้
ไม่มีแม่แต่ผมต่างหากที่เป็นแม่ให้กับน้องณิน”

   “หึ ที่แท้ก็พวกเกย์อย่างที่ชาวบ้านพูดกันจริงๆ”

   “สิ่งที่คุณพูดถึงมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดนิสัยของเด็กนี่ครับ การสั่งสอนและการกระทำของผู้ใหญ่ต่างหากที่เป็นตัวสร้าง
นิสัยของเด็กขึ้นมา”ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับยิ้มเหยียดออกไปอย่างไม่พอใจ เพราะว่าไม่ชอบรอยยิ้มที่เหยียด
หยามและคำพูดพวกนั้นที่เธอพูดมา คำพูดที่ชอบพูดว่าเด็กไม่มีพ่อแม่มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมาจนถึงทุกวันนี้

   “ทำเป็นพูดดีไป ยังไงซะเด็กนั่นก็กัดลูกของฉันอยู่ดี”

   “ช่างเถอะครับ ผมอยากรู้เรื่องราวจากเด็กๆมากกว่า”ผมตัดบทหันหน้าหนีเธออย่างไม่ใส่ใจ

   “น้ารัมภ์น้องณินกับน้องมินไม่ผิดนะคับแยมนิสัยไม่ดีก่อน”

   “แล้วทำไมน้องณินถึงไปกัดแยมล่ะครับ ไหนบอกซิ”

   “ก็แยมแย่งของเล่นของน้องมิน น้องมินไม่ให้แยมก็จะตีน้องมินแต่น้องณินไม่ชอบน้องณินเลยไม่ให้ตี แยมเลยผลักน้องณิ
นกับน้องมินล้มแล้วแย่งของเล่นไปน้องณินก็เลยกัดแยมเพราะว่าแยมทำนิสัยไม่ดี”น้องณินเล่าให้ฟัง พอน้องณินเล่าจบผมก็ลูบ
หัวทุยๆของน้องณินกับน้องมินเบาๆเป็นการปลอบใจก่อนจะหันไปจ้องมองใบหน้าที่เริ่มซีดหลังจากฟังสิ่งที่น้องณินพูดจบ

   “ไม่จริง เด็กคนนั้นมันโกหก ใช่ไหมลูกแยม”เธอหันไปถามลูกสาวตัวเอง

   “ก็แยมอยากเล่นอันนั้น ฮึกๆ มินกับณินไม่ให้แยมก็เลยผลักแล้วแย่งมาแต่ณินก็กัดแยมเลือดออกฮือออออ”เด็กหญิงคนนั้น

สะอื้นอีกรอบ

   “แล้วของเล่นมีเยอะแยะทำไมต้องไปแย่งเขาด้วยล่ะมันใช่เรื่องไหมที่จะต้องไปอยากได้กะอีแค่ของเล่นแค่นั้น”

   “ก็แยมอยากเล่นเหมือนมิน ฮึกๆ แยมอยากให้ณินมาเล่นด้วย”พูดพลางใช้มือเล็กๆปาดน้ำตา

   “จะให้เรื่องนี้จบโดยที่ไม่มีใครเป็นฝ่ายผิด หรือว่าจะให้จบโดยที่ลูกของคุณเป็นคนมาทำร้ายน้องณินกับน้องมินก่อน ผม
เข้าใจนะครับว่าคุณรักลูกตัวเองมาก แต่การที่คุณให้ท้ายลูกโดยที่ไม่สนความถูกผิดมันจะทำให้ลูกของคุณติดเป็นนิสัยเอา”

   “เป็นแค่เด็กอย่ามาทำเป็นพูดอวดดีไปหน่อยเลยน่า”

   “ผมแค่พูดตามที่ผมเห็นสมควร”ผมไหวไหล่ดึงเอาน้องมินมาอุ้มเมื่อน้องมินทำท่าว่าจะร้องอีกคน เหลือบมองไปทางน้อง
ณินที่กลับนั่งทำน่ามุ่ยไม่มีทีท่าว่าจะเสียใจหรือกำลังกลัวเลยสักนิด

   “ผมขอรับน้องณินกับน้องมินกลับไปเลยนะครับ”



   “เป็นไงบ้าง ว่าแต่ทำไมรัมภ์ถึงเอาเด็กคนนั้นมาด้วยล่ะ”พี่ตินถามเมื่อผมอุ้มน้องมินวางลงบนเบาะหลังก่อนจะก้มลงอุ้มน้อง
ณินขึ้นไปนั่งข้างๆ

   “ลูกของหมอนทีน่ะครับ ส่วนเรื่องนั้นเคลียกันเรียบร้อยแล้ว”ผมตอบเสียงเรียบ

   “งั้นก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้รัมภ์ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้มาก”พูดเหมือนไม่อยากให้ผมยุ่งเกี่ยวกับพี่คินและน้องณินไป
มากกว่านี้ จู่ๆมือใหญ่ก็เอื้อมมาจากฝั่งคนขับก่อนที่จะวางลงบนหัวผมเบาๆคล้ายกับกำลังปลอบใจอะไรบางอย่าง จริงอยู่ที่มือนี้
มันอุ่นมากจนทำให้ผมรู้สึกถึงความอ่อนโยน แต่ความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวของพี่ตินมันค่อยๆเพิ่มมากขึ้นทำให้ผมเริ่มไม่ไว้ใจ
ในตัวของพี่เขาเลย

   “งั่ม!!!”

   “โอ้ยยยย เป็นลูกหมาบ้ารึไงไอ้เปี๊ยกนี่”พี่ตินร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะชักมือกลับไปดูรอยเขี้ยวเล็กๆที่ทิ้งอยู่บน
ฝ่ามือ

   “อย่ามาแตะน้ารัมภ์นะ น้ารัมภ์ของพ่อคินกับน้องณินคนอื่นห้ามแตะ แง่งๆ”พูดจบน้องณินก็ชะโงกหน้ามาแยกเขี้ยวใส่

   “คนพ่อไม่อยู่ก็ให้คนลูกเฝ้าแทนสินะ”พี่ตินส่ายหน้าก่อนจะออกรถ “เฝ้าให้ดีๆเถอะ สักวันจะขโมยไปให้ได้เลยคอยดู”

   “จะฟ้องพ่อ!!ว่าลุงตินจะขโมยน้ารัมภ์”

   “ไปฟ้องเลยชิ่วๆ ต่อให้เอาไปซ่อนเอาไว้ก็ขโมยกลับไปจนได้ล่ะคอยดูสิ”

   ผมพยายามคิดว่าพี่ตินพูดหยอกน้องณินแต่สิ่งที่แสดงออกมาบนใบหน้านั้นกลับไม่ใช่ใบหน้าหล่อเหลาแสดงถึงความ

จริงจัง ผมได้แต่ลูบหัวน้องณินแล้วดันให้กลับไปนั่งคุยกับน้องมินที่เบาะหลังดังเดิมถึงแม้ว่าคนที่คุยอยู่คนเดียวจะเป็นน้องณินก็
ตาม



   รถขับเข้ามาในเขตฟาร์มก่อนจะจอดลงที่หน้าบ้านริมหาด เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่คินเดินออกมาจากบ้านเพราะได้ยินเสียง
รถ ร่างสูงใหญ่เดินมารับน้องณินไปอุ้มก่อนจะหันมามองผมแล้วปรายตามองพี่ติน ดวงตาคู่คมกริบจ้องมองพี่ตินอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะ

หันกลับมาจับต้นแขนผมที่อุ้มน้องมินอยู่ให้เดินตามเข้ามาในบ้าน

   “ไหนว่างานยุ่งไงล่ะครับ ทำไมถึงรีบกลับ”

   “พี่ไม่มีสมาธิทำงานพอรู้ว่าน้องณินไปก่อเรื่องยุ่งพี่ก็เลยรีบกลับ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นน้องณินกับน้องมินไม่เป็นอะไรใช่
ไหม”

   ในบทของความเป็นพ่อแล้วพี่คินดูเป็นกังวลและเป็นห่วงน้องณินมากจนผมรู้สึกดีแทนน้องณินที่โชคดีได้พี่คินเป็นพ่อแบบ
นี้ ผมได้แต่ยิ้มเล็กๆก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

   “ไม่มีอะไรแล้วครับ แค่เรื่องเข้าใจผิด”

   “งั้นเหรอ ฟางเอาน้องณินกับน้องมินไปอาบน้ำที”พูดก่อนจะปล่อยให้น้องมินลงเดิน

   พอสังเกตดีดีแล้วผมไม่รู้ตัวเลยว่าฟางแอบมายืนอยู่ใกล้ๆพี่คินตั้งแต่เมื่อไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมกับพี่นุ่มตามหาตัวไม่เจอ
แท้ๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเหยียดยิ้มเล็กๆให้กับเธอในจังหวะที่พี่คินเผลอ และฟางก็ยังคงปั้นยิ้มถึงแม้ว่าผมจะแสดง
ท่าทีแบบนั้น

   “ไปกันเถอะ ตอนนี้พี่อยากอาบน้ำแล้ว”

   เสียงทุ้มหัวดังพร้อมๆกับเอวถูกดึงเข้าไปกอดเอาไว้ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะเฉียดลงมาบนผิวแก้มเบาๆ แอบสังเกตเห็นใคร
อีกคนที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล แต่ผมไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าถ้าเทียบกับฟางแล้วไม่มีทางที่ผมจะเป็นฝ่ายแพ้



   “รัมภ์”พี่คินเรียกเสียงเบาในขณะที่ผมกำลังไล่ปลดกระดุมเสื้อของพี่เขาทีละเม็ดเผยให้เห็นแผ่นอกสีเข้มแน่นไปด้วยมัด
กล้ามตึง บนลาดไหล่หนามีรอยเล็บจางๆสลักอยู่บนอกราวกับตราประทับที่ผมต้องการจะตีตราเอาไว้

   “ว่าไงครับ”ผมตอบรับเสียงเบา เกลี่ยปลายนิ้วลงบนรอยจางๆนั่น

   “พี่ไม่ค่อยชอบเวลาที่รัมภ์อยู่ใกล้ๆติน”แขนแข็งแรงค่อยๆโอบเอวของผมก่อนที่จะกระชับแน่นจนเซเข้าไปหา ใบหน้าแนบ
ลงบนแผ่นอกแข็งแรงจนได้ยินเสียงก้อนเนื้อที่มันเต้นอยู่ด้านใน

   “ทำไมล่ะ ผมก็แค่ไปรับน้องณิน”ผมเงยหน้าตอบแต่ก็ต้องเบี่ยงหลบเมื่อริมฝีปากหยักฉกวูบลงมาไม่ทันได้ตั้งตัว สีหน้า
ของพี่คินนั้นดูไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของผมสักเท่าไร


   “แต่พี่ไม่ชอบ ถึงเขาจะเป็นคนช่วยรัมภ์เอาไว้ก็ตาม”

   “ผมก็แค่ อื้อ”

   ยังพูดไม่ทันจบริมฝีปากก็ถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากอันร้อนผ่าว สัมผัสได้ถึงความอุ่นที่แผ่นซ่านผ่านเข้ามาภายใน ปลาย
ลิ้นร้อนชื้นตวัดลงมาบนกลีบปากให้ได้เปิดรับความหอมหวานที่สอดแทรกด้วยความร้อนรุ่มทั้งถูกตักตวงและถูกป้อนจนรู้สึกว่า
ความคิดอ่านทั้งหมดกำลังถูกขโมยไปจนสมองนั้นขาวโพลน

   รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเปลือยก็แนบชิดกับผ้าปูที่นอน ถูกทาบทับด้วยร่ากายอันสูงใหญ่ ริมฝีปากร้อนชื้นนั้นยังคงป้อนจูบอัน
จาบจ้วงไม่ยอมห่าง ผิวกายทั่วทั้งร่างถูกมือที่เป็นราวกับเปลวเผลิงลูบไล้ไปทั่วจนร่างแทบหลอมละลายไม่ต่างอะไรจากขี้ผึ้งที่
ถูกไฟลน

   “ผม…ยังไม่ได้อาบน้ำ”บอกออกไปเสียงเบาพยายามที่จะดันอกแข็งแรงนั้นให้ออกห่าง

   “ไม่เป็นไร พี่คิดว่ามันหอมสำหรับพี่”เสียงกระซิบอันแหบพร่าตอบกลับพร้อมกับฟันคมที่ขบกัดลงมาบนผิวคอ

   แรงกัดไม่เบานักทำให้ผมสะดุ้งยกมือขึ้นเกาะบนลากไหล่หนาเพื่อหาที่ยึด ความเป็นชายอันร้อนเร่ากำลังผงาดถูกไถท่อน
กายของผมไปมาราวกับต้องการหยอกกล้อ

   “ทะ ทะลึ่งนะครับ”

   “แต่พี่เห็นว่ารัมภ์ชอบ”

   ผมตีเข้าที่ไหล่หนาแรงๆเมื่อรอยยิ้มพึงพอใจผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากได้รูป บั้นเอวสอบยังคงขยับสั่งให้มันถูกไถจนเริ่มรู้สึกแน่น
ขัด ไม่นานความรู้สึกทั้งหมดก็คลายออกเมื่อท่อนกายแข็งกร้าวนั้นแทรกเข้ามาภายใน ผมได้แต่จิกปลายเท้าทั้งสองข้างลงบน
ผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่เมื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเริ่มที่จะเอ่อล้นจนแทบทนไม่ไหว

   “บะ เบาๆครับ”พูดพร้อมกับจิกเล็บลงบนลาดไหล่ ริมฝีปากถูกฟันคมขบจนมันเป็นรอยเพราะแรงกระทั้นที่มากจนทำให้ตัว
คลอน

   ถึงแม้ว่าผมจะร้องขอแต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นกลับตรงกันข้ามสำหรับเวลาที่ใช้ร่วมกันสำหรับบทรัก ความรุนแรง ความร้อน
รุ่ม และอ่อนโยน ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะถาโถมเข้ามาใส่

   “พร้อมกันนะครับคนเก่ง”เสียงหอบประสานกับเสียงกระซิบที่แหบพร่าดังขึ้นข้างหู จูบร้อนจูบซับลงมาบนขมับ กลิ่นเหงื่อ
และกลิ่นกายไหลรวมกันจนแทบแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ผมปูที่นอนที่ถูกปูใหม่จนเรียบตึงบัดนี้มันทั้งหลุดลุ่ยและยับ
ยู่ยี่จนไม่เหลือสภาพเดิม และในที่สุดความขาวของมันก็ถูกป้ายจนเปรอะเปื้อนด้วยคราบคาวที่ถูกปลดปล่อยออกมา หลงเหลือ
เพียงเสียงหอบหายใจที่ดังก้องไปทั่วกับอ้อมกอดอุ่นที่เป็นตัวตอกย้ำว่าผมยังคงอยู่ในที่แห่งนี้

   

   ----------------------------------------------------------------------------------

   “ทำไมกระต่ายถึงแพ้กระต่ายวิ่งเร็วกว่าตั้งเยอะ”น้องณินมุ่ยหน้ากอดอกทั้งที่นอนอยู่บนที่นอน จ้องมองมาทางผมด้วย

ความสงสัยและไม่พอใจ

   “ก็กระต่ายแอบนอนหลับก่อนถึงเส้นชัยไงครับเต่าเลยชนะ”

   “แล้วทำไมกระต่ายถึงต้องนอนล่ะคับ น้องณินไม่เข้าใจ”หน้าเล็กๆกลมๆยิ่งมุ่ยกว้าเก้าแถมแก้มป่องๆนั้นยังพองลมเหมือน
ไม่พอใจที่แพ้พนันให้กับผม เพราะว่าเราพนันกันก่อนที่จะอ่านนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

   “กระต่ายคิดว่าตัวเองเก่งกว่าถึงได้ชะล่าใจแอบนอนหลับทำให้เต่าชนะแล้วเข้าเส้นชัยไปก่อน”ผมหัวเราะออกมาเล็กๆเมื่อ
น้องณินยังคงหน้ามุ่ย แอบได้ยินเสียถอนหายใจของใครบางคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังน้องณินที่หน้ามุ่ยไม่แพ้กันและสาเหตุก็คง
หนีไม่พ้นที่น้องณินมานอนด้วยในวันนี้

   “แต่น้องณินไม่ชอบเรื่องนี้เลยน้ารัมภ์ ถ้าน้องณินเป็นกระต่ายน้องณินจะไม่นอนหรอก”

   “แต่ว่าตอนนี้ได้เวลานอนแล้ว นอนสักทีไอ้ตัวแสบ”มือใหญ่เอื้อมมาผลักหัวลูกชายเบาๆด้วยท่าทางหมั่นไส้ แต่รอยยิ้ม
เล็กๆก็ผุดขึ้นบนรัมฝีปากได้รูป

   “แต่น้องณินยังไม่อยากนอน อยากให้น้ารัมภ์อ่านนิทานให้ฟังอีก”   

   “ไอ้ตัวยุ่งนี่ มานอนแทรกกลางแล้วยังเรื่องมากอีก นอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อพาไปเที่ยว”

   “จริงๆนะ!! พ่อคินจะพาน้องณินกับน้ารัมภ์ไปเที่ยวแน่นะ ห้ามโกหกน้องณินด้วยเย้ๆๆ ไปเที่ยวกับน้ารัมภ์กับพ่อ”น้องณินชู
มือขึ้นโบกไปมาอย่างดีใจ ยิ้มจนเห็นเหงือกสีสด

   “นอนได้แล้วไม่งั้นจะไล่ให้ไปนอนข้างล่างเหมือนเดิม”

   “ไม่เอาน้องณินอยากนอนกับพ่อคินกับน้ารัมภ์”พูดจบก็ทำท่าหลับตาปี๋

   ไม่นานน้องณินก็หลับไปจริงๆในที่สุด พี่คินถอนหายใจอีกครั้งกับความแสบของลูกชาย ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้


จนปลายจมูกของเขาแตะกัน

   “พี่คิน อื้อ น้องณินอยู่ด้วยนะครับ เมื่อเย็นพี่ก็เพิ่งทำไปเอง”ผมปรามเมื่อมือใหญ่แตะลงมาที่บั้นเอวแล้วลูบไปมา พี่คินได้
แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ

   “แค่จูบก็ได้”

   ยังไงซะอย่างน้อยทำการค้าก็ย่อมต้องได้ทุนคืน พี่คินไม่ยอมถอนตัวกลับไปง่ายๆแน่นอน ผมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้อีกเล็ก
น้อย ขบฟันลงบนริมฝีปากหนาเบาๆ ก่อนแตะปลายลิ้นเลียขอบปากนั้นเบาๆ ได้ยินเสียงหายใจฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์พี่เขาก็
อดที่จะยิ้มไม่ได้ แนบริมลงบนกลีบปากนุ่มเปิดรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา ฝ่ามือใหญ่แตะลงมาบนพวงแก้มอย่างแผ่วเบา

   “อือ น้ารัมภ์”เสียงพึมพำของร่างเล็กข้างใต้ทำให้ทั้งผมและพี่คินผละจูบออกจากกันแล้วก้มลงไปมองที่เจ้าตัวแสบด้วย
ความตกใจกลัวว่าน้องณินจะเห็น แต่น้องณินก็เพียงแค่ละเมอก่อนจะเบียดตัวเข้ามากอดผมเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวผมจะหนี พอ
เห็นดังนั้นผมกับพี่คนได้แต่พากันหัวเราะเบาๆ

   “นอนได้แล้วครับคนเก่ง เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะพารัมภ์กับลูกไปเที่ยวกัน”ริมฝีปากอุ่นจูบลงมาบนขมับก่อนที่แขนแข็งแรงจะพาด
ลงมาดึงเอาตัวผมและน้องณินไปกอดเอาไว้ทั้งคู่



ขอบคุณทุกคำชมจ้าาาาา ถ้าไม่ดีหรือผิดพลาดตรงไหนก็บอกกันได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง [18+]❤
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 21-08-2016 18:10:45
 :a5: สนุกดีค่ะ ตามอ่านทั้งวันจนทัน แล้วก็ว้าวเพราะชื่อของนายเอกและหมอคล้ายๆกับนิยายที่เราซุ้มแต่งไว้แต่ยังไม่ลง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-08-59 ❤ บทที่ 10 ขี้โกง [18+]❤
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 22-08-2016 09:00:05
ทำไมฉันพึ่งมาเจอเรื่องเน้!!! อ้ากกก :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 23-08-2016 05:32:39
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 23-08-2016 05:48:39
 :z3:มาต่อไวๆน้า :call:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-08-2016 06:31:08
ผู้ชายต่างชาติคนนั้นพ่อรัมภ์หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 23-08-2016 14:55:21
 :z10:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 23-08-2016 15:59:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 23-08-2016 17:36:05
บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน
   
ลมทะเลยามเย็นเริ่มพัดแรงส่งให้เกลียวคลื่นประดับผืนน้ำเคลื่อนไหวเป็นระรอกดูสวยงาม ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อยๆคล้อยต่ำ
ใกล้กับเส้นขอบฟ้า แสงของมันกลายเป็นสีเหลืองทองดูน่ามองไม่แพ้กับแสงแรกของยามเช้า

   “ว้าววววว สูงจังเลย”เสียงของน้องณินตัวแสบร้องบอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อกำลังนั่งขี่อยู่บนคอของพี่ติน มือป้อมๆเล็กๆโบก
ไปมาให้กับพระอาทิตย์เมื่อมันกำลังจะลับขอบฟ้าในขณะที่พวกเราได้แต่ยืนมองมันที่ชุดชมวิวบนยอดเขามัทรี

   “เหนื่อยไหม”เสียงนุ่มทุ้มถามพลางขยับเข้ามาใกล้ มือใหญ่พลางเอื้อมเข้ามาใช้นิ้วเกลี่ยเอาปอยผมที่ถูกลมพัดมาปรก
หน้าออกให้อย่างเบามือ

   ผมหันไปยิ้มพลางส่ายหน้าเล็กๆเป็นคำตอบ ลมที่พัดผ่านร่างกายมันแรงจนทั้งเส้นผมและเสื้อผ้าไสวราวกับกำลังโบยบิน
เหมือนนกอยู่บนท้องฟ้า ความรู้สึกต่างๆมันช่างเบาโหวงอยู่ในใจเมื่อรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยเครื่อง
หน้าสมบูรณ์แบบยิ้มส่งมาให้อย่างอ่อนโยน สายตาของผมราวกับถูกดึงดูดด้วยดวงตาคู่คมให้หยุดนิ่งและมองมันพยายามจะอ่าน
บางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในตาคู่นั้น

   แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปลุกให้เราทั้งคู่ผละสายตาออกจากกัน พี่คินยกเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงแผดเสียงร้อนขึ้นมาดู
หน้าจอก่อนจะกดตัดสายราวกับว่าไม่ใยดีกับปลายสายที่โทรมา

   “ทำไมไม่รับล่ะครับ”

   “พี่ไม่อยากรับโทรศัพท์เวลาอยู่กับครอบครัว”คำว่าครอบครัวทำให้ใจของผมเต้นแรง แรงจนรู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับกำลังจะ
เป็นบ้า ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรพี่คินถึงยกเอาคำคำนี้มาใช้ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยทำอะไรที่บ่งบอกสถานะของผมเลย แต่วันนี้สิ่งที่ถูก
เอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากนั้นมันกลับมากจนมือทั้งสองข้างมันสั่นไหว

   “รับเถอะครับ เผื่อเป็นสายสำคัญ”ผมพูดย้ำเมื่อปลายสายนั้นโทรมาอีกครั้ง พี่คินพยักหน้าเล็กๆก่อนจะอุ้มเจ้าตัวแสบพูด
มากลงจากคอแล้วส่งมาให้ผม

   “งั้นพี่ฝากน้องณินด้วยล่ะ”พี่คินยิ้มและยกมือขึ้นมาลูบหัวของผมเบาๆ

   ผมไม่เข้าใจเลยว่าภายใต้สีหน้าที่อ่อนโยนนั้น ทำไมมันถึงซ่อนความหวั่นวิตกเมื่อเห็นชื่อของปลายสายที่โทรมา และยิ่ง
ไม่เข้าใจมากขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่กำลังเดินห่างออกไปยังอีกฟากของจุดชมวิวเพื่อคุยโทรศัพท์ราวกับว่าสิ่งที่จะคุยนั้นเป็นความลับ
ที่ห้ามให้ใครล่วงรู้



   “น้ารัมภ์ดูนู่น พระอาทิตย์จะหายไปแล้วคับ”เสียงเล็กๆของเด็กชายวัยห้าขวบเรียกให้ผมหันไปมองตามที่นิ้วเล็กๆชี้ ผมละ
สายตาจากแผ่นหลังที่เดินหายลับไปก่อนจะจ้องมองไปยังดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตค่อยๆถูกท้องทะเลกลืนกิน ท้องฟ้าค่อยๆ
เปลี่ยนสีกลายเป็นสีส้มอ่อนเจือด้วยสีฟ้าเข้ม

   “น้ารัมภ์ชอบไหมคับ”

   “ชอบสิ แล้วน้องณินล่ะ ชอบไหม?”

   “ชอบ แต่น้องณินชอบน้ารัมภ์มากกว่า”เสียงเล็กๆของน้องณินรีบพูดประจบก่อนที่แขนอวบๆจะพาดลงมาที่คอกอดให้ผม
โน้มหน้าเข้าไปใกล้ก่อนที่หน้าเล็กๆจะยื่นเข้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ผมได้แต่ยิ้มแล้วถามออกไปด้วยความหมั่นเขี้ยวกับท่าที
น่ารักประจบประแจงที่ไม่รู้ว่าใครสอนมา

   “ ใครอนุญาตให้หอม ฮึ? หอมแก้มคนอื่นแล้วต้องทำไง”

   “ต้องให้คนอื่นหอมคืน ฮ่าๆๆๆ น้ารัมภ์ไม่เอา น้องณินจั๊กจี้ ไม่เอา ฮ่า”ผมก้มลงใช้จมูกซุกลงแบแก้มนุ่มๆอย่างหมั่นเขี้ยว
น้องณินส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากพลางดิ้นไปมาในอ้อมกอดเมื่อจมูกซุกลงที่คอทำให้ให้จั๊กจี้

   “คราวหลังต้องบอกก่อนรู้ไหม”

   “ฮ่าๆ รู้แล้วๆ น้องณินไม่บอกหรอก คิกๆๆ ทีพ่อคินยังไม่บอกเลย น้องณินจั๊กจี้ น้ารัมภ์พอแล้ว คิกๆๆ น้องณินจั๊กจี้”

   “จะบอกไม่บอกฮึ”

   “ม่ายบอก คิกๆๆ น้องณินไม่เอาแล้ว น้องณินยอมแล้ว น้ารัมภ์ปล่อย คิกๆๆ”น้องณินดิ้นไปมาไม่ยอมหยุด ทำให้ผมได้แต่
หัวเราะอย่างอารมณ์ดีที่ได้เด็กตัวแสบพูดมากให้ดิ้นเหมือนลูกแมวถูกแกล้ง



   “ไงไอ้ตัวแสบ พ่อไม่เคยสอนรึไงว่าห้ามยุ่งกับของคนอื่นหืม? ไม่อยู่แค่แปบเดียวมาหอมของพ่อได้ไง”ไม่รู้ว่าเจ้าของเสียง
เข้ามาใกล้ตัวตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีร่างสูงก็ยืนซ้อนอยู่ด้านในระยะประชิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นและกลิ่นกายที่ลอยมาตามลม
ใบหน้าคมเข้มประดับด้วยไรหนวดขึ้นครึ้มยื่นเข้ามาใกล้รู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดลงมาบนใบหน้า ก่อนที่จมูกโด่งจะยื่น
เฉียดผิวแก้มของผมไปนิดเดียวแล้วซุกลงบนแก้มของน้องณินข้างที่ผมพึ่งจะซุกจมูกลงไป

   “คิกๆจั๊กจี้ ไม่เอาแล้วน้ารัมภ์แม่ของน้องณินน้องณินจะหอม คิกๆ น้องณินจั๊กจี้ พ่อคินพอแล้ว”

   “หอมไม่ได้ ห้ามหอม พ่อหวง ต้องโดนลงโทษ”ว่าแล้วก็หอมน้องณินไปอีกฟอดใหญ่

   “ทำไมน้องณินจะหอมไม่ได้ ก็น้ารัมภ์เป็นแม่น้องณินแล้ว น้องณินจะหอม”น้องณินมุ่ยหน้ากอดอกทำท่าทำทางไม่พอใจใส่
เพราะถูกพ่อห้ามและไม่ได้ดั่งใจ เจ้าตัวยื่นหน้ามาหอมใส่แก้มผมคราวนี้แทบจะฝังจมูกเล็กๆลงบนแก้มผมจนผมเริ่มคิดแล้วว่ามัน
คงจะช้ำหากว่าน้องณินไม่ยอมหยุดประชดพ่อตัวเอง

   “แต่น้ารัมภ์เป็นเมียพ่อ ห้ามคนอื่นหอมอกจากพ่อ”ไม่พูดเปล่าแต่เจ้าของประโยคกลับอมยิ้มปลายตามองตรงมา

   “โหย พ่อคินขี้งก ไม่เอา น้องณินจะหอม นี่ไง หอมๆๆๆเลย”เจ้าตัวแสบกดจมูกเล็กๆลงมาหอมแก้มผมอีกรอบซ้ำแล้วซ้ำ
เล่าอย่างไม่ยอมแพ้ผมได้แต่อุ้มน้องณินเอาไว้ไม่ให้ตกไปเสียก่อน

   “ถ้าน้องณินหอมพ่อก็หอมบ้าง”

   ไม่ทันตั้งตัวแก้มอีกข้างก็ถูกฉกฉวยด้วยปลายจมูกโด่งซุกลงมาก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เรียกให้นักท่อง
เที่ยวที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนหันมามอง

   “คนอื่นมองอยู่นะครับ”

   ผมผละถอยหลังออกมาทันทีที่ตั้งสติได้ พอหันไปมองรอบๆตัวก็เห็นว่ากำลังถูกมองด้วยความสนใจ จึงเดินอุ้มน้องณินหนี
ออกมาจากตรงนั้นและตรงไปยังที่จอดรถโดยไม่หันกลับไปมอง ได้ยินเพียงฝีเท้าของพี่เขาเดินตามมา ใบหน้าของผมมันร้อนวูบ
น้องณินก็เอาแต่ตัดพ้อใส่พ่อตัวเองไม่หยุด

   “ถึงจะกับน้องณินพี่ก็หวงนะรู้ไหม”เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเมื่อเดินเข้ามาขนาบข้าง ผมไม่รู้ว่าน้องณินจะได้ยินไหม รู้แค่ว่า
ตอนนี้ความสุขมันกำลังเอ่อล้นออกมาโดยที่ผมควบคุมมันไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าผมจะจดจำมันได้ดีแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ รู้
แค่ว่าอยากให้เวลามันหยุดลงที่ตรงนี้และไม่ต้องเดินไปข้างหน้าอีกเลย

   

   “โตขึ้นห้ามขี้หวงเหมือนพ่อ รู้ไหมไอ้ตัวแสบ”ผมได้แต่บอกน้องณินแล้วขยี้มือลงบนหัวทุยๆอย่างหมั่นเขี้ยวกับความแสบ
สันของทั้งพ่อทั้งลูก

   “ถ้าน้องณินโตขึ้นน้องณินไม่ยอมแบ่งน้องมินให้พ่อคินหรอก คอยดู”และผมกับน้องณินก็หัวเราะออกมากับความเจ้าคิดเจ้า
แค้นที่ไร้เดียงสา



   --------------------------------------------------------------------------------------

   กว่าเราจะกลับมาถึงบ้านเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสองทุ่มเพราะแวะกินมื้อเย็นกันนอกบ้าน ระหว่างมื้อน้องณินก็ไม่วายหน้า
มุ่ยใส่พี่คินเพราะยังคงงอนที่พี่คินห้ามหอมแก้มผมไม่หาย และตอนนี้เจ้าตัวก็ได้แต่อ้าปากหาววอดเพราะหมดแรงไปกับการเที่ยว
ตลอดทั้งวัน

   “กลับมาแล้วเหรอคะ สนุกกันไหม”ฟางเดินออกมารับนายหัวของตัวเองพลางพูดถามอย่างประจบประแจง พี่คินแค่พยัก
หน้ารับแล้วส่งน้องณินให้

   “ถ้าน้องณินง่วงก็ให้เข้านอนก่อนเลยก็ได้”

   “ได้ค่ะ แล้วก็อันนี้พี่นุ่มบอกว่าเอกสารด่วนส่งมาให้นายหัวแต่ไม่ได้บอกว่ามาจากไหน”ฟางยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลเหมือน
กับวันนั้นที่ผมเจอให้กับพี่คิน

   ผมได้แต่มองตามและเห็นสีหน้านั้นเริ่มดูเคร่งเครียดต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นที่อยู่ในซองมันคืออะไร และมัน
จะเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลที่อยู่ในรูปคนนั้นไหมม รู้แค่ว่าความสงสัยมันยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นเมื่อพี่คินหันมา
มองผมราวกับว่าไม่ต้องการให้ผมรับรู้อะไร

   “รัมภ์จะขึ้นไปอาบน้ำเลยไหม หรือว่าจะดูทีวีอยู่ข้างล่าง”

   “ผมอยากกินขนมที่เพิ่งจะซื้อมา แล้วก็วันนี้ละครที่ดูฉายเป็นตอนจบ”บางอย่างสั่งให้ผมตอบปฏิเสธออกไป

   “งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับ แล้วก็อย่ากินอะไรที่มีถั่วล่ะรู้ไหมคนเก่ง”ริมฝีปากหยักกดจูบลงมาบนขมับก่อนที่จะเดินหายขึ้น
ไปยังชั้นบนพร้อมกับซองเอกสารสีน้ำตาลที่น่าสงสัย

   ------------------------------------------------------------------------------

   เพราะความเพลียจากการเที่ยวตลอดทั้งวันทำให้ผมรู้สึกล้าและเริ่มง่วงทั้งที่ละครยังไม่จบ ความจริงแล้ววันนี้ยังไม่ใช่ตอน
จบของละครที่ผมดู แต่ผมก็เลือกที่จะโกหกออกไป ความง่วงที่เริ่มมากขึ้นทำให้ตัดสินใจปิดทีวีเพื่อที่จะไปอาบน้ำนอน ระหว่างที่
เท้ากำลังก้าวข้ามบันไดขั้นสุดท้าย เสียงคุยโทรศัพท์ของพี่คินก็เล็ดลอดออกมาจากห้อง น้ำเสียงนั้นทั้งแข็งกร้าวและเต็มไปด้วย
ความไม่พอใจ และเมื่อปลายเท้าของผมเหยียบย่ำลงไปยังชั้นบนของตัวบ้าน แสงไฟที่ลอดออกมาจากบานประตูที่เปิดแง้มเอา
ไว้ทำให้หัวใจของผมเต้นโครมครามเมื่อมองผ่านเข้าไปข้างใน

   ห้องที่อยู่คนละฝั่งกับห้องนอนที่ใช้อยู่ ห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องนอนที่ใหญ่กว่าและข้างในเพรียมพร้อมไปด้วย
เฟอร์นิเจอร์และข้าวของแตกต่างจากห้องที่ผมใช้อย่างสิ้นเชิง

   “มันจะไม่มีปัญหาถ้าหากเวลาหลายอาทิตย์แลกกับข้อมูลที่ครบถ้วน”

   “ผมไม่เข้าใจว่าแค่คนคนเดียวทำไมคุณถึงหาข้อมูลให้ผมไม่ได้”

   “ผมให้เวลาคุณอีกแค่อาทิตย์เดียว ผมอยากได้ข้อมูลที่มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่รูปถ่ายที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่มาของมันคืออะไร”

   น้ำเสียงนั้นขุ่นเคืองและกระดาษที่ดูเหมือนรูปถ่ายหลายไบนั้นจะถูกโยนลงบนโต๊ะทำงานที่อยู่มุมห้อง บทสนทนาพวกนั้น
ผมได้ยินมันอย่างชัดเจนแต่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันหมายถึงอะไร ร่างสูงที่ยืนตระหง่านอยู่กลางห้องราวกับไม่ใช่คนเดียวกับที่ผมรู้จัก
มันเหมือนกับวันแรกๆที่ผมถูกจับมาที่นี่ เพราะมันแข็งกระด้างและเต็มไปด้วยความดุดัน ผมค่อยเดินถอยหลังออกห่างจากบ้าน
ประตูนั้น ตัดสินใจที่จะเดินย้อนกลับไปยังที่เดิม กลับมายังชั้นล่างและเปิดทีวีทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   

   “ละครที่รัมภ์ดูจบแล้วไม่ใช่รึไงหืม? แล้วทำไมถึงยังไม่ขึ้นไปอาบน้ำล่ะ”

   “ผม…ยังไม่ง่วงน่ะ”รู้ตัวอีกทีละครที่ดูอยู่มันก็จบไปได้สักพักแล้ว แทนที่ด้วยรายการรอบดึกที่กำลังจะเริ่มขึ้น

   “นอนได้แล้ววันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน”ร่างสูงที่ยังอยู่ในชุดเดิมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆกัน

   “แล้วทำไมพี่ถึงยังไม่อาบน้ำล่ะครับ”ผมถามกลับ อยากจะรู้ว่าคำตอบของพี่เขาคืออะไร อยากจะรู้ว่าคำตอบนั้นจะเกี่ยวกับ
ห้องเดียวในบ้านหลังนี้ที่ถูกล็อกเอาไว้ตลอดเวลาไหม

   “พี่อยากอาบน้ำพร้อมรัมภ์ อาบคนเดียวมันน่าเบื่อ”ตอบกลับมาเสียงเบาก่อนจะเกี่ยวเอาเอวของผมไปกอดแล้วดึงเข้าไป
ใกล้จนเกยขึ้นไปบนหน้าขาแข็งแรง

   “อย่าครับ เดี๋ยวคนอื่นเห็น”

   “ทำไมพี่ต้องกลัวคนอื่นมาเห็นในบ้านของตัวเองล่ะ”ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ช่างแตกต่างกับเมื่อครู่โดยสิ้น
เชิง

   “ผมขี้เกียจเถียงกับพี่แล้ว ผมจะไปนอน”ผมว่าพลางลุกออกมาจากอ้อมแขนที่กอดเอาไว้

   “เดี๋ยวสิ”พี่คินเรียกเอาไว้ก่อนจะดึงให้ผมกลับไปนั่งที่เดิม กายที่สูงกว่าเคลื่อนเข้ามาประชิดก่อนที่ใบหน้านั้นจะโน้มเข้ามา
ใกล้ “รัมภ์ไม่อยากลองทำที่โซฟาบ้างรึไง”เสียงฟังดูลามกกระซิบข้างหู ฟันคมขบลงมาที่ติ่งหูแล้วใช้ลิ้นเปียกชื้นตวัดเลียเบาๆ
ให้ผมได้ขนลุก

   “ไม่ครับ ไม่อยากทำ”ผมเบือนหน้าหนี แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าก็ร้อนวูบเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่พี่คินพูดถึง

   “เอาน่าพี่ล้อเล่น ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน”มือใหญ่ขยี้ลงมาบนหัวเบาๆก่อนจะดึงให้ผมเดินตามขึ้นไปยัง
ชั้นบน

   ทำไมกันนะผมถึงได้รู้สึกว่าที่ตัวเองคิดว่ารู้จักพี่คินดีพอมันเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ผมรู้จักพี่เขาเท่านั้น ผมได้แต่เดินตาม
เจ้าของแผ่นหลังกว้างนั้นไปโดยที่ใจยังคงว้าวุ่นกับสิ่งที่ได้เห็นและได้ยิน




(แก้) ขอบคุณทุกคอมเม้นติชมจ้าาาาา หึหึ ฟิ้วววววววว (เสียงลมพัด) บรู๊วววววว (เสียงหมาหอน)
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2016 18:10:56
พี่คิน สืบเรื่องเกี่ยวกับรัมภ์
พ่อรัมภ์ หรือเปล่า  :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 24-08-2016 01:48:34
มาอย่างสั้นๆและค้างคา :katai1: :mew4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 23-08-59 ❤ บทที่ 21 ความลับที่เก็บซ่อน ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-08-2016 09:33:51
เหมือนหย่อนระเบิดทิ้งไว้ ค้างงง :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 27-08-2016 18:27:54
บทที่ 22 จัดการนางฟ้า

   ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับตาข้างหนึ่งได้ถูกปิดเอาไว้ให้มองไม่เห็น หูข้างหนึ่งถูกปิดเอาไว้ไม่ให้ได้ยินไม่ให้รับรู้ในสิ่งที่ต้องการ
ราวกับการนั่งดูละครเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยรู้เลยว่าเบื้องหลังของมันเป็นมาอย่างไร

   “พี่ไปทำงานก่อนนะ อย่าดื้อล่ะแล้วก็กินยาด้วย”น้ำเสียงนุ่มหูสั่งทิ้งท้ายเอาไว้

   “ครับ”ผมพยักหน้ารับ ฝืนยิ้มออกไปทั้งที่ความจริงแล้วการยิ้มให้ใครสักคนมันช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น

   “น้ารัมภ์ ทำไมน้ารัมภ์ไม่ไปส่งน้องณินล่ะ ไหนน้ารัมภ์สัญญาว่าจะไปส่งน้องณินไงคับ”น้องณินหน้ามุ่ย มือเล็กๆจับมือของ
พี่คินเอาไว้แน่น

   “ไม่อยากให้น้องณินไม่สบายน่ะ ถ้าอยู่ใกล้กันจะไม่สบายไปด้วยนะรู้ไหม”ยื่นมือไปลูบหัวน้องณินเบาๆ

   “ไปได้แล้วไอ้ตัวแสบ”พี่คินดึงมือน้อรินให้เดินตามไปที่รถ

   ผมได้แต่ทอดมองรถคันใหญ่เคลื่อนตัวห่างออกไปอย่างช้าๆจนลับตา ถอนหายใจให้กับคำโกหกของตัวเองเพื่อแลกกับ
บางสิ่งบางอย่างที่ต้องการ พักใหญ่ที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น คิดในเรื่องที่มันยังคงค้างคาใจ พยายามตอกย้ำตัวเองว่าทำไมต้องคิด
แต่ยิ่งพยายามสลัดมันให้หลุดเท่าไรมันเหมือนจะยิ่งตามมารุมเร้าให้ผมอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเป็นเท่าตัว

   “รัมภ์เห็นนายหัวบอกว่ารัมภ์ปวดหัวไม่สบาย กลางวันนี้พี่ทำข้าวต้มกุ้งให้กินเอาไหม”พี่นุ่มถามพลางยื่นยาแก้ปวดหัวมาให้

   “ไม่เป็นไรครับ แค่ปวดหัวเดี๋ยวกินยาก็หาย”ผมแสร้งยิ้มออกไปพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาโดยมีสายตาพี่เลี้ยงของน้องณิ
นมองอยู่ไม่ไกล

   รายการทีวีก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆนำเสนอแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆ และไม่นานหลังจากที่พี่คินออกไปทำงานฟางก็จะแอบ
หลบไปอู้งานเหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ แต่นั่นก็เป็นการดีที่ตัดตัวปัญหาไปได้หนึ่งเหลืออีกหนึ่งคือพี่นุ่มที่ยังล้างจานอยู่ใน
ครัว

   “พี่นุ่มครับ พอจะมียาลดกรดรึเปล่า”ถามพลางเดินเข้าไปใกล้พี่นุ่มที่ยืนเช็ดจานเก็บใส่ตู้

   “เอามาทำอะไรเหรอ พี่คิดว่าไม่มีนะเหมือนจะหมด ปกติก็ไม่มีใครใช้อยู่แล้ว”

   “งั้นเหรอครับ พอดีผมรู้สึกแน่นท้องนิดหน่อย”แสร้งพูดออกไปเพราะสำรวจดูดีแล้วว่าในตู้ยาไม่มียาลดกรดที่ว่าอยู่เลย
   “อืมเอาไงดี งั้นเดี๋ยวพี่ใช้ให้ใครไปซื้อให้ดีกว่านะ รัมภ์แน่นท้องมากไหม หรือจะให้พี่โทรเรียกหมอนทีมาดูให้”

   “ไม่เป็นไรครับ แค่พี่นุ่มไปซื้อยาลดกรดให้ผมก็พอ ผมไม่อยากให้คนอื่นไปเพราะกลัวว่าจะซื้อมาผิดยี่ห้อที่ผมกินประจำ
น่ะ”

   “เอางั้นเหรอ งั้นพี่ฝากดูบ้านหน่อยนะ เดี๋ยวพี่รีบไปแล้วรีบมา”พี่นุ่มพยักหน้าเมื่อผมบอกยี่ห้อยาลดกรดไป

   ไม่นานหลังจากพี่นุ่มออกไปซื้อยาลดกรดให้ บ้านหลังนี้ก็ตกเข้าอยู่ความเงียบงัน เหลือเพียงแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่
หน้าประตูของห้องครัว จ้องมองตู้เก็บกุญแจสำรองของบ้าน ผมไม่รู้ว่ากุญแจดอกไหนเป็นดอกที่ผมต้องการ รู้แค่ว่าไม่ว่ายังไงก็
จะต้องรู้เรื่องทุกอย่างให้ได้ ลางสังหรณ์มันกำลังจะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คนรอบตัวพยายามปิดบังเอาไว้นั้นมันเกี่ยวข้องกับตัว
ผม

   กุญแจทุกดอกในตู้ถูกหยิบออกมาหมด ผมภาวนาว่าขอให้หนึ่งในนี้สามารถไขห้องเพียงห้องเดียวในบ้านหลังนี้ที่ถูกล็อก
เอาไว้ตลอดเวลาได้ กุญแจที่เสียบเข้าไปในรูกุญแจนั้นกำลังสั่นไม่แพ้กับก้อนเนื้อที่อยู่ในอกของผม และเหมือนโชคจะเข้าข้าง
เมื่อกุญแจแรกที่ซุ่มเลือกขึ้นมาสามารถปลดล็อกบานได้

   บานประตูค่อยๆถูกเปิดออกอย่างช้าๆสิ่งแรกที่เห็นคือเตียงนอนขนาดใหญ่เด่นหราอยู่กลางห้อง เพียงก้าวแรกที่เดินเข้าไป
ผมก็รับรู้ได้ถึงขนาดของห้องที่ใหญ่จนห้องที่ผมใช้อยู่นั้นเทียบไม่ติด ด้านนอกมีระเบียงไม่ทอดยาวออกไปให้เห็นชายหาดซึ่ง
ห้องที่ผมใช้อยู่นั้นไม่มี ข้าวของทุกอย่างและทุกชิ้นถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบบ่งบอกให้รู้ถึงความเอาใจใส่ของเจ้าของห้อง
และที่สำคัญกรอบรูปที่ตั้งอยู่หัวเตียงบ่งบอกให้รู้ถึงสถานะความเป็นเจ้าของห้องที่แท้จริง ตอนนี้ราวกับเรี่ยวแรงของผมมันค่อยๆ
ถูกสูบออกไปจนแทบไม่เหลือ แต่ละย่างก้าวที่ก้าวเข้ามาในห้องนี้มันช่างยากเย็น ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งมองก็
ยิ่งรู้สึกถึงความห่างเหินที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ

   ผมหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานตรงมุมห้อง จ้องมองซองเอกสารที่ถูกวางระเกะระกะมากมายบนนั้นราวกับว่ามันถูกใช้จนนับครั้ง
ไม่ถ้วน ผมตัดสินใจเลือกหยิบซองเอกสารที่อยู่ด้านบนสุดความรู้สึกมันบอกว่าซองนี้เป็นซองเดียวกับซองเมื่อวานที่พี่คินพึ่งจะได้
รับ ข้างในเป็นรูปถ่ายหลายใบที่ถูกแอบถ่ายในระยะไกลๆพอให้เห็นแค่ว่าคนในรูปนั้นเป็นใคร แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมรู้
ว่าคนในรูปนั้นคือพี่ตินกับชาวต่างชาติที่ไม่เคยเห็นหน้า เวลาที่ปรากฏอยู่มุมบนขวาของรูปบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ารูปนี่ถูกถ่าย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำไมพี่คินจะต้องสืบเรื่องของพี่ตินและเกี่ยวข้องอะไรกับชาวต่างชาตินัยน์ตาสีน้ำตาลคนนั้นไหม ผมไม่
เข้าใจเลยสักนิด ยิ่งพยายามปะติดเรื่องราวต่างๆมากเท่าไรมันยิ่งเหมือนกับว่าทุกอย่างมันพันกันเป็นปมเหมือนเส้นด้ายถูกจับมัด
เอาไว้ให้แกะไม่ออก

   มือของผมมันกำลังสั่นและพยายามที่จะเก็บรูปมากมายพวกนั้นกลับเข้าซองดังเดิม ในเวลานี้ผมอยากจะถอยหลังหนีกับ
เรื่องราวที่เป็นเหมือนกับต่อจิ๊กซอที่บางชิ้นขาดหาย แต่มือที่ยื่นออกไปนั้นมันไม่ยอมฟังเลยสักนิด ซองเอกสารอีกซองถูกเปิด
ออกมา มันแทบจะร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นเมื่อข้อมูลมากมายที่ปรากฏอยู่ในนั้นเป็นข้อมูลของคนใกล้ตัว คนที่อยู่ด้วยกันกับผม
มาทั้งชีวิต และเนื้อหาทั้งหมดทุกอย่างที่ถูกระบุอยู่บนแผ่นกระดาษพวกนี้ทำให้ผมหน้าชาราวกับถูกตบนับพันครั้ง ข้อมูลของแม่
ที่ผมไม่เคยรู้ มันบอกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานของแม่ตั้งแต่ตอนที่ผมยังไม่เกิด จนถึงสถานะทางการเงิน ประวัติการรักษา
พยาบาล

   ผมไม่น่าเลย ไม่น่าเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่แรก ถ้าผมไม่เข้ามาผมก็ไม่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรแบบนี้ ไม่ต้องมารับรู้ว่าเอกสารที่
มีเกือบทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเองและทุกคนที่อยู่รอบข้างไม่เว้นแม้แต่ของเพื่อสนิทอย่างวิน ตอนนี้ผมไม่แปลกใจเลยสักนิด
ว่าทำไมพี่คินถึงได้กล้าลักพาตัวผมมา กล้าที่จะกักขังผมเอาไว้แบบนี้ เพราะทุกอย่างเป็นเพราะว่าพี่เขารู้ทุกออย่างที่เกี่ยวกับตัว
ผม มีทุกอย่างที่ผมไม่คิดว่าจะมี แม้กระทั่งรูปถ่ายของแม่กับผู้ชายชาวต่างชาติที่ผมไม่มีวันจะลบภาพของเขาออกไปจากสมอง
ของผมได้เลย

   ทุกอย่างมันคงเป็นเพียงแค่เกม ผมพยายามย้ำคิดย้ำทำตอกย้ำในสิ่งที่ตัวเองคิดทันทีที่บานประตูนั้นปิดลงแทนที่ด้วย
ความเจ็บปวดที่ไม่ต่างอะไรกับการเอาเข็มเป็นร้อยเป็นพันเล่มมาปักเอาไว้ในอก

   ---------------------------------------------------------------------------

   ผมเอากุญแจทุกดอกไปคืนไว้ในตู้กุญแจเหมือนเดิมก่อนจะเดินกลับขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง ทิ้งตัวลงไปบนเตียงนอนที่เต็ม
ไปด้วยความทรงจำในช่วงระยะเวลาสั้นๆ น้ำตาที่เหือดแห้งนานจนไม่รู้ว่าครั้งสุดท้ายที่มันไหลออกมานั้นเมื่อไหร่เวลานี้มันได้
ไหลลงมาอีกครั้ง ภาพที่มองเห็นค่อยๆพร่าเบลอ ความรู้สึกหนาวเย็นจนเข้ากระดูกทำให้ผมต้องขดตัวเองเข้าหากัน ยกมือขึ้น
กอดเข่าตัวเองเอาไว้ ผมเกลียดความลับ เกลียดความลับที่คนรอบตัวพยายามปกปิดเอาไว้ ทั้งแม่ ทั้งพี่คิน หรือแม้กระทั่งพี่ติน

   ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหนหลังจากที่เผลอหลับไปทั้งน้ำตา รู้ตัวอีกทีก็ถูกมือที่ทั้งร้อนทั้งสากลูบลงมาบนใบหน้า
ความรู้สึกมันช่างแผ่วเบาผมควรรู้สึกอย่างนั้นแต่มันกลับตรงกันข้าม

   “ให้พี่พาไปหาหมอไหม”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามทันทีที่ลืมตาขึ้นมา

   รอยยิ้มบางเบาทำไมผมถึงได้คิดว่ามันเป็นเพียงแค่การสวมหน้ากากเพื่อให้เกมได้ดำเนินต่อไป ทำเหมือนคนโง่ที่ไม่ต่าง
อะไรกับตุ๊กตาไขลาน ถูกบังคับให้เดินไปข้างหน้าทั้งที่อยากจะถอยหลัง ผมส่ายหน้าพลางเบือนหน้าหนีมือที่ทาบลงมาบนหน้า
ผาก

   “ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”

   “แต่พี่ไม่คิดว่าอย่างนั้น”ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะจูบซับลงมาบนเปลือกตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้

   “ไม่เป็นไรผมกินยาแล้ว เดี๋ยวก็หายเอง”

   “อย่าพูดอย่างนั้นสิรัมภ์ พี่เป็นห่วงรัมภ์นะรู้ไหม”

   “ผมรู้”รู้ว่ามันเป็นเพียงแค่เกมที่มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่สนุกไปกับมัน สนุกที่ได้รู้ทุกอย่างที่ผมไม่เคยรู้

   “ไปกินข้าวกันดีกว่าจะได้กินยา”พี่คินดึงมือให้ผมเดินตามลงมายังชั้นล่าง และผมก็ยอมตามเกมอย่างว่าง่ายและสุดท้ายก็
คงจะต้องยอมพ่ายแพ้สมกับผลกรรมที่ทำเอาไว้

   คำพูดที่บอกว่ายกโทษให้มันช่างโป้ปดสิ้นดีในเมื่อการแก้แค้นคืนนั้นมันมากกว่านับสิบเท่า

   ผมเฝ้ามองรถคันเดิมขับห่างออกไปเรื่อยๆจนลับตาเช่นเดิม หากแต่ว่าความรู้สึกที่มีอยู่ในใจนั้นมันช่างแตกต่างจากการกระ
ทำโดยสินเชิง



   ------------------------------------------------------------------

   “พี่นุ่มครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”ผมถามในขณะที่กำลังล้างผักใส่ตะกร้าเตรียมทำมื้อเย็นกับพี่นุ่มอยู่ในครัวเมื่อนึก
บางอย่างขึ้นมาได้

   “หืม ได้สิว่าแต่ถามอะไรเหรอ”

   “ผมอยากรู้ว่าห้องพักของคนงานมีกุญแจสำรองไหมน่ะครับ”

   “ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ แต่ถามไปทำไมเหรอ”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่สงสัยว่าถ้าคนงานทำกุญแจหายจะทำยังไง”

   “ก็ต้องมาเบิกกุญแจสำรองไปน่ะแหละ”

   “งั้นเหรอครับ”ผมพยักหน้าตอบรับ “ผมล้างผักตรงนี้เสร็จแล้ว ผมขอไปที่โรงเรือนแปบหนึ่งนะครับ เห็นลุงเมฆบอกว่าพรุ่ง
จะเอานกที่เหลืออยู่ไปปล่อย ผมอยากจะไปดูสักหน่อย”

   “ได้สิ แต่รีบไปรีบมาล่ะ สักพักนายหัวก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ”

   “ครับ”ผมพยักหน้าตอบรับ


   อาศัยในช่วงที่พี่นุ่มเผลอเดินไปยังห้องเก็บของ ค่อยๆเปิดประตูออกอย่างช้าๆมองเห็นตู้เก็บกุญแจสำรองอยู่ข้างประตู ผม
หยิบกุญแจห้องเบอร์ที่ต้องการใส่กระเป๋าก่อนจะปิดประตูลงอย่างเบามือแล้วเดินออกมาแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ผมมั่นใจว่ามันมีอะไรที่ผมอยากจะรู้เกี่ยวกับตัวพี่ตินมากกว่าแหวนที่เหมือนกันกับของผม ถึงแม้ว่าหัวใจที่อยู่ในอกมันกำลัง
สั่นให้กับอนาคตที่ไม่อาจจะล่วงรู้และต้องพ่ายแพ้ให้กับเกมที่ไม่ได้เต็มใจจะเล่น แต่ยังไงผมก็ยังอยากที่จะรู้อยู่ดีว่าเรื่องทั้งหมด
นี้มันเกี่ยวโยงกันยังไง

   อีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลาเลิกงาน ผมเดินขึ้นตึกที่พักคนงานมายังชั้นสามชั้นบนสุดโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นอาจ
จะเพราะเป็นเวลาทำงานจึงทำให้แทบไม่มีคนอยู่ในตึกนี้ ผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องในสุดก่อนหยิบกุญแจที่แอบหยิบมา

   สภาพภายในห้องนั้นไม่ต่างจากครั้งที่แล้วที่ผมเข้ามาสักเท่าไร ต่างกันแค่ว่าเวลานี้มันทั้งเงียบทั้งวังเวงราวกับว่ากำลังอยู่
ในป่าช้า ผมปิดประตูลงและล็อกเหมือนเดิมเพื่อที่จะได้ไม่ผิดสังเกตจากคนข้างนอก ไม่รู้ว่าควรจะต้องเริ่มหาอะไรหรือว่าตรง
ไหนก่อนดี มีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือต้องการรู้ความลับที่ถูกเก็บเอาไว้ทั้งตัวแหวนและเจ้าของแหวน

   ผมเปิดลิ้นชักตู้เก็บของชั้นบนสุดออก ข้างในมีเพียงของใช้เล็กๆน้อยๆ แต่ที่สะดุดตาก็คงไม่พ้นคอนแท็คเลนส์สีดำนับสิบคู่
ที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างในกับแชมพูย้อมปิดผมขาวสำหรับผู้สูงอายุ ผมไม่คิดว่าพี่ตินจะสายตาสั้น และไม่คิดว่าจะมีผมหงอกทั้งที่อายุ
ยังไม่เยอะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ผมสามารถคิดได้ ทว่า

   เสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้นจากด้านในสุดของลิ้นชักที่ผมเปิดค้างเอาไว้ มือถือรุ่นใหม่ยี่ห้อดังไม่ต้องพูดถึงราคาที่
แพงลิบ ไม่มีทางที่คนงานในธรรมดาจะมีทั้งมือถือราคาแพงกับแหวนทองคำขาวได้แน่ๆ ยิ่งพยายามค้นมากขึ้นเท่าไรก็ยิ่งเห็นถึง
พิรุธมากมาย  ผมหยิบโทรศัพท์ที่ถูกตั้งสั่นเอาไว้ขึ้นมาดู หน้าจอเบอร์ของต่างประเทศ ไม่ทันที่จะแย้งกับความอยากรู้ของตัวเอง
มือก็กดรับแล้วยกมันขึ้นมาแนบหู มืออีกข้างยกขึ้นมาแนบเข้าที่แผ่นอกด้านซ้ายของตัวเอง

   “กว่าจะรับได้นะ ตั้งแต่พูดภาษาไทยคล่องก็ไม่ติดต่อกันมาเลยนะ”

   “…”

   “ที่นั้นเป็นยังไงบ้างร้อนใช่ไหมล่ะ รีบจัดการน้องชายของนายแล้วรีบกลับมาที่โรมได้แล้ว นายทิ้งที่นี่นานเกินไปแล้วนะ ว่า
แต่ไม่สะดวกคุยรึไง ทำไมวันนี้นายและเงียบๆล่ะ”

   “อะ อืม”ผมตอบกลับเสียงเบาที่สุดท่าที่จะทำได้ ความรู้สึกกำลังบอกว่าไม่อยากที่จะวางสายนี้ไปในตอนนี้

   “ไม่สะดวกคุยสินะ ยังไงก็จัดการซะให้เรียบร้อยก่อนที่น้องนายสุดที่รักของนายจะมาฮุบกิจการร้อยล้านของพ่อนายก่อน 
จัดการนางฟ้าของนายซะอย่าปล่อยให้นางฟ้าของนายรอดไปได้ล่ะ ฮ่าๆ แค่นี้ล่ะ ฉันแค่จะโทรมาบอกว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะบินกลับ
ไทย แล้วเจอกัน”ในที่สุดปลายสายก็ตัดไป สมองของผมในเวลานี้มันขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง ทว่า

   แกร๊ก!!!!

   เสียงปลดล็อกประตูกับเสียงคนคุยกันจากด้านนอกทำให้ผมสะดุ้ง เหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังล่วงเลยเวลาเลิกงานไปได้
สักพักแล้ว ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปนานโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด รู้ตัวอีกทีก็ดันลิ้นชักกลับเข้าที่อย่างลวกๆ จ้องมองไปยังบ้าน
ประตูที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้ ‘จัดการนางฟ้า’ คำคำนี้มันทำให้ร่างกายของผมสั่นกลัวขึ้นมา

   รู้ตัวอีกทีผมก็เฝ้ามองทุกอย่างจากช่องระบายลมของตู้เสื้อผ้า จ้องมองร่างสูงใหญ่เดินไปหยุดอยู่หน้าตู้กระจกก่อนจะถอด
เสื้อออกเผยให้เห็นแผงอกกำยำและผิวที่ขาวจัดภายใส่เสื้อที่ปิดเอาไว้ ผิวที่ขาวแตกต่างจากคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง ผมไม่แปลกใจ
เลยว่าทำไมพี่ตินถึงเอาแต่ใส่เสื้อแขนยาว เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มกายเบื้องหน้านั้นถูกปลดออกไปจนเกือบหมดเหลือเพียงแค่กางเกงชั้น
ในตัวเดียว

   ผมเริ่มเหงื่อตกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวและเริ่มอึดอัดเพราะอากาศที่มีให้หายใจเริ่มน้อยลงไปทุกทีและภาพตรงหน้าก็
ทำให้ผมชะงัก ดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่พี่ตินกำลังทำ ใบหน้าหล่อโน้มเข้าไปใกล้กระจกก่อนที่นิ้วแข็งแรงจะง้างเปิดเปลือกตา
เอาไว้แล้วหยิบเอาคอนแท็คเลนส์สีดำสนิทออกมาจากนัยน์ตาแล้วเดินมายังตู้เสื้อผ้า

   หัวใจของผมเต้นโครมคราวตนแทบจะหลุดออกมาจากอกเมื่อมือใหญ่นั้นกำลังจับที่ประตูตู้เสื้อผ้าเตรียมจะเปิดออกทว่า
ความใกล้ชิดที่มีเพียงแค่บานประตูตู้เสื้อผ้ากั้นอยู่เท่านั้นทำให้ผมเห็นนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเป็นประกายได้อย่างชัดเจน ประตูตู้เสื้อ
ผ้าค่อยๆถูกแง้มออก ร่างกายของผมมันชาวูบ มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเล็บจิกเข้ากับฝ่ามือจนรับรู้ถึงความเจ็บ แต่
ความเจ็บนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่ใจของผมกำลังรู้สึก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเรียกให้ร่างสูงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าเดิน
ห่างออกไป ได้ยินเสียงพี่นุ่มกับเสียงพี่ตินคุยกันอยู่สักพักก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงอีกครั้ง เห็นพี่ตินเดินถือปิ่นโตกับข้าวไปวางลง
หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะได้ยินเสียงประตูห้องน้ำ

   ผมรอจนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำตกลงกระทบพื้น ค่อยๆเปิดบานประตูตู้ออก จ้องมองไปยังประตูห้องน้ำ มันไม่ต่างอะไรเลย
กับการถูกหักหลังจากคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้

   ผมเดินออกมาจากห้องนั้น เดินออกมาจากตึกที่พักคนงานจากที่เดินอย่างช้าๆก็ค่อยๆเร่งฝีเท้า ถ้าหากเป็นไปได้ผมอยากที่
จะเดินออกไปยังฝั่งตรงกันข้าม เดินออกไปจากที่นี่จะได้ไม่ต้องมารับรู้อะไรอีกเลย หากแต่ว่าโซ่ตรวนเส้นใหญ่มันยังคงดึงรั้งเอา
ไว้ไม่ให้หนีจากเส้นทางที่เลือกไม่ได้

   ภาพตรงหน้าค่อยๆพล่าเบลอเพราะม่านน้ำตาที่ไหลลงมาบดบัง ผมก้มหน้าลงมองเพียงแต่ปลายเท้าที่ก้าวออกไปข้างหน้า
ทั้งที่รู้ว่ามันจะไปสุดอยู่ที่ตรงไหน แต่ก็เลือกที่จะก้าวเดินไป รู้ตัวอีกทีก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแรงที่คุ้นเคย

   ถูกกอดเอาไว้แน่นจนเหมือนจะจมเข้าไปในอ้อมกอดนั้น มือใหญ่ดึงหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของผมให้เงยขึ้นจ้องตอบกับ
ตาคู่คมกริบ ตอนนี้ผมอ่านไม่ออกเลยว่าภายใต้ความอ่อนโยนนั้นกำลังซ่อนอะไรอยู่อีกนอกจากสิ่งที่ผมรู้ อยากจะผลักไสร่างสูง
ใหญ่นี้ออกไปให้ห่างแต่ร่างกายมันก็ไร้เรี่ยวแรงเกินจะต่อต่าน

   “รัมภ์ไปไหนมา เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้”

   “ผม…ไปห้องพักฟื้นมา”โกหกออกไปไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไร เงยหน้าตอบรับปลายนิ้วที่เช็ดน้ำตาให้ทั้งที่อยากจะเบือนหนี

   “พี่ไปตามแล้วทำไมไม่เจอ ตอบพี่สิว่าทำไมถึงร้องไห้”

   “ผม…ผมแค่ฝุ่นเข้าตา”ต้องโกหกอีกกสักกี่ร้อยกี่พันรอบผมก็รู้ รู้แค่ว่าไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้วกับความจอมปลอม
ทั้งหมดที่ทุกคนรอบตัวสร้างขึ้นมา รวมถึงอ้อมกอดนี้ด้วย

   “กลับกันเถอะน้องณินรอกินข้าว”ผมรู้ว่าพี่คินไม่เชื่อที่ผมพูด แต่พี่เขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วจับมือผมดึงให้เดินตามไป ไม่ว่า
ยังไงผมก็เลือกแล้ว ผมเลือกที่จะเดินตามเกมนี้ต่อไป จนกว่าทุกอย่างมันจะจบลง ถึงแม้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายแพ้ก็ตาม





------------------------------------------------------------------------------------------------


อีพี่ติน นางจะมาจัดการนางฟ้าของช้าาานเร้อออออ สองหนุ่มนี่หาเรื่องปวดหัวอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-08-2016 19:00:39
คือบางทีถ้าพี่ทินรู้อะไรก็ควรจะบอกรัมภ์หรือเปล่า

แล้วพี่ตินนี่ยังไงเนี่ย? เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2016 19:07:10
พี่ติน ดูแล้วไม่ใช่ต้องการกำจัดรัมภ์นะ
พี่คิน รักรัมภ์
สืบเรื่องรัมภ์ ก็คงไม่ใช่เพื่อคิดร้าย
หรือเอาชนะรัมภ์
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 27-08-2016 21:20:47
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขี้น #ทีมคิน เสมอนะตัว :o8:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: nekozaa ที่ 27-08-2016 22:17:32
พี่ตินไม่น่าจะทำร้ายน้องตัวเองนาเพราะช่วยชีวิตแทนที่จะปล่อยให้ตาย รึเปล่า  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-08-2016 23:43:43
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 28-08-2016 01:23:46
...เบื่อผู้ใหญ่แล้ว ทีมน้องณินแล้วกันค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 28-08-2016 04:14:48
 o13  จะสั่นไปหนายยยยยน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 28-08-2016 16:13:06
o13  จะสั่นไปหนายยยยยน  :katai1:
สั่นนี่หมายถึงตัวสั่น หรือเนื้อเรื่องสั้น ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-08-2016 16:37:40
ปวดตับ น้องณินน้องมินทร์ปลอบอิป้าที
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-08-2016 08:21:55
ซับซ้อนจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 29-08-2016 10:54:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 22 จัดการนางฟ้า ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-08-2016 13:19:38
อ่านทันแล้ว กำลังดราม่าเลย~
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 30-08-2016 16:17:06
บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ

   น้ำจากฝักบัวไหลผ่านร่างกายตกกระทบบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบจนเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้องน้ำ มันไม่ได้ทำให้หัวของ
ผมเย็นลงบ้างเลยในเมื่อความคิดของผมมันยังคงตีกันวุ่นวาย ไม่ต่างอะไรกับสายน้ำที่กำลังเชี่ยวกราดจนไม่อาจนำสิ่งใดไปขวาง
ให้มันหยุดลง

   “ยังปวดหัวอยู่เหรอ ไม่พูดไม่จาบ้างเลย”เสียงกระซิบถามข้างหูพร้อมร่างกายอันร้อนผ่าวและเปลือยเปล่าเคลื่อนเข้ามา
แนบชิดจากทางด้านหลัง ความร้อนเสมือนกับเอาไฟร้อนๆมาลนทำให้ผมขบริมฝีปากเอาไว้แน่น

   “อืม”ผมพยักหน้ารับ

   “แล้วเมื่อเย็นได้กินยารึยัง”

   เสียงนั้นยังคงกระซิบถามและจูบลงมาบนแก้มชื้นเต็มไปด้วยหยดน้ำ มือใหญ่สอดเข้ามาทางด้านหลังแล้วกอดเอวผมดึง
เอาไว้แนบชิดกับหน้าท้องแข็งแรง ผมได้แต่พยักหน้าเบาๆกับคำถามแบบขอไปที

   ความคิดทุกอย่างมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ผู้ชายชาวต่างชาติในรูปที่ดูสนิทสนมกับแม่จะใช่พ่อของผมไหม ผมไม่กล้าที่
จะตัดสินใจได้เลย ผมไม่กล้าที่จะตัดสินใจว่าพี่ตินต้องการอะไรจากผม น้องชายของพี่ตินคือใครนางฟ้าที่ได้ยินจากปลายสายนั้น
จะใช่ผมอย่างที่คิดเอาไว้ไหม ถ้าหากใช่ผมควรจะทำอย่างไรในเมื่อมันหมายถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาจากคนใกล้ตัวที่
เรียกได้ว่าเคยไว้ใจ คนที่ทำให้ผมยอมที่จะยิ้มออกมาจากใจจริงหลังจากผ่านเรื่องราวที่เลวร้าย ทำให้ผมไม่กล้าที่จะไว้ใจใครอีก
เลย



   “ผมขอถามอะไรพี่อย่างหนึ่งจะได้ไหม”

   “ถามอะไรล่ะ หืม?”ถามกลับมาเสียงเบาทั้งที่มือยังใช้ผ้าขนหนูผืนใหญ่ซับผมที่เปียกชื้นให้ผม

   “พี่เคยบอกว่าพี่มีสิ่งที่ต้องการจากผม”ผม พยายามกลืนก้อนน้ำลายที่เหนียวหนืด “ตอนนี้พี่ได้มันแล้วหรือยัง”

   และเหมือนกับคำถามของผมทำให้พี่คินชะงักมือเอาไว้ ผมไม่อาจจะรู้ได้ว่าสีหน้าของเขาเป็นอย่างไรในเมื่อตอนนี้ผมกำลัง
หันหลังให้กับพี่เขา ความเงียบค่อยๆคืบคลานเข้ามาขวางกั้นระหว่างเราสอง

   “สิ่งที่พี่ต้องการ พี่ได้มันมาแล้ว”

   เสียงทุ้มที่เกือบเบาตอบกลับมา มันยิ่งทำให้ผมกัดริมฝีปากแน่นกับคำตอบ สัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนที่ทาบทับลงมาบนแผ่น
หลังด้านซ้าย ทั้งที่คำตอบที่ได้รับมันน่าจะทำให้ผมดีใจที่ในที่สุดพี่คินก็ได้สิ่งที่ต้องการ แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่มัน
กำลังหมายถึงผมไม่จำเป็นสำหรับพี่เขาอีกต่อไปแล้วในเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ

   “ถ้าอย่างนั้น…จะเป็นอะไรไหมถ้าผมอยากจะกลับบ้าน”

   “มันไม่สำคัญว่าพี่จะได้มันมาแล้วหรือยัง ยังไงซะตอนนี้รัมภ์จะต้องอยู่กับพี่ที่นี่ห้ามไปไหนทั้งนั้นรู้ไหม”

   “สามเดือนใช่ไหมครับ”

   “ตอนนี้เวลามันไม่สำคัญแล้ว สำคัญก็แค่รัมภ์เท่านั้นที่สำคัญที่สุดสำหรับพี่”พูดจบแขนแข็งแรงก็สวมกอดเข้ามาจากทาง
ด้านหลัง

   ผมถูกดึงให้เข้าไปในอ้อมกอดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน จมูกโด่งก้มลงมาคอเคลียที่ซอกคอก่อนจะฝัง
ลงมาแล้วสูดหายใจ ก่อนจะเกยคางลงมาบนลาดไหล่

   “ครับ”

   ผมได้เพียงแค่ตอบรับเพียงเท่านั้นกับคำโป้ปดที่ออกมาจากริมฝีปากที่เฝ้าจูบผมครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากว่าผมสำคัญอย่าง
ที่พูดออกมาจริง ทำไมพี่เขาถึงได้เก็บความลับทั้งหมดเอาไว้โดยที่ไม่บอกผม ทำไมถึงไม่ยอมบอกแม้กระทั่งเรื่องของพ่อผมที่
พยายามสืบอยู่ ผมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจว่าคนที่อยู่ในรูปนั้นจะไม่ใช่พ่อ อย่างน้อยการที่ไม่รู้ว่าพ่อหน้าตาเป็นยังไงยังดีกว่าการที่
ต้องมีภาพของพ่อติดตาอยู่ตลอดเวลาแบบนี้

   -------------------------------------------------------------------------------------

   “พี่นุ่มเดี๋ยวผมจะไปโรงเรือนนะครับ”

   “หืม ทำไมล่ะ ผ่านนี้แล้วแดดก็ร้อน อีกอย่างลุงเมฆก็เอานกไปปล่อยหมดแล้วนี่”พี่นุ่มหันมาถามขณะเรากำลังนั่งดูละคร
ตอนบ่ายกันอยู่

   “พอดีผมลืมของเอาไว้”

   “หึ มัวแต่คิดถึงผู้ชายออยู่ล่ะสิ ถึงได้ลืมนู่นลืมนี่”

   “เอะแกนี่ปากนะปาก”พี่นุ่มหันไปต่อว่าฟางที่พูดแทรกขึ้นมาด้วยความไม่พอใจแทนทันทีก่อนจะปาหมอนอิงใส่สาวเจ้าที่นั่ง
เบ้ปากมองมาที่ผม

   “ก็มันจริงไหมล่ะ ไม่รู้ว่าจะไปเอาของหรือไปหาผู้ชายกันแน่ จงใจลืมรึเปล่าก็ไม่รู้ พี่ตินก็ยิ่งหล่อๆอยู่ด้วย”

   “แล้วถ้าบอกว่าจงใจล่ะ จะทำไม”ผมถามกลับด้วยสีหน้าอันเฉยชา เบื่อเต็มทีกับท่าทีของฟางที่แสดงต่อพี่คิน

   “ใครจะไปกล้าทำไมกับคนโปรดของนายหัว”

   “ปากมากเกินไปแล้วนังฟาง หุบปากแล้วดูละครไปเถอะน่า”

   “ระวังเถอะจับปลาสองมือตัวที่จับได้ก่อนหน้ามันจะหลุดเข้าให้สักวัน”พูดจบฟางก็เชิดหน้าใส่

   “แล้วถ้าปลาที่ปล่อยไปมันว่ายกลับมาหาเองล่ะ จะต้องทำยังไง พอจะบอกได้ไหม”คำถามของผมทำให้ทั้งฟางและพี่นุ่ม
หันกลับมามองผมอีกครั้ง

   “คนที่รอจะจับอยู่มันไม่รอให้ปลาตัวนั้นว่ายกลับไปหรอกนะจะบอกให้”

   “งั้นก็ดี จับให้อยู่ล่ะถ้ามีโอกาสได้จับ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่จ้องจะจับปลาของคนอื่นมันจะจมน้ำตายเอา”

   ผมยอมรับว่าที่พูดออกไปนั้นเกิดจากความรู้สึกหึงหวงและไม่พอใจ ไม่พอใจที่ฟางจ้องจะเข้าใกล้พี่คิน ไม่พอใจที่ฟาง
พยายามพูดราวกับว่าผมนอกใจไปหาคน สีหน้าหน้าของพี่นุ่มนั้นซีดเผือดจนเห็นได้อย่างชัดเจนก่อนที่ผมจะเดินออกมา



   แดดข้างนอกร้อนจัดจนทำให้ผมเหงื่อตก ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ผุดซึมออกมา ถ้าหากเจอแดดแบบนี้หลายวันติดกันผิวที่
ขาวจัดคงจะขึ้นกระเหมือนอย่างเคย ในที่สุดผมก็เดินมาถึงโรงเรือนทั้งที่สภาพเหงื่อโทรมกาย เสื้อยืดที่ใส่อยู่นั้นเปียกชื้นจนแทบ
จะบิดให้เหงื่อไหลหยดออกมาได้

   ผมผลักประตูห้องพักฟื้นเข้าไป เป็นอย่างที่คิดว่าข้างในไม่มีใครอยู่สักคนเพราะนกที่ฟักตัวออกมาจากไข่ถูกปล่อยคืนหมด
แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีคนเฝ้าห้องนี้ตลอดเวลาเหมือนอย่างเคย  ผมเดินเข้าไปด้านในสุดที่โต๊ะทำงานของลุงเมฆ จ้องมอง
เครื่องมือสื่อสารสีขาวที่ผมมักจะมองมันตลอดแต่ไม่มีโอกาสจะได้ใช้เพราะถูกเฝ้ามองตลอดเวลา

   ผมยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดหมายเลขที่คุ้นเคยลงไปบนแป้น ได้ยินเสียงสัญญาณรอสายดังขึ้น หัวใจของผมมันเต้น
แรงจนแทบหลุดออกมาจากอกเมื่อปลายสายนั้นตอบรับ

   ‘ฮัลโหล’

   “แม่…นี่รัมภ์เอง”ผมควบคุมไม่ให้เสียงของตัวเองสั่นได้เลยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เสียงที่ผมไม่ได้ยินมาร่วมเดือนทั้งที่
เกิดเหตุการณ์ร้ายๆกับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน

   ‘รัมภ์เองเหรอ ว่าไงลูกงานที่นั่นยุ่งมากไหม’

   “ยุ่งนิดหน่อย รัมภ์ขอโทษที่ไม่ได้โทรหาแม่บ้างเลย”

   ‘ไม่เป็นไร แค่แม่ได้ยินเสียงรัมภ์แม่ก็สบายใจแล้ว ว่าแต่นี่เอาเบอร์ที่ทำงานโทรมาเหรอ ยังไม่ได้ซื้อโทรศัพท์ใหม่อีกรึไง
แม่บอกแล้วไงว่าเงินเดือนไม่ต้องโอนมาให้แม่แล้ว แม่ไปเช็คเงินในบัญชีเห็นรัมภ์โอนเงินเดือนเข้ามาให้แม่ ทำไมรัมภ์ถึงไม่เก็บ
เอาไว้ใช้เองล่ะ’

   “รัมภ์…ไม่อยากให้แม่ลำบากไง แม่จะได้ไม่ต้องปิดร้านดึกๆ”ตอบโกหกออกไปทั้งที่เงินพวกนั้นผมไม่ได้รู้เรื่องกับมันเลย
สักนิด

   ‘ตั้งแต่มีคนมาสั่งทำข้างกล่องกับแม่ทุกวันแม่ก็ไม่ค่อยได้เปิดร้านถึงดึกแล้วล่ะ’

   “ดีแล้ว”

   ‘ว่าแต่โทรมามีอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงรัมภ์ของแม่ถึงได้เนือยๆล่ะ’

   “ไม่มีอะไรหรอกรัมภ์ก็แค่…”ผมเงียบเพื่อรวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ต้องการออกไป “แม่”

   ‘ว่าไง หืม? วันนี้มาแปลกนะเรา’

   “รัมภ์ขอถามอะไรแม่อย่างหนึ่งได้ไหม”


   ‘ได้สิถามมาเลย ทำไมต้องขอแม่ด้วยล่ะ’

   “แม่บอกรัมภ์หน่อยได้ไหมว่าพ่อเป็นใคร”ในที่สุดก็ถามออกไปจนได้ มือข้างซ้ายยกขึ้นมาแนบอก สัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจที่
เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก ทว่าปลายสายนั้นตกสู่ความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจที่ดังลอดออกมา

   ‘รัมภ์ไม่เคยถามแม่ ทำไมจู่ๆถึงได้ถามล่ะ’จู่ๆเสียงของแม่ก็แข็งขึ้นมาทันที

   “แม่บอกรัมภ์ได้ไหม ตลอดเวลารัมภ์ไม่เคยถามแม่เรื่องพ่อเลย รัมภ์ขอถามแม่แค่ครั้งเดียว รัมภ์แค่อยากรู้ว่าพ่อเป็นใคร…
แค่นั้น”

   ‘รัมภ์ แม่ไม่รู้นะว่าทำไมจู่ๆรัมภ์ถึงได้อยากรู้ขึ้นมา แต่ว่า…’

   “นะแม่ รัมภ์ขอร้อง…รัมภ์ขอแค่ได้รู้ชื่อของพ่อ”ในเวลานี้เสียงของผมมันสั่นจนเกือบสะอื้นออกมา ปลายนิ้วจิกลงบนเสื้อ
แน่นจนมันยับยู่ยี่ รอคอยคำตอบท่ามกลางความเงียบงันของแม่

   ‘พ่อของลูกชื่อ อัลเบอร์โต้ บาร์โธโลมิว ’

   สิ้นเสียงของแม่มันไม่ต่างอะไรเลยกับการถูกฟ้าผ่าลงมาจนร่างกายมันชาไปทั้งตัว ผมปล่อยให้หูโทรศัพท์ร่วงหลุดลงไป
จากมือกระทบกับแป้นวางหูจนสายสัญญาณขาดหาย ชื่อของผู้ชายคนนั้นที่วนเวียนอยู่ในหัวของผมมันดังก้องในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ชื่อของผู้ชายในรูปที่เจอในห้องของพี่คิน

   

   “คราวหลังถ้าจะแอบใช้โทรศัพท์ก็ล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นจะถูกจับได้เอานะ…รู้ไหม”



   น้ำเสียงอันเย็นเยือกทำให้ผมสะดุ้งเฮือก รู้ตัวอีกทีเอวก็ถูกรวบเอาไว้ให้หยุดนิ่ง ได้ยินเสียงลมหายใจเป่ารดลงมาที่หู ก่อน
ที่มืออีกข้างของเขาจะเอื้อมมือหยิบหูโทรศัพท์ที่ตกไปวางลงบนแป้นดังเดิม   แขนที่โอบกอดรอบเอวนั้นทำให้ผมไม่กล้าขยับ ลม
หายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอยิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่กล้าแม้แต่เอ่ยปากพูดอะไรออกไปเมื่อสิ่งที่ได้ยินจากโทรศัพท์ทางไกล
ในวันนั้นทำให้ผมนึกกลัวเขา

    “ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลยนะ”น้ำเสียงนั้นมันทั้งเยาะเย้ยและหยอกล้อไปในเวลาเดียวกัน

   แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเมื่อริมฝีปากร้อนนั้นกดลงมาบนต้นคอ ทาบลงมาเบาๆก่อนจะเน้นย้ำ ความตกใจ
ทำให้ผมผละตัวออกจากอ้อมแขนนั้น จ้องมองใบหน้าของพี่ตินด้วยความตระหนก

   “จะ จะทำอะไรน่ะ”

   “ก็แค่จะบอกว่าคราวหลังให้รัมภ์หัดระวังตัวมากกว่านี้”พี่ตินไหวไหล่พูดด้วยสีหน้าที่ต่างออกไปจากเดิม ทั้งเฉยชาและ
เยือกเย็น

   ผมถอยหลังหนีเมื่อร่างสูงเบื้องหน้ายืนกันประตูเอาไว้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ถอยจนหลังไปชิดเข้ากับชั้นเก็บของที่อยู่ริม
ห้อง และมันยิ่งทำให้ตกใจเมื่อในมือของพี่ตินถือมีดคัดเตอร์เอาไว้

   “พี่…คิดจะทำอะไรกันแน่”

   “ทำไมถึงถามพี่อย่างนั้นล่ะ”

   “อย่าเข้ามานะ…ถ้าไม่อย่างนั้น”

   “ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำไม หืม?”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนริมฝีปากหยัก

   อ่านไม่ออกเลยมีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มที่ดูน่ากลัวนั่น รู้แค่สะดุ้งอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่แตะลงมาบนอกก่อนที่พี่คินจะ
โน้มตัวเข้ามาใกล้ดันให้ผมชิดกับชั้นเก็บข้องด้านหลัง มือที่ถือคัตเตอร์อยู่ยื่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ความหวาดกลัวทำให้ร่างกาย
ของผมแข็งทื่อจ้องมมองของมีคมนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันจะเลื่อนผ่านหน้าผมไปแล้วถูกวางลงในกล่องที่อยู่ด้านหลัง

   “ไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง ตอนนี้แดดมันร้อน”พูดจบข้อมือก็ถูกดึงให้เดินตามออกไปจากห้อง เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

   “ไม่เป็นไรผมกลับเองได้”ผมบอกไปด้วยความระแวง พยายามที่จะดึงมือกลับ แต่มือของพี่ตินกลับกำเอาไว้แน่น

   “แต่พี่อยากไปส่ง ไปเถอะไม่ต้องเกรงใจ แดดตอนบ่ายมันร้อน รู้ไหมว่าผิวของชาวต่างชาติแบบนี้มันจะเสียเอาง่ายๆเลยนะ
เดี๋ยวพี่กางร่มไปส่งเอง”

   “ผม…ไม่เป็นไร”

   “อย่าดื้อสิ โตแล้วไม่ใช่รึไง”ฝ่ามือใหญ่ลูบลงมาบนหัวของผมแรงๆก่อนจะเอื้อมไปหยิบร่มที่วางอยู่ข้างประตูโรงเรือน

   ทำไมกันนะทุกคนถึงได้ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่เบื้องหลังกำลังซ่อนความลับมากมายเอาไว้อยู่ ผมเดินตาม
แรงดึงที่ข้อมืออย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามดึงมันเท่าไรก็ไม่ยอมหลุด พอเพ่งมองไปยังเรือนผมสีดำสนิทในระยะใกล้ ไม่
แปลกใจเลยว่าโคนผมจะมีสีน้ำตาลอ่อนขึ้นใหม่ออกมา จริงๆแล้วคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ต้องการอะไรจากผมกันแน่

   ผมจ้องมองร่มที่กางให้เงามาทางผมเพียงคนเดียวมาจนถึงหน้าบ้าน แต่แล้วสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างสูงที่ยืนรออยู่
หน้าบ้าน ใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้นดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมเดินมากับพี่ติน

   พี่คินเดินเข้ามาหาผมกับพี่ตินโดยไม่พูดไม่จา ตาคู่คมจ้องมองมือของพี่ตินที่กำข้อมือของผมเอาไว้แน่น ก่อนที่ผมจะถูก
ดึงให้เดินตามเข้าไปในบ้าน ทว่ามือของพี่ตินนั้นกลับไม่ยอมปล่อยในขณะที่แขนอีกข้างของผมกำลังถูกพี่คินดึงเอาไว้ให้เดิน
ตาม ทั้งผมและพี่คินชะงักจ้องมองไปทางพี่ติน

   “ปล่อยมือจากรัมภ์”พี่ตินเค้นเสียงบอก แต่ดูเหมือนว่าคำสั่งนั้นจะไม่ได้ผลเมื่อพี่ตินยังคงจับข้อมือของผมเอาไว้แน่นและ
ไม่ยอมปล่อย ใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มนั้นกำลังจ้องตอบพี่คินอย่างไม่สะทกสะท้าน

   “จะไม่ชมกันหน่อยเหรอครับ อุตส่าห์เอามาคืนให้แบบไม่มีร่องรอย”พูดจบพี่ตินก็ไหวไหล่จ้องมองไปทางร่มที่ถือค้างเอา
ไว้

   “คงไม่ต้องขอบใจกันหรอก ในเมื่อมันเป็นหน้าที่ของคนงานทุกคนในฟาร์มที่ต้องคอยดูแลรัมภ์ไม่ต่างอะไรกับการให้ความ
เคารพกับฉัน หวังว่านายคงจะเข้าใจ”

   “นั่นสินะครับ ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอตัวไปทำงานต่อแล้วล่ะ ขอตัวนะครับนายหัว”พี่ตินยอมปล่อยมือจากข้อมือผมก่อนจะ
ก้มหัวให้พี่คินเล็กน้อยแล้วเดินจากไป



   “ไปไหนมา”เสียงที่ดูแข็งเล็กน้อยถามเมื่อมาถึงห้องนอน

   “ผมไปเอาของที่ลืมเอาไว้”

   “แล้วไหนล่ะของ”

   “คือ…ผมหามันไม่เจอ”ผมโกหกออกไป

   “พี่เคยบอกรัมภ์เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วใช่ไหม พี่ไม่ชอบให้รัมภ์อยู่ใกล้กับติน”

   “มีเหตุผลอะไรที่พี่ไม่อยากให้ผมอยู่ใกล้กับพี่เขาล่ะ”เอาแต่บอกว่าไม่ชอบให้ผมอยู่ใกล้ แต่ไม่เคยบอกผมเลยสักครั้งว่า
เพราะอะไร ตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะต้องกลัวใครก่อนดีระหว่างพี่ตินกับพี่คิน

   “พี่บอกก็ฟังบ้างสิ”

   “จะให้ผมฟังทั้งที่มีไม่มีเหตุผลมันไม่ดูเอาแต่ใจไปหน่อยรึไง”ผมพูดออกไปอย่างเหลืออด อึดอัดจนแทบบ้าเมื่อเรื่องทุก
อย่างมันพันกันยุ่งเหยิงแต่พี่คินก็ไม่เคยที่จะบอกอะไรกับผมเลยสักคำ


   “พี่ไม่ไว้ใจเขา”

   “แล้วสำหรับพี่ล่ะ ผมไว้ใจได้ไหม ผมไว้ใจพี่ได้รึเปล่า”

   “รัมภ์จะต้องไว้ใจพี่”

   “จะให้ผมไว้ใจพี่ได้ยังไง”ในเมื่อตัวพี่เองก็มีความลับกับผมมากขนาดนี้ ทั้งที่รู้เรื่องพ่อของผม รู้ว่าใครเป็นพ่อของผมแต่พี่
กลับไม่บอกผมสักคำ กลับปล่อยให้ผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่แบบนี้

   “พี่ขอแค่ให้รัมภ์ไว้ใจพี่”

   “ผม…จะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”

   “แล้วพี่ล่ะ…ไว้ใจรัมภ์ได้รึเปล่า…ไว้ใจในสิ่งที่รัมภ์ให้พี่มาได้รึเปล่า”พูดจบฝ่ามือร้อนก็แตะลงมาที่ต้นคอ ปลายนิ้วเกลี่ยลง
มาบนคอของผมแล้วกดเน้นย้ำลงมาเบาๆ มันจะไม่อะไรหากว่าตรงนั้นไม่ใช่ตำแหน่งเดียวกับที่พี่ตินจูบลงมา

   “ผมปวดหัว ผมอยากนอนพัก”ผมผละตัวออกมาก่อนจะเดินเข้ามาในห้องน้ำ ทิ้งให้สายตาที่ดูตัดพ้อจ้องมองตามจนประตู
ห้องน้ำปิดลง





ไม่รู้ว่ามันสั้นรึเปล่าเนอะ แต่ละตอนของนิยายเรื่องนี้มีควมยาวประมาณ 10 หน้า A4
ถ้ายังไงก็บอกซินได้นะจะได้ลงให้ยาวกว่านี้เนอะ ยังไงก็ขอบคุณทุกคอมเม้นทุกกำลังใจนะคะ
อย่าพึ่งเบื่ออรัมภ์กันนะ คนเขียนผิดไปแล้วเจงๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 30-08-2016 17:36:07
เฮ้ออออ อึดอัดแทนรัมภ์อะ คนรอบตัวไม่น่าไว้ใจสักคนเดียว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 30-08-2016 20:56:31
-
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-08-2016 21:28:26
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 31-08-2016 04:25:20
ยาวๆๆๆ กว่านี้น้า มันไม่สาแก่ใจเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-08-2016 06:07:22
พี่ติณ นี่เป็นลูกเลี้ยงพ่อของรัมภ์หรือเปล่า
คนในมือถือให้กำจัดนางฟ้า แต่พี่ติณคงไม่คิดกำจัดแล้ว
เพราะพี่ติณ ดูมีท่าทีกับรัมภ์เกินน้องชาย
มีทำรอยที่คอด้านหลังรัมภ์ให้พี่คินเห็นซะด้วย
พี่คิน ถ้าไม่บอกความจริงกับรัมภ์
คงไม่ได้รับความไว้วางใจจากรัมภ์อีก
ใครจะชอบคนรักที่มัความลับกับตัวเอง
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 31-08-2016 06:40:20
รอบตัวมีแต่คนมีความลับ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 30-08-59 ❤ บทที่ 23 ไม่ไว้ใจ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 31-08-2016 08:37:48
เราว่ารัมภ์ควรรู้ความจริงได้แล้ว มันยืดไปอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 05-09-2016 18:37:46
บทที่ 24 ย้อนกลับ

   แอ๊ดดดด

   เสียงเปิดประตูปลุกให้ผมลืมตาขึ้นไปมองยังต้นเสียงท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟด้านนอกเท่านั้นที่ส่องให้เห็นเสี้ยว
หน้าคมกร้านกำลังจ้องมองมาทางผม ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความง่วง หลังจากที่ผมกลับมาจากโรงเรือนเราสองคนค่อนข้างไม่
เข้าใจ และยิ่งร้ายไปกว่านั้นก็คือหลังจากนั้นผมไม่เห็นพี่คินอีกเลยแม้กระทั่งเวลากินมื้อเย็น

   นาฬิกาบนผนังห้องบอกเวลาตีสอง กลิ่นเหล้าลอยคละคลุ้งเข้ามทันทีที่ร่างสูงใหญ่นั้นเดินเข้ามาใกล้ อะไรบางอย่างมันสั่ง
ให้ผมลุกขึ้นจากที่นอน ทว่าร่างก็กดลงให้จมลงไปบนที่นอนนุ่ม ถูกทาบทับด้วยร่างกายที่ใหญ่กว่า

   “จะ ทำอะไร”

   ผมร้องถามออกไปด้วยความตกใจ ยิ่งใกล้ชิดมากเท่าไรกลิ่นเหล้าที่ติดตัวมายิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว มือให้พยายามดึงทึ้งเสื้อ
ของผมให้หลุดออก อีกมือก็ฉุดขอบกางเกงของผมให้ร่นลงต่ำไปกองอยู่ที่ข้อเท้า

   “หยุดนะ ผมไม่อยากทำ”

   ผมไม่เข้าใจว่าจู่ๆทำไมพี่คินถึงได้กลับมาในสภาพที่เมามายขนาดนี้ และยิ่งไม่เข้าใจในการกระทำที่เกิดขึ้น จมูกโด่งซุก
ไซร้ลงมาบนต้นคอ มือหยาบกร้านฟอนเฟ้นไปทั่วแผงอกแล้วบีบเคล้นจนรู้สึกเจ็บ แต่นั่นไม่เท่ากับฟันคมที่กดน้ำหนักลงมาบน
ต้นคอ

   “ฮึก ผม เจ็บ อย่ากัด มันเจ็บ”

   แรงจนรู้สึกได้ว่าฟันคมนั้นกดลงมาบนผิวหนัง ผมใช้มือผลักอกของพี่คินให้ลุกออกไป แต่ไม่ว่ายังไงฟันที่ยังคงกดลงบน
ผิวเนื้อนั้นยังคงเน้นย้ำให้รู้สึกเจ็บแสบ รู้สึกตัวอีกทีร่างกายก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อปลายท่อนเนื้อร้อนกำลังจดจ่ออยู่ที่ปากทางเข้า
โดยที่ยังไม่ได้เตรียมการ

   “ยะ อย่า ผมไม่อยากทำ”

   ยิ่งร้องห้ามเท่าไรก็ดูเหมือนว่าพี่คินจะไม่ฟังเอาเสียเลย กว่าที่ฟันคมนั้นจะปล่อยออกมาจากคอผม ใบหน้าหล่อเหลาที่จ้อง
มองมาในความมืดนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ สายตาคมกร้านที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความตัดพ้อและโกรธเคือง

   “อยู่เฉยๆ พี่ไม่ชอบให้รัมภ์ขัดขืน”

   เสียงแหบพร่าที่ยานคางพูดกึ่งตะคอกข้างหู ซึ่งนั้นทำให้ผมสะดุ้งด้วยความกลัว มือข้างหนึ่งของพี่เขาจับแขนผมเอาไว้ไม่
ให้หนี บีบมันแน่นจนเจ็บ

   “ปล่อยผม ผมบอกว่าผมไม่อยากทำ พี่กำลังเมา”

   “รัมภ์ไม่มีสิทธิปฏิเสธพี่ พี่ทำทุกอย่างก็เพื่อรัมภ์ อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ว่ารัมภ์คิดจะหนีพี่ไป”

   “พี่กำลังพูดอะไร ปล่อย”ผมผลักเอวสอบที่พยายามกดลงมาแนบชิดออกแต่ไม่ว่ายังไงมันก็คงไม่ขยับ ปลายแก่นกายร้อน
ผ่าวไม่ต่างอะไรท่อนเหล็กร้อนๆกดเข้ามาที่ปากทางเข้า มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บหน่วงจนต้องนิ่วหน้าเบี่ยงตัวหลบไม่ให้พี่เขาได้ใน
สิ่งที่ต้องการ

   “พี่บอกให้อยู่เฉยๆไง อย่าให้พี่ต้องจับรัมภ์มัดเหมือนเมื่อก่อนนะ เข้าใจไหมคนเก่ง”

   “ผมไม่เข้าใจ และผมก็ไม่ทำ อย่ามาทำกับผมแบบนี้”

   “รัมภ์เองก็อย่ามาทำกับพี่แบบนี้!!”สิ้นเสียงท่อนเนื้อที่ร้อนผ่าวก็ดันเข้ามาด้านในโดยไม่ฟังคำร้องห้าม ความรู้สึกเจ็บจนจุก
ทำให้ผมต้องเกร็งตัวจิกปลายเท้าลงบนที่นอน จิกเล็บลงบนลาดไหล่หนาเพื่อคลายความเจ็บ

   “เจ็บ ผมเจ็บ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฮึก”

   “อย่าคิดที่จะหนีพี่ไป อย่าปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ง่ายๆ อย่าทำให้พี่เสียใจอีกไม่ได้รึไง”

   คำพูดที่พูดออกมาดูเหมือนจะตัดพ้อมันช่างตรงข้ามกับการกระทำสิ้นดี ท่อนเนื้อร้อนเริ่มขยับโดยไม่ฟังเสียงกรีดร้องของ
ร่างกายผมเลยแม้แต่น้อย ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายตัดพ้อ ใครกันแน่ที่ต้องเป็นฝ่ายไม่พอใจ ในเมื่อการะกระทำที่ราวกับว่าผมเป็น
สัตว์เลี้ยงได้กลับมาอีกครั้ง และด้วยเหตุผลที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หัวใจของผมมันกำลังเจ็บจนรู้สึกว่ามันแตกเป็นเสี่ยงๆ

   ขาทั้งสองข้างถูกจับให้ตอบรับร่างกายที่สอดแทรกเข้ามา ต้นคอถูกกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนผิวเนื้อฉีกออก ความรู้สึกที่แสนจะ
หยาบโลนกำลังเหยียบย่ำความรู้สึกอันอ่อนโยนที่เคยมีมา มันกำลังฉุดดึงให้ผมเดินย้อนกลับไปในเส้นทางเดิมอีกครั้ง

   -------------------------------------------------------------------------------

   “สบายใจได้แผลที่คอไม่ลึกมาก ระหว่างนี้ก็อย่าพึ่งให้แผลโดนน้ำ เหลือแค่ทำความสะอาดเช้าเย็น แล้วก็กินยาแก้อักเสบ
ที่ให้ไว้”หมอนทีบอกเสียงเรียบหลังจากปิดผ้าพันแลให้ผมเสร็จ ก่อนจะหันไปเก็บกล่องอุปกรณ์

   “ขอบคุณครับ”

   “ไปทำอะไรให้เขาโกรธล่ะ ถึงได้เป็นขนาดนี้”

   “ผมไม่รู้”ผมตอบกลับไปเสียงเบา ตาจ้องมองไปยังนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย สุดท้ายแล้วก็ถอยหลังกลับมาที่เดิม ถูก
มองด้วยสายตาที่เมินเฉย ถูกกระทำด้วยการกระทำที่หยาบกระด้างไม่ต่างอะไรกับตอนที่มาที่นี่ในครั้งแรก

   “ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ถ้าหากไม่มีอะไรไปกระตุ้น”

   “ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไร”

   “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น จริงๆแล้วเจ้านั่นเป็นคนใจดี แต่ติดอยู่แค่อย่างเดียวคือเป็นคนหวงของ ไม่ชอบให้
ใครมาแตะต้องของที่ตัวเองรัก”

   “ผมไม่รู้หรอกครับ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”ผมบอกทั้งที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง

   “แต่บางทีพี่ว่ารัมภ์ก็น่าจะรู้เอาไว้ว่าที่เจ้าทำไปมันมีเหตุผล ไม่ได้มีเจตนาร้าย”

   “ผมไม่รู้หรอกว่าอย่างไหนเรียกว่าดีหรือร้าย”

   “เอาเถอะ ค่อยๆคุยกันก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวพี่ต้องไปเข้าเวร”

   “ครับ”ผมตอบรับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือเจตนาอะไรที่ทำให้พี่คินทำกับผมเหมือนเดิมแบบนี้ แต่ผมไม่คิดที่จะใส่ใจมันอีก
แล้วกับเวลาที่เหลืออยู่

   ----------------------------------------------------------------------

   ผมเลือกที่จะตามหาความจริงจนถึงที่สุด ถ้าหากจะต้องพ่ายแพ้กับเกมที่ตัวเองได้เริ่มขึ้น ผมก็ขอพ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรี
ยังจะดีกว่า ประตูไม้ห้องพักคนงานชั้นสามถูกผลักเข้าไปออย่างช้าๆ ห้องเดิมที่ผมเคยแอบเข้ามาเมื่อครั้งก่อน และครั้งนี้ผมจะ
ต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดให้ได้ว่าจริงๆแล้วเจตนาของพี่ตินคืออะไร แล้วเกี่ยวข้องกันยังไงกับผมและพ่อ

   สภาพในห้องยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง กลิ่นอายของพี่ตินยังคงอบอวลอยู่ในห้องๆนี้ ผมเริ่มค้นทุกซอกทุกมุมอย่าง
ละเอียด โทรศัพท์ราคาแพงยังคงวางทิ้งอยู่ที่เดิม และทุกอย่างก็ดูจะไม่มีอะไรผิดปกติเว้นเสียแต่กล่องกระดาษที่ถูกซุกเอาไว้
ด้านสุดในของชั้นวางของ

   พอเปิดกล่องกระดาษออกก็พบกระเป๋าเงินกับหนังสือเดินทางอยู่ข้างใน ผมเอกที่จะหยิบหนังสือเดินทางออกมาดูเป็น
อันดับแรก และทันทีที่เปิดมันออก เพียงเสี้ยววินาทีที่กวาดตามอง ชื่อที่ปรากฏก็ทำให้มือของผมมันเหมือนกับชาจนของที่อยู่ใน
มือร่วงหล่นลงไปบนพื้น   Alberto Destino (อัลเบอร์โต้ เดสติโน่)

   ทันทีที่ได้สติก็รีบก้มตัวลงเก็บของพวกนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง มือทั้งสองข้างจู่ๆก็สั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากขบเม้ม
เข้าหากันแน่อย่างไม่เชื่อสายตา อัลเบอร์โต้ เดสติโน่ ชื่อนามสกุลจริงของพี่ติน นามสกุลที่เหมือนกับของพ่อ ทำไมพี่ตินถึงได้ใช่
นามสกุลเหมือนกับพ่อ? พอดูรูปที่ปรากฏอยู่ในหน้าของหนังสือเดินทาง ความแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างสีผมกับสี
ของนัยน์ตามันทำให้ผมเริ่มที่จะปะติดเรื่องร่างทุกอย่างเข้าหากัน อะไรบางอย่างกำลังบอกว่าพี่ตินกับผมมีความเกี่ยวข้องกัน
มากกว่าที่ติดเอาไว้ บางทีผมกับพี่ตินอาจจะเป็น…   แอ๊ดดดดด

   ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นให้ผมได้กันไปมองด้วยความตกใจและสบตาเข้ากับดวงตาคู่คมที่
ซ่อนอยู่ภายใต้คอนแท็กเลนส์สีดำสนิท

   “เห็นจนได้สินะ”

   เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นขณะที่ตากำลังจ้องมองของที่อยู่ในมือของผม ร่างสูงใหญ่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ทันทีที่ดันประตูให้มันปิด
ลง

   “ยะ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วย”

   “เอาสิ ถ้ารัมภ์ร้องพี่ไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

   “พี่เป็นใครกันแน่ มาที่นี่ทำไม”พี่ตินเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆกดดันให้ผมถอยหลังมาจนมุมที่ริมห้อง


   “เดี๋ยวรัมภ์ก็รู้เองว่าพี่ต้องการอะไร ตามมาเงียบๆล่ะ อย่าเอะอะ ไม่งั้นพี่จะไม่รับรองว่ารัมภ์จะได้กลับบ้านไปเจอแม่”

   “มะ พี่หมายความว่ายังไง อย่ามายุ่งกับแม่ผมนะ!!”

   “ถ้าไม่อยากให้พี่ยุ่งก็ตามมาเงียบๆ”มือใหญ่จับเข้ามาที่ต้นแขนก่อนจะออกแรงดึงให้เดินตาม

   “จะพาผมไปไหน”

   “บอกให้เงียบก็เงียบสิ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้ายังไม่รู้เรื่องทุกอย่าง”


   “งั้นพี่ก็ไม่รับประกันว่ารัมภ์จะกลับบ้านไปเจอบ้านโล่งๆไม่อยู่คนอยู่ไหม”
   “อย่ามายุ่งกับแม่ของผม!!”

   “งั้นก็ตามมา”



   สุดท้ายก็ถูกดึงให้เดินกลับมาที่บ้านริมทะเล ข้อมือที่ถูกจับเอาไว้ถูกบีบจนแน่น ไม่ว่าจะพยายามขืนตัวเท่าไรก็ต้องเดินไป
ตามแรงดึง

   “หือ? ทำไมมาด้วยกันล่ะ”พี่นุ่มยิ้มทักทายพี่ตินทันทีที่เห็นหน้า

   “ผมขอกุญแจรถหน่อยสิ พอดีรัมภ์อยากให้ช่วยพาไปซื้อของในเมืองน่ะ”

   “ในเมืองเลยเหรอ ทำไมไม่รอให้นายหัวกลับมาก่อนล่ะ ให้นายหัวพาไปไม่ดีกว่าเหรอ”พี่นุ่มหันมาถามพลางจ้องมองมือที่
จับข้อมือผมเอาไว้ด้วยสีหน้าสงสัยไม่ต่างอะไรกับฟางที่กำลังมองอยู่เหมือนกัน

   “รัมภ์บอกว่ารัมภ์รีบใช่น่ะ ใช่ไหม”พี่ตินหันมาขอความเห็น ตาคู่คมหรี่ตามองคล้ายกับจะบังคับให้ผมตอบอย่างที่ตัวเอง
ต้องการ

   “คะ ครับ”ผมพยักหน้า เบือนหน้าหนีอย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าใครอยากได้อะไรก็ต้องบังคับกันทั้งนั้น

   “งั้นรีบกลับมานะ ไม่อยากให้นายหัวกลับมาแล้วไม่เจอรัมภ์”

   “ไม่รับปาก”พี่ตินตอบทีเล่นทีจริงก่อนจะรับกุญแจมาถือเอาไว้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าเหมือนกำลังพูดหยอกพี่นุ่ม
แต่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่


   ------------------------------------------------------------------------
   “พี่จะพาผมไปไหน”ผมถามเมื่อรถขับออกมาจากฟาร์มได้พักใหญ่และมันค่อนข้างไกลจนเริ่มเป็นกังวล

   “เดี๋ยวก็รู้”

   “แต่ฝนใกล้จะตกแล้ว”จากแดดแรงๆเมื่อครู่เมฆเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มก้อนบ่งบอกให้รู้ว่าฝนแรกของฤดูกำลังจะตก

   “อย่างห่วงเรื่องฝนเลย ห่วงเรื่องของตัวแองดีกว่า”พี่ตินหันมาตัดบท

   นานนับครึ่งชั่วโมงจนรถมาจอดหน้าร้านอาหารในตัวเมือง ร้านอาหารอิตาเลียนที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายบอกบอกถึงความ
เป็นตะวันตก

   “ลงมาสิ”

   “ไม่ครับ ถ้ามีอะไรก็คุยกันตรงนี้”

   “พี่ไม่มีเวลามากหรอกนะ อย่าทำตัวเป็นเด็กได้ไหม”พูดจบก็ดึงให้ผมเดินตามเข้าไปในร้าน และก็ต้องประหลาดใจที่
พนักงานในร้านต่างก็ทักทายและยิ้มรับพี่ตินราวกับว่าคุ้นเคยกันดี

   “นั่งสิ”พูดพร้อมกันดันให้ผมนั่งลงยังโต๊ะด้านในสุดของร้านที่เป็นมุมส่วนตัว

   “จะบอกผมได้รึยังว่าพี่เป็นใคร”

   “ดูท่าจะขี้หึงน่าดู”ไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือมาแกะผ้าพันแผลที่คอของผมออกเพื่อดูแผลที่อยู่ด้านใน

   “อย่ามาแตะผมนะ”ผมปัดมือนั้นออกทันที

   “ไม่แตะก็ได้ เอาเป็นว่าเริ่มเลยก็แล้วกันนะ บางเรื่องรัมภ์อาจจะรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วก็ได้”

   “ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น แล้วก็อยากได้ยินจากปากของพี่เองมากกว่า”ผมตอบไปพลางโยกหัวหลบมือที่ลูบลงมาบนหัว การกระ
ทำที่ดูสบายใจของเขามันช่างขัดแย้งกับสถานการณ์โดยสิ้นเชิง

   “งั้นก็นั่งอยู่เงียบๆแล้วก็ฟังให้ดี”ใบหน้าที่ดูดีหันมาจ้องมองด้วยสายตาจริงจัง “รัมภ์จะต้องเชื่อทุกอย่างที่พี่บอกทั้งหมด
ทุกอย่างตกลงไหม”

   “นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พี่จะบอกผม”ผมตอบกลับ เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานในร้านที่ดูคล้ายกับผู้จัดการร้านส่งซอง
เอกสารสีน้ำตาลให้กับพี่ติน

   “รัมภ์จำเป็นที่จะต้องเชื่อพี่ ผู้ชายคนนี้รัมภ์รู้จักใช่ไหม”รูปถ่ายในซองสีน้ำตาลถูกหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ เป็นรูปในอิริยาบถ
ต่างๆของพ่อที่ผมไม่เคยเห็น

   “ผม…ไม่รู้จัก”ตอบขัดแย้งกับความเป็นจริงออกไป

   “งั้นรัมภ์ฟังให้ดีนะ ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของรัมภ์”พี่ตินพูดเน้นย้ำก่อนจะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาผม “แล้วเขาก็เป็นพ่อของพี่
ด้วย”

   “พี่คงจะเข้าผิด พี่คงยังไม่รู้ว่าผมไม่มีพ่อหรอกนะ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อของผม”

   “ถึงจะพูดอย่างนั้นรัมภ์ก็หนีความจริงที่ว่าเขาเป็นพ่อของรัมภ์ไม่ได้หรอก”

   “เขาไม่ใช่พ่อของผม”

   “ต้องใช่สิถ้ารัมภ์เป็นรัมภ์ ทั้งสีตา สีผมและทุกอย่างเหมือนกับพ่อทั้งหมด”

   “แล้วถ้าเขาเป็นพ่อผมจริงทำไมเขาไม่กลับมาหาผมล่ะ!! ทำไมเขาถึงต้องทิ้งพวกเราไป”ผมตอบกลับไปเสียงดังด้วยความ
เหลืออด มีอย่างที่ไหนที่ทิ้งลูกตัวเองไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาออกมาดูโลก

   “รัมภ์คงจะเข้าใจผิด คนที่ทิ้งไปคือแม่ของรัมภ์ต่างหาก แม่ของรัมภ์ทิ้งพ่อไปทั้งที่พ่อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่รัมภ์ท้อง”

   “หมาย…ความว่าไง”

   “พี่ถึงบอกให้ฟังเงียบๆไง พ่อกับแม่ของรัมภ์เจอกันตอนที่พ่อมาเที่ยวไทยตอนนั้นพ่อกับแม่พี่แต่งงานกันแล้ว แต่มันก็แค่
การแต่งงานทางธุรกิจ หลังจากที่พ่อกับแม่ของรัมภ์เจอกันพ่อก็ตกหลุมรักแม่ของรัมภ์ แต่จู่ๆแม่ของรัมภ์ก็หนีพ่อไป พ่อเองก็เป็น
แค่นักท่องเที่ยว ไม่รู้ภาษไทยเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มตามหาแม่รัมภ์ที่ไหนเพราะแม่รัมภ์เปลี่ยนทั้งชื่อทั้งนามสกุลเพื่อไม่ให้
พ่อตามตัวเจอ”

   “ทำไมแม่ต้องทำอย่างนั้นด้วย”

   “อาจจะเป็นเพราะว่าแม่ของรัมภ์รู้ว่าพ่อแต่งงานแล้วก็ได้ และตลอดเวลาพ่อก็ไม่รู้เลยว่ามีรัมภ์จนหลายปีที่ผ่านมาแม่พี่เสีย
ไปพ่อถึงได้กลับมาตามหาแม่ของรัมภ์อีกครั้ง แล้วก็ได้รู้ว่ามีรัมภ์เป็นลูกชายอีกคน”

   “ไม่จริง”

   “มันเป็นเรื่องจริง และในระหว่างที่พ่อกำลังส่งพี่เพื่อมารับรัมภ์พี่ก็ได้รู้ว่าก่อนหน้านี้มีคนสืบข้อมูลเกี่ยวกับตัวรัมภ์กับแม่ และ
ยังไม่พอแค่นั้นเพราะตอนนี้คนคนนั้นกำลังสืบข้อมูลของพี่กับพ่ออยู่ด้วย”พี่ตินบอกด้วยท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมาทันที และผมก็รู้ได้
ทันทีว่าคนคนนั้นคือพี่คิน “พอรู้ตัวอีกทีรัมภ์ก็ถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ พี่พูดถูกไหมว่ารัมภ์กำลังถูกผู้ชายคนนั้นขังเอาไว้”

   “นั่นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมอยากจะรู้”ผมเบือนหน้าหนี หลุบตาลงจ้องมองแก้วน้ำในมือ

   “ทำไมรัมภ์ถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ ทำไมถึงไม่หนีทั้งที่มีโอกาส รัมภ์รู้ไหมว่าพี่กับพ่อเป็นห่วงรัมภ์แค่ไหน”

   “พี่ไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมหนีไป”ผมยังจำโซ่ตรวนที่ตรึงผมเอาไว้ไม่ให้หนีได้อย่างดี ความเยือกเย็นของมัน
แล่นพล่นไปถึงกระดูกยามที่ผิวของโลหะกระทบลงมาบนผิวเนื้อ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นสำหรับเวลาที่กำลังหมดลงนี้ เพราะความ
รักที่ยังดึงรั้งผมเอาไว้ต่างหากที่ทำให้ผมอยากจะอยู่ต่อถึงแม้ว่าใจกำลังถูกเยียบย่ำด้วยหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ก็ตาม

   “พี่จะพารัมภ์กับแม่ไปอยู่ด้วยกันที่โรม อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวของเรา”

   “จะให้ผมเชื่อพี่ได้ยังไงว่ามันจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ ทำไมพี่ถึงพึ่งมาบอกผมล่ะทั้งที่เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว”แล้วอีกอย่าง
โทรศัพท์สายนั้นที่ผมรับมันก็บอกให้พี่ตินกำจัดผมให้พ้นทางซะก่อนที่ผมจะไปแย่งกิจการของพ่อ ทั้งที่ก่อนหน้าผมไม่รู้เลยด้วย
ซ้ำว่าพ่อเป็นใคร ไม่รู้แม้กระทั่งหน้าตา และไม่มีวันที่ผมจะต้องการกิจการอะไรนั่น

   “ที่พี่ไม่บอกตั้งแต่แรกเพราะว่าพี่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับรัมภ์ พี่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไรจากรัมภ์ถึงได้ทำแบบนี้
แต่พี่แค่อยากให้รัมภ์เชื่อพี่เพราะพี่เป็นพี่ชาย ไปกับพี่เถอะนะ แล้วจะไม่มีใครกล้ามาทำอะไรกับรัมภ์อีก”

   “ผมยังเชื่อพี่ไม่ได้หรอก และมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปจากที่นี่”

   “ทำไมล่ะ ทั้งที่ดูก็รู้ว่าไม่มีความสุข คิดว่าพี่รู้สึกยังไงที่เห็นน้องชายถูกทำร้ายแบบนี้”

   “ผมจะยังไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าเวลาของผมจะหมดลง”ผมบอกเสียงเบาพร้อมกับยกมือขึ้นมาแตะผ้าปิดแผลที่ต้นคอ
   “ก็ได้…แต่ถ้ามันมากกว่านี้เมื่อไร ถึงรัมภ์จะไม่ยอมไปพี่ก็จะใช้วิธีเดียวกันกับเขาเพื่อให้รัมภ์ไปด้วยกัน”

   “ไม่ต้องหรอก ถึงเวลาแล้วผมจะเป็นฝ่ายไปเอง และพี่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะเรียกร้องอะไรจากพ่อ ผมแค่อยากจะเจอหน้า
เขาเท่านั้น เมื่อผมเจอพ่อแล้วผมก็จะกลับมาใช้ชีวิตของมผมตามปกติ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าผมจะแย่งอะไรของพี่หรอกนะครับ”

   “รัมภ์พูดถึงเรื่องอะไร แย่งอะไร”

   “เรื่องที่เพื่อนพี่พูดถึงไง ธุรกิจของพ่อที่พี่กลัวผมจะแย่งจนต้องกำจัดผมให้พ้นทาง”ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วสุดท้าย
ผมก็เลือกที่จะพูดออกไปในที่สุด ทั้งกลัวและทั้งสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้

   บรรยากาศภายนอกร้านเริ่มมืดครึ้ม ลมพัดแรงจนต้นไม้ปลิวลู่ไปตามตม ฝนเริ่มตกตกปรอยลงมาและมีทีท่าว่าจะหนักขึ้น

   “รัมภ์เอาเรื่องอะไรมาพูด”พี่ตินขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจ

   “โทรศัพท์ในห้องของพี่ มีคนโทรเข้ามาผมก็เลยรับ เขาบอกให้พี่รีบกำจัดนางฟ้า ซึ่งนั่นก็คือผมไม่ใช่รึไง”

   “ไปกันใหญ่แล้ว”มือใหญ่ยกขึ้นมากุมขมับ “รอพี่อยู่ตรงนี้ล่ะ อย่าไปไหน”พี่ตินบอกพร้อมกับหายไปทางหลังร้าน

   ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะดันให้คนคนนั้นนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม

   “รัมภ์นี่ริค เป็นเพื่อนคนไทยและครุสอนภาษาไทยของพี่ที่โรม ริคนี่รัมภ์น้องชายของฉัน”

   “นี่น่ะเหรอนางฟ้าของนาย สวัสดีฟาตา”ริคแนะนำตัวพลางยื่นมือมาทักทาย

   “ครับ”ผมรับคำทั้งที่ยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ยื่นมือให้จับแต่โดยดี

   “เสียงนี้ใช่ไหมที่บอกให้พี่จัดการรัมภ์”


   “ใช่”ผมพยักหน้าเพราะเสียงของผู้ชายตรงหน้าเหมือนกับเสียงปลายสายในวันนั้นไม่มีผิด

   “นายกำลังทำให้น้องชายฉันเข้าใจผิดฉันอยู่ เลิกพูดสักทีว่าน้องนายฉันจะโผล่มาแย่งกิจการของพ่อน่ะ”

   “โอ้ เรื่องนั้นฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ฉันแค่พูดเล่นน่ะ”ริคหันมาหัวเราะร่วนจับมือของผมขึ้นมาแล้วจุมพิต

   “ทะ ทำอะไรของพี่น่ะ”ผมรีบชักมือกลับ

   “ฉันว่านายไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ อย่ามาลวนลามน้องชายของคนอื่นต่อหน้าพี่ชายของเขา”ไม่พูดเปล่ากลับถลึงตาใส่
เพื่อนตัวเอง

   “ก็แค่ทักทายน่า เอาเป็นว่ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน”

   “คราวนี้ก็หายข้องใจแล้วใช่ไหม”มือใหญ่วางลงมาที่หัวพร้อมกับลูบไปมา “รู้ไหมว่าพ่ออยากเจอรัมภ์มากแค่ไหน ครั้งรกที่
พี่เจอรัมภ์พี่ก็นึกถึงพ่อขึ้นมาทันทีเลยล่ะ รัมภ์กับพ่อเหมือนกันมาก”

   “ผมก็ไม่รู้หรอก”ผมเบือนหน้าหนีจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่ฝนกำลังตกหนัก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อรถที่จอดอยู่หน้าร้าน

   “บ้าเอ้ย!! Figlio di puttana (เวรตะไล)”พี่ตินสบถออกมาเป็นภาษาแปลกๆ ก่อนที่ประตูร้านจะเปิดออกตามมาด้วยร่างสูง
ใหญ่ของคนที่เปียกฝนชุ่ม

   

   “กลับบ้านกับพี่เดี๋ยวนี้!!”




ข------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็รู้ความจริง และพระเอกของเราก็ถูกใส่ความโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกแล้ว โฮ๊ะๆๆ ตอนนี้ยาวรึยัง ยาวกว่าปกติห้าเอสี่เลยนะ
   
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-09-2016 19:47:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 05-09-2016 20:01:33
หืออออ ก่อนหน้านี้เข้าใจพี่ตินผิดหรือเนี่ย?

แต่พี่คินก็ควรจะพูดจากันให้รู้เรื่องไหมล่ะ ทำไมต้องใช้กำลังกับน้องตลอดเลย แย่ๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2016 20:15:28
โอละพ่อเลย .........
รู้เรื่องทางพี่ติน แล้ว
แต่มันถูกต้อง จริงหรือ :katai1:
ทางพี่คิน ก็ดุดัน โหด เถื่อนขึ้นมาอีก
เพราะอารมณ์ถูกกวนขึ้นมา
กลัมรัมภ์จะหนี เฮ้อ.....มีอะไรก็ไม่พูดกัน
มันจะเข้าใจกันได้อย่างไร
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: โซ อึน ที่ 06-09-2016 06:46:54
 :z10:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-09-2016 07:49:31
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-09-2016 07:59:03
สงสารรัมภ์...
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 06-09-2016 10:29:15
หนีเลยน้องรัมภ์! อุ๊ป!!
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: zabzebra ที่ 06-09-2016 15:15:11
สงสารพี่คินค่ะ
เป็นคนที่จมปรักกับรักเดิมๆ เจ็บเป็นปีๆแต่เค้าไม่สนใจเลย
พี่คินรักขนาดนี้ รัมภ์ก็ยังจะไม่ยอมรับใจตัวเองยังจะหนีอีก
โอ้ยยย สงสารพี่คิน ทำดีก็แล้ว ทำเลวก็แล้ว เค้าก็ไม่สนใจ เหมือนไร้ค่ากว่าอีกนะนิ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 06-09-2016 19:38:55
พี่คินต้องเปิดใจพูดความจริงกับรัมย์ถ้าไม่อยากเสียรัมย์ไป
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-09-2016 03:47:26
พี่คินมันจะกลับไป sm อีกรึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 07-09-2016 09:26:07
กำลังไล่ตามอ่าน พลาดหลายตอนอีกเเระ เฮ้ออออ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 07-09-2016 12:42:10
เราสงสารรัมภ์นะ

แต่สงสารคินมากกว่า เป็นผู้ชายที่มั่นคงในรักมาก โดนรัมภ์หักหลัง หลอกให้รักแล้วทิ้ง ก็ยังจะรักมั่นคง เข้ามาถาม เข้ามาเซ้าซี้ ให้รัมภ์กลับมาคบเหมือนเดิม
พอรัมภ์ไม่ยอมกลับมาคบด้วย ก็จับมาเลย เราว่าคินเจ็บกว่ารัมภ์นะ เจ็บมาหลายปีแล้วด้วย รัมภ์มีทางเลือก เลือกที่จะรักและคบคินต่อ หรือเลิก ซึ่งรัมภ์เลือกที่จะเลิก
ส่วนคินไม่มีทางเลือกเลย เพราะรัมภ์เลือกไปแล้ว

ทำไมรัมภ์ไม่พูดความรู้สึกออกไป คินรักขนาดนี้ รัมภ์ก็รักคิน ก็บอกไปเลย คบกันไปเหอะ เรื่องในอดีตไม่ต้องไปสนใจ คินเองยังดูไม่สนใจเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 07-09-2016 23:23:07
ว๊าคคคคคคคคคคคค ตามอ่านทันเเล้ว สมัยเรียน ป.ตรี นี้ยังไม่ขยันเท่านี้เลย 5555555555
ละอายเเก่ใจ ขอโทษอาจารย์ด้วยคะ กร๊ากๆๆๆ
ฉันร๊ากกกกกนายหัว ฉันร๊ากกกกพี่คิน ฉันอยากเเย่งจากรัม 555555555 /ตบตีกันคะ

พลาดมาหลายตอนเเล้ว ต่อไปเลาจะไม่พลาด เลาอยู่#ทีมพี่คินคนโหดโคตรรักเมียค่ะ
นางเป็นพระเอกที่ดีต่อใจ นางรักของนาง นี้กำลังเปิดเพลง เจ็บเเค่ไหนก็ยังรักอยู่ อินหนักไปอีก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 05-09-59 ❤ บทที่ 24 ย้อนกลับ [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Achew ที่ 08-09-2016 04:31:29
พลาดนิยายเรื่องนี้ได้ไงงงงงงง
ไม่ผิดหวังที่เข้ามาจริงๆ
เราคิดว่านิยายแต่ละตอนก็ยาวสำหรับเราแล้วนะคะ เขียนดีมากด้วย แปลกใจที่ยอดวิวน้อย
เขียนต่อไปนะคะ อย่าน้อยใจนี่รออ่านอยู่เด้อ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 08-09-2016 15:38:59
บทที่ 25 ศึกชิงนาย

   “พี่คิน!”ผมหลุดเรียกชื่อออกมามาเสียงเบาเมื่อร่างสูงในสภาพเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนปรากฏอยู่ตรงหน้า

   รู้ตัวอีกทีข้อมือก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้แน่นแล้วดึงให้ลุกขึ้นมาให้ผละออกมา ทว่าแขนอีกข้างก็กลับถูกดึงเอาไว้ด้วยใครอีก
คนที่พาผมมาที่นี่ ผมหันกลับไปจ้องมองพี่ตินที่จับมืออีกข้างของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยสัมผัสได้ถึงแรงบีบเล็กๆเหมือนกับว่าไม่
ว่ายังไงก็จะไม่ยอมปล่อยมือไปจากผมเด็ดขาด

   “ปล่อยมือรัมภ์”

   “แล้วถ้าผมไม่ปล่อยล่ะครับ”พี่ตินตอบด้วยน้ำเสียงยียวน ไม่จบเพียงแค่นั้น มืออีกข้างยังยื่นมาเกี่ยวเอวเอาไว้แล้วรั้งให้
เข้าไปหาราวกับว่ากำลังกอด

   และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าของพี่คินไม่พอใจมากกว่าที่เป็นอยู่ ใบหน้าคมกร้านจ้องมองมาทางผมเต็มไปด้วยความเคืองโกรธ
มือที่ขับแขนของผมเอาไว้กระชับแน่นและเริ่มออกแรงดึง

   “ฉันบอกให้ปล่อยมือจากรัมภ์”เสียงทุ้มต่ำเค้นออกมาราวกับว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่ใกล้จะปะทุออกมาเต็มทน

   สถานการณ์ที่เลวร้ายในเวลาที่สภาพอากาศเลวร้ายไม่แพ้กันเริ่มทำให้พนักงานในร้านและลูกค้าที่ติดฝนหันมามองด้วย
ความสนใจ

   “เป็นคุณต่างหากที่ต้องปล่อยมือจากรัมภ์นายหัวภาคิน คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่าการที่รัมภ์ต้องมาอยู่ที่นี่มันเป็นเพราะอะไรถ้า
ไม่ใช่เพราะการกระทำของคุณ”

   “แล้วนายล่ะ เจตนาที่นายมาที่นี่เพราะอะไร ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของฉัน”

   “คุณคงเผลอลืมไปนะครับ ว่ารัมภ์เป็นคนไม่ใช่สิ่งของที่คุณจะขโมยมาแล้วเก็บเอาไว้ได้ง่ายๆ”

   “ขโมยงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ขโมย!!”

   ผล๊วะ!!

   สิ้นเสียงหมัดหลุ่นๆก็กระแทกลงบนใบหน้าของยียวนเต็มแรงจนพี่ตินเซถอยหลังออกไปและยอมปล่อยมือออกจากแขน
และเอวของผม

   “พอได้แล้ว พี่ทำอะไรของพี่!! ทำไมถึงต้องใช้กำลังด้วยล่ะ”ผมหันไปปรามพี่คินด้วยความตกใจ

   “รัมภ์อย่ามาเข้าข้างคนอื่นต่อหน้าพี่”

   “ผมไม่ได้เข้าข้าง แต่มันคือความจริง”ผมสะบัดแขนออกจากมือที่กุมไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะผละออกไปดูพี่ติน ต้นแขนก็ถูก
ดึงเอาไว้อีกครั้ง คราวนี้ทั้งดึงทั้งกระชากให้ผมเซไปตามแรงดึง

   “ปล่อยผม!!”

   “กลับไปกับพี่เดี๋ยวนี้!!”

   เสียงกึ่งตะคอกสั่งพร้อมกับดึงให้ผมเดินตามออกไปนอกร้านทั้งที่ฝนยังคงตกอยู่ ถึงแม้พยายามขืนเอาไว้ แต่แรงที่มี
มากกว่าก็ทำให้ผมถูกลากมาที่รถในสภาพเปียกปอนจนได้

   “ไม่ได้ยินรึไงว่ารัมภ์บอกว่าให้ปล่อย”

   ผลั๊ว!!

   พี่ตินไม่ได้แค่พูดห้ามแต่ยังปล่อยหมัดคืนไปที่ใบหน้าของพี่คินจนเซไปประแทกกับรถที่จอดอยู่

   “ต่อให้นายเกี่ยวข้องกับรัมภ์ยังไงฉันก็ไม่สน คนที่ไม่เคยมีตัวตนอย่างนายอย่าบังอาจก้าวเข้ามาในชีวิตของรัมภ์”พี่คินไม่
ได้แต่ตอบแต่กลับเดินเข้าหาพี่ตินพร้อมกับเตรียมปล่อยหมัดคืน

   “หยุดได้แล้ว!!”

   ผมเข้าไปคั่นกลางเอาไว้ก่อนที่ทั้งสองคนจะปะทะกันอีกครั้ง ครั้งนี้ริคเองก็เข้ามาช่วยห้ามพี่ตินเอาไว้อีกแรง

   “ปล่อยฉัน ฉันจะสั่งสอนหมอนี่เองว่าใครกันแน่ที่ต้องปล่อยมือจากรัมภ์”พี่ตินยังคงไม่ยอมหยุดและพยายามจะขืนตัวออก
จากริคที่คุมเชิงเอาไว้


   “พอเถอะ ผมบอกพี่แล้วไงว่าผมเลือกที่จะอยู่ต่อ”ผมบอกพี่ตินออกไปเสียงเบา สัมผัสได้ถึงร่างกายที่ร้อนผ่าวของร่างสูงที่

ยืนอยู่ด้านหลังท่ามกลางสายฝนที่ร่วงโรยลงมา “ให้ผมอยู่ต่อเถอะนะ”

   “มาถึงขนาดนี้รัมภ์ยังจะอยู่ต่ออีกรึไง”พี่ตินถามออกมาเสียงดัง ตาคู่สีดำสนิทมองผ่านไปที่คนข้างหลังผมเขม็ง “ก็ได้ พี่จะ
รอรัมภ์จนกว่าจะถึงเวลานั้น”ประโยคหลังบอกออกมามาเสียงเบา ใบหน้าบ่งบอกถึงความผิดหวังที่ผมเลือกที่จะไปกับพี่คิน มือ
ใหญ่ค่อยๆเอื้อมเข้ามาใกล้ใบหน้า

   ทว่าก่อนที่มันจะสัมผัสลงมาบนใบหน้า ร่างของผมก็ถูกดึงให้ถอยหลังก่อนที่ปลายนิ้วนั้นจะแตะลงมา ถูกดันให้เข้าไปในรถ
และขับออกมากจากร้านโดยที่ไม่ทันได้บอกลาให้กับพี่ชายที่พึ่งจะรู้ว่ามี

   มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อกับสิ่งที่ผมไม่เคยคิดที่รอคอย ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมสิ้นหวังกับพ่อที่ไม่เคยเห็นหน้า สิ้นหวังกับ
ครอบครัวที่มีแม่เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่พอมาวันนี้กลับมีคนที่ผมสามารถเรียกเขาได้ว่าว่าพี่ชายโผล่เข้ามาในชีวิต มีพ่อที่ยัง
รอคอยและคาดหวังที่จะเจอผม ความรู้สึกนี้มันช่างเอ่อล้นและทำให้หัวใจของผมมันปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียนออกมา

   ผมควรจะเชื่อความหวังดีของพี่ตินไหม ผมได้แต่ถามตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่รถแล่นไปข้างหน้าท่ามกลางสายฝน
ที่เทกระหน่ำ ไม่รู้ว่าสิ่งที่รอคอยอยู่ข้างหน้าคืออะไรในเวลาที่เหลืออยู่นั้นมันหมดลง ผมได้แต่มองสายฝนที่กระหน่ำลงมาเบื้อง
หน้า รถแล่นบนถนนด้วยความเร็วน่าหวาดเสียวตามแรงอารมณ์ของคนขับ ผมรู้ดีว่าพี่คินไม่พอใจ ในบรรยากาศของความเงียบ
มันกำลังบอกอย่างนั้น


   “ขับช้าลงหน่อยได้ไหมครับ ผมว่าพี่ขับเร็วไป”ผมบอกด้วยเสียงเรียบ พยายามข่มความกลัวและความน้อยใจเอาไว้ ทว่า
แทนที่รถจะแล่นไปข้างหน้าช้าขึ้น แต่มันกลับจอดลงข้างทางและไม่มีทีท่าว่ามันจะเคลื่อนไปบนทางข้างหน้าที่แทบมองไม่เห็น
ถนน

   “ทำไมถึงจอดล่ะครับ”ผมหันไปถาม แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีของพี่คินที่แสดงออกมา

   ใบหน้าหล่อเหลาฟุบลงบนพวงมาลัย มือทั้งสองข้างกำพวงมาลัยเอาไว้แน่นจนเส้นเลือดผุดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ผมรู้ว่า
พี่เขากำลังพยายามระงับความโกรธแต่ผมเองก็โกรธเช่นกันที่เขาทำราวกับว่าผมเป็นสิ่งของที่ต้องตามมาทวงคืนกลับไป

   “ทำไมรัมภ์ถึงได้ทำแบบนี้”จู่ๆเสียงที่ฟังดูทุ้มต่ำก็ถามขึ้นมา ใบหน้าคมกร้านพลางเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสายตาที่เย็น
ชา

   “ผมทำอะไรผิด?”

   “ถ้าฟางไม่โทรบอกพี่พี่จะรู้ไหมว่ารัมภ์หนีออกมากับเขา”


   “พี่พูดอะไร ผมไม่ได้หนี”ปฏิเสธออกไปเริ่มไม่พอใจเมื่อคิดได้ว่ากำลังถูกใส่ความด้วยคนที่คาดไม่ถึง หายสงสัยทันทีเลย
ว่าทำไมพี่คินถึงได้ตามมาเจอผมกับพี่ตินได้เร็วทั้งที่พึ่งจะออกมาไม่นาน

   “ถ้ารัมภ์ไม่ได้หนีแล้วที่รัมภ์ทำอยู่เรียกว่าอะไร ถ้าฟางไม่บอกพี่ว่าช่วงนี้รัมภ์สนิทกับตินป่านนี้รัมภ์คงจะทิ้งพี่ไปอย่างที่เคย
ทำ”

   “พี่พูดบ้าอะไรของพี่!! มันไม่มากไปรึไงที่ฟังความจากคนอื่นแล้วมาลงกับผมแบบนี้”ผมตอบกลับไปเสียงดัง ทำไมถึงได้
เชื่อฟางมากกว่าผมล่ะ

   “แล้วสิ่งที่พี่เห็นอยู่นี่มันอะไร!!บอกสิว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด”พูดจบก็กระชากแขนของผมเข้าไปหาแล้วเขย่าแรงๆจนผมตัว
คลอน

   “มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด เราก็แค่ออกมาด้วยกัน”

   “พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมไม่ให้รัมภ์อยู่ใกล้เขา ทำไมรัมภ์ถึงไม่เชื่อพี่บ้างล่ะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่ไว้ใจติน”

   “แล้วพี่ล่ะ!!ผมไว้ใจพี่ได้มากแค่ไหนเชียว”

   “รัมภ์ไว้ใจพี่ได้มากกว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวรัมภ์”

   “ไม่จริง ตอนนี้พี่รู้ไหมว่าถ้าเทียบกันแล้ว….”ราวกับสมองขาวโพลนไปหมดเมื่อเวลานี้ผมกลับคิดคำพูดที่จะพูดไม่ออก
“ผมไว้ใจเขามากกว่าพี่ด้วยซ้ำ”ในที่สุดก็พูดออกไปอย่างที่ใจคิดจนได้ แต่ยังพูดไม่ทันขาดคำผมก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อ
มือที่กำรอบแขนอยู่บีบลงมาแน่น

   “ไว้ใจเขามากกว่า? รัมภ์พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม”

   “รู้สิ ผมรู้ตัวดีอยู่แล้ว พี่จะให้ผมไว้ใจพี่ได้ยังไง ในเมื่อนับวันผมยิ่งรู้สึกว่าผมแทบไม่รู้จักพี่เลย”ทั้งที่อยู่ใกล้กันจนแทบไม่มี
ช่องว่างระหว่างกัน แต่ทำไมความรู้สึกมันราวกับห่างเหินจนยากที่จะเอื้อมมือไปคว้าเอาไว้ได้

   “ไม่รู้จัก?  รัมภ์บอกว่าไม่รู้จักพี่ทั้งที่พูดคำคำนั้นออกมาเนี่ยนะ แล้วคำพูดที่รัมภ์บอกพี่ในคืนนั้นมันคืออะไร มันไม่ใจร้ายไป
หน่อยรึไง”ตาคู่คมจ้องมองมาด้วยแววตาตัดพ้ออย่างเห็นได้ชัด

   “คนที่ใจร้ายมันพี่ไม่ใช่รึไง พี่ต่างหากที่เป็นฝ่ายใจร้ายกับผม”ผมพูดเสียงเบา หลุบตาหลบสายตาที่กำลังจ้องมองมา

   “ก็ได้…จะให้มันเป็นอย่างนี้ก็ได้”พูดจบพี่คินก็เปิดประตูแล้วเดินลงไปจากรถทั้งที่ฝนยังตก ผมได้แต่มองตามร่างที่สูงใหญ่
ที่เดิมอ้อมรถมายังฝั่งของผมก่อนที่จะเปิดประตูออก

   “จะทำอะไร”

   “ลงมา!!”เสียงกึ่งตะคอกดังแข่งกับสายฝนที่กำลังเทกระหน่ำ ถูกดึงให้ออกไปจากรถก่อนที่จะถูกผลักให้เข้ามาในรถอีก
ครั้งทางเบาะหลัง

   “พี่จะทำอะไร”ผมได้แต่ถามย้ำโดยที่ถูกผลักให้เข้าไปด้านในตามมาด้วยร่างใหญ่กว่าตามมาติดๆ

   ความรู้สึกอะไรบางอย่างมันส่งผ่านจากการกระทำและสายตาที่จ้องมองมา ริมฝีปากหยักบวมช้ำจากแรงต่อยเม้มเข้าหากัน
แน่น ผมได้แต่ถอยหนีไปติดกับประตูอีกฝั่ง เอื้อมมือไปดึงหวังจะให้มันเปิดออกแต่มือทั้งสองก็ถูกดึงรวบเอาไว้ไม่ให้ได้ขืนหนี

   “มาทำความรู้จักกันหน่อยเป็นไง ต่อไปจะได้ไม่พูดอีกว่าไว้ใจคนอื่นมากกว่า”เสียงที่ฟังดูหน้ากลัวกระซิบ มือเอื้อมมาดึง
เสื้อของผมให้เปิดขึ้นเผยให้เห็นแผงอกแบนราบ และมันแทบจะกลายเป็นกระชากเมื่อผมพยายามขืนเอาไว้

   “ไม่ได้นะ ต้องไม่ใช่ที่นี่ พี่อย่าทำกับผมแบบนี้ไม่ได้”

   “กลัวคนอื่นมาเห็นรึไง”

   “ชะ ใช่  ผมไม่อยากทำที่นี่ กลับไปที่บ้านเถอะนะ ผมขอร้อง มันยังเจ็บอยู่”ร่องรอยที่ถูกทำเมื่อคืนยังไม่หายดี ถ้าให้ผม
ต้องมารองรับอารมณ์เดิมๆแบบนี้ผมคงทนไม่ได้

   ผมพยายามร้องห้ามด้วยเสียงที่สั่นเครือเต็มทน เบือนหน้าหนีริมฝีปากที่ระดมจูบลงมาไม่หยุดหย่อน กางเกงถูกปลดออก
และดึงมันผ่านข้อเท้าแล้วโยนไปตกอยู่ที่เบาะหน้า

   “อย่าหนีสิ ไม่อยากรู้จักกันแล้วรึไง คนเก่ง”

   ถึงจะพูดด้วยถ้อยคำที่ดูดีแต่การกระทำนั้นกลับตรงกันข้าม มือหยาบกร้านจับใบหน้าผมเอาไว้ไม่ให้หน้าหนีจูบร้อนที่ป้อน
ลงมา ลิ้นชื้นแลบเลียลงมาบนริมฝีปาก ผมได้แต่ขบริมฝีปากเข้าหากันแน่นไม่ยอมให้มันเข้ามา

   “เปิดปาก!!”

   “อื้อ”กรอบหน้าถูกบีบจนต้องยอมเปิดริมฝีปากออกตอบรับลิ้นร้อนให้สอดแทรกเข้ามาข้างใน

   ร่างกายตอนนี้เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม เสียงจูบอันหยาบโลนกำลังดังแข่งกับเสียงฝนด้านนอก ยิ่งฝนตกหนักมาก
เท่าไรยิ่งภาวนาว่าอย่าให้มีรถผ่านมาเห็นเราเลย ผมได้แต่สั่นกลัวยามที่ข้าทั้งสองข้างถูกจับให้อ้าออกกว้าง ทาบทับลงมาด้วย
ร่างกายอันแข็งแกร่ง

   “อย่าทำ…ผมขอร้อง ผมไม่อยากทำที่นี่ อึก ผมไม่…”

   สุดท้ายท่อนกายอันร้อนผ่าวก็กดแทรกเข้ามาภายใน ร่างกายของผมมันกำลังกรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าเวลาที่กายใหญ่โต
เคลื่อนไหวเข้าออกไม่เป็นจังหวะราวกับต้องการจะหลั่นแกล้งให้ผมได้ทรมานเป็นเท่าตัว

   “รัมภ์เป็นของพี่จำเอาไว้”เสียงพูดทุ้มหูตอกย้ำในสิ่งที่พี่เขาต้องการจะให้ผมจดจำ ลิ้นร้อนชื้นพลางแลบเลียลงมาที่กกหู

   ความหนาวเย็นของสายฝนที่พรำลงมายังเทียบไม่ได้เลยกับความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นในใจ สุดท้ายแล้วผมก็เชื่อใครไม่ได้
เลยแม้แต่ตัวเอง ร่างกายตอบรับไปกับสัมผัสที่คุ้นเคย จิกปลายนิ้วลงบนลาดไหล่หนา เกี่ยวกระหวัดขาทั้งสองข้างเข้ากับบั้นเอว
สอบยามที่กายนั้นกระแทกเข้ามา มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงซื่อสัตว์กับความรู้สึก



   --------------------------------------------------------------------------------

   “ผมไม่ชอบเลยที่มาเห็นพี่เป็นแบบนี้อีกแล้ว”ภูผาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร

   “ดีเท่าไรแล้วที่ไม่ถูกผูกติดเอาไว้กับเตียง”ผมตอบกลับทีเล่นทีจริงพลางยิ้มบาง

   “ผมไม่เข้าใจเลย ทั้งที่ประตูเองก็ไม่ได้ล็อกแต่ทำไมพี่ถึงอยู่แต่ในนี้ล่ะ”

   “บางทีการอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆมันก็ดีกว่าการที่ต้องเผชิญกับโลกข้างนอกและรับรู้อะไรหลายๆอย่างที่ไม่อยากจะรู้
ก็ได้”

   “ผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากแบบนี้ทุกคนไหมพี่ อย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ อีกเดี๋ยวผมต้องไปติวหนังสือกับเพื่อนต่อ แล้วก็นี่ มีคนฝาก
มาให้”ส่ายหัวเล็กๆพลางยื่นกระดาษโน้ตมาให้

   ‘เปลี่ยนใจเมื่อไรก็บอก พี่จะมารับรัมภ์ออกไปเอง’

   “ทำไมถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ ทำงานให้นายหัวไม่ใช่รึไง”ทันทีที่อ่านข้อความข้างในผมก็เงยหน้าถามภูผาทันที

   “หลายๆอย่าง”

   “รู้ไหมถ้านายหัวรู้เข้าจะเดือดร้อนเอาอีกรอบ พี่ไม่อยากทำให้ภูผาเดือดร้อน”ผมปรามเพราะภูผายังคงติดต่อกับพี่ตินทั้งที่
พี่ตินเองก็ไม่ได้กลับมาที่ฟาร์มสานรักอีกเลยตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นขึ้น หนำซ้ำยังแอบเอาโน้ตของพี่ตินมาให้อีก

   “อย่าห่วงไปเลยที่ผมมาทำงานที่นี่ก็เพราะเงิน ที่ผมยอมช่วยพี่ตินก็เพราะเงินที่เคยตกลงกันไว้”


   “ทำไมถึงต้องการเงิน แค่ทำงานที่นี่ก็น่าจะพอ”

   “บางทีมันก็ไม่ใช่อะไรอย่างที่พี่คิดหรอก ผมเองก็มีความฝันว่าจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักให้ได้สักวัน ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี เงิน
พวกนั้นนั่นแหละที่จะช่วยผมได้”

   “ทำไมถึงคิดจะไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักล่ะ”

   “เพราะว่าไม่มีความสุขไงผมถึงไม่อยากจะอยู่ ผมไม่คิดที่จะอยู่อย่างคนโง่ตลอดไปหรอกนะ”

   “นั่นสินะ ถ้าไม่มีความสุขคงไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่”

   “ถ้าได้คำตอบเมื่อไรก็บอกผมล่ะ ถึงตอนนั้นผมจะเป็นคนช่วยพี่เอง ผมไปแล้วนะ พี่อย่าลืมกินข้าวด้วย”

   “อืม ขอบใจ”แต่มันคงไม่จำสำหรับคำตอบ เพราะว่าผมได้เลือกแล้วว่าจะอยู่ต่อถึงแม้จะต้องแสร้งทำเหมือนกับเป็นสิ่งของ
ก็ตาม กระดาษในมือถูกกำไว้แน่นจนมันยับ

   เพื่อได้อยู่ใกล้ๆคนที่ผมรักจนกว่าเวลาจะหมดลง สุดท้ายแล้วเวลาที่ผ่านมามันก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ไม่สามารถ
แก้ไขอะไรได้เลยแม้แต่ความผิดพลาดที่ได้ทำลงไป ผมได้แต่เฝ้ามองประตูที่ปิดลงอีกครั้ง เป็นเวลาร่วมสองคืนแล้วที่พี่คินไม่ได้
กลับมาที่ห้องนี้อีกเลย ทิ้งให้ผมจมอยู่กับความเงียบเพียงคนเดียวขณะเวลากำลังเหลือน้อยลงไปทุกที

----------------------------------------------------------------------------------------
สั้นไปไหม อย่าเพิ่มต่อว่าพี่ตินว่าไม่ยอมพูดความลับนะ แกแค่ยังไม่แน่ใจเฉยๆเลยยังไม่บอกอะไรรัมภ์ เห็นใจแกหน่อยยย

ตอนนี้ที่พี่แกทำได้จากความหึงหวงก็แค่ตอกย้ำความเป็นเจ้าของและความรักที่มีไปในรูปแบบที่ทำได้ง่ายที่สุดนั้นก็คือเซ็กส์

เพราะตอนนี้คิดว่ามันยากที่จะยื้อรัมภ์เอาไว้ เรามารอดูว่าสุดท้านรัมภ์จะเลือกใครรรรร "พี่ชาย" หรือว่า "คนรัก" >>งานนี้มีเส้นอืดตั้งแต่ยังไม่สิ้นเดือน<<




เพิ่มเติมเรื่องเปิดพรีฯ ซินจะมาเเจ้งอีกทีเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่นอนเนอะ คาดว่าน่าจะเป็น 20 กันยานี้นั่นเอง(รอหน้าปกเสร็จ)

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-09-2016 18:24:20
ใช้อารมณ์กับน้องอีกแล้วนะ
แต่ก็ทีมพี่คินค่าาาา 555
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 08-09-2016 18:32:20
ยอมรับเลยว่า มองผ่านเรื่องนี้ เพราะชื่อเรื่องมันไม่ค่อยสะดุด เเต่หลงไปอ่าน ขนมผิงมาเลยได้รู้จักนักเขียน ก็ตามมาอ่านเรื่องนี้ต่อ สนุกมากชอบ ถึงพี่คินจะเล่นบทร้ายอยู่ เเต่เชื่อว่าทุกการกระทำของนาง นางรักของนาง เเละคงเสียใจกับการกระทำของตัวเอง นางเเสดงออกมาอาจไม่เก่ง

จะรออ่านเเละติดตามต่อไปนะคะ พี่คินควรพูดอะไรให้รัมรู้สึกดีบ้าง อย่าสักเเต่ใช้อารมณ์เลยคะ
เด่วอะไรมันจะสายไป
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-09-2016 18:40:30
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-09-2016 20:29:21
รัมภ์ สับสนในตัวพี่คิน แต่รักษาสัญญา
พี่คิน ยิ่งเถื่อน รุนแรง แสดงความเป็นเจ้าของรัมภ์
แบบใช้เซ็กส์ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น กลับจะแย่ลง
มีปากพูดสิ ทำอะไรๆ สืบอะไรๆ สงสัยพี่ตินยังไง
รัมภ์ก็ไม่ถาม พี่คินก็ไม่พูด เมื่อไหร่จะรู้เรื่องกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-09-2016 07:36:06
เฮ้อ~
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 09-09-2016 08:19:29
โถ่พี่คินเอ้ย ทำแบบนี้ระวังเขาไม่รักนะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 08-09-59 ❤ บทที่ 25 ศึกชิงนาย [18+] ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-09-2016 12:12:09
ทำร้ายน้องอีกแล้ว ทำไมไม่ค่อยๆพูดค่อยๆจากันเนี่ย

เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 11-09-2016 19:56:10
ตอนที่  26 เศษซากที่หลงเหลือ

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในกลางดึกพร้อมอาการปวดหัวที่มันมากจนข่มตานอนต่อไปไม่หลับ กระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับสายตาเข้ากับ
ความมืด เหลือบมองไปยังที่ข้างๆที่มักจะมีใครคนคอยนอนกอดผมเอาไว้เสมอ ตอนนี้ที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่า

   ผมค่อยๆเปิดประตูออกอย่างช้าๆ ขมวดคิ้วมุ่นให้กับความเงียบและอาการปวดที่ไม่ลดละ มีเพียงแสงสลัวมาจากไฟนอก
บ้านเท่านั้นที่ให้แสงสว่างพอที่จะเห็นทางเดินภายในบ้าน ในระหว่างที่กำลังเดินผ่านทางเดินชั้นล่าง เสียงคุยกันของใครบางคน
ที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันทำให้ผมชะงัก จ้องมองผ่านทางเดินท่ามกลางความมืด มองเห็นแสงสว่างที่ส่องลอดออกมาจาก
ประตูห้องของฟาง ได้ยินเสียงหัวเราะคิดคักของฟางดังคู่กับเสียงอันราบเรียบของพี่คิน

   พี่คินกำลังเดินออกมาจากห้องของฟาง ไม่ว่าผมจะกระพริบตาสักกี่รอบภาพตรงหน้ามันก็ยังคงชัดเจนราวกับว่ากำลัง
ตอกย้ำว่าภาพตรงหน้านั้นไม่ใช่ความฝัน มือของฟางกำลังจับท่อนแขนของพี่คินอยู่ทั้งที่ยิ้มและหัวเราะ มองเห็นริมฝีปากหยักยก
ยิ้มท่าทางคล้ายกำลังขบขันอะไรอยู่ จู่ๆก้อนเนื้อที่อยู่ในอกมันก็บีบตัวเข้าหากัน รู้สึกเจ็บจนจุก อาศัยเพียงความมืดเป็นเกาะ
กำบังกายแล้วเดินหลบเข้ามาในครัวทั้งๆภาพที่เห็นมันค่อยๆพร่าเบลอไปด้วยม่านน้ำตา

   สิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไรกันแน่ ผมได้แค่คิดขณะที่มือกำลังสั่น พยายามควบคุมไม่ให้ขวดยาแก้ปวดในมือนั้นร่วงหล่น จากที่
เทยาออกมาแค่สองเม็ด มือที่สั่นอยู่มันก็ควบคุมไม่ได้ ทำให้ยาหลายเม็ดหล่นออกมาจากขวดแล้วร่วงลงไปเกลื่อนบนพื้นห้อง
ครัว

   “รัมภ์ลงมาทำอะไรตอนนี้ ทำไมถึงไม่นอน!!”เสียงทุ้มต่ำถามให้ผมสะดุ้งขณะที่พยายามเก็บเม็ดยาแก้ปวดที่หล่นเต็มพื้น

   “ผม…แค่ปวดหัว”ผมตอบกลับไปทั้งที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นของห้องครัว ไม่กล้าที่จะสบตาที่มองมา เพราะไม่รู้ว่ากำลังถูก
มองด้วยสายตาแบบไหน

   “แค่ปวดหัวอย่างเดียวใช่ไหม มีอย่างอื่นด้วยรึเปล่า”แขนถูกดึงให้ลุกขึ้นทั้งที่ยังเก็บยาบนพื้นไม่หมด

   “ครับ แค่ปวดหัว”

   “แล้วกินยารึยัง”

   “กำลังจะกินครับ”ตอบทั้งที่พยายามควบคุมเสียงเอาไว้ไม่ให้สั่น ยังคงหลุบตาจ้องมองยาบนพื้น แขนที่ถูกจับเอาไว้เกร็ง
แข็งเพราะความร้อนที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือทำให้ผมประหม่า

   “งั้นก็รีบกินซะสิ จะรีบไปนอน”

   “ครับ”ผมพยักหน้าเมื่อมือที่จับแขนเอาไว้ปล่อยออก ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นแล้วกินยา

   “ไปนอนได้แล้ว”มือใหญ่คว้าลงมาที่ต้นแขนอีกครั้ง ออกแรงดึงเล็กน้อยให้เดินตาม

   “ผม…ต้องเก็บยาพวกนี้ พี่ไปนอนก่อนก็ได้”ทำไมไม่รู้ถึงได้รู้สึกว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้พี่คินในเวลานี้ ยังไงก็ต้องถูกทิ้งให้
นอนคนเดียวอยู่ดี ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นเป็นเส้นตรง

   “ไว้ให้นุ่มมาเก็บพรุ่งนี้ ปวดหัวอยู่ไม่ใช่รึไง รีบไปนอนได้แล้ว”

   สุดท้ายก็ถูกดึงให้เดินตามขึ้นมายังห้องๆเดิม ต่างกันที่ว่าความรู้สึกนั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถูกดันนอนลงไปบนเตียง
ตอนนี้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าของพี่เขาเลย ได้แต่ก้มมองพื้นและเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แต่สุดท้ายก็ต้องหันกลับไปมองเมื่อพี่
คินหันหลังให้แล้วกำลังเดินออกไป

   “จะไปไหนเหรอครับ”

   ถามออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ กลัวเหลือเกินว่าพี่คินจะเดินออกไปจากห้องนี้แล้วไม่กลับเข้ามาอีก กลัวว่าพี่คินจะเดิน
ย้อนกลับไปที่ห้องห้องนั้น ห้องของฟางที่พึ่งจะเดินออกมา ผมไม่รู้ว่าพี่คินเข้าไปทำอะไรในห้องฟางเวลากลางดึกที่ทุกคนหลับ
ไปแล้วแบบนี้ รู้ตัวอีกทีมือก็คว้าเอาชายเสื้อนอนที่ยับยู่ยี่ของพี่คินเอาไว้ไม่ปล่อย เงยหน้ามองใบหน้าคมกร้านที่หันกลับมามอง
ด้วยแววตาอันว่างเปล่า ไม่สามารถอ่านออกได้เลยว่าภายใต้แววตาแบบนั้นกำลังซ่อนอะไรอยู่

   “พี่จะไปอาบน้ำ”ตอบกลับมาเสียงเบาก่อนจะดึงให้มือที่จับชายเสื้ออยู่นั้นคลายออก “นอนได้แล้ว”

   ทั้งที่ใส่ชุดนอนอยู่แล้วแต่ทำไมถึงต้องอาบน้ำอีกรอบ แล้วกลิ่นเหงื่อที่โชยมาพร้อมกับกลิ่นของลมหายใจนั้นมันคืออะไร
ไม่ว่ายังไงก็หยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองไม่ได้เลย สุดท้ายก็หลับลงไปเพราะฤทธิ์ยา คงจะเป็นเพราะความคิดอันฟ้งซ่านที่
ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองฝันไปกับความรู้สึกอันอ่อนโยนที่ลูบลงมาบนศีรษะ รอยจูบอุ่นวาบแตะลงมาเบาๆบนริมฝีปากก่อนจะได้ยิน
เสียงประตูปิดลง

   ----------------------------------------------------------------------------

   “ลงมาพอดีเลย พี่ว่าจะเอาข้าวต้มขึ้นไปให้”พี่นุ่มทักเมื่อเห็นผมเดินลงมาในตอนสาย

   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมลงมาหาอะไรกินเอง”ผมตอบไปพลางมองบนพื้นห้องครัวที่ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยไม่
หลงเหลือร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้เมื่อคืน

   “แล้วหายปวดหัวแล้วเหรอ เห็นนายหัวบอกว่ารัมภ์ไม่สบายอีกแล้ว ช่วงนี้กำลังเข้าหน้าฝนอยู่ด้วย”

   “ไม่เป็นไรแล้วครับ”ผมตอบพลางรับถ้วยข้าวต้มมาถือไว้ก่อนจะเดินเอามันไปที่โต๊ะกินข้าว ไร้วี่แววของคนอื่นภายในบ้าน
เพราะว่าเป็นเวลาสายมากแล้ว ผมได้แต่จ้องมองไปที่เก้าอี้ข้างๆที่ที่พี่คินเคยนั่งประจำ

   กว่าจะละเอียดกลืนข้าวต้มในชามจนหมด นาฬิกาก็บอกเวลาเกือบจะเที่ยง ผมกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง สวนทางกับฟางที่
เอาผ้าปูที่นอนขึ้นมาเปลี่ยน ได้ยินเสียงหึในลำคอของฟางเหมือนกำลังจะเยาะเย้ย ทั้งที่พยายามจะไม่ใส่ใจ แต่สุดท้ายความคิด
ฟุ้งซ่านก็กลับมาดังเดิม กลับมาจมอยู่กับความเงียบที่ว่างเปล่าเหมือนเดิม กลิ่นอายของพี่คินที่เคยอบอวลอยู่ภายในห้องก็เริ่ม
จืดจางลงไปทุกที ผมค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกเตรียมตัวที่จะอาบน้ำ ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นถึงร่องรอยบนร่างกายที่
กำลังจะลบเลือน เหลือเพียงแต่รอยฟันบนคอเท่านั้นที่ยังคงชัดเจนอยู่ เสื้อที่ถอดถูกโยนลงตะกร้าผ้าที่ใส่แล้ว ชะงักสายตาเข้า
กับเสื้อนอนของใครบางคนที่ถอดทิ้งเอาไว้เมื่อคนก่อนจะหยิบมันขึ้นมา

   ได้กลิ่นเหงื่อที่ยังคงหลงเหลืออยู่ปะปนกับกลิ่นน้ำหอมที่ไม่เคยคุ้น สัมผัสบางอย่างเรียกให้ผมสะดุดมือเอาไว้ตรงกระเป๋า
ของเสื้อตัวนั้น สอดมือเข้าไปหยิบบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปบนพื้น ซองถุงยางที่ถูก
ฉีกใช้แล้ว ข้างในของมั่นว่างเปล่าเหลือเพียงแต่สารหล่อลื่นที่ยังคงคั่งค้างอยู่ด้านใน จู่ๆมือของผมที่ถือเสื้ออยู่มันก็สั่น

   กับผมแล้วตลอดมาพี่คินไม่เคยใช้สิ่งๆนี้เลย ไม่เคยเลยสักครั้งที่เราจะสัมผัสกันโดยที่มีอะไรขวางกั้น แต่แล้วทำไมซองถุง
ยางที่ใช้แล้วถึงได้อยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวที่พี่คินใส่เมื่อคืนได้ มีเพียงอย่างเดียวที่ผมคิดได้ก็คือภาพที่พี่คินออกมาจากห้องของฟาง
หยดน้ำตาค่อยๆหยดลงไปบนเสื้อที่ถืออยู่ในมือ เศษซากความไว้ใจตอนนี้มันได้ขาดสะบั้นลงไปแล้ว ใจที่มันแตกสลายอยู่แล้ว
ยิ่งถูกบดขยี้จนเป็นขุยผง

   -------------------------------------------------------------------

   อีกคืนแล้วที่พี่คินไม่กลับเข้ามาในห้องนี้ มันยากที่จะข่มใจให้หลับตาลงแล้วลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความรักที่พยายามถือมัน
เอาไว้ในมือและตั้งมั่นความรู้สึกเอาไว้กับมันมันกำลังสั่นคลอนจนแทบจะประคองเอาไว้ไม่อยู่ สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่ ยิ่งคิดมันก็
ยิ่งทรมานจนแทบหายใจไม่ออก

   เคร้ง เคร้ง เคร้ง !!

   เสียงอะไรบางอย่างกระทบกับลูกกรงของหน้าต่างทำให้ผมหันไปมองด้วยความประหลาดใจเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว
ทำไมถึงได้มีอะไรมากระทบกับมันเหมือนกับว่ามีใครพยายามโยนอะไรเข้ามาในห้อง

   ตุ๊บ!!

   ในที่สุดวัตถุบางอย่างมันก็ถูกโยนลอดลูกกรงหน้าต่างเข้ามาตกลงบนพื้นห้อง ผมจ้องมองมันเขม็งด้วยความประหลาดใจที่
สิ่งนั้นคืออมยิ้มที่เด็กๆชอบกินกัน ทำไมมันถึงถูกโยนเข้ามาในนี้ล่ะ? แล้วใครเป็นคนโยนมันเข้ามา

   พอคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นจากที่นอนแล้วหยิบมันขึ้นมา จ้องมองลงไปยังหน้าต่าง บนพื้นของชายหาดสีขาวในความมืด
ยามค่ำคืน มองเห็นร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในแสงสลัวกำลังโบกมือแล้วส่งยิ้มมาให้ ในอ้อมแขนมีขวดโหลอมยิ้มถือเอาไว้

   “พี่ติน!!”ผมหลุดเรียกชื่ออกไปเสียงเบา ไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ทั้งที่วันนั้นทำเอาไว้กับพี่คินแบบนั้น และดูท่าคง
ไม่ได้เข้ามาแบบปกติแน่ๆ

   ผมจ้องมองไปที่ร่างสูงใหญ่ของพี่ชายตัวเอง จะว่าไปผมก็ยังไม่รู้สึกชินกับคำนี้สักเท่าไร และไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าดีใจหรือว่า
รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ มือใหญ่ทั้งสองข้างของพี่ตินยกขึ้นมาทำท่าประกอบเป็นภาษาใบ้ เหมือนจะบอกให้ผมแก้ห่อลูกอมยิ้มออก
พอยกลูกอมยิ้มขึ้นมาดูก็พบว่าเปลือกนอกมันไม่ได้ห่อหุ้มด้วยพลาสติกเพียงอย่างเดียว แต่มันกลับถูกห่อหุ้มด้วยกระดาษโน้ต
แผ่นเล็ก

   ‘สบายดีไหม พี่เป็นห่วง’

   เนื้อหาข้างในมันบอกแบบนั้น ผมได้แต่พยักหน้าตอบกลับไปไม่อยากจะโกหกแต่นอนนี้รู้สึกว่าข้างในใจมันเจ็บจนรู้สึกว่า
กำลังจะบ้าตายให้ได้ ผมถอยหลังหลบออกมาครึ่งก้าวเมื่ออมยิ้มอีกลูกกำลังถูกโยนเข้ามา

   ‘กลับไปด้วยกันเถอะ พี่รอรัมภ์อยู่’

   ผมส่ายหน้าอีกครั้งแล้วยิ้มบางๆส่งให้พี่ติน ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากที่จะอยู่ต่อไป

   ‘ไม่เป็นไร พี่จะรอรัมภ์อยู่ที่ร้านอาหารที่เคยพาไป ถ้ารัมภ์เปลี่ยนใจพี่จะรออยู่ที่นั่น’

   ผมพยักหน้าให้กับข้อความที่สามที่ถูกโยนเข้ามา รอยยิ้มของพี่ตินยังคงเหมือนเดิม เหมือนที่มีให้ ต่างจากใครบางคนโดย
สิ้นเชิงที่ไม่แม้แต่จะกลับกลับเข้ามาในห้องนี้

   ‘กินลูกอมสิ ของหวานช่วยให้อารมณ์ดี กินแล้วก็ช่วยยิ้มให้พี่ชายคนนี้ด้วยล่ะ หน้าเศร้าๆแบบนี้มันไม่เหมาะกับน้องชาย
ของพี่คนนี้เลย’

   ประโยคที่สี่นั้นกลับยืดยาวและเป็นเหมือนกับของเล่นหลอกเด็ก จ้องมองใบหน้าหล่อของพี่ตินส่งยิ้มให้ นิ้วเรียวจิ้มไปที่มุม
ปากของตัวเองแล้วดึงให้มันยิ้มออกมาเหมือนกับตัวตลก เพราะความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านมา สุดท้ายมันก็ทำให้ผมหลุด
หัวเราะออกมาเสียงเบาไม่ได้ ส่งยิ้มให้กับเขาไปตามที่ต้องการทว่าเสียงประตูที่เปิดออกทางเบื้องหลังก็ทำให้ผมสะดุ้งอมยิ้มใน
มือสี่ลูกร่วงหล่นลงไปบนพื้น หันกลับไปมองก็พบกับร่างสูงในชุดนอนจ้องมองมาที่เขม็ง มือทั้งสองข้างกำกระดาษโน้ตทั้งหมด
เอาไว้แน่น ภาวนาให้ความมือช่วยทำให้เขาไม่เห็นอมยิ้มที่อยู่บนพื้น ไม่เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างในเวลากลางดึก
แบบนี้

   “ทำไมถึงไปยืนอยู่ตรงนั้น ป่านนี้แล้วทำไมรัมภ์ถึงยังไม่นอน”

   “ผม…หิวน้ำ กำลังจะลงไปกินน้ำ”ตอบโกหกออกไป เบือนหน้าหนีสายตาที่ดูไม่พอใจที่มองมา

   “รัมภ์มั่นใจที่พูดใช่ไหม”

   “ทำไมผมถึงต้องไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูดล่ะ”ผมหันกลับไปจ้องมอง เพราะอะไรผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมจู่ๆพี่คินถึงเข้า
มาที่ห้องนี้กลางดึก บางทีพี่เขาอาจจะออกมาจากห้องของฟางอีกก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ พอคิดได้ดังนั้นทั้งทิฐิและความเจ็บใจมัน
ทำให้ผมหันกลับไปจ้องตอบตาคู่ดุที่มองมาถึงแม้ว่าร่างนั้นกำลังจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆก็ตาม

   “จะไปไหน”ความใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆทำให้ความกังวลของผมยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะกลัวว่าพี่คินจะเห็นว่าพี่ตินอยู่ข้างนอก
นั้นผมยิงได้เบี่ยงตัวหลบและเดินหนี ทว่าต้นแขนก็ถูกจับเอาไว้ก่อนที่จะดึงให้กลับมาที่เก่า ถูกดันให้แผ่นหลังชิดกับลูกกรงของ
หน้าต่างไม่ให้หนีไปไหน กระดาษที่อยู่ในกำมือถูกกำไว้แน่น ถ้าหากพี่ตินจับได้ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพี่เขาโมโห
บางทีมันอาจจะทำให้เขาไม่ใช่แค่ลงกับผม แต่อาจจะไปลงกับพี่ติน

   “ผมแค่จะไปกินน้ำ”

   “ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”คำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ผมเกร็งมือที่กำกระดาษเอาไว้แน่น

   “ไม่มี!”

   “พี่จะถามแค่อีกรอบ รัมภ์ซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง”

   “ผมบอกว่าไม่มีไง ฮึก อย่ามาแตะผมนะ!!”มือที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังถูกดึงออกมาทั้งสองข้างด้วยแรงที่มากกว่า ถูกแกะให้
คลายออกด้วยการบังคับ

   ผมจ้ององพี่คินด้วยความไม่พอใจเมื่อมือทั้งสองข้างมันว่างเปล่า กระดาษโน้ตทั้งหมดถูกปล่อยให้ร่วงลงไปบนพื้นใน
จังหวะที่พี่เขาเผลอ ผมผลักมือลงไปบนแผงอกแรงๆจนพี่คินเซถอยหลังออกไปก่อนจะเดินหนี ไม่พอใจที่พี่คินเอามือนั้นที่แตะ
ต้องผู้หญิงคนอื่นมาแตะตัวผม

   “เมื่อกี้รัมภ์บอกพี่ว่าอย่างแตะรัมภ์งั้นเหรอ?”

   “ใช่ อย่ามาแตะตัวผมอีก ผมไม่ชอบ!!”

   “ทั้งที่ดูจะพอใจแบบนั้นทุกครั้งไม่ใช่รึไง ทั้งที่ไม่เคยที่จะพูดแบบนี้กับพี่ ทำไมจู่ๆถึงได้เป็นแบนี้ล่ะ มันเพราะอะไร”ไม่พูด
เปล่าแต่พี่คินกลับสาวเท้าเข้ามาใกล้ คว้าแขนผมเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้เซกลับไปที่เดิม กลับไปที่หน้าต่างอีกครั้ง และครั้งนี้
ถูกดันให้หันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกนั้นในความมืดที่ถ้าไม่สังเกตดีดีก็จะไม่เห็น พี่ตินหลบอยู่ในความมืดหลังต้นไม้นั่น

   “จะ จะทำอะไร!! ผมบอกว่าอย่าแตะตัวผมไง”พูดออกไปเสียงดังพลางปัดมือที่กำลังแกะกระดุมเสื้อนอนของผมออก

   “อยู่เฉยๆน่า พี่ไม่อยากทำให้รัมภ์เจ็บนะรู้ไหม”

   “ปล่อยผม อย่ามาทำในที่แบบนี้นะ”

   “ทำไมล่ะ ตรงนี้มันเป็นยังไง ในเมื่อเมื่อกี้นี้รัมภ์ยังมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกับกำลังมองอะไรอยู่นี่”

   “ไม่ใช่นะ ผมไม่ได้มอง อย่ากัด มันเจ็บ”เอาอีกแล้ว ฟันคมกัดลงมาที่รอยเดิมอีกครั้งทั้งที่มันยังไม่หายดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่
รุนแรงเท่าเดิม แต่มันก็ทั้งเจ็บและก็แสบไปในเวลาเดียวกัน

   “ไม่ทำตรงนี้ อย่าทำตรงนี้ผมขอร้อง”บอกออกไปด้วยเสียงที่กำลังสั่นอยู่เต็มทน กางเกกงถูกรูดลงไปกองที่ข้อเท้า เสื้อถูก
ปลดกระดุมออกจนหมดทุกเม็ดเผยให้เห็นแผงอกแบบราบกำลังถูกเคล้นคลึงด้วยสัมผัสอันหยาบกระด้าง กรอบหน้าถูกจับให้กัน
กลับไปหา ก่อนที่ปลายลิ้นร้อนชื้นจะผละออกมาจากต้นคอแล้วแล้วสอดเข้ามาในริมฝีปาก

   “รัมภ์เป็นของพี่”ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เอาแต่พูดย้ำคำเดิม

   “ยะ อย่า ตรงนี้ไม่ได้”เพราะเขาจะต้องเห็นแน่ๆ พี่ตินจะต้องเห็นแน่ๆว่าผมกำลังถูกทำอะไรอยู่ ความอับอายในเวลานี้ค่อยๆ
แทรกซึมผ่านเข้ามาพร้อมความเจ็บปวด

   “ทำไมพี่ถึงทำตรงนี้ไม่ได้ล่ะ หรือจริงๆแล้วรัมภ์กำลังซ่อนอะไรเอาไว้”

   “ไม่! อย่าทำ”ไม่ทันขาดคำท่อนหายก็สอดประสานเข้ามาข้างในจากทางด้านหลัง ขาทั้งสองข้างสั่นเทาจนแทบไม่มีแรง
พยุงตัวเองให้ยืนต่อไป ท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างของพี่คินโอบรัดผมเอาไว้ไม่ให้ทรุดลงไปบนพื้นก่อนที่แรงกระแทกจะโถม
เข้ามาใส่ไม่ให้ตั้งตัว มันทั้งเจ็บทั้งจุกจนต้องกัดฟัน

   ความอับอายมันทำให้ผมแทบบ้าเพียงแค่คิดว่ากำลังถูกมองด้วยคนอื่นอีกครั้ง จนสุดท้ายความแข็งกร้าวทุกอย่างมันก็ถูก
ปล่อยเข้ามาในตัว ร่างกายร้อนผ่าวถอนออกไปทิ้งให้บางส่วนมันเอ่อล้นและไหล่ย้อนออกมา ทันทีที่อ้อมแขนนั้นคลายออก
เรี่ยวแรงที่มันหายไปทำให้ร่างของผมทรุดลงนั่งกองกับพื้น ใบหน้าซบลงกับผนังห้องด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเจ็บที่สุดก็คือ
การโดนกล่าวหาว่าซ่อนอะไรเอาไว้ทั้งที่มันไม่ใช่ ทั้งที่เป็นเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายซ่อนทุกสิ่งทุกอย่างกับผม น้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหล
ลงมาเมื่อไรมันไหลผ่านแก้มหยดลงไปบนพื้นห้อง

   “นายช่วยมาจัดการที่หาดแทนฉันหน่อยสิ ฉันคิดว่าตอนนี้มีคนกำลังบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝากด้วยล่ะ”เสียง
ของพี่คินเรียกให้ผมหันไปมองเขาที่กำลังคุยโทรศัพท์ แสดงว่าเขารู้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าพี่ตินอยู่ตรงนั้น จงใจที่จะทำให้พี่ตินเห็น
ในสิ่งที่เขาทำกับผม

   “บอกว่าอย่างมาแตะไงเล่า!!”

   เพี๊ยะ!!


   ตวาดออกไปเสียงดัง มือสะบัดมือที่แตะลงมาบนไหล่ออกก่อนจะตบลงไปบนเสี้ยวหน้าคมคายนั้นจนมันขึ้นร้อยแดง

   “รัมภ์”พี่คินหลุดเสียงเรียกออกมาเสียงเบาเมื่อเห็นน้ำตาที่นองอยู่บนหน้าของผม นัยน์ตาคู่ดุไหววูบราวกับว่ากำลังรู้สึกผิด
แต่นั่นมันสายไปแล้วกับหยดน้ำตาที่ไม่สามารถไล่ย้อนกลับ

   “ฮึก อย่ามากล่าวหาว่าผมปิดบังอะไรจากพี่…ฮึก ทั้งที่พี่ไม่ใช่รึไงที่ปิดบังทุกอย่างกับผม”

   “รัมภ์พูดเรื่องอะไร”

   “อย่ามาถามผมทั้งที่พี่เองก็รู้ดี เป็นพี่ไม่ใช่รึไงที่วางแผนเอาไว้ทุกอย่าง ทั้งที่ขังผมเอาไว้ที่นี่ ทั้งเรื่องพ่อที่รู้อยู่แล้วแต่ไม่
เคยที่จะบอกผมเลย ทำไมกันล่ะ เพราะผมมันผิดมากใช่ไหม เพราะผมหลอกพี่ใช่ไหมพี่ถึงต้องแก้แค้นกันอย่างนี้”

   “รัมภ์รู้?”

   “ผมจะบอกเอาไว้เลยนะว่าถ้าพี่ต้องการจะแก้แค้นผม พี่แก้แค้นได้สำเร็จแล้ว เพราะตรงนี้ของผมมันเจ็บมากเลย เจ็บจน
แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว พี่พอใจรึยังล่ะ”ผมได้แต่ทุบมือลงมาบนอกข้างซ้ายของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่ยังคงสะอื้น ภาพเบื้องหน้า
มันพร่าเบลอจนมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกทุกอย่างมันก็ยังคงชัดเจนเสมอ ความรู้สึกรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

   “รัมภ์ ใจเย็นๆสิ”พี่คินดึงมือของผมเอาไว้ให้หยุดทุบลงมาที่อกตัวเอง

   “บอกว่าอย่างมาแตะผมไง อย่ามาแตะต้องผมด้วยมือที่แตะต้องคนอื่น ต้องให้ผมตายเลยไหมพี่ถึงจะพอใจ หรือตรงนี้ของ
ผมมันยังเจ็บไม่พอ ถ้ามันยังไม่พอแล้วพี่จะทำอะไรกับผมอีกล่ะ จะล่ามโซ่ผมให้เหมือนหมาเลยไหม หรือว่าจะจับผมใส่กรงเอา
ไว้เลย ฮึก ทั้งที่ผมเจ็บขนาดนี้แล้วแท้ๆ ทำไมผมถึงยังไม่เลิกรักพี่ ทำไมล่ะ เพราะอะไร เพราะผมมันโง่อย่างที่พี่ต้องการใช่ไหม
พอใจพี่แล้วใช่ไหม”ผมได้แต่พูดซ้ำไปซ้ำมา ทุบมือลงบนลาดไหล่หนาของพี่คินด้วยความเจ็บปวดที่มันเอ่อล้นจนเก็บเอาไว้ไม่
ไหว ร่างกายถูกคว้าเข้าไปกอดเอาไว้แน่น

   “ปล่อย อย่ามาทำกับผมแบบนี้ อย่ามาแตะต้องผมอีกเลย ผมรับมันไม่ไหวอีกแล้ว ผมยอมแพ้ ฮึก ผมยอมแพ้”

   “รัมภ์ ใจเย็นๆสิ”

   “บอกให้ปล่อย!!”

   เสียงทุ้มประซิบข้างหู รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มขึ้นมาแล้วพาดลงบนบ่าหนาก่อนที่จะถูกพาออกไปจากห้อง ผมได้แต่เบิกตากว้าง
ด้วยความตกใจทั้งที่ร่างกายยังเปลือยเปล่า ถูกพามาหยุดที่ประตูห้องที่อยู่ข้างกัน ห้องที่เก็บความลับทั้งหมดเอาไว้จนประตูถูก
ไขเปิดออก

   “ไม่เอา ผมไม่เข้าไปในนี้ ผมจะกลับห้อง”

   “รัมภ์อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวตก”

   “ผมไม่อยากเข้าไปในห้องนี้ ผมขอร้อง ฮึก จะให้ผมทำอะไรก็ได้”ไม่เอาอีกแล้วกับความลับที่ไม่อยากรู้ไปมากกว่านี้ ไม่
อยากจะเจ็บมากกว่านี้อีกแล้ว

   “แต่รัมภ์ต้องเข้ามาเพราะพี่อยากให้รัมภ์เข้าใจในสิ่งที่พี่ทำ”




----------------------------------------------------------------------------------------------------
ใกล้จบแล้วนะ มาบอกให้รู้ คนอ่านจะได้ไม่หนีไปก่อนจบ ฮ่าๆๆ กำลังจะโดนคนอ่านเทเพราะพระนายไม่ยอมพูดกัน
เนี่ยๆ เขาจะพูดกันแล้ว  ขอบคุณทุกคอมเม้นสำหรับคนอ่านนะคะ ดีใจที่อยู่ด้วยกันมานานนนนนนจนถึงทุกวันนี้
ยังรักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความคิดถึง อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2016 20:17:46
ใช่ รีบๆ พูด อะไรที่อมพะนำ เก็บเป็นความลับน่ะ
เดี๋ยว รัมภ์ รับไม่ไหว หนีไป
แล้วจะเสียใจ ถ้าตามหาไม่เจอแล้ว
ฟางทำเล่ห์กลให้รัมภ์ เข้าใจผิดแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-09-2016 20:30:55
สงสารรัมภ์  :hao5: :hao5:
เฮ้อออออออออ แอบเทใจให้คุณพี่ชายไปละนะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 11-09-2016 23:00:48
ถ้าคินมีไรกะฟางนะ บอกเลยว่าเราเท
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 11-09-2016 23:45:42
หงุดหงิดอีพี่คินจัง สงสารรัมภ์จริง พี่ตินมาช่วยรัมภ์ไปจากที่นี่ที :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 12-09-2016 09:40:33
 :z6: หมั่นไส้!!
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-09-2016 15:00:56
ดราม่า...
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-09-2016 17:04:13
ถ้าคินมีอะไรกับฟาง เราเทอ่ะบอกเลย แล้วก็รีบๆเข้าใจกันเร็วนะคะ จะได้มีความสุขสักที มันยืดไปนิดหน่อย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 12-09-2016 17:54:35
 :hao5: หนีไปเลยน้องรัมภ์
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-09-2016 18:06:09
สงสารรัมภ์ :o12:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 12-09-2016 18:40:49
ค่อยๆคุยกัน
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 12-09-2016 21:21:22
นอนน้ำตาไหลเลย มาปลอบใจเค๊าด้วย
เศร้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Baitaew ที่ 12-09-2016 22:31:19
สงสารรัม :ling3: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-09-59 ❤ บทที่ 26 เศษซาก [18+]❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 14-09-2016 19:50:16
คิดถึงพี่คิน น้องรัมเเล้วว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 15-09-2016 02:53:14
บทที่ 27 ต้องเลือก


   “ปล่อยผมลง ผมไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น”ถึงแม้จะร้องห้ามออกไปเป็นสิบรอบแต่พี่คินก็ไม่ยอมฟังและวางร่างเปลือยของ
ผมลงบนเตียงหลังใหญ่ก่อนจะดึงผ้าห่มมาคลุมตัวผมเอาไว้เมื่อลมที่พัดเข้ามาจากประตูระเบียงทำให้ผมตัวสั่น

   “แต่รัมภ์ต้องฟัง รัมภ์จำเป็นจะต้องฟังสิ่งที่พี่จะพูด”

   “ไม่ ผมจะไม่ฟังอะไรอีกแล้ว ฮึก ผมไม่อยากรู้ ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น”กลัวเหลือเกิน กลัวสิ่งที่กำลังจะได้ยิน มือทั้งสองข้าง
ยกขึ้นมาปิดหูเอาไว้ก่อนจะชันเข่าขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองให้อยู่ไกลจากคนตรงหน้ามาที่สุด

   “รัมภ์ใจเย็นๆสิ ฟังพี่นะคนดี หยุดร้องไห้ได้แล้ว”มือทั้งสองข้างถูกกุมเอาไว้แล้วดึงออกจากหู อีกแล้วความอ่อนโยนที่ผม
ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะแปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายอีกครั้ง

   “ผมไม่อยากฟัง ผมขอร้อง อย่าทำร้ายความรู้สึกผมไปมากกว่านี้เลย แค่นี้ผมก็เจ็บจนจะตายอยู่แล้ว อย่าให้ผมต้องรับรู้
อะไรไปมากว่านี้เลย”

   “รัมภ์ฟังพี่นะ ไม่มีอะไรที่รัมภ์จะต้องกลัว พี่จะไม่ทำร้ายรัมภ์พี่สัญญา หยุดร้องไห้เถอะนะคนเก่งของพี่”

   “ฮึก ผมไม่…”ผมไม่รู้ว่าจะเชื่อมันได้มากแค่ไหนกับคนที่ออกมาจากห้องของผู้หญิงคนอื่นในยามวิกาลแบบนี้ ผมได้แต่ส่าย
หน้าไปมา แต่กรอบหน้าก็ถูกประคองเอาไว้ให้เงยหน้าขึ้น จ้องตอบตาคู่ดุที่มองมาด้วยแววตาอันอ่อนโยนต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ

   “เชื่อพี่เถอะนะ พี่ผิดเอง พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกอะไรให้รัมภ์รู้เลย พี่ไม่รู้ว่ารัมภ์เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงแล้วมาเจอกับอะไร
บ้าง แต่พี่ก็คิดเอาไว้แล้วว่าสักวันมันจะต้องถึงเวลาที่พี่จะบอกรัมภ์…เพียงแค่เวลานั้นมันมาถึงเร็วทั้งที่พี่ยังไม่มั่นใจอะไรหลาย
หลายอย่างก็ตาม”

   “ไม่มั่นใจอะไร ในเมื่อพี่รู้ทุกอย่าง พี่รู้แม้กระทั่งว่าพ่อของผมเป็นใคร แต่พี่กลับ…ไม่เคยบอกให้ผมได้รู้เลย”

   “เรื่องนั้นพี่ไม่ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้นะรัมภ์ พี่แค่ยังไม่มั่นใจในอะไรหลายๆอย่าง”


   “ไม่มั่นใจ…อะไร?”

   “พี่ไม่มั่นใจในครอบครัวของพ่อรัมภ์ จริงอยู่ที่พ่อของรัมภ์อาจจะยินดีที่รู้ว่ามีรัมภ์ แต่ด้วยสิ่งที่เขาอยู่มีมันอาจจะทำให้รัมภ์
เป็นอันตรายได้…พี่หมายถึงกิจการทั้งหมดของพ่อรัมภ์น่ะ”พี่ตินพูดก่อนจะผละออกไปปิดประตูระเบียงและเดินไปยังโต๊ะทำงานที่
ตั้งอยู่มุมห้องก่อนจะหยิบเอาซองเอกสารปึกใหญ่ติดมือมาแล้ววางมันลงบนที่นอนเบื้องหน้าผม

   “ผมไม่ได้ต้องการของพวกนั้นเลยสักนิด ไม่ได้อยากได้อะไรจากพวกเขาเลย”

   “พี่รู้พี่เชื่อรัมภ์ และพี่ก็มั่นใจพอว่าพี่สามารถเติมเต็มในส่วนนั้นของรัมภ์ที่ขาดหายได้ แต่คนอื่นอาจจะไม่ได้คิดอย่างนั้น
โดยเฉพาะกับครอบครัวที่รัมภ์ไม่เคยเห็นหน้า การมีลูกชายเพิ่มมาอีกคนหนึ่งมันหมายถึงส่วนแบ่งหรือไม่ก็การต้องสูญเสีย
ทั้งหมดไปหากพ่อรัมภ์ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง แน่นอนว่าพี่ไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นทั้งที่ยังไม่รู้ว่าครอบครัวที่ว่าคิด
อย่างไรต่อรัมภ์”ร่างสูงขยับกายเข้ามานั่งข้างๆและเบี่ยงไปทางด้านหลังเพื่อให้ผมมองเห็นเอกสารที่วางอยู่ข้างหน้าได้ชัด

   “ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะ…ทำร้ายผม”ถึงจะบอกไปแบบนั้น แต่จริงๆแล้วมันก็ใช่ว่าจะไม่มีส่วน พอนึกถึงตอนที่ผมรับ
โทรศัพท์สายที่ริคโทรมาจากต่างประเทศและสั่งให้จัดการนางฟ้าตอนนั้นผมจำได้ดีและปักใจเชื่อกับคำพูดพวกนั้น

   “จำที่พี่ถามรัมภ์ได้ไหมว่ารัมภ์รู้จักคนคนนี้รึเปล่า หลังจากที่รัมภ์มาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วัน เขามาตามหารัมภ์ที่ออฟฟิตของพี่”พี่ติ
นบอกด้วยเสียงราบเรียบ ยื่นภาพที่ตัดมาจากกล้องวงจรปิดที่เคยเอามาให้ดูให้กับผมก่อนจะเบียดตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น แขนข้าง
หนึ่งโอบเอวผมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปหาจนแนบชิด ความอบอุ่นจนร้อนส่งผ่านอ้อมกอดนั้นมาถึงแม้จะมีผ้าห่มกั้นเอาไว้ก็ตาม มัน
ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน

   “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกผมล่ะ”

   “พี่ยังไม่มั่นใจ และพี่ก็กลัวว่ารัมภ์จะเสียใจหากคนพวกนั้นมีเจตนาที่จะทำร้ายรัมภ์”

   “แล้วพี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”ไม่รู้ว่าน้ำตามันเหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อไร รู้ตัวอีกทีก็เผลอจ้องมองใบหน้าคมคายและตั้งใจฟังในสิ่ง
ที่พูด ลึกๆแล้วผมเชื่อในสิ่งที่พี่คินพูดออกมา

   “ก่อนหน้านั้นที่พี่กำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรัมภ์ มันอาจจะฟังดูเลวร้ายสำหรับรัมภ์ที่พี่ทำไปเพราะต้องการให้รัมภ์มาอยู่
กับพี่ แต่ในระหว่างที่รวบรวมข้อมูลพี่ก็รู้มาว่าก่อนหน้านั้นมีคนตามเก็บข้อมูลของรัมภ์ก่อนหน้าพี่อยู่แล้ว และก็ได้รู้ว่าคนพวกนั้น
มาจากครอบครัวของรัมภ์ แต่พี่ก็ไม่มั่นใจว่าเขาคือใครเพราะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนมากพอ”

   “แล้วกับพี่ตินล่ะ?”

   “กับตินเองก็เหมือนกัน เขาเข้ามาทำงานหลังจากรัมภ์มาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน หลังจากที่มีคนมาตามหารัมภ์ พี่พยายามสืบหา
ประวัติของเขาเพราะเขาต้องการที่จะเข้าใกล้รัมภ์มากเกินไป พี่ยอมรับว่าแรกเลยมันเกิดจากความหึงหวงและเริ่มเป็นมากกว่านั้น
แต่พี่ก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรไปมากกว่ารูปถ่ายในระยะไกลในตอนที่เขาอยู่กับคนแปลกหน้าที่เป็นชาวต่างชาติ และมากไปกว่านั้นการ
ที่เขาพยายามที่จะพารัมภ์หนีไปจากพี่…ยิ่งทำให้พี่มั่นใจว่าเขาเกี่ยวข้องกับครอบครัวของรัมภ์”

   “บางทีเขาอาจจะไม่ได้ต้องการทำร้ายผม”ผมพูดออกไปเสียงเบา พี่ตินเองก็พยายามที่จะเข้าใกล้ผม พยายามอธิบายทุก
สิ่งอย่างให้ผมเข้าใจไม่ต่างอะไรกับที่พี่คินทำในตอนนี้ แล้วผมจะเชื่อใครในเมื่อข้อมูลบางอย่างมันกำลังบิดเบือนกันในเมื่อต่าง
คนต่างบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนสืบข้อมูลของกันและกันก่อน จะต้องมีหนึ่งคนที่โกหก ระหว่างคนที่ผมรักกับพี่ชายใครกันที่ผมควร
ไว้ใจ

   “พี่ไม่คิดว่าการเข้ามาทำตัวน่าสงสัยไม่เปิดเผยตัวตนเป็นการเจตนาที่ดีหรอกนะรัมภ์ และยิ่งกับรัมภ์พี่เป็นห่วงรัมภ์มากเกิน
จะไว้ใจคนรอบข้างให้เข้าใกล้รัมภ์ได้ มากเกินจะปล่อยให้รัมภ์รู้เรื่องอะไรที่อาจจะทำร้ายจิตใจรัมภ์ไปมากกว่านี้ พี่ขอโทษที่ทำ
ให้รัมภ์เข้าใจผิด พี่ผิดเองที่ทำให้รัมภ์ไม่ไว้ใจ แต่ทั้งหมดที่พี่ทำไปเพียงเพราะพี่รักรัมภ์ พี่คงทนไม่ได้หากจะต้องเสียรัมภ์ไปอีก
ครั้ง เชื่อพี่เถอะนะ อย่าไปกับเขาเลยพี่ไม่ไว้ใจใครให้ดูแลรัมภ์แทนพี่”

   “ผม…ไม่รู้”ไม่รู้เลยว่าจะเชื่อได้ยังไง ทั้งที่หัวใจมันเต้นโครมครามกับคำรักที่ออกมาจากริมฝีปากนี้แต่ข้างใจมันกลับรู้สึก
เจ็บแปลบ ปากบอกรักผมแต่ทำไมถึงไปมีอะไรกับฟางล่ะ ทำไมถึงได้ทิ้งให้ผมนอนคนเดียว

   “อย่าร้องไห้เพราะพี่อีกเลยนะ พี่คงทนไม่ไหวหากทำให้รัมภ์เสียใจไปมากกว่านี้”จูบร้อนพรมจูบลงมาที่หางตาของผมเบาๆ
มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าผมให้หันไปเข้าไปหา จมูกโด่งกดแนบลงมาบนแก้มอย่างแผ่วเบา

   “พี่…มีอะไรปิดบังผมอีกไหม”ผมถามออกไปเสียงเบาทั้งที่หัวใจกำลังเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งราวกับกลองถูกตีนับร้อยพัน
ครั้ง

   “ตอนที่พี่ไปหาแม่รัมภ์ตอนที่แม่รัมภ์ไม่สบาย พี่จ้างให้คนไปรับข้าวกล่องจากร้านของแม่รัมภ์ไปส่งที่บ้านเด็กกำพร้าทุกวัน
เพื่อที่แม่รัมภ์จะได้ไม่ต้องเหนื่อย พี่ไม่อยากบอกรัมภ์เพราะรัมภ์จะไม่พอใจที่พี่ทำแบบนั้น”

   “แน่นอนว่าผมไม่พอใจ”ถึงจะคิดว่าพี่คินกำลังหวังดี แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสารผมกับแม่เลยสักนิด “แล้วมีอีก
ไหม…เรื่องที่พี่ปิดบังผมเอาไว้”

   “ไม่มี นอกจากเรื่องนี้พี่ก็ไม่มีอะไรปิดบังรัมภ์อีกแล้ว”

   เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าชาราวกับถูกตบนับร้อยครั้ง มันจะไม่มีได้ยังไงในเมื่อผมเห็นมันกับตา ทำไมพี่คินถึงไม่บอก
ผมล่ะ บอกผมออกมาสิ สารภาพออกมา บางทีผมอาจจะยกโทษให้ก็ได้ถ้าหากพี่คินแค่อ้างว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือแค่เมาก็ได้
ทำไมถึงไม่พูดออกมาล่ะ

   “ครับ”ตอบรับออกไปทำทีว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย แม้จะพยายามตอบรับออกไปเสียงเบา แต่ในน้ำเสียงที่ตอบออกไปมันกลับ
สั่นอย่างบอกไม่ถูก ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมพูดออกมา แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อคำรักพวกนั้นได้ยังไง ต่อให้ข้างในใจนี้มันจะ
ดีใจที่ได้ยินมากแค่ไหนแต่ถ้าเทียบกับเรื่องนั้นแล้วผมกลับปักใจที่จะเชื่อมันไม่ได้เลย ไม่แม้แต่จะกล้าถามออกไปเองเพราะกลัว
คำตอบที่จะได้ยิน

   ผมได้แต่ชันเข่าทั้งสองข้างเข้าหากันถึงแม้จะถูกโอบกอดด้วยอ้อมแขนที่อุ่นจนร้อน กอดเข่าทั้งสองข้างเอาไว้ราวกับ
ต้องการจะปกป้องตัวเองจากคนรอบตัว ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เผลอหลับไปในอ้อมกอดนี้ ความรู้สึกมันก้ำกึ่งระหว่างความสุขกับความ
ทุกข์ใจ

   

   “ไปอาบน้ำกันเถอะ หลังจากนี้เราจะนอนด้วยกันที่ห้องนี้นะครับ คนเก่งของพี่”เสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับรอยจูบ
ประทับลงมาบนหน้าผากปลุกให้ตื่น ยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกอุ้มเดินเข้ามาในห้องน้ำ เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในห้องน้ำที่อยู่ในห้องนี้ มัน
กว้างมากกว่าห้องที่ผมใช้อยู่เป็นเท่าตัว ครึ่งหนึ่งถูกแบ่งเป็นอ่างน้ำวนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นที่เปิดจนเต็ม พี่คินค่อยๆปล่อย
ผมลงไปในอ่างน้ำที่เปิดน้ำอุ่นเตรียมเอาไว้จนเต็ม ผมเบือนหน้าหนีเมื่อร่างกายกำยำเบื้องหน้านั้นเปลือยเปล่าและค่อยๆหย่อนตัว
ลงมาเบียดในอ่างน้ำ ดึงให้ผมเกยขึ้นไปนั่งบนหน้าขา

   “ยะ อย่าครับ”สะดุ้งตัวและร้องห้ามออกไปเมื่อช่องทางด้านหลังกำลังถูกสอดแทรกด้วยกลายนิ้วเข้ามาเกี่ยวเอาสิ่งที่คั่ง
ค้างออกไป

   “พี่จะทำเบาๆ”กระซิบพร้อมกับจูบลงมาบนขมับและเบียดตัวเข้ามามากกว่าเก่า

   “อื้อ”หลุดครางออกมาเสียงเบาก่อนะซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ตัวสั่นเมื่อนิ้วข้างในคว้านลึกขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งที่กำลังตื่นตัว
ดันต้นขาอยู่ทำให้ผมตื่นตระหนก

   ผมควรจะทำยังไงดีในเมื่อตอนนี้มันมีความสุขจนแทบบ้า อยากจะกรีดร้องออกไปสุดเสียงเมื่อความรู้สึกสับสนมันยังคงอยู่
ในเมื่อสุดท้ายคำรักที่พร่ำบอกอยู่ข้างหูมันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้ความคิดของผมมันตั้งอยู่บนเส้นด้ายบางๆไม่รู้จะหล่นไปทางไหน

   -----------------------------------------------------------------------------------



   แสงแดดยามสายส่องผ่านระเบียงเข้ามาปลุกให้ผมตื่น ตากระพริบถี่จ้องมองไปยังที่ว่างข้างกาย ถึงแม้จะตื่นมาไม่เจอกับ
ร่างสูงของใครบางคน แต่อ้อมกอดอุ่นที่โอบเอาไว้ทั้งคืนมันก็แทนที่ส่วนที่ขาดหายนั้นไปทั้งหมด กลิ่นอายของทะเลพัดผ่านเข้า
มาทางหน้าต่างหอบเอาผ้าม่านสีขาวโปร่งแสงปลิวไสว พอจ้องมองออกไปก็เห็นประกายของแสงแดดสะท้อนกับคลื่นทะเลเป็น
ประกายระยับ ราวกับถูกสะกดให้เดินออกไปมองภาพอันสวยงามที่ฉายอยู่เบื้องนอกระบียงนั้น  สูดกลิ่นอายของธรรมชาติในยาม
สายเข้าไปเต็มปอด อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ผมลืมเรื่องเลวร้ายไปได้บ้าง ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม

   “สุขสบายดีไหมคะนายหญิง”แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ผมหันไปจ้องมองใบหน้าที่ดูเย้ยหยันของฟางกำลัง
มองมาทางผม ในมือถือแก้วบางอย่างเอาไว้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้ววางมันลงบนโต๊ะทำงานของพี่คิน

   “มีอะไร สายตาไม่ดีรึไงถึงแยกไม่ออกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง แต่ว่าตำแหน่งนั้นมันก็ไม่เลวนะ ทัดเทียมกับเจ้าของบ้านดี
หรืออาจจะเหนือกว่าล่ะ”ผมตอบกลับอย่างไม่พอใจ

   “อันที่จริงก็แยกออกอยู่หรอกระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย แต่แยกผู้หญิงกับกระเทยที่เป็นเมียผู้ชายไม่ออกน่ะ ต้องขอโทษด้วย
จริงๆ”

   “บางทีต้องไปเช็คสายตาบ้างนะฟาง หรืออาจจะหนักไปถึงขั้นเช็คสมองเลยก็ได้นะ ใครจะไปรู้”

   “ขอบคุณพี่รัมภ์ที่เป็นห่วงฟางนะคะ แต่แหม ไม่ได้เข้ามาในห้องนี้ตั้งนาน สวยใช่ไหมล่ะวิวข้างนอกนั่นน่ะ”

   “พูดเหมือนจะรู้ดีนะ”

   “ก็ก่อนหน้านี้เข้ามาที่นี่ออกจะบ่อย วิวข้างนอกนั่นสวยทั้งกลางวันทั้งกลางคืนเลยล่ะ น่าเสียดายที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มา แต่
อีกเดี๋ยวก็คงจะได้มาบ่อยเหมือนเดิมนั่นแหละนะ”

   “หมายความว่ายังไง?!”ทำไมกันคำพูดที่พยายามยั่วให้ผมหงุดหงิดนั้นมันทำให้ผมใจสั่น ทั้งที่พยายามจะไม่ใส่ใจและไม่
สนใจกับคำพูดพวกนั้น

   “ก็ไปคิดเอาเองสิ ไปล่ะ มีงานมีการจะต้องทำ ไม่ใช่มานอนกินบ้านกินเมืองสบายใจไปวันๆ อย่าลืมกินด้วยล่ะ นายหัวสั่ง
ให้เอามาให้ เสียเวลาจริงๆ”ฟางพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   มันหมายความว่ายังไงกันที่ฟางเข้ามาในห้องนี้บ่อยก่อนที่ผมจะมา ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าที่ฟางพูดมันคืออะไร มือทั้ง
สองข้างกำเข้าหากันแน่น มันกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ผมกำลังโกรธกับคำพูดที่ถึงแม้จะดูไม่น่าเชื่อถือพวกนั้น แก้วโกโก้ร้อน
ที่พึ่งจะถูกวางลงบนโต๊ะถูกยกขึ้นมาดื่มในรวดเดียวเพื่อดับอารมณ์โกรธ ก่อนหน้านี้ไม่มีเลยที่ผมจะคิดว่าฟางจะเป็นตัวปัญหา แต่
ตอนนี้มันกลับมีหลายสิ่งที่ต้องทำให้ผมคิดใหม่

   เสียงทีวีที่เปิดทิ้งมันไม่ได้ช่วยให้หัวผมเย็นขึ้นเลย รายการทีวีที่ถึงแม้จะน่าสนใจแค่ไหนแต่มันก็ไม่สามารถเรียกร้องความ
สนใจของผมให้หลุดไปจากความคิดได้ แต่แล้วอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นเฉียบพลันก็ทำให้ผมต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อ
อาเจียนสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อทั้งอาการปวดหัวและเวียนหัวแทรกเข้ามารุมเร้าทั้งที่ผมยังคงอาเจียน
ติดต่อกันอยู่หลายครั้ง ความรู้สึกนี้ผมจำมันได้ดี สิ่งที่ผมไม่ควรรับมันเข้าไปในร่างกาย แก้วเครื่องดื่มร้อนๆนั่น กลิ่นของโกโก้รส
ขมสามารถกลบกลิ่นของนมถั่วเหลืองได้เป็นอย่างดี ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมอาเจียนออกมาจนหมดแรง หัวใจเต้นแรงจนแทบจะ
หลุดออกมาจากอก ไม่มีอะไรที่จะออกมานอกจากน้ำย่อยและน้ำลายปะปนมากับมูกเลือดสีแดงสด รู้ตัวอีกทีผมก็พลาดไปแล้ว
ทั้งที่พยายามลุกขึ้นจากชักโครกที่นั่งกอดมันเอาไว้ แต่ภายที่เห็นตรงหน้ามันกลับหมุนคว้างค่อยๆเบลอจนแทนที่ด้วยสีดำมืดอัน
น่ากลัว



   -------------------------------------------------------------------------

   ภาพของเพดานห้องสีขาวสะอาดปรากฏสู่สายตาของผมเป็นอันดับแรก กลิ่นของมันทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าผมกำลังอยู่ที่โรง
พยาบาล ข้อมือจะรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยเรียกให้ยกมันขึ้นมาดู มองเห็นสายน้ำเกลือถูกโยงมาจากถึงน้ำเกลือที่ห้อยอยู่กับเสา
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่รู้สึกตัวก็ตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองกินสิ่งที่ไม่ควรกินเข้าไป และคนที่จงใจทำให้ผมเป็นอย่างนี้คงจะหนีไม่พ้นฟาง
ที่เป็นคนยกมันมาให้

   “ฟื้นแล้วเหรอรัมภ์”พี่คินที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถามทันทีเมื่อเห็นผมขยับตัว “ฟางออกไปเรียกหมอมาที”

   “ได้ค่ะ”ฟางรับคำทันทีก่อนจะเดินออกไป เพียงแค่ได้ยินเสียงความเกลียดชังมันก็ยิ่งทำให้ผมอยากจะต่อว่าฟางออกไป
อยากจะเข้าไปต่อยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนั่น ถึงแม้ว่าฟางจะเป็นผู้หญิงก็ตาม

   “รัมภ์เป็นยังไงบ้าง รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงรัมภ์มาแค่ไหน ทำไมถึงได้นอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำได้ล่ะ”

   “ทำไม…ถึงมาด้วยกันล่ะ”ผมถามออกไปทั้งที่เสียงแหบแห้งโดยไม่ฟังสิ่งที่พี่คินพูดเลย ดูเหมือนว่าฟางกำลังสวมบทเด็ก
หญิงไร้เดียวสาไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่

   “ฟางขอมาด้วยน่ะ บอกว่าเป็นห่วงรัมภ์พี่ก็เลยให้มาด้วย”

   “ผมไม่ชอบให้พี่อยู่ใกล้ฟาง”

   “ทำไมล่ะรัมภ์ ฟางเองก็เป็นเด็กดีไม่ใช่รึไง”

   “ผมบอกว่าผมไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ”ผมเริ่มเสียงแข็ง ทำไมล่ะ ทำไมถึงมาด้วยกัน ทำไมถึงได้เชื่อท่าทีที่เสแสร้งแบบนั้น

   “รัมภ์ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ มีเหตุผลหน่อยสิ พอตื่นมาก็เอาแต่พูดว่าไม่ชอบฟาง ฟางทำอะไรให้รัมภ์ไม่พอใจรึไง”พี่
คินตอบพลางดึงให้ผมนอนลง

   “นี่พี่ไม่รู้จริงๆรึไงว่าผมเป็นแบบนี้เพราะอะไร”ผมตวัดตามองพี่คินเขม็งเมื่อพี่คินทำท่าเหมือนจะปกป้องฟาง ไม่รู้เพราะว่า
คิดไปเองรึเปล่า แต่ความหึงหวงมันทำให้ผมไม่พอใจและเริ่มโกรธ ทว่าเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นให้พี่คินกับผมหันไปมอง เห็นฟาง
กับหมอนทีเดินเข้ามาพร้อมกัน

   “หมอนทีมาแล้วค่ะ”

   “ฟื้นแล้วเหรอ ยังไงก็ขอตรวจเช็คความดันกับวัดไข้อีกทีแล้วกัน ทำไมถึงได้เป็นอีกล่ะทั้งที่รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าอะไรควร
กินอะไรไม่ควรกิน”

   “ครับผมรู้ดี”ผมตอบพร้อมจ้องมองไปที่ฟางเขม็ง

   “จริงๆแล้วให้ยาแก้แพ้ไปแล้วอาการก็คงที่ดีแล้วล่ะ แต่รัมภ์พักผ่อนน้อยแล้วก็ร่างกายขาดน้ำ แถมยังหมดสติไปอีก อย่าง
น้อยก็ต้องอยู่ดูอาการอีกสักหนึ่งคืน แล้วก็รอผลตรวจเลือดที่เจาะไปตรวจ ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ”

   “แน่ใจนะ”พี่คินหันมาถาม

   “แน่ใจ ว่าแต่ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม ทำไมจู่ๆถึงได้กินของที่มีถั่วเข้าไปล่ะ แล้วกินไปเยอะแค่ไหน”

   “ผมไม่รู้ว่าผมกินมันเข้าไป อาจจะกินไปเยอะเลยก็ได้”ตอบเสียงเรียบ จ้องมองฟางที่เหยียดยิ้มมาให้ในเวลาที่คนอื่นมอง
ไม่เห็น

   “รู้ไหมว่าถ้าอาเจียนออกไม่ทันอาจจะช็อคและอาจจะเสียชีวิตก็ได้ เพราะดูจากการหมดสติแล้วคิดว่าอาการแพ้น่าจะรุนแรง
มากกว่าครั้งที่แล้วมากเลยล่ะ”

   “ครับผมโชคดีที่ไม่ตาย แต่อาจจะเป็นโชคร้ายของใครบางคน”

   “พูดอะไร่น่ะรัมภ์”พี่คินหันมาปราม
   “ยังไงซะก็ต้องรอผลตรวจเลือดล่ะนะ จิบน้ำบ่อยๆล่ะ ส่วนนายจะอยู่เฝ้าก็ได้นะ”ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับพี่คิน

   “มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”พี่คินหันไปตอบก่อที่หมอนทีจะเดินออกจากห้องไป

   “หมายความว่าไงที่ว่ารัมภ์กินถั่วเข้าไปแล้วไปเอาถั่วมาจากไหน”

   “พี่คิดว่าผมจะเอามาจากไหนในเมื่อผมอยู่แต่ในห้องของพี่”

   “บางทีนุ่มอาจจะซื้ออะไรผิดมา”

   “พี่คิดอย่างนั้นจริงเหรอ”

   “หมอนทีบอกให้กินน้ำบ่อยๆน่ะ กินน้ำก่อนสิ”เสียงที่ฟังดูน่าขยะแขยงดังขึ้นแทรกในระหว่างที่ผมกำลังคุยกับพี่คิน

   “ออกไป”ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและไม่ยอมรับแก้วน้ำที่ยื่นมา

   “รัมภ์ ฟางอุตส่าห์เอาน้ำมาให้ทำไมถึงไล่ฟางอย่างนั้นล่ะ”พี่คินรับแก้วน้ำจากมือฟางที่ทำหน้าเหมือนกับว่ากำลังกลัวเอา

ไว้

   “บอกให้ออกไปไง!!”

   “รัมภ์!! เป็นอะไรไปน่ะ ไม่ดีเลยรู้ไหมที่ตื่นมาก็ไม่มีเหตุผลแบบนี้ กินน้ำซะ”

   “ก็บอกให้ออกไปไงเล่า!!!”ผมตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะหยิบแก้วน้ำมาจากมือพี่คิน

   เพล้ง!!!

   แก้วน้ำลอยเฉียดหน้าฟางไปแค่นิดเดียวก่อนจะกระทบกับกำแพงห้องและตกลงมาแตกเป็นเสี่ยงๆ

   “รัมภ์!! ทำไมทำอย่างนี้ล่ะ ฟางอย่าพึ่งขยับเดี๋ยวจะเหยียบเศษแก้ว”

   “พี่จะไปเป็นห่วงฟางทำไม พี่ไม่รู้รึไงว่าที่ผมต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะฟาง”

   “มะ ไม่จริงนะ ฟางไม่รู้เรื่อง”

   “จะไม่รู้เรื่องได้ยังไงในเมื่อฟางเองไม่ใช่รึไงที่เอาโกโก้ใส่นมถั่วเหลืองมาให้พี่!!”

   “ฟางไม่ได้ทำนะ นายหัวบอกฟางว่าพี่รัมภ์แพ้ถั่วห้ามให้ของกินในบ้านมีถั่ว ฟางไม่ได้ทำนะ”

   “รัมภ์ใจเย็นๆ ค่อยๆพูดกัน”

   “ปล่อยผม พี่อย่ามาเข้าข้างฟาง ฟางเองก็เป็นคนบอกเองว่าพี่เป็นคนสั่งให้เอามาให้”

   “พี่ไม่ได้สั่งนะรัมภ์ พี่จะทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อพี่ต้องการให้รัมภ์นอนพักผ่อน”

   “ฟางไม่ได้ทำจริงๆนะ พี่รัมภ์พูดอะไรก็ไม่รู้ฟางจะทำไปทำไม ฟางไม่กล้าทำหรอก ฮึกๆ”ฟางบีบน้ำตาออกมาในที่สุด
แสร้งทำเป็นตัวสั่นท่าทางหวาดกลัวใส่ผม

   “รัมภ์ ใจเย็นๆก่อนนะ บางทีอาจจะมีอะไรผิดพลาด ส่วนฟาง ออกไปก่อน”พิ่คนพยายามดึงผมเอาไว้ให้ใจย็นก่อนจะหันไป
สั่งให้ฟางออกไปจากห้อง

   “พี่จะเชื่อใครระหว่างผมกับฟาง”

   “รัมภ์ พี่ยังไม่รู้อะไรที่แน่ชัด จริงอยู่ว่าพี่เองก็ไม่พอใจที่รู้ว่ามันเกิดเรื่องผิดพลาดทำให้รัมภ์เข้าโรงพยาบาลแบบนี้ แต่พี่
อยากให้รัมภ์ใจเย็นๆและรอให้แน่ใจก่อน”

   “ผมถามว่าพี่จะเชื่อใคร ฟางเป็นคนเอาโกโก้ใส่นมถั่วเหลืองมาให้ผมกิน พี่คิดว่านมถั่วเหลืองมันจะมาอยู่ในบ้านได้ยังไงถ้า
หากไม่มีคนจงใจ”

   “ถ้าหากเป็นอย่างที่รัมภ์พูดจริงพี่คงจะต้องต่อว่าฟาง”

   “ไล่ฟางออกไป ไล่ออกไปจากบ้าน ผมไม่ต้องการให้ฟางอยู่ในบ้านหลังนั้นอีก”


   “รัมภ์ พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อฟางดูแลงานบ้านตอนที่นุ่มไม่อยู่ แถมดูแลน้องณินแทนพี่ด้วย และอีกออย่างพ่อแม่
ของรัมภ์ก็ทำงานให้ฟาร์มสานรักมานานแล้ว”

   “เลือกเอาว่าพี่จะเลือกผมหรือว่าฟาง ถ้าพี่เลือกผมพี่ต้องไล่ฟางออกไป”ผมยื่นคำขาด ตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวและรู้ดีว่า
น้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้มันใกล้จะเอ่อออกมาเต็มทน

   “ทำไมต้องให้พี่เลือกด้วยล่ะรัมภ์ ในเมื่อพี่ยังไม่รู้อะไรแน่ชัด พี่ต้องให้ความเป็นธรรมกับฟางด้วยอย่าลืมสิ”

   “ผมบอกให้พี่เลือก”ผมเค้นเสียงต่ำ “ไหนพี่บอกว่ารักผมไม่ใช่รึไง จะให้ผมเชื่อที่พี่พูดได้ยังไงในเมื่อพี่เองยังไม่เชื่อที่ผม
พูด”ผมผลักมือที่ประคองเอาไว้ออก ความรู้สึกผิดหวังเข้ามาจู่โจมจนมือที่ผลักมือของพี่คินออกไปนั้นสั่น พยายามที่จะดึงสายน้ำ
เกลือออก รู้ดีกว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้สาระและสิ้นคิดมากที่สุดในชีวิต แต่ผมก็ทำมันลงไป

   “ก็ได้รัมภ์ ก็ได้ พี่เชื่อรัมภ์ พี่จะให้ฟางออกไปจากบ้านของเรา”เสียงทุ้มกระซิบปลอบก่อนจะดึงผมไปกอดเอาไว้ไม่ให้ดิ้น
หนีและดึงสายน้ำเกลือ

   “สัญญากับผมสิ...ว่าจะไล่ฟางออกไป และจะไม่เจอกับฟางอีก”

   “ครับพี่สัญญา”


-----------------------------------------------------------------------------------------------

รู้สึกว่ารัมภ์เอาแต่ใจมากเลยล่ะครึ่งหลังนี้ ฮ่าๆ ไม่รู้ว่าแบบนี้เขาเรียกว่าเข้าใจกันแล้วรึเปล่านะ
เหมือนเอาชีวิตตัวเองมาเขียน ปกติคนเขียนเป็นคนตลกขี้เล่น เฮฮาอยู่หรอก แต่พอมีผู้หญิงคนอื่นมาใกล้คนที่รักก็แบบกลายร่างเป็นนางมารร้ายเอาแต่ใจขึ้นมาทันที ทำทุกอย่าที่งี่เง่าโดยไม่รู้ตัวเลยล่ะตอนนั้น เลยออกมาในรูปนี้ล่ะนะ เอาแต่ใจให้สุดๆ

-----------------------------------------------------------------------------------------------
มาแจ้วข่าวค่ะ!! (หาเงินแต่งงาน ฮ่าๆ)
เปิดพรีฯ Numb Guy!! บทร้าย…ผู้ชายเย็นชา
วันที่ 20 กันยา – 31 ตุลานี้ค่ะ
รายละเอียดหนังสือจะอยู่ที่ 350หน้า+ ขนาด a5 ปกเคลือบมัน ของแถมที่คั่นหนังสือ
จบในเล่ม มีตอนพิเศษเพิ่มให้ในเล่มไม่ต่ำกว่า 2 ตอน (ไม่รวมกับที่ลงในเว็ป)
ราคา 375 บาท ค่าส่ง Ems 45 ลงทะเบียน 30 (ในประเทศ)
พิเศษ !! โอน 20 คนแรก ฟรีค่าส่งลงทะเบียน (ในประเทศ)
วิธีจอง ชื่อเรื่อง+วิธีที่จะให้จัดส่ง (Ems หรือ ลทบ) อีเมลที่ติดต่อกลับ
มาที่ sindy_lamoon@ฮอทเมลl หรือ แฟนเพจก็ได้ค่ะ รอซินแจ้งกลับเลขที่ บช กลับไปนะคะ หรือจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็ได้ค่ะ ยินดี
(http://www.mx7.com/i/eb2/5crMG0.jpg) (https://www.facebook.com/SinsinsinCallMeSin/)

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 15-09-2016 03:21:22
ฟางนี่ตัวแสบจริงๆเลยยยย   :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ตอนนี้รัมภ์เหมือนคลื่นใต้น้ำที่พร้อมจะเป็นสึนามิเลยแหะ  :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: kms ที่ 15-09-2016 04:28:48
อ่านมาทั้งเรื่องนี้รำคาญรัมสุดเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-09-2016 06:42:47
หงุดหงิดรัมภ์ มีอะไรสงสัยพี่คิน
ทำไมไม่พูด ไม่ถาม จะได้ชัดเจน
เชื่อไม่เชื่อ ก็อีกเรื่องหนึ่ง
แล้วทำไมไม่เล่าพฤติกรรมของฟางให้พี่คินฟัง
รัมภ์เอง ก็จมอยู่กับความทุกข์คนเดียว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-09-2016 11:43:32
เราเข้าใจรัมภ์นะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 15-09-2016 13:45:46
 :mew3: รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 15-09-2016 14:11:56
นางฟางมันร้ายย :z6:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 15-09-2016 14:27:43
อย่าค่ะๆ อย่าพึ่งไล่นังฟางออกค่ะ
ยังไม่สะใจ นังนี่มันต้องโดน นี่ถ้าทะลุเข้าไปในนิยายได้จะกระโดดตบไป 10 รอบเลย
โอ้ย พูดแล้วขึ้น ทำไมนักแต่งบิ้วอารมณ์เราได้ขนาดนี้คะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: เจเจจัง ที่ 15-09-2016 15:09:25
เราไม่สงสารรัมภ์แฮะ รัมภ์ทำตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว เข้าไปจีบคินแบบไม่จริงใจ พอคินรักก็ขอเลิก ทั้งๆ ที่รัมภ์ก็รักคิน อย่าบอกว่าที่ไม่คบต่อเพราะจีบคินแบบไม่จริงใจเลยลงโทษตัวเอง ก็ในเมื่อคินรักรัมภ์มากขนาดนี้ เราว่าคินไม่สนใจหรอก ขนาดหลอกให้รักแล้วทิ้ง ยังจับตัวมาอยู่ด้วยเลย ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ลืม

ส่วนตอนนี้ ในเมื่อสงสัยนักก็ถามไปเลย ถ้าคินมีไรกะฟางจริง แล้วรับไม่ได้ ก็เลิกแล้วไปจากที่นี่ซะ ที่ยัยฟางเอาถั่วเหลือให้กินจนเกือบตาย ก็คุยกับคินดี ๆ ว่าไม่ได้กินไรเลยตั้งแต่ตื่นมา กินโกโก้นั่นไปแก้วเดียว ถ้าคินไม่เชื่อเราก็ออกจากชีวิตเค้าไป ทำตัวงี่เง่า ทำเหมือนตัวเองฉลาดแต่โง่ที่สุด

ตั้งแต่อดีตจนปัจุจุบัน เอาแต่กลัวไปทุกเรื่อง หนีปัญหาตลอด เราสงสารคินนะมาชอบคนแบบนี้
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 15-09-2016 18:31:40
นังมาร
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 15-09-2016 20:56:31
ตอนนี้ มีความอินมากกก ถึงมากที่สุด
กะอีเเค่คนงานดูเเลบ้าน พี่ยังคิดไม่ได้ เลือกไม่ได้กับคนรัก ความสำคัญมันอยู่ตรงไหน
ทั้งที่อยากให้รัมเชื่อใจตัวเอง เข้าใจตัวเอง ปิดบังรัมทุกเรื่อง

รัมเเค่ขอความเชื่อใจ พี่ยังให่ไมได้ ถ้าเราเป็นรัม รัมจะไม่ให้โอกาศพี่คินอีก
เจ็บซ้ำเเล้ว ซ้ำเล่า ผิดใจอะไรหน่อย พี่ใช้กำลังข่มขืนตลอด
ในด้านของความเป็นจริงเเล้ว ถึงลึกๆในใจจะรัก เเต่ใช้กำลังบังคับทางกาย
มันไม่โอเค มันทำร้ายจิตใจกัน มันค่อยๆกลายเป็นความรู้สึกไม่ดี

ถ้าพี่คินเลือกฟางนะ จะบอกให้รัมหนีไปกับพี่ติน ถึงรายนั้นจะร้ายยังไง ก็สู้ไปตายเอาดาบหน้า
พี่คินฉลาดเรื่องงาน ฉลาดเรื่องคนอื่น เเต่โง่เรื่องรัม โง่ที่คิดว่ารัมไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

ป ล ชื่อยังสลับกันไปมานะคะ พี่คิน กับติน ตกๆหล่นๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 15-09-59 ❤ บทที่ 27 ต้องเลือก ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 15-09-2016 21:59:25
เกลียดพระเอกโง่ อ๊ากกก อยากฆ่าอีฟางทิ้ง :ling1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 19-09-2016 16:10:42
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 19-09-2016 17:36:30
รออ่านต่ออยู่นะคะ ให้กำลังใจคุณคนแต่ง ให้มีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง

ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ (เพิ่มเติม) ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 19-09-2016 19:18:26
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ (เพิ่มเติม) ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-09-2016 20:19:03
อะไรกัน นายเก่า นายใหม่
นายคนปัจจุบัน คือ พี่คิน
เริ่มยุ่งเหยิง มากกว่าเดิม
ฟาง วางยา อยากฆ่ารัมภ์
จะเอาพี่คินเป็นผัว คิดได้ไง
พี่กิ่ง วางยา เพื่อนายคนไหนกัน
หมอนที พี่ชายบุญธรรมพี่คิน
อยากเป็นเจ้าของฟาร์มแทนพี่คินปะ
พี่ติน จะพารัมภ์ออกไป
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ (เพิ่มเติม) ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-09-2016 22:09:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ (เพิ่มเติม) ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 19-09-2016 22:41:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ บทที่ 28 ง้อ (เพิ่มเติม) ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-09-2016 00:16:39
ใครสั่งให้จับตัวรัมภ์ไปกันนะ?
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 19-09-59 ❤ ❤[SM]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 20-09-2016 20:10:21
สงสารรัมภ์ มีแต่คนหลอก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-09-59 ❤ บทที่ 28 เมฆินทร์ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 27-09-2016 22:20:57
บทที่ 28 คำตอบที่ไม่ชัดเจน

   ผมตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะเสียงคุยโทรศัพท์ของพี่คินดังแว่วอยู่ไม่ไกล จ้องมองนาฬิกาบนฝาผนังก็พบว่าเป็นเวลาเย็นมาก
แล้วจนบรรยากาศข้างนอกหน้าต่างเริ่มมืดลง นานมากหลังจากที่หลับไปด้วยฤทธิ์ของยา ตาจ้องมองไปยังร่างสูงในชุดทำงาน
หลุดลุ่ยกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปถามจากปากของเขาเอง”

   “ฉันไม่ต้องการรู้ว่าเจออะไรที่ไหน แต่ต้องการรู้ว่าทำไปทำไมและเพราะอะไร”

   “ยังไงก็ดูแลแทนฉันไปก่อน อีกเดี๋ยวฉันจะกลับไปจัดการเอง”

   พี่คินกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยท่าทางไม่พอใจ เสี้ยวหน้าคมคายแสดงถึงความโกรธก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
เล็กๆเมื่อหันมาเห็นว่าผมกำลังจ้องมองอยู่

   “ตื่นแล้วเหรอรัมภ์ หิวข้าวไหม”

   “ผมยังไม่หิว”

   “งั้นกินน้ำก่อน อีกเดี๋ยวภูผาจะมาอยู่เป็นเพื่อนรัมภ์”

   “ทำไม? แล้วพี่ล่ะ ไหนพี่บอกว่าจะอยู่”เค้นเสียงถามออกมาไป

   “พี่จำเป็นต้องไปจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นให้จบ”

   “เรื่องอะไร ทำไมพี่ต้องเป็นคนไป”

   “นุ่มบอกว่าเจอกล่องนมถั่วเหลืองในถังขยะ เพราะฟางอ้างว่าฟางเป็นคนกินเองไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำ พี่จำเป็นต้องไปคุย
กับพ่อแม่ของฟาง”พี่คินตอบกลับด้วยเสียงอันเนิบนาบ ตาคู่คมจ้องมองมาที่ผมนิ่งไม่ไหวติง

   “ไม่…”

   “…”

   “ผมไม่ให้พี่ไป”ผมเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของพี่คินเอาไว้ มันไม่มีอะไรบอกได้เลยว่าคำสัญญาที่ให้ไว้จะเป็นจริง ไม่อยาก
ที่จะถูกทิ้งเอาไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าถ้าปล่อยให้พี่คินกลับไป เบื้องหลังที่ผมมองไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น

   “รัมภ์?”

   “ยังไงผมก็ไม่ให้พี่กลับไป ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่จะไล่ฟางออกไปจริงๆ ไม่ใช่แอบกลับไปหาฟางตอนที่ผมไม่อยู่”

   “รัมภ์ ทำไมรัมภ์ถึงคิดแบบนั้นล่ะพี่ไม่เข้าใจ”

   “สำหรับพี่แล้ว…ฟางคืออะไร?”ถามออกไปทั้งที่เสียงยังคงสั่น มือกำแขนเสื้อที่จับเอาไว้แน่น

   “รัมภ์ก็รู้ว่าฟางเป็นแค่พี่เลี้ยงของน้องณิน ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น พี่ไม่ชอบนะที่รัมภ์ถามพี่แบบนี้”

   “แล้วทำไม…”ผมทนเก็บสิ่งที่คิดเอาไว้ไม่ไหวแล้ว อยากจะรู้ว่าคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมพี่คินถึงได้ออกมาจาก
ห้องของฟาง “ทำไม…คืนนั้นผมถึงเห็นพี่ออกมาจากห้องฟาง”ในที่สุดก็ถามออกไป ทั้งที่กลัวแสนกลัวกับคำตอบที่จะเอ่ยออกมา
จากปากนั้น

   “รัมภ์เห็นด้วยเหรอ?”

   “ไหนพี่บอกว่าไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าที่บอกไง แล้วทำไมคืนนั้นพี่ถึงได้ออกมาจากห้องฟางได้ล่ะ บอกผมมาสิ! ไหนพี่
บอกว่าไม่มีความลับกับผมแล้วไง แล้วสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไร ทำไมพี่ถึงไม่บอกผมล่ะ ทำไมถึงต้องให้ผมถามเอง”มือที่กำแขน
เสื้อเอาไว้กระตุกชายแขนเสื้อและเขย่าไปมาอย่างเหลืออด สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว มันเจ็บปวดจนรู้สึกว่าจะตายให้ได้ ไม่ไหว
อีกแล้วกับความรู้สึกแบบนี้

   “มันไม่ใช่อย่างที่รัมภ์คิดนะรัมภ์”มือใหญ่เอื้อมมาแตะที่แขนเอาไว้ ทว่าผมกลับปัดมันออก

   “ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมคิดแล้วมันอะไรกัน สิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไร”

   “ที่พี่เข้าไปในห้องของฟางเพราะฟางขอร้องให้พี่เข้าไปช่วยดูในห้องเพราะเหมือนจะมีหนูหลุดเข้ามาก็แค่นั้น มันไม่ได้มี
อะไรอย่างที่รัมภ์คิด”

   “ไม่จริง แล้วสิ่งที่ผมเห็นล่ะ สิ่งที่ผมเจอในกระเป๋าเสื้อของพี่ล่ะมันคืออะไร?!!”

   “รัมภ์เจออะไร?”ถามเสียงเรียบในขณะที่มือใหญ่ทั้งสองข้างจับต้นแขนของผมเอาไว้ก่อนจะบังคับให้หันไปเผชิญหน้า จ้อง
ตอบตาคู่คมดุที่มองมาด้วยสายตาที่จริงจัง

   “ผมเจออะไรพี่ก็น่าจะรู้แก่ใจดีไม่ใช่รึไง”

   “พี่ไม่รู้หรอกนะว่ารัมภ์เจออะไรมา แต่จะให้พี่บอกสักกี่ร้อยรอบก็ได้ว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้นทั้งนั้น สำหรับฟางแล้ว
ฟางเป็นได้แค่พี่เลี้ยงของน้องณิน  พี่จะไม่กลับไปก็ได้ พี่จะอยู่ที่นี่กับรัมภ์ โอเคไหม ทีนี้รัมภ์ใจเย็นๆแล้วเลิกคิดมาสักที รัมภ์ไม่
สบายอยู่นะต้องพักผ่อนมากๆรู้ไหม”

   “ไม่…”หมดคำพูดแล้วที่จะพูดออกมา สิ่งที่คิดอยู่ในสมองตอนนี้มันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องมองลึกเข้าไป
นัยน์ตาคู่นั้น หวังที่ว่าจะอ่านสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างในออก ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในกับทางแยกที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างเชื่อหรือไม่
เชื่อ หรือแท้จริงแล้วจิตใจของผมมันไม่สามารถเปิดรับและเชื่อใครได้อีกแล้วกันแน่ ย่างก้าวที่กำลังจะก้าวออกไปมันถึงได้หนัก
อึ้งและยากเย็นขนาดนี้



   -----------------------------------------------------------------------------

   สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่ามือที่ใหญ่ที่อบอุ่นจะกุมมือผมเอาไว้ตลอดทั้งคืน แต่พอรุ่งเช้าเช้าของมือนั้นกลับหายไป ภายในห้องมี
เพียงความว่างเปล่า หลงเหลือเพียงแค่กลิ่นอายเอาไว้ จ้องมองไปยังนอกหน้าต่างที่ผ้าม่านเปิดทิ้งเอาไว้ มองเห็นแสงแดด
ค่อยๆกลืนกินความมือทีละนิดเมื่อดวงอาทิตย์กำลังลอยขึ้นมาเหนือฟากฟ้า สุดท้ายแล้วโซ่ตรวนที่ดึงรั้งเอาไว้มันก็ได้คลายออก
ย่างก้าวแรกที่เดินก้าวออกไปนั้นเป็นทางแยกที่ไม่อาจจะมองเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้เลย มันช่างดำมืดและเงียบสงัดราวกับ
กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว

   “ตื่นแล้วเหรอพี่ โทษทีผมมาช้าไปหน่อย พอดีแวะเข้าไปเอาปิ่นโตที่บ้านนายหัวมาด้วย”ภูผาร้องทักเสียงใสหลังจากเปิด
ประตูเข้ามา มือชูปิ่นโตขึ้นอวด

   “แล้วเขาล่ะ”ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวงทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

   “ก็เพราะเมื่อวานตอนเย็นนายหัวไม่ได้ไปคุยกับพ่อแม่ของฟางไง นายหัวก็เลยไปคุยให้จบๆก่อนที่พี่จะออกจากโรง
พยาบาล”

   “อืม”

   “เดี๋ยวตอนสายๆนายหัวก็มารับพี่เองนั่นแหละ ไม่ต้องทำหน้าเศร้าหรอก”

   “เขาบอกมาอย่างนั้นเหรอ”

   “อื้อ นายบอกว่าจัดการทางนั้นเสร็จแล้วจะรีบมารับ นายหัวฝากบอกพี่แบบนี้”ภูผาพยักหน้าพลางวางปิ่นโตลงบนโต๊ะแล้ว
นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ

   “ว่าแต่ว่าโคตรเหลือเชื่อเลยเนอะที่พี่ตินเป็นพี่ชายพี่อ่ะ พอผมสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลแล้วโคตรหล่อเลย”

   “อืม เขาก็บอกพี่แบบนั้นเหมือนกัน”

   “โคตรเจ๋งเลย โดยเฉพาะตอนที่ปลอมตัวอย่างกับในหนังน้ำเน่า สงสัยดูหนังมากไปมั้ง”

      ระหว่างนั้นผมไม่รู้เลยว่าบทสนทนาของผมกับภูผาที่เริ่มขึ้นและจบลงมันเกี่ยวกับอะไร เพราะว่าความคิดของผมมัน
กำลังจมอยู่ในความผิดหวัง มือที่กุมเอาไว้ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวทั้งที่รับปากว่าจะอยู่ด้วยกันและไม่กลับไป ไม่รู้เลยว่าลับหลัง
แล้วพี่คินจะจัดการกับเรื่องที่เกิดจริงอย่างที่ภูผาบอกไหม หรือแท้จริงแล้วต้องการจะไปหาฟางกันแน่



   เสียงปิดประตูฉุดให้ทั้งผมและภูผาหันไปมองพี่กิ่งที่เดินเข้ามา ใบหน้าในแบบฉบับของคนใต้ส่งยิ้มมาให้

   “ทำไมพี่กิ่งมาล่ะพี่ แล้วนายหัวล่ะ”ภูผาถามเป็นภาษาใต้เมื่อเห็นว่าพี่กิ่งมาคนเดียว

   “นายหัวยังจัดการเรื่องไม่เสร็จ บอกให้พี่มารับรัมภ์แทน”พี่กิ่งตอบแต่หันมามองหน้าผม

   “อะไรของเขา เป็นคนบอกกับผมเองว่าจะมารับ ไหงให้พี่กิ่งมารับแทน”ภูผาส่ายหน้าแต่ก็หันไปทยอยเก็บสัมภาระ

   “ทางนั้นยุ่งๆเลยยังไม่เสร็จ ยังไงรัมภ์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว จะได้รีบไปกัน”

   “แต่หมอยังไม่ได้บอกให้ผมกลับได้เลยนี่ครับ”ผมตอบพลางจ้องมองด้วยความแปลกใจกับท่าทีเร่งรีบที่พี่กิ่งแสดงออกมา

   “ไม่เป็นไร พี่คุยกับหมอนทีเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเขาจะจัดการเรื่องให้เอง”

   “งั้นเหรอครับ เดี๋ยวผมขออาบน้ำแปบหนึ่งแล้วกัน”ผมตอบกลับไปพลางลุกลงจากเตียง แต่พี่กิ่งก็แย้งให้ผมชะงักเอาไว้
แล้วหันกลับไปมองเมื่อมือของเขาเอื้อมมาจับข้อมือของผมเอาไว้

   “ไม่ต้องหรอก ไว้อาบที่บ้านทีเดียวเลย รีบไปดีกว่าเดี๋ยวแดดจะร้อน เปลี่ยนเสื้อผ้าเอาก็พอ”

   “เอางั้นก็ได้ครับ”




   ผมเดินตามพี่กิ่งมายังรถที่จอดอยู่หลังโรงพยาบาล แปลกใจกับท่าทีเร่งรีบแต่ก็หันมายิ้มให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่กิ่ง
เปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งที่เบาะหลังที่มีหมอนกับผ้าห่มเตรียมเอาไว้ พักใหญ่ที่รถขับแล่นออกมาจากโรงพยาบาล สองข้างทาง
ทำให้ผมเริ่มเอะใจที่มันค่อนข้างไม่คุ้นตา

   “นี่ไม่ใช่ทางกลับนี่ครับ”

   “นายหัวสั่งให้พี่พารัมภ์ไปหาอีกที่หนึ่งน่ะ”

   “ไหนบอกว่านายหัวยังจัดการธุระไม่เสร็จไงครับ”

   “เสร็จแล้วล่ะ เมื่อกี้นายหัวโทรมาบอกพี่เอง”

   “โทรตอนไหนครับ ผมไม่เห็นพี่โทร”ผมหรี่ตามองพี่กิ่งผ่านทางกระจกมองหลัง

   “ตอนที่รัมภ์เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไง”

   “งั้นเหรอครับ”ผมรับคำก่อนจะเอนตัวพิงเบาะด้านหลัง

   ยิ่งผ่านไปนานเท่าไรถนนข้างหน้ายิ่งเริ่มแปลกตา กลายเป็นถนนใหญ่หลายเลนส์คล้ายกับถนนเส้นหลักจนรถมาจอดอยู่
หน้าร้านสะดวกซื้อก่อนที่พี่กิ่งจะเดินลงไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ลืมที่จะกำชับบอกให้ผมรออยู่ในรถและ
เดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ

   กลับมาที่รถพร้อมกับน้ำเปล่าสองขวด ยื่นขวดหนึ่งมาให้ ผมรับมันเอาไว้ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อน้ำขวดที่รับมานั้นถูกเปิดอยู่
ก่อนแล้ว

   “มันเปิดอยู่แล้วนี่”

   “พี่เป็นคนเปิดเองแหละ รัมภ์จะได้ไม่เสียเวลาเปิด รีบกินสิ จะได้ไปกันต่อ”ผมพยักหน้าตามคำบอกแล้วกระตกน้ำในขวด
กินเข้าไปตามคำคะยั้นคะยอ

   “เราจะไปที่ไหนกัน พี่พอจะบอกผมได้ไหม ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันไกลและเราก็ออกจากโรงพยาบาลมานานแล้ว”

   “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”

   “ถ้าพี่ไม่บอกผมพี่ก็จอดรถเถอะ ผมคงไม่อยากไปไหนกับใครหรอกถ้าคนคนนั้นไม่บอกผมว่าจะพาผมไปไหน”ลางสังหรณ์
มันเริ่มบอกเตือนเมื่อความง่วงกำลังเข้าโจมตี

   “รัมภ์อย่าถามอะไรพี่มากนักเลย พี่เองก็ไม่รู้ว่าจะบอกเรายังไงดี”พี่กิ่งตอบเสียงห้วน ไม่เพียงแค่นั้น แต่เท้ายังเหยียบคัน
เร่งให้รถแล่นไปข้างหน้าเร็วขึ้น

   “ทำไม…ถึงบอกผมไม่ได้ล่ะ”ถามพลางกระพริบตาถี่ๆ ร่างกายมันโอนเอนไปมาใกล้จะฟุบลงไปบนเบาะเต็มทน ภาพเบื้อง
หน้าค่อยๆดำมืด

   “ระหว่างนายเก่ากับนายใหม่แล้ว พี่จำเป็นต้องเลือกนายเก่าเอาไว้ก่อน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”เสียงนั้นที่แผ่วเบาราวไม่
ต่างอะไรกับเสียงของเครื่องปรับอากาศในรถเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่ร่างของผมจะฟุบลงไปบนเบาะหลังในขณะที่รถยัง
แล่นไปข้างหน้าเรื่อยๆโดยไม่รู้ว่าจะไปสุดที่ไหน พร้อมกับฝันร้ายในอดีตที่พยายามจะลบไปจากใจกำลังฉายขึ้นอีกครั้ง



   ----------------------------------------------------------------------


   กลิ่นหอมของขนมหวานทำให้ผมย่นจมูกและขมวดคิ้วเพราะความไม่คุ้นเคย พยายามหวนนึกถึงความทรงจำครั้งสุดท้าย
ก่อนที่จะหลับลงไปก่อนที่เสียงที่ดูมีอายุของผู้ชายจะเรียกเอาไว้

   “ตื่นแล้วเหรอ มาสิ เดินทางมาไกลคงจะหิวมาก”

   “ทะ…ที่นี่ที่ไหน”เรือนที่ล้อมไปด้วยกระจกประดับด้วยผ้าม่านโปร่งปลิวไสวไปตามลมทะเลที่พัดเข้ามา มองไปยังด้านนอก
ก็พบกับหาดทรายสีขาวกับน้ำทะเลสีฟ้าคราม มองไปยังต้นเสียงก็พบกับชายวัยกลางคนกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่
โต๊ะริมระเบียง ใบหน้าที่ยังดูดีถึงแม้จะสูงวัยแล้วกำลังส่งยิ้มมาให้ ใบหน้าที่คลับคล้ายคลับคลากับคนที่ผมรู้จักดี ผมลุกขึ้นจาก
เตียงผ้าใบที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูระเบียง เดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้น

   “มากินขนมด้วยกันสิ ภรรยาของฉันพึ่งจะทำเสร็จใหม่ๆเลยล่ะ”

   “ที่นี่ที่ไหน ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”ถามออกไปอีกครั้ง เพราะรอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นไม่ได้มีวี่แววของความปองร้ายส่งมาให้
เลย

   “ที่นี่เป็นบ้านของฉันเอง”

   “ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วคุณเป็นใคร” จำได้ว่าครั้งสุดท้ายคือตอนที่อยู่กับพี่กิ่งแล้วก็หลับไปหลังจากกินน้ำขวดนั้น

   “จริงสิ ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อเมฆินทร์เป็นพ่อของภาคินเขาน่ะ”





-------------------------------------------------------------------------------------------

เผลอลบไปเฉยเลย ลงอีกรอบ

 
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-09-59 ❤ บทที่ 28 เมฆินทร์ (แก้)❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 27-09-2016 23:43:35
คุณพ่อจับตัวรัมภ์มาทำไม!?
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-09-59 ❤ บทที่ 28 เมฆินทร์ (แก้)❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 28-09-2016 00:17:02
จับรัมภ์มาไมอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-09-59 ❤ บทที่ 28 เมฆินทร์ (แก้)❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-09-2016 05:24:26
ทำไมรัมภ์ พูดไม่หมดอีกละ
ทั้งที่รัมภ์ก็รู้ว่าฟาง  ไม่น่าไว้ใจ จะเขมือบพี่คิน
บอกไปสิ ว่าเจออะไรในกระเป๋าเสื้อพี่คิน
ชอบพูดกั๊กๆ   จะได้ชัดเจน เคลียร์
ที่ผ่านมา พี่คิน ไม่ได้ทำให้รัมภ์ รู้หรือว่ารักรัมภ์คนเดียว
อีกฝ่ายก็ซื่อบื้อ แทนที่จะถาม ไม่ใช่หยุดไปเลย
ขัดใจ ทั้งรัมภ์ ทั้งพี่คิน
พ่อพี่คิน อยู่ๆโผล่มา ต้องการอะไรจากรัมภ์ ? :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 27-09-59 ❤ บทที่ 28 เมฆินทร์ (แก้)❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 28-09-2016 10:24:59
ไม่มีใครชัดเจนซักคน ปากอมอะไรกันอยู่ ยึกๆยักๆตัลหลอดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 02-10-2016 05:37:46
บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต

   “จริงสิ ฉันลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อเมฆินทร์เป็นพ่อของภาคินเขาน่ะ”อีกฝ่ายแนะนำตัว สถานะของเขาทำเอาผมรู้สึกราวกับ
ถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ชะงักเท้าที่ย่างก้าวเข้าไปหาผู้ชายเบื้องหน้า

   “พาผมมาที่นี่ทำไม”

   “นั่งลงก่อนสิ”ไม่เพียงแค่ไม่ตอบในสิ่งที่ถามออกไป แต่กลับพยักหน้าให้ผมนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม

   แต่ยังไม่ทันจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เสียงเปิดประตูจากทางด้านหลังเรียกให้ผมเอี้ยวตัวหันไปมองร่างของผู้หญิงวัยกลางคนที่
ยังคงความสวยสง่าเดินเข้ามา ตาคู่สวยปรายตามองมาอย่างแน่นิ่ง ในมือถือถ้วยขนมเอาไว้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามข้างกันกับพ่อ
ของพี่คิน

   “มาพอดี ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่นภาเป็นภรรยาของฉันและก็เป็นแม่ของภาคินเขา”สำหรับคนคนนี้ต่อให้ไม่ต้องแนะนำ
ผมก็รู้จักดีว่าเขาคือใครใบหน้าที่ผมไม่เคยลืมเลือนมันมานับหลายปี

   “ไม่ต้องแนะนำหรอกค่ะเราเคยเจอกันแล้วล่ะ จริงไหม”แม่ของพี่คินเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะวางถ้วยขนมลงตรงบนโต๊ะเบื้อง
หน้าของผม “ทำไมไม่นั่งล่ะ”ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะหันมายิ้มให้

   “ผม…คิดว่าผมไม่จำเป็นจะต้องนั่ง”ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็น ภาพในอดีตมันเริ่มวนเวียนกลับมาอีกครั้ง



   ย้อนกลับไป



   ‘รัมภ์ลูกมีคนมาหาน่ะ’เสียงของแม่เรียกผ่านบานประตูห้องนอนปลุกให้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนที่กำลังอ่าน

      ‘ใครเหรอแม่’

   ‘เห็นบอกว่าเป็นแม่ของเพื่อนที่มหา’ลัย รีบลงไปล่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานมันไม่ดี’

   ‘ครับ เดี๋ยวรัมภ์ลงไป’ตอบรับก่อนจะเดินตามแม่ลงไปในเวลาใกล้เที่ยงวันที่ลูกค้าเริ่มจะแน่นร้าน มองเห็นหญิงสาวใน
เครื่องแต่งกายดูดีไม่น่าจะเป็นลูกค้าของร้านนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน ใบหน้าที่แม้จะเข้าสู่วัยกลางคนแต่ก็ยังคงความสระ
สวยแสดงออกถึงความนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีใดใดทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเพราะผมไม่รู้จักเธอ

   ‘สวัสดีครับ เห็นแม่บอกว่าคุณมาหาผม คุณมีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ’   

   ‘เธอเองเหรอที่ชื่อรัมภ์อะไรนั่น เป็นลูกครึ่งด้วยสินะ’น้ำเสียงนิ่งเรียบกับสายตาที่มองผมอย่างสำรวจ

   ‘ครับ’   

   ‘ฉันเป็นแม่ของภาคินเขาน่ะ’การแนะนำตัวทำให้ผมนิ่งอึ้งและประหลาดใจกับการปรากฏตัวของผู้หญิงตรงหน้าไปพักใหญ่

   ‘ครับ แล้วมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ’

   ‘เอาตรงๆแบบไม่อ้อมค้อมเลยก็แล้วกัน ฉันต้องการให้เธอเลิกยุ่งกับภาคินลูกชายของเรา’สิ่งที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากได้
รูปมันทำให้หัวใจของผมหล่นวูบไม่ต่างอะไรกับร่างกายกำลังล่วงหล่นลงไปในเหวลึก   

   ‘แล้วเหตุผลล่ะครับ’ผมจ้องหน้าผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ถามออกไปพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น จิกเล็บ
เข้ากับอุ้งมือทั้งสองข้างแน่นด้วยความอึดอัดใจ

   ‘เพราะภาคินเป็นลูกชายคนเดียวของเรา วันข้างหน้าเขาต้องสืบทอดกิจการของทางบ้าน จะต้องแต่งงานมีลูกและมี
ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ การที่เขาทำตามใจตัวเองโดยการเอาเธอมาอยู่ข้างๆมันทำให้เส้นทางข้างหน้าของเขาต้องบิดเบือน ฉัน
ไม่ใจกว้างพอที่จะทิ้งอนาคตของลูกชายตัวเองไปได้หรอกนะ แล้วอีกอย่างดูๆแล้วเธอเองก็ไม่ได้เหมาะกับภาคินสักเท่าไร’พูด
ทั้งที่ยังคงปรายตามองผมอย่างสำรวจเช่นเดิม

   ‘จริงๆแล้วคุณไม่จำเป็นจะต้องมาหาผมถึงที่นี่ก็ได้นะครับ’ผมฝืนกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะกัดฟันพูดออกไปเสียงเบา ลำตัว
เหยียดตรงและจ้องตอบนัยน์ตาคู่สวย

   ‘ฉันได้ยินข่าวลือมาจากเพื่อนของเขาว่าเธอคบกับเขาก็เพราะเงิน’สิ่งที่แม่ของพี่คินพูดออกมามันยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผม
เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงตั้งแต่แรกที่ผมได้มองมันข้ามไป ไม่รู้เลยว่าแม่ของพี่คินรู้ได้ยังไง แต่นั่นมันก็ทำให้ผมต้องยอมรับออกไป
อย่างเต็มปาก

   ‘ครับผมเข้าหาเขาเพราะเงิน’

   ‘ถ้าอย่างนั้นเธอต้องการเงินเท่าไรล่ะ เพื่อที่จะเลิกยุ่งกับลูกของเรา’ราวกับถูกตบหน้าผมจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่
เชื่อหูตัวเอง ความรู้สึกอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ยอมหายไปสักที


   ‘เก็บเงินของคุณไว้เถอะครับ ผมไม่ต้องการ’

   ‘อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้เลยนะ เธอเองก็สมควรมีอนาคตเป็นของตัวเอง รับเงินนี่ไปซะจะถือว่าเป็นของขวัญ
เล็กๆน้อยในการพบกันก็ได้ เส้นทางข้างหน้าของเธอกับภาคินมันต่างกันเกินไป อย่าให้ฉันต้องทำมากกว่านี้เลย’พูดจบซองสี
น้ำตาลหนาก็ถูกล้วงออกมาจากกระเป๋าถือใบแพงแล้ววางลงมาเบื้องหน้า ผมได้แต่มองมันแน่นิ่งด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ใจที่
กำลังแตกร้าวเริ่มปริเป็นรอยแยกกว้างขึ้นเรื่อยๆ

   มันผิดพลาดตั้งแต่แรกแล้วที่ผมเดินเข้าไปหาพี่คินเพราะเงิน และมันจะเป็นการผิดพลาดอีกครั้งถ้าหากผมยอมรับเงินตรง
หน้าจากแม่ของเขา มือทั้งสองข้างกำแน่นกว่าเก่าจิกปลายเล็บเข้ากับอุ้งมือด้วยความเจ็บใจ ไม่ว่ายังไงทางเลือกข้างหน้ามันก็
เหมาะสมที่สุดแล้ว ทั้งที่ร่างกายมันกำลังสั่นเทา หัวใจจวนเจียนจะแตกร้าวเต็มทน แต่ก็ทำได้แค่กักเก็บความรู้สึกซ่อนเอาไว้จาก
สายตาของแม่ที่มองมาเป็นระยะ

   ‘ ผมต้องขอโทษที่เสียมารยาทกับคุณตั้งแต่แรกเจอ แต่ผมไม่ได้ต้องการเงินพวกนี้ของคุณเลย เก็บเงินของคุณกลับไป
เถอะครับ’บอกก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

   ‘เธอกำลังจะบอกว่าไม่ยอมเลิกยุ่งกับภาคินใช่ไหม’

   ‘ไม่ใช่ครับ’

   ‘งั้นเธอก็สมควรที่จะรับเงินพวกนี้ไป ดูๆแล้วเธอจำเป็นจะต้องใช้มันไม่น้อยเลยนี่’พูดพลางปรายตามองไปรอบๆร้าน

   ‘ผมขอยืนยันคำเดิมครับ ผมจะไม่รับเงินจากคุณแม้แต่บาทเดียว ส่วนเรื่องของพี่คินคุณไม่ต้องเป็นห่วง’บอกออกไปเสียง
เบาพยายามกลืนก้อนน้ำลายที่ฝืดคอลงไปก่อนจะพูดต่อด้วยความยากเย็น ‘ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับเขาอีก ผม
จะยุติความสัมพันธ์ของผมกับเขาตามที่คุณต้องการ หมดธุระของคุณแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัว วันพรุ่งนี้ผมมีสอบ มี
หนังสือที่จะต้องอ่านอีกเยอะ ขอโทษอีกครั้งที่ต้องเสียมารยาทตั้งแต่แรกเจอแบบนี้’มันยากที่จะเก็บความเจ็บปวดที่กำลังเอ่อล้น
มาในรูปแบบของความรู้สึก น้ำตาร้อนผ่าวมันกำลังจะไหลล้นลงมาถ้าหากว่าผมถอยหลังออกมาจากตรงนั้นช้ากว่านี้

   มันเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่สามารถหลีกหนีได้เลยว่าวูบหนึ่งผมเคยคิดว่าความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดของเรานั้นไม่จำเป็นจะต้อง
จบลง ผมกับพี่คินเรายังไปด้วยกันต่อได้หากว่าความรู้สึกดีดีที่เรามีต่อกันนั้นยังคงอยู่ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดลมลมแล้งๆ
ในเมื่อกฎเหล็กที่กำลังขวางทางของเราอยู่เบื้องหน้ามันกำลังจะขีดเส้นกั้นเราทั้งสองคนเอาไว้และทำให้ สิ่งที่ประครองและ
ยึดถือเอาไว้ได้ร่วงหล่นหายไป แทนที่ด้วยความว่างเปล่าไม่อาจดึงรั้งความฝันที่วาดเอาไว้ให้กลับคืนมา




   “นั่งลงเถอะ ถึงเธอจะไม่อยากอยู่ที่นี่และไม่อยากจะคุย แต่ก็เธอก็ต้องอยู่ เพราะนั่นมันหมายถึงอนาคตของเธอกับลูกของ
เรา อันที่จริงฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะได้มาคุยกับเธอในเรื่องนี้ซ้ำอีกรอบ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ภาคินเขาหัวรั้นกว่าที่คิดเอาไว้”พูด
พร้อมกับดันถ้วยขนมที่ถือติดมือมาวางข้างหน้าผม

   “เดี๋ยวผมคุยเองดีกว่านะนภา”พ่อของพี่คินเอื้อมมือไปแตะที่แขนของแม่พี่คินเบาๆเป็นการปรามก่อนจะหันมายิ้มให้ผมด้วย
รอยยิ้มอันอ่อนโยน

   “แล้วแต่คุณเมฆก็แล้วกัน อย่าใจดีเกินไปนักล่ะ”

   “เอาเป็นว่าค่อยๆคุยกันก็แล้วกันนะ นั่งลงก่อนสิแล้วมากินขนมกัน บัวลอยนั่นแม่ของภาคินเป็นคนทำเองเลยนะ อร่อยอย่า
บอกใครเชียว”บอกก่อนขยิบตาให้พยักหน้าให้ผมนั่งลงในฝั่งตรงข้าม

   “ครับ”ตอบรับคำเชิญอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่

   สายลมที่พัดมาจากทะเลเบื้องที่อยู่ด้านข้างหอบเอากลิ่นเค็มเข้ามาเต็มปอด แสงแดดอ่อนๆในยามบ่ายกับบรรยากาศดีดี
มันไม่ได้ช่วยให้ความอึดอัดที่มีลดน้อยลงไปเลย ผมได้แต่กำช้อนในมือแน่น จ้องมองขนมบัวลอยหลายสีในถ้วยใบสวย

   “ลองกินดูสิ ไม่ได้ใส่อะไรแปลกๆลงไปในนั้นหรอก ต้องขอโทษแทนกิ่งด้วยที่พาเธอมาด้วยวิธีนั้น แต่กิ่งบอกว่าเธอเอาแต่
ถามและระแวงฉันเลยต้องสั่งให้เขาใช้วิธีนั้นอย่างช่วยไม่ได้”บอกด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและยังคงรอยยิ้มอ่อนโยนเอาไว้ ทำให้ผม
ยอมที่จะตักบัวลอยเข้าปาก เป็นของกินอย่างแรกที่ตกถึงท้องในวันนี้หลังจากที่ผ่านมาครึ่งค่อนวัน

   “เติมหน่อยไหม ฉันเตรียมส่วนของเธอไว้โดยเฉพาะเลยนะพอรู้ว่าเธอจะมา”แม่ของพี่คินไม่รอให้ผมตอบรับแต่ก็คว้าถ้วยที่
ว่างเปล่าของผมแล้วเดินออกจากเรือนกระจกไป

   “อย่าใส่ใจแม่ของภาคินเลย เขาเป็นคนที่ค่อนข้างพูดตรงเพราะต้องดูแลพนักงานหลายร้อยคนที่อยู่ที่นี่น่ะ”

   “ครับ”

   “เฮ้อ ฉันจะเริ่มพูดยังไงดีล่ะ ลำพังแค่ขโมยเธอมาจากลูกชายก็รู้สึกผิดมากพอแรงอยู่แล้ว แต่ถ้าฉันไม่ทำเรื่องมันก็คงจะ
ยุ่งมากไปกว่านี้ล่ะนะ”

   “ครับ”ตอบรับเสียงเบาแม้จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พ่อพี่คินต้องการจะพูดต่อไปคืออะไร

   “ตอนแรกที่ภาคินพาเธอเข้าไปที่สานรักฉันก็รู้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ลูกชายฉันเขาก็เปลี่ยนไปมาก
หลังจากที่เธอได้เลิกกับเขาไป เขากล้าที่จะยื่นคำขาดไม่ให้ฉันกับภรรยาเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาเด็ดขาด ถ้าพวกเราเข้าไปยุ่งเขา
จะไม่ยอมสืบทอดกิจการของครอบครัวสักอย่างทั้งฟาร์มสานรักและทั้งรีสอร์ทที่พวกเราอยู่ในตอนนี้”

   “…”ผมได้แต่ฟังและพยักหน้ารับเบาๆโดยที่ไม่พูดอะไร

   “ถึงแม้ว่าเขาจะบอกกับคนอื่นๆว่าเธอเป็นคนรักของเขาและกำลังโกรธกันจึงต้องพาเธอมาอยู่สานรัก แต่ฉันก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่
แบบนั้น ข้อเสนอที่เขายื่นมามันทำให้ฉันไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำได้มากนักนอกจากจะคอยดูอยู่ห่างๆ”เขา
บอกด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ผมไม่รู้เลยว่าพี่คินทำถึงนั้นเพื่อจะเอาผมมาอยู่ด้วย

   “ตั้งแต่เด็กแล้วภาคินเป็นคนที่เชื่อฟังพวกเรามาตลอด เขาสามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าสิ่งไหนที่ควรทำและไม่ควรทำ เขา
พยายามตั้งใจเรียนและรีบเรียนให้จบเพื่อที่จะมาดูแลกิจการของครอบครัว มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เขาทำเพื่อพวกเรา แต่มันก็
ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายเอาซะเลยถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นจะทำออกมาจากความตั้งใจก็ตาม มันเหมือนกับว่า
เขาเพียงแค่ทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขาเลือกที่จะทำอะไรนอกลู่นอกทางเพื่อที่จะเอาตัวเธอมาอยู่กับเขาอีก
ครั้ง บอกตามตรงว่าฉันไม่เข้าใจสิ่งที่ลูกชายตัวเองคิดหรอกนะ แต่เขาบอกว่าเขามั่นใจในการกระทำของตัวเองและเชื่อมั่นใน
ความรู้สึกของตัวเองมากพอที่จะรับผิดชอบผลที่ตามมา”

   “ทำไมคุณถึงยอมให้เขาทำแบบนั้นล่ะ…ทั้งที่พวกคุณห่วงอนาคตของเขามากใช่รึไง”ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมาบอกให้ผมเลิกยุ่ง
กับพี่คินเพราะเป็นห่วงอนาคตของพี่คินและอยากให้พี่คินมีชีวิตในแบบของคนปกติ มีครอบครัวที่สมบูรณ์และดีพร้อม ไม่ใช่กับคนที่ไม่สามารถให้อะไรกับเขาได้เลยนอกจากความรู้สึกที่ไร้ค่า

   “พวกเราคิดว่าเขาเพียงแค่ต้องการจะจัดการความรู้สึกที่ค้างคาระหว่างเธอกับเขา คิดว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะคิดได้ว่าความ
สัมพันธ์แบบนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะยั่งยืนและมั่นคง แต่ฉันก็คิดผิด”

   “…”

   “หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฉันได้ยินจากปากคนอื่นมันทำให้ฉันไม่สบายใจกับการกระทำของเขา ไม่เพียงแค่เขาไม่
สามารถดูแลเธอได้ดีพอ แต่มันเริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆและส่งผลกับความปลอดภัยของตัวเธอเองจนฉันไม่รู้จะรับผิดชอบยังไงกับ
การกระทำทุกอย่างของภาคินที่ทำกับเธอโดยไร้เหตุผล”พ่อของพี่คินยังคงพูดด้วยประโยคที่ยืดยาว และมันยิ่งทำให้ผมรู้สึก
อึดอัดมากกว่าเดิม

   “สิ่งที่พี่คินทำมันไม่ได้ไร้เหตุผล”อย่างน้อยมันก็คือบทเรียนที่ผมสมควรจะได้รับ “อย่าพูดอ้อมค้อมกับผมเลย”ผมตัดใจ
บอกออกไป เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่พวกเขาจะขอก็คงไม่พ้นอนาคตของลูกชายตัวเอง และนั่นมันก็มากพอและมากเกินไปที่ผมจะ
รับได้เกี่ยวกับเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน สภาพของจิตใจของผมมันแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว
หากจะต้องเจอกับอะไรที่มากไปกว่านี้ ความรู้สึกค่อยๆถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆ

   “พวกเราต้องการจะคืนอิสระให้กับเธอยังไงล่ะ สัญญาที่เธอทำไว้กับลูกชายของฉัน ฉันจะรับผิดชอบเอง หากเธอต้องการ
ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ลูกชายฉันกระทำกับเธอ และเรื่องที่เธอต้องเสี่ยงชีวิตหลายครั้งนับ
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่สานรักฉันก็ยินดี”แม่พี่คินเป็นคนพูดแทรกขึ้นพลางเดินมานั่งลงข้างๆกับพ่อพี่คินดังเดิม ทั้งที่ก่อนหน้านั้น
ใบหน้าที่ยังคงความสวยเอาไว้ไม่แสดงออกถึงท่าทีใดใด แต่ตอนนี้กลับฉายแววของความรู้สึกผิดออกมาให้เห็น

   “ผมเคยบอกแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการเงินของพวกคุณ”อีกแล้วที่เงินมันมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องๆนี้ เรื่องมันจะมาถึงขั้น
นี้หากว่าผมปฏิเสธที่จะเดินเข้าไปทำความรู้จักกับเขาเพราะเงินพวกนี้

   “ฉันไม่ได้ใช้เงินเพื่อจะซื้ออนาคตของลูกชายเหมือนอย่างครั้งก่อนหรอกนะ ฉันต้องการที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ลูกชายทำ
ลงไป ถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นกับเธอมากแค่ไหน แต่ร่องรอยบนตัวของเธอมันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าภาคินเขา
กำลังทำผิด และฉันก็คิดว่านั่นไม่ใช่ความรักที่เขาพยายามหยิบยกมันขึ้นมาอ้างอย่างทุกครั้งที่พยายามยื่นมือเข้าไปแทรกเรื่อง
ของเธอกับเขา”


   “มันเท่าเทียมกันแล้วกับสิ่งที่ผมเคยทำเอาไว้ ต่อจากนี้ผมกับเขาจะไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลว่าผมจะ
รู้สึกโกรธเคืองพี่คินหรืออะไรยังไง เพราะผมไม่เคยที่จะคิดแบบนั้นเลย…พวกคุณไม่จำเป็นที่จะต้องมารับผิดชอบอะไรผมเลย ทุก
อย่างมันสมควรแล้วจริงๆ”

   ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ทำไมบนผิวแก้มทั้งสองข้างถึงได้รู้สึกร้อนผ่าว น้ำอุ่นร้อนมันไหลออกมาจากกระบอกตาลงไปอาบ
แก้ม มันยากที่ผมจะห้ามมันให้หยุดไหลได้ เพราะผมไม่รู้ตัวเลยว่ามันไหลลงมาเมื่อไรในขณะที่ผมพูดถ้อยคำพวกนั้นออกไป มือ
ทั้งสองข้างยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างลวกๆ

   ผมพยายามที่จะฝืนยิ้ม ยืดตัวขึ้นตรงก่อนจะจ้องมองไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาที่พยายามซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้

   “ขอบคุณนะครับที่พาผมออกมา ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมต้องขอตัว แล้วก็ขอบคุณสำหรับบัวลอยด้วยนะครับ อร่อยมาก”บอก
ออกไปเสียงเบาทั้งที่แทบจะฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหว ไม่อยากจะถูกมองด้วยความสมเพชกับน้ำตาที่มันไหลออกมา

   ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ย่างก้าวที่ก้าวไปข้างหน้านั้นช่างหนักอึ้ง ถอยกลับไปไม่ได้อีกแล้ว
ความรู้สึกที่แตกร้าวราวกับแก้วถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี มันกำลังถาโถมลงมาโดยที่ผมไม่สามารถต้านทานมันได้เลย ข้อมือที่สั่น
เทาถูกคว้าและดึงเอาไว้ให้หยุดอยู่กับที่ก่อนที่ผมจะเดินออกมา เป็นแม่ของพี่คินที่ดึงมือผมเอาไว้ ให้ผมหันกลับไปมอง

   “เอานี่ไป อย่างน้อยก็เป็นค่ารถให้เธอกลับบ้าน ฉันไม่อยากถูกเธอมองว่าเป็นคนใจร้าย ทั้งหมดที่ฉันทำไปเพื่อตัวลูกชาย
ของฉันและเพื่อตัวเธอเอง อย่างน้อยก็ให้ฉันได้สนับสนุนเธอหลังจากที่เธอเรียนจบเพื่อเป็นการไถ่โทษเถอะนะ”

   “ไม่เป็นไรครับผมพอจะมีเงินติดตัว แล้วก็คุณไม่จำเป็นจะต้องไถ่โทษอะไรเลย ผมบอกแล้วไงว่าผมกับพี่คินเราไม่มีอะไร
ติดค้างกันแล้ว ฝากขอบคุณเขาด้วยนะครับสำหรับสิ่งที่เคยทำให้ผมมาตลอด”ทั้งรอยยิ้ม ทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่น ทุกสิ่งทุกอย่าง
สำหรับผมแล้วมันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและตราตรึงอยู่ในความคิดเสมอ ผมผลักมือที่ยื่นธนบัตรใบสีเทาหลายใบกลับไปเบาๆ

   “ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คนไปส่งเธอที่บ้านเอง”

   “ไม่ต้องหรอกครับผมจัดการตัวเองได้ ผมลานะครับ”สุดท้ายแล้วจริงๆกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา


   ผมเดินออกมาจากเรือนกระจกริมทะเลมาตามทางที่ปูด้วยแผ่นหินแกรนิตสีเทามาจนถึงอาคารที่เป็นล็อบบี้ของรีสอร์ท รู้ดี
ว่าตาทั้งสองข้างของมันแดงก่ำจนคนที่อยู่ในบริเวณนั้นหันมามองแต่ผมกลับไม่ได้สนใจ

   “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ”พนักงานต้อนรับถามด้วยรอยยิ้มทันทีที่ผมเดินมาที่เคาน์เตอร์

   “ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ”

   “ได้ค่ะ โทรสายนอกกดตัดเก้าได้เลยค่ะ”เธอยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะผายมือไปที่โทรศัพท์บนเคาน์เตอร์ข้างตัว
เธอ

   “ขอบคุณครับ ขอถามอะไรอีกอย่างได้ไหมครับ”

   “ได้ค่ะ”

   “ที่นี่ที่ไหนครับ อยู่ส่วนไหนของชุมพร”

   “ที่นี่ไม่ใช่ชุมพรนะคะ ที่นี่หัวหิน อยู่ประจวบฯค่ะ”พนักงานต้องรับยิ้มเหมือนกับกำลังขบขัน แต่สำหรับผมมันใช่ไม่เลยสัก
นิด

   ไม่รู้เลยว่าถูกพามาไกลถึงที่นี่ และไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่คินกำลังตามหาผมอยู่ไหม หรือว่าจะเสียใจที่ผมหายไปรึเปล่า
สุดท้ายแล้วผมก็ไม่สามารถรู้เลยว่าเรื่องระหว่างพี่คินกับฟางในคืนนั้นอะไรที่คือความจริง เพราะไม่กล้าที่จะเอ่ยถามออกไปตาม
ตรงกับสิ่งที่เห็น กลัวกับคำตอบที่ยังไม่ล่วงรู้ ทำเพื่อปกป้องความรู้สึกของตัวเองที่มีเพื่อที่จะไม่ให้มันแตกสลายไปก่อนเวลาอัน
ควร ทั้งที่ทำใจอยู่ก่อนหน้าแล้วว่ายังไงเกมๆนี้จะต้องจบลงด้วยการจากลาของเราทั้งสองคน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงความเจ็บปวด
ที่ผมได้รับนั้นมันไม่มากกว่าที่คาดเอาไว้เป็นสิบเท่า เจ็บจนไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น

   “ขอบคุณครับ”

   ผมฝืนยิ้มรับพลางยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ที่เคยท่องจำจนขึ้นใจ นานนับเกือบนาทีที่เสียงรอสายดัง ผมกำลังลุ้นว่า
เบอร์ที่พยายามท่องจำจนขึ้นใจนั้นจะผิดหรือเปล่า

   ‘ฮัลโหล วินพูด’เสียงห้วนอันคุ้นเคยดังขึ้นเรียกให้ผมใจชื้น กัดริมฝีปากแน่นข่มเสียงสะอื้นเอาไว้

   “วิน นี่กูเอง”

   ‘รัมภ์เหรอวะ ทำไมเบอร์ที่มึงโทรมาขึ้นต้นด้วยศูนย์สามสองไม่ใช่ศูนย์เจ็ดๆล่ะ’

   “มึงว่างไหม”

   ‘ว่างอยู่แล้ว ว่าแต่มึงอยู่ไหนยังไม่ตอบกูเลยว่าทำไมเบอร์ที่มึงโทรมาถึงเป็นเบอร์บ้านของประจวบไม่ใช่ของชุมพรวะ แล้ว
ทำไมเสียงของมึงถึงสั่นๆ ทะเลาะกับพี่คินเหรอวะ’

   “กู…อยู่หัวหิน มึงมารับกูหน่อยได้ไหม ที่รีสอร์ทสิรนภา”ผมเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่กลับบอกชื่อรีสอร์ทที่เห็นอยู่ผนังข้าง
หลังของเคาน์เตอร์กับวินแทน

   ‘เออๆ มึงรอกูอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงกูจะรีบไป’

   “อืม กูจะรอมึงที่หน้ารีสอร์ท”



   ยังไม่ทันจะวางหูโทรศัพท์คืนที่ เสียงเบรคของรถที่แล่นมาจอดอยู่ด้านหน้าของตัวอาคารด้วยความเร็วเรียกให้ทั้งผมและ
คนแถวนั้นหันไปมอง ทันทีที่เห็นรถคันที่เพิ่งจอดด้านหน้าตัวอาคาร หูโทรศัพท์ที่ถือเอาไว้มันก็ร่วงหล่นจากมือไปกระแทกกับ
เคาน์เตอร์อย่างแรง

   “ผม…ขอโทษ”ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่น

   ผมควรจะทำยังไงดี ยืนอยู่กับที่เพื่อที่จะรอให้ร่างสูงที่กำลังก้าวลงจากรถมาเจอ หรือว่าจะถอยหลังหนีและปล่อยให้พี่คิน
เดินผ่านไป

   เสี้ยววินาทีนี้มันย่างยืดยาวราวกับเป็นชั่วโมง รู้ตัวอีกทีผมก็เฝ้ามองร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตาเดินผ่านหน้าไปจากด้านหลังของ
เสาต้นใหญ่กลางโถงล็อบบี้ ความรีบเร่งทำให้พี่คินเดินผ่านหน้าของผมไปโดยไม่ทันได้สังเกต เพียงเอื้อมมือเท่านั้นที่ผมจะ
สามารถดึงรั้งร่างนั้นเอาไว้ให้หยุดเดิน แต่ทว่ามือทั้งสองข้างกลับหนักอึ้งราวกับถูกหินก้อนใหญ่ถ่วงเอาไว้

   มันกำลังสั่น ทั้งมือและหัวใจของผม แค่เอื้อมมือเท่านั้นแต่กลับไม่ทำ อยากที่จะตะโกนเรียกให้หยุดชะงักแต่ก็ต้องกัดริม
ฝีปากเอาไว้แน่น กลืนก้อนสะอื้นลงคอ ขอบตาทั้งสองข้างร้อนผะผ่าวราวกับถูกน้ำร้อน

   ในที่สุดพี่คินเดินผ่านโถงล็อบบี้ไปอย่างรวดเร็วด้วยความเร่งรีบ ไม่แม้แต่จะใส่ใจและตอบรับกับคำทักทายของพนักงาน
หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ผมได้แต่มองแผ่นหลังกว้างของพี่คินเดินหายไปตามทางที่ผมเดินออกมา สัมผัสได้ถึงรสของเลือด
จากริมฝีปากที่ถูกกัดจนจนปริแตก น้ำตาที่เหือดแห้งไปเมื่อครู่ตอนนี้มันก็ได้ไหลกลับลงมาอาบแก้มอีกครั้ง แค่สองทางเลือก
เท่านั้นที่ผมมีตอนนี้ ถอยหลังเดินไปในเส้นทางที่สว่างไสวสำหรับทุกคนกับเดินหน้าไปในเส้นทางที่ดำมืดไม่รู้แม้กระทั่งสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า
   

----------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-10-2016 06:37:31
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 02-10-2016 10:17:41
 :o12:  :o12:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 02-10-2016 12:21:42
ต้องเจ็บถึงขนาดไหนกันนะ ถึงสามารถสร้างกำแพงหนาห่อหุ้มได้ขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 02-10-2016 13:06:23
 :sad4: ชีวิตมันเศร้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2016 14:56:35
เฮ้อ~ดราม่า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-10-2016 17:42:53
น้ำตาท่วมมือถือ :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 02-10-2016 23:59:30
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 02-10-59 ❤ บทที่ 29 ฝันร้ายในอดีต ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 04-10-2016 19:52:55
มาต่ออีดนะครับรออยู่ เมื่อไหร่จะมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 07-10-2016 17:24:00
บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ

   ผมมาถึงบ้านของวินด้วยสภาพที่เมื่อมองเห็นตัวเองในกระจกแล้วยิ่งทำให้รู้สึกสมเพชตัวเองมากกว่าเก่า ความรู้สึกในตอน
นี้ไม่ต่างอะไรกับใบไม้แห้งที่รอวันย่อยสลายกลายไปเป็นดินไร้ค่าไม่มีราคา ร่อยรอยที่ถูกกระทำมันยังคงตีตราประทับอยู่บน
ร่างกาย มันกำลังตอกย้ำให้ผมรู้ว่าครั้งหนึ่งผมเคยเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ตัวเองรัก

   ผมไม่รู้เลยว่าร่องรอยบนร่างกายพวกนี้มันจะเลือนหายไปตอนไหน บอกไม่ได้เลยว่าเมื่อรอยพวกนี้มันหายไปแล้วความ
รู้สึกที่หลงเหลือมันจะจางหายไปรึเปล่า แต่สุดท้ายแล้วมีสิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือการเก็บมันเอาไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ
พยายามจ้องมองร่องรอยที่อยู่บนร่างกายผ่านเงาสะท้อนของกระจก แตะปลายนิ้วลงบนรอยกัดตรงต้นคอ ยังรู้สึกได้ถึงความแสบ
เล็กน้อยที่บ่งบอกว่ามันคือของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา หากเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากที่จะให้รอยพวกนี้มันลบเลือนไปเหมือนกับร่อง
รอยของบาดแผลที่ถูกเยียวยา ไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วร่างกายนี้มันจะลืมเลือนสัมผัสพวกนี้ไปเมื่อไร อีกหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือ
หนึ่งปี

   “รัมภ์…อะ เอ่อ”วินเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเรียกให้ผมหันไปมอง

   “มีอะไร?”ผมหันไปมองสีหน้าดูอึดอัดใจของเพื่อนสนิท วินดูอึกอักแล้วจ้องมองมายังร่องรอยบนร่างกายของผมด้วยความ
รู้สึกผิด

   “กูแค่จะเอาผ้าเช็ดตัวมาให้มึง กูไม่ได้ตั้งใจ กูเอาวางไว้ตรงนี้นะ”เช็ดตัวถูกวางเอาไว้บนเคาน์เตอร์ริมประตู

   “อืม ขอบใจ”ผมตอบรับก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดลง



   พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าบรรยากาศข้างนอกหน้าต่างกำลังมืดครึ้ม เมฆที่ก่อตัวเป็นพายุในตอนที่ออกมาจาก
รีสอร์ทกำลังทิ้งตัวลงมาเป็นฝนเม็ดใหญ่และมีที่ท่าว่าจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

   ความเงียบเข้ามาปรกคลุมภายในห้องนอนของวิน มีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังกลบเสียงลมหายใจของ

เราสองจน วินนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วจ้องมาที่ผมด้วยสายตารู้สึกผิดไม่ต่างอะไรจากเมื่อครู่ ข้างในนั้นผมสัมผัสและรับรู้ได้ดีว่ามันมี

ความเวทนาซ่อนเอาไว้อยู่

   “รัมภ์…คือกู”

   “มึงอย่าถามอะไรกูเลย กูไม่อยากพูดเรื่องนี้”ผมว่าพลางเดินเลยไปหยิบเสื้อผ้าที่วินเตรียมเอาไว้ให้แล้วใส่โดยไม่สนใจ
สายตาที่มองมา

   “อย่างน้อย…มึงก็ต้องฟังคำขอโทษจากกู กูไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขั้นนี้”

   “กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ต้องการฟังหรือคุยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้มึงไม่ผิด”เพราะคนผิดมันคือผมเองที่ดัน
เผลอไผลให้กับความรู้สึกอันโง่เขลาของตัวเอง

   “กูผิดที่กูไม่รู้อะไรเลย”

   “มึงไม่ผิดหรอก หากย้อนเวลาไปได้ก็ก็จะทำเหมือนเดิม มึงอย่าโทษตัวเองเพราะเรื่องที่กูทำเลย”ผมว่าเสียงเบา หลุบตา

จ้องมองปลายเท้าของตัวเองพลางทิ้งตัวลงบนปลายเตียงนั่งข้างกันกับวิน

   “มึงนอนเถอะ วันนี้พ่อแม่กูไปทำธุระต่างจังหวัด บ้านนี้มีแค่มึงกับกู อีกเดี๋ยวตื่นมาแล้วกูค่อยหาอะไรให้มึงกิน”

   “อืม กูมารบกวนมึงอีกแล้ว”

   “ยังไงมึงกับกูก็เพื่อนกัน มึงไม่สบายใจเรื่องอะไรมึงก็พูดมา กูพร้อมจะรับฟังมึงเสมอ”

   “อืม”มีอีกหลายเรื่องที่อยากจะระบายออกไป เพียงแต่ว่าผมไม่รู้เลยว่าจะสามรถทนไม่ให้ความรู้สึกที่พยายามกักเก็บเอาไว้
มันไหลรินลงมาอีกได้ไหมก่อนที่ผมจะเล่าทุกเรื่องจบ



   “เดี๋ยวกูมานะ มึงง่วงก็นอนไปก่อนก็ได้ ใครแม่ง ไม่แดกห่าปลารึไงวะ มาทำห่าอะไรตอนพายุเข้า”วินสบถออกมาก่อนจุก
ขึ้นยืนเมื่อเสียงออดหน้าบ้านดัง

   “วิน”ผมดึงแขนวินเอาไว้ก่อนที่วินจะเดินออกไป

   “ว่าไง”

   “ถ้าเป็นพี่คิน…มึงอย่าบอกเขานะว่ากูอยู่นี่”เพราะถ้าเป็นพี่คินมาตามผมกลับไป เรื่องทุกอย่างมันคงจะจบในรูปแบบเดิม
เดินอยู่ในเวียนที่ไม่มีทางออก ซ้ำไปซ้ำมาไม่มีที่สิ้นสุด

   “อย่าห่วงเลย กูไม่มีวันให้พี่คินแม่งแตะมึงอีกแน่ ถ้ามันมากูจะไล่ไปเอง”วินรับปากก่อนจะเดินออกจากห้องไป



   ความเหนื่อยล้าทำให้ผมทิ้งตัวลงบนที่นอน ไม่อยากจะคิดอีกแล้วกับเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้น มันช่างแตกต่างกันเหลือ
เกิน ตั้งแต่ต้นที่ตัดสินใจเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม จบที่การตัดสินใจเดินออกมาพร้อมกับน้ำตา

   “รัมภ์”เสียงเรียกของวินดังให้ผมลืมตาหันไปมองวินที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนที่จะสบถ

ออกมาด้วยภาษาหยาบคาย

   “มีอะไรรึเปล่า”

   “มีสิ ก็พวกแม่งไม่ยอมไป”สิ่งที่วินพูดออกมาทำให้ผมตัวชาราวกับถูกไฟช็อต โดยไม่ทันรู้ตัวผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไป
ที่ริมหน้าต่าง

   “อย่าเข้าใกล้หน้าต่าง!!”วินเรียกเอาไว้เสียงดังก่อนที่จะดึงแขนผมเอาไว้ให้ชะงัก “พี่คินจะเห็นมึงถ้ามึงโผล่หน้าออกไป”
วินพูดย้ำ

   ผมไม่รู้ตัวเลยในสิ่งที่ร่างกายมันสั่งการตามที่ใจคิด มือทั้งสองข้างสั่นเทาเมื่อคิดได้ว่าไม่ควรจะทำเช่นนั้น ได้แต่จ้องมอง
บ้านหน้าต่างถูกชโลมด้วยเม็ดฝน ผมเกือบที่จะเดินกลับไปวนอยู่ที่ลูปเดิมๆถ้าหากวินไม่ห้ามเอาไว้
   “กู…ขอโทษ”บอกออกไปเสียงเบา

   “ไม่เป็นไรมึงไม่จำเป็นต้องขอโทษ กูบอกพี่คินไปแล้วว่ามึงไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่พี่มันไม่ยอมไป อีกเดี๋ยวก็คงไปเองล่ะมั้ง ฝนก็
ตกหนักด้วย มึงอย่าใส่ใจเลย”

   “แล้ว…ถ้าเขาไม่ยอมไปล่ะ”ถ้าพี่คินยืนตากฝนนานกว่านี้แล้วเกิดไม่สบายขึ้นมา ผมไม่อยากให้พี่คินมาเดือดร้อนไป
มากกว่านี้กับสิ่งที่ตัวเองเริ่มเอาไว้

   “มึงนอนไปเหอะ ถ้าพี่มันยืนนานกว่านี้เดี๋ยวกูโทรเรียกตำรวจมาไล่เอง”วินเดินไปรูดม่านที่หน้าต่างให้ปิดลง

   “อืม”

   “เดี๋ยวถ้านอนไม่หลับยังไงกูจะลงไปชงอะไรร้อนๆมาให้มึงกินก็แล้วกัน”วินหันมาบอกก่อนจะเดินออกไปอีกครั้ง

   ผมได้แต่จ้องมองหน้าต่างที่บัดนี้ถูกผ้าม่านสีทึบปิดเอาไว้แล้ว ความอยากรู้และความคิดถึงมันกำลังสั่งให้ผมฝืนคำสั่งที่ตัว
เองตั้งเอาไว้แล้วเดินเข้าไปใกล้ริมหน้าต่าง แหวกม่านออกเป็นช่องเล็กๆเพื่อที่จะมองลอดออกไปและเห็นร่างสูงของใครบางคน
ยืนตากฝนอยู่หน้าบ้าน ข้างนอกรั้วนั่น เส้นผมเปียกปอนปรกลู่ลงมาบนใบหน้า ตาทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยน้ำฝน ริมฝีปากได้รูปขบ
เม้มเข้าหากันและกำลังสั่นด้วยความหนาว

   “จริงๆแล้วมึงรักพี่คินใช่ไหม”เสียงของวินจากด้านหลังทำให้ผมสะดุ้งแล้วปล่อยมือจากผ้าม่านให้ทิ้งตัวลง

   “ใช่…กูรักพี่คิน”ตอบออกไปเสียงเบา

   “ถ้าวันนั้นกูไม่ขอให้มึงทำ วันนี้มึงก็คงไม่รักพี่เขา”

   “มึงย้อนเวลากลับไปไม่ได้หรอก กูเองก็เหมือนกัน”

   

   ----------------------------------------------------------------------------

   สองวันต่อมาผมติดรถพ่อแม่ขิงวินที่เข้ามาทำธุระที่กรุงเทพมาแล้วต่อรถเมล์สายประจำกลับบ้าน  อดที่จะแปลกใจไม่ได้
เมื่อประตูเหล็กบานใหญ่ปิดอยู่แตกต่างจากทุกวันที่แม่มักจะเปิดร้านรอลูกค้าเข้ามากินข้าว แต่พอเดินเข้าไปใกล้ก็ต้องชะงักเมื่อ
กำลังจะหยิบเอากุญแจที่ซ่อนอยู่ข้างใต้กระถางออกมาไขประตูบ้าน ป้ายเซ้งร้านขนาดใหญ่ที่ติดเอาไว้หน้าบ้านทำเอากุญแจที่ถืออยู่ในมือร่วงจากมือตกลงไปบนพื้น


   “รัมภ์หรอกเหรอ ลืมอะไรเอาไว้ล่ะถึงได้กลับมาน่ะหืม?ลุงก็คิดว่าไปเมืองนอกกับแม่ซะแล้ว”ลุงสินที่อยู่บ้านข้างๆถามไถ่
พร้อมกับรอยยิ้มเศร้า

   “เมืองนอก? แม่ผมไปตอนไหน แล้วไปกับใคร”

   “เป็นเดือนแล้วมั้ง ไปกับฝรั่งหล่อๆหัวทองๆน่ะ ท่าทางรีบร้อนเลยเชียว ลุงก็ไม่ยังทันได้ถามอะไรเลย เห็นอีกทีก็ตอนที่มี
คนเอาป้ายมาติดเอาไว้”

   “ทำไม…ผมถึง…ไม่รู้เรื่องล่ะ”ผมพึมพำเสียงเบา

   “เมื่อวันก่อนก็มีผู้ชายมานั่งตากฝนหน้าบ้านข้ามวันข้ามคืน ลุงก็บอกเขาไปว่าเราไปอยู่เมืองนอกกับแม่ พอบอกไปแบบนั้น
เขาก็ไป ไม่คิดว่ารัมภ์ยังไม่ได้ไป  ไม่รู้ว่าเขามีธุระด่วนอะไรถึงได้มานั่งรอตากฝนข้ามวันข้ามคืนแบบนั้น”

   “ใครเหรอครับ”

   “ลุงก็ไม่รู้หรอก เห็นหน้าตาดีดีหน่อยเหมือนคนใต้น่ะ ถ้าเขามาอีกลุงจะบอกแก้ให้ก็แล้วกัน”

   “ครับ”

   คงจะเป็นพี่คินแน่ๆที่มารอเจอผม เพราะมันเป็นที่เดียวที่ผมจะกลับมาหลังจากที่เขาตัดสินใจเลิกรอผมที่บ้านของวินหลัง
จากที่คิดว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่น

   ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเงยหน้ามองป้ายเซ้งร้านอีกครั้ง มันคงจะเป็นการเข้าใจผิดกันแน่ๆ เป็นไปไม่ได้ที่แม่จะทิ้งที่นี่
ไป และเป็นไปไม่ได้ที่แม่จะทิ้งผมเอาไว้ข้างหลังโดยที่ไม่บอกกล่าว พอคิดได้ดังนั้นผมรีบไขกุญแจแล้วดันประตูขึ้นด้วยความ
ร้อนรนเพื่อที่จะได้เห็นกับตา ชั้นล่างที่ปกติจะเป็นร้านขายอาหารตามสั่งแน่นไปด้วยเก้ากี้และโต๊ะวางเรียงราย ตอนนี้มันกลับว่าง
โล่งไม่หลงเหลือเค้าเดิมอีกต่อไป

   หรือว่าชาวต่างชาติที่ลุงสินพูดถึงคือพี่ติน แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วทำไมพี่ตินถึงไม่ยอมบอกผม ผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่า
แม่ยังปลอดภัยดีอยู่ ในเมื่อผมเองก็ยังเลือกที่จะไว้ใจพี่ตินไม่ได้เลย

   ข้าวของทุกอย่างในบ้านไม่มีเหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ความสิ้นหวังทำให้ผมทิ้งตัวทรุดลงบนพื้นห้องว่างโล่งที่เคยเป็นห้อง
นอนของตัวเอง มีเพียงกลิ่นอายของข้าวของเครื่องใช้เท่านั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ความหนาวเย็นของฝนตามฤดูกาลกำลังห่อหุ้ม
ร่างกายของผมและกำลังแทรกซึมเข้ามาในจิตใจ

   “รัมภ์”

   --------------------------------------------------------------------------------

   “หมายความว่ายังไงที่บอกว่ารัมภ์ไม่อยู่แล้ว!!”เสียงแข็งตวาดก้องไปทั่วห้องผู้ป่วยพิเศษของโรงพยาบาล

   ภาคินตวาดใส่เด็กหนุ่มด้วยความโมโห เขากำลังใกล้จะขาดสติเต็มทนกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งที่อุตส่าห์รีบบึ่งหลังจากที่ฟังคำ
สารภาพจากปากพี่เลี้ยงของภาณินทร์ลูกชาย ทุกอย่างเขาเข้าใจผิดเอง เขาผิดทั้งหมดที่ไม่ยอมรับฟังและปล่อยให้รัมภ์คิดมาก
กับการกระทำที่ไม่ชัดเจนของตนอง แต่ทว่าพอมาถึงเขากลับพบเพียงแต่ห้องพิเศษที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งร่างของคนรักนอนอยู่บน
เตียงคนไข้ สิ่งที่คิดได้ก็คือพี่ชายของรัมภ์เป็นคนพารัมภ์ไป

   “ผม…คือว่า”ภูผาอ้ำอึ้ง ตาคู่คมหลุบหนีตาคู่ดุที่จ้องมองเขม็งด้วยความโกรธ

   “ถ้านายไม่อยากให้คนของนายหายไปทำไมนายไม่เฝ้าเอาเองล่ะ”น่านนทีตอบแทนพลางใช้ตัวเองขวางภาคินเอาไว้เมื่อ
อีกฝ่ายตรงเข้าหาเด็กหนุ่ม
   “นายอย่าเข้าข้างคนของตัวเอง”

   “ฉันไม่ได้เข้าข้าง แต่เป็นนายเองที่ไม่สามารถรักษาคนของตัวเองเอาไว้ได้   

   “ทำเป็นพูดดีทั้งที่นายเองก็ยังคุมคนของตัวเองไม่อยู่”คราวนี้เป็นน่านนทีเองที่เป็นเป้าหมายจากอารมณ์คุกรุ่นของชาย
หนุ่ม ภาคินดึงกระชากคอเสื้อกราวน์ของพี่ชายต่างสายเลือดเอาไว้แน่นก่อนจะกระชากเข้าหาตัว เขารู้มาตลอดว่าภูผาเป็นคนส่ง
ข่าวให้กับพี่ชายของรัมภ์ แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามเพราะความเป็นพี่น้องที่ค้ำคออยู่

   “มันก็จริง กับแค่คนป่วยนายยังไม่สามารถเก็บเอาไว้ข้างตัวปล่อยให้หายไปได้ คิดเหรอว่านายจะปกป้องอะไรเขาไปได้
มากกว่านี้ กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องเสี่ยงชีวิตเพราะว่านาย”น่านนทีพูดตอกย้ำ ซึ่งนั่นมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมดที่ว่าเขาไม่สามารถปก
ป้องรัมภ์ได้เลยสักครั้ง แม้กระทั่งครั้งนี้ ทั้งที่รัมภ์นอนอยู่ในห้องนอนของเขา บนเตียงของเขาเอง

   “นั่นมันก็เรื่องของฉัน”

   “เอาเถอะ พูดไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันดูกล้องวงจรปิดให้นายแล้ว นายไปถามหาคนของนายเอากับพ่อแม่ก็แล้วกัน
เพราะพวกท่านเองคงอยู่นิ่งและทนกับการกระทำของนายไม่ไหวอีกต่อไป”ตาคู่คมของคุณหมอหนุ่มหรี่ตามองน้องชายต่างสาย
เลือดด้วยความเยือกเย็นก่อนจะปัดมือที่กำคอเสื้อกราวน์ของตนออก

   “หมายความว่ายังไง?”

   “ก็อย่างที่บอก นายไปถามเอากับพ่อแม่เองเอาเอง อีกอย่าง…”น่านนทีหยุดเอาไว้แค่นั้นก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้น้องชาย
แล้วกระซิบออกมาเสียงเย็นเยือก “อย่าได้มายุ่งกับคนของฉันอีก”

   “ฉันจะไม่ยุ่งตราบใดที่รัมภ์ยังปลอดภัย”พูดจบภาคินก็เดินออกมาด้วยความเจ็บใจ

   จริงอยู่ที่เขาโล่งใจที่รัมภ์ไม่ได้ไปกับพี่ชายอย่างที่คิด หากแต่สิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าคือมือที่พยายามจะปัดออก
ตั้งแต่แรกเริ่ม มือของพ่อแม่ที่พยายามจะยื่นเข้ามายุ่งกับเรื่องที่เขาตัดสินใจทำตั้งแต่ต้น



   รถคันใหญ่แล่นไปบนท้องถนนด้วยความรวดเร็ว โชคดีที่ท้องถนนในต่างจังหวัดเช่นนี้ว่างโล่ง ไม่อย่างนั้นคงมีนับสิบคันที่
เขาขับไปเฉี่ยวชนจนเกิดอุบัติเหตุ ภาคินกัดฟันกรอดพยายามระงับอารมณ์คุกรุ่นของตัวเอง

   เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าเจตนาของพ่อแม่ที่เอาตัวรัมภ์ไปคืออะไร แต่ถ้ามันทำให้คนรักของเขาต้องเจ็บแม้เพียงเศษเสี้ยวของ
ปลายเล็บ ข้อตกลงทุกอย่างจะเป็นอันต้องจบลง ข้อตกลงที่แลกกับหน้าที่ที่เขาต้องแบกรับเอาไว้

   เสียงเบรกของรถกับเสียงของล้อรถดังเสียดพื้นดังสนั่น ด้านหน้าอาคารต้องรับของรีสอร์ทสิรนภาจนคนที่อยู่ในบริเวณนั้น
หันมามองด้วยความตกใจ แต่นั่นภาคินกลับไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด ร่างสูงเดินย่ำไปตามทางเดินเบื้องหน้า ไม่ใส่ใจกับคำ
ทักทายของพนักงานในรีสอร์ทที่อยู่หน้าล็อบบี้ ภาคินไม่แม้แต่ใส่ใจกับสิ่งรอบกาย จนทำให้เขามองข้ามสิ่งที่ตามหามันมาตลอด

   ประตูของเรือนกระจกถูกเปิดออกออย่างแรง ร่างสูงใหญ่ของว่าที่เจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้ก้าวเข้ามาภายในพร้อมกับอารมณ์ที่
กำลังจะระเบิดออกมาเต็มทน ใบหน้าคมคายแสดงออกถึงความไม่พอใจ ตาคู่ดุกวาดมองไปรอบๆด้วยความร้อนรน หากแต่ไร้ซึ่ง
คนที่กำลังตามหา มีแต่พ่อกับแม่ของเขาเท่านั้นที่อยู่ในนี้

   “ไม่คิดจะทักทายพ่อแม่ตัวเองหน่อยรึไง”เป็นนภาที่เอ่ยทักลูกชายด้วยความใจเย็น มือสวยหยิบยกแก้วชาขึ้นมาจิบพลาง
มองลูกชายที่อยู่ในสภาพเหงื่อโทรมจนดูไม่ได้

   “รัมภ์อยู่ที่ไหน”


   “มาถึงก็ถามหากันเลยรึไง”

   “ผมถามว่ารัมภ์อยู่ที่ไหน!!”คราวนี้ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้นภาสะดุ้งเล็กน้อยกับความเปลี่ยนแปลงของ
ลูกชายก่อนจะตอบออกไป

   “ไม่อยู่แล้วล่ะ เขาไปแล้ว

   “แม่หมายความว่ายังไงที่บอกว่ารัมภ์ไปแล้ว”

   “อย่างที่พูด เด็กคนนั้นเขาไปแล้ว เขาเลือกที่จะไปแทนที่จะอยู่กับลูกไง”

   “ผมไม่เชื่อ บอกผมมาดีกว่าว่าพ่อกับแม่เอารัมภ์ไปซ่อนไว้ที่ไหน”

   “ใจเย็นๆพ่อว่านั่งลง แล้วค่อยๆคุยกันดีกว่าภาคิน”เป็นเมฆินทร์ที่ปรามลูกชายให้ใจเย็น

   “ผมคิดว่าเราตกลงกันแล้วว่าพ่อกับแม่จะไม่เข้ามายุ่งเรื่องของผม”

   “จะให้แม่ไม่ยุ่งกับเรื่องของลูกได้ไงในเมื่อลูกกำลังทำผิด”

   “นั่นผมตัดสินใจเองได้ว่าผมผิดหรือไม่ แค่แม่เอารัมภ์คืนผมมาก็พอ”

   “แม่ก็บอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นเขาไปแล้ว”

   “ไม่มีทางที่รัมภ์จะไปจากผม ถ้าแม่ไม่บังคับเขา”ในเมื่อเขาได้ยินคำว่ารักออกจากปากนั้นเอง มันไม่มีเหตุผลที่รัมภ์จะไป
จากเขา

   “บังคับงั้นเหรอ หึ ยอมรับเถอะว่าเขาไปจากลูกแล้ว แม่บอกแล้วไงว่าความรักแบบนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะ แล้วจะ
มั่นใจได้ยังไงว่าเด็กคนนั้นรักลูกจริงๆ ไม่ใช่แค่เงินทองที่ลูกมี”

   “แม่ไม่รู้อะไร และผมไม่ได้ขอให้แม่รับรู้เหมือนกับครั้งที่แล้วที่แม่แอบไปพบรัมภ์”

   “ลูกรู้?หึ รู้ดีตั้งแต่แรกแล้วสินะ แล้วรู้รึเปล่าล่ะว่าเขาเข้าหาลูกก็เพราะเงิน”

   “เรื่องนั้นผมรู้ดี ผมรู้ดีตั้งแต่แรก แต่นั่นมันไม่มีความหมายในเมื่อความรู้สึกที่ผมกับรัมภ์มีต่อกันมันไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน”

   “ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกันนะภาคิน ลูกเองก็รู้ตัวดีว่าทำให้เด็กคนนั้นต้องเจอกับอะไรบ้าง”ผู้เป็นพ่อพูด
แทรกขึ้นมาเมื่อลูกชายยังอารมณ์ไม่เย็นพอที่จะคุยด้วยเหตุผล

   “ผมรู้ดี”

   “แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าวันข้างหน้าเด็กคนนั้นจะปลอดภัยเหมือนกับครั้งที่แล้วๆมา”

   “…”เป็นครั้งที่สองของวันที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้ มันทำให้ภาคินหยุดคิดและหาคำตอบมาหักล้างไม่ได้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่าน
มาเขาไม่สามารถปกป้องรัมภ์ได้เลย

   “ทำใจซะเถอะ ปล่อยให้เขาไปตามทางของตัวเอง”

   “ผมทำอย่างนั้นไม่ได้…ผม”จะให้ยอมปล่อยความรักที่ยึดมั่นมาตลอดได้อย่างไร หัวใจของเรามั่นเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก
ที่พร้อมจะทำทุกอย่าง แม้กระทั่งยอมผิดใจกับพ่อแม่ ยอมที่จะดึงรั้งคนรักด้วยโซ่ตรวนที่ถักทอขึ้นจากความเจ็บปวด



   “เด็กคนนั้น ยอมรับเงินแล้วก็ไปแล้ว เขาเป็นคนเสนอจำนวนเงินมาเอง และแม่ก็ยินยอมจ่ายชดใช้ให้กับสิ่งที่ลูกทำลงไป”

   “นภา!!”

   “คุณเงียบไปเถอะค่ะ ถ้าไม่บอกความจริงออกไปลูกเราคงไม่ตาสว่างสักที”ถึงแม้นั่นจะเป็นคำโกหก แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็
คงจะเห็นลูกเดินทางผิดไปกว่านี้ไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อตัวของลูกเอง ต่อให้จะต้องทำร้ายจิตใจกันก็ตาม

   “ไม่จริง ผมไม่เชื่อ”

   “งั้นก็ตามไปสิ ลองดูว่าเขาจะกลับมากับลูกไหม”

   “ก็ได้ ผมจะไปตามรัมภ์กลับมา เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เป็นแม่ก็ห้ามแตะต้องรัมภ์อีกเด็ดขาด”พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกไป



   “ทำไมถึงพูดไปอย่างนั้นล่ะนภา”

   “ฉันไม่มีทางเลือกแล้วคุณเมฆก็น่าจะรู้”เธอหมดสิ้นทางเลือกแล้วในเมื่อเธอรู้ดีว่าหัวใจของลูกชายกำลังจะแตกสลาย เธอ
เห็นมันผ่ายนัยน์ตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น

   “ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้จักลูกเราดี ยังไงเขาก็ต้องเอาเด็กคนนั้นกลับมาจนได้”

   “แต่ฉันเชื่อใจเด็กคนนั้นมากพอ เชื่อว่าเขารักลูกเรามากพอที่จะไม่เห็นแก่ตัว”

   “หากท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนั้นยอมกลับมากับภาคิน คุณจะทำยังไงต่อไป”

   “จะทำยังไงได้ล่ะคะ ก็ต้องยอมเลยตามเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วเราสองคนก็คงจะแทรกกลางระหว่างความรักของพวกเขา
ไม่ได้หรอกค่ะ เราทำเท่าที่เราทำได้แล้ว ทุกอย่างหลังจากนี้จะเป็นตัวพิสูจน์พวกเขาเองว่าจะคิดอะไรระหว่างช่วงเวลาที่ห่าง
กัน”นภาบอกสามีเสียงเบา ริมฝีปากสวยได้รูปยิ้มออกมาด้วยความตัดใจ มั่นใจแล้วว่าระหว่างลูกชายกับอีกฝ่ายเป็นความรัก
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความหลงผิดอย่างที่คิดมาตลอด





---------------------------------------------------------------------------------



หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2016 19:14:58
จะมีสักกี่ราย ที่พ่อแม่จะยอมรับความต้องการของลูก
ส่วนใหญ่จะเอาแต่ความต้องการของพ่อแม่
ไม่ฟังลูก อ้างว่าผิดธรรมชาติ ลูกคิดผิด
ไม่มองว่าจริงๆ ความสุขของลูกอยู่ที่ไหน
พ่อแม่จะอยู่กับลูก ไปได้ตลอดชีวิตลูกหรือเปล่า
โกหกลูกก็ยอม เพื่อความต้องการของตัวเอง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 07-10-2016 22:10:05
จะจบแล้วเหรอออ แล้วรัมภ์จะทำไงละทีนี้
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 07-10-2016 22:51:10
กลับซิ.  รัมภ์ต้องกลับมาหาพี่คิน.

เพราะเราชอบทุ่งลาเวนเดอร์. มากกว่ามาม่าต้มยำที่กินไปน้ำตาซึมไป

 :ling3:  :ling3:  :ling3:  :ling3:

......
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 08-10-2016 15:56:35
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 08-10-2016 21:08:24
เอามาม่าให้เจ็บกันไปทุกฝ่ายเลย หึหึ แอบซาดิสซ์ ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ภาคินแยกกับรัมมากขนาดนั้นล่ะก็
จะได้รู้ว่าถ้ารัมหายไปจากชีวิตภาคินจริงๆ ลูกตัวเองนั่นแหล่ะที่จะโดนลงโทษ กรรมตามสนองในสิ่งที่พ่อแม่กะเกณฑ์
ชีวิตลูก แอบงง ที่ประโยคสุดท้ายก่อนจบ ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าทั้งสองคนรักกันรัมรักภาคินจึงไม่ยอมกลับมา ส่วนภาคินรักรัมก็ต้องไปตามตื้อกลับมา แล้วยังไงคะคุณแม่รู้อย่างนี้แล้วยังจะโกหกลูกชายอีก นี่คือรักลูกหรอ? โกหกไปแบบนั้นถ้าภาคินตามรัมกลับมาไม่ได้นี่ภาคินปางตายเลยนะขอบอก แต่ก็สะใจไปอีกแบบ เพราะลูกเจ็บคุณแม่คงยิ้มปลื้มเนอะ ดีมั้ยคะ ทำดีแล้วเนอะ
โทษทีพอดีอินจัด! ส่วนน้องรัมหนีไปหาแม่ที่อิตาลีเลยจ้า ขอให้ชีวิตรัมดีขึ้นยิ่งๆ ขึ้นไปนะหลังจากกำจัดราหูออกไปจากชีวิต
ตัวเองแล้ว เหอๆ ใจจริงเราก็ไม่ได้เกลียดภาคินนะรู้แหล่ะที่ทำไปทั้งหมดเพราะรัก แต่ที่เกลียดคือการกระทำของคุณแม่นภา
เพราะงั้นจึงอยากให้คุณแม่ถูกลงโทษโดยผ่านภาคิน คงมันส์ดี อีกอย่างอย่าได้มาบอกว่าการกระทำของคุณแม่นภาเรียกว่ารักลูก เข้าใจค่ะรักลูกแต่ไม่ถูกทางเอาสะเลย เพลียกับคุณแม่พระเอก รักลูกก็ต้องรักคนที่ลูกรักด้วยถึงจะถูก พิสูจน์หาความจริงสิคะ
ถึงจะถูกพิสูจน์สิว่ารัมเหมาะสมที่จะอยู่ข้างภาคินมั้ย พิสูจน์ว่ารัมเข้าหาภาคินเพราะเงินอย่างที่คุณแม่คิดเองเออเองหรือเปล่าจริงอยู่ที่อดีตรัมเคยหลงผิดแต่ตอนนั้นเพราะรัมยังไม่ได้รักภาคินนี่เนอะ มาจับแยกกันเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างคิดทบทวนก็ดีอยู่หรอกนะแต่ทำให้เข้าใจผิดด้วยนี่มัน?? อย่างนี้ยุให้น้องรัมคิดนานๆ ไปคิดไกลๆ คิดไปตลอดชีวิตเลยยิ่งดี บอกเลยโกรธ คุณ แม่ นภา มากค่ะ เลยพาลไปถึงลูกชายอย่างภาคิน :fire: รออ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ จัดมามาม่า เอาให้ภาคินน่วมคุณพ่อคุณแม่สำนึกได้ในการกระทำของตัวเอง :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 09-10-2016 00:24:31
เฮ้อ น้องรัมภ์ ชีวิตแสนเศร้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-10-2016 08:17:55
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 07-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 11-10-2016 20:52:10
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 11-10-2016 23:34:47
โอะโอ 1 ปีแล้วคุณแม่ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ตวัดเสียงใส่ด้วยละ หึหึ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 12-10-2016 00:47:54
ก็ปล่อยให้จมปลักอยู่ตั้งปีนะคุณแม่
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Achew ที่ 12-10-2016 04:35:07
เสียใจแทนผู้หญิงผมบลอนด์เหลือเกิน
แต่รัมภ์จะตัดใจแต่งงานได้จริงๆหรอ ฮึ้มๅๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-10-2016 09:56:03
รัมภ์ ส่งมาจริงหรือ?
เพื่อกระตุ้นพี่คิน ว่ายังรักกันอยู่ใช่ไหม?
ถ้าไม่รักไม่ต้องมา สินะ
น้องณิน น่ารัก น่าฟัด ยังคิดถึงน้ารัมภ์
น้ารัมภ์ ก็คิดถึว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ ❤ [SM]
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 12-10-2016 13:51:02
บทที่ 31 จดหมาย


ตาคู่คมกริบจ้องมองประตูรั้วบ้านเบื้องหน้าด้วยความหวังอันริบหรี่ เขาขับรถออกมาจากรีสอร์ทแล้วตรงมาที่นี่ทันทีที่ที่ถามกับ
พนักงาน เขาทำได้แค่เพียงคาดเดาว่าคนคนนั้นคือวินที่มารับรัมภ์ไปจากรีสอร์ท ร่างสูงของภาคินเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ริมฝีปาก
สั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บจากฝนที่พรำลงมา เส้นผมสีดำสนิทเปียกน้ำลู่ลงมาปิดใบหน้าหล่อเหลา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทน
ที่จะยืนต่อไป ผ่านมาแล้วหลายชั่วโมงที่พายุฝนยังคงกระหน่ำ มันไม่มีอะไรที่จะยืนยันได้เลยว่ารัมภ์อยู่ที่นี่ ในเมื่อเขาไม่ได้เห็น
กับตา ไม่รู้เลยว่าคำจากปากของวินนั้นจะจริงอย่างที่ว่าเขามาสายเกินไป

   “รัมภ์”ชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว เมื่อประตูรั้วค่อยๆเปิดออก นัยน์ตาคู่แดงก่ำจ้องมองหวังว่าคนที่เขารอคอยจะเดินออกมา
จากประตูรั้วนั่น แต่เปล่าเลย กลับเป็นร่างของเพื่อนสนิทอย่างวินแทนที่เดินออกมาพร้อมกับร่มในมือยื่นมาให้

   “พี่กลับไปเถอะ ผมบอกแล้วไงว่ารัมภ์มันไม่ได้อยู่นี่แล้ว ผมพามันไปส่งที่ท่ารถตั้งนานแล้ว ดึกป่านนี้มันคงถึงบ้านแล้ว
มั้ง”วินบอกเสียงดังแข่งกับฝน

   เขาทำได้เพียงแค่เงยหน้าแล้วจ้องลึกเข้าไปนัยน์ตาของรุ่นน้องอย่างวิน ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเชื่อวินดีไหม ในเมื่อตอนนี้เขา
กำลังมืดแปดด้าน

   “พี่จะเชื่อผมหรือไม่มันก็แล้วแต่พี่ แต่ผมบอกไว้เลยว่าการที่พี่มายืนตากฝนแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย ดีไม่ดี
ถ้าพี่ไม่สบายรัมภ์มันจะยิ่งทุกข์ใจ แค่นี้มันก็เจ็บมามากพอแล้ว ผมแม่งอยากต่อยหน้าพี่เลยพอรู้ว่าพี่ทำกับเพื่อนผมแบบนั้น แต่
ผมก็ทำไม่ได้ เพราะอะไรพี่น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ทางที่ดีผมว่าพี่กลับไปดีกว่า อย่าดึงผมให้ลำบากใจไปด้วยอีกคนเลย รัมภ์มันกลับ
บ้านไปแล้ว พี่ไปตามหามันที่บ้านเอาเองก็แล้วกัน ที่นั่นเป็นที่เดียวที่มันเหลืออยู่”

   


   สุดท้ายภาคินเลือกที่จะเชื่อรุ่นน้องอย่างวิน เพราะท้ายที่สุดแล้วที่เดียวที่รัมภ์สามารถกลับไปได้ก็คือบ้าน รถยนต์คันใหญ่
จอดเทียบหน้าตึกแถวหลังเก่า เป็นเวลาล่วงเข้าช่วงบ่ายของอีกวันกว่าเขาจะมาถึงที่นี่ เพราะตากฝนมาทั้งคืนอีกทั้งยังไม่ได้พัก
ผ่อนตอนนี้สภาพร่างกายของเขาเริ่มที่จะไม่ไหวเต็มทน แต่ถึงเขาก็ฝืนเปลือกตาที่หนักอึ้งของตัวเองเอาไว้แล้วเดินไปหยุดอยู่
หน้าประตูห้องแถวหวังว่าใครอีกคนจะรอเขาอยู่หลังประตูบานนั้น

   แต่สิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้าก็ทำเอาหน้าชาราวกับถูกหมัดกระแทกลงมาเต็มแรง ป้ายเซ้งร้านถูกติดอยู่เด่นหราหน้าประตูร้าน
เรี่ยวแรงที่มีพลันหายวับไปกับตา ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวทรุดลงกับพื้นเบื้องล่าง แผ่นหลังเอนพิงประตูร้านด้วยความอ่อนแรง เปลือก
ตาทั้งสองข้างเขาผืนมันอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ที่เดียวที่คิดว่าจะตามหารัมภ์ได้ก็คือที่นี่ แต่ตอนนี้มันกลับไม่มีอีกต่อไปแล้ว เขามา
ช้าเกินไป มันสายไปแล้วที่จะได้อีกฝ่ายกลับคืนไป


   “มาหาใครล่ะพ่อหนุ่ม เห็นนั่งมาตั้งแต่เย็นวานแล้ว”แรงแตะเบาๆที่ต้นแขนปลุกให้ภาคินสะดุ้งตื่น แสงอาทิตย์ในยามเช้า
ของอีกวันแยงตาปลุกให้ชายหนุ่มหรี่ตาลง ยกมือขึ้นมาป้องที่แยงตา จ้องมองชายวัยกลางคนเบื้องหน้าของตัวเอง

   “ผมมาหารัมภ์”ภาคินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

   “จะมาหาอะไรเอาตอนนี้ล่ะ บ้านนี้ตอนนี้เขาย้ายไปอยู่เมืองนอกแล้ว ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะ”

   “ย้ายไปต่างประเทศเหรอครับ”

   “อืม เขาย้ายไปกันหมดแล้วล่ะ ของในบ้านก็เอาไปบริจาคหมดแล้ว คงจะไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ ทั้งแม่ทั้งลูก”

   “พอจะรู้ไหมครับ…ว่าเขาไปที่ไหน แล้วกับใคร”ภาคินหันไปถามเสียงเบา นัยน์ตาคู่คมกริบจ้องมองชายเบื้องหน้าอย่าง
อ่อนแรง

   “กับใครน่ะเหรอ ก็ฝรั่งหล่อๆ ไม่ค่อยเห็นหน้าชัดหรอกนะ แต่ก็คงจะเป็นญาติพี่น้องทางฝั่งพ่อรัมภ์เขานั่นแหละ”

   “งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากครับ”ภาคินตอบรับ

   ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ในเมื่อตอนนี้ยังมีอีกคนที่เขาพอจะฝากความหวังเอาไว้ได้ คนเดียวที่ไม่คิดว่าจะได้เผชิญ
หน้ากันอีกครั้ง



   รถคันใหญ่จอดหน้าร้านอาหารอิตาลีชานเมืองของตัวจังหวัดด้วยความรีบร้อน เจ้าของรถไม่ใส่ใจเลยสักนิดว่าล้อของรถ
เกยขึ้นไปบนทางเดิน

   “รัมภ์อยู่ที่ไหน”ถามด้วยเสียงแข็งกร้าวปนเหนื่อยอ่อนก่อนจะปรี่เข้าไปหาหนุ่มชาวต่างชาตินัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน

   “คุณกำลังหมายถึงอะไรอยู่ครับ”เดสติโน่ไหวไหล่ก่อนยะยกยิ้มเย้ยออกมาเล็กน้อย “ผมว่าเรานั่งคุยกันดีดี จะดีกว่าไหม”
พูดพลางปรายตามองไปยังลูกค้าในร้านที่กำลังมองมาด้วยความตกใจ

   “นายเอารัมภ์ไปซ่อนไว้ที่ไหน”

   “อยู่ๆมากล่าวหากันอย่างนี้มันเกินไปหน่อยรึไง”ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เจ้าของนัยน์ตาคู่สีน้ำตาลสวยก็อดแปลกใจไม่น้อยกับ
คำถามนั้น
   “รัมภ์หายไป”

   “หมายความว่ายังไงที่ว่ารัมภ์หายไป รัมภ์อยู่กับคุณไม่ใช่รึไง”คราวนี้เดสตินเริ่มขึ้นเสียง

   “นายอย่ามาทำไขสือ บอกมาว่ารัมภ์อยู่ไหน”ภาคินกระชากขอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาหาตัวเองด้วยความไม่พอใจกับท่าทีของ
อีกฝ่ายที่ทำราวกับว่าไม่รู้เรื่องรู้ราว

   “แทนที่จะมากล่าวหาคนอื่น คุณถามตัวเองก่อนไหมว่าทำไมรัมภ์ถึงได้หายไป แล้วปล่อยให้รัมภ์หายไปได้ยังไงทั้งที่รัมภ์
อยู่กับตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองไร้ความสามารถที่จะดูแลน้องชายของผมรึไง”คราวนี้หนุ่มชาวต่างชาติปัดมือที่กำคอเสื้อตัวเองออก

   “มีคนบอกว่ารัมภ์ไปต่างประเทศแล้ว คนเดียวที่จะพารัมภ์ไปได้ก็คือนาย”


   “ต่างประเทศ?”เดสตินเลิกคิ้วก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดอะไรได้บางอย่างแล้วเหยียดยิ้มออกมาอย่างคนที่ถือไพ่
เหนือกว่า “ก็ในเมื่อคุณดูแลรัมภ์ไม่ได้แล้ว มันไม่ดีกว่ารึไงที่จะปล่อยให้รัมภ์เป็นอิสระและได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…และ
ปลอดภัย”

   “ไม่…”

   เขาทำได้เพียงแค่ปฏิเสธออกไปไม่เต็มเสียง เป็นอีกครั้งที่เขาถูกพูดแทงใจดำ ชายหนุ่มได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความ
เจ็บใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมรับ

   “ปล่อยให้รัมภ์ได้ไปใช้ชีวิตของตัวเองสักที คุณน่าจะรู้ดีว่าตัวเองทำอะไรไว้กับรัมภ์ ที่ผ่านมามันก็แค่เกม แล้วอีกอย่าง มัน
มากพอแล้วที่น้องชายของผมจะต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้าย ผมยอมต่อแต้มให้คุณมามากพอแล้วนายหัวภาคิน น้องชายของผม
ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป ไม่ใช่ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ”

   จริงอย่างที่เดสติโน่พูด ตั้งแต่แรกแล้วที่รัมภ์ไม่ใช่ของเขา ต่อให้เขาพยายามที่จะกักขังรัมภ์เอาไว้ ใช้ทั้งโซ่ตรวนหรือแม้
กระทั่งความรู้สึกที่มีมันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย กลับกันมันยิ่งทำให้รัมภ์เจ็บปวด ไม่เพียงแค่รัมภ์เท่านั้นที่เจ็บปวด เขาเองก็
เจ็บปวดไม่แพ้กัน

   ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มซีดเผือด กระบอกตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว สัมผัสได้ถึงความชื้นที่กำลังเอ่อล้นของตาของตัว
เอง มันสมควรแล้วกับอิสระที่รัมภ์ควรจะได้รับมาตลอด เขาผิดเองที่กดดันให้ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันจบในรูปแบบนี้

   ทั้งที่คิดว่าความรักที่มีมันสามารถยึดเหนี่ยวให้อีกฝ่ายอยู่กับเขาได้ หวังที่จะถักทอความรู้สึกให้มันมั่นคง แต่สิ่งที่เขาทำมา
ตลอดมันผิดไปจากที่วาดเอาไว้ทั้งหมด ไม่หลงเหลือแม้แต่เค้าโครงที่ร่างเอาไว้ ความฝันที่จะได้อยู่ด้วยกันแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
ราวกับภาพวาดที่ถูกฉีกกระจายไม่มีชิ้นดี มันถึงเวลาแล้วที่เขาก็ต้องปล่อยมือจากนกตัวที่เขาจับขังเอาไว้ในกรงทอง ปล่อยให้มัน
ได้โบยบินพร้อมกับอิสระอย่างที่ต้องการ



   ภาคินทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหลังใหญ่ เขาฟุบหน้าลงบนที่นอนในคืนสุดท้ายที่เขาได้กกกอดร่างกายอุ่น จมูกโด่งฝังลงไป
บนฟูกนุ่ม ดึงเอาผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ก่อนจะสูดเอากลิ่นกายที่หลงเหลือเข้าไปในปอดด้วยความโหยหา เหลือเอาไว้เพียงเท่านี้
กับสิ่งที่รัมภ์ทิ้งเอาไว้

   ชายหนุ่มลุกออกจากเตียงก่อนจะเดินกลับไปยังอีกห้องที่อยู่ข้างกันด้วยความเหม่อลอย กรงทองที่เขาเอาไว้กักขังความรัก
ของตัวเอง เขาเปิดประตูเข้าไปข้างในก่อนจะพบกับแม่บ้านที่กำลังจะเก็บเอาเสื้อผ้าในตะกร้าไปซัก

   “อย่า…ไม่ต้องเก็บไปซัก ต่อไปนี้ห้ามใครเข้ามาในห้องนี้อีก”ชายหนุ่มบอกก่อนจะดึงเอาเสื้อผ้าที่รัมภ์เคยใส่ออกจากมือ
ของนุ่ม
   มือข้างหนึ่งถือเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นกายของอีกฝ่ายเอาไว้แนบอก อีกมือเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะดึงเอาของที่อยู่ในลิ้นชัก
ออกมา เสียงของโลหะกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง โซ่ตรวนเส้นที่เขาเคยใช้ล่ามข้อเท้าบอบบางของอีกฝ่ายเอาไว้

   ไม่ฟังแม้กระทั่งเสียงร้องขอ คำห้าม หรือคำตัดพ้อ เขาตัดสินด้วยความรู้สึกของตัวเองเพียงฝ่ายเดียวแล้วยึดเอารัมภ์ไว้ที่นี่
ทำราวกับว่าเป็นเจ้าของของอีกฝ่ายง กลิ่นของโลหะเย็นเฉียบลอยกระทบจมูก มือที่ถือโซ่ตรวนกำลังสั่นเทา ก่อนที่มันจะถูก
ปล่อยให้ร่วงลงบนพื้นเสียงดังก้อง น้ำตาอุ่นหยดลงบนเสื้อผ้าที่อยู่ในอ้อมกอด

   เขาได้สูญเสียไปแล้ว…หัวใจของตัวเขาเอง

   ----------------------------------------------------------------------

   ‘พี่ ผมชื่อรัมภ์ รัมภ์ที่มาจากรัมภ์ภาหมายถึงนางฟ้า’เสียงสดใสทักพร้อมกับร้อยยิ้ม ตอนนั้นเขาทำได้เพียงแต่เงยหน้าจาก
หนังสือนแล้วมองหน้าของอีกฝ่าย จ้องมองรอยยิ้มที่ส่งมาให้เขา



   “เป็นแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว”น้ำเสียงดูเป็นกังวลถามไถ่ นานนับอาทิตย์ที่ได้รับข่าวของลูกชายหลังจากวันนั้นที่เขา
ออกปากโกหกไป

   “หลายวันแล้วค่ะ แต่นายหัวไม่ยอมไปหาหมอลูกเดียวเลย ให้หมอนทีมาตรวจก็ไม่ยอม เอาแต่บอกว่าห้ามให้ใครเข้ามาใน
ห้องนี้”นุ่มตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

   “นี่มันอะไรกันภาคิน จะมานอนหมกตัวอยู่แต่ในห้องอย่างนี้ไม่ได้นะ แล้วนี่อะไร ไม่สบายตัวร้อนอย่างนี้มากี่วันแล้ว นุ่มเอา
ผ้าขนหนูกับน้ำอุ่นมาให้ฉันที”นภาพูดออกมาด้วยตื่นตระหนกที่มาเห็นลูกชายด้วยตาตัวเองแล้วเจอกับสภาพที่ลูกชายเอาแต่คลุก
ตัวอยู่ในห้องมืดๆไม่ยอมเปิดประตูหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศที่ไม่รู้ว่าเปิดทิ้งเอาไว้นานแค่ไหนจนอากาศภายในห้องเย็นเยือก
ชวนให้ขนลุก

   “อย่ามายุ่งกับของผม!!”เสียงแหบห้าวตวาดพลางยื้อแย่งเสื้อผ้าที่ในอ้อมกอดเอาไว้อย่างหวงแหน

   “นั่นมันไม่สะอาดแล้วนะภาคิน”

   “ผมไม่สน”

   “จะไม่ให้แม่สนลูกตัวเองได้ยังไงในเมื่อลูกตัวเองอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้แบบนี้”ตาคู่สวยจับจ้องมองลูกชายในสภาพโทรม
เอาแต่กอดเสื้อผ้าที่อยู่ในอกแน่นไม่ยอมปล่อย

   “อย่ามายุ่งกับผม ออกไปจากห้องนี้กันให้หมด”เพราะไม่อยากที่จะให้กลิ่นของคนอื่นมาปะปนกับกลิ่นของรัมภ์ที่กำลังจะ
จางหายไป

   อยากจะเก็บกลิ่นอายนี้เอาไว้ให้นานที่สุด จมูกโด่งซุกลงบนเสื้อผ้าที่กอดเอาไว้แน่น มือทั้งสองข้างสั่นเทา

   “ทำไมถึงได้ดื้อด้านขนาดนี้นะ”นภาตัดพ้อก่อนจะหันไปหาลูกบุญธรรมของตัวเอง “นทีจัดการภาคินให้แม่ที”

   “ครับ”น่านนทีพยักหน้าก่อนเดินเข้าไปใกล้ร่างของน้องชายที่นอนซมอยู่บนเตียง

   มือกดแขนอันไร้เรี่ยวแรงของภาคินเอาไว้ ถึงไม้ว่าจะขัดขืนอยู่บ้าง แต่คนที่ไม่สบายและไม่ได้กินข้าวมาหลายวันอย่างภาคิ
นไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย ได้แต่ปล่อยให้เข็มฉีดยาปลายแหลมลงไปบนต้นแขนก่อนสติอันลางเลือนจะถูกฉุดดึงให้จมสู่
ห้วงนิทรา

   

   ---------------------------------------------------------------



   หนึ่งปีต่อมา…

   “ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วภาคิน ลูกไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วนะ”นภาปลุกลูกชายที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง เสี้ยว
หน้าคมคายถูกปรกคลุมไปด้วยไรหนวดขึ้นครึ้มจนเหลือเค้าโครงเดิมอีกต่อไป

   ยิ่งเห็นเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์ใจ นับตั้งแต่วันนั้นลูกชายของเธอก็ไม่ได้ก้าวออกจากห้องๆนี้อีกเลย เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องมืด
ทึบนี้แล้วกอดเสื้อผ้าของรัมภ์ที่ทิ้งเอาไว้ราวกับเป็นสิ่งที่หวงแหนไม่ยอมปล่อย ข้อมือซูบผอมมีนาฬิกาเรือนสวยที่บัดนี้สายของ
มันได้หลวมเพราะคนที่ใส่ผอมลงไปมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านาฬิกาที่ลูกชายเธอมักจะมองด้วยความเหม่อลอยนั้นมาจากใคร เธอ
ทำผิดไปมาก เธอคิดว่าเธอเลือกทางเดินที่ถูกต้องให้กับลูกชาย แต่กลับตรงกันข้ามเลย หนทางที่เธอคิดว่าสว่างไสวกลับดำมืด

สำหรับลูกชายของเธอ

   ตั้งแต่นั้นภาคินก็ไม่ยอมออกไปทำงานเพราะข้อตกลงที่เธอกับสามีตั้งเอาไว้มันได้ขาดสะบั้นลง กลับกลายเป็นว่าสามีของ
เธอต้องกลับมาดูแลฟาร์มสานรักแทน และเธอต้องไปกลับระหว่างรีสอร์ทสิรนภากับที่นี่เพราะเป็นห่วงความเป็นอยู่ของลูกชายที่
นับวันแย่ลงเรื่อยๆ

   เธอจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของลูกชายจ้องมองนาฬิกาเรือนที่ยังเดินอยู่ ก่อนจะเบือนหน้าจ้องมองถ้วยข้าวต้มในถาดที่
เธอวางเอาไว้ที่ปลายเตียงและเบือนหน้าหนี

   “แม่ออกไปได้แล้ว”ภาคินบอกเสียงแข็ง เพราะไม่อยากให้กลิ่นของคนอื่นลบกลิ่นอายของรัมภ์ที่กำลังจางหายไป อยากที่
จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ให้คงเดิม ให้เหมือนกับว่ารัมภ์ยังอยู่ไม่ได้หนีเขาไปอีกครั้ง


   “อย่างน้อยก็สนใจลูกบ้างก็ยังดีนะภาคิน”สิ่งที่นภาพูดทำให้ชายหนุ่มหันไปมองแม่ของตัวเอง ก่อนจะลดสายตาลงจ้องมอง
ร่างจ้ำม่ำของเด็กวัยหกขวบหลบอยู่ด้านหลัง

   นภาดันร่างของภาณินให้ปีนขึ้นไปบนเตียง เด็กชายตัวเล็กนั่งลงข้างๆพ่อก่อนจะกระตุกชายเสื้อของพ่อเบาๆ

   “พ่อคิน”

   “ว่าไง”ภาคินตอบรับเสียงเบา ก้มลงมองใบหน้ากลมของลูกชาย คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นเข้าหากัน เขารู้ดีว่าลูกชายกำลังจะขอ
อะไร

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์”

   “อืม”พ่อก็คิดถึง เขาอยากจะบอกออกไปอย่างนั้น แต่ถ้าพูดออกไปมันจะยิ่งทำให้เขาเจ็บใจกับสิ่งที่ตัวเองทำจนต้องปล่อย
ให้รัมภ์หลุดมือไป เขาทำได้เพียงแค่เอื้อมมือของตัวเองแล้วลูบลงบนหัวของลูกชายเบาๆ

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์ น้องณินอยากไปหาน้ารัมภ์พ่อคินพาน้องณินไปหาน้ารัมภ์ได้ไหม”

   สิ่งที่ลูกชายเฝ้าขอเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถให้ได้เลย เขารู้ดีว่าลูกชายพยายามอดกลั้นมากแค่ไหนที่เลิกขอของเล่นอย่างที่
เคยแล้วหันมาขอให้เขาพาไปหารัมภ์แทน

   “พ่อ…ขอโทษ”เขาตอบเสียงเครือ

   เขาคิดถึงรัมภ์จนรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกมันแทบจะแตกสลายเต็มกลืน เขาอยากที่จะไปหารัมภ์ อยากที่จะไปตามรัมภ์กลับมา
หากแต่เขาไม่อยากจะให้รัมภ์ได้เจ็บปวดกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของตัวเองอีกต่อไป บอกไม่ได้เลยว่าเขาจะห้ามไม่ให้ตัวเอง
ทำเหมือนเดิมได้อีกไหม กักขังอีกฝ่ายเพื่อที่จะให้อยู่ด้วยกันตลอดไป

   “พอกันที!!แม่ทนเห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่ผิดเองภาคิน แม่ผิดเองทุกอย่าง แม่โกหกที่ว่าเด็กคนนั้น
เรียกร้องเงินแล้วจากลูกไป”เป็นนภาเองที่ทนเห็นสภาพของลูกชายไม่ไหว เธอทนที่จะทำร้ายหัวใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

   “แม่พูดอะไร”

   “แม่เป็นคนขอให้เด็กคนนั้นไปจากชีวิตลูกเพื่อตัวลูกเอง เขาไม่ได้เรียกเงินจากแม้สักบาท เป็นแม่เองที่ยัดเยียดเงินให้กับ
เขาทั้งที่เขาไม่ต้องการ”

   “ทำไมแม่….”ภาคินถามเสียงเบาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

   “แม่ยอมแพ้แล้วภาคิน ทีนี้ลูกจะไปตามเด็กคนนั้นกลับมาหรือว่าจะไปหาเด็กคนนั้นแม่ก็จะไม่ว่าอะไร แม่ตามใจทุกอย่าง
ขอแค่ลูกกลับมาเป็นลูกชายของแม่คนเดิม เป็นพ่อที่ดีเหมือนเดิม แม่ทนเห็นลูกหลานตัวเองเจ็บอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”นภา
บอกเสียงเครือ ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่น กำในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้รับจากบุรุษไปรษณีย์เมื่อเช้านี้เอาไว้แน่น

   “แม่โกหก”

   “แม่โกหกก็เพื่อลูกนะภาคิน แต่ตอนนี้แม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ทำมันทำร้ายลูกมากแค่ไหน ทำร้ายพวกเรามากแค่ไหน ลูกไปตามคน
รักของลูกกลับมาเถอะ เพื่อตัวของลูกเอง”

   “ผม…ทำอย่างนั้นไม่ได้”เพราะรัมภ์นั้นอยู่ในที่นี่แสนไกล แล้วเขาก็ไม่รู้ว่ารัมภ์อยู่ที่ไหน สำคัญที่สุดก็คืออิสระที่รัมภ์ได้รับ
เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขไปกับมัน เขาเองก็พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ทำลายมันอีกครั้ง

   “มีจดหมายส่งมาถึงลูก มันถูกส่งมาจากต่างประเทศ”นภายื่นจดหมายให้กับลูกชาย

   “รัมภ์”ภาคินหลุดเรียกออกไปเสียงเบาก่อนจะคว้าเอาซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเองด้วยความกระตือรือร้น ไม่รีรอที่จะ
เปิดมันออกด้วยความตื่นเต้น

   มันหมายถึงว่าเขาไม่ได้ถูกลืม ชายหนุ่มดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าหลังจากที่มัน
จางหายไปนาน ทว่ายิ้มนั้นก็เลือนหายเมื่อสิ่งที่อยู่ด้านในได้ปรากฏ

   แต่การ์ดสีชมพูลายดอกกุหลาบที่ดึงออกมาก็ทำเอาชายหนุ่มตัวชาวูบ รูปที่ปรากฏอยู่บนการ์ดเป็นรูปของรัมภ์ในชุดทักสิโด้
สีดำตัดกับสีผิว ข้างกายมีหญิงสาวผมบลอนในชุดเจ้าสาวกำลังคล้องแขนของรัมภ์และยิ้มให้กล้องอย่างมีความสุข วันที่ที่ระบุใน
การ์ดคืออีกสองวันที่ที่กำลังจะมาถึง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!

   ไม่มีทางที่รัมภ์จะแต่งงาน มันเป็นแค่ภาพลวงตา มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น ภาคินตะโกนก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจ
การ์ดในมือล่วงหล่นลงบนที่นอนราวกับว่ามือของเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาอยากจะให้นี่เป็นแค่เพียงความฝัน เสียงทุ้มพึมพำออก
มาราวกับคนไม่ได้สติ

   “ไม่…จริง”



   ------------------------------------------------------------------------------------

   



หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ [แก้] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: mam.nalok ที่ 12-10-2016 15:34:03
เจ้จจจจจจจจจจ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ล่วงหน้านะคะ ตอนจบไม่เอามาม่านะ ซดมาจนเต็มท้องแล้ว ถ้ามาอีกรับรองกระอักเลือดตายแน่ๆ :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ [แก้] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 12-10-2016 16:14:13
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ [แก้] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 12-10-2016 18:59:17
เอาแล้วไงไปประกาศตัวเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ [แก้] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: aommama ที่ 19-10-2016 08:24:06
คือติดนิยานเรื่องนี้มาก สนุกอ่ะ พี่คินรีบไปตามหาหัวใจด่วนๆ ก่อนที่จะสายนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 11-10-59 ❤ บทที่ 30 เพราะรักจึงทำ [แก้] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 19-10-2016 08:45:21
รัมภ์กำลังจะแต่งงาน!?
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 21-10-2016 19:00:25
บทที่ 32 บทส่งท้าย

   หนึ่งปีต่อมา…

   “ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วภาคิน ลูกไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเย็นวานแล้วนะ”นภาปลุกลูกชายที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง เสี้ยว
หน้าคมคายถูกปรกคลุมไปด้วยไรหนวดขึ้นครึ้มจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม

   ยิ่งเห็นเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์ใจ นับตั้งแต่วันนั้นที่เด็กคนนั้นยอมเดินจากไปตามคำขอของเธอ ลูกชายของเธอก็ไม่ได้ก้าวออก
จากห้องๆนี้อีกเลย เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องมืดทึบแล้วกอดเสื้อผ้าของรัมภ์ที่ทิ้งเอาไว้…ราวกับเป็นสิ่งที่หวงแหนไม่ยอมปล่อย
ข้อมือซูบผอมสวมนาฬิกาเรือนสวยที่บัดนี้สายของมันหลวมโพรกเพราะคนที่ใส่ผอมลงไปมาก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านาฬิกาที่ลูกชาย
เธอมักจะมองด้วยความเหม่อลอยนั้นมาจากใคร เธอทำผิดไปมากกว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เธอคิดว่าเธอเลือกทางเดินที่ถูก
ต้องให้กับลูกชาย แต่กลับตรงกันข้ามเลย หนทางที่เธอคิดว่าสว่างไสวกลับดำมืดจนลูกชายของเธอไม่ต่างอะไรกับคนตาบอด

   ตั้งแต่นั้นมาภาคินก็ไม่ยอมทำงานเพราะข้อตกลงที่เธอกับสามีตั้งเอาไว้มันได้ขาดสะบั้นลง กลับกลายเป็นว่าสามีของเธอ
ต้องกลับมาดูแลฟาร์มสานรักดังเดิม และเธอต้องไปกลับระหว่างรีสอร์ทสิรนภากับที่นี่เพราะเป็นห่วงความเป็นอยู่ของลูกชายที่นับ
วันแย่ลงเรื่อยๆ เธอจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของลูกชาย ตาคู่หม่นแสงจ้องมองนาฬิกาเรือนที่ยังเดินอยู่ก่อนจะเบือนหน้าจ้องมอง
ถ้วยข้าวต้มในถาดที่เธอวางเอาไว้ที่ปลายเตียงและเบือนหน้าหนี

   “แม่ออกไปได้แล้ว”

   ภาคินบอกเสียงแข็ง เพราะไม่อยากให้กลิ่นของคนอื่นลบกลิ่นอายของรัมภ์ที่กำลังจางหายไป อยากที่จะเก็บทุกสิ่งทุก
อย่างในห้องนี้ให้คงเดิม ให้เหมือนกับว่ารัมภ์ยังอยู่ไม่ได้หนีเขาไปอีกครั้ง…ถึงแม้ว่าเวลานี้มันได้จืดจางจนแทบไม่หลงเหลือแล้ว
ก็ตาม

   “อย่างน้อยก็สนใจลูกบ้างก็ยังดีนะภาคิน”สิ่งที่นภาพูดทำให้ชายหนุ่มหันไปมองแม่ของตัวเอง ก่อนจะลดสายตาลงจ้องมอง
ร่างจ้ำม่ำของเด็กวัยหกขวบยืนหลบอยู่ข้างหลัง

   นภาดันร่างของภาณินให้ปีนขึ้นไปบนเตียง เด็กชายตัวเล็กนั่งลงข้างๆพ่อก่อนจะกระตุกชายเสื้อของพ่อเบาๆ

   “พ่อคิน”

   “ว่าไง”ภาคินตอบรับเสียงเบา ก้มลงมองใบหน้ากลมของลูกชาย  เห็นคิ้วเล็กๆขมวดมุ่นเข้าหากัน…เขารู้ดีว่าลูกชายกำลัง
จะขออะไร

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์”

   เขาทำพียงแค่พยักหน้ารับ พ่อก็คิดถึง…เขาอยากจะบอกออกไปอย่างนั้น แต่ถ้าพูดออกไปมันจะยิ่งทำให้เขาเจ็บใจกับสิ่ง
ที่ตัวเองทำจนต้องปล่อยให้รัมภ์หลุดมือไป เขาทำได้เพียงแค่ใช้มือลูบลงบนหัวของลูกชายเบาๆราวกับกำลังปลอบโยนเมื่อเขา
ไม่สามารถทำในสิ่งที่ลูกต้องการได้

   “น้องณินคิดถึงน้ารัมภ์ น้องณินอยากไปหาน้ารัมภ์พ่อคินพาน้องณินไปหาน้ารัมภ์ได้ไหม”เขารู้ดีว่าลูกชายพยายามอดกลั้น
มากแค่ไหนที่เลิกขอของเล่นอย่างที่เคยแล้วหันมาขอให้เขาพาไปหารัมภ์แทน

   “พ่อ…ขอโทษ”เขาตอบเสียงเครือ

   เขาคิดถึงรัมภ์จนรู้สึกว่าก้อนเนื้อในอกมันแทบจะแตกสลายเต็มกลืน เขาอยากที่จะไปหารัมภ์ อยากที่จะไปตามอีกฝ่ายกลับ
มา หากแต่เขาไม่อยากให้รัมภ์ต้องเจ็บปวดกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของตัวเองอีกต่อไป บอกไม่ได้เลยว่าเขาจะห้ามไม่ให้ตัว
เองทำเหมือนเดิมได้อีกไหม…ห้ามไม่ให้ตัวเองกักขังอีกฝ่ายเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปได้รึเปล่า

   “พอกันที!!แม่ทนเห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว แม่ผิดเองภาคิน แม่ผิดเองทุกอย่าง แม่โกหกที่ว่าเด็กคนนั้น
เรียกร้องเงินแล้วจากลูกไป”เป็นนภาเองที่ทนเห็นสภาพของลูกชายไม่ไหว เธอทนที่จะทำร้ายหัวใจตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

   “แม่พูดอะไร”

   “แม่เป็นคนขอให้เด็กคนนั้นไปจากชีวิตลูกเพื่อตัวลูกเอง เขาไม่ได้เรียกเงินจากแม่สักบาท เป็นแม่เองที่ยัดเยียดเงินให้กับ
เขาทั้งที่เขาไม่ต้องการ”

   “ทำไมแม่….”ภาคินถามออกไปเสียงเบาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน

   “แม่ยอมแพ้แล้วภาคิน ทีนี้ลูกจะไปตามเด็กคนนั้นกลับมาหรือว่าจะไปหาเด็กคนนั้นแม่ก็จะไม่ว่าอะไร แม่ตามใจทุกอย่าง
ขอแค่ลูกกลับมาเป็นลูกชายของแม่คนเดิม เป็นพ่อที่ดีเหมือนเดิม แม่ทนเห็นลูกหลานตัวเองเจ็บอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”นภา
บอกเสียงเครือ ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันแน่น มือกำในสิ่งที่เธอเพิ่งจะได้รับจากบุรุษไปรษณีย์เมื่อเช้านี้เอาไว้แน่น

   “แม่โกหก”

   “แม่โกหกก็เพื่อลูกนะภาคิน แม่เห็นแก่ตัวไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แม่ขอโทษ แต่ตอนนี้แม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ทำมันทำร้ายลูกมาก
แค่ไหน ทำร้ายพวกเรามากแค่ไหน ลูกไปตามคนรักของลูกกลับมาเถอะนะ เพื่อตัวของลูกเอง”

   “ผม…ทำอย่างนั้นไม่ได้”เพราะรัมภ์นั้นอยู่ในที่นี่แสนไกล เขาก็ไม่รู้ว่ารัมภ์อยู่ที่ไหน สำคัญที่สุดก็คืออิสระที่รัมภ์ได้รับ เขา
หวังว่าอีกฝ่ายจะมีความสุขไปกับมัน เขาเองก็พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้ทำลายมันอีกครั้ง

   “มีจดหมายส่งมาถึงลูก มันถูกส่งมาจากต่างประเทศ”นภายื่นจดหมายให้กับลูกชาย

   “รัมภ์”

   ภาคินหลุดเรียกออกไปเสียงเบาก่อนจะคว้าเอาซองจดหมายจ่าหน้าซองถึงตัวเองด้วยความกระตือรือร้น ไม่รีรอที่จะเปิดมัน
ออกด้วยความตื่นเต้น…มันหมายถึงว่าเขาไม่ได้ถูกลืม ชายหนุ่มดึงสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาด้วยความดีใจ รอยยิ้มปรากฏอยู่บน
ใบหน้าหลังจากที่มันจางหายไปนาน แต่ทว่าไม่นานรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายเมื่อสิ่งที่อยู่ด้านในได้ปรากฏ

   การ์ดสีชมพูลายดอกกุหลาบที่ดึงออกมาก็ทำเอาชายหนุ่มตัวชา โลกทั้งใบเหมือนกับหมุนคว้าง รูปที่ปรากฏอยู่บนการ์ด
เป็นรูปของรัมภ์ในชุดทักสิโด้สีดำตัดกับสีผิว ข้างกายมีหญิงสาวผมบลอนในชุดเจ้าสาวกำลังคล้องแขนของรัมภ์และยิ้มให้กล้อง
อย่างมีความสุข วันที่ที่ระบุในการ์ดคืออีกสองวันที่ที่กำลังจะมาถึง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!! ไม่มีทางที่รัมภ์จะแต่งงาน มันเป็นแค่
ภาพลวงตา มันเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น!! ภาคินตะโกนก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในใจ การ์ดในมือล่วงหล่นลงบนที่นอนราวกับว่ามือ
ของเขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง เขาอยากจะให้นี่เป็นแค่เพียงความฝัน เสียงทุ้มพึมพำออกมาราวกับคนไม่ได้สติ



   “ไม่…จริง”



   ------------------------------------------------------------



   กว่าหนึ่งปีแล้วที่ผมมาอยู่ที่นี่…ระยะเวลาครึ่งโลกที่ผมใช้ชีวิตอยู่ไกลกับหัวใจของตัวเอง มันเป็นเรื่องยากที่ผมจะทำใจและ
ลืมความรักที่มีต่อพี่คิน อาจเป็นเพราะว่าส่วนลึกใจของผมนั้นไม่ต้องการที่จะลืมมัน ทุกอย่างยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของ
ผมเสมอ ทุกๆวันผมไม่สามารถอยู่เฉยและต้องคอยหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องในอดีต ผมรู้ดีว่าหัวใจ
ของตัวเองกำลังร้องไห้ ตลอดเวลาผมคิดว่าระยะทางและวันเวลาอันยาวนานจะช่วยให้เสียงของมันเบาลง แต่ไม่เลย ผมรู้ดีว่า
หัวใจของผมมันไม่มีวันที่จะหยุดร้องไห้ ตราบใดที่ความรักของผมมันยังคงไม่จางหายและมั่นคงอยู่อย่างนี้

   “ฟาตา ทำไมถึงมาช้า”ภาษาอังกฤษในสำเนียงที่ไม่ต่างอะไรกับเจ้าของภาษาถามทักเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับ
หายใจหอบด้วยความเหนื่อย ผมยิ้มให้กับชายวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเหมือนกับสีของดวงตา

   “วันนี้ผมเลิกเรียนช้ากว่าที่คิด ผมขอโทษ”ผมตอบรับพ่อด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าไร ยิ้มให้กับพ่อที่แต่ง
ชุดสูทดูดีก่อนพ่อจะเดินเข้ามาโอบไหล่ให้ผมเดินตามเข้าไปในสตูดิโอ

   ผมกับพ่อเราตกลงกันที่การสื่อสารกันผ่านทางภาษาอังกฤษเพราะตอนนี้ภาษาอิตาลีมันยากเกินไปสำหรับผมและคงอีก
นานกว่าผมจะคุ้นเคยกับมัน พอเข้ามาด้านในก็เห็นว่าพี่ตินกับแม่แต่งตัวเรียบร้อยดีแล้วเหลือแค่เจ้าสาวที่ยังแต่งตัวไม่เสร็จเพราะ
ค่อนข้างใช้เวลานาน ผมได้แต่ยิ้มแหยให้กับแม่และเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวคนอื่นๆที่กำลังรอการมาของผมเพราะรู้ดีว่าผมมักจะ
ผิดนัดเสมอจากการเรียนที่เริ่มจะหนักขึ้น

   “ทำไมถึงมาช้านักล่ะลูกคนนี้ ไปเลย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า คนอื่นเขารอนานแล้วนะ”แม่รีบปรี่เข้ามาหาก่อนจะยื่นชุดทักสิโด้
สีดำใส่มือ

   สำหรับแม่แล้วผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่สามารถพูดได้หลายภาษาและพูดได้ดี แม่เคยทำงานเป็นไกด์พาเที่ยวตาม
สถานที่ท่องเที่ยวมาก่อน แต่ก็เป็นเพียงแค่ไกด์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งนั่นก็ทำให้แม่เจอกับพ่อแล้วตัดใจทิ้งพ่อมาในที่สุดเมื่อรู้ว่า
พ่อมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ตลอดมาแม่ปิดบังเรื่องทุกอย่างกับผมตลอด ผมอยากที่จะโกรธแม่ แต่เหตุผลของแม่ก็ทำให้ผมไม่
สามารถโกรธแม่ได้เลย…เพราะว่าแม่ทำทุกอย่างก็เพื่อทุกคน เพื่อที่พ่อจะได้ไม่หนักใจกับแม่ที่จะต้องเป็นภาระ เพื่อตัวเองจะได้
ไม่เสียใจหากจะต้องถูกทอดทิ้งซะเอง แล้วก็เพื่อผมที่ไม่รู้อะไรเลยดีกว่าต้องมาเจ็บปวดเพราะรู้แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

   ในวันนั้นวันที่เรื่องทุกอย่างมันจบลง พี่ตินเป็นคนไปเจอผมที่บ้านตึกแถวสองชั้นหลังเก่าและเป็นคนพาผมมาที่อิตาลีเพื่อที่
จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน พอผมมาถึงที่นี่ได้เพียงไม่กี่วันพ่อกับแม่ก็ตกลงที่จะแต่งงานกันซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี และความ
สุขที่เกิดขึ้นก็มากพอที่จะทำให้ผมยิ้มได้และพยายามที่จะใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า เลือกที่จะเรียนต่อปริญญาโทเพื่อที่จะทำตัวให้
ยุ่งกับการเรียน เวลาที่เหลือก็เอาไปช่วยงานในร้านอาหารไทยที่พ่อเปิดให้แม่เพราะแม่ไม่ต้องการที่จะอยู่เฉยๆแล้วพึ่งพาพ่อ
เหมือนอย่างที่เคยเป็น อีกทั้งชั้นบนของตัวร้านก็เปิดเป็นโรงแรมเล็กๆเพื่อให้คนไทยที่มาเที่ยวได้พักในราคาถูกและเป็นกันเอง
งานของผมจึงค่อนข้างยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ซึ่งนั่นก็เป็นการดีที่มันทำให้ผมเหนื่อยจากงานแล้วหลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน
ไม่มีเวลาให้ได้คิดฟุ้งซ่านหรือเสียใจอะไรไปมากกว่านี้

   “หล่อมากฟาตาของพี่”

   ทันทีที่ออกมาจากห้องแต่งตัวหลังจากปล่อยให้ช่างแต่งหน้าจัดการกับผมและหน้าตาเสร็จเรียบร้อยพี่ตินก็ตรงเข้ามาคว้า
คอของผมเข้าไปกอดแล้วดึงให้ผมเดินตามมายังฉากที่เตรียมเอาไว้สำหรับถ่ายรูป

   “หล่อใช้ได้”แม่ที่อยู่ในชุดราตรีสวยพยักหน้ายิ้มให้กับการใส่ทักสิโด้ครั้งแรกในชีวิตของผม

   นานนับหลายชั่วโมงกว่าพวกเราจะถ่ายรูปกันเสร็จ ผมได้แต่ถอนหายใจเพราะต้องรีบไปอ่านหนังสือเนื่องจากวันพรุ่งนี้มี
สอบ อีกทั้งยังต้องช่วยงานที่ร้านของแม่

   “ฟาตามานี่ ถ่ายรูปคู่กับเจ้าสาวหน่อย”

   แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดเดิมแขนก็ถูกดึงเอาไว้ให้ชะงัก หันกลับไปจ้องมองว่าที่เจ้าบ่าว
และเจ้าสาวผมบลอนยิ้มเผล่ส่งมาให้ท่าทางมีเลศนัยจึงได้ถามออกไป

   “ก็ถ่ายไปแล้วนี่ครับ”

   “อยากให้ถ่ายคู่กับเจ้าสาวของพี่หน่อย”

   “แล้วทำไมผมจะต้องถ่ายคู่กับเจ้าสาวแค่สองคนด้วย”ผมถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยอมเดินตามแรงจูง
ของทั้งสองคนไปเพราะถูกดึงแขนขนาบข้างเอาไว้ทั้งว่าที่เจ้าบ่าวและว่าที่เจ้าสาว

   “เอาน่า ไม่เห็นจะเสียหายอะไรตรงไหนนี่”ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่จะให้ผมไว้ใจคนอย่างพี่ตินได้ยังไงในเมื่อรอยยิ้มที่ส่งมา
นั้นมันเจ้าเล่ห์จนน่าขนลุก

   “ไม่เอาด้วยหรอกครับ”

   “เอาน่า เจ้าสาวออกจะสวย จริงไหมมาเรีย”หันไปถามมาเรียเป็นภาษาอังกฤษ

   มาเรียเป็นคู่หมั้นของพี่ตินตั้งแต่สมัยที่พี่ตินไปเรียนที่อเมริกา ทำให้ทั้งคู่ได้เจอกัน และที่สำคัญว่าที่พี่สะใภ้ของผมคนนี้
ดีกรีนางแบบจากนิตยสารดังอันดับต้นๆของโลก ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงได้ตกลงปลงใจยอมแต่งงานกับพี่ตินได้ยังไง

   “ถ่ายรูปด้วยกันเถอะนะ”เจ้าสาวชาวอเมริกันพยักหน้าทำท่าขอร้องใส่จนผมต้องจำยอมพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทางเหนื่อย
ใจกับลูกตื๊อของทั้งสองคน

   “แค่แปบเดียวนะครับ พรุ่งนี้ผมมีสอบผมต้องไปอ่านหนังสือ”

   “โอเค”พี่ตินพยักหน้าก่อนจะเดินมาจัดท่าทางให้ผมกับมาเรีย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมาเรียดึงแขนของผมไป
คล้องเอาไว้แล้วเอนหน้ามาซบไหล่

   “พอใจรึยังครับ”ถามพลางจ้องมองเจ้าบ่าวในชุดทักสิโด้สีขาวสะอาดตา   “พอแล้วๆ ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”มือใหญ่ตบ
ลงมาที่ไหล่ของผมเบาๆก่อนจะเดินไปหาตากล้องแล้วกระซิบบางอย่าง…บางอย่างที่ทำให้ผมสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับ
ความขี้แกล้งของพี่ชายตัวเอง…อาจจะเพราะเคยชินก็เป็นได้ กับเวลาหนึ่งปีที่พยายามปรับตัวเข้ากับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

   

   ---------------------------------------------------------------------------------

   

   เสียงเปียโนดังก้องไปทั่วโบสถ์ หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องเดินเข้ามา ใบหน้ามีผ้าคลุมสีขาวโปร่งแสงปิดเอาไว้
ชายกระโปรงสีขาวยาวเหยียดมีเด็กหญิงผมสีบลอนคอยจับและเดินตามด้วยรอยยิ้ม บาทหลวงจะยิ้มรับและกระแอมเล็กน้อยเป็น
สัญญาณให้นักเปียโนหยุดบรรเลงและให้สักขีพยานนับหลายสิบเงียบลงเมื่อเจ้าสาววางมือลงบนมือเจ้าบ่าว

   งานแต่งของพี่ตินกับมาเรียถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายเพราะมาเรียไม่ต้องการให้มีนักข่าวมาแทรกแซงหรือรบกวนงานแต่ง
ของตัวเอง ดังนั้นสักขีพยานที่อยู่ในโบสถ์จึงมีแค่ญาติสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ผมได้แต่จ้องมองคู่บ่าวสาวในที่ของเพื่อนเจ้า
บ่าวข้างๆกับริค วูบหนึ่งรอยยิ้มที่ทั้งคู่มีให้กันมันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าหากผมเป็นผู้หญิงก็คงจะดี เรื่องทุกอย่างมันคง
ไม่จบที่ผมจะต้องหนีมาอยู่ในที่ที่แสนไกลแบบนี้

   บาทหลวงยังคงอ่านคำภีร์คู่ชีวิตต่อไป จนถึงพิธีกล่าวคำสาบาน ทั่วทั้งโบสถ์ตกอยู่ในความเงียบสงัด คู่บ่าวสาวต่างก็จ้อง
ตากันอย่างมีความสุข

   “เป็นเพราะเป็นความประสงค์ของพวกเธอที่จะแต่งงาน ให้ประสานมือขวา และประกาศความยินยอมของพวกเธอต่อหน้า
พระองค์ และศาสนิกชนของพระองค์”บาทหลวงพูดท่ามกลางความเงียบที่ทุกคนต่างก็จดจ้องไปที่คู่บ่าวสาว

   “เดสติโน่คุณจะรับมาเรียเป็นภรรยาของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี จะรักเธอและให้เกียติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

    “ผมเดสติโน่ ขอรับมาเรียเป็นภรรยาของผม และสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อคุณทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี ผมจะรักคุณและให้เกียรติคุณตลอดชั่วชีวิตของผม”

   “มาเรียคุณจะรับเดสติโน่เป็นสามีของคุณไหม คุณสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขา ทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และ
สบายดี จะรักเขาและให้เกียติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”

   “ดิฉันมาเรียขอระ…”

   ปึงงงงง!!!!

   “ผม….ไม่เห็นด้วย”


-------------------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-10-2016 19:32:52
อ้าว...อ้าว... มีผู้มาคัดค้านการแต่งงานของพี่ติน ซะแล้ว
จะเป็นใครน้า น่าจะเป็นพี่คินนะ
สมใจพี่ตินและ ที่ส่งการ์ดแต่งงาน
ที่ทำเป็นว่ารัมภ์ เป็นเจ้าบ่าว ไปยั่วยุ
พี่คินที่ไม่กระดิกกระเดี้ย เป็นปี
ยอมลุกออกจากห้อง เดินทางมาหารัมภ์ได้
พี่คิน รัมภ์ ทำความเข้าใจกันสักทีนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 21-10-2016 19:54:01
ชอบนายหัววววว หล่อ เถื่อน โหด หวง หึง  ขี้เอา ครบสูตรผู้ชายในฝัน  :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 21-10-2016 20:20:21
อีตาคินนิสัยโจรอีกแล้วนะ จะมาฉุดลูกเค้าอีกหรอ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-10-2016 23:18:12
จบแล้วเหรอ?งง!
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-10-2016 01:35:20
อะไรยังไงต่อคะ?
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 22-10-2016 08:37:52
จบแล้ว?
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: GGamy ที่ 22-10-2016 09:29:31
คือไร!!? ไรท์กลับมาเดี๋ยวนี้ เธอจะตัดจบอย่างนี้ไม่ได้ :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 31+32 บทส่งท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 22-10-2016 11:22:25
จบอย่างนี้น่ัะเหรอ ที่เหลือคือรอในเล่มใช่ไหม เฮ้อ~ เวรกำ (อย่าโกรธนะคนเขียนถ้าจะบอกว่าเราไม่น่าอ่านเลย)
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด (ต่อ) ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 22-10-2016 11:35:39
32.2 ท้ายที่สุด[จบ]
   ปึงงงงง!!!!

   “ผม….ไม่เห็นด้วย”

   ยังไม่ทันที่มาเรียจะกล่าวคำสาบานเพื่อตอบรับพี่ตินเป็นสามี ประตูโบสถ์ก็ถูกเปิดออกอย่างแรงตามด้วยลมหนาวของฤดู
พัดเข้ามาด้านในชวนใหขนลุก เสียงคัดค้านเป็นภาษาไทยประกาศก้องไปทั่วบริเวณ สักขีพยานนับหลายสิบต่างก็ต้องมองไป
ทางต้นเสียงเป็นสายตาเดียวกัน สภาพของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูโบสถ์ทำให้เกิดเสียงฮือฮาก้องโบสถ์ ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโค้ท
หลุดลุ่ยผ้าพันคอผืนหนาพันหมิ่นเหม่จะหล่นแหล่มิหล่นแหล่ ข้างตัวมีกระเป๋าเดินทางนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นทำให้ค่อนข้างจะดู
ไม่จืด ริมฝีปากได้รูปเปิดขึ้นเล็กน้อยเพราะกำลังหอบหายใจราวกับว่าผ่านการวิ่งมานับร้อยเมตร ก่อนที่ใบหน้าคมซูบตอบจะซีด
เผือดเมื่อมองเข้ามาด้านใน


   “อะ…เอ่อ คือ ผม”เสียงแหบพร่าปนหอบอึกอัก

   พี่คินอ้าปากค้างก่อนจะจ้องมองมาทางผมที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของเพื่อนเจ้าบ่าว ตาคู่คมสั่นระริกและจ้องมองมาที่ผมไม่
วางตา เพียงไม่กี่วินาทีที่เราสบตากันราวกับนานนับชั่วโมง เป็นพี่คินจะเป็นคนออกหน้าแก้สถานการณ์ทุกอย่างก่อนที่แขกคนอื่น
จะหายตกใจและแสดงความไม่พอใจออกมาเสียก่อน

   “ไม่ต้องตกใจครับ ผมเป็นคนเชิญเขามาเอง”พี่ตินหัวเราะร่วนหันไปบอกกับทุกคนในงาน “ ไม่ดีเลยนะครับที่จะมาพังงาน
แต่งของคนอื่นเขาอย่างนี้ ทำไมถึงได้มาสายนักล่ะครับนายหัวภาคิน ผมอุตส่าห์ส่งการ์ดเชิญล่วงหน้าแล้วนะครับ”พี่ตินชิงเดิน
เข้าไปกอดคอพี่คินด้วยท่าทางสนิทสนมแล้วพาให้เดินไปนั่งลงข้างๆกับแม่ แต่พี่คินก็ยังคงจ้องมองมาทางผมไม่ละสายตาถึง
แม้ว่าท่าทีจะยังคงมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดอยู่เล็กน้อย

   จนบาทหลวงทำพิธีต่อ มาเรียตอบรับพี่ตินเป็นสามีและสัญญาจะดูแลกันตลอดชีวิต ต่อด้วยพิธีแลกแหวนแต่งงาน ทันทีที่
บาทหลวงประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน ทั่วทั้งโบสถ์ก็เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ เปียโนเริ่มบรรเลงอีกครั้งพร้อม
กับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวที่จูบกันไม่ยอมปล่อย ทุกคนในงานลุกขึ้นปรบมือให้ทั้งคู่ และนั่นก็ทำให้ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในโบสภ์

   มากพอที่จะทำให้ผมใช้โอกาสนี้หลบออกมาทางประตูด้านข้างของตัวโบสถ์พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอ
กับอะไรแบบนี้ มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบบนอกข้างซ้าย ก้อนเนื้อข้างในมันแทบจะหลุดออกมานอกอก ริมฝีปากเม้มแน่นเข้าหา
กัน…นานเท่าไรแล้วที่ผมไม่รับรู้ถึงความรู้สึกแบบนี้ ทั้งดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน ผมเดินสาวเท้าห่างออกมาจากโบสถ์ที่จัด
งานเรื่อยๆ ในขณะที่หิมะแรกของฤดูหนาวเริ่มตกลงมา

   ว่ากันว่า…หิมะแรกตกสามารถทำให้คำอธิฐานของคนเราเป็นจริงได้ ผมไม่เคยเชื่อเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยจนกระทั่งวันนี้ ปี
ที่แล้วที่ผมได้เจอกับหิมะเป็นครั้งแรกและตัดสินใจอธิฐานขอพรที่ไม่มีวันจะเป็นไปได้…ผมอธิฐานขอให้ผมได้พบกับพี่คินอีกครั้ง
มันเป็นคำอธิฐานที่โง่เง่าและผมรู้ดีว่ามันไม่มีทางจะเป็นจริงถึงได้อธิฐานออกไปแบบนั้น ราวกับต้องการจะท้าทายในสิ่งที่มองไม่
เห็น แต่สุดท้ายแล้วพรของผมก็ถูกรับเอาไว้และเป็นจริงในที่สุด ผมหัวเราะออกมาราวกับเรื่องที่กำลังเจออยู่เป็นเรื่องน่าขบขัน
มือที่กุมอกข้างซ้ายเอื้อมออกไปรองรับเกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเอาไว้แล้วจ้องมองดูมันละลายหายไปในอุ้งมือ

   ครั้งนี้ผมควรจะขออะไรดี…จะเป็นไปได้ไหมถ้าผมจะขอให้ผมกับพี่คินได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีอะไรจะมาพลัดพรากเรา
จากกันอีกครั้ง คำขอของผมจะเป็นจริงอีกครั้งหรือเปล่า…ผมคงไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม



   ---------------------------------------------------------------------------

   
   ผ่านมาหนึ่งวันเต็มหลังจากงานแต่งของพี่ตินกับมาเรียจบลง ผมได้รู้จากแม่มาว่าพี่ตินเป็นคนส่งการ์ดเชิญไปให้พี่คินมา
ร่วมงานแต่ง ไม่รู้ว่าส่งไปอีท่าไหนถึงได้จู่ๆก็โผล่มาคัดค้านงานแต่งอย่างที่เห็น แม่เล่าพลางหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก และ
ด้วยรถแท็กซี่คันที่พี่คินนั่งมาดันเสียเอากลางทางประกอบกับโบสถ์ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากตัวเมืองทำให้พี่คินต้องวิ่งตามจีพีเอส
ในมือถือมาจนถึงโบสถ์เป็นระยะทางกลายกิโลสภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น แต่นั้นผมรู้ดีว่ามันไม่รวมถึงสภาพซูบผอมต่างไปจากเก่า
จากที่ก่อนหน้านี้ทุกในครอบครัวเข้าใจและรับรู้กับความสัมพันธ์ของผมกับพี่คินดี ผมจึงขอให้ทุกคนห้ามไม่ให้บอกที่อยู่ของผม
กับให้พี่คินรู้

   ถึงแม้เมื่อวานผมจะอธิฐานไปอย่างนั้น…ถึงแม้ว่าลึกๆข้างในใจจะหวังให้คำอธิฐานเป็นจริงดั่งคำอธิฐานแรก แต่มันก็คงจะ
ไม่มีวันเป็นจริงไปได้ในเมื่อผมกับพี่คินต่างก็ต้องเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง และสัญญาที่เคยให้ไว้กับตัวเองมันคอยตอกย้ำ
อยู่เสมอว่าสิ่งที่ผมเลือกเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว อนาคตของพี่คินสำคัญที่สุด เหมือนกับอนาคตของตัวผมเองที่จะต้องเดินไปข้าง
หน้า…ถึงแม้ว่าทางข้างหน้ามันจะโดดเดี่ยวก็ตาม

   “ฟาตา…มีลูกค้าผู้ชายเป็นคนไทยมากินอาหาร เขามาคนเดียวด้วย แต่เขาบอกว่าอยากกินอาหารที่ไม่มีอยู่ในเมนู ผมว่า
คุณน่าจะคุยกับเขารู้เรื่องกว่าผมนะเขาจดเมนูมาให้เองเลย”แอนดี้รุ่นน้องที่มหา’ลัยพ่วงท้ายด้วยลูกจ้างในร้านเพราะต้องการหา
รายได้พิเศษเดินมาสะกิด ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยและเงยหน้าจากแตงกวาที่ปอกเสร็จแต่ไม่ได้ลงมือหั่นสักที

   “อ่อ ได้สิ เดี๋ยวไปดูให้”พยักหน้ารับก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินออกไปจากครัว อดแปลกใจไม่ได้ที่เมนูแต่ละอย่างเป็นของที่
ผมชอบทั้งนั้น

   ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวประกอบกับหิมะแรกได้ตกลงมาแล้วจึงทำให้เป็นช่วงฮันนีมูนของคู่รักหลายคู่ที่เดินทางมาท่องเที่ยว
ผมกวาดตามองลูกค้าในร้านที่ค่อนข้างจะเยอะเป็นพิเศษ อาจจะด้วยการตบแต่งของร้านเป็นโทนอบอุ่นทำให้ลูกค้าค่อนข้างเยอะ
เพราะอากาศข้างนอกค่อนข้างหนาวจัด

   “คุณต้องการอะไรเป็นพิเศษไหมครับ พอดีว่าบางเมนูทางร้านเรามีวัตถุดิบไม่เพียงพอ”ผมถามออกไปเป็นภาษาไทย

   มีโต๊ะเดียวภายในร้านที่มีผู้ชายนั่งเพียงคนเดียวนอกนั้นจะมาเป็นครอบครัวหรือไม่ก็มาเป็นคู่ ผมจ้องมองสมุดเมนูที่ถูกยก
ขึ้นอ่านทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของลูกค้า จนผมถามจบสมุดเมนูก็ถูกปิดลงและวางลงบนโต๊ะ และนั่นก็ทำให้ผมเห็นใบหน้าของ
ลูกค้าได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มที่มีค่อยๆเลือนหาย สมุดจดเมนูกับปากกาในมือร่วงหล่นลงไปบนพื้น ก่อนที่ผมจะถอยหลังออกห่าง
ออกมาด้วยความตกใจ และวิ่งออกไปจากร้านโดยไม่ฟังเสียงเรียกของแอนดี้และกับเขาคนนั้น…กี่ครั้งกันนะที่ผมทิ้งพี่คินแล้ววิ่ง

หนีความต้องการของตัวเอง

   “รัมภ์!!!”

   ความหนาวเย็นของพื้นที่ฉาบด้วยหิมะในเวลานี้มันไม่ได้เรียกความสนใจจากผมเลยในเมื่อผมยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด ทั้งที่มี
ถุงเท้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่ขวางกั้นระหว่างเท้าของผมพื้นน้ำแข็ง เกร็ดน้ำแข็งสีขาวยังคงร่วงหล่นลงมาจากฟ้าไม่มีทีท่าว่า
จะหยุดในขณะที่ผมเอาแต่วิ่งและวิ่งเพื่อที่จะหนีเจ้าของเสียงเรียกที่ดังไล่หลังมาติดๆ

   “รัมภ์ รอพี่ก่อน!!”

   “ไม่ อย่าตามผมมา”ผมได้แต่พึมพำเสียงเบาทั้งที่ยังคงหอบ เท้าเกือบเปลือยทั้งสองข้างยังคงย่ำลงไปบนพื้นหิมะหนาว
เหน็บ

   “รัมภ์ รอพี่ก่อน”

   “อย่าตามผมมานะ”บอกออกไปราวกับคนเสียสติเพราะเสียงที่ไล่ตามดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังวิ่งไปทางไหน
และมันจะไปสุดลงที่ไหน แต่ขาทั้งสองข้างมันก็ยังคงพาผมไปต่อไม่ยอมหยุด

   “รัมภ์ ขอร้อง อย่าหนีพี่อีกเลย”

   “กลับไป…อย่ามาตามผม”

   “รัมภ์ พี่บอกให้หยุด”

   “หยุด…นะ”

   “รัมภ์!! หยุดวิ่ง”

   “ไม่…กลับไป”

   “หยุดเถอะนะรัมภ์ รองเท้า…รัมภ์ไม่ได้ใส่รองเท้าออกมา รัมภ์จะเจ็บเท้านะรู้ไหม”สิ่งที่พี่คินพูดทำให้ผมชะงัก เพราะความ
รีบและตกใจทำให้ผมวิ่งออกมาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่รองเท้า ผมหยุดและหอบจนตัวโยน หันไปมองพี่คินที่หยุดยืนห่างออกไปเพียง
ไม่กี่ก้าว พี่คินเองก็หอบไม่แพ้กัน ใบหน้าคมคายแดงเรื่อ ก่อนที่ตาคู่คมกริบจะจ้องมาที่ผม ขายาวก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวเข้ามา
ใกล้ขึ้นอีก
   “อย่า…เข้ามาใกล้ผมนะ”ผมร้องห้ามก่อนจะถอยหนี

   “รัมภ์…อย่าหนีพี่อีกเลยนะ พี่ขอร้อง”น้ำเสียงนั้นแหบพร่าและเว้าวอนไม่ต่างอะไรกับในตอนนั้นที่พี่คินเดินเข้ามาขอให้เรา
กับไปคบกัน

   “พี่ไม่ควรอยู่ที่นี่ ไม่ไม่ควรจะมาที่นี่เลย”ผมส่ายหน้าไปมาราวกับคนที่แทบจะไม่หลงเหลือสติ

   “พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าหากไม่มีรัมภ์ไปด้วย”

   “ระหว่างเรามันจบไปแล้ว อย่าทำให้ชีวิตของตัวเองต้องพังเพียงเพราะผมเลย”ผมถอยหลังอีกก้าวเมื่อพี่คินทำท่าว่าจะเดิน
เข้ามาใกล้…ทำไมกันนะ ทั้งที่ร่างกายกำลังถอยหนีแต่หัวใจนั้นกลับอยากที่จะอยู่กับที่

   “ชีวิตที่ไม่มีรัมภ์มันไม่ต่างอะไรกับการอยู่อย่างไม่มีชีวิตหรอกนะ พี่ขอโทษ…”

   “หยุด…อย่าพูด”

   “พี่ขอโทษกับสิ่งที่พี่ทำลงไป พี่เป็นคนผิดเองที่พยายามใช้ความรักกักขังรัมภ์เอาไว้ พี่ผิดที่ไม่เชื่อที่รัมภ์พูดในวันนั้น ผิด
ทั้งหมดและทุกอย่างที่ทำลงไป แต่อย่างเดียวที่พี่เชื่อว่าพี่ไม่ผิดก็คือการที่พี่ได้รักรัมภ์ รัมภ์คือทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ต้องการและ
อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าหนีพี่อีกเลยนะ พี่คงต้องตายแน่ๆหากไม่มีรัมภ์อยู่ด้วย”

   พี่คินต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่คินถึงทำราวกับว่าสิ่งที่ผมทำเอาไว้มันไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เป็นผมที่ทิ้งพี่
คินถึงสองครั้ง…วิ่งหนีทุกครั้งที่มีโอกาส แล้วนี่มันอะไรกัน หัวใจของผมมันเต้นรัวจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

   “มะ…มันไม่ถึงตายหรอกน่า”ผมตอบด้วยน้ำเสียงพร่า ภาพตรงหน้ามันช่างพร่าเบลอราวกับถูกปิดทับด้วยกระจกฟ้า

   “ตายสิ ตรงนี้ของพี่มันเกือบจะตายไปแล้วรู้ไหม”

   เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีร่างสูงตรงหน้าก็ก้าวเข้ามาใกล้ จับมือของผมทาบลงไปบนอกข้างซ้ายของตัวเอง ได้ยินเสียงของ
หัวใจดวงใหญ่เต้นระรัวผ่านฝ่ามือได้อย่างชัดเจน หมดสิ้นแล้วกับเรี่ยวแรงที่จะถอยหนีอีกต่อไป ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่งอยู่
กับที่ สัมผัสไออุ่นที่ส่งผ่านมาทางร่างกาย

   “ผมบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้…ไม่ได้ยินที่พูดรึไง”ออกแรงผลักอกของพี่คินเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด

   “พี่รักรัมภ์นะครับ”เสียงทุ้มกระซิบบอกแผ่วเบาก่อนจมูกโด่งจะกดลงมาบนหน้าผากเย็นเฉียบของผม

   “ผม…ไม่ได้ถาม”ตอบออกไปเสียงเบา ใบหน้าร้อนวูบทั้งที่อากาศรอบข้างหนาวจัด หลุบตาเมื่อปลายนิ้วเกลี่ยเอาเกร็ดน้ำ
แข็งที่ร่วงลงมาติดที่แก้มออก

   “แล้วรัมภ์ล่ะ ยังรักผู้ชายที่เคยเล่นบทร้ายคนนี้ไหม”

   “ผมจะไม่ตอบในสิ่งที่เคยบอกไปแล้วหรอกนะ”

   “พี่รักรัมภ์”

   “อย่าพูดย้ำจะได้ไหม”แค่นี้หัวใจของผมมันก็แทบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว

   “พี่รักรัมภ์”พี่คินยังคงพูดซ้ำและยิ้มออกมา…รอยยิ้มที่เหมือนกับตอนนั้น

   “ผมบอกว่าอย่าพูดไง”ผมใช้มือปิดปากพี่คินเอาไว้ ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวจนแทบจะทนไม่ไหว

   “พี่จะบอกรักจนกว่ารัมภ์จะยอมรับรักของพี่ พี่รักรัมภ์ พี่รักรัมภ์ พี่รักรัมภ์”

   “พะ พอแล้ว ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่พูดซ้ำในสิ่งที่พูดไปแล้ว แล้วผมก็ไม่มีวันรับรักของพี่อีกครั้ง”บอกเมื่อเสียงของพี่คิน
เริ่มดังขึ้นและคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มหันมามอง หัวใจของผมมันเต้นแรงจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

   “รัมภ์หมายความว่ายังไง”พี่คินถาม รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมคายค่อยๆเลือนหายไป

   “จะให้ผมรับรักพี่อีกได้ยังไง….ในเมื่อผมรับรักพี่มาตั้งนานแล้ว”

   ก้มหน้าตอบออกไปในที่สุด…จะเป็นอะไรไหมถ้าผมจะเห็นแก่ตัว ตอบรับในสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตลอด ในเวลานี้ไม่รู้เลย
ว่าระหว่างหัวใจของผมกับของพี่คินของใครจะเต้นแรงกว่ากัน ลมหายใจที่กลายเป็นไอร้อนเป่ารดลงมาบนใบหน้า ความอบอุ่นที่
คุ้นเคยกำลังกอบกุมมือของผมเอาไว้ ระยะเวลากว่าหนึ่งปีมันช่างยาวนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ มันมากพอที่จะทำให้ผมได้หยุด
คิดแล้วค้นพบว่าแท้จริงแล้วใจของผมต้องการที่จะวิ่งหนีหรือว่าหยุด…เพื่อหยุดที่จะยืนเคียงข้างคนที่ผมรัก ตอบรับจูบร้อนที่
ประทับลงมา ตอบรับอ้อมกอดอุ่นที่โอบอุ้มร่างกายท่ามกลางความหนาวเหน็บเยียวยารักษาแผลเป็นที่ตีตราเอาไว้จนหายดี…ผม
คงจะเห็นแก่ตัวจริงๆ

   “ผมรักพี่”



   The End



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปแล้ววววว จบจริงๆแล้วนะ ฮือออออออ (เจ๊ลืมบอกว่าจะมาต่อ)  ที่เหลือก็รอตอนพิเศษไข่ไส้กรอก
สักวันจะมีคนมาตามชั้นแบบเน้ มาวิ่งตามแล้วบอกรักท่ามกลางหิมะตก จุ๊บเหม่งด้วย ฮรื่ออออ

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 22-10-2016 11:44:37
ตลกตออนพี่คินผิดคิว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด (ต่อ) ❤
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 22-10-2016 11:44:58
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 22-10-2016 16:18:55
จบ(จริงๆ)แล้ว~
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2016 16:38:00
......เรื่องจบและ
แต่พี่คิน รัมภ์ สมรัก ซักที  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอตอนพิเศษ หลายๆ เด้อ NC  หวานๆ  :-[ :o8: :-[
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-10-2016 19:19:36
กรี๊ดดด จบแล้วว
ตอนพิเศษขอบแบบหวานๆลืมโลกเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-10-2016 20:31:56

ห๊ะ.........

จบแล้ว

ยังอ่านเพลินๆอยู่เลย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ บทที่ 32.2 ท้ายที่สุด [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 22-10-2016 20:43:16
เย่ๆจบแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 21-10-59 ❤ The End [จบ] ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Gear77 ที่ 24-10-2016 03:04:46
พอจะง่ายก็ง่ายเนอะ ก่อนหน้าเรื่องง่ายๆ กลับทำเป็นเรื่องยาก  :angry2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Oเด็กหญิงเย็นชาO ที่ 25-10-2016 16:28:48
บทสุดท้าย


“หนาวไหมครับ”ผมถามพลางดึงมือใหญ่ทั้งสองข้างมากุมเอาไว้ พี่คินกำลังสั่นเพราะอากาศหนาวแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยิ้มอย่าง
ดีใจกับสิ่งที่ได้ยิน จมูกโด่งขึ้นสีแดงเรื่อหายใจเอาลมหายใจเป็นไอร้อนออกมา มือทั้งของข้างถูเข้าหากันไปมาเพื่อบรรเทาความ
หนาว

   “ไม่เลยไม่หนาว แล้วรัมภ์ล่ะหนาวไหม กลับกันเถอะ”ยังคงไม่ยอมรับทั้งที่แสดงท่าทางหนาวจัดแบบนั้นออกมา พูดจบก็
หันหลังและย่อตัวลงไปทำให้ผมชะงัก “ขึ้นมาสิ”

   “อะ…ไรครับ”

   “พื้นมันเย็น รัมภ์จะเจ็บเท้าเอา”

   “พี่ก็เจ็บเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

   “พี่ไม่เป็นไร รัมภ์ขึ้นมาสิ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”

   “อืม”พยักหน้าตอบรับก่อนจะขึ้นไปขี่อยู่บนแผ่นหลังกว้าง จ้องมองพื้นน้ำแข็งขาวโพลนเบื้องหน้าราวกับเป็นงานชิ้นเอกถูก
สรรสร้างด้วยความบรรจงด้วยมือของจิตรกร

   “รัมภ์”

   “ครับ”

   “พี่จะบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับฟางจริงๆนะ เรื่องนั้นรัมภ์เข้าใจผิด”

   “ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ”ผมเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทหากพี่คินไม่พูดขึ้นมา

   “พี่ไม่อยากให้รัมภ์เข้าใจผิด ตอนนั้นพี่มัวแต่โมโหตัวเองที่ปล่อยให้รัมภ์เข้าโรงพยาบาลก็เลยไม่สนใจฟังที่รัมภ์พูด…พี่

ขอโทษ”

   “แล้วตอนนั้นซองถุงยางมันมาอยู่ในกระเป๋าพี่ได้ยังไง”

   “ซองถุงยางนั่นไม่ใช่ของพี่ พี่ไม่เคยใช้ของแบบนั้นด้วยซ้ำ ฟางเป็นคนเอามาใส่ตอนที่พี่กับรัมภ์เผลอ หลังจากที่รู้เรื่องนั้น
พี่ก็ไล่ฟางออกจากสานรักแล้วรีบไปโรงพยาบาลเพื่อจะอธิบายทุกอย่างให้รัมภ์เข้าใจ…แต่พอไปถึงรัมภ์ก็ไม่อยู่แล้ว เชื่อพี่เถอะ
นะคนเดียวที่พี่จะมีอะไรด้วยก็มีแค่รัมภ์จริงๆ”พี่คินบอกพลางเดินไปต่อไปข้างหน้าทั้งที่ยังแบกผมเอาไว้

   “ช่างเถอะครับ ผมลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้ว”ราวกับภูเขาถูกยกออกไปจากอกทำให้หัวใจที่รู้สึกหนักอึ้งมันล่องลอยไปมา
อย่างมีความสุข ผมยิ้มรับให้กับความรู้สึกของตัวเองก่อนจะซุกหน้าเข้ากับผ้าพันคอผืนหนาของพี่คิน “ผมเองก็ต้องขอโทษ
เหมือนกันที่ไม่เชื่อใจพี่ เอาแต่กลัวคำตอบที่ยังไม่ทันได้รู้”

    “พี่ไม่เคยโกรธรัมภ์ พี่แค่โกรธตัวเองมากกว่าที่ตอนนั้นน่าจะฟังรัมภ์”

   “เราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะนะครับ”ผมว่าพลางเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากจะหยิบยกอดีตที่ไร้ค่าขึ้นมาพูดถึงมันอีกแล้ว “แล้วอยู่ๆ
ทำไมถึงได้ไปคัดค้านงานแต่งของพี่ตินล่ะครับ”ถามพลางก้มมองพื้นที่ปรกคลุมด้วยเกร็ดน้ำแข็งสีขาว มองดูมันยวบไปเมื่อเท้า
เกือบเปลือยของพี่คินเหยียบย่ำมันลงไป คางเกยอยู่บนลาดไหล่หนา ท่อนแขนทั้งสองข้างกอดคอของอีกฝ่ายแน่น

   “พี่นึกว่ารัมภ์จะแต่งงาน”พี่คินตอบเสียงเบา

   แอบเห็บใบหูสีน้ำผึ้งแดงระเรื่อเพราะความเขินอาย เป็นใครก็คงต้องอายเมื่อจู่ๆก็โผล่เข้าไปคัดค้านงานแต่งงานของคนอื่น
ทั้งที่ไม่รู้ว่าคู่บ่าวสาวเป็นใคร ผมหัวเราะเล็กน้อยในขณะที่พี่คินยังคงแบกผมเดินย่ำไปบนหิมะ

   “ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมจะแต่งงานล่ะ?”

   “ก็การ์ดนี่ไง รัมภ์เป็นคนส่งมาให้พี่เอง”พี่คินว่าพลางล้วงหยิบการ์ดลายกุหลาบในเสื้อโค้ทส่งมาให้ ทันทีที่ได้เห็นการ์ดผม
ก็อดที่จะหัวเราะออกมาเสียงดังไม่ได้ นานเท่าไรแล้วที่ผมไม่ได้หัวเราะเสียงดังขนาดนี้ รู้แค่ว่าสิ่งที่เห็นมันช่างตลกสิ้นดี

   “พี่โดนหลอกแล้วล่ะ”

   พี่ชายของผมแสบกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ การ์ดที่ด้านหน้าถูกเปลี่ยนเป็นรูปคู่ของผมกับมาเรีย ชื่อของพี่ตินถูกเปลี่ยนเป็นชื่อ

ของผม ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพี่คินถึงวิ่งมาอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อมาคัดค้านงานแต่ง

   “พี่ไม่ตลกด้วยนะรัมภ์ รู้ไหมพี่เกือบจะลักพาตัวรัมภ์ไปอีกรอบถ้าหากว่ารัมภ์แต่งงานจริงๆ”

   “แล้วถ้าผมจะลักพาตัวพี่อย่างที่ผมทำเคยกับพี่บ้างล่ะ”

   “ไม่จำเป็นต้องลักพาตัวพี่หรอก พี่เต็มใจไปกับรัมภ์ทุกที่ตราบใดที่รัมภ์อยู่กับพี่ที่นั่นด้วย”

   “แล้ว…แม่พี่ล่ะครับ”อดที่จะถามออกไปเสียงเบาไม่ได้

   “ทั้งตั๋วเครื่องบินวีซ่าและพาสปอร์ตแม่พี่เป็นคนจัดการให้ทั้งหมดเพื่อที่จะให้พี่มาทันคัดค้านงานแต่งแต่กลับเป็นงานแต่ง
ของคนอื่นไปซะได้”

   “งั้นเหรอครับ”

   หวนนึกไปถึงวันที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสามเดือน แม่ของพี่คินมาตามหาผมที่โรงแรมของพ่อ โชคดีที่พ่อได้กำชับกับทุกคน
ที่นั่นเอาไว้แล้วว่าหากมีใครมาถามหาผมให้ทุกคนปฏิเสธว่าไม่รู้จักผมเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นแม่ของพี่คินก็ยังไม่ยอมกลับไป ยัง
คงพักอยู่ที่โรงแรมอีกหลายวันและคอยถามหาผมกับคนแถวนั้น สุดท้ายก็ยอมตัดใจเมื่อนานวันขึ้นและทิ้งโน้ตฝากเอาไว้กับ
พนักงานต้อนรับของโรงแรม หลังจากนั้นมาแม่พี่คินก็ยังคอยส่งคนมาตามหาผมตลอดแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีวี่แววของผมเพราะ
ตินเป็นคนช่วยซ่อนผมเอาไว้ เป็นพี่ตินที่เอาโน้ตที่แม่พี่คินทิ้งเอาไว้มาให้กับผม เนื้อหาข้างในนั้นคือคำขอโทษและแสดงถึง
ความรู้สึกผิด ทิ้งท้ายด้วยข้อความที่บอกว่ายอมรับความรักระหว่างผมกับพี่คินที่กำลังรอคอยให้ผมกลับไป ในเวลานั้นผมเกือบที่
จะลบล้างความตั้งใจของตัวเอง หากแต่ทิฐิที่มีและเวลาที่ผมต้องการเพื่อที่จะคิดทบทวนกับเรื่องต่างๆมันรั้งให้ผมต้องโยนกระ
ดาษโน้ตแผ่นนั้นทิ้งลงถังขยะ แต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงแค่อดีตในเมื่อเวลาที่ผ่านมาทำให้ตอนนี้ผมได้คำตอบที่ตัวเอง
ต้องการแล้ว…นั่นคือยอมรับหัวใจตัวเอง

   “พี่ขอโทษแทนแม่พี่ด้วย ขอโทษที่ปล่อยให้แม่พี่พูดไม่ดีกับรัมภ์”

   “เรื่องพวกนั้นผมลืมไปหมดแล้วล่ะ”

   “แม่พี่ฝากของขวัญมาขอโทษรัมภ์ด้วย แต่พี่ลืมเอาไว้ในกระเป๋าที่โรงแรม”

   “อืม ไม่เป็นไรครับ”ผมพยักหน้ารับ อันที่จริงแล้วสำหรับแม่พี่คินผมไม่เคยโกรธเขาเลยสักนิดและเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำก็
เพื่อลูกชายของตัวเอง

   “น้องณินเองก็บ่นคิดถึงรัมภ์ทุกวัน”

   “ผมก็คิดถึงเหมือนกัน”ยิ้มเล็กน้อยเพราะผมเองก็คิดถึงน้องณินไม่แพ้กัน คิดถึงเสียงช่างจ้อและยิ้มอวดเหงือกสีสด

   “แล้วพี่ล่ะ…รัมภ์คิดถึงพี่บ้างไหม”

   “ไม่รู้ครับ”จะให้บอกได้ยังไงกันว่าผมคิดถึงเขาตลอดเวลา ได้แค่ปฏิเสธที่จะตอบแล้วซุกหน้าลงกับผ้าพันคอผืนหนา

   “พี่รักรัมภ์นะ”

   “หยุดพูดได้แล้วครับ”

   “แต่พี่อยากบอกรัมภ์”

   “เลี้ยวซ้ายข้างหน้าก็ถึงแล้วครับ”ผมทำเป็นไม่สนใจก่อนจะบอกทางเมื่อพี่คินเดินแบกผมมาได้สักพัก

   “รัมภ์แน่ใจนะว่าทางนี้ พี่จำได้นะว่าเราไม่ได้ผ่านทางนี้”

   “ทางนี้แหละครับ ถูกแล้ว”

   “ไม่ใช่ว่ากำลังแกล้งให้พี่แบกรัมภ์ทั้งที่ไม่ได้ใส่รองเท้าอย่างนี้ใช่ไหม มันเย็นนะรู้ไหม แล้วก็หนาวมากด้วย”จะไม่ให้หนาว
ได้ยังไงในเมื่อหิมะมันตกหนักอย่างนี้

   “ผมไม่ได้แกล้งสักหน่อย แค่ทางไปบ้านผมมันใกล้กว่าไปที่ร้าน…แค่นั้นเอง”ประโยคสุดท้ายพูดออกไปเสียงเบา

   “พี่นึกว่ารัมภ์อยู่กับพ่อแม่?”

   “ผมอยู่คนเดียว”ตอบเสียงเบาพลางซุกหน้าลงกับผ้าพันคอของพี่คินเพื่อหาไออุ่น หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือนผม
ก็ขอพ่อออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในแมนชั่นเล็กๆ อาจจะเป็นเพราะว่าไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่และครอบครัวใหญ่เพราะมันพาล
ให้นึกถึงบ้านที่อยู่ด้วยกันกับพี่คินและน้องณินก็เป็นได้ แต่เหตุผลหลักเลยที่ผมหยิบยกมาอ้างก็คงไม่พ้นว่าเพราะมันใกล้กับ

มหา’ลัยเพียงไม่กี่นาที

   “รัมภ์”เสียงทุ้มเรียกให้ขานรับ

   “ครับ”

   “พี่คิดถึงรัมภ์มากเลยนะ”

   “อืม”ไม่รู้ว่าพี่คินอยากให้ผมบ้าตายไปเลยรึไงถึงได้พูดย้ำซ้ำซากอยู่อย่างนี้ ตลอดเวลาความคิดถึงที่มีต่อเขามันยิ่งทำให้
ตอนนี้ผมแทบจะสำลักความสุขออกมาให้รู้แล้วรู้รอด หัวใจมันรู้สึกเบาโหวงและล่องลอยไปมาอย่างมีความสุข ได้แต่ซุกหน้าลง
กับผ้าพันคออุ่นๆของพี่คิน

   “รัมภ์”

   “อะไรอีกล่ะครับ”

   “พี่แค่อยากได้ยินเสียงรัมภ์”

-------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายแล้วค่าาาาาาาาา ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนจบนะคะ ยังไงก็ฝากอีกหนึ่งเรื่องที่อยู่ในซีรี่ส์ "บทร้าย"
ฺ"Bad Guy!! บทร้าย นายหมอเถื่อน" ซึ่งเป็นคู่ของภูผา กับคุณหมอน่านนทีของเรานั่นเอง ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ

แล้วก็ ใครที่สนใจผลงานรวมเล่มของ "Numb Guy!! บทร้าย ผู้ชายเย็นชา" เหลือเวลาเปิดพรีฯอีกแค่ 6 วันแล้วนะคะ
ใครสนใจ ติดต่อได้ที่แฟนเพจ เด็กหญิงเย็นชา (https://www.facebook.com/SinsinsinCallMeSin/) ได้เลยค่ะ
 



หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 26-10-2016 04:30:41
กราฟชีวิตของรัมภ์นี่ขึ้นๆลงๆตลอด
อ่านไป หน่วงๆบ้าง ยิ้มๆบ้าง
ความรักแบบขี้หวงเกินไปของพี่คิน บางทีก็น่ากลัวนะคะ นี่ถ้าไม่ใช่รัมภ์คงไม่มีใครทนได้อ่ะ 5555 รักมากมายขนาดนั้น

ปล.คิดถึงน้องณินจังเลย น้องน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-10-2016 05:04:03
ความรักของพี่คิน ที่มีต่อรัมภ์
ช่างมากมาย เต็มเปี่ยม:กอด1: :กอด1: :กอด1:
ดีจังเลยที่รัมภ์ ยังได้รับความรักนั้น
ต่างคนต่างก็รักกัน แล้วลงเอยกันด้วยดี
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 26-10-2016 16:00:37
อ้ายยย ขอรอคู่ ณิณมิน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-10-2016 21:51:18
โอ้ยยย อย่างติดเรื่องนี้ อ่านแล้ววางไม่ลง  o18
ในที่สุดก็สมหวังกันสักที  :hao7:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 28-10-2016 11:13:06
รอตอนพิเศษหวานๆ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-10-2016 16:46:08
ถึงพี่ตินจะแสบไปบ้าง แต่พี่ตินก็รักน้องน่าดูเลยเนอะ

หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 29-10-2016 12:49:07
ตามรักข้ามน้ำข้ามทะเลกันเลย ลุ้นแทบตาย รักกันแต่ไม่เข้าใจกัน ปวดใจ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 29-10-2016 20:31:27
 :z13:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: jj-pits ที่ 30-10-2016 20:27:14
ตามมาอ่านตั้งแต่แรกจนจบ
ช่วงท้ายบีบหัวใจมาก (ช่วงที่คิดว่าพระเอกนอกใจ)
อินจัด จนรู้สึกหัวใจเต้นเร็ว อ่านแล้วเหนื่อยเลย


ปล. พิมพ์ผิดหลายจุดนะครับ อ่านแล้วเสียอรรถรสหน่อย โดยเฉพาะการพิมพ์สลับ คิน ติน เนี่ย
แต่ไม่เป็นไร เราเข้าใจ ไม่ถือสา

ขอตัวไปร้องไห้ต่อก่อน มันบีบหัวใจ........
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 01-11-2016 01:33:06
 :a5: จบแล้ว. สนุกค่ะ  o13
จะตามอ่านหมอนทีกะภูผาต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 01-11-2016 16:37:11
จบแล้วหรอ มันขาดๆไปนิด
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: Dangdang ที่ 13-11-2016 09:56:21
 o13 o13 o13
  อ่านจบแล้วสนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 03-12-2016 07:31:37
พี่ตินรักน้องน่าดูเลยเลยนะคะ *0*
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 05-12-2016 18:22:22
สนุกมากๆเลยคับผม
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤ เปิดพรีฯ
เริ่มหัวข้อโดย: poshbear ที่ 09-12-2016 19:42:33
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหน่วงสุดๆเลยอะ จบก็ไม่สุด แต่อ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ เลย สรุปว่าเป็นนิยายที่ดีมากๆเรื่องนึงเลย เขียนนิยายต่อไปนะครับ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Rosnest ที่ 11-12-2016 10:46:05
สนุกมากกก(ก.ไก่ ห้าสีหมื่นตัว) หลังจากที่ไม่ได้   นิยายyมานมนาน ดีใจจริงๆที่กลับมาก็เจอนิยายดีๆแบบนี้เลย แต่มาไม่ทันพรีเนี่ยสิ  :sad4: 

ตอนแรกที่เค้ามาอ่านเพราะใจมันเรียกร้อง SM  :hao3:
สมใจอีลูกแล้วแม่เอ้ย  :hao6:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีค่า เดี๋ยวไปกดไลค์เพจให้เน้อ :bye2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Maeo ที่ 15-12-2016 01:49:19
สนุกมากๆ เลยค่ะ
ชอบมากกกกกก
 :o8:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 21-12-2016 23:06:31
 :o8:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: konjingjai ที่ 22-12-2016 18:43:57
อยากบอกว่าสนุกมาก
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: zenesty ที่ 24-12-2016 08:42:03
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Siran ที่ 24-12-2016 21:00:10
 :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 28-01-2017 22:31:32
อิตาลีมาอีกเรื่องแล้ว ฮ่า ๆๆๆ เอาจริง ๆ ถ้ามองข้ามพล็อตเรื่องลูกมหาเศรษฐีหรือมาเฟียเมืองมักกะโรนีที่ซ้ำซากไปหน่อยก็สนุกดีเหมือนกันนะเรื่องนี้ แต่แอบขัดใจตรงชื่่อนายเองนี่แหละ  ผู้ชายที่ไหนจะตั้งชื่อมีความหมายว่านางฟ้า นี่แม่นางอยากให้ลูกเป็นตั้งแต่อ้อนแต่ออกเลยเหรอเนี่ย

 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 17-02-2017 00:54:47
...สะใจพิลึกกึกกือ ...

ชอบอ่านนิยายแนวนี้คั่นอารมณ์เครียด

มันเหมือนเราได้ลงโทษคนที่เราเกลียดโดยไม่ต้องทำอะไร

แต่แนะนำนะครับ มันยังขาดอะไรไป...คำอธิบายในบางเรื่องยังไม่เคลียร์

แต่ก็ไม่ได้แย่หรอกครับ สู้ๆครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 04-10-2017 22:41:39
ก๊ดีนะที่จบดี
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: TAETAEBAE ที่ 07-10-2017 00:54:03
พี่คินนี่รักใครรักจริงโคตรๆ ไม่มีเปลื่ยนแปลง  :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 07-10-2017 21:14:40
สนุกมากค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 19-10-2017 00:45:55
ทำไมทั้งเรื่องเราสงสารคินอยู่คนเดียว ฮาาา


ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-10-2017 19:52:29
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: armsa2531 ที่ 09-02-2018 16:23:24
 :ling1:งื้ออออทรมารกาย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 21-03-2018 16:13:49
น้องรัมภ์นี่คิดเยอะนะ หรือเพราะหลอกพี่คินมาก่อนเลยกลัวโดนตลบหลังทั้งที่เป็นเรื่องพ่อตัวเอง
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 27-06-2019 13:13:06
เป็นพระเอกที่เลวๆๆ อยากก็เอา  ไม่ใช่รักหรอกแบบนี้ ไม่มีคำว่าทนุถนอมเลย เลวติดหนึ่งในสิบของพระเอกเลวเลย ไม่เห็นว่าการไปทำดีกับแม่ ให้เงินเป็นเรื่องแสดงความรักอ่ะ สรุปเกลียด ขอบคุณคนแต่งที่เขียนจนเราเกลียดได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 27-07-2019 10:09:17
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: Numb Guy !! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา [SM] 12-03-59 บทที่ 1 เริ่มต้นบทเรียน
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 04-03-2022 03:55:58
‘รัมภ์’ หรือ ‘รัมภา’ นี่คือชื่อของผม
ชื่อแต๋วแตกเชียว สมศักดิ์ สมชาย ประเสริฐ สมพร ถึงจะเชยแต่ไม่แต๋วแตกแบบรัมภาเลย
หัวข้อ: Re: ❤ Numb Guy!! บทร้าย....ผู้ชายเย็นชา ❤ 25-10-59 ❤ บทสุดท้าย ❤
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 04-03-2022 15:45:11
 :pig4: